แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26903 ครั้ง)

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
หนูแสนของน้องงงงงงงงงงงงงงง​

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๑๗

๕๐%




“คุณน้าแสนคนดีหายไปไหนมาตั้งนาน หนูยิ่งคิดถึง” หนูยิ่งที่เห็นผู้เป็นน้าก้าวขึ้นมาบนเรือนก็ทิ้งของเล่นที่กำลังเล่นกับอโณทัยวิ่งมาสวมกอดเอวของผู้เป็นน่าทันที หนูแสนส่งถาดอาหารที่ตนเองถือมาจากเรือนให้บ่าวเอาไปจัดสำรับก่อนจะนั่งลงกอดหลานชายตัวน้อยไว้
“น้าแสนก็คิดถึงหนูยิ่งนะคะ”
“ถ้าคิดถึงทำไมไม่มาตั้งนาน” หนูยิ่งทำหน้าอ้อนผู้เป็นน้าจนหนูแสนหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ก็น้าแสนต้องไปดูแลตาทวดนี่คะ หนูยิ่งอยู่กับคุณย่าซนหรือเปล่า?” แสร้งทำเสียงขรึมเอ่ยถามหลานชาย เจ้าตัวเล็กรีบส่ายหน้า
“หนูยิ่งกับพี่อโณไม่ดื้อไม่ซนเลย แต่คุณย่าก็ยังเอ็ดไล่ให้หนูยิ่งกับพี่อโณไปเล่นไกล ๆ คุณย่ารำคาญ” หนูยิ่งเอ่ยฟ้องผู้เป็นน้า
“คุณย่าไม่สบายก็เลยอารมณ์ไม่ดีเป็นธรรมดา น้าแสนเอาขนมมาฝากหนูยิ่งกับอโณ เดี๋ยวไปนั่งกินกันตรงนู้นนะคะ เดี๋ยวน้าแสนเข้าไปหาคุณย่าก่อน” หนูแสนลูบผมของหลานชายก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าประตูห้องของคุณหญิงผกา สูดลมหายใจรวบรวมความกล้าแล้วจึงส่งเสียงเข้าไปก่อนเพื่อให้คนด้านในรู้ตัว
“คุณป้าคะ หนูแสนมาเยี่ยมค่ะ”
“จะเข้าก็เข้ามาสิ ปกติไม่อนุญาตก็เข้ามาอยู่แล้วนี่” หนูแสนยิ้มให้กับคำประชดนั้นเปิดประตูเข้าไปด้านใน คุณหญิงผกานั่งพิงหัวเตียงหน้าตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนเรียบเฉยเช่นเดิม
แต่มีบางอย่างที่หนูแสนรู้สึกว่าคุณหญิงผกาในวันนี้ไม่เหมือนเช่นทุกวันก็คือแววตาที่มองหนูแสน
“คุณป้าสบายดีมั้ยคะ?”
“อืม...ก็ดี” คุณหญิงผกาตอบกลับ แต่เป็นคำตอบที่ทำให้หนูแสนแปลกใจ เพราะปกติคุณหญิงผกาจะไม่ตอบหรือไม่ก็พูดเหน็บจนหนูแสนชิม
“มองอะไรล่ะ จะนั่งก็นั่ง ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ไม่งาม” คุณหญิงผกาส่งเสียงเอ็ดจนหนูแสนต้องรีบนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง เกิดความเงียบปกคลุมจนรู้สึกอึดอัด หนูแสนเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาทำเพียงแสร้งหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาพลิกหาหน้าที่คั่นไว้เมื่อครั้งก่อน
“เกิดแก่เจ็บตายมันเป็นเรื่องธรรมดา” หนูแสนชะงักมือที่กำลังพลิกหน้าหนังสือ ดวงตากลมเงยขึ้นสบตากับคุณหญิงผกา ผู้อาวุโสกว่ามองหนูแสนด้วยสายตาที่หายไปนานนับปี
“ไม่มีใครหนีความตายพ้น หักห้ามใจหักห้ามความทุกข์โศกเสียเถอะนะหนูแสน” คุณหญิงผกายื่นมือมาลูบศีรษะของเด็กตรงหน้า หนูแสนรู้สึกว่าหัวใจของตนเองอุ่นวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจ หากแต่เป็นความปีติยินดีที่ค่อยๆ เพิ่มพูนใน
“คุณป้าหายโกรธหนูแสนแล้วหรือคะ?” เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ แม้จะคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าคุณหญิงผกากลับมาเป็นคุณป้าผู้ใจดีเหมือนเมื่อครั้งยังเยาว์แต่ก็ขอถามเพื่อความแน่ใจ คุณหญิงผกาดึงมือที่ลูบบนศีรษะของหนูแสนออก ดวงตาที่มีแววโรยราไม่ว่าด้วยตามวัยหรือด้วยประสบการณ์ชีวิตทั้งสุขและเศร้าที่ได้รับมาชั่วชีวิตนั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ต้นสายหยุดที่ออกดอกเหลืองเต็มต้นส่งกลิ่นหอมเย็นๆ ยามเช้ามืดนั้น คุณหญิงให้บ่าวเอามาปลูกเมื่อครั้นออกเรือนกับท่านเจ้าคุณใหม่ๆ
เป็นต้นสายหยุดต้นเดิม หากแต่ไม่เหมือนเดิม มันสูงใหญ่ออกดอกไสวต่างจากต้นที่เอามาใหม่ ทั้งเล็กและดูเปราะบาง บัดนี้มันเปลี่ยนแปลง เติบโตและแข็งแรง
ชีวิตคนก็เช่นกัน ไม่มีอะไรคงเดิมมีแต่จะเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วัน แต่ตัวคุณหญิงเองกับจมปลักในวังวนแห่งความเคียดแค้นชิงชัง
เมื่อได้อยู่กับตัวเองลองนึกทบทวนตรึกตรองดูแล้วจึงทำให้ค่อย ๆ คิดได้ทีละนิดว่าแท้ที่จริงแล้วความทุกข์ที่เสมือนไฟกองใหญ่คอยเผาใจให้ร้อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นนั้นมันเกิดขึ้นจากหล่อนทั้งสิ้น
หนูแสนปล่อยให้คุณหญิงผกาได้คิดทบทวน ไม่ได้เร่งเร้าจะเอาคำตอบ หรือหากแม้นคุณหญิงผกาไม่ตอบก็จะไม่เซ้าซี้ จะปล่อยให้มันผ่านไป หากแต่อีกครู่หนึ่งเหมือนคุณหญิงผกาตกตะกอนความคิดของตัวเองเสร็จแล้วท่านก็หันมาทางหนูแสน
“ที่ผ่านมา ป้าขอโทษหนูแสนนะ” คำขอโทษถูกเอ่ยออกจากปากคนแก่กว่า หนูแสนเพิ่งรู้ว่าความปลื้มปีตินั้นรู้สึกอย่างไรก็วันนี้ เด็กหนุ่มกราบลงบนตักของผู้อาวุโสก่อนจะเงยหน้ามาเอ่ยถ้อยคำหวานหู
“หนูแสนต่างหากค่ะที่ต้องกราบขอโทษคุณป้า ที่ผ่านมาหนูแสนคงทำตัวไม่น่ารักไปหลายครั้ง คุณป้ายกโทษให้หนูแสนด้วยนะคะ”
“อย่ามาชิงขอโทษป้าเลย ถึงป้าจะแก่กว่าก็ใช่ว่าจะขอโทษเด็กไม่ได้ ในเรื่องนี้ป้าผิดป้าก็คิดว่าป้าควรเป็นฝ่ายขอโทษ โกรธคนหนึ่งพาลมาฟาดงวงฟาดงากับอีกคนมันใช้ได้ที่ไหน ใคร ๆ เตือนก็ไม่ฟังหาว่าเขาไม่เห็นใจ สุดท้ายเขาเบื่อเขารำคาญเขาเหนื่อยจะพูดก็ตีตัวออกหากกันไปหมด”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณป้า” หนูแสนบีบมือคุณหญิงผกาอย่างให้กำลังใจ
“ไม่ต้องมาปลอบป้าหรอก ป้ารู้ดีว่าสิ่งที่ป้าทำมันแย่มาก ๆ ดูสิ” คุณหญิงผกากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง
“เมื่อก่อนมีผู้คนห้อมล้อมป้ามากมาย แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครเลย” ปลายน้ำเสียงนั้นแผ่วจนน่าใจหาย หนูแสนรู้ดีว่าคุณหญิงผกานั้นจะรู้สึกอ้างว้างเพียงใด
“เมื่อก่อนตอนลูกๆ ยังเด็กป้าก็คิดว่าการที่ท่านเจ้าคุณไปเรือนแม่ชื่นหรือแม่มณีนั้นก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยป้ายังมีลูกๆ จนกระทั่งพ่อใหญ่ถูกส่งไปเมืองฝรั่ง แม่กลางก็เข้าไปถวายตัวเป็นนางในจากนั้นก็ออกเรือนป้าก็ยังคิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังเหลือตาเล็ก แต่พอตาเล็กจากไปอีกคนป้าก็เหงาเสียยิ่งกว่าเหงา เรือนที่เคยว่าอยู่กันแบบพอดีตัวมันก็กว้างเสียจนป้ารู้สึกโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็ไม่เหลือลูกหลานให้เลี้ยงดูพูดคุยให้ชื่นใจ จนพ่อใหญ่กลับมาป้าถึงรู้สึกว่าความสุขมันกลับมาอีกหน” คุณหญิงผกายิ้มให้กับภาพลูกชายคนโตที่จะต้องแวะมากอดมาหอมแก้มมาพูดคำหวานให้หล่อนทุกวันหลังเลิกงาน
“พ่อใหญ่เป็นคนปากหวาน สรรหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังต่าง ๆ นานามันก็ช่วยให้คลายเหงาขึ้นมาได้บ้าง จนพ่อให้มาบอกว่าจะแต่งงานกับแม่สน ขอบอกตามตรงว่าจริงๆ แล้วป้าค้านหัวชนฝา อย่าหาว่าป้าดูถูกแม่สนเลยนะ แต่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกก็รู้ๆ นิสัยกันอยู่ว่าเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจหัวสมัยไม่ยอมใคร ร้อนกับร้อนเจอกันก็มีแต่พัง แต่ในเมื่อพ่อใหญ่ยืนยันว่าจะเอาคนนี้ก็ต้องตามใจ สุดท้ายก็พังจริง ๆ” แววตาของคุณหญิงผกาหม่นแสงลงยามนึกถึงเรื่องราวชีวิตของลูกชายคนโต หนูแสนเม้มริมฝีปากแน่น ในสมองก็คิดว่าตนเองควรจะพูดขอโอกาสให้กับพี่สาวหรือไม่
จะว่าไปแล้วเราทุกคนล้วนเคยทำเรื่องผิดพลาด ตอนนี้แต่ละคนได้รับผลจากความผิดพลาดนั้นแล้ว คุณสนก็เช่นกัน ดังนั้นหนูแสนจึงตัดสินใจขอโอกาสให้พี่สาวอีกครั้ง
“คุณป้าขา...ยกโทษให้พี่สนได้มั้ยคะ หนูแสนอยากพาพี่สนมากราบขอโทษคุณป้า ได้ไหมคะ?” คุณหญิงผกามองหน้าหนูแสนที่สบตาไม่ได้หลบ ในหัวใจหนักอึ้ง
“เอาเป็นว่าป้ายกโทษให้ แต่อย่าพามาเจอเลย”
“ทำไมล่ะคะ” หนูแสนถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อยกโทษให้กันได้ทำไมถึงไม่ยอมให้มากราบขอโทษด้วยตัวเอง
“หนูแสนไม่เคยมีลูก หนูแสนไม่รู้หรอกว่าหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่สูญเสียลูกไปน่ะมันช้ำแค่ไหน วันหนึ่งถ้ามีลูกเป็นของตัวเองก็คงจะเข้าใจ” คุณหญิงผกาทิ้งท้ายคำพูดไว้เพียงเท่านั้น หากแต่ประโยคที่ว่าวันหนึ่งหากหนูแสนมีลูกหนูแสนจะเข้าใจกลับกลายเป็นคำพูดที่ทำให้ใจดวงน้อยนั้นสั่นจนน่ากลัว
หนูแสนจะมีลูกได้อย่างไร...ในเมื่อหนูแสนเป็นผู้ชาย เมื่อรักคุณเล็กแล้วก็ไม่คิดจะไม่ออกเรือนกับหญิงใด เรื่องผู้สืบสกุลก็ไม่เห็นเป็นสำคัญด้วยมีตาอ้นลูกของคุณพี่เสนเป็นผู้สืบสกุลรุ่นถัดไปแล้ว
แต่คุณเล็กเล่า?
หากวันหนึ่งคุณเล็กอยากมีทายาทขึ้นมาจะทำอย่างไร...


