“ใยสูเจ้าจึงเป็นชาย...” คนหนุ่มเนื้อตัวสูงใหญ่ท่าทางทะมัดทะแมงเอ่ยขึ้นกับเหล่าร่างแน่งน้อยที่ห้อยระโยงอยู่เหนือหัวตน
มันวางเสบียงกับของติดมือลงบนพื้นทับซากใบของต้นมักกะลีผลที่เริ่มร่วงโรยจวนจะถึงยามปลิดขั้วของเหล่าผลสะโอดสะอง ทว่ามันกลับคงย่ามสีต้นตะโกไว้บนไหล่ปูดนูนแลเห็นเม็ดเหงื่อไล้ลงตามแนวโค้งตามแขนสีน้ำตาลไหม้ที่ล้อกับแสงแดดจนดูเหมือนทาน้ำมันหอม
ยามที่มันเงยหน้าขึ้นมองเหล่าคนงามบนไม้ยักษ์อีกครา แสงแดดยามจวนค่ำก็ส่องกระทบให้มันมองเห็นน้ำค้างเม็ดใหญ่เกาะอยู่บนเนินตะโพกงามงอนซึ่งเม็ดน้ำค้างนั้นกำลังกลิ้งกระดอนลูบผลขาวนวลกระทั่งหยดลงที่ข้างแก้มคนที่จับจ้องมันอย่างต้องมนตร์อยู่นั่นเอง
“เนื้อแน่นสดกระนี้เชียวรือ” มันว่าพลางขันอยู่ในทียามก้มลงลูบหยดน้ำบนแก้ม
และเพราะผมที่สั้นติดหนังหัว เว้นไว้ก็แต่หย่อมข้างบนเลยเหนือตาขึ้นไป มันจึงไม่สามารถปิดความแดงก่ำของใบหูทั้งสองข้างจากผีสางนางไม้ได้ พวกนางต่างพากันหลุดขันคิกคักดังแผ่วมาตามสายลมแม้มันจะพยายามเบือนหน้าหนีทำทีเป็นมองหาต้นตอของเสียงก็ตาม
~~~
กระทั่งลมสายหนึ่งพัดผ่านต้นแห่งมนตร์จนกิ่งก้านน้อยสั่นไหวไปตามแรงลม อ้ายหนุ่มก็ผินหน้ากลับมาหาผลอรชรเหนือหัวมัน นารีผล---- หรืออาจเรียกได้ว่า นรผล จะเข้าทีกว่า เพราะทั้งต้นอันอุดมสมบูรณ์นี้แลเห็นเพียงเรือนร่างของเพศชายเท่านั้น ราวกับเป็นต้นที่โดนมนตร์คำสาปร้ายแรง แต่กระนั้นมันกลับคิดว่าน่าจะเป็นเทวดาเสียมากกว่าที่สามารถบันดาลสิ่งมีชีวิตที่งดงามเพียงนี้ได้
อึก
จะอดใจกลืนน้ำลายได้อย่างไร จะคนจะหมาที่ไหนก็ยั้งสายตาตนไม่ได้กันทั้งนั้นยามเห็นของสวยของงามอยู่ตั่งหน้า ทั้งแน่งน้อยเหล่านี้ยังไม่มีอาภรณ์ใดปกปิด เว้นก็แต่มือน้อยขาวประหนึ่งหยวกทอดแผ่วบางบนต้นขาใกล้ส่วนกลางกายสีชมพูแดงก่ำราวกับผิวชมพู่มะเหมี่ยว ต่างก็ตรงที่เรือนร่างตรงหน้าหาได้มีขนให้ระคายตาเพียงเส้นไม่
“ช่างยวนยั่วจริงหนาสูเจ้านี้” มันพึมพำอยู่ในทียามวาดสายตามองผลแล้วผลเล่าใต้ต้นสูงใหญ่เกินสามคนโอบ
ยามลมกลุ่มย่อมสลายหายไป เส้นผมสีเดียวกับเปลือกต้นที่เรียงตัวกันสวยงามทิ้งปลายเส้นอยู่เหนือบั้นเอวอย่างหมิ่นเหม่ น่าอัศจรรย์ที่ไหมนุ่มเหล่านั้นเคลื่อนตัวปกปิดยอดถันไม่ให้เล็ดลอดออกมา เห็นได้เพียงวับ ๆ แวม ๆ ที่พอจะเดาสีได้ว่าคงไม่ต่างจากพวงชมพู่ด้านล่างเป็นแน่
เว้นก็แต่นายน้อยที่หลับตาพริ้มอยู่เหนือหัวมันอยู่ตอนนี้ที่จะแปลกตาจากผลอื่นอย่างอธิบายไม่ถูก นอกจากยอดถันทั้งสองข้างที่ดื้อรั้นแหวกผมนุ่มแลเป็นประกายนั้นชูยอดเต่งบวมด้วยฐานรองที่อยากจะลองเอานิ้วโป้งไปวัดดูว่าจะปิดมิดหรือไม่ แน่งน้อยผลนี้ยังอวดตะโพกที่มันเคยว่าแลดูจะสดอย่างภาคภูมิ ด้วยความเนียนทว่าใสราวกับปอกผิวชมพู่มะเหมี่ยวออกแล้วเจอเนื้อในแน่นสู้ปากกับลิ้นพาลให้น้ำลายแตกจนต้องรีบกลืนเสียก่อนมันจะหยดมาให้ขายขี้หน้าผีนางไม้แถวนี้อีก
“...ถ้าเพียงแค่ได้พิสูจน์สักครา” อ้ายหนุ่มครวญราวกับเพ้อฝัน
สิบสองวันเข้าไปแล้วที่มันตรากตรำเดินทางเข้ามาในป่าอาถรรพ์ด้วยการฝึกร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ มายาวนานตั้งแต่ยังเดินเตาะแตะจวบจนอายุได้ยี่สิบปี ความมุมานะทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่มันจะเข้าไปเก็บพืชอายุวัฒนะให้พ่อมันที่ป่วยหนักมาตั้งแต่มันจำความได้ แม่ก็พยายามสอนความรู้ด้านพืชพรรณนานาชนิดให้แก่มัน ส่วนเรื่องอาคมก็อาศัยที่มันประพฤติดี หลวงตาในถ้ำจึงสั่งสอนทั้งส่วนนั้นกับเรื่องต่อสู้ให้มัน
มันให้คำมั่นกับคนที่บ้านไว้เป็นมั่นเป็นหมายว่าจะรีบเข้าไปเอายาให้พ่อและรีบออกมาให้เร็วที่สุด จะไม่ให้กิเลสใดมาเอาชนะได้
...แต่ในยามนี้ จิตใจของมันกลับสั่นคลอนเสียแล้ว
เมื่อจิตโอนเอียงไปอีกทางแล้วนั้น คนที่เรียกได้ว่าเป็นมาณพรูปงามก็ยืดอกพร้อมนัยน์ตามั่นขยับไปใกล้ผลงามที่เย้ายวนแม้ยามหลับตา ในใจนั้นหวังเพียงแค่ลองสัมผัสดูเท่านั้นหาได้มีความคิดอื่นใด.. มากมายนัก
*มาณพ (น.) ชายหนุ่ม, ชายรุ่น.
น่าแปลกที่ยิ่งเคลื่อนกายไปใกล้โฉมงามยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาที่เข้มข้นขึ้นทั้งที่เจ้าของร่างกายไม่ได้รู้สึกตัวอยู่เสียด้วยซ้ำ ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งยากที่จะตัดใจสัมผัสเพียงจุดเดียว ซ้ำร้ายมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรแตะผิวอิ่มน้ำตรงหน้านี้จากส่วนใดก่อน
ราวกับตาฝาดไป มันเห็นเปลือกตาสีเดียวกับผลแรกเกิดที่มีสีไข่นวลขยับไหวเพียงเสี้ยววินาที
แก่ก แก่ก
“ขออภัยลูกช้างด้วยท่านเจ้าป่า ข้ามิได้ตั้งใจ..” ..จะเด็ด เพียงแค่จับเท่านั้น
ผู้มีความผิดย่อมลนลาน ตีตนก่อนไข้
มันชักมือกลับพลางพนมมือทว่ามันไม่ได้ดูเกรงกลัวอย่างที่ควรด้วยมันร่ำเรียนวิชามาจากอาจารย์จนมั่นใจในฝีมือตนอยู่ขั้นหนึ่ง
แท้จริงแล้วเป็นเสียงของขั้วนรผลที่จวนเวลาร่วงจากต้น มาณพร่างกำยำยืนค้างไม่ขยับยามได้ยินเสียงขั้วกำลังปลิดผลตัวเองแม้จะเบามากก็ไม่เกินประสาทสัมผัสของมัน
นานราวชั่วกัปกัลป์ที่มันเฝ้ารอนายน้อยผลนี้ทิ้งตัวลงมาสู่อ้อมแขน ราวกับนายน้อยนี้เป็นลูกรัก เป็นลูกคนสุดท้อง ขั้วผลจึงค่อยแย้มกลีบมันออกทีละน้อย ปลุกให้ร่างกายงดงามดั่งนางสวรรค์สะพร่างได้ยิ่งกว่าเก่า มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นกว่าเก่า
ยามเปลือกตานวลกระตุกมันก็รีบยกแขนขึ้นรอรับเหมือนกับกลัวว่าหากช้าไปเพียงนิดจะพลั้งทำคนงามหล่นพื้นแล้วจะเป็นรอยไม่น่าพิษสวาท
ทั้งสรรพางค์กายของมักกะลีผลหนุ่มขยับเพียงน้อยแต่รู้สึกได้ถึงการมีชีวิต นิ้วมือเรียวนวลราวกับมาลีสีขาวสะอาดที่ไม่เคยเห็นแต่ถูกเล่าขานว่างดงามยิ่งขยับแตะผิวแบบบางที่ต้นขาอวบแน่นของตนอย่างเผลอไผล
เหมือนโชคเข้าข้างมันที่นรผลคนงามเขยื้อนใบหน้าเล็กสมส่วน ปรากฏปรางแก้มแต้มสีชมพู่มะเหมี่ยวขึ้นทีละน้อยให้มีชีวิต ปากคู่อวบอิ่มยกขึ้นเหมือนขัดใจในทีทว่าฉ่ำหวานด้วยน้ำเคลือบและสีแดงธรรมชาติราวกับเทวดาตั้งใจประดิดประดอยสรรสร้างแต่ละส่วนของแน่งน้อยนี้ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเพียงน้อยแล้วจึงคลายออกคล้ายจะแกล้งคนมองให้ใจหายเล่น เร็วเท่ากระพริบตาที่ขั้วผลปลิดตนเองออกจากผลเป็นกลีบสุดท้าย คนงามสูดหายใจเข้าจมูกที่เป็นเนินน่ารักน่าชังพร้อมกันกับที่เรือนกายอรชรลืมตาหวานเชื่อมน้ำที่น่าแกล้งให้ร้องจนแพขนตาเปียกขึ้นมา
ฮึบ!
ราวกับนักรบแนวหน้าที่พร้อมออกศึก มันรับนวลน้อยได้อยู่มือ ตอนนั้นเองที่มันเพิ่งรู้ว่าคนตรงหน้าน้ำหนักต่างจากยามคู่ใจของมันเพียงนิด แต่ที่ต่างอย่างไม่น่าเปรียบเทียบตั้งแต่แรกคือสัมผัส คนงามนี้เนื้อตัวนุ่มราวกับไม่ได้เกิดจากไม้ผลผิวหยาบ ตัวมันเองไม่เคยจับต้องหญิงใดมาก่อนแต่มันมั่นใจว่าแน่งน้อยผู้นี้ผิวคงเหมือนเขาพวกนั้น
“กูรับมึงไว้ มึงเป็นของกู”
**กูในสมัยโบราณไม่ใช่คำหยาบ เทียบเท่ากับ ฉัน
***มึงในสมัยโบราณไม่ใช่คำหยาบ เทียบเท่ากับ เธอ
มันประกาศประกาศิตอย่างห้าวหาญราวกับทำศึก แท้จริงแล้วมันเพียงต้องการบอกให้ผู้ที่ไม่แสดงตนต่อหน้าโดยรอบว่านายนี้เป็นของมันอย่างตามครรลองแล้ว นั่นจึงทำให้มันไม่ทันเตรียมใจว่าตนกำลังได้ชิดใกล้กับคนงามในแขนขณะเอ่ยวาจา
“ข้าเป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว” ได้ยินคำเอ่ยของผู้รับผลของตนดังนั้นนรผลแน่งน้อยจึงก้มหน้ารับบัญชาแรกอย่างอ่อนน้อม
ยามคนงามเงยหน้าขึ้นพร้อมกันกับที่เจ้านายของตนมองอยู่ก่อนเหมือนว่าอากาศร้อนขึ้นโดยพลัน ปรางแก้มอ่อนราวกับผลไม้ยามเด็ดใหม่สาดสีเข้มคล้ายโดนแดดส่องจนเปลี่ยนสี คงเช่นเดียวกับคนอุ้มที่ใบหูทั้งสองข้างร้อนเสียยิ่งกว่ากองไฟ ..ทว่าอาจมี
‘บางสิ่ง’ ที่ร้อนยิ่งกว่านั้น
“งามยิ่ง” มันเปล่งเสียงแหบเครือในลำคอเหมือนคนกระหายน้ำ
“อย่างไรนะจ๊ะท่า--” ไม่ทันได้ถามจบประโยคคนในอ้อมแขนก็เกือบพลั้งร่วงลงดินด้วยคนอุ้มเนื้อเต้นเสียจนเหงื่อหลากทั่วแขน
นรผลคนงามรีบเอื้อมแขนคว้าเอาที่เกาะไว้ตามสัญชาตญาณ
เนื้อแนบเนื้อ ตาประสานตา และความรุ่มร้อนภายในของหนุ่มแน่นวัยกลัดมัน มันจึงบีบเอาเนื้อนุ่มที่แนบอยู่บนอุ้งมือด้วยเผลอแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาภายใน
นางไม้ตัวน้อยในแขนที่งดงามราวกับถูกปั้นขึ้นมาร้องตอบตามแรงปรารถนาเช่นกัน
“อ๊า..” นั่นทำให้ผิวสีน้ำตาลไหม้ของมันเป็นสีดำปนแดงไปทั้งตัว เว้นก็แต่ส่วนหนึ่งที่อาจเป็นสีม่วงช้ำ
“ท่านนายพรานอยากให้ข้าปรนนิบัติหรือ” กระทั่งเสียงยังแหบหวานชวนฝัน คล้ายคนธรรพ์ในสวรรค์ที่มันไม่อาจเคยได้ยินจนวันนี้
“กูมิใช่นายพราน” มันยอมวางเรือนกายอรชรลงบนดินที่ปกคลุมด้วยใบไม้หนาชันแต่กระนั้นมันก็ไม่ต้องการให้คนงามเปื้อน
“ข้าขออภัยท่าน” ไม่ทันที่มันจะได้ตั้งตัว คนงามกลับขอโทษตามศักดิ์ของตนด้วยการทรุดลงบนพื้นดิน
“ลุกขึ้น!” มันว่าอย่างตกใจพลางชันเข่าลงช้อนลำตัวบางสองมือโอบมิดขึ้นมายืนเทียมกันดังเดิม
มันไม่คุ้นชินกับการวางตนเช่นนั้น ที่ที่มันอยู่ทุกคนล้วนเท่ากันทั้งสิ้น เรานับถือกันด้วยความสามารถหาใช่ยศ
“ขออภัยที่ทำให้ท่านขุ่นเคือง” โฉมงามไม่กล้าสู้หน้ามันเสียแล้ว เข่าที่เคยแต้มด้วยสีชมพูอ่อนถูกแทนด้วยเศษดินดำสกปรกตา ช่างตัดกับส่วนอื่นที่ขาวสว่างนวลราวกับไม่เคยต้องพื้นโลกมนุษย์
“กูมิได้โกรธ เพียงตกใจที่มึงนั่งลง” มันพยายามดัดเสียงให้แข็งน้อยลงแม้ส่วนอื่นจะดัดไม่ได้แล้ว “เห็นกูเป็นพี่เถอะ” ..พี่น้องที่มีสัมพันธ์ทางกายกันน่ะ
ปัดโธ่! ไอ้ที่ดัดไม่ได้ตอนนี้มันเสือกแข็งกว่าเดิมแล้วซี
“ขอรับท่าน..” นายน้อยรับคำอย่างทันใจทว่าโดนมองตำหนิตนจึงรีบกลับคำ
“ได้จ้ะพี่จ๋า”
อ้ายหนุ่มยังแน่นทนไม่ไหวกระทั่งมันต้องกำมะเขือม่วงไว้ด้วยมือหนึ่ง ทั้งหน้าของมันยังแดงฉาดแม้ตะวันจะโพล้เพล้แล้วก็ตาม
“พี่จ๊ะ” คนงามเบิกตากลมอย่างฉงน “..ทรมานหรือ” นางไม้น้อยขยับเข้าไปใกล้เพื่อก้มลงดูของในมือเจ้านายที่มีศักดิ์เป็นพี่ในคราวเดียวกัน
ด้วยความว่องไวอีกครั้ง แน่งน้อยทรุดลงคุกเข่าลงตรงหน้ามันพร้อมด้วยมือทั้งสองข้างที่ประกบมือเดียวของมันอยู่
มันลดมือลงเหมือนโดนมนตร์ทำให้คนเบื้องล่างแย้มปากอิ่มทั้งเต่งสีแดงอย่างชอบใจ
นางไม้ตัวน้อยทาบมือเรียวทั้งสองข้างลงบนกระโจมสามเหลี่ยมที่ตั้งขึ้นสูงกว่าหลังปกติ มือนวลมีสีตัดกับผ้านุ่งสีตะโกกับผิวเนื้อสีน้ำตาลไหม้ เพราะเสากระโจมยาวนักมือซุกซนจึงแบ่งกันจับกกเสามือหนึ่ง อีกข้างก็รูดยอดเสาไปพลาง กระทั้งผ้านุ่งเริ่มเปียกน้ำคนงามจึงผินหน้าขึ้นเล็กน้อย
อ้ายหนุ่มหลุดเปล่งเสียงทั้งที่อายฟ้าอายดิน ตั้งแต่เกิดมานอกจากมือตัวเองยังไม่มีใครเคยจับมัน รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังใช้กรรมไม่หมด
“ซี้ด.. เมื่อยมือเมื่อยเข่าหรือไม่” มันประคองสติแล้วจึงกลั้นใจถามแน่งน้อยที่คุกเข่าอยู่กับดินแต่มือยังชักขึ้นชักลงไม่อ่อนแรง
คนเบื้องล่างส่ายหัวเชื่องช้าแต่กลับใช้มือปลดผ้านุ่งแล้วเงยหน้าขึ้นใช้ปลายลิ้นเลียน้ำจากหัวมะเขือม่วงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่เลียขึ้นลงซ้ำ ๆ นายน้อยยังไม่สาแก่ใจจึงทาบริมฝีปากบรรจบขอบหัวมะเขือม่วงแล้วดูดเอาน้ำจากข้างในกระทั่งเริ่มปวดแก้มจึงถอนปาก
จุ๊บ!
เพราะประสาทสัมผัสของมันทำให้เสียงตอนแน่งน้อยถอนปากออกนั้นดังชัดในหัวมันอย่างยิ่ง ซ้ำร้ายยามที่คนงามจัดการน้ำอยู่นั้นมันแทบจะยืนนิ่งไม่ได้
มาณพล่อนจ้อนเผลอกระทุ้งกลางกายเข้าพิสูจน์ความนุ่มจากภายในของนางไม้น้อยด้วยมันกระสันจนทนไม่ไหว ยามมันถอยเอวออกมาคนงามจึงไอโขลกอยู่ระลอกหนึ่งทว่ายิ่งทำให้นัยน์ตากลมงามฉ่ำด้วยน้ำยิ่งขึ้น..
“ใยพี่จึงรีบถอน น้องยังมิทันได้ดูดเลย”
เหตุใดนรผลแน่งน้อยนี้จึงพูดจาลามกนัก! ราวกับคนใช้ชีวิตมาโชกโชนทั้งที่เพิ่งจะหลุดจากขั้วเมื่อครู่ หรือแท้จริงแล้วต้นไม้นั่นใส่อะไรในหัวคนงาม
“ของพี่มันงอขึ้นนิด เมื่อครู่น้องจึงมิทันได้เตรียมคอ” แก้ตัวประหนึ่งเป็นลูกศิษย์ที่พลั้งตอบอาจารย์ผิด
ด้วยหน้าตางดงามใสซื่อเช่นนั้นยามพูดเรื่องลามกเช่นนี้จึงดู… ล่อลวงเป็นพิเศษ
“คำมึงพูดฟังไม่น่าเชื่อนัก ลองดูอีกทีแล้วจึงจะบอกได้ว่าจริงหรือไม่” คนพี่หัวหมอพูดตะกุกตะกักได้ทีละคำด้วยแรงปรารถนาและเป็นครั้งแรกที่ตนโกหก
“น้องไม่โกหกแก้ตัว”
แม้จะมีฐานันดรเป็นเพียงทาสรับใช้แต่นางไม้น้อยก็ซ่อนความรู้สึกบนสีหน้าได้ไม่มิด คิ้วงามย่นเข้าหากันเล็กน้อยดูน่าชัง ยิ่งมีสีหน้าเช่นนี้ยิ่งดูดื้อรั้นนักสำหรับมาณพรูปงามที่ยืนมองอยู่แม้จะไม่ค่อยมั่นคงนักก็ตาม
“เช่นนั้นมึงควรทำเช่นไร หืม” มันไม่รู้ตัวว่าเสียงตนนั้นบิดเบี้ยวขึ้นไปกี่ขั้นยามพูดประโยคนี้
อึก
คนงามช่างโดนยั่วยุง่ายไม่ต่างจากเจ้านายที่โดนยั่วยวนง่ายเช่นกัน ครานี้นายน้อยใช้ริมฝีปากเม้มของมันไว้มั่น ข้างในคอก็เปิดรอให้เสางอปลายได้ยัดเข้าไปได้อย่างไม่ทำร้ายจังหวะกลืนและหายใจ
เพราะนรผลได้สำแดงให้ดูว่าตนนั้นทำได้ดีดังว่า คนพี่ที่ยืนนิ่งได้เสียทีก็พ่นเมล็ดพันธุ์ของตนคาลิ้นนุ่มนั้นเองหลังจากที่คนน้องขยับเข้าขยับออกอยู่นานสองนาน
คนที่เปลี่ยนไปนั่งแนบทั้งขากับพื้นส่งยิ้มหวานให้อย่างยากเย็นเพราะมีของอยู่ในปาก นางไม้ตัวน้อยไม่ลืมดูดทั้งขอบทั้งหัวมะเขือม่วงซ้ำ ๆ ไม่ให้เหลือน้ำ ท่านพี่ของตนจะได้ไม่รู้สึกไม่สบายตัว
“มึงต้องไปล้างตัว” คนพี่รีบช้อนตัวแน่งน้อยขึ้นแนบอกหลังจากมันใส่โจงพระเบนอย่างลวก ๆ “ถึงมืดแล้วก็ต้องอาบ”
คนเป็นทาสไม่มีปากมีเสียงอันใดนอกจากยิ้มรับพร้อมกับซบข้างแก้มลงกับลาดไหปลาร้าที่แข็งไม่แพ้สิ่งที่อมไปเมื่อครู่
“มืดเสียจริงท่านพี่” ยามมาณพรูปงามวางคนงามกว่าลงบนโขดหินใกล้น้ำตกคนที่เรือนร่างเปลือยเปล่าก็เอ่ยด้วยความกลัว
“รอประเดี๋ยว” มันทยอยวางข้าวของของตนบนหินก้อนข้าง ๆ
ยามที่วางย่ามใบสำคัญมันก็ไม่ลืมร่ายมนตร์กำกับไว้ก่อนหันมาพึมพำภาษาประหลาดอยู่ชั่วครู่
“งดงามยิ่ง”
ฝูงหิงห้อยนับพันนับหมื่นบินมากองรวมกันเหนือน้ำตกที่ขาเจ้าพักอยู่ มันบินวนอยู่แถวนี้เพื่อเปล่งแสงเหลืองนวลแทนตะเกียงยามค่ำคืน
****ขาเจ้า เป็นภาษาโบราณเทียบเท่ากับ พวกเขาทั้งสอง
อ้ายหนุ่มปลดผ้านุ่งอีกครั้ง ร่างกายกำยำสมส่วนวางผ้าไว้บนโขดหินข้างคนที่เปลือยเปล่ามาแต่ต้น
เมื่อมันลงน้ำไปได้ถึงอกแล้วมือข้างหนึ่งจึงยื่นออกไปรับแน่งน้อยที่เฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นมาตั้งแต่ต้น
“มิต้องตื่นกลัวไป มือข้างหนึ่งกูยังจับหินไว้อยู่”
นางไม้น้อยตื่นเต้นเป็นที่สุดยามทิ้งเท้านวลเนียนจุ่มลงน้ำเย็นครั้งแรก จนในที่สุดทั้งตัวของคนน้องก็แช่อยู่ใต้น้ำภายในกรงอ้อมแขนของคนพี่ที่มือหนึ่งยังคงยึดหินไว้ ส่วนอีกมือก็ช้อนบั้นเอวนายน้อยที่กำลังดีดดิ้นคล้ายมัจฉาได้กลับมาเจอน้ำ
“ขอกูล้างตัวให้หน่อย มีจุดใดสะอาดบ้าง หือ” มันพยายามทำเสียงเข้มแต่ก็เกรงว่านรผลคนงามจะกลัวตนอีกจึงแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงประหลาด
นายน้อยถูกยกตัวลอยราวเป็นมัจฉาตัวจ้อยไปอย่างแท้จริง ทว่าคนพี่ก็เอื้อมผ้านุ่งตนมารองหินก่อนให้คนน้องนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ
“เปรอะนัก” มันว่า
มาณพเปียกน้ำเอื้อมตัวเพียงนิดวักน้ำขึ้นล้างตั้งแต่ใบหน้านวลที่เปื้อนด้วยน้ำกามที่มุมปาก ไล่ลงมาที่มือเรียวงามทั้งสองข้างที่อาจมองไม่เห็นว่าเปรอะแต่ก็ต้องล้าง มันวักน้ำขึ้นล้างตามต้นขาลูบเอาเศษดินออกไล่มาเรื่อยจากตรงนั้นมาที่หัวเข่าที่เปื้อนที่สุดมายังน้องขาและจบที่ตีนน้อยทั้งสองข้างที่ต้องล้างเยอะเป็นพิเศษ
“เยี่ยงใดมันก็เปื้อนอีกหากน้องเดิน” จอมดื้อเริ่มเบะปากทั้งที่ยังเท้าคางมองคนพี่อยู่
“เช่นนั้นน้องก็มิต้องเดิน”
“แต่ว่า--” นางไม้ตัวน้อยชะงักไปครู่แล้วจึงเผยรอยยิ้มงามก่อนจะก้มลงจูบที่มุมปากท่านพี่ของตน “พี่พูดกับข้าไพเราะยิ่ง”
“น้อง น้อง น้อง”
“ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง” คนน้องหัวร่อเสียงดังพลางสะบัดตัวไปมาทั้งที่ตีนของตนยังอยู่ในมือมัน
จนเมื่อหยุดหัวเราะได้ คนงามก็ก้มหน้าลงไปจุมพิตมาณพรูปงามที่งามยิ่งไปอีกยามเปียกน้ำ ปากอวบอิ่มโดนงับซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนต้องสู้ตอบแต่ก็พลั้งให้อ้ายหนุ่มกลัดมันที่ร่างกายรุ่มร้อนทั้งที่แช่อยู่ในน้ำเย็น
“อื้อ~”
คนงามโดนต้อนจนตกลงมาในน้ำอีกครั้ง ครานี้ท่านพี่ใจร้ายเหลือเกินเพราะจุมพิตตนไม่หยุดแม้อยู่ใต้น้ำ ยามพี่ดันตนขึ้นมาบนบกต่างคนก็ต่างหายใจเข้าแข่งกันก่อนแน่งน้อยจะโดนคนพี่สอดลิ้นชุ่มน้ำเข้ามาอีก
ปึก
นรผลตัวน้อยถูกดันไปชิดขอบหินอีกคราแต่ทว่ามีมือหยาบคู่ใหญ่ทาบกั้นไว้อยู่แล้ว คนงามจึงไร้ร่องรอยใดใด
กระนั้นก็ยังไม่วายโดนท่านพี่ยกขึ้นวางบนหินอีกเมื่อตนสัมผัสได้ถึงเนื้อยาว ๆ แถมอวบที่กลางตัวของคนตัวใหญ่ มันพาดทาบหน้าทองนางไม้น้อยอยู่นานจนตนต้องส่ายเอววนหยอกเย้าให้มันใหญ่ขึ้นอีก
“ท่าน..พี่” สุ่มเสียงหวานเอ่ยอ้อนบนโขดหิน “ข้ามิอยากอยู่ห่างมัน”
มันที่ว่าก็ไม่อยากอยู่ห่างน้องเช่นกัน
“แน่หรือ” คนพี่ชิงป้อนจูบก่อนคนงามจะทันตอบ
ขาเจ้าต่างตะโบมเข้าหากันจนแยกไม่ออกว่าลิ้นผู้ใดเป็นของผู้ใด อ้ายหนุ่มปล่อยมือจากโขดหินพลางรั้งตัวนุ่มนิ่มมาใกล้กาย มันลูบตั้งแต่ลาดไหล่แคบลงมาเรื่อยและวกกลับไปหายอดถันที่แข็งชี้หน้ามันไม่แพ้พวงชมพู่กลางตัว
อ้ายหนุ่มเลื่อนนิ้วโปงไปทาบไว้ดังใจหมาย ยอดถันรวมฐานแล้วยังเล็กกว่านิ้วโป้งมันเสียอีก หากกัดเล่นหนักไปจะหลุดติดมาหรือไม่ กระนั้นมันก็ลงนิ้วบีบทั้งสะกิดอย่างหยอกเย้าปนชังเพราะจอมดื้อมือไม้ไม่อยู่สุข เอื้อมมาใช้นิ้วชี้เกลี่ยยอดถันสีเข้มของมันเช่นกัน
ก่อนจะจากมันไม่ลืมชะโงกขึ้นกัดทั้งถันทั้งฐานสองข้างก่อนจะลากลิ้นลงมาถึงแอ่งสะดือ แหย่ลิ้นลงไปหยอกเอินเล็กน้อยแล้วจึงไล้พวงชมพู่ที่ชี้หน้ากันมานาน
“ข้าเหมือนจะตาย..ท่านพี่” คนน้องหวีดร้องยามปากหนาที่ดูดิบเถื่อนนั้นห่อแล้วรูดลงจนสุดโคน
คนงามเศร้าใจที่คงทำให้ท่านพี่แบบนี้ไม่ได้..
เหมือนยิ่งตนทรมานคนพี่ก็ยิ่งได้ใจ อ้ายหนุ่มถอนหน้ามาเลียพวงชมพู่ด้านล่างพลางจับหนังหุ้มรูดลงค้างไว้จนชมพู่มะเหมี่ยวแดงก่ำกว่าทุกที
“..อึก ฮืออ”
คนพี่ดึงขึ้นดึงลงได้ไม่ถึงโหลตาหวานก็ร้องไห้เสียแล้ว ร้องทั้งบนทั้งล่างพร้อมกันมันปลอบไม่ทันทีเดียว
น้ำตายังไม่ทันแห้งดีคนพี่ก็แยงนิ้วก้อยเข้ารูบั้นท้ายเสียแล้ว มันฝืดจนฝืนได้แค่ข้อเดียวอ้ายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจดึงน้องลงน้ำ
มันกอดจูบลูบคลำและชอบบีบขยำเนื้อแน่นกลมตึงข้างหลังเป็นพิเศษ จนท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะสอดนิ้วเดิมเข้ารูและครานี้เข้าง่ายไม่ฝืดเคือง
“จักจี้” คนน้องว่าก่อนจะยกขาขึ้นเกี่ยวเอวมันไว้พร้อมสองแขนคล้องคอ
เหมาะนักล่ะ
ครานี้นิ้วกลางจึงเข้าง่ายเป็นพิเศษ พอใส่นิ้วนางคนงามก็เด้งสู้เสียแล้ว ไม่ทันได้ฟาดมือลงบั้นท้ายงามแน่งน้อยก็ชิงเลียหูเสียก่อน โชคดีที่มันว่ายน้ำเก่งเทียมมัจฉา
“หัวเข้าได้แล้ว ซี้ด..”
เหมือนนรผลตัวดื้อจะรู้ว่ามันทั้งเสียวทั้งทรมาน เรือนกายอรชรจึงขยับเอวเข้าออกช้า ๆ หยอกล้อกับหัวป้านของมะเขือม่วงจนมันหลุดจากบั้นท้ายตน
จ๋อม
ทั้งที่ฟาดมือใส่บั้นท้ายดื้อ ๆ นั้นเสียเต็มมือแต่แรงใต้น้ำกลับไม่ระคายคนงามแม้แต่นิด
เมื่อเอาเข้าได้อีกคราจนค่อยดันให้สุดโคน คนพี่ก็แหวกน้ำกลับฝั่งแล้ววางนางไม้ตัวน้อยลงนอนทั้งที่มะเขือปลายงอยังคาอยู่ในท้อง
“อ-อ๋า.. พี่จ๋ามันแทงโดนตรงนั้น” หน้าคนงามหวานเชื่อม ปากอ้าหวอน่าเอาอะไรปิด
น่าแปลกที่มันรู้ว่าตรงนั้นของแน่งน้อยนั่นคืออะไร มันจึงดันเอวย้ำจุดเก่าซ้ำ ๆ กระทั่งชมพู่พ่นน้ำจนสั่นริก ๆ ส่วนแม่มันก็สุขสมจนร้องไม่ออก
โบ๊ะ
มาณพจ้าวตัณหาถอดกายออกพลางจับขาเนียนยกขึ้นแล้วก้มลงดูงานชิ้นเอกของตน ทว่ามันคงดูไม่ถนัดจึงตระคองคนน้องคว่ำหน้าแล้วยกตะโพกงอนขึ้นชม ไม่วายฟาดมือลงไปหนึ่งครา
“พี่รับน้องไว้ น้องเป็นของพี่” มันว่าขณะที่มือสองข้างจับบั้นท้ายแหวกดูคนงาม
รูบั้นท้ายเรือยกายอรชรมีรอยช้ำโดยรอบทว่ารูกลมที่ยังขยายกว้างมีน้ำข้นคลั่กรวยรินออกมาเป็นระยะไหลเรื่อยลงหาพวงชมพู่จนหยดลงผ้านุ่งที่มันใช้รอง
คนมากตัณหาเช่นนี้จะทนมองได้อย่างไรนอกจากรีบสวมสิ่งที่มันเคยเข้าได้เข้าไปอีกครา
“อ๊า” ครานี้น้องร้องดังกว่าทุกที “พี่จ๋า..มันงอชนผิดที่”
ได้ยินดังนั้นคนที่ตกอยู่ในห้วงลุ่มหลงก็พลิกกายลงนอนตะแคงจับน้องหันหลังชิดอกแล้วแทงให้สมใจคนงาม
หากมันไม่ลึกพอคนพี่ก็พร้อมยกขาน้องขึ้นพับแล้วบันดาลให้ตามบัญชา
“น้องเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว” พูดจบคนงามก็หลับไปพร้อมกับเมล็ดพันธุ์ในกาย
คราแรกที่นรผลได้ยินคนพี่พูดว่าจะไม่ให้เขาเดิน ตนไม่คิดว่ามันจะพูดจริง เพราะตั้งแต่ตื่นลืมตาลงอาบน้ำจนเดินลัดเลาะมาตามทาง คนพี่ก็อุ้มมันมาตลอด
เพียงแต่ว่า.. มาณพมากตัณหาผู้นี้อุ้มคนงามหันหน้าเข้าหามันเนี่ยสิ
“อ๊า……..”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrr RRRRRRRRRRRRrrrrr
“หื้ม?”
Rrrrrrrrrrrrrr RRRRRRRRRr
“เฮ้ยย!! เจ็ดโมงสี่สิบแล้ว บ้ารึเปล่าวะ!”
“ห๋าาาา ทำไมกางเกงเปียกอะ ฮืออออ”
_______________________________________________________________________
จบบริบูรณ์เท่านี้ = กดปิดเว็บ
ไปต่อ = กดตอบกระทู้เล้ย~