- สบายดีครั้งที่ 3 -
‘Waltz Club’ คือ ร้านที่บุรินทร์ร่วมทุนกับ 'ไอ้ช้าง' เพื่อนสนิท รูปแบบภายในร้านเขาตั้งออกแบบให้มีสไตล์อันเดอร์กราวด์แบบดิบๆ ตกแต่งด้วยผนังปูนเปลือยและเฟอร์นิเจอร์สีดำ
บริเวณร้านถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน ได้แก่โซนเอาต์ดอร์นั่งชิลด้านนอก ตรงนี้มีดนตรีสดมาเล่นเป็นประจำตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ บางวันอาจจะสลับเป็นดนตรีแนวเฮาส์ หรือฮิปฮอปบ้างเพื่อไม่ให้จำเจเกินไป
ส่วนโซนด้านในจะเปิดเป็นไนต์คลับแบบเต็มตัวสำหรับสาวกเพลงอีดีเอ็ม แทร็ป ฮาร์ดสไตล์ ทางร้านจะมีดีเจคอยสร้างสีสันทุกคืน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในโซนนี้คงหนี้ไม่พ้นโปรดักชั่นต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ทั่วบริเวณ เช่น แสงสี เลเซอร์ ระบบเสียง ภาพกราฟิก ซึ่งสามารถสร้างบรรยากาศสุดเหวี่ยงให้กับลูกค้าทุกคนได้
บุรินทร์ก้าวลงมาจากรถซุเปอร์คาร์ก่อนส่งต่อให้เด็กรับรถขับไปไว้ที่ลาดจอดวีไอพี หลังจากที่กลับมาจากบ้านใหญ่เขาก็เอาแต่นอนลูกเดียวจนถึงหัวค่ำ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถออกมาได้เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว
เรียวขายาวก้าวเดินเข้ามาโดยมีพนักงานบริการคอยเปิดประตูให้ ภายในร้านเสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงสีวิบวับดึงดูดนักท่องราตรีมากมายแห่แหนเข้ามาเต้นเบียดเสียดอยู่หน้าเวที
วันนี้เพื่อนๆ ต่างนัดมาสังสรรค์ที่ร้านกันแบบครบกลุ่ม เนื่องจากทุกคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ พอหาเวลาว่างตรงกันได้ก็ไม่วายอยู่ฉลองกันแบบนี้เป็นประจำ เขาส่งข้อความไปในกลุ่มให้พวกมันกินกันไปก่อน ส่วนเขาจะขอแยกตัวไปดูแลลูกค้า เสร็จแล้วจะตามไปสมทบทีหลัง
บุรินทร์เดินยิ้มทักทายลูกค้าทุกคนไปสักพัก หูแว่วเสียงถกเถียงกันระหว่างลูกค้าสองโต๊ะ เขาจึงเดินเข้าไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์ กว่าปัญหาจะเรียบร้อยก็เสียเวลาไปมากโขจนตัวเองลืมเรื่องที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเนื้อดีเกิดแรงสั่นเล็กๆ จากสายเรียกเข้าของเพื่อนสนิท บนหน้าจอทัชสกรีนปรากฏภาพผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ยืนฉีกยิ้มแฉ่งเคียงข้างกับเจ้าของเครื่องที่สูงเลยไหล่กว้างมาได้แค่คืบเดียว
"ว่าไงมึง"
"มากินข้าว" ไอ้ช้างมันว่าแค่นั้นแล้วก็วางสายไป มันพูดเสียงในลำคอเหมือนปากกำลังอมอะไรอยู่ ถ้าให้เขาเดาคงจะเป็นไก่ทอดน้ำปลาสูตรเด็ดของทางร้าน ไอ้ตะกละเอ๊ย!
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ตรงนี้จะเป็นโซนไพรเวทที่จัดไว้เป็นสัดส่วนแยกออกมาจากลูกค้าทั่วไปอย่างชัดเจน เขาเห็นพวกมันนั่งหน้าสลอนกันครบทุกคน ทั้งตุลา หนุ่มสังคมไฮโซ รูปหล่อพ่อรวย โปรไฟล์เยี่ยม แต่อย่าให้ภาพลักษณ์คุณชายของไอ้ตุลย์มาหลอกตาได้เชียว เพราะภายใต้กรอบแว่นตาจีวองชี่แอบมีเทพนักรักจอมเจ้าชู้ซุกซ่อนอยู่
คนถัดมาคือบวรนันท์ หรือเบียร์ นายแบบสาย Femboy ผู้มีแฟนคลับติดตามในเพจ 'Beer Lover' มากกว่าห้าแสนคน งานอดิเรกของมันคือการว่านเสน่ห์ไปทั่วทำให้ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างตามคลานเข่าหลงรักหัวปักหัวปำ
และสุดท้าย คชา เพื่อนซี้ปึ้กที่แก้ผ้ากระโดดน้ำเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเพราะแม่ของทั้งคู่เคยเป็นรูมเมทกันมาก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เลยทำให้ความสนิทสนมของสองครอบครัวตกทอดมาสู่รุ่นลูกด้วย
เขากับไอ้ช้างตัวติดกันยิ่งกว่าหมากฝรั่งกับพื้นรองเท้าแตะ แม้จะหายหายไปบ้างช่วงที่เรียนไฮสคูล แต่ก็มีมันนี่แหละที่คอยเขียนจดหมายหาตลอด ทำให้เขาไม่ได้รู้สึกเงียบเหงาจนเกินไป พอขึ้นมหาวิทยาลัยไอ้ช้างมันก็ยังเสนอหน้ามาเรียนคณะเดียวกัน ขนาดย้ายกลับมาเมืองไทยมันยังตามมาหลอกหลอนให้ต้องเจอหน้ากันทุกวัน
ไอ้ช้างมันคงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่นอกเหนือจากคลับที่ทำด้วยกันแล้ว อาชีพหลักของมันคือการเป็นอากาศลอยไปลอยมา ไม่มีงานการเป็นหลักแหล่ง อยู่กินสบายจากกงสีของที่บ้าน
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของมันคือไม่ว่าไอ้ช้างจะใส่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต หรือชุดนอน ทุกอย่างล้วนเป็นลวดลายของดอกทานตะวันทั้งสิ้น เขาเคยถามมันเรื่องนี้แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มยียวนแล้วตอบเพียงว่าชอบและไม่คิดจะใส่ลายอื่น
บุรินทร์เดินมาถึงโต๊ะตอนที่ไอ้หุ้นส่วนตัวดีนั่งตัวเหลืองหมุนเส้นสปาเก็ตตี้ยัดเข้าปาก ท่าทางสบายใจประหนึ่งเป็นแขกซะเอง เขานึกหมั่นไส้เดินเข้าเตะขามันไปที
"เฮ้ย อร่อยเลยนะมึง ปล่อยกูทำงานคนเดียว" คนตัวโตเงยหน้ามองตาปริบๆ
คชาหัวเราะแฮะ “นั่งมึง” เขาตบโซฟาแปะๆ
บุรินทร์มองค้อนไปทางไอ้คนตัวยักษ์ ก่อนเดินอ้อมหย่อนตัวเองลงข้างมัน
“ไงพวกมึง” เขาพยักหน้าให้เพื่อนๆ
“ไง” ตุลาพยักหน้าตอบ
บวรนันท์ยิ้มทักทาย ร่างบางหันซ้ายหันขวาไม่เห็นคนรักของเพื่อนตามมาด้วยจึงเอ่ยถามขึ้น "มาคนเดียว? แล้วผัวมึงล่ะ"
"น้องไปทำงาน"
"ลงใต้อีกล่ะ" บวรนันท์ล้วงกระเป๋าหยิบยางมัดผมออกมา มือบางรวบผมที่ยาวถึงช่วงเอวขึ้นมาให้พอไม่รุ่มร่าม "ไปบ่อยฉิบหาย"
บุรินทร์ยิ้มจาง “น้องชอบทะเล”
ตุลาใช้สายตาใต้กรอบแว่นหรี่มอง "รีสอร์ทที่มึงว่าจนป่านนี้แล้วยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ"
“น้องบอกว่าที่นู่นต้องการรีโนเวทห้องพักใหม่ คงใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเสร็จ”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ” ตุลาพยักหน้าหงึก “อยู่คนเดียวเหงาเลยอ่ะดิ”
บุรินทร์ตอบเสียงอ่อน “ก็... ไม่ขนาดนั้น” เขายิ้มฝืดเฝื่อน
ตุลาหยอกเย้า ลุกขึ้นมากอดคอเพื่อนตัวขาว “อย่าทำหน้าเหมือนหมาหงอยแบบนั้นสิวะ มึงยังมีพวกกูนะเว้ย” มันยิ้มกรุ้มกริ่ม “แต่ถ้าพวกกูไม่ว่าง ก็ยังเหลือไอ้ช้าง” หนุ่มสังคมบุ้ยไปทางคนข้างตัว “ไอ่ห่านี่มันไม่มีงานทำ ช่วยสงเคราะห์มันหน่อย เรียกใช้ได้ตลอดเวลา ยินดีให้บริการ โอ๊ย! เหี้ยอะไรของมึงเนี่ย” เขายกมือขึ้นลูบปากตัวเองตรงที่โดนไอ้ช้างมันเอาเมนูฟาดเข้ามาเต็มแรง
"พูดมากนะมึง เงียบก่อนดิ กูต้องการสมาธิ" คชามุ่นคิ้ว
"สมาธิห่าไรมึง" ไอ้ตุลย์ถามเสียงห้วน
"กูจะสั่งอาหารเพิ่ม" คชายกเมนูขึ้นมา "รินทร์ แดกไร" เขาหันหน้าไปถามคนข้างกาย
"สั่งมาเหอะ กูกินได้หมด" บุรินทร์ตอบ
ตุลาเย้า "กูเอาต้มยำกุ้งนะมึง ไอ้รินทร์มันชอบ" หนุ่มไฮโซมองหน้าเพื่อนตัวโตอย่างสื่อความนัย ไอ้ช้างมองเขาตาเขียว พร้อมยกนิ้วกลางส่งต่อความรักให้อีกหนึ่งที เขาหัวเราะชอบใจที่แกล้งยั่วโมโหมันได้สำเร็จ
“กูอยากกินยำวุ้นเส้น” หนุ่มนายแบบพูดขึ้น ก่อนเปรยๆ ว่าช่วงนี้งดของทอดของมัน
"ไดเอทเหรอมึง" ไอ้ตุลย์ถาม
"เออ อาทิตย์นี้กูมีถ่ายแบบ"
"ไปกองคนเดียวไง"
"ใช่ดิ" คนตัวเล็กพยัก
หนุ่มแว่นยิ้มกริ่ม "กูนึกว่าน้องหมาโกลเด้นของมึงจะไปด้วยซะอีก เห็นตามติดเป็นแมลงวันตอมก้อนขี้..."
ไอ้ตุลย์โอดโอยตอนที่โดนฝ่ามือเล็กๆ ฟาดลงบนหลังดังเพี้ยะ “ไอ้สัตว์ กวนตีน” บวรนันท์สบถออกมา
"ไม่ล้อแล้วๆ " ตุลาลูบหลังตัวเองปอยๆ แต่ยังไม่ทันหายดี ปากเจ้ากรรมก็ดันหาเรื่องเจ็บตัวอีกรอบ "ไอ้ช้าง เอาไก่ทอดให้กูอีกจาน คนแถวนี้จะได้เอากระดูกไปฝากหมาเด็กข้างบ้านมัน"
“มึงยังไม่หยุดใช่ไหม” บวรนันท์ขบกรามแน่น
“โอ๊ย! ไอ้เบียร์อย่าดึงหูกู ไอ้เหี้ย!” หนุ่มแว่นโวยวาย
กว่าอาหารจะมาเสิร์ฟบุรินทร์ก็ได้ยินเสียงดังตุบตับจากเพื่อนตัวเล็กลงมือตีไหล่กว้างอีกหลายป้าบ
ทันทีที่อาหารวางบนโต๊ะ คชารีบคว้าช้อนมาตักต้มยำกุ้งเข้าปากเป็นอย่างแรก ตามด้วยหอยนางรมทรงเครื่อง กับยำถั่วพลูอีกคำใหญ่ มันเคี้ยวตุ้ยๆ แถมยังสั่งข้าวมาเพิ่มอีกโถ
"ตายอดตายอยากมาจากไหนวะ เมื่อกี้แดกสปาเก็ตตี้กับไก่ทอดทั้งจานมึงยังไม่อิ่มอีกเหรอ" บวรนันท์หันมาถาม มือบางค่อยๆ ม้วนวุ้นเส้นใส่ช้อนอย่างบรรจง
"มันเป็นมื้อแรกของกู ช่วยเห็นใจด้วย" คชามันซดน้ำต้มยำดังซู้ด
"แล้วทั้งวันมึงทำอะไรอยู่วะ" ไอ้เบียร์ถาม
เขากลืนข้าวคำโต "เล่นเกม"
“สมน้ำหน้า” ไอ้ตุลย์ทำหน้ากวนประสาท
“ไอ้สัตว์ มึงก็เล่นกับกูไม่ใช่ไง ทำพูด” คนตัวยักษ์แยกเขี้ยว
“ทานโทษครับ กูมีสาวๆ คอยป้อนข้าวให้” ตุลายียวน
“กูจะอ้วก” เขาเบ้ปากหมั่นไส้ “สาวๆ ที่มึงพูดถึงคือแม่กับน้องสาวมึงอ่ะนะ”
ทั้งกลุ่มหัวเราะลั่นหยอกล้อกันสนุกสนาน ยกเว้นก็แต่คนตัวขาวที่กำลังนั่งจับโทรศัพท์เหม่อมองออกไปด้านนอก บุรินทร์ปลดล็อคหน้าจอทัชสกรีน ปัดไปปัดมาอย่างใจลอย ข้อความเมื่อตอนบ่ายที่เขาส่งไปถามไถ่เรื่องความปลอดภัยระหว่างการเดินทางของคนรัก ตอนนี้มันยังไม่ถูกเปิดอ่าน ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกละเลย แต่ทำไมถึงยังรู้สึกน้อยใจอยู่
..น่าจะชินได้แล้ว..
"รินทร์! " คนข้างตัวเรียกชื่อเขาเสียจนดังลั่น เสียงเข้มๆ ของคชาสามารถดึงสติบุรินทร์ให้ออกมาจากภวังค์ได้ในทันที
"ห๊ะ? " ร่างสูงสะดุ้งรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
"เรียกไม่ตอบนะมึง” คชาหันไปมองปริมาณข้าวในจานของไอ้รินทร์ซึ่งมันยังไม่พร่องลงเลยซะนิด “ไม่แดกไง? " เขาตักต้มยำกุ้งให้มัน
“ขอบใจ” ไอ้รินทร์พูดเนือยๆ เคี้ยวแหยะๆ ปากบ่นพึมพำว่าต้มยำรสชาติแปลกๆ
เขาขมวดคิ้ว "แปลกยังไงวะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน" มันส่ายหน้า "แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่เคยกิน"
“ทุกครั้งที่มึงสั่งก็อันนี้ไม่ใช่เหรอ” เขายื่นเมนูส่งให้ "ไม่แดกก็สั่งอย่างอื่น"
"ไม่เป็นไร กินได้" มันรั้น
"ไม่อร่อยก็อย่าฝืน" คชาเลื่อนจานแป้งนมย่างมาให้คนข้างตัว "เป็นเจ้าของร้านจะกลัวเปลืองอะไร" เขาหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟก่อนสั่งอาหารให้มันใหม่อีกสามสี่อย่าง รอสักพักอาหารจานใหม่ก็ถูกลำเลียงมาวางเต็มโต๊ะ
“สั่งมาเยอะขนาดนี้จะกินหมดไหมวะ” บุรินทร์บ่นอุบอิบ
“แดกๆ ไปอย่าบ่นมาก” มือหนาตักแหนมซี่โครงหมูใส่จานให้
ตุลาพูดแทรก “มีไอ้ช้างอยู่มึงจะกลัวอะไรวะ สองอย่างที่มันจะไม่กินคงเป็นขาเก้าอี้กับขอบโต๊ะเท่านั้นแหละ” เขาหัวเราะมันเสียจนน้ำตาไหล แต่พอเห็นสายตาถมึงทึงจ้องมองมา ชายหนุ่มจึงปิดปากตัวเองสนิท “ไม่พูดแล้วๆ ตามสบายเลยพวกมึง กูไปแย่งยำวุ้นเส้นไอ้เบียร์กินดีกว่า” ว่าเสร็จเขาก็เอี้ยวตัวไปแกล้งหยอกเพื่อนตัวเล็กให้มันโวยวายเล่น
หลังจากเปลี่ยนเมนูมาบุรินทร์ก็ดูเจริญอาหารขึ้นมาก เขากินข้าวจนหมดจาน พร้อมกับเบียร์อีกแก้วใหญ่ "พอแล้ว อิ่มจนจะอ้วกแล้วไอ้ห่า" ร่างสูงยกมือห้ามตอนที่ไอ้ช้างมันจะตักยำปลาดุกฟูให้
“แดกไปเถอะ มึงผอมลงนะรู้ตัวไหม”
“ผอมเหี้ยไร เขาเรียกหุ่นดีกระชากใจต่างหาก” บุรินทร์ยักคิ้ว
ไอ้ช้างหัวเราะ “กูเชื่อ”
“ไอ้ช้างเพื่อนรัก มึงชมกูก็เป็นด้วย รู้สึกดีใจเหี้ยๆ” บุรินทร์กอดบ่ากว้างโน้มร่างใหญ่ให้เข้ามาใกล้ๆ
คชาขืนตัว ดันใบหน้าขาวออกห่าง “อย่าเวอร์ ไอ้ห่า”
บุรินทร์หัวเราะ คุยสัพเพเหระกับเพื่อนๆ ไปเรื่อย จนกระทั่งพนักงานที่ดูแลส่วนของเวทีการแสดงสดด้านล่างเดินขึ้นมาบอกว่าเวทีพร้อมแล้ว เขาจึงขอแยกตัวออกมา
"คืนนี้ใครขึ้นวะ" ไอ้ตุลย์ชะเง้อมองเวทีอย่างสนใจ
"กูเอง"
เวลากลางวันเขาจะเป็นบุรินทร์ เปรมอัศวกุลผู้บริหารหนุ่มไฟแรง สร้างภาพลักษณ์เงียบขรึมน่าเชื่อถือ คอยรับคำสั่งจากบิดาเป็นหุ่นเชิดที่ถูกตั้งโปรแกรมในสมองให้คิดถึงแค่เรื่องเงินและผลประโยชน์
แต่พอถึงตอนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเมื่อไหร่ เขาจะสลัดเสื้อสูททิ้งกลายเป็นแค่ ‘รินทร์’ ผู้อุทิศตนให้แก่เสียงดนตรี
..ตัวตนจริงๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง..
ชายหนุ่มหลงใหลในเสียงดนตรีตั้งแต่จำความได้ ซึมซับทุกอย่างผ่านแผ่นเสียงที่มารดาชอบเปิดขณะขับกล่อมเขาในอ้อมแขนเพื่อปัดเป่าฝันร้ายในยามหลับใหล แต่ก็นั่นแหละการที่ต้องฝากอนาคตไว้กับตัวโน้ตย่อมไม่ใช่สิ่งที่ทายาทของเปรมนิรันดร์สมควรกระทำ
แสงสปอตไลท์สาดส่องลงมากลางเวที บุรินทร์ถลกเสื้อเชิ้ตขึ้นโชว์ลายสักบนแขนทั้งสองข้างลวดลายของโน้ตกีตาร์
..บทเพลงที่เขาแต่งให้ราเชนในวันครบรอบสองปี..
มือขาวบรรเลงนิ้วบนกิบซัน เลสพอล คัสตอม สีแบล็ควิโดว์ท่ามกลางเสียงโห่ร้องจากผู้ชมด้านล่าง ดวงตาสีน้ำตาลหลับลงเพื่อเริ่มขับขานตามทำนองเพลง น้ำเสียงทุ้มหวานพาให้ใจล่องลอยพร้อมกับเนื้อเพลงอันแสนเศร้า
"I guess this time you're really leaving"
(ผมเดาว่าครั้งนี้คุณกำลังจะจากไปแล้วจริงๆ)
"I heard your suitcase say goodbye"
(ผมได้ยินเสียงอำลาจากกระเป๋าเดินทางของคุณ)
"Well as my broken heart lies bleeding"
(เช่นเดียวกับหัวใจของผมที่กำลังแตกสลายชโลมด้วยเลือด)
"You say true love it's suicide"
(คุณบอกว่ารักแท้ก็เหมือนการฆ่าตัวตาย)
ตุลาเดินไปที่ระเบียงชั้นสอง ยกแขนขึ้นปรบมือพร้อมกับแขกคนอื่นๆ ดวงตาใต้กรอบแว่นเหลือบมองไอ้เพื่อนตัวยักษ์ด้านข้าง
เขาอมยิ้ม “มองตาไม่กะพริบเลยนะมึง”
“อะไร” คชาว่าเสียงขุ่น ร่างใหญ่ทิ้งสะโพกกับราวกั้น
“เปล๊า” ไอ้ตุลย์แกล้งเฉไฉ “กูแค่จะบอกว่าไอ้รินทร์มันร้องเพลงเพราะเนอะ คนมองกันทั้งร้าน”
“อืม” ร่างใหญ่ตอบโดยไม่ละสายตาจากเวที
ผิวขาวจัดถูกขับให้โดดเด่นขึ้นเมื่อต้องแสงไฟ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางได้รูป ทุกอย่างล้วนทำให้คนด้านล่างยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
..บุรินทร์ดูดีเสมอเมื่ออยู่กับเสียงเพลง..
"I'll be there for you"
(ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ)
"I'd live and I'd die for you"
(ผมพร้อมจะอยู่และตายเพื่อคุณ)
"Steal the sun from the sky for you"
(จะคว้าดวงอาทิตย์จากท้องฟ้ามาให้คุณ)
"Words can't say what a love can do"
(ถ้อยคำไม่อาจพรรณนาได้ถึงสิ่งที่ความรักทำได้)
"I'll be there for you"
(ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ)
- I’ ll Be There For You ... Bon Jovi -
ตุลาหันมองเพื่อน ดวงตาคมกล้าตรงหน้าสะท้อนความพอใจอยู่ในที
“กูเห็นนะในกระเป๋า” เขาขยับตัวเข้าไปกระเซ้า
คชาเหลียวหลังกลับไปมองกล่องของขวัญในถุงย่ามมือสองที่ถูกวางไว้บนโซฟา
"เสือก" เขาว่าเสียงเรียบ
บวรนันท์หัวเราะพรืดเดินมาสมทบ "เอาไปให้เลยดิวะ จะรอเหี้ยไร"
ไอ้ตุลย์สำทับ "เออ ก็มึงช้าแบบนี้ไง หมามันเลยคาบไปแดก"
"ไม่ใช่หมาธรรมดานะมึง" หนุ่มนายแบบยกวิสกี้ขึ้นดื่ม "หมาสันดานเสียด้วย"
“มึงก็ว่าน้องเขาแรงไป” คชาเตือน ถึงจะไม่ชอบหน้าเด็กคนนั้นมากนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้ไอ้รินทร์มันรู้สึกแย่ที่เพื่อนๆ มีอคติกับแฟนตัวเอง
“แค่นี้มันยังน้อยไป มีอย่างที่ไหนแฟนอยู่กรุงเทพ แต่ตัวเองกลับเทียวไปเทียวมาภูเก็ตจนเหมือนบ้านหลังที่สองขนาดนี้” ตุลาว่า
“จะว่าไปน้องมันทำของใส่เพื่อนกูป่ะวะ ไอ้รินทร์ถึงหลงโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้” บวรนันท์พูดอย่างพลางม้วนปลายผมตัวเอง
"กูเนี่ย จุดธูปขอสาปแช่งให้พวกมันเลิกกันทุกวันพระเลย" ตุลายกมือขึ้นไหว้ปลกๆ "สาธุบุญ เพื่อนกูจะได้หลุดพ้นซะที"
พวกมันสองคนยังคงคุยกันอย่างออกรส จนการแสดงบนเวทีจบลง บุรินทร์กล่าวขอบคุณลูกค้าพร้อมเก็บกีตาร์ไฟฟ้าให้เข้าที่ บวรนันท์ใช้ข้อศอกแหลมกระทุ้งสีข้างไอ้ตุลย์บุ้ยใบ้ไปทางด้านล่าง ทั้งคู่จึงเงียบกริบเมื่อเห็นเจ้าของหัวข้อสนทนากำลังเดินตรงขึ้นมา
บุรินทร์นั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่เดิม ก่อนกวักมือเรียกพนักงานที่ประจำอยู่บนชั้นสอง “ไอ้แทน เอาเตกิล่าให้กูสองช็อต”
“เป็นมาการิต้าแทนไหมพี่” บริกรร่างเล็กเอ่ยถามเจ้านาย
“ไม่ กูขอเพียวๆ”
แทนไทขมวดคิ้วแปลกใจเพราะปกติเจ้านายตัวขาวไม่พิสมัยเหล้าดีกรีแรงๆ เท่าไร แต่วันนี้กลับสั่งแบบช็อตไม่ผสมอะไรเลย จะถามอีกฝ่ายซ้ำก็กลัวโดนด่า เขาจึงพยักหน้าแล้วทำหน้าที่ตัวเองไป
น้ำสีใสถูกกระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว รสชาติบาดคอจนทำให้บุรินทร์นิ่วหน้า เขาเลียเกลือที่ติดอยู่มุมปาก แล้วเรียกเด็กเสิร์ฟให้ยกเตกีลามาเพิ่มอีกหลายช็อต
“ซดเป็นน้ำเลยนะ ไอ้เวร” คชาเสียงเข้ม
“เป็นไรวะ แดกดุเกิน” บวรนันท์ตักกับแกล้มเข้าปาก
ตุลาหลิ่วตา “บอกพวกกูได้นะเว้ย เพื่อนๆ พร้อมใส่ใจ”
“ใส่ใจหรือว่าเสือกเอาดีๆ” มือขาวขย้ำกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะแล้วปาใส่เพื่อน
ไอ้ตุลย์หลบหวืด “ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละ” มันแลบลิ้นล้อเลียนที่เขาพลาดเป้า
บุรินทร์หน้าง้ำคว้ากระดาษเช็ดปากทั้งปึกปั้นเป็นลูกบอลปาใส่มันอีกรอบ คราวนี้โดนเต็มๆ ไม่มีทางหลบได้
คชามองหน้าใครบางคนที่หัวเราะเสียงดังกว่าเพื่อน มือใหญ่รั้งแขนไอ้คนตัวขาวให้หันมา “เป็นอะไร”
บุรินทร์หยุดหัวเราะ แล้วส่ายหน้า “เปล่า” เขาปฏิเสธก่อนหันหน้าไปสั่งให้เด็กมาเก็บกวาดเศษซากที่กระจายเต็มพื้น
คชาสังเกตว่าคนตัวขาวมีท่าทีแปลกไป บางครั้งมันก็นั่งเหม่อเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนเพื่อนต้องเรียกสองสามครั้งกว่ามันจะหันมา เขาเองก็เป็นห่วงแต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย เขาคงทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่อยากคาดคัดให้มันยิ่งรู้สึกบำลากใจ
ยิ่งดึกคนก็ยิ่งแน่นร้าน ดีเจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นไปสแครชแผ่นด้วยจังหวะเพลงที่เร็วขึ้นเรื่อย ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างออกมาโยกย้ายออกันอยู่หน้าเวที อย่างเช่นไอ้เพื่อนสองคนที่มันควงผู้หญิงลงไปเต้นข้างล่างกันหมดแล้ว เหลือก็แต่คชาที่นั่งขมวดคิ้วมองคนข้างตัวกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ไอ้รินทร์มันเริ่มเมาจนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แถมยังพูดจาอ้อแอ้ฟังไม่รู้เรื่อง
“พอ แดกเยอะแล้ว” มือใหญ่แย่งแก้วของมันไปดื่มซะเอง
“อะไรวะ อยากแดกก็สั่งเองดิ” คนตัวขาวมุ่นคิ้วขัดใจ “ไอ้แทนเอาเบอร์เบิ้นให้กูอีกแก้ว”
“ดะ ได้พี่” เด็กเสิร์ฟประจำร้านละล่ำละลักขานรับเมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศมาคุรอบตัว หมุนกายเตรียมเดินลงไปชั้นล่าง
คชาว่าเสียงเข้ม “ไอ้แทน หยุด! ไม่ต้องให้มันแล้ว”
ร่างเล็กชะงักฝีเท้า หันมาหาเจ้านายร่างยักษ์ พยักหน้าเบาๆ ก่อนเดินเปลี่ยนทิศมาตักน้ำแข็งเต็มให้พี่ช้างแทน
บุรินทร์กระฟัดกระเฟียด “ไปเอามาให้กู”
แทนไทชะงักมือวางที่คีบลงในถังน้ำแข็ง ผงกหัวหงึกๆ หันปลายเท้าเตรียมลงบันได
“ไอ้แทน กูบอกว่ายังไง” เสียงกร้าวดังขึ้น
บริกรหนุ่มหันรีหันขวางเกาท้ายทอยอย่างคนทำอะไรไม่ถูก มองหน้าเจ้านายสลับไปมา เอายังไงดีวะ!
“ถ้ามึงเอามาให้มันอีก มึงเตรียมตัวหางานใหม่ได้เลย” คชาชี้หน้าเอ่ยคำประกาศิต
คนถูกคาดโทษใบหน้าถอดสี “เออ... โทษทีนะพี่ แต่ผมขอตัวไปรับออเดอร์ที่ชั้นล่างก่อนนะครับ” แทนไทลุกลีลุกลนรีบเดินลงบันไดไป บรื๋อ! เขาลูบแขนตัวเอง เวลาพี่ช้างโมโหน่ากลัวชะมัด เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมา โชคดีนะครับพี่รินทร์ ไอ้แทนคนนี้ขอตัวชิ่งก่อน
บุรินทร์มองตามแผ่นหลังเล็กด้วยตาละห้อย คนเมาย่นจมูกงอแงเหมือนเป็นเด็กเล็ก ออกแรงผลักให้ไอ้ตัวขี้ขัดใจออกไปห่างๆ แต่คนที่ทรงตัวไม่อยู่กลับเป็นฝ่ายเสียหลักหงายหลังซะเอง เคราะห์ดีที่คนตัวโตรีบเอื้อมมือคว้าเอวสอบไว้ได้ทันท่วงที
“เกือบหัวฟาดพื้นไหมล่ะมึง” คชาเขกหัวมันเบาๆ
คนเมาสะอึกเอิ๊กอ๊าก ยิ้มหวานหลับตาพริ้มซุกหน้าเข้าอกแกร่ง คชาเลยประคองตัวมันนอนหนุนตัก ถอดเอาเสื้อแจ็คเก็ตออกมาคลุมตัวให้มันเพื่อกันความเย็นจากลมแอร์ มือใหญ่คว้าเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปแล้วส่งเข้าแชทกลุ่ม เขาหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ท่าทางไอ้รินทร์ตอนหลับน้ำลายยืดนี่น่าเอ็นดูฉิบหาย
เสียงเพลงด้านล่างเริ่มซาลง คชาคาดว่าคงใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว ดวงตาคมเห็นไอ้เบียร์ยืนล่ำลาแม่สาวชุดรัดติ้วอยู่ที่ข้างบันได พร้อมกับไอ้เบียร์ที่เดินยิ้มหน้าบานขึ้นมา
"อ้าว ม่อยไปแล้วหรือมึง" ไอ้ตุลย์ถาม
เขาพยักหน้ารับ ก้มลงมองคนบนตัก มันนอนขดตัวเป็นก้อนกลมๆ คล้ายกุ้ง
“กูว่ามึงพามันกลับบ้านไปเถอะ” ไอ้เบียร์ว่า
คชาส่ายหัว “คงไม่ได้ว่ะ วันนี้กูเอาหนูแดงมา” เขาพยักพเยิดหน้าไปทางข้างนอก รถเวสป้าสีแดงรุ่นเจ้าคุณปู่จอดเด่นอยู่ท่ามกลางรถหรูนับสิบคัน
บวรนันท์กลอกตา "ทำไมการ์ดถึงให้มึงเข้ามาวะ" มือบางเก็บปอยผมขึ้นทัดหู
คชายักไหล่ "ก็กูเป็นเจ้าของร้าน" ร่างสูงใหญ่ตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางหมูมะนาวที่ถูกกินไปได้แค่ไม่กี่คำ “จานนั้นพวกมึงไม่กินกันแล้วใช่ไหม งั้นกูขอนะ”
คนทั้งคู่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา ไอ้ช้างมันรวยซะเปล่าแต่ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นยาจก มีแบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิน แต่เสือกไม่มีเงินสดติดตัวสักบาท เสื้อผ้าทั้งตัวก็มาจากร้านขายของมือสองที่จักรตุจักร แถมไม่พอมันยังชอบห่ออาหารที่เพื่อนกินไม่หมดใส่กล่องกลับบ้านอีก
..น่าอนาถใจ..
“งั้นก็ไปรถไอ้รินทร์แล้วกัน ขากลับมึงก็นั่งแท็กซี่เอา” ตุลาสรุปให้
“เออ ก็ได้” ร่างใหญ่ตอบรับ ก่อนยื่นมือแบออกตรงหน้าเพื่อน “ขอค่ารถด้วย”
..ไอ้ห่านี่..
........................................
คชาอุ้มคนเมาไปที่ลาดจอดรถ ร่างสูงใหญ่ก้มมองคนที่นอนตาปรือในอ้อมแขน เจ้าตัวดูไม่ค่อยจะมีสติเท่าใดนักทั้งที่อายุอานามก็ตั้งขนาดนี้ แต่ยังทำอะไรไม่รู้จักลิมิตของตัวเอง
..มันน่าจับตีนัก..
ไอ้ตุลย์ช่วยเปิดประตูให้เขาประคองร่างปวกเปียกไปวางแหมะตรงเบาะข้างคนขับ มือใหญ่บริการคาดเข็มขัดนิรภัยให้มันเสร็จสรรพ พอหันมาอีกทีเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างรถก็เอื้อมมือยัดอะไรบางอย่างใส่กระเป๋าเสื้อ
..ถุงยางอนามัย..
“จะทำอะไรก็รีบทำนะมึง” ไอ้เบียร์ยักคิ้ว
"ทำเหี้ยไร มันเมา" บุ้ยไปที่ไอ้ตัวภาระที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
"เมานั่นแหละดี ทางสะดวก ผัวมันไม่อยู่ มึงก็จัดการรวบหัวรวบหางแม่งเลย" ตุลายิ้มกรุ้มกริ่มมองเพื่อนตัวยักษ์
ร่างสูงถอนหายใจ ตบกะโหลกพวกมันไปคนละที "กูแค่จะไปส่งแล้วก็กลับ ไม่ได้คิดจะทำอะไรมัน ไอ้พวกจังไร" มือหนากำซองเครื่องป้องกันสีเงินส่งคืนเพื่อน ก่นด่าพวกมันอีกสองสามประโยค ก่อนย้ายตัวเองไปเปิดประตูอีกด้าน สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป
เวลาเกือบตีสองรถราบนท้องถนนน้อยจนแทบนับคันได้ แต่คชายังคงเหยียบคันเร่งไม่แรงนัก ด้วยกลัวว่าไอ้คนเมามันจะนอนคอพับคออ่อนจนหัวกระแทกหน้าต่างตายเสียก่อนถึงคอนโด
ร่างสูงใหญ่เหลือบมองคนด้านข้างขณะจอดรถรอสัญญาณไฟ “เมาเหมือนหมาเลยนะมึง” มือใหญ่ลูบแก้มซับสีเบาๆ “คิดมากเรื่องอะไรอยู่วะ”
คนตัวขาวดิ้นขลุกขลัก คิ้วเรียวขมวดอย่างนึกรำคาญยกมือขึ้นปัดคล้ายไล่แมลงวันจนเขานึกมันเขี้ยวดีดจมูกแดงๆ ของมันไปหน แล้วจึงหันหน้ามาตั้งใจขับรถต่อ
กว่าคชาจะทุลักทุเลพาคนเมาขึ้นมาถึงห้องได้ก็เล่นซะเหงื่อตก ถึงเขาจะตัวใหญ่กว่าก็จริงแต่ไอ้ห่านี่มันตัวเล็กเสียที่ไหน อีกฝ่ายควรจะซาบซึ้งใจที่เขาไม่ยอมปล่อยให้มันร่วงลงไปนอนวัดพื้นตอนออกจากลิฟต์ ทั้งที่แขนสองข้างก็อ่อนล้าเสียจนปวดหนึบแต่เขาก็ยังกัดฟันรวบรวมแรงที่เหลือยกตัวมันขึ้นมาอุ้มใหม่
ร่างสูงใหญ่ใช้เท้าปิดประตูห้องนอนแล้วค่อยๆ วางคนตัวขาวลงบนเตียง มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของมันออกเผยให้เห็นชื่อคนรักของอีกฝ่ายเด่นชัดกลางอกขาว
คชาเบ้ปาก “รอยสักเหี้ยนี่ กูโคตรเกลียดแม่งเลย” เขายังจำได้ว่าวันแรกที่มันถอดเสื้อโชว์เพื่อนๆ เจ้าตัวดูภาคภูมิใจมากแค่ไหน
ร่างใหญ่เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดตามโครงหน้าเรียว “รักเขามากถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ” คชาถามออกไปราวกับเป็นเรื่องปกติ
“อืม... อือ”
“รู้เรื่องด้วย?” เขาเอานิ้วจิ้มแก้มมัน มุมปากยกยิ้มเอ็นดู
คนหลับบ่นพึมพำในลำคอไปเรื่อยเหมือนละเมอ พลิกซ้ายพลิกขวาไม่ยอมอยู่เฉย
"นอนนิ่งๆ ได้ไหม" คชารวบแขนขาวไว้เหนือหัว แล้วจึงใช้มืออีกข้างเช็ดไล่ลงมาตามเนื้อตัวขาวจั๊วะ เขายังนึกเสียดายผิวสวยๆ ของมันที่ตอนนี้ถูกจับจองด้วยรอยหมึกจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง
นัยน์ตาคมจ้องมองแผ่นอกเปลือยเปล่าที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกร้อนวูบก็แล่นขึ้นมาที่ส่วนกลางลำตัว คชารีบเบนสายตาไปทางอื่นพยายามยับยั้งความคิดเรื่องลามกในหัว ลุกลี้ลุกลนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนออกมาผลัดเปลี่ยนให้เจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมดึงผ้าหุ้มคลุมตัวให้จนถึงอก
ร่างยักษ์ล้วงเอากล่องของขวัญออกมาจากถุงย่าม "ลำบากกูกว่าจะหามาได้" มือหนาเอื้อมวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง "ฝากเอาไปใช้ด้วยล่ะ อย่าเพิ่งโยนทิ้งซะก่อน"
คชาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโรคจิตถึงขนาดนั่งยิ้มให้กับคนเมาที่นอนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่ม “ไปแล้วนะ” เขายิ้มจาง “ฝันดี... ไอ้ตัวร้าย”
.
.
.
.
.
To be continued
#บุรินทร์สบายดี