หลังเสร็จงานศพเจ้าคุณพิพิธได้ไม่กี่วันคุณพะยอมกับบ่าวก็ต้องมาเร่งมือทำน้ำอบน้ำปรุงส่งลูกค้าที่มากขึ้นแบบปากต่อปาก หลังๆ มานี้หนูยิ่งพาอโณทัยข้ามมาหาน้าแสนบ่อยครั้งจึงได้อยู่กินขนมพูดคุยกับผู้เป็นยาย หนูหยกดีใจที่พี่ชายมาหามาเล่นด้วย เด็กๆ พากันเล่นซนรวมทั้งลูกๆ ของคุณเสน บ้านที่เงียบก็พลันสดใสขึ้นด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะของเด็กๆ เฟื้องพาคุณสนออกมานั่งเล่นตรงชานเรือนเหมือนเช่นทุกวัน
“เสียงเด็กที่ไหนเล่นกันเสียงขรม” คุณสนเอ่ยถามพลางชะโงกหน้ามองหาต้นเสียง นังเฟื้องไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงเดินตามนายสาวไปเรื่อยๆ ใจหวังให้คุณสนจำคุณยิ่งได้แต่ก็นึกชังอโณทัยลูกแหม่มแอนนาจับจิต
“ตายจริง ลูกใครนั่นมีเด็กฝาหรั่งด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู เด็กผู้ชายคนใกล้ ๆ ก็น่ารัก” คุณสนออกปากชมหนูยิ่งผู้เป็นลูกชายด้วยนึกเอ็นดูและถูกชะตา นังเฟื้องได้ทีจึงดันให้ผู้เป็นนายลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“ลูกใครกันหรือคะแม่” เอ่ยถามคุณพะยอมที่นั่งมองหลาน ๆ เล่นกัน เด็กๆ หันมามองคุณสน หนูยิ่งที่ไม่ได้เจอแม่นานแต่ก็โตพอจะรู้ความและจำผู้เป็นแม่ได้มองคุณสนด้วยความคิดถึง เด็กชายวัยหกขวบวิ่งถลาเข้ามากอดเอวผู้เป็นแม่ด้วยความรัก
“แม่จ๋า แม่สนของหนูยิ่ง หนูยิ่งคิดถึงแม่” เด็กน้อยร้องบอกผู้เป็นแม่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มือเล็กเช็ดน้ำตาป้อยๆ อย่างพยายามสะกดกลั้นไม่ให้ไหลออกมา
คุณพ่อเคยบอกไว้ว่าลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้
แต่ทำไมน้ำตามันไม่ยอมหยุดไหลก็ไม่รู้
คุณสนที่ชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ เด็กชายแปลกหน้าก็วิ่งเข้ามากอดย่อกายลงนั่งให้เสมอกับหนูยิ่ง รอยยิ้มถูกมอบให้อย่างใจดี มือสวยคว้ามือเล็กของเด็กน้อยแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บไว้ตรงเข็มขัดนากออกมาซับน้ำตาให้เบา ๆ
“อย่าใช้มือขยี้ตาสิคะ ประเดี๋ยวตาจะเจ็บได้” หนูยิ่งมองดูแม่ที่บรรจงเช็ดหน้าให้ตนเองไม่ละดวงตาไปไหน
นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ไม่เคยได้พบเจอแม่
ภาพของแม่ในวันนี้คล้ายจะเป็นคนละคนกับในวันวาน
แม่ที่เคยเอิบอิ่มสวยงามใบหน้าเคยมีสีสันบัดนี้กลับเรียบนิ่งดูสงบไร้ซึ่งสีสันฉูดฉาดชินตา
แม่ที่บางครั้งก็เผลอเกรี้ยวกราดยามทะเลาะกับคุณพ่อมาวันนี้กลับดูใจดีอย่างน่าประหลาด
แต่ไม่ว่าแม่จะเป็นแบบไหนหนูยิ่งก็รัก
ร่างเล็กของเด็กชายโผเข้ากอดแม่อย่างที่โหยหาและปรารถนาจะทำมาโดยตลอด แขนเล็กโอบรั้งรอบลำคอของแม่ ใบหน้าซุกกับอกแม่ร้องไห้โฮ
ช่างเรื่องของลูกผู้ชายปะไร
หนูยิ่งรู้เพียงว่าหนูยิ่งเป็นลูกของแม่เท่านั้น
“คิดถึงคุณแม่ คิดถึงมาก ๆ เลย” เด็กชายเอ่ยด้วยเสียงเจือสะอื้น ท่ามกลางสายตาของยาย น้าและบ่าวไพร่ หนูยิ่งไม่สนและไม่นึกอายที่ต้องเป็นเด็กอ่อนแอ ความคิดถึงเอ่อล้น อยากเจอแม่มาตลอดปีกว่าแต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ข้ามบานประตูไม้ข้ามเขตมาจนกระทั่งคุณย่าดีกันกับน้าแสน
หนูแสนมองภาพแม่ลูกที่กอดกันกลมแล้วก็ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความปลื้มใจ พลันความอุ่นที่ฝ่ามือก็ทำให้ต้องเงยหน้ามอง คุณเล็กที่น่าจะเพิ่งเสร็จจากงานที่หอบมาทำในวันหยุดมาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างแล้วกุมมือหนูแสนไว้
คุณสนที่ถูกสวมกอดโดยไม่ทันตั้งตัวไม่ได้ผลักไสเด็กชายออก ปล่อยให้หนูยิ่งกอดจนพอใจ มือเรียวก็ลูบหลังเล็กนั้นอย่างใจดี เมื่อเด็กชายสงบลงจึงดันร่างเล็กให้ห่างตัว หญิงสาวส่งยิ้มเอ็นดูเจือแววเวทนาเด็กน้อยอยู่ในที
“คิดถึงแม่หรือคะ?” เอ่ยถามเด็กตรงหน้า หนูยิ่งที่ร้องไห้จนตาหูแดงพยักหน้า
“แม่ไปไหนเสียล่ะคะ?” คำถามที่ถูกถามออกมาทำเอาเด็กน้อยงุนงงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมที่จ้องมองผู้เป็นแม่มีแววสลดวูบ ทุกคนในที่นั้นลอบถอนหายใจเบา ๆ
“ก็แม่ไงจ๊ะ แม่เป็นแม่ของหนูยิ่ง” เด็กน้อยร้องตอบอย่างไม่เข้าใจท่าทีของแม่
“ฉันไม่ใช่แม่ของหนูหรอกจ้า ฉันมีลูกคนเดียวคือหนูหยก นั่นไงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั่น” คุณสนชี้มือมาทางหนูหยกที่ยืนรวมกับพี่ๆ หนูยิ่งมองแม่ด้วยดวงตาไม่เข้าใจและผิดหวัง หนูแสนเห็นท่าทางของหลานชายก็ให้นึกสงสารจึงเดินเข้าไปดึงหนูยิ่งออกจากผู้เป็นแม่
