(ต่อ)
กระทั่งเสี้ยวแสงอาทิตย์สุดท้ายถูกเงาโลกบดบัง กองไฟหน้าลานบ้านคอยให้แสงสว่างถัดจากหลุมลึกไม่ไกล ร่างยักษ์ปีศาจนั่งผิงไฟรับความอบอุ่นโดยกลางหว่างขาแกร่งมีร่างมนุษย์เอนหลังพิงซบแผงอกหนา เฝ้าชมหมู่ดาวในคืนสิ้นปีที่ไม่งดงามเหมือนอย่างเคย
“ถ้าเป็นที่นี่ เสียงพลุคงดังมาไม่ถึงให้เจ้าหงุดหงิด” เสียงทุ้มเหนือหัวเอ่ยหยอก เอทอสจำคืนนี้เมื่อปีก่อนได้ว่ามีใครบางคนจ้องมองเหล่าดอกไม้ไฟอย่างอาฆาต เพียงเพราะดังรบกวนเวลานอน
“เป็นโชคดีของคนพวกนั้นแล้ว ถ้าผมเห็นใครมาฉลองเวลานี้ ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นแสงของปีใหม่”
“เจ้านี่มัน... เฮ้อ...” ปีศาจถึงกับถอนหายใจหน่ายกับนิสัยคู่ครอง ก่อนจะชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าคิดดี ๆ หลังพ้นคืนนี้เจ้ากับข้าก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น ข้าแค่เหลือเพียงวิญญาณไร้กายเนื้อ ส่วนเจ้าก็ต้องระวังหน่อย อย่าเผลอคุยกับข้าตอนอยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะถูกมนุษย์คนอื่นมองว่าเป็นบ้า”
เอทอสว่าพลางใช้กรงเล็บทมิฬเกลี่ยลูบลวดลายเปลวเพลิงตรงบริเวณลำคอขาว คล้ายปลอบประโลมและเตือนโนอาร์ให้ฉุกคิดว่าความสัมพันธ์ของเราสองยามนี้ เหนือกว่าที่ความตายจะพรากจากแบบคู่อื่น ๆ เขายังสามารถสื่อสารโต้ตอบและคอยอยู่เคียงค้างโนอาร์ได้ เพียงแค่ไม่อาจสัมผัสแตะต้องกันและกันก็เท่านั้น
“พวกนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาผมอยู่แล้ว แต่ถ้ามายุ่งน่ารำคาญนักก็แค่กำจัดทิ้ง” เสียงเรียบเรื่อยกล่าวพร้อมเติมฟืนให้กองไฟ แล้วจึงเอ่ยต่อ
“ผมนึกอย่างหนึ่งได้เอทอส เรายังไม่เคยไปดูหนังกันเลย ไว้มีเรื่องน่าสนใจเข้าโรงผมจะพาคุณไปดูและก็ซื้อที่นั่งเผื่อคุณด้วย จะได้ไม่มีใครมานั่งทับที่คุณ”
“เอาสิ แต่ข้าไม่ชอบหนังรักกุ๊กกิ๊ก ดูแล้วจะหลับ” ร่างยักษ์เอ่ยต่อบทสนา เมื่อเห็นว่าบรรยากาศและอารมณ์คู่ครองเริ่มดีผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย
“ผมก็เหมือนกัน... เป็นหนังผีสักเรื่องดีไหม ระหว่างดูได้ถามคุณด้วยว่าในหนังกับความจริงมีอะไรตรงกันบ้าง”
“อย่างแรกเลย ไม่มีวิญญาณฉลาดตนไหนกล้าแผลงฤทธิ์ไปทั่ว เพราะนอกจากจะเสียพลังไปกับเรื่องไร้ประโยชน์ ยังเสี่ยงล่อให้ปีศาจกินวิญญาณอย่างข้าจับกิน ไม่ก็พวกมนุษย์ที่มีพลังควบคุมวิญญาณแบบจินเอาไปเป็นทาส”
“ผมไม่ยอมให้ใครเอาคุณไปแน่”
“หึ ข้าก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน จะเกาะตามติดเจ้าไปตลอ....”
“…”
“…”
“..คุณ ...เอทอส”
โนอาร์เอ่ยเรียกเมื่อเสียงทุ้มด้านหลังเงียบหาย จิตใจเยือกแข็งพลันวูบโหวงดิ่งวูบรีบหันกลับไปดูร่างยักษ์ ซึ่งพบว่าบัดนี้ปีศาจที่คุยกันอยู่เมื่อครู่เหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจ ฝ่ามือขาวรีบค้นหยิบลูกแก้วสีชาดในกระเป๋า ทว่าที่ติดมือมากลับกลายเป็นลูกแก้วใสราวผลึกแก้วไร้สี สื่อว่าชีวิตของปีศาจถึงกาลสิ้นสุด ของเบื้องหน้าทำให้มือขาวสั่นเทาเล็กน้อยก่อนแปรเปลี่ยนเป็นการกำแน่นด้วยความเจ็บใจชอกช้ำ และขว้างเข้าไปในกองไฟให้ความร้อนเผาทำลายสิ่งบาดตา
ชายเลือดเย็นหลับตาสูดหายใจเข้าลึกพยายามคุมอารมณ์ให้สุขุมดังเก่า เพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำต่อเกินกว่าจะมาเสียเวลานั่งอาลัย โนอาร์ค่อยพยุงแบกร่างยักษ์หนักอึ้งไปวางนอนกลางพื้นที่โล่งหาใช่หลุมลึกที่ปีศาจขุดเตรียม ก่อนเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปยังรถยนต์สีน้ำตาลเข้มเอาอุปกรณ์
ถุงบรรจุเลือดหลายสิบถุงถูกขนมากองเตรียมใช้ในพิธี โดยเลือดทุกหยดเป็นของโนอาร์ที่อาศัยช่วงออกไปเยี่ยมเยียนทรมานวรรษ แอบลอบถ่ายเก็บไว้ให้พ้นสายตาปีศาจ ซึ่งผลของคำสาปรักษาทำให้เตรียมเลือดได้มากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไปจะผลิตได้ ทว่าก็ยังไม่มากพอ โนอาร์จัดการฉีกถุงเทเลือดเย็นเยียบจากการแช่คุมอุณหภูมิถนอมลงถังใบใหญ่ แล้วจึงใช้ไม้ยาวผูกผ้าเสมือนเป็นพู่กันจุ่มลงถังจนชุ่มกลิ่นคาว
“อึก!...”
ชายหนุ่มกัดฟันทนความเจ็บปวดที่มีแต่ทวีเพิ่ม ยามนำแปรงชุ่มเลือดลากระบายลงบนพื้นที่โล่งรอบร่างไร้ชีวิต ความแสบร้อนราวกับถูกเหล็กแดงเผาไฟจี้กรีดตรงตำแหน่งสัญลักษณ์ครองคู่ เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อลากพู่กันไปตามผืนดินแห้งกรัง ฝ่ามือขาวเกร็งกำด้ามไม้แน่นจนขึ้นเส้นเลือด หยาดเหงื่อซึมผ่านไรผมไหลลงตามกรอบหน้าอย่างอดทน ทว่าความคืบหน้าที่ได้ช่างส่วนทางกับความเหนื่อยทรมานและเวลาที่กำลังบีบเร่งให้ทันก่อนรุ่งสาง
จวบจนเลือดในถังถูกใช้ละเลงหมดสิ้น ลวดลายที่วาดยังเว้าแหว่ง เช่นนั้นโนอาร์จึงต้องนำมีดข้างเอวกรีดข้อมือทั้งสอง หยาดชาดแดงคาวพลันไหลชุ่มมือขาวลงตามด้ามไม้ให้ปลายแปรงดูดซับเป็นหมึกเสริม นัยน์ตารัตติกาลเริ่มอ่อนล้าฝ้าฟางทั้งจากการเสียเลือดและความแสบไหม้บริเวณคอใกล้ไหปลาร้า จนคล้ายเห็นภาพหลอนเป็นจุดแสงเลือนรางราวหิงห้อยเกาะตรงปลายนิ้ว
เจ้าทำบ้าอะไรอยู่โนอาร์!!!! เสียงหนักทุ้มต่ำเจือความโกรธโมโหดังกึกก้องในความคิด ทำให้คนกำลังละเลงวาดเผยชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มมุมปากและสานต่อสิ่งที่ทำ มิสนใจคำคัดค้าน
“พันธะครองคู่เรียกคุณกลับมาไง... เอทอส” เสียงแผ่วเบาตอบกลับ ทว่ายิ่งทำให้เสียงในความคิดตะคอกหนัก
นี่มันไม่ใช่พันธะครองคู่!! เจ้ากำลังจะตายเปล่าโนอาร์! หยุดทำเรื่องไร้สาระ- “ร่างภาชนะ ยามสนธยา ตราสัญลักษณ์ และอายุขัยครึ่งหนึ่งของคู่ครอง จะนำพาสิ่งที่พรากจากกลับมา ฟอเรสเคยบอกผมจำได้ขึ้นใจ และผมรู้ดีว่าพลังจากอายุขัยอันน้อยนิดของมนุษย์อย่างผมมันพาคุณกลับมาไม่ได้หรอก แต่ถ้าพลิกแพลงนำเลือดเนื้อมาชดเชย... มันก็พอมีความเป็นไปได้”
คำฝืนอธิบายจบลงพร้อมการวาดลวดลายเพลิงขนาดยักษ์แบบเดียวกับสัญลักษณ์ครองคู่ประจำตัวมนุษย์และปีศาจ โดยมีร่างไร้ชีวิตที่นอนแน่นิ่งอยู่กึ่งกลาง ฉับพลันหยาดเลือดคาวซึมผิวดินกลับเริ่มเรืองแสงทอสว่างทำให้บริเวณรอบพื้นที่อาบย้อมด้วยสีแดงวาว เอทอสที่ขณะนี้เป็นเพียงดวงไฟวิญญาณยังไม่มีพลังพอจะก่อร่าง ถึงกับตะลึงค้างกับสิ่งที่เห็นเนื่องเพราะพิธีพันธะครองคู่ที่มนุษย์สร้างนั้นไม่เคยมีปีศาจตนไหนทำมาก่อน
“ที่เหลือก็แค่รอช่วงสนธยา...กับแสงแรกของวันสาดส่อง... ดูเหมือนจะได้ผลนะเอทอส แต่ผมเหนื่อยมากเหมือนจวนจะหลับ... ผมขอไปนั่งพักรอคุณตรงนั้นนะ”
เสียงแผ่วล้ากล่าวบอกดวงไฟประหลาด ก่อนจะเดินเซไปนั่งตรงใต้ต้นไม้โดยมีเลือดจากสองข้อมือหยดไหลอยู่รายทาง
เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อน! เจ้าต้องทำแผลห้ามเลือดเดี๋ยวนี้โนอาร์ “…”
โนอาร์ตอบข้า! “…”
โนอาร์!! เสียงทุ้มก้องกระวนกระวายเมื่อมนุษย์ฟุบนั่งแน่นิ่งไม่ตอบสนอง ปีศาจในสภาพดวงไฟได้แต่เฝ้าขอภาวนาให้ฟ้ามืดเริ่มสางสว่างโดยเร็ว ซึ่งเมื่อใกล้เวลาแสงจากสัญลักษณ์เลือดที่ทอส่องบนพื้นกลับยิ่งส่องไสว ราวกับกำลังดึงดูดวิญญาณให้เข้าสิงร่างภาชนะ กระทั่งฟากฟ้าดำสนิทชืดจางเป็นสีกรมครามและแสงอรุณอบอุ่นตกกระทบร่างไร้ชีวิตเย็นเยียบ เมื่อนั้นเหล่าหยดเลือดประกอบตราสัญลักษณ์ครองคู่พลันระเหยเป็นไอควัน พวยพุ่งซึมซับเข้าร่างตรงใจกลางพร้อมดวงไฟวิญญาณที่ถูกพายุลมลากพาไป
เพียงไม่นานทุกอย่างกลับสู่ความปกติ เลือดละเลงทั่วบริเวณเหือดหายไปพร้อมกลิ่นคาวราวกับไม่เคยมีอยู่ เหลือเพียงร่างยักษ์ที่ควรถูกหลับใหลไม่วันฟื้นกลับขยับลืมตาตื่นอย่างน่าอัศจรรย์
“โน... อาร์”
เอทอสพยายามฝืนขากรรไกรแข็งค้างตามธรรมชาติของศพหลังผ่านไปหลายชั่วโมง เอ่ยเรียกร่างไร้สติที่ฟุบนั่งหลับตรงโคนต้นไม้ กรงเล็บทมิฬสองข้างบีบกำขยับออกแรงก่อนใช้ฟาดทุบขาที่แข็งทื่อราวกับหินหนัก ไม่นานนักร่างกายก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครา ปีศาจจึงพลันลุกตะเกียกตะกายวิ่งไปหาคู่ครอง
“แควก!!”
กรงเล็บใหญ่ฉีกชายเสื้อมนุษย์ไร้สติ เพื่อนำมาใช้เป็นผ้าพันแผลห้ามเลือดตรงข้อมือทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบอุ้มร่างซีดเผือดจากการเสียเลือดออกจากป่าหาคนช่วย เพราะยามนี้เอทอสเป็นเพียงแค่วิญญาณสิงสถิตร่างภาชนะ ไม่มีพลังหรือคำสาปคอยรักษาปกป้องโนอาร์อีกต่อไป ทว่าช่วงจังหวะที่ปีศาจร้อนรนกำลังพ้นเขตป่า บริเวณเส้นถนนที่พาดผ่านรออยู่เบื้องหน้ากลับมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ พร้อมร่างเล็กบางของปีศาจวายุพฤกษาและร่างโปร่งแสงของอดีตนักล่าปีศาจนายใหญ่สวนรฦกวัลย์รุ่นก่อนกำลังวิ่งมาหา
แม้บุคคลเบื้องหน้าจะเป็นสองผู้มีพระคุณที่อาจช่วยชีวิตคู่ครอง แต่ขาแกร่งที่เคยวิ่งสุดฝีเท้ากลับชะงักนิ่ง อ้อมแขนหนาพลันบีบกระชับร่างมนุษย์ที่อุ้มอยู่ราวกับกลัวว่าจะถูกแย่งชิง ความรู้สึกจากก้นบึ้งในส่วนลึกคล้ายหล่นวูบ ความกลัวเกรงไร้ที่มาพยายามคำรามร้องต่อต้านผู้มีพระคุณอย่างที่ไม่ควรกระทำ ทว่ากว่าจะตระหนักรู้และหลีกหนี สองผู้มีพระคุณก็อยู่ห่างเพียงไม่กี่ย่างก้าว
“เอทอสเจ้ากลับมาได้! ดีจริง ๆ ที่อายุขัยหลานสะใภ้ไม่สูญเปล่า”
ฟอเรสกล่าวอย่างยินดีเมื่อพันธะครองคู่ที่มีโอกาสสำเร็จเพียงน้อยนิดผ่านพ้นไปด้วยดี จากทีแรกเธอตั้งใจจะมาปลอบขวัญหลานสะใภ้ คงต้องเปลี่ยนเป็นการฉลองครั้งใหญ่ ทว่ากว่าจะถึงตอนนั้น ปีศาจสาวอาจมีเรื่องต้องจัดการเสียก่อน เมื่อคู่ครองในอ้อมแขนหลานชายมีการไม่สู้ดี และนัยน์ตาสีแดงเลือดนกที่มองเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“ข้าขอ... อย่าเอาโนอาร์ไปจากข้า ถึงคู่ครองข้าจะไม่ใช่คนดีบริสุทธิ์ แต่ข้ารักเขามาก ...ได้โปรดอย่าพรากเขาไป” เสียงทุ้มสั่นเครืออ้อนวอนพลางกอดร่างมนุษย์ไร้สติแน่น ซึ่งเอทอสก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงหลุดกล่าวเช่นนั้น แต่ความกลัวต่อสองบุคคลเบื้องหน้าที่กำลังรู้สึกนี้มิใช่การคิดไปเองแน่นอน
“พูดบ้าอะไรของเจ้าน่ะเอทอส? แต่ยังไงตอนนี้ก็วางโนอาร์ลงก่อน ให้ข้าใช้พลัง- นี่เจ้า!”
หญิงสาวว่าพลางเดินเข้าหาหวังสัมผัสดูอาการมนุษย์น่าเป็นห่วง แต่หลานชายกลับก้าวถอยหลังหนีไม่ให้เธอถูกตัว สร้างความงุนงงระคนหงุดหงิดให้กับปีศาจวายุพฤกษา ส่วนวิญญาณอนันต์ที่เฝ้าดูอย่าเงียบ ๆ ก็พอเริ่มเข้าใจสาเหตุ เพราะดวงตาของเอทอสที่มองพวกเขานั้นช่างเหมือนกับคืนนั้นที่เขาลงโทษหลานหลงผิดออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งแม้เจ้าตัวจะจำไม่ได้ ทว่าจิตใต้สำนึกคงจำได้ดี
“เอทอส ถ้าหลานยังดื้อดึง คนรักของหลานอาจอาการแย่กว่านี้ เชื่ออาแล้ววางโนอาร์ให้เรสรักษา” อนันต์เอ่ยแนะกึ่งบังคับกดดัน ซึ่งเอทอสก็นิ่งลังเลไปสักพัก ก่อนสุดท้ายอ้อมแขนแกร่งจะจำวางร่างมนุษย์กับผืนป่า ฟอเรสรีบเรียกสายลมกับเถาวัลย์ใบหญ้าเข้าห่อร่างหลานสะใภ้เสมือนเป็นรังไหมรักษา ซึ่งตลอดการฟื้นฟูเอทอสไม่ยอมลุกห่างไปไหน กระทั่งสีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับคืนสีธรรมชาติปกติส่วนรากไม้และลมหมุนบางเบาก็ค่อยสลายหายไป ปีศาจกินวิญญาณจึงรีบรับมนุษย์มากอดอุ้มอย่างหวงแหน พลางกล่าวขอบคุณสองผู้มีพระคุณพร้อมความกังวลหวาดหวั่นในส่วนลึกที่เจือจางลดเลือน กลับมามองด้วยความเคารพนับถือเฉกเช่นเดิม
“ฟื้นสักทีเจ้าหลานสะใภ้สิ้นคิด เจ้าไปสรรหาวิธีอันตรายพรรณ์นั้นจากไหนมา?!”
หญิงสาวเอ่ยว่าคนรักของหลานชายถัดทีที่อีกฝ่ายฟื้น เนื่องเพราะพันธะครองคู่ที่เธอบอกคือการขีดวาดตราสัญลักษณ์ประจำคู่ลงบนพื้นดิน มิใช่การเอาเลือดเป็นน้ำหมึกอย่างที่เจ้าตัวกระทำ ทว่าคนโดนว่ากลับไม่ได้สนใจหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย โนอาร์ค่อยลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตาหาร่างยักษ์ของปีศาจ ซึ่งก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนมองอยู่ตรงริมประตู และขณะนี้เขาอยู่ในห้องนอนของบ้านพักกลางป่า
“จากไหนไม่สำคัญ แค่เอทอสกลับมาก็พอ”
เสียงเรียบเรื่อยกล่าวตอบพลางจ้องไปยังร่างยักษ์ตรงประตู แทนที่จะเป็นหญิงสาวผู้ถามไถ่ เช่นนั้นฟอเรสก็พอรู้ว่าเธอกำลังกลายเป็นส่วนเกินหมดประโยชน์ หญิงสาวจึงหันไปคุยกับหลานชายแทน โดยไม่คิดถามย้ำเซ้าซี้ให้มากความ เพราะอย่างน้อยหลานทั้งคู่ก็ปลอดภัยดี
“เจ้าล่ะเอทอส จากนี้จะทำยังไงต่อ อยู่ในสภาพนี้คงกลับไปในสังคมมนุษย์ไม่ได้อีก”
ฟอเรสว่าพลางมองร่างหลานชายในรูปลักษณ์ปีศาจกินวิญญาณเต็มวัย ที่แท้จริงเป็นเพียงวิญญาณสิงกายเนื้อเก่า ส่งผลให้ไม่ต้องกินอาหารหรือวิญญาณก็สามารถอยู่ได้เรื่อย ๆ ตราบที่คู่ครองยังมีชีวิตอยู่ ทว่านั่นก็หมายรวมถึงจะไร้ทุกพลังที่เคยมีเช่นกัน ทั้งเปลวเพลิงสีนิล คำสาป หรือแม้แต่การแปลงกายเป็นมนุษย์
“ข้า...”
“….”
ดูเหมือนความเงียบจะเป็นคำตอบของหลานชาย เท่านั้นฟอเรสก็พอคาดเดาได้ทันที เอทอสคงไม่รู้เรื่องที่ว่าตนจะถูกพันธะของคู่เรียกกลับมา จึงยังไม่ได้วางแผนเตรียมการใด หญิงสาวจึงตัดสินใจมอบของขวัญหนึ่งให้ต้อนรับชีวิตใหม่
“มานี่สิหลานข้า” คำเรียกจากผู้มีพระคุณ ทำให้เอทอสยอมเดินเข้าหาอย่างง่ายดาย ซึ่งเมื่อร่างยักษ์สูงใหญ่ยืนอยู่เบื้องหน้า ฝ่ามือบอบบางของหญิงสาวก็วางแตะบนไหล่หนาของหลานชาย
“สายลมจงพัดหักเหผันแปรรูปลักษณ์ จากนี้และตลอดกาลจนกว่าจะเปลี่ยนคำ ร่างปีศาจจงเป็นเพียงโฉมมนุษย์อันคุ้นชิน”
สิ้นบทร่ายคำสาป สายลมเย็นและกลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ พลันหลั่งไหลเข้าโอบล้อมหมุนวนกลืนร่างยักษ์ใหญ่ทะมึน กรงเล็บนิลคมกริบเริ่มลดกลายเป็นฝ่ามือหนาธรรมดา เช่นเดียวกับใบหูยาวแหลมดั่งเอลฟ์ที่หดคืนสู่แบบปกติ ผิวกร้านสีน้ำตาลแดงเป็นผิวสีแทนเด่นเร่าร้อน พร้อมส่วนสูงและขนาดตัวที่ปรับให้กลมกลืนไม่สูงใหญ่ผิดมนุษย์ และดวงตาสีแดงเลือดนกที่ส่องประกายทองกลับเป็นนัยน์ตาดุสีอำพันเหมือนก่อน
“ท่านฟอเรส!” ร่างสูงใหญ่ผิวแทนรีบประคองรับร่างหญิงสาวที่คล้ายทรุดล้มอย่างเหนื่อยหอบ
“ฮะ... ไม่ได้ร่ายคำสาปนานก็เป็นเช่นนี้แหละ สักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” หญิงสาวกล่าวบอก ก่อนจะกลับมายืนทรงตัวด้วยตัวเอง และหันมองหลานชายในรูปลักษณ์ชายหนุ่มแข็งแรง
“เท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องอยู่ในสังคมมนุษย์ ถือว่าเป็นของรับขวัญจากข้าแล้วกัน”
“แต่ท่านจะถูกคำสาปดูดพลัง-”
“อย่าเอาข้าไปเปรียบกับปีศาจอายุไม่ถึงครึ่งร้อยเช่นเจ้าเอทอส พลังข้ามีเหลือเฟือและกว่าจะรู้สึกอ่อนแรง เจ้ากับหลานสะใภ้คงกลายเป็นวิญญาณเร่ไปนานแล้ว” ฟอเรสเอ่ยขัดเพราะรู้ว่าหลานชายจะทักท้วงอะไร ก่อนจะแสร้งเอ่ยคำเพื่อไม่ให้หลานชายรู้สึกผิด
“คิดว่าข้าใจดีช่วยเจ้าฟรี ๆ หรือไงเอทอส สวนรฦกวัลย์ของอนันต์เจ้าต้องดูแลต่อใช้หนี้บุญคุณข้า ตกลงไหม”
“…ครับถ้าท่านต้องการเช่นนั้น ข้าจะคอยดูแลสวนรฦกวัลย์ให้สมดั่งที่พวกท่านไว้ใจ”
เอทอสจำยอมรับข้อเสนอ แม้ในใจจะรู้สึกว่าการตอบแทนเท่านี้มันไม่มากพอเมื่อเทียบกลับสิ่งที่ผู้มีพระคุณเมตตาเขาก็ตาม ซึ่งหลังจบเรื่องราวหญิงสาวผู้หมดหน้าที่จึงลากลับจากบ้านไม้กลางป่า เพราะอยากเปิดโอกาสให้หลานชายและหลานสะใภ้มีโอกาสพูดคุย
“ทำแบบนี้ทำไม ถ้าเจ้าพลาดก็เท่ากับตาย รู้ตัวไหม” เสียงทุ้มหนักเอ่ยตำหนิมนุษย์ทันที เมื่อบ้านทั้งหลังเหลือเพียงเขาและมนุษย์
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมเป็นคนโลภเอทอส แค่ได้คุยแต่ไม่สามารถแตะต้อง มันไม่พอสำหรับผมหรอก”
เสียงเรียบเรื่อยว่าอย่างลุแก่โทษ พลางมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งพร้อมรับผิดแต่โดยดี เอทอสยืนจ้องโนอาร์ด้วยความเคืองโกรธระคนเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนต่อมาจะถอนหายใจและยอมนั่งตรงขอบเตียง ฝ่ามือหนายื่นวางลงบนกลุ่มผมสีดำขลับแล้วลูบปลอบอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นสัญญาณให้อภัย เช่นนั้นมนุษย์ถึงพลันโผเข้ากอดปีศาจ ใบหน้าขาวซุกซบแผงอกกว้างเปลือยเปล่าอย่างคิดถึงแม้จะพรากจากกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่าภายใต้แผ่นอกแกร่งนั้นกลับเงียบงันไร้เสียงหนักแน่นของหัวใจเต้นขยับ สิ่งที่สัมผัสรับรู้ราวกับเป็นอนุสรณ์ คอยย้ำเตือนความจริงว่าเขาไม่อาจรักษาชีวิตเอทอสได้อย่างที่เคยให้สัญญา แต่ถึงกระนั้น ขอเพียงผลลัพธ์สุดท้ายเป็นเขาและเอทอสได้อยู่เคียงข้างกัน มนุษย์ผู้หลงรักปีศาจกินวิญญาณสุดหัวใจก็ไม่คิดร้องขอปาฏิหาริย์อื่นใดอีกแล้ว
หลังผ่านก้าวพ้นวิกฤตโชคชะตา เกมกระดานแห่งความตายที่ปล่อยค้างคาก็ถึงคราวต้องรุกฆาตปิดฉาก ณ ห้องผ่าตัดแห่งหนึ่งที่มีเตียงผู้ป่วยสองเตียงขนาบข้างพร้อมสำหรับการปลูกถ่ายหัวใจ โดยด้านหนึ่งคือหญิงสาวหลับสนิท ทว่าอีกเตียงกลับเป็นชายหนุ่มที่ยังมีสติรู้ตัวครบถ้วนถูกจับขึงตึงไม่ให้ลุกหนี ซึ่งวรรษรู้ชะตาตั้งแต่ได้ยินแว่วเสียงพลุฉลองปีใหม่ และถัดจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์เขาก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้โดยตัวการเรื่องทั้งหมด ซึ่งกำลังยืนจ้องเขาอยู่ในตอนนี้
“อื้ออออออ!!!!” คนถูกขึงพลันร้องลั่นผ่านผ้าปิดปากที่รัดแน่น เมื่อชายผู้มีนัยน์ตารัตติกาลควงมีดผ่าตัดคมกริบเล่น ก่อนใช้แทงปักเข้าที่ท่อนแขนคนบนเตียงอย่างจัง
“รู้ไหมว่ารอเวลานี้มานานแค่ไหน” โนอาร์เอ่ยพลางหมุนข้อมือเพื่อให้ใบมีดคว้านเนื้อจนหยาดเลือดทะลักไหลหยดจากเตียงลงสู่พื้นกระเบื้องเย็นเยียบ
“เสียดาย หมอค่อนข้างยุ่งมีอีกหลายคิวรออยู่เลยมีเวลาคุยไม่มาก แต่มั่นใจได้ว่าทุกอวัยวะจะได้นำไปใช้ประโยชน์ไถ่บาปอย่างสูงสุด โดยเฉพาะหัวใจ”
เสียงเรียบนิ่งสุขุมกล่าว ขณะที่หมอหนุ่มเริ่มลงใบมีดกรีดเปิดช่องอกโดยไร้ซึ่งยาชาหรือยาบรรเทาใด ร่างขึงตึงพลันดิ้นร้องเทรมานแสนสาหัสเมื่อกำลังถูกชำแหละร่างทั้งเป็น ทว่าคนเฝ้ามองกลับเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมหยิบหลอดแก้วบรรจุน้ำใสที่วรรษรู้ดีว่าคืออะไร มาราดรดลงบนหน้าผากเขา
“อย่าคิดว่าถ้าตายแล้วทุกอย่างจะจบ ยังอยู่ด้วยกันอีกนาน” นัยน์ตารัตติกาลมองสบดวงตาชายหนุ่มที่บัดนี้มีหยาดน้ำใสไหลรินเงียบงัน หมดสิ้นเรี่ยวแรงต่อต้าน เนื่องจากอวัยวะสูบฉีดเลือดกำลังถูกขวักออกจากอก
“…”
“อยากดูให้ถึงวินาทีสุดท้าย แต่คงต้องกลับก่อนเพราะมีนัดสำคัญ ตามมาก็แล้วกัน”
ชายเลือดเย็นเอ่ยพลางแกว่งหลอดแก้วในมือแล้วจึงเดินออกจากห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่าร่างบนเตียงคล้ายเลื่อนลอยไม่ตอบรับสิ่งใดอีกแล้ว พร้อมกับกดรับโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋าไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่
[อยู่ไหน?] เสียงทุ้มเจือความหงุดหงิดเอ่ยถามทันที เหตุเพราะโนอาร์คะยั้นคะยอขอให้เขาหาวันหยุด แต่พอถึงวันกลับหายตัวไม่เห็นเงาตั้งแต่เช้า
“ผมมาจัดการธุระครับ แล้วก็มาเช็กหนังเข้าโรง เหมือนมีเรื่องหนึ่งน่าสนใจ...” เสียงเรียบเรื่อยว่าพลางหยิบตั๋วหนังที่นั่งแบบโซฟาสวีทขึ้นมาชม พลางระบายยิ้มมุมปากเอ่ยชวนปลายสาย
“เอทอส เรามาเดตฉลองปีใหม่กันไหม”
END
บทสุดท้าย สมบูรณ์
ถึงคนอ่าน
จบแล้วครับ^^ คนอ่านประทับใจไม่ประทัยใจตรงไหนบาง หรือรอจบแล้วมาอ่านรวดเดียวฝากคอมเมนท์เป็นอนุสรณ์ให้คคนเขียนได้นะครับ
ต่อมาเป็นการตอบคำถามเรื่องพลังกึงวิญญาณออกจากร่างของเอทอสนะครับ เอทอสเสียพลังนี้ไปพร้อมความทรงจำในคืนที่รู้ความจริงว่าตัวเองกินพ่อปม่เข้าไปครับ ซึ่งเป็นเนื้อในบทที่32 เอทอส
ระหว่างเขียนตอนนี้คนอ่านหลายท่านก็มาคอมเมนท์นิยายมากขึ้น ๆ คนเขียนทั้งดีใจทั้งรีบเขียนบทนี้ให้คนอ่านได้อ่านเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ แต่ทำไมบทจบมันยามแล้วเนื้อหาก็เยอะมากเกินกว่าที่คนเขียนคิด ในตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องเลยดูรวบรัดกระชับหน่อยนะครับ (คนเขียนอยากอธิบายมุมของมังกรกับหยกที่ได้เปลี่ยนหัวใจด้วย แต่คนเขียนตาลายแล้ว 5555
)
อันนี้เป็นการสปอยล์กึ่งเปิดเรื่องใหม่นะครับ จากเรื่องของเอทอสโนอาร์ มีตัวละครที่จะมีเรื่องแยกประจำของตัวเองทั้งหมด 4 คู่ครับ
1. คู่แรกคือดรีมเด็กกำพร้าที่เปรียบเสมือนพี่ชายของโนอาร์ แต่ตายไปเมื่อสมัยอยู่ม.ปลายเพราะถูกเพื่อนแกล้ง กับเพื่อนสมัยเด็กของเขาที่สำนึกผิด จะเป็นเรื่องถัดไปที่คนเขียนจะเขียนครับ
2. ภาคินที่กลายเป็นวิญญาณอาฆาตแค้น กับจินที่จ้องจะจับภาคินขายทำเงินแต่ไม่มีใครซื้อ สุดท้ายเลยต้องอยู่ด้วยกันและคอยระวังไม่ให้โนอาร์รู้ว่าภาคินยังอยู่ จะเป็นเรื่องถัดมาครับ
3. คนที่จะมารับช่วงเป็นนายใหญ่สวนรฦกวัลย์ต่อจากเอทอสคือนาวาที่โตเป็นผู้ใหญ่ครับ (เป็นเหตุว่าทำไมนาวาถึงดูมีบทบาทนักทั้งที่ไม่จำเป็นเท่าไร) โดยคู่ในอนาคตของนาวาคือพ่อหม้ายหนุ่มที่ต้องคอยดูแลลูกน้อยครับ
4. ปีศาจหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่เฝ้ารอคู่ครองมาเนินนาน แต่คู่ของเขากลับไปเกิดใหม่เป็นน้องชายคนเล็กของตระกูลนักล่าปีศาจเก่าแก่ครับ
โดย 4 เรื่องนี้จะไม่ได้มีเนื้อหารุนแรงเหมือนอย่างเอทอสโนอาร์นะครับ
และก็ถึงจะจบแล้วคนเขียนจะมาเขียนบทเสริม/บทพิเศษของเอทอสโนอาร์ให้สัก 1-3 ตอนนะครับ หรืออาจะมีเรื่อย ๆ นานทีตามความคิดถึงของคนเขียน5555 และเรื่องนี้รวมถึงนิยายเรื่องอื่น ๆ ของคนเขียนจะไม่มีรูปเล่มหรือE-book นะครับ (ส่วนปกสวย ๆ นี่ก็เพื่อสนองความต้องการคนเขียบนเท่านั้นครับ 5555) แต่หลังจากนี้ไปคนเขียนก็ไม่มีการล็อกตอนติดเหรียญเช่นกันครับ ให้คนอ่านกลับมาอ่านได้เรื่อย ๆ
สุดท้าย บทเสริมความจริง หากคนอ่านรู้สึกว่าทำไมจำนวนข้อมันแหว่ง ๆ ตอนนี้ไม่แหว่งแล้วนะครับ รวมเป็น 100 ข้อ(เอทอส 50, โนอาร์ 50) โดย 4 ข้อท้ายของแต่ละคนจะเป็นอะไรคนอ่านสามารถอ่านได้เลยครับ (มีเฉลยด้วยว่าโนอาร์ไปเอาพิธีพันธะครองคู่แบบอันตรายนั้นมาจากไหน)
สุดท้ายของสุดท้ายจริงเรื่องนิยายคนเขียนเขียนตอนอยู่ปี 2 และตอนนี้คนเขียนเรียบจบปี4แล้ว ใช้เวลาเกือบ ๆ 2ปีในการพาเอทอสโนอาร์จากจุดเริ่มต้นบทนำมาถึงจุดจบ คนเขียนขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่อยู่ตลอดและผ่านมาด้วยนะครับ ขอบคุณนะครับ^^ และจากนี้คนอ่านที่ผ่านมาก็มาอ่านทิ้งคอมเมนท์ได้นะครับ 5555
ป.ล. หากคนอ่านเล่นทวิตเตอร์ มาเล่น
#Hฆาตกรรม ได้นะครับ^^ คนเขียนเพิ่งลงนิยายใน thaiboysmos ครั้งแรก เวลาเขียนนิยายจบแล้วให้พิมพ์คำว่า จบแล้ว ตรงหัวกระทู้แค่นี้หรือเปล่าครับ หรือต้องทำอะไรเพิ่มไหมครับ?