Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ  (อ่าน 21901 ครั้ง)

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

____

-----------

คลังนิยายของข้าพเจ้า

 :L2: จบแล้ว  :L2:

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58878.msg3600724#msg3600724 Which one? รัก||หลอก||เด็ก (แนวกินเด็กและโดนเด็กกิน)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58331.0Blind side รัก || ของ || แว่น(แนวแอบรัก)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59401.0ํYour Stranger รัก||ไม่||ลืม (แนวความจำเสื่อม)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60332.0How to fall in love with your boss คู่มือการเป็นเลขาฉบับเกือบสมบูรณ์ (แนวแอบรัก)


  :L1: ยังไม่จบ  :L1:

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66195.0 Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) (แนวโดนเด็กกิน) rewrite อยู่ coming soon

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70320.0 Soulmate From Hell ด้วยรักจากนรก (แนวแฟนตาซี)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70468.0 #Newyou สามสิบวันรับประกันคุณคนใหม่
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2019 16:34:31 โดย littlepig »

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Re: [Urban fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก
«ตอบ #1 เมื่อ18-05-2019 13:36:22 »

Intro: In which blood rains from the sky.

โรเวน วู้ดส์ ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ


ถึงแม้น้องชายและน้องสาวของเขาจะชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับโลกแห่งเวทมนต์ อาณาจักรแฟนตาซี หรือสงครามแห่งพลังในจักรวาลที่ห่างไกลจากพวกเขาไปหลายปีแสงมากแค่ไหน โรเวนยังคงเชื่อว่าโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นดำรงอยู่ได้ด้วยแร่ธาตุในดินและขั้วประจุในอากาศ สำหรับเขา สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์คือสิ่งที่ความคิดและจินตนาการของมนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง


และนั่นทำให้เขาเกือบทำแก้วกาแฟที่กำลังเช็ดอยู่หลุดมือเมื่อเขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ก้าวเข้ามาในร้านกาแฟที่เขาทำงานพิเศษอยู่



ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทสั่งตัดเข้ารูปตั้งแต่หัวจรดเท้านอกจากเนคไทค์สีแดงสดเดินตรงมาหาเข้า เส้นผมสีบลอนด์เป็นประกายล้อแสงไฟเช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าซีดที่เขาไม่สามารถเปรียบสีนั้นกับสีของสิ่งใดบนโลกที่เขาเคยเห็น แต่กลับรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด เป็นความงดงามที่นอกจากธรรมชาติแล้วไม่มีสิ่งใดสามารถปรุงแต่งมันขึ้นมาได้


งดงาม คงต้องบอกว่าคำนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถบรรยายคน…ไม่สิ สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขา ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงระเรื่อ คิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด่งเป็นสันตรง แม้แต่โหนกแก้มและสันกรามของอีกฝ่ายยังเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาตำหนิได้ และดูจากการที่ทุกสายตาในร้านที่มองตามการเคลื่อนไหวราวกับนกยูงรำแพนหางอวดสีสันราวกับต้องมนต์สะกด โรเวน
คิดว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น



“ขอโทษที่ทำให้พื้นเลอะนะครับ จู่ๆฝนก็เทลงมา ผมเลยไม่ได้พกร่มมาด้วย…”



ร่างสูงในชุดสูทเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจ แค่เสียงของเทพบุตรตรงหน้าเขาก็สามารถทำให้คนฟังพยักหน้าตามอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดว่าอะไร ขนาดโรเวนที่ไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกันยังอดเคลิ้มตามเสียงนุ่มอบอุ่นนั้นไม่ได้



“ไม่เป็นไรครับคุณลูกค้า รับอะไรดีครับ”



เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบบาริสต้าของร้านถาม โรเวนรู้ตัวว่าบุคลิกของเขาไม่ใช่คนร่าเริงที่สุด แต่เขามักจะพยายามใช้น้ำเสียงที่สุภาพที่สุดเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกไม่ได้รับการต้อนรับ สิ่งมีชีวิตตรงหน้าเขาเอียงคอ ดวงตาสีฟ้าซีดไม่เคยละไปจากเขา ราวกับรอให้โรเวนเป็นฝ่ายพูดอะไรสักอย่าง



“คุณลูกค้าครับ?”



แม้จะไม่มีใครต่อแถวอยู่ แต่เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกอยากจะใช้เวลาสนทนากับสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่สามารถระบุสายพันธุ์ตรงหน้าของตัวเองนานกว่านี้



“มีอะไรแนะนำมั้ยครับ?” รอยยิ้มของร่างตรงหน้ามีพลังทำลายล้างสูงกว่าแววตาที่เหมือนกับจะสูบเอาวิญญาณของเขาออกไปจากร่างอยู่มาก สังเกตได้จากพนักงานสาวหลังเคาท์เตอร์ที่เข่าอ่อนจนต้องคว้าตัวเคาท์เตอร์ไว้ก็น่าจะพอรู้ โรเวนเลียริมฝีปาก รู้สึกประหม่ากับสายตาที่จดจ้องมาที่เขาเพียงคนเดียวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



“เอ่อ…วันนี้เมนูพิเศษของทางร้านมี…”



“…ของคุณล่ะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขัด โรเวนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่คนถามจะขยายความให้ “ผมอยากได้เครื่องดื่มที่คุณแนะนำมากกว่า”



“ผมไม่ดื่มกาแฟครับ ถ้าจะให้แนะนำคงจะเป็นนมร้อนหรือชามากกว่า” อา…ถ้าผู้จัดการร้านมาได้ยินเขาคงโดนหักเงินค่าจ้างงวดนี้แน่ๆ



“ถ้าอย่างนั้นผมขอนมร้อนหนึ่งแก้ว กับเอสเพรสโซ่ร้อนหนึ่งแก้ว กลับบ้านครับ”



“ทั้งหมดสี่ดอลลาห์สิบห้าเซ็นต์ครับ” โรเวนกดรายการเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่งแล้วเงยหน้าขึ้นบอก ร่างสูงหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยดอลลาห์ออกมาจากกระเป๋าเงินของตน พร้อมกับธนบัตรห้าดอลลาห์อีกใบยื่นให้เขา



“เอ่อ…แค่ใบห้าดอลลาห์ก็พอครับคุณลูกค้า”



“เก็บไว้เถอะครับ…” ชายปริศนาวางธนบัตรทั้งสองใบลงบนเคาท์เตอร์ รับเครื่องดื่มจากพนักงานสาวที่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้เขาจนออกนอกหน้าแล้วหันมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “ไว้คุณจำผมได้แล้วค่อยคืนก็ยังไม่สาย”


“หือ? คุณ…”



สมองของเขามัวแต่ประมวลผลคำพูดของอีกฝ่ายจนเจ้าของประโยคหายไปในพายุฝนด้านนอกถึงไม่นึกได้ว่าธนบัตรร้อยดอลลาห์ที่เกินมายังคงวางอยู่ตรงหน้าของเขา เด็กหนุ่มเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง รอคืนให้กับเจ้าของหากคนคนนั้นย้อนกลับมา



โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องจำเขาสลับกับใครสักคน



เพราะไม่มีทางที่เขาจะรู้จักคนแบบนี้แล้วนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครแน่








“กลับมาแล้วครับ”



“แม่กำลังจะโทรไปถามอยู่เลยว่าจะให้พ่อเขาไปรับมั้ย ข้างนอกฝนตกหนักเลยใช่มั้ยจ๊ะ”


ซาราห์ มารดาของโรเวนก้าวออกมาจากในครัวทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายคนโตกลับมาถึงบ้าน ครอบครัวของเขาก็เหมือนกับครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปในบ้านเดี่ยวขนาดกลางในเมืองเล็กๆที่เพื่อนบ้านทุกคนรู้จักกัน พ่อของเขาเป็นตำรวจสืบสวนของสถานีตำรวจแห่งเดียวในเมือง ส่วนแม่ของเขาอยู่บ้านคอยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน น้องชายและน้องสาวของเขาซึ่งเป็นฝาแฝดกันอยู่เกรดแปด กำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้นและหาเรื่องซุกซนให้มารดาขอวเขาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ธรรมดาที่หาความแตกต่างจากทุกครอบครัวในละแวกนี้ไม่เจอ


“จริงสิ คฤหาสน์ที่อยู่เยื้องหลังบ้านเราไปมีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้เอาพายแอปเปิ้ลไปเป็นของขวัญต้อนรับพวกเขาให้แม่หน่อยนะโรเวน”


“อะไรนะครับ บ้านผีสิงนั่นมีคนมาอยู่ด้วยเหรอ?” ไรลีย์ น้องชายของเขาตะโกนถามจากชั้นบนของบ้านอย่างแตกตื่น ซาราห์
ส่ายหน้ากับกิริยาของลูกชายคนเล็ก เท้าเอวแหงนหน้าขึ้นมองเด็กชายอย่างไม่พอใจ



“อย่าเรียกบ้านนั้นแบบนั้นให้ใครได้ยินนะไรลีย์!” หญิงสาวหันกลับมาหาโรเวนด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ดีจริงๆที่มีคนมาอยู่ซักที แม่เดินผ่านบ้านหลังนั้นตอนไปโบสถ์ทีไรก็ไม่กล้าหันไปมองมันซักที เฮ้อ คนที่มาซื้อบ้านหลังนั้นต่อเขาจะรู้มั้ยนะว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในนั้น”



โรเวนต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยคิดว่าบ้านหลังนั้นจะมีใครย้ายเข้ามา ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในนั้นเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ยังคงเชื่อว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ถอดแบบมาจากคฤหาสน์ผีสิงนั้นไม่ใช่จุดขายที่ดีสักเท่าไหร่


ภาพของเด็กชายผมสีบลอนด์สว่างที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขาในวัยสิบปีผุดขึ้นมาในหัว โรเวนส่ายหน้า เขาเหนื่อยเกินกว่าจะปล่อยให้ฝันร้ายที่ต้องใช้ค่าจิตแพทย์ราคาแพงหูฉี่กว่าเขาจะสามารถอยู่ร่วมกับมันได้อย่างสงบสุขกลับมา
ทำให้ตารางชีวิตของเขาต้องปั่นป่วนอีกครั้ง


เด็กหนุ่มก้าวขึ้นบ้านไดที่เริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามการเวลา ขยี้กลุ่มผมนุ่มสีแดงเพลิงของน้องชายที่ยืนเกาะราวบันไดเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง



โรเวนวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นแล้วทรุดตัวลงบนเตียง ห้องของเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากทุกวันที่ผ่านมา เตียงเดี่ยวปูผ้าปูที่นอนสีเทาเรียบ โต๊ะเขียนหนังสือที่มีโน๊ตบุ๊คกับสมุดหนังสือเรียนวางอยู่ไม่กี่เล่ม ชั้นหนังสือมีหนังสือการ์ตูน แผ่นดีวีดี และเครื่องแล่นเกมส์วางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบนัก กางเกงนอนที่เขาถอดทิ้งไว้เมื่อเช้ายังคงวางกองอยู่ปลายเตียง



แต่สิ่งที่แปลกไปจากทุกวัน คือภายนอกหน้าต่างของห้องนอน ที่มักจะมีเพียงทิวทัศน์ของคฤหาสน์สูงสามชั้นครึ่งซึ่งไร้แววของการมีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยมานานหล่ยปีกลับมีไฟเปิดสว่างหลายแห่ง และหนึ่งในนั้น คือห้องของเด็กชายผมบลอนด์ที่หน้าต่างห้องตรงกับหน้าต่างห้องของโรเวนอย่างพอดิบพอดี



“ไว้คุณจำผมได้แล้วค่อยคืนก็ยังไม่สาย…”



ภาพของชายผมบลอนด์ที่ทิ้งธนบัตรหนึ่งร้อยดอลลาห์ไว้บนเคาท์เตอร์ร้านราวกับเศษกระดาษย้อนกลับเข้ามาในหัว และในตอนนั้นเองที่โรเวนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวภายในห้อง



ราวกับร่างกายของเขาไม่ยอมฟังคำสั่งเขาอีกต่อไป โรเวนก้าวไปยังหน้าต่างห้องของตัวเองอย่างเชื่องช้า เช่นเดียวกับเงาร่างจากอีกฝั่งของหน้าต่างที่ขยับเข้ามาใกล้



ชายผมบลอนด์คนเดียวกับในร้านกาแฟเปิดหน้าต่างห้องของตัวเองออก ดวงตาสีฟ้าซีดที่ในตอนนี้โรเวนจำได้แล้วว่าเขาเคยเห็นที่ไหนจ้องตรงมาที่เขาราวกับรู้อยู่แล้วว่าตนกำลังถูกมอง



ร่างสูงขยับยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้โรเวนรู้สึกถึงขนอ่อนหลังคอที่ลุกซู่ และรู้สึกอุ่นวาบในอกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน



คนตรงหน้าเขาก้มลงหยิบอะไรบ้างอย่างออกมาจากกล่องกระดาษที่วางอยู่บนพื้น โรเวนจำตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลซอมซ่อตัวนั้นได้ดีแม้ว่าหูปุกปุยของมันจะแหว่งหายไปข้างหนึ่ง ตุ๊กตาที่เคยถูกซุกไว้ในตู้เสื้อผ้าของเขาหลังจากได้รับมันเป็นของขวัญวันเกิดจากย่า ก่อนที่เขาจะมอบมันให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของตัวเอง



แม่ของเขาเข้าใจผิด คฤหาสน์หลังนั้นไม่ได้มีเจ้าของใหม่



โรเวนทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นแม้ว่าจะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก


เจ็ดปีที่เฝ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง


เจ็ดปีที่รอคอยหน้าตู้จดหมาย



เจ็ดปีที่ยังคงแอบซ่อนความหวังลึกๆว่าสักวันเขาจะได้เอ่ยคำขอโทษกับคนที่เขาสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป



เจ็ดปีหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ในที่สุด เดเมียน คอลลินส์ ก็กลับมา


---------


มาแนวแฟนตาซีกันบ้าง กราบสวัสดีนักอ่านทุกท่านทั้งแฟนคลับดั้งเดิมและนักอ่านหน้าใหม่ ขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนานนะคะ หมูน้อยรักทุกท่านเหมือนเดิมเลย :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 1: In which what goes around actually comes around.


กิ๊ง…ก่อง…



“ครับ…โอ๊ย!”



สิ่งแรกที่โรเวนทำหลังจากเดเมียนเปิดประตูให้คือเหวี่ยงกระเป๋าเป้คู่ใจใส่เพื่อนสนิทสมัยเด็กเท่าที่แขนผอมแห้งเก้งก้างของตนจะมีแรง



“กลับมาทำไมไม่บอก? แล้วหายหัวไปไหนมาตั้งเจ็ดปี? นี่สนุกมากใช่มั้ยที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงน่ะ?!”



“กระเป๋าเป้นายใส่อะไรมาบ้างเนี่ย”


นอกจากจะไม่สำนึกแล้ว เดเมียนยังลูบแขนที่ถูกตีป้อยๆพร้อมเบ้ปากราวกับตัวเองไม่ใช่คนที่ทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบบ้า ร่างสูงอยู่ในเสื้อยืดหลวมโพรกที่น่าจะผ่านการซักมาไม่ต่ำกว่าร้อยรอบและกางเกงขาสั้นตัวบางที่ไม่ค่อยจะปกปิดอะไรเท่า
ไหร่ แต่โรเวนในตอนนี้หงุดหงิดเกินกว่าจะเอ่ยทัก



“แม่ฉันทำพายมาให้ เขาคิดว่านายเป็นเพื่อนบ้านใหม่”



เด็กหนุ่มยื่นกล่องใส่พายแอปเปิ้ลฝีมือมารดาให้อีกฝ่าย แม้จะโมโหแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นเพื่อนสนิทดู…ปกติดี



“เยส! ถ้ามันทำให้ฉันได้กินพายของคุณน้าซาราห์ ฉันยอมเป็นเพื่อนบ้านใหม่ก็ได้”



เดเมียนยิ้มร่าราวกับเด็กได้ขนม ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ



“แล้ว…ตกลงเกิดอะไรขึ้น นายไปอยู่ไหนมา แล้วทำไมจู่ๆถึงได้กลับมา…”



โรเวนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ในวันสุดท้ายที่พวกเขาได้พบกัน ซึ่งดูเหมือนเดเมียนก็ไม่คิดจะพูดถึงมันเช่นกัน



“นักสังคมสงเคราะห์พาฉันไปที่บ้านพักชั่วคราว ฉันอยู่ที่นั่นได้ประมาณสองสามวัน คนพวกนั้นก็บอกว่าพ่อของฉันจะมารับฉันไปอยู่ด้วย”



เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทรุดตัวลงบนโซฟาที่ยังไม่ดึงผ้าคบุมออกแล้วใช้มือเปล่าหยิบขนมอบที่มารดาของเขาตัดแบ่งไว้อย่างสวยงามขึ้นมางับคำโต



“เดี๋ยวก็ลิ้นพองหรอก…” โรเวนเตือนอย่างอ่อนใจแม้จะรู้ว่าเจ้าเพื่อนคนนี้มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวดน้อยกว่าชาวบ้านชาวช่องหลายขุม “พ่อที่ว่านี่…พ่อแท้ๆของนายน่ะเหรอ?”



เท่าที่เขารู้ พ่อของเดเมียนไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และนั่นเป็นหนึ่งในตัวจุดประกายข่าวลือที่ว่ามารดาของเด็กหนุ่มเป็นภรรยาเก็บของมหาเศรษฐี ซึ่งขนาดของบ้านที่ใหญ่เดินกว่าจะจุคนเพียงสองคนและใบหน้างดงามราวกับนางฟ้ามาจุติของหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้เรื่องดีขึ้น



“อืม…พ่อรู้ข่าว เลยพาฉันไปอยู่ด้วย เรื่องก็มีอยู่แค่นั้นแหละ” เด็กหนุ่มยัดพายคำโตเข้าปากอีกครั้ง เคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มทั้งสองข้างพองกลม ไม่เหลือภาพเทพบุตรที่ก้าวเข้ามาในร้านกาแฟเมื่อวานสักนิด



แล้วทำไมถึงไม่คิดจะติดต่อกลับมา…



ไม่รู้ทำไมคำถามนั่นถึงไม่ยอมหลุดออกมาจากปากเขา โรเวนกระแอมกระไอเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม



“แล้วนายไปอยู่ที่ไหน? ทำไมจู่ๆถึงได้ย้ายกลับมาล่ะ”


“ที่ทำงานพ่อฉันอยู่แถวทางตอนใต้น่ะ” เดเมียนกลืนพายลงคอแล้วหยิบอีกชิ้นขึ้นมา “ที่ฉันย้ายกลับมาเพราะพ่อบอกว่าฉันโตพอจะตัดสินใจเองได้แล้วว่าอยากอยู่ที่ไหน ฉันเลยขอกลับมาที่นี่”



โรเวนจ้องมองคนที่สวาปามขนมในมืออย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาสับสน เขาคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นที่สุดท้ายบนโลกที่เดเมียนอยากจะก้าวเข้ามาเหยียบเสียอีก



“แต่…นายอายุน้อยกว่าฉันอีกไม่ใช่เหรอ ออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้จะดีเหรอ…”



คนที่ยังมีของกินเต็มปากตั้งท่าจะตอบ แต่เสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาจอดหน้าบ้านและเสียงส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นเป็นจังหวะเรียกความสนใจของพวกเขาไปเสียก่อน



“เดเมียน พี่กลับมาแล้ว ซื้อข้าวเช้ามาด้วย รีบๆมากินเร็ว เดี๋ยวจะจัดของไม่เสร็จกัน”



เสียงของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ เส้นผมสีบลอนด์หยักเป็นคลื่นภายใต้หมวกปีกกว้างสีดำสนิททิ้งตัวระเอวคอด แว่นตากันแดดสีดำขนาดใหญ่บดบังครึ่งใบหน้าของเธอ โรเวนรีบลุกขึ้นไปช่วยถือของเช่นเดียวกับเพื่อนสนิท เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้ใกล้ๆ โรเวนถึงกับตกตะลึงกับใบหน้าสวยหวานและดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายภายใต้กรอบแว่น



“โรเวน นี่เซเลสต์ พี่สาวฉัน”



เดเมียนแนะนำ ดวงตาสีฟ้าซีดหรี่ลงอย่างไม่พอใจ โรเวนที่รู้ตัวว่าเผลอน้ำลายหกใส่พี่สาวของเพื่อนสนิทรีบยื่นมือไปจับมือของหญิงสาว



“โรเวน…โรเวนคนนั้นน่ะเหรอ?” เซเลสต์หันไปหาน้องชาย โรเวนไม่รู้ว่าหญิงสาวพูดถึงเรื่องอะไร แต่เมื่อเดเมียนพยักหน้า สิ่งต่อมาที่เขารับรู้คือการที่ตัวเองถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของหญิงสาวที่ตัวสูงแทบจะเท่ากับเขาเมื่อบวกความสูงของส้นรองเท้า ใบหน้าแนบชิดสนิทสนมกับหน้าอกหน้าใจอวบอัดจนแทบหายใจไม่ออก จนกระทั่งเขาถูกกระชากออกมาจากหญิงสาวโดยเดเมียนที่มีสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด



“ขอบใจมากนะที่คอยดูแลเดเมียนมาตลอด ฉันกับพ่อไม่รู้จะตอบแทนเธอยังไง…” เซเลสต์ยิ้ม ไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นของน้องชาย “ถ้าไม่มีเธอ เราจะได้เจอเดเมียนในสภาพแบบไหนก็ไม่รู้”



“เอ่อ…ผมไม่ได้ทำอะไร…” โรเวนพยายามปฏิเสธ แต่เห็นได้ชัดว่าเซเลสต์ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิด



“เธอไม่รู้หรอก…ว่าเธอช่วยพวกเราไว้แค่ไหน”



“เซเลสต์ พี่มีประชุมต่อไม่ใช่เหรอ?”เดเมียนเอ่ยขัด หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าแตกตื่น



“ตายจริง งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้เย็นๆพี่กลับมาช่วย”



แล้วเซเลสต์ก็จ้ำอ้าวจากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับขามา โรเวนมองตามหญิงสาวไปอย่างงุนงง



“ฉันนึกว่านายเป็นลูกคนเดียวซะอีก”


“พี่สาวคนละแม่น่ะ” เดเมียนว่า แววตาที่มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวอ่อนลงพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปาก “เซเลสต์ย้ายมาดูแลบริษัทของพ่อสาขาใกล้ๆนี้ เลยอาสามาดูแลฉัน”



เด็กหนุ่มผมบลอนด์หันกลับมาหาโรเวน ทั้งที่ไม่ได้พบกันมาตั้งเจ็ดปี แต่คนตัวเล็กกว่าค้นพบว่าตัวเองไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าหรือถามคนตรงหน้ามากไปกว่านี้



“วันนี้ฉันว่าง…” โรเวนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ถ้านายอยากได้คนช่วยจัดของ…”



“อื้อ!” คนฟังรีบพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ราวกับกลัวว่าโรเวนจะเปลี่ยนใจขึ้นมากลางคัน


“ให้ตายเถอะ นี่ฉันจินตนาการไอ้ผู้ชายขี้เต๊ะในสูทสั่งตัดเมื่อวานไปเองใช่มั้ย” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนสนิทเบาๆอย่างหมั่นไส้



“นายนี่มันไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด”



เขายังจำได้ดี เด็กชายผมบลอนด์ที่มักจะตามเขาไปทุกที่โดยไม่เคยปริปากบ่นราวกับกลัวว่าจะถูกทิ้งหากทำอะไรให้ไม่
พอใจ ทำให้เขารู้สึกเป็นลูกพี่ใหญ่ที่ปกป้องเด็กตัวกระจ้อยจากโลกอันโหดร้าย



…แม้ว่าเจ้าเด็กตัวกระจ้อยคนนั้นในตอนนี้จะสูงกว่าเขาเกือบฟุตก็ตาม



”วันนั้นฉันต้องเข้าประชุมกับพ่อตอนเช้าน่ะ ใครจะไปคิดว่านายจะจำฉันไม่ได้เลยแบบนั้น” เดเมียนถอนหายใจ ราวกับว่านั่นเป็นความผิดของเขา



“ไม่ใช่ทุกวันหรอกนะที่เพื่อนที่หายหัวไปตั้งเจ็ดปีจะโผล่เข้ามาในที่ทำงานของฉันน่ะ”โรเวนกลอกตา หันไปหาบรรดาลังกระดาษที่วางกองระเกะระกะอยู่เต็มพื้น “มา จะให้ฉันยกอะไรบ้าง”




ตลอดทั้งวัน ดวงตาสีมรกตลอบมองแผ่นหลังของเดเมียนที่ก้มลงยกลังกระดาษกล่องแล้วกล่องเล่า โรเวนไม่มีวันยอมรับออกมา แต่การได้เห็นเดเมียนในตอนนี้ทำให้ม่านหมอกที่ปกคลุมจิตใจของเขามาตลอดหลายปีสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด เขาก็สามารถบอกตัวเองได้ว่าฝันร้ายที่ปลุกเขาขึ้นมานอนร้องไห้หลายต่อหลายคืนนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย



ในความฝัน เดเมียนตกอยู่ในนรกที่มีเพียงไฟบรรลัยกัลป์เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง และสาเหตุที่ทำให้เด็กชายอยู่ในนั้นเป็นเพราะพยายามไม่มากพอ เพราะเขาปกป้องเพื่อนได้ไม่ดีพอ โรเวนทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองอย่างไร้หนทางช่วยเหลือ กรีดร้องขอให้ใครก็ตามที่กักขังเพื่อนของเขาไว้ปล่อยเด็กชายออกมา



“อยากเล่นเกมนี้มั้ย? พ่อฉันได้มาก่อนมันจะวางขายล่ะ” เดเมียนหยิบแผ่นเกมส์ขึ้นมาอวดพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้โรเวน
ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มตาม



“เอาสิ เหลืออีกไม่กี่กล่องแล้วนี่”



ใช่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความกังวลในจิตใจของเขา



เดเมียนได้พบกับครอบครัวที่ดูแลเขาด้วยความรัก และเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มที่มีทุกอย่าเพียบพร้อมตรงหน้า ในตอนนี้เพื่อนของเขามีความสุข และโรเวนก็มีความสุขที่ได้โอกาสที่สองในการเป็นเพื่อนกับเดเมียนอีกครั้ง



ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี…









“โธ่ว้อย! บ้าจริง”




โรเวนสบถ ยืนหอบหายใจมองรถบัสที่เคลื่อนตัวออกไปจากป้ายด้วยความเจ็บใจ เขาไม่ได้อยากไปโรงเรียนสายในวันแรกของการเปิดเทอม แต่เขาก็ไม่คิดที่จะไปโรงเรียนในรถสายตรวจของบิดาให้เป็นที่สนใจของคนรอบข้าง ถึงแม้เขาจะขึ้นมัธยมปลายมาได้สองปีแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้การตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งลดลงแต่อย่างใด




อาจเป็นเพราะรูปร่างผอมบางเก้งก้าง ผิวสีขาวซีด และเส้นผมสีแดงเพลิงยุ่งเหยิงยาวระต้นคอที่เขามักจะรวบไว้เป็นหางม้าลวกๆ หรืออาจเป็นเพราะบุคคลิกที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครของเขา



หรือไม่…ก็อาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าเขาเคยเป็นเพื่อนกับ’เด็กปีศาจ’ที่ทำให้แม่ตัวเองฆ่าตัวตายก็เป็นได้



โรเวนได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครสังเกตว่าผู้อาศัยใหม่ของคฤหาสน์หลังนั้นคือ ‘เด็กปีศาจ’ที่คนในเมืองนำเป็นเรื่องเล่าตำนานสยองขวัญอย่างสนุกปากคนนั้น



“เฮ้ หนุ่มน้อย สนใจติดรถมั้ยจ๊ะ”



เสียงหวานคุ้นหูทำให้โรเวนหันขวับไปทางต้นเสียง เซเลสต์โบกมือให้เขาจากรถเปิดประทุนสีแดงคันหรู ข้างกันนั้น เดเมียนในชุดเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ฟอกยี่ห้อดังกำลังงับแซนด์วิชคำโตเคี้ยวตุ้ยๆ ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องเขารอคำตอบ ที่ข้างขาของเด็กหนุ่มมีประเป๋าเป้แบรนด์เนมวางอยู่บนพื้นรถ ทำเอาคนมองอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงพ่อของเดเมียนทำงานอะไรกันแน่



“คือ…ผมจะไปโรงเรียนน่ะครับ…”



“มัธยมปลายนอร์ธฮิลใช่มั้ย ทางเดียวกันนี่แหละ ฉันก็กำลังจะไปส่งเดเมียนพอดี ขึ้นมาเลยไม่ต้องเกรงใจ” เซเลสต์ว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่โรเวนคิดเอาเองว่าเดเมียนจะเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนราคาแพงอีกแห่งที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนของเขาเสียอีก



“แอดอิ๊ดอั๊ย?” คนอาหารเต็มปากยังมีกะใจจะแบ่งแซนด์วิชที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้เขาหลังจากเด็กหนุ่มร่างโปร่งขึ้นมาบนรถ โรเวนส่ายหน้า มองเพื่อนสนิทสมัยเด็กด้วยความรู้สึกบิดมวนในช่องท้อง



ถ้าหากเขาต้องถูกกลั่นแกล้งเพียงเพราะเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย เขาไม่อยากคิดเลยว่าเหล่าอันธพาลในโรงเรียนของเขาจะคิดอย่างไรกับร่างสูง



ขอให้ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเดเมียนด้วยเถอะ









กลายเป็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แค่สาวสวยอกสะบึมกับรถราคาเหยียบล้านดอลลาห์ก็มากพอที่จะทำให้เพื่อนของเขาถูกผลักขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างง่ายดาย และใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของเด็กหนุ่มก็ทำให้เดเมียนได้เพื่อนใหม่นับไม่ถ้วนในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในรั้วโรงเรียน



“ให้ตายเถอะ กับอีแค่เด็กใหม่หน้าตาดี ทำอย่างกับว่าตัวเองถูกลอตเตอรี่อย่างนั้นแหละ” วิเวียน หนึ่งในเพื่อนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเขากลอกตา พวกเขารีบมาจับจองที่นั่งประจำหลังห้องในมุมมืดอันเป็นที่สิงสถิตประจำตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย แต่ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขา คนอื่นๆในคลาสดูจะไม่รีบร้อนอะไรนัก ทุกคนยังคงรุมล้อมเด็กใหม่ที่แม้จะถูกเด็กหนุ่มสาวจำนวนมากบดบัง ยังคงสามารถมองเห็นเส้นผมสีบลอนด์สว่างได้จากความสูงของอีกฝ่าย



“ใช่ว่าจะมีเนื้อสดถูกโยนมาแถวนี้บ่อยๆซะหน่อย การที่เธอไม่ได้ชอบแบบนั้นก็ไม่ได้หมายว่าคนอื่นจะไม่ชอบนี่” โรเวนไหวไหล่



“ใช่ ถ้าเป็นพี่สาวคนสวยที่มาส่งหมอนั่นก็ว่าไปอย่าง”วิเวียนหัวเราะ ก่อนจะสังเกตเห็นเงาร่างที่ก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ




“ขอโทษนะครับ ผมขอนั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ” เดเมียนเท้ามือลงบนโต๊ะของเด็กสาว วิเวียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ อ้าปากเตรียมพ่นคำหยาบที่กุลสตรีไม่ควรรู้ใส่หน้าเด็กใหม่คนนี้ โรเวนขยับจากเก้าอี้ของตน เตรียมตัวหยุดการทะเลาะเบาะแว้งของเพื่อนทั้งสองเมื่อวิเวียนแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยออกมา ก่อนจะยิ้มหวานให้กับเดเมียน



“ได้สิ ฉันอยากนั่งหน้าอยู่พอดี”



หือ?



ถ้าหากเขาไม่มั่นใจว่าวิเวียนชอบผู้หญิงเกินกว่าจะตกหลุมรักใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากรูปวาดนั้น โรเวนจะไม่รู้สึกประหลาดใจเท่านี้



“คนที่นี่ใจดีจัง” เดเมียนหันมายิ้มให้เขา แต่โรเวนยังคงไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาจากความดีงามในจิตใจของวิเวียน



เขาไม่รู้ว่าตัวเองจมอยู่ในห้วงความคิดนั้นนานแค่ไหนจนกระทั่งมือของเดเมียนสะกิดเขาที่ไหล่



“ฉันยังไม่ได้หนังสือเรียน ขอดูกับนายก่อนได้มั้ย”



“เอ่อ…ได้สิ”



หลังจากเห็นสายตาที่เดเมียนเหลือบมองเขาเป็นระยะ โรเวนตัดสินใจว่าเขาคงคิดมากไปเอง




เล่นทำหน้าทำตาเหมือนลูกหมาขออาหารตลอดเวลาแบบนี้ ต่อให้ไม่ได้ชอบผู้ชายก็ต้องใจอ่อนกันบ้างล่ะ




“เดเมียน นั่งกับพวกเรามั้ย”



“นั่งกับพวกเราดีกว่า”



“เฮ้ ทางนี้ยังว่างอยู่นะ”



โรเวนไม่เคยเห็นโรงอาหารวุ่นวายขนาดนี้มาก่อน เดเมียนประคองถาดอาหารของตนไว้ก่อนจะโดนบรรดาฝูงไฮยีน่าในชุดเชียร์ลีดเดอร์ชนตกพื้น ยังคงยิ้มให้ทุกคนอย่างสุภาพแม้ว่าขายาวๆนั้นจะไม่ยอมหยุดก้าวเดิน และจากทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังตรงมา โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่าจุดหมายของเดเมียนคือที่ไหน



“ฉันนั่งด้วยได้มั้ย?”



“แน่ใจนะว่าไม่อยากนั่งกับพวกเชียร์ลีดเดอร์หรือพวกนักบอลมากกว่าน่ะ”



โรเวนเลิกคิ้ว แต่ร่างสูงที่ผลุบนั่งลงตรงข้ามเขาไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจ พวกเขานั่งกินอาหารของตัวเองในความสงบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แรงกระแทกจากด้านหลังจะทำให้เขาเกือบหน้าทิ่มใส่สปาเก็ตตี้ในถาด



“เฮ้ วู้ดส์ ไม่ได้เจอกันทั้งซัมเมอร์ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ”



“ไง ดีแลน” คนถูกแกล้งเอ่ยเสียงยานคาง ควอเตอร์แบ็คหนุ่มหัวเราะชอบใจ ก่อนจะขยี้ผมเขาแรงๆแล้วเดินจากไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่โรเวนชินกับมัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นต่างหากที่ทำให้เขาและคนทั้งโรงอาหารหันไปมองอย่างตกใจ



“อ๊ากกกกก!!!!”



เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดีแลนล้มลงบนพื้น กุมข้อเท้าขวาของตัวเองพร้อมกับกรีดร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง โรเวนพุ่งไปหาเด็กหนุ่มบนพื้นตามสัญชาตญาณ ข้อเท้าของดีแลนไม่มีรอยแผล แต่กลับบิดรูปในองศาที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถบิดได้ตามธรรมชาติ



“รีบพาเขาไปห้องพยาบาลเร็ว!” เด็กหนุ่มหันไปสั่งเพื่อนร่วมทีมของควอเตอร์แบ็คหนุ่มที่ยังยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างของดีแลนที่ยังคงร้องโอดโอยถูกบรรดาเพื่อนร่างยักษ์พอกันพยุงออกไป โรเวนมองตามไปด้วยสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ตลอดเหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงเคี้ยวตุ้ยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไรมากนะ”



ทั้งที่นั่นควรจะเป็นคำพูดปกติที่เขาไม่ควรเก็บมาใส่ใจ แต่ความเฉยชาในน้ำเสียงของเดเมียนทำให้โรเวนหันกลับไปหาอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าจ้องกลับมาด้วยดวงตาใสแป๋ว และนั่นทำให้โรเวนหันกลับไปสนใจอาหารกลางวันของตนต่อ





คิดมากไปเองละมั้ง…

--------------------

ออฟไลน์ nasa_risa

  • ไว้มีแล้วจะบอก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องแดเนียลลลลลลล หนูมาจากไหนลูกก :ruready

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่าติดตามสนุกๆ มาต่อไวๆ น๊า

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เอ็นดูเดเมียนทำตาแป๋วใส่โรเวน โรเวนก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเดเมียนเป็นคนร้ายๆ
 :pig4:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
 Chapter 2: In which the Woods family are all together.




โรเวนติดรถของเซเลสต์กลับบ้านหลังจากเลิกเรียนอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาขึ้นรถบัสกลับบ้านไม่ทัน แต่เป็นเพราะเดเมียนรบเร้าให้เขาอยู่รอพี่สาวเป็นเพื่อนด้วยแววตาลูกหมาถูกทิ้งนั้น



“โรเวน นายคิดอะไรอยู่หรือ?” เดเมียนเอียงคอถามเมื่อเห็นเขานั่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดทาง โรเวนส่ายหน้า



“แค่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อเท้าของดีแลน นายว่ามันไม่แปลกหรือที่จู่ๆข้อเท้าของหมอนั่นก็หักบิดขนาดนั้น”



“คงสะดุดผิดท่าล่ะมั้ง”



ร่างสูงไหวไหล่ กระโดดลงจากรถของพี่สาวตามหลังโรเวนที่เปิดประตูก้าวลงมา แม้จะรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยที่เห็นเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายร่างสูงใหญ่ออดอ้อนขอพี่สาวมา ‘เล่น’ ที่บ้านเขา แต่โรเวนต้องยอมรับว่าท่าทีที่คุ้นเคยทำให้เขาเชื่อมโยงเพื่อนสนิทในความทรงจำเข้ากับคนแปลกหน้าที่เดินตามเขาต้อยๆในตอนนี้



“นาย…เปลี่ยนไปมากนะ”



คนถูกทักจ้องเขาตาแป๋วราวกับจะบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เด็กหนุ่มผมแดงเปิดประตูบ้านให้เพื่อนสนิท สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือมารดาของเขาในชุดผ้ากันเปื้อนที่โผล่หน้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงประตู



“คุ้กกี้บนตะแกรงยังร้อนอยู่ อย่าเพิ่งกินนะจ๊ะ… เอ๊ะ หนุ่มน้อยรูปหล่อนี่ใครกัน โรเวน”


“จำที่แม่บอกว่ามีคนย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังบ้านเราได้มั้ยครับ?”



“อ๋อ ยินดีต้อนรับจ้ะหนุ่มน้อย ฉันชื่อซาราห์ เรียกน้าซาราห์ก็ได้นะจ๊ะ” หญิงสาวเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนของตัวเองแล้วก้าวมาหาพวกเขา โรเวนเกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับมารดาอย่างไร



“แม่ครับ…บ้านหลังนั้นไม่มีเจ้าของใหม่ เดเมียนแค่…ย้ายกลับมาบ้านเดิมของตัวเอง”



มือของหญิงสาวที่ยื่นให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ชะงักค้าง เดเมียนยิ้มให้หญิงสาวที่ตัวแข็งทื่อไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนที่ซาราห์จะโถมเข้ากอดเด็กหนุ่มร่างสูงจนคนตัวใหญ่กว่าถึงกับเซวูบ เดเมียนตัวแข็งทื่อ แม้จะไม่กอดตอบแต่ก็ไม่ได้สะบัด
หญิงสาวออกแต่อย่างใด



“โอ เดเมียน น้าคิดถึงเธอเหลือเกิน” หญิงสาวซุกหน้ากับไหล่กว้าง “น้าสวดภาวนาให้เธอทุกคืน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธออีก”




“ผมก็คิดถึงน้าเหมือนกันครับ” เดเมียนพึมพำตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แขนทั้งสองข้างแนบข้างลำตัว ไม่ยอมโอบกอดมารดาของเพื่อนสนิทตอบ



ซึ่งเป็นสิ่งที่โรเวนเห็นเป็นประจำในความทรงจำวัยเด็กของตัวเอง



เด็กหนุ่มเดินนำคนตัวสูงกว่าที่ต้องคอยก้มหลบขอบประตูขึ้นไปบนห้อง มารดาของเขายืนกรานว่าถึงอย่างไรก็จะให้เดเมียนร่วมโต๊ะอาหารเย็น ซึ่งแขกของบ้านนั้นยิ่งกว่าเต็มใจที่จะอยู่



“ห้องนายเปลี่ยนไปเยอะเลย…”นั่นคือสิ่งแรกที่ร่างสูงทัก โรเวนทรุดตัวลงบนเตียง ดวงตาสีเขียวสว่างไล่ตามร่างที่เดินสำรวจห้องนอนเล็กๆของเขาอย่างตื่นเต้น



“ก็ฉันไม่ใช่เด็กเจ็ดขวบแล้วนี่”



“นั่นสินะ…” เดเมียนพึมพำ หันกลับมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เหล่าเชียร์ลีดเดอร์ทีมโรงเรียนเข่าอ่อนเพียงได้เหลือบมอง “ฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน”




โรเวนถือเอาสิ่งนั้นเป็นคำตอบของสิ่งที่เขาทักอีกฝ่ายก่อนหน้านี้



‘นาย…เปลี่ยนไปมากนะ’




หากเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่คนกระดูกหักเลย ต่อให้มีนกตกลงมาตายในสวน เดเมียนก็มักจะร้องไห้สะอึกสะอื้น พึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่าตนเป็นคนฆ่า หรือแม้กระทั่งน้องสาวของเขาที่ซุ่มซ่ามหกล้มจนเข่าถลอกตามประสาเด็กก็ยังสามารถทำให้เดเมียนกล่าวขอโทษเด็กหญิงน้ำตานองหน้า ทั้งที่ตนอยู่ห่างออกไปอีกมุมห้องตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้น




สำหรับเดเมียน เด็กชายมักจะคิดว่าเรื่องเลวร้ายทุกอย่างในรัศมีการมองเห็นเกิดขึ้นเพราะตัวเอง




เด็กชายปฏิเสธที่จะลูบขนสุนัขที่พวกเขาเลี้ยงไว้ ไม่เคยจับมือใคร และมีสีหน้าเหมือนเห็นผีทุกครั้งที่ถูกมารดาของเขากอด
สิ่งเดียวที่เดเมียนยอมสัมผัสคือเขา และนั่นเกิดขึ้นหลังจากโรเวนพิสูจน์ให้อีกฝ่ายเห็นหลายต่อหลายครั้งว่าตนยังคงแข็งแรงดีหลังจากถูก’สัมผัมมรณะ’จากเด็กชายผมบลอนด์




นั่นสินะ…เวลาผ่านไป คนจะเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร



“แต่นายก็ยังไม่ยอมให้แม่ฉันกอดอยู่ดีนี่” โรเวนเลิกคิ้ว



“จะให้เปลี่ยนหมดคงยาก” เดเมียนไหวไหล่ ก่อนจะกระโดดแผล็วขึ้นมาบนเตียงเดี่ยวเล็กๆของเขาโดยไม่ได้สนใจขนาดของตัวเอง เล่นเอาเจ้าไม้อัดประกอบโครงเตียงส่งเสียงประท้วงลั่น “แต่ถ้าเป็นนาย ฉันกอดก็ได้นะ”



“เหอะ ต่างจากเมื่อก่อนตรงไหน” โรเวนกลอกตา ดูเหมือนว่าในหัวของเดเมียน เขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่อีกฝ่ายสามารถสัมผัสได้โดยที่ยังมีชีวิตปกติสุข แม้ในครั้งแรกที่อีกฝ่ายเผลอจับตัวเขา เดเมียนจะร้องไห้จ้าออกมาจนเขาตกใจก็ตาม



“ต่างสิ…” เด็กหนุ่มผมบลอนด์ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของอีกฝ่ายไม่เคยละไปจากใบหน้าของเขา “ต่างมากด้วย”




“ลงไปนั่งพื้น นายจะทำเตียงฉันพังแล้ว” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนสนิทอย่างไม่จริงจัง เขารู้ว่าเด็กวัยรุ่นชายสองคนไม่ควรสนิทกันอย่างที่พวกเขาเป็น แต่ภาพของเดเมียนในหัวของเขายังคงหยุดอยู่ที่เด็กชายขี้แยวัยสิบขวบที่มีเพียงเขาเป็นเพื่อนคนเดียวบนโลก



เดเมียนไถตัวลงไปนั่งบนพื้นอย่างว่าง่าย เอนตัวพิงกับข้างเตียงของเขา เงยหน้ามองเพดานห้องขณะที่โรเวนหยิบคอมพิวเตอร์มาวางบนตัก เดเมียนมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาบ้านของเขา พอใจแค่ได้นั่งบนพื้นมองโรเวนทำกิจวัตรต่างๆ เด็กชายผมบลอนด์คนนั้นยอมทำทุกอย่างเพียงแค่ได้อยู่นอกบ้านของตัวเองนานขึ้นสักวินาที



“นี่…” เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “…นายโอเคที่จะอยู่บ้านหลังนั้นจริงๆเหรอ”



เดเมียนไหวไหล่ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำถาม แต่ก่อนที่โรเวนจะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูและเสียงแหลมเล็กของน้องสาวของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน



“พี่โรเวน! อาหารเย็นเสร็จแล้ว!”



“นั่นคงเป็นโรซี่สินะ” เดเมียนทักแล้วลุกขึ้นจากพื้นแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยขบ “ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ยังฟันหน้ายังหลอทั้งสอง
ซี่…”



“อย่าพูดให้ยัยนั่นได้ยินเชียวนะ” โรเวนเตือน น้องสาวเขาที่เคยโดนล้อเรื่องฟันน้ำนมที่หลุดพร้อมกันสองซี่ต่อยหน้าเพื่อนร่วมชั้นไปหลายคนจนพ่อกับแม่เขาถูกเรียกเข้าห้องปกครองและถูกพักการเรียนไปหลายครั้ง โรซี่ หรือ โรส น้องสาวของเขาตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นร่างสูงที่เดินตามหลังเขาออกมาจากห้องนอน เดเมียนยิ้มให้เด็กหญิงอย่างเป็นมิตร ซึ่งส่งผลให้พวงแก้มของเด็กหญิงนั้นเปลี่ยนสีจนแทบกลืนไปกับสีผม



พวกเขาลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับเสียงปิดประตูหน้าบ้าน แสดงถึงการกลับมาของหัวหน้าครอบครัว



โทมัส พ่อของเขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ อาชีพที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดทำให้กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ชายหนุ่มกำลังถอดออกแขวนดันให้ดูใหญ่ขึ้นไปอีก โทมัสฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเดเมียน ดูท่าว่าแม่ของเขาคงจะโทรไปบอกข่าวการกลับมาของเด็กหนุ่มแล้ว



“เดเมียน มานี่ซิไอ้ลูกชาย”



เด็กหนุ่มร่างสูงท่วมศีรษะโรเวนที่แม้จะไม่ได้มีมัดกล้ามน่าเกรงขามเหมือนบิดาของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนผอมเก้งก้างถูกอุ้มจนตัวลอย สีหน้าเหวอรับประทานของอีกฝ่ายทำให้โรเวนหลุดยิ้มออกมาอย่างขบขัน



เดเมียนอาจไม่เคยรับรู้ แต่การจากไปของเด็กหนุ่มเมื่อเจ็ดปีก่อนไม่ได้เพียงทิ้งบาดแผลไว้ในความทรงจำของโรเวน แต่เป็นทั้งครอบครัวของเขาที่สูญเสียบางอย่างไปในวันนั้น



และการกลับมาของเดเมียนดูเหมือนจะเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นอย่างง่ายดาย



“คุณคะ พอเถอะ เดี๋ยวเดเมียนขาดอากาศหายใจตายพอดี”



ซาราห์ปรามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เดเมียนที่ถูกปล่อยเป็นอิสระในที่สุดเซวูบ ก่อนจะตั้งหลักยืนได้อีกครั้งแล้วส่งยิ้มให้กับชาวหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวแทนของบิดาที่เขาไม่เคยรู้จัก



“สวัสดีครับ น้าเนธาน”



“โตเป็นหนุ่มหล่อเชียวนะ สอนเจ้าโรเวนบ้างสิ จะได้มีสาวกับเขาบ้าง” เนธานหยอกเสียงกลั้วหัวเราะ โรเวนเพียงแค่กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ใช่สิ เขาไม่ได้มีกล้ามเป็นลูกโบว์ลิ่งเหมือนสิงคนนี้นี่




“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากมีคู่แข่ง” เดเมียนยิ้ม



เหอะ…คนอย่างเขา ตายแล้วเกิดใหม่ยังไม่ได้แข่งในสนามเดียวกับเจ้ายีราฟติดสเตียรอยด์นี่เลย



“ไว้ไปคุยต่อที่โต๊ะอาหารดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวเดเมียนจะกลับบ้านค่ำเอา” ซาราห์ทักเมื่อเห็นคนในบ้านไม่มีท่าทีจะขยับ ชายทั้ง
สามเดินตามมารดาของโรเวนไปที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย แม้ว่าบทสนทนาระหว่างเนธานกับเดเมียนจะไม่เคยหยุดลงก็ตาม



“โรซี่ จำพี่เดเมียนได้มั้ย ที่เล่นตุ๊กตากับลูกตอนเด็กๆ…”



“พ่อคะ!!” เด็กหญิงร้องเสียงสูง พวงแก้มใสแดงก่ำด้วยความอับอาย โรเวนยิ้มขำเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่พวกเขารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องสาวตัวน้อยที่ชื่นชอบปาร์ตี้น้ำชากับตุ๊กตาของตนเป็นชีวิตจิตใจ เดเมียนในตอนนั้นก็ดูมีความสุขกับการสวมบทบาทเป็นลูกค้าร้านน้ำชาที่รายล้อมไปด้วยสิงห์สาราสัตว์เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะมาก



…อย่างน้อยก็จนกระทั่งโรซี่ถูกขอบโต๊ะของเล่นของตนบาดเป็นแผล ซึ่งทำให้เดเมียนกลับสู่โหมดทำลายตัวเองร้องไห้จ้ายิ่งกว่าคนโดน เล่นเอาคนเจ็บอย่างโรซี่ไม่กล้าร้องไห้เลยทีเดียว



“โตแล้วน่ารักเหมือนโรเวนเลย” เดเมียนชมด้วยสีหน้าจริงใจ แต่คำชมของอีกฝ่ายนั้นดูคล้ายคลึงกับคำด่ามากกว่าในสายตาของพี่ชายคนโต



“เดเมียน เจ็ดปีมานี้เป็นยังไงบ้าง เล่าให้น้าฟังได้มั้ย น้าอยากรู้ทุกอย่างเลย” ซาราห์ถามหลังจากพวกเขาสวดภาวนาก่อนมื้ออาหารเสร็จ



“ก็…ดีครับ พ่อผมทำธุรกิจระหว่างประเทศ ต้องเดินทางบ่อยๆ พ่อจ้างครูมาสอนผมที่บ้าน ผมอยู่กับพี่สาวคนละแม่ จนถึงปีนี้ที่พ่อให้ผมตัดสินใจว่าอยากเรียนต่อที่ไหน…” โรเวนรู้สึกถึงสายตาของเดเมียนที่เหลือบมองมาที่เขา “…ผมเลยขอกลับมาที่นี่ พี่สาวผมทำงานอยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้เลยอาสาเป็นผู้ปกครองให้”



“อย่าหาว่าน้าก้าวก่ายเลยนะจ๊ะ…” ซาราห์เอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ทำไมถึงได้อยากกลับมาที่นี่ล่ะ”



“แม่ครับ…” โรเวนปราม แต่คนถูกถามยิ้มอย่างไม่ถือสา



“ชีวิตของผมอยู่ที่นี่…” เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกถึงสายตาของเดเมียนที่จับจ้องอย่างไม่วางตา “ต่อให้ความทรงจำบางเรื่องจะเลวร้ายแค่ไหน ที่นี่ก็ยังมีสิ่งที่ผมอยากกลับมาหา…”



“อุปสรรคทำให้เราเข้มแข็งขึ้น น้าดีใจนะที่เธอคิดแบบนั้น” ซาราห์เอ่ยเสียงเบา ดวงตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับลูกทุกคนฉายแววอ่อนลงเมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เดเมียน”



“ผมก็ดีใจครับที่ได้กลับมา”



เดเมียนยิ้ม ถึงแม้บรรยากาศในตอนนี้ควรจะดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข แต่อะไรบางอย่างในภาพอันสมบูรณ์แบบนี้ดูผิดที่ผิดทางในความคิดของโรเวน แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ความอยากอาหารของเขาหมดลงแม้ว่าบนโต๊ะจะเป็นอาหารจานโปรดของตัวเองก็ตาม








“แม่ครับ…แม่!!”



“อย่าเข้าไปนะเดเมียน!!”



“แม่ครับ!!!”




“เดเมียน!!”



โรเวนผุดลุกขึ้นจากเตียง หอบหายใจอย่างรุนแรงจนตัวโยน เหงื่อกาฬที่เปียกชุ่มชุดนอนตัวบางของตนรวมไปถึงผ้าปูที่นอน เด็กหนุ่มกระชากเสื้อนอนออกแล้วโยนลงบนพื้นแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างหงุดหงิด



มันเป็นแค่ฝัน…โรเวน มันเป็นแค่ฝัน…



เขาต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ให้ได้ก่อนที่ความฝันนี้จะจุดประกายให้อาการต่างๆของเขากลับมาอีกครั้ง และจบด้วยการกินยาต่อเนื่องห้าถึงสิบปีตามคำเตือนของจิตแพทย์ในวันที่อีกฝ่ายหยุดสั่งยาให้เขา



โรเวนหันไปทางหน้าต่างห้อง คาดว่าจะได้เห็นหน้าต่างห้องนอนของเพื่อนสนิทสมัยเด็กมืดสนิทอย่างที่ควรเป็นในยามวิกาล แต่แสงสลัวสีส้มที่ลอดผ่านผ้าม่านออกมาทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ขยับเข้าไปใกล้หน้าต่างห้องของตัวเองอย่างประหลาดใจ
แสงสีส้มที่เขาเห็นเมื่อครู่ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดราวกับภาพเมื่อครู่เป็นเพียงสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดขึ้นเอง แต่ก่อนที่โรเวนจะไปถึงข้อสรุปนั้น ผ้าม่านสีทึบของห้องนอนเดเมียนก็ถูกกระชากเปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของห้องในสภาพที่ไม่ได้ดีไปกว่าคนมองนัก เดเมียนเปิดหน้าต่างออกรับลมหนาวทั้งที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ดวงตาสีซีดเรืองแสงในเงามืดแบบที่คนที่ยืนดูจากบ้านอีกหลังที่อยู่ห่างออกไปพอสมควรไม่ควรสังเกตเห็น



โรเวนรีบก้มหลบลงใต้หน้าต่างห้องเมื่อดวงตาคู่นั้นตวัดมาทางเขาราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกจับตามอง ให้เหตุผลกับตัวเองว่าฝันร้ายเมื่อครู่ทำให้ตนเห็นอะไรผิดแปลกไปจากความเป็นจริง



เมื่อเด็กหนุ่มยืนขึ้นอีกครั้งหน้าต่างห้องนอนของเดเมียนและผ้าม่านถูกปิดสนิทราวกับว่าภาพเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ



ก่อนที่เขาจะได้สงสัยการทำงานของสารเคมีในสมองของตนมากไปกว่านี้ โรเวนตัดสินใจกลับไปยังเตียงของตน ฝืนข่มเปลือกตาปิดและภาวนาให้ห้วงนิทรากลับมาหาเขาก่อนที่เสียงนาฬิกาปลุกจะดัง





------------


. :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เดเมียนหวงเพื่อนมาก
โรเวนเตรียมตัวเลยจ้ะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 3: In which the Alfa rises.




ในวันที่สองการเปิดเทอม โรเวนมายืนรอที่หน้าป้ายรถก่อนรถโรงเรียนจะมาถึงเกือบห้านาที



ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจว่าเดเมียนที่เขาเห็นเป็นเพียงการเล่นตลกของสมองของเขาหรือไม่ แต่ในกรณีที่เขาไม่ได้ฝันไปเอง โรเวนไม่อยากต้องอาศัยรถของเซเลสต์เหมือนเมื่อวานและถูกคนช่างสงสัยตั้งคำถาม



ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าเดเมียนตื่นมาทำอะไรตอนกลางดึกเช่นกันก็ตาม



บางที…บาดแผลในใจของโรเวนในวันนั้น อาจจะเป็นเพียงแผลถลอกเล็กๆเมื่อเทียบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กของตนก็ได้



“เฮ้ วู้ดส์ ฉันกับนายมีคาบประวัติศาสตร์ด้วยกันวันนี้ใช่มั้ย?”




ท่อนแขนสีน้ำผึ้งอุดมไปด้วยมัดกล้ามคล้องคอเขาอย่างสนิทสนมขณะที่โรเวนกำลังหยิบหนังสือเรียนของตนออกจากล็อกเกอร์ เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า รู้ดีว่าเจ้าของท่อนแขนในแจ็คแกตทีมฟุตบอลโรงเรียนและน้ำเสียงทุ้มต่ำติดอันดับหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งในคอลัมน์วารสารโรงเรียนคือใคร




“ใช่ น่าเสียดายชะมัด ฉันอุตส่าห์คิดว่าสลัดนายหลุดทั้งเทอมแล้วแท้ๆ”



“ใจร้าย ฉันจะฟ้องพ่อนาย คอยดู” มาร์คัส แอนเดอร์สัน ลูกชายคนเดียวของนายอำเภอและหัวหน้าของพ่อเขาแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด โรเวนกลอกตา ถ้าหากเป็นคนอื่นเขาอาจไม่คิดใส่ใจจะต่อบทสนทนาด้วย แต่มาร์คัสเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่แม้แต่คนใจร้ายกว่าโรเวนยังไม่สามารถทำใจแข็งกับอีกฝ่ายได้ ทั้งหน้าตา ฐานะ การเรียน และความสามารถทางด้านกีฬา ไม่ต้องพูดถึงงานอดิเรกอย่างการเล่นกีต้าร์และฝีมือด้านศิลปะระดับเกรดเอของมาร์คัสควรจะทำให้หมอนี่เป็นที่น่าหมั่นไส้ในหมู่นักเรียนชาย แต่ด้วยบุคลิกจริงใจและพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการนั้นทำให้มาร์คัสเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่นอกห่วงโซ่อาหารในโรงเรียนแห่งนี้




เหมือนเห็ดพิษสีสันสดใสที่สัตว์ทุกตัวรู้ดีเกินกว่าจะเผลอกินเข้าไป อย่างมากก็ทำได้เพียงยืนจ้องสีสันแปลกตานั้นแล้วเดินจากไป



“คือ…จริงๆแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย…” มาร์คัสขยับขวางไม่ให้โรเวนก้าวไปไหน เด็กหนุ่มผมแดงเลิกคิ้ว



“ถ้านายจะสารภาพรักกับฉัน บอกไว้ก่อนว่าฉันรับแค่ในรูปแบบจดหมายทางการ แล้วจะติดต่อไปภายในสามเดือน…”



“ทำอะไรกันน่ะ”



โรเวนสะดุ้งอย่างตกใจกับเสียงของเดเมียนที่ดังขึ้นข้างกายทั้งที่เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มผมบลอนด์วางมือบนต้นแขนของเขา แทรกกายเข้ามายืนคั่นระหว่างโรเวนกับมาร์คัส ดวงตาสีซีดหรี่ลงจ้องนักฟุตบอลโรงเรียนอย่างไม่ไว้ใจ




จริงสิ… เดเมียนเพิ่งเห็นเขาโดนพวกนักฟุตบอลแกล้งเมื่อวานนี่นะ



“เดเมียน ไม่เป็นไร นี่มาร์คัส เพื่อนฉัน มาร์คัส นายคงรู้จักเดเมียนแล้วใช่มั้ย”



โรเวนดึงเพื่อนสนิทให้ห่างออกมาจากมาร์คัสก่อนจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น เดเมียนไล่สายตาขึ้นลงมองเด็กหนุ่มผิวเข้ม คิ้วคมยังคงขมวดมุ่นอย่างไม่วางใจ



แม้จะไม่ชอบที่ถูกปฏิบัติด้วยเหมือนเขาเป็นคนอ่อนแอ ต้องการการปกป้อง แต่โรเวนต้องยอมรับว่าตนรู้สึกประหลาดใจมากกว่าโกรธ นี่เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเดเมียนจากเด็กชายที่เอาแต่หลบอยู่หลังเขาเมื่อก่อน



“ใครจะไม่รู้จักเจ้าชายรูปงามในราชรถราคาหลายล้านล่ะ พวกชมรมหนังสือพิมพ์แทบจะฆ่ากันเพื่อเป็นตัวแทนทำสกู๊ปของนาย” มาร์คัสเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ฉีกยิ้มให้เดเมียนที่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเขา “อันที่จริง ฉันอยากจะคุยกับโรเวนเรื่องของนายนั่นแหละ เดเมียน”



“เรื่องของฉัน?”



เดเมียนหันกลับมาหาโรเวนอย่างประหลาดใจ ซึ่งเด็กหนุ่มผมแดงเพียงแต่ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่มาร์คัสต้องการจะพูดกับเขาคืออะไรเช่นกัน



“ดีแลนลงแข่งไม่ได้ทั้งซีซั่นนี้ กระดูกข้อเท้าหมอนั่นแตกละเอียด ดีไม่ดีอาจจะเล่นฟุตบอลไม่ได้อีกตลอดชีวิต” โรเวนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ฟังดูเหมือนข้อเท้าของดีแลนถูกรถวิ่งทับมากกว่าหกล้มในโรงอาหารเสียอีก “เรามีตัวสำรองอยู่ก็จริง แต่โค้ชอยากได้คนเพิ่มเผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก รูปร่างแบบนายน่าจะเหมาะกับกีฬาที่ต้องใช้ทั้งกำลังและความเร็วแบบนี้ ฉันเลยอยากลองชวนนายไปคัดตัวเข้าทีม…”



“แล้วนายจะได้อะไร”



“หืม?” ถึงคราวมาร์คัสแสดงสีหน้าสับสนบ้าง โรเวนหันไปมองเดเมียนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน




“นายจะได้อะไรจากการมาบอกฉัน” เดเมียนขยายความ ขยับเข้าไปใกล้มาร์คัสแต่โรเวนรั้งแขนไว้ด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่อง ดวงตาสีซีดจับจ้องดวงตาสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มผิวเข้มที่จ้องตอบอย่างไม่กลัวเกรง“ไม่มีใครทำอะไรฟรีๆบนโลกนี้ บอกความจริงมา นายจะได้อะไร”



“ได้เพื่อนร่วมทีมที่มีความสามารถ โรเวนเป็นเพื่อนฉัน ฉันแค่อยากทำอะไรดีๆให้เขา”



แม้นั่นจะเป็นคำตอบที่จริงใจและน่าชื่นชม สีหน้าของมาร์คัสบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนั้นออกมา แม้จะยังดูไม่สบอารมณ์ แต่ท่าทีของเดเมียนดูอ่อนลงมาหลังจากได้ยินคำตอบ



“ขอบใจ…ฉันจะลองคิดดู”



“ฉะ…ฉันไปก่อนนะ” มาร์คัสก้าวถอยจากพวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนเห็นผี แล้วหมุนตัวก้าวหนีพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว



“อะไรของหมอนั่น?” โรเวนบ่นพึมพำ หันไปหาเพื่อนสมัยเด็กที่มองตามคนที่แทบจะวิ่งจากไปจนลับสายตา “แล้วเมื่อกี้มันอะไรกัน? ทำไมนายถึงพูดกับมาร์คัสแบบนั้น…”



“ในที่ที่ฉันจากมา ไม่มีใครทำอะไรแค่เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี ทุกคนมีผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการทั้งนั้น…” เดเมียนสะบัดศีรษะเบาๆ ขยับยิ้มฝืดเคืองให้กับโรเวนด้วยแววตาเศร้าหมอง “ขอโทษนะ บางทีฉันอาจจะต้องปรับตัวกับที่นี่มากกว่าที่คิด”



ดูท่า…เจ็ดปีที่ผ่านมาของเดเมียนจะไม่ได้เหมือนเทพนิยายอย่างโรเวนคิดเสียทีเดียว



“แล้วตกลงนายจะไปมั้ย?” เด็กหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเรื่อง ปิดประตูล็อกเกอร์แล้วเดินนำเดเมียนไปยังห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ เขาไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องเปิดใจพูดถึงปัญหา และเขาไม่คิดว่าตัวเองจะเก่งขึ้นมาทันทีในตอนนี้




“นายคิดว่าฉันควรไปมั้ย?” เดเมียนถามย้อนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ซึ่งโรเวนไม่เข้าใจที่มาที่ไปของความกังวลนั้นเท่าไหร่นัก



“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”



“ก็นายไม่ชอบคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” เดเมียนขมวดคิ้ว “ถ้าฉันไปคัดตัวเข้าทีม…นายอาจจะ…”



โรเวนถอนหายใจ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับความคิดนั้นเอามากๆ บางทีการให้เดเมียนได้เจอเพื่อนใหม่บ้างอาจจะเป็นเรื่องดีกับความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ได้




“ฉันไม่เกลียดนายด้วยเรื่องแบบนั้นหรอกน่า” มือเรียวเอื้อมไปขยี้กลุ่มผมสีบลอนด์เป็นลอนนุ่มอย่างเอ็นดู ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สลัดความรู้สึกอยากปกป้องคนตรงหน้าไม่ได้เสียที




ดูจากรอยยิ้มสดใสและร่างสูงที่โอนอ่อนเข้าหาสัมผัสของเขาอย่างเคยชิน ดูเหมือนโรเวนจะไม่ใช่คนเดียวที่ยังยึดติดอยู่กับภาพอดีตในวัยเยาว์



ซู่!!!!



ร่างสูงดึงเขาไปด้านหลังตัวเองก่อนที่กาแฟเย็นแก้วใหญ่จะถูกสาดเข้าเต็มใบหน้าคม



“ฮ่าๆๆ โทษที คงปิดฝาไม่แน่นน่ะ” เคเลบ จอร์แดน หนึ่งในหัวโจกของโรงเรียนหัวเราะ ในมือยังคงถือแก้วกาแฟเย็นที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินผ่านพวกเขาไปด้วยสีหน้าไม่สำนึกผิด เดเมียนมองตามร่างสูงในชุดทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วยสายตาที่โรเวนไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล




“เป็นอะไรมั้ย?”




“ฉันมากกว่ามั้งที่ต้องถามนาย เปียกหมดแล้วเนี่ย” คนตัวเล็กกว่าว่า เดเมียนกระตุกยิ้ม ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่เปียกลู่ลงปรกใบหน้าให้พ้นทาง หยดน้ำที่ยังคงเกาะอยู่ตามเรือนผมและใบหน้าคมทอประกายล้อแสงไฟทางเดิน



ตึกๆ…ตึกๆ…



โรเวนกระพริบตาปริบๆอย่างประหลาดใจกับก้อนเนื้อในอกที่เต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น



เมื่อกี้…



“ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน เจอกันในห้องนะ”



“เอ่อ…อื้ม” เด็กหนุ่มผมแดงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันกลับไปยังห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่ตนตั้งใจจะก้าวเข้าไปเมื่อครู่
โอเค เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ตอนนี้คาบเรียนที่กำลังจะเริ่มเป็นสิ่งที่เขาควรให้ความสนใจมากกว่า









“โอ วู้ดส์ ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีชีวิตอยู่นานพอที่จะได้เห็นนายหนักอกหนักใจเรื่องผู้ชายแบบนี้” วิเวียนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
หลังจากที่โรเวนรวบรวมความกล้ามากพอจะเล่าให้อีกฝ่ายฟัง เด็กหนุ่มผมแดงถอนหายใจ นึกเสียใจที่เลือกคุยกับเด็กสาวในช่วงพักกลางวัน โรงอาหารในวันนี้ดูโล่งเป็นพิเศษเนื่องจากนักกีฬาทีมฟุตบอลถูกเรียกประชุมด่วนที่โรงยิม “ไม่ต้องตกใจหรอกน่า เท่าที่ฟังมันก็ไม่ได้ดูเป็นเรื่องผิดปกติอะไรนี่”




“ฉันเพิ่งใจเต้นผิดจังหวะเพราะเห็นผู้ชายสะบัดน้ำจากผม อะไรในประโยคนั้นที่ปกติสำหรับเธอ?” โรเวนถามด้วยน้ำเสียง
หงุดหงิดใจ เขาไม่ได้ชอบความรู้สึกนี้ แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากกว่าคือการไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกอะไร



“วู้ดส์ ฉันเดทผู้หญิงอย่างเดียวมาตั้งแต่เข้าช่วงวัยรุ่น แต่ขนาดฉันยังคิดว่าหมอนั่นแผ่ความร้อนออกมามากกว่ากัมมันตภาพรังสีเลย”วิเวียนกลอกตา “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้ของนายรึเปล่า แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนมัน
จะเป็นแค่ปฏิกิริยาทางร่างกาย แค่สมองนายเพิ่งรับรู้ว่าจ่าฝูงตัวจริงเป็นใครก็เท่านั้น”



“จ่าฝูง?”



“อัลฟ่าน่ะ รู้จักมั้ย?” เด็กสาวกระตุกยิ้มมุมปาก “เหมือนที่ก่อนหน้านี้อัลฟ่าของโรงเรียนคือมาร์คัส ไม่ว่าใครก็คิดว่าหมอนั่นคือจ่าฝูง แต่เดเมียน...หมอนั่นอยู่คนละระบบห่วงโซ่อาหารกับเรา ถ้าจะให้เทียบสองคนนั้นเหมือนเปรียบเทียบประภาคารกับซูเปอร์โนวา มาร์คัสไม่มีโอกาสแข่งกับเดเมียนด้วยซ้ำ”




“มันจะโอเวอร์เกินไปหน่อยรึเปล่า” โรเวนเลิกคิ้ว



“…. ฉันว่านั่นน่าจะตอบคำถามของนายได้นะ”




ดวงตาของวิเวียนเบิกกว้าง เด็กสาวพยักเพยิดไปยังบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังของเขา โรเวนขมวดคิ้ว หันไปตามทิศทางที่เพื่อนของเขาและดูเหมือนทั้งโรงอาหารจะกำลังหันไปมอง




โอเค เขาต้องยอมรับว่าวิเวียนพูดถูกหนึ่งเรื่อง




ราวกับฉากที่เห็นได้ทั่วไปในภาพยนตร์วัยรุ่นหลายเรื่อง เด็กหนุ่มร่างสูงในหัวข้อสนทนาก้าวเข้ามาในโรงอาหาร เสื้อแจ็คเก็ตทีมฟุตบอลโรงเรียนถูกสวมทับเสื้อยืดสีเข้มที่ถูกเปลี่ยนหลังจากโดนสาดกาแฟใส่เมื่อเช้าไม่ได้ทำให้เดเมียนดูกลมกลืนไปกับเพื่อนร่วมทีมที่ใส่เสื้อแบบเดียวกัน ตรงข้าม เด็กหนุ่มกลับดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มนักฟุตบอลโรงเรียนกลุ่มใหญ่ที่เดินตามเข้ามาราวกับมีแสงสปอตไลท์ส่วนตัวติดตามตนเข้ามา




“เสื้อฉันมีอะไรติดอยู่รึเปล่า? ทำไมถึงมีแต่คนมองฉันทั้งโรงอาหารเลย” เดเมียนทรุดตัวลงนั่งข้างโรเวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล หันหลังให้เด็กหนุ่มผมแดงช่วยดูว่ามีใครแกล้งเอาอะไรมาติดบนเสื้อของตนหรือไม่ โรเวนส่ายหน้า ยังคงไม่เชื่อใจตัวเองมากพอที่จะอ้าปากพูดอะไรออกมาในตอนนี้




นอกจากดวงตาที่ยังคงไม่สามารถสลัดภาพเดเมียนสะบัดน้ำจากผมเหมือนนายแบบโฆษณาแชมพูออกไปจากหัวจะมีภาพสโลโมชั่นของเด็กหนุ่มเดินตรงมาหาเขาเพิ่มเข้ามาในคอลเล็กชั่นแล้ว กลิ่นหอมจากคนข้างๆที่ลอยมาแตะจมูกเมื่ออยู่ใกล้กันยิ่งทำให้ประสาทสั่งการของโรเวนปิดการใช้งานชั่วคราว




กลิ่นที่เหมือนกับดินหลังฝนตกผสมกับกลิ่นสมุนไพรที่เขาไม่รู้จักกำลังทำให้โรเวนรู้สึกหัวเบาหวิวในทางที่ดี เขาไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร แต่เขารู้ว่าเขาไม่ได้เกลียดมัน




“เมื่อกี้ฉันไปลงชื่อคัดตัวเข้าทีมแล้วเจอโค้ช เขาให้ฉันลองคัดตัวที่สนามแล้วให้ฉันเข้าทีมเฉยเลย” เดเมียนเล่า แกะห่อแซนด์วิชของตนอย่างทุลักทุเล โรเวนถอนหายใจก่อนจะดึงห่อในมือของเพื่อนสนิทมาแกะให้อย่างเวทนา “ไม่คิดเลยว่าจะ
ง่ายขนาดนั้น”



ที่อีกฝั่งของโต๊ะ วิเวียนยกมือขึ้นป้องปาก กระซิบด้วยสีหน้าขบขัน



“อัลฟ่า...”




“นี่ นายได้กลิ่นอะไรแปลกๆจากตัวนายมั้ย ฉันว่าฉันไม่ได้กลิ่นนี้เมื่อเช้านะ” โรเวนเปลี่ยนเรื่อง แสร้งทำเป็นไม่เห็นแววตาระยิบระยับของเพื่อนสาว




“ฟีโรโมน...” วิเวียนยังคงไม่เลิกกระซิบ



ให้ตายเถอะ เขาจะไม่มีวันปรึกษาอะไรผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว



“อ๋อ คงจะเป็นโคโลญจ์ที่เซเลสต์ซื้อมาฝากน่ะ เขาบอกว่ากลิ่นมันจะเพิ่มถ้าผสมกับเหงื่อ” เดเมียนรีบยกแขนของตนขึ้นดม “กลิ่นแรงไปเหรอ?”



โรเวนส่ายหน้า ตัดสินใจเพิกเฉยต่อใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อนของตนซึ่งอาจเป็นหรือไม่เป็นปฏิกิริยาต่อกลิ่นโคโลญจ์ที่ว่านี่ก็ได้



“เฮ้ คอลลินส์ นายอยากไปนั่งกับทีมมั้ย?” มาร์คัสแตะไหล่เดเมียนเบาๆ “มีหลายคนในทีมที่อยากรู้จักนายนะ”




“ไม่ล่ะ” เด็กหนุ่มผมบลอนด์ส่ายหน้าอย่างง่ายดาย ไม่คิดที่จะแสร้งทำเป็นลำบากใจในการตัดสินใจนั้นแม้แต่น้อย “นั่งตรงนี้แหละดีแล้ว”




“จะดีเหรอ?” โรเวนถามขึ้นหลังจากมาร์คัสกลับไปที่โต๊ะของตน “ฉันไม่อยากให้นายโดนทีมบอยคอตตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาลหรอกนะ”




“เพราะจ่าฝูงไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครไงล่ะ” วิเวียนเป็นฝ่ายตอบแทน เด็กสาวอมยิ้มกับสีหน้างุนงงของจ่าฝูงคนดังกล่าว หยิบถาดอาหารกลางวันของตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันชอบนาย คอลลินส์ ถ้าอยากให้ฉันพ่นสีใส่ล็อกเกอร์ของคนที่นายไม่ชอบเมื่อไหร่ก็บอกได้”





เดเมียนหันไปมองเพื่อนผมแดงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่โรเวนเพียงส่งสายตาให้อีกฝ่ายปิดปากเงียบแล้วกินแซนด์วิชของตัวเองต่อไป




เขาได้แต่หวังว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่ความเจิดจ้าของเดเมียนที่ทำให้ทุกคนหวั่นไหวอย่างที่วิเวียนว่าไว้จริงๆ





---------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โรเวนใจสั่น
เพราะความฮอตของคุณเดเมียน

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ไรลีย์ทำดีมาก
เอ็นดูโรเวน คิดไปถึงเรื่องบนเตียงแล้ว  :-[

 :pig4:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 4: In which someone got a crush on someone.

“โรเวน กลับด้วยกันมั้ย?”



โรเวนที่ยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งเมื่อมือใหญ่วางลงบนไหล่ของตน เดเมียนยืนมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ หลังจากเหตุการณ์ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาทั้งตอนเช้าและในมื้อกลางวัน โรเวนไม่คิดว่าการติดรถพี่สาวของเดเมียนกลับบ้านจะเป็นความคิดที่ดีนัก



“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนเซเลสต์”



“ไม่กวนหรอก วันนี้ฉันเอารถมาเอง”





เดเมียนยิ้มร่า ดึงแขนของโรเวนให้เดินตามไปยังลานจอดรถก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้มีโอกาสปฏิเสธ รถซุปเปอร์คาร์สีแดงเพลิงที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับเฉดสีบนหัวของโรเวนราคาหลายล้านจอดอยู่กลางลานจอดรถนักเรียนดูอยู่ผิดที่ผิดทางเสียจนสามารถสังเกตได้ตั้งแต่ก้าวออกมาจากตัวอาคาร โรเวนหันไปหาคนข้างกายเพื่อความมั่นใจ เดเมียนยังคงฉีกยิ้มให้เขาแล้วเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้กับเพื่อนสนิท



“รถเพิ่งออกจากอู่ซ่อมน่ะ เมื่อวานฉันเลยติดรถเซเลสต์มา”



“เอ่อ...รถสวยดีนะ” โรเวนเอ่ยชมอย่างไม่เต็มเสียง ลอบสำรวจเสื้อผ้าและกระเป๋าของตัวเองว่าไม่มีคราบอะไรที่จะเลอะติดเบาะหนังสีน้ำตาลของรถคันหรู



“พ่อซื้อให้น่ะ” เดเมียนไหวไหล่ก่อนจะสตาร์ทรถ “พ่อรู้สึกผิดเรื่องที่ไม่ได้ดูแลฉันตอนเด็กๆเลยซื้ออะไรแบบนี้มาให้อยู่เรื่อย”



พ่อของหมอนี่รวยขนาดไหนกันเนี่ย?



“ฉันดีใจนะที่นายเป็นผู้ใหญ่พอที่จะยกโทษให้พ่อนาย” โรเวนซ่อนรอยยิ้มภาคภูมิใจไว้ในแววตาของตนอย่างไม่แนบเนียนนัก



“ไม่มีอะไรที่ต้องยกโทษให้นี่” เดเมียนตอบ เลี้ยวรถเข้าสู่ถนนใหญ่ที่เป็นทางกลับบ้านของพวกเขาทั้งคู่ “ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นอย่างที่มันเกิด ฉันอาจจะไม่ได้เจอกับนายเลยก็ได้”



“เหอะ…ฉันสำคัญกับนายขนาดนั้นเลยรึไง” คำถามนั้นหลุดออกจากปากของโรเวนอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่เชื่อว่ามิตรภาพของพวกเขาจะสำคัญกับเดเมียนถึงขั้นที่อีกฝ่ายไม่นึกโทษโกรธบิดากับเรื่องทั้งหมดที่ตนต้องเผชิญในวัยเด็ก


“ใช่” เดเมียนตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่จำเป็นต้องคิด “ต่อให้เลือกกลับไปแก้ไขเรื่องทั้งหมดได้ ฉันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนอะไร
ทั้งนั้น”



โอเค นั่นไม่ช่วยแก้ปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด



“แวะบ้านฉันก่อนได้มั้ย?” เดเมียนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ฉันมีอะไรจะให้ดู”




หากโรเวนได้ยินประโยคนั้นก่อนวันนี้ เขาอาจจะไม่ได้นำมันมาใส่ใจ แต่ตอนนี้ในหัวของเด็กหนุ่มมีเพียงภาพของ ‘อะไร’ที่เดเมียนต้องการจะให้เขาดูผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่



เขาไม่รู้ว่าควรจะเป็นกังวลกับความรู้สึกร้อนวูบวาบที่มากับภาพจินตนาการในหัวนั้นหรือไม่



“เอ่อ...”


“รีบกลับรึเปล่า?” เดเมียนเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ทำสีหน้าอึกอักอย่างสงสัย



“มะ..ไม่รีบ แวะบ้านนายก่อนก็ได้”



โรเวนพยักหน้าให้คนขับส่งๆ บอกตัวเองว่าเขากำลังคิดมากเกินไปและทำให้เดเมียนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
เขาได้แต่หวังว่าความรู้สึกประหลาดนี้จะหายไปเองก่อนที่เดเมียนจะเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทของตน







“….”



“โรเวน? นายโอเคมั้ย?”



“…หมา”



“หืม อะไรนะ?”



“นี่มันหมาไม่ใช่เหรอ?”



โรเวนเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเดเมียนเพียงหนึ่งก้าวเมื่อก้อนขนสีดำขนาดยักษ์วิ่งออกมาจากด้านหลังของตัวบ้าน เด
เมียนคุกเข่าลงบนพื้น อ้าแขนรับเจ้าลูกบอลยักษ์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ในขณะที่เด็กหนุ่มผมแดงยืนตะลึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าสับสน



เดเมียนเกลียดสัตว์ทุกชนิด




หากจะพูดให้ถูกต้อง เดเมียนเกลียดการสัมผัสสัตว์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด



หากจะให้ลงรายละเอียดลึกลงไปกว่านั้น สัตว์ทุกตัวที่เดเมียนสัมผัสมักจะตายอย่างเป็นปริศนาหลังจากนั้นไม่นาน
โรเวนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตอนพวกเขาอยู่อนุบาล สัตว์เลี้ยงของห้องในตอนนี้คือ พุดดิ้ง กระต่ายสีขาวขนฟูหน้าตาน่าเอ็นดูที่เด็กๆทั้งห้องต่างแย่งกันเป็นผู้ดูแล เมื่อถึงเวรของเดเมียน เด็กชายผมบลอนด์ตรงมาหาเขาพร้อมน้ำตานองหน้าขอให้เขาไปให้อาหารเจ้าตัวขนฟูเป็นเพื่อน แม้จะนึกขำที่เพื่อนสนิทดูจะกลัวสิ่งมีชีวิตกินพืชตัวเท่าฝ่ามือเหลือเกิน แต่โรเวนก็ยอมตกลงแต่โดยดี



เด็กชายร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงลูบขนฟูนุ่มของกระต่ายน้อยหลังจากให้อาหารเสร็จ ก่อนจะหันไปหาเดเมียนที่ยังคงกำชายเสื้อของเพื่อนสนิทไว้ด้วยแววตาหวาดระแวง




“ลองลูบขนมันดูสิ นิ่มมากเลยนะ”



โรเวนอุ้มกระต่ายน้อยไว้ในอ้อมกอด หันไปหาเดเมียนพร้อมรอยยิ้มที่เขาคิดว่าช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้น แต่สายตาของเดเมียนยังคงไม่ละไปจากก้อนขยุกขยุยนั้น



“มะ…ไม่เอา”


“ไม่เอาน่า ไม่่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย” โรเวนว่า ยื่นเจ้าพุดดิ้งให้กับเพื่อนสนิท เดเมียนส่ายหน้ารัวเร็ว ขยีบถอยหนีห่างจากจมูกยุกยิกนั้นอย่างหวาดกลัว “เดเมียน นายไม่เชื่อใจฉันเหรอ”



“ปะ…เปล่า...” เด็กชายผมบลอนด์ส่ายหน้า แววตาหวาดระแวงแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเริ่มมีสีหน้าไม่สบอารมณ์



“ถ้าอย่างนั้นก็ลองลูบขนมันดูสิ เพื่อนคนอื่นเขาล้อนายใหญ่แล้วนะรู้มั้ย” โรเวนเร่ง เขาแค่ไม่อยากให้เพื่อนในห้องมีเรื่องล้อเลียนเพื่อนสนิทไปมากกว่าเรื่องมารดาของอีกฝ่ายที่เป็นเรื่องซุบซิบนินทาเรื่องโปรดของเหล่าสมาคมแม่บ้านในเมืองเล็กๆแห่งนี้ “ฉันไม่ปล่อยให้มันทำอะไรนายหรอกน่า"



เดเมียนกัดริมฝีปากอย่างเป็นกังวล แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของโรเวน เด็กชายจึงยอมเอื้อมมือไปแตะที่ขนนุ่มฟูของเจ้าสิ่งมีชีวิตในอ้อมกอดของเพื่อนอย่างกล้าๆกลัวๆ



เจ้าพุดดิ้งขยับจมูกฟุดฟิด แต่ยังคงนอนนิ่งในอ้อมกอดของโรเวน ปล่อยให้มือเล็กของเดเมียนลูบไปตามลำตัวของมันอย่างกล้าๆกลัวๆ



“เห็นมั้ย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” โรเวนฉีกยิ้มกว้าง และนั่นทำให้เดเมียนขยับยิ้มตามอย่างที่อีกฝ่ายมักจะทำเป็นประจำ “อยากลองอุ้มดูมั้ย"



“…อื้อ”



รอยยิ้มสดใสของเดเมียนในวันนั้นทำให้แม้แต่เด็กอายุเท่ากันอย่างเขายังอดลูบผมอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูไม่ได้



ร่างไร้ลมหายใจของพุดดิ้งถูกพบโดยครูประจำชั้นของพวกเขาในวันต่อมา



ไม่มีร่องรอยบาดแผล ไม่มีสัญญาณของการถูกทำร้าย ราวกับว่าเจ้ากระต่ายน้อยตัดสินใจที่จะหยุดหายใจและหายไปจาก


โลกด้วยตัวเอง



 โรเวนเคยเห็นเดเมียนร้องไห้หลายต่อหลายครั้งตั้งแต่รู้จักกับเด็กชาย ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างการถูกคนอื่นที่
ไม่ใช่โรเวนแตะตัวเอง หรือแม้กระทั่งตอนที่ถูกโรเวนจับแขนเป็นครั้งแรก ไปจนถึงเรื่องประหลาดอย่างพายุฤดูร้อนหรือแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นเป็นการร้องไห้ที่หนักที่สุดของเดเมียนที่เขาเคยเห็น



เขาอยากจะพูดว่านั่นเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เกิดเรื่องแบบนั้น



แต่หลังจากที่นก หนูแฮมสเตอร์ แมว สุนัข หรือแม้กระทั่งปลาทองในโถที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขาต่างล้มตายอย่างเป็นปริศนาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากถูกเดเมียนสัมผัส(ใช่ ปลาทอง เดเมียนช้อนมันออกจากโถตอนที่พวกเขาทำความสะอาด) โรเวนตัดสินใจว่่าเพื่อนของเขาอาจจะเป็นมนุษย์ที่ดวงตกกับสัตว์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา



และนั่นทำให้การเห็นเดเมียนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นกับสุนัขตัวใหญ่เกือบเท่าคน ขนยาวปรกดวงตาและหน้าตาละม้าย


คล้ายคลึงกับพรมเช็ดเท้าขนาดยักษ์ที่กระดิกหางใส่เจ้านายของตนอย่างร่าเริงทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนกำลังเห็นภาพหลอน




“นายอยากลูบขนมันมั้ย?” เดเมียนเงยหน้าขึ้นถามพร้อมแววตาเป็นประกาย



โรเวนไม่ได้รู้สึกพิสมัยอะไรเจ้าก้อนขนนุ่มสลวยขนาดยักษ์นั้น แต่เขาไม่เคยปฏิเสธดวงตาคู่นั้นได้เลยสักครั้ง




“ฉันดีใจนะที่นายเอาชนะความกลัวของตัวเองได้แบบนี้” โรเวนย่อตัวลงเกาพุงให้เจ้าหมาตัวใหญ่ มืออีกข้างเอื้อมไปขยี้เส้นผมสีบลอนด์นุ่มของเจ้าหมาขี้อ้อนอีกตัวที่ยิ้มร่ากับสัมผัสนั้น “เพิ่งเอามาเลี้ยงเหรอ?”




“เปล่า เซบาสเตียนเป็นเพื่อนคุณพ่อน่ะ พ่อส่งให้เขามาดูแลฉัน” เดเมียนอธิบายเสียงซื่อ โรเวนเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจกับรูปประโยคอันแปลกประหลาด แต่เขาเลือกที่จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ



คงเป็นพวกสุนัขฝึกพิเศษที่เขาเคยเห็นในทีวีล่ะมั้ง



“เซเลสต์ไม่อยู่เหรอ?” โรเวนมองไปรอบบ้านที่เงียบสงัดของเพื่อนสนิท เดเมียนพยักหน้า



“อื้อ ติดประชุมน่ะ”



โรเวนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่แสดงความรู้สึกของตนออกมาทางสีหน้า พวกเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆที่จะไม่สามารถอยู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีผู้ปกครองเฝ้าไม่ได้แล้ว บางครั้งเขากลับเลือกที่จะอยู่ตามลำพังด้วยซ้ำ แต่กับเดเมียน ทุกครั้งที่เขาเห็นอีกฝ่ายอยู่ตามลำพัง จิตใต้สำนึกมักจะตะโกนให้เขาฉุดรั้งอีกฝ่ายออกมาจากความเดียวดายนั้นทุกที




“ถ้าวันไหนนายไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว...จะมาบ้านฉันก็ได้นะ”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนายคงไม่ชอบหรอก โรเวน” เดเมียนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “เพราะฉันคงย้ายข้าวของไปอยู่บ้านนายเป็นการถาวรเลยล่ะ”



…ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นเสียแบบนี้เขาถึงไม่เคยวางใจได้เสียที


“เดี๋ยวฉันจะพาเซบาสเตียนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ไปด้วยกันมั้ย?” เด็กหนุ่มร่างสูงถามแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยี้ขนสีดำสนิทของเจ้าตูบที่ยังคงพันแข้งพันขาตนราวกับลูกเหมียวตัวน้อยด้วยสายตาเอ็นดู



“โทษที พอดีวันนี้แม่ฉันมีชมรมหนังสือน่ะ ฉันเลยต้องอยู่เฝ้าเจ้าสองแฝดไม่ให้เผาบ้าน”



โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย เขาไม่ได้โกหก แม้น้องทั้งสองของเขาไม่จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงคอยเฝ้า และมารดาของเขาคงเลือกที่จะให้โรเวนอยู่ดูแลคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่าอย่างเดเมียน แต่เขาต้องการเวลาส่วนตัวในการทบทวนความรู้สึกของตัวเองสักพัก และเขารู้ว่าการยอมตกลงไปไหนมาไหนกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆแบบนี้มักจบลงที่การได้นอนค้างบ้านของใครคนใดคนหนึ่งเป็นแน่









โรเวนตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวสีน้ำตาลหม่นที่อยู่กับครอบครัวของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลืมตาดูโลก กระเป๋าเป้ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น และหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ให้เสียงของรายการอะไรก็ตามที่กำลังฉายอยู่ในตอนนี้เป็นเหมือนดนตรีขับกล่อมขณะที่เขากำลังจมอยู่ในห้วงความคิด



ต่อให้ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องนี้เป็นเพียงความหวั่นไหวต่อรูปร่างและหน้าตาที่ดูราวกับผลงานรูปปั้นประติมากรรมชิ้นเอกของศิลปินชื่อก้องโลกที่มีชีวิตขึ้นมาของเดเมียน คำพูดคำจาและแววตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นที่พึ่งทางจิตใจเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ช่วยในสถานการณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย



หากโรเวนต้องการที่จะเหยียบความรู้สึกพิลึกนี่ให้จมดินก่อนที่มันจะแสดงตัวตนออกมาให้ใครเห็น เขาจะต้องคุยกับเดเมียนเรื่องขอบเขตของความเป็นเพื่อนของพวกเขา เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถทนเห็นเดเมียนกระโจนคร่อมทับเขาบนเตียงหรือรั้งเขาเข้ามาในอ้อมกอดอีกกี่ครั้งก่อนที่สมองจะเริ่มเอาภาพความทรงจำเหล่านั้นมาบิดเบือนในความฝันที่เขาควบคุมไม่ได้



เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถมองหน้าเพื่อนสนิทหลังจากนั้นได้โดยไม่ระเบิดตัวตายด้วยความอับอายไปเสียก่อน



“โรเวน! เมื่อกี้หนูเห็นพี่เดเมียนจูงหมาไปทางสวนสาธารณะ พี่เขามีหมาด้วยเหรอ?”



“อื้อ ของพ่อเขาน่ะ” โรเวนตอบอย่างไม่ใส่ใจ หวังว่าน้องสาวจะจับน้ำเสียงของเขาได้และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเอง


แต่เขาน่าจะรู้จักโรซี่ เมื่อเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจเด็กหญิงจะไม่ยอมปล่อยเขาไปจนกว่าจะได้ข้อมูลที่เธอต้องการ



“คนอย่างพี่เดเมียนเนี่ยไม่น่าเป็นเพื่อนกับพี่ได้เลยนะโรเวน” โรซี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ ถือวิสาสะนั่งลงบนที่เท้าแขนของโซฟาตัวยาวที่โรเวนกำลังนอนอยู่ “ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งนิสัยดี ทำไมคนแบบนั้นถึงได้ติดพี่แจขนาดนี้นะ”



“….” ทั้งที่รู้ว่าน้องสาวไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของตัวเอง แต่โรเวนก็ยังอดรู้สึกจุกในท้องราวกับคำพูดนั้นเปลี่ยนเป็นหมัดลุ่นๆที่กระแทกเข้าที่ท้องของตัวเองอย่างแรงไม่ได้



“แต่ถึงจะไม่รู้เห็นผล หนูก็ดูออกนะว่าพี่เดเมียนสนิทกับพี่มาก” โรซี่ยังคงพูดต่อโดยไม่สังเกตถึงสีหน้าไม่สู้ดีของพี่ชาย “ที่โรงเรียนหนูก็มีแต่คนชอบพี่เขา ตอนนี้พี่เดเมียนมีฐานแฟนคลับมากกว่านักฟุตบอลโรงเรียนพี่ทุกคนรวมกันอีก ถ้าชมรมหนังสือพิมพ์ของหนูได้เป็นเจ้าแรกที่ได้สัมภาษณ์พี่เดเมียนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ชมรมเราจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่ พี่ช่วยพูดกับพี่เดเมียนให้หน่อยได้ม้ัย น้า หนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย”



โรเวนอึกอัก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเดเมียนไม่น่าจะปฏิเสธคำขอเล็กๆนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่อยากกวนใจเพื่อนสนิทด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้เท่าไหร่ เขาไม่รู้ว่าคำถามในคอลัมน์ซุบซิบของหนังสือพิมพ์โรงเรียนมัธยมต้นจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของเดเมียนแค่ไหน แต่หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้ความเป็นส่วนตัวของเพื่อนสนิทถูกละเมิดแม้แต่นิดเดียว



แต่โรซี่ตีความความเงียบของเขาไปอีกทาง


“ถ้าพี่คิดว่าขอไปพี่เดเมียนก็คงไม่ตกลง...”



“ยังไงพี่เดเมียนก็ต้องตกลงอยู่แล้ว เธอก็น่าจะรู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มากวนใจพี่โรเวนอยู่แบบนี้หรอก จริงมั้ย” คนที่ตอบ
กลับเป็นไรลีย์ที่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่โรเวนกลับมา น้องชายของเขาเป็นเด็กฉลาด และความขยันของไรลีย์ยิ่งทำให้ผลการเรียนของเด็กชายดูดีกว่าฝาแฝดของตนมาก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ คะแนนสอบวิชาประวัติศาสตร์ของเด็กชายกลับผ่านครึ่งมาได้แค่สองสามคะแนนในการสอบเก็บคะแนนที่ผ่านมา โรเวนเห็นความเครียดในแววตาของเด็กชายทุกครั้งที่เปิดหนังสือวิชาประวัติศาสตร์อ่านอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน โรเวนถึงขั้นได้ยินน้องชายของตนคุยกับมารดา
เรื่องอาจารย์สอนพิเศษเพื่อฉุดคะแนนของตัวเองขึ้นด้วยซ้ำ



แต่โรเวนไม่คิดว่าความฉลาดนั้นจะทำให้น้องชายของตนตอบคำถามของฝาแฝดตัวเองด้วยสีหน้ามั่นใจขนาดนั้น



“นายหมายความว่ายังไง ไรลีย์?” โรซี่ถาม


“พี่เดเมียนไม่เคยขัดคำสั่งพี่โรเวน ขนาดตอนเด็กๆที่พี่โรเวนสั่งให้พี่เดเมียนเก็บกวาดห้องนอนให้ พี่เดเมียนยังทำหน้าเหมือนพี่โรเวนยกบ้านให้เขาเลย” ไรลีย์ไหวไหล่ “เธอไม่เห็นวันที่พี่เดเมียนมากินข้าวบ้านเราเหรอ สายตาที่พี่เดเมียนมองพี่โรเวนน่ะหวานเลี่ยนยิ่งกว่าสายตาที่พ่อกับแม่มองกันอีก ขนาดคนตาบอดยังรู้เลยว่าพี่เดเมียนน่ะหลงพี่ชายเราจนโงหัวไม่ขึ้น”



โรเวนไม่รู้ว่าโรซี่พูดว่าอะไรหลังจากนั้น เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าโรซี่ได้พูดอะไรรึเปล่า เสียงรอบตัวเขากลายเป็นเพียงเสียงอื้ออึงในหูเมื่อโรเวนลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังบันได เขารู้สึกว่าได้ยินเสียงน้องทั้งสองเรียกชื่อเขา แต่โรเวนยังคงรู้สึกมึนเบลอในหัวเกินหัวจะสนใจ



นอกหน้าต่่างของห้อง คนที่เป็นต้นเหตุของสภาพเหมือนเครื่องดูดฝุ่นที่ไฟฟ้าลัดวงจรของโรเวนกำลังจูงเซบาสเตียนข้ามถนนกลับมายังบ้านของตน ราวกับรับรู้ว่าตนกำลงถูกมอง เดเมียนเงยหน้าขึ้นแล้วโบกมือให้เขาพร้อมรอยยิ้มสดใส โรเวนรู้สึกถึงแขนของตนที่ยกขึ้นโบกมือตอบโดยที่สมองยังไม่ได้สั่งการ ก่อนจะเดินไปปิดผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้น



พรุ่งนี้...



โรเวนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตนพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่




ค่อยคิดต่อพรุ่งนี้แล้วกัน


-----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2019 16:02:48 โดย littlepig »

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 5: In which bitches are burned.

“…อะไรนะ?”



“ฉันถามว่านายอยากไปปาร์ตี้ที่บ้านลิซซี่ เดอร์ ลาครูซกับฉันมั้ย? พวกเชียร์ลีดเดอร์เขาเชิญนักฟุตบอลไปกันทุกคนน่ะ” เดเมียนเอ่ยทวนสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปขณะที่พวกเขาเดินไปตามโถงทางเดินของอาคารเรียน คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล 


“นายเป็นอะไรรึเปล่า โรเวน สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลย”




“เมื่อคืนนอนน้อยมั้ง”โรเวนตอบปัดด้วยไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เขาไม่ได้โกหกเสีียทีเดียว แต่หากเป็นไปได้โรเวนเลือกที่จะเก็บต้นเหตุของความรู้สึกว้าวุ่นใจนี้ไว้กับตัวเองมากกว่า



“งั้นเหรอ?” สีหน้าของเดเมียนบ่งบอกว่ายังคงไม่พอใจกับคำตอบแต่เลือกที่จะไม่ถามย้ำ “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราอยู่บ้านดีกว่า นายจะได้พัก”



“เดี๋ยว แล้วนายจะไม่ไปเหรอ?” โรเวนเปิดประตูล็อกเกอร์เพื่อหยิบถุงอาหารกลางวันของตนออกมา เด็กหนุ่มผมบลอนด์ส่ายหน้า



“ถ้านายไม่ไปฉันก็ไม่ไป ฉันไม่รู้จักใครเลยนี่นา”



“นั่นคือเหตุผลที่นายไปงานพวกนี้ไง” โรเวนถอนหายใจ “นายไปเถอะ ฉันไม่ค่อยถูกกับงานแบบนี้เท่าไหร่”
หากจะพูดให้ถูกคือไม่มีใครเชิญเขาไปงานแบบนี้เท่าไหร่



หากจะพูดให้ตรงกว่านั้น ไม่มีใครเชิญเขาไปงานแบบนี้เลยในชีวิต


“นายไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเหรอ?”



สายตาออดอ้อนของเดเมียนไม่ควรเป็นสิ่งถูกกฏหมาย โรเวนไม่เคยลองใช้สารเสพติด สิ่งที่ใกล้เคียงกับการมึนเมาที่สุดคือเบียร์ที่พ่ออนุญาตให้เขาจิบในคืนที่พวกเขานั่งดูฟุตบอลด้วยกันหน้าจอทีวี แต่ตอนนี้แค่แววไหวระริกในดวงตาสีซีดก็มากพอที่จะทำให้เลือดในกายของเด็กหนุ่มสูบฉีดพุ่งพล่านและไปเลี้ยงไม่ทันในเวลาเดียวกัน



เขาว่าน้องชายของเขาน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะว่าใครกันแน่ที่หลงใครจนโงหัวไม่ขึ้น



“โอเค โอเค ฉันไปกับนายก็ได้ ให้ตายเถอะ นายนี่เด็กชะมัด” เด็กหนุ่มผมแดงแสร้งทำเป็นตอบตกลงตัดรำคาญ เดเมียนยิ้มกว้าง เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจกับคำตอบของเขา



“เย็นนี้ฉันไปรับนะ”



โรเวนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก



เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นการพิสูจน์ให้ชัดๆไปเลยว่าความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่ง
ในใจของโรเวนจะไม่อยากรู้คำตอบนั้นเลยก็ตาม







อลิซาเบธ เดอ ลาครูซ หรือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ เป็นเหมือนราชินีผึ้งของอาณาจักรผึ้งงานน้อยๆที่เรียกว่าโรงเรียนมัธยมปลาย เด็กสาวเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ยืนหยัดอยู่เหนือการคัดสรรของธรรมชาติ ผมบลอนด์ยาวทิ้งตัวมีน้ำหนัก ผิวแทนเนียนจากวันหยุดที่ชายหาดของหลายประเทศทุกซัมเมอร์รับกับทรวเทรงองค์เอวที่หลุดออกมาจากปกนิตยาสาร ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส แม้แต่ฟันขาวราวไข่มุกยังเรียงตัวสวยตามธรรมชาติโดยไม่ต้องจัด หากนำทั้งหมดนี้มารวมกับเงินในบัญชีของพ่อเธอ เด็กสาวคือตัวอย่างชั้นดีของคำว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด



ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นเธอ ผู้ชายทุกคนอยากควงเธอ หากจะมีอะไรที่ทำให้ความสวยงามดุจภาพวาดนั้นหมองลงไปบ้าง คงจะเป็นนิสัยของเด็กสาวที่ดูจะสนุกสนานกับการทรมานคนที่เธอมองว่าอยู่คนละชั้นกับตัวเอง


เช่นคนอย่างโรเวนเป็นต้น



“โห…”



จึงไม่แปลกที่แม้จะเรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปี แต่โรเวนไม่เคยย่างกรายเข้ามาในบ้านของเชียร์ลีดเดอร์สาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว



แค่ห้องนั่งเล่นของลิซซี่ก็มีขนาดพอๆกับชั้นล่างของบ้านเขาทั้งหลัง แม้ความกว้างจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับบ้านของเดเมียน แต่การตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อกสินค้าเดินล่าสุดทำให้บรรยากาศในบ้านต่างกันมากโข
โฮมเธียเตอร์รอบทิศเปิดเพลงดังสนั่นจนเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ดูเหมือนนักเรียนครึ่งโรงเรียนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผู้คนจับกลุ่มตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงเพลง ในมือถือแก้วพลาสติดสีแดงสดที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่น้ำผลไม้ในนั้น



“เฮ้ รูปหล่อ คิดว่านายจะไม่มาซะ… ใครเชิญหมอนี่มาด้วยไม่ทราบ”



เด็กสาวเจ้าของปาร์ตี้ขึ้นเสียงแหลมอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ โรเวนก้มหน้าห่อไหล่ตามสัญชาตญาณ เตรียมรับเครื่องดื่มประเภทใดก็ตามที่กำลังจะถูกสาดมาทางตัวเอง



“ฉันชวนเขามาเอง” เดเมียนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มใสซื่อที่ทำให้คนมองใจละลายมานับครั้งไม่ถ้วน“เธอบอกว่าฉันพาเพื่อนมาด้วยได้ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”



“…ไม่เป็นไร ตามสบายเลยนะเดเมียน“ ลิซซี่เอ่ยเสียงหวาน หากดวงตาของมนุษย์กลายเป็นรูปหัวใจได้เหมือนในการ์ตูนตาของเด็กสาวคงมีหัวใจดวงโตโผล่ออกมาสองดวงไปแล้ว



แน่นอน ทันทีที่ดวงตาคู่นั้นเหลือบมองมาทางเขา สิ่งที่มีเหลืออยู่ในแววตาของเชียร์ลีดเดอร์สาวมีเพียงความรังเกียจ




“ถือว่านายฉลาดหาคนเกาะดีนี่ วู้ดส์ อย่าคิดว่านี่จะทำให้นายขึ้นมาอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเรานะ”



“ไม่คิดแม้แต่จะฝันหรอก” โรเวนตอบเสียงยานคาง นึกเสียใจที่ยอมหลวมตัวตกลงมางานนี้กับเพื่อนสนิทขึ้นมา



“เราไปหาที่สงบกว่านี้อยู่กันดีกว่า” แขนแข็งแรงโอบไหล่เขาแล้วพาโรเวนไปยังมุมหนึ่งของบ้านที่ยังไม่มีใครจับจอง เสียงดนตรีที่เบากว่าจุดอื่นในบ้านทำให้แก้วหูที่กำลังเต้นระบำของโรเวนรู้สึกดีขึ้น เดเมียนที่ยังคงไม่ปล่อยมือจากเขาราวกับกลัว
จะโดนทิ้งไว้คนเดียวหันมาหาเด็กหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้าสำนึกผิด“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าปาร์ตี้จะดีกว่านี้ ถ้านายไม่ชอบเรา
กลับกันเลยก็ได้นะ”



“เหลวไหลน่า ไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย” โรเวนจับมือที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเองออก ไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนในงาน “เราเพิ่งมาถึง อยู่ต่ออีกซักพักค่อยกลับก็ได้”



“งั้นเหรอ…” เดเมียนมองมองไปรอบๆด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ “ฉันไม่เคยมางานปาร์ตี้มาก่อนเลย ปกติเขาทำอะไรกันเหรอ?”



“ก็คงคุยกับคนนั้นคนนี้หาคนที่พร้อมจะมานัวเนียด้วยในมุมมืดหลังเมาได้ที่ล่ะมั้ง” โรเวนไหวไหล่ ความรู้ของเขาในเรื่องการปาร์ตี้นั้นได้มาจากละครวัยรุ่นที่น้องสาวของเขาติดงอมแงมทั้งหมด “นายถามผิดคนแล้วล่ะพวก”




“อ๋อ…” เด็กหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ “เรามีมุมมืดแล้ว เดี๋ยวฉันไปหยิบเบียร์ที่โต๊ะเครื่องดื่มมาให้ นายอยากคุยเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”



“หะ…” โรเวนใช้เวลาสิบวินาทีเต็มๆในการประมวลผลคำถามนั้นก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะแจกมะเหงกให้เพื่อนสนิทโดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากสมอง “ไม่ใช่ฉันสิเจ้าบ้า!”



“แต่…ฉันไม่อยากนัวเนียกับคนแปลกหน้าในมุมมืดนี่”



เดเมียนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีซีดไหวระริกอย่างน่าสงสาร



“นายนี่มัน…”



โรเวนยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเหลืออด ทำไมครอบครัวของหมอนี่ถึงได้กล้าปล่อยให้เจ้าเด็กโตแต่ตัวแบบนี้ออกมาเถลไถลนอกบ้านกันนะ



“เอาล่ะๆ ยืนอยู่เฉยๆตรงนี้นี่แหละ รอซักสิบนาทีแล้วนายค่อยไปบอกลิซซี่ว้านายมีธุระต้องรีบกลับ โอเคมั้ย?”



“อื้อ!” อีกฝ่ายดูอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากได้ยินดังนั้น



“พวกนายสองคนนี่ไม่คิดจะห่างกันซักวินาทีจริงๆเหรอ?” มาร์คัสที่เดินตรงมาทางพวกเขาพร้อมกับแก้วพลาสติกขนาดใหญ่สามใบที่หอบมาเต็มมือถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ



“หึงรึไง แอนเดอร์สัน”  โรเวนเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เด็กหนุ่มผิวเข้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



“ฉันเอาน้ำพั้นช์มาให้ สูตรของลิซซี่ถ้าไม่ลองถือว่าไม่ได้มาเลยนะ”



แม้ในใจเขาอยากจะแย้งว่านี่น่าจะเป็นสูตรของแม่บ้านที่บิดาของเด็กสาวจ้างมามากกว่า แต่โรเวนก็ยอมยื่นมือไปรับแก้วพลาสติกสองใบมาด้วยกลัวว่ามันจะหกใส่เพื่อนเสียก่อน เด็กหนุ่มยื่นแก้วใบหนึ่งให้กับเดเมียนแล้วยกแก้วในมือขึ้นดื่ม รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวของน้ำผลไม้ไม่สามารถซุกซ่อนกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมลงไปได้ แต่โรเวนต้องยอมรับว่าเขาถูกใจรสชาติของมันพอสมควร



มาร์คัสคุยกับเดเมียนเรื่องเวลาการฝึกซ้อมสองสามประโยคก่อนจะถูกคนในงานดึงตัวไป โรเวนรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาคุยกับเดเมียน มีบางคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาแต่กลับเดินเลี้ยวไปอีกทางก่อน ทำให้มีเพียงพวกเขาสองคนที่ครอบครองพื้นที่เล็กๆนี้ด้วยกัน



ดูจากความนิยมของเดเมียนตั้งแต่เปิดเรียนแล้ว คนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาน่าจะเป็นเขามากกว่า



“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” จู่ๆเดเมียนก็เอ่ยขึ้น โรเวนขมวดคิ้วอย่างงุนงงแต่ก็พยักหน้า “ทำไมนายถึงได้ถูกคนพวกนี้แกล้งล่ะ ทั้งที่นายก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เป็นเป้าหมายได้ขนาดนั้นแท้ๆ”



คำถามที่เขาไม่คิดว่าจะถูกถามทำให้เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ เป็นความจริงที่คนอย่างเขาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากพอที่เหล่ามนุษย์บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารจะให้ความสนใจเป็นพิเศษนัก เขาเรียนหนังสือได้ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นเด็กเรียนหอบตำราใส่แว่นหนาเตอะ เขาเล่นกีตาร์ได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในวงดนตรี เขาชอบเล่นเกมส์ แต่ก็ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเด็กติดเกมส์ เขาเล่นกีฬาได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะถูกคัดตัวเป็นนักกีฬาโรงเรียน



ในสังคมของโรงเรียนมัธยมปลาย เขาไม่ใช่ผู้ล่า แต่ในบรรดาเหยื่อที่น่าสงสารนับร้อยคน เขาดูไม่น่าจะเป็นตัวเลือกแรก
แต่สิ่งที่เดเมียนไม่รู้ คือการกลั่นแกล้งนี้ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากมัธยมปลาย มันไม่ได้เริ่มจากช่วงมัธยมต้นด้วยซ้ำ
เขาเริ่มถูกคนในโรงเรียนรังแกหลังจากเขาโถมตัวเข้าใส่เพื่อนร่วมชั้นที่สร้างเรื่องโกหกเกี่ยวกับ ‘เด็กปีศาจ’ อย่างสนุกปากหลังจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาถูกพาตัวไปจากบ้านที่มารดาของเด็กชายปลิดชีวิตตัวเอง เขาพร้อมที่จะหาเรื่องทุกคนที่กล้าพูดถึงเด็กปีศาจคนนั้นราวกับเด็กชายไม่ใช่มนุษย์ และพร้อมที่จะปกป้องเพื่อนสนิทที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อปกป้องชื่อของตัวเอง



เพราะเขาถูกจดจำในฐานะเพื่อนของเด็กปีศาจ ตัวตนของเด็กปีศาจที่คนในชุมชนต่างพูดถึงจึงค่อยๆถูกลืมเลือน ทุกวันนี้ เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องของเด็กปีศาจ สิ่งที่คนจำได้มักจะเป็นเด็กชายผมสีแดงเพลิงที่ร้องตะโกนใส่พวกเขาจนสุดเสียงให้หุบปากและยุ่งแต่เรื่องของตัวเอง และไม่มีใครจำได้ว่า ‘เด็กปีศาจ’ ที่พวกเขาพูดถึงกันนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ซึ่งโรเวนไม่คิดว่าผลลัพธ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจแต่อย่างใด



เด็กหนุ่มเพิ่งเริ่มสังเกตว่าสีหน้าของเดเมียนหมองลงเรื่อยๆเมื่อเขารู้สึกตัวว่าริมฝีปากของตัวเองกำลังขยับ โรเวนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเขารับรู้ว่าตัวเองได้พูดทุกสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด เขาก็ไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองหยุดพูดได้ ราวกับว่าร่างกายของเขาอยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสิ้นเชิง



“ใคร…” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและโทสะที่คุกรุ่น ร่างสูงขบกรามแน่นจนเขาเป็นห่วงสุขภาพฟันของอีกฝ่าย “ใครบ้างที่ทำให้นายต้องเจอกับเรื่องแบบนี้”




โรเวนพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ร่างกายของเขากลับไม่ยอมฟัง



“อีธาน สมิธ, แดเนียล โรเจอร์, เคเลบ จอร์แดน แต่คนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ”



อะไรก็ตามที่อยู่ในน้ำพั้นช์ไม่มีทางเป็นแค่แอลกอฮอล์แน่ๆ



เดเมียนทำหน้าเหมือนตัวเองเป็นคนที่โดนกลั่นแกล้งมาตลอดหลายปีเสียเอง ชั่วขณะนั้นโรเวนนึกหวั่นใจว่าเพื่อนสนิทจะไปมีเรื่องกับคนพวกนั้น แต่เด้มียนเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด



“ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันแท้ๆ…”




“ฉันรู้ว่านายก็จะทำแบบเดียวกันถ้านายเป็นฉัน” โรเวนตบบ่าเพื่อนสนิทหนักๆ เริ่มรู้สึกเวียนหัวจากฤทธิ์ของอะไรก็ตามในน้ำผลไม้สีสดใสนั้น “เรากลับกันดีกว่า ฉันเริ่มมึนๆหัวแล้ว”



“รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันไปบอกลิซซี่ก่อนว่าเราจะกลับ“ เดเมียนดึงแก้วน้ำออกไปจากมือของโรเวนแล้วเดินหายไป ร่างโปร่งเอนกายพิงผนังแล้วหลับตาลงเพื่อลดอาการเวียนหัวของตัวเอง ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้น สัมผัสที่คุ้นเคยก็แตะลงบนไหล่มน



 “ไปกันเถอะ” เดเมียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ดึงแขนของโรเวนให้โอบรอบคอตัวเองขณะที่มือใหญ่โอบกระชับเอวบางไว้



“เกาะดีๆนะ”



เหมือนปาฏิหาริย์ที่พวกเขาสามารถมาถึงรถของเดเมียนได้โดยที่โรเวนไม่สะดุดขาตัวเองล้มหัวคะมำหน้าทิ่มไปเสียก่อน เด็กหนุ่มนั่งนิ่งให้เจ้าของรถช่วยจัดการกับเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง ประกลาดใจเล็กน้อยเมื่อตนค่อยๆเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่เดเมียนเริ่มออกรถ เมื่อพวกเขามาถึงหน้าบ้านของโรเวน เด็กหนุ่มกลับมีสติสัมปะชัญญะแจ่มใสครบถ้วนเหมือนเหมือนไม่ได้เพิ่งเมายาไม่ทราบชนิดมาเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว



แปลก…



“ราตรีสวัสดิ์ โรเวน” เดเมียนเอี้ยวตัวมาปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้เขา ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่หาย “นายเดินเองไหวมั้ย”
เขาคิดว่าตัวเองไม่มีปัญหาในการเดินเข้าบ้านโดยไม่จำเป็นต้องมีคนพยุง แต่หลังจากการพ่นความลับที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บอกให้เดเมียนรู้จนหมดเปลือก โรเวนพบว่าเขายังไม่พร้อมที่จะแยกจากเพื่อนสนิทที่เขาเพิ่งได้กลับมา



“ฉันซื้อดีวีดีหนังมาใหม่ ถ้าอยากมาดูด้วยหันก็ได้นะ”



แน่นอน โรเวนรู้ว่าเดเมียนไม่เคยปฏิเสธคำชวนของเขา แต่รอยยิ้มกว้างและแววตาเป็นประกายของร่างสูงก็ยังคงทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนอยู่ดี




“นายอยากดูเรื่องอะไร?”



โรเวนหยิบดีวีดีหนังแอ็คชั่นและหนังไซไฟแฟนตาซีที่เขาเพิ่งซื้อมาแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูให้เพื่อนสนิทเลือก เดเมียนที่นอนแผ่กินพื้นที่เกือบทั้งเตียงเล็กๆของเขายกหัวขึ้นมาดูเล็กน้อยแล้วชี้ไปที่แผ่นภาพยนตร์ไซไฟอย่างไม่ต้องคิด โรเวนใส่แผ่นดีวีดีเข้าไปในแล็ปท้อปของตัวเองแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง เบียดให้คนตัวใหญ่กว่าทำตัวลีบติดกับผนังเพื่อสร้างพื้นที่ให้กับเขา โรเวนเอนศีรษะพิงไหล่เพื่อนสนิท สายตาจดจ่ออยู่กับภาพยนตร์ที่เริ่มเล่น พยายามไม่สนใจอุณหภูมิร่างกายของคนข้างๆที่อุ่นพอดีกับความต้องการของเขาราวกับสั่งได้




โรเวนดูหนังไปได้ครึ่งเรื่องเมื่อรู้สึกถึงแผงอกแกร่งที่เคลื่อนขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอของคนข้างๆ ศีรษะของเดเมียนพับเอียงในองศาที่ดูไม่น่าจะสบาย ดวงตาสีฟ้าซีดจนแลดูคล้ายประกายสีเงินถูกซ่อนภายใต้เปลือกตาและแพขนตางอนหนา เด็กหนุ่มผมแดงจดจ้องภาพตรงหน้าราวกับถูกมนต์สะกด มือเรียวเอื้อมขึ้นปัดเส้นผมสีบลอนด์ที่ปรกลงมาบนใบหน้าคมให้พ้นดวงตาของอีกฝ่าย ไม่มั่นใจว่าตนคิดจะทำอะไรหลังจากนั้น แต่เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้คนที่หลับสนิทขึ้นเรื่อยๆ



ทว่าก่อนที่เขาจะได้ค้นพบว่าตัวเองกำลังจะทำบ้าอะไร เสียงประตูหน้าบ้านกระแทกปิดและเสียงร้องตะโกนของทั้งพ่อและ
แม่ของเขาทำให้โรเวนรีบผละจากเดเมียนที่ลืมตาตื่นขึ้นจากเสียงโวยวายเช่นกัน เด็กหนุ่มร่างสูงกระพริบตาปรับโฟกัสภาพรอบตัว ดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้ถึงความใกล้ชิดของใบหน้าของพวกเขาเมื่อครู่



ประตูห้องของเขาถูกเปิดผางออกพร้อมกับแม่ของเขาที่พุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขาและดึงเอาเด็กหนุ่มทั้งสองเข้ามากอดไว้แน่น โรเวนกอดตอบอย่างงุนงง มองข้ามไหล่ของซาราห์ไปยังบิดาที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


“พ่อครับ เกิดอะไรขึ้น?”



“พวกลูกกลับมาจากปาร์ตี้นานแค่ไหนแล้ว?” เนธานตอบลูกชายด้วยประโยคคำถาม



“น่าจะประมาณสองชั่วโมง...พ่อครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” โรเวนนิ่วหน้าเมื่ออ้อมกอดของมารดามีแต่จะแน่นขึ้นทุกนาที



“เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้าน เดอ ลาครูซ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ยังควบคุมไฟไม่ได้ ทีมนักดับเพลิงกำลังพยายามอพยพคนออกมาอยู่” พ่อของเขาเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ



เลือดในกายโรเวนเย็นเฉียบเมื่อได้ยินดังนั้น ถึงแม้ว่าคนในงานจะไม่ใช่เพื่อนที่เขารู้จักดี แต่เขายังคงไม่อยากให้ใครในนั้น

ได้รับบาดเจ็บหรือเลวร้ายกว่านั้น



“มาร์คัส...” มาร์คัสยังอยู่ในงานตอนที่เขาออกมา



“ลูกชายของนายอำเภอจแอนเดอร์สันเป็นคนแรกๆที่หนีออกมาได้ทัน นอกจากสูดหายใจเอาควันไฟเข้าไปนิดหน่อยแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เนธานถอนหายใจ “หวังว่าเราจะสามารถดับไฟได้ก่อนที่มันจะลามไปบ้านหลังอื่น ไม่อยากนั้นรายชื่อ
ของผู้บาดเจ็บสาหัสคงไม่หยุดแค่สี่คนแน่ๆ”



“สี่คน? ใครบ้างเหรอครับ?” โรเวนถามอย่างสงสัย


“อีธาน สมิธ, แดเนียล โรเจอร์, เคเลบ จอร์แดน แต่คนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดในตอนนี้คือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ ลูกสาวเจ้าของบ้าน”



รายชื่อที่คุ้นเคยเกินกว่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปอย่างกระทันหัน เด็กหนุ่มเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของมารดาของเขา ทว่าสีหน้าของเดเมียนกลับเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก



เฉยจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ...



“ผมควรกลับบ้านก่อน” เดเมียนเอ่ยขึ้น ซาราห์ผละออกจากเด็กหน่มทั้งน้ำตานองหน้า “เซเลสต์คงเป็นห่วงแย่แล้ว”



“นั่นสินะจ๊ะ กลับบ้านดีๆนะ” แม่ของโรเวนยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เธอรักเหมือนลูก เดเมียนพยักหน้า ก่อนจะหันมายิ้มให้โรเวน



“เจอกันที่โรงเรียนนะ”



“อืม”เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า แม้สมองจะรู้ว่าไม่มีทางที่เดเมียนที่อยู่กับตนตลอดเวลาจะเป็นต้นเหตุของเหตุเพลิงไหม้นั้น แต่ส่วนลึกในใจยังคงไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญ




แปลก...แปลกมากจริงๆ

---------

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เป็นนิยายที่สนุกและน่าติดตามอีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ saiichinisan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกน่าติดตามมากๆค่ะ เป็นกำลัง ใจให้นะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามจ้า~

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขียนดีมาก ได้กลิ่นอายซีรี่ย์วัยรุ่นอเมริกาจางๆชอบมากๆค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กลิ่นอายซีรีส์อเมริกามาเต็ม สนุกดี รอตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุก​ดี​ค่ะ​

ออฟไลน์ ninknpk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกกก น่าลุ้นมาก มาต่อเร็วนะคะ  :hao7:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เดเมี่ยนเริ่มมาก็ Quadra kill เลยหรือ Op ไปแล้วว

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เรเวนเริ่มสงสัยละ
แต่ว่าเดเมียนก็ไม่ได้ปิดบังอะไร
ถ้าถามไปก็น่าจะรู้

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter  6: In which a teacher is replaced.



“นายหมายความว่าไง ที่ว่าเดเมียนมีส่วนรู้เห็นเรื่องไฟไหม้เมื่อวานน่ะ”



“เบาเสียงลงหน่อย” โรเวนกระซิบดุ “ฉันแค่บอกว่ามันประหลาด ที่คนที่ฉันบอกเดเมียนไปว่าแกล้งฉันมาตั้งแต่เด็กทั้งสี่คนจะโดนไฟครอกบาดเจ็บสาหัสในคืนเดียวกัน เธอไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?”


“แปลกกว่าการที่นายสงสัยว่าคนที่นอนกอดนายกลมอยู่ตลอดสองชั่วโมงเป็นคนจุดไฟเผาบ้านที่อยู่ห่างออกไปเป็นสิบไมล์?” วิเวียนเลิกคิ้ว “ไม่รู้สิวู้ดส์ ฉันคิดว่านายแค่ต้องการข้ออ้างไม่ให้ตัวเองถลำลึกไปกับความรู้สึกที่มีให้เดเมียนตอนนี้มากกว่า”



“นั่นมัน...ฉัน...” โรเวนนึกเกลียดสีผิวขาวซีดของตัวเองที่ทำให้ทุกคนสามารถมองออกอย่างง่ายดายว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำ รอยยิ้มรู้ทันของวิเวียนยิ่งทำให้เขานึกอยากให้ธรณีแยกออกแล้วสูบเขาหายไปจากตรงนี้ในตอนนี้ “มันคนละเรื่องกัน”



“เหรอ...” เด็กสาวลากเสียงแซว ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนตั้งท่าจะลุกหนีไปด้วยความอับอาย “ฮ่าๆๆ โอเคๆ ฉันจะจริงจังแล้ว นายอยากได้ข้อพิสูจน์ใช่มั้ยว่าที่รักของนายไม่ใช่คนร้ายวางเพลิง ฉันว่านี่น่าจะช่วยไขความกระจ่างได้นะ”



โรเวนนั่งกลับลงมาอย่างสงสัย วิเวียนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเปิดคลิปวีดีโอแล้วยื่นให้เขาดู ในคลิปแสดงภาพของเด็กหนุ่มสองคนที่เขาจำได้ว่าคืออีธานและเคเลบกำลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงโดยมีลิซซี่ยืนอยู่ไม่ไกล




“อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆน่า” เคเลบไหวไหล่



“นายยังกล้าพูดอย่างนั้นอยู่อีกเหรอ เมื่อกี้ฉันเห็นคาตาว่านายแลกลิ้นกับลิซซี่อยู่ตรงนั้น!” อีธานตะเบ็งเสียงอย่างมีน้ำโห



“หนุ่มๆ อย่าทะเลาะกันเพราะฉันเลย” ลิซซี่พยายามไกล่เกลี่ย แม้ว่าสีหน้าของเด็กสาวจะดูพึงพอใจอย่างไม่ปิดบังที่มีผู้ชายสองคนแย่งเธอ โดยเฉพาะเมื่อชายสองคนที่ว่านั้นคือนักฟุตบอลโรงเรียนรูปหล่อที่สาวๆหมายตา



ทุกอย่างในคลิปดูเหมือนการทะเลาะกันของเด็กมัธยมปลายธรรมดาจนกระทั่งอีธานง้างหมัดต่อยเคเลบเข้าที่หน้าจนอีกฝ่ายเซถลาไปชนกับกองขวดใส่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงถังเบียร์อัดแก๊สที่วางอยู่หน้าเตาผิงที่กำลังปะทุไฟอย่างพอดิบพอดี แรงระเบิดจากแก๊สที่โดนความร้อนทำให้ผู้คนในงานรวมถึงคนที่ถือกล้องรีบวิ่งหนีออกมาจากบ้าน นอกจากภาพความชุลมุนวุ่นวายโรเวนได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของเพื่อนร่วมชั้นและเสียงเปลวไฟที่กลืนกินทุกสิ่งราวกับมีชีวิตขึ้นมา



“เป็นไง ยังคิดว่าแฟนนายมีเอี่ยวอยู่อีกมั้ย?” วิเวียนเลิกคิ้ว



“จะให้พูดกี่ครั้งว่าหมอนั่นไม่ใช่แฟนฉัน” โรเวนบ่นอุบ



พวกเขานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงอาหารที่ถูกจัดไว้เป็นที่นั่งทานอาหารในช่วงพักกลางวัน เดเมียนถูกโค้ชเรียกไปคุยทำให้ร่างสูงต้องเอาแซนด์วิชไปกินที่โรงพละ โรเวนคิดว่าเด็กหนุ่มผมบลอนด์ดูจะไม่สบอารมณ์นักที่ถูกรบกวนเวลาพัก แต่คำแซวของวิเวียนที่ว่าเดเมียนหงุดหงิดเพราะถูกกินเวลาที่ได้อยู่กับเขาทำให้โรเวนรู้สึกแก้มร้อนๆขึ้นมา



“เฮ้ ดูนั่นสิ”



วิเวียนพยักเพยิดไปทางอาคารเรียน ในแวบแรกโรเวนไม่รู้ว่าเด็กสาวต้องการให้เขาเห็นอะไร จนกระทั่งดวงตาสีมรกตเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินชมอาคารกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน



แม้จะอยู่อีกฟากของสนาม แต่โรเวนยังคงสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเข้ารูปอวดกล้ามเนื้อภายใต้เนื้อผ้าหนาอย่างมีชั้นเชิงชนิดที่มีเพียงสูทสั่งตัดเท่านั้นที่สามารถทำได้ เส้นผมสีดำถูกหวีเรียบเป็นทรง ไม่มีเส้นผมสักเส้นที่ออกนอกลู่นอกทาง ดวงตาสีรัตติกาลภายใต้กรอบแว่นแม้จะอยู่ห่างไกลแต่กลับเป็นสิ่งที่สะดุดตาที่สุดในตัวตนของชายหนุ่ม



โดยเฉพาะเมื่อดวงตาคู่นั้นหันกลับมาสบตาเขาราวกับรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ โรเวนรีบหันกลับมาหาเพื่อนด้วยไม่อยากถูกจับได้ว่าแอบมอง



“รู้สึกมั้ยว่ามาตรฐานหน้าตาผู้ชายในโรงเรียนเราดูจะสูงขึ้นตั้งแต่แฟนนายเข้ามา” วิเวียนตั้งข้อสังเกต “อาจารย์ใหม่รึเปล่านะ?”



โรเวนไหวไหล่ ไม่ได้สนใจมากนักว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร



“รีบไปกันเถอะ ต่อไปคาบประวัติศาสตร์ใช่มั้ย?”



พวกเขาเก็บสัมภาระของตัวเองแล้วลุกจากที่นั่ง ตรงไปยังอาคารเรียนเพื่อให้ทันกริ่งเข้าเรียนในวิชาถัดไป









“ใบนี้ของลิซซี่นะ”



โรเวนพยักหน้าพร้อมกับรับการ์ดอวยพรใบที่สี่ที่ถูกส่งต่อกันมาเพื่อให้ทุกคนในห้องได้เขียนคำอวยพรของตนให้เพื่อนร่วมชั้นที่ยังคงอาการสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล บ้านของลิซซี่ไหม้เป็นตอตะโก ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นพ่อของเธอยังถูกบริษัทของตัวเองฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง ยักยอกเงินในบริษัทในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว มารดาของเด็กสาวไม่คิดที่จะมาดูดำดูดีลูกสาว หนีตามชู้รักของตนไปทันทีที่ทราบข่าวการฟ้องร้องของสามี



โรเวนถอนหายใจอย่างนึกสงสารเด็กสาว ก่อนจะเขียนคำว่า ‘หายไวๆนะลิซซี่’ ลงบนกระดาษแข็งสีแผ่นใหญ่แล้วเซ็นต์ชื่อตัวเอง เดเมียนชะโงกหน้ามองข้ามไหล่ของเพื่อนรัก ก่อนจะกระซิบถามเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ



“ทำไมนายถึงทำดีกับเขาล่ะ ทั้งๆที่คนพวกนี้ไม่เคยทำดีกับนายเลยซักครั้ง”



แม้หลักฐานในวีดีโอที่วิเวียนเปิดให้เขาดูจะบอกชัดว่าเดเมียนไม่มีทางเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ที่ทำให้เพื่อนร่วมชั้นของเขาบาดเจ็บสาหัสได้ แต่คำถามนั้นก็ยังคงทำให้โรเวนรู้สึกใจอไม่ดีกับความคิดของเพื่อนสนิทอยู่ดี



“อย่าโง่น่า ต่อให้คนพวกนี้จะทำตัวไม่ดียังไง ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนอื่นหรอกนะ” โรเวนเคาะหน้าผากของคนที่แทบจะเอาคางมาเกยไหล่ตัวเองเบาๆเป็นเชิงตำหนิ “ต่อให้ใครจะทำตัวแย่แค่ไหน ก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้เราซ้ำเติมเขาในวันที่เขาตกต่ำ เพราะมันทำให้เราไม่ต่างจากคนอย่างเขาเลย เข้าใจมั้ย?”



“อื้อ...” เดเมียนลูบหน้าผากที่ขึ้นสีแดงจากมะเหงกเมื่อครู่ป้อยๆ แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ถือสา “นายเนี่ย เป็นคนดีจังเลยนะ”



“แน่นอน” โรเวนไหวไหล่ “ให้โลกนี้มีคนดีๆอย่างฉันไว้ถ่วงน้ำหนักประชากรบ้างเถอะ”



เดเมียนหัวเราะ เอื้อมมือไปหยิบการ์ดของเคเลบที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะของเขามาเขียนคำอวยพรของตัวเองบ้้าง



“นั่นสินะ ถ้าโลกนี้มีแต่คนอย่างนายทุกคนก็คงจะดี”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นนรกคงต้องปิดกิจการแล้วล่ะ” โรเวนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง เดเมียนอมยิ้มมองเขาด้วยสายตาขบขัน
“ฉันว่านั่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไหร่นะ”



โรเวนกลอกตา แล้วหันกลับไปสนใจการ์ดใบอื่นๆต่อ



“ฉันได้ยินว่าอาจารย์สมิธเพิ่งถูกพักงานไปล่ะ เห็นว่าถูกจับได้คาหนังคาเขาเลยว่าแอบเสพยาในห้องพักอาจารย์”



โรเวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ข้างหน้าตัวเองซุบซิบกัน เด็กหนุ่มหันไปหาเดเมียน แต่เด็กหนุ่มข้างๆเขาก็ส่ายหน้าไม่รู้เรื่องเช่นกัน



“ถ้าอย่างนั้นใครจะสอนคาบนี้ล่ะ?” เด็กสาวที่นั่งหน้าเขาถาม



ราวกับได้ยินคำถามของเด็กสาว ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้อง โรเวนหันไปหาวิเวียนที่หันขวับมามองเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น



“ขอโทษครับที่มาสาย พอดีผมหาห้องไม่เจอ”



ชายหนุ่มที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้เอ่ยขอโทษพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆในห้องถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเพ้อฝันอย่างพร้อมเพรียงกัน คนตรงหน้ายิ่งได้เห็นในระยะใกล้แบบนี้ยิ่งไม่มีข้อสงสัยถึงความหน้าตาดีของอีกฝ่าย หากจะให้เทียบกับเดเมียนที่ในตอนนี้โค่นตำแหน่งหนุ่มฮอตของโรงเรียนไปจากมาร์คัสอย่างง่ายดาย คงต้องบอกว่าสองคนนี้กินกันไม่ลง



เดเมียนนั้นเหมือนเจ้าชายรูปงามที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย ในขณะที่คนตรงหน้าดูเหมือนปีศาจหนุ่มรูปงามจากนวนิยายแฟนตาซีที่เด็กสาววัยรุ่นชื่นชอบกันนักหนา อันตราย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดึงดูดสายตา



และจากข้อสังเกตนั้น ทำให้โรเวนนึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงคิดว่าตัวเองชอบผู้หญิงตั้งแต่ต้น



“ผมชื่อเฮเดน มิลเลอร์ส เนื่องจากครูสมิธมีเหตุจำเป็นต้องหยุดการสอนอย่างไม่มีกำหนด ผมจะเป็นอาจารย์สอนแทนวิชาประวัติศาสตร์ของพวกคุณในเทอมนี้”



กึก!



เสียงเหมือนแท่งพลาสติกถูกหักเป็นสองท่อนทำให้โรเวนหันไปตามต้นเสียง เดเมียนที่นั่งอยู่ข้างเขายังคงจ้องมองอาจารย์ใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มือของร่างสูงกลับชุ่มไปด้วยน้ำหมึกจากปากกาที่หักเป็นสองท่อน เด็กหนุ่มผมบลอนด์เก็บปากกาแท่งนั้นใส่ใต้โต๊ะเรียนราวกับเป็นเรื่องปกติ โรเวนที่ไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสิ่งที่เห็นหยิบกระดาษทิชชู่ในกระเป๋ายื่นให้เพื่อนสนิทอย่างงุนงง



“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มบทเรียนกันเลยดีกว่า เปิดหนังสือไปที่บทที่สองนะครับ...”



โรเวนเปิดตำราเรียนของตัวเองและหยิบสมุดขึ้นมาเตรียมจดเนื้อหา ต่อให้คนที่ไม่ได้สนใจเรียนอะไรยังรู้สึกว่าบรรยากาศของการเรียนในวันนี้ดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวๆที่ดูจะตั้งใจเรียนกันจนออกนอกหน้าแทบจะทุกคน



“คุณคอลลินส์ สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มต้นเมื่อปีไหนครับ?”



“ค.ศ. 1914”



น้ำเสียงมึนตึงอย่างไม่ปิดบังของเดเมียนทำให้โรเวนหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสับสน แต่สีหน้าของเดเมียนยังคงไม่บ่งบอกอารมณ์ เฮเดนพยักหน้าแล้วหันกลับไปขีดเขียนข้อความลงบนกระดานต่อ โรเวนไม่มั่นใจว่าบทเรียนเชื่อมโยงจากสงครมโลกครั้งที่หนึ่งไปยังแม่น้ำต่างๆในโลกได้อย่างไร แต่นี่เป็นอีกครั้งที่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของอาจารย์หนุ่มมาหยุดลงที่เดเมียนอีกครั้ง



“...และนั่นคือความสำคัญของแม่น้ำฮวงโห คุณคอลลินส์ พอจะตอบได้มั้ยครับว่าแม่น้ำฮวงโหไหลผ่านมณฑลไหนของ
ประเทศจีนบ้าง”



โรเวนอ้าปากค้าง อย่าว่าแต่มณฑลไหนเลย ขนาดเรื่องที่แม่น้ำฮวงโหอยู่ประเทศจีนยังเป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาอยู่เลย



“เหอหนาน หนิงเซี่ย ชิงไห่ เสฉวน กานซู ซานซี แล้วก็มองโกลเลียใน”



ที่หนักไปกว่านั้นคือเดเมียนสามารถตอบคำถามนั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเรื่องที่เด็กมัธยมปลายควรจะท่องได้ขึ้นใจอยู่แล้ว




นี่โรงเรียนทางตอนใต้เขาสอนอะไรให้เด็กในโรงเรียนกันแน่เนี่ย



และหากโรเวนคิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านั้น คำถามต่อไปของอาจารย์หลังจากผ่านไปเพียยงไม่ถึงสิบนาทีพิสูจน์ว่าเขาคิดผิดถนัด



“...และถ้าหากเครื่องบินบินด้วยความเร็ว 500 น็อตส์ คุณจะมาถึงที่นี่ในเวลากี่โมง คุณคอลลินส์?”



“มันเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์ด้วยเหรอครับ?” โรเวนถามแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด ทว่ากริ่งหมดเวลาด้วยขึ้นก่อนที่เฮเดนจะได้ตอบ อาจารย์หนุ่มเพียงแต่ยิ้มแล้วเอ่ยกับทุกคนในห้อง



“คาบหน้าอ่านบทที่สามมาด้วยนะครับ เลิกคลาสได้”



โรเวนลุกขึ้นเก็บของอย่างไม่รู้ว่าจะประมวลผลสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้อย่างไร ข้างๆเขา เดเมียนลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองแล้วก้าวมายืนอยู่หน้าโต๊ะของโรเวน ราวกับจะบังร่างของเด็กหนุ่มจากชายในชุดสูทที่ยังคงยืนพิงขอบโต๊ะของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไปเรียนคลาสต่อไปไม่ทัน”



โรเวนไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของตนกำลังแสดงสีหน้าแบบใดในตอนนี้ แต่จากประสบการณ์เมื่อครู่เด็กหนุ่มคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยให้เดเมียนอยู่กับอาจารย์คนใหม่นี้นานๆ



“รู้จักกันมาก่อนเหรอ?” เด็กหนุ่มผมแดงถามขึ้นหลังจากลากเพื่อนออกมาจากห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดเมียนส่ายหน้า แม้ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายจะไม่ได้ลดความตึงเครียดลง



แน่นอนว่าโรเวนไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากบีบให้เพื่อนสนิทต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมา จึงตัดสินใจปล่อยเดเมียนไปก่อนนตอนนี้



“เย็นนี้ฉันมีซ้อมกับทีม นายจะรอกลับพร้อมฉันมั้ย?” เดเมียนถามขึ้นหลังจากจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นาน โรเวนส่ายหน้า



“ไม่เป็นไร ฉันกลับรถโรงเรียนได้”



เดเมียนมีสีหน้าไม่สบายใจนัก แต่ก็พยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ แม้จะรู้สึกผิด แต่โรเวนก็รู้เช่นกันว่ากว่าทีมฟุตบอลจะเลิกก็หลังตะวันตกดินไปนานแล้ว เขาไม่อยากอยู่ในโรงเรียนนานเกินกว่าความจำเป็นนัก



โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มีแต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวเขาไม่หยุดหย่อนแบบนี้









เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน โรเวนก็ถูกทักทายด้วยภาพแปลกตาของบิดาและมารดาของเขาที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทานข้าว
ด้วยอาชีพของเนธาน โรเวนไม่ค่อยจะแปลกใจนักที่เห็นพ่อของตัวเองนั่งกุมขมับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่แม่ของเขามักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ และนั่นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา



“พ่อครับ แม่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?”



“โรเวน มาพอดีเลยลูก นั่งก่อนสิ” ซาราห์เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกชาย “พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย”




โรเวนวางกระเป๋าเป้ไว้ที่พื้นแล้วเดินไปหาผู้ปกครองทั้งสองคน เนธานถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยกับลูกชายด้วยสีหน้าอมทุกข์
“ตอนนี้ คดีอาชญากรรมในเมืองเราพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ที่สถานีตอนนี้แทบไม่มีห้องขังเหลืออยู่ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานล่วงเวลากันเป็นว่าเล่น” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจ “พ่อไม่ค่อยสบายใจที่จะให้พวกลูกไปไหนมาไหนหลังฟ้ามืดเท่าไหร่ ช่วงนี้ยังไงถ้าเป็นไปได้เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยนะ จะไปไหนก็ให้ไปเป็นกลุ่ม”



“ทำตัวติดกับเดเมียนไว้นะลูก ยังไงอยู่กันสองคนก็ดีกว่าอยู่คนเดียว” ซาราห์เสริมด้วยสีหน้าไม่สบายใจ




โรเวนพยักหน้ารับปากบิดามารดาด้วยไม่อยากให้คนทั้งคู่เป็นกังวล ถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากจะปล่อยให้เดเมียนที่เหมือนกับตู้เอทีเอ็มเดินได้ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลาแบบนี้อยู่แล้ว



เสียงออดที่ดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนไปยังหน้าประตูบ้าน



“คงเป็นอาจารย์พิเศษที่แม่ติดต่อไว้สำหรับไรลีย์ล่ะมั้ง” ซาราห์เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ โรเวนพยักหน้าก่อนจะลุกไปยังประตูบ้านของตัวเอง ที่ด้านหลัง เขาได้ยินเสียงมารดาร้องเรียกน้องชายให้ลงมาข้างล่าง



เด็กหนุ่มเปิดประตู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูนั้นเป็นใคร



“อ้าว สวัสดีครับ คุณวู้ดส์” เฮเดนยิ้มให้เขา ร่างสูงยังคงอยู่ในชุดสูทตัวเดิมที่โรเวนเห็นที่โรงเรียน “บังเอิญจังเลยนะครับ”



“อาจารย์...”



“อาจารย์มิลเลอร์ส เชิญเลยค่ะ ไรลีย์ ไปรินน้ำมาให้อาจารย์สิจ๊ะ” ซาราห์ที่มายืนอยู่ข้างโรเวนตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้ยื่นมือออกมาจับทักทายแล้วเชิญร่างสูงเข้ามาในบ้าน โรเวนทำได้เพียงยืนนิ่งมองอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ของตนก้าวเข้ามาในบ้านอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร



แต่ที่เขารู้...คือเดเมียนจะต้องไม่ชอบเรื่องนี้แน่ๆ


-------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อาจารย์ คนใหม่เค้ายังไง? ขอบคุณที่มาต่อจ้า^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เฮเดส  มาจากนรก?

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อาจารย์คนใหม่มาจากนรกด้วย?

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด