------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9  (อ่าน 23338 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

                         ----------------------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ   

ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในสายตาคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ 

ติชมกันเข้ามาได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ

อยากได้ความคิดเห็นของทุกคนเลยนะ 

รักนะจ๊ะ
เอ
smile A
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2020 09:52:52 โดย Smile A »

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: -- นทีต้นน้ำ --
«ตอบ #1 เมื่อ13-08-2019 14:01:09 »

Introduction





“น้ำ...น้ำว่าไงลูก?”  เสียงหวานนุ่มดังขึ้นข้างตัว

“ฮะ...แม่ว่าไงนะครับ?”  ต้นน้ำหันไปสนใจฝนทิพย์

“เราตกลงกันว่าจะย้ายเข้าบ้านลุงกรเดือนหน้านี้เลยดีไหม?  ถ้าย้ายช่วงก่อนแต่งงานแล้วลูกสองคนติดสอบ  มันจะฉุกละหุกไป” ฝนทิพย์ปรึกษาลูกชาย

ต้นน้ำเหลือบตามองฝนทิพย์และธนกรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม  คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ลอบมองกันตาหวานเชื่อมเหมือนเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เพิ่งหัดตกหลุมรัก  เห็นแล้วอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ

ตั้งแต่สามีเสียชีวิต  ฝนทิพย์ก็ทำงานเลี้ยงดูต้นน้ำเพียงลำพังโดยไม่เคยมีแฟนใหม่  ใครถามก็ตอบว่า...รอให้ต้นน้ำโตพอที่จะช่วยเธอเลือกก่อน  จนกระทั่งได้พบกับธนกร...เพื่อนเก่าในวันเลี้ยงรุ่น  ต่างฝ่ายต่างเคยแอบชอบพอกันสมัยเรียนหนังสือตอนชั้นมัธยมปลาย  ก่อนแยกกันไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย  พอมาพบกันอีกครั้งก็เหมือนย้อนอดีตไปในสมัยวันวานยังหวานอยู่   ฝนทิพย์แนะนำให้ต้นน้ำรู้จักกับธนกรตั้งแต่แรก  ธนกรดูแลเอาใจใส่ฝนทิพย์เป็นอย่างดี...ในแบบที่คนเป็นลูกก็ทำไม่ได้  ต้นน้ำยอมรับความสัมพันธ์ของแม่ในครั้งนี้  ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะลองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีกครั้งพร้อมกับ...ลูกชายของทั้งสองฝ่ายด้วย

“นายว่าไง?” ต้นน้ำหันไปถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา  ข้างๆ กับธนกร...ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา  เหมือนเป็นจุดรวมทุกสายตาตั้งแต่แรกพบ  กำลังดูดชาเขียวเย็นเพิ่มวิปครีมอย่างสบายอกสบายใจ   

ต้นน้ำรู้จักคนๆ นี้!!!...
...ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่รู้จัก   ใครๆ ก็รู้จัก 
หนุ่มหล่อดีกรีเดือนวิศวะ... ผู้หญิงกรี๊ด  เกย์คลั่ง  ตุ๊ดตาย
รวย... ขับรถสปอร์ต  โทรศัพท์รุ่นใหม่  ในกระเป๋าตังค์มีบัตรเครดิต
เก่ง... ข่าวลือยังไม่แน่ชัด  แต่ก็ลือกันมาว่าสอบเข้ามาด้วยคะแนนอันดับต้นๆ ของคณะ
แต่ข่าวลือที่เขาได้ยินมาก็ไม่ใช่แค่นี้...

ช่วงเปิดเทอม...หลังจากรับน้องเสร็จ  ต้นน้ำก็พาร่างสะบักสะบอมไปยังรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับสวนเกษตรที่ค่อนข้างลับตาคน  แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงที่จอดรถ  หูเจ้ากรรมก็ดันได้ยินเสียงแปลกประหลาดขึ้นมาเสียก่อน  เสียงดังตุบตับคล้ายคนกำลังชกต่อยกันดังมาจากทางด้านหน้าที่เขากำลังมุ่งไป
 
ผู้ชายคนหนึ่งกึ่งลากกึ่งจูงผู้ชายอีกคนหนึ่งสวนมา  ผ่านหน้าเขาไปขึ้นรถบีเอ็มดับบลิวที่จอดอยู่ด้านหลัง  ก่อนสตาร์ทเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วสูง
 
ต้นน้ำกระพริบตาปริบๆ มองตามรถที่แล่นออกไป  ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอกนะ  แต่เรื่องชาวบ้านดันมาเกิดตรงหน้าเขาเองนี่   ร่างสูงโปร่งยักไหล่ก่อนก้าวเดินไปยังที่จอดรถช้าๆ  เสียงต่อยตีดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว  เขาอยากจะเลี่ยงไปใช้อีกทาง  แต่อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงที่จอดรถของเขาแล้ว  ดูลาดเลาไปก่อนแล้วกัน  ถ้าเลี่ยงได้ค่อยเลี่ยง  หลังจากลับมุมถนน  ภาพผู้ชายห้าคนที่ซัดกันนัวก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา..

สามรุมหนึ่ง!
ใช่...ไม่ผิดหรอก  มีผู้ชายอยู่ห้าคน  แต่ที่ซัดกันอยู่มีแค่สี่คน  อีกคนยืนอยู่เฉยๆ 
อ๊ะ!...แต่อาจจะผิดก็ได้...สภาพเหมือนหนึ่งรุมสามมากกว่าแฮะ
 
ผู้ชายหนึ่งเดียวที่ฝากรอยเท้าให้สามคนนั้นคือนที...เดือนวิศวะมาดเท่ที่เพื่อนผู้หญิงของเขากำลังคลั่งไคล้อยู่ในตอนนี้  ส่วนอีกคนที่ยืนดูอยู่เฉยๆ นั่นเหมือนจะเป็นเพื่อนของนที
 
อืม...ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลย  เขาไม่ใช่พวกซูเปอร์ฮีโรที่เข้าไปช่วยใครในสถานการณ์ที่ตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด  แล้วสถานการณ์นี้ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยใครดีด้วย  ระหว่างนที...กับสามคนที่ผลัดกันล้ม  ผลัดกันลุกขึ้นมา  ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา...ก็คงจะเป็น...รถเขาที่จอดอยู่ตรงนั้น...ตรงที่ร่างสูงของผู้ชายหน้าตี๋เพื่อนของนทียืนพิงมองดูคนตีกันอย่างสงบ
 
สามคนนั้นดูไม่เหน็ดไม่เหนื่อย  นทีซัดคนหนึ่งหมอบ  อีกคนก็ลุกขึ้นมา  บางคนพยายามจะจับล็อคนทีไว้แต่เหมือนจะล็อคไม่อยู่  ร่างสูงถองศอกไปด้านหลังทีหนึ่ง  ขายาวๆ ก็ยืดไปถีบคนข้างหน้าทีหนึ่ง

คนที่ยืนพิงรถอยู่ก็ใจเย็น  ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเลยสักนิด  มึงใจเย็น  แต่กูไม่นะ  กูทั้งหิวทั้งร้อนเลย  ช่วยจัดการให้เสร็จแล้วรีบออกไปให้พ้นจากรถกูที

จนแล้วจนรอด  ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว  เขาเดินเข้าไปหาเพื่อนนที 'นายไม่คิดจะช่วยเพื่อนนายหน่อยเหรอ?'
 
หน้าตี๋ๆ หันมาเหวอใส่เขาเหมือนยังจับต้นชนปลายกับคำถามของเขาไม่ถูก  ก่อนส่ายหน้า 'ไม่อ่ะ  เดี๋ยวเจ็บ'

ต้นน้ำถอนหายใจ  อย่างนี้ก็ยิ่งเสียเวลาน่ะสิ  เขาหิวนะ  ร่างสูงโปร่งเปิดหลังรถขึ้นมา  หยิบเชือกที่เอาไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉินได้ก็เดินออกไป

นทีฟาดมาหนึ่งคน  ต้นน้ำก็จับมือไพล่หลังแล้วมัดเอาไว้  ฟาดมาอีกคนก็มัดอีกคน  ฟาดมาเท่าไหร่ก็มัดเท่านั้น  ฟาดสามก็มัดสาม
 
เสร็จ!  แบบนี้สิถึงจะไม่เสียเวลา  อย่าปล่อยให้ศัตรูลุกขึ้นไปสู้ต่อได้
 
'ถอยหน่อย' ต้นน้ำบอกหนุ่มหน้าตี๋ที่ยังคงยืนพิงรถเขาอยู่  ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมขยับให้แต่โดยดีแม้หน้าตาจะดูงงๆ ไปบ้าง

ต้นน้ำขึ้นรถ  ขับเคลื่อนออกไป  หิวเหลือเกิน!  ต้มยำกุ้งที่บ้านเหลือไหมนะ?  ไข่ลูกเขยอีกล่ะ  ปูอบวุ้นเส้น  ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!  ข้าวมันไก่หน้ามหา’ลัยแล้วกัน

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักนที!...เดือนวิศวะคนดังของมหา’ลัยตัวเป็นๆ 








และในวันที่หิวมากอีกวัน ต้นน้ำนัดเพื่อนไว้ที่ร้านอาหารกึ่งผับใกล้ๆ มหาวิทยาลัย  วนเวียนหาที่จอดรถอยู่นานจนได้ไปจอดในมุมลับตา เขาเดินเร่งฝีเท้าเต็มสปีดพลางคิดคนเดียวในใจ  ต้มยำกุ้ง  ปูผัดผงกะหรี่ ยำปลาดุกฟู  หมึกนึ่งมะนาว
 
'อืมมมม' เสียงแผ่วหวานดังมาจากมุมรั้วข้างหน้า  ทำให้เขาต้องเบาฝีเท้าลง  ก่อนชะโงกหน้าเข้าไปดูสักเล็กน้อย  ไม่ใช่คนชอบเสือกเรื่องชาวบ้านหรอกนะ...จริงๆ!!  เขาแค่กังวลว่าเสียงนั่นอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนได้หากทะเล่อทะล่าเข้าไปเท่านั้นเอง
 
แล้วก็จริง!

เขาเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งอิงแอบแนบชิดกับสาวน้อยร่างบางในชุดเดรสรัดรูป  ร่างน่ะ... บางจริง  แต่ทรวดทรงองค์เอวตรงอื่นไม่บางเท่าไร  ออกจะเกินตัวไปมากเสียด้วยซ้ำ
 
ยังไม่ทันพิจารณาสาวน้อยได้สักเท่าไร  สายตาก็ไปสะดุดกับผู้ชายที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน  คุ้นๆ ว่าจะเป็นนที...ผู้ชายหน้าขาวที่ไล่กระทืบหนึ่งรุมสามเมื่อวันก่อนแน่นอน  นี่โลกมันกลมหรือคนมันซวย?  นอกจากกิตติศัพท์เรื่องหล่อ รวย เก่งแล้ว  เรื่องตีรันฟันแทงของนทีก็ไม่น้อยหน้าใคร  ตี...กับผู้ชาย!  ฟัน...กับผู้หญิง!
  
แต่ตอนนี้เขาหิว!  หิวมากด้วย!

มันแย่ตรงที่ทางเข้าร้านด้านหลังจะต้องผ่านสองคนนี้ไปเท่านั้น  ต้นน้ำนั่งยองลงกับพื้นน้ำตาจะไหล  จะเปลี่ยนใจไปเข้าทางด้านหน้าร้านก็ไม่มีที่จอดรถอีก  เดินก็ไกลมากกก  จะรอให้สองหนุ่มสาวเสร็จธุระก็น่าจะนานอยู่  ถ้าขืนฝืนเดินตัดเข้าไป  เกิดไอ้หน้าขาวมันโมโหขึ้นมา ไล่กระทืบเขาเหมือนไอ้สามตัวนั่น  นอกจากไม่ช่วยให้หายหิวแล้วยังจะกลายเป็นศพเร็วขึ้นอีกด้วย  หากเขายอมนั่งทนหิวสักหน่อย  อย่างน้อย...ก็ยังคงเหลือชีวิตไปกินต้มยำกุ้งต่อได้
 
'คืนนี้กลับด้วยนะ' สาวร่างกระซิบด้วยเสียงเบา
   
เบายังไง  ต้นน้ำก็ได้ยินอยู่ดี  ใกล้กันแค่รั้วกั้น  บรรยากาศก็เงียบ  จะกลับกันตอนนี้เลยไหมล่ะ  เขาจะได้เข้าไปกินต้มยำกุ้งสักที
 
'วันนี้ต้องกลับบ้าน  ไว้วันหลังเถอะนะ'  เสียงไอ้หน้าขาวแน่นอน
 
'อื้อออ  ไม่เอาอ่ะ  อยากไปวันนี้นี่...น๊าา' เสียงหวานลากยาวออดอ้อน
 
'ไม่ได้ครับ  อย่างอแงนะคนดี  เดี๋ยวชดเชยให้ทีหลังนะ'
 
'ก็ด้ะ'  เสียงหวานติดจะเง้างอน  แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้าย  'สัญญานะ  ว่าจะชดเชยให้  จนคุ้ม'

ว่าแล้วก็คงจะจ่ายค่าชดเชยกันอีกเล็กน้อย  ต้นน้ำยังไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปดู  ได้แต่เอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ  อดทนไว้ลูกเอ๊ย  เดี๋ยวพ่อจะชดเชยให้เอ็งเหมือนกัน
 
'สัญญาครับ  แพนเดินเข้าไปก่อนนะ  เดี๋ยวผมค่อยเดินเข้าไปทีหลัง'
 
ทำไมมึงไม่เดินเข้าไปพร้อมกันเลยว้า  เดี๋ยวกูเดินเข้าไปทีหลังเอง  ผลัดกันเดินเข้าไปแบบนี้  เมื่อไรจะถึงคิวกู  เมื่อไรกูจะได้แดกข้าว  ต้นน้ำเงยหน้ามองพระจันทร์  แต่แสงไฟคงจะมากเกินไป  คืนนี้เลยไม่มีพระจันทร์  เห็นแต่ท้องฟ้าที่กลายเป็นสีหม่นๆ ยามค่ำคืน  และ... ไอ้หน้าขาวที่อยู่ๆ ก็โผล่หน้าเข้ามาในเขตสายตา
 
'ชอบถ้ำมองเหรอ?'  ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกเข้ามาจนใกล้  ดวงตาคมไม่มีร่องรอยตำหนิ  มีแต่ความแปลกใจนิดๆ  มากกว่า

ต้นน้ำเบิกตาโต  อ้าว... นี่โดนจับได้แล้วเหรอ?

เขาลุกขึ้นเต็มความสูง  180 เซนติเมตร  เขาก็ว่าเขาสูงแล้วนะ  แต่คนตรงหน้าดันสูงกว่าอีก  น่าจะสูงกว่าไม่มาก สัก 5 - 6 เซนติเมตรได้  ถ้าต่อยกัน... ด้วยทักษะที่เขาได้เห็นมาเมื่อวันก่อน  บวกกับสรีระร่างกายที่อีกฝ่ายค่อนข้างหนากว่า  ตัดกำลังเขาด้วยความหิวโหยจากกระเพาะที่กำลังส่งเสียงประท้วงอยู่  มั่นใจได้เลยว่า... น็อคเขาได้ในหมัดเดียว!
 
'ไม่ชอบอ่ะ  แต่เห็นนายกำลัง... เอ่อ... '  คำว่า ‘เข้าด้ายเข้าเข็ม’ ถูกละไว้  '...ทะเลาะกันอยู่  เลยไม่กล้าเข้าไปกวน'
 
ตาคมหรี่ลงเหมือนจับผิด
 
'เออ... นั่นแหละ  นายเสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม?  เราจะได้เข้าไปสักที' ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ  เขาจ้ำพรวดผ่านร่างสูงเข้าไปทันที

'เดี๋ยว'

เดินออกไปได้ก้าวครึ่ง  ยังไม่ถึงสองก้าวเลย  ร่างสูงโปร่งของต้นน้ำก็ต้องเซถลากลับมาที่เดิมอีกครั้ง
  
นทีคว้ามือต้นน้ำไว้  ดูไปก็คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นฉากแบบนี้ในละครหลังข่าวอยู่บ่อยๆ เป็นตอนที่นางเอกกำลังจะเดินหนีแล้วพระเอกก็คว้าแขนนางเอกไว้  ทำไงดี?... สะบัด สะดีดสะดิ้งเหมือนนางเอกละครดีไหม? เขาไม่เคยเห็นนางเอกเรื่องไหนรอดสักราย  แต่...เขาต้องรอดดดด
 
'ต้มยำกุ้ง' ต้นน้ำหันไปบอกเจ้าของมือที่คว้าแขนเขาไว้
 
หน้าหล่อๆ เลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ ทำหน้าเอ๋อยังจะมาหล่ออีก
 
'กูหิว'  กู... นี่แหละ  ไม่รง...ไม่เรามันแล้ว  มารยาทที่มีอยู่เพียงน้อยนิด  เขวี้ยงมันไปไกลๆ  ไม่ต้องรักษาใดๆ 'กูอยากกินต้มยำกุ้ง  กูรอพวกมึงทะเลาะกันเสร็จนานแล้ว  มีปัญหาอะไร  ไว้เคลียร์หลังต้มยำกุ้งกูได้ไหม?  นะ... กูขอร้องล่ะ  กูไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว'

นทีคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ยอมคลายมือ
 
ต้นน้ำถอนใจก่อนหันหลังกลับไปยังตัวร้านด้วยความเร็วเต็มสปีด  วินาทีนี้...มือไวขนาดไหน  ก็คว้าจับเขาไม่ได้แล้ว

ถามว่าวันนั้นต้นน้ำได้กินต้มยำกุ้งไหม?  ตอบเลยว่าไม่!  เขาไปไม่ทัน  กุ้งไม่เหลือสักตัว  เหลือแต่เห็ดกับน้ำต้มยำ  เขาไม่อยากเรื่องมากจนต้องสั่งใหม่  ได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจกินของเหลือเท่าที่มี  ปูผัดผงกะหรี่ก็ไปหมดแล้ว... เหลือแต่ผงกะหรี่ผัดต้นหอมไว้ให้ดูต่างหน้า  ยังดีที่หมึกนึ่งมะนาวกับยำปลาดุกฟูยังเหลือพอให้กล้อมแกล้ม 

แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่เห็นนทีจะเข้ามาคุยอะไรด้วยนี่  ยังหัวเราะอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะอยู่เลย  แล้วที่ทำท่าเหมือนมีเรื่องจะคุย...มีเรื่องอะไรล่ะ?

นั่นเป็นครั้งที่สองที่เขาได้ประสบพบเจอกับนทีตัวเป็นๆ 





ช่างเป็นความประทับใจแรกพบไม่รู้เลือนจริงๆ
  
นทีคนดัง...เดือนมหา’ลัย...หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งในโพลเพจคิวท์บอย  ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับออร่าเรียกความสนใจจากทุกสายตา  ผู้ชายที่ควงสาวไม่เคยซ้ำคน  ถ้าแปรงสีฟันต้องเปลี่ยนทุกๆ สามเดือน  นทีเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่านั้น 

นทีคนดังคนนั้น...กำลังดูดชาเขียววิปครีมล้นๆ หมดเป็นแก้วที่สองแล้ว  มือขาวปาดวิปที่เหลืออยู่เข้าปาก  “ไม่มีปัญหา  ย้ายเข้าวันนี้เลยก็ได้นะครับคุณแม่”  ประโยคหลังหันไปบอกฝนทิพย์อย่างประจบพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียบร้อย  ก่อนหันมายิ้มให้ต้นน้ำอย่างสดใส  ไร้เดียงสา  บริสุทธิ์เป็นที่สุด

ต้นน้ำอยากจะเบ้ปากให้ความใสซื่อของนที  แต่แสดงออกได้เพียงแค่ยิ้มตอบก่อนตักเค้กใส่ปาก





นทีเหลือบตามองต้นน้ำ

เขาเองก็รู้จักคนๆ นี้  ตอนต้นเทอมที่เขาเข้ามหา'ลัยใหม่ๆ เคยมีเรื่องกับกลุ่มนักศึกษาเกะกะกลุ่มหนึ่ง  เขาไม่อยากลงมือหนักมาก  แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ยอมหยุดสักที  ต่อยจนคว่ำแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก  ตายยากเหมือนแมลงสาป  กำลังคิดว่าจะลงมือให้หนักอีกหน่อย  เบื่อแล้ว  อยากหยุดเสียที  อยู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้เอาเชือกมามัดพวกนั้นไว้ทีละคน  เขาซัดลงไปกอง...คนๆ นั้นก็มัดไปเรื่อยๆ จนครบ  จากนั้นก็จากไปไม่พูดไม่จา  เป็นการจากลาที่เรียบง่ายที่สุด

'ใครวะ?'  นทีถามเม่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว  แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ส่ายหัว

สุดท้าย...เขาก็รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร  เมื่อเห็นผลโหวตหนุ่มหล่อสุดฮอตเพจคิวท์บอย  อันดับหนึ่งคือเขาเอง  แต่ที่สนใจจริงๆคืออันดับสี่... ต้นน้ำ  หนุ่มน้อยหน้าใสรองเดือนคณะศิลปกรรม  หนุ่มเนิร์ดสุดฮอตอันดับหนึ่งในมหา’ลัย   ในรูปต้นน้ำใส่แว่นกรอบทองบางๆ  ทั้งที่ตอนที่เขาเคยเจอก็ไม่ได้ใส่ 

เจอกันอีกครั้งตอนที่เขาโดนผู้หญิงที่ชื่อแพนลากออกมาด้านหลังร้านอาหาร  เขาเห็นจากปลายตาแวบๆ  ว่ามีคนจะเดินเข้ามา  แต่พอเห็นเขาก็ชะงักเท้าแล้วหลบไป  จนกระทั่งคุยธุระส่วนตัวกับแพนเสร็จนั่นแหละ  เขาถึงได้เดินเข้าไปดูว่าเป็นใคร

คนคุ้นตาที่วันนี้ไม่ได้ใส่แว่น!

ต้นน้ำที่นั่งยองอยู่ข้างรั้ว  มือกุมท้อง  หน้าใสแหงนมองดวงจันทร์ตาปรอย  ดูแล้วน่าขำจนอยากแกล้ง  เขารั้งต้นน้ำไว้  อยากจะขอบคุณที่ช่วยเขามัดไอ้พวกบ้านั่นไว้วันนั้น  แต่ต้นน้ำไม่เปิดโอกาส  ซึ่งเขาเข้าใจดี  ที่นั่งกุมท้องรออยู่นานขนาดนั้น...ต้มยำกุ้งคงสำคัญมาก

และอีกครั้งที่นทีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียวระหว่างรอเพื่อน  เขาเลือกที่นั่งหลบมุมอยู่ริมเสาต้นใหญ่
 
'เฮ้ย...นั่นมันต้นน้ำนี่'  เสียงผู้หญิงโต๊ะด้านข้างอีกฝั่งของเสากระซิบกระซาบกัน  นทีคีบลูกชิ้นเข้าปากอย่างใจเย็นพลางเหลือบตาขึ้นดู

วันนี้ใส่แว่นแฮะ
 
ต้นน้ำเดินกดสมาร์ทโฟน  โดยมีเพื่อนคอยกอดคอลากให้เดินตามไป  เขารู้จักเพื่อนของต้นน้ำ  ริว...เดือนคณะศิลปะกรรมที่ทำกิจกรรมตอนประกวดเดือนด้วยกัน  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสองของโพลเพจคิวท์บอย

'น่ารักอ่ะ  ข๊าวขาว  หน้าโคตรใส  เดินกับริวงี้แบบ...จิ้นว่ะ'
 

นทีดูดก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก  จิ้นกันไปเถอะ...คงได้แค่จิ้นเท่านั้นแหละ   ช่วงทำกิจกรรมประกวดเดือน  เขาเคยไปเที่ยวกับกลุ่มเดือนที่ร่วมประกวดด้วยกัน  ไม่ถึงเที่ยงคืน  สุดหล่ออย่างริวก็พลิ้วหายไปกับสายลม  ราวกับซินเดอเรลลาที่ต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน  แต่ซินเดอเรลลายังทิ้งรองเท้าไว้ให้ตามรอยได้  ส่วนริว...ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย  รู้แต่ว่า...ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ที่เห็นยืนคุยกันอยู่เมื่อกี้นี้ก็หายไปด้วย

'เลือกไม่ถูกอ่ะ  รักทั้งคู่  ได้หมด...ถ้าสดชื่น'
 
'แต่กูชอบแบบนทีว่ะ  ต้นน้ำ นที ริว มึงเลือกใคร?'

'นทีหล่อแบบแบดๆ อ่ะ  ริวนี้หล่อแบบขี้เล่น  ต้นน้ำหล่อใสๆ  ดูเป็นคนดี๊คนดี แต่มึงถามกูว่ากูเลือกใครนี่  มึงถามแล้วหรือยังว่ามีใครเลือกกูมั่ง?'  เสียงใสหัวเราะประสานเสียงกันทั้งกลุ่มโดยไม่มีใครรู้ว่ามี 'คนหล่อแบบแบดๆ' ที่อยู่ในหัวข้อเมื่อสักครู่นี้นั่งอยู่ข้างๆ เสาด้านหลัง





หึ..คนดีงั้นเหรอ?
 
ต้นน้ำคนดี...หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสี่...หนุ่มเนิร์ดสุดฮอตอันดับหนึ่งกินเค้กเป็นชิ้นที่สามแล้ว
 
“งั้นพรุ่งนี้เก็บของที่จำเป็นไปก่อนเลย  ลืมอะไรก็ค่อยแวะกลับมาเอาที่หลัง  บ้านป๊าอยู่ใกล้มหา’ลัยกว่าด้วย  เดินทางก็สะดวกสบายกว่า” ธนกรสรุป

นทีกระพริบตาปริบๆ “.....” เรื่องแบบนี้  ไวจริงนะป๊า

พรุ่งนี้!!  ต้นน้ำคนดี  กับ  นทีคนดัง  จะได้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วสินะ
ต้นน้ำคนดีตักเค้กเข้าปาก
นทีคนดังดูดชาเขียวก้นแก้วดังซู้ด




***********************************************

กำลังงงๆ  กับการจัดรูปแบบอยู่ค่ะ  อยากให้อ่านง่ายๆ กันเนอะ

มือใหม่หัดโพสต์ด้วย  ใครชอบก็ใจเย็นๆ กันหน่อยนะคะ

โอ๊ย... ดีใจ  มีคอมเม้นท์ให้กำลังใจ

รักอ่า  จะรีบมาต่อให้ไวเลยค่ะ

--> smile A
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2019 23:43:25 โดย Smile A »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: -- นทีต้นน้ำ --
«ตอบ #2 เมื่อ13-08-2019 14:14:39 »

 o13 เริ่มต้นมา เราก็ติดแล้ววววว  o13 มาบ่อยๆ ยาวๆนะค่ะ จะรอ “ ต้นน้ำคนดี  กับ  นทีคนดัง” ทุกวันเลยค่ะ  :hao3: สู้ๆค่ะ  :mew1:

FYI : ดูท่าน้องต้นนำ้นี่ คงจะโอนล่อลวงง่ายด้วย ขนม+ นม + เนย + อาหาร นะค่ะ เนี่ย!!!! น้องนทีคงต้องชักจูง+ หลอกล่อด้วยอาหารและขนม 5555  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: -- นทีต้นน้ำ --
«ตอบ #3 เมื่อ13-08-2019 14:16:17 »

ตามมมมม   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: -- นทีต้นน้ำ --
«ตอบ #4 เมื่อ14-08-2019 12:43:35 »

เอาล่ะซิ คนดีกะคนดัง
ชอบๆๆๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re:---- นทีต้นน้ำ ----- ตอนที่ 1--- [14/8/2019]
«ตอบ #5 เมื่อ14-08-2019 15:07:20 »

ต้นน้ำ ตอนที่ 1

เสือไม่กินเสือ  ไฮยีน่าไม่กินไฮยีน่า





ต้นน้ำและฝนทิพย์มาถึงบ้านธนกรด้วยรถคนละคัน  ของเกือบครึ่งบนรถเขาเป็นของฝนทิพย์  บ้านธนกรหลังใหญ่พอสมควร  แม้จะไม่ถึงขั้นคฤหาสน์  แต่ก็เรียกได้ว่า...ใหญ่!  ถ้าจะมีคนอยู่แค่สองคนอ่ะนะ

ทำไมต้นน้ำถึงไม่เคยเฉลียวใจมาก่อนว่าธนกรรวย  เขาหันไปมองหนูตกถังข้าวสารด้านข้าง  หนูตัวสีชมพู  หน้าตาเป็นสีชมพูระเรื่อ  แววตาหวานซึ้งปนปลื้มปริ่ม  ถ้าเขารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก  เขาหย่อนหนูลงถังข้าวสารนานแล้ว  ไม่อยากเห็นหนูที่เลี้ยงลูกมาเพียงลำพังเหนื่อยมากไปกว่านี้

นั่นไง...เจ้าของถังข้าวสาร  วิ่งหน้าตาสดใสมาเชียว 
   
“ที่รัก”  ธนกรวิ่งมาจับมือฝนทิพย์ “เหนื่อยไหม?  เข้าบ้านกันเถอะ  ผมจะไปรับก็ไม่ยอม” 

 “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ  เก็บของมาไม่กี่อย่างเอง” 
     
 ต้นน้ำกรอกตาขึ้นบน  ‘ไม่กี่อย่างเอง’…เต็มรถเขากับรถแม่ทั้งสองคันเลยเนี่ยนะ  เขาเก็บของมาสำหรับพอใช้แค่อาทิตย์เดียว  เดี๋ยววันเสาร์ค่อยไปเก็บใหม่  แต่ของคุณนายแม่เก็บมาหมด  เหมือนตั้งใจมาอยู่ทั้งชีวิต... ก็ขอให้อยู่ทั้งชีวิตอย่างนั้นจริงๆ เถอะ  เขาภาวนาขอให้รักครั้งนี้ของแม่เป็นรักครั้งสุดท้ายจริงๆ

“น้ำ  เข้ามาก่อน  ของเอาไว้อย่างนั้น  เดี๋ยวป๊าให้คนมายกลง”  ธนกรรีบท้วงเมื่อเห็นต้นน้ำทำท่าจะยกสัมภาระลง

ป๊าเหรอ?...อืม  สถานะเปลี่ยน  สรรพนามเปลี่ยนสินะ  ช่างรวดเร็วดีจริง  แต่ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน

“ผมจะเอาของที่ต้องใช้ลงก่อนครับ...ป๊า”

ธนกรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำเรียกขานที่เปลี่ยนไป  แววตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด 

ตัวบ้านภายในแยกเป็นสัดส่วน  โดยมีห้องนั่งเล่นเป็นศูนย์กลาง  เยื้องไปเป็นโต๊ะอาหาร  มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นส่วนของครัวไว้  ทางเดินด้านหลังอ้อมไปยังสระว่ายน้ำ  มีเครื่องออกกำลังกายจัดไว้อีกมุมหนึ่งที่อยู่ในร่ม 

ชั้นบน  เป็นห้องนอนที่แยกเป็นสองฝั่ง  ฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนและห้องทำงานของธนกร  อีกฝั่งเป็นห้องนอนของนที   คั่นด้วยห้องนอนอีกสองห้อง  เขาถูกจัดให้อยู่ห้องนอนใหญ่อยู่ติดกับห้องของนที  พื้นที่ส่วนกลางของชั้นสอง  เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ  เกมส์  และ...ของเล่น  ดูแล้วไม่เหมือนของที่จะเป็นของธนกร 

“ของทีน่ะ”  ธนกรเดินเข้ามาใกล้  มือใหญ่ลูบไล้เบามือ  “เขาชอบเล่นของพวกนี้ตอนเด็กๆ  เล่นคนเดียวเวลาที่ป๊าไปทำงาน  แล้วน้ำล่ะ...เล่นแบบนี้เหมือนกันไหม?”

“ก็คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกันครับ”  คล้าย...ตรงที่เล่นคนเดียวนี่แหละ 





ต้นน้ำทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดคิงไซส์   เขาปลีกตัวมาจากคู่รักแห่งปี   ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรักกัน  แม้จะไม่ได้แสดงความรักต่อกันโจ่งแจ้ง...แต่แววตาเวลาที่ทั้งสองคนมองกัน  กลิ่นอายรอบตัวดูหวานเชื่อมจน...เลี่ยน   เขายังไม่ชินเลยขอปลีกตัวเข้าห้องนอนก่อน  ปล่อยให้คู่รักเขาสวีทกันไปดีกว่า  แว่วว่าจะช่วยกันทำกับข้าวเย็นวันนี้   

ภายในห้องนอนตกแต่งเป็นสีเอิร์ธโทนง่ายๆ  สบายตา  มีโต๊ะเขียนหนังสือ  ชั้นวางของ  ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่  ก็ไม่มีอะไรมาก  อะไรที่ควรมีก็มีหมดแล้ว    ต้นน้ำเริ่มรื้อของออกมาจัดเข้าที่ 

ตั้งแต่เขามา  ยังไม่เจอนทีเลย  ธนกรบอกว่านทีไปอยู่คอนโดทุกวันศุกร์  กลับมาวันอาทิตย์เย็น  เพราะบ้านอยู่ใกล้มหา’ลัยมากกว่า  แต่คอนโดอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากกว่า
 
นทีคนดัง...ช่างเป็นผู้ชายชัดเจนจริงๆ!!




ไม่รู้ว่าส่วนสูงจะหยุดเพิ่มตอนอายุเท่าไรกันแน่  แต่ต้นน้ำเชื่อว่าเขากำลังโต  เพราะฉะนั้น...สปาเก๊ตตี้ซอสหมูชามโตที่คู่รักแห่งปีช่วยกันทำให้เขานั้น...ไม่อิ่มท้องเอาเสียเลย 
   
หลังจากรับมื้อเย็นกันเรียบร้อยคู่รักทั้งสองคนก็ย้ายที่ไปสวีทกันต่อที่หน้าทีวีแล้ว  ส่วนต้นน้ำยังรื้อของกุกกักๆ ในตู้เย็น  จัดสปาเก๊ตตี้ไปแล้ว  กินอะไรอีกดี  ต้นน้ำคว้าไส้กรอกถุงใหญ่ออกมาไว้ในมือเป็นหนึ่งในตัวเลือก 

อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากด้านหลัง  คล้ายสียงฝีเท้าของสัตว์ตัวใหญ่  ถ้าเป็นในหนัง...เสียงนี้จะเป็นฉากที่หมาป่าวิ่งไล่เหยื่อ   ต้นน้ำเสียวสันหลังวาบ  เขาหันหลังกลับพลันผงะหงายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ยยยย”  สัตว์หน้าขนตัวใหญ่โถมกระโจนเข้าหาเขา  ลิ้นเปียกเลียหน้าเลียตา  ต้นน้ำใช้สองมือปัดป้องใบหน้าของตัวเองเป็นพัลวัน  และ...ไม่ใช่ตัวเดียว...ไม่ใช่ลิ้นเดียว!   

“เฮ้  เดี๋ยวพี่ชายคนใหม่ก็ตกใจหมดหรอก”  มือใหม่เอื้อมมาคว้าปลอกคอหมาทั้งสองตัวออก 

ต้นน้ำค่อยๆ ขยับด้วยแววตาระแวดระวัง  จัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่  มองภาพไอ้ตัวใหญ่ทั้งหมดเต็มตา  ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง  ขนาบข้างด้วยองครักษ์ที่ยืนหอบลิ้นห้อยทั้งสองตัว  โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวเต็มวัยส่งยิ้มหวานมาให้เขา  มันก็ทำหน้าตาเป็นหมาปกตินี่ล่ะ  แต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าพวกมันยิ้มได้  ยิ้มประจบเสียด้วย

“รู้จักไว้สิ  นี่พี่ชายคนใหม่ของพวกเรา  ชื่อพี่ต้นน้ำนะ”  นทีแนะนำตัวเขาให้หมารู้จัก  มือใหญ่กอดคอหมาทั้งสองข้างพลางลูบปลอบประโลม
 
ท่าทีอ่อนโยนมาก  แต่แววตาวิบวับกับน้ำเสียงติดจะเย้าแหย่แบบนั้น...มันไม่ใช่นะ!
ปลอบหมา  แต่แหย่เขา?
‘พี่ชาย’ ของ ‘พวกเรา’ ? 
เขาแก่กว่านทีเหรอ?

“ก็นายถือของโปรดพวกมันอยู่  มันคงคิดว่านายจะเอาให้มันกินน่ะสิ  มันถึงได้วิ่งมา”  เสียงทุ้มอธิบาย

ของโปรดเหรอ?
ต้นน้ำมองถุงไส้กรอกในมือ  ยิ้มที่มุมปากข้างเดียว  ก่อนจับไส้กรอกทั้งถุงยัดใส่ไมโครเวฟ  เขาหันไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือ  หยิบกระดาษทิชชูมาซับอย่างใจเย็น  รอจนไมโครเวฟดัง  สะบัดผมไปมาเล็กน้อย  ก่อนหยิบไส้กรอกใส่จาน  ราดมายองเนส  ซอสพริก  แล้วเดินผ่านหน้าเหล่า ‘น้องชาย’ ไปนั่งกินที่โซฟาหน้าทีวีกับคู่รักแห่งปี

เจ้าของหมา  “.....”

หมา “.....”  สองตัวใหญ่ใช้ขาหน้าสะกิดพี่ชาย

คนอะไรวะ?  ของหมาก็แย่ง  ไหนว่าคนดี?
นทีมองหน้าหมา  ซวยละพวกเอ็ง  พี่ชายคนใหม่ไม่ใจดีซะแล้ว

เจ้าของหมาเดินนำหมามานั่งข้างคนแย่งของหมากิน  พลางหยิบไส้หรอกเข้าปากตัวเองคำหนึ่ง  ป้อนใส่ปากหมาอีกตัวละคำ “นี่โจลี่  นี่แบรดพิตต์  ทำตัวดีๆ นะ  แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กินอีก”

ต้นน้ำเหล่ตามอง  ปากก็บอก “ของเรา”

“ก็นายแย่งของโจลี่กับแบรดพิตต์ก่อน”  เขาแค่ทวงความยุติธรรมให้น้องชายเท่านั้น

“นายก็แย่งหมากินเหมือนกัน”  ตัวเองเป็นคนกินเข้าไปก่อนแท้ๆ

“หื้อ”  นทีส่ายหน้าแรง  “แบบนี้เขารียกว่าแบ่งกันต่างหาก”

“งั้น...เราก็ต้องเรียกว่าเแบ่ง  เราเป็นคนหยิบก่อน  เราเป็นคนเวฟด้วย”

“เห็นไหม  ทำตัวดีๆ  แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กิน”  นทีเถียงไม่สู้  หันไปปลอบหมาดีกว่า

“ใครพี่ชาย?” 

“นายไง  นายเกิดเดือนกันยาไม่ใช่เหรอ?” 

“ใช่”

“เราเกิดตุลา  ห่างกันเดือนหนึ่ง  นายเป็นพี่”  นทียิ้มกริ่ม  “นายต้องเสียสละให้น้อง  เป็นพี่ที่ดีต้องปกป้อง  ดูแลน้อง  ฝากตัวด้วยนะ...พี่ชาย”  คนเป็นน้องยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่

“หึ”  เคยเห็นพี่ชายเลวๆ ไหมไอ้น้อง “นายอย่าพาพวกน้องๆ นายเข้าบ้านอีกจะดีกว่า”

“หึย  ทำไมอ่ะ?  มันเป็นน้องชายของเรานะ  เราเลี้ยงมาตั้งหลายปี”  แล้วไอ้พวกนี้ก็เข้าบ้านมาตลอด  พี่ชายตัวใหญ่คว้าน้องชายขึ้นมากอดราวกับกลัวใครจะมาพรากจาก

ต้นน้ำพยักเพยิดไปทางด้านหลังให้นทีหันไปดู  รอยเท้าหมาและเศษดินเปื้อนเป็นหย่อมๆ ตามทางที่พวกมันเดิน 

พอนทีหันกลับมา  ก็พบว่าต้นน้ำชี้รอยดินที่เปื้อนเป็นดวงบนเสื้อของตัวเองให้เขาดู

“ก็ได้  พี่ชายคนใหม่ใจร้าย  เขาไม่ชอบให้เราเข้าบ้านล่ะ”  ประโยคหลังหันไปตัดพ้อกับน้องชายทั้งสองตัว  “ไป  เราไปอยู่ข้างนอกกันเถอะ”  ร่างสูงหันมาคว้าจานไส้กรอกเดินนำลูกน้องออกไปข้างนอกอย่างเกียจคร้าน

ต้นน้ำโคลงหัวมองตามน้องชายตัวใหม่ทั้งสองตัวที่เดินออกไปอย่างว่าง่าย  ไม่รู้ว่าเดินตามลูกพี่หรือเดินตามไส้กรอกกันแน่  เขาไม่ได้รักหมา  และก็ไม่ได้เกลียดหมา  แต่ก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยง  เพราะเห็นว่าเป็นภาระเกินไปที่เอาชีวิตอีกชีวิตหนึ่งมาผูกไว้กับตัว  เขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะดูแลอีกชีวิตขนาดนั้น

คนที่เลี้ยงหมาต้องรักหมาขนาดไหนกันนะ?
แล้วหมาสองตัวนั่นก็ดูรักพี่ชายมากเสียด้วย
นักเลงหัวไม้ที่เขาเห็นในวันนั้นใช่คนเดียวกับคนที่นั่งแบ่งอาหารกินกับหมาจริงๆ หรือ?
คนที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่ากางเกงในใช่คนที่เรียกหมาว่าน้องชายจริงๆ หรือ?

เมื่อเห็นลูกชายทั้งสองคนเข้ากันได้  คุยเล่นกันอย่างมีความสุข  ธนกรและฝนทิพย์นั่งมองก็นั่งมองอย่างปลาบปลื้มใจ  “ลูกเราสนิทกันดีนะคะ”





ในแสงไฟเลือนราง  นทีนั่งลงตรงชานหน้าบ้าน  พลางก้มลงมองไส้กรอกในจานที่ตัวเองถือมา  ‘พี่ชายใจร้าย’ ราดซอสพริกกับมายองเนสลงแค่ฝั่งเดียวของจาน
 
เขาจิ้มไส้กรอกกับซอสพริกใส่ปากตัวเอง  ก่อนหยิบไส้กรอกด้านที่ไม่เปื้อนซอสยื่นให้ลูกน้องที่กระดิกหางรออยู่
ต้นน้ำคนดีงั้นหรือ? 




เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในบ้านหลังใหม่ด้วยคู่รักรุ่นใหญ่หัวใจสีชมพู  ธนกรกับฝนทิพย์ช่วยกันทำอเมริกันเบรกฟาสต์ชุดใหญ่ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน  ไข่ดาว  แฮม เบคอน ผักต้ม   ขาดแต่ไส้กรอก ซึ่งน่าจะหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

ต้นน้ำลงมาในชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมที่จะออกไปเรียน  เขาเหลือบมองในจาน  “แม่  ขอไข่ดาวเพิ่มอีกฟองได้ไหมอ่ะ?”

“แม่ก็เพิ่มออมเล็ตให้ลูกแล้วไง”

“วันนี้มีเรียนยาว  ต้องใช้พลังงานเยอะ  ร่างกายต้องการโปรตีน”

คนกำลังโตนั่งลงที่โต๊ะอาหาร  จัดการอัพโปรตีนเข้าสู่กระเพาะ

เสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดก่อนที่ร่างสูงจะโผล่พรวดเข้ามาฟุบใบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งกั้นอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะอาหารและส่วนที่เป็นครัว  ท่าทางยังไม่ตื่นเต็มตา  ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กางเกงขายาวตัวเดียว  ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เรียงตัวสวยบนแผ่นหลัง 

นทีนั่งหันหลังให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำเพ่งสายตามองไปที่แผ่นหลังแน่นของนที  ไอ้ขีดแดงๆ เล็กๆ นั่น  ใช่รอยข่วนหรือเปล่านะ?  ต้นน้ำไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ  แค่เรื่องมันมาอยู่ตรงหน้าเขาเอง 

ฝนทิพย์ตักไข่ดาวให้ต้นน้ำเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปหานที  “ทีจะกินข้าวเลยหรือเปล่าลูก?” 

แต่ฝนทิพย์คงจะยิ่นหน้าเข้าไปใกล้เกินไป
 
“โอ๊ะ”  นทีผงะ  สะดุ้งพรวด  ร่างสูงสะดุดเก้าอี้บาร์ทรงสูงเล็กน้อย  ก่อนตะลีตะลานวิ่งขึ้นข้างบนไป

ฝนทิพย์หันมาหาต้นน้ำ  ส่งสายตาสื่อความหมายว่า...นทีเป็นอะไร?

ต้นน้ำส่ายหน้า...ไม่รู้

ฝนทิพย์หันไปหาธนกร  ธนกรยักไหล่...ไม่รู้เหมือนกัน

นทีกลับลงมาใหม่ในสภาพเรียบร้อยกว่าเดิม  รอบนี้สวมเสื้อยืดตัวหลวมลงมาด้วย  เขาลืมไปว่าที่บ้านมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว  ถึงจะอายุคราวแม่ก็เถอะ  อย่างน้อย...การใส่เสื้อก็ดูสุภาพกว่า  ให้เกียรติมากกว่า

“อ๊ะ  ทีขึ้นไปใส่เสื้อมาเหรอลูก?”  ฝนทิพย์ถามลูกชายคนใหม่ที่เพิ่งเรียกเธอว่าแม่ได้สองวันด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ

“ครับ” นทีตอบรับด้วยท่าทางเขินๆ 
 
ปลอมมาก... ความเห็นส่วนตัวของต้นน้ำเอง  ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลใดๆ ทั้งสิ้น
 
“แย่จัง”  ฝนทิพย์ทำหน้ามุ่ย “แม่อยากเห็นซิกซ์แพ็คหนุ่มๆ  ชุ่มชื่นหัวใจ”
 
“เดี๋ยว  ผมก็มีซิกซ์แพคนะ” ธนกรเปิดเสื้อโชว์หน้าท้องที่เกร็งไว้  ถึงจะไม่อ้วนจนพุงพลุ้ยแต่ก็ไม่มีกล้ามเนื้อสักแพค
 
“วันแพคน่ะสิป๊า  ซิกซ์แพ็คต้องแบบนี้” คนลูกเปิดโชว์บ้าง  บลัฟกันสุดฤทธิ์
 
“ว้าว  นทีสุดยอดไปเลยลูก  แน่นเปรี๊ยะ”  ฝนทิพย์เอามือตีหน้าท้องแข็งของนทีดังปุปุ  ก่อนเอาไปลูบวันแพคของคนพ่อ “ของกรก็นุ่มมือดีค่ะ  ฝนชอบ  เวลากอดจะได้อุ่นๆ” 
 
ธนกรยิ้มกว้างก่อนเข้ามาซบว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้นี้อย่างออดอ้อน  ฝนทิพย์แอบขยิบตากับนทีก่อนลากคนพ่อไปที่ครัว
 
อายุก็จะห้าสิบกันแล้ว  กระเง้ากระงอดกันน่าดูไม่หยอก
 
นทีนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามต้นน้ำ  สายตายังคงจับจ้องไปยังคู่รักที่ทำตัวติดกันอยู่หน้าเตาแก๊ส  หวังว่าครัวคงไม่ไหม้ในเร็ววันนี้  
 
ใบหน้าหล่อเหลาแหยลง  ก่อนเบือนหน้ากลับมาทางคนที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ก่อนแล้ว  ตาสองตาสบตากันอย่างคนที่เข้าอกเข้าใจกันดี  บรรยากาศสีชมพูลอยฟุ้งแบบนี้  สำหรับสองหนุ่มโสดแล้ว  บอกตามตรง... ขนลุกเหี้ยๆ
 
“นายมีเรียนกี่โมง?” นทีถาม
 
“แปดโมง”
 
“โชคดีจัง”  นทีพูดเสียงแผ่ว  นึกน้อยอกน้อยใจในโชควาสนาของตนเองที่ต้องอยู่รับมือกับคู่รักแสนหวานตามลำพัง  
 
“อืม  นายก็รีบกิน  รีบขึ้นไปอยู่ข้างบนเร็วเข้า  ถ้าอยู่ตรงนี้นานกว่านี้  เดียวก็อ้วกหรอก”  ต้นน้ำเตือนนทีด้วยความหวังดี  เขาอยู่ตรงนี้มาร่วมยี่สิบนาที  หวานเลี่ยนจนออมเล็ตจะเลื่อนขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว  ไม่น่าขอไข่ดาวอีกฟองเล๊ย
 
ต้นน้ำกินไข่คำสุดท้าย  
 
“ทีรอแป๊บนะลูก  แม่จะทอดไข่ให้ใหม่  แม่เอาไข่ทีให้น้ำกินหมดแล้ว”  
 
พรวดดดด!!!
 
 
 
 
“มึงเห็นโพลใหม่ประจำเดือนยัง?”  สาวน้อยหน้าคมสวยยื่นหน้ามาถามต้นน้ำ
 
“ยังอ่ะ  โพลไรวะ?”
 
“นี่มึงไม่ได้เข้าเฟสบุคเลยเหรอ?” 
 
ต้้นน้ำส่ายหน้า  ตั้งแต่วันเสาร์ที่ฝนทิพย์กับธนกรนัดเขาให้เจอกับนที  แล้วเกิดจับพัดจับผลูย้ายบ้านกระทันหันก็ยุ่งกับการเก็บจัดข้าวของมาโดยตลอด  ไม่มีเวลาดูโทรศัพท์เลย “ทำไม  มีอะไร?”
 
“โพลใหม่  มีชื่อมึงด้วย  หนุ่มหน้าสวย flower boy ที่หนุ่มๆ อยากเปลี่ยนใจยอมเป็นเกย์  อันดับสี่ว่ะ”
 
“กูสวยเหรอวะ?”  ต้นน้ำถามแบบงงๆ
 
เอื้องฟ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้   ใช้สายตากวาดไปทั่วดวงหน้าเนียนใส  พิจารณาใบหน้าของต้นน้ำให้ชัดๆ  “อืม  หน้ามึงใสมากอ่ะน้ำ  มึงใช้ครีมอะไรวะ?”

ต้นน้ำเอียงหน้าถอยอย่างไม่ค่อยไว้ใจ  คนภายนอกมองมาอาจคิดว่าเอื้องฟ้าสวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่งตามสไตล์ลูกคุณหนู  แต่ความเป็นจริงที่มีแต่เพื่อนในกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าเอื้องฟ้าถึกและบึกบึนแค่ไหน
 
หน้าตาสวยงาม  กิริยาต่ำทราม  มารยาทสถุน  คือสโลแกนของเอื้องฟ้าที่ริวตั้งให้

“แม่กูซื้อมาให้  อะไรที่แม่ไม่ใช้  แม่ก็ขนมาให้กูใช้  จะได้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่  กูเสียดาย  ใช้แม่งหมดเลย  จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง”  เดย์ครีม  ไนท์ครีมอะไรบ้างไม่รู้  อาจมีเผลอใช้เดย์ตอนไนท์  ใช้ไนท์ตอนเดย์บ้างเหมือนกัน  อะไรทาก่อน  อะไรทาทีหลัง  เขาเองก็จำไม่ได้  โบ๊ะๆ โบกๆ ลงไปอย่างนั้นเอง
 
“มึงลองตัวนี้สิ  ดีนะ"  มือเล็กหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ  "นี่ตัวใหม่เลย  ขนตามึงจะงอนเด้ง  ยาวกว่าเดิมสองเท่า  แบรนด์เขาเคลมมาว่างี้”  ว่าพลางกระพริบขนตางอนเด้งกว่าเดิมสองเท่าใส่เขา  
 
ต้นน้ำมองเพื่อนด้วยแววตาเยือกเย็น 
 
“แหม  ไม่เล่นเหรอ?”  เอื้องฟ้าเก็บของลงกระเป๋าตามเดิม “ก็กูเห็นว่าขนตามึงยาว  จมูกดูสันเป็นคม  เส้นผมก็ทำไฮไลท์  กูก็นึกว่าจะได้เพื่อนสาวไว้เม้าท์มอยเรื่องเครื่องสำอางกับเขาบ้างไง  มึงก็สวยอยู่นะน้ำ แต่... กูว่า...ไอ้ขิงสวยกว่า” 
 
“อ๊าวววว  อีเหี้ยนี่”  ขิงโยนน้ำแข็งจากแก้วน้ำที่กำลังดูดอยู่ใส่เอื้องฟ้า
 
ขิงโวยวายทุกครั้งที่มีคนชมว่าสวย  รูปหน้าตาอย่างขิง  สูงชะลูดตูดปอดออกขนาดนี้  ต้อง ‘หล่อ’ เท่านั้นถึงจะคู่ควร  ถึงขิงจะไม่มี ‘ไอ้นั่น’ แบบผู้ชายก็เถอะ  
 
“แม่ง  ทำไมไม่มีโพลสาวหล่อบ้างวะ?  กูได้อันดับหนึ่งชัวร์”
 
“ไม่สวยได้ไง  ไม่สวยมึงจะได้ชิงดาวคณะกับเขาเหรอ?” ริวร่วมด้วยช่วยเอื้อง
 
“ก็อีเคี้ยวเอื้องมันส่งชื่อกูลง” 
 
“มึงแอบส่งชื่อกูก่อนไหม  อีขิง”  เอื้องแหวเพื่อน
 
“อย่ามา  กูไม่รู้เรื่อง  มึงอย่ามาใส่ร้ายกู”  ขิงเนียนมาก  ตอนคัดเลือกดาว  ต้นน้ำเห็นว่าขิงเขียนชื่อเอื้องฟ้าลงไป  ริวเห็น  และเนมก็เห็น  สรุปว่าเห็นกันทั้งกลุ่ม  ยกเว้นเอื้องฟ้าคนเดียวที่ไม่เห็น  เพราะขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบไปลงชื่อขิงไว้ที่รุ่นพี่อีกคนหนึ่ง   พอกันทั้งคู่...แต่สองคนนี้ไม่ได้เป็นดาวคณะหรอก  สาวสวยแบบหวานๆ  นิสัยเรียบร้อยที่ชื่ออิ๊งปาดคะแนนชนะไปอย่างหวุดหวิด    "มึงเอาโทรศัพท์มึงมาซิ"  ขิงกระดิกมือให้เอื้องฟ้า
 
“ไม่”
 
“มึงจะให้ดีๆ หรือจะให้ด้วยน้ำตา” ขิงเริ่มขู่กรรโชก ซึ่งขิงบอกว่า...มันเป็นสไตล์ของทอมแนวตบจูบ
 
“กูไม่ให้  มึงจะทำไม?”  เอื้องฟ้าลอยหน้าลอยตาน่าถีบเป็นที่สุด
 
แต่ขิงไม่ถีบ  เป็นทอมต้องให้เกียรติผู้หญิง  “ถ้ามึงไม่อยากให้รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสู่สาธารณะ  ส่งโทรศัพท์มึงมาเดี๋ยวนี้”
 
เอื้องฟ้าเริ่มกลัว  แต่ยังคว้าโทรศัพท์ไว้แน่น “มึงบอกกูก่อน  ว่ามึงจะเอาโทรศัพท์กูไปทำอะไร?”
 
“เออน่า  สิ่งที่กูจะทำ  ดีกว่าโชว์รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสื่อแน่นอน  กูรับประกัน”
 
“กูมีรูปตอนรับน้อง  มึงเอาไหมขิง?”  เนมที่นั่งรอฟังผลมานานถามขึ้น
 
“รูปใคร?”
 
“รูปอีเอื้องตอนเป็นบ้า”  ตอนรับน้อง  สภาพแต่ละคนดูไม่จืด  ทั้งมัดจุก  ทั้งแต่งหน้าทาปาก  แต่เอื้องฟ้าแย่สุด  รูปที่ถ่ายออกมาแต่ละรูป  ไม่บ้า...ก็ไม่เรียกว่าดี  ศรีธัญญาเห็นเข้า...ต้องรีบมาจับตัวเลยทีเดียว
 
เสียงผู้ชายสองคน  ทอมหนึ่งคนที่ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งผู้หญิงหัวเราะประสานกันทำให้เอื้องฟ้าแทบจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ 
 
“อ่ะ  เอาไป  ดีๆ นะมึง  อย่าให้เสียหาย” หญิงสาวแท้ๆ คนเดียวในกลุ่มยื่นโทรศัพท์ให้สาวหล่อตาขวาง
 
“น้ำ  พวกคนสารเลวพวกนี้มันแกล้งเรา  น้ำต้องช่วยเรานะ”  เอื้องฟ้าซบหน้าลงมาที่อกของต้นน้ำอย่างออดอ้อน  งานอดิเรกของเอื้องฟ้าคือแสดงละคร  บทนี้น่าจะมาจากบทนางเอกผู้น่าสงสาร  บอบบาง  น่าทะนุถนอม  ตรงข้ามกับตัวจริง “เพราะน้ำเป็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเรา”
 
สมควรแล้ว...ที่โดนพวกเพื่อนผู้ชายรุมแกล้ง  สมควรตายแล้วเอื้องฟ้า  สมองต้นน้ำประมวลผล  เขาเคยมีรูปอุบาทว์ของเอื้องฟ้าอยู่ในเครื่องไหมนะ?

ดูยังไงก็ดูไม่รู้ว่าทอมตบจูบกับผู้หญิงหยาบคายสองคนนี้  จบมาจากโรงเรียนหญิงล้วนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่  ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งครัดมารยาท 
 
“นั่นมันนทีนี่นา”  เอื้องฟ้าเด้งตัวออกจากอ้อมอกต้นน้ำอย่างรวดเร็ว 

ในภาพสารคดี  กวางน้อยคือเหยื่อของเหล่านักล่า  และคนทั่วไปก็ให้คำนิยามว่า...ผู้หญิงเป็นกวางน้อย 
นิยามผู้ชายว่าเป็นเสือ  นักล่าผู้ว่องไวและเก่งกาจ
แต่คำนิยามเหล่านั้นไม่เหมาะกับเอื้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย  ตัวเล็กเหมือนกวาง แต่เกิดมาเพื่อล่า  ไม่มีนิยามใดจะเหมาะกับเอื้องฟ้ามากไปกว่า... ‘ไฮยีน่า’ อีกแล้ว

ต้นน้ำมองไปตามสายตาของเอื้องฟ้า  นทีเดินขึ้นตึกมาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคน  คนที่เดินข้างนทีคือไอ้หน้าตี๋ที่ยืนพิงรถเขาในวันที่เขาสูญเสีย ‘เชือก’

เหมือนบรรยากาศภายในตึกจะเงียบไปพักหนึ่ง  ก่อนจะฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม

นทีเดินขึ้นตึกไปแล้ว  เอื้องฟ้าก็หันมาบ่น “หล่อสัด  ขาวเหี้ย  ได้นัวสักทีจะดีไม่น้อย” เสื่อมทรามสมสโลแกนตลอด

“มีไอ้ขิงแล้ว  มึงยังจะมองหาใครอีก?”  ริวถามทั้งที่มือยังกดโทรศัพท์ยิก 

ส่วนขิงกับเนมก็สุมหัวกันจัดการกับโทรศัพท์ของเอื้องฟ้าอยู่ 

“กูไม่กินเพื่อนเว้ย  แล้วทีมึงอ่ะ  มีไอ้น้ำอยู่แล้วยังจะแชทกับสาวอีกนะ”  ริวกับต้นน้ำรู้จักกันมาตั้งแต่มอสี่  แต่อยู่กันคนละห้อง  มาสนิทกันจริงๆ ก็ตอนเข้ามหา’ลัยแล้วมาเรียนคณะเดียวกันนี่ล่ะ  ริวหน้าตาดีจนได้รับเลือกเป็นเดือนคณะแต่ไปแพ้นทีในรอบชิง  ได้แค่ตำแหน่งรองกลับมา  แต่ดูเหมือนริวจะไม่สะทกสะท้านใดๆ  ตำแหน่งรองเดือนมหา’ลัยไม่มีผลในการจีบหญิง

ถ้าใครจะนิยามคำว่า ‘เสือ’   คงไม่มีใครเหมาะไปกว่าริวคนพลิ้วอีกแล้ว  เช้าคน...เย็นคน...พลิ้วไปทั้งตัว  ทั้งเอว  กินเงียบ  แดกเรียบ  กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็...โอ๊ะ! ริวกินไปแล้วนะจ๊ะ

“กูกับไอ้น้ำเกี่ยวอะไรกันวะ?” 

“ก็สาวๆ เขาจิ้นมึงกับไอ้น้ำไง  จิ้นเหมือนเป็นแฟนกันไรงี้” 

 “ตลกละ กูก็ไม่แดกเพื่อนเว้ย”

ไฮยีน่าไม่กินเพื่อน!!
เสือก็ไม่แดกเพื่อน!!




“อ่ะ  เอาคืนไป”  ขิงยื่นโทรศัพท์คืนให้เอื้องฟ้า

เอื้องฟ้ารับโทรศัพท์มาเปิดดูโน่นนี่สักพัก  พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ตัวเอง  ก็กระดิกนิ้วเรียกขิง  สาวหล่อลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเดินมาหาสาวแท้  แล้วสาวแท้ก็ลากสาวหล่อออกไปคุยข้างนอกตึก

“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?”  เอื้องฟ้าถามขิงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทำไม?  กูทำอะไร?  ขนาดไหน?”  ขิงถามงงๆ  ด้วยสีหน้าท่าทางไม่รู้จริงๆ

“กับไอ้แค่โพลสาวหล่อที่มึงอยากได้  นี่มึงขนาดขายเพื่อนเลยนะ”  เอื้องฟ้ายื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ขิงดู...ภาพต้นน้ำกับริวที่ถ่ายคู่กันในอิริยาบถต่างๆ  ถูกส่งให้เพจคิวท์บอย

Cuteboy
------------------------------------------------------------------
พี่คะ
หนูเป็นดี้ค่ะ หนูชอบทอม
พี่ช่วยจัดโพลสาวหล่อให้หนูหน่อยนะคะ
โดยเฉพาะคนนี้นะ 
ขิง ศิลปกรรมค่ะ 
เพื่อนหนูเอง 
หนูแอบชอบเขามานานแล้วค่ะ
[แนบรูปขิงแบบที่หล่อมาก  สูง ขาว  กระชากใจสาว]

จ้า 
พี่จะปรึกษาทีมงานดูนะ

ถ้าพี่จัดให้หนู  หนูมีของขวัญให้พี่ค่ะ
[ แนบรูปต้นน้ำกับริว 3 รูปรวด ]
นี่แบบเรียกน้ำย่อยนะคะ 

อู้ว เด็ด
[ส่งสติ๊กเกอร์หัวใจรัวๆ]

มีเด็ดกว่านี้นะ

แต่ว่าโพลนี้จะเป็นโพลสุดท้ายของเทอมนี้แล้วจ้า 
ปิดเทอมทีมงานก็ต้องพักเหมือนกัน  โพลที่น้องเสนอมาน่าสนใจนะ 
พวกพี่กำลังตันเลยว่าจะลงโพลอะไรดี  เปิดเทอมมาจะจัดให้เป็นโพลแรกเลย
แต่ของรางวัลพวกพี่ก็รับนะจ้ะ  เด็ดมากอ่ะ  อยากดูภาพเอ็กคลูซีฟกว่านี้
 
จัดให้ค่ะ  เปิดเทอมรอรับเลย
555

น้องอยากมาร่วมทีมกับคิวท์บอยไหมอ่ะ 
เห็นคอเดียวกัน  ตามล่าหาหนุ่มหล่อ  สนุกนะ

ขอคิดดูก่อนนะคะพี่ อิอิ

-------------------------------------------------------------------

ขิงตบหัวเอื้องฟ้า  “ขายเหี้ยอะไร?  รูปแบบนี้คนอื่นก็มี” 

“แต่มึงบอกว่าจะปล่อยรูปเอ็กคลูซีฟ” 

“เออ  แล้วไง?  รูปเอ็กคลูซีฟก็มีหลายแบบป่าววะ?  ก็แค่เอารูปที่คนอื่นไม่เคยเห็นเอง  เมื่อกี้ไอ้เนมก็นั่งดูกับกู  ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร”

“เปล่า  กูก็ไม่ได้ว่าอะไร?  กูแค่จะถามว่ารูปเอ็กคลูซีฟน่ะ...มึงมีหรือยัง?”  ตาสบตา  เป็นเพื่อนกันมานาน  มีเหรอที่จะไม่รู้ใจ

ขิงหัวเราะ  “ก็ถ่ายใหม่เอาสิวะ”




-------------------------------------------------------

มาแล้วจ้า  ช่วงนี้จะอัพบ่อยหน่อย
แต่คงไม่อัพทุกวันนะคะ 
บางวันก็อาจจะตัน บางวันก็อาจจะยุ่ง

แต่เห็นคอมเม้นท์แล้วสดชื๊น  สดชื่น 
อัพพลังให้นักเขียนมาก
อยากเขียน  อยากอัพขึ้นมาเลย

ขอบคุณสำหรับการอัพพลังนี้ด้วย
เอเองค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2019 12:27:59 โดย Smile A »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 1---[14/8/2019]
«ตอบ #6 เมื่อ14-08-2019 18:28:56 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re:------ นทีต้นน้ำ------ตอนที่ 2-----[15/8/2019]
«ตอบ #7 เมื่อ15-08-2019 15:38:50 »

นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 2

 
Sing like nobody’s watching
 
 
 
 
“เมื่อกี้ต้นน้ำใช่ป่าววะ?”  เม่นถามนที
 
“อืม” นทีพยักหน้า
 
“คนที่ช่วยมึงจัดการกับพวกไอ้คิงอ่ะนะ” น็อตที่อยู่ข้างหลังได้ยินเลยถามขึ้น
 
“แล้วมึงไม่เรียกให้กูดูหน่อยวะ  ยังไม่เคยเจอเลย  เสียดายวันนั้นกลับบ้านก่อน” ปาล์มบ่น  เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์มัดตราสังข์ในครั้งนั้น
   
เรื่องของต้นน้ำเป็นที่โจษจันในกลุ่มของนที  ทุกคนที่ได้ยินล้วนประทับใจกับการ 'มัด' ของต้นน้ำมาก
 
“แฟนสวยซะด้วย” 
 
“แฟนเหรอ  นึกว่าเป็นเกย์ซะอีก  เห็นพวกสาวๆ ชอบแชร์รูปคู่กับไอ้ริว” น็อตนึกถึงรูปที่สาวๆ แชร์บ่อยๆ
 
“จิ้นเฉยๆ มั้ง  ไอ้ริวแม่งตัวจี๊ด  วันก่อนกูไปร้านบาร์เบลอ  ว่าจะจีบสาวคนหนึ่ง   พยาบาลมั้ง  เผลอแป๊บเดียว  หันไปอีกที  ไอ้ริวนั่งประกบแล้ว  เนียนชิบหาย" พูดถึงแล้ว  ปาล์มก็ยังแค้นใจที่โดนริวปาดหน้าเค้กไป 
 
“อะไรวะ  อาทิตย์ก่อน กูเห็นมันดูหนังกับสาวนิเทศ” เม่นงง “นที  มีคนแรงกว่ามึงแล้วว่ะ”
 
“หือ  กูไม่แรงนะ  รักกันเบาๆ ก็พอ”  นทีหัวเราะตอบเพื่อน   




ต้นน้ำกลับมาบ้านแบบหมดสภาพ  วันนี้นอกจากตอนพักกลางวันแล้ว   เขาเรียนอัดแน่นทั้งวันจริงๆ  แต่งานยังเหลืออีกสองหน้าสุดท้าย 

ต้นน้ำเปิดคอม   เขารับจ๊อบวาดภาพประกอบนิทานเด็กให้สำนักพิมพ์ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ของเพื่อนฝนทิพย์  เรื่องที่เขาวาด  คราวนี้เป็นเรื่องของเจ้าลิงขี้หวงที่ได้รับตะกร้าวิเศษจากนางฟ้า   ตะกร้านี้มีผลไม้เต็มตลอดเวลา   โดยมีข้อแม้แค่ข้อเดียวคือ   จะต้องแบ่งผลไม้ให้สัตว์อื่นๆ ด้วย 

กว่าจะเสร็จสองหน้า  ฟ้าก็มืดลงมากแล้ว  เขากดส่งไฟล์ก่อนลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ 

ร่างสูงโปร่งเดินลงมาชั้นล่าง   ไฟในบ้านชั้นล่างเปิดหมดแล้ว   เขาได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในครัว

“กินอะไรหรือยัง?”  นทีถามเมื่อเห็นพี่ชายหมาดๆ  ของเขาเดินเนือยๆ  เข้ามา   มือก็ซาวข้าวในหม้อหุงข้าว

“ยัง  ป๊ากับแม่ล่ะ?  ยังไม่กลับเหรอ?”  ต้นน้ำเดินไปที่โต๊ะกลางที่นทีวางถุงกับข้าวไว้   ถือวิสาสะรื้อถุงกับข้าวออกดู

“ไปดินเนอร์  ป๊าโทรมาบอกให้ซื้อข้าวมาเผื่อนายด้วย” 

“อู้ว  ต้มยำกุ้ง  สมควรละที่นายต้องซื้อมาชดใช้” ก็นทีเป็นคนทำให้ต้นน้ำอดกินนี่นา

“ทำไมล่ะ  วันนั้นนายไม่ได้กินเหรอ?”  มือใหญ่ใช้ผ้าเช็ดก้นหม้อที่เปียกน้ำ

“หมดอ่ะดิ  ไปไม่ทัน   นายคุยธุระนานเกินไป”

“ทำไมไม่สั่งใหม่”  นทีหันกลับมาคุยด้วยหลังจากกดหม้อหุงข้าวเสร็จแล้ว

“ไม่ล่ะ  เกรงใจคนอื่น  ที่จริงตอนนั้นกินอะไรก็อร่อยหมดแหละ  หิวจนตาลาย  หืม...ไม่น่าเชื่อว่านายหุงข้าวเป็นด้วย”  ต้นน้ำชะโงกหน้าผ่านร่างสูงที่ยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวไปยังหม้อหุงข้าวด้านหลัง

“หรือนายหุงไม่เป็น”  นทียิ้มนิดๆ

“.....”  หุงไม่เป็นได้ยังไงล่ะ  แม่ทำงาน  เด็กที่อยู่คนเดียวอย่างเขาก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่แล้ว  ต้นน้ำยักไหล่  หันไปเทกับข้าวใส่จาน

“นายว่าบ้านเราจำเป็นต้องมีไลน์กรุ๊ปไหม?”  นทีถามเผื่อๆ  เขาไม่แน่ใจว่าบ้านอื่นเขาทำกันยังไง?  ปกติแล้ว...ไปไหนมามาไหน  แค่โทรบอกป๊าคนเดียวก็จบแล้ว

ต้นน้ำนิ่งไป  ควรมีไหม?  เขาเองก็ไม่รู้หเมือนกัน   แต่รู้สึกดีกับคำว่า ‘บ้านเรา’ เป็นบ้าเลย  “มีเถอะ  เผื่อมีอะไรจะได้บอกกันทีเดียว”

“ขอเบอร์นายหน่อยสิ”

ต้นน้ำบอกเบอร์นทีไป   สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“นั่นเบอร์เรา   เมมด้วย   ห้ามบอกเบอร์ใคร”   

“ครับ   พ่อคนดัง”  ต้นน้ำกดเมมเบอร์

“ดีมากครับ  คุณคนดี”




 
ข้าวสุกแล้ว  ร่างสูงตักข้าวมาคลุกกับตับบด  "นายกินไปก่อนก็ได้  เดี๋ยวเราเอาข้าวไปให้เด็กๆ ก่อน"   นทีบอกก่อนจะเดินออกไป
 
ต้นน้ำเดินตาม  "นายต้องเอาข้าวไปให้เองทุกวันเลยเหรอ"
 
“ไม่หรอก  ผลัดๆ กันกับป๊า  ไม่ว่างก็เป็นป้าแม่บ้าน  แต่ส่วนใหญ่ก็เรา  เป็นกลยุทธ์หลอกลูกกลับบ้านของป๊าหรือเปล่าไม่รู้?”  นทีพูดขำๆ  “เราเคยขอป๊าเลี้ยง  ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว  แต่ป๊าก็ไม่ให้สักที  จนมอสอง  ก็ขออีก  ป๊าก็ตั้งกฏสารพัดกฏ  ให้ข้าวเองช้าวเย็น  อาบน้ำให้เอง  อะไรบ้างไม่รู้เยอะแยะ  เรายอม... ถึงจะให้  แล้วมันก็กลายเป็นความจำฝังใจว่าต้องดูแลมันด้วยตัวเองนะ เพิ่งมาผ่อนๆ ลงตอนเข้ามหา'ลัยนี่เอง”  ขายาวก้าวย่างอย่างสบายอารมณ์  เดินไปเล่าไป  เสียงทุ้มเอื่อยเฉื่อยผ่อนคลาย
 
ต้นน้ำเองก็เป็นผู้ฟังที่ดี  เขาฟังนทีพูดเรื่อยๆ จนนทีพูดจบ
 
“เคยได้ยินว่าให้อาหารเม็ดดีกว่า”
 
“ป๊าให้ตอนเช้า  แต่เราทำใจไม่ได้   กลัวมันเบื่อ   มีนายอยู่ก็ดีนะ  ต่อไปก็เป็นนายให้บ้าง  เราจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น”นทีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  เหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
 
ต้นน้ำหัวสเราะเบาๆ  “อืม... แล้วเราจะเอาให้พวกมันเอง  ไม่ให้นายต้องห่วงเลย” 
 
เขาชอบคำพูดของนที ‘มีนายอยู่ก็ดีนะ’  
คนรักหมาอย่างนทีวางใจฝากน้องชายไว้กับเขา  แล้วทำไมเขาต้องทำลายความไว้วางนั้นล่ะ
 
นทีเลิกคิ้วสูง   อยู่ๆ ก็มีคนผลักภาระมาให้  คนส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธ  แต่ต้นน้ำกลับรับปากเขาง่ายๆ 
 
สองคนพากันเดินมาถึงบ้านเจ้าสองตัว  เป็นบ้านจริงๆ   บ้านหลังขนาดเท่าห้องเล็ก ๆ ขนาดสองคูณสองเมตรได้   ภายในมีฟูกนอนขนาดใหญ่   นุ่มฟูน่านอน
 
โจลี่กับแบรดพิตต์กระดิกหางรออยู่แล้ว  ทันทีที่นทีเปิดบ้านให้  ก็พากันกระโดดขึ้นกระโดดลงคึกคักกันใหญ่
 
“นายให้สิ”  มือใหญ่ยื่นจานตับบดมาให้เขา  
 
ต้นน้ำรับมา   ตับเปลี่ยนมือ   ลูกน้องก็เปลี่ยนพรรค   หันมาตามติดต้นน้ำแทน
 
“พวกมันชอบกินอะไร?”  ต้นน้ำถามพลางลูบหลังโจลี่กับแบรดพิตต์
 
“กินทุกอย่าง  แต่ห้ามกระดูกไก่นะ  เดี๋ยวติดคอ  ก็ตามคอมมอนเซนส์นายแหละ  เอาอะไรที่มันธรรมดาๆ ก็พอ  ไม่ต้องแปลกพิสดารมาก” 
 
“ได้เลย  จัดไป” 
 
“อืม  ไปกินข้าวกันเถอะ”





 
มีพี่น้องก็ไม่ได้แย่นักหรอก  อย่างน้อยก็ไม่ต้องกินข้าวคนเดียว  
 
“นายสายตาสั้นเหรอ?”  นทีมองแว่นที่แขวนไว้บนคอเสื้อของต้นน้ำ
 
“เปล่า... ไม่ได้สั้น  แว่นกรองแสงน่ะ  ไว้ใช้ตอนทำงานกับคอมเยอะๆ  แล้วก็ตอนแสงจ้าๆ   เคยทำงานแล้วปวดตา  แล้วมันก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์เด็กเรียนดีด้วย   เผื่ออาจารย์เห็นจะได้คิดว่าเป็นเด็กเรียน”
 
“ไว้จะหามาใส่มั่ง  เออ...จริงสิ  ตอนที่นายเห็น...  เอ่อ... ตอนที่นายช่วยเอาเชือกขึ้นมามัดพวกนั้นไว้น่ะ  ขอบใจนะ”
 
“นี่เป็นเรื่องที่นายจะพูดวันต้มยำกุ้งใช่ไหม?” 
 
“อืม”  นทีพยักหน้า “แล้ววันนั้นนายไม่ตกใจเหรอ?”
 
“ตกใจสิ  มากด้วย   คนตีกันอยู่ต่อหน้าเลยนะ  จะหนีกลับก็ไม่ได้   รถก็จอดอยู่ตรงนั้น”
 
“ที่จริงนายก็บอกให้เม่นขยับ  นายก็ขับออกไปได้แล้ว”
 
“เออ  จริงด้วย   ทำไมตอนนั้นคิดไม่ออกวะ”
 
นที  “.....”
 
“สงสัยตอนนั้นหิวมั้ง   เลยคิดอะไรไม่ค่อยออก”
 
“ต้มยำกุ้งอีกเหรอ?”
 
ต้นน้ำส่ายหน้า “หึ... ข้าวมันไก่”
 
นทีหัวเราะกว้าง  หัวเราะไปทั้งปากทั้งตา   ต้นน้ำชี้หน้าคาดโทษ  ก่อนลุกขึ้นเดินไปตักข้าวใหม่อีกครั้งเป็นรอบที่สอง   นทีเริ่มจานที่สองไปแล้ว   ดังนั้นข้าวที่เหลืออยู่ในหม้อทั้งหมดควรเป็นของเขา
 
 
 
 
 
เริ่มเข้าสู่เทศกาลหฤหรรษ์ของเหล่านักศึกษา   เทศกาลสอบปลายภาค   ต้นน้ำงดรับงานนอก   ถึงปีหนึ่งจะไม่หนักมาก   แต่ก็ต้องอ่านหนังสือเหมือนกัน  
 
ช่วงพักสายตาจากการอ่านหนังสือ   ต้นน้ำเดินลงมาหาอะไรรองท้อง   คว้าขนมปังเนยได้ก้อนหนึ่งก็หมุนตัวจะกลับขึ้นไปบนห้อง
 
“น้ำเอานมขึ้นไปให้ทีหน่อยลูก”  ฝนทิพย์ที่กำลังเก็บของให้เข้าที่เข้าทางร้องบอก
 
“ครับ”  เขาคว้าแก้วเซรามิคใบสูงติดมือไปด้วย  
 
มือขาวเคาะประตูเบาๆ  แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  
 
เขาลองเปิดประตูดู   ประตูไม่ได้ล็อค   ภายในห้องเงียบและมืดเกินกว่าจะเป็นห้องของคนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบ   มีเพียงแสงจากโคมไฟอ่านหนังสือที่หัวเตียงเปิดอยู่
 
คนที่ควรจะอ่านหนังสือนอนตะแคงหันหลังให้ประตู  
 
ต้นน้ำผ่อนฝีเท้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆ 
 
ท่อนบนของนทีเปลือยเปล่า  ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ชอบใส่เสื้อนอน  หลังจากวันแรกที่นทีเผลอถอดเสื้อเดินลงไปข้างล่าง   เขาก็ไม่เคยเห็นนทีไม่ใส่เสื้ออีกเลย   ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายหลับพริ้ม   ข้างตัวมีหนังสือการ์ตูนวางอยู่ 2 เล่ม    น่าจะเป็นวิชาที่ออกสอบเป็นวิชาแรก 
 
เขาวางแก้วนมลง  ก่อนนั่งยองลงข้างเตียง  พลางพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด   เส้นผมที่ตัดซอยเป็นทรงโลว์อันเดอร์  ด้านบนพองๆฟูๆ  ดูนุ่มเหมือนขนแมว  ใบหน้าเรียวได้รูป  แม้แต่สันกรามด้านข้างก็ยังดูสวยเลย  คางจะยาวไปไหนวะ   จมูกเป็นสันโด่งมาก  คิ้วเข้มเป็นเส้นเรียว  ขนตาไม่ยาวมากแต่เยอะ  ผิวขาว  ปากแดงไม่หนา  ไม่บาง  พอดีเป๊ะ
 
ต้นน้ำชอบวาดรูป   เขาหัดวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก   สังเกตใบหน้าคนมาก็มาก   บางคนตาสวยแต่จมูกไม่สวย     บางคนตาสวย  จมูกสวย  ปากสวย   แต่พอมาอยู่รวมกันบนใบหน้ากลับไม่ได้เข้ากัน
 สรุปแล้วว่า... คนบ้าอะไรจะเกิดมาเป๊ะขนาดนี้    เครื่องหน้าทุกอย่างดูเข้ากัน   รับกันไปหมด
 
ต้นน้ำมองไล่ต่ำลงมาตามลาดไหล่  ไหปลาร้า   พระเจ้า.... มัดกล้ามแน่นๆ  ล้วนๆ  อยากลองเอามือตบๆ ดูทดสอบความแข็งดูสักที   มิน่า... วันนั้นแม่เขาถึงได้ตบดังปุๆ   มันน่าลองตบดูอย่างนี้นี่เอง   กล้ามแขนไม่ถึงขนาดเป็นกล้ามปู  แต่ก็มีกล้ามเนื้อในระดับพอเหมาะ
 
ทั้งตัวของนที... จะหาขอผิดพลาดไม่ได้เลยหรือไง? 
 
ต้นน้ำมองต่ำเรื่อยลงไป   ต่อจากกล้ามเนื้อหน้าอก....จบ   ผ้าห่มปิดไว้ครึ่งตัว   โผล่ออกมาอีกทีก็มีแต่หน้าแข้งกับข้อเท้าเท่านั้น   
 
ต้นน้ำย้ายจุดโฟกัส   เขาเพิ่งเคยเข้าห้องนอนของนทีเป็นครั้งแรก   โทนสีของห้องเป็นสีเอิร์ธโทนคล้ายๆ  ห้องของเขา   เพียงแต่ข้าวของเยอะกว่าและ.... อลังการกว่า   โต๊ะอ่านหนังสือ  คอมฯ ชุดใหญ่   ทีวีเครื่องใหญ่   เครื่องเสียงเซ็ตใหญ่  ตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินขนาดใหญ่  

เขาว่าห้องเขาใหญ่แล้วนะ  แต่ของนทีใหญ่กว่า   ใหญ่กว่าทุกอย่างเลย   
 
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกเมียน้อย    แล้วลูกเมียน้อยอย่างเขาควรทำอย่างไรดี?    ต้นน้ำเล็งไว้แล้วล่ะ....คอมฯ น่าเล่นเกมส์มาก   ทีวีก็น่านอนดูหนังมาก   จิตใจด้านชั่วร้ายเริ่มเข้าครอบงำเขา    คอยดูนะ... สอบเสร็จเมื่อไร   จะต้องบังคับนทีขอลองเล่นเกมส์เครื่องนี้ให้ได้   จะต้องได้นอนดูหนังจากทีวีเครื่องนี้ให้ได้
 
เราต้องแย่งของเล่นลูกเมียหลวงสิ! 
 
 
 
 
“กินอะไรดีวะ?”  เอื้องฟ้าถามขึ้นหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ
 
“ข้าวมันไก่”  ต้นน้ำตอบ
 
“มึงหยุดเลยนะไอ้น้ำ   มึงเป็นอะไรกับข้าวมันไก่นักหนาวะ?  ชวนกูแดกแต่ข้าวมันไก่   จนหน้ากูจะเป็นไก่อยู่แล้วเนี่ย”  เนมพ้ออย่างน่าสงสาร
 
“มึงเป็นเหี้ยแปลงร่างมาใช่ไหม?  มึงพูดมา  กูสัญญาจะไม่บอกใคร”  ริวล็อคคอต้นน้ำเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง  
 
“กูจะไม่พูดอะไรซ้ำเติมมึง   แต่กูเห็นด้วยกับพวกมันทุกอย่าง”  สาวใสหนึ่งเดียวในกลุ่มไม่ได้พูดอะไรซ้ำเติมต้นน้ำเลยจริงๆ
 
มีเพียงขิงเท่านั้นที่ไม่พูดอะไรจริงๆ เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่
 
 
เสียงไลน์โทรศัพท์ดังขึ้น
 
Nathee : ป๊าบอกให้พานายไปลองชุดที่ร้านเพื่อนป๊า  เผื่อไม่พอดียังไงจะได้สั่งแก้ไว้ก่อนเลย
 
Tonnam : ชุดอะไร? 
 
Nathee : ชุดงานเลี้ยงวันแต่งแม่กับป๊าไง
 
Tonnam :  เออ  ลืมไปเลย  นายเลิกกี่โมง
 
Nathee :  เลิกเย็นเลย  แต่เดี๋ยวจะโดด  
 
Tonnam : โอเค  โดดด้วย  ว่าไงก็ว่าตามกัน
 
Nathee : เจอกันที่บ้าน
 
 
“กูไม่กินแล้วนะ  กูมีธุระ  คาบบ่ายกูโดด  เช็คชื่อให้ด้วย”  ต้นน้ำคว้ากระเป๋าได้ก็เผ่นผลุงออกไป   หาคนกินข้าวมันไก่ด้วยได้แล้ว
 
 
 
 
 
 
เคยเห็นในละครไหม?  ที่พระเอกต้องพานางเอกไปลองชุด  ไปเลือกซื้อเสื้อผ้า  แล้วนางเอกก็โผล่ออกมาจากห้องลองเสื้อ   พระเอกที่ทำท่าเผลอๆ อยู่ก็เหลือบไปเห็น   มองไล่ขึ้นไปตั้งแต่เท้าจรดหัว   มีสายลมพัดผ่านเบาๆ  และพระเอกก็...ตะลึง  ตะลึง  ตะลึง
 
นั่นแหละ  ตอนนี้ต้นน้ำกำลังรู้สึกอย่างนั้นเลย   
 
นทีลองชุดไหนออกมาก็หล่อหมด  จะแหวกอก  ผูกไทด์  ผูกโบว์ไทด์   แค่เดินออกมายืนโชว์ตัวอยู่หน้ากระจก   สะบัดผมซ้ายขวาสักทีสองที   พนักงานในร้านก็ตะลึง  ตะลึง  ตะลึง
 
“นายชอบแบบไหน?”  นทีหันมาถามเขา
 
“แบบไหนก็ดูดีหมดนั่นแหละ”  ต้นน้ำพูดความจริงนะ   นทีใส่ชุดไหนก็หล่อหมด 
 
ส่วนเขาน่ะเหรอ...มองเห็นแต่ความบัดซบเท่านั้น  เขาต้องยืนเคียงข้างกับนทีไปตลอดทั้งงานในฐานะลูกเจ้าบ่าวและลูกเจ้าสาวจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? 
 
“แล้วของนายเลือกแบบไหน?” 
 
“เอาแบบใส่เชิ้ตธรรมดา   งานมันก็กันเองหน่อยไหม   อยากให้มันดูลำลองๆ หน่อย  ขี้เกียจผูกไทด์ด้วย  อึดอัด”  ธีมงานที่คุณนายแม่จัดขึ้นเป็นสีเบอร์กันดี้   เขาเลยเลือกสูทสีเบอร์กันดี้สวมทับเชิ้ตขาวอีกที
 
“โอเค  เอาตามนั้นล่ะครับ   เหมือนกัน”  
 
“นายจะมาเอาเหมือนเราทำไม   นายก็เลือกแบบที่ตัวเองชอบสิ” 
 
“ทีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังใส่เหมือนกันได้เลย   แล้วทำไมลูกเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะใส่เหมือนกันไม่ได้ล่ะ   เอาเหมือนกันนี่แหละ   ขี้เกียจเลือกแล้ว”

“มันจะเหมือนกันเกินไป   จะเดินกันเป็นคู่แฝดหรือไง?   เราว่านายเปลี่ยนเป็นใส่เชิ้ตดำไหม?”

“ก็โอเคนะ   เอาตามที่นายว่าแหละ   เปลี่ยนเป็นเชิ้ตดำนะครับ   เอาแบบเดียวกัน”  นทีหันไปบอกพนักงาน





“ที” เสียงหวานเรียกขึ้นขณะที่พวกเขากำลังดูๆ เสื้อผ้าชุดอื่น   

ต้นน้ำหันไปมองตามต้นเสียง   หญิงสาวผมยาว   ตาโตกลมใส  ใบหน้าหวานละมุนส่งยิ้มกว้างมาให้นที

“อ้าวตาล   ทำไมวันนี้แวะมาได้” 

“แม่ให้มารับเสื้อไปให้ลูกค้า   แล้วทีมากับใคร?” น้ำตาลเป็นลูกสาวของเพื่อนธนกร  ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้   

นทีมองไปด้านข้าง   แต่ไม่เห็นต้นน้ำเสียแล้ว   ไม่รู้หายตัวไปตอนไหน   เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่ดีๆ เขาหันไปตอบน้ำตาล  “มากับเพื่อนน่ะ  แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหนแล้ว  แป๊บนะ”  นทีเดินอ้อมไปด้านหลังราวเสื้อ  เห็นขาต้นน้ำอยู่แว๊บๆ  เลยรีบเดินปรี่เข้าไปหา  แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนหนึ่ง

“น้ำ”  ร่างบางถลาเข้าไปกอดเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร  “คิดถึงจังเลย  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

ต้นน้ำกอดตอบพลางกรอกตาขึ้นบน  อุตส่าห์หลบ  ยังจะเห็นอีก  นทีก็ยังไง...โตๆ  กันแล้ว  ไม่ใช่เด็กๆ  หายแว๊บเดียว  จะตามมาทำไม   

นทีมองภาพตรงหน้าแบบงงๆ   หรือว่าเขาจะจุดไต้ตำตอต้นน้ำเสียแล้ว   

“นานที่ไหน?  เหมือนเพิ่งเจอไปเมื่อเดือนที่แล้ว  เอิ่ม...ปล่อยก่อนดีไหมตาล”

“ไม่เจอน้ำวันเดียวก็ถือว่านานแล้ว”

นทียิ้มกริ่มกับความรักอันร้อนแรงของน้ำตาล   เขารู้จักน้ำตาลมานาน   สาวน้อยหวานแหวว...ไม่คิดว่าจะร้อนแรงได้ขนาดนี้   ต้นน้ำคนดีคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

ต้นน้ำทำตาดุใส่นที 

“เลือกชุดได้ยัง?”  น้ำตาลถามต้นน้ำ

ต้นน้ำพยักหน้า  “ได้แล้ว  กำลังจะกลับแล้ว”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ”

“.....”  ต้นน้ำหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากนที

“โอเค  น้ำอยากกินข้าวมันไก่อยู่พอดี”  นทียื่นหน้ามาตอบน้ำตาล   หน้าหล่อใสซื่ออย่างที่สุด





“สรุปว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว”  น้ำตาลตาโต  ตื่นเต้น

ต้นน้ำพยักหน้า

“มีห้องเหลือไหม?”

“.....”  ต้นน้ำทำหน้าแปลกใจ

“จะได้ย้ายไปอยู่ด้วย”  น้ำตาลยิ้มกว้าง   แต่ต้นน้ำทำสีหน้าไม่ถูก   จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก  จะร้องก็ร้องไม่ได้

นทีกลั้นขำไว้ไม่อยู่   หลุดคิกออกมาเบาๆ  เขาปิดปาก  หันหลังให้ต้นน้ำ   แต่หลังสั่นอย่างปิดไม่มิด  สักพักจึงได้หันกลับมา   ดวงตายังฉ่ำด้วยน้ำตา

“พูดจาอย่างนี้   เดี๋ยวฟ้องป้าอ้อยนะ”  ป้าอ้อยหรืออรุณีคือแม่ของน้ำตาลซึ่งเป็นเพื่อนกับฝนทิพย์และธนกรด้วย  เท้าความกันไปมา   นทีรู้จักกับน้ำตาล   แต่เจอกันไม่บ่อย    ส่วนต้นน้ำกับน้ำตาลเป็นเพื่อเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก  เพราะฝนทิพย์และอรุณีเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน   เลยสนิทกันมากกว่า   

“ถ้าเป็นต้นน้ำ   แม่ไม่ว่าหรอก   แม่ยังบอกเลยว่าถ้าเราจับเองไม่ได้  แม่จะจับคลุมถุงชนให้”

ต้นน้ำส่ายหน้าระอา   คำพูดแบบนี้...ถ้าออกมาจากปากของเอื้องฟ้า   ก็ว่าขัดแย้งแล้ว   ยิ่งออกมาจากปากคนพูดหน้าหวานๆ  แบบนี้...ยิ่งไปกันใหญ่   

นทีเอี้ยวตัวหันกลับไปอีกแล้ว

“จะหัวเราะก็หัวเราะออกมาเลยเถอะน่า  ไม่ต้องมาเก๊กหรอก”  ต้นน้ำบอกนที

“ก็มันตลกอ่ะ  ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าน้ำตาลจะเป็นคนแบบนี้”

“แบบนี้น่ะ  แบบไหน?”  น้ำตาลแกล้งทำเสียงเขียวใส่

“เปิดเผยดี”

ต้นน้ำจัดการข้าวมันไก่เป็นจานที่สาม  ก่อนรวบช้อน  “คุยกันไปก่อนนะ  ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ”  ร่างสูงโปร่งลุกออกไป

“มองตามตาละห้อยเชียวนะ   ชอบจริงๆ  เหรอ?”  ลับร่างต้นน้ำ  นทีก็หันมาถามน้ำตาล 

แววตาหวานไหววูบ  “อืม  ชอบจริงๆ  เคยขอคบแล้วด้วย  แต่น้ำปฏิเสธ”

“อะไร  ไหนว่าตาลมีแฟนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”  นทีพูดไปตามที่เคยได้ยินมา

“ไม่ได้คบจริงจังอะไรหรอก   คบหลอกๆ   เขาเป็นเกย์” 

นทีมองน้ำตาล   ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ไม่ได้เจอกัน   สาวน้อยวัยช่างฝันที่ตนเคยรู้จักหายตัวไปแล้ว  เหลือแค่เพียงหญิงสาวที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา

“ทำเป็นเล่นแบบนี้  น้ำจะรู้หรอว่าตาลเอาจริง  ถ้าชอบจริงๆ  ทำไมไม่จริงจังไปเลยล่ะ?”

น้ำตาลส่ายหน้า  ดวงตาสวยหลุบลงต่ำ  “ก็เคยจริงจังไปแล้วนี่   แล้วมันก็ผิดหวัง  ถ้าเราจริงจัง  น้ำก็จะหนี   แต่ถ้าเราทำเป็นเล่นๆ  แบบนี้   เขาก็ยอมให้เราอยู่ใกล้ๆ ได้”

นทีถอนหายใจ   สาวน้อยคนนี้รู้จักความรักเสียแล้ว   เขาเองก็ตอบแทนไม่ได้ว่าความรักแบบไหนมันดีกว่ากัน  “นานหรือยัง?” 

“ก็เมื่อปีที่แล้ว  เกือบสองปีแล้ว”  เกือบสองปีแล้วที่เธอเคยขอคบกับต้นน้ำแล้วโดนปฏิเสธ   ถ้ามันไม่ใช่ความรักจริงๆ  ความรู้สึกเจ็บปวดครั้งนั้น  ควรต้องหายแล้วสิ   

“อาจจะยังเด็กอยู่ด้วยมั้ง”

“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ  เราเบื่อ  มีแต่คนบอกเราแบบนี้   ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเด็กๆ  ทำไมเรายังคิดถึงอยู่  ทำไมเรายังอยากเจอ  ทำไมเรายัง...” รัก  คำพูดสุดท้ายถูกรั้งไว้ในใจ

“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น  เราไม่ได้บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”  ความรัก...มีรักจริง  หรือไม่จริงด้วยหรือ?  “เราแค่อยากจะบอกว่า...มันอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม   รออีกสักสองสามปี   ต่างคนต่างโตขึ้น   ถึงตอนนั้นทุกอย่างอาจจะลงตัวกว่านี้ก็ได้”

จากที่นั่งหงอย  น้ำตาลกลับตาลุกวาว   เหมือนต้นไม้เหี่ยวได้น้ำทิพย์ชะโลมใจ   ตากลมโตกลับมาสดใสอีกครั้ง น้ำตาลเหลือบตามองนที   ผู้ชายรูปหล่อ  เพลย์บอยขี้เล่นที่ขึ้นชื่อในหมู่สาวๆ  ทั้งเพื่อน  รุ่นพี่และรุ่นน้องของเธอต่างคลั่งไคล้   เหมือนจะไร้สาระไปวันๆ   แต่พอคุยด้วยจริงๆ  กลับให้ความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด

“ขอบใจนะ  คุยกับนทีทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ  ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเราอกหักอีกครั้ง   เราจะเปลี่ยนใจมาหานะ”

นทียิ้มกว้าง  “ยินดีเสมอ”





รถญี่ปุ่นขนาดกลางแล่นทะยานไปตามท้องถนนเมืองกรุง   ก่อนมาหยุดติดไฟแดง   ต้นน้ำเหลือบตามองคนที่นั่งเอนหลัง   เหยียดขายาวอย่างสบายใจอยู่ด้านข้าง   

เขากับนทีมารถคันเดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดน้ำมัน   ตอนแรกตั้งใจว่าจะมารถนที   เขาไม่อยากขับรถ   ปกติก็ต้องขับให้แม่นั่งอยู่แล้ว   ไหนๆ ก็มีคนในครอบครัวเพิ่มมา   เขาควรจะได้นั่งสบายๆ  มั่งสิ   แต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆ  ก็จะคิดเหมือนกัน   เถียงกลับมาว่ารถสปอร์คันสวยของตนเองเปลืองน้ำมันกว่า   แล้วไอ้ที่ขับโชว์สาวอยู่ทุกวัน  ทำไมไม่คิดว่ามันเปลืองบ้าง
 
“ทำไมนายไม่ชอบน้ำตาลอ่ะ   น่ารักดีออก”  นทีถามขึ้น  ทำลายความเงียบของบรรยากาศ
 
“นายชอบคนๆ  หนึ่งเพราะเขาน่ารักแค่นั้นเหรอ?”

“ก็ไม่  แต่น้ำตาลก็ดูไม่ได้เสียหายอะไร?”

“เขาดีเลยแหละ” ต้นน้ำบอก  ตามองไปที่ไฟแดง

“นั่นสิ  แล้วทำไมไม่ชอบ?” 
 
“ก็ชอบนะ  แต่ไม่อยากคบ   เป็นนาย  นายจะคบกับคนที่เป็นลูกเพื่อนแม่นายเหรอ?  นายจะคบกับเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ได้เหรอ?  เผื่อมันไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ  อาจจะมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยก็ได้นะ”  ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์มาเปิดบลูทูธ  เชื่อมกับเครื่องเสียง

“อืม  ก็มีเหตุผล  แต่ถ้าชอบจริงๆ  ก็ต้องลองแหละ  มันอาจจะดีก็ได้”

“เราอาจจะยังไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น”  ต้นน้ำเลื่อนรายชื่อเพลง

“อ๊ะ  เอาเพลงนี้   ชอบเพลงนี้”  นทีร้องบอกเมื่อเห็นต้นน้ำเลื่อนไปยังรายชื่อเพลงโปรดบนหน้าจอ

เสียงคีย์บอร์ดดัง  ติง  ติ๊ง  ติ่ง  ติง  ติ๊ง  ดังขึ้นก่อน    ร่างสูงเริ่มโยกตัว

“I'm hurting, baby, I'm broken down
I need your loving, loving, I need it now
When I'm without you
I'm something weak
You got me begging
Begging, I'm on my knees”

นทีเริ่มร้องคลอไปกับเพลง   ใส่อารมณ์ยิ่งกว่าลิปซิง   ตรงคีย์บ้าง  เพี้ยนบ้าง    ร้องให้ห้า  ลีลาให้ร้อย

“โคตรเพี้ยน”  ต้นน้ำหัวเราะ

“ไม่เคยได้ยินเหรอ?  Dance like nobody’s  watching (จงเต้นเสมือนว่าไม่มีใครมองคุณอยู่)   แต่นี่  Sing like nobody’s watching ไง”


ต้นน้ำหัวเราะ   คนร้องเพี้ยนไม่รู้จักดูตัวเอง   นี่!...เดี๋ยวคอยดู   พี่ชายคนนี้จะสอนน้องเอง

ท่อนต่อมา   ต้นน้ำร้องประสานไปด้วย 

“Your sugar
Yes, please
Won't you come and put it down on me”

นทีร้องว้าวเมื่อได้ยินเสียงต้นน้ำที่ร้องตรงตามคีย์ไม่ผิดเพี้ยน  พลางตะโกน  “so  good”  หูฟังเพลงฝรั่งอยู่   ปากก็เลยพลอยพ่นภาษาอังกฤษออกมาด้วย

ต้นน้ำหันมายักคิ้วให้


“ I'm right here, 'cause I need
Little love and little sympathy
Yeah you show me good loving
Make it alright
Need a little sweetness in my life
Your sugar
Yes, please
Won't you come and put it down on me”

ท่ามกลางรถติดบนท้องถนนเมืองกรุง   ภายในรถญี่ปุ่นที่มีอยู่ดาษดื่น   เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของผู้ชายสองคนดังประสานกับเสียงหัวเราะ   โดยไม่สนใจว่าจะมีคนจากรถคันอื่นมองเข้ามา

Sing like nobody’s watching!!!!





----------------------------------------------------------------




ก็ค่อนข้างจะเนิบๆ  หน่อยนะคะ   พระเอก  นายเอกไม่ค่อยหวือหวาเท่าไร

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังค่อยๆ ทำความรู้จักกันอยู่ค่ะ 

นทีเขาชอบแบบ รักกันเบาๆ

555555



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2019 10:11:08 โดย Smile A »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 2---[15/8/2019]
«ตอบ #8 เมื่อ15-08-2019 17:00:52 »

โอ๊ยยย นที 5555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 2---[15/8/2019]
«ตอบ #9 เมื่อ15-08-2019 19:02:06 »

อืมมมมม..........รักกันแบบเบาๆ   :z3:
นที รักแบบเบาๆได้ด้วย  :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 2---[15/8/2019]
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-08-2019 19:02:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3 ----[16/8/2019]
«ตอบ #10 เมื่อ16-08-2019 18:25:45 »

นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 3

ลูกชายคนที่สาม
 
 
 
 
 
เข้าสู่เทศกาลสอบปลายภาคอย่างเป็นทางการ   รุ่นพี่ปีสามปีสี่บางคนแทบจะเปลี่ยนลุคส์   จากหนุ่มหล่อสาวสวยกลายเป็นซอมบี้ผีเดินได้   
 
ต้นน้ำที่เพิ่งไปติวกลับมารู้สึกหิว   เลยซื้อข้าวมันไก่ติดมาด้วย   
 
เขาจัดแจงเทข้าวมันไก่ใส่จานมานั่งกินที่โต๊ะอาหารพร้อมกับนั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
 
นทีเดินลงมาจากชั้นบนมองต้นน้ำด้วยสายตาแปลกๆ   เป็นสายตาที่ประกอบรวมไปด้วยความหวาดกลัวกึ่งขยะแขยงกึ่งไม่เชื่อ  เมื่อเห็นสิ่งที่ต้นน้ำกิน   อยู่กันมาเกือบเดือน   ต้นน้ำกินข้าวมันไก่ไปสิบกว่าครั้งได้
 
"ถามจริงๆ  เถอะ    นายชอบมากเหรอ... ไอ้ข้าวมันไก่เนี่ย? " 
 
ต้นน้ำละสายตาจากโทรศัพท์มือถือก่อนแสยะยิ้มให้นที  "ก็ไม่ได้ชอบมากเท่าไรนะ" 
 
นที "....." ไม่ชอบแล้วทำไมกินบ่อยๆ? 
 
"มันก็เหมือนอาหารสิ้นคิดไง   กะเพราไก่ไข่ดาวงี้   ไม่รู้จะกินอะไรดี  ก็ข้าวมันไก่แล้วกัน"
 
"ถามจริง"  นทีถามย้ำอีกครั้ง   ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาด  เขาว่าเขาเห็นแววตาหลุกหลิกแวบหนึ่งในดวงตาของต้นน้ำ  และเมื่อเขาถามอีกครั้ง   มันก็ชัดขึ้น   ต้นน้ำเหมือนพยายามหาคำตอบมาตอบเขาให้ได้
 
นทีจ้องเข้าไปในดวงตาของต้นน้ำ
 
" เออๆ ก็ได้   รู้แล้วอย่าไปบอกใครนะ   เหยียบไว้เลย" 
 
"แน่นอน   ไม่บอก   เหยียบไว้เลย"  นทีนั่งหลังตรง  พลางชะโงกเข้ามาใกล้   ตายาวรีจดจ้องรอคอยคำตอบ
 
ต้นน้ำมองเหยียด   ไม่ค่อยจะเสือกเล๊ย
 
"คืองี้    ตอนเด็กๆ เรากินเผ็ดไม่ได้ไง   แล้วแม่ก็ไม่ว่างจะทำอาหาร   แม่ก็ชอบซื้อข้วมันไก่มาให้กิน   แต่ทีนี้น้ำจิ้มข้าวมันไก่มันเผ็ด   เรากินไม่ได้   แม่ก็จะซื้อข้าวหมูแดงมาให้เรากินตลอด  ส่วนตัวแม่เอง... กินข้าวมันไก่   แล้วก็จะย้ำกับเราว่า   เด็กอยู่... ยังกินไม่ได้  มันเผ็ด   รอให้โตก่อนค่อยกิน   แล้วเราก็คิดว่า... ข้าวมันไก่เนี่ย  มันคืออาหารผู้ใหญ่   คอยดูนะ   โตขึ้นจะต้องกินให้ได้"
 
นทีนั่งฟังอย่างสงบ   พอต้นน้ำเล่าจบก็นิ่งไปพักหนึ่ง   ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง   
 
ข้าวมันไก่  
อาหารผู้ใหญ่ 
อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
 
"แล้วได้กินตอนอายุเท่าไร? "
 
"มอสาม"
 
ก็ไม่กี่ปีเองนี่  " มอสาม?  เป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอ?"  
 
"นั่นแหละที่เหี้ย   วินาทีที่รู้ว่า... ข้าวมันไก่ไม่ใช่ข้าวผู้ใหญ่    เด็กๆ ก็กินได้นี่แบบ...มันเลวร้ายมากกกกกอ่ะ   นี่เราเสียเวลาไปตั้งกี่ปี?   เราอดทนเพื่ออะไรวะเนี่ย?   นายเข้าใจป่ะ"
 
นทีขำจนท้องแข็ง   ตัวโยกตัวโยนไปหมด   ใช้มือขาวปาดน้ำตาที่เล็ดออกมา  เขาเข้าใจที่ต้นน้ำอธิบายทุกอย่าง   เห็นภาพชัดเจนทุกเม็ด   
แต่...
จะปลอบ   มันก็ทุเรศเกินไป
จะสมน้ำหน้า   ก็น่าสงสารเกินไป
ไร้สาระอะไรแบบนี้วะเนี่ย
 
"ไม่ขำนะโว้ย" ต้นน้ำหัวเสีย  นี่แหละ... ถึงไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง   แค่นึกถึง...จิตใจก็ร้าวราน    อยากกินข้าวมันไก่ให้หมดโลก
 
นทีพยายามสงบสติอารมณ์   แต่รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงจะให้เบรคกึกเลยก็คงยาก  ยังคงมีไถลออกมาบ้าง  "นายก็เลยกินชดเชยช่วงชีวิตที่ขาดงั้นเหรอ?"
 
"เออแม่ง  จะกินชดเชยถึงชาติหน้าเลย"  ต้นน้ำประชดไป  ตักข้าวมันไก่เข้าปากไป 
 
 “ข้าวมันไก่โรงอาหารวิศวะอร่อยนะ”  เสียงทุ้มเอ่ยคล้ายเอาใจคนหัวเสีย





“หา...จะไปญี่ปุ่นเหรอ?”

“ใช่  แต่งเสร็จวันเสาร์   เดินทางวันอังคาร   ฮันนีมู๊นนน...ฮันนีมูน”  ธนกรบอกด้วยน้ำเสียงดีด๊า   ประโยคหลังแทบจะร้องออกมาเป็นเพลง

“อ้าว...แล้วทำไงอ่ะ   ผมนัดพวกไอ้เม่นไว้  ว่าจะไปพัทยาด้วยกันวันพุธ”  นทีโอดครวญ

“แล้วลูกเกี่ยวอะไรด้วย”  ธนกรถามงงๆ

“.....”  นทีงงกว่า

“ไปฮันนีมูน   ใครเขาเอาลูกไปด้วยกันเล่า”

นทีทำหน้าเซ็ง   สามวันจาก...บิดาเป็นอื่น

“โอ๋ๆ   ไม่เอา   ไม่งอนนะ   เดี๋ยวกลับมาแล้วแม่จะพาไปเที่ยว   ภูเก็ตเป็นไง...ดีไหม?” ฝนทิพย์พูดเอาใจลูกชายคนเล็ก 

ลูกชายคนโตเบ้ปาก   เวลาอยู่กับฝนทิพย์    นทีทำตัวได้สมกับเป็นลูกชายคนเล็กจริงๆ   ทั้งออดอ้อน   ประจบ   เอาใจสารพัด   และดูเหมือนว่าแม่เขาจะชอบเสียด้วย

“น้ำไม่คิดจะอ้อนป๊าบ้างเหรอลูก?”  ธนกรหันมาถามยิ้มๆ  นทีไม่ค่อยอ้อนเขา    อ้อนแต่ฝนทิพย์   บางทีเขาก็อยากให้มีลูกมาอ้อนเขาบ้าง

ต้นน้ำยิ้มกว้าง   เดินเข้าไปกอดธนกร

“ป๊า  น้ำอยากได้รถสปอร์ตไว้ขับโชว์สาวเหมือนนทีบ้าง”

ธนกรกอดต้นน้ำหัวเราะเสียงดัง   รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก




ในเช้าที่แสงแดดละมุนละไม   เสียงนกโบยบินออกหากิน    พระสงฆ์เก้ารูปก็นั่งสวดมนต์ให้พรแก่คู่แต่งงานใหม่แล้ว  พิธีการช่วงเช้าจัดที่บ้านอย่างเรียบง่าย   มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่มาร่วมพิธีตักบาตรตอนเช้า   ฟังพระให้ศีลให้พร   งานทั้งหมดธนกรจ้างออแกนไนซ์ดูแล   นทีและต้นน้ำเลยไม่ต้องเหนื่อยมาก   แค่แต่งตัวลงมาร่วมพิธีก็พอ

หลังจากพิธีสวมแหวน  คุณยายทิพย์ให้ศีลให้พรธนกรและฝนทิพย์    โดยมีป้าและลุงเขยของต้นน้ำมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

ฝั่งของธนกร  บิดามารดาเสียหมดแล้ว   มีเพียงป้าและลุงเขยเท่านั้นที่มาร่วมงาน   ป้าธัญญามีรูปร่างผอม   ใบหน้าขาวมีส่วนคล้ายธนกรหลายส่วน   แต่กลับแข็งเกร็งอยู่ตลอดเวลา   ดูเป็นคนดุ  ต่างกับธนกรที่อบอุ่น  ใจดี   

ต้นน้ำสังเกตว่านทีเงียบขรึมลงไปมาก   ไม่ช่างคุย  ช่างซัก  ช่างแหย่เหมือนเคย   พลอยทำให้เขาเองทำตัวสำรวมไปด้วย

“แม่ขอให้ลูกทั้งสองครองคู่กันอย่างมีความสุข   ทะนุถนอม  ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน   อยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่านะลูก  แม่ก็ไม่มีอะไรจะให้”  คุณยายทิพย์หยิบห่อเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าถือ  ก่อนวางใส่มือของธนกร  “นี่เป็นพระรอดที่พ่อของฝนใส่ไว้ตลอดก่อนที่จะเสีย   แม่มอบให้กรเป็นมิ่งขวัญ   ทำมาค้าขึ้น   อยู่รอดปลอดภัยนะลูกนะ”

ธนกรยิ้มรับ   ดวงตาฉายแววปลื้มปิติไม่ปิดบังก่อนก้มลงกราบที่เท้าของคุณยายทิพย์

ฝนทิพย์น้ำตาคลอ   ต้นน้ำเองก็ด้วย

จากนั้นคุณยายก็เอื้อมมือไปปลดสร้อยที่ตนเองใส่อยู่มาคล้องให้ฝนทิพย์   “แม่ขอให้ลูกมีความสุขมากๆ นะลูก”  ฝนทิพย์เข้าไปกราบลงที่เท้าผู้เป็นมารดาก่อนเอื้อมตัวเข้าไปกอด   คุณยายลูบหัวลูบหลังเบาๆ  ก่อนกวักมือเรียกนที

นทีที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหา   

“นทีเป็นหลานยายคนหนึ่งแล้วนะลูก   ว่างๆ ก็ให้ต้นน้ำพาไปหายาย   จะได้รู้จักพี่น้องคนอื่นๆ”  คุณยายหยิบของออกมาอีกชิ้น   ลังเลว่าจะให้ชิ้นไหนดี  “พระขุนแผน ...หน้าตาอย่างนี้คงไม่ต้อง   พระปิดตา...พุทธคุณช่วยให้เจริญก้าวหน้า   ชื่อช่วยเตือนใจ   อะไรที่มันไม่ดี  ไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปดูมัน   ปิดหูปิดตาไว้บ้างก็ดี”

นทีไม่ได้ยิ้ม   แต่แววตากลับฉายความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน  ‘ขอบคุณ’

ต้นน้ำยกมือขึ้นปาดน้ำตา   รู้สึกอุ่นๆ  อยู่ในหัวใจ 




แล้วพระขุนแผนก็ตกมาอยู่ในมือของต้นน้ำ   นทีพาเขาขึ้นไปที่ห้องพระ   ภายในห้องพระมีตู้เซฟขนาดกลางอยู่ตู้หนึ่ง  ขนาดเล็กอีกตู้หนึ่ง   นทีไขเซฟขนาดเล็กแล้วเก็บพระเครื่องที่ได้มาจากคุณยายไว้ในนั้น   ต้นน้ำเลยขอฝากไว้ด้วย 

แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ธรรมดาและเรียบง่าย    แต่ความรู้สึกอุ่นๆ ในใจที่คุณยายทิ้งไว้ให้กลับเติมเต็มความสุขให้หลานชายทั้งสองคน





“คุณป้าจะกลับแล้ว   ทีกับน้ำไปส่งหน่อยได้ไหมลูก?”   ธนกรพูดคุยติดพันกับพี่เขยของภรรยาเลยเอ่ยไหว้วานนที

“ครับ”  นทีรับคำ  แววตาที่เต้นระริกอยู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา    ใบหน้าติดจะอมยิ้มอยู่เล็กน้อยกลับแข็งกระด้าง

ต้นน้ำเดินตามไปด้วย   

“เป็นไงล่ะ?   ได้แม่ใหม่   แม่แกคงตกกระป๋องสักที   สมควรแล้วล่ะ   ผู้หญิงสำส่อนแบบนั้น    แกเองก็คงเหมือนกัน   เชื้อไม่ทิ้งแถว   มั่วแต่กับผู้หญิงโสโครก   ระวังจะติดโรค   สกปรกเหมือนแม่แก   ถ้าไม่มีเงินจากน้องชายฉัน   แกที่มีแต่ตัว  ผู้หญิงที่ไหนจะไปสน   ทั้งแก  ทั้งแม่แกจะไปได้สักกี่น้ำ    หึ...ตัวเองหนีตามผู้ชาย   ก็ยังทิ้งลูกไว้เป็นภาระคนอื่น”

นทีไม่ท้วง   ไม่เถียง   ได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ   ใบหน้าหล่อนิ่งเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก   

 “พอเถอะคุณธัญ”  วันชัยเอ่ยปรามภรรยาเบาๆ    แต่เตือนแบบนี้   ไม่เตือนเสียยังดีกว่า ธัญญากลับอารมณ์เสียหนัก   ขึ้นเสียงดังกว่าเดิม

“ไม่พอ   ไอ้เด็กนี่มันถลุงเงินน้องชายฉันไปเท่าไรแล้ว  กรก็โง่ที่เลี้ยงลูกชู้เหมือนลูกตัวเอง  เธอคงมีความสุขมากสินะ   จะเกาะไปจนถึงเมื่อไรล่ะ”

ถึงรถพอดี  “ขึ้นรถเถอะคุณ”  วันชัยแทบจะโอบเอวอุ้มภรรยายัดขึ้นรถ

“เดินทางปลอดภัยนะครับคุณป้า”  นทีเอ่ยเสียงเบา

“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าป้า  ฉันไม่ใช่ป้าแก   แกไม่ใช่ลูกของน้องชายฉัน”  ธัญญาพูดจบก็หันหลังกลับขึ้นรถ   วันชัยรีบเข้าไปนั่งปิดท้าย   คนขับรถก็รู้หน้าที่   ประตูยังไม่ทันปิดดี   รถก็กระชากตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว

นทีมองตามรถที่แล่นออกไปนิ่งอยู่แบบนั้น   ก่อนหันหลังกลับมาเจอต้นน้ำที่ยืนอยู่ใกล้ผิดปกติ   คงจะเดินประกบเขาอยู่ข้างๆ มาตลอดทาง   รอยยิ้มมุมปากกลับมาบนใบหน้าอีกครั้ง

“หิวแล้ว  ไปกินข้าวกันเถอะ”





งานเลี้ยงตอนกลางคืนถูกจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงขนาดย่อมที่โรงแรม   ไม่มีการตั้งโต๊ะรับซองใดๆ   ไร้สิ้นซึ่งบรรยากาศเรียบง่ายอย่างงานพิธีการตอนเช้า    ดูไปคล้ายงานเลี้ยงรุ่นมากกว่า   

ช่วงแรกธนกรและฝนทิพย์เปิดฟอร์ลีลาศในเพลงคลาสสิค  อบอุ่น  เบาสบาย   และโรแมนติก   แต่พองานเลี้ยงเริ่มมาได้สักครึ่งชั่วโมง   เสียงดนตรีก็เปลี่ยนเป็นเพลงในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังสาว   ธนกรเต้นฝากเลี้ยงโชว์อยู่หน้าเวที   ล้อมรอบไปด้วยเพื่อนวัยลูกโตกันหมดแล้ว   ในมือแต่ละคนแทบจะมีขวดเหล้าเป็นของตนเอง    งานอื่นชนกันเป็นแก้ว   งานนี้ชนกันเป็นขวด   ธีมงานสีเบอร์กันดี้บวกกับแสงไฟสลัวให้ความรู้สึกร้อนเร่าเป็นพิเศษ   เหมาะแก่การเป็นคืนส่งตัว 

นทีหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้   ต้นน้ำเดินหาอยู่เป็นนานจนไปเจอนทียืนเครียดอยู่มุมหนึ่งหน้าโรงแรม  สายตาคล้ายกับกำลังมองหาใครสักคนอยู่

ต้นน้ำเดินเข้าไปหา

นทีมองมาทางเขาพอดี   หน้าหล่อคิ้วขมวดก่อนจะสาวเท้ายาวมาทางเขา   ต้นน้ำกำลังจะเอ่ยปากเรียก   แต่นทีกลับเดินเลยผ่านเขาไป   

นทีตรงไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้นน้ำเห็นเพียงด้านหลัง   ผมยาวถูกดัดเป็นลอน   ผิวขาวเด่น    รูปร่างสูงเพรียว   เอวเล็กคอด   

ร่างสูงโน้มตัวลงอุ้มหญิงสาวคนนั้นพาดบ่าก่อนจะวิ่งไปทางด้านหลัง 

ต้นน้ำวิ่งตามโดยสัญชาติญาณ   

“ปล่อยนะ   ปล่อยเดี๋ยวนี้”   ผู้หญิงคนนั้นตะโกน   มือเล็กทุบลงไปที่แผ่นหลังหนา

เสียงพนักงานรักษาความปลอดภัยเป่านกหวีดปรี๊ดดดดดดๆๆๆ

ทุกคนไล่ตามนทีมาถึงรถ   

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนวิ่งเข้ามา

ต้นน้ำก็วิ่งมาถึงพร้อมกัน

“นายทำอะไรของนาย?”  ต้นน้ำถามทั้งที่ยังหอบแฮ่ก

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”  เจ้าหน้าที่ถาม

นทีปล่อยผู้หญิงคนนั้นลง   หญิงสาวจัดทรงผมให้เข้าที่   พอปัดผมที่ปรกหน้าออก   ทุกคนก็อ้าปากค้าง    นี่มัน...

ณภรัทรา...ดารานางแบบรุ่นใหญ่ที่อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว   แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่   ยังคงเป็นสาวเซ็กซี่ตลอดกาลไม่มีเปลี่ยน   

ณภัทรามองนทีตาเขียว   นทีจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ   ขอบคุณมากนะคะ” สุดท้ายดาราสาวก็หันไปตอบพนักงานรักผษาความปลอดภัยเสียงสะบัด

เมื่อณภัทรายืนยันแบบนั้น    พนักงานสองคนจึงยอมถอยทัพกลับไปโดยดี   อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เป็นข่าว   คนในวงการก็อย่างนี้แหละ   คนนอกวงการรู้ดี

“กลับบ้าน”  นทีสั่งณภรัทรา

“ไม่กลับ   จะอะไรนักหนา   ม๊าแค่จะมาแสดงความยินดีกับป๊าเอง”

ต้นน้ำ "....." ม๊า?  ม๊า?  ม๊า?  ม๊า...ที่แปลว่าแม่ใช่ไหม? 

“น้ำ”  นทีเรียกเขา

“หืม”   ต้นน้ำขานรับอย่างงงๆ

“ขับรถ”  นทีโยนกุญแจรถให้เขา   

ต้นน้ำกดปลดล็อค    ขึ้นไปประจำที่คนขับแบบงงๆ   นทีดันตัวณภัทราขึ้นไปก่อน   แล้วค่อยขึ้นตามไป  เป็นการล็อคไม่ให้คนหนี

รถทั้งคันมีแต่ความเงียบงัน   บรรยากาศกดดัน

“เอิ่ม...ผมก็ไม่อยากจะขัดบรรยากาศหรอกนะ   แต่ว่า...เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”

ณภัทรายังคงนั่งนิ่ง

นทีบอกชื่อคอนโดหรูใจกลางเมืองให้เขา

ตลอดทาง   ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันสักคำ   ณภัทราเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่างอีกฝั่ง   นทีแอบสังเกตพฤติกรรมของณภัทราอยู่เงียบๆ

เขาไม่ได้เสือกเรื่องคนอื่นนะ   จริงๆ...สาบานได้!    แต่เรื่องมันมาเกิดต่อหน้าเขาเอง

จวบจนรถเคลื่อนตัวเข้าเขตบริเวณคอนโด 

“เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วคุณขึ้นห้องไปเลยนะ   แล้วอย่าไปรบกวนป๊าอีก”  นทีบอกด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ณภัทรายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  “อืม   วันนี้ไม่ไปแล้วล่ะ   เหนื่อย   อุตส่าห์ไปถึงงานแล้วแท้ๆ”

หมายความว่าวันนี้ไม่ไป   แต่จะไปวันอื่นสินะ

“อย่าได้คิดเชียว”  เสียงทุ้มแข็งกระด้าง

ร่างบางเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชาย   มือเรียวสวยเชยคางนทีขึ้น   ตาสวยจ้องเข้าไปในตา   “ถ้าไม่อยากให้ยุ่งก็เรียกม๊าก่อนสิ”

ณภัทราเห็นแววลังเลวาบขึ้นในดวงตาของลูกชาย   แต่จนแล้วจนรอด   นทีก็ไม่พูดอะไรออกมา

รถจอดนิ่งที่หน้าคอนโด 

นางแบบรุ่นใหญ่เพียงยิ้มมุมปากก่อนเคลื่อนตัวลงจากรถอย่างอ้อยอิ่ง

นทีเปิดประตูรถตามลงไปพลางร้องบอก   “อย่าให้เห็นหน้าอีกนะ”

ร่างสูงเพรียวหันกลับมาพร้อมกับโชว์ ‘นิ้วกลาง’ ให้ลูกชาย   ก่อนสะบัดตัวกลับไป

นทีกลับมาขึ้นรถด้านหน้าข้างคนขับ   

“ไปไหน?”  ต้นน้ำถาม 

“กลับบ้านเถอะ”

“อืม”

วันนี้ไม่มีเพลงคลอประสาน   มีแต่ความเงียบงันกับลมหายใจหนักหน่วง    ต้นน้ำขับรถเงียบๆ  ขับไปเรื่อยๆ





สูทสีเบอร์กันดี้สองตัวต่างไซส์วางเคียงคู่กันบนโซฟาหน้าทีวี    นทีนอนเอนหลังพิงกับพนัก   ขนตาหนาหลับพริ้ม   

“เบียร์หรือโค้ก”  ต้นน้ำถาม

“เบียร์”  นทีตอบทั้งที่ยังหลับตา

กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบถูกนำมาแนบที่แก้มนที    เมื่อลืมตาขึ้นจึงเห็นใบหน้าใสจ้องอยู่   ต้นน้ำเท้าแขนกับโซฟายื่นเบียร์ให้อย่างรอคอย   เมื่อมือใหญ่รับไปแล้วค่อยเดินมานั่งลงอีกฝั่งของโซฟา

“ดูหนังไหม?”  มือขาวเปิดโค้กดื่ม

“อืม”  นทีเปิดกระป๋องเบียร์บ้าง  “นายจะไม่ถามอะไรหน่อยเหรอ?”

“ นายรู้ได้ไง   ว่าเรามีอะไรอยากจะถามนาย”

“เดาเอา  ลองถามมาสิ  ถ้าตอบได้จะตอบ”

ต้นน้ำเงียบไปพักหนึ่งพลางเงยหน้าดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลา 21.48 “นายว่า  ถ้าโทรสั่งพิซซ่าตอนนี้  เขาจะมาส่งไหม?” 





พิซซ่า...พร้อม!
โค้ก...พร้อม!
หนัง...พร้อม!
ผู้ชายสองคนในชุดนอนก็พร้อม!

“แม่กับป๊าจะเป็นไงมั่ง?”

นทีโคลงศรีษะ “น่าจะเมาเละ”

ต้นน้ำหัวเราะ 

“นายไม่อยากรู้เรื่องเรากับม๊าเหรอ?”

ต้นน้ำรู้ว่านทียังคงคาใจ   เขาจงใจหลบเลี่ยงเบี่ยงบทสนทนาเพราะคิดว่านทีอาจจะไม่ได้อยากพูดเรื่องราวที่เป็นเรื่องส่วนตัวกับเขา   แต่ในบรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้...อีกฝ่ายยังคงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด   หากนทีตั้งใจว่าจะพูดเรื่องนี้กับเขา   เขาก็จะไม่หลบเลี่ยงอีก

“แล้วแต่นาย   นายอยากเล่าก็เล่า   แต่ถ้านายไม่อยากเล่า...ก็ไม่จำเป็นเลย” 

“ป๊าเป็นคนดี   ดีมากกกก...จนเราคิดว่าการที่เราเป็นคนไม่ดีแบบนี้   มันมาจากใคร?”
ต้นน้ำเริ่มงง   จับต้นชนปลายไม่ถูก   
นทีเป็นคนไม่ดี? 
ไม่ดีตรงไหน?
ต้นน้ำเริ่มคิดย้อนกลับไป  หรือจะเป็นประโยคที่ว่า  ‘มั่วแต่กับผู้หญิงโสโครก  สกปรกเหมือนแม่แก’  ที่ป้าธัญญาพูด

“นายรู้ไหมว่า...เรารับจ๊อบเขียนรูปประกอบนิทาน?”

นทีส่ายหน้า

“เราเคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่ง   เป็นเรื่องที่เราประทับใจมาก   ยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ 

มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นโจร   
เขามีลูกชายอยู่สองคน   คนหนึ่งเป็นตำรวจ   คนหนึ่งเป็นโจรเหมือนเขา
มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ 
ถามลูกคนโตว่า  ทำไมถึงเป็นตำรวจ?
ลูกคนโตตอบว่า  เพราะพ่อเป็นโจร

นายคิดว่าทำไมลูกคนโตถึงตอบแบบนั้น?”

นทีนิ่งคิด  “คงจะเกลียดพ่อมั้ง”

“อืม...เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
แล้วนักข่าวก็ไปถามลูกคนที่สองว่า  ทำไมถึงเป็นโจร?
ลูกคนที่สองตอบว่า  เพราะพ่อเป็นโจร? 
นายคิดว่าไง?”

“อาจจะรักพ่อ   แต่ก็...อาจจะเกลียดพ่อมากเหมือนกัน   เลยทำเหมือนพ่อประชดซะเลย”  นทีคิดถึงเรื่องของตัวเอง  เหมือนเขา...ที่ทำตัวไม่ต่างกันกับณภัทรา

“ก็อาจเป็นได้   แต่คนที่เล่าให้เราฟัง   เขาบอกว่า...ที่จริงโจรคนนั้นมีลูกชายคนที่สาม   ลูกชายคนที่สามเรียนวิศวะเครื่องกล   ไม่เป็นทั้งโจร  ไม่เป็นทั้งตำรวจ   ลอยตัวจากอิทธิพลของพ่อโดยสิ้นเชิง   นักข่าวตามไปสัมภาษณ์ทีหลัง   เขาตอบว่า...พ่อจะเป็นอะไรก็เรื่องของพ่อ   แต่เขาจะเป็นวิศวะ   เขากับพ่อไม่เกี่ยวกัน  คนละคนกัน”

เหมือนกุญแจที่พันธการเอาไว้ถูกไขออก   โซ่เหล็กที่ล่ามตรวนไว้หลุดร่วง      ตาสองคู่สบตากัน  ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่เหมือนกับเวลาหยุดลง   ถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองไปยังอีกฝ่าย   หนังที่เปิดไว้...ไม่มีใครสนใจจะดู

นทีเป็นฝ่ายหัวเราะออกมาก่อน   เพราะเขาเองก็เรียนวิศวะเครื่องกล  “นายเปลี่ยนอาชีพตัวละครใช่ไหม?” 

ต้นน้ำก็หัวเราะด้วย  “ฉลาดนี่   ตอนนั้น...คนที่เล่าให้เราฟังก็บอกว่าลูกคนที่สามเป็นจิตรกร   วาดภาพประกอบหนังสือนิทาน”

นทีมองต้นน้ำนิ่ง  ลึกเข้าไปในดวงตา “ทำไมเขาเลือกที่จะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟังล่ะ?” 

ต้นน้ำวางกระป๋องโค้กในมือ   แพขนตาช้อนขึ้น   ตาใสมองตอบนที  “ไม่รู้สิ   อาจป็นเพราะว่า...พ่อเราก็เป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นเหมือนกัน    และก็...อาจจะไม่ดีในสายตาเราด้วย”

นทีฟังที่ต้นน้ำเล่าอย่างตั้งใจ

“พ่อเจ้าชู้มาก   ช่วงนั้น...แม่ร้องให้ทุกวัน   แม่ไม่รู้หรอกว่าเรารู้   ถึงแม่จะแอบร้องให้   เราก็รู้   เราเองก็ไม่รู้ว่าเรารักหรือเกลียดพ่อกันแน่   แต่ไม่ว่าจะรักหรือเกลียด   ก็มีอิทธิพลต่อคนเป็นลูกทั้งนั้น   เขาคงอยากให้เราลอยตัวจากความรู้สึกพวกนี้มั้ง    เลยเล่าให้เราฟัง” 

“นายเล่าเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยนะ   ผิดจากเรื่อง ‘ข้าวมันไก่’ ลิบลับเลย”

“ก็เรื่องพวกนี้มันจบไปแล้ว   ผ่านไปแล้ว   แต่เรื่องข้าวมันไก่มัน....หึยย  คาใจว่ะ”  ต้นน้ำหาคำมาอธิบายไม่ถูก   อารมณ์หัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับมาอีกครั้ง





“พังๆๆๆๆ   พังหมดแล้ว”  ต้นน้ำชะโงกหน้าไปดูดอกมะลิในมือนที   “เสียของว่ะ”

ฝนทิพย์เดินทางไปญี่ปุ่นกับธนกรแล้ว    โดยฝากให้ต้นน้ำแวะเข้ามาดูร้านขายดอกไม้ของฝนทิพย์ให้ด้วย   นทีติดสอยห้อยตามมา    ก่อนมานั่งหัดร้อยมาลัยช่วยต้นน้ำ

“พังตรงไหน?  ก็สวยออก”  เขาพยายามจัดให้มันตรงกันทุกดอกแล้วนะ

“มันช้ำไง   เวลาร้อยดอกไม้   นายก็จับเบาๆ  หน่อยสิ   มาลัยดอกไม้ช้ำๆ  ใครจะอยากซื้อ”

“ต้องมีสิ  ออกจะสวย”

“ถ้ามั่นใจขนาดนั้นว่าของตัวเองสวย  เดี๋ยวจะพาไปลองของ   แต่ตอนนี้ไปทำงานอื่นก่อนไป”

“งานอะไรอี๊ก?”   ตั้งแต่มานี่ก็ใช้งานไม่ได้หยุด   ให้ช่วยยกของบ้างล่ะ  ใช้ร้อยมาลัยบ้างล่ะ   

“ไปยืนตรงนั้น”   ตั้นน้ำชี้ไปยังมุมที่วางกระถางดอกไม้สำหรับขายไว้   

นทีเดินไป

“พี่น้อยๆ”  เอาดอกไม้ช่อที่จัดไว้   มาให้นทีถือหน่อยสิ”  ต้นน้ำหันไปบอกพนักงานที่เป็นผู้ช่วยของฝนทิพย์   ดอกไม้ช่อสวยถูกเอามายื่นให้นที

ต้นน้ำหยิบกล้องขึ้นมา

“เก๊กหล่อๆ หน่อย  จะเอาไปลงเพจร้าน  ยิ้มนะ”  นทีทำตาม  “ดีมาก  เกิดมามีดีแค่หน้าตา   ก็หัดเอามาใช้ประโยชน์หน่อย   อีกรูปนะ”  ต้นน้ำสั่งให้นทีหันซ้าย  หันขวา  ทำหน้าเศร้า  นทีก็ทำตามคำสั่งทุกอย่าง

“ให้ตีลังกาด้วยไหม?”

“ได้เหรอ?”

นที “.....”

ต้นน้ำกดโทรศัพท์ส่งรูปไปให้นที   “เอาลงไอจีนายสิ  ครอบครัวเดียวกันก็ช่วยกันทำมาหากินหน่อย” 

แล้วที่ช่วยยกของ  ช่วยร้อยมาลัยนี่ไม่ได้ช่วยหรอกเหรอ?  นทีหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน   กดโทรศัพท์มือถือตัวเองอัพรูปลงไอจี

อัพรูปเสร็จ  คนหล่อก็กลับไปร้อยพวงมาลัยต่อ   ท่าทางเก้งก้าง   ดูแล้วพวงมาลัยไม่น่าจะออกมาดีได้เลย

“ร้อยไปทำไมนักหนา?”  ตอนนี้สี่ชีวิตอันประกอบไปด้วย นที  ต้นน้ำ  น้อยและดาว สองพนักงานมือโปร  กำลังนั่งร้อยพวงมาลัยกันอย่างขะมักเขม้น 

“พรุ่งนี้วันพระ   พวงเล็กๆ  แบบนี้   เขาเอาไว้ไหว้พระ   ต้องร้อยสวยๆ  ร้อยด้วยใจ    จะได้บุญเยอะ   เขาว่า...ถ้าถวายพวงมาลัยหรือดอกไม้สด   เกิดมาชาติหน้าจะหน้าตาดี”

“สงสัยชาติที่แล้วเราถวายไปเยอะแหงเลย”

ต้นน้ำ “.....” 





ดาวกับน้อยมองสองคนตรงหน้าเพลิดเพลินใจ   น้องน้ำว่าหล่อใส   ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว    น้องทียิ่งหล่อเท่ระเบิดจนหัวใจพองฟู   แล้วยิ่งเวลาที่สองคนนี้มานั่งด้วยกัน   เถียงกันไป   เถียงกันมา   ตีกันไป   ตีกันมา
น่าร๊ากกกกกกกกก    น่าเอ็นดูที่สุด




------------------------------------------------------------



เราก็ยังคงปูสะพานให้สองคนนี้ต่อไปจ้า

ตอนนี้ไม่ดราม่าเกินไปใช่ไหม?

อ่านแล้วช่วยคอมเม้นท์กันหน่อยนะ  ว่าเป็นยังไงบ้าง

เราอยากรู้ฟีดแบ็ค

จะติ  จะชม  ก็ไม่ว่ากัน


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2019 09:55:48 โดย Smile A »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
«ตอบ #11 เมื่อ16-08-2019 20:58:44 »

ชอบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน   :impress2:
คุยกันเรื่องต่างๆ ให้ความรู้สึกเข้าใกล้กัน ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ตลกเรื่องข้าวมันไก่ ที่กินน่ะกินชดเชย ไม่ใช่เพราะข้าวมันไก่อร่อยนะ  :m20: :laugh: :pigha2:
แต่ว่าข้าวมันไก่มันอร่อยจริงๆ   :katai2-1:
ต้นน้ำปลอบใจนทีได้ดีมากๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
«ตอบ #12 เมื่อ17-08-2019 00:44:52 »

 o13 ตอนนี้ดีมากๆเลยค่ะ ให้ข้อคิด “ลูกคนที่สาม” ดีจริงๆ แอบนำ้ตาหยดเลย....  :mew4:
ติดตามนะค่ะ สู้ๆค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
«ตอบ #13 เมื่อ17-08-2019 02:10:49 »

ต้นน้ำอยู่ไม่นิ่งเลย 55555555555555

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #14 เมื่อ18-08-2019 21:58:19 »

นทีต้นน้ำตอนที่ 4

คนดีเรียกแขกซะแล้ว
 
 



ต้นน้ำพานทีหอบกล่องโฟมบรรจุพวงมาลัยเล็กใหญ่ลัดเลาะไปตามถนน    จนเดินมาถึงตลาดสดขนาดใหญ่   เดินต่อไปอีกสามล็อคก็ถึง 'rainyday florarist สาขา2'  ซึ่งเป็นแผงดอกไม้ขนาดเล็ก   ขายพวงมาลัย  ดอกไม้สดสำหรับไหว้พระ  พานบายศรีปากชาม  หมากพลู และธูปเทียนแพ็คเล็กกะทัดรัด
 
มีเด็กสาววัยใกล้เคียงกับเขานั่งอยู่ภายในแผง 
"น้องน้ำ"  เด็กสาวร้องทักเมื่อเห็นต้นน้ำเดินเข้าไป  ทักต้นน้ำแต่ตามองเลยไปยังร่างสูงด้านหลัง  
 
นทีส่งยิ้มหากินให้   ทำเอาหญิงสาวหน้าแดง   แทบจะม้วนตัวลงไปเลยกองเลยทีเดียว 
 
"พี่ดาวให้เอาพวงมาลัยมาส่ง"  ต้นน้ำยื่นกล่องโฟมให้
 
"พอดีเลย  ใกล้หมดแล้ว" 
 
"นี่นที  เอิ่ม... ญาติผม"  ต้นน้ำแนะนำ  "ส่วนนี่พี่แก้ว...อายุมากกว่าพวกเราปีหนึ่ง  มารับจ๊อบพาร์ทไทม์ที่ร้าน" 
 
"สวัสดีครับ"  นทีแค่เพียงพยักหน้าทักทายเพราะเห็นว่าอายุห่างกันไม่มาก  ยิ้มหวานกว่าเดิมหนึ่งเบอร์   เรื่องอัธยาศัยดี   ไว้ใจนทีได้
 
"นายเข้าไปนั่งข้างในสิ"  ต้นน้ำบอกนทีให้เดินเข้าไปนั่งด้านหลังแผง  ที่มีทางเดินเล็กๆ ให้แทรกตัวเข้าไป    ต้นน้ำตามเข้าไปนั่งด้วย  
 
แก้วเริ่มจัดเรียงพวงมาลัยแขวนไว้บนราว
 
"พี่แก้วเอา 3 พวงนี้แขวนด้วยนะ"  '3 พวงนี้'  คือสามพวงของนทีที่ขะมักเขม้นทำร่วมสองชั่วโมง  นั่นแหละ... นทีทำได้แค่นี้  ไม่นับจำนวนที่เสียไป
 
แก้วรับ '3 พวง' มาส่องดู   พร้อมกับสีหน้างงๆ   ส่งสายตาเป็นคำถาม... เอาจริงเหรอ? 
 
ต้นน้ำพยักหน้า
 
และเมื่อมีหนุ่มหล่อออร่ากระจายมานั่งเป็นนายกวักอยู่หลังแผง   ลูกค้าทั้งสาวทั้งแก่ก็แวะเวียนเข้ามาจับจ่ายซื้อพวงมาลัยกันไม่ได้หยุด  
 
"แล้วคนนั้นล่ะ?  ขายไหม?  ขายเท่าไร?  พี่มีพร้อมเปย์นะจ้ะ" กระเทยหน้าสวยเดินมากับเพื่อน  ตะโกนแซวนทีระรี้ระริก
 
"เพื่อนพี่สายเปย์ค่ะ   เปย์อย่างราชา  กลับไปกินมาม่าอย่างยาจก"  เพื่อนสาวเตะตัดขากันเอง   แล้วก็พากันหัวเราะคิกคัก
 
นทีก็แสนดี   นั่งให้แทะโลมด้วยสายตา  ไม่บ่นสักคำ   เวลาก็ผ่านไปทุกนาที   แต่พวงมาลัยของนทีก็ยังไม่ใช่พวงที่ถูกเลือก
 
นทีถ่ายรูปพวงมาลัย 3 พวงลงไอจี   พร้อมแคปชั่น... แค่อยากเป็นคนที่ถูกเลือก
 
แคปชั่นอ่อยขนาดนี้   คงไม่ต้องบอกเนอะ   ว่าสาวๆ เสนอตัวกันกี่คอมเม้นท์
 
แต่คอมเม้นท์หรือจำนวนหัวใจไม่ใช่ตัวชี้วัดความเป็นความตายของพวงมาลัย 3 พวงนี้
 
"พนันกันไหม?  ว่าพวงมาลัยนายจะขายออกหรือเปล่า?" 
 
"พนันอะไรล่ะ?" 
 
"ใครแพ้ต้องเป็นเบ๊หนึ่งวัน  ตามใจทุกอย่าง"  
 
"ดีล!  แต่ไม่ใช่พรุ่งนี้นะ  พรุ่งนี้ไปพัทยาแล้ว  ต้องหลังกลับจากพัทยา" 
 
"โอ๊ย... ไม่เป็นไร  ลงโทษแค่วันนี้ก็ได้  เราเป็นคนใจกว้าง  แค่นี้...พี่ไม่ซี" 
 
"เปล๊า   เรากลัวใช้นายได้ไม่เต็มวันต่างหาก" 
 
ต้นน้ำทำหน้าอี๋ใส่คนขี้โม้   หึหึ...เดี๋ยวก็รู้!!
.
.
.
.
.
หลู่เรื่อง!!!  
พวงมาลัย 3 พวงนั่นขายออกจริงๆ ด้วย   ผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้หญิงมาซื้อพวงมาลัยสำหรับไหว้พระ   เด็กหญิงคนนั้นเลือก 3 พวงของนที   โดยให้เหตุผลว่า... มันไม่สวย   ไม่มีใครสนใจมันเลย   มันน่าสงสารมาก
 
จิตใจดีมากลูกเอ๊ย! 
 
ต้นน้ำเดินหน้าตูมกลับร้าน   โดยมีนทีเดินกุมท้อง  หัวเราะตัวงอตามหลัง   และไม่มีพลาด... สารพัดถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางดังมาจากคนข้างหลัง   
 
แต่เขาพลาด!  พลาด!  พลาดมาก!   
ต้นน้ำเป็นคนท้าพนันเอง   คิดบทลงโทษเอง   โดนลงโทษเอง  เสร็จสรรพ!   เล่นครบ...จบที่เขาคนเดียว
อะไรดลใจให้เขาท้าพนันออกไปวะ?   
 
 
 
 
 
ตอนเช้า  ต้นน้ำกับนทีกินข้าวเช้าด้วยกัน  แล้วต่างฝ่ายก็ต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง
 
นทีขับรถไปจอดที่บ้านเม่น   แล้วก็ไปพัทยาด้วยรถคันเดียวกันกับเดอะแก๊งทั้งหมดสี่คน
 
ส่วนต้นน้ำก็แยกไปร้านดอกไม้   วันนี้ไม่ใช่วันพระ  ไม่ต้องร้อยพวงมาลัยแล้ว   รับออเดอร์ลูกค้าตามปกติ    จนกระทั่งสองทุ่ม...ร้านปิด   ถึงได้ขอตัวกลับบ้าน 
 
ต้นน้ำจอดรถเข้าที่ก่อนก้าวลงมา   ภายในบ้านเงียบเชียบ   มีเพียงแสงไฟหน้าบ้านไม่กี่ดวงที่ป้าแม่บ้านคงมาเปิดไว้ให้   
 
ป้าแม่บ้านกับคนที่ดูแลบ้านทั้งหมดแยกไปอยู่บ้านอีกหลังซึ่งแม้จะอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกัน   แต่แยกส่วนกันอย่างชัดเจนโดยใช้รั้วต้นไม้กั้นแยกอาณาเขตระหว่างตัวบ้านใหญ่กับที่พักพนักงาน   และจะเข้ามาทำความสะอาดช่วงกลางวัน   ก่อนกลับไปอยู่ในส่วนของตัวเองตอนหกโมงเย็น
 
เหตุผลที่ธนกรทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้นทีดูแลตัวเองบ้าง   หากมีคนคอยทำให้ตลอดเวลา    นทีที่ไม่ต้องทำอะไรเลย   อาจจะเป็นง่อยได้ในที่สุด
 
บ้านหลังเดิม   ต้นไม้ก็ต้นเดิม   ใบไม้ก็ยังคงปลิวร่วงอยู่เหมือนเดิม   แต่ทำไม...เหงา
 
บ้านหลังใหญ่ที่มีทุกอย่างอำนวยความสะดวกครบครัน   พอไม่มีคนอยู่   กลับเงียบจนน่าใจหาย   เงียบยิ่งกว่าบ้านที่ต้นน้ำเคยอาศัยอยู่กับฝนทิพย์เสียอีก
 
ร่างโปร่งเดินขึ้นไปบนห้อง  ทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียง   ธนกรกลับบ้านดึกบ่อยๆ  ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่... นที... อยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียวมาตลอดหรือนี่?   อยู่ๆ ต้นน้ำก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมา   
 
เขาลุกขึ้น  เดินไปที่ห้องนที   ห้องนั้นไม่ได้ล็อค   มือขาวเอื้อมเปิดสวิทช์ไฟ   แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้น   ตาคู่สวยกวาดมองไปทั่ว   เท้าก็เดินไปเองโดยอัตโนมัติ  เสื้อผ้าบางตัวยังพาดแขวนอยู่ที่ราวแขวน   หนังสือการ์ตูนเล่มที่อ่านก็ยังวางกองอยู่เดิม   
คนๆ นี้ใช้ชีวิตมาแบบไหนกันนะ? 
 
ต้นน้ำย้ายตัวเองลงมาชั้นล่าง   เดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน   ตาเหลือบไปเห็นไส้กรอกถุงใหญ่   เขาจับยัดใส่ไมโครเวฟทั้งหมด
 
โจลี่กับแบรดพิตต์กระดี๊กระด๊าเมื่อเห็นพี่ชายคนโตเอื้อมมือมาเปิดกรงให้   หางส่ายกระดิกเดินตามต้นน้ำเข้าบ้าน  
 
 
 
 
 
"โยว่แมน!... สาวพัทยาเจ๋งเป็นบ้าเลยว่ะ"  ต้นปาล์มร้องตะโกนเมื่อเข้ามาเห็นแสงสีในผับ
 
"ใจเย็น... พรุ่งนี้ไปบางแสน   สาวมอ B อย่างแจ่ม"  เม่นตบบ่าเพื่อน
 
โต๊ะของชายหนุ่มทั้งสี่โดดเด่นจนเป็นที่จับตามองของสาวๆ ในผับ  
 
ปาล์มที่อัธยาศัยดีเป็นที่สุดชนแก้วโต๊ะอื่นไปทั่ว   สักพักก็เริ่มคุยกันซ้ายขวา  ถามไถ่ความเป็นมา  ทั้งเม่น  ทั้งน็อตก็พลอยเฮฮาไปด้วย
 
มีเพียงนทีคนเดียวเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร   เขาไลน์หาต้นน้ำได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว  แต่ต้นน้ำไม่อ่าน   ไม่ตอบ   โทรไปก็ไม่รับ
 
เป็นอะไร?   เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? 
 
"มึงเป็นอะไรวะที?"  เม่นถามเมื่อเห็นนทีนั่งหน้านิ่ว   
 
"ไม่มีอะไร? เดี๋ยวกูไปโทรศัพท์แป๊บนึง   เดี๋ยวกูมา" 
 
"มันเป็นอะไรวะ?"  น็อตถามเม่น   เขาเองก็เห็นนทีนั่งเครียดมานานแล้ว
 
"ไม่รู้ว่ะ   สงสัยเมียไม่รับสาย?" 
 
"ฮึ่ย   พูดเป็นเล่น  ไอ้ทีนี่นะ... มีเมีย   ทำไมกูไม่รู้วะ?" 
 
"กูก็ไม่รู้   กูเป็นมันนั่งหน้าบูด   ถามว่าเป็นอะไร... มันก็ไม่ตอบ   บอกแต่ว่าจะออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึง"
 
"เออ   มันก็แปลกๆ อยู่นะ   มันดูโทรศัพท์โคตรบ่อยเลย   หรือว่ามันจะมีแฟนวะ? "
 
เม่นยักไหล่
 
"ฮัลโหล  เพื่อนๆ  คุยอะไรกันอยู่? " ปาล์มแทรกเข้ามากลางวง
 
" อย่าเสือก"  เม่นกับน็อตพูดขึ้นพร้อมกัน
 
 
 
 
 
นทีเดินหนีเสียงเพลงดังในผับออกมาข้างนอก  พลางกดโทรศัพท์มือถือ... รอฟังเสียง    กดใหม่... รอฟังเสียง   กดอีกรอบ... รอฟังเสียง   แต่จนแล้วจนรอด  ก็ยังไม่มีคนรับสาย  
 
เป็นอะไร?   ไม่สบายหรือเปล่า?   ทำไมไม่รับสาย? 
เกิดอะไรขึ้น?   มีอุบัติเหตุไหม?  ทำไมไม่รับสาย? 
ปกติแล้ว...ต้นน้ำไม่ใช่คนที่จะไม่รับสายโทรศัพท์คนอื่น  เขากังวลว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับต้นน้ำ  และก็เป็นห่วงที่ต้นน้ำอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเป็นครั้งแรกด้วย  ไม่รู้ว่าช่วงเวลาแค่เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาจะทำให้ต้นน้ำคุ้นชินบ้างหรือยัง
 
"ทะเลาะกับแฟนอยู่เหรอ?" 
 
เสียงหวานดังขึ้นข้างตัว  นทีหันไปมอง   หญิงสาวที่ยืนยิ้มเอียงอายอยู่มีใบหน้าสวย  ผิวขาวกระจ่าง    ตาสวยคม  ริมฝีปากอิ่ม   ผมยาวไล่ระลงมาจนถึงเนินอกอวบที่โผล่พ้นเสื้อสายเดี่ยวให้เห็นวับแวม     มองปราดเดียวนทีก็เห็นไปถึงขาขาเรียวขาวที่โผล่พ้นกระโปงสั้นออกมา
หึ... ถ้าจะอายขนาดนั้นจะเดินเข้ามาทักทำไม? 
 
"คืนเดียวได้ไหม?"  นทีถามพลางกดโทรศัพท์อีกครั้ง
 
หญิงสาวขี้อายทำสีหน้ากังวล  "เอ่อ... แต่ว่า... " 
 
"ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"  พูดจบนทีก็วางโทรศัพท์   ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
 
"ก็ได้"  หญิงสาวร้องบอก
 
นทีก้มหน้ายิ้มเหยียด  ก่อนเงยหน้าขึ้น  สีหน้ากลับเป็นปกติเหมือนเดิม "ไม่มีรถนะ  มากับเพื่อน" 
 
"ไปรถเราก็ได้"  ถึงจุดที่ไม่ต้องสร้างภาพกันแล้วสินะ
 
 
 
 

คนไม่รับสายฟนอนลูบคางลูบหัวโจลี่กับแบรดพิตต์อยู่บนโซฟา   ถุงไส้กรอกว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า   มีหมาสองตัวครางหงิงๆ  อยู่เคียงข้างซ้ายขวา   แต่ต้นน้ำก็ยังเหงา
 
เหงาจัง!  เหงาโว้ย!  เหงาโคตรๆ! 
 
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองเป็นคนขี้เหงาขนาดนี้   อยู่คนเดียวมาตั้งนานก็เห็นจะเคยรู้สึกแบบนี้เลยสักครั้ง   อาจเป็นเพราะบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินไปจริงๆ ก็ได้
 
"พี่ชายแกทำอะไรอยู่วะโจลี่?"  ถามพลางลูบหัวตัวที่นอนอยู่ใกล้ๆ
 
หมาตัวโตส่งเสียงคำรามในคอเบาๆ... ไม่ใช่โจลี่นะ  นี่ผมแบรตพิตต์เอง 
 
 
 
 
 
"ไอ้ทีไปไหนวะ? " ปาล์มที่ไปโชว์ลีลากับกลุ่มสาวๆ จนเหงื่อชุ่ม   เพิ่งหาทางกลับโต๊ะเจอถามเพื่อน
 
"ไปที่ชอบๆ ละ"  เม่นตอบพลางยกโทรศัพท์ขึ้นโยกไปมา   แสดงว่านทีส่งสัญญาณมาบอกแล้ว
 
"มาไกลถึงพัทยา   ชีวิตไม่ต่างจากกินเหล้ากรุงเทพฯ  เลยว่ะ"  น็อตบ่น
 
" งั้นเดี๋ยวมึงก็คงหายเป็นรายต่อไปสินะ"  หมอเม่นฟันธงไว้เลย
 
" ม่ายยย  กูแยกแยะได้   อุตส่าห์มาเที่ยวกับเพื่อน   ก็ต้องอยู่กับเพื่อนสิ"
 
"งั้นกูหายนะ   นัดสาวโต๊ะนู้นไว้   โคตรเอ็กซ์   กูจะเดินมาบอกพวกมึงไว้นี่แหละ"  พูดจบปาล์มก็เดินลอยๆ   แทบจะเต้นมูนวอล์คออกไปเลยทีเดียว


 

 
ท่ามกลางแสงสลัว   เรือนร่างขาวนวลราวเปล่งประกายได้ในความมืดขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกจากกายแกร่ง   
 
ใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นเหยเกอัดแน่นไปด้วยความสุขสม   เสียงครวญครางดังไม่หยุดหย่อนจวบจนร่างหนากระตุกเป็นครั้งสุดท้าย   หลงเหลือเพียงหายใจหอบเหนื่อยจากทั้งสองร่างเท่านั้น
 
นทีเคลื่อนตัวออก  ถอดถุงยางมัดปากถุงก่อนโยนทิ้งขยะ   พลางคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง   ต้นน้ำยังไม่อ่านไลน์เขาเลย   
 
"อิจฉาแฟนนายจัง" 
 
คิ้วเข้มเลิกสูง...แฟน? 
 
"ก็นายคอยดูโทรศัพท์ตลอด  แฟนยังไม่รับสายไม่ใช่เหรอ? "  
 
นทียิ้มให้คนที่นอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียง   ถ้าเขามีแฟนจริงๆ   แล้ว 'คนที่ลากแฟนคนอื่นมานอนกก' จะอิจฉา 'แฟนที่โดนนอกใจ' ทำไม?  
 
"สวยมากเหรอ?" 
 
"ไม่สวยหรอก"    นทียิ้มขำ  เมื่อนึกถึง 'หนุ่มหน้าสวยอันดับ 4' "หรืออาจจะสวยก็ได้   แต่ก็มีคนสวยกว่า"
 
นทีหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม  
 
"จะกลับแล้วเหรอ?" 
 
"อืม    หมดธุระแล้วนี่" 
 
"ก็เริ่มใหม่ก็ได้นี่" ร่างบางเดินเข้ามาใกล้  มือเรียวโอบกอดเขาไว้   ใช้เล็บที่ตกแต่งไว้อย่างดีไล้ตั้งแต่ไหปลาร้าเรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแกร่ง
 
"มีถุงยางอันเดียว"  ใช้ไปแล้ว
 
"ซื้อใหม่ก็ได้" 
 
"ไม่ดีกว่า   เดี๋ยวต้องโทรไปง้อแฟนก่อน"  เขาโบกโทรศัพท์ให้สาวสวยก่อนเดินไปเปิดประตู 
 
"นายจะไม่บอกชื่อนายหน่อยเหรอ?" 
 
นทีโบกมือแล้วปิดประตู   สาวสวยได้แต่กัดฟันกรอดที่เสน่ห์เหลือร้ายที่ตัวเองมั่นใจนักหนาถูกมองข้าม    ตากลมเหลือบไปเห็นเงินปึกหนึ่งว่างอยู่ข้างกระเป๋าสะพาย   ร่างบางรีบถลาเข้าไปดู    แบงค์พันสิบใบพอดี... ค่อยยังชั่ว
 
 
 
 
 
ต้นน้ำลืมตาตื่นมาเพราะความรู้สึกไม่สบายตัว   เป็นเพราะเขาเผลอนอนคว่ำหลับอยู่บนโซฟานี่เอง   ร่างสูงปลุกไอ้สองตัวที่นอนด้วยกันให้ตื่นก่อนเดินพาทั้งสองตัวไปส่งที่บ้าน
 
ขึ้นห้องได้ก็ตรงเข้าห้องน้ำอาบน้ำก่อนเลย   ไม่ทันได้ดูว่ามีใครที่โทรหาเขาบ้าง 
 
 
 
 
 
 
"พวกมึงจะกลับกันหรือยัง?"  นทีโทรถามเม่น
 
[ กำลังจะกลับแล้ว ]
 
"แวะมารับกูด้วย  เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้"  นทีกดส่งโลเคชั่น   ก่อนกลับมาหมกหมุ่นกับโทรศัพท์อีกครั้ง
 
ไลน์ก็ยังไม่ได้อ่าน
โทรอีกที... ก็ยังไม่รับ
มัวทำอะไรอยู่?


 
 

Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์เข้า   นทีรีบรับสาย
 
[กูอยู่หน้าโรงแรมแล้ว]
 
"โอเค"  นทีตอบรับแล้วเดินออกไปขึ้นรถ
 
"ทำไมหน้าบูดวะ?  ไม่เด็ด?" 
 
นทีไม่ตอบ  แต่ถามกลับ  "ไอ้ปาล์ม  ไอ้น็อตไปไหน?"  
 
"ไปที่ชอบๆ เหมือนมึงนั่นแหละ" 
 
 



Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง   นทีรีบรับสาย
 
[ไอ้ที  มึงอยู่ไหนวะ?   กูจะกลับโรงแรมยังไงวะเนี่ย?  ไม่มีรถ]  ปาล์มพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน [ไอ้เม่นแม่งปิดเครื่อง]
 
"กูอยู่กับมันเนี่ย  แบตมันหมด"
 
[งั้นบอกมันรีบมารับกูเลย  ด่วนๆ  ด่วนที่สุด] 
 
"ทำไมรีบกลับวะ  ไม่ให้สาวมาส่งล่ะ" 
 
[สาวเหี้ยอะไรล่ะ?  กระเทย!  ไอ้สัด]
 
 



Rrrr... Rrrr...   
เสียงโทรศัพท์นทีดังขึ้นอีกแล้ว   คราวนี้นทีไม่รีบรับสายแล้ว   ถ้าไม่ใช่น็อต  ก็คงเป็นปาล์มที่โทรมาเร่ง
 
[ นที ] 
 
ผิดคาด!  คราวนี้ถูกตัว
 
[ นายมีอะไรหรือเปล่า?  โทรมาเยอะมากเลย]
 
" ไม่มีอะไร?  แค่เป็นห่วง"  เสียงทุ้มอ่อนโยน
 
เม่น "....."  หืมมมมม... อยากจะ 'หืม' ยาวๆ  ไปจนถึงดาวอังคาร   
เป็นห่วง?  แล้วยังพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างนี้เนี่ยนะ   ไม่เคยได้เห็นนทีโหมดนี้มาก่อน
แน่นอนว่า... ต้องเสือกสิ! 
 
[ เราเผลอหลับอยู่ตรงโซฟาข้างล่างน่ะ  แล้วโทรศัพท์มันอยู่ข้างบน  โทษทีนะ ]
 
" อืม... ช่างเถอะ   ไม่เป็นไรหรอก   ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว   แล้วอาบน้ำ  กินข้าวหรือยัง?"  
 
[ เรียบร้อยหมดแล้ว  นายยังจะห่วงเราเรื่องกินอีกเหรอ? ]
 
นทีหัวเราะ  "เออ  ลืมไป  เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง" 
 
[ แล้วนายทำอะไรอยู่? ]
 
"ไปเที่ยวมา  กำลังจะกลับโรงแรมแล้ว"  
 
[ เมาหรือเปล่า?]
 
" ไม่เมา  เม่นขับ   ไอ้เเม่น... มึงเมาเปล่าวะ? "
 
" หึ  ไม่เมา "  เม่นส่ายหน้าแรง   ตอบด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด  กะให้ทะลุไปถึงคนในโทรศัพท์เลย  ผมไม่เมาครับพี่  เชิญพี่คุยกันต่อได้ตามสบายเลยครับ   เดี๋ยวผมขับรถให้เอง
 
"ฮ่าๆๆ  ได้ยินไหม?"
 
[ ชัด!  ช่วยเพื่อนดูทางเถอะ  เดี๋ยวก็เราจะนอนแล้วล่ะ ]
 
" อืม  ฝันดี"
 
[โอเค   นายเองก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ]
 
นทีวางสายไปแล้ว   รอยยิ้มยังแต้มอยู่บนใบหน้า
 
"ใครวะ?  อย่าบอกนะว่ามีแฟน" 
 
แฟนอีกแล้วเหรอ?   "ทำไมถึงคิดว่ากูคุยกับแฟนวะ?" 
 
หืมมมม... มึงไม่ดูสีหน้าตัวเองล่ะคุณเพื่อน  "กูแค่ไม่เคยเห็นมึงคุยกับผู้หญิงคนไหนเสียวอ่อนเสียงหวานแบบนี้    ก็เลยคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะ...พิเศษ"
 
นที "....."  ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย
 
 
 
 
 
ต้นน้ำวางสาย   รู้สึกง่วงขึ้นมา   ทีแรกที่อาบน้ำเสร็จ... เขาตื่นเต็มตา   คิดว่าตนเองจะนอนไม่หลับเสียแล้ว   แต่พอคุยกับนทีเสร็จกลับรู้สึกง่วงจนอยากจะหลับอีกรอบ   ความเหงาบรรเทาเจือจางไปเมื่อไร   แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว



 
 
Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์ดังแต่เช้า   ต้นน้ำควานมือเปะปะไปตามต้นเสียง   จนคว้าได้ก็เอามาแนบหู
 
"ฮัลโหล"  ชายหนุ่มกรอกเสียงง่วงงุนลงไปตามสาย
 
[ไอ้น้ำ]  เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้น  [นทีไปซื้อดอกไม้ร้านมึงด้วย ]
 
"ทำไมมึงเสือกแต่เช้าจัง"  ต้นน้ำงึมงำ   สติยังรวบรวมมาไม่ครบ
 
[ มึง.... ]  เอื้องฟ้าพูดอะไรไม่รู้    เขาไม่เข้าใจ    และไม่เข้าหูเลย    ปากก็พึมพำตอบไปตามเรื่องตามราว   วางสายไปตอนไหนก็ยังจำไม่ได้
 
ตื่นมาอีกทีก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว   ต้นน้ำรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปร้าน



 

Rrrr....Rrrr...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว
 
[ วันนี้ไปเที่ยวกันไหมมึง?  กูว๊างว่าง ]  ขิงโทรมาชวน
 
"ไปดิ  เบื่อๆ อยู่เหมือนกัน  มึงชวนใครแล้วบ้าง?"  กลับบ้านไปก็อยู่คนเดียว   ไปกับเพื่อนดีกว่า
 
[ ชวนไอ้ริวแล้ว  เดี๋ยวโทรหาไอ้เนม ]
 
"กูไปดึกหน่อยนะ   แม่ไม่อยู่  ต้องดูร้านให้แม่ก่อนว่ะ" 
 
[ ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเจอกันร้าน moombar นะ ]
 
 
 
 
 
ต้นน้ำในเสื้อยืดกางกางยีนส์ขาดเข่าสีดำเดินผิวปากลงมาอย่างอารมณ์ดี   พลันต้องหยุกชะงัก  เมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่หน้าประตู
 
'ขโมย'  ความคิดแรกที่แวบเข้าในสมอง   เขาแอบอยู่หลังบันได   
 
ประตูเปิด   ต้นน้ำพุ่งเข้าชาร์จจนล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่  
 
นทีที่ตั้งรับไม่ทันล้มลงไปข้างหน้าเมื่อโดนแรงกระแทกจากด้านหลัง   แต่ด้วยความที่รวบรวมสติได้เร็วทำให้รีบเอี้ยวตัวกลับมา   หวังจะสอยไอ้คนประทุษร้ายให้ได้สักหมัด
 
ส่วนคนประทุษร้ายก็เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว   ตั้งการ์ด ง้างมือไว้รอเลย   
 
"อ้าว" 
 
"อ้าว" 
 
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันงงๆ   เมื่อเห็นหน้ากันชัดๆ
 
"นี่เป็นวิธีต้อนรับกลับบ้านของบ้านนายเหรอ?"  นทีเลิกคิ้วสูง
 
"ไหนนายบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้?" 
 
"ไอ้เม่นมันรีบกลับกระทันหัน   หมามันไม่สบาย?"  นทีตอบเสียงเรียบ   โชคดีมากที่เป็นคนหน้าตาย  ฝึกเก็บความรู้สึกมาตั้งแต่เด็ก  เวลาโกหกเลยไม่ค่อยจะมีคนจับได้
 
"เม่นนี่ดูเป็นคนรักหมาดีเนอะ"  
 
"ใช่  มันรักหมามันมาก  หมามันแก่แล้วด้วย  ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไร   มันเลยค่อนข้างเป็นห่วง   แล้วนี่นายจะออกไปไหน?"  นทีดูการแต่งตัวของต้นน้ำ   ไม่น่าจะเป็นชุดนอน   เหมือนเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวใหม่มากกว่า
 
" ไปเที่ยว   ไอ้ริวกับไอ้ขิงโทรมาชวน "
 
นทีกอดอกนิ่วหน้า  " ไปด้วย"  พูดจบก็เดินขึ้นห้อง  

ต้นน้ำมองตามร่างหลังสูงที่เดินขึ้นบันไดแบบงงๆ  ก่อนไลน์บอกพวกขิงว่ากำลังจะออกและจะมีเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง   พลางเล่นโทรศัพท์รอนที
 
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ  ลอยมาปะทะจมูกก่อน   ต้นน้ำหันหลังไปมอง
 
คุณพระคุณเจ้า! 
 
นี่มันเพลย์บอยตัวเต็มวัยใช่ไหม?   นทีในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำเล่นลายกราฟฟิคคล้ายเสื้อฮาวายพับแขนเสื้อจรดข้อศอก  ปลดกระดุมสามเม็ดเผยแผงอกรำไร    กางเกงผ้าทรงลำลองสีดำ   ผมเสยเซ็ตทรงเต็มรูปแบบ   เครื่องประดับที่ทั้งตัวมีเพียงนาฬิกา Rolex GMT Blue Black แค่ชิ้นเดียว
 
หึ... เจอบอสด่านแปดเข้าไป   ผู้เล่นสาวๆ  ต้องโดนแอทแท็คหมดแน่
 
"นายจะหล่อเกินไปไหม?" 
 
"ไม่นี่  ปกติรดน้ำต้นไม้ก็แต่งตัวแบบนี้  แล้วทีนายล่ะ....ยังแต่งตัวน่ารักเลย" 
 
"เฮ้ย...น่ารักอะไรล่ะ   ปกติกวาดบ้านก็แต่งตัวแบบนี้   ไปกันเถอะ" 
 
รถเบ๊นซ์สปอร์ตถอยออกจากซอง    แต่ต้นน้ำก็ยังข้องใจ... ทำไมเขาเป็นคนขับอีกแล้ววะ?   ทำไมไอ้เจ้าของรถที่นั่งกระดิกนิ้วฮัมเพลงหล่อๆ  มันไม่ขับเองวะ
 
 
 
 
 
"เอื้องกับเนมอ่ะ? "  ต้นน้ำถามเมื่อเห็นริวกับขิงนั่งกันอยู่สองคน
 
"เนมไปกับแฟน   เอื้องมาไม่ได้"   พูดไปงั้นเอง   ขิงเป็นคนบอกให้เอื้องไม่ต้องมาเอง   เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะถ่ายรูปต้นน้ำจับคู่กับริวส่งให้เพจคิวท์บอยให้ได้   
 
" แล้วพวกมึงมาด้วยกันได้ไงเนี่ย? "  ริวถาม
 
ต้นน้ำสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟัง  แม้จะดูมีท่าทีแปลกใจในตอนแรก  แต่ริวกับขิงก็ปรับตัวต้อนรับเพื่อนใหม่เข้าคณะได้อย่างรวดเร็ว  อาจเพราะมีแอลกอฮอล์เป็นตัวกลางด้วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนสนิทกันมานาน   ริวกับนทีเข้ากันได้ดีมาก  จากที่ตอนแรกชวนกันไปเต้นอยู่หน้าเวที  ตอนนี้สองคนย้ายไปโยกอยู่โต๊ะสาวๆ แล้ว
 
" แม่ง   มีไอ้ริวคนเดียว  ตลาดกูก็จะวายแล้ว  มีไอ้ทีเข้ามาอี๊ก  จบแล้วชีวิตกู"  ขิงโอดครวญ
 
"ของมึงยังดี... ยังมีตลาดเฉพาะตัว   ของกูนี่ดิ... กลุ่มเป้าหมายเดียวกับพวกมันเลย" ต้นน้ำที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนขิงพูดกลั้วหัวเราะ
 
"สงสัยจะจริงของมึง  กูว่ากูเจอกลุ่มเป้าหมายแล้วว่ะ   เดี๋ยวกูมานะ"
 
พูดจบ...ทอมหล่อประจำกลุ่มก็เดินลิ่วไปยังกลุ่มเป้าหมาย     
 
ต้นน้ำเลยต้องเป็นคนเฝ้าโต๊ะ   นั่งดื่มเงียบๆ ลำพัง  สายตามองไปยังร่างสูงสองร่างที่สนุกสุดเหวี่ยง   ทั้งเต้น   ทั้งส่งสายตา  ส่งยิ้มหวาน   อัธยาศัยดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  ยอมใจในสกิลการบริหารเสน่ห์ของสองคนนี้จริงๆ   
 
“ทำไมนั่งคนเดียวล่ะคะ?”
 
ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นก่อนส่งยิ้มละมุน
 
 
 
 
 
สายตาคมปลาบวาวขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยกแก้วขึ้นชนกับต้นน้ำ   ขายาวของนทีก้าวเข้าไปข้างหน้าโดยอัติโนมัติ   
 
ริวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเหมือนกันสาวเท้าตามไปด้วย
 
เอาแล้ว!  ต้นน้ำคนดีเรียกแขกซะแล้ว


 

---------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเรา

เราเลยค่อนข้างจะนอยด์

ไอ้เรื่องที่ว่า...คนอ่านจะชอบไหม?...นิยายเราจะสนุกไหม?

เรากังวลอยู่แล้วล่ะ

แต่ที่เรากังวลก็คือ...คนอ่านจะอ่านรู้เรื่องไหม?

จะเข้าใจที่เราเขียนไหม?

555

สรุปว่า...อ่านรู้เรื่องกันใช่ไหมคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2019 23:21:34 โดย Smile A »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #15 เมื่อ19-08-2019 01:46:11 »

สนุกดีค่ะ​ จะตามอ่านต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #16 เมื่อ19-08-2019 02:27:51 »

 o13 อ่านรู้เรื่องค่ะ ไม่ต้องกังวล  o13

ตามอ่านนะค่ะ  :mew1: สู้ๆค่ะ  o13

 :hao3:  :hao3:  :hao3: ดูเหมือนนทีจะออกอาการหวงพี่(??? รึเปล่า)นะค่ะเนี่ย....  :hao3:   :ruready

FYI: ขออย่างเดียวนะค่ะ ถ้าคนแต่งจะกรุณา  :hao4: อย่ามีดร่ามาคู่รักนะค่ะ(ดร่ามาครอบรัว เรายังทนได้ค่ะ)   :ling3: เราใจบางมากกกกกกก  :ling3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #17 เมื่อ19-08-2019 07:56:05 »

รู้เรื่องค่ะ
เวลานทีกับต้นน้ำอยู่ด้วยกันน่ารักดีนะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #18 เมื่อ19-08-2019 09:29:31 »

อ่านรู้เรื่องค่ะ เรื่องไปเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วน่าติดตาม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #19 เมื่อ19-08-2019 10:02:48 »

ไรท์....... เลิกวิตก กังวล ว่าคนอ่านจะอ่านไม่หลู่เรื่อง  :serius2:
เขียนมาได้เลย ยาวๆๆๆ    ชอบบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ้าวๆ  !!!!!!  :a5:  ที่วางฟอร์มจีบสาว  o22  :really2:
เอนเทอเทนสาว นี่ เฟค ......... เฟคทั้งคู่ สุดๆ เลยละสิ
ที่แท้ตลอดเวลาก็จับจ้องคนดีตลอดๆ  ใช่ไหมสองหนุ่มหล่อ นที .... ริว   :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-08-2019 10:02:48 »





ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #20 เมื่อ19-08-2019 13:01:28 »

อยากเห็นคนดีเรียกแขก
ท่าทางจะมันส์น่าดู
เค้า FC โจลี่กะแบรด์พิต

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #21 เมื่อ19-08-2019 13:46:51 »

อยากรู้จะเป็นยังไงต่อ 5555555555
แต่นายนทีว้าวุ่นจังเลยน้า

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
«ตอบ #22 เมื่อ19-08-2019 16:43:50 »

กำลังสนุก

มายาวๆ

มาเยอะๆ

จะได้อ่านแบบจุใจ

สนุกชอบ

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #23 เมื่อ20-08-2019 01:37:10 »

นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 5

รู้สึก  มึนๆ  เบลอๆ  แปลกๆ
 
 
 
 
 
"ทำไมนั่งคนเดียวล่ะคะ" 
 
ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง  หญิงสาวหน้าตารูปร่างค่อนข้างดียืนส่งยิ้มมาให้เขา   
 
ต้นน้ำส่งยิ้มหวานละมุนตอบ  เป็นยิ้มหากินของเขาเอง  
 
"เราชื่อบีนะ   เรียนปีสอง   มอ w"  หญิงสาวแนะนำตัวพลางยื่นแก้วออกมาตรงหน้า
 
"ต้นน้ำ  ปีหนึ่ง  มอ A" มือเรียวยื่นแก้วออกไปชนก่อนยกขึ้นดื่ม  
 
ทันทีที่เขาวางแก้วลง   ก็รู้สึกได้ถึงรังสีแปลกๆ  แผ่กระจายออกมาจากทางด้ายฝนหลัง  มือใหญ่ทั้งสองข้างเลื้อยมาจากด้านหลังของเขา  ก่อนโอบกอดรอบตัวเขาไว้   แล้วดึงเขาเข้าไปใกล้จนชิดอกแน่น   กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยลอยอวลอยู่รอบ   แต่ครั้งนี้กลับแปลกออกไป   คล้ายกับว่ามีกลิ่นกายของนทีผสมรวมอยู่ด้วย   
 
นทีเกยคางลงบนบ่าเขา  ต้นน้ำเพียงแค่เหลือบสายตาไปมอง   ใบหน้าหล่อเหล่าของเดือนมหา'ลัยอยู่ชิดแค่คืบ   เขาเห็นเพียงแค่เสี้ยวด้านข้าง   จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนข้างๆ ทำสีหน้ายังไงอยู่ในขณะนี้   
 
"รู้จักกันเหรอน้ำ?"   คนที่ถามไม่ใช่นที   แต่เป็นริวที่ยืนขนาบเขาอีกฝั่ง
 
อะไรของคนพวกนี้?  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่ง  กับหนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสอง   มายืนกันท่าเขากันทำไม?   ต้นน้ำเริ่มงง   
 
"ชื่อบี  ปีสอง  มอ W  รู้แค่นี้  เมื่อกี้นี้แหละ" 
 
"อ่อออออ... พี่บีนี่เอง"  ริวส่งเสียงยียวน   กวนบาทาอย่างที่สุด  "ชื่อคุ้นๆ นะ" 
 
หญิงสาวหน้าเสีย  "ถ้าเพื่อนมาแล้ว  พี่ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ"  บีส่งยิ้มเจื่อนให้ต้นน้ำก่อนหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง
 
นทีที่จ้องบีเขม็งเมื่อครู่นี้กลับมีสีหน้าอ่อนลง   ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับบ่าของต้นน้ำ  เกือบไปแล้วสิ
 
"พวกมึงเป็นอะไรกัน?"  ต้นน้ำถามริวหน้าตาเหรอหรา
 
ริวนั่งลงพลางพรูลมหายใจยาว  "เด็กเก็บแต้มน่ะมึง  ได้ข่าวมาไม่ค่อยดีเท่าไร  เหมือนว่าจะเป็นเอดส์  มึงนี่... ถ้าพวกกูมาไม่ทัน  โดนลากไปจะทำไง?" 
 
"เหี้ย... มึงเห็นกูเป็นคนที่จะไปกับเขาง่ายๆ เหรอ?  แค่ชนแก้ว  ไม่ได้แลกน้ำ"
 
ริวยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นซดโฮก " ก็ใครจะไปรู้  เผื่อมึงจำศีลมานาน  วันนี้เกิดอยากขึ้นมาจะทำไง"
 
ต้นน้ำโคลงศรีษะ  มือเรียวตบต้นแขนของนที " นที... นที... นที"
 
นทีคลายอ้อมแขนออก   
 
ต้นน้ำพลิกตัวกลับไปหา  ใบหน้าที่เพิ่งเงยขึ้นมาแดงระเรื่อ   มีแววกังวลอยู่ในดวงตา
 
"เป็นไร?" 
 
นทีสั่นหน้า
 
"นายกลัวเราจะติดเอดส์เหรอ?"  ต้นน้ำหัวเราะลั่น   ไล่ชี้นิ้วไปที่นทีกับริว  "พวกมึงห่วงตัวเองกันเถ๊ออออะ" 
 
 
 
 
 
ไม่มีใครนึกถึงคนที่หายไป   ร่างสูงโปร่งของสาวหน้าหล่อแอบอยู่ริมเสา   พลางก้มลงมองกล้องถ่ายรูปขนาดพกพา   แม้ภาพที่ได้จะมืดไปบ้าง   แต่ก็ยังดูออกว่าใครเป็นใคร   ปาปารัซซี่จำเป็นปาดเหงื่อ  ถึงจะไม่ได้ภาพของต้นน้ำกับริวอย่างที่ตั้งใจเอาไว้  แต่ภาพของต้นน้ำกับนทีคงพอทดแทนได้   หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งกับอันดับสอง... ต่างกันไม่เท่าไรหรอกน่า
 
 
 
 
 
ขึ้นรถมาได้ต้นน้ำก็สวมบทบาทดีเจสองแถวเปิดเพลงดังลั่นรถ    
 
คนไม่มีแฟน  ของพี่เบิร์ด
" พี่เบิร์ด is the best" ดีเจต้นน้ำร้องจบก็ตะโกน
 
ต่อด้วย... อยู่ต่อเลยได้ไหม  สิงโต  นำโชค  ซึ่งนทีก็บ้าร้องตามไปด้วย   เสียงเพลงบนรถที่ห่างหายไปกลับมาอีกครั้ง
 
"เพลงนี้เด็ด  ให้นาย"  ต้นน้ำหันมาบอกคนขับรถ

เสียงหลีดกีตาร์หนักหน่วงดังขึ้นมาก่อน   ตามมาด้วยเสียงกลองกระแทกกระทั้น
เพียงแค่เธอสบตา
เพียงแค่เธอผ่านมา
แค่เพียงได้เคียงข้าง
ได้ยินเสียงแค่บางบาง
ทำให้ใจสั่นสะท้าน
แต่เธอทำให้ต้องผิดหวัง
ตอนที่เธอบอกฉัน
ว่ามันคงไม่มีวันที่เรานั้น
ได้คู่กันก็เพราะ
เรื่องราวของฉัน
บ้างก็ว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น
บ้างก็ว่าฉันเคยทำอย่างนี้
ว่ากันว่าฉันเป็นคนไม่ดี
ว่าแต่ว่าไม่เคยคุยกับฉันซักที
สรุปว่าฉันนั้นดูไม่ดี
ทั้งที่เธอไม่ดู พอท้าให้เธอได้ดู
เธอก็ดันรู้ดีว่าฉันเป็นอย่างไร
จากน้ำลายของใครต่อใคร


นทียิ้มกว้างพราวไปทั้งหน้าทั้งตา  “ทำไมต้องเพลงนี้ล่ะ?”

“ก็คนชอบเอาไปลือไงว่านายอ่ะ...แบดบอย”  แล้วต้นน้ำก็ฮัมเพลงต่อ “ไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเป็นเพลย์บอย  ที่คอยต้องทำให้เธอต้องช้ำจาย

นทีเบิกตากว้าง  “เฮ้ย...จริงดิ  ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” 

น้ำสง...น้ำเสียง...ไปหมดแล้ว   ตอแหลแน่นอน!  ต้นน้ำยังคงร้องเพลงต่อ  “ don’t  lie  to me, Arjentina

“ Cry!”  นทีตบมุกให้

“อ่อๆ  เออๆ    ขออออ...โทษษษษ...ที่ไม่เคยดี ที่ไม่เคยจะทำให้เธอสบาย  อย่างใครๆที่เขาทำได้  ขอออ...โทษษษ”  ต้นน้ำยังคงตอบเป็นเพลง  พลางทำมือเลื้อยๆ ต่อ   ดูเผินๆ นึกว่ากำลังประกวดเดอะสตาร์

รถเบ๊นซ์สปอร์ตถูกจอดเก็บเข้าซอง  นทีเปิดประตูรถฝั่งคนขับออกมา  ก่อนเดินไปเปิดประตูอีกด้าน  ลากคนเมาที่แหกปากมาตลอดทางลง
 
"เดินไหวไหม?"
 
"ไม่ไหวแค่ไหนต้องทนให้หวายยย  เจ็บแค่ไหน ทนให้ไหว  ต้องทนฝืนนน  ปล่อยเธอเดินไปปปป"  เอากับมันสิ... บอย พีซเมกเกอร์ก็มา  ต้นน้ำในเวลาปกติก็ดูเป็นคนดี   แต่เวลาเมาแบบนี้คือ... ‘คนบ้า’ ดีๆ  นี่เอง

นทีเอามือลูบขมับก่อนคว้าเอวต้นน้ำเข้ามาใกล้  อีกมือก็ช้อนแขนต้นน้ำมาพาดบ่าตัวเองไว้ 

น่ารักแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ  ยิ้มให้สักนิด ส่งซิกให้สักหน่อย”  คนเมายังคงเล่นต่อ  ต้นน้ำจับคางนทีสั่นไปมา

นทีกรอกตา  เอาวะ...เล่นด้วยก็ได้  อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บ้าคนเดียว “ We turn fucking lit ouu we damn boyz
แล้วนี่เธอเมาหรือยัง?
” 

ต้นน้ำส่ายหน้า  “นี่นายเมาใช่ไหมนที?”

นทีกรอกตา  หน้าเซ็งสุดชีวิต “.....”  ทีงี้ละพูดภาษาคนได้ขึ้นมาเชียว 


ในกระปงในกระเป๋าไม่ค่อยมีแบงค์พัน
มีแต่ไอ้นั้น พาคุณมันส์ได้เหมือนกัน
หมายถึงไมโครโฟน Woo woo
I got microphone Woo woo
Oh yeah


สองคนกอดคอ  กอดเอวกันเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปในบ้าน...หลังเดียวกับที่เคยเงียบเหงาเมื่อวันวาน  วันนี้กลับสดใสไปด้วยเสียงเพลงที่ร้องไม่ตรงคีย์ของคนเมา





ที่จริงเขาลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว  แต่นทียังไม่ลืม พวงมาลัยสามพวงนั้นไงล่ะ!!!

“ระวังน้ำเข้าหูมันสิ”  นทีที่อยู่ในชุดเชื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น  สวมแว่นดำ  สะอาดเอี่ยมไปทั้งตัวตะโกนบอก  ถ้ามีเก้าอี้ชายหาดกับน้ำมะพร้าวนี่...นึกว่าอยู่ทะเล

“ก็ระวังอยู่เนี่ย”  ต้นน้ำที่อยู่ในชุดเสื้อยืด  กางเกงขาสั้นเปียกปอนไปทั้งตัวร้องบอก   ปากก็พูด  มือก็ถูไปตามตัวของแบรดพิตต์ที่เต็มไปด้วยฟอง   เสร็จแล้วก็เอาน้ำล้างออกให้   “หอมแล้ว  ต่อไปตาแกแล้วแบรดพิตต์” เขาหันไปบอกตัวที่ต่อคิวอยู่

“ไอ้นั่นมันโจลี่ต่างหาก”
 
แบรดพิตต์สะบัดขนเปียกจนต้นน้ำต้องหันหน้าหลบ "เฮ้ย...อย่าสะบัดสิ  มันกระเด็นนะโว้ย"

“นายเช็ดตัวมันให้แห้งหมาดๆ ก่อนสิ”

“หน้ามันเหมือนกันออกอย่างนี้  นายแยกได้ยังไงอ่ะ?” ต้นน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้มาซับขนให้แบรดพิตต์   ก่อนหันไปคว้าโจลี่ 

“เรื่องของคนฉลาด  นายไม่มีวันเข้าใจหรอก” ว่าพลางดึงแบรดพิตต์ให้เข้ามาใกล้  ใช้ไดร์เป่าให้แห้ง

แต่พ่อแบดบอยช่วยเป่าแห้งให้ตัวเดียว  ตัวที่สองเขาเป็นคนเป่าเอง  คงกลัวหมาไม่สบาย  หรือไม่ก็ตั้งใจใช้งานเขาให้เต็มวันอย่างที่พูดไว้จริงๆ




ต้นน้ำกลับขึ้นไปอาบน้ำ  พอลงมาอีกครั้ง   ร่างสูงก็นอนเอกเขนกรออยู่แล้ว  และทันที่เห็นหน้า...คนตัวโตก็บิดซ้ายบิดขวาอย่างน่าหมั่นไส้  “โฮ้ย...เมื่อยจังเลยน๊า   มีใครใจดีนวดให้มั่งเนี่ย”

เหยียบดีไหม?  น่าจะหายเมื่อยเร็วกว่า

คำบางคำก็ทำได้แค่พูดในใจ  สัญญาทาสยังหลงเหลืออยู่อีกตั้งครึ่งวัน   ต้นน้ำกุลีกุจอเข้าไปใกล้  “เดี๋ยวผมนวดให้เองครับพี่”

ทั้งลูบ  ทั้งคลำ  สับ  ดัด  บีบหน้า  บีบหลัง  ต้นน้ำจัดให้ 

“โอ๊ย  เบาๆ หน่อยได้ไหม?”  นทีโอดครวญ

“ก็เมื่อยไง  จะได้หาย”  ต้นน้ำดัดขาให้ต่อ

“พอๆๆๆ  หายแล้วๆ”  นทีนั่งพรูลมหายใจเมื่อต้นน้ำปล่อยมือ  “ เฮ้อ  หิวน้ำ”  ตาคมเหลือบมองต้นน้ำ

ต้นน้ำกัดฟันเดินไปที่ตู้เย็น

“อ่ะ  เอาไป  ด้วยรัก...เราอวยพรให้ทุกหยดเลยนะ”

“อ้าวเหรอ  นึกว่าสาปแช่งเอาไว้ทุกหยดเสียอีก”  นทีรับมาเปิดดื่มทั้งขวด  “แหม...คำอวยพรนายนี่มันชื่นใจดีจริงๆ”

ต้นน้ำนั่งหลับตาพร้อมทั้งเอามือกุมขมับ

ยัง...ยังไม่จบ   นทีลากเขาขึ้นมาบนห้อง  สั่งให้จัดชั้นหนังสืออีรุงตุงนัง   แยกหมวดหมู่การ์ตูน   หนังสือเรียน  หนังสือรถ  แฟ้ม  ชีท   อะไรบ้างไม่รู้  ยุ่งเหยิงไปหมด  ไมโครเลโก้ตัวเล็กๆ นี่อีก  อะไรนักหนาก็ไม่รู้  กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบทุ่ม   เจ้าตัวก็นั่งเล่นเกมส์เพลินไป

“พอแล้วได้ไหมอ่า?”  ต้นน้ำโอดครวญ

“อีกนิดเดียวน่า  ใกล้จะเสร็จแล้ว”  นทีพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมกึ่งให้กำลังใจ  เหลือบตามามองแวบนึง  ก่อนหันไปเล่นเกมส์ต่อ   

ดูจริงใจ๊...จริงใจ...ต้นน้ำหันกลับมาจัดต่อ  พลางเห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ  เลยรื้อมาดู “เฮ้ย...นี่มันรูปเรานี่”  มีรูปในตอนอายุประมาณ 6-7 ขวบนั่งคู่กับนทีอยู่บนขั้นบันไดที่ไหนสักแห่ง  ยิ้มแฉ่ง...ฟันหน้าหลอทั้งคู่

นทีชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย  “ไหน  เออจริงด้วย  ขี้เหร่ว่ะ”

“นายหล่อตายล่ะ  เราหล่อกว่าอีก”  พูดไปงั้นเอง  นทีตอนเด็กโคตรหล่ออ่ะ  คนบ้าอะไรวะ ...หล่อมาตั้งแต่เกิดเลยหรือไง?

“เราก็หมายถึงเรา  ไม่ได้ว่าอะไรนานสักหน่อย  อย่าร้อนตัวน่า”




"น้ำ... น้ำ  ตื่นเถอะ..."  ต้นน้ำงัวเงีย  พยายามดึงสติ "ที่รัก..."  สัมผัสแผ่วเบาแตะลงที่แก้ม
 
ต้นน้ำกระพริบตาปริบ  "เหวออออออ" มือขาวคว้าผ้าห่มมาปกป้องร่างกายตามสัญชาติญาณ  ก่อนตะเกียกตะกายลุกจากเตียง 
 
"อะไร?  เห็นหน้าเราเหมือนเห็นผี"  เสียงหวานกระเง้ากระงอด
 
" ตะ... ตะ... ตาล  ตาลมาได้ไง?"
 
" ก็เดินเข้ามาตามปกติเนี่ยแหละ  แม่บ้านเป็นคนเปิดประตูให้"
 
"แล้วมาทำไมล่ะ?"
 
" ก็คิดถึงนี่นา"  น้ำตาลว่าพลางเดินเข้าไปกอดต้นน้ำ 
 
"ปล่อย  ปล่อยก่อน  เราจะไปอาบน้ำ"  
 
"อาบน้ำเหรอ?  ให้เราอาบให้เอาไหม?  รับรอง... สะอาดทุกซอกทุกมุม"
 
" ไม่ ไม่  อย่าดีกว่า" ต้นน้ำถอยหนี 
 
น้ำตาลย่างสามขุมเข้ามาหา  ดวงตาแวววาวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์  ดูไม่ออกเลยว่าพูดเล่น
 
" ต้นน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวจะวิ่งเข้าห้องน้ำ  แต่น้ำตาลกลับดักทางเอาไว้ก่อน 
 
ต้นน้ำวิ่งเลี้ยวกลับ  หนีไปที่ห้องนที  โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อค  เขารับเปิดผัวะเข้าไป  ปิดประตูแล้วกดล็อคทันที
 
น้ำตาลตบประตูปังๆ " น้ำ... เราขอโทษ  เราล้อเล่น  ออกมาเถอะนะ  เราไม่ทำอะไรหรอก?"
 
นทีตกใจจนตื่น  เห็นต้นน้ำยืนอยู่หน้าประตู  "เสียงอะไรอ่ะ?" 
 
"ยัยน้ำตาลน่ะสิ  มาป่วนแต่เช้า... วันนี้ขออาบน้ำที่ห้องนายนะ" 
 
นทีพยักหน้าส่งๆ ก่อนล้มตัวลงไปนอนต่อ  ต้นน้ำเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  แต่น้ำตาลยังคงตบประตูปังๆ  จนนทีทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมา  มือใหญ่กระชากประตูเปิดออก  ใบหน้่าหล่อเหลายุ่งเหยิง
 
"น้ำมันเข้าไปอาบน้ำแล้ว?  เลิกส่งเสียงดังสักที  คนจะนอน"
 
" ขอเข้าไปรอห้องนายได้ไหมอ่ะ?" 
 
"ไม่ได้" 
 
"น่า... นะ... สัญญาว่าจะไม่กวน" 
 
"เอาดิ" นทียิ้มเจ้าเล่ห์  น้ำตาลยิ้มกริ่ม... รอต้นน้ำใส่ผ้าเช็ดตัวออกมา  แต่ได้เห็นแผงอกขาวๆ ก็คุ้ม "แต่เข้าห้องเราต้องโดนปล้ำนะ  ไม่เคยรอดสักคน" 
 
น้ำตาลยิ้มค้าง
 
" หึ" นทียิ้มร้าย  ล็อคห้อง   แทบจะถลาลงเตียงอย่างมีความสุขเมื่อได้ความสงบกลับคืนมา
 
 
 
 
"นที  นที"  ต้นน้ำสะกิดแขนนทีที่ยื่นออกมา   นทีนิ่วหน้าก่อนลืมตาขึ้นช้า  กระพริบตาสองปริบ
 
ต้นน้ำที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนอยู่ข้างเตียง  ผมเส้นเล็กยังดูชื้นน้ำ  ช่วงอกขาวบางส่วนยังมีหยดน้ำเกาะอยู่
 
" โทษทีที่ปลุกนะ  แต่ยืมเสื้อหน่อยสิ" 
 
"อยู่ในตู้" นทีตอบเบลอๆ
 
"ตัวไหนก็ได้เหรอ?".
 
นทีลุกขึ้นมานั่ง  มองตามร่างสูงโปร่งไปแบบลอยๆ   ในหัวเหมือนมีอะไรขมุกขมัววนๆ  "อืม  ตัวไหนก็ได้" 
 
"กางเกงอ่ะ" 
 
"ตัวไหนก็ได้" 
 
"มีแปรงสีฟันอันใหม่ไหม?"  
 
"อยู่ในตู้ในห้องน้ำ" 
 
"กางเกงในล่ะ?" 
 
"ไม่มี" 
 
"โอเค" 
 
ต้นน้ำเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  แต่นทียังนั่งงงๆ   วันนี้คงโดนปลุกแต่เช้าเกินไป  ถึงได้รู้สึกมึนๆ เบลอๆ แปลกๆ 
 
 
 
 
นทีนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด  พลางตักโจ๊กเข้าปาก  ต้นน้ำที่นั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตรงกันข้าม  
 
น้ำตาลนั่งเคียงข้างออเซาะต้นน้ำไม่ห่าง
 
" ที่มาเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?"  นทีถาม  น้ำตาลมาที่นี่เพราะอรุณีสั่งให้มา  อรุณีเห็นนทีกับต้นน้ำใส่สูทของร้านตนในวันแต่งงานของธนกรและฝนทิพย์แล้วรู้สึกประทับใจมาก  อยากชวนพวกเขาสองคนไปเป็นแบบคอลเลคชั่นให้ร้าน
 
"ก็ส่วนนึง  แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของหัวใจมากกว่า  เนอะน้ำเนอะ" 
 
ต้นน้ำไม่เนอะด้วย   
 
"เราตกลง" นทีรีบตัดบท  เขารำคาญน้ำตาลเต็มทีแล้ว  ถ้าเป็นผู้ชายคงจะเหวี่ยงออกไปให้พ้นรั้วบ้านแล้วกระทืบซ้ำอีกที  "แต่เราขอเบอร์ป้าอ้อยหน่อยสิ  อยากตกลงอะไรด้วยเป็นการส่วนตัว"
 
น้ำตาลรีบบอกเบอร์โทรศัพท์อรุณี
 
"ครับป้าอ้อย  นทีครับ"
" ครับ  ตาลบอกแล้วครับ" 
"ผมยินดีและเต็มใจมากๆ ที่ได้ทำงานชิ้นนี้และได้ช่วยป้าอ้อยด้วย" 
"เลยครับแต่ผมมีเรื่องขอร้องป้าอ้อยหน่อยได้ไหมครับ?  คือว่า.. ช่วงนี้ยาวไปเลย  ผมกับน้ำมีโปรเจ็คท์ต้องทำร่วมกัน  แต่ถึงจะยุ่งแค่ไหน  พวกเราก็จะเจียดเวลาไปทำงานให้ป้าอ้อยนะครับ  แต่ผมขอ... รบกวนป้าอ้อยช่วยดูแล  อย่าให้น้ำตาลมากวนพวกผมอีกเลยนะครับ"
" วันนี้ก็มาปลุกแต่เช้า  พวกผมประชุมกันเสร็จตีสาม  แทบไม่ได้นอน  แล้วยังจะม่ตื๊อให้พาไปเที่ยวอีก  เวียนหัวไปหมดแล้วครับ"   
" ครับ  ขอบคุณครับป้า"
 
นทียื่นโทรศัพท์ให้น้ำตาล" อ่ะ  ป้าอ้อยจะคุยด้วย"
 
น้ำตาลเกิดลมตีขึ้นหน้าอก  หายใจรัวเร็วด้วยความโมโหรับโทรศัพท์พลางชี้หน้านที " ค่ะแม่"
" แม่อ่ะ  อย่าไปฟังนทีนะ"
" นทีมันโกหก" ที่จริงอยากใช้คำว่ามันตอแหลด้วยซ้ำ
" แม่....ม่...ม่"
 
อรุณีวางสายไปแล้ว  โดยมีคำสั่งให้น้ำตาลกลับบ้านเดี๋ยวนี้   
 
น้ำตาลหันกลับมาเล่นงานนที "นายทำแบบนี้ได้ไง?" 
 
นทียักไหล่ "ช่วยไม่ได้  ใครอยากให้มารบกวนการนอนของคนอื่น" ดูสิ... เขานอนต่อไม่หลับ  นอนไม่พอจนหงุดหงิด  ขัดหูขัดตาไปหมดเสียทุกอย่าง
 
" ฮึ"  น้ำตาลร้องอย่างขัดใจ  เมื่อเล่นงานคนหน้าหนาไม่ได้ก็หันมาอ้อนวอนคนใจดีแทน  น้ำตาลใช้หัวไถต้นน้ำอย่างออดอ้อน  "น้ำ... น้ำช่วยเราด้วยสิ  เราอยากมาหาน้ำอีกอ่ะ"
 
" ไว้หลังจากจบโปรเจ็คท์ได้ไหมตาล?  ช่วงนี้เรายุ่งมากจริงๆ" 
 
"ฮือออ.." น้ำตาลยังคงงอแงต่อ 
 
นทีเบ้ปาก  รู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว  อีกนิดเดียวจะกระอักออกมาเป็นเลือดแล้ว "โอ๊ย...หรือว่าจะไม่รับงานนี้ดีกว่า  สงสัยจะมีคนถูกห้ามไม่ให้มาที่นี่อีกนานนนน"
 
น้ำตาลเม้มปากแน่น  ขัดใจแต่พูดไม่ออก  มองหน้านทีอย่างแค้นเคือง  มีพริกมีเกลือก็จะเผาสาปแช่งมันตรงนี้  มองหน้าต้นน้ำ  ต้นน้ำก็ได้แต่มองกลับมาแบบงงๆ  สาวน้อยได้แต่กระทืบเท้าเดินจากไป  คราวก่อนที่นทีช่วยปลอบใจเธอ  เธอยังคิดว่านทีเป็นคนดีอยู่เลย   มาตอนนี้...ไหงมาทำตัวแปลกประหลาด  พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปได้  ขอถอนทุกความคิดที่เคยคิดว่านทีเป็นคนดี  ที่จริงแล้ว... นทีคือคนชั่ว  คนเลว  คนทราม  สันดานหยาบ  ต่ำช้า สามานย์ 
 
"เหมือนจะร้องให้ด้วย  นายไม่คิดว่านายใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?" ต้นน้ำถามขึ้นเมื่อเห็นร่างน้อยเดินลับประตูออกไปแล้ว   
 
"ไม่หรอก  นายใจดีเกินไปเองต่างหาก" 
 
"ว่าแต่...เรามีโปรเจ็คท์อะไรเหรอ?" 
 
"นอน" พูดจบก็เดินขึ้นห้องไปเลย  รู้สึกสบายหู  สบายใจที่กำจัดตัวต้นเหตุออกไปได้





ป๊ากับแม่กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว  ไปสองกระเป๋าเบาๆ  กลับมาสองกระเป๋าหนักๆ  ได้ข่าวว่าแม่บอกว่า...แม่ไปญี่ปุ่นเพราะชอบธรรมชาติที่นั่นนะ

ต้นน้ำกับนทีได้ของฝากหนึ่งใบเต็มๆ  สองคนนั่งรื้อของฝากด้วยกันอยู่หน้าโซฟา

รองเท้าเหมือนกันสองแบบ  แบบละสองคู่!
เสื้อลายเดียวกันหลายแบบ  แต่แบบละสองตัว!
กระเป๋าสะพายเหมือนกัน  สองใบ!
หมวกแก็ปเหมือนกัน สองใบ!
คือทุกอย่างมาเป็นคู่  เป็นคู่หมดเลยทุกอย่างจริงๆ

“แม่...พวกผมไม่ใช่แฝด”  ถึงจะเป็นแฝดกัน  ก็ไม่น่าจะชอบแต่งตัวเหมือนกันแบบนี้

“ก็มีลูกชายสองคนทั้งที  ก็ต้องซื้อให้เหมือนกันสิ  เดี๋ยวแย่งกัน”  ป๊าตอบแทน

สรุปว่าเป็นความคิดป๊าสินะ  ทีรถ...ทำไมไม่ให้ขับเบ๊นซ์เหมือนกันบ้างวะ

“แต่ของนที  แม่มีของพิเศษให้นะ”  แม่หยิบถุงลึกลับ  ห่อมิดชิดออกมาให้นที

นทีรับไปเปิดดู  สีหน้าแปลกประหลากพิลึกก่อนพ้อ “แม่เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย? ” 

ฝนทิพย์ “.....”

“แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ  ผมชอบมาก”  นทีเข้าไปคลอเคลียฝนทิพย์

ต้นน้ำชะโงกหน้าเข้าไปดู ‘ของชอบ’ ของนที   แต่ถูกนทีผลักหน้าออก  “อย่ายุ่งน่า  ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“เรื่องของเด็กอยู่นี่  น้ำมาเอานี่กับป๊าดีกว่า” 

สุดยอด!  ขนมญี่ปุ่นถุงใหญ่   นี่มันสวรรค์ของนายต้นน้ำชัดๆ   “แบ่งนทีกินด้วยนะ”

“ครับป๊า”  ต้นน้ำรับปาก  มันต้องแบ่งอยู่แล้วล่ะ  แต่แบ่งมากแบ่งน้อยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง




ต้นน้ำวิ่งจนเหงื่อซ่ก   อรุณีโทรมานัดวันถ่ายรูปกับพวกเขาแล้ว  เป็นวันพุธที่จะถึงนี้ก่อนเปิดภาคเรียนที่สองในวันจันทร์  เขาต้องรีบวิ่งไว้ก่อนที่พุงจะออก  โดยเฉพาะ...มีตัวเปรียบเทียบที่ชื่อนที

“นายจะวิ่งทำไมเยอะแยะ?  นทีที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จเดินเข้ามาถาม   


“ไม่วิ่งก็อ้วนดิ”  ต้นน้ำเปิดพุงโชว์   เขาไม่ได้อ้วนถึงขนาดมีพุง  ไม่ได้ผอมถึงขนาดเห็นซี่โครง  มีกล้ามเนื้อปกติ  แต่ก็ไม่ได้มีซิกซ์แพ็คเป็นลอนเด่นชัด   ถ้าซิกซ์แพ็คมีสิบระดับ  ซิกซ์แพ็คของเขาน่าจะอยู่เลเวลสอง  ส่วนของนทีน่าจะอยู่ประมาณเลเวลห้า  คือมีซิกซ์แพ็ค  เห็นเป็นลอน  แต่ไม่ได้เป็นลูกเด่นชัดเหมือนพวกนักกล้าม

นทีรู้สึกมึนๆ  เบลอๆ แปลกๆ  ขึ้นมาอีกครั้ง  รีบกินน้ำเข้าไปอึกใหญ่  เขาสงสัยว่าตนเองจะขาดน้ำ  “ก็ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน”

“ ถ้าไม่วิ่ง  กินเข้าไปก็อ้วน”

“ก็อย่ากินเยอะสิ”

“นั่นแหละถึงต้องวิ่ง  จะได้กินเข้าไปอีกเยอะๆ”  ขนมญี่ปุ่นถุงนั้นยังเหลืออีกตั้งหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ลอง





ถึงวันถ่ายแบบ  ตามรายละเอียดที่คุยกันไว้  รูปเซ็ตนี้จะถูกใช้เป็นสองส่วน  ส่วนที่หนึ่งสำหรับลงแม็กกาซีนแฟชั่นชื่อดังของเมืองไทย  ซึ่งจะจัดเป็นสองปก  ปกหน้าเป็นปกของนิตยสารปกติที่วางแพลนไว้นานแล้ว  แต่เนื่องจากอรุณีใช้ความสามารถพิเศษเลยสามารถดันให้แฟชั่นเซ็ตนี้ให้ขึ้นปกหลังอีกปกได้  และอีกส่วน...ใช้สำหรับแบ็คดรอปหน้าร้าน  และป้ายขนาดใหญ่หน้าห้าง

นัดแต่งหน้าตอนแปดโมงเช้า  แต่งหน้าเสร็จก็เริ่มถ่าย...ทั้งถ่ายคู่  ถ่ายเดี่ยว  สลับกันไป 

คอลเลคชั่นล่าสุดเป็นสูทที่ออกแบบมาให้ทันสมัยมากขึ้น  เหมาะสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงาน  ตัวเชิ้ตจะเน้นเข้ารูปมากกว่าเดิม  ไทด์เป็นเส้นค่อนข้างเล็ก  กางเกงที่เข้ากับสูทก็จะเป็นแบบเข้ารูป  ความยาวกรอมข้อเท้าตามแบบเกาหลีนิยม  เน้นสีและลายผ้าที่แปลกตากว่าสูทรุ่นเก่าๆ

“น้องสองคนเคมีเข้ากันมากค่ะ  คุณอ้อยไปหาที่ไหนมาคะ?”  พี่ บ.ก. ถามอรุณีที่มาดูการถ่ายแบบ 

“ลูกเพื่อนน่ะค่ะ  เป็นยังไงมั่งคะ?

“ขึ้นกล้องทั้งคู่เลยค่ะ  เก่งมากด้วย  ไม่มีเขินเลย”

“หล่อมากทั้งคู่ด้วยค่ะ  หน้างี้ใสจนอยากหยิก  น้องทีมองมาทีนี่   พี่แต่งหน้าไม่ออกเลยค่ะ”  ช่างแต่งหน้าที่นั่งดูอยู่ด้วยกันเสริมขึ้น

“ใจอีพี่บางหมดแล้ว  จะขาดแล้วค่ะ คุณขา”  ช่างทำผมเสริม
 
เสียงแซวพูดคุยเฮฮากันต่อเนื่อง  โดยที่คนสองคนหน้าเฟรมไม่รู้ตัว  ได้แต่ตั้งใจทำงานของตัวเอง

“ถ่ายไม่ได้ว่ะ  เขินอ่ะ”

หืมมมม...หน้าอย่างนี้นะอาย  ต้นน้ำมองหน้านที “จริงดิ?”

“จริง”  เสียงนทีหนักแน่น  แต่หน้านิ่งมาก 

“ดูไม่ออกเลย  ไม่มีใครรู้หรอก”  ต้นน้ำเพ่งมองหน้านทีพลางพยักน้าหงึกหงัก

“นายไม่ตื่นเต้นเหรอ?” 

“ตื่นเต้นสิ  มากด้วย”

“ดูไม่ออกเหมือนกันนะ  นายลองคิดว่ากล้องนั่นเป็นข้าวมันไก่สิ  ตั้งสมาธิดีๆ”  ต้นน้ำจ้องกล้องเขม็ง  ทนไม่ไหวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย  กัดปาก

“หิวเลยว่ะ  แล้วนายล่ะ  คิดว่ากล้องเป็นอะไร?”

“คนที่เกลียด”

ตอบได้สมกับเป็นนที  อย่าอินมากถึงขนาดลุกไปพังกล้องก็พอ




เซ็ตสุดท้าย  ด้วยความที่แบรนด์เล็งเห็นแล้วว่า  เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คเป็นสินค้าที่ค่อนข้างขายดีและขายได้ง่ายกว่าสูทเต็มชุด  เลยรีเควสให้มีการถ่ายเจาะที่ตัวเสื้อและกางเกงให้มากหน่อย

สไตลิสท์สั่งปลดกระดุมเชิ้ตทีละเม็ด  จนมาถึงภาพสุดท้ายคือปลดทั้งหมด  เน้นความเซ็กซี่ของตัวแบบ  แต่ต้องไม่เด่นไปกว่าเสื้อ  ตัวเสื้อจะเห็นชัดในขณะที่อกของแบบจะเห็นแค่วับๆ แวม

“โอย  ดีจังที่มีช็อตถอดเสื้อด้วย  ขอบคุณสวรรค์  คืนนี้นอนหลับสบายแล้วกู” ช่างแต่งหน้าคุยกับช่างทำผม

“จริงๆ อ่ะพี่  ผมเป็นผู้ชายยังใจสั่นเลย  นี่ผมเป็นเกย์ป่าวเนี่ย?”  ช่างไฟร่วมผสมโรงด้วย

“พี่ก็เป็นเหรอ?  ผมนึกว่าผมเป็นคนเดียวซะอีก”  ผู้ช่วยตากล้องเสริม  “ยิ่งตอนน้องน้ำกัดปาก  ผมงี้ระทวยเลย  ผมไม่ได้ผิดปกติใช่ไหม?”

“ไหนๆ รูปกัดปาก  ขอดูหน่อยสิ”  ช่างผมเรียกร้อง

ผู้ช่วยตากล้องเอารูปที่ตัวเองถ่ายไว้ให้ดู  เป็นรูปที่ต้นน้ำกัดปาก  มองกล้องด้วยแววตาหิวกระหายราวกับจะกินใครสักคน  มือหนึ่งปัดเสื้อไปข้างหลัง  มือหนึ่งดึงสาบเสื้อขึ้น 

“กรี๊ด   อยากถูกกิน”

“ตอนเกรี้ยวกราด  ก็ร้ายนะยะ”




เซตกางเกงเป็นเซตสุดท้าย   วันพีซ!   พวกเขาถูกสั่งให้ถอดหมด  เหลือแค่กางเกงสแล็คตัวเดียว

“เซ็ตนี้เรียกเลือดมากอ่ะแก”  ช่างทำผมคุยกับสไตลิสท์

“โอ๊ยยยยย  น้องทีถอดเสื้อ  เอาใจพี่ไป  เอากระเป๋าตังค์พี่ไป  บ้าน  รถ  คอนโด  พี่ให้หมด   พี่ขออย่างเดียว...เอาตัวพี่ไปด๊วยยยย”

“ผมจะไม่ไหวแล้วพี่”  ผู้ช่วยตากล้องเดินแวบเข้ามาบอก  หลังจากถูกตากล้องหลักสั่งให้เก็บภาพระยะใกล้ 

ทุกคนมองไปที่ต้นน้ำและนที  แต่เห็นคนถือรีเฟลกยืนหน้าแดงเถือกอยู่ใกล้ๆ

“เฮลโหล  คนถือรีเฟลกยังสบายดีอยู่ไหม?”




งานเสร็จแล้ว  ต้นน้ำและนทีร่ำลาทีมงาน  และขอตัวกลับก่อน 
งานวันนี้เหนื่อยมากจริงๆ   กว่าจะได้กลับก็เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว
เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ  ต่างคนต่างคิดอะไรของตัวเองไปเรื่อย
ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึก  มึนๆ  เบลอๆ  แปลกๆ  ทั้งวัน


-------------------------------------------


มาแล้วค่า   ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจเลยน้า
มันดีต่อใจมากๆ  เลิกนอยด์แล้วค่า

ช้าหน่อยนะคะ  แต่งเรื่อยๆ  เหนื่อยก็พัก
งานหลักก็ต้องทำ 
งานรักเลยต้องรอนิดนึง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #24 เมื่อ20-08-2019 02:56:13 »

 :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #25 เมื่อ20-08-2019 06:23:22 »

น่าจะไม่ใช่แค่มึน ๆ เบลอ ๆ นะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #26 เมื่อ20-08-2019 07:58:16 »

งี้ตาล เป็นตัวเร่งให้นทีรู้ตัว รู้ใจขี้นมาบ้าง  แต่ก็ยัง มึนๆ เบลอๆ   :really2:
คนอ่านก็ มึนๆ เบลอๆ ไปด้วย   :z1:
เห็นภาพต้นน้ำกัดปาก.........นที ไหวหวาม เลย   :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #27 เมื่อ20-08-2019 10:36:16 »

เป็นเพราะนอนน้อยแน่ๆเลยน้ออออออ

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
«ตอบ #28 เมื่อ20-08-2019 15:20:49 »

เซ็ตนี้ลงที่ไหนบ้าง จะตามส่อง ตามฟอลลโล่ ตามซื้อให้เกลี้ยงแผงเบย
 :mew3:
โจลี่กะแบรตพิตต์เค้าก็มา
กดบวกรัวๆ หมาๆ โดนเจ้านายคนดีอาบน้ำ

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 6--- [21/8/2019]
«ตอบ #29 เมื่อ21-08-2019 01:16:40 »

นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 6

นทีเป็นคนช่างเลือกอยู่นะ





ได้เวลาเปิดภาคเรียนที่สอง  นักศึกษาทุกคนหน้าตาใสปิ๊ง  ชาร์จแบตมาเต็มอิ่ม  เอื้องฟ้าแต่งหน้ามาเบอร์เต็ม

ห้องเรียนรวมสโลปขนาดใหญ่เต็มไปด้วยนักศึกษาต่างคณะ  พวกต้นน้ำห้าคนเลือกที่นั่งฝั่งขวาค่อนไปทางด้านหลัง  เขานั่งริมสุดทางเดิน  ถัดไปเป็นริว  เอื้องฟ้า  ขิง  และเนม  เอื้องฟ้าขอนั่งตรงกลางทุกครั้ง  ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม  ต้องเป็นเดือนในหมู่ดาว  ต้องเป็นไข่ในหิน  และ...ต้องเด่น!

กลุ่มสาวๆ คณะพยาบาลนั่งอยู่มุมซ้ายด้านหน้ามองมายังพวกเขาบ่อยๆ  รวมทั้งสาวแท้และสาวสองคณะนิเทศกลางห้องด้วย  ต้นน้ำมองริวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
 
“มึงไปมีคดีอะไรกับคณะพยาบาลกลุ่มนั้นป่าววะ?  มองๆ เม้าท์ๆ หลายทีละ”

ริวเหลือบตามองผ่านหลังต้นน้ำไป “ไม่ใช่กูแล้ว  ของกูไม่ใช่กลุ่มนี้”

“ของไอ้ขิงมัน” เอื้องฟ้าที่แอบได้ยินบอก  “มันไปทำเขาท้อง”

ต้นน้ำทำหน้าอี๋ใส่เอื้องฟ้า  ริวหัวเราะ “กูต้องเตรียมซื้อของให้หลานไหม?”




“ถ่ายไว้เลยมึง”  สาวคณะนิเทศสะกิดเพื่อน

“ถ่ายแล้ว  มึงอย่าเสียจริตได้ไหม?  เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวหรอก  เฮ้ย...นั่นนที  โอ๊ย...มาทั้งกลุ่ม”  เกย์สาวตาไว  ตามองกลุ่มต้นน้ำที่อยู่ด้านหลังอยู่  ก็ยังสามารถมองไปเห็นกลุ่มนทีที่เดินเข้ามาจากด้านหน้าได้

“เรียนเซคนี้ด้วยเหรอวะ?”  เหี้ย...ลงเซคนี้โคตรคุ้ม  มีแต่คนหล่อๆ”  อีกหนึ่งสาวกระซิบกระซาบ

แต่เสียงกระซิบกระซาบเบาๆ  รวมกันหลายๆ เสียงก็กลายเป็นเสียงดังหึ่งๆ ได้นะ

เม่นเดินเข้ามาก่อนเป็นคนแรกพลางมองหาที่นั่ง   นทีเดินตามมา  จากนั้นก็เป็นน็อต  ปาล์มรั้งท้ายสุดแต่ร่าเริงที่สุด  เดินเข้ามาได้ก็ทักทายคนอื่นเขาไปทั่ว  ตำแหน่งหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งควรจะเป็นของต้นปาล์มมากกว่านะ

นทียิ้มกว้างเมื่อเห็นต้นน้ำที่วันนี้ใส่แว่น  กำลังนั่งสุมหัวกับริวและเอื้องฟ้า  หน้าตาจริงจัง  ประกอบกับที่เม่นเดินนำไปทางที่นั่งด้านหลัง  ฝั่งเดียวกับกลุ่มของต้นน้ำพอดี 

มือใหญ่วางลงบนหัวทุยของต้นน้ำ  ก่อนก้มลงมา  “คุยอะไรกัน?”  ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง  “คุยเรื่องชาวบ้านอยู่ใช่ไหม?  หน้าตาจริงจังเชียว”

“เฮ้  แมน”  ริวยกขึ้นมือขึ้นมาไฟว์กับนที    สองคนนี้ปวารณาตัวเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่วันไปเที่ยวด้วยกันครั้งนั้น  แลกเบอร์  แลกไลน์พร้อม   นัดเดตกันอีกทีวันเสาร์นี้  สองบอสรวมตัว   ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของสาวๆ เลย

“พวกมึงไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร?”  เม่นที่เกือบจะเดินนำไปแล้วหันมาถามงงๆ  แต่ไม่ได้หมายถึงนทีกับริวหรอกนะ   เขารู้ว่าริวกับนทีรู้จักกันนานแล้ว  นิ้วชี้ส่ายไปมาระหว่างต้นน้ำกับนที

นทีเปลี่ยนท่า  จากที่เอามือวางไว้บนหัว  กลับมากอดรอบคอต้นน้ำแทน  “ก็คนบ้านเดียวกันอ่ะ  เนอะ”

ต้นน้ำเออออ  หน้าใสพยักหงึกหงักๆ  แทนคำตอบ

น็อตที่เดินตามหลังมายังข้องใจ  มันไปเป็นคนบ้านเดียวกันตอนไหนวะ?  เทอมที่แล้วมันยังไม่รู้จักกันเลย   ส่วนปาล์ม...ยังเดินมาไม่ถึง  หาเสียงอยู่แถวๆ ด้านล่างของห้อง

“ทำไมทำหน้าเครียด?  นินทาใครอยู่  เหลาซิ”  นทีหยิกแก้มต้นน้ำ

“ไอ้ขิงอ่ะดิ  มันไปทำสาวท้อง”

ขิงที่เพิ่งโบกมือเซย์ไฮกับนทีไปทำหน้าเหรอ “เหี้ยน้ำ  มั่วแล้ว  มึงเอามาจากไหน?”

ต้นน้ำชี้ไปที่เอื้องฟ้า

“อ้าว  ก็มึงบอกว่าช่วงนี้มึงติดสาวพยาบาล  กูก็นึกว่าเป็นของมึง”  เอื้องฟ้ารีบออกตัว

“ไม่ต้องเถียงกัน  คนหนึ่งชอบไอ้ริว  คนหนึ่งชอบไอ้น้ำ”  เนมเฉลยพลางโบกมือให้พวกนทีแทนการทักทาย

“มึงรู้ได้ไง?” 

“แป้งบอก  กลุ่มนั้นเป็นเพื่อนของเพื่อนแป้งอีกที”  แป้งที่พูดถึงคือแฟนของเนม  เรียนอยู่ต่างมหา’ลัย  เป็นสาเหตุของการหายตัวแว้บไปแว้บมาของเนม

นทีกระชับวงแขนแน่นขึ้น  ตาคมปรายไปยังสาวพยาบาลกลุ่มนั้น 

กลุ่มสาวพยาบาลพากันหลบตาวูบ  หน้าแดงเรื่อ  ม้วนตัวก้มหน้าก้มตา  ร่างสะท้านไปด้วยความเขินอาย

รอยยิ้มหยันจุดขึ้นที่มุมปากของนที  เขาจำหน้าเอาไว้แล้ว...ทุกคน!




อาจารย์เข้าห้อง  นักศึกษานั่งประจำที่  กลุ่มนทีเดินไปนั่งด้านหลังถัดจากพวกต้นน้ำไปสี่ห้าแถว 

“กูพลาดอะไรไปหรือเปล่า?”  เอื้องฟ้ากระซิบถามขิง

“ใช่  มึงพลาด”  ขิงกระซิบกลับ

“พลาดอะไรวะ?”  เอื้องฟ้าสะกิดขิงยิกๆ

“เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้ไหม?  อาจารย์มองมาแล้วมึง” 

เอื้องฟ้ายิ้มแหะๆ  ให้อาจารย์  ที่เหล่มองมาทางเธอ

ถ้ากูไม่รู้  กูเรียนไม่รู้เรื่องแน่...เอื้องฟ้าเขียนลงชีทให้ขิงดู

มันสองคนอยู่บ้านเดียวกัน... ขิงเขียนตอบ

เหี้ย  แล้วไงต่อวะ...เอื้องฟ้าใช้ศอกสะกิดขิง 

ขิงรับชีทมาเขียน   สักพักก็ส่งกลับพร้อมกับคิทแคทหนึ่งห่อ...เรื่องมันยาว  กูขี้เกียจเขียน  เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทีเดียว  กูให้คิทแคทมึงด้วย  คิดจะพัก  คิดถึงคิทแคท  พักความเสือกของมึงไว้ก่อนนะ  เรื่องเรียน...หนูตั้งใจอย่างนี้ไหมลูก?

เอื้องฟ้ารับมาอ่านพลางเบ้หน้าอย่างขัดใจ  ขยับปากเหมือนจะด่าขิง

ขิงชี้หน้าห้าม...อย่านะมึง! 




“อยู่บ้านเดียวกัน?”  น็อตพูดทวนคำนทีหลังจากที่ฟังนทีเล่าจบ 

หลังเลิกคลาส  ทั้งสองกลุ่มนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะเดียวกันที่โรงอาหารกลาง 

“พวกมึงจะตกใจอะไรขนาดนั้นวะ?” 

“ก็โลกมันกลมสัดอ่ะ  เหมือนมึงเพิ่งมีเรื่องกับไอ้คิง  แล้วไอ้น้ำเข้าไปช่วยเมื่อวาน”

“ห่ะ  ไอ้น้ำเนี่ยนะ  เข้าไปช่วยนที  เป็นไปได้?”  ริวถามอย่างไม่เชื่อหู  คนอื่นๆ  ก็พลอยทำหน้าไม่เชื่อถือไปด้วย

“จริง”  แล้วเม่นก็เล่าวีรกรรมมัดเชือกของต้นน้ำ  “แล้วพวกมึงรู้ป่ะ  ว่าพอมัดเสร็จมันก็รีบขับรถออกไปเลยเว้ย”


ทุกคนพากันหัวเราะ  สมกับเป็นต้นน้ำ  เรื่องตี  เรื่องต่อย...น้ำไม่สู้   เรื่องกิน  เรื่องอยู่...น้ำสู้ตาย

“ถามจริง  มึงรีบออกไปไหนวะ?” 

นทีหลุดขำออกมา  ก่อนมองหน้าต้นน้ำที่มองมาอยู่พอดี  ทำหน้าคล้ายล้อเลียน...บอกดีไหมอ่ะ?

“มันหิวข้าวมันไก่”  นทีเฉลย

กลุ่มต้นน้ำหัวเราะลั่น 

“แดกทุกวัน  มึงยังจะรีบกลับไปแดกอีกเหรอ?” 

“ขอถ่ายรูปพวกมึงหน่อยสิ”  เนมขอทะลุกลางปล้อง

กลุ่มนทีกระพริบตาปริบๆ

“จะส่งให้แป้งดูว่าเพื่อนใหม่หล่อขนาดไหน?  พวกเพื่อนแป้งปลื้มไอ้ริวกับไอ้น้ำอยู่  เพิ่มพวกมึงมาอีก  กรี๊ดตายแน่” 

“ม่ายยยยยย”  เอื้องฟ้าโอดครวญ  “กูไม่รับนทีเป็นเพื่อนนะ  พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่กินเพื่อน  ฮือออ”  เอื้องฟ้าฟุบหน้าลงกับโต๊ะไปแล้ว 

ทุกคนดูอึ้งๆ  กับเอื้องฟ้า

“เอื้องมันปลื้มนายอยู่”  ต้นน้ำอธิบาย  “แล้วมันก็มีคติว่า  มันจะไม่เป็นแฟน  เป็นกิ๊ก  ไม่คบ...กับคนที่เป็นเพื่อนกัน”

“เชื่อเถอะ...เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว  นทีมันไม่คบกับใครง่ายๆ หรอก  มันค่อนข้างเลือก”  น็อตบอกหน้าตาย

“เลือกคนที่ง่ายๆ น่ะ  ง่ายมากๆ จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ”  ต้นปาล์มเสริม  พลางหันไปตบมือไฟว์กับน็อตที่ร่วมมือกันตบมุกได้ดี

นทีเหลือบมองไปที่จานข้าวมันไก่ของต้นน้ำแว้บนึงก่อนที่จะหันไปหัวเราะกับมุกของเพื่อน  ต้นน้ำเอาส้อมเสียบเนื้อไก่ที่ติดน้ำจิ้มเล็กน้อยเข้าปากนที  เพราะรู้ว่านทีกินเผ็ดจัดไม่ได้   ก่อนเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้

พฤติกรรมของคนสองคนเป็นไปอย่างธรรมชาติ  โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาสองคู่ของเม่นกับริวจับจ้องอยู่




“มึง  เหลามา” เอื้องฟ้าคาดคั้นต้นน้ำเมื่อกลุ่มนทีเดินแยกออกไปแล้ว

“เล่าอะไรวะ?” 

“นทีอยู่บ้านเป็นไงมั่ง?  แซ่บไหม?” 

แซ่บเหรอ?  แซ่บยังไงอ่ะ?  ต้นน้ำอยู่บ้านทำหน้าเหรอหรา  “ไม่รู้ดิ  ยังไม่ได้กิน”

“ไม่ช่ายยย  กูหมายถึงแบบ...หล่อเหี้ย   สาวเยอะ  หัวกระไดไม่แห้งเลยดิ”

แปลกแฮะ...ไม่มีอะไรอย่างที่เอื้องฟ้าพูดเลย  นทีไม่เคยพาผู้หญิงมาบ้าน  ไม่เคยมีใครมาตาม  ไม่เคยต้องวุ่นวายกับเรื่องของผู้หญิงเลย  อยู่บ้านก็ดูชิลๆ  สบายๆ 

“ไม่มีเลยว่ะ  ดูไม่มีอะไรแบบนั้นเลย  อย่างไอ้ริวยังแชทคุยกับสาวบ้าง  แต่นทีไม่มีเลย”  หรือนทีจะเป็นคนระวังตัวเองกว่าที่คิด

“หรือว่า  จะเป็นแค่ข่าวลือวะ?” ขิงพูดขึ้น

“ลือเรื่อง?”

“ก็เรื่องสาวๆ นั่นแหละ  มึงจำแหวนได้ป่ะเอื้อง?”  ขิงถาม  เอื้องพยักหน้าหงึกๆ  “ มันว่านทีป้าบเพื่อนมันแล้ว  แล้วมันก็เห็นนทีออกไปกับผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยนะ  แบบว่า...ไม่เคยซ้ำจริงๆ  อ่ะ”

“เออ  เพื่อนของแป้งก็เม้าท์กัน  ว่านทีแซ่บ  แบบว่า...” เนมทำท่าขนลุกจนตัวสั่น

“แบบว่าอะไร?”  เอื้องฟ้าอยากรู้ 

เนมมองซ้ายมองขวา  ก่อนชะโงกหน้าเข้ามากลางวง  คนอื่นๆ พลางชะโงกหน้าเข้ามาด้วย  “ของเขาดี  เทคนิคเขาเด็ด  ทำผู้หญิงเสร็จได้เลยนะมึ๊ง”

ต้นน้ำตัวร้อนผ่าว  รู้สึกว่าอากาศวันนี้มันร้อนเสียจริงๆ  เขากระพือเสื้อไล่ความร้อนเบาๆ 

“ของเขาดี...นี่คือยังไง?”  คุณหนูเอื้องฟ้ายังคงถามต่อ 

เนมตบเอื้องฟ้าหัวคว่ำ  “มึงจะให้กูสาธยายขนาดนั้น  กูไม่ต้องกลายเป็นเมียมันก่อนหรือไง?  ถ้ามึงอยากรู้จริงๆ  มึงก็ไปเป็นเมียมันสิ”

“ก็มันไม่ให้กูเป็นนี่  เป็นได้ก็เป็นไปแล้ว”  เอื้องฟ้าคลำหัวตัวเองป้อยๆ

“เฮ้ย  ขนาดนั้นเลยเหรอ?  ดูไม่ออกอ่ะ”  ต้นน้ำส่ายหน้า  อยู่บ้าน...นทีเหมือนลูกแมวของฝนทิพย์   อ้อนอย่างกับเด็กๆ    กวนตีน  ยั่วโมโหเขา   ช่างหยอกเย้ากับธนกร   วันๆ ก็อยู่กับบ้าน  เล่นกับหมา  อ่านหนังสือ 

“เสือซุ่มไง  พวกมึงไม่รู้จักเหรอ?  ซุ่มเงียบๆ  ตะครุบทีเดียวอยู่หมัด  ดิ้นก็ไม่หลุด”  ริวยักคิ้วให้ต้นน้ำ  “มึงอาจจะยังไม่เห็นด้านมืดของมันก็ได้นะ” 





“ไอ้ขิง  มึงเห็นนี่หรือยัง?”  เอื้องฟ้าวิ่งกระหืดกระหอบมาหาขิงที่ใต้ตึก  คนอื่นแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว  เหลือแต่ขิงกับเอื้องฟ้าที่นัดกันไปช็อปปิ้งต่อ
   
“อะไรวะ?”  ขิงรับโทรศัพท์มาจากเอื้องฟ้า  “เฮ้ย  โพลสาวหล่อ”  ขิงเลื่อนดูภาพทั้งสิบอันดับ  อันดับที่สิบ...ไม่ใช่เขา  เก้า...แปด...เจ็ด...หก...ห้า...สี่...สาม...ก็ยังไม่ใช่  “เหี้ย...ไม่เห็นมีกูเลย”  แล้วกูจะดิ้นรนเพื่อ...?

ขิงเลื่อนต่อ  สอง...หนึ่ง...  “เหี้ย...กู...อันดับหนึ่ง”  รางวัลของความพยายามช่างหอมหวาน  สมควรแล้วกับที่ลงทุนลงแรงไป

“พี่เขาเฟสมาทวงรูปแล้วด้วยมึง  มึงมีรูปให้พี่เขาหรือเปล่า?”

“มี  เด็ดดวงกว่าไอ้ริวอีก”  ขิงกดมือถือให้เอื้องฟ้าดู

“เฮ้ย  นทีกับต้นน้ำ  เมื่อไรวะ?”

“ก็ตอนที่นัดกันไปที่ร้าน...ไง  ที่กูตั้งใจจะไปถ่ายไอ้น้ำกับไอ้ริวอ่ะ  มึงจำได้ป่ะ?  นั่นแหละ...วันนั้น...ไอ้น้ำมันพานทีมาด้วย” 

“แล้วทำไมมันกอดกันยังงี้?”  เอื้องฟ้าถามเมื่อเห็นภาพนทีซ้อนหลังต้นน้ำ 

“ก็วันนั้นมีเด็กเก็บแต้มมาชนแก้วกับไอ้น้ำ   แล้วไอ้ทีเลยกันไว้  หรืออะไรยังไงนี่แหละ”  เอื้องฟ้าทำหน้าเหวอ...กันคนอื่น?   เขากันแบบนี้เหรอวะ?

“รูปชวนให้คิดสัด  เย้ย...” เอื้องฟ้าเลื่อนดูภาพต่อไป  เป็นภาพนทีกับต้นน้ำยืนจ้องตากัน 

“รูปนี้ไม่มีอะไรเลย?  แค่มันชวนกันไปเต้นหน้าเวที  แล้วก็คุยกันอะไรก็ไม่รู้  หัวเราะกัน  แค่นั้นแหละ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า  แค่มองตาก็รู้ใจ...ไรงี้เนอะ   โอ้ว...”     เอื้องฟ้าตาโต  ภาพถัดมาเป็นภาพของนทีที่โอบเอวต้นน้ำอยู่   ท่าทางทั้งสองคนกำลังยืนคุยกับใครสักคนอยู่ที่ลานจอดรถ

“รูปนี้ไอ้น้ำเมาแล้ว   ยืนไม่ไหว  นทีเลยจับไว้  กำลังจะกลับ   ยืนคุยกับไอ้ริวอยู่   กูต้องแกล้งทำเป็นปวดฉี่  แล้วค่อยแอบถ่ายอ่ะ  กลัวพวกมันจับได้ชิบหาย”

“รูปนี้...กลับไป   ได้กันชัวร์”  เอื้องฟ้ากำลังดูรูปไล่ไป  เป็นรูปนทีส่งต้นน้ำขึ้นรถ  รูปนทีเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ  และรูปที่รถเคลื่อนตัวออก  “ใช้ได้   ชวนให้คิดมากทุกรูป  จากภาพที่ไม่มีอะไรเลย  มึงปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งมากขิง  กูภูมิใจในตัวมึงเหลือเกิน ”





วันนี้นทีไม่กลับบ้าน  นอนคอนโด  มีนัดเดตกับริว   เม่น น็อต ปาล์มและขิงก็ตามไปด้วย  ขาดแต่ต้นน้ำกับเนม  สาเหตุก็เพราะเนมติดแฟน  ส่วนต้นน้ำติดงาน   พี่ปอ บ.ก.หนังสือส่งเนื้อเรื่องนิทานเรื่องใหม่มาให้เขาแล้ว  เขาอยากอ่านเรื่องและวาดคาแรคเตอร์ตัวละครส่งให้ทันอาทิตย์นี้    ก่อนที่จะมีงานกีฬามหา’ลัย

งานกีฬามหาลัยเริ่มต้นขึ้นหลังจากเปิดเทอมได้เพียงอาทิตย์เดียว    เป็นงานกีฬาที่แข่งกันระหว่างคณะ  โดยคัดนักกีฬาจากทุกชั้นปี  ไม่เหมือนตอนงานกีฬาเฟรชชี่ที่คัดตัวผู้เล่นจากปีหนึ่งเท่านั้น  สมกับสโลแกนมหา’ลัย...เรียนดี  กีฬาเด่นจริงๆ...มีกีฬาได้ทุกเทอม

หล่อพลิ้วอย่างริวเลือกลงบาส  จะได้ไปพลิ้วในสนาม  เนมเลือกลงฟุตบอล  กะเล่นให้ถึงรอบชิงโชว์แป้งให้ได้   ส่วนคนสวยอย่างเอื้องฟ้า...ไปเป็นหลีด   เกิดเป็นหญิงดัดจริต ชีวิตต้องป๊อบเท่านั้น

ฝั่งวิศวะ  นทีกับน็อตลงฟุตบอล  เม่นกับปาล์มนั่งเชียร์อยู่เฉยๆ 

ต้นน้ำเปิดไฟล์งาน  นิทานเรื่องใหม่ของเขาเป็นเรื่องของหมาป่าไม่กินเนื้อ  แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมาป่า  ไม่เคยมีสัตว์ตัวไหนยอมเป็นเพื่อนกับเขาเลยสักตัว  จนกระทั่งได้เจอกับกระต่ายน้อย  กระต่ายน้อยถามว่า “ถ้านายหิว  นายจะกินฉันไหม?”  หมาป่าตอบว่า “ฉันไม่กินเพื่อน” 

ต้นน้ำยิ้มกว้าง   นึกถึงเอื้องฟ้าขึ้นมาทันที  เอื้องฟ้าที่ยึดอุดมการณ์หนักแน่นในการไม่กินเพื่อนกันเอง  ขิงเล่าว่ามีเพื่อนในกลุ่มสมัยมัธยมคนหนึ่ง   สนิทกับเอื้องฟ้ามาก  ก่อนเรียนจบมอหก...สารภาพรักกับเอื้องฟ้า  แต่เอื้องฟ้าปฏิเสธเพราะชอบผู้ชายมากกว่า  หลังจากนั้นเพื่อนสนิทคนนี้ก็หายไปจากวงจรชีวิตของเอื้องฟ้าไปเลย 

อยากจะรักเพื่อน...ถ้าไม่ได้แฟน  ก็ต้องเสียเพื่อนอย่างนั้นเหรอ?

เป็นไปได้ไหม...ที่ไม่ได้รัก  แต่ก็ไม่สูญเสีย...

ถ้าต้องเลือกว่าต้องหยุด...หรือจะเดินต่อ  ถ้าเป็นเขา...เขาควรต้องเลือกทางไหน? 

ถ้าจะต้องสูญเสียแล้วล่ะก็  สู้เก็บความลับนี้ไว้กับตัวซะดีกว่า!!!





 
แข่งบอลรอบคัดเลือก  ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย  วิศวะเจอกับศิลปกรรม  นทีเจอกับเนมตั้งแต่รอบแรก  แพ้ปุ๊บ...ขึ้นสวรรค์เลย  กองเชียร์ฝั่งวิศวะแน่นอัฒจันทร์จนต้องล้นมากองเชียร์ฝั่งศิลปกรรมเกือบครึ่ง   
 
แน่นอนว่าพลาดไม่ได้  ปาล์มกับเม่น  นั่งอยู่ในกลุ่มกับกลุ่มเพื่อนวิศวะด้วยกัน  ใกล้ๆ กับกลุ่มของต้นน้ำที่มากันครบทั้งสี่คน 
 
"นั่น  เพิ่งเคยเจอใกล้ๆ"  เอื้องฟ้าชี้ให้ต้นน้ำดูทางที่นั่งฝั่งวิศวะ  เหนือปาล์มกับเม่น  "ดิว  ผู้ชายหน้าสวยอันดับหนึ่งไง  โคตรน่ารักเลยว่ะ" 
 
"ถ้าผู้ชายหน้าอย่างนี้  กูกลับใจเป็นผู้หญิงก็ได้นะ"   ทอมหล่อเพ้อ
 
ดิวหน้าสวยจริงๆ  ตัวเล็กๆ  ผิวขาวใส  หน้ารูปไข่เรียวเล็ก  เหมือนผู้หญิงที่น่ารักมากๆ แล้วตัดผมสั้น "ผู้ชายจริงเหรอวะ?" 
 
"เชี่ย  เขาจะหลอกลวงเรื่องเพศทำไม?  ปลอมตัวเป็นเจ้าฮะๆ หารักแท้งี้เหรอ?"
 
"เวลายิ้ม  โคตรน่ารัก  เกิดเป็นทอม  จีบผู้ชายจะเสียชาติเกิดไหมวะ? "
 
" ไม่หรอกมึง  แต่มึงต้องอยู่ล่างนะ" ริวที่รอจังหวะอยู่แล้ว  เสื่อมทะลุขึ้นกลางปล้อง
 
นทีกับน็อตในชุดนักนักฟุตบอลสีดำวิ่งมาที่อัฒจันทร์ที่เม่นนั่งอยู่  เรียกเสียงกรี๊ดดังจากทางฝั่งวิศวะ
 
ทางศิลปกรรมเองก็ฮือฮากันใหญ่  ยังดีที่ไม่กรี๊ดออกมา  รู้จักรักษาหน้าตาให้คณะบ้าง 
 
เม่นกับริวเริ่มคุยทับบลั๊ฟแหลกกัน  ขิงเองก็ร่วมด้วย  ถึงกับมีการวางเงินพนันกัน  ความเป็นเพื่อนที่เพิ่งเริ่มช่างเปราะบางเหลือเกิน
 
"กูว่าชอบนที" เอื้องฟ้ากอดคอต้นน้ำ  ดึงเข้ามากระซิบใกล้ๆ
 
"กูรู้แล้ว  มึงก็บอกกูอยู่ทุกวันว่ามึงชอบ"
 
เอื้องฟ้าตบกบาลต้นน้ำเบาๆ แต่ก็เจ็บอยู่ "กูไม่ได้หมายถึงกู  กูหมายถึงหนุ่มหน้าสวยเบอร์หนึ่งนั่น"
 
ต้นน้ำแอบมองลอดไรผมเอื้องฟ้าไป  นทีกำลังคุยกับเบอร์หนึ่งอยู่จริงๆ 


“เขาเป็นเกย์เหรอ?”


“ไม่รู้ว่า  แต่หน้าอย่างนั้น  น่าจะหาเมียยาก   ถ้าไม่ใช่เมียอย่างไอ้ขิง”


“แต่นทีเป็นผู้ชาย”


“ไม่แน่หรอกมึง  เขาสวยออกขนาดนั้น”

 
พอดีกับที่นทีตวัดสายตามองมาพลางกวักมือเรียกมาทางเขา  ต้นน้ำสะดุ้งเฮือก...หรือว่านทีจะรู้ว่าเขานินทา   อยู่ตั้งไกล  ไม่น่าจะได้ยินหรอกน่า  แล้วคนฉลาดอย่างนทีก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น

ต้นน้ำเดินไปหาแบบแบบกล้าๆ กลัวๆ  มือใหญ่ล็อคคอต้นน้ำพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้  พูดกันเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน "นายเชียร์ใคร?" 
 
หืม...ไหนว่าฉลาด  เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้  เรียนคณะไหน  ก็ต้องมาเชียร์คณะนั้นสิ “ศิลกรรมสิ” 
 
"แล้วถ้าศิลกรรมแพ้ล่ะ  จะเชียร์ใคร?" 
 
"ก็ต้องวิศวะอยู่แล้ว" 
 
"ทำไมล่ะ?  บอกมาซิพี่ชาย...ว่านายเชียร์ใครในวิศวะ?" 
 
"ก็ต้องนายอยู่แล้วสิ" ทำไมนทีโง่จังวะ
 
คำตอบของต้นน้ำทำให้นทียิ้มกว้าง  แววตาโชนแสงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  ยอมปล่อยคอที่โอบไว้ออก
 
ต้นน้ำเดินกลับ
 
"ศิลกรรมเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ไว้ได้เลย"  นทีตะโกนตามหลัง
 
ต้นน้ำหันกลับไปเตะอากาศใส่  นทีหัวเราะร่าก่อนหมุนตัวกลับไปในสนาม
 
 
อ่าาาา... นทีทำได้อย่างที่พูด  วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง  เกมส์เลยเนือยไม่ได้   เกมส์แผ่วเมื่อไร  นทีนำทีมวิ่งทันที  ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ทันเกมส์  นทีเตะเข้าประตูหมดแน่  แค่นี้ก็ซัลโวเข้าไปคนเดียวสองลูก  วิศวะนำไปสี่ประตูต่อศูนย์  จบลงด้วยสกอร์สุดอนาถ
 
เนมที่ตั้งใจว่าจะเข้าสู่รอบชิงให้ได้  เพื่อที่จะได้ชวนแฟนมาเชียร์ข้างสนามวันชิงถ้วยถึงกลับตะโกนด่านทีลั่นสนาม
 
"ไอ้ที  มึงกินยาตัวไหนมา  วิ่งอย่างกับแข่งบอลโลก  มึงอยากได้ถ้วยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?" 
 
"ไอ้เหี้ย  ทำคนอื่นหอบไปหมด  ถ้ามึงอยากได้ถ้วยขนาดนั้น  บอกกูก็ได้  เดี๋ยวกูซื้อให้" แม้แต่น็อตที่อยู่ทีมเดียวกันยังด่า  ด่าไปก็หอบไป
 
นทียิ้มแล้วโบกมือมายังกองเชียร์ ... ไม่ได้อยากได้ถ้วยสักหน่อย





ไม่ใช่แค่ในสนามที่ด่ากัน  “กากว่ะ  ฮู้ว” ปาล์มตะโกนใส่หน้าริว

“พูดอย่างนี้ต่อยกันเลยดีกว่าไอ้สัด”

“วู้วว...ขี้แพ้ชวนตีอ่อ?   ที่ไหน...นัดมา” เม่นตะโกน  “ไม่ได้นัดต่อยน๊า  เค้ากลัวเจ็บ  แต่หนึ่งอิ่มที่พนันไว้  นัดมาได้เล๊ย”  เม่นยังคงกลัวเจ็บอยู่เหมือนเดิม  แต่สมควรที่จะได้สักเจ็บ  เสียงเม่นยียวนกวนตีนมากกกกก  ไม่รู้ว่าปากอย่างนี้...มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง

ชีวิตอัปยศของคนแพ้ยังคงดำเนินต่อไป   พวกเขาเดินเข้ามารวมกลุ่มกันแล้ว  จะได้ด่ากันได้ถนัดหน่อย  ไม่ต้องข้ามหัวชาวบ้าน   หนุ่มหน้าสวยอันดับหนึ่งยังคงนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้วย

“ลืมแนะนำเลย  นี่ดิว  เป้  โม  เพื่อนที่คณะ”  ปาล์มแนะนำ

“มึงไม่แนะนำทั้งคณะเลยล่ะไอ้สัด”

“เอางั้นเหรอ?  งั้นไล่เลยนะ โน่น...เติ้ล...แล้วก็...”

“พอๆ  กูล้อเล่น”  ทำให้ริวยอมแพ้ได้นี่  ถือว่าปาล์มต้องไม่ใช่คนปกติธรรมดาแน่ๆ 

“ต่อๆ  มาทางนี้บ้าง นี่...ริว..ขิง...ต้นน้ำ...เอื้องฟ้า  ตัวแทนความพ่ายแพ้จากศิลกรรม” นี่ก็สมควรจะโดนสักป้าบ   ขิงฟาดป้าบเข้าให้จริงๆ  ปาล์มก็แกล้งสำออยทำเป็นเจ็บ

ดิวโบกมือทักทายเพื่อใหม่

“โฮ้ย  สวยจริงๆ  ด้วย  ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก”  ทอมปากเปราะ  เห็นคนสวยไม่ได้หูจะดำขึ้นมาทันทีเป็นคนพูด

ดิวหัวเราะจนตาหยี “อะไร  เพื่อนนายก็สวยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ดิวพยักเพยิดใส่ต้นน้ำ

ต้นน้ำไม่รู้ว่าดิวตั้งใจพูดถึงในทางไหน  รู้แต่ว่าเวลาดิวยิ้มจนตาหยีแบบนี้...น่าร้ากกกก

“ไอ้น้ำ  ทำไมหน้าแดง  ภูมิคุ้มกันต่ำนะมึง  เสาร์นี้ไปเหล่สาวเสริมภูมิหน่อยไหม?”

“อะไร๊?  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งอยู่ตรงนี้แล้ว  ต้นน้ำมองใครไม่ได้อีกแล้ว”  นทีที่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอก

ต้นน้ำ “.....” 

“แข่งอักทีวันพฤหัส ห้าโมงเย็น”  นทีบอก

“บอกเพื่อ...?”

“เอ้า...ก็นายบอกจะมาเชียร์ไง”

“ไม่ไปแล้ว”  ค่าแพ้พนันครั้งนี้  ริวบอกว่า...หารห้านะจ๊ะ...รวมเขาด้วย  น้ำตาจะไหล




“แปลกว่ะ”  ต้นน้ำเลื่อนโทรศัพท์ขึ้นลง

“แปลกอะไร?”  เอื้องฟ้าถาม

“คนแอดเฟสกูเต็มเลย  ไอจีด้วย  กดไลค์กันให้พรึ่บ”

“กูว่าเป็นเพราะเพจนั้นแหงเลย”

“เพจอะไร?””

“นี่มึงไม่รู้เหรอ?”

ต้นน้ำส่ายหน้า  “กูต้องรู้เหรอ?”

เอื้องฟ้าดึงโทรศัพท์ไปกด...#นทีต้นน้ำ...แล้วส่งกลับมาให้ต้นน้ำดู

เยเป็ด...อะไรวะเนี่ย?  คู่รักหวานแหววมาจากดาวไหน?  รูปคู่...ดูรั้กกั๊นรักกัน  ทั้งกอดคอ  โอบเอว  เดินด้วยกัน  กินข้าวด้วยกัน  มองตากัน 

“นี่มัน...”    ต้นน้ำอึ้งไปเมื่อเห็นรูปคู่ระหว่างตนเองกับนที  “กูคิดไม่ถึงเลยว่ะ  กูไปรักกันตอนไหนวะ?” 

ก็เมื่อตอนที่มึงหลงพานทีไปกินเหล้ากับไอ้ขิงอ่ะ...เรื่องบางเรื่อง  เอื้องฟ้าก็พูดได้แค่ในใจ  ขืนพูดออกมาจริงๆ  ต้องโดนสักอย่าง...ไม่มือก็ตีน

“โอ้โห  แต่ละคอมเม้นท์  มโนแจ่มมาก”
 
บางคนก็มาเป็นพลอตละครเลย
( รูปลูบหัว )
ต้นน้ำ :  อะไรติดผมเราอ่ะ?
นที : ไหนดูซิ
จุ๊บ!

จุ๊บพ่อง  ต้นน้ำอยากจะบอกว่า  กูไม่ได้พูดดดดดดด

“โคนันหรือวะเนี่ย?”  ของที่ป๊ากับแม่ซื้อให้จากญี่ปุ่นถูกเอามาตัดต่อเปรียบเทียบกัน  บ้างก็ว่าซื้อคู่กัน...บ้างก็ว่าอยู่บ้านเดียวกัน  ใส่ด้วยกัน  อยู่บ้านเดียวกันนะใช่...แต่ไม่ได้ใส่ด้วยกันโว้ย  หรือใส่ด้วยกันวะ? 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้นน้ำหยิบเสื้อนทีมาใส่เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นเสื้อตัวใหม่ที่แม่ซื้อมาให้

นทีมองจ้องเขา

‘มองอะไร?’

‘นั่นเสื้อเราป่ะ’

‘อ้าวเหรอ  เรานึกว่าเสื้อที่แม่ซื้อมาให้  เดี๋ยวเราไปถอดคืน’

‘ไม่เป็นไร  ใส่ไปเถอะ’


แล้วยังมีครั้งที่ยืมเสื้อนทีใส่ตอนที่หนีน้ำตาลไปอาบน้ำที่ห้องนทีอีก  ใส่ทั้งวันเลยนะนั่นน่ะ 

ต้นน้ำถอนหายใจยาว  รู้สึกปลงกับชีวิต 




คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง  โดยเฉพาะ...คนแพ้พนัน

“ พวกเรามาเล่นเกมส์กัน”  ปาล์มเสนอ  “เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์คนกล้าหรือคนกาก   เช่น  ถ้าเราพูดว่า  ใครเคยตกต้นไม้  ถ้าใครเคย...ให้กินหนึ่งแก้ว  ถือว่าเป็นคนกล้านะ  แต่คนที่ไม่เคยตกต้นไม้  ให้กินสองแก้ว  จัดอยู่ในพวกคนกากนะ  โอเคไหม?  มีใครไม่เข้าใจกติกาบ้าง?”

หึ...ถ้าคิดว่าเกมส์จะเบาๆ  อย่างที่ตั้งคำถามล่ะก็  คิดผิด  คิดอะไรที่มันปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา...ก็ไม่ใช่ต้นปาล์มแล้ว  ต้นน้ำหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

ปาล์มหยิบฉลากใบแรกขึ้นมา “ใครเคยเสียตัวแล้ว?”

พรวดดดดดด!!!

---------- To be continue ----------




---to be continue -------------------------


มีตัวอย่างตอนหน้ามาให้อ่านเล่นเล็กน้อย
พอเป็นน้ำจิ้ม
อิอิ 

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง?  ไหน...เหลาซิ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2019 10:31:05 โดย Smile A »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด