- โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12  (อ่าน 48000 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แก้มแทบแตก อยากจะร่วมปิดปากกรี๊ดไปกับสาว ๆ แถวนั้น ฮา

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ดีใจกว่าเค้าจีบกันออกหน้าออกตาก็ตอนได้รุ้ชื่อหระเอกนี่ล่ะ :laugh:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
         สวัสดีคะ นายเจตน์ลูกพ่อจ้อย อิอิ

ในที่สุดก็รู้จักชื่อพระเอกเเล้ว

แถวยังมาจีบกันต่อหน้าลูกค้าอีก อยากประกาศ

ความเป็นเจ้าของซินะคะคุณคนแรก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อยากกรี๊ด เปิดง่ายๆซะงั้น

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สวัสดีคุณเจตน์ อ่านมา20ตอน ได้รู้ชื่อคุณคนแรกสักที 55555

ออฟไลน์ aishiteru.

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ัร้าน JOY มาจาก จ่อย
และมีเจตเป็นเจ้าของร้านแน่ๆๆๆๆๆ
มันต้องใช่ 5555
ซื้อหวยต้องถูกแล้วนะแบบนี้
ลุ้นๆๆๆ //โดนนักเขียนไล่ออกไปเล่นที่อื่น

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ได้รู้ชื่อพระเอกแล้วเรา //ตอนที่ 20 เลยอ่ะคุ๊ณณณณณ :-[

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากจะหวีดดังๆ เขาแนะนำตัวกันแล้วค่ะคุณขาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
สนุก น่าร้ากกกก

แต่แอบสงสารกฤต กำลังรุ่งแท้ๆ
นิสัยกฤตก็เป็นคนดีคนนึงนะ แง นางมีคู่ไหมค้า

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ผ่านไป 20 ตอน ในที่สุดคุณคนแรกก็เผยนามออกมา แถมออกตัวแรงว่าจีบพ่อค้าชานมดักหน้าสาวๆ ซะอีก.

พี่แกร้ายยยยยย.  :laugh:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 21 : การกลับมาของภูมิ


      ผมจำไม่ได้แล้วว่าวันนั้นคุณคนแรกเดินกลับไปตอนไหน

      รู้แต่ว่าหลังพูดจบก็ก้มหน้างุดๆ สติแทบไม่มี ลูกค้าสาวๆ สั่งอะไรก็ทำตามด้วยสภาพสมองเลอะเลือน ยิ่งพอคุณคนแรกมารับช่วงปิดร้าน ก็ยิ่งตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ เขายิ้มล้อพอเป็นพิธี ก่อนจะทำเหมือนเดิมในทุกวัน พาไปกินข้าว เดินเล่น จนสุดท้ายผมก็หายเกร็งในที่สุด

      อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าคุณคนแรกชื่อเจตน์

      ซึ่งดีกว่าชื่อจ่อยเยอะเลย

      ได้รู้จักกันมากขึ้น แม้จะทำทุกอย่างเหมือนเดิม แต่บางอย่างระหว่างเราคล้ายจะใกล้ชิดมากขึ้นอย่างไรชอบกล

      ที่น่าตลกคือกลุ่มสาวๆ ในวันนั้นกลายเป็นลูกค้าประจำผมซะงั้น แม้ว่าโปรโมชั่นโชว์ภาพลดสิบบาทจะหมดไปแล้วก็ตาม

      พวกเธอมักจะชะโงกหน้ามองหาคุณคนแรก บางครั้งก็ถึงถามผมตรงๆ ว่าอีกคนไปไหน ผมน้ำตาแทบไหล คุณลูกค้ามาเพราะชานมหรือเพราะอะไรกันครับ แต่ก็ไม่กล้าขัดพวกเธอนัก ตามตรงก็ตอบตรง ‘ว่าไม่รู้ครับ แต่เดี๋ยวเขาก็มาเอง’

      เป็นคำพูดที่ช่างมั่นใจแกมน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก แต่พวกเธอดันชอบใจซะงั้น บางครั้งเวลาคุณคนแรกมาก็จะยอมให้ลัดคิวแต่โดยดีด้วย ตอนผมเช็กแทกของเพจ บางครั้งก็เจอกับเรื่องเล่าของสาวๆ ที่เหมือนจะเป็นฟิคในจินตนาการมากกว่าความจริง ชักชวนให้กลุ่มคนที่ชื่นชอบอย่างเดียวกันตามมาดูให้เห็นกับตา

      รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของแปลก แม้จะนึกขอบคุณที่พวกเธอไม่รังเกียจ แต่ก็อยากจะให้เคารพความเป็นส่วนตัวสักนิดเหมือนกัน...ยังดีตรงที่เจตน์นั้นเป็นพวกนิ่งขรึมชอบทำหน้าตาย เลยไม่ค่อยมีคนกล้ายุแหย่อะไรเขานัก ส่วนใหญ่มาหนักที่ผมนั่นแหละ

      คงรับรู้ถึงความลำบากใจของผม หลังจากนั้นเจตน์ก็เปลี่ยนเวลามาหา จากช่วงเช้าก็เปลี่ยนมาช่วงบ่ายแทน พวกสาวๆ มาเก้อหลายวันเข้าก็เริ่มห่างหายไปทีละคนสองคน แม้ลูกค้าจะลด แต่ผมกลับสบายใจมากกว่าเพราะอยากให้ติดชานมมากกว่าติดอย่างอื่น อีกอย่างการโดนถามว่าคบกันรึยังเนี่ย ค่อนข้างละลาบละล้วงเกินไปนิด ผมไม่ใช่คนชอบเล่าเรื่องตัวเองให้คนไม่สนิทฟังอยู่ด้วย จะประชดกลับก็ทำไม่ได้ พอคนน้อย กำไรลด ผมกลับแทบสวดมนตร์ขอบคุณฟ้าดิน

      ยังไงก็ตาม หญิงสาวคนแรกที่ถ่ายรูปผมก็ยังเป็นลูกค้าประจำแม้จะไม่เจอเจตน์แล้วก็ตาม สาวๆ บางคนก็มาบ้างไม่มาบ้าง คุณยายร้านปักร้านยังอดแซวไม่ได้ว่าผมเนี่ยเนื้อหอมทั้งหญิงและชายเลยนะ

                ได้ยินแล้ว...ก็ทำหน้าไปไม่เป็น

      สรุปแล้วร้านชานมของผมยังคึกคักดี จำนวนคนกดไลค์เพจก็พุ่งทะลุห้าพันแล้ว นับเป็นการเติบโตในระดับน่าพอใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น...ต้องขอบคุณรูปถ่ายยิ้มแฉ่งนั่นด้วยละนะ

      ส่วนผมกับเจตน์ก็ยังศึกษาดูใจกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหมือนเดิม ผมอาจเป็นคนใจร้อน แต่ไม่ใช่คนที่ชอบความสัมพันธ์แบบรีบร้อน ช่วงหลังมานี้ก็เริ่มเล่าเรื่องตัวเองมากขึ้น ทั้งเรื่องพี่ชาย เรื่องสมัยเรียนมหาลัย และเรื่องไอ้ภูมิ

      ครับ วันหนึ่งผมก็เล่าเรื่องภูมิ และเหมือนเป็นคำสาป เพราะในเย็นวันนั้นเอง...

      ไอ้ภูมิกลายมาเป็นเพื่อนข้างห้องผมซะฉิบ!!

      “มึงมาได้ไงวะ” ผมชี้หน้าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่ยืนกุมมืออย่างเจี๋ยมเจี้ยมหน้าประตู

      “แฮะ...โดนเจอตัวซะแล้ว”

      มาฮงมาแฮะอะไร พูดแบบนี้แสดงว่ามันย้ายมาอยู่สักพักแล้วงั้นสิ

      “มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

      “ก็ราวๆ สัปดาห์ก่อน”

      ผมถึงกับตบหน้าผากตัวเอง นึกสงสัยว่าทำไมไม่เคยสังเกตข้างห้องที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เลย คงเพราะผมไม่ใช่คนสอดรู้ คงเพราะผมออกจากห้องแต่เช้าตรู่ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่นมืดค่ำ เลยไม่ทันสังเกตว่าคนคนนั้นคือไอ้ภูมิ และคงจะไม่มีทางรู้ ถ้าในวันนี้ไม่กลับเร็วกว่าปกติเพราะเจตน์เล่าว่าวันนี้เป็นวันเกิดน้องสาว

      ครับ ผมเริ่มเล่าเรื่องตัวเอง เจตน์ก็เริ่มเล่าเรื่องของเขาเหมือนกัน ครอบครัวของเจตน์ประกอบด้วยพ่อ ตัวเองเขาเอง และน้องสาวที่ห่างกันห้าปี แม่ของเจตน์เสียหลังคลอดน้องไม่กี่ปี แม้จะไม่พูดอะไรเรื่องครอบครัวผมนัก แต่จากท่าทางของและสายตาเวลามองผม คล้ายจะสื่อเป็นนัยๆ ว่า...ดีแล้วที่อย่างน้อยผมยังมีแม่

      นึกแล้วก็แอบสะทกสะท้อนในใจ ผมโทรรายงานตัวกับแม่ทุกวันแต่ไม่กล้าคุยนานมากเพราะกลัวโดนถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ ร้านชานมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ระยะเวลาที่ทอดยาวคือการพิสูจน์ตัวของผม แต่ก็ไม่รู้ว่าสำหรับแม่นั้นจะเป็นการทรมานใจกันรึเปล่า ผมเริ่มคิดหาวิธีให้แม่สบายใจนับจากวันนั้น ก่อนจะพบว่า...แม่ชิงตัดหน้า ส่งคนมาเฝ้ากันซะงั้นหลังหนีออกจากบ้านครบหกเดือน

      ซึ่งก็คือไอ้ภูมิเจ้าเก่าเจ้าเดิม

      “กูเคลียร์กับกฤตแล้วนะ” โดนผมจับได้ ไอ้ภูมิก็รีบเล่าว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น “โดนต่อยไปหลายที โชคดีที่ไม่ถึงขั้นแจ้งความ แลกเปลี่ยนกับหาว่าใครคือคนที่ซื้อคลิปไป และต้องคอยแจ้งลบคลิปทุกครั้งเวลาที่เห็น ถ้าใครดื้อก็เตรียมฟ้องร้องกันเต็มที่”

      หลังคลิปหลุด กฤตก็เก็บตัวเงียบ เจ้าคลิปตัวปัญหาเองก็โดนไล่ลบจนแทบไม่มีใครกล้าปล่อยจนกระแสเริ่มซาลง ที่แท้เป็นฝีมือไอ้ภูมินี่เอง

      “ส่วนเรื่องหนี้พนัน...” ภูมิยิ้มแห้ง “กูไปหาแม่มึงแล้ว สารภาพหมดเปลือก โดนเทศน์หนึ่งวันเต็มๆ พร้อมเงินหนึ่งก้อน กูล้างหนี้ทั้งหมดก่อนจะไปสารภาพกับพ่อแม่ โดนตีก้นด้วย ยังเป็นรอยแดงอยู่เลย มึงอยากดูมั้ย”

      “ไม่อยากโว้ย” ผมแทบจะยกเท้าถีบคนที่เอี้ยวตัวคล้ายจะหันหลังถอดกางเกงโชว์

      “เพื่อแลกกับหนี้ที่แม่มึงช่วยใช้ให้ เขาขอให้กูมาอยู่เป็นเพื่อนมึงจนกว่าจะกลับบ้าน แต่กูกลัวมึงยังโกรธอยู่ เลยมาเช่าห้องข้างๆ รอรวบรวมความกล้าแล้วจะโผล่หน้ามาทักทาย...”

      “ระหว่างนี้ก็แอบสอดส่องกู เก็บข้อมูลกูไปรายงานแม่อีกรึเปล่า” ผมจ้องจับผิดเต็มที่

      “ไม่ กูไม่กล้าทำแล้ว และแม่มึงก็ไม่กล้าให้กูทำแล้วด้วย คือ...กูเล่าไปหมดเลยว่ามึงรู้อะไรบ้าง และทำไมถึงหนีออกจากบ้าน”

      ผมหันขวับทันควัน สิ่งที่ผมไม่กล้าเล่า ไม่กล้าบอกกับใคร ไอ้ภูมิดันปากโป้งจนหมด

      แต่ก็ใช่ว่าจะเลวร้าย

      แม้ภูมิจะรู้ไม่หมดว่าแม่คือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องกฤตและย้ายผมออกจากแผนกการเงินก็ตาม แต่ถ้ายกคำพูดที่ว่าผมหนีออกจากบ้านเพราะทุกคน แม่ก็น่าจะเดาได้ว่าผมรู้ทุกอย่างแล้ว

      “แล้วแม่กูว่าไง”

      “ก็ส่งกูมานี่ไง แต่ไม่ต้องรายงานแล้ว เรื่องมึงกับผู้ชายคนนั้นก็ปล่อยไป เขาแค่ส่งกูมาเป็นเพื่อนมึงเฉยๆ จะได้ไม่เหงา”

      ผมลูบหน้า ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมายังไง มันทั้งโล่งใจและเสียใจ เพราะแม่เริ่มจะปล่อยผม เริ่มจะเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงแบบตามปกป้องดูแลทุกย่างก้าวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นตอนรู้ความจริง ไม่รู้ว่าท่านจะน้ำตาตกบ้างรึเปล่าที่เป็นหนึ่งในสาเหตุให้ผมหนีออกจากบ้าน ทั้งที่รักมากและโอ๋มากแท้ๆ...

      ถึงว่าสิช่วงหลังมานี้ไม่เคยถามเลยว่าจะกลับเมื่อไหร่

      ผมร้อนตัวไปเองทั้งนั้น

      แต่ไม่ว่าจะคิดมากหรือไม่ ผมก็ควรจะ...ทำตัวเป็นลูกที่ดีสักหน่อย

      ผมตั้งใจว่าสุดสัปดาห์นี้จะแวะไปหาพวกท่านที่บ้าน แค่แวะไปหา แต่ไม่ได้นอนค้าง ไปดูให้เห็นว่าผมยังสุขสบายดี ก่อนหน้านี้ที่ไม่กล้าไปก็ด้วยจะกลัวโดนรั้งให้อยู่ยาวพ่วงโดนค้านเรื่องร้านชานม แต่ในเมื่อทุกคนรู้ความจริงก็น่าจะเลิกแล้วละมั้ง

      “แล้วนี่มึงมีเงินจ่ายค่าเช่าห้องด้วยเหรอ”

      “กูก็พอมีเงินเก็บอยู่หน่อยๆ แต่ว่าจะหางานทำเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีกิน แค่จ่ายหนี้ให้กูก็เกรงใจจะแย่ ให้ไปแบมือขอเงินแม่มึงอีกไม่ไหวหรอก กับพ่อแม่ตัวเองกูก็ไม่กล้า ถ้าแค่ดูว่ามึงยังสบายดีมั้ย แอบส่องตอนเช้ากับตอนเย็นก็พอ”

      “งั้นกูจ้างมึง”

      “เอาจริงดิ!?” ภูมิทำหน้าเหวอ

      “ให้วันละสามร้อย ตกเดือนละเก้าพัน มึงไหวมั้ยล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ากูไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างเยอะหรอกนะ”

      “ไหวดิไหว” ไอ้ภูมิรีบพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะยิ้มซื่อ ทั้งที่หน้ามันโฉดเหมือนพวกนักเลง แต่ความจริงแล้วมันค่อนข้างซื่อบื้อ เป็นเพื่อนที่คอยตามเกาะผม ถามว่าจะทำอะไรต่อแล้วก็บอกโอเค! พร้อมลุยไปด้วยกันคนนั้น “ได้อยู่กับมึงอีกครั้งกูก็ดีใจแล้ว”

      “มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั้ย” ผมลูบแขนตัวเองที่ลุกพรึ่บ

      “คิดเชี่ยอะไรล่ะ” ไอ้ภูมิรีบปฏิเสธเสียงหลง

      พวกเราเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสี้ยววินาทีนั้นเรียกความรู้สึกเก่าๆ ช่วงที่มันยังไม่ติดพนันให้หวนคืนมา แม้ว่าภูมิจะเกาะติดเพราะได้เงินค่าจ้างและหวังประโยชน์ก็เถอะ แต่ถึงอย่างนั้น...

      ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเราก็เรียกเต็มปากเต็มคำว่าเพื่อน

      ผมเหมือนได้เพื่อนคนเดิมกลับมาแล้ว

      





      เช้าวันต่อมา คุณคนแรกถึงกับค้างในท่าส่งหมวกกันน็อกให้เมื่อเห็นใครอีกคนยืนถือหมูปิ้งอยู่ข้างหลังผม

      “ลูกจ้างคนใหม่ของฉันเอง” ผมอธิบาย ก่อนจะผายมือช่วยแนะนำตัว “ชื่อภูมิ”

      คุณคนแรกพยักหน้าหนึ่งทีเป็นเชิงยินดีที่ได้รู้จัก แม้พวกเขาจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาสักพักแล้วก็ตาม

      “ส่วนไอ้ภูมิ นี่เจตน์”

      “แฟนมึง?”

      “คนคุยโว้ย” ผมหันไปต่อยต้นแขนมันหนึ่งที อยู่กับมันทีไรไม่รู้ทำไมชอบลงไม้ลงมือทุกที

      “เขินแล้วมือหนักนะมึง”

      “เงียบแล้วปั่นจักรยานไปเลย” เพราะผมนั่งมอเตอร์ไซค์กับเจตน์ เลยยกจักรยานให้ภูมิเป็นการประหยัดค่าเดินทาง

      หันมารับหมวกกันน็อกมาสวม ผมก็ยื่นให้คุณคนแรกช่วยรัดสายใต้คางให้ ไอ้ภูมิโห่แซวอยู่ข้างหลัง ผมเลยยกนิ้วกลางแจกหนึ่งที

      “อยู่กับเพื่อนแล้วร่าเริงสดใสดีนะ”

      ไม่รู้ว่านั่นเป็นคำชมหรือประชด ผมเลยตอบตามจริง

      “รู้จักกันมานาน สันดานเลยออก”

      เจตน์หลุดหัวเราะพรืด ทำให้ผมพลอยยิ้มตามไปด้วย สวมหมวกกันน็อกเสร็จก็ไปนั่งซ้อนหลัง ที่น่าตลกคือ...ความเร็วเวลาไอ้ภูมิปั่นจักรยาน แทบจะเทียบเท่าเจตน์เวลาขี่มอเตอร์ไซค์

      “สงสัยกูถึงร้านก่อนแน่ๆ เลยว่ะ” ไอ้ภูมิทำหน้าล้อเลียนระหว่างรอสัญญาณไฟแดง

      “งั้นเอากุญแจไป” ผมโยนกุญแจเปิดร้านให้ง่ายๆ ภูมิแอบเหวอ แต่ก็แบมือรับกุญแจ “ฝากด้วยนะ เพื่อนรัก”

      ผมยิ้มแฉ่ง ไอ้ภูมิสบถหัวเสียนิดหน่อย แต่พอไฟเขียวมันก็ปั่นนำไป ส่วนผมเกาะเอวคุณคนแรก ฮัมเพลงอย่างสุขกายสบายไปทั้งใจ

      “อารมณ์ดีเชียว” คุณคนแรกอดแซวไม่ได้ และก็ต้องยอมรับว่าวันนี้ผมคึกคักกว่าทุกวันจริงๆ

      “แล้วไม่ดีเหรอ”

                  ผมวางคางกับบ่าของเจตน์ กระซิบข้างหูเพราะกลัวเขาไม่ได้ยิน โปรดนึกภาพว่า...ผมกำลังกระซิบข้างหูที่มีหมวกกันน็อกกั้นอยู่น่ะ

      “ดี” เขาเอ่ย จงใจขับช้ากว่าเดิมเพราะไม่ต้องรีบไปเปิดร้านแล้ว “แต่ก็ไม่ดี”

      “เอาอย่างไหนกันแน่” ผมขมวดคิ้ว

      “มีก้างขวางคอมาเพิ่ม จะดีได้ยังไง”

      ผมหัวเราะก๊าก ก่อนจะกอดเอวเขาแน่นขึ้น สื่อกลายๆ ว่าอย่างภูมิน่ะเหรอจะขวางคออะไรผมได้ ไม่มีวันซะหรอก!

      -------------------

   ภูมิกลับมาครั้งนี้ไม่มาม่าค่ะ มาอย่างสำนึกผิดแล้ว มาเป็นเพื่อนพิชญ์ช่วยกันขายชานม และมาเพื่อเหม็นความรักค่ะ 555555

    #ผมกับชานมไข่มุก
   
   
   
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตลกความขับมอ'ไซด์ช้ากว่าคนขี่จักรยานของคุณคนแรก ฮา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกมาก ชอบบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แนะนำตัว รู้ชื่อ อายุ สถานะ กันแล้ว
แต่เจตน์ ไม่เห็นบอกอาชีพให้พิชญ์รู้เลย
แอบคิดว่าเจตน์เป็นเจ้าของร้านชานมดังปากซอย แห่ะๆ
เรื่องล้อชื่อพ่อชื่อแม่มีมาทุกยุคสมัยจริงๆ นี่ก็โดนมากับตัว  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ขำคุณคนแรก  โอ๊ะ คุณเจตน์ เค้าเผยชื่อเสียงเรียงนามแระ

แต่อย่างคุณเจตน์ ก้างขวางคอคงไม่ใช่อุปสรรคสินะ  :laugh:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กลับตัวกลับใจได้ก้ดีนะอย่าไปเล่นอีกล่ะพนัน อยู่กับเพื่อนอ่ะดีแล้ว

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณเจตน์จีบอีกกกกกกกกกก จีบกันอีกๆๆๆๆ ขอร้องงง  :impress2:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

เย่ๆๆน้องพิชญ์จะได้ไม่เหงาแล้วมีทั้งแฟนทังเพื่อน
ร้านชานมไข่มุกจะได้ครึกครื้น

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ

   เพราะภูมิหน้าค่อนข้างโฉด ผมกลัวเสียลูกค้า เลยปริ้นภาพหน้ากากฮีโร่พิชพิชจากร้านถ่ายเอกสาร จากนั้นก็ตัดเป็นวงกลม เอาเชือกร้อย แล้วบังคับให้มันใส่ไว้

   ผลตอบรับออกมาดีทีเดียว ทุกคนเห็นแล้วพากันขำกับผู้ชายตัวใหญ่ใส่หน้ากากกระดาษลายฮีโร่พิชพิช แม้ไอ้ภูมิจะบ่นพึมพำไม่หยุดว่าหายใจไม่ออกก็ตาม พอมีคนช่วยรับออเดอร์ ช่วยคิดเงิน ผมก็มีเวลาชงเครื่องดื่มอย่างตั้งอกตั้งใจมากยิ่งขึ้น แถวที่เคยยาวในตอนเช้าก็รับมือได้ดีกว่าเก่า

   ส่วนเหล่าสาวๆ ที่ชอบเชียร์ระหว่างผมกับเจตน์นั้น...ออกจะฝันสลายหน่อยๆ เมื่อเห็นภูมิ

   “เอ๊ะ แล้วพี่คนนั้นล่ะคะ”

   พวกเธอมองมากึ่งคาดโทษราวกับว่าผมเป็นฝ่ายนอกใจยังไงยังงั้น

   “เดี๋ยวเขาก็มาครับ ส่วนคนนี้...” ผมจับบ่าภูมิ “เป็นฮีโร่พิชพิช”

   ภูมิมันแอบเบ้ปากใต้หน้ากาก มันไม่ค่อยเข้าถึงพวกตัวการ์ตูนฮีโร่เท่าไหร่

   “ถ่ายรูปได้นะครับ เชิญเลย”

   และแล้ว #พ่อค้าน่ารักบอกต่อด้วย ก็มีภาพไอ้ภูมิไปร่วมก๊วนเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ชีวิต แม้จะอยู่ในสภาพสวมหน้ากากฮีโร่พิชพิช ดูน่ารักน่าชังสุดขีดก็เถอะ

   ตกเย็น เจตน์มารับผมไปกินข้าว ไอ้ภูมิถีบจักรยานกลับที่พัก ก่อนไปไม่วายบ่นเสียงหงอย

   “ใช่สิ กูมันหมาหัวเน่า”

   ผมยิ้มขำขณะซ้อนหลังคุณคนแรก ไอ้ภูมิมันติดผมจะตาย ขนาดตอนคบกับกฤต มันยังพยายามเอาตัวเองมาโผล่ในแทบทุกช่วงชีวิตของผมเลย อย่างที่เคยบอกไป ผมมองไอ้ภูมิเหมือนน้องชายคนหนึ่ง และบางทีไอ้ภูมิก็อาจจะเห็นผมเป็นเหมือนพี่น้องที่พ่วงสถานะเพื่อนเช่นกัน พวกเรารู้สันดานกันตั้งแต่แรกพบ ใครมีข้อเสียยังไงก็รู้หมด เลยต่างยอมรับกันได้แต่แรกแล้ว

   อีกอย่าง ภูมิไม่ค่อยทันคน ใจร้อน แต่ดันขี้เก๊ก ไม่ชอบให้ใครมองต่ำกว่า เลยมาเกาะติดผม คิดง่ายๆ ว่าผมอยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะมันจะได้มีส่วนร่วมด้วย ได้เอาไปอวดคนอื่นพ่วงได้เงิน ฉะนั้นถึงจะเรียกว่ามันทนผม แต่มันก็สนุกไปกับหลายๆ กิจกรรมที่ผมบ้าบอทำในช่วงเวลาหลายปี

   พวกเราสนิทกันมาก แต่จะบอกว่าเพื่อนรักมั้ยก็ไม่เชิง แต่สุดท้ายท้ายสุด การที่มันเลือกตามมาเกาะผมอยู่ดีทั้งที่ไม่มีเงินก้อนใหญ่ล่อหูล่อตาแล้ว ก็นับว่าไอ้สิบปีที่ผ่านมานั้นไม่เสียเปล่าซะทีเดียว

   “วันนี้ไปไหนกันดี” ผมถาม

   “ไปบ้านฉันมั้ย” เจตน์เอ่ย ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาแอบสำรวจว่าผมยินยอมหรือไม่ “เมื่อวานวันเกิดน้องสาว...เล่าเรื่องพิชญ์ให้ฟัง ทุกคนเลยอยากเจอ”

   “เหรอ” ผมทัดหูแก้เก้อ ตอนคบกับกฤต พวกเราเน้นที่ตัวเองมากกว่าคนอื่น เลยไม่ค่อยเปิดตัวกับครอบครัวของอีกฝ่ายนัก โดยเฉพาะกับพ่อแม่ผมที่ต่อต้านหนัก จนผมไม่กล้าจะถามถึงฝั่งของกฤตเลยสักครั้ง ฉะนั้น...นี่จึงเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผมจะไปบ้านแฟน เอ๊ย บ้านของคนที่คุยอยู่ “ก็ได้ ไปสิ”

   “แน่นะ”

   “ชวนเองแท้ๆ จะถามย้ำทำไม” ผมเกาะเอวเขาแน่นขึ้น “แวะซื้อของก่อนนะ จะได้มีของขวัญไปฝากน้องสาวนาย แม้จะช้าไปหนึ่งวันก็เถอะ”

   เจตน์รับคำในลำคอ เขาดูโล่งใจนิดหน่อย คงคิดไม่ถึงว่าผมจะตอบรับง่ายๆ ทั้งที่ค่อนข้างชอบความเป็นส่วนตัวมากแท้ๆ กว่าเขาจะเข้ามาคุยอย่างสนิทสนม เปิดใจได้เท่านี้ก็ปาไปสามเดือน

   ผมซื้อชุดเครื่องเขียน เพราะน้องสาวเจตน์อายุน้อยกว่าผมแค่ปีเดียว น่าจะอยู่ในช่วงปีสุดท้ายของมหาลัย

   “ให้ชุดเครื่องเขียนเนี่ยนะ” เจตน์หัวเราะพรืด

   “ทำไมล่ะ” ผมอายนิดหน่อย ก็ไม่เคยมีพี่น้องผู้หญิงมาก่อน และทั้งชีวิตก็เคยคบแต่แฟนผู้ชาย ผมจะรู้ได้ยังไงว่าชอบอะไรกัน อย่างน้อยเลือกของที่ต้องใช้แน่นอนไม่เห็นเสียหายเลย

   “ไม่มีอะไร” เจตน์เอ่ย ยกแขนพาดบ่าผมขณะเดินกลับไปที่ที่จอดมอเตอร์ไซค์ “จูนคงชอบ”

   จูน คือชื่อของน้องสาวเขา

   “...ฉันไปเปลี่ยนดีมั้ย”

   เห็นรอยยิ้มของคนชอบแกล้ง นักป่วนประสาทยอดเยี่ยม ผมก็เริ่มไม่แน่ใจ

   “ไม่ต้องหรอก ไปเถอะ ป่านนี้คงรอนานแล้ว” เจตน์รั้งบ่าให้เดินไปด้วยกัน เพราะผมค่อนข้างเขินเวลาจับมือท่ามกลางคนเยอะๆ เขาเลยเปลี่ยนมาเดินโอบไหล่ผมแทนในบางครั้ง “หิวมั้ย”

   “หิวมาก” ผมลูบท้อง

   “เอานี่รองท้องไปก่อน”

   ไม่ทันจะถามว่านี่คือนี่ไหน เจตน์ก็ก้มหน้ามาประกบปากไวๆ หนึ่งที เป็นจูบที่ไม่ค่อยเรียกว่าจูบ น่าจะเรียกว่าจุ๊บมากกว่า

   ผมหน้าแดงก่ำ แทบจะทำชุดเครื่องเขียนตกพื้น แต่เจตน์ที่ยังเอามือพาดบ่านั้นยังคงรั้งให้เดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเลยได้แต่ก้มหน้าลูบปากตัวเองเพื่อปรับตัวปรับใจไม่ให้เต้นแรงเกินไป

   จะเนียนเกินไปแล้วนะผู้ชายคนนี้!
   



   และแล้วก็มาถึงบ้านเจตน์ซึ่งเลยจากที่พักผมไปแค่ไม่กี่ซอยเท่านั้น

   เขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บ้านของเจตน์มีสองชั้น ขนาดไม่ใหญ่มากและมีสวนหลังบ้านด้วย เขาเลี้ยงหมาหนึ่งตัว ล่ามโซ่อยู่ตรงรั้ว เห็นแล้วผมก็สะดุ้งนิดหน่อย ไม่ค่อยจะถูกกับพวกสิงสาราสัตว์สักเท่าไหร่

   “กลัวเหรอ”

   ...โดยเฉพาะกับหมาหน้าโฉดพันธุ์โดเบอร์แมน

   “ไม่กลัวมั้ง หลบหลังนายขนาดนี้” ผมประชดพลางจับชายเสื้อเจตน์ไม่ให้เขาหนีหายไปไหน เกิดทิ้งผมไว้กับหมาตัวนี้มีหวังโดนฟัดเละแหงๆ

   “จิ๊บ!” หน้าอย่างโหด เสือกตั้งชื่อว่าจิ๊บ แล้วจะเรียกมาทำไม เจ้าหมาวิ่งหน้าตั้งเข้าหาจนสุดสายโซ่ เห่าเสียงดังจนผมหลบหลังเจตน์ที่หัวเราะขำไม่หยุด สุดท้ายเขาก็จับมือผมพาเดินเข้าไปในบ้าน เพราะมัวแต่เล่นอยู่ข้างนอกจนได้ยินเสียงตะโกนเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งจากด้านใน

   แม่ของเจตน์เสียแล้ว ฉะนั้นผู้หญิงคนนั้นจะเป็นไปไม่ได้นอกจากน้องสาวของเขา

   จูนผิดจากที่ผมคิดนิดหน่อย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นหญิงสาวน่ารักเรียบร้อย แต่มาเจอตัวจริงกลับวางมาดดุและตำหนิพี่ชายที่เอาแต่แกล้งเพื่อนอย่างผมแบบจริงจัง เธอให้มาดเหมือนคุณแม่จำเป็นท่ามกลางบ้านที่มีผู้ชายเรื่อยเปื่อยสองคน คนหนึ่งก็พ่อ อีกคนก็พี่ชายตัวดี

   “สวัสดีค่ะพี่พิชญ์” แต่พอหันมาหาผม สีหน้าฮึ่มแฮ่ของเธอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน “อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว รอหน่อยนะคะ มื้อนี้จูนทำสุดฝีมือเลย ”

   “ไม่ต้องห่วงนะ เตรียมยาแก้ท้องเสียไว้แล้ว”

   “พี่เจตน์!” เป็นครอบครัวที่ครึกครื้นดีจริงเชียว ผมหัวเราะกับการโต้เถียงกันของพี่น้องทั้งสอง เพราะเวลาผมอยู่กับครอบครัวจะค่อนข้างสงบเสงี่ยมพอประมาณ ยิ่งช่วงทานข้าวนี่ห้ามพูดระหว่างเคี้ยวเชียว แม่ผมค่อนข้างมากมารยาท พี่พจน์เองก็ช่างได้ดั่งใจแม่ เคร่งเครียดจริงจังไปกับทุกอย่าง ส่วนพ่อนั้นออกแนววางมาดขรึม มาดผู้บริหาร ถือกฎว่าหัวหน้าครอบครัวมีหน้าที่ทำงานหาเงิน ส่วนภรรยาก็มีหน้าที่สั่งสอนลูก แม่เลยถือสิทธิ์ในการโอ๋ผมอย่างเต็มที่จนกลายเป็นลำเอียงหน่อยๆ

   ส่วนพ่อของเจตน์...

   อืม จะอธิบายยังไงดี ท่านดูใจดีมาก อะไรก็ได้ยิ่งกว่าลูกชายซะอีก ขนาดเห็นกฤตจูงมือผมเข้ามาในบ้านยังไม่ทักท้วงอะไรเลย ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่มีคนมาเยี่ยมเยือน ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้ผมอีกต่างหาก

   “ขอบคุณครับ” ผมรีบยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ แอบเกร็งๆ นิดหน่อย

   “ไหว้พระเถอะลูก” พ่อของเจตน์หัวเราะฮ่าฮ่า แม้จะเป็นประโยคเดียวกันกับที่แม่ผมเคยพูดกับเจตน์ แต่สื่อไปคนละความหมายโดยสิ้นเชิง เพราะพ่อเขาดูจะยอมรับง่ายจนน่าตกใจ

   “ฉันไม่ใช่คนแรกที่นายพามาบ้านใช่มั้ยเนี่ย” ผมรีบถองศอกถามคนใกล้ตัวทันที ถ้าทุกคนจะดูเคยชินซะขนาดนี้ แสดงว่าเจตน์ต้องเป็นพวกเจ้าชู้มากรัก ชอบพาหนุ่มๆ มาบ่อยแน่ แย่ละสิ ผมค่อนข้างเข็ดคนเจ้าชู้ซะด้วย
 
   “คิดมาก” เจตน์ผลักศีรษะผมเบาๆ หนึ่งที “จูน มานี่หน่อย”

   น้องสาวของเจตน์ที่หลังเปิดประตูแล้วก็วิ่งหายไปทางครัวชะโงกหน้าออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด

   “อะไรพี่เจตน์ เดี๋ยวไข่ไหม้ ให้ไวเลย”

   “ยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้พี่หน่อย”

   “พี่เจตน์น่ะนะมีหัวใจที่บริสุทธิ์ด้วย”

   โอ๊ย พี่น้องคู่นี้แทบจะทำผมขำกรามค้าง ระดับความกวนให้สูสีกันเลย

   แต่พอเจตน์เลื่อนมือมาตบไหล่ผมแปะๆ จูนก็เข้าใจเจตนารมณ์ เริ่มขายพี่ชายตัวเองทันที

   “พี่พิชญ์คะ ไม่ต้องห่วงนะ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เจตน์พาผู้ชายที่ไม่ใช่เพื่อนเข้าบ้าน และก็เป็นครั้งแรกด้วยที่กลุ้มใจอยากจีบคนจนเอามาปรึกษาน้องสาว พี่เจตน์ไม่ใช่คนเจ้าชู้ค่ะ ออกจะอ่อนประสบการณ์ด้วยซ้ำ และเขาก็ไม่ใช่เกย์ด้วย แต่เป็นพวกชายก็ได้หญิงก็ดี พี่ชายของจูนขอแค่ถูกใจเข้าหน่อยก็ได้หมดถ้าสดชื่น”

   “เยอะไปแล้วจูน” เจตน์กระแอมไอ

   “อุ๊ย เพลินไปหน่อย” จูนแสร้งยกมือปิดปากแบบไม่ตั้งใจ ก่อนจะหันมายิ้มแฉ่งให้ผม “สรุปแล้วพี่เจตน์ถูกใจพี่พิชญ์มาก แต่ไม่ค่อยกล้ารุกจีบ กลัวจะโดนเกลียด ก็เลยมาปรึกษาน้องสาวคนนี้ ฉะนั้นถ้าจะชม ต้องชมจูนนะคะพี่พิชญ์”

   “ได้กลิ่นไหม้แล้วจูน”

   “ว้าย” แล้วจูนก็วิ่งหายเข้าไปในครัวทันที

    ผมล่ะร้องไห้ได้หัวเราะไม่ออก ได้แต่นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะเกรงใจสายตาของพ่อของเขา

   “อายุเท่าไหร่ล่ะเรา”

   มาแล้ว คำถามสอบสัมภาษณ์จากผู้ปกครอง

   “ยี่สิบสองครับ” ผมตอบสุภาพ เหยียดหลังตรงเหมือนเวลาคุยกับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง

   “เปิดร้านชานมใช่มั้ย”

   “ครับ”

   “ดี”

   ...หมดแล้วเหรอคำถามสอบสัมภาษณ์ ไวไปหน่อยมั้ง เตรียมใจเก้อเลยเรา

   ไม่นานจูนก็ยกกับข้าวออกมาวางบนโต๊ะอาหาร ผมลุกขึ้นหมายจะช่วย แต่เจตน์กดบ่าให้นั่งนิ่ง เขาเดินไปช่วยน้องสาว ได้ยินเสียงก่นด่าดังลอดมาเป็นระยะ เป็นคู่พี่น้องที่ปากเก่งกล้ากันจริงๆ

   “เชิญทานเลยค่ะพี่พิชญ์” จัดโต๊ะเรียบร้อยจูนก็มานั่งฝั่งตรงข้ามกับผมข้างพ่อของเธอ ขณะที่ผมนั่งคู่กับเจตน์ อาหารบนโต๊ะประกอบไปด้วยต้มยำกุ้ง ไข่เจียวหมูสับ และผัดผักบุ้งไฟแดง บ้านนี้กินรสจัดพอสมควร เพราะเล่นเอาผมปากแดงในเวลาไม่นาน

   ผัดผักบุ้งไฟแดงมีพริกเป็นเม็ดๆ เลยอ่ะ...

   “อร่อยมั้ยคะ”

   “อร่อยครับ”

   “ว้าย สุภาพจัง คนนี้จูนชอบ ให้ผ่านนะคะพี่เจตน์”

   ผมยิ้มค้าง...เก้อกระดากอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเรื่องโดนแซวก็ดี เรื่องโดนชมก็ดี เพราะผมก็ไม่ใช่คนพูดจาเพราะพริ้งขนาดนั้น ลองมาได้ยินตอนคุยกับไอ้ภูมิสิ รับรองเธอวิ่งหนีแหงๆ

   แบบว่าไม่ใช่คนสุภาพ แต่รู้ว่าใครควรจะสุภาพด้วย

   “ไปเดินเล่นกัน”

   “อืม”

   กินข้าวเสร็จเจตน์ก็แบมือชวนผมไปนอกบ้าน คงจะเดาได้จากอารมณ์ไม่รู้จะพูดอะไรของผมตามประสานิสัยคุยกับคนนอกไม่เก่ง จนเริ่มจะกลายเป็นการอึดอัดอยู่นิดๆ ของขวัญที่ให้จูนไปนั้นเธอก็ดูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แม้จะยิ้มให้ก็เถอะ ยิ่งทำให้กระอักกระอ่วนเข้าไปใหญ่ ผมมองเจตน์อย่างซาบซึ้งใจ จับมือเขาที่พานำโดยลืมซะสนิทว่า...

   โฮ่ง!

   มีจิ๊บอยู่ข้างนอก!

   หมาชื่อจิ๊บที่ตัวไม่จิ๊บกระโจนเข้าหาเจตน์ทันทีเมื่ออยู่ในรัศมีที่โซ่ล่ามถึง เล่นเอาผมยืนแข็งทื่อจนคิดว่าตัวเองหยุดหายใจไปแล้ว

   “จิ๊บ นั่งลง” เจตน์สั่งเสียงดุ เสียงของเขาทุ้มต่ำ พอกดเสียงต่ำเลยฟังโหดกว่าปกติ หมาตัวไม่น้อยนั่งลงทันทีอย่างแสนเชื่อง หางกระดิกแกว่งไกว “โทษที ตกใจมากมั้ย”

   “มาก” ผมเอ่ยเสียงเบาหวิว สติยังไม่กลับเข้าที่ดี

   “โอ๋”

   แค่คำพูดคำเดียว ด้วยน้ำเสียงที่ก็ไม่ได้หวานอะไร แต่กลับทำให้ใจผมเต้นจนลืมกลัวซะงั้น

   ผมยืนให้เขาลูบศีรษะสองทีเพื่อปลอบขวัญ ก่อนจะพากันจูงมือออกจากบ้านไปเดินย่อยอาหาร

   “นี่”

   “หืม”


   ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

   “พาผู้ชายมาที่บ้านครั้งแรก แล้วผู้หญิงล่ะ...พามากี่คนแล้ว”

   เจตน์ถึงกับหัวเราะพรืด

   โธ่ ผมเองก็อายปากตัวเองเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าจะต้องมาตั้งคำถามจับผิดใครแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่ากลัวเขาเป็นพวกเสือซ่อนเล็บ ตั้งใจจะมาหลอก เห็นเงียบๆ แต่เก็บเรียบอะไรเทือกนั้น

   “คนเดียว เมื่อสี่ปีก่อน”

   นานพอตัว ผมโล่งใจขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าไม่ใช่แค่คั่นเวลาช่วงเขาอกหักอยากได้รักมาดามใจ

   “มีอะไรจะถามอีกมั้ย” เจตน์แกว่งมือที่จับกันอยู่เบาๆ แกมกวน

   “ไม่มีแล้ว” ผมใช่คนชอบซอกแซกเรื่องชาวบ้านซะที่ไหน ที่ถามก็เพื่อความมั่นใจส่วนตัวล้วนๆ

   “งั้นถามบ้าง”

   “ว่ามาสิ” ผมเดินแกว่งแขนเขาเล่น คิดว่าคงไม่พ้นเรื่องแฟนเก่าอย่างกฤตแหงๆ แต่ผมเองก็ไม่มีอะไรปิดบังแล้ว เรื่องของผมกับกฤตจบกันชนิดที่แทบไม่เผาผีกันด้วยซ้ำ

   “คบกันมั้ย”

   ผมงี้แทบสำลักน้ำลายตัวเอง

   “อะ...อะไรนะ”

   บางทีอาจจะหูฝาดก็ได้

   “พามาที่บ้านแล้วไง ที่บ้านชอบด้วย ก็น่าจะคบกันได้แล้วมั้ง” เจตน์เอ่ยเหมือนกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศ น้ำเสียงเรื่อยๆ ซะไม่มี “หรือคุยกันสามเดือนเกือบสี่เดือนยังไม่พอ”

   “ก็พอแล้วมั้ง” ผมตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่ คราวของกฤต ล่อไปครึ่งปีกว่าจะใจอ่อน แต่สำหรับคุณคนแรก ที่ผมนั้นรู้สึกดีๆ ด้วยตั้งแต่วันแรก บางทีไม่จำเป็นต้องนานขนาดนั้นก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม ปากแข็งๆ ของผมไม่ยักจะตอบรับออกไปสักที

   “งั้นคบกันแล้วเนอะ”

   ผมเสมองจันทร์เสี้ยว

   “คบกันแล้วนะครับ”

         เจตน์ไม่ยอมให้ผมเงียบเอาดื้อๆ ถามย้ำเสียงอ่อน ด้วยคำสุภาพที่ได้ยินทีไรเป็นใจสั่นทุกรอบ

   “...ครับ”

   ผมเหมือนเพิ่งรู้จักตัวเองว่าเป็นคนขี้เขินกับคนที่รักชอบกล กับกฤต รายนั้นชอบรุกมาตรงๆ คิดอะไรก็บอกอย่างนั้น แถมยังชอบอ้อนจ๊ะจ๋า ซึ่งยังพอรับมือไหวแบบไม่ท่ามากเท่านี้ แต่กับคุณคนแรกนี่มันอะไรกันวะ โดนตอดนิดตอดหน่อยก็ก้มหน้างุดแล้ว อายตัวเองชะมัด

   สงสัยผมจะแพ้ทางความเนียนหน้าตายสุดขีด

   และแล้วพวกเราก็เริ่มต้นความสัมพันธ์ในรูปโฉมใหม่ด้วยประการฉะนี้


   ----------------------
   คบกันแล้วค่าาา
   คู่นี้เป็นแนวเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงมาทั้งหมู่ ตอนขอคบก็จะเรียบเรื่อยชวนมึนนิดๆ แบบนี้ค่ะ แต่จริงๆ สองคนนี้ก็เหมือนคบกันมาสักพักแล้วนะ แค่ขาดการขออย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง ฮิ้ววว

    #ผมกับชานมไข่มุก

   
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ในที่สุดอ่ะเนอะ คริคริ

เป็นแฟนกันแล้ว ดี๊ดีย์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด