6
[/size]
“จะ เจ็บ พี่จุ้ย อึก” เจียเรียกพี่ชายด้วยเสียงสั่นเครือ มือนึงวางบนท้องอีกมือกำชุดไว้แน่น ขมับทั้งสองข้างชื้นเหงื่อ พยายามส่งเสียงเรียกพี่ชายที่นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงตั้งแต่ท้องแก่ “พี่จุ้ย!” จุ้ยสะดุ้งสุดตัวรีบถลาเข้ามาที่เตียงเพียงแค่เห็นลักษณะของน้องก็รับรู้ได้ทันที ช่วงขายาวรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปแจ้งพยาบาลเพราะรีบจนหลงลืมไปเลยว่าสามารถกดเรียกจากในห้องได้
“พะ พี่จุ้ย” ดวงตาหวานสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวเพราะต่อให้เก่งแค่ไหน แต่การจะคลอดเด็กคนนึงออกมาและยังเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ทำให้กลัวได้ไม่ยาก สองมือใหญ่ที่เคยประคองน้องในวัยเด็กเวลาล้ม คอยซับน้ำตาในเวลาเจ็บมาตลอดก็ยังคงเป็นมือคู่เดิมที่จับมือน้องไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะรอเราอยู่ตรงนี้คนเก่งของพี่” จุ้ยลูบหัวน้องและปล่อยให้พยาบาลเข็นเตียงเข้าไปในห้องคลอด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งไปยังพ่อและแม่ของตัวเองทันที
เจียมองไฟที่วางอยู่เหนือร่างกายด้วยความสั่นไหว เขาเจ็บร้าวไปหมดทั้งสรรพางค์กายมันรุนแรงและทรมานชนิดที่ว่าจะให้เปรียบอะไรก็คงเทียบไม่ได้เลย เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ของการเป็นแม่คนที่ต้องเสียสละอย่างมากมาย หมอพูดถึงการบล็อกหลังกับอะไรสักอย่างที่เขาไม่มีสติจะรับฟัง ทำเพียงพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย
‘เดี๋ยวจะได้เจอกันแล้วนะคนเก่ง’ เขาบอกกับลูกในใจ
ความเจ็บปวดเริ่มหายไปคงจะเป็นเพราะกระบวนการเตรียมการผ่าคลอด เขาไม่รับรู้ว่าหมอกำลังทำอะไรกับตัวเองบ้างเพราะลึก ๆ ภายในใจเขากำลังนึกถึงใครบางคนที่ได้มอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับเขา คิดฝันอยากให้คน ๆ นั้นยืนให้กำลังใจอยู่ข้างเตียงเหมือนกับคลิปที่เขาเคยดู
แต่ไม่เป็นไร
เขาน่ะเข้มแข็งขึ้นเยอะแล้วและเขาต้องเข็มแข็งให้มากกว่เดิมเพราะมีใครอีกคนที่ต้องดูแล หากเขาอ่อนแอแล้วจะเป็นหลักที่มั่นคงให้กับลูกได้อย่างไร จริงไหม
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่สติกลับเข้าร่างอีกครั้งก็ตอนได้ยินเสียงร้องทักทายโลกใบใหม่จากลูก พยาบาลห่อหุ้มคนเก่งของเขาด้วยผ้าสะอาดเพื่อเช็ดคราบต่าง ๆ เบื้องต้น ทำอะไรอยู่สักพักก็ส่งตัวเด็กน้อยตัวแดงที่สะอาดสะอ้านกว่าเดิมมาให้เขาได้เห็นหน้า
วินาทีแรกที่พบกัน เขาก็รักเด็กน้อยคนนี้ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี หยาดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม ความโล่งอก ความยินดี ความสิ้นสุดการอดทนตลอดระยะเกือบ 9 เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบแล้วและบทเรียนชีวิตบทใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“คนเก่งของแม่ ขอบคุณนะครับและดีใจนะที่ได้เจอกัน” แม้จะยังกระด้างกระเดื่องไม่น้อยที่ต้องแทนตัวเองว่าแม่ แต่มันก็คงปฏิเสธไม่ได้เพราะก็เพิ่งคลอดออกมาจากร่างกายตัวเอง
เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ยังจับใจความไม่ได้ ดวงตากลมกะพริบถี่เพื่อปรับประสาทการรับภาพ จุ้ยเป็นคนแรกที่เห็นว่าเจียตื่นแล้วก่อนที่ทั้งแม่และจุ้ยจะถลาเข้ามาข้างเตียง
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“ก็โอเคครับ แล้ว... ลูกล่ะครับแม่” เป็นธรรมดาที่คนเป็นแม่มือใหม่จะตื่นขึ้นมาก็รีบถามหาลูกตัวเอง
“อีกสักพักพยาบาลน่าจะพาเข้ามาจ้ะ ดื่มน้ำไหม พี่จุ้ยเอาน้ำให้น้องหน่อยเร็ว” คนเพิ่งเคยเป็นลุงครั้งแรกในชีวิตก็ตื่นเต้นเช่นกัน กระวีดกระวาดประคบประหงมน้องชายตัวเองเช่นกัน บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลไปทุกอณูก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้นแทรกบทสนทนา
“ขออนุญาตครับ”
“อ้าว คุณแพทมาได้ยังไงคะเนี่ย” ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มลูกครึ่งร่างสูงใหญ่ หากจะอวยว่าอีกฝ่ายหล่อเหลาราวกับรูปปั้นนั่นก็ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิดกับนายแพททริคคนนี้
“พอดีวันนี้ผมคุยงานกับคุณจักรกฤษณ์มาและท่านบอกว่าเจียคลอดแล้ว ผมเลยแวะมาเยี่ยมครับ” แพททริคเดินเข้ามาพร้อมกับกระเช้าผลไม้ขนาดกลาง ๆ โดยทั้งหมดมีแต่ผลไม้ที่คุณแม่มือใหม่ชอบทั้งสิ้น
“ขอบคุณมากนะครับคุณแพท จริง ๆ ไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่ลำบากเลยครับ เป็นยังไงบ้างครับเจีย” แพททริคหยุดยืนอยู่ข้างเตียงมองใบหน้าหวานที่ดูซีดเซียวไปบ้างแต่แววตากลับดูสดใสกว่าเดิม
“เจ็บแผลนิดหน่อยตามประสาแหละครับ แต่นี่กำลังรอพยาบาลพาน้องมา”
“เอ้อ ว่าแต่เจีย เราตั้งชื่อลูกหรือยัง” จุ้ยถามขึ้นเมื่อนึกได้
“อื้อ เจียมีในใจแล้ว”
ไจ่ไจ๋ ชื่อที่เกิดจากการผสมกันระหว่างพ่อของเลือดเนื้อเชื้อไขและเขา แม้คนเป็นพ่อจะไม่ยอมรับแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปิดบังหรือจะก่อความเกลียดชังฝังเข้าไปในตัวลูก เขาไม่ขัดหากว่าในอนาคตไป๋จะอยากรับรู้เรื่องราวและมาหาลูกบ้างเป็นครั้งคราว ไม่เคยคิดจะกีดขวางเว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากเจอ ไม่อยากรับรู้ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ทำอะไรไม่ได้
…
PAI
1 ปี ผ่านไป กิจวัตรประจำวันที่ทำทุกเช้าเมื่อตื่นนอนนั่นคือการกดเข้าไปในอินสตาแกรมที่เขาคอยเฝ้าดูเงียบ ๆ มาตลอดหนึ่งปีเพราะเขาไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้และละอายใจเกินกว่าจะเข้าไปพูดคุย รูปล่าสุดที่เพิ่งโพสต์ไปเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อนเรียกรอยยิ้มจากคนยิ้มยากอย่างเขาได้อย่างง่าย เขากดรูปหัวใจที่โพสต์นั้นอย่างที่ทำทุกครั้งก่อนจะกดออกแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวไปเรียน
แปลกดีคุณว่าไหม
เมื่อเราโตขึ้นจึงค้นพบว่าบางอย่างที่เคยทำลงไปในอดีตมันโง่เง่าและไร้ความคิด พอได้มานั่งขึ้นก็มีแต่คำว่า รู้อย่างนี้จะทำแบบนี้ รู้อย่างนี้ไม่น่าทำแบบนั้น แต่ก็ได้แค่คิดเพราะสุดท้ายเขาต้องยอมรับผลจากการกระทำตัวเอง
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงเลือกที่จะใช้สติในการแก้ปัญหามากกว่าใช้อารมณ์
เมื่อสองปีก่อนเขาเจอกับเจียในร้านนั่งเล่นย่านดังใจกลางเมือง โต๊ะเราติดกันในแบบที่ถ้านั่งพิงพนัก หลังของเราจะสัมผัสกัน ในคราแรกเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยจนกระทั่งได้ยินเสียงเมาอ้อแอ้ดังมาจากด้านหลังก่อนสัมผัสแผ่วเบาที่หลังจะหายไป เขาเหลือบตามองคนตัวสูงโปร่งเดินดุ่ม ไปหน้าเวทีแล้วขยับร่างกายไปตามเสียงเพลง
แม้ไฟด้านในร้านจะมืดขนาดไหนแต่สายตาเขากลับเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้ ดวงตากลมโต รอยยิ้มหวานที่ถูกกระจายเรี่ยราดไปทั่วทำคิ้วขมวดอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“มองอะไรวะ”
“เอ๊ะ นั่นพี่เจียนี่”
“เจียไหนวะ”
“เจีย JR หน้าตาดีแต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ คนเลยไม่ค่อยวอแว”
เขาฟังข้อมูลจากเพื่อนเงียบ ๆ จังหวะที่อยากเลิกสนใจก็เป็นตอนเดียวกันกับที่เอวบาง ๆ ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวขยับวับแวมให้เห็นผิวเนื้อถูกใครสักคนโอบรัด ใบหน้าน่ารักนั่นมุ่ยลงแต่ไม่ได้ขัดขืนนั่นอาจเป็นเพราะเมาหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เขากลับไม่ชอบใจ
รู้ตัวอีกทีก็เข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน รู้ตัวอีกทีเขาก็จูบกับอีกฝ่ายบนรถตัวเอง รู้ตัวอีกทีร่างโปร่งบางนั่นก็ทอดกายอยู่ใต้ร่างเขาเอง กลิ่นแห่งห้วงอารมณ์กำจายไปทั่วห้องที่แทบไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งย่าม ความคับแน่นของอีกฝ่าย เนื้อกายที่หอมกรุ่น ความหวานล้ำที่ได้ลิ้มลองทำให้เขาติดใจ จนยื่นข้อเสนอเพื่อนนอนให้และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง
สถานะของเราเป็นไปด้วยดีมาตลอด 6 เดือน เราไปกินข้าวกันบ้าง ดูหนังกันบ้าง นอนเล่นข้างกันบ้าง และกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเซ็กส์ พบว่าเราเข้ากันได้ดีแทบทุกเรื่อง เขารู้สึกสบายใจที่ได้อยู่เจียอาจจะเพราะอีกคนโตกว่าและมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาเถียงไม่ได้ แต่บางครั้งก็ทำให้รู้สึกอยากปกป้องแม้เจียจะไม่ใช่คนบอบบางอะไรแบบนั้นเลย
จนกระทั่งวันนั้นที่เขารู้ว่าเจียท้อง มันสับสน ไม่เข้าใจ เขาพอจะรู้ว่ามีผู้ชายที่ท้องได้อยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ในวินาทีนั้นเขาโกรธพาลคิดไปว่าอีกฝ่ายก็เหมือนกับคนอื่นที่คิดอยากจะจับเขา อยากจะผูกมัด คิดจะผิดข้อตกลงจึงปากพล่อยไปแบบนั้น
พอได้สติก็แอบรู้สึกผิดลึก ๆ เขาไม่ได้เลวขนาดนั้นแต่มันก็ยังทำใจรับไม่ได้ แอบคิดชั่วว่าถ้านอนกับเขาได้ง่าย ๆ ก็นอนกับคนอื่นได้เหมือนกัน อาจจะไม่ใช่ลูกเขาก็ได้หรือเปล่า ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดจะไปคุยให้รู้เรื่องแต่ก็โดนเพื่อนของเจียไล่ตะเพิดออกมาพร้อมกับประโยคแทงใจ
และเพราะความดื้อรั้นในตัวเองเลยทำเป็นปล่อยผ่านเลยไป ในเมื่อไม่อยากให้สนใจก็จะไม่สนใจ กลับไปทำตัวแบบเดิม คั่วคนนั้นที คั่วคนนี้บ้างเหมือนเคย ถึงอย่างนั้นเขาก็พอจะมีจิตสำนึกอยู่เล็ก ๆ ทำให้วันนั้นที่เจอโดยบังเอิญจึงเข้าไปถามไถ่ แต่หลังจากวันนั้นเขาไม่ได้พบหน้าของเจียเลย ไม่ว่าจะพยายามทำเป็นพาคู่ควงไปเดินผ่านคณะหรืออะไรก็ตาม จนเพื่อนยังถามว่าเขาต้องการอะไร
นั่นสิ เขาต้องการอะไร
ตอบไม่ได้
ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
จนปิดเทอมไปก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรจากฝั่งนั้นเลยสักนิด แอคเคาท์โซเชียลต่าง ๆ ก็คาดว่าจะถูกบล็อกทั้งหมด มันขมุกขมัวในใจมันเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถละทิ้งได้จริงเลยพยายามสืบหาแต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรแม้แต่นิดเดียว สิ่งหนึ่งที่พอจะทำได้คือการใช้แอคเคาท์สร้างใหม่กดติดตามอินสตาแกรมของเจีย
วันที่ 4 สิงหาคมปีที่แล้ว เขาจำได้ดีว่าเป็นวันที่เขาตื่นเต้นที่สุด เขาเข้าอินสตาแกรมของเจียเพื่อดูความเคลื่อนไหวอย่างทุกที แต่วันนั้นก็มีโพสต์ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปเด็กทารกตัวเล็กอยู่ในก้อนผ้าห่มซุกซบภายใต้อ้อมกอดของเจีย เขามือสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ต่อให้ตอนนั้นทำตัวโง่ไม่ยอมรับความจริงแค่ไหน ใบหน้าที่แค่มองก็รู้ดีว่าถอดมาจากตัวเองราวกับแกะนั่นมันปฏิเสธไม่ได้เลย
“ไอ้ไป๋ ไป๋ ไอ้เหี้ยไป๋!!”
“เสียงดัง” เขากดล็อคโทรศัพท์แล้ววางลงบนโต๊ะก่อนจะลากสายตากลับไปที่สไลด์หน้าห้องของอาจารย์ เขายังคงเป็นเด็กปีสี่ที่กำลังจะทำตัวเองให้โตขึ้นเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ ถ้าหากว่าเขาคิดจะกลับไปสิ่งที่เขาต้องทำอย่างแรกคือจัดการตัวเองให้ได้
“มึงจะไปสหกิจจริงหรอวะ” พยักหน้ารับโดยไม่อธิบายเพิ่มเติม
สหกิจศึกษาคือการที่มหาวิทยาลัยทำข้อตกลงกับบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในประเทศหรือต่างประเทศเอาไว้เพื่อส่งตัวนักศึกษาที่ผ่านคุณสมบัติไปทำงานระยะเวลาประมาณ 1 เทอม หากทำงานเข้าตาก็อาจได้รับการเซ็นสัญญาทำงานที่นั่นได้เลย
แน่นอนว่าเขาเลือกยื่นบริษัทต่างประเทศ นี่คือก้าวแรกของคนที่เรียน ๆ เล่น ๆ ไปเรื่อยเปื่อยอย่างเขาอยากจะทำมันให้สำเร็จ อย่างน้อยถ้าได้ไปทำงานบริษัทหนึ่งในโครงการเหล่านั้นก็พอจะเป็นใบเบิกทางในอนาคตที่ดีได้ และหวังว่ามันจะทำให้เขาโตขึ้นเพื่อที่จะรับผิดชอบชีวิตสองชีวิตได้
เพียงแต่เขาหวังว่ากว่าจะถึงเวลานั้น มันจะยังพอมีโอกาสและที่ว่างเหลือให้กัน
________________________________
หลังจากนี้มารอลุ้นกันค่ะว่าไป๋จะหาเมียเจอมั้ย
จะง้อเจียยังไง เขาจะรักกันได้มั้ย
จะผ่านด่านครอบครัวไปได้มั้ย
เหตุการณ์อาจจะดำเนินเร็วขึ้นในบางส่วนด้วยค่ะ
ขอโทษที่มาช้าและแอบสั้นไปหน่อย
ช่วงที่ผ่านมาเราติดพันงานประจำ แทบไม่ว่างเลย
ตอนหน้าจะมาแก้ตัวให้นะคะ
*แอบสอบถามนิดนึงค่ะ ถ้าเราจะรวมเล่มเองเรื่องนี้ มีใครสนใจมั้ยเอ่ยย**
#เรื่องค่อนข้างสั้นสิบเก้าสิงหา