“หนูยิ่งมากับน้าแสนก่อนนะ” เมื่อหนูแสนดึงหนูยิ่งให้เดินกลับมาที่ม้านั่งคุณสนสิ่งยิ้มให้เด็กชายอีกครั้งแล้วก็เดินกลับไปนั่งเล่นที่ชานเรือนตามเดิม ทิ้งความเสียใจของเด็กน้อยไว้ข้างหลังอย่างคนที่ไม่เหลือความทรงจำในวันเก่า
“คุณแม่ไม่รักหนูยิ่งแล้วคุณน้าแสน” เด็กน้อยร้องบอกอย่างเสียใจ หนูแสนสวมกอดร่างเล็กไว้แน่นอย่างสงสาร
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหนูยิ่ง หนูยิ่งคนดีฟังน้าแสนนะคะ ไม่ใช่ว่าคุณแม่ไม่รักหนูยิ่ง คุณแม่รักทั้งหนูยิ่งหนูหยก แต่ตอนนี้คุณแม่ป่วย ความทรงจำของคุณแม่หายไปคุณแม่เลยจำใครไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าคุณแม่จำหนูยิ่งไม่ได้แค่คนเดียวนะ คุณยาย คุณก๋ง หนูหยก น้าแสน รวมทั้งคนอื่น ๆ คุณแม่ก็จำใครไม่ได้เลยสักคน”
“แต่คุณแม่บอกว่ามีน้องหยกเป็นลูกแค่คนเดียว แปลว่าคุณแม่จำน้องได้น่ะสิน้าแสน”
“เปล่าเลย แม้แต่หนูหยกคุณแม่ก็จำไม่ได้ ทุกคนในตอนนี้คือครอบครัวใหม่ที่คุณแม่ต้องจดจำ ตอนนี้หนูยิ่งเข้ามาอยู่ในความทรงจำอันใหม่ของคุณแม่แล้วหนูยิ่งต้องไม่ถอดใจนะคะ ถ้าคุณแม่ยังจำไม่ได้ก็ต้องค่อยๆ เข้าไปหาเธอทีละนิด” หนูแสนอธิบายให้หลานชายฟังอย่างใจเย็น คุณเล็กปล่อยให้หนูแสนเป็นคนรับหน้าที่นี้ไปเพราะหนูแสนนั้นรู้สถานการณ์ในเรือนตัวเองดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์หรือความทรงจำของคุณสน ดังนั้นคุณเล็กจึงไม่ก้าวเข้าไปปลอบหลานชาย หนูยิ่งได้ฟังดังนั้นก็คิดตามสิ่งที่น้าชายพูด แต่เด็กน้อยก็เกิดความไม่แน่ใจ
“แม่จะจำหนูยิ่งได้จริงๆ เหรอครับน้าแสน”
“ถ้าแม่จำไม่ได้ก็มาสร้างความทรงจำใหม่กับแม่กันดีมั้ยคะ ตอนนี้หนูยิ่งมาเที่ยวเล่นบ้านคุณก๋งได้แล้วก็มาหาแม่บ่อย ๆ น้าเชื่อว่าวันหนึ่งแม่ก็จะรักหนูยิ่งเหมือนที่รักหนูหยก ดีมั้ยคะ?” กระชับกอดหลานตัวน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้บังคับให้หลานมาหากแต่ถือความสมัครใจของหนูยิ่งเป็นที่ตั้ง เด็กน้อยสวมกอดน้าชาย พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“คุณแม่จำใครไม่ได้เลยน่าสงสารนะครับ หนูยิ่งสัญญาโตขึ้นหนูยิ่งจะเป็นหมอแล้วมารักษาคุณแม่ให้หายดี ถึงวันนั้นวันที่แม่จำได้ แม่จะได้รักหนูยิ่งเพราะรู้ว่าหนูยิ่งเป็นลูกจริงๆ” เด็กน้อยบอกผู้เป็นน้าอย่างมุ่งมั่น หนูแสนลูบผมหลานชายอย่างเอ็นดู
“เอาเลย หนูยิ่งอยากทำอะไรทำเลย อยากเรียนอะไรก็เรียนเลย น้าแสนคุณอาเล็กหรือแม้แต่คุณก๋งคุณยายก็จะส่งให้หนูยิ่งเรียน เพราะอะไรรู้มั้ย” หนูแสนทิ้งจังหวะ มองหน้าหลานชายด้วยสายตาที่แสดงความรักอย่างจริงใจ
“เพราะพวกเรารักหนูยิ่ง หนูยิ่งไม่ได้ขาดความรักเลยเห็นมั้ยคะ” หนูแสนชี้มือให้หนูยิ่งมองไปทางคุณเล็ก คุณพะยอมและหลานๆ คนอื่นที่มองมาอย่างห่วงใย หนูยิ่งมองตามมือผู้เป็นน้าก็รู้สึกอุ่นใจและเห็นจริงตามที่น้าแสนบอก ทุกสายตาที่มองมามีแต่ความรักความห่วงใยโดยที่เด็กน้อยก็สัมผัสได้ ไม่มีใครเกลียดหนูยิ่งเลยสักนิด เด็กชายซบลงกับไหล่ผู้เป็นน้าเอ่ยคำหวานให้คนข้างๆ จนหนูแสนยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“หนูยิ่งก็รักน้าแสน รักอาเล็ก รักคุณยาย รักทุก ๆ คนเหมือนกัน” คุณเล็กมองภาพสองน้าหลานที่นั่งคุยกันกะหนุงกะหนิงด้วยหัวใจที่เป็นสุข ในใจนั้นคิดเรื่องสำคัญ เรื่องที่ตนเองควรเข้าไปพูดกับท่านเจ้าคุณสรอรรถกับคุณหญิงผกาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที เวลาผ่านมาเนิ่นนานและคนทั้งคู่นั้นผ่านอะไรร่วมกันมาทั้งสุขและทุกข์มาพอสมควร พ่อและแม่ของเขาควรรับรู้เรื่องที่ตนเองกับหนูแสนรักกันได้แล้ว อย่างน้อยเขาก็อยากให้เกียรติหนูแสนและครอบครัว ลิขิตไม่อยากแอบคบหากันโดยที่พ่อแม่ของตนเองไม่รับรู้ไปอย่างนี้เรื่อย ๆ
เด็กๆ แยกตัวออกไปเล่นด้วยกันโดยมีนายมีและนายพันคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คุณพะยอมกับยายแช่มก็ง่วนอยู่กับการผสมดอกไม้ชนิดต่างๆ หนูแสนปลีกตัวมานั่งเล่นที่เรือนแพของคุณเล็กตามคำชวนของคนรัก ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน คุณเล็กทำเพียงนอนหนุนตักเจ้าน้องน้อยมองใบหน้าพริ้มเพราอย่างแสนรัก หนูแสนเองถูกมองเท่าไหร่ก็หาได้ชินกับสายตาระยิบระยับที่คุณเล็กมองมาเสียที แสร้งเบนสายตาหลบมองไปยังผิวน้ำเบื้องหน้า
“เขินเหรอคะ?” แสร้งถามทั้ง ๆ ที่รู้ทั้งรู้
“ไม่แกล้งหนูแสนสิคะ”
“คุณเล็กแกล้งหนูแสนตรงไหนคะ ก็หนูแสนกำลังเขินคุณเล็กจริง ๆ ดูสิคะแก้มแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว” ไม่พูดเปล่ายิ่งส่งมือไปลูบแก้มของน้องเบา ๆ
“ถ้าไม่กลัวจะมีใครเข้ามาเห็น คุณเล็กก็อยากจะขอจูบหนูแสนสักที”



.................................

คิดถึงกันหรือไม่เจ้าคะ
ว่าที่แม่ผัวลูกกะไพ้เขาคุยกันแร้วน้า
ครึ่งหลังไปคุยกับเจ้าคุณพ่อคุณหญิงแม่เรื่องของเรากันนะคะ
เม้นท์เยอะจะรีบมาพิมพ์ก่อนไปโรงพยาบาล ไม่งั้นก็เจอกันหลังกลับจากโรงพยาบาลนะคะ
เป็นกำลังใจให้โรคสงบด้วยนะคะ


ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
รออ่านค่ะ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


แม่ผกา..ผีออกแล้วสินะ

 :mew1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


ตอนที่ ๑๗

๑๐๐%


 ทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดของเจ้าสัวเช็งและคุณเสน ทุกวันหยุดกิจวัตรประจำวันของท่านเจ้าสัวก็จะเป็นเหมือนเดิมซ้ำๆ เริ่มจากตื่นนอนเวลาประมาณตีห้าครึ่ง คุณพะยอมก็จะเตรียมน้ำสำหรับล้างหน้าและอุปกรณ์สีฟัน เมื่อทำธุระเช้าเรียบร้อยแล้วก็จะนั่งจิบชาจีน บางวันหากหนวดยาวก็จะใช้กรรไกรเล็กๆ ค่อยๆ เล็มหนวดอย่างใจเย็น ราว ๆ เจ็ดโมงเช้าก็จะลงมานั่งที่ห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือพิมพ์ที่บ่าวเตรียมไว้ให้บ้างก็นั่งเล่นกับหลานๆ เป็นคุณก๋งผู้ใจดี พอแปดโมงเช้าก็จะนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกหลาน ช่วงสายๆ ซักสิบโมงเช้าเจ้าสัวก็จะย้ายตัวเองไปอยู่ที่เรือนต้นไม้ด้านหลังเพื่อดูแลบอนไซและพวกไม้ดัดแคระที่ท่านปลูกมานานบางต้นนั้นแก่กว่าคุณเสนบุตรชายคนโตเสียอีก เป็นที่รู้กันว่าเรือนต้นไม้นี้หากไม่ได้รับอนุญาตหลานๆ เล็กๆ จะไม่ได้เข้ามาเด็ดขาดเพราะต้นไม้ทุกต้นล้วนราคาแพงอีกทั้งกระถางที่ใช้ปลูกบางกระถางก็เป็นเครื่องลายครามเก่าแก่ ท่านเจ้าสัวจะใช้เวลาอยู่ในเรือนต้นไม้ครั้งละนานๆ เวลาที่ได้ต้นใหม่ๆ มาท่านจะค่อยๆ บรรจงใช้ลวดดัดกิ่งให้เป็นไปในรูปทรงที่ต้องการ บางครั้งก็ไปแคะมอสส์ที่ขึ้นอยู่ตามอิฐหรือโอ่งดินเผาที่ขึ้นเขียวมาปูคล้ายสนามหญ้าในกระถาง

ทุกอย่างล้วนทำอย่างตั้งใจตัดแต่งทีละกิ่งอย่างพิถีพิถัน เหมือนการทำการค้าเจ้าสัวคิดและวิเคราะห์การตลาดอย่างละเอียดว่าควรนำเข้าและส่งออกสิ่งใดบ้าง การค้าของท่านจึงก้าวหน้ากว่าพ่อค้าคนอื่นๆ ท่านเจ้าสัวใช้เวลาในการดูแลต้นไม้จนเกือบเที่ยงหนูแสนก็พาคุณเล็กเดินเข้ามาโดยมีคุณพะยอมนำหน้ามาก่อน ท่านเจ้าสัววางกระถางชาฮกเกี้ยนใบจิ๋วลงบนโต๊ะเมื่อลิขิตเข้ามายกมือไหว้

“กระผมกราบท่านเจ้าสัวขอรับ”

“ไหว้พระเถอะคุณเล็ก ลมอะไรหอบมาหรือนี่ ปกติเห็นแต่เจ้าตัวดีนี่ไปหาทุกวัน” ท่านเจ้าสัวนั่งลงบนโต๊ะพลางกวักมือให้คุณเล็กมานั่งด้วยกัน หนูแสนเป็นคนเดินมารินชาให้กับผู้เป็นพ่อคุณเล็กเป็นคนฉวยแก้วชาใบเล็กนั้นยื่นให้ท่านเจ้าสัวและคุณพะยอมก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ คุณเล็ก

“ว่ายังไงล่ะพ่อ วันนี้ทำไมถึงมาหาคนแก่ได้ เห็นหนูแสนว่าคุณเล็กงานยุ่งหอบงานกลับมาทำทุกวัน เหนื่อยหน่อยนะวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว”

“ก็เหนื่อยขอรับ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากยังพอรับไหว”

“งานราชการก็อย่างนี้แหละ งานมากแต่เบี้ยหวัดน้อย ยังดีที่คุณเล็กจบจากเมืองฝาหรั่ง เงินเดือนก็เลยมากกว่าพวกข้าราชการตัวเล็กๆ ตาสีตาสา” ท่านเจ้าสัวเป่าชาร้อนให้อุ่นลงก่อนจะดื่มเข้าไปอึกใหญ่ คุณพะยอมเลื่อนมะตูมเชื่อมให้ท่านเจ้าสัวกินคู่กับชา

“คือท่านเจ้าสัวขอรับ” คุณเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝ่ามือชื้นเหงื่อด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะพูด เจ้าสัวเหลือบตามองแล้วตักมะตูมเชื่อมเข้าปากอย่างรอฟัง

“วันนี้ที่กระผมมาหาท่านเจ้าสัวเพราะกระผมมีเรื่องอยากจะเรียนปรึกษาน่ะขอรับ”

“อื้อ เอาสิ จะปรึกษาเรื่องอะไรกันล่ะ?”

“คือกระผม...” คุณเล็กหยุดรวบรวมความกล้าแล้วจึงสบตาท่านเจ้าสัว

“กระผมอยากจะมาขอคบหากับหนูแสนขอรับ” คำพูดที่เปล่งออกมาหนักแน่นไม่มีลังเล ท่านเจ้าสัววางส้อมที่ตักขนมลงจานจนเกิดเสียง มองลูกชายคนเล็กสลับกับบุตรชายพระยาข้างบ้านด้วยดวงตาที่เรียบนิ่ง

นิ่งจนหนูแสนใจเสีย

“พูดอะไร? คบหาอะไรกัน ทุกวันนี้เธอสองคนก็เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่เล้วนี่”

“กระผมไม่ได้หมายความเช่นนั้นขอรับ กระผมมาขอคบหาหนูแสนแบบคนรักขอรับ”

“ฟ้าผ่าตายกันพอดี!!” เจ้าสัวตบโต๊ะจนเกิดเสียงดังตวาดลั่นราวฟ้าผ่าจนหนูแสนและคุณพะยอมสะดุ้งจนตัวโยน หนูแสนตัวสั่นด้วยความกลัวด้วยรู้ว่าท่าทางและน้ำเสียงแบบนี้ก็คือคุณเตี่ยกำลังโกรธจัด คุณพะยอมรีบจับแขนผู้เป็นสามีไว้แล้วลูบเบา ๆ ให้ท่านใจเย็น

“ผู้ชายกับผู้ชายมันจะมารักกันได้ยังไงฉันไม่เห็นทาง”

“แต่กระผมกับหนูแสนเรารักกัน รักตั้งแต่กระผมจะเดินทางไปเรียนต่อแล้ว รักมาเป็นสิบปีไม่เคยเลิกรักได้เลยสักนิด อันที่จริงกระผมอยากจะมาขอหนูแสนไปเป็นคู่ชีวิตตั้งแต่ปีกลายแต่ด้วยเรื่องยุ่ง ๆ ต่าง ๆ ทำให้ต้องรอ จนตอนนี้ความรักของกระผมมันเต็มจนล้นหัวใจแล้ว กระผมไม่อยากรออีกต่อไปแล้วจึงได้ตกลงกันว่าจะมากราบเรียนให้ท่านเจ้าสัวทราบในวันนี้”

“มันไม่ถูกต้อง” ท่านเจ้าสัวผลักจานขนมออกห่างตัว หายใจเร็วอย่างคนสงบอารมณ์ คุณเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าท่านเจ้าสัว คุณเล็กทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าเงยหน้าสบตา ในดวงตาที่เคยเรียบนิ่งบัดนี้ไหวราวระลอกคลื่นบนผัวน้ำยามต้องสายลม

ลิขิตกำลังอ้อนวอน หนูแสนเองก็มาคุกเข่าตรงหน้าผู้เป็นพ่อ ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งกลัว ทั้งเสียใจที่ทำให้พ่อโกรธขึ้งบึ้งตึงถึงเพียงนี้

“รักเขาหรือเปล่า?” เอ่ยถามบุตรชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงที่เบาลง หนูแสนพยักหน้ารับ”

“รักขอรับ”

“จะทนคำคนนินทาได้รึ เจ้ารู้ใช่รึไม่หากมีใครรู้ว่าเจ้ารักกับผู้ชายด้วยกันก็ไม่พ้นคำติฉินท์”

“ลูกทราบขอรับคุณเตี่ย”

“แล้วได้บอกพ่อกับแม่ของคุณแล้วหรือยัง เขารับรู้แล้วหรือยัง?”

“ยังขอรับ กระผมอยากมาเรียนท่านเจ้าสัวก่อน กระผมขอความกรุณาให้เราสองคนได้รักได้อยู่ด้วยกันด้วยเถอะขอรับ กระผมรักหนูแสนด้วยใจจริงหากผิดจากหนูแสนกระผมก็คงไม่ออกเรือนไปกับใคร กระผมจึงขอความเมตตาจากท่านให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันด้วยเถอะขอรับ” คุณเล็กพูดจบก็ก้มลงกราบแทบเท้าของท่านเจ้าสัวทันที หนูแสนเมื่อเห็นดังนั้นก็ก้มลงกราบด้วยอีกคน เจ้าสัวเช็งถอนหายใจด้วยความหนักอก หันไปมองหน้าคุณพะยอมที่คอยลูบแขนให้ใจเย็น

“คุณเล็กรู้มั้ย บอนไซพวกนี้ฉันเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดู คอยดัด คอยตกแต่งไม่ให้มันโตเกินไป ต้นไม้พวกนี้หากปล่อยตามธรรมชาติมันก็จะเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดา ๆ ที่ไม่มีค่าอะไร แต่ฉันก็เฝ้าเพียรดูแลเอาใจใส่มันจนมันกลายเป็นต้นไม่มีราคา เปลี่ยนจากกระถางดินเผาให้เป็นกระเบื้องเคลือบ ก็เหมือนกับการเลี้ยงลูก ฉันเลี้ยงหนูแสนมาอย่างดี อบรม ให้การศึกษา ให้เงินทองใช้ไม่ได้ขาดมือ ถึงจะเป็นลูกเจ๊กแต่ก็มีคนนับหน้าถือตาให้ความเคารพ หากฉันยกลูกของฉันให้คุณแล้ว คุณรับปากกับฉันได้หรือไม่ว่าจะดูแลหนูแสนได้ดีเท่ากับที่ฉันเลี้ยงลูกมา แล้วฉันจะเชื่อได้อย่างไรว่าถ้ายกลูกให้คุณแล้ว คุณจะไม่ทำลูกฉันเสียใจเหมือนที่พี่ชายของคุณทำกับลูกสาวของฉัน”

“กระผมสัญญาขอรับ กระผมจะรักและซื่อสัตย์กับหนูแสนคนเดียว จะวางหนูแสนไว้ในหัวใจแค่เพียงคนเดียว ต่อให้ภายภาคหน้าเราจะแก่เฒ่าลงไปผมหงอกกลบผมขาวก็จะรักแค่เพียงหนูแสน จะไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยจะไม่มีวันมองหญิงอื่น จะรักและให้เกียรติ จะมอบเกียรติไม่ยอมให้ใครมาทำลายหนูแสนได้ กระผมขอสัญญาว่าจะทำให้หนูแสนเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก กระผมสัญญาด้วยชีวิต” ท่านเจ้าสัวนิ่งฟังคำที่คุณเล็กพูด ด้วยรู้นิสัยกันมาตั้งแต่ยังเล็กว่าคนอย่างคุณเล็กนั้นไม่ใช่คนพูดมาก หากแต่วันนี้คำสัญญายาวเหยียดหนักแน่นนั้นมีความจริงจังมั่นคงอยู่ในน้ำเสียงท่านจึงจำต้องตัดสินใจ

แม้ในใจนั้นจะไม่เห็นด้วยเลยสักนิดแต่เพราะก่อนท่านเจ้าคุณพิพิธจะสิ้นเจ้าสัวเช็งได้รับปากไว้แล้วว่าจะไม่ขวางหากลูกจะรักและแต่งงานกับใคร

แน่นอนว่าท่านเสียใจที่ลูกชายคนเล็กเลือกที่จะมีชีวิตคู่วิปริตผิดธรรมชาติแต่ลูกผู้ชายพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ

“ฉันก็ขอให้คุณเล็กจำคำมั่นสัญญาในวันนี้ที่ได้ให้กับฉันไว้ หากวันใดหนูแสนต้องเสียใจเพราะคุณหรือต้องเสียน้ำตาแม้เพียงครึ่งหยดฉันจะเอาลูกคืน”

“มันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอนขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้น...” ท่านเจ้าคุณหยุดเพื่อรวบรวมเสียงเพื่อจะเปล่งประโยคที่ยากลำบากนั้นออกมา

“ฉันก็ยกลูกให้คุณ” ทั้งคุณเล็กและหนูแสนก้มลงกราบท่านเจ้าสัวอีกครั้ง ทั้งคู่สบตากันด้วยความดีใจและโล่งใจ หนูแสนขยับเข้าไปซบหน้ากับหน้าตักของผู้เป็นพ่อ

“หนูแสนรักคุณเตี่ย” ท่านเจ้าสัวลูบศีรษะลูกแผ่วเบาอย่างถนอม

“เตี่ยก็รักเจ้า ในเมื่อเลือกทางนี้แล้ว เลือกชีวิตคู่ของตัวเองแล้วก็ต้องมีความสุขให้มากรู้ไหม? แล้วก็ไปเรียนเจ้าคุณกับคุณหญิงเสียให้เรียบร้อย ถ้าเจ้าคุณกับคุณหญิงไม่ยอมรับในความรักของคุณกับหนูแสน ฉันก็ขอลูกคืน ฉันคงให้ลูกไปอยู่กับครอบครัวที่ไม่รักไม่ยอมรับลูกของฉันไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่อยากให้หนูแสนต้องหวานอมขมกลืนเหมือนแม่สน ถ้าตกลงกันได้ เขายอมรับได้ก็ให้พ่อกับแม่คุณมาขอลูกของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย”

“ขอรับ กระผมจะทำให้มันจบในวันนี้ ท่านเจ้าสัววางใจเถอะขอรับ กระผมจะไม่ให้หนูแสนต้องเจอเรื่องร้าย ๆ แบบคุณสนแน่นอน”

 

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ยินดีด้วยนะคะหนูแสน​ คุณเล็ก​ เหลือแค่ที่บ้าาของคุณเล็ก​ เป็น​กำลัง​ใจ​ให้​นักเขียน​นะคะ​ ​สู้​ๆ​นะคะ​นักเขียน​

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะ อีกบ้านจะรอดมะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


สู้ๆๆๆ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ เลิฟๆๆ

 :mew1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
น่ารักกกกกกกกก
คุณเล็ก​ ผชอบอุ่น

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๑๘

๕๐%




     ลิขิตมองแม่ของตนเองที่นั่งตรงข้าม วันนี้คุณหญิงผกาหน้าตาดูสดชื่น อาหารเย็นบนโต๊ะมีอยู่สามสี่อย่างหนูแสนส่งน้ำพริกกะปิกับผักสดผักต้มสลักเสลาสวยงามจนแทบไม่กล้ากินมาให้เมื่อตอนสี่โมงเย็น คุณเล็กเป็นคนบอกให้หนูแสนกลับเรือนไป เขาจะเป็นคนพูดกับพ่อแม่ของตนเองหากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี หากเจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผการับไม่ได้เกรี้ยวกราดขึ้นมาเขาก็พร้อมจะรับอารมณ์นั้นของบุพการีแต่เพียงผู้เดียว แม้หนูแสนจะยืนยันว่าตนเองต้องการที่จะอยู่เคียงข้างกับคนรักแต่คุณเล็กก็ยังยืนยันที่จะให้หนูแสนกลับไปก่อน


     “เชื่อคุณเล็กนะคะคนดี” ลิขิตลูบแก้มของหนูแสน รอยยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งถูกมอบให้คนรัก แม้จะไม่อยากปล่อยให้คุณเล็กต้องไปเผชิญปัญหาเพียงลำพังแต่หนูแสนก็รู้ดีว่าภายใต้ท่าทางใจเย็นใจดีของคุณเล็กนั้น หากคุณเล็กพูดว่าไม่มันก็จะคือไม่โดยไม่มีข้อโต้แย้ง

ท่านเจ้าคุณสรอรรถยังคงเป็นพ่อที่คอยถามไถ่ทั้งเรื่องการงานและชีวิตประจำวันอยู่เช่นเดิม ระหว่างรับประทานของหวานล้างปากท่านไตร่ถามบุตรชายถึงเรื่องงานที่กระทรวงที่ค่อนข้างยุ่งจนต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านจนดึกดื่น ลิขิตเองไม่ใช่คนเกียจคร้านหนักไม่เอาเบาไม่สู้ เขาชอบความท้าทาย ยิ่งคดีที่ทำยากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกสนุก ตั้งแต่ทำงานมาเขาได้รับผิดชอบตั้งแต่คดีๆ เล็ก ๆ เช่นการลักเล็กขโมยน้อย จนถึงคดีใหญ่ที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้คือคดีฉ้อโกง จำเลยเป็นข้าราชการเก่าแก่ที่เจ้าคุณสรอรรถนั้นรู้จักดี

     “เล็กต้องระวังให้มาก ระวังคำนินทาว่าจะเอื้อประโยชน์ให้จำเลย ขอให้เล็กทำงานด้วยความรอบคอบ ในเมื่อเขาทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด อย่าเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทพ่อแล้วจะเว้นให้กันได้ ยิ่งสนิทก็ต้องยิ่งรัดกุมหากพลาดพลั้งเผอเรอ คนที่ต้องเดือดร้อนก็คือตัวเจ้าเองเข้าใจไหม?”

     “ขอรับเจ้าคุณพ่อ” ลิขิตตอบรับอย่างหนักแน่น ชายหนุ่มลอบมองอากัปกิริยาของพ่อแม่ เมื่อเห็นว่าทั้งท่านเจ้าคุณและคุณหญิงผกาดูอารมณ์ดีและเขาเองก็รู้สึกว่ามันสมควรแก่เวลา รอจนบ่าวไพร่มาเก็บสำรับเรียบร้อยชายหนุ่มคิดว่าเวลานี้แหละเหมาะที่จะบอกเรื่องของตนกับหนูแสนเสียที

     “เจ้าคุณพ่อ คุณแม่ขอรับ ลูกมีเรื่องจะเรียนปรึกษา”

     “เรื่องอะไรรึ สำคัญหรือเปล่า?” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กด้วยความใส่ใจ

     “สำคัญขอรับ”

    “ตาเล็ก มีอะไรหรือลูก?” คุณหญิงผกาเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของลูก ในใจนั้นนึกหวั่นว่าอาจจะเป็นเรื่องร้าย

     “หรือจะโดนย้ายไปประจำหัวเมือง?”

     “ไม่ใช่ค่ะแม่” ลิขิตรีบปฏิเสธก่อนที่ผู้เป็นแม่จะคิดเลยเถิดไปไกล ด้วยรู้ว่าแม่นั้นกลัวว่าเขาต้องโดนย้ายไปประจำที่ต่างจังหวัดเป็นนักหนา

     “มีอะไรก็ว่ามาเถอะก่อนที่แม่แกจะหัวใจวายตาย” เจ้าคุณสรอรรถบอกกับลูกชาย ลิขิตสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่อยู่ในใจมาเนิ่นนาน

     “ลูกมีคนรักขอรับ เลยอยากจะกราบเรียนเจ้าคุณพ่อกับแม่”

     “ตายจริง ลูกสาวบ้านไหน ทำไมไม่เคยบอกพ่อกับแม่ให้รู้เลย” คุณหญิงผกาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ด้วยบุตรชายคนเล็กนั้นตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสก็ไม่เคยจะพาผู้หญิงคนใดเข้ามาแนะนำตัวเลยสักคน ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหน วัน ๆ ทำแต่งาน เช้าออกจากบ้านก็ตรงเข้าที่ทำงาน เย็นก็กลับบ้าน วนเวียนอยู่แค่นี้ การที่บุตรชายเข้ามาบอกว่าตนเองมีคนรักแล้วออกจะเป็นที่น่าประหลาดใจไปสักหน่อย

     “นั่นสิ ลูกสาวพระน้ำพระยาบ้านไหนหากรักใคร่ชอบพอกันจริงพ่อจะได้ส่งเถ้าแก่ไปทาบทามสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วไปรักไปชอบกันตอนไหนทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยระแคะระคายเลย”

     “รักกันมานานแล้วขอรับ รักใคร่ชอบพอกันตั้งแต่ก่อนไปฝรั่งเศส”

     “ไฮ้ ตาเล็ก ถ้านานขนาดนั้นทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ แม่ไม่เห็นว่าเล็กจะมีท่าทีกับใคร วัน ๆ ก็ตะลอน ๆ ไปกับหนูแสน หรือว่าไปเจอผู้หญิงคนนั้นตอนออกเที่ยวกับหนูแสน?” คุณหญิงผกามีสีหน้าครุ่นคิดว่าลูกชายนั้นจะไปรักชอบลูกสาวบ้านใดได้ ถ้าเป็นผู้หญิงแถวนี้ส่วนมากก็จะมีแต่ลูกชาวไร่ชาวสวนม้าค้าร้านตลาด หาลูกสาวข้าราชการหรือคหบดีที่อายุไล่เลี่ยกันนั้นยากนัก ส่วนมากหากไม่แก่กว่าก็จะเป็นเด็กเล็ก

     “ลูกจะเรียนเจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ว่า คนที่ลูกรักชอบมานับสิบปีนั้นคือหนูแสน” คุณเล็กไม่ปล่อยให้ผู้เป็นมารดาต้องเดานาน ในเมื่อตัดสินใจจะบอกแล้วเขาก็บอกออกไปตรงๆ ซึ่งคำตอบนั้นเป็นผลให้คุณหญิงผกาหน้าซีดลมจับไปทันที

     “คุณแม่ คุณแม่ขอรับ” ลิขิตรีบเดินไปคุกเข่าบีบนวดผู้เป็นมารดาโดยมีบ่าวเอายาลมอังที่จมูกให้ เจ้าคุณสรอรรถนิ่งเงียบไม่พูดอะไรจนลิขิตรู้สึกใจเสีย

     “เจ้าคุณพ่อขอรับ...”

     “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย พาแม่เจ้าเข้าไปพักในห้องเถอะ” เจ้าคุณสรอรรถบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนคุณเล็กเดาทางไม่ออกว่าผู้เป็นพ่อนั้นรู้สึกอย่างไร
แต่วูบแรงที่เขาสบตาผู้เป็นพ่อ เจ้าคุณสรอรรถผิดหวัง...
 


     หลังจากคุณเล็กอุ้มคุณหญิงผกาเข้ามานอนในห้องไม่นานคุณหญิงก็ได้สติ ทันทีที่เห็นหน้าลูกชายนางก็หันหนีทันทีด้วยความเสียใจ

     “ลูกหนอลูก ผู้หญิงดีๆ มีทั่วพระนคร จะเอาลูกพระน้ำพระยาบ้านไหนเจ้าคุณพ่อก็ขอให้ได้ดันจะคว้าเอาผู้ชายด้วยกันมาเป็นคู่มันถูกต้องเสียที่ไหน” คุณหญิงผกาตัดพ้อด้วยความเสียใจ

     “แต่ลูกกับหนูแสนรักกันด้วยใจจริง รักกันมานานเป็นสิบปี ลูกจึงอยากจะขอความกรุณาให้เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ เห็นแก่ความรักที่ซื่อตรงของเราทั้งคู่ อนุญาตให้เราได้อยู่ด้วยกันด้วยเถอะขอรับ ลูกรอหนูแสนมานานมากแล้ว ไม่อยากจะต้องแยกจากกันทุกวันอีกต่อไปแล้ว”

     “รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยนะตาเล็ก” เป็นเจ้าคุณสรอรรถที่พูดออกมาหลังจากเงียบไปนาน

     “นั่นสิลูก จะหาผู้หญิงดีๆ สักกี่คนพ่อกับแม่ก็หาให้ได้ ขอแค่เล็กบอกมาว่าอยากได้แบบไหน ลูกสาวเศรษฐี ลูกสาวขุนนาง จะเอานางในวังแม่ก็จะไปทูลขอเสด็จให้ได้ จะเอาเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้งานบ้านงานครัวไม่บกพร่องหรือจะเอาแบบฐานะร่ำรวยเสมอเราแม่ก็หาให้ได้”

     “แล้วหนูแสนต่างจากผู้หญิงที่คุณแม่ยกมาให้ลูกฟังตรงไหนคะ ตาของเขาก็เป็นเจ้าพระยาบรรดาศักดิ์ใหญ่กว่าเจ้าคุณพ่อเสียอีก การศึกษาก็สูงกว่าคนทั่วไป งานบ้านงานเรือนไม่มีบกพร่อง ใจเย็นมีน้ำอดน้ำทน ที่สำคัญหนูแสนรักและเคารพเจ้าคุณพ่อและคุณแม่ด้วยใจจริง ยังเผื่อแผ่ไปถึงคุณน้าเรือนเล็กทั้งสองอีกทั้งบ่าวไพร่ก็ไม่เคยถือยศถืออย่าง ฐานะทางครอบครัวถ้าจะให้นับจริงๆ เขาร่ำรวยกว่าเรามากโขไม่มีอะไรน้อยหน้าเลยสักนิดนะคะ ที่ผ่านมาหนูแสนดีกับพวกเรามาตลอดคุณแม่ก็ทราบ คุณแม่ไม่รักไม่เอ็นดูหนูแสนบ้างเลยหรือคะ?”

     “ไม่ใช่ว่าแม่รังคัดรังแคอะไรหนูแสนหรอกตาเล็ก หนูแสนดีทุกอย่างเสียแต่ว่าเป็นผู้ชาย หากเป็นผู้หญิงแล้วเล็กมาเอ่ยปากให้ยกขันหมากไปขอแม่ก็จะไม่ขัดเลย แต่นี่...” คุณหญิงผกาถอนหายใจแรง
เสียดายเหลือเกินหากหนูแสนเป็นผู้หญิงนางจะไม่ขัด ด้วยเห็นมาตั้งแต่คลอด แต่นี่ แค่คิดคุณหญิงก็หนักใจคล้ายมีภูเขาไกรลาสมาถ่วงอยู่ในอก

     “ลูกขอความเมตตาจากเจ้าคุณพ่อและคุณแม่โปรดเห็นใจความรักของลูกกับหนูแสนด้วยเถอะนะขอรับ ถ้าไม่มีหนูแสนชีวิตของลูกก็อยู่ไปวัน ๆ ไม่มีจุดหมายอะไรเหลืออยู่เลย”

     “เขาสำคัญขนาดนั้นเลยรึตาเล็ก สำคัญขนาดยอมเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียตริยศของวงศ์ตระกูลเพื่อลูกเจ๊กลูกจีนแค่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?” ท่านเจ้าคุณถามลูกชายด้วยสายตาและน้ำเสียงคล้ายคนอ่อนแรง

     “สำคัญขอรับ หนูแสนเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกตั้งใจเรียนไม่เถลไถลไปไหน หนูแสนทำให้ลูกอยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพื่อเป็นหลักให้กับทุกคนได้ ยอมหิวข้าวปลาไม่เคยขาด เหนื่อยจากงานกลับมาก็มีแค่เขาที่มาคอยปรนนิบัติพูดคุยให้คลายเหนื่อย ลูกไม่รู้ว่าชีวิตนี้ถ้าไม่มีหนูแสนลูกจะยังเป็นผู้เป็นคนที่ดีแบบนี้อยู่ได้มั้ย หากเจ้าคุณพ่อกับคุณแม่กลัวจะถูกครหา ลูกสองคนยินดีจะอยู่กันอย่างเงียบๆ ปิดบังไม่ให้ใครทราบ จะให้มีเพียงเราสองบ้านที่รู้”

     “แล้วถ้าแม่ไม่อนุญาตล่ะตาเล็ก” คุณหญิงผกาจ้องหน้าลูกชายอย่างคาดคั้นคำตอบ ลิขิตถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก
เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องของเขากับหนูแสนนั้นมันไม่ง่าย เพราะเจ้าคุณสรอรรถผู้เป็นพ่อนั้นรักชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลมากกว่าสิ่งใด ส่วนผู้เป็นแม่นั้นก็หัวแข็งเสียเหลือเกิน เขาไม่อยากต้องใช้ไม้แข็งหรือยาแรงกับพ่อแม่ แต่หากจะต้องทำ เขาก็จะทำ

     “อย่างเบาก็คงขอย้ายตัวเองไปอยู่ตามหัวเมืองเพราะลูกคงทนเห็นหน้าหนูแสนแล้วไม่คิดถึงไม่เสียใจไม่ได้ หรือถ้าไปไม่ได้ลูกก็ขอบวชไม่ขอสึกตลอดชีวิต”

     “โธ่ลูก...ทำไมใจร้ายกับแม่อย่างนี้” คุณหญิงผกาที่ทำคอแข็งมาตั้งแต่ฟื้นร้องไห้ออกมาอย่างทุกข์ตรมใจ

     “ใจคอเล็กจะทิ้งแม่ไปอีกคนเหรอ ไม่รักไม่สงสารแม่เลยสักนิดรึ แม่เฝ้าเลี้ยงดูเล็กมาบั้นปลายชีวิตก็อยากให้เล็กอยู่ใกล้ ๆ กับแม่ แต่นี่เพื่อลูกเรือนนู้นเล็กถึงกับออกปากจะทิ้งแม่ไป ลูกหนอลูกแม่เสียใจนัก ลูกไม่รักแม่เลย” คุณหญิงผการ้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างคนช้ำในอก ลิขิตรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ไว้

     “รักสิคะ เล็กรักคุณแม่ เล็กจึงเข้ามากราบเรียนคุณแม่ อนุญาตให้เล็กกับหนูแสนได้อยู่ด้วยกันเถอะนะคะ ผิดจากหนูแสนแล้วเล็กรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ

     “กลับเรือแพไปก่อนเถอะตาเล็ก ขอพ่อกับแม่ได้ปรึกษากันสักหน่อยเถอะ” ท่านเจ้าคุณสรอรรถตัดบทให้ลูกชายกลับเรือนของตนเองเสีย ลิขิตรู้นิสัยของพ่อดี เขาไม่ดึงดันที่จะเซ้าซี้ต่อ ชายหนุ่มถอยออกมาแล้วหับประตูปิดให้เรียบร้อยมุ่งหน้ากลับเรือนแพของตน
เงาร่างที่เดินไปเดินมาอย่างคนร้อนใจที่เรือนแพทำเอาคนที่เดินคิดหนักมาจากเรือนใหญ่ยิ้มได้ ทันทีที่หนูแสนเห็นคุณเล็กเดินลงมาบนแพหนูแสนก็เอ่ยถามทันที

     “เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณลุงกับคุณป้าว่าอย่างไรบ้างคะ?”

     “ท่านขอเวลาปรึกษากันค่ะ”

     “แล้วถ้าท่านไม่อนุญาตล่ะคะ” หนูแสนถามออกมาอย่างเป็นกังวล

     “ถ้าเจ้าคุณพ่อกับคุณแม่รักลูกจริงท่านจะเข้าใจในความรักของเรา ท่านจะยอมเหมือนที่คุณเตี่ยกับคุณแม่ของหนูแสนยอม” ลิขิตตอบ เมื่อได้คำตอบนั้นมันไม่ได้ทำให้หนูแสนสบายใจเลยสักนิด ความกังวลนั้นฉายชัดบนใบหน้า คุณเล็กส่งยิ้มบางๆ ให้แล้วจึงดึงร่างน้องเข้ามากอด

     “อย่าได้กังวลไปเลยหนูแสน คุณเล็กเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี เชื่อคุณเล็กนะคะ แค่ตอนนี้เราต้องให้เวลาท่านได้คิดทบทวน คุณเล็กเชื่อนะคะว่าสุดท้ายความดีของหนูแสนที่ผ่านมาจะทำให้ท่านตัดสินใจได้ว่าจะให้คุณเล็กกับหนูแสนลงเอยกันได้ด้วยดีหรือจะแยกเราออกจากกัน และสุดท้าย ท่านจะยอม” คุณเล็กพูดอย่างมั่นใจ หนูแสนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง กระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นซบหน้ากับอกแกร่งอย่างหวังพึ่งพาคุณเล็กให้พาตนข้ามผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

     “แล้วนี่ทำไมมามืด ๆ ได้คะ?” คุณเล็กเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้หนูแสนเครียดไปกว่านี้ เจ้าตัวน้อยถูแก้มกับอกของคุณเล็กไม่ยอมผละออกตามแรงดันเบาๆ ของคุณเล็ก

หนูแสนกำลังอ้อน

อ้อนแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

หากแต่คุณเล็กกลับนึกขำ

ก็คงจะกังวลใจนั่นแหละเลยไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าตอนนี้

     “ขอแม่มาค่ะ บอกว่าจะมาเดี๋ยวเดียว”

     “ถ้าอย่างนั้นกลับเถอะค่ะเดี๋ยวคุณเล็กเดินไปส่ง”

     “ไล่เหรอคะ?” หนูแสนแกล้งถาม

     “จริงๆ อยากให้อยู่ด้วยกันทั้งคืน แต่ขอทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาก่อน ประเดี๋ยวเจ้าสัวเปลี่ยนใจไม่ยกลูกชายให้คุณเล็กคงได้ขาดใจตาย”

     “ไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนคะ ฟังแล้วขนลุก” หนูแสนหัวเราะขำกับคำเชย ๆ ที่คุณเล็กพูดออกมาแล้วจึงขยับกายออกห่างอีกนิด คุณเล็กจับมือน้องขึ้นมาจุมพิตลงไปอย่างอ่อนโยน มองตากัน ยิ้มให้กับ ในดวงตานั้นฉายชัดถึงความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน คุณเล็กเอื้อมมือไปหยิบตะเกียงที่แขวนไว้มุมเสาแล้วจูงน้องพาเดินไปส่งถึงตึกใหญ่

     “ฝันดีนะคะ” จูบลงบนหน้าผากของคนน้องแล้วจึงล่ำลากัน หนูแสนจำต้องหันหลังกลับเข้าเรือนของตัวเองโดยมียายแช่มที่รอท่าอยู่คอยผิดประตูให้ ส่วนคุณเล็กก็เดินกลับเรือนแพ

เขาก็แค่ต้องอดทนรอเวลา เขาจะให้เวลาพ่อและแม่ได้ทบทวนความเหมาะสมของหนูแสน หากแม้ว่าเจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาไม่ยินยอม เขาก็คิดไว้แล้วว่าจะลาออกจากราชการแล้วแต่งเข้าบ้านหนูแสน ไปช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับเจ้าสัวเช็งไปทำงานในส่วนที่หนูแสนจะต้องทำ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว อย่างไรเสียเขาก็คิดว่าพ่อและแม่จะใจอ่อนเข้าสักวัน


........................
พาหนีก็สิ้นเรื่อง

ปั๊ดโถ๊ะ!!


ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


55555. ฮาหนูแสน..

..อ้อนเป็นด้วย

 :mew1:

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
หนีไปค่ะ​ 555
เป็น​กำลัง​ใจ​ให้​นักเขียน​นะคะ​ สู้​ๆ​นะคะ​นักเขียน​

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
555555พากันหนีอย่างที่ไรท์ว่าเลยจ้า้าา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


ตอนที่ ๑๘

๑๐๐%






คุณพะยอมกลับเข้ามาในห้องนอนหลังจากเห็นว่าลูกคนเล็กกลับมาถึงเรือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าสัวเช็งนั่งมองบรรยากาศรอบๆ บ้านด้วยท่าทางที่เงียบสงบ เมื่อเห็นภรรยาเข้ามาในห้องจึงได้เคลื่อนกายมานั่งลงบนเตียง คุณพะยอมส่งยิ้มให้กับผู้เป็นสามีอย่างคนที่เข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ หล่อนหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างสามี มือเรียวที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาตบลงเบาๆ บนหลังมือของเจ้าสัวเช็งอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะคะเจ้าสัว”
“บอกตามตรงว่าฉันก็เสียใจอยู่ลึก ๆ”
“ถ้าเสียใจทำไมไม่ห้ามล่ะเจ้าคะ เจ้าสัวก็รู้ว่าหากออกปากห้าม คนหัวอ่อนอย่างหนูแสนอย่างไรก็ต้องยอมฟังพ่อแม่” คุณพะยอมแกล้งพูดเพื่อลองใจสามี ท่านเจ้าสัวถอนหายใจออกมาหนักหน่วง
“จะไปห้ามอย่างไรเล่าแม่พะยอม” ท่านหยุดนิ่งราวกับจะตกผลึกความคิดของตัวเอง
“เพราะเจ้าคุณพ่อขอไว้ใช่รึไม่เจ้าคะ?”
“เปล่า เรื่องนั้นไม่เกี่ยวหรอก”
“อ้าว แล้วทำไมถึงยอมให้เด็กสองคนเขาคบกันล่ะเจ้าคะ?”
“ความสุขของลูก ฉันจะไปกล้าขวางได้อย่างไร” คุณพะยอมยิ้มให้กับคำตอบของสามี
“ใช่เจ้าค่ะ ความสุขของลูก เขาโตแล้ว เขาควรได้เลือกคู่ครองด้วยตัวเองเหมือนพี่ ๆ ของเขา อิฉันขอบคุณเจ้าสัวนะคะ ที่ให้โอกาสลูกได้เลือกด้วยตัวเอง”
“เพราะฉันรู้ดีอย่างไรล่ะว่าคู่ครองถ้าได้เลือกคนที่เรารักมันมีความสุขแค่ไหน เหมือนที่ฉันเลือกแม่พะยอมมาเป็นเมีย อยู่กันมาจนลูกมีเหย้ามีเรือนแม่พะยอมก็ยังเป็นความสบายใจของฉันเสมอ”
“ก็อิฉันเป็นเมียท่านเจ้าสัวนี่คะ ถ้าคนเย็นบ้านก็เย็น งานนอกบ้านเจ้าสัวก็ทำมาอย่างหนักแล้ว กลับถึงบ้านก็อยากให้ได้อยู่อย่างสบายอกสบายใจ อิฉันดีใจที่เจ้าสัวเข้าใจลูกมองความสุขของลูกเป็นเรื่องหลัก ตั้งแต่เกิดมาหนูแสนไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียอะไรเลย ทำตัวดีอยู่ในกรอบที่เราวางไว้ให้ตลอด หากจะต้องมาเสื่อมเสียก็เพราะความรักอิฉันไม่สนใจหรอกกับคำคน ขอแค่ลูกมีความสุขกับสิ่งที่เลือกก็พอ ห่วงแต่คนเรือนนู้นจะไม่เข้าใจก็เท่านั้น”
“ถ้าเขาไม่ยอมรับลูกเรา ฉันก็จะปลูกเรือนหลังใหม่เอาใหญ่ใหญ่เทียมหน้าเทียมตาแล้วแต่งคุณเล็กเข้าบ้านเสียเลย จะตัดแม่ตัดลูกกันก็ตามใจลูกเขยคนเดียวฉันก็เลี้ยงไหว”
“แต่อิฉันกลับคิดว่าคุณหญิงผกาแกผ่านเรื่องราวในชีวิตเกี่ยวกับลูก ๆ มาเยอะ แกน่าจะคิดอะไรได้บ้างแล้ว” คุณพะยอมกล่าวอย่างคนที่รู้นิสัยกันดี
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น อย่าให้ถึงกับต้องหักกันเลย”


“มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของอิฉันหรือเจ้าคะคุณพี่ ชาติที่แล้วอิฉันไปทำกรรมอะไรไว้กับคนเรือนนู้น ลูกชายคนโตก็ตายเพราะลูกสาวเขา ลูกชายคนเล็กก็ไปหลงรักลูกชายคนเล็กของเขาอีก”
“หล่อนอย่าไปคิดอย่างนั้นสิคุณหญิง หนูแสนเองก็ดีกับหล่อนมาตั้งมากที่เดินเหินหายป่วยก็เพราะเขาหาหมอมารักษาดูแลปรนนิบัติหล่อนอย่างดี ความดีของเด็กคนนี้ก็มีมาก” เจ้าคุณสรอรรถเอ่ยขัดผู้เป็นภรรยา
“อันที่จริงอิฉันก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์อะไรหนูแสนหรอกเจ้าค่ะ เด็กคนนั้นน่ะดีกิริยามารยาทฐานะชาติตระกูลก็ไม่ด้อยไปกว่าใครเหมือนที่ตาเล็กว่าจริงๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ” คุณหญิงผกาเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันยอมนะ ถ้ามันเป็นความสุขของลูกฉันยอม ศักดิ์ศรีมันก็แค่เรื่องสมมติแต่ความสุขของลูกเราเห็นได้จริง ๆ” ในที่สุดเจ้าคุณสรอรรถก็เอ่ยออกมาหลังจากนั่งเงียบกันไปสักพัก
“แต่ในฐานะที่หล่อนเป็นแม่ ฉันก็จะให้หล่อนเป็นคนตัดสินใจ หากหล่อนว่าไม่ ฉันก็ไม่ หลังจากนี้ลูกก็คงจะต้องจากหล่อนไปอยู่หัวเมืองตามที่ลูกบอก หล่อนก็รู้ว่าตาเล็กเป็นคนยังