Last Room บันทึกประจำวันของเสือน้อย2:สงกรานต์ไม่อร่อยเลย(16/4/2020) p.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Last Room บันทึกประจำวันของเสือน้อย2:สงกรานต์ไม่อร่อยเลย(16/4/2020) p.6  (อ่าน 20116 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #120 เมื่อ29-10-2019 12:36:53 »

ดีใจ เสือน้อยกลับมาแล้ว พร้อมหน้าที่พิเศษเป็นกามเทพ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #121 เมื่อ29-10-2019 12:38:46 »

หวานๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #122 เมื่อ29-10-2019 13:17:56 »

คืนดีกันสักที :เฮ้อ:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #123 เมื่อ29-10-2019 16:45:03 »

หูยยยย พี่สิงห์โหมดทาสแมว น่ารักมากเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #124 เมื่อ29-10-2019 20:06:13 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แค่ไม่กี่วัน กลายเป็นทาสแมวไปซะแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #125 เมื่อ29-10-2019 21:34:31 »

 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #126 เมื่อ29-10-2019 21:53:27 »

อย่างอนนักเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #127 เมื่อ30-10-2019 15:47:51 »

 :กอด1: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Last Room บทที่ 19(29/10/2019) p.4
«ตอบ #128 เมื่อ31-10-2019 11:37:33 »

บทที่ 20

“เสือน้อย?” บอยที่เปิดประตูเข้ามาในร้านร้องเสียงดัง เช่นเดียวกันกับสารสาที่รีบพุ่งไปหาเจ้าแมวส้มที่นั่งเก๊กหน้าหล่อรอต้อนรับลูกค้าอยู่บนเคาน์เตอร์ตรงที่ประจำของมัน

“เสือน้อยจริงๆ ด้วย พี่อิงค์เจอมันที่ไหนคะ”

“คุณสิงห์เป็นคนเจอน่ะ” อิงค์ตอบพลางลงมือชงเครื่องดื่มให้ก่อนที่ลูกค้าประจำทั้งสองจะทันได้สั่งเสียอีก “เขาเจอมันอยู่ข้างทาง ตรงสี่แยกทางไปเฮือนไกรสร ขามันหักเขาเลยพาไปโรงพยาบาลแล้วก็ช่วยดูแลมันจนดีขึ้นแล้วก็เอาส่งให้ฉันเมื่อวานน่ะ”

“เก่งจังเลยน้า~ เสือน้อย” สารสาเกาคางเจ้าแมวส้มเป็นรางวัลที่สู้ชีวิตผ่านมาได้

“แต่จะว่าไปมันก็หลงไปไกลมากเลยครับ” บอยตั้งข้อสังเกต

“นั่นสิ ขนาดขี่มอเตอร์ไซค์จากที่นี่ไปยังเกือบยี่สิบนาทีเลยนะ” สารสาเห็นด้วย “เขาว่ากันว่าแมวก็มีความสามารถในการดมกลิ่นและการจำทางกลับได้ดีมากเลยนะ หรือว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้หลงทางทางแต่มันกำลังจะไปหาใครหรือเปล่า”

“มันจะหาใครล่ะ ก็บ้านพี่อิงค์อยู่นี่” บอยถามต่อ ทั้งสองแอบสบตากันเงียบๆ อย่างเข้าใจกัน เพราะสี่แยกตรงนั้นเป็นทางไปเฮือนไกรสรก็จริง แต่ถ้าขับรถเลยไปอีกหน่อยก็จะถึงข่วงเมืองสิงห์แล้ว

“รสาก็ไม่รู้เหมือนกัน” สารสาบอกพลางหันไปยิ้มกับเสือน้อย “แกไปหาใครเหรอเสือน้อย”

เหมียว~

ทั้งสองลอบมองอิงค์ที่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจแล้วหันมายิ้มให้กันเงียบๆ ก่อนจะรับแก้วโกโก้ปั่นมาแล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ใกล้ประตูที่ตอนนี้กลายเป็นที่นั่งประจำที่ใหม่ไปแล้ว

อึดใจต่อมา ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับที่สิงห์ในชุดหล่อก้าวเข้ามา วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและไม่มีดอกไม้หรือกับข้าวมาฝากอิงค์ ที่ถือหอบหิ้วพะรุงพะรังอยู่ในมือคืออาหารกับทรายแมวที่เขาขนมาจากบ้าน

“ให้ฉันเอาไปวางไว้ตรงไหนดี”

อิงค์บุ้ยใบ้ไปทางด้านหลังร้าน “ขอบคุณนะครับ”

วางของเสร็จสิงห์ก็เดินมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่แทนที่จะสั่งกาแฟเขากลับแวะทักทายเสือน้อยที่เดินมาไซ้ที่ข้างแขนเขาก่อนจะกระโดดลงไปนอนหงายท้องเหยียดยาวบนตักให้สิงห์เกาพุง

“ว่าไงลูกพ่อ ชอบแบบนี้ใช่ไหม นี่แน่ะๆ”

เหมียว~

เสือน้อยร้อง ขาทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้าเป็นอาการบอกว่ามันกำลังมีความสุขสุดๆ

สิงห์มัวแต่เล่นอยู่กับเสือน้อยจนลืมสั่งกาแฟไปเสียสนิท มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ข้างตัว เขาเงยหน้าขึ้นทันมองเห็นแผ่นหลังอิงค์กลับหลังเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์แล้ว

สิงห์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางเอื้อมมือไปยกแก้วกาแฟที่ไม่ได้สั่งขึ้นจิบ ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสของเหลวสีดำในแก้ว ริมฝีปากได้รูปก็ยกยิ้มขึ้นทันที มันไม่ได้มีแต่ความขมปร่าเหมือนทุกวัน หากตามด้วยรสหวานละมุนคุ้นลิ้นที่ทำให้เขาตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาหันไปมองคนที่ทำเป็นจัดโน่นวางนี่โดยไม่ทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน จึงได้แต่พูดฝากลมเอ่ยชมไปเบาๆ

“วันนี้กาแฟหวานเหมือนหน้าคนชงเลย”

“อย่าเข้าใจผิดครับ” อิงค์พูดเรียบๆ “ผมแค่ไม่ชอบเห็นคนที่กินกาแฟของผมแล้วทำหน้าจะเป็นจะตายก็เท่านั้นเอง”

“ฉันก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนี่นา” สิงห์ว่าพลางเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์แล้วมองหน้าชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟพลางจิบกาแฟต่อ เคยคิดว่าเก้าอี้รังนกข้างหน้าต่างวิวดีแต่วิวตรงเคาน์เตอร์นี่น่ามองมากกว่ากันเยอะเลย “แค่บอกว่าวันนี้กาแฟอร่อยจัง... ถ้าพรุ่งนี้ฉันอยากกินแบบนี้อีกต้องสั่งยังไงเหรอ”

“ก็สั่งเหมือนเดิม”

“สั่งเหมือนเดิมก็ได้กาแฟขมๆ น่ะสิ” สิงห์กระเซ้า “เมนูนี้ไม่มีชื่อเรียกเหรอ”

อิงค์เงียบไป เขาจะตอบออกไปได้ยังไงว่ามันไม่มีเมนูนี้ในร้าน เพราะมันเป็นเมนูพิเศษที่เขาชงตามใจลิ้นคนกิน... เป็นสูตรเฉพาะที่สิงห์คนเดียวเท่านั้นจะได้กิน

“ถ้ามันไม่มีชื่องั้นฉันตั้งเองนะ” สิงห์พูดต่อ

“ตามใจคุณสิครับ”

“ฉันจะเรียกมันว่า ‘ที่รัก’ ” สิงห์ว่า “ดีไหม... พรุ่งนี้ตอนมาสั่งฉันจะได้บอกว่า ‘ขอกาแฟที่รักแก้วนึงครับ’ ... แหม~ ยิ่งกินยิ่งติดใจถ้าวันนี้ฉันขอสั่งที่รักกลับบ้านแก้วนึง อิงค์จะว่าอะไรไหม”

อิงค์ปรายตามามอง เขาไม่ตอบโต้อะไรเพียงแต่เอื้อมมือข้ามเคาน์เตอร์มาเพื่อจะหยิบแก้วกาแฟคืน

“เฮ้ย! อะไรเนี่ย” สิงห์ร้องพลางคว้าแก้วกาแฟหลบ “เดี๋ยวตีมือแตกเลย ฉันยังกินที่รักไม่หมดเลยนะ”

“ไม่ให้กินแล้วครับ” อิงค์ว่าเขาเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ “พูดมาก... น่ารำคาญ”

“ก็เธออนุญาตให้ฉันตั้งชื่อเองนี่นา แล้วฉันก็แค่ชอบมากเลยเรียกเมนูนี้ว่าที่รัก ไม่ได้เรียกว่าอิงค์สักหน่อย หรืออิงค์อยากให้ฉันเรียกว่าที่รัก”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน ทำไมยิ่งฟังยิ่งงง แล้ววนเข้ามาหาเขาได้ยังไงเนี่ย “ถ้ายังไม่เลิกเรียกแบบนั้น พรุ่งนี้ผมจะให้กินกาแฟขมๆ เหมือนเดิมนะ” อิงค์ว่า

“ดูสิเสือน้อย แม่เขาแกล้งพ่ออีกแล้ว” ฟ้องใครไม่ได้สิงห์ก็ก้มหน้าลงทำตาละห้อยกับเจ้าแมวส้มที่นอนอยู่บนตัก

เสือน้อยผงกหัวขึ้นมาแล้วร้อง เหมียว~ ยาวๆ

“เห็นไหม เสือน้อยยังบอกให้อิงค์ยกโทษให้ฉันเลยนะ”

อิงค์เม้มปากสนิท จะด่าคนก็ไม่ได้จะโกรธแมวก็กระไร เขาจึงเดินหนีออกจากเคาน์เตอร์ไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าดื่มเสร็จแล้ว

เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาบอยกับสารสาโดยตลอด ทั้งสองมองหน้ากันเป็นนัยว่า “พวกเราพลาดอะไรไปหรือเปล่า”

“วันก่อนพี่อิงค์ยังไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำ” บอยพึมพำ

“ท่าทางจะเกี่ยวกับที่เมื่อวานพี่อิงค์ปิดร้านหายไปครึ่งค่อนวันแน่ๆ” สารสาวิเคราะห์ “แต่ที่แน่ๆ รสาว่างานนี้เราต้องยกความดีความชอบให้เสือน้อยนะ”

“เห็นด้วย” บอยพยักหน้า แล้วแกล้งทำเป็นไถลตัวเอนไปกับพนักเพื่อแอบมองว่าอิงค์กำลังทำอะไร ในขณะที่สารสารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความรายงานป้าสำลี

แต่สารสายังไม่ทันจะส่งเรียงความเหตุการณ์ได้ครบถ้วน เสียงแก้วตกแตกดังเพล้ง! ก็ดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับถ้อยคำต่อว่าต่อขานเสียงดัง

“ซุ่มซ่ามจริง ทำงานประสาอะไร! ดูสิรองเท้าฉันเลอะหมดแล้ว นายจะรับผิดชอบยังไงเนี่ย” ลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งกล่าวอย่างหัวเสียกับคราบกาแฟที่กระเซ็นเต็มรองเท้าหนังขัดมัน

“ขอโทษครับๆ” อิงค์ได้แต่พูดซ้ำๆ พร้อมกับก้มตัวลงเก็บเศษแก้ว

“ยังจะมาห่วงเช็ดพื้นอีก ไปเอาผ้ามาเช็ดรองเท้าให้ฉันก่อนสิ ไอ้ร้านเฮงซวยนี่วันหลังฉันจะไม่มาเหยียบอีกแล้ว”

ลูกค้าคนอื่นในร้านพากันหันมามองและป้องปากกระซิบกระซาบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

สารสาคว้าแขนบอยจะให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง แต่บอยยังไม่ทันจะได้คิดด้วยซ้ำว่าจะช่วยยังไง ชายหนุ่มผมยาวที่นั่งเล่นกับเจ้าแมวส้มอยู่ก็อุ้มมันวางลงบนพื้นแล้วรีบลุกไปหา

“ขอโทษครับคุณลูกค้า” สิงห์กล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับย่อตัวลงนั่งข้างอิงค์ “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ รองเท้าของคุณทำจากหนังคุณภาพดีไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ”

“ก็ทำเร็วๆ สิ” ลูกค้าคนนั้นบอกพร้อมกับยื่นเท้าพรวดเข้ามาตรงหน้าสิงห์อย่างไร้มารยาทที่สุด

“คุณสิงห์...” อิงค์จะหันไปบอกว่าไม่ต้องมาช่วยแต่สิงห์กลับยกมือปรามไว้แล้วกระซิบเสียงเบา

“ไปชงกาแฟมาใหม่ เอาเค้กแถมมาด้วยชิ้นนึง ตรงนี้ฉันจัดการเอง”

“แต่...”

สิงห์หลิ่วตาให้ครั้งหนึ่งพร้อมกับแตะที่หัวไหล่ อิงค์จึงยอมลุกไปทำตามแต่โดยดี

“เชิญนั่งก่อนนะครับ” สิงห์กล่าวพร้อมกับผายมือ

ทางด้านลูกค้าอารมณ์ร้อนพอเห็นคนมาพินอบพิเทาก็เริ่มใจเย็นลงถึงจะยังมีท่าทีฮึดฮัดอยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่นว่าอะไรอีก เพียงครู่เดียวสิงห์ก็จัดการคราบบนรองเท้าหนังขัดมันนั่นจนสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่และเก็บเศษแก้วเรียบร้อย ก็พอดีกับที่อิงค์กลับออกมาพร้อมกับกาแฟแก้วใหม่และเค้กสตรอว์เบอร์รี่น่าทาน

“ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท” อิงค์กล่าว “นี่แทนคำขอโทษจากร้านเราครับ”

“อบรมพนักงานของคุณใหม่ด้วยนะ” ลูกค้าคนนั้นหันไปพูดกับสิงห์

สิงห์เหลือบตามองเจ้าของร้านตัวจริงที่โดนเข้าใจผิดแล้วก็กล่าวยิ้มๆ “ผมไม่ใช่เจ้าของร้านครับ ผู้ชายคนนี้ต่างหากที่เป็นเจ้าของร้าน”

“แล้วคุณเป็นใครล่ะ ทำงานดูคล่องเชียว”

“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ นี่ครับชื่อว่าข่วงเมืองสิงห์” สิงห์แนะนำตัวพร้อมกับส่งนามบัตรให้ “ถ้าคุณลูกค้ายังไม่มีที่พักผมยินดีต้อนรับนะครับ แล้วจะให้ส่วนลดเป็นพิเศษด้วย”

“อ้าว ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่เกี่ยวอะไรกับที่นี่นี่นาแล้วมาช่วยเก็บเศษแก้ว เช็ดรองเท้าให้ผมทำไม”

“ผมไม่ได้ช่วยคุณครับ แต่ผมช่วยแฟนผมต่างหาก” สิงห์ตอบง่ายๆ ทั้งรอยยิ้มแต่ทำเอาลูกค้าหัวร้อนคนนั้น เจ้าของร้านกาแฟที่โดนพาดพิงและลูกค้าอื่นๆ ที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นสักขีพยานเงียบไปตามๆ กัน “ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมให้ส่วนลดที่พักคุณ 50% เลย ครั้งนี้ไม่พักก็ไม่เป็นไรครับ เก็บนามบัตรผมไว้ครั้งหน้ามาเที่ยวน่านอีกนำมาแสดงที่เคาน์เตอร์ได้เลยครับ ผมจะดูแลคุณเอง”

“ครับ” ลูกค้าหัวร้อนคนนั้นพยักหน้า ไปต่อไม่ถูก รู้แต่ว่าลืมเรื่องที่โกรธไปแล้ว เขาหันไปยกแก้วกาแฟขึ้นจิบก่อนจะพึมพำ “อร่อยดีนี่นา”

“ตามสบายนะครับ” สิงห์กล่าวอีกครั้งแล้วคว้าแขนอิงค์ให้เดินตามเข้าไปหลังร้าน

“ไม่เห็นต้องมาช่วยผมเลย” อิงค์ทำปากขมุบขมิบ “เรื่องแค่นี้ผมจัดการเองได้”

“ก็อยากช่วยแฟนนี่นา”

“ใครเป็นแฟนคุณ”

“เจ้าของร้านกาแฟนี้ไง”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

“เดี๋ยวก็ใช่” สิงห์พูดหน้าตาเฉย “ยังไงหลังจากนี้ก็ไม่มีใครกล้าจีบเธอแน่ๆ เพราะฉันประกาศตัวเป็นเจ้าของไปแล้ว”

“คนใจร้าย” อิงค์ว่า

“ก็เป็นคนใจร้ายของเธอมาตั้งนานแล้วนี่นา” สิงห์บอกพร้อมกับคว้ามืออิงค์ขึ้นมาดูเห็นรอยกรีดเล็กๆ บนปลายนิ้วชี้มือขวาก็ร้องขึ้นทันที “แก้วบาดนี่นา...”

อิงค์รีบดึงมือหนี “นิดหน่อยเองครับ”

“ล้างแผลหรือยัง”

“ล้างแล้ว”

“ล้างสะอาดแน่เหรอ แผลเหมือนจะลึกเลยนะ ยังมีเลือดซึมอยู่เลย มานี่ฉันล้างให้ใหม่” สิงห์คว้ามืออิงค์ดึงไปที่อ่างล้างมือแล้วเข้ามายืนซ้อนด้านหลังก่อนจะเปิดน้ำให้ไหลผ่านแผลแล้วช่วยล้างมือทั้งที่ยังยืนอยู่ในท่านั้น “เจ็บไหม”

“นิดหน่อย” อิงค์พยายามจะขืนตัวหนีแต่ข้างหน้าก็อ่างล้างมือ ข้างหลังก็อกกว้าง สองข้างก็ติดอ้อมแขนแกร่งที่โอบไว้รอบตัว กลายเป็นว่าจะขยับไปทางไหนก็โดนเขากอดอยู่ดี แถมมือยังโดนจับไว้แน่นอีก

“ต้องปิดแผลนะเนี่ยเดี๋ยวเชื้อโรคเข้า” สิงห์พูดขึ้นหลังจากล้างจนมั่นใจว่าสะอาดไม่มีเศษผงหรือเศษแก้วเหลือติดอยู่แน่ๆ “ที่ร้านเธอมีพลาสเตอร์ติดแผลไหม”

อิงค์ส่ายหน้า

“ถ้างั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้”

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่...” แต่อิงค์ห้ามไม่ทันเมื่อหนุ่มผมยาวรีบก้าวเร็วๆ ออกไป

“เดี๋ยวก่อนครับพี่สิงห์” บอยเรียกไว้

“มีอะไรฉันกำลังรีบ”

บอยเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาพลาสเตอร์ลายการ์ตูนที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลาเพราะมักจะได้แผลตอนซ้อมฟุตบอลบ่อยๆ ส่งให้ไปทั้งกล่อง “ติดกันจนกว่าจะพอใจเลยครับ”

สิงห์พยักหน้าแล้วคว้ากล่องพลาสเตอร์เดินฉับๆ กลับไปหลังร้าน

บอยยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง ในขณะที่สารสานั่งปรบมือให้ด้วยความภาคภูมิใจในตัวแฟน

“เท่มากเลยบอย”

“ไม่เท่าไหร่หรอก เรื่องแค่นี้เอง”

“ร้านอยู่ใกล้จัง” อิงค์บ่นปนประชดนิดๆ เขามองออกไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดูท่างานนี้จะไม่มีใครอยู่ข้างเขาสักคน

“ส่งมือมา” สิงห์พูดพลางคว้ามือเรียวขึ้นมาพินิจดูบาดแผลแล้วบรรจงติดพลาสเตอร์ลงไปอย่างเบามือ พอเสร็จแล้วอิงค์ก็จะดึงมือกลับแต่สิงห์กลับยื้อไว้แล้วประทับริมฝีปากทับลงไปบนพลาสเตอร์นั้น “หายไวๆ นะ”

“ถึงเวลามันก็หายเองแหละ”

“ต้องหายไวขึ้นสิ” สิงห์พูดยิ้มๆ “ฉันทำแบบนี้กับเสือน้อยทุกวันเลยนะตอนที่มันป่วยน่ะ”

“ผมไม่ใช่เสือน้อยสักหน่อย” อิงค์พูดอ้อมแอ้ม ไม่รู้จะเถียงยังไงดีแล้ว

“แต่เป็นแม่เสือน้อย” สิงห์พูดต่อ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีกได้แต่กุมมือเรียวไว้อย่างนั้น ใช้ปลายนิ้วโป้งถูวนไปมารอบๆ จนอิงค์ต้องพูดเพื่อทำลายความเงียบที่มากเกินไปจนเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นแรง

“ขอบคุณนะครับที่ช่วย” เขาพูดจากใจ “ถ้าไม่ได้คุณสิงห์ช่วย ผมก็คงแย่เหมือนกันเพราะมัวแต่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก็เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”

“อย่าคิดมากสิ” สิงห์พูดเสียงเบา “เธอยังอ่อนประสบการณ์เดี๋ยวเปิดร้านไปอีกสักพักจะมีปัญหามาให้เจอและแก้อีกเยอะเลย”

อิงค์พยักหน้า “คุณสิงห์เก่งนะ ดูแลโรงแรมคนเดียว ของผมแค่ร้านกาแฟเล็กๆ ยังลำบากแทบแย่”

“ฉันไม่ได้อยู่ตัวเดียวนี่นา มีป้าสำลีกับพี่มอญคอยช่วย” สิงห์บอก “เธอเองก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนกัน เธอยังมีเสือน้อยกับฉันไง”

“เสือน้อยนับได้ แต่คุณสิงห์ไม่นับครับ”

“ใจร้ายกว่าฉันก็คนใจแข็งอย่างเธอนี่แหละนะ”

“ผมขอมือคืนได้ไหมครับ” อิงค์บอกพลางค่อยๆ ดึงมือออก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเกรงใจทั้งที่เป็นมือตัวเอง ยิ่งเห็นสายตาเว้าวอนของสิงห์ตอนที่มือเขาหลุดออกมาจากมือใหญ่ เขายิ่งรู้สึกผิดจนเผลอคิดว่าหรือจะยอมให้จับต่อไปดี แต่คิดแล้วก็พบว่าไม่ดีกับหัวใจตัวเองแน่ๆ จึงรีบเอามือไปแอบซุกไว้ด้านหลัง

“นี่อิงค์วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยได้ไหม”

“ทำไมครับ”

“จะชวนไปซื้อปลอกคออันใหม่ให้เสือน้อยไง” สิงห์บอก “มันไม่มีปลอกคอแบบนี้เดี๋ยวหลงไปไหน คนเขาก็ไม่รู้น่ะสิว่ามีเจ้าของ”

อิงค์ไตร่ตรองอยู่อึดใจก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ” แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าแล้วทำไมเขาต้องไปกับสิงห์ด้วยล่ะ “ไม่สิ... ผมไปซื้อเองก็ได้ คุณสิงห์ไม่ต้องไปหรอก”

“ฉันไม่ไปแล้วใครจะจ่ายตัง”

“ผมไง”

“แต่เราตกลงกันแล้วนี่นาว่าเธอเป็นคนเลี้ยง ส่วนค่าใช้จ่ายฉันจะรับผิดชอบเอง” สิงห์บอก “ไม่ได้หรอกเสือน้อยก็เป็นลูกฉันเหมือนกันนะ”

“ไม่ให้เป็นแล้ว” อิงค์พูดอ้อมแอ้ม “ผมเลี้ยงของผมคนเดียวได้”

“เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลำบากนะอิงค์” สิงห์ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน “อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ทำหน้าที่พ่อดูแลมันเถอะ”

ดูเปรียบเทียบเข้าสิ... คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรกันแค่เลี้ยงแมวเอง... แต่ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องเขินจนต้องหลุบสายตาหนีด้วยก็ไม่รู้

“ก็...”

“เอางี้ดีกว่า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” สิงห์พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของคนตรงหน้า “เดี๋ยวฉันไปซื้อคนเดียวดีกว่า แล้วจะถ่ายรูปส่งมาให้เธอช่วยเลือกดีไหม เธอก็ไม่ต้องอึดอัดที่จะไปกับฉัน ฉันได้ออกตังและเสือน้อยก็ได้ปลอกคอใหม่วินวินด้วยกันทุกฝ่าย”

อิงค์คิดทบทวนข้อเสนอนี้อีกครั้งก่อนจะพยักหน้า “แบบนี้ก็ได้ครับ”

“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” สิงห์บอก เขาเดินไปจนเกือบจะถึงประตูร้านแล้วก่อนจะหันกลับมา “แล้วเธอจะให้ฉันส่งรูปให้เธอทางไหนดีล่ะ”

“ไลน์ไงครับ”

“แต่เธอบล็อกไลน์ฉันไปแล้วนี่นา”

อิงค์นึกขึ้นได้ เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชั่นไปเพื่อจัดการยกเลิกการบล็อกเพื่อน แต่พอทำอย่างนั้นเสร็จเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนที่ยืนมือไพล่หลังส่งยิ้มกว้างมาให้เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกเสียแล้ว “แผนสูง”

“แค่ถามเองนะว่าจะให้ส่งรูปให้ดูทางไหน” สิงห์บอก “ถึงร้านแล้วจะรีบถ่ายรูปส่งมาให้ดูเลยนะ รอดูด้วยล่ะ”

อิงค์ยืนมองคนที่ผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เสือน้อยเดินมาตะกายที่ขากางเกง อิงค์ก้มลงมองแล้วอุ้มมันขึ้นมาฟัดพุงครั้งหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแกนี่มันจริงๆ เลยนะเสือน้อย”

...ว่าพ่อไม่ได้ก็ขอมาลงที่ลูกแทนละกัน...

อิงค์นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยมีโทรศัพท์วางอยู่ตรงหน้า ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชัวโมงนับจากสิงห์ออกจากร้านไปโทรศัพท์ของเขาก็ดังถี่ๆ พร้อมกับข้อความเข้าราวกับคนส่งเก็บกดมานาน

แต่อิงค์ไม่กดเข้าไปในแอปพลิเคชั่น เขาอาศัยอ่านเอาจากการแจ้งเตือนที่แสดงบนหน้าจอ

..ขืนเข้าไปอ่านเลย ทางโน้นก็ยิ่งได้ใจไปน่ะสิ อยากส่งอะไรมาก็ตามใจเขาไม่เข้าไปอ่านหรอก ไม่บล็อกแล้วก็ได้แต่เขาก็จะไม่สนใจเหมือนกัน...


อิงค์

อิงค์

อิงค์จ๊ะ

อิงค์จ๋า

...จะเรียกอีกนานไหมเนี่ย...

ตอบหน่อย

...ให้ตายก็ไม่ตอบหรอก...

ที่รัก

...ใครเป็นที่รักวะ...

อิงค์คิดแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ตอบกลับไป

ใคร?

ที่รัก?

อิงค์เงียบรออึดใจอีกด้านก็พิมพ์ตอบมา

ที่รักของเสือน้อย

...ยังจะมาเล่นลิ้นอีก! ...

มีอะไรครับ

ฉันอยู่ที่ร้านขายของเล่นแมวแล้ว

มันมีเยอะแยะเลย

เลือกไม่ถูก

คุณแม่เสือน้อยช่วยเลือกให้ลูกหน่อย

...จะพิมพ์ขยักขย่อนทำไมเนี่ย พิมพ์ทีเดียวยาวๆ เลยไม่ได้หรือไงนะ เจ้าพ่อบ้านี่...

แล้วแต่คุณเลยครับ

สักพักสิงห์ก็พิมพ์ตอบกลับมา

มันมีเยอะนี่นา

ลายตาไปหมด

ฉันว่ารอบนี้จะเอาแบบมีกระพรวนด้วย

เวลามันเดินไปไหนมาไหนเธอจะได้ยินเสียง

เธอว่าดีไหม

แต่แบบนี้ก็สวยอะ

*ส่งรูปปลอกคอแบบผ้าพันคอคาวบอยสีกรมท่าติดดาวสีทองมาให้ดู

ลูกพ่อสิงห์ใส่ต้องหล่อมากแน่ๆ เลย

แต่ไม่มีกระพรวน

หรือเราจะซื้อไปติดเองดีล่ะ

*ส่งรูปปลอกคอสีฟ้าติดดอกไม้ทำจากผ้าน่ารักมุ้งมิ้งมาให้ดู

คุณแม่ชอบแบบนี้ไหม

แบบนี้ก็น่ารัก

มีดอกไม้กุ๊กกิ๊กด้วย

อิงค์ที่นั่งเท้าคางอ่านอยู่ อดทนทำใจแข็งไม่ไหวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ถามไปอีกรอบ

ไหนกระพรวน??

อ่อ

โทดที

ลืมๆ

ก็มันสวยอ่าาา

งั้นแบบนี้ล่ะ

แบบนี้แบบนี้ๆๆ

*ส่งรูปปลอกคอแบบมีกระพรวนลูกเล็กลูกใหญ่ห้อยโดยรอบมาให้ดูครบทุกสีที่ร้านมี

เดินไปทางไหนเสียงดังสะใจแน่นอน

เอาสีชมพูเหมือนเดิมไหม

พ่อตามใจแม่

*ส่งสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม

เด๋วนะ

*ส่งปลอกคอห้อยกระพรวนแบบมีลายเรียบๆ สีฟ้ากับสีชมพูแป๋นแหลนมาให้ดู

หรือจะเอาแบบนี้ดี

เรียบลงมาหน่อย

มะกี้ดูแหววไป

ลูกเราเป็นผู้ชายเนาะ

อันนี้สีชมพูไม่สวยอะแม่

พ่อเอาสีฟ้านะ

...เออจะเอาอะไรก็เอามาสักอันเถอะ

อ๊ะ!

...อะไรอีกกกก~...

แม่ใจเย็นนะ

...เย็นกว่านี้ก็ภูเขาน้ำแข็งขั้วโลกแล้วล่ะจ๊ะพ่อจ๋า...

อย่าใจร้อนรีบเลือก

...ทางนี้ไม่ได้ใจร้อนเล้ยยยย~ ทางโน้นน่ะแหละโลเลเรื่องมากอยู่ได้...

มีนี่อีกๆ

*ส่งรูปปลอกคอติดโบอันใหญ่มีกระพรวนห้อยอยู่ตรงกลางมาให้ดูครบทุกสี

...เออ อันนี้สวยดีแฮะ...

มีโบด้วย

พ่อจำได้ว่าแม่ชอบโบใช่ไหม

...ไม่ต้องทำมาเป็นจำได้เลย...

มีโบกับกระพรวนครบเลย

...ครบแล้วก็จบได้แล้ว เอาอันนี้แหละ เอามาาา~...

ง่า~~~

เยอะไปหมด

เลือกไม่ถูกเลย

รู้งี้ให้เธอมาด้วยก็ดีหรอก

...เอาแบบนี้แหละ ชอบแบบนี้ ขอดูสีก่อน รอแป๊บนึง...

อิงค์

อิงค์

???

ตกลงเอาแบบไหน

ไม่ตอบฉันจะตัดสินใจเองแล้วนะ

...ใจร้อนขึ้นมาเชียว บอกว่าขอดูสีก่อน เดี๋ยววงส่งไปให้...

นี่เลย

...อะไรอีกล่ะ ตกลงร้านนี้มันมีกี่แบบกันเนี่ย เยอะไปหมด...

*ส่งรูปปลอกคอสีดำมีหนามแบบร๊อคเกอร์มาให้ดู

ลูกพ่อสิงห์ขาร็อค

ตกลงเอาแบบนี้นะ

จ่ายเงินล่ะ

...ก็บอกให้รอก่อนไง ไอ้พ่อบ้านี่! ...

อิงค์รีบพิมพ์ตอบไปก่อนจะได้อะไรที่ไม่เข้าท่ามา

เด๋วครับ

ไม่เอาอันนี้

เอาอันนี้

*ส่งรูปปลอกคอที่มีโบอันใหญ่ติดกระพรวนแล้ววงกลมทับอันสีแดงส่งกลับไป

ตกลงนะ

...อิงค์วางโทรศัพท์ลงและถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เซฟปลอกคอสือน้อยไว้ได้ แต่ยังไม่ทันจะนั่งจินตนาการถึงปลอกคออันใหม่ที่ถูกใจบนคอเจ้าแมวส้มสิงห์ก็พิมพ์ต่อมา

แดงเหรอ??

ลูกเราผู้ชายนะ

ดำไหม

ฟ้าก็ยังดี

น้ำตาลอะ

แดงมัน

อิงค์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบกลับไป

มันทำไมครับ

ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อมา เด๋วผมไปซื้อเอง

...ลีลาเยอะจริง...

แดงสวยจ๊ะ

รสนิยมดีมาก ไฮแฟชั่นสุดๆ

สีแดงแรงฤทธิ์ เด่นสะดุดตา

ใส่อยู่หน้าร้าน มองลงมาจากยอดเขาน้อยก็เห็นจ๊ะ

คุณแม่เสือน้อยนี่เลือกเก่งสุดๆ เลยจ๊ะ

*ส่งสติ๊กเกอร์รูปแมวถือกล่องใส่หัวใจพร้อมข้อความ เอาใจไปเลย

...หมั่นไส้! นี่ถ้าอยู่ด้วยกันเจอหยิกเนื้อขาดไปแล้วนะ...

แล้วสิงห์ก็เงียบหายไปสักพัก อิงค์คิดว่าเขาคงกำลังจ่ายเงิน หากอึดใจต่อมาก็ส่งข้อความกลับมาอีก

อิงค์

อิงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบไป

อะไรอีกครับ

แล้วสีดำแบบนี้ล่ะ

อิงค์ชอบไหม

*ส่งรูปตัวเองช่วงครึ่งล่างของใบหน้าจนถึงกลางอกและเปิดคอเสื้อเชิ้ตให้เห็นปลอกคอหนังสีดำสนิทที่สวมอยู่รอบคอมาให้ดู

จะได้รู้ว่ามีเจ้าของ

อิงค์เผลอกลั้นหายใจกับภาพลำคอเซ็กซี่ที่แสดงขึ้นมา พยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้กดเซฟรูปนั้นแล้วพิมพ์ตอบไป

...เล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้ อยากโดนแส้ฟาดนักหรือไง...

ใครครับ

อิงค์ไง

อิงค์เม้มปากสนิท ...เขาล่ะเกลียดผู้ชายใจร้ายคนนี้จริงๆ ...

ใครถาม?

สิงห์ตอบกลับมาทันที

*ส่งสติ๊กเกอร์หน้าตกใจ

*ส่งสติ๊กเกอร์หน้าร้องไห้

จะฟ้องเสือน้อย แม่ไม่รักพ่อแล้ว

*ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้เหมียนหมา

อิงค์พ่นลมออกจมูกก่อนจะพิมพ์ตอบ

คุณสิงห์

รีบจ่ายเงิน

อย่าเถลไถล

รีบกลับบ้าน

เสือน้อยรอกินข้าวอยู่

พอกดส่งเสร็จก็ภาวนาว่าให้อีกฝ่ายเลิกตอบมาสักทีแค่นี้หัวใจก็ทำงานหนักจะแย่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปราณีเขาเลย

แล้วแม่อะ

รอพ่ออยู่ป่าว

*ส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจพร้อมกับคำว่า Love ให้


อิงค์วางโทรศัพท์ลง เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ตอบโต้อะไรอีก ไม่ว่าสิงห์จะพิมพ์อะไรมาก็ตาม

ถึงจะทำเหมือนตัดรอนกันด้วยความรำคาญเต็มที ทว่า ทุกคนที่อยู่ในร้าน It’ sra ตอนนั้น เมื่อมองเข้าไปในเคาน์เตอร์ก็จะได้เห็นชายหนุ่มเจ้าของร้านกาแฟกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ จนพวกเขาพากันสงสัยว่าใครกันนะที่เป็นคนที่ชายคนนี้กับกำลังคุยด้วย

########################################################

Note

เพื่ออรรถรส กรุณาเปิดอ่าน #แชทลับของพี่สิงห์ ประกอบค่ะ

https://www.readawrite.com/c/7e698fb103fdb65d475f224ddc810b6b




ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
«ตอบ #129 เมื่อ31-10-2019 12:10:34 »

มุ้งมิ้งไม่เข้ากับหน้าเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
« ตอบ #129 เมื่อ: 31-10-2019 12:10:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
«ตอบ #130 เมื่อ31-10-2019 12:18:19 »

 :z1:


 :กอด1: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
«ตอบ #131 เมื่อ31-10-2019 12:57:06 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
«ตอบ #132 เมื่อ31-10-2019 12:58:40 »

เขินอ่าาาาา :hao7:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Last Room บทที่ 20(31/10/2019) p.5
«ตอบ #133 เมื่อ02-11-2019 14:21:24 »

บทที่ 21

ถึงปากจะบ่นว่ารำคาญแต่พอสิงห์ส่งรูปปลอกคอสีแดงในถุงพลาสติกหลังจากจ่ายเงินเสร็จอิงค์ก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์สลับกับประตูร้านจนตาแทบจะถลน

“ไหนบอกว่าจะรีบไปรีบมาไง คนบ้าอะไรลีลาชะมัด” อิงค์รำพึงพลางไถลตัวหมอบราบไปกับเคาน์เตอร์ แนบหน้ากับพื้นมองดูโทรศัพท์ที่จู่ๆ ก็เงียบไปทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งสั่นและส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่ตลอดเวลา

“คนบางคนก็ปากไม่ตรงกับใจนะ” บอยที่ยังนั่งสังเกตการณ์อยู่กระซิบกับสารสา

“มันก็ต้องเล่นตัวบ้าง ได้ไปง่ายๆ ก็จะไม่เห็นค่ากันน่ะสิ” สารสาว่า

“รสาอย่างอนเราหนักแบบนี้นะ เราง้อคนไม่เก่ง”

“บอยดีกับรสาขนาดนี้ รสาไม่โกรธหรอก” สารสาบอกยิ้มๆ

“จริงเหรอ”

“จริงสิ” สารสาว่า “พูดแล้วก็คอแห้งเลยเนี่ย บอยไปสั่งโกโก้ให้รสาอีกแก้วสิ แล้วแอบดูมาด้วยนะว่าพี่อิงค์ทำอะไรอยู่”

“รับแซ่บ” บอยกำลังจะลุกขึ้นก็พอดีกับที่ประตูร้านเปิดออกออก เห็นเงาร่างสูงใหญเดินเข้ามาจึงรีบนั่งลงเพราะคิดว่าเป็นสิงห์กลับมาแล้ว

แต่คนที่เพิ่งผ่านเข้าประตูมาคือเหมราชกับภรรยาของเขา

“เอาไงดีรสา งานนี้จะมีศึกพ่อผัวลูกสะใภ้หรือเปล่า” บอยถาม

“นิ่งไว้ก่อนบอย นิ่งไว้ เราก็ไม่รู้ว่าพี่สิงห์เขาบอกพ่อเรื่องเป็นแฟนกับพี่อิงค์หรือเปล่า บางทีเขาอาจจะแค่อยากพาแฟนมากินกาแฟเฉยๆ ก็ได้ บอยเล่าให้รสาฟังว่าปู่เคยกมลมาทาบทามพี่อิงค์ไปเป็นบาริสต้าที่บัวพันกาบไม่ใช่เหรอ ตอนพี่อิงค์ป่วยรสาก็เห็นปู่กมลเอาของมาเยี่ยมไข้ด้วยนี่” สารสาออกความเห็น “แต่เพื่อความชัวร์ เดี๋ยวรสาไลน์บอกป้าสำลีกับพี่มอญก่อน บอยจับตาดูสองคนนั่นไว้นะ”

บอยพยักหน้าขึงขัง แต่ยังไม่ทันจะเหลือบตาไปดูก็กลับกลายเป็นคนอายุหันมาเห็นพวกเขาทั้งสองและเอ่ยทักขึ้นมาก่อน

“อ้าว! นี่ลูกสาวคุณจามจุรี ว่าที่เจ้าของร้านคนใหม่นี่นา”

“สวัสดีค่ะ” สารสารีบเก็บโทรศัพท์ให้พ้นสายตาพลางยกมือไหว้ เมืองน่านนั้นก็เล็กๆ ใครๆ ก็รู้จักกันทั่วแถมพี่สิงห์ก็เป็นลูกค้าขาประจำร้านเธอมาตั้งแต่เด็ก

“วันนี้ไม่อยู่ร้านเหรอจ๊ะ” เหมราชถามต่อ

“ให้คุณพ่อช่วยดูแลร้านค่ะ พอดีว่ารสามีธุระกับเพื่อน”

เหมราชหันมามองเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันพร้อมกับหลิ่วตา ทำเอาบอยรีบยกมือไหว้สปอนเซอร์รายใหญ่ของการแข่งขันฟุตบอลแทบไม่ทัน

“สวัสดีครับ”

“ฉันจำเธอได้” เหมราชชี้นิ้ว “เธอเป็นกองหน้าของทีมฟุตบอลโรงเรียนใช่ไหม วันนั้นฉันไปดูเธอแข่งด้วยนะ เธอยิงประตูสวยมากเลย เสียดายที่วันนั้นล้มจนขาเจ็บไปเสียก่อนไม่อย่างนั้นต้องทำประตูได้แน่ๆ เลย”

บอยหน้าร้อนขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ระดับนี้จะจำเด็กอย่างเขาได้ด้วย “ขอบคุณครับ”

“เพื่อนเหรอ” เหมราชหันมาพูดยิ้มๆ กับเด็กสาว

“ค่ะ”

“เขาบอกว่าเพื่อนแน่ะ ถ้าไม่อยากเข้าเฟรนด์โซนก็บอกเธอไปตรงๆ นะ” เหมราชหันไปแซวเด็กหนุ่ม “ชื่ออะไรนะเรา”

“บอยครับ”

“ปีหน้าก็ลงแข่งอีกใช่ไหม ฉันจะตามไปเชียร์นะ”

“ขอบคุณครับ” บอยยกมือไหว้

แล้วเหมราชก็เดินนำไปที่เคาน์เตอร์โดยมีหญิงสาวที่มาด้วยกันเดินตามไปติดๆ

“รสาได้ยินที่คุณเหมราชพูดหรือเปล่า เขาชมฉัน แล้วก็บอกว่าปีหน้าจะไปเชียร์ฉันด้วยนะ! โอ๊ย~ สู่ขิตแล้ววันนี้ ฉันจะไปเล่าให้แม่กับน้องสาวฟัง” บอยหันไปกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้น “เราไปบอกพี่อิงค์ให้รีบยกโทษให้พี่สิงห์เถอะ พ่อสามีดีแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะ”

“อย่ากระโตกกระตากไปสิบอย เงียบๆ แล้วฟังไปว่าเขาคุยอะไรกัน ฉันพิมพ์หาป้าสำลีไม่เสร็จสักทีเนี่ย”

บอยพยักหน้ารับทราบและทำหน้าที่สอดแนมต่อ

“สวัสดีครับคุณเหมราช” อิงค์เดินออกมาด้านหลังเคาน์เตอร์เพื่อต้อนรับพร้อมกับยกมือไหว้ เขาเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปข้างหลังพลางยกมือมือไหว้อีกหนึ่งครั้งถึงอย่างไรเธอก็เป็นภรรยาคุณเหมราชและอายุมากกว่าเขา “สวัสดีครับคุณเกตถวา”

“ได้ข่าวว่าเธอป่วยฉันก็เลยแวะมาเยี่ยมน่ะแล้วก็อยากมาคุยกับเธอหน่อย เธอพอจะว่างคุยกับฉันสักครู่ไหม” เหมราชกล่าว

“ได้ครับ” อิงค์รีบบอกพลางผายมือไปทางโต๊ะที่อยู่ติดหน้าต่างและมีโซฟาให้นั่ง “เชิญทางนี้เลยครับ เดี๋ยวผมชงกาแฟมาให้นะครับ คุณเหมราชอยากจะรับอะไรดีครับ”

“ฉันขอลาเต้ร้อนกับสิงโตน้อยแบบครั้งที่แล้วนะ” เหมราชรีบบอก

“แล้วคุณเกตถวาล่ะครับ” อิงค์ถามต่อ

“เธอทานกาแฟไม่ได้น่ะ” เหมราชบอก “คาเฟอีนไม่ค่อยดีกับลูกในท้อง ขอน้ำเปล่าก็พอ”

อิงค์เดินกลับที่เคาน์เตอร์เพื่อชงกาแฟ เขาสังเกตเห็นว่ามีสัญญาณเตือนข้อความเข้าจึงรีบหยิบขึ้นมาอ่าน แต่กลับกลายเป็นข้อความเลื่อนนัดจากสิงห์

ห้องพักมีปัญญานิดหน่อยน่ะ เหมือนท่อแอร์จะรั่วอีกแล้ว ฉันกลับไปช่วยดูให้ป้าสำลีก่อนนะ เดี๋ยวจัดการอะไรเรียบร้อยจะไปหา

เย็นนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวฉันบอกป้าสำลีให้ทำไปให้

*ส่งสติ๊กเกอร์รูปคนทำหน้าครุ่นคิดพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามอันใหญ่


อ่านจบอิงค์ก็เก็บโทรศัพท์ใส่ประเป๋า เจออ้อนมากๆ เข้าแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนใจแข็งได้สักกี่น้ำ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือเขาต้องให้ความสนใจกับผู้มาเยือนทั้งสองก่อน

อิงค์เหลือบตาไปมองเหมราชก่อนจะเลื่อนไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน ดูจากสีหน้าขณะพูดคุยและมือของฝ่ายชายที่เอื้อมไปจับมือฝ่ายหญิงตรงหัวเข่าเขาก็รู้ว่าทั้งสองต้องดีกันแล้วแน่นอนโดยไม่ต้องอ้างอิงจากคำบอกกล่าวของปู่กมลที่มาเยี่ยมก่อนหน้านี้เลย และเรื่องที่ทั้งสองมาหาเขาในวันนี้ก็คงจะเป็นเรื่องราวในวันนั้นแน่ๆ อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกผิดมาตลอด เพราะคิดว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องวุ่นวายนี้ ทำให้คุณเหมราชทะเลาะกับภรรยาและสุดท้ายงานวันเกิดที่อุตส่าห์จัดขึ้นมาอย่างสวยงสมและใหญ่โตก็ล่ม นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่เขาคิดว่าไม่อยากกลับไปคืนดีกับสิงห์ บางทีเขาอาจไม่เหมาะสมกับที่นั่นและควรกลับมาอยู่คนเดียวเงียบๆ ในที่ของตัวเองดีกว่า

ชงกาแฟเสร็จอิงค์ก์ยกไปเสิร์ฟ เหมราชยังคงมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจกับลาเต้อาร์ตรูปสิงโตของเขาโดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเขาเพิ่มลูกสิงโตตัวเล็กเกาะขอบแก้วไปอีกตัวด้วย

“ชื่นใจจริงๆ” เหมราชมีสีหน้าพออกพอใจหน้าหลังยกแก้วขึ้นจิบ “นี่ถ้าเปลี่ยนใจอยากไปทำงานกับฉันวันไหนบอกนะ ฉันพร้อมต้อนรับเธอเสมอ”

“ขอบคุณครับ” อิงค์ค้อมศีรษะขอบคุณ ถ้าเป็นคนอื่นชมขนาดนี้เขาอาจจะคิดว่าเป็นคำป้อยอไปเรื่อยแต่กับเหมราชนี่เขาไม่เคยคิดว่าโกหกเลย เพราะว่าแววตาเป็นประกายนั้นมันเหมือนกับสิงห์เมื่อวานตอนที่เขาชงกาแฟสูตรพิเศษไปให้กินไม่มีผิด ไม่ได้จะอวยว่าตัวเองเก่งแค่ความภูมิใจที่ทำถูกปากถูกใจคนกินได้ “แล้วคุณหมราชอยากจะคุยอะไรกับผมครับ”

“นั่งก่อนสิๆ” เหมราชรีบผายมือเชื้อเชิญเมื่อเห็นเจ้าของร้านกาแฟหนุ่มยังยืนอยู่

พออิงค์นั่งลงเรียบร้อยเหมราชก็เหลียวไปมองภรรยาครั้งหนึ่งก่อนจะหันมาหาอิงค์ “ให้เธอพูดเองนะ”

“ขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทกับคุณ” เกตถวาเอ่ยขึ้น เสียงของเธอสั่นและดูประหม่านิดๆ ไม่ได้มั่นอกมั่นใจเหมือนกับตอนที่เธอมาร้านครั้งก่อน “ฉันผิดเองที่คิดมาก ระแวงว่าคุณสิงห์ใช้คุณมาแก้แค้น จนทำตัวไร้สาระแล้วก็...”

“ตอนนี้ก็เริ่มไร้สาระแล้วจ๊ะ” เหมราชเอ่ยขึ้นเบาๆ “สั้นๆ แต่ได้ใจความนะ”

“ฉันขอโทษค่ะที่ลากคุณเข้ามาเกี่ยวกับการทะเลาะกันของฉันกับคุณสิงห์” เกตถวาพูดต่อ “อันที่จริงเรื่องของเรามันควรจบไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว ฉันเลือกจะหันหลังให้เขาเองและเขาก็คิดแบบนั้นด้วยการไม่ตามหา แต่เพราะการที่เราจบกันแบบไม่ที่ไม่เคยเคลียร์ให้เข้าใจ และความเข้าใจผิดมันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวเราเองแต่พลอยทำให้คนอื่นเจ็บไปด้วย”

เธอเว้นวรรคไปเล็กน้อยและหันไปมองเหมราชก่อนจะพูดต่อ “ฉันไม่ได้รักคุณสิงห์แล้ว ฉันลืมเขาไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ตอนนี้ฉันรักคุณเหมราช”

“มีอะไรอยากพูดต่ออีกไหม” เหมราชถามเมื่อเห็นเธอเงียบไป

เกตถวาส่ายหน้า

“งั้นฉันพูดต่อนะ” เหมราชบอก “ขอโทษอีกครั้งที่ลูกชายกับภรรยาฉันทำให้เธอวุ่นวาย”

“ผมยกโทษให้ครับ” อิงค์กล่าว

“ขอบใจนะ” เหมราชบอก “เธอคงแอบคิดใช่ไหมว่าทำไมฉันใจดี ยกโทษให้ทั้งสองคนง่ายจัง ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเลยเหรอ”

“เปล่านะครับ... ผมไม่ได้...”

เหมราชรีบพูดต่อ “ฉันไม่ได้ใจดีอะไรหรอก แค่แก่แล้วน่ะ... อีกไม่นานก็ลงโลงแล้ว อะไรอภัยให้ได้ก็รีบอภัย แล้วฉันก็ชั่งน้ำหนักแล้วว่าชีวิตแบบไหนมันดี หรือมีความสุขมากกว่ากัน แล้วฉันก็ตอบตัวเองได้ว่าการที่มีเธออยู่มันดีกว่าตอนอยู่เหงาๆ คนเดียวเยอะเลย อย่างน้อยถ้าเธอจะมาหลอกกันก็ถือซะว่าฉันจ่ายเงินซื้อความสุขไปละกันนะ”

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ” เกตถวาพูดเสียงเบา

“ก็พูดกันไว้ก่อน” เหมราชว่า “แล้วเธอก็กำลังจะมีลูกให้ฉันอีกคนด้วย ฉันไม่ได้สัมผัสความรู้สึกดีใจตอนจะเป็นพ่อคนแบบนี้มานานแล้ว”

“ถ้าคุณรักเด็ก อยากมีสักโหลฉันก็ท้องไหวค่ะ” เกตถวารีบพูดเอาใจ แต่ในใจก็คิดเช่นนั้นจริงๆ

“ดีๆ เอาให้พอตั้งทีมฟุตบอลได้เลยนะ” เหมราชพูดทั้งรอยยิ้มก่อนจะหันมาหาอิงค์อีกครั้ง “แล้วนี่เจ้าลูกชายฉันไปไหนล่ะ ป้าสำลีส่งข่าวว่าช่วงนี้งานการไม่ทำ มานั่งเฝ้าง้อเธอที่นี่ แล้วนี่ใจอ่อนให้บ้างหรือยัง”

อิงค์ไม่ตอบ ซึ่งดูเหมือนเหมราชจะเข้าใจความหมายดี

“อืม เรื่องของคนสองคนฉันก็คงพูดอะไรมากไม่ได้ ก็เอาเป็นว่าไม่ว่าเธอจะชงกาแฟให้ฉันกินในฐานะลูกชายอีกคนหรือฐานะเจ้าของร้านกาแฟที่ประสบความสำเร็จฉันก็ยินดีทั้งนั้น ละนะ”

“ขอบคุณครับ”

“ฉันกลับก่อนนะ วันหลังจะแวะมาอุดหนุนใหม่”

“ได้ยินไหมรสา พ่อผัวตัวอย่างชัดๆ” บอยหันไปถาม “กองเชียร์อย่างเราคงไม่จำเป็นแล้วมั้ง พี่สิงห์มีกองหลังดีขนาดนี้”

“เกมรักยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพคนอกหัก” สารสาว่า “ตราบใดที่พี่อิงค์ยังไม่ยอมคืน เราก็ยังเลิกเชียร์ไม่ได้หรอก”

อิงค์ออกมาส่งเหมราชกับเกตวาหน้าร้าน ในระหว่างที่มองทั้งสองเดินเคียงคู่กันขึ้นรถและขับออกไป อิงค์ก็อดคิดถึงคำพูดหนึ่งของพ่อขึ้นมาไม่ได้

ออกไปเจ็บเสียให้พอ ล้มแล้วก็แค่ลุกขึ้นมาใหม่

เขาเหลือบตาลงมองรอยน้ำร้อนลวกที่ข้อมือของตนเองในวันที่ทำพลาด

จะว่าไปความรักมันก็เหมือนกับการชงกาแฟนั่นแหละ มันก็มีผิดพลาดกันได้ รสชาติของกาแฟที่ชงได้บางคนก็ชอบ บางคนก็ว่าขม ต้องเติมนมหรือน้ำตาลงไปเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จหรือความอร่อยที่ตายตัว จะมีก็แค่ความลงตัวของคนกินว่าชอบแบบไหนก็เท่านั้น

ถ้าชงพลาดพลั้งใส่ส่วนผสมผิดจนรสชาติผิดเพี้ยน ก็มีทางเลือกว่าจะเททิ้งหรือลองปรุงใหม่จนกว่าจะได้รสชาติที่พอใจ

แล้วกาแฟของเขาล่ะ อยากให้มันเป็นแบบไหนดี

อิงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดอ่านข้อความแชทของสิงห์อีกครั้ง นิ้วขยับพิมพ์ตอบกลับไป

จะรอนะครับ

แต่พอจะกดส่งก็กลับลังเลกดลบทั้ง แล้วก็เปลี่ยนใจพิมพ์ใหม่ เป็นแบบนี้วนไปวนมาอยู่หลายรอบ สุดท้ายเขาก็เลือกจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #134 เมื่อ02-11-2019 15:27:33 »

 คืนดีเร็วๆนะ :katai1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #135 เมื่อ02-11-2019 17:39:41 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

รำยัยอิงค์  ลีลาเหลือเกิน  จะพิมพ์ส่งก็ทำไปเลย  ยึกยักอยู่ได้  รมณ์เสีย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #136 เมื่อ02-11-2019 19:39:14 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #137 เมื่อ02-11-2019 22:32:16 »

...

เรื่องแบบนี้ คิดทบทวนไปมาดีแล้วละอิงค์

ทิ้งจังหวะให้ได้คิดทั้งเราและเขา

ที่ผ่านมา อิงค์เดินเข้าหาตลอด มาลองยืนนิ่งๆแล้วมองดูอะไรๆให้ชัดเจนดีกว่า


...


 :hao5:  :hao3:  :hao5:  :hao3:  :hao5:  :hao3:

...

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #138 เมื่อ03-11-2019 13:20:35 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #139 เมื่อ03-11-2019 14:37:24 »

 :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
« ตอบ #139 เมื่อ: 03-11-2019 14:37:24 »





ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #140 เมื่อ04-11-2019 06:59:38 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Last Room บทที่ 21(2/11/2019) p.5
«ตอบ #141 เมื่อ04-11-2019 22:46:40 »

บทที่ 22

ผ่านไปจนถึงเวลาปิดร้าน สิงห์ที่บอกว่าจะกลับไปทำธุระแล้วมาหาพร้อมข้าวเย็นก็ยังคงไม่มาและไม่ส่งข้อความอะไรมาอีก

อิงค์ยืนอยู่หน้าประตูร้าน ฝนที่เริ่มตกปรอยๆ มาตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มหนาเม็ดขึ้นทุกที เขาชะเง้อคอมองผ่านม่านเม็ดฝนออกไปยังถนนที่ทอดยาวเข้าไปในตัวเมือง แต่ก็ไม่มีวี่แววของรถมอเตอร์ไซค์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ จะผ่านมาในยามวิกาลเช่นนี้ เขาจึงดึงประตูปิดรีบเก็บร้านและขึ้นไปอาบน้ำเตรียมจะนอน

อาบน้ำเสร็จออกมาฝนก็ตกหนักมากแล้ว อีกทั้งพอเข้ากลางเดือนตุลาคมอากาศก็ยิ่งเย็นลงมากขึ้นเรื่อยๆ อิงค์รีบหนีความหนาวเข้าซุกตัวในผ้าอุ่นๆ และเรียกหาเสือน้อยที่เล่นอยู่ตรงหน้าต่างให้มานอนด้วยกัน

“เสือน้อยมานอนกันเถอะ”

อิงค์ร้องเรียก แต่เจ้าแมวส้มกลับไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำและเอาแต่จ้องตาไม่กะพริบออกไปนอกหน้าต่าง

“เสือน้อย~” อิงค์ตบหมอนเรียกไปด้วยแต่มันก็ยังไม่สนใจเขาอยู่ดี ทั้งยังยกสองขาหน้าขึ้นตะกุยหน้าต่างเหมือนจะพยายามออกไปหาใครด้านนอก

อิงค์ลุกจากที่นอนเดินไปที่หน้าต่าง และชะโงกมองออกไปด้วยความสงสัยว่าเสือน้อยดูอะไรอยู่ ในใจก็แอบนึกกลัวไม่น้อยว่าถ้าหากเป็นผีหรือโจรที่มาปล้นล่ะจะทำยังไงดี

เขาเขม่นมองฝ่าความมืดและสายฝนออกไป ตรงใต้ชายคาหน้าประตูมีชายคนหนึ่งยืนเบียดกายหลบฝนอยู่

แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ถึงจะไม่เห็นหน้าแค่เงาตะคุ่มของโครงร่างสูงใหญ่กับเรือนผมที่ยาวจนเกือบถึงกลางหลัง อิงค์มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายคนนั้นเป็นใคร

“พี่สิงห์!”

อิงค์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง ปลดสลักกลอนที่ใส่ไว้สามชั้น และพอประตูเปิดออกชายคนที่ตัวเปียกโชกตั้งแต่ตัวจรดเท้าก็หันมามองเขา สีหน้าของสิงห์นั้นซีดเล็กน้อยด้วยความหนาวแต่ริมฝีปากก็คลี่ยิ้มออกได้ทันทีที่เห็นหน้าคนเปิดประตู

“ฉันเอาปลอกคอมาให้” เขาบอกพลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อดึงเอาถุงพลาสติกที่ซุกเอาไว้อย่างดีเพราะกลัวของข้างในจะเปียกออกมาให้ “แล้วก็นี่ด้วย”

อิงค์ก้มลงมองปลอกคอสีแดงติดกระพรวนในถุงกับกล่องใส่อาหารแล้วเงยหน้ามองสิงห์อีกครั้ง “ทำไมไม่ส่งข้อความมาบอกล่ะครับว่าจะมา”

“ส่งแล้ว” สิงห์ตอบ “ส่งไปตั้งสี่ห้าข้อความแต่ไม่เห็นเธออ่าน”

อิงค์นึกถึงโทรศัพท์ที่วางชาร์จไว้บนหัวเตียง พอเก็บร้านเสร็จเขาก็ไปอาบน้ำแล้วเตรียมจะนอนเลยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครติดต่อมา “แล้วกุญแจก็มีทำไมไม่ไขเข้ามาล่ะครับ”

“ฉันยังใช้มันได้เหรอ” สิงห์ถามกลับ “เห็นเธอยังโกรธอยู่ ฉันเลยไม่กล้าใช้”

“ก็…” อิงค์พูดไม่ออก สิงห์พูดมาก็ถูกเป็นเขา เขาก็ไม่กล้าใช้หมือนกัน

“อืม… หมดธุระแล้วฉันกลับก่อนนะ ฝากบอกลาเสือน้อยด้วย”

“เดี๋ยวครับ” อิงค์เรียก “ฝนตกหนักขนาดนี้ รอให้ฝนซาก่อนค่อยกลับก็ได้ครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงตัวฉันก็เปียกอยู่แล้ว มันคงไม่เปียกไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

“แต่มันอันตรายไม่ใช่หรือไง เข้ามาสิครับ เดี๋ยวผมให้ยืมชุดเปลี่ยน” อิงค์พร้อมกับดึงประตูเปิดให้กว้างขึ้น

“ขอบใจนะ” แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขยับไปไหนไกลจากหน้าประตูมากนักเพราะกลัวว่าจะทำน้ำหยดเลอะพื้นร้านที่ถูจนสะอาดแล้ว แม้ว่าอิงค์จะเรียกให้เขามานั่งก่อนก็ตาม

เหมียว~

เสียงร้องดังมาจากบันไดชั้นบน เสือน้อยที่เห็นอิงค์รีบร้อนออกจากห้องก็ตามลงมาด้วย ขาที่ยังเจ็บอยู่ทำให้มันเดินไม่ถนัดนักแต่พอมันเห็นว่าใครยืนอยู่ที่ชั้นล่างก็รีบกระโดดแผล็วลงมาจนสิงห์เผลอวิ่งไปรับที่หน้าบันได

“ว่าไงลูกพ่อ เอ้า! ค่อยๆ เดิน ขาก็เจ็บยังจะวิ่งอีกนะเรา” สิงห์อุ้มมันขึ้นมาแล้วเอาหน้าผากชนกัน เสือน้อยเอาขาหน้าเกาะบ่าพ่อของมันแล้วร้องตอบ

เหมียว~ เหมียว~

“คิดถึงพ่อเหรอครับคนเก่ง จ้า~ พ่อก็คิดถึงหนูเหมือนกัน”

อิงค์ปล่อยให้สองพ่อลูกคุยกัน แล้วเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นสอง “เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวให้นะครับ”

แต่พอกลับลงมาอีกครั้งอิงค์ก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้สิงห์กลับลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น โดยมีเสือน้อยเกาะอยู่บนหัว ตอนแรกที่เห็นเขาก็นึกว่าสองพ่อลูกเล่นอะไรกันแผลงๆ แต่พอมองอีกทีถึงได้เห็นว่าขาหน้าข้างขวาของเสือน้อยติดอยู่กับเส้นผมของสิงห์

สิงห์หันมาเห็นเขาก็เอ่ยขึ้น “อิงค์มีกรรไกรไหม ขอยืมหน่อยสิ”

“จะเอาไปทำไมครับ”

“จะตัดผม” สิงห์บอกมือข้างหนึ่งของเขาต้องคอยอุ้มเจ้าแมวส้มไว้เพราะขามันหัก ส่วนมืออีกข้างก็คอยจับขาหน้าอีกข้างไว้ไม่ให้ยื่นเข้าไปพันกับผมส่วนอื่นอีก

“ถึงกับจะต้องตัดเลยเหรอ”

“ฉันแกะมาสักพักแล้ว มันไม่ออกสักที สงสารเสือน้อยด้วยเมื่อยแย่แล้วเนี่ย”

“เดี๋ยวก่อนครับ!” อิงค์ร้องเสียงดังพร้อมกับเดินเข้าไปหา “เดี๋ยวผมแกะให้ คุณสิงห์จับเสือน้อยไว้นิ่งๆ นะ”

เขาค้อมตัวลงพยายามจะดูให้ชัดๆ ดูเหมือนว่ากลุ่มผมจะเข้าไปพันกับเล็บของเสือน้อยและเพราะผมสิงห์เปียกอยู่มันจึงไม่ลื่นหยุดออกง่ายๆ แต่กลับพันกันเป็นปมแน่นอยู่ แถมจุดที่ติดนั้นก็อยู่ใกล้กับหนังศีรษะจึงทำให้ยิ่งแกะยากไปกันใหญ่ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมสิงห์ถึงแกะไม่ได้ ขนาดเขาใช้สองมือค่อยๆ ดึงออกทีละเส้นสองเส้นยังยากเลย

“อิงค์ แกะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ ตัดไปเลยดีกว่า” สิงห์บอกเมื่อเห็นอิงค์ขยับเปลี่ยนท่าไปมาด้วยความลำบากอยู่หลายครั้ง เพราะพอจะยืนก็ต้องก้มตัวลงมา แต่พอจะนั่งก็กลายเป็นต่ำไปจนแกะไม่ถนัด

“ไม่ได้ครับ” อิงค์ยืนยัน “เดี๋ยวผมคุณสิงห์แหว่ง”

“พรุ่งนี้ฉันก็ไปตัดให้มันเท่าๆ กันไง”

“มันก็จะสั้นน่ะสิครับ”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ไม่ได้ตัดผมนานแล้ว”

“เป็นครับ” อิงค์พึมพำ “มันติดอะไรนะ ทำไมไม่ออกสักที... คุณนี่ก็จริงๆ ไม่ระวังเอาเสียเลย ทำยังไงถึงให้มันเอาขาหน้าเข้าไปพันได้ถึงขนาดนี้ล่ะครับ”

“มันชอบเล่นผมฉันน่ะ” สิงห์พูดขึ้นเบาๆ “เหมือนเธอเลย ชอบตะกาย ชอบตะครุบเล่นไม่รู้ติดใจอะไรนักหนา เมื่อกี้มันก็เล่นของมันตามปกติน่ะแหละ แต่ฉันก็ลืมไปว่าผมตัวเองเปียกอยู่แล้วเพิ่งขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าพายุมามันก็คงยุ่งๆ ก็เลยเป็นแบบนี้นี่แหละ”

ฟังแล้วจู่ๆ อิงค์ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาหน่อยๆ เขาชวนเข้าบ้านก็ไม่เข้า แต่พอเห็นเสือน้อยกลับรีบวิ่งไปหา แล้วยังมาเปรียบเทียบเขากับเสือน้อยอีก หรือจริงๆ แล้วสิงห์อาจจะแค่อยากมาเจอเสือน้อยก็ได้ ไม่ได้อยากมาเจอเขานักหรอก

หลังจากใช้ความพยายามอยู่ครู่ใหญ่ อิงค์ก็สามารถดึงผมเส้นสุดท้ายออกจากกรงเล็บของเสือน้อยได้เรียบร้อย

“เสร็จแล้วครับ” อิงค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องตัดผมสิงห์ เขาอุ้มเสือน้อยไว้ในแขนข้างหนึ่งและดุมันเบาๆ “วันหลังอย่าเล่นซนแบบนี้อีกนะ”

เหมียว~

“ยังจะเถียงอีกนะ”

“เสือน้อยบอกว่า ‘ครับแม่’ ต่างหาก ไม่ได้เถียงสักหน่อย” สิงห์บอก

อิงค์เหล่ตามอง “คุณสิงห์ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเลยครับซนพอกันเลยทั้งคู่”

เหมียว~

“เสือน้อยขอโทษแล้วนะ”

อิงค์จนใจจะต่อปากต่อคำกับสองพ่อลูกที่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “ไปอาบน้ำได้แล้วครับเดี๋ยวจะเป็นหวัด”

“อิงค์ก็ลุกก่อนสิ”

คำตอบรับผสมรอยยิ้มกว้างของสิงห์ทำให้อิงค์รู้ตัวว่าตอนที่พยายามแกะเสือน้อยออกนั้นทำให้เขาเผลอขยับขึ้นมานั่งอยู่บนตักสิงห์โดยไม่รู้ตัว ถึงว่าสิ ทำไมตำแหน่งที่นั่งอยู่นี้ถึงได้สบายจัง นอกจากนั้นตอนนี้เขายังวางมือพักไว้บนบ่ากว้างด้วยความเมื่อยด้วย

อิงค์ชักมือกลับมา พอขยับตัวจะลุกขึ้นก็รู้สึกถึงสองแขนแกร่งที่วางคล้องหลวมๆ ไว้รอบเอว เขาหลุบตาลงมองความใกล้ที่มีระยะห่างแค่ลูกแมวกั้น “ลุกไม่ได้ก็คุณสิงห์กอดอยู่”

“ไม่ได้กอดแน่นเลย ไม่ชอบก็ลุกสิ”

“ก็บอกว่าลุกไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลุก อยู่แบบนี้ยันเช้าเลยละกัน”

อิงค์รู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที และเขาก็ไม่ได้ขยับหลบไปทางไหน ลมหายใจอุ่นวันนี้ผสมกลิ่นฝน ร่างหนาเปียกชื้นเย็นๆ นิดๆ ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวกลับกันยิ่งรู้สึกดึงดูดให้เข้าไปใกล้ๆ เพื่อหาความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า

อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากหยักลึกนั้นก็จะสัมผัสลงมา เจ้าแมวส้มในอ้อมแขนก็เกิดอึดอัดขึ้นมาเพราะโดนบีบอยู่ตรงกลาง มันร้องเหมียว~ เสียงดังแล้วดิ้นหลุดลงไปยืนที่พื้น ทำให้อิงค์ได้สติรีบขืนตัวออกห่างแล้วลุกขึ้นยืน

“ไปอาบน้ำครับ” อิงค์บอกพร้อมกับส่งผ้าเช็ดตัวกับชุดสำหรับเปลี่ยนให้แล้วก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปชั้นสอง

สิงห์มองตามหลังคนที่ผลุนผลันจากไปแล้วก้มลงมองชุดในมือที่ดูแล้วจะเป็นชุดของเจ้าของบ้านเอง เขายกผ้าให้มือขึ้นดมถึงจะไม่หอมเท่ากลิ่นกายเจ้าตัวแต่ก็ให้ความรู้สึกชื่นใจไม่แพ้กัน

อิงค์หนีขึ้นมานั่งซุกผ้าห่มอ่านข้อความที่สิงห์ส่งมาก่อนหน้านี้ ในใจก็ยังนึกถึงตอนที่เกือบจะจูบกันเมื่อสักครู่ นึกโกรธตัวเองว่าเผลอใจง่ายอีกแล้ว ที่ชวนให้อยู่ไม่ใช่เพราะว่าใจอ่อนก็แค่ใจดีกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เท่านั้นเอง ใครมันจะไปปล่อยให้ขับมอเตอร์ไซค์ตากฝนกลับบ้านกันล่ะ เดี๋ยวไปเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเขาจะสู้หน้าคุณเหมราชได้ยังไง

เพียงครู่เดียวสิงห์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาสวมเพียงแค่กางเกงตัวเดียวและถือเสื้อมาส่งคืนให้ “เสื้อฟิตมากเลย ใส่ไม่ได้น่ะ”

“นั่นเสื้อยืดตัวที่ใหญ่ที่สุดของผมแล้วนะครับ” แต่อิงค์ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะกางเกงผ้าแบบฟรีไซซ์ตัวที่เขาใส่หลวม สิงห์ยังใส่พอดีตัวแถมขายังลอยหน่อยๆ เลยด้วย

“ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยนะ บอกแล้วว่าฉันกลับเลยดีกว่า รบกวนเธอเปล่าๆ”

“ไม่รบกวนหรอกครับ” อิงค์ว่า “คืนนี้คุณค้างที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวเช้าค่อยกลับ”

“จะดีเหรอ” สิงห์ถามยิ้มๆ

อิงค์ชี้ไปที่พื้นพร้อมกับโยนหมอนส่งให้ใบหนึ่ง “ที่นอนของคุณคือตรงนั้นครับ”

สิงห์หมุนหาที่เหมาะๆ ตรงข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอน พื้นปูนปูกระเบื้องที่เย็นจัดรู้สึกเย็นสะดุ้งหลังนิดๆ อากาศก็หนาว สักพักคนที่เพิ่งตากฝนมาก็จามเสียงดัง “ฮัดชิ้ว!”

“นี่ครับ” อิงค์บอกพลางส่งผ้าห่มของตัวเองให้

“ไม่ต้องหรอก เอามาให้ฉันแล้วเธอจะห่มอะไรล่ะ” สิงห์ดันผ้านวมลายแมวส้มที่เขาซื้อให้คืนเจ้าของนึกดีใจนิดๆ ที่อิงค์ยังคงใช้มันอยู่ แต่อิงค์ก็ยังยืนยันจะให้เขาแล้วหยิบผ้าห่มผืนเก่าของตัวเองมาคลี่ออกห่มแทน

“เดี๋ยวผมใช้ผืนนี้ก็ได้”

“ผืนนั้นบางนิดเดียวเองนะ”

“ไม่เป็นไรครับ คุณสิงห์ไม่ได้ใส่เสื้อนี่นาน่าจะหนาวกว่าผม” อิงค์บอกแล้วหันไปเรียกเจ้าแมวส้มที่นอนหมอบอยู่ตรงมุมหนึ่ง “นอนกันเถอะเสือน้อย”

เหมียว~

เสือน้อยร้องตอบอย่างร่าเริงแล้วเดินมาหาแต่แทนที่จะกระโดดขึ้นเตียงไปหาอิงค์มันกลับเดินวนบนหมอนของสิงห์ที่พื้นแล้วล้มตัวลงนอน

“เสือน้อย ขึ้นไปนอนกับแม่เขาสิลูก” สิงห์บอกพร้อมกับอุ้มตัวเสือน้อยขึ้นไปวางบนเตียงข้างหมอนอิงค์

“นอนนะ”

แต่อิงค์ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีเสือน้อยก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดลงไปนั่งตาแป๊วบนตักสิงห์

เหมียว~

“สงสัยมันอยากจะให้เรานอนด้วยกัน” สิงห์พูดยิ้มๆ

“แต่ผมไม่อยากนอนกับคุณ” อิงค์ดึงผ้าขึ้นห่มจนมิดหัวแล้วนอนหันหลังให้

ตอนที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้นเอง อิงค์ก็รู้สึกถึงอะไรอุ่นๆ ตรงต้นแขนเขาปรือตาขึ้นเล็กน้อยเห็นเสือน้อยมานอนอยู่ข้างๆ ก็กระชับผ้าห่มแล้วหลับตาลงนอนต่อ แต่ว่า…

…ทำไมผ้าห่มมันถึงหนาขึ้นล่ะ? ...

อิงค์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาจับชายผ้าที่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ผืนเดียวขึ้นดูแล้วเหลียวมองข้ามไหล่ไปเห็นคนตัวโตกำลังแต่งตัวด้วยชุดที่ใส่มาจึงร้องถามไป “นั่นคุณสิงห์จะไปไหนครับ”

“จะกลับบ้านไง”

อิงค์หันไปมองนอกหน้าต่างที่ฝนยังไม่มีทีท่าจะซาเม็ดแล้วหันกลับมาหาสิงห์อีกครั้ง “ผมบอกว่าให้นอนค้างได้ไงครับ หรือว่าคุณนอนไม่สบายเพราะผมให้นอนพื้น”

“เธอต่างหากที่ไม่สบายใจที่ฉันนอนด้วย” สิงห์กล่าว “ฉันดูเธออยู่ เห็นนอนเกร็งไม่ยอมขยับเปลี่ยนท่าเลย คงอึดอัดใช่ไหมล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้เธอต้องตื่นเตรียมของแต่เช้า ฉันไม่อยากเห็นเธออดนอนเพราะฉัน… ฉันไปนะ” พูดจบก็เดินไปที่ประตู

“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่เนี่ย!” อิงค์โพล่งออกไป

สิงห์หยุดแล้วหันกลับมา นึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมอิงค์ถึงดูโมโหขนาดนั้น “แค่อยากให้เธอนอนสบาย”

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าให้นอนได้ แล้วคุณจะดันทุรังกลับไปทำไมอีกล่ะ!” อิงค์พูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เขาสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วพุ่งไปยืนประจันหน้ากับสิงห์ “คุณมันก็เป็นซะแบบนี้ ผมอยากให้ทำอย่างคุณก็รั้นจะทำอีกอย่าง ปากก็ไม่ตรงกับใจ บอกว่าห้ามไม่ให้ผมรักแต่มาทำตัวให้ความหวัง พอผมหมดหวังจะตัดใจคุณก็กลับมาง้อผมอีก ผมป่วยก็ไม่เคยมาเยี่ยมสักครั้งแต่กลับไปนั่งเฝ้าแมวตัวที่คุณบอกว่าเกลียดได้ทั้งวัน ทำกับข้าวมาให้ก็อ้างว่าป้าสำลีเป็นคนทำ บอกว่ามาหาผมแต่เอาแต่นั่งเล่นกับเสือน้อย ตกลงคุณรักใครกันแน่ ผมหรือเสือน้อย”

“ก็ต้องเธออยู่แล้ว” สิงห์ตอบ จากคำถามยืดยาวนั้นสมองของเขาประมวลผลได้ความว่าอิงค์กำลังน้อยใจที่เขาสนใจเสือน้อยมากกว่าตัวเอง

“ผมไม่เชื่อหรอก คุณอยากกลับนัก ก็กลับไปเลยครับ ผมไม่สนใจคุณแล้ว”

สิงห์มองคนที่ทำหน้าตาบึ้งตึงใส่เขาแล้วก็อดใจไม่ไหวรวบตัวมากอดแนบอกและนั่นยิ่งทำให้อิงค์โวยวายหนักกว่าเดิม

“คุณจะทำอะไรเนี่ย!”

“ฉันไม่กลับแล้ว คืนนี้ฉันจะนอนกับเธอ” สิงห์บอกหน้าตาเฉย “เธอพูดถูก ก็ฉันมันคนปากไม่ตรงกับใจแถมพูดอย่างทำอย่างด้วย ตอนนี้เธอไล่ให้ฉันกลับ ฉันก็เลยจะอยู่แล้ว”

“ถ้า... ถ้างั้นจะอยู่ก็ได้ครับ”

“ขอบคุณนะ”

“อ้าว” อิงค์ร้องเสียงหลง

“ก็ฉันจะปรับปรุงตัวแล้วไง จะทำตามที่เธอบอกทุกอย่างเลย”

อิงค์หน้ายู่ เขาก้มลงมองสองแขนที่ตวัดรอบตัวไว้แล้วถามเสียงห้วน “แล้วกอดผมทำไม”

“อยากกอด”

“ผมไม่ให้กอด”

“งั้นยิ่งต้องกอดให้แน่นเลย”

“คุณสิงห์!”

“เรียกพี่สิงห์เหมือนเดิมก่อนแล้วจะปล่อย”

“ไม่เรียก”

“ไม่เรียกก็จะกอดแบบนี้แหละ”

“คุณ...”

“เรียกคุณอีกคำจะจูบแล้วนะ”

“ค...” อิงค์เม้มปากแน่น ริมฝีปากชวนหลงใหลขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จนวินาทีสุดท้ายที่เกือบจะแตะกันเขาก็รีบยกมือขึ้นกันแล้วเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว “พี่สิงห์”

“ชื่นใจจัง” สิงห์พึมพำ “ได้ยินแบบนี้ชักไม่อยากปล่อยมือแล้ว”

“ขี้โกงนี่นา” อิงค์โวยวาย

อิงค์พยายามผลักเขาออกไป แต่เจ้าของอ้อมแขนแกร่งนั้นก็รัดตัวแน่นขึ้นทุกทีๆ ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา จนล้มหงายลงไปอยู่บนเตียงโดยที่สิงห์คร่อมอยู่ด้านบน ริมฝีปากคลาดกันไปนิดเดียวเมื่อเจ้าตัวหันหน้าหลบ สิงห์จึงฝังปลายจมูกลงที่แก้มขาวแล้วกระซิบที่ข้างหู

“จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทำตามใจเธอหรอก ฉันทำตามใจตัวเองนี่แหละ พอเธอไม่อยู่ฉันถึงรู้ว่าฉันมีความสุขก็เพราะเธอ”

ถ้อยคำหวานหูนั้นทำให้อิงค์หันหน้ากลับมาสบตาคนที่กำลังมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ดีกันนะ”

อิงค์ก้มหลบสายตาแล้วพึมพำเสียงเบา “ผมกลัว”

สิงห์พลิกตัวลงนอนข้างกัน เขาคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยให้อิงค์มีพื้นที่ขยับตัวให้สบายแต่ก็ไม่ปล่อยมือ “เธอกลัวอะไร”

“วันที่ผมจะไปญี่ปุ่น” อิงค์เอ่ยขึ้นช้าๆ “วันสุดท้ายที่ผมได้คุยกับพ่อ ผมบอกพ่อว่าผมกลัวที่จะไปอยู่คนเดียว ผมกลัวที่จะล้มเหลว พ่อให้กำลังใจผมให้สู้ ให้ผมมีชีวิตอิสระตามที่พ่อตั้งชื่อให้ผม พ่อบอกชีวิตมันก็เหมือนจักรยาน ล้มแล้วก็แค่ลุกขึ้นใหม่ แต่ว่านะพี่สิงห์... ทำไมล้มแต่ละครั้งมันเจ็บจัง... เจ็บจนผมไม่อยากลุกอีกแล้ว”

สิงห์ทอดสายตามองคนในอ้อมแขน ประกายสดใสที่เคยมีในแววตาหายไป เขาเลื่อนมือขึ้นจับแก้มแล้วลูบปลอบขวัญเบาๆ “ฉันก็เคยคิดแบบเธอเหมือนกัน หลังจากเลิกกับเกตแล้วรู้เรื่องทุกอย่าง ฉันก็ออกจากบ้านมาทำข่วงเมืองสิงห์ อยู่คนเดียวเงียบๆ ไปวันๆ ก็มีความสุขดีไม่คิดจะมีใครอีกแล้ว พอมีเธอเข้ามา พระอาทิตย์ก็ยังขึ้นตอนเช้าเหมือนเดิม อากาศเมืองน่านก็ยังคงดีไม่มีอะไรเปลี่ยน ทุกๆ วันก็ยังดำเนินไปแบบปกติธรรมดา แต่รอยยิ้มของเธอมันกลับทำให้หัวใจของฉันสดชื่นขึ้นเยอะเลย เธอไม่สงสัยเหรอว่าทำไมเธอถึงเห็นฉันนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทุกวัน จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ชอบนั่งอยู่ตรงนั้นเลย ฉันแค่ไปนั่งรอเธอ เฝ้ารอเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาพร้อมกับเสียงทักทาย รอดูรอยยิ้มที่อยู่ๆ ก็ฉันเสพติดมันเหมือนคาเฟอีนในกาแฟ ถ้าเธอบอกว่าฉันคือคนที่ทำให้เธอยิ้มได้ เธอก็เป็นคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้น่ะแหละ”

อิงค์เงยหน้าขึ้นมอง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสิงห์จะทำอะไรแบบนั้น

“เธอยังไม่อยากลุกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งเป็นเพื่อน ที่บ้านฉันมีที่นั่งดีๆ เยอะเลย หรือเธอจะขี่จักรยานไปกับฉันก็ได้ เธอซ้อนฉันขี่รับรองไม่พาล้ม อย่างมากก็แค่ตกหลุม”

คำพูดของสิงห์ทำให้อิงค์นึกถึงวันแรกที่มาน่านเมื่อห้าปีก่อนตอนที่ขี่จักรยานไปเที่ยวรอบเมืองด้วยกัน สิงห์บังคับพาเขาไปเที่ยวนู่นกินนี่โดยอ้างว่ากลัวคนจะครหาว่ามาไม่ถึง ภาพหน้าตัวเองโทรมๆ เพราะเพิ่งอกหักกินไม่ได้นอนมาหลับกับสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สิงห์ถ่ายให้ยังคงอยู่ในโทรศัพท์ แต่หยิบออกมาดูกี่ครั้งก็ยังทำให้มีความสุขได้ทุกครั้ง

อิงค์หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย สิงห์กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิดสอดหน้าให้แก้มแนบแก้มแล้วลูบมือลงบนศีรษะ

“วันนั้นร้องไห้หรือเปล่า”

“วันไหนครับ”

“วันเกิดพ่อฉันน่ะ” สิงห์บอก “วันนั้นเธอทำหน้าเหมือนโลกจะแตก แล้ววันรุ่งขึ้นก็ตาช้ำมากเลย ฉันขอโทษนะที่ปล่อยให้เธอกลับไปคนเดียว ในเวลาแบบนั้นฉันควรจะอยู่กับเธอแท้ๆ ฉันนี่แย่จริงๆ”

“ไม่ได้ร้องครับ” อิงค์ตอบ “ผมแค่นอนไม่ค่อยหลับมาตั้งแต่วันที่พี่สิงห์โกรธผมเรื่องเบี้ยวนัด”

“ตอนนั้นอุตส่าห์มาหา จะมาปรับความเข้าใจแล้วดันเจอเพื่อนเธอแกล้งแบบนั้นฉันก็ของขึ้นน่ะสิ”

“ดามเล่าให้ฟังแล้ว” อิงค์บอก “โดนพี่สิงห์ต่อยปากแตกไปด้วยใช่ไหม”

“แค่นั้นยังน้อยไป ไม่ฆ่าให้ตายก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

“ตอนผมป่วยพี่สิงห์ก็ไม่มาเยี่ยม” อิงค์ตัดพ้อ

“มาแล้วเธอไล่ให้กลับ”

“จะกลับก็กลับตั้งแต่แรกสิ มาทำแบบนั้นแล้วหนีกลับก่อนได้ไง” อิงค์พูดเสียงเบาลงเล็กน้อย คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีไรก็อายทุกที “ก็จะยกโทษให้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่จู่ๆ ก็มาหายตัวไปอีก ผมก็ยิ่งไม่มั่นใจสิว่าพี่สิงห์จะยังไงกับผม”

“ก็ออกไปตามหาเสือน้อยให้เธอน่ะแหละ”

“แล้วทำไมไม่มาบอกกันดีๆ ละครับ ฝากป้าสำสีมาบอกก็ได้ นี่เล่นโกหกกันเป็นขบวนการ”

“ก็อย่างที่บอกไปแล้วน่ะแหละ มันเจ็บหนักขนาดนั้น ฉันกลัวเธอใจคอไม่ดี พอมันดีขึ้นแล้วก็เอามาคืนนี่ไง”

“ขอบคุณนะครับที่ออกไปตามหามัน” อิงค์บอก

“ถ้าเธอยังไม่แน่ใจเรื่องของเรา ฉันก็ไม่เร่งรัดเธอหรอก วันนี้ก็นอนคิดไปอีกคืนพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบฉันก็ได้”

“ขอบคุณครับ” อิงค์กำลังจะซุกหน้าเข้าในอ้อมอกกว้าง แต่แล้วสิงห์กลับลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออกโยนไปข้างเตียง “พี่สิงห์ถอดเสื้อทำไมน่ะ”

“ก็เสื้อมันเปียกนี่นา ฉันกลัวเธอหนาว แล้วกอดอกเปลือยๆ แบบนี้เธอก็ชอบมากกว่าด้วยใช่ไหมล่ะ” สิงห์ว่า “แล้วนั่นเธอหน้าแดงทำไม คิดอะไรอยู่”

“เปล่าสักหน่อย” อิงค์ตอบอ้อมแอ้ม เบื่อคนรู้ทันจริงๆ ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร

“จริงอะ”

“พี่สิงห์ต่างหากที่คิด”

“ก็คิด” สิงห์ตอบตามตรง

“นั่นไง”

“แต่ไม่ทำก็ได้ เธอก็รู้ฉันไม่เคยฝืนใจเธออยู่แล้ว”

“ใครว่าไม่เคย”

“ตอนไหน”

“ก็ตอนนั้นไง”

สิงห์ทำเป็นนิ่วหน้าคิด “จริงเหรอ ปากบอกว่าไม่ แต่มืองี้จับแขนแน่นฉันเลยแล้วตอนหลังยังเป็นฝ่ายมาจูบฉันเองด้วยแถมตรงนั้นก็ตอดนิ้วฉันตุบๆ จนฉันปวดนิ้วไปหมดเลย จนฉันแอบคิดว่าต้องไปเล่นกล้ามนิ้วบ้างแล้วไม่งั้นเธอต้องทำนิ้วฉันหัก...”

“พี่สิงห์!” อิงค์ร้องพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหู “ไม่ต้องพูดแล้ว ผมไม่อยากฟัง”

สิงห์ก้มลงจูบครั้งหนึ่ง “ฟังก่อนสิ ฉันมีอะไรที่อยากทำกับเธอมากกว่านั้นอีกนะ”

อิงค์เอามือออกจากหูรอฟัง “อะไรครับ”

“นอนกอดเธอเฉยๆ ทดแทนส่วนของวันนั้นที่หนีกลับไปก่อน แล้วก็...” สิงห์เว้นวรรคไปเพื่อนอนลงข้างกันอีกครั้ง เขาสอดแขนเข้าใต้ตัวร่างโปร่งซึ่งครั้งนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามบังคับใดๆ เจ้าตัวก็ขยับขึ้นมานอนหนุนอกเขาเรียบร้อย

“แล้วก็อะไรอีกครับ” อิงค์ถามด้วยความอยากรู้

“อยากกินกาแฟฝีมือเธอจัง” สิงห์ทำเสียงอ้อน

“พรุ่งนี้เช้าผมชงให้นะครับ”

“สัญญาแล้วนะ”

“ครับ”

อิงค์ตอบพร้อมกับหลับตารับริมฝีปากที่ประกบลงมา ปลายลิ้นหวานแทรกเข้ามาสอดประสานจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับสองมือที่กุมกันไว้แน่น ทั้งสองจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทดแทนความความคิดถึงที่ห่างกันไปหลายวัน

เสือน้อยครางเหมียวเบาๆ ด้วยความงอนที่โดนเจ้าของเมินใส่ มันลุกขึ้นมาเดินวนๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนหมอนของอิงค์

ทั้งสองผละออกจากกันแล้วหัวเราะเบาๆ

“โดนเสือน้อยแย่งที่แล้วคืนนี้เธอจะนอนที่ไหน” สิงห์กระซิบกับกลีบปากอุ่นเปียกชื้น

“ตรงนี้ ได้ไหมครับ” อิงค์ก้มหน้าลงแตะริมฝีปากกลางอกกว้างครั้งหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับจูบแทนคำตอบรับอนุญาตจากสิงห์

นอกหน้าต่างฝนยังคงสาดกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายและอากาศก็เหน็บหนาวจนฝ้าขึ้นจับบางๆ ที่กระจกหน้าต่าง แต่ในอ้อมแขนที่กอดเขาไว้ตอนนี้มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน

###############

talk

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ตอนหน้าจบแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #142 เมื่อ04-11-2019 23:06:10 »

ค่อยยังชั่ว ดีกันแล้ว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #143 เมื่อ04-11-2019 23:18:46 »

เสือน้อยน่ารักมาก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #144 เมื่อ05-11-2019 00:16:46 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #145 เมื่อ05-11-2019 11:16:06 »

 :-[ :-[

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #146 เมื่อ05-11-2019 18:54:27 »

 :กอด1: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #147 เมื่อ06-11-2019 11:24:26 »

 คืนดีกันแล้วววว :katai2-1:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #148 เมื่อ07-11-2019 19:23:28 »

บทที่ 23

“อ้าวเสือน้อย พี่อิงค์ซื้อปลอกคอให้ใหม่เหรอ น่ารักเชียว” บอยที่แวะมาพร้อมกับสารสาร้องทัก ตอนนี้สองคนนี้ตัวติดกันเสียจนอิงค์นึกหมั่นไส้เล็กๆ

“ไหนๆ ขอพี่รสาถ่ายรูปหน่อย~” สารสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ทางฝ่ายเจ้าตัวเล็กถึงขาจะเจ็บอยู่ข้างหนึ่งแต่พอเห็นกล้องก็โพสต์ท่ายิ้มสู้ทันที “เท่ค่ะลูก~อูยยย หล่อๆ ขอมุมนี้อีกรูปน้า~”

“รสาถ่ายแต่เสือน้อยอะ เราน้อยใจแล้วนะ ถ่ายเราบ้างสิ” บอยบอกพร้อมกับตั้งท่าชูสองนิ้วเตรียมพร้อม

“งั้นบอยไปยืนข้างเสือน้อย อ๊ะ! อย่าบังเสือน้อยสิ ถอยไปทางขวาหน่อย... ไปอีก... ถอยไปทางขวาอีก... อีกหน่อย...”

“เอ่อ... รสาจ๊ะ บอยว่าถ้าซ้ายอีกหน่อย บอกไปยืนอยู่ยอดเขาน้อยแล้วให้รสาถ่ายก็ได้มั้งจ๊ะ” บอยพูดงอนๆ เพราะสาวเจ้าดันให้เธอเขยิบไปเขยิบมาจนจะถึงสุดปลายเคาน์เตอร์แล้ว

“แหมๆ ล้อเล่นแค่นี้ทำงอน” สารสาว่า “ถ่ายเสร็จตั้งนานแล้ว บอยมาดูสิ สวยไหม”

“ไหนๆ” บอยรีบขยับมาดูรูปที่สารสาถ่ายและในตอนนั้นเองที่ประตูร้านเปิดออก เมื่อเห็นว่าใครมาทั้งสองก็รีบคว้าแก้วโกโก้ปั่นหลบไปนั่งตรงที่ประจำ

“สวัสดีครับ”

“วันนี้พี่อิงค์เอ่ยทักก่อนเว้ย!” บอยป้องปากกระซิบกระซาบในขณะที่สารสาทำหน้าที่รายงานป้าสำลีเช่นเคย

“จะรับอะไรดีครับ” อิงค์ถามคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่หน้าเคาน์เตอร์

“รับคนขายกลับบ้านที่นึง” สิงห์ตอบ

“บอกแล้วไงครับว่าเมนูนี้ร้านเราไม่มีขาย”

“แย่จังอุตส่าห์คิดมาจากบ้าน ตั้งใจว่าจะมากินเลยนะ” สิงห์ทำเป็นตีหน้าเศร้าพลอยทำให้กองเชียร์ลุ้นจนตัวโก่งโดยหารู้ไม่ว่าทั้งสองคืนดีกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และสิงห์ก็ค้างคืนที่นี่ถึงจะเป็นค่ำคืนแรกที่อยู่ด้วยกันบนเตียงโดยปราศจากเซ็กซ์แต่กลับให้ความรู้สึกอิ่มในใจสุดๆ และเขาก็อยู่ช่วยอิงค์เปิดร้านจนเสร็จจึงกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนที่บอยกับสารสาจะมาถึงราวชั่วโมงก่อนนี่เอง

“ถ้าคิดไม่ออกก็ไปนั่งคิดก่อนก็ได้ครับ ยืนตรงนี้เกะกะหน้าเคาน์เตอร์” อิงค์ว่า

สิงห์เหลียวไปมองด้านหลังที่เริ่มมีลูกค้ามาต่อคิวรอซื้อกาแฟราว 2-3 คน “เอางั้นก็ได้” เขาไหวไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงที่ประจำของเขาพลางกวักมือเรียกเสือน้อย เจ้าแมวส้มรีบกระโดดแผล็วไปหาคุณพ่อของมันทันที “ว่าไงครับคนเก่งเช้านี้ยุ่งไหมครับ”

เหมียว~

“โห คนมาขอถ่ายรูปเยอะจนหนูแทบไม่ได้พักเลยเหรอครับ”

“อะไรล่ะเนี่ยพี่สิงห์ เดินเกมช้าแบบนี้กองเชียร์จะหลับแล้วนะ” บอยบ่นกระปอดกระแปด

“นั่นดิ” สารสาว่า “นี่ถ้าไม่ใช่พี่สิงห์รสายุให้พี่อิงค์หาคนใหม่แล้วนะ ดูๆ นั่งเล่นกับเสือน้อยสบายใจ ไม่แคร์ใจกองเชียร์อย่างเราเลย”

หลังจากลูกค้าซาจากหน้าเคาน์เตอร์ อิงค์ก็ยังคงวุ่นๆ กับการจัดนู่นเตรียมนี่ให้เข้าที่เข้าทาง และจังหวะนั้นเองสิงห์ที่นั่งรอจังหวะอยู่นานแล้วก็ค่อยลุกขึ้นไปยืนหน้าเคาน์เตอร์เงียบๆ

“ฉันคิดออกแล้วว่าจะกินอะไรดี” เขาพูดเสียงเรียบ

“จะรับอะไรครับ” อิงค์ถามโดยไม่เงยหน้ขึ้นมา เขากำลังเปิดนมข้นหวานกระป๋องใหม่และดูเหมือนที่เปิดอันเก่าของเขาจะมีปัญหาเพราะเจาะผ่านฝาเหล็กไม่เข้าสักที

“เป็นแฟนกันนะ”

อิงค์เงยหน้าขึ้นมอง และสิงห์ก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกันจังหวะนั้นเองทั้งสองจึงสบตากันพอดี

แก้มขาวร้อนวาบ มือลื่นทำที่เปิดกระป๋องนมหลุดมือ อิงค์ทำเป็นก้มเก็บและถามซ้ำทั้งที่แน่ใจว่าตนเองฟังไม่ผิด “อะไรนะครับ”

“ฉันบอกว่าลาเต้แก้วนึง”

คนรับออเดอร์ตาโต “เมื่อกี้พี่สิงห์ไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา”

“แล้วอิงค์ได้ยินว่าอะไรล่ะ”

“เป็นแฟนกันนะ”

“ตกลง” สิงห์ตอบหน้าตาเฉย

อิงค์พูดไม่ออก ในขณะที่กองเชียร์ขอบสนามก็อึ้งไม่แพ้กัน

บอยยกแก้วค้างปากงับหลอดไม่ถูก “เฮ้ย! เผลอแป๊บเดียวกองหน้าแม่งยิงประตูเฉยเลยว่ะ”

“กรรมการจะเป่าฟาวล์หรือเปล่าเนี่ย” สารสาพึมพำด้วยความตื่นเต้นราวกับเป็นคนถูกบอกรักเสียเอง “ตอบสักทีสิพี่อิงค์… ตอบบบ~”

แก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดขึ้นทุกทีจนลามไปถึงใบหู อิงค์มือสั่นยิ่งเปิดกระป๋องนมข้นหวานไม่ถูกไปกันใหญ่ “เดี๋ยวก่อนนะครับ... คือผม...”

“ทำไมเหรอ” สิงห์ถามเสียงนุ่ทพลางยื่นมือข้ามเคาน์ตอร์ไปหยิบกระป๋องนมข้นหวานมาเปิดให้แล้วส่งคืน “ฉันบอกแล้วไงว่าให้โอกาสเธอคิดหนึ่งคืน แล้วนี่ก็เช้าแล้ว... ฉันอยากตื่นเช้ามากินกาแฟที่ชงเธอทุกวัน เธอยินดีจะชงให้ฉันกินหรือเปล่า”

พอไม่มีกระป๋องนมข้นหวานให้จับแก้เขิน อิงค์ก็เลยต้องยืนนิ่งๆ แทน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนตัวเองบอกรักเขายังไม่รู้สึกยากขนาดนี้ ทั้งที่คำตอบก็มีชัดเจนอยู่แล้วในใจ “ผม...”

ทันใดนั้นเองรถญี่ปุ่นก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าร้านแล้วเจ้าของรถก็วิ่งพรวดลงมากอดเจ้าของร้านกาแฟแน่น

“อิงค์ ฉันมาอีกแล้ว คิดถึงแกจังเลย!”

“ดาม?” อิงค์ละล่ำละลักถามด้วยความตกใจกับการมาปุบปับของเพื่อนสนิทอีกครั้ง

“ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผีวะแก” ดัสกรคลายวงแขนออกเล็กน้อย “ไม่เซอร์ไพรส์เหรอ เฮ้ย! ดีใจใช่ไหมล่าา~ นี่เพื่อนอุตส่าห์ใช้วันลาปีงบใหม่มาหาเลยนะ”

“โอ๊ตกับแบงค์ล่ะ” อิงค์ถาม

“เหมือนเดิม ติดงานกับติดเรียน เรามาคนเดียว” ดัสกรว่า “เดี๋ยวเราเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนนะ”

“คุณไม่ได้จองห้องพักมาอีกแล้วเหรอครับ” สิงห์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนสุภาพทั้งที่เริ่มหงุดหงิดที่โดนเมินตอนช่วงเวลากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

ดัสกรไหวไหล่ “จองทำไมให้เปลือง ก็ผมมีเพื่อนอยู่น่าน ผมนอนกับเพื่อนผมก็สะดวกดี” บอกหน้าตาเฉยแล้วหันไปยิ้มกับอิงค์

“ผมขออนุญาตเสนอที่พักให้คุณได้ไหมครับ” สิงห์กล่าวอย่างเป็นทางการพลางหยิบนามบัตรออกมา “ถ้าคุณอยากพักผ่อนสไตล์บ้านๆ แต่ยังคงความสะดวกสบายผมขอแนะนำที่ข่วงเมืองสิงห์ซึ่งผมดูแลอยู่ปกติยอดจองเต็มตลอดปีแถมยังได้คะแนนรีวิวติดท๊อปของทุกเว็บจองโรงแรม แต่ถ้าคุณชอบความหรูหราผมจะจัดห้องสวีทที่เฮือนไกรสรที่การันตีด้วยระดับสี่ดาวให้ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งหมดฟรีแถมอาหาเช้าตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก รวมทั้งบริการเสริมอื่นๆ ด้วยครับ”

ดัสกรทำหน้าแบบทึ่งจัด “สุดยอดเลยครับ”

“คุณสนใจข้อเสนอของผมไหมครับ” สิงห์ถามย้ำ

ดัสกรทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มพลางวางมือลงรอบคอให้คนตัวโตที่มองอยู่หงุดหงิดเล่นๆ “ไม่ดีกว่าครับ ผมพักกับอิงค์ก็สบายดีอยู่แล้วขอบคุณนะครับ”

สิงห์กัดกรามแน่น แต่ก็ยังฝืนตีสีหน้าให้เป็นปกติเพราะยังไงหมอนี่ก็ยังเป็นเพื่อนอิงค์ แต่ยิ่งเห็นเจ้าหนุ่มกรุงเทพยักคิ้วให้เขาก็นึกอยากจะเอาคืนอีกสักหมัดเหมือนกัน ดูท่าว่าแผลคราวทีแล้วจะหายเร็วเกินไปนะ

“แต่ผมสนใจ” อิงค์เอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับดึงมือดัสกรออกจากรอบคอ

สิงห์เลิกคิ้วในขณะที่ดัสกรร้องขึ้นทันที “อะไรกันอิงค์ นี่อิงค์ยังไม่ตัดใจจากเขาอีกเหรอ”

แต่อิงค์ไม่สนใจที่ดัสกรพูดและหันไปหาสิงห์ “พี่สิงห์ครับ ข้อเสนอเรื่องห้องเมื่อกี้ขอผมไปนอนแทนดามได้หรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้หรอกห้องเต็มแล้ว”

“อ้าว” อิงค์ร้อง

“เหลือห้องสุดท้าย” สิงห์รีบพูดต่อ “แคบหน่อย แต่มีห้องน้ำในตัว ไวไฟแรงแถมฟรีอาหารเช้าแล้วก็...”

“แล้วก็อะไรครับ”

“แถมเจ้าของห้องด้วย ถ้าเธอสนใจฉันให้เข้าพักได้ทันทีเลย”

“ข้อเสนอดีขนาดนี้ คิดค่าพักยังไงครับ”

“คนกันเอง ฉันขอกาแฟแค่วันละแก้วก็พอ”

“ไม่เอาอะ”

“ทำไมล่ะ”

“บางวันอาจจะอยากชงให้กินวันละสองแก้ว”

“ฉันไม่กินกาแฟก่อนนอน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนชงกาแฟแทนจะให้กินเช้าสายบ่ายเย็นหรือวันละสิบครั้งก็สบายมาก”

“ขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”

“อิงค์”

“อะไรครับ”

“ตกลงเถอะ อยากพากลับบ้านไปไหว้คนที่บ้านจะแย่แล้วเนี่ย”

“เดี๋ยวก่อนนะอิงค์ นี่พูดเรื่องอะไรกัน” ดัสกรเสนอหน้าเข้ามาแทรกกลางวง เขาหันมองหน้าคนสองคนที่จู่ๆ ก็สบตาหวานเยิ้มราวกับในร้านนี้มีกันอยู่กันแค่สองคน “ตกลงนี่นายยังไม่เข็ดจริงๆ เหรอ ลืมแล้วเหรอว่าเขาทำนายร้องไห้เสียใจไปตั้งเท่าไหร่”

“จำได้” อิงค์ตอบยิ้มๆ “แล้วก็จำได้ด้วยว่าไม่ใช่ความผิดพี่สิงห์ แต่เป็นความผิดดามล้วนๆ เลย แล้วดามก็คงไม่ลืมที่บนบานกับศาลพระภูมิหน้าบ้านเราไว้ใช่ไหม ถึงบ้านจะไฟไหม้ไปแล้วแต่เรายังอยู่และจำได้นะ”

ดัสกรเก็บปากแทบไม่ทันและถอยไปตั้งหลักก้าวหนึ่ง “ก็จำได้... แต่ว่าไอ้หมอนี่มันมีดีอะไรวะอิงค์ ไหนตอบให้ฉันฟังสักสองข้อสิ ขอแบบเป็นรูปธรรมจับต้องได้นะ ไอ้แบบนิสัยดีไรงี้ฉันไม่เอา”

“ข้อหนึ่งหล่อ ข้อสองรวยแถมข้อสามให้ด้วยว่าเขาเป็นพ่อเสือน้อยแล้วเราก็รักเขา… อ้าว สี่ข้อแล้วนี่ แค่นี้พอไหมดาม หรือว่าดามอยากได้อีก”

“พอๆ ฉันไม่อยากฟังแล้ว ฉันเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บนะ” ดัสกรรีบโบกมือ

“อย่ายุ่งกับเตียงฉันนะ แล้วคืนนี้ก็อยู่เฝ้าบ้านดีๆ หาข้าวกินเองตกลงนะ”

“อ้าว แล้วอิงค์ไม่พาเราไปเที่ยวไหนเหรอ”

อิงค์ส่ายหน้า “ดามมาปุบปับ วันนี้เราไม่ว่างจะไปนอนบ้านแฟน ถ้าดามไม่โอเคคุยกับแฟนเราเองนะ”

ดัสกรกรเหลือบตามองสิงห์ที่ยักคิ้วให้ครั้งหนึ่ง “สนใจไปกินข้าวบ้านผมไหมครับ”

“ไม่เอา ไม่สน” ดัสกรบอกแล้วลากกระเป๋าเดินขึ้นชั้นสองไป

สิงห์หัวเราะในลำคอก่อนจะหันไปหาคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ “พูดเองนะ... ที่บอกจะไปนอนบ้านแฟนน่ะ”

“ครับ” อิงค์พยักหน้าพร้อมกับส่งกาแฟในแก้วกระเบื้องที่เพิ่งชงเสร็จส่งให้ “ขี้เกียจเล่นตัวแล้ว แถมกองเชียร์พี่สิงห์ก็เยอะเหลือเกิน เขาลุ้นกันจนเหน็บจะกินแล้วผมจะทำให้ผิดหวังได้ไงล่ะ” บอกพลางพยักเพยิดไปทางบอยกับสารสาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังพอเห็นว่าเขายิ้มให้ก็ยิ้มตอบแก้เขินแล้วเป็นหันไปคุยกันเอง

สิงห์รับแก้วกาแฟที่โรยนมเป็นรูปหัวใจมาถือไว้ เขายกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วลงแล้วคว้ามือคนชงดึงหายเข้าไปหลังร้าน เขาผลักอิงค์จนหลังชนกำแพงแล้วก้าวเข้าหา แต่ยังไม่ทันจะประชิดตัวคนโดนผลักก็กลับเป็นฝ่ายโผเข้าหาก่อน

“ขมๆ หวานๆ แปลกดี” อิงค์รำพึงเบาๆ กับริมฝีปากหยักที่ยังขบเม้มกลีบล่างของตนไว้แน่น จะว่าไปนี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจูบกันหลังจากที่กินแฟ

“ขออีกคำนะ” สิงห์เผลอปากออกทำท่าจะงับอีกรอบ อิงค์รีบเม้มปากสนิทแล้วถอยห่างเล็กน้อย

“ยังเช้าอยู่เลย” อิงค์บอก “ลูกค้ามาแล้วครับ ผมไปขายของก่อนนะ”

“เดี๋ยวตอนเย็นฉันมารับนะ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” สิงห์จงใจเน้นคำว่า ‘เตรียมตัวให้พร้อม’ ให้รู้ว่าคืนนี้อิงค์ต้องเจอกับอะไรบ้างหลังจากที่ปล่อยให้เขานอนเหงามาหลายวัน

อิงค์ไม่ตอบ เขาหันหน้าหลบริมฝีปากที่พุ่งเข้าใส่อีกรอบแล้วผละออกไปหน้าร้าน ทิ้งให้คนตัวโตงับอากาศเล่น

พอตกเย็นสิงห์ก็ขับรถมารอตั้งแต่อิงค์ยังเก็บร้านไม่เสร็จ เขาเข้าไปนั่งรอตรงเก้าอี้รังนกในร้านและใช้ไม้ติดขนไก่หยอกเล่นกับเสือน้อยระหว่างรออิงค์เก็บเสื้อผ้าไปค้างคืนกับเขา ทั้งที่เขาก็บอกแล้วแท้ๆ ว่าไม่ต้อง เพราะเอาไปคืนนี้ก็คงไม่ได้ใช้ ตอนเช้าก็ใส่ตัวเดิมกลับมาก็ได้ ส่วนผ้าเช็ดตัวเครื่องอาบน้ำอะไรก็มีพร้อมหมดแล้ว

“กลัวอิงค์หนีหรือไงครับถึงต้องรีบแจ้นมาเฝ้าเนี่ย” ดัสกรอดแขวะเบาๆ ไม่ได้

“อืม” สิงห์ตอบยิ้มๆ แต่แค่นั้นก็ทำเอาดัสกรไปต่อไม่ถูกแล้ว เขาหันไปทำปากขมุบขมิบและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมแทน

พักหนึ่งอิงค์ก็เดินลงบันไดมาพร้อมเป้หนึ่งใบและตะกร้าสำหรับใส่เสือน้อย

“รู้ใจจัง” สิงห์บอกพลางอุ้มเจ้าแมวส้มวางลงไปในตะกร้าแล้วปิดฝาเรียบร้อย

“นี่ไปค้างกี่คืนเนี่ย ถึงกับขนกันไปทั้งบ้านเลย ให้เสือน้อยอยู่กับฉันก็ได้” ดัสกรพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“เสือน้อยเคยออกไปข้างนอกแล้วโดนรถชนมา ถ้าตื่นมาไม่เห็นฉันหรืออิงค์เดี๋ยวมันจะเตลิดน่ะสิ” สิงห์บอก “ตอนที่มันป่วยใหม่ๆ มันกลัวคนมากเลยนะ ใครจะจับก็ไม่ยอม แล้วก็ซึมไปเลย มันคงเจ็บขามากแล้วฝนก็ตกหนัก อยู่ตัวเดียวตรงนั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนั้นฉันถึงต้องไปเฝ้ามันทุกวันไง”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” อิงค์ถาม

สิงห์ยื่นแขนให้ดู พอสังเกตดีๆ ก็จะเห็นรอยข่วนที่ยังเหลือจางๆ ตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด “แรกๆ มันก็ไม่ได้ติดฉันแบบนี้หรอกนะ ก็ได้กันไปหลายแผลแหละกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”

อิงค์ลูบมือไปตามท่อนแขนแล้วเงยหน้าขึ้นมองสิงห์ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยมัน”

“เพราะฉันรู้ว่ามันสำคัญกับเธอไง เธอถึงยอมตากฝนออกไปหามันจนตัวเองป่วยหนัก” สิงห์บอก “และถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดที่เธอยอมทำถึงขนาดนั้น... สำหรับเธอเจ้าหนูนี่ก็ถือเป็นคนในครอบครัวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ใช่ไหมล่ะ”

อิงค์พยักหน้า

เพราะดัสกรมองอยู่ สิงห์จึงทำได้แค่เอื้อมมือไปสัมผัสแขนอิงค์เป็นการให้กำลังใจ “เรารีบไปกันเถอะ ป้าสำลีกับมอญคงรอแย่แล้ว สองคนนั่นดีใจใหญ่เลยพอฉันบอกว่านี้เธอจะมา”

“ครับ” อิงค์ตอบแล้วหันไปสั่งการต่างๆ กับดัสกรเรื่องใส่กุญแจลงกลอนต่างๆ อีกครั้งก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายรถสิงห์อออกไป

(ต่อข้างล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Last Room บทที่ 22(4/11/2019) p.5
«ตอบ #149 เมื่อ07-11-2019 19:27:07 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

แล้วก็เป็นตามที่สิงห์บอก พอรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดหน้าข่วงเมืองสิงห์ ป้าสำลีกับมอญที่นั่งรอยืนรออยู่หน้าประตูก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับ

“สวัสค่ะคุณอิงค์” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน

“สวัสดีครับ” อิงค์กล่าวพลางยกมือไหว้ เพราะเมื่อเช้าสิงห์พูดแปลกๆ อย่างเรื่องจะพาไปไหว้คนที่บ้านน่ะแหละ เลยพลอยทำให้เขารู้สึกประหม่าไปเล็กน้อย “วันนี้ขอรบกวนด้วยนะครับ”

“รบกวนอะไรกันคะ ไม่เลยค่ะ” ป้าสำลีรีบเข้ามาเกาะแขนอิงค์ข้างหนึ่งในขณะที่มอญเกาะอีกข้าง

“ใช่เลยค่ะคุณอิงค์” มอญพยักหน้ารับเป็นลูกคู่ “ว่าแต่ว่าพี่มอญขอถามอะไรคุณอิงค์หน่อยได้ไหมคะ”

“อะไรครับ”

“ตกลงว่าสองคน...” มอญยิ้มกับป้าสำลีแล้วหันไปมองสิงห์ที่กำลังอุ้มเสือน้อยออกจากตะกร้าก่อนจะหัวเราะคิกคัก “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”

“เรียบ... เรียบร้อยอะไรครับ”

มอญเอาไหล่กระแทกเขินๆ ครั้งหนึ่ง “อย่ามาเล่นตัวเลยค่ะ น้องรสาเล่าให้พวกเราฟังหมดแล้ว พอคุณสิงห์ขอเป็นแฟนเสร็จ คุณอิงค์ตอบตกลงก็ลากกันเข้าไปหลังร้าน... ไปทำอะไรกันเหรอคะ... อย่าบอกนะว่าไปชงกาแฟกินกันสองคน พี่มอญไม่เชื่อหรอก”

“ไปกินกาแฟจริงๆ ครับ” อิงค์ตอบอ้อมแอ้ม ...ก็ไม่ได้โกหกจริงๆ นะ...

“แน่ะๆ ยังทำปากแข็ง”

“แหม~ ยัยมอญ มาถามอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้น” ป้าสำลีเอ็ดเบาๆ “คุณอิงค์ไม่ต้องไปสนใจมอญหรอกค่ะ พูดเรื่องลามกอะไรแต่หัววัน คุณอิงค์รีบขึ้นห้องไปอาบน้ำนอนเถอะ ป้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วจะกินกันยังไงก็ตามแต่สะดวก”

“ป้า~” มอญร้องเสียงหลง

“ป้าหมายถึงถ้าหิวจะไปหาอะไรกินกันก็ตามสะดวก” ป้าสำลีรีบแก้คำพูดใหม่ก่อนจะขยิบตาให้กันพลางเหลือบตามองชายหนุ่มที่ไม่ตอบโต้อะไรแต่หน้าแดงไปถึงไหนๆ “หรือกินมาแล้วจะไม่กินก็ตามใจ แต่พรุ่งนี้ต้องกินนะคะเพราะคุณสิงห์ซื้อวัตถุดิบมาเตรียมทำอาหารให้คุณอิงค์เต็มตู้เย็นเลย ทั้งหมูเห็ดเป็ดไก่ผักปลาเยอะแยะไปหมด ถึงคืนนี้จะเหนื่อยยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องลงมากินข้าวด้วยกันนะคะ”

“พอๆ ทั้งสองคน” สิงห์เข้ามาแทรกโดยการยืนซ้อนหลังอิงค์แล้ววางมือลงบนไหล่ “ป้าสำลีกับพี่มอญแซวขนาดนี้เดี๋ยววันหลังเจ้าหนูนี่ก็เขินจนไม่กล้ามาหาอีกหรอก”

“ขอโทษค่ะ พวกเราตื่นเต้นไปหน่อย ก็เพิ่งเคยเห็นคุณสิงห์พาใครมาบ้านในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่แขกเป็นครั้งแรก” มอญบอก

สิงห์ผ่อนลมหายใจออกจมูกเบาๆ ครั้งหนึ่ง “ฉันพาเจ้าหนูนี่ขึ้นไปดูห้องนะฝากดูเสือน้อยด้วย” พูดจบก็เลื่อนมือลงไปคว้าข้อมืออิงค์แล้วจูงหนีขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาก่อนที่จะโดนแซวมากไปกว่านี้อีก

อิงค์กวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่เขาไม่ได้เข้ามานานแล้ว คิดถึงครั้งแรกที่เข้ามาในนี้เพราะต้องย้ายห้องเนื่องจากท่อแอร์รั่วแล้วก็อดขำในความซวยซ้ำซวยซ้อนของตัวเองไม่ได้ ยิ่งครั้งที่สองยิ่งขำไปกันใหญ่กับความใจกล้าหน้าด้านของตนเองที่คิดจะบุกมาปล้ำเจ้าของห้อง ครั้งสามที่เขาเป็นอ้อนขอเข้ามานอนด้วย

และครั้งนี้... ครั้งที่สี่...

ความคิดหยุดชะงักไปเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามายืนซ้อนหลังแบบแนบชิดพร้อมกับสอดแขนเข้ารอบเอวแล้วโอบกอดเอาไว้แน่น

“คิดอะไรอยู่ถึงได้เงียบไป” สิงห์ถาม

“คิดไม่ถึงว่าผมจะได้มาในห้องนี้อีก” อิงค์ตอบ “และไม่ได้เข้ามาแบบงงๆ หรือแอบเข้ามาเหมือนครั้งก่อนๆ ด้วย แต่พี่สิงห์ไปรับผมมาเองแล้วผมก็เต็มใจมา”

สิงห์กดริมฝีปากลงข้างขมับ ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกัน ทั้งที่คิดว่าตัวเองปิดตายประตูหัวใจไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นตัวเขาที่เป็นฝ่ายออกไปตามคนที่คิดจะพยายามบุกเข้ามา และพากลับมาอยู่ด้วยกันเสียเอง “ฉันบอกรักเธอหรือยัง”

อิงค์เอนหลังลงพิงอกกว้างนั้นเต็มที่อย่างไม่กลัวจะล้มเพราะถึงอย่างไรสิงห์ไม่ปล่อยมือจากเขาอยู่แล้ว “ยังเลยครับ ได้แต่ขอเป็นแฟน”

หน้าคมสอดเข้ามาวางลงบนหัวไหล่แล้วกระซิบที่ข้างหูราวกับกลัวว่าคนฟังจะไม่ได้ยิน “รักนะ”

อิงค์วางมือทาบลงไปบนท่อนแขนที่กอดรัดอยู่รอบตัวแล้วหันไปสบตาสิงห์ “รักเหมือนครับ” แล้วหลับตาลงรับรอยจูบที่ประทับลงมา

ลิ้นอุ่นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากแล้วกวาดชิมจนทั่วกระตุ้นเร้าอย่างหนักจนอิงค์เริ่มหายใจไม่ทัน มือใหญ่ลูบผ่านไปทั่วแผ่นหลังและแนวสะโพกเกิดความรู้สึกหวาบไปทั่วทั้งร่าง

“อาบน้ำไหม” สิงห์กระซิบถามเป็นอันรู้กันว่าจะทำอะไรต่อจากนี้

“อาบมาแล้วครับ” อิงค์ตอบพร้อมกับถอดเสื้อออกโยนลงบนพื้น

ตาคมพราวระยับขึ้นทันทีเมื่อผิวขาวเนียนที่ไม่ได้เห็นมานานปรากฏสู่สายตา สิงห์พุ่งเข้าไปจูบอีกครั้งพลางรุกไล่ร่างโปร่งหงายหลังล้มลงบนเตียงโดยมีตัวเขาที่ยังจูบไม่ปล่อยคร่อมทับอยู่ด้านบน

“ถึงว่าสิ หายขึ้นไปชั้นสองนานเลย”

“ก็พี่สิงห์บอกให้ผมเตรียมตัวให้พร้อม” อิงค์บอกอายๆ “ผมก็ทำตามแล้วไง”

สิงห์เลิกคิ้ว “ทำอะไร”

“อยากรู้ก็ดูเองสิครับ”

มือใหญ่สอดลงตรงขอบกางเกงผ้าแล้วรูดทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นผ่านเรียวขายาวออกไปโยนกองรวมไว้กับเสื้อ สิงห์จับท่อนขาแยกออกพาดค้างไว้บนต้นแขน เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากราวกับสิงโตกำลังหิวกระหายเมื่อเห็นเหยื่อนอนรอให้กินอยู่ตรงหน้า และเหยื่อก็เป็นเนื้อสีชมพูหวานฉ่ำดูเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน

สิงห์ลงมือกินทันทีโดยไม่รอช้า ลิ้นอุ่นกวาดไปทั่วทั้งด้านบนและด้านล่าง

ร่างโปร่งนอนเกร็งจนสะโพกแทบไม่ติดเตียง ฝ่ามือสอดเข้าใต้เรือนผมยาวแล้วขยุ้มไปมาเหมือนว่ามันจะช่วยลดอการที่เหมือนกำลังโดนกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่างนี้ได้ เรียวขาคอยจะหนีบเข้าหากันแต่ก็ติดร่างหนาที่สอดแทรกอยู่ตรงกลาง อิงค์จึงทำได้แค่เกี่ยวกระหวัดขาไว้ด้วยกันตรงรอบเอวของอีกฝ่าย

“พี่สิงห์... พอก่อนครับ... อย่าเพิ่ง...”

สิงห์ละปากจากความร้อนที่ครอบครองอยู่เงยหน้าขึ้นมองคนใต้ร่างที่บิดเกร็งไปถึงตัว “ไม่เป็นไร เสร็จเลยก็ได้”

“ไม่เอา...” อิงค์กระซิบเสียงพร่า “ผมไม่อยากทำแบบครั้งที่แล้ว... ผมอยากเสร็จพร้อมพี่สิงห์”

อ้อนกันถึงขนาดนี้มีหรือคนอย่างสิงห์จะทนได้ไหว เพราะเขาเองก็อดใจมานานแล้วเหมือนกัน เขาลุกขึ้นถอดเสื้อและกางเกงของตนออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย

ถึงไม่ตั้งใจจะมองและเห็นมาก็หลายครั้งแล้ว แต่อิงค์ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ ผิวสีแทนยิ่งขับให้ร่างกำยำสมส่วนดูเร่าร้อนแม้ตอนนี้อากาศจะเย็นจัด เรือนผมยาวที่กระจายลงมาปิดหน้าอกบางส่วนทำให้เขายิ่งรู้สึกอยากเอามือไปปัดออกดูว่ามีอะไรซ่อนอยู่ และความเป็นชายที่อยู่ตรงกลางระหว่างท่อนขาแกร่งนั้นก็ดูเหมือนจะพร้อมแล้วเหมือนกัน

สิงห์ทาบทับร่างลงมาอีกครั้งพร้อมกับสอดใส่เข้ามาในตัวอิงค์ที่รออยู่แล้ว แต่ด้วยขนาดของลูกชายสิงห์ที่อยู่ในเกณฑ์ใหญ่ที่สุดของมาตรฐานชายไทยและระยะเวลาการที่ห่างหายกันไปนานของทั้งสองจะทำให้เกิดความคับแน่นมากกว่าทุกครั้ง

ร่างโปร่งผวาขึ้นจากเตียงจนสิงห์ต้องรีบจูบปากปลอบขวัญ แล้วค่อยขยับเข้าออกช้าๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน และเพิ่มสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ เพียงแค่ครู่เดียวสิงห์ก็สามารถสอดใส่ความรักเข้าไปในตัวอิงค์ได้จนสุด

จากจังหวะเนิบช้าในทีแรกเริ่มรุนแรงและเร่งเร้า อิงค์จิกเล็บลงบนแนวบ่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นอย่างเผลอตัว หากสำหรับสิงห์รอยแผลนั้นไม่ได้ทำให้เจ็บแต่เป็นเหมือนแส้เฆี่ยนให้เขายิ่งกดสะโพกเข้าลึกและถี่กระชั้นมากขึ้น

ดูเหมือนอิงค์ที่อดกลั้นมาได้สักพักใหญ่จะเป็นฝ่ายอดทนไม่ไหวก่อน ปลายเท้าเกร็งกวาดไปบนผ้าปูเตียงจนยับยู่ ในอกวาบหวิวรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งร่าง

สิงห์ประกบปากลงมาเติมเต็มความรู้สึกหวามหวานให้จนสุดทางพร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อส่งตัวเองตามอิงค์ไปติดๆ

ทั้งสองกอดกันแน่น ร่างกายชื้นเหงื่อเต็มไปด้วยคราบไคลของความรัก โดยที่สิงห์ยังคงปักหลักอยู่ในตัวอิงค์

“ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะ” สิงห์กระซิบเสียงพร่า “แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกว่าได้กอดเธอหมดทั้งตัวแล้วจริงๆ”

แก้มที่แดงอยู่แล้วจากการออกแรงมากมายซับสีเข้มขึ้นอีก อิงค์สอดมือเข้าโอบรอบแผ่นหลังกว้างแล้วลูบไล้ไปทั่ว เขาเองก็ชอบความสนิทแนบชิดแบบนี้เหมือนกัน

“อิงค์” สิงห์เรียกขึ้น

“อะไรครับ”

สิงห์ยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้สบตากันชัดๆ และพูดความในใจที่เหลือออกมา “เธอไม่ได้มีแค่เสือน้อยนะ เธอยังมีฉันอีกคนอยู่ตรงนี้กับเธอ... ขอให้ฉันเป็นครอบครัวของเธอได้หรือเปล่า”

อิงค์รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว เขาโผเข้ากอดสิงห์แน่นแล้วซบหน้าแนบลงบนอกกว้างเพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหล “ครับ”

สิงห์กดจูบลงข้างขมับแล้วโอบกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่านอนให้ถนัด แล้วในตอนนั้นเองลูกชายของเขาที่ยังคงคาอยู่ให้ตัวอิงค์ก็เกิดเสียดสีไปมา จากที่เหมือนจะหลับไปแล้วรอบหนึ่งก็กลับมาตื่นเต็มตาอีกครั้ง

“พี่สิงห์... ท... ทำไม...” ตอนนี้อิงค์เริ่มรู้สึกว่าทั้งตัวร้อนไปหมดอีกรอบโดยมีต้นกำเนิดจากจุดที่ยังคงเชื่อมถึงกันอยู่

“ช่วยไม่ได้” สิงห์กระซิบเจ้าเล่ห์ “ถ้างั้นก็ต่ออีกสักยกละกันนะ”


อิงค์มารู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เขาหยิบมากดปิดและหันไปหาสิงห์แต่พื้นที่เหลือบนเตียงนั้นว่างเปล่า อิงค์กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นแม้เงา แต่มีเสื้อผ้าหนึ่งชุดพร้อมผ้าเช็ดตัววางเตรียมไว้ให้ตรงปลายเตียง

อิงค์ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ครั้งนี้ชุดที่สวมใส่นั้นพอดีตัวไม่หลวมโพรกพรากน่าเกลียดแบบคราวที่แล้วเพราะสิงห์ตั้งใจซื้อมาเตรียมไว้ให้อิงค์โดยเฉพาะ ไม่ได้ให้ใส่ชุดตัวเอง อีกทั้งยังไม่ได้มีแค่ชุดเดียวแต่มีอีกหลายชุดไว้เผื่อวันไหนอิงค์นึกอยากจะมาปุบปับหรือถ้าอิงค์อยากจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยเขาก็พร้อมจะซื้อตู้เสื้อผ้ามาเพิ่มอีกใบแล้ว

ระหว่างทางเดินลงไปชั้นล่าง อิงค์ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ข่วงเมืองสิงห์ มองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอกที่บรรยากาศเงียบสงบและสดชื่น เขาเดินช้าๆ เนิบๆ ตามจังหวะเวลาของคนเมืองน่าน ค่อยๆ ซึมซับสิ่งต่างๆ รอบตัวเอาไว้ ห้าปีที่แล้วที่เขามาเป็นยังไง วันนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังเหมือนเดิม

...ความรู้สึกที่หัวใจเหนื่อยล้าได้เติมเต็ม และสัมผัสได้ว่าสิ่งดีๆ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...

พอเข้าไปในห้องอหาร เขาก็เห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาในชุดเสื้อผ้าฝ้ายแบบที่เจ้าตัวสวมใส่เสมอๆ กำลังจัดวางหม้อข้าวต้มอยู่ตรงโต๊ะด้านใน วันนี้ผมยาวไม่ได้มัดแต่ปล่อยกระจายอยู่ด้านหลัง มีเสือน้อยเดินคลอเคลียอยู่ที่ข้างขาขอเล่นด้วย แต่พอเห็นว่าพ่อไม่สนใจมันก็เปลี่ยนวิธีเรียกร้องความสนใจเป็นกระโดดขึ้นไปนอนแผ่บนเก้าอี้

รอยยิ้มบางค่อยคลี่ขึ้นบนริมฝีปากกับภาพตรงหน้า และยิ่งกระจายไปเต็มหน้าเมื่อสิงห์หันมาสบตาเขา

“อิงค์กินข้าว” สิงห์บอกสั้นๆ พลางพยักเพยิดไปยังชามข้าวต้มหมูสับเห็ดหอมร้อนๆ ในมือที่เตรียมไว้ให้แล้วเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ถัดจากเสือน้อย เขาเอื้อมมือไปเกาพุงให้เจ้าแมวส้มที่นอนเหยียดยาวคอยท่ารออยู่แล้ว

“ครับ” อิงค์ตอบก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาชงกาแฟสำหรับสี่ที่ สิ่งที่อิงค์เตรียมใส่เป้มานั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เสื้อผ้าแต่เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่เขาเตรียมมาด้วย

พอเขาชงเสร็จป้าสำลีกับมอญก็เดินเข้ามาพอดี

“กาแฟครับป้าสำลี พี่มอญ” อิงค์บอกพร้อมกับยกไปส่งให้แต่ละคนกับมือ ซึ่งทั้งสองก็รับไปพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนที่เขาจะหยิบกาแฟสองแก้วที่เหลือแล้วเดินไปนั่งลงข้างสิงห์ “แก้วนี้ของพี่สิงห์ครับ”

“ไม่อิ่มเติมได้อีกนะ” สิงห์บอก “ฉันทำไว้ให้เธอเยอะเลย”

ทั้งสองสบตาแล้วยิ้มให้กันพร้อมกับลงมือรับประทานอาหารเช้า

ไม่มีใครรู้ว่ารักครั้งนี้จะอยู่นานแค่ไหน จะแค่ชั่วคราวเหมือนรักครั้งก่อนที่ผ่านเข้ามา หรือว่าจะคงอยู่ตลอดไป แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็พร้อมแล้วที่จะจับมือและเริ่มต้นออกเดินไปพร้อมๆ กัน


The End

#####################

Talk

ไม่น่าเชื่อว่าพล็อตเรื่องสั้นจะพาเรามาไกลขนาดนี้ได้ ที่คิดไว้เต็มที่ก็แค่ร้อยหน้า แต่ตอนนี้ถึงบทที่23 คือ184 หน้า เปรียบเทียบง่ายๆ ก็ยาวเกินER กับเสียงซ่อนหัวใจไปแล้ว และยาวกว่า Textbook2ที่ 174 หน้า

ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
พล็อตในบางช่วงบางตอนที่ดูหลวมไปบ้าง หรือห้วนบ้างไม่ได้อย่างใจ ต้องขอโทษด้วย นี่ก็พยายามเต็มที่ในฐานะนัก(อยากจะ)เขียน ก็จะพยายามฝึกฝีมือต่อไปนะคะ


ใครมีทวิตเตอร์ละอยากเม้ามอยเป็นการส่วนตัว มาฟอลกันได้นะคะ แต่เราอาจจะไม่ได้อัปนิยายเท่าไหร่ ส่วนมากจะเอาไว้ติ่งกับอัปของกินและรีทวิตรูปแมวค่ะ Check out PiGGy (@leGGyDan): https://twitter.com/leGGyDan?s=09


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2019 21:34:37 โดย leGGyDan »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด