Homicide : รับจ้างฆาตกรรม | (UPDATE! บทพิเศษ ทะเล) [11/10/2021]| จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Homicide : รับจ้างฆาตกรรม | (UPDATE! บทพิเศษ ทะเล) [11/10/2021]| จบแล้ว  (อ่าน 40523 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
     ร่างยักษ์ขยับกายลุกขึ้นนั่งพลางใช้กรงเล็บจับบริเวณขมับส่ายหน้าไล่ความสับสนง่วงงุน นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกหรี่ตาปรับแสงมองสำรวจถึงรู้ว่าขณะนี้เขากลับมาอยู่ในห้องนอนของบ้านพักทรงไทยประยุกต์ ก่อนสายตาคมดุจะหยุดนิ่งเมื่อสบนัยน์ตารัตติกาลมืดสนิทของตัวการเรื่องทั้งหมด

    “ผมจัดการภาคินไปแล้ว ทั้งซากศพและวิญญาณ ไม่มีวันกลับมายุ่มย่ามระรานได้อีก คุณจะโกรธผมก็ได้ แต่ถ้าให้ย้อนกลับไป ผมจะยังคงทำแบบเดิม”

    มนุษย์เอ่ยตอบราวกับรู้ใจปีศาจ ดวงตาดำมืดสุขุมกับน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความแน่วแน่เด็ดขาด เป็นเครื่องยืนยันคำพูดได้อย่างดี ทว่าร่างยักษ์ผู้รับฟังก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดหรือทีท่าอื่นใดมากนัก เพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่าสักวันจุดจบนักล่าปีศาจอาจลงเอ่ยเช่นนี้ ซึ่งเขาพยายามแก้ไขฝืนชะตาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย

     “...ข้าหลับไปนานขนาดไหน แล้วนี่กี่โมงกี่ยาม?” เอทอสเลือกเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย เนื่องจากเห็นโนอาร์อยู่ในสภาพเสื้อผ้าพร้อมนอน ซึ่งอีกนัยคือเขาไม่อยากจมติดกับเรื่องราวที่กลับไปแก้ไม่ได้อีก
    “สองจวนใกล้สามทุ่ม-”
    “เจ้า!!”

    ปีศาจตวาดใส่มนุษย์เสียงดังทันทีเมื่อได้ฟัง ช่วงก่อนจะสลบไปเขาจำได้ดีว่ายามนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว หมายความว่าเขาถูกฤทธิ์ยาสลบของมนุษย์ทำให้หลับยาวไปหนึ่งวันเต็ม ๆ และดูเหมือนตัวการจะรู้ความผิดของตัวเองเช่นกัน ถึงได้รีบพูดแก้ตัวพัลวัน

     “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณหลับนานขนาดนี้ ผมไม่เคยวางยาสลบปีศาจมาก่อนเลยกะพลาด แต่เรื่องงานที่สวนผมฝากให้ศิลาดูแลแทนให้แล้วนะครับ”
    “ดูเจ้าจะไม่มีความสำนึกเรื่องที่กล้าวางยาข้าเลยใช่ไหม แล้วต่อไปเจ้าจะทำอะไรอีก จับข้าขังกรง?” นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกเจือความฉุนเฉียว จ้องนิ่งไปยังมนุษย์อย่างกดดัน
    “ไม่แล้วครับ ครั้งนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน”

    โนอาร์ตอบกลับฉะฉานเพื่อให้ปีศาจมั่นใจ ทว่าร่างยักษ์กลับลุกจากเตียงเมินมนุษย์ข้างกาย ก่อนเดินไปดูบรรยากาศมืดสงัดภายนอกผ่านบานหน้าต่าง โดยทุกการกระทำมีนัยน์ตารัตติกาลคอยลอบมองพลางคิดหาคำพูดที่ทำให้ปีศาจสงบลง ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยร่างยักษ์กลับชิงพูดก่อน ตามด้วยกรงเล็บทมิฬเลื่อนมุ่งลวดหน้าต่างกันแมลงจนเปิดกว้าง พร้อมตั้งท่าเตรียมกระโจนออกไป

    “คงไม่อยากไปหาผู้มีพระคุณข้าแล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มติดดุเอ่ยถาม พลางใช้นัยน์ตาสีแดงเลือดนกเหลือบมองมนุษย์ซึ่งกำลังเดินมาหา
    “อยากครับ ผมอยากไป แต่ตอนนี้คุณจะไปไหน?”
    “เรื่องของข้า ส่วนเจ้าถ้าไม่ทำตัวดี ๆ ว่านอนสอนง่าย ก็อย่าหวังเลย”

    หลังเอ่ยจบ ร่างยักษ์ของปีศาจกินวิญญาณก็กระโดดพุ่งจากหน้าต่าง กลืนหายไปในความมืดของบรรยากาศยามค่ำ โดยโนอาร์ได้แต่มองตามจนถึงจุดสุดท้ายที่สังเกตเห็นเงาเคลื่อนไหว
    การมีตัวแปรเหนือการควบคุมอย่างเอทอสเข้ามาทำให้หมากกระดานที่วางไว้ปั่นป่วนไม่น้อย ราวกับปีศาจจะสื่อว่าคำที่เคยบอกจะขัดขวางเขามิใช่การหยอกล้อแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเขาจะรามือ เพราะสิ่งที่เห็นด้วยตาในความฝันคืนนั้นมันเกินกว่าที่จะอภัย แม้เอทอสจะสั่งให้เขาหยุดก็ตาม
    ชายเลือดเย็นคิดในใจพลางเดินกลับไปยังผืนเตียงว่างเปล่า คาดการณ์ว่าผลจากการทำให้ปีศาจไม่พอใจ คืนนี้เขาคงต้องนอนหนาวเพียงลำพัง ไร้แผงอกกว้างไว้คอยซุกซบไออุ่นดั่งคืนวาน



    “เสร็จสักที เมื่อยจังเลย~”

    จินว่าพลางชูแขนบิดขี้เกียจ พลางมองผลงานกระสอบทรายที่ฝังมนตร์มืดเรียบร้อยสมบูรณ์ เตรียมนำไปมอบเป็นของขวัญให้ลูกคนงานสวนรฦกวัลย์ตามคำสั่งลูกค้าเอาใจยาก ซึ่งขณะนี้พ่อค้าหนุ่มอยู่ในห้องพิธีบนคอนโดสูงกลางเมือง ที่แต่เดิมเป็นเพียงห้องนอนธรรมดาแถมมากับชุดห้องที่จินซื้อไว้เป็นที่พักอาศัย เนื่องจากห้องชุดนี้มีสองห้องนอน แต่เขาอยู่คนเดียวก็เลยเปลี่ยนอีกห้องไว้เป็นที่ทำงานและเก็บของจะได้คุ้มเงินไม่เสียเปล่า

    “ปล่อยฉันออกไป!! ฉันจะไปฆ่าไอ้สารเลวโนอาร์!”
    “ช่วยเงียบเสียงหน่อยได้ไหม ตอนมีชีวิตอยู่คุณโวยวายเก่งแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย”

    จินหันกลับไปต่อว่าวิญญาณนักล่าปีศาจที่ถูกจับขังอยู่ในหลอดแก้วทรงกระบอก การกำจัดวิญญาณภาคินให้สิ้นซากก็เป็นอีกงานที่เขาเพิ่งโดนชายเลือดเย็นสั่งเมื่อวันก่อน ทว่าเพราะอิทธิพลของโนอาร์ส่งผลให้บัดนี้วิญญาณที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องของภาคิน ถูกย้อมกลืนกินด้วยความดำมืดจากความอาฆาตพยาบาท แม้กลิ่นอายชั่วร้ายจะยังห่างชั้นกับตัวการอยู่มาก แต่ก็ถือว่าแข็งแกร่งน่าสนใจไม่น้อยหากนำไปขายย่อมได้ราคางาม และด้วยเหตุผลข้อหลังนี้เองจึงทำให้จินยังคงลังเลสองจิตสองใจว่า จะแอบงุบงิบเก็บวิญญาณนักล่าปีศาจพูดมากนี่ไว้ดีไหม

    “เรื่องของฉัน!! รู้ไหมว่ามันทำระยำอะไรลงไป! ชั่วช้าเหมือนอีปีศาจคู่ขามันไม่มีผิด”
    “นิคุณ เรื่องโนอาร์คือโคตรคนชั่วผมไม่เถียง แต่คุณเอทอสเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดสักนิดเดียว เจ้าคิดเจ้าแค้นจนชีวิตตัวเองพังก็แล้ว เลิกอคติกับคุณเขาสักทีได้ไหม”
    “เข้าข้างพวกเดียวกัน อย่ามาทำเป็นพูด-”
    “ชู่! เงียบ!”

    คำประกาศิตจากผู้คุมวิญญาณเข้าบังคับวิญญาณอาฆาต ส่งผลให้เสียงโวยวายหยุดลงฉับพลัน จินรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณปีศาจของคุณเอทอสอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นด้านนอก พ่อค้ารีบนำหลอดเก็บวิญญาณภาคินไปซ่อนพร้อมเอาผ้ามาคลุมกระสอบทรายเมื่อเรียบร้อยถึงเดินออกไปหาผู้มาเยือน

    “อ้าว... มาได้ยังไงครับเนี่ยคุณเอทอส โนอาร์ไม่ยอมให้คุณนอนเตียงด้วยเหรอ แต่คุณหนีมาหาผมแบบนี้ ชีวิตผมก็สั้นน่ะสิ” จินแสร้งเอ่ยทักทายปีศาจกินวิญญาณซึ่งนั่งอยู่ตรงโซฟา สายลมพัดเย็นจากบานกระจกหน้าต่างที่ถูกเลื่อนเปิด คล้ายเป็นคำเฉลยกลาย ๆ ว่าอีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างไร
    “ปล่อยวิญญาณนักล่าปีศาจไป เจ้านั่นทรมานมามากพอแล้ว” เสียงทุ้มต่ำกล่าวเรียบนิ่ง พลางใช้นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกจ้องมองกดดัน
    “…นักล่าปีศาจ? เอ... หมอนั่นโดนโนอาร์จัดการแล้วเหรอ น่าสงสารไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย แต่อืม... คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ โนอาร์ไม่ได้-”
    “จิน อย่าให้ข้าต้องบุกเข้าไปในห้องด้านหลังเจ้า”

    คำพูดขัดจากปีศาจ ถึงกับทำให้ผู้คุมวิญญาณจนปัญญาที่จะปิดบัง เพราะแม้ยามนี้เขาจะซ่อนกลิ่นอายวิญญาณของภาคินไปแล้ว ทว่าระดับคุณเอทอสคงรับรู้ได้ก่อนเข้ามาในห้องเขาเสียอีก ดังนั้นเท่ากับว่าเมื่อสองสามนาทีก่อนที่เขาลนลานเอาภาคินไปแอบนั้นเสียเวลาแถมยังเหนื่อยเปล่า

    “เฮ้อ… คุณเนี่ยนะแบ่งความเมตตาให้สุดที่รักของคุณบ้างก็ดี” จินถอนหายใจอย่างปลงตก ก่อนจะเอ่ยต่อ
    “ก็นั่นแหละ โนอาร์สั่งผมทำลายดวงวิญญาณภาคิน... อะ เห็นแก่คุณผมจะลองขัดคำสั่งโนอาร์ดูสักครั้งแล้วกัน แต่คุณต้องช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ ไม่อย่างงั้นผมตายแน่”
    “อืม” ปีศาจขานรับในลำคอเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
    “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงปล่อยวิญญาณภาคินเป็นอิสระตอนนี้ไม่ได้ นักล่าปีศาจนั้นโดนโนอาร์เล่นจนกลายเป็นวิญญาณแค้นคิดแต่จะเอาคืนไปแล้ว ถ้าปล่อยไปคงไม่วายกลับไปรังควานพวกคุณอีก รอให้ผมเปลี่ยนเจ้านั่นกลับมามีกลิ่นอายบริสุทธิ์เหมือนเดิมก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่นะ”

    ได้ยินเช่นนั้นเอทอสก็ได้แต่พยักหน้าตกลง เพราะกลิ่นอายวิญญาณภาคินที่เขาสัมผัสได้ก่อนจะถูกจินเอาไปซ่อนนั้น ไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังรุนแรงด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายที่ขนาดเขายังไม่อยากเชื่อว่า ทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงพลิกผันเพียงชั่วข้ามคืน

    “ฝากด้วยข้าไว้ใจเจ้า แล้วจากนี้โนอาร์มีแผนอะไรอีก” เสียงทุ้มหนักเอ่ยเค้นความลับต่อ
    “ผมไม่รู้หรอกคุณ โนอาร์สั่งอะไรผมก็ทำตามนั้น ถ้าให้เดาผมว่าคนต่อไปที่โนอาร์จะจัดการคงหนีไม่พ้นวรรษ แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้คุมวิญญาณนั่นทำเรื่องกับคุณไว้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ อย่าบอกนะว่าคุณจะใจดีช่วยหมอนั่นอีกคน” จินว่าพลางหรี่ตามองปีศาจอย่างจับผิด
    “เรื่องเจ้านั่นข้าหาได้ใส่ใจ ข้าเพียงห่วงว่าโนอาร์จะดึงคนที่ไม่เกี่ยวมาเอี่ยวด้วย อย่างสีคราม... น้องชายของเจ้าผู้คุมวิญญาณ”

    คำคาดการณ์แม่นยำของปีศาจถึงกับทำให้จินหลุดสะดุ้งเสี้ยวจังหวะหนึ่ง ยามนึกถึงกระสอบทรายที่เขาเพิ่งลงมนตร์มืดเสร็จหมาด ๆ ซึ่งท่าทีส่อพิรุธนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาคมดุ และไม่นานพ่อค้าน่าสงสารก็จำต้องยอมตอบ เมื่อถูกนัยน์ตาสีแดงเลือดนกมองนิ่ง

    “ทำไมพวกคุณไม่ไปคุยกันเองเนี่ย เฮ้อ... เรื่องของสีครามผมคงช่วยคุณไม่ได้หรอก มันไม่ได้ปิดง่ายแบบของภาคิน ผมไม่อยากเอาชีวิตแสนสดใสในอนาคตมาเสี่ยง”

    จินกล่าวตามจริง ในกรณีของภาคินเขาสามารถแกล้งหลอกว่าจัดการไปแล้วได้เพราะโนอาร์ไม่มีเครื่องพิสูจน์ อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสวิญญาณ ผิดกับกรณีสีครามที่อยู่ในสายตาโนอาร์ตลอดเวลา หากเขาคิดตุกติกไม่มีทางเลยที่ชายอันตรายจะไม่รู้ และถึงจะมีคุณเอทอสออกตัวปกป้อง ก็ไม่ได้หมายความว่าโนอาร์จะไม่หาโอกาสที่ปีศาจเผลอมาจับเขาฆ่าหมกป่าเงียบ ๆ โทษฐานขัดคำสั่งจนแผนที่เคยวางไว้พังไม่เป็นท่า

    เอทอสที่ได้ฟังคำเลี่ยงปฏิเสธผสานสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคู่สนทนา เท่านั้นปีศาจก็จำยอมไม่คาดคั้นต่อเพราะเห็นแก่อีกฝ่ายที่คอยช่วยเขากับโนอาร์อยู่เสมอ เช่นนั้นร่างยักษ์น่าเกรงขามจึงลุกขึ้นจากโซฟาไม่คิดรบกวนเวลามากกว่านี้ เสียงทุ้มหนักกล่าวลาเจ้าของห้องเล็กน้อย ก่อนกระโดดลงจากหน้าต่างสูงหลายสิบชั้นและกลืนหายไปกับความมืดยามราตรี



    หลังคำขู่เรื่องไม่ยอมพาไปพบผู้มาพระคุณ ชายเลือดเย็นก็คล้ายกลับมาอยู่ในโอวาทปีศาจอีกครั้ง แต่ก็แค่คล้าย โนอาร์เปลี่ยนการลอบออกจากสวนไม่ให้ปีศาจรู้ เป็นการบอกโต้ง ๆ เลยว่าจะแวะไปเยี่ยมผู้คุมวิญญาณที่จับขังไว้ เอทอสที่เห็นดังนั้นก็จำใจปล่อยผ่าน เพราะนอกเหนือจากเรื่องนี้โนอาร์ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก โดยเฉพาะเรื่องของสีครามที่ชายอันตรายไม่มีแววว่าจะสนใจหรือส่งใครไประราน ราวกับจะรามือเลิกยุ่งเกี่ยว ทว่าเอทอสมั่นใจว่าความสงบในช่วงนี้ของโนอาร์เปรียบได้กับคลื่นใต้น้ำ ที่พร้อมกลายเป็นคลื่นสึนามิได้ทุกเมื่อถ้าเขาเผลอ

    “อา... นายครับ”
    “ว่า?” เสียงทุ้มต่ำขานตอบขณะที่สายตายังคงไล่อ่านเนื้อหาในกระดาษ
    “พักนี้คุณโนอาร์ดูยุ่ง ๆ ผมเลยไม่มีโอกาสขอบคุณเรื่องที่ซ้อมมวยของนาวา ถ้าเป็นไปได้นายช่วยบอกคุณโนอาร์ทีนะครับว่านาวาชอบมันมาก เห็นฝึกเล่นทุกเย็นตลอด”

    คำฝากขอบคุณถึงกับทำให้เอทอสเลิกคิ้วสงสัยอย่างประหลาดใจ ก่อนเงยหน้าจากเอกสารเพื่อถามรายละเอียดเพิ่มเติม จึงรู้ว่าโนอาร์แอบไปนัดแนะนาวาว่าจะให้กระสอบทรายซ้อมมวยเป็นรางวัลที่คอยดูแลบ้านทรงไทยประยุกต์ ซึ่งกระสอบทรายดังกล่าวได้ถูกส่งมาเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว

    “เดี๋ยวบอกให้ แล้วนอกจากกระสอบมวย ช่วงนี้โนอาร์ได้ชวนลูกนายไปทำเรื่องแปลก ๆ หรือเปล่า”
    “แปลก ๆ ...ไม่มีนะครับ เห็นคุยแต่เรื่องต่อยตี หมายถึงพวกท่ามวยน่ะครับ- นายครับ” ศิลากล่าวตอบนายใหญ่ ก่อนชะงักไปชั่วครู่เมื่อมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาจนต้องลองเลียบเคียงถามคลายข้อสงสัย
    “คุณโนอาร์... เขาเคยเป็นนักมวยมาก่อนหรือครับ”
    “หึ ก็ทำนองนั้น มีอะไรหรือเปล่า?” เอทอสหลุดหัวเราะเล็กน้อยเมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานที่ค่อนข้างห่างไกลจากความจริง
    “เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าคุณโนอาร์ถึงจะยิ้มแย้มเป็นกันเองแต่ก็เหมือนมีบรรยากาศเยือกเย็น น่ากลัว ดูอันตราย... ที่แท้คงเป็นบุคลิกแบบนักมวยเก่าติดตัว”

    ร่างสูงใหญ่ไม่คิดเฉลยปล่อยศิลาให้เข้าใจไปเช่นนั้น พลางจดปากกาเซ็นอนุมัติลงบนกระดาษคล้ายเป็นสัญญาณจบหัวข้อสนทนา ซึ่งผู้เป็นเลขาก็คล้ายรู้หน้าที่ไม่คิดถามหรือชวนคุยเพิ่ม เพียงค้อมศีรษะเล็กน้อยขณะรับแฟ้มเอกสารและเดินออกจากห้องทำงาน ส่งผลให้ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งจวบจนถึงเวลาเที่ยงวันค่อนบ่าย มนุษย์ตัวการผู้ถูกนินทาเมื่อช่วงเช้าก็กลับเข้ามาในสวนหลังออกไปเยี่ยมเยียนของเล่นจนพอใจ

    “แอบไปนัดแนะกับนาวาตั้งแต่เมื่อไร” คำถามเค้นคล้ายจับผิดถึงกับทำให้ช้อนในมือขาวซึ่งกำลังส่งข้าวเข้าปากหยุดชะงัก
    “ครับ? คุณหมายถึงอะไรผมไม่เข้าใจ เด็กนั่นมีแต่มาวอแวให้ผมสอนเทคนิคต่อสู้นอกนั้นก็ไม่ได้อะไรอีก… มีใครบอกคุณแบบนั้นครับ ผมจะได้จัดการโทษฐานที่ยุให้เราผิดใจกัน”

    โนอาร์ที่ตีความไปไกลรีบอธิบายไขข้อเข้าใจผิด ก่อนตบท้ายด้วยตามล่าหาคนผิดมาลงโทษ นัยน์ตารัตติกาลดำมืดจ้องนิ่งราวกับพยายามอ่านใจร่างสูงใหญ่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรนอกจากนัยน์ตาสีอำพันดุแฝงแววยิ้มเยาะ ชายเลือดเย็นจึงพลันรู้ทันทีว่าผู้เสนอตัวอยากเป็นของเล่นให้เขาก็คือชายเบื้องหน้านี้เอง

    “เอทอส...” โนอาร์ว่าเสียงหน่าย ก่อนส่งช้อนเข้าปากเคียวตุ้ยจนปีศาจนึกมันเขี้ยวเอานิ้วหนาจิ้มแก้มมนุษย์แรง ๆ
    “อื้มม! คุณ!”
    “หึ ๆ ศิลาฝากขอบคุณเจ้าเรื่องกระสอบทรายของนาวา ไม่คิดว่าคนเช่นเจ้าจะมีมุมเอ็นดูเด็ก” ปีศาจแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
    “แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ชอบหรือเปล่า” มนุษย์เอ่ยถามกลับอย่างสนใจ
    “ชอบมาก เห็นว่าเล่นทุกวัน”
    “ผมก็ชอบคุณมาก แต่คุณไม่เห็นเล่นผมทุกวันเลย”
    “…”

    คำตอบกลับราวกับกำลังคุยกันคนละเรื่องทำให้ร่างสูงใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนวินาทีถัดมาจะถอนหายใจส่ายหน้าหน่ายกับมุกหยอดหน้าตายของมนุษย์ที่ไม่ได้ฟังมานาน ทว่ายังไม่ทันปีศาจได้โต้คืนกลับถูกเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขัดเสียก่อน ร่างสูงใหญ่จึงจำต้องลุกจากโซฟาไปรับสาย ซึ่งชื่อบนหน้าจอก็ทำให้ปีศาจประหลาดใจเล็กน้อย

    “ว่าไงสีคราม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักปลายสาย พลางปรายตาปรามมนุษย์ที่เริ่มแผ่บรรยากาศอึมครึม
    “ได้ ไม่มีปัญหา สะดวกเมื่อไรค่อยนัดอีกที”
    “ไม่เป็นไร ๆ มีอะไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
    “…อืม ไว้เจอกัน”
    “คุณนัดอะไรกับสีคราม”

    น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่พอใจเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นปีศาจวางสาย เอทอสเห็นทีจึงแกล้งกวนอารมณ์มนุษย์แสร้งเมินไม่สนใจ กลับมานั่งทานมื้อเที่ยงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนชายเลือดเย็นทนไม่ไหวต้องวอนขออีกครา เมื่อนั้นร่างสูงใหญ่ถึงยอมเฉลย

    “สีครามขอให้ข้าช่วยไปดูที่พักใหม่เป็นเพื่อน เหมือนพักที่ร้านจะไม่ค่อยสงบปลอดภัยเท่าไร เพราะมีคนแถวนี้เคยส่งคนไปรังควาน” เอทอสเอ่ยเรียบเรื่อย พลางเหน็บแนมมนุษย์ตัวต้นเรื่องในตอนท้าย
    “ผมจะไปกับคุณ”
    “อืม สีครามฝากชวนเจ้าด้วยเหมือนกัน แต่ถึงไม่ชวน ถึงเวลาเจ้าก็คงเกาะติดข้าไปอยู่ดี” ปีศาจว่าอย่างรู้ทัน และแน่นอนว่ามนุษย์ไม่คิดปฏิเสธ
    “แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เมื่อกี้สีครามโทรมาเลื่อนนัดออกไปก่อน เห็นว่ามีงานเร่งเข้ามากะทันหัน อาทิตย์นี้ข้าเลยว่าง...”
    “ว่าไง สนใจไปเยี่ยมท่านฟอเรสกับข้าไหม”

    หลังฟังคำชวนไม่คาดคิด บรรยากาศอึมครึมอึดอัดรอบกายชายเลือดเย็นพลันมลายหาย เหลือเพียงรอยยิ้มมุมปากและนัยน์ตารัตติกาลประกายวาวดีใจ อารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง กลับน่าเอ็นดูในสายตาอำพันดุอย่างประหลาด เป็นผลให้ฝ่ามือใหญ่ต้องยื่นไปยีผมโนอาร์จนยุ่งกระเซอะกระเซิง ซึ่งก็ได้คำบ่นฮึดฮัดจากมนุษย์ตามระเบียบ แต่ถึงกระนั้นคนถูกแกล้งหยอกก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    ยามรุ่งสางของเช้าวันอาทิตย์ บ้านพักทรงไทยประยุกต์ดูคึกคักเป็นพิเศษ เหตุมาจากมนุษย์ตื่นมาเตรียมของเยี่ยมของฝากมากมาย กระทั่งเสร็จสิ้นจึงกลับไปลากปีศาจเจ้าบ้านที่ยังคงแกล้งนอนไม่ยอมลุกให้รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อไม่ให้ออกเดินทางสาย

    “ข้าว่าข้าอยากเปลี่ยนเสื้อ”

    ร่างสูงใหญ่ว่าพลางก้มมองเสื้อโปโลคู่รักที่เขาและมนุษย์กำลังใส่อยู่ ทีแรกเอทอสคิดว่าคงเป็นเสื้อธรรมดาเลยหยิบสวมแบบไม่ทันสำรวจตรวจดูก่อน กระทั่งออกจากห้องแล้วเห็นเสื้อโนอาร์ที่นั่งคอยตรงห้องรับแขกมีสีและลายเดียวกับเขา ที่สำคัญมีการปักข้อความภาษาอังกฤษตรงด้านหลังแปลความว่า ‘ของเอทอส’ ไม่ต้องเดาเลยว่าข้อความที่เด่นอยู่กลางหลังเขาตอนนี้จะปักคำว่าอะไร

    “สายแล้ว คุณไปเตรียมรถรอ เดี๋ยวผมปิดบ้านให้” โนอาร์เลือกเมินเสียงเอทอสก่อนเดินผ่านร่างสูงใหญ่ไปทำอย่างที่ปากว่า โดยสิ่งแรกที่ล็อกคือประตูห้องนอน เสมือนการปิดโอกาสเปลี่ยนเสื้อของปีศาจไปโดยปริยาย

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การเดินทางไปเยี่ยมผู้มีพระคุณตั้งแต่เช้าตรู่จึงเริ่มขึ้น รถกระบะสีดำขับมุ่งขึ้นเหนือเข้าสู่ภูมิประเทศที่ราบสูง ทิวทัศน์สองข้างถนนอันทอดยาวเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีสลับแซมต้นไม้ใหญ่ ห่างออกไปเห็นแนวทิวเขารายล้อมอยู่ไกล ๆ กระจกหน้าต่างรถเปิดรับสายลมเย็นปลอดโปร่ง ชวนให้สูดหายใจเข้าลึกรับกลิ่นไอดินยามเช้า โดยมีนัยน์ตาสีอำพันดุคอยลอบมองมนุษย์ข้างกายซึ่งกำลังชมทัศนียภาพด้านนอกเป็นระยะ สีหน้าเรียบนิ่งทว่าเจือความผ่อนคลายของโนอาร์ ช่วยเติมเต็มความรู้สึกส่วนลึกในใจปีศาจให้อบอุ่นเป็นสุข ราวกับช่วงชีวิตอันแสนสงบที่เอทอสเคยเฝ้าวาดหวังจะเกิดขึ้นจริงในเวลานี้

    “คุณ อ้าปาก”

    เสียงเรียกของมนุษย์ทำให้ปีศาจหลุดจากภวังค์ ถึงเพิ่งสังเกตว่าโนอาร์ได้ยื่นแซนด์วิชพอดีคำจ่อมุมปากเขาอยู่ ซึ่งร่างสูงใหญ่ไม่คิดปฏิเสธน้ำใจ ก้มลงกัดแผ่นขนมปังโดยจงใจให้ริมฝีปากสัมผัสถูกปลายนิ้วคนป้อนเล็กน้อย

    “ฝืนใจกินแซนด์วิชไปก่อนนะคุณ เดี๋ยวกลับบ้านเราเมื่อไร ผมจะให้คุณกินเต็มที่” ถ้อยคำผสานน้ำเสียงแฝงความรู้สึกผิดถึงกับทำให้ร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้วงุนงง
    “ทำไมข้าต้องฝืนใจ”
    “ผมรู้คุณอยากกินผม คุณจ้องผมมาสักพักแล้ว ถ้าขากลับคุณอดใจรอถึงบ้านไม่ไหว เราแวะค้างโรงแรมกันสักคืนดีไหม เพราะทำในรถคงแคบเกินไป”

    เมื่อนั้นบรรยากาศเรียบเรื่อยสุขสงบที่ปีศาจเฝ้าฝันพลันพังทลายสิ้นด้วยคำเยินยอหลงตัวเองของคู่ครอง


    หลังเดินทางนานหลายชั่วโมง ในที่สุดรถกระบะก็มาถึงจุดหมาย บ้านไม้สองชั้นห้อมล้อมร่มรื่นด้วยสนามหญ้าและสวนผลไม้นานาพรรณ เป็นที่พักอาศัยปัจจุบันของผู้มีพระที่เคยชุบเลี้ยงปีศาจเมื่อเยาว์วัย ร่างสูงใหญ่ไม่รีรอถือของเยี่ยมเดินนำคู่ครองเข้าตัวบ้าน ซึ่งขณะนี้มีหญิงสาวกำลังนั่งจิบชาคอยอยู่

    “สวัสดีครับท่านฟอเรสท่านอนันต์ ข้ามาเยี่ยมพวกท่านครับ ส่วนนี่เป็นของเยี่ยมของฝากที่คู่ครองข้าตั้งใจนำมามอบให้”

     ถ้อยเสียงทุ้มต่ำแฝงความสุภาพนอบน้อมยามทักทายผู้มีพระคุณ ทำให้หัวใจเยือกแข็งของชายเลือดเย็นสั่นไหวอย่างประหลาด โนอาร์เหลือบมองร่างสูงใหญ่ข้างกายเล็กน้อย ใบหน้าคมเข้มยังคงสงบนิ่งทว่าแววตากลับดูอบอุ่นมีความสุข เช่นนั้นรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยคล้ายอมยิ้มจึงปราฎร่วมยินดีกับปีศาจผู้เป็นที่รัก
    ครู่ต่อมานัยน์ตารัตติกาลถึงหันมองสำรวจหญิงสาวผู้มีพระคุณ เส้นผมยาวเขียวเข้มอมดำ ดวงตาสีเขียวมรกตแฝงความดื้อรั้น และใบหน้าซึ่งยังคงสาวสวยไม่ต่างจากความทรงจำในความฝัน ราวกับเวลาที่ผันผ่านมาเป็นสิบปีมิอาจทำอะไรเธอผู้นี้ได้เลย

    “สวัสดีครับคุณฟอเรสกับคุณอนันต์ ผมโนอาร์ เป็นคู่ครองของเอทอส”

    มนุษย์เอ่ยแนะนำตัว พลางค้อมศีรษะแสดงความเคารพเล็กน้อย ถึงแม้ในสายตารัตติกาลจะมองเห็นเพียงหญิงสาว ทว่ากลับไม่ลืมกล่าวทักทายใครอีกคนซึ่งอยู่เหนือการรับรู้ของเขา

    “พวกเราอยู่กินกันมานานแล้วแต่เพิ่งมีโอกาสมาแนะนำตัวต้องขออภัย ถึงผมจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแต่ผมขอรับรองว่าจะดูแลหลานชายของพวกคุณอย่างดี ผมจะทำให้เอทอสมีความสุขและไม่นึกเสียใจที่เลือกผมเป็นคู่ครอง จะทำหน้าที่ปรนนิบัติให้สมเป็นศรีภรร-”
    พอแล้ว! โนอาร์

    เสียงทุ้มหนักพลันดังก้องในความคิด เมื่อปีศาจรีบคว้าแขนปรามมนุษย์ที่ยังคงค้อมศีรษะพูดร่ายยาวราวกับกำลังสาบานตนในพิธีแต่งงาน ซึ่งหลังโดนขัดโนอาร์ก็ยอมเงยหน้าขึ้นแต่โดยดี ถึงเพิ่งสังเกตว่ายามนี้ใบหูของร่างสูงใหญ่ข้างกายกำลังขึ้นสีแดงร้อนผ่าว

    “เอาแต่พูดว่าเป็นคู่ครอง ๆ ยังไม่เห็นแสดงหลักฐานอะไรสักอย่าง”

    หญิงสาวเอ่ยพลางวางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะปรายสายตามองสำรวจหลานชายและมนุษย์ตรงหน้าราวกับไม่คิดเชื่อ เช่นนั้นร่างสูงใหญ่จึงถกชายเสื้อขึ้นสูงเผยมัดกล้ามเนื้อแกร่งซึ่งซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า รวมถึงลวดลายเปลวเพลิงที่ปรากฏเด่นชัดอยู่กลางแผ่นอกหนากว้างแข็งแรง สัญลักษณ์แบบเดียวกับตรงบริเวณไหปลาร้าใกล้ลำคอขาว ซึ่งมนุษย์ได้ใช้นิ้วเกี่ยวคอเสื้อลงพลางเอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้ผู้พิสูจน์มองเห็นได้อย่างชัดเจน

    หลังสัญลักษณ์ครองคู่เป็นที่ประจักษ์สู่สายตา ฟอเรสพลันลุกขึ้นเดินตรงไปหามนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในบ้าน พร้อมจับร่างสูงสมส่วนหมุนซ้ายขวาพิจารณา จวบจนพึงพอใจ สีหน้าหญิงสาวที่พยายามเกร็งขรึมถึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเบิกบานพลางหันไปฟาดมือใส่กลางแผงอกหลานชายแรง ๆ สองสามที จนชายเลือดเย็นได้ยินปีศาจแว่วร้องเสียง ‘อั่ก’ เบา ๆ ซึ่งโนอาร์กลับได้แต่ยืนมองนิ่งขมวดคิ้วมุ่นเนื่องจากถูกนัยน์ตาสีอำพันดุปรามห้ามไว้

    “แหม่! อายุไม่ถึงขึ้นร้อยกลับมีคู่ครองเป็นตัวเป็นตน ไม่เบาหนิหลานข้า” หญิงสาวเอ่ยอย่างภูมิใจ ก่อนเดินนำไปทางโต๊ะอาหาร ไม่ลืมบอกให้เอทอสถือเหล่าอาหารของฝากตามมา เพื่อจะได้นั่งกินพลางพูดคุยกันได้สะดวก
    “อนันต์ฝากถามว่าเจอกันได้ยังไง ข้าก็อยากรู้เหมือนกันไหนเล่าซิ หลานสะใภ้… เอทอส! เอาอาหารไปจัดใส่จานสิ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้ข้าสั่งฮะ”

    ฟอเรสเป็นสื่อกลางช่วยอนันต์ถามด้วยความตื่นเต้น ตบท้ายไม่วายแกล้งใช้งานหลานชาย เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างคู่ครอง ส่งผลให้โนอาร์ได้แต่มองผู้เป็นสามีโดนทารุณโดยไม่อาจทำอะไรได้

    “ผมเจอเอทอสครั้งแรกในป่า ตอนนั้นผมกำลังเดินกลับไปที่รถหลังจากฝังศพเหยื่อเสร็จ เลยบังเอิญเห็นเอทอสที่บาดเจ็บจากพวกนักล่าปีศาจ ผมเลยช่วยไว้และจากนั้นเราก็อยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน”
    “…”
    “เรื่องที่เอทอสถูกนักล่าปีศาจตามล่าเกิดจากความเข้าใจผิด เอทอสไม่ได้ฆ่ามนุษย์ และผมได้จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วง”
    “งั้นหรือ... เมื่อกี้เหมือนข้าฟังไม่ถนัด ตอนพบเอทอสครั้งแรกเจ้าไปทำอะไรในป่านะ?” ฟอเรสถามซ้ำราวกับไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก
    “ฝังศพคน ผมเป็นนักฆ่าหรือให้ถูกจะเรียกว่าฆาตกรก็ได้ แต่พวกคุณไม่ต้องกังวล ผมจะเล่นงานเฉพาะคนที่เป็นภัยกับเอทอส ซึ่งพวกคุณเป็นผู้มีพระคุณเสมือนพ่อแม่ ถึงสมัยเอทอสยังเด็กคุณจะใช้บทลงโทษรุนแรงไปบ้างจนไม่น่าให้อภัย แต่หลังจากนั้นพวกคุณก็เลี้ยงดูเอทอสอย่างดีจนมาพบผม เลยถือว่ายังไม่เข้าข่ายที่ต้องกำจัด”
    “โนอาร์!”

    เสียงทุ้มหนักตะโกนดังจากในครัวปรามคู่ครอง ก่อนตามด้วยร่างสูงใหญ่วิ่งมาดูสถานการณ์ พบว่าบัดนี้ท่านฟอเรสได้นั่งนิ่งช็อกเป็นที่เรียบร้อย ลำบากวิญญาณท่านอนันต์ต้องคอยลูบปลอบสงบสติอารมณ์ ซึ่งมนุษย์ตัวการก็เพียงยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ไม่มีทีท่าไยดีรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

    “เอทอส!! เจ้าไปเอาใครมาเป็นสะใภ้ข้าหา!!!” หญิงสาวหันไปตวาดลั่นใส่หลานชาย ห้องรับประทานอาหารพลันเกิดลมกระโชกพัดรุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังปะทุของปีศาจวายุพฤกษา
    “ถึงโนอาร์จะดูชั่วช้าไม่น่าคบหา แต่ข้าก็รักไปแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันข้ารับประกันว่า เนื้อแท้โนอาร์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด!”

    ร่างสูงใหญ่ตะเบ็งเสียงสู้ลมพายุที่พัดกระหน่ำ ทว่าแม้ไม่ใช่เวลา มนุษย์ผู้ทันได้ฟังถ้อยคำคล้ายสารภาพรักจากปีศาจ กลับหลุดยิ้มมุมปากดีใจเล็กน้อย

    “ข้าอยากจะบ้าตาย เจ้านี้มัน... เหอะ! เอาเถอะ ภูมิหลังจะเป็นอะไรก็ช่าง ยังไงซะสัญลักษณ์ครองคู่บนตัวพวกเจ้าก็เป็นความจริง” ฟอเรสบ่นหลานชายอย่างปลงตก ก่อนสะบัดมือสลายลมพัดโหมส่งผลให้ห้องรับประทานอาหารกลับคืนสู่ความสงบอีกครา แล้วถึงค่อยหันมาถามหลานสะใภ้นักฆ่าของตน
    “แล้วตอนนี้เจ้าทำอะไร? คงไม่ได้ทำแบบเดิมอยู่หรอกนะ”
    “ช่วงนี้ผมช่วยเอทอสดูแลสวนรฦกวัลย์เป็นหลัก”
    “เฮ้อ... ถ้างั้นก็ดีแล้ว”

    หญิงสาวพลันถอนหายใจโล่งอก ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมใดถึงทำให้ชีวิตหลานของตนต้องวนเวียนอยู่กับเรื่องดำมืดโหดร้าย ถึงสมัยที่เอทอสยังเรียนเขาและอนันต์จะดึงหลานกลับสู่หนทางที่ถูกที่ควรได้ ทว่าเมื่อเติบใหญ่กลับดันเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์เช่นนี้อีก เขาก็สุดจนปัญญาจะห้ามปราม ได้แต่ขอโทษธีออสกับเอวาในใจ เพราะพวกเขาเลี้ยงดูหลานชายเต็มความสามารถแล้วจริง ๆ

    หลังผ่านความวุ่นวาย ผู้มีพระคุณก็เรียกหลานชายและหลานสะใภ้มานั่งคุยซักถามอย่างจริงจัง ซึ่งผลพวงจากรสชาติอาหารของเยี่ยมฝีมือโนอาร์ บวกกับคารมทักษะการพูดจนทำให้หญิงสาวคล้อยตามทีละน้อย เพียงไม่กี่ชั่วโมงบรรยากาศก็กลับคืนสู่ความปกติสุข ทว่าก็เหมือนมีบางสิ่งที่ยังคงติดข้าง

    “เอทอส ข้าอยากดื่มกาแฟร้านประจำ ไปซื้อให้ข้าที่สิ” คำสั่งจากหญิงสาว ทำให้ร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังนั่งคุยสื่อสารกับวิญญาณท่านอนันต์อยู่ไม่ไกลจำต้องลุกขึ้นเตรียมตัว
    “ครับ แล้วร้านประจำของท่านคือ...”
    “คิดเองเป็นไหมฮะ เรื่องแค่นี้ยังต้องถามข้าแล้วจะดูแลโนอาร์ได้ยังไง ไปสักทีเสียเวลาข้าคุยกับหลานสะใภ้”

    ว่าจบ หญิงสาวก็หันไปคุยสนุกกับชายเลือดเย็นต่ออย่างไม่คิดเหลียวแลหลานชาย โชคดีที่อนันต์เห็นใจจึงอาสานำทางไปเป็นเพื่อน ดังนั้นหลังสองหนุ่มจากไป บ้านกลางสวนในเวลานี้จึงเหลือเพียงหนึ่งมนุษย์และปีศาจสาว

    “ว่าไง มีอะไรจะถามข้าใช่ไหม” ฟอเรสเอ่ยเข้าเรื่องทันที เมื่อไล่หลานชายไปพ้นหูพ้นตา
    “พันธะครองคู่คืออะไร ผมต้องการใช้มันช่วยเอทอส”

    โนอาร์พูดถึงจุดประสงค์หลักของการเยี่ยมเยียน ในอดีตของเอทอสมีช่วงหนึ่งที่ฟอเรสหลุดพูดว่าสามารถช่วยชีวิตอนันต์ที่กำลังสิ้นใจเพราะฤทธิ์คำสาป สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับปีศาจที่ถูกมนตร์มืดกำหนดให้ตายตอนสิ้นปี ฉะนั้นสำหรับชายเลือดเย็น พันธะครองคู่จึงเสมือนเป็นหนทางเดียวและความหวังสุดท้ายในการยื้อชีวิตเอทอสให้รอดพ้นจากความตายที่กำลังขยับใกล้เข้ามา

    “เอทอสเป็นอะไร?” หญิงสาวถามกลับอย่างกังวล
    “เขาช่วยชีวิตผมจนถูกมนตร์มืดจากผู้คุมวิญญาณ และอีกไม่นานจะต้องตาย ผมลองหาทุกวิธีแล้วแต่มันไม่มีทางถอดถอนหรือรักษา พันธะครองคู่เลยเป็นทางเดียวของผมที่จะช่วยเอทอสได้”
    “…”

    นัยน์ตาสีเขียวมรกตพลันเกิดความวูบไหวหมองหม่น ยามรู้ว่าตลอดวันที่เขาเล่นหยอกล้อกับหลานชาย เอทอสเพียงแสร้งทำเป็นปกติดีทั้งที่จริงเหลือเวลาอีกไม่นาน และนี่อาจเป็นคราวสุดท้ายที่ได้พบกันทว่าอีกฝ่ายกลับเลือกเก็บงำเอาไว้ไม่บอกกล่าว เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเป็นทุกข์ ความจริงไม่คาดฝันถึงกับทำให้ปีศาจสาวต้องใช้เวลาควบคุมห้วงอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งถึงสามารถเริ่มคุยต่อ ซึ่งระหว่างนั้นโนอาร์เพียงนั่งรออย่างใจเย็น ไม่คิดเร่งรัดคาดคั้นแต่อย่างใด

    “พันธะครองคู่ มันมีราคาที่ต้องแลก และมันอาจไม่คุ้มเลยสำหรับเจ้าที่เป็นเพียงมนุษย์”
    “ผมไม่มีปัญหาเรื่องนั้น จะเสียอะไรก็ได้แค่ให้เอทอสมีชีวิตอยู่ต่อก็พอ” ถ้อยเสียงตอบกลับแน่วแน่เจือความหวัง กลับทำให้ปีศาจสาวยิ่งหม่นเศร้า เพราะมันหมายความว่า มนุษย์เบื้องหน้ามิได้รู้อะไรเกี่ยวกับพันธะครองคู่เลย
    “…เช่นนั้นมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องทำความเข้าใจเสียใหม่”
   “พันธะครองคู่ ไม่ใช่ทางแก้หรือทางรักษาอย่างที่เจ้าคิด ไม่ว่าจะใช้หรือไม่เมื่อถึงวันนั้น...”
    “…”
    “เอทอสจะต้องจากโลกนี้ไปอยู่ดี”



บท34 สมบูรณ์




ถึงคนอ่าน


    ระหว่างเขียนบทนี้ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นครับ ในตอนแรกคนเขียนตั้งใจให้ ดรีม กับ นาวา และใครอีกคนซึ่งจะปรากฏตัวในบทหน้า จะมีเรื่องแยกเป็นของตัวเอง แต่อยู่ ๆ คู่ของภาคินในร่างสภาพวิญญาณกับจินก็พุ่งแรงแทรกเข้ามา จนคนเขียนตัดสินใจว่าจะเขียนเรื่องแยกของเขาสองคนนี้ดูด้วยครับ แต่ว่าคนรอคิวนานหน่อย หากคนอ่านสนใจไว้คนเขียนจะมาแจ้งเมื่อเริ่มเปิดเรื่องนะครับ^^


    นับเคาท์ดาวน์เหลืออีกเพียง 2 บทเอทอสกับโนอาร์ก็จะเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้วครับ(บทสุดท้ายคือ บทที่ 36) คนอ่านกับคนเขียนเดินทางกันมาไกลมาก คนเขียนมีดีใจมากเลยครับ คนเขียนพูดอะไรไม่ค่อยออกเลยมักอึน ๆ ตัน ๆ แบบตื้นตันคล้ายบอกไม่ถูก คนอ่านอยากบอกอะไรส่งท้ายเรื่องนี้หรือบอกแนะคนเขียนคอมเมนท์ได้เลยนะครับ^^


ออฟไลน์ FleurDelakour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งือออออ จะจบแล้วววว ลุ้นมากว่าสุดท้ายจะต้องมีใครสละชีวิตไหมมมม

แล้วก็ขอกรี๊ดเรือผี จินภาคินหน่อย ตะหงิดตอนอ่านครั้งแรกแล้วว่าเคมีมันเข้าแปลกๆ ภาคินเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดต้องกร้าวใจมากแน่ๆ <3

ปล. ไปเจองานอาร์ทการ์ตูนในทวิตที่ทำให้นึกถึงเอทอสโนอาห์มา เดี๋ยวจะลองรีทวิตแล้วแท็กนิยายดูนะ คนเขียนอย่าลืมไปส่อง แซ่บมาก

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อวยพรให้ไรท์ สุขภาพแข็งแรง...เพราะเราอยากอ่านเรื่องของจินแย้วววววว :z2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ใกล้จบแล้ว ยังไงก้อจะรออ่าน คู่อื่นด้วยยย

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
    บริเวณกำแพงปูนแตกระแหงหลุดลอกจนเห็นอิฐเปลือยของส่วนหลังบ้านร้างเก่าโดดเดี่ยวห่างไกลชุมชน มีวัตถุทรงสูงขนาดใหญ่คลุมทับด้วยผ้าใบพลาสติกสีดำทึบปกปิดมิดชิด สิ่งนั้นถูกห้อยลอยเคว้งกลางอากาศตากแดดร้อนแผดเผา โดยมีรอกโซ่ฝังติดกับกำแพงคอยยึดไม่ให้หล่นร่วงลงมา

    นัยน์ตารัตติกาลดำมืดแหงนมองเครื่องทรมานด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนเดินไปยังสายโซ่เพื่อสาวรอกให้วัตถุใหญ่สีดำกลับคืนสู่พื้น ฝ่ามือขาวกระตุกผืนผ้าใบออกเผยกรงเหล็กเล็กแคบซึ่งภายในนั้นมีร่างชายเปลือยสภาพอิดโรยอ่อนแรงโดนกักขังอยู่ พื้นที่จำกัดจนไม่อาจทรุดนั่งบีบบังคับให้คนถูกทรมานจำต้องยืนแม้ขาสองข้างจะอ่อนเปลี้ยไหวสั่น ทั่วกายอาบชุ่มด้วยเหงื่อชวนให้รู้สึกเหนียวเหนอะ ใบหน้าขึ้นสีแดงจากความร้อนอบอ้าวและขาดน้ำ เนื่องจากถูกปล่อยทิ้งกลางแดดมาตลอดสามวันสามคืน ไม่อาจเรียกความสงสารเห็นใจให้กับผู้กระทำที่เฝ้ามอง

    “แกร๊ก... ตุบ!!”

    ร่างไร้เรี่ยวแรงล้มพับทันทีเมื่อกรงเหล็กถูกเปิด ก่อนจะถูกพยุงลุกกึ่งเดินกึ่งลากไปที่ไหนสักแห่ง สายตาอันพร่าเลือนของวรรษเห็นเพียงปลายเท้าตัวการสลับย่างก้าวเป็นจังหวะ ไม่มีแม้แต่แรงผงกหัวเงยมองใบหน้าศัตรูแค้น แสงรอบข้างที่ค่อยมืดลงจนสลัวกับเสียงและแรงสะเทือนคล้ายกำลังลงบันได ทำให้ร่างอ่อนเพลียพลันเกร็งฝืนต่อต้านตามสัญชาตญาณ ความทรมานยิ่งกว่าตายซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังคงฝังลึกใต้จิตสำนึก ความหวั่นเกรงกลัวต่อสิ่งที่รออยู่กู่ร้องอ้อนวอนให้ร่างกายฮึดสู้ดิ้นหนี ทว่าแท้จริงกลับไม่มีส่วนใดขยับทำตามสั่ง

    กระทั่งร่างถูกพานอนราบ แผ่นหลังเปลือยชื้นเหงื่อสัมผัสถึงความแข็งกระด้างอันไม่อยากคุ้นชิน รู้สึกถึงสายรัดซึ่งกำลังล็อกตรึงแขนขากระตุ้นหัวใจสั่นระรัว ครู่หนึ่งพื้นที่นอนราบกลับเริ่มลาดเอียงยกปลายเท้าสูงกว่าระดับศีรษะ ก่อนตามด้วยเงาร่างเพชฌฆาตที่มายืนค้ำหัว ในมือถือผ้าฝืนหนึ่งที่เขารู้ดีว่าจะเอามาทำอะไรทว่ากลับไม่มีโอกาสดิ้นรน ไม่นานผ้าดังกล่าวก็ถูกวางคลุมใบหน้าปิดประสาทการมองเห็น ทว่าเสี้ยววินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะย้อมกลายเป็นสีดำสนิท ผู้คุมวิญญาณทันสบนัยน์ตารัตติกาลถึงกับชะงักงัน เมื่อแววตาที่เคยแฝงแววสนุกสนานชิงชังยามนี้กลับดูเฉื่อยชาว่างเปล่า ไร้แสงแห่งความหวังยิ่งกว่าเขาผู้ถูกทรมาน

    “อั้ก!... อั้ก ๆ อ้อก! ๆ อั้ก! อั้ก!...”

    เสียงสำลักน้ำขาดอากาศดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องใต้ดินมืดสลัว ความเปียกชื้นเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูกประดังเทมาพร้อมน้ำที่ราดรดใบหน้าไร้ที่ท่าว่าจะหยุด มวลของเหลวซึมไหลผ่านผืนผ้าทะลักเข้าโพรงปากและจมูก คั่งค้างเต็มช่องคอจนเอ่อล้นอึดอัดเฉกเช่นคนจมน้ำ รู้สึกพะอืดพะอมกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยากอ้วกสำรอกคายน้ำที่ขังเต็มทว่ามีแต่จะเพิ่มพูน น้ำหูน้ำตาไหลปนเป ร่างถูกขึงตึงตะเกียกตะกายพล่านพยายามหนีมวลน้ำไขว่คว้าหาอากาศ ความทรมานหายใจไม่ออกผสานความมืดเพราะดวงตาถูกผืนผ้าชื้นเย็นอุ้มน้ำปิดบัง หล่อหลอมเป็นความรู้สึกราวกับโดนถ่วงจมลงไปใต้ห้วงทะเลมืดลึกก็ไม่ปาน
    กระทั่งสติเริ่มเลือนจากคล้ายเห็นด้ายขาวแห่งความตายพาดผ่านสุดปลายสายตา ที่มาพร้อมกับความหวังว่าครานี้จะสามารถก้าวข้ามหลุดพ้นจากขุมนรกได้เสียที

    “พลั่ก!”
    “อ้อก! แค่ก! แค่ก! แค่ก! ๆ”

    วินาทีใกล้ถึงแสงปลายทางพลันโดนผู้ลงทัณฑ์ฉุดกระชากกลับมา ร่างอ่อนเปลี้ยสำลักน้ำถูกผลักกลิ้งตกจากแท่นทรมานคว่ำกระแทกพื้น ส่งผลให้มวลน้ำมากมายที่คั่งค้างเต็มโพรงจมูกและลำคอถูกร่างกายสำรอกไอ้หอบจนตัวโยน ทว่าได้เวลากอบโกยหายใจเข้าไม่นาน กลุ่มผมเปียกโชกกลับโดนชายไร้เมตตาทึ้งลากขึ้นมาบนแท่นอีกครั้ง วรรษพยายามปัดป้องเปล่งเสียงต่อรองอย่างคนจนตรอก แต่ถ้อยคำกลับโดนกลบจากอาการไอสำลักที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้กระทำยั้งมือแต่อย่างใด เพียงชั่วอึดใจร่างกายอ่อนล้าเปลือยเปล่าของผู้คุมวิญญาณก็ถูกขึงตึงเช่นเดิม พร้อมผ้าอุ้มน้ำเปียกชุ่มผืนเก่าค่อยวางคลุมลงบนใบหน้าที่สะบัดดิ้นต่อต้าน ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นเสียงดิ้นทุรนทุรายสำลักอึกอัก สื่อแทนถึงความทรมานอันไร้จุดสิ้นสุด


    จวบกระทั่งเวลาร่วงเลยไปหลายชั่วโมงจากบ่ายคล้อยเข้าสู่ยามเย็น การทารุณก็ถึงคราวหยุดพักเมื่อชายเลือดเย็นยอมรามือ โนอาร์พาร่างโงนเงนหมดกำลังของผู้คุมวิญญาณไปยังเตียงเก่า จับนอนหงายก่อนขึงล็อกสองมือสองเท้ากับตัวเตียงไม่ให้ลุกหนี ก่อนเดินแยกออกไปและกลับมาอีกครั้งพร้อมสายยางสองเส้นต่างขนาด เส้นหนึ่งจับทะลวงโพรงปากสอดลึกผ่านหลอดอาหารลงไปถึงกระเพาะ ตรงส่วนต้นของสายต่อกับถุงอาหารเหลวแขวนลอยสูง เพื่อให้สารอาหารไหลลำเลียงผ่านท่อตรงสู่ท้องโดยไม่ต้องเสียแรงเคี้ยวกลืน
 
    หลังจัดแจงป้อนอาหารเรียบร้อย ขั้นต่อมาคือการขับถ่าย ฝ่ามือชายเลือดเย็นจับองคชาตอ่อนนิ่มของคนบนเตียง ก่อนบรรจงสอดสายยางเคลือบสารหล่อลื่นเล็กน้อยพอให้ยัดเข้าผ่านรูเล็กตรงส่วนปลาย ร่างผู้โดนกระทำพลันกระตุกเกร็งดิ้นส่งเสียงร้องอื้ออึงไม่ได้ศัพท์ ยิ่งสายยางชำแรกสวนลึก ความเจ็บปวดแสบร้อนยิ่งเพิ่มทวีคูณ รู้สึกรวดร้าวราวกับบริเวณนั้นกำลังถูกแทงทึ้งด้วยเหล็กแหลมรุนแรง จนปลายสายเดินทางทะลุเข้าถึงกระเพาะปัสสาวะ ของเสียกลิ่นฉุนในร่างก็พลันไหลย้อนตามสายลงถุงที่ห้อยรอรับอยู่ข้างเตียง

    นัยน์ตารัตติกาลเพียงมองสภาพเหนื่อยหอบน่าสังเวช เฝ้ารอจนถุงอาหารเหลวถูกคนบนเตียงดูดซึมหมดสิ้น ถึงจัดการนำถุงอาหารเปล่าไปทิ้งและอุดปิดต้นสายกันเชื้อเข้า โดยยังคงให้สายท่อข้างในลำคอสร้างความทรมานอึดอัดอยู่เช่นนั้น โนอาร์เพียงเหลือบมองเหยื่อส่งท้ายแล้วจึงเดินกลับขึ้นไปชั้นบนของบ้านร้าง ปล่อยทิ้งผู้คุมวิญญาณให้จมอยู่ในห้วงระทมทุกข์ท่ามกลางความมืดอันเวิ้งว้าง



    รถเก๋งสีน้ำตาลเข้มเกือบดำซึ่งจินเป็นผู้จัดหาขับเข้าจอดใต้ถุนบ้านพักทรงไทยประยุกต์ ก่อนตามด้วยร่างสูงของชายเลือดเย็นลงจากรถเดินเข้าตัวบ้าน เพื่อเตรียมมื้อเย็นรอการกลับมาของใครอีกคน หลังอาหารจานสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวไม่นาน รถกระบะดำขลับก็มาถึง โนอาร์ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วจึงเดินไปทักทายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าประตู

    “ผมเพิ่งทำมื้อเย็นเสร็จพอดี คุณอยากอาบน้ำก่อนไหมหรือจะกินเลย” มนุษย์ถามพลางมองสำรวจบุคคลเบื้องหน้า ซึ่งดูเหมือนวันนี้นายใหญ่สวนรฦกวัลย์จะสะสางภาระงานเรียบร้อย ถึงไม่มีแฟ้มเอกสารถือติดกลับมา
    “กินก่อน เดี๋ยวของที่เจ้าทำจะเย็นชืดเสียหมด”

    ร่างสูงใหญ่ว่าพลางเดินนำไปยังโต๊ะกินข้าว ระหว่างมืออาหาร นัยน์ตาสีอำพันดุเฝ้าสังเกตมนุษย์ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นระยะ ตั้งแต่กลับจากการเยี่ยมเยียนผู้มีพระคุณเมื่อสองสัปดาห์ก่อน โนอาร์คล้ายเซื่องซึมหมองหม่นไปถนัดตา แม้มนุษย์จะทำตัวเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ใช่ว่าจะปิดบังเขาได้ ซึ่งเมื่อได้ลองถาม อีกฝ่ายก็ตอบกลับโดยพลัน

    ‘ผมเป็นคนโลภเอทอส หลังพบอนันต์กับฟอเรสผมรู้ว่าเลยว่าเท่านั้นมันไม่พอ ผมอยากนอนกอดคุณทุกคืน อยากสัมผัสไออุ่นจากคุณ อยากทำอะไรอีกหลายอย่างพร้อมคุณ แต่อีกไม่นานผมจะทำมันไม่ได้แล้ว... แค่คิดผมก็อยากจะฆ่าผู้คุมวิญญาณนั่นซ้ำ ๆ กล้าดียังไงมาพรากคุณไปจากผม’

    พอว่าจบโนอาร์ผู้หดหู่ก็กลายเป็นกราดเกรี้ยวโกรธาแผ่รังสีดำอำมหิต ทว่าสักพักก็กลับมาห่อเหี่ยวใหม่ ปีศาจที่คราแรกตั้งใจว่าจะกล่าวปลอบประโลม เมื่อเห็นดังนั้นจึงเลือกเมินเฉยไม่สนใจ เพราะหากตอนท้ายสามารถวกมาคิดเรื่องชั่วร้ายได้ แสดงว่ายังปกติดี


    “เหมือนสีครามจะว่างแล้ว วันหยุดนี้เลยว่าจะไปดูที่พัก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นลอย ๆ หลังจบมื้อเย็นเป็นที่เรียบร้อย
    “ต้องการแถวไหน เผื่อผมจะช่วยหา”
    “ถึงวันก็รู้เอง ข้าไม่อยากได้เซอร์ไพรส์อะไรจากเจ้า”

    ปีศาจกล่าวดักทางมนุษย์ก่อนลุกจากโต๊ะไปอาบน้ำ อย่างโนอาร์มีหรือจะหวังดีช่วยสีคราม หากบอกสถานที่ให้รู้ล่วงหน้าคงไม่วายแอบจัดฉากรังแกรุ่นน้องเขาจนไม่เป็นอันหาที่พักใหม่ ซึ่งจากที่ว่ามาดูเหมือนการไม่พาชายอันตรายผู้นี้ไปด้วยจะเป็นการดีสุด ทว่าตอนที่สีครามเอ่ยปากชวนนั้นเอทอสกลับไม่คิดขัด เพราะเมื่อลองช่างน้ำหนักดูย่อมเข้าใจดีว่า หากเขาไปกับรุ่นน้องเพียงสองต่อสอง จะเกิดมหันตภัยใดขึ้น

    เมื่อคล้อยหลังร่างสูงใหญ่ โนอาร์ซึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังตรงโต๊ะกินข้าวเพียงสายหน้าเล็กน้อย พลางระบายยิ้มมุมปากในความรู้ใจของเอทอส ก่อนฝ่ามือขาวจะล้วงหยิบโทรศัพท์สั่งการตัวหมากให้ดำเนินตามแผนสำรองเนื่องเพราะ ไม่ใช่ปีศาจผู้เดียวที่รู้ใจคนรัก



    ถึงวันนัดทุกอย่างคล้ายกลับตาลปัตรจากตอนไปเยี่ยมผู้มีพระคุณโดยสิ้นเชิง ปกติมนุษย์มักลุกไปเตรียมมื้อเช้าตั้งแต่รุ่งสาง ทว่าวันนี้โนอาร์กลับแสร้งนอนกอดก่ายเกาะร่างสูงใหญ่เป็นลูกลิง ลำบากเอทอสต้องพยายามแกะไล่มือปลาหมึกขาวยุ่บยั่บเพื่อหนีไปอาบน้ำ หลังเรียบร้อยก็ยังไม่วายเสียเวลารอพ่อครัวเอ้อระเหยทำอาหารเช้าอย่างอิดออด กระทั่งเจ้าบ้านทนไม่ไหวสั่งให้เลิกทำแล้วไปแต่งตัวไม่เช่นนั้นจะทิ้งไว้ที่นี่ หลังคำขู่เด็ดขาด ปีศาจและมนุษย์ถึงได้ฤกษ์ออกเดินทาง ซึ่งสายจากกำหนดการณ์ที่วางไว้ราวครึ่งชั่วโมง

    รถยนต์สีน้ำตาลเข้มคันใหม่ของโนอาร์ถูกเลือกเป็นพาหนะสำหรับนัดในวันนี้ ด้วยพื้นที่โดยสารกว้างและสะดวกสบายกว่ารถกระบะ ซึ่งดูเหมือนเจ้าของจะไม่เต็มใจให้ยืมเท่าไรนักถึงได้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างคนขับ และแน่นอนว่านอกจากปีศาจจะไม่สนใจแล้ว ยังแกล้งแหย่กวนอารมณ์มนุษย์ขี้หงุดหงิดไปตลอดทางจนถึงหน้าร้านขายดอกไม้ สีครามที่ยืนคอยอยู่จึงรีบเดินเปิดประตูขึ้นนั่งส่วนเบาะหลังของรถ

    “สวัสดีครับพี่เอทอส ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาช่วยผมดูเรื่องที่พัก... อา... สวัสดีครับ.. คุณโนอาร์” สีครามกล่าวทักทายรุ่นพี่ที่เคารพรัก ก่อนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเสี้ยวหน้าอึมครึมของผู้นั่งข้างคนขับ
    “ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย แต่ก่อนไปขอแวะกินข้าวสักหน่อย พอดีขามามีเรื่องข้าวเช้าเลยไม่ได้กิน”

    ร่างสูงใหญ่ว่าหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถกลับสู่ถนนโดยไม่ลืมเอ่ยแซะใครบางคนในตอนท้าย ซึ่งคนโดนเหน็บแนมก็คล้ายรู้ตัวถึงหันไปค้นถุงกระดาษซึ่งได้หยิบติดมือมาตอนจะออกจากบ้านดังกุกกัก เพียงครู่แฮมเบอร์เกอร์เนื้ออุ่นกำลังพอดีก็ถูกฝ่ามือขาวบริการป้อนถึงปากคนบ่น โดยที่จริงของว่างรองท้องปีศาจควรได้กินตั้งนานแล้ว ถ้าระหว่างทางไม่มัวแต่เย้าหยอกจนมนุษย์ลืมไปเสียสนิท

    การปรนนิบัติดูแลกันของบุคคลเบื้องหน้า ทำให้ผู้เฝ้ามองอย่างสีครามลอบอมยิ้มยินดีเล็กน้อย ที่รุ่นพี่ที่เขาหลงรักในที่สุดก็มีคนอยู่เคียงข้าง แม้ใครคนนั้นคงไม่ใช่เขาก็ตาม ซึ่งก่อนมาเจ้าของร้านดอกไม้ได้เตรียมใจแล้วว่าอาจเห็นภาพบาดตาชวนให้รู้สึกหม่นเศร้า ทว่าเมื่อรับรู้กลับไม่มีความรู้สึกด้านลบนั้นเกิดขึ้นเลย ภายในจิตใจมีแต่ความปล่อยวางอบอุ่น เวลานี้สีครามคล้ายเข้าใจแล้วว่าความรักแท้จริงอันไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุขนั้นเป็นเช่นไร

   ความรู้สึกอันขาวสะอาดสะท้อนผ่านกลิ่นอายวิญญาณบริสุทธิ์ ความอ่อนโยนบางเบาราวกับค่อยแผ่ขยายทั่วห้องโดยสาร ส่งผลให้เอทอสรู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างประหลาด ซึ่งต่างจากความรู้สึกเข้มข้นทมิฬมืดของกลิ่นอายชั่วร้ายข้างกายโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาสีอำพันดุอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเจ้าของกลิ่นอายผ่านกระจกมองหลัง พบว่ายามนี้สีครามกำลังมองออกไปนอกตัวรถ ใบหน้าอ่อนหวานเปื้อนยิ้มนั้นทำให้ร่างสูงใหญ่เผลอนิ่งพินิจชมไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะละสายตามองถนนตามเดิม โดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตารัตติกาลที่หลุบลง พลางเก็บแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งถูกกัดเพียงไม่กี่คำกลับถุงกระดาษอย่างเก่า เพราะเหมือนปีศาจได้หลงลืมมันไปแล้ว

    ไม่นานนักรถคันน้ำตาลก็หยุดจอดบริเวณหน้าร้านอาหารขึ้นชื่อ ร้านเดียวกับที่เจ้าของร้านดอกไม้เคยพามาเมื่อนานมาแล้ว ทว่าสีครามกลับมีท่าทีกังวลอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อลงจากรถแล้วเดินเข้าร้านร่างสูงใหญ่ก็รับรู้ทันทีว่า สิ่งใดเป็นสาเหตุที่ทำให้รุ่นน้องเขากระอักกระอ่วนเช่นนี้

    “คนเยอะคงจะรอคิวนาน มีร้านอื่นพอแนะนำไหม”

    เสียงทุ้มต่ำแสร้งถามชายร่างบางที่คล้ายพยายามยืนหลบหลังเขา เพื่อหนีเหล่าสายตารังเกียจคอยจับจ้อง เรื่องสีครามเป็นน้องชายของอาชญากรแหกคุกสังหารตำรวจทั้งโรงพักยังคงเป็นที่กล่าวขานในสังคม ความดาลเดือดร่วมตามกระแสของกลุ่มมนุษย์ทั้งที่ไม่รู้ความจริง ทำให้ปีศาจรู้สึกสะอิดสะเอียนในความใคร่เป็นคนดีที่แท้จริงเพียงต้องการสนองด้านมืดที่ไม่อาจเปิดเผย ซ้ำยังไม่คิดรับผิดชอบว่าจะสร้างบาดแผลฝังลึกให้ใครบ้าง ซึ่งเรื่องนี้จะโทษตัวการแท้จริงอย่างโนอาร์ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะชายเลือดเย็นไม่ได้ปล่อยข่าวหรือชักนำให้ผู้คนโกรธแค้นเจ้าของร้านดอกไม้เลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่พวกปลุกปั่นเอาสนุกที่ปั้นเรื่องเติมแต่งขึ้นมา

    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เอทอส”

    สีครามตอบกลับพลางระบายยิ้มสู้เล็กน้อย เห็นดังนั้นร่างสูงใหญ่จึงมองหาโต๊ะที่ค่อนข้างห่างจากลูกค้ารายอื่น ก่อนจะเดินนำเมื่อพบที่นั่งที่ต้องการอยู่มุมหนึ่งของร้าน บรรยากาศชวนอึดอัดส่งผลให้ความอยากอาหารลดฮวบจนปีศาจอยากรีบ ๆ สั่ง รีบ ๆ กินให้เสร็จ ทว่าผ่านไปสักพักใหญ่กลับไม่มีพนักงานคนไหนมาสอบถามรายการ ราวกับกำลังถูกเลือกปฏิบัติกลั่นแกล้งซึ่งนั่นยิ่งทำให้สีครามรู้สึกผิด ชายร่างเล็กบางจึงตัดสินใจลุกไปสั่งด้วยตัวเอง

    “พี่เอทอส คุณโนอาร์อยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมเดิน-”
    “เพล้ง!!”

    ไม่ทันสิ้นเสียงถาม แก้วเปล่าใบหนึ่งกลับโดนฝ่ามือขาวปัดจากโต๊ะลงพื้นแตกกระจายเรียกเหล่าสายตาผู้คนโดยรอบ จนมีพนักงานคนหนึ่งจำต้องเดินไปยังโต๊ะก่อเหตุเพื่อเก็บกวาดเศษแก้วไม่ให้ทิ่มบาดลูกค้าท่านอื่น

    “ทางร้านจะเก็บค่า-”
    “เอทอสคุณอยากกินอะไร”

    เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขัด เป็นผลให้พนักงานต้องหันมองคนพูดแทรกอย่างฉุนเฉียว ถึงพลันสบนัยน์ตารัตตติกาลอันตรายที่ปรายมองตนไม่ต่างจากปรสิตต่ำชั้น เพียงเท่านั้นความหงุดหงิดรำคาญพลันถูกกลืนกินด้วยความกดดันเสียวสันหลังวาบ เมื่อดวงตาดำสนิทดุจวังวนทมิฬมืดนั้นกำลังกระชากดึงอากาศหายใจจากเขาอย่างช้า ๆ เกิดเป็นความอึดอัดราวกับกำลังจมน้ำ เย็นยะเยือกคล้ายลอยเคว้งในอวกาศ เสียงอื้ออึงรอบร้านพลันเลือนหาย เหลือเพียงเสียงเรียวนิ้วที่เคาะกระทบพื้นโต๊ะเป็นจังหวะ ช่างเหมือนเสียงเข็มนาฬิกาแห่งความตายเริ่มนับถอยหลัง กระตุ้นสัญชาตญาณขลาดกลัวให้รีบทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นสิ่งถัดมาที่โดนช่วงชิงคงไม่พ้นชีวิตแสนด้อยค่านี้

    “ขะ.. ขอโทษครับ”

    พนักงานกล่าวขอโทษพร้อมก้มหน้าไม่กล้าสบตา สองมือรีบประสานไว้ด้านหน้าอย่างสำรวม ทว่าแท้จริงแค่พยายามคุมไม่ให้สั่นเทา เมื่อนั้นโต๊ะของลูกค้าอันตรายถึงได้ฤกษ์สั่งอาหาร พนักงานรีบทวนรายการจนเรียบร้อยจึงปลีกตัวหายไป ก่อนจะมีพนักงานอีกคนเข้ามาเก็บกวาดเศษแก้วตามพื้นแทน

    “ขอบคุณนะครับ คุณโนอาร์”

    สีครามกล่าวขอบคุณพลางยิ้มจริงใจส่งให้คนฝั่งตรงข้าม แม้อีกฝ่ายจะทำเป็นมองไม่เห็นไม่รับรู้ก็ตาม ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากปัญหาไร้สาระนี่ไม่กระทบถึงปีศาจ มีหรือโนอาร์จะลงมือด้วยตัวเอง
    ผ่านไปไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ถูกยกเสิร์ฟโดยพนักงานคนเดิม มื้อเช้าค่อนสายเริ่มขึ้นอย่างสงบเงียบ กระทั่งมีจังหวะหนึ่งที่ร่างสูงใหญ่ตักหมูชิ้นในชามใส่จานตัวเองก่อนจะเผื่อแผ่ให้มนุษย์ข้างกายโดยไม่พูดอะไร เป็นการกระทำเรียบง่ายทว่ากลับทำให้ผู้รับนิ่งงัน เพียงครู่รอยยิ้มมุมปากจึงปรากฏ โนอาร์บรรจงชิมชิ้นหมูนั้นอย่างละเมียดละไม ค่อย ๆ ใช้ช้อนเล็มฉีกกินทีละนิดราวกับกลัวจะหมดเร็ว จนร่างสูงใหญ่เห็นแล้วรำคาญแทนเลยยึดหมูชิ้นนั้นคืนพร้อมส่งเข้าปากเคี้ยวกลืนต่อหน้าต่อตามนุษย์ เป็นผลให้สีครามที่ลอบสังเกตเผลอหลุดขำเล็กน้อย ก่อนจะรีบกลั้นเสียงก้มทานข้าวต่อเมื่อถูกสายตารัตติกาลเหลือบมอง


    หลังจบมื้อเช้ารถยนต์สีน้ำตาลเข้มถึงเริ่มเดินทางตามกำหนดการหลักของวัน เอทอสพาสีครามไปหอพักต่าง ๆ หลายที่สะดวกน่าอยู่ทว่าไปกลับร้านดอกไม้ลำบาก ส่วนที่ใกล้ร้านกลับเต็มไม่เหลือห้องว่าง กว่าจะพบที่ตรงกับทุกความต้องการก็ใช้เกือบครึ่งค่อนวัน ทำเลของห้องและบรรยากาศล้วนเหมาะแก่การพักอาศัยจนผู้เช่าตกลงทำสัญญา ซึ่งทุกอย่างดูราบรื่นกระทั่งถึงเรื่องราคาเช่าและค่ามัดจำ สุดท้ายเจ้าของร้านดอกไม้กลับจำใจปฏิเสธอย่างเสียดาย

    “ที่นี่ก็ดี ทำไมถึงไม่เอาล่ะ” เอทอสเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นรุ่นน้องเดินมือเปล่าออกมาจากห้องติดต่อหอพัก ซึ่งก็ได้รอยยิ้มฝืนผสานน้ำเสียงแสร้งร่าเริงจากรุ่นน้อง
    “ช่วงนี้ผมเงินช็อตน่ะพี่เอทอส จ่ายค่าหอไปผมไม่เหลือเงินรับกล้วยไม้พี่มาขายนะ”

    ถ้อยคำขบขันทว่ากลับไม่ใช่เรื่องเกินจริง ผลจากข่าวคราวทำให้ร้านขายดอกไม้ไม่ออกขาดทุนมาสักพักใหญ่ จนสีครามต้องเลิกจ้างพนักงานทุกคนและหันดูแลร้านด้วยตัวคนเดียว โดยไม่รู้เลยว่าจะสามารถประคองสถานการณ์เช่นนี้ไปได้อีกนานเท่าไร
    การหาหอพักในครั้งนี้จึงไม่ใช่การหาสถานที่หลบเลี่ยงเพื่อความสงบปลอดภัยอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการหาที่พักอาศัยใหม่ หลังจากร้านขายดอกไม้ที่เป็นที่อยู่ในปัจจุบันปิดตัวลง ซึ่งปัญหาทั้งหมดสีครามเลือกเก็บงำไว้เพียงลำพัง ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนไปกับเขาโดยเฉพาะรุ่นพี่ผู้แสนใจดี เพราะแค่อีกฝ่ายอุตส่าห์เป็นธุระในวันนี้ให้เขาก็ถือเป็นการรบกวนมากพอแล้ว แต่ทว่า...

    “ขาดอีกเท่าไร”
    “ครับ?” สีครามเอ่ยอย่างสับสน
    “ขอโทษที่อาจยุ่งไม่เข้าเรื่องแต่ฉันรู้ปัญหาของนายดี เรื่องเงินถ้าขัดสนมายืมที่ฉัน ดีกว่าไปยืมพวกปล่อยกู้หรือเอาของไปจำนำ ส่วนเรื่องงานอาจช่วยไม่ได้มาก แต่ที่สวนบางครั้งก็มีคนจ้างให้จัดกระเช้ากล้วยไม้ ถ้าไม่อะไรฉันจะส่งต่องานพวกนั้นให้นาย เงินที่ได้นายก็เก็บเอาไว้ไม่ต้องมาหักกับฉัน”

    เสียงทุ้มต่ำอบอุ่นของรุ่นพี่ที่เคารพรักดุจแสงสว่างนำทางในความมืดมน ปัญหาหนักมากมายที่แบกรับไว้คล้ายเบาลงอย่างประหลาดเมื่อมีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบา สีครามนิ่งงันไปสักพักก่อนความรู้สึกหลากหลายทั้งตื้นตันและหม่นเศร้าจะพลันตีขึ้นเกินกว่าจะอดกลั้นไหว ท้ายสุดจึงพังทลายสะอื้นเป็นหยดน้ำตาหลั่งรินจนต้องก้มหน้าเพื่อหลบซ่อน ทว่าฝ่ามือใหญ่ที่วางบนกลุ่มผมพลางลูบปลอบอย่างอ่อนโยนกลับทำลายทิฐิสิ้น ชายร่างบางพลันพุ่งสวมกอดร่างสูงใหญ่แน่น ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างปลดปล่อยระบายความอ่อนแอผ่านเสียงร้องร่ำไห้ไม่คิดอาย ราวกับย้อนคืนสู่วัยเยาว์เป็นเพียงเด็กน้อยที่ต้องการแค่ใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างและรับฟัง

    ภาพตื้นตันเบื้องหน้ากลับสุดแสนสะอิดสะเอียนในสายตารัตติกาล ฝ่ามือขาวสองข้างได้แต่กำแน่นด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกซึ่งกำลังกู่คำรามร้อง ฝีเท้าชายเลือดเย็นพลันย่างก้าวหมายจะแยกคนไม่เจียมตัวให้ออกห่างปีศาจ ทว่าต้องชะงักงันเมื่ออ้อมแขนหนาแกร่งกลับค่อยโอบกอดร่างบางพลางลูบแผ่นหลังเล็กขับกล่อมคาตา โนอาร์พลันรู้สึกถึงอวัยวะกลางอกกำลังบีบรัดรุนแรงจนเจ็บชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเห็นปีศาจกลับเต็มใจตอบรับด้วยตัวเอง

    “ปึง!!!!!” ฝ่าเท้าหนักพลันกระทืบฝาประตูรถยนต์ดังสนั่นก่อนตามด้วยเสียงร้องจากสัญญาณกันขโมยดังระงมทั่วบริเวณ ถึงกับทำให้สองคนที่กำลังกอดกันกลมหลุดสะดุ้ง
    “จะเช่าก็ไปทำสัญญาให้มันเสร็จ ชักช้า... น่ารำคาญ...”

    เสียงกัดฟันพูดเย็นยะเยือกเรียกสติสีครามให้รีบผละตัวออกจากร่างสูงใหญ่ ซึ่งพบว่าบัดนี้เจ้าของเสียงได้ยืนหันหลังจึงไม่เห็นสีหน้าอีกฝ่าย แต่ถึงไม่เห็นเจ้าของร้านดอกไม้กลับสัมผัสได้อย่างดีว่าคุณโนอาร์กำลังโมโหถึงขีดสุด ซึ่งต้นตอสาเหตุคงเป็นเขาเองที่เผลอปล่อยตัวไปตามความรู้สึกแทนที่จะยับยั้งชั่งใจ สีครามเดินเข้าหาชายหนุ่มหมายจะกล่าวขอโทษ ทว่ากลับโดนฝ่ามือหนารั้งไว้ก่อนบอกให้ไปทำเรื่องหอพักพร้อมให้เงินส่วนขาด ส่วนเรื่องตรงหน้าเขาจะจัดการด้วยตัวเอง ได้ฟังดังนั้นสีครามจึงพยักหน้าตกลงแล้วเดินเข้าอาคารไป

    หลังเหลือเพียงลำพัง เอทอสจึงใช้กุญแจรถกดหยุดสัญญาณกันขโมยพลางเดินเข้าหามนุษย์อารมณ์รุนแรง กระทั่งหยุดยืนข้างกันปีศาจถึงเพิ่งสังเกตว่าบริเวณประตูรถยนต์เกิดรอยบุบ ผลจากการรองรับความพิโรธของผู้เป็นเจ้าของ นัยน์ตาสีอำพันดุสำรวจดูความเสียหายครู่หนึ่งก่อนไล่ขึ้นมองเสี้ยวใบหน้าหงุดหงิดซึ่งยังคงไม่ยอมหันมาสบตาเขา ผ่านไปสักพักใหญ่ทุกอย่างยังคงมีแต่ความเงียบน่าอึดอัด จนท้ายที่สุดปีศาจก็จำยอมเป็นฝ่ายพูดก่อน

    “ที่ชีวิตสีครามตกต่ำเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้ากับข้ามีส่วน และถ้าเจ้าจะฉุนเฉียวเพียงเพราะข้ายื่นมือช่วยเหลือสีครามก็เรื่องของเจ้า เพราะมันเป็นสิ่งที่ข้าต้องรับผิดชอบ”
    “ช่วย... ไม่จำเป็นต้องกอด” นัยน์ตารัตติกาลดำมืดเหลือบมองร่างสูงใหญ่ข้างกายอย่างควบคุมอารมณ์
    “ข้าแค่ปลอบและการกอดก็เป็นวิธีปกติ... หรือเจ้าเคลือบแคลงในความรู้สึกของข้า?”

    เอทอสอธิบายก่อนจะเงียบไปชั่วครู่เมื่อฉุดคิดถึงสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ ทว่านั่นกลับทำให้ร่างสูงใหญ่เริ่มหงุดหงิดตามพร้อมใบหน้าคมเข้มที่ขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจ ก่อนจะถามกลับเพื่อยืนยันความคิด โดยหวังว่าคำตอบที่ได้จะเป็นการปฏิเสธ เพราะไม่เช่นนั้นจะแสดงว่าโนอาร์ไม่เคยเชื่อในสัญลักษณ์ครองคู่หรือไว้ใจในตัวเขาเลย

    “แล้วถ้าผมบอกว่า ใช่-”

    ฉับพลันใบหน้ามนุษย์กลับถูกฝ่ามือหนาจับล็อกสันกรามแน่น พร้อมร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงหมายตะโบมจูบขบกัดริมฝีปากบางเป็นการสั่งสอน ทว่ากลับถูกมือขาวกั้นปิดซ้ำยังออกแรงผลักใบหน้าคมเข้มออกห่าง ปฏิกิริยาปฏิเสธต่อต้านยิ่งสร้างความหงุดหงิดกราดเกรี้ยวให้เอทอส ร่างหนาหนักจึงดันเบียดมนุษย์แนบชิดกับตัวรถก่อนจับดึงฝ่ามือขาวที่ดันผลักหน้าเขาออก มือใหญ่จับล็อกมือขาวทั้งสองตรึงกับกระจกรถ นัยน์ตาสีอำพันดุมองกดนัยน์ตารัตติกาลอย่างหนือกว่า ใบหน้าคมฉีกยิ้มหยันพลางค่อยก้มลงไปกินชิมริมฝีปากพยศอย่างย่ามใจ เมื่อบัดนี้ร่างมนุษย์อยู่ในการควบคุมไร้โอกาสดิ้นหลุด

    “ปึก!!!”

    ขณะริมฝีปากหนาใกล้แตะสัมผัสริมฝีปากบาง โนอาร์อาศัยช่วงที่ปีศาจประมาทตีเข่าหนักสุดแรงเข้าจู่โจมจุดยุทธศาสตร์กลางหว่างขา เป็นผลให้ร่างสูงใหญ่พลันนิ่งค้างราวกับโดนสับสวิตช์ ก่อนวินาทีถัดมาจะไถลทรุดคุกเข่าแล้วก้มหน้านั่งนิ่งอยู่ท่านั้น โนอาร์ที่หงุดหงิดถึงเพิ่งคืนสติรีบนั่งยองดูเอทอสด้วยความเป็นห่วง ทว่าไม่ว่าจะเรียกเท่าไรปีศาจก็ไม่ยอมตอบกลับ มนุษย์จึงจำต้องก้มมองเสี้ยวหน้าคมเข้ม ซึ่งก็พบว่ายามนี้ใบหน้าที่เคยดุเกรงขามกลับเหยเกบิดเบี้ยวฉายชัดถึงความจุกหน่วงเกินพรรณนา บริเวณห่างตาที่หลับแน่นขมวดคิ้วมุ่นอย่างทรมานคล้ายมีหยดน้ำเกาะซึม ความรวดร้าวมากล้นที่แสดงผ่านทางสีหน้าถึงกับทำให้มนุษย์ผู้กระทำรู้สึกผิดมหันต์ ความเคืองโกรธก่อนหน้าพลันลดฮวบเหลือเพียงความสงสารจับใจ

    โนอาร์รีบค้นกุญแจจากปีศาจก่อนผละไปเปิดประตูรถแล้วกลับมาประคองร่างสูงใหญ่เข้านั่ง หวังว่าเบาะนุ่มและสายลมเย็นจากแอร์ที่เปิดเร่งจะช่วยบรรเทาสิ่งที่เอทอสกำลังประสบ ซึ่งเหตุการณ์ตลอดช่วงต่อสู้ขัดขืนกระทั่งถึงบทสรุปความพ่ายแพ้ ล้วนถูกเจ้าของร้านดอกไม้ที่ทำเรื่องสัญญาเช่าหอเสร็จเรียบร้อยทันเห็นเข้าพอดี
    สีครามเพียงลอบมองความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองที่ค่อยดีขึ้นทีละน้อยเมื่อไม่มีเขาอยู่ โดยไม่คิดเข้าไปแทรกยุ่งให้เสียบรรยากาศ มือบอบบางล้วงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความถึงคุณโนอาร์และพี่เอทอสเพื่อขอโทษและขอกลับก่อน แล้วจึงเดินเลี่ยงปลีกออกไปเรียกรถประจำทางกลับร้านดอกไม้เพียงลำพัง



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    ชายหนุ่มเจ้าของร้านดอกไม้เดินทางกลับถึงที่ทำงานซึ่งเปรียบเสมือนบ้านพักในเวลาเย็นย่ำ รู้สึกโล่งใจเมื่อโรคประหลาดที่มักกำเริบช่วงเวลานี้ยังไม่แผลงฤทธิ์ สีครามเลือกเดินอ้อมเข้าทางหลังร้านแทนเพื่อความง่าย เพราะหากเข้าด้านหน้าต้องยกประตูเหล็กม้วนและยังต้องไขประตูกระจกอีกรอบ ซึ่งเมื่อเดินมาถึงสีครามก็พลันพบร่างชายคนหนึ่งนั่งฟุบพิงกำแพงสภาพเปล่าเปลือย มีเพียงผ้าผืนบางพันช่วยปิดบังส่วนสงวน ทว่าเพียงแวบเดียวก็กลับจำขึ้นใจว่าเป็นใคร

    “พี่วรรษ!!” คนน้องรีบเข้าไปดูอาการผู้เป็นพี่พลางเขย่าตัวเรียกอย่างเป็นห่วง กระทั่งอีกฝ่ายได้สติค่อย ๆ ปรือตามองก่อนตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา
    “…สีคราม”

    พอเห็นพี่ชายเริ่มรู้สึกตัว สีครามจึงรีบพยุงร่างวรรษเข้าตัวร้านเพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คน พาไปนั่งตรงโซฟาของห้องทำงานก่อนแยกไปรินน้ำแล้วเอากลับมาให้ผู้เป็นพี่ดื่ม เพราะคาดว่าอีกฝ่ายอาจกำลังกระหายสังเกตจากน้ำเสียงแหบแห้งที่ได้ยินเมื่อครู่ ซึ่งน้ำเย็นชุ่มชื้นที่สามารถดื่มได้ด้วยตัวเองไม่ต้องผ่านสายยางให้ทรมานฝืดเคือง ชวนให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของเรื่องเรียบง่ายธรรมดาที่ใครก็ทำได้ วรรษคล้ายเข้าใจความรู้สึกของผู้พิการที่ได้รับการรักษาจนกลับมามีชีวิตปกติ คงมีความตื้นตันจุกล้นแบบเดียวกับเขาในยามนี้แน่ แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาเช่นนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานเท่าไร

    ก่อนวรรษจะถูกนำมาทิ้งไว้ที่นี่โดยชายหนุ่มที่เคยกระทืบเขาและลักพาตัวสีครามไป อีกฝ่ายได้บอกว่าโนอาร์อยากให้เขามีความสุขก่อนตายและเตือนว่าอย่าคิดหนีหรือตุกติก ไม่เช่นนั้นคนค้ำประกันอย่างสีครามจะต้องชดใช้ทุกสิ่งแทน แต่ถึงไม่บอกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วในเมื่อพลังในการควบคุมกระทั่งมองเห็นวิญญาณของเขามันหายไป ไม่ต้องเดาเลยว่าเจ้าโนอาร์ต้องสั่งให้คนของมันผนึกพลังเขาไว้ ตอนนี้เขาจึงเป็นแค่คนธรรมดาไร้ค่าไม่ต่างจากสมัยเด็ก
    ทว่าท่ามกลางเรื่องเลวร้ายมากมายก็ยังพอหลงเหลือเรื่องดีอยู่ สิ่งแรกคือคำสาปให้เขาทำร้ายสีครามทุกครั้งที่คิดไม่ดีดูเหมือนจะคลายไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมปีศาจตนนั้นถึงยอมถอน ส่วนอย่างที่สองก็คือ การที่เขาได้กลับมาพบน้องชาย สิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

    “เป็นยังบ้าง... พี่ขอโทษนะที่ทำให้สีครามเดือดร้อนไปด้วย” ผู้เป็นพี่เอ่ยเสียงอ่อนพลางหลุบตาลงต่ำอย่างคนรู้สึกผิด
    “...ผมสบายดีปกติเหมือนเดิม พี่วรรษต่างหากที่น่าห่วง! มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่.. พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม” สีครามถามอย่างกระอักกระอ่วนกลัวผู้เป็นพี่ลำบากใจ เพราะไม่ลืมความจริงว่าตอนนี้อีกฝ่ายเป็นอาชญากรหนีคดี
    “อย่ารู้เลย สิ่งที่พี่เจอมาจะทำให้สีครามไม่สบายใจเปล่า ๆ”

    วรรษบอกปัด เข้าไม่อยากให้น้องชายผู้อ่อนโยนของเขาต้องฟังเรื่องราวที่อาจกลายเป็นฝันร้ายไปตลอดชีวิต ให้เขาจมอยู่ในฝันร้ายทรมานคนเดียวก็พอ ซึ่งหลังได้ฟังคำปฏิเสธ สีครามก็ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างยอมแพ้พลางมองค้อนใส่พี่ชาย ก่อนจะลุกเอาแก้วเปล่าที่พี่ดื่มเสร็จเรียบร้อยไปเก็บ

   “อั่ก!!- เพล้ง!!!”
    “สีคราม!!”

    ขณะเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวสีครามกลับล้มต่อหน้าต่อตาพี่ชาย วรรษพลันรีบวิ่งเข้าไปรับผู้เป็นน้องด้วยความตกใจ ร่างในอ้อมแขนดิ้นร้องอย่างเจ็บปวดราวกับกำลังถูกฟาดทุบ มือบอบบางปัดป่ายไปทั่วคล้ายพยายามกันปกป้องตนเองทั้งที่ไม่มีใครทำอะไร ความรู้สึกของพี่ชายเหมือนถูกบดขยี้จนย่อยยับ เสียงร้องโอดโอยราวกับใบมีดแหลมกรีดแทงจิตใจให้เหวอะวิ่น การเห็นคนสำคัญกำลังทุรนทุรายแต่ไม่อาจช่วยนั้นเจ็บเหนือกว่าความทรมานทั้งหมดที่เคยผ่าน ได้แต่เพียงกอดน้องแน่นภาวนาให้ช่วงเวลานี้จบลงโดยเร็ว

    จวบจนแสงอาทิตย์เลือนหาย ความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งร้านความเจ็บปวดถึงทุเลา สีครามหอบหายใจหนักโกยอากาศเข้า ตามตัวปวดหน่วงหนักอึ้งราวกับถูกรุมทำร้ายทว่ากลับไร้ร่องรอยฟกช้ำปรากฏ ร่างเล็กบางค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นโดยมีผู้เป็นพี่ช่วยพยุงพาไปนั่งตรงโซฟา ก่อนอีกฝ่ายจะผละไปเปิดไฟให้แสงสว่างและกลับมาดูอาการอีกครั้ง สีครามถึงเพิ่งสังเกตว่าบัดนี้ขอบตาของพี่ชายรื้นด้วยหยาดน้ำคลอหน่วย ดวงตาแดงก่ำอย่างสะกดกลั้นความรู้สึก เห็นดังนั้นคนเป็นน้องก็ได้แต่ยื่นมือไปเช็ดปลอบ พลางกล่าวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกังวล

    “ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่วรรษ ก็แค่โรคประหลาดกำเริบทำให้รู้สึกเจ็บไปเอง และผมก็ไปหาหมอมาแล้วนะ หมอบอกว่าคงเป็นเพราะผมเครียดมากเกินไป กินยาคลายเครียดกับพักผ่อนเพียงพอเดี๋ยวก็หาย”

    คำอธิบายไม่ได้ทำให้วรรษรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าต้นตอของอาการที่สีครามเรียกว่าโรคประหลาดนั้น แท้จริงมันคือมนตร์มืดคล้ายคลึงกับที่เขาเคยทำใส่โนอาร์ เสมือนผลกรรมตามสนอง สีหน้ารวดร้าวราวกับโลกทั้งใบพังทลายของปีศาจกินวิญญาณยามรู้ว่าเขาใช้มนตร์มืดซ้อนแผนพลันผุดขึ้นย้ำเตือนถึงบาปในอดีต ซึ่งครานี้คงเป็นตาเขาที่ต้องชดใช้

    สีครามเห็นพี่นิ่งซึมก็ได้แต่เปลี่ยนเรื่องไล่บรรยากาศหมองเศร้า ร่างเล็กบางลุกไปค้นลิ้นชักหาชุดให้พี่ชายใส่ เพราะจนถึงตอนนี้ทั้งตัววรรษยังมีเพียงผืนผ้าบางพันปิดส่วนล่าง เสียเวลาหาสักพักใหญ่ทว่าสิ่งที่ได้มากลับมีเพียงกางเกงที่ซื้อมาผิดไซซ์ ส่วนเสื้อมีแต่ขนาดของเขาพี่ชายย่อมใส่ไม่ได้แน่นอน เช้าพรุ่งนี้ก่อนเปิดร้านสงสัยต้องออกไปหาซื้อชุดให้อีกฝ่าย
     หลังจัดการเรื่องชุดเสร็จสิ้นสีครามก็ชวนพี่ชายมาเข้าครัวทำอาหารเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้วรรษเลิกคิดมาก แต่ถึงจะบอกว่าเข้าครัวทว่าที่จริงเป็นเพียงการทำเมนูง่าย ๆ ด้วยเตาไฟฟ้ากลางพื้นห้องทำงาน ซึ่งห้องนี้ถือว่าเป็นแทบทุกอย่างของสีครามแล้วทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว เหลือเพียงเป็นห้องน้ำที่โชคดีมีแยกต่างหากก็เท่านั้น

    แม้จะดูขัดสนแต่ห้องเล็กแคบนี้กลับพานให้วรรษนึกถึงความสุขสมัยเด็กช่วงที่พวกพ่อแม่น่ารังเกียจออกไปดื่มเหล้าเล่นพนัน ส่งผลให้ทั้งห้องเช่ามีเพียงเขากับสีคราม ช่วงเวลาแสนสั้นนั้นดูอบอุ่นราวกับห้องเช่าได้ทำหน้าที่เป็น ‘บ้าน’ จริง ๆ และปัจจุบันห้องทำงานหรืออาจเป็นทั้งร้านของสีครามก็กำลังทำแบบเดียวกัน เป็นบ้าน ความสุข ความสงบปลอดภัยให้พวกเขาพักพิง โดยได้แต่หวังว่าคงไม่มีใครมาทำลายมัน


    ผ่านมาแล้วจวนสัปดาห์สองพี่น้องยังคงใช้ชีวิตภายในร้านขายดอกไม้อย่างปกติสุข มีเพียงยามเย็นที่ต้องร่วมกันฟันฝ่าความเจ็บทรมานจากมนตร์มืด ซึ่งตลอดช่วงกลางวันสีครามจะออกไปเปิดร้าน ส่วนวรรษก็เก็บตัวอยู่ในห้องหลบสายตาคนภายนอก แม้การให้ที่พักแก่อาชญากรแหกคุกจะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด ซ้ำผู้ร้ายรายนี่ยังเป็นสาเหตุหลักฉุดชีวิตเจ้าของร้านดอกไม้สู่ความลำบากยากแค้น ทว่าสีครามก็มิได้ใส่ใจเก็บมาคิด เพราะแต่แรกเมื่อครั้งรู้ความจริง สีครามมีเพียงความเศร้าผิดหวังในตัวพี่ชาย แม้จะเผชิญปัญหามากมายแค่ไหนก็ไม่เคยเคืองโกรธหรือคิดกล่าวโทษ คงเพราะลึก ๆ ในใจรู้ดีว่าทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำก็เพื่อเขา แล้วจะให้เขาผลักไสยามพี่ที่แสนดีของเขาไร้ที่พึงได้อย่างไร

    “ก๊อก ๆ” เสียงเคาะหลังประตูห้องทำงาน เรียกสติสีครามที่กำลังเฝ้าร้านพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้เดินไปหา
    “กลางวันนี้เป็นผัดผักรวมมิตรกับไข่ดาวร้อน ๆ หนึ่งฟองน่ะครับคุณเจ้าของร้าน”
    “ว้าว! ขอบคุณครับพี่พ่อครัว”

    สีครามเล่นตามพี่ชายพลางกล่าวขอบคุณ ก่อนรับมื้อกลางวันซึ่งผู้เป็นพี่แง้มประตูส่งให้แล้วถึงกลับมานั่งกินตรงเคาน์เตอร์ วันนี้ร้านยังคงเงียบเหงาร้างลูกค้าเช่นเดิม หลายครั้งก็รู้สึกท้อแต่ก็ต้องสู้จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย ถ้าตอนนั้นมาถึงเขาคงเศร้าและคิดถึงที่นี่มากน่าดู

    “หือ?”

    ท่ามกลางมรสุมโชคร้ายคล้ายยังมีแสงแห่งความหวังเหลืออยู่ เมื่อมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งแวะยืนดูดอกไม้ตรงหน้าร้าน สีครามพลันรีบเก็บจานข้าวที่เพิ่งกินไม่กี่คำเอาไปซ่อนใต้เคาน์เตอร์ ก่อนจะใช้สเปรย์ปรับอากาศฉีดกลบกลิ่นอาหาร จัดหน้าจัดผมให้เรียบร้อยดูดีแล้วถึงเดินออกไปสอบถามแนะนำ

    “ไม่ทราบว่ากำลังมองหาดอกไม้เนื่องในโอกาส-”
    “โครม!!!!”

    ชั้นวางดอกไม้พลันล้มครืนระเนระนาดขัดเสียงเจ้าของร้าน สีครามมองลูกค้าที่ยกเท้าถีบตามด้วยเหยียบขยี้ดอกไม้อย่างตกตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา โชคดีของวันที่วาดฝันกลับกลายเป็นฝันร้ายเล่นตลก

    “หยุดนะ!!! โอ้ย!!”
    “โครม!!!!”

    ร่างบอบบางพยายามเข้าไปขวางกลับถูกฝ่าเท้าไม่ยั้งแรงถีบจนเซถอยล้มไปพร้อมชั้นวางอีกด้านที่เหลืออยู่ ตามตัวสีครามชุ่มเปื้อนไปด้วยน้ำจากถังแช่ดอกไม้ แววตาโศกตัดพ้อได้แต่มองทุกสิ่งอย่างพังทลายไปต่อหน้า ปากเล็กพยายามตะเบ็งไล่สลับขอความช่วยเหลือทว่าผู้คนผ่านไปมากลับเพียงยืนมองอย่างเย้ยสมเพช เจ้าของร้านดิ้นร้นสู้อย่างอดสู จิตใจเจ็บหน่วงยับเยินรู้ซึ้งเมื่อโลกทั้งใบรังเกียจ กระทั่งสายตาพลันเห็นใครบางคนซึ่งแฝงตัวในฝูงชน ความชอกช้ำจากการโดนหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลันตีตื้นจุกในอก จนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร

    “ทำแบบนี้เพื่ออะไร!!? มังกร!!!”
    
    ไม่มีปฏิกิริยาใดจากคนถูกเรียก อีกฝ่ายเพียงยืนมองนิ่งด้วยสายตาไร้ความรู้สึก เช่นเดียวกับฝูงมุงดูซึ่งเอาแต่ยกมือถือถ่ายคลิป มีบ้างที่คล้ายจะเข้ามาช่วยแต่สุดท้ายก็ยืนนิ่งราวกับกลัวจะถูกหางเลข สีครามรู้สึกด้อยค่าน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ไม่รู้ว่าสังคมต้องการอะไรจากแพะเช่นเขา จะมีใครสักคนไหมที่ไม่ไหลตามข่าวลือหรือเชื่อในสิ่งที่เขาพูดบ้าง

    “ออกไปจากร้านน้องกู!! ไอ้พวกเหี้ย!!!”

    ท่ามกลางความสิ้นหวังหดหู่ กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างเจ้าของเสียงวิ่งเข้าไปถีบไล่พวกคนทำลายร้าน หยาดน้ำตาของน้องชายถึงพลันหลั่งรินร่ำไห้อย่างไม่อาจควบคุม ทว่ายามนี้เหมือนจะไม่ใช่เวลา เพราะทันทีที่วรรษปรากฏตัว ฝูงชนรายล้อมก็ต่างแตกตื่นก่อนจะช่วยกันล้อมรุมหมายเข้าประชาทัณฑ์

    “เฮ้ย!! ไอ้ชั่วแหกคุกมันอยู่ที่นี่! พวกเราล้อมไอ้พี่น้องระยำไว้อย่าให้หนีไปได้!”

    เพียงครู่ทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยความโกลาหล ทว่าในความชุลมุนเจ็บหน่วงจากเท้าและหมัดหลายสิบคู่ที่ประดังฟาดต่อย สีครามที่จวนหมดสติใต้เท้าใครต่อใครกลับรู้สึกประหลาดใจที่พวกคนทำลายร้านคล้ายกำลังคุ้มกันปกป้องพี่ชายเขา ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรแต่นั่นก็ดีแล้ว และหวังว่าคนพวกนั้นจะช่วยไปตลอดรอดฝั่ง เพราะเขานั้นคงทนฝืนไม่ไหวอีกต่อไป
    ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดถูกเฝ้ามองจากวิญญาณตนหนึ่ง ก่อนไม่นานจะรีบหายตัวไปรายงานให้ผู้เป็นนายทราบในทันที
    


    “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับท่านปีศาจ คุณสีครามถูกคนบุกทำลายร้านและตอนนี้กำลังถูกรุมซ้อมครับ”

    คำบอกกล่าวจากวิญญาณที่ไว้ชีวิตเพื่อใช้งาน ทำให้ร่างสูงใหญ่ขบกรามแน่นด้วยโทสะ บรรยากาศรอบกายพลันทะมึนมืดกดดัน จนโนอาร์ซึ่งกำลังถือถาดอาหารเที่ยงไปเก็บสัมผัสได้และต้องหันกลับมาดูอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ซึ่งนัยน์ตาสีอำพันดุเข้มขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธรุนแรง ถึงกับทำให้มนุษย์เผลอนิ่งค้างอย่างตกใจ ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนอีกฝ่ายยังนั่งกินข้าวแกล้งหยอกเขาอยู่เลย

    “...มีอะไรหรือเปล่า-”
    “อย่าให้มันมากไปโนอาร์.. สั่งหยุดคนของเจ้าซะ” เสียงเค้นลอดไรฟันเอ่ยเตือน ชายเลือดเย็นพลันรู้ในทันทีว่าปีศาจกำลังพูดเรื่องอะไร
    “คุณ-”
    “เดี๋ยวนี้!!!”

     คำตวาดกัมปนาทราวกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้โนอาร์ที่ไม่ทันตั้งตัวหลุดสะดุ้ง นัยน์ตารัตติกาลเบิกกว้างหนึ่งระดับอย่างตกใจไม่คาดคิด ก่อนวินาทีถัดมาจะคุมกลับมาสงบนิ่งดังเดิม ชายเลือดเย็นวางถาดอาหาร จ้องนิ่งไปยังร่างสูงใหญ่เตรียมคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสัญชาตญาณอ่านบรรยากาศพลันร้องเตือนว่ายามนี้เขาไม่ควรแข็งข้อ ถ้าไม่อยากแตกหักกับปีศาจ แม้จะเจ็บใจ แต่ท้ายที่สุดฝ่ามือขาวก็จำหยิบโทรศัพท์สั่งยกเลิก

    “เอาตัววรรษกลับมา ที่เหลือก็ปล่อยไว้แบบนั้น”
    “โนอาร์!”

    ปีศาจพลันลุกขึ้นรีบก้าวเท้าหมายออกจากห้อง มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ทว่ากลับถูกมนุษย์ยืนนิ่งขวาง เช่นนั้นฝ่ามือใหญ่จึงดันผลักร่างตรงหน้าไปให้พ้นทาง แต่เพราะความฉุนเฉียวจึงกะแรงพลาดทำให้สีข้างของชายเลือดเย็นกระแทกมุมตู้เก็บเอกสารอย่างแรง พลังปีศาจพลันลดหายเล็กน้อยสื่อว่าการกระทำเมื่อครู่ทำให้มนุษย์บาดเจ็บจนกระตุ้นคำสาปรักษา ทว่าเอทอสกลับเพียงปราดมองก่อนเปิดประตูออกไปอย่างไม่สนใจ

    ชั่วอึดใจความเจ็บบริเวณที่กระแทกก็หายสนิท โนอาร์รีบตามปีศาจทว่าเมื่อพ้นสำนักงาน รถกระบะสีดำพลันขับผ่านหน้ามุ่งออกจากสวนอย่างเร็วรี่ นัยน์ตารัตติกาลยากคาดความรู้สึกได้แต่ยืนมองท้ายรถกระบะจนลับตา


    เอทอสมาถึงโรงพยาบาลรีบขึ้นไปยังห้องพักของคนเจ็บตามคำรายงานจากวิญญาณ สีครามยังคงหลับสนิทบนเตียงผู้ป่วย บริเวณหน้าผากและตามแขนขามีผ้าพันรักษาแผล ทว่ารอยฟกช้ำตรงซีกแก้มกับมุมปากกลับสะท้อนเด่นสู่นัยน์ตาสีอำพันหม่นหดหู่ ร่างสูงใหญ่เดินไปนั่งข้างเตียงพลางยื่นฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม คล้ายกำลังสำนึกขอโทษต่อคนตรงหน้า

    ในอดีตของโนอาร์ที่เขารับรู้ผ่านความฝัน มีช่วงหนึ่งที่มนุษย์ฟังรายงานพฤติกรรมผิดแผกของวรรษที่อยู่ ๆ ผู้คุมวิญญาณก็หันไปจับกระชากหัวน้องชายฟาดใส่ผนังไม่ยั้งมือ เอทอสพลันรู้ในตอนนั้นว่าคำสาปที่เขาเคยร่ายไว้หวังเอาคืนมันรุนแรงเกินกว่าที่ประมาณไว้มาก ความรู้สึกผิดต่อรุ่นน้องแสนบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องราวฝังลึกในใจปีศาจเรื่อยมา กระทั่งตื่นจากฝันอดีตเอทอสก็รีบคลายคำสาปทันทีเนื่องจากไม่อยากให้เกิดเรื่องทำนองนั้นอีก
    ตั้งแต่นั้นเอทอสก็ช่วยเหลือสีครามอย่างอ้อม ๆ มาโดยตลอดเช่นการส่งกล้วยไม้พันธุ์ใหม่โดยอ้างฝากให้สีครามทดลองขาย เพราะรู้ดีว่าผลพวงจากข่าวเสื่อมเสียที่โนอาร์โยนให้วรรษนั้นกระทบรุ่นน้องจนแทบไม่เหลือทุนสั่งดอกไม้ ทั้งยังคอยจับตาดูมนุษย์ไม่ให้คิดทำอะไรเกินขอบเขต ทว่าสุดท้ายก็ลงเอยเช่นนี้ และเป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ

    “แกร๊ก!”
    “เครื่องควบคุมแคปซูลพิษนั่น เอามาให้ข้า”

    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งทันทีแม้ยังไม่เห็นคนเข้ามา ชายเลือดเย็นย่างก้าวเข้ามาในห้อง นัยน์ตารัตติกาลไร้แววความรู้สึกมองฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมมือคนบนเตียงอย่างว่างเปล่า ดวงตาสีอำพันดุจ้องนิ่งกดดันมายังมนุษย์ราวกับกำลังกางปีกปกป้องเห็นเขาเป็นศัตรูแปลกหน้า การแสดงออกของเอทอสก่อตัวเป็นความเสียดแทงลึกในหัวใจเยือกแข็งอีกครั้ง และครั้งนี้คมหนามมีแต่จะเพิ่มพูน

    ฝ่ามือขาวยอมล้วงหยิบอุปกรณ์ให้ปีศาจแต่โดยดี ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่าลักษณะคล้ายรีโมทมีหน้าจอแสงตำแหน่ง รวมถึงสัญญาณชีพของผู้ที่มีแคปซูลฝังอยู่ ทว่าส่วนที่สำคัญสุดคือภายในแคปซูลนั้นบรรจุพิษที่สามารถพรากชีวิตเจ้าของร่างได้ในไม่กี่นาทีไว้ ซึ่งพิษนั้นพร้อมปล่อยทันทีเมื่อกดสั่งหรือมีการฝืนพยายามเอาแคปซูลออก เป็นสินค้าจากตลาดมืดที่โนอาร์สั่งให้จินเป็นคนหาไว้ใช้จับตาดูสีครามโดยเฉพาะ
    โนอาร์เดินเข้าหาร่างสูงใหญ่หมายเอาอุปกรณ์ในมือไปให้ ทว่าสายตาไม่ไว้ใจที่จ้องมอง ทำให้ชายเลือดเย็นเปลี่ยนวิธีเป็นการโยนส่งให้เอทอสแทน เพื่อเขาจะได้ไม่เข้าใกล้คนบนเตียงตามที่อีกฝ่ายต้องการ และเรื่องคุยหวังปรับความเข้าใจจากนี้ก็คงไม่จำเป็นแล้วเช่นกัน

    “ถ้าหวงขนาดนั้น ผมก็จะไม่ยุ่งสบายใจได้ ยังไงก็ขัดคุณไม่ได้อยู่แล้ว หึ... ความรักนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ”

    เสียงเรียบนิ่งกล่าวก่อนหันกลับเดินออกจากห้องผู้ป่วย ปล่อยทิ้งปีศาจให้อยู่กับรุ่นน้องตามใจไม่คิดขวาง ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นหรือติดต่อชายเลือดเย็นได้อีกเลย ทว่าเอทอสก็ไม่ได้สนใจหรือคิดออกตามหา เพราะคาดว่าหากอีกฝ่ายเลิกงี่เง่าและสำนึกได้เมื่อไรคงจะกลับมาเอง


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    เวลาเลยผ่านนานนับสัปดาห์ บ้านพักทรงไทยประยุกต์กลับยังคงไร้เงาอีกหนึ่งผู้อาศัย บางสิ่งที่ขาดหายรบกวนจิตใจปีศาจผู้พยายามข่มตาหลับจำต้องตื่นลุกจากเตียงกลางดึก ความหงุดหงิดในส่วนลึกความรู้สึกรบเร้าเอทอสให้ยอมหยิบโทรศัพท์โทรตามมนุษย์ ต้นตอสาเหตุที่หายเงียบไร้วี่แวว

    [คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความของหมายเลข…]
    “…” หลังได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ ปีศาจเพียงวางสายและกดโทรออกใหม่อย่างใจเย็น
     [คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความของหมายเลข…]
    “…”
    [คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความของหมาย-]
    [คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความ-]
     [คุณได้เข้าสู่ระบบฝาก-]

    ร่างสูงใหญ่กดตัดสายการโทรครั้งสุดท้ายพลางสูดหายใจเข้าลึกอย่างควบคุมอารมณ์ ภาพนัยน์ตารัตติกาลขุ่นมัวแฝงอารมณ์บางอย่างเมื่อก่อนแยกกันในโรงพยาบาล คล้ายย้อนกลับมาทำให้หัวใจหนักแน่นรู้สึกหน่วงลึกอย่างประหลาด เพราะยามนั้นเขากำลังห่วงเรื่องสีครามจึงไม่ทันสังเกตความรู้สึกของโนอาร์ ว่าแท้จริงมันมีอะไรมากกว่าความโกรธที่เขาเข้าไปทำลายแผนการ มันมีอะไรมากกว่าบรรยากาศกดดันอันตรายที่รับรู้เพียงผิวเผิน มันมีความขุ่นมัวที่เขาเป็นคนก่อโดยไม่ตั้งใจซ่อนอยู่

    เมื่อรู้ว่าการกระทำของเขาอาจมีส่วนทำให้โนอาร์หายไป สุดท้ายปีศาจจึงตัดสินใจถือกุญแจรถเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปหามนุษย์ แม้ไม่รู้ว่าขณะนี้อีกฝ่ายอยู่ที่ใดทว่านั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เอทอสเพียงขับรถตามเส้นทางอันว่างเปล่าของถนนยามดึกสงัด ปล่อยให้ความรู้สึกและสัญชาตญาณคอยนำทาง เชื่อมั่นว่าสัญลักษณ์ครองคู่บนกลางอกเขาจะพาไป กระทั่งรถกระบะขับเข้าสู่เขตเมืองเอทอสก็เริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณเจือจางอันคุ้นเคย ปีศาจหักเลี้ยวรถขับมุ่งไปตามกลิ่นอาย ยิ่งเข้าใกล้บรรยากาศสองข้างทางกลับประดับด้วยแสงสีและเหล่ามนุษย์นักดื่มของย่านท่องเที่ยวยามราตรี และนั่นเรียกคิ้วหนาบนใบหน้าคมเข้มให้ขมวดมุ่นไม่ชอบใจเล็กน้อย ที่โนอาร์เลือกอยู่สถานที่นี้แทนที่จะกลับบ้านมาหาเขา

    ร่างสูงใหญ่เทียบจอดรถกระบะข้างทางก่อนลงจากรถ เมื่อหนทางจากนี้ต้องเดินเท้าเข้าไปแทน นัยน์ตาสีอำพันมองตรงไปยังทิศที่รู้สึกถึงกลิ่นอาย ไม่คิดวอกแวกหรือเหลือบมองเหล่านักดื่มชายหญิงที่มาเกาะแกะชวนคุย กระทั่งเดินลึกเข้ามาในตรอกมืดหลบมุม ร้านบาร์ลับตาผู้คนก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเอทอส ทว่านอกจากกลิ่นอายวิญญาณมนุษย์ที่เขาตามหาจะอยู่ด้านใน สถานที่นี้กลับคละคลุ้งไปด้วยอีกหนึ่งกลิ่นอายปีศาจ สื่อเป็นนัยว่าร้านตรงหน้าเป็นถิ่นในปกครองของปีศาจตนหนึ่ง และที่สำคัญคือปีศาจตนนั้นมีอายุมากกว่าเขาหลายร้อยปีหรืออาจแก่กว่าท่านฟอเรสเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นทั้งพละกำลังความแข็งแกร่งเขาไม่อาจเทียบเคียง แต่ถึงรู้ถึงความห่างชั้นเอทอสก็หาได้เกรงกลัวที่ต้องรุกล้ำเข้าไปในเขตของปีศาจตนอื่น

    “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”

    หนุ่มบาร์เทนเดอร์ซึ่งกำลังเขย่าเชคเกอร์สีเงินผสมเครื่องดื่ม เอ่ยถามลูกค้าตัวสูงใหญ่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงผ้าขายาวพร้อมนอนมากกว่าจะมาท่องราตรี ส่งผลให้เหล่าลูกค้าภายในร้านหันมองผู้มาใหม่เล็กน้อย ทว่าเพียงครู่ก็ต่างกลับไปสนใจกับเครื่องดื่มของตน

    “ฉันแค่มารับคู่ครองกลับ ไม่ได้อยากมีเรื่อง” เอทอสเอ่ยพลางเดินไปหาปีศาจเจ้าถิ่นในคราบหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตาคมสีน้ำตาลกลับจ้องนิ่งคล้ายเป็นการเตือน
    “อ๋อ... คุณนี่เองที่ทำคุณโนอาร์หัวเสีย อย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยของร้านและลูกค้าคนอื่น ๆ ผมคงยิ่งต้องเชิญคุณออก”
    “รับประกันว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเสียหาย ฉันใช้เวลาคุยไม่เกินห้านาที และหากโนอาร์ต้องการอยู่ต่อ ฉันจะยอมไปแต่โดยดี”
 
    เสียงทุ้มโต้กลับหนักแน่น นัยน์ตาสีอำพันดุจ้องนิ่งยืนยันคำพูด หนุ่มบาร์เทนเดอร์มองร่างสูงใหญ่อย่างประเมินครู่หนึ่ง แล้วจึงละสายตาไปเปิดเชคเกอร์เทเครื่องดื่มที่ผสมเสร็จเรียบร้อยลงแก้ว ก่อนเลื่อนเครื่องดื่มนั้นมาตรงหน้าผู้บุกรุกอาณาเขต

    “Last Word ฝากเสิร์ฟให้คุณโนอาร์บนชั้นสอง”

    หนุ่มบาร์เทนเดอร์เอ่ยพลางเหลือบมองระเบียงของชั้นลอยเล็กน้อยคล้ายบอกทาง เอทอสเมื่อเห็นดังนั้นจึงถือแก้วเครื่องดื่มตรงไปยังบันไดทางขึ้น เพียงก้าวแรก ปีศาจก็รับรู้ถึงบรรยากาศของชั้นบนและล่างที่ถูกออกแบบให้ต่างกันอย่างชัดเจน
    บริเวณชั้นล่างของร้านมีเคาน์เตอร์และชั้นวางเครื่องดื่มเป็นจุดเด่น ประดับด้วยไฟสีเหลืองนวลกับโต๊ะบาร์เข้าชุดเก้าอี้ทรงสูงให้ลูกค้าชมลีลาวิธีชงของบาร์เทนเดอร์ไปพลางจิบเครื่องดื่ม ผิดกับชั้นสองที่ค่อนข้างมืดสลัว มีเพียงไฟประดับตามมุมพอให้มองเห็น ตั้งแต่บันไดขั้นแรกจนถึงพื้นชั้นบน ทั้งหมดถูกปูด้วยพรมแดงช่วยเก็บเสียงเวลาเดิน สีเดียวกับชุดโซฟาซึ่งแต่ละชุดถูกวางตำแหน่งให้เว้นห่างกระจายทั่วพื้นที่เพื่อความเป็นส่วนตัวของเหล่าลูกค้า และขณะนี้คล้ายจะยิ่งเป็นส่วนตัวมากขึ้น เมื่อทั้งชั้นมีลูกค่าเพียงรายเดียวที่ใช้บริการ

    ร่างสูงใหญ่ย่างเท้าเข้าหามนุษย์ซึ่งกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มตรงชุดโซฟาในสุด แก้วว่างเปล่าเรียงรายเต็มโต๊ะกระจกบ่งบอกว่ามนุษย์ดื่มมานานพอสมควร ทว่าเหมือนทุกอย่างจะไม่ช่วยอะไร เมื่อบรรยากาศรอบกายยังคงทะมึนอึดอัด นัยน์ตารัตติกาลหงุดหงิดกลับสุมด้วยอารมณ์รุนแรงอันตรายไร้แววว่าจะอ่อนลง ซึ่งดวงตานั้นก็ได้หันมาปรายไล่เด็กเสิร์ฟให้รีบวางแก้วและออกไป แต่ทันที่เห็นเด็กเสิร์ฟคนล่าสุด กลับเป็นลูกค้าเสียเองที่เป็นฝ่ายชะงักนิ่ง

    “…กลับไป ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์คุย”

    โนอาร์เอ่ยไล่พลางละสายตาไปมองทางอื่น ไม่คิดถามว่าปีศาจมาได้อย่างไร ส่วนเอทอสเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายในอกคล้ายวูบโหวงอย่างประหลาด ร่างสูงใหญ่เพียงวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะกระจกและยืนมองมนุษย์อยู่ที่เดิม

    “มีมนุษย์เคยบอกข้าว่าเวลาโกรธควรระบายมันออกมา หากมัวแต่เก็บเอาไว้กับตัว มันจะหวนมาทำร้ายตัวเอง”
    “ผมหึงคุณ” นัยน์ตารัตติกาลขุ่นมัวด้วยพายุอารมณ์เชี่ยวกรากหันมาจ้องปีศาจอีกครั้ง
    “ความเป็นห่วงชอบช่วยเหลือ ผมรู้มันเป็นนิสัยของคุณ แต่ทำไมต้องเป็นคนที่แอบชอบคุณมาสิบกว่าปี สายตาสีครามตอนมองคุณมันทำให้ผมอยากควักมันออกมาขยี้ทิ้ง” น้ำเสียงเคียดแค้นพูดระบายอย่างหงุดหงิด แก้วเครื่องดื่มในมือขาวถูกแรงบีบจนได้ยินเสียงร้าวลั่นเบา ๆ
    “…”
    “ยิ่งคุณออกตัวปกป้องผมยิ่งอยากฆ่า แต่เพราะคุณผมถึงทำอะไรไม่ได้ หันไปลงกับคนพี่หนักเข้าก็กลัวคุณจะโดนแทน จะลากคนอื่นมาคุณก็ยิ่งโกรธ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงเอทอส หยุดเหรอ? ไม่มีทาง มนตร์มืดนั่นมันไม่มีทางแก้ มันกำลังพรากชีวิตคุณไปจากผม กับแค่สนองคืนให้มันลิ้มรสสิ่งที่ทำ ทำไมคุณต้องมาขวาง”
    “…”

    เอทอสได้แต่ยืนฟังโนอาร์ที่ยามนี้สูญเสียความสุขุมเยือกเย็น ความเก็บกดโกรธเคืองทำให้มนุษย์ไม่ต่างกับกล่องแพนโดราที่โดนเขาผนึกปิดฝา ส่งผลให้ความอาฆาตชั่วร้ายมหาศาลถูกกักเก็บอัดแน่นภายใน และทุกอย่างได้ย้อนกลับมาทำลายตัวกล่องเสียเอง ถ้าเขายังไม่ยอมเปิดฝาคืนอิสระให้ความดำมืด ดังนั้นฝีเท้าหนักจึงค่อยขยับเข้าหาร่างมนุษย์ซึ่งกำลังเล่าระบายความอัดอั้นทีละน้อย

    “ทำไมคุณต้องปกป้องสีคราม ทำไมคุณกล้าเห็นหมอนั่นดีกว่าผม เวลาของเราแทบไม่เหลือแต่คุณกลับเอามันให้คนอื่น! หึ.. สำคัญอะไรหนักหนา เป็นแค่คนขายดอกไม้ริอ่านได้ความห่วงใยจากคุณ ผมต่างหากที่ต้องได้! ทุกอย่าง-”

     เหล่าคำพูดเลือนหายเมื่อริมฝีปากบางถูกประกบปิดกลืนกินทุกถ้อยคำ นัยน์ตารัตติกาลมืดมนเบิกกว้างขึ้นระดับหนึ่งจากสัมผัสไม่คาดคิด กว่าจะรู้ตัวสังเกตสิ่งรอบข้าง ใบหน้าคมเข้มก็ขยับเข้าแนบชิดไร้ช่องว่าง ผิวแก้มเยียบเย็นจากเครื่องปรับอากาศรู้สึกถึงลมหายใจร้อนซึ่งกำลังเป่ารดคืนความอบอุ่น เช่นเดียวกับริมฝีปากหนาที่ค่อยขยับเม้มริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยนแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะบุบสลาย ดวงตาดำมืดได้แต่นิ่งงันสบนัยน์ตาสีอำพันดุหม่นแสงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยอธิบาย

    ท่อนแขนแกร่งค้ำยันโซฟากักขัง ส่วนอีกข้างให้ฝ่ามือใหญ่เลื่อนขึ้นสัมผัสกรอบหน้ามนุษย์พลางใช้นิ้วมือหยาบเกลี่ยผิวแก้มขาวปลอบประโลม ก่อนเคลื่อนไปทางด้านหลัง เปลี่ยนตำแหน่งเป็นการคลึงบริเวณต้นคอเพื่อให้ผู้รับผ่อนคลายพร้อมปรับองศาใบหน้าให้สัมผัสยิ่งชิดใกล้ ร่างโนอาร์เอนตามแรงดันจากร่างสูงใหญ่กระทั่งแผ่นหลังแนบสนิทกับพนักโซฟา
    นัยน์ตารัตติกาลหลับพริ้มยามลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ปลายลิ้นแตะสัมผัสผสานรสจากเครื่องดื่มซึ่งยังติดค้างเสมือนคล้ายกระแสไฟฟ้าแล่นกระจายทั่วทุกสัดส่วน ความรู้สึกเปียกชื้นซาบซ่านยามลิ้นเข้าประสานรัดรึงปัดเป่าพายุอารมณ์มลายพลันเหลือเพียงความคิดอันขาวโพลน รสสัมผัสลึกล้ำเกี่ยวกระหวัดในโพรงปากดูดกลืนเรี่ยวแรงโนอาร์จนไม่อาจเหนี่ยวรั้งแก้วร้าวในมือ ในท้ายสุดแก้วเปราะบางนั้นก็ร่วงกระทบพื้นพรมแตกสลายอย่างเงียบงัน เช่นเดียวกับความดำมืดมหาศาลในกล่องแพนโดราที่ถูกชำระล้างสิ้นด้วยจุมพิตเว้าวอนของปีศาจผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียว

    “เจ้าได้ทุกอย่างของข้า ไม่มีใครได้เหนือกว่าเจ้า โนอาร์” เสี่ยงทุ้มต่ำกระซิบพร่าปลอบประโลม
    “ข้าผิดเองที่ใส่ใจผู้อื่นจนละเลยความรู้สึกของเจ้า ทั้งที่เจ้าเป็นคู่ครองข้า เป็นผู้ที่ข้าควรให้ความสำคัญที่สุด”
    “…”
    “ข้ามารับเจ้าแล้ว... กลับบ้านกับข้านะโนอาร์”

    ไร้ซึ่งถ้อยคำเอื้อนเอ่ย มีเพียงฝ่ามือขาวเข้าประสานกอบกุมฝ่ามือใหญ่พลางบีบกระชับแน่นแทนคำตอบ
   



บท35 สมบูรณ์






ถึงคนอ่าน



"Last Word" ค็อกเทลที่โนอาร์สั่งครับ


    อีกหนึ่งคนที่คนเขียนบอกว่าจะมีเรื่องแยกก็คือ ปีศาจในคราบหนุ่มบาร์เทนเดอร์เจ้าของบาร์ลับครับ คนเขียนอยากบอกว่าพลังของปีศาจตนนี้ค่อนข้าง OP มากครับ ฟอเรสกับเอทอสเทียบไม่ติดเลย


    การทรมานที่วรรษโดนในช่วงต้นเรื่องคือ Hanging Cage(กรงขังขนาดเล็กพอให้ใส่คนเข้าไปได้ แล้วนำไปแขวนประจานตากแดดตากลม เป็นวิธีทรมานในสมัยก่อน) กับ Waterboarding(การจัดท่านอนให้เท้าสูงกว่าหัวกันสำลัก แล้วเทน้ำกรอกใส่ให้ทรมานเหมือนจมน้ำ เป็นวิธีทรมานที่ใช้กันในปัจจุบัน) ซึ่งวิธีทั้งสองเป็นการทรมานโดยไม่เกิดผลกระทบหรืออาการบาดเจ็บกับร่างกายครับ


    บทหน้าเป็นบทสุดท้ายของเรื่องราวแล้ว อย่าลืมติดตามกันนะครับ ขอบคุณครับ ^^



    ป.ล. คนเขียนสร้าง account นามปากกาในทวิตเตอร์แล้วนะครับ(@biomos_A2Z) ในนั้นคนเขียนจะทำเธรดนิยายไว้ คนอ่านสามารถแกล้งส่องได้นะครับ 5555


ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จำไม่ได้ว่า ได้เฉลยไว้หรือเปล่าว่า ทำไมเอทอสถึงสูญเสียพลัง (ที่สะกิดสิ่งมีชีวิตแล้ววิญญาณหลุดอะค่ะ) หรือเฉลยตอนจบ ช่วยบอกที :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หึหึ แระจะยังไงต่อน้อ

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
    ความแน่นอึดอัดคล้ายกำลังถูกรัดพันกับไอร้อนจากแสงอาทิตย์แยงตา ปลุกชายเลือดเย็นตื่นจากการหลับพัก นัยน์ตารัตติกาลค่อย ๆ ลืมตื่นมองแดดจ้าสาดผ่านหน้าต่างเปิดรับลมคล้ายเตือนเวลาสายโด่ง ก่อนก้มมองท่อนแขนหนาหนักสีน้ำตาลแดงพร้อมกรงเล็บทมิฬรั้งพาดลำตัวไม่คิดคลาย ลมหายใจร้อนของร่างยักษ์ซ้อนหลังเป่ารดต้นคอเป็นจังหวะสร้างความรู้สึกราวกระแสไฟฟ้าอ่อนแผ่ซ่าน ชวนหวนนึกถึงเหตุการณ์วาบหวามที่เพิ่งจบลงไม่นาน

    ร่างสูงขาวสมส่วนยกท่อนแขนหนักกักขังออกพยุงตัวนั่ง โนอาร์พินิจมองใบหน้าคมเข้มหลับสนิทผ่อนคลายของปีศาจผู้เป็นที่รัก พลางยื่นมือลูบผิวแก้มสากอย่างอ่อนโยนบางเบาไม่คิดปลุก เนื่องเพราะอยากให้เอทอสพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ทั้งจากการขับรถพาเขากลับบ้านและต่อด้วยบทรักแสดงความคิดถึงจวบตะวันขึ้น
    กระทั่งชื่นชมจนพอใจ มนุษย์ถึงลุกจากเตียงหมายหยิบเหล่าเสื้อผ้าที่เกลื่อนกระจายทั่วพื้นห้องขึ้นสวมเพื่อออกไปเตรียมมื้อเช้ารวบเที่ยง ทว่าความเหนอะหนะเต็มช่องทางด้านหลังและความรู้สึกคล้ายสิ่งข้นหนืดกำลังค่อยไหลลงมาตามขาอ่อน กลับทำให้โนอาร์ชะงักนิ่งไปชั่วขณะ นัยน์ตารัตติกาลเหลือบมองผู้กระทำที่ยังคงนอนตะแคงหันหลังหลับสบาย อดไม่ได้ที่จะเข้าไปลงโทษด้วยการหอมแก้มสากจนได้ยินเสียงอืออาคล้ายรำคาญ เช่นนั้นชายเลือดเย็นถึงเผยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเดินเข้าห้องน้ำแทน

    หลังชำระร่างกายเรียบร้อย โนอาร์มายังส่วนครัวเปิดตู้เย็นค้นหาของทำอาหาร กลับพบว่ามีของสดเพียงไม่กี่อย่าง นอกนั้นล้วนเป็นอาหารกล่องแช่แข็งสื่อถึงวิถีการกินช่วงที่เขาหายไปได้อย่างดี ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยพลางเลือกสรรของที่อาจพอนำมาดัดแปลง เมื่อได้ครบตามต้องการแล้วถึงเดินไปยังหน้าเตาลงมือทำมื้อเที่ยง

    “เห็นของในตู้เย็นแล้ว คุณขาดผมไม่ได้หรอกเอทอส” เสียงเรียบเรื่อยเอ่ยโดยไม่ต้องหันกลับไปมองผู้มาใหม่
     “ก็อย่าหายไปอีกสิ”

    เสียงทุ้มต่ำกล่าวตอบถึงกับทำให้มนุษย์ชะงักมือซึ่งกำลังจี่เนื้อในกระทะชั่วจังหวะหนึ่งก่อนจะลอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยไม่ให้ปีศาจเห็น เอทอสซึ่งแปลงกลับเป็นร่างมนุษย์หลังอาบน้ำเสร็จเดินมานั่งรอตรงโต๊ะกินข้าว พลางมองแผ่นหลังคู่ครองไหวขยับทำอาหารเพลินตา ไม่นานนักมื้อเช้ารวบเที่ยงก็ถูกพ่อครัวยกเสิร์ฟ เมื่อหันกลับมานัยน์ตารัตติกาลพลันสบนัยน์ตาสีอำพันดุของร่างสูงใหญ่ที่นั่งเท้าคางมองเขาอยู่ แววตาอำพันคมเสน่ห์ราวกับจ้องทะลุเสื้อผ้ากับการกระตุกยิ้มมุมปากเลียนแบบเขาทว่าแฝงความมากเล่ห์ ก็มากพอให้จิตใจเยือกแข็งเต้นระส่ำ ยิ่งเพิ่งผ่านคืนเร่าร้อนที่ชายเบื้องเป็นผู้มอบเติมเต็ม เลือดลมก็คล้ายโดนกระตุ้นสูบฉีดหมุนเวียนสะดวกเกินพอดีจนรู้สึกอบอ้าวอย่างประหลาด

    “หน้าเตามันร้อนหรือไง หูกับหน้าเจ้าถึงได้แดงนัก” ปีศาจกล่าวลอย ๆ ขณะรับจาน
    “ไม่หรอก สงสัยเพราะเมื่อคืนผมโดนฤทธิ์ไส้กรอกยักษ์เคลือบมายองเนสทำพิษน่ะ ขนาดตื่นมามันยังเยิ้มอยู่เลย”
    “…” เอทอสได้แต่มองจานที่มีไข่ดาวฟองโตเคียงข้างไส้กรอกยาวใหญ่ ดีที่อีกสิ่งบนจานคือเนื้อย่างมิใช่มายอง-
    “คุณ เอามายองเนสไหม” มนุษย์เอ่ยพลางเลื่อนกระปุกมายองเนสมาให้ ส่วนมืออีกข้างก็ถือส้อมจิ้มไส้กรอกละเลงของเหลวขาวหนืดชวนนึกถึงภาพตราตรึง ริมฝีปากบางเล็มกัดชิมถึงกับทำให้บางสิ่งข้างใต้เริ่มแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง
    “ผมชอบนะ รสออกคาวข้นนิด ๆ แต่รวม ๆ ก็อร่อยจนลืมไม่ลง”
    “อะฮึ่ม.. เวลากินข้าวโนอาร์”

    ร่างสูงใหญ่แกล้งกระแอมไอปรามมนุษย์ เมื่อรสสัมผัสคำอธิบายที่ได้ฟังดูเหมือนจะไม่ใช่มายองเนส ก่อนจะทำเป็นกินมื้อเที่ยงไม่สนอะไร โนอาร์ที่เห็นปีศาจผู้เริ่มก่อนกลับเป็นผู้ขัดเขินเสียเองก็เพียงยิ้มมุมปากแล้วค่อยกินตาม ทว่าผ่านไปเพียงครู่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเจ้าบ้านก็ดังขึ้น นัยน์ตารัตติกาลเห็นคนร่วมโต๊ะมีทีท่าอึดอัดยามมองชื่อบนหน้าจอ เท่านั้นชายเลือดเย็นก็รู้โดยไม่ต้องเสียเวลาคาดเดา

    “ไม่รับล่ะ รุ่นน้องคุณรอนานแล้ว”

    ถ้อยเสียงเรียบเรื่อยกลับทำให้คนฟังยิ่งกระอักกระอ่วน แต่ท้ายสุดฝ่ามือหนาก็จำหยิบโทรศัพท์มาแนบหู ระหว่างคุยนัยน์ตาสีอำพันดุคอยลอบสังเกตมนุษย์ฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอด จวบจนวางสายเอทอสก็เล่าถึงสิ่งที่คุยกันเมื่อครู่ให้ใครอีกคนฟังเพื่อความสบายใจ

    “สีครามโดนข้อหาให้ที่พักกับผู้ร้ายหนีคดี โชคดีที่แค่ให้จ่ายค่าปรับและวันนี้... ข้านัดสีครามไปโรงพักจะได้ช่วยจ่ายและก็ย้ายของเข้าหอพักทีเดียว เพราะที่ร้านคงอยู่ไม่ได้แล้ว” เอทอสเอ่ยพลางพยายามเลี่ยงคำไม่ให้เกิดความผิดใจกับมนุษย์ใหม่ แม้ในใจอยากจะตำหนิว่าคนตรงหน้าก็ตาม
    “เดี๋ยวกินเสร็จเจ้าไป-”
    “คุณจะพาผมไปด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจและให้เห็นว่ามันไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณไม่อยากให้รุ่นน้องตาย อย่าพาผมไปเลย”

    ชายเลือดเย็นกล่าวแนะอย่างหวังดี ที่เคยบอกว่าจะไม่ยุ่งคือไม่ยุ่งจริง ๆ ช่วงเวลาอึดอัดน่าหงุดหงิดที่เขาได้แต่ยืนมอง เขาไม่อยากรู้สึกถึงมันอีก ไม่รู้ทำไมเพื่อปีศาจตรงหน้าเขาต้องถอยขนาดนี้ แต่ในเมื่อต้นตอปัญหาเกิดเพราะเขาคิดมากไปเองจนคุมอารมณ์ไม่ได้ ฉะนั้นการหลีกเลี่ยงใบหน้าซื่อ ๆ โง่ ๆ ของสีครามคงเป็นการดีสุด

    หลังฟังร่างสูงใหญ่ก็มิได้ฝืนบังคับอะไร เพียงตั้งหน้าตั้งตากินมื้อเที่ยงให้เสร็จแล้วลุกเอาจานไปเก็บ หันมากล่าวบอกมนุษย์เล็กน้อยว่าจะรีบไปรีบกลับ ถึงค่อยเดินไปหน้าบ้านขึ้นรถกระบะและขับออกไป โนอาร์ที่บัดนี้อยู่ในบ้านพักทรงไทยประยุกต์เพียงลำพัง ล้วงหยิบลูกแก้วสีชาดสำหรับบอกเวลาชีวิตเอทอสขึ้นพินิจดู ซึ่งลูกแก้วนี้ได้มาตอนชำแหละร่างภาคินเมื่อไม่นานนี้ ความเจือจางแทบกลายเป็นแก้วใสบริสุทธิ์นั้นน่าใจหายจนลืมความอยากอาหารสิ้น ชายเลือดเย็นพลันนำอาหารที่กินเหลือไปเททิ้ง แล้วคว้ากุญแจรถขับไปยังสถานที่หนึ่ง เพราะยามที่เวลาใกล้หมดลง ไม่ใช่ปีศาจผู้เดียวที่มีสิ่งต้องทำ


    นายใหญ่สวนรฦกวัลย์ขับรถมารับรุ่นน้องที่ร้านดอกไม้พร้อมช่วยขนข้าวของขึ้นหลังกระบะ ซึ่งส่วนมากเป็นเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นไม่กี่อย่าง เพราะของเกือบทั้งหมดถูกไฟเผาไหม้ไปพร้อมกับบ้านพี่ชายนานแล้ว หลังเรียบร้อยเอทอสก็ขับพาสีครามไปสถานีตำรวจเพื่อเคลียร์คดี ใช้เวลาเจรจาสักพักใหญ่กว่ารถกระบะสีดำขลับจะได้เดินทางมาถึงหอพัก สถานที่สุดท้ายของการนัดหมาย

    “ขอบคุณครับพี่เอทอส แต่ตอนนี้เย็นมากแล้วพี่เอทอสกลับก่อนได้เลยนะครับ ของพวกนี้เดี๋ยวผมขนขึ้นห้องเอง” สีครามเอ่ยขอบคุณพร้อมรีบตัดบท เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ตั้งท่าจะช่วยเขาขนของขึ้นห้อง
    “อืม ไม่คิดว่าพวกตำรวจจะทำเสียเวลาขนาดนี้ แต่ขนแป๊บเดียวก็เสร็จ ไม่ต้องเกรงใจ” เสียงทุ้มว่าพลางเตรียมคว้ากระเป๋าเสื้อผ้า ทำให้รุ่นน้องต้องรีบโบกมือส่ายหน้าห้ามเป็นระวิง
    “ไม่เป็นไรครับพี่! ...ผมขนได้ครับ พี่เอทอสรีบกลับเถอะครับ คุณโนอาร์รอพี่อยู่นะ”
    “ก็ใช่ไง รีบขนรีบกลับ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้ขัดฉันอยู่นั่น”

    นัยน์ตาสีอำพันดุขมวดคิ้วมุ่นมองรุ่นน้องอย่างเริ่มหงุดหงิด เพราะกำลังรีบแข่งกับเวลากลัวมนุษย์ที่รออยู่บ้านจะคิดเออเองไปไกลแล้วมาหึงงอนเขาอีก แต่กลับต้องมายืนเถียงไร้สาระกับความขี้เกรงใจของรุ่นน้อง สีครามที่เห็นรุ่นพี่ใจดีคล้ายดุใส่ก็พลันชะงักกลัวไปเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้าเตรียมพูดเรื่องที่เขาเก็บงำอึดอัดมานาน

    “ผมขอบคุณที่พี่เอทอสคอยดูแลช่วยเหลือผมมาตลอดนะครับ แต่ต่อจากนี้ผมจะไม่ขอรบกวนพี่อีกแล้ว”
    “ทำไม? เพราะโนอาร์เหรอ ก็บอกว่าฉันคุยกับเจ้านั่นจนเข้าใจแล้ว... หรือโนอาร์แอบมาขู่อะไรลับหลัง?” นัยน์ตาสีอำพันดุหรี่มองพลางเค้นถาม
    “ไม่ใช่ครับพี่เอทอส แต่ผมไม่อยากเป็นคนสร้างปัญหาให้พี่กับแฟนทะเลาะกันอีก พี่เอทอสก็รู้ว่าผมเคยชอบพี่ และคุณโนอาร์ก็คงรู้เหมือนกัน”
    “แล้ว?” เสียงทุ้มต่ำขานกลับอย่างไม่รู้สึกรู้สา ถึงกับทำให้รุ่นน้องหลุดถอนหายใจหน่าย
    “พี่เอทอส พี่มีแฟนแล้วไม่ได้อยู่คนเดียว ควรใส่ใจความรู้สึกคนรักให้มากกว่านี้นะครับ ความใจดีของพี่มันต้องมีขอบเขต ถ้าสมมติคุณโนอาร์มีคนรักเก่า แล้วคุณเขาทำเหมือนพี่ พี่โอเคจริงหรือครับ”
    “หึ โนอาร์ไม่เคยมีคนรั-”

    เอทอสเค้นหัวเราะเตรียมตอบกลับว่าโนอาร์ไม่เคยรักใครจนมาเจอเขา ทว่าเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำโนอาร์ที่รับรู้ผ่านฝันพลันผุดขึ้นขัดคำพูดและถึงกับทำให้ร่างสูงใหญ่ชะงักงัน แม้โนอาร์ไม่มีคนรักก็จริง แต่ก็มีคู่นอนอยู่คนหนึ่งที่ใช้เวลาคบหานานกว่าใคร เป็นคนเดียวที่โนอาร์มีทีท่าห่วงหาและสนใจเป็นพิเศษ
    เพียงคิดว่าหากคน ๆ นั้นพบปัญหาแล้วกลับมาหาโนอาร์ และคู่ครองเขาช่วยเหลือเป็นห่วงเป็นใยแบบที่ไม่เคยแสดงกับใคร หรือถึงขั้นหลงลืมเขาไปเหมือนที่เขาเคยเป็นตอนสีครามเข้าโรงพยาบาล เท่านั้นหัวใจหนักแน่นก็พลันบีบรัดจนเจ็บหน่วง ถึงเขาจะอยากให้โนอาร์หัดจริงใจเมตตาคนอื่น และรู้อยู่แก่ใจว่ามนุษย์ไม่มีทางปันใจจากเขา แต่ความอึดอัดร้อนรุ่มนี้กลับสุมอัดเพิ่มไม่ลดเลือน นัยน์ตารัตติกาลโกรธเคืองเคลือบแคลงพลันหวนสะท้อนจนปีศาจรู้สึกวูบโหวง เมื่อจินตนาการพาเขามายืนจุดเดียวกับที่มนุษย์เคยรู้สึก

    “ผมจัดการได้ครับพี่เอทอส รีบกลับไปหาคุณโนอาร์นะครับ” สีครามเอ่ยแนะเมื่อเห็นรุ่นพี่นิ่งไปคล้ายฉุกคิด
    “…อา งั้นฉันกลับก่อน ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย ส่วนของพวกนี้ฉันเอาไปวางหน้าลิฟต์ให้”

    ร่างสูงใหญ่เอ่ยพลางรีบหิ้วข้าวของทุกอย่าง เดินนำไปทางประตูกระจกหอพักที่ต้องใช้บัตรแตะปลดล็อก สีครามเผลอนิ่งช็อกในความตีมึนของรุ่นพี่เล็กน้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปสแกนเปิดให้อีกฝ่ายเอาของวางกองหน้าลิฟต์ที่อยู่หลังประตูเมื่อถูกเสียงทุ้มหนักเอ่ยเร่ง ซึ่งพอนายใหญ่สวนกล้วยไม้ได้ทำตามปรารถนาก็รีบกลับขึ้นรถกระบะและขับออกไปอย่างเร็วรี โดยมีสายตารุ่นน้องคอยมองไล่หลังอย่างเหนื่อยใจแทนคุณโนอาร์



    “บอกทีเรื่องนี้ฉันผิดขนาดนั้นเลย?”

    เอทอสเอ่ยถามศิลาอย่างอดไม่ได้ ยามมองคู่ครองดูแลกล้วยไม้พลางพูดหยอกกับเหล่าคนงาน ส่วนเขาผู้เป็นนายใหญ่เจ้าของสวนกลับถูกเหล่าสายตาลูกน้องเหล่มองจงใจเว้นระยะห่างราวกับเป็นส่วนเกิน ซึ่งทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อโนอาร์ผู้เป็นที่รักชาวสวนทั้งชายหญิงกลับมาเยือนสวนรฦกวัลย์อีกครั้ง หลังหายไปอาทิตย์กว่าเหตุเพราะผิดใจกับเขา

    “ไม่หรอกครับนาย พวกเขาก็แค่อยากแกล้งนายเท่านั้น”

    ศิลาตอบตามจริงพลางลอบยิ้มขันเล็กน้อย ก่อนจะชวนนายใหญ่กลับสำนักงานเพื่อจัดการเอกสารกองพะเนินที่รออยู่ เอทอสที่แสร้งออกมาเดินตรวจสวนหวังใช้เวลากับคู่ครองจึงตัดใจหันหลังกลับ ทว่าระหว่างเดินผ่านเรือนกล้วยไม้ นัยน์ตาสีอำพันดุพลันสะดุดบางสิ่งเข้าโดยบังเอิญ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นพร้อมหมอบหมายภารกิจให้เลขาข้างกาย ส่วนตนก็เดินต่อไปยังสำนักงานเพียงลำพัง

    “คุณโนอาร์ครับ”

    เสียงเรียกให้นัยน์ตารัตติกาลหันมองต้นตอเล็กน้อย ซึ่งก็พบศิลากำลังยื่นส่งดอกกล้วยไม้สีขาวบริสุทธิ์ช่อหนึ่งให้ ทว่าชายหนุ่มเจ้าของชื่อกลับยืนนิ่งไม่รับดอกไม้ ศิลาซึ่งคาดการณ์ไว้แล้วจึงเอ่ยคำกระตุ้นที่เตรียมไว้

    “นายใหญ่ฝากให้คุณโนอาร์ครับ ดอกกล้วยไม้สีขาวสื่อถึงความสง่างามและไร้เดียงสา แต่ในบางโอกาสก็ใช้มอบให้คนรักหลังผ่านช่วงมีปากเสียงรุนแรงกัน หากกรณีนั้นจะมีความหมายว่า…”
    “…”
    “‘ฉันขอโทษและรู้สึกเสียจริง ๆ’ ครับ”

    เมื่อความหมายอันแท้จริงได้รับการเฉลย เหล่าชาวสวนที่รายล้อมต่างลอบอมยิ้มลุ้นให้คนรักของนายใหญ่ยอมรับกล้วยไม้ ซึ่งไม่นานนักฝ่ามือขาวก็ยื่นรับช่อกล้วยไม้มาถือ ส่งผลให้กลุ่มคนงานต่างเฮร้องร่วมปิติที่สองเจ้านายกลับมาคืนดี โดยไม่รู้เลยว่าชายเลือดเย็นหายผิดใจกับนายใหญ่ตั้งแต่ครั้งที่อีกฝ่ายรับเขากลับบ้านตั้งนานแล้ว และแน่นอนว่าโนอาร์ก็ไม่คิดเล่าอธิบายใด ๆ เพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อยแบบฉบับเจ้าตัว ก่อนจะแสร้งชวนผู้คนรอบข้างกลับมาทำงานต่อ โดยกล้วยไม้ขาวบริสุทธิ์ช่อนั้นก็ได้เสียบในกระเป๋าเสื้อใกล้ตำแหน่งหัวใจเยือกแข็งที่เต้นไหวอย่างเปี่ยมสุข


     หลังผ่านพ้นเรื่องราววุ่นวาย ปีศาจกับมนุษย์ก็ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพียงเดือนเศษก่อนมนตร์มืดทำงานไปกับชีวิตประจำวันแสนเรียบง่าย มิได้ออกไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวความทรงจำ เนื่องเพราะเอทอสต้องเตรียมสะสางทุกสิ่งอย่างเพื่อที่เขาจะได้จากไปอย่างหมดห่วง พินัยกรรมจัดการทรัพย์สินมรดกถูกเขียนอย่างลับ ๆ และส่งมอบให้ทนายส่วนตัวเป็นผู้เก็บรักษา ส่วนโนอาร์ก็หยุดเดินเหล่าตัวหมาก ละทิ้งเกมกระดานที่ตนอุตส่าห์วางแผนสร้างอย่างไม่คิดเสียดาย แล้วหันมาอยู่เคียงข้างปีศาจผู้เป็นที่รัก ทว่าก็มีบ้างที่ไปแวะเยี่ยมวรรษ ผู้เป็นชนวนเหตุของเรื่องทั้งหมด

    จวบจนช่วงสองวันสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ หนึ่งมนุษย์และปีศาจที่เคลียร์ภาระหมดสิ้น จึงตัดสินใจกลับมาใช้เวลาอย่างเป็นสุขด้วยกันที่บ้านไม้กลางป่า รถยนต์สีน้ำตาลเข้มขับลุยเข้าผืนป่าก่อนดับเครื่องตรงตำแหน่งเดียวกับที่รถสีเทาเมทัลลิกคันเก่าเคยจอด เอทอสและโนอาร์ช่วยกันถือของกินของใช้พอสำหรับสองวันจากนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องออกจากป่า เดินฝ่าแมกไม้หลากพันธุ์ไม่นานก็พบลานโล่งกว้างซึ่งมีบ้านไม้เก่าชั้นเดียวตั้งอยู่ ถัดจากข้างตัวบ้านไม่ไกลนักเป็นลำธารน้ำใสเหมาะแก่การอาบดื่ม เป็นสถานที่แสนสงบที่เอทอสเลือกเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของชีวิต

    “ไม่ได้มาอยู่นานคงต้องทำความสะอาดกันก่อน”

    ร่างสูงใหญ่เอ่ยพลางวางสัมภาระตรงชานบ้าน ก่อนเดินแยกไปตรงลำธารโดยถือถังเปล่าไปด้วย โนอาร์จึงเดินขึ้นบ้านไปเปิดประตูหน้าต่างไล่อากาศ ใช้ผ้าปัดฝุ่นตามโต๊ะเก้าอี้สักพักเจ้าบ้านก็นำน้ำเต็มถังมาวางให้บิดซัก ทั้งสองช่วยเช็ดทำความสะอาดตัวบ้านและเครื่องเรือน ผลัดกันไปเปลี่ยนน้ำในถังเมื่อเริ่มดำ กระทั่งเวลาเคลื่อนถึงบ่ายคล้อยเกือบเย็น บ้านไม้หลังเก่าก็พร้อมสำหรับการเข้าพักอาศัย

    “เอทอสที่นี่มีแค่เรา คุณคืนร่างปีศาจได้นะ”

    มนุษย์เอ่ยพลางส่งน้ำเย็นดับกระหายให้ปีศาจที่นั่งกระพือเสื้อคลายร้อน ซึ่งเอทอสก็มิได้ปฏิเสธ ฝ่ามือใหญ่รับขันน้ำมาดื่มพร้อมเปลวเพลิงสีนิลเริ่มลุกติดตามร่าง กระทั่งดื่มเสร็จกรงเล็บทมิฬก็ยื่นขันเปล่าคืนมนุษย์ นัยน์ตารัตติกาลมองร่างยักษ์เปลือยท่อนบนโชว์ผิวกายสีน้ำตาลแดงประดับด้วยมัดกล้ามกำยำเด่นชัด ทั้งตัวสวมเพียงกางเกงหุ้มเกราะโบราณทำให้ลมพัดอากาศถ่ายเทคลายร้อนได้สะดวก หนามแหลมราวกับขนเม่นทำหน้าที่เสมือนเส้นผมดำขลับ ใบหูยาวเข้ากับใบหน้าที่ยิ่งดูดุทะมึนเมื่อนัยน์ตากลายเป็นสีแดงเลือดนก แม้รูปลักษณ์นี้จะดูน่ากลัวในสายตาใครต่อใคร แต่สำหรับโนอาร์ เขาชอบเอทอสที่เป็นเอทอสจริง ๆ ที่สุดแล้ว

    “ที่เหลือคงมีแค่ทำกับข้าว คุณไปอาบน้ำให้สบายตัวไหม พอคุณมามื้อเย็นคงเสร็จพอดี” มนุษย์แนะนำเมื่อเห็นผิวกายร้อนของปีศาจชุ่มไปด้วยเหงื่อ
    “เดี๋ยวข้าจะไปหาฟืนต่อ ค่อยอาบทีเดียว”

    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยพร้อมลุกขึ้น ก่อนร่างยักษ์จะเดินไปตัดต้นไม้ทำฟืนสำหรับก่อไฟโดยใช้เพียงกรงเล็บไม่จำเป็นต้องพึ่งอาศัยขวานให้เกะกะ ส่วนโนอาร์ก็นำสัมภาระที่วางกองไว้ตอนแรกเข้าเก็บในบ้าน และลงมือเตรียมมื้อเย็น

    อาหารปริมาณพอสำหรับหนึ่งปีศาจและมนุษย์ทำเสร็จทันเวลาก่อนแสงพระอาทิตย์หมดลง ชายเลือดเย็นจุดตะเกียงพร้อมก่อกองไฟตรงลานหน้าบ้านเพื่อเป็นความความสว่างยามค่ำ พลางสอดส่งสายตาหาร่างยักษ์ซึ่งก็ไร้วี่แวว ดังนั้นมนุษย์จึงถือเสื้อผ้าชุดใหม่ไปตรงลำธารหวังชำระคราบเหงื่อไคลตลอดวันให้รู้สึกสดชื่น

    หลังลงแช่น้ำไม่นานความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วบริเวณ โชคดีที่แสงจันทร์กับกองไฟคอยช่วยให้พอเห็นบรรยากาศรอบข้างผ่านความสลัวเงียบสงัด โนอาร์นั่งหลับตาพิงโขดหินกลางลำธารผ่อนคลายความเหนื่อยล้า สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงจังหวะย่ำเหยียบใบไม้แห้งเป็นผลให้มนุษย์ต้องลืมตามอง ซึ่งพบเงาร่างยักษ์กับนัยน์ตาคู่สีแดงเลือดนกเรืองแสงเดินออกมาจากป่า

    “ผมทำมื้อเย็นเสร็จแล้วคุณกินก่อนได้เลย หรือถ้าเหนียวตัวก็มาอาบน้ำกับผม”

    เสียงเรียบเรื่อยตรงลำธารเอ่ยแกมหยอกปีศาจที่กำลังแบกฟืนไปเก็บ ทว่าข้อเสนอเมื่อครู่สำหรับเอทอสกลับน่าสนใจไม่น้อย เนื่องเพราะทำงานออกแรงตลอดวันทำให้รู้สึกเหนอะคันตัวไม่น้อย เช่นนั้นหลังนำฟืนเก็บตรงเพิงหลังบ้านเสร็จ ร่างยักษ์จึงเดินมายังลำธารพลางถอดกางเกงหุ้มเกราะทิ้งไว้ริมฝั่งกองรวมกับเสื้อผ้าของมนุษย์ แล้วถึงค่อยเดินลงไปนั่งพิงโขดหินแช่น้ำป่าไหลเย็นอยู่ข้างคนชวน

    “คุณหันหลังมา เดี๋ยวผมถูหลังให้”

    โนอาร์เอ่ยเสนอเมื่อเห็นปีศาจข้างกายดำผุดดำว่ายกวักน้ำล้างตัว เอทอสเมื่อได้ยินก็ยอมหันแผ่นหลังกว้างให้มนุษย์ปรนนิบัติ ฝ่ามือขาวเยียบเย็นจากการแช่น้ำมาสักพักจึงบรรจงขัดถูกึ่งนวดคลายความเมื่อยล้าตามมัดกล้ามเนื้อบนแผ่นหลังและบ่าใหญ่ ส่งผลให้ร่างยักษ์หลุดเสียงครางอืมพึงพอใจในลำคอ

    “เสร็จแล้ว คุณหันมา”

    มนุษย์เอ่ยพลางจับปีศาจนั่งพิงโขดหินเหมือนเดิม แล้วถึงค่อยลงมือบีบนวดตามลำแขนแข็งแรง เอทอสที่อยู่ดี ๆ ก็มีคนดูแลจัดการทุกอย่างให้โดยไม่ต้องทำอะไร ก็เพียงนั่งรับบริการพลางเงยหน้ามองพระจันทร์และดวงดาวระยับบนฟากฟ้าแบบที่ไม่สามารถเห็นได้ในเมือง ความผ่อนคลายสบายตัวทำให้ใบหน้าคมเข้มของปีศาจหลุดระบายยิ้มเล็กน้อย ครู่หนึ่งนัยน์ตาดุเรืองแสงสีแดงเลือดนกถึงหันกลับมามองมนุษย์ที่กำลังตั้งใจขัดนวดเขาขะมักเขม้น

    ผิวกายขาวนวลเลื่อมด้วยสายน้ำที่ไหลผ่านอยู่ตลอดกระทบกับแสงจันทร์ถึงกับทำให้เอทอสตาพร่า กล้ามเนื้อดูดีพอเหมาะสมชายสุขภาพดีนั้นดูน่าหลงใหลพินิจชมราวรูปสลักเทพบุตร ปีศาจไม่เคยคาดคิดว่าเมื่อคู่ครองเปลือยเปล่าใต้แสงจันทร์จะงดงามถึงเพียงนี้ ถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องตรงหน้าอาจไม่เข้ากับกลิ่นอายชั่วร้ายทมิฬมืด ทว่าความย้อนแย้งนี้กลับเป็นเสน่ห์แสนดึงดูดในสายตาปีศาจ


(ต่อด่านล่าง)


ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    “ข้าอาบให้เจ้าบ้าง”

    เสียงทุ้มว่าพลางดึงมนุษย์นั่งซ้อนจนแผ่นขาวเปลือยแนบสนิทกับแผงอกกว้างหนา ท่อนแขนแกร่งสองข้างกกกอดไม่ปล่อยให้หลุดมือ ซึ่งโนอาร์ก็เพียงนิ่งรอรับสัมผัสจากปีศาจเบื้องหลังด้วยจิตใจเต้นเร็วรัว เนื่องเพราะเหล่าความคิดกำหนัดใคร่รักยามนัยน์ดุสีแดงเลือดนกจับจ้องไม่วางตา ล้วนดังก้องในหัวเขาตลอดการบีบนวดปรนนิบัติ

    “อ..อืม... อกผมสะอาดแล้ว” เสียงกระเส่าเอ่ยเมื่ออุ้มกรงเล็บใหญ่ค่อยบรรจงบีบนวดแผ่นอกขาว โดยเฉพาะยอดอกที่แข็งสู้กำลังโดนกรงเล็บหนาบี้ปั่นจนร่างในอ้อมกอดเริ่มบิดขยับจากความซาบซ่านทีละน้อย
    “งั้นเหรอ... แต่ข้าว่ายัง”

    เสียงทุ้มพร่ากระซิบชิดใบหูพร้อมลมหายใจร้อนรดเป่า เกิดเป็นความรู้สึกเสียววาบเหล่าขนอ่อนลุกชันคล้ายมีกระแสไฟฟ้าวิ่งกระจายไปถึงปลายนิ้ว ริมฝีปากหนาค่อยบรรจงดอมดมจุมพิตรักไล่จากไรผมลงมาตามกรอบหน้ากระทั่งถึงลำคอขาวผ่อง เมื่อนั้นปีศาจร้ายก็พลันฝังคมเขี้ยวขบกัดประทับรอยตีตรา

    “อะ!..อื้ม!.... เอทอส...”

    ร่างโนอาร์พลันบิดพลิ้วแอ่นอกให้กรงเล็บใหญ่ยิ่งกระทำสนุกมือ สองมือขาวใต้น้ำเกร็งจิกหน้าขาแกร่งขนาบข้างตัวระบายความรู้สึกมากล้น ใบหน้านิ่งสงบกลับเชิดหน้าเหยเกหวามกระสันยามเขี้ยวคมจงใจขบเม้มสลับลิ้นร้อนไล่เลียปรนเปรอ ยิ่งมนุษย์ดิ้นพล่านสัญชาตญาณนักล่าของร่างยักษ์ซ้อนหลังยิ่งโอบกอดรัดแน่น ผิวหยาบกร้านน้ำตาลแดงบดเบียดสนิทแนบเนื้อขาวนวลไร้ช่องว่าง สองร่างสัมผัสถึงหัวใจของกันและกันที่ต่างเต้นโครมครามผสานจังหวะ ทว่าการเสพสุขเพียงเท่านี้มีหรือจักเติมเต็มความต้องการจากส่วนลึก

    “ข้างนอกเรียบร้อยแล้ว คงเหลือแต่ด้านใน เมียข้า... ขอสามีเข้าไปปรนนิบัติได้หรือไม่ สัญญาจะขัดให้ลึกสะอาดทุกซอกมุม”

    ถ้อยเสียงทุ้มต่ำกระเส่าเว้าวอนมากด้วยอารมณ์เอ่ยขอ พลางส่งสายตาสีแดงเลือดนกทรมานอย่างน่าสงสารเห็นใจ โนอาร์ที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่หลุดยิ้มมุมปากให้กับนิสัยเจ้าเล่ห์ของคู่ครอง เอทอสในช่วงเวลานี้จะออดอ้อนกล่าวคำหวานกับเขาเท่าไรก็ได้ ทว่าเมื่อใดที่ตัวตนใหญ่ยักษ์ได้อภิสิทธิ์สอดแทรกเข้ามาในร่าง เมื่อนั้นธาตุแท้ปีศาจจะพลันเผยแปรเปลี่ยนเป็นคนละคน ซึ่งชายเลือดเย็นก็ไม่ปฏิเสธว่ามุมนี้ของปีศาจทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อย

    “ผมคงต้องเตรียมพร้อมก่อน”

โนอาร์ว่าพลางหันตัวกลับมาประจันหน้ากับปีศาจ ริมฝีปากกดจูบลงบนหน้าผากร่างยักษ์เล็กน้อยก่อนดันตัวยืนชัดเข่า มือขาวข้างหนึ่งเกาะบ่ากว้างทรงตัวส่วนอีกข้างก็สอดนิ้วเบิกช่องทางรอรับส่วนแข็งขืน เอทอสมองสบใบหน้าคิ้วขมวดหลุดครางเป็นระยะยามเจ้าตัวเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปในร่องสวาท ความเย้ายวนน่าหลงใหลมากซะจนปีศาจต้องคว้าร่างมนุษย์ที่กำลังยืนค้ำเข้ามาฟัดกอด สองกรงเล็บแกร่งเข้าบีบขยำแก้มก้นขาวตรงบั้นท้ายมนุษย์อย่างมันมือ พร้อมจับสองก้อนกลมแน่นแหวกเปิดทางให้เรียวนิ้วโนอาร์สอดคว้านปรับช่องทางได้สะดวก ส่วนใบหน้าคมเข้มปีศาจก็เข้าซุกซบแผ่นอกขาว ตะโบมดูดเลียยอดอกสีสวยจนขึ้นรอยรักอย่างหื่นกระหาย

    กระทั่งร่างขาวส่งสัญญาณพร้อมรับตัวตน เอทอสถึงยอมเว้นจังหวะให้โนอาร์นั่งคร่อมตัก มือขาวรูดชักแก่นกายชุกซนขนาดยาวเขื่องใต้ผืนน้ำเร้าอารมณ์ พร้อมจับจ่อตรงร่องรักนำทางเข้าสำรวจ ก่อนค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักกดสะโพกให้ลูกรักเอทอสชำแรกมุดเข้ามา ทว่าเมื่อไร้สิ่งหล่อลื่นช่วยเสริม การจะนำตัวตนใหญ่ยักษ์เกินปกติผ่านช่องเล็กแคบนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ มิหนำซ้ำยังทำให้ร่างที่รองรับรู้สึกเจ็บหน่วงเป็นเท่าทวี แต่จะให้หยุดพักขึ้นฝั่งไปเอาอุปกรณ์อารมณ์ก็คงขาดช่วงเช่นกัน ดังนั้นเอทอสที่ทนทรมานนั่งนิ่งมองโนอาร์กัดริมฝีปากแน่นพยายามทิ้งกดน้ำหนักตัว จึงได้เอ่ยอะไรบางอย่าง

    “อยากดูดาวไหมเมียข้า”

    คำชวนไม่เข้าสถานการณ์ถึงกับเรียกนัยน์ตารัตติกาลมองใบหน้าคมเข้มอย่างสงสัย ทว่ามิทันได้ถามไถ่ สองลำแขนหนาพลันสอดใต้ข้อพับขาขาวพร้อมช้อนตัวมนุษย์ลุกขึ้นยืน การที่จู่ ๆ ร่างก็ถูกยกลอยสูงทำให้โนอาร์หลุดเสียววาบรีบคว้ากอดศีรษะปีศาจ ผมหนามแหลมของเอทอสจึงพลันทิ่มแขนจนรู้สึกเจ็บ ส่วนสองขาก็พาดบ่ากว้างรั้งคอหนาแกร่งกันตก ขณะนี้ร่างยักษ์กำลังยืนตระหง่านกลางลำธารโดยมีมนุษย์ขี่คอในท่าพิสดาร สองแขนหนาด้วยมัดกล้ามเกร็งทำหน้าที่เสมือนเก้าอี้ให้บั้นท้ายแน่นรองนั่ง ส่วนกรงเล็บทมิฬใหญ่ก็เป็นพนักพิงประคองร่างขาวผู้เป็นภรรยา

    “ไหนลองนับดาวสิว่าได้กี่ดวง”

    ใบหน้าคมเข้มกลางหว่างขาเงยหน้าสบมนุษย์พลางกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนก้มลงไปอ้าปากครอบเลียส่วนสงวนเบื้องหน้าไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว สัมผัสหยุ่นชื้นจากลิ้นหนากระหวัดดูดละเลงส่วนปลายจุดรวมความกระสัน เป็นผลให้ร่างขาวพลันบิดร้องครางอย่างเสียวซ่าน ใบหน้าขาวเชิดหน้าขึ้นส่งเสียงอืออาระบายความสุขล้น มองฟากฟ้ายามค่ำคืนแต่งแต้มด้วยหมู่ดาวระยับเป็นพยานรัก กับบรรยากาศธรรมชาติกลางป่ารอบด้านยิ่งเสริมความตื่นเต้นปลุกอารมณ์

    “อ๊า!!... เอ..เอทอส! คุณอย่าแกล้งเดี๋ยวผมตก อ้าาาา....”

     เสียงหวานร้องปรามปนครางกระเส่า เมื่อท่อนแขนแกร่งอุ้มประคองกลับแสร้งผ่อนแรงทำให้มนุษย์เกือบหงายหลังต้องผวารีบเอามือเกาะหัวปีศาจจนผมแหลมทิ่มบาดเรียกเลือดซิบ ทว่าการเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อยทำให้เอทอสยิ่งเลียดูดแก่นกายขาวได้สะดวก นัยน์ตารัตติกาลก้มมองปีศาจร้ายซึ่งกำลังผงกหัวขึ้นลงกลืนกินตัวตนเขาอย่างเอร็ดอร่อย และคล้ายเจ้าตัวจะรู้นัยน์สีแดงเลือดนกถึงได้เหลือบขึ้นมองสบตา แม้โพรงปากร้ายกำลังดูดอมทำหน้าที่ปรนเปรอ แต่โนอาร์เหมือนเห็นรอยยิ้มเยาะจากดวงตาคมดุ

    “เอ..เอทอส... ผมไม่ไหวแล้ว อะ!.. อื้ออ!!...”

    ความเร่าร้อนผ่านใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ผสานความแข็งแรงที่แสดงผ่านการอุ้มเขาตัวลอยการลำธาร รวมกับความแปลกใหม่ในการทำเรื่องน่าอายท่ามกลางสถานที่โจ่งแจ้ง ก่อเป็นความหฤหรรษ์เสียววาบสุดใจ กระทั่งทุกความรู้สึกไม่อาจเก็บกลั้น กลั่นเป็นน้ำรักข้นหวานทะลักปลดปล่อยเต็มโพรงปากปีศาจ ซึ่งเมื่อลิ้นร้อนสัมผัสรสคาวหวานก็รีบเร่งแรงดูดเค้นปล้นแท่งสวาทให้ยอมคลายทุกหยาดหยดมิให้เหลือ และนั่นทำให้ร่างขาวที่เพิ่งเสร็จสมยิ่งเกร็งกระตุก ร้องครางพร่าสุดเสียงไม่คิดอายจนรู้สึกตัวเบาหวิวไร้เรี่ยวแรง เพราะถูกปีศาจร้ายช่วงชิงไปหมดสิ้น

    เอทอสยอมปล่อยร่างโนอาร์ลงยืนด้วยขาข้างเดียว ส่วนอีกข้างยังคงถูกท่อนแขนแข็งแรงสอดใต้ข้อพับเกี่ยวรั้งไว้ ทำให้มนุษย์ซึ่งกำลังเหนื่อยหอบต้องทิ้งตัวพิงร่างยักษ์ ใบหน้าขาวแนบสนิทแผ่นอกหนากว้างฟังเสียวหัวใจหนักแน่น ปีศาจก้มมองคู่ครองที่ซุกซบอกเขาอย่างหมดแรงพลางกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนใช้กรงเล็บที่เหลือว่างมารองรับหยาดน้ำรักจากเมื่อครู่ที่เขาเพียงอมไว้เพราะตั้งใจใช้แทนเจลหล่อลื่น

    เมื่อได้อุปกรณ์เสริมเรียบร้อย กรงเล็บทมิฬพลันชโลมแก่นกายยักษ์แข็งเกร็งทรมานมาสักพักใหญ่ด้วยของเหลวลื่นข้นที่โนอาร์เป็นผู้ผลิต ก่อนจะใช้ที่เหลือทาป้ายตรงปากทางรัก เอทอสย่อเข่าเล็กน้อยให้แก่นกายระอุจดจ่อตรงทางคับแน่นแล้วจึงสวนสะโพกหนาขึ้น เพื่อส่งลูกรักมุดเข้าสำรวจทักทายร่างที่ผู้เป็นพ่อเลือกให้เป็นศรีภรรยา

    “อา.. อืมมม... คะ..คุณ.. ค่อย ๆ อะ! คุณ.. เอทอส...”

    เสียงหวานครางร้องขอเบาแรง ฝ่ามือขาวเกร็งจิกมัดกล้ามแขนแกร่งคล้ายพยายามปราม ขาที่เขย่งยืนค้ำโดดเดี่ยวก็สั่นเทิ้มอ่อนล้า เมื่อแก่นกายร้อนที่ได้หยาดหยดหล่อลื่นฝืนดันเข้ามาไม่ลดละ หากขาอีกข้างไม่ถูกปีศาจรั้งยกสูงไว้ ป่านนี้มนุษย์คงทรุดจมลำธารไปนานแล้ว

    “หึ ๆ อะไรกัน เจ้าฝันอยากเป็นเมียข้าไม่ใช่หรือไง พอถึงคราวทำหน้าที่ทำไมสำออยนัก” เอทอสที่บัดนี้ถูกราคะหิวกระหายครอบงำกล่าวเยาะอย่างผู้ชนะ พลางแกล้งโยกสะโพกแกร่งให้ส่วนแข็งขืนในร่างอ่อนเปลี้ยควงคว้านช่องทางจนผู้รับยิ่งทวีความกระสันซ่าน
    “อืมมม... ก็ของคุณมัน... อื้ออ.. ใหญ่..”
    “เหรอ.. มายอข้าเวลานี้คงอยากโดนมากเลยสิ งั้นข้าจะสนองให้สมใจ” สิ้นคำร่างยักษ์พลันถอดถอนแก่นกายจนเหลือเพียงส่วนปลายที่ยังคาค้างในช่องทาง ก่อนวินาทีถัดมาจะสวนอัดส่งท่อนเอ็นร้อนพรวดเข้าทีเดียวทั้งลำเขื่อง
    “อ้าาาาา!!!... คุณ! ฮะ.. ฮะ.. เอทอ- อัก... อาาา...”

    โนอาร์พลันสะดุ้งร้องครางสุดเสียง ใบหน้าขาวที่ซบอกกว้างเชิดหน้าอ้าปากพะงาบด้วยจุกหน่วง บริเวณหางตารัตติกาลคล้ายเลื่อมด้วยหยาดน้ำใสคลอหน่วยจากทั้งความเจ็บและสุขผสมปนเป ซึ่งผู้กระทำก็เพียงก้มมองเผยยิ้มหยันสะใจ นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกเรืองแสงมีแต่เพลิงตัณหาเร่าร้อนไร้แววรู้สึกผิด ก่อนใบหน้าคมเข้มจะค่อยเคลื่อนเข้าหาเพื่อลงไปประกบจูบปิดริมฝีปากบางที่คอยเขาอยู่

    “อืมมม....อื้มมมม... อาาาา”

    สองร่างต่างขนาดยืนกอดฟัดแลกลิ้นสัมผัสกลางลำธารเย้ยฟากฟ้ายามค่ำไม่คิดอาย สะโพกหนาเริ่มเร่งจังหวะจากเนิบนาบเป็นรัวเร็วจนช่องทางเสียดสีร้อนระอุ เสียงครางหวานระบายเป็นเพียงเสียงอืออาเล็ดลอดเพราะริมฝีปากหนามิยอมให้ผละออก ไล่รุกตะโบมจูบดูดเม้มอย่างหิวกระหาย ลิ้นหนาพันเกี้ยวลิ้นบางรัดรึงประสานชิมรสสวาททิ้งท้าย ก่อนยอมหยุดพักให้เวลาร่างขาวในอ้อมกอดได้หายใจ น้ำใสจากโพรงปากผสานยืดเป็นเส้นเชื่อมยามสองริมฝีปากออกห่าง กับนัยน์ตารัตติกาลหยาดเยิ้มลุ่มหลงในบ่วงราคะปีศาจ กระตุ้นพายุอารมณ์เอทอสให้ยิ่งเพิ่มพูนจนไม่อาจทัดทานไหว

    “หมับ!”

    กรงเล็บทมิฬพลันคว้าขาข้างที่มนุษย์ยืนเขย่งทรงตัวขึ้นมาหนีบล็อกช่วงเอวหนา ส่งผลให้โนอาร์ที่ถูกอุ้มลอยรีบเอาแขนคล้องลำคอหนากันตก ชายเลือดเย็นในยามนี้สภาพไม่ต่างจากลูกลิงซึ่งมีร่างทะมึนยักษ์เป็นเสมือนต้นไม้ใหญ่ ทว่าต้นไม้ร้ายกลับแกล้งจับลิงน้อยโยกกระเด้งขึ้นลง กิ่งเขื่องที่ยังคงคาค้างอยู่ในช่องรักจึงยิ่งแทรกลึกชนจุดกระสันให้ร่างลิงน้อยดิ้นส่ายพล่านร้องระงม

    “อะ! อะ! อะ! อาาาา!! อืมม!!”
    “อาาา... ซี๊ดดด... รูเจ้านี้มัน..ที่สุด เยี่ยมจริง ๆ”

    เอทอสหลุดครางพร่าชมด้วยคำหยาบโลน ใบหน้าคมเข้มขมวดเหยเกแสดงถึงสุขซ่านในบทรัก สองกรงเล็บทมิฬที่ตะปบรองแก้มก้นแน่นขาวออกแรงบีบขยำเมามัน เมื่อมนุษย์ที่โดนอุ้มให้ความร่วมมือโยกตัวขึ้นสูงและทิ้งน้ำหนักกดลงมาเต็มรักไม่สนความจุกหน่วงที่แก่นกายร้อนกระทุ้งดันอวัยวะภายใน ซึ่งนั่นทำให้ผนังนุ่มยิ่งพยายามบีบรัดต่อต้านผู้รุกราน สร้างความสะท้านวาบจนปีศาจแทบคลั่ง ร่างยักษ์รีบอุ้มมนุษย์เดินขึ้นฝั่ง ก่อนจะล้มนอนหงายแผ่ตรงริมลำธาร

    “ควบสามีอย่างที่ทำเมื่อกี้อีกสิ เมียข้า.. ทำให้ข้าเสียวจนขาดใจเสียตรงนี้เลย”

     เสียงทุ้มพร่าวอนขออย่างศิโรราบ กรงเล็บข้างหนึ่งใช้หนุนรองศีรษะให้นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกมองร่างขาวที่นั่งคร่อมเขา ส่วนอีกข้างก็คอยรูดชักแก่นกายคู่ครองเอาใจ ซึ่งผู้เป็นสามีออดอ้อนเพียงนี้มีหรือที่ศรีภรรยาจะฝืนใจปฏิเสธลง โนอาร์ที่หอบเหนื่อยวางมือคู่ตรงแผงอกกว้างหนาพลางใช้เรียวนิ้วเล่นคลึงยอดอกสีคล้ำทั้งสองข้างของปีศาจ ก่อนสูญหายใจเข้าลึกและยกสะโพกขึ้นสูงจนแท่งสวาทร้อนแทบหลุดจากช่องทาง แล้วพลันปล่อยร่างกระแทกทับลงมาเต็มรัก เอทอสถึงกับครางพร่าสบถชมไม่ขาดปาก

    “อืมม... อาาา.... ดี.. อื้มม.. ตอดโคตรแน่น ซี๊ดดดอาาา... แรง ๆ อื้มมม..”
    “อาาาา.. สุดยอดจริง ๆ เมียข้า ขอสามีได้ปล่อยรักในตัวเจ้าเถอะ”
    “ฮะ... ฮะ.. อื้ออ! คุณ.. อย่าเด้งสวน! ไม่งั้นผมจะ- อ้าาาาาา!!”
    
    ร่างขาวปรามสะโพกแกร่งที่เริ่มขยับตอกแท่งรักสวนจังหวะก้อนกลมแน่นกระแทกลง ทว่านอกจากเอทอสจะไม่ฟังยังใช้กรงเล็บทมิฬรองยกน่องขานวลให้สะโพกขาวลอยค้าง ก่อนกระทุ้งอัดตัวตนเข้าช่องทางรัวเร็วเกิดเสียงกระทบเนื้อหยาบโลนดังไปทั่วป่า โนอาร์สั่นสะท้านเชิดหน้าครางระงมสุดเสียงสื่อถึงห้วงอารมณ์พุ่งสูงทะยานแล่น ฝ่ามือขาวบีบจิกกรงเล็บใหญ่เป็นหลักยึด

    “เสร็จแล้ววว! อาาาาา...”
    “อื้มมมม!!... อื้อออ!...เอทอส..”

    กระทั่งถึงจุดยอดพีระมิด แสงดาวระยิบบนฟ้าพลันสว่างวาบพร้อมความอุ่นร้อนพวยพุ่งอัดฉีดผนังนุ่มด้านใน เช่นเดียวกับหยาความรักหวานของมนุษย์ที่ปลดปล่อยรดราดเต็มรอนกล้ามท้องแข็งของปีศาจ
    โนอาร์หมดสิ้นเรี่ยวแรงล้มทับร่างยักษ์ทั้งที่แก่นกายร้อนยังฝังค้างกระตุกเกร็งในช่องทาง ท่อนแขนหนาโอบรัดร่างขาวบนตัวพลางกดริมฝีปากพรมจูบกลุ่มผมดำขลับอย่างรักใคร่ หนึ่งมนุษย์และปีศาจนอนหอบตระกองกอดพักหายใจริมลำธารกลางป่าเขามิสนแคร์สรรพสิ่งรอบข้าง

    จวบจนลมหายใจปีศาจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร่างยักษ์จึงค่อยประคองมนุษย์ลุกยืน ตัวตนแข็งขืนที่ไร้แววว่าจะอ่อนลงพลันหลุดจากช่องทางรักจนเกิดเสียงน่าอาย ทำให้ใบหน้าร้อนขึ้นสีจากความเหนื่อยของโนอาร์คล้ายยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ทว่ากลับยิ่งร้อนผ่าวได้อีกเมื่อได้ฟังคำหยาบโลนทุ้มพร่าที่ดังอยู่เหนือหัว

    “ใครจะปล่อยให้เจ้าได้ผล็อยหลับหนีข้ากัน ไปยืนโก้งโค้งกลางลำธารให้ข้าดูหน่อยสิ เมียรัก”

    นัยน์ตารัตติกาลมองค้อนนัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกจอมเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนพยายามฝืนความเสียดขัดตรงช่วงสะโพกก้าวขาติดสั่นลงลำธาร สายน้ำเย็นเยียบไหลผ่านข้อเท้าชวนให้ขนลุกซู่ด้วยความหนาว ทว่าอีกไม่นานปีศาจที่ยืนรอบนฝั่งคงทำให้เขาร้อนจนแทบไหม้ เดินไปเพียงครึ่งทางร่างขาวเปล่าเปลือยกลับชะงักนิ่ง เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งกำลังเยิ้มไหลลงมาตามน่องขาวอย่างไม่อาจควบคุม ชายเลือดเย็นพลันหันมองคาดโทษตัวการ แต่ผู้ร้ายบนฝั่งนอกจากจะไม่รู้สึกรู้สาแล้ว มิหนำซ้ำยังแสร้งเดาะลิ้นพลางใช้สายตาดุสีแดงเลือนนกโลมเลียแทะเล็ม โนอาร์จึงได้แต่รีบเดินไปให้ถึงที่หมายไว ๆ เพื่อหวังเอาคืน

    เมื่อถึงกลางลำธาร สองมือขาววางตรงโขดหินใหญ่ยันกายก่อนโก้งโค้งอวดบั้นท้ายตามที่ปีศาจมากเล่ห์ต้องการ ทว่าที่เพิ่มคือการส่ายสะโพกเย้ายวนพร้อมนัยน์ตารัตติกาลที่เหลือบมองร่างยักษ์บนฝังอย่างท้าทาย ซึ่งนั่นถึงกับทำให้เอทอสมองตาค้างนิ่งงันราวกับถูกสะกด สองก้อนกลมแดงแน่นเนื้อขนาบข้างช่องทางรักบวมช้ำเล็กน้อยที่กำลังหุบขยับอ้าเปิด คายหยาดความรักขาวข้นที่เขาเป็นผู้ทิ้งฝากนั้นงามหยดจนร่างยักษ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ พร้อมรีบก้าวลงลำธารไปหาคู่ครองราวกับโดนแม่เหล็กดึงดูด
    พอถึงเป้าหมาย ริมฝีปากร้อนพลันพรมจูบเนินสะโพกไล่สูงขึ้นไปตามแนวสันหลัง กระทั่งร่างยักษ์ซ้อนประกบร่างขาว อ้อมแขนแกร่งก็เข้าโอบกอดมนุษย์จากทางด้านหลังให้สัมผัสยิ่งแนบสนิท

    “กล้ายั่วข้าขนาดนี้คงเตรียมใจแล้วสินะ” เสียงทุ้มกระเส่าพร่ากระซิบชิดใบหู
    “แต่ก่อนหน้านี้.. ใครกันที่นอนแผ่หมดท่าขอให้ผมขย่ม”

    นัยน์ตารัตติกาลหันมองสู้ใบหน้าคมเข้ม ทว่าวินาทีถัดมามนุษย์กลับอยากย้อนเวลาห้ามคำพูดเมื่อครู่ เพราะผลจากความปากไวทำให้เพลิงราคะภายใต้นัยน์ตาดุสีแดงเลือดนกยิ่งลุกโชน ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มหยันเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ซึ่งต่อมากลางลำธารใสก็มีเสียงครางลั่นจนแหบแห้งสลับกับเสียงเนื้อกระทบหยาบโลนดังต่อเนื่องไปเกือบครึ่งค่อนคืน



    แม้ไม่ปรารถนา แต่วันสุดท้ายที่หนึ่งมนุษย์และปีศาจจะได้อยู่ร่วมกันก็มาเยือนเมื่อยามรุ่งอรุณทอแสง สองร่างเปล่าเปลือยนอนซบกอดกันและกันบนเตียงกว้างของบ้านไม้กลางป่า เอทอสกดจูบหอมกลุ่มผมดำสนิทพลางกระชับกอดอย่างหวงแหน เช่นเดียวกับโนอาร์ที่ขดตัวซุกแผ่นอกแกร่งไม่ปลีกห่าง การใช้เวลาเคียงข้างกันตลอดที่ผ่านมาไม่อาจชดเชยความอาวรณ์เมื่อถึงวันสิ้นปีได้เลย

    “สายโด่งป่านนี้ทำไมเจ้าไม่ลุกไปเตรียมอาหารสักที ขี้เกียจหรือไง? หึ ๆ หรือเมื่อคืนโดนข้าลงโทษจนลุกไม่ไหว” เสียงทุ้มต่ำแกล้งหยอก ทว่าอ้อมแขนหนากลับมิยอมคลายกอดปล่อยมนุษย์
    “ผมแค่อยากจำความอบอุ่นสัมผัสของคุณให้นานที่สุด เพราะพรุ่งนี้คุณอาจไม่อยู่กับผมแล้ว”

    ถ้อยเสียงเรียบนิ่งแฝงความหมองหม่น ทำให้ปีศาจต้องช้อนหน้ามนุษย์ขึ้นมามอบจูบลงบนกลีบริมฝีปากบางหวังปลอบประโลมโดยปราศจากการลุกล้ำ ก่อนร่างยักษ์จะฝืนใจลุกจากเตียงสวมกางเกงหุ้มเกราะที่วางกองอยู่ตรงพื้น แล้วถึงหันมาชวนมนุษย์ออกไปใช้เวลาที่เหลือด้วยกันให้เต็มที่จะได้ไม่นึกเสียดาย ซึ่งร่างขาวเปล่าเปลือยก็ยอมลุกไปค้นกระเป๋าหาเสื้อผ้าใส่แต่โดยดี ไร้ซึ่งอาการเสียดขัดปวดเมื่อยหลังผ่านศึกหนักเพราะคำสาปรักษาช่วยฟื้นฟู และไม่จำเป็นต้องอาบน้ำใหม่ เนื่องจากเมื่อหลายชั่วโมงก่อนผู้เป็นสามีได้รับผิดชอบช่วยล้างทำความสะอาดจนหมดจด

     หลังแต่งตัวเรียบร้อยโนอาร์ก็ตามเอทอสออกมานอกห้อง สองชีวิตในบ้านกลางป่าตัดขาดโลกภายนอกทำกิจกรรมแสนธรรมดาเรียบง่ายร่วมกันหวังเก็บเป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย อย่างการเข้าครัวที่ปีศาจนึกครึ้มอยากแก้มือลบล้างความอับอายเมื่อนานมาแล้ว การเดินชมผืนป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ร่วมปลูกต้นกล้าเป็นอนุสรณ์ความผูกพัน ทว่านาฬิกากลับนับถอยรวดเร็วจนน่าใจหาย และกิจกรรมที่เอทอสเลือกทำก่อนแสงตะวันจะลาลับยิ่งทำให้จิตใจเยือกแข็งหมองหม่น นั่นคือการขุดหลุมบริเวณลานโล่งหน้าบ้านไม้หลังเก่า เพื่อรอรับร่างไร้วิญญาณเมื่อกระแสกาลเคลื่อนผ่านสู่ศักราชใหม่

    “ผมขอเตรียมน้ำกับพัดคล้ายร้อนให้คุณแทนได้ไหม”

    โนอาร์เอ่ยขอร่างยักษ์ตรงหน้าที่กำลังเอาจอบจามผิวดินอย่างต่อเนื่องจนเริ่มยุบเป็นแอ่งใหญ่ ส่วนอุปกรณ์แบบเดียวกันในฝ่ามือขาวกลับนิ่งงัน ทั้งที่เมื่อก่อนเคยใช้ฝังศพของเล่นเป็นปกติ ทว่าเมื่อร่างที่ต้องฝังกลบครานี้คือปีศาจผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียว จอบคู่ใจก็คล้ายหนักอึ้งเกินกว่าจะถือยก

    “ก็ดีข้ากำลังหิวน้ำอยู่เหมือนกัน”

    เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตส่งผลให้มนุษย์พลันนำเครื่องมือไปเก็บ แล้วรีบย่างเท้าเข้าบ้านเพื่อเอาน้ำมาให้อีกฝ่าย โดยมีนัยน์ตาสีแดงเลือดนกลอบมองตามหลังอย่างเป็นห่วง เหตุเพราะมนุษย์หลงคิดว่าเขาจะไปขุดปลูกต้นไม้ต่อเลยเดินแบกจอบตามต้อย กระทั่งโนอาร์เริ่มรู้สึกว่าหลุมนั้นใหญ่กว่าที่ผ่านมาจึงลองเอ่ยถาม ซึ่งเขาก็จำใจตอบไปตามตรง ทันใดนั้นนัยน์ตารัตติกาลพรายแสงระยับราวกลับคืนฟ้าโปร่ง ก็พลันถูกเมฆดำหม่นมืดปกคลุม ซึ่งเอทอสก็ได้แต่ปล่อยให้คู่ครองจัดการความรู้สึกด้วยตัวเอง เพราะไม่ว่าอย่างไรความจริงที่กำลังเผชิญก็ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นปาฏิหาริย์


(ต่อด่านล่าง)


ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    กระทั่งเสี้ยวแสงอาทิตย์สุดท้ายถูกเงาโลกบดบัง กองไฟหน้าลานบ้านคอยให้แสงสว่างถัดจากหลุมลึกไม่ไกล ร่างยักษ์ปีศาจนั่งผิงไฟรับความอบอุ่นโดยกลางหว่างขาแกร่งมีร่างมนุษย์เอนหลังพิงซบแผงอกหนา เฝ้าชมหมู่ดาวในคืนสิ้นปีที่ไม่งดงามเหมือนอย่างเคย

    “ถ้าเป็นที่นี่ เสียงพลุคงดังมาไม่ถึงให้เจ้าหงุดหงิด” เสียงทุ้มเหนือหัวเอ่ยหยอก เอทอสจำคืนนี้เมื่อปีก่อนได้ว่ามีใครบางคนจ้องมองเหล่าดอกไม้ไฟอย่างอาฆาต เพียงเพราะดังรบกวนเวลานอน
    “เป็นโชคดีของคนพวกนั้นแล้ว ถ้าผมเห็นใครมาฉลองเวลานี้ ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นแสงของปีใหม่”
    “เจ้านี่มัน... เฮ้อ...”  ปีศาจถึงกับถอนหายใจหน่ายกับนิสัยคู่ครอง ก่อนจะชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง
    “ถ้าคิดดี ๆ หลังพ้นคืนนี้เจ้ากับข้าก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น ข้าแค่เหลือเพียงวิญญาณไร้กายเนื้อ ส่วนเจ้าก็ต้องระวังหน่อย อย่าเผลอคุยกับข้าตอนอยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะถูกมนุษย์คนอื่นมองว่าเป็นบ้า”

    เอทอสว่าพลางใช้กรงเล็บทมิฬเกลี่ยลูบลวดลายเปลวเพลิงตรงบริเวณลำคอขาว คล้ายปลอบประโลมและเตือนโนอาร์ให้ฉุกคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองยามนี้ เหนือกว่าที่ความตายจะพรากจากแบบคู่อื่น ๆ เขายังสามารถสื่อสารโต้ตอบและคอยอยู่เคียงค้างโนอาร์ได้ เพียงแค่ไม่อาจสัมผัสแตะต้องกันและกันก็เท่านั้น

    “พวกนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาผมอยู่แล้ว แต่ถ้ามายุ่งน่ารำคาญนักก็แค่กำจัดทิ้ง” เสียงเรียบเรื่อยกล่าวพร้อมเติมฟืนให้กองไฟ แล้วจึงเอ่ยต่อ
    “ผมนึกอย่างหนึ่งได้เอทอส เรายังไม่เคยไปดูหนังกันเลย ไว้มีเรื่องน่าสนใจเข้าโรงผมจะพาคุณไปดูและก็ซื้อที่นั่งเผื่อคุณด้วย จะได้ไม่มีใครมานั่งทับที่คุณ”
    “เอาสิ แต่ข้าไม่ชอบหนังรักกุ๊กกิ๊ก ดูแล้วจะหลับ” ร่างยักษ์เอ่ยต่อบทสนา เมื่อเห็นว่าบรรยากาศและอารมณ์คู่ครองเริ่มดีผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย
    “ผมก็เหมือนกัน... เป็นหนังผีสักเรื่องดีไหม ระหว่างดูได้ถามคุณด้วยว่าในหนังกับความจริงมีอะไรตรงกันบ้าง”
    “อย่างแรกเลย ไม่มีวิญญาณฉลาดตนไหนกล้าแผลงฤทธิ์ไปทั่ว เพราะนอกจากจะเสียพลังไปกับเรื่องไร้ประโยชน์ ยังเสี่ยงล่อให้ปีศาจกินวิญญาณอย่างข้าจับกิน ไม่ก็พวกมนุษย์ที่มีพลังควบคุมวิญญาณแบบจินเอาไปเป็นทาส”
    “ผมไม่ยอมให้ใครเอาคุณไปแน่”
    “หึ ข้าก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน จะเกาะตามติดเจ้าไปตลอ....”
    “…”
    “…”
    “..คุณ ...เอทอส”

     โนอาร์เอ่ยเรียกเมื่อเสียงทุ้มด้านหลังเงียบหาย จิตใจเยือกแข็งพลันวูบโหวงดิ่งวูบรีบหันกลับไปดูร่างยักษ์ ซึ่งพบว่าบัดนี้ปีศาจที่คุยกันอยู่เมื่อครู่เหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจ ฝ่ามือขาวรีบค้นหยิบลูกแก้วสีชาดในกระเป๋า ทว่าที่ติดมือมากลับกลายเป็นลูกแก้วใสราวผลึกแก้วไร้สี สื่อว่าชีวิตของปีศาจถึงกาลสิ้นสุด ของเบื้องหน้าทำให้มือขาวสั่นเทาเล็กน้อยก่อนแปรเปลี่ยนเป็นการกำแน่นด้วยความเจ็บใจชอกช้ำ และขว้างเข้าไปในกองไฟให้ความร้อนเผาทำลายสิ่งบาดตา

    ชายเลือดเย็นหลับตาสูดหายใจเข้าลึกพยายามคุมอารมณ์ให้สุขุมดังเก่า เพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำต่อเกินกว่าจะมาเสียเวลานั่งอาลัย โนอาร์ค่อยพยุงแบกร่างยักษ์หนักอึ้งไปวางนอนกลางพื้นที่โล่งหาใช่หลุมลึกที่ปีศาจขุดเตรียม ก่อนเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปยังรถยนต์สีน้ำตาลเข้มเอาอุปกรณ์

    ถุงบรรจุเลือดหลายสิบถุงถูกขนมากองเตรียมใช้ในพิธี โดยเลือดทุกหยดเป็นของโนอาร์ที่อาศัยช่วงออกไปเยี่ยมเยียนทรมานวรรษ แอบลอบถ่ายเก็บไว้ให้พ้นสายตาปีศาจ ซึ่งผลของคำสาปรักษาทำให้เตรียมเลือดได้มากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไปจะผลิตได้ ทว่าก็ยังไม่มากพอ โนอาร์จัดการฉีกถุงเทเลือดเย็นเยียบจากการแช่คุมอุณหภูมิถนอมลงถังใบใหญ่ แล้วจึงใช้ไม้ยาวผูกผ้าเสมือนเป็นพู่กันจุ่มลงถังจนชุ่มกลิ่นคาว

    “อึก!...”

    ชายหนุ่มกัดฟันทนความเจ็บปวดที่มีแต่ทวีเพิ่ม ยามนำแปรงชุ่มเลือดลากระบายลงบนพื้นที่โล่งรอบร่างไร้ชีวิต ความแสบร้อนราวกับถูกเหล็กแดงเผาไฟจี้กรีดตรงตำแหน่งสัญลักษณ์ครองคู่ เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อลากพู่กันไปตามผืนดินแห้งกรัง ฝ่ามือขาวเกร็งกำด้ามไม้แน่นจนขึ้นเส้นเลือด หยาดเหงื่อซึมผ่านไรผมไหลลงตามกรอบหน้าอย่างอดทน ทว่าความคืบหน้าที่ได้ช่างส่วนทางกับความเหนื่อยทรมานและเวลาที่กำลังบีบเร่งให้ทันก่อนรุ่งสาง

    จวบจนเลือดในถังถูกใช้ละเลงหมดสิ้น ลวดลายที่วาดยังเว้าแหว่ง เช่นนั้นโนอาร์จึงต้องนำมีดข้างเอวกรีดข้อมือทั้งสอง หยาดชาดแดงคาวพลันไหลชุ่มมือขาวลงตามด้ามไม้ให้ปลายแปรงดูดซับเป็นหมึกเสริม นัยน์ตารัตติกาลเริ่มอ่อนล้าฝ้าฟางทั้งจากการเสียเลือดและความแสบไหม้บริเวณคอใกล้ไหปลาร้า จนคล้ายเห็นภาพหลอนเป็นจุดแสงเลือนรางราวหิงห้อยเกาะตรงปลายนิ้ว

    เจ้าทำบ้าอะไรอยู่โนอาร์!!!! เสียงหนักทุ้มต่ำเจือความโกรธโมโหดังกึกก้องในความคิด ทำให้คนกำลังละเลงวาดเผยชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มมุมปากและสานต่อสิ่งที่ทำ มิสนใจคำคัดค้าน
    “พันธะครองคู่เรียกคุณกลับมาไง... เอทอส” เสียงแผ่วเบาตอบกลับ ทว่ายิ่งทำให้เสียงในความคิดตะคอกหนัก
    นี่มันไม่ใช่พันธะครองคู่!! เจ้ากำลังจะตายเปล่าโนอาร์! หยุดทำเรื่องไร้สาระ-
    “ร่างภาชนะ ยามสนธยา ตราสัญลักษณ์ และอายุขัยครึ่งหนึ่งของคู่ครอง จะนำพาสิ่งที่พรากจากกลับมา ฟอเรสเคยบอกผมจำได้ขึ้นใจ และผมรู้ดีว่าพลังจากอายุขัยอันน้อยนิดของมนุษย์อย่างผมมันพาคุณกลับมาไม่ได้หรอก แต่ถ้าพลิกแพลงนำเลือดเนื้อมาชดเชย... มันก็พอมีความเป็นไปได้”
 
    คำฝืนอธิบายจบลงพร้อมการวาดลวดลายเพลิงขนาดยักษ์แบบเดียวกับสัญลักษณ์ครองคู่ประจำตัวมนุษย์และปีศาจ โดยมีร่างไร้ชีวิตที่นอนแน่นิ่งอยู่กึ่งกลาง ฉับพลันหยาดเลือดคาวซึมผิวดินกลับเริ่มเรืองแสงทอสว่างทำให้บริเวณรอบพื้นที่อาบย้อมด้วยสีแดงวาว เอทอสที่ขณะนี้เป็นเพียงดวงไฟวิญญาณยังไม่มีพลังพอจะก่อร่าง ถึงกับตะลึงค้างกับสิ่งที่เห็นเนื่องเพราะพิธีพันธะครองคู่ที่มนุษย์สร้างนั้นไม่เคยมีปีศาจตนไหนทำมาก่อน

    “ที่เหลือก็แค่รอช่วงสนธยา...กับแสงแรกของวันสาดส่อง... ดูเหมือนจะได้ผลนะเอทอส แต่ผมเหนื่อยมากเหมือนจวนจะหลับ... ผมขอไปนั่งพักรอคุณตรงนั้นนะ”

    เสียงแผ่วล้ากล่าวบอกดวงไฟประหลาด ก่อนจะเดินเซไปนั่งตรงใต้ต้นไม้โดยมีเลือดจากสองข้อมือหยดไหลอยู่รายทาง

    เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อน! เจ้าต้องทำแผลห้ามเลือดเดี๋ยวนี้โนอาร์
    “…”
    โนอาร์ตอบข้า!
    “…”
    โนอาร์!!

    เสียงทุ้มก้องกระวนกระวายเมื่อมนุษย์ฟุบนั่งแน่นิ่งไม่ตอบสนอง ปีศาจในสภาพดวงไฟได้แต่เฝ้าขอภาวนาให้ฟ้ามืดเริ่มสางสว่างโดยเร็ว ซึ่งเมื่อใกล้เวลาแสงจากสัญลักษณ์เลือดที่ทอส่องบนพื้นกลับยิ่งส่องไสว ราวกับกำลังดึงดูดวิญญาณให้เข้าสิงร่างภาชนะ กระทั่งฟากฟ้าดำสนิทชืดจางเป็นสีกรมครามและแสงอรุณอบอุ่นตกกระทบร่างไร้ชีวิตเย็นเยียบ เมื่อนั้นเหล่าหยดเลือดประกอบตราสัญลักษณ์ครองคู่พลันระเหยเป็นไอควัน พวยพุ่งซึมซับเข้าร่างตรงใจกลางพร้อมดวงไฟวิญญาณที่ถูกพายุลมลากพาไป
    เพียงไม่นานทุกอย่างกลับสู่ความปกติ เลือดละเลงทั่วบริเวณเหือดหายไปพร้อมกลิ่นคาวราวกับไม่เคยมีอยู่ เหลือเพียงร่างยักษ์ที่ควรถูกหลับใหลไม่วันฟื้นกลับขยับลืมตาตื่นอย่างน่าอัศจรรย์

    “โน... อาร์”

    เอทอสพยายามฝืนขากรรไกรแข็งค้างตามธรรมชาติของศพหลังผ่านไปหลายชั่วโมง เอ่ยเรียกร่างไร้สติที่ฟุบนั่งหลับตรงโคนต้นไม้ กรงเล็บทมิฬสองข้างบีบกำขยับออกแรงก่อนใช้ฟาดทุบขาที่แข็งทื่อราวกับหินหนัก ไม่นานนักร่างกายก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครา ปีศาจจึงพลันลุกตะเกียกตะกายวิ่งไปหาคู่ครอง

    “แควก!!”

    กรงเล็บใหญ่ฉีกชายเสื้อมนุษย์ไร้สติ เพื่อนำมาใช้เป็นผ้าพันแผลห้ามเลือดตรงข้อมือทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบอุ้มร่างซีดเผือดจากการเสียเลือดออกจากป่าหาคนช่วย เพราะยามนี้เอทอสเป็นเพียงแค่วิญญาณสิงสถิตร่างภาชนะ ไม่มีพลังหรือคำสาปคอยรักษาปกป้องโนอาร์อีกต่อไป ทว่าช่วงจังหวะที่ปีศาจร้อนรนกำลังพ้นเขตป่า บริเวณเส้นถนนที่พาดผ่านรออยู่เบื้องหน้ากลับมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ พร้อมร่างเล็กบางของปีศาจวายุพฤกษาและร่างโปร่งแสงของอดีตนักล่าปีศาจนายใหญ่สวนรฦกวัลย์รุ่นก่อนกำลังวิ่งมาหา

    แม้บุคคลเบื้องหน้าจะเป็นสองผู้มีพระคุณที่อาจช่วยชีวิตคู่ครอง แต่ขาแกร่งที่เคยวิ่งสุดฝีเท้ากลับชะงักนิ่ง อ้อมแขนหนาพลันบีบกระชับร่างมนุษย์ที่อุ้มอยู่ราวกับกลัวว่าจะถูกแย่งชิง ความรู้สึกจากก้นบึ้งในส่วนลึกคล้ายหล่นวูบ ความกลัวเกรงไร้ที่มาพยายามคำรามร้องต่อต้านผู้มีพระคุณอย่างที่ไม่ควรกระทำ ทว่ากว่าจะตระหนักรู้และหลีกหนี สองผู้มีพระคุณก็อยู่ห่างเพียงไม่กี่ย่างก้าว

    “เอทอสเจ้ากลับมาได้! ดีจริง ๆ ที่อายุขัยหลานสะใภ้ไม่สูญเปล่า”

    ฟอเรสกล่าวอย่างยินดีเมื่อพันธะครองคู่ที่มีโอกาสสำเร็จเพียงน้อยนิดผ่านพ้นไปด้วยดี จากทีแรกเธอตั้งใจจะมาปลอบขวัญหลานสะใภ้ คงต้องเปลี่ยนเป็นการฉลองครั้งใหญ่ ทว่ากว่าจะถึงตอนนั้น ปีศาจสาวอาจมีเรื่องต้องจัดการเสียก่อน เมื่อคู่ครองในอ้อมแขนหลานชายมีการไม่สู้ดี และนัยน์ตาสีแดงเลือดนกที่มองเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
    
    “ข้าขอ... อย่าเอาโนอาร์ไปจากข้า ถึงคู่ครองข้าจะไม่ใช่คนดีบริสุทธิ์ แต่ข้ารักเขามาก ...ได้โปรดอย่าพรากเขาไป” เสียงทุ้มสั่นเครืออ้อนวอนพลางกอดร่างมนุษย์ไร้สติแน่น ซึ่งเอทอสก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงหลุดกล่าวเช่นนั้น แต่ความกลัวต่อสองบุคคลเบื้องหน้าที่กำลังรู้สึกนี้มิใช่การคิดไปเองแน่นอน
    “พูดบ้าอะไรของเจ้าน่ะเอทอส? แต่ยังไงตอนนี้ก็วางโนอาร์ลงก่อน ให้ข้าใช้พลัง- นี่เจ้า!”

    หญิงสาวว่าพลางเดินเข้าหาหวังสัมผัสดูอาการมนุษย์น่าเป็นห่วง แต่หลานชายกลับก้าวถอยหลังหนีไม่ให้เธอถูกตัว สร้างความงุนงงระคนหงุดหงิดให้กับปีศาจวายุพฤกษา ส่วนวิญญาณอนันต์ที่เฝ้าดูอย่าเงียบ ๆ ก็พอเริ่มเข้าใจสาเหตุ เพราะดวงตาของเอทอสที่มองพวกเขานั้นช่างเหมือนกับคืนนั้นที่เขาลงโทษหลานหลงผิดออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งแม้เจ้าตัวจะจำไม่ได้ ทว่าจิตใต้สำนึกคงจำได้ดี

    “เอทอส ถ้าหลานยังดื้อดึง คนรักของหลานอาจอาการแย่กว่านี้ เชื่ออาแล้ววางโนอาร์ให้เรสรักษา”

    อนันต์เอ่ยแนะกึ่งบังคับกดดัน ซึ่งเอทอสก็นิ่งลังเลไปสักพัก ก่อนสุดท้ายอ้อมแขนแกร่งจะจำวางร่างมนุษย์กับผืนป่า ฟอเรสรีบเรียกสายลมกับเถาวัลย์ใบหญ้าเข้าห่อร่างหลานสะใภ้เสมือนเป็นรังไหมรักษา ซึ่งตลอดการฟื้นฟูเอทอสไม่ยอมลุกห่างไปไหน กระทั่งสีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับคืนสีธรรมชาติปกติส่วนรากไม้และลมหมุนบางเบาก็ค่อยสลายหายไป ปีศาจกินวิญญาณจึงรีบรับมนุษย์มากอดอุ้มอย่างหวงแหน พลางกล่าวขอบคุณสองผู้มีพระคุณพร้อมความกังวลหวาดหวั่นในส่วนลึกที่เจือจางลดเลือน กลับมามองด้วยความเคารพนับถือเฉกเช่นเดิม



    “ฟื้นสักทีเจ้าหลานสะใภ้สิ้นคิด เจ้าไปสรรหาวิธีอันตรายพรรณ์นั้นจากไหนมา?!”

     หญิงสาวเอ่ยว่าคนรักของหลานชายถัดทีที่อีกฝ่ายฟื้น เนื่องเพราะพันธะครองคู่ที่เธอบอกคือการขีดวาดตราสัญลักษณ์ประจำคู่ลงบนพื้นดิน มิใช่การเอาเลือดเป็นน้ำหมึกอย่างที่เจ้าตัวกระทำ ทว่าคนโดนว่ากลับไม่ได้สนใจหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย โนอาร์ค่อยลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตาหาร่างยักษ์ของปีศาจ ซึ่งก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนมองอยู่ตรงริมประตู และขณะนี้เขาอยู่ในห้องนอนของบ้านพักกลางป่า

    “จากไหนไม่สำคัญ แค่เอทอสกลับมาก็พอ”

    เสียงเรียบเรื่อยกล่าวตอบพลางจ้องไปยังร่างยักษ์ตรงประตู แทนที่จะเป็นหญิงสาวผู้ถามไถ่ เช่นนั้นฟอเรสก็พอรู้ว่าเธอกำลังกลายเป็นส่วนเกินหมดประโยชน์ หญิงสาวจึงหันไปคุยกับหลานชายแทน โดยไม่คิดถามย้ำเซ้าซี้ให้มากความ เพราะอย่างน้อยหลานทั้งคู่ก็ปลอดภัยดี

    “เจ้าล่ะเอทอส จากนี้จะทำยังไงต่อ อยู่ในสภาพนี้คงกลับไปในสังคมมนุษย์ไม่ได้อีก”

    ฟอเรสว่าพลางมองร่างหลานชายในรูปลักษณ์ปีศาจกินวิญญาณเต็มวัย ที่แท้จริงเป็นเพียงวิญญาณสิงกายเนื้อเก่า ส่งผลให้ไม่ต้องกินอาหารหรือวิญญาณก็สามารถอยู่ได้เรื่อย ๆ ตราบที่คู่ครองยังมีชีวิตอยู่ ทว่านั่นก็หมายรวมถึงจะไร้ทุกพลังที่เคยมีเช่นกัน ทั้งเปลวเพลิงสีนิล คำสาป หรือแม้แต่การแปลงกายเป็นมนุษย์
    
    “ข้า...”
     “….”

    ดูเหมือนความเงียบจะเป็นคำตอบของหลานชาย เท่านั้นฟอเรสก็พอคาดเดาได้ทันที เอทอสคงไม่รู้เรื่องที่ว่าตนจะถูกพันธะของคู่เรียกกลับมา จึงยังไม่ได้วางแผนเตรียมการใด หญิงสาวจึงตัดสินใจมอบของขวัญหนึ่งให้ต้อนรับชีวิตใหม่

    “มานี่สิหลานข้า” คำเรียกจากผู้มีพระคุณ ทำให้เอทอสยอมเดินเข้าหาอย่างง่ายดาย ซึ่งเมื่อร่างยักษ์สูงใหญ่ยืนอยู่เบื้องหน้า ฝ่ามือบอบบางของหญิงสาวก็วางแตะบนไหล่หนาของหลานชาย
    “สายลมจงพัดหักเหผันแปรรูปลักษณ์ จากนี้และตลอดกาลจนกว่าจะเปลี่ยนคำ ร่างปีศาจจงเป็นเพียงโฉมมนุษย์อันคุ้นชิน”

    สิ้นบทร่ายคำสาป สายลมเย็นและกลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ พลันหลั่งไหลเข้าโอบล้อมหมุนวนกลืนร่างยักษ์ใหญ่ทะมึน กรงเล็บนิลคมกริบเริ่มลดกลายเป็นฝ่ามือหนาธรรมดา เช่นเดียวกับใบหูยาวแหลมดั่งเอลฟ์ที่หดคืนสู่แบบปกติ ผิวกร้านสีน้ำตาลแดงเป็นผิวสีแทนเด่นเร่าร้อน พร้อมส่วนสูงและขนาดตัวที่ปรับให้กลมกลืนไม่สูงใหญ่ผิดมนุษย์ และดวงตาสีแดงเลือดนกที่ส่องประกายทองกลับเป็นนัยน์ตาดุสีอำพันเหมือนก่อน

    “ท่านฟอเรส!” ร่างสูงใหญ่ผิวแทนรีบประคองรับร่างหญิงสาวที่คล้ายทรุดล้มอย่างเหนื่อยหอบ
    “ฮะ... ไม่ได้ร่ายคำสาปนานก็เป็นเช่นนี้แหละ สักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” หญิงสาวกล่าวบอก ก่อนจะกลับมายืนทรงตัวด้วยตัวเอง และหันมองหลานชายในรูปลักษณ์ชายหนุ่มแข็งแรง
    “เท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องอยู่ในสังคมมนุษย์ ถือว่าเป็นของรับขวัญจากข้าแล้วกัน”
    “แต่ท่านจะถูกคำสาปดูดพลัง-”
    “อย่าเอาข้าไปเปรียบกับปีศาจอายุไม่ถึงครึ่งร้อยเช่นเจ้าเอทอส พลังข้ามีเหลือเฟือและกว่าจะรู้สึกอ่อนแรง เจ้ากับหลานสะใภ้คงกลายเป็นวิญญาณเร่ไปนานแล้ว” ฟอเรสเอ่ยขัดเพราะรู้ว่าหลานชายจะทักท้วงอะไร ก่อนจะแสร้งเอ่ยคำเพื่อไม่ให้หลานชายรู้สึกผิด
    “คิดว่าข้าใจดีช่วยเจ้าฟรี ๆ หรือไงเอทอส สวนรฦกวัลย์ของอนันต์เจ้าต้องดูแลต่อใช้หนี้บุญคุณข้า ตกลงไหม”
    “…ครับถ้าท่านต้องการเช่นนั้น ข้าจะคอยดูแลสวนรฦกวัลย์ให้สมดั่งที่พวกท่านไว้ใจ”

    เอทอสจำยอมรับข้อเสนอ แม้ในใจจะรู้สึกว่าการตอบแทนเท่านี้มันไม่มากพอเมื่อเทียบกลับสิ่งที่ผู้มีพระคุณเมตตาเขาก็ตาม ซึ่งหลังจบเรื่องราวหญิงสาวผู้หมดหน้าที่จึงลากลับจากบ้านไม้กลางป่า เพราะอยากเปิดโอกาสให้หลานชายและหลานสะใภ้มีโอกาสพูดคุย

    “ทำแบบนี้ทำไม ถ้าเจ้าพลาดก็เท่ากับตาย รู้ตัวไหม” เสียงทุ้มหนักเอ่ยตำหนิมนุษย์ทันที เมื่อบ้านทั้งหลังเหลือเพียงเขาและมนุษย์
    “ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมเป็นคนโลภเอทอส แค่ได้คุยแต่ไม่สามารถแตะต้อง มันไม่พอสำหรับผมหรอก”

    เสียงเรียบเรื่อยว่าอย่างลุแก่โทษ พลางมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งพร้อมรับผิดแต่โดยดี เอทอสยืนจ้องโนอาร์ด้วยความเคืองโกรธระคนเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนต่อมาจะถอนหายใจและยอมนั่งตรงขอบเตียง ฝ่ามือหนายื่นวางลงบนกลุ่มผมสีดำขลับแล้วลูบปลอบอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นสัญญาณให้อภัย เช่นนั้นมนุษย์ถึงพลันโผเข้ากอดปีศาจ ใบหน้าขาวซุกซบแผงอกกว้างเปลือยเปล่าอย่างคิดถึงแม้จะพรากจากกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่าภายใต้แผ่นอกแกร่งนั้นกลับเงียบงันไร้เสียงหนักแน่นของหัวใจเต้นขยับ สิ่งที่สัมผัสรับรู้ราวกับเป็นอนุสรณ์ คอยย้ำเตือนความจริงว่าเขาไม่อาจรักษาชีวิตเอทอสได้อย่างที่เคยให้สัญญา แต่ถึงกระนั้น ขอเพียงผลลัพธ์สุดท้ายเป็นเขาและเอทอสได้อยู่เคียงข้างกัน มนุษย์ผู้หลงรักปีศาจกินวิญญาณสุดหัวใจก็ไม่คิดร้องขอปาฏิหาริย์อื่นใดอีกแล้ว



    หลังผ่านก้าวพ้นวิกฤตโชคชะตา เกมกระดานแห่งความตายที่ปล่อยค้างคาก็ถึงคราวต้องรุกฆาตปิดฉาก ณ ห้องผ่าตัดแห่งหนึ่งที่มีเตียงผู้ป่วยสองเตียงขนาบข้างพร้อมสำหรับการปลูกถ่ายหัวใจ โดยด้านหนึ่งคือหญิงสาวหลับสนิท ทว่าอีกเตียงกลับเป็นชายหนุ่มที่ยังมีสติรู้ตัวครบถ้วนถูกจับขึงตึงไม่ให้ลุกหนี ซึ่งวรรษรู้ชะตาตั้งแต่ได้ยินแว่วเสียงพลุฉลองปีใหม่ และถัดจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์เขาก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้โดยตัวการเรื่องทั้งหมด ซึ่งกำลังยืนจ้องเขาอยู่ในตอนนี้

    “อื้ออออออ!!!!” คนถูกขึงพลันร้องลั่นผ่านผ้าปิดปากที่รัดแน่น เมื่อชายผู้มีนัยน์ตารัตติกาลควงมีดผ่าตัดคมกริบเล่น ก่อนใช้แทงปักเข้าที่ท่อนแขนคนบนเตียงอย่างจัง
    “รู้ไหมว่ารอเวลานี้มานานแค่ไหน” โนอาร์เอ่ยพลางหมุนข้อมือเพื่อให้ใบมีดคว้านเนื้อจนหยาดเลือดทะลักไหลหยดจากเตียงลงสู่พื้นกระเบื้องเย็นเยียบ
    “เสียดาย หมอค่อนข้างยุ่งมีอีกหลายคิวรออยู่เลยมีเวลาคุยไม่มาก แต่มั่นใจได้ว่าทุกอวัยวะจะได้นำไปใช้ประโยชน์ไถ่บาปอย่างสูงสุด โดยเฉพาะหัวใจ”

    เสียงเรียบนิ่งสุขุมกล่าว ขณะที่หมอหนุ่มเริ่มลงใบมีดกรีดเปิดช่องอกโดยไร้ซึ่งยาชาหรือยาบรรเทาใด ร่างขึงตึงพลันดิ้นร้องเทรมานแสนสาหัสเมื่อกำลังถูกชำแหละร่างทั้งเป็น ทว่าคนเฝ้ามองกลับเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมหยิบหลอดแก้วบรรจุน้ำใสที่วรรษรู้ดีว่าคืออะไร มาราดรดลงบนหน้าผากเขา

    “อย่าคิดว่าถ้าตายแล้วทุกอย่างจะจบ ยังอยู่ด้วยกันอีกนาน” นัยน์ตารัตติกาลมองสบดวงตาชายหนุ่มที่บัดนี้มีหยาดน้ำใสไหลรินเงียบงัน หมดสิ้นเรี่ยวแรงต่อต้าน เนื่องจากอวัยวะสูบฉีดเลือดกำลังถูกขวักออกจากอก
    “…”
    “อยากดูให้ถึงวินาทีสุดท้าย แต่คงต้องกลับก่อนเพราะมีนัดสำคัญ ตามมาก็แล้วกัน”

    ชายเลือดเย็นเอ่ยพลางแกว่งหลอดแก้วในมือแล้วจึงเดินออกจากห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่าร่างบนเตียงคล้ายเลื่อนลอยไม่ตอบรับสิ่งใดอีกแล้ว พร้อมกับกดรับโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋าไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่

    [อยู่ไหน?] เสียงทุ้มเจือความหงุดหงิดเอ่ยถามทันที เหตุเพราะโนอาร์คะยั้นคะยอขอให้เขาหาวันหยุด แต่พอถึงวันกลับหายตัวไม่เห็นเงาตั้งแต่เช้า
    “ผมมาจัดการธุระครับ แล้วก็มาเช็กหนังเข้าโรง เหมือนมีเรื่องหนึ่งน่าสนใจ...” เสียงเรียบเรื่อยว่าพลางหยิบตั๋วหนังที่นั่งแบบโซฟาสวีทขึ้นมาชม พลางระบายยิ้มมุมปากเอ่ยชวนปลายสาย
   “เอทอส เรามาเดตฉลองปีใหม่กันไหม”

 

END


บทสุดท้าย สมบูรณ์





ถึงคนอ่าน


   จบแล้วครับ^^ คนอ่านประทับใจไม่ประทัยใจตรงไหนบาง หรือรอจบแล้วมาอ่านรวดเดียวฝากคอมเมนท์เป็นอนุสรณ์ให้คคนเขียนได้นะครับ


    :-[ ต่อมาเป็นการตอบคำถามเรื่องพลังกึงวิญญาณออกจากร่างของเอทอสนะครับ เอทอสเสียพลังนี้ไปพร้อมความทรงจำในคืนที่รู้ความจริงว่าตัวเองกินพ่อปม่เข้าไปครับ ซึ่งเป็นเนื้อในบทที่32 เอทอส


   ระหว่างเขียนตอนนี้คนอ่านหลายท่านก็มาคอมเมนท์นิยายมากขึ้น  ๆ คนเขียนทั้งดีใจทั้งรีบเขียนบทนี้ให้คนอ่านได้อ่านเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ แต่ทำไมบทจบมันยามแล้วเนื้อหาก็เยอะมากเกินกว่าที่คนเขียนคิด ในตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องเลยดูรวบรัดกระชับหน่อยนะครับ (คนเขียนอยากอธิบายมุมของมังกรกับหยกที่ได้เปลี่ยนหัวใจด้วย แต่คนเขียนตาลายแล้ว 5555  :katai4: )


   อันนี้เป็นการสปอยล์กึ่งเปิดเรื่องใหม่นะครับ จากเรื่องของเอทอสโนอาร์ มีตัวละครที่จะมีเรื่องแยกประจำของตัวเองทั้งหมด 4 คู่ครับ
   1. คู่แรกคือดรีมเด็กกำพร้าที่เปรียบเสมือนพี่ชายของโนอาร์ แต่ตายไปเมื่อสมัยอยู่ม.ปลายเพราะถูกเพื่อนแกล้ง กับเพื่อนสมัยเด็กของเขาที่สำนึกผิด จะเป็นเรื่องถัดไปที่คนเขียนจะเขียนครับ
   2. ภาคินที่กลายเป็นวิญญาณอาฆาตแค้น กับจินที่จ้องจะจับภาคินขายทำเงินแต่ไม่มีใครซื้อ สุดท้ายเลยต้องอยู่ด้วยกันและคอยระวังไม่ให้โนอาร์รู้ว่าภาคินยังอยู่ จะเป็นเรื่องถัดมาครับ
   3. คนที่จะมารับช่วงเป็นนายใหญ่สวนรฦกวัลย์ต่อจากเอทอสคือนาวาที่โตเป็นผู้ใหญ่ครับ (เป็นเหตุว่าทำไมนาวาถึงดูมีบทบาทนักทั้งที่ไม่จำเป็นเท่าไร) โดยคู่ในอนาคตของนาวาคือพ่อหม้ายหนุ่มที่ต้องคอยดูแลลูกน้อยครับ
   4. ปีศาจหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่เฝ้ารอคู่ครองมาเนินนาน แต่คู่ของเขากลับไปเกิดใหม่เป็นน้องชายคนเล็กของตระกูลนักล่าปีศาจเก่าแก่ครับ

   โดย 4 เรื่องนี้จะไม่ได้มีเนื้อหารุนแรงเหมือนอย่างเอทอสโนอาร์นะครับ


   และก็ถึงจะจบแล้วคนเขียนจะมาเขียนบทเสริม/บทพิเศษของเอทอสโนอาร์ให้สัก 1-3 ตอนนะครับ หรืออาจะมีเรื่อย ๆ นานทีตามความคิดถึงของคนเขียน5555 และเรื่องนี้รวมถึงนิยายเรื่องอื่น ๆ ของคนเขียนจะไม่มีรูปเล่มหรือE-book นะครับ (ส่วนปกสวย ๆ นี่ก็เพื่อสนองความต้องการคนเขียบนเท่านั้นครับ 5555) แต่หลังจากนี้ไปคนเขียนก็ไม่มีการล็อกตอนติดเหรียญเช่นกันครับ ให้คนอ่านกลับมาอ่านได้เรื่อย ๆ


   สุดท้าย บทเสริมความจริง หากคนอ่านรู้สึกว่าทำไมจำนวนข้อมันแหว่ง ๆ ตอนนี้ไม่แหว่งแล้วนะครับ รวมเป็น 100 ข้อ(เอทอส 50, โนอาร์ 50) โดย 4 ข้อท้ายของแต่ละคนจะเป็นอะไรคนอ่านสามารถอ่านได้เลยครับ (มีเฉลยด้วยว่าโนอาร์ไปเอาพิธีพันธะครองคู่แบบอันตรายนั้นมาจากไหน)



   สุดท้ายของสุดท้ายจริงเรื่องนิยายคนเขียนเขียนตอนอยู่ปี 2 และตอนนี้คนเขียนเรียบจบปี4แล้ว ใช้เวลาเกือบ ๆ 2ปีในการพาเอทอสโนอาร์จากจุดเริ่มต้นบทนำมาถึงจุดจบ คนเขียนขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่อยู่ตลอดและผ่านมาด้วยนะครับ ขอบคุณนะครับ^^ และจากนี้คนอ่านที่ผ่านมาก็มาอ่านทิ้งคอมเมนท์ได้นะครับ 5555



ป.ล. หากคนอ่านเล่นทวิตเตอร์ มาเล่น #Hฆาตกรรม ได้นะครับ^^  คนเขียนเพิ่งลงนิยายใน thaiboysmos ครั้งแรก เวลาเขียนนิยายจบแล้วให้พิมพ์คำว่า จบแล้ว ตรงหัวกระทู้แค่นี้หรือเปล่าครับ หรือต้องทำอะไรเพิ่มไหมครับ?



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2021 17:22:38 โดย biOmos »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอบคุณที่เขียนนิยานให้อ่านครับ จบได้เป็นนักฆ่าจิงๆ

ออฟไลน์ FleurDelakour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จบได้สมกับเป็นโนอาห์จริงๆ แต่เราก็คิดว่าช่วงท้ายๆ มันดูรวบผิดวิสัยคนเขียนไปจริงๆ นะ 555

รอคอยคู่อื่นๆ ในจักรวาลนะ เดี๋ยวขอไปอ่านตอนพิเศษก่อน เว้นไว้เพราะกลัวสปอยล์

ขอบคุณคนเขียนมากจริงๆ สำหรับนิยายอีกเรื่องที่จะเข้ามาเป็นความทรงจำดีๆ ของเรา

ปล. เราทวิตเพิ่มไปด้วย อย่าลืมเข้าไปคุยกันต่อในนั้นได้ครับ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :pig4: :L2:
ทั้งสยอง ทั้งสั่นประสาท ทั้งลุ้นระทึก สนุกมากค่ะ รออ่านเรื่องของบาร์เทนเดอร์อยู่นะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ออฟไลน์ Kimmiku

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นิยายสนุกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ รออ่านผลงานเรื่องต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ psyche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านไปก็ลุ้นไป เรากลัวฉากฆาตกรรม​มาก
เนื้อเรื่อง ภาษา เราว่าดี โนอาร์โหดมากกก
รอเรื่องต่อๆไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

(บทพิเศษ คือบทที่ว่าด้วยเรื่องราวหลังจากบทหลักจบลงแล้ว ซึ่งบทนี้กล่าวถึงช่วงเวลาเที่ยวพักผ่อนแบบครอบครัวเอทอสโนอาร์ ณ รีสอร์ตติดทะเล ตามคำเชิญจากฟอเรสและอนันต์)



    “อืม... คุณน่าจะบอกว่าชอบชุดว่ายน้ำ ไม่อย่างนั้นผมคงใส่ให้คุณดูนานแล้ว.. อาาา...ใจเย็นก่อน..คะ..คุณ”

     ชายเลือดเย็นเอ่ยกับร่างสูงใหญ่ด้วยน้ำเสียงติดพร่า ยามถูกปีศาจประกบเบียดแนบชิดพร้อมสองมือใหญ่หยาบโลนเข้าคลึงลูบไล้ตามเรือนร่างขาว โดยก่อนเรื่องราวจะมาลงเอยเช่นนี้ คู่รักปีศาจและมนุษย์เพียงเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมไปชายหาดตามความต้องการของฟอเรส ทว่าหลังโนอาร์แต่งตัวเรียบร้อยด้วยกางเกงครึ่งเข่าสีน้ำเงินเข้ม ส่วนบนเป็นเสื้อฮาวายสีขาวเนื้อบางไม่ติดกระดุม เมื่อนั้นเขากลับถูกนัยน์ตาสีอำพันดุจ้องนิ่ง ไม่นานเอทอสในร่างชายผิวแทนกำยำที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำสีดำท่อนบนเปลือยเปล่า ก็พลันพุ่งเข้าหาคู่ครองพร้อมดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดซุกไซ้
    การกระทำอุกอาจสร้างความปั่นป่วนให้หัวใจน้ำแข็งเต้นระส่ำ ดวงตารัตติกาลพลันทอประกายเปี่ยมสุขต่อสัมผัสจากปีศาจ พลางค่อย ๆ ถอยพาเอทอสที่เข้าโหมดสัตว์ป่ากระหายเป็นที่เรียบร้อยไปยังเตียงกว้าง ไม่คิดสนใจหนึ่งปีศาจสาวและหนึ่งวิญญาณหนุ่มที่กำลังรออยู่ด้านนอก เพราะสำหรับโนอาร์แล้วแน่นอนว่า ความต้องการของเอทอสย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ

    “แกร๊ก!” ทว่าเสียงปลดล็อกของบางสิ่ง กลับทำลายภาพฝันของชายเลือดเย็นลงไม่เหลือ
    “มาเที่ยวพักผ่อนจะพกของแบบนี้ไปทำไม”

    เสียงทุ้มหนักว่าพลางผละจากโนอาร์พร้อมเข็มขัดอาวุธเจ้าปัญหาที่มนุษย์ขยันเอาติดตัวไปทุกที่ ไม่เว้นแม้จะไปลงเล่นน้ำทะเล ซึ่งนั่นทำให้ชายเลือดเย็นที่กำลังเคลิบเคลิ้มพลันคืนสติโดยพลันว่าเสียรู้ให้ปีศาจมากเล่ห์อีกแล้ว

    “คุณ!” มนุษย์ว่าพลางเข้าไปยื้อหมายเอาเข็มขัด ทว่าเอทอสกลับชูสูงจนคู่ครองที่ปีนเกาะร่างเขาเป็นลิงเอื้อมไม่ถึง ก่อนโยนของก่อเรื่องไปบนหลังตู้เสื้อผ้าตัดปัญหา
    “เลิกทำตัวไร้สาระสักทีโนอาร์ ท่านอนันต์กับท่านฟอเรสคอยอยู่”

    นัยน์ตาสีอำพันดุแฝงความระอายืนมองมนุษย์พยายามหยิบเข็มขัดบนหลังตู้สูงเกือบชิดเพดาน ที่ส่วนสูง 186 ของโนอาร์ก็ไม่อาจช่วยอะไร และดูเหมือนอีกฝ่ายจะไร้แววย่อท้อ เช่นนั้นร่างสูงใหญ่จึงจำงัดไพ่ตายที่เพิ่งค้นพบไม่นานนี้ขึ้นมาใช้

    “ไปได้แล้ว... เมียข้า”
    “กึก!”

    เพียงเสียงทุ้มหนักเอ่ยสถานะ มนุษย์ก็พลันนิ่งค้างพร้อมหลังใบหูเริ่มขึ้นสีเจือจาง คำเรียกที่ได้ยินเฉพาะช่วงเวลาอย่างว่าพาจิตใจเยือกแข็งจินตนาการลอยล่องไปถึงไหนต่อไหน เอทอสที่เห็นทีท่าตามคาดการณ์จึงเข้าไปคว้ามือจูงออกจากห้อง ซึ่งก็พบผู้มีพระคุณกำลังนั่งคอยอยู่

    “ทำอะไรกันตั้งนาน เสียงดังมาถึงข้างนอก” สาวสวยในชุดว่ายน้ำเอ่ยถาม ขณะที่นัยน์ตามรกตมองสลับระหว่างหลานชายและหลานสะใภ้อย่างจับผิด
    “ขอโทษครับ พอดีเมียข้- ...พอดีคู่ครองข้ามีปัญหานิดหน่อย” เอทอสชะงักเล็กน้อยเมื่อเผลอหลุดคำติดปาก ก่อนจะรีบแก้ตามหลัง
    “จะเรียกอะไรก็เรียก เมื่อคืนทั้งข้ากับอนันต์ได้ยินพวกเจ้าโหยหวนจนในหัวเห็นครบทุกท่าแล้ว คืนนี้ก็ตามสบายข้ากับอนันต์จะย้ายไปพักบ้านข้าง ๆ เอง”

    ว่าเสร็จหญิงสาวก็ลุกจากโซฟาเดินนำไปทางประตู โดยมีอดีตปีศาจกินวิญญาณกับมนุษย์เดินตามเงียบ ๆ และครานี้ไม่ใช่มนุษย์เพียงผู้เดียวที่ใบหูขึ้นสี


    “ให้ผมช่วยถือไหม”

    น้ำเสียงเรียบเรื่อยถามร่างสูงใหญ่ข้างกาย ผู้รับหน้าที่ถือร่มปักชายหาด เสื่อ และข้าวของอื่น ๆ เพียงคนเดียว โดยแท้จริงสิ่งเหล่านี้ทางรีสอร์ตได้จัดเตรียมสถานที่ริมหาดไว้รองรับเรียบร้อย แต่เพราะฟอเรสเห็นว่ามันดูสงบเกินไปจึงออกความเห็นให้ย้ายไปที่ที่ครึกครื้นกว่านี้ แน่นอนว่าคำพูดของหญิงสาวผมเขียวสลวยถือเป็นที่สุด หลานชายอย่างเอทอสก็ต้องว่าตามนั้น โนอาร์ที่ว่าจะค้านเพราะปีศาจของเขาชอบความสงบก็จำต้องเลยตามเลยไปโดยปริยาย

    “คุณ ดื่มน้ำมะพร้าวสักหน่อยจะได้สดชื่น”

    โนอาร์ที่จู่ ๆ หายไปจากกลุ่ม กลับมาพร้อมมะพร้าวที่ถูกเฉาะเปิดใส่หลอดพร้อมดื่ม ยื่นส่งให้ร่างกำยำที่เพิ่งปูเสื่อปักร่มเสร็จ โดยหลังเอทอสรับไป มนุษย์ก็เปลี่ยนเป็นช่วยพัดคลายร้อนปรนนิบัติดุจปีศาจผู้เป็นที่รักคือราชา นัยน์ตารัตติกาลรักใคร่ชื่นชมไม่ปิดบังนั้น สวนทางกับนัยน์ตาสีอำพันดุนิ่งเฉยราวกับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกพิเศษอะไร กลับดูช่างน่าหมั่นไส้ในสายตามรกตเสียจนปีศาจสาวต้องเอ่ยทักหลานสะใภ้ขัดบรรยากาศ

    “ซื้อมาจากไหนหรือหลานสะใภ้ พาข้าไปหน่อยสิ ข้าอยากกินบ้าง” ฟอเรสว่าพลางลุกยืน โนอาร์ที่เห็นดังนั้นจึงหันไปบอกเอทอสเล็กน้อยและเดินนำไป
    “อยากคุยอะไรกับผม” น้ำเสียงเย็นชาผิดกับยามพูดกับปีศาจสุดที่รัก เอ่ยถามหญิงสาวทันทีที่ทิ้งห่างจากบริเวณจุดนั่งพักพอสมควร
    “เวลาหลานข้าอยู่กับเจ้า เป็นแบบนี้ตลอดเลยสินะ”
    “แบบไหน?” เรียวคิ้วเหนือนัยน์ตารัตติกาลพลันขมวดมุ่น
    “ก็ท่าทางทำเข้มวางมาดนั่นไง ข้าเห็นแล้วหมั่นไส้อยากกะเทาะเปลือกให้ธาตุแท้เจ้าหลานขี้เก็กนั่นออกมาจริง ๆ” หญิงสาวก้าวไว ๆ นำหน้า ก่อนจะหันกลับมาจ้องหลานสะใภ้ด้วยแววตามรกตประกายวาว กลับยิ่งทำให้โนอาร์คิ้วขมวดไม่ไว้ใจ
    “…คิดจะทำอะไร-”
    “ข้ารู้ว่าเจ้ารักหลานข้ามาก และคงอยากรู้จักทุกด้านของหลานข้า.. แต่เจ้ามั่นใจเหรอว่าอดีตที่รู้ผ่านฝันนั่นคือทั้งหมด” ไม่ทันที่ชายเลือดเย็นจะได้รีดเค้นคัดค้าน กลับถูกถ้อยคำถัดมาสั่นคลอนหัวใจน้ำแข็งจนเริ่มไหวเอน
    “ไม่อยากเห็นหรือไง นิสัยเด็ก ๆ ของสามีเจ้าน่ะ”
    “…”
    “…”

    แม้ไม่ได้เอื้อนเอ่ย ทว่าร่างกายกลับฝืนการควบคุมกดใบหน้าลงเล็กน้อยคล้ายพยักตอบ ฉับพลันสายลมอ่อนนำพากลิ่นดอกไม้ไร้ที่มาก็เข้าพัดโอบล้อมทั่วบริเวณ พร้อมรอยยิ้มยากคาดเดาของหญิงสาว

    “…ดี ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ผิดหวังเลย”



    “โนอาร์ล่ะครับ ท่านฟอเรส” เอทอสเอ่ยถามเมื่อเห็นผู้มีพระคุณกลับมาเพียงลำพัง
    “เห็นว่าอยากโต้คลื่นให้เจ้าชม... นั่นไง เล่นอยู่โน้น”

    หญิงสาวจิบน้ำมะพร้าวพลางหันไปทางทะเล นัยน์ตาสีอำพันดุจึงมองตามและก็พบโนอาร์ยืนอยู่บนเซิร์ฟบอร์ดโต้ฉวัดเฉวียนไปตามเกลียวคลื่น ซึ่งไม่รู้อะไรดลใจว่าการโชว์โต้คลื่นจะทำให้เขาประทับใจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายามเขาได้เห็นโนอาร์ทำเรื่องสนุก ๆ อย่างมนุษย์ปกติสามัญ หัวใจกลางอกที่หยุดเต้นไปนานแล้วก็คล้ายกำลังพองโตเปี่ยมสุข

    “แปลก... พวกมนุษย์ต่างสนใจคู่ครองเจ้าน่าดู แต่ปีศาจหวงของแถวนี้กลับนั่งยิ้ม ไม่ยักเป็นเดือดเป็นร้อน” ฟอเรสแสร้งเอ่ยขัดหลานชายที่ผุดยิ้มเล็กน้อยระหว่างดูหลานสะใภ้กลางทะเล และเพียงครู่ก็ได้คำตอบจากเจ้าตัว โดยนัยน์ตาสีอำพันดุมิได้ละจากการเฝ้าชมคู่ครอง
    “โนอาร์มองข้าเพียงผู้เดียว”
    “ชิ! หลงตัวเอง…”
   “…”
    “หืม?.. ไหนว่ามองเพียงเจ้าผู้เดียว ไม่เห็นเหมือนอย่างที่โวไว้เลยหนิ”

    หญิงสาวได้ทีเกทับหลานชาย เพราะขณะที่คนตกเป็นหัวข้อกลับขึ้นฝั่งและกำลังเดินมา ผู้คนริมหาดต่างเข้าล้อมรุมชื่นชม มีบ้างขอถ่ายรูป แต่บางคนก็ล้ำเส้นถึงขั้นกอดแขนสัมผัสตัว ทว่าชายเลือดเย็นแสนเย่อหยิ่งครานี้กลับทำตัวผิดแผก ยอมปล่อยให้คนอื่นถูกเนื้อต้องตัวตามใจ มิหนำซ้ำยังโต้ตอบคุยหยอกสนุกสนาน และแน่นอนว่าทุกการกระทำนั้นถึงกับทำให้ร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของตัวจริงขมวดคิ้วแน่น ห้วงอารมณ์สุขผันแปรเป็นความเดือดพล่านทันใด ความหงุดหงิดไม่ชอบใจพลันปะทุผ่านนัยน์ตาอำพันดุที่เข้มขึ้นอย่างเหลืออด

    “พรึบ!”
    “อ้าว? จะไปไหนของเจ้าน่ะ เอทอส”

    ฟอเรสแสร้งถามหลานชายที่จู่ ๆ ก็ลุกจากเสื่อมุ่งตรงไปหาคู่ครองที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน ก่อนจะลอบหัวเราะคิกคักตามหลัง อนันต์ที่เฝ้ามองอยู่ตลอดก็ได้แต่ส่ายหน้าระอาต่อนิสัยชอบแหย่หลานของคนรัก


     ร่างสูงใหญ่แผ่ไอบรรยากาศหงุดหงิด นัยน์ตาอำพันดุวาวเข้มจ้องต้นตอที่ยังเล่นหยอกล้อไม่รู้สึกรู้สา ทว่าเมื่อเข้าใกล้ กลิ่นหอมอ่อนคล้ายดอกไม้เจือในอากาศกลับหยุดฝีเท้าหนัก ฉับพลันความคิดในหัวเอทอสเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวความผิดแปลกเข้าด้วยกัน จนได้ผลสรุปในวินาทีถัดมาว่าโนอาร์รวมถึงมนุษย์ทั่วทั้งชายหาดได้ตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของปีศาจวายุพฤกษา ผู้กำลังนั่งจิบน้ำมะพร้าวใต้ร่ม และเหตุผลย่อมเป็นอื่นไม่ได้นอกจากผู้มีพระคุณแค่อยากปั่นหัวเขาแก้เบื่อ

    “คุณเห็นผมใช่ไหม ชอบหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยช่วยให้เอทอสหลุดจากภวังค์ ก่อนพบว่าโนอาร์ที่เคยถูกฝูงชนรายล้อม ขณะนี้ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว
    “ไม่”
    “ยี้!! กล้าพูดตัวเองทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
    “จะทำได้ยังไง ตัวยังกับยักษ์แค่ยืนบนบอร์ดไม่ให้จมก็หรูแล้ว”
    “คุณโนอาร์อย่าบอกนะหมอนี่คือคนที่คุณพูดถึง เฮ้อ... ไม่น่าตกหลุมรักคนแข็งกระด้างแบบนี้ แถมยังชอบดึงหน้าอีก ไม่รู้จะเก๊กไปไหน”

    หลังสิ้นคำตอบ กลุ่มคนผู้ชมชอบโนอาร์ต่างส่งเสียงโห่ไม่พอใจพร้อมร่วมใจกันต่อว่าร่างสูงใหญ่ ส่งผลให้เอทอสรู้สึกเหมือนเขาเองเป็นตัวร้ายรังแกคนรัก ยังไม่นับรวมบางคำพูดที่ถึงกับทำให้คิ้วหนากระตุก แต่จะว่ามนุษย์พวกนี้ก็ไม่ได้ เพราะความคิดเหน็บแนมพวกนั้นต้องมาจากตัวการอย่างท่านฟอเรสเป็นแน่แท้

    “เอทอส... คุณไม่น่ายึดเข็มขัดผมเลย” เสียงเรียบเรื่อยกล่าวอย่างยิ้มแย้มเพราะต้องมนตร์ ทว่าเนื้อความกลับบ่งบอกชัดว่า ถึงจะเป็นมนตร์สะกดของปีศาจแกร่งกล้า ก็มิอาจครอบงำตัวตนใครบางคนได้อย่างสมบูรณ์
    “หมับ!”

    เอทอสรีบคว้าแขนโนอาร์ก่อนจูงกึงลากออกจากกลุ่มคนโดยไว เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเมื่อนัยน์ตารัตติกาลเริ่มแฝงความเยียบเย็นอันตราย ปีศาจพามนุษย์เดินมาเรื่อย ๆ แต่เพราะผลของมนตร์ทำให้ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด ก็จะมีพวกมนุษย์จับจ้องเข้าหาอยู่เสมอ กระทั่งท้ายสุดร่างสูงใหญ่ก็พบสถานที่ปลอดภัย

    “คุณปวดท้องเหรอ เอทอส?” โนอาร์ถามปีศาจข้างกายพลางเลิกคิ้วฉงน เพราะยามนี้พวกเขายืนอยู่หน้าห้องน้ำสาธารณะ ทว่าปีศาจกลับตอบปัด
     “อาบน้ำล้างเกลือซะ โต้คงโต้คลื่นไม่ต้องเล่น”
    “...แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยน ล้างตัวแล้วใส่ชุดชื้น ๆ นั่งตากลมทะเลมันค่อนข้าง-”
    “เดี๋ยวข้าหาชุดใหม่ให้ เข้าไปได้แล้ว”

    ร่างสูงใหญ่เอ่ยพลางดันหลังโนอาร์เข้าห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยเอทอสถึงมายืนกอดอกพิงกำแพงเฝ้า พลางเพ่งนัยน์ตาอำพันดุเขม่นไล่พวกมนุษย์ที่มองและพยายามเข้าหาคู่ครองโจ่งแจ้งแบบไม่ไว้หน้าเขา โชคดีที่ถัดจากห้องน้ำไม่มากเป็นร้านขายเสื้อผ้าริมหาด จึงหมดปัญหาเรื่องชุดใหม่ให้โนอาร์

    “คนขาย! เอาซื้อกับกางเกงผู้ชายไซซ์ L สีลายอะไรก็ได้อย่างละตัว”

    เอทอสตะเบ็งเสียงสั่งเจ้าของร้านเสื้อ โดยไม่คิดขยับออกห่างหน้าห้องน้ำ ไม่นานถุงเสื้อผ้าก็อยู่ในมือปีศาจ เป็นจังหวะเดียวกับที่มนุษย์อาบน้ำเสร็จ เปิดประตูออกมาในสภาพเปียกโชกสวมเกียงกางเกง ปีศาจเห็นเช่นนั้นจึงยื่นถุงเสื้อให้โดยไว้และดันโนอาร์กลับเข้าห้องตามเดิม โดยตลอดเหตุการณ์ไม่มีตาคู่ใดได้ยลโฉมชายเลือดเย็นเลยแม้แต่เศษเสี้ยว เนื่องเพราะโดนร่างสูงใหญ่ยืนบังหมดสิ้น

    หลังเปลี่ยนชุดเรียบร้อย โนอาร์จึงออกจากห้องน้ำอีกครั้ง โดยครานี้อยู่ในชุดเชิ้ตขาวเนื้อบางไม่ติดกระดุมเช่นเคย กับกางเกงขาสั้นสีเทามีลวดลายขาวประปรายตามแบบกางเกงชายหาดทั่วไป
    ทว่าผิวขาวนวลเงาวาวหลังอาบน้ำ ผสานรอนกล้ามเนื้องดงามสมชายสุขภาพดีที่จะเผยยามเสื้อบางสะบัดพลิ้วตามลม เป็นผลให้โนอาร์นั้นราวกับแผ่ออร่าไสวจนใครก็ตามได้เห็นถึงกับตาพร่าไม่เว้นกระทั่งเอทอส ทว่าครู่เดียวปีศาจก็รีบไล่คลามรู้สึกหลงใหลนั้นทิ้งไป ก่อนคว้าแขนลากคู่ครองออกจากบริเวณ

    “อะ!.. คุณ-” จู่ ๆ แขนที่ถูกฝ่ามือใหญ่จูงกึงลาก ก็พลันเปลี่ยนเป็นการดึงเข้าหาจนมนุษย์เสียหลัก
    “หมับ!”
    “เป็นคู่ครองข้าก็สนใจแค่ข้าสิ จะมองใครอื่นทำไม”

    รู้ตัวอีกที ร่างโนอาร์ก็ถูกท่อนแขนแกร่งโอบเอวดึงเข้ามาชิดใกล้ นัยน์ตาเข้มอำพันดุก้มมองพร้อมกล่าวตำหนิอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะแม้เขาจะประกบขนาดนี้โนอาร์ก็ยังไม่วายเล่นหูเล่นตากับพวกมนุษย์ที่เดินผ่าน ก่อนเบนสายตาไปไล่มนุษย์คนอื่นพลางกระชับอ้อมแขนคล้องเอวแน่นขึ้น ราวกับประกาศความเป็นเจ้าของ ซึ่งท่าทางเด่นชัดถึงความหึงหวงนั้น ไม่แปลกเลยที่ความปีติยินดีจะท่วมท้นหัวใจเยือกแข็ง จนแม้นมนตร์สะกดก็ไม่อาจปิดกั้นความสุขอันฉายผ่านนัยน์ตารัตติกาลที่กำลังทอแสงดาวระยับงดงาม

    “ครั้งแรกเลยที่คุณหวงผมแบบนี้”
    “…”

    นัยน์ตาอำพันดุเพียงก้มมองครู่หนึ่งโดยมิได้กล่าวตอบอะไร ก่อนจะพาเดินกลับจุดปักร่มที่สองผู้มีพระคุณพักผ่อนอยู่


(ต่อด้านล่าง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
(ต่อ)


    “ข้าต้องทำเช่นไร.. ท่านถึงยอมคลายมนตร์” เอทอสเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังนั่งรับลมทะเลใต้ร่มอย่างเกรง ๆ ซึ่งคำถามนั้นก็เรียกดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบมองเล็กน้อย
    “เห็นเจ้าหัวหมุนก็สำราญดี แล้วทำไมข้าต้องคลาย”

    ร่างสูงใหญ่ลอบถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อคำตอบที่ได้ไม่ต่างจากที่คาดเดาไว้ พลางหันมองวิญญาณท่านอนันต์ที่นั่งอยู่ข้างหญิงสาวหวังขอความช่วยเหลือ แต่ก็ได้การส่ายหน้าจนใจกลับคืน ท้ายสุดเอทอสที่ทำอะไรไม่ได้จึงเลือกปลีกตัวออกมาเพียงลำพังเพื่อสงบอารมณ์ เพราะหากนั่งใต้ร่มต่อ ทุกการะกระทำของโนอาร์จะมีแต่ให้เขายิ่งหงุดหงิด อีกอย่างถ้าเขาไม่อยู่ในสายตา ท่านฟอเรสอาจรู้สึกเบื่อเร็วขึ้นและคลายมนตร์ไปเอง

    เอทอสที่คล้ายถูกขับไล่กลาย ๆ เดินเตร่ข้างชายหาดอย่างไร้จุดหมาย เคราะดีในร้ายที่มนตร์สะกดพวกมนุษย์ให้มุ่งความสนใจแค่เพียงโนอาร์ เขาจึงไม่มีใครมายุ่มย่ามเกาะแกะชวนรำคาญ ปีศาจมองนู่นมองนี้ฆ่าเวลาไปเรื่อยกระทั่งสายตาสะดุดกับร้านน้ำแห่งหนึ่งสร้างด้วยไม้ไผ่ปักล้อมเป็นคอกสี่เหลี่ยม หลังคามุงหญ้าคาบริเวณชายพลิ้วไหวตามลมทะเล มีเคาน์เตอร์จากแผ่นไม้ยาวเสมือนบาร์นั่งดื่ม และท่อนไม้ใหญ่ปักทรายทำหน้าที่แทนเก้าอี้ ที่สำคัญคือร้านยังสงบเงียบไม่มีลูกค้า ปีศาจไร้ที่ไปเลยไม่รอช้าเดินเข้าร้านจับจองที่นั่ง เตรียมพร้อมสั่งเครื่องดื่ม ทว่าเมื่อสบนัยน์ตาสีน้ำตาลของผู้เป็นเจ้าของสถานที่ ร่างสูงใหญ่ก็พลันชะงักนิ่ง

    “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ แต่ทำเฉพาะม็อกเทลนะครับ ถ้าอยากดื่มอีกอย่างเชิญร้านอื่น” หนุ่มบาร์เทนเดอร์ถามลูกค้าเพียงรายเดียว พลางยิ้มเล็กน้อยและแน่นอนว่านัยน์ตาไม่ได้ยิ้มตามเฉกเช่นเดียวกลับคราก่อน
    “ทำไมมาอยู่ที่นี่”

     เอทอสสวนคำถามกลับ คิ้วหนาบนใบหน้าคมเข้มขมวดแน่นฉายชัดถึงความไม่ไว้ใจ เนื่องจากชายเบื้องหน้าคือปีศาจเจ้าของร้านที่โนอาร์เคยนั่งดื่มช่วงที่ผิดใจกับเขา มิหนำซ้ำยังจงใจปิดบังกลิ่นอายปีศาจของตน ทำให้เขาเผลอเข้ามาในพื้นที่ของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

    “อยู่ที่เดิมมันน่าเบื่อ นาน ๆ ทีก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศ ขนาดเด็กน้อยอย่างคุณยังเบื่อสวนเลยถึงได้ตอบรับคำชวนจากปีศาจวายุพฤกษา แล้วทำไมผมจะมาบ้างไม่ได้” ถึงจะไม่สบอารมณ์ที่ถูกเรียกว่าเด็กน้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อหน้าปีศาจที่อยู่มาหลายร้อยปี เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กจริง ๆ ทว่าสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ ทำไมอีกฝ่ายถึงรู้เหตุผลที่เขาตอบรับคำชวนของท่านฟอเรส
    “รู้ได้ยัง-”
    “ก็เหมือนที่คุณมองเห็นวิญญาณ ผมจะได้ยินเสียงอาหารร่ำร้องก็ไม่เห็นแปลกอะไร”
    “กึก!!”

    เมื่อได้ฟังคำตอบ ร่างสูงใหญ่พลันรีบลุกจากที่นั่งหวังทิ้งระยะห่างเตรียมตั้งหลัก ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมทำตามสั่งราวกับถูกแรงโน้มถ่วงมหาศาลกดล็อกอยู่กับที่ นัยน์ตาอำพันเข้มดุจึงได้แต่จ้องตัวการที่เริ่มผสมเครื่องดื่ม กระทั่งนำมาเสิร์ฟตรงหน้าทั้งที่ยังไม่ได้สั่ง

    “เวอร์จิ้นโมจิโต้ที่คุณอยากดื่ม ไม่ต้องอยากหนี ไม่ต้องอยากสู้ ผมแค่อยากให้ช่วยอะไรนิดหน่อย แล้วจะบอกวิธีคลายมนตร์ครอบงำโนอาร์ให้”
    “ช่วยอะไร?”
    “เด็กผู้ชายตรงนั้น มีกลิ่นอายวิญญาณคล้ายกับของผมไหม”

    หนุ่มบาร์เทนเดอร์ว่าพลางชี้ไปยังมนุษย์วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งกำลังเล่นน้ำทะเลกับกลุ่มเพื่อนสนุกสนาน มิได้มีทีท่าสนใจโนอาร์เหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ ราวกับเด็กกลุ่มนั้นรอดพ้นมนตร์สะกดของท่านฟอเรส และผู้คอยปกป้องพวกเด็กคงเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจากปีศาจเจ้าของร้านเครื่องดื่มนี้

    เอทอสที่เสมือนโดนบังคับมากกว่าขอความช่วยเหลือ ก็ได้แต่หลับตาทำสมาธิพร้อมสูดกลิ่นอายวิญญาณของมนุษย์เป้าหมายแยกออกจากมนุษย์คนอื่น และนำมาเทียบกับกลิ่นอายวิญญาณของปีศาจเจ้าเรื่อง ทว่าสิ่งที่รับรู้กลับทำให้คิ้วหนาที่กำลังขมวดแน่นเผลอเลิกขึ้นแสดงความประหลาดใจ ก่อนนัยน์ตาอำพันดุจะลืมขึ้นแล้วหันกลับไปตอบไขข้อสงสัย

    “มีกลิ่นอายวิญญาณเจือจางของมนุษย์ผู้นั้นผสมรวมกับกลิ่นอายวิญญาณเจ้า พวกเจ้าเป็นคู่-”

    ไม่ทันกล่าวจบ สันกรามที่กำลังพูดกลับถูกพลังปีศาจตรงหน้ากดจนไม่อาจขยับ ไม่ต่างจากการบังคับปิดปาก เอทอสจึงได้แต่จ้องหน้าผู้กระทำ ถึงเพิ่งสังเกตว่านัยน์ตาสีน้ำตาลนิ่งของปีศาจตอนนี้คล้ายกำลังยิ้มยามทอดมองมนุษย์ผู้นั้น ทว่าในสายตาเขารอยยิ้มในดวงตากลับช่างดูเศร้าโศกอ้างว้าง ก่อนครู่ต่อมาอีกฝ่ายจะหันกลับมามองเขาพร้อมนัยน์ตาสีน้ำตาลเรียบนิ่งดังเดิม

    “ขอบคุณที่ยอมทำตามคำขอของผม แต่ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ” หนุ่มบาร์เทนเดอร์พูดพร้อมกล่าวต่อ
    “ปีศาจวายุพฤกษาไม่ชอบคุณ ให้ถูกคือหมั่นไส้ที่คุณวางท่าเหนือคู่ครอง ส่วนคู่ครองคุณก็แสนดีเหลือเกิน ดูแลปรนนิบัติภัคดีแต่คุณเพียงผู้เดียว ไม่เหลียวแลใคร ไม่คิดทำให้คุณเดือดร้อนใจ ทำทุกอย่างเพื่อคุณไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ความรักที่โนอาร์ให้คุณมันบริสุทธิ์มาก มากจนผมไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นคนเดียวกับนักฆ่าเลือดเย็นโรคจิตคนนั้น”
    “…”
    “คุณเป็นสิ่งเดียวในโลกที่โนอาร์ยอมอยู่ใต้โอวาท ไม่ต้องทำขึงขังให้โนอาร์อยู่ในปกครองเพื่อกันไม่ให้ทำเรื่องชั่วช้า …เพียงเล็กน้อย การเอาใจ ออดอ้อนดูแลที่คุณชอบเก็บเป็นไพ่ตาย เอามันออกมาใช้และความปรารถนาอยากคลายมนตร์จะเป็นจริง”

    ร่างสูงใหญ่ได้แต่นิ่งค้างฟังถ้อยคำ ที่ราวกับล่วงรู้ทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ รวมถึงพอจะคาดเดาได้แล้วว่าปีศาจตรงหน้านี้แท้จริงเป็นปีศาจประเภทใด หากว่าปีศาจกินวิญญาณเป็นหนึ่งในประเภทปีศาจที่อันตรายที่สุดแล้ว ปีศาจที่อยู่บนจุดยอดของทุกปีศาจและความอันตรายเป็นอันดับหนึ่งก็คือปีศาจในร่างชายหนุ่มบาร์เทนเดอร์นี้

    “เลิกอยากรู้เรื่องผม แล้วเอาเวลากลับไปหาคู่ครองคุณดีกว่าไหม อายุขัยมนุษย์มันสั้นแล้วยิ่งหายไปครึ่งหนึ่ง ถ้าผมมีโอกาสอีกครั้งจะไม่ยอมให้ทุกวินาทีเสียเปล่าเลย นี่... รอย โรเจอร์ส ไม่มีแอลกอฮอล์หรือยาพิษ รีบเอาไปฝากคู่ครอง ละลายแล้วจะชืดเสียหมด”

    เจ้าของร้านเอ่ยพร้อมยื่นเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้คล้ายต้องการตัดบท เห็นเช่นนั้นเอทอสจึงรับแก้วและกลับไปหาโนอาร์อีกครั้ง ระหว่างทางก็คิดทบทวนคำพูดของหนุ่มบาร์เทนเดอร์สลับจินตนาการภาพโนอาร์ที่คงนั่งเหงามองทะเลเพราะเขาไม่อยู่ และความจริงย่อมเป็นเช่นนั้นแน่ ถ้าหากไม่มีมนตร์ของท่านฟอเรส
    ดังนั้นเมื่อถึงที่หมายนัยน์ตาสีอำพันดุจึงเห็นภาพชวนหงุดหงิดที่โนอาร์ให้เด็กมนุษย์ที่ไหนก็ไม่รู้นอนหนุนตัก ขณะที่เจ้าก็ตัวคุยกับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งคาดว่าคงเป็นพี่ไม่ก็แม่ของเด็กคนนั้น

    “โน-”
    “หมับ!” ไม่ทันเอ่ยเรียก จู่ ๆ เครื่องดื่มที่อุตส่าห์รีบถือมาเพราะกลัวละลายกลับถูกชกไปจากมือ
    “เอามาให้ข้าเหรอหลานรัก ข้ากำลังอยากดื่มอะไรเย็น ๆ สดชื่นพอดี”

    เอทอสถึงกับยืนตะลึงอึ้ง นัยน์ตาอำพันหลุดเบิกกว้างระดับหนึ่ง เมื่อผู้มีพระคุณว่าจบก็ยกแก้วดื่มรวดเดียวจนเหลือเพียงน้ำแข็ง ตบท้ายด้วยการหยิบเชอร์รีตกแต่งไปกินต่อ ส่วนแก้วเปล่าหมดประโยชน์ก็เอากลับมายัดใส่มือเขา

    “อื้มมม!! ซู่ซ่าาาา ขอบใจ”

    หญิงสาวพูดส่ง ๆ ก่อนกลับไปนั่งชิวรับลมทะเลเหมือนเมื่อครู่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเอทอสได้แต่ก้มมองแก้วในมือด้วยสีหน้าปลงตก และยิ่งปลงหนักเมื่อเหลือบมองคู่ครองพบว่า โนอาร์ยังคงคุยสนุกกับหญิงสาว ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าเขากลับมาแล้ว วิญญาณอนันต์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างถึงกับต้องเข้าไปตบไหล่หลานชายให้กำลังใจ

    “เอาน่า... เดี๋ยวสักเย็น ๆ เรสก็เบื่อแล้วคลายมนตร์ไปเอง”
    “ครับ...”
    “อะไร? แอบขอให้อนันต์ช่วย? ฝันเสียเถอะ ทีแรกข้าว่าจะคลายมนตร์เย็นนี้ งั้นค่อยคลายตอนจะกลับเลยแล้วกัน”
    “ไม่นะครับท่านฟอเรส! นานขนาดนั้นข้า-” เอทอสรีบขอไกล่เกลี่ย เพราะกว่าจะกลับก็มะรืน และใช่เขาไม่ทันได้พูดเช่นเดิม
    “เรื่องของเจ้า!”

     หลังได้ยินประกาศิตหญิงสาว ร่างสูงใหญ่ก็เดินคอตกไปนั่งหลบมุมตรงเสื่อด้านหนึ่ง อนันต์ที่สงสารหลานชายเพราะโตจนมีคู่ครอง กลับยังไม่รอดพ้นต้องมาเป็นของเล่นให้คนรักเขา ในท้ายสุดจึงเอ่ยปากออกโรงด้วยตัวเอง

    เอาแต่พอดีกว่าเรส เอทอสก็ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เวลาอยู่กับคู่ครองเป็นธรรมดาที่อยากดูพึ่งพาได้ แต่เรสกลับทำให้เป็นตัวตลกต่อหน้าคู่ครองแบบนี้ มันทำร้ายความรู้สึกหลานนะ

    หลานสะใภ้พอใจเมื่อไรมนตร์ข้าก็คลายไปเอง
หญิงสาวตอบกลับวิญญาณคนรักผ่านความคิด ก่อนจะขยายความเพิ่มอย่างรู้ใจเมื่ออนันต์เงียบไป

   ข้าสะกดมนุษย์ทั้งหาดก็จริง แต่หลานสะใภ้ข้าแค่ใช้มนตร์คลุมกายให้เอทอสเข้าใจว่าต้องมนตร์.. พูดให้ง่ายก็คือ ทั้งหมดเป็นการเล่นละครและความต้องการของหลานสะใภ้ล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับข้าเลย

    “...โนอาร์” ระหว่างอธิบาย ร่างสูงใหญ่ที่ไปนั่งหลบมุมเสื่อก็เริ่มพึมพำเสียงอ่อนร้องหาคู่ครอง

   เรื่องมนตร์กับมนุษย์คนอื่น ๆ ข้าวางเงื่อนไขให้คลายทันทีเมื่อหลานสะใภ้คิดว่าสิ่งที่เจ้าหลานแสดงออกนั้นเพียงพอแล้ว เพื่อให้หลานสะใภ้ที่คอยดูแลห่วงหาอยู่ฝ่ายเดียวจะได้เป็นฝ่ายถูกเอาใจบ้าง

    “โนอาร์...”

    เพราะเจ้าหลานบ้ามันชอบเก๊ก ขนาดแค่ดอกไม้หลานสะใภ้ยังเล่าว่าเจ้าเอทอสฝากให้ผ่านมือคนอื่นตลอด

    “โนอาร์...”

    ถ้าไม่ใช้ไม้นี้ ความรู้สึกของหลานสะใภ้คงไม่มีวันที่หลานซื่อบื้อจะเห็นค่า...

    “โนอ-”
    “เลิกงึมงำน่ารำคาญสักทีเอทอส! ดูสารรูปยักษ์ปักหลั่นของเจ้าบ้าง คิดว่าเหรอว่าทำแบบนี้คู่ครองเจ้าจะ-”
    “พรึบ!”

    ระหว่างหญิงสาวกำลังต่อว่า จู่ ๆ คนถูกกล่าวถึงก็พลันลุกกะทันหัน เป็นผลให้เด็กน้อยที่เคยนอนหนุนตักหลับปุ๋ยหัวกระแทกผืนเสื่อตื่นด้วยความมึนงง ทว่าชายหนุ่มหาได้ใส่ใจไม่ บัดนี้นัยน์ตารัตติกาลได้มองสลับระหว่างดวงตามรกตที่ส่งสัญญาณหักห้ามให้อดทน กับแผ่นหลังกว้างแข็งแรงของสามีที่ยามนี้กลับนั่งซึมคอตกไม่ผึ่งผายเหมือนอย่างเคย กระทั่งถึงคราวตัดสินชี้ขาดเมื่อดวงตาอำพันหงอยเหงาหันมาสบอย่างช้า ๆ พลางเอ่ยร้องเรียกเสียงอ่อน

    “…โนอาร์”

    บึ้มมมมมมมมมมมมมม!!!!!!

    พลันเกิดเสียงระเบิดกัมปนาทกึกก้องกลางหัวใจเยือกแข็ง คลื่นกระแทกแผ่ขยายจากร่างชายเลือดเย็นเป็นวงกว้างรอบทิศ พลังทำลายปัดเป่ามนตร์พฤกษาทั่วทั้งชายหาดในทันใด ดวงตามรกตถึงกับหลุดเบิกกว้างตะลึงเล็กน้อยที่มนตร์ถูกทำชะล้างด้วยความรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้

    “ตุ้บ!”

    กว่าฟอเรสจะได้สติกลับคืน ร่างของหลานสะใภ้ที่เคยยืนอยู่ก็ได้เข้าไปทิ้งตัวนั่งตักเจ้าหลานชายเสียแล้ว และเอทอสก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสหลุดลอย สองลำแขนแกร่งรีบสอดคล้องกอดเอวคนบนตัก ใบหน้าคมเข้มซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวก่อนเลื่อนขึ้นกดจูบ ณ หลังใบหูอย่างหวงแหนคิดถึงเมื่อได้ของรักกลับคืน จวบจนพอใจดวงตาอำพันหงอยถึงเข้มดุดังเก่าพลางกวาดมองประกาศความเป็นเจ้าของต่อเหล่ามนุษย์ทั่วทั้งผืนหาด แม้สิ่งได้กลับมาจะเป็นสายตามึนงงของเหล่ามนุษย์ที่เพิ่งหลุดมนตร์และไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ก็ตาม

    ซึ่งท่าทางของหลานชายที่นั่งซ้อนกอดคู่ครองชวนให้นึกถึงใครบางคน พร้อมกับเกิดภาพซ้อนถึงอดีตอันคิดถึงเมื่อวันวาน จนดวงตามรกตของหญิงสาวเริ่มเลื่อมจากน้ำใสรื้นขอบตา

    เหมือนธีออสเลยว่าไหม เรส

    อนันต์สื่อสารผ่านความคิด ยามมองหลานชายนั่งกกคู่ครองตัวกลม

    ไม่เห็นจะเหมือน... ธีออสมันไม่ขี้เก็กต่อหน้าเอวาเหมือนเจ้าหลานบื้อนี่หรอก

    หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ความรู้สึกหน่วงลึกในใจ ก่อนตอบกลับคนรักผ่านความคิด ปีศาจสาวและวิญญาณนักล่าปีศาจหนุ่มต่างนั่งมองหลานชายด้วยความเศร้าปนสุขผสมจนไม่อาจแยกออก พลางรำลึกถึงเพื่อนทั้งสองที่จากไปแบบไม่มีวันได้พบกันอีกตลอดกาล


บทพิเศษ สมบูรณ์



ถึงคนอ่าน


    บทพิเศษนี้เกิดจากคนอ่านหลายท่านอยากเห็นมุมหวงของเอทอส กับไขข้อสงสัยกลาย ๆ ว่าทำไมเอทอสดูไม่ค่อยใส่ใจโนอาร์เท่าที่โนอาร์แคร์เอทอสครับ ทั้งหมดอธิบายด้วยคำว่าสั้น ๆ ว่า ซึน ซึนเดเระ ครับ 55555 คนอ่านอาจพอสังเกตในเนื้อเรื่องหลักเอทอสแทบจะไม่ทำอะไรให้โนอาร์ตรง ๆ ก็เพราะซึนนั้นเองครับ และเพราะซึนก็เลยต้องปกปิดด้วยการวางมาดขรึมอีกชั้นหนึ่ง แต่บทนี้ก็คือถูกฟอเรสทุบหมด
(บทนี้คนเขียนใช้เวลาคิดนานมากว่าจะฝ่าปราการโนอาร์ยังไง เพื่อทำให้คนอ่านเห็นมุมนี้ของเอทอส จนในที่สุดคนเขียนก็นึกได้ว่ามีฟอเรสอยู่ บวกกับนิสัยชอบอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเอทอสของโนอาร์ จึงผสมรวมบทนี้ครับ

    ส่วนบทพิเศษครั้งหน้า จะเป็นการเล่า after story ของตัวละครอื่น ๆ อย่างสีคราม มังกรกับหยก เอทอสโนอาร์ โดยจะเล่าผ่านมุมมองของจินกับภาคินที่ตอนนี้เป็นวิญญาณแค้นครับ (เพื่อเติมเต็มคนอ่านที่รอคู่ของภาคินกับจินครับ^^)


ออฟไลน์ biOmos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด