เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กเกษตรของนายวิศวะ ( Special 2 ( End ) : 13/01/63 )  (อ่าน 53495 ครั้ง)

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



เด็กเกษตรของนายวิศวะ
...................................
                Intro

      คนเราจะมีวิธีดึงดูดความสนใจจากคนที่เราสนใจได้อย่างไร จะมีสักกี่วิธีที่สามารถทำให้เขาสนใจเราได้จริงๆแต่ถ้าทำแล้วโอกาสจะสำเร็จมันมีน้อยล่ะ ยังอยากจะลองพยายามอยู่ไหม?
      สำหรับผมแล้วคงใช้วิธีที่จะทำให้ตัวเองไปปรากฏอยู่ในสายตาของเขาได้มากที่สุดล่ะมั้ง อย่างน้อยมันอาจจะได้ผล ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นก็ตาม...


“ ยิ้มบ้างก็ได้มั้งบางที ”
“ สนิทกันหรอ ”

“ เริ่มสนิทกันบ้างแล้วเนาะ ”
“ อืม ”

“ คืนนี้ขอนอนด้วยได้ปะ ”
“ ห้องมึงก็มีมั้ง ”


สารบัญ

Chapter 1 Chapter 2 Chapter 3 Chapter 4 Chapter 5 Chapter 6 Chapter 7 Chapter 8 Chapter 9 Chapter 10 Chapter 11 Chapter 12 Chapter 13 Chapter 14 Chapter 15 Chapter 16 Chapter 17 Chapter 18 Chapter 19 Chapter 20 Chapter 21 Chapter 22 Chapter 23 ( จบ )
Special (1) Special (2)

***ฝากเด็กเกษตรของนายวิศวะไว้ด้วยนะคะ
***ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามน้าา^^
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2020 01:23:16 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #1 เมื่อ21-11-2019 08:59:36 »

Chapter1
เด็กเกษตร


Lm’ Part

สวัสดีวันจันทร์

มีใครอยากทักทายวันจันทร์ด้วยความรู้สึกยินดีบ้างไหมครับ ผมคนหนึ่งแหละที่บอกเลยว่าไม่! ผมไม่ชอบวันจันทร์โดยเฉพาะวันจันทร์ที่มีเรียนเช้า มันเป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาชะเลย และยิ่งตอนนี้ผมกำลังจะเข้าเรียนไม่ทันเพราะตื่นสาย

อืม…เป็นเช้าที่ตื่นเต้นดี

ตื่นเต้นก็เหี้ยแล้ว!!!

“รอด้วยครับ!” ผมตะโกนบอกคนในลิฟท์ขณะที่ตัวผมอยู่หน้าตึก ก่อนจะรีบวิ่งกะจะพุ้งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ต้องเกือบล้มหัวทิ่มเมื่อมีคนจากอีกฝั่งวิ่งมาพอดี

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายเอ่ย

ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายหวังจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะชะงักเมื่อคนข้างๆ ก็ก้าวเข้าไปพร้อมผมเช่นกัน

บางทีพระเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าผมรีบ!

“เข้าไปก่อนเลยครับ” . ผมถอยออกมาเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อน ถ้ามันแต่ยึกยักอย่างนี้คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี แต่ดูเหมือนว่าพอถึงทีผมพื้นที่มันค่อยข้างจะน้อยนิดแต่ใครจะสนกันล่ะไม่อยากเดินขึ้นบันไดชะหน่อย

พอผมเข้าไปเท่านั้นแหละครับ ก้าวขาออกแทบไม่ทันเมื่อสัญญาณบอกว่าลิฟท์รับน้ำหนักเกินก็ดังขึ้น

กูก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นนะโว้ยยย



“แฮ่กๆ ขออนุญาตครับ” เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้รอคำอนุญาตใดๆ ก่อนจะยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางนักศึกษาคนอื่นไปกับสายตาอาจารย์ที่มองมา

หันมามองกูหมดเลยทีนี้

“สายตั้งแต่คาบแรกเลยนะคะนักศึกษา” เสียงเข้มมาเลยครับแม่

“ขอโทษครับ”

ผลของการมาสายคือ โดนอาจารย์มองแรง เพื่อนในห้องมองมาแล้วขำ และสุดท้ายที่นั่งที่เหลือเลือก โอเค…ผมจะคิดชะว่าดีกว่าไม่มีที่นั่งก็แล้วกัน

“มีคนนั่งไหมครับ” ผมถามออกไปอย่างมีมารยาท แต่สิ่งที่คนตรงหน้าตอบกลับมานี่สิ

“ไม่มีใครมาสายกว่านี้แล้วมั้ง”

ใครเขาให้ปากหมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันวะ

ผมมองคนตรงหน้าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อภาพไอ้คนที่ผมเสียสละให้เข้าลิฟท์ก่อนผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ก็สายพอๆ กันนั่นแหละ แค่คุณไม่ได้เดินขึ้นบันได” มันหันมามองผมก่อนจะทำหน้างงๆ แล้วทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรออก

“อ่อออ มึงนั่นเอง” มันส่งยิ้มกว้างมาให้ผมทันทีที่นึกออก

ยังไม่หายแค้นที่ผมต้องเดินขึ้นบันไดเลยนะเว้ย

ผมจำใจนั่งลงเพราะไม่มีที่นั่ง เลิกสนใจคนที่ปากหมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วหยิบสมุดขึ้นมาเล็คเซอร์ แต่ดูเหมือนคนข้างๆ มันจะเริ่มทำลายสมาธิของผมชะแล้วสิ

“ขอบใจเรื่องลิฟท์ไม่อย่างนั้นคงได้เดินขึ้นบันได เหนื่อยแย่เลย” เออ เหนื่อยแย่เลยกูเนี่ย

แล้วเรื่องอะไรผมจะคุยกับมันล่ะครับ คนยิ่งวิ่งมาเหนื่อยๆ อยู่

“กูชื่ออิฐนะ มึงชื่ออะไร” แต่ดูเหมือนไอ้คนข้างๆ มันจะไม่ได้สนใจท่าทางที่ผมแสดงออกไปเลยสักนิด

“เงียบหน่อย”

“ก็บอกชื่อมาดิ เรียนด้วยกัน นั่งข้างกันก็ต้องรู้จักกันไว้ปะ”

แล้วไอ้ที่กูแสดงออกอยู่เนี่ยไม่เข้าใจเลยสินะว่าไม่อยากรู้จักมึงน่ะ

“….”

ทั้งที่คิดว่าถ้าไม่ตอบแล้วเมินมันจะยอมหยุดแต่ผมกลับคิดผิดเมื่อคนข้างๆ แย่งปากกาที่ผมกำลังจดตามอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่

ผมหันไปมองอย่างเคืองๆ เพื่อนก็ไม่ใช่แถมยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ

“มึงชื่ออะไร” มันถามย้ำ

“ขอปากกาคืนด้วย” นอกจากจะไม่คืนแล้วยังเอาของไปเขียนเล่นหน้าตาเฉยอีก

ทำไมหน้ามึนอย่างนี้วะ

“แค่บอกชื่อเองน่า” มันหันมายิ้มให้ผม ไม่สำนึกว่ากำลังทำให้คนอื่นรำคาญเลยแม่ง

“ไร้สาระ” แย่งไปได้ผมก็ต้องแย่งกลับคืนมาได้เหมือนกันล่ะวะ

“แค่อยากรู้จักเอง” ยิ้มอีกแล้ว

“นายวายุ ธนวัฒน์ หืม...ชื่อวายุรึป่าว” แย่งปากกาผมไม่พอยังหยิบสมุดผมไปอีก

มึงต้องการอะไรจากกูครับ!

“ชื่อลมทีนี้ก็เลิกกวนสักที”

“ก็แค่เนี้ยะ”

เจ้าตัวยิ้มอย่างพอใจเมื่อผมยอมแพ้ ก่อนจะเลิกสนใจผมแล้วหันไปสนใจมือถือของตัวเองแทน

ผมลอบมองใบหน้าอีกคนทั้งๆ ที่จะไม่สนใจแล้วแท้ๆ แต่แค่อยากรู้ว่าคนนิสัยแบบนี้มันหน้าตาเป็นไง เห็นได้ชัดว่าคนข้างๆ ผมเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ยอมรับก็ได้ว่าดีมากๆ น่าจะเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คนอยู่เหมือนกัน หน้าคม คิ้วเข้ม ผิวขาว แต่ไม่ถึงกับขาวมาก เครื่องหน้าสวยดูๆ แล้วลงตัวสุดๆ อีกอย่างผมเพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายในเสื้อช็อปที่คล้ายๆ กับผมแต่ต่างกันตรงที่สีเสื้อผมเป็นสีแดงส่วนของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำเงินซึ่งบอกได้เลยว่ามันเรียนวิศวะ ส่วนผมเรียนเกษตร

“แหนะ แอบมองหรอ” ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆ มันก็หันมา

เอาแล้วไงเมื่อกี้ยังลีลาไม่บอกชื่อเขา แต่ตอนนี้กลับไปมองหน้าเขาเฉย ไอ้ลมเอ้ยย

ผมไม่ตอบอะไรอีกอย่างไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนอีกฝ่ายถึงหัวเราะชอบใจแบบนั้น

“มองได้นะ ไม่คิดตังหรอก” มันยิ้มให้ผมอย่างเคย คนอะไรมันจะยิ้มเก่งขนาดนั้นวะ

เอาจริงๆ นะที่อาจารย์สอนก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอคนกวนประสาทอีก

“ยิ้มบ้างก็ได้มั้งบางที”

“สนิทกันหรอ” สงสัยจะคิดดังไปหน่อยแฮะ

มันมองผมอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเหล่ห์ ก่อนจะพูดประโยคที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา

“อยากสนิทก็ไม่บอก” กวนตีน! นี่คือคำนิยายที่ผมให้กับคนข้างๆ

ให้ตายเถอะคาบหน้าผมจะไม่มานั่งข้างมันอีกแน่ๆ สาบานเลย

“สองคนข้างหลังคุยอะไรกันคะ สำคัญกว่าที่อาจารย์สอนอยู่รึป่าว”

ผมได้แต่ผงกหัวเป็นเชิงขอโทษ ก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ที่ยังลอยหน้าลอยตาไม่สำนึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น

ที่ผมชมมันว่าหน้าตาดีมันก็ใช่ แต่คงดีแค่หน้าตามั้งครับ

“เดี๋ยวอาจารย์จะมีงานคู่นะคะนักศึกษา จับคู่กันแล้วมันรับหัวข้องานกับอาจารย์เลยค่ะ”

พออาจารย์ชี้แจงเสร็จผมก็เริ่มมองหาคนที่พอจะเป็นคู่ของผมทันที

“เอ่อ คุณ..” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคก็มีมือใครบางคนคว้าแขนผมไว้ชะก่อน พอหันไปก็ต้องเซ็งเพราะคนที่คว้าแขนผมไว้ก็เจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นแหละ

“คู่กับกู” ฟังดูเหมือนคำไม่ใช่ประโยคเชิญชวนแต่ผมว่ามันน่าจะเป็นประโยคบังคับมากกว่า

“ไม่ล่ะ ผมจะไปหาคู่กับคนอื่น”

“คนอื่นเขามีคู่กันหมดแล้วเนี่ย เอาน่ากูช่วยทำงานนะไม่กินแรงมึงแน่ๆ ”

หันไปมองคนอื่นก็เหมือนจะจับคู่กันหมดแล้วจริงๆ อย่าหาว่าผมเรื่องมากหรือเล่นตัวเลยนะ แต่ผมไม่อยากคู่กับอีกฝ่ายจริงๆ ว่ะ รู้สึกไม่ถูกชะตา

“อาจารย์ครับ ทำคนเดียวได้ไหมครับ”

“ทำคนเดียวก็ไม่ใช่งานคู่สิคะ” โอเค จบเลยครับ

“ไม่เห็นต้องทำเป็นไม่ชอบกันขนาดนั้นเลยนี่หว่า”

“เขียนชื่อไปส่งอาจารย์ด้วย”

เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่ถ้าได้ตามที่อยากได้ก็ดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

“งั้นวันนี้พอแค่นี้ค่ะ อย่าลืมทำงานส่งกันด้วยนะคะ”

จบคาบสักที โครตง่วงงง

“ขอเบอร์หน่อยดิ” แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

“หืม”

“เผื่อนัดกันทำงานไง กูไม่ทำคนเดียวหรอกนะ” ก็ไม่ได้จะให้ทำคนเดียวหรอกเว้ย

ผมรับมือถือจากมันมากดเบอร์ก่อนจะส่งคืนแล้วเก็บของลงกระเป๋าเตรียมออกจากห้อง แต่ก็มีเสียงดังตามหลังทำให้รู้สึกหงุดหงิดเล่นๆ

“ไว้โทรจะหานะ!”

จากที่ไม่ชอบวันจันทร์ คราวหน้าอาจจะกลายเป็นเกลียดเลยก็ได้นะ



ผมเดินมาถึงโรงอาหารใต้ตึกเรียนอย่างเซ็งๆ คุณเคยคิดไหมครับว่าแต่ละวันเนี่ยเราจะกินอะไร ข้าวก็มีอยู่แค่สามมื้อยังคิดเมนูยากเลย บางวันก็เหมือนปัญหาโลกแตกที่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี

สุดท้ายก็มายืนโง่ๆ อยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง ก่อนจะสั่งเมนูที่กินประจำแต่ยืนเหมือนกำลังคิดจะสั่งอย่างอื่น

“กระเพราหมูสับจาน…”

“2 จานครับ” ใครมันมาพูดแทรกผมวะ

พอหันไปมองแล้วต้องคิดในใจว่า ไอ้นี่อีกแล้วหรอวะ

“รอแปปนึงนะพ่อหนุ่ม”

“คร้าบบ” ยิ้มได้เรี่ยราดจริงๆ

“นั่งตรงไหนอะ นั่งด้วยคนดิ” ได้ข่าวว่าเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนแต่เข้ามากอดคอผม

เหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ

“ปล่อย”

“หวงตัวชะด้วย”

ผมมองหน้ามันเป็นเชิงบอกว่าไม่เล่นด้วย

ช่วยบอกทีว่าไอ้นี่มันต้องการอะไรจากผม!

“โอเคๆ พูดเล่นน่า สรุปนั่งไหนกูนั่งด้วยนะไม่มีเพื่อนอะ”

“เพื่อนไม่คบหรอ” เคยบอกรึยังครับว่าผมปากหมาในระดับหนึ่ง แต่เลือกคนอยู่นะครับ และไอ้คนข้างๆ ก็เป็นคนที่ถูกเลือก

ผมว่ามันควรดีใจนะ หึๆ

“แรงนะเนี่ย” แต่หน้าตาดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยนะ

“แล้วไม่จริงหรอ”

“เห้ย หน้าแบบนี้มีแต่คนอยากคบนะเว้ย” หมั่นหน้ามากถึงมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ

“มีดีแค่หน้าตารึเปล่า” คราวนี้ท่าจะสะเทือนครับ มันหน้าเหวอไปแปปนึงก่อนจะยิ้มออกมา แต่ผิดคาดมันเป็นรอยยิ้มซื่อๆ แทนที่จะเป็นรอยยิ้มเจ้าเหล่ห์

“ถ้าอยากรู้ว่ากูมีดีแค่หน้าตารึเปล่า ก็ลองมาสนิทดูสิ”

คราวนี้มันเปลี่ยนไปยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจแต่ทำให้มันดูดีไปอีกแบบ แล้วผมจะไปชมมันทำไมวะเนี่ย

ไลน์~

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูนึกว่าเป็นไอ้ต้นไม้เพื่อนสนิทไลน์มา แต่ต้องแปลกใจเมื่อไม่ใช่แถมเป็นใครก็ไม่รู้

A_d

แล้วก็ต้องกระจ่างเมื่อคนตรงหน้าพูดขึ้น

“อย่าลืมตอบแชทด้วยล่ะ” แล้วก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้อีกตามเคย

ประจวบเหมาะกับคิวผมได้ข้าวพอดี ผมจึงลุกไปโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับแม้กระทั่งข้อความ

ใครจะตอบกันล่ะแค่คุยยังไม่อยากคุยเลย


..........

“เป็นไงมึง อาจารย์ใจดีปะ”

เสียงร่าเริงที่ดังข้างๆ หูทำให้ผมที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะเงยหน้าขึ้น

ต้นไม้ เป็นเพื่อนสนิทของผม ผมกับมันรู้จักกันตอนปี1เห็นหน้าตาทรงโจรแบบนี้นึกว่าจะโหดแต่โคตรอ่อนไหวชิบหาย แถมยังพูดมากไม่เข้ากับหน้าคมเข้มแบบชายไทยกับผิวสีแทนของมันเลยสักนิด

“ไปสาย อาจารย์คงจะเล็งกูไว้ละ”

“มัวแต่อินดี้ไม่ยอมหลับยอมนอนไง”

เขาเรียกติสเว้ย

“ไม่เกี่ยว”

“เออ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับน้องแยมนะ”

น้องแยมที่ว่าคือแฟนไอ้ต้นไม้มันครับ หลงยิ่งกว่าอะไรไปรับไปส่งเขาทุกวี่ทุกวัน ก็อย่างว่าแหละคนมันเป็นแฟนกันนี่ครับ ส่วนคนโสดอย่างผมก็คงไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างนี้แหละ

“อืม”

“ไม่น้อยใจนะคะคนดี” จีบปากจีบคอไม่พอยังทำหน้าทำตาอ้อนตีนอีก

“อ้อนนะมึง” อ้อนตีนน่ะสัส

“55555 อย่าน้อยใจเลยน่ายังไงเค้าก็รักตัวคนเดียวแหละ”

ผมผลักหัวมันก่อนที่หน้ามันจะโน้มมาใกล้ผมมากกว่านี้

“ใจร้ายจัง”

นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังมีหน้ามาพูดอีก หัวเราะชอบใจนักนะมึงทุกวันนี้คนทั้งคณะคิดว่าผมกับมันกินกันเองจริงๆ อยู่แล้ว ทั้งที่สภาพผมกันมันไม่มีทางไหนที่คิดไปในทางนั้นได้เลย ผู้ชายตัวโตๆ สองคนเนี่ยนะ ถึงแม้มันจะดูสูงกว่าผมมีกล้ามกว่าผมเพราะมันชอบเล่นกีฬาก็เถอะ

แค่คิดก็ขนลุกละ

“ได้เวลาเข้าเรียนแล้วที่รักก” มันใช้แขนหนักๆ ของมันกอดคอผมแล้วกระชากผมให้เดินไปกับมัน ใช่ครับกระชากใช้คำนี้ไม่ผิดหรอก เพราะไอ้นี่มันแรงควาย!



คาบบ่ายเป็นคาบที่ง่วงโคตรๆ ง่วงแล้วง่วงอีกแต่ต้องทำเหมือนตั้งใจฟังอาจารย์สอนชะเต็มประดา ยอมรับว่าไม่ใช่พวกเด็กเรียนอะไร บอกเลยว่าเด็กเกษตรอย่างผมถ้าไม่ใช่วิชาเอกก็จะประมาณนี้แหละครับ ง่วงได้ง่วง หลับได้หลับ แต่ตอนนี้ไอ้ที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะข้างๆ ผมมันทำให้อาจารย์สนใจพวกเรานี่สิ

“ไอ้ไม้ ตื่น” ผมใช้ศอกสะกิดไอ้ไม้แรงพอสมควรจนมันสะดุ้ง

“อะไรวะ” ตื่นมาด้วยเสียงอีกไอ้ห่านี่

ผมพยักเพยิดไปหน้าห้อง ทำให้มันได้พบกับสายตาอาจารย์ที่จ้องมองมา แต่ถามว่าไอ้ข้างๆ ผมมันแคร์ไหมบอกเลยว่าไม่ ยังมีหน้าไปยิ้มกวนตีนใส่อาจารย์อีก

“กูว่ากูรู้เกรดวิชานี้แล้วว่ะ”

“กูรู้ตั้งแต่เห็นชื่ออาจารย์ละ”

เรียนก็ไม่รู้เรื่องแถมยังนั่งง่วงทั้งคาบอีก สงสัยต้องพึ่งความเฟรนลี่ของไอ้ไม้อีกตามเคย

เฟรนลี่ยังไงน่ะหรอครับ ตีสนิทขอลอกเล็คเชอร์ยังไงล่ะงานถนัดมันล่ะแล้วผมก็ได้อานิสงส์จากมันด้วยทำแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ที่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะมันคิดว่าผมฉลาดก็เลยมาตีสนิทด้วย แต่ก็นั่นแหละครับผมไม่ได้ถึงขั่นโง่แต่ก็ไม่ได้ฉลาดเป็นกรด ยังจำคำที่มันบอกตอนนั้นได้เลยครับ

“กูคิดว่ามึงจะฉลาดเหมือนหน้าตาจะอีก”

ตอนนั้นก็แอบเคียงมันนิดๆ แต่พอคบกับมันไปก็รู้ว่าบางคำพูดไม่สิคำพูดส่วนมากมันจะหาสาระไม่ค่อยได้ และอย่าได้ไปคิดมากกับคำพูดมันเชียวไม่อย่างนั้นคุณนั่นแหละจะได้บ้าตายชะก่อน

ไลน์~

ไลน์~

“ใครไลน์มาวะ”

“ไม่เสือกดิ” ไอ้ไม้มันเบะปากใส่ผมแล้วทำหน้างอนๆ ตามสไตล์มัน

คิดว่าน่ารักมากมั้ง

ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดู แล้วก็ต้องวางลงไว้อย่างเดิมเพราะอะไรน่ะหรอเพราะเจ้าของชื่อไลน์ยังไงล่ะ

A_d
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2019 09:07:33 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #2 เมื่อ21-11-2019 09:47:00 »

Chapter 2
นายวิศวะ


Aid'Part


“พวกมึงไปกินข้าวคณะเกษตรกัน”

“ข้าวคณะตัวเองก็มี มึงจะถ่อไปถึงเกษตรเพื่อ”

ผมส่ายหัวให้กับไอ้สองตัวข้างๆ ที่ทุกวันมันจะเถียงกันแบบนี้เสมอ

ไอ้ศิลป์ คนที่ชอบชวนเพื่อนไปกินข้าวคณะนั้นคณะนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเบื่อหน้าคนในคณะตัวเองมีแต่ผู้ชายแถมยังมีแต่พวกออกแนวเถื่อนๆ ไม่ใช่สเปคมันเลยสักนิด พูดมาถึงตรงนี้คงรู้นะครับว่าไอ้ศิลป์มันน่ะเป็น...ไบ

อีกคนชื่อ แคมป์ ไอ้นี่เป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่มัธยมเลยสนิทกับมันมากหน่อย อีกอย่างมันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีแฟน ไล่มันออกจากกลุ่มดีไหมเนี่ย

“สุดท้ายมึงก็ไปกับมันอยู่ดีไม่ใช่หรอไอ้แคมป์”

ส่วนคนที่ทำหน้านิ่งแต่จริงๆ แล้วกวนตีนชิบหายชื่อ ติณณ์ ถึงมันจะไม่ใช่คนพูดมากแต่ไอ้สองตัวนั้นกับฟังมันซะยิ่งกว่าพ่อตัวเองอีก อาจจะเป็นเพราะหน้านิ่งๆ กับสายตาดุๆ ของมันล่ะมั้ง

“มึงยังไม่ชินอีกรึไงไอ้ติณณ์ ปล่อยพวกมันเถียงกันไปเถอะ”

และสุดท้ายก็คือผม อิฐ ผมว่าผมชิลสุดในกลุ่มแล้วนะจุดเด่นของผมคงจะเป็นยิ้มง่ายแหละมั้ง เห็นไอ้สามคนมันบอกผมแบบนี้ เห็นอย่างนี้ผมเป็นถึงเดือนมหาลัยปี2นะครับ ถึงจะไม่เข้มขนาดไอ้ติณณ์แต่ผมก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยนะ

“สรุปไปกินที่เกษตรนะ”

“บอกกูมามึงเล็งใครไว้ ให้เดาต้องเป็นผู้ชายใช่ไหมเพราะคณะนั้นมีผู้หญิงน้อยกว่าคณะเราซะอีก”

อีกอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นตั้งแต่คบกันมาคือไอ้แคมป์มันจับทางไอ้ศิลป์แม่นเลยล่ะเรื่องแบบนี้

“อะดูซะ”

หน้าจอมือถือไอ้ศิลป์ปรากฏรูปใครคนหนึ่งในอริยาบทต่างๆ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเป็นคนที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดีถึงแม้จะเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่กี่วัน

ถึงจะสวมเสื้อช็อปแต่ไม่ได้อยู่คณะของผมแน่ๆ แถมจุดเด่นคือหน้าตานิ่งๆ แบบนั้นอีก จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว

“สมบัติคณะเลยนี่หว่า ไม่ธรรมดาซะด้วย”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ่านข้อความใต้ภาพ ไอ้แคมป์ก็แย่งมือถือจากมือไอ้ศิลป์ไปอ่านชะก่อน

" วายุ ธนวัฒน์ " ชัดเลย

“ดูน้ำหน้าตัวเองด้วยจะไปชอบเขาอะสัส”

ที่ไอ้แคมป์พูดคงจะหมายถึงนิสัย ไอ้ศิลป์มันเจ้าชู้ใครๆ ก็รู้แต่ก็ยังมีคนเข้าหามันไม่ห่าง

ฮอตจริงๆ เพื่อนผม

“ไปเถอะหิวข้าว”

เสียงผมเองแหละครับ ก็มันหิวจริงๆ ขืนให้พวกมันเถียงกันอยู่แบบนี้คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี

“กูไปส่องเฉยๆ น่า ใช่ว่าจะจีบชะหน่อย”

เอาจริงๆ ถ้ามันจีบผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันจะเข้าหาเขาแบบไหน

เพราะดูเป็นคนเข้าถึงยากระดับหนึ่งเลย

ลม ชื่อก็ดูจะเข้ากับเจ้าตัวดีเลยทีเดียว

อืม...จะว่ายังไงดีล่ะมันเหมือนกับรู้สึกว่ามี แต่สัมผัสไม่ได้ล่ะมั้ง

นั่นเป็นนิยามที่ผมให้กับเขาในตอนนี้ ก็หวังว่าจะแค่ตอนนี้น่ะนะ...




เป็นอย่างที่คิดครับว่าโรงอาหารแม่งเต็ม! จริงๆ แค่คนในคณะมันก็เยอะอยู่แล้วยังมีพวกเสนอหน้ามากินข้าวคณะเขาอย่างเช่นพวกผมนี่แหละ ที่ทำให้โต๊ะแทบจะไม่เหลือที่ว่างแล้วเนี่ย

“มึงว่าจะมีที่นั่งให้พวกเราไหมวะ”

“ดูจากท่าแล้ว ไปหากินที่อื่นเถอะ”

ผมเกือบจะพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ติณณ์แล้วถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นที่นั่งตรงมุมเสาที่โต๊ะก็ออกจะกว้างแต่มีคนนั่งแค่สองคน

“กูเจอที่นั่งละ”

พูดเสร็จผมก็เดินนำไปทันที

ดูท่าจะเป็นเครื่องบังเอิญที่ผมชักจะชอบซะแล้วสิ

“ขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีโต๊ะเต็มหมดแล้ว”

หนึ่งในสองคนที่ผมไม่รู้จักเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ คงจะดูว่าโต๊ะมันไม่มีที่ว่างจริงๆ ล่ะมั้งถึงหันกลับมาพยักหน้าให้พวกผมนั่งลง ในขณะที่อีกคนใส่หูฟังแถมยังไม่ได้สนใจกับการมาของพวกผมเลยสักนิด

“ไอ้ศิลป์มึงจะยืนทำห่าอะไร นั่งลงดิ”

ไอ้ศิลป์ยืนนิ่งจ้องคนที่กำลังนั่งใส่หูฟังที่ไม่สนใจโลกอย่างเหม่อลอย

ขำกับท่าทางมันชิบหาย จะอะไรขนาดนั้นวะ

“กะ..กูจะไปซื้อข้าว” ดูท่าว่าจะอาการหนัก

“อะไรของมันวะ”

“ลม ลม ไอ้ลม!” คนที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อเอ่ยชื่อคนข้างๆ ผมเสียงดัง

“อะไร”

ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนมานั่งด้วยตั้ง4คนเนี่ย

“กลับกันเดี๋ยวกูไปส่ง”

คนข้างๆ พยักหน้ารับ เอาจริงๆ นะผมไม่เคยรู้สึกไร้ค่าขนาดนี้มาก่อนเลย

ผมที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เขาไม่แม้แต่จะหันมองมาหรือสนใจด้วยซ้ำ

ผมเท้าคางจ้องเสี้ยวหน้าคนที่กำลังจะลุกออกไป แต่คงมากพอที่ทำให้เขาหันมาก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผม ย้ำว่าเล็กน้อย

ให้ตายเถอะ นี่เพิ่งเห็นจริงๆ เหรอวะ

ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรอยยิ้มกลับมาหรืออะไร ก็นั่นแหละครับไม่ได้จริงๆ แถมยังรีบเดินออกไปอีก นี่ผมเริ่มไม่หมั่นใจตัวเองแล้วนะทั้งที่คนอื่นก็ออกจะเป็นมิตรแถมยังอยากรู้จักกับผมอีกต่างหาก แต่กลับคนนี้ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับผมชะอย่างนั้น

“กูว่าไม่ใช่แค่ไอ้ศิลป์คนเดียวแล้วมั้งที่สนใจสมบัติคณะ นั่งมองเขาตาละห้อยแบบนั้นหมายความว่ายังไงครับคุณอิทธิพล”

ผมว่ามันใช้คำพูดออกจะเว่อร์ไปหน่อยนะ ผมไม่ถึงขนาดมองตาชะห้อยชะหน่อย

“อ้าว ลมของกูไปไหนแล้วอะ” ไอ้ศิลป์กลับมาพร้อมกับจานข้าวก่อนจะมองหาคนที่เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่นาน

" ลมของกู ถุ้ย! เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง " นั่นดิ ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ยังยืนใบ้แดกอยู่เลย

“หล่อนี่หว่า แต่ดูเหมือนเข้าถึงยากไปหน่อยนะ ไหวแน่หรอวะ”

อันนี่ผมเห็นด้วยกับไอ้ติณณ์

“กูบอกแล้วไงไม่ได้จะจีบ แค่สนใจพวกมึงเข้าใจปะ”

เดี๋ยวๆ ไอ้ท่าทางเหมือนคนเพิ่งหัดรักนี่มันอะไรวะนั่น

“แค่นี้เสียอาการหรอมึงอะ” ขอสักหน่อยเถอะครับ เพราะไอ้ศิลป์ตอนนี้มันไม่ใช่ไอ้ศิลป์ที่พกความหมั่นหน้าเหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด

“แต่คนแถวนี้ก็ดูท่าจะเสียอาการเหมือนกันปะวะ”

ไอ้แคมป์ยกยิ้มแล้วจ้องหน้าผม รู้ไปชะทุกเรื่องจริงๆ เลยไอ้ตัวแสบ!

“หือ อะไรยังไงวะ”

ก่อนที่เรื่องว่าจะบานปลาย คงต้องเบี่ยงเบนความสนใจแล้วล่ะ

“ไปซื้อข้าวดีกว่า แม่งหิวจะแย่”

ผมเดินอ้อมไปหาไอ้แคมป์ก่อนจะกอดคอมันให้เดินตาม มันก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืนอะไรนอกจากหัวเราะชอบใจที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจกวนประสาทผมชัดๆ

ถ้าจะถามว่าผมสนใจคนที่กำลังเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนาเมื่อกี้ไหม บอกเลยว่าสนแต่คงไม่เท่าไอ้ศิลป์หรอกมั้ง รายนั้นถึงกับตาลอยขนาดนั้นไม่รู้ว่าโดนตัวไหนมา

อ๋อ สงสัยคงจะโดนลมเข้าตาละมั้ง...


.........



“ต้องถ่ายตั้งแต่ต้นเทอมเลยหรอวะพี่”

ผมอวดควรญทันทีที่ผมรับสายจากพี่อ้นคนที่เป็นแอดมินเพจของมหาลัย สาเหตุที่พี่แกโทรมาก็ไม่พ้นเรื่องที่ต้องการให้ผมไปถ่ายรูปเพื่อโปรโมทมหาลัย

ถามว่าอยากทำไหม จริงๆ มันก็ทำได้แหละครับแต่มันขี้เกียจมากกว่า

‘ไม่ดีหรอวะ จะได้เสร็จเร็วๆ ไง’ ก็จริงของพี่แก

“มีใครบ้างวะพี่”

' เดือนมหาลัยปี1 มึง แล้วก็พวกที่มีคนรู้จักเยอะแต่มีอีกคนที่เขาไม่ยอมมาว่ะ เสียดาย '

ใครวะดูพี่อ้นอยากได้จริงจัง น้ำเสียงแกนี่บ่งบอกว่าเสียดายสุดๆ

“ใครวะพี่”

‘ลม คณะเกษตร’ อ่า ชื่อนี้อีกแล้ว ทำไมช่วงนี้ชื่อนี้ถึงได้ยินบ่อยจังวะ พอได้รู้จักก็มีเรื่องให้ได้นึกถึงอยู่เรื่อยเลย

“ดูเหมือนพี่จะอยากได้เขามาถ่ายมากเลยนะ”

‘เออดิ เขาดังพอๆ กับมึงเลยนะนี่ขนาดไม่ได้มีตำแหน่องอะไรเลย’ เชื่อละว่าอยากได้จริง อวยชะขนาดนั้น จริงๆ ตอนเจอกันครั้งแรกก็คิดว่าคนคนนี้สะดุดตาอยู่พอสมควร หน้านิ่งๆ แต่กลับมีเสน่ห์อย่างมาก อยากเห็นเวลายิ้มชะมัด

‘อิฐ อิฐ ไอ้อิฐ!’

ผมหลุดจากความคิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังๆ ของพี่อ้น

“จะตะโกนทำไมเนี่ยพี่”

‘ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ได้ยิน สรุปพรุ่งนี้ตอนเย็นเข้ามาถ่ายนะ โอเคไว้เจอกัน’

อ้าวชิบหาย พูดเสร็จก็ตัดสายทิ้งทันทีเลยเนี่ยนะ

เอาแต่ใจกันจังเลยโว้ยย!!

รู้งี้จะไม่ยอมลงประกวดแม่ง ตอนแรกมันก็ดูจะโอเคแหละครับแต่พอทำไปสักพักมันก็น่าเบื่องานหลักก็คือเป็นหน้าเป็นตาให้มหาลัยมีงานอะไรก็ต้องเสนอหน้าไปทุกงาน ถามว่าไม่ไปได้ไหม ตอบเลยว่าได้! แต่ผมไม่เคยรอดสักงาน คนนั้นขอร้องคนนี้ขอให้ช่วย แล้วไงล่ะครับผมมันคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นไง ไม่งั้นคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก ส่วนไอ้เรื่องถ่ายรูปก็เหมือนกันมีปีหนึ่งแล้วยังอยากให้เสนอหน้าไปถ่ายกับน้องๆ มันอีก

พูดแล้วเซ็ง!

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะทึ้งหัวตัวเองเพื่อระบายอารมณ์เซ็งๆ ของผมนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังก้มหน้าขีดๆ เขียนๆ กระดาษอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง และผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจไปกว่านั้นอีกก็คือ เขามองมาที่ผม!

ผมรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที แค่คิดว่าไอ้ที่ขีดๆ เขียนๆ อยู่นั่นอาจจะเป็นรูปผมใจมันก็เต้นแรงทันที

เดี๋ยว! นี่กูจะมาใจเต้นกับอะไรแบบนี้หรอวะเนี่ย

เพื่อพิสูจน์ความคิดที่ดูจะเกินจริงของผมเองนั้นผมจึงแกล้งยกมือถือขึ้นมาคุยต่อ เรื่องคุยคนเดียวนี่ถนัดจริงๆ นะบอกเลย

สายตาก็เหลือบมองฝั่งตรงข้ามบ้าง

นั่นไง! มองผมจริงๆ ด้วยอะ

แล้วผมจะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้วะ แต่จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงในเมื่อขนาดไลน์ผมเขายังไม่ตอบแต่อยู่กับมานั่งวาดรูปผมเฉยเลยนี่หว่า

แต่เดี๋ยวหรือว่าเขาวาดวิวด้านหลังผมวะ

ไม่มั้งเมื่อกี้ยังมองผมอยู่เลย

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ ปวดขี้หรอ”

อารมณ์ตื่นเต้นของผมดับลงเพียงเพราะไอ้ศิลป์มันพูดขึ้น

มึงจะมาทำไมตอนนี้วะ

“ยังไม่กลับอีกหรอ” ผมหันไปถามไอ้ศิลป์ที่ด้านหลังมีไอ้ติณณ์ตามมาติดๆ ขาดหนึ่งคนสงสัยจะไปหาแฟนอีกตามเคย

“ถ้ากลับแล้วจะเห็นพวกกูไหม” อ้าว ไอ้นี่กวนตีนซะแล้ว

“แล้วเป็นไรวะ ปวดขี้หรอ” เอากับมันไปดิ กวนตีนหน้าตายไปอีกไอ้ห่าติณณ์!

“ไม่ได้ปวดขี้เว้ย พวกห่านี่”

ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามอีกครั้งก็พบว่าคนตรงนั้นได้หายไปแล้ว พิสูจน์อะไรไม่ได้แถมยังมโมไปไกลอีกกู

“แล้วนั่นจะไปไหนวะ”

“กลับห้องไงโว้ยย” ผมหันหลังเดินออกมาทันทีโดยที่ไอ้สองตัวคงงงว่าผมเป็นอะไร

นั่นดิ ผมป็นอะไรวะ

“หงุดหงิดเชี้ยไรของมันวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเป็น”

“ช่างมันเถอะ นานๆ ที”

“เดี๋ยวไอ้ติณณ์แบบนี้ก็ได้หรอวะ”

“เออ”

“ห่า เพื่อนกูแต่ละคน” ศิลป์สายหน้าอย่างเอือมๆ มองแผ่นหลังเพื่อนที่เดินจากไปอย่างงงๆ ปกติก็ไม่ยักจะหงุดหงิดง่ายนี่หว่าเป็นไรของมันวะ เอ๊ะ หรือว่าจะปวดขี้จริงๆ



.........

Lm'Part

ผมนั่งมองภาพวาดตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเอาชะเลย นั่งมองมาหลายนาทีก็ได้แต่ถามตัวเองว่า กูทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย! มองเขายังไม่พอแถมไปวาดรูปเขาอีก มึงบ้าไปแล้วไอ้ลม อยู่ๆ มึงนึกบ้าอะไรขึ้นมาถึงไปวาดรูปเขาวะ แถมวาดเสร็จไปแล้วด้วย

จำชื่อก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ จำได้แต่ว่าเคยเจอสามครั้ง ครั้งแรกในห้องเรียน ครั้งที่สองเจอที่โรงอาหาร ล่าสุดเจอวันนี้แถมยังไปนั่งวาดรูปเขาเนี่ยนะ ยอมใจความติสตัวเองก็วันนี้แหละ

“หรือจริงๆ เราอยากได้หน้าแบบนี้มาเป็นแบบวะ”

คิดในอีกมุมหนึ่ง ผมจะไม่วาดรูปเลยถ้าผมไม่สนใจภาพนั้นจริงๆ แต่อีกมุมหนึ่งก็คิดว่า

ทำไมต้องเป็นคนนี้วะ!!!



ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #3 เมื่อ21-11-2019 09:59:29 »

ถ้าอิฐรู้ว่าลมละเมอวาดรูปตัวเอง ได้คลั่งตายแน่
แอร๊ยๆๆๆๆๆ
เค้าแอบใจตรงกัน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #4 เมื่อ21-11-2019 14:36:27 »

สนุกดี น่าติดตาม
รบกวนใส่ตอนและวันที่ที่อัปหน่อยนะ จะได้รู้ว่าตอนใหม่มาแล้ว
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #5 เมื่อ21-11-2019 19:59:47 »

Chapter 3
คนที่ยังไม่สนิท


“เป็นไรวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ไอ้ไม้เงยหน้าบูดๆ ของมันขึ้นมามองผมก่อนจะก้มลงไปสนใจมือถือตามเดิม

เป็นอะไรของมัน

เห็นแบบนั้นผมจึงไม่ถามอะไรต่อได้แต่สังเกตท่าทางของมัน ซึ่งดูเหมือนจะคุยแชทกับใครสักคนและนั่นคงไม่พ้นน้องแยมแฟนของมัน

แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือไอ้หน้าบูดๆ ของมันนั่นแหละ ปกติต้องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าสิถึงจะถูก

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมถามมันอีกรอบคราวนี้มันเบะปากเลยครับ

มึงอย่ามาร้องไห้แถวนี้นะเว้ย

“กูทะเลาะกับน้องแยมว่ะ” ปกติก็ไม่ค่อยเห็นคู่นี่ทะเลาะนะ

“เรื่องอะไร”

“กูสงสัยว่าน้องมีคนใหม่ว่ะ”

นี่คือสาเหตุที่ทำให้มันนั่งหน้าบูดอยู่ตรงนี้สินะ

พูดถึงตรงนี้แล้วมันยิ่งทำท่าเหมือนจะร้องไห้

มันเคยเล่าให้ผมฟังว่ามันคบกับน้องแยมมาสองปีกว่าๆ แถมมันยังพูดถึงน้องเขาให้ผมฟังทุกวันไม่บอกก็รู้ว่ามันรักน้องเขามากขนาดไหน

“แล้วน้องเขาว่าไง”

“จะว่าไงวะ ก็ไม่ยอมพูดอะดิแถมช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยได้เจอกันเลย กูจะไปหาก็เอาแต่บอกว่างานเยอะอย่างนั้นอย่างนี้”

“เอาน่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ น้องเขาเป็นดาวนะมึงกิจกรรมอาจจะเยอะด้วยไง”

นั่นๆ เอาอีกแล้วเบะปากไม่ดูสภาพตัวเองเลยไอ้นี่

ผมไม่รู้จะขำหรือสงสารมันก่อนดี แต่พอเห็นท่าทางของมันแล้วผมขอขำก่อนก็แล้วกันตัวก็โตแต่เสือกมานั่งเบะปากเหมือนเด็กๆ อยู่ได้

“ถ้าน้องเขานอกใจกูจริงๆ จะทำไงวะ”

ทำใจ

ใจจริงก็อยากจะบอกแบบนี้อยู่หรอกครับ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่เดี๋ยวมันลุกมาเตะผมขึ้นมาดูท่าจะไม่คุ้ม

“อย่าเพิ่งคิดมาก มึงก็รอเคลียร์กับน้องเขาก่อน”

“เห้อ กูโดดคาบบ่ายได้ไหมวะ”

เข้าใจว่าเฮิร์ทแต่มึงลืมไปรึป่าวว่าตอนบ่ายเรียนวิชาเอกเนี่ย

“วิชาพ่อเลยนะมึง กล้าโดดหรอ” พ่อที่ผมหมายถึงก็คือ ฉายาที่พวกผมตั้งให้กับอาจารย์ที่สอนประจำวิชานี้เพราะแกค่อนข้างดุ เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี

“พี่ลมมมมม” เสียงจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะทันได้เห็นอะไรก็มีบางอย่างพุ้งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เนม!!”

ใครใช้ให้มึงพุ้งด้วยเข้ามาทั้งตัวแบบนี้วะ เกือบหงายหลังทั้งคู่แล้วไหมล่ะ

“คิดถึงว่ะพี่ คืนนี้ไปแดกเหล้ากันปะ” ห่า เจอหน้ากันที่ไรมีแต่เรื่องเดียว

“มาหากูนี่มีแต่เรื่องนี้นะมึง”

ไอ้เนม เป็นน้องรหัสผมถามว่าสนิทไหมก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ เจอหน้าทีไรก็พุ่งมาแบบนี้ทุกที สักวันไม่ผมก็มันนี่แหละจะได้หัวฟาดพื้นตายชะก่อน

“มีพี่รหัสหล่อก็อยากเอาไปโชว์เพื่อนบ้างไง”

พูดซะเหมือนผมเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้

“กูไปด้วยดิ”

“โอ๊ะ พี่ต้นไม้ก็อยู่หรอครับเนี่ย” ก่อนจะกวนตีนดูหน้าเพื่อนกูด้วยไอ้เนม มันจะกินหัวคนรอบข้างอยู่แล้ว

“เดี๋ยวมึงจะโดนตีนไอ้ห่านี่” ไม่ว่าเปล่าไอ้ไม้มันยกเท้าขึ้นมาพร้อมถีบเลย

เออแล้วก็มาหลบอยู่หลังกูนี่แหละสัส

“5555สรุปไปนะพี่ เดี๋ยวผมเลี้ยง” ถึงให้กูเลี้ยงกูก็ไม่เลี้ยงเว้ย หมดโปรโมทชั่นแล้ว

“ไม่ปะ…”

“ไปดิ ร้านไหนวะ” เห้ย น้องมันถามกูไอ้ไม้!

“ร้านสาติหลังมอเลยพี่ เผื่อเก็บศพจะได้เก็บง่ายๆ 555”

ร้านสาติ ไอ้เนมไม่ได้ออกเสียงผิดหรอกครับชื่อร้านมันอ่านอย่างนี้จริงๆ ซึ่งมันมาจากคำว่าสตินั่นแหละ แต่เจ้าของร้านตั้งเป็นสาติเห็นคนบอกว่ามันน่าจะจำง่ายดี

“3ทุ่มเจอกันพี่ ผมไปละ จุ้ปๆ ”

ไอ้เนมหันมาส่งจูบให้ผมแล้วยิ้มร่าเดินออกไปทันที

พอมองหน้าไอ้ไม้แล้วคงไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะหน้ามันโคตรว้อนแอลเลย

“ก็กูอยากแดกนี่หว่า ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะเผื่อกูเมาาา” มึงเมาแน่ๆ ไม่ต้องเผื่อ อยู่กับมันมาเป็นปีทำไมจะไม่รู้ว่ามันไม่ใช่พวกคอทองแดงขนาดนั้น

“สรุปเฮิร์ทจริงว่างั้น”

“สุดๆ ” อันนี้เขาเรียกตอแหลแล้ว

“เออ นานๆ ทีไปก็ดีเหมือนกัน” ใจจริงผมก็ว้อนเหมือนกันนั่นแหละ

“อยากแหละดูออก”

แสนรู้จริงๆ

ถึงผมจะไม่ชอบพบปะผู้คนแต่ก็ใช่พวกจำศีลสักหน่อย นี่เด็กเกษตรนะครับแค่ของมึนเมาเนี่ยจิ๊บๆ



...................



“เอ้าชน!!!” ผมนั่งฟังเสียงแก้วกระทบกันอย่างชิลๆ ในนี้ผมดื่มน้อยที่สุดแล้วเพราะต้องรอแบกไอ้เพื่อนตัวดีกลับห้อง

มันก็ดื่มไม่เกรงใจคนแบกแบบผมชะด้วยสิ กระดกเอากระดกเอาอย่างกับน้ำเปล่า

“พี่ลมมีแฟนยังอะค้าบบบ” เสียงเริ่มยานคางของรุ่นน้องต่างคณะดังขึ้น พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มมาทางผม

“อย่ายุ่งกับพี่กูววว” เสียงน้องรหัสผมก็ไม่ต่างกันเลย

ก่อนจะห่วงกูห่วงตัวเองก่อนเถอะ

ผมมองดูทั้งสองคนเอามือปัดป่ายกันไปมาอย่างนึกขำ ถึงไอ้เนมจะบอกว่าอยากพาผมมาอวดเพื่อนแต่เห็นแบบนี้มันหวงผมจะตายนะบอกเลย

แต่ผมชินแล้วล่ะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาทำความรู้จักหรือจีบ พอสักพักพวกเขาก็หมดความอดทนแล้วก็เลิกลาไปเอง

ไอ้ไม้มันเคยบอกว่าผมมันตายด้าน ผมไม่ได้ตายด้านนะแค่ยังไม่เจอคนที่ชอบต่างหาก

แต่ถามว่ามีสนใจไหมมันก็ต้องมีแหละครับใครจะไม่ชอบมองของสวยๆ งามๆ ล่ะ

“เอ่อ...คือ ขอโทษนะเพื่อนเราฝากมาขอไลน์น่ะ”

แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง

มีผู้ชายตัวเองเล็ก ตัวเล็กจริงๆ นะ กำลังมองผมด้วยท่าทางประหม่า

“ขอโทษนะ พอดีผมไม่ชอบให้ไลน์คนที่ไม่รู้จักน่ะ”

พอผมบอกไปแบบนั้นคนตัวเล็กก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที

แค่ไม่ให้ไลน์เองนะเว้ย

“ช่วยเราหน่อยนะ คือเราแพ้เกมน่ะ” คนตัวเล็กพูดกึ่งขอร้อง

อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะ แต่ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้โคตรๆ เลยว่ะ

“โทษทีนะ”

คนตัวเล็กพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่คงเห็นหน้าผมไม่รับแขกล่ะมั้งจึงเดินคอตกออกไป

“เพ่ลมม โคดฮอตตต ฮิ้วว”

ไอ้นี่ตาก็จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ยังจะมาแซวผมอีก

“ไม่ให้ไปวะพี่ น่าสงสารออก” เฟรม เพื่อนของไอ้เนมเอ่ยขึ้น ผมได้แต่สายหน้าแทนคำตอบ มันก็ยิ้มขำก่อนจะยกแก้วขึ้นมาจิบ

“มีหน้าที่เก็บศพหรอมึงน่ะ” ไหนๆ พวกที่เหลือก็ไม่มีสติกันละ ผมคงจะนั่งน้ำลายบูดแบบนี้ต่อไปไม่ไหวหรอก

“ใช่พี่ งานหลักของผมเลยล่ะ” มันว่ายิ้มๆ

“ว่าแต่พี่ ไม่มีแฟนหรอวะ”

“แฟนมีแฟนพี่ต้องมาดิวะ”

“55555 นี่มุขปะพี่” มุขเชี้ยไรกูพูดจริงๆ เว้ย

“ผมนึกว่าพี่จะเป็นคนนิ่งๆ เย็นชางี้ รู้ปะคณะผมอะเขาลือกันว่าพี่อะเย็นชาโคตรๆ เลยนะ”

เคยคุยกับกูรึยังเถอะ มาว่ากูเย็นชาเนี่ย

“คณะไร”

“วิศวะพี่ นี่ผมจะเอาไปอวดคนอื่นว่าพี่คุยกับผม” ทำเหมือนกูเป็นตัวอะไรที่เพิ่งพูดได้อย่างงั้นแหละ

“เกินไป”

“ไม่นะพี่ ใครๆ ก็อยากรู้จักพี่เหอะ” ผมเลิกคิ้วอย่างงงๆ

“ใครที่ว่านี่ใคร”

“โหพี่ จะให้ผมนับหรอไม่ไหวมั้ง”

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาตอนนี้เป็นเวลาหกทุ่ม มองสภาพของแต่ละคนผมว่าคงได้ที่กันแล้ว ผู้รอดชีวิตคือผมกันไอ้เฟรมแล้วก็เพื่อนมันอีกคนที่ดูเหมือนน่าจะหอบสังขารตัวเองกลับได้

แต่ที่กลับไม่ได้คงจะเป็นเพื่อนผมนี่แหละ

“กลับยังไง” ผมถามไอ้เฟรมเพราะดูจากสภาพเพื่อนมันสามคนกับอีกคนที่ยืนโงนเงนอยู่นั้นคงจะกลับแท็กซี่ไม่ได้แน่ๆ

“ผมเอารถมาครับ”

ไอ้เฟรมพยุงเพื่อนอย่างสบายๆ สงสัยจะทำหน้าที่นี้บ่อยจริงๆ

“แล้วพี่อะกลับยังไง”

“แท็กซี่” ผมตอบพลางเรียกพนักงานมาเก็บตัง

“เดี๋ยวผมจ่ายเองพี่”

“งั้นคนละครึ่ง”

“แต่ไอ้เนมมันบอกจะเลี้ยงนะพี่” คนพูดมันสลบไปแล้วไงประเด็น

“หรือจะให้กูจ่ายทั้งหมด”

“งั้นคนละครึ่งก็ได้ครับ”

ผมรับเงินส่วนที่เหลือจากไอ้เฟรมก่อนจะส่งให้พนักงาน

ได้เวลาแบกคนเมากลับห้องแล้วครับ

ถึงจะเคยแบกมันมาแล้วก็เถอะแต่ทำไมครั้งนี้มันหนักจังวะ

“ไหวปะพี่ ท่าทางพี่ต้นไม้จะหนักไม่ใช่เล่นนะ ให้ผมช่วยไหม”

อยากจะช่วยมันก็ดีอยู่นะ แต่ช่วยเก็บเพื่อนมึงให้เสร็จก่อนไหมไอ้เฟรม

“ไหว”

ไม่ไหวบอกไหว ก็ว่าไปนั่น…

“โอะ เฮียหวัดดีครับ”

ไอ้เฟรมทักทายใครสักคนซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าใคร เพราะมัวแต่สนใจคนที่ถูกแบกอยู่

“หวัดดีๆ ”

“มาไม่ชวนน้องว่ะเฮีย”

“ชวนทำไม เปลือง”

“โหยเฮียยย”

“เดี๋ยวก็ล้มทั้งคู่หรอก” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง

ไอ้เด็กวิศวะนี่

“ทำหน้าแบบนี้คืออะไร จำกูไม่ได้หรอ… ไอ้เฟรมมึงมากับเขาหรอ”

“ใช่เฮีย ฝากไปส่งพี่ลมหน่อยดิดูท่าจะไมไหว”

กูไหวเว้ย!

“มึงอะกลับดีๆ ”

“ไม่ช่วยผมหน่อยหรอ”

“จะไปไหนก็ไปเลยมึงน่ะ”

ไอ้เฟรมมองเฮียตัวเองขำๆ ก่อนจะแบกเพื่อนออกไป

“ไง จำกูได้ปะเนี่ย”

หน้าน่ะจำได้ แต่ชื่ออะจำไม่ได้

ดูเหมือนหน้าผมจะบ่งบอกว่าจำไม่ได้มั้งอีกคนเลยพูดขึ้น

“กูชื่ออิฐ ชื่อจริงอิทธิพล อัครเดช เคยนั่งเรียนข้างมึง ทำงานคู่ด้วยกันไม่สิมึงทำคนเดียวถึงแม้กูจะเป็นคนพรีเซนต์งานก็เถอะ แถมยังเคยตอบไลน์กูตั้งสองครั้ง จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันจนกระทั่งวันนี้”

ร่ายชะยาวเหมือนกลัวผมจำไม่ได้ จากวันนั้นที่ผมบอกจะไม่นั่งข้างมันก็ไม่นั่งจริงๆ ครับ

พูดเสร็จมันก็หิ้วปีกไอ้ไม้อีกข้างอย่างถือวิสาสะ

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไร”

“พักอยู่ไหน” ฟังกูบ้างดิเห้ย

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกลับเอง” ผมยังยืนยันคำเดิม

“อย่าเล่นตัวน่า มันหนักนะเนี่ย”

กูไม่ได้เล่นตัวนะเว้ย แล้วใครใช้ให้มึงแบกมัน

“เดี๋ยวไปรถกู เร็วหนัก!” ไม่ฟังแถมยังดึงดันจะไปอีก

มองดูสภาพไอ้ไม้แล้วไม่น่าไหว ผมจึงเดินตามไปเงียบๆ ผมแทบจะไม่ได้รับน้ำหนักจากการพยุงไอ้ไม้เลยเพราะอีกคนเหมือนจะแบกเองซะมากกว่า

“พักที่ไหน”

หลังจากยัดไอ้ไม้เข้าไปเบาะหลังเรียบร้อยแล้วมันก็หันมาถามผม

“หอใน”

“ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง” ก็ต้องไปส่งอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้

“มานั่งกับกูด้านหน้า!” ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ ไอ้ไม้ เจ้าของรถบอกเสียงดังจนผมต้องรีบผละออก

“นั่งด้านหลังก็ได้”

“กูไม่ใช่คนขับรถนะ มานั่งด้านหน้าเลย” โอเคครับ ขึ้นรถเขาอะเนาะนั่งไหนก็นั่งไอ้ด้านหลังก็ปล่อยให้มันนอนไป

“อยู่หอในตั้งแต่ปี1แล้วหรอ” พอรถเคลื่อนตัวได้สักพัก คนที่ทำหน้าที่ขับรถก็ถามขึ้น

“อืม”

“กูก็อยู่หอในนะ” ใครถาม

ผมไม่ได้ตอบอะไรพลางหันไปมองไอ้คนที่นอนอยู่ด้านหลังว่าสภาพมันยังโอเคไหม ข้อดีอย่างหนึ่งคือเวลาเมาไอ้ไม้มันไม่ค่อยอ้วก แต่จะหลับแบบเป็นตาย คิดว่านั่นคือข้อดีน่ะนะ


“ถึงแล้ว”

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอพัก เพราะร้านสาติมันก็ไม่ไกลจากตัวมอเท่าไหร่ แต่จะให้เดินแล้วแบกคนเมามันก็ดูจะไม่ไหวเหมือนกัน

“กูแบกมันให้ มึงเดินนำไปเลย” ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะเดินนำไป

“อยู่ชั้น3หรอ”

“อืม”

สักพักลิฟท์ก็มาถึงชั้น3 ผมเดินนำไปจนถึงห้องตัวเองจริงๆ ก็ห้องไอ้ไม้ด้วยแหละเพราะผมกับมันเป็นรูทเมทกัน

มันดีตรงที่หอในมันใกล้แล้วสามารถเข้าออกได้ตามปกติ กฎก็ไม่ได้เคร่งอะไร

“ห้องสะอาดดีว่ะ”

“วางมันไว้เตียงนั้นแหละ ขอบใจ”

“เดี๋ยวๆ นี่จะไม่ชวนกินน้ำกินท่าหน่อยหรอ”

“ดึกแล้ว” มันไม่สนที่ผมพูดแถมยังเดินมองนั่นมองนี่รอบห้อง ไม่น่าพลาดให้ขึ้นห้องมาด้วยเลย

“ชอบวาดรูปหรอ” มันถามขณะหยิบภาพที่ผมวาดขึ้นมาดู มารยาทน่ะมารยาท!

“จะกลับได้รึยัง”

“ไล่จังเลยน้า กลับก็ได้”

มึงควรกลับไปตั้งแต่วางไอ้ไม้ลงเตียงแล้วเว้ย

“ลืมเลย” มันเกือบจะเดินพ้นประตูไปแล้วแต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วเดินกลับมาหาผมอีก

ลีลาจริงๆ

“กูอยู่ชั้น4 นะ ถ้าบอกไปเผื่อมึงลืมเลขห้องกูเดี๋ยวส่งให้ในไลน์ มีอะไรก็ไปเคาะห้องได้ตลอด”

For what!!!!

พูดเสร็จมันก็เดินออกจากห้องทันที

ไลน์~

ผมสะตั๊นอยู่สักพักก่อนเสียงไลน์จะดังขึ้น

หน้าจอปรากฏข้อความที่ทำให้ผมต้องอุทานว่า

แม่ง พูดจริงหรอวะ!

A_d: ห้อง 403 เปิดรอ24 ชั่วโมงนะ^^



กูถามจริง!!!



ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #6 เมื่อ21-11-2019 23:22:35 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #7 เมื่อ22-11-2019 07:19:49 »

Chapter 4
คนที่ไม่เคยรักใคร


12:30 น.

ตื๊ด~~~ ตื๊ด~~~

เสียงสั่นของวัตถุบางอย่างทำให้ผมต้องควานหาต้นตอของเสียงทั้งที่ตายังปิดอยู่ ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงมือถือของตัวเองก็กดปิดแล้วนอนต่อทันที

แต่ดูเหมือนว่าการนอนของผมจะจบลงเพียงเท่านี้เมื่อเสียงของมือถือดังขึ้นอีก

ตื๊ด~~~

“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงง่วงๆ ลงไปในปรายสาย

“ไอ้ลม!” ผมรีบเอามือถือออกห่างจากหูทันที

หูจะแตกอยู่แล้วเว้ย ใครวะ

แต่เมื่อลืมตามองเบอร์คนที่โทรมาแล้วอยากจะด่ามันสักที

“มีอะไร โทรมาทำไมแต่เช้า” คนจะหลับจะนอนยิ่งวันนี้ไม่มีเรียนอยู่ด้วย

“เช้าเชี้ยไร มึงแหกตาดูนาฬิกาดิ้”

12:35 น. เออ เที่ยงก็ได้วะ

“แล้วมีอะไร ปกติไม่เห็นโทรมา” ผมนี่กอดผ้าห่มพร้อมจะหลับต่อละ

“มึงแหกขี้ตามาดูเพื่อนมึงเดี๋ยวนี้เลยนะ” ทำไมน้ำเสียงไอ้จินดูจริงจังผิดปกติจังวะ

ไอ้จิน คือเพื่อนสนิทสมัยอนุบาลเลยก็ว่าได้เดินตามกันต้อยๆ ตั้งแต่เด็กจนพอสอบเข้ามหาลัยก็คิดได้ว่า ผมโคตรเบื่อหน้ามันเลยแยกกันเรียนคนละคณะเลยดีกว่า ล้อเล่นน่ะครับจริงๆ ผมกับมันอยากเรียนคนละคณะอยู่แล้ว

“ใครวะ” นอกจากมันผมก็ไม่สนิทกับใครแล้วนะยกเว้นไอ้ไม้

“ไอ้ไม้ไง อย่าพูดเหมือนมึงมีเพื่อนเยอะได้ปะ” อ้าวไอ้นี่

“แล้วมันไปทำอะไรล่ะ”

“ก็มันมาหาเรื่องคนในคณะกูเนี่ย จะต่อยกันปากแตกอยู่แล้ว”

“อะไรของมึง ก็ไอ้ไม้มันยังนอนอยู่...มันไปไหนวะ”

ผมมองเตียงไอ้ไม้ก็พบแต่ความว่างเปล่า บอกผมทีว่ามันคือคนที่เมาหัวทิ่มเมื่อคืนมันจะออกไปหาเรื่องชาวบ้านได้ยังไง

“ก็มันอยู่คณะกูไง มึงรีบมาห้ามมันเลยนะก่อนที่มันจะโดนรุมกระทืบตายซะก่อน”

จากง่วงๆ ผมถึงกับตาสว่างเลยครับตอนนี้ ผุดลุกขึ้นไปห้องน้ำอย่างไว

อย่าคิดว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวนะครับ แค่แปรงฟันก็พอแล้วตอนนี้

พออกมาจากห้องน้ำผมรีบคว้าชุดนักศึกษามาใส่ลวกๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋ากับตังค์กับมือถือออกจากห้องทันที

ตอนนี้ผมโคตรงงเลยว่า ไอ้ไม้มันไปหาเรื่องเขาทำไม อีกอย่างสภาพแบบนั้นมันจะสู้ใครเขาได้วะ


ผมใช้เวลาไม่นานก็พาตัวเองมาถึงหน้าตึกคณะวิศวะ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าตอนนี้สภาพของผมเป็นแบบไหน…

“มันอยู่ไหน” หยิบมือถือขึ้นมาโทรออกหาไอ้จินทันที

“มึงเดินมาหลังตึกเลย เร็วๆ ” ได้ยินดังนั้นผมก็รีบเดินไปทันที

พอผมเดินมาถึงก็ต้องโล่งใจเพราะคนไม่เยอะ มีแค่ฝ่ายตรงข้าม4คน ไอ้จินกับกลุ่มเพื่อนของมัน ดีที่ไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งไม่งั้นมึงดังกว่าเดิมแน่ไอ้ไม้

“มันไม่ฟังใครเลยว่ะ พวกกูพยายามห้ามแล้วนะกลัวมันโดนเขากระทืบ” ไอ้จินเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้ากังวล

“กูบอกว่าไม่รู้จักไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอวะ”

“มึงจะบอกว่าคนของกูโกหกงั้นหรอ”

“กูจะไปรู้กับคนของมึงหรอ”

ผมเดินไปใกล้ๆ เพื่อดูสถานการณ์ยังดีที่ยังไม่วางมวยกัน ไม่งั้นคงได้เก็บศพจริงๆ แน่ ดูแต่ละคนไม่น่าจะธรรมดากัน ถึงจะมีคนหนึ่งที่ดูจะตัวเองที่สุดในกลุ่ม แต่ยังมี…นั่นมัน

ไอ้เด็กวิศวะที่ชื่ออิฐนี่หว่า

มึงมีเรื่องกับคนที่แบกมึงขึ้นห้องเมื่อคืนเนี่ยนะไอ้ไม้

สุดๆ ไปเลยพวก

อิฐทำหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าไอ้ไม้พูดอีกสักประโยคก็พร้อมจะบวกทันที

แล้วจะห้ามยังไงวะ แม่งจะต่อยกันอยู่แล้ว

“มึงจะไม่ยอมรับใช่ไหมไอ้ลูกหมา!”

“มึงว่าไงนะ!”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรพวกมันก็จะพุ้งใส่กันทันที ในหัวไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากวิ่งเข้าร่วมวงด้วย

โดยไม่ทันระวังผมกับไอ้ไม้ก็ล้มลงไม่เป็นท่า

ผมตั้งใจทำมันล้มต่างหากดีกว่ากินหมัดเป็นไหนๆ

“เหี้ยไรวะ!!”

" มึงเลิกบ้าแล้วตามกูมาเลย! " ผมลุกขึ้นทันทีก่อนจะคว้าแขนมันให้ลุกตาม

“ไอ้ลม ปล่อยกูจะไปเคลียร์กับมัน!”

ผมกระชากแขนมันอย่างแรงทำให้มันไม่มีแรงขัดขืนสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสภาพร่างกายตอนนี้

“ไอ้ลมปล่อยกู กูจะไปต่อยปากมัน!”

พอลากมันเดินตามมาได้สมควรผมก็ปล่อยมัน

“เลิกบ้าสักทีเถอะน่า” ผมผลักอกมันแรงๆ เพราะมันยังดึงดันที่จะกลับเข้าไป

ถ้ามันต่อยเขาคิดว่าเพื่อนเขาจะอยู่เฉยๆ รึไง โชคดีอาจจะแค่ยืนดูแต่ถ้าเขารุมขึ้นมามันเจ็บหนักแน่

“มันแย่งแฟนกูนะไอ้ลม”

“มึงตั้งสติก่อนไอ้ไม้ มึงทำแล้วมันได้อะไรนี่มันมหาลัยนะเว้ยมีเรื่องกันในนี้มีแต่เสียกับเสีย อีกอย่างมึงมาคนเดียวด้วยสภาพแบบนี้ มึงไม่โดนเขารุมกระทืบก็บุญแล้ว”

ดูท่าว่าตอนนี้ไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น เวลามันโกรธมันมักจะเป็นแบบนี้ตลอดและยิ่งเป็นเรื่องนี้มังคงไม่ยอมลงง่ายๆ

มันรักเขามากผมรู้ดี

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงมองดูพวกแม่งรักกันหรอ เหอะ กูทำไม่ได้หรอกนะ”

“กลับห้องกับกูแล้วไปตั้งสติเดี๋ยวนี้”

“กูไม่กลับ”

“ไอ้ไม้”

ขณะที่ผมกำลังจะคว้าแขนเพื่อจะพามันกลับไปกับผม มันก็พูดประโยคที่ทำให้ผมต้องชะงัก

“มึงไม่เคยรักใคร จะไปเข้าใจได้ไงวะ” ไอ้ไม้สะบัดแขนจากผมไม่ได้แรงนักแล้วเดินไปอีกทาง

ผมไม่ได้เดินตามเพราะอย่างน้อยทางที่มันเดินก็ไม่ใช่ทางที่ผมเพิ่งลากมันออกมา

และผมไม่ได้โกรธ แค่ไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้





หลังจากที่ไอ้จินมาตามมาถามเรื่องไอ้ไม้กับผมมันก็จะขึ้นไปเรียนคาบบ่าย ผมจึงหลบมานั่งตรงที่นั่งหน้าคณะอย่างเซ็งๆ ทั้งนึกเป็นห่วงไอ้ไม้ไม่รู้ว่ามันจะไปที่ไหนอีก

ผมเข้าใจความรู้สึกไอ้ไม้ดี แต่มันจะดีขึ้นแค่ยังไม่ใช่วันนี้

แต่สภาพของผมตอนนี้นี่สิ ชายเสื้อออกนอกกางเกง แขนเสื้อถูกพับถึงข้อศอก ผมที่ไม่เป็นทรง

มันจะดูแบดหรือจะดูหมดสภาพมากกว่ากันวะเนี่ย

ก่อนจะรู้สึกว่าสภาพตัวเองดูไม่ได้ไปมากกว่านี้ท้องไส้ก็เริ่มร้องประท้วง ดีที่ยังหยิบกระเป๋าตังมาด้วย

“มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมเงยหน้ามองตามเสียงที่ดังอยู่เหนือหัว

อิฐ

“อะนี่ จะได้ใจเย็นๆ ” แก้วชาเย็นถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มักจะส่งมาทุกครั้งเวลาเจอกัน

แต่ผมว่าคนที่ควรจะใจเย็นควรเป็นมันมากกว่าผมนะ

“อะไร”

“ชาเย็นไงไม่เคยกินหรอ เชยนะเนี่ย”

ไอ้เคยน่ะมันเคยเว้ย แต่เอามาให้ทำไม

“เอาไปเถอะ อุตส่าห์ซื้อมาให้เลยนะ” ใครขอวะ

มันยัดแก้วชาเย็นใส่มือผมอย่างเอาแต่ใจ จะไม่รับก็ยังไงอยู่แต่จะกินไหมก็อีกเรื่อง

“เรื่องเพื่อนมึงน่ะ” หลังที่มันกับผมต่างเงียบกันได้สักพัก มันก็พูดขึ้น

ผมหันไปมองว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“กูไม่รู้เรื่องเลยนะ อยู่ๆ เพื่อนมึงก็มาหาว่ากูไปแย่งแฟนมัน”

ขนาดผมยังไม่รู้เรื่องเลยว่ามันฟื้นมาหาเรื่องคนอื่นได้ยังไง

เมื่อวานก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร แล้วมันไม่รู้เรื่องอะไรมาตอนไหน

“ไม่รู้ว่าจะเชื่อไหม แค่อยากบอกไว้”

“อืม” ผมดูดชาเย็นในมืออย่างเซ็งๆ

“อร่อยปะ” แววตามันเป็นประกายทันทีที่ผมยอมกิน จะอะไรวะของฟรีใครๆ ก็ชอบอยู่แล้วปะ

“ก็ไม่ได้แย่”

“วันหลังก็มากินได้ ร้านอยู่ตรงข้ามคณะ…”

“วันหลังคงไม่มาแล้วล่ะ”

มันมองผมแล้วทำหน้าหงอยๆ ไม่เข้ากับตัวโตๆ ของมันเลยสักนิดเหมือนกับไอ้ไม้ไม่มีผิด

“กินข้าวยัง ไปกินข้าวกันไหม”

“หะ!” มันเบิกตากว้างทันที ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เห็นแล้วโคตรขำ

“ไม่ไปก็ไม่เป็นไร”

กว่าจะรอให้อึ้งเสร็จกระเพาะผมคงรอไม่ไหวแล้ว เลยเดินออกมาโดนที่มีอีกคนกึ่งวิ่งกึ่งตะโกนตามหลังมา

“รอด้วยดิ!”


...........


22:00 น.

ไอ้ไม้ยังไม่กลับห้อง โทรไปก็ไม่รับผมเลยเลิกพยายามไปตั้งแต่ช่วงเย็นถ้ามันโอเคคงจะกลับมาเองล่ะมั้ง

แต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงมันกลัวไปทำอะไรบ้าๆ เหมือนตอนบ่ายอีก

กึก!

ประตูถูกเปิดออกโดยคนที่ผมกำลังนึกถึง สภาพโดยรวมโอเคแสดงว่ามันไม่ได้ไปวอนตีนใครเขาอีก

“ลม” เสียงที่เรียกผมมันเบาหวิวเหมือนคนกำลังจะหมดแรงก่อนจะโผเข้ามากอดผม

“เขาทิ้งกูไปแล้วว่ะ เขาทิ้งกูไปแล้ว ฮึก”

ไอ้ไม้มันร้องไห้ออกมาแล้วกอดผมแน่น ผมจึงยกมือลูบหลังมันเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะเว้ย มึงยังมีกูไง”

“เขาโกหกกูว่าคบกับไอ้วิศวะนั่น”

“จริงๆ แล้วเขาบอกว่าไม่ได้รักกูมาสักพักแล้ว เลยหาวิธีที่จะทำให้กูเลิกยุ่งกับเขา”

มันผละออกจากผมก่อนจะอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังทั้งสะอื้นไปด้วย


สรุปแล้วมันเข้าใจผิดจนไปหาเรื่องเขา ส่วนแฟนมันก็มีคนใหม่โดยที่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครเพราะกลัวไอ้ไม้จะไปหาเรื่อง ตอนแรกไอ้ไม้มันก็ไม่ยอมเลิกแต่ทางนั้นก็ยังยืนยันว่าจะเลิกท่าเดียวมันจึงตัดสินใจเดินออกมา

“ไอ้ไม้ มึงเป็นถึงเดือนคณะนะเว้ยอย่ามาทำตัวเหมือนไม่มีใครเอาแบบนี้สิวะ”

“ก็เขาไม่เอากูจริงๆ ” นั่น ดราม่าไปอีก

“เออน่า”

“เห้อออ” มันนอนแผ่ไปกับเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก แรกๆ ก็จะตายแบบนี้พอนานไปเดี๋ยวก็คิดได้เอง

“ลม”

“ว่า”

“ขอโทษนะ” มันว่าเสียงอ่อย

“เรื่องอะไร” ผมหันไปมองหน้ามัน

เมื่อตอนบ่ายยังจะต่อยกับเขาอยู่เลยตอนนี้มาทำเสียงเล็กเสียงน้อยซะงั้น

“ที่กูพูดไปแบบนั้น กูขอโทษ”

จริงๆ ผมไม่ได้โกรธมันเลยนะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ อีกทั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่ผมว่ามันพูดผิดไปหน่อยนะ ใครจะไม่เคยมีความรักวะ

“สำนึกได้ก็ดี” แกล้งมันซักหน่อยครับข้อหาน่าหมั่นไส้

“มึงโกรธหรอที่รักกก” หลอนหูเลยทีนี้

“เปล่า แต่มึงพูดผิดไปหน่อยนะ”

“พูดผิด พูดผิดอะไรวะ” มันทำหน้างงๆ

“ที่บอกว่ากูไม่เคยรักใคร”

“หะ มึงมีความรักหรอ!” จะตกใจอะไรเบอร์นั้น

พอพูดความจริงก็ไม่เชื่อ

“ไปอาบน้ำไป แม่งเหม็นว่ะ”

“ตอบกูก่อนมึงมีความรักหรอ”

“เชี้ยไม้ ไปอาบน้ำอย่ามาใกล้กู!” ผมแทบจะถีบมันทันทีเมื่อมันทำท่าจะกระโดดเข้ามาหาผม

“ไปก็ได้แต่กลับมามึงต้องตอบกูนะ”

“เออๆ ”

เรื่องอะไรจะตอบวะ

ไลน์~

คงไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครไลน์มามีคนเดียวที่ยังวนเวียนอยู่กับผมตอนนี้

A_d: นอนยัง

LM: ยัง มีอะไร

A_d: เปล่า...

พอเห็นว่าอีกคนไม่ได้มีธุระอะไรผมจึงทำเพียงแค่อ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

สักพักก็มีข้อความเข้ามาอีก

A_d: ฝันดีนะ

LM: อืม ฝันดี











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2019 13:18:44 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #8 เมื่อ22-11-2019 13:14:07 »

ใครบอกว่าลมไม่มีความรัก อิฐไลน์มาทักแล้วนี่ไง ลุ้นๆ รอตอนต่อไป
ต้นไม้เพื่อนรักอย่านอยด์ น้องเนมก็น่ารักดีนะ ลองหันไปมองดูก่อน อาจจะหายเฮิร์ทไวขึ้น

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #9 เมื่อ22-11-2019 13:25:05 »

หาหนุ่ม ๆ มาปลอบใจน้องไม้หน่อยค่ะคนแต่ง


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-11-2019 13:25:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #10 เมื่อ22-11-2019 14:17:29 »

ลม ฮอตเจงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
อิฐ  ลม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #11 เมื่อ22-11-2019 18:52:34 »

ค่อยๆขยับขั้นทีละนิด

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #12 เมื่อ23-11-2019 00:07:42 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #13 เมื่อ23-11-2019 07:24:49 »

Chapter 5
คนที่เธอไม่เคยมอง



“กูกลับบ้านแล้วนะ วันจันทร์เจอกัน”

“กลับดีๆ ”

เมื่อผมกับไอ้ไม้เก็บอุปกรณ์ลงแปลงเสร็จมันก็แยกตัวออกไปทันที

ผมโบกมือให้ไอ้ไม้ ก่อนจะเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์แล้วมานั่งตรงที่พักใกล้ๆ แปลง

วันนี้เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือนของไอ้ไม้เลยก็ว่าได้ ที่จริงมันบอกว่าจะกลับไปพักใจสักหน่อยเผื่อจะหายเฮิร์ทได้บ้าง

ผมว่าก็ดีนะบ้านคือที่พักพิงที่ดีที่สุดและสบายใจที่สุดด้วย

ส่วนบ้านผมอยู่ต่างจัดหวัดนานๆ ทีค่อยจะได้กลับเหมือนกัน แต่ไอ้ไม้นี่สิบ้านมันไม่ไกลแต่มันไม่ค่อยอยากจะกลับเท่าไหร่

มองดูวิวด้านหน้าสักพักผมก็หยิบสมุดวาดรูปกับดินสอขึ้นมา

ปกติตอนเย็นที่แปลงจะสวยมากโดยเฉพราะตอนพระอาทิตย์ตกวันนี้ก็เช่นกัน ผมเริ่มร่างภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนจะเริ่มลงรายละเอียดให้เป็นรูปเป็นร่าง

สุดสัปดาห์ผมมักจะหอบอุปกรณ์วาดภาพมาด้วย มีหลายคนถามว่าทำไมผมถึงไม่เรียนสายนี้เพราะผมดูชอบมันมาก เอาจริงๆ บางทีคนเราก็ไม่ได้อยากเรียนในสิ่งที่ชอบนี่ครับ ผมคิดแบบนั้นนะ ที่เลือกเรียนเกษตรเพราะผมอยู่กับอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กบ้านก็มีไร่รอบตัวผมมีแต่อะไรพวกนี้ จึงตัดสินใจเรียน แล้วก็ภาคปฏิบัติมันไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ถ้าเทียบกับพวกทฤษฎี

“โห วาดสวยนะเนี่ย”

“เชี้ย!!!” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงใครไม่รู้ดังข้างๆ หู

พอหันไปมองก็เห็นต้นเหตุของเสียงยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างหลัง

“ตกใจหรอ ขอโทษๆ ” ดูมันครับ ปากบอกขอโทษแต่ยังหัวเราะไม่เลิก

“มาทำไม”

“555 อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่า อะนี่” แก้วชาเย็นร้านเดิมถูกยื่นมาตรงหน้าผม

เป็นอะไรกับชาเย็นวะ

“ยังกินได้แน่หรอ” ผมมองน้ำแข็งแทบจะละลายหมดแล้ว

" โทษที ไม่คิดว่ามันจะละลายเร็วขนาดนี้วันหลังเดี๋ยวแยกน้ำแข็งดีกว่า”

“ทำไมต้องชาเย็น”

“หือ...เพราะกูชอบไง” ก็เลยซื้อมาให้เนี่ยนะ

“ทีหลังไม่ต้องซื้อ” ผมว่าพลางวางแก้วชาเย็นไว้ข้างตัวก่อนจะเก็บสมุดวาดรูป

“ทำไม”

“เกรงใจ” ผมตอบไปตามความจริง อีกอย่างผมกับมันก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

“เกรงใจทำไม คนกันเองน่า” กันเองขนาดนั้นเลยหรอ

ผมมองใบหน้าที่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจของมันอย่างนึกขำ พลางคิดว่ามันเหมือนกับไอ้ไม้ไม่มีผิด

“เราเป็นเพื่อนกันหรอ” มันพยักหน้า

“ใช่ดิ เราควรผูกมิตรกันไว้จนกว่าจะเรียนจบเทอมนี้นะ”

“อืม”

“อืมนี่คือ?”

“เป็นเพื่อนกันไง”

ตอนนี้มันเหมือนเด็กอนุบาลที่ซื้อของมาขอเป็นเพื่อนกับคนอื่นยังไงยังงั้น เท่าที่ดูเหมือนคนอย่างมันจะไม่น่ามีเพื่อนน้อยจนต้องมาตามตื๊อผมแบบนี้นะ

“พระอาทิตย์ตกดินโคตรสวย”

ผมมองตามก็พบว่าสีของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

คนข้างๆ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนกล้องมาทางผม

“ถ่ายทำไม” มันยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า

“ถ่ายเพื่อนใหม่ไง”

เห่อขนาดหรอวะ

“จะวาดรูปต่อปะ” หมดอารมณ์ตั้งนานแล้วเว้ย

“ไม่เดี๋ยวจะกลับแล้ว”

“กลับด้วย” ผมมองรอยยิ้มซื่อๆ ของมันอย่างอ่อนใจ นี่มันก๊อปปี้ไอ้ไม้มารึเปล่าวะเนี่ย

“กลับจักรยานนะ”

“กลับด้วย เดี๋ยวกูปั่นให้” นี่กูได้เพื่อนหรือได้ลูกวะ

“ตามใจ” ผมเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าทันที


“ไหวแน่หรอ” ผมมองจักรยานสลับหน้าคนที่จะปั่น

“ไหวดิ” หมายถึงจักรยานน่ะจะไหวหรอ ตัวแต่ละคนก็ไม่ใช่เล็กๆ

“ขึ้นมาเร็วจะพาไปกินข้าว”

“ด้วยจักรยาน?”

“ใช่ไง ตอนเย็นๆ ปั่นจักรยานบรรยากาศดีจะตาย” หน้าตาดูมีความสุขมากจริงๆ มึงไม่เคยปั่นจักรยานรึไง

“ปกติอารมณ์ดีแบบนี้ตลอดหรอ”

“เปล่า แค่วันนี้มีความสุข” รอยยิ้มถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ดูว่ามีความสุขจริงๆ

“ไปกันเถอะ” ผมนั่งซ้อนท้ายก่อนจะบอกให้อีกคนปั่นออกไป

“นี่..”

“หือ”

“เริ่มสนิทกันบ้างแล้วเนาะ”

“อืม”

มีเพื่อนเพิ่มอีกก็ไม่ได้แย่

ถึงจะเหมือนมีไอ้ไม้อีกเวอร์ชั่นหนึ่งก็เถอะ



.............................



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

07:10 น.

ใครมันมาเคาะประตูแต่เช้าเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้วันหยุดคนจะหลับจะนอนโว้ยยย!

ก๊อก! ก๊อก!

นั่น เคาะแรงกว่าเดิมอีก แน่จริงมึงเคาะให้มือหักไปเลยดิ

ผมพยายามลุกออกจากที่นอนอย่างฝืนใจสุดๆ ถ้ามาแล้วไม่มีธุระสำคัญนะมึงแม่งจะด่าให้หูดับเลย

“อรุณสวัสดิ์”

พอเปิดประตูผมก็แทบจะปิดในทันที แต่อีกคนมือไวกว่าคว้าขอบประตูไว้ได้ชะก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อวานได้ไหม ผมจะไม่รับมันเป็นเพื่อนแม่ง ไอ้อิฐ!

“ขอเข้าไปหน่อยน่า” ไม่ทันที่จะรอให้ได้ผมอนุญาต มันก็เบี่ยงตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

เอาเข้าไป อยากทำอะไรก็ทำเลย นี่ห้องกูตามสบายเลยมึง

ผมเดินกลับไปที่นอนแล้วล้มตัวลงนอนอย่างไม่นึกห่วงว่าคนที่เข้ามาจะทำอะไรกับห้องผมบ้างแต่ที่แน่ๆ มันคงไม่มีทางขโมยของหรอกดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะขัดสนอะไร

“ไม่มีของสดไว้ทำอาหารเลยหรอ”

ตอนนี้ผมง่วงมาก ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วครับ

“ลม ตื่น” ผ้าห่มของผมถูกดึงออกพร้อมกับเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ

“ไอ้อิฐ” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่อง

“ว่าไงครับ” เอ้ายิ้ม ยิ้มเข้าไป

“มึงเข้าใจไหมว่าวันนี้เป็นวันหยุด แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามมึงมาห้องคนอื่นทำไมแต่เช้า”

ผมยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมเมื่อมันยังมองหน้าผมแล้วเอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น

“ทีตอนเจอกันครั้งแรกยังพูดเพราะกว่านี้เลย แถมยังพูดน้อยด้วย”

งั้นย้อนกลับไปตอนวันแรกได้ไหมล่ะ จะได้ไม่มีคนมากวนเวลานอนแบบนี้

“วันนี้จะไปซื้อของอะ กูไม่ได้บอกมึงหรอ” มึงนอนฝันมาหรอเมื่อคืน

“ไม่ได้บอก”

“สงสัยจะลืมมั้ง งั้นมึงรู้แล้วก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวดิ”

ใคร จะ ไป กับ มึง

“มึงละเมอหรอ”

“ตื่นเต็มตาเลย”

“ออกไปเลยกูจะนอน” มันหุบยิ้มแล้วทำหน้านิ่งๆ เมื่อผมพูดแบบนั้น

“โอเค ไปก็ได้” แล้วมันก็เดินออกไปเลยครับ เห็นแบบนั้นผมจึงพูดตามหลังมันว่า...

“ปิดประตูให้ด้วย”

ใครจะสนล่ะครับว่ามันจะโกรธรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมง่วง!



09:30 น.

ผมลืมตาขึ้นก่อนจะลุกแล้วบิดขี้เกียจไปมา ความผิดปกติแรกที่ผมรู้สึกก็คือกลิ่นอาหารมาจากไหน ไม่ใช่อะไรนะผมกำลังหิวพอดี

เมื่อผมเดินออกมาจากห้องภาพตรงหน้าก็คือคนที่เข้ามาก่อกวนผมเมื่อเช้าซึ่งตอนนี้กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ ตรงหน้ามีโต๊ะญี่ปุ่นที่มีอาหารจัดเตรียมไว้

มันไม่กลับแถมยังซื้อกับข้าวมาไว้ด้วย

รู้สึกผิดขึ้นมาเลยแฮะที่ไล่มันเมื่อเช้า

“ทำไมยังไม่กลับ”

“ตื่นแล้วหรอ” มันไม่ได้หันมามองผมแต่กำลังเล่นเกมอย่างเมามันส์

“ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมากินข้าว”

นอกจากจะเอาแต่ใจแล้วยังชอบสั่งคนอื่นอีก แต่เกือบจะทุกครั้งที่ผมก็บ้าจี้ไปกับมันด้วย

พออาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวด้วยชุดไปรเวท แต่พอมองไอ้คนที่นั่งเล่นเกมอยู่นั้นช่างต่างกันชะเหลือเกิน มันที่เซทผมมาอย่างดีกับเสื้อแจ็คเก็ตด้านนอกต่างจากผมที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์

“นี่ซื้อมาให้กูหรอ” มันพยักหน้า แต่ยังคงก้มหน้าเล่นเกมต่อไป

“ไม่ได้ให้กินฟรีนะ” คราวนี้มันเลิกเล่นแล้วเท้าคางมองผมยิ้มๆ

“เท่าไหร่”

“ไม่ขายครับ” กวนตีนอีก ผมเลิกสนใจมันแล้วตัดข้าวตรงหน้าเข้าปากแทน

“ไปซื้อของเป็นเพื่อนกูก็พอ” หึ มัดมือชกสุดๆ แล้วผมจะปฏิเสธอะไรได้ล่ะก็กินข้าวมันไปแล้วนี่



“สรุปจะมาซื้ออะไร” ผมถามออกไปหลังจากที่มันพาผมเดินไปนั่นไปนี่แต่ไม่ซื้ออะไรสักอย่าง

“เอ่อ ซื้อ… หนังสือ!” เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้คิดว่าจะมาซื้ออะไร หลอกผมมาชัดๆ

“มึงไม่ได้จะมาซื้ออะไรใช่ไหม” ผมถามมันขณะที่มันทำเป็นดูหนังสือ

“จับได้แล้วหรอ” ไม่มีพิรุธเลยมั้ง

“ก็วันหยุดทั้งที เลยอยากพาเพื่อนใหม่ออกมาเปิดหูเปิดตาไง” วันหยุดควรนอนอยู่ห้องต่างหากล่ะ

“ทำไมทำเหมือนไม่เคยมีเพื่อนอะ”

“เคยมี แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าไง” ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ามันไม่ส่งสายตาแปลกๆ มาด้วยตอนพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา

ให้ตายสิ ผมไม่ได้รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของมันใช่ไหม

“เลี้ยงข้าวกูด้วย”

“เดี๋ยวนี้พัฒนาหรอ มีบอกให้เลี้ยงข้าวด้วย” ผมโคตรเกลียดหน้าตาล้อเลียนของมันตอนนี้เลยว่ะ

" ไม่ได้หรอ " พอผมพูดแบบนั้นมันก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา

“อยากกินอะไรบอกมาเลย” จะผลาญให้หมดตัวจนไม่กล้าพูดคำนี้อีกเลยคอยดู

“แต่ก่อนจะไปหาไรกินพาไปตัดผมหน่อย”

“ไม่ดูหนังสือแล้ว?”

“กูไม่ได้อยากดูตั้งแต่แรกแล้วนี่” พูดเสร็จมันก็ลากผมออกจากร้านหนังสือทันที

“มึงว่ากูทำผมทรงไหนแล้วหล่ออะ” มันหันมาถามผมรอบที่3 ก่อนจะเปิดทรงผมในเน็ตดู มากับมันวันนี้ผมได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันหลายอย่าง ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งชอบบังคับ ทั้งที่ภายนอกมันดูสุขุมกว่านิสัยที่มันแสดงออกแท้ๆ

ผมนั่งมองมันอย่างเซ็งๆ เรื่องมากว่ะ ทำทรงไหนก็ทำเถอะ

“เลือกสักทรงดิ” ผมเริ่มรำคาญจริงๆ แล้วนะ

“เอาทรงนี้ครับ” มันหันไปบอกช่างตัดผมแล้วเดินไปนั่งประจำที่ทันที

ลีลาเก่ง

“ลมยืมมือถือหน่อย”

“เอาไปทำไม”

“เร็วๆ แปปเดียว ช่างจะตัดผมแล้วเนี่ย” เอาแต่ใจว่ะ แม่ง

ผมส่งมือถือไปให้มันอย่างตัดความรำคาญ ถ้าไม่ยอมมันก็จะดึงดันอยู่นั่น

“อะ ตัดผมเสร็จเดี๋ยวไปรับแอด”

รับแอดอะไรของมัน

ผมเข้าใจทันทีที่หน้าจอมือถือปรากฏหน้าไทม์ไลน์ของคนที่เพิ่งยืมมือถือผมไปเมื่อกี้

เอามือถือคนอื่นไปแอดเฟสตัวเองก็ได้ด้วย บอกผมดีๆ ก็ได้ไหมถามจริง

สักพักไอ้อิฐก็เดินมาหาผมพร้อมกับผมทรงใหม่ นั่งเลือกตั้งนานสุดท้ายก็ตัดทรงอันเดอร์คัตอยู่ดีแต่พอมันตัดจริงๆ ก็ดูแบดขึ้นหลายเท่า

“หันมาหน่อย”

ผมเงยหน้าพอดีกับที่มันกดถ่ายรูป เหวอแดกเลย หมายถึงหน้าผมที่ไปโผล่ในกล้องนะ ทำไรไม่บอกกันกันเลยแม่ง

" เดี๋ยวกูแท็กในเฟสนะ " แล้วแต่ใจเลยครับ

“กลับยัง”

“โอเค เสร็จละ” ไม่ฟังกูอีก

ตึง~

Aid indy ได้แท็กคุณในโพส " สวัสดีเพื่อนใหม่~ "

แคปชั่นพร้อมกับภาพที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อกี้ ก่อนจะลงช่วยเช็คหน้ากูด้วยโว้ย

แต่พอโพสไม่กี่นาทีคนก็มาคอมเม้นท์



Camp: มันยังไงครับบ ไปเป็นเพื่อนกันตอนไหนล่ะนั่น

Sin: ไอ้อิฐมึงไปอยู่กับเขาได้ไง!!!!!!

Mind: กรี๊ดพี่ลมมม

Ann: เรือมาปะเธอออ #อิฐลม

Viw: เขาไปอยู่ด้วยกันได้ไงอะ เรืออิฐลมต้องมาแล้วปะ

Fha: พี่อิฐตัดผมใหม่โคตรเท่><



และอีกหลายคอมเม้นท์ที่กำลังตามมา

ผมเลิกดูแล้วเก็บมือถือทันที เพราะไม่คิดจะใส่ใจอะไรอยู่แล้วแค่อย่ามีเรื่องวุ่นวายตามมาก็พอ

“ไปหาไรกินกัน”

แขนหนักๆ ยกขึ้นมากอดคอผมทันที

อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้จากคนข้างๆ คือ เนียนเก่งชิบหาย!





ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #14 เมื่อ23-11-2019 18:57:03 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #15 เมื่อ23-11-2019 20:27:31 »

เนียนเป็นแฟนด้วยแน่ๆ  :impress2:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #16 เมื่อ24-11-2019 09:39:57 »

Chapter 6
คนที่เธอเป็นห่วง


ผมไม่คิดว่าวันหนึ่งผมจะมายืนอยู่หน้าห้องที่ไม่เคยคิดอยากจะมาสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคิดว่าเจ้าของห้องเป็นใครก็แทบจะถอนหายใจในทันที

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้า


‘เอ่อ..ลมเราฝากชีทไปให้อิฐหน่อยได้ไหม’ เสียงใสๆ ของคนตรงหน้าดังขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

‘ทำไมถึงมาฝากเราล่ะ’

‘พอดีอิฐไม่มาน่ะ เรา...เห็นว่าลมสนิทกับอิฐก็เลยเอามาให้’ เธอยื่นชีทที่ว่าให้ผม

‘อืม เดี๋ยวเราเอาไปให้มันเอง’ ผมรับชีทจากเธอก่อนเธอจะยิ้มอย่างโล่งใจ

‘ฝากด้วยนะ อาทิตย์หน้ายิ่งมีควิซด้วย’

‘แล้ว…ทำไมอิฐไม่มาล่ะ’ ผมถามคนตรงหน้า

‘เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ อิฐไม่ได้บอกใครเลยอีกอย่างไม่มีใครสนิทกับอิฐเท่าไหร่น่ะ’

‘เราฝากด้วยนะ ขอตัวก่อน’ เธอยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป


นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าห้องไอ้อิฐตอนนี้ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมติดต่อมันไม่ได้เลยต่างหาก ไลน์ก็ไม่ตอบทั้งที่ปกติมันตอบเร็วยิ่งกว่าอะไร

ก๊อก ก๊อก

มีแต่ความเงียบตอบกลับมาหลังจากที่ผมเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก

รอสักพักก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าจะไม่อยู่วะคงไปทำธุระละมั้ง

ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับประตูก็เปิดออก พร้อมกับคนที่ผมเพิ่งจะบอกว่าติดต่อมันไม่ได้

สภาพผมเพ้าไม่เป็นทรงกับการแต่งตัวที่บ่งบอกว่าไม่ได้ออกไปไหนมีแค่เสื้อกีฬากับกางเกงกีฬาแถมหน้าตาของมันก็ดูซีดๆ

“เป็นอะไร”

“ปวดหัว”

ผมเดินเข้าไปหามันก่อนจะเอามือแตะหน้าผากมันก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้มันอยู่ในสภาพแบบนี้คืออะไร ตัวมันโคตรร้อนเลย

“เข้าไปในห้องก่อน” มันทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียง

“ได้กินข้าวกินยาบ้างรึเปล่า” อย่าบอกนะว่าอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่เมื่อเช้า

“กิน” เสียงก็แทบจะไม่มี ป่วยทำไมไม่บอกใครเลยวะ

เมื่อเห็นมันเหมือนจะหลับผมจึงเดินไปหาชามเล็กๆ ก่อนจะใส่น้ำมาแล้วหาผ้าสะอาดมาชุบน้ำเพื่อจะเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง

“อิฐกูเช็ดตัวให้นะ” ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนที่นอนอยู่ แต่กลับเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอแทน

มันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมเช็ดหน้าให้ก่อนจะนิ่งไป ผมจึงเช็ดตัวให้มันจนเสร็จก่อนจะเอาผ้าวางไว้ที่หน้าผากเผื่อจะคลายความร้อนจากตัวมันได้บ้าง พลางคิดว่าผมควรออกไปซื้ออะไรมาไว้ให้มันกินสักหน่อย





“เดี๋ยวกูไปหาไอ้อิฐนะ” ผมบอกไอ้ไม้ที่ตอนนี้มันนอนเล่นเกมอย่างสบายอารมณ์อยู่เตียงของมัน

“เพื่อนรักมึงอะหรอ” ประชดอีกละ

ตั้งแต่ที่มันรู้ว่าผมรู้จักกับไอ้อิฐ มันก็เอาแต่บ่นว่าผมลืมมัน ไม่สนในมันอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งตอนนั้นผมก็บังคับมันไปขอโทษไอ้อิฐเรื่องที่มันไปหาเรื่องเขาด้วยมันเลยงอนอยู่แบบนั้น แต่ผมก็รู้แหละว่ามันไม่ได้จริงจังอะไร

“มันไม่สบาย” ผมว่าพลางหยิบงานที่ต้องทำไปด้วย งานก็ต้องทำคนป่วยก็ต้องดูจะไม่ไปดูมันก็ยังไงอยู่เพราะผมเป็นคนไปเห็นมันอยู่ในสภาพแบบนั้น อีกอย่างตอนนี้มันก็เป็นเพื่อนผมคนหนึ่ง

“โอ้ยยลม กูไม่สบายจะตายแล้วเนี่ยยยย”

“กวนตีนละ”

“เอ้า ก็มึงจะได้ดูแลกูบ้างไง” กูไม่ได้มีหน้าที่ดูแลคนอื่นนะเว้ย

“กูจะปล่อยให้มึงนอนตายอยู่อย่างนั้นแหละ”

“ใช่ชี้ กูไม่ใช่เพื่อนอิฐมึงนี่” ป่วยการจะเถียงกับมันแล้วครับ

“ไปละ”

“แล้วจะกลับห้องปะ” คราวนี้มันถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กลับ แต่จะดูอาการมันก่อน”

“อย่าเพิ่งให้มันตายล่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะเหงา อิอิ” อิอิเชี้ยไรล่ะ

ขอโทษที่เมื่อกี้บอกว่ามันจริงจังนะครับ ไม่น่าไปหวังอะไรจากมันเลย

ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ แล้วหอบงานเตรียมออกจากห้องพลางหยิบอาหารกับยาที่เพิ่งซื้อมาไปด้วย

ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะโอเคขึ้นรึยัง

พอเข้ามาในห้องผมก็วางของแล้วตรงไปยังเตียงของไอ้อิฐ ใช้หลังมือแตะหน้าผากมันเบาๆ อย่างน้อยก็โอเคกว่าตอนแรกๆ ถ้ามันตื่นขึ้นมากินข้าวกินยาได้ก็คงจะไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งทุ่มกว่าๆ ปล่อยมันนอนพักอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

ก่อนที่ผมจะทำงานผมก็สังเกตเห็นสภาพห้องซึ่งตอนเข้ามาแรกๆ ก็ไม่ทันได้สนใจ เห็นแบบนี้แล้วคงต้องทำความสะอาดห้องให้มันสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง โคตรรกเลยเข้าใจนะว่าอยู่คนเดียวแต่มันไม่จำเป็นต้องรกขนาดนี้ปะวะ

ผมเริ่มจากการจัดข้าวของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่ก่อนจะหาไม้กวาดมากวาดห้องจากนั้นก็ไปล้างจาน ดีนะที่จานดูเหมือนเพิ่งใช้งานไปไม่ใช่แช่ไว้เป็นอาทิตย์

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เพราะส่วนมากในห้องผมผมก็เป็นคนทำหน้าที่นี้ส่วนไอ้ไม้มันเป็นตัวขี้เกียจที่ไม่ว่าผมจะบ่นมันยังไงมันก็ไม่สนใจ

พอห้องสะอาดเรียบร้อยดีแล้วผมจึงหาโต๊ะญี่ปุ่นมากางก่อนจะลงมือทำงานตัวเองขณะรออีกคนตื่น



22:30 น.

“ลม...” เสียงติดจะแหบนิดๆ ของไอ้อิฐที่เรียกผมทำให้ผมแทบจะลุกขึ้นทันที แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมันมายืนอยู่ใกล้ๆ

“ดีขึ้นแล้วหรอ” มันพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“เดี๋ยวกูไปอุ่นข้าวต้มให้” ผมลุกขึ้นไปจัดการเอาข้าวต้มใส่ไมโครเวฟ หันมาก็เจอไอ้อิฐที่กำลังนั่งมองผมตาแป๋วอยู่ ท่าทางมันตอนนี้เหมือนลูกหมาไม่มีผิด น่ารักว่ะ

ผมชะงักกับความคิดของตัวเองทันที

น่ารักกับไอ้อิฐเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว

ผมส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกทันที



ติ๊ง~

จังหวะเดียวกับเสียงของไมโมเวฟดังขึ้น ผมยกข้าวต้มไปให้ไอ้อิฐ

“กินให้หมดนะ”

“มึงซื้อมาหรอ”

“อืม กินให้หมดด้วย” มันทำท่าเหมือนไม่อยากกินแต่ก็ยอมตักเข้าปาก ผมนั่งมองมันอยู่อย่างนั้นไม่ใช่อะไรนะครับแค่กดดันให้มันกินข้าวหมดแค่นั้นเอง…

“อิ่มแล้ว” ผมมองข้าวที่เหลือในถ้วย อย่างน้อยก็กินได้ถึงครึ่งล่ะวะ

ผมลุกเอาถ้วยไปเก็บก่อนจะล้างให้เรียบร้อยกลับมาไอ้อิฐก็ยังนั่งหน้าหงอยอยู่ที่เดิม พอป่วยแล้วก็สงบปากสงบคำขึ้นเยอะ สบายหูจริงๆ

“กินยาด้วย”

“มึงซื้อมาหรอ” มันมองถุงยาสลับกับมองหน้าผม

เขาคงให้มาฟรีมั้ง

“กิน เดี๋ยวอีกหน่อยกูจะกลับแล้ว” มันกินยาตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย

“ไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยหรอ เผื่อกูไข้ขึ้นกลางดึกไง”

“กูเฝ้ามึงมาหลายชั่วโมงแล้ว กูจะกลับไปนอน”

“ก็เฝ้าอีกสักหลายๆ ชั่วโมง...ไง” มันเริ่มเบาเสียงลงเมื่อผมทำหน้านิ่งๆ พูดได้ขนาดนี้คงจะไม่ต้องห่วงละ

“โอเคๆ กลับก็กลับแต่อยู่เป็นเพื่อนสักพักนะกูเพิ่งตื่นมันนอนต่อไม่ได้” มันทำหน้าอ้อนๆ หมายถึงอ้อนตีนน่ะครับ

“อืม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป”

“ไม่เป็นไร ไม่หนาวแล้ว” ตามใจ ไข้ขึ้นอีกผมกลับนะบอกเลย

“แล้วทำไมมาหากูอะ” มันมองผมยิ้มๆ

“เอาชีทมาให้ เพื่อนมึงฝากมา” ว่าแล้วผมก็หาชีทแล้วยื่นให้มัน

“เพื่อนไหน” มันรับชีทไปแล้วทำหน้างงทันที

“ไม่รู้แต่เป็นผู้หญิง”

“ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไรอะ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยออก

“งาน” พอดีขึ้นก็เริ่มวอแวอีกแล้ว

“แล้วพรุ่งนี้มีเรียนไหม”

พอเห็นมันเงียบไปสักพักผมเลยถามขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซึ่งมันก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว

“มีตอนเช้า มีควิซด้วย”

“อ่านหนังสือรึยัง” ให้เดาว่าสภาพแบบนี้คงอ่านอะไรไม่ได้

“ระดับนี้แล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ท๊อป” หมั่นหน้าจริงๆ

“กูกลับก่อนดีกว่า” พูดเจื้อยแจ้วได้ขนาดนี้คงไม่ตายแล้วล่ะ ผมจึงเก็บงานแล้วเตรียมกลับห้อง

“กลับเร็วจัง กูยังไม่ดีขึ้นเลย” ไม่ดีขึ้นเลยมั้งกวนได้ขนาดนี้

“พรุ่งนี้มีเรียน ง่วงแล้ว”

“เดี๋ยวเดินไปส่ง” มันทำท่าจะลุกแต่ผมห้ามไว้

“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง”

“เอาน่าแค่หน้าประตูเอง” ไม่ฟังอีกละ

“ตามใจ”

“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”

“9โมง”

“เจอกันพรุ่งนี้นะ แล้วก็…ขอบคุณที่ดูแลกู”

รอยยิ้มถูกส่งมาจากคนที่ยืนพิงประตูแล้วมองมาทางผม มันเป็นรอยยิ้มดูอบอุ่นและสื่อความหมายจนทำให้ที่คนมองอย่างผมก็เผลอใจเต้นแรงไปแวบหนึ่งเหมือนกัน

โอเคลม มึงควรตั้งสติแล้วกลับห้อง!





......................



เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ที่แน่ๆ มันต้องไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าของรอยยิ้มบ้าๆ เมื่อคืนนี้สิ

“ตื่นทำไมแต่เช้าเนี่ย เรียน9โมงไม่ใช่หรอ” เห็นมันว่าผมอย่างนี้มันก็ตื่นตามผมอยู่ดี

“กูนอนไม่หลับ”

“ทำไมอะ เป็นห่วงไอ้อิฐหรอ” มึงจะเอ่ยชื่อมันทำไมวะ

“เดี๋ยวกูออกไปละ”

“ไอ้ลมมนี่เพิ่ง8โมง ที่เรียนก็อยู่แค่นี้เอง”

“กูจะไปปั่นจักรยาน”

“จะมารักโลกอะไรตอนนี้” เรื่องของกูโว้ย

ผมคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนเสียงไอ้ไม้ที่ตะโกนตามหลัง

ตอนเช้าบรรยากาศค่อนข้างดีเหมาะกับการปั่นจักรยานมาก ที่บอกไอ้ไม้ว่าจะไปปั่นจักรยานนั่นเรื่องจริงนะผมว่ามันได้บรรยากาศดีออก

ผมไขกุญแจที่ล็อคล้อออกก่อนจะก้าวขาคร่อมจักรยานแต่ยังไม่ทันจะได้ปั่นไปไหนก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังจากด้านข้างโรงรถ

ผมจึงปั่นจักรยานไปใกล้ๆ จุดที่เสียงดังออกมา

“เมื่อวานไม่ได้มาหาเลย ไม่สบายว่ะแต่รู้ปะมีคนใจดีไปดูแลกูด้วยนะเจ้าดำ”

ผมมองภาพผู้ชายที่กำลังลูบหัวลูกหมาตัวสีดำอย่างเอ็นดู ทั้งอีกมือหนึ่งก็ถือไม้หมูปิ้งเอาไว้

และผู้ชายที่กำลังป้อนหมูปิ้งลูกหมาอยู่ตรงหน้าผมคือ ไอ้อิฐ…

หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ

“เขาโคตรน่ารักเลย ถึงจะชอบทำหน้านิ่งๆ ก็เถอะ”

เอาอีกแล้วความรู้สึกแปลกๆ มาอีกแล้ว

“น่ารักเนาะ”

นอกจากมุมไร้สาระมันก็มีมุมแบบนี้ด้วยแฮะ

“อะแฮ่ม!”

ขณะที่ผมมองไอ้อิฐอยู่เสียงใครก็ไม่รู้ดังขึ้นจึงทำให้คนที่กำลังคุยกับหมาอย่างเป็นจริงเป็นจังหันมาทางผมโดนที่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำหน้าแบบไหน

เลิ่กลั่กเลยกู

แม่งมันต้องจับได้แน่เลยว่าผมแอบมอง

“มิน่าถึงอยากออกมาปั่นจักรยาน” เสียงคุ้นๆ ดังข้างหูผม พอหันไปมองแล้วรู้ว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ

มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูรึไงไอ้ไม้!

ว่าแต่ทำไมมันแต่งตัวไวจังวะเนี่ย

“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“มะ… มาเมื่อกี้” เนียนมากไอ้ลม เนียนจนเขาจะจับได้เนี่ย

“พอดีเลยว่าจะขึ้นไปหา อะนี่ซื้อมาฝากยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม” ไอ้อิฐยื่นถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้ผมก่อนจะยิ้มกว้างให้เหมือนอย่างเคย

คงไม่ใช่หมูปิ้งของลูกหมาใช่ไหมวะ

" อันนี้กูซื้อแยกให้มึง ส่วนไอ้เนี่ยมันกินหมูปิ้งของกู " สงสัยผมจะคิดผ่านทางหน้าตามากไป จนมันจับทางได้

“อะแฮ่มๆ ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนเด้ออ”

“ไง ไอ้หมาบ้าวันนี้ก็ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ”

“ดูเพื่อนมึงดิไอ้ลม ปากหมาจริงๆ ” พอๆ กันนั่นแหละ

“ขอบใจ แล้วนี่หายดีแล้วหรอ” ผมรับถุงกมูปิ้งมาถือไว้ก่อนจะถามอาการมัน แต่ไอ้คนข้างๆ กลับพูดแทรกขึ้นซะก่อน

“มันถึกจะตาย ไม่ตายง่ายๆ หรอก”

นี่แหละครับพอเจอกันทีไรก็กัดกันทุกที

“ใครจะอ่อนแอเหมือนมึงล่ะ” เริ่มปะทะกันแล้วครับ

“มึงว่าใครอ่อนแอหะ!”

น่ารำคาญเว้ย

ผมค่อยๆ เคลื่อนจักรยานออกมาก่อนจะรีบปั่นออกมาทันที

ไม่อยู่แล้วครับพอไอ้สองคนนั้นเจอกันทีไรทำเอาอารมณ์ดีๆ ของผมหายไปหมดเลย



“ลม!”

ได้ยินแต่เสียงพวกมันตะโดนตามหลังแว่วๆ

ตะโกนไปเลยกูไม่ไปกลับหรอกเชิญพวกมึงเถียงกันไปเลย

ตึง~ ตึง~ ตึง~

เสียงแจ้งเตือนที่ดังรัวๆ จนผิดปกติทำให้ผมหยุดปั่นจักรยานก่อนจะจอดข้างทางแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู



' เมื่อเช้าแอดเดินผ่านหอชายมาค่ะทุกคนนนนนนน ให้ทายว่าแอดไปเจออะไรมา????

เจอสามคนใต้ภาพค่ะ บอกเลยว่าขนาดมองไกลๆ ยังงานดี!

แต่แอดสงสัยว่าอาจจะเป็นรักสามเศร้ารึป่าวเอ่ยยยย เลือกใครไม่ได้เลยนะตอนนี้

#ไม้ลม ก็ดีแต่ #อิฐลม ก็มาแรง โอ้ยยยเลือกลงเรือไม่ถูกเลยค่า

#ไม้ลม #อิฐลม #ของดีวิศวะ #สมบัติคณะ '



ภาพประกอบแคปชั่นที่ว่าคือตอนที่พวกผมกำลังยืนคุยกันอยู่ด้านข้างโรงรถเมื่อกี้ มาเดินผ่านตอนไหนวะนั่น แล้วลงไวอีกต่างหาก เริ่มกลัวแล้วนะเนี่ย

ผมเริ่มหันซ้ายหันขวาเผื่อว่าจะมีใครตามมาอีก ตอนปี1ก็ไม่ขนาดนี้นี่นาถึงจะมีแต่ภาพแอบถ่ายก็เถอะ

แล้วดูแต่ละคอมเม้นท์



สถา สถาปัตย์: โห่ เบ้าหน้าแต่ละคนยอมแล้วเด้ออ

Kik: ลงเรือ #อิฐลม จ้า

Bamm: ต้นไม้สู้เขา!!

Wa Yu: พี่อิฐของผมมมม

Sun: หนักใจแทนลมเลยอะงานดีทั้งคู่ แอร๊ยยยย

Dream Yaa: ช่วงนี้เหมือนจะเห็น #อิฐลม อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ด้วยอ่า

Jan Jann: เคมีคู่นี้คือดีมากแม่ #แนบรูป



รูปที่ว่าคือรูปถ่ายที่ผมกับไอ้อิฐยืนคุยกันแล้วมันกำลังยิ้ม

ไปถ่ายตั้งแต่ตอนไหนวะ พลังสาววายโคตรน่ากลัวเลยแค่ไอ้ไม้ก็วุ่นวายจะแย่แถมตอนนี้ยังมีอีกคนที่ทำให้เป็นจุดสนใจขึ้นไปอีก ผมก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าคนอื่นจะสนใจชีวิตพวกผมขนาดนี้

ดูเหมือนว่าต่อจากนี้อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาซะแล้วสิ...



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #17 เมื่อ24-11-2019 11:20:24 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แฟนคนก่อนของลมคือใคร?

ไม้เนี่ยแอบชอบลมหรือเปล่า?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #18 เมื่อ24-11-2019 13:20:54 »

 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #19 เมื่อ24-11-2019 20:17:00 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-11-2019 20:17:00 »





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #20 เมื่อ24-11-2019 22:02:07 »

 :L2: :pig4:
ลุ้น

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #21 เมื่อ25-11-2019 01:47:00 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #22 เมื่อ25-11-2019 07:17:13 »

Chapter 7
คนที่เขา...ชอบ

Aid'Part



“มั่นหน้า!”

“หน้าด้านสุดๆ ”

“เจ๋งสุดๆ .....โอ้ย! ไอ้แคมป์มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย”

“พวกกูกำลังด่ามัน ใครใช้ให้มึงชม” ผมไม่รู้จะโกรธหรือจะขำพวกมันดีที่อยู่ๆ ก็รวมตัวกันมาด่าผม ที่แปลกใจก็คือไอ้ติณณ์ก็เอากับพวกมันด้วยนี่สิ

“มึงคิดดูดิมันจะไม่เจ๋งได้ไง มันได้เป็นเพื่อนลมเลยนะเว้ย” คนที่คาดไม่ถึงคือไอ้ศิลป์ครับ ตั้งแต่ที่รู้ว่าผมรู้จักกับลม ก็เอาแต่ถามว่าผมทำยังไงตอนแรกนึกว่ามันจะไม่พอใจซะอีก

“หน้าด้านอย่างมันเนี่ยนะเจ๋ง มึงไปยัดเยียดความเป็นเพื่อนให้เขาใช่ไหม ตอบ!” ดูคำพูดคำ จายัดเยียดห่าไร เขาเต็มใจเว้ย       (รึเปล่าวะ)

“ชอบเขาหรอวะ”

พอไอ้ติณณ์ถามออกมาแบบนั้นไอ้สองตัวมันก็เงียบแล้วหันมามองหน้าผมอย่างตั้งตารอคำตอบทันที

ดูจริงจังกันซะจริงๆ

ตอนที่พวกมันรู้ว่าผมกับลมเป็นเพื่อนกันพวกมันก็ดูจะสนใจเหลือเกิน ถามผมทั้งเรื่องที่เขาโพสในเฟสหรือที่ผมโพสบ้างและล่าสุดคำถามของไอ้ติณณ์นี่แหละพีคสุด

ชอบงั้นหรอ คำนี้ไม่ได้มีในหัวเลยนะ…

“ชอบอ่ะไร ถ้าหมายถึงชอบแบบเพื่อนอะชอบ” ผมคิดว่างั้นนะ

“ตอแหล” หนึ่งดอกจากไอ้แคมป์

“เพื่อนที่ไหนซื้อของไปให้เกือบทุกวัน” ดอกที่สองจากไอ้ติณณ์

“ถ้ามึงไม่จีบกูจะจีบแล้วนะ” ส่วนไอ้ศิลป์…

ควับ!

ผมหันไปมองหน้ามันทันที

“นั่นๆ มึงมองหน้าไอ้ศิลป์ทำไม หวงอะดิ”

ผมว่าไอ้แคมป์แม่งมั่วว่ะ หวงอะไรผมแค่มองหน้าไอ้ศิลป์เฉยๆ เหอะ

“กูไม่ได้ชอบเว้ย”

“ชอบก็บอกว่าชอบ มึงจะกั๊กทำห่าอะไร” ผมไม่ได้กั๊กนะแค่ไม่รู้ว่าจะบอกว่ายังไงดี มันอธิบายไม่ถูกว่ะรู้แค่ว่าอยากเห็นหน้า อยากคุยด้วย อยากซื้อของกินไปให้และที่สำคัญอยากเห็นเขายิ้มถึงแม้ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาจะไม่เคยเห็นเลยก็เถอะ

“คนสนใจเยอะนะเว้ย ชักช้าหมาคาบไปแดก”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละสัส เพื่อนกัน”

“มึงใช้วิธีจีบคนอื่นเป็นเพื่อนหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย” เอาไอ้แคมป์ไปเก็บทีครับ

“จีบก็บอกว่าจีบดิ” พวกมันต้องการอะไรจากผมครับทุกคนนนนน

ไลน์~

ก่อนที่ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกมันเสียงไลน์ก็ดังขึ้นพอดี

พอคิดว่าใครจะไลน์มาผมก็รีบเปิดดูทันที

LM: ห้องสมุด

ข้อความตอบกลับมาจากที่ผมถามไปก่อนหน้านี้ว่าเขาอยู่ไหน

“มีแอบยิ้มอีก ชอบเขาแหละดูออก” ไอ้แคมป์นี่มันวอนโดนตีนจริงๆ นะ

“มึง ขอไลน์ลมหน่อยดิ” ไอ้นี่ก็อีกคน เรื่องอะไรจะให้ล่ะวะกว่าจะได้มาต้องหาเรื่องแถนะเว้ยไม่ใช่ขอแล้วจะได้เลย

“ไม่ให้”

ผมลุกขึ้นเก็บของแล้วกะจะเดินออกได้แต่ไอ้ติณณ์เรียกไว้ชะก่อน

“แล้วนั่นมึงจะไปไหน”

“ธุระ เดี๋ยวมา”

“ธุระที่ชื่อว่าลมปะ” ผมเกลียดไอ้แคมป์ครับทุกคน!

ผมไม่ได้ตอบอะไร เดินออกมาเลยรำคาญพวกมันแซวเก่งชิบหาย

แต่ก่อนที่ผมจะมุ่งหน้าไปห้องสมุดผมก็นึกได้ว่าลมมีสอบพรุ่งนี้ตอนนี้คงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่ๆ ผมจึงแวะมินิมาร์ทใต้ตึกซื้อของกินไปให้สักหน่อย ไม่รู้ว่าได้กินอะไรบ้างรึยัง

' เพื่อนที่ไหนซื้อของไปให้เกือบทุกวัน '

กึก

ผมชะงักมือที่กำลังเลือกของกินทันทีเมื่อประโยคที่ไอ้ติณณ์เพิ่งพูดลอยเข้ามาในหัว ก่อนที่ความรู้สึกสับสนจะผุดขึ้นมา ชอบงั้นหรอ ใช่หรอวะ หรือผมแค่สนใจ เป็นห่วง อยากคุยในฐานะเพื่อน แต่เมื่อคิดกลับกันผมไม่ได้รู้สึกอยากทำแบบนั้นกับไอ้สามตัวนั้นเลยนี่หว่า

แต่จะอะไรก็ช่างเพราะตอนนี้ผมตอบตัวเองได้เพียงแค่ว่าลมพิเศษกว่าคนอื่น ก็แค่นั้น...

เมื่อเข้ามาในห้องสมุดผมก็มองหาคนที่บอกว่าอยู่ชั้นนี้พอถามอีกทีว่าอยู่ตรงไหนอีกคนก็เงียบไปเลยผมเลยต้องเดินหาและพยายามไม่ให้รบกวนคนอื่นที่สุด พอเป็นห้องสมุดแม้แต่ขยับตัวก็ดูเสียงดังแล้ว

โต๊ะตรงมุมสุดของชั้นนี้ปรากฏคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีเจ้าตัวกำลังฟลุบหลับอยู่กับโต๊ะ จากที่คิดว่าจะปลุกกลับกลายเป็นว่าผมลากเก้ากี้ด้วยเสียงที่เบาที่สุดมานั่งข้างๆ คนที่นอนฟลุบอยู่

ผมมองกลุ่มผมสีดำนั้นอย่างเพลินๆ พลันคิดถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา วันที่ผมไม่สบายแต่เป็นวันที่โคตรรู้สึกดีเลย ใครจะไปคิดว่าตื่นขึ้นมาจะมีคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอมานั่งอยู่ในห้องตัวเองแถมยังหาข้าวหายาให้ผมกินอีก ทั้งยังมารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายเช็ดตัวให้ผมด้วย

ชีวิตไอ้อิฐโคตรคอมพรีสเลยครับ

พอได้รู้จักจริงๆ แล้วคนตรงหน้าน่ารักกว่าที่คิด ไม่ค่อยพูดแต่โคตรใส่ใจ





ไลน์~

ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงไลน์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

แคมป์ปิ้ง: ไอ้ห่าอิฐมึงอยู่ไหน อาจารย์เข้าสอนแล้วเนี่ย!

ชิบหาย!!!

ผมมองเวลาในมือถือก็พบว่ามันถึงเวลาเรียนแล้วจริงๆ ด้วย เพลินจนลืมเข้าเรียนแล้วไอ้อิฐเอ้ย

แต่ก่อนจะไปผมมองของที่เพิ่งซื้อก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วถือวิสาสะหยิบโพสอิทของอีกคนมาเขียนแล้วแปะไว้ข้างๆ ถุงขนม

ขอสักโพสอิทสักแผ่นคงไม่ว่ากันนะ

ผมยิ้มให้คนที่หลับไม่รู้เรื่อง ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

ต้องใส่เกียร์หมาแล้วไหมเนี่ย!



ซื้อมาฝาก… กินให้หมดนะ

ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ สู้ๆ ^^

จาก อิฐ





.................



“วันนี้มึงไปซ้อมบอลปะ”

“พี่เขาให้หยุดหนึ่งวัน”

“งั้นไปหาไรกินกัน หิว” ไอ้แคมป์ว่าพลางเขย่งกอดคอผม ดูความพยายามของมันครับเตี้ยแล้วยังไม่เจียมตัวอีก

“โทษที กูไม่ว่าง”

“เนี่ย มึงมีพิรุธไงไอ้อิฐ” เอาอีกละ ผมล่ะเบื่อมันจริงๆ

“มึงก็ปล่อยมันไปดิ เป็นลูกมันรึไงตามตูดมันอยู่นั่นแหละ” วันนี้กูโคตรรักมึงเลยไอ้ศิลป์

“เอ้า กูแค่ชวนมันไปหาไรกินไง ช่วงนี้มันเรียนแล้วกลับหอเลย”

“เดี๋ยวมันหิวมันก็ไปแดกเองแหละน่า” พูดดีครับเพื่อนติณณ์

ไอ้แคมป์มันทำหน้างอเป็นปลาทูคอหักไปแล้วครับ ทำแล้วไม่น่าเกลียดครับแต่น่าถีบมากกว่า

“งั้นไว้เจอกันพวกมึง”

ผมบอกอย่างนั้นไอ้ติณณ์กับไอ้ศิลป์ก็พยักหน้าให้ ส่วนไอ้แคมป์มันก็เมินผมครับ เมินได้เมินไปเลยมึงอะ



ปกติช่วงนี้ผมจะซ้อมกีฬาทุกวันเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าจะมีการแข่งกีฬาภายในลมก็เช่นกัน ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นตัวแทนบาสของคณะค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์สำหรับผม จริงๆ ลมก็ไม่ได้ดูผอมหรือมีกล้ามมากเกินไปออกจะดูดีเป็นที่นิยมของคนส่วนมากด้วยซ้ำ

และนี่ก็เป็นวันหยุดวันแรกที่ผมไม่ต้องซ้อมจะได้ไปดูอีกคนซ้อมบ้างสักที

พอผมกำลังจะเดินเข้าไปในโรงยิมก็เจอสิ่งที่ทำให้คิ้วกระตุกทันที

ลมรับของจากผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ตามสไตล์หน้านิ่งๆ แต่ดูเหมือนจะทำให้คนตรงหน้าเขินจนต้องรีบเดินออกไป

ฮอตจริงๆ เลยน้า

มีแต่คนเอาของมาให้และหนึ่งในนั้นก็คือผม แต่ขอโทษนะพอดีผมสนิทกับเขาว่ะ

จะขิงทำไมวะเนี่ย

“มีเสบียงมาส่งด้วยแฮะ” อีกคนหันมามองผมด้วยสายตาประมาณว่า มาทำไม

“จะกินหรอ”

“เปล่า”

“แล้วมาทำไม” ผมเดินตามอีกคนเข้ามาในโรงยิม

ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาพัก แล้วไอ้คนที่เดินนำหน้าผมมันเดินออกไปข้างนอกทำไมวะเมื่อกี้

“มาดูมึงซ้อมไง”

“อีกหน่อยจะไปซ้อมแล้ว หาที่นั่งแถวนี้แล้วกันฝากนี่ด้วย” ลมยื่นถุงขนมที่รับจากผู้หญิงคนเมื่อกี้มาให้ผม

จะกินให้ไม่เหลือเลย

“ทำหน้าอะไรของมึง” สงสัยจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป ผมเลยหันไปยิ้มกว้างให้ลมแทนก่อนจะเดินไปหาที่นั่งดูอีกคนซ้อม

“เอ้าพี่อิฐ หวัดดีครับมาดูพี่ลมซ้อมหรอ”

ไอ้เนมวิ่งมาหาผมก่อนจะสวัสดี ผมรู้จักมันเพราะเป็นน้องรหัสลม แล้วมันก็ชอบโผล่มาบ่อยๆ นิสัยมันน่ารักดีครับ ยิ้มเก่งแถมเป็นมิตรกว่าไอ้ตัวที่อยู่ใกล้ๆ ลมเกือบตลอดเวลาอีกด้วย คงไม่ต้องบอกว่าใครนะครับ ไอ้ต้นไม้ใบหญ้านั่นไง เจอหน้าทีไรกวนตีนผมทุกที

“เออ”

“แล้วนี่ของใครอะ ผมกินได้ปะ”

“ได้ดิ” ผมยื่นถุงขนมที่ไม่ใช่ของตัวเองให้ไอ้เนม เชื่อเถอะครับว่าเจ้าของขนมไม่ด่าผมหรอก



ผมมองคนที่พยายามโยนลูกบาสลงห่วง ยอมรับเลยครับว่าผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่กำลังแย่งลูกบาสอยู่ในสนามได้เลย ไม่ว่าจะเป็นขณะที่แย่งลูกบาสจากฝั่งตรงข้ามหรือตอนดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า หัวใจมันก็ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่ดึงเสื้อขึ้นแล้วเห็นกล้ามหน้าท้องที่ไม่มากไม่น้อยนั่นอีก บอกเลยว่าลมกับชุดบาสผมโคตรแพ้!

เด็กเกษตรอะไรจะขาวขนาดนี้วะ ทั้งการเล่นที่ดูจริงจังนั้นอีก ถ้าวันจริงคงมีคนคลั่งแน่ๆ ผมนี่แหละคนหนึ่ง

แต่ผมก็ต้องแปลกใจความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเริ่มชัดขึ้นตั้งแต่หน้าโรงยิมแล้วหรือว่าบางที...

“เหม่ออะไร” ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ คนที่น่าจะกำลังเล่นบาสอยู่ในสนามกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผม

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ลมที่กำลังยืนใช้ผ้าผืนเล็กยีผมตัวเองก่อนจะเสยผมขึ้น ปกติเจอแต่เวอร์ชั่นนิ่งๆ แต่ตอนนี้เวอร์ชั่นเกี้ยวกราด ผมไม่ไหววว

“เป็นอะไร” อีกคนแตะแขนผมเบาๆ กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอก็ทำเอาคนตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้ว

“ป่าวๆ ซ้อมเสร็จแล้วหรอ” มึงลนทำไมเนี่ยไอ้อิฐ

“เสร็จแล้ว กูไปอาบน้ำแปป” อาบน้ำ ตอนคนเยอะๆ อะนะ ไม่ได้ดิ!

ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรคนตรงหน้าก็ไม่อยู่ซะแล้ว มึงเป็นบ้าหรอไอ้อิฐ เหม่อจนเขาไปแล้วเนี่ย



สักพักลมก็ออกมาในชุดนักศึกษาพร้อมกับหัวที่เปียกที่ผมกำลังมองว่ามันดูเซ็กซี่บวกกับกระดุกที่ปลดออกสองเม็ดทั้งชายเสื้อที่ปล่อยออกมา เหมือนกับวันที่ผมมีเรื่องกับไอ้ไม้แต่วันนี้มันต่างตรงที่มันโคตรจะดูดีเลยอะ

มึงเป็นเอามากแล้วไอ้อิฐ!

“ถุงขนมล่ะ”

“ให้ไอ้เนมไปแล้ว”

“ไอ้เนม” ลมมันทำหน้างงๆ คงสงสัยว่าไปอยู่ที่ไอ้เนมได้ยังไงล่ะมั้ง

“เห็นมันหิวเลยให้มันไป”

“อืม” ไม่โดนด่าจริงๆ ด้วยแฮะ

“นี่จะกลับเลยปะ”

“แปปนึง รอไอ้เนมก่อน” ลมว่าพลางใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมตัวเองไปด้วย

“รอทำไม”

“จะเอาสรุปให้มัน” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะแย่งผ้าจากมืออีกคน

“นั่งลงดิ เดี๋ยวเช็ดให้”

“ไม่เป็นไร” ถามว่าผมฟังไหมครับ บอกเลยว่าไม่

ผมกดไหล่อีกคนให้นั่งลงก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหัวอีกคนเบาๆ ตอนนี้คนอื่นเริ่มทยอยกันกลับบ้างแล้ว เกือบทุกสายตาหันมามองผมกับลม แล้วยังไงครับผมไม่แคร์สักหน่อยและดูเหมือนว่าคนที่นั่งให้ผมเช็ดหัวอยู่ยิ่งไม่สนใจมากกว่าผมอีก นั่งเล่นเกมเฉยทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังไม่ยอมให้ผมเช็ดหัวให้แท้ๆ

“ได้กินขนมที่ให้ไปเมื่อตอนบ่ายปะ”

“ขนมอะไร”

“ก็นมกับขนมไง ที่ห้องสมุด” นี่มีคนให้เยอะจนจำไม่ได้เลยหรอวะ

“อ๋อ ไอ้ไม้กินน่ะ” คิ้วผมนี่กระตุกเลยครับ ไอ้ไม้อีกแล้วไอ้หมาบ้านี่

แต่ประโยคต่อมาของลมทำให้ความไม่พอใจของผมเปลี่ยนไปทันที

“แต่โพสอิท อยู่กับกูนะ”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เชี่ยแล้ว... ใจ กู!

“ทีหลังลงทุนหน่อยนะ โพสอิทก็โพสอิทกู”

เขินเลยว่ะแม่ง

“พี่ลม! สรุปของผมอะ” เสียงดังๆ ของไอ้เนมดังมาแต่ไกลผมเลยหยุดเช็ดผมให้อีกคน

“มึงเดินมาถึงก่อนค่อยถามก็ได้มั้ง”

“แฮร่ ว่าแต่พี่เอามาใช่ปะ”

“อืม ไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถาม” ลมยื่นสรุปให้ไอ้เนม ก่อนมันจะโผล่เข้ากอดคนข้างๆ ผม

“ขอบคุณครับบบบ”

“อะแฮ่ม!”

“ตีนติดคอหรอครับพี่อิฐ” ไอ้เด็กผี! ใครบอกว่ามันน่ารักวะ

“เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้เนม” มันหัวเราะชอบใจ ไม่ได้กลัวผมเลยสักนิดทำไมมีแต่คนกวนตีนผมจังวะวันนี้

“ผมกลับก่อนนะพี่ จุ้ปๆ ” ยังมีหน้ามาจุ๊ปๆ อีกไอ้นี่

“กลับดีๆ ”

พอไอ้เนมเดินออกไปผมก็มองคนที่ยู่ข้างๆ

“เรากลับกันบ้างดีกว่า วันนี้ปั่นจักรยานมาปะ” ผมถามคนที่กำลังเดินนำหน้า

“ไม่ได้เอามา”

“งั้นเดินกลับกัน”

“อืม”

ผมมองแผ่นหลังอีกคนก่อนจะยิ้มออกมา

บางที...ผมอาจจะตอบคำถามของไอ้ติณณ์ได้แล้วล่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2019 15:36:53 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #23 เมื่อ25-11-2019 09:00:42 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...คุณชายสายลมมีใจให้กับอิฐเหรอ?   

กับคนอื่นไม่เห็นจะปล่อยตัวปล่อยใจไม่ตั้งการ์ดแบบนี้เลย   อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #24 เมื่อ25-11-2019 10:25:57 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #25 เมื่อ25-11-2019 12:44:39 »

อิฐได้คำตอบสำหรับไปตอบเพื่อนๆ แล้ว
ส่วนลมยังดูไม่ออกก็จริง แต่อิฐหายไปก็ไปเคาะห้องผู้ชายเฉยเลยนะเออ
ถึงจะอ้างเอาชีทไปให้ก็เถอะ
แอบชอบเขาแล้วอ่ะดิ
 :mew3:

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #26 เมื่อ26-11-2019 08:02:02 »

Chapter 8
คนในวันวาน

Lm'Part



วันนี้เป็นวันที่ผมโคตรปวดหัวเมื่อข้างกายผมมีคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ด้วยกันนั่งอยู่

ซ้ายเป็นไอ้ไม้ขวาเป็นไอ้อิฐ ตรงหน้าเป็นประชากรที่มาเชียร์ฟุตบอลอยู่เต็มไปหมดทั้งบนแสตนและข้างสนาม

ครบชุดจริงๆ สายตาคือรวมอยู่ที่พวกผมแทบจะทั้งหมด ดังใหญ่แล้วทีนี้

วันนี้เป็นวันชิงฟุตบอลของคณะผม แต่ที่มันเป็นปัญหาตอนนี้ก็คือ

เกษตร VS วิศวะ

ให้ทายว่าอะไรจะเกิดขึ้น...

“ลม มึงต้องเชียร์กูนะ” เสียงจากด้านซ้าย

“รอดูกูด้วยนะ” เสียงจากด้านขวา

“ไอ้อิฐมึงพูดตามกูทำไม”

“มีประโยคไหนที่กูตามมึงไม่ทราบ”

กูจะบ้า!

“ถ้าพวกมึงไม่หยุดพูดกูจะกลับหอแล้วนะ”

เริ่มจะไม่ไหวแล้วครับ นับว่ายิ่งจะกัดกันตายเห็นผมเงียบหน่อยแล้วได้ใจ

“แล้วมึงมานั่งฝั่งเกษตรทำไมไอ้อิฐ”

“นั่งไหนมันก็เรื่องของกูไหมล่ะ” ยัง ยังไม่สำนึกกันอีก

ถ้าไอ้ไม้มันไม่ลากผมออกมาเพราะมันให้เหตุผลว่าคณะเรากำลังจะชิงกับวิศวะ เพราะงั้นผมต้องมาเชียร์มันตอนนี้ผมคงนอนสบายใจอยู่ห้องไปละ

แต่เชื่อไหมครับมันแค่อยากจะกวนตีนผมเฉยๆ นั่นแหละ

ทั้งอีกคนที่คะยั้นคะยออยากให้ผมมาคือไอ้อิฐ

ผมเลยต้องมานั่งประสาทแดกคั่นกลางระหว่างพวกมันในตอนนี้

คอยดูเถอะว่าเหตุการณ์นี้จะไปโผล่ในเพจอีกแน่ๆ พวกมันจะรู้ตัวไหมว่าหาเรื่องวุ่นวายให้ผมเนี่ย

จากที่ปกติไม่เคยมีผู้ชายเข้าหาขนาดนี้ ตอนนี้คือเดินมาขอไลน์ผมแบบโต้งๆ เลยครับ

“พี่อิฐ มานี่หน่อย” เหมือนเสียงสวรรค์ทันทีที่ไอ้เฟรมเดินมาหาไอ้อิฐ

“เออๆ ”

“เดี๋ยวมา” ไม่ต้องกลับมาก็ได้มั้ง

“สู้ๆ นะครับพี่ต้นไม้” ก่อนจะเดินตามไอ้อิฐไปไอ้เฟรมก็หันมาพูดแล้วขยิบตาให้ไอ้ต้นไม้

“ไอ้เด็กเวร” ไอ้ไม้มันหน้าหงิกทันทีเลยครับ

อะไรของมัน คนเขาให้กำลังใจยังจะไปด่าเขาอีก

“อีก10นาทีกูจะลงสนามละ”

“อืม ตั้งใจ”

“โอ้โห จริงใจมากไอ้ลม”

“พูดมาก ไปเตรียมตัวไป”

“ขอกำลังใจหน่อย” ไอ้ไม้ทำท่าโน้มตัวมาใกล้ผมเป็นจังหวะเดียวกันกับฝ่ามือใครบางคนผลักหัวไอ้ไม้ออกไปซะก่อน

จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร…

“ไอ้อิฐ!”

ไอ้อิฐยักไหล่ก่อนจะมองมาที่ผม

“ขอกำลังใจหน่อย” มันยิ้ม

“สู้ๆ มึงด้วยไอ้ไม้ทีนี้ก็ไปได้ละ”

พอผมพูดแบบนั้นไอ้ไม้มันก็ส่งมินิฮาร์ทให้ผม

ทำไมจะไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันกำลังแกล้งผมโดยเฉพาะที่ที่มีคนเยอะๆ ชอบกันจังไอ้โมเมนต์ที่เขาเอาลงเพจเนี่ย

“เดี๋ยวมึงเจอกูไอ้อิฐ”

“ก็มาดิค้าบบ”

ถ้าตีกันกลางสนามผมสาบานเลยว่าจะนั่งดูอยู่ตรงนี้ไม่ไปห้ามพวกมันแน่ๆ

ได้เวลาที่ทั้งสองทีมลงสนามเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นทันที วิศวะเขาก็มีดีกรีของเขาอยู่แล้วอะนะ ส่วนพวกผมอืม...ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน

สบายหูจากไอ้สองตัวนั้นแต่หูจะแตกเพราะเสียงกรี๊ด ตอนผมแข่งบาสยังไม่ขนาดนี้เลยนะ

เรามันคนละชั้นกันสินะ

“ไงมึง”

ผมหันไปมองคนที่มาใหม่ก่อนจะทักมันกลับ

“ไง หายหน้าหายตา” ไอ้จินนั่งลงข้างๆ ผม

“ปกติไม่เห็นมาพอกูไม่แข่งล่ะมานะมึง” ไอ้จินมันเคยแข่งครับเมื่อปีที่แล้ว มันเคยบอกให้ผมมาดูแต่ผมก็ไม่ได้มา โดยมันบ่นตั้งหลายวัน

“ไอ้ไม้ลากมา”

“ไอ้อิฐด้วยปะ”

“ก็ประมาทนั้นแหละ” พอหันมาก็พบสายตาไอ้จินที่มองผมแล้วยิ้มแปลกๆ อะไรของมันเนี่ยมีแต่คนไม่ปกติอยู่รอบตัวผมรึไง

“ตอนนี้มึงคบใครอยู่รึเปล่า” ผมนึกแปลกใจเมื่ออยู่ๆ มันก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“เปล่า”

“ตั้งแต่ตอนนั้นน่ะนะ” ผมหันไปมองหน้ามันซึ่งตอนนี้มันไม่ได้มองผมแต่มองไปยังสนามที่ตอนนี้ทั้งสองทีมกำลังแย่งลูกบอลกันอยู่แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่มีอารมณ์ดูบอลแล้วล่ะ

“มึงถามทำไม”

“ไม่มีอะไรกูก็แค่ถามไปงั้น แล้วนี่สนิทกับไอ้อิฐหรอ”

ผมมองคนที่กำลังวิ่งอยู่กลางสนาม ถามว่าสนิทไหมก็สนิทนั่นแหละ

“เหมือนไอ้ไม้นั่นแหละ”

“มึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะ” ผมว่าผมก็ดูปกตินะ

“ทำไมปีนี้มึงไม่ลงแข่ง”

“ปล่อยให้เด็กมันลงบ้างไง”

ไอ้จินพูดยิ้มๆ จะว่าไปช่วงนี้ผมกับมันไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองถึงแม้จะอยู่มหาลัยเดียวกันก็เถอะ มันมีเพื่อนผมก็มีเพื่อน

“มึงไปรู้จักไอ้อิฐได้ไงวะ ดูท่าแล้วไม่น่าจะโคจรมาเจอกันได้เลยว่ะ”

“เรียนตัวเดียวกัน”

“จริงๆ มันก็รู้จักคนเยอะนะแต่ไม่คิดว่าจะรู้จักมึงด้วย”

“มันก็ไม่ได้แย่”

“ลม ถ้าคนนั้นกลับมา..มึงจะทำไงวะ”

ผมชะงักเมื่อมันพูดถึงคนที่ผมพยายามไม่นึกถึงขึ้นมา ความรู้สึกที่ผมพยายามบอกตัวเองตลอดว่ามันดีขึ้นแล้วก็เริ่มผุดขึ้นมาตอกย้ำว่าผมไม่มีทางลืมความรู้สึกนี้ได้

“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ยังไงเธอก็ไม่มีทางกลับมา”

ไอ้จินหันมามองหาผมแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนมันจะหันไปมองการแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่

ผมเหม่อมองกลุ่มคนที่กำลังแย่งลูกบอลอยู่กลางสนาม ทั้งที่รอบข้างมีแต่เสียงเชียร์การแข่งซึ่งกำลังเข้มข้นแต่ผมไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้เลย ตอนนี้มีแต่คำถามของไอ้จินที่วนเวียนอยู่ในหัวถึงแม้จะตอบไอ้จินไปแบบนั้น แต่จริงๆ ผมก็แอบหวังว่าเธอจะกลับมา…



......................



วิศวะชนะ

เป็นผลการแข่งขันที่ผมก็คาดเดาได้อยู่แล้วแต่สิ่งคาดไม่ถึงก็คือ ไอ้ไม้กับไอ้อิฐ ตอนนี้พวกมันมาฉลองด้วยกัน อีกทั้งยังเลิกปากหมาใส่กันตั้งแต่ที่จบการแข่งขันแถมยังเหมือนคุยกันถูกคออีกด้วย

ส่วนผมก็ยืนงงๆ ในดงอะไรก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ร้านสาติที่รายล้อมไปด้วยพวกที่อยู่ในสนามเมื่อช่วงเย็น ฉลองที่ตัวเองแพ้หรือฉลองให้กับชัยชนะก็ไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเฉยเลย

“กูไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมบอกไอ้จินที่ตอนนี้เป็นมันที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม


ที่บอกไอ้จินว่ามาเข้าห้องน้ำ ผมโกหก

ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว แต่ไม่อยากกลับก่อนเพราะมีคนขอเอาไว้ก็ไอ้สองตัวนั่นแหละครับบวกกับไอ้เนมอีก

ผมเดินออกมาอีกทางด้านหนึ่งของร้านซึ่งมันไม่ได้ดูมืดหรือน่ากลัวอะไรแถมคนยังเดินไปมา มันเป็นทางออกอีกทางซึ่งเวลามาร้านนี้ผมก็มาทางนี้บ่อยๆ เป็นเหมือนที่นั่งเล่นชะมากกว่า

ตามจริงก็อยากกลับเลยแต่เผื่อเก็บศพพวกนั้นก็เลยอยู่ต่อสักหน่อยแต่ผมดื่มไม่ไหวจริงๆ อารมณ์มันไม่ได้ว่ะ

“ทำไมไม่ไปดื่มกับเพื่อนล่ะ” เสียงจากด้านหลังดังขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองไม่รู้ว่าเป็นไอ้ไม้หรือไอ้อิฐ

จนกระทั่งอีกคนนั่งลงข้างๆ ผมจึงหันไปแต่ผมต้องตกใจเมื่อคนข้างๆ ไม่ใช่แม้กระทั่งไอ้ไม้หรือไอ้อิฐ

“ไอ้กิม” ผมเอ่ยชื่ออีกคนอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ตรงนี้เพราะความทรงจำที่มีต่อมันล่าสุดมันไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะลม” ไอ้กิมส่งยิ้มมาให้ผม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเพราะผมไม่ได้เจอมันก็นานพอสมควร เวลาเจอหน้าผมทีไรแม่งเมินผมทุกที

“ทำหน้าอะไรของมึง ตกใจขนาดนั้นหรอที่เจอกู”

นึกว่ากำลังฝันอยู่เลยล่ะ มันตัวเป็นๆ จริงๆ หรอวะ

ไวกว่าความคิดเมื่อผมยื่นมือไปจับแขนมันเบาๆ ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ฝัน

“มึงจริงๆ ด้วย”

“ก็กูไง”

“แล้วทำไมมึงถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ”

“กูเรียนอยู่อีกมอแล้วก็เพิ่งรู้ว่ามึงก็เรียนมอแถวนี้ ก็เลยมาหาดูและก็เจอจริงๆ ”

“มาหากู...ทำไม” ผมหันไปมองหน้าไอ้กิม

มันยังเหมือนเดิมกับตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดตอนม.6 เพียงแต่มันดูดีขึ้นตามประสาคนที่ดูแลตัวเอง

นี่คงเป็นการเจอกันในรอบ 2 ปี

“มึงดูดีขึ้นนะ… แล้วสบายดีไหม”

“สบายดี มึงล่ะ”

“สบายดี…ที่กูมาหามึงจริงๆ แล้วกูอยากมาขอโทษ”

“กูไม่ได้โกรธมึงก็รู้”

เรื่องที่ว่าผมกับมันก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไรรวมถึงไอ้จิน จริงๆ แล้วไอ้กิมก็คือเพื่อนสนิทของผมอีกคนแต่เกิดการบาดหมางระหว่างผมกับมัน ไม่ได้คุยกันเป็นปีสองปี จนกระทั่งวันนี้…มันมาหาผมแล้วขอโทษ

“ถ้าวันนั้นมึงไม่คบกับเธอกูคงพามึงไปเกเรที่ไหนก็ไม่รู้”

“ไอ้กิม…”

“เธอไม่ติดต่อมาเลยหรอ” คำถามที่ผมเองก็ไม่มีวันตอบได้ถูกถามออกมาจากปากไอ้กิม

“ไม่” ผมยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง จริงๆ แล้วผมรอเธอมาตลอด

“คิดถึงพวกมึงว่ะ ตอนนั้นกูไม่น่างี่เง่าเลย” ไอ้กิมมันมองไปข้างหน้าก่อนจะยิ้ม

“กูไม่คิดว่ามึงจะกลับมา”

“กูเพิ่งคิดได้มึงไม่รู้หรอ กูมัวแต่งี่เง่า”

“แต่กูดีใจที่มึงกลับมา”

ผมยิ้มให้มัน ผมไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อนดีใจที่มันยอมกลับมาหาผม

“มึงไม่โกรธกูใช่ไหม”

“กูไม่เคยโกรธมึงเลยเหอะ” ผมกอดคอมันก่อนจะยีผมมันอย่างหมั่นเขี้ยว

ไอ้กิมก็คือไอ้กิม มันเป็นคนขี้งอนแถมเอาแต่ใจ

และมันยังเคย...ชอบผม

“มึงรู้ไหมกูเกือบไม่ได้เรียนต่อ เพราะตอนปิดเทอมวันแรกกูไปต่อยลูกผอ.จนเข้าโรง'บาล”

ไอ้กิมมันเล่าไปยิ้มไป

“ซ่านะมึง” ผมแซวมัน

“ไม่เท่ามึงปะ เมื่อก่อนหนักกว่ากูอีกแต่พอมีแฟนก็เดินตามเขาต้อยๆ ”

นี่คือสาเหตุเรื่องบาดหมางระหว่างผมกับไอ้กิม ผมมีแฟนเป็นธรรมดาที่ผมจะติดแฟนตอนนั้นผมก็เกเรพอสมควรแต่มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าไอ้เรื่องที่ผมติดแฟนมันไม่ได้เป็นที่ไม่พอใจของไอ้กิม

ผมไปหาเพื่อนน้อยลงและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไอ้กิมเริ่มเมินผมเอาแต่คุยกับไอ้จิน จนผมมารู้ทีหลังว่ามันชอบผมก็ตอนที่พวกเราไม่ได้คุยกันแล้วแถมยังทำเหมือนคนไม่รู้จักกันอีก

ตอนนี้ผมดีใจด้วยซ้ำที่มันยอมมาคุยกับผม

“แล้วมึงเป็นไงบ้าง เพื่อนเยอะดีนี่” ถ้าเป็นไอ้พวกข้างในไม่ใช่เพื่อนผมทั้งหมดซะหน่อยเหอะ

“ก็เรื่อยๆ ”

“ยังไม่ลืมเธอหรอ” ใครจะไปลืมวะ

“มึงก็รู้ดีนี่”

“นั่นสินะ” มันยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้ามากกว่า

" แล้วมึงยังชอบกูอยู่รึเปล่า”

ไอ้กิมไม่ตอบในทันทีมันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพูดประโยคที่แทงใจดำผมพอสมควร

“ก็เหมือนกับที่มึงยังไม่ลืมเธอนั่นแหละ”

ไม่มีคำจะพูดเลยครับเพราะความรู้สึกนั้นผมเข้าใจดี การจะลืมใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

“เข้าไปข้างในกันไหม” ผมลุกขึ้นแล้วถามไอ้กิม

“เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว” มันลุกขึ้นตามผมก่อนจะมองผ่านผมไปแล้วขมวดคิ้ว

ก่อนที่ผมจะหันไปมองตามเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

“เห็นไอ้จินบอกว่ามึงมาเข้าห้องน้ำ แถวนี้มีห้องน้ำด้วยหรอ” ตัวกวนมาแล้วครับแล้วไอ้ที่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนนั่นมันอะไรวะไอ้อิฐ!

เห็นแบบนั้นไอ้กิมก็ยิ้มมุมปากตามสไตล์มัน หมายถึงสไตล์เรียกตีนจากฝ่ายตรงข้ามน่ะครับตอนที่เป็นเพื่อนกันนี่มีเรื่องกับคนอื่นเพราะหน้ามันนี่แหละ

“เพื่อนมึงหรอลม”

“อืม”

“ใครว่ะลม” ตอนนี้ไอ้อิฐมันดูหงุดหงิดแปลกๆ ผมเข้าใจนะว่าไอ้กิมมันหน้ากวนตีนแต่เหมือนมันหงุดหงิดมาก่อนหน้านี้แล้ว

“เพื่อน ' รัก ' ของไอ้ลมน่ะ” ไอ้กิมมันเน้นคำว่ารักก่อนจะยักคิ้วใส่ไอ้อิฐ

หน้ามันเพิ่มระดับความหงุดหงิดเป็นเท่าตัว เป็นอะไรของมันวะเนี่ยดื่มแล้วของขึ้นง่ายรึไงวะ

แต่ก่อนจะได้วางมวยกันจริงๆ ไอ้กิมก็เอ่ยขึ้น

“กูกลับก่อนดีกว่า ไว้ว่างๆ จะแวะมาหาว่าแต่ยังใช้เบอร์เดิมใช่ปะ”

ผมพยักหน้าให้ไอ้กิมก่อนมันจะเดินออกไปยังไม่วายหันมาโบกมือให้ผมอีก

ไอ้กิมเดินออกไปจนลับสายตาแต่พอหันกลับมามองคนตรงหน้าเท่านั้นแหละครับ

จ้องกูขนาดนี้จะแดกหัวกูรึไงวะ!

ก่อนที่ผมจะถามหาสาเหตุที่มันหงุดหงิด ผมคงต้องหาทางรอดพ้นจากสายตามันก่อนแล้วล่ะ

สายตามันไม่ใช่ไอ้อิฐคนที่ยิ้มเรี่ยราดแต่เป็นอิฐอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

และก็นะผมไม่อยากเจอมันในเวอร์ชั่นนี้อีกสักเท่าไหร่หรอก....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2019 18:41:56 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #27 เมื่อ26-11-2019 08:52:27 »

ลมรักแฟนเก่ามากขนาดนั้นเลยหรอ


 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #28 เมื่อ26-11-2019 12:39:34 »

 :sad11:

เรื่องมันเศร้าหรอ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เด็กเกษตรของนายวิศวะ
«ตอบ #29 เมื่อ26-11-2019 17:45:06 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า  คนในอดีต คือเขาหรือเธอ?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด