{ DSYTOPIA } สิงหกุลโภชนา แจ้งข่าว : ละครเวทีมิวสิคัล ชมฟรี ที่ มข
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { DSYTOPIA } สิงหกุลโภชนา แจ้งข่าว : ละครเวทีมิวสิคัล ชมฟรี ที่ มข  (อ่าน 20849 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ภข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ติดตามผลงานอื่นๆ ได้ที่...




#สิงหกุลโภชนา
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2021 04:51:08 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 1
   

กลิ่นเหม็นไหม้ของฟืนไม้เก่าลอบฟุ้งไปในอากาศ
   
เพลิงกัลป์โหมไหม้รุนแรงกลายเป็นสีแดงฉานเสียดฟ้า
   
กองเพลิงร้อนแรงปะทุแผดเผาเศษซากร้อนระอุ
   
มันกำลังแผดเผาทุกอย่าง


   

กรุ๊งกริ๊ง
   
กระพรวนเหนือประตูไม้เก่าแก่อายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีส่งเสียงออกมา เมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน ซึ่งผู้คนที่มาใหม่นั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่คาดคิดว่าร้านที่ภายนอกดูซอมซ่อไม่ต่างจากตึกราดำขึ้นอื่นๆ ในย่านเดียวกัน กลับมีสภาพภายในที่สวยงามเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก
   
จมูกสีชมพูบนใบหน้าขนสีขาวหม่นคลุกฝุ่นนั้นทำจมูกฟุดฟิด เมื่อได้กลิ่นหอมจางๆ ของอาหารอะไรสักอย่าง ที่เขาไม่น่าจะเคยกิน เนื่องจากอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งมากๆ นั้นเป็นอาหารของพวก ‘อัลฟ่า’ เหล่าชนชั้นนำของประเทศนี้ ของที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยได้ลิ้มรสบ้างก็มีแค่ไวน์ตกเกรดที่พวกอัลฟ่าไม่กินแล้วก็เท่านั้น
   
นัยน์ตาสีทับทิมกวาดมองรอบๆ ด้วยความสนใจ เพราะมันเหมือนกับร้านอาหารจีนโบราณที่กำลังฮิตในหมู่อัลฟ่า การตกแต่งที่ราวกลับย้อนกลับไปอยู่ในยุคที่โรงเตี๊ยมยังรุ่งเรือง มีเสี่ยวเอ้ออะไรทำนองนั้น ทุกอย่างในห้องนั้นล้วนถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากโคมแดงเหนือหัวที่ถูกจัดวางได้อย่างเหมาะเจาะ มีไม้แกะของจีนลวดลายสมมาตรที่เขาเรียกชื่อไม่ถูกกับลายอื่นๆ เต็มไปหมด แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในร้านแห่งนี้นั้นคือสิงโตจีนเหล็กหล่อสองตัวที่ยืนแยกเขี้ยวต้อนรับเขาหน้าร้าน
   
หลังจากที่ชื่นชมการตกแต่งภายในร้านเสร็จ คนเป็นลูกค้าก็คล้ายกับเพิ่งได้สติเมื่อได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูเฉยชาเอ่ยทักตนเอง
   
“..คุณกระต่าย?”
   
“..คะ ครับ”
   
ใบสองข้างที่ตกลงมาแล้วกระดิกเล็กๆ ราวกับกำลังจะตอบรับว่าตัวเองนั้นเป็นกระต่าย ใบหน้าขนปุยค่อยๆ ย้อนคืนกลับเป็นมนุษย์ธรรมดาเพื่อที่จะพูดคุยให้ได้ง่ายขึ้น เหลือเพียงหูกระต่ายสองข้างที่ไม่สามารถเปลี่ยนกลับได้ เพราะอาการป่วยจากการทำงานหนัก และโรคประจำตัวที่กัดกินร่างกายมานาน
   
มือเล็กๆ ที่ยังปกคลุมด้วยขนรีบถอดหมวกใบเก่งของตัวเองออก พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้ดูเรียบร้อยขึ้น แม้ว่าจะทำไปแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าแล้วก็ตาม แต่ก็อดอีกไม่ได้เพราะที่นี่นั้นดูหรูหราเกินกว่าเบต้าไร้ค่าอย่างเขาจะมาก่อความสกปรก
   
“ผม ผมชื่อกวินทร์ครับ เป็นเบต้าสายพันธุ์กระต่าย ผมได้ยินว่าที่นี่มีบริการทำให้ ‘หลับสบาย’ ไม่ทราบว่าที่นี่มีบริการแบบนั้นจริงไหมครับ”
   
ทั้งๆ ที่กวินทร์นั้นยังดูหนุ่มอยู่ แต่น้ำเสียงที่พูดกลับอ่อนล้าราวกับคนอายุมาก นัยน์ตาสีทับทิบที่ดูมีชีวิตชีวาเมื่อกี้ดูหม่นหมองขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อนึกได้ว่าตนมาทำอะไรที่นี่กันแน่
   
“มีสิ”
   
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้กวินทร์มีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
   
กวินทร์มองชายหน้าสวยตรงหน้าตัวเองอย่างมีความหวัง ถึงแม้คนพูดจะมีร่างกายที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างยามที่เผลอไปสบกับนัยน์ตาสีทองที่มองมาอย่างเฉยชา และเผลอสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นเสื้อเนื้อดีสีดำที่ถูกปักเป็นลวดลายเสื้อโคร่งคำราม
   
ซึ่งมันก็ดูสมจริงจนเขาเผยถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัว
   
“คะ คุณเป็นอัลฟ่าเหรอ”
   
กวินทร์ปากคอสั่นสติแตก เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจออัลฟ่าในที่แบบนี้ สถานที่ที่เหล่าอัลฟ่าให้นิยามว่าเป็นที่ๆ พวกเดนมนุษย์อยู่กัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นที่ซุกหัวนอนของเหล่าเบต้าที่มีค่าแรงต่ำ ไม่มีการศึกษา ดื่มสุราเกรดต่ำรสชาติบาดคอจนแทบกินไม่ได้ไปวันๆ เพื่อลืมความเจ็บปวดที่เป็นอยู่
   
“เปล่า”
   
“งั้นผมขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ผมมีประวัติที่ไม่ดีนิดหน่อยกับพวกอัลฟ่าน่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นคนเป็นเบเต้ารู้สึกสบายใจขึ้นนิดๆ เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าจริง เขาคงจะวางตัวไม่ถูก
   
หลังจากหายตกใจ กวินทร์ก็ล้วงหยิบของที่มีค่าที่สุดที่ตัวเองมีในกระเป๋า และยื่นมันให้กับคนที่น่าจะเป็นเบต้าเหมือนกันด้วยท่าทีนอบน้อม
   
“ผมพอจะทราบธรรมเนียมมาบ้าง นี่เป็นของที่ดีที่สุดที่ผมมีครับ”
   
“สร้อย?”
   
“ครับ สร้อย” กวินทร์มองสร้อยสีเงินในมืออีกฝ่ายด้วยความอาลัย “มันเป็นสร้อยประจำตระกูลผม ทำจากเงินแท้ ถ้าเอาไปขายก็น่าจะได้ราคาดีอยู่ครับ”
   
คนรับไปถือขมวดคิ้วเมื่อมองใกล้ๆ และเผลอบ่นพึมพำออกมาไม่จริงจังนัก “..เงินปลอม”
   
“อะไรนะครับ”
   
“คุณไปนั่งรอผมที่โต๊ะก่อน”
   
กวินทร์เกาหัวแกรกๆ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าตอนแรกอีกฝ่ายไม่ได้พูดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้ที่สุด นั่งรอได้สักพักร่างของคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านก็เดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมกับถาดอาหารชุดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยอาหารที่เขาไม่รู้จัก
   
อึก..
   
กวินทร์กลืนน้ำลายเอือก เมื่อมองอาหารตรงหน้า รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นอาหารที่ต่อให้เขาใช้ความพยายามทั้งชีวิตก็ไม่สามารถกินมันได้
   
“กินสิ”
   
ทั้งๆ ที่ดูเย็นชาตั้งแต่แรกพบ แต่กวินทร์กลับสัมผัสได้ถึงความใจดีเล็กๆ ของอีกฝ่าย
   
“ผมไม่มีปัญญาจ่ายหรอก คุณ”
   
กวินทร์หัวเราะเสียงขืนด้วยสีหน้าเจ็บปวด เพราะไอ้สร้อยเงินที่เขาเพิ่งให้อีกฝ่ายก็คงขายได้ไม่ถึงครึ่งของราคาอาหารพวกนี้ด้วยซ้ำ
   
“คุณจ่ายแล้ว กินเถอะ”
   
“…ขอบคุณครับ”
   
สุดท้ายกวินทร์ก็พ่ายแพ้ให้กลิ่นหอมและความน่ากินของมัน หยิบช้อนซ้อมขึ้นมาตักกิน ก่อนที่จะพบว่ามันอร่อยมาก และน่าจะเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เขาเคยกิน
   
“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม”
   
ระหว่างที่กวินทร์เพลิดเพลินกับการกินอาหารก็ถูกถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   
“แน่ใจครับ”
   
“ทำไม?”
   
นัยน์ตาสีทับทิบหม่นแสงลงอย่างเจ็บปวด
   
“ผมก็แค่ทนทำมันต่อไปไม่ไหวแล้ว”
   
กวินทร์เงยหน้ามองคนถามทั้งน้ำตา
   
“ผมยอมแพ้แล้ว คุณ กับการทนใช้ชีวิตเพื่อทำงานบ้าๆ นี่น่ะ ผมทำงานหนักมาทั้งชีวิต เพราะผมเชื่อว่ามันจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น แต่หลังจากผมทำมาเกือบสิบปี มันก็ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน ผมก็ยังจนเหมือนเดิม อยู่บ้านหลังเดิม เงินค่ารักษาตัวเองผมยังไม่มีปัญญาจ่ายเลย”
   
เหล่าอัลฟ่ามักจะสอนเหล่าเบต้าเสมอว่า ‘จงทำงานให้หนัก เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ซึ่งกวินทร์ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่หลงเชื่อคำสอนนี้อย่างสุดหัวใจและทำมันอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองนั้นเสียปอดไปครึ่งหนึ่ง เพราะสารเคมีของโรงงานที่ตัวเองทำอยู่ถึงได้ตาสว่าง
   
“มันไม่ประโยชน์อะไรแล้วคุณ ที่ผมจะอยู่ต่อบนโลกบ้าๆ นี่น่ะ ผมจะเป็นบ้าแล้วคุณ ไม่มีใครช่วยผมได้แล้วนอกจากคุณ ฮึก ไม่มีใครแล้วจริงๆ ”
   
กวินทร์ปล่อยโฮออกมาในที่สุด
   
เขาเจ็บปวดมาก เพราะเขาเคยมีความฝัน ฝันว่าจะมีบ้านหลังใหญ่ สวนสวยๆ กับครอบครัวน่ารักของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ความจริงมันโหดร้าย เขาเป็นแค่เบต้าสมองทึบ แค่หาเงินเลี้ยงตัวเองไปวันๆ ก็หืดขึ้นคอแล้ว
   
เขาใช้เวลาหลายปีในการพยายาม ในการพิสูจน์ตัวเอง แต่มันก็ไม่เคยช่วยอะไร ทุกอย่างมีแต่แย่ลงไปเรื่อยๆ อาการป่วยทำให้เขาทำงานได้แย่ลง และในที่สุดเขาก็โดนไล่ออกจากงาน ไม่มีเงิน ต้องเป็นขอทานในย่านเดนมนุษย์นี้
   
การได้ยินข่าวลือจากคนที่เดินผ่านทางไปมา ทำให้เขารู้สึกกลับมามีความหวังอีกครั้ง
   
หวังว่าจะมันจะช่วยปลดปล่อยเขาออกจากความทรมานนี้ได้
   
“ฮึก ช่วยให้ผมหลับสบายเถอะ คุณ”
   
กวินทร์กินอะไรไม่ลงอีกต่อไป แม้ว่าร่างกายจะเรียกร้องมากขนาดไหนก็ตาม
   
“อืม”
   
“ฮึก ผม ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ผมขอบคุณคุณจริงๆ นะ”
   
กวินทร์พูดโดยไม่รู้สักนิดว่าผู้มีพระคุณของตัวเองนั้นกำลังกรุ่นโกรธได้ที่ นัยน์ตาสีทองที่ดูเฉยชานั้นสุมไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธเคือง
   
มือเล็กซึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋านั้นกำแน่นจนเลือดแทบซึมออกมา
   
เขากำลังโกรธ..
   
โกรธจนแทบบ้า!

=========

เรื่องยาวเรื่องแรกในปีนี้  :z10:

#สิงหกุลโภชนา
   


ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
โถ.. คุณต่ายยย :hao5:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สู้นะคุณกระต่าย อย่าร้อง เอาใจช่วยนะ รอออ ยุนะ รีบมาๆ ^^

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คุณกวินทร์น่าสงสาร
แล้วคุณคนนั้นโกรธอะไรล่ะเนี่ย
 :pig4:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สิงหกุลโภชนา ต้องเป็นชื่อร้านแน่ๆเลย

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
น่าสนใจ
คุณต่ายจะได้หลับแบบไหนละ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สงสารคุณกระต่าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุณกระต่ายน่าสงสารมากเลย

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 1
   
   
‘ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว’
   
เป็นคำที่ ‘ทวิช’ มักจะกล่าวกับลูกค้ากับตัวเองของเสมอ
   
เพราะมันเป็นเพียงแค่สัมผัสเจ็บปวดชั่วพริบตา และสติสัมปชัญญะจะสูญสิ้นมลายหายไปหมดในไม่กี่นาทีต่อมา
 เป็นการลงทุนที่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
 
แต่ว่าเหล่า ‘อัลฟ่า’ ผู้สูงส่งนั้นกลับบอกว่าสิ่งๆ นี้ผิดกฎหมาย ไม่อนุญาตให้เบต้าคนใดประกอบอาชีพหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับสิ่งนี้ เพราะการมอบความตายกับผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ผู้ที่ตัดสินสิ่งเหล่านี้มีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่ตัดสินได้

แน่นอนทวิชไม่เชื่อคำสอนหลอกลวงพวกนั้น

เขาเชื่อในตัวเองมากกว่าพวกมัน




“…หลับซะ กวินทร์ ไม่มีอะไรที่นายต้องกังวลอีกแล้ว”

ทวิชอุ้มกระต่ายตัวผอมในมือ และโยกไปมาเบาๆ ราวกับกำลังกล่อมเด็กทารกให้หลับใหล นัยน์ตาสีทับทิบปรือปรอยอย่างมึนงง มันส่งเสียงงี้ดเล็กๆ เมื่อรู้สึกง่วงเหลือเกิน แต่สัญชาตญาณส่วนลึกของมันกลับยังกระตุ้นให้มันตื่นตัว แม้ว่ามันจะอ่อนล้าเต็มทน

“พวกมันก็ทำร้ายนายได้เท่านี้แหละ ในโลกใบนั้นจะไม่มีใครทำร้ายนายได้อีก”

น้ำเสียงของทวิชนั้นแผ่วเบา นุ่มนวล น่าฟัง  ราวกับนกที่คอยขับกล่อมและปลอบประโลมให้เหล่าผู้ที่สิ้นหวังได้กลับมามีความหวัง แม้ว่าสิ่งๆ นั้นอาจจะเป็นความตายอันชั่วนิรันดร์ แต่ถึงกระนั้นสถานที่นั้นก็จะไม่มีใครมาคอยขีดกฎเกณฑ์ และบีบบังคับเบต้าที่น่าสงสารเหล่านี้อีก
   
“งี้ด”
   
ในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะจมสู่ห้วงความมืดมิด  กวินทร์ในร่างกระต่ายสบตากับทวิชเชิงขอบคุณ และยอมจำนนต่อการ ‘หลับสบาย’ ที่ตนเองเลือกในที่สุด
   
ทวิชยิ้มรับเศร้าๆ และวางกวินทร์ลงบนเบาะนุ่ม
   
ก่อนที่จะเดินไปสูบบุหรี่ข้างหลังร้านอย่างที่มักจะทำ
   
อย่างไรก็ตามสำหรับทวิชแล้ว กวินทร์ไม่ใช่ลูกค้าคนแรกและคนสุดท้ายของเขา ยังมีเบต้ามากมายในโลกภายนอกนั้นที่ยังต้องจมปลักทุกข์ทนอยู่ในระบอบทุนนิยมที่เอื้อหนุนเฉพาะกลุ่มอัลฟ่า ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความไม่เท่าเทียม กระจายไปทุกหย่อมหญ้าไม่ละเว้นเบต้าคนใด เพียงแต่อาจจะมีบางคนที่ได้รับสิทธิ์พิเศษอย่างการเป็น ‘คนของอัลฟ่า’
   
ถึงแม้อาจจะได้ย่างกรายไปในสังคมระดับบน แต่เบต้าพวกนั้นก็ต้องสวมปลอกแขนเหล็กซึ่งสลักเลขประจำตัวเอาไว้ หนำซ้ำยังต้องสวมปลอกคอที่บังคับให้งดกลายร่างเป็นร่างต้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
   
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างในโลกโสมมนี้ช่างแสนเหลื่อมล้ำ และโหดร้าย แต่เรื่องที่ตลกร้ายกว่านั้นคือเหล่าเบต้าที่ทนทรมาทรกรรมจากสิ่งเหล่านั้น กลับไม่เคยเข้าใจสักนิดว่ามันคือความไม่เท่าเทียม แน่นอน การที่เหล่าเบต้าไม่รู้จักย่อมมีมูลเหตุมาจากการที่เหล่าชนชั้นนำจงใจลบบิดเบือนข้อมูลนี้ทั้งหมด แม้กระทั่งข้อมูลของโอเมก้าที่เคยคิดจะก่อกบฏตอนนี้ก็แทบไม่เหลือด้วยซ้ำ

โอเมก้าแทบทั้งหมดของประเทศนี้นั้นได้ถูกฆ่ากวาดล้างไปหมดแล้ว ด้วยการใส่ไฟของรัฐบาลที่กล่าวว่าโอเมก้านั้นคือปีศาจที่ต้องกำจัด เพราะโอเมก้านั้นคือสาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศ
   
ความจริงในส่วนนี้แทบไม่เป็นความจริงด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อสื่ออยู่ในมือใคร ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ควบคุม อัลฟ่าเลือกใช้แทบทุกสื่อในมือในการปลุกระดมเหล่าเบต้าที่มีจำนวนเยอะที่สุดในสามเพศ ให้เกลียดชังในตัวโอเมก้า ให้มองว่ามันเป็นปีศาจ ไม่ใช่คนเหมือนกัน จนเกิดการล่าแม่มดขึ้นมา และในที่สุดโอเมก้าในประเทศนี้ก็ตายไปหมดจริงๆ
   
อัลฟ่าบางส่วนเชื่อว่ายังมีโอเมก้าหลงเหลืออยู่ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงทฤษฎีขบคิดเท่านั้น เพราะโดยพื้นฐานแล้วโอเมก้ามีข้อเสียเปรียบด้านร่างกายที่ท้องได้และอ่อนแอ สิ่งที่พอจะทำเนาให้โอเมก้าเอาชีวิตรอดได้ คือความฉลาดเป็นกรดเท่านั้น
   
อาจจะกล่าวได้ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อัลฟ่าต้องกำจัดโอเมก้า ก็คงจะเป็นเพราะความรู้มากเกินไปของเหล่าโอเมก้า การรู้เท่าทันไปเสียหมด ทำให้ควบคุมได้ยาก จนเหล่าชนชั้นนำเกิดความขุ่นเคืองใจและออกแนวคิดกวาดล้างขึ้นมา เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาสามารถตรวจสอบพวกเขาได้อีก
   
แต่น่าเสียดายนักที่ทฤษฎีขบคิดที่ถูกปัดตกไปนั้นกลับเป็นความจริงเสียได้
   
เพราะไม่ใช่อัลฟ่าทุกคนที่โหดร้าย
   
แผ่นหลังเล็กๆ ของทวิชนั้นรอยกระดูกปูดขึ้นมาเล็กๆ ยากที่จะมองออก แต่หากลองสัมผัสดูจะสัมผัสได้ถึงความแข็งของมันที่มากพอจะเป็นฐานให้กับอะไรบางอย่าง
   
เหล่าโอเมก้านั้นส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นนก
   
และทวิชก็เป็นนกที่เหลือรอดไม่กี่ตัวที่รอด ทำตัวแนบเนียนไปกันเหล่าเบต้าธรรมดา ซึ่งจะเรียกว่าเนียนก็คงไม่ถูกนัก เพราะทวิชไม่ได้คิดจะซุกซ่อนตัวแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเปิดร้านขายความตายให้กับเหล่าเบต้าที่สิ้นหวังด้วยอย่างเปิดเผยด้วย
   
จะเรียกว่าท้าทายก็ไม่เชิง เพราะทวิชไม่ได้สนใจที่จะต่อต้านพวกอัลฟ่าอย่างจริงจังเหมือนที่โอเมก้ารุ่นก่อนทำ เขาก็แค่เลือกที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ อย่างเฉื่อยชา และมองโลกเบื้องบนที่อัลฟ่าปกครองกันอย่างสุขสบายด้วยความรังเกียจ
   
ใช่ว่าทวิชจะไม่เคยมีความคิดก่อกบฏ เขาคิด แต่เรื่องแบบนั้นก็เป็นไปได้ยากเกินไปในสังคมที่อัลฟ่ายังควบคุมทุกอย่างแบบนี้ ตลอดระยะเวลาที่เปิดร้านนี้มา ทวิชรู้จักเบต้านับคนได้ที่ไม่ถูกพวกอัลฟ่าล้างสมองไปแล้ว พวกเขาเป็นเบต้ากลุ่มเล็กๆ ไม่ถึงสิบคนที่มักจะมาเยือนร้านเขาแล้วให้เขาทำอาหารเลี้ยงอยู่บ่อยๆ
   
และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าทวิชนั้นเป็นโอเมก้า
   
คิดว่าเป็นเพียงเบต้าที่เส้นใหญ่พอที่จะมาเปิดร้านขายความตายแบบสบายๆ ก็เท่านั้น
   
ปัง!!!
   
ประตูไม้เก่าถูกกระแทกเปิดออก ซึ่งมันก็ดังมาจนถึงหลังร้านจนทวิชที่กำลังเหม่ออยู่อดขมวดคิ้วไม่ได้
   
ไร้มารยาท
   
ทวิชสบถในใจ ใช้เท้าดับบุหรี่บนพื้น แล้วสาวเท้าออกไปหาลูกค้ารายที่สองของวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าให้มาวันอื่น เขารับลูกค้าแค่วันละรายเท่านั้น มากกว่านั้นคือมากเกินไปสำหรับเขา
   
กลิ่น..?
   
ทวิชย่นจมูกทันทีเมื่อได้กลิ่นฮอร์โมนรุนแรงของพวกอัลฟ่า และเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองในไม่ช้า แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของทวิชก็ยังเฉยชา
   
ซึ่งก็เป็นอย่างที่ทวิชคิด เพราะเมื่อเดินออกมาก็เจออัลฟ่าในชุดตำรวจร่างใหญ่ที่มียศประดับอยู่เต็มอกกำลังยืนกอดอกรอเขา ใบหน้าที่ดูหล่อเหลานั้นดูกวนประสาท และเอาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
   
“คุณเป็นเจ้าของร้านนี้ใช่ไหม?”
   
ทวิชไม่รู้ว่าเป็นนิสัยโดยปกติของอัลฟ่าหรืออะไร ถึงชอบวางท่าใส่เบต้าทั่วไปแทบจะทุกคน
   
“ใช่ ผมเอง”
   
ทวิชตอบเสียงเนือย ไม่ยี่หระแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายมองมาอย่างหงุดหงิด เพราะว่าเขาไม่ยอมทำตัวนอบน้อมใส่พวกอัลฟ่า เหมือนพวกเบต้าคนอื่นๆ
   
“คุณรู้ใช่ไหมว่าไอ้บริการหลับสบายๆ อะไรของคุณเนี่ย มันผิดกฎหมาย”
   
“แล้ว?”
   
ทวิชเอียงคอถาม ใช้นิ้วม้วนผมเปียเล็กๆ ของตัวเองเล่น
   
“ผมก็ต้องจับคุณไง อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ไหม”
   
ชนินทร์พูดด้วยความหงุดหงิด บอกตามตรงเลยว่านี่น่าจะเป็นเบต้าคนแรกในชีวิตเขาที่ทำตัวกวนประสาทเขาขนาดนี้ หนำซ้ำยังไม่กลัวเขาด้วย ทั้งๆ ที่เขาจงใจใส่ชุดตำรวจมาเต็มยศเพื่อมาข่มขู่โดยเฉพาะ
   
“ก็ได้ ถ้าคุณทำตัวแบบนี้ผมก็คงต้องใช้ไม้แข็ง ไปสถานีตำรวจกับผมเดี๋ยวนี้เลย!”
   
มือหนาล้วงหยิบกุญแจมือออกมา และตรงปรี่เข้าไปจับอีกฝ่าย แต่น่าเสียดายที่ทวิชนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ ให้จับ สามารถหลบได้อย่างคล่องแคล่วด้วยสีหน้าเฉยเมย
   
“ก่อนที่คุณจะจับผม ก็ช่วยไปดูด้วยนะ ว่าใครคุ้มกะลาหัวผมอยู่”
   
ทวิชเหยียดยิ้มจงใจหยุดให้ชนินท์จับ แต่ก็จงใจดึงเสื้อคลุมให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอัลฟ่าตระกูลไหน
   
“..พยัคฆ์โภคสกุล”
   
ชนินทร์พึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิดกว่าเดิม เพราะตระกูลพยัคฆ์โภคสกุลก็คือหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศ มีอัลฟ่ามากมายในตระกูลนั้นที่ทำงานในสภา และดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ไหนจะกลุ่มที่แยกตัวออกมาเป็นบริษัทจนร่ำรวยอีก
   
เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่ไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจรู้จัก ขนาดอัลฟ่าด้วยกันเองยังต้องเกรงใจตระกูลนี้เลย เพราะกลัวการกระทบกระทั่งกัน
   
“..ว่าไงคุณ ยังจะจับผมอยู่ไหม”
   
ทวิชแค่นเสียงหัวเราะ ตั้งใจจะดึงมือตัวเองออก แต่กลับถูกมือหนาๆ นั่นกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ
   
“ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเป็นคนของใคร แต่คุณทำผิดกฎหมาย”
   
ชนินทร์พูดเสียงเย็น ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายไม่ได้สวมปลอกคอหรือสนับแขนเหมือนเบต้าที่เป็นของพวกอัลฟ่าตระกูลใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามเสื้อดำเนื้อดีที่ปันดิ้นลายเสือนี้นั้นเป็นของจริงแน่นอน เพราะเขาเคยเห็นเสื้อคลุมแบบนี้ในงานใหญ่มาก่อน
   
“คุณจับผมไม่ได้หรอก คุณตำรวจ”
   
ทวิชเหยียดยิ้ม
   
“ยศคุณน้อยเกินไป”
   
“ผมเชื่อว่าระบบความยุติธรรมในชั้นศาลจะเป็นคนบอกผมเองนะ ว่าผมจับคุณได้หรือไม่ได้”
   
ชนินทร์ยังดึงดัน อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อว่าชั้นศาลต้องให้ค่าความยุติธรรมมากกว่าอำนาจเงินอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับอัลฟ่าอย่างเขาที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศมากมาย ผิดกับเบต้าชั้นต่ำนี่ที่จงใจกระทำผิดโดยไม่สนใจกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองสักนิด
   
ชั้นศาลต้องให้ความยุติธรรมกับเขาแน่
   
“คุณแน่ใจเหรอ?”
   
ทวิชหัวเราะเยาะในความคิดใสซื่อของชนินทร์ เอาเข้าจริงเขาก็ไม่แปลกใจนัก ที่รัฐบาลจะผลิตคนประเภทนี้ออกมาได้ประเภทที่ศรัทธาในพวกเดียวกันเอง จนลืมไปหมดว่าความยุติธรรมจริงๆ มันทำงานยังไง
   
“คุณอย่ามาเล่นลิ้นมากได้ไหม  ตามผมมาได้แล้ว!”
   
อัลฟ่าหนุ่มที่ตอนแรกตั้งใจจะใช้กุญแจมือล็อก ตอนนี้คือเปลี่ยนใจลากผู้ต้องหาไปเลย เขาไม่สนใจแล้ว ไอ้เบต้าชั้นต่ำนี่มันน่ารำคาญเป็นบ้าเลย
   
“ไม่”
   
นัยน์ตาสีเทาของชนินทร์เบิกตากว้าง เมื่ออยู่ๆ ไอ้คนที่เขาคิดว่าเป็นเบต้ามาตลอดกลับจงใจคืนสู่ร่างต้น
   
ใบหน้าที่เคยสวยค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพร้อมๆ กับเสียงหักของกระดูกดังไม่หยุด  ในเวลาเพียงชั่วพริบตาบริเวณลำคอส่วนบนขึ้นไปก็กลายเป็นหัวสัตว์กินเนื้อประเภทหนึ่ง
   
“..คุณเป็นอัลฟ่า?”
   
ชนินทร์เผลอปล่อยมือจากอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จดจ้อง ‘เสือดำ’ ที่จ้องตัวเองกลับอย่างยียวน
   
นัยน์ตาที่ยังคงเป็นสีทองเช่นเดิมแต่รีขึ้นหรี่ตามองคนเป็นตำรวจอย่างเหยียดหยาม
   
“ไปทำเรื่องขอเอกสารให้มันเสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาจับผมแล้วกัน คุณตำรวจ”
   
ทวิชแค่นเสียงหัวเราะ หลังจากการปฎิวัติครั้งนั้น กฎหมายของประเทศนี้ก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่อย่างประหลาด พวกกฎหมายแบบเก่าก็ยังคงใช้กับพวกเบต้าได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นอัลฟ่านั้นต้องผ่านการขอเอกสารยุบยับมากมาย อีกทั้งยังมีศาลอัลฟ่าแยกออกไปอีกศาล ซึ่งเป็นศาลที่อำนวยความสะดวกให้กับพวกอัลฟ่าที่มีเงินเยอะแบบสุดๆ
   
ฉะนั้นต่อให้ตำรวจหน้าโง่นี่สามารถจับเขาไปขึ้นศาลได้ เขาก็ต้องไปขึ้นศาลอัลฟ่าอยู่ดี และแน่นอนด้วยอิทธิพลของตระกูลพยัคฆ์โภคสกุล แค่เรื่องถึงหัวหน้าไอ้อัลฟ่าหน้าโง่นี่ก็จบแล้ว
   
ฉะนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถเอาเขาขึ้นศาลได้
   
“ผมถามจริงเถอะ คุณให้ค่ากับชีวิตเบต้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
   
ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าทวิชจะไม่เคยเจอพวกตำรวจ พวกนั้นรับรู้การมีอยู่ของร้านเขา แต่ก็ไม่ได้คิดจะจัดการจริงจังมากมาย เพราะเบต้าส่วนใหญ่ที่มาหาเขาก็เป็นเบต้าสิ้นหวังกันทั้งนั้น ต่อให้ไม่เลือกใช้บริการของเขา เบต้าพวกนี้ก็คงจะไปฆ่าตัวตายกันวิธีอื่นอยู่ดี
   
ตำรวจในท้องที่จึงเลือกที่จะปิดตาข้างเดียวมาตลอด ซึ่งเขาก็ให้ส่วยตามความเหมาะสมทุกปี ซึ่งปีนี้ก็เข้าปีที่สามที่เขาตัดสินใจเปิดร้านนี้แล้ว และมันก็ราบรื่นดี จนกระทั่งมาเจอไอ้อัลฟ่าหน้าโง่คนนี้เนี่ยแหละ
   
“..แต่คุณกำลังทำผิด”
   
ชนินทร์ขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกเดือดดาลก็จริง แต่ก็น้อยลงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าเหมือนกับตัวเอง และเขาก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าอัลฟ่าที่อยู่ในตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น มาทำอะไรในที่แบบนี้
   
“ใช่ ผมรู้ ที่ผมทำอยู่ ผมก็แค่เล่นสนุกอยู่เท่านั้นแหละ คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก”
   
เสียงของทวิชนั้นแปร่งขึ้นยามที่พูด แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นไปด้วยความแดกดันไม่พอใจ
   
หากจะบอกว่าอัลฟ่านั้นถือทิฐิแล้ว ลูกผสมอย่างทวิชนั้นกลับมีมากกว่ามาก
   
เพราะเขานั้นเติบโตขึ้นมาด้วยความเกลียดชัง เขาเกลียดแทบจะทุกๆ อย่างรอบตัว หลังจากที่รู้ความจริงว่าพ่อแม่ตัวเองนั้นหายไปไหนกันแน่ และเขาก็ใช้เวลาเกือบสิบแปดปีอยู่กับตัวเองแทบจะตลอดเวลา
   
“พูดตามตรงว่าผมก็ไม่ได้ให้ค่าขนาดนั้นหรอก” ชนินทร์ยอมรับออกมาตรงๆ แล้วเลือกนั่งที่นั่งใกล้ๆ ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็นเบต้า ผมเลยไม่พอใจ แต่เอาเถอะ ถ้าคุณเป็นอัลฟ่า ผมก็โอเค โทษทีนะ คุณ เมื่อกี้ผมอาจจะหยาบคายไปหน่อย ผมแค่ไม่ชอบเวลาพวกเบต้าทำผิดกฎหมาย เหมือนไม่เห็นหัวพวกเราน่ะ”
   
พอเห็นท่าทีผ่อนคลายไม่เอาเรื่องของชนินทร์ ทวิชก็กลับมาเป็นร่างมนุษย์ปกติ แต่นัยน์สีทองที่ดูเฉยชานั้นกลับซุกซ่อนความโกรธเคืองเอาไว้อย่างชัดเจน
   
แน่นอนว่าทวิชไม่ได้โง่พอที่จะแสดงออกตรงๆ ให้กลายเป็นปัญหาของตัวเอง จึงยอมตีหน้านิ่ง และนั่งตรงข้ามอีกฝ่าย แม้ว่าลึกๆ จะอยากไล่ออกไปมากก็ตาม
   
เพราะถึงจะไม่เห็นหัวอีกฝ่าย เขาก็ควรจะไว้หน้าไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นไอ้อัลฟ่านี่คงจะกลับมาวอแวหาเรื่องกัดเขาไม่เลิก
   
“ผมชอบร้านคุณนะ สวยดี ชื่อร้านว่าอะไรนะ? อะไร สิงๆ ”
   
ทวิชขมวดคิ้ว เพราะพอเห็นว่าเขาอ่อนลงหน่อย อีกฝ่ายก็ตีสนิทเขาทันที
   
“คุณเป็นหมาป่า?”
   
“ว้าว คุณเป็นคนแรกเลยนะที่เดาถูก”
   
ชนินทร์ไม่ได้ว่าอะไรที่ทวิชตอบไม่ตรงคำถาม หนำซ้ำยิ้มเผล่โชว์เขี้ยวให้ทวิชอย่างซุกซน หูกับหางฟูๆ ปรากฏให้เห็นราวกับจะยืนยันสายพันธุ์ของตัวเอง ซึ่งทวิชเห็นอีกฝ่ายมองมากๆ ก็ยอมบอกไป
   
“ผมเห็นขนของคุณติดเสื้อ”
   
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ขนถึงทำให้รู้ แต่ทวิชก็ไม่ได้บอกจนหมด ไม่เช่นนั้นเจ้าหมาป่านี่อาจจะฉุนเขาแทนได้ เพราะไอ้สาเหตุที่เขารู้อีกอย่างก็เพราะนิสัยหมาๆ ของอีกฝ่ายเนี่ยแหละ
   
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้หมานี่แอบดมเขาวะ
   
“งั้นตอบผมหน่อย ร้านคุณชื่ออะไร เผื่อคราวหน้าผ่านมาแถวนี้อีก ผมจะได้แวะมากินถูก”
   
จากอารมณ์กรุ่นโกรธของชนินทร์หายไปแทบหมด เมื่อเขาเริ่มรู้สึกถูกใจคนเป็นเจ้าของร้านที่ดูดีไม่หยอก ใบหน้าสวยที่เรียบเฉยนั้นทำให้เขาเดาอารมณ์อะไรไม่ออกเลย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือรสนิยมการแต่งตัวของอีกฝ่าย ที่ค่อนข้างจะเข้ากับใบหน้าและผมเปียสีดำเล็กๆ ข้างเดียวนั่น
   
ซึ่งรวมๆ สำหรับเขาแล้ว มันเซ็กซี่เป็นบ้าเลย
   
“สิงหกุลโภชนา” ทวิชยังคงขมวดคิ้ว “แล้วร้านผมก็ไม่ใช่ร้านอาหารด้วย”
   
“แต่ผมได้ข่าวว่าคุณทำอาหารเก่งนะ”
   
“ใช่ แต่ผมทำให้พวกเบต้ากินก่อนตาย คุณอยากจะเป็นเบต้าคนนั้นไหมล่ะ?”
   
ทวิชฉีกยิ้มเย็น
   
เขารู้สึกมาสักพักแล้ว ว่าเขาโคตรจะไม่ถูกชะตากับไอ้หมานี่เลย เป็นไปได้เขาอยากเอาน้ำร้อนสาดมันมาก เพราะไอ้หมานี่โคตรน่ารำคาญ ถ้ามันอยู่ในร่างหมา ตอนนี้คงจะปรี่มาดมเขาแล้วกระดิกหางไม่หยุด
   
“ใจเย็นสิ คุณ” ชนินทร์หัวเราะ เพราะคิดว่ามันเป็นมุก “ว่าไป ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อชนินทร์ เป็นตำรวจที่จะมาดูแลพื้นที่เขตนี้แทนคนเก่าที่ย้ายไปครับ”
   
ทวิชพยักหน้าอย่างขอไปที พูดตรงตามเขาไม่อยากรู้จักมัน และก็ไม่ได้อยากให้มันรู้จักเขาด้วย
   
“แล้วคุณล่ะ”
   
“..ทวิช”
   
“ชื่อคุณน่ารักจัง”
   
“…”
   
ทวิชจงใจกลอกตาใส่ แน่นอนว่าชนินทร์เห็นแต่ไม่สนใจ เพราะยังสนุกกับการหยอกกับอีกฝ่ายเล่น ยิ่งทวิชแสดงท่าทีว่ารำคาญเขา เขายิ่งอยากแหย่ให้โกรธ
   
“ชวนผมคุยบ้างสิ คุณทวิช”
   
“ผมมีคู่แล้ว”
   
ไม่ว่าเปล่าทวิชจงใจชูแหวนเงินที่ใส่อยู่ให้ชนินทร์เห็น เขารำคาญหมานี่จะแย่แล้ว ให้ตายเถอะ
   
“โกหก”
   
“ผมไม่ได้โกหก เลิกยุ่งกับผมแล้วไสหัวออกจากร้านผมสักที!”
   
ในที่สุดทวิชก็หมดความอดทน ตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด
   
“หวา อย่าเพิ่งโกรธสิ คุณ ผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณก็เท่านั้นเอง” ชนินทร์หดคอหูลู่นิดๆ เมื่อถูกเอ็ดใส่ แต่ก็ยอมลุก “ผมไปก็ได้ แต่ผมจะมาอีก ถึงตอนนั้นคุณก็เตรียมอาหารไว้ให้ผมด้วยแล้วกัน คุณทวิช”
   
“ได้”
   
ทวิชยิ้มเย็น ซึ่งมันก็ทำให้ชนินทร์ที่กำลังจะดีใจ ไม่กล้าดีใจ
   
“คุณได้กินอาหารหมาแน่”
   
“ใจร้ายชะมัด แต่ถ้าเป็นคุณซื้อให้ผม ผมอาจจะยอมกินก็ได้นะ”
   
ชนินทร์บ่นไม่จริงจังนัก และยอมล่าถอยออกไปจากร้านแต่โดยดี เพราะทวิชหยิบโทรศัพท์เตรียมโทรออกแล้ว แน่นอนว่าหลังจากรู้ตัวตนอีกฝ่ายแล้ว ชนินทร์ก็ไม่กล้าตอแยมาก
   
เพราะขืนทำให้ทวิชหมดความอดทนจริงๆ เขาอาจจะโดนเด้งวันนี้เลยก็ได้ ใครจะไปรู้
   
หลังจากที่ไล่ชนินทร์ออกไปได้ ทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่ทวิชก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิด จึงเดินไปสูบบุหรี่ที่หลังร้านอีกรอบอย่างเดือดดาล
   
เขาเกลียดพวกอัลฟ่า โดยเฉพาะอัลฟ่าแบบชนินทร์ที่พอเห็นว่าเขาเป็นพวกเดียวกันก็เปลี่ยนท่าทีอย่างเห็นได้ชัด พวกมันไม่มีสามัญสำนึกสักนิดว่าตัวเองกำลังเลือกปฏิบัติอยู่ และยังดูพอใจกับการกระทำของตัวเองด้วย
   
“บัดซบ!”
   
ทวิชสบถกับตัวเอง เมื่อรับรู้ถึงน้ำตาที่คลอเบ้าตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากร้องไห้สักนิด แต่น้ำตากลับไหลออกมาไม่หยุด จนเขาต้องดับบุหรี่อีกรอบมานั่งปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
   
เขาเจ็บปวดที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องบ้าๆ นี้ได้เลย นอกจากยอมรับสภาพอย่างยอมจำนน ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากยอมจำนนสักนิด เขาทนเห็นพวกอัลฟ่ากดขี่เบต้าต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
   
เพราะแค่คิดจะก้าวเท้าออกไปประท้วง ในชั่วพริบตาเขาก็ถูกพวกมันยิงตายแล้ว
   
ทั้งๆ นี่เป็นความไม่ถูกต้อง เป็นความไม่เที่ยงธรรม เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมอัลฟ่าพวกนั้นถึงได้เห็นแก่ตัวนัก พวกมันเอาเปรียบและขูดเลือดขูดเนื้อเบต้าทุกทาง ทั้งขึ้นภาษีต่างๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่งสาธารณะ หรือแม้แต่ภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์ ที่พวกเบต้าพยายามหมั่นเก็บกันหวังเป็นทุนใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต พวกมันก็ยังหักดอกเบี้ยไปอย่างหน้าตาเฉย
   
“ฮึก แม่งเอ๊ย!!”
   
ทวิชหลุดสะอื้นออกมาในที่สุด เขาเกลียดชังพวกมันจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ยังลมหายใจอยู่ ทั้งๆ ที่เขาพยายามเพิกเฉยมัน ไม่สนใจมัน แต่สุดท้ายไอ้สิ่งที่เขาเพิกเฉยมันก็รุกคืบเข้ามาในชีวิตของเขาตลอดเวลา จนเขาทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้จนต้องออกมาเปิดร้านขายความตายนี่ เพื่อมอบความหวังสุดท้ายให้กับเบต้าที่สิ้นหวัง
   
เขารู้ดีว่ามันเป็นวิธีการที่ผิด แต่เขาก็คิดทางที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะลำพังแค่ตัวเขาคนเดียว คงจะไม่มีปัญญาไปเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก ต่อให้เขาจะเป็นโอเมก้าไม่กี่คนที่เหลือรอดจากการกวาดล้างก็เถอะ
   
ทุกวันนี้ที่เขายังทนมีชีวิตอยู่ ก็แค่รอวันที่เขาหมดความอดทนเท่านั้น
   
เพราะอุดมการณ์เลิศหรูที่เหล่าโอเมก้ารุ่นก่อนพยายามเรียกร้องนั้น
   
เขาแบกรับมันด้วยตัวคนเดียวไม่ไหวจริงๆ

=========

 :m29:
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หมั่นไส้นายชนินทร์
 :pig4:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ้าวเป็นคุณนกหรือนี่

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น่าสนุกกกกก

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจ้าหมานี่!!! บ้านเมืองน้องทวิชทำไมมันคล้ายบ้านเมืองแถวนี้ ๆ จังเล๊ยยยยยย :o12:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นกำลังใจให้ทวิชนะ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
รอลุ้นต่อ ไม่ชอบอัฟฟ่าเลยอ่ะ ..-_-"

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
น้องทวิชเป็นนายเอกนี่เอง
น้องเป็นโอเใก้า ทำไมถึงกลายร่างเป็นอย่างอื่นได้
สงสารคุณต่ายจัง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชื่อแปลว่านก แต่กลายร่างเป็นสัตว์ใหญ่ได้ด้วย เป็นโอเมก้าที่เท่มากเลยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 2

   
บนโลกอันห่วยแตกนี้ มีสถานที่มากมายที่ทวิชเกลียด แต่สถานที่ที่เกลียดเป็นอันดับต้นๆ ก็คงจะเป็นสถานที่แห่งนี้
   
“ฉันลงหนึ่งพันเหรียญ! ถ้าไอ้กวางถึกนั่นล้มแรดได้!”
   
“ไม่มีทาง! ฝั่งฉันต่างหากที่ต้องชนะ!”
   
“อย่ามาปากดีไปหน่อยเลย ไอ้กวางนั่นเคยล้มช้างมาแล้วนะ แกนั่นแหละที่ต้องแพ้ ไอ้โง่!”
   
เบต้าสองคนซึ่งนั่งข้างกันแต่กลับลงเงินคนละฝ่ายทะเลาะกันเสียงดังลั่น ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ส่วนเบต้าร่างเล็กที่อยู่ในร่างกึ่งกระต่ายก็เดินเก็บเงินพนันทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว เอี๊ยมที่สวมอยู่นั้นเต็มไปด้วยเงินหลายฟ่อนจนแทบจะล้นออกมา ใบหน้าเล็กถูกสวมทับด้วยหัวเสืออันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ดำเนินการกิจการแห่งนี้
   
กิจการที่ว่าด้วยการ ‘ประลองของเหล่าเบต้า’ เป็นหลัก แต่ดำเนินการโดยอัลฟ่าตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งที่ชื่นชอบการต่อสู้และการพนันเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้มาสร้างลานต่อสู้ขนาดย่อมในย่านใจกลางเมืองที่เบต้าอยู่กันหนาแน่น
   
แน่นอนว่าเมื่อถูกดำเนินกิจการด้วยฝีมืออัลฟ่า ทุกอย่างย่อมถูกสร้างขึ้นตามมาตราฐานของอัลฟ่า พื้นประลองเป็นพื้นยางที่สามารถเช็ดเลือดออกได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นวงกลมเพื่อให้ผู้ชมสามารถนั่งชมบนอัฒจรรย์ที่ล้อมรอบได้อย่างถึงใจ ซี่กรงเหล็กกล้าถูกตีขึ้นอย่างแน่นหนาจรดเพดานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้ชมที่มานั่งลงขันกัน
   
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของลานประลองแห่งนี้ย่อมเป็น ‘เงินรางวัล’
   
มีเบต้ามากมายที่อุทิศตนกับการประลองเพื่อเงินรางวัลจำนวนมหาศาลที่สามารถทำให้อยู่ได้สบายได้ไปหลายปี แต่น่าเสียดายที่ผู้ถือเงินอย่างอัลฟ่าก็ไม่ได้โง่ เพราะทางอัลฟ่าเองก็มีเบต้าฝีมือในการครอบครอง ทำให้ชัยชนะไม่ใช่เป็นของผู้ที่มาท้าชิงเสมอไป
   
แต่อย่างไรก็ตามอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของกิจการแห่งนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไปนัก เพราะยังเปิดโอกาสให้เบต้าทั่วไปที่อยากรวยทางลัดมาร่วมสนุก ร่วมลงขันเงินพนัน ด้วยความคาดหวังที่จะเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน
   
“คุณจะลงเงินด้วยไหม?”
   
เบต้าซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานเอ่ยถามทวิชที่นั่งนิ่งอยู่บนอัฒจรรย์
   
“ไม่ล่ะ”
   
ทวิชส่ายหัวก่อนที่จะขมวดคิ้วตอนถูกตบหลัง
   
“เฮ้ ไม่เอาน่า ทวิช มาทั้งทีก็เล่นสักหน่อยเถอะ”
   
‘พอส’ หนึ่งในเบต้าหัวขบถพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทวิชลงพนันด้วย เพราะตัวเองก็ลงฝั่งกวางไปพอหอมปากหอมคอ ตามนิสัยคอพนัน ที่พยายามเลิกยังไงก็เลิกไม่ได้สักที
   
“ไม่”
   
ทวิชกลอกตาใส่อย่างเฉยชา แค่มาที่นี่เป็นเพื่อนก็มากเกินพอสำหรับเขาแล้วด้วยซ้ำ
   
“นายนี่น่าเบื่อชะมัดเลย ทวิช ฉันเป็นพวกมือขึ้นนะ รอบที่แล้วก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าได้มาตั้งเยอะ” พอสพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้ว่าใบหน้าดุๆ จะดูไม่เหมาะกับรอยยิ้มนัก เพราะมันทำให้คนที่มองรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าจะสบายใจ ดวงตาข้างขวาถูกเศษผ้าสีดำปิดเอาไว้แล้วผูกกับเขาแพะบนหัว
   
“…”
   
ทวิชไม่ตอบ จงใจเงียบใส่เพราะอีกฝ่ายก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาเกลียดไอ้ลานประลองนี่ ลานประลองที่หลอกให้เบต้ามากมายมาต่อสู้เพื่อความบันเทิงส่วนตัวของอัลฟ่า มีเบต้าหลายรายที่ได้รับบาดเจ็บจนพิการจากการประลองบ้าๆ นี่ และแน่นอน ไม่มีใครรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของเบต้าเหล่านั้น
   
ลูกค้าบางส่วนของทวิชจึงมักจะเป็นคนจากงานประลองเสมอ คนพวกนั้นเคยแข็งแรง การที่อยู่ๆ กลายเป็นคนที่ไร้สมรรถภาพ ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนเดิม ย่อมสร้างความสิ้นหวังให้กับความพวกเขามาก จนมาใช้บริการกับหลับสบายกับทวิช
   
แน่นอนว่าทวิชไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ถึงแม้จะสิ้นหวังยังไง ลึกๆ เขาก็ยังมีความหวัง เขาหวังเล็กๆ ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเกิดขึ้น เขาอยากให้เบต้าพวกนี้ชีวิตดีขึ้น และไม่มีใครมาใช้บริการกับเขาอีก
   
“ดูนั่นสิ ทวิช ไอ้กวางนั่นอึดเป็นบ้าเลย!”
   
พอสพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นการต่อสู้อันดุเดือดบนลานประลอง ซึ่งกำลังดุเดือดได้ที่ กวางเรนเดียร์ขนาดยักษ์ยังคงพยายามใช้เขาและร่างกายในการล้มแรดขาวขนาดพอๆ กัน บนร่างกายของเจ้ากวางนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากเขาของแรด แต่ตัวแรดเองนั้นก็เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน
   
เสียงโห่ร้องเชียร์ดังกึงก้องในห้องโถง เบต้าจำนวนมากนั่งกันเต็มอัฒจรรย์ไม่เว้นว่างแม้แต่ที่เดียว พวกเขาล้วนหวังในสิ่งเดียวกันซึ่งก็คือชัยชนะของฝั่งที่ตัวเองลงเงินไป
   
“ลุกสิวะ!!! ลุก!”
   
ทวิชเหลือบมองเบต้าข้างๆ ที่หน้าซีดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่เห็นแรดขาวล้มไปกองบนพื้นอย่างสิ้นท่าท่ามกลางคลองเลือดที่เกิดขึ้นจากตัวมันเอง
   
“สิบ!”
   
หนูตัวจิ๋วสวมเสื้อกั๊กลายตารางปีนขึ้นไปเกาะบนหัวของเจ้าแรด ในมือเล็กๆ ของมันถือไมค์ และนับถอยหลังพร้อมๆ กับเลขที่ปรากฏขึ้นบนจอแอลอีดีกลางสนาม
   
“โอ๊ย ลุกขึ้นสิวะ!!! ลุก!!!”
   
เบต้าข้างๆ ทวิชอยู่ไม่สุขอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับพอสที่ตอนนี้นั่งยิ้มหน้าบานไม่หยุด เพราะลงขันถูกฝั่ง หากเจ้าแรดขาวเป็นฝ่ายแพ้จริง เขาจะได้เงินจากการพนันครั้งนี้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
   
“ห้า!”
   
เจ้าหนูเพิ่มความตื่นเต้นของการนับถอยหลังด้วยการทำเสียงให้ใหญ่ขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นสักนิด เนื่องจากไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว เจ้าแรดขาวนอนนิ่งจนพวกเบต้าที่ลงขันฝั่งมันบ่นกันขรมไม่หยุด
   
“ลุกสิวะ! นี่มันเงินก้อนสุดท้ายของฉันแล้วนะ!!”
   
เบต้าคนเดิมกล่าวอย่างสติแตก ใบหน้าหยาบกร้านเต็มไปด้วยน้ำตา ในมือข้างซ้ายกำรูปของลูกสาวตัวเองแน่น จนเผลอทำรูปยับไปโดยไม่รู้ตัว
   
“ศูนย์! นาธาน เบต้าสายพันธุ์กวางเรนเดียร์เป็นฝ่ายชนะ!!!!”
   
เฮ!!!
   
ถึงแม้จะพอเดาผลได้อยู่แล้ว ฝั่งที่ลงขันถูกก็พากันเฮยกใหญ่ บางส่วนถึงกับกู่ร้องออกมาไม่หยุด ผิดกับเบต้าบางส่วนที่นั่งคอตก และนับเงินที่เหลืออยู่เพื่อที่จะลงขันในการประลองครั้งหน้าโดยหวังว่าจะสามารถชนะพนันครั้งหน้าได้
   
“….ไม่”
   
เมื่อผลออกมาชัดเจนขนาดนี้ ทำเขากลั้นน้ำตาไม่ได้อีกต่อไป
   
“เฮ้ คุณ”
   
พอสดึงตัวทวิชไปนั่งที่ตัวเอง แล้วขยับตัวเข้าไปคุยกับเบต้าที่ร้องไห้ไม่หยุดราวกับโลกทั้งจะล่มสลายไปตรงหน้า ใบหน้าดุยิ้มนิดๆ และยื่นตั๋วพนันของตัวเองให้
   
“ผมให้”
   
“..ล้อเล่นรึเปล่า คุณ” เบต้าวัยกลางคนถามออกมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง นัยน์ตายังคลอไปด้วยน้ำตา
   
“ผมพูดจริงๆ คุณเอาไปเถอะ” พอสยิ้มและยัดตั๋วเงินใส่มืออีกฝ่าย “ผมมั่นใจว่าคุณต้องการมันมากกว่าผม”
   
“..ขอบคุณนะ ผมขอบคุณคุณมากจริงๆ ฮึก ถ้าไม่ได้เงินของคุณ ลูกผมคงไม่ได้รักษาต่อแน่ๆ ”
   
ทั้งๆ ที่คิดว่าสิ้นหวังไปแล้ว แต่อยู่ๆ กลับมีความหวังยื่นเข้ามา จึงทำร้องไห้หนักมากกว่าเดิม พึมพำขอบคุณไม่หยุด
   
“เฮ้ๆ ไม่ร้องน่า คุณรีบเอาเงินไปช่วยลูกคุณเถอะ”
   
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ทวิชที่เหลือบมอง พอสก็มองเรื่อยๆ เช่นกัน จึงพอจะเดาได้ถึงสาเหตุที่เบต้าที่ดูอ่อนแอมาเยือนสถานที่แห่งนี้
   
ถึงแม้ว่าการพนันจะไม่จำกัดอายุ เพศ หรืออาชีพ แต่ถ้าไม่ใช่คนที่โลภ หรือจวนตัวจริงๆ ก็คงไม่มีใครอยากมาเยือนสถานที่แห่งนี้นัก เพราะมันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ มีเบต้ามากมายที่ตายคาสนามประลอง แม้ว่าจะมีกฎว่าห้ามทำร้ายกันจนถึงแก่ความตายก็ตาม
   
“..ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีก ผมจะตอบแทนคุณแน่ๆ ”
   
“ไม่ต้องหรอกคุณ ผมมีคนเลี้ยง” พอสหัวเราะแล้วเอาแขนพาดคอทวิชอย่างสนิทสนม “คุณไปเถอะ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
   
พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะพูดอะไรอีก เบต้าสายพันธุ์แพะก็ลากทวิชไปนั่งที่อื่นเพื่อตัดบทสนทนา
   
“เงินเก็บไม่ใช่เหรอ”
   
ทวิชเหลือบมองพอสที่ยังคงยิ้มน้อยๆ แม้ว่าจะเพิ่งสูญเสียเงินก้อนของตัวเองไป
   
“ก็ใช่ แต่เขาจำเป็นต้องใช้มากกว่าฉันนี่”
   
“…”
   
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ทวิชยอมรับพอสก็คงจะเป็นเรื่องความใจกว้างมหาศาลของอีกฝ่าย หลายครั้งที่ยอมสูญเสียเงินหรือของมีค่าของตัวเองไปเพื่อใครสักคนที่ไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่บางครั้งตัวเองยังไม่พอกินด้วยซ้ำ
   
“แย่เนอะ”
   
เมื่อหาที่นั่งใหม่ได้ พอสก็พึมพำกับทวิชเสียงแผ่ว ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่นัยน์ตาสีดำที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและสิ้นหวังไม่ต่างกับเบต้าเมื่อกี้
   
“นายช่วยไม่ได้ทุกคนหรอก”
   
ทวิชเอ่ยออกมาตรงๆ
   
“มันก็จริง”
   
พอสหัวเราะ แม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าขำก็ตาม
   
“แต่วิธีของนายก็ช่วยทุกคนไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ ทวิช”
   
“…”
   
แน่นอนว่าทั้งพอสและทวิชรู้อยู่แก่ใจว่าวิธีของตัวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้นัก ไม่มีใครรู้ว่าลูกของเบต้าคนนั้นจะหายรึเปล่า เงินก็เป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งในการยื้อชีวิตและเวลาเท่านั้น เช่นเดียวกับบริการของทวิช ที่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะยังคงมีเบต้ามากมายในสังคมภายนอกที่ยังคงทุกข์ทรมานอยู่
   
พวกเขาก็เป็นเพียงแค่ฟั่นเฟืองเล็กๆ ที่หมุนผิดทางในสังคมเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกจากทำให้มันติดขัดเล็กๆ น้อยๆ เฝ้ารอโอกาสที่จะถูกจับได้ และถูกบังคับให้หมุนในทิศทางเดิม
   
..หรือไม่ก็อาจจะถูกกำจัดทิ้งไปเลย
   
“รอบใหม่มาแล้ว!! ใครจะเล่นรอบนี้กวักมือเรียกผมเลยคร้าบ!!”
   
กระต่ายเบต้าอีกตัวที่เป็นวัยรุ่นและค่อนข้างดีด วิ่งพล่านไปทั่ว
   
“เก็บไวจังวะ”
   
พอสขมวดคิ้ว แรดขาวเมื่อกี้ก็ตัวใหญ่ใช่ย่อย แต่เมื่อเห็นแรงงานที่มาจัดการทำความสะอาดก็เลิกแปลกใจ เพราะตัวที่มาจัดการเป็นพวกสายพันธุ์ช้างตัวใหญ่คับสนาม ส่วนพวกรอยเลือดตามพื้นเป็นหน้าที่ของฝูงกระต่ายที่จัดการได้ในพริบตาราวกับเล่นกล
   
“..พอส”
   
เป็นทวิชบ้างที่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างของเด็กวัยรุ่นอายุไม่น่าถึงเกณฑ์ที่จะแข่งได้คนหนึ่งเดินเข้ามาในลานประลอง ถึงแม้ร่างจะดูใหญ่โตกว่าเด็กทั่วไป แต่ทวิชก็ดูออกอยู่ดี
   
“อืม พวกนั้นยอมให้เด็กมาลง” พอสถอนหายใจ “และฉันก็ไม่มีเงินเหลือแล้ว ทวิช”
   
“ฉันก็ไม่ได้เอาเงินมาเหมือนกัน”
   
ทวิชพึมพำตอบ แต่มือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมนั้นกลับเผลอลูบแหวนเงินของตัวเอง
   
“..กระทิง”
   
พอสผิวปากหวิวเมื่อเห็นร่างต้นของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นกระทิงตัวใหญ่ ถึงแม้จะยังโตไม่เต็มวัยแต่ก็ถือว่าใหญ่พอๆ กับเรนเดียร์ตัวเมื่อกี้เลยทีเดียว บริเวณเนื้อตัวของมันนั้นมีบาดแผลเต็มไปหมดราวกับผ่านการต่อสู้มาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดนั้นกลับเป็นเขาคู่ใหญ่โค้งงอที่ดูน่ากลัว
   
“คิดว่าเด็กนี่จะรอดไหม”
   
ทวิชถามเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายซึ่งเป็นกระทิงเหมือนกัน แต่ใหญ่กว่าเป็นเท่าตัว
   
“จากเซนส์ฉัน มันบอกว่ารอด ไม่งั้นพวกอัลฟ่าคงไม่ยอมให้เด็กนี่ลงหรอก”
   
“…แต่นั่นเด็กนะ”
   
“แล้วไง? นายคิดว่าพวกอัลฟ่าสนเหรอวะ ทวิช ขอแค่สู้ได้ พวกมันก็เอาลงหมดนั่นแหละ”
   
“เขาเด็กเกินไป”
   
ทวิชยังคงยืนยันคำเดิม นัยน์ตาที่มักจะเฉยชาเริ่มส่อเค้าเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกันยังไม่สามารถตัดใจจากแหวนของตัวเองได้ เพราะมันเป็นแหวนของพ่อที่ใช้ขอแม่แต่งงาน และเป็นทรัพย์สินเพียงไม่กี่อย่างที่ทวิชนำติดตัวออกมาจากสถานที่แห่งนั้น
   
แน่นอนมันสำคัญสำหรับทวิชมาก
   
“..เด็กนั่นแย่แน่”
   
พอสพูดขึ้นเมื่อเห็นประวัติคร่าวๆ ของแต่ละฝั่ง ซึ่งฝั่งกระทิงอายุเข้าเกณฑ์นั้นก็มีประวัติที่น่ากลัวใช้ได้ทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นพวกเจนสนามคนหนึ่งเลยทีเดียว ผิดกับเจ้ากระทิงเด็กนั่นที่ไม่มีประวัติอะไร และดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นการลงแข่งขันครั้งแรกซะด้วย
   
“…”
   
ทวิชกำแหวนตัวเองแน่น รู้สึกเครียดจนเผลอกัดปากตัวเอง และได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ อวลในคอ
   
อย่าเห็นแก่ตัวนักสิ ทวิช
   
นัยน์ตาของทวิชสั่นระริก ต่อว่าตัวเองที่เห็นแก่ตัว เขารู้ดีว่าแหวนของเขาเป็นของมีราคา และมันก็มากพอที่จะไถ่ตัวเด็กนั่นออกจากการแข่งขันโดยที่เด็กนั้นไม่ต้องแข่งด้วย
   
“ใครจะลงรีบเลยนะคร้าบบ รีบเลย ช้ากว่านี้อดรวยแล้วนะครับ!!”
   
ในที่สุดเจ้ากระต่ายก็วิ่งมาถึงแถวที่ทวิชอยู่ มือของมันฉีกตั๋วฝั่งแดงซึ่งเป็นฝั่งของเจ้ากระทิงตัวใหญ่ยักษ์เป็นประวิง ในขณะที่ฝั่งของกระทิงเด็กนั้นกลับไม่ค่อยมีใครลงพนันนัก เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยมีคนกล้าเสี่ยงกับกระทิงเด็กนี่ แม้ว่าเขาของมันจะใหญ่กว่าคู่แข่งก็ตาม
   
“เอาไหมคุณ จะหมดแล้วนะ ฝั่งแดงอ่ะ”
   
เบต้ากระต่ายถามพอสกับทวิชอย่างกระตือรือร้น อาจจะเพราะด้วยวันนี้มันได้รับยาแปลกๆ มาจากเจ้านายด้วย ทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองดีดมาก อยากทำงานตลอดเวลา
   
“ไม่เอา ผมไม่เหลือเงินแล้ว”
   
พอสหัวเราะซึ่งเจ้ากระต่ายก็หัวเราะรับ พอเห็นว่าทวิชส่ายหัว มันก็วิ่งไปที่อื่นต่อ เร่งขายตั๋วให้หมดเพื่อที่จะได้เริ่มการแข่งขันรอบใหม่เสียที
   
“..ทวิช โอเครึเปล่า” พอสถามทวิชอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรมาสักพักแล้ว ใบหน้าสวยที่มักจะเฉยชา ตอนนี้ดูแปลกไปจนสังเกตได้ง่ายๆ
   
“เปล่า”
   
ทวิชส่ายหัว แล้วพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เหมือนเดิม
   
เขาไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย
   
“งั้นกลับเลยไหม เดี๋ยวฉันไปส่งเอง” พอเห็นท่าทีของทวิช ยิ่งทำให้พอสรู้สึกผิด ที่เขาพาทวิชมาที่นี่ก็แค่อยากได้เพื่อนมาพนันด้วยก็เท่านั้น เพราะทวิชเป็นไม่กี่คนที่ยอมมาที่นี่กับเขา
   
“..ลองดูเด็กนั่นแข่งก่อน”
   
“นายแน่ใจนะว่าจะดู?”
   
เพราะมาที่นี่บ่อยครั้ง พอสจึงพอจะเดาเหตุการณ์ที่จะขึ้นได้ลางๆ

ถ้าเด็กนั่นไม่ชนะ ก็ปางตายเหมือนเจ้าแรดนั่น
   
มีแค่สองทางเลือกเท่านั้นสำหรับลานประลองอันโหดร้ายนี่
   
“อืม”
   
ทวิชพยักหน้าเล็กๆ และกลืนเลือดที่คลุ้งอยู่ในปากลงคอ อันเกิดจากความเครียดจัดที่เขามักจะเผลอไผลไปทุกครั้งอย่างอดไม่ได้ เพราะมันเป็นการตอกย้ำให้รู้เขายังมีตัวตนอยู่ ยังคงเป็นทวิช เป็นโอเมก้าลูกผสม ที่ยังไม่ถูกระบอบแนวคิดของอัลฟ่ากลืนกินตัวตนของตัวเองไป
   
“ก็หมดไปแล้วนะครับกับตั๋วรอบนี้!”
   
เจ้าหนูตัวจิ๋วพิธีกรคนเดิมพูดออกมาด้วยเสียงตื่นเต้น ตัวเล็กๆ ของมันลอยคว้างไปในอากาศโดยอาศัยสลิงเส้นบางที่ห้อยจากเพดาน ก่อนที่มันจะค่อยๆ ลงไปเหยียบบนพื้นวงกลมสีแดง อันเป็นตรงกลางของสนาม ตัวของมันดูเล็กกว่าเดิมเมื่อข้างกายของมันทั้งสองฟากนั้นเป็นกระทิงตัวขนาดโตเต็มวัยกับเกือบเต็มวัยกำลังจ้องกันนิ่ง
   
รอจนแสงสปอร์ตไลท์จากข้างบนสาดใส่ตัวมัน มันจึงพูดดำเนินรายการต่ออย่างรู้จังหวะ
   
“คราวนี้เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างกระทิง ฝ่ายแดงก็ยังคงเป็น นพคุณ เบต้าสายพันธุ์กระทิงเจ้าเก่า ที่เคยชนะการแข่งขันมาแล้วถึงสองสมัย เอ้า ผมขอเสียงฝั่งสีแดงหน่อย!!!”
   
เฮ!!!
   
เสียงเฮดังกึกก้องห้องโถงยิ่งกว่าคราวเมื่อกี้ เพราะไม่ว่านักพนันคนไหนก็ล้วนแล้วแต่รู้จักนพคุณทั้งนั้น เนื่องจากเป็นตัวทำเงินชั้นดี ทำให้พวกเขาสามารถคาดผลแพ้ชนะได้อย่างสบายๆ
   
“ส่วนผู้ท้าชิง เป็นเบต้าหน้าใหม่ครับ ชื่อแซ่ไม่ได้เขียนมาแฮะ แต่เป็นสายพันธุ์กระทิงเหมือนกัน นี่เป็นการลงแข่งครั้งแรกของเขา เอ้า! ขอเสียงเชียร์ให้หน่อยครับ!!”
   
เฮ!!!
   
คราวนี้เสียงเฮไม่ดังเท่าเดิม แต่ออกจะเป็นการเฮเพื่อเย้ยหยันเสียมากกว่า พวกเบต้าที่ลงฝั่งเจ้าเด็กนี่ไปก็ล้วนแล้วแต่ลงไปไม่กี่เหรียญ ลงขำๆ เอาสนุกเท่านั้น เพราะยังไงก็รู้ผลอยู่แล้ว
   
แน่นอนว่าเสียงเฮรอบสนามล้วนแล้วส่งผลต่อกำลังใจของผู้เข้าแข่งขัน นพคุณซึ่งอยู่ในร่างต้นแค่นเสียงหึ ตอนที่เห็นท่าทีเงียบสงบไม่สนใจโลกของเจ้าเด็กตรงหน้า
   
“ไอ้หนู เปลี่ยนใจยังทันนะ”
   
แม้ว่าในลานประลองคำว่ามนุษยธรรมจะมีอยู่น้อยนิด แต่นพคุณก็อดสงสารเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ เพราะดูๆ แล้วอายุน่าจะยังไม่ถึงเกณฑ์ด้วยซ้ำ เพราะการประลองนี่ขั้นต่ำอายุที่ต้องการคือยี่สิบปีบริบูรณ์ การที่มีเด็กอายุไม่ถึงมาแข่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับการรังแกเด็กนัก
   
“…”
   
แต่น่าเสียดายที่ความหวังดีของนพคุณก็ดูจะส่งไปไม่ถึงเท่าไหร่นัก เพราะคนฟังยังคงยืนนิ่ง นัยน์ตาสีเทาสบกับอีกฝ่ายนิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไร
   
เจ้าหนูพิธีกรพูดเรื่อยเปื่อยอีกสองสามประโยค รอจนเห็นสัญญาณว่าพร้อมจึงกล่าวเริ่มการแข่งขัน
   
“ก็คงจะถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว งั้นผมก็ขอเริ่มการประลองครั้งนี้เลยครับ!”
   
เพียงชั่วพริบตาที่เจ้าหนูเปิดการแข่งขัน ตัวของมันก็ถูกสลิงดึงขึ้นข้างบนทันที ก่อนที่เสี้ยววินาทีถัดมาร่างกระทิงใหญ่ยักษ์ทั้งสองร่างจะอัดกระแทกกันอย่างรุนแรง
   
“ใช้ได้ว่ะ”
   
พอสเอ่ยชมออกมาทันที เมื่อเห็นท่าทีปราดเปรียวของคนที่คงว่าจะเสียท่าตั้งแต่ห้านาทีแรก แต่ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นกลับยังอยู่ และหน้ำซ้ำยังเป็นฝ่ายรุกไล่อีกฝ่ายด้วย
   
“…”
   
ทวิชยังคงมองการแข่งขันด้วยความเป็นห่วง ถึงเจ้าเด็กนั่นจะดูเรี่ยวแรงเยอะได้เปรียบ แต่ยังไงเด็กก็คือเด็ก ยังไงด้านประสบการณ์การต่อสู้ และความสมบูรณ์ทางกายภาพก็คงจะเทียบกับอีกฝ่ายที่เจนสนามไม่ได้อยู่แล้ว
   
ซึ่งไม่นานก็เป็นอย่างที่ทวิชคิด ไม่นานฝั่งนพคุณอ่านทางเจ้าเด็กนั่นได้ และรุกไล่กลับอย่างดุดัน เขาแหลมแทงเข้าไปในที่ท้องเจ้าเด็กนั่นหลายแผล แต่มันก็ยังสู้ต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   
เสียงโห่ร้องดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผลแพ้ชนะชัดขึ้นเรื่อยๆ
   
กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งของทั้งสองราวกับได้ปลุกสัญชาตญาณของสัตว์ในตัวแต่ละคนออกมา แทบจะทุกคนที่โห่ร้องสะใจไปกับการสู้กันกะเอาถึงตายในลานประลอง ซึ่งคนที่เพลี่ยงพล้ำอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเด็กนั่น
   
“..เขาเป็นแค่เด็กนะ”
   
ทวิชพูดเสียงสั่น รู้สึกเจ็บปวดที่เบต้าพวกนั้นถูกความบ้าคลั่งกลืนกินจนลืมไปแล้วว่าศีลธรรมนั้นสะกดยังไง ทั้งๆ ที่เด็กนั้นกำลังจะถูกฆ่าตายคาสนาม แต่กลับไม่มีใครสักคนที่ตะโกนขึ้นเพื่อหยุดมัน หนำซ้ำยังเชียร์ให้ฆ่าไวขึ้นด้วย!
   
“..ทวิช”
   
พอสกลืนน้ำลายเอือก แทบไม่กล้ามองภาพในสนาม เขาชอบการพนันก็จริง แต่ไม่ชอบการเล่นกันถึงตายในลานประลองเลยสักนิด
   
“เรียกไอ้กระต่ายนั่นมา”
   
“อะไรนะ?”
   
“ฉันบอกให้เรียกไอ้กระต่ายเวรนั่นมา!!!”
   
ทวิชตะคอกใส่พอสนัยน์ตาแดงก่ำ เมื่อเห็นสีหน้างุนงนเงอะงะของอีกฝ่าย จึงตัดสินใจลุกและเดินออกไปหาเจ้ากระต่ายที่ตอนนี้ร่วมโห่เชียร์ไม่หยุดอย่างสนุกสนาน
   
“หยุดไอ้การแข่งบ้าๆ นี่ซะ”
   
ทวิชกระชากคอเสื้อเจ้ากระต่ายขึ้นมา แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
   
“หวา พูดอะไรของคุณน่ะ”
   
เจ้ากระต่ายหน้าซีดเผือด พยายามไกล่เกลี่ยแม้จะไม่เข้าใจสักนิดว่าทวิชกำลังพูดถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ คือเขาต้องรีบทำให้ทวิชอารมณ์เย็นลงโดยด่วน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะโดนคนตรงหน้าฆ่าตายแน่ๆ
   
“ฉันบอกให้หยุดการแข่งขันบ้าๆ นี่ซะ!!!”
   
นัยน์ตาของทวิชแปรเปลี่ยนเป็นของเสือในพริบตา และจดจ้องอีกฝ่ายด้วยสัญชาตญาณของอัลฟ่าที่ฝังลึกมาในกายตั้งแต่เกิด ถึงแม้เขาจะมีความโอเมก้ามากกว่าอัลฟ่า แต่ลึกๆ แล้วร่างกายของเขาก็ยังคงมีอัตลักษณ์บางอย่างของอัลฟ่าอยู่
   
เจ้ากระต่ายอ้าปากค้าง ตัวสั่นงั่นงกเมือรู้ว่าทวิชเป็นอัลฟ่า หูที่ตั้งชันตลอดเวลาลู่ลงโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มันจะรีบลนลานพูดใส่สมอลทอร์คเพื่อคุยกับนายของมันโดยตรง พูดคุยอยู่สักพักก่อนที่จะได้คำสั่งมา
   
“นะ นายท่านถามว่าคุณจะใช้อะไรแลก”
   
ทวิชยังคงไม่ปล่อยมือจากคอเสื้อเจ้ากระต่าย แต่นัยน์ตากลับมาเป็นปกติแล้ว
   
“แหวนเงินฝีมือช่างตระกูลพยัคฆโภคสกุลแลกกับตัวเด็กนั่น”
   
น้ำเสียงของทวิชแข็งกระด้าง ควบคุมอารมณ์แทบไม่อยู่เมื่อเหลือบไปมองแล้ว เห็นความพยายามที่จะสู้คืนของเจ้าเด็กนั่น ที่ดูยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะแชมป์เก่าได้
   
“ผม ผมขอถามนายท่านก่อนนะครับ”
   
เจ้ากระต่ายตัวสั่นง่กถามเสียงสั่น ก่อนที่จะได้คำตอบมาอย่างรวดเร็ว
   
“นายท่านตกลงครับ ได้ ได้ของก่อน ถึงจะยอมส่งมอบเด็กให้คุณ”
   
ทวิชส่งเสียงชิออกมาอย่างหงุดหงิด ยอมปล่อยตัวเจ้ากระต่ายลงพื้น ดึงแหวนตัวเองออกจากนิ้วกลางแล้วยัดใส่มือของเจ้ากระต่าย
   
“เร็ว!! ฉันต้องการคนเป็นกลับ!”
   
(มีต่อ) vv

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ทวิชตะคอกใส่ จนเจ้ากระต่ายวิ่งหน้าตื่นไปหลังเวทีที่ลึกเข้าไปแล้วนั้นเป็นอาณาจักรหรูหราของอัลฟ่า มีทั้งแอร์เย็นเฉียบ โซฟานุ่ม และที่สำคัญคือมี ‘ผู้ดำเนินกิจการ’ แห่งนี้
   
แน่นอนว่าถึงแม้จะรีบยังไงเจ้ากระต่ายก็ไม่ลืมกฎของเหล่าเบต้าเมื่ออยู่ต่อหน้าอัลฟ่า จึงรีบคืนสู่ร่างมนุษย์ปกติ และเข้าไปหานายท่านของตัวเองอย่างนอบน้อม
   
“นะ นี่ครับ นายท่าน แหวนที่อัลฟ่านั่นให้”
   
“..ของจริงแฮะ”
   
อัลฟ่าหนุ่มพึมพำกับตัวเอง เมื่อมองแหวนเงินใกล้ๆ และพบว่าเป็นของตระกูลพยัคฆโภคสกุลจริง เพราะลวดลายบรรจงแบบนี้ยากที่จะคนลอกเลียนแบบได้ ทำให้ราคาของมันสูงมาก ช่างพวกนั้นนอกจากคำสั่งของตระกูลพยัคฆโภคสกุลแล้วก็ไม่รับงานใครเลย ไม่ว่าจะถูกเสนอเงินมากแค่ไหนก็ตาม
   
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจนักว่าทำไมอัลฟ่าคนนี้ถึงยอมสละแหวนมูลค่าสูงขนาดนี้ให้กับเบต้าเพียงคนเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาได้กำไร ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจมากนัก
   
“ปล่อยตัวเบต้านั่นให้อัลฟ่านั่นซะ ส่วนเรื่องเงินชดเชยเอากำไรรอบที่แล้วไปแจกจ่ายให้พวกนั้นแล้วกัน”
   
“คะ ครับ”
   
เบต้ากระต่ายพยักหน้าหงึกๆ แล้วรีบวิ่งกลับออกไปข้างนอกเพื่อใช้สมอลทอร์คคุยกับเจ้าหนูพิธีกรให้รีบทำให้การแข่งขันเป็นโมฆะก่อนที่เจ้ากระทิงหน้าอ่อนนั่นจะตายคาสนามไปก่อน
   
ส่วนเจ้าหนูพิธีกรที่กำลังเมามันกับการพากษ์ ก็ต้องหยุดชะงักการพากษ์ไปกลางคัน และรีบประกาศคำสั่งใหม่จากนายท่าน พร้อมกับส่งสัญญาณให้ทีมงานให้เข้าไปจัดการห้ามมวยในสนามที่ยังนัวกันไม่เลิก
   
“ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงกับทุกท่าน ตอนนี้ได้มีคนไถ่ตัวของเจ้าเบต้าหน้าอ่อนนั่นออกแล้ว”
   
เกิดเสียงโห่ไม่พอใจทันที เหล่าเบต้าที่หวังจะกินนิ่มๆ รอบนี้โวยวายกันยกใหญ่ มีบางส่วนเขย่าซี่กรงแรงๆ อย่างโกรธเคือง พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อเงิน หากไม่ได้เงินที่พวกเขาควรจะได้แล้วเขาจะมากันทำไม
   
[ ใครมีปัญหากับคำสั่งของฉัน? ]
   
ในขณะที่เจ้าหนูพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ก็มีเสียงเย็นชาดังกึกก้องพร้อมกับไฟในห้องโถงที่เปลี่ยนเป็นสีทอง สีของเหล่าอัลฟ่าผู้สูงส่งที่มีสถานะเป็นนายเหนือหัวเบต้าทุกคนในประเทศนี้
   
เหล่าเบต้าที่เคยโวยวายเงียบกริบทันที ถึงแม้ความไม่พอใจจะยังคุกรุ่นอยู่ในอก แต่ถ้านั่นเป็นคำสั่งของอัลฟ่าแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยอมรับสภาพอย่างจำยอม
   
พอสถานการณ์กลับมาควบคุมได้อีกครั้ง เจ้าหนูก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลอบขอบคุณนายท่านในใจ และดำเนินรายการต่ออย่างคล่องแคล่ว
   
“ทุกท่านไม่ต้องกังวลไป ตั๋วเงินของทุกท่านไม่ได้สูญเปล่า เพราะนายท่านใจดีคืนเงินทั้งหมดให้ พร้อมกับเงินชดเชยเล็กๆ น้อยๆ ด้วย”
   
เมื่อได้ยินค่าชดเชยเบต้าบางส่วนก็ยอมอ่อนข้อลง แต่ก็มีเบต้าบางส่วนเช่นเดียวกันที่ไม่ค่อยพอใจกับข้อเสนอนี้นัก เพราะถ้าเทียบกับเงินที่จะชนะพนันรอบนี้แล้ว ย่อมได้มากกว่าแน่นอน แต่ไม่พอใจแล้วยังไงต่อ ยังไงซะพวกเขาก็คงเรียกร้องอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ทดความไม่พอใจนี้ไว้ในใจ แล้วลืมๆ มันไป
   
ส่วนต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้นั้น..
   
“…”
   
ทวิชยืนกอดอกมองเด็กเจ้าปัญหาที่ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว แต่เนื้อตัวนั้นมีรูและแผลเหวอะแหวะเต็มไปหมด สภาพแย่จนเขาทนมองแทบไม่ไหว แต่เจ้าเด็กนี้กลับดูไม่เจ็บปวดกับมันสักนิด ราวกับชินชากับบาดแผลฉกรรจ์เหล่านี้ไปแล้ว
   
“นายเป็นของฉันแล้ว”
   
แน่นอนว่าสำหรับทวิชแล้ว มันไม่คุ้มค่าสักนิด เพราะนอกจากเขาจะเสียแหวนไปแล้ว เขายังต้องมาอุปการะเด็กนี้ต่ออีก เรียกได้ว่ามีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้าจะให้เขาปล่อยให้ไอ้เด็กนี้ตายคาสนาม เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
   
โลกนี้มันโหดร้ายมากเกินพอแล้ว
   
“...”
   
ทวิชขมวดคิ้วเมื่อเจ้ากระทิงนี่ไม่ยอมพูดอะไรสักนิด ที่ทำมากสุดคือพยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้ ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าเอ็นดูสักนิด
   
“ทวิช ไหนบอกว่าไม่มีเงินไง!” พอสที่เพิ่งวิ่งตามลงมาทีหลังโวยวาย
   
ทวิชไหวไหล่ไม่ตอบ และถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองที่ตัวไม่ใหญ่นักออกมาคลุมตัวเจ้าเด็กใบ้ที่ไม่ยอมพูดอะไรสักที ซึ่งทวิชก็ไม่สนใจความจริงข้อนั้นนัก
   
ยังไงซะ เขาก็ไม่ได้กะเอามาเลี้ยงจริงจังอยู่แล้ว
   
เขาก็แค่ทนเห็นเด็กคนหนึ่งตายในสนามไม่ได้ก็เท่านั้น มันเร็วเกินไปสำหรับเด็กวัยนี้ที่จะตาย
   
“นายมีชื่อรึเปล่า?”
   
ทวิชเงยหน้ามองสำรวจลูกบุญธรรมชั่วคราวของตัวเองตอนนี้ ซึ่งก็พบว่าถึงเจ้าเด็กนี่จะไว้ผมสีน้ำตาลรุงรังปิดตา แต่หน้าตาโดยรวมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก เพียงแต่นัยน์ตาสีเทานั่นดูว่างเปล่าเกินไป
   
และเรื่องที่ตลกร้ายกว่าตอนนี้คือ ทวิชเข้าใจดีถึงแววตาของเจ้าเด็กนี่
   
แววตาที่คล้ายกับสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว ทั้งความรัก ความฝัน ความหวัง  ทุกอย่างๆ เหตุผลในการมีชีวิตอยู่ได้ถูกโลกอันห่วยแตกนี้ช่วงชิงไปจนหมด
   
“…”
   
คนโดนถามส่ายหัว
   
“งั้นเดี๋ยวค่อยตั้งแล้วกัน นายกลับบ้านมากับฉันก่อน”
   
ทวิชดึงมือที่เย็นเฉียบของอีกฝ่ายมาจับ ไม่สนใจบาดแผลหรือเลือด พยายามใช้มืออุ่นๆ ของตัวเองนวดและแบ่งปันความอบอุ่นของร่างกายให้เจ้าเด็กนี่ จนมือของมันอุ่นขึ้น ทวิชก็พาเดินกลับร้านตัวเองพร้อมกับพอสที่ยังงุนงงกับสถานการณ์เป็นแพะตาแตก จนเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว พอสถึงเพิ่งได้สติ
   
“เดี๋ยว ทวิช สรุปคือนายจะเอากระทิงนี่ไปเลี้ยงที่ร้านนายเหรอ”
   
“อืม นายโทรเรียกนทีมาด้วย ให้หมอนั่นมาช่วยทำแผลให้เด็กนี่หน่อย”
   
“เออ โอเค ถึงจะงงๆ หน่อยแต่ก็โอเค”
   
พอสยังคงงงอยู่ แต่ก็ตัดสินใจโยนความงงนั้นทิ้งไป เพราะงงยังไงทวิชก็คงไม่คลายความสงสัยให้เขาอยู่ดี
   
“งั้นเดี๋ยวเจอกันอีกที ตอนดึกๆ แล้วกัน ฉันจะไปรับนทีมาเอง ส่วนนายก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ไอ้เด็กนี่ไปก่อนแล้วกัน”
   
“อือ” ทวิชพยักหน้า
   
“เออ แล้วทำอาหารไว้ด้วย อะไรก็ได้แล้วแต่นายเลย พวกนั้นคิดถึงอาหารฝีมือนายจะแย่แล้ว”
   
ทวิชหลุดยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงประโยคที่ตัวเองเพิ่งแดกดันตำรวจคนหนึ่งไป ไอ้หมานั่นอย่างเดียวที่เขาจะยอมทำให้กินก็คงจะมีแค่เศษอาหารในถังขยะเท่านั้นแหละ
   
“ดีลนะ?”
   
พอสยกมือขึ้นมา
   
“อืม ดีล”
   
ซึ่งทวิชก็ยอมเอามือแปะด้วยง่ายๆ แต่โดยดี

===========

 :z13:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น้ำตาใหลเลย กินใจ มากๆ รอตอนต่อไป ขอบคุณที่มาอัฟ ให้ได้อ่าน รอๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :pig4: :pig4:

สนุกกกกก  มารออ่านทุกวันเลยค่ะ55555

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :katai5: :katai5: :katai5:  รออออออออ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คนมีความหลังฝังใจ ทวิชทำให้ตัวเองอาจจะลำบากได้
แต่ก็เพื่อสิ่งที่ต้องการ ทวิชก็เลือกที่จะทำ
ลูกครึ่งเสือนกหรอ น่าสนใจดีค่ะ

ทวิชไปเกี่ยวกับตระกูลนี้เพราะเป็นสายเลือดเดียวกันไหม
แต่ยอมแลกแหวนประจำตระกูลเพื่อกระทิงเด็ก ก็น่าลุ้นค่ะ

พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ และรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 3


“เจ็บรึเปล่า?”
   
ทวิชพึมพำถามเจ้าเด็กตัวโตที่จนถึงตอนนี้ไม่ร้องสักแอะ แม้ว่าจะถูกเขาเอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลสดให้ก็ตาม นัยน์ตาสีเทาว่างเปล่าหลุบตามองเขาไม่วางตาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
   
“ถ้าเจ็บบอกนะ”
   
แน่นอนว่าทวิชไม่ได้สนใจนักว่าจะได้รับคำตอบกลับมารึเปล่า ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เด็กนี้เป็นคนเงียบๆ เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่พูดมากเท่าไหร่ เขาจึงค่อนข้างพึงพอใจกับบรรยากาศเงียบๆ นี้พอสมควร
   
“…”
   
ทวิชขมวดคิ้วเมื่อเห็นแผลเป็นบนแผ่นหลังหนาหลายสิบแผล ถึงแม้ว่ามันจะเหลือเพียงแค่รอยแผลเป็น แต่เขาก็ดูออกอยู่ดีว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ
   
“เกิดอะไรขึ้น”
   
น้ำเสียงที่ทวิชใช้ถามนั้นนุ่มนวล ไพเราะ จนคนฟังอดที่จะหลับตาฟังอย่างผ่อนคลายไม่ได้
   
“ศูนย์รับเลี้ยง”
   
ทวิชกระพริบตาปริบ แปลกใจนิดๆ ที่เสียงของอีกฝ่ายนั้นทุ้มต่ำและโตกว่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ทวิชไม่แปลกใจเลยคือคำตอบที่ได้รับ
   
ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่ดำเนินการโดยรัฐบาล ที่มีฉากหน้าสวยงามคือคอยรับเลี้ยงเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งหรือไร้ญาติคอยดูแล แต่ฉากหลังคือการลักลอบค้ามนุษย์ของพวกรัฐบาล ที่มักจะขายพวกเบต้าเด็กๆ ให้กับพวกอัลฟ่ารวยๆ ไปใช้สนองตัณหาหรือไม่ก็เอาไปใช้แรงงานอย่างป่าเถื่อน
   
แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่กลายเป็นแบบนั้น มีอีกหลายที่ที่ยังพอมีศีลธรรมไม่เลี้ยงเด็กเพื่อการนั้นอยู่บ้าง ศูนย์รับเลี้ยงของเจ้าเด็กนี่ก็คงไม่พ้นเน้นความรุนแรงในการเลี้ยงดู
   
“อยากมีชื่อรึเปล่า”
   
ทวิชทิ้งตัวกับโซฟาข้างๆ เมื่อปฐมพยาบาลให้คร่าวๆ เสร็จ และเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะรู้ดีว่ามันคงจะไม่ใช่ความทรงจำที่น่าเล่าสักเท่าไหร่
   
“…”
   
“งั้นเดี๋ยวตั้งให้แล้วกัน”
   
ทวิชตัดบทอย่างเอาแต่ใจ เพราะเจ้าเด็กนี่เงียบนานเกินไป และเขาก็อยากเรียกอย่างอื่นที่มันดูเป็นชื่อคนมากกว่าการเรียกสายพันธุ์ด้วย
   
ทะเลาะกับตัวเองในหัวสักพัก สุดท้ายทวิชก็เคาะออกมาได้ชื่อนึง
   
“กันต์.. ต่อไปนี้นายชื่อกันต์”
   
กันต์ ที่หมายถึงความยินดี พอใจ
   
เขาอยากให้เด็กนี่มีความสุข ถึงแม้ว่าโลกห่วยๆ ใบนี้จะเคยทำลายตัวตนเจ้าเด็กนี้ไปแล้วก็ตาม
   
นัยน์ตาสีทองของทวิชยามที่ทอดมองอีกฝ่ายนั้นอ่อนลง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
   
“…”
   
กันต์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้ ก่อนจะก้มมองทวิชอย่างไร้จุดหมายเช่นเดิม
   
อย่างไรก็ตามการที่กันต์นั้นเลือกที่จะไปยังลานประลอง นั้นก็แทบจะบอกทุกอย่างอยู่แล้ว หากไม่ได้รับชัยชนะก็ตายหรือไม่ก็พิการ แต่สำหรับกันต์แล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่อยู่ในศูนย์รับเลี้ยงนัก
   
เพราะขนมปังแต่ละก้อนที่เขาจะได้กินนั้น ล้วนแล้วต้องแย่งชิงกันจนแทบจะฆ่ากันตาย ดุจราวกับว่ามันนั้นเป็นทองคำที่ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงแค่ขนมปังตกเกรดใกล้หมดอายุรสชาติห่วยแตกเท่านั้น
   
แน่นอนว่ามันไม่ได้อร่อย แต่เขาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เขาไม่ใช่เด็กหัวดีพอที่จะไปรับงานง่ายๆ ใช้ความรู้พื้นฐานอย่างเด็กคนอื่นในศูนย์ได้ ที่พอจะทำเป็นและคล่องแคล่วที่สุดก็มีแต่เรื่องการใช้กำลังในการแย่งชิงเท่านั้น
   
การที่ทวิชยอมไถ่ตัวกันต์ออกมานั้น จึงแทบจะไม่ได้มีความหมายอะไรกับกันต์เลย เพราะเขาแทบไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีลมหายใจอยู่รึเปล่า ที่ยังพยายามเอาชีวิตรอดอยู่ก็เพียงแค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น
   
“ถ้านายหายดีเมื่อไหร่ นายจะไปจากที่นี่ตอนไหนก็ได้นะ”
   
ทวิชยิ้มนิดๆ ให้กับแววตาว่างเปล่าของกันต์
   
โลกห่วยแตกนี้ใจร้ายเป็นบ้าเลย..
   
“หรือนายจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ได้ ฉันไม่ได้ว่าอะไร”
   
สุดท้ายทวิชก็ทนมองสายตาของกันต์ไม่ไหว และล่าถอยไปจัดการกับอาหารที่ครัวหลังร้านต่อ ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับข้าวต้มปลาที่น่าจะกินง่ายที่สุดสำหรับคนเจ็บในเวลานี้
   
“โห วันนี้ทำข้าวต้มปลาเหรอ”
   
“อือ ถ้าอยากกินก็ไปตักเอาที่ครัวได้เลย”
   
ทวิชพยักหน้าน้อยๆ ให้กับกลุ่มเบต้าที่เพิ่งมาถึง และนั่งเกะกะกันเกลื่อนร้าน ซึ่งก็มีเพียงเบต้าคนเดียวที่ทำแผลให้กับกันต์ต่อจนมือเป็นประวิงด้วยสีหน้ากังวล
   
“แผลเยอะมากเลย ดีนะที่ไม่ลึกมาก”
   
นทีบ่นพลางเย็บแผลให้กับกันต์ไปด้วยอุปกรณ์ที่แอบลักลอบเอามาใช้เป็นการส่วนตัว
   
“จะไม่เยอะได้ไง ก็เจ้าเด็กนี้ไปฟัดในลานประลองมา”
   
เวฟที่เท้าคางมองอยู่พูดออกมาอย่างอดไม่ได้ เล่นเอานทีตาโตด้วยความตื่นตระหนกจนหูกับหางกระต่ายโผล่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
   
“ลานประลองเนี่ยนะ! อายุแค่นี้เอง ทำไมเดี๋ยวพวกอัลฟ่ามันป่าเถื่อนนักนะ”
   
นทีบ่นหนักกว่าเก่า ใบหน้าน่ารักคิ้วเล็กๆ ขมวดมุ่นจนแทบจะม้วนกันเป็นโบว์
   
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ถามจริง”
   
กายหรือเบต้ากวางที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น พูดออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ในมือถือขนมปังเกรดต่ำที่ได้รับแทนค่าแรง และเคี้ยวมันตุ่ยๆ แก้หิว
   
“ก็ชิน แต่มันก็น่าหงุดหงิดนี่นา”
   
นทีที่ปกติแล้วก็ทำงานอยู่ในสถานพยาบาลบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่างานของเขาจะเจอคนป่วยคนเจ็บทุกวัน แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ที่มักจะมีเบต้าที่มาด้วยอาการที่เป็นผลพวงความเห็นแก่ตัวของรัฐบาล ซึ่งถ้าหากต้องการจะรักษาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริงๆ ก็ต้องแก้จากเบื้องบน ไม่ใช่ปลายเหตุ
   
จำนวนผู้ป่วยหรือคนเจ็บที่มาใช้บริการนทีจึงแทบไม่เคยลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนเขากลัวว่าสักวันเบต้าจะตายกันหมด แล้วเหลือแต่อัลฟ่า
   
“หงุดหงิดแล้วไงต่อ นายคิดเหรอว่าพวกนั้นจะสนใจชีวิตของพวกเรา”
   
เวฟหัวเราะเสียงแผ่ว แล้วรับข้าวต้มจากเพื่อนตัวเองมากิน ซึ่งก็เป็นตามที่คิด อร่อยเหมือนเดิม จนเขาอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นรสชาติเดียวกับอาหารขึ้นชื่อบนภัตตาคารชื่อดังของพวกอัลฟ่าก็ได้
   
แต่น่าเสียดายที่เขาก็ทำได้เพียงคาดเดา เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม เบต้าอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสในการกินอะไรหรูหราแบบนั้นอย่างแน่นอน
   
“..ใช่ พวกนั้นไม่สนใจเราหรอก”

พอสซึ่งเป็นคนยื่นข้าวต้มให้กับเวฟหัวเราะ มองกันต์ด้วยความรู้สึกเดือดดาลแกมเจ็บปวด

เขาทนเห็นเรื่องพวกนี้ต่อไปแทบไม่ไหวแล้วจริงๆ
   
“เราถึงต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องพวกนี้ไง”
   
“หมายความว่าไง”
   
กายกลิ้งตัวมาทับเท้าพอสแล้วจึงถามอย่างอยากรู้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าพอสหมายถึงเรื่องอะไร แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากอีกฝ่ายอยู่ดี
   
“ฉันว่ามันถึงเวลาที่เราต้องมาจริงจังเรื่องการปฏิวัติสักที”
   
“..นายคิดมันจะสำเร็จจริงๆ เหรอ”
   
นทีแค่นยิ้ม และลุกขึ้นไปกินข้าวต้มบ้าง เมื่อเย็บแผลให้กันต์เสร็จ ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่เขาแอบเอาออกมาเยอะพอ ไม่อย่างนั้นคงจะทำแผลให้ไม่เสร็จ
   
“จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มันไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญคือเราต้องทำให้พวกเบต้าทั่วไปรู้ตัวสักทีว่าพวกอัลฟ่ามันไม่ได้ดีเลิศเลอหรือมีอภิสิทธิ์เหนือเรามากขนาดนั้น”
   
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จของอัลฟ่าในยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง ที่แทบจะสามารถล้างสมองเบต้าทั่วไปได้แทบจะสมบูรณ์ ด้วยระบบการศึกษาและศาสนา จนพวกเขาเชื่อจริงๆ ว่าเหล่าอัลฟ่านั้นคือสมมุติเทพที่ลงมาจุติ อยู่ในวรรณะที่สูงกว่า เป็นผู้มีพระคุณ และสูงส่งกว่าเบต้า
   
แน่นอนว่าแนวคิดเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นแนวคิดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ความเห็นแก่ตัวของอัลฟ่ากลายเป็นความชอบธรรม และไม่สามารถตั้งคำถามได้
   
พอสจึงหงุดหงิดเอามากๆ ยามที่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ของตัวเอง และพบว่าพวกเขาไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลยกับการเอารัดเอาเปรียบของพวกอัลฟ่า อีกทั้งยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้อีกต่างหาก จนเขาอยากจะตะโกนใส่หน้าคนพวกนั้นแทบตายว่าการที่เขาถูกบังคับให้บริจาคดวงตาข้างขวาของตัวเองให้กับอัลฟ่านี่คือเรื่องที่ถูกต้องเหรอ  เขาไม่มีสิทธิ์ในร่างกายของตัวเองเลยงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เขานั้นก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน แล้วพวกอัลฟ่าถือดีอะไรถึงมาช่วงชิงร่างกายของเขาไป
   
แน่นอนว่าพอสก็เคยเชื่อมั่นในอัลฟ่าอย่างไม่มีเงื่อนไขมาก่อน จนกระทั่งสูญเสียดวงตาของตัวเองไปข้างหนึ่ง ถึงได้ตาสว่าง และมองโลกอย่างเข้าใจมากกว่าเดิม
   
“งั้นนายก็จริงจังถูกเวลาแล้ว เพื่อน”
   
กายที่ยังคงกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น กลืนขนมปังที่เหลือในคำเดียว แล้วหยิบเศษกระดาษบางอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้ในซองที่ใส่ขนมปังออกมาขยำ แล้วโยนให้พอส
   
“พวกนั้นเริ่มกันแล้ว”
   
พอสรับกระดาษยุ่ยๆ มาแกะอ่าน
   
’30.7.19 เผา สิงโต’
   
“เผาสิงโต?”
   
ถึงแม้ว่าเขาจะพอรู้มาบ้างว่ามีกลุ่มเบต้ากลุ่มหนึ่ง มีแนวคิดเดียวกับเขา แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคนพวกนั้นคือใคร รู้เพียงแค่ว่ามีตัวตนอยู่ แต่ไม่กล้าติดต่อกันเพราะต่างฝ่ายต่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นสายของทางการที่แฝงตัวมา และแน่นอนว่าไม่มีใครอยากถูกเผาทั้งเป็นหรือจับแขวนประจานกับประตูเมืองแน่ๆ
   
แต่เรื่องที่น่าแปลกใจนิดหน่อย ก็เรื่องกระดาษในซองขนมปังของทางการเนี่ยแหละ ที่เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นลักลอบกันท่าไหนถึงไปยุ่มย่ามกับโรงงานขนมปังโง่ๆ ที่มีอัลฟ่าคุมอย่างหนาแน่นได้
   
แน่นอนว่ามันเริ่มทำให้เขาเริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมานิดๆ
   
“ใช่ เผาสิงโต สิงโตตัวที่ว่านั้นก็คงไม่พ้นรูปปั้นสิงโตที่ยืนหน้าทำเนียบรัฐบาลนั่นแหละ”
   
“มันจะไหม้เหรอ”
   
นทีถามงงๆ เพราะไอ้รูปปั้นสิงโตที่ว่านั้นเป็นหินอ่อน แล้วที่แถวนั้นก็เป็นที่โล่งๆ ไม่น่าจะมีอะไรที่ดูจะเผาได้สักนิด และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกอัลฟ่าตรวจตรากันชุกชุมมาก
   
เพราะ ‘สิงโต’ นั้นคือสัญลักษณ์หรือตัวแทนของอัลฟ่า
   
“ใครเขาสนว่ามันจะไม่หรือไม่ไหม้ล่ะ เขาสนที่มีคนกล้าไปเผาต่างหาก” กายเด้งตัวขึ้นมานั่ง แล้วพุ่งเข้าไปแย่งข้าวต้มของนทีมากิน
   
“เฮ้ยๆ ไปเอาเองสิโว้ย”
   
นทีพยายามสุดชีวิตในการปกป้องข้าวต้มของตัวเองด้วยการถีบเพื่อนตัวเองออก หมดมาดหมอหนุ่มผู้นุ่มนวลใจดีในโรงพยาบาล ตีกันจนสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็คือกาย ที่ยอมลงไปนอนกลิ้งบนพื้นเหมือนเดิม
   
“แล้วนายจะไปไหม?”
   
พอสถามกายที่ตอนนี้กลิ้งไปกอดขาเวฟ ออดอ้อนขออาหารไม่หยุด เพราะขี้เกียจเดินไปตักเอง
   
“ไปสิ”
   
กายตอบโดยไม่ต้องคิด แม้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำนั้นอาจจะอันตรายถึงชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม การแอบศึกษาเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว แถมในห้องแฟล็ตรูหนูของเขาก็มีพวกหนังสือต้องห้ามเต็มไปหมด เรียกได้ว่าถ้าถูกสุ่มตรวจแล้วจับได้ขึ้นมา เขาต้องโดนโทษหนักแน่นอน
   
แต่ถ้าถามว่าเขากลัวไหม? ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะยังไงทุกวันนี้การมีชีวิตอยู่ของเขาก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ชีวิตของเขาถูกพวกทางการกะเกณฑ์มาตั้งแต่ต้น ตื่นเช้าทุกวันไปคัดแยกขยะในโรงงานขยะที่เต็มไปด้วยสารพิษเพื่อที่จะรอรับเศษเงินกับเศษอาหารที่พวกมันจะกรุณาประทานลงมาให้ในแต่ละอาทิตย์
   
ทั้งๆ ที่เขานั้นเรียนจบหลักสูตรขั้นพื้นฐานแล้วด้วยซ้ำ เขาเคยไปขอสมัครงานตำแหน่งดีๆ แต่สุดท้ายก็ถูกพวกเบต้าที่มีเส้นสายหรือไม่ก็อัลฟ่าชั้นต่ำแย่งงานไปอยู่ดี จนสุดท้ายเขาก็มาจบที่โรงงานบ้าๆ นี่
   
แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากทำ แต่งานนี้เป็นงานที่เขาจะหาเงินพิเศษได้ง่ายที่สุดและมักจะมีของต้องห้ามบางอย่างทิ้งมาด้วย เขาถึงได้ยอมทนทำ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าอายุขัยเฉลี่ยของคนที่ทำงานโรงงานขยะสารพิษนี้จะไม่เกินสี่สิบปีก็ตาม
   
“แล้วนายไม่กลัวรึไง กาย”
   
คนเป็นหมอถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะลำพังแค่เพื่อนเขาไม่ยอมเลิกทำงานโรงงานขยะนี้ก็แทบจะทำเขาประสาทกินแล้ว
   
“อย่างกูนี้ยังมีอะไรเหลือให้กลัวด้วยเหรอ นที”
   
กายหัวเราะหึๆ จนตัวสั่น นัยน์ตาขึ้นสีแดงฉานอย่างเคียดแค้น
   
“พ่อแม่กูตายก็เพราะพวกมัน มีกูตายเพิ่มอีกคนนึงจะเป็นอะไรไป”
   
“คือมันเสี่ยงไง มึงเข้าใจไหม ว่ามึงอาจจะตายฟรี!!!”
   
สุดท้ายนทีก็อดกลั้นความกังวลตัวเองไม่ไหว ลงไปเขย่าคอเสื้อกายบนพื้นและตะคอกเสียงดังลั่น
   
“มึงเรียกการแสดงออกของพวกกูว่าตายฟรีเหรอ นที”
   
กายเหยียดยิ้มใส่เพื่อนตัวเอง ไม่มีเค้าความขี้เล่นเหมือนปกติ จนนทีใจหายแต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเปลี่ยนความคิดเพื่อนสมัยเด็กของตัวเอง ยังไงก็ตามเขายินดีที่จะถูกเพื่อนเกลียด ดีกว่าที่จะเห็นมันตายไปต่อหน้าโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร
   
“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น มึงก็รู้ แต่กูไม่อยากให้มึงตาย เข้าใจไหม กูไม่อยากให้มึงตาย ฮึก” สุดท้ายนทีก็สะอื้นฮัก หูกระต่ายลู่ลงอย่างเจ็บปวด “มึงก็รู้นี่ว่าถ้ามึงไป แล้วหนีไม่ทัน มันจะเป็นยังไง”
   
“เวลาที่กูรอ มันมาถึงแล้ว นที”
   
กายยิ้มและคืนสู่ร่างต้นซึ่งเป็นกวางเพื่อที่จะสลัดเพื่อนตัวเองออก เพราะร่างมนุษย์ของตัวเองตัวค่อนข้างเล็กและแรงน้อย ซึ่งพอสลัดหลุดออกมาได้ กายก็จงใจเปลี่ยนส่วนหัวของตัวเองให้เป็นงูเห่าซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์กินเนื้อของเหล่าชนชั้นอัลฟ่า จนทำเอาคนอื่นๆ ที่เห็นมองด้วยความตกตะลึงโดยเฉพาะนที
   
“ถึงเวลาทุกคนแม่งจะรู้ความจริงสักที ว่าไอ้เพศที่พวกอัลฟ่าแบ่งกันน่ะ แม่งก็เป็นแค่วาทกรรมที่รัฐบาลใช้หลวกลวงทุกคนเท่านั้นแหละวะ”
   
“เดี๋ยวนะ กาย มึงไม่ใช่เบต้าเหรอวะ”
   
เวฟถามด้วยความมึนงง
   
“มันไม่มีใครเป็นเพศอะไรทั้งนั้นแหละ ไอ้เวฟ ทุกคนเป็นคนเหมือนกัน แต่ไอ้รัฐบาลสารเลวมันหลอกพวกมึงไง แล้วพวกมึงก็เชื่ออย่างสนิทใจ เชื่อคำหลอกลวงพวกมัน”
   
กายกลับคืนร่างมนุษย์และหัวเราะลั่น
   
“มึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ทำไมอัลฟ่าถึงต้องคู่กับความรวย อำนาจ และชื่อเสียง แล้วทำไมเบต้าอย่างพวกเรามันถึงคู่กับความโง่ ความจน แล้วก็ต้องยอมเป็นเบี้ยล่างให้พวกอัลฟ่ามันขูดเลือดขูดเนื้อตามอำเภอใจ ไหนจะเรื่องโอเมก้าอีก ทำไมอยู่ดีๆ พวกเขาถึงโดนตราหน้าว่าเป็นปีศาจล่ะว่ะ ทั้งๆ ที่เขาก็เคยเป็นพ่อเป็นแม่ให้กับพวกอัลฟ่าเบต้าเหมือนกัน มึงไม่คิดว่าแม่งประหลาดบ้างเหรอวะ แม่ง ฮึก กูทนไม่ไหวแล้ว กูทนเรื่องเหี้ยๆ พวกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว”
   
กายยกมือปิดตาและสะอื้นจนตัวโยน
   
“พวกมึงทุกคนมีสิทธิ์ในทรัพยากรของประเทศนะเว้ย มันเป็นของคนทุกคน แล้วทำไมถึงมีแค่คนส่วนเดียวที่ได้มันไปวะ แล้วทำไมพวกเราถึงต้องมาทนกับอะไรเหี้ยๆ แบบนี้วะ ฮึก กูทำอะไรผิดวะ นที มึงตอบกูสิ มึงจะให้กูหุบปากแล้วทนต่อไปเหรอ กูแม่งไม่ไหวแล้ว ถ้าพวกเราต้องมาเจออะไรแบบนี้วะ”
   
“..มึงรู้เรื่องนี้นานรึยัง”
   
พอสถามเสียงแผ่ว ค่อนข้างตกใจเนื่องจากรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาก็แอบระคายคะคายไม่น้อย เพราะบางครั้งบางคราเขาก็เห็นเพื่อนร่วมงานของเขามีเอกลักษณ์ของพวกอัลฟ่าโผล่มานิดหน่อย และพวกของทางการก็จะรีบจับคนพวกนั้นไปโรงพยาบาลเพื่อรับยาบางอย่างทันที ซึ่งพอเพื่อนเขากลับมาไอ้เอกลักษณ์ของพวกอัลฟ่าก็หายไปหมดแถมความจำบางส่วนยังหายไปด้วย
   
“อาทิตย์ก่อน”
   
กายที่เหมือนจะรวบรวมสติได้แล้ว ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเกือบจะปกติแต่ก็ไม่ได้สะอื้นแล้ว
   
“กูรู้มาจากพวกกลุ่มปฏิวัตินั่นแหละ  พวกนั้นรู้ว่ากูแอบสะสมแล้วก็ขายหนังสือ เลยเข้ามาคุยกับกู”
   
“แล้วมึงรู้อะไรอีกไหม”
   
“กูก็รู้แค่เรื่องนี้แหละ แล้วก็เรื่องยาระงับเอกลักษณ์ที่มันใช้กับพวกเรา”
   
นทีชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำว่ายาระงับ และสั่นไปทั้งตัว เพราะมีสิ่งหนึ่งแวบเข้ามาในหัวเขาทันที
   
“ยาระงับของมึงคงไม่ใช่วัคซีนกันโรคที่พวกรัฐบาลบังคับให้เบต้าทุกคนฉีดทุกปีใช่ไหม”
   
สาเหตุที่มันทำให้เขาใจสั่นนัก ก็เพราะมันเป็นวัคซีนที่พวกอัลฟ่าบังคับอย่างเด็ดขาดว่าเบต้าทุกคนต้องฉีด แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้คนไข้เขาบางส่วนอาการทรุดลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่ก่อนจะรับวัคซีนนี้ก็อาการปกติดี พอเขานำเรื่องไปร้องเรียนก็ถูกพวกเบื้องบนสั่งให้เลิกสนใจ และตั้งใจทำงานห้ามสงสัย ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะถูกย้ายออกงานหรือเลิกจ้างไปเลย เขาถึงต้องฉีดมันให้กับคนไข้ของเขาเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม
   
“ใช่ ก็ไอ้ยาที่มึงเคยร้องไห้บอกว่าไม่อยากฉีดให้คนไข้มึงนั่นแหละ”   
   
“…”
   
“มึงรู้สึกผิดได้ นที แต่มันไม่ใช่ความผิดมึง มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด”
   
กายพูดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองลงไปนั่งร้องไห้บนพื้น จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะไปนั่งลูบหลังปลอบมัน เพราะคนที่ถวายชีวิตให้กับเป็นหมออย่างมันคงเจ็บปวดมากที่ทำคนไข้ของมันตายด้วยน้ำมือตัวเอง
   
“สรุปคือทุกคนก็เป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าได้เหมือนกันใช่ไหม”
   
เวฟที่นั่งนิ่งอึ้งอยู่นานมาก ในที่สุดก็พูดออกมาประโยคนึง
   
“ใช่ แต่พ่อหรือแม่ต้องเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้านะ ถึงจะแสดงเอกลักษณ์ของเพศนั้นได้” กายพยักหน้าหงึกหงัก “แต่มึงอาจจะหาคนอื่นมาพิสูจน์เรื่องนี้ยากหน่อย เพราะยังไงทุกคนก็รับยาระงับจากพวกมัน อย่างกูที่ทำได้ก็เพราะได้ยากระตุ้นมาจากพวกนั้น”
   
“..ผมไม่ได้ฉีด”
   
กันต์พูดเสียงเบา แต่กลับเรียกความสนใจได้ทั้งวง แม้แต่ทวิชที่นั่งจิบไวน์ฟังเงียบๆ ก็หันมาสนใจ เพราะนอกจากตัวเองแล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอใครที่เป็นแบบตัวเองอีก ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่กายพูดนั้น เป็นเรื่องที่ทวิชรู้ด้วยตัวเองมานานมากๆ แล้ว ตั้งแต่เห็นปีกสีดำปลอดของตัวเองในกระจกด้วยนัยน์ตาของเสือดำ มันดูประหลาดมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จากอาสิงห์ที่คอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่ที่เขาจำความได้
   
และด้วยความว่างจัด ไม่มีอะไรทำ เขาจึงมักจะอ่านหนังสือที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้จนแทบจะรู้เรื่องพวกนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงการคาดเดาของคนที่เขียนหนังสือ แต่ถ้าหากไม่มีมูลก็ย่อมเขียนไม่ได้ และมันก็จะคงไม่ถูกทำให้กลายเป็นหนังสือต้องห้ามในประเทศนี้
   
ประเทศที่กลัวประชาชนรู้ความจริงจับใจ กลัวว่าหากประชาชนฉลาดและตาสว่างแล้วจะควบคุมไม่ได้อีก จึงใช้วิธีการเข่นฆ่าคนกลุ่มนั้นอย่างเลือดเย็นเพื่อความมั่นคงของบัลลังก์ของตัวเอง
   
เขาถึงได้เกลียดพวกอัลฟ่านัก เกลียดที่พวกมันฆ่าพ่อแม่ของเขา ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นส่วนเกินของตระกูลพยัคฆ์โภคสกุลที่ไม่ได้มีความเกี่ยวดองกันด้านสายเลือดด้วยซ้ำ ที่เขาได้รับการอนุเคราะห์ก็เพราะพ่อแม่เขาเคยเป็นเพื่อนและมีบุญคุณกับอาสิงห์เท่านั้น
   
เอาเข้าจริง ถ้าหากมีอัลฟ่าสักคนรู้ว่าเขาคือลูกหลานของกลุ่มปฏิวัติรุ่นก่อน ก็คงจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาในพริบตา
   
“งั้นนายใช้เอกลักษณ์ของพวกอัลฟ่าได้ไหม”
   
พอสถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนิดๆ
   
“…”
   
กันต์ไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลจะมีเสียงกระดูกหักดังกร็อบๆ และปรากฎร่างสิงโตขนาดยักษ์ขึ้นมาร่างหนึ่ง มันพ่นลมหายใจหนักๆ ก่อนที่จะหันมองทวิชนิ่งๆ ราวกับคาดหวังอะไรบางอย่าง
   
“..อืม”
   
ทวิชงุนงงนิดๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกกันต์มอง แต่ก็พยักหน้าให้เชิงรับรู้ กันต์ถึงค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์แบบเดิม
   
“ที่มึงไปร่วมพรุ่งนี้ ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม”
   
พอสพูดออกมาด้วยความหนักใจ เพราะเชื่อว่าการที่กายได้รับยากระตุ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือความใจดีของกลุ่มปฎิวัติแน่นอน
   
“ใช่ กูตกลงยอมเป็นตัวพิสูจน์ความจริงให้กับคนพวกนั้น”
   
“..มึงจะรอดกลับมาใช่ไหม กาย”
   
ถึงแม้จะร้องไห้มานานแล้ว นทีก็ยังไม่หยุดสะอื้น นั่งปาดน้ำตาป้อยๆ ไม่ต่างกับตอนเด็กที่มักจะร้องไห้ไม่หยุด เวลาที่มีเรื่องที่ไม่สบายใจหรือเสียใจมากๆ
   
“ไม่รู้ว่ะ”
   
กายหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปตบไหล่พอสอย่างฝากฝัง
   
“ถ้ากูไม่รอด ฝากเผาห้องกูด้วยแล้วกัน กูไม่อยากให้ของๆ กูต้องกลายไปเป็นของพวกมัน”
   
“..ที่มึงยอมมาวันนี้ มึงมาเพราะอะไรกันแน่วะ กาย”

นทีลุกเขย่าคอเสื้อกายอีกรอบ เพราะปกติแล้วกายจะเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ถึงแม้ว่ามีนิสัยขี้เล่นก็ตาม เวลานัดมากินข้าวรวมตัวก็มักจะบอกปัดตลอด ปีหนึ่งได้เจอกันได้ไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำไป
   
“กูมาลาพวกมึง”
   
กายพูดด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว แม้ว่ามันจะแฝงไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
   
“เพราะวันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่กูได้อยู่กับพวกมึง”

====

แง หายไปนานเลย ขอโทษนะคะ พอดียุ่งๆ กับต้นฉบับอีกเรื่อง  :hao5:
   


ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
นึกว่าจะไม่มาต่อซะแร้วววว  ชอบเรื่องนี้มากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด