บทที่ 4
เวลาเรียนแค่สามชั่วโมงในภาคบ่ายมันช่างยาวนานในความคิด เมื่อธีร์ธวัชรู้สึกได้ถึงความว้าวุ่นในจิตใจตัวเอง
จากเหตุการณ์พักเที่ยง ที่น้องน้ำผู้น่ารักซึ่งธีร์ธวัชเองก็เคยแอบมองบ่อยๆ ได้บุกเข้ามาถึงตัวตรีภพและยื่นขนมคุ้กกี้ทำเองให้กับมือ พร้อมข้อความสารภาพรักท่ามกลางฝูงชนซึ่งกำลังพลุกพล่านอยู่ในโรงอาหารของคณะ อาการของไอ้ภพที่ดูเป็นมิตรกับน้องน้ำดูไม่น่าไว้ใจอย่างถึงที่สุด และมันทำให้เขานั่งไม่ติดที่จนกว่าจะได้รู้คำตอบว่าตรีภพคิดยังไงกับน้องเขา
เหมือนอยู่ๆ ชีวิตที่กำลังดำเนินไปอย่างมีความสุขก็จะถล่มลงไป แน่นอนว่าถ้าตรีภพมีแฟน ผลประโยชน์ในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ต้องจบลง...
ชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดนักศึกษาที่ชายเสื้อเริ่มหลุดลุ่ยขยับตัวยุกยิก แอบเหลือบมองตรีภพในลุคหนุ่มเนิร์ดตั้งใจเรียนกับแว่นตาอันใหญ่ประดับบนใบหน้า ไอ้คนหล่อมันไม่แม้แต่จะหันมาสนใจเขาซึ่งจ้องอีกฝ่ายจนใบหน้าด้านข้างแทบพรุน แต่จะให้เปิดบทสนทนาตอนที่อีกฝ่ายกำลังตั้งใจเรียนก็ทำไม่ได้ ตรีภพเป็นความหวังของหมู่บ้าน มนุษย์เกียรตินิยมที่จะฉุดกระชากและลากพวกเราทั้งกลุ่มให้รอดพ้นจากเอฟ เพราะฉะนั้นถ้าขืนเขาเข้าไปสะกิดเรียกอีกฝ่ายยิกๆ ด้วยเรื่องไร้สาระ คงไม่ใช่แค่เท้าเดียวที่จะประทับลงมาบนหน้า
“เฮ้ออ” ดังนั้นธีร์ธวัชจึงได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือกๆ หมุนปากกาในมือเล่นในขณะเหล่มองเพื่อนสุดที่รักซึ่งนั่งห่างกันไม่ถึงคืบอย่างทำอะไรไม่ได้ อีกชั่วโมงครึ่งกว่าคลาสช่วงบ่ายจะจบลง เขายังต้องอยู่กับความอัดอั้นตันใจนี้ไปจนถึงตอนนั้นเลยทีเดียว
นานทีเดียวกับความน่าเบื่อของวิชาภาคจะจบลง สไลด์ที่ฉายอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ถูกปิดลงพร้อมกับอาจารย์ผู้สอนหอบหิ้วโน๊ตบุ๊คตัวเก่งเดินออกไป นักศึกษาภายในห้องต่างเร่งรีบกวาดข้าวของลงกระเป๋าก่อนจะแยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์
“กูไปก่อนนะ”
“กูด้วย”
“ไปแล้ว เดี๋ยวเมียรอ”
ก็คงจะยกเว้นแต่ผองเพื่อนของธีว์ธวัชที่พอจบคลาสก็รีบกดโทรศัพท์และโบกมือลาพวกเขาไปทันที แต่จะให้น้อยใจก็คงไม่ ธีร์ธวัชเองก็ต้องการเวลาส่วนตัวกับ ‘เพื่อนรัก’ ที่กำลังยัดสมุดเล่มบางกับปากกาหนึ่งด้ามกลับลงไปในเป้สีเข้มยี่ห้อกีฬาชื่อดังของตัวเอง
“ฟู่ว” ธีร์พ่นลมหายผ่านริมฝีปากออกมาขณะกวาดของอันน้อยนิดของตัวเองลงใส่กระเป๋าผ้า ขายาวภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มขยับลุกขึ้น นิ้วเรียวปลดกระดุมบนของเสื้อนักศึกษาออกพร้อมพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก ใบหน้าภายใต้กรอบผมสั้นหันไปมองตรีภพด้วยความกดดัน
“วันนี้กูไปนอนด้วย”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัวพลางเลิกคิ้วน้อยๆ “ไหนว่าวันนี้จะกลับไปซักผ้า”
“ค่อยซักวันหลัง” ธีร์ธวัชว่าขณะออกแรงลากแขนเพื่อนให้เดินออกมาจากห้องเรียน
ไม่มีคำถามจากเจ้าของห้องมากกว่านั้น ตรีภพก็แค่พยักหน้าและเดินนำไปยังที่จอดรถของตนเอง ธีร์ธวัชมักเอะอะไปค้างห้องของตรีภพอยู่บ่อยจนแทบจะยึดเป็นห้องของตัวเอง แต่พอชวนให้มาอยู่ด้วยกันธีร์ก็ได้แต่ส่ายหน้าและบอกว่าแบบนี้ดีอยู่แล้ว
“ภพเดี๋ยวแวะท็อปส์ให้กูด้วยนะ อยากหาอะไรกิน” ธีร์ธวัชเมื่อก้าวเท้าขยับก้นขึ้นมาประจำเบาะข้างคนขับก็ออกอาการสั่งทันที สารถีจำเป็นก็แค่พยักหน้าเอออออย่างว่าง่าย รถยนต์ซีดานสีน้ำเงินเข้มแล่นออกจากลานจอดข้างขณะไปตามถนนคุ้นตา แวะซูเปอร์มาร์เก็ตตามคำขอของธีร์ธวัชครู่หนึ่งก่อนจะมุ่งตรงกลับคอนโด
ถุงสีเขียวปั้มลายซูเปอร์มาร์เก็ตถูกหิ้วจนเต็มสองมือของคนซื้อ มีทั้งขนม เครื่องดื่ม และอาหารกล่องสำหรับสองคนบรรจุอยู่ภายใน ธีร์ธวัชต้องถือมันเองเพราะเจ้าของห้องบอกไว้ตั้งแต่เลือกซื้อของแล้วว่าจะไม่ช่วย
“ไอ้ห่าภพ ไอ้คนไม่มีน้ำใจ” ร่างโปร่งบ่นงึมงำ เดินลากขาท่าประหลาดเพราะน้ำหนักที่ถ่วงแขนทั้งสองข้างทำให้ต้องใช้แรงยกมหาศาล ทว่าตรีภพทำเพียงยิ้มมุมปากเป็นเชิงขำก่อนจะเดินจิ้มโทรศัพท์นำเข้าลิฟต์ไป
“หนักโว้ยย”
“บ่น” ภพว่า
ธีร์ธวัชได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองขณะเหลือบหางตามองคนใจหยาบที่ไม่แม้แต่จะช่วยหิ้วไปสักถุง เขากระแทกเท้าปึงปังขณะเดินออกมาจากลิฟต์เพื่อไปยังห้องพัก
ตุบ!
ทันทีเท้าทั้งสองก้าวผ่านกรอบประตูเข้ามา ธีร์ธวัชก็รีบกองของทุกอย่างลงบนโซฟาก่อนจะทิ้งร่างนั่งแผ่ไปกับพื้นในโซนนั่งเล่นอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ตรีภพมองร่างโปร่งที่หอบหายใจเฮือกๆ ด้วยรอยยิ้มจาง เขาคว้ารีโมทแอร์ที่ติดอยู่บนผนังข้างประตูทางเข้ามากดเปิด จากนั้นคนตัวสูงก็เดิมเข้าไปยังมุมห้องนอนที่มีชั้นหนังสือวางกั้น ปลดเปลื้องชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยสบายตัวออกแล้วเปลี่ยนมาสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา
ธีร์ธวัชเหล่ตามองทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าของห้องอย่างสนใจ สมองของเขาคบคิดอะไรอยู่หลายอย่าง ซึ่งมันยังคงปั่นป่วนสมองและจิตใจของเขาจนว้าวุ่นไม่เลิก ริมฝีปากของธีร์คันยุบยิบคล้ายอยากพูดอยากถามอะไรบางอย่าง แต่พอสำรวจจังหวะเวลาก็พบว่าเขาไม่สามารถพูดโพล่งออกไปได้ในทันที
ชายหนุ่มตัดสินใจรอคอย เขายอมที่จะนั่งเล่นอยู่หน้าทีวีพร้อมไถโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย กาลเวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าเมื่อมีใครบางคนจดจ่ออยู่กับมัน แต่จนแล้วจนเล่า จนกระทั่งขนมนมเนยและอาหารกล่องที่ซื้อมาถูกกินจนหมด ธีร์ธวัชก็ยังไม่เอ่ยปากถามอะไรออกไปอยู่ดี
ช่วงเวลาง่ายๆ อย่างการนั่งคุยกันไม่เกิดขึ้นเมื่อตรีภพเริ่มหยิบงานเอกสารของที่บ้านขึ้นมาทำ ธีร์ธวัชได้แค่นั่งมองแผ่นหลังกว้างตั้งตรงอยู่บนโต๊ะทำงานติดหน้าต่าง เสียงปลายนิ้วพรมแป้นพิมพ์เป็นจังหวะดังกลบความเงียบงันภายในห้อง 23 ตารางเมตรแห่งนี้
“เฮ้ออ” ธีร์ธวัชคิดว่าเขาช่างถอนหายใจบ่อยเสียจริง
แต่ในเมื่อเขายังไม่ได้คำตอบสำหรับคำถามที่ค้างคาใจ ธีร์ธวัชก็ยังคงถอนหายใจเฮือกๆ อยู่เหมือนเคย ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ เมื่อค้นพบว่าจังหวะเวลาไม่เป็นใจเลยสักนิด โดยปกติพวกเขาก็แยกย้ายกันทำกิจวัตรแบบนี้ ธีร์ธวัชจะนั่งเล่นนอนเล่นโทรศัพท์ หยิบเครื่องเกมของตรีภพออกมาต่อเล่น และปล่อยให้เจ้าของห้องได้นั่งทำงานไปโดยไม่ก่อกวน ซึ่งวันนี้เขาไม่ต้องการแบบนั้น
เข็มยาวของนาฬิกาบนผนังหมุนเวียนผ่านไปหลายรอบ เข็มสั้นกระดิกบอกเวลาสองทุ่มแล้ว และในที่สุดคนที่นั่งก้มก้มตาก็ขยับตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เสียที
“เสร็จงานแล้วเหรอ” ธีร์ธวัชเด้งตัวขึ้นจากการเกลือกกลิ้งบนพื้นห้อง จ้องมองใครอีกคนตาแป๋ว
ว่างสักทีๆๆๆๆๆ เขาพยายามส่งกระแสจิต
และมันได้ผล ตรีภพพยักหน้าพร้อมชี้ไปที่ระเบียง
“กูไปสูบบุหรี่นะ”
ชายหนุ่มค้นพบว่าเขาเจอช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
ร่างโปร่งกระโดดพลุงขึ้นมายืนตัวตรงแหน่ว ฉีกยิ้มร่าแล้วเดินตามตรีภพออกไปที่ระเบียงต้อยๆ
ระเบียงของคอนโดแห่งนี้ไม่ได้กว้างหนัก มันไม่พอที่จะวางเครื่องซักผ้าด้วยซ้ำ ทว่าการจุผู้ชายสองคนไว้ด้วยกันก็ไม่ได้ลำบากมากนัก ธีว์ธวัชเลื่อนประตูกระจกปิดก่อนจะขยับเข้าไปยืนเท้าแขนกับราวเหล็กกั้นข้างคนที่เริ่มรนไฟกับปลายบุหรี่มวนสีขาว
“ออกมาทำไม” ตรีภพเลิกคิ้วถาม
“มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“หือ?”
กลิ่นบุหรี่เฝื่อนจมูกลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเมื่อปลายแท่งนิโคตินถูกไฟรนจนแดงฉาน ธีร์ธวัชย่นจมูกน้อยๆ เมื่อได้กลิ่น แต่เขาก็ปล่อยให้ควันสีเทาลอยขมุกขมัวผ่านหน้าตัวเองไปโดยไม่ทักท้วงสิ่งใด
สายลมจากด้านนอกโชยมาปะทะร่างกายส่วนที่ยื่นออกไปพ้นระเบียงห้อง ดวงตาสีดำสนิททอดมองออกไปยังที่ไกลแสนไกล เขารวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวให้เป็นรูปเป็นร่าง เหล่มองคนตัวใหญ่กว่ากันที่ค่อยๆ พ่นมวนควันสีจางออกมาจากริมฝีปาก
“มึงจะคบกับน้องน้ำไหม”
“หืม” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันมามองกันด้วยความสนใจ “คบ?”
