My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---  (อ่าน 33471 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะมีข่าวดีหรือเปล่าหนอ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ซินเธียน้องหาเบาะสร้างรังเหรอค่ะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :hao3: :hao3: :hao3: ท้องแล้วววววววว ใช่มะ???????

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

บทที่ 17




   วันนี้แอชลีย์กลับมาบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย วางแผนเอาไว้ว่าจะไม่ออกไปจัดการงานที่ไหนอีกแล้วไม่ว่าจะงานของตัวเองหรืองานในฐานะที่ปรึกษา คาร์ลินควรจัดการปัญหายิบย่อยด้วยตนเองบ้างไม่ใช่โยนมาให้เขาทั้งหมดแล้วเอาเวลาไปใส่ใจภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของตัวเอง


   เจ้าอัลฟ่าจ่าฝูงผู้นี้เรียกได้ว่าเห่อลูกจนน่ารำคาญ ประสบการณ์ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีตื่นเต้นยังกับพึ่งเคยมีลูกคนแรกไปได้


   ชายหนุ่มส่งเสื้อโค้ทให้กับพ่อบ้านซึ่งมายืนคอยต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว เขาเดินผ่านโถงเข้าไปด้านในก่อนจะแปลกใจเมื่อเห็นว่าห้องเรือนกระจกที่มักจะมีใครอีกคนชอบมานั่งๆ นอนๆ อยู่ในนั้นวันนี้กลับว่างเปล่า


“ซินเธียล่ะ” เขาถามมือก็สาละวนอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นจนถึงศอกสลัดภาพลักษณ์เคร่งขรึมออกเหลือไว้เพียงความผ่อนคลายบ่งบอกว่าวันนี้จะไม่ออกไปไหนอีกแล้ว


“ท่านชายนอนอยู่ข้างบนค่ะ” แม่บ้านคนหนึ่งที่คอยช่วยดูแลซินเธียเป็นประจำเดินเข้ามาตอบ


“นอน?”


“ค่ะ วันนี้ท่านชายยังไม่ได้ลงมาเลย มื้อเช้าตั้งโต๊ะเตรียมไว้แล้วแต่เธอบอกว่ายังไม่อยากทาน”


แอชลีย์ขมวดคิ้ว แสดงสีหน้างงงวยออกมาโดยไม่ปิดบัง เขาก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว มันค่อนข้างผิดวิสัยคนตื่นเช้าแบบท่านชายวาเลนเธีย


“จะให้ปลุกไหมคะ” หญิงแม่บ้านถามเนื่องด้วยส่วนตัวก็รู้สึกเป็นห่วง ตอนนี้เลยเวลาอาหารเช้ามาแล้วจนกระทั่งได้เวลามื้อเที่ยง แต่จนถึงตอนนี้ท่านชายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด หรือจะไม่สบายกันนะ ครั้นจะให้ไปก้าวก่ายเกินหน้าที่ก็ไม่เหมาะสมยิ่งไม่กล้าจะถือวิสาสะเข้าไปสัมผัสกายผู้เป็นนายเลยได้แต่รอให้นายใหญ่ของบ้านเป็นผู้จัดการ โชคดีที่วันนี้ท่านแอชลีย์กลับมาเร็ว


“ช่างเถอะ ปล่อยให้เขานอนอีกหน่อย” แอชลีย์บอกปัดคล้ายไม่ใส่ใจ


เมื่อคืนก็กวนอีกฝ่ายนานไปหน่อยเล่นเอาหมดแรงจนใกล้ฟ้าสาง บางทีเจ้าตัวอาจจะเพลียถือว่าให้พักผ่อนก็แล้วกัน


“อีกราวสิบห้านาทีจะตั้งโต๊ะ คุณแอชลีย์จะรับน้ำชาก่อนเลยไหมคะ” เธอถามออกไปโดยบังคับไม่เสียงของตัวเองสั่น มือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้าต้องคอยบีบเอาไว้เพื่อระงับความประหม่า


ปกติหน้าที่นี้มักจะเป็นท่านชายของบ้านคอยจัดเตรียมให้คุณเขาเป็นประจำ หากเป็นเมื่อก่อนคุณท่านมักจะรับแต่กาแฟ มีก็พักหลังมานี้เริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำชากับผลไม้แทน


แม่รี่เป็นแม่บ้านที่พึ่งเข้ามาใหม่ อายุงานไม่กี่ปียังไม่เคยเข้ามารับใช้ดูแลประมุขของคฤหาสน์อย่างแอชลีย์ใกล้ชิดแบบนี้เลยสักครั้งเวลาถามตอบอะไรจึงเกิดความรู้สึกประหม่าไปกับกลิ่นอายความเป็นอัลฟ่าของชายหนุ่มไม่น้อย ตลอดมางานของเธอทำเพียงปัดกวดเช็ดถู ช่วยงานคุณพ่อบ้านเล็กๆ น้อยๆ จัดเตรียมอาหารของว่างอยู่ในครัวเท่านั้น จะมีก็ตอนซินเธียเข้ามาเลยได้รับหน้าที่ดูแลท่านชายเขา สาเหตุหนึ่งคงเพราะมีอายุไม่ห่างกันมากน่าจะคุยกันเข้าใจง่ายกว่า


   แต่ตอนนี้คนทำหน้าที่ดันไม่อยู่เสียนี่ คนที่บังเอิญยืนอยู่ใกล้พอดีอย่างเธอเลยต้องทำใจกล้าเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ระหว่างรอคุณพ่อบ้านนำของของคุณเขาไปเก็บ


   แอชลีย์นิ่งไปครู่หนึ่งกับคำถามก่อนหน้าเรื่องน้ำชา ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธไป


“เอาน้ำเปล่ามาก็พอ” ไหนๆ ก็จะถึงเวลาอาหารแล้วก็รอทานมันทีเดียวนั่นแหละ


พอถึงเวลาตั้งโต๊ะแอชลีย์นั่งรับประทานมื้อเที่ยงคนเดียวอยู่ในห้องอาหารจากตอนแรกที่ตั้งใจจะกลับมาทานร่วมกันกับใครอีกคน จัดการจนอิ่มท้องก็ยกน้ำเปล่าขึ้นจิบพร้อมกับเช็ดปากเป็นการแสดงท่าทีว่าอิ่มแล้ว ตอนจะลุกออกไม่ก็ยังไม่ลืมสั่งกำชับให้เตรียมอุ่นอาหารเอาไว้รอคนขี้เซาด้วย


ขณะกำลังจะออกไปเดินย่อยอาหารในสวนด้านหลังคล้ายนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้เลยหันไปหาพ่อบ้านวัยชราที่เดินตามหลังมา


“อีริค คุณเห็นสูทสีครีมตัวที่ผมใส่เมื่อวันก่อนหรือเปล่า” สูทของเขามีอยู่ไม่กี่สีซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสีดำหรือกรม โทนสว่างนั้นนับว่ามีน้อยแล้ววันนี้ดันจำเป็นต้องใช้พอดีดันหาไม่เจอเสียอย่างนั้น


“ตัวนั้นหรือครับ” อีริคทำหน้าประหลาดใจ “ผมรับมาจากห้องซักรีดนำมาเตรียมเอาไว้ให้แล้วตั้งแต่เมื่อวานเพราะเห็นว่าคุณท่านจะใส่วันนี้ไม่ใช่หรือครับ”


ได้ยินดังนั้น อัลฟ่าหนุ่มตีหน้ายุ่ง “ไม่มี ผมหาแล้ว”


มิน่าเล่า เห็นคนเป็นนายกำชับเอาไว้ดิบดีว่าจะใส่ในวันนี้ถึงได้นำมาเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ช่วงบ่ายกันหลงลืมแต่พอตอนเช้าดันเห็นสวมอีกตัวเสียอย่างนั้น ชายชรายังนึกแปลกใจตอนออกไปส่งแอชลีย์ขึ้นรถ


“เอ แปลกนะครับ” เขาว่าเขาจัดการทุกอย่างเอาไว้แล้วนะ


“ช่างเถอะ ผมจะไปอ่านหนังสือในห้อง” แอชลีย์ถอนหายใจเปลี่ยนทิศทางไปยังห้องหนังสือแทนสวนด้านหลัง ไม่ได้หยิบยกประเด็นนั้นมาพูดให้รู้สึกกวนใจอีก ปกติพ่อบ้านคนนี้ทำงานไม่เคยผิดพลาด ไม่ว่าจะสั่งการอะไรไปเพียงครั้งเดียวก็จำขึ้นใจลงมือจัดการโดยไม่ต้องพูดให้มากความ เลยไม่อยากจะติดใจเอาความอะไรมาก


นั่นนับเป็นครั้งแรกของความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นภายในคฤหาสน์คิม




แอชลีย์ย้ายตัวเองมานั่งอ่านหนังสือในห้องจนใกล้บ่าย เหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว จนป่านนี้ยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของภรรยาสักครึ่งคำ แม้ยามปกติเจ้าตัวจะไม่ใช่คนช่างพูดแต่อย่างไรก็ต้องมีความเคลื่อนไหวให้ได้รับรู้บ้าง ขนาดกลิ่นเขายังสัมผัสไม่ได้เลยบ่งบอกชัดเจนว่ายังไม่ลงมาข้างล่างจนถึงตอนนี้


จากไม่ใส่ใจก็เริ่มต้องใส่ใจแล้ว ชายหนุ่มปิดหนังสือในมือวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปดูบนห้องนอน


แล้วก็เป็นดังคาด


บนเตียงกว้างที่คนทั้งสองใช้หลับนอนร่วมกันหรือใช้มากกว่านอนในบางครั้งขณะนี้มีร่างของคนที่ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งแต่เช้านอนขดตัวซ่อนทั้งร่างของตัวเองเอาไว้ภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ มีเพียงปอยผมสีจินเจอร์โผล่พ้นตัวผ้าขึ้นมาเล็กน้อย


“ซินเธีย”


เขานั่งลงบนเตียงแล้วเอ่ยเรียกส่วนมือก็ดึงผ้านวมออกด้วยกลัวว่านอนแบบนี้ต่อไปนานๆ จะหายใจไม่ออกเอา อากาศในห้องไม่นับว่าหนาวยะเยือกหากเทียบกับด้านนอก เตาผิงยังคงถูกจุดเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่นแต่คนที่เอาแต่นอนหลับอุตุดูสบายอกสบายเสียเหลือเกิน


ฝั่งคนถูกกวนส่งเสียงงึมงำเงียบหายไปครู่ใหญ่กว่าจะพาตัวเองลุกขึ้นมานั่งได้


“ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วครับ


“จะบ่ายแล้ว ไม่หิวหรือไง”


“...หิว” ตอบเสียงงัวเงียเล่นเอาคนฟังต้องถอนหายใจไปอีกเฮือกใหญ่ว่านี่ใช่ท่านชายวาเลนเธียของเขาตัวจริงหรือไม่


“ไปอาบน้ำเถอะ ฉันให้คนเตรียมน้ำในอ่างเอาไว้แล้ว”


ซินเธียนั่งมึนงงอยู่บนเตียงหลายนาทีกว่าจะตั้งสติลุกเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำได้ แอชลีย์นั่งจับเวลาอยู่ด้านนอกคิดเอาไว้ว่าถ้าหายไปนานเกินยี่สิบนาทีจะต้องมีการเข้าไปช่วยกันอาบเสียแล้ว



และวันต่อมารวมถึงอีกหลายๆ วันหลังจากนั้น แอชลีย์ยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าตัวเอง เริ่มคิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เขารู้สึกว่าเสื้อผ้าตัวเองเริ่มหายไปทีละตัวสองตัว วันแรกยังไม่ใคร่ใส่ใจแต่พอมันเริ่มเกิดติดต่อกัน บางครั้งก็ทิ้งห่างไปสองวันบ้าง สามวันบ้าง แล้วก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ โดยที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวที่ชอบใส่บ่อยครั้ง


พอไปถามทั้งพ่อบ้านรวมถึงสาวใช้คนอื่นกลับไม่มีใครทราบ


อัลฟ่าหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอก นัยน์ตาสีอำพันเพ่งพินิจบรรดาเสื้อผ้าในตู้ของตัวเองด้วยใบหน้าครุ่นคิด




หารู้ไม่ว่าบรรดาเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่ได้หายสาบสูญไปไหน แต่พวกมันกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในกองผ้านุ่มนิ่มมากมาย ซินเธียพลิกตัวอย่างเกียจคร้านในอ้อมกอดมีหมอนใบโตที่พึ่งไปหยิบมาจากบนเตียงนอน เด็กหนุ่มฝังใบหน้าลงบนสิ่งที่กอดอยู่จนใบหน้าจมหายลงไปบนเนื้อผ้าเกินครึ่ง นอนหลับพักผ่อนยามบ่ายอย่างสบายอกสบายใจหลังทานมื้อกลางวันพร้อมของหวานไปจานโต


กลิ่นฟีโรโมนจากอัลฟ่ากำลังโอบล้อมเขาเอาไว้ทั้งร่างอบอวลไปทั่วรังน้อยๆ ที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นี้ ทั้งอบอุ่น ปลอดภัย รู้สึกสุขสำราญใจเป็นที่สุด


ใช่ มันยังไม่สมบูรณ์เลย


ซินเธียหมกตัวอยู่ในรังของตัวเองอยู่ครึ่งค่อนวัน แม้จะยังรู้สึกว่านอนไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่แต่ก็จำเป็นต้องฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากบรรดากองทัพของนุ่มๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใครบางคนที่เป็นเจ้าของเครื่องนุ่งห่มเหล่านี้เพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำ


ขยับออกมาจากกองผ้ารกๆ แล้วเริ่มจัดระเบียบพวกมันให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนหน้านี้พอขนมาแล้วก็ได้แต่โยนทิ้งส่งๆ เพราะอดใจไม่ไหวอยากจะซุกตัวนอนเดี๋ยวนั้น ก็กว่าจะขนพวกมันมาได้น่ะกินแรงไปเยอะอยู่นะ เขาต้องนอนเพื่อสะสมพลังงานที่ใช้ไปกลับมาก่อนแล้วถึงค่อยเริ่มทำงานต่อได้


เด็กหนุ่มหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกองรกๆ สามถึงสี่ตัวเลือกแต่ผืนที่กลิ่นจางลงแล้วหอบเอามันไปใส่คืนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม บางตัวก็แอบไปหย่อนไว้ในตะกร้าสำหรับซัก ของพวกนี้เขา ’ยืม’ มาใช้หลายวันแล้วถึงเวลานำไปคืนพร้อมกับฉกเอาตัวใหม่มาตัวหนึ่งกับเนกไทอีกหนึ่งเส้น ไม่กล้าหยิบมาเยอะเดี๋ยวจะดูผิดสังเกต


ใบหน้าหมดจดเต็มไปด้วยความขะมักเขม้นรื้อบรรดาหมอนผ้าห่มออกมาวางด้านนอก  เมื่อกวาดทุกอย่างออกจนหมดแล้วก็เริ่มจัดเรียงใหม่ เบาะขนาดใหญ่จนดูคล้ายฟูกนอนแต่มีขนาดความนิ่มกว่าปูทับด้วยผ้าขนแกะสีขาวให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มเวลาทิ้งตัวลงไปไม่ต่างจากปุยเมฆ


เบาะนี้คุณพ่อบ้านช่วยหามาให้เมื่อหลายวันก่อน ความกว้างความยาวของมันคล้ายฟูกสำหรับนอนมีพื้นที่มากพอให้เด็กหนุ่มนอนขดตัวสบายๆ อยู่ในนั้น พอจัดการขั้นแรกเสร็จก็เริ่มหยิบบรรดาหมอนอิงมาวางเรียงรอบๆ โดยเน้นวางส่วนบนสำหรับหนุนเป็นพิเศษ จากนั้นก็เริ่มนำบรรดาเสื้อผ้ากรุ่นไปด้วยกลิ่นของใครอีกคนที่พับอย่างเรียบร้อยบรรจงจัดวางเอาไว้ให้ทั่วปิดท้ายด้วยเครื่องนอนที่ขนมาจากเตียงโดยเว้นช่องว่างตรงกลางเอาไว้สำหรับให้ตัวเองสามารถสอดตัวไป


พอเสร็จแล้วก็ขยับออกมาพิจารณา หัวคิ้วพันกันยุ่งขณะกำลังครุ่นคิด ซินเธียคิดว่ามันยังเล็กเกินไปแม้ว่าภายในรังตอนนี้จะสามารถนอนได้สบาย ต่อให้เป็นคนสองคนนอนเบียดกันก็ยังนอนได้แบบอบอุ่นไม่อึดอัด แต่เขาก็คิดว่ามันยังไม่พอ ไม่รู้ทำไมแต่ในใจก็รู้สึกว่ามันต้องใหญ่กว่านี้


เขาจดจำสิ่งของที่ต้องการเพิ่มลงในใจ คิดเอาไว้ว่าจะหาโอกาสไปไหว้วานคุณพ่อบ้านให้ช่วยจัดการหาของจำเป็นในการขยับขยายรังของตัวเองอีกครั้ง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้


ยังมีเวลาอีกมากไม่จำเป็นต้องรีบร้อน


พอจัดการตรงนี้เสร็จเด็กหนุ่มก็กลับเข้าไปในห้องนอน บนเตียงกว้างว่างเปล่าเหลือไว้เพียงผ้าปูผืนเดียว อันที่จริงวันนี้เป็นเวลาผลัดเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่แล้วแต่ซินเธียยังไม่ส่งซัก เขานำพวกมันไปโยนทิ้งไว้ในรังเรียบร้อย ส่วนตอนนี้ก็ต้องไปเรียกให้แม่รี่มาจัดการใส่เครื่องนอนชุดใหม่ลงไป


ตอนแรกหญิงรับใช้ตั้งคำถามถึงบรรดาเครื่องนอนที่หายไปไม่เหลือแม้แต่หมอน แต่ด้วยความซื่อของเด็กสาวประสบการณ์ทำงานยังน้อยเลยไม่กล้าคิดซักไซ้อะไรมากความ ตั้งคำถามได้ไม่นานพอโดนเบี่ยงเบนความสนใจก็ลืมไปจนหมดสิ้นแล้วได้แต่ไปนำหมอนใบใหม่มาช่วยเปลี่ยนให้


พอเก็บหลักฐานหมดเรียบร้อยก็พาตัวเองลงมาชั้นล่างเพราะเริ่มรู้สึกหิว ซินเธียให้แม่รี่ไปจัดเตรียมของว่างของตัวเองเป็นเวลาเดียวกับที่แอชลีย์กลับมาถึงพอดี


“กลับมาแล้วหรือครับ” เขาเดินไปรับ คนตัวสูงพยักหน้ารับท่าทางดูเหนื่อยอ่อน


แอชลีย์เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟา วันนี้มีประชุมทั้งวันเขาปวดหัวไปหมดแถมยังต้องแบ่งเวลาไปช่วยจัดการงานแทนคาร์ลินอีกด้วย


   ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองในวินเทอร์ฟอลก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ช่วยมือทอง ในวันคัดเลือกผู้นำ แอชลีย์กับคาร์ลินเป็นสองคนสุดท้ายในงานประลอง พวกเขาทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งอารมณ์ส่วนตัว ทั้งความอยากเอาชนะ ความทะเยอทะยาน เหตุการณ์ในวันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวันในชีวิตที่ชายหนุ่มจะไม่มีวันลืม


คาร์ลินเป็นผู้ชนะ ส่วนแอชลีย์เป็นรอง ถึงจะเสียดายกับความพ่ายแพ้ครั้งนั้นแต่ก็ไม่ได้เสียใจหรือแค้นเคืองอะไร เขายอมรับผลการตัดสินและนับถือพลังรวมถึงความสามารถของอีกฝ่ายจากใจ


ส่วนตอนนี้ก็ไม่ได้โกรธหรือโมโหฝ่ายนั้นเรื่องงานหรอกแต่มันรู้สึกรำคาญความขี้เห่อของเจ้าพ่อลูกสองคนนี้ก็เท่านั้น แอชลีย์แค่ไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึงอารมณ์แบบนั้นของอีกฝ่ายนั่นแหละ การเป็นพ่อคนอะไรนี่ช่างเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเขาเหลือเกิน


คาร์ลิน ไล เป็นอัลฟ่าคนหนึ่งที่มากไปด้วยพลังและความสามารถ ชายหนุ่มมีนิสัยสุภาพเรียบร้อยตามแบบฉบับคุณชายรองจากตระกูลใหญ่ พวกเขาทั้งคู่ดูผิวเผินแล้วแทบจะเรียกว่าเป็นเส้นขนาน ทั้งรสนิยม ความชอบ นิสัยส่วนตัวล้วนแตกต่าง แต่ลึกๆ แล้วก็มีบางอย่างคล้ายคลึงบางอย่างที่พวกเขาเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นความสัมพันธ์แปลกประหลาด ก้ำกึ่ง ไม่ใช่มิตรสหายและก็ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้น


แน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่เราสองคนไปด้วยกันได้ก็คือความไม่ชอบพูดมากความ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทุกวันนี้แอชลีย์สามารถพูดคุยกับท่านชายไลได้โดยไม่รู้สึกอะไร แตกต่างจากเพื่อนๆ ของเจ้าตัว โดยเฉพาะเจ้าอัลฟ่าจากตระกูลแบล็ควู้ดคนนั้น หมอนั่นพูดมากจนน่ารำคาญแถมยังกวนประสาทไม่เลิกรา


พอคิดมาถึงเรื่องที่พึ่งโดนฝ่ายนั้นกวนประสาทในห้องประชุมมาก็อดจะยกมือขึ้นนวดขมับไม่ได้ หันไปมองภรรยาตัวบางที่วันนี้พึ่งจะได้พบหน้ากันเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมา ปกติก็เห็นชอบมานั่งรออยู่ในห้องนี้ตลอด


ระหว่างนั้นบังเอิญนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เกี่ยวกับเสื้อผ้าที่หายไปอย่างน่าประหลาดของตัวเอง นอกจากพ่อบ้านเขาก็ถามแม่บ้านทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานซักรีดหรือคนเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนรวมถึงในห้องเสื้อผ้าเป็นประจำแล้วแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ จะมีก็แต่ภรรยาของเขาคนนี้นี่แหละที่ยังไม่ได้ถาม ถึงซินเธียจะไม่ได้จับงานบ้านแต่ก็นับเป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดเขามากที่สุด


ความจริงจะบอกว่าหายไปก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เสื้อผ้าเหล่านั้นหายไปแต่ไม่กี่วันต่อมามันก็จะกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมของมันราวกับว่าเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น วนซ้ำอยู่แบบนั้นไปทั้งอาทิตย์ นั่นต่างหากที่ดูประหลาด หากคฤหาสน์หลังนี้มีขโมยจริง เจ้าหัวขโมยคนนั้นก็คงเป็นขโมยที่ใจดีเสียเหลือเกิน ขโมยไปแล้วก็ยังอุตส่าห์เอามาคืน ของมันเคยอยู่ตรงไหนก็กลับมาอยู่ตรงนั้นไม่มีคลาดเคลื่อน ช่างเอาใจใส่กันเสียจริง


“ซินเธีย”


“ครับ” เจ้าของเสียงนุ่มหันมาสบกันตาแป๋ว ในปากยังเคี้ยวพายราสเบอรี่อยู่เต็มแก้ม เขาเอื้อมมือไปใช้นิ้วช่วยปัดเศษพายชิ้นเล็กชิ้นน้อยบริเวณมุมปากให้อย่างอ่อนใจระหว่างมองคนที่หมู่นี้เห็นทีไรปากไม่เคยว่าง


“มีเรื่องอยากจะถาม” เขาเว้นวรรคไปจังหวะหนึ่ง “เธอเห็นเสื้อเชิ้ตของฉันบ้างไหม”


“แค่ก...”


อีกคนสำลักขนม ไม่รู้รีบกินเกินไปหรืออะไร แอชลีย์หยิบน้ำผลไม้ที่วางอยู่ข้างจานพายส่งให้


“ระวังหน่อยสิ กินยังไงให้ติดคอ” ตำหนิแบบไม่จริงจังนัก


เด็กหนุ่มไอจนหน้าขึ้นสีหลังดื่มน้ำไปอึกใหญ่ก็ค่อยรู้สึกโล่งคอขึ้นมาบ้าง อาจจะเพราะอาการสำลักเมื่อครู่ตอนพูดออกมาถึงได้ดูติดๆ ขัดๆ


“สะ เสื้อตัวไหนหรือครับ”


“สีดำ อันที่จริงก็หายไปหลายตัว ถามคนในบ้านแล้วก็ไม่มีใครเห็นเลยสงสัยว่ามันหายไปอยู่ที่ไหน หรือมีใครแอบหยิบไปหรือเปล่า” ประโยคนี้แอชลีย์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามนิสัย ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเคยไม่ได้ดูผิดปกติอะไร


แต่คนที่ไม่ปกตินี่สิเห็นจะเป็นซินเธีย หัวใจมันตุ้มๆ ต่อมๆ ตัวก็เริ่มนั่งไม่ติดโซฟาตามประสาคนเกิดมาชีวิตนี้ยังไม่เคยทำผิดอะไรสักครั้ง ยิ่งเรื่องโกหกไม่ต้องพูดถึง เคยเสียที่ไหน


“อะ อาจจะอยู่ในห้องเสื้อแต่คุณหาไม่เจอเองหรือเปล่า” พูดไปก็เหงื่อแตกพลั่กๆ


แอชลีย์หรี่ตามองคนตัวเล็กตรงหน้า ดวงตากลมเลิ่กลั่กไปมาคล้ายมีอะไรในใจ “เหรอ”


“อื้อ! ดะ เดี๋ยวเราไปเตรียมน้ำชากับของว่างให้นะ พึ่งกลับมาเหนื่อยๆ คุณคงหิวแย่” พูดเร็วปรื๋อม้วนเดียวจบก็วิ่งแจ้นไปทางห้องครัวทันที ทิ้งความสงสัยให้ตกตะกอนภายในใจของอัลฟ่าหนุ่มกับท่าทีประหลาดนั้น แอชลีย์วางศอกเท้ากับที่วางแขนของโซฟาเคาะนิ้วบนปลายคางของตัวเองขณะครุ่นคิด สายตาจับจ้องไปยังทางที่เด็กหนุ่มพึ่งเดินหายไปเงียบๆ





TBC



ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ซินเธียสร้างรังแล้ว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สร้างรังแล้ว เบบี๋มาแล้ว  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอชลีย์ต้องสงสัยน้องได้แล้วนะ พิรุธเกิ๊น :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เอ็นดูน้อง 555 เป็นขโมยฝึกหัดแอบขโมยแล้วรีบเอาไปคืนด้วย กำลังสร้างรังต้องมีเบบี๋แน่เลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ท้องแล้ว สร้างรังอย่างขยันขันแข็งเชียว

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าเอ็นดูเชียว5555

ออฟไลน์ ตัวไหมอ้วนกลม

  • สาว Y ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นแล้วรักษาไม่หายนะคะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
 :L2:   :L2:    รังใหญ่ขนาดนั้นแต่น้องคิดว่ามันไม่พอ   อย่าบอกว่าท้องแฝดนะลูก   :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สร้างรังแล้วจ้าาาาาาาาาาา :hao5:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนปัจจุบัน
เนื้อเรื่องสนุก อบอุ่น  น่าติดตาม สำนวนแบบนิยายแปลที่คุ้นเคย เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0



บทที่ 18



   ตอนแรกก็พยายามไม่ใส่ใจ แต่หลังๆ มานี้แอชลีย์ก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกจริง วันนี้อัลฟ่าหนุ่มสวมสเวตเตอร์ไหมพรมสีครีมดูแปลกตาไปจากปกติรวมกับกางเกงขายาวสีขาวและผมที่ไม่ได้เซ็ตปล่อยตามธรรมชาติขับความเคร่งขรึมดังเช่นทุกวันให้ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าเก่า


ไม่บ่อยนักกับการแต่งตัวที่ให้บรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้ในวันไปทำงาน แต่จะให้เขาทำอย่างไรล่ะตัวที่จะใส่หายไปไหนก็ไม่รู้ วันนี้เลยต้องเลือกหยิบชุดที่ไม่ค่อยได้ใส่ออกมาแทน


เขาเก็บความประหลาดใจสับสนทั้งหลายเอาไว้มาหลายวันพกมาทำงานด้วยและตอนนี้มันก็ใกล้ปะทุเต็มที


คาร์ลินเลิกคิ้วจ้องมองไปยังที่ปรึกษาซึ่งเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมาตลอดการประชุมประจำสัปดาห์ ตอนแรกเขากำลังจะเดินออกจากห้องไปตามคนอื่นๆ แล้วแต่พอหันกลับมายังอัลฟ่าที่มีตำแหน่งนั่งเยื้องกันออกไปทางขวาคนนี้เลยอดไม่ได้จะต้องนั่งกลับลงบนเก้าอี้ประธานดังเดิม


“วันนี้นายดูแปลกตาไปนะ” เริ่มทักด้วยประโยคทั่วไป ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มสุภาพตามแบบฉบับของเจ้าตัว


“เหรอ” คนโดนทักทำเพียงเหลือบตามามองเพียงสามวินาที


“อืม ดูผ่อนคลาย” เขาเสริมไปอีกนิด “ใส่สีสดใสก็เป็นนี่”


“ปกติก็ใส่แค่ตอนอยู่บ้าน พักผ่อน”


“แล้ววันนี้?”


คาร์ลินเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้รับเสียงถอนหายใจตอบกลับมาแทน ดูเหมือนคนอย่างแอชลีย์คิมก็มีวันนี้เหมือนกันนะ วันที่มีเรื่องอึดอัดใจหรือประสบกับปัญหายุ่งยาก ดูจากท่าทางก็รู้ว่าพร้อมจะเล่าทุกเมื่อแค่รอให้มีคนเปิดประเด็นก็เท่านั้น


“ไม่ยักรู้ว่านายก็มีวันนี้กับเขาเหมือนกัน” ราชาแห่งวินเทอร์ฟอลกลั้นขำขณะมองไปยังอัลฟ่าผู้มีใบหน้าเย็นชาเขม่นใส่ ตานี่ขวางเชียว


“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในบ้านมาสักพักแล้ว” แอชลีย์นิ่งไปคล้ายกำลังเรียบเรียงคำพูด เนื่องจากสิ่งที่กำลังจะเอ่ยต่อไปนี้มันดูงี่เง่าสิ้นดี ใครจะเชื่อล่ะถ้าเขาบอกไปว่าคฤหาสน์คิม หนึ่งในตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจถูกโจรบุกเข้ามาปล้น ใครได้ยินก็คงหัวร่อจนขาดอากาศหายใจตาย


แถมของที่โดนปล้นไปก็ยัง...


หากเป็นคนอื่นคงหมดความอดทนแล้วเดินจากไปแล้วกับความยื้อเวลาเช่นนี้โดยเฉพาะตัวแอชลีย์เอง แต่มันคงไม่ใช่กับผู้ฟังอย่างคนตรงหน้า คาร์ลิน ไล ชายผู้แสนใจเย็น สุภาพบุรุษเป็นที่หนึ่ง ต่อให้คู่สนทนาจะเป็นแบบไหนแต่เขาก็ยังคอยให้เกียรติฟังจนจบเรื่องเสมอ น้ำอดน้ำทนของอีกฝ่ายมีสูงมากกว่าแอชลีย์หลายสิบเท่า


“ฉันคิดว่าอาจมีขโมยในคฤหาสน์”


คาร์ลินแสดงแววตาประหลาดใจออกมาอย่างโจ่งแจ้ง “อะไรทำให้คิดแบบนั้น”


“หลายวันมานี้เสื้อผ้าในตู้ของฉันหายไป”


“แค่เสื้อผ้าเหรอ มันฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเลยนะ”


แน่ล่ะสิ ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะพูดออกมานักหรอก โจรบ้าที่ไหนจงใจบุกเข้ามาถึงคฤหาสน์ของตระกูลระดับสูงขนาดนี้ แถมของมีค่าอะไรไม่มีหายไปสักอย่างมันเจาะจงเอาแต่เสื้อผ้าของเขาไป แถมยังอุตส่าห์ใจดีเอากลับมาคืนอีกด้วย ถ้าเป็นคนอื่นที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้แอชลีย์ฟังสาบานเลยว่าคนคนนั้นต้องโดนเขาไล่ตะเพิดออกไปแน่นอนเพราะมันฟังดูไร้สาระสิ้นดี


โจรอะไรจะติ๊งต๊องขนาดนี้


“อืม แค่เสื้อผ้า เลือกเอาเฉพาะตัวที่ใส่บ่อยๆ ด้วย หายไปทีละชิ้นสองชิ้นบางครั้งก็เสื้อ บางครั้งก็เนคไท” เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่ง “ผ้าเช็ดตัวก็มี”


คาร์ลินลูบคางอย่างใช้ความคิด แวบหนึ่งเขารู้สึกสะกิดใจอะไรบางอย่างแต่ก็ขอรอฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนคนนี้ก่อน


“ใช่โจรจริงหรือเปล่าเนี่ย พฤติกรรมประหลาด”


“ก็ใช่น่ะสิ มีที่ไหนขโมยไปแล้วยังอุตส่าห์เอากลับมาคืนด้วย ฉันล่ะซึ้งใจแทบตาย” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ต้องโมโหหรืออะไรดีกับเหตุการณ์แบบนี้ แอชลีย์รู้สึกว่าจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร่ำไห้ก็ไม่ออก


“เดี๋ยวนะ แน่ใจจริงๆ น่ะหรือว่าเป็นขโมย ถ้าเอามาคืนก็ไม่เรียกขโมยแล้ว” ทางคนฟังเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน


“แล้วมันจะหายไปไหนล่ะ ถามคนในบ้านแล้วก็ไม่มีใครเห็น”


“คู่ของนายล่ะ”


“ถามแล้ว เขาบอกว่าไม่รู้” แอชลีย์นึกไปถึงเมื่อวานที่ได้ลองสอบถามคนตัวเล็กดู “จะว่าไปก็ดูแปลกๆ นะตอนโดนถาม” เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจ


เป็นคาร์ลินที่เงียบไปบ้าง ชายหนุ่มกอดอกขณะครุ่นคิดความเป็นไปได้บางอย่าง


“พักนี้ท่านชายวาเลนเธียเป็นอย่างไรบ้าง”


“ถามทำไม” คราวนี้แอชลีย์ตวัดสายตามามองเขม็ง น้ำเสียงเข้มขึ้นอีกระดับ


“เห็นเจย์เล่าให้ฟังว่าคุยกันถูกคอ นิสัยใจคอน่ารักน่าคบหา ฉันเองก็ไม่ค่อยได้พบท่านชายเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะสนทนากันสักครั้งในฐานะเจ้าบ้าน”


“ไม่จำเป็น” ตอบเสียงห้วน


“ทีเมื่อก่อนนายมาวุ่นวายกับเจย์ฉันยังไม่เห็นจะห้ามสักคำ”


แอชลีย์มุมปากกระตุก เขาเอนตัวลงกับเก้าอี้แล้วหมุนตัวไปสบตาคู่สนทนาตรงๆ “ไม่ห้ามแต่ต่อยกันยับ อีกอย่างตอนนี้ซินเธียเป็นคนของตระกูลคิมแล้ว ยังจะมาเจ้าบ้านอะไรอีก ตอนนี้เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของวินเทอร์ฟอลเหมือนกัน”


ไม่บ่อยนักกับการจะได้เห็นท่านชายคิมคนนี้พูดยืดยาวในหนึ่งประโยค คาร์ลินเองก็เป็นคนประเภทเดียวกับอีกฝ่ายเหมือนกันแต่วันนี้เขาดันรู้สึกสนุกสนานในการสนทนากับที่ปรึกษาคนนี้เป็นพิเศษ


“นั่นมันสมควรแล้วกับสิ่งที่นายมายั่วโมโหฉัน ทำอะไรไม่เข้าท่า” ดวงตาสีครามหลุบลงมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย “เอาล่ะ อีกเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับแล้ว พูดเรื่องของนายมาเสียที สรุปช่วงนี้คู่ของนายเป็นยังไงบ้าง”


ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้ชายรักครอบครัวแบบคาร์ลินจะรีบกลับบ้านไปทำอะไร ถึงจะไม่พอใจกับคำถามอีกฝ่ายแต่เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเจ้าตัวถึงยอมเล่าออกไปแต่โดยดี อัลฟ่าตรงหน้านี้น่ะปกติไม่ใช่คนไร้สาระอยู่แล้ว ทุกประโยคที่หลุดออกมาจากคนคนนี้ย่อมเป็นเหตุเป็นผลเสมอ


“ก็สบายดี เจริญอาหาร ช่วงนี้ติดจะนอนเยอะเป็นพิเศษ” แวบหนึ่งมองเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของราชาอัลฟ่า


“เขาดูไม่ใช่คนเกียจคร้านเลยนะ”


“ปกติก็ไม่ใช่ แต่ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไร กลับบ้านไปก็ไม่ค่อยเจอเห็นคนบอกว่านอนอยู่ในห้องทั้งวัน” กล่าวถึงตรงนี้แอชลีย์ก็เริ่มฉุกใจ “หรือจะไม่สบาย”


“คิดว่าไม่หรอก”


“นอนมากไปแบบนั้นจะดีหรือ เกิน 10 ชั่วโมงแล้วมั้งมันดูผิดปกตินะ”


“ไม่หรอก ปกติ” คาร์ลินยิ้มเล็กๆ ในดวงตาคล้ายคนมีอะไรในใจ


“ฉันว่าคฤหาสน์คิมไม่ได้มีขโมยหรอก”


แอชลีย์ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง”


“นายเคยได้ยินเกี่ยวกับการสร้างรังไหม” ยิ่งพูดคู่สนทนาก็ยิ่งทำหน้างุนงง เป็นครั้งแรกที่คาร์ลินอยากจะลองทำตัวยียวนดูสักครั้งแต่ก็รู้ว่าอัลฟ่าตรงหน้าเป็นประเภทขีดจำกัดทางอารมณ์ต่ำเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป เอาเท่าที่คุยกันมาวันนี้ก็ได้เห็นอะไรแปลกใหม่มาเยอะแล้ว


“ไอ้เรื่องที่นายเล่ามาน่ะฉันก็เคยประสบอยู่นะ แต่ไม่ใช่ว่ามีขโมยที่ไหนหรอก บางทีมันอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่าง”


“สัญญาณอะไร” แอชลีย์นับถือใจตัวเองที่ยังคงนั่งฟังอีกฝ่ายพูดมาจนถึงประโยคนี้ เขาไม่เคยอดทนถามหนึ่งประโยคตอบหนึ่งประโยคแบบนี้มาก่อน เสียงของชายหนุ่มเริ่มต่ำลงทุกวินาทีบ่งบอกว่าขีดจำกัดความอดทนนั้นใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว


“เรื่องนี้อัลฟ่าทั่วไปจะไม่รู้ก็ไม่ผิดแต่คนที่มีคู่เป็นโอเมก้าจะเข้าใจดี พวกเขามีพฤติกรรมอย่างหนึ่งเรียกว่าการสร้างรัง”


แอชลีย์เงียบฟังปล่อยให้ทางนั้นอธิบายมารวดเดียวไม่คิดขัดอีก


“ที่น่าขำก็คือในรังนั่นมีแต่พวกของนุ่มนิ่มกับเสื้อผ้าของฉันเต็มไปหมด” มาถึงตรงนี้คนเล่าก็หลุดขำออกมา นัยน์ตาสีครามเต็มไปด้วยความสุขและเอ็นดูยามนึกถึงคนรัก


“บางทีท่านชายอาจจะกำลังสร้างรังอยู่ก็ได้ เสื้อผ้าของนายคงอยู่ในนั้นนั่นล่ะไม่ได้หายไปไหนหรอก”


“ไอ้รังนั่นมันคืออะไรกันแน่” นี่คือคำถามที่แอชลีย์ต้องการรู้มากที่สุดหลังจากอดทนฟังคนตรงหน้าพล่ามมานาน


“เหมือนเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยน่ะ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่การสร้างรังของโอเมก้ามีหลายปัจจัย พวกเขาทำมันตามสัญชาตญาณบางทีก็ขึ้นอยู่กับสภาพอารมณ์ เจย์เดนเองก็เคยสร้างรังเหมือนกันแต่เขาทำมันไม่บ่อยหรอก เขาจะทำเฉพาะตอนที่ฉันไม่ว่างอยู่กับเขาหรือหายจากบ้านไปนานๆ ซึ่งวันแบบนั้นก็ไม่ค่อยมีหรอก” ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ แต่ไอ้สีหน้าราวกับกำลังอวดอยู่นั่นคืออะไร


   คาร์ลินจิบน้ำด้วยท่าทางแบบสุภาพชน วันนี้เองก็เป็นวันที่เขาพูดเรื่องไร้สาระนอกเหนือจากงานยืดยาวจนน่าประหลาดใจตัวเองไม่ต่างจากคู่สนทนา


   “แต่เท่าที่สังเกตเจย์ชอบสร้างรังบนเตียงไม่ก็ตู้เสื้อผ้านายไม่เห็นบ้างเหรอ เหมือนพวกเขาจะชอบสถานที่ที่เป็นส่วนตัวหรือเงียบๆ แต่คุ้นชิน ถ้าตอนนี้ท่านชายเริ่มสร้างรังมันก็น่าจะอยู่ในห้องนอนนะ”


   แน่นอนว่าคนโดนถามส่ายหน้าเป็นคำตอบ พอฟังแล้วนำทุกอย่างมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้เรื่องสถานที่ก็คงไม่พ้นห้องนอน เพราะวันๆ เจ้าโอเมก้าของเขาก็ใช้ชีวิตอยู่แค่ไม่กี่แห่ง ห้องหนังสือ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ถ้าจะสร้างรังจริงๆ มันก็ควรอยู่แถวนั้นสิ แต่ทุกวันนี้เขายังไม่พบความผิดปกติอะไรเลยถึงไม่นึกเอะใจสักนิด


   “ถ้าอย่างนั้นนายต้องรีบตามหารังของท่านชายแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเสื้อผ้าคงจะหมดตู้เข้าสักวัน”


   แอชลีย์นั่งนิ่งไม่คิดสนใจน้ำเสียงเจือแววขบขับกับสีหน้าท่าทางหยอกล้อจากคาร์ลิน ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเงียบเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


-----


   ช่วงบ่ายแอชลีย์กลับมาถึงคฤหาสน์แล้วก็พบกับบรรยากาศเดิมๆ คือไม่เห็นภรรยาตัวแสบนั่งคอยอยู่ในห้องเรือนกระจกเช่นเคย


   ไม่รู้ไปแอบอยู่ตรงไหน


   ที่ผ่านมาแอชลีย์ไม่ได้นึกใส่ใจอะไรแต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใส่ใจไม่ได้เสียแล้ว


   ชายหนุ่มเดินผ่านห้องเรือนกระจกทะลุไปถึงห้องนั่งเล่นด้านใน สวนด้านหลัง ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องหนังสือวนจนครบแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ชั้นสอง สองเท้าก้าวไปตามโถงทางเดินเชื่องช้า ไม่นึกรีบร้อน นัยน์ตาสีอำพันสอดส่องทุกห้องที่เดินผ่านตั้งแต่ปีกตะวันตกที่นอกจากคุณพ่อกับคุณแม่เคยใช้พักอาศัยจนวนกลับมาสู่ปีกตะวันออกของคฤหาสน์อันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง ไร้ซึ่งร่องรอยของเป้าหมาย


   จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง


   เดิมทีแอชลีย์ไม่คิดคาดหวังจะได้เจอภรรยาของตัวเองไปป้วนเปี้ยนบริเวณฝั่งปีกตะวันตกอยู่แล้ว ส่วนนั้นเดิมเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณพ่อกับคุณแม่ มีแค่ห้องนอนกับห้องทำงานเก่ารวมถึงห้องว่างที่เอาไว้เก็บของใช้ส่วนตัว ตอนนี้พวกท่านย้ายออกไปแล้วนอกจากแม่บ้านที่ต้องเข้าไปทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งก็คงไม่มีใครไปอีก ตัวซินเธียเองก็ไม่มีเหตุผลต้องไป


ส่วนฟากปีกตะวันออก ถึงจะมีห้องว่างมากมายรวมห้องรับรองแต่เนื่องด้วยแอชลีย์เป็นบุตรเพียงคนเดียวของตระกูลคิมในรุ่นปัจจุบัน บริเวณนี้เลยมีเขาอาศัยอยู่คนเดียวซึ่งขณะนี้ก็มีใครอีกคนมาอยู่ร่วมด้วย


เอื้อมมือไปจับประตูขยับเลื่อนเพื่อเปิดมันออกอย่างช้าๆ ภาพความว่างเปล่าของห้องนอนปรากฏในครรลองสายตา ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปก็ได้กลิ่นฟีโรโมนของพวกเขาทั้งสองลอยอบอวลอยู่ในอากาศผสมปนเปกันไปจางๆ


‘แต่เท่าที่สังเกตเจย์ชอบสร้างรังบนเตียงไม่ก็ตู้เสื้อผ้านายไม่เห็นบ้างเหรอ เหมือนพวกเขาจะชอบสถานที่ที่เป็นส่วนตัวหรือเงียบๆ แต่คุ้นชิน ถ้าตอนนี้ท่านชายเริ่มสร้างรังมันก็น่าจะอยู่ในห้องนอนนะ’


รอบทั้งบ้านแอชลีย์ไปสำรวจมาทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดแล้ว นอกจากห้องนอนยังจะมีที่ไหนอีก ชายหนุ่มเดินดูรอบๆ ภายในห้องนอนแต่ก็ดูไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร


แมวตัวนี้ซ่อนเก่งเสียจริง


เขาเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนปลายเตียงตาก็เลื่อนมองสอดส่องหาบางสิ่งบางอย่างพลางครุ่นคิด ไม่ว่าจะตู้หรือบนเตียงตอนเช้าจากมาเป็นอย่างไรตอนนี้กลับมาก็เป็นอย่างนั้น เมื่อครู่ลองเข้าไปดูในห้องเสื้อแล้วก็ดูปกติจะมีก็แต่ราวข้างหนึ่งในตู้ที่ดูโหวงไปนิดหน่อย มันไม่ได้ดูผิดสังเกตอะไรเลยเพราะจำนวนเสื้อที่หายไปไม่ได้มากขนาดครึ่งตู้แต่สำหรับแอชลีย์ที่กลับมาพร้อมโหมดตรวจตรา สังเกตทุกรายละเอียดย่อมมองเห็นความไม่ปกติในความปกตินั้น


แล้วสายตาก็ต้องไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง


อะไรบางอย่างที่แพลมออกมาใต้ช่องของประตูด้านในสุดของห้องนอน แอชลีย์ไม่รอช้าที่จะเดินไปหยิบมันขึ้นมาดู ด้วยความที่ประตูกำลังปิดสนิทอยู่ทำให้ไม่สามารถหยิบมันขึ้นมาได้ทั้งหมด แต่เอาแค่ส่วนที่แพลมออกมาก็รู้แล้ววามันคือเนคไทของเขาไม่ผิดแน่


และจะเป็นของใครไปได้อีกในเมื่อซินเธียเองก็ไม่ได้ใช้มันในการแต่งตัวเลย


ปกติห้องนี้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอยิ่งการจะมีเสื้อผ้าเรี่ยราดอยู่บนพื้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเขามีห้องสำหรับแต่งตัวแยกเอาไว้ จะยกเว้นเสียก็ตอนทำกิจกรรมตามประสาสามีภรรยา แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลอยู่ดี เพราะทุกวันจะมีคนคอยเข้ามาทำความสะอาดตามเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเสมอ


อัลฟ่าหนุ่มหยัดตัวขึ้นเต็มความสูงขณะจ้องบานประตูไม้เนื้อดีตรงหน้า ประตูบานนี้เป็นทางเชื่อมไปสู่อีกห้องหนึ่งซึ่งแอชลีย์เคยใช้เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก มีทางเข้าสองทางคือด้านนอกซึ่งเป็นทางปกติและเข้าจากห้องนี้เพื่อความสะดวกเวลาคุณแม่แวะมาดูแลเขาตอนดึกๆ แอชลีย์ใช้ห้องนี้ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุครบ 10 ปีถึงได้ย้ายออกมาอยู่ห้องนี้แทนส่วนบุพการีทั้งสองก็ย้ายไปอยู่ปีกตะวันตก


ตั้งแต่โตขึ้นห้องนี้ก็ไม่เคยถูกใช้อีกเลย จนบางครั้งเจ้าของห้องอย่างแอชลีย์ก็ยังหลงลืมไปเนื่องจากประตูถูกซ่อนเอาไว้มุมในสุดของตัวห้อง บริเวณทางเข้ามีฉากกั้นบังเอาไว้อยู่อีกทอดหนึ่ง


และมันก็คงเป็นห้องสุดท้ายที่ยังไม่ถูกสำรวจ


ประตูถูกเลื่อนเปิดแผ่วเบา กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาแตะจมูก เป็นกลิ่นที่แสนคุ้นเคย


จะไม่คุ้นได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นกลิ่นของคนที่เขานอนกอดอยู่ทุกคืน


อัลฟ่าหนุ่มก้าวเข้าไปด้านในเชื่องช้าภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้สร้างความประหลาดใจเสียเท่าไหร่ เขาคงคาดไม่ถึงหากว่าไม่ได้ฟังคำบอกเล่าจากคาร์ลินมาก่อน แต่ก็นับว่าสิ่งที่เห็นก็ทำเอาต้องแอบชะงักฝีเท้าอยู่เหมือนกัน


พอเข้าใจเรื่องรังมาคร่าวๆ เพียงแต่รังที่ว่าแอชลีย์ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้


ตรงมุมในสุดมีบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่ มันค่อนข้างมองยากเนื่องจากอาณาเขตโดยรอบของสิ่งที่คาดว่าจะเป็นรังของใครอีกคนถูกปกคลุมด้วยมุ้งโปร่งสีอ่อนราวกับปราการชั้นนอก แต่ก็พอมองออกว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยสารพัดข้าวของของเขา


เห็นแบบนี้แล้วความค้างคาใจ ความหงุดหงิดตลอดหลายวันมานี้ก็กระจัดกระจายหายไปไหนไม่รู้ นึกจะโกรธก็โกรธไม่ลง อ่อนอกอ่อนใจไปหมด ไม่รู้ต้องจัดการคนตรงหน้านี้อย่างไรดี


แอชลีย์ขยับเข้าไปใกล้ ยกแขนขึ้นกอดอกขณะทอดมองคนที่กำลังขดตัวนอนซุกหมอนกองโตอย่างสุขสำราญสบายกายสบายใจในนั้น


โดยไม่อาจรู้ตัวเลยว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่


มุมปากหยักขยับเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์





TBC



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :hao7: ว่าที่​คุณ​พ่อ

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เอ็นดูท่านชาย 555 ถ้าแอชยังไม่รู้เสื้อผ้าคงหมดตู้แล้วจริงๆ แน่

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แล้วแอชลีย์รู้ยังว่าการที่น้องสร้างรังหมายถึงอะไรรรรรรร :hao5:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอ็นดู  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8: :o8: :o8: น่ารักกกกก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอ็นดูน้องงงงงงงง

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยยยย น่าเอ็นดูววววววววววววววววววววววววว :katai2-1:

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้อง55555โดนจับได้ซะแล้ว555555

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0



บทที่ 19



   ซินเธียลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงบ่ายแก่แล้ว เด็กหนุ่มยืดตัวอย่างเกียจคร้านสลัดความง่วงงุนออกจากร่างกาย นั่งเหม่ออยู่อีกพักใหญ่สติสัมปชัญญะถึงจะกลับมาทั้งหมดแล้วพาตัวเองลงไปชั้นล่าง


เวลานี้แอชลีย์น่าจะกลับมาแล้ว


เป็นจริงดังคิดเมื่อเดินมาถึงห้องเรือนกกระจก สาวใช้คนหนึ่งเดินมาถามเรื่องของว่างซินเธียที่พอตื่นมาน้ำย่อยก็เริ่มทำงานสั่งของทานเล่นไปหลายอย่างจากนั้นค่อยเดินเข้าไปหาแอชลีย์อย่างชื่นบาน ใบหน้าหวานยังคงไว้ซึ่งความปกติทุกอย่าง ทว่า ภายในใจนั้นกลับชื่นบานยินดีอย่างยิ่งพอเห็นว่าคนตัวโตกลับมาแล้ว


“กลับมาแล้วหรือครับ” เอ่ยทักเหมือนทุกวันขณะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน


“อืม”


แอชลีย์ตอบมาคำหนึ่ง ดวงตายังคงจดจ่อกับหนังสือในมือเห็นดังนั้นเลยแอบขยับตัวเข้าไปชิดคนข้างๆ อีกนิดย่นระยะห่างให้เหลือเพียงครึ่งฝ่ามือ ช่วงนี้ซินเธียรู้สึกอยากออดอ้อนอีกฝ่ายเป็นพิเศษ เวลาเห็นเขากลับมาเร็วหน่อยก็จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก


“มีคนหาของว่างมาให้หรือยังครับ ดื่มชาไหม”


“บอกคนให้ยกมาพร้อมกับของเธอแล้ว”


แอชลีย์ละสายตาจากหนังสือหันมามองเล็กน้อย ฝ่ายคนถูกมองได้แต่กระพริบตาปริบ เดี๋ยวนี้เริ่มมีภูมิต้านทานเวลาสบตากันขึ้นมาหน่อยแล้วเลยจ้องกลับได้ แต่ก็เห็นอีกคนไม่พูดอะไรเอาแต่มองกันนิ่งๆ สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม


อะไรของเขา


“มานี่สิ” ผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดก็แอชลีย์ก็เลิกเล่นเกมจ้องตาสักที เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาแล้วอ้าแขนข้างหนึ่งออกขยับเรียกให้เข้ามาหากันใกล้ๆ


ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแต่ก็ยอมเข้าไปหา สองแขนแข็งแรงโอบรัดทั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้าสู่อ้อมกอด ซินเธียหลับตาปี๋ตอนปลายจมูกโด่งของคนตัวโตแนบลงบนขมับสูดดมเอากลิ่นเฉพาะกายเข้าไปฟอดใหญ่จนเกิดเสียงชวนให้ใจสะท้าน


ทั้งเขินทั้งรู้สึกดีจนเคลิ้มไปหมด เขากอดตอบอีกคนอย่างอดใจไม่ไหว รู้สึกต้องการการสัมผัส อยากได้รับความอบอุ่นจากอีกฝ่ายอย่างไร้จุดสิ้นสุด


“บอกฉันหน่อย ทุกวันนี้เธอทำอะไรบ้างเวลาอยู่ที่บ้าน” เสียงทุ้มดังอยู่เหนือศีรษะ ซินเธียไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาเอาแต่ฝังใบหน้าในอ้อมกอด พักแก้มนิ่มๆ ไว้บนแผ่นอกกว้าง เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วขณะหนึ่งเพื่อนึกไปถึงสิ่งที่เขาทำในแต่ละวันช่วงที่คนอายุมากกว่าไปทำงาน


แต่ดูเหมือนยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พบอะไร


“ก็... นอน”


“ทำอะไรอีก”


“กิน”


“อะไรอีก”


“...นอน” เขาอ้อมแอ้มตอบ


“...”


ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ นะ พอมาคิดดูให้ดีแล้วระยะนี้ซินเธียแทบไม่ได้ทำอะไรเลย อ้อ มีจัดระเบียบรังด้วย แถมยังกำลังวางแผนจะขยับขยายมันเพิ่มเร็วๆ นี้ แต่เขาไม่ได้พูดสิ่งที่กำลังคิดให้อีกคนฟังหรอก


“เหรอ” แอชลีย์เงียบไป “นอนที่ไหนล่ะ”


“กะ ต้องเป็นที่ห้องนอนสิครับ” สิ้นคำตอบ คนในอ้อมกอดก็เกิดอาการขยับยุกยิกเล็กน้อย


นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าสายตาของคนตัวสูงดูแปลกๆ ซินเธียเม้มปากแล้วสลัดความรู้สึกชั่ววูบนั้นออกไป เพราะใบหน้าคมคายนั้นก็ยังคงความเรียบนิ่ง เคร่งขรึมดังปกติ บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองตามประสาคนมีชนักติดหลัง


เด็กหนุ่มเลิกสนใจเรื่องนั้นเมื่อสาวใช้ยกของว่างมาเสิร์ฟ มีทั้งพายที่พึ่งอบใหม่จากเตา ผลไม้จำพวกกีวี่ แอปเปิลเขียว เบอร์รี่ต่างๆ แล้วก็น้ำชา ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้เข้าไปลิ้มลองจนน้ำลายแทบหก


โดยไม่รู้เลยว่าในดวงตาอำพันคู่นั้นมีอะไรซ่อนอยู่


แอชลีย์ละแขนข้างหนึ่งจากสะโพกคนในอ้อมกอดเปลี่ยนไปวางพาดขนพนักโซฟาแทน มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเจือจางจนแทบสังเกตไม่เห็น จับจ้องคนที่พอได้ทานของที่อยากแล้วทุกข้อกังขาในใจก็พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น


เรื่องที่ไปเจอมาวันนี้เขาจะยังไม่รีบร้อนกระโตกกระตากให้เหยื่อตื่นตูม แต่จะรอจัดการทีเดียวชนิดที่ว่าคาหนังคาเขา เพียบพร้อมทั้งพยาน หลักฐาน


ดูซิว่าแมวน้อยตัวนี้จะทำสีหน้าแบบไหน


---


เพื่อการนั้นแล้วแอชลีย์อดทนรอจนถึงช่วงเวลาเหมาะสม สถานการณ์เอื้ออำนวย ชายหนุ่มออกไปทำงานตามปกติ แต่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงท่านั้น


วันนี้ไม่ได้มีงานอะไรมากหรอก อันที่จริงไม่ต้องออกไปเลยก็ได้แต่เพื่อรอจำเลยคลายความระวังก็เลยจะยอมอดทนออกไปเจอหน้าคาร์ลินสักสองสามชั่วโมง


คุยเรื่องงานด้วยความผ่อนคลาย วันนี้แอชลีย์อารมณ์ดีเป็นพิเศษจนท่านผู้นำฝูงอย่างคาร์ลินยังอดทักไม่ได้ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็มีเพียงรอยยิ้มลึกลับกลับไปเท่านั้น


เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ได้รับแจ้งจากพ่อบ้านว่าเด็กหนุ่มตื่นมาสักพักแล้ว ลงมาทานมื้อเช้าครู่หนึ่งก็กลับขึ้นไปบนห้องอีก เขาพยักหน้ารับโบกมือให้ฝ่ายนั้นไปทำงานต่อ ส่วนตัวเองก็ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าสู่ชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน สองมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกงท่วงท่าหย่อนอารมณ์


ภายในห้องนอนเงียบสงบไร้เงาของคนที่ตามหา แต่เสียงกุกกักที่ดังมาจากห้องด้านในสุดก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้เป้าหมายอยู่ที่ไหน แอชลีย์เดินหลบเข้าไปในมุมหนึ่งของห้องสำหรับผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังได้ยินเสียงเปิดประตูบานในสุด


จากนั้นไม่ถึงนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากแมวขโมยตัวน้อย


แอชลีย์หัวเราะในใจขณะมองอีกฝ่ายเปิดตู้เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำงาน รื้อๆ ค้นๆ อยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่ได้อะไร


แน่ล่ะ จะมีอะไรให้ค้นล่ะ ในเมื่อเช้านี้ก่อนออกไปแอชลีย์ได้ทำการซ่อนเสื้อผ้าของตัวเองครึ่งหนึ่งในตู้เอาไปไว้อีกตู้หนึ่งซึ่งเป็นตู้สำหรับชุดในฤดูใบไม้ผลินานครั้งจะได้ใส่ ส่วนที่เหลือในตู้นั้นก็เป็นพวกสูทตัดใหม่ พึ่งรับมาจากห้องเสื้อยังไม่เคยหยิบมาสวมสักครั้ง


“หาอะไร” เขาส่งเสียงถาม


“สเวตเตอร์ของคุณที่ใส่วันก่อน...” อีกคนตอบคล้ายไม่ใส่ใจนัก สองมือก็ยังลงมือปฏิบัติการรื้อถอนตู้ไม่หยุดหย่อน


“ตัวนี้น่ะหรือ” เขายื่นสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังหาไปให้ ซินเธียหันมามองก่อนจะรีบพยักหน้าดีใจ


“ใช่ๆๆๆ ตัวนี้....” เจ้าตัวเงียบไปก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง คำพูดในประโยคหลังขาดหายไปคล้ายถูกสับสวิตซ์


“รับไปสิ” เขายื่นเสื้อไปให้คนที่ยืนแข็งค้างอยู่กับที่


“ขะ ขอบคุณ” ซินเธียคล้ายตัวหดลีบลงไปจนเหลือแค่สองนิ้ว เอื้อมมือไปรับเสื้อตัวนั้นมากอดไว้ เหงื่อกาฬแตกพลั่กไปทั้งตัว ดวงตากลมโตกลอกไปมาขณะสมองพยายามประมวลผลหาหนทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็วแต่เมื่อเผลอเงยขึ้นไปพบกับใบหน้าเรียบสนิทของคนตัวสูงก็คล้ายคนสมองหายไปเสียดื้อๆ


แอชลีย์นิ่งมากจนเดาอารมณ์ไม่ถูกเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ” พอไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอะไรก็ชิงเบี่ยงประเด็นกันซึ่งๆ หน้า ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแล้ว บางทีอีกคนอาจจะแค่บังเอิญเดินเข้ามาเจอเขากำลังหาของอยู่ก็ได้ ในเมื่อยังไม่พูดอะไรออกมา ซินเธียก็ยังจะขอตีหน้าซื่อไปให้ถึงที่สุด


“ก็นานอยู่นะ นานพอที่จะได้เห็นแมวขโมยเข้ามาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ในนี้” ความจริงแอชลีย์ไม่ได้ซ่อนตัวหรืออะไรเลย เขาก็แค่ยืนอยู่ในมุมหนึ่งซึ่งหากซินเธียสักเกตสักนิดก็จะมองเห็นไม่ยาก แต่เพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับการลักลอบมาแอบฉกของเลยไม่ทันเห็นว่าในห้องยังมีใครอีกคนยืนอยู่


“ขโมย! ขโมยที่ไหน!” ซินเธียสะดุ้ง ยืดตัวตวัดสายตาขึ้นมองขณะเอ่ยเสียงสูง “เปล่านะ”


“เห็นคาตาเลย ใจคอคิดจะเอาเสื้อฉันไปหมกไว้จนหมดตู้เลยหรือไง หืม?” ประโยคนี้เขาทำเสียงอ่อนลงเล็กน้อยแต่ใบหน้ายังคงตีขรึม ก้าวเข้าไปประชิดเจ้าแมวขโมยตัวแสบตรงหน้า บอกเล่าถึงกองเสื้อผ้าในห้องข้างๆ


“คุณรู้” เจ้าตัวตาโต ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงรังที่แอบสร้างไว้


อันที่จริงก็ไม่เรียกว่าแอบแค่ยังไม่มีจังหวะได้บอกเฉยๆ


“แต่ก็ไม่หมดเสียหน่อย” จำเลยยังจะเถียงตาใสทั้งที่หลักฐานเต็มมือ “เราแค่ยืมไป... ไปแป็บเดียวเอง เอามาคืนแล้วด้วย”


“ยืมไปแต่เจ้าของไม่รับรู้ไม่ถือว่ายืม” แอชลีย์กอดอก กลับมาทำเสียงเข้มดังเดิม “ของที่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าขโมย ต่อให้แอบเอามาคืนแล้วก็ยังผิดอยู่ดี”


ตรงนี้ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิจริงจัง แต่แอชลีย์แค่อยากให้อีกฝ่ายมาขอกันตรงๆ เสื้อผ้าพวกนี้เขาไม่ได้หวงเลยสักนิด อยากจะขนไปทั้งตู้ก็เอาไปเถอะ


“เราขอโทษ” เจ้าตัวห่อไหล่ ท่าทางหางลู่หูตกมันเขี้ยวจนนึกอยากจับมาตีก้นแรงๆ สักที


“เด็กไม่ดีจะต้องถูกลงโทษ รู้ใช่ไหม”


“ละ ลงโทษอะไร” ซินเธียเหล่ตามองด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ


“หลังจากคืนนี้ไปฉันจะไม่กอดเธอตอนนอน ห้ามแอบมากอดฉันด้วย”


“ไม่เอา!” เถียงกลับมาแทบจะทันทีที่เอ่ยจบ รู้สึกร้อนรนขึ้นมาพอคิดว่าจะไม่ได้รับอ้อมกอดอุ่นๆ ตอนนอนแต่พอเจอสายตาดุๆ จ้องกลับมาถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะจะต่อรองอะไรได้




แอชลีย์ คิม เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ทันทีเมื่อถึงเวลาเข้านอนเจ้าตัวก็ดับไฟ ล้มตัวนอนอย่างสงบ ซินเธียได้แต่กระพริบตาปริบมองความเคลื่อนไหวของคนข้างกายผ่านความมืด สำหรับชาวแดนใต้แล้วดวงตาสามารถมองเห็นได้ดีในที่มืดเป็นพิเศษ ดวงมณีสีเงินฉายชัดอยู่ในเงามือไม่ต่างอะไรไปจากดวงตาของแมว


คนตัวสูงนอนตัวตรงสองมือวางประกบบนหน้าท้อง ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะผ่อนคลายดูอย่างไรก็เหมือนคนที่นอนหลับไปแล้วจริง


เด็กหนุ่มเม้มปาก ไม่รู้ต้องทำอย่างไร และทำอะไรไม่ได้ด้วย สุดท้ายเลยได้แต่เลื่อนตัวลงนอนในฝั่งของตัวเองโดยดุษณี แต่นอนไปได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกกระสับกระส่าย หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกว่าขาดอะไรมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่


ช่วงแรกคนทั้งสองก็ต่างคนต่างนอนอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ซินเธียมักจะเป็นฝ่ายล่วงหน้าเข้าห้วงนิทราไปก่อนเสียด้วยซ้ำ จะมีก็ช่วงระยะหลังมานี้ ตั้งแต่มีสัมพันธ์กันจากการนอนอย่างเหินห่างก็เริ่มแปรเปลี่ยนมาแนบชิดกันมากขึ้น ยิ่งช่วงนี้ซินเธียรู้สึกว่าตัวเองต้องการอ้อมกอดจากคนตัวสูงเป็นพิเศษ ฟีโรโมนของเขาทำให้หลับสบาย แขนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ความอบอุ่นจากผิวกาย และกลิ่นอายความเป็นบุรุษเพศทำให้รู้สึกว่าตนนั้นจะปลอดภัยไปตลอดทั้งคืนตราบใดที่ยังคงถูกโอบล้อมไว้ด้วยความเป็นแอชลีย์ คิม


วินเทอร์ฟอลที่เหน็บหนาวก็ยิ่งหนาวเข้าไปจับใจในคืนนี้ ซินเธียพลิกตัวกลับมามองคนที่นอนอย่างสบายอกสบายใจอยู่ข้างกัน จดจ้องอยู่แบบนั้นเป็นนานพยายามข่มตาตนให้นอนหลับ


ตอนนี้นอกจากนอนไม่ได้แล้วยังเริ่มหิวเข้าไปอีก ช่างเป็นบทลงโทษที่ทรมานไปทั้งร่ายกายและจิตใจเสียจริงๆ ซินเธียได้แต่ร้องโอดโอยอยู่ในใจ


หากจะถามว่าง่วงไหมแน่นอนว่าต้องง่วงมากเป็นแน่แท้ ทว่า ช่างเป็นความง่วงแสนแปลกประหลาด ราวกับว่าร่างกายต้องการการพักผ่อนแต่ดวงตาทั้งสองยังแข็งค้างไม่อาจปิดลงได้เสียที


ไม่รู้เพราะเขานอนจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละสายตาหรือเปล่า แอชลีย์ที่นอนสงบนิ่งมาตลอดเป็นชั่วโมงถึงได้พลิกกายหันไปอีกด้านเหลือไว้เพียงแผ่นหลังกว้างให้ได้เฉยชม ซินเธียยังเอาแต่จ้องชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ค่อนคืน


จนสุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหวแอบขยับเข้าไปชิดคนตัวโต ขดตัวซุกเข้ากับแผ่นหลังกว้างพอให้ได้รับไออุ่นจากกายนั้นเผื่อแผ่มาทางตนบ้าง ไม่ได้ล่วงเกินนอกเหนือคำสั่งหรือละเมิดบทลงโทษแต่อย่างใด ทำแค่อิงแอบอยู่แบบนั้นเงียบๆ


จู่ๆ ก็รู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไรนักหนา ซินเธียก็แค่อยากได้ของพวกนั้นเพราะต้องการอยู่ในที่ที่มีแต่กลิ่นของแอชลีย์ อยู่ในที่ที่ทำให้เขารู้สึกว่ามีอีกคนคอยวนเวียนอยู่ข้างกาย ใครใช้ให้เขาออกไปทำงานทุกวันกันล่ะ ใครใช้ให้อีกฝ่ายทิ้งเขาให้เหงาอยู่บ้านคนเดียวกัน


ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ คู่ของตัวเองก็เท่านั้น ไม่ต้องกอด ไม่ต้องคุยกันก็ได้


ทั้งที่ซินเธียคิดว่าตนนั้นปกติไม่ใช่คนจะเก็บเรื่องหยุมหยิมมาใส่ใจคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้แท้ๆ  ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากงานวิวาห์นี้อยู่แล้ว ต่อให้อีกคนหมางเมินกัน ทอดทิ้งกัน ไม่ใช่ดูแลเอาใจใส่ให้เกียรติกันอย่างทุกวันนี้ ต่อให้ไม่เป็นแบบนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองหรือเอาความอะไรด้วยเข้าใจว่าจุดเริ่มต้นระหว่างเรามันไม่ใช่ความรักตั้งแต่แรก


แต่อัลฟ่าผู้นี้กลับปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มได้ดีเยี่ยมทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะทางด้านใด มองตัวเขาเป็นคู่ชีวิต เป็นภรรยาที่ตกลงปลงใจว่าจะใช้เวลาร่วมกันไปตราบชั่วชีวิต หาใช่แค่คนที่จำต้องมาร่วมหอลงโลงกันไปตามหน้าที่


เป็นหนึ่งไม่มีสอง คำสัตย์สาบานในวันแต่งงานยังคงสลักลึกอยู่ในใจ


นั่นล่ะ แล้วจะมาเกิดผิดหวังอะไรขึ้นมาอีก คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกสับสนในอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของตัวเอง สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปทั้งที่จิตใจยังว้าวุ่น ไม่กระจ่างชัดสักทาง



แอชลีย์ตื่นขึ้นมากลางดึกครั้นกำลังจะพลิกตัวกลับไปก็คล้ายบางสิ่งบางอย่างกำลังขวางทางเอาไว้ เมื่อเอี้ยวตัวไปมองถึงได้รู้ว่ามีคนแอบมาซุกกันอยู่ข้างหลังนานต่อนาน เขาส่ายหน้าน้อยๆ พยายามขยับตัวออกไปให้เบาที่สุดด้วยเกรงว่าจะไปรบกวนการนอนของใครเข้า


พอบอกไม่ให้กอดก็ไม่ได้มากอดกันจริงๆ นั่นล่ะ แอชลีย์รู้ดีว่าแมวน้อยของตนตัวนี้ต่อให้ไม่ห้ามแต่เจ้าตัวก็ไม่มีทางกล้าเป็นฝ่ายมากอดเขาก่อนอยู่แล้ว


กับเรื่องอื่นน่ะกล้าได้กล้าทำ


แต่พอเป็นเรื่องที่ต้องใกล้ชิดกันทีไรมักจะแสดงท่าทางเขินอายออกมาอยู่ร่ำไป ต่อให้เราจะมีสัมพันธ์ลึกซึ่งกันไปถึงไหนต่อไหน แต่ความใสซื่อก็ยังคงมีให้เห็นไม่ผันแปร


เขาจดจ้องภรรยาตัวน้อยผ่านความมืด พอไม่มีไออุ่นให้อิงแอบร่างนั้นก็ยิ่งขดตัวเข้าหากันมากขึ้น


เทียบกับโอเมก้าคนอื่นที่พบเห็นได้ทั่วไปแล้วซินเธียค่อนข้างแตกต่าง ผิวสีน้ำผึ้งหากแต่นวลละเอียดลื่นมือ ไม่ได้บอบบางจนดูอ่อนแอ ไม่ได้ตัวเล็กจนน่าถนอม เขามีรูปร่างสูงโปร่งดูปราดเปรียว ร่างกายพอมีกล้ามเนื้อประปรายจะจับจะแตะตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลักษณะอันโดดเด่นของคนจากดินแดนทางใต้


ภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งดูน่าหวาดกลัวในสายตาคนนอกนั้น คนเราจะพูดอะไรก็พูดได้ใส่สีตีไข่กันจนแทบไม่เห็นเค้าเดิม แต่กับแอชลีย์ที่มีโอกาสได้สัมผัสโดยตรงกลับมองเห็นอีกด้านหนึ่งของเรื่องเล่าในเวลาน้ำชานั้น


ได้เห็นว่าภรรยาของเขานั้นช่างไร้เดียงสากว่าที่คิด


เป็นความบริสุทธิ์อันน่าหลงใหล ไม่มากแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไป เขาอาจจะเขินอายในการเริ่มต้นแต่ก็โอนอ่อนเป็นผู้ตามที่ดีในภายหลัง ประกายดื้อรั้นฉายชัดในดวงตายามเขารู้สึกขัดใจกับบางสิ่งบางอย่างแต่ด้วยถูกหล่อหลอมกิริยามาอย่างดีถึงได้วางตัวไร้ที่ติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฉมวกที่ตรึงติดแอชลีย์เอาไว้กับอีกฝ่ายไม่อาจหนีหายไปที่ใดได้


แล้วมันก็คงไม่มีวันนั้นเช่นกัน


แอชลีย์ขยับรั้งกายกรุ่นกลิ่นหอมอันเฉพาะตัวเข้ามาแนบชิด แผ่กระจายความอบอุ่นให้กับคนในอ้อมแขนอย่างที่มักทำเป็นประจำ ใบหน้าหวานซุกซบลงกับแผ่นอกกว้างทันทีอย่างคุ้นชินตามสัญชาตญาณ เขากอดเด็กหนุ่มเอาไว้แบบนั้นไปตลอดคืนจนกระทั่งรุ่งสางถึงค่อยผละจากไปแยกกันนอนดังเดิมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น



TBC

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอชลีย์แกล้งน้องงงงง น้อยน้อยใจแล้วนะนั้น :hao5:
น่าเอ็นดูสุดๆ :impress2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตื่นเช้ามาน้อยใจแย่โดนแกล้งขนาดนี้

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น้องโดนจับได้คาหนังคาเขาเลย 5555 หลักฐานแจ่มชัดด !!  แอชแกล้งน้อง เอ็นดูซินเธียท้องแล้วแน่ๆเลย มีแอบคิดเล็กคิดน้อยด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด