พิมพ์หน้านี้ - Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: littlepig ที่ 18-05-2019 13:32:51

หัวข้อ: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 18-05-2019 13:32:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

____

-----------

คลังนิยายของข้าพเจ้า

 :L2: จบแล้ว  :L2:

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58878.msg3600724#msg3600724 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58878.msg3600724#msg3600724) Which one? รัก||หลอก||เด็ก (แนวกินเด็กและโดนเด็กกิน)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58331.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58331.0)Blind side รัก || ของ || แว่น(แนวแอบรัก)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59401.0ํ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59401.0ํ)Your Stranger รัก||ไม่||ลืม (แนวความจำเสื่อม)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60332.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60332.0)How to fall in love with your boss คู่มือการเป็นเลขาฉบับเกือบสมบูรณ์ (แนวแอบรัก)


  :L1: ยังไม่จบ  :L1:

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66195.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66195.0) Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) (แนวโดนเด็กกิน) rewrite อยู่ coming soon

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70320.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70320.0) Soulmate From Hell ด้วยรักจากนรก (แนวแฟนตาซี)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70468.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70468.0) #Newyou สามสิบวันรับประกันคุณคนใหม่
หัวข้อ: Re: [Urban fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 18-05-2019 13:36:22
Intro: In which blood rains from the sky.

โรเวน วู้ดส์ ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ


ถึงแม้น้องชายและน้องสาวของเขาจะชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับโลกแห่งเวทมนต์ อาณาจักรแฟนตาซี หรือสงครามแห่งพลังในจักรวาลที่ห่างไกลจากพวกเขาไปหลายปีแสงมากแค่ไหน โรเวนยังคงเชื่อว่าโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นดำรงอยู่ได้ด้วยแร่ธาตุในดินและขั้วประจุในอากาศ สำหรับเขา สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์คือสิ่งที่ความคิดและจินตนาการของมนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง


และนั่นทำให้เขาเกือบทำแก้วกาแฟที่กำลังเช็ดอยู่หลุดมือเมื่อเขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ก้าวเข้ามาในร้านกาแฟที่เขาทำงานพิเศษอยู่



ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทสั่งตัดเข้ารูปตั้งแต่หัวจรดเท้านอกจากเนคไทค์สีแดงสดเดินตรงมาหาเข้า เส้นผมสีบลอนด์เป็นประกายล้อแสงไฟเช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าซีดที่เขาไม่สามารถเปรียบสีนั้นกับสีของสิ่งใดบนโลกที่เขาเคยเห็น แต่กลับรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด เป็นความงดงามที่นอกจากธรรมชาติแล้วไม่มีสิ่งใดสามารถปรุงแต่งมันขึ้นมาได้


งดงาม คงต้องบอกว่าคำนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถบรรยายคน…ไม่สิ สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขา ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงระเรื่อ คิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด่งเป็นสันตรง แม้แต่โหนกแก้มและสันกรามของอีกฝ่ายยังเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาตำหนิได้ และดูจากการที่ทุกสายตาในร้านที่มองตามการเคลื่อนไหวราวกับนกยูงรำแพนหางอวดสีสันราวกับต้องมนต์สะกด โรเวน
คิดว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น



“ขอโทษที่ทำให้พื้นเลอะนะครับ จู่ๆฝนก็เทลงมา ผมเลยไม่ได้พกร่มมาด้วย…”



ร่างสูงในชุดสูทเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจ แค่เสียงของเทพบุตรตรงหน้าเขาก็สามารถทำให้คนฟังพยักหน้าตามอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดว่าอะไร ขนาดโรเวนที่ไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกันยังอดเคลิ้มตามเสียงนุ่มอบอุ่นนั้นไม่ได้



“ไม่เป็นไรครับคุณลูกค้า รับอะไรดีครับ”



เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบบาริสต้าของร้านถาม โรเวนรู้ตัวว่าบุคลิกของเขาไม่ใช่คนร่าเริงที่สุด แต่เขามักจะพยายามใช้น้ำเสียงที่สุภาพที่สุดเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกไม่ได้รับการต้อนรับ สิ่งมีชีวิตตรงหน้าเขาเอียงคอ ดวงตาสีฟ้าซีดไม่เคยละไปจากเขา ราวกับรอให้โรเวนเป็นฝ่ายพูดอะไรสักอย่าง



“คุณลูกค้าครับ?”



แม้จะไม่มีใครต่อแถวอยู่ แต่เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกอยากจะใช้เวลาสนทนากับสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่สามารถระบุสายพันธุ์ตรงหน้าของตัวเองนานกว่านี้



“มีอะไรแนะนำมั้ยครับ?” รอยยิ้มของร่างตรงหน้ามีพลังทำลายล้างสูงกว่าแววตาที่เหมือนกับจะสูบเอาวิญญาณของเขาออกไปจากร่างอยู่มาก สังเกตได้จากพนักงานสาวหลังเคาท์เตอร์ที่เข่าอ่อนจนต้องคว้าตัวเคาท์เตอร์ไว้ก็น่าจะพอรู้ โรเวนเลียริมฝีปาก รู้สึกประหม่ากับสายตาที่จดจ้องมาที่เขาเพียงคนเดียวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



“เอ่อ…วันนี้เมนูพิเศษของทางร้านมี…”



“…ของคุณล่ะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขัด โรเวนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่คนถามจะขยายความให้ “ผมอยากได้เครื่องดื่มที่คุณแนะนำมากกว่า”



“ผมไม่ดื่มกาแฟครับ ถ้าจะให้แนะนำคงจะเป็นนมร้อนหรือชามากกว่า” อา…ถ้าผู้จัดการร้านมาได้ยินเขาคงโดนหักเงินค่าจ้างงวดนี้แน่ๆ



“ถ้าอย่างนั้นผมขอนมร้อนหนึ่งแก้ว กับเอสเพรสโซ่ร้อนหนึ่งแก้ว กลับบ้านครับ”



“ทั้งหมดสี่ดอลลาห์สิบห้าเซ็นต์ครับ” โรเวนกดรายการเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่งแล้วเงยหน้าขึ้นบอก ร่างสูงหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยดอลลาห์ออกมาจากกระเป๋าเงินของตน พร้อมกับธนบัตรห้าดอลลาห์อีกใบยื่นให้เขา



“เอ่อ…แค่ใบห้าดอลลาห์ก็พอครับคุณลูกค้า”



“เก็บไว้เถอะครับ…” ชายปริศนาวางธนบัตรทั้งสองใบลงบนเคาท์เตอร์ รับเครื่องดื่มจากพนักงานสาวที่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้เขาจนออกนอกหน้าแล้วหันมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “ไว้คุณจำผมได้แล้วค่อยคืนก็ยังไม่สาย”


“หือ? คุณ…”



สมองของเขามัวแต่ประมวลผลคำพูดของอีกฝ่ายจนเจ้าของประโยคหายไปในพายุฝนด้านนอกถึงไม่นึกได้ว่าธนบัตรร้อยดอลลาห์ที่เกินมายังคงวางอยู่ตรงหน้าของเขา เด็กหนุ่มเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง รอคืนให้กับเจ้าของหากคนคนนั้นย้อนกลับมา



โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องจำเขาสลับกับใครสักคน



เพราะไม่มีทางที่เขาจะรู้จักคนแบบนี้แล้วนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครแน่








“กลับมาแล้วครับ”



“แม่กำลังจะโทรไปถามอยู่เลยว่าจะให้พ่อเขาไปรับมั้ย ข้างนอกฝนตกหนักเลยใช่มั้ยจ๊ะ”


ซาราห์ มารดาของโรเวนก้าวออกมาจากในครัวทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายคนโตกลับมาถึงบ้าน ครอบครัวของเขาก็เหมือนกับครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปในบ้านเดี่ยวขนาดกลางในเมืองเล็กๆที่เพื่อนบ้านทุกคนรู้จักกัน พ่อของเขาเป็นตำรวจสืบสวนของสถานีตำรวจแห่งเดียวในเมือง ส่วนแม่ของเขาอยู่บ้านคอยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน น้องชายและน้องสาวของเขาซึ่งเป็นฝาแฝดกันอยู่เกรดแปด กำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้นและหาเรื่องซุกซนให้มารดาขอวเขาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ธรรมดาที่หาความแตกต่างจากทุกครอบครัวในละแวกนี้ไม่เจอ


“จริงสิ คฤหาสน์ที่อยู่เยื้องหลังบ้านเราไปมีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้เอาพายแอปเปิ้ลไปเป็นของขวัญต้อนรับพวกเขาให้แม่หน่อยนะโรเวน”


“อะไรนะครับ บ้านผีสิงนั่นมีคนมาอยู่ด้วยเหรอ?” ไรลีย์ น้องชายของเขาตะโกนถามจากชั้นบนของบ้านอย่างแตกตื่น ซาราห์
ส่ายหน้ากับกิริยาของลูกชายคนเล็ก เท้าเอวแหงนหน้าขึ้นมองเด็กชายอย่างไม่พอใจ



“อย่าเรียกบ้านนั้นแบบนั้นให้ใครได้ยินนะไรลีย์!” หญิงสาวหันกลับมาหาโรเวนด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ดีจริงๆที่มีคนมาอยู่ซักที แม่เดินผ่านบ้านหลังนั้นตอนไปโบสถ์ทีไรก็ไม่กล้าหันไปมองมันซักที เฮ้อ คนที่มาซื้อบ้านหลังนั้นต่อเขาจะรู้มั้ยนะว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในนั้น”



โรเวนต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยคิดว่าบ้านหลังนั้นจะมีใครย้ายเข้ามา ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในนั้นเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ยังคงเชื่อว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ถอดแบบมาจากคฤหาสน์ผีสิงนั้นไม่ใช่จุดขายที่ดีสักเท่าไหร่


ภาพของเด็กชายผมสีบลอนด์สว่างที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขาในวัยสิบปีผุดขึ้นมาในหัว โรเวนส่ายหน้า เขาเหนื่อยเกินกว่าจะปล่อยให้ฝันร้ายที่ต้องใช้ค่าจิตแพทย์ราคาแพงหูฉี่กว่าเขาจะสามารถอยู่ร่วมกับมันได้อย่างสงบสุขกลับมา
ทำให้ตารางชีวิตของเขาต้องปั่นป่วนอีกครั้ง


เด็กหนุ่มก้าวขึ้นบ้านไดที่เริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามการเวลา ขยี้กลุ่มผมนุ่มสีแดงเพลิงของน้องชายที่ยืนเกาะราวบันไดเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง



โรเวนวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นแล้วทรุดตัวลงบนเตียง ห้องของเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากทุกวันที่ผ่านมา เตียงเดี่ยวปูผ้าปูที่นอนสีเทาเรียบ โต๊ะเขียนหนังสือที่มีโน๊ตบุ๊คกับสมุดหนังสือเรียนวางอยู่ไม่กี่เล่ม ชั้นหนังสือมีหนังสือการ์ตูน แผ่นดีวีดี และเครื่องแล่นเกมส์วางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบนัก กางเกงนอนที่เขาถอดทิ้งไว้เมื่อเช้ายังคงวางกองอยู่ปลายเตียง



แต่สิ่งที่แปลกไปจากทุกวัน คือภายนอกหน้าต่างของห้องนอน ที่มักจะมีเพียงทิวทัศน์ของคฤหาสน์สูงสามชั้นครึ่งซึ่งไร้แววของการมีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยมานานหล่ยปีกลับมีไฟเปิดสว่างหลายแห่ง และหนึ่งในนั้น คือห้องของเด็กชายผมบลอนด์ที่หน้าต่างห้องตรงกับหน้าต่างห้องของโรเวนอย่างพอดิบพอดี



“ไว้คุณจำผมได้แล้วค่อยคืนก็ยังไม่สาย…”



ภาพของชายผมบลอนด์ที่ทิ้งธนบัตรหนึ่งร้อยดอลลาห์ไว้บนเคาท์เตอร์ร้านราวกับเศษกระดาษย้อนกลับเข้ามาในหัว และในตอนนั้นเองที่โรเวนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวภายในห้อง



ราวกับร่างกายของเขาไม่ยอมฟังคำสั่งเขาอีกต่อไป โรเวนก้าวไปยังหน้าต่างห้องของตัวเองอย่างเชื่องช้า เช่นเดียวกับเงาร่างจากอีกฝั่งของหน้าต่างที่ขยับเข้ามาใกล้



ชายผมบลอนด์คนเดียวกับในร้านกาแฟเปิดหน้าต่างห้องของตัวเองออก ดวงตาสีฟ้าซีดที่ในตอนนี้โรเวนจำได้แล้วว่าเขาเคยเห็นที่ไหนจ้องตรงมาที่เขาราวกับรู้อยู่แล้วว่าตนกำลังถูกมอง



ร่างสูงขยับยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้โรเวนรู้สึกถึงขนอ่อนหลังคอที่ลุกซู่ และรู้สึกอุ่นวาบในอกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน



คนตรงหน้าเขาก้มลงหยิบอะไรบ้างอย่างออกมาจากกล่องกระดาษที่วางอยู่บนพื้น โรเวนจำตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลซอมซ่อตัวนั้นได้ดีแม้ว่าหูปุกปุยของมันจะแหว่งหายไปข้างหนึ่ง ตุ๊กตาที่เคยถูกซุกไว้ในตู้เสื้อผ้าของเขาหลังจากได้รับมันเป็นของขวัญวันเกิดจากย่า ก่อนที่เขาจะมอบมันให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของตัวเอง



แม่ของเขาเข้าใจผิด คฤหาสน์หลังนั้นไม่ได้มีเจ้าของใหม่



โรเวนทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นแม้ว่าจะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก


เจ็ดปีที่เฝ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง


เจ็ดปีที่รอคอยหน้าตู้จดหมาย



เจ็ดปีที่ยังคงแอบซ่อนความหวังลึกๆว่าสักวันเขาจะได้เอ่ยคำขอโทษกับคนที่เขาสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป



เจ็ดปีหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ในที่สุด เดเมียน คอลลินส์ ก็กลับมา


---------


มาแนวแฟนตาซีกันบ้าง กราบสวัสดีนักอ่านทุกท่านทั้งแฟนคลับดั้งเดิมและนักอ่านหน้าใหม่ ขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนานนะคะ หมูน้อยรักทุกท่านเหมือนเดิมเลย :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [Modern fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Intro
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 18-05-2019 20:08:49
Chapter 1: In which what goes around actually comes around.


กิ๊ง…ก่อง…



“ครับ…โอ๊ย!”



สิ่งแรกที่โรเวนทำหลังจากเดเมียนเปิดประตูให้คือเหวี่ยงกระเป๋าเป้คู่ใจใส่เพื่อนสนิทสมัยเด็กเท่าที่แขนผอมแห้งเก้งก้างของตนจะมีแรง



“กลับมาทำไมไม่บอก? แล้วหายหัวไปไหนมาตั้งเจ็ดปี? นี่สนุกมากใช่มั้ยที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงน่ะ?!”



“กระเป๋าเป้นายใส่อะไรมาบ้างเนี่ย”


นอกจากจะไม่สำนึกแล้ว เดเมียนยังลูบแขนที่ถูกตีป้อยๆพร้อมเบ้ปากราวกับตัวเองไม่ใช่คนที่ทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบบ้า ร่างสูงอยู่ในเสื้อยืดหลวมโพรกที่น่าจะผ่านการซักมาไม่ต่ำกว่าร้อยรอบและกางเกงขาสั้นตัวบางที่ไม่ค่อยจะปกปิดอะไรเท่า
ไหร่ แต่โรเวนในตอนนี้หงุดหงิดเกินกว่าจะเอ่ยทัก



“แม่ฉันทำพายมาให้ เขาคิดว่านายเป็นเพื่อนบ้านใหม่”



เด็กหนุ่มยื่นกล่องใส่พายแอปเปิ้ลฝีมือมารดาให้อีกฝ่าย แม้จะโมโหแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นเพื่อนสนิทดู…ปกติดี



“เยส! ถ้ามันทำให้ฉันได้กินพายของคุณน้าซาราห์ ฉันยอมเป็นเพื่อนบ้านใหม่ก็ได้”



เดเมียนยิ้มร่าราวกับเด็กได้ขนม ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ



“แล้ว…ตกลงเกิดอะไรขึ้น นายไปอยู่ไหนมา แล้วทำไมจู่ๆถึงได้กลับมา…”



โรเวนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ในวันสุดท้ายที่พวกเขาได้พบกัน ซึ่งดูเหมือนเดเมียนก็ไม่คิดจะพูดถึงมันเช่นกัน



“นักสังคมสงเคราะห์พาฉันไปที่บ้านพักชั่วคราว ฉันอยู่ที่นั่นได้ประมาณสองสามวัน คนพวกนั้นก็บอกว่าพ่อของฉันจะมารับฉันไปอยู่ด้วย”



เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทรุดตัวลงบนโซฟาที่ยังไม่ดึงผ้าคบุมออกแล้วใช้มือเปล่าหยิบขนมอบที่มารดาของเขาตัดแบ่งไว้อย่างสวยงามขึ้นมางับคำโต



“เดี๋ยวก็ลิ้นพองหรอก…” โรเวนเตือนอย่างอ่อนใจแม้จะรู้ว่าเจ้าเพื่อนคนนี้มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวดน้อยกว่าชาวบ้านชาวช่องหลายขุม “พ่อที่ว่านี่…พ่อแท้ๆของนายน่ะเหรอ?”



เท่าที่เขารู้ พ่อของเดเมียนไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และนั่นเป็นหนึ่งในตัวจุดประกายข่าวลือที่ว่ามารดาของเด็กหนุ่มเป็นภรรยาเก็บของมหาเศรษฐี ซึ่งขนาดของบ้านที่ใหญ่เดินกว่าจะจุคนเพียงสองคนและใบหน้างดงามราวกับนางฟ้ามาจุติของหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้เรื่องดีขึ้น



“อืม…พ่อรู้ข่าว เลยพาฉันไปอยู่ด้วย เรื่องก็มีอยู่แค่นั้นแหละ” เด็กหนุ่มยัดพายคำโตเข้าปากอีกครั้ง เคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มทั้งสองข้างพองกลม ไม่เหลือภาพเทพบุตรที่ก้าวเข้ามาในร้านกาแฟเมื่อวานสักนิด



แล้วทำไมถึงไม่คิดจะติดต่อกลับมา…



ไม่รู้ทำไมคำถามนั่นถึงไม่ยอมหลุดออกมาจากปากเขา โรเวนกระแอมกระไอเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม



“แล้วนายไปอยู่ที่ไหน? ทำไมจู่ๆถึงได้ย้ายกลับมาล่ะ”


“ที่ทำงานพ่อฉันอยู่แถวทางตอนใต้น่ะ” เดเมียนกลืนพายลงคอแล้วหยิบอีกชิ้นขึ้นมา “ที่ฉันย้ายกลับมาเพราะพ่อบอกว่าฉันโตพอจะตัดสินใจเองได้แล้วว่าอยากอยู่ที่ไหน ฉันเลยขอกลับมาที่นี่”



โรเวนจ้องมองคนที่สวาปามขนมในมืออย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาสับสน เขาคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นที่สุดท้ายบนโลกที่เดเมียนอยากจะก้าวเข้ามาเหยียบเสียอีก



“แต่…นายอายุน้อยกว่าฉันอีกไม่ใช่เหรอ ออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้จะดีเหรอ…”



คนที่ยังมีของกินเต็มปากตั้งท่าจะตอบ แต่เสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาจอดหน้าบ้านและเสียงส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นเป็นจังหวะเรียกความสนใจของพวกเขาไปเสียก่อน



“เดเมียน พี่กลับมาแล้ว ซื้อข้าวเช้ามาด้วย รีบๆมากินเร็ว เดี๋ยวจะจัดของไม่เสร็จกัน”



เสียงของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ เส้นผมสีบลอนด์หยักเป็นคลื่นภายใต้หมวกปีกกว้างสีดำสนิททิ้งตัวระเอวคอด แว่นตากันแดดสีดำขนาดใหญ่บดบังครึ่งใบหน้าของเธอ โรเวนรีบลุกขึ้นไปช่วยถือของเช่นเดียวกับเพื่อนสนิท เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้ใกล้ๆ โรเวนถึงกับตกตะลึงกับใบหน้าสวยหวานและดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายภายใต้กรอบแว่น



“โรเวน นี่เซเลสต์ พี่สาวฉัน”



เดเมียนแนะนำ ดวงตาสีฟ้าซีดหรี่ลงอย่างไม่พอใจ โรเวนที่รู้ตัวว่าเผลอน้ำลายหกใส่พี่สาวของเพื่อนสนิทรีบยื่นมือไปจับมือของหญิงสาว



“โรเวน…โรเวนคนนั้นน่ะเหรอ?” เซเลสต์หันไปหาน้องชาย โรเวนไม่รู้ว่าหญิงสาวพูดถึงเรื่องอะไร แต่เมื่อเดเมียนพยักหน้า สิ่งต่อมาที่เขารับรู้คือการที่ตัวเองถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของหญิงสาวที่ตัวสูงแทบจะเท่ากับเขาเมื่อบวกความสูงของส้นรองเท้า ใบหน้าแนบชิดสนิทสนมกับหน้าอกหน้าใจอวบอัดจนแทบหายใจไม่ออก จนกระทั่งเขาถูกกระชากออกมาจากหญิงสาวโดยเดเมียนที่มีสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด



“ขอบใจมากนะที่คอยดูแลเดเมียนมาตลอด ฉันกับพ่อไม่รู้จะตอบแทนเธอยังไง…” เซเลสต์ยิ้ม ไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นของน้องชาย “ถ้าไม่มีเธอ เราจะได้เจอเดเมียนในสภาพแบบไหนก็ไม่รู้”



“เอ่อ…ผมไม่ได้ทำอะไร…” โรเวนพยายามปฏิเสธ แต่เห็นได้ชัดว่าเซเลสต์ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิด



“เธอไม่รู้หรอก…ว่าเธอช่วยพวกเราไว้แค่ไหน”



“เซเลสต์ พี่มีประชุมต่อไม่ใช่เหรอ?”เดเมียนเอ่ยขัด หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าแตกตื่น



“ตายจริง งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้เย็นๆพี่กลับมาช่วย”



แล้วเซเลสต์ก็จ้ำอ้าวจากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับขามา โรเวนมองตามหญิงสาวไปอย่างงุนงง



“ฉันนึกว่านายเป็นลูกคนเดียวซะอีก”


“พี่สาวคนละแม่น่ะ” เดเมียนว่า แววตาที่มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวอ่อนลงพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปาก “เซเลสต์ย้ายมาดูแลบริษัทของพ่อสาขาใกล้ๆนี้ เลยอาสามาดูแลฉัน”



เด็กหนุ่มผมบลอนด์หันกลับมาหาโรเวน ทั้งที่ไม่ได้พบกันมาตั้งเจ็ดปี แต่คนตัวเล็กกว่าค้นพบว่าตัวเองไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าหรือถามคนตรงหน้ามากไปกว่านี้



“วันนี้ฉันว่าง…” โรเวนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ถ้านายอยากได้คนช่วยจัดของ…”



“อื้อ!” คนฟังรีบพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ราวกับกลัวว่าโรเวนจะเปลี่ยนใจขึ้นมากลางคัน


“ให้ตายเถอะ นี่ฉันจินตนาการไอ้ผู้ชายขี้เต๊ะในสูทสั่งตัดเมื่อวานไปเองใช่มั้ย” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนสนิทเบาๆอย่างหมั่นไส้



“นายนี่มันไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด”



เขายังจำได้ดี เด็กชายผมบลอนด์ที่มักจะตามเขาไปทุกที่โดยไม่เคยปริปากบ่นราวกับกลัวว่าจะถูกทิ้งหากทำอะไรให้ไม่
พอใจ ทำให้เขารู้สึกเป็นลูกพี่ใหญ่ที่ปกป้องเด็กตัวกระจ้อยจากโลกอันโหดร้าย



…แม้ว่าเจ้าเด็กตัวกระจ้อยคนนั้นในตอนนี้จะสูงกว่าเขาเกือบฟุตก็ตาม



”วันนั้นฉันต้องเข้าประชุมกับพ่อตอนเช้าน่ะ ใครจะไปคิดว่านายจะจำฉันไม่ได้เลยแบบนั้น” เดเมียนถอนหายใจ ราวกับว่านั่นเป็นความผิดของเขา



“ไม่ใช่ทุกวันหรอกนะที่เพื่อนที่หายหัวไปตั้งเจ็ดปีจะโผล่เข้ามาในที่ทำงานของฉันน่ะ”โรเวนกลอกตา หันไปหาบรรดาลังกระดาษที่วางกองระเกะระกะอยู่เต็มพื้น “มา จะให้ฉันยกอะไรบ้าง”




ตลอดทั้งวัน ดวงตาสีมรกตลอบมองแผ่นหลังของเดเมียนที่ก้มลงยกลังกระดาษกล่องแล้วกล่องเล่า โรเวนไม่มีวันยอมรับออกมา แต่การได้เห็นเดเมียนในตอนนี้ทำให้ม่านหมอกที่ปกคลุมจิตใจของเขามาตลอดหลายปีสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด เขาก็สามารถบอกตัวเองได้ว่าฝันร้ายที่ปลุกเขาขึ้นมานอนร้องไห้หลายต่อหลายคืนนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย



ในความฝัน เดเมียนตกอยู่ในนรกที่มีเพียงไฟบรรลัยกัลป์เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง และสาเหตุที่ทำให้เด็กชายอยู่ในนั้นเป็นเพราะพยายามไม่มากพอ เพราะเขาปกป้องเพื่อนได้ไม่ดีพอ โรเวนทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองอย่างไร้หนทางช่วยเหลือ กรีดร้องขอให้ใครก็ตามที่กักขังเพื่อนของเขาไว้ปล่อยเด็กชายออกมา



“อยากเล่นเกมนี้มั้ย? พ่อฉันได้มาก่อนมันจะวางขายล่ะ” เดเมียนหยิบแผ่นเกมส์ขึ้นมาอวดพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้โรเวน
ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มตาม



“เอาสิ เหลืออีกไม่กี่กล่องแล้วนี่”



ใช่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความกังวลในจิตใจของเขา



เดเมียนได้พบกับครอบครัวที่ดูแลเขาด้วยความรัก และเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มที่มีทุกอย่าเพียบพร้อมตรงหน้า ในตอนนี้เพื่อนของเขามีความสุข และโรเวนก็มีความสุขที่ได้โอกาสที่สองในการเป็นเพื่อนกับเดเมียนอีกครั้ง



ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี…









“โธ่ว้อย! บ้าจริง”




โรเวนสบถ ยืนหอบหายใจมองรถบัสที่เคลื่อนตัวออกไปจากป้ายด้วยความเจ็บใจ เขาไม่ได้อยากไปโรงเรียนสายในวันแรกของการเปิดเทอม แต่เขาก็ไม่คิดที่จะไปโรงเรียนในรถสายตรวจของบิดาให้เป็นที่สนใจของคนรอบข้าง ถึงแม้เขาจะขึ้นมัธยมปลายมาได้สองปีแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้การตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งลดลงแต่อย่างใด




อาจเป็นเพราะรูปร่างผอมบางเก้งก้าง ผิวสีขาวซีด และเส้นผมสีแดงเพลิงยุ่งเหยิงยาวระต้นคอที่เขามักจะรวบไว้เป็นหางม้าลวกๆ หรืออาจเป็นเพราะบุคคลิกที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครของเขา



หรือไม่…ก็อาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าเขาเคยเป็นเพื่อนกับ’เด็กปีศาจ’ที่ทำให้แม่ตัวเองฆ่าตัวตายก็เป็นได้



โรเวนได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครสังเกตว่าผู้อาศัยใหม่ของคฤหาสน์หลังนั้นคือ ‘เด็กปีศาจ’ที่คนในเมืองนำเป็นเรื่องเล่าตำนานสยองขวัญอย่างสนุกปากคนนั้น



“เฮ้ หนุ่มน้อย สนใจติดรถมั้ยจ๊ะ”



เสียงหวานคุ้นหูทำให้โรเวนหันขวับไปทางต้นเสียง เซเลสต์โบกมือให้เขาจากรถเปิดประทุนสีแดงคันหรู ข้างกันนั้น เดเมียนในชุดเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ฟอกยี่ห้อดังกำลังงับแซนด์วิชคำโตเคี้ยวตุ้ยๆ ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องเขารอคำตอบ ที่ข้างขาของเด็กหนุ่มมีประเป๋าเป้แบรนด์เนมวางอยู่บนพื้นรถ ทำเอาคนมองอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงพ่อของเดเมียนทำงานอะไรกันแน่



“คือ…ผมจะไปโรงเรียนน่ะครับ…”



“มัธยมปลายนอร์ธฮิลใช่มั้ย ทางเดียวกันนี่แหละ ฉันก็กำลังจะไปส่งเดเมียนพอดี ขึ้นมาเลยไม่ต้องเกรงใจ” เซเลสต์ว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่โรเวนคิดเอาเองว่าเดเมียนจะเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนราคาแพงอีกแห่งที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนของเขาเสียอีก



“แอดอิ๊ดอั๊ย?” คนอาหารเต็มปากยังมีกะใจจะแบ่งแซนด์วิชที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้เขาหลังจากเด็กหนุ่มร่างโปร่งขึ้นมาบนรถ โรเวนส่ายหน้า มองเพื่อนสนิทสมัยเด็กด้วยความรู้สึกบิดมวนในช่องท้อง



ถ้าหากเขาต้องถูกกลั่นแกล้งเพียงเพราะเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย เขาไม่อยากคิดเลยว่าเหล่าอันธพาลในโรงเรียนของเขาจะคิดอย่างไรกับร่างสูง



ขอให้ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเดเมียนด้วยเถอะ









กลายเป็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แค่สาวสวยอกสะบึมกับรถราคาเหยียบล้านดอลลาห์ก็มากพอที่จะทำให้เพื่อนของเขาถูกผลักขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างง่ายดาย และใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของเด็กหนุ่มก็ทำให้เดเมียนได้เพื่อนใหม่นับไม่ถ้วนในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในรั้วโรงเรียน



“ให้ตายเถอะ กับอีแค่เด็กใหม่หน้าตาดี ทำอย่างกับว่าตัวเองถูกลอตเตอรี่อย่างนั้นแหละ” วิเวียน หนึ่งในเพื่อนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเขากลอกตา พวกเขารีบมาจับจองที่นั่งประจำหลังห้องในมุมมืดอันเป็นที่สิงสถิตประจำตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย แต่ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขา คนอื่นๆในคลาสดูจะไม่รีบร้อนอะไรนัก ทุกคนยังคงรุมล้อมเด็กใหม่ที่แม้จะถูกเด็กหนุ่มสาวจำนวนมากบดบัง ยังคงสามารถมองเห็นเส้นผมสีบลอนด์สว่างได้จากความสูงของอีกฝ่าย



“ใช่ว่าจะมีเนื้อสดถูกโยนมาแถวนี้บ่อยๆซะหน่อย การที่เธอไม่ได้ชอบแบบนั้นก็ไม่ได้หมายว่าคนอื่นจะไม่ชอบนี่” โรเวนไหวไหล่



“ใช่ ถ้าเป็นพี่สาวคนสวยที่มาส่งหมอนั่นก็ว่าไปอย่าง”วิเวียนหัวเราะ ก่อนจะสังเกตเห็นเงาร่างที่ก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ




“ขอโทษนะครับ ผมขอนั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ” เดเมียนเท้ามือลงบนโต๊ะของเด็กสาว วิเวียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ อ้าปากเตรียมพ่นคำหยาบที่กุลสตรีไม่ควรรู้ใส่หน้าเด็กใหม่คนนี้ โรเวนขยับจากเก้าอี้ของตน เตรียมตัวหยุดการทะเลาะเบาะแว้งของเพื่อนทั้งสองเมื่อวิเวียนแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยออกมา ก่อนจะยิ้มหวานให้กับเดเมียน



“ได้สิ ฉันอยากนั่งหน้าอยู่พอดี”



หือ?



ถ้าหากเขาไม่มั่นใจว่าวิเวียนชอบผู้หญิงเกินกว่าจะตกหลุมรักใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากรูปวาดนั้น โรเวนจะไม่รู้สึกประหลาดใจเท่านี้



“คนที่นี่ใจดีจัง” เดเมียนหันมายิ้มให้เขา แต่โรเวนยังคงไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาจากความดีงามในจิตใจของวิเวียน



เขาไม่รู้ว่าตัวเองจมอยู่ในห้วงความคิดนั้นนานแค่ไหนจนกระทั่งมือของเดเมียนสะกิดเขาที่ไหล่



“ฉันยังไม่ได้หนังสือเรียน ขอดูกับนายก่อนได้มั้ย”



“เอ่อ…ได้สิ”



หลังจากเห็นสายตาที่เดเมียนเหลือบมองเขาเป็นระยะ โรเวนตัดสินใจว่าเขาคงคิดมากไปเอง




เล่นทำหน้าทำตาเหมือนลูกหมาขออาหารตลอดเวลาแบบนี้ ต่อให้ไม่ได้ชอบผู้ชายก็ต้องใจอ่อนกันบ้างล่ะ




“เดเมียน นั่งกับพวกเรามั้ย”



“นั่งกับพวกเราดีกว่า”



“เฮ้ ทางนี้ยังว่างอยู่นะ”



โรเวนไม่เคยเห็นโรงอาหารวุ่นวายขนาดนี้มาก่อน เดเมียนประคองถาดอาหารของตนไว้ก่อนจะโดนบรรดาฝูงไฮยีน่าในชุดเชียร์ลีดเดอร์ชนตกพื้น ยังคงยิ้มให้ทุกคนอย่างสุภาพแม้ว่าขายาวๆนั้นจะไม่ยอมหยุดก้าวเดิน และจากทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังตรงมา โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่าจุดหมายของเดเมียนคือที่ไหน



“ฉันนั่งด้วยได้มั้ย?”



“แน่ใจนะว่าไม่อยากนั่งกับพวกเชียร์ลีดเดอร์หรือพวกนักบอลมากกว่าน่ะ”



โรเวนเลิกคิ้ว แต่ร่างสูงที่ผลุบนั่งลงตรงข้ามเขาไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจ พวกเขานั่งกินอาหารของตัวเองในความสงบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แรงกระแทกจากด้านหลังจะทำให้เขาเกือบหน้าทิ่มใส่สปาเก็ตตี้ในถาด



“เฮ้ วู้ดส์ ไม่ได้เจอกันทั้งซัมเมอร์ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ”



“ไง ดีแลน” คนถูกแกล้งเอ่ยเสียงยานคาง ควอเตอร์แบ็คหนุ่มหัวเราะชอบใจ ก่อนจะขยี้ผมเขาแรงๆแล้วเดินจากไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่โรเวนชินกับมัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นต่างหากที่ทำให้เขาและคนทั้งโรงอาหารหันไปมองอย่างตกใจ



“อ๊ากกกกก!!!!”



เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดีแลนล้มลงบนพื้น กุมข้อเท้าขวาของตัวเองพร้อมกับกรีดร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง โรเวนพุ่งไปหาเด็กหนุ่มบนพื้นตามสัญชาตญาณ ข้อเท้าของดีแลนไม่มีรอยแผล แต่กลับบิดรูปในองศาที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถบิดได้ตามธรรมชาติ



“รีบพาเขาไปห้องพยาบาลเร็ว!” เด็กหนุ่มหันไปสั่งเพื่อนร่วมทีมของควอเตอร์แบ็คหนุ่มที่ยังยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างของดีแลนที่ยังคงร้องโอดโอยถูกบรรดาเพื่อนร่างยักษ์พอกันพยุงออกไป โรเวนมองตามไปด้วยสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ตลอดเหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงเคี้ยวตุ้ยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไรมากนะ”



ทั้งที่นั่นควรจะเป็นคำพูดปกติที่เขาไม่ควรเก็บมาใส่ใจ แต่ความเฉยชาในน้ำเสียงของเดเมียนทำให้โรเวนหันกลับไปหาอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าจ้องกลับมาด้วยดวงตาใสแป๋ว และนั่นทำให้โรเวนหันกลับไปสนใจอาหารกลางวันของตนต่อ





คิดมากไปเองละมั้ง…

--------------------
หัวข้อ: Re: [Modern fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: nasa_risa ที่ 18-05-2019 21:08:17
น้องแดเนียลลลลลลล หนูมาจากไหนลูกก :ruready
หัวข้อ: Re: [Modern fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 19-05-2019 08:38:52
น่าติดตามสนุกๆ มาต่อไวๆ น๊า
หัวข้อ: Re: [Modern fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-05-2019 18:30:02
เอ็นดูเดเมียนทำตาแป๋วใส่โรเวน โรเวนก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเดเมียนเป็นคนร้ายๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Modern fantasy] Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 20-05-2019 17:39:03
 Chapter 2: In which the Woods family are all together.




โรเวนติดรถของเซเลสต์กลับบ้านหลังจากเลิกเรียนอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาขึ้นรถบัสกลับบ้านไม่ทัน แต่เป็นเพราะเดเมียนรบเร้าให้เขาอยู่รอพี่สาวเป็นเพื่อนด้วยแววตาลูกหมาถูกทิ้งนั้น



“โรเวน นายคิดอะไรอยู่หรือ?” เดเมียนเอียงคอถามเมื่อเห็นเขานั่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดทาง โรเวนส่ายหน้า



“แค่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อเท้าของดีแลน นายว่ามันไม่แปลกหรือที่จู่ๆข้อเท้าของหมอนั่นก็หักบิดขนาดนั้น”



“คงสะดุดผิดท่าล่ะมั้ง”



ร่างสูงไหวไหล่ กระโดดลงจากรถของพี่สาวตามหลังโรเวนที่เปิดประตูก้าวลงมา แม้จะรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยที่เห็นเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายร่างสูงใหญ่ออดอ้อนขอพี่สาวมา ‘เล่น’ ที่บ้านเขา แต่โรเวนต้องยอมรับว่าท่าทีที่คุ้นเคยทำให้เขาเชื่อมโยงเพื่อนสนิทในความทรงจำเข้ากับคนแปลกหน้าที่เดินตามเขาต้อยๆในตอนนี้



“นาย…เปลี่ยนไปมากนะ”



คนถูกทักจ้องเขาตาแป๋วราวกับจะบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เด็กหนุ่มผมแดงเปิดประตูบ้านให้เพื่อนสนิท สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือมารดาของเขาในชุดผ้ากันเปื้อนที่โผล่หน้าออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงประตู



“คุ้กกี้บนตะแกรงยังร้อนอยู่ อย่าเพิ่งกินนะจ๊ะ… เอ๊ะ หนุ่มน้อยรูปหล่อนี่ใครกัน โรเวน”


“จำที่แม่บอกว่ามีคนย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังบ้านเราได้มั้ยครับ?”



“อ๋อ ยินดีต้อนรับจ้ะหนุ่มน้อย ฉันชื่อซาราห์ เรียกน้าซาราห์ก็ได้นะจ๊ะ” หญิงสาวเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนของตัวเองแล้วก้าวมาหาพวกเขา โรเวนเกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับมารดาอย่างไร



“แม่ครับ…บ้านหลังนั้นไม่มีเจ้าของใหม่ เดเมียนแค่…ย้ายกลับมาบ้านเดิมของตัวเอง”



มือของหญิงสาวที่ยื่นให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ชะงักค้าง เดเมียนยิ้มให้หญิงสาวที่ตัวแข็งทื่อไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนที่ซาราห์จะโถมเข้ากอดเด็กหนุ่มร่างสูงจนคนตัวใหญ่กว่าถึงกับเซวูบ เดเมียนตัวแข็งทื่อ แม้จะไม่กอดตอบแต่ก็ไม่ได้สะบัด
หญิงสาวออกแต่อย่างใด



“โอ เดเมียน น้าคิดถึงเธอเหลือเกิน” หญิงสาวซุกหน้ากับไหล่กว้าง “น้าสวดภาวนาให้เธอทุกคืน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธออีก”




“ผมก็คิดถึงน้าเหมือนกันครับ” เดเมียนพึมพำตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แขนทั้งสองข้างแนบข้างลำตัว ไม่ยอมโอบกอดมารดาของเพื่อนสนิทตอบ



ซึ่งเป็นสิ่งที่โรเวนเห็นเป็นประจำในความทรงจำวัยเด็กของตัวเอง



เด็กหนุ่มเดินนำคนตัวสูงกว่าที่ต้องคอยก้มหลบขอบประตูขึ้นไปบนห้อง มารดาของเขายืนกรานว่าถึงอย่างไรก็จะให้เดเมียนร่วมโต๊ะอาหารเย็น ซึ่งแขกของบ้านนั้นยิ่งกว่าเต็มใจที่จะอยู่



“ห้องนายเปลี่ยนไปเยอะเลย…”นั่นคือสิ่งแรกที่ร่างสูงทัก โรเวนทรุดตัวลงบนเตียง ดวงตาสีเขียวสว่างไล่ตามร่างที่เดินสำรวจห้องนอนเล็กๆของเขาอย่างตื่นเต้น



“ก็ฉันไม่ใช่เด็กเจ็ดขวบแล้วนี่”



“นั่นสินะ…” เดเมียนพึมพำ หันกลับมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เหล่าเชียร์ลีดเดอร์ทีมโรงเรียนเข่าอ่อนเพียงได้เหลือบมอง “ฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน”




โรเวนถือเอาสิ่งนั้นเป็นคำตอบของสิ่งที่เขาทักอีกฝ่ายก่อนหน้านี้



‘นาย…เปลี่ยนไปมากนะ’




หากเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่คนกระดูกหักเลย ต่อให้มีนกตกลงมาตายในสวน เดเมียนก็มักจะร้องไห้สะอึกสะอื้น พึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่าตนเป็นคนฆ่า หรือแม้กระทั่งน้องสาวของเขาที่ซุ่มซ่ามหกล้มจนเข่าถลอกตามประสาเด็กก็ยังสามารถทำให้เดเมียนกล่าวขอโทษเด็กหญิงน้ำตานองหน้า ทั้งที่ตนอยู่ห่างออกไปอีกมุมห้องตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้น




สำหรับเดเมียน เด็กชายมักจะคิดว่าเรื่องเลวร้ายทุกอย่างในรัศมีการมองเห็นเกิดขึ้นเพราะตัวเอง




เด็กชายปฏิเสธที่จะลูบขนสุนัขที่พวกเขาเลี้ยงไว้ ไม่เคยจับมือใคร และมีสีหน้าเหมือนเห็นผีทุกครั้งที่ถูกมารดาของเขากอด
สิ่งเดียวที่เดเมียนยอมสัมผัสคือเขา และนั่นเกิดขึ้นหลังจากโรเวนพิสูจน์ให้อีกฝ่ายเห็นหลายต่อหลายครั้งว่าตนยังคงแข็งแรงดีหลังจากถูก’สัมผัมมรณะ’จากเด็กชายผมบลอนด์




นั่นสินะ…เวลาผ่านไป คนจะเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร



“แต่นายก็ยังไม่ยอมให้แม่ฉันกอดอยู่ดีนี่” โรเวนเลิกคิ้ว



“จะให้เปลี่ยนหมดคงยาก” เดเมียนไหวไหล่ ก่อนจะกระโดดแผล็วขึ้นมาบนเตียงเดี่ยวเล็กๆของเขาโดยไม่ได้สนใจขนาดของตัวเอง เล่นเอาเจ้าไม้อัดประกอบโครงเตียงส่งเสียงประท้วงลั่น “แต่ถ้าเป็นนาย ฉันกอดก็ได้นะ”



“เหอะ ต่างจากเมื่อก่อนตรงไหน” โรเวนกลอกตา ดูเหมือนว่าในหัวของเดเมียน เขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่อีกฝ่ายสามารถสัมผัสได้โดยที่ยังมีชีวิตปกติสุข แม้ในครั้งแรกที่อีกฝ่ายเผลอจับตัวเขา เดเมียนจะร้องไห้จ้าออกมาจนเขาตกใจก็ตาม



“ต่างสิ…” เด็กหนุ่มผมบลอนด์ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของอีกฝ่ายไม่เคยละไปจากใบหน้าของเขา “ต่างมากด้วย”




“ลงไปนั่งพื้น นายจะทำเตียงฉันพังแล้ว” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนสนิทอย่างไม่จริงจัง เขารู้ว่าเด็กวัยรุ่นชายสองคนไม่ควรสนิทกันอย่างที่พวกเขาเป็น แต่ภาพของเดเมียนในหัวของเขายังคงหยุดอยู่ที่เด็กชายขี้แยวัยสิบขวบที่มีเพียงเขาเป็นเพื่อนคนเดียวบนโลก



เดเมียนไถตัวลงไปนั่งบนพื้นอย่างว่าง่าย เอนตัวพิงกับข้างเตียงของเขา เงยหน้ามองเพดานห้องขณะที่โรเวนหยิบคอมพิวเตอร์มาวางบนตัก เดเมียนมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาบ้านของเขา พอใจแค่ได้นั่งบนพื้นมองโรเวนทำกิจวัตรต่างๆ เด็กชายผมบลอนด์คนนั้นยอมทำทุกอย่างเพียงแค่ได้อยู่นอกบ้านของตัวเองนานขึ้นสักวินาที



“นี่…” เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “…นายโอเคที่จะอยู่บ้านหลังนั้นจริงๆเหรอ”



เดเมียนไหวไหล่ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำถาม แต่ก่อนที่โรเวนจะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูและเสียงแหลมเล็กของน้องสาวของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน



“พี่โรเวน! อาหารเย็นเสร็จแล้ว!”



“นั่นคงเป็นโรซี่สินะ” เดเมียนทักแล้วลุกขึ้นจากพื้นแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยขบ “ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ยังฟันหน้ายังหลอทั้งสอง
ซี่…”



“อย่าพูดให้ยัยนั่นได้ยินเชียวนะ” โรเวนเตือน น้องสาวเขาที่เคยโดนล้อเรื่องฟันน้ำนมที่หลุดพร้อมกันสองซี่ต่อยหน้าเพื่อนร่วมชั้นไปหลายคนจนพ่อกับแม่เขาถูกเรียกเข้าห้องปกครองและถูกพักการเรียนไปหลายครั้ง โรซี่ หรือ โรส น้องสาวของเขาตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นร่างสูงที่เดินตามหลังเขาออกมาจากห้องนอน เดเมียนยิ้มให้เด็กหญิงอย่างเป็นมิตร ซึ่งส่งผลให้พวงแก้มของเด็กหญิงนั้นเปลี่ยนสีจนแทบกลืนไปกับสีผม



พวกเขาลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับเสียงปิดประตูหน้าบ้าน แสดงถึงการกลับมาของหัวหน้าครอบครัว



โทมัส พ่อของเขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ อาชีพที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดทำให้กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ชายหนุ่มกำลังถอดออกแขวนดันให้ดูใหญ่ขึ้นไปอีก โทมัสฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเดเมียน ดูท่าว่าแม่ของเขาคงจะโทรไปบอกข่าวการกลับมาของเด็กหนุ่มแล้ว



“เดเมียน มานี่ซิไอ้ลูกชาย”



เด็กหนุ่มร่างสูงท่วมศีรษะโรเวนที่แม้จะไม่ได้มีมัดกล้ามน่าเกรงขามเหมือนบิดาของเขาแต่ก็ไม่ใช่คนผอมเก้งก้างถูกอุ้มจนตัวลอย สีหน้าเหวอรับประทานของอีกฝ่ายทำให้โรเวนหลุดยิ้มออกมาอย่างขบขัน



เดเมียนอาจไม่เคยรับรู้ แต่การจากไปของเด็กหนุ่มเมื่อเจ็ดปีก่อนไม่ได้เพียงทิ้งบาดแผลไว้ในความทรงจำของโรเวน แต่เป็นทั้งครอบครัวของเขาที่สูญเสียบางอย่างไปในวันนั้น



และการกลับมาของเดเมียนดูเหมือนจะเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นอย่างง่ายดาย



“คุณคะ พอเถอะ เดี๋ยวเดเมียนขาดอากาศหายใจตายพอดี”



ซาราห์ปรามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เดเมียนที่ถูกปล่อยเป็นอิสระในที่สุดเซวูบ ก่อนจะตั้งหลักยืนได้อีกครั้งแล้วส่งยิ้มให้กับชาวหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวแทนของบิดาที่เขาไม่เคยรู้จัก



“สวัสดีครับ น้าเนธาน”



“โตเป็นหนุ่มหล่อเชียวนะ สอนเจ้าโรเวนบ้างสิ จะได้มีสาวกับเขาบ้าง” เนธานหยอกเสียงกลั้วหัวเราะ โรเวนเพียงแค่กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ใช่สิ เขาไม่ได้มีกล้ามเป็นลูกโบว์ลิ่งเหมือนสิงคนนี้นี่




“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากมีคู่แข่ง” เดเมียนยิ้ม



เหอะ…คนอย่างเขา ตายแล้วเกิดใหม่ยังไม่ได้แข่งในสนามเดียวกับเจ้ายีราฟติดสเตียรอยด์นี่เลย



“ไว้ไปคุยต่อที่โต๊ะอาหารดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวเดเมียนจะกลับบ้านค่ำเอา” ซาราห์ทักเมื่อเห็นคนในบ้านไม่มีท่าทีจะขยับ ชายทั้ง
สามเดินตามมารดาของโรเวนไปที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย แม้ว่าบทสนทนาระหว่างเนธานกับเดเมียนจะไม่เคยหยุดลงก็ตาม



“โรซี่ จำพี่เดเมียนได้มั้ย ที่เล่นตุ๊กตากับลูกตอนเด็กๆ…”



“พ่อคะ!!” เด็กหญิงร้องเสียงสูง พวงแก้มใสแดงก่ำด้วยความอับอาย โรเวนยิ้มขำเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ที่พวกเขารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องสาวตัวน้อยที่ชื่นชอบปาร์ตี้น้ำชากับตุ๊กตาของตนเป็นชีวิตจิตใจ เดเมียนในตอนนั้นก็ดูมีความสุขกับการสวมบทบาทเป็นลูกค้าร้านน้ำชาที่รายล้อมไปด้วยสิงห์สาราสัตว์เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะมาก



…อย่างน้อยก็จนกระทั่งโรซี่ถูกขอบโต๊ะของเล่นของตนบาดเป็นแผล ซึ่งทำให้เดเมียนกลับสู่โหมดทำลายตัวเองร้องไห้จ้ายิ่งกว่าคนโดน เล่นเอาคนเจ็บอย่างโรซี่ไม่กล้าร้องไห้เลยทีเดียว



“โตแล้วน่ารักเหมือนโรเวนเลย” เดเมียนชมด้วยสีหน้าจริงใจ แต่คำชมของอีกฝ่ายนั้นดูคล้ายคลึงกับคำด่ามากกว่าในสายตาของพี่ชายคนโต



“เดเมียน เจ็ดปีมานี้เป็นยังไงบ้าง เล่าให้น้าฟังได้มั้ย น้าอยากรู้ทุกอย่างเลย” ซาราห์ถามหลังจากพวกเขาสวดภาวนาก่อนมื้ออาหารเสร็จ



“ก็…ดีครับ พ่อผมทำธุรกิจระหว่างประเทศ ต้องเดินทางบ่อยๆ พ่อจ้างครูมาสอนผมที่บ้าน ผมอยู่กับพี่สาวคนละแม่ จนถึงปีนี้ที่พ่อให้ผมตัดสินใจว่าอยากเรียนต่อที่ไหน…” โรเวนรู้สึกถึงสายตาของเดเมียนที่เหลือบมองมาที่เขา “…ผมเลยขอกลับมาที่นี่ พี่สาวผมทำงานอยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้เลยอาสาเป็นผู้ปกครองให้”



“อย่าหาว่าน้าก้าวก่ายเลยนะจ๊ะ…” ซาราห์เอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ทำไมถึงได้อยากกลับมาที่นี่ล่ะ”



“แม่ครับ…” โรเวนปราม แต่คนถูกถามยิ้มอย่างไม่ถือสา



“ชีวิตของผมอยู่ที่นี่…” เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกถึงสายตาของเดเมียนที่จับจ้องอย่างไม่วางตา “ต่อให้ความทรงจำบางเรื่องจะเลวร้ายแค่ไหน ที่นี่ก็ยังมีสิ่งที่ผมอยากกลับมาหา…”



“อุปสรรคทำให้เราเข้มแข็งขึ้น น้าดีใจนะที่เธอคิดแบบนั้น” ซาราห์เอ่ยเสียงเบา ดวงตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับลูกทุกคนฉายแววอ่อนลงเมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เดเมียน”



“ผมก็ดีใจครับที่ได้กลับมา”



เดเมียนยิ้ม ถึงแม้บรรยากาศในตอนนี้ควรจะดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข แต่อะไรบางอย่างในภาพอันสมบูรณ์แบบนี้ดูผิดที่ผิดทางในความคิดของโรเวน แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ความอยากอาหารของเขาหมดลงแม้ว่าบนโต๊ะจะเป็นอาหารจานโปรดของตัวเองก็ตาม








“แม่ครับ…แม่!!”



“อย่าเข้าไปนะเดเมียน!!”



“แม่ครับ!!!”




“เดเมียน!!”



โรเวนผุดลุกขึ้นจากเตียง หอบหายใจอย่างรุนแรงจนตัวโยน เหงื่อกาฬที่เปียกชุ่มชุดนอนตัวบางของตนรวมไปถึงผ้าปูที่นอน เด็กหนุ่มกระชากเสื้อนอนออกแล้วโยนลงบนพื้นแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างหงุดหงิด



มันเป็นแค่ฝัน…โรเวน มันเป็นแค่ฝัน…



เขาต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ให้ได้ก่อนที่ความฝันนี้จะจุดประกายให้อาการต่างๆของเขากลับมาอีกครั้ง และจบด้วยการกินยาต่อเนื่องห้าถึงสิบปีตามคำเตือนของจิตแพทย์ในวันที่อีกฝ่ายหยุดสั่งยาให้เขา



โรเวนหันไปทางหน้าต่างห้อง คาดว่าจะได้เห็นหน้าต่างห้องนอนของเพื่อนสนิทสมัยเด็กมืดสนิทอย่างที่ควรเป็นในยามวิกาล แต่แสงสลัวสีส้มที่ลอดผ่านผ้าม่านออกมาทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ขยับเข้าไปใกล้หน้าต่างห้องของตัวเองอย่างประหลาดใจ
แสงสีส้มที่เขาเห็นเมื่อครู่ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดราวกับภาพเมื่อครู่เป็นเพียงสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดขึ้นเอง แต่ก่อนที่โรเวนจะไปถึงข้อสรุปนั้น ผ้าม่านสีทึบของห้องนอนเดเมียนก็ถูกกระชากเปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของห้องในสภาพที่ไม่ได้ดีไปกว่าคนมองนัก เดเมียนเปิดหน้าต่างออกรับลมหนาวทั้งที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ดวงตาสีซีดเรืองแสงในเงามืดแบบที่คนที่ยืนดูจากบ้านอีกหลังที่อยู่ห่างออกไปพอสมควรไม่ควรสังเกตเห็น



โรเวนรีบก้มหลบลงใต้หน้าต่างห้องเมื่อดวงตาคู่นั้นตวัดมาทางเขาราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกจับตามอง ให้เหตุผลกับตัวเองว่าฝันร้ายเมื่อครู่ทำให้ตนเห็นอะไรผิดแปลกไปจากความเป็นจริง



เมื่อเด็กหนุ่มยืนขึ้นอีกครั้งหน้าต่างห้องนอนของเดเมียนและผ้าม่านถูกปิดสนิทราวกับว่าภาพเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ



ก่อนที่เขาจะได้สงสัยการทำงานของสารเคมีในสมองของตนมากไปกว่านี้ โรเวนตัดสินใจกลับไปยังเตียงของตน ฝืนข่มเปลือกตาปิดและภาวนาให้ห้วงนิทรากลับมาหาเขาก่อนที่เสียงนาฬิกาปลุกจะดัง





------------


. :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 2 100% [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-05-2019 17:59:55
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 2 100% [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 21-05-2019 06:19:35
เดเมียนหวงเพื่อนมาก
โรเวนเตรียมตัวเลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก Chapter 2 100% [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 25-05-2019 14:37:08
Chapter 3: In which the Alfa rises.




ในวันที่สองการเปิดเทอม โรเวนมายืนรอที่หน้าป้ายรถก่อนรถโรงเรียนจะมาถึงเกือบห้านาที



ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจว่าเดเมียนที่เขาเห็นเป็นเพียงการเล่นตลกของสมองของเขาหรือไม่ แต่ในกรณีที่เขาไม่ได้ฝันไปเอง โรเวนไม่อยากต้องอาศัยรถของเซเลสต์เหมือนเมื่อวานและถูกคนช่างสงสัยตั้งคำถาม



ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าเดเมียนตื่นมาทำอะไรตอนกลางดึกเช่นกันก็ตาม



บางที…บาดแผลในใจของโรเวนในวันนั้น อาจจะเป็นเพียงแผลถลอกเล็กๆเมื่อเทียบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กของตนก็ได้



“เฮ้ วู้ดส์ ฉันกับนายมีคาบประวัติศาสตร์ด้วยกันวันนี้ใช่มั้ย?”




ท่อนแขนสีน้ำผึ้งอุดมไปด้วยมัดกล้ามคล้องคอเขาอย่างสนิทสนมขณะที่โรเวนกำลังหยิบหนังสือเรียนของตนออกจากล็อกเกอร์ เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า รู้ดีว่าเจ้าของท่อนแขนในแจ็คแกตทีมฟุตบอลโรงเรียนและน้ำเสียงทุ้มต่ำติดอันดับหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งในคอลัมน์วารสารโรงเรียนคือใคร




“ใช่ น่าเสียดายชะมัด ฉันอุตส่าห์คิดว่าสลัดนายหลุดทั้งเทอมแล้วแท้ๆ”



“ใจร้าย ฉันจะฟ้องพ่อนาย คอยดู” มาร์คัส แอนเดอร์สัน ลูกชายคนเดียวของนายอำเภอและหัวหน้าของพ่อเขาแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด โรเวนกลอกตา ถ้าหากเป็นคนอื่นเขาอาจไม่คิดใส่ใจจะต่อบทสนทนาด้วย แต่มาร์คัสเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่แม้แต่คนใจร้ายกว่าโรเวนยังไม่สามารถทำใจแข็งกับอีกฝ่ายได้ ทั้งหน้าตา ฐานะ การเรียน และความสามารถทางด้านกีฬา ไม่ต้องพูดถึงงานอดิเรกอย่างการเล่นกีต้าร์และฝีมือด้านศิลปะระดับเกรดเอของมาร์คัสควรจะทำให้หมอนี่เป็นที่น่าหมั่นไส้ในหมู่นักเรียนชาย แต่ด้วยบุคลิกจริงใจและพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการนั้นทำให้มาร์คัสเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่นอกห่วงโซ่อาหารในโรงเรียนแห่งนี้




เหมือนเห็ดพิษสีสันสดใสที่สัตว์ทุกตัวรู้ดีเกินกว่าจะเผลอกินเข้าไป อย่างมากก็ทำได้เพียงยืนจ้องสีสันแปลกตานั้นแล้วเดินจากไป



“คือ…จริงๆแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย…” มาร์คัสขยับขวางไม่ให้โรเวนก้าวไปไหน เด็กหนุ่มผมแดงเลิกคิ้ว



“ถ้านายจะสารภาพรักกับฉัน บอกไว้ก่อนว่าฉันรับแค่ในรูปแบบจดหมายทางการ แล้วจะติดต่อไปภายในสามเดือน…”



“ทำอะไรกันน่ะ”



โรเวนสะดุ้งอย่างตกใจกับเสียงของเดเมียนที่ดังขึ้นข้างกายทั้งที่เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มผมบลอนด์วางมือบนต้นแขนของเขา แทรกกายเข้ามายืนคั่นระหว่างโรเวนกับมาร์คัส ดวงตาสีซีดหรี่ลงจ้องนักฟุตบอลโรงเรียนอย่างไม่ไว้ใจ




จริงสิ… เดเมียนเพิ่งเห็นเขาโดนพวกนักฟุตบอลแกล้งเมื่อวานนี่นะ



“เดเมียน ไม่เป็นไร นี่มาร์คัส เพื่อนฉัน มาร์คัส นายคงรู้จักเดเมียนแล้วใช่มั้ย”



โรเวนดึงเพื่อนสนิทให้ห่างออกมาจากมาร์คัสก่อนจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น เดเมียนไล่สายตาขึ้นลงมองเด็กหนุ่มผิวเข้ม คิ้วคมยังคงขมวดมุ่นอย่างไม่วางใจ



แม้จะไม่ชอบที่ถูกปฏิบัติด้วยเหมือนเขาเป็นคนอ่อนแอ ต้องการการปกป้อง แต่โรเวนต้องยอมรับว่าตนรู้สึกประหลาดใจมากกว่าโกรธ นี่เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเดเมียนจากเด็กชายที่เอาแต่หลบอยู่หลังเขาเมื่อก่อน



“ใครจะไม่รู้จักเจ้าชายรูปงามในราชรถราคาหลายล้านล่ะ พวกชมรมหนังสือพิมพ์แทบจะฆ่ากันเพื่อเป็นตัวแทนทำสกู๊ปของนาย” มาร์คัสเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ฉีกยิ้มให้เดเมียนที่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเขา “อันที่จริง ฉันอยากจะคุยกับโรเวนเรื่องของนายนั่นแหละ เดเมียน”



“เรื่องของฉัน?”



เดเมียนหันกลับมาหาโรเวนอย่างประหลาดใจ ซึ่งเด็กหนุ่มผมแดงเพียงแต่ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่มาร์คัสต้องการจะพูดกับเขาคืออะไรเช่นกัน



“ดีแลนลงแข่งไม่ได้ทั้งซีซั่นนี้ กระดูกข้อเท้าหมอนั่นแตกละเอียด ดีไม่ดีอาจจะเล่นฟุตบอลไม่ได้อีกตลอดชีวิต” โรเวนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ฟังดูเหมือนข้อเท้าของดีแลนถูกรถวิ่งทับมากกว่าหกล้มในโรงอาหารเสียอีก “เรามีตัวสำรองอยู่ก็จริง แต่โค้ชอยากได้คนเพิ่มเผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก รูปร่างแบบนายน่าจะเหมาะกับกีฬาที่ต้องใช้ทั้งกำลังและความเร็วแบบนี้ ฉันเลยอยากลองชวนนายไปคัดตัวเข้าทีม…”



“แล้วนายจะได้อะไร”



“หืม?” ถึงคราวมาร์คัสแสดงสีหน้าสับสนบ้าง โรเวนหันไปมองเดเมียนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน




“นายจะได้อะไรจากการมาบอกฉัน” เดเมียนขยายความ ขยับเข้าไปใกล้มาร์คัสแต่โรเวนรั้งแขนไว้ด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่อง ดวงตาสีซีดจับจ้องดวงตาสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มผิวเข้มที่จ้องตอบอย่างไม่กลัวเกรง“ไม่มีใครทำอะไรฟรีๆบนโลกนี้ บอกความจริงมา นายจะได้อะไร”



“ได้เพื่อนร่วมทีมที่มีความสามารถ โรเวนเป็นเพื่อนฉัน ฉันแค่อยากทำอะไรดีๆให้เขา”



แม้นั่นจะเป็นคำตอบที่จริงใจและน่าชื่นชม สีหน้าของมาร์คัสบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนั้นออกมา แม้จะยังดูไม่สบอารมณ์ แต่ท่าทีของเดเมียนดูอ่อนลงมาหลังจากได้ยินคำตอบ



“ขอบใจ…ฉันจะลองคิดดู”



“ฉะ…ฉันไปก่อนนะ” มาร์คัสก้าวถอยจากพวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนเห็นผี แล้วหมุนตัวก้าวหนีพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว



“อะไรของหมอนั่น?” โรเวนบ่นพึมพำ หันไปหาเพื่อนสมัยเด็กที่มองตามคนที่แทบจะวิ่งจากไปจนลับสายตา “แล้วเมื่อกี้มันอะไรกัน? ทำไมนายถึงพูดกับมาร์คัสแบบนั้น…”



“ในที่ที่ฉันจากมา ไม่มีใครทำอะไรแค่เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี ทุกคนมีผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการทั้งนั้น…” เดเมียนสะบัดศีรษะเบาๆ ขยับยิ้มฝืดเคืองให้กับโรเวนด้วยแววตาเศร้าหมอง “ขอโทษนะ บางทีฉันอาจจะต้องปรับตัวกับที่นี่มากกว่าที่คิด”



ดูท่า…เจ็ดปีที่ผ่านมาของเดเมียนจะไม่ได้เหมือนเทพนิยายอย่างโรเวนคิดเสียทีเดียว



“แล้วตกลงนายจะไปมั้ย?” เด็กหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเรื่อง ปิดประตูล็อกเกอร์แล้วเดินนำเดเมียนไปยังห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ เขาไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องเปิดใจพูดถึงปัญหา และเขาไม่คิดว่าตัวเองจะเก่งขึ้นมาทันทีในตอนนี้




“นายคิดว่าฉันควรไปมั้ย?” เดเมียนถามย้อนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ซึ่งโรเวนไม่เข้าใจที่มาที่ไปของความกังวลนั้นเท่าไหร่นัก



“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”



“ก็นายไม่ชอบคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” เดเมียนขมวดคิ้ว “ถ้าฉันไปคัดตัวเข้าทีม…นายอาจจะ…”



โรเวนถอนหายใจ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับความคิดนั้นเอามากๆ บางทีการให้เดเมียนได้เจอเพื่อนใหม่บ้างอาจจะเป็นเรื่องดีกับความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ได้




“ฉันไม่เกลียดนายด้วยเรื่องแบบนั้นหรอกน่า” มือเรียวเอื้อมไปขยี้กลุ่มผมสีบลอนด์เป็นลอนนุ่มอย่างเอ็นดู ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สลัดความรู้สึกอยากปกป้องคนตรงหน้าไม่ได้เสียที




ดูจากรอยยิ้มสดใสและร่างสูงที่โอนอ่อนเข้าหาสัมผัสของเขาอย่างเคยชิน ดูเหมือนโรเวนจะไม่ใช่คนเดียวที่ยังยึดติดอยู่กับภาพอดีตในวัยเยาว์



ซู่!!!!



ร่างสูงดึงเขาไปด้านหลังตัวเองก่อนที่กาแฟเย็นแก้วใหญ่จะถูกสาดเข้าเต็มใบหน้าคม



“ฮ่าๆๆ โทษที คงปิดฝาไม่แน่นน่ะ” เคเลบ จอร์แดน หนึ่งในหัวโจกของโรงเรียนหัวเราะ ในมือยังคงถือแก้วกาแฟเย็นที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินผ่านพวกเขาไปด้วยสีหน้าไม่สำนึกผิด เดเมียนมองตามร่างสูงในชุดทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วยสายตาที่โรเวนไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล




“เป็นอะไรมั้ย?”




“ฉันมากกว่ามั้งที่ต้องถามนาย เปียกหมดแล้วเนี่ย” คนตัวเล็กกว่าว่า เดเมียนกระตุกยิ้ม ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่เปียกลู่ลงปรกใบหน้าให้พ้นทาง หยดน้ำที่ยังคงเกาะอยู่ตามเรือนผมและใบหน้าคมทอประกายล้อแสงไฟทางเดิน



ตึกๆ…ตึกๆ…



โรเวนกระพริบตาปริบๆอย่างประหลาดใจกับก้อนเนื้อในอกที่เต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น



เมื่อกี้…



“ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน เจอกันในห้องนะ”



“เอ่อ…อื้ม” เด็กหนุ่มผมแดงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันกลับไปยังห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่ตนตั้งใจจะก้าวเข้าไปเมื่อครู่
โอเค เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ตอนนี้คาบเรียนที่กำลังจะเริ่มเป็นสิ่งที่เขาควรให้ความสนใจมากกว่า









“โอ วู้ดส์ ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีชีวิตอยู่นานพอที่จะได้เห็นนายหนักอกหนักใจเรื่องผู้ชายแบบนี้” วิเวียนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
หลังจากที่โรเวนรวบรวมความกล้ามากพอจะเล่าให้อีกฝ่ายฟัง เด็กหนุ่มผมแดงถอนหายใจ นึกเสียใจที่เลือกคุยกับเด็กสาวในช่วงพักกลางวัน โรงอาหารในวันนี้ดูโล่งเป็นพิเศษเนื่องจากนักกีฬาทีมฟุตบอลถูกเรียกประชุมด่วนที่โรงยิม “ไม่ต้องตกใจหรอกน่า เท่าที่ฟังมันก็ไม่ได้ดูเป็นเรื่องผิดปกติอะไรนี่”




“ฉันเพิ่งใจเต้นผิดจังหวะเพราะเห็นผู้ชายสะบัดน้ำจากผม อะไรในประโยคนั้นที่ปกติสำหรับเธอ?” โรเวนถามด้วยน้ำเสียง
หงุดหงิดใจ เขาไม่ได้ชอบความรู้สึกนี้ แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากกว่าคือการไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกอะไร



“วู้ดส์ ฉันเดทผู้หญิงอย่างเดียวมาตั้งแต่เข้าช่วงวัยรุ่น แต่ขนาดฉันยังคิดว่าหมอนั่นแผ่ความร้อนออกมามากกว่ากัมมันตภาพรังสีเลย”วิเวียนกลอกตา “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้ของนายรึเปล่า แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนมัน
จะเป็นแค่ปฏิกิริยาทางร่างกาย แค่สมองนายเพิ่งรับรู้ว่าจ่าฝูงตัวจริงเป็นใครก็เท่านั้น”



“จ่าฝูง?”



“อัลฟ่าน่ะ รู้จักมั้ย?” เด็กสาวกระตุกยิ้มมุมปาก “เหมือนที่ก่อนหน้านี้อัลฟ่าของโรงเรียนคือมาร์คัส ไม่ว่าใครก็คิดว่าหมอนั่นคือจ่าฝูง แต่เดเมียน...หมอนั่นอยู่คนละระบบห่วงโซ่อาหารกับเรา ถ้าจะให้เทียบสองคนนั้นเหมือนเปรียบเทียบประภาคารกับซูเปอร์โนวา มาร์คัสไม่มีโอกาสแข่งกับเดเมียนด้วยซ้ำ”




“มันจะโอเวอร์เกินไปหน่อยรึเปล่า” โรเวนเลิกคิ้ว



“…. ฉันว่านั่นน่าจะตอบคำถามของนายได้นะ”




ดวงตาของวิเวียนเบิกกว้าง เด็กสาวพยักเพยิดไปยังบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังของเขา โรเวนขมวดคิ้ว หันไปตามทิศทางที่เพื่อนของเขาและดูเหมือนทั้งโรงอาหารจะกำลังหันไปมอง




โอเค เขาต้องยอมรับว่าวิเวียนพูดถูกหนึ่งเรื่อง




ราวกับฉากที่เห็นได้ทั่วไปในภาพยนตร์วัยรุ่นหลายเรื่อง เด็กหนุ่มร่างสูงในหัวข้อสนทนาก้าวเข้ามาในโรงอาหาร เสื้อแจ็คเก็ตทีมฟุตบอลโรงเรียนถูกสวมทับเสื้อยืดสีเข้มที่ถูกเปลี่ยนหลังจากโดนสาดกาแฟใส่เมื่อเช้าไม่ได้ทำให้เดเมียนดูกลมกลืนไปกับเพื่อนร่วมทีมที่ใส่เสื้อแบบเดียวกัน ตรงข้าม เด็กหนุ่มกลับดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มนักฟุตบอลโรงเรียนกลุ่มใหญ่ที่เดินตามเข้ามาราวกับมีแสงสปอตไลท์ส่วนตัวติดตามตนเข้ามา




“เสื้อฉันมีอะไรติดอยู่รึเปล่า? ทำไมถึงมีแต่คนมองฉันทั้งโรงอาหารเลย” เดเมียนทรุดตัวลงนั่งข้างโรเวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล หันหลังให้เด็กหนุ่มผมแดงช่วยดูว่ามีใครแกล้งเอาอะไรมาติดบนเสื้อของตนหรือไม่ โรเวนส่ายหน้า ยังคงไม่เชื่อใจตัวเองมากพอที่จะอ้าปากพูดอะไรออกมาในตอนนี้




นอกจากดวงตาที่ยังคงไม่สามารถสลัดภาพเดเมียนสะบัดน้ำจากผมเหมือนนายแบบโฆษณาแชมพูออกไปจากหัวจะมีภาพสโลโมชั่นของเด็กหนุ่มเดินตรงมาหาเขาเพิ่มเข้ามาในคอลเล็กชั่นแล้ว กลิ่นหอมจากคนข้างๆที่ลอยมาแตะจมูกเมื่ออยู่ใกล้กันยิ่งทำให้ประสาทสั่งการของโรเวนปิดการใช้งานชั่วคราว




กลิ่นที่เหมือนกับดินหลังฝนตกผสมกับกลิ่นสมุนไพรที่เขาไม่รู้จักกำลังทำให้โรเวนรู้สึกหัวเบาหวิวในทางที่ดี เขาไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร แต่เขารู้ว่าเขาไม่ได้เกลียดมัน




“เมื่อกี้ฉันไปลงชื่อคัดตัวเข้าทีมแล้วเจอโค้ช เขาให้ฉันลองคัดตัวที่สนามแล้วให้ฉันเข้าทีมเฉยเลย” เดเมียนเล่า แกะห่อแซนด์วิชของตนอย่างทุลักทุเล โรเวนถอนหายใจก่อนจะดึงห่อในมือของเพื่อนสนิทมาแกะให้อย่างเวทนา “ไม่คิดเลยว่าจะ
ง่ายขนาดนั้น”



ที่อีกฝั่งของโต๊ะ วิเวียนยกมือขึ้นป้องปาก กระซิบด้วยสีหน้าขบขัน



“อัลฟ่า...”




“นี่ นายได้กลิ่นอะไรแปลกๆจากตัวนายมั้ย ฉันว่าฉันไม่ได้กลิ่นนี้เมื่อเช้านะ” โรเวนเปลี่ยนเรื่อง แสร้งทำเป็นไม่เห็นแววตาระยิบระยับของเพื่อนสาว




“ฟีโรโมน...” วิเวียนยังคงไม่เลิกกระซิบ



ให้ตายเถอะ เขาจะไม่มีวันปรึกษาอะไรผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว



“อ๋อ คงจะเป็นโคโลญจ์ที่เซเลสต์ซื้อมาฝากน่ะ เขาบอกว่ากลิ่นมันจะเพิ่มถ้าผสมกับเหงื่อ” เดเมียนรีบยกแขนของตนขึ้นดม “กลิ่นแรงไปเหรอ?”



โรเวนส่ายหน้า ตัดสินใจเพิกเฉยต่อใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อนของตนซึ่งอาจเป็นหรือไม่เป็นปฏิกิริยาต่อกลิ่นโคโลญจ์ที่ว่านี่ก็ได้



“เฮ้ คอลลินส์ นายอยากไปนั่งกับทีมมั้ย?” มาร์คัสแตะไหล่เดเมียนเบาๆ “มีหลายคนในทีมที่อยากรู้จักนายนะ”




“ไม่ล่ะ” เด็กหนุ่มผมบลอนด์ส่ายหน้าอย่างง่ายดาย ไม่คิดที่จะแสร้งทำเป็นลำบากใจในการตัดสินใจนั้นแม้แต่น้อย “นั่งตรงนี้แหละดีแล้ว”




“จะดีเหรอ?” โรเวนถามขึ้นหลังจากมาร์คัสกลับไปที่โต๊ะของตน “ฉันไม่อยากให้นายโดนทีมบอยคอตตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาลหรอกนะ”




“เพราะจ่าฝูงไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครไงล่ะ” วิเวียนเป็นฝ่ายตอบแทน เด็กสาวอมยิ้มกับสีหน้างุนงงของจ่าฝูงคนดังกล่าว หยิบถาดอาหารกลางวันของตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันชอบนาย คอลลินส์ ถ้าอยากให้ฉันพ่นสีใส่ล็อกเกอร์ของคนที่นายไม่ชอบเมื่อไหร่ก็บอกได้”





เดเมียนหันไปมองเพื่อนผมแดงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่โรเวนเพียงส่งสายตาให้อีกฝ่ายปิดปากเงียบแล้วกินแซนด์วิชของตัวเองต่อไป




เขาได้แต่หวังว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่ความเจิดจ้าของเดเมียนที่ทำให้ทุกคนหวั่นไหวอย่างที่วิเวียนว่าไว้จริงๆ





---------------
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 3 100% [25-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 19:16:53
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 3 100% [25-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 27-05-2019 21:12:03
โรเวนใจสั่น
เพราะความฮอตของคุณเดเมียน
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 4 100% [02-06-19] คห.12
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 03-06-2019 20:02:47
ไรลีย์ทำดีมาก
เอ็นดูโรเวน คิดไปถึงเรื่องบนเตียงแล้ว  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 4 100% [02-06-19] คห.12
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 08-06-2019 12:18:36
Chapter 4: In which someone got a crush on someone.

“โรเวน กลับด้วยกันมั้ย?”



โรเวนที่ยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งเมื่อมือใหญ่วางลงบนไหล่ของตน เดเมียนยืนมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ หลังจากเหตุการณ์ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาทั้งตอนเช้าและในมื้อกลางวัน โรเวนไม่คิดว่าการติดรถพี่สาวของเดเมียนกลับบ้านจะเป็นความคิดที่ดีนัก



“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนเซเลสต์”



“ไม่กวนหรอก วันนี้ฉันเอารถมาเอง”





เดเมียนยิ้มร่า ดึงแขนของโรเวนให้เดินตามไปยังลานจอดรถก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้มีโอกาสปฏิเสธ รถซุปเปอร์คาร์สีแดงเพลิงที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับเฉดสีบนหัวของโรเวนราคาหลายล้านจอดอยู่กลางลานจอดรถนักเรียนดูอยู่ผิดที่ผิดทางเสียจนสามารถสังเกตได้ตั้งแต่ก้าวออกมาจากตัวอาคาร โรเวนหันไปหาคนข้างกายเพื่อความมั่นใจ เดเมียนยังคงฉีกยิ้มให้เขาแล้วเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้กับเพื่อนสนิท



“รถเพิ่งออกจากอู่ซ่อมน่ะ เมื่อวานฉันเลยติดรถเซเลสต์มา”



“เอ่อ...รถสวยดีนะ” โรเวนเอ่ยชมอย่างไม่เต็มเสียง ลอบสำรวจเสื้อผ้าและกระเป๋าของตัวเองว่าไม่มีคราบอะไรที่จะเลอะติดเบาะหนังสีน้ำตาลของรถคันหรู



“พ่อซื้อให้น่ะ” เดเมียนไหวไหล่ก่อนจะสตาร์ทรถ “พ่อรู้สึกผิดเรื่องที่ไม่ได้ดูแลฉันตอนเด็กๆเลยซื้ออะไรแบบนี้มาให้อยู่เรื่อย”



พ่อของหมอนี่รวยขนาดไหนกันเนี่ย?



“ฉันดีใจนะที่นายเป็นผู้ใหญ่พอที่จะยกโทษให้พ่อนาย” โรเวนซ่อนรอยยิ้มภาคภูมิใจไว้ในแววตาของตนอย่างไม่แนบเนียนนัก



“ไม่มีอะไรที่ต้องยกโทษให้นี่” เดเมียนตอบ เลี้ยวรถเข้าสู่ถนนใหญ่ที่เป็นทางกลับบ้านของพวกเขาทั้งคู่ “ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นอย่างที่มันเกิด ฉันอาจจะไม่ได้เจอกับนายเลยก็ได้”



“เหอะ…ฉันสำคัญกับนายขนาดนั้นเลยรึไง” คำถามนั้นหลุดออกจากปากของโรเวนอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่เชื่อว่ามิตรภาพของพวกเขาจะสำคัญกับเดเมียนถึงขั้นที่อีกฝ่ายไม่นึกโทษโกรธบิดากับเรื่องทั้งหมดที่ตนต้องเผชิญในวัยเด็ก


“ใช่” เดเมียนตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่จำเป็นต้องคิด “ต่อให้เลือกกลับไปแก้ไขเรื่องทั้งหมดได้ ฉันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนอะไร
ทั้งนั้น”



โอเค นั่นไม่ช่วยแก้ปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด



“แวะบ้านฉันก่อนได้มั้ย?” เดเมียนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ฉันมีอะไรจะให้ดู”




หากโรเวนได้ยินประโยคนั้นก่อนวันนี้ เขาอาจจะไม่ได้นำมันมาใส่ใจ แต่ตอนนี้ในหัวของเด็กหนุ่มมีเพียงภาพของ ‘อะไร’ที่เดเมียนต้องการจะให้เขาดูผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่



เขาไม่รู้ว่าควรจะเป็นกังวลกับความรู้สึกร้อนวูบวาบที่มากับภาพจินตนาการในหัวนั้นหรือไม่



“เอ่อ...”


“รีบกลับรึเปล่า?” เดเมียนเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ทำสีหน้าอึกอักอย่างสงสัย



“มะ..ไม่รีบ แวะบ้านนายก่อนก็ได้”



โรเวนพยักหน้าให้คนขับส่งๆ บอกตัวเองว่าเขากำลังคิดมากเกินไปและทำให้เดเมียนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
เขาได้แต่หวังว่าความรู้สึกประหลาดนี้จะหายไปเองก่อนที่เดเมียนจะเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทของตน







“….”



“โรเวน? นายโอเคมั้ย?”



“…หมา”



“หืม อะไรนะ?”



“นี่มันหมาไม่ใช่เหรอ?”



โรเวนเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเดเมียนเพียงหนึ่งก้าวเมื่อก้อนขนสีดำขนาดยักษ์วิ่งออกมาจากด้านหลังของตัวบ้าน เด
เมียนคุกเข่าลงบนพื้น อ้าแขนรับเจ้าลูกบอลยักษ์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ในขณะที่เด็กหนุ่มผมแดงยืนตะลึงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าสับสน



เดเมียนเกลียดสัตว์ทุกชนิด




หากจะพูดให้ถูกต้อง เดเมียนเกลียดการสัมผัสสัตว์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด



หากจะให้ลงรายละเอียดลึกลงไปกว่านั้น สัตว์ทุกตัวที่เดเมียนสัมผัสมักจะตายอย่างเป็นปริศนาหลังจากนั้นไม่นาน
โรเวนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตอนพวกเขาอยู่อนุบาล สัตว์เลี้ยงของห้องในตอนนี้คือ พุดดิ้ง กระต่ายสีขาวขนฟูหน้าตาน่าเอ็นดูที่เด็กๆทั้งห้องต่างแย่งกันเป็นผู้ดูแล เมื่อถึงเวรของเดเมียน เด็กชายผมบลอนด์ตรงมาหาเขาพร้อมน้ำตานองหน้าขอให้เขาไปให้อาหารเจ้าตัวขนฟูเป็นเพื่อน แม้จะนึกขำที่เพื่อนสนิทดูจะกลัวสิ่งมีชีวิตกินพืชตัวเท่าฝ่ามือเหลือเกิน แต่โรเวนก็ยอมตกลงแต่โดยดี



เด็กชายร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงลูบขนฟูนุ่มของกระต่ายน้อยหลังจากให้อาหารเสร็จ ก่อนจะหันไปหาเดเมียนที่ยังคงกำชายเสื้อของเพื่อนสนิทไว้ด้วยแววตาหวาดระแวง




“ลองลูบขนมันดูสิ นิ่มมากเลยนะ”



โรเวนอุ้มกระต่ายน้อยไว้ในอ้อมกอด หันไปหาเดเมียนพร้อมรอยยิ้มที่เขาคิดว่าช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้น แต่สายตาของเดเมียนยังคงไม่ละไปจากก้อนขยุกขยุยนั้น



“มะ…ไม่เอา”


“ไม่เอาน่า ไม่่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย” โรเวนว่า ยื่นเจ้าพุดดิ้งให้กับเพื่อนสนิท เดเมียนส่ายหน้ารัวเร็ว ขยีบถอยหนีห่างจากจมูกยุกยิกนั้นอย่างหวาดกลัว “เดเมียน นายไม่เชื่อใจฉันเหรอ”



“ปะ…เปล่า...” เด็กชายผมบลอนด์ส่ายหน้า แววตาหวาดระแวงแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเริ่มมีสีหน้าไม่สบอารมณ์



“ถ้าอย่างนั้นก็ลองลูบขนมันดูสิ เพื่อนคนอื่นเขาล้อนายใหญ่แล้วนะรู้มั้ย” โรเวนเร่ง เขาแค่ไม่อยากให้เพื่อนในห้องมีเรื่องล้อเลียนเพื่อนสนิทไปมากกว่าเรื่องมารดาของอีกฝ่ายที่เป็นเรื่องซุบซิบนินทาเรื่องโปรดของเหล่าสมาคมแม่บ้านในเมืองเล็กๆแห่งนี้ “ฉันไม่ปล่อยให้มันทำอะไรนายหรอกน่า"



เดเมียนกัดริมฝีปากอย่างเป็นกังวล แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของโรเวน เด็กชายจึงยอมเอื้อมมือไปแตะที่ขนนุ่มฟูของเจ้าสิ่งมีชีวิตในอ้อมกอดของเพื่อนอย่างกล้าๆกลัวๆ



เจ้าพุดดิ้งขยับจมูกฟุดฟิด แต่ยังคงนอนนิ่งในอ้อมกอดของโรเวน ปล่อยให้มือเล็กของเดเมียนลูบไปตามลำตัวของมันอย่างกล้าๆกลัวๆ



“เห็นมั้ย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” โรเวนฉีกยิ้มกว้าง และนั่นทำให้เดเมียนขยับยิ้มตามอย่างที่อีกฝ่ายมักจะทำเป็นประจำ “อยากลองอุ้มดูมั้ย"



“…อื้อ”



รอยยิ้มสดใสของเดเมียนในวันนั้นทำให้แม้แต่เด็กอายุเท่ากันอย่างเขายังอดลูบผมอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูไม่ได้



ร่างไร้ลมหายใจของพุดดิ้งถูกพบโดยครูประจำชั้นของพวกเขาในวันต่อมา



ไม่มีร่องรอยบาดแผล ไม่มีสัญญาณของการถูกทำร้าย ราวกับว่าเจ้ากระต่ายน้อยตัดสินใจที่จะหยุดหายใจและหายไปจาก


โลกด้วยตัวเอง



 โรเวนเคยเห็นเดเมียนร้องไห้หลายต่อหลายครั้งตั้งแต่รู้จักกับเด็กชาย ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างการถูกคนอื่นที่
ไม่ใช่โรเวนแตะตัวเอง หรือแม้กระทั่งตอนที่ถูกโรเวนจับแขนเป็นครั้งแรก ไปจนถึงเรื่องประหลาดอย่างพายุฤดูร้อนหรือแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นเป็นการร้องไห้ที่หนักที่สุดของเดเมียนที่เขาเคยเห็น



เขาอยากจะพูดว่านั่นเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เกิดเรื่องแบบนั้น



แต่หลังจากที่นก หนูแฮมสเตอร์ แมว สุนัข หรือแม้กระทั่งปลาทองในโถที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขาต่างล้มตายอย่างเป็นปริศนาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากถูกเดเมียนสัมผัส(ใช่ ปลาทอง เดเมียนช้อนมันออกจากโถตอนที่พวกเขาทำความสะอาด) โรเวนตัดสินใจว่่าเพื่อนของเขาอาจจะเป็นมนุษย์ที่ดวงตกกับสัตว์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา



และนั่นทำให้การเห็นเดเมียนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นกับสุนัขตัวใหญ่เกือบเท่าคน ขนยาวปรกดวงตาและหน้าตาละม้าย


คล้ายคลึงกับพรมเช็ดเท้าขนาดยักษ์ที่กระดิกหางใส่เจ้านายของตนอย่างร่าเริงทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนกำลังเห็นภาพหลอน




“นายอยากลูบขนมันมั้ย?” เดเมียนเงยหน้าขึ้นถามพร้อมแววตาเป็นประกาย



โรเวนไม่ได้รู้สึกพิสมัยอะไรเจ้าก้อนขนนุ่มสลวยขนาดยักษ์นั้น แต่เขาไม่เคยปฏิเสธดวงตาคู่นั้นได้เลยสักครั้ง




“ฉันดีใจนะที่นายเอาชนะความกลัวของตัวเองได้แบบนี้” โรเวนย่อตัวลงเกาพุงให้เจ้าหมาตัวใหญ่ มืออีกข้างเอื้อมไปขยี้เส้นผมสีบลอนด์นุ่มของเจ้าหมาขี้อ้อนอีกตัวที่ยิ้มร่ากับสัมผัสนั้น “เพิ่งเอามาเลี้ยงเหรอ?”




“เปล่า เซบาสเตียนเป็นเพื่อนคุณพ่อน่ะ พ่อส่งให้เขามาดูแลฉัน” เดเมียนอธิบายเสียงซื่อ โรเวนเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจกับรูปประโยคอันแปลกประหลาด แต่เขาเลือกที่จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ



คงเป็นพวกสุนัขฝึกพิเศษที่เขาเคยเห็นในทีวีล่ะมั้ง



“เซเลสต์ไม่อยู่เหรอ?” โรเวนมองไปรอบบ้านที่เงียบสงัดของเพื่อนสนิท เดเมียนพยักหน้า



“อื้อ ติดประชุมน่ะ”



โรเวนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่แสดงความรู้สึกของตนออกมาทางสีหน้า พวกเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆที่จะไม่สามารถอยู่บ้านตามลำพังโดยไม่มีผู้ปกครองเฝ้าไม่ได้แล้ว บางครั้งเขากลับเลือกที่จะอยู่ตามลำพังด้วยซ้ำ แต่กับเดเมียน ทุกครั้งที่เขาเห็นอีกฝ่ายอยู่ตามลำพัง จิตใต้สำนึกมักจะตะโกนให้เขาฉุดรั้งอีกฝ่ายออกมาจากความเดียวดายนั้นทุกที




“ถ้าวันไหนนายไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว...จะมาบ้านฉันก็ได้นะ”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนายคงไม่ชอบหรอก โรเวน” เดเมียนเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “เพราะฉันคงย้ายข้าวของไปอยู่บ้านนายเป็นการถาวรเลยล่ะ”



…ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นเสียแบบนี้เขาถึงไม่เคยวางใจได้เสียที


“เดี๋ยวฉันจะพาเซบาสเตียนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ไปด้วยกันมั้ย?” เด็กหนุ่มร่างสูงถามแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยี้ขนสีดำสนิทของเจ้าตูบที่ยังคงพันแข้งพันขาตนราวกับลูกเหมียวตัวน้อยด้วยสายตาเอ็นดู



“โทษที พอดีวันนี้แม่ฉันมีชมรมหนังสือน่ะ ฉันเลยต้องอยู่เฝ้าเจ้าสองแฝดไม่ให้เผาบ้าน”



โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย เขาไม่ได้โกหก แม้น้องทั้งสองของเขาไม่จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงคอยเฝ้า และมารดาของเขาคงเลือกที่จะให้โรเวนอยู่ดูแลคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่าอย่างเดเมียน แต่เขาต้องการเวลาส่วนตัวในการทบทวนความรู้สึกของตัวเองสักพัก และเขารู้ว่าการยอมตกลงไปไหนมาไหนกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆแบบนี้มักจบลงที่การได้นอนค้างบ้านของใครคนใดคนหนึ่งเป็นแน่









โรเวนตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวสีน้ำตาลหม่นที่อยู่กับครอบครัวของเขามาตั้งแต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลืมตาดูโลก กระเป๋าเป้ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น และหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ให้เสียงของรายการอะไรก็ตามที่กำลังฉายอยู่ในตอนนี้เป็นเหมือนดนตรีขับกล่อมขณะที่เขากำลังจมอยู่ในห้วงความคิด



ต่อให้ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องนี้เป็นเพียงความหวั่นไหวต่อรูปร่างและหน้าตาที่ดูราวกับผลงานรูปปั้นประติมากรรมชิ้นเอกของศิลปินชื่อก้องโลกที่มีชีวิตขึ้นมาของเดเมียน คำพูดคำจาและแววตาที่มองเขาราวกับเขาเป็นที่พึ่งทางจิตใจเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ช่วยในสถานการณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย



หากโรเวนต้องการที่จะเหยียบความรู้สึกพิลึกนี่ให้จมดินก่อนที่มันจะแสดงตัวตนออกมาให้ใครเห็น เขาจะต้องคุยกับเดเมียนเรื่องขอบเขตของความเป็นเพื่อนของพวกเขา เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถทนเห็นเดเมียนกระโจนคร่อมทับเขาบนเตียงหรือรั้งเขาเข้ามาในอ้อมกอดอีกกี่ครั้งก่อนที่สมองจะเริ่มเอาภาพความทรงจำเหล่านั้นมาบิดเบือนในความฝันที่เขาควบคุมไม่ได้



เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถมองหน้าเพื่อนสนิทหลังจากนั้นได้โดยไม่ระเบิดตัวตายด้วยความอับอายไปเสียก่อน



“โรเวน! เมื่อกี้หนูเห็นพี่เดเมียนจูงหมาไปทางสวนสาธารณะ พี่เขามีหมาด้วยเหรอ?”



“อื้อ ของพ่อเขาน่ะ” โรเวนตอบอย่างไม่ใส่ใจ หวังว่าน้องสาวจะจับน้ำเสียงของเขาได้และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเอง


แต่เขาน่าจะรู้จักโรซี่ เมื่อเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจเด็กหญิงจะไม่ยอมปล่อยเขาไปจนกว่าจะได้ข้อมูลที่เธอต้องการ



“คนอย่างพี่เดเมียนเนี่ยไม่น่าเป็นเพื่อนกับพี่ได้เลยนะโรเวน” โรซี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ ถือวิสาสะนั่งลงบนที่เท้าแขนของโซฟาตัวยาวที่โรเวนกำลังนอนอยู่ “ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งนิสัยดี ทำไมคนแบบนั้นถึงได้ติดพี่แจขนาดนี้นะ”



“….” ทั้งที่รู้ว่าน้องสาวไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของตัวเอง แต่โรเวนก็ยังอดรู้สึกจุกในท้องราวกับคำพูดนั้นเปลี่ยนเป็นหมัดลุ่นๆที่กระแทกเข้าที่ท้องของตัวเองอย่างแรงไม่ได้



“แต่ถึงจะไม่รู้เห็นผล หนูก็ดูออกนะว่าพี่เดเมียนสนิทกับพี่มาก” โรซี่ยังคงพูดต่อโดยไม่สังเกตถึงสีหน้าไม่สู้ดีของพี่ชาย “ที่โรงเรียนหนูก็มีแต่คนชอบพี่เขา ตอนนี้พี่เดเมียนมีฐานแฟนคลับมากกว่านักฟุตบอลโรงเรียนพี่ทุกคนรวมกันอีก ถ้าชมรมหนังสือพิมพ์ของหนูได้เป็นเจ้าแรกที่ได้สัมภาษณ์พี่เดเมียนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ชมรมเราจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่ พี่ช่วยพูดกับพี่เดเมียนให้หน่อยได้ม้ัย น้า หนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย”



โรเวนอึกอัก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเดเมียนไม่น่าจะปฏิเสธคำขอเล็กๆนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่อยากกวนใจเพื่อนสนิทด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้เท่าไหร่ เขาไม่รู้ว่าคำถามในคอลัมน์ซุบซิบของหนังสือพิมพ์โรงเรียนมัธยมต้นจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของเดเมียนแค่ไหน แต่หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้ความเป็นส่วนตัวของเพื่อนสนิทถูกละเมิดแม้แต่นิดเดียว



แต่โรซี่ตีความความเงียบของเขาไปอีกทาง


“ถ้าพี่คิดว่าขอไปพี่เดเมียนก็คงไม่ตกลง...”



“ยังไงพี่เดเมียนก็ต้องตกลงอยู่แล้ว เธอก็น่าจะรู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มากวนใจพี่โรเวนอยู่แบบนี้หรอก จริงมั้ย” คนที่ตอบ
กลับเป็นไรลีย์ที่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่โรเวนกลับมา น้องชายของเขาเป็นเด็กฉลาด และความขยันของไรลีย์ยิ่งทำให้ผลการเรียนของเด็กชายดูดีกว่าฝาแฝดของตนมาก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ คะแนนสอบวิชาประวัติศาสตร์ของเด็กชายกลับผ่านครึ่งมาได้แค่สองสามคะแนนในการสอบเก็บคะแนนที่ผ่านมา โรเวนเห็นความเครียดในแววตาของเด็กชายทุกครั้งที่เปิดหนังสือวิชาประวัติศาสตร์อ่านอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน โรเวนถึงขั้นได้ยินน้องชายของตนคุยกับมารดา
เรื่องอาจารย์สอนพิเศษเพื่อฉุดคะแนนของตัวเองขึ้นด้วยซ้ำ



แต่โรเวนไม่คิดว่าความฉลาดนั้นจะทำให้น้องชายของตนตอบคำถามของฝาแฝดตัวเองด้วยสีหน้ามั่นใจขนาดนั้น



“นายหมายความว่ายังไง ไรลีย์?” โรซี่ถาม


“พี่เดเมียนไม่เคยขัดคำสั่งพี่โรเวน ขนาดตอนเด็กๆที่พี่โรเวนสั่งให้พี่เดเมียนเก็บกวาดห้องนอนให้ พี่เดเมียนยังทำหน้าเหมือนพี่โรเวนยกบ้านให้เขาเลย” ไรลีย์ไหวไหล่ “เธอไม่เห็นวันที่พี่เดเมียนมากินข้าวบ้านเราเหรอ สายตาที่พี่เดเมียนมองพี่โรเวนน่ะหวานเลี่ยนยิ่งกว่าสายตาที่พ่อกับแม่มองกันอีก ขนาดคนตาบอดยังรู้เลยว่าพี่เดเมียนน่ะหลงพี่ชายเราจนโงหัวไม่ขึ้น”



โรเวนไม่รู้ว่าโรซี่พูดว่าอะไรหลังจากนั้น เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าโรซี่ได้พูดอะไรรึเปล่า เสียงรอบตัวเขากลายเป็นเพียงเสียงอื้ออึงในหูเมื่อโรเวนลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังบันได เขารู้สึกว่าได้ยินเสียงน้องทั้งสองเรียกชื่อเขา แต่โรเวนยังคงรู้สึกมึนเบลอในหัวเกินหัวจะสนใจ



นอกหน้าต่่างของห้อง คนที่เป็นต้นเหตุของสภาพเหมือนเครื่องดูดฝุ่นที่ไฟฟ้าลัดวงจรของโรเวนกำลังจูงเซบาสเตียนข้ามถนนกลับมายังบ้านของตน ราวกับรับรู้ว่าตนกำลงถูกมอง เดเมียนเงยหน้าขึ้นแล้วโบกมือให้เขาพร้อมรอยยิ้มสดใส โรเวนรู้สึกถึงแขนของตนที่ยกขึ้นโบกมือตอบโดยที่สมองยังไม่ได้สั่งการ ก่อนจะเดินไปปิดผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้น



พรุ่งนี้...



โรเวนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตนพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่




ค่อยคิดต่อพรุ่งนี้แล้วกัน


-----------
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 09-06-2019 16:05:25
Chapter 5: In which bitches are burned.

“…อะไรนะ?”



“ฉันถามว่านายอยากไปปาร์ตี้ที่บ้านลิซซี่ เดอร์ ลาครูซกับฉันมั้ย? พวกเชียร์ลีดเดอร์เขาเชิญนักฟุตบอลไปกันทุกคนน่ะ” เดเมียนเอ่ยทวนสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปขณะที่พวกเขาเดินไปตามโถงทางเดินของอาคารเรียน คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล 


“นายเป็นอะไรรึเปล่า โรเวน สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลย”




“เมื่อคืนนอนน้อยมั้ง”โรเวนตอบปัดด้วยไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เขาไม่ได้โกหกเสีียทีเดียว แต่หากเป็นไปได้โรเวนเลือกที่จะเก็บต้นเหตุของความรู้สึกว้าวุ่นใจนี้ไว้กับตัวเองมากกว่า



“งั้นเหรอ?” สีหน้าของเดเมียนบ่งบอกว่ายังคงไม่พอใจกับคำตอบแต่เลือกที่จะไม่ถามย้ำ “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราอยู่บ้านดีกว่า นายจะได้พัก”



“เดี๋ยว แล้วนายจะไม่ไปเหรอ?” โรเวนเปิดประตูล็อกเกอร์เพื่อหยิบถุงอาหารกลางวันของตนออกมา เด็กหนุ่มผมบลอนด์ส่ายหน้า



“ถ้านายไม่ไปฉันก็ไม่ไป ฉันไม่รู้จักใครเลยนี่นา”



“นั่นคือเหตุผลที่นายไปงานพวกนี้ไง” โรเวนถอนหายใจ “นายไปเถอะ ฉันไม่ค่อยถูกกับงานแบบนี้เท่าไหร่”
หากจะพูดให้ถูกคือไม่มีใครเชิญเขาไปงานแบบนี้เท่าไหร่



หากจะพูดให้ตรงกว่านั้น ไม่มีใครเชิญเขาไปงานแบบนี้เลยในชีวิต


“นายไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเหรอ?”



สายตาออดอ้อนของเดเมียนไม่ควรเป็นสิ่งถูกกฏหมาย โรเวนไม่เคยลองใช้สารเสพติด สิ่งที่ใกล้เคียงกับการมึนเมาที่สุดคือเบียร์ที่พ่ออนุญาตให้เขาจิบในคืนที่พวกเขานั่งดูฟุตบอลด้วยกันหน้าจอทีวี แต่ตอนนี้แค่แววไหวระริกในดวงตาสีซีดก็มากพอที่จะทำให้เลือดในกายของเด็กหนุ่มสูบฉีดพุ่งพล่านและไปเลี้ยงไม่ทันในเวลาเดียวกัน



เขาว่าน้องชายของเขาน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะว่าใครกันแน่ที่หลงใครจนโงหัวไม่ขึ้น



“โอเค โอเค ฉันไปกับนายก็ได้ ให้ตายเถอะ นายนี่เด็กชะมัด” เด็กหนุ่มผมแดงแสร้งทำเป็นตอบตกลงตัดรำคาญ เดเมียนยิ้มกว้าง เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจกับคำตอบของเขา



“เย็นนี้ฉันไปรับนะ”



โรเวนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก



เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นการพิสูจน์ให้ชัดๆไปเลยว่าความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่ง
ในใจของโรเวนจะไม่อยากรู้คำตอบนั้นเลยก็ตาม







อลิซาเบธ เดอ ลาครูซ หรือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ เป็นเหมือนราชินีผึ้งของอาณาจักรผึ้งงานน้อยๆที่เรียกว่าโรงเรียนมัธยมปลาย เด็กสาวเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ยืนหยัดอยู่เหนือการคัดสรรของธรรมชาติ ผมบลอนด์ยาวทิ้งตัวมีน้ำหนัก ผิวแทนเนียนจากวันหยุดที่ชายหาดของหลายประเทศทุกซัมเมอร์รับกับทรวเทรงองค์เอวที่หลุดออกมาจากปกนิตยาสาร ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส แม้แต่ฟันขาวราวไข่มุกยังเรียงตัวสวยตามธรรมชาติโดยไม่ต้องจัด หากนำทั้งหมดนี้มารวมกับเงินในบัญชีของพ่อเธอ เด็กสาวคือตัวอย่างชั้นดีของคำว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด



ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นเธอ ผู้ชายทุกคนอยากควงเธอ หากจะมีอะไรที่ทำให้ความสวยงามดุจภาพวาดนั้นหมองลงไปบ้าง คงจะเป็นนิสัยของเด็กสาวที่ดูจะสนุกสนานกับการทรมานคนที่เธอมองว่าอยู่คนละชั้นกับตัวเอง


เช่นคนอย่างโรเวนเป็นต้น



“โห…”



จึงไม่แปลกที่แม้จะเรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปี แต่โรเวนไม่เคยย่างกรายเข้ามาในบ้านของเชียร์ลีดเดอร์สาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว



แค่ห้องนั่งเล่นของลิซซี่ก็มีขนาดพอๆกับชั้นล่างของบ้านเขาทั้งหลัง แม้ความกว้างจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับบ้านของเดเมียน แต่การตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเหมือนหลุดออกมาจากแคตตาล็อกสินค้าเดินล่าสุดทำให้บรรยากาศในบ้านต่างกันมากโข
โฮมเธียเตอร์รอบทิศเปิดเพลงดังสนั่นจนเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ดูเหมือนนักเรียนครึ่งโรงเรียนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผู้คนจับกลุ่มตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงเพลง ในมือถือแก้วพลาสติดสีแดงสดที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่น้ำผลไม้ในนั้น



“เฮ้ รูปหล่อ คิดว่านายจะไม่มาซะ… ใครเชิญหมอนี่มาด้วยไม่ทราบ”



เด็กสาวเจ้าของปาร์ตี้ขึ้นเสียงแหลมอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ โรเวนก้มหน้าห่อไหล่ตามสัญชาตญาณ เตรียมรับเครื่องดื่มประเภทใดก็ตามที่กำลังจะถูกสาดมาทางตัวเอง



“ฉันชวนเขามาเอง” เดเมียนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มใสซื่อที่ทำให้คนมองใจละลายมานับครั้งไม่ถ้วน“เธอบอกว่าฉันพาเพื่อนมาด้วยได้ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”



“…ไม่เป็นไร ตามสบายเลยนะเดเมียน“ ลิซซี่เอ่ยเสียงหวาน หากดวงตาของมนุษย์กลายเป็นรูปหัวใจได้เหมือนในการ์ตูนตาของเด็กสาวคงมีหัวใจดวงโตโผล่ออกมาสองดวงไปแล้ว



แน่นอน ทันทีที่ดวงตาคู่นั้นเหลือบมองมาทางเขา สิ่งที่มีเหลืออยู่ในแววตาของเชียร์ลีดเดอร์สาวมีเพียงความรังเกียจ




“ถือว่านายฉลาดหาคนเกาะดีนี่ วู้ดส์ อย่าคิดว่านี่จะทำให้นายขึ้นมาอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเรานะ”



“ไม่คิดแม้แต่จะฝันหรอก” โรเวนตอบเสียงยานคาง นึกเสียใจที่ยอมหลวมตัวตกลงมางานนี้กับเพื่อนสนิทขึ้นมา



“เราไปหาที่สงบกว่านี้อยู่กันดีกว่า” แขนแข็งแรงโอบไหล่เขาแล้วพาโรเวนไปยังมุมหนึ่งของบ้านที่ยังไม่มีใครจับจอง เสียงดนตรีที่เบากว่าจุดอื่นในบ้านทำให้แก้วหูที่กำลังเต้นระบำของโรเวนรู้สึกดีขึ้น เดเมียนที่ยังคงไม่ปล่อยมือจากเขาราวกับกลัว
จะโดนทิ้งไว้คนเดียวหันมาหาเด็กหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้าสำนึกผิด“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าปาร์ตี้จะดีกว่านี้ ถ้านายไม่ชอบเรา
กลับกันเลยก็ได้นะ”



“เหลวไหลน่า ไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย” โรเวนจับมือที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเองออก ไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนในงาน “เราเพิ่งมาถึง อยู่ต่ออีกซักพักค่อยกลับก็ได้”



“งั้นเหรอ…” เดเมียนมองมองไปรอบๆด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ “ฉันไม่เคยมางานปาร์ตี้มาก่อนเลย ปกติเขาทำอะไรกันเหรอ?”



“ก็คงคุยกับคนนั้นคนนี้หาคนที่พร้อมจะมานัวเนียด้วยในมุมมืดหลังเมาได้ที่ล่ะมั้ง” โรเวนไหวไหล่ ความรู้ของเขาในเรื่องการปาร์ตี้นั้นได้มาจากละครวัยรุ่นที่น้องสาวของเขาติดงอมแงมทั้งหมด “นายถามผิดคนแล้วล่ะพวก”




“อ๋อ…” เด็กหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ “เรามีมุมมืดแล้ว เดี๋ยวฉันไปหยิบเบียร์ที่โต๊ะเครื่องดื่มมาให้ นายอยากคุยเรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”



“หะ…” โรเวนใช้เวลาสิบวินาทีเต็มๆในการประมวลผลคำถามนั้นก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะแจกมะเหงกให้เพื่อนสนิทโดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากสมอง “ไม่ใช่ฉันสิเจ้าบ้า!”



“แต่…ฉันไม่อยากนัวเนียกับคนแปลกหน้าในมุมมืดนี่”



เดเมียนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีซีดไหวระริกอย่างน่าสงสาร



“นายนี่มัน…”



โรเวนยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเหลืออด ทำไมครอบครัวของหมอนี่ถึงได้กล้าปล่อยให้เจ้าเด็กโตแต่ตัวแบบนี้ออกมาเถลไถลนอกบ้านกันนะ



“เอาล่ะๆ ยืนอยู่เฉยๆตรงนี้นี่แหละ รอซักสิบนาทีแล้วนายค่อยไปบอกลิซซี่ว้านายมีธุระต้องรีบกลับ โอเคมั้ย?”



“อื้อ!” อีกฝ่ายดูอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากได้ยินดังนั้น



“พวกนายสองคนนี่ไม่คิดจะห่างกันซักวินาทีจริงๆเหรอ?” มาร์คัสที่เดินตรงมาทางพวกเขาพร้อมกับแก้วพลาสติกขนาดใหญ่สามใบที่หอบมาเต็มมือถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ



“หึงรึไง แอนเดอร์สัน”  โรเวนเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เด็กหนุ่มผิวเข้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



“ฉันเอาน้ำพั้นช์มาให้ สูตรของลิซซี่ถ้าไม่ลองถือว่าไม่ได้มาเลยนะ”



แม้ในใจเขาอยากจะแย้งว่านี่น่าจะเป็นสูตรของแม่บ้านที่บิดาของเด็กสาวจ้างมามากกว่า แต่โรเวนก็ยอมยื่นมือไปรับแก้วพลาสติกสองใบมาด้วยกลัวว่ามันจะหกใส่เพื่อนเสียก่อน เด็กหนุ่มยื่นแก้วใบหนึ่งให้กับเดเมียนแล้วยกแก้วในมือขึ้นดื่ม รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวของน้ำผลไม้ไม่สามารถซุกซ่อนกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมลงไปได้ แต่โรเวนต้องยอมรับว่าเขาถูกใจรสชาติของมันพอสมควร



มาร์คัสคุยกับเดเมียนเรื่องเวลาการฝึกซ้อมสองสามประโยคก่อนจะถูกคนในงานดึงตัวไป โรเวนรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาคุยกับเดเมียน มีบางคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาแต่กลับเดินเลี้ยวไปอีกทางก่อน ทำให้มีเพียงพวกเขาสองคนที่ครอบครองพื้นที่เล็กๆนี้ด้วยกัน



ดูจากความนิยมของเดเมียนตั้งแต่เปิดเรียนแล้ว คนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาน่าจะเป็นเขามากกว่า



“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” จู่ๆเดเมียนก็เอ่ยขึ้น โรเวนขมวดคิ้วอย่างงุนงงแต่ก็พยักหน้า “ทำไมนายถึงได้ถูกคนพวกนี้แกล้งล่ะ ทั้งที่นายก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เป็นเป้าหมายได้ขนาดนั้นแท้ๆ”



คำถามที่เขาไม่คิดว่าจะถูกถามทำให้เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ เป็นความจริงที่คนอย่างเขาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากพอที่เหล่ามนุษย์บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารจะให้ความสนใจเป็นพิเศษนัก เขาเรียนหนังสือได้ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นเด็กเรียนหอบตำราใส่แว่นหนาเตอะ เขาเล่นกีตาร์ได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในวงดนตรี เขาชอบเล่นเกมส์ แต่ก็ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเด็กติดเกมส์ เขาเล่นกีฬาได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะถูกคัดตัวเป็นนักกีฬาโรงเรียน



ในสังคมของโรงเรียนมัธยมปลาย เขาไม่ใช่ผู้ล่า แต่ในบรรดาเหยื่อที่น่าสงสารนับร้อยคน เขาดูไม่น่าจะเป็นตัวเลือกแรก
แต่สิ่งที่เดเมียนไม่รู้ คือการกลั่นแกล้งนี้ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากมัธยมปลาย มันไม่ได้เริ่มจากช่วงมัธยมต้นด้วยซ้ำ
เขาเริ่มถูกคนในโรงเรียนรังแกหลังจากเขาโถมตัวเข้าใส่เพื่อนร่วมชั้นที่สร้างเรื่องโกหกเกี่ยวกับ ‘เด็กปีศาจ’ อย่างสนุกปากหลังจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาถูกพาตัวไปจากบ้านที่มารดาของเด็กชายปลิดชีวิตตัวเอง เขาพร้อมที่จะหาเรื่องทุกคนที่กล้าพูดถึงเด็กปีศาจคนนั้นราวกับเด็กชายไม่ใช่มนุษย์ และพร้อมที่จะปกป้องเพื่อนสนิทที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อปกป้องชื่อของตัวเอง



เพราะเขาถูกจดจำในฐานะเพื่อนของเด็กปีศาจ ตัวตนของเด็กปีศาจที่คนในชุมชนต่างพูดถึงจึงค่อยๆถูกลืมเลือน ทุกวันนี้ เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องของเด็กปีศาจ สิ่งที่คนจำได้มักจะเป็นเด็กชายผมสีแดงเพลิงที่ร้องตะโกนใส่พวกเขาจนสุดเสียงให้หุบปากและยุ่งแต่เรื่องของตัวเอง และไม่มีใครจำได้ว่า ‘เด็กปีศาจ’ ที่พวกเขาพูดถึงกันนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ซึ่งโรเวนไม่คิดว่าผลลัพธ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจแต่อย่างใด



เด็กหนุ่มเพิ่งเริ่มสังเกตว่าสีหน้าของเดเมียนหมองลงเรื่อยๆเมื่อเขารู้สึกตัวว่าริมฝีปากของตัวเองกำลังขยับ โรเวนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเขารับรู้ว่าตัวเองได้พูดทุกสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด เขาก็ไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองหยุดพูดได้ ราวกับว่าร่างกายของเขาอยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสิ้นเชิง



“ใคร…” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและโทสะที่คุกรุ่น ร่างสูงขบกรามแน่นจนเขาเป็นห่วงสุขภาพฟันของอีกฝ่าย “ใครบ้างที่ทำให้นายต้องเจอกับเรื่องแบบนี้”




โรเวนพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ร่างกายของเขากลับไม่ยอมฟัง



“อีธาน สมิธ, แดเนียล โรเจอร์, เคเลบ จอร์แดน แต่คนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ”



อะไรก็ตามที่อยู่ในน้ำพั้นช์ไม่มีทางเป็นแค่แอลกอฮอล์แน่ๆ



เดเมียนทำหน้าเหมือนตัวเองเป็นคนที่โดนกลั่นแกล้งมาตลอดหลายปีเสียเอง ชั่วขณะนั้นโรเวนนึกหวั่นใจว่าเพื่อนสนิทจะไปมีเรื่องกับคนพวกนั้น แต่เด้มียนเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด



“ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันแท้ๆ…”




“ฉันรู้ว่านายก็จะทำแบบเดียวกันถ้านายเป็นฉัน” โรเวนตบบ่าเพื่อนสนิทหนักๆ เริ่มรู้สึกเวียนหัวจากฤทธิ์ของอะไรก็ตามในน้ำผลไม้สีสดใสนั้น “เรากลับกันดีกว่า ฉันเริ่มมึนๆหัวแล้ว”



“รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันไปบอกลิซซี่ก่อนว่าเราจะกลับ“ เดเมียนดึงแก้วน้ำออกไปจากมือของโรเวนแล้วเดินหายไป ร่างโปร่งเอนกายพิงผนังแล้วหลับตาลงเพื่อลดอาการเวียนหัวของตัวเอง ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้น สัมผัสที่คุ้นเคยก็แตะลงบนไหล่มน



 “ไปกันเถอะ” เดเมียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ดึงแขนของโรเวนให้โอบรอบคอตัวเองขณะที่มือใหญ่โอบกระชับเอวบางไว้



“เกาะดีๆนะ”



เหมือนปาฏิหาริย์ที่พวกเขาสามารถมาถึงรถของเดเมียนได้โดยที่โรเวนไม่สะดุดขาตัวเองล้มหัวคะมำหน้าทิ่มไปเสียก่อน เด็กหนุ่มนั่งนิ่งให้เจ้าของรถช่วยจัดการกับเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง ประกลาดใจเล็กน้อยเมื่อตนค่อยๆเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่เดเมียนเริ่มออกรถ เมื่อพวกเขามาถึงหน้าบ้านของโรเวน เด็กหนุ่มกลับมีสติสัมปะชัญญะแจ่มใสครบถ้วนเหมือนเหมือนไม่ได้เพิ่งเมายาไม่ทราบชนิดมาเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว



แปลก…



“ราตรีสวัสดิ์ โรเวน” เดเมียนเอี้ยวตัวมาปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้เขา ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่หาย “นายเดินเองไหวมั้ย”
เขาคิดว่าตัวเองไม่มีปัญหาในการเดินเข้าบ้านโดยไม่จำเป็นต้องมีคนพยุง แต่หลังจากการพ่นความลับที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บอกให้เดเมียนรู้จนหมดเปลือก โรเวนพบว่าเขายังไม่พร้อมที่จะแยกจากเพื่อนสนิทที่เขาเพิ่งได้กลับมา



“ฉันซื้อดีวีดีหนังมาใหม่ ถ้าอยากมาดูด้วยหันก็ได้นะ”



แน่นอน โรเวนรู้ว่าเดเมียนไม่เคยปฏิเสธคำชวนของเขา แต่รอยยิ้มกว้างและแววตาเป็นประกายของร่างสูงก็ยังคงทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนอยู่ดี




“นายอยากดูเรื่องอะไร?”



โรเวนหยิบดีวีดีหนังแอ็คชั่นและหนังไซไฟแฟนตาซีที่เขาเพิ่งซื้อมาแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูให้เพื่อนสนิทเลือก เดเมียนที่นอนแผ่กินพื้นที่เกือบทั้งเตียงเล็กๆของเขายกหัวขึ้นมาดูเล็กน้อยแล้วชี้ไปที่แผ่นภาพยนตร์ไซไฟอย่างไม่ต้องคิด โรเวนใส่แผ่นดีวีดีเข้าไปในแล็ปท้อปของตัวเองแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง เบียดให้คนตัวใหญ่กว่าทำตัวลีบติดกับผนังเพื่อสร้างพื้นที่ให้กับเขา โรเวนเอนศีรษะพิงไหล่เพื่อนสนิท สายตาจดจ่ออยู่กับภาพยนตร์ที่เริ่มเล่น พยายามไม่สนใจอุณหภูมิร่างกายของคนข้างๆที่อุ่นพอดีกับความต้องการของเขาราวกับสั่งได้




โรเวนดูหนังไปได้ครึ่งเรื่องเมื่อรู้สึกถึงแผงอกแกร่งที่เคลื่อนขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอของคนข้างๆ ศีรษะของเดเมียนพับเอียงในองศาที่ดูไม่น่าจะสบาย ดวงตาสีฟ้าซีดจนแลดูคล้ายประกายสีเงินถูกซ่อนภายใต้เปลือกตาและแพขนตางอนหนา เด็กหนุ่มผมแดงจดจ้องภาพตรงหน้าราวกับถูกมนต์สะกด มือเรียวเอื้อมขึ้นปัดเส้นผมสีบลอนด์ที่ปรกลงมาบนใบหน้าคมให้พ้นดวงตาของอีกฝ่าย ไม่มั่นใจว่าตนคิดจะทำอะไรหลังจากนั้น แต่เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้คนที่หลับสนิทขึ้นเรื่อยๆ



ทว่าก่อนที่เขาจะได้ค้นพบว่าตัวเองกำลังจะทำบ้าอะไร เสียงประตูหน้าบ้านกระแทกปิดและเสียงร้องตะโกนของทั้งพ่อและ
แม่ของเขาทำให้โรเวนรีบผละจากเดเมียนที่ลืมตาตื่นขึ้นจากเสียงโวยวายเช่นกัน เด็กหนุ่มร่างสูงกระพริบตาปรับโฟกัสภาพรอบตัว ดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้ถึงความใกล้ชิดของใบหน้าของพวกเขาเมื่อครู่



ประตูห้องของเขาถูกเปิดผางออกพร้อมกับแม่ของเขาที่พุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขาและดึงเอาเด็กหนุ่มทั้งสองเข้ามากอดไว้แน่น โรเวนกอดตอบอย่างงุนงง มองข้ามไหล่ของซาราห์ไปยังบิดาที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


“พ่อครับ เกิดอะไรขึ้น?”



“พวกลูกกลับมาจากปาร์ตี้นานแค่ไหนแล้ว?” เนธานตอบลูกชายด้วยประโยคคำถาม



“น่าจะประมาณสองชั่วโมง...พ่อครับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” โรเวนนิ่วหน้าเมื่ออ้อมกอดของมารดามีแต่จะแน่นขึ้นทุกนาที



“เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้าน เดอ ลาครูซ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ยังควบคุมไฟไม่ได้ ทีมนักดับเพลิงกำลังพยายามอพยพคนออกมาอยู่” พ่อของเขาเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ



เลือดในกายโรเวนเย็นเฉียบเมื่อได้ยินดังนั้น ถึงแม้ว่าคนในงานจะไม่ใช่เพื่อนที่เขารู้จักดี แต่เขายังคงไม่อยากให้ใครในนั้น

ได้รับบาดเจ็บหรือเลวร้ายกว่านั้น



“มาร์คัส...” มาร์คัสยังอยู่ในงานตอนที่เขาออกมา



“ลูกชายของนายอำเภอจแอนเดอร์สันเป็นคนแรกๆที่หนีออกมาได้ทัน นอกจากสูดหายใจเอาควันไฟเข้าไปนิดหน่อยแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เนธานถอนหายใจ “หวังว่าเราจะสามารถดับไฟได้ก่อนที่มันจะลามไปบ้านหลังอื่น ไม่อยากนั้นรายชื่อ
ของผู้บาดเจ็บสาหัสคงไม่หยุดแค่สี่คนแน่ๆ”



“สี่คน? ใครบ้างเหรอครับ?” โรเวนถามอย่างสงสัย


“อีธาน สมิธ, แดเนียล โรเจอร์, เคเลบ จอร์แดน แต่คนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดในตอนนี้คือ ลิซซี่ เดอ ลาครูซ ลูกสาวเจ้าของบ้าน”



รายชื่อที่คุ้นเคยเกินกว่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปอย่างกระทันหัน เด็กหนุ่มเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของมารดาของเขา ทว่าสีหน้าของเดเมียนกลับเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก



เฉยจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ...



“ผมควรกลับบ้านก่อน” เดเมียนเอ่ยขึ้น ซาราห์ผละออกจากเด็กหน่มทั้งน้ำตานองหน้า “เซเลสต์คงเป็นห่วงแย่แล้ว”



“นั่นสินะจ๊ะ กลับบ้านดีๆนะ” แม่ของโรเวนยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เธอรักเหมือนลูก เดเมียนพยักหน้า ก่อนจะหันมายิ้มให้โรเวน



“เจอกันที่โรงเรียนนะ”



“อืม”เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า แม้สมองจะรู้ว่าไม่มีทางที่เดเมียนที่อยู่กับตนตลอดเวลาจะเป็นต้นเหตุของเหตุเพลิงไหม้นั้น แต่ส่วนลึกในใจยังคงไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญ




แปลก...แปลกมากจริงๆ

---------
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 09-06-2019 16:20:18
เป็นนิยายที่สนุกและน่าติดตามอีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: saiichinisan ที่ 09-06-2019 23:46:05
สนุกน่าติดตามมากๆค่ะ เป็นกำลัง ใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-06-2019 12:45:57
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 10-06-2019 22:36:10
เขียนดีมาก ได้กลิ่นอายซีรี่ย์วัยรุ่นอเมริกาจางๆชอบมากๆค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 11-06-2019 13:25:40
กลิ่นอายซีรีส์อเมริกามาเต็ม สนุกดี รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2019 17:15:12
สนุก​ดี​ค่ะ​
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: ninknpk ที่ 11-06-2019 23:51:47
สนุกกก น่าลุ้นมาก มาต่อเร็วนะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 12-06-2019 02:00:49
เดเมี่ยนเริ่มมาก็ Quadra kill เลยหรือ Op ไปแล้วว
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 12-06-2019 18:58:20
เรเวนเริ่มสงสัยละ
แต่ว่าเดเมียนก็ไม่ได้ปิดบังอะไร
ถ้าถามไปก็น่าจะรู้
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 13-06-2019 08:39:00
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 5 100% [08-06-19] คห.14
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 14-06-2019 20:54:29
Chapter  6: In which a teacher is replaced.



“นายหมายความว่าไง ที่ว่าเดเมียนมีส่วนรู้เห็นเรื่องไฟไหม้เมื่อวานน่ะ”



“เบาเสียงลงหน่อย” โรเวนกระซิบดุ “ฉันแค่บอกว่ามันประหลาด ที่คนที่ฉันบอกเดเมียนไปว่าแกล้งฉันมาตั้งแต่เด็กทั้งสี่คนจะโดนไฟครอกบาดเจ็บสาหัสในคืนเดียวกัน เธอไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?”


“แปลกกว่าการที่นายสงสัยว่าคนที่นอนกอดนายกลมอยู่ตลอดสองชั่วโมงเป็นคนจุดไฟเผาบ้านที่อยู่ห่างออกไปเป็นสิบไมล์?” วิเวียนเลิกคิ้ว “ไม่รู้สิวู้ดส์ ฉันคิดว่านายแค่ต้องการข้ออ้างไม่ให้ตัวเองถลำลึกไปกับความรู้สึกที่มีให้เดเมียนตอนนี้มากกว่า”



“นั่นมัน...ฉัน...” โรเวนนึกเกลียดสีผิวขาวซีดของตัวเองที่ทำให้ทุกคนสามารถมองออกอย่างง่ายดายว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำ รอยยิ้มรู้ทันของวิเวียนยิ่งทำให้เขานึกอยากให้ธรณีแยกออกแล้วสูบเขาหายไปจากตรงนี้ในตอนนี้ “มันคนละเรื่องกัน”



“เหรอ...” เด็กสาวลากเสียงแซว ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนตั้งท่าจะลุกหนีไปด้วยความอับอาย “ฮ่าๆๆ โอเคๆ ฉันจะจริงจังแล้ว นายอยากได้ข้อพิสูจน์ใช่มั้ยว่าที่รักของนายไม่ใช่คนร้ายวางเพลิง ฉันว่านี่น่าจะช่วยไขความกระจ่างได้นะ”



โรเวนนั่งกลับลงมาอย่างสงสัย วิเวียนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเปิดคลิปวีดีโอแล้วยื่นให้เขาดู ในคลิปแสดงภาพของเด็กหนุ่มสองคนที่เขาจำได้ว่าคืออีธานและเคเลบกำลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงโดยมีลิซซี่ยืนอยู่ไม่ไกล




“อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆน่า” เคเลบไหวไหล่



“นายยังกล้าพูดอย่างนั้นอยู่อีกเหรอ เมื่อกี้ฉันเห็นคาตาว่านายแลกลิ้นกับลิซซี่อยู่ตรงนั้น!” อีธานตะเบ็งเสียงอย่างมีน้ำโห



“หนุ่มๆ อย่าทะเลาะกันเพราะฉันเลย” ลิซซี่พยายามไกล่เกลี่ย แม้ว่าสีหน้าของเด็กสาวจะดูพึงพอใจอย่างไม่ปิดบังที่มีผู้ชายสองคนแย่งเธอ โดยเฉพาะเมื่อชายสองคนที่ว่านั้นคือนักฟุตบอลโรงเรียนรูปหล่อที่สาวๆหมายตา



ทุกอย่างในคลิปดูเหมือนการทะเลาะกันของเด็กมัธยมปลายธรรมดาจนกระทั่งอีธานง้างหมัดต่อยเคเลบเข้าที่หน้าจนอีกฝ่ายเซถลาไปชนกับกองขวดใส่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงถังเบียร์อัดแก๊สที่วางอยู่หน้าเตาผิงที่กำลังปะทุไฟอย่างพอดิบพอดี แรงระเบิดจากแก๊สที่โดนความร้อนทำให้ผู้คนในงานรวมถึงคนที่ถือกล้องรีบวิ่งหนีออกมาจากบ้าน นอกจากภาพความชุลมุนวุ่นวายโรเวนได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของเพื่อนร่วมชั้นและเสียงเปลวไฟที่กลืนกินทุกสิ่งราวกับมีชีวิตขึ้นมา



“เป็นไง ยังคิดว่าแฟนนายมีเอี่ยวอยู่อีกมั้ย?” วิเวียนเลิกคิ้ว



“จะให้พูดกี่ครั้งว่าหมอนั่นไม่ใช่แฟนฉัน” โรเวนบ่นอุบ



พวกเขานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงอาหารที่ถูกจัดไว้เป็นที่นั่งทานอาหารในช่วงพักกลางวัน เดเมียนถูกโค้ชเรียกไปคุยทำให้ร่างสูงต้องเอาแซนด์วิชไปกินที่โรงพละ โรเวนคิดว่าเด็กหนุ่มผมบลอนด์ดูจะไม่สบอารมณ์นักที่ถูกรบกวนเวลาพัก แต่คำแซวของวิเวียนที่ว่าเดเมียนหงุดหงิดเพราะถูกกินเวลาที่ได้อยู่กับเขาทำให้โรเวนรู้สึกแก้มร้อนๆขึ้นมา



“เฮ้ ดูนั่นสิ”



วิเวียนพยักเพยิดไปทางอาคารเรียน ในแวบแรกโรเวนไม่รู้ว่าเด็กสาวต้องการให้เขาเห็นอะไร จนกระทั่งดวงตาสีมรกตเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินชมอาคารกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน



แม้จะอยู่อีกฟากของสนาม แต่โรเวนยังคงสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเข้ารูปอวดกล้ามเนื้อภายใต้เนื้อผ้าหนาอย่างมีชั้นเชิงชนิดที่มีเพียงสูทสั่งตัดเท่านั้นที่สามารถทำได้ เส้นผมสีดำถูกหวีเรียบเป็นทรง ไม่มีเส้นผมสักเส้นที่ออกนอกลู่นอกทาง ดวงตาสีรัตติกาลภายใต้กรอบแว่นแม้จะอยู่ห่างไกลแต่กลับเป็นสิ่งที่สะดุดตาที่สุดในตัวตนของชายหนุ่ม



โดยเฉพาะเมื่อดวงตาคู่นั้นหันกลับมาสบตาเขาราวกับรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ โรเวนรีบหันกลับมาหาเพื่อนด้วยไม่อยากถูกจับได้ว่าแอบมอง



“รู้สึกมั้ยว่ามาตรฐานหน้าตาผู้ชายในโรงเรียนเราดูจะสูงขึ้นตั้งแต่แฟนนายเข้ามา” วิเวียนตั้งข้อสังเกต “อาจารย์ใหม่รึเปล่านะ?”



โรเวนไหวไหล่ ไม่ได้สนใจมากนักว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร



“รีบไปกันเถอะ ต่อไปคาบประวัติศาสตร์ใช่มั้ย?”



พวกเขาเก็บสัมภาระของตัวเองแล้วลุกจากที่นั่ง ตรงไปยังอาคารเรียนเพื่อให้ทันกริ่งเข้าเรียนในวิชาถัดไป









“ใบนี้ของลิซซี่นะ”



โรเวนพยักหน้าพร้อมกับรับการ์ดอวยพรใบที่สี่ที่ถูกส่งต่อกันมาเพื่อให้ทุกคนในห้องได้เขียนคำอวยพรของตนให้เพื่อนร่วมชั้นที่ยังคงอาการสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล บ้านของลิซซี่ไหม้เป็นตอตะโก ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นพ่อของเธอยังถูกบริษัทของตัวเองฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง ยักยอกเงินในบริษัทในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว มารดาของเด็กสาวไม่คิดที่จะมาดูดำดูดีลูกสาว หนีตามชู้รักของตนไปทันทีที่ทราบข่าวการฟ้องร้องของสามี



โรเวนถอนหายใจอย่างนึกสงสารเด็กสาว ก่อนจะเขียนคำว่า ‘หายไวๆนะลิซซี่’ ลงบนกระดาษแข็งสีแผ่นใหญ่แล้วเซ็นต์ชื่อตัวเอง เดเมียนชะโงกหน้ามองข้ามไหล่ของเพื่อนรัก ก่อนจะกระซิบถามเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ



“ทำไมนายถึงทำดีกับเขาล่ะ ทั้งๆที่คนพวกนี้ไม่เคยทำดีกับนายเลยซักครั้ง”



แม้หลักฐานในวีดีโอที่วิเวียนเปิดให้เขาดูจะบอกชัดว่าเดเมียนไม่มีทางเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ที่ทำให้เพื่อนร่วมชั้นของเขาบาดเจ็บสาหัสได้ แต่คำถามนั้นก็ยังคงทำให้โรเวนรู้สึกใจอไม่ดีกับความคิดของเพื่อนสนิทอยู่ดี



“อย่าโง่น่า ต่อให้คนพวกนี้จะทำตัวไม่ดียังไง ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนอื่นหรอกนะ” โรเวนเคาะหน้าผากของคนที่แทบจะเอาคางมาเกยไหล่ตัวเองเบาๆเป็นเชิงตำหนิ “ต่อให้ใครจะทำตัวแย่แค่ไหน ก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้เราซ้ำเติมเขาในวันที่เขาตกต่ำ เพราะมันทำให้เราไม่ต่างจากคนอย่างเขาเลย เข้าใจมั้ย?”



“อื้อ...” เดเมียนลูบหน้าผากที่ขึ้นสีแดงจากมะเหงกเมื่อครู่ป้อยๆ แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ถือสา “นายเนี่ย เป็นคนดีจังเลยนะ”



“แน่นอน” โรเวนไหวไหล่ “ให้โลกนี้มีคนดีๆอย่างฉันไว้ถ่วงน้ำหนักประชากรบ้างเถอะ”



เดเมียนหัวเราะ เอื้อมมือไปหยิบการ์ดของเคเลบที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะของเขามาเขียนคำอวยพรของตัวเองบ้้าง



“นั่นสินะ ถ้าโลกนี้มีแต่คนอย่างนายทุกคนก็คงจะดี”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นนรกคงต้องปิดกิจการแล้วล่ะ” โรเวนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง เดเมียนอมยิ้มมองเขาด้วยสายตาขบขัน
“ฉันว่านั่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไหร่นะ”



โรเวนกลอกตา แล้วหันกลับไปสนใจการ์ดใบอื่นๆต่อ



“ฉันได้ยินว่าอาจารย์สมิธเพิ่งถูกพักงานไปล่ะ เห็นว่าถูกจับได้คาหนังคาเขาเลยว่าแอบเสพยาในห้องพักอาจารย์”



โรเวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ข้างหน้าตัวเองซุบซิบกัน เด็กหนุ่มหันไปหาเดเมียน แต่เด็กหนุ่มข้างๆเขาก็ส่ายหน้าไม่รู้เรื่องเช่นกัน



“ถ้าอย่างนั้นใครจะสอนคาบนี้ล่ะ?” เด็กสาวที่นั่งหน้าเขาถาม



ราวกับได้ยินคำถามของเด็กสาว ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้อง โรเวนหันไปหาวิเวียนที่หันขวับมามองเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น



“ขอโทษครับที่มาสาย พอดีผมหาห้องไม่เจอ”



ชายหนุ่มที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้เอ่ยขอโทษพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆในห้องถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเพ้อฝันอย่างพร้อมเพรียงกัน คนตรงหน้ายิ่งได้เห็นในระยะใกล้แบบนี้ยิ่งไม่มีข้อสงสัยถึงความหน้าตาดีของอีกฝ่าย หากจะให้เทียบกับเดเมียนที่ในตอนนี้โค่นตำแหน่งหนุ่มฮอตของโรงเรียนไปจากมาร์คัสอย่างง่ายดาย คงต้องบอกว่าสองคนนี้กินกันไม่ลง



เดเมียนนั้นเหมือนเจ้าชายรูปงามที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย ในขณะที่คนตรงหน้าดูเหมือนปีศาจหนุ่มรูปงามจากนวนิยายแฟนตาซีที่เด็กสาววัยรุ่นชื่นชอบกันนักหนา อันตราย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดึงดูดสายตา



และจากข้อสังเกตนั้น ทำให้โรเวนนึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงคิดว่าตัวเองชอบผู้หญิงตั้งแต่ต้น



“ผมชื่อเฮเดน มิลเลอร์ส เนื่องจากครูสมิธมีเหตุจำเป็นต้องหยุดการสอนอย่างไม่มีกำหนด ผมจะเป็นอาจารย์สอนแทนวิชาประวัติศาสตร์ของพวกคุณในเทอมนี้”



กึก!



เสียงเหมือนแท่งพลาสติกถูกหักเป็นสองท่อนทำให้โรเวนหันไปตามต้นเสียง เดเมียนที่นั่งอยู่ข้างเขายังคงจ้องมองอาจารย์ใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มือของร่างสูงกลับชุ่มไปด้วยน้ำหมึกจากปากกาที่หักเป็นสองท่อน เด็กหนุ่มผมบลอนด์เก็บปากกาแท่งนั้นใส่ใต้โต๊ะเรียนราวกับเป็นเรื่องปกติ โรเวนที่ไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสิ่งที่เห็นหยิบกระดาษทิชชู่ในกระเป๋ายื่นให้เพื่อนสนิทอย่างงุนงง



“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มบทเรียนกันเลยดีกว่า เปิดหนังสือไปที่บทที่สองนะครับ...”



โรเวนเปิดตำราเรียนของตัวเองและหยิบสมุดขึ้นมาเตรียมจดเนื้อหา ต่อให้คนที่ไม่ได้สนใจเรียนอะไรยังรู้สึกว่าบรรยากาศของการเรียนในวันนี้ดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวๆที่ดูจะตั้งใจเรียนกันจนออกนอกหน้าแทบจะทุกคน



“คุณคอลลินส์ สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มต้นเมื่อปีไหนครับ?”



“ค.ศ. 1914”



น้ำเสียงมึนตึงอย่างไม่ปิดบังของเดเมียนทำให้โรเวนหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสับสน แต่สีหน้าของเดเมียนยังคงไม่บ่งบอกอารมณ์ เฮเดนพยักหน้าแล้วหันกลับไปขีดเขียนข้อความลงบนกระดานต่อ โรเวนไม่มั่นใจว่าบทเรียนเชื่อมโยงจากสงครมโลกครั้งที่หนึ่งไปยังแม่น้ำต่างๆในโลกได้อย่างไร แต่นี่เป็นอีกครั้งที่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของอาจารย์หนุ่มมาหยุดลงที่เดเมียนอีกครั้ง



“...และนั่นคือความสำคัญของแม่น้ำฮวงโห คุณคอลลินส์ พอจะตอบได้มั้ยครับว่าแม่น้ำฮวงโหไหลผ่านมณฑลไหนของ
ประเทศจีนบ้าง”



โรเวนอ้าปากค้าง อย่าว่าแต่มณฑลไหนเลย ขนาดเรื่องที่แม่น้ำฮวงโหอยู่ประเทศจีนยังเป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาอยู่เลย



“เหอหนาน หนิงเซี่ย ชิงไห่ เสฉวน กานซู ซานซี แล้วก็มองโกลเลียใน”



ที่หนักไปกว่านั้นคือเดเมียนสามารถตอบคำถามนั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเรื่องที่เด็กมัธยมปลายควรจะท่องได้ขึ้นใจอยู่แล้ว




นี่โรงเรียนทางตอนใต้เขาสอนอะไรให้เด็กในโรงเรียนกันแน่เนี่ย



และหากโรเวนคิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านั้น คำถามต่อไปของอาจารย์หลังจากผ่านไปเพียยงไม่ถึงสิบนาทีพิสูจน์ว่าเขาคิดผิดถนัด



“...และถ้าหากเครื่องบินบินด้วยความเร็ว 500 น็อตส์ คุณจะมาถึงที่นี่ในเวลากี่โมง คุณคอลลินส์?”



“มันเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์ด้วยเหรอครับ?” โรเวนถามแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด ทว่ากริ่งหมดเวลาด้วยขึ้นก่อนที่เฮเดนจะได้ตอบ อาจารย์หนุ่มเพียงแต่ยิ้มแล้วเอ่ยกับทุกคนในห้อง



“คาบหน้าอ่านบทที่สามมาด้วยนะครับ เลิกคลาสได้”



โรเวนลุกขึ้นเก็บของอย่างไม่รู้ว่าจะประมวลผลสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้อย่างไร ข้างๆเขา เดเมียนลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองแล้วก้าวมายืนอยู่หน้าโต๊ะของโรเวน ราวกับจะบังร่างของเด็กหนุ่มจากชายในชุดสูทที่ยังคงยืนพิงขอบโต๊ะของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไปเรียนคลาสต่อไปไม่ทัน”



โรเวนไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของตนกำลังแสดงสีหน้าแบบใดในตอนนี้ แต่จากประสบการณ์เมื่อครู่เด็กหนุ่มคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยให้เดเมียนอยู่กับอาจารย์คนใหม่นี้นานๆ



“รู้จักกันมาก่อนเหรอ?” เด็กหนุ่มผมแดงถามขึ้นหลังจากลากเพื่อนออกมาจากห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดเมียนส่ายหน้า แม้ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายจะไม่ได้ลดความตึงเครียดลง



แน่นอนว่าโรเวนไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากบีบให้เพื่อนสนิทต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมา จึงตัดสินใจปล่อยเดเมียนไปก่อนนตอนนี้



“เย็นนี้ฉันมีซ้อมกับทีม นายจะรอกลับพร้อมฉันมั้ย?” เดเมียนถามขึ้นหลังจากจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นาน โรเวนส่ายหน้า



“ไม่เป็นไร ฉันกลับรถโรงเรียนได้”



เดเมียนมีสีหน้าไม่สบายใจนัก แต่ก็พยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ แม้จะรู้สึกผิด แต่โรเวนก็รู้เช่นกันว่ากว่าทีมฟุตบอลจะเลิกก็หลังตะวันตกดินไปนานแล้ว เขาไม่อยากอยู่ในโรงเรียนนานเกินกว่าความจำเป็นนัก



โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มีแต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวเขาไม่หยุดหย่อนแบบนี้









เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน โรเวนก็ถูกทักทายด้วยภาพแปลกตาของบิดาและมารดาของเขาที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทานข้าว
ด้วยอาชีพของเนธาน โรเวนไม่ค่อยจะแปลกใจนักที่เห็นพ่อของตัวเองนั่งกุมขมับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่แม่ของเขามักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ และนั่นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา



“พ่อครับ แม่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?”



“โรเวน มาพอดีเลยลูก นั่งก่อนสิ” ซาราห์เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกชาย “พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย”




โรเวนวางกระเป๋าเป้ไว้ที่พื้นแล้วเดินไปหาผู้ปกครองทั้งสองคน เนธานถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยกับลูกชายด้วยสีหน้าอมทุกข์
“ตอนนี้ คดีอาชญากรรมในเมืองเราพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ที่สถานีตอนนี้แทบไม่มีห้องขังเหลืออยู่ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานล่วงเวลากันเป็นว่าเล่น” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจ “พ่อไม่ค่อยสบายใจที่จะให้พวกลูกไปไหนมาไหนหลังฟ้ามืดเท่าไหร่ ช่วงนี้ยังไงถ้าเป็นไปได้เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยนะ จะไปไหนก็ให้ไปเป็นกลุ่ม”



“ทำตัวติดกับเดเมียนไว้นะลูก ยังไงอยู่กันสองคนก็ดีกว่าอยู่คนเดียว” ซาราห์เสริมด้วยสีหน้าไม่สบายใจ




โรเวนพยักหน้ารับปากบิดามารดาด้วยไม่อยากให้คนทั้งคู่เป็นกังวล ถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากจะปล่อยให้เดเมียนที่เหมือนกับตู้เอทีเอ็มเดินได้ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลาแบบนี้อยู่แล้ว



เสียงออดที่ดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนไปยังหน้าประตูบ้าน



“คงเป็นอาจารย์พิเศษที่แม่ติดต่อไว้สำหรับไรลีย์ล่ะมั้ง” ซาราห์เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ โรเวนพยักหน้าก่อนจะลุกไปยังประตูบ้านของตัวเอง ที่ด้านหลัง เขาได้ยินเสียงมารดาร้องเรียกน้องชายให้ลงมาข้างล่าง



เด็กหนุ่มเปิดประตู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูนั้นเป็นใคร



“อ้าว สวัสดีครับ คุณวู้ดส์” เฮเดนยิ้มให้เขา ร่างสูงยังคงอยู่ในชุดสูทตัวเดิมที่โรเวนเห็นที่โรงเรียน “บังเอิญจังเลยนะครับ”



“อาจารย์...”



“อาจารย์มิลเลอร์ส เชิญเลยค่ะ ไรลีย์ ไปรินน้ำมาให้อาจารย์สิจ๊ะ” ซาราห์ที่มายืนอยู่ข้างโรเวนตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้ยื่นมือออกมาจับทักทายแล้วเชิญร่างสูงเข้ามาในบ้าน โรเวนทำได้เพียงยืนนิ่งมองอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ของตนก้าวเข้ามาในบ้านอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร



แต่ที่เขารู้...คือเดเมียนจะต้องไม่ชอบเรื่องนี้แน่ๆ


-------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 15-06-2019 09:52:41
อาจารย์ คนใหม่เค้ายังไง? ขอบคุณที่มาต่อจ้า^^
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2019 12:41:48
เฮเดส  มาจากนรก?
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-06-2019 13:32:16
อาจารย์คนใหม่มาจากนรกด้วย?
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 18-06-2019 02:34:23
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-06-2019 08:15:08
น่าสงสัยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 6 100% [14-06-19] คห.25
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 21-06-2019 20:17:43
Chapter 7: In which daddy is home



“แม่จะให้ผมทำอะไรนะครับ?”



โรเวนเคยเป็นพยานรู้เห็นผลจากไอเดียพิลึกพิลั่นของมารดาตั้งมากมายตลอดเกือบสิบเจ็ดปีที่ลืมตาดูโลก ทั้งที่เคยจับเขาแต่งตัวในชุดกระโรงฟูฟ่องสมัยยังแบเบาะเพราะอยากได้ลูกสาว หรือตอนที่หญิงสาวตัดสินใจทำงานศิลปะตัดแปะกระดาษลวดลายลงบนตะกร้าผ้าทุกใบเพื่อ’เพิ่มมูลค่าให้สินค้า’ หรือตอนที่พวกเขาถูกห้ามไม่ให้ดื่มน้ำเย็นเพราะหญิงสาวได้ยินมาว่าน้ำเย็นทำให้พวกเขาป่วยง่ายขึ้น แต่นี่ต้องเป็นความคิดที่ประหลาดที่สุดที่ซาราห์ วู้ดส์ เคยมีมาเป็นแน่



“แม่บอกว่า ทำไมลูกไม่ลองชวนเดเมียนกับพี่สาวเขาไปโบถส์วันอาทิตย์กับเราล่ะ” ซาราห์เอ่ยทวน สายยตายังคงไม่ละจากหน้ากระจกขณะที่พยามปัดมาสคาร่าให้ขนตา “พวกเขายังใหม่กับเมืองนี้ อาจจะไม่กล้าไปโบถส์ของพวกเราด้วยตัวเองก็ได้”



“ไอ้เรื่องไม่กล้านี่ผมว่าน่าจะใช่ แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเพราะพวกเขามาใหม่หรอกนะครับ” โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน


“ถ้าผมเป็นเดเมียน ผมก็ไม่อยากที่จะเข้าไปนั่งรวมกับคนพวกนั้นตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกัน”



“โรเวน! มีสัมมาคารวะหน่อยสิ” ซาราห์ติง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ไม่สบอารมณ์มากนัก



“คนพวกนั้นเอาปืนลูกซองมาขู่ไม่ให้เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบเดินผ่านหน้าบ้าน สัมมาคารวะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคู่ควรนักหรอกครับ” โรเวนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ มารดาของเขาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่โต้เถียงอะไรคำพูดของลูกชายก็ตาม



“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ขนาดแม่เองยังจำเดเมียนไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนพวกนั้น” หญิงสาวเก็บมาสคาร่าของตัวเองใส่กระเป๋าถือแล้วหันมาหาลูกชาย “อีกอย่าง ใครๆก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเดเมียน”



“คนที่มีความคิดเขารู้กันทั้งนั้นแหละครับ” โรเวนถอนหายใจ “น่าเสียดายที่คนในเมืองนี้ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้นสักเท่าไหร่”



แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เมื่อแม่ของเขาตั้งใจจะทำอะไรแล้ว หญิงสาวจะต้องทำให้ถึงที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวของเขาในชุดสุภาพมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเดเมียนซึ่งเป็นทางผ่านที่จะไปโบถส์ในวันอาทิตย์ ซาราห์ส่งสายตากดดันให้ลูกชายคนโตเดินไปกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ซึ่งดูจากรถยนต์ราคาเท่าบ้านของเขาหรือมากกว่าที่จอดอยู่ในโรงรถสามคัน ไม่น่าจะมีแค่เดเมียนเพียงคนเดียว



“โรเวน? มีอะไรรึเปล่า?”



เดเมียนเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นครอบครัววู้ดส์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหน้าบ้านของเขา



“อ่า…แม่ฉันให้มาชวนนายกับเซเลสต์ไปโบถส์เช้าด้วยกันน่ะ” โรเวนอธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนสนิทจะรับรู้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆเกี่ยวกับความคิดนี้



เดเมียนเลิกคิ้วราวกับจะถามเขาว่านี่มันเรื่องตลกอะไรกัน แต่เมื่อดวงตาสีฟ้าซีดมองเลยไปยังมารดาของเขาที่มีสีหน้าจริงจังตามนั้นทุกคำพูด ร่างสูงจึงทำได้พียงยืนอึกอักด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ



“ขอบใจนะที่ชวน...แต่ปกติวันอาทิตย์ฉันจะมีนัดกับพ่อน่ะ เขาว่างแค่วันนี้วันเดียว”



“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” โรเวนรีบพูดด้วยกลัวว่ามารดาจะยังดื้อแพ่งตื๊อให้เดเมียนไปกับพวกตน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ร่ำลา
แล้วแยกย้ายกันไปทำธุระของตน คนอีกสองคนที่อยู่ในบ้านก็โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของเด็กหนุ่มผมบลอนด์เสียก่อน



“ใครมาเหรอเดเมียน?”




คนแรกเป็นหญิงสาวที่โรเวนรู้จักดี เซเลสต์ในวันนี้ก็ยังคงอยู่ในชุดแพนท์สูททะมัดทะแมงที่เน้นส่วนโค้งเว้าแต่พองามทำให้ชายหนุ่มเหลียวหลังมองตามในขณะเดียวกันก็สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคนที่เด็กหนุ่มไม่รู้จัก ร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตามีหนวดที่ตัดเล็มอย่างเรียบร้อยที่ปลายคางซึ่งทำให้เขานึกถึงพวกตัวร้ายในการ์ตูนสำหรับเด็ก แต่แววตาขี้เล่นและรอยยิ้มเป็นมิตรของอีกฝ่ายกลับทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด




“อ้าวโรเวน มาทำอะไรกันเหรอจ๊ะ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว” เซเลสต์เอ่ยทัก




“เขามาชวนเราไปโบสถ์” เดเมียนพึมพำ แทบจะกระซิบคำว่าโบสถ์ราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยิน เซเลสต์มีสีหน้าปุเลี่ยน ส่วนชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นมีสีหน้าเหมือนจะหลุดขำพรืดออกมา



“อยากไปก็ไปสิเดเมียน เปลี่ยนบรรยากาศ”



“พ่อครับ!” เดเมียนหันไปมองคนข้างหลังตาขวาง คำเรียกนั้นทำให้โรเวนเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เขาไม่เห็นความคล้ายคลึงของคนทั้งสองเท่าไหร่นอกจากส่วนสูงและโครงหน้าหล่อเหลาคมคาย



“หึๆ ขอโทษแทนเจ้าเด็กนี่ด้วยนะครับ” พ่อของเดเมียนขยี้ผมลูกชายที่ยืนหน้ามุ่ยอย่างเอ็นดู “พอดีความเชื่อของทางบ้านเรา...ไม่ค่อยจะเหมือนคนในเมื่องนี้เท่าไหร่”



“โอพระเจ้า ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่เคยคิดจะถามเดเมียนด้วยซ้ำ” ซาราห์เอ่ยด้วยสีหน้าตกใจ “ขอโทษนะจ๊ะเดเมียนที่น้าสรุปไปเองแบบนี้”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เดเมียนยิ้มเฝื่อน “ขอให้สนุกนะครับ”



“ผมนี่เสียมารยาทจัง” พ่อของเดเมียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ผมลู...”



“พ่อ!” เดเมียนขัดขึ้นเสียงเขียว ชายหนุ่มเหลือบมองลูกชายด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะแนะนำตัวต่อ “ลูคัส คอลลินส์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”



“ซาราห์ วู้ดส์ค่ะ นี่สามีของฉัน เนธาน แล้วก็ลูกๆ โรเวน โรส ไรลีย์” ซาราห์แนะนำทุกคนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “ดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณพ่อของเดเมียนซักที”



“ผมก็ได้ยินเรื่องของคุณจากลูกชายมามาก” ลูคัสยิ้ม “ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเดเมียนในตอนไม่มีใคร”



“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าเป็นใครก็ต้องทำแบบนั้น” ซาราห์ตอบ “เพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยเหลือกัน จริงมั้ยคะ?”



“นั่นสินะครับ” โรเวนขมวดคิ้วเมื่อเห็นแววตาขบขันของชายหนุ่ม “คนดีๆอย่างคุณ ผมเชื่อว่าซักวันจะต้องได้รับอะไรดีๆ
ตอบแทนแน่ครับ”


“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “ตายจริง สายป่านนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องขอตัวก่อน ขอโทษนะคะที่มารบกวน”



“ไม่รบกวนเลยครับ” บิดาของเพื่อนสนิทยิ้ม โอบไหล่ลูกชายที่ยังคงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไว้ “ยินดีเสมอ”



ระหว่างทางเดินจากบ้านของเดเมียนไปยังโบสถ์นั้น โรเวนยังคงรู้สึกติดใจกับท่าทีของเดเมียนไม่หาย ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ปกตินั้นคืออะไรก็ตาม พวกเขามาถึงก่อนเวลาเริ่มอย่างเฉียดฉิว ถึงแม้ว่าในทุกครั้งที่มา โรเวนจะไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำมากนักอยู่แล้ว แต่ในครั้งในเขารู้สึกได้ว่าตัวเองใจลอยจนไม่รับรู้เลยว่าสภาพแวดล้อมรอบกายเกิดอะไรขึ้นบ้าง



จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงบิดาที่นั่งอยู่ข้างหลังลุกขึ้นแล้วขยับผ่านผู้คนออกไป โรเวนหันไปหามารดาที่มีสีหน้าไม่สบายใจอยู่ด้านหลังเป็นเชิงถาม ซาราห์โน้มตัวมากระซิบใส่หูลูกชายคนโต



“มีเหตุจับตัวประกันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ตำรวจกับคนร้ายกำลังยิงปะทะกันอยู่ แม่ว่าเรารีบกลับบ้านกันก่อนดีกว่า”




จากท่าทีของผู้คนรอบข้างเขาที่กำลังระส่ำระส่าย ดูเหมือนข่าวสารจะไปไวพอสมควร โรเวนพยักหน้าแล้วรีบพาน้องฝาแฝดทั้งสองลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพาออกไปจากโบสถ์เงียบๆ








พ่อของเขายังคงไม่ติดต่อกลับมาเมื่อโรเวนได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้าน เด็กหนุ่มผละจากมารดาที่ยังคงนั่งเฝ้าโทรศัพท์ไม่ห่างไปยังประตูหน้า ถึงแม้การเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยคนอื่นจะเป็นสิ่งที่เนธานและเพื่อนร่วมงานทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ภรรยาของชายหนุ่มมีความกังวลลดน้อยลงแต่อย่างใด เขาได้แต่หวังว่าบิดาจะติดต่อกลับมาก่อนที่แม่ของเขาจะเริ่มเครียดจนรื้อข้าวของออกมาจัดบ้านใหม่อีกครั้ง



“อ้าว เดเมียน เอาอะไรมาด้วยน่ะ?” เด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงถามอย่างฉงนเมื่อเห็นลังไม้ขนาดไม่เล็กนักในมือของร่างสูง




“พ่อฉันให้เอามาฝากน่ะ เห็นว่าขนมาจากบ้าน” เดเมียนว่าพร้อมกับเปิดผ้าที่คลุมลังออก เผยให้เห็นแอปเปิ้ลสีแดงลูกโตแลดูหวานฉ่ำหลายลูกในนั้น




“ขอบใจนะ เข้ามาก่อนสิ ตอนนี้ในบ้านกำลังเครียดๆกันอยู่ มีนายมาแม่จะได้มีอะไรเบี่ยงเบนความสนใจบ้าง” โรเวนเปิดประตูให้เพื่อนสนิท เดเมียนที่มีสีหน้าสับสนเมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้านวางลังแอปเปิ้ลของตนลงที่เคาท์เตอร์ครัว




ทันใดนั้นเอง เสียงร้องของมารดาจากข้างบนบ้านทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองรีบวิ่งขึ้นไปจ้างบนโดยมีน้องฝาแฝดของโรเวนวิ่งตามขึ้นมาติดๆ



“แม่ครับ! เกิดอะไรขึ้น?!”



“โรเวน...” ซาราห์หันกลับมาหาพวกเขาพร้อมน้ำตานองหน้า โรเวนที่ไม่เคยเห็นมารดาร้องไห้มาก่อนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก “พ่อถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”



โรเวนรู้ว่าในช่วงเวลาที่แม่ของเขากำลังตกอยู่ในภาวะช็อกแบบนี้ เขาควรจะเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาควบคุมสถานการณ์และบอกทุกคนว่าควรจะทำอะไร แต่ตัวเขวในตอนนี้กลับทำได้แค่ยืนตัวแข็ง ในขณะที่ครอบครัวของเขาทุกคนทรุดตัวบนพื้นและปล่อยโฮออกมาอย่างเสียขวัญ



“ใจเย็นๆก่อนนะครับทุกคน” เขาได้ยินเสียงของเดเมียนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ตอนนี้พวกเราต้องตั้งสตินะครับ น้าซาราห์ครับ เก็บเสื้อผ้าแล้วเอาเอกสารส่วนตัวกับเอกสารประกันที่ต้องใช้ติดตัวไปด้วยนะครับ เด็กๆรีบไปเก็บเสื้อผ้า เผื่อว่าคืนนี้จะต้องค้างที่โรงพยาบาล โรเวน นายช่วยฉันพาทุกคนไปที่รถ ฉันจะขับรถพาพวกนายไปส่งเอง”



ทุกคนขยับตามคำสั่งของเดเมียนราวกับถูกมนต์สะกด ไม่นานนัก ครอบครัววู้ดส์ทุกคนก็ถูกลำเลียงเข้ามาในรถโดยมีเดเมียนเป็นสารถีจำเป็น มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่หัวหน้าครอบครัวของพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตของตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ








เขาไม่รู้จริงๆว่าถ้าหากเดเมียนไม่อยู่ตรงนั้นในตอนที่ซาราห์ทราบข่าวร้ายจากโรงพยาบาล พวกเขาจะทำอย่างไร



เด็กหนุ่มเหลือบมองมารดาที่กอดน้องชายและน้องสาวฝาแฝดของเขาแน่น พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังคงไม่สามารถห้ามน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาได้ ดวงตาของทั้งสองแฝดแดงก่ำจากการร้องไห้ เด็กทั้งสองกอดตอบมารดาไว้ราวกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง
ส่วนโรเวนนั้น เขาวิ่งวุ่นกรอกเอกสารทั้งหมดแทนมารดาที่ยังคงเสียขวัญด้วยความช่วยเหลือจากเดเมียน กว่าจะได้พักหายใจ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับพยาบาลห้องผ่าตัดที่ก้าวออกมาพร้อมเอกสารอีกฉบับ



“อาการของสามีฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” ซาราห์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้มากค่ะ แต่อาการของผู้ป่วยอยู่ในขั้นวิกฤติ อยากให้ทางญาติเตรียมใจไว้สำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด....”



“เดเมียน ไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย” โรเวนเอ่ยขึ้นแทบจะในทันที เดเมียนหันมามองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าแล้วลุกตามโรเวนไป ทว่าแทนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะเดินไปยังตู้กดน้ำที่อยู่ทางซ้ายของระเบียงทางเดิน โรเวนกลับเดินเลี้ยวไปอีกทางที่ไม่มีอะไรนอกจากซอกหลืบและทางตัน



“โรเวน ตู้กดน้ำอยู่ทางนั้...” เจ้าของชื่อโถมกายใส่เพื่อนสนิทก่อนที่เดเมียนจะได้พูดจบประโยค ร่างสูงตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นกอดตอบแขนเรียวที่เกาะเขาไว้แน่นราวกับเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนที่กำลังจะจมน้ำ




“ฮึก…”




โรเวนสะอื้น เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเดเมียน ตั้งแต่รู้จักกันมาโรเวนมองอีกฝ่ายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องมาโดยตลอด เขามักจะเป็นฝ่ายปลอบโยนเดเมียนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขา ให้สัญญากับเพื่อนสนิทตัวน้อยว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเป็นเพียงคำพูดลมๆแล้งๆ



แต่ในวันนี้ ร่างสูงใหญ่นั้นเป็นฝ่ายโอบกอดเขาไว้แน่นจนโรเวนรู้สึกราวกับว่าตนจะจมหายไปในตัวตนของอีกฝ่าย เสียงทุ้มพร่ำเอ่ยคำสัญญา บอกเขาว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี



และสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ โรเวนเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายทุกคำ แม้จะรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดอยู่เหนือการควบคุมของเด็กหนุ่มผมบลอนด์



เมื่ิอพวกเขากลับมา สมาชิกใหม่ที่โรเวนไม่คิดว่าจะมาเจอนั่งอยู่ข้างมารดาของเขาพร้อมกับกล่องทิชชู่ในมือ น้องชายและน้องสาวของเขากำลังแทะเล็มแซนด์วิชที่หญิงสาวเอามาให้ด้วยสีหน้าอมทุกข์



“เซเลสต์ พี่มาทำอะไรที่นี่?” เดเมียนถามด้วยสีหน้าตกใจ



“พี่ได้ยินข่าวเลยเป็นห่วง” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล โรเวนพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ แม้ว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอจะแหบพร่าเสียจนแม้แต่ตัวเขายังไม่ได้ยินก็ตาม



“มาทางนี้ ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่” ร่างสูงแทบจะกระชากตัวพี่สาวออกมาจากมารดาของโรเวน ท่าทีประหลาดของเพื่อนสนิททำให้แม้ในช่วงเวลาแบบนี้ โรเวนยังคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา




หรืออาจเป็นเพราะเขาต้องการสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจในสถานการณ์แบบนี้ ที่ทำให้โรเวนตัดสินใจแอบตามสองพี่น้องไปเงียบๆไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว



“พี่จะบ้าเหรอ?”



“กฏก็คือกฏเดเมียน ต่อให้ไม่ใช่พี่ ข้างบนก็ต้องส่งคนอื่นมารับอยู่ดี” โรเวนขมวดคิ้ว ไม่ค่อยมั่นใจว่าหญิงสาวพูดถึงเรื่องอะไร “พี่รู้ว่านายกำลังเสียใจ แต่นายก็น่าจะรู้จักพ่อของเราดี...”



“บอกพ่อว่าผมยอมแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยตัดบทพี่สาว โรเวนไม่กล้าชะเง้อหน้าออกไปดู แต่จากน้ำเสียงของเพื่อนสนิท เขาเดาได้ว่าเดเมียนในตอนนี้กำลังเจ็บปวด “ผมยอมทุกอย่าง ได้โปรด อย่าแตะต้องพวกเขา”



ใคร? เดเมียนกำลังพูดถึงใคร?



“…พี่จะลองพูดให้แล้วกัน แต่พี่ไม่รับปากนะ” เซเลสต์ถอนหายใจ



เสียงฝีเท้าสองคู่ที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆทำให้โรเวนรีบกลับไปที่หน้าห้องผ่าตัด เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนสนิททรุดตัวลงข้างๆด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เซเลสต์ไม่ได้กลับมาพร้อมน้องชาย แต่โรเวนไม่อยากเผยพิรุธด้วยการถามออกไป
ไม่นานนัก พี่สาวของเดเมียนก็กลับมาสมทบกับพวกเขา พร้อมกับที่ไฟห้องผ่าตัดดับลง และนายแพทย์หนุ่มในชุดสีเขียวก้าวออกมาจากห้องด้วยสีหน้างุนงง



“คุณหมอคะ! สามีดิฉันเป็นยังไงบ้าง?!” ซาราห์แทบจะกระโจนใส่ชายหนุ่ม โรเวนรั้งตัวมารดาไว้ แม้ว่าตัวเองจะหันไปหาคุณหมอตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบเช่นกัน



“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน” นายแพทย์หนุ่มสารภาพด้วยสีหน้าลำบากใจ “คนไข้หัวใจหยุดเต้น ไม่มีชีพจร รูม่านตาไม่ขยาย แต่จู่ๆเขาก็ฟื้นกลับมา ตำแหน่งเส้นเลือดใหญ่ที่วิถีกระสุนตัดผ่านก็แทบไม่ได้รับบาดเจ็บ จะให้เรียกว่าปาฏิหาริย์ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”



“โอ ขอบคุณพระเจ้า” แม่ของเขาทรุดตัวลงไปกับพื้นตั้งแต่ได้ยินคำว่าปลอดภัย พึมพำขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมรอยยิ้มและน้ำตานองหน้า



ที่หางตาของเขา โรเวนเห็นเซเลสต์ขยับยิ้มด้วยสีหน้าขบขัน ก่อนจะโดนน้องชายเอาศอกถองเข้าที่สีข้างด้วยแรงไม่เบานัก




แปลก...



แปลกจริงๆนั่นแหละ

-----------


ครอบครัวเดเมียนมีแต่คนแปลกๆ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-06-2019 08:00:43
ตอนโรเวนโผกอดเดเมียนมันบีบหัวใจมากจริงๆ เดเมียนคงรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยมากแน่ๆ ถึงขั้นยอม.. เดเมียนยอมอะไรคุณพ่อนะ ยังไงคุณพ่ออย่าใจร้ายพรากเดเมียนไปจากโรเวนเลยนะ  :ruready

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-06-2019 09:14:54
สงสัยหนักมาก!
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 22-06-2019 13:52:36
เดเมียน ยอมอะไรลูกกกก
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-06-2019 07:41:54
ต่างคนก็ต่างมีเวลาที่อ่อนแอกันทั้งนั้นแหละหนูจ๋า สลับกันปลอบก็ไม่เสียหายอะไร เดเมียนนายยอมอะไร มันต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-06-2019 07:58:29
สงสัยด้วยคนเดเมียน ยอมอะไร
 :pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 7 100% [21-06-19] คห.31 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 30-06-2019 16:23:51
Chapter 8: In which he kisses a boy.



หลังออกจากโรงพยาบาล เนธานได้รับอนุญาตให้ลาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ซึ่งทำให้แม่ของโรเวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สามีกลับมาอยู่ที่บ้านแม้จะเป็นเพียงเวลาอันสั้น ในส่วนของโรเวนนั้น แม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกดีใจไม่ต่างจากมารดา แต่เขาหวังว่าจะไม่ต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองในชีวิต



“พ่อคะ พ่อเจ็บมากมั้ยคะ”



โรซี่นั้นกลายร่างเป็นสาวน้อยติดพ่อคนเดิมเหมือนสมัยที่ยังเป็นเด็กหญิงมัดผมแกละในชุดกระโปรงฟูฟ่อง ส่วนไรลีย์ก็ย้ายถิ่นฐานที่อ่านหนังสือมาปักหลักอยู่ที่หน้าโซฟาที่บิดาของพวกเขาพักผ่อนอยู่ มีเพียงโรเวนเท่านั้นที่ยังคงมีภาระหน้าที่ต้องออกมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟใกล้บ้านซึ่งเมื่อเปิดเทอมแล้วเวลาที่เขาสามารถทำงานได้จึงมีจำกัด



อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนอกจากตารางการทำงานของเขาคือเจ้าตัวเรียกลูกค้าที่เจ้าของร้านจัดโต๊ะไว้ให้ริมกระจกใสหน้าร้านราวกับจะให้เป็นมาสคอตตัวใหม่



“นี่นายจะนั่งจนปิดร้านเลยรึไง” โรเวนกระซิบถามเพื่อนสนิทด้วยกลัวว่าลูกค้าท่านอื่นจะได้ยิน เขาไม่ได้มีนิสัยชอบไล่ลูกค้าที่นั่งแช่ในร้าน แต่ด้วยเหตุผลบางประการหนุ่มหล่อที่คนเดินผ่านหน้าร้านต่างเหลียวมองกลับแลดูรกหูรกตาเขาเสียเหลือเกิน



“เปล่าซะหน่อย ฉันจะอยู่จนนายเลิกกะต่างหาก” เดเมียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เดี๋ยวนี้แถวนี้ตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย พ่อนายฝากให้ฉันดูแลนาย”



“ไปฝากฝังกันตอนไหนเนี่ย” โรเวนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ถูกเพื่อนร่วมงานเรียกกลับไปประจำหลังเคาท์เตอร์เมื่อลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใหม่หลังจากเดินผ่านร้านแล้วรีบเลี้ยวกลับมา คงไม่ต้องบอกว่าแมวกวักตัวไหนที่ทำให้กิจการรุ่งเรืองขนาดนี้



“ฉันช่วยนะ”




คนอยู่ดีไม่ว่าดีเริ่มเบื่อการนั่งรอคอยเวลาเลิกงานของเขาเฉยๆมายืนเกาะขอบเคาท์เตอร์ด้วยสายตาออดอ้อน โรเวนกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อผู้จัดการร้านแทบจะโยนผ้ากันเปื้อนใส่หน้าเดเมียนแล้วเปิดคอกกันเคาท์เตอร์เพื่ออันเชิญอีกฝ่ายเข้ามาข้างใน



ทายดูซิว่าวันนั้นพวกเขาขายกาแฟไปได้เท่าไหร่









“แล้วนี่ฉันต้องตัวติดกับนายอีกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย” โรเวนบ่นอุบแล้วเลียไอศรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เดเมียนลากเขาไปซื้อจากร้านขายไอกรีมที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ร่างสูงเจ้าของหุ่นสะเทือนขวัญสั่นความมั่นใจชายกอดถ้วยไอศรีมที่ใหญ่ที่สุดที่จะสามารถสั่งกลับบ้านได้ตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย



“ก็จนกว่าคนไม่ดีจะหมดไปจากโลกล่ะมั้ง” เดเมียนไหวไหล่ เปิดประตูรถฝั่งข้างที่นั่งคนขับให้เพื่อนสนิทแล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งของตัวเอง โรเวนกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย หากเป็นแบบนั้นจริงเขาคงจะไม่ต้องแยกห่างจากเดเมียนไปตลอดชีวิต



“ช่วยด้วย!!!”




เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นจากทิศทางที่พวกเขาจากมาทำให้โรเวนหันกลับไปมอง เด็กวัยรุ่นในชุดเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีเข้มวิ่งผ่านพวกเขาไปพวกกับกระเป๋าถือสีชมพูหวานที่ดูอย่างไรก็รู้ว่าถูกขโมยมา เด็กหนุ่มผมแดงออกตัววิ่งตามหัวขโมยไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะถูกคว้าตัวไว้โดยคนที่ยืนอยู่ข้างๆ



“นายจะบ้ารึไง?! ไม่รู้รึไงว่ามันอันตรายน่ะ?!” เดเมียนตะคอก โรเวนอึ้งไปเล็กน้อยกับสีหน้าดุดันของร่างสูงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เดเมียนดูจะตกใจกับท่าทีของตัวเองเช่นกัน ร่างสูงรีบปล่อยมือจากเอวของเขาแล้วพึมพำคำขอโทษ



“โทษที ฉันแค่ตกใจ...”



“กรี๊ดดดดด”



เสียงกรีดร้องครั้งที่สองที่ดังมาจากร้านไอศกรีมที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมาทำให้คนทั้งคู่หันไปมอง ภายในร้าน โรเวนมองเห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ยังเดินเข้ามาสั่งไอศกรีมด้วยกันต่อจากพวกเขาด้วยกันกำลังทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ลูกค้าในร้านและพนักงานรีบหนีออกมาจากร้านด้วยกลัวจะโดนลูกหลง



“แจ้งตำรวจแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ”



เดเมียนดึงให้เพื่อนสนิทเข้ามาในรถ โรเวนกดต่อสายหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ หันไปมองภายในร้านที่ยังคงโกลาหลวุ่นวาย และหญิงสาวที่ถูกขโมยกระเป๋าไปยังคงยืนหน้าซีดโดยมีคนข้างๆช่วยปลอบใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป



“911 โปรดแจ้งเหตุฉุกเฉิน”



โรเวนตัดสินใจแจ้งเรื่องการทะเลาะวิวาทในร้านไอศกรีมเป็นอันดับแรก ก่อนจะต่อด้วยเรื่องโจรวิ่งราวก่อนหน้านั้น และในระหว่างที่เขากำลังบรรยายรูปพรรณสันฐานของคนร้ายให้ปลายสายฟังอยู่นั้น รถคันข้างหน้าของเขาก็ถูกรถกระบะที่ผ่าไฟแดงมาชนอัดที่ข้างตัวรถจนกระเด็นออกจากถนนไปด้วยกัน



โรเวนสบถออกมาอย่างตกใจ มือของคนขับยื่นมากันเขาไว้เพื่อพร้อมกระแทกเบรกเต็มแรง



“คุณคะ? เกิดอะไรขึ้นคะ?” พนักงานตอบรับจากปลายสายถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียง โรเวนที่ยังคงได้ยินเสียงชีพจรของตัวเองเต้นในหัวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูด้วยมืออันสั่นเทา



“มีรถฝ่าไฟแดงมาชนรถข้างหน้าผมที่สี่แยกหน้าโรงพยาบาลนอร์ธฮิิล รถไถลออกไปนอกถนนแล้วครับ”



เด็กหนุ่มรีบวางสายก่อนที่จะได้มีเหตุฉุกเฉินที่สี่ให้เขารายงาน มือเรียวยกขึ้นกุมอกของตัวเองที่รู้สึกเหมือนจะสามารถคลำเจอหัวใจที่กระแทกซี่โครงของเขาอย่างบ้าคลั่งได้ง่ายๆ ก่อนจะหันไปหาเดเมียนที่นอกจากคิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวลแล้ว ไม่มีท่าทีตกใจอะไรกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น



“นายโอเคใช่มั้ย?”



“โอเคใช่มั้ยเหรอ? ไม่ ฉันไม่โอเค ที่ฉันอยากรู้คือทำไมนายถึงดูโอเคได้ขนาดนี้?” โรเวนถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่นายไม่ตกใจอะไรเลยรึไง?”



“ตกใจสิ”เดเมียนตอบ ตาจดจ้องอยู่กับหนทางด้านหน้าตลอดเวลา “แต่หลังจากฉันเห็นนายวิ่งตามคนร้ายตัวใหญ่กว่านายเกือบเท่าไปแบบนั้น ถ้าฉันมัวแต่ตกใจ ใครจะเป็นคนปกป้องนายจากการอยากเป็นฮีโร่แบบนั้นล่ะ?”



“ฉันไม่ได้…ช่างเถอะ” โรเวนถอนหายใจ “อย่าบอกแม่ฉันแล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้ออกจากบ้านจนเรียนจบแน่”



“ก็ดีสิ นายจะได้ไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายข้างนอกแบบนี้อีก” เดเมียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง



โรเวนเริ่มเค้นสมองคิดหาวิธีไม่ให้แม่ของเขากับเดเมียนได้อยู่ด้วยกันมากนัก ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเผลอ ทั้งสองคนคงช่วยกันสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้าแล้วจับโรเวนขังไว้ในนั้นแน่ๆ



“จริงสิ ครั้งที่แล้วฉันลืมหนังสือชีววิทยาไว้ที่ห้องนายรึเปล่า?” โรเวนเปลี่ยนเรื่อง เขากะจะถามตั้งแต่ออกมาจากร้านไอศกรีมแล้ว แต่เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเสียก่อน



“อ๋อ ใช่ ฉันลืมไปเลย งั้นเดี๋ยวไปบ้านฉันก่อนแล้วกัน” เดเมียนว่า



พวกเขามาถึงบ้านของเดเมียนไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทันทีที่เดเมียนก้าวลงจากรส เจ้าสุนัขขนยาวตัวใหญ่ก็โถมเข้าใส่เจ้านายของตนจนคนตัวใหญ่เซล้มลงไปนั่งกับพื้น เดเมียนหัวเราะ พยายามหลบหลีกน้ำลายยืดๆของเซบาสเตียนที่เลียเจ้านายพร้อมกระดิกหางอย่างกระตือรือร้น



“สาบานได้นะว่าพี่เพิ่งพาไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะมา ให้ตายเถอะ” เซเลสต์ที่ก้าวตามเซบาสเตียนออกมายิ้มขำ “แต่ก็นะ ที่บ้านเราก็มีที่ให้หมอนี่วิ่งเล่นมากกว่าจริงๆนั่นแหละ”



“ผมถึงบอกพ่อไงครับว่าไม่ต้องให้เซบาสเตียนตามมา” เดเมียนที่พยายามชันตัวขึ้นนั่งทั้งที่ยังโดนก้อนเนื้อขนาดยักษ์ทับอยู่บนตัวเอ่ยกับพี่สาว เกาศีรษะให้สุนัขของตนอย่างเอ็นดู “อยู่แบบนี้คงอึดอัดแย่”



“ไม่เอาน่า นายก็รู้ว่าเซบรักนายจะตาย” เซเลสต์ก้าวผ่านน้องชายไปยังรถเปิดประทุนของตัวเองที่จอดอยู่ข้างกัน “พี่มีนัด คงไม่กลับมาจนเช้า แต่จะทำอะไรก็เกรงใจเซบเขาหน่อยแล้วกัน”



“เซเลสต์!”




ใบหน้าของเดเมียนขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย คนเป็นพี่สาวหัวเราะชอบใจก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถไป โรเวนช่วยดึงเพื่อนสนิทให้ลุกขึ้นยืนแม้ว่าเซบาสเตียนจะยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้เจ้านายไป ตัดสินใจว่าจะทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เซเลสต์พูดก่อนหน้า



“ตกลงหนังสือฉันอยู่ที่ไหน”



“หัวเตียงน่ะ” เดเมียนไม่ยอมปล่อยมือของเพื่อนสนิทที่เป็นฝ่ายยื่นให้เขาก่อนหน้านี้ ดึงให้โรเวนเดินตามเข้าไปในตัวบ้านโดยมีสุนัขตัวโตเดินตามมาไม่ห่าง



ห้องของเดเมียนยังคงเหมือนกับครั้งล่าสุดที่โรเวนเห็น สิ่งที่ต่างออกไปมีเพียงเสื้อผ้าของเมื่อวานที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มใช้เท้าเขี่ยกางเกงขาสั้นของอีกฝ่ายให้พ้นทาง เงยหน้าขึ้นก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องกำลังโยนเสื้อตัวที่ตนใส่อยู่เมื่อครู่ลงไปกองรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่นบนพื้น



“ทำอะไรของนายน่ะ?!”



“เปลี่ยนชุดไง” เดเมียนตอบแล้วหันไปหยิบหนังสือที่โรเวนลืมไว้ส่งคืนให้กับเจ้าของ แต่กล้ามเนื้อที่มีแต่จะแน่นขึ้นทุกวันจากการฝึกซ้อมหลังเลิกเรียนของคนตรงหน้าทำให้จุดโฟกัสของร่างโปร่งเสียไปชั่วคราว และนั่นทำให้ตำราเล่มหนาถูกปล่อยตกลงบนพื้น



“โทษที” เด็กหนุ่มผมแดงย่อตัวลงเก็บตำราเรียนของตัวเอง สะบัดหัวไหล่ความมึนเบลอใดๆก็ตามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ยังคงใจไม่แข็งพอที่จะเงยหน้าขึ้นในตอนนี้



“จริงสิ เล่นเกมกระดานกันมั้ย เซเลสต์ไม่ยอมเล่นกับฉันซักที”



โรเวนเผลอเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก พบว่าร่างสูงยังคงไม่คิดจะใส่เสื้อกลับเข้าไปและถือกล่องเกมCLUEที่เขาไม่ได้เล่นมานาน เกมนี่เคยเป็นเกมโปรดของไรลีย์ เป็นเกมที่ต้องใช้ทั้งการคิดวิเคราะห์ ไหวพริบและดวงในการเล่นเพื่อหาตัวฆาตกร สถานที่ฆาตกรรม และอาวุธสังหารจากตัวละครที่กำหนดให้ น้องชายของเขามักจะชวนเขากับโรซี่เล่นเสมอก่อนที่เพื่อนที่โรงเรียนจะสร้างชมรมเกมกระดานขึ้นมา



“เล่นกันสองคนเนี่ยนะ” แม้เกมนี้จะเป็นเกมที่เล่นกันสองคนได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนมักเลือกที่จะเล่นเป็นกลุ่มเกินสามคนมากกว่า



“ก็ดีกว่าเล่นคนเดียวล่ะนะ” เดเมียนไหวไหล่ แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดนั้นทำให้ดวงตาสีมรกตอ่อนลง



“…ตาเดียวนะ”



เดเมียนรีบพยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดขึ้นไปบนเตียงแล้วเปิดกล่องเกมกระดานของตัวเองออก ยังคงไม่คิดจะหาเสื้อใหม่มาใส่ แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเด็กหนุ่มวัยเดียวกับเขา แต่โรเวนยังคงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่การแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับอีกฝ่ายในตอนที่เขากำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองยู่อย่างตอนนี้



“นายอยากเล่นเป็นตัวไหน"



“สการ์เล็ต” โรเวนนั่งลงบนเตียง หญิงสาวในชุดแดงมักจะเป็นตัวละครนำโชคของเขาเสมอ



“งั้นฉันเป็นออร์คิด” เดเมียนหยิบตัวหมากสีฟ้าขึ้นมา



พวกเขาผลัดตากันเล่นเกมไปเรื่อยๆ โรเวนจดจ่ออยู่กับการตามหาตัวฆาตกรในเกมมากเสียจนร่างกึ่งเปลือยที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ทำให้เขารู้สึกบิดมวนในช่องท้องอย่างก่อนหน้านี้แล้ว  เด็กหนุ่มผมแดงโน้มตัวเข้าไปหาร่างสูง ก้มลงมองกระดานเพื่อวิเคราะห์การเล่นในตาต่อไปของตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง...


...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบว่าใบหน้าของคนข้างๆอยู่ห่างจากตนเพียงลมหายใจคั่น




เดเมียนยังคงไม่ทันได้สังเกต ดวงตาสีฟ้าซีดยังคงไล่มองไปตามตำแหน่งที่เหล่าผู้ต้องสงสัยถูกวางไว้ในห้องต่างๆ แต่โรเวนกลับไม่สามารถบังคับตัวเองให้ละสายตาไปจากเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายได้ทันเวลาที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์หันกลับมา
เดเมียนชะงักเมื่อรู้สึกถึงความใกล้ชิดของพวกเขา ดวงตาของร่างสูงไล่ลงมาหยุดที่ริมฝีปากของโรเวน ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างอยากลำบาก



และนั่นเป็นตอนที่โรเวนโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อปิดช่วงว่างระหว่างพวกเขาด้วยริมฝีปากของตัวเอง



สิ่งแรกที่โรเวนรับรู้เมื่อริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันคือความร้อนจากอุณหภูมิของร่างสูง เดเมียนเป็นคนที่ตัวร้อนกว่าคนปกติมาตั้งแต่แรก ถ้าหากไม่ได้สัมผัสตัวอีกฝ่ายบ่อยๆอย่างโรเวนก็อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังมีไข้



สิ่งที่สองที่เขารับรู้คือรสชาติของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ที่อีกฝ่ายเพิ่งทานมาก่อนหน้านี้ที่ยังหลงเหลืออยู่บนริมฝีปากได้รูป ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเผยอขึ้นพร้อมกับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากของโรเวน ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง ทว่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นมาประคองท้ายทอยของเอาไว้อย่างมั่นคงทำให้การผละออกมาแทบเป็นไปไม่ได้ และลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดส่งเสียงน่าอายมาในห้องเงียบสงัดนี้กำลังเริ่มทำให้เด็กหนุ่มผมแดงเริ่มจะเคลิ้มตามอย่างไม่ยากนัก ดวงตาสีมรกตค่อยๆปรือปรอยลง สมองหยุดทำงานลงอย่างกระทันหันจนกระทั่งเขารู้สึกถึงมืออุ่นที่สอดเข้ามาใต้เสื้อของตัวเอง




“อื้อ!” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง ผลักเพื่อนสนิทออกจากตัวเองเต็มแรง เดเมียนที่ไม่ทันตั้งตัวแทบจะหงายหลังตกเตียง แม้โรเวนจะรู้ว่าแรงของตัวเองไม่มีทางมากพอจะทำให้ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าได้รับบาดเจ็บจริงจัง แต่แววตาเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำร้ายอีกฝ่ายไปในระดับที่ร่างกายไม่สามารถทำได้



“โรเวน...”



“ฉัน…ฉันต้องรีบกลับบ้าน...” โรเวนลนลานผุดลุกขึ้นจากเตียง แต่มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะได้ลุกหนีไปจากสถานการณ์น่าอับอายนี้



“อย่าไป...อย่าไปได้มั้ย” แววตาของคนที่ไม่เหลือใครที่โรเวนเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนในเด็กชายตัวเล็กเมื่อครั้งเยาว์วัยทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจนั่งกลับลงไปบนเตียงของเพื่อนตามคำขอ สีหน้าของเดเมียนดูมีความหวังขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้โรเวนนึกเกลียดตัวเองที่มีอิทธิพลกับคนตรงหน้าได้มากขนาดนี้



พวกเขานั่งอยู่ในความเงียบ บนเตียงนุ่มที่มีเพียงกระดาษแข็ง ตัวหมากและลูกเต๋าคั่นกลางระหว่างพวกเขา แม้โณเวนจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ความเงียบระหว่างพวเขากำลังทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ



โชคดีที่เดเมียนเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน



แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายนั้นจะเป็นสิ่งที่โรเวนนึกไม่ถึงก็ตาม



“ขอจูบ...อีกทีได้มั้ย?”




โรเวนหันกลับไปหาเพื่อนสนิทอย่างตกใจ แต่แววตาของเดเมียนไม่มีวี่แววของการล้อเล่น



“….”เด็กหนุ่มผมแดงชั่งใจอยู่ครู่่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า



ริมฝีปากได้รูปที่เป็นฝ่ายทาบทับลงมาในคราวนี้ทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ ลิ้นร้อนดุนดันริมฝีปากนิ่มเป็นเชิงขออนุญาต ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยอมเผยอปากให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาสำรวจแต่โดยดี



จูบของพวกเขาไม่ได้เร่งเร้า ไม่ได้ร้อนแรง แต่กลับหวาละมุนและเนิบช้าจนโรเวนรู้สึกว่าทุกประสาทสัมผัสในร่างกายของตนหยุดทำงานเพื่อให้จูบที่คนตรงหน้ามอบให้เป็นสิ่งเดียวที่เขารู้สึก



ให้ตายเถอะ หมอนี่จูบเก่งชะมัด



โรเวนไม่รู้ว่าควรจะหงุดหงิดหรือส่งกระเช้าผลไม้ไปแสดงความขอบคุณใครก็ตามที่สั่งสอนเทคนิคพวกนี้ให้เดเมียน ในที่สุด การขาดอากาศหายใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ทำให้ร่างโปร่งต้องตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆให้ปล่อยตัวเองไป



เขาไม่อยากจะเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขาดอากาศหายใจตายเพราะโดนจูบหรอกนะ



“ฉันต้องกลับแล้วจริงๆนะ” คราวนี้โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดที่เขาจะสามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้ขณะที่ยังพยาายามเอาอากาศเข้าปอด ยังคงไม่ผละจากร่างสูงด้วยกลัวว่านั่นจะทำให้เดเมียนรู้สึกเหมือนจะถูกทิ้งขึ้นมาอีกครั้ง “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”



“โรเวน นายไม่รังเกียจฉันใช่มั้ย” น้ำเสียงของเดเมียนทำให้เขานึกถึงลูกสุนัขที่ครางหงิงขดตัวอยู่ที่มุมห้องหลังจากรู้ตัวว่าทำอะไรให้เจ้าของไม่พอใจ และนั่นทำให้เขายกมือขึ้นรูปศีรษะของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบประโลม



“นายก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้รังเกียจ” รอยยิ้มที่กลับคืนสู่ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ทำให้โรเวนรู้สึกจั๊กจี้ในอกอย่างบอกไม่ถูก “ค่ำมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว นายเข้าใจใช่มั้ย”



“อื้อ”



เดเมียนพยักหน้าหงึกหงัก ไม่คิดจะกดดันเขาให้อธิบายความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซึ่งโรเวนรู้สึกขอบคุณอยู่ลึกๆ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่




เด็กหนุ่มกลับออกมาจากบ้านของเพื่อนสนิทพร้อมหนังสือเรียนในมือ ท้องฟ้ารอบกายเปลี่ยนเจากสีส้มสลัวเป็นความมืดมิด มีเพียงแสงจากเสาไฟและตัวบ้านที่เรียงรายตามสองข้างทางที่ทำให้โรเวนมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบกาย



เขาจูบเดมียน...



เขาจูบเดเมียน และเดเมียนก็จูบเขาตอบ มิหนำซ้ำยังขอจูบเขาอีกครั้งหลังจากนั้นอีกด้วย



ภาพเหตุการณ์ที่ย้อนกลับเข้ามาในหัวทำให้โรเวนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยใน
ภาพยนตร์ที่ก้าวกระโดดไปตามทางเดินอย่างมีความสุขหลังจากจูบแรกขึ้นมา



โรเวนเดินฮัมเพลงกอดหนังสือเรียนของตัวเองไปตามทางเดินอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่อารมณ์ดีๆนั้นจะถูกเบรกด้วยเงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ที่รั้วบ้านของเขา



“คุณวู้ดส์ กลับบ้านค่ำจังนะครับ” อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ที่ควบตำแหน่งอาจารย์สอนพิเศษของไรลีย์เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม เฮเดนอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดาๆ แต่โรเวนยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวคนตรงหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มโดดเด่นออกมาจากสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด



หากจะว่าไปแล้ว ก็คงจะคล้ายๆกับเดเมียน




“ไปข้างนอกมาน่ะครับ” โรเวนตอบกว้างๆ



เฮเดนเข้าออกบ้านของเขาสัปดาห์ละสองวันเพื่อติวหนังสือให้กับไรลีย์มาระยะหนึ่งแล้ว และนั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มสนิทสนมกับคนในบ้านในระดับที่ซาราห์มักจะชวนอีกฝ่ายอยู่ทานอาหารเย็นด้วยเสมอ ขนาดพ่อของเขาที่ยังพักฟื้นอยู่ที่บ้านยังมักจะชวนอาจารย์หนุ่มอยู่ดูฟุตบอลด้วยกันก่อนกลับทุกครั้งที่มีการแข่ง โรสนั้นดูจะชื่นชอบภาพลักษณ์สุขุมนุ่มลึกของอาจารย์หนุ่มจนทำให้เดเมียนตกกระป๋องไปชั่วคราว ส่วนไรลีย์นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง น้องชายของเขารักใครก็ตามที่สามารถเรียกตัวอักษรเอกลับคืนมาในสมุดพกของเขาได้




จะเหลือก็แต่โรเวนที่ยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ โดยเฉพาะท่าทีที่อีกฝ่ายและเดเมียนมีต่อกันที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก



“ช่วงนี้อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลาแบบนี้จะดีกว่านะครับ” เฮเดนเตือน รอยยิ้มจางยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปาก “ข้างนอกมันอันตราย”



“ผมดูแลตัวเองได้ครับ” โรเวนตอบ เสียงเรียบเจือไปด้วยความหงุดหงิด ทำไมใครๆถึงได้คิดว่าเขาปกป้องตัวเองไม่เป็นกันนะ  “แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วง”



“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณวู้ดส์” อาจารย์หนุ่มไม่ถือสาคำพูดของเขา เอ่ยลาเด็กหนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป “เจอกันที่โรงเรียนนะครับ”



“เช่นกันครับ” โรเวนตอบตามมารยาท มองตามแผ่นหลังของอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ของตัวเองไปด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง




แปลก...

----------------

แหม่ โรเวนจ๋า จุ๊บเขาก่อนเฉยเลยนะ น่าตีจริงๆ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 8 100% [30-06-19] คห.37 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 07-07-2019 17:37:35
ฮรุกกก
เขาจูบกันแล้วค่ะ
น้องโรเวนมีแต่เครื่องหมายคำถาม
แปะเต็มหน้าผากไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 8 100% [30-06-19] คห.37 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2019 19:47:58
นรกทั้งนั้นเลยที่โผล่มา
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก Chapter 8 100% [30-06-19] คห.37 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 08-07-2019 21:40:58
Chapter 9: In which his history teacher is a creep.



“เฮ้!เฮ้!เราเป็นใคร!เราเป็นใคร!เรามาเอาชัย!


N.O.R.T.H.H.I.L.L NORTH-HILL!



ไปเลย หมาป่า!!!”




เสียงเชียร์ของนักเรียนสาวในชุดเครื่องแบบเชียร์หลีดเดอร์สีเลือดหมูที่ต่อตัวเป็นพีระมิดโยนร่างของมนุษย์ตัวโตเต็มวัยขึ้นลงท้าทายกฏของแรงโน้มถ่วงตั้งแต่ก้าวเข้ามาในอาณาเขตโรเรียนทำให้โรเวนรู้ว่าถึงเวลานั้นของปีอีกแล้ว



เวลาที่การเรียนการสอนดูจะเป็นสิ่งสุดท้ายในความคิดของนักเรียนและบุคคลากรทางการศึกษา หากจะมีอะไรที่สามารถนำความภาคภูมิใจและเงินทุนสนับสนุนมาสู่โรงเรียนได้ สิ่งนั้นคงจะเป็นถ้วยรางวัลการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ไกลที่สุดที่พวกเขาได้ไปถึงคือถ้วยรางวัลชนะเลิศระดับรัฐ แต่ปีนี้โค้ชทีมประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า ด้วยแผนการเล่นใหม่ของตน ทีมโรงเรียนของพวกเขาจะต้องก้าวไปสู่ระดับประเทศในฤดูกาลนี้แน่



ซึ่งแผนการเล่นใหม่ที่ว่า ก็คงไม่พ้นเด็กหนุ่มผมบลอนด์ในเสื้อเบอร์หกสีเลือดหมูคาดแถบขาวที่มีลายหมาป่า มาสคอตของโรงเรียนแปะอยู่บนอก ซึ่งถูกจัดให้นั่งตรงกลางแถวหน้าสุดบนเวทีของหอประชุม



“แฟนนายนี่ยิ่งส่องสปอตไลท์ใส่ยิ่งหล่อนะว่ามั้ย” วิเวียนแซว



“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียกหมอนั่นว่าแฟนฉันซักที” โรเวนบ่นอีกครั้ง



“ก็จนกว่านายจะยอมรับว่านายกับพ่อหนุ่มผมบลอนด์แอบเล่นม้าโยกกันสองต่อสองในที่เปลี่ยวไงล่ะ” เด็กสาวหัวเราะ



“ฮะ? ม้าโยกอะไรของเธอ?” โรเวนขมวดคิ้ว นับวันเขายิ่งตามความคิดของเพื่อนสาวข้างๆไม่ทัน


“ก็แบบที่ต้องควบ…แล้วก็ต้องโยกไง” วิเวียนขยิบตาให้เพื่อนด้วยสีหน้ารู้ทัน โรเวนรู้ว่าใบหน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำของตัวเองในตอนนี้ส่อพิรุธอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าพวกจะไม่เคยทำอะไรกันไปมากกว่าจูบในวันนั้นก็ตาม



“หุบปากน่า”



“อ๊ะๆๆ ไม่แก้ตัวด้วย” เด็กสาวได้ทีล้ออีกฝ่ายต่ออย่างสนุกสนาน โรเวนกอดอกเอนพิงพนักเก้าอี้ เมินคนข้างๆด้วยรู้ว่าโต้ตอบไปก็มีแต่จะเข้าตัวเอง



หลังจากสุนทรพจน์ปลุกใจของอาจารย์ใหญ่และโค้ชที่เชิญชวนให้นักเรียนไปเชียร์ทีมฟุตบอลในการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ที่จะถึง โรเวนลุกขึ้นสะพายเป้ของตัวเองเดินออกไปจากหอประชุม ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ของควอเตอร์แบ็คหนุ่มผมบลอนด์ที่ยิ้มกว้างให้เขา



“มีอะไรรึเปล่าเดเมียน?”



โรเวนถามด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าเป็นปกติที่สุด หลังจากวันนั้น พวกเขาไม่เคยคุยกับเรื่องจูบที่เกิดขึ้น แม้โรเวนจะมั่นใจว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเดเมียนไม่เกี่ยวอะไรกับการให้ความเคารพอัลฟ่าบ้าบออะไรของวิเวียน แต่เขายังคงไม่พร้อมที่จะพูดคุยเรื่องความรู้สึกนั้นทั้งที่ในเวลาเกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจเพศเดียวกันในแง่นี้มาก่อน



เขายอมรับว่าเขากำลังกลัว ไม่ใช่แค่กลัวความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเดเมียน เขากลัวว่าครอบครัวที่สวดมนต์ก่อนทานอาหารทุกวัน สวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน และไปโบสถ์ทุกเช้าวันอาทิตย์ของเขาจะไม่ยอมรับอะไรก็ตามที่โรเวนเป็น



แม้เสียงในหัวจะบอกว่าเขากำลังคิดมากไปและหวาดกลัวไปเอง แต่ลึกๆแล้ว โรเวนไม่คิดว่ามารดาของเขาจะวาดภาพอนาคตของเขาเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากแต่งงานมีภรรยาและมีหลานตัวน้อยๆวิ่งเล่นไปมาในสวนหลังบ้านของเธอทุกวันหยุดฤดูร้อน



ถึงอย่างนั้น โรเวนยังคงไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นเร็วขึ้นทุกครั้งที่เห็นเพื่อนสนิทได้ โดยเฉพาะเมื่อทุกครั้งที่สบตา แววตาของเดเมียนมักจะเปล่งประกายไปด้วยความหวังและรอยยิ้มสดใสราวกับหากโรเวนแค่เพียงพยักหน้า เด็กหนุ่มร่างสูงก็พร้อมจะป่าวประกาศในทุกคนในเมืองรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรต่อกันให้คนทั้งเมืองรับรู้แบบนี้



และเขารู้ว่าเดเมียนเข้าใจ ร่างสูงไม่เคยเร่งเร้าให้เขาพูดอะไรออกมา ในรถของอีกฝ่ายที่ตอนนี้โรเวนอาศัยติดไปและกลับจากโรงเรียน มีเพียงมือของพวกเขาที่เกาะกุมกันเป็นสิ่งเดียวที่เหมือนจะช่วยยืนยันว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในห้องนอนของเดเมียนในวันนั้น



“คือ…ฉันแค่สงสัย…” เดเมียนดูประหม่า ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นอะไรที่เขาไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยตามระเบียงทางเดินเช่นกัน



“หืม?” โรเวนยืนรอให้อีกฝ่ายพูดให้จบอย่างใจเย็น เดเมียนอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆราวกับกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังจะถามจะทำให้โรเวนไม่สบอารมณ์



 “ศุกร์นี้...นายมีธุระอะไรรึเปล่า?”


“นอกจากไปดูนายแข่งก็ไม่นะ” ร่างโปร่งตอบตามความจริง แต่นั้นกลับทำให้เดเมียนดูเหมือนถูกสาปให้เป็นหินไปชั่วขณะ



“นาย…นายจะไปดูเหรอ?”


“แน่นอนสิ” โรเวนขมวดคิ้ว อะไรทำให้เดเมียนคิดว่าเขาจะไม่ไปเชียร์อีกฝ่ายในเกมแรกของฤดูกาล? “ฉันอาจจะไม่ใช่แฟนฟุตบอล แต่ยังไงฉันกูต้องไปดูนายแข่งอยู่แล้ว พ่อกับแม่ฉันคงไม่ไปเพราะอาการของพ่อ แต่ไรลีย์กับโรสคงอยากไปเหมือนกัน”



เดเมียนมองเขาตาโต ก่อนที่รอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่โรเวนเคยเห็นจะปรากฏบนใบหน้าอีกฝ่าย



“ขอบใจนะ! ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังเลย!”



“เฮ้ คอลลินส์ โค้ชเรียกประชุม เลิกจีบเพื่อนนายแล้วตามมาได้แล้ว!” เพื่อนร่วมทีมของเดเมียนตะโกนเรียก ร่างสูงจึงยิ้มให้เขาเจื่อนๆอย่างขอโทษขอโพยแล้ววิ่งกลับไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมของตน โรเวนมองตามแผ่นหลังกว้างในเสื้อเบอร์หกด้วยสีหน้าที่อ่อนลง รอยยิ้มบางแต่งแต้มมุมปากก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อมือเรียวเล็กตบลงบนไหล่อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง



“แหม ทำมาเป็นเฉไฉ เขาตามต้อยๆเป็นลูกหมาเดินตามเจ้าของขนาดนั้นยังจะปฏิเสธอีกเหรอ?” วิเวียนถามเสียงหยอกเย้า โรเวนเบือนหน้าหนี แต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรข้อกล่าวหาของเด็กสาว “ผิดหวังจริง ฉันคิดว่าพวกนายจะทำตัวเหมือนในหนังมากกว่านะซะอีกนะเนี่ย”



“หนัง?” เด็กหนุ่มผมแดงหันกลับไปมองเพื่อนสาวอย่างงุนงง วิเวียนไหวไหล่



“ก็แบบ...ควอเตอร์แบ็คหนุ่มดาวรุ่งของโรงเรียนที่สาวๆต่างพากันคลั่งไคล้ก็ต้องเเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ส่วนนายก็หลงเขาหัวปักหัวปำ ยอมเขาไปเสียทุกอย่าง อะไรแบบนั้นไง”



“เหอะ ฝันไปเถอะ”


ถ้าเขาจับได้ว่าเดเมียนมีใคร รับรองได้ว่าทั้งหมอนั่นและคนของหมอนั่นจะต้องชดใช้อย่างสาสม



เดี๋ยว...พวกเขายังไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย!!!




“ยอมรับมาเถอะน่า นี่ฉันเป็นเพื่อนนายนะวู้ดส์” วิเวียนเขย่งกอดคอโรเวนพร้อมรอยยิ้มกว้าง “แค่นี้บอกเพื่อนไม่ได้เหรอ?”



“เราจูบกัน พอใจรึยัง?” โรเวนกลอกตาอย่างเหลืออดเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องอย่างตื่นเต้นของเพื่อนสาว “แต่ฉันยังไม่ได้คุยกับหมอนั่นว่ามันหมายความว่ายังไง"



ถึงแม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจในความรู้สึกของพวกเขาทั้งคู่นั้นน่าจะตรงกันก็ตาม



“นี่ขนาดยังไม่คุยกันนะ หมอนั่นยังหลงนายขนาดนี้ ถ้านายไม่คิดว่าตัวเองพร้อมสำหรับอะไรที่จริงจังกว่านี้กับผู้ชายด้วยกัน
ฉันแนะนำว่าอย่าให้ความหวังเดเมียนไปมากกว่านี้เลย” วิเวียนขมวดคิ้ว เตือนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคนเคยมีประสบการณ์มาก่อน “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัว การรู้สึกดีกับใครซักคนที่สังคมไม่คิดว่าเราควรจะรัก คนที่นายถูกสอนว่าเป็นความผิดที่จะรัก แต่คนที่จะตัดสินนายได้ มีแค่ตัวนายเท่านั้น แต่ถ้าเดเมียนทำให้นายมีความสุข ฉันว่านั่นก็น่าจะมากพอให้นายต่อสู้กับ
อะไรก็ตามที่รออยู่ข้างหน้า จริงมั้ย?”



“ฉัน…” โรเวนยกมือขึ้นนวดคลึงหว่างคิ้วของตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดตุบของศีรษะ “ฉันไม่รู้...”



“นี่ ฉันถามหน่อยสิ” วิเวียนเอียงคอมองเขาด้วยสีหน้าสนใจ โรเวนพยักหน้า“จูบนั่น นายรู้สึกดีใช่มั้ย?”


คนถูกถามนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้ง



เขาไม่ได้แค่รู้สึกดี เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายทาบทับลงมา



“ถ้าจะเคลิ้มตาลอยขนาดนี้ นายยังสงสัยอีกเหรอ?” วิเวียนยิ้มขำ โรเวนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“รีบไปเรียนเถอะ กริ่งดังแล้ว”



วิเวียนเหลือบมองเขาด้วยสายตารู้ทัน แต่ก็ยอมปล่อยให้เพื่อผมแดงได้ใช้ความคิดอยู่กับเรื่องนี้ด้วยตัวของตัวเองแต่โดยดี









“ไปเลย หมาป่า!!!! วู้วววววว”



“นายไม่ต้องไปรอที่ห้องเปลี่ยนชุดเหรอ?”



 โรเวนถามเมื่อได้ยินเสียงเพลงเชียร์รอบก่อนสุดท้ายของเหล่าเชียร์หลีดเดอร์และเสียงของกองเชียร์จากในสนาม เดเมียนส่งข้อความเรียกเขามาพบใต้อัฒจรรย์ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม เมื่อโรเวนมาถึง เด็กหนุ่มร่างสูงในชุดกีฬาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกเต็มยศยืนยิ้มโบกมือให้เขาจากในมุมมืด มืออีกข้างถือหมวกกันน็อคของตัวเองไว้ ใบหน้าหล่อเหลามีแถบสีดำพาดผ่านใบหน้าเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีม



“ใกล้แล้วล่ะ” เดเมียนตอบตามความจริง “แต่ฉันอยากเจอนายก่อน”



“ฉัน? ทำไมเหรอ?”โรเวนถามด้วยสีหน้างุนงง เขาจะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้ในการแข่งขัน?



“มาร์คัสบอกว่า มันเป็นประเพณีของทีมที่จะให้แฟนใส่หมวกให้ก่อนการแข่งครั้งแรกของฤดูกาล” เดเมียนเกาหลังคอของตัวเองพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ก่อนจะรีบแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกลนเมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดฟังดูเป็นอย่างไร “ฉันรู้ว่าเราไม่ได้...แล้วฉันก็ไม่คิดจะกดดันนายให้ยอมรับสถานะอะไรที่นายไม่ต้องการนะ! คือฉัน...ฉันแค่...”



โรเวนตัดบทคนที่เริ่มลิ้นพันกันด้วยความประหม่าด้วยการดึงหมวกกันน็อคของอีกฝ่ายออกมาถือไว้ เดเมียนจ้องหมวกในมือของเพื่อนสนิทตาแป๋ว รอให้เด็กหนุ่มผมแดงสวมมันลงบนศีรษะของเขาด้วยสีหน้ามีความหวัง



แต่โรเวนเลือกที่จะเอื้อมมือไปรั้งคออีกฝ่ายลงมาหา เงยหน้าขึ้นประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของร่างสูง เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายผ่อนคลายลงกับสัมผัสของเขาแทบจะในทันที ก่อนที่ร่างโปร่งจะสวมหมวกกันน็อคให้เพื่อนสนิทแล้วแตะหน้าผากของตัวเองเข้ากับหมวกกันน็อคนั้นเบาๆ



“หลังจบเกมส์แล้วเราค่อยคุยกัน ตกลงมั้ย?”



“ฉันจะชนะเกมส์นี้ให้นาย คอยดูฉันนะ” เดเมียนเอ่ยเสียงหนักแน่น โรเวนรู้ว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวจากคำพูดนั้น แต่เด็กหนุ่มปฏิเสธจะทำตัวเขินอายมากกว่าที่ตัวเองกำลังรู้สึกอยู่ข้างใน



“รีบไปได้แล้ว เดี่ยวก็โดนโค้ชดุหรอก”


เดเมียนยิ้มรับแล้วผละจากเขากลับไปทางห้องแต่งตัว ส่วนโรเวนก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองบนอัฒจรรย์



“พี่โรเวน ทางนี้ครับ” ไรลีย์โบกมือให้เขา ข้างๆเด็กชายมีอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่เป็นคนอาสาขับรถพาพวกเขามาส่งนั่งอยู่ด้วยกัน เฮเดนยิ้มให้เขา ตบที่เก้าอี้ว่างข้างกายเบาๆ หลังจากชายหนุ่มสอนพิเศษให้น้องชายเขาเสร็จ เมื่อได้ยินว่าโรเวนจะมาดูการแข่งขันจึงให้เขาติดรถมาด้วย ไรลีย์ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจกีฬา พอได้ยินว่าอาจารย์คนโปรดจะมา และในการแข่งขันมีเพื่อนสนิทของพี่ที่เขารักเหมือนพี่ชายแท้ๆลงแข่งด้วยก็ขอตามมาอย่างที่โรเวนคิด แต่คนที่ยังคงขวัญเสีย
ไม่หายจากการเกือบสูญเสียบิดาไปอย่างโรซี่ยังคงไม่ยอมห่างจากพ่อกับแม่



“ครูเฮเดนซื้อขนมมาให้เพียบเลย” เด็กชายติดครูเล่าให้พี่ชายฟังเสียงใส โยนป็อบคอร์นเข้าปากอย่างมีความสุข “พี่โรเวนเอามั้ย”



โรเวนส่ายหน้า เหลือบมองอาจารย์คนที่ว่าซึ่งหยิบป็อบคอร์นจากกล่องบนตักของน้องชายตัวเองใส่ปาก ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจดจ่ออยู่กับทีมฟุตบอลทั้งสองทีมที่กำลังเดินออกมาที่สนาม



ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังคงไม่รู้สึกสนิทใจกับคนคนนี้สักทีสิน่า


การแข่งขันเริ่มขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หากจะให้บอกตามตรง โรเวนไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม เขาอาศัยกระดานคะแนนที่บอกว่าทีมของพวกเขากำลังขึ้นนำและเสียงของนักพากย์ที่ชื่นชมฟอร์มการเล่นของวอเตอร์แบ็คเบอรืหกของทีมนอร์ธฮิล



“ทัชดาวน์!!!”



โรเวนผุดลุกขึ้นร้องตะโกนอย่างดีใจร่วมไปกับกองเชียร์ฝั่งโรงเรียนตัวเองเมื่อเดเมียนทำทัชดาวน์ลูกแรกให้ทีมโรงเรียน ร่างสูงที่วิ่งอยู่ในสนามหันมาทางอัฒจรรย์ที่เต็มไปด้วยคนดู ราวกับกำลังพยายามมองหาอะไรบางอย่างในทะเลของผู้คนที่ใส่เสื้อผ้าสีเดียวกัน เดเมียนโบกมือให้โรเวนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นโรเวน ก่อนที่แขนนั้นจะค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เช่นเดียวกับร่างที่แข็งทื่อไปจนเป็นช่องโหว่ให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามโถมตัวใส่จนล้มลงไปกับพื้น



“เบอร์หกเป็นอะไรไป? ทำหน้าอย่างกับเห็นผี คุณว่ามั้ยคุณวู้ดส์?”



อาจารย์หนุ่มนั่งอยู่ข้างเขาเปรยขึ้น โรเวนเหลือบมองคนข้างกายที่หันไปงับฮอทด็อกในมือของไรลีย์อย่างสบายใจ พอจะเดาได้ไม่อยากว่าใครคือต้นเหตุของท่าทีประหลาดของเดเมียน



แล้วก็นะ…ไอ้ท่าทีสนิทสนมเกินเรื่องกับน้องชายเขานี่มันเริ่มจะขัดหูขัดตาเขาแล้วนะ



“ไรลีย์ เลอะแล้วนะ”



ราวกับจะซ้ำเติมข้อสันนิษฐานของคนเป็นพี่ เฮเดนเอื้อมมือไปเช็ดคราบซอสที่เลอะมุมปากของเด็กชายออกด้วยนิ้วหัวแม่มือ ก่อนจะเลียคราบซอสออกจากนิ้วของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับนั่นเป็นสิ่งที่เขาทำประจำ



และดูจากสีหน้าคุ้นชินของน้องชายเขา โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่านี่ไม่ใช่พฤติกรรมไม่เหมาะสมแรกของอีกฝ่าย



“เลอะหมดแล้วลูก ดูสิ”


แต่ก่อนที่เขาจะได้โวยวายให้ใครแตกตื่น หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาก็พูดขึ้นพร้อมกับเช็ดคราบซอสจากมุมปากของลูกชายและส่งนิ้วเข้าปากตัวเองด้วยท่วงท่าเดียวกับคนข้างเขาเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก แม้สัญญาณเตือนในหัวจะดังลั่นกับสิ่งที่เห็น แต่โรเวนบอกตัวเองว่าเฮเดนอาจจะเห็นไรลีย์เหมือนน้องชาย หรือลูกชายคนหนึ่งอย่างหญิงสาว
ข้างหน้าเขาก็เป็นได้


แต่จังหวะที่เขาเห็นน้องชายที่ปกติเป็นเด็กขี้อายและไม่สนิทสนมกับใครง่ายๆนอกจากคนในครอบครัวโน้มตัวไปดูดน้ำอัดลมในมือของอาจารย์หนุ่มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากสนามทำให้โรเวนสะกิดให้เฮเดนสลับที่กับตัวเองโดยไม่ให้เหตุผลใดๆกับอีกฝ่าย



โชคดีที่ร่างสูงข้างๆยอมทำตามโดยไม่มีคำถามใดๆ



ทีมของพวกเขาชนะไปอย่างขาดลอยภายใต้การนำทีมของมาร์คัสและการฟอร์มเล่นของเดเมียน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมยังคงดื่มด่ำกับชัยชนะและเสียงเชียร์ในสนาม ผู้เล่นดาวเด่นของทีมกลับพุ่งตรงมาทางที่โรเวนนั่งด้วยสีหน้าอยากฆ่าคน ซึ่งร่างโปร่งค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ร่างสูงอยากจะฆ่าเป็นใคร



“เดเมียน...” โรเวนลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างกายตัวเองเข้าขวางระหว่างอาจารย์หนุ่มกับเดเมียน “เดเมียน กลับกันเถอะ”



เดเมียนยังคงมองหน้าเฮเดนด้วยสีหน้าไม่พอใจ อาจารย์หนุ่มจ้องตอบนิ่ง ก่อนจะขยับยิ้มมุมปากที่ทำให้แม้แต่โรเวนยังรู้สึกคันไม้คันมืออยากทำร้ายคนขึ้นมา



“ยินดีด้วยนะครับสำหรับชัยชนะในครั้งนี้” เฮเดนกล่าวแสดงความยินดี ลุกขึ้นยืดตัวตรงแล้วยื่นมือให้เด็กหนุ่ม แต่เดเมียนไม่ยอมเอิ้อมมือไปจับ



“ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง “ผมคงยังชนะอีกหลายครั้ง อย่าเพิ่งเบื่อไปซะก่อนล่ะครับ ครูมิลเลอร์”


“ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปทำให้คนประมาท รู้มั้ยครับ?” เฮเดนตอบยิ้มๆ



“กลับกันได้แล้ว นี่ดึกมากแล้ว ไรลีย์ ลุกขึ้น เราจะกลับกับเดเมียน” โรเวนหันไปบอกน้องชาย แม้เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่คนทั้งสองกำลังคุยกัน แต่เด็กหนุ่มผมแดงสามารถเดาจากบรรยากาศได้ว่าหากอยู่นานกว่านี้ การปะทะกันของคนทั้งคู่อาจจะไม่ใช่
ด้วยคำพูดอีกต่อไป










“เดเมียน นายโอเคมั้ย”



หลังจากพวกเขาทั้งสามเข้ามานั่งในรถ โรเวนสังเกตว่าร่างสูงตัวสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่อยากทำให้น้องชายที่นั่งอยู่ข้างหลังกังวลใจ ร่างโปร่งจึงโน้มตัวไปกระซิบถามเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง เดเมียนกัดริมฝีปาก ใบหน้าคมขึ้นสีเลือดฝาดซึ่งโรเวนไม่มั่นใจว่ามาจากความเหนื่อยหรือความอับอาย



แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มรู้ คือกลิ่นเหงื่อของร่างสูงที่ผสมเข้ากับโคโลญจ์อะไรก็ตามที่เดเมียนเคยบอกว่าเซเลสต์ให้เป็นของขวัญเริ่มทำให้เขารู้สึกมึนเวียนศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าส่วนผสมในน้ำหอมนั่นคืออะไร แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกงุ่นง่านใจขนาดนี้แค่ได้กลิ่นคงไม่ใช่สิ่งของถูกกฏหมาย



“ฉัน…หิว” เสียงท้องของร่างสูงที่ร้องโครกครากดังลั่นสนับสนุนคำตอบนั้นเป็นอย่างดี โรเวนหลุดยิ้มขำออกมากับคำตอบนั้น
พวกเขาตัดสินใจแวะสั่งอาหารที่ช่องสั่งทางรถของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเขาต้องช่วยแกะห่อเบอร์เกอร์และยัดมันฝรั่งทอดเข้าปากคนขับที่ไม่สามารถรอได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว อาหารชุดที่สั่งมาสองถุงใหญ่เหลือเพียงกระดาษห่อก่อนที่จะถึงหน้าบ้านของโรเวนเสียอีก เด็กหนุ่มผมแดงรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อเห็นคนที่อิ่มท้องแล้วดูผ่อนคลายลงมาก



แต่การแวะซื้อของกินเมื่อครู่หมายความว่าโรเวนต้องอยู่กับกลิ่นที่ทำให้เขาเริ่มอยู่ไม่สุขนานขึ้นกว่าที่จำเป็น



“ไรลีย์ ลงไปก่อน พี่ลืมของไว้ที่บ้านเดเมียน” โรเวนหันไปบอกน้องชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง เดเมียนหันมาหาเขาด้วยสีหน้างุนงง ผิดกับน้องชายของเขาที่ยักคิ้วให้โรเวนอย่างรู้ทันก่อนจะเปิดประตูออกไป เดเมียนออกรถต่อไปทั้งที่ยังมีสีหน้าสับสน แต่ยังคงไม่กล้าถามอะไรคนข้างๆจนกระทั่งถึงบ้านของตัวเอง



“ตกลงว่านายลืมอะ...อืม...” คำพูดของร่างสูงถูกตัดบทด้วยริมฝีปากของโรเวนที่ประกบปิดอย่างกระหาย ริมฝีปากได้รูปที่เผยออย่างงุนงงเปิดช่องว่างให้ลิ้นเรียวเล็กเข้าไปสำรวจและเชิญชวนให้อีกฝ่ายตอบสนอง ซึ่งเดเมียนก็ไม่นึกขัดศรัทธา
โรเวนรู้สึกถึงมือใหญ่ที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ แต่ครั้งนี้ เขาปล่อยให้มืออุ่นลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบโดยไม่นึกขัดขืน กลิ่นของอีกฝ่ายโอบล้อมรอบร่างของพวกเขาจนโรเวนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง แต่เขารู้ว่าตัวเองมาที่นี่เพราะอะไรในคืนนี้




“เดเมียน...” โรเวนเรียกเมื่อริมฝีปากของพวกเขาผละออกจากกัน เดเมียนเคลื่อนใบหน้าลงมาคลอเคลียที่ซอกคอของเขาอย่างมัวเมาไม่ต่างจากที่โรเวนกำลังรู้สึกในตอนนี้ “ฉันพร้อมแล้ว...”



“หืม?” คนที่ยังคงไล่บดจูบตามลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหลเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ โรเวนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าเดเมียนต้องการที่จะได้ยินมันออกมาจากปากของเขา



“ฉันพร้อมให้นายถามแล้ว”



ดวงตาสีฟ้าอ่อนซีดเป็นประกายวาววับเมื่อได้ยินดังนั้น เดเมียนรีบผละออกจากโรเวนแล้วจัดเสื้อผ้าและทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ มือใหญ่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวในสิ่งที่ตนกำลังจะเอ่ยถาม



“โรเวน...คบกับฉันนะ”



โรเวนเม้มปากแน่น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะหันหลังกลับไป โอกาสสุดท้ายที่เขาจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองอีกครั้ง...



เขาพยักหน้า ก่อนจะร้องออกมาเมื่อร่างทั้งร่างถูกเดเมียนอุ้มหมุนไปมาพร้อมเสียงหัวเราะสดใสที่ทำให้เซบาสเตียนวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แขนเรียวโอบรอบคอของเพื่อนสนิทที่เพิ่งเลื่อนสถานะของตัวเองไว้ โรเวนยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างของเดเมียนอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่




ในตอนนั้น เขาไม่ได้รู้เลยว่า ชีวิตของเขากำลังจะยุ่งยากขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดเดาได้ในอีกไม่ช้า






-------------


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-07-2019 06:56:45
โรเวน เดมอน คู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคบกันแล้ว!!!!  :mc4: :m4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-07-2019 15:47:48
คบกันแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-07-2019 17:44:36
 o13
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 10-07-2019 16:23:36
อีตาคุณครูมันยังงัยมาดีหรือมาร้ายกันแน่ ฮึ่ม!!ดูมีซัมติงกับเด็กน้อยด้วยสิ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 10-07-2019 21:52:03
แว้กก จะเกิดไรขึ้นน
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 15-07-2019 23:39:05
สนุกมากจ้า ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.9 100% [8-07-19] คห.40 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 16-07-2019 13:56:09

Chapter 10: In which they keep getting interrupted.




หลังจากวันนั้น โรเวนรู้สึกว่าพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเกลือกกลิ้งบนเตียงของเดเมียนโดยที่ลิ้นของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยให้โพรงปากอุ่นได้ว่างเว้นสักนาที มือใหญ่ที่โรมรันไปทั่วผิวกายขาวเนียนใต้ร่มผ้านั้นยิ่งแล้วใหญ่ หากโรเวนไม่คว้ามือคนที่ซุกซนไม่เป็นเรื่องไว้เวลาที่อีกฝ่ายถลำลึกเกินความสบายใจ ร่างกายเขาคงสึกหรอจากการลูบคลำไปหมดทั้งตัวแล้ว




“นายนี่...ชอบ..อึก...ตรงนั้นจังนะ” โรเวนเบือนหน้าหนีริมฝีปากได้รูปที่ยังคงโฉบเข้ามาหา ทำให้เดเมียนเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากบวมเจ่อเป็นลำคอเรียวระหงส์ ร่างสูงฮัมในลำคอเป็นเชิงตอบรับ ดูดดุนผิวกายบางจนทำให้คนใต้ร่างกระตุกเฮือกกับความรู้สึกวาบหวามที่ได้รับ



ร่างโปร่งสั่นเทิ้มราวกับลุกนกตากฝนเมื่อมืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบไล่ขึ้นมาถึงเม็ดติ่งสีชมพูที่ชูชันขึ้นรับสัมผัสอย่างรู้หน้าที่ นั่นเป็นหนึ่งในหลายๆส่วนบนร่างกายที่โรเวนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นจุดอ่อนไหวของตัวเอง ลิ้นร้อนลากขึ้นมาถึงติ่งหูเย็น ตวัดลิ้นเลียตามใบหูของร่างโปร่งอย่างอ้อยอิ่งขณะที่นิ้วเรียวยาวสะกิดเขี่ยตุ่มไตสีขมพูเข้มอย่างหยอกเย้้า



“ฉันชอบ...เพราะมันทำให้นายรู้สึกดีต่างหาก”




โรเวนยกมือขึ้นตะครุบปิดปากของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นเสียงน่าอายเมื่อริมฝีปากอุ่นเข้าครอบครองยอดอกสีหวานแทนที่นิ้วเรียวยาวผ่านเนื้อผ้า เดเมียนฮัมในลำคออย่างอารมณ์ดี ความรู้สึกชื้นแฉะและแรงสั่นสะเทือนจากเสีียงของร่างสูงทำให้โรเวนบิดเร่าอย่างห้ามไม่อยู่ เขาซุกหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสอง รู้ว่าสีหน้าของตัวเองในตอนนี้ต้องบิดเบี้ยวเหยเกด้วยแรงอารมณ์อย่างไม่น่ามองเป็นที่สุด




“ไม่เอาสิโรเวน” เดเมียนท้วงด้วยน้ำเสียงเสียดาย จับข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายให้ขยับออกจากใบหน้าที่แดงก่ำสูสีกับเส้นผมนุ่มที่แผ่สยายตัดกับหมอนสีน้ำเงินเข้มราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม“นายจะปิดวิวดีๆแบบนี้จากฉันไม่ได้นะ”




“อะ…ไอ้โรคจิต” โรเวนด่ากลบเกลื่อนความอาย ได้รับคำตอบรับเป็นเสียงหัวเราะในลำคอของร่างสูงอย่างพึงพอใจ




“นายรู้ใช่มั้ย ว่าสภาพของนายในตอนนี้ ถ้าฉันเป็นพวกโรคจิตอย่างที่นายว่าจริงๆ โอกาสที่นายจะได้เดินตรงๆนี่แทบจะเป็นศูนย์เลยนะ”



“….นายมันโรคจิตจริงๆสินะ”



สภาพของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่ายิ่งกว่าน่าอาย เสื้อยืดสีเทาตัวโปรดของเขาถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและแผงอกขาวเนียนที่มีจ้ำสีแดงเรื่อกระจายตัวจับจองพื้นที่ เม็ดทับทิมสีหวานที่ถูกปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าชูชันสัมผัสกับอากาศเย็นเยียบในห้อง ริมฝีปากเรียวสีสดที่ถูกเคลือบด้วยของเหลวสีใสเผยอเอาอากาศเข้าปอดเพื่อทดแทนเวลาที่ไม่ได้หายใจเมื่อครู่ แต่ดวงตาสีฟ้าซีดที่เข้มขึ้นด้วยอารมณ์ของเดเมียนกลับไล่มองเรือนร่างขาวราวกับเขาเป็นดาราดาวยั่วในคลิปวีดีโอที่เด็กหนุ่มวัยเดียวกับพวกเขากำลังหมกมุ่น




“ฉันจะให้คำแนะนำดีๆสำหรับอนาคตนะโรเวน” ร่างสูงเลียริมฝีปาก ไม่คิดปิดบังความกระหายในแววตาของตัวเอง “ถ้านายเรียกใครว่าโรคจิตในสภาพนี้ ต่อให้เขาไม่ได้เป็นโรคจิตจริงๆเขาก็จะกลายเป็นแบบนั้นเพราะนายนี่แหละ”



โรเวนที่ยังคงหอบหายใจอยู่บนเตียงขยับยิ้ม ใช้ข้อศอกยันร่างของตัวเองให้ขยับขึ้นไปใกล้อีกฝ่าย ริมฝีปากเรียวปัดผ่านริมฝีปากล่างของเดเมียนเบาๆขณะที่เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ความท้าทายแฝงอยู่ในทุกพยางค์



“ไอ้-โรค-จิต”



เขาแทบจะได้ยินเสียงสติของเพื่อนสนิทขาดผึงพร้อมกับความยับยั้งชั่งใจทั้งหมด เดเมียนคำรามเสียงต่ำราวกับสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บแล้วผลักเขากลับลงไปบนเตียงด้วยแรงไม่เบานัก ริมฝีปากร้อนบดขยี้ลงมาทำให้โรเวนยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเพื่อนสนิทเพื่อหาที่ยึดเกาะ แม้หัวสมองจะมึนเบลอจากการกระตุ้นรู้สึกถึงกางเกงยีนส์ของตัวเองที่แทบจะถูกฉีกออกโดยคนที่เริ่มหมดความอดทน



วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะทำ’ทุกอย่าง’จนสุดทาง



หลายวันที่ผ่านมา ร่างสูงมักจะให้เกียรติโรเวนด้วยการหยุดทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายเริ่มไม่สบายใจกับสิ่งที่ทำ แต่ครั้งนี้โรเวนพร้อมที่จะปล่อยให้เพื่อนสนิทที่เพิ่งเลื่อนสถานะเป็นคนรักได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม้เขาจะได้พูดออกมาตรงๆ แต่เขาเชื่อว่าเดเมียนรับรู้ความตั้งใจของเขา เดาได้จากมือใหญ่ที่ไล้สำรวจไปทั่วเรือนร่างขาวที่มีเพียงกางเกงชั้นในขาสั้นติดกาย ริม
ฝีปากได้รูปที่ฝากรอยรักไว้ทุกพื้นที่ที่ลากผ่าน และความเปียกชื้นที่หลังมือจากจมูกเปียกๆที่ดุนดันเรียกร้องความสนใจ…




เดี๋ยวนะ…



“เฮ้ย!”




โรเวนผุดลุกขึ้นจากเตียง ถอยกรูดไปชิดกับหัวเตียงอย่างตกใจกับสัมผัสแปลกปลอมเมื่อครู่ เจ้าตัวก่อเรื่องนั่งจ้องพวกเขาอยู่ข้างเตียงตาใสอย่างสนอกสนใจ กระดิกหางไปมารอให้เจ้านายของตนและแขกของบ้านลุกมาเล่นด้วยกัน



“เซบ ออกไปรอข้างนอก” เดเมียนดุสัตว์เลี้ยงของตนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์



“โฮ่ง!” เจ้าหมาตัวยักษ์เห่า โรเวนหันไปหาเดเมียนที่นิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเซบาสเตียนอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาหาโรเวนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก



“โรเวน ฉันเพิ่งจำได้ว่าวันนี้พ่อจะมากินข้าวเย็นด้วย”



“เดี๋ยวนะ กี่โมง?”



เด็กหนุ่มผมแดงถามอย่างตกใจ




“ขอโทษนะ วันนี้นายกลับไปก่อนได้มั้ย?” เดเมียนถามด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย โรเวนนึกอยากจะเขกกระโหลกลงโทษ
ความสะเพร่าของคนรัก แต่เดเมียนอดทนเพื่อเขามาหลายวันแล้ว หากเขาจะอดทนเพื่ออีกฝ่ายบ้างสักวันก็คงไม่แปลกอะไร




“ช่วยไม่ได้นี่นะ” เด็กหนุ่มผมแดงถอนหายใจ ก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมทีละชิ้น หันไปหาคนที่นั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเตียง “อย่าลืมนัดที่นายสัญญาไว้กับโรซี่พรุ่งนี้แล้วกัน ฉันไม่อยากโดนน้องบ่นจนหูชาอีกหรอกนะ”




“อื้ม ไม่ลืมหรอก” เดเมียนพยักหน้า



หลังจากที่โรเวนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมช่วยมาหลายครั้ง โรซี่ตัดสินใจที่จะไม่พึ่งพาพี่ชายแล้วไปขอเดเมียนสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์โรงเรียนด้วยตัวเอง แม้จะมีสีหน้างุนงงกับคำขอ แต่เดเมียนก็รับปากเด็กหญิงโดยง่าย เดเมียนรักครอบครัวของเขาเหมือนครอบครัวของตัวเอง การปฏิเสธโรซี่นั้นสำหรับร่างสูงแล้วทำได้ยากพอๆกับการปฏิเสธโรเวนเอง




โรเวนกลับมาถึงบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินเพียงไม่นาน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อสังเกตว่าโต๊ะในห้องครัวที่ไรลีย์มักจะใช้เป็นสถานที่เรียนพิเศษกลับไร้วี่แววของน้องชายของเขาและร่างสูงที่เขายังคงไม่ถูกชะตาด้วยจนถึงตอนนี้



“แม่ครับ ไรลีย์ไปไหนหรือครับ?”



“อ๋อ ขึ้นไปเรียนบนห้องกับครูมิลเลอร์สน่ะจ้า พอดีแม่ต้องใช้ครัวทำขนมให้โรซี่งานโรงเรียนพรุ่งนี้”




หญิงสาวที่กำลังวุ่นวายกับเตาอบในครัวชะเง้อบอกเขาผ่านกองภูเขาคัพเค้กบนโต๊ะอาหาร โรเวนรู้สึกว่าใจของตนตกลงไปที่ตาตุ่ม ร่างโปร่งวิ่งขึ้นบันไดบ้านด้วยความเร็วที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองมี




เด็กหนุ่มเปิดประตูพรวดเข้าไปในห้องของน้องชาย ไม่สนใจจะเคาะประตูเตือนคนข้างใน



ภาพที่เห็นคือน้องชายของเขานอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ข้างกันนั้นมีชายหนุ่มร่างสูงที่แค่ตัวตนของอีกฝ่ายก็แทบจะคับเต็มเตียงเล็กๆนั้นนอนตะแคงเท้าคางชี้ในเด็กชายอ่านบทความบนหน้ากระดาษ




“ทำอะไรกันน่ะ!!!”



“พี่โรเวน? จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูล่ะครับ?” ไรลีย์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพร้อมขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยว่าสถานการณ์ของตนนั้นดูล่อแหลมเพียงใด




“จะทำอะไรทำไมไม่เปิดประตูทิ้งไว้? มันไม่เหมาะสม เข้าใจมั้ย” โรเวนเตือนน้องชายด้วยน้ำเสียงคุกรุ่น แม้ว่าดวงตาสีมรกต
จะจับจ้องอยู่ที่คนอีกคนที่เขาต้องการให้ข้อความนี้ส่งไปถึง เฮเดนไม่มีท่าทีสำนึกผิด แต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี



“ไม่เหมาะสม? ผมแค่ติวหนังสือนะครับ” ไรลีย์เถียงอย่างไม่เข้าใจ “แล้วแม่ก็เป็นคนบอกให้ผมขึ้นมาด้วย”



“แต่ก็ไม่ควรขึ้นไปเรียนบนเตียงแล้วปิดประตูแบบนั้น” โรเวนดุ “มันไม่เหมาะสม”




“โรเวน! พี่กำลังทำให้ผมอายอยู่นะ!”ไรลีย์หน้าขึ้นสีกับสิ่งที่พี่ชายกำลังสื่อ แต่อาจารย์พิเศษของเขากลับเอ่ยกับลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ



“ก็จริงอย่างที่พี่ชายของเธอว่า ครูว่าเราไปเรียนที่โต๊ะหนังสือกันดีกว่านะ”



“แต่ว่า...อาการปวดหลังของครู...”



“ครูทนได้” เฮเดนยิ้มให้เด็กชาย และหากแสงในห้องไม่ได้เล่นตลกกับเขา โรเวนสังเกตเห็นว่าแก้มของไรลีย์มีสีเลือดฝาดระเรื่อมากขึ้นกว่าเดิมกับแววตาอบอุ่นของอีกฝ่าย “ ไปกันเถอะ”



“เปิดประตูไว้ด้วย” โรเวนทิ้งท้าย แม้จะรู้ว่าศึกในครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงกับแววตาของน้องชายที่ตวัดมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ และไรลีย์ไม่เคยดื้อกับเขาแบบนี้มาก่อน



เขาสังหรณ์ใจว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหนึ่งในหลายๆศึก ที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับอาจารย์ประวัติศาสตร์คนนี้









“ขออนุญาตอัดเสียงนะคะพี่เดเมียน”



โรซี่ขอด้วยสีหน้าระรื่นแล้วกดัดเสียงทันทีโดยไม่สนใจคำตอบรับของเด็กหนุ่ม เดเมียนยิ้มเจื่อน แต่ไม่ได้ถือสาอะไรพฤติกรรมของเด็กหญิง แม้ว่าร่างสูงจะดูเกร็งขึ้นเล็กน้อยก็ตาม




ไรลีย์ยังคงปฎิเสธที่จะพูดกับพี่ชายโทษฐานที่ทำให้ตนอับอายต่อหน้าอาจารย์คนโปรด แต่เด็กหนุ่มที่อ่านหนังสืออยู่ในครัวยังคงเหลือบตาขึ้นมองดูบทสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องนั่งเล่นอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นระยะ โรเวนนั่งอยู่ข้างเพื่อนสนิท เนื่องจากเดเมียนยืนกรานที่จะให้เขาอยู่ด้วยตลอดการสัมภาษณ์ ราวกับว่าโรเวนจะสามารถช่วยปกป้องอีกฝ่ายจากปีศาจตัวจิ๋วตรงหน้าได้อย่างไรอย่างนั้น



“คำถามแรกนะคะ พี่เดเมียนมีชื่อเต็มๆว่าอะไรคะ”



“เดเมียน ลูคัส คอลลินส์” เดเมียนตอบ โรเวนเลิกคิ้ว เขาไม่ยักรู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อกลางด้วย



ดูท่าการนั่งฟังบทสัมภาษณ์นี้คงจะไม่ใช่เรื่องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อย่างที่โรเวนคิดเสียแล้ว



“สีที่ชอบ”



“สีแดง” ดวงตาคมเหลือบมองคนรักเจ้าของเส้นผมสีแดงเพลิง โรเวนกลอกตา เบือนหน้าหนีกลบเกลื่อนความเขินอาย



“อาหารที่ชอบ”



“พายแอปเปิ้ลของน้าซาราห์”



โรซี่ยิ้ม ดวงตากลมโตสีมรกตเช่นเดียวกับพี่น้องของตนฉายแววเอ็นดูเด็กหนุ่มอายุมากกว่าอย่างไม่ปิดบัง



“เพื่อนสนิทล่ะคะ?”



“โรเวน” เดเมียนตอบอย่างไม่ต้องคิดก่อนที่คำถามของเด็กหญิงจะสิ้นสุดเสียอีก คนถามไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจ และใครที่รู้จักพวกเขาแม้เพียงผิวเผินก็คงจะไม่ประหลาดใจกับคำตอบของเด็กหนุ่มเช่น



“พอจะเล่าเรื่องของพี่เดเมียนกับพี่โรเวนให้ฟังได้มั้ยคะ? อะไรทำให้พี่กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน หรือความทรงจำดีๆของพี่เกี่ยวกับพี่โรเวน”



วูบหนึ่งโรเวนคิดว่าอีกฝ่ายขุดเอาเรื่องราวในอดีตที่ไม่เหมาะสมกับหนังสือพิมพ์โรงเรียนมัธยมต้นออกมาตีแผ่ให้น้องสาวของเขาฟัง โรซี่อายุเพียงแปดปีในตอนที่เดเมียนถูกพรากไปจากพวกเขา และโรเวนไม่คิดว่าเด็กหญิงจะสามารถจดจำสิ่งที่เดเมียนต้องเผชิญก่อนหน้านั้นได้มากนัก



“มีอยู่ครั้งนึงตอนอนุบาล พี่ลืมอาหารกลางวันไปโรงเรียน....” เดเมียนเกริ่น ทำให้ก้อนหนักๆที่โรเวนไม่รู้ว่าถ่วงอยู่ในอกของตนถูกยกขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว “โรเวนแบ่งแซนด์วิชของตัวเองให้พี่ แต่พี่ไม่กล้ารับไว้ พอถูฏรบเร้ามากๆเข้า พี่เลยยอมรับแซนด์วิชนั่นมา แต่โรเวนไม่ยอมไปไหน เขากลัวว่าพี่จะไม่ยอมกิน เลยนั่งเฝ้าจนพี่กินจนหมด หลังจากนั้น โรเวนก็นั่งกินข้าวกับพี่ทุกมื้อกลางวัน ทำให้เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น”



หากจะให้พูดให้ถูก แม่ของเดเมียนไม่คิดจะทำอาหารให้ลูกชาย และปฏิเสธจะจ่ายค่าอาหารของโรงเรียนไม่ว่าจะได้รับจดหมายเตือนกี่ครั้ง โรเวนยังคงนึกแปลกใจอยู่ถึงตอนนี้ว่าทำไมครูและผู้ใหญ่ที่รับรู้ถึงไม่มีใครยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเด็กน้อยผอมแกร็นที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกในช่วงวัยที่เด็กทุกคนควรจะมีแก้มกลมยุ้ยน่ากัดและรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า แต่กลับเอาเรื่องนั้นไปนินทาพูดคุยสนุกปากโดยไม่คิดจะแก้ไขให้ถูกต้อง




มารดาของเขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าแจ้งความเอาเรื่องมารดาของเดเมียน หญิงสาวไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ภายในครอบครัวที่ตนไม่รู้จัก แต่ซาราห์มักจะแพ็คอาหารมาเพิ่มอีกสามชุดให้เด็กชายเสมอ และกำชับให้โรเวนเอาแซนด์วิชมื้อเย็นให้เดเมียนบนรถโรงเรียนระหว่างทางไปและกลับของทุกวัน เพื่อที่อย่างน้อยเด็กชายจะได้มีอะไรตกถึงท้องครบสามมื้อ



ไม่นานนัก เดเมียนก็กลับมาดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง แม้ว่าจะยังเป็นเด็กตัวเล็กหากเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นของตน โรเวนยังจำได้ว่าร่างทั้งร่างของเพื่อนสนิทเคยสามารถหลบอยู่หลังเขาได้โดยที่ไม่มีใครมองเห็น



“แล้ว...พี่เดเมียนมีคนพิเศษรึยังคะ?” โรซี่ถาม เก็บความตื่นเต้นในน้ำเสียงไว้ไม่อยู่ เดเมียนยิ้ม



“มีแล้วครับ” ประโยคนั้นเด็กหนุ่มเหลือบมองมาที่โรเวนอย่างไม่คิดจะปิดบังความรู้สึก ได้รับคำตอบเป็นดวงตาสีมรกตที่ถลึงจ้องเขาอย่างโกรธๆ



“ว้า…แบบนี้สาวๆคงอกหักกันเป็นแถวเลยนะคะ” โรซี่เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วพอจะบอกได้มั้ยคะ ว่าคนที่มัดใจคนสมบูรณ์แบบอย่างพี่เดเมียนได้เป็นคนแบบไหน”



“พี่ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก” เดเมียนตอบยิ้มๆ “แล้วเขาก็รู้ดีว่าพี่มีด้านที่...ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคอยอยู่ข้างๆพี่ เชื่อในตัวพี่ว่าพี่สามารถเป็นตัวพี่ในแบบที่ดีที่สุดได้ ถ้าไม่มีเขา พี่อาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ”
โรเวนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว แต่เด็กหนุ่มยังคงเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าคำพูดของคนข้างกายนั้นสื่อถึงใคร โรซี่บิดไปมาอย่างเขินอายแทนบุคคลปริศนาคนดังกล่าว ก่อนจะถามคำถามต่อไป



“แบบนี้...แสดงว่าพี่เดเมียนจริงจังมากใช่มั้ยคะ?”



“ครับ” เดเมียนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และโรเวนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนฟังต่อได้โดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก “พี่ไม่คิดว่าพี่จะสามารถรู้สึกกับใครอย่างที่พี่รู้สึกกับเขาได้อีก”



โรเวนนึกสงสัยว่าคนเราจะสามารถตายด้วยความเขินอายได้หรือไม่ แต่เด็กหนุ่มคาดว่าตัวเองคงไม่ต้องรอนานนักกว่าจะได้พิูจน์คำถามนั้น



“ขอบคุณมากนะคะพี่เดเมียนที่ให้หนังสือพิมพ์ของเราสัมภาษณ์...”



“เสร็จแล้วใช่มั้ย? เดเมียน นายบอกว่าจะให้ฉันไปช่วยย้ายโต๊ะที่บ้านไม่ใช่หรือ? รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดี”




โรเวนฉุดข้อมือเพื่อนตัวสูงให้ลุกขึ้นก่อนที่เดเมียนจะได้มีโอกาสถามว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เด็กหนุ่มผมแดงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าน้องสาวและน้องชายของเขาจะส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียงกันกับข้ออ้างปัญญาอ่อนนั้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา โรเวนแทบจะยัดอีกฝ่ายเข้าไปในรถแล้วเข้าไปนั่งที่ประจำของตนข้างที่นั่งคนขับ เดเมียนที่ยังคงตามไม่ทันหันมาหาเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าซีดจะเบิกกว้างเมื่อถูกคนตัวเล็กกว่ากระชากคอเสื้อเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากลงบนริมฝีปากที่คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉาและอยากครอบครองในเวลาเดียวกันอย่างรุนแรง




“ขับไป...เร็ว...” โรเวนผละออกมาจากอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ เดเมียนก
ลืนน้ำลาฝืดคอกับภาพตรงหน้า ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนรถสปอร์ตคันหรูของของตนคำรามลั่นไปทั่วถนนกว้างที่เงียบสงัด


----------

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [16-07-19] คห.47 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 16-07-2019 15:54:44
ลูกเขยบ้านวู้ดส์ไม่ธรรมดากันซักคน
เฮเดนปวดหลังจริงๆเหรอ  :hao3:
ส่วนโรเวนหนูไวไฟมากลูก!!

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [16-07-19] คห.47 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-07-2019 16:30:13
สนุกค่ะ ชอบแนวนี้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [16-07-19] คห.47 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 16-07-2019 21:06:19
โรเวนรู้กกกค้อนแรงจริม
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [16-07-19] คห.47 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-07-2019 21:36:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [16-07-19] คห.47 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: littlepig ที่ 18-08-2019 13:20:56
Chapter 11: In which they went grocery shopping.




“โรเวน นายไม่จำเป็นต้อง...อื้ม...” เดเมียนที่เอ่ยขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเข้ามาหลับตาลงตามสัญชาตญาณเมื่อริมฝีปากของตนถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากของเพื่อนสนิท ตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาเชิญชวนให้เขารังแกถึงถิ่นอย่างเต็มใจ โรเวนประคองใบหน้าของร่างสูงไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง มืออีกข้างโอบรอบคอเดเมียนเพื่อโน้มให้ใบหน้าคมเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น



“นายติดค้างอะไรฉันไว้เมื่อวาน?” โรเวนกระซิบถามชิดริมฝีปากได้รูป นิ้วหัวแม่มือไล้ตามริมฝีปากล่างของร่างสูง ก้อนเนื้อในอกกระตุกผิดจังหวะเมื่อคนตรงหน้างับลงบนนิ้วของตนแล้วดูดเบาๆ ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับนิ้วเรียวทั้งที่ดวงตาสีฟ้าซีดไม่ละไปจากดวงตาสีมรกต



“นายแน่ใจนะ?”



“ถ้านายยังถามย้ำอยู่แบบนี้ฉันจะเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆแล้วนะ” คนความอดทนน้อยเตือนเสียงขุ่น เดเมียนหุบปากฉับพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน รอยยิ้มเริงร่าราวกับลูกหมาได้กระดูกทำให้โรเวนอดรู้สึกหมั่นไส้จนอยากแกล้งเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกอื่นที่มีมากกว่าทำให้เขาดึงให้คนที่ยังยิ้มร่าไม่ยอมขยับไปยังเตียงขนาดใหญ่ของอีกฝ่าย



ถามว่าเขากลัวมั้ย แน่นอนว่าโรเวนกลัว



เขายังไม่เคย..ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ยิ่งกับผู้ชายด้วยกันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีรสนิยมแบบนั้นจนกระทั่งได้มาเจอกับเดเมียนอีกครั้งด้วยแล้ว โรเวนยิ่งแตกตื่น



แต่หากครั้งแรกของเขาจะเป็นใครซักคน เขาอยากให้เดเมียนคือคนคนนั้น



และหลังจากการถูกขัดจังหวะไม่เว้นแต่ละวัน โรเวนในตอนนี้นั้นพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม



“แต่…แต่ฉันไม่มีถุง…อื้อ!”เดเมียนครางเสียงต่ำเมื่อโรเวนงับลงบนไหล่กว้างอย่างขัดใจ สะโพกของร่างเล็กกว่าบดเบียดลงบนจุดกึ่งกลางของร่างสูงอย่างไร้ความปราณี “โรเวน!อึ่ก…ให้…ให้ตายเถอะฟังกันบ้างเซ่!”


“นี่ครั้งแรกของนายใช่มั้ย?” โรเวนกระซิบถาม พรมจูบลงบนลำคอแกร่งอย่างมัวเมา การขึ้นเสียงของคนที่มักจะลงให้เขาเสมอยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระพือ ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงของเดเมียนกำลังจะทำให้เขาคลั่ง เดเมียนพยักหน้า สะโพกสอบกระตุกรับการเสียดสีผ่านเนื้อผ้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ”ของฉันเหมือนกัน…ฉันจะอนุโลมให้แล้วกัน”



ต่อให้ไม่อยากอนุโลมโรเวนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสติมากพอจะลุกไปจากเตียงนี้แล้ว



เดเมียนสบถในลำคอ สะโพกสอบขยับสวนการเสียดสีหยอกเย้าอย่างเป็นธรรมชาติของคนที่เพิ่งบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัวอย่างควบคุมไม่อยู่



“โร…โรเวน...”



เจ้าของชื่อขยับลุกขึ้นจากตักแข็งก่อนที่เดเมียนจะทำให้กิจกรรมของพวกเขาจบลงก่อนจะได้เริ่ม เขางุ่นง่านใจมานานพอแล้วและจะไม่ยอมถูกตัดฉับเพียงเพราะเพื่อนสนิทของเขาไม่มีความอดทนมากพอ



“โรเวน!” คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการเสียดสีเมื่อครู่เบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นแล้วดึงเข็มขัดของเขาออกอย่างเร่งรีบ “จะทำอะไรน่ะ...”



“หุบปากน่า” แค่นี้เขาก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว



โรเวนจัดการกับปราการทุกด่านของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะร่างกายของเขาก็เริ่มปวดหนึบจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน



สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาทำเอาโรเวนเหยียบเบรกจนแทบหัวทิ่ม ไม่ใช่ว่าโรเวนไม่เคยสิ่งนั้นของผู้ชายคนอื่น ถึงอย่างไรเขาก็เคยใช้ห้องน้ำสาธารณะมาก่อน แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้น โรเวนไม่มั่นใจว่ามันคือขนาดที่มนุษย์พึงมี



แต่ตอนนี้ เหตุและผลของเขาทั้งหมดถูกโยนออกไปนอกหน้าต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“อึ่ก…เรา…ใครจะทำ…”เดเมียนกัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งสูงเพียงแค่มือเรียวนุ่มของโรเวนเริ่มขยับปลอบประโลมความเป็นชายที่กำลังเกรี้ยวกราดของตน โรเวนเลิกคิ้วสูงกับคำถามที่แม้จะน่าอายเพียงใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาควรหารือกันก่อนเรื่องจะบานปลายเลยเถิดมาถึงจุดนี้


ดวงตาสองคู่สบกันทันทีที่คำถามนั้นหลุดออกมา จากแววตาแน่วแน่ของพวกเขาทั้งคู่ที่จ้องตอบกันอย่างไม่มีใครยอมใครแล้ว โรเวนคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาคงได้อดทนหน้าเขียวหน้าม่วงแบบนี้ไปจนจบคืน



“นายมีไอเดียมั้ย?” ร่างโปร่งถามทั้งที่มือเรียวยังไม่หยุดขยับ สะโพกสอบกระตุกตามจังหวะการหยอกเย้าอย่างห้ามไม่อยู่ เดเมียนมองค้อนคนที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเบี่ยงเบนความสนใจของตนก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าด้วยแรงอารมณ์



“เป่ายิงฉุบ”


“…ฉันจะหมดอารมณ์ก็เพราะนายนี่แหล…เหวอ!”



เด็กหนุ่มผมแดงร้องลั่นเมื่อร่างของตนถูกแรงมหาศาลฉุดกลับขึ้นมาบนเตียง พลิกให้เขาลงไปนอนข้างใต้แล้วดึงกางเกงของโรเวนออกด้วยแรงที่ทำให้เขาคิดว่าได้ยินเสียงขาดของเนื้อผ้า



“ทะ…ทำอะไรน่ะ”



“ทำให้นายไม่หมดอารมณ์ไปก่อนไง” สิ้นสุดคำตอบนั้นริมฝีปากหยักดั่งคันศรที่สาวๆในโรงเรียนต่างพากันวาดฝันจะได้รับจุมพิตก็ครอบครองจุดกึ่งกลางลำตัวของร่างขาวเนียนอย่างไม่ให้เด็กหนุ่มได้เตรียมใจ



“เด…อ๊ะ…” โรเวนสบถในลำคอ ยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงครางหวานด้วยกลัวคนที่กำลังปรนเปรอความสุขให้เขาด้วยลิ้นร้อนจะได้ใจ มือเรียวขยุ้มลงบนกลุ่มผมนุ่มสีบลอนด์สว่างอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว ดวงตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมองเขาทั้งที่ริมฝีปากยังคงทำงานของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และนั่นยิ่งทำให้โรเวนนึกอยากบีบคอและกระชากคออีกฝ่ายขึ้นมาบดขยี้ริมฝีปากบาปหนานั้นในเวลาเดียวกัน



”เออ!ยะ…ยอมแล้ว!เป่า…อ่ะ…เป่ายิงฉุบก็ดะ…อ๊ะ…”



สะโพกมนขยับสวนริมฝีปากร้อนแรงอย่างห้ามไม่อยู่ โรเวนไม่คิดว่าจะใครบนโลกใบนี้ที่มีประสบการณ์น่าอายอย่างการเป่ายิงฉุบกับคนที่กำลังใช้ปากให้ตัวเองอย่างเขา



แถมยังเป่ายิงฉุบแพ้คนตรงหน้าอีกด้วย




“ส…สองในสาม” โรเวนต่อรองเสียงสั่น แม้ว่าร่างกายของตนในตอนนี้จะกรีดร้องบอกให้เขายอมๆเดเมียนไปก่อนที่จะทนไม่ไหวก็ตาม



ร่างสูงพึมพำตอบรับเขาเสียงอู้อี้ และแรงสั่นสะเทือนนั้นยิ่งทำให้หน้าท้องแบนราบเกร็งกระตุกด้วยความเสียว



มือเรียวที่สั่นระริกขยับเพื่อตัดสินอนาคตของตัวเองด้วยกาละเล่นปัญญาอ่อนนี้อีกครั้ง โรเวนคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถคิดถึงการเป่ายิงฉุบได้โดยไม่นึกถึงค่ำคืนนี้




เด็กหนุ่มออกกรรไกร นิ้วชี้และนิ้วกลางสั่นระริกตามร่างกายส่วนที่เหลือ กำปั้นของเดเมียนเคาะลงนิ้วของเขาเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนที่ผู้ชนะจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ สัมผัสที่ห่างหายไปทำให้โรเวนร้องประท้วงตามสัญชาตญาณ



“จะเอาสามในห้ามั้ย?” เดเมียนยืดตัวขึ้นถาม และโรเวนคิดว่าเขาอาจจะก่นด่าท้าทายบุพการีของอีกฝ่ายไปแล้วหากแสงไฟในห้องไม่กระทบกับร่างกำยำเน้นสัดส่วนที่จู่ๆก็ทำให้เขาน้ำลายสอขึ้นมาเสียอย่างนั้น



ให้ตายเถอะ เจ้าหมอนี่จะทำให้เขาเรียนรู้ด้านมืดของร่างกายตัวเองอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ



“โรเวน? เฮ้!” ร่างสูงสะดุ้งเมื่อคนบนเตียงขยับเปลี่ยนมาคลานเข่าไปตามเตียงนุ่งตรงมาหาตัวเอง โรเวนเอื้อมมือไปสานต่อสิ่งที่ตนค้างคาไว้เมื่อครู่อย่างเนิบช้า ลิ้นเรียวเล็กแลบออกมาเล็กน้อยอย่างกล้าๆกลัวๆ และสัมผัสแรกจากลิ้นสีแดงน่ารักนั้นทำให้เดเมียนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง



ไม่ต้องบอกว่าโรเวนรู้สึกเหนือกว่าแค่ไหนที่ทำให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตามสัมผัสของเขาได้ ความมั่นใจนั้นเองทำให้เขากล้าพอที่จะมองข้ามขนาดเหนือมนุษย์ตรงหน้าไปแล้วค่อยๆครอบครองส่วนที่ยังคงชี้หน้าเขาอย่างเสียมารยาทเข้าไปทีละนิด



“โร…โรเวน…” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของเขาเป็นเชิงปราม “พะ…พอแล้ว นายเอาเข้าไปไม่หมดหรอก…”



เกิดเป็นชายชาตรี โรเวนย่อมไม่ยอมถูกตบหน้าด้วยวาจา ริมฝีปากนิ่มอ้ากว้างเอาความใหญ่โตนั้นเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจติดขัดของเพื่อนสนิท…



…ก่อนจะรีบผละออกมาไอโขลกจนเดเมียนต้องรีบเข้ามาลูบหลังให้อีกฝ่ายหายใจสะดวก



“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าฝืน” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มารดาใช้กับเด็กน้อยจอมซน โรเวนปัดมือเพื่อนสนิทออก ใบหน้าแดงก่ำน้ำตาเล็กจากการไออย่างต่อเนื่อง



“แค่ก…หุบปาก.แค่กๆ...น่า...”



เดเมียนถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเพื่อนสนิท โอบแขนรอบร่างของโรเวนเงียบๆด้วยรู้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่ชั่วโมงต้องมนต์ของพวกเขาจบลงก่อนเวลาอันควร คนที่ยังคงไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดงเอนพิงไหล่หนาของคนข้างกาย อารมณ์อ่อนไหวใดๆก็ตามที่ถูกปลุกเร้าเมื่อครู่ค่อยๆแทนที่ด้วยความอบอุ่นของอุณหภูมิร่างของเดเมียนและความรู้สึกอยากจะขดตัวเป็นก้อน
กลมให้อีกฝ่ายโอบกอดจนหลับไป



“ไว้วันหลังเนอะ” ริมฝีปากได้รูปประทับจุมพิตลงบนขมับของโรเวนอย่างรักใคร่ แม้จะรู้สึกผิด แต่โรเวนก็พยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณสำหรับความเข้าใจ



“วันนี้...นายค้างที่นี่ได้รึเปล่า?” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงประหม่า กลัวว่าจะเป็นคำถามที่ล้ำเส้นจนเกินไป แต่โรเวนเพียงแแค่พยักหน้า



“เดี๋ยวฉันโทรบอกแม่”



แน่นอนว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่โรเวนยังคงหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขบนเตียงกว้าง ดื่มด่ำกับสัมผัสของริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่จุมพิตวนบนหัวไหล่มนและแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างเอาอกเอาใจ



และจากรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของคนที่กอดเขาไว้แน่นทั้งที่ยังหลับสนิทในเช้าวันต่อมา โรเวนก็คิดว่าเดเมียนไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรกับสิ่งที่เกิดและไม่เกิดขึ้นเมื่อวานเช่นกัน










“โรเวน ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อให้แม่หน่อยสิ แม่ต้องพาพ่อเขาไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาล”



ซาราห์ยื่นกระดาษใบยาวที่จดรายการของใช้จำเป็นไว้อย่างละเอียดพร้อมกับธนบัตรหลายใบ แต่คนที่เอื้อมมือไปรับด้วยสีหน้ากระตือรือร้นและรอยยิ้มกว้างคือเพื่อนสนิทที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆเขาบนโซฟา



“ได้เลยครับน้าซาราห์ เดี๋ยวผมพาโรเวนไปเอง”



“เธอนี่พึ่งได้เสมอเลยนะเดเมียน” ซาราห์ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วกลับไปประคองสามีที่อาการดีขึ้นจนแทบมองไม่ออกว่าเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน



โรเวนเหลือบมองเพื่อนสนิทผมบลอนด์ที่เก็บรายการสินค้าและเงินที่มารดาของตนให้ใส่กระเป๋าเงินของตัวเองอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ความกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าของเดเมียนแต่ก็สบายใจที่ตนไม่จำเป็นต้องเดินแบกข้าวของกลับมาจากร้านสะดวกซื้อตัวคนเดียว



“ไปกันเถอะ” เดเมียนหันมายิ้มให้เขา



“อารมณ์ดีจังนะ” โรเวนเหน็บ



“แน่นอน ก็วันนี้นายว่างอยู่กับฉันทั้งวันเลยนี่นา”



เด็กหนุ่มผมแดงเหนื่อยจะชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่าในเวลาปกติพวกเขาก็แทบจะไม่แยกจากกันสักวินาทีอยู่แล้ว ต่อให้เป็นก่อนหรือหลังการก้าวข้ามเส้นบางๆของคำว่าเพื่อนสนิทมาเป็นคนคบหาดูใจ โรเวนก็ยังคงรู้สึกว่าความเหนียวหนึบเป็นตังเมของคนข้างกายนั้นเต็มร้อยอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด



“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ไม่มีอะไรกิน”



หลังจากความพยายามที่ล้มเหลวในการเสียความบริสุทธิ์ครั้งล่าสุดของโรเวน พวกเขายังคงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างจริงจัง อยู่ใกล้กันแต่สัมผัสไม่ได้ โรเวนยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านใจเป็นพิเศษ



พวกเขามาถึงร้านสะดวกซื้อที่ในวันนี้แทบไม่มีรถจอดอยู่ด้านหน้า อีกทั้งไฟรอบลานจอดรถที่กระพริบติดๆดับๆในบรรยากาศตะวันใกล้ตกดินเช่นนี้ยังทำให้เขารู้สึกวังเวงเข้าไปใหญ่



“โรแมนติกดีเนอะ” คนข้างๆหันมาพูดกับเขาพร้อมรอยยิ้ม บางครั้งโรเวนก็นึกอยากจะแงะกระโหลกของอีกฝ่ายเอาสมองมาวิเคราะห์ดูเหมือนกันว่าทำไมหมอนี้ถึงได้คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้



“ไปเอารถเข็นมา เอารายการมาให้ฉัน”



เดเมียนหยิบกระดาษที่ตนเก็บไว้ส่งให้โรเวนแล้วเดินไปเอารถเข็นอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่โรเวนรู้สึกว่าแม้แต่ภายในร้าน ผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยก็ดูจะบางตากว่าปกติ



“ซอสมะเขือเทศหมดแล้ว” เดเมียนหยิบขวดวอสมะเขือเทศวางใส่รถเข็น



“หมดเพราะนายนั่นแหละ ทั้งบ้านฉันมีใครกินซอสมะเขือเทศที่ไหนกัน”



โรเวนเหน็บเจ้าคนที่มักจะมาขอข้าวบ้านเขากินราวกับบ้านตัวเองไม่มีครัว เดเมียนยิ้มอย่างไม่สำนึกผิด แล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่ของเพื่อนผมแดงมาดูว่ามีรายการสินค้าอะไรที่ต้องซื้อบ้าง



“ซีเรียลรสน้ำผึ้ง บ้านนายกินของแบบนี้ด้วยหรือ?”


“แม่ซื้อมาให้นายนั่นแหละ” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนเบาๆอย่างหมั่นไส้ “ไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นลูกรักกว่าลูกแท้ๆแล้วน่ะ”
เดเมียนยิ้มกว้าง หยิบคว้าข้าวของในรายการด้วยความเร็วที่ทำให้โรเวนเวียนหัว แต่ยังคงยิ้มตามคนที่ดูร่าเริงขึ้นมาเพียงแค่ได้รับการยืนยันว่าตนเป็นที่รักของใครสักคน



บางครั้ง…เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบความโหยหาในความรักของเดเมียนอยู่



“อันนี้ของโปรดของโรซี่ อันนี้ไรลีย์ชอบ…”


“นี่ แม่ให้เงินมาพอดีนะ อย่าหยิบของตามใจชอบสิ” โรเวนเตือนคนที่หยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในบ้านเขาชอบโดยไม่คำนึงถึงรายการในมือของเขา



“ได้เป็นไร ฉันจ่ายเอง” คนมีเงินหันมาตอบโดยไม่ต้องคิด โรเวนที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์จะเปลี่ยนใจคนข้างกายจึงรับหน้าที่จัดการกับรายการของที่มารดาของตนต้องการจริงๆ



เด็กหนุ่มเข็นรถมาถึงชั้นวางหลังสุดของร้านเมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้นจากหน้าร้าน



“อย่าขยับ!ส่งเงินมาให้หมด!”



ต้นแขนของโรเวนถูกคว้าโดยเดเมียนที่เขาคิดว่ายังเอื้อระเหยลอยชายอยู่ในชั้นซีเรียลให้ตามไปยังประตูห้องพักพนักงานด้านหลัง ร่างสูงผลักเขาเข้าไปในห้องแล้วหันไปล็อกประตูอย่างรวดเร็ว พยักเพยิดให้เด็กหนุ่มผมแดงคลานเข้าไปใต้โต๊ะทำงานในห้องนั้นเพื่อหาที่กำบังแล้วย่อตัวลงคลานเข้ามาซ่อนตัวข้างในเช่นเดียวกับเขา แม้จะมีพื้นที่ไม่มากแต่โตีะไม้ตัวนี้ก็สามารถซุกซ่อนร่างของเขากับเดเมียนได้อย่างพอดิบพอดี



“เกิดอะไรขึ้น?” โรเวนกระซิบถาม เดเมียนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดหมายเลขที่นับวันโรเวนยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาชักจะโทรบ่อยขึ้นทุกที กระซิบตอบข้างหูเด็กหนุ่มผมแดงเบาๆ



“โจรปล้นร้าน”



อีกแล้วหรือ? นี่เขาจะต้องเป็นพยานในคดีอาชญากรรมอีกกี่ครั้ง?



เดเมียนตัดสายจากเจ้าพนักงานด้วยสีน้ายุ่งยากใจ มือใหญ่เอื้อมมากุมมือของเขาไว้แน่นอย่างปลอบประโลม ถึงแม้โรเวนจะ
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีภูมิต้านทานกับเริ่มแบบนี้มากขึ้นทุกวัน ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาตามฝ่ามือใหญ่กลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวอย่างหวาดหวั่นค่อยๆสงบลง



“ตำรวจกำลังมา พวกเราแค่ต้องซ่อนอยู่ในนี้จนกว่า...”



ปึ้งๆๆๆๆ!!!



เสียงประตูถูกกระแทกอย่างแรงทำให้เดเมียนหุบปากฉับ มือใหญ่ปิดปากโรเวนไว้ก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้ร้องออกมา
โรเวนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอกห้องแม้จะจับใจความไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นสามนัดติดต่อกัน จากเสียงโรเวนคิดว่าคนร้ายคงยิงกลอนประตูของพวกเขาจนหลุด มือที่ปิดปากของเขากดแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องอย่างตกใจของโรเวนหลุลอดออกไป ดวงตาสีมรกตเหลือบมองเดเมียนอย่างหวาดหวั่น ร่างโปร่งสั่นเทิ่มไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่



“รอฉันตรงนี้นะ...” เดเมียนยิ้มให้เขาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจที่อีกฝ่ายไม่ควรมีในสถานการณ์แบบนี้ “ฉันสัญญา นายจะไม่เป็นอะไร”


ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ในชั่วพริบตา ร่างสูงตรงหน้าของเขาก็พุ่งตัวออกไปจากโต๊ะที่พวกเขาซ่อนอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนโรเวนรู้สึกเหมือนตนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ เขาได้ยินเสียงคนร้อง เสียงของแข็งกระทบกับ
ร่างกายของมนุษย์ เสียงข้าวของตกหล่นโครมครามดังลั่น


และสุดท้าย เสียงปืนที่ดังก้องไปทั่วห้องเล็กๆแห่งนี้



“เดเมียน!”


เด็กหนุ่มลืมความหวาดกลัวที่เกาะกุมจิตใจ พุ่งตัวออกไปจากใต้โต๊ะอย่างร้อนรน ไม่มีความคิดในหัวด้วยซ้ำว่าเขาจะช่วยอีกฝ่ายอย่างไร



แต่เขาไม่จะเป็นต้องคิด ร่างของโจรสองคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดูจากอกที่ยังคงสะท้อนขึ้นลงน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนที่เขาเป็นห่วงนั่งหอบหายใจพิงตู้เอกสาร ใบหน้าคมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือกดที่ท้องของตัวเองซึ่งมีของเหลวสีแดงสดซึมออกมาเป็นวงกว้าง



“เดเมียน...”


“เฮ้ย เกิดอะ...”



 เสียงของโจรที่อยู่หน้าร้านถูกกลบด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจที่แผดก้องไปทั่วบริเวณ โรเวนได้ยินเสียยงตะโกนไม่ได้ศัพท์ข้างนอกร้าน แต่ความสนใจเดียวของเขาในตอนนี้คือการกดมือลงบนบาดแผลของเพื่อนสนิทเพื่อห้ามเลือดไว้ พยายามเงี่ยหูฟังว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หรือยัง



“โรเวน...เฮ้ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คนเจ็บฝืนยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยอ่อน มือข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวยกขึ้นมาแตะบนใบหน้า
ซีดเผือดของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบประโลม “ฉันไม่เป็นไรน่า แค่ถากๆ”



“ถากบ้านนายสิเลือดออกขนาดนี้” โรเวนแหว แม้จะรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอนั้นสั่นเครือจนแทบจะกลายเป็นเสียงสะอื้น และนั่นทำให้เขาเริ่มสังเกตว่ามือของตัวเองสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ “นายห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ได้ยินมั้ย”



เขาเพิ่งเกือบจะเสียพ่อไปก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ยอมเสียเดเมียนไปเด็ดขาด



“รับทราบ” คนเจ็บแสร้งยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง เรียกสายตาค้อนเคืองจากโรเวนได้เป็นอย่างดี



“เคลียร์” เข้าได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้นจากด้านนอก เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบร้องขอความช่วยเหลือ



“ช่วยด้วยครับ! มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้!”



ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดเกราะกันกระสุนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึง ทั้งสองรีบเข้ามาเพื่อช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยที่คนเจ็บเอาแต่เอ่ยปัดป้องว่ากระสุนแค่ถากต้นไปเท่านั้น



“ถากได้ยังไง ยิงระยะประชิด...”


เสียงของเจ้าหน้าที่กลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นรอยแผลถากยาวที่เป็นต้นตอของเลือดที่ซึมออกมา ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เดเมียน โรเวนมองบาดแผลที่แม้จะไม่ได้เล็กนักของอีกฝ่าย แต่ก็ห่างไกลจากแผลถูกยิงระยะประชิดมากอย่างสับสน ในห้องแคบๆแถมสู้ตัวต่อตัวขนาดนั้น คนร้ายจะต้องอ่อนหัดแค่ไหนถึงได้ยิงพลาด



หลังจากทำแผลและให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ โรเวนก็รับหน้าที่สารถีจำเป็นขับรถกลับ แม้เดเมียนจะยืนยันเสียงแข็งว่าตนขับรถไหวก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูบ้าน มารดาของเด็กหนุ่มผมแดงก็แทบจะกระโจนใส่พวกเขาทั้งสอง สีหน้าของหญิงสาวดูราวกับผ่านการร้องไห้มาสักพักใหญ่


“ที่สถานีโทรมาบอกพ่อเรื่องร้านสะดวกซื้อถูกปล้น โอ ขอบคุณพระเจ้าที่พวกลูกปลอดภัย” ซาราห์กอดเด็กหนุ่มทั้งสองแน่นก่อนจะผละออกมา หญิงสาวมองเดเมียนด้วยสายตาตื้นตัน “เดเมียน ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยโรเวนไว้ เธอเป็นฮีโร่ของพวกเราจริงๆ”



“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เดเมียนยกมือขึ้นเกาหลังคออย่างเขินอายกับคำชม และนั่นทำให้ซาราห์เหลือบไปเห็นเลือดบนเสื้อของเด็กหนุ่ม



“ตายจริง!”



“ไม่มีอะไรครับน้าซาราห์ แค่แผลถากๆ ทำแผลมาแล้ว” เดเมียนรีบพูดก่อนที่หญิงสาวจะได้ปล่อยโฮอีกรอบ โรเวนรีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเพื่อนสนิท



“ถึงยังไงก็ถือว่าบาดเจ็บอยู่ดี” ซาราห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่วงนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็ค้างที่นี่สักสองสามวันให้แผลดีขึ้นก่อน มีโรเวนอยู่ จะได้ช่วยดูแลด้วย”



แน่นอน คนอย่างเดเมียนไม่มีคำว่าเล่นตัวเมื่อได้ยินคำเชิญชวนนั้น เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นจนน่าหมั่นไส้ แต่โรเวนรู้ดีว่าหลังจากสิ่งที่อีกฝ่ายทำในวันนี้ เขาคงโกรธคงข้างๆไม่ลงไปอีกนาน



---------

ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนาน ขอโทาด้วยนะคะ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 18-08-2019 13:37:18
เดเมียนเท่ห์มากจริง นุ่มนวลที่สุด...โรเวน..ยังคิดรุก..55555
รอตอนหน้าจ้ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ๆ :)
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2019 14:52:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 21-08-2019 19:58:24
ในเรื่องร้ายๆยังมีเรื่องดีอยู่ เดเมียนคงคิด เจ็บตัวแค่นี้ถือว่าคุ้ม ฮา

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2019 00:03:28
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 07-09-2019 10:45:17
จงใจแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nizxx ที่ 11-10-2019 16:55:53
ชีวิตมัธยมนี่มันหอมหวานจังค่ะ อ่านแล้วเหมือนเป็นภารโรงในซีรี่วัยรุ่นเมกันสักเรื่องเลย อยากรู้แล้วอะ ว่าจริงๆเดเมียนเป็นใครกันแน่ เป็นแค่เด็กโชคร้ายแตะต้องอะไรก็พังก็เสียชีวิตแค่นั้นจริงๆหรอ ตอนที่พ่อของเดเมียนแนะนำตัวทำไมต้องโวยวายอะ ไม่ใช่ลูคัสแต่เป็นลูซิเฟอร์หรอยังไง ขำที่ยัยโรเวนเองก็สงสัย แต่ตามน้ำไปก่อน เหมือนให้เราสังเกตไปพร้อมๆกับยัยโรเวนเลย ชอบวิเวียนมากกกก ความมิตรแท้ต่างเพศแล้วยังไงอะ วิเวียนรู้ทันไปหมดเลย เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก555555 ขำที่พอยัยโรเวนเจอคนหล่อๆไปเยอะมากๆแล้วมานึกสงสัยว่าคิดมาตลอดว่าชอบผู้หญิงได้ยังไง ปริศนาครอบครัวของเดเมียนก็ยังคลางแคลงใจอยู่เลย ทำไปทำมาบ้านโรเวนจะได้ลูกเขยกันหมดรึเปล่า ขำตอนโรเวนหวงน้องมาก555555555 มันเป็นน่ารักน่าเอ็นดูกลัวน้องโดนล่อลวงอะ เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 19-10-2019 08:30:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 24-11-2019 22:19:47
คิดถึง
ยังรอคนเขียนมาอัพอยู่นะคะ :impress:
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: -.NF.- ที่ 30-12-2019 13:51:48
 :heavenเรื่องนี้ดีมากก ติดงอมแงมเลยง่ะะ สู้ๆนะคะคนเขียน เรารออ่านเสมออ :heaven
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 08-01-2020 01:17:24
อยากให้โรแวนรู้เรื่องของเดเมียมเร็วๆ จะได้รักมากขึ้น555555
ชอบกลิ่นอายของเรื่องนี้มั่กๆเลยค่า เหมือนดูซีรี่ย์อยู่เลย ฮือ
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แต่อยากอ่านตอนต่อไปแล้วนะคะ รอคอยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-01-2021 11:51:23
สวัสดีปีใหม่คุณนักเขียนนะคะ คิดถึงเดเมียนกับโรเวนมากๆ