Chapter 17
คนที่ได้รับโอกาส
Aid'Part
พอผมบอกว่าคิดถึงคนตรงหน้าก็ยืนนิ่งจนผมเริ่มใจไม่ดี ก็รู้ตัวนะว่าตัวเองก่อเรื่องไว้แถมยังหายไปเฉยๆอีก แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ซะหน่อย
“ เรื่องทุกอย่างกูอธิบายได้นะ ” ลมยังคงนิ่งแต่ใจผมนี่ร้อนรนไปหมดแล้ว ทั้งอยากอธิบายทั้งอยากขอโทษ
“ เข้ามาในห้องก่อน ” ลมเดินไปไขกุญแจผมจึงเดินตามไปด้วย
“ มือถือกูหายเลยไม่ได้ตอบแชทมึง ” ผมรีบพูดสิ่งที่อยากจะพูดมาหลายวันแต่ผมกลับทำเรื่องงี่เง่าจนได้เรื่องเพราะแผนของไอ้ติณณ์ที่ทำให้ผมเกือบเป็นบ้าเป็นหลังต้องมาหาลมอยู่ตอนนี้
ผมคิดถึงลม คิดถึงมากด้วย
“ ที่กูไม่ได้มาหาเพราะมีสอบ ไม่ได้กลับห้องด้วย ” ลมนั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม นิ่งจนผมเริ่มกลัวแล้วนะ
ตอนเขาง้อเสือกไม่สนใจไอ้ง่าวเอ้ย
“ มานั่งคุยกันดีๆ ” ได้ยินดังนั้นผมก็นั่งลงอย่างว่าง่าย ยอมทุกอย่างแแล้วครับตอนนี้
“ กูไม่ได้งอนมึงหรอกนะแต่อย่างที่บอกมือถือกูหาย เพิ่งไปซื้อมา แล้วก็เพิ่งสอบเสร็จเลยรีบมาหามึง ”
“ แต่ตอนอยู่ร้านเหล้าเหมือนมึงตั้งใจหลบหน้ากู ”
“ นั่นมัน... ” จะบอกว่าไงดีล่ะ บอกว่าเป็นแผนของไอ้ติณณ์ที่อยากช่วยผมลองใจลมน่ะหรอน่าจะโดนด่าก่อนจะได้เข้าใจกันแหงๆ
“ ว่ามาสิ รอฟังอยู่ ” อย่ากดดันกันสิครับ
“ คือ...ของขวัญที่กูให้มึงเปิดดูรึยัง ” คงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ งั้นก็สารภาพทุกอย่างไปเลยแล้วกัน
“ เปลี่ยนเรื่อง ”
“ ไม่ใช่ คือ…จะว่าไงดีวะก็มันเกี่ยวข้องกันอะ ”
“ ยังไง ”
“ ก็เพราะของที่กูให้มึง มันเป็นเหมือนสิ่งแทนความรู้สึกของกูและเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนั้นกูถึงเมินมึง ”
“ งั้นหรอ ” ลมยังคงนิ่งเหมือนเดิมจนผมไม่รู้จะพูดยังไงต่อ อีกทั้งความมั่นใจของผมก็เริ่มจะลดลงเรื่อยๆ
ใจเย็นๆไอ้อิฐ
“ จริงๆแล้วกู...ชอบมึง ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆเสี่ยงที่จะโดนต่อยกลับมามาก
" ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแต่มาบอกว่าชอบกูหรอ มันดูย้อนแย้งนะ " ลมจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง ไม่ค่อยได้เจอลมในโหมดนี้เท่าไหร่
มึงตายแน่ไอ้อิฐ
“ เรื่องนั้นกูอธิบายได้นะ ”
“ ก็อธิบายมา ”
“ คนที่มึงเจออยู่ร้านเหล้าอะเป็นคนรู้จักไอ้ติณณ์ จริงๆเขาก็สนใจกูนั่นแหละเลยมานั่งคุยด้วย แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนะ ” สถานการณ์ตอนนี้เหมือนโดนเมียจับได้ว่ามีกิ๊กเลยครับ แต่เสียดายที่คนตรงหน้าไม่ใช่เมียจริงๆนี่สิถึงจะอยากให้เป็นก็เถอะ
“ แล้ว..คนที่ชื่อมายด์ล่ะ ” ผมทำหน้างงๆว่าไอ้มายด์ไปเกี่ยวอะไรด้วย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนถ่ายรูปผมกับมันไปลงเพจ
เอาจริงๆนะไอ้มายด์เป็นคนที่ไม่น่าจะเป็นแฟนผมที่สุดแล้ว สวยแค่ไหนผมก็ไม่เอาหรอก!
“ เพื่อนกูเอง เดี๋ยวว่างๆพาไปรู้จัก ” ยิ้มให้ไปหนึ่งทีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเจอสายตาที่ยังจ้องเขม็งมาที่ผมอยู่
งานช้างแล้วไอ้อิฐ
“ เพื่อนเยอะดีนะ ” ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
“ แล้วไม่ตกใจหน่อยหรอที่กูบอกว่าชอบมึงอะ ” จากที่คิดว่าน่าจะโดนต่อยสักหมัดก็ไม่ แถมลมยังไม่ได้ดูตกใจอะไรด้วยเหมือนกับว่าผมพูดเรื่องดินฟ้าอากาศตามปกติ
“ ก็รู้แล้ว ”
“ หะ! รู้ได้ยังไงอะ ” หรือว่าที่จริงรู้มานานแล้ว ผมไปโป๊ะแตกตอนไหนวะเนี่ย
“ ก็ของขวัญที่มึงให้ ” เชี่ยย เปิดของขวัญแล้วด้วย
“ งั้นก็แสดงว่า…มึงคิดถึงกูใช่ปะไม่งั้นคงไม่เปิด ” แค่คิดก็ดีใจแล้วครับ
“ ไม่คิดถึงก็เปิดได้ ” จบแล้วมึงไอ้อิฐ
“ แล้วไม่คิดว่ากูจะแกล้งใส่เล่นๆหรอ ” พยายามทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นดีกว่าครับ
“ กวนตีนหรอ ” แต่ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งแย่แฮะ
“ ล้อเล่นน้า ยิ้มหน่อยสิกูใจแป๋วแล้วเนี่ย ”
“ เรื่องของมึง ” ลมเว่อร์ชั่นใจร้ายนี่ทำผมใจไม่ดีเลยจริงๆ
คิดสิวะไอ้อิฐจะทำยังไงให้มาดีกันเหมือนเดิม
...สเตปเดิม ดราม่าแม่งเลยละกัน!
“ กูมีสอบแล้วก็งานเยอะมากเลยอะ เหนื่อยมากๆ ” ผมชำเลียงมองอีกคน ก็ยังดูไม่สนใจผมอยู่ดี
“ นอนก็น้อย ข้าวก็ไม่ค่อยได้กินแถมตอนนี้ยังหิวมากๆอีกต่างหาก ” ผมทำท่ากุมท้องเพื่อให้ดูสมจริงมากขึ้น แต่…
“ ดราม่าพอรึยัง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ” เกมโอเว่อร์ ผมแพ้แล้วครับ
เหลือแค่วิธีเดียว...
“ กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าหรือเมินมึงจริงๆ ที่ทำไปก็เพราะอยากรู้ว่ามึงจะสนใจกูบ้างไหม...ก็แค่นั้นเอง ”
“ สนุกหรอ ” ตอนนี้ผมได้แต่ก้มหน้ายอมจำนนต่อความผิดของตัวเอง
“ ขอโทษ ”
“ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนะ ”
“ งั้นแสดงว่ามึงก็ไม่ได้โกรธกูน่ะสิ ” ผมมองลมอย่างคาดหวังในคำตอบ
“ ไม่ได้โกรธ แต่มึงชอบทำอะไรไร้สาระว่ะ เลิกสักทีได้ไหมมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ”
“ ครั้งหน้ามีอะไรกูจะพูดตรงๆ ว่าแต่...มึงรู้สึกอะไรกับกูบ้างไหม ” ไหนๆก็ไหนๆแล้วถามไปเลยดีกว่าจะได้ทำใจครั้งเดียว
“ กูควรรู้สึกอะไร ”
“ ก็..ชอบกูบ้างรึเปล่า ”
“ การกระทำของมึงมันน่าให้กูชอบรึเปล่าไอ้อิฐ ” ถ้าไม่นับครั้งล่าสุดก็ถือว่าาผมทำดีมาโดยตลอดนะ
“ ครั้งนี้กูขอโทษจริงๆ ”
“ ดึกแล้วกลับห้องได้แล้วไป ” ถึงขั่นไล่กลับห้องเลยหรอวะ
ผมนั่งมองหน้าลมอย่างหมดความหวัง ไล่ก็ไม่ไปครับช่วงนี้ผมนอนไม่หลับเพราะคนตรงหน้านี่แหละ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆนะ ยอมรับก็ได้ว่าใจหนึ่งผมก็อยากรู้ว่ามันจะมีผลต่อลมบ้างไหมแต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือลมไม่ชอบที่ผมทำอะไรบ้างนี้ จริงๆก็ไม่มีใครชอบหรอก
“ จะนั่งอยู่ตรงนี้? ” ลมถามขณะที่ผมก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
“ คืนนี้ขอนอนด้วยได้ปะ ” ไม่ด้านก็ไม่ใช่ไอ้อิฐแล้วครับ
“ ห้องมึงก็มีมั้ง ”
“ งั้นมึงก็หายโกรธกูก่อนสิ ”
“ มึงอย่ามาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหานะไอ้อิฐ ” ยอมรับว่ามีปัญหาแต่จะให้ผมทำไงได้ล่ะ
“ กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะลม แต่เพราะกูชอบมึง ” ผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกันนอกจากจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นยังไม่ดีในสายตาลมด้วย
“ กูแค่…”
“ พอเถอะ ” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อลมก็พูดขึ้นก่อนจะลุกแล้วเดินเข้าไปในห้อง สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับหนังสือหลายเล่ม
ผมมองการกระทำของอีกคนอย่างงงๆ
“ กูจะอ่านหนังสือ มึงก็กลับห้องไปได้แล้ว ” ตอนนี้คือเดาอารมณ์ของลมไม่ออกจริงๆ สรุปคือผมรอดหรือโดนโกรธกันแน่วะ
“ กูไม่ได้โกรธมึงหรอกน่า ” คงเห็นผมไม่ยอมลุกไปสักทีลมจึงเงยหน้าจากหนังสือแล้วถอนหายใจเบาๆเหมือนจะปลงกับผมสุดๆ
“ แน่ใจนะ ”
“ มึงพูดไม่รู้เรื่องรึไง ” รู้แล้วครับบ โหดจริงวุ้ย
“ กูอยู่ด้วยได้ปะ ไอ้ไม้ก็ไม่อยู่ ” หน้าด้านต่อไปครับ
“ ทำตัวดีๆหน่อย ” แต่ถ้าหน้าด้านกว่านี้มันจะโดนโกรธเข้าจริงๆน่ะสิ
“ งั้น...พรุ่งนี้เจอกันนะ ” ผมบอกก่อนจะยอมลุกขึ้น มองลมที่ไม่ได้สนใจจะหันมามองผมเลยสักนิดก่อนจะจำใจเดินออกมา
แต่ก็ได้ยินเสียงของอีกคนที่พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ อืม ”
................
“ เป็นไงมึงแผนไอ้ติณณ์ได้ผลปะ ” ได้ผลเชี้ยไรล่ะ ไม่ได้ช่วยแถมยังพาซวยอีกต่างหาก
ผมไม่ได้ตอบไอ้ศิลป์เพราะดูจากหน้าผมมันก็น่าจะรู้ผลละ เมื่อเช้าไปหาลมที่ห้องแล้วมามอด้วยกันระหว่างทางผมก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรจึงกลายเป็นเงียบกันตลอดทาง บอกเลยว่าโคตรอึดอัดทั้งที่ในใจอยากจะคุยด้วยใจจะขาดแต่เหมือนอีกคนจะไม่อยากคุยด้วย
คนมันมีคดีติดตัวก็งี้จะโทษไอ้ติณณ์ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะผมก็เสือกบ้าทำตามแผนมันเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อน ผมลืมคิดไปรึเปล่าว่าที่ลมทำเหมือนไม่พอใจงั้นก็แสดงว่าแผนมันได้ผลสิ แล้วถ้าแผนได้ผลแสดงว่าลมก็คิดอะไรกับผมน่ะสิ
ตึง!
“ เชี่ยอิฐมึงทุบโต๊ะทำไมเนี่ย เรียนอยู่นะไอ้ห่า ” ไอ้แคมป์มันหันมาด่าผมก่อนผมจะสำนึกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่
ชิบหาย
“ มีปัญหากับการสอนของดิฉันหรือเปล่าคะนักศึกษา ”
“ เปล่าครับ ” ผมส่งยิ้มไปให้อาจารย์ที่สอนอยู่อย่างรู้สึกผิด
“ เป็นไร ”
“ ไม่มีไร ”
แค่คิดก็มีความสุขละ ตอนเย็นคงต้องไปหาชะแล้ว
แต่ก่อนอื่นผมคงต้องตั้งใจเรียนก่อนล่ะมั้ง รู้สึกว่าสายตาอาจารย์จะเริ่มมองมาที่ผมแล้ว
ผมเพิ่งสอบกลางภาคเสร็จแต่ก็ต้องมาเร่งทำงานส่ง เรียกได้ว่าไม่ได้พักแถมสังขารก็เหมือนจะเริ่มไม่ไหวแล้ว
ผมเปลี่ยนมือถือใหม่เพราะทำหายวันที่ลมลืมนัดผมนั่นแหละ กะจะไปดื่มเหล้าย้อมใจแต่ดันทำมือถือหายด้วยบวกกับอารมณ์น้อยใจที่ผมเหมือนไม่สำคัญก็เลยพยายามทำตัวให้ยุ่ง ไม่ไปเจอหน้าลมจนไอ้ติณณ์มันเสนอแผนนั่นแหละครับ ตอนแรกก็ไม่อยากทำหรอกแต่อารมณ์มันพาไป
“ เพื่อนอิฐ~ ” และนี่ก็คืออีกคนที่เป็นโจทก์ของผมอยู่ตอนนี้
“ อย่าเข้ามาใกล้กู ” ผมรีบเปลี่ยนที่นั่งทันทีที่ไอ้มายด์มันเดินมา
มายด์ ดาวคณะวิศวะปี2 ซึ่งปีเดียวกันกับผมนี่แหละ ผมกับมันสนิทกันตอนประกวดดาวเดือนสาเหตุที่ผมพูดถึงมันแบบนี้เพราะมันมีนิสัยไม่ตรงปกครับ หน้าตานี่สวยราวกับนางฟ้าแต่ถ้าได้รู้จักล่ะก็หนีแทบไม่ทันเลยล่ะ
“ มันเป็นไรอะ ”
“ ก็ที่มึงให้มันช่วยเป็นไม่กันหมาให้ไง ตัวจริงมันเห็นมันเลยคิดหนักอยู่แบบนี้ ”
“ เชี้ย มึงมีตัวจริงด้วยหรอไอ้อิฐนึกว่ามีแต่ตัวปลอม ” คำหยาบไม่เหมาะกับหน้ามันจริงๆนะผมว่า ภายนอกออกจะดูเรียบร้อย ดูเป็นกุลสตรีแต่พอพูดเท่านั้นแหละทุกอย่างที่ผมพูดมาหายวับไปกับตาเลย
ที่บอกว่าเป็นไม้กันหมาอันนั้นเรื่องจริงครับ ตอนทำงานกลุ่มซึ่งอยู่ๆพวกเราก็โคจรมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ปกติเจอกันก็ทักทายธรรมดา แต่เพราะวันนั้นพวกผมทำงานกลุ่มแล้วมีคนมาตามตื้อไอ้มายด์ไอ้มายด์มันทำงานไม่ได้จึงให้ผมช่วยกันคนนั้นออกให้ ซึ่งใครจะไปคิดว่าจะมีมือดีมาถ่ายรูปพวกผมไปลงเพจจนลมเห็นแบบนั้น
คะแนนที่ไม่ค่อยมีตอนนี้ก็ยิ่งหายไปเลย ดูไปดูมาน่าจะติดลบด้วยซ้ำ
“ ใครวะ คณะไหน ”
“ เรื่องของกูน่า รีบทำงานได้ปะกูมีธุระ ” ผมแสร้งทำหน้าจริงจังใส่พวกมันจนไม่มีใครกล้าถามต่อแล้วเริ่มทำงาน
ธุระของผมคือไปทำคะแนนไงครับ ก่อนที่มันจะติดลบไปมากกว่านี้
“ เอาน่าอย่างน้อยเขาก็มีปฏิกิริยากับมึงปะ ” ไอ้ศิลป์ว่าพลางตบบ่าให้กำลังใจผม
“ วันนั้นเขาก็ดูสนใจมึงนะ ” วันนั้นที่ไอ้ติณณ์ว่าคงเป็นวันที่เจอกันร้านเหล้าแหละครับ ผมจะไปสารภาพอยู่แล้วแต่ไอ้ติณณ์ห้ามไว้ เพราะแค่เห็นหน้าลมผมก็ไม่อยากโกหกแล้ว
“ กูว่าเป็นสัญญาณที่ดี ” ไอ้แคมป์เสริม
สัญญาณไฟแดงอ่ะดิ
“ พวกมึง ” พวกผมหันไปสนใจไอ้มายด์
“ อะไร ”
“ ไหนว่าจะทำงานไง กูก็มีธุระนะเนี่ย ” รีบกว่าผมก็อาจจะเป็นไอ้มายด์นี่แหละมั้ง
ผมควรคิดในแง่ดี ตั้งใจทำงานให้เสร็จแล้วรีบไปหาลมดีกว่า
ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแค่วันเดียวมันไม่พอสำหรับผม
ว่าแต่ลมจะทำอะไรอยู่นะ ไลน์ไปหาดีกว่า
“ ไอ้อิฐ มึงอยากรีบไปทำธุระไหม ” พอผมหยิบมือถือขึ้นมาเท่านั้นแหละครับ ไอ้แคมป์มันก็เอ่ยปากเลย
“ โอเค ไม่เล่นก็ได้ ” ไลน์ผมเป็นหมันไปทันที
“ ลม ” ผมยิ้มทันทีที่เจ้าของชื่อหันมา แต่ก็ได้รับเพียงสายตานิ่งๆกลับมาเหมือนเคย จะบอกว่าชินก็ไม่เชิงแต่ก็ดีกว่าไม่มองมาอะนะ
“ ไงไอ้หมา หายหน้าหายตาไปหลายวันเลยนะมึง ” ไอ้ไม้ที่เดินคู่มากับลมเอ่ยทักผมตามสไตล์มัน ซึ่งทำเอาผมคันตีนได้ตลอด
“ จะกลับหอกันเลยปะ ” ผมเมินไอ้ไม้ก่อนจะหันไปถามลม
“ จะไปกินข้าวก่อน ”
“ ไปด้วยดิ ” งานเสนอตัวขอให้บอก
“ พอดีเลยมึงไปกับไอ้อิฐนะ เดี๋ยวกูจะไปหาไอ้เฟรม ” เหมือนจะดีแต่ทิ้งเพื่อนไปหาแฟน แต่มันดีตรงที่เข้าทางผมนี่แหละ
ว่าแล้วมันก็โบกมือให้พวกผมแล้วเดินออกไปทันทีเหลือแค่ผมกับลม โอกาสมาแล้วไอ้อิฐ
สู้เว้ย!
“ มึงจะยืนทำใจอีกนานไหม ” เสียงที่ไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆเอ่ยขึ้น ผมจึงยิ้มกลับไป
ถือคติใจดีสู้เสือเข้าไว้
“ ไปกินไหนดี ”
“ แถวนี้แล้วกัน ”
“ เดิน? ” ผมถามขณะที่ลมเดินนำหน้า
“ ก็มันไม่ไกล ” ปกติลมจะขี่จักรยานไม่ก็เดินจนผมติดนิสัยไปด้วยแล้ว
“ ทำไมไม่ขับรถ ”
ตอนแรกผมก็คิดว่าลมขับรถไม่เป็นรึเปล่าแต่จริงๆแล้วขับรถเป็นครับแต่แค่ไม่ขับ
“ ไม่ชอบ มันไม่ได้บรรยากาศ ” ลืมไปว่าคนตรงหน้าผมก็ติสในระดับหนึ่ง
ลมมีบ้านเกิดที่เชียงใหม่แถมยังมีฐานะดีมากๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใช้ชีวิตติดดินพอสมควร ที่รู้เพราะไอ้ไม้อีกตามเคยแหละครับแลกกับเป็นหูเป็นตาเรื่องไอ้เฟรมให้ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
“ ทำไมถึงชอบกู ” ระหว่างที่ผมเดินตามเงียบๆลมก็ถามขึ้น
“ ถามงี้ก็เขินดิ ” อันนี้เขินจริงนะครับ
“ เขินเป็นด้วยหรอ ”
“ โถ่ เห็นกูเป็นคนแบบไหนเนี่ย ”
ผมมองแผ่นหลังคนที่เดินห่างจากผมไม่ไกลนัก คุยกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกันกล้ากว่าคุยกันตรงๆตั้งเยอะ
“ ตอนแรกแค่คิดว่ามึงน่าสนใจดีเลยอยากเป็นเพื่อนด้วย แต่พอรู้จักมึงจริงๆมึงก็...น่ารักกว่าที่คิด ” พอพูดถึงตรงนี้ผมก็ยิ้มกับตัวเอง ความรู้สึกมันไม่ได้ลดลงเลยแถมยังมากขึ้นเรื่อยๆ ลมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำมีแต่ผมที่ชอบอีกฝ่ายมากขึ้น
“ แต่กูเป็นผู้ชาย ”
ลมหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองผม ผมมองคนที่มีลักษณะภายนอกไม่ได้ต่างจากผมสักเท่าไหร่
จริงๆผมก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน
“ แต่กูชอบมึง ” นั่นคือเหตุผลที่ผมมองข้ามความเป็นจริงข้อนี้
“ มึงแน่ใจแล้วหรอ กูกับมึงเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ ” ระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาอาจจะไม่นานจริงๆนั่นล่ะมั้ง
“ งั้นกูขอโอกาส กูจะทำให้มึงรู้ว่ากูชอบมึงจริงๆไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ ”
ลมเงียบจนผมเริ่มใจไม่ดี เป็นไงเป็นกันมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่มีโอกาสก็ขอแค่ได้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ยังดี เพราะถ้าจากนี้ลมจะหายไปจากชีวิตผมเลยมันคงทำใจได้ยากจริงๆ
.
.
“ งั้นก็ลองดู ”
สิ้นเสียงของลมผมก็แทบกระโดดกอดคนตรงหน้า แต่ยังดีที่เก็บอาการได้ทัน อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีล่ะวะ!!
ไลน์~
ลมหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะมองผม
“ จะไลน์มาทำไม ”
“ ก็จะบอกว่ามือถือใช้ได้แล้วไง จากนี้กูจะรับสายจะตอบไลน์มึงแบบวิต่อวิเลย ”
ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขทั้งที่ลมก็ไม่ได้รู้สึกอินกับผมเลยสักนิด ก็ผมมีความสุขนี่หว่า
“ ไปกินข้าวกันเถอะ ”
“ คร้าบบ ” ผมรีบเดินไปเคียงข้างลมทันที หันมองคนที่เหมือนจะไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาแต่ไอ้หูแดงๆนั้นทำให้ผมดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยลมก็เขินที่ผมบอกชอบล่ะวะ
.
.
.
.
.
Aid: ขอบคุณนะ