รักรีเทิร์นกับคนเดิมๆที่หมดใจ
สิบสอง(ครั้งที่สอง)...อย่าล้อเล่นกับธาตุแท้
“สองคนครับ”
ให้มันได้อย่างนี้ดิ...
ผมจ้องหน้าคนที่คว้าแบงก์ยี่สิบจากกระเป๋าตนเองมายื่นส่งให้พนักงานเก็บสตางค์เสื้อสีฟ้า หลังจากผ่านเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่า เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะคืนกระเป๋าผม
จ้องอยู่นานจนนึกพาลดวงประจำวัน ตั้งแต่บังเอิญเดินเจอเกรทที่กำลังโดนต่อย ก่อนถูกสอยไปยังลานเปิดใจ แล้วไหนจะโดนบังคับให้กลับด้วย แถมยังซวยโดนตัวกั้นสีแดงบนรถไฟฟ้างับตูดเข้าให้อีก จะมีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้ก็มาดิคร้าบ ผมรออยู่
เจ้าตัวสูงกำลังยัดเงินทอนลงกระเป๋ากางเกงเงยขึ้นมาสบตาด้วยท่าทีฉงน
“คนละสิบบาทครับ อิมไม่ต้องออกก็ได้แค่นี้เอง”
เออ...รู้ว่าสายเปย์ ต่อจากบีทีเอสก็ตามด้วยรถเมล์ เจ้าพ่อตัวดีคนนี้คอยคุมกระเป๋าสะพายผมไม่ได้ห่าง จะแปลกก็ตรงเวลาควักสตางค์แต่ละที มีแต่ดึงออกจากกระเป๋าตนเอง ส่วนกระเป๋าตังค์ผมน่ะเหรอ ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยสักนิด คิดคิดไปก็ไม่ใช่ยินดีหรอกนะ กลัวว่าตอนหลังเจ้าตัวจะมานั่งทวงทั้งต้นทบดอกจนไม่มีปัญญาจ่ายคืนเนี่ยสิ
ในที่สุดรถก็มาจอดป้ายประจำ จะดีหน่อยตรงไม่ต้องตาลีตาเหลือกแทรกตัวออกมา เพราะคนเริ่มบางตาไปบ้างแล้ว
ถือได้ว่าวันนี้กลับดึกกว่าปกติ สังเกตได้จากท้องฟ้าสีน้ำเงินหม่นจางกลายเป็นเทาอ่อน ชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือระหว่างเดินเข้าซอยมันระบุว่าขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าของวัน ผมหยุดเท่าฉับพลันหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนที่ตามตูดต้อยๆ
“กลับไปได้แล้ว”
“ไล่อีกแล้ว”
“เดี๋ยวดึก”
“ถ้าดึกก็ไม่ต้องกลับ”
“เกรท”
“พอถึงบ้าน อิมก็จะทิ้งกระเป๋าเลยเหรอ”
ก็ไม่อยากทิ้ง แต่มันมีคนดื้อแพ่งไม่ยอมให้นี่หว่า!
“ตามใจ อยากจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ผมไม่สนแล้ว”
ผมหมุนตัวกลับ โดยมีร่างสูงยิ้มร่าวิ่งมาเสมอเทียบเคียง ต้นแขนของเจ้าตัวชนผมเป็นระยะอย่างไม่ได้ตั้งใจ การกระทำของพวกเราทั้งคู่ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ถ้าได้เกิดเป็นผู้หญิงใครคงคิดว่าเป็นแฟน หากเป็นผู้ชายก็ดูคล้ายสนิทกันมากจนเกินความจำเป็น
เรื่องราวในวันนี้แอบมีส่วนคล้ายอดีต มันเป็นวันที่เกรทมาส่งคนป่วยตากฝน ยอมรับน้ำหนักผู้ชายคนหนึ่งให้ยืนซบอก โหนรถเมล์ด้วยมือข้างเดียวมาตลอดทาง พอกลับถึงบ้านเจ้าคนป่วยคนนั้นก็นอนสลบไสลไม่เป็นอันทำอะไร จนกระทั่งจากฤทธิ์ยาแก้แพ้หมด ฟื้นจากความง่วงงุน ร่างกายที่ควรจะเหนอะหนะเหนียวตัวเพราะกรำศึกมาทั้งวันกลับสัมผัสได้แต่ความสบาย ผ้าขนหนูชื้นน้ำเจ้าหลักฐานชิ้นเลิศยังวางพาดหัวเตียงอยู่ใกล้กายอีกฝ่าย เบื้องหน้าของเขามีเพียงแผ่นหลังกว้างที่ยกแขนขึ้นปรามยัยตัวเล็กประจำบ้านไม่ให้เสียงดังสร้างความรำคาญให้อีกคนนึง
ผมแอบมองใบหน้าด้านข้างของร่างสูงที่ก้าวเดินไปด้วยกันอย่างไม่รู้ตัว เคยคิดว่าถ้าเกรทไม่ได้ชอบใยไหมจริง เขากับผมจะลงเอยอย่างไร แต่แล้วก็ต้องไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง ก่อนย้อนกลับมายืนยังฐานะเดิมของตน
ตอนนี้เกรทอาจกำลังสับสน คนพลาดหวังจากผู้หญิงที่แอบมองมาโดยตลอด การคว้าจับฟางเส้นสุดท้ายอาจเกิดขึ้นได้ในยามตรรกะผิดเพี้ยน ไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่อีกฝ่ายตะโกนใส่ว่าอยากคบกับ ‘พี่อิมเมจ’ ในวันนั้นเลยสักนิด
“แม่ พ่อ”
“กลับมาแล้วเหรอน้องอิม กินข้าวมายัง ทำไมวันนี้กลับ...” คนเป็นแม่ชะงักเมื่อเห็นแขกตัวสูงเดินเข้าบ้าน เกรทยกมือไหว้ ก้มโค้งอย่างมีมารยาทด้วยท่วงท่าสง่างาม เสร็จจึงโยกตัวพนมไปยังคนเป็นพ่อซึ่งกำลังนั่งยกล้อเกาพุงดูข่าวภาคค่ำอย่างเพลิดเพลิน คนเป็นผู้ใหญ่เห็นแค่นั้นก็แทบกระวีกระวาดห้อยตีนลงมาในบัดดล
“สวัสดีครับ คุณน้าคุณอา”
“สวัสดีจ๊ะ” แม่ผมรับไหว้ ส่วนพ่อกลายมานั่งหุบขาเสียเรียบร้อยผิดวิสัย ผมสังเกตเห็นหน้าแม่ดูเจื่อนไป และนึกรู้ในทันทีว่าสายตาบุพการีไปตกที่รอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าและมุมปากของร่างสูง “ไปทำอะไรมาเนี่ย ดูสะบักสะบอม อย่าบอกนะว่าเราสองคนทะเลาะกัน”
“เปล่าครับ คุณน้า ไม่ใช่ เออ อันนี้ผมเดินซุ่มซ่ามเอง ไปชนประตูเข้า” เกรทแตะปลายนิ้วที่มุมปากทอดสายตาลงต่ำ คงรู้สึกผิดที่ต้องโกหกพ่อแม่ผม โอเค ประตูมันมีมือครับแม่ ชนทีได้รอยที่ปากกับโหนกแก้มมาเน้นๆเลย เชื่อก็บ้าแล้ว โกหกยังไงให้ไม่เนียน เอากับคุณคิรากรสิ เรื่องแบบนี้ใครมันจะไป...
“โถโถ ตายจริง ใครเป็นคนออกแบบประตูเนี่ย เดี๋ยวแม่เขียนจดหมายส่งเรื่องไปร้องเรียน” เฮ้ยแม่กูเชื่อว่ะ ผมหันไปเจอกับสายตาแม่ เธอกำลังหรี่ตามองมา ที่แท้มารดากำลังตามน้ำ ไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตากถึงพ่อผม “แล้วอย่างนี้งานแสดงทำยังไงล่ะ ไม่เป็นอะไรเหรอ” เกรทแปลกใจเบิกตาวูบนึง รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นมาฉับพลัน
“คุณน้าได้ดูด้วยเหรอครับ”
“แหม เปิดถี่จะตาย เปลี่ยนไปช่องไหนก็เจอ อย่างกับบังคับดู” เกรทขำเบา
“ผมถ่ายแค่ตัวนั้นแหละครับ หลังจากนั้นคงไม่มีอีกแล้ว แล้วอีกอย่างอิมก็ทำแผลให้ผมแล้ว” จบประโยคชายตามองมาทางนี้เฉย ผมได้แต่สะดุ้งตัวหลบสายตา
“แค่ก!” เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง พ่อผมไอ ยกกำปั้นขึ้นป้องปากเป็นการใหญ่ น้ำลายติดคอเหรอไง เล่นไอไม่หยุดจนดังลั่นบ้าน แถมยังทำตาเกร็งตาเขียวมาทางนี้อีก เฮ้ยดูท่าไม่ดีแฮะ จะรีบเดินเข้าไปดูอาการผมกลับโดนแม่คว้าแขนไว้ก่อน
“แม่ พ่อเขา”
“ไม่เป็นหรอกน่า พ่อแกแค่เจอคำเรียกไม่คุ้นน่ะ เลยเกิดอาการหวงลูก ช่างเขาเถอะ”
“หา?”
“ไปๆ ไปพักผ่อนตามอัธยาศัยกันในห้องก่อน เราสองคนกินข้าวมารึยังล่ะ ปากเจ็บอย่างนี้ เดี๋ยวแม่อุ่นแกงจืดให้ แล้วค่อยลงมากิน” แม่พยายามดันหลังให้ผมออกเดิน แวบหนึ่งเห็นเกรทยิ้มเฝื่อนไปทางพ่อพลางยกมือไหว้
ไหว้ทำไม? พ่อผมเป็นหวัด ไหว้เพื่อ? สวดมนต์ให้หายป่วยไวไวเหรอ?
พวกเราขึ้นมาพักที่ห้องระหว่างรอตามคำแนะนำของแม่...ห้องส่วนตัวของผม ร่างสูงเดินเอากระเป๋าสะพายที่รับ
‘ฝาก’ ไว้ไปพาดยังเสาแขวนหมวกแล้วห้อยสัมภาระของตนเองซ้อนทับ ส่วนผมแบตเตอรี่หัวใจติดๆดับๆเลยทิ้งดิ่งลงเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เฮ้อ ทำไมเตียงบ้านตัวเองมันสบายอย่างนี้นะ นุ่มนิ่มซะจนหนังตาหลักใกล้หลับรอมร่อ เสียงเปิดเครื่องปรับอากาศดังแทรกเข้ามา ผมตะแคงหน้าเหลือบตามองร่างสูงที่ยืนเสียบรีโมตเข้ากับผนัง สุดท้ายก็ไม่ยอมกลับจริงๆสินะ
“ไม่ร้อนเหรอครับ” ผมส่ายหัวเบาๆทั้งที่แก้มแนบกับผิวเตียง
“ไม่ถึงขั้นนั้น” ร่างสูงยกแขนจ่อกับช่องแอร์ รับลมที่พัดปลิวลงมา
“เดี๋ยวก็เย็นแล้วครับ ทนอีกนิด” มือใหญ่หยิบพัดที่เสียบตรงกลางกล่องเอกสารเดินเข้ามา ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงระดับเดียวกับศีรษะ ใช้มือปาดปัดไว้ยังหน้าผากชื้นเหงื่อจางๆอย่างเบามือพลางเริ่มโบกพัดวี ลมเบาๆต้องใบหน้าทำให้ความร้อนบริเวณลำคอเจือจางลง บวกกับแอร์ที่เริ่มทำงานร่างกายจึงรู้สึกสบายตัวขึ้น
“เกรท” ผมผุดตัวลุกขึ้นมานั่งพับขาจ้องหน้าอีกฝ่าย เกรทมีอาการแปลกใจถือพัดค้าง ก่อนเม้มปากเหมือนเตรียมพร้อมฟังสิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวต่อ “ผมถามคุณจริงๆเถอะ”
“ครับ” แววกังวลปรากฏในคำตอบรับ
“ทำไมถึงกลับมา”
“ผมไม่เคยหายไป”
“แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่”
“เพราะผมรู้แล้ว ว่าผมต้องการอะไร”
“คุณกำลังสับสนใช่มั้ย”
“ถ้าเมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ผมไม่”
“คุณไม่ได้ชอบผมมาตั้งแต่แรก”
“ใช่ครับ” เป็นครั้งแรกที่ความจริงหลุดออกจากปากเกรท ตั้งแต่คบกันไม่เขาไม่เคยเอ่ยบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับผมเลยสักครั้ง มีแต่บิดเบือนเฉไฉไปทางอื่น
“แล้วคุณรู้มั้ยว่าผมก็ไม่เคยชอบคุณมาตั้งแต่แรก”
“เรื่องนั้นผมรู้” ใบหน้าเกรทดูสลดลง เขาก้มหน้าน้อยๆ ว่าแต่เกรทรู้ได้ไง “อิมมีคนที่คบด้วยแล้วเหรอครับ” จู่ๆก็โดนสวนคำถามกลับ ผมถึงกับส่ายหัวหวือปฏิเสธ
“เปล่า จะมีได้ไงล่ะ” ร่างสูงชักหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ
“แล้วพี่เบสล่ะ”
“รายนั้นเขาเกี่ยวอะไร”
“อิมยังไม่มีแฟนใช่มั้ย” ร่างสูงรุกคืบขึ้นเตียง คลานเข่าเข้าใกล้ ผมถึงกับต้องหดคอเอนตัวไปด้านหลังเพื่อถอยให้ห่าง จู่ๆทำไมกลายเป็นผมที่โดนยิงคำถามได้ล่ะ
“ถึงจะไม่ แต่ผมก็ไม่คิดจะกลับไปคบกับคุณหรอกนะ”
ถึงปากเกรทจะบอกว่าไม่สับสน แต่ผมยังคงไม่คิดอาจวางใจได้ ไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายกับความรู้สึกแปลกๆที่ผุดขึ้นมาในสมองยามที่มองเห็นเกรทกับใยไหม แต่พอได้เจออีกฝ่ายเมื่อไรใจนึงมันก็...
“แต่ถ้าคุณกลับมาในฐานะรุ่นน้อง” ผมหลุบตาลง
“...”
“ก็อาจจะยังพอให้ได้”แวดล้อมดูเงียบไปอึดใจ ทำไม...ไม่ตอบโต้อะไรเลยล่ะ สุดท้ายผมยอมพ่ายต่อความอดทน เงยหน้ามาสบตาเขา เกรทดูมีอาการดีใจไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ผมบอกไม่ถูกว่าเป็นอารมณ์ไหน ชั่วอึดใจมือใหญ่ย้ายมาจับต้นแขนสองข้างของผมกำแน่น
“ระ...รุ่นน้องก็ได้ครับ!!” ผมสะดุ้ง เกรทยื่นหน้ามาตอบแบบไม่รีรอ พอใกล้เข้าหน่อย เลยเอนหลังหงายร่วงลงไปนอนกับเตียงดัง...
ตุบ!
“อ...อิม” เกรทโค้งตัวมาใช้ฝ่ามือสัมผัสขมับข้างศีรษะ ใบหน้าออกแนววิตกกังวล “เป็นอะไรรึเปล่า”
“ป...เป็น...”
“ฮะ? เป็นอะไร ตรงไหน”
“เป็นน้องก็ต้องหัดเรียกพี่สิวะ!” ผมดีดกะโหลกหนาๆไปหนึ่งป๊อก มีอย่างที่ไหน ได้คืบแล้วเอาศอกให้ตายเถอะเด็กนี่ มาโหมดนี้เกรทคงช็อกเพราะนอกจากคนในบ้านผมไม่เคยแสดงให้ใครที่ไหนได้เห็นเลยสักครั้ง
“นี่หรือครับตัวตนอิมเมจตัวจริงที่เขาว่าโหด”
“ถ้าใช่แล้วไง”
“ก็โหดดี” ยังมีน่ามายิ้มอีก
“เห็นตอนแรกอิมบอกว่าจะ
‘สร้างภาพ’ แล้วทำไมอยู่ดีดีถึงแสดงให้ผมเห็นล่ะ” ยัง ยังไม่หยุด ยังเรียกอิมอีก
ไอ้ที่แสดงออกมาให้เห็นน่ะ คือสร้างไม่ไหวแล้วไง อยู่ใกล้กันเกินเหตุ...
“ผมดีใจนะ”
“...”
“ได้เห็นอิมในแบบที่ใครก็ไม่เคยเห็น” ผมขมวดคิ้วมองคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี่ดีใจเหรอเนี่ย เกรทนายบ้าไปแล้ว
“งั้นทีหลังก็หัดเผยธาตุแท้ของคุณให้เห็นบ้างดิ แบบชอบพี่ใยไหมคร้าบ ที่ขอพี่อิมเมจคบด้วยก็เพราะกลัวหน้าแตกคร้าบ อะไรแบบนั้นน่ะ” ผมกัดเน้นๆ มาถึงจุดนี้ไม่สนว่าจะแทงใจดำแล้ว ต่างคนต่างไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก
“คนชื่ออิมเมจปากร้ายนะครับ” นิ้วเรียวยาวของเกรทยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่โดนลมพัดมาระหน้าผาก ก่อนแตะริมฝีปากผมแล้วจ้องมองมันอย่างหมิ่นเหม่ “ความจริงธาตุแท้ของผมก็เผยให้อิมเห็นเกือบหมดแล้วนะ จะมีก็แต่...”
“ต...แต่อะไร...” ร่างสูงยอมถอยมือออกไปก่อนเผยยิ้มเบาบาง
“ด้านมืดในจิตใจ”
“จะด้านมืดด้านสว่างด้านอะไรแน่จริง ก็มาดิคร้าบ ไม่ได้ดีแต่ขู่” โชว์ไม่กลัว กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าโชว์ให้เห็นมากกว่า พูดจบใบหน้าเกรทกระตุก เหมือนเสียสมดุลที่โดนท้าทายอำนาจมืด รู้สึกสะใจที่ได้ตอกกลับอีกฝ่ายเสียบ้าง แต่ไม่ทันไรก็เอะใจกับเงามืดที่เคลื่อนคล้อยบังใบหน้า เกรทกระโดดตัวผลุงขึ้นเตียงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจทราบได้ แต่สองแขนแกร่งตอนนี้กำลังยันน้ำหนักคร่อมผมไว้ทั้งตัว
“อิมท้าผมก่อนนะ”
“หา? เออท้าแล้วไง คุณไม่มีทางมาจริงจังกับคำท้าของผมหรอก” ยกมือดันอกอีกฝ่าย ใจลึกๆชักทะแม่งรู้สึกเหมือนเรื่องที่เขาพูดจะไม่ใช่เรื่องที่ผมคิด แต่มาถึงตอนนี้จะตีโพยตีพายกระโดดหนีหายไปจากห้อง มันก็เสียเชิงชายน่าดู แต่อีกใจก็หวั่นๆกลัวว่าเด็กมันจะเอาจริงอยู่ลึกๆ
“ใครว่าผมไม่จริงจัง” เกรทจับข้อมือสองข้างผมไว้
“...”
“เรื่องด้านมืดผมจริงจังเสมอ”จบคำร่างสูงแหวกแขนแทรกตัวเข้าหา โน้มต่ำเอียงหน้ายื่นริมฝีปากมาแนบประกบ มือสองข้างถูกจับตรึงไว้ข้างตัว สัมผัสอบอุ่นของลมหายใจปะทะสันจมูก ความนุ่มหยุ่นอันแห้งผากเหนี่ยวนำให้กลีบปากแนบติดถูกดึงขึ้นตามการถอนออก เกรททิ้งระยะห่างไปแค่สามเซนต์ หน้าผากได้รูปจรดลงบนกระหม่อม ถอนลมหายใจรดผิวแก้มทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ขอโทษครับ...” เกรทหายใจหอบสั่น “วันนี้ผมไม่ได้ทาลิปบาล์มมา” อะโด่...ผมก็คิดว่าขอโทษอะไร...
มันใช่ประเด็นที่ไหนกันเล่า!!
“ข...ขอโทษผิดจุดมั้ย”
“ฮะ?” ร่างสูงส่งเสียงประหลาดใจพลางมองตา
“คุณควรจะขอโทษที่จู่ๆก็จูบผมต่างหาก” ฉับพลันรอยยิ้มหล่อเหลาประดับด้วยรอยช้ำก็ปรากฏขึ้นใบหน้า
“อิมครับ ปกติคนเขาพูดขอโทษตอนไหนกัน” จู่ๆเหมือนโดนปัญหาเชาวน์ทดสอบสมองน้อยๆของผม จนต้องนิ่งคิด
“ก็...ตอนที่รู้สึกผิดล่ะมั้ง”
“ใช่ ตอนที่รู้สึกผิด” นั่นไงผมว่าแล้ว แล้วเจ้าตัวจะมาแย้งอะไรผม
“แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเนี่ยสิ”จบคำผมได้แต่ตื่นตะลึง ก่อนความร้อนผ่าวระลอกสองตามมาติดๆ เกรทปล่อยมือข้างหนึ่งย้ายมาประคองท้ายทอยดึงเบาๆเข้าหา แนบความแห้งผากไร้ลิปบาล์มลงมาอีกครั้ง ก่อนกดย้ำพลางบดเบียดอย่างเนิบนาบ เจ้าตัวขยับคางเข้าออกหนักเบาเคล้าคลึงไปมา เลื่อนมืออีกข้างมากุมประสาน ความสั่นเทาจากมือส่งผ่านมาสู่อีกฝั่ง ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวกำลังประหม่ากับการจุมพิต...
เฮ้ย...ไม่ได้ไม่ได้...ใจผมกำลังจะเตลิด จู่ๆรู้สึกเห็นใจอยากจูบตอบความเว้าวอนของรุ่นน้อง อยากเอื้อมแขนไปคล้องกอดอีกฝ่าย
หลับตาไล่ความคิดจนสมาธิถูกดึงกลับไปรวมตัวยังจุดที่โดนกระทำ ริมฝีปากบนล่างโดนดูดรั้งราวกับปลาตัวเล็กเข้าตอด เทะเล็มอาหารซึ่งเป็นกลีบปากแดงนุ่มซ้ำไปมา สลับจากบนไปล่าง จากล่างขึ้นบน ก่อนแนบประกบขบเม้มพร้อมกันในคราเดียว พื้นที่เหนือคางก็โดนจัดการเสียเรียบ โดยการแนบริมฝีปากที่เริ่มเปียกชื้นจูบซับไต่ระดับขึ้นมาราวกับลิฟต์
“เกรท...อ...อื้อ” จังหวะที่อ้าปากพลางหุบหลบการรุกล้ำกลับกลายเหมือนกำลังตอบสนอง เพราะมันดึงรั้งริมฝีปากล่างนุ่มหยุ่นของอีกฝ่ายให้ตามติดมาด้วย ดวงตาสีเข้มกำลังจ้องสบผม เปี่ยมอารมณ์ดีใจเกินปิดมิดไว้ จนเผลอแย้มเยื้อนเป็นรอยยิ้ม
เจ้าเด็กบ้า...
คิดด่าในใจเพลินๆดันถูกเกรทฉกจูบโต้กลับเบาๆ ผมเนี่ยสิตกใจจนแทบสติหลุด นึกว่าอีกฝ่ายจะงับลงมาจนจมเขี้ยวเลยเผลอส่งเสียงร้องประท้วงออกไป
“อ๊ะ”
เสียงนั้นทำคนตัวสูงประหลาดใจถึงกับชะงักถอนตัวขึ้นมามองหน้า แต่เพียงไม่นานที่ผมยกมือขึ้นปิดปาก เกรทกลับปล่อยมือจากท้ายทอยปาดเอาสิ่งกั้นขวางออก พลางรวบผมเข้าไปกอดทั้งตัว น้ำหนักกายสูงทาบทับลงมาเบาๆก่อนพลิกตัวตะแคงข้าง สายตาเจ้าตัวดูเปี่ยมอารมณ์หวานล้ำลึกเป็นพิเศษ
“กะ...เกรท”
“พี่อิม...ชอบนะครับ”ใจผมสั่นกระตุก เหมือนทุกอย่างจะหลุดมานอกอก ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมดเหมือนระเบิดเวลาที่ตั้งทิ้งไว้เตรียมนับถอยหลังทำลายตนเอง
เกรทกระชับอ้อมกอด ย้ายมือมาประคองช่วงคอ เอียงศีรษะกดจูบเข้ามา มันเป็นจุมพิตที่หนักแน่นและลึกซึ้งเกินกว่าหาคำบรรยาย คนครองสติได้ตอนนี้คงมีแต่เกรทที่เม้มปากซ้ำๆ เผยอส่งเรียวลิ้นอ่อนตวัดชิมริมฝีปากแดงสด เบื้องต้นสัมผัสแผ่วเบาเจือจางราวกับปลอบประโลมให้ตายใจ ก่อนตีเนียนใสใสเวียนมาไล้กลีบปากบน กดคลึงเน้นจูบหนักๆพลางดูดซ้ำไปมา แนบสนิทถอนถอยราวกับหยอกล้อ ก่อนเบี่ยงเปลี่ยนองศาย้ำความเป็นเจ้าของจุมพิตไปรอบบริเวณ
“ก...เกรท”
เสียบจุ๊บเบาแต่ถี่หนักอันน่าอายเริ่มทำร้ายโสตประสาท แต่ไม่เทียบเท่าความด้านชาของปลายกลีบปากซึ่งไม่หยุดแนบประสานกัน เกรทสานต่อด้วยการรุกล้ำร่องกลีบปากที่เผยอน้อยๆ ใช้ความอ่อนนุ่มดุนดันให้แย้มเปิด หลอกล่อให้เผลอไผลลืมตัวรับบทจูบอันหนักหน่วงเสน่หาลึกซึ้งมากมายกว่าเก่า
“ฮือ...” เสียงหายใจขึ้นจมูก ดวงตาปิดสนิทรับรู้ประสาทสัมผัสปลายลิ้นซึ่งเกี่ยวกระหวัด เหมือนมีกระแสไฟเล็กๆแล่นผ่านยามมือใหญ่เคล้าคลึงไปตามช่วงเอวและแผ่นหลัง จนต้องบิดตัวเข้าหาอกแกร่งราวกับหนี แขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดที่มีให้กันอย่างหนักหน่วง ช่วงอกรู้สึกถึงแรงกระทุ้งหนักๆดังเป็นจังหวะประสาน
ตึกตัก...
ไม่รู้ว่าเสียงมาจากไหน แต่ใจผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก แขนข้างหนึ่งสอดลอดใต้ระหว่างเตียงและร่างหนา ส่วนอีกข้างอ้อมมาจับแผ่นหลัง พลางใช้สองมือขยุ้มเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายจนยับ
“...เกรท” ลิ้นสากกวาดทั่วโพรงปาก ลัดเลาะไปตามไรฟัน หลอกล่อให้ความนุ่มหยุ่นแบบเดียวกันคืบคลานออกมาก่อนใช้ริมฝีปากดูดคลึงจากด้านนอก น้ำใสเริ่มไหลคลอจากมุมปากรินหลั่งมายังปลายคาง
คนเป็นรุ่นน้องถอนริมฝีปากมาจูบรับหยาดหยดความชื้น ขบกดเบาๆพลางดูดอย่างมันเขี้ยว
“เกรท อย่ากัด”
เหมือนนิสัยชอบกัดจะมาทุกครั้งที่ลืมตัว ทุกคราที่เคยจูบกัน เกรทมักจะแอบขบซ้ำๆตรงริมฝีปาก บางครั้งก็ลามไปถึงซอกคอจนน่ากลัว
“ขอโทษครับ” เจ้าตัวไล้เลียส่วนนั้นแทนราวกับปลอบประโลม จากใต้คางเริ่มลามปามไปตรงสันกรามและใต้กกหู แต่พอเอ่ยปากจะห้าม ริมฝีปากกลับแนบมาซ้ำแล้วเริ่มบทจูบหวานล้ำยกสอง
“อือ...”
“อิม...” ผมยกแนวคางขึ้นกดตอบสนองเพิ่มความหนักหน่วง ดูดริมฝีปากของร่างสูง อ้าปากพร้อมกัดดึงเบาๆ ขยับแขนขึ้นโอบรอบลำคอดึงลงให้ชิดใกล้ยิ่งขึ้น เมื่อฝ่ายหนึ่งคลึงกลีบปากบน อีกฝ่ายหนึ่งจะดูดดึงกลีบปากล่างอย่างไม่ยอมแพ้ ยกนี้ไม่มีใครแพ้ชนะ เหมือนต่างคนต่างมาเพื่อสนองตอบความต้องการของกันและกัน
“เกรท” ผมครางชื่อเขาอย่างห้ามไม่อยู่ มือของเกรทลูบแผ่นหลังหนักหน่วงขึ้นทุกครั้งที่โดนเรียกชื่อ ขาเริ่มก่ายเกี่ยวซ้อนทับดันตัวเข้าหากันและกัน จนกระทั่งไปโดนส่วนกลางตรงหว่างขา
“...!”
“...!”
ทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในความเงียบ...
เกรทนิ่ง...
ผมก็นิ่ง...
ไอ้เหี้ย...เหงื่อนี่ไหลมาเป็นน้ำเลยคร้าบบบบบบบ!!!
“อะ...เออ เออ เออ”
“อิม”
“นี่มันไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องแล้ว” ผมยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก พยายามถอยตัวออกห่างจากเขา
“นี่เป็นจูบแสดงความรักจากรุ่นน้องที่อยากเลื่อนขั้นเป็นแฟนครับ”“ทำไมปากดูช้ำหนักกว่าเก่า”
ผมแทบสำลักแกงจืดตอนพ่อพูดออกมา วันนี้ประหลาดทั้งที่บุพการีทั้งสองต่างทานข้าวกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้เป็นบิดากลับย้ายร่างที่กำลังสนุกกับการชมข่าวภาคค่ำมานั่งร่วมดูพวกเราสองคนกินข้าวด้วยกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่ของผม
“เฮ้ยพ่อ เป็นแผลนะ ไม่ใช่มดกัด แบบทายาหม่องปุ๊บหายปั๊บมีที่ไหน มันอาจจะบวมช้ำขึ้นมากว่าเก่าเมื่อไรก็ได้ใครจะไปรู้ ดูอย่างวันนั้นดิที่ตอนพ่อเดินเตะขอบเตียงอ่ะ เป็นไงวันถัดมา เล็บหลุด เจ็บตีนเดินไม่ได้ไปสามวัน” ผมพยายามหาข้ออ้างแก้ต่างให้เกรท เพื่อไม่ให้หลักฐานจากการทำ
อะไรกันก่อนมานั่งกินข้าวมันเด่นชัดจนเกินไป
หลังจากตอนนั้นความดื้อดึงของ ‘รุ่นน้อง’ ที่พยายามต่อก๊อกสองก๊อกสามก๊อกสี่ก็มีมาไม่หยุด ความรู้สึกหวานนัวยังคงซึมซาบอยู่ในโพรงปาก รู้สึกชาจนด้านทั้งสันกราม เสียงความชุ่มชื้นซึ่งดังเหนอะหนะยังคงค้างอยู่ในสมอง แต่ที่แปลกคือเจ้าตัวยังเคารพความเป็น ‘รุ่นน้อง’ ไม่เตะต้องช่วงล่างซึ่งบังเอิญเกิดอารมณ์จนพองคับแน่นขึ้นมาทั้งคู่
‘รุ่นน้องคนนี้ขอแค่จูบพี่อิม ไม่ขออะไรมาก’จ้า แค่จูบก็จะทำผมตายทั้งเป็นได้แล้ว แล้วมีอย่างที่ไหนรุ่นน้องจูบรุ่นพี่ได้ ตำราเล่มไหนเขาบอกกันวะ
“ที่แกพูดมาก็ถูก” เสียงพ่อดึงสติที่คิดออกไปไกลจนนอกอ่าว ผมลอบถอนหายใจ นึกว่ารอดแล้ว แต่สิ่งที่บิดาโพล่งหลังจากนั้นกลับทำให้ผมตะลึง
“แต่พ่อหมายถึงเอ็ง ไม่ใช่เพื่อนเอ็ง!”เหี้ย!! รีบยกมือขึ้นบังปาก ตาหลุกหลิกซ้ายขวา คิดว่านานจนไม่น่าเห็นริมฝีปากที่บวมเจ่อจากความพยายามของเกรทในการสร้างฉากจูบประมาณหน้ากระดาษเศษได้ แล้วทำไมยังจะ...
“ไม่ต้องปิดหรอกอิม พ่อเขารู้แล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
หา?! พ่อรู้? ผมเหลือบไปมองแม่ที่เฉลยขึ้นมา ก่อนสบตาเกรท คราวนี้ร่างสูงถึงกับวางช้อนส้อมลง ทำสีหน้าจริงจังตั้งใจฟัง
“ความจริงแม่ก็กะว่าจะค่อยๆบอก แต่พักหลังมานี้เห็นลูกเกรทไม่ค่อยมา เลยแอบเผลอคิดไปว่าพวกเราสองคนน่ะเลิกกันแล้ว” เกรทขยับตัวเหมือนจะพยายามพูดแทรกอะไรบางอย่างแต่ผมจิกต้นขาห้ามเขาไว้
“โอ๊ย อิมทำอะไรน่ะ”
“นิ่งไว้เลย” ผมส่งสายตาดุ กระซิบปราม
“แต่พอเรียกเจ้าอิมให้ดูโฆษณาที่เราออกทีนะ หน้าเนี่ยยิ้มบานเป็นกะโล่ ทำท่าดีใจอย่างกับเห็นความสำเร็จของคนในครอบครัวยังไงอย่างนั้น ตอนนั้นเลยไม่แน่ใจเลยจ้าว่าเลิกกันจริงเหรอ”
“แม่!” อย่าเอาผมมาเผาได้มั้ย!! ขอร้อง!
“อ้าวทำไมล่ะ ก็พูดเรื่องจริง พอบอกว่าน้องเขาหล่อเนอะ ก็พยักหน้าเออออห่อหมกเห็นด้วยอย่างกับอะไร” เกรทจ้องผมใหญ่ ดวงตาเป็นประกายขัดกับแวววิตกกังวลเมื่อสักครู่ เจ้าตัวแอบขยับมากุมมือผมไว้ใต้โต๊ะ จะดิ้นหนีก็กลัวมีพิรุธจนพ่อแม่จับได้ จึงเกร็งแขนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“แล้วพ่อเขาก็จับได้ตอนลูกเกรทเรียก ‘อิม’ แทนที่จะเรียก ‘พี่อิม’ เมื่อครู่นี้เนี่ยสิ”
“ใช่ตอนนั้นซะเมื่อไรล่ะ” พ่อพูดขัด ทุกคนหันขวับไปทางพ่อเป็นตาเดียว “จับได้ตั้งแต่ตอนที่ตะโกนเรียกกันให้
‘มาดูโฆษณาคุณแฟน’ แล้ว” แม่ผมยกมือปิดปากทำท่าชะอุ๊ยพลาดซะแล้วปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม ส่วนผมแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะทานข้าว ใครกันวะครับที่บอกว่าพ่อไม่อยู่ ใครกับวะครับที่บอกว่าพ่อไม่ได้ยินน่ะ คุณแม่!!
“อ้าววันนั้นคุณอยู่เหรอ คิดว่าไปตัดหญ้าที่สนามซะอีก”
“นั่งอ่านข่าวในมือถืออยู่ตรงโน้น” นิ้วผู้เป็นพ่อพุ่งไปยังมุมหนึ่งซึ่งเป็นที่วางโซฟาเดี่ยวตัวเตี้ย “มุมห้อง”
เชร้ดดดด...พ่อผมเป็นนินจา!!
ระหว่างที่ทุกคนยังคงวอแวกับพ่อ เสียงขาเก้าอี้เสียดสีกับพื้นเบาๆดังขึ้นขัด ตัดความสนใจของทุกคนไปยังร่างสูง เกรทปล่อยมือผม ลุกเดินมายังหัวโต๊ะ สีหน้าดูจริงจังผิดกว่าครั้งไหนๆ ก่อนร่างทั้งร่างจะทรุดตัวคุกเข่าลง ทุกคนกลั้นหายใจกับการกระทำของร่างสูง การสนทนาทุกอย่างหยุดนิ่ง
“คุณน้าคุณอาครับ”
“ลูกเกรท ทำอะไรน่ะ” เหมือนแม่จะลุกไปห้าม แต่เกรทกลับเงยหน้าขึ้นพูดบางอย่างออกมาก่อน
“ผมชอบอิมครับ”“...!”
ทุกคนเงียบรวมถึงแม่ผมที่ยืนค้างอยู่ตรงที่เดิมด้วย
“ร...เรื่องนั้นแม่ก็รู้อยู่แล้ว ไม่งั้นเราสองคนจะคบกันทำไมล่ะ ลุกขึ้นมาคุยกันดีดีก่อน ลุก” แม่จับแขนแกร่งดึงเบาเหมือนโน้มนำให้ขยับ แต่เจ้าตัวยังทู่ซี้คุกเข่านิ่งอยู่กับที่
“ผมโดนอิมปฏิเสธไปแล้วครับ”
“หา?” ประสานเสียงกันดังฟังชัดไม่เว้นแม้พ่อผม ที่นั่งทำท่างุนงงอยู่
“ที่มาคุกเข่าตรงนี้ เพราะผมตัดสินใจแล้ว ผมอยากจะขออนุญาตจีบพี่อิมอย่างเป็นทางการ และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาต้องเสียใจอีกเป็นครั้งที่สอง” เล่นใหญ่เว่อร์! นี่ไม่ได้ทางผมก็จะเอาทางพ่อแม่เหรอวะ โว้ยเด็กเกรทโว้ย ไอ้เด็กบ้า!
“แล้วถ้าเขาเสียใจเพราะเอ็งขึ้นมาล่ะ” เสียงพ่อผมแทรกขึ้นมา หน้าตาผู้เป็นบิดาดูเคร่งขรึม จริงจัง จนบรรยากาศโวยวายแวดล้อมดูสงบลงทันตา
ปกติพ่อผมจะเป็นคนใจดีที่หนึ่งในบ้าน ถ้าเทียบกับแม่แล้ว รายนั้นโหดเสียยิ่งกว่า พ่อเป็นผู้ชายสายไม่มีพิษมีภัย เอ็นดูอารีเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่เป็นเด็กที่เข้าใจโลก ไม่อ่อนแอ แต่สู้คน หากในความสู้คนนั้นก็ไม่ล้ำเส้นจนหาญกล้าถึงขั้นไประรานใคร และหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกทั้งสองเมื่อไรพ่อก็พร้อมจะเต็มใจออกหน้า ปกป้องด้วยความยุติธรรมเสมอ
“ผู้ชายหน้าตาดี เป็นดาราอย่างเอ็ง ทางเลือกมันเยอะเกินกว่าจะมาจบกับคนที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างไอ้อิมมัน ถึงตอนนั้นถ้าไขว้เขว ทำให้อิมมันเสียใจ เอ็งจะทำยังไง”
เจอด่านหินเข้าแล้วไง บอกให้อยู่นิ่งๆไว้ทำไมไม่ฟังกันบ้าง ผมถอนหายใจ เกรทคงไม่ทำอะไรเพื่อคนที่หลงมารู้จักกันอย่างผมได้หรอก การโดนคนเป็นพ่อสอบสวน อาจจะเป็นการกระตุ้นให้ความสัมพันธ์ที่ควรห่างกันนั้นมาไวมากขึ้น แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยน เหลือเพียงเกรทและผมต่างเดินกันคนละทาง
“เกรท คุณยังกลับตัวได้นะ” ผมยิ้มให้เขา ไม่ใช่การทำหน้าเศร้าหม่นหมอง แต่เป็นยิ้มที่พร้อมรับกับทุกสิ่งที่เป็นคำตอบของอีกฝ่าย บางทีการทำหน้าเสียใจอาจทำให้เกรทไม่กล้าพอที่จะบอกปฏิเสธผม ความสับสนอาจทำให้ใครบางคนทำอะไรผิดพลาด และมันจะรู้สึกแย่เป็นอย่างมากหากได้รู้ว่าเขารู้สึกผิดที่เลือกผม
“ต่อให้อิมบอกให้ผมกลับตัวกี่ครั้ง แต่ถ้าปลายทางยังเป็นอิม สุดท้ายผมก็ต้องวกกลับมาหาอิมอยู่ดี”
“...”
“ผมยอมรับนะ ว่าเคยไขว้เขวมาแล้วครั้งนึง แล้วมันก็ทำให้ผมเกือบเสียอิมไป ผมไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกเสียใจกับเรื่องวันนั้นอีกแล้ว”
“ขอจีบได้มั้ยครับพี่อิม”…TBC…
+++++++++++++++++++++++
ไม่ถนัดฉากเลยยยยยยยยยยย
เกรทต้องแสดงความจริงใจว่าอยากคบกับพี่อิมอย่างบริสุทธิ์ใจ ให้เต็มแม็กแล้วค่า
บุก!!
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ ตามอ่านอยู่เสมอ เพราะคุณคือกำลังใจ