แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26679 ครั้ง)

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



((ต่อ))



          กลายเป็นภาพชินตาของบ้านเจ้าสัวเช็งไปเสียแล้วที่เห็นคุณหนูคนกลางกับคุณหนูคนเล็กขลุกตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ หนูแสนยังคงช่วยคุณพะยอมทำครัวเหมือนเดิมไม่ได้ขาดหากแต่หลังมื้ออาหารนั่งเล่นพอให้ข้าวเรียงเม็ดก็ขึ้นไปช่วยคุณสนขนอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยลงมาไว้ที่ชั้นล่าง ผ้าฝ้ายถูกนำมาวัดแล้วตัดเป็นชิ้นเท่าๆกันจำนวนมากพอสมควร สะดึงอันเล็กถูกขึง ลวดลายง่ายๆถูกวาดลงไปตรงจุดที่จะปักเป็นลายด้วยมือของหนูแสนเอง คุณสนเริ่มสอนให้น้องปักผ้าตามแบบของเธอ หลายครั้งแขนเล็กถูกฟาดเพี๊ยะด้วยปักไม่ได้ดั่งใจของคุณพี่ เฟื้องคอยช่วยหยิบจับข้าวของให้ผู้เป็นนายทั้งสอง คุณสนเองก็เริ่มตัดเย็บเสื้อสูทเพื่อให้เจ้าสัวเช็งและคุณแสนไว้ใส่ออกงาน



            “คุณพี่เก่งจังเลยค่ะ ไปเรียนตัดเย็บที่ไหนมาหรือคะ”หนูแสนเอ่ยชมเมื่อเสื้อสูทเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง



            “ตอนไปอยู่บ้านเจ้าคุณตาพี่ไปเรียนตัดเย็บกับช่างฝรั่ง เขาเก่งมากเลยตัดได้ทั้งชุดผู้ชายทั้งชุดผู้หญิง รูปแบบเสื้อผ้าก็นำสมัยไม่โบราณคร่ำครึเหมือนของที่เราๆเคยใส่”คุณสนเริ่มขยับเท้าเพื่อให้จักรเย็บผ้าทำงาน



            “เธอรู้อะไรมั้ยหนูแสนว่าจักรเย็บผ้าตัวนี้ พี่เพียรขอคุณเตี่ยกับแม่จนน้ำลายแทบท่วมบ้านแต่คุณเตี่ยไม่ให้ คุณเตี่ยบอกว่าแค่เย็บผ้าเล่นเย็บมือเอาก็ได้ ไม่ได้สร้างรายได้สร้างอาชีพอะไรพี่จึงต้องไปอ้อนขอเจ้าคุณตาท่านเมตตาจึงได้สั่งมาจากญี่ปุ่น บางครั้งพี่ก็สงสัยนะว่าทำไมพี่ขออะไรซักอย่างมันถึงได้ยากเย็น ไม่เหมือนเธอกับคุณพี่แสนที่แค่บ่นว่าอยากได้คุณเตี่ยก็ให้”แม้กริยาคุณสนจะดูปกติ เธอยังคงเย็บเสื้อสูทอย่างสงบแต่ทว่าปลายน้ำเสียงกลับเจือความขุ่นข้องน้อยใจ หนูแสนวางผ้าในมือเดินไปหาคุณพี่เอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเอาใจ



            “โธ่ หนูแสนก็ไม่ได้ขอได้ทุกครั้งหรอกค่ะ อะไรที่แพงเกินไปหรือคุณเตี่ยบอกว่าไม่มีประโยชน์หนูแสนก็ไม่ได้ แต่ปกติหนูแสนก็ไม่ค่อยได้ขออะไรอยู่แล้ว”เจ้าตัวน้อยแก้ตัวเสียงออด หนูแสนไม่อยากให้คุณสนโกรธขึ้งหรือหมองใจอะไรอีก ทุกคนในเรือนก็อยากให้คุณสนอารมณ์ดีรักและเมตตาน้องเล็กอย่างนี้ไปนานๆจึงพยายามไม่ขัดใจเธอ ของคาวของหวานที่คุณสนโปรดก็ขึ้นสำรับบ่อยขึ้นจนเห็นได้ชัด หนูแสนเองก็พยายามทำตัวให้คุณพี่เอ็นดู ยังดีที่ช่วงนี้หนูแสนอยู่ติดเรือนให้คุณพี่เรียกใช้สอยได้ทั้งวันเพราะคุณเล็กต้องออกไปกราบลาเจ้านายผู้ใหญ่ในกรมและญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ไกลไม่สะดวกมาส่งคุณเล็กในวันเดินทาง หนูแสนตั้งอกตั้งใจเรียนสิ่งที่พี่สาวสอนและพยายามทำตามอย่างสุดความสามารถ คุณสนเป็นคนมีระเบียบกับการทำงาน ฝีมือประณีตแม้แต่จุดเล็กๆที่หนูแสนปักผิดคุณสนยังจับได้ด้วยความเข้มงวดนี้ทำให้งานของหนูแสนเสร็จช้าแต่ลายปักกลับสวยงามอ่อนหวาน สามผืนแรกนั้นหนูแสนเอาไปมอบให้พ่อกับแม่และคุณแสนโดยไม่ลืมบอกกับเจ้าสัวเช็งและคุณพะยอมว่าคุณสนเป็นคนบอกให้นำมามอบให้ ลวดลายบนผ้าเช็ดหน้านั้นคุณสนก็ช่วยสอนช่วยปัก คุณพะยอมและคุณแสนเอ่ยชมทั้งคุณสนและหนูแสนส่วนเจ้าสัวเช็งมอบถุงเงินให้ลูกทั้งสองโดยไม่พูดอะไรแต่ก็เก็บผ้าเช็ดหน้าที่ลูกนำมามอบให้ติดตัวไม่เคยห่างตัว



เหลืออีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ที่คุณเล็กจะเดินทางหนูแสนก็ทำผ้าเช็ดหน้าสำหรับคุณเล็กเสร็จเรียบร้อย ยายแช่มเป็นคนช่วยเอาไปซักและอบร่ำรีดพับซ้อนกันไว้ให้จนเรียบร้อย คุณสนพักงานเสื้อผ้าที่ทำไปบ้านเจ้าคุณตาตั้งแต่รุ่งเช้าหนูแสนจึงมีเวลาว่างได้เริ่มตระเตรียมทำของแห้งที่คุณเล็กจะสามารถนำไปกินที่เมืองฝรั่งได้อย่างเต็มตัว เจ้าตัวน้อยเป็นลูกมือสำคัญช่วยคุณพะยอมเตรียมวัสดุอุปกรณ์ บ่าวไพร่ในเรือนวิ่งกันให้วุ่นทางเรือนของคุณเล็กส่งวัตถุดิบมาให้ตั้งแต่เมื่อวานซืนอะไรขาดเหลือที่ต้องใช้คุณหญิงเรือนนู้นก็มอบเป็นเงินมาให้แต่คุณพะยอมก็ปฏิเสธไม่รับไว้



            “ถือว่าช่วยๆกันคุณเล็กก็เหมือนลูกเหมือนหลานของฉันเช่นเดียวกัน”คุณพะยอมคืนถุงเงินที่นายพันนำมามอบให้



            “นังเฟื้องเอ็งปอกกล้วยน้ำว้าดิบแล้วแช่น้ำผสมน้ำมะนาวทำกล้วยฉาบไว้นะ จวงเอ็งทำครองแครงกรอบ ส่วนนังสร้อยเอ็งเอาแป้งมันคั่วไฟอ่อนแล้วอบควันเทียนเอาไว้รอ ข้าจะสอนหนูแสนทำปั้นขลิบ ยายแช่มช่วยทำถั่วกรอบแก้วให้ฉันทีนะจ๊ะ”คุณพะยอมแจกแจงงานที่ต้องทำในวันนี้ก่อนจะมานั่งกับลูกชายคนเล็กที่เตรียมช่วยแม่ทำขนมปั้นขลิบ



            “หนูแสนลูกช่วยแม่โขลกพริกไทยกับรากผักชีทีลูก เดี๋ยวแม่จะเอาหมักหมูไว้ทำไส้”คุณพะยอมเลื่อนครกหินให้ลูก หนูแสนตอบรับอย่างกระตือรือร้นเสียงโขลกพริกไทยดังสม่ำเสมอเป็นจังหวะจนกระทั่งแหลกได้ที่คุณพะยอมจึงให้หนูแสนเอาไปผัดกับหอมแดงสับหมูสับและไชโป๊สับ หนูแสนปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลโดยมีแม่สอนว่าควรใส่ปริมาณแค่ไหนผัดจนแห้งบ่าวที่เหลือก็มาช่วยผสมแป้งนวดแป่งแระคลึงรีดจนเป็นแผ่นบางทั้งหมดช่วยกันปั้นและจับจีบเป็นอันเล็กๆจึงเอาลงทอด ยายแช่มเองก็สาละวนกับถั่วกรอบแก้วหนูแสนจำได้ว่าคุณเล็กทานได้ทีละมากๆส่วนเฟืองก็กำลังขมักขเม่นกับการปอกกล้วยแล้วฝานจนเป็นแผ่นบางๆ คุณพะยอมเอาปั้นขลิบที่ทอดเสร็จพักไว้จนเย็นแล้วเก็บใส่โหลแก้ว



            “คราวนี้ล่ะคุณเล็กมีขนมกินได้เป็นเดือนๆ”ผู้เป็นแม่บอกกับลูกยิ้มๆ หนูแสนมองขนมโหลใหญ่ที่เตรียมไว้ให้คุณเล็กแล้วทั้งดีใจที่คุณเล็กจะมีของอร่อยกินพอให้หายอยากหายคิดถึงบ้านแต่ก็แอบใจหายว่าอีกนานหลายปีบางทีอาจเป็นสิบปีกว่าจะได้กลับมาเจอกันอีก



            “ทำหน้าหงอยอีกแล้วลูก มานี่เถอะมาทำขนมสัมปันนีกับแม่ดีกว่า”คุณพะยอมให้บ่าวเก็บเอาอุปกรณ์ทำปั้นขลิบที่เสร็จแล้วออกไปแล้วแทนที่ด้วยชามแป้งมันที่อบควันเทียนจนหอม



            “ทำไมต้องคั่วแป้งด้วยล่ะจ๊ะแม่”หนูแสนถามอย่างสนใจหลังจากก้มลงไปดมกลิ่นควันเทียนที่อยู่ในตัวแป้ง



            “ก็เราจะทำให้คุณเล็กไว้ทานได้นานๆไงลูกถ้าเราคั่วแป้งขนมก็จะกรอบแต่ถ้าเราชอบกินสัมปันนีแบบอ่อนก็ไม่ต้องคั่ว จริงๆใช้แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวจ้าวหรือแป้งท้าวยายม่อมก็ได้ แต่แป้งมันใช้แล้วเนื้อจะเบา”คุณพะยอมเริ่มเคี่ยวน้ำกะทิกับน้ำตาลทรายด้วยไฟอ่อน



            “หนูแสนต้องคอยขูดขอบกระทะไว้ด้วยนะลูกแต่ไม่ต้องคนบ่อยพอเสร็จแล้วหนูแสนแบ่งน้ำเชื่อมเป็นถ้วยๆนะลูก อยากได้สีไหนก็ใส่สีเติมลงไปแม่ให้บ่าวเตรียมไว้ให้แล้ว”คุณพะยอมเอาชามน้ำสีแดง เขียว และม่วงมาวางให้หนูแสน



            “น้ำใบเตยห๊อมหอมค่ะแม่”เจ้าตัวน้อยหันไปบอกกับแม่แล้วจึงเทน้ำใบเตยที่คั้นไว้ลงไปจนเกิดสีเขียวอ่อน ส่วนอีกชามก็เติมสีแดงที่ได้จากครั่งลงไปส่วนสีม่วงที่ได้จากน้ำอัญชันผสมน้ำมะนาวหนูแสนใส่ตามเป็นลำดับสุดท้าย



            “แม่จ๋าสัมปันนีเก็บไว้ได้นานด้วยเหรอจ๊ะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัยมือก็คอยกวนแป้งในกระทะทองเหลืองต่ออย่างขมักขเม่น”



            “ไม่นานหรอกลูกได้ซักอาทิตย์หนึ่ง”



            “อ้าว”เจ้าตัวน้อยร้องออกมาอย่างสงสัย



            “แม่จะทำไว้เป็นของว่างต่างหากเล่า”คุณพะยอมตอบอย่างเอ็นดูลูกที่ทำหน้างงๆ



            “อ่อ หนูแสนก็นึกว่ามันเก็บได้นาน”



            “หนูแสนรู้มั้ยลูกว่าขนมสัมปันนีเป็นขนมที่มีความหมายมาก”คุณพะยอมช่วยลูกกวนแป้งไปด้วยชวนคุยไปด้วย จนกระทั่งทิ้งแป้งให้เย็นแล้วเอาเข้าแม่พิมพ์ที่เจ้าสัวเซ็งสู้อุตส่าห์ซื้อมาให้เมื่อครั้งไปเมืองจีนจนออกมาเป็นรูปดอกไม้สวยงามน่ากิน



            “ความหมายว่าอะไรเหรอจ๊ะ?”



            “สัมปันนีความหมายของชื่อคืออันเป็นที่รัก”



            “ทำไมแปลว่าอันเป็นที่รักล่ะจ๊ะ”



            “ก็เพราะเวลาที่ผู้กินขนมนี้เข้าไปยามที่แป้งละลายในปากจะมีทั้งความหอมและความหวานแทนความคิดถึงและความห่วงหาของผู้ทำไงลูก เวลาคุณเตี่ยกลับจากเมืองจีนแม่ชอบทำให้คุณเตี่ยทานกับน้ำชา เดี๋ยวนี้รูปร่างขนมก็ดูสวยมากกว่าสมัยก่อนที่ทำเป็นสี่เหลี่ยมทื่อๆเพราะคุณเตี่ยซื้อแม่พิมพ์มาให้ จริงๆขนมทุกอย่างกับข้าวทุกจานที่เราทำไปมันก็แสดงออกถึงความรักความใส่ใจของผู้ทำทั้งนั้น ยิ่งเรารักเขามากเราก็ยิ่งอยากให้เขาได้กินแต่ของที่ดีมีประโยชน์ทั้งนั้น เดี๋ยวหนูแสนจะตามนายมีไปเรือนนู้นใช่มั้ยลูก”



            “จ้า พันบอกว่าวันนี้คุณเล็กอยู่เรือนไม่ได้เจอคุณเล็กหลายวันแล้ว วันเดินทางก็ไปส่งไม่ได้”



            “เหงาแย่เลยเพื่อนเล่นตั้งแต่อ้อนแต่ออก”ยายแช่มเอาโหลถั่วเคลือบแก้วมาวางไว้ให้เป็นอันเสร็จ



            “งั้นก็ไปเถอะอย่ากลับให้มันเย็นค่ำมากนะลูก ฝากบอกคุณป้าเรือนนู้นด้วยว่าขนมนี่คงพอกินได้ซักเดือนคงพอให้หายคิดถึงบ้านบ้าง พวกหมูแผ่นหมูเค็มข้าวตังน้ำพริกแม่จะทำให้ก่อนวันเดินทางซักสองวัน ก็คงพอกินระหว่างอยู่บนเรือถึงเมืองฝรั่งก็คงต้องพึ่งตัวเองแล้ว เอาล่ะให้บ่าวช่วยกันยกโถขนมตามไปเถอะแม่จะไปดูคุณก๋งกับอาม่าซักหน่อย”คุณพะยอมลุกขึ้นเดือนออกจากเรือนครัวกลับเข้าไปในตึกหนูแสนจึงได้เดินตามบ่าวที่มาช่วยยกโหลขนมที่ทำเสร็จเข้าประตูเล็กที่ใช้เข้าออกระหว่างสองเรือน เจ้าตัวน้อยยิ้มอย่างชอบใจยามได้ยินเสียงซอแว่วหวานดังมาจากเรือนใหญ่ออกเดินนำหน้าพาบ่าวไพร่ขึ้นมาบนเรือนไทยที่นานๆครั้งจะมาเสียหนปกติยามนัดพบก็คือเรือนแพริมน้ำที่ชอบไปนั่งเล่น วันนี้คนบนเรือนหนาตากว่าทุกวันภริยาทั้งสามของท่านเจ้าพระยาก็อยู่กันครบ หนูแสนคลานเข่าเข้าไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาที่นั่งอยู่บนเรือน



            “กราบค่ะคุณป้า กราบค่ะคุณชื่น กราบค่ะคุณมณี กราบคุณพี่กลางคุณพี่น้อย”หนูแสนยกมือไหว้ภรรยาของเจ้าคุณสรอรรถจนครบแล้วจึงหันไปไหว้คุณกลางบุตรสาวของคุณหญิงผกาและคุณน้อยบุตรสาวของคุณมณีที่นั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกล คุณเล็กวางซอลงตั้งแต่หนูแสนเดินขึ้นเรือนมาส่งยิ้มให้เจ้าน้องน้อยอย่างดีใจ ไม่ได้เจอกันเสียหลายวันดูเหมือนไม่ได้เจอกันหลายปี อยากจะพูดคุยหากแต่ต้องสงบปากคำด้วยมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย คุณผกาและภรรยารองทั้งสองรับไหว้เด็กน้อยด้วยความยินดี



            “ไหว้พระเถอะหนูแสน ขนมเสร็จหมดแล้วหรือ”



            “ค่ะ เพิ่งทำเสร็จก็เอามาให้เลยค่ะ”



            “ดีจริง ป้าฝากขอบคุณแม่ของเราด้วยนะ จะให้เงินค่าจ้างรึก็ไม่ยอมรับไว้ ป้าเกรงใจจะส่งบ่าวไปช่วยแม่พะยอมก็บอกว่าบ่าวของตัวก็มีมากแล้วเอาไปก็ไม่รู้มือรู้งานจะเกะกะเสียเปล่าๆ”



“หนูแสนนี่เก่งนะ ตัวแค่นี้ช่วยงานบ้านงานเรือนคุณพะยอมได้แล้วคุณมณีออกปากชมอย่างเอาใจด้วยรู้ว่าหนูแสนนั้นเป็นคนโปรดของคุณเล็ก



                        “หนูแสนน่ะรสมือดีจะเอาอาหารคาวหวานก็ทำได้ทั้งหมด ผิดกับแม่สนรายนั้นเกียจคร้านตัวเป็นขน”



            “นี่ถ้าหนูแสนเป็นผู้หญิงคุณเล็กคงส่งขันหมากไปสู่ขอตีตราจองไว้ก่อนเป็นแน่เลยค่ะคุณพี่”คุณชื่นกับคุณมณีหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างเข้าขาหากแต่คุณหญิงผกากลับปรายตามองอย่างไม่ชอบใจ



            “ฉันไม่เห็นขัน เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่ควรไปนินทาว่าลูกคนอื่นจะดีจะชั่วก็ให้พ่อแม่เขาเป็นคนว่าเองไม่ใช่คนนอกไปตัดสินลูกของเขา อีกอย่างหล่อนจะพูดเล่นอะไรเห็นหัวฉันกับพ่อเล็กบ้างหนูแสนก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้”หนูแสนเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไปก็หน้าเสียรีบพูดบอกความที่คุณพะยอมฝากมาเพื่อเป็นการเปลี่ยนเรื่องเสียโดยพลัน

 

            “แม่บอกว่าไม่เป็นไรเลยค่ะ ทำให้คุณเล็กก็เหมือนทำให้ลูกให้หลาน แม่ฝากมาบอกว่าพวกน้ำพริกหมูแผ่นหมูทอดจะทำก่อนวันคุณเล็กเดินทางซักสองวันนะคะ แต่คงทำไม่เยอะเพราะกลัวจะเสียก่อนกลางทาง”



            “หาใครใจดีเท่าเรือนแม่พะยอมไม่มีอีกแล้ว แล้วนี่ถ้าพี่เขาไปหนูแสนไม่เหงาแย่ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก”คุณหญิงผกาลูบหัวเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดูเอ่ยถามด้วยไมตรีจิต



            “เหงาค่ะ แต่เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวหนูแสนโตก็คงมีเรื่องอื่นๆให้ทำมากกว่าเที่ยวเล่น คุณเตี่ยบอกว่าจะให้หนูแสนเรียนรู้พวกงานที่ห้าง”



            “อย่างนั้นก็ดี ถ้าว่างหรือไม่ได้ทำอะไรก็แวะมาคุยกับป้าได้นะ อย่าห่างหายไปหนูแสนก็เหมือนลูกหลานป้าเหมือนกัน แล้วนั้นห่ออะไรจ๊ะ?”คุณหญิงผกาเหลือบมองห่อกระดาษขางตัวหนูแสน เจ้าตัวน้อยเหลือบมองคุณเล็กแล้วจึงแย้มยิ้มน้อยๆ



            “ผ้าเช็ดหน้าค่ะ หนูแสนปักมาให้คุณเล็กเก็บไว้ใช้ที่นู่น”เจ้าตัวน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ตนเองบรรจงปักอดทนโดนคุณพี่ดุโดนตีมือไปเสียหลายทีโดนเข็มตำไปเสียหลายหนให้คุณหญิงผการับไปดู ลวดลายบนผ้าเป็นดอกไม้และเถาไม้เล็กๆมีนกสองตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ข้างใต้ปักอักษรภาษาอังกฤษเป็นตัวย่อ ตัว LS คู่กันแทนชื่อของลิขิต สรอรรถโยธิน  ริมผ้าถักเป็นลูกไม้ระบายจนรอบแม้จะยังไม่ละเอียดบรรจงเหมือนช่างในวังแต่ก็ถือว่าสวยมากแล้วสำหรับเด็กอายุเพียงเท่านี้



            “แหม...งามจริง ปักเองเหรอจ๊ะ?”



            “คุณพี่สนช่วยสอนค่ะ”



            “เก่งจริง ไม่คิดว่าแม่สนใจมีฝีมือด้านเย็บปักถักร้อย”



            “ตายจริงหนูแสน ใครเขาให้ผ้าเช็ดหน้ากันจ๊ะ โบราณเขาถือ”คุณชื่นเมียรองเอ่ยท้วงด้วยถือเคล็ดตามโบราณ หากใครให้ผ้าเช็ดหน้าผู้รับจะพบเจอแต่เรื่องระทมทุกข์



            “นั่นสิจ๊ะ โบราณเขาถือ”คุณมณีอดคล้อยตามไม่ได้ คุณเล็กเมื่อเห็นหนูแสนหน้าเสียก็คลานเข้ามานั่งใกล้เจ้าน้องน้อย ฉวยเอาผาเช็ดหน้าที่หนูแสนทำมาให้ไปไว้กับมือก่อนจะปลอดสร้อยที่ห้อยนาฬิกาบนคอออกแล้วจับมือเจ้าน้องน้อยไว้วางนาฬิกาแขวนลงบนมือน้อย



            “คุณเล็กซื้อแก้เคล็ดนะคะ เรื่องโบราณคุณเล็กไม่ถือ หนูแสนไม่ต้องกลัวนะคะ”หนูแสนยิ้มรับกับคำปลอบใจนั้นมือน้อยกำนาฬิกาแขวนที่คุณเล็กหวงนักหวงหนาในมือด้วยความตื้นตัน คุรชื่นกับคุณมณีสงบปากนิ่งด้วยรู้ว่าสิ่งที่คุณเล็กทำนั้นนอกจากปลอบใจหนูแสนแล้วเธอยังปรามคุณชื่นกับคุณมณีอยู่ในทีที่พูดเรื่องที่ทำให้หนูแสนไม่สบายใจ



            “ขอตัวหนูแสนซักครู่ได้มั้ยคะคุณแม่ เล็กมีของจะให้น้อง”คุณเล็กหันไปขออนุญาตคุณหญิงผกา



            “ไปเถอะ เดี๋ยวแม่จะเอนหลังเสียหน่อยเหนื่อยมาหลายวัน แม่มณีกับแม่ชื่นก็กลับเรือนเถอะ แม่กลางมาบีบหลังให้แม่หน่อยปวดเมื่อยเสียเหลือเกิน”คุณหญิงผกาลุกเดินแยกเข้าห้องของตัวเองไปพร้อมกับคุณกลางที่ออกมาเยี่ยมบ้าน คุณน้อยยกมือไหว้ลาแล้วตามคุณมณีกลับเรือน คุณเล็กรอจนผู้ใหญ่ลับตาไปหมดแล้วจึงจูงหนูแสนเข้ามาในห้องของตัวเองที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวเรือน



            “จะไม่ไปส่งคุณเล็กจริงๆเหรอคะ”เมื่อหับประตูเรียบร้อยพาเจ้าน้องน้อยเดินมานั่งที่เตียงนอนคุณเล็กนั่งลงบนเตียงส่วนหนูแสนยังคงยืนอยู่ทำให้ความสูงระดับสายตาในตอนนี้เท่าๆกันแล้วก็เอ่ยถามน้ำเสียงนั้นเจือความเว้าวอน



            “ไม่ไปดีกว่าค่ะ”เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวน้อยเอ่ยปฏิเสธ



            “ใจร้าย”



            “หนูแสนไม่ได้ใจร้ายเสียหน่อย หนูแสนแค่...”คำพูดถูกกลืนหายเมื่อเจ้าตัวรู้สึกเหมือนจะร้องไห้



            “แค่อะไรคะ?”



            “แค่ไม่อยากร้องไห้ส่งคุณเล็กน่ะสิคะ หนูแสนขี้แยจะตายถึงวันนั้นคงเป่าปี่ให้อายคนทั้งพระนคร”



            “โธ่เอ๋ย...”คุณเล็กร้องออกมาเบาๆยามฟังเหตุผลเจ้าตัวเล็ก



            “คุณเล็กไปหลายปีหนูแสนรู้ใช่มั้ยคะ?”



            “ทราบค่ะ”



            “จะลืมคุณเล็กมั้ยคะ?”ปากเอ่ยถามหากใจก็กลัวเจ้าตัวน้อยตรงหน้าจะลืมตน



            ไม่ลืมค่ะ หนูแสนไม่มีทางลืมคุณเล็กแน่นอน”หนูแสนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



            “อยู่ที่นู่นคุณเล็กคงคิดถึงหนูแสนมากแน่ๆ”



            “หนูแสนก็คงคิดถึงคุณเล็กเหมือนกัน”



            “ถ้าโตไป อย่าไปชอบใครอื่นมากกว่าคุณเล็กได้มั้ยคะ?”



            “หนูแสนชอบคุณเล็กที่สุด ให้คุณเล็กเป็นที่หนึ่งเลยค่ะ”



            “ไม่เอาที่หนึ่งได้มั้ยคะ”



            “ถ้าไม่เอาที่หนึ่งแล้วคุณเล็กอยากเป็นที่เท่าไหร่คะ?”



            “คนเดียว ถ้าจะชอบใครก็ขอให้ชอบคุณเล็กแค่เพียงคนเดียว...ได้มั้ยคะ? เพราะคุณเล็กก็จะชอบหนูแสนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นค่ะ”คุณเล็กจ้องตาหนูแสนด้วยสายตาที่หนูแสนรู้สึกว่ามันระยิบวิบวับมากกว่าทุกวันพลันแก้มใสก็ร้อนเห่อราวกับสะบัดร้อนเจ้าตัวน้อยรู้สึกในใจมันคันยุบยิบราวมีมดนับร้อยๆตัวรุมกัด ทุกคราวยังมองตากับคุณเล็กได้แต่วันนี้หากหนูแสนมองตาคุณเล็กอีกเพียงวินาทีก็คงมลายมอดไหม้เสียตรงนี้ ดังนั้นเจ้าตัวน้อยจึงหันหน้าหนีพลางพยายามจะดึงมือออกจากมือคุณเล็ก เมื่อเห็นดังนั้นคุณเล็กจึงรั้งไว้แล้วเชยคางเล็กให้หันกลับมามองที่ตนอย่างหยอกเย้า



            “หันหนีคุณเล็กทำไมคะ? ไม่อยากคุยกับคุณเล็กแล้วหรือ”



            “อยากค่ะ แต่หนูแสนทนมองตาคุณเล็กไม่ไหวค่ะ”



            “อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นเสียล่ะคะ?”



            “ไม่ทราบค่ะ หัวใจมันจักจี้พิกล”



            “ไหนให้คุณเล็กจับดูหน่อยสิคะว่าหัวใจเต้นแรงมั้ย”คุณเล็กจับน้องให้นั่งลงบนตักก่อนจะทาบฝ่ามือลงบนอกด้านซ้ายของน้องเบาๆ ใบหน้าก็คลอเคลียอยู่ไม่ห่างเจ้าตัวน้อย ยิ่งมาอยู่ใกล้ชิด ยิ่งลมหายใจรินรดกดสองแก้มก็ยิ่งแดงปลั่งหัวใจกลับเต้นเร็วมากกว่าเดิม ยามปลายจมูกของคุณเล็กปัดผ่านผิวแก้มหนูแสนก็รู้สึกเหมือนตัวเองร้อนรุ่มไปทั้งตัวจนร่างแทบระเบิด คุณเล็กยิ้มน้อยๆยามใจเจ้าตัวน้อยบนตักเต้นระรัว



            “หัวใจเต้นแรงแบบนี้ แก้มแดงแบบนี้ ผู้ใหญ่เขาเรียกว่าเขินนะคะ จำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดี ขอให้มันมีให้กับคุณเล็กเพียงคนเดียว อย่าไปรู้สึกแบบนี้กับใครอื่นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเข้าใจมั้ยคะ”



            “ข...เข้าใจค่ะ”ตอบรับคำอย่างประหม่า งุนงงกับความรู้สึกของตัวเอง หนูแสนรู้ว่านี่เป็นความรักเหมือนที่หนูแสนรักคนในครอบครัวแต่อาการใจเต้นแรงแบบนี้หนูแสนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีให้แค่คุณเล็ก



            “หนูแสนคะ”เจ้าตัวน้อยออกจากความคิดของตัวเองยามคุณเล็กเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว



            “คะ?”



            “คุณเล็กขอกอดหนูแสนได้มั้ยคะ”ร้องถามอย่างขออนุญาต เจ้าตัวน้อยเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ คุณเล็กผุดรอยยิ้มพราวเต็มดวงหน้าสอดแขนโอบรอบเอวน้องกอดรัดเบาๆฝังปลายจมูกลงบนเรือนผมดำขลับ หลับตาพริ้มซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ประทับในหัวใจก่อนที่จะต้องลาจากกัน



            รัก...รักหนูแสนเสียเหลือเกิน



       รู้ใจแน่ชัดแล้วก็ในวันนี้



            รอพี่เถิดนะเจ้าพี่จะรีบกลับมาหาเจ้าจอมขวัญ อย่าเอาใจหนีร้างห่างไปให้ใครอื่น จะรีบกลับมาอุ้มสมเจ้าทรามเชย เป็นคู่เชยยอดชู้ทุกคืนวัน...



..............................


เจ้าข้าเอ้ยยยยย มีคนล่อลวงเด็กเจ้าค่าาาาาาาาาาา

#แสนคำนึง

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อร้ายยยยย เขิน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


ตอนที่ ๖

๕๐%


           





     ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางของคุณเล็ก บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมของขึ้นเรือยนต์ คุณเล็กแต่งตัวด้วยชุดสูทพร้อมเดินทาง แม้จะเพิ่งอายุ 17 ปี หากแต่ก็สูงโปร่งผึ่งผายสมกับที่ชอบออกกำลังกาย เด็กหนุ่มรับประทานข้าวเช้าร่วมกับสมาชิกในครอบครัว คุณหญิงผกามองลูกชายที่เติบใหญ่ด้วยหัวใจที่หน่วงหนักอย่างบอกไม่ถูก เพราะเป็นลูกชายคนเล็กก็อยากเก็บไว้ใกล้ตัวหากเป็นลูกหลานเจ้าพระยาเรือนอื่นก็คงไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เก้าขวบสิบขวบแล้ว เจ้าคุณสรอรรถก็บ่นคุณหญิงผกาออกบ่อยครั้ง



     “เก็บลูกไว้กับอกจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างไร” ยืดเยื้อกันนานถึงเจ็ดปีจนคุณเลิกเติบใหญ่เป็นหนุ่มนั่นแหละคุณหญิงผกาจึงจำต้องตัดใจส่งลูกคนเล็กออกห่างอก ด้วยมองเห็นถึงความเจริญก้าวหน้าที่ลูกชายควรได้รับ



     “พ่อใหญ่ก็ไปนานเป็นสิบๆ ปีอิฉันก็ต้องหวงลูกเล็กไว้เป็นธรรมดาสิเจ้าคะคุณพี่”



     “คุณพี่ไปเรียนที่นู่นอย่าลืมซื้อของเล่นกลับมาฝากน้อยนะคะ” คุณน้อยน้องคนเล็กวัยสิบสองปีเท่าหนูแสนเอ่ยบอกผู้เป็นพี่ด้วยดวงตาใสแจ๋ว



     “แม่น้อย กว่าคุณพี่จะกลับมาเธอก็คงโตเป็นสาวจนไม่อยากเล่นของเล่นเสียแล้วกระมัง” คุณชื่นเอ่ยบอกกับเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ เจ้าคุณสรอรรถจ้องหน้าลูกชายคนโปรดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสมาชิกคนอื่นๆ ต้องเงียบเสียงเพื่อตั้งใจฟัง



     “เล็ก พ่อขอสอนเจ้า จงจำและปฏิบัติตาม ไปอยู่ทางนู้นไกลบ้านไกลพ่อไกลแม่ลูกจงเชื่อฟังเจ้าพระยาสุรเดชให้มาก เขาจะคอยดูแลนักเรียนที่นู่น อย่าสร้างปัญหาให้พ่อแม่หนักใจเพราะถ้ามีอะไรขึ้นมาพ่อแม่ไปช่วยเจ้าไม่ได้ เงินทองใช้แต่พอควร อย่าอวดร่ำอวดรวยอย่าถือตนว่าเป็นลูกเจ้าพระยาแล้วใช้เงินมือเติบ อย่าทำตัวยิ่งใหญ่กว่าเจ้านายพระองค์อื่นๆ จงเคารพนอบน้อมพูดให้น้อยคิดให้มากเข้าใจที่พ่อสอนหรือไม่?”



     “ขอรับเจ้าคุณพ่อ ลูกจะจดจำคำสั่งสอนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะไม่ทำให้เจ้าคุณพ่อและคุณแม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจแน่นอนครับ”



     “เช่นนั้นก็ดี พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่รอรับทางนู้นแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าซักครึ่งปีแล้วจะกลับ ช่วงที่ยังไม่เปิดเทอมเขาจะพาเจ้าไปเที่ยวเสียก่อน ได้เวลาแล้ว ลาพี่น้องแล้วตามพ่อไปที่เรือ” เจ้าคุณสรอรรถลุกขึ้นแล้วเดินนำคุณหญิงผกาลงเรือนไป คุณเล็กหันไปไหว้ลาคุณชื่นและคุณมณี ล่ำลาพี่น้องคนอื่นๆ แล้วจึงเดินลงเรือนตรงไปท่าน้ำที่มีเรือยนต์ติดเครื่องรอพร้อมแล้ว อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเส้นทางเล็กๆ ที่ใช้มาตลอดสิบกว่าปี



ไร้เงาเจ้าน้องน้อย หนูแสนไม่มาส่งเขาจริงดังที่พูด



     “อย่ามัวช้าร่ำไรตาเล็กเดี๋ยวจะสาย” คุณหญิงผการ้องเรียกลูกคุณเล็กจึงได้ตัดใจเดินลงไปนั่งบนเรือ เรือยนต์ค่อยๆ เคลื่อนออกจากท่าจนกระทั่งผ่านท่าน้ำบ้านหนูแสน คุณเล็กหัวใจฟูฟ่องเมื่อเจ้าตัวน้อยยืนรออยู่ที่ท่าน้ำ ใบหน้าที่เคยระบายรอยยิ้มบัดหน้าเศร้าหมองจนน่าสงสาร นายมีนั่งอยู่ไม่ไกลเพื่อดูแลผู้เป็นนาย มือเล็กยกขึ้นแล้วโบกไหวกล่าวลาน้ำตาค่อยๆ ไหลลงบนสองแก้มตึงเอื้อนเอ่ยคำลาโดยไร้เสียง ลิขิตเหมือนทำหัวใจหล่นลงไปในน้ำ



     “นั่นหนูแสน ดูเถอะออกมารอส่งพี่ น่าสงสารจริงต่อจากนี้ก็ไม่มีเพื่อนเล่นซนแล้ว” คุณหญิงผกาพูดออกมาอย่างเอ็นดู เรือค่อยๆ แล่นผ่านไปพร้อมกับร่างของหนูแสนที่ตัดสินใจวิ่งตามเรือ คุณเล็กได้ยินเสียงร้องไห้โฮของเด็กน้อยก็หันกลับไปดู เจ้าตัวขาววิ่งตามพลางโบกมือ น้ำเสียงสะอึกสะอื้นดังให้ได้ยินแว่วๆ



     “อย่าไปนานนะคะคุณเล็ก...ฮึก...รีบๆ กลับมานะ หนูแสนคิดถึง” คุณเล็กที่ทนนั่งนิ่งอยู่นานก็ถลาไปนั่งข้างกราบเรือป้องปากตะโกนเด็กตัวขาวบนฝั่งที่วิ่งตามมาไม่ลดละ



     “หนูแสน อย่าวิ่งเดี๋ยวล้มจะเจ็บตัวเอานะคะ คุณเล็กจะรีบไปรีบกลับ ดูแลตัวเองด้วยอย่าให้คุณเล็กต้องเป็นห่วง”



     “หนูแสนจะรอ จะรอคุณเล็กนะคะ ลาก่อน” เจ้าตัวน้อยป้องปากตะโกนบอกยามเรือยนต์พ้นโค้งน้ำหนูแสนก็ทรุดตัวลงร้องไห้โฮสะอึกสะอื้น นายมีนั่งมองเจ้านายตัวน้อยร้องไห้แล้วก็ให้นึกเอ็นดูสงสาร



เด็กหนอเด็ก



ปล่อยให้หนูแสนนั่งสะอึกสะอื้นจนแก้มแดงตาบวมใช้ชายเสื้อตัวเองเช็ดน้ำหูน้ำตานายมีจึงอุ้มเจ้านายตัวน้อยให้หนูแสนซบหน้ากับเสื้อเก่าๆ โดยไม่สนว่าน้ำมูกน้ำตาจะยืดเปรอะพากลับเรือน



     “จะร้องห่มร้องไห้พิรี้พิไรไปทำไม” คุณสนเอ็ดน้องเสียงดุที่สะอื้นฮักจนตัวโยน คุณพะยอมส่งค้อนให้ลูกสาวก่อนจะคว้าตัวหนูแสนมากอดปลอบ



     “แม่สนจะมาดุน้องให้ได้อะไร น้องเสียใจอยู่ ตั้งแต่เกิดก็มีแค่คุณเล็กเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียว เขาไปไกลก็ใจหายเป็นธรรมดา”



     “ไม่มีเพื่อนสนก็ไม่เห็นจะตายเลยนี่คะ สนยังอยู่มาได้เลย ไม่มีใครเลยด้วยซ้ำ เลิกร้องไห้ร่ำไรเสียทีเถอะหนูแสน ฉันรำคาญปะเดี๋ยวก็ฟาดเข้าให้หรอก” คุณสนวางสะดึงปักผ้าลงบนตักแล้วเอ็ดน้องเสียงเขียว



     “เอ๊ะ คุณสนนี่ก็ขวางจริงเชียวเจ้าค่ะน้องรึกำลังเสียใจแทนที่จะพูดกับเธอดีๆ ไปค่ะคุณแสนเดี่ยวยายแช่มพาอาบน้ำนะคะ นอนหลับซักตื่นบ่ายๆ จะทำขนมให้กินนะเจ้าคะ อย่าไปฟังคุณพี่พูดเลยเจ้าค่ะ” ยายแช่มทำตาคว่ำใส่คุณสนอย่างไม่ชอบใจก่อนจะฉวยข้อมือเล็กๆ ของเจ้านายตัวน้อยพาขึ้นชั้นบนหนีคุณพี่เสียด้วยรำคาญใจที่คุณสนไม่เห็นใจน้อง



     “ดูรึคนเราน้องมาขลุกมาช่วยหยิบจับข้าวของตั้งหลายวันแทนที่จะปลอบน้องกลับมาเย้ยใส่” ยายแช่มยังไม่วายเลิกบ่นแม้จะพาหนูแสนขึ้นมาบนห้องแล้วก็ตามที



     “ยายอย่าว่าคุณพี่เลย หนูแสนขี้แยเองค่ะ”



     “โถ...ยังจะปกป้องเขาอีก ไปอาบน้ำอาบท่านะเจ้าคะเดี๋ยวยายเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้”



     “หนูแสนคิดถึงคุณเล็ก” น้ำเสียงเล็กเจือสะอื้นร้องบอก รับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อบร่ำเสียหอมกรุ่นมาไว้ในมือ ยายแช่มมองอย่างสงสาร



“ยายรู้เจ้าค่ะ แต่คนเราต้องมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง คุณหนูเองหลังจากนี้เมื่อโตขึ้นก็จะมีหน้าที่มากกว่าวิ่งเล่นในครัวเหมือนกัน บ่าวเชื่อนะเจ้าคะว่าคุณเล็กเธอรักษาสัจจะ ไม่นานปีก็จะกลับมาคงไม่ไปนานเหมือนคุณใหญ่หรอกเจ้าค่ะ ไม่รู้กลับมาคราวนี้จะเอาเมียแหม่มมาฝากท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงมั้ย”



     “เมียเหรอจ๊ะยายแช่ม แล้วอย่างนี้ถ้าคุณเล็กกลับมาจะพาเมียแหม่มกลับมาด้วยหรือเปล่า” หนูแสนถามอย่างใจเสีย



ถ้าคุณเล็กพาเมียแหม่มกลับมาคุณเล็กก็จะไม่มีเวลาให้หนูแสนเหมือนที่ผ่านมาแน่ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นหนูแสนก็ไม่อยากให้คุณเล็กมีเมียหรอก หนูแสนหวงไม่อยากให้คุณเล็กไปให้ความสำคัญกับใครมากกว่าหนูแสน



     “อันนี้ยายก็ไม่รู้สิเจ้าคะ อย่าสนใจคนแก่เลยเจ้าค่ะรีบๆ ไปอาบน้ำแล้วมานอนพักเถอะเดี๋ยวยายจะลงไปช่วยคุณแม่ทำขนมแล้ว”



     “มาแล้วรึพ่อตัวดี เลิกเป่าปี่ได้แล้วหรือไงเรา” คุณสนเอ่ยทักน้องชายที่ลงมาจากด้านบน อีเฟื้องรีบถอยฉากออกไปนั่งอยู่มุมประตูยามที่หนูแสนเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ผู้เป็นพี่สาว



     “มาแล้วค่ะ คุณพี่สนมีอะไรจะเรียกใช้หนูแสนหรือคะ?” คุณสนเหลือบมองไปทางอีเฟื้อง



     “อีเฟื้อง มึงไปที่โรงครัวไปถามหาของว่างบอกว่าคุณแสนตื่นนอนแล้วแล้วอยู่รอสำรับด้วยตัวเอง”



     “เจ้าค่ะ” อีเฟื้องถอยออกไปอย่างว่าง่ายเมื่อเห็นว่าบ่าวคนสนิทลับตาไปแล้วคุณสนจึงได้ออกปากพูดสิ่งที่คิดไว้ในใจมานานแล้วกับน้องชาย



     “พี่มีอะไรจะไหว้วานเธออย่างหนึ่งเธอช่วยพี่หน่อยได้หรือไม่?”



     “อะไรเหรอคะ จะให้หนูแสนช่วยอะไรคะ?”



     “พี่อยากให้เธอช่วยพูดกับคุณเตี่ยให้หน่อย พี่จะไม่อ้อมค้อมหรือพูดยืดเยื้อแล้วกันนะ เธอช่วยขอคุณเตี่ยให้พี่ทีว่าให้ช่วยเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าให้พี่หน่อย พี่อยากทำร้านแต่ไม่มีสถานที่”



     “แต่...” หนูแสนเกิดความลังเลด้วยคิดว่าการขอในสิ่งที่คุณสนต้องการนั้นก็เหมือนกับที่หนูแสนขอของเล่นแพงๆ อีกอย่างเรื่องร้านตัดเสื้อนี้เป็นเรื่องของคุณสนดังนั้นคุณสนจึงควรที่จะเป็นคนเอ่ยปากขอเองเสียมากกว่า



     “แต่อะไร? ทำไมหรือ เรื่องแค่นี้เธอก็ช่วยพี่ไม่ได้รึ? ทีตอนเธอต้องการความช่วยเหลือพี่ยังช่วยไม่อิดออด ถึงคราวพี่ต้องขอให้เธอช่วยบ้างเธอจะไม่มีน้ำใจให้พี่ซักนิดเชียวรึ?” คุณสนจับแขนเล็กของน้องบีบจนหนูแสนเจ็บ ดวงตาของคนเป็นพี่จ้องมาอย่างน่ากลัว



     “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...ก็ได้ค่ะ หนูแสนจะลองพูดให้ แต่หนูแสนไม่รับปากนะคะว่าคุณตี่ยจะอนุญาตมั้ย” ที่สุดเพราะกลัวคุณพี่จะโกรธหนูแสนจึงจำต้องรับปาก คุณสนถึงยอมปล่อยแขนเล็กๆ ของน้อง



     “ขอแค่เธอช่วยพูด ยังไงคุณเตี่ยก็ยอม เธอมันลูกรักนี่” คุณสนตั้งความหวังเอาไว้สูงมากและมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ผิดหวัง



หากแต่ไม่เป็นดังที่คิดไว้ เพราะหลังจากรับประทานอาหารเย็น หนูแสนที่จดๆ จ้องๆ รอจังหวะอยู่นานก็เดินตามผู้เป็นบิดาเข้าไปในห้องทำงาน เพียงไม่นานเสียงร้องเรียกหาคุณสนก็ดังลั่นบ้านจนบ่าวไพร่รวมไปถึงคุณพะยอมและคุณเสนที่นั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นถึงกับตกใจ



     “แม่สน เข้ามาหาเตี่ยเดี๋ยวนี้” คุณสนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อหาได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวแม้แต่นิด เรือนกายระหงยืดตรงลำคอตั้งตรงและไม่คิดจะหลบตาผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย ทั้งหยิ่งและทะนงตนเป็นที่สุด ในนั้นหนูแสนยืนตัวลีบอยู่หน้าโต๊ะโดยที่เจ้าสัวเซ็งยืนเอามือไขว้หลังมองอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง



     “หล่อนคิดว่าการใช้ให้น้องเข้ามาเป็นใบเบิกทางแล้วเตี่ยจะยอมอนุญาตอย่างนั้นรึ”



     “แล้วไม่ได้หรือคะ?” คุณสนย้อนถามอย่างไม่เกรงกลัว



     “มันเป็นความต้องการของหล่อนเหตุใดจึงไม่เข้ามาพูดกับเตี่ยเอง ใช้น้องเข้ามาพูดทำไม?”



     “แล้วถ้าสนพูดเองคุณเตี่ยจะอนุญาตหรือเปล่าล่ะคะ”



     “ไม่ให้ เป็นหญิงผู้ดีอยู่กับเหย้ากับเรือนน่ะดีแล้วจะต้องออกไปตากหน้าเป็นขี้ข้าคนอื่นเขาหาสมควรไม่” เจ้าสัวเช็งปฏิเสธเสียงแข็ง คุณสนที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นเช่นไรถึงกับแค่นยิ้ม



     “สนก็ทราบอยู่แล้วว่าคุณเตี่ยจะต้องไม่ให้ ทำไมหรือคะ? เหตุผลเพียงเพราะสนเป็นลูกผู้ดีแค่นั้นหรือคะ ตัดที่เป็นหลานสาวเจ้าพระยาเป็นลูกสาวนางข้าหลวงในวัง สนก็แค่ลูกพ่อค้าธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเองนะคะคุณเตี่ย ไม่ได้สูงส่งกว่าใครเขาเลย” คำพูดของคุณสนนั้นไปสะกิดแผลในใจของเจ้าสัวเช็งอย่างหนัก ด้วยในใจคิดมาเสมอว่าตนนั้นต่ำต้อยไม่คู่ควรกับคุณพะยอมเสมอมา



     “หล่อนกำลังดูถูกเตี่ยอยู่นะ”



     “สนไม่ได้ดูถูกคุณเตี่ยเลยซักนิดค่ะ สนเคารพและชื่นชมคุณเตี่ยเสมอ แต่สนก็อยากเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง สนไม่ถือว่าการเปิดร้านตัดเย็บจะเสื่อมเกียรติตรงไหน เจ้าคุณตาเองก็สนับสนุนสน ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะคะคุณเตี่ย ผู้หญิงทำงานนอกบ้านได้ เดี๋ยวนี้พวกชนชั้นสูงมีกำลังจ่ายเยอะๆ ตัดชุดใหม่ใส่ประกวดประขันกันให้เกร่อ สนมีความรู้ความสามารถตรงนี้สนก็อยากใช้มันให้เกิดประโยชน์”



     “ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ เห็นทำดีกับน้องนึกว่าจะรักจะเอ็นดูน้องที่ไหนได้หลอกใช้เด็ก หล่อนนี่มันร้ายเหลือเกินแม่สน ขอให้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะเอาเปรียบน้องแบบนี้นะ เตี่ยรับไม่ได้จริงๆ ออกไปได้แล้ว เตี่ยจะทำงาน” เจ้าสัวเช็งปฏิเสธหนักแน่นอีกครั้ง คุณสนจ้องหน้าผู้เป็นพ่อ สองมือค่อยๆ กำจนแน่น หล่อนผิดหวัง



อุตส่าห์ทำดีกับหนูแสน ตัดชุดสูทให้ทั้งเจ้าสัวเช็งและคุณเสนเพื่อให้ผู้เป็นพ่อมองเห็นความสามารถของตน แต่สิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่าไม่มีค่าอะไรเลยซักนิด ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนาของตนนั้นกลั่นออกมาเป็นน้ำตาและตามด้วยคำพูดร้ายๆ อย่างคนคุมสติของตนเองไม่ได้



     “สนไม่ได้ขออะไรไร้สาระเลยซักนิดทำไมคุณเตี่ยไม่ให้ ถึงสนจะเป็นผู้หญิงแล้วสนไม่ใช่ลูกของคุณเตี่ยหรือไงคะ ทำไมจะขออะไรแต่ละอย่างมันช่างยากเย็นนัก ถ้าสนไม่ใช่ลูกรัก ถ้าเกลียดชังสนนักทำไมไม่เอาขี้เถ้ายัดปากให้สนตายๆ ไปเลยล่ะคะ ปล่อยให้สนมีชีวิตอยู่เพื่อผิดหวังและเสียความรู้สึกกับความลำเอียงทำไม!! คุณเตี่ยลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน!!” คุณสนแผดเสียงใส่ผู้เป็นพ่อแล้วจึงหันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป หนูแสนกลัวจนตัวสั่น ทั้งคุณสนและท่านเจ้าสัวยามนี้น่ากลัวนัก เด็กน้อยค่อยๆ ถอยออกจากห้องทำงานอย่างเงียบเชียบทันได้เห็นคุณสนถีบนังเฟื้องเสียจนหงายหลังแล้วเดินลงส้นปึงปันขึ้นชั้นบนโดยมีคุณพะยอมเดินตามไปติดๆ



     “ปล่อยให้คุณแม่คุยกับแม่สนเถอะ หนูแสนขึ้นไปนอนไปเดี๋ยวพี่คุยกับคุณเตี่ยเอง” คุณเสนวางหนังสือพิมพ์ที่อ่านลงแล้วเดินมาโคลงศีรษะเจ้าน้องน้อยเล่นเบาๆ หนูแสนยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าคุณพี่เสนออกปากยังไงเสียคุณเตี่ยก็จะรับฟัง เมื่อผู้เป็นพี่ชายคนโตหายเข้าไปในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ หนูแสนจึงกลับขึ้นไปยังห้องนอนตัวเอง เมื่อผ่านห้องคุณสนก็ได้ยินเสียงข้าวของตกกระทบพื้นเสียงร้องไห้โวยวายสลับกับเสียงปลอบของคุณพะยอม เด็กน้อยค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าให้เบาเงียบเชียวราวกับขนนกที่ตกกระทบพื้น



หากตอนนี้คุณเล็กอยู่ด้วยก็คงจะดี ถึงจะช่วยอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้แต่ถ้าคุณเล็กอยู่อย่างน้อยคุณเล็กก็จะช่วยปลอบใจหนูแสนให้คลายกังวลได้ มือเล็กกุมนาฬิกาที่คุณเล็กสวมใส่คอให้ราวกับจะใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเองให้เข้มแข็ง



คิดถึง...คิดถึงคุณเล็กเหลือเกิน...









...............................



ช่วงนี้ลมจะแรงๆหน่อยต้นสนเลยลู่จนแทบหัก

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ นักเขียนได้รับพลังจากเรื่องนี้พอสมควรเลยค่ะเข้ามาอ่านเม้นท์ทุกวันก็มีทุกวันปลื้มใจมาก หากใครเล่นทวิตเตอร์สามารถพูดคุยผ่านแท็ก #แสนคำนึงได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2019 12:44:35 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


สงสารน้อง

อยากให้คนพี่กลับมาไวๆ

 :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อืมมมม ทำดีกับน้องเพืีอหลอกใช้
คุณสนทำไมร้ายเยี่ยงนี้ล่ะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๖

๑๐๐%




 

หลังจากรอให้คุณพะยอมกลับห้องของตนเองเรียบร้อยแล้ว เฟื้องที่คอยท่าอยู่นานก็ค่อยๆแง้มประตูห้องนอนของคุณสนและเข้าไปหาผู้เป็นนายอย่างเงียบเชียบ คุณสนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่างเหม่อมองออกไปเบื้องหน้าที่ถูกความมืดปกคลุม มีเพียงแสงจากตะเกียงริมทางที่ส่องสว่างอยู่ริบหรี่ เฟื้องค่อยๆคลานเข้ามาหาคุณสนช้าๆก่อนจะจับขาคุณสนเบาๆ คุณสนหันมามองบ่าวคนสนิทแม้ไม่มีน้ำตา แม้ไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญแต่เฟื้องก้รู้ดีว่าคุณสนนั้นเจ็บปวดในหัวใจเพียงไหน



“เอ็งเจ็บหรือไม่นังเฟื้อง”น้ำเสียงที่มักเกรี้ยวกราดเป็นนิจบัดนี้เอ่ยถามผู้เป็นบ่าวเสียงแผ่ว เฟื้องรีบส่ายหน้าพลางยิ้มแย้มเผยให้เห็นฟันสีดำจากการกินหมาก



“ไม่เจ็บเลยเจ้าค่ะ บ่าวไม่เป็นกระไรเลยเจ้าค่ะ คุณสนหาได้ถีบบ่าวแรงไม่”



“ข้าขอโทษเอ็งด้วยนะ”ผู้เป็นนายเอ่ยปากขอโทษ นังเฟื้องยิ้มอย่างไม่ถือโกรธยิ่งได้ยินคำขอโทษน้ำหูน้ำตาพาลจะไหลเสียให้ได้



ใครๆในเรือนหลังนี้มักพูดถึงคุณสนลับหลัง ตั้งแต่เล็กเติบใหญ่หามีใครซักคนพูดถึงลูกสาวของคุณพะยอมในมุมดีๆไม่ หลายครั้งที่เฟื้องเข้าไปกินข้าวในครัวแล้วถูกบ่าวคนอื่นๆมานินทาคุณสนใส่เฟื้องก็ด่ากราดไปเสียหลายรอบ



จะดีจะชั่วคุณสนก็เป็นลูกของท่านเจ้าสัวคนหนึ่งก็ไม่ควรถูกนินทาว่าร้าย คนพวกนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วคุณสนน่าสงสารเพียงใด ไม่มีใครรู้หรอกว่านายของมันน่ะปากร้ายแต่ใจดี หลายครั้งที่นังเฟื้องเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีคุณสนที่หยิบยื่นเงินให้มันไปหาหมอซื้อหยูกยามารักษา บ่อยครั้งก็หยิบยื่นน้ำใจไม่ว่าจะทรัพย์สินเงินทองเล็กๆน้อยๆ เสื้อผ้าข้าวของให้กับเฟื้องนำไปให้ญาติพี่น้องเป็นของขวัญ ยามอารมณ์ดีก็คุยเล่นกับมันอยู่บ่อยๆเพียงแต่ทำลับหลังกับนังเฟื้องเพียงผู้เดียวหากอยู่ต่อหน้าคนอื่นคุณสนจะดึงสีหน้าเรียบดุอยู่เสมอ ยามเมื่อไปเยี่ยมตายายคุณสนนั้นราวกับคนละคนกับตอนอยู่บ้าน เป็นหลานสาวที่ช่างพูดจาฉอเลาะคะขาไม่เคยปล่อยให้เจ้าคุณตาและคุณหญิงต้องเหงา หยิบจับงานบ้านเท่าที่พอจะทำได้ ผู้เป็นยายก็รู้ว่าหลานสาวไม่ถนัดงานบ้านงานครัวแต่ก็ไม่เคยคิดว่ากล่าว

"หลานข้าแม้ไม่ถนัดงานเรือนข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนข้ามีเงินเลี้ยงแม่สนจะไม่หยิบจับอะไรเลยข้าก็ไม่ว่า หากแม้นใครมาสู่ขอให้ออกเรือนแล้วยอมรับไม่ได้ว่าแม่สนไม่เอางานเรือนก็ไม่ต้องมาขอ หลานคนเดียวข้าเลี้ยงได้"คุณหญิงเคยพูดให้คนสนิทฟัง ท่านทั้งรักและเห็นใจคุณสน ตามจริงแล้วอยากให้คุณสนมาอยู่เสียที่เรือนแต่คุณสนนะั้นยืนยันว่าจะอยู่กับพ่อแม่ ท่านจึงไม่ขัด อีเฟื้องรู้ว่าจริงๆแล้วคุณสนเปราะบางขนาดไหน คุณสนนั้นใจดีขนาดไหน



 เพียงแต่คนเหล่านั้นไม่เคยได้รับความเมตตาปราณีจากคุณสนหากแต่เฟื้องนั้นได้รับหน้าที่ดูแลคนสนมาตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อย เฟื้องรู้ดีว่าคุณสนต้องการความรักของท่านเจ้าสัว ต้องการความดูแลเอาใจใส่จากคุณพะยอม แต่คุณสนแทบจะไม่เคยได้รับความรักและความเอาใจใส่จากคนรอบข้างเลย จากเด็กหญิงแสนน่าสงสารคุณสนทำตัวก้าวร้าวเพื่อปกปิดความอ่อนแอในใจ ยามที่คุณสนเป็นเด็กดีตัวตนของคุณสนกลับเจือจางจนไม่มีใครสนใจ แต่พอคุณสนทำตัวร้ายๆใส่ทุกคนทุกคนให้ความสนใจทุกคนต้องเอาอกเอาใจด้วยเกรงว่าคุณสนจะอาละวาดจนบ้านแตก เมื่อทำตัวเกรี้ยวกราดบ่อยเข้าคุณสนจึงติดเป็นนิสัยจนยากจะควบคุมตัวยามโกรธหรือโมโหใคร เฟื้องคือเหยื่ออารมณ์ของคุณสน ทุกครั้งที่โมโหหรือไม่พอใจอะไรคุณสนจะไม่รั้งรอที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาเลยซักครั้ง คุณสนแค่อยากทำให้ใครซักคนเจ็บ เจ็บเหมือนที่คุณสนเจ็บ หากแต่ความเจ็บของคุณสนนั้นหาใช่ที่กายแต่เป็นที่ใจ บาดแผลจากความลำเอียงและคำพูดว่าคุณสนเป็นตัวซอยกรีดลึกมากขึ้นทุกวัน



แผลในใจไม่เคยถูกสมาน พอคล้ายว่าจะดีก็มีเพิ่ม



เฟื้องจำได้ดี ตอนคุณสนอายุสิบขวบคุณสนพลั้งมือเขวี้ยงตลับใส่กระแจะจันทน์ใส่เฟื้องจนหัวปูดเมื่อหายโกรธแล้วตอนที่เฟื้องกำลังจะกางมุ้งให้คุณสน มือเล็กๆของเด็กหญิงก็แตะลงหน้าผากของเฟื้องอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่เจือแววเศร้าตลอดเวลามองหน้าเฟื้องอย่างรู้สึกผิด



“เจ็บมั้ยเฟื้อง? ขอโทษนะ”เดิมทีเฟื้องนั้นก็นึกเคืองคุณสน แม้จะรู้ว่าที่คุณสนนิสัยเสียก็เพราะพวกผู้ใหญ่ปากพล่อย แต่พอคุณสนเอ่ยปากขอโทษความสงสารก็พลันแล่นริ้วเข้ามาเกาะหัวใจของเฟื้อง



“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวเจ็บเดี่ยวพรุ่งนี้ก็หาย”



“โกรธฉันมั้ย?”คล้ายว่าคุณสนจะยังไม่มั่นใจในตัวเฟื้อง



“ไม่เลยเจ้าค่ะ บ่าวไม่โกรธคุณสนเลย เจ็บกว่านี้ก็ไม่โกรธ แต่บ่าวขอคุณสนได้มั้ยเจ้าคะ อย่าไปทำแบบนี้กับใคร ถ้าโกรธก็มาทำกับอีเฟื้องคนเดียวพอ”

 

“ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้วนังเฟื้องว่าอย่ามาขวางเวลาข้าโกรธ”คุณสนส่งสายตาดุต่างจากคุณสนในวัยเยาว์นัก



“ดีกว่าไปลงกับคนอื่นเจ้าค่ะ”คุณสนหยิบตลับยาทาแก้ฟกช้ำแล้วยื่นให้บ่าวคนสนิท เฟื้องรับไว้แล้วเอ่ยถามด้วยห่วงใย



“ท่านเจ้าสัวไม่อนุญาตรึเจ้าคะ?”คุณสนนิ่งไปกับคำถามนี้ ผินหน้ากลับไปมองด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง



“ข้าก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอก เป็นเรื่องที่นึกอยู่แล้ว เพียงแต่ข้าน้อยใจ คุณเตี่ยด่าว่าข้าหลอกใช้หนูแสน เอ็งรู้มั้ยเฟื้องตอนนั้นถ้าตีหนูแสนได้ข้าก็จะตีให้เนื้อแตกโทษฐานที่เกิดมาแล้วทำให้ข้าเป็นอีนางมารร้าย ข้าอยากจะเกลียดหนูแสน เกลียดให้เข้ากระดูกดำที่เกิดมาขโมยเอาความรักจากทุกคนไป”คุณสนเม้มริมฝีปากแน่น เรือนกายสั่นเทาเมื่อความน้อยเนื้อต่ำใจแล่นวาบเข้ามาในใจ



“เอ็งรู้มั้ยว่าข้าน่ะชังน้ำหน้าหนูแสนนัก แต่หนูแสนก็เป็นน้องเป็นลูกของคุณเตี่ยเหมือนกันข้า แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือความรัก”คุณสนพยายามกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอกลงไป นังเฟื้องกอดขาผู้เป็นนายไว้แน่นด้วยสงสารจับจิต



“ทั้งๆที่เป็นลูกเหมือนกันแต่คุณเตี่ยกับแม่ก็ลำเอียงนัก หากแม่บอกว่ารักลูกเท่ากันก็มาลากข้าไปประหารให้ดับดิ้นเถอะ คำว่ารักลูกเท่ากันมันไม่มีจริงหรอกเพราะตั้งแต่ข้าเกิดมาข้าไม่เคยได้รับความรักที่เท่าเทียมซักครั้ง ข้าผิดเองที่เกิดมาเป็นลูกสาว ข้าบอกกับตัวเองทุกคืนว่าให้เจียมตัวอย่าไปเสนอหน้าทำตัวเทียบเคียงกับคุณพี่เสนหรือหนูแสนเลยแต่ข้าก็เถียงกับตัวเองทุกครั้งว่าเป็นลูกสาวแล้วทำไมล่ะ เป็นลูกสาวข้าก็ช่วยดูแลกิจการได้เหมือนกัน เป็นลูกสาวข้าก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้เหมือนๆกับคุณพี่เสน ข้าถึงได้ขอ ขอโอกาสที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มี และมันไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น”ปลายน้ำเสียงสะบัดพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาอย่างผิดหวัง นังเฟื้องซบหน้ากับตักของคุณสนอย่างสงสาร



“โธ่ ทูนหัวของบ่าว”



“บางทีข้าก็คิดนะเฟื้อง หากข้าเกิดเป็นชาย คุณเตี่ยคงจะรักข้าได้ซักครึ่งกับที่รักหนูแสน ข้าไม่น่าเกิดมาเลยนังเฟื้อง”



“อย่าคุณอย่างนั้นสิเจ้าคะคุณสนเจ้าขา อย่างน้อยก็ยังมีท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงพิกุลที่รักคุณสนนะเจ้าคะ ทำไมไม่ลองไปขอให้ท่านเจ้าคุณช่วยพูดให้ล่ะเจ้าคะ ถ้าท่านช่วยพูดท่านเจ้าสัวต้องเกรงใจต้องยอมให้คุณสนเปิดร้านตัดเสื้อแน่ๆเจ้าค่ะ”นังเฟื้องออกควานเห็นตามความคิดตน คุณสนนิ่งฟังอย่างใช้ความคิด



“จริงด้วยสิ ข้าไม่ทันคิดถึงเจ้าคุณตา หากเจ้าคุณตาออกปากพูดคุณเตี่ยต้องยอมแน่ๆ หรือหากไม่ยอมเจ้าคุณตาก็คงเป็นคนออกทุนเปิดร้านให้ข้าเอง แต่ถ้าเจ้าคุณตาไม่ช่วยล่ะ”



“ก็หาผู้ชายดีๆ ฐานะดีๆซักคนแล้วออกเรือนไปกับเขาสิเจ้าคะ  ออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วไปใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ท่านเจ้าคุณหาให้ก็ได้”นังเฟื้องเสนอวิธีตามแบบของคนที่ไม่ได้มีการศึกษาสูงๆเหมือนลูกหลานท่าน คุณสนตวัดสายตาดุพลางลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์นัก



“ไม่ เรื่องคู่ครองหากไม่ใช่ชายที่ข้าหมายปองรักใคร่ข้าจะไม่ออกเรือนไปกับใครเด็ดขาด ต่อให้เป็นสาวเทื้อคาเรือนข้าก็ไม่สน ยิ่งจะให้ไปใช้เงินคนอื่นข้าไม่ยอมหรอก เอ็งเตรียมตัวไว้พรุ่งนี้ข้าไปไปหาเจ้าคุณตา”



“เจ้าค่ะ”

 

 

ท่ามกลางความมืดในห้องนอนของหนูแสน เจ้าตัวน้อยขดตัวเป็นก้อนกลมกอดหมอนข้างแล้วซุกหน้ากับหมอนใบยาวราวกับจะใช้มันเป็นตัวแทนของคนที่กำลังเดินทางสู่แดนไกล เสียงสะอื้นเล็กๆดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตที่เคยยิ้มจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวบัดนี้เปรอะนองไปด้วยหยาดน้ำตา หากเป็นวันวานหนูแสนคงหลับไปแล้ว แต่ในเวลานี้ใจดวงน้อยคิดถึงแต่คุณเล็ก กว่าจะข่มตาหลับไปได้ก็ยามดวงจันทร์คล้อยไปแล้วค่อนคืน



ไม่ต่างกับคุณเล็กที่ทอดสายตามองผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า เรือเดินสมุทรลำใหญ่แล่นแหวกผิวน้ำจนเกิดละอองฟองฟ่อง ลมทะเลพัดพาความชื้นและเหนียวเหนอะมาต้องผิวกาย



มาไกลเกินจะกลับไปเสียแล้ว



ไม่รู้ว่าอีกซักกี่ปีจะได้กลับไปหาหนูแสน



ถึงเวลานั้นคำมั่นสัญญาที่หนูแสนรับปากว่าจะไม่ไปสนิทสนมรักใคร่กับใครจะยังคงอยู่หรือไม่



หากกลับจากฝรั่งเศสแล้วหนูแสนจะยังจำตัวเองได้ไหมหรืออาจจะลืมเลือน



ความสนิทสนมในวัยเยาว์จะถูกกาลเวลากลืนกินหรือเปล่า



ลิขิตไม่รู้เลย ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยซักนิด



ไม่รู้แม้กระทั่งหากหนูแสนเติบใหญ่พอที่จะเรียนรู้ว่าความรักคืออะไร หนูแสนจะเอาใจออกห่างด้วยเกรงคำครหาหรือไม่หนูแสนเองอาจจะกลายเป็นชายชาตรีที่เติบใหญ่และออกเรือนกับผู้หญิงดีๆที่มีฐานะสมน้ำสมเนื้อกันก็ได้



ลิขิตเข้าใจดีว่าไม่มีอะไรแน่นอน



หัวใจของมนุษย์ก็เช่นกัน



เขาเพียงหวังว่า หนูแสนนั้นจะมีใจตรงกันกับเขา



และเขาจะไม่ยอมให้กาลเวลามาพรากหนูแสนไปจากตน



แม้อยู่ไกลกันสุดหล้าฟ้าเขียวลิขิตก็จะไม่ยอมให้หนูแสนลืมตนเด็ดขาด จะไม่มีทางหายไปจากชีวิตเจ้าตัวน้อยแน่นอน



ขอเพียงรอ ขอเพียงให้หนูแสนรอเขาอยู่ที่นั่น แค่นั้นก็พอ

 

 



...............................


ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เกิดเป็นลูกสาวตระกูลคนจีน แถมเป็นลูกคนกลาง มันเจ็บปวดจริงนะ เข้าใจคุณสนเลย แต่คุณสนไม่ควรเอาความโกรธของตัวเองมาลงที่คนอื่นไหม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เฮ้ออออ รอวันหนูแสนโต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

แสนคำนึง

ตอนที่ ๗  ((๕๐%))


               



ถึงหนูแสนที่รักยิ่ง



หนูแสนเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณเล็กเขียนจดหมายฉบับนี้ที่อินเดีย เรือมาพักที่นี่ก็พอดีกับมีเรือจากอินเดียกำลังจะกลับบ้านเราคุณเล็กจึงขอฝากจดหมายมากับเขา อากาศที่นี่ร้อนเสียเต็มประดา ร้อนจนแทบจับไข้ อยู่บนเรือเป็นเดือนคิดถึงบ้านเสียเหลือเกิน คิดถึงอาหารบ้านเรา โชคดียังได้น้ำพริกหมูฝอยอีกทั้งขนมที่หนูแสนทำมาให้กินพอให้หายคิดถึงอาหารบ้านเรา มีเรื่องตลกก็ตรงตอนที่คุณเล็กเอาทุเรียนกวนที่หนูแสนห่อด้วยกาบหมากมาให้ทีหลังนั่นน่ะพอเปิดออกกินกลิ่นทุเรียนโชยไปทั่วห้องหลายคนทำจมูกฟุดฟิดเป็นที่น่าขัน บ้างก็ชมว่าหอมแต่หลายคนก็บ่นว่าเหม็น จะกินแต่ละทีต้องแอบเข้าไปกินในห้องเป็นที่วุ่นวาย





จากกันมาเสียนานแล้วป่านนี้หนูแสนลืมคุณเล็กหรือยังคะ คุณเล็กคิดถึงหนูแสนเสียเต็มกำลัง จะคุยเล่นกับใครก็ไม่สนุกเหมือนหนูแสน แต่ละคนคุยโก้แต่เรื่องน่าเบื่อเตรียมตัวกันเป็นนักเรียนนอกจนน่าเวียนหัว บางคนไม่แตะอาหารบ้านเรากินเพียงขนมปังแฮมและชีส บ้างก็นั่งจิบชายามบ่ายเหมือนผู้ดีอังกฤษ ที่อินเดียนี่ฝรั่งเยอะเสียเหลือเกิน ด้วยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไปเสียแล้ว อาหารที่นี่บางอย่างก็อร่อยเสียแต่หนักเครื่องเทศไปสักหน่อยไม่อร่อยนุ่มลิ้นเหมือนที่หนูแสนเคยทำมาให้ ผู้คนแบ่งชนนั้นตามวรรณะ ผิวพรรณบ้างก็สวยบ้างก็ดำคล้ำแต่จมูกโด่ง แขกบางคนก็พูดภาษาอังกฤษได้แม้จะฟังยากแต่ก็พอสื่อสารกันรู้เรื่อง ส่วนผู้หญิงติดจะขี้อาย ที่เคยได้ยินคนเขาเล่าเรื่องกลิ่นตัวเหม็นเขียวนั้นไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว มาถึงวันแรกๆ คุณเล็กเวียนหัวจนต้องร้องขอส้มโอมือมาดมให้หายมึน น่าจะเป็นเพราะเขากินเครื่องเทศอีกทั้งยังทำงานกันกลางแดดร้อนเปรี้ยงแต่อยู่มาซักวันสองวันก็พอจะชิน ที่นี่เขานับถือฮินดูการเห็นวัวเดินกินลมชมวิวในตลาดแล้วไม่มีใครตีถือเป็นเรื่องปกติอยากให้หนูแสนมาเห็นบ้างจังหนูแสนคงสนุก อีกสองวันเรือก็จะออกจากท่าแล้วคราวนี้คุณเล็กคงต้องรอให้ถึงปารีสถึงจะเขียนจดหมายมาหาหนูแสนได้อีกครั้ง





หนูแสนอยู่ทางนั้นรักษาตัวเองดีๆ นะคะอย่าเจ็บไข้ได้ป่วย ตั้งใจเรียน คุณเล็กเป็นห่วงหนูแสนเหลือเกิน อยู่ใกล้ๆ คุณน้าพะยอมไว้นะคะ คุณพี่สนจะได้ไม่เอ็ดเอาอีก รอคุณเล็กกลับไปหานะคะ





สุดท้ายนี้คุณเล็กขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดคุ้มครองหนูแสนของคุณเล็กให้มีความสุขนะคะ





คิดถึงเสมอ

ลิขิต







หนูแสนในวัยสิบสามปีพับจดหมายที่คุณเล็กเขียนมาถึงรอยยิ้มมิได้จางไปจากดวงหน้าเลยแม้แต่น้อย จากกันนานนับเดือนหนูแสนเริ่มชินกับการไม่มีคุณเล็กอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว ความอาลัยอาวรณ์เศร้าสร้อยที่เคยมีช่วงเดือนแรกจางหายเหลือไว้เพียงความระลึกถึงยามที่อยู่คนเดียว หนูแสนเริ่มใช้ชีวิตแบบที่คุณเล็กเคยบอกคือมีเพื่อนใหม่ๆ ก็พอให้หายเหงาไปได้บ้าง คุณสนเองก็ไม่ได้มาเกรี้ยวกราดใส่เหมือนเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว เพราะหลังจากท่านเจ้าสัวประกาศว่าจะไม่เปิดร้านให้คุณสนวันรุ่งขึ้นคุณสนก็หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่บ้านเจ้าคุณตาพร้อมนังเฟื้องบ่าวคนสนิท และเพียงสองวันเจ้าคุณตาก็มาหาที่เรือนพร้อมกับคุณสน ในที่สุดสามเดือนต่อมาห้องเสื้อของคุณสนก็เปิดอยู่ใกล้ร้านขายผ้าของเจ้าสัวเช็ง เป็นร้านที่หรูหรากว่าใครในย่านนั้น และด้วยฝีมือการตัดเย็บที่แสนปราณีตและรูปแบบที่ทันสมัยแบบที่สตรีในสังคมชั้นสูงชื่นชอบไม่นานคุณสนก็มีลูกค้าประจำจนงานล้นมือต้องจ้างลูกจ้างมาช่วยงานหลายคน ทุกวันนี้จะพบหน้าก็เพียงก่อนคุณสนออกจากบ้านไปที่ห้องเสื้อเท่านั้น เจ้าสัวเช็งที่เคยคิดว่าลูกสาวคงจะทำอะไรได้ไม่จริงจังก็เริ่มมองคุณสนใหม่เนื่องจากหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงปีคุณสนก็เอาเงินที่เจ้าสัวเซ็งลงทุนทำร้านมาคืนให้ ด้วยเพราะมีหัวทางการค้าคุณสนจึงเปิดอีกร้านหนึ่งติดกันเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าขายให้กับคนที่มีฐานะปานกลางในราคาที่ย่อมเยาขึ้น คุณสนกลายเป็นที่รู้จักในวงสังคม ด้วยภาพลักษณ์หลานสาวท่านเจ้าพระยาอีกทั้งเป็นลูกสาวเจ้าสัวที่มีกิจการมากมายและท่าทางเย่อหยิ่งนั้นทำให้มีผู้ชายหลายคนอยากเด็ดดอกฟ้ามาเชยชม เจ้าสัวเช็งหมายมั่นจะให้คุณสนออกเรือนกับทายาทเศรษฐีซักคนที่มีหน้ามีตาในสังคมหากแต่คุณสนกลับไม่ปรายตาแลผู้ใดเลยซักนิดและยืนกรานว่าจะไม่ออกเรือนกับผู้ชายที่เจ้าสัวเช็งเลือกให้



หกเดือนต่อมาเรือนเจ้าสัวเช็งก็มีงานมงคลเป็นงานแต่งงานของคุณเสนกับลูกสาวเศรษฐีที่มีฐานะเทียมหน้าเทียมตากัน เจ้าสัวเช็งยกที่ข้างตึกใหญ่ให้คุณเสนสร้างเป็นเรือนหอ เจ้าสาวของคุณเสนเป็นคนหัวอ่อนให้ความเคารพและเชื่อฟังพ่อและแม่สามีเป็นอย่างดี หนูแสนเองก็เริ่มถูกผู้เป็นพ่อเรียกตัวมาใช้งานบ่อยครั้ง หนูแสนเริ่มเรียนรู้งานด้านบัญชี การใช้ลูกคิดคิดตัวเลขรายรับรายจ่ายต่างๆ ยามว่างก็ได้ไปเที่ยวเล่นสนุกตามประสากับลูกบ่าวในเรือนพอให้คลายเหงา ครึ่งปีต่อมาคุณก๋งและอาม่าก็เสียชีวิตไล่เลี่ยกันด้วยโรคชรา หนูแสนร้องไห้ไปเสียหลายวันด้วยคิดถึงผูกพัน นับเป็นการจากตายจากคนที่รักครั้งแรกจนซึมไปหลายวัน





ทุกคนใช้ชีวิตในแบบของตนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณเล็กไปเรียนต่อได้ปีครึ่ง เรือนของเจ้าพระยาสรอรรถก็มีความคึกคัก คุณหญิงผกามาหาคุณพะยอมที่เรือนเพื่อสั่งขนมและอาหารไปเลี้ยงแขกต้อนรับคุณใหญ่กลับมาจากปารีสในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า





“คุณหญิงคงดีใจมากสินะคะ”





“ดีใจสิจ๊ะ ลูกชายของฉันจากบ้านไปเสียเป็นสิบปี อ่านแค่จดหมายปีละไม่กี่ฉบับมันหายคิดถึงเสียเมื่อไหร่ล่ะแม่พะยอม”





“เอาเป็นว่าอิฉันจะทำให้สุดฝีมือเลยค่ะคุณหญิงวางใจ”





“เฮ้อ...คิดถึงตาเล็ก ตั้งแต่ลูกไปฉันก็เหงาเหลือทน ไม่มีใครมาคะขาใส่”





“ปะเดี๋ยวเรียนจบเธอก็กลับมาค่ะ คุณหญิงโชคดีมีลูกหัวก้าวหน้าไปศึกษาหาความรู้เป็นเกียตริแก่วงศ์ตระกูล อิฉันสิคะ ท่านเจ้าสัวเธออยากให้ลูกทำการค้ามากกว่า เธอว่าเป็นพ่อค้ามีแต่กำไรไม่ก็ขาดทุน ถ้าเป็นข้าราชการไม่มียศไม่มีศักดิ์ติดตัวมาก็หาทางก้าวหน้าได้ยาก ทำตัวไม่ถูกใจนายจะโดนลงโทษโดนจับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” คุณพะยอมว่าอย่างเสียใจนิดหน่อยด้วยต้นตระกูลก็รับราชการกันต่อมาเป็นทอดๆ บรรดาญาติคนอื่นๆ ก็ล้วนรับราชการกันทั้งหมดทั้งสิ้น คุณหญิงผกาตบลงบนหลังมือของคุณพะยอมเบาๆ อย่างปลอบใจ





“อย่าคิดมากไปเลย กิจการของท่านเจ้าสัวเจริญก้าวหน้า แม้ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์แต่หล่อนก็มีทรัพย์สินเงินทองใช้ไม่ขาดลูกเต้าอยู่สบายกันทุกคน ทุกอาชีพล้วนมีข้อดีข้อต่างกัน ภูมิใจกับลูกให้มากๆ เถิด ได้ข่าวว่าหนูแสนก็เริ่มจะคล่องงานแล้วนี่ไม่เห็นเล่นซุกซนเหมือนเมื่อก่อน”





“ท่านเจ้าสัวก็ออกปากชมอยู่ค่ะว่าหนูแสนหัวไว”





“โตเป็นหนุ่มแล้ว นี่ถ้าตาเล็กกลับมาเจอน้องคงจำไม่ได้”





“ตัวไม่โตขึ้นซักเท่าไหร่เลยค่ะ กินอะไรก็เท่าแมวดม ติดจะชอบชิมเสียมากกว่า” คุณพะยอมพูดถึงลูกคนเล็กอย่างเอ็นดู หล่อนชะโงกหน้าดูเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์จอดที่หน้าบ้าน หนูแสนวัยสิบสี่ปีที่ความอ้วนล่ำแบบเด็กๆ หายไปตอนนี้เรือนกายโปร่งระหงท่วงท่าสำรวมยามเห็นคุณหญิงผกา เด็กชายยื่นกระเป๋าใส่หนังสือเรียนให้นายมีเอาไปเก็บก่อนจะคลานเข้าไปไหว้คุณหญิงผกา





“กราบคุณป้าครับ”





“ไหว้พระเถอะหนูแสน เพิ่งเลิกเรียนเหรอจ๊ะ”





“ครับ เลิกเรียนก็กลับบ้านเลย”





“โตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ คำพูดคำจาก็เปลี่ยนไปจนป้าใจหาย เอาเถอะกลับมาเหนื่อยๆ หนูแสนไปพักเถอะป้าก็จะกลับแล้ว อาทิตย์หน้าคุณใหญ่กลับมาคงได้จดหมายจากปารีสอีกฉบับล่ะนะ” หนูแสนอมยิ้มน้อยๆ แล้วจึงลุกขึ้นประคองคุณหญิงผกาไปส่งที่หน้าเรือน





“ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะลูกแม่ทำกับข้าวไว้แล้วรอคุณเตี่ยกับพี่เสนกลับมาก็กินได้เลย แม่สนก็คงกินมาจากข้างนอกตามเคย” ปลายน้ำเสียงของคุณพะยอมแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ตั้งแต่คุณสนเปิดห้องเสื้อการกลับมาร่วมวงกินข้าวกับครอบครัวก็ห่างหายจนในที่สุดคุณสนก็ไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีกเลย เมื่อถามก็ตอบว่าเธอรับข้าวจากข้างนอกมาแล้ว แม้จะเก็บอาหารไว้ให้คุณสนก็ไม่แตะเลยซักครั้งกลับถึงบ้านก็ขึ้นห้องของตัวเองเก็บตัวเงียบอยู่ในนั้น





หนูแสนกลับขึ้นมาบนห้องของตนเอง วางกระเป๋าหนังสือลงบนโต๊ะอ่านหนังสือแล้วจึงนั่งลง เปิดลิ้นชักแล้วหยิบจดหมายสามฉบับที่คุณเล็กส่งมาให้จากฝรั่งเศส เมื่อแรกคุณเล็กเล่าถึงการไปถึงเมืองปารีสครั้งแรก คุณเล็กเล่าว่าหนาวจับใจ คุณเล็กล้มป่วยเสียหลายวันจึงปรับตัวได้จากนั้นคุณใหญ่และคณะนักเรียนไทยในฝรั่งเศสก็พากันนั่งรถไฟไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ รูปถ่ายที่คุณเล็กส่งมาให้คือคุณเล็กที่สวมสูทแบบสากลและมีเสื้อโค้ทกันหนาวตัวใหญ่ด้านหลังคือทิวทัศน์ของหอไอเฟลที่คุณเล็กบอกว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ห้าทรงเคยเสด็จมาที่นี่ หนูแสนเอารูปของคุณเล็กใส่กรอบวางไว้บนหัวนอน หลายครั้งที่ไปพบเจออะไรที่โรงเรียนหรือที่ห้างฝรั่งของคุณเตี่ยหนูแสนก็จะเอามาเล่าให้รูปคุณเล็กฟัง เป็นความผูกพันและความคิดถึงระยะไกล ยามเขียนจดหมายหาคุณเล็กหนูแสนจะเล่าแค่เหตุการณ์สำคัญในช่วงนั้นๆ บอกคุณเล็กทุกครั้งว่าตนเองสบายดีและมีเพื่อนใหม่เยอะแยะแต่หนูแสนไม่เคยบอกเล่าถึงปัญหาต่างๆ ที่ตนได้พบเจอเลย





หนูแสนบอกกับตัวเองเสมอว่าหนูแสนโตแล้ว





หนูแสนจะโตให้ทันคุณเล็กคุณเล็กกลับมาจะได้ไม่ผิดหวังในตัวหนูแสน มือเล็กอดที่จะลูบนาฬิกาแขวนที่ห้อยคอของตัวเองไม่เคยห่างกายปลดสลักที่ล็อกฝานาฬิกาออกเผยให้เห็นภาพของคุณเล็กในวัยสิบเจ็ดปีอยู่ในนั้น รอยยิ้มละมุนถูกมอบให้คิดในรูปเหมือนเช่นทุกวัน





“หนูแสนคิดถึงคุณเล็กนะคะ กลับมาเร็วๆ นะ”









.....................................................................





อดทนรอกันนิดหนึ่งนะคะเดี๋ยวก็กลับมาเจอกันแล้ว





ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตของตัวเองกันซักสองสามตอนเนอะ





ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เป็นกำลังใจของเรามากๆ ทำให้เรามีแรงที่จะพิมพ์นิยายเอามาอัพให้อ่านทุกวัน จะพยายามอัพให้ได้บ่อยที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้นะคะ





ติดแท็กหรือแนะนำเรื่องได้ใน #แสนคำนึง นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2019 19:43:16 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คุณสน ต้องเป็นถึงขนาดนี้ใช่ไหม

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ดีใจจัง..
หนูแสนโตเป็นหนุ่มแล้ว..

รอๆๆๆๆๆ...
หนุ่มนักเรียนนอก.
..กลับมา

 :mew1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


((ต่อ))



 

 

            วันนี้คุณพะยอมวุ่นวายอยู่ในเรือนครัวตั้งแต่เช้าตรู่ ขนมหวานขนมไทยรสละมุนจากฝีมือของคุณพะยอมและยายแช่มโดยมีหนูแสนเป็นลูกมือถูกจัดใส่ถาดจัดเรียงอย่างสวยงามสมกับเป็นอาหารชาววัง ตกบ่ายจึงทำอาหารคาวเพื่อรับรองแขก คุณใหญ่กลับถึงพระนครตั้งแต่เมื่อวานซืน ได้ยินเสียงบ่าวเรือนนู้นตกแต่งสถานที่ดังมาแว่วๆ



            “ไม่ได้รู้สึกว่าเรือนนู้นคึกคักมานานมากแล้ว”คุณพะยอมเอ่ยกับยายแช่มที่กำลังโขลกพริกแกงมือเป็นระวิง



            “เห็นว่าเชิญเพื่อนที่จบจากโรงเรียนทหารมาด้วย อาหารพวกแกงอย่าให้เผ็ดจนเกินไปเผื่อยังไม่คุ้นลิ้น น่าจะชินกับนมเนยของฝรั่งหากเผ็ดไปจะเสาะท้องได้”



            “เจ้าค่ะ”ยายแช่มรับคำตามที่ผู้เป็นนายสั่ง คุณพะยอมหันไปมองหนูแสนที่กำลังคนทำยำทวายอยู่ใกล้ๆ



            “เตรียมแต่งตัวได้แล้วมั้งลูก เดี๋ยวไปช้าจะน่าเกลียด”



            “ไม่น่าเกลียดหรอกจ้าแม่ หนูแสนไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคุณใหญ่ไม่ไปยังได้”



            “ไม่ไปไม่ได้คุณหญิงผกาเชิญพวกเราทั้งบ้าน วันนี้คุณเตี่ยกับพี่เสนก็บอกจะรีบกลับ บ้านใกล้เรือนเคียงกันไปช่วยเขาหยิบจับช่วยงานอะไรได้ก็ไปเถอะลูก”



            “ยายแช่มที่เหลือทางนี้ช่วยดูต่อทีนะจ๊ะ ฉันจะขึ้นไปดูคุณสนซักหน่อยว่าแต่งตัวไปถึงไหนแล้ว”



            “ก็คงงามเป็นนางละครนั่นแหละค่ะแต่งตัวสวยกรีดกรายไปมาทำอะไรไม่เป็น”ยายแช่มที่ตำพริกแกงเสร็จอดที่จะค่อนขอดคุณหนูคนรองของบ้านไม่ได้จนคุณพะยอมต้องทำสีหน้าดุใส่ ตั้งแต่เล็กจนโตคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณสนต่อปากต่อคำได้ตลอดก็คือยายแช่ม แม้จะโดนคุณสนด่าว่าเอาหลายครั้งหลายหนแต่ยายแช่มเองก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเหมือนบ่าวคนอื่นๆก็เป็นเพราะคุณพะยอมเองก็ไม่อยากจะว่ากล่าวให้เคืองใจกัน ด้วยก็อยู่กันมานานตั้งแต่คุณพะยอมยังเด็ก แต่เหมือนยิ่งคุณพะยอมไม่พูดว่าอะไรเพราะไม่อยากจะหักหน้าแกต่อหน้าบ่าวไพร่คนอื่นๆยายแช่มก็ได้ใจค่อนขอดคุณสนจนเป็นเรื่องเคยชิน



            “ยังไงคุณสนก็เป็นลูกฉันนะยายแช่ม อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะถือว่าฉันขอ ที่ฉันไม่ว่าอะไรเพราะยายแช่มอยู่กับฉันมานานเป็นผู้ใหญ่ทั้งยังเคยช่วยฉันเลี้ยงคุณสนเมื่อยังเล็กก็นับว่ามีบุญคุณกัน แต่ฉันขอเถอะนะยายแช่มพวกคำพูดประชดประชันอะไรก็ให้เพลาๆลงบ้างเถอะนะ ”ยายแช่มหน้าเสียลงไปก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษคุณพะยอม



            “อิฉันขอโทษคุณเจ้าค่ะ อิฉันลืมตัวไป แต่ที่พูดไปอิฉันไม่ได้พูดเพราะความเกลียดชังหรอกนะคะ ต่อไปอิฉันจะระวังไม่ต่อปากต่อคำกับคุณสนเธอนะคะ”



            “ฉันขอบใจแช่มที่เข้าใจนะจ๊ะ”คุณพะยอมลุกขึ้นไม่ลืมสั่งหนูแสนให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในตึกเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปห้องของคุณสนที่วันนี้ปิดร้านเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคุณใหญ่



            “งามจริงลูกสาวแม่”เอ่ยปากชมดรุณีที่งามผุดผาดผิวขาวผ่องละเอียดลออในชุดลูกไม้ชั้นดีสีแดงเลือดนก ขับผิวจนตาพร่า คุณสนยิ้มพอใจกับคำชมของผู้เป็นแม่ คุณพะยอมนั่งดูลูกสาวแต่งหน้าทำผมด้วยความภูมิใจ คุณสนในตอนนี้ดัดผมเป็นลอนตามสมัยนิยม ดวงหน้าสวยจัดด้วยแต่งแต้มจนวิจิตร



            “แม่คะ สนขอยืมเครื่องเพชรชุดทับทิมล้อมเพชรของแม่ได้ไหมคะ”หันหาหาผู้เป็นเป็นเอ่ยบอกความต้องการ คุณพะยอมชะงักไปเล็กน้อยด้วยทับทิมล้อมเพชรนั้นเป็นเครื่องประดับที่เสด็จประทานให้ในวันแต่งงาน มีมูลค่าและคุณค่าทางใจสูงมาก หากไม่ใช่งานใหญ่ๆคุณพะยอมไม่เคยเอาออกมาใส่เลยซักครั้ง คุณสนเห็นท่าทางลังเลของแม่ก็แค่นยิ้ม



            “สนนึกอยู่แล้วล่ะค่ะว่าคงไม่ให้ ก็ลองขอไปอย่างนั้นเอง”



            “โธ่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลูก แม่เห็นว่าทับทิมชุดนั้นมันใหญ่ไป เราไปงานเลี้ยงต้อนรับไม่ควรใส่ให้เด่นเกินหน้าเจ้าของงาน อีกอย่างสนอายุยังน้อยใส่เครื่องเพชรชุดใหญ่มันจะดูแก่เกินวัยนะลูก”



            “แล้วเมื่อไรสนจะใส่ได้ล่ะคะ สนไม่ได้ไปออกงานที่ไหนบ่อยๆก็อยากสวยบ้าง อีกอย่างชุดทับทิมล้อมเพชรก็เข้ากับชุดของสนชุดนี้มาก มันไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนน่าเกลียดซักหน่อยนี่คะ แม่ให้สนยืมไม่ได้เหรอคะ”ปลายเสียงคล้ายจะออดอ้อนอยู่ในทีจนคุณพะยอมถอนหายใจออกมา



            “อืม...แม่ให้สนยืมก็ได้ แต่สนต้องระวังนะลูกทับทิมล้อมเพชรชุดนี้เสด็จทรงประทานให้แม่กับคุณเตี่ยตอนที่แม่ไปทูลลาออกมาแต่งงาน มีค่ากับแม่มาก”



            “โอ้ย  สนทราบแล้วค่ะ จะรักษาอย่างดีแม่ไปหยิบมาเถอะค่ะ สนจะได้ลอง”คุณสนหันไปสนใจกับทรงผมของตัวเองอีกครั้งทิ้งให้คุณพะยอมยืนหน้าเหวออยู่ด้านหลังด้วยไม่คิดว่าลูกสาวจะทำน้ำเสียงแบบนั้นใส่ตน



ในที่สุดทับทิมล้อมเพชรครบชุดก็ประดับอยู่บนเรือนร่างของคุณสน ทันทีที่เห็นบุตรสาวใส่เครื่องประดับชุดนั้นเจ้าสัวเช็งถึงกับหันไปมองหน้าคุณพะยอมที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วตามลงมาสมทบ คุณพะยอมยิ้มให้กับผู้เป็นสามีบอกเป็นนัยๆว่าตนเป็นคนเอาให้คุณสนใส่เอง ส่วนหนูแสนในวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่มรูปร่างผอมบางก็แต่งตัวด้วยชุดสากลทิ้งคราบเด็กน้อยกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาผิวขาวสะอาดสะอ้านไม่ผิดจากพี่ๆ บรรดาบ่าวไพร่ต่างลำเลียงอาหารคาวหวานเดินตามผู้เป็นนายไปยังเรือนของเจ้าคุณสรอรรถ สถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณใหญ่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านมีโต๊ะสำหรับให้แขกนั่งทานอาหารวางเรียงกันจนเกือบเต็มพื้นที่ ริมสุดจัดเป็นซุ้มโดยใช้ทางมะพร้าวสานตกแต่งแซมกันดอกไม้ที่จัดเป็นช่อสวยงาม คุณหญิงผกากำลังคุมบ่าวไพร่ให้เตรียมสถานที่ให้เรียบร้อยเมื่อครอบครัวของเจ้าสัวเช็งมาถึงก็รีบเดินมาต้อนรับทันที



            “เชิญค่ะเจ้าสัว แหม นานๆได้เจอกันทีดูไม่แก่ขึ้นเลยนะคะเนี่ยคุณหญิงผกาเอ่ยเย้าท่านเจ้าสัวเช็งอย่างคุ้นเคย



            “แหม คุณหญิงก็พูดเกินไป วันนี้คุณหญิงเองก็งามเช่นกันไม่ผิดเพี้ยนจากตอนสาวๆเลยขอรับ”



            “ตายจริง มายอฉันกลับอย่างนี้ปะเดี๋ยวฉันลอยข้ามยอดไม้ไปล่ะจะแย่ ตายจริง วันนี้หนูสนงามนัก ปกติก็งามอยู่แล้วพอแต่งองค์ทรงเครื่องก็งามดังนางฬะเวง”คุณสนที่ถูกกล่าวถึงยกมือไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



ยิ้มเพราะรู้จักวางตัวเข้าหาผู้ใหญ่ คุณหญิงผกานั้นเป็นผู้กว้างขวางลูกค้าที่ห้องเสื้อของคุณสนหลายคนก็มาจากการแนะนำของคุณหญิงผกาทั้งนั้น



            “ขอบพระคุณคุณหญิงป้าค่ะที่ชม แต่สนไม่ได้งามถึงเพียงนั้น”



            “งามสิจ๊ะผิวได้พ่อหน้าได้แม่ทั้งขาวและสวยคมหน้าตาแบบนี้หาได้ยากนักทั่วทั้งพระนครเห็นจะมีแต่หนูสนคนเดียว พ่อเสนกับหนูแสนกันนี้ก็ดูโก้ราวกับฝาหรั่ง”คุณเสนและหนูแสนต่างยกมือไหว้ขอบคุณ



            “คุณป้ามีอะไรให้หนูแสนรับใช้ไหมครับ หนูแสนเต็มใจช่วย”



            “โอ้ย ไม่ต้องช่วยหรอกจ้าแค่อาหารคาวหวานน่ากินที่ยกมาก็เพียงพอแล้ว บ่าวไพร่ช่วยกันจัดเตรียมจะเสร็จแล้ว เชิญท่านเจ้าสัวและครอบครัวไปนั่งที่โต๊ะเถอะนะคะ แขกเริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว ตามสบายเลยนะคะ ฉันอาจจะมาดูแลได้ไม่บ่อยนักต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ”



            “โอ้ย เรื่องแค่นี้คุณหญิงไม่ต้องคิดมาก พวกกระผมอยู่ไม่นานอาจจะต้องกลับก่อนเพราะพรุ่งนี้มีเรือสินค้าเข้ามาที่ท่าเรือว่าจะไปดูแต่เช้า”เจ้าสัวเช็งโบกไม่โบกมืออย่างไม่ถือสากับการรับรองที่อาจจะไม่ทั่วถึง



            “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันเข้าใจ แค่ให้เกียรติมาร่วมงานก็ขอบคุณมากแล้ว เชิญเลยค่ะเชิญนั่งได้เลยฉันจะให้บ่าวพาไปที่โต๊ะนะคะ”คุณหญิงผกาเรียกนายพันบ่าวคนสนิทของคุณเล็กให้มาเชิญครอบครัวของเจ้าสัวเช็งไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้ใกล้กับโต๊ะของเจ้าคุณสรอรรถกับครอบครัว แขกเหรื่อทยอยกันเข้ามาในงาน แสงไฟถูกเปิดประดับประดาสวนที่ถูกดูแลตกแต่งอย่างดี เพลงที่เล่นบรรเลงคลอในงานเป็นดนตรีสากลทั้งสิ้นแขกที่เข้ามาในงานมีทั้งคุณรุ่นเก่าที่ยังคงแต่งกายด้วยชุดราชประแตน ส่วนคนรุ่นหนุ่มสาวนั้นแต่งกายตามราชนิยมล้วนแล้วแต่เป็นลูกผู้ดีมีสกุล หลายคนที่เจ้าสัวเช็งทักทายนั้นคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจล้นฟ้า



            “ท่านเจ้าคุณสรอรรถนี่กว้างขวางจริงๆ มีแต่คนใหญ่คนโตมาจนเต็มบ้าน เห็นทีคุณใหญ่คงก้าวหน้าทางหน้าที่การงานไม่น่าห่วงล่ะ”เจ้าสัวเช็งเอ่ยชมเจ้าของเรือน ดวงตาคอยจับจ้องว่ามีใครเข้ามาในงานบ้างตามวิสัยของนักธุรกิจ



            “นั่นสิคะ เหมือนไม่ใช่งานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ เหมือนเลี้ยงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งมากกว่า”คุณพะยอมเห็นด้วยกับสามี



            “งานเริ่มตั้งนานแล้ว สนไม่เห็นว่าเจ้าของงานเขาจะลงมาเสียที มัวรีรออะไร ทำราวเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สนรำคาญพวกผู้ชายที่เข้ามาคุยด้วยจะแย่อยู่แล้วอยากกลับบ้าน”คุณสนยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่มอย่างหงุดหงิดเพราะไม่เห็นว่างานจะเริ่มเสียที



            “ไม่เอาน่าสน อย่าไปพูดถึงพี่เขาไม่ดีสิลูก นี่เพิ่งจะหัวค่ำ รออีกซักหน่อยเถอะลูก เดี๋ยวพอคุณใหญ่มาเราค่อยขอตัวกลับ”



            “งั้นเดี๋ยวสนขอไปดูอาหารก่อนนะคะ นั่งนานๆเบื่อ”คุณสนลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะจัดวางอาหารที่เป็นซุ้มฝรั่ง เป็นพวกของกินเล่นคำเล็กๆน่ารัก คุณสนเดินดูเพื่อเลือกว่าจะกินอะไรดีก็พอดีกับที่มีใครคนหนึ่งยื่นจากที่ตักอาหารไว้แล้วยื่นมาให้



            “ลองทานนี่ดูมั้ยครับ น้องสนน่าจะชอบ”คุณสนแม้จะตกใจกับการมาถึงของใครบางคนที่ไม่รู้ตัวแต่ก็ยังรักษากริยาของตนหันไปมองคนที่เข้ามายืนด้านหลังก็พบกับผู้ชายรูปร่างสูงกำยำผิวคร้ามแต่ไม่ได้คล้ำใบหน้าคมสันตัดผมรองทรงดูสะอาดสะอ้าน แม้จะคุ้นหน้าคล้ายว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อนแต่กลับนึกไม่ออก อนลหัวเราะกับใบหน้าที่ทำเหมือนนิ่งแต่สายตากลับบ่งบอกว่ากำลังประเมินตัวเขาอยู่



            "จำพี่ไม่ได้เหรอครับ พี่ใหญ่อย่างไรเล่า”อนลแนะนำตัวกับหญิงสาวด้วยดวงตาแพรวพราวก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อทักทาย คุณสนเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ร้องอ๋อเบาๆก่อนจะยกมือไหว้กลับ



            “คุณพี่ใหญ่นี่เอง สนจำไม่เห็นได้ สวัสดีค่ะ ต้องขอตัวกลับไปหาคุณเตี่ยกับแม่ก่อนนะคะ”พูดจบก็เบี่ยงตัวหลบเพื่อเดินจากไปโดยไม่ได้รับจานอาหารและไม่จับมือกับคุณใหญ่ตามแบบสากล อนลมองตามเรือนร่างระหงของหญิงสาวข้างบ้านที่บัดนี้ที่โตเป็นสาวสะพรั่งเหมือนดอกไม้ที่กับลังอวดดอกเบ่งบานล่อแมลงให้มาดอมดม เกิดความพึงใจตั้งแต่แรกเห็น



            “น่าสนใจดีนี่คะคุณสน สงสัยต้องไปทำความรู้จักที่บ้านเสียหน่อย ไม่ได้เจอกันเสียนานคงจะลืมพี่ใหญ่คนนี้ไปแล้ว”ชายหนุ่มหยิบแซนวิชชิ้นเล็กในจานเข้าปากแล้วเหยียดยิ้มอย่างพอใจ



อะไรที่ได้มายากมักท้าทายเสมอ



ผู้หญิงก็เช่นกัน



.....................................................................

สวัสดีปีใหม่ค่ะ



เปิดตัวคุณใหญ่แล้วนะคะ



แฟนคลับคนสนเยอะจัง อิอิ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พี่+พี่
น้อง+น้อง
แบบนี้แหล่ะ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

คิดถึงหนุ่มนักเรียนนอก

 :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะๆ ยังไงละ มาขอตามด้วยคน

มาต่อบ่อยๆนะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๘

๕๐%



           
 

             “นังเฟื้อง เอาไปคืนเขา บอกไปว่าข้าไม่รับ”คุณสนปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่ภายในมีสร้อยข้อมือบุษราคัมประดับอยู่แล้วยื่นคืนให้นังเฟื้องบ่าวคนสนิทด้วยสีหน้าเรียบเฉย

   “อ้าว คืนทำไมล่ะเจ้าคะ สร้อยข้อมือง๊ามงามดูท่าจะราคาแพงอยู่นะเจ้าคะ”นังเฟื้องร้องถามด้วยนึกเสียดายแทน

   “ข้าบอกให้เอาไปคืนก็ทำตามอย่ามาเวิ่นเว้อวุ่นวาย แก้วแหวนเงินทองแค่นี้ถ้าข้าอยากได้ข้าหาของข้าเองได้ไม่ต้องให้ผู้ชายหามาประเคน ทำราวกับข้าเป็นพวกผู้หญิงใจง่ายเขามีของกำนัลมาให้ก็ใจอ่อนรับไมตรี ให้ข้าได้เอ็งนึกรึว่าเขาจะไม่ให้คนอื่น บอกเขาให้กลับไปข้าไม่ต้องการจะพูดคุยด้วย”พูดจบคุณสนก็หันหน้าหนีไปอีกทางเป็นการบอกว่าไม่ต้องการจะเจรจาด้วยอีก นังเฟื้องปิดกล่องกำมะหยี่แล้วออกจากห้องลงไปยังสวนหน้าบ้านที่คุณใหญ่นั่งจิบกาแฟรออยู่โดยมีคุณเสนและคุณอุ่นเรือนนั่งคุยอยู่เป็นเพื่อน  นังเฟื้องนั่งลงกับพื้นแล้วจึงยื่นกล่องแหวนคืนอนล ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

   “คุณสนให้มาเรียนว่าคุณสนไม่ขอรับของกำนัลนี้ค่ะ”

   “อ้าว ทำไมรึ น้องสนไม่ชอบของที่ฉันให้รึ?” อนลรับกล่องแหวนคืนมาด้วยความไม่เข้าใจ ปกติผู้หญิงมักชอบเครื่องประดับ ไม่ว่าใครได้ก็ดีใจทั้งนั้น แต่คุณสนกลับไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอเลยซักนิด

   “มิทราบได้เจ้าค่ะ คุณสนให้มาเรียนว่าเธอไม่ขอลงมาพูดคุยด้วยให้คุณใหญ่กลับไปเถอะค่ะ”

   “แม่สนนี่เสียมารยาทจริง”คุณเสนออกปากว่าน้องสาวที่ทำตัวเสียมารยาทกับคุณใหญ่

   “ไม่เป็นไรหรอกเสน นายอย่าไปว่าหนูสนเธอเลย”

   “บ้านใกล้เรือนเคียงกันแท้ๆคุณใหญ่เองก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนของกระผม อีกอย่างแม่สนก็ถึงวัยที่ควรออกเรือนได้แล้วกระผมไม่เห็นว่าคุณใหญ่จะเสียหายอะไร ถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆที่มาเกี้ยวแม่สนคุณใหญ่นั้นดีกว่าทั้งหมดที่ผมเคยเห็นมา ยังจะมาทำตัวหยิ่งทะนงไร้มารยาทแบบนี้ก็สมควรต้องตักเตือนกันบ้าง”

   “อย่าเลย แบบนี้ล่ะดีแล้ว ให้เธอได้เป็นตัวของเธอเอง ยังไงฉันก็ขอบใจนายมากนะเสนที่ไม่กีดกันฉัน”คุณใหญ่ตบลงบนบ่าของคุณเสน 2-3 ที พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกไม่นานคุณใหญ่ก็ขอตัวกลับเรือนโดยมีสายตาของคุณสนที่แอบแง้มประตูมองตาม ริมฝีปากโค้งลงอย่างไม่ชอบใจนัก

   “คงเที่ยวไปทำอย่างนี้กับผู้หญิงฝาหรั่งมานับไม่ถ้วนแล้วสินะ”มือเรียวปิดม่านลูกไม้ลงอย่างดูถูกผู้ชายบ้านใกล้และไม่คิดจะให้ความสนใจกับคุณใหญ่อีก

   แม้จะโดนคุณสนปฏิเสธและไม่ยอมพบหน้าอีกทั้งตามไปหาที่ห้องเสื้อคุณสนก็ปฏิบัติตัวกับคุณใหญ่เหมือนลูกค้าทั่วไปแต่คุณใหญ่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะท้อถอยแต่อย่างใด ยามว่างจากราชการก็เทียวไปเทียวมาอยู่เสมอเหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นมีทั้งพ่อค้าและคนที่รับราชการอีกหลายคนที่เวียนกันมาทำคะแนน ความงามของคุณสนติดตาต้องใจชายหลายคนบางคนนั้นมีเมียอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ยังหวังจะเด็ดดอกไม้งามด้วยหวังหน้าที่การงานทางราชการและทรัพย์สินเงินทอง แม้จะไม่ใช่ลูกสาวเจ้าพระยานาหมื่นแต่ก็เป็นหลานตาของเจ้าคุณพิพิธ ฐานะก็ร่ำรวยจากทางพ่อ ชีวิตของคุณสนดำเนินต่อไปจากที่เจอคุณใหญ่ครั้งแรกไปอีกหกเดือนจนวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นกับคุณสน

   “เฟื้องเอ็งขึ้นไปหยิบลูกไม้สีแดงที่ข้าได้มาใหม่ที ข้าจะเอามาตัดให้คุณพัด”คุณสนสั่งเฟื้องในขณะที่ยังนั่งวาดแบบเสื้อให้ลูกค้า เมื่อเฟื้องขึ้นไปแล้วก็ปรากฏว่ามีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนเข้ามาในร้าน คุณสนเงยหน้าขึ้นมองชายสองคนที่มองหันรีหันขวางกวาดตาไปจนทั่ว แม้ในใจจะนึกเคืองแต่ก็จำต้องยิ้มแย้มให้

   “มาตัดสูทหรือคะ?”

   “มึงใช่มั้ยที่ชื่ออีสน”หนึ่งในสองคนเอ่ยถามเสียงดังส่วนอีกคนก็เดินไปทำลายข้าวของในร้านจนระเนระนาด คุณสนขมวดคิ้วตีสีหน้าบึ้งตึงทันทีเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนไม่ใช่ลูกค้าหากแต่เป็นอันธพาล หญิงสาวถอยกรูดยามที่นักเลงสองคนสาวเท้าเข้ามาหาก่อนจะกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อพวกมันเข้าตะครุบตัวคุณสนราวกับแมวที่ล่าหนูตัวเล็กๆ

   “เฟื้องช่วยข้าด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”คุณสนร้องเรียกบ่าวคนสนิทก่อนจะหน้าสะบัดเพราะถูกตบจนหน้าชา คุณสนพยายามดิ้นเพื่อหนีจากคนร้ายหากแต่มันแรงเยอะจนเกินกำลัง นังเฟื้องที่ได้ยินเสียงนายสาวกรีดร้องก็รีบวิ่งลงมาดูก่อนจะกระโจนเข้าช่วยผู้เป็นนายอย่างไม่กลัวตาย ผลที่ได้รับก็คือถูกตบจนคว่ำลงไปกองกับพื้น โชคร้ายของคุณสนที่ลูกจ้างต่างกลับกันไปหมดแล้วเพราะเลยเวลาเลิกงานมาเป็นชั่วโมง ตามปกตินิสัยของคุณสนคือชอบนั่งทำงานต่อจนดึกดื่นจึงจะกลับบ้าน

   “ได้ข่าวว่ามึงงามนักใช่มั้ย มีคนเขาฝากกูมากรีดหน้ามึงให้เสียโฉมจะได้ไม่ต้องไปชม้อยชม้ายชายตาให้ผัวเขาอีก แต่ก่อนจะกรีดหน้างามๆของมึงกูขอเด็กดอกฟ้าให้หนำใจก่อนจะเป็นไร”ไอ้คนร้ายพุ่งเข้าหาคุณสนด้วยท่าทางกักขฬะคุณสนร้องวี้ดด้วยความตกใจกลัวพยายามดิ้นหนีการจับกุมของคนร้าย ในขณะที่กำลังจะถูกลวนลามร่างของผู้ชายคนนั้นก็ถูกกระชากออกอย่างแรง คุณใหญ่ที่ตั้งใจจะแวะมาหาคุณสนฟาดหมัดใส่หน้าคนร้ายอย่างไม่ออมแรง อีกคนที่จับคุณสนไว้เหวี่ยงคุณสนออกจนเซไปล้มกองรวมอยู่กับนังเฟื้อง คุณใหญ่ต่อสู้แบบสองรุมหนึ่งต่างฝ่ายต่างแลกหมัดแลกเท้ากันอย่างไม่มีใครยอมกันจนคุณใหญ่เพลี่ยงพล้ำถึงถีบท้องจนล้ม นักเลงทั้งสองที่มีสภาพสะบักสะบอมสาวเท้าหมายจะกระทืบ

   “พวกมึงลองเข้ามาอีกก้าว กูจะยิงให้ตายเหมือนหมาข้างถนนเชียว”อนลหยิบปืนที่อยู่ข้างเอวออกมาขึ้นนกเล็งไปที่ผู้ร้ายทั้งสองคน มันหันมามองหน้ากันแล้วจึงพากันออกไปจากร้าน อนลเช็ดเลือดที่มุมปากแม้จะเจ็บร้าวไปทั้งซีกแก้มเพราะถูกหนึ่งในคนร้ายต่อยมาเต็มหมัดหากแต่เขาไม่ได้สนใจกับความเจ็บนั้นนัก เก็บปืนเข้าซองแล้วรีบไปหาคุณสนที่นั่งตัวสั่นโดยมีนังเฟื้องกอดปลอบอยู่

   “น้องสนเป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

   “ไม่ค่ะ สนไม่เป็นอะไรค่ะ คุณใหญ่ล่ะคะ เจ็บมากมั้ยคะ? ดูสิมีเลือดไหลด้วย”คุณสนมองดูมุมปากที่มีเลือดซึมของคุณใหญ่ด้วยความเป็นห่วง”

   พี่ไม่เป็นอะไรครับ เจ็บเล็กน้อย เฟื้องไปแจ้งตำรวจว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณสนเอง”คุณใหญ่หันไปบอกเฟื้องบ่าวคนสนิทมองเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วงคุณสนจึงพยักหน้าให้เฟื้องทำตามที่คุณใหญ่บอก คุณสนกวาดตามองสภาพร้านที่ระเนระนาดแล้วได้แต่เม้มปากแน่น

ไม่เคยคิดเลยซักนิดว่าวันหนึ่งจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เพราะวางตัวดีไม่เคยชม้อยชม้ายชายตาให้ชายใดเลยซักครั้ง ยิ่งผู้ชายคนไหนที่มีลูกเมียอยู่แล้วคุณสนไม่เคยเปิดโอกาสด้วยการสนทนาหรือพูดคุยอะไรด้วยเลยซักครั้ง

   “ถ้ากลัวร้องไห้ก็ได้นะครับ พี่ไม่ล้อหรอก”เสียงคุณใหญ่ดึงคุณสนให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เพียงแค่ประโยคเดียวความกลัวความเสียขวัญที่กดไว้เมื่อครู่ก็พังทลายกลายเป็นหยาดน้ำตา ร่างกายของคุณสนสั่นเทิ้มราวกับเหน็บหนาวจนถึงกระดูก คุณใหญ่ทำได้เพียงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แต่ความอ่อนโยนนั้นกลับไปพังกำแพงหนาที่คุณสนก่อไว้ในใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อนลเข้าใจในวันนี้เองว่าผู้หญิงที่ดูแข็งกร้าวอย่างคุณสนนั้นแท้จริงซ่อนความอ่อนไหวไว้ในใจมากมายเสียเหลือเกิน



   ถึงหนูแสนที่รักยิ่ง

หนูแสนเป็นอย่างไรบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า กว่าจดหมายจะถึงสยามก็คงเป็นหน้าร้อนแล้ว ตอนนี้ที่นี่หนาวมาก มองไปทางใดก็ขาวโพลนไปด้วยหิมะ คุณเล็กได้มีโอกาสตามเสด็จ เสด็จในกรมไปอังกฤษเป็นที่ตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกินค่ะ บ้านเมืองของเขาสวยงามสะอาดสะอ้าน ผู้คนก็สุภาพมองไปทางไหนก็เจริญหูเจริญตาไปหมด ปราสาทของเขาสวยงามเหมือนภาพในนิทานที่เราเคยอ่านด้วยกันบ่อยๆ คุณเล็กได้ไปเที่ยวชมหลายที่มีทั้งทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน ตึกรัฐสภา หอนาฬิกาบิ๊กเบน รวมทั้งพระราชวังบักกิ้งแฮม ช่างใหญ่โตหรูหราเสียเหลือเกินหากหนูแสนได้มาเห็นกับตาคงดีไม่น้อย คุณเล็กได้ไปเที่ยวแถบชนบทของอังกฤษบ้านที่ไปพักสวยงามร่มรื่น เสด็จทรงเข้าป่าไปล่ากวางมาตัวหนึ่งกินกันไปเสียหกเจ็ดวัน บางวันก็มีเนื้อกระต่ายเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ถ้าหนูแสนมาเห็นซากกระต่ายน้อยตัวขาวๆฟูๆคงร้องไห้เพราะสงสารแน่ๆ คิดถึงกับข้าวฝีมือของหนูแสนจังค่ะ อยู่นี่มาเป็นปีนานๆจะได้กินน้ำพริกซักถ้วย แม้รสชาติจะปร่าๆด้วยวัตถุดิบไม่ครบแต่ก็พอให้หายคิดถึงอาหารบ้านเราไปได้ มาอยู่ที่นี่แรกๆคุณเล็กจะตายเสียให้ได้ด้วยเหม็นนมเหม็นเนย อาหารรสชาติก็จืดๆเค็มๆไม่ได้เปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดเหมือนบ้านเรา วันไหนได้กินน้ำพริกต่อให้รสชาติจะประดักประเดิดก็ยังถือว่าอร่อย นานๆจะได้ไปซื้อของจากร้านขายของเจ๊กมาทำกินซักหนหนึ่งก็พอทำให้หายคิดถึงบ้านไปได้บ้าง หนูแสนก็คงทราบว่าฝีมือทำอาหารของคุณเล็กนั้นแย่เพียงใดคุณเล็กจึงทำได้เพียงแค่ทอดไข่ต้มจืดไปตามเรื่อง เคยแกงเผ็ดไปหา มะเขือก็ไม่มี น้ำปลาก็ไม่มีเครื่องแกงก็ไม่ครบทั้งปร่าทั้งเผ็ดกินไม่ได้เลยจำต้องเททิ้ง เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาแถมโดนด่าเพราะเหม็นฉุนไปทั้งบ้านเป็นที่ขบขันยิ่งนัก

   เรื่องการเรียนของคุณเล็กที่หนูแสนเคยถามมาว่ายากไหม คุณเล็กก็ขอตอบตามสัตย์จริงว่ายากมาก ทั้งภาษาฝรั่งเศสที่ต้องเรียนเพิ่ม อยู่ทางนี้ถ้าอยากฝึกภาษาให้คล่องก็ต้องคบหากับชาวปารีเซียงให้มากๆจะได้ใช้แต่ภาษาของเขา หลายครั้งก็ต้องไปเที่ยวกับเขา ก็สนุกดีค่ะ ตอนนี้คุณเล็กมีเพื่อนมากพอให้คลายเหงาไปได้บ้าง ที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์นี้คุณเล็กได้เพื่อนหลายคน บางครั้งก็ต้องตามเขาไปดูละครโอเปร่าเป็นละครร้องที่ทำเอาคุณเล็กแอบเงกไปเสียหลายหน แต่ไม่ว่าจะมีเพื่อนซักกี่คนก็มาทำให้คุณเล็กคิดถึงหนูแสนน้อยลงไม่ ยังคงคิดถึงอยู่ทุกวัน ยามใดที่แหงนหน้ามองดวงจันทร์ก็เห็นหน้าหนูแสนลอยเด่นอยู่ในนั้น คิดถึงเพลงลาวดวงเดือนที่เคยเล่นให้หนูแสนฟังบ่อยๆคิดถึงจนอยากให้เวลาเดินเร็วๆจะได้กลับบ้านไปหาหนูแสนไวๆ หนูแสนอยู่ทางนั้นไม่เจ็บไข้ได้ป่วยใช่ไหมคะ ตั้งใจเรียนนะคะ คุณเล็กอยู่ทางนี้ก็จะตั้งใจเรียนเหมือนกัน อยากเห็นรูปหนูแสนในตอนนี้บ้างจังค่ะ หนูแสนใจร้ายจริงไม่ยอมส่งรูปถ่ายมาให้คุณเล็กบ้างเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะเอาไว้คุณเล็กจะกลับไปดูหน้าหนูแสนด้วยตาตัวเองจะดีกว่า อยากรู้ว่าจะโตมากขึ้นขนาดไหนแล้วโตพอที่คุณเล็กจะอุ้มขึ้นหลังม้าแบบตอนเด็กๆได้หรือเปล่า

   สุดท้ายนี้ขอให้หนูแสนรักษากายรักษาใจรอคุณเล็กกลับไปนะคะ อย่าเพิ่งมีใจให้ใคร คุณเล็กเชื่อว่าตอนนี้หนูแสนน่าจะรู้แล้วว่าความรักคืออะไร หากภายหน้าหนูแสนไม่ได้มีใจตรงกันกับคุณเล็ก คุณเล็กก็จะไม่ถือโกรธเราจะยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ แต่คุณเล็กก็ยังหวังว่าใจเราจะตรงกันนะคะ

รักและคิดถึงเสมอ
ลิขิต สรอรรถโยธา





.............................

คุณเล็กกับหนูแสนเขายังไม่กลับมาเจอกันก็อ่านจดหมายให้คลายความคิดถึงนะคะ

แสนคำนึงมาจากประโยคท้ายจดหมายของคุณเล็กนั่นและค่ะ คิดถึงน้องเสมอ

#แสนคำนึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2020 14:36:26 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งุ้ยยยยย เอาน้องมาอีกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


วู้ววว..จีบน้องกลางอากาศเลย

...ดีใจจัง..กำลังคิดถึงก็มาพอดี

 :mew1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



     ถึงคุณเล็กที่คิดถึง

 

คุณเล็กเป็นอย่างไรบ้างคะ หนูแสนอยู่ทางนี้สบายดีค่ะ จดหมายฉบับที่แล้วบอกว่าอยากได้พวกเครื่องปรุงบ้านเราหนูแสนได้ฝากคุณพระพินิจไปแล้วนะคะ พวกกะปิ น้ำปลาเครื่องปรุงรสที่อยากได้ ข่าตะไคร้ใบมะกรูดเอาแช่น้ำก็ใช้ได้แม้จะไม่สดใหม่แต่น่าจะพอให้หายคิดถึงอาหารบ้านเราไปได้มากโข พวกปลาเค็ม กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้งหนูแสนใส่โหลไปให้เวลาจะใช้ทำอะไรกินก็เอาออกมาล้างให้สะอาดก่อนนะคะ ไข่เค็มหนูแสนต้มไว้ให้แล้วน่าจะพอกินไปเป็นเดือนๆ เผื่ออยากกินข้าวต้มกุ๊ยกับยำไข่เค็ม สูตรอาหารแบบง่ายๆหนูแสนจดใส่สมุดเล่มเล็กที่แนบมาด้วยคุณเล็กลองเปิดอ่านดูนะคะ ขนมทานเล่นอาจจะไม่เยอะเท่าครั้งที่คุณเล็กเดินทางแต่หนูแสนทำเองกับมือทุกอย่าง  มะตูมตากแห้ง กระเจี๊ยบแดงและเก๊กฮวยเอาไว้ต้มดื่มกับน้ำตาลทรายแดงนะคะ ที่ทำให้ด้วยใจหวังให้คุณเล็กได้คลายความคิดถึงบ้านได้บ้างไม่มากก็น้อย



ตอนนี้คุณใหญ่กับพี่สนคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผยมาได้ราวครึ่งปีแล้วเมื่อวันก่อนยังพากันไปดูละคร พี่สนแต่งตัวง๊ามงามค่ะ ไม่รู้ทำไมเวลาคนมีความรักถึงได้ดูงามขึ้น ผุดผ่องอิ่มเอิบ ที่สำคัญยิ้มแย้มและเป็นมิตรกับคนในบ้านมากขึ้น ส่วนคุณพี่อุ่นเรือนภรรยาคุณพี่เสนก็กำลังตั้งครรภ์ คุณเตี่ยกับแม่ดีใจมากพากันประคบประหงมลูกสะใภ้กันน่าดู หนูแสนก็ดีใจค่ะที่จะมีหลานมาให้เล่น อยู่ทางนี้หนูแสนเหงามากเลยค่ะ คิดถึงเพลงลาวดวงเดือนที่คุณเล็กเคยเล่นให้ฟัง คุณเล็กยังจำฉิ่งอันที่หนูแสนทำพลัดตกน้ำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหมคะ เมื่อวันก่อนนายพันเอามาให้หนูแสนบอกว่าพวกบ่าวลงไปลอกคลองเพราะผักตบมาเกาะกันหน้าเรือนแพมากแล้วเขาไปงมเจอ นึกถึงวันนั้นก็ตลกนะคะ หนูแสนเก็บเอาไว้รอคุณเล็กกลับมาเล่นซอให้ฟังนะคะ ที่โรงเรียนหนูแสนทำกิจกรรมกับเพื่อนๆเยอะเลยค่ะตอนนี้ลูกผู้ดีเขาเห่อเล่นเทนนิสกันหนูแสนก็มีโอกาสได้ไปเล่นกับเขาด้วยเหนื่อยจนปอดแทบจะหลุดออกมานอกอก ยิ่งเพื่อนๆรู้ว่าหนูแสนเล่นกีฬาไม่เก่งก็ตีหลอกให้หนูแสนวิ่งไปซ้ายทีขวาทีเดี๋ยวตีแรงไปข้างหลังเดี๋ยวหยอดมาข้างหน้าทั้งเหนื่อยทั้งเวียนหัวเล่นไปได้เดือนกว่าหนูแสนก็รู้แล้วว่าเทนนิสคงไม่ถูกโรคกับหนูแสนอยากจะเอาไม้ตีเทนนิสไปจำเริญน้ำตามฉิ่งที่เพิ่งงมมาเสียเหลือเกิน พอหนูแสนบอกว่าจะเลิกเล่นก็โดนคุณพี่เสนเขกหัวไปเสียทีหนึ่ง คุณพี่เสนบอกว่าหนูแสนเหลาะแหละเล่นอะไรก็ไม่ได้นานไม่เหมือนทำกับข้าวทำขนมขลุกอยู่ในครัวได้ทั้งวัน คุณเล็กรู้หรือไม่คะว่าตั้งแต่คุณเล็กไปเรียนต่อเวลาทำกับข้าวหรือขนมอะไรก็นึกถึงคุณเล็กไปเสียทุกอย่าง อันนั้นคุณเล็กก็ชอบทานอันนี้คุณเล็กก็โปรด ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณเล็กจะไปเรียนสามปีแล้ว คุณป้าบอกว่าคุณเล็กจะกลับมาหลังจบ Master's Degree ก็คงอีก 4-5 ปี กว่าจะกลับ หนูแสนคงต้องทนคิดถึงคุณเล็กไปอีกนาน คุณเล็กรีบเรียนให้จบแล้วกลับมาหาหนูแสนไวๆนะคะ หนูแสนจะรอ จดหมายฉบับนี้คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้คุณเล็กต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะคะ อย่าเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยนัก อยู่ทางนั้นไม่สบายหนูแสนก็ไปหาไม่ได้ เป็นห่วงเหลือเกิน



            หนูแสนขออาราธนาคุณพระศรีรัตนะตรัยโปรดดลบันดาลให้คุณเล็กของหนูแสนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วยนะคะ หนูแสนอยู่ทางนี้จะรอคุณเล็กกลับมาไม่เปลี่ยนแปร



คิดถึงเสมอ

หนูแสน


            ลิขิตยิ้มให้กับจดหมายที่หนูแสนส่งมาให้ เพียงแค่ข้อความในจดหมายก็เหมือนต่อลมหายใจให้คุณเล็กให้มีชีวิตต่อไปได้อีกหลายปี ใช่ว่าจะไม่อยากรีบกลับเพียงแต่ว่าเพราะผู้เป็นบิดาวางเส้นทางการเรียนไว้ให้แล้ว ลิขิตทำได้เพียงตั้งใจเรียนให้จบโดยไม่ช้าไปกว่าที่ตั้งใจไว้ ชายหนุ่มพับจดหมายเก็บเข้าซองแล้วเปิดลิ้นชักวางลงในกล่องที่มีจดหมายของหนูแสนฉบับก่อนๆอีก 2-3 ฉบับ ยามเหนื่อยล้าจากการเรียนชายหนุ่มมักหยิบขึ้นมาอ่านเติมกำลังใจให้กับตัวเองเสมอ ลิขิตขยับแว่นสายตาให้เข้าที่แล้วจึงหยิบตำรากฎหมายเล่มหนาที่อ่านค้างไว้อีกครั้งอย่างแข็งขัน ชาร้อนถูกจิบแกล้มกับมะตูมเชื่อมหวานฉ่ำที่หนูแสนฝากมาให้เข้ากันอย่างประหลาด



          “รสมือยังดีเหมือนเดิมเลยนะคะ คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงมากๆเลยค่ะ”

 

 

 

            “สนไปไม่ได้หรอกค่ะ”คุณสนเอ่ยปฏิเสธคำชวนของคุณใหญ่ มือก็เย็บเสื้อของลูกค้าไปด้วย คุณใหญ่ที่หน้ามุ่ยใส่แล้วทำเสียงออดอ้อนเป็นไม้ตาย



            “โธ่ น้องสน เราไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆด้วยกันเลยนะคะ”



            “สนเป็นหญิง จะให้ไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายถือเป็นรื่องไม่สมควรนะคะ”



            “น้องสนทำไมหัวโบราณจังคะ ยุคนี้สมัยนี้คู่รักคู่ไหนๆเขาก็ไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ  นะคะ น๊า ไปเที่ยวหัวหินกับคุณใหญ่นะคะเราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยนะคะไปเปิดหูเปิดตาไปสูดอากาศบริสุทธิ์กัน”



            “แต่สนต้องดูร้านนี่คะ เสื้อลูกค้าก็ตั้งหลายคน”



            “เฟื้องกับรำภาก็ทำแทนน้องสนได้นี่คะ อีกอย่างเราไปแบบเช้าไปเย็นกลับไม่ได้ไปค้างคืนไม่เสียหายอะไรหรอกค่ะ เราก็คบหากันมาได้ระยะหนึ่งแล้วน้องสนยังไม่ไว้ใจคุณใหญ่อีกเหรอคะ น่าน้อยใจจริง”คุณใหญ่ทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดอีกทั้งสีหน้าก็แสกดงออกว่าน้อยใจหญิงคนรักจนคุณสนเริ่มใจอ่อน



            “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เอาเป็นว่าสนขอคิดดูก่อนแล้วกันนะคะ จะให้ทิ้งร้านไปก็เป็นห่วง”



            “ได้จ้า ขอแค่น้องสนไม่ตัดรอนคุณใหญ่ก็ดีใจแล้วค่ะ ยังไงพรุ่งนี้คุณใหญ่จะมาเอาคำตอบนะคะ”อนลยิ้มกว้างอย่างดีใจจนคุณสนอดยิ้มตามไม่ได้



            “ดูเถอะทำตัวราวเด็กๆเชียวนะคะ อายุก็ขนาดนี้แล้ว”



            “ก็คุณใหญ่ดีใจนี่จะได้ไปเที่ยวทะเลกับน้องสนสองคน”คุณใหญ่คว้ามือคุณสนไปกุมไว้อย่างเอาใจทั้งยังโมเมว่าคุณสนยอมตกลงไปเที่ยวกับตัวเองแล้วจนโดนคุณสนค้อนเข้าให้เสียดอกหนึ่ง



            “ขี้ตู่ค่ะ สนยังไม่ได้รับปากซักหน่อย”



            “เตรียมชุดสวยๆไว้ไปเดินเล่นชายหาดด้วยนะคะหรือชุดเล่นน้ำด้วยก็ดี”



            “เอ๊ะคุณใหญ่นี่ยังไงคะ”คุณสนตีแขนคุณใหญ่ไปทีหนึ่งด้วยหมั่นไส้ เฟื้องแอบมองเจ้านายของตัวเองคุยเล่นกับคนรักด้วยสีหน้ามีความสุข เพียงแค่ได้เห็นคุณสนสดใสสมวัยมันก็มีความสุขแล้ว คุณใหญ่คนนี้เหมือนน้ำฝนที่ตกลงมารดดอกไม้ที่ถูกแดดจ้าแผดเผาให้ได้เบ่งบานสดชื่นอีกครั้ง



            “เจ้าประคู๊ณ ขอให้คุณใหญ่รักและดีกับคุณสนให้มากๆนะเจ้าคะ จะเอาหมูหมูไก่ต้มหรือขนมต้มแดงต้มดำลูกก็จะถวายให้เจ้าค่ะ”เฟื้องยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรให้เจ้านายของตัวเอง เป็นสิ่งเดียวที่บ่าวจะทำให้ได้



แค่คุณสนมีความสุขมันก็มีความสุขแล้ว

 



.........................................

อ่านจดหมายหนูแสนบ้างนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
งือออ น่ารัก
ขอให้คำขอของนังเฟื้องเป็นจริงด้วยเถิด
อยากให้คุณสนมีความสุข

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ขอให้สมหวัง

..
ทั้งพี่ทั้งน้องด้วยเถิด..

เจ้าประคุ๊นนนน

รักคนเขียนที่ซู๊ดดดค่ะ

 :mew1:




ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
 อีกตั้งหลายปีกว่าจะจบโท คุณเล็กแก่พอดี หยอกๆ

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๙

๕๐%

   คุณสนหยิบเอาเสื้อผ้าในตู้ออกมาวางเรียงรวมทั้งหมวกปีกกว้างที่จะใส่ตอนเดินเล่นชายหาดโดยมีเฟื้องนั่งดูอยู่ใกล้ๆ

   “เฟื้อง เอ็งว่าข้าใส่ชุดไหนดี?”หันไปถามความคิดเห็นของบ่าวคนสนิท นังเฟื้องกวาดตามองแล้วจึงชี้ชุดที่เป็นลายดอกไม้เล็กๆสีชมพูดูอ่อนหวานน่ารัก

   “ชุดนี้ก็ดีเจ้าค่ะ”

   “สีมันหวานไปไหม? ข้าว่ามันดูสาวน้อยเกินไป”

   “ใส่อะไรที่ดูสบายตาสบายใจบ้างก็ดีเจ้าค่ะ ดูน่ารักอ่อนหวานดีนะเจ้าคะ ชุดนี้คุณสนก็ยังไม่เคยใส่เลยตั้งแต่ตัดมานะเจ้าคะ”

   “จริงสิ ถ้าอย่างนั้นข้าจะเชื่อเอ็งก็แล้วกัน เอ็งไปหยิบรองเท้าสานที่ข้าซื้อมาวันก่อนให้ข้าหน่อยข้าจะเอามาลองใส่ว่ามันเข้ากันมั้ย”นังเฟื้องรีบทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างว่าง่าย คุณสนทาบชุดลงกับตัวแล้วใส่รองเท้า หมุนกายไปมาที่หน้ากระจกโดยมีนังเฟื้องมองตามด้วยสายตาชื่นชม

   “คุณสนของอีเฟื้องงามกว่าใครในพระนครเลยเจ้าค่ะ”รอยยิ้มพึงใจปรากฏชัดบนดวงหน้า ด้วยเจ้าตัวก็มั่นใจในความงามของตนเองไม่ต่างกัน

   “เฟื้อง เอ็งว่าคุณใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”ยื่นชุดให้บ่าวคนสนิทแล้วนั่งลงที่ปลายเตียง  นังเฟื้องเอาชุดกลับไปเก็บในตู้แล้วจึงมานั่งแทบปลายเท้าเจ้านายสาว มันมีสีหน้าครุ่นคิด นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายเดือนจึงได้คำตอบ

   “ก็เป็นคนดีนะเจ้าคะ ฐานะ หน้าที่การงานดีทุกอย่าง หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แม้จะคล้ำกว่าพี่ๆน้องๆคนอื่นๆแต่ก็คมเข้มสมชายชาตรี หากจะเทียบลูกแม่ท้องเดียวกันกับคุณเล็กก็งามคนละแบบ คุณเล็กหน้าตาเธอเกลี้ยงเกลาส่วนคุณใหญ่คมสันสมเป็นชายชาติทหารเจ้าค่ะ”

   “ข้าไม่ได้หมายความถึงหน้าตาหรือฐานะ ข้าหมายถึงนิสัยของเขา เอ็งว่าเป็นยังไง”

   “ก็ดูแลเอาใจใส่คุณสนดีนะเจ้าคะ บ่าวว่าเธอจะดูแลคุณสนให้อยู่สุขสบายได้ตลอดชีวิต”

   “ข้อนั้นก็จริง แต่เรื่องความสุขสบายเอ็งก็รู้ดีว่าข้าไม่ได้ขาดเหลืออะไร สิ่งที่ข้าต้องการจากคุณใหญ่คือความซื่อสัตย์ ข้าอยากได้คู่ครองที่รักเดียวใจเดียวต่อให้มีเงินหรือมีอำนาจบารมีล้นฟ้าก็จะรักและมีข้าเพียงคนเดียว เหมือนคุณเตี่ยที่รักแม่ไม่ยอมมีอนุ ถ้าข้าจะต้องออกเรือนกับใคร ข้าก็อยากได้ผู้ชายแบบคุณเตี่ย เมื่อถึงวันนั้นจะให้ข้าเป็นนังกุลาก้นครัวทำกับข้าวกับปลาทำงานบ้านงานเรือนแม้ข้าจะทำไม่เป็นข้าก็พร้อมจะหัดเพื่อปรนนิบัติรับใช้ทำหน้าที่แม่ศรีเรือนไม่ให้เขาต้องอายใคร”นังเฟื้องยิ้มบางๆมองเจ้านายของตัวเองด้วยความเอ็นดู

แม้จะแสดงออกว่าต่อต้านผู้เป็นพ่อแค่ไหนแต่ลึกๆแล้วในใจก็เทิดทูนและเอาผู้เป็นพ่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตแท้ๆ

เสียดายที่ท่านเจ้าสัวไม่ได้มองเห็นในข้อนี้

   “คุณสนของบ่าวทำได้อยู่แล้วค่ะ ถ้าออกเรือนไปไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนเฟื้องก็จะตามคุณสนไปเจ้าค่ะ”เฟื้องจับมือของคุณสนมาแนบหน้า คุณสนยิ้มให้กับบ่าวคนสนิท เป็นยิ้มที่จริงใจเท่าที่นายจะมอบให้กับบ่าวที่แสนจงรักภักดีคนหนึ่งจะให้ได้

   “ข้าขอบใจเอ็งมากนะเฟื้อง ขอบใจจริงๆ”



   “หนูแสนทำอะไรอยู่ลูก”คุณพะยอมเอ่ยถามลูกชายที่บัดนี้เริ่มเข้าสู่รุ่นหนุ่มแล้ว หนูแสนเงยหน้าขึ้นมามองแม่มือก็กวนแป้งในกระทะไปเรื่อยๆ

   “หื๊ม...หอมเชียวลูก ลืมกลืนสินะจ๊ะกลิ่นมะลิโชยมาอ่อนๆ”

   “ใช่ค่ะ พอดีวันนี้ว่างๆค่ะเลยทำลืมกลืนไว้กินเล่น คุณเตี่ยบ่นอยากกินมาหลายวันแล้วหนูแสนไปโรงเรียนเลยไม่ว่างทำให้ซักทีค่ะ”

   “งั้นเดี๋ยวแม่ช่วยเคี่ยวแป้งกับกะทิหยอดหน้านะลูก”คุณพะยอมช่วยหนูแสนเคี่ยวกะทิหยอดหน้าขนมลืมกลืน ในขณะที่ช่วยกันทำขนมก็ได้ยินเสียงรถยนต์เข้ามาจอดตรงหน้าเรือน

   “สงสัยคุณใหญ่จะมารับพี่สนแล้วค่ะ”หนูแสนชะเง้อหน้ามอง คุณพะยอมถอนหายใจอย่างไม่สบายใจ

   “จริงๆแม่ไม่อยากให้ไปไหนกันสองต่อสองเลย ยิ่งไปไกลถึงหัวหินยิ่งไม่อยาก แต่หนูแสนก็รู้พี่สนน่ะลองถ้าเราห้าม เขาก็จะไปแม่จึงต้องปล่อย”

   “แต่หนูแสนคิดว่าคุณพี่สนเธอหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองน่าจะระมัดระวังตัวได้ดีค่ะ”หนูแสนออกความคิดเห็นตามที่ตัวเองคิดไว้ในใจ

   “หนูแสนคิดอย่างนั้นหรือลูก หญิงกับชายน่ะเหมือนน้ำมันกับไฟอยู่ใกล้กันอันตราย”

   “เรื่องนั้นมันก็จริง แต่แม่อย่าลืมนะจ๊ะว่าเจ้าคุณตาเลี้ยงและอบรมคุณพี่สนมา เธอเชื่อฟังและรับเอาความคิดของเจ้าคุณตามามากพอสมควร อีกอย่างคุณใหญ่ก็ไม่น่าจะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคุณเตี่ยกับแม่หรอกค่ะ หนูแสนว่าเราเชื่อใจพี่สนดูก็ไม่มีอะไรเสียหายนะคะ”หนูแสนตักเอากะทิที่เคี่ยวจนข้นหยอดลงบนตัวแป้งของลืมกลืนอย่างบรรจง

   “เอายังงั้นก็ได้ ว่าไงว่าตามกัน แล้วนี่จานนี้แยกไว้ทำไมลูก”คุณพะยอมชี้ไปที่ถาดขนมลืมกลืนที่หนูแสนแยกไว้ต่างหากอีกถาดหนึ่ง

   “หนูแสนจะเอาไปให้คุณหญิงป้าค่ะ”

   “จะว่าไปคุณเล็กก็ไปเรียนหลายปีแล้วนะ จะสามปีแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ ไม่รู้กลับมาจะเป็นหนุ่มสูงใหญ่แบบคุณใหญ่มั้ย”

   “จดหมายฉบับที่แล้วบ่นเรื่องนมเนย บ่นเหม็นชีสน่าสงสารเชียวค่ะ”

   “ยังต้องทนไปอีกหลายปี น่าสงสารเธอ”คุณพะยอมหัวเราะน้อยๆด้วยนึกเอ็นดูลูกชายบ้านข้างๆ

   “คราวหน้าเดี๋ยวหนูแสนไปดูที่กรมท่าจะได้รู้ว่าจะมีเรือออกจากท่าไปฝรั่งเศสอีกเมื่อไหร่จะได้เตรียมของส่งไปให้เธออีก”

   “จะทำอีกเมื่อไหร่ก็บอกแม่แล้วกัน ช่วยกันทำจะได้เสร็จไวๆ เอล่ะเสร็จแล้ว หนูแสนยกไปให้คุณเรือนนู้นเถอะ เดี๋ยวแม่จะทำน้ำปรุงต่อ”

   “งั้นเดี๋ยวหนูแสนกลับมาช่วยนะจ๊ะ”หนูแสนลูกขึ้นยืนนายมีที่รอทีอยู่แล้วก็เข้ามาถือถาดใส่ขนมที่มีใบตองรองจัดแต่งสวยงามเดินตามนายน้อยของตัวเองไปติดๆ บ่าวไพร่ในบ้าน 2-3 คน กำลังจัดเตรียมดอกไม้ที่จะใช้ในการทำน้ำอบน้ำปรุงซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของคุณพะยอม เดินลัดเข้าประตูไม้ที่ใช้เชื่อมที่ดินของสองเรือนแล้วมุ่งตรงไปเรือนใหญ่ คุณน้อยนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ที่ศาลาริมสวนเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเดินลิ่วมาแต่ไกล

   “หนูแสน วันนี้เอาอะไรมาฝากคุณหญิงเหรอ?”

   “ขนมลืมกลืนน่ะค่ะคุณน้อย ดีเลยคุณน้อยอยู่ตรงนี้หนูแสนทำมาเผื่อด้วยงั้นแบ่งไว้ให้ตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ”หนูแสนเดินนำนายมีมาหาคุณน้อยแล้วจึงแย่งขนมให้คุณน้อยชิม

   “เห็นแค่รูปร่างหน้าตาก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยจนลืมกลืน รสมือหนูแสนไม่เป็นสองรองใคร”

   “คุณน้อยก็ยอหนูแสนเกินไปถ้าหนูแสนลอยขึ้นฟ้าจะทำยังไงคะ”

   “ก็เอาไม้สอยสิ”คุณน้อยหัวเราะคิกกับมุกตลกของตัวเองหนูแสนเห็นคุณน้อยหัวเราะก็นึกขำ

   “เดี๋ยวหนูแสนเอาขนมไปให้คุณหญิงป้าก่อนนะ วันนี้แม่ทำน้ำปรุงหนูแสนจะไปช่วยแม่”

   “ดีจริง ถ้าทำเสร็จแล้วฉันขอซื้อเพิ่มอีกสองขวดนะ คราวก่อนที่ซื้อมาแม่ชอบมากบอกว่าหอมทนหอมติดตัวเป็นนางตัวหอม”

   “ได้ค่ะเดี๋ยวหนูแสนแบ่งมาให้นะคะ”

   “บ้านหนูแสนนี่รวยก็รวยแถมยังขยันอีกคุณพี่สนเห็นเป็นผู้หญิงแต่วงสังคมพูดกันให้แซดว่าเธอมีรายได้มากกว่าผู้ชายตระกูลดีๆหลายคนเสียอีก คุณน้าพะยอมก็ขยัน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนแท้ๆแต่มีรายได้ไม่ขาดมือเอาเงินเอาทองไปเก็บไว้ไหนกันจ๊ะ”

   “โธ่ ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ แม่อยู่บ้านก็คงจะเหงาเลยหาอะไรทำแก้เบื่อ มีเงินเหลือก็ดีกว่าไม่มีเงินเลยไม่ใช่เหรอคะ”

   “ก็จริงนะ ฉันยังอยากทำอะไรขายเป็นรายได้มั่งเลยแต่คุณแม่บอกว่าขืนทำได้โดนเจ้าคุณพ่อเอ็ดแย่ เป็นลูกพระน้ำพระยาแต่ไปเที่ยวกระเดียดของขายคนได้เอาไปลืมว่าพระยาสรอรรถโยธาไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ตายจริงชวนหนูแสนคุยเพลิน เอาขนมขึ้นไปให้คุณหญิงเถอะจ้า”คุณน้อยรู้ตัวว่าพูดมากไปจึงตัดบท หนูแสนเอ่ยคำลาแล้วจึงชวนนายมีตรงไปที่เรือนใหญ่เมื่อถึงตัวเรือนก็รับถาดขนมจากนายมีมาถือแล้วตามบ่าวของคุณหญิงผกาขึ้นไปบนเรือน

   “วันนี้เอาอะไรมารึหนูแสน”

   “ลืมกลืนค่ะ คุณเตี่ยบ่นอยากกินวันนี้วันหยุดหนูแสนเลยมีเวลาทำให้ก็เลยเอามาฝากเจ้าคุณลุงกับคุณหญิงป้าด้วย”

   “ดีจริง ขอบใจมากนะจ๊ะ ท่านเจ้าคุณกลับมาจะได้ยกเป็นของหวานหลังอิ่มข้าว นี่ถ้าตาเล็กอยู่คงกวาดเป็นของตัวเองหมด”

   “ป่านนี้ขนมนมเนยที่ฝากไปให้ไม่รู้จะหมดหรือยังนะคะ”

   “รายนั้นน่ะเขากินพอให้หายอยากน่าจะกินได้นานอยู่หรอก พ่อเล็กเขาชอบกินกับพวกน้ำชา คราวหลังถ้าหนูแสนจะทำก็มาเอาเงินที่ป้านะ ป้าเกรงใจ แล้วก็อย่าปฏิเสธเลย บ้านหนูแสนทำของกินฝากให้พ่อเล็กเขาหลายครั้งแล้วป้าไม่เคยต้องเตรียมอะไรเองเลยสบายจนเคยตัวแล้ว”

   “งั้นก็ได้ค่ะ ไว้คราวหน้าหนูแสนจะมาเรียนคุณป้าก่อนนะคะ เดี๋ยวยังไงวันนี้หนูแสนต้องกลับเรือนก่อนแม่กำลังจะทำน้ำปรุง”

   “ไปเถอะ ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะสำหรับขนม ไว้กระแจะจันทน์กับน้ำปรุงป้าหมดจะไปอุดหนุนใหม่ กลิ่นกุหลาบมอญป้าพรมแต่ละทีหอมฟุ้งไปทั้งวันสมกับเป็นแม่พะยอมเขาจริงๆ”

   “แม่จะทำเตรียมไว้ขายช่วงสงกรานต์ค่ะ ลูกค้าก็มาสั่งไว้เยอะ ยังไงหนูแสนกราบลาคุณหญิงป้าก่อนนะคะ”

   “หนูแสน ป้าชอบนะที่หนูแสนกลับมาพูดคะขากับป้าอีกครั้ง ฟังแล้วคิดถึงพ่อเล็ก ขอบใจนะลูกที่มาพูดมาคุยให้คนแก่หายเหงาไปบ้าง”

   “ไม่เป็นไรค่ะถ้าคุณป้าชอบแบบนี้หนูแสนก็จะพูดกับคุณป้า แต่ถ้าอยู่ที่เรือนของหนูแสนก็อาจจะต้องพูดครับเพราะคุณเตี่ยไม่ชอบ”

   “ป้าเข้าใจ ไปเถอะป้าไม่รั้งแล้ว ว่างก็มาหาป้าใหม่นะลูก”คุณหญิงผกายิ้มให้หนูแสนที่กราบลาแล้วลงจากเรือนไป

เห็นเด็กตัวน้อยเติบใหญ่จนโตเกือบจะเท่าลูกชายคนเล็กที่พลัดจากอกไปหลายปีแล้วก็ให้คิดถึง

ไม่ต่างกับหนูแสนที่ก็คิดถึงคุณเล็ก...ไม่ต่างกัน



…………………….

คิดถึงเหมือนกันเจ้าค่ะ
 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ด้วยเราอ่านทั้งหมดนะคะ ชอบมากจริงๆ
ถ้าเราหายไปนานได้โปรดรู้ไว้ว่าเน็ตตัดนะคะ ระหว่างนี้จะพิมพ์ทุกวัน สัญญาเลยค่ะ
แล้วก็อยู่กับเรื่องราวของคุณสนไปอีกตอนสองตอนนะคะเดี๋ยวคุณเล็กก็กลับมาแล้วเวลาเดินเร็วจะตายไป
เมืิ่อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันไปได้หรอกค่ะ
#แสนคำนึง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2020 18:37:32 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ว้าวๆๆๆๆๆ...

..เขาจะได้เจอกันแล้ว

ดีใจจัง

..รอค่าา

 :mew1:



ออฟไลน์ Toey0810

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอให้คู่คุณสนกับคุณใหญ่ไปกันได้ด้วยดีอย่าให้คุณสนต้องเสียใจอีกเลยน่าสงสารเธอ ส่วนหนูแสน ขอให้ได้เจอคุณเล็กเร็วๆน้า

เป็นกำลังใจให้นักเขียนมากๆๆๆๆๆๆนะค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนี้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด