[END] Unclear จริงจังหรือแค่ขำๆ [บทส่งท้าย : 1/1/2020] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Unclear จริงจังหรือแค่ขำๆ [บทส่งท้าย : 1/1/2020] หน้า 3  (อ่าน 11042 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โล่งเลยนะเฮียแช่ม พ่อแม่ไม่ว่าไรแล้ว เข้าหาได้ตลอด ทางโล่งแล้ว  :m4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทส่งท้าย
[/b]



Kh. @KhH22_luc

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานึงของชีวิต

ไม่ว่าดีหรือร้าย สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นความทรงจำ

เป็นความทรงจำที่สอนอะไรหลายอย่างให้เรามากมาย....มากมายจริงๆ



#CloverBad






นานๆ เลยที่จะทวิตข้อความอะไรที่จริงจังและเหมือนคนแก่ขนาดนี้

ช่างเถอะเพราะผ่านไปสักพักเดี๋ยวก็ลบออก

ผมนั่งอยู่หน้าตึกคณะเพื่อรอข้าวก้องน้องรัก คือนัดกันไว้ว่าจะไปรับของที่สั่งทำเอาไว้น่ะครับ วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของไฟนอลเทอมแรก เรียกได้ว่าหืดขึ้นตาเลยทีเดียว จะว่าไปเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ จากวันที่พาพี่แช่มไปหาพ่อกับแม่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน ช่วงเวลาที่ผ่านมางานเยอะชิบหาย เหนื่อยอะ กิจกรรมของเทอมหน้าหนักสุดก็กีฬาสี

แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ตอนนี้เกือบบ่ายโมงครับ พี่แช่มสอบเสร็จตอนบ่าย 3 วันนี้เราตกลงไปฉลองสอบเสร็จที่จันทร์เจ้าด้วย แฟนผมบอกว่าตอนสอบเสร็จจะพาคุณเฉลิมไปตรวจสุขภาพที่คลินิกประจำ ก่อนที่ลุงเชตจะมารับเจ้าอ้วนให้ไปอยู่ที่สวนปาล์ม คือตอนแรกพี่แช่มเขาอยากจะเอาคุณเฉลิมไปอยู่ที่ระยองด้วยกันแต่ผมค้านเขาเอง เพราะว่าลำพังดูแลตัวเองแค่คนเดียวก็ลำบากแล้ว อีกอย่างการจะเลี้ยงสัตว์มันก็ต้องมีเวลาให้ด้วย ผมกลัวคุณเฉลิมจะเหงา

พอเป็นแบบนี้พี่แช่มก็จะเหงาแทน

เอาน่ะ เชื่อสิว่าผมเลือกทางที่ดีที่สุดให้พี่แช่มและคุณเฉลิม แค่ช่วงไม่กี่เดือนเองที่เขาฝึกงานน่ะ พอฝึกเสร็จ จัดการโน่นนั่นเรียบร้อยก็ค่อยไปรับคุณเฉลิมจากสวนปาล์มของลุงเชต จะว่าไปก็อีกแค่แป๊บเดียวเอง พี่แช่มจะเรียนจบ ส่วนผมก็จะขึ้นปี 4 แล้วไปเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันกับเขา ชีวิตในรั้วมหา’ลัยเหลือไม่อีกนานละ ไหนลองนึกถึงช่วงที่ผ่านมาทั้งหมดซิว่ามันเป็นยังไง

ทำไมนึกออกแต่งานวะ

“รอนานป้ะ”

“นาน”

“รอนานก็เรื่องของมึง” ข้าวก้องเอ่ยวาจาแบดๆ ออกมาก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดสูบ “พี่แช่มอะ”

“ยังสอบไม่เสร็จ แล้วไอ้เบย์อะ”

“ตายแล้ว”

“เดี๋ยวกูจะบอกมัน”

“อย่า” เจ้าตัวทำหน้าตึงใส่ผมทันที แหมๆ ๆ ๆ พูดจาเหมือนจะห้าว สุดท้ายก็กลัวผัวนี่หว่า

“มึงนี่มันเก่งแต่ปาก” ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะหยิบบุหรี่ที่ข้าวก้องสูบเหลือครึ่งมวนทิ้งลงที่ทิ้งบุหรี่

“ยังไม่หมดมวนเลย”

“เออ สูบแค่นั้นพอ กลิ่นบุหรี่มึงรมหัวกูหมดแล้วเนี่ยะ” ผมล็อกคอมัน “ไปกันเถอะ กูหิว”

“เออๆ ไม่ต้องล็อกคอ” มือเรียวจับแขนผมออกก่อนจะเดินขึ้นรถ ผมก็มานั่งประจำตำแหน่งคนขับ

ของที่ผมจะไปเอาคือจี้ครับ ผมไปสั่งทำจี้เรซิ่นให้พี่แช่มเนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันครบรอบที่เป็นแฟนกันมา 6 เดือน จี้ที่ผมไปสั่งทำเป็นจี้ที่ใส่ใบโคลเวอร์สี่แฉกที่เขาให้ผมมาในวันที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนนี้มันแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว ผมกะจะให้เขาห้อยมันไว้ข้างกับเกียร์ของผม ช่วงที่เขาฝึกงาน เวลามีปัญหาหรือเหนื่อยมากๆ ถ้าเขาได้มองสิ่งที่ผมให้ติดตัวไป มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ ตอนแรกผมใส่สร้อย 2 เส้น สร้อยเกียร์เส้นนึง สร้อยใบโคลเวอร์เส้นนึง

นึกถึงตอนตื่นแล้วมันพันคอดิ

ตอนนี้ผมเอาจี้มาห้อยด้วยกันแล้วครับ ใส่ติดตัวตลอด ไม่คิดที่จะถอดและจะไม่ให้ใครถอดมันออกด้วย สำหรับผมแล้ว สร้อยเส้นนี้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมเคยถอดมันออกด้วยมือตัวเองครั้งนึง การกระทำในตอนนั้นทำให้เกือบเสียคนที่ตัวเองรักไปแล้ว เอาน่ะ เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ผมจะไม่เอามาคิดแล้วล่ะ หลังจากนี้อะไรก็ตามที่เราคิดว่ามันสำคัญ เราก็ต้องดูแลรักษาสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

“มึงได้ให้เกียร์ไอ้เบย์ยังวะก้อง”

“ยัง คิดว่าจะให้หลังจากวิ่งเกียร์”

“คิดไว้ป้ะว่าจะให้ยังไง”

“ก็คงให้เฉยๆ แล้วก็บอกว่าเก็บไว้ให้ดีดี ทำหายตาย ถ้าทำหาย กูจะหายไปพร้อมเกียร์นั่นแหละ” มันบอกก่อนจะทำหน้าเหี้ยม ดูก็รู้แล้วว่าไม่จริงหรอก ถ้าสมมุติไอ้เบย์ทำเกียร์หายนะ มันต้องร้องไห้งอแงแน่นอน

ฟูมฟายเป็นหมา

“ทำโหดอีก” ผมเบ๊ปากใส่มันก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดในห้างบีบีแล้วหยิบกระเป๋าลงจากรถ หิวข้าวมากเลยอะ ใจนึงอยากกินซูชิแต่เดี๋ยวข้าวก้องจะทำหน้าเหมือนส้นตีนอีกเพราะงั้นเลือกอะไรที่จะกินได้ทั้งคู่ดีกว่า

“กินข้าวก่อนไหม”

“อืม ชาบูป้ะ”

“ได้ ดีเลย เบย์บอกว่าอยากกินมาหลายวันแต่ไม่ได้กิน เดี๋ยวกูจะถ่ายรูปไปเย้ยมัน”

“แล้วมันก็จะกินมึงแทนชาบู”

“รู้มากจริงไอ้เวร” ร่างโปร่งเดินนำผมเข้าไป เขินก็บอกเขินดิ ชอบทำเป็นโหดกลบเกลื่อน

เราสองคนเดินมาในร้านชาบูก่อนจะจัดแจงสั่งโน่นนี่นั่น เดี๋ยวระหว่างที่รอของทั้งหมด ผมแวะไปเอาของก่อนดีกว่า มันแค่แป๊บเดียวแหละ เดี๋ยวให้ข้าวก้องรอไปก่อน พอคิดได้แบบนั้นผมก็บอกกับเจ้าน้องรักก่อนจะเดินออกมาจากร้านแล้วมุ่งไปชั้น 3 ของห้าง ร้านของขวัญอยู่ตรงข้ามกับบันไดเลื่อนเลยครับ ร้านนี้ไอ้หมีแนะนำมา มันบอกว่าเป็นพี่ที่รู้จักกันสมัยเรียนมัธยมฯ

แม่งรู้จักคนทุกประเภทอาชีพจริงๆ

“ผมมาเอาของที่สั่งเอาไว้น่ะครับ”

“ของคุณอะไรคะ”

“ชนัศชัยครับ”

“รอสักครู่ค่ะ” พนักงานรับคำก่อนจะเดินไปหยิบของออกมาให้ “ทั้งหมด 250 บาทค่ะ”

ผมส่งเงินให้เขาก่อนจะรับของมา “ขอบคุณนะครับ”

“รอใบเสร็จสักครู่นะคะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะมองของที่อยู่ในถุง พอพนักงานนำใบเสร็จมาให้ผมก็เดินออกมาจากร้าน ตื่นเต้นว่ะ ไม่รู้ว่าพี่แช่มจะทำหน้ายังไงตอนได้รับจี้อันนี้

ผมหวังว่าเขาจะดีใจนะ

“ได้มาแล้วเหรอ” ข้าวก้องเอ่ยถามก่อนจะยัดหมูสามชั้นเข้าปาก “ดูหน่อย”

“อย่าทำเลอะ” ผมส่งกล่องใส่จี้ไปให้ดู จี้ที่ผมสั่งทำ ลักษณะเป็นทรงกลมแบนครับ ตรงกลางเป็นใบโคลเวอร์สี่แฉกที่แห้งไปแล้ว ดูเรียบๆ แต่มีความหมายกับเราทั้งสองคน

“อ๋ออันนี้ที่กูเคยจะเก็บทิ้ง”

“ใช่ มึงคิดว่าเป็นขยะ” ผมหยิบกล่องจากมือข้าวก้องมาใส่ถุงไว้ตามเดิมก่อนจะส่งแมงกะพรุนกรุบกรับเข้าปากทันที อื้มมมม....อร่อยว่ะ

กินแมงกะพรุนแบบนี้แล้วนึกถึงทะเลเลย

ผมยังจำทะเลที่บ้านพี่แช่มได้เลยนะ ถ้ามีเวลาว่างก็อยากกลับไปอีก ข้าวร้านพี่ย้งก็อร่อย ป่านนี้น้องสิชลน่าจะเดินรอบร้านได้แล้วแหละ เด็กๆ น่ะโตไวจะตาย นึกถึงเรื่องนี้ทีไร คำพูดที่พี่แช่มเคยบอกว่าอยากมีลูกก็กลับเข้ามาทุกที ผมรู้นะว่าเขาไม่พูดเล่นแน่ๆ เรื่องที่จะรับเด็กมาเลี้ยง แต่นั่นแหละมันก็ต้องเป็นเรื่องของอนาคต จนถึงตอนนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นความพร้อม เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่คิดว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยงได้

มันต้องมีความรับผิดชอบสูงเลยล่ะ

“ข้าวก้อง”

“หืม....”

“มึงเคยคุยกับไอ้เบย์เรื่องมีลูกบ้างไหม”

“เคย ตกลงไว้แล้วว่าจะไม่มี ไม่รับเลี้ยงเด็กด้วย”

“ทำไมวะ”

“เพราะต่างฝ่ายอาจจะหึงอีกฝ่ายจนหน้ามืดก็ได้”

“แต่นั่นเด็กนะมึง”

“เออ เด็กก็หึงเหมือนกัน” เจ้าตัวคีบตับมาใส่ชามผม “ตอนนี้ก็คิดกันแบบนี้แหละ แต่กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตมันจะยังไง ตอนนี้ไม่อยากมีลูก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่อยากมี แล้วมึงอะ คุยกับพี่แช่มไว้แล้วเหรอเรื่องนี้”

“ก็คุยกันเอาไว้บ้าง พี่แช่มน่ะคิดจะรับเลี้ยงเด็ก รับเลี้ยงแบบแน่ๆ เลยล่ะ เขาบอกว่ารอให้ตัวเองพร้อมมากกว่านี้ก่อน กูว่าน่าจะอีกหลายปี อาจจะตอนเขาอายุเกือบ 30 เลยก็ได้มั้ง”

“ถึงตอนนั้นก็คงได้แหละ อย่างพี่แช่มเขาก็มีภาระที่ต้องดูแลคนงานในสวนยางป้ะ”

“ใช่ เขาต้องกลับไปเรียนรู้งานกับลุงเชตอีก กว่าจะเข้าทีเข้าทางก็คงใช้เวลาหลายปีนั่นแหละ”

“มึงรู้ไหมว่าแพลนหลังเรียนจบของเขาคืออะไร”

“สร้างบ้านหลังใหม่”

“ทันทีเลยเหรอ”

“ใช่”

“งั้นช่วงปี 4 มึงกับเขาก็ต้องแยกกันอยู่น่ะสิ”

“อืม” ผมพยักหน้ารับเบาๆ “แยกกันทำหน้าที่ของตัวเอง”

คือตอนนี้ที่พี่แช่มต้องไปฝึกงาน เราก็ต้องอยู่ห่างกันหลายเดือน พอเขาฝึกงานเสร็จ จัดการเรื่องเรียนจบ เขาก็ต้องกลับไปทำเรื่องบ้านต่อ ในขณะที่ผมเรียนปี 4 พี่แช่มก็ต้องกลับไปเรียนรู้งานต่างๆ กับลุงเชตที่นครศรีฯ คงมีบ้างที่เราเจอกันแต่ก็คงนานๆ ครั้ง ผมน่ะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้วตั้งแต่ที่คุยกันเมื่อหลายเดือนก่อน ผมรู้ว่าเราจะอยู่ด้วยตลอดในทุกช่วงเวลาไม่ได้เพราะแต่ละคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ

ทุกอย่างก็แค่รอให้ผมเรียนจบ

สัญญากันเอาไว้แล้วไงว่าเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน พี่แช่มจะรับผมไปอยู่ด้วยที่บ้าน คือแพลนนี้วางกันเอาไว้แล้ว ระหว่างนั้นก็ต้องอดทนกันไป มันไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายนึงที่ต้องอดทนไง เพราะถ้าผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ก็ไม่ต้องมีอะไรหวั่นใจแล้วล่ะ เมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยนะว่าจะต้องมาวางแผนชีวิตอะไรแบบจริงจังขนาดนี้ ผมเล่าเรื่องพวกนี้ให้พ่อฟัง เขาก็เห็นด้วยในสิ่งที่เราสองคนจะทำนะ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็สามารถบอกได้เลย

ผมโคตรโชคดีเลยที่ครอบครัวเข้าใจและคอยซัพพอร์ตแบบนี้

“มึงกับพี่แช่มก็ดีเนอะ วางแผนการใช้ชีวิตต่างๆ กูกับเบย์เนี่ยะ คิดแค่วันนี้กับพรุ่งนี้เอง”

“แบบนั้นก็ดีนะ ได้ไม่ต้องคิดมากไง”

“ไอ้ดีมันก็ดี แต่มันดูไม่ค่อยมีอะไรไง กับเบย์ยังไม่เท่าไหร่ มันเพิ่งปี 1 เอง แต่กูเนี่ยะ จะปี 4 แล้ว กูจะเรียนจบก่อน มึงว่ากูควรทำงานอะไรดี”

“ทำงานกับพ่อไง ไหนจะที่ดินเปล่าที่พ่อให้มึงอีก ไม่งั้นก็ไปทำอะไรสักอย่างตรงนั้นดิ”

“เออว่ะ พูดถึงที่ ของกูกับของมึงนี่อยู่ข้างกันเลย”

“เออ เหมือนพ่อจะให้กูอยู่กับมึงไปด้วยกันจนตาย” ผมแย่งสันนอกมาจากข้าวก้อง “ที่ตรงนั้นทำเลดีนะ ตอนแรกกูก็คิดเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบ อยากจะทำอะไรกับมันสักอย่าง แต่ตอนนี้สิ่งที่กูจะทำมันชัดเจนแล้ว เพราะงั้นที่ดินตรงนั้น มึงเอาไปเลย ส่วนของกู กูยกให้”

“ราคามันหลัก 10 ล้านนะ มึงคิดดีดี”

“เออ ให้ก็ให้ดิวะ มึงกับกูไม่เห็นต้องมาคิดมากเรื่องนี้เลย อีกอย่างถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ทำประโยชน์เลย มันก็น่าเสียดาย สู้ให้มึงเอาไปทำอะไรสักอย่างดีกว่า”

“เออ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ไว้ถ้าคิดออกเมื่อไหร่จะบอก”

“ได้ เดี๋ยวไปบอกพ่อด้วย” ผมแกะกุ้งก่อนจะใส่จานไว้ให้คนตรงข้าม

ผมไม่รู้เลยว่าถ้าตัวเองไม่มีพี่น้องขึ้นมามันจะเป็นยังไง ชีวิตอาจจะลำบากมากกว่านี้ก็ได้ ผมไม่รู้ว่าบ้านอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับบ้านผมแล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น ผมกับข้าวก้องไม่เคยทะเลาะกันแบบจริงจังเลยสักครั้ง เรื่องอะไรที่ยอมให้กันได้ก็ยอม ถึงจะปากร้ายด่ากันอยู่ทุกวัน แต่ต่างฝ่ายก็รู้อยู่แก่ใจว่าอีกคนเป็นห่วงตัวเองมากแค่ไหน เวลาที่ผมมีปัญหา ข้าวก้องจะเป็นคนแรกเสมอที่อยู่กับผม

ก็นะ....เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องของแม่แล้ว

“มึงเคยคิดป้ะว่าถ้าเป็นลูกคนเดียว จะเป็นยังไง”

“หมายถึงไม่มีมึงน่ะเหรอ”

“ใช่”

“ก็คงไม่มีคนให้กูแกล้งล่ะมั้ง”

“ความคิดมึงนี่แม่ง” เบ้ปากใส่ไปที เอาจริงๆ ในหัวนั่นคงจะคิดอะไรที่ดีกว่านี้แหละแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมามากกว่า

ช่างเถอะ....ข้าวก้องก็เป็นคนแบบนี้แหละ

ผมยัดโน่นนี่นั่นใส่ปากไปเรื่อยพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เห็นทวิตเตอร์ของตัวเองแล้วผมยังรู้สึกแปลกๆ อยู่เลย วันที่พี่แช่มบอกว่าเขาติดตามทวิตเตอร์ผมมาตั้งแต่ตอนอายุ 18 ติดตามมาก่อนที่เราจะเจอกัน มันโคตรน่าเหลือเชื่อเลยที่แอคของผมทำให้เขากลับมาทำตามคำสัญญาของชะเอม ทำให้เขากลับมาเป็นตัวเขาได้อีกครั้ง ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นพลังบวกให้ใครได้มากขนาดนั้น

เชื่อแล้วครับว่าคนบางคนมีอิทธิพลต่อชีวิตเราจริงๆ

ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่รู้จักเขาเลย

“อยู่ดีดีก็ยิ้มให้กับโทรศัพท์....มึงบ้าป้ะเนี่ย”

“แดกเงียบๆ ก็ไม่มีใครว่าหรอกไอ้เวร”



***



---------- 50% ---------



ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบทส่งท้าย ----------



“หมอว่าไงบ้างอะพี่แช่ม”

“ก็บอกว่าคุณเฉลิมแข็งแรง สมบูรณ์น่ารัก คนรักคนหลงเพราะเจ้าของก็เป็นคนน่ารัก”

“หอมว่าหมอเขาบอกแค่คุณเฉลิมแข็งแรงนั่นแหละ ส่วนที่เหลือพี่เพิ่มเอาเอง”

“หมอพูดแบบนี้จริงๆ ”

“ไม่เชื่อหรอก” ผมส่ายหัวให้คนที่ขับรถอยู่อย่างเอือมๆ เก่งจริงเชียวล่ะเรื่องอวยตัวเองเนี่ย

ตอนนี้เรากำลังไปที่ร้านจันทร์เจ้าครับ เกือบ 3 ทุ่มแล้วด้วยซึ่งตอนแรกนัดกันไว้ 2 ทุ่ม แน่นอนว่าผมกับพี่แช่มน่าจะสายที่สุดแล้วครับ คือแฟนผมเขามัวแต่ลีลามากความไง กลับจากพาคุณเฉลิมไปหาหมอก็มานอนกลิ้งไปมา สักพักเปิดแอปฯ คาราโอเกะร้องเพลงไปอีกยี่สิบเพลง กว่าจะอาบน้ำ กว่าจะแต่งตัว คือน่าหมั่นไส้มาก ผมอยากอัญเชิญพี่ขันมากระทืบเขาที่ห้องจริงๆ แต่เชื่อเถอะ ถ้าถึงร้านปุ๊บเนี่ย พี่ขันจะเป็นคนแรกเลยที่ด่าพี่แช่ม

ดีไม่ดีอาจจะมีตบด้วย

รถซูซูกิ สวีฟสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหลังร้านจันทร์เจ้า ผมหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินลงมาจากรถ ร่างสูงเดินตามลงมาพร้อมกับลากผมเข้าไปในร้าน สัมผัสได้ถึงสายตาทิ่มแทงที่มองมาด้วยครับ หนักสุดก็คือสายตาจากอดีตเฮดว้ากของเมื่อปีก่อนนั่นเอง การเปิดตี้วันนี้คือครบองค์ประชุมมาก วันรวมญาติชัดๆ เอาจริงๆ เฉพาะชาวแก๊งค์วิศวะฯ นี่ก็เต็มร้านแล้วนะ เด็กคณะอื่นคือหาร้านอื่นนั่งกินกันเถอะ

โคตรเหมาร้านเลยวันนี้

“มาช้านะไอ้หน้าสัส นัดไว้กี่โมงแล้วมึงมากี่โมงห้ะ”

นั่นไง....ผมบอกแล้วว่าพี่ขันจะด่าพี่แช่มเป็นคนแรก

“เออทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”

“นัดไม่เคยเป็นนัด”

“เห็นคำพูดพวกกูเป็นแค่ลมปากกเหรอ”

“เออ กูนี่มันคนแย่จริงๆ ” พี่แช่มหยิบแก้วเบียร์จากไอ้หมีก่อนจะซดจนหมด “พอใจพวกมึงแล้วนะไอ้เวร”

“เบียร์ของหมีนะ”

“กูกินไปแล้ว ทำไม เอาจากปากกูไหมล่ะ”

“ไอ้แช่ม”

“พี่แช่ม” ผมหยิกเอวเขาสุดแรง มันใช่เรื่องที่จะพูดแบบนี้ไหมเนี่ยะ ลำพังผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พี่ขันนี่ดิ ถ้าเขากระทืบพี่ขึ้นมาใครจะห้ามได้วะ

พูดอะไรไม่คิดเลย

“พี่ล้อเล่นน่ะจ่ะ” ร่างสูงยิ้มแฉ่งให้ผมก่อนจะเดินไปนั่งข้างพี่เฌอ “เด็กมึงอะ”

“เด็กไหนไม่รู้เรื่อง”

“อย่าให้กูพูดชื่อนะ” พี่แช่มจ้องหน้าเพื่อนรักเหมือนจับผิด

ผมพอได้ยินมาบ้างเรื่องพี่เฌอแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรนัก ให้พี่แช่มเขาใส่ใจไปคนเดียวก็พอ แฟนผมน่ะชอบมาบ่นว่าพี่เฌอไม่ค่อยไปโน่นนี่นั่นด้วยเพราะติดเด็ก เอาจริงๆ พี่เฌอจะติดใครมันก็เรื่องของเขาไหมวะ อีกอย่างมันเป็นปกติอยู่แล้ว พี่เฌอเป็นบุคคลที่เวลามีแฟน จะทุ่มเทเวลาให้แฟนมากกว่าเพื่อนอะ เรื่องนี้เขารู้กันทั้งมหา’ลัยแล้วมั้ง จะว่าไปก็มีพักหลังนี่แหละที่เขาไม่มีแฟน

แฟนคนล่าสุดก็เป็นเด็กคณะแพทย์ฯ

พี่แช่มมาเล่าให้ฟังว่าน้องเด็กแพทย์ฯ คนนั้นสวยมาก น่ารัก คบกับพี่เฌอได้นานที่สุดคือเดือนกว่าๆ ก่อนที่จะบอกเลิกพี่เฌอ หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีแฟนใหม่เลยจนถึงตอนนี้ แต่เหมือนพี่แช่มจะไปรู้มาว่าตอนนี้พี่เฌอก็กำลังมีซัมติงกับเด็กแพทย์ฯ อีกคน ซึ่งที่พีคๆ เลยก็คือเด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย เป็นเดือนคณะเมื่อปีก่อน ผมจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร นึกหน้าก็ไม่ออก อาจจะเพราะผมไม่ได้สนใจล่ะมั้ง

เรื่องของคนอื่นอะ จะอยากรู้ไปทำไมวะ

“อะพี่หอม” ไอ้หมีส่งแก้วเบียร์มาให้ “ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ เรื่องพี่แช่ม”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปและกลับมาเป็นเหมือนเดิมไง”

“ก็จริง กูยังนึกถึงตอนที่คุยกับมึงเรื่องเขาได้เลย ตอนที่ไม่รู้อะไรแม่งโคตรแย่ แต่มันก็คงดีแล้วแหละที่เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

“หมีก็ยินดีกับพี่ด้วยละกัน ดีใจอะ จะไม่มีใครมางอแงกับหมีอีกแล้ว”

“ขอบใจมึงด้วยละกัน” ผมชนแก้วกับไอ้หมีก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซด จะว่าไปถ้าช่วงที่ผ่านมาไม่มีไอ้หมีให้คอยปรึกษาโน่นนี่ ระหว่างผมกับพี่แช่มน่าจะบัดซบกว่านี้เยอะ

“หมีเห็นพวกพี่มีความสุข หมีก็ดีใจ”

“คุยไรกัน พอละ” พี่ขันรั้งแฟนเด็กเข้าไปใกล้เหมือนหวง ขนาดนี้ก็ให้มันนั่งบนตักเลยก็ได้มั้ง

“น้องหอมกินนี่”

“อะไรอะ” ผมมองในช้อนที่เขาตักมาจ่อปาก “ปลาหมึกเหรอ”

“ใช่ ยำปลาหมึก อร่อยมาก” หลังจากที่เขาบอกแบบนั้น ผมก็กินยำปลาหมึกที่เขาป้อน อื้อออ... อ... เผ็ดชิบหาย มีแค่ข้าวก้องเท่านั้นแหละที่กินได้

พี่แช่มกับข้าวก้องนี่เวลากินข้าวควรนั่งกินด้วยกันอะ ถูกปากแน่ๆ ล่ะกินรสเผ็ดจัดเหมือนกันขนาดนี้ ผมถ่ายรูปยำปลาหมึกเจ้ากรรมลงทวิตเตอร์ พริกเยอะขนาดนี้ก็ไม่แปลกใจหรอกทำไมเผ็ด คือเชื่อป้ะว่ากับแกล้มที่วางอยู่บนโต๊ะคือมีแค่ยำปลาหมึกกับไก่ทอด นอกนั้นคือเหล้ากับเบียร์ล้วนๆ โซจูเป็นสิบขวดอะเฉพาะบนโต๊ะนะ ในถังน้ำแข็งไม่เกี่ยว คือกินวันนี้ตื่นอีกทีสามวันข้างหน้า

วันนี้ต้องมีคนลงพุ่มหญ้าหลังร้านบ้างแหละ

“อะพี่แช่ม” ไอ้หมีส่งแก้วโซจูที่มีเยลลี่หมีสามอันข้างในมาให้ “นี่หมีเสียสละหมีสีแดงให้พี่แช่มเลยนะ เพราะงั้นต้องกินให้หมด”

“ไม่น่าไว้ใจ” จริงแบบที่พี่แช่มพูดครับ อะไรก็ตามที่ถูกส่งให้ในวงเหล้า ถ้าเราไม่ได้กับตาตอนที่ชงหรือรินลงแก้วเนี่ยะ อันตราย

เราอาจจะหลับกลางอากาศ

นี่น้องเองไง กินๆ ไปเถอะน่า ถ้าพี่เมาเดี๋ยวพี่หอมก็แบกกลับ”

“มึงนี่มัน” พี่แช่มยกแก้วโซจูซดฮวบเดียวจนหมดพร้อมกับเยลลี่หมีที่อยู่ในนั้น เอาจริงๆ แค่แก้วเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอก อย่างคนขี้เมาเนี่ยะ ถ้าจะสติหลุดก็ต้องกินเยอะกว่านี้ แค่นี้ยังน้อย

“น้องหอมเอาอะไรดี”

“เบียร์ดีกว่า”

“นี่จ่ะ” มือเรียวส่งแก้วเบียร์มาให้ “อย่ากินเยอะนะเดี๋ยวเมา”

“พี่บอกตัวเองเถอะ” ผมหยิกแขนเขาอย่างมันเขี้ยวก่อนจะมองไอ้หมีที่เดินขึ้นไปบนเวทีด้านหน้า คงร้องเพลงเหมือนอย่างทุกทีแหละมั้ง

ผมนั่งจิบเบียร์พลางยัดไก่ทอดเข้าปากไปพลางๆ ทำไมเหมือนฟีลนั่งร้านเหล้าแบบนี้หายไปนานเลยวะ พอย้อนไปนึกถึงเรื่องงานที่ทำก็สมควรอยู่แหละ เมื่อก่อนช่วงปี 1 ปี 2 อะ มากินเหล้าบ่อยนะ ทุกอาทิตย์เลย แต่จะไปร้านนั่งชิวมากกว่า พวกพี่แช่มจะติดร้านจันทร์เจ้า ก็คงเพราะว่าพี่ฉายเขาเป็นน้องเจ้าของร้านด้วยแหละ กลุ่มเขาแม่งไม่เคยเสียค่าเหล้าค่าเบียร์ราคาเต็มสักครั้งหรอก

พี่เจ้าขาดทุนยับอะบอกเลย

“น้องหอม....เดี๋ยวพี่มานะ”

“ไปไหนอะ”

“ไอ้เฌอให้ไปเอาของเป็นเพื่อนอะ”

ผมพยักหน้ารับคำ “อื้ม รีบไปรีบมานะ”

“จ่ะ” พี่แช่มจุ๊บหัวผมทีนึงก่อนจะเดินออกไปพร้อมพี่เฌอ คือเดินออกไปเฉยๆ ก็ได้ไหม ไม่เห็นต้องจุ๊บหัวผมให้ตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้เลย

เหมือนกำลังจะโดนแซว

“กูไม่อิจฉาหรอกนะครับเพื่อน” สยามบอกก่อนจะจุ๊บหัวสมปองโชว์บ้าง

"เบียร์หวานเฉยเลยอะ” คำนี้มาจากข้าวก้อง แหมๆ ๆ ๆ ทีมึงกับผัวเด็กนั่งจะเกยกันแบบนั้นกูยังไม่แซวเลย

“พอเลยนะพวกมึงอะ” ผมทำหน้าเหี้ยมใส่ก่อนจะหันไปสนใจเพลงที่ไอ้หมีร้อง โคตรเพราะเลย จะว่าไปผมไม่เคยได้ยินพี่แช่มร้องเพลงเลยสักครั้ง

เขาจะร้องเพลงเพราะแบบนี้ไหมวะ

ปกติได้ยินแต่เสียงโวยวายไง เอาจริงๆ ถ้าพี่แช่มร้องเพลงเพราะ มันก็น่าจะทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นกว่าที่เป็น คนก็น่าจะชอบเขามากขึ้น พอมีคนชอบเขาเยอะๆ ผมก็จะหึงจนหน้ามืด แม่งต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

ครืดดดด....ครืดดดด

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล”

(ออกมาหาพี่หลังร้านหน่อยสิ)

“โอเค” ผมวางแก้วเบียร์ก่อนจะเดินออกไปทางหลังร้าน เห็นพี่แช่มยืนพิงรออยู่ข้างรถ “เรียกหอมออกมาทำไม”

“หลังรถ”

“หลังรถทำไมอะ”

“ไปดูดิ” พอเขาบอกแบบนั้นผมก็เดินมาเปิดหลังรถดู

ตึกตัก

ผมกวาดสายตามองตุ๊กตานกฮูกที่อัดแน่นอยู่ในนั้น รอบๆ มีไฟดวงเล็กๆ ตกแต่ง ตรงกลางมีช่อดอกไม้สีฟ้าวางอยู่ ร่างสูงหยิบมันออกมาก่อนจะส่งให้ เขาโน้มลงมาจูบบนหน้าผากผมเบาๆ รอยยิ้มของคนตรงหน้าปรากฏขึ้นซึ่งผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย

ทำอะไรแบบนี้ก็เป็นแฮะ

“อะไรเนี่ย”

“วันนี้เป็นวันครบรอบเดือนที่ 6 ของเราไง เราเป็นแฟนกันมาครึ่งปีแล้วนะ”

“หอมนึกว่าพี่ลืมแล้ว เห็นเดือนก่อนไม่มีอะไรแบบนี้”

“ก็รอให้ครบครึ่งปีไง” เจ้าตัวยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “ชอบไหม”

ผมพยักหน้ารับ “ชอบมากเลย ขอบคุณนะ ว่าแต่นี่มันดอกอะไรอะ”

“มันคือดอกไฮเดรนเยีย มันมีความหมายถึงความเย็นชา แต่อีกนัยนึงมันก็ใช้แทนการขอบคุณ.....พี่ขอบคุณน้องหอมนะ ที่อยู่กับพี่มาจนถึงตอนนี้ คอยอดทนแม้ว่าพี่จะงี่เง่ามากแค่ไหนก็ตาม” พี่แช่มรั้งผมเข้าไปกอดไว้ “พี่แม่งโคตรโชคดีเลยที่มีน้องหอม อยู่เป็นความโชคดีของพี่ไปทุกวันเลยนะ”

“หอมจะไปไหนได้ล่ะ” ผมผละกอดจากเขาก่อนจะหยิบกล่องจี้ในกระเป๋าส่งให้ “อันนี้ของที่หอมเตรียมมาให้พี่”

“มันคือ....จี้ใบโคลเวอร์สี่แฉก”

“มันคือใบโคลเวอร์สี่แฉกที่พี่เคยให้หอมไว้ตอนที่เราเจอกันไง หอมเก็บมันไว้ตลอดจนถึงตอนนี้เลยนะ” ผมจับสร้อยที่คล้องเกียร์ของพี่แช่มออกมาก่อนจะติดจี้เพิ่มเข้าไปให้ “ทีนี้เราก็จะมีเหมือนกันแล้ว”

“พี่นึกว่าน้องหอมจะทิ้งมันไปแล้วซะอีก”

“ไม่ทิ้งหรอก เนี่ยะ ของที่ให้ไปก็เก็บเอาไว้ดีดีนะ”

“พี่จะเก็บเอาไว้ให้ดีที่สุดเลย” พี่แช่มยกจี้ขึ้นจูบเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”

ผมยิ้มหวานให้เขาพลางยกมือขึ้นไปกุมแก้มเจ้าตัวเอาไว้ จากวันแรกที่เจอกันมันเกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะเลย แต่ดีตรงที่ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าอนาคตที่แน่นอนมันเป็นยังไง แต่รู้ใจตัวเองนะว่าคงจะไม่ไปไหนจากคนตรงหน้า ผมรักเขา อดทนและทำหลายๆ อย่างเพื่อให้เขายิ้มได้เหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้ ผมอยากให้เขามีความสุขมากๆ ไม่อยากให้เขาเสียใจและเปลี่ยนไปเป็นใครที่ผมไม่รู้จักอีก

พี่แช่มควรเป็นคนที่ยิ้มเก่งแบบนี้แหละ

ก่อนหน้านี้ที่ความสัมพันธ์ของเราสั่นคลอนด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ผมไม่สามารถรับรู้มันได้และตัวพี่แช่มเองก็พูดถึงไม่ได้เหมือนกัน มันเป็นช่วงที่แย่มาก ในหัวผมคิดมาตลอดว่าตั้งแต่รู้จักกันมา คำที่เขาพูด การกระทำต่างๆ ของเขา มันจริงจังรึเปล่า เขาทำเหมือนเขารักผมแต่ระหว่างเรามันไม่มีชื่อเรียก ผมรอสถานะนี้มา 2 ปี ตอนแรกรออย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าปลายทางมันจะจบลงยังไง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ

บางทีการรอคอยของผม มันอาจจะดีแล้วแหละ

รอให้พี่แช่มเอาชนะในสิ่งที่เขากลัว

รอเพื่อเรียนรู้ในอะไรหลายๆ อย่าง

รอเพื่อให้รู้ว่าผมคิดผิด.....ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จริงจัง

คนตรงหน้าพิสูจน์แล้วครับว่าระหว่างเรามันเป็นยังไง

“พี่เชื่อไหมว่าช่วงที่เรารู้ว่าใจเราตรงกัน แต่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่มีชื่อเรียก หอมรู้สึกยังไง”

“น้องหอมเสียใจ....พี่รู้ มันผิดที่พี่ เวลาที่ผ่านไปก่อนหน้านั้น พี่ก็คงต้องปล่อยให้มันผ่าน เวลาที่พี่มีคือหลังจากนี้เพราะงั้นพี่จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้น้องหอมต้องเสียใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา”

“ขอบคุณนะ....ตัวหอมเองก็จะพยายามเหมือนกัน”

“ทีนี้ก็รู้แล้วนะ”

“รู้ว่าอะไร”

“ก็....” มือเรียวหยิบโทรศัพท์มากดอะไรยุกยิกๆ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือนของทวิตเตอร์ที่พี่แช่มแท็กมา ข้อความที่ปรากฏนั้นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกไป “หอมต้องตอบไหม”

“ต้องตอบสิ”

“ได้....”





Charit @Charitpedd

ผมน่ะจริงจัง....ไม่ได้แค่ขำๆ



@KhH22_luc


.

.

Kh. @KhH22_luc

กำลังตอบกลับถึง @Charitpedd



งั้นจริงจังกับผมตลอดไปเลยนะครับ


.

.

Charit @Charitpedd

กำลังตอบกลับถึง @KhH22_luc



เรื่องนั้น....




   

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”

ริมฝีปากบางกดจูบลงมาแผ่วเบา ความอบอุ่นนี้ที่ผมชอบและทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส ไม่เคยคิดเลยว่าความรักจะทำให้เรามีความสุขมากขนาดนี้....จนกระทั่งมาเจอเขานี่แหละ

ผมจะดูแลความสุขนี้ไปนานๆ เลย

“....รักนะ”

“รักเหมือนกันครับ”






   ---------- END ----------



สวัสดีปีใหม่ค่ะบี๋ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงและร่่ำรวยมากๆ นะคะ

ชาลมาส่งนิยายบทส่งท้ายของจริงจังหรือแค่ขำๆ แล้วนะ

ชาลดีใจที่นิยายเรื่องนี้จบลงได้นะคะ ใช้เวลาานานเลย ปีกว่า เป็นเรื่องที่ 4 ของโปรเจกต์เลิฟไรท์ซึ่งชาลรู้สึกว่าตัวเองเก่งเหมือนกันที่เขียนนิยายมาจนจบถึงเรื่องนี้แล้ว

เหมือนกับทุกกครั้งนะ ชาลหวังว่านิยายเรื่องนี้จะให้อะไรกับบี๋ไม่มากก็น้อยนะ

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบแบบสุข ๆ จุก ๆ ไปอีกคู่  o13

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทพิเศษ : ความทรงจำสีเทา

ฉันรู้ดีว่าเวลาไม่อาจย้อนกลับ

สิ่งใดที่เกิดขึ้นไปแล้ว....มันไม่มีทางแก้ไขได้

ชิงช้าใต้ต้นพญาเสือโคร่งต้นใหญ่ที่ใครบางคนเคยผูกไว้ให้ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ทุ่งหญ้านี่คืออาณาจักรของเรา ฉันเป็นเจ้าหญิง เขาเป็นอัศวิน คุณเฉลิมเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ความทรงจำในตอนนั้นมันช่างแสนพิเศษและมีความสุขทุกครั้งที่ได้นึกถึง

แต่ก็น่าเสียดายที่ทำได้เพียงแค่นั้น

เรื่องราวเลวร้ายในความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันคือการเสียพ่อกับแม่ไป ตอนนั้นฉันยังเด็กและหวาดกลัว เราสองคนซ่อนอยู่ในตู้เพราะพ่อบอกให้เราอยู่ในนั้น ฉันได้ยินเสียงดังของคนทะเลาะกันก่อนที่จะจบลงด้วยเสียงของปืนถึงสองครั้ง

เสียงแห่งการสูญเสีย

ครอบครัวที่เหลือเพียงสอง อยู่ด้วยกันและดูแลกันเท่าที่จะทำได้ มีลุงเชตคอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ เขาเปรียบเหมือนเป็นผู้ปกครองของเราเลย เขาใจดีเหมือนกับพ่อ ฉันเคารพเขา ตัวพี่ชายของฉันเองก็เหมือนกัน มันน่าเสียดายตรงที่ฉันยังไม่ได้มีโอกาสตอบแทนสิ่งดีดีที่เขาทำให้เลย

มันน่าเสียดายจริงๆ

ตั้งแต่เด็กจนโต ฉันอยู่กับเขา พี่ชายคนเก่ง คนที่เก่งกว่าใครในโลก คนที่ยกให้ฉันเป็นที่หนึ่งเสมอ ใจดี อ่อนโยน เป็นแบบนั้นตลอดมาไม่เคยเปลี่ยน เรามีกันแค่นี้ เราสัญญากันเอาไว้ว่าจะดูแลกันและกัน เราสัญญากันว่าจะเก็บใบโคลเวอร์สี่แฉกที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีไปให้พ่อกับแม่ด้วยกัน ฉันทำตามคำสัญญามาจนถึงวันเกิดของพี่ชายฉัน

วันเกิดตอนที่เขาอายุ 17 ปี

ฉันไม่คิดเลยว่าตอนเช้าที่ฉันไปปลุกเขา ตอนที่เรานั่งคุยกันจนถึงตอนที่เขาไปส่งฉันที่โรงเรียน นั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย วันนั้นฉันผิดสัญญาที่ให้ไว้และทิ้งความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ให้เขาด้วย

ฉันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เสียใจที่ผิดสัญญา เสียใจที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ฉันตั้งใจจะเป็นพยาบาล อยากจะดูแลเขาในวันที่เขาไม่สบาย แต่ตอนนี้ก็เป็นไม่ได้แล้ว

ฉันกลายเป็นฝันร้าย

กลายเป็นคนที่เขาไม่สามารถเอ่ยชื่อถึงได้และนั่นมันทำให้ฉันเจ็บปวดจริงๆ

ฉันได้แต่ภาวนาให้เขาเจอใครสักคนที่สามารถพาเขาออกจากวังวนแห่งฝันร้ายนี้ได้ ใครสักคนที่ทำให้เขายิ้ม ทำให้เขามีความสุข ทำให้เขาไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความทรงจำที่เกี่ยวกับฉัน คนที่จะไม่จากเขาไปไหน คนที่จะคอยเคียงข้างเขาตลอดไป

และตอนนี้เขาเจอแล้ว

ฉันรอพี่ชายคนเก่งอยู่ตรงนี้เสมอ....ที่บ้านของเรา และดีใจที่ได้เจอกันที่นี่อีกครั้ง ฉันรู้ว่าสำหรับเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้มันเลวร้ายยังไง สูญเสียทั้งพ่อแม่ สูญเสียน้องสาวซึ่งเป็นครอบครัวคนสุดท้าย จดจำได้แต่ความทรงจำที่ไม่ดี บ้านที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คนๆ นั้นเก่งมากที่พาเขากลับมาได้

ฉันรับรู้และเห็นทุกอย่าง การกระทำ สายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง ฉันรู้ว่ามันมีมากแค่ไหน และคิดว่าดีจริงๆ ที่เขาเข้ามาในชีวิตของพี่ชายฉัน เข้ามาไล่ฝันร้าย เข้ามาเป็นความสุข เข้ามาช่วยทำตามคำสัญญาที่เราสองพี่น้องยังทำไม่เสร็จ

ฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ

ฉันรออยู่ตรงนี้มาตลอด....แต่วันนี้ไม่มีอะไรต้องรอแล้วล่ะ

ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันต้องเป็นห่วงอีกแล้ว

ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้คือพี่แช่มที่กำลังมีความสุขกับคนที่เขารัก เขากำลังยิ้มและหัวเราะเหมือนอย่างที่เคยเป็น เขารับปากกับฉันว่าจะมีความสุขและจะไม่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงอีก เขาจะเลือกจดจำแต่ช่วงเวลาดีดีที่เคยเกิดขึ้น เขาจะเลิกโทษตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป

ฉันก็ปรารถนาให้ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น

“ชะเอม”

ฉัน....คงต้องไปแล้วล่ะ

“ค่ะ....ไปกันเถอะ” ฉันจับมือพ่อและแม่ก่อนจะมุ่งไปทางแสงสว่างที่อยู่ตรงขอบฟ้า ความรู้สึกของการจากลาที่แท้จริงมันเป็นแบบนี้เอง





หนูไปแล้วนะคนเก่ง

ยิ้มเยอะๆ และมีความสุขให้มากๆ

ชะเอมรักพี่แช่มนะคะ....

ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ





------- END -----

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :bye2: แล้วเจอกันใหม่จะ ชะเอม  :กอด1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด