3 [/size]
เจียตื่นแต่เช้ามืดเพราะอาการแพ้ท้อง วิ่งไปเกาะขอบชักโครกไม่ห่างราวกับอวัยวะที่ 33 นั่งพักจนรู้สึกดีขึ้นก็พาตัวเองไปอาบน้ำพยายามทำให้รู้สึกสดชื่น โชคดีที่ต้าไลน์มาบอกว่ากำลังจะเข้ามาพร้อมมื้อเช้าจึงไม่ต้องกระเสือกกระสนพาตัวเองเข้าครัวให้เสี่ยงวูบเพราะแรงไม่มี
เขานึกย้อนถึงบทสนทนายืดยาวกับผู้เป็นแม่เมื่อคืนแล้วก็ได้แต่ปลดปลง เพราะอยู่ห่างไกลกันจึงทำได้เพียงโทรผ่านไลน์แต่ขนาดไม่ได้เจอหน้าตรง ๆ เขายังร้องไห้งอแงเป็นเด็กจนโดนเอ็ดว่าเป็นแม่คนแล้วยังโยเยอยู่ อยากจะเถียงแม่เหลือเกินว่า ไม่เป็นแม่ได้ไหม มันยังไงไม่รู้ แต่ก้อนชีวิตที่อยู่ในท้องก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาเป็นผู้ให้กำเนิด
‘หมอเคยตรวจร่างกายแล้วพบฮอร์โมนหญิงของเราสูงเกินปกติ แต่หมอบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติเพราะการตั้งท้องในเพศชายมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยแต่ก็เกิดขึ้นได้’ สิ่งที่แม่บอกเมื่อวานจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถตั้งท้องและด้วยความที่แม่ไม่เคยบอกมาก่อนจึงทำให้เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนึ่งในโอกาสน้อย ๆ นั่น ดีว่าที่ผ่านมาเขาป้องกันมาโดยตลอด มีมาดีแตกก็ตอนกับไป๋นั่นแหละ
หลังกลับมาจากการฝากท้องนั้นคุณแม่มือใหม่ก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนทันทีด้วยความอ่อนเพลีย เพียงแค่นั่งรถ เจอผู้คนเดินขวักไขว่ กลิ่นนั่นนี่ตีกันจนเวียนหัวก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ กว่าจะได้ถึงคิวพบหมอเขาก็อ้วกแตกอ้วกแตนไปหลายรอบ
“ไหวนะมึง ให้กูอยู่เป็นเพื่อนไหม หรือมึงย้ายหอไปอยู่กับกูดีกว่าปะวะ เอ๊ะ เดี๋ยวกูย้ายมาอยู่กับมึงดีไหม” เจียยิ้มขำมองเพื่อนตัวขาวที่ยืนกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเห็นสภาพการแพ้ท้องของเขาหนัก ๆ ครั้งแรก
“ใจเย็นมึง กูไม่เป็นไร”
“ไม่ได้ดิ ถ้ามึงวูบไปใครจะรู้กับมึงอะ”
“เอางี้เมื่อวานกูคุยกับแม่แล้ว แม่อยากให้ไปหาคอนโดกว้าง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลมอกับโรง’บาล เขาจะซื้อให้ มึงช่วยกูหาละกันแล้วย้ายมาอยู่กับกู”
“เออได้ งั้นมึงนอนพักไปก่อน เดี๋ยวกูลองเสิร์ชดูไปพลาง ๆ” เจียพยักหน้าปล่อยให้เพื่อนทำตามใจ เขารู้ดีกว่าต้าเป็นห่วงตัวเองมากแค่ไหน
เมื่อพักจนหายเหนื่อยก็ลุกขึ้นมาทำอีกหนึ่งหน้าที่ของตัวเอง ภาระการเป็นนักศึกษายังคงมี ธีสิสยังรอเราอยู่ เจียยกโต๊ะญี่ปุ่นมาวางไว้บนเตียงตามด้วยแล็ปท็อปก่อนจะสอดตัวตามลงไปแล้วเริ่มทำงาน ตั้งแต่รู้ว่าท้องก็ต้องย้ายตัวเองขึ้นมานั่งทำงานบนเตียงเพราะความปวดเมื่อยตามตัว ทำให้ไม่สามารถนั่งแช่บนพื้นแข็งได้นานเท่าใดนัก
งมกับงานจนลืมเวลาเงยหน้ามาอีกครั้งก็ตอนที่ทั้งห้องมืดสนิทเพราะแสงแดดหมดไปแล้ว เขาพาตัวเองลงมาจากเตียงขยับบิดกายเพื่อไล่ความเมื่อยขบ ก่อนจะเดินไปเข้าครัวเพื่อทำอาหารอย่างง่ายแต่ต้องมีสารอาหารครบเท่าที่จะเป็นไปได้
เจียมองของสดที่เมื่อกลางวันขนซื้อมาไว้อย่างใช้ความคิด แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากกินแซลมอนขึ้นมาอีกแล้ว แปลกแหะ ปกติเขาไม่ใช่คนพิศวาสเจ้าปลาสีส้มนีสักเท่าไร แต่ตั้งแต่ท้องก็อยากจะกินมันทุกมื้อ
“อ่า”
เขาลืมไปได้ยังไงกัน ในเมื่อแซลมอนน่ะของโปรดของไป๋
“เฮ้อ”
ถึงจะขุ่นเคืองหน้าพ่อแต่ลูกอยากกินเขาก็จะกินให้ก็ได้
บ่นกับตัวเองเสร็จก็หยิบข้าวเก่าที่แช่เอาไว้มาผัด ปรุงรส ตามด้วยไข่ ผัก และแซลมอน อาหารง่าย ๆ ที่ (คิดว่า) น่าจะพอมีประโยชน์มากพอ กินไปนั่งตีขาไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กินสมใจอยาก ข้าวจบตามด้วยนมสดอุ่น ๆ เพื่อเพิ่มประโยชน์เข้าไปอีก
แทบจะกล้ำกลืนกว่าจะหมดแก้ว เพราะเขาไม่ใช่คนชอบกินนมมาตั้งแต่เด็ก ที่สูงเฉียดร้อยแปดสิบมาได้ก็เพราะกรรมพันธุ์ล้วน ๆ ต้องขอบคุณพ่อแม่อย่างสูงเลยทีเดียว
“อ่า อิ่มจัง”
เจียหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาวางบนหน้าตักก่อนจะเปิดโซเชียลดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะพบกับรูปของหญิงชายคู่หนึ่งบนหน้าฟีดตัวเอง ฝ่ายหญิงเป็นเพื่อนในคณะที่เขาเองก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรนัก ส่วนฝ่ายชาย หึ คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะคือเจ้าของเชื้อที่ทำให้เขามีเจ้าตัวเล็กในท้องนี่ไง
“เหอะ”
เขาก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างไป๋ใครต่อใครก็อยากเข้าหา แต่นี่เรื่องยังไม่ทันพ้น 24 ชั่วโมงดีไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีคนใหม่ได้เร็วอย่างนี้ ก็อย่างว่าแหละ เราไม่ได้รักกัน ไป๋ไม่ได้รักเขา อาจจะมีความรู้สึกผิดหลงเหลือบ้างแต่คงไม่มากที่จะทำให้อีกคนมีความรับผิดชอบขึ้นมา
ลูกคงรั้งไป๋ไว้ไม่ได้
“ฮ่ะ ๆ” คิดอะไรไร้สาระ ไหนว่าทำเป็นหนักแน่นว่าไม่ได้อยากให้ใครมารับผิดชอบ ลูกคนเดียวเลี้ยงได้ ปากเก่งจริง ๆ เลยไอ้เจียเอ๊ย
“มึงร้องไห้ทำไมเจีย! เจ็บท้องหรอวะ” เสียงของต้าที่กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทำเอาสะดุ้งเฮือก เจียจับหน้าตัวเองด้วยความมึนงง เขาไม่รู้ตัวเลยว่าร้องไห้ตอนไหน คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบน้ำตา
“เปล่า แล้วนี่พี่คินล่ะ” เจียถามถึงแฟนของเพื่อนที่แวบไปหามา
“ส่งเสร็จก็กลับไปแล้ว พี่เขาฝากมายินดีด้วยนะ บอกว่าเดี๋ยวไว้เจอกันจะซื้อของรับขวัญหลานให้” เจียพยักหน้ายิ้มรับกับคำกล่าวนั้น ต้าโชคดีที่ได้เจอคนรักที่ดี คบกันมาจะสิบปีแล้วตั้งแต่มัธยมเรียกว่าเป็นคู่ที่ทำให้ใครหลายคนอิจฉาไม่น้อย
“แล้วนี่มึงกับพี่คินเรียนจบละแต่งเลยปะเนี่ย” เจียแอบแซว
“ก็แย่ละ”
“รีบแต่งดิ ลูกกูจะได้มีเพื่อนเล่น”
“ไม่ต้องมาพูดเลย” คนถูกแซวหน้าแดงก่ำทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน แต่ก็รีบลากกลับเข้าประเด็นที่ตัวเองต้องการรู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เจียถึงนั่งร้องไห้แบบเมื่อครู่
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ร้องไห้ทำไม”
“มึงตาฝาดแล้ว”
ต้าไม่ยอมง่าย ๆ เขารีบเดินมาคว้าแล็ปท็อปมาจากมือก่อนที่เพื่อนจะรู้ตัวแล้วรีบเปิดดูว่าอะไรอยู่ที่หน้าจอ คนตาโตมองภาพบนนั้นก่อนจะถอนหายใจพลางเหลือบตามองเพื่อนตัวเองที่นั่งหลบตา ต้าถอนหายใจก่อนจะวางของในมือลงแล้วเข้าไปกอดเพื่อน
“ไหวไหม”
“อื้อ”
“มึง ... มึงรักมันใช่ปะ”
เจียเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อน ความสั่นไหวของนัยน์ตาก็เป็นคำตอบได้อย่างดี ใบหน้าที่ใครต่อใครก็บอกว่าน่ารักกำลังบิดเบี้ยวเพราะต้องการกลั้นความรู้สึกที่ตีเอ่อขึ้นมา แต่เพียงอ้อมกอดของเพื่อนสนิทเท่านั้นทำนบน้ำตาก็พังทลาย
“ตอนแรกมันก็เป็นเรื่องขำ ๆ นะมึง กูแค่คิดว่าเออคนนี้เข้ากันได้ดีในเรื่องนั้น ไม่ต้องพูดเยอะ”
“...”
“แต่มึง ... มันไม่ง่ายเลยที่จะห้ามใจ มันดูแลกูดีนะเว้ย ไม่ใช่แค่เอาเสร็จก็ทิ้งขว้าง”
“อืมกูรู้”
“แม่งวันนั้นกูน่าจะไม่ยอม ไม่งั้นวันนี้คงไม่มาถึง กูไม่ได้อยากท้องมึงเข้าใจกูไหม กูไม่พร้อม กูยอมรับเลยว่ากูไม่พร้อม”
“มึง”
“มันมีความคิดแวบขึ้นมาตลอดว่าทำไมต้องเป็นกู คนตั้งกี่พันล้านคนทำไมต้องเป็นกู!”
“มึง”
“ถ้าไม่ท้อง วันนี้กูคงยังนอนกอดกับมันอยู่”
“มึง! เจีย! ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ” ต้าจับล็อคใบหน้าเพื่อนให้สบตาตัวเอง สั่งเสียงเข้มให้หายใจเพราะตัวบางเริ่มสั่นเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้จนสะอื้นฮักตัวโยน
“มึง ฮึก มึงกูไม่ไหว กูคิดถึงไป๋”
ต้าไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่กอดเพื่อนไว้ไม่ยอมปล่อย เขาน่าจะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งขนาดไหน หรือเขาควรจะยอมปล่อยให้มันเจอกันดี แต่ดูจากภาพไป๋ก็กำลังมีชีวิตส่วนตัวของตัวเองเช่นกัน แล้วแบบนี้เขาควรจะทำยังไง
“มึงอยากกลับไปหามันไหม”
“กู ... กูไม่รู้”
“โอเค ๆ วันนี้มึงเหนื่อยมากแล้วเจีย อาบน้ำแล้วนอนพักดีกว่า”
“แล้วกินยาหรือยัง”
“ยัง”
“มึงจะลืมไม่ได้นะเจีย ครรภ์ยังไม่แข็งแรงและระบบภายในมึงไม่ได้เหมือนผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอบอกต้องกินยาบำรุงไม่ให้ขาด”
“...”
ต้าลอบถอนหายใจเมื่อเผลอดุคุณแม่มือใหม่ที่อารมณ์ยังขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ เขาเดินไปหยิบยาบำรุงครรภ์ออกจากถุงพร้อมกับน้ำเปล่ามาส่งให้เพื่อน เจียมองยาในมือสักพักด้วยสายตาที่ต้าเองก็อ่านไม่ออกแต่ก็ยอมกินมันโดยดี
“พักผ่อนนะมึง มีอะไรเรียกกูได้เลย”
หลังจากปิดไฟใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจากต้า ส่วนคนที่อารมณ์ยังไม่นิ่งอย่างเจียทำเพียงนอนมองเพดานท่ามกลางความมืด เมื่อครู่นี้เหมือนน็อตหลุดพรั่งพรูทุกสิ่งอย่างออกมาจนรู้สึกว่าตัวเองไร้สาระเสียเหลือเกินที่มัวแต่คร่ำครวญอะไรไม่รู้ แต่มันก็ช่วยให้คลายความอึดอัดในใจลงไปได้บางส่วน
เจียปาดน้ำตาที่ไหลเป็นทางทิ้งเมื่อคิดถึงความอบอุ่นของกายหนาที่เคยได้ซุกซบตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา นอนร้องไห้ราวกับเด็กเพิ่งหัดมีความรัก
หรือจะว่าอย่างนั้นก็คงจะได้
แฟนคนล่าสุดของเขามันก็ตั้งแต่ม.ต้น ป็อปปี้เลิฟขำ ๆ และหลังจากนั้นก็มาหวั่นไหวกับไป๋ในที่สุด เขาน่าจะห้ามใจตัวเองตั้งแต่แรก น่าจะรู้ว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มันฉาบฉวยแค่ไหน น่าจะเข้าใจว่ามันไม่มีทางเป็นอะไรกันไปมากกว่าคู่นอนแม้อีกคนจะให้เกียรติกันโดยตอบคำถามกับคนอื่นว่าเรากำลังคุยกันอยู่ก็ตาม
ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ในวันนี้มันก็ทำให้เจียยอมรับความจริงกับตัวเองในที่สุดว่า เขารักไป๋ เขารักไป๋จริง ๆ ถ้าหากเขาลองทำตัวโง่เง่าเรียกร้องให้ไป๋ยอมรับลูกมันจะเป็นยังไงนะ มันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าลูกเกิดมามีพ่อแม่ที่พร้อมหน้าพร้อมตา หรือการปล่อยให้อีกคนจากไปโดยไม่รั้งไว้ดีที่สุด
__________________________
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
หรือสามารถติดตามกันอัพเดตได้จากแท็กนิยายได้เลยจ้า
#เรื่องค่อนข้างสั้นสิบเก้าสิงหา