“อืม”
“ถามทำไม”
เมื่อโดนย้อนกลับด้วยคำถาม ธีร์ธวัชก็จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด
“ตอบกูมาเหอะ”
“...”
“กูจะได้ทำตัวถูกถ้ามึงจะไปมีแฟน”
ตรีภพไม่ได้ตอบคำถามเขาอย่างที่เขาอยากให้เป็น
ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดไพรเวทเอนทั้งร่างกายและใบหน้าหันมาทางเขา ดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องมองกันมาอย่างพิจารณา ธีร์ธวัชเดาความคิดของอีกคนไม่ออกในตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าตรีภพกำลังคิดอะไร อีกฝ่ายยังวางตัวดูสบาย แต่บรรยากาศระหว่างพวกเรากลับอึดอัดอย่างน่าประหลาด
“มึงจะทำตัวยังไง” ภพถามอย่างจริงจัง
ธีร์ธวัชเลือกที่จะหันไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย ดวงตาทั้งสองคู่สบกันอย่างเนิ่นนาน ก่อนที่ธีร์ธวัชจะฉีกยิ้มแหยๆ ออกมาแล้วหัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่แสนจะแห้งแล้ง
“ก็กลับไปเป็นเพื่อน...เพื่อนจริงๆ น่ะ”
มันเป็นความอึดอัดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในขณะที่พวกเขาพูดถึงสถานะระหว่างกัน
ตรีภพไม่เคยพูดว่าเขาไม่ชอบการเป็น Friends with benefit ในขณะที่ธีร์ธวัชแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายินดีที่จะได้รับผลประโยชน์ในส่วนนี้
แต่พวกเขาทั้งคู่กลับไม่เคยคิดเลยว่าถ้าหากข้ามเส้นของคำว่าเพื่อนที่ได้ขีดเอาไว้ตั้งแต่แรกมาแล้ว การจะก้าวกลับไปยืนอยู่หลังเส้นเส้นนั้น...ไม่ง่ายเลย
ธีร์ธวัชรู้ว่าเขากำลังรู้สึกแย่และกังวล การไม่สามารถมีอะไรกันได้เหมือนเดิมกลายเป็นความกังวลลำดับรองลงไปแล้วเมื่อเขาใช้เวลาทั้งวันในการครุ่นคิดเรื่องนี้ ที่แย่กว่าเรื่องเซ็กส์คือความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่จะไม่มีทางเหมือนเดิม และธีร์ธวัชรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงนี้เหลือเกิน
“ธีร์”
“ว่า?”
“ตอนนี้กูมีแค่มึง”
“...” ธีร์ธวัชเลิกคิ้ว ส่งเสียงหืมอยู่ในใจ
“อืม” ตรีภพไม่ได้ขยายความหรือพูดประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าเบาๆ คล้ายยืนยันสิ่งที่อีกคนสงสัย บุหรี่มวนเดิมถูกสูบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโดนบี้ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ทรงกลม กลิ่นเฝื่อนๆ ของมันยังไม่จางหายไปไหน ควันสีเทาจางๆ ยังมีให้เห็นในอากาศเลือนลาง
ธีร์ธวัชมองตามไอสีขุ่นนั้นไปอย่างเชื่องช้า สมองประมวลผลคำพูดของอีกฝ่ายอยู่สักพัก ก่อนที่อวัยวะในอกข้างซ้ายจะเริ่มเต้นกระหน่ำด้วยความดีใจ
“ภพ”
“...”
“จูบกูที” เขาบอกแบบนั้นแต่กลับเป็นฝ่ายคว้าคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันในทันทีที่ร่างกายแนบชิด บั้นเอวของธีร์ธวัชถูกกอดไว้แน่น ในขณะที่ตัวเขาเองก็สอดปลายนิ้วเข้าไปตามไรผมสั้นที่เริ่มชื้นเหงื่อ
ควันขมุกขมัวในใจของเขาจางลงไปพร้อมกับควันบุหรี่ที่เคยลอยฟุ้ง สัมผัสนุ่มหยุ่นจากเรียวลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาช่วงชิงความสับสนว้าวุ่นออกไปจนหมด พวกเขาทั้งคู่จูบกันในขณะที่ลมหายใจของอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยกลิ่นนิโคตินเจือจาง แต่ธีร์ธวัชก็ยอมรับกับตัวเองอย่างว่าง่ายว่าเขาชอบจูบที่ผสมรสชาติและกลิ่นฝาดเฝื่อนเช่นนี้ของตรีภพ
“มึงพูดแล้วนะว่ามีแค่กู” ริมฝีปากของพวกเขาผละออกจากกันทว่ายังคลอเคลียไม่ห่าง ธีร์ธวัชยิ้มร่าขณะทวงสัญญากับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“อืม”
“แล้วน้องน้ำล่ะ”
“ไม่ชอบ”
“น่ารักจะตาย”
“อยากให้กูชอบ?”
ธีร์ธวัชหัวเราะแล้วส่ายหน้า “ไม่อยาก กูยังลองไม่ครบทุกที่เลยมึงอย่าเพิ่งหนีไปมีแฟนนะ”
“ธีร์” เสียงดุมาอีกแล้ว
คนอารมณ์ดีดตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่าย เขาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอแล้วเดินหนีกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งให้ตรีภพเดินตามเข้ามาทีหลังด้วยสีหน้าคล้ายผู้ปกครองที่กำลังอ่านจดหมายเรียกเชิญจากทางโรงเรียน
“นี่ภพ”
“อะไร?”
“พรุ่งนี้ไปห้างกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าของผู้ชายที่นั่งไขว่ห้างแกว่งเท้าอยู่ปลายเตียง “กูอยากลองห้องลองเสื้อผ้าแล้วว่ะ”
“ไม่ไป”
“มึงปฏิเสธกูไม่ได้หรอกครับ คุณตรีภพ” ว่าแล้วธีร์ธวัชก็ผิวปากหวืออย่างคนมีความสุข แตกต่างจากใครอีกคนที่ขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งกลางหน้าผากเสียแล้ว
วันหยุดที่อาจารย์ยกคลาสถูกใช้ไปอย่างสุรุ่นสุร่าย
ช่วงเช้าที่แสนขี้เกียจถูกผลาญไปกับการนอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างเปล่าประโยชน์ ธีร์ธวัชขี้เกียจเกินกว่าจะลุกไปหาอะไรกินในตอนที่ท้องร้องโครกครากเสียด้วยซ้ำ ต่างจากตรีภพที่ลุกออกไปฟิตเนสส่วนกลางของคอนโดตั้งแต่สิบโมงเช้าและกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องในตอนเที่ยง
ธีร์ธวัชบิดขี้เกียจเกลียวใหญ่ก่อนจะยอมลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเมื่อเพื่อนเจ้าของห้องเอ่ยชวนออกไปหาอะไรกิน เขาเดินลากขาในสภาพเมาขี้ตาเข้าไปในห้องน้ำ ถือวิสาสะขโมยเสื้อผ้าของตรีภพมาใส่โดยไม่ได้ขอ
“กินอะไร” หลังจากที่เอาน้ำเย็นๆ ราดหน้าราดหัวธีร์ธวัชก็ตื่นได้เต็มตาเสียที เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่ยังโปะอยู่บนผม ใช้ฝ่ามือขยี้ซับน้ำเบาๆ แล้วสาวเท้าเข้าไปคนตัวใหญ่กว่าซึ่งนั่งเอกเขนกดูรายการทีวีอยู่บนโซฟา
“มึงบอกจะไปห้าง”
“อ๊ะๆ ไอ้ภพ ชวนกูไปห้างงี้แสดงว่ามึงอยากลอง...ล่ะสิ” ธีร์หัวเราะเสียงแหลม เขายังคงยืนค้ำหัวเพื่อนอยู่ในขณะที่เอ่ยปากแซวไม่เลิก “ทำเป็นปฏิเสธมาตั้งนาน”
“นายชวนกินชาบู” และตรีภพก็ยังคงตัดบทสนทนาลามกพวกนั้นทิ้งไปอย่างหน้าตาย
ธีร์ถอนหายใจเฮือก ปาผ้าขนหนูในมือใส่อีกคนอย่างเซ็งในอารมณ์
“ขี้เกียจไปแล้ว” เขากระแทกเสียงไปแบบนั้น แสดงให้เห็นว่าโกรธเคือง แต่ตรีภพก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาแค่แกล้งทำไปอย่างนั้น อีกฝ่ายเลยไม่ได้สนใจที่จะเข้ามาง้อหรือขอโทษ คนตัวสูงก็แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดต่อสายไปหาใครสักคน ก่อนจะกรอกเสียงต่ำๆ ลงไปในสายว่า
“ธีร์ขี้เกียจไปห้าง”
คนถูกพาดพิงขมวดคิ้ว กอดอกกระดิกปลายเท้ารอฟังว่าตรีภพจะพูดอะไรต่อ
“มาสิ”
มาที่ไหน?
ธีร์ธวัชได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย รั้งรอจนอีกฝ่ายกดวางสายจึงโพล่งถามออกไป
“ใครวะ”
“นาย”
“มึงชวนมาที่นี่?”
“ก็มึงขี้เกียจ” ตรีภพว่า “กูชวนมาทำสุกี้กินที่ห้อง”
“อ๋อ” ธีร์ธวัชก็ได้แต่พยักหน้า หลงลืมไปว่าเมื่อกี้กำลังแสดงละครว่าโกรธจนตัวสั่นอยู่ “ใครมาบ้าง”
“ทุกคน”
“งั้นไปซูเปอร์กัน” ธีร์เอ่ยชวนด้วยความกะตือรือร้น สารถีจำเป็นก็พยักหน้ารับพร้อมคว้ากุญแจและกระเป๋าสตางค์มาถือไว้ในมือ “ทำไมวันนี้พวกนั้นมีเวลาว่างให้เพื่อนฝูงได้เนี่ย”
“แฟนเรียน”
“กูว่าแล้ว” ธีร์ธวัชทุบกำปั้นลงบนอุ้งมืออีกข้าง “ถ้าแฟนว่างนะ กูไม่มีทางได้เห็นเงาหัวพวกนั้นหรอก”
ตรีภพไม่ได้ตอบอะไร เขารับฟังเสียงบ่นเรื่องเดิมๆ พวกนี้จนเลือกที่จะปล่อยมันผ่านไป รถยนต์ซีดานสีน้ำเงินเข้มค่อยๆ เคลื่อนออกจากซองจอดแล้วเลี้ยวไปตามเส้นถนนที่ทางคอนโดตีแบ่งเอาไว้ให้
และหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง พวกเขาทั้งสองก็กลับห้องมาพร้อมวัตถุดิบและเครื่องดื่มมากมายสำหรับการทำสุกี้ ที่ห้องของตรีภพมีอุปกรณ์เครื่องครัวพร้อมครบครันแม้เจ้าของห้องจะไม่ค่อยได้ใช้มันสักเท่าไหร่ โต๊ะญี่ปุ่นตัวใหญ่สองตัวถูกนำมากางตรงพื้นที่ว่างหน้าโซฟา หม้อไฟฟ้าตั้งเอาไว้ตรงกลางพร้อมถ้วยชามและน้ำจิ้มรสเด็ด ธีร์ธวัชช่วยล้างเนื้อหมูกับอาหารทะเลสดที่ซื้อมาพร้อมพัดเป็นชิ้นเล็ก ในขณะที่ตรีภพลงไปรับเพื่อนๆ ซึ่งมาถึงแล้วที่ชั้นล่าง
“ฮายย มายเฟรนด์” ใครสักคนตะโกนขึ้นมาหลังจากประตูห้องเปิดออก เป็นเจ้าของใบหน้าตี๋ดวงตาตี่เล็กอย่างนราวุฒินั่นเองที่ส่งเสียงร้องทักทายมาก่อนจะได้เห็นตัว
ธีร์ธวัชหันไปหาเพื่อนขณะที่ยังหั่นหมูไม่เสร็จ เขาฉีกยิ้มให้กับนาย รันและดิสที่ทยอยกันเดินเข้ามาในห้อง พื้นที่ 23 ตารางเมตรดูคับแคบไปถนัดตาเมื่ออัดแน่นไปด้วยผู้ชายตัวใหญ่ๆ ทั้งห้าคน
“มากูช่วย” รันวางกระเป๋าสะพายไว้บนโซฟาและเดินดุ่มๆ มาหาเขาที่โซนครัว
ธีร์ธวัชขยับเหลือพื้นที่ว่างให้เพื่อนมายืนข้างกันบนหน้าเคาท์เตอร์ บรรดาเนื้อเบคอน สามชั้น และสันคอสไลด์ที่บรรจุอยู่ในกล่องโฟมถูกนำออกมาจากถุงและยกไปเรียงที่โต๊ะญี่ปุ่น ผักส่วนหนึ่งมีรันคอยช่วยล้างและหั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ในขณะที่ด้านฝั่งหม้อไฟฟ้า ตรีภพก็เริ่มต้มน้ำและใส่คนอร์ก้อนลงไปเพื่อปรุงรสน้ำซุปสุกี้
“เฮ้ยไอ้ธีร์ มึงซื้อเบียร์มาด้วยเหรอ” เป็นดิสหรือนายรัชพลที่เดินเข้ามาเปิดประตูตู้เย็นและพบเจอกับบรรดาเครื่องดื่มจำนวนหลายสิบขวดแช่เอาไว้จนเต็มทุกชั้น และทันทีที่ได้ยินว่ามีแอลกอฮออล์ นราวุฒิซึ่งนั่งอ้าซ่าอยู่ปลายเตียงก็รีบวิ่งถลาเข้าไปมุดหัวดูของในตู้เย็นทันที
“เยอะซะด้วย” หนุ่มตี๋ฉีกยิ้มเริงร่า เอื้อมมือมาตบบ่าธีร์ธวัชเบาๆ ก่อนจะหยิบเบียร์ยี่ห้อดังมาเปิดหนึ่งขวด
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นวัตถุดิบทุกอย่างก็ถูกตระเตรียมจนเสร็จ ชายหนุ่มทั้งห้าคนที่นานๆ ครั้งจะได้รวมตัวกันครบต่างนั่งหน้าสอนประจำที่หน้าหม้อสุกี้ไฟฟ้า เสียงน้ำเดือดและกลิ่นหอมๆ ทำให้แต่ละคนต่างรีบจับตะเกียบ อาวุธประจำกายขึ้นมาทันที
“กูไม่รอแล้ว” ธีร์ผู้ซึ่งไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าจ้วงตะเกียบลงไปในหม้อ คว้าวุ้นเส้นและเนื้อหมูขึ้นมาก้อนใหญ่ทีเดียว และทันทีที่มีคนเปิด บรรดาตะเกียบที่เหลือก็ต่างพุ่งทะยานลงไปโกยผักโกยเนื้อมาใส่ถ้วยของตนอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาของการกินไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ดังออกมาจากชายทั้งห้า เสียงช้อนกระทบจานดังแกร๊งกร๊างทดแทนบทสนทนาที่เงียบฉี่ และจนกระทั่งความหิวโซค่อยๆ จางไปจึงมีใครสักคนเปิดปากพูดขึ้นมา
“ธีร์ มึงไม่ย้ายมาเป็นเมทภพถาวรไปเลยล่ะ” เป็นรัชชัย หรือรัน เพื่อนผู้เจ้าชู้แต่กำลังติดเมียอย่างหนักพูดขึ้นทำลายความเงียบ
ธีร์ธวัชเมื่อถูกเอ่ยชื่อถึงก็ได้แต่เคี้ยวเบคอนตุ้ยๆ ก่อนจะกลืนลงท้องและตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ไม่เอาอ่ะ เผื่อวันไหนกูอยากนอนคนเดียว”
“ไม่เห็นมึงจะนอนห้องตัวเองเลยสักวัน”
ธีร์หัวเราะให้กับคำประชดประชันของนาย “ก็ห้องไอ้ภพมีแอร์”
หลังจากเขาตอบออกไปแบบนั้นก็มีเสียงกร่นด่าถึงสันดานของเขากันให้ควัก แต่ธีร์ธวัชก็ได้แต่ยิ้มรับ แล้วโบ้ยให้เจ้าของห้องไปอย่างหน้าด้านๆ ว่า “ไอ้ภพไม่เห็นจะว่า”
และใช่ ตรีภพไม่เคยว่าเขาหรอกถ้าเขาจะมานอนด้วยแทบทุกวันโดยไม่ช่วยหารค่าไฟ ก็เพราะธีร์ธวัชน่ะใช้อย่างอื่นจ่ายแทนไปแล้ว และคงบอกคนอื่นไม่ได้ด้วยว่าทุกวันนี้เขาจ่ายค่าเช้าห้องให้ตรีภพด้วยอะไร
เห็นท่าทางนิ่งๆ และดูรำคาญเวลาเขาชวนทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นน่ะ จะบอกให้เลยนะว่าไอ้ภพน่ะตัวเซ็กส์จัดเป็นที่หนึ่ง
ถ้าคนที่เขาไม่อยากทำจริงๆ ต่อให้เต้นระบำเปลื้องผ้าอยู่ตรงหน้า คนมันจะไม่มีอารมณ์มันก็ไม่มีอารมณ์ แต่กับตรีภพที่เขาสะกิดเวลาไหนก็พร้อมจะพุ่งเข้าใส่น่ะเหรอ... ก็คิดเอาแล้วกัน
ธีร์ธวัชคลี่ยิ้มยียวนให้กับความคิดของตัวเอง เขาเหลือบตามองตรีภพที่นั่งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้าม มีรัชพลที่นั่งอยู่ข้างกันชวนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“เออภพ กูอยากรู้ว่ะ” นราวุฒิที่เริ่มอิ่มบ้างแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหาเจ้าของชื่อตรีภพอย่างคาดคั้น “กับน้องน้ำนี่ยังไงวะ”
“ทำไม?” ตรีภพขมวดคิ้วเหมือนไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่
“คนเขาลือกันให้ทั่วมอ เมียกูยังถามเลยนะว่ายังไง” นายยังว่าต่อ “น้องน้ำประกาศตัวกลางฝูงชนขนาดนั้น จะไม่ให้เป็นข่าวใหญ่ได้ยังไง”
“ใจกล้าแบบนี้สเป็กกูเลย” เป็นรัชชัยที่โพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกะริ้มกะเรี่ย
“ฟ้องเมีย” ธีร์ธวัชไม่ปล่อยให้จังหวะการกลั่นแกล้งผ่านไป เขาพูดขึ้นพร้อมยกโทรศัพท์ และเสียงหัวเราะจากคนอื่นก็ดังประสานขึ้นเมื่อรันยู่หน้า ยกมือชูสองข้างอย่างจำยอม
“ยอมแล้วจ้า”
“เอ้า อย่านอกเรื่องดิ๊ ภพตอบกูมาเร๊ว” นราวุฒิผู้ขี้เสือกที่สุดในสามโลกจ้องตาเพื่อนไม่กระพริบ ขณะเดียวกันคนอื่นๆ ก็เงียบเพื่อตั้งใจฟังบ้าง
จะยกเว้นก็แต่ธีร์ธวัชที่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อนึกย้อนไปถึงคำตอบของตรีภพซึ่งมีให้แก่เขา
เหอะ น้องน้ำก็ลีลาเด็ดสู้กูไม่ได้
“ไม่มีอะไร” ยิ่งตรีภพย้ำคำปฎิเสธ อารมณ์ของใครอีกคนก็ดูจะฟูพองราวกับลูกโป่งถูกสูบลม
“ไม่ชอบเลยเหรอวะ”
“ไม่”
“สักนิดเลยอ่ะ น้องเขาน่ารักนะ”
ตรีภพส่ายหน้า จึงตมมาด้วยเสียงโห่ของเพศชายอีกสามคน
“ไอ้คนหล่อเลือกได้” รันเบ้หน้าอย่างเซ็งในอารมณ์
“แล้วแบบไหนถึงจะถูกใจมึงวะภพ” รัชพลโพล่งขึ้นมาเมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก และนั่นเป็นประโยคที่ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่ตรีภพอีกครั้ง รวมถึงธีร์ธวัชที่หูพึ่งตั้งใจฟังด้วยอีกคน
“ที่ถูกใจ?”
“เออ แบบไหนที่มึงชอบ”
“...” ตรีภพเงียบคิดไปครู่หนึ่ง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองเพื่อนๆ ทุกคนจนกระทั่งมาหยุดสบกับดวงตาของธีร์ธวัช พวกเขาจ้องมองกันอย่างเงียบเชียบในเวลาเสี้ยววินาที ก่อนเสียงทุ่มต่ำจะเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนว่า...
___________________________
Talk: หายไปเป็นเดือนเลยค่า กลับมาแล้ว
เรางานหนักมากจริงๆ เพิ่งได้ว่างก็รีบมาปั่นให้เลยนะคะ
ขอโทษที่ทำให้รอมากเลย แต่เรื่องนี้จะลงจนจบแน่นอน
เพราะเขียนพล็อตไว้จนจบเรื่องแล้ว แค่หาเวลาเขียนไม่ได้ แง้
ไม่รู้ยังมีคนอ่านอยู่ไหมนะคะ แต่ถ้ามีใครกดเข้ามาอ่านก็ขอขอบคุณมากๆ เลยค่า
รักทุกคนที่สุดเลย กอดดด