บทที่ 13
ประตูร้าน It’ sra เปิดออก เจ้าของร้านหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ร้องเชื้อเชิญไปตามอัตโนมัติ
“ยินดีต้อนรับครับ”
นักเดินทางที่เพิ่งมาถึง เป็นชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อทันสมัยและแว่นตาสีดำ ในมือถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่เขาหอบหิ้วลงมาจากรถญี่ปุ่นซึ่งจอดอยู่หน้าร้าน เขากวาดตามองไปรอบๆ อย่างสนอกสนใจก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเคาน์เตอร์พลางพิจารณาดูเจ้าของร้านที่ยังก้มหน้าก้มตาชงกาแฟอยู่อย่างพิถีพิถัน
“ขอสั่งเครื่องดื่มหน่อยครับ”
“จะรับอะไรดีครับ” อิงค์ตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วเขาก็ร้องเสียงดังจนบอยกับสารสาที่นั่งคุยกระหนิงกระหนิงกันอยู่ตรงโต๊ะใกล้ประตูสะดุ้งหันไปมอง
“ดาม!”
“ไอ้อิงค์!”
“เป็นไงมาไงถึงมาถึงน่านได้เนี่ย” อิงค์รีบออกมาจากหลังเคาน์เตอร์เพื่อให้การต้อนรับ
“เป็นเพราะคิดถึงแกไง” ดามหรือดัสกรว่า เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของอิงค์ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นคนที่สนิทกับอิงค์มากที่สุด
“นั่งก่อนๆ ดามกินไร เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“พูดงี้ไม่เกรงใจนะเว้ย” ดัสกรนั่งลงตรงหน้าเคาน์เตอร์ “เอามอคค่าเย็นๆ ชื่นใจมาแก้วนึง”
“ได้ตามที่ขอ” อิงค์ชงเครื่องดื่มเสิร์ฟให้พร้อมกับเค้กชอคโกแลตอีกสองชนิด “มาเหนื่อยๆ กินเยอะๆ นะ แล้วนี่ดามเป็นไงบ้าง”
“สบายดี” ดัสกรเริ่มต้นเล่าพลางดูดมอคค่าสลับกับตัดแบ่งขนมเค้กใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย เรื่องฝีมือของอิงค์นั้นเขาไม่แปลกใจอยู่แล้วเพราะเป็นหนูลองยาโดนให้ชิมมาตลอด “ทำอยู่บริษัทเดิมที่ฝึกงานน่ะแหละ พอดีคุยกับหน้าถูกคอเลยอยู่ยาวเลย”
“แล้วไอ้โอ๊ตกับแบงค์ล่ะ” อิงค์ถามถึงเพื่อนคนอื่น
“ก็อย่างที่เห็นในไลน์น่ะแหละ ไอ้โอ๊ตกลับไปทำงานบริษัทพ่อ ส่วนไอ้แบงค์ยังเรียนป.โทอยู่” ดัสกรบอก “ก่อนมานี่เพิ่งไปกินเหล้าด้วยกันมา มีแต่แกน่ะแหละที่ไม่ไป น่านนี่มันมีดียังไงถึงทำแกหลงจนไม่กลับไปหาแสงสีที่เมืองกรุงวะ ฉันขับมาตลอดทางไม่เห็นเจออะไรนอกจากป่ากับเขา เงี๊ยบเงียบ ห้างอะไรก็ไม่มีแกอยู่ได้ไงวะ”
“ก็เพราะมันสงบนี่แหละถึงได้ชอบ” อิงค์ตอบสั้นๆ
ดัสกรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แกชอบแบบนี้จริงดิ”
“อืม” อิงค์พยักหน้า “แล้วนี่ดามจะอยู่กี่วัน”
“ห้าวันน่ะ” ดัสกรบอก “ตั้งใจใช้วันลาพักร้อนทั้งหมดมาหาแกเลยนะเนี่ย”
“มันเหลือแล้วกลัวไม่ได้ใช้สิทธิ์มากกว่ามั้ง”
“อย่ามาทำเป็นรู้ทัน” ดัสกรหัวเราะกลบเกลื่อนที่โดนจับได้
สิงห์ที่เพิ่งเดินเข้าประตูมามองเจ้าของร้านกาแฟกับชายแปลกหน้าแล้วหันไปกระซิบถามบอย “นั่นใครน่ะเจ้าหนู”
“ผมก็แอบนั่งฟังจนหูจะเป็นตะคริวแล้วเนี่ยพี่สิงห์” บอยป้องปากกระซิบกระซาบ “เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทสมัยมหา’ ลัยน่ะ มาจากกรุงเทพเพิ่งมาถึงตะกี้แล้วจะอยู่เที่ยวห้าวัน”
สิงห์พยักหน้าพลางมองชายหนุ่มสองคนที่นั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกอยู่ด้วยกันโดยอิงค์นั้นไม่มีทีท่าว่าจะหันมาเห็นเขาด้วยซ้ำทั้งที่ตัวก็ใหญ่ยืนเต็มหน้าประตูขนาดนี้
“เพื่อนแน่เหรอ”
บอยไหวไหล่ “พี่เขาว่าแบบนั้น ถ้าพี่สิงห์อยากรู้ก็ลองไปถามดูสิ”
“ได้ความยังไงมาเล่าให้พวกเราฟังด้วยนะคะ” สารสารีบบอก
สิงห์เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง อิงค์ละสายตาจากเพื่อนคนนั้นขึ้นมามองเขา ในขณะที่ไอ้หนุ่มหน้ามนจากกรุงเทพนั่นยังเกาคางเล่นกับเสือน้อยอยู่
“พี่สิงห์มาได้ไงเนี่ย”
“คิดถึง” สิงห์ตอบพลางนั่งลงตรงหน้าเคาน์เตอร์ข้างดัสกร
“เมื่อเช้าเพิ่งเจอกันเอง” อิงค์ตอบยิ้มๆ
“ก็อยากเจออีก”
“พี่สิงห์จะกินอะไรครับ”
“อิงค์ชงอะไรมาฉันก็กินได้ทั้งนั้นแหละ”
“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ… อ้าว กาแฟหมด ผมไปเอากาแฟหลังร้านก่อนนะ”
พออิงค์ออกไปจากเคาน์เตอร์ สิงห์ก็เหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน และก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเท้าคางมองมาที่เขาอย่างไม่ปิดบัง
“มีอะไร” สิงห์ถามพลางพยายามเรียกร้องความสนใจจากเสือน้อยโดยการใช้ไม้ติดขนไก่แหย่ แต่มันก็ไม่ใยดีเขาเลยสักนิด และเปลี่ยนท่าจากนั่งหมอบเป็นนอนหงายเหยียดยาวหลับตาพริ้มให้ดัสกรเกาพุงเล่นอีก
“ผมเป็นเพื่อนสนิทอิงค์ชื่อดาม” ดัสกรแนะนำตัว แค่ประโยคหยอกล้อที่ตั้งใจแสดงความสนิทสนมกับอิงค์กับสายตาไม่เป็นมิตรที่มองมา เขาก็รู้แล้วว่าชายคนนี้ตั้งใจจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับเขา แล้วเขาก็ยินดีเป็นเสียด้วย
“อือ” สิงห์ครางในลำคอ
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร”
“เป็นคนที่คุยกันอยู่”
ดัสกรเลิกคิ้ว “ใช่เหรอ”
“ไม่เชื่อก็ถามอิงค์ดูเองสิ”
อิงค์เดินกลับมาจากหลังร้านพอดี ดัสกรจึงรีบชิงถามขึ้น
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครน่ะอิงค์เห็นคุยกันสนิทสนมเชียว… แฟนเหรอ”
“เฮ้ย! ไม่ใช่”
“จริงอะ” ดัสกรแกล้งกระเซ้า
“ไม่ใช่จริงๆ”
“แล้วเขาเป็นใคร”
อิงค์เหลือบตามองสิงห์ที่หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้อิงค์ใจแป้วและเข้าใจผิดว่าเจ้าตัวไม่ชอบใจที่ให้คนอื่นมาแซวแบบนี้ “พี่สิงห์เป็นเจ้าของที่พักชื่อข่วงเมืองสิงห์ที่ฉันเอาขนมไปฝากขายน่ะ”
“เหรอ” ดัสกรลากเสียงพลางเหลือบตามองชายหนุ่มตัวโตที่มองตาขวางตอบกลับมา เขายกยิ้มนิดๆ คล้ายกับจะเยาะหยันให้แล้วหันกลับไปคุยกับอิงค์ต่อ “ฉันขอนอนด้วยนะอิงค์ นี่ตั้งใจจะมานอนกับแกเลยไม่ได้จองห้องพักมา”
“มานอนที่พักผมไหมครับ ยังมีที่พักเหลืออยู่ เพื่อนอิงค์ผมให้พักฟรีเลย” สิงห์แทรกขึ้นอย่างเป็นทางการทั้งที่ก่อนหน้านี้จะงับหัวกันอยู่แล้ว
“ข้อเสนอดีจัง แต่ผมขอรับแค่น้ำใจนะครับคุณสิงห์ พอดีไม่เจออิงค์นานเลยอยากนอนคุยกันยาวๆ เหมือนสมัยอยู่หอน่ะ” ดัสกรตอบก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท “ได้ไหมแก ฉันรบกวนหรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อิงค์รีบบอก “ห้องนอนเราอยู่ชั้นสอง ดามขึ้นเอาของไปเก็บได้เลย”
“เฮ้ย! ฉันเกรงใจว่ะ แกมีชุดที่นอนสำรองไหม เดี๋ยวฉันปูนอนที่พื้นดีกว่า จะได้ไม่รบกวนแกมาก” ดัสกรรีบพูดต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าอิงค์ไม่มีทางให้เขานอนพื้นแน่นอน
“รบกวนอะไร ไอ้นี่นี่อย่ามาเกรงใจไม่เข้าเรื่อง” อิงค์ว่า “ไป! เอาของขึ้นไปเก็บ จะเข้าห้องน้ำก็อยู่ในห้องนอนนั่นน่ะแหละ อยากได้อะไรเพิ่มก็เปิดตู้หาเอาได้เลย”
“ขอบใจนะเว้ย!” ดัสกรลุกไปโอบไหล่เพื่อนรักครั้งหนึ่งก่อนจะหันมาขยิบตาให้สิงห์แล้วคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นสองตามที่เจ้าของบ้านบอก
บอยที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ กับสารสาป้องปากกระซิบกันสองคน
“งานนี้ต้องมีคนเจ็บว่ะ”
“รสาก็ว่างั้นแหละ” สารสาพยักหน้าพลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ นึกเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ทันได้สั่งเค้ก ท่าทางวันนี้จะมีเรื่องให้นั่งยาวๆ ซะแล้ว
อิงค์หันไปยิ้มส่งเพื่อนจนคล้อยหลังจึงหันกลับมาและเห็นสิงห์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ เขารีบชงกาแฟที่ค้างไว้ให้เสร็จแล้วเสิร์ฟให้สิงห์ที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อยก็วางลง “ขม”
“ผมก็ชงสูตรปกติที่ชงให้ทุกครั้งนี่นา เอางี้ เดี๋ยวผมชงให้ใหม่นะ”
“ไม่ต้อง ไม่อยากกินแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ”
“ไอ้หมอนั่นเป็นใคร” สิงห์ถามเสียงห้วน
“เพื่อนครับ ชื่อดาม” อิงค์บอก “หรือว่าพี่สิงห์โกรธที่หมอนั่นมันแซวว่าเป็นแฟนผมเหรอ… ผมขอโทษแทนมันด้วยนะครับ ดามมันคนปากไว ชอบแซวแรงๆ น่ะแต่ไม่มีอะไรหรอก”
“ฉันไม่ได้หงุดหงิดหมอนั่น ฉันหงุดหงิดเธอนี่แหละ”
“อ้าว” อิงค์ร้อง ยังไม่ทันจะถามต่อสิงห์ก็ลุกขึ้นแล้วคว้ามือดึงไปหลังร้าน
เขาผลักร่างโปร่งหลังชนกำแพงแล้วเอามือข้างหนึ่งค้ำไว้เหนือหัว “ทำไมถึงบอกว่าฉันเป็นแค่คนรู้จักล่ะ”
“ก็… ก็มันเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ” อิงค์ตอบตะกุกตะกัก หน้าของสิงห์อยู่ห่างไปแค่คืบ สายตาคมดุดันจนเขาแทบไม่กล้ามองตรงๆ
“ตกลงเธอไม่ได้จีบฉันอยู่เหรอ” สิงห์ถามเสียงแข็ง
“ก็ใช่ แต่พี่สิงห์ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนผมเลย ผมจะกล้าบอกใครๆ แบบนั้นได้ไงล่ะ”
“ทีฉันยังกล้าบอกใครๆ ว่าเธอเป็นคนที่ดูๆ กันอยู่เลย”
“ก็…” อิงค์ย่นปาก ก้มหน้าสำนึกผิดก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่ส่งสายตาดุมาให้ แล้วเขาก็อดอมยิ้มจนแก้มแทบปริไม่ได้
“เป็นอะไร จู่ๆ ก็ยิ้ม”
“เขินคนแอบหึง”
สิงห์เหมือนได้สติขึ้นมานิดหนึ่ง เขากะพริบตาถี่ๆ แล้วพูดเสียงเบาลงเล็กน้อย “ไม่ได้หึงสักหน่อย”
“บ้านผมเรียกแบบนี้” อิงค์พูดยิ้มๆ “บ้านพี่เรียกไรล่ะ”
“ก็… รำคาญ”
“รำคาญก็รำคาญครับ” อิงค์ทำเป็นพยักหน้าทำความเข้าใจ “รำคาญคนที่มาเกาะแกะเนอะ”
“ก็…” สิงห์พ่นลมออกจมูก รู้สึกเสียฟอร์มนิดๆ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงจะให้ไอ้หมอนั่นค้างด้วยเหรอ”
“พี่ก็ได้ยินแล้วนี่”
“แล้วเธอก็จะนอนกับมัน”
“ก็ห้องผมนี่นา”
“แล้วฉันล่ะ” สิงห์ถามออกไปได้ในที่สุด “เธอจะให้ฉันนอนไหน”
“พูดยังกะปกติมานอนทุกวัน”
“ก็ช่วงนี้ไม่ปกติ”
อิงค์หลุดขำออกมาเล็กน้อย เขารู้สึกดีใจในความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี่ ทั้งยังเอ็นดูคนตัวโตที่จู่ๆ ก็หงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมากับเรื่องแค่นี้… นี่แสดงว่าเขาเข้าใกล้ความฝันเข้าไปทุกทีแล้วสินะ
แต่ตอนนี้… ขอเขาเข้าใกล้อย่างอื่นอีกนิดเถอะนะ
“พี่สิงห์ครับ”
“อะไร”
“ดีกันนะ” อิงค์กระซิบเสียงหวานพร้อมกับคล้องมือลงรอบคอคนตัวสูงกว่าแล้วดึงลงมาจูบ ซึ่งสิงห์ก็ตอบรับทันทีด้วยการสอดวงแขนกระชับรอบเอวสอบพลางเบียดกายเข้าหาจนร่างโปร่งนั้นแทบจมหายเข้าไปในอกแกร่ง
“พอก่อนครับ” อิงค์ผละริมฝีปากที่ยังดูดดึงไว้อย่างไม่รู้จักพอออกพร้อมกับยกมือขึ้นกันไว้ไม่ให้สิงห์จู่โจมเข้ามาได้อีก
“ทำไม”
“มันจะหยุดไม่ได้น่ะสิครับ” อิงค์หลุบตาลงมองส่วนสะโพกที่ยังสัมผัสกันแนบสนิท จนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ดุนดันอยู่ใต้ร่มผ้านั่น
“ปิดร้านสักครึ่งชั่วโมงไม่ได้เหรอ” สิงห์กระเซ้าพลางเบี่ยงศีรษะไปขบเนื้ออ่อนที่ใบหูจนเป็นรอยฟันจางๆ เป็นคนอ่อยเขาแท้ๆ แต่กลับมาหักดิบเขากลางคันแบบนี้มันน่าลงโทษให้ลุกไม่ขึ้นจริงๆ “ไม่อยากกินกาแฟแล้ว แต่อยากกินคนชงมากกว่า”
“เดี๋ยวผมชดเชยให้น่า”
“เมื่อไหร่ล่ะ ได้ข่าวว่าหมอนั่นจะอยู่ห้าวัน”
“ก็วันที่หกน่ะแหละ”
“วางมัดจำมาเลยดีกว่า”
อิงค์ยิ้มก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปจุ๊บเบาๆ ครั้งหนึ่ง
“มัดจำน้อยจัง” สิงห์ว่า หากก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี “ฉันกลับก่อนนะ คืนนี้คงไม่มาแล้ว”
“เดี๋ยวผมไลน์หานะ ตอบด้วยล่ะ”
“อือ”
“ไปทำงานก่อนนะครับ ลูกค้ามาแล้ว”
พูดตบอิงค์ก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเดินแยกตัวออกไปก่อนเพื่อไม่ให้คนอื่นผิดสังเกต
สิงห์เดินตามออกมาทีหลัง เขาทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังชงกาแฟให้ลูกค้าอยู่แต่แอบทำมือไวยื่นไปบีบสะโพกแรงๆ ครั้งหนึ่ง
อิงค์เหลือบตาขึ้นมองค้อนเบาๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ สิงห์ยกยิ้มมุมปากแล้วหันไปจะลูบหัวเสือน้อยสักครั้งก่อนกลับ แต่เจ้าลูกแมวส้มที่นอนแผ่ให้คนแปลกหน้าจากเมืองกรุงเกาพุงเล่นเมื่อสักครู่กลับหมอบตัวลงต่ำในท่าเตรียมพร้อมแล้วยกขาหน้าขึ้นตะปบเขา
สิงห์หลุบตาลงมองปลายนิ้วชี้ที่มีเลือดไหลซิบแล้วมองเลยไปยังเสือน้อยที่ยังทำท่าขู่ฟ่อใส่เขา
…แหม~ ไอ้ตัวเล็กนี่อย่าให้แม่เอ็งเผลอเชียวนะ พ่อจะพาไปให้พระอาจารย์ที่วัดอบรมซะให้เข็ด! …
ดัสกรเดินลงบันไดมาจากชั้นสองมองตามคนตัวโตที่เดินออกจากร้านไป เพราะอยู่มุมสูงเขาจึงมองเห็นว่าสิงห์แอบจับก้นเพื่อนของเขาโดยที่เจ้าตัวไม่ต่อว่า
เขาเดินเข้าไปหาอิงค์ กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่อึดใจก่อนจะแสร้งยิ้มออกมาทำเหมือนไม่เห็นเรื่องเมื่อครู่ “ขอบใจที่ให้พักด้วยนะ”
“แล้วนี่ดามแพลนจะไปเที่ยวไหนบ้าง เราจะพาไป”
“ไม่ได้คิดเลย ตามใจแกเลยละกันว่าที่ไหนดีที่ไหนเด็ด แต่ที่แน่ๆ ต้องมีนั่นนะเว้ย!” ดัสกรบอกพลางทำท่ายกแก้วขึ้นซด
“ได้เลยเดี๋ยวจัดให้แต่ต้องรอปิดร้านก่อนนะ”
“ปิดกี่โมง”
“สองทุ่ม”
“ไม่มีปัญหา” ตอนนั้นเองที่ดัสกรเหลือบไปเห็นรอยแดงที่ใบหู เขายื่นมือออกไปจะจับดูให้ชัดๆ แต่อิงค์กลับเบี่ยงตัวหลบ “รอยอะไรน่ะ… เหมือนรอยฟัน”
“เสือน้อยกัด” อิงค์พยักเพยิดไปทางเจ้าแมวส้มที่นั่งตาแป๊วมองผู้ปกครองของมันอยู่อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าจู่ๆ ก็กลายเป็นแพะรับบาปไปเสียได้ “เมื่อกี้เล่นกับมันแรงไปหน่อย”
ดัสกรเหลือบตามองเสือน้อยแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “แมวบ้านนายนี่ดุเหมือนกันนะ”
ในเมื่อเจ้าถิ่นเขาแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้ คิดว่าคนต่างถิ่นอย่างเขาจะไม่กล้าเช็กอินล่ะสิ แต่ที่แน่ๆ อย่างน้อยเขาต้องทำให้ ‘แมวตัวโตเจ้าของรอยกัด’ นั่นรู้เสียหน่อยว่าใครมาก่อนมาหลัง