ตอนที่ 16 : คลิปหลุด
เช้าที่แสนสดใส ผมยืนรอคุณคนแรกมารับด้วยจิตใจสุขสงบ ก่อนจะถูกทำลายเมื่อสายเรียกเข้าก็ดังขึ้น
แม้จะไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกไว้ แต่ผมไม่ลืมตัวเลขสิบหลักที่เคยโทรหาและรับสายตลอดสองปี
กฤต!
(( พิชญ์ทำอะไรลงไป!! ))
“ห๊ะ” ผมที่ยืนเคี้ยวหมูปิ้งเพลินๆ เกือบจะสำลักเข้าให้แล้ว “นายพูดอะไร ฉันไปทำอะไร”
(( ก็เรื่องคลิปไง!! ))
นานครั้งจะได้ยินกฤตตะโกนดังขนาดนี้ เขาโมโหมาก และเป็นการโมโหแบบไม่ใช่หึงจนสติแตกด้วย
“คลิปอะไร”
(( ก็คลิป...ที่พิชญ์ถ่าย ))
กฤตเอ่ยเสียงเครือ คล้ายกำลังจะร้องไห้ อะไรกันเนี่ย โกรธแล้วร้องไห้ต่อเนี่ยนะ
“ใจเย็นๆ นะกฤต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอออกตัวก่อนว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำ” ผมงงไปหมดแล้ว ถึงอย่างนั้นก็แสดงความบริสุทธิ์ใจไว้ก่อน
(( แต่คลิปนั้นพิชญ์เป็นคนถ่าย!! ))
ต่อจากโกรธ ร้องไห้ ก็คือความเกรี้ยวกราด ขี้หูผมแทบเต้นระบำกับเสียงตวาดของกฤต ผมกดพักสายชั่วคราว เปิดเข้าหน้าเพจของกฤต พบว่ามีคนพูดเรื่องคลิปอะไรก็ไม่รู้เต็มหมด เลยลองเสิร์ชหาดู แล้วก็เจอกับเวปเถื่อนที่ปล่อยคลิปสยิว...จั่วหัวดักว่า ‘คลิปฉาว! พระเอกดาวรุ่งหน้าใหม่เอากับเพศเดียวกัน’
ถึงตอนนี้ผมก็เริ่มมือสั่น เดาออกว่าเป็นคลิปอะไร
เปิดดูแค่สามวินาทีก็กดออกแทบไม่ทัน ชัดแล้ว คลิปนั้นคือคลิปตอนกฤตนอกกายผมไปมีอะไรกับชายชู้!
จะเรียกชายชู้มั้ยก็ไม่เชิง เพราะเป็นแค่การหลับนอนคืนเดียวแล้วแยกย้าย ถึงอย่างนั้นผมก็พร้อมจะสลัดเขาทิ้งทันที ความรู้สึกของการเห็นคนรักกำลังทำรักกับคนอื่น ไม่ใช่อะไรที่น่าปลื้มปิตินักหรอก
รู้ว่าอะไรเป็นอะไรผมก็สูดหายใจเข้าลึก พอดีกับคุณคนแรกที่ขับมารับพอดี
“เป็นอะไร” เขาเห็นผมหน้าซีดมือสั่นก็ชิงถามก่อนเลย
“เรื่องมันยาว” ผมขึ้นมอเตอร์ไซค์คุณคนแรก ต่อหูฟังแล้วรับหมวกกันน็อกมาสวม จากนั้นก็กดเปิดสายกฤตที่พักไว้ ช่วงเวลาที่หายไป กฤตคงจะร้อนใจและด่ากราด เดาจากเสียงตะโกนว๊ากๆ ที่เริ่มจะแหบแห้งภายในเวลาไม่กี่นาที
(( พิชญ์! ยังฟังอยู่มั้ย!!! ))
“ฉันยังฟังอยู่” ผมพยายามจะระงับอารมณ์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหลือเชื่อเกินไป “ถึงจะเชื่อยากไปหน่อย แต่ฉันยืนยัน ฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิป”
(( แต่นายเป็นคนถ่าย!! ))
ผมไม่มั่นใจว่าเสียงตะโกนทะลุแก้วหูนั้นดังไกลไปถึงคุณคนแรกรึเปล่า
“ฉันเป็นคนถ่าย” แต่ถึงเสียงกฤตจะดังไม่ถึง เสียงผมน่ะได้ยินชัดแน่นอน “แต่หลังบอกเลิกฉันก็ลบทิ้ง คลิปบาดตาแบบนี้ใครจะบ้าเก็บไว้ดูเล่น ฉันรู้สึกแย่จนลบคลิปเสร็จก็เอาโทรศัพท์ไปขายทิ้งเลยนะ”
กฤตเงียบไปวูบหนึ่ง เขาย่อมจำได้ว่าผมขายโทรศัพท์เครื่องเดิมไปแล้ว แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าผมจะเอาไปขายทิ้งด้วยเหตุผลว่าเขาเป็นต้นเหตุ
(( งั้นจะเป็นใครได้ล่ะ ))
น้ำเสียงของกฤตฟังสิ้นหวังมาก
“ฉันส่งให้นาย นายคงไม่ได้เผลอให้ใครเห็นใช่มั้ย”
(( เราก็ลบทิ้งแล้วเหมือนกัน ไม่มีใครเคยเห็นแน่นอน ))
“ถ้างั้นก็เหลือคนเดียว” ผมเอ่ย ด้วยสีหน้าฝืนทน แบบที่ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะต้องซัดทอดถึงคนคนนี้
(( ใคร ))
“ภูมิ” ผมหลับตา พิงหน้าซบกับแผ่นหลังของคุณคนแรก “วันนั้น...หลังถ่ายคลิปเสร็จ ฉันส่งไปให้นาย แล้วก็ส่งไปให้ภูมิ”
อย่าลืมสิว่าภูมิเป็นเพื่อนรักผม
“ภูมิสนับสนุนให้ฉันคบกับนายมาตลอด ถ้าจู่ๆ บอกเลิก เขาต้องมาถามแน่ ฉันไม่อยากอธิบาย ไม่อยากพูดถึง ก็เลยส่งคลิปนั้นไป...”
จะโทษว่าผมคิดน้อยก็ได้ แต่พวกคุณครับ ใครเลยจะเชื่อว่าวันหนึ่งกฤตจะผันตัวเป็นดารา และใครเลยจะเชื่อว่าภูมิจะบ้าขนาดเอาคลิปโพสลงโซเชียล
เขาทำไปเพื่ออะไร
คำตอบนั้น...เกรงว่าจะเดาได้ไม่ยาก
“ขอโทษนะกฤต”
เจ้าของชื่อพูดอะไรไม่ออก เป็นสถานการณ์ที่หาคนโทษยาก ผมส่งคลิปให้เพื่อนรัก ก็สมเหตุสมผลดีไม่ใช่เหรอ และคลิปนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเขาไม่นอกกายผมก่อน
กฤตตัดสายทันที
ความสัมพันธ์กับแฟนเก่ารอบนี้น่าจะย่ำแย่ที่สุด
ผมโทรหาภูมิต่อ
แน่นอนว่าเขาปิดเครื่อง
ไม่ได้การแล้ว ผมกระตุกเสื้อคุณคนแรกหลายทีจนเขาแวะจอดข้างทาง
“ขอโทษนะ แต่วันนี้ฉันคงปิดร้าน นายไปก่อนเถอะ” แม้จะไม่ใช่คนปล่อยคลิป แต่ผมก็มีส่วน คงอยู่เฉยไม่ได้หรอก โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ลูกค้าน้อยกว่าวันเสาร์อีก
“จะไปไหน”
ผมอึกอัก จะบอกได้ยังไงล่ะว่าไปบ้านของภูมิ
ไม่รู้ว่าไอ้ที่พูดอธิบายกับกฤตนั้นเขาจับใจความได้แค่ไหน เพราะคุณคนแรกน่าจะยังไม่เห็นคลิป
“เดี๋ยวไปส่ง”
“จะดีเหรอ” ผมเกรงใจ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
“รีบไม่ใช่เหรอ เร็วสิ”
กลายเป็นโดนเขาเร่งซะงั้น ผมบอกที่อยู่ของภูมิ คุณคนแรกก็ขับมอเตอร์ไซค์ทันที ความเร็วนั้นเล่นเอาต้องกอดเอวเขาแน่น หลับตาปี๋ ร้องโอดครวญในใจ
โอย ถึงจะรีบก็ไม่ต้องบิดคันเร่งขนาดนี้ก็ได้!
บ้านของภูมิเป็นตึกแถวราคาปานกลาง
ชั้นแรกเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่พ่อของเขาดูแล ข้างหน้าเป็นร้านข้าวแกงที่แม่ของภูมิทำเองกับมือ ไปถึงผมก็ยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ก่อนจะถามหาไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทันทีโดยไม่คิดเกริ่นให้มากความ
พ่อกับแม่ภูมิน่ะชินแล้วกับการที่ผมกับภูมิไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยขี้เกียจถามว่าไปทำอะไร เพราะแต่ละครั้งแทบจะได้คำตอบไม่ซ้ำกันเลย
“อ้าว ภูมิไม่ได้ไปกับพิชญ์เหรอ เห็นมันเก็บของไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นึกว่าไปค้างกับพิชญ์ซะอีก”
พ่อแม่ของภูมิยังไม่รู้ว่าผมเปิดร้านชานมไข่มุก คงยังคิดว่าแม้เรียนจบแล้ว แต่ผมยังเที่ยวเล่นเป็นบ้าเป็นบอกับลูกชายของพวกเขา
“ภูมิไม่ได้มากับผมนะครับ”
“งั้นพ่อก็ไม่รู้แล้วล่ะ เจ้านั่นมาถึงก็บอกว่าจะค้างที่อื่นสักหลายวัน แล้วก็หายหัวไปเลย”
เป็นคำตอบที่...ไม่ผิดจากที่คิดเท่าไหร่ ถ้ามันอยู่ก็นับว่ากล้ามาก เพราะภูมิน่าจะรู้อยู่แล้วว่าหากคลิปถูกเผย ผมต้องโดนกฤตสงสัย และผมจะรู้ตัวการได้ไม่ยาก ในเมื่อคนที่มีคลิปในครอบครองมีแค่สามคนเท่านั้น
และสิ่งแรกที่ผมทำเมื่อเห็นหน้ามันคืออะไรน่ะเหรอ
ไม่พ้นต่อยซ้ายต่อยขวา อัดสักยกแล้วค่อยคุย!!
“พอเดาได้มั้ยครับว่าภูมิไปค้างที่ไหน”
“ไม่รู้หรอก ปกติเราสองคนตัวติดกันจะตายไม่ใช่เหรอ ถ้าพิชญ์ไม่รู้ พ่อก็ไม่รู้แล้ว”
ขอย้ำอีกครั้ง ในสายตาคนนอก ทุกคนเข้าใจว่าผมกับภูมิเป็นเพื่อนรักกัน
แต่ถ้าขยายความสักนิด จะพบว่าภูมิเป็นฝ่ายตามพบ เกาะติดผม ฉะนั้นเมื่ออยู่ในจุดที่ถามว่าแล้วไอ้ภูมิอยู่ไหน สมองผมพลันว่างเปล่า นึกอะไรไม่ออกเลย
มาเสียเที่ยวจนได้
ผมเข้าเฟซไอ้ภูมิ พบว่ามันลบทิ้งไปเรียบร้อย นี่มันจงใจหนีความผิดชัดๆ แล้วผมทำอะไรได้มั้ย ก็ไม่ได้ไง
เจ็บใจชะมัด!
“กลับกันเถอะ” ผมหันพูดกับคุณคนแรกด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด เคืองตัวเองที่เพิ่งมารู้ตัวว่า...ผมแทบจะไม่รู้จักเพื่อนคนนี้เลยนอกจากมันติดการพนัน และชอบยืมเงินกันเป็นว่าเล่น นี่สินะ ผลเสียของการถูกตามใจจนเคยตัว แต่ไหนแต่ไร ผมเป็นฝ่ายนั่งเฉยๆ รอให้คนอื่นเข้าหาตลอด พอมาถึงจุดที่ต้องเป็นฝ่ายตามหาบ้าง บอกตรงๆ...หัวโล่งมาก!
“อย่าหน้างอสิ” คุณคนแรกใช้นิ้วโป้งลูบแก้มผมเบาๆ
“คำขอนี้ยากจังเลย”
คุณคนแรกเปลี่ยนมาลูบหัวผม พลันอารมณ์สงบลงมานิดหน่อย และพอกลับมาถึงหน้าร้านชานมไข่มุกตอนแปดโมง เงาร่างสูงโปร่งคุ้นตาก็ทำให้ผมอยากจะขยี้หัวให้ยุ่งกระเซิง
กฤต!
“พิชญ์!!” กฤตไม่พูดพร่ำทำเพลง เห็นผมปุ๊บก็ไม่รอให้ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ดี ปราดเข้ามาด้วยสีหน้าหาเรื่องแบบหัวร้อนเต็มที่ คุณคนแรกเห็นท่าไม่ดี เตรียมยกแขนขึ้นบัง แต่ขอโทษนะครับ ผมยกเท้าถีบเปรี้ยงเข้ากลางอกฤตที่โผมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ
กฤตผงะถอยไปหลายก้าว เห็นผมเดินลงจากรถมอเตอร์ไซค์โดยที่ยังไม่ถอดหมวกกันน็อก ดัดนิ้วกำหมัดพร้อมลุย ก็เพิ่งได้สติว่าแม้ผมจะตัวเล็กกว่าเขา ผอมเพรียวปลิวลม แต่ก็เคยเรียนศิลปะการต่อสู้หลายแขนง แม้จะไม่ถึงขั้นสำเร็จวิชาสูงสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับเตะต่อยคนธรรมดา
คนโกรธจนคลั่งถอยหลังชิดประตูเหล็กม้วนร้านผมทันควัน อีกนิดแทบจะยกมือไหว้
“พิชญ์ เดี๋ยว ใจเย็นนะ”
“นายนั่นแหละที่ต้องใจเย็น” เห็นเขามีอารมณ์คุยกันดีๆ ภาษาคน ผมก็ถอดหมวกกันน็อกส่งคืนให้คุณคนแรก...ซึ่ง...มองผมด้วยสายตาประหลาดใจสุดขีด ตายละไอ้พิชญ์ จีบกันมาเกือบสองเดือน เผยแต่มุมน่ารักอ่อนหวาน(?) เจอมาดนี้เข้าไป คุณคนแรกคงไม่ปอดแหกวิ่งหนีไปหรอกนะ
ผมเหลือบมองคนที่กำลังศึกษาดูใจอย่างกังวลเล็กน้อย เห็นคุณคนแรกยังไม่ไปไหน ก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ใจเย็นรึยังกฤต ถ้าเย็นแล้วก็คุยกันดีๆ อย่าใช้กำลัง”
“ครับ” กฤตกลืนน้ำลายก่อนตอบ และนั่นทำให้ผมเพิ่งสังเกตว่าทำหน้าโทรมอย่าบอกใคร เหมือนเพิ่งร้องไห้มา สภาพสิ้นหวัง หมดหนทาง ความสงสารพลันกัดกินขึ้นมาในใจ
“เราแค่อยากจะถามพิชญ์ว่า...ภูมิอยู่ไหน เราติดต่อไม่ได้เลย”
“มันปิดเครื่อง ปิดช่องทางการติดต่อทุกทาง นี่ฉันก็เพิ่งไปบ้านมันมา แต่ไอ้ภูมิไม่อยู่บ้าน เก็บข้าวของหนีหายไปไหนไม่รู้”
“เชี่ย!”
“ฉันจะพยายามหาตัวภูมิให้ แต่นายก็รู้ใช่มั้ย ว่าถึงหาเจอ...คลิปนั้นก็ถูกปล่อยไปแล้ว”
“รู้สิ! เพราะรู้ ถึงได้อยากหาตัวคนทำ!!! เพราะเราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว!!!!” กฤตตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้คุณยายร้านปักเสื้อชะโงกหน้ามาดู
ผมรีบยิ้มประจบว่าไม่เป็นอะไร คุณยายเองก็ทำสัญลักษณ์โอเค มองระหว่างกฤตกับคุณคนแรกด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย น่าจะเข้าใจผิดแล้วว่าผมกำลังมีปัญหารักสามเส้า...
“ฉันขอโทษ”
“ไม่ พิชญ์ นายไม่ผิด แต่เพราะ...เพราะ...แม่งเอ๊ย!!” กฤตตวาดอย่างหัวเสีย ก่อนจะเตะใส่ประตูเหล็กม้วนของผมดังโครม แน่นอนว่าประตูไม่สะดุ้งสะเทือน แต่กฤตลงไปกุมเท้าเจ็บมาก
ผมละไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นายกลับไปก่อนเถอะ อยู่ตรงนี้นานๆ ใช่ว่าจะดี” ผมเอ่ย เพราะเสียงตะโกนของกฤตทำให้ร้านค้าแถวนี้เริ่มชะโงกหน้าดู แม้คุณยายจะถอนตัว แต่ใช่ว่าร้านถ่ายเอกสาร ร้านอาหารตามสั่ง และลูกค้าบางส่วนที่ต่อแถวร้านชานมไข่มุกตรงหน้าปากซอยจะมองผ่าน แม้เขาจะเป็นดาราหน้าใหม่ ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่เกรงว่าในตอนนี้...คงไม่มีใครไม่รู้จักกฤตแล้วละมั้ง
ในฐานะพระเอกหนังโป๊
กฤตรีบสวมผ้าปิดปากทันที เขายังฟึดฟัดโมโห แต่ไม่รู้จะเอาไปลงกับใคร ตัวการก็หนีหาย จะโทษผมก็ไม่ได้อีก
“ถ้าเจอภูมิแล้วบอกด้วยนะ”
“อืม”
นี่แหละครับผมกับแฟนเก่า
ไม่ต่อยกันตายก็บุญโขแล้ว
กฤตเดินออกไปหน้าปากซอยแล้วเรียกแท็กซี่ ส่วนผมเปิดร้านชานมตามปกติ คุณคนแรกเองก็ยังยืนอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือลงจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ลากไปจอดริมทางแล้ว
ผมตัวเกร็งนิดหน่อย ถ้าเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องยาวละทีนี้ ใช่ว่าอยากปกปิด แต่ผม...ไม่รู้จะเล่ายังไง ผมเล่าเรื่องส่วนตัวไม่เก่งน่ะครับ
“ลูกถีบสวยนะ”
แต่คุณคนแรกยังอ่านอารมณ์เก่งเหมือนเดิม
“ขอบคุณ”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก” คุณคนแรกทำท่าโทรศัพท์ “อยากไปไหนก็โทรมา คิดซะว่าเป็นไลน์แมน”
คนกวนหน้าตายก็ดีแบบนี้ อย่างน้อยก็ทำให้ผมยิ้มออกในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะยิ้มได้
“ขอบคุณ...ฉันหมายถึง ขอบคุณมาก มาก”
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ขอบคุณที่ไม่ถามซอกแซก ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
“ยินดีเสมอ”
-------------------
ตอนนี้ก็เผยมุมอีกด้านของพิชญ์นะคะ สมกับที่เรียนมาเยอะ จนทุกคนหัวหมุนตามไม่ทัน ตอนวัยรุ่นพิชญ์นี่แสบจริงๆ ขอย้ำค่ะ
แต่ถึงแสบแค่ไหน พออยู่กับคุณคนแรก ก็กลายเป็นคนน่ารักๆ ขี้เขินคนนึงเนอะ
#ผมกับชานมไข่มุก
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja