WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36395 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รอน้าาา คิดถึงครูสีน้ำ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ดีมาก ดีงามที่สุดค่ะ สีน้ำทำชีวิตภาคินมีสีสันจริงๆ ค่ะ
และทำให้ภาคินมีแรงใจคุยกับพี่เคแล้ว เป็นการเริ่มต้นที่ดีเนาะ
เต้พูดไม่ผิดหรอกนะ แต่คู่นี้ เค้ามีแววก่อนจะมาแล้วนี่สิ

สีน้ำน่ารัก เหมือนเด็กน้อย ตอนจะเขินก็เอ็นดู
ตอนจะยอมก็น่าฟัดมาก แหมมม อะไรคือยอมให้กอด

รอเปิดตัวจริงจังแล้วค่ะ แต่ก่อนอื่น ให้เค้ารู้ตัวกันก่อนเนาะ
ว่าคนในโปสการ์ดเป็นใคร ที่ไม่ใช่แค่โปสการ์ดวาดรูปแบบนี้

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.7
-Cream-


เคยอยากรู้แต่ไม่กล้าถามกันไหม?

ตอนนี้สีน้ำกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ แต่มากกว่าความอยากรู้มันคืออาการเขิน…โดนจุ๊บหน้าผากกลางที่สาธารณะคนเรามันก็ต้องเขินกันบ้าง จำได้ว่าตอนที่เขากับคุณคินเดินกลับมาหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ หน้าก็แดงจนทุกคนเอ่ยถามเขากันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยได้แต่แกล้งเฉไฉไปว่าร้อน นู่น นี่ นั่น แถมตัวต้นเหตุยังทำหน้าลอยหน้าลอยตาจนอยากจะฟาดสักทีสองที พอนึกถึงมันก็เขินขึ้นมาอีกแล้ว สีน้ำสะบัดไล่ภาพที่ยังคงอยู่ในหัวให้หายไป

แต่ที่เขาสงสัย..

“ทำไมถึงไม่กล้าถามวะ เชียงใหม่ แค่เชียงใหม่”

“………………………………………………………..”

“เอาไว้ค่อยถามแล้วกัน”

สีน้ำหยิบโปสการ์ดจากงาน Green party มาดูใกล้ๆ อีกครั้งก่อนจะปักหมุดไว้บนกระดาน พอเห็นรูปตัวเองที่คุณคินวาดให้ครั้งแรกที่ปักอยู่ข้างๆ กันก็หัวเราะออกมา ไม่รู้ตอนนี้ฝีมือของคุณคินจะพัฒนาไปถึงไหนแล้วก็นะ..ไม่รู้ว่าตอนนี้

จะชอบสีน้ำขึ้นมาบ้างหรือยัง?

Watercolor


“มาทำอะไรกันวะ”

“นี่คือคำทักทายเพื่อนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนตายของแก๊งลูกเพื่อนแม่หรือนี่”

“ก็พวกมึงยกโขยงมาร้านกูเนี่ย”

“วันนี้ไม้ปิดร้านต้องหาที่นั่งเล่นใหม่”

“มิลกับเบนคิดถึงคินนะ ตั้งแต่ไปขายต้นไม้คินก็ไม่มาที่ร้านเลย”

“งานยุ่งมากไม้ ตอนนี้คิวจองสตูยาวไปถึงสิ้นเดือน แล้วก็มีงานอื่นด้วย”

“กูจะเกาะมึงกินนี่แหละคิน กูเจอเป้าหมายของกูแล้วพี่เบนไม่ทำงานแล้วนะคีตา”

“มึงคือใครนะเสนอหน้ามาทำไมไอ้ตี๋ แล้วนี่ไอ้ทิมไปไหน”

“แฟนมันป่วย ตอนโทรไปหาน้ำเสียงไอ้พอร์ชเหมือนใกล้ตาย แต่ไอ้ทิมบอกมันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา”

จริงๆ ก็เป็นอย่างที่แก๊งลูกเพื่อนบอก เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ วนเวียนอยู่แค่ที่ร้านตัวเองเดินขึ้นเดินลงชั้นหนึ่งสองสามอยู่แค่นี้ ขนาดบ้านตัวเองก็ยังไม่กลับเลย คุณญาดาก็โทรมาถามอยู่ทุกวัน แต่ยอมรับว่าเป็นการทำงานหนักที่เขาเองไม่ได้เหนื่อยเหมือนที่ผ่านมาคงเป็นเพราะ

“คุณคินผมมาเอารูปวาดลายเส้น….”

เสียงเปิดประตูเข้ามาในร้านทั้งๆ ที่ป้ายที่ห้อยไว้เป็นคำว่า Close ทุกคนที่นั่งกันอยู่ต่างหันมามองคนที่เดินเข้ามาเป็นจุดเดียว พอเห็นคนเยอะๆ สีน้ำก็เลยชะงักค้างอยู่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักก็เลยเอ่ยทักทายแก๊งลูกเพื่อนแม่ก่อนจะเดินไปหาคินที่ลุกไปหยิบรูปมาให้เลือก

“ไม่เอาแนวนี้ ขอแบบโรแมนติคๆ หน่อย”

“ถ้าจะเอาแบบโรแมนติค คิดผิดแล้วมั้งมาใช้รูปผม”

“ขอแบบหวานที่สุดสไตล์ภาคิน”

“มีแต่รูปวิว สิ่งของ หมาแมว ไม่ชอบวาดรูปคน”

“ตรงมากครับ”

“กาแฟสองแก้วหวานสุดแล้ว วาดในร้านกาแฟ”

“หวานยังไงอะ”

“ผมเห็นผู้ชายกับผู้หญิงสองคนสั่งกาแฟสองแก้ว แล้วเขาก็นั่งคุยกัน หัวเราะกัน น่ารักดีผมก็เลยวาดไว้”

“สมกับเป็นคุณคินดี”

“สมกับเป็นผม? ยังไงนะ”

“แทนที่จะวาดรูปคนแต่คุณคินก็เลือกวาดรูปแก้วกาแฟแทนไง”

“ก็ผมบอกแล้ว”

“ไม่ชอบวาดรูปคนเข้าใจแล้วครับ แต่ผมรู้สึกคุ้นที่นี่มากๆ นึกไม่ออกหรือผมจะเคยเดินผ่านร้านนี้”

“ที่นี่ไม่ได้อยู่กรุงเทพร้านนี้อยู่ที่…”

“คือไม่ได้อยากขัดจังหวะแต่ก็ขอนิดนึง”

เบนจามินแกล้งส่งเสียง หลังจากเห็นทั้งคู่ยืนคุยกันสองคนอยู่นานสองนาน สีน้ำพอได้ยินเสียงเบนก็เริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคนเลยแก้เก้อว่าต้องกลับไปที่ร้านแล้ว และแน่นอนว่าเจ้าตัวเขินจนคินต้องตะโกนบอกว่าอย่าเดินชนประตูนะ เลยมีเสียงตะโกนกลับมา

ไม่ชนโว้ย!

คินหัวเราะเพราะคิดว่าครูน้ำน่าจะเขินจริงถึงกับขึ้นวะโว้ยขนาดนี้ เบนคีตารามิลและต้นไม้หันมามองคนที่ยืนหัวเราะอยู่คนเดียว ท่าทางอารมณ์ดีเกินร้อยในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ทุกคนได้แต่หันมามองหน้ากัน รามิลเอียงหน้ามากระซิบกับต้นไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ตอนเราจีบกันเป็นแบบนี้ไหม”

“จีบตรงไหน มิลสนใจแต่ต้นกระบองเพชรต่างหาก”

“แต่คินดูสดใสมากขึ้นนะ ตอนนี้รอบตัวมันเหมือนเดิมทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ สีเฟอร์นิเจอร์  สีขาวสีดำสีเทา แต่พอเมื่อกี้คุณน้ำเดินเข้ามาเหมือนเป็นสีสว่างๆ ท่ามกลางสามสีนี้”

“สีสว่างๆ เลยเหรอ”

“เหมือนเป็นสีน้ำท่ามกลางลายเส้นดินสอ”

“เปรียบเทียบเก่งนะเนี่ยรามิล”

เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนหันไปมองที่ประตู
แล้วก็เจอคนที่กำลังพูดถึงยืนอยู่ คุณสีน้ำยิ้มให้หนึ่งทีพร้อมกับบอก..

“ถ้าไม่ได้ไปไหนกันมา workshop ที่ร้านได้นะครับ”



วันนี้ร้านสีขนมลูกกวาดไม่ได้มีลูกศิษย์ตัวจ้อย วิ่งเล่นป้ายสีจนเลอะเทอะเหมือนทุกวัน  แต่ถูกจัดสถานที่ให้มีกระดานวาดรูประมาณแปดอันตั้งอยู่ ณัฐที่กำลังเดินเอาอุปกรณ์ต่างๆ วางตามกระดานเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่หน้าประตู พอสีน้ำบอกว่าจะมีคนมา workshop ด้วยณัฐก็เลยให้เด็กในร้านยกกระดานออกมาเพิ่ม

“มึงด้วยไหมน้ำ”

“เฮ้ย..ไม่ดิ”

“ก็เห็นมาเป็นคู่ๆ”

“เออ..เอาไงดีคุณคินจะวาดกับใคร”

“คุณคินก็คู่กับมึงไง ยากไรวะ”

“ไม่ดีมั้งถามเขาก่อนจะดีกว่า”

“ทำไมเหรอครับ”

คงเห็นทั้งสองคนยืนเถียงกันอยู่นานสองนาน และก็ได้ยินชื่อเขาแว่วๆ เลยตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมา คินเห็นณัฐหลุดขำออกมาก่อนจะบอกว่างาน workshop วันนี้เป็นงานของคู่รัก หัวข้อจะเกี่ยวกับความรักล้วนๆ แต่คงเพราะเห็นเขามาคนเดียวเลยตกลงกันไม่ได้ คินเลยหันหน้ามาคุยกับคนที่มาชวน

“ไม่เห็นบอกผมว่าต้องมาเป็นคู่”

“คือตั้งใจมาชวนแก๊งลูกเพื่อนแม่แต่ลืมไปว่า….”

“ภาคินเป็นคนเดียวในแก๊งที่ไม่มีแฟน”

“โสดอยู่คนเดียวเลย”

“ตอนนี้โสดเหรอวะเนี่ย”

“ต้องหาคู่แล้วนะ”

“งั้นผมคู่กับคุณณัฐ”

“จะบ้าตาย”

“ล้อเล่น เดี๋ยวผมยืนดูกับคุณน้ำก็ได้”

แค่เพียงไม่นาน workshop ที่ร้านก็เริ่มขึ้นบรรดาคู่รักต่างทยอยเข้ามาในร้าน ภาคินยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเบนกับคีตา รามิลกับต้นไม้ที่นั่งอยู่อีกด้าน พอมาเห็นแบบนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน ไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองมานั่งทำอะไรแบบนี้มาก่อน ทั้งรามิลและเบนจามินมาสายบริหารที่ไม่เคยสนใจการวาดรูปเลยสักนิด พอเห็นถาดสีน้ำที่ณัฐเอามาวางให้ก็ตื่นเต้นจนไม้กับคีตาต้องบอกให้เงียบๆ ลงบ้าง

“เพื่อนคุณคินดูไม่ถนัดวาดรูปเลยนะ นี่ผมไม่ได้บังคับมาใช่ไหม”

“มันสองคนมาสายวิทยาศาสตร์เต็มร้อยเลย แต่มิลชอบถ่ายรูปส่วนเบนเล่นดนตรีได้รู้ใช่ไหมมันทำงานที่ KTD”

“ผมเคยเห็นคุณเบนในนิตยสาร แต่งตัวเนี๊ยบมากๆ”

“เดี๋ยวได้เห็นฝีมือพวกมันแล้วคุณน้ำอาจจะหัวเราะก็ได้”

“อย่าไปหัวเราะงานศิลปะของใคร เดี๋ยวตีเลย”

“ครับ คุณครู”

พอถึงเวลาเริ่มงาน ณัฐก็เริ่มการบรรยายถึงหัวข้อที่จะวาด จะว่าไปคินเองก็ไม่เคยร่วมงานอะไรแบบนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะการวาดรูปสีน้ำ แค่คิดถึงการผสมสีก็ปวดหัวขึ้นมาทันที คินตั้งใจจะหันไปถามคุณน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่คินก็เลือกที่จะเงียบลงแล้วมองสีน้ำที่ค่อยๆ บีบหลอดสีลงในถาด หยิบพู่กันมาจุ่มน้ำแล้วคนสีในถาดไปเรื่อยๆ สีหน้าและแววตาที่ตั้งใจทำให้คินเลือกที่จะมองอยู่อย่างนั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้

“อยากระบายสีน้ำเหรอไง”

“เวลาที่คุณน้ำตั้งใจทำอะไรสักอย่างดูน่ารักดี”

“ผสมสีเนี่ยนะ?”

“ทุกทีผมเจอคุณน้ำเวอร์ชั่นเหมือนเด็กประถม”

“ลืมไปแล้วแน่ๆ ว่าผมแก่กว่า”

“แล้วมีแฟนเด็กกว่ามันไม่ดีตรงไหน”

“ฟังที่ณัฐพูดเลย”

พอโดนหยอดครูสีน้ำก็เลยสั่งให้ภาคินหันกลับไปฟังณัฐที่กำลังบรรยายอยู่อีกด้าน เอาจริงๆ ภาคินไม่เคยที่ต้องมานั่งวาดรูปตามหัวข้อแบบนี้มาก่อน เขาค่อนข้างมีความคิดที่เป็นอิสระ รูปวาดของเขาคือรูปที่เขาอยากจะวาดซะมากกว่า แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวคนเรามันก็ต้องมีครั้งแรกกันบ้าง ไอ้เบนกับไอ้มิลตั้งใจฟังที่คุณณัฐพูดเหมือนประชุมเรื่องธุรกิจร้อยล้านให้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่ามันไม่เข้าใจ

“คุณมิลกับคุณไม้เหมือนสีเขียวเลยเนอะ”

“เพื่อนผมมีสีแล้วเหรอครับ”

“ครับ คุณไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ เวลาอยู่ใกล้ๆ ส่วนคุณมิล…เหมือนสีเขียวเข้มๆ บางครั้งก็ดูจริงจังแต่บางครั้งก็ดูเป็นคนสบายๆ”

“ตรงเป๊ะ แล้วเบนกับคีตา”

“คุณเบนเหมือนสีน้ำเงิน สำหรับผมคุณเบนมีมุมที่เป็นผู้ใหญ่ แต่บางครั้งก็ขี้เล่นมากๆ กลายเป็นเด็กไปเลย ส่วนคีตา…เหมาะกับสีฟ้าที่สุด  นิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็มีความสดใสนะตอนที่คีตาเล่นกีตาร์แล้วยิ้ม ให้อารมณ์เหมือนมองท้องฟ้าในวันที่อากาศดีๆ ”

“ลึกซึ้งมาก แต่ก็จริงเมื่อก่อนคีตาเงียบกว่านี้อีกครับ ตอนที่เจอกับเบนแรกๆ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะเลย แต่ถ้ามีอะไรกี่ยวกับดนตรีคีตาจะมีความสุขมากๆ ”

“ส่วนคุณทิมกับพอร์ช”

“คู่นี้ผมเดาสีได้ไม่ยาก”

“แดงใช่ไหมครับ แต่คนละเฉดนะ”

“พอร์ชเป็นสีแดงอิฐ  มีความเชื่อมันในตัวเองสูงมาก ชอบเอาชนะและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทับทิม..ก็คงเป็นสีแดงทับทิม ”

“ตัวแสบ”

“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะ ทิมเป็นสีแดงทับทิมที่มีสน่ห์มาก แต่ทิมใช้คำว่าอะไรดีมั่นคงไม่สิ…เวลารักใครหรือชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ”

“โห..นี่ครูสอนวาดรูปหรือหมอดูกันแน่เนี่ย เพื่อนผมกลายเป็นขบวนการจูเรนเจอร์เลย”

“เหลือคุณคินคนเดียวที่ไม่มีสี”

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้รู้สักทีว่าผมเป็นสีอะไรสำหรับคุณน้ำ”

“ไม่มีสีต่อไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

สีน้ำยกมือขึ้นมาทาบลงบนแก้มของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยอมรับเลยว่าภาคินคือคนแรกที่เขายังนึกไม่ออกว่าเป็นสีอะไร ทั้งๆ ที่ภายนอกภาคินก็มีแค่ สีดำ สีขาว สีเทา สลับกันไปมาอยู่แค่นั้น  แต่พอได้รู้จักจริงๆ ภาคินมีอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเยอะไปหมด คินเหลือบตามองมือที่ทาบแก้มเขาอยู่แล้วยิ้มออกมานานๆ ทีคุณสีน้ำจะยอมสัมผัสเขาก่อน คินเลยยกมือขึ้นมาทาบทับก่อนจะทำหน้าอ่อนใจเมื่อไอ้เบนกับรามิลแกล้งทำเสียงวี๊ดวิ้วจนเขาต้องยอมปล่อยมือออก  ขนาดคุณณัฐยังแกล้งทำเสียงกระแอมก่อนจะเริ่มบรรยายอีกรอบ

“ทุกคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับ เชื่อไหมว่าบางทีเราสองคนได้เจอกันเพราะพรหมลิขิต”

ภาคินที่กำลังนั่งวาดรูปไปเรื่อยเปื่อยเงยหน้าขึ้นมามองณัฐที่กำลังพูดอยู่ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับหัวข้อนี้ ที่มา workshop กันวันนี้มันเกี่ยวกับคู่รัก บางคู่จะแต่งงานกันเดือนหน้าอยู่แล้ว บรรยากาศมันเลยดูหวานๆ นิดนึง พอได้ยินประโยคที่ณัฐพูดคินก็ส่ายหน้ายิ้มๆ จนสีน้ำต้องเอ่ยถามขึ้นมา

“ไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเหรอครับ”

“บอกตามตรงก็ไม่ได้เชื่อเท่าไหร่  อย่างเรื่องดูดวงผมก็เฉยๆ ดูได้แต่ก็ไม่ได้เชื่อคุณน้ำล่ะครับ”

“ห้าสิบห้าสิบ ก็ไม่ได้เชื่อไปซะหมด”

“แล้วคิดว่าเราสองคนเจอกันเพราะพรหมลิขิตหรือเปล่า”

“โอ้โห…ประทับใจมากเราเจอกันครั้งแรกสีเลอะเต็มตัวไปหมด”

“เราเจอกันครั้งแรก..”

“ครับ อย่าบอกนะว่าลืม”

“ใครจะลืมคนที่เอาสีมาสาดใส่ผมได้ลง แต่จริงๆ ..มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตผมเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นพรหมลิขิตถ้า..”

“ถ้า?”

“ถ้าผมได้เจอเขาอีกครั้ง เจอเขาแบบที่ไม่ใช่ตัวอักษร”

“ผมไม่รู้นะว่าเรื่องอะไร แต่ถ้าสมมุติคุณคินได้เจอเขาแล้วมันจะเป็นยังไงต่อเหรอครับ”

“แค่อยากขอบคุณเขา…แค่นั้นจริงๆ ครับช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับผม”

“แล้วถ้าเขาสวย”

“เออ..ลืมคิดข้อนี้เลย”

“ระดับดารา”

“ตัดสินใจยากเลยทีนี้”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรเข้าใจได้”

“ผมแกล้งคุณเล่น คุณน้ำ”

“แล้วถ้า….คนนั้นเป็นผม”

สีน้ำหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ภาคินเลยโน้มตัวมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน

“จะกอดไม่ปล่อยเลย”


Watercolor


เป็นการ workshop ที่เลอะเทอะมาก

หมายถึงไอ้มิลกับไอ้เบน ให้วาดรูปสองสามรูปยังเลอะสีน้ำแทบทั้งตัว ขนาดต้นไม้และคีตายังถอนหายใจใส่พวกมัน หัวข้อพรหมลิขิตนี่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คุณณัฐก็บอกว่ามันไม่ได้จำกัดความอะไรเลย อยากวาดอะไรก็วาด บรรดาคนที่มา workshop ก็ดูชอบกันมาก ส่วนมากก็วาดของขวัญที่เคยให้กันไม่ก็รูปแหวนแต่งงาน

ภาพของรามิลกับต้นไม้เป็นรูปต้นกระบองเพชร  ถึงแม้ว่าสองคนนั้นไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมแต่สำหรับคินเขารู้อยู่แล้วว่ามันหมายถึงอะไร และแน่นอนว่าคุณสีน้ำทำหน้าอ้อนให้เขาเล่าให้ฟัง คินก็เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเจ้าตัวซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้แล้ว

“สิบปี!”

“ขนาดผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครรักข้างเดียวมาตั้งสิบปี”

“โรแมนติคมาก แต่คุณมิลก็ดูรักคุณไม้มากนะ”

“ตอนนี้ก็งงไปหมดสรุปใครเป็นคนที่รักมาสิบปี ไอ้มิลแทบจะถวายชีวิตให้ไม้แล้ว”

“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง”

“ถ้าคุณไม้รู้เลิฟสตอรี่ของแก๊งลูกเพื่อนแม่แต่ละคนจะต้องตกใจ ไอ้ทิมกับพอร์ชนี่เสียน้ำตาไปเป็นกะละมัง”

“คนอย่างทิมดูไม่น่ารักใครง่ายๆ ”

“ทิมไม่เคยรักใครเลยคนเข้ามาจีบเป็นแสนเป็นล้าน แต่เลือกไอ้พอร์ชที่ทำมันร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“พอร์ชก็ดูไม่ใช่เล่นๆ ”

“ก็ไม่เบากันทั้งคู่ ซอฟสุดก็น่าจะเป็นเบนกับคีตา”

“รูปที่คุณเบนกับคีตาวาดคือไวโอลินกับกีตาร์”

“คุณน้ำเคยฟังโปรเจคสิบเพลงรักของ KTD ไหมครับ”

“เคยครับ ผมชอบเพลงสุดท้ายมาก ทุกช่วงเวลา ( With you B) คนแต่งคือคีตาใช่ไหม”

“แล้วรู้ไหมครับว่า B หมายถึงใคร”

สีน้ำพยายามนึกพลางฮัมเพลงไปด้วยก่อนจะตาโตขึ้นมาเมื่อรู้ว่า B หมายถึงใคร สีน้ำกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าชี้ไปที่เบนจามินที่ตอนนี้กำลังหยิบพู่กันมาจุ่มสีฟ้าแล้วมาป้ายที่แก้มคีตา พอภาคินพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าสิบเพลงรักคือเพลงที่คีตาแต่งให้เบนจามินทั้งหมด

“ไม่ธรรมดาเลยนะ ไม่ธรรมดาเลย”

“เหลือของผมแล้ว”

“คุณคินอยากให้เป็นแบบไหนเหรอครับ”

“เปิดร้านอยู่ข้างๆ กันวันแรกที่เจอโดนสีน้ำสาด แล้ววันต่อมาก็มีอาหารเช้ามาให้ทุกเช้า”

“.......................................................”

“ไม่โรแมนติคเหรอ”

“โรแมนติคตรงไหนเนี่ย คุณคินยังตะโกนดังลั่นว่าผมเกลียดสีน้ำอยู่เลยจำได้ไม่ลืม”

ภาคินหัวเราะก่อนหยิบปากกาเมจิกสีดำขึ้นมา พร้อมกับจับมือครูสีน้ำมาวางไว้บนตักแล้ววาดรูปอีโมจิรอยยิ้มลงบนหลังมือ สีน้ำเลยพลิกมือก่อนจะจุ่มสีน้ำแล้ววาดรูปรอยยิ้มแบบเดียวกันบนหลังมือของภาคิน คำพูดของภาคินที่ได้ยินทำให้สีน้ำยิ้มออกมา

“ไม่แน่นะเรื่องของเราอาจจะโรแมนติคในแบบที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้”



หัวข้อต่อจากพรหมลิขิตคือ ความทรงจำดีๆ นี่ก็ไม่ใช่หัวข้อที่จะวาดกันง่ายๆ อีกเหมือนกัน ตอนแรกก็จะไม่วาดอะไรหรอกแต่คุณณัฐบอกว่าไหนๆ ก็เข้าร่วมแล้วก็เลยอยากให้วาด ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวคุณน้ำก็โดนบังคับให้วาดเหมือนกัน ดีที่ยังอนุญาตให้เขาวาดด้วยดินสอได้

แต่จะวาดอะไรล่ะวะ?

บอกแล้วว่าไม่เคยที่จะวาดตามหัวข้ออะไรแบบนี้มาก่อน ภาคินเลยได้แต่นั่งหมุนดินสอในมือไปมา พอหันไปมองครูสอนวาดรูปก็น่าจะประสบปัญหาแบบเดียวกันเพราะเห็นนั่งถือพู่กันค้างอยู่ในมือมานานมากแล้วเหมือนกัน

“คุณน้ำคิดไม่ออกเหรอครับ”

“ไม่รู้ว่าจะเอาความทรงจำช่วงไหนดี”

“ผมนี่ว่างเปล่าเลย”

“แย่แล้วเราสองคน”

“นี่ workshop หรือสอบวาดรูปต้องเครียดขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“ผมรู้สึกแย่เวลานั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปแล้วคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไร”

“ผมเริ่มเครียดไปด้วยแล้วนะ ทุกทีผมก็วาดรูปตามใจฉัน”

ท่าทางของคนสองคนที่นั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดอยู่หน้ากระดานวาดรูป ทำให้ณัฐที่มองอยู่หัวเราะเบาๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าหัวข้อที่เขาให้วาดมันยากไปหรือเปล่าถึงได้ทำท่าเครียดเหมือนกันเป๊ะๆ ขนาดนี้ ณัฐเลยลากเก้าอี้มานั่งระหว่างกลางทั้งสองคน

“คิดไม่ออกเหรอครับ ความทรงจำดีๆ มันก็ไม่ได้ยากนะคุณคิน”

“ผมคิดไม่ออกขอโทษนะครับ ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยวาดรูปตามหัวข้อเลยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน”

“ความทรงจำที่ดีๆ บางทีก็ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ อาจจะเป็นแค่เมื่อวานเราได้กินเค้กอร่อยๆ ก็เป็นความทรงจำดีๆ แล้ว”

“เค้กเนี่ยนะ”

“ครับ แค่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วแต่เวลาที่เรานึกถึง แล้วมีความสุขมันก็คือความทรงจำดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ”

น่าจะเข้าใจกันทั้งคู่..เพราะเห็นญาติตัวเองอย่างสีน้ำหันมามองหน้าเขาก่อนจะยิ้มให้หนึ่งที แล้วลากกระดานวาดรูปไปอีกด้านคงต้องการสมาธิถึงได้ปลีกตัวออกไป ส่วนผู้เข้าร่วม workshop อย่างคุณคินก็ลากดินสอในมือลงบนกระดาษอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่นก็คงคิดได้แล้วมั้งว่าจะวาดอะไร

ก็อยู่ด้วยกันได้เนอะ
ดินสอกับสีน้ำ


.............
.......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 22:25:14 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor

การ workshop กับคอร์สวาดรูป ครั้งแรกในชีวิตผ่านไปด้วยดี จะว่าไปก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ถึงแม้ว่าคุณน้ำอยากจะฟาดเขาเต็มทีที่ไม่ยอมแตะสีน้ำเลยเอาแต่วาดรูปด้วยดินสอ ก็นะของอย่างนี้มันต้องให้เวลากันบ้าง เพราะงานที่ทำติดกันมาหลายวัน ทำให้ภาคินเริ่มรู้สึกร่างกายมันเมื่อยล้าจนอยากจะนอนพักสักหน่อย  เวลาทำงานหนักแบบนี้ทีไรหน้าไอ้พอร์ชก็ลอยมาเหมือนตอกย้ำว่าเคยสอนมันไว้ยังไงแต่ตัวเองดันทำไว้เอง

เออ..และพอเวลาป่วยขึ้นมาแบบนี้
ก็อิจฉาไอ้พอร์ชขึ้นมาเหมือนกันตอนวีดีโอคอลกับทิมไอ้พอร์ชยังอ้อนนอนหนุนตักมันอยู่เลย

คินถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ก่อนจะจับกระเป๋ากางเกงด้านหลัง กระเป๋าสตางค์..หายไปไหนวะ? พยายามค้นหาทั้วทั้งตัวก็ไม่เจอตอนนี้รู้สึกปวดหัวจนหัวแทบระเบิด เดินวนไปวนมารอบห้องแล้วก็ไม่มีหรือว่าจะลืมไว้ที่ร้านของคุณน้ำ เออตอนนี้ช่างมันก่อนแล้วกัน คินแกะยาลดไข้แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง

นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น



“น้ำ..คุณเมจะลงมาลงคอร์สนะ”

“ที่กำลังจะแต่งงานใช่ป่ะ วันนี้ใส่ชุดสีฟ้าๆ”

“เออ..ติดใจการวาดรูปบอกครูน้ำน่ารัก ใครมาลืมกระเป๋าสตางค์ไว้วะ”

ณัฐที่กำลังเก็บอุปกรณ์หยิบกระเป๋าสตางค์สีดำขึ้นมาดูใกล้ๆ สีน้ำเลยเดินเข้ามาดูด้วย รู้ว่ามันอาจจะไม่ดีแต่มันก็จำเป็นจริงๆ ณัฐเลยเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบบัตรประชาชนขึ้นมา ก่อนจะเก็บไว้ตามเดิมแล้วยัดใส่มือสีน้ำทันที

“ไรวะ”

“ของคุณคินเอาไปคืนดิ ป่านนี้เขาคงหาอยู่”

“ตอนนี้ดึกแล้วนะ”

“แค่ร้านข้างๆ มึงเดินไปห้านาทีเองน้ำ เร็ว..ของสำคัญบัตรเยอะแยะเผื่อจำเป็น”

สีน้ำพยักหน้าก็จริงของณัฐมันเป็นของสำคัญ รีบเอาไปคืนคุณคินน่าจะดีกว่า พอคิดแบบนั้นสีน้ำก็วางถาดสีในมือหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปยังร้านข้างๆ ณัฐที่เพิ่งนึกคิดได้เลยหันกลับมาอีกครั้งตั้งใจจะเรียกญาติตัวเองแต่คงไม่ทันเพราะเห็นแผ่นหลังเดินเลี้ยวออกไปแล้ว

“น้ำมึงใส่ชุดนอน เออ…ชุดนอนลายหมีสีครีม”


ร้านเงียบมากปิดไฟแล้วด้วย สีน้ำลองไลน์หาคุณคินแต่ไม่มีข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว รออยู่นานแต่ก็เงียบสนิทเลยลองโทรไปแต่คนรับเป็นเสียงแหบๆ พร้อมกับบอกว่าให้เข้ามาได้เลยประตูไม่ได้ล็อค สีน้ำหยุดอยู่ตรงบันไดขั้นแรกคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดีวะ ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าเราเรียกสนิทกันถึงขนาดจะขึ้นไปบนห้องส่วนตัวได้หรือเปล่า สงสัยเห็นเขาหายไปนานเจ้าของร้านเลยโทรมาตามรอบที่สอง

ห้องมินิมอลมาก
เหมือนทุกอย่างซื้อมาจากร้านมูจิ
 
ทันทีที่สีน้ำเดินเข้ามาในห้องนอนของคิน ก็ต้องหลุดขำออกมาเพราะทุกอย่างในห้องมีแค่สามสี ขาว ดำ เทา วนอยู่แค่นั้น สีน้ำชูกระเป๋าสตางค์ในมือขึ้นมาพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงคนป่วยที่นอนลืมตามองเขาอยู่  ลองเอามือแตะหน้าผากก็ค่อยโล่งใจหน่อยไม่ได้มีไข้ตัวร้อนถึงขนาดที่ต้องพาไปโรงพยาบาล

“กินยาหรือยัง”

“กินแล้วครับไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ผมแค่เหนื่อยๆ”

“ที่จริงวันนี้คุณคินน่าจะได้พัก เห็นทำงานติดกันมาหลายวัน ยังต้องมานั่งวาดรูปทั้งวัน”

“สีน้ำ มาหาผมหน่อย”

ภาคินลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเขยิบตัวให้เหลือพื้นที่ว่าง
พร้อมกับเอื้อมมือไปจับข้อมือสีน้ำให้นั่งลงบนเตียงด้วยกัน

“กลัวติดหวัดผมหรือเปล่า”

“ผมแข็งแรงกว่าที่คุณคินคิดอีก แล้วนี่..เสื้อ”

“ผมร้อนถอดแล้วโยนไปไหนไม่รู้ ถ้าไม่โอเคผมจะลุกไปใส่”

“ ไม่เป็นไรผมไม่ถือหรอกคุณป่วยอยู่ นอนพักอีกสักหน่อยไหมครับ”

“วันนี้ทั้งวันเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย”

“ป่วยแล้วอ้อนเหรอเด็กชายภาคิน”

“ผมไม่ได้อ้อนผมอยากอยู่กับคุณน้ำ”

“นี่เขาเรียกว่าอ้อน”

“อ้อนมันต้องแบบนี้ต่างหาก”

ภาคินหยิบหมอนมาวางบนตักสีน้ำแล้วล้มตัวนอนลงไป พอมองหน้าคนที่เขานอนตักอยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีท่าทีไม่ได้ชอบใจตรงไหน สัมผัสตรงเส้นผมทำให้คินยิ้มออกมามีการยกมือทาบแก้มวัดไข้เขาอีกต่างหาก นี่ก็ไม่ได้อ้อนใครสักคนมานานแล้วเหมือนกันยอมรับเลยว่าภาคินไม่เคยชอบคนอายุมากกว่ามาก่อน ทุกทีจะเป็นฝ่ายถูกอ้อนซะมากกว่า

“นอนมองหน้าแล้วยิ้มนี่ผมกลัวแล้วนะ”

“ถ่ายรูปให้แก๊งลูกเพื่อนแม่กับไอ้ทาสพอร์ชได้ไหมครับ”

“รูปผม? หรือรูปคุณ ?”

“รูปเราสองคน แต่ไม่เห็นหน้าคุณน้ำ”

“แล้วจะถ่ายทำไม”

“หมั่นไส้ไอ้พอร์ชมันกวนตีนอยากชนะ”

“เด็กมากภาคิน”

ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ยอมพยักหน้าให้ถ่ายได้ คินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหน้าตัวเองแต่ในรูปดูก็รู้ว่ากำลังนอนตักใครสักคน มือของสีน้ำที่กำลังลูบผมเขาอยู่ ทำให้ไอ้เบนถึงกับส่งสติกเกอร์มาเกินห้าตัว และแน่นอนว่าคนที่แพ้ไม่เป็นอย่างไอ้พอร์ชก็มาลงรูปแบบเดียวกัน

porsche: เดี๋ยวนี้ลูกพี่ร้ายไม่เบา เสื้อก็ไม่ใส่

KIN : กูร้ายมานานแล้วเหอะ มึงป่วยแล้วมีไอ้ทิมให้อ้อนคนเดียวหรือไงกูก็มีเหมือนกัน

Tim: ใครวะ? ครูสอนวาดรูป?

KIN :@Tim กูมีใครที่ไหนอีกเหรอก็มีอยู่คนเดียว เขาอ่านอยู่ด้วยเบาๆ กันหน่อย

porsche: จะแข่งกับผมเหรอคุณภาคิน

BEN : รำคาญ! ไอ้พวกแฟนเด็ก!

KIN : @BEN ติดเด็กอย่างมึงจะสู้อะไรได้ และกูจะเป็นแฟนเด็กที่ไม่น่าถีบแบบไอ้พอร์ช

porsche: ผมน่ารัก! ทับทิมบอกว่าผมน่ารัก!

TIM : พวกมึงเลิกแกล้งพอร์ชได้ไหม เดี๋ยวแฟนกูไข้ขึ้นอีกรอบปล่อยให้มันนอนดีๆ เถอะ ตั้งแต่ป่วยนี่กูประสาทแดกจะแย่แล้ว

BEN : แฟนกูแบบเต็มปากเต็มคำเจ็บหัวใจ แก๊งลูกเพื่อนแม่กลายเป็นหมาหัวเน่า @R.MIN มึงมาดูไอ้เด็กหัวจุกที่มึงเลี้ยงมากับมือเลยนะไอ้หัวหน้าแก๊ง

R.MIN : สัด กรุ๊ปนี้ไม่เคยมีสาระอะไรเลย

ภาคินวางโทรศัพท์ลงเมื่อรู้สึกว่าพอจ้องนานๆ ก็เริ่มปวดหัว แถมตอนนี้ยังมีอะไรน่าสนใจกว่าโทรศัพท์ตั้งเยอะ สีน้ำถามถึงเรื่องที่ workshop วันนี้ แถมยังบอกให้เขาลองวาดด้วยสีน้ำดูบ้างเอาแต่วาดรูปด้วยดินสอไม่ก็ปากกาเมจิกสีดำตลอด พอทำหน้าหนักใจคินก็เลยโดนตีเบาๆ ยังไงการวาดรูปด้วยสีน้ำก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัดอยู่ดี

“ไม่คิดว่าคุณคินจะให้ผมขึ้นมาบนห้อง”

“แล้วเป็นไงครับเหมือนที่คิดไว้ไหม”

“เป๊ะเลย มินิมอลแบบสุดๆ”

“ตอนนี้สิ่งที่มีสีสันที่สุดในห้องผมก็คือชุดนอนลายหมีสีครีมของคุณน้ำ”

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาภาคินก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วหัวเราะเบาๆ เพราะเจ้าตัวทำหน้าตกใจ สงสัยคงจะลืมว่าตัวเองใส่ชุดนอนอยู่ถึงได้ทำหน้าตกใจขนาดนั้น พอสีน้ำยิ้มออกมาพร้อมกับบอกว่าไม่คิดว่าจะต้องออกไปไหนเวลาใส่ชุดนอน พอดีรีบเอากระเป๋าสตางค์มาคืนเลยไม่ได้เปลี่ยน

ภาคินพยักหน้ามองคนที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงก่อนจะค่อยๆ รั้งเอาตัวคุณน้ำเข้ามามากอดไว้ สีน้ำชะงักไปนิดนึงแต่พอเห็นว่าภาคินแค่กอดไว้เฉยๆ เลยไม่ได้ว่าอะไร แต่เพราะคินไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหน คินเลยบอกเบาๆ ว่า แค่วางไว้แต่จะกอดเลยก็ได้นั่นแหละถึงได้โดนฟาดอีกหนึ่งที

“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนชุดเลย ยังไงผมก็ต้องเห็นคุณน้ำใส่ชุดนอนอยู่แล้ว”

“ดูมั่นใจมากเลยนะ”

“ได้ผมแล้วจะทิ้งเหรอ”

“ได้ตอนไหน! ฟาดอีกสักทีดีไหม”

“วันนี้..คุณน้ำวาดรูปอะไรหัวข้อพรหมลิขิตกับความทรงจำที่ดีๆ ”

“เรื่องอะไรจะบอก”

“เนี่ยคนเรา ผมไปขอคุณณัฐดูดีไหม”

“ณัฐนี่อยู่ข้างผมรู้ไว้ซะ”

“ตอนนี้เหมือนผมจะไข้ขึ้นเลย แต่ผมไม่อยากกินยาและนอนแล้ว”

“เดี๋ยวก็เป็นหนัก พักผ่อนเถอะครับ”

สีน้ำจะผละออกแต่ท่าทางภาคินจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ทำตัวงอแงแถมยังกอดเอวไว้แน่น พอโดนดุไปสองสามทีก็เลยต้องยอมปล่อยให้สีน้ำกลับร้านไปนอนบ้างเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คินเดินมาส่งตรงหน้าประตูห้องใจจริงอยากจะเดินไปส่งข้างล่างเหมือนกันแต่ก็โดนดุเป็นรอบที่สี่เพราะคุณน้ำไม่อยากให้เขามึนหัวไปกว่านี้ จังหวะที่กำลังเดินลงไปข้างล่างอยู่ดีๆ สีน้ำก็เหลือบไปมองกล่องสีน้ำตาลที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสนใจกล่องสีน้ำตาลนั่นนักทั้งๆ ที่มันก็เป็นกล่องสีน้ำตาลธรรมดา

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ้อ..เปล่าครับกล่องใบนั้น”

“memories box”

“ครับ?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ดึกแล้วเดี๋ยวคุณณัฐปิดร้านไม่ให้คุณน้ำเข้า”

“เมื่อไหร่เราจะเลิกกันว่าคุณสักที”

“งั้นเรียกไรดี สีน้ำเฉยๆ ได้ไหม”

“ไม่เรียกพี่สีน้ำเหรอผมแก่กว่านะ”

“ไอ้พอร์ชไม่เห็นเรียกทิมว่าพี่”

“เรียกอะไรก็ได้ไม่ได้เครียดเรื่องอายุขนาดนั้นหรอก งั้นผมกลับก่อนนะคิน

“สีน้ำ”

เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะเดินลงบันไดไปต้องหันหลังกลับมาอีกรอบ ไม่มีคำพูดอะไรจากคนที่เรียกเอาไว้ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่สีน้ำจะเดินเข้าไปหาคินที่ยกมือขึ้นมากอดสีน้ำไว้ทั้งตัว สีน้ำเลยยกมือขึ้นมากอดเอวคินไว้หลวมๆ

“ตัวร้อนแล้วไข้ขึ้นแน่ๆ”

“ไม่สบายหอมได้ป่ะวะ”

“คิดดังไปนะภาคิน”

คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหาคนที่เงยหน้าขึ้นมามอง ก็ตั้งใจจะแกล้งเล่นแค่นั้นแต่พอเจอสายตาที่มองเขาอยู่ ภาคินก็ล้มเลิกที่จะแกล้ง ตอนแรกหน้าผากคือเป้าหมายแรกแต่อยู่ดีๆ คินก็หยุดอยู่เฉยๆ จนสีน้ำตั้งใจจะเอ่ยถาม สุดท้ายก็ต้องเงียบลงเมื่อภาคินกดจมูกลงบนแก้มขาวเต็มแรงพอเห็นเขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก็ย้ายมาหอมอีกข้าง คินซบหน้าลงกับไหล่เล็กๆ นั่นอยู่ดีๆ คำพูดที่เขาพูดกับครูสีน้ำก็ย้อนกลับเข้ามาอีกรอบ


“แล้วถ้า….คนนั้นเป็นผม”

สีน้ำหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ภาคินเลยโน้มตัวมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน

“จะกอดไม่ปล่อยเลย”



ภาคินกระชับกอดให้แน่นขึ้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากกอดสีน้ำมากขนาดนี้ อาจจะเพราะตอนนี้ป่วยอยู่เลยอยากอ้อนเป็นพิเศษ สีน้ำยกมือขึ้นมาลูบหลังเขาเบาๆ พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปซื้อโจ๊กให้ ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ มันทำให้คินต้องยิ้มออกมา แต่แค่เพียงไม่นานเขาก็โดนฟาดเป็นครั้งที่ห้าเมื่อเขากระซิบบางอย่างกับสีน้ำ

“วันนี้ของผมเป็นสีครีมนะ เพราะอยากให้คนใส่ชุดนอนลายหมีสีครีมนอนที่นี่ด้วยกันแล้ว”


watercolor

ไอ้น้ำจะได้กลับมานอนไหมวะ ?
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้มันเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนคุณคินตอนนี้

เอาเถอะ..โตๆ กันแล้วจะนอนไหนก็ได้เรื่องของมัน ณัฐก้มเก็บกระดาษที่ปลิวไปใต้เก้าอี้ แต่พอหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เลยรู้ว่ามันไม่ใช่เศษกระดาษแต่เป็นรูปวาดของสีน้ำกับของภาคิน ณัฐหัวเราะเมื่อเห็นว่าหัวข้อพรหมลิขิตของทั้งคู่มันคือเหตุการณ์เดียวกัน รูปของไอ้น้ำคือแก้วกาแฟที่หกอยู่บนพื้น ส่วนของคินคือจานสีที่ตกอยู่บนพื้นเหมือนกัน ถึงของคินจะเป็นรูปขาวดำตามแบบลายเส้นดินสอก็ตาม

“เออ ก็พรหมลิขิตจริงๆ วันนั้นยังจะด่ากันอยู่เลยแล้วดูตอนนี้บ้านช่องก็ไม่กลับมาแล้ว”

ณัฐวางรูปหัวข้อพรหมลิขิตไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบรูปที่เกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ขึ้นมาดู ของสีน้ำมันเป็นรูปกระดาน? หรือบอร์ดอะไรสักอย่างตรงกลางมีรูปคล้ายๆ โปสการ์ดปักหมุดอยู่ตรงกลางบอร์ด ณัฐเองถึงจะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าญาติเขาจะเอาความทรงจำไหนมาวาดออกมาเป็นภาพ

อาจจะแค่ประทับใจที่ขายโปสการ์ดอะไรสักอย่างมั้ง

ณัฐเลยหยิบรูปของภาคินขึ้นมาดูบ้าง แต่พอเห็นรูปที่ภาคินวาดไว้ณัฐก็มองนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะหยิบรูปของสีน้ำขึ้นมาดูอีกที กระดาน บอร์ด โปสการ์ด ทุกอย่างในภาพแค่ดูผ่านๆ ยังรู้เลยว่ามันคือสถานที่เดียวกัน ณัฐจำได้ว่าทั้งสองคนนั่งวาดรูปคนละมุมและทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำตอนวาดรูปหัวข้อนี้

และที่สำคัญ
คนสองคนจะมีความทรงจำที่เหมือนกันขนาดนี้ได้ยังไงกัน?

ณัฐมองภาพวาดสีน้ำของญาติตัวเองสลับกับมองภาพวาดลายเส้นดินสอของภาคิน จะว่าไปสถานที่นี้เขาก็คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นมาก่อนมั่นใจว่าเขาเคยไปที่นี่มาเหมือนกัน ณัฐใช้นิ้วเคาะลงบนภาพของทั้งสองคนพยายามนึกให้ออกว่ามันคือที่ไหน

กระดานบอร์ด

ลายไม้แบบนี้

ข้างๆ เป็นบันได

เคาน์เตอร์ไม้ที่มีรูปสลักช้าง

กระดาษที่ติดอยู่บนบอร์ด

โปสการ์ด

ณัฐลืมตาขึ้นมาเมื่อทุกอย่างมันเป็นรูปเป็นร่าง
จนเขาแน่ใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน


เชียงใหม่..








TO BE CON

ps: ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน...
พี่คินกลับมาแล้วค่าาาา

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า รักษาสุขภาพกันด้วยนะรักษาค่าไฟกันด้วย (อันนี้เจ็บปวดมากจริงๆ)
เมื่อไหร่ไวรัสจะอ่อนแอแล้วตายไปไม่ไหวแล้วนะคะ!


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2020 00:32:54 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คินกับสีน้ำ  ยังไม่รู้ว่าเคยเจอกันมาก่อนแล้วแบบไม่เห็นหน้าค่าตา

ส่วน ณัฐ  นายเก่งมาก

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก..กกกกกกกก  :hao7:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เด็กชายภาคินอ้อนเก่ง :hao7:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
   พรหมลิขิตชัดๆ  :impress2: คิดถึงน้องคินกับสีน้ำมากๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
รอต่อจิ๊กซอ  :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ลุ้น ๆ ต่อให้ไม่มีอดีตร่วมกัน ปัจจุบันก็รักกันจะแย่แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ตอนอยู่ด้วยกัน เค้าทำตัวแบบชินมือกันมากแล้วค่ะ เป็นน่ารัก
แต่ยังไม่ตกปากรับคำเป็นแฟน แต่การกระทำ คำพูด ไปไกลละจ้า

เอ็นดูความอ้อนของภาคิน เป็นเด็กน้อยที่มีคนให้อ้อนอะเนาะ
สีน้ำก็เอาใจพอตัวเลยค่ะ แถมดูจะยอมและตามใจมากอยู่
ชอบความเข้ากันของคู่นี้ มองตา คำพูดแต่ไม่มีกี่คำ ก็เข้าใจกันได้

ว้าววว เจอคนมาสะกิดแล้วค่ะ ณัฐยังเจอความทรงจำนี้เลย
แล้วภาคินกับสีน้ำ ที่มีความทรงจำเดียวกัน จะไม่ให้คิดถึงได้ไง

ออฟไลน์ thebrownbear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักจังค่ะอ่านแล้วอุ่นๆในใจ ยังคงรักแก็งลูกเพื่อนแม่เหมือนเดิม โซคิ้ว
คุณนักเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ใกล้จะได้รู้กันแล้วว พรหมลิขิตจริงด้วย :-[

ออฟไลน์ YoKu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่ใช่แค่โลกของคินที่สดใสเลยค่ะ
นี่โลกของเราก็สดใสตามสีน้ำไปด้วยเลย
อยากจะรู้เรื่องราวที่เชียงใหม่มากๆเลยค่ะ ต้องโรแมนติกแบบสูสีกับต้นไม้แน่ๆ

ปล. อยากจะไปดูแลพี่เคแทนน้องคินเลยค่ะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คิดถึงแก๊งค์ลูกเพื่อนแม่ :mew1:

ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ติดเรื่องนี้เข้าไปแล้วสิ
คินคนไม่มีสี แต่นาทีนี้  เหมือนไอหวานๆ ลอยฟุ้งเต็มไปหมด
ชอบความฉลาดสุดในแก๊งค์
ชอบความแอบหลอกถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ชอบความหยอดอ้อนแบบไม่มีทีท่าแบบแผน

งื้ออ 

ออฟไลน์ seaNON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ iMarchs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กลับมาได้หรือเปล่า ปั๊ป ปา ดั๊ป ปา กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี  :katai4:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.8
-Pink-



สีน้ำเคยคิดดว่าญาติที่สนิทกันมากอย่างณัฐแปลกๆ                                                                                             
แต่ก็ไม่เคยเคยคิดว่ามันจะแปลกประหลาดขนาดนี้

“ณัฐ นั่งมองหน้าเรามาสิบนาทีแล้ว”

“สีน้ำ”

“เรียกชื่อเล่นเต็มยศซะด้วย”

“ตอนที่มึงอยู่ที่เชียงใหม่…”

ปลายพู่กันที่กำลังแต้มสีอยู่หยุดชะงักไปนิดเดียว แต่ณัฐที่จ้องจับผิดอยู่แล้วเลยเห็นว่าญาติตัวเองมีอาการผิดปกติไปจากเดิม เลยคิดว่าเขามาถูกทางแล้ว เลยรีบลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ คนที่กำลังวาดรูปอยู่ก่อนจะหยิบพู่กันมาถือไว้

“เชียงใหม่มันทำไม”

“ตอนนั้นมึงไปก่อนกูเดือนหนึ่ง กูตามไปทีหลัง”

“แล้ว..มันทำไมวะ”

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

“หมายถึง?”

“มีคนมาจีบบ้างไหมหรือมีใครเข้ามาหา ”

“จะมีได้ไงวะ ถ้ามีณัฐเองก็ต้องเห็น”

“ก็จริงของมึง”

“แล้วมาถามอะไรแปลกๆ ”

“เคยเล่าเรื่องตอนที่อยู่เชียงใหม่ให้คุณคินฟังไหม”

“เคยบอกแค่ว่า ก่อนหน้านี้ไปทำงานที่เชียงใหม่เฉยๆ แต่ไม่ได้เล่าอะไรเลยอยู่ดีๆ จะไปเล่าให้เขาฟังทำไม”

“น้ำ..เคยเจอคุณภาคินมาก่อนหรือเปล่า”

ทันที่ที่เขาเอ่ยถามไอ้คนที่กำลังผสมสีอยู่ก็เทน้ำพรวดพราดใส่จานสีจนเลอะเทอะไปหมด  ณัฐหัวเราะเบาๆ เออ..จะทำอะไรก็ดูพิรุธไปหมดเลยเว้ย หรือว่าเป็นเพราะเขาถามเรื่องคุณคินถึงได้เขินขนาดนี้ ไหนๆ ก็แสดงอาการขนาดนี้แล้วยังไงก็ขอถามต่อเลยแล้วกัน

“ถามว่าอะไรนะ”

“ถามว่ามึงเคยเจอคุณคินมาก่อนหรือเปล่า”

“หน้าร้านไงเอาสีน้ำไปสาดใส่เขา”

“ไม่ดิ กูหมายถึงก่อนหน้านั้น”

“……………………………………….”

“ไม่ตอบแสดงว่าเคยเจอ”

“พยายามนึกอยู่แต่ว่านึกไม่ออกเลยว่าเคยเจอที่ไหน”

“จริงป่ะ”

“จริง”

“แล้วเชียงใหม่”

“วนกลับมาเชียงใหม่อีกแล้วนะ มันทำไมนัก”

ณัฐยกมือยอมแพ้พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรแค่ถามเฉยๆ เผื่ออาจจะรู้จักกันมาก่อน ตอนพูดนี่ก็จับผิดญาติตัวเองไปด้วย แต่ไม่เห็นจะมีอาการหลุกหลิกอะไรก็ยังวาดรูปตามปกติ พอจ้องมากก็โดนด่าอีกณัฐเลยหยิบรูปวาดที่ workshop แล้วยื่นให้

“เป็นไงได้เต็มสิบป่ะวาดแบบสุดฝีมือ”

“ทำไมความทรงจำมึงถึงเป็นที่นี่วะน้ำ ที่พักที่เชียงใหม่?”

“นอนสบายดีออก”

“กูรู้จักมึงดีแค่นอนสบายมึงไม่เอามาวาดรูปแบบนี้หรอก”

“วันนี้เป็นอะไรถามแปลกๆ เชียงใหม่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับเราก็เลยวาด…แค่นั้น”

“ไม่หลุดเลยเว้ย โอเคไว้จะมาเสือกใหม่”

“นี่จะมาหลอกถามอะไรอีกเออ..แล้วไหนรูปของคุณคินวันนั้นเขาวาดรูปอะไร ยังไม่เห็นเลย”

“ไม่ให้ดู”

“อ้าวไรวะ”

“กูเป็นคนจัดworkshop ต้องให้คะแนนก่อน”

“คุณคินวาดรูปลายเส้นดินสอต้องให้คะแนนด้วยเหรอไง รายนั้นไม่รู้ว่าจะยอมระบายสีน้ำตอนไหน”

“อีกไม่นานหรอกมั้ง อนาคตแฟนก็ชื่อสีน้ำก็ต้องมีสักวัน”

“วันนี้เป็นไรป่ะเนี่ยถามจริง แซวเยอะกว่าทุกวัน”

ณัฐส่ายหน้าก่อนจะก้มลงมองรูปวาดของคุณคิน ใจจริงเขาก็อยากจะถามสิ่งที่เขาคาใจให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะถามตรงๆ ไม่รู้สิแค่รู้สึกว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่า  ถ้ามันถึงเวลาทั้งสองคนก็คงรู้กันเอง แต่..สำหรับเขาที่รู้จักกับสีน้ำมาตั้งแต่เกิด เห็นหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้แต่จริงๆ เจ้าแผนการณ์เยอะแยะไปหมด

บางที…สีน้ำกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้                                                                     
ใครจะไปรู้

“กูสมมุตินะถ้ารูปหัวข้อพรหมลิขิตกับความทรงจำของมึงกับคุณคินเป็นรูปเดียวกัน..”

“รูปเดียวกัน? บ้า จะเป็นรูปเดียวกันได้ไงวะต่างคนต่างวาด”

“กูสมมุติเฉยๆ ”

“ก็..”

สีน้ำจุ่มสีที่อยู่ในถาดก่อนจะแต้มลงไปบนกระดาษที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าทำให้ณัฐต้องยิ้มตาม รูปภาพของของสีน้ำบอกอารมณ์คนวาดได้อยู่เสมอ ดูแค่นี้ก็รู้ว่าคนวาดกำลังมีความสุข สีเหลือง สีชมพู เต็มไปหมด สีน้ำวางพู่กันแล้วหันมายิ้มให้

“ถ้าสมมุติว่ามันเป็นรูปเดียวกันแสดงว่าเราเจอเขาแล้ว”

 

watercolor


วันนี้สีน้ำไปซื้ออาหารเช้าสายกว่าทุกวัน เพราะว่าวันนี้ตั้งใจจะไปซื้อหมูปิ้งเจ้าดังที่อยู่อีกซอย  ชื่อเสียงที่โด่งดังก็เลยต้องต่อคิวรอนานแต่ก็คุ้มค่าแล้วเพราะสีน้ำแทบจะเหมามาทั้งร้าน  ทันทีที่จอดจักรยานก็ต้องหยุดมองคนที่กำลังเดินวนไปวนมาอยู่หน้าร้านของภาคิน และแน่นอนว่าเป็นคนที่เขารู้จักอยู่แล้ว

“คุณเค..”

เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เคหยุดเดิน ก่อนจะเห็นคนผมสีน้ำตาลแดงยิ้มให้ ครูสอนวาดรูป ? น่าจะใช่ละมั้งเคยได้ยินทิมเคยพูดถึงตอนมาที่บ้านอยู่เหมือนกัน พวกรายละเอียดเขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเป็นคนที่เปิดร้านอยู่ข้างๆ คิน เขามาที่นี่ทีไรก็เจอตลอด

“ผมเจอคุณที่นี่ แล้วก็เจอกันที่บ้านรุ่งอรุณใช่ไหมครับ”

“จะว่าไปผมยังไม่เคยได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อสีน้ำนะครับร้านผมอยู่ข้างๆ คิน”

“เป็นครูสอนวาดรูปเหรอครับผมเคยได้ยินแก๊งลูกเพื่อนแม่พูดถึงคุณอยู่เหมือนกัน”

“ครับ ผมสอนวาดรูป”

“คินก็ชอบวาดรูป”

“แต่ไม่ชอบวาดสีน้ำ มันน่าทุบจริงๆ”

เคหลุดขำเพราะหน้าของคนที่ชื่อสีน้ำทำหน้าเหมือนโกรธแค้นคินมานานหลายปี ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกานี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องไปประชุมแล้ว กับข้าวมากมายในมือก็ยังไม่ได้เอาให้คินสักที นี่ก็ยืนอยู่หน้าร้านนานมากแล้ว เคเงยหน้ามองสีน้ำที่ยืนยิ้มอยู่แล้วยื่นถุงผ้าในมือให้

“แม่บอกว่าเดี๋ยวนี้คินทำงานหนักมากไม่ค่อยได้กลับบ้านเลยทำอาหารของโปรดคินมาให้คือ..ผมฝากคุณน้ำให้แล้วกัน”

“เขียนอะไรให้คินหน่อยไหมครับ”

“ผมว่าไม่ดีกว่า”

“ถ้าไม่เขียนวาดรูปก็ได้นะครับ”

“วาดรูปนี่ผมไม่ถนัดจริงๆ”

“ผมวาดให้ได้นะ”

“เดี๋ยวครับคุณ…น้ำ”

เคพยายามจะเรียกคนที่วิ่งหายเข้าไปในร้านของตัวเอง แล้วกลับมาพร้อมกับกระดาษและปากกาพู่กันสีน้ำหลายสี ตอนแรกเคตั้งใจจะปฏิเสธเพราะเขาเองก็ไม่กล้าจะเขียนข้อความอะไรให้น้องชายตัวเอง แต่พอเห็นความตั้งใจของครูสอนวาดรูปก็เลยใจอ่อน

“รูปอะไรดีครับ”

“เด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดก็ได้ครับ แค่รูปเดียว”

สีน้ำพยักหน้าก่อนจะเริ่มระบายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เคมองตาไม่กะพริบเพราะไม่คิดเลยว่ามันจะวาดกันได้ง่ายๆ ขนาดนี้ ยิ่งเป็นสีน้ำนี่เขาว่ามันก็ยากอยู่นะ แต่แค่เพียงไม่นานรูปเด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดก็เสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวบอกอาจจะไม่ค่อยสวยเพราะรีบวาด แต่เขาก็ยังยืนยันว่านี่ก็สวยมากแล้ว

“รูปเด็กใส่ชุดเทควันโดนี่เป็นความลับของของคุณเคกับคินเหรอครับ”

“ที่จริง…มันเป็นความลับของผมคนเดียว”

สีน้ำพยักหน้าแล้วยื่นรูปวาดให้คุณเคแปะลงบนกล่องพลาสติกก่อนที่จะขอตัวไปทำงาน  เป็นพี่น้องที่ฟอร์มจัดกันทั้งคู่แต่เอาเถอะแค่นี้ก็คงดีขึ้นมากแล้ว  สีน้ำเปิดประตูเข้าไปในร้านและแน่นอนว่าเจ้าของร้านกำลังทำหน้าตาเครียดอยู่หน้าคอมตัวเดิม

“อาหารเช้ามาช้ามากผมหิวแล้ว”

“วันนี้มีให้เลือก”

สีน้ำชูถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารอยู่ขึ้นมา ส่วนอีกข้างก็คือถุงหมูปิ้ง ทันทีที่เห็นรูปวาดที่แปะอยู่บนกล่องใส่อาหารคินก็รู้แล้วว่าใครที่เป็นคนเอามาให้ สีน้ำยังบอกอีกว่าแม่เขาเป็นคนฝากมาให้เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้กลับบ้านเลยช่วงนี้ คินได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เอาแม่มาอ้าง



“คินอยากกินตับทอดกระเทียม แกงส้มชะอม แล้วก็ปลาสลิดทอดใช่ไหมเห็นเคมาบอกว่า ได้ยินทิมบ่นๆ เดี๋ยวนี้คินงานยุ่งอยากกินข้าวฝีมือแม่ ”




เขาจำได้ว่าไม่เคยไปบอกอะไรไอ้ทิมทั้งนั้นแหละ และอาหารทั้งหมดนี่มันอาหารจานโปรดตอนเขาเด็กๆ และแน่นอนว่ามีแค่คนเดียวที่รู้ว่าเขาชอบอะไรก็โตมาพร้อมกัน คินดึงรูปวาดเด็กผู้ชายในชุดเทควันโดที่แปะอยู่ขึ้นมาดูใกล้ๆ พร้อมกับเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นเขามองก็ยิ้มแฉ่ง

“ผมอยากให้น้ำได้กินอาหารฝีมือแม่ผม คุณนายญาดาทำอาหารอร่อยมาก”

“แล้วหมูปิ้งผม”

“จริงๆ พี่เคน่าจะไม่ได้กินหมูปิ้งมานานแล้ว…”

สีน้ำอมยิ้มพร้อมกับบ่นเบาๆ ฟอร์มจัดกันทั้งคู่ก่อนจะยื่นถุงหมูปิ้งให้อีกฝ่าย แต่ภาคินก็ส่ายหน้าดันถุงหมูปิ้งให้ออกห่าง ยึกๆ ยือๆ กันอยู่นานจนในที่สุดภาคินก็ยอมแพ้หยิบถุงหมูปิ้งแล้วเดินออกไปหน้าร้าน ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่เคจะยังอยู่หรือเปล่า แต่เขาก็คิดถูกจริงๆ ท้ายรถเบนซ์ยังคงจอดอยู่ นี่ก็ว่าสายมากแล้วนะ คินลังเลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเคาะกระจกรถแล้วยื่นถุงหมูปิ้งให้

“แลกกัน”

คำพูดสั้นๆ แต่มันก็นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราได้คุยกันต่อหน้าตรงๆ แบบนี้ เคเหลือบมองไปยังร้านของคินที่เปิดประตูทิ้งไว้ ก็เห็นใบหน้าของครูสอนวาดรูปโผล่มาพร้อมกับโบกมือให้เขาอีก ยิ่งตอนที่คินหันกลับไปทำท่าไล่ให้กลับเข้าไปในร้านนี่มันก็น่ารักดี พอเห็นว่าสายแล้วคินก็เลยกลับไปที่ร้านท่าทางเก้ๆ กังไม่รู้จะพูดอะไรดีมันทำให้เคต้องยิ้มอีกครั้ง

“ตลกทั้งคู่”

เคก้มลงมองหมูปิ้งในมือแล้วหันไปมองทั้งคู่ที่เดินกอดคอกันเข้าไปในร้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าภาคินน้องชายของเขาสดใสขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้ามันเป็นเพราะคุณสีน้ำเขาก็ไม่แปลกใจเลย ขนาดเขาที่เจอกันไม่กี่ครั้งยังรู้สึกถึงพลังบวกได้จากคนๆ นี้ อย่างน้อยคุณสีน้ำก็ทำให้เขาได้กลับมาคุยกับน้องชายอีกครั้ง

“โหมดน้องชายคินก็น่ารักเหมือนกันเนอะ”

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“น่ารักแล้ว”

“ไม่เห็นน่ารัก ไม่ได้ยินใครชมว่าผมน่ารักมานานตั้งแต่ห้าขวบ”

“เขินเหรอ”

สีน้ำยกมือขึ้นมาหยิกแก้มคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ภาคินไม่ได้โวยวายอะไรได้แต่ปล่อยให้สีน้ำวอแวกับแก้มเขาอยู่อย่างนั้น คินยอมรับเหมือนกันว่าถ้าไม่มีสีน้ำเขาคงไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาพี่เคก่อน ถึงแม้เราจะพูดกันอยู่แค่สองคำก็เถอะก็ถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้  และทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยมือจากแก้มเขาภาคินก็ก้มลงไปหาพร้อมกับหอมแก้มสีน้ำเต็มฟอด

“เฮ้ย!”

“เฮ้ยไร”

“ไว้ใจไม่ได้เลย”

“ผมเนี่ยไว้ใจได้สุดๆ แล้วในแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ผมชอบทิมสุดในแก๊งนะ”

“หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้”

“น่ารักออก”

“คุณสีน้ำครับ ถ้าคุณรู้ว่าตั้งแต่สามขวบผมโดนมันโขกสับอะไรบ้าง แล้วคุณจะสงสารผม”

“ก็คินเป็นลูกกระจ๊อก”

“เออ คนเราอยู่ทีมผมสิครับโดนทิมแกล้งนี่ไม่ช่วยนะ”

“ผมต้องโดนทิมแกล้งด้วยเหรอเนี่ย”

“แต่งเข้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็โดนทิมแกล้งมาแล้วทั้งนั้น ต้นไม้คีตาไอ้พอร์ชโดนมาแล้วทั้งนั้น”

“...................................................”

“เอ๊า เขินไม่ต้องกลัวทิมเล่นเบาๆ ”

“คินพูดเองเออเองอยู่คนเดียว”

“เวลาเรียกคินรู้สึกดีขึ้นเยอะ เรียกคุณอยู่ได้ตั้งนาน เออน้ำ คีตาฝากมาบอกด้วยว่าถ้ามี workshop ขอมาแจมด้วยอีก ครั้งที่แล้วได้แรงบันดาลใจไปแต่งเพลงเยอะเลย”

“วาดรูปเนี่ยนะ”

“คีตาเอาทุกอย่างบนโลกมาแต่งเพลงได้หมด ไอ้เบนทำข้าวไข่เจียวยังเอามาแต่งเพลงได้เลย”

“เก่งจัง เรื่องดนตรีผมไม่ได้เลย”

คินยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและหน้าจอก็แสดงชื่อเบนจามินขึ้นมาพอดี ทันทีที่กดรับเสียงไอ้เบนก็ดังลั่นออกมาจนคินต้องเอาโทรศัพท์ให้ห่างจากหู ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรไอ้เบนพูดซะแทบหายใจไม่ทัน

“สรุปว่าครูสอนวาดรูปที่มึงดีลไว้เกิดป่วยกะทันหัน และวันนี้เป็นวันที่ต้องถ่ายเอ็มวีก็เลยอยากจะให้สีน้ำไปช่วยหน่อย นี่กูเข้าใจถูกใช่ไหม”

พอได้ยินชื่อสีน้ำก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คินพยักหน้าก่อนจะกดวางโทรศัพท์จากเบน ท่าทางรอฟังเขาพูดตาแป๋วมันก็ดูน่ารักดี พอเขาแกล้งเล่นตัวไม่ยอมบอกก็โดนทุบเข้าให้วันนี้มีแต่คนใจร้อนจริงๆ เลยเว้ย คินก้มหน้ามาใกล้ๆ ก่อนจะบอก

“ครูสีน้ำรับงานนอกเวลาไหมครับ”

 
watercolor


ถึงแม้ว่าปกติแล้วสีน้ำเองก็ฟังเพลงดูรายการทีวีอยู่บ่อยๆ คอนเสิร์ตก็มีไปบ้างแต่ก็ไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งจะได้มายืนอยู่ในบริษัทที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่เด็กอย่าง KTD และท่าทางเขาคงจะแสดงออกมากเกินไปคนข้างๆ ถึงได้อมยิ้มขำไม่เลิกสักที

“ชอบนักร้องคนไหนถ่ายรูปคู่ได้นะบอกไอ้เบนได้เลย”

“คินไม่ตื่นเต้นเหรอ”

“ผม ทิมและรามิลเล่นซ่อนแอบที่ KTD มาตั้งแต่หกขวบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว”

สีน้ำกระเถิบตัวเข้าหาคินเมื่อเดินมาถึงสถานที่ๆ นัดกันไว้ พอเจอสถานที่จริงแบบนี้ก็เริ่มกลัวขึ้นมาเหมือนกัน พอเห็นคีตาที่นั่งดีดกีตาร์อยู่เงยหน้าขึ้นมาโบกมือให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยก็มีคนรู้จักนอกจากภาคิน  เบนจามินยังคงโอเวอร์ไม่เปลี่ยนตั้งแต่เดินเข้ามาก็ยังกอดคินแน่นทำท่าทางซึ้งใจจนคินต้องบอกว่าพอก่อน รักษาภาพลักษณ์ผู้บริหารไว้บ้าง

“คุณน้ำแค่ดูว่าท่าทางการจับพู่กัน การวาดรูป ผสมสีอะไรแบบนี้ของนางเอกถูกต้องหรือเปล่าก็พอครับ ถ้ามันผิดหรือมีตรงไหนไม่โอเคคุณน้ำท้วงได้เลยนะ ”

“เนื้อหามันเป็นยังไงเหรอครับ”

“มีผู้หญิงกับผู้ชายเป็นคนรักกันครับ ทั้งสองคนเป็นจิตรกรวันหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ชายสูญเสียการมองเห็นทำให้ไม่สามารถวาดรูปได้อีก ”

“ดราม่าเหมือนกันนะเนี่ย”

“ถามคนแต่งได้เลยครับ ตอนผมฟังครั้งแรกน้ำตาไหลเป็นกะละมัง”

เบนจามินหันหน้าไปทางคนที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่อีกด้าน สีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อสิ่งที่คุณเบนบอกมันตรงกับสิ่งที่เขาคิดไว้พอดี ว่าแล้วว่าเพลงนี้คีตาต้องเป็นคนแต่ง ตอนแรกก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ปลอบใจตัวเองมาตลอดทาง มันก็เหมือนกับการสอนวาดรูปนั่นแหละ แต่พอมีฉากมีกล้องมีไฟมีทีมงานสีน้ำก็เริ่มเกร็งๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“เรามี workshop กันมาแล้วครับแต่วันนี้ถ่ายจริงก็เลยอยากให้มีผู้เชี่ยวชาญหน่อย เผื่อมีอะไรผิดพลาด”

“ผมยินดีช่วยนะครับ ไม่ได้ลำบากอะไร”

“มีอะไรไม่เข้าท่าด่าไอ้คินได้เลยครับ”

“อ้าว ไอ้เบนวันนี้กูมีผู้มีพระคุณกับมึงนะ”

“ตอนนี้มึงไร้ประโยชน์ละคิน ไปยืนนู่นมุมตึก ไม่ก็กลับไปเปิดร้านมึงเลยคนบ้าอะไรเปิดร้านเดือนละสามวัน”

“ทำไม ใครจะทำไมกูจะเปิดร้านปีละวันก็ได้ รวย”

“ขอให้คุณนายญาดาตัดมึงออกจากกองมรดก”

“กูน่ะลูกรักเขาคุณนายไม่มีทางให้กูตกระกำลำบากหรอกไอ้ตี๋”

ท่าทางเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ทำให้สีน้ำต้องยิ้มอย่างเอ็นดูขนาดทีมงานที่รอทำงานอยู่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ มันก็ดูน่ารักดีที่ผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ มายืนเถียงกันเหมือนเด็กๆ พอเถียงกันจนหนำใจก็เดินแยกย้ายกันไปทำงาน ช่วงแรกก็ยังไม่มีอะไรมาก สีน้ำแค่จัดท่าทางให้นักแสดงเล็กน้อย แต่ถึงฉากสำคัญเป็นฉากที่ผู้ชายสูญเสียดวงตาแล้วนั่งนิ่งๆ อยู่ที่กระดานวาดรูป ผู้หญิงจะยืนอยู่ด้านหลังคอยจับมือแล้ววาดรูปไปพร้อมๆ กัน

สีน้ำเข้าไปบอกวิธีผสมสีคร่าวๆ พร้อมกับทำท่าทางวาดรูประบายสีน้ำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่พอถ่ายจริงๆ ผู้กำกับก็บอกว่าไม่ได้ อารมณ์ไม่ได้ ไม่ผ่านฉากนี้ไปสักที สีน้ำได้แต่ยืนเงียบๆ เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการแสดงอะไรแบบนี้เลย แต่ฉากแบบนี้มันน่าจะยากสำหรับคนที่ไม่ได้ถนัดเรื่องการวาดรูปอยู่เหมือนกัน

“มี่เข้าไม่ถึงอารมณ์เลยค่ะ ครูน้ำทำให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยได้ไหมคะมาลองเล่นบทมี่หน่อย”

นางเอกของเรื่องไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธเลยลากสีน้ำให้มาอยู่ตรงหน้ากระดานวาดรูป  ก่อนที่มี่จะบอกบทให้ฟังสีน้ำพยักหน้าแล้วจับพู่กันให้พระเอกของเรื่องถือไว้ แต่จังหวะสีน้ำกำลังจะจับมือพระเอกเอ็มวี เสียงกระแอมก็ดังขึ้นทุกสายตาเลยหันไปมองหน้าภาคิน เบนจามินก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนที่พระเอกของเรื่องจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผู้กำกับ

“ผมขอเป็นฝ่ายดูก่อนได้ไหมครับ อยากรู้ว่าต้องแสดงอารมณ์ท่าทางแบบนั้น”

“แล้วใครจะมาเล่นแทนเรา”

อยู่ดีๆ เบนจามินก็ผลักภาคินออกมาพร้อมกับบอกมีคนแสดงแทนแล้ว ถึงจะ งงๆ เล็กน้อยแต่คินก็ไม่ได้โวยวายอะไร พอเดินมาถึงตรงที่สีน้ำยืนอยู่ก็เริ่มเกร็งๆ ขึ้นมาเหมือนกัน เห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ สีน้ำเลยถามย้ำอีกครั้งว่าแน่ใจเหรอไง ก็นะมาถึงตอนนี้ก็ไม่น่าจะปฏิเสธได้แล้ว ป่ะวะ

“คนที่ไม่ชอบระบายสีน้ำแต่ต้องมาระบายสีน้ำ”

“น้ำต่างหากที่เป็นคนที่ระบายไม่ใช่ผม”

“นั่งเลยครับเด็กชายภาคิน”

เสียงผู้กำกับบอกแค่ว่าตามบทที่เล่นเป็นยังไง แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดลงลึกเพราะอยากให้ทั้งคู่ทำตัวตามสบาย เพราะตามบทฝ่ายชายต้องสูญเสียดวงตา เบนเลยเอาผ้ามาผูกตาให้คิน ทันทีที่ผู้กำกับสั่งเริ่มสีน้ำก็ค่อยๆ จับมือคินจุ่มสีน้ำที่ผสมไว้ในจานสีก่อนจะระบายสีลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้า เพราะไม่ถนัดกับการลงน้ำหนักมือ บวกกับสายตาที่มองไม่เห็นทำให้ทุกอย่างมันดูขัดๆ ไปหมด สีน้ำเองก็รู้สึกได้ เลยหยุดพู่กันที่กำลังลงสีแล้วก้มลงไปกระซิบเบาๆ

“ระบายสีน้ำครั้งนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

“มองไม่เห็น”

“เอาความรู้สึก แบบใช้ใจ”

“โห…น้ำเน่าเหมือนกันนะเรา”

“ตั้งใจทำงานเลย ห้ามวอกแวกเขินจะตายอยู่แล้วคนมองเต็มไปหมด”

“รู้สึกแปลกๆ ผมไม่ค่อยจับพู่กันเท่าไหร่”

พอคินบอกแบบนั้นสีน้ำเลยเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่จับมือคินจุ่มสีอีกครั้งแล้ววาดลงบนกระดาษตรงหน้า เพราะมัวแต่กังวลว่ารูปมันจะออกมาไม่ดีท่าทางมันก็ยังไม่ได้ พอมองไปที่ผู้กำกับก็ส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าที่ต้องการไม่ใช้แบบนี้ สีน้ำเลยก้มลงมากระซิบอีกครั้ง

“ตอนนี้ผมวาดแม่น้ำ”

“ผมรู้สึกว่าน้ำวาดวงกลมนะ แม่น้ำจริงเหรออย่ามาหลอก”

“จินตนาการไง เอารูปอะไรดี”

“ดอกไม้”

“นี่ ดอกทิวลิป”

“เว่อร์ วาดสามเหลี่ยมจะเป็นดอกทิวลิปได้ไง ตอนนี้คุณใช้สีอะไรอยู่”

“สีเขียว”

“งั้นวาดต้นหญ้า”

“เสร็จแล้ว”

“ป้ายๆ สองทีเป็นต้นหญ้าได้ไงวะ”

“หาเรื่องเหรอภาคิน”

“มีสีแดงไหม เอาแอปเปิ้ล”

“วาดแล้ว”

“แอ๊บเปิ้ลอะไรลากเป็นเส้นตรง”

“ระบายสีน้ำสนุกแล้วล่ะสิ ชอบสีน้ำยัง”

“ก็…ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ”

“………………………………….”

“เขินใช่ไหมผมรู้”

“มองไม่เห็นคินจะรู้ได้ยังไง”

“บีบมือผมแน่นซะขนาดนี้”

เหมือนทั้งสองคนลืมไปแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ ท่าทางของทั้งคู่มันค่อยๆ ผ่อนคลายไม่ได้เกร็งเหมือนตอนแรก สีน้ำที่นั่งซ้อนหลังคินอยู่กระเถิบตัวเข้าหาคินจนแนบชิดกับแผ่นหลังกว้าง ภาคินที่ปิดตาด้วยผ้าอยู่เริ่มรู้สึกสนุกกับการวาดระบายสีน้ำตรงหน้า โดยที่มือใหญ่ยังคงถูกครูสีน้ำจับเอาไว้แน่น

สีหน้าของคินจากตอนแรกที่ดูไม่ค่อยพอใจแต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มขึ้นมา สีน้ำหลากสีถูกป้ายลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้า มันไม่ได้เป็นรูปวาดอย่างที่สีน้ำบอกหรอก มันเป็นแค่สีน้ำหลายๆสีป้ายไปป้ายมาก็เท่านั้นไม่ได้รูปวาดสวยงามเลยด้วยซ้ำ  แต่มันก็ทำให้คนที่มองไม่เห็นรู้สึกมีความสุขไปกับการระบายสีน้ำได้

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมกับผู้กำกับหันมามองนักแสดงสองคน
ที่ยืนอมยิ้มกันอยู่ข้างหลังมอนิเตอร์

“แบบนี้แหละใช่เลย ขอแบบนี้อารมณ์นี้รอยยิ้มแบบนี้ เป๊ะมาก!โคตรเป๊ะ! เบน..เบนจามินกูไม่กล้าสั่งคัทเลยว่ะ ไปบอกให้หน่อยเขาเขินกันทั้งกองแล้ว พอก่อนน่ารักกันจังเว้ย”


.......................
....................................................





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
watercolor


“กูมาทันใช่ไหม”

“ถ่ายเสร็จแล้วมึงช้าเหอะทิม กูส่งรูปไปตั้งนานแล้วนะ”

“คนเขามีงานมีการทำโว้ย รอพอร์ชคุยกับลูกค้าด้วยกูเลยโทรตามไอ้มิลมาอีกทีแล้วงานเป็นไง”

“ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก กูอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสีน้ำสักสามมื้อ”

“เลี้ยงไอ้คินด้วยสิ”

“คุณภาคินเกินหน้าเกินตามาก พี่เก้าผู้กำกับพยายามโน้มน้าวให้เล่นงานหน้า”

“ไม่ได้ผลแน่นอน ขนาดพระเอกละครเวทีคณะยังไม่ยอมเล่นสงสารแพม ตื้อไอ้คินตั้งแต่ปีหนึ่งยันเรียนจบ แล้วนี่คีตาไปไหน”

“นู่น สงสัยไอ้ไอเดียในการแต่งเพลงใหม่อีกแล้วมั้ง เห็นวิ่งไปหาคุณน้ำทีไอ้คินที”

เบนชี้ไปที่เจ้าหนูของเขาที่กำลังดีดกีตาร์แล้วคุยกับคุณสีน้ำไปด้วย แต่สงสัยท่าทางเคร่งเครียดพอสมควรเพราะเห็นคิ้วขมวดเป็นปม แค่เพียงสักพักคีตาก็เดินกลับมาหาเบนจามินพอเห็นทิมก็ยกมือไหว้แล้วพร้อมกับเอนตัวมาซบเบนเอาแก้มป่องๆ นั้นวางแปะไว้บนต้นแขนเบนแล้วก็เงียบอยู่อย่างนั้น

“นี่คือคีตาเป็นอะไรวะเบน”

“น่าจะใช้ความคิดอยู่ เป็นแบบนี้บ่อยๆ เวลาแต่งเพลงไม่ได้”

“โห..เดี๋ยวนี้รู้หมดเลยนะว่าน้องเขาคิดอะไร”

“อ้าว นี่แฟนกู”

“ผมสงสัย..”

อยู่ดีๆ คนที่เงียบอยู่ก็เอ่ยขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมามอง คีตาพูดขึ้นแค่นั้นก็เงียบลงไปอีก แต่สายมองไปยังภาคินและสีน้ำที่ยังคงนั่งวาดรูปเล่นอยู่อีกด้าน ทั้งเบนและทิมมองตามสายตาของคีตาท่าทางแปลกๆ ทำให้เบนวางมือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั้นคล้ายจะถามว่ามีอะไร

“ผมสงสัยว่าพี่คินกับคุณน้ำเขาเคยเจอกันมาก่อนเหรอครับ”

“ทำไม?”

“ก็..”

ตั้งแต่ตอนที่เขาถ่ายทำและให้พี่คินกับคุณน้ำมาลองเล่นให้นักแสดงดู ตอนนั้นคีตาเองก็นั่งอยู่ด้วยและอยู่ดีๆ ก็ได้ไอเดียเพลงรักขึ้นมาทันทีที่เห็นทั้งคู่ เลยตั้งใจว่าจะลองเข้าไปคุยดู เพราะเห็นว่าคุณสีน้ำยังคงสอนมี่มี่นางเอกของเรื่องเกี่ยวกับการระบายสีน้ำอยู่เลยเลือกที่จะไปหาพี่คินก่อน

“เพลงรัก? คีตาจะแต่งเพลงให้พี่?”

“ไม่ได้แต่งให้พี่คินสักหน่อย”

“ล้อเล่น.. ขืนแต่งจริงไอ้เบนกระทืบพี่ตายพอดี”

“ผมก็ตายด้วย”

“ไหน..เป็นไงแล้วอยู่ดีๆ จะมาแต่งเพลงอะไรตอนนี้”

“ไอเดียมันไม่เข้าใครออกใคร เรามันพวกเดียวกันนะพี่คินผมรู้”

“เออ เข้าใจแล้วเพลงรักของคีตามันเป็นยังไง”

“ผมสมมุติเหตุการณ์นะ คือพี่คินเจอคุณน้ำเพราะว่าร้านอยู่ข้างๆ กันใช่ไหม คือคีย์อยากรู้ว่าถ้าพี่คินกับคุณน้ำได้เจอกันแบบอื่น พี่อยากเจอคุณน้ำแบบไหนเหรอ”

“…………………………………………………………..”

“แบบบังเอิญเดินชนกัน หรือว่าเจอกันที่ร้านกาแฟแล้วพี่คินก็เข้าไปจีบ”

“พี่เข้าไปจีบเลยเหรอ”

“ให้คุณน้ำเป็นฝ่ายเข้ามาจีบก็ได้เอ๊า!”

ภาคินหัวเราะออกมากับท่าทางของเจ้าหนูคีตา ท่าทางจริงจังเหมือนกำลังจะสอบเข้ามหา’ลัย คินหันไปมองคนที่กำลังพูดถึงอยู่ เจอกันแบบอื่นเหรอ..คีตาหันไปมองคุณน้ำบ้างเพราะเห็นพี่คินมองไม่วางตา รอยยิ้มของภาคินทำให้คีตาแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะปกติพี่คินจะไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ ชอบทำหน้าเฉยๆ แต่พอเห็นคุณน้ำยกมือป้ายแก้มตัวเองและสีชมพูที่กำลังระบายอยู่เลอะเป็นแถบพี่คินก็ยิ้มอย่างเอ็นดู คีตาเองก็ได้แต่อมยิ้ม

โห..ฟอร์อินเลิฟเต็มร้อยเลยแบบนี้

“พี่อยากให้พี่กับคุณน้ำเรารู้จักกันโดยที่เรายังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน”

“แบบไหนนะ”

“ผ่านการวาดรูป ผ่านตัวอักษร”

“อ้อ..แบบที่ต่างคนต่างเขียนโพส์ตอิทให้กันไว้ที่ร้านกาแฟแต่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าเป็นใครใช่ไหม แล้วค่อยมารู้จักกันทีหลัง”

“เออ..แบบนั้นแหละน้ำเน่าเกินไปไหม”

“สำหรับพี่คินไม่เน่าหรอกเขาเรียกโรแมนติค แล้วทำไมถึงอยากเจอคุณน้ำในแบบนั้นล่ะครับ”

ภาคินหยุดดินสอในมือที่กำลังลากเส้นให้เป็นรูปคล้ายๆ จดหมาย
ไม่ก็โปสการ์ดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คีตา

“จะได้รู้ว่าพี่เองตกหลุมรักคนๆ เดียวกัน ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”

คนติสท์ๆ อย่างพี่คินก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันเนอะ ตอนได้ยินคำตอบเขาเองก็อึ้งไปเหมือนกัน คีตาก้มลงจดบางอย่างลงในสมุดเล่มโปรดที่ใช้อยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อคุณสีน้ำที่ขอตัวไปล้างหน้าล้างตากลับมานั่งตรงหน้ากระดานวาดรูปตามเดิม ถึงแม้จะล้างหน้าออกไปแล้วแต่สีชมพูข้างแก้มยังคงเห็นเป็นรอยจางๆ อยู่ดีเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด

“สรุปคีตาจะถามพี่เรื่องเพลงเหรอ”

“ผมเรียกว่าพี่น้ำได้ไหม”

“ได้ครับ แต่บอกก่อนว่าเรื่องดนตรีนี่พี่น้ำไม่มีความรู้เลย”

“ผมแค่อยากได้ไอเดียนิดเดียวงั้นขอถามเลยนะครับ สมมุติว่าถ้าพี่น้ำเจอกับพี่คินแบบอื่น พี่น้ำอยากเจอพี่คินในแบบไหนเหรอครับ”

“แบบอื่น? หมายถึงถ้าสมมุติพี่ไม่ได้เอาสีน้ำไปสาดใส่คินวันนั้น อยากให้เราเจอกันแบบไหนพี่เข้าใจถูกใช่ไหม”

“ใช่ครับ แบบนั้นเลย”

“อืม….ไม่รู้ว่าคีตาจะหาว่าพี่เพ้อเจ้อหรือเปล่า”

“ผมขอใบ้เลยนะผมก็ไปถามพี่คินมาแล้ว คำตอบของพี่คินก็ทำผมช็อคไปเหมือนกัน คนนิ่งๆ ทื่อๆ แบบนั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะคิดอะไรแบบนี้”

“ใบ้ได้ไหม คินตอบว่าอะไร”

“ความลับครับ นี่เพลงของผมไว้ให้ฟังตอนแต่งเสร็จ”

“พี่อยากเจอคิน…ไม่สิเรียกว่าอะไรดี เคยเห็นที่เขาเขียนโน้ตให้กันโดยที่คนสองคนไม่รู้จักกันมาก่อนไหม คุยกันมาเรื่อยๆแล้วอยู่ดีๆ เราก็ได้รู้จักคนๆ หนึ่งแล้วก็มารู้ทีหลังว่าคนที่เราเขียนโน้ตให้เขากับคนที่เราเจอคือคนๆ เดียวกัน”

“…………………………”

“คีตาพอนึกออกไหม”

“…………………………”

“คีตา”

“…………………………”

“คีย์”

“คะ..ครับ”

“ทำหน้าเหมือนเจอผีเลย มันดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

“มันดูเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย”

 “ก็คือถ้าได้เจอกันแบบนั้น พี่น้ำอยากให้พี่คินเป็นคนที่เขียนโน้ตคุยกันเหรอ”

“ถ้าใช่ก็ดีน่ะสิ”

“…………………………..”

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่เขียนโน้ตหรือว่าคนที่ได้เจอกันเพราะเอาสีน้ำไปสาดใส่ ก็เป็นคนเดียวที่พี่ตกหลุมรักอยู่ดี”


ทันทีที่ได้ยินคำตอบ คีตาที่ก้มหน้าจดรายละเอียดอยู่เงยหน้ามองกระดานวาดรูปที่สีน้ำหยิบพู่กันมาป้ายๆ ให้มันเป็นรูปคล้ายๆ กระดาษโน้ตไม่ก็โปสการ์ดสักอย่าง คีตานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเผลอคิ้วขมวดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ทำไมคำตอบของทั้งสองคนมันเหมือนกันขนาดนี้วะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกันขนาดรูปวาดที่ตอนนี้ที่พี่น้ำกำลังวาดเล่นๆ ยังคล้ายๆ กับรูปลายเส้นดินสอที่พี่คินวาดเลย

หรือว่าคำตอบของทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ? คีตาก้มลงมองสมุดของตัวเองสลับกับรูปวาดที่พี่สีน้ำระบายอยู่ คีย์เวิร์ดที่เขาเขียนไว้ กระดาษโน้ต บังเอิญได้เจอ ตกหลุมรักคนเดิม  เหมือนกันทุกอย่างขนาดนี้..ได้ยังไงกัน


watercolor


“วันนี้ไอ้พอร์ชว่างกับเขาก็เป็น”

“ขอโทษเถอะครับลูกพี่ ได้ข่าวว่าตอนนี้ลูกพี่คินงานเยอะแซงหน้าสถาปนิกสุดหล่ออย่างผมไปแล้ว”

“กูหล่อและขยัน”

“แต่ไม่มีแฟน”

“มึงนี่ยังกวนตีนเหมือนเดิมไอ้ทาส”

พอร์ชเอี้ยวตัวหลบเมื่อคินปาดินสอที่ถืออยู่ใส่เต็มแรง รามิลที่เพิ่งเลิกประชุมแล้วตามมาทีหลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไอ้ทิมให้แวะร้านขนมของเพื่อนไอ้พอร์ชแล้วกวาดขนมมาให้หมด ท่าทางของนักธุรกิจแต่งตัวเต็มยศแต่หอบพะรุงพะรังเต็มสองมือทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่นั่งรออยู่ต้องหัวเราะออกมา

“เพื่อนไอ้พอร์ชยังตกใจ แทบไม่เหลือขนมให้เขาขายซื้อแทบทั้งร้าน”

“กูน่ารักและใจดี อันนี้ฝากให้ไม้ด้วย พวกมึงหยุดรื้อเดี๋ยวนี้เลยนะให้คุณน้ำเลือกก่อนวันนี้ทำงานหนัก”

“สตรอว์เบอร์รี่เต็มเลย”

“ไอ้ทิมมันบ้าผลไม้นี่มากครับน้ำ ถ้าที่บ้านพอร์ชปลูกได้มันคงปลูกให้ทิมหิ้วตะกร้าไปเก็บเองแล้ว”

“ต้นไม้ธรรมดายังตายจะเอาอะไรกับสตรอว์เบอร์รี่”

“งั้นผมขอเค้กแล้วกันครับ จริงๆ อยากกินน้ำอะไรหวานๆ มากกว่าเวลาที่เหนื่อยๆผมจะกินน้ำนี้ตลอดเลย”

“น้ำอะไรครับ ผมสั่งให้ได้ครับชั้น 20 มีคาเฟ่อยู่”

“ก็..”

“นมชมพู”

คนที่บอกชื่อเครื่องดื่มออกมาไม่ใช่สีน้ำแต่เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนเงียบกริบแล้วหันมามองหน้าภาคินคล้ายจะถามว่ารู้ได้ยังไง รวมทั้งสีน้ำที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตา ภาคินหัวเราะออกมาเพราะท่าทางทุกคนมันดูตลกจริงๆ

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

“เดา?”

“คนที่กินแต่กาแฟแบบมึงรู้จักนมชมพูด้วยเหรอวะ เคยกินเหรอไง”

“ไม่เคยกิน แต่ถ้าน้ำชอบให้ลองก็ได้”

เสียงโห่แซวดังขึ้นจนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาทุบคนข้างๆ เบนจามินจะโทรไปสั่งที่คาเฟ่แต่สีน้ำบอกว่าอยากไปสั่งเองมากกว่า ทิมเลยอาสาไปเป็นเพื่อนเพราะภาคินโดนผู้กำกับเรียกไปคุยด้วยคงเพราะว่าคินเคยทำงานในสายงานเดียวกันเลยคุยกันถูกคอ ตลอดทางสีน้ำไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ทำให้ทิมเลือกจะที่เงียบจริงๆ ก็เห็นว่าคุณน้ำทำท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่ไอ้คินบอกว่านมชมพูแล้ว นมชมพูมันทำไมกันวะ?

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

 เดาเอางั้นเหรอ..


“วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆ โคตรเหนื่อยต้องได้กินนมชมพู! ให้หายเหนื่อย มีคนแปลกเหมือนเราป่ะอยากรู้ เวลาที่เหนื่อยๆจะต้องไอ้นมชมพูนี่ทุกครั้งเลย คุณล่ะมีเครื่องดื่มที่ชอบไหม? ”



สัมผัสที่แขนทำให้สีน้ำรู้สึกตัวเมื่อเผลอคิดอะไรนานไปหน่อย คาเฟ่ของ KTD ก็ยังคงดูหรูหราตามฉบับบริษัทชื่อดัง พนักงานดูคุ้นเคยกับคุณทิมดีมีการทักทายหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม จะว่าไป KTD ผู้บริหารกับเจ้านายก็ดูกันเองกว่าที่คิด ไม่ได้มีพิธีรีตองเท่าไหร่ ขนาดผู้ช่วยของคุณเบนที่ชื่อมาร์ชยังสามารถเดินมาลากคอเสื้อคุณเบนให้กลับไปเซ็นเอกสารที่ห้องทำงานได้ เป็นผู้ช่วยที่มีอำนาจมากจริงๆ

“ผมสั่งให้คินเลยนะครับหรือว่าคุณน้ำจะสั่งให้คินเอง”

“คินกินกาแฟไปแล้ว ผมสั่งอย่างอื่นให้ได้ไหมครับ”

“ที่จริงคินมีเครื่องดื่มที่เอาไว้กินกับขนมหวานโดยเฉพาะ มันบอกว่าตัดเลี่ยนดี”

“ให้ผมลองเดาไหมครับ”

“อาจจะยากหน่อย มันเป็นเครื่องดื่มที่คนไม่ค่อยนึกถึง”

สีน้ำเงียบสักพักเมื่อพนักงานถามถึงเครื่องดื่มที่จะสั่ง ทับทิมหันมามองคนที่เงยหน้ามองเมนูที่ติดไว้ด้านบน  เมนูเครื่องดื่มเกือบยี่สิบชนิดเขาเองก็ไม่รู้ว่าคุณน้ำจะเลือกถูกหรือเปล่า ทันทีที่พนักงานถามซ้ำอีกครั้งสีน้ำก็ยิ้มออกมา

“ชาคาโมมายล์ร้อนครับ”

“……………………………..”

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

ประโยคเดียวกันเป๊ะๆ เหมือนกับตอนที่คินบอกเครื่องดื่มของคุณน้ำ ทับทิมยืนถือแก้วชาเขียวค้างไว้อย่างนั้นเมื่อได้ยินเครื่องดื่มที่คุณน้ำสั่งให้คิน ทันทีที่แก้วชาคาโมมายล์วางตรงหน้าสีน้ำก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะลงที่ปากตัวเองคล้ายจะบอกว่าอย่าบอกภาคินว่าเขาเป็นคนสั่งเครื่องดื่มนี้  ทับทิมหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าครูสอนวาดรูปคนนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดาเหมือนกัน 

“นึกว่าจะไม่ได้กินซะแล้ว ชาคาโมมายล์กูเห็นขนมที่มึงซื้อมาก็นึกถึงชานี่ขึ้นมาทันที”

“คิน มึงเคยบอกใครเรื่องชานี่ป่ะเท่าที่รู้มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่เพราะมึงไม่เคยไปกินขนมหวานกับใครที่ไหน”

“ก็มีแค่พวกมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็…เคยเขียนบอกใครคนหนึ่ง”

“เขียน?”

“งงเหรอจ๊ะทับทิม ไม่บอกหรอกจ่ะ”

คินยกมือมาจิ้มหน้าผากทิมให้หงายหลังจังหวะเดียวกับที่สีน้ำเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี ทิมเลยปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ภาคินเหลือบมองแก้วนมชมพูในมือของสีน้ำก็ทำท่าขนลุกเพราะคิดว่ามันต้องหวานมากแน่ๆ พอเห็นท่าทางแบบนั้นสีน้ำเลยให้อีกฝ่ายลองชิม

“เป็นไง”

“ก็อร่อยดี”

“ขอความจริง”

“หวานเกินแต่ก็กินได้แบบนิดเดียว นิดเดียว”

“ผมไม่บังคับคินกินหรอก เราไม่เห็นต้องชอบเหมือนกันเลย”

ภาคินยิ้มให้พร้อมกับลากเก้าอี้ของสีน้ำให้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวสีน้ำเลยต้องคว้าแขนคินไว้ พอเข้ามาใกล้ๆ คินก็เพิ่งเห็นว่าตรงแก้มของสีน้ำมีคราบสีชมพูจางๆ คินเลยยกมือไปลูบออกเบาๆ

“เอานมชมพูป้ายแก้มทำไม”

“คนบ้าแล้วแบบนั้น มันล้างไม่ออก”

“ก็เรื่องปกติของน้ำ ทุกทีเลอะทั้งตัว”

“แล้ววันนี้ได้ระบายสีน้ำรู้สึกยังไงบ้างครับ”

“เอาจริงๆ เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย คิดมาตลอดว่าเวลาระบายสีน้ำต้องลงน้ำหนักแค่ไหน ต้องระบายไปทางเดียวกันไหม หรือแม้กระทั่งตอนผสมสีผมเองก็กังวลว่าจะต้องผสมน้ำเท่าไหร่ มันเหมือนต้องมีหลักการ”

“เหมือนอยู่ในกรอบ”

“ครับ มันต่างจากเวลาที่ผมวาดรูปด้วยดินสอ แต่วันนี้สนุกนะผมชอบเวลาที่เอาพู่กันจุ่มสีแล้วก็ระบายๆ ไปเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก”

“แสดงว่า..”

“ยังชอบแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์อย่าเพิ่งดีใจครับคุณครู”

“ก็ยังดี เมื่อก่อนคินตะโกนปาวๆ ว่าเกลียดสีน้ำ”

“แค้นไม่เลิกเลยนะ”

“แน่นอนเดี๋ยวจะกลับมาแก้แค้น”

“แบบไหนดี เอาแบบให้ผมหลงรักสีน้ำแบบหัวปลักหัวปำไม่ต้องไปไหนแล้วชาตินี้ดีไหม”

“…………………………….”

“รออยู่นะครับ รีบมาแก้แค้นเร็วๆ ”

คินก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน สีน้ำเลยต้องยกมือขึ้นมาชกแขนเบาๆ แต่สุดท้ายมือก็โดยจับประสานนิ้วไว้แน่น สีน้ำพยายามบอกแล้วว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่เยอะแยะแต่ภาคินก็ดูไม่ได้สนใจเท่าไหร่ สีน้ำมองไปยังแก้วนมชมพูของตัวเองที่วางอยู่คู่กันกับแก้วชาคาโมมายล์ของคิน

“ไม่นึกว่าเราจะได้มานั่งกินอะไรแบบนี้ด้วยกันเนอะ”

“ได้มาเห็นกับตาว่าน้ำกินนมชมพูจริงๆ”

“แปลกตรงไหน”

“ไม่แปลกแต่ดีใจที่ได้เห็น”

“ดีใจ? กินน้ำเนี่ยนะ”

“น่ารักเหมือนที่คิดไว้”

“กินนมชมพูแล้วน่ารักขึ้นมาเลย”

คินมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขาเลยจับมือสีน้ำขึ้นมาหอมเร็วๆ จนสีน้ำต้องทำหน้าดุเพราะยังมีทีมงานคอยเดินเก็บอุปกรณ์กันอยู่ แต่ภาคินดูไม่เดือดร้อนอะไรมีการยิ้มให้อีกต่างหาก ภาคินมองไปยังแก้วนมชมพูของสีน้ำที่วางอยู่บอกตามตรงมันเป็นเครื่องดื่มที่เขาเองไม่เคยคิดจะกินมาก่อน ทั้งสีและรสชาติ มันไม่ใช่สไตล์เขาเลย ตามความจริงสีชมพูนี่เป็นสีที่เขาไม่จะนึกถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่ถึงกับไม่ชอบแต่ถ้าให้เลือกเขาก็คงจะไม่เลือกสีนี้  แก้วนมชมพูที่วางอยู่ถูกคุณน้ำหยิบไปดื่มพอเห็นเขามองอยู่ก็ยิ้มให้จนเขาเองก็ยิ้มตาม

แต่ถ้ามีใครถามว่าวันนี้ของภาคินเป็นสีอะไรเขาจะบอกทันทีเลยว่าวันนี้ของภาคินเป็นสีชมพู  หวานจังเลยวะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้เหมือนกัน

ถ้าแก๊งลูกเพื่อนแม่รู้นี่โดนแซวสามวันสามคืนแน่นอนสาบาน


watercolor


“ไอ้คินมันนึกว่าโลกนี้มีแค่มันกันคุณน้ำเหรอวะ ลากเก้าอี้คุณน้ำมาใกล้ซะจนนึกว่าจะให้นั่งตักห่างไม่ได้เลยขาดใจ”

“ช่วงอินเลิฟก็งี้แหละ แล้วเจ้าหนูคีตามึงไปไหน”

“ไปนอนแล้ว เห็นไปหามาร์ชเมื่อกี้วันนี้เหมือนเจอเรื่องไม่คาดคิดมั้ง ดูอ๊องๆ ทั้งวันเอาแต่มองหน้าไอ้คินกับคุณน้ำไม่รู้เป็นอะไร สงสัยไม่เคยเห็นพี่ภาคินเวอร์ชั่นเพ้อเจ้อเป็นพระเอกละคร”

“ KTD มีที่นอนด้วยเหรอวะ”

“ไอ้มาร์ชมีทุกอย่างจนกูงง เผลอๆ มันอาจจะนอนค้างที่นี่ไม่กลับบ้านกลับช่องแล้วมึงเป็นอะไรเนี่ยทิม เงียบเชียว”

พอเบนทักขึ้นมาแบบนั้นทุกคนเลยหันไปมองทิม พอร์ชยกมือขึ้นมาลูบแก้มคนที่เอาแต่ยืนหน้านิ่งพลางถามว่าเป็นอะไรก่อนหน้านี้ก็ยังเห็นยิ้มแย้มแจ่มใสดีอยู่ ทิมกอดอกพร้อมกับมองไปยังคินและคุณน้ำที่นั่งอยู่อีกด้าน ตอนแรกทิมตั้งใจจะปล่อยผ่านเรื่องที่คุณน้ำสั่งชาที่คินชอบถูก หรือว่าคินเคยบอกคุณน้ำมาก่อนแต่ดูท่าทางก็ไม่น่าใช่ถ้าไม่ใช่เพื่อนในแก๊งลูกเพื่อนแม่ ไอ้คินก็กินแต่กาแฟ เพราะปกติมันไม่ได้กินของหวานกับใครที่ไหนอยู่แล้ว

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

“ก็มีแค่พวกมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็…เคยเขียนบอกใครคนหนึ่ง”



“ทับทิม เงียบไมวะ”

“กูว่า คุณสีน้ำต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เลยว่ะ”

“ไม่ธรรมดาคือ?”

“ไม่รู้ แบบดูมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นกูชอบเขานะ ถ้าเขาจะมาเป็นเพื่อนสะใภ้คนสุดท้ายของแก๊งเรา”

“เอาแล้วมึง..คนอย่างไอ้ทิมบอกว่าใครไม่ธรรมดานี่กูเริ่มคิดแล้วนะ ไอ้คินที่ฉลาดมากๆ ยังแพ้คุณน้ำอีกเหรอวะ”

“ตอนคีตาไอ้ทิมก็บอกแบบนี้ มึงคิดดูถ้ามีไอ้ทิม คีตาและคุณสีน้ำอยู่ด้วยกัน”

“โลกไม่สงบสุขแน่เลยว่ะ”

“โลกสงบสุข กูคินไอ้พอร์ชนี่แหละที่ไม่สงบสุข พอร์ชมึงยกแก้วชาเขียวมึงมาชนกับกูเลย กูชนเผื่อไอ้คินล่วงหน้าด้วย”

“ดีนะที่ต้นไม้กูเป็นคนปกติ”

“เออ..มีแต่คนร้ายๆ คนแบ๊วๆ อย่างกูตัวสั่นไปหมด”

“พวกมึงไม่คิดว่าตอนนี้คินมันเหมือนตอนที่มันอยู่เชียงใหม่เหรอวะ”

อยู่ดีๆ ทิมก็พูดขึ้นมา แก๊งลูกเพื่อนแม่เลยมองไปยังภาคินที่นั่งวาดรูปเล่นกับคุณน้ำอยู่อีกด้าน เอาจริงๆ พวกเขาสามคนก็คิดเหมือนกันว่า ภาคินในตอนนี้มันเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปหาคินที่นู่นแต่จากการพูดคุยผ่านโทรศัพท์หรือวีดีโอคอล พวกเขาสังเกตได้ว่าที่เชียงใหม่ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ และก็เดาไว้ว่าภาคินจะต้องตกหลุมรักใครสักคนที่อยู่ที่นั่น  ตอนนั้นส่งไอ้มิลไปสืบมาสรุปก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย รู้แค่ว่าคินไปชอบใครก็ไม่รู้ หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้ ชื่อแซ่อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรสักอย่าง หัวหน้าแก๊งนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ

“ไม่ใช่คนที่เชียงใหม่กลับมาแล้วมาเจอคุณน้ำอีกนะยุ่งเหยิงเลยทีนี้ ”

“……………………………………………..”

“ยกเว้นว่า..คนๆ นั้นกับคุณน้ำมันจะเป็นคนๆ เดียวกันคนที่เราเดากันว่าไอ้คินตกหลุมรัก อันนี้ก็บังเอิญเกินไปหน่อย อะไรมันจะพรหมลิขิตขนาดนั้นละครเชียว”

“……………………………………………..”

“แต่ไอ้คินมันบอกว่ามันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครไม่ใช่เหรอ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนที่มันชอบเลยสักนิดเดียว มันจะเป็นคุณน้ำได้ไงหรือว่าต่างคนต่างไม่รู้ว่าเคยคุยกันวะ เซอร์ไพรส์มากกูนี่คิดเป็นตุเป็นตะเลย”

“……………………………………………..”

 “พวกมึงเงียบอีกแล้วนะ อย่าบอกนะว่าคิดจริง”

“……………………………………………..”

เบนจามินมองหน้าทิมและรามิลที่คิ้วขมวดเหมือนใช้ความคิดอยู่ ยกเว้นพอร์ชที่ยักไหล่เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก ทับทิมยกแก้วกาแฟในมือขึ้นมาดื่มพร้อมกับนึกตามที่เบนพูดไปด้วย


“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตคินเลยนะ”


 

 

 




To be con

ps: ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน (เกือบถึง)
ต่อไปนี้จะไม่หายไปนานแล้วค่ะ จะพยายามมาเร็วๆ
กลัวทุกคนลืมพี่คินแอนด์เดอะแก๊งลูกเพื่อนแม่ T_T ขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่นะคะ โค้งงงง

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
Thanks: theme



 

 

 

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2020 20:33:02 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
คิดถึงน้องคิน คิดถึงสีน้ำ คิดถึงแก๊งลูกเพื่อนแม่  :กอด1:
อ่านตอนนี้แล้วมันพรหมลิขิตชัดๆ  :-[
รออยู่น๊าาาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ปริ่มใจมากกก อ่านยาวๆ คิดถึงคนแต่งที่สุด ในที่สุดก็มา  :hao5:

อย่าทิ้งคนอ่านนะคะ ฮื่ออออ  :monkeysad:

รอสีน้ำกะภาคิน เปิดใจกันตรงๆ สักที ลุ้นไปกะแกงค์ลูกเพื่อนแม่ด้วยแล้ว  :-[

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ให้มันเป็นสีชมพู.... :L2:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โลกนี้ช่างสีชมพูจริงๆ :hao7:หวานกันอีกแย้วววว :hao6:

เพื่อนๆเริ่มสงสัยเริ่มรู้ละ เหลือแค่2คนนี้ละ เมื่อไหร่จะรู้สักที :katai1:

ออฟไลน์ seaNON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถ้าหายนานกว่านี้จะแจ้งความแล้ว :katai4:

ออฟไลน์ YoKu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วเขิน แบบเขินมากๆ
อยากเห็นคินตอนรู้ว่าสีน้ำคือคนในโพสอิท
อยากรู้ว่าคนที่โคตรจะไม่เชื่อในเรื่องอะไรแบบนี้จะเป็นยังไง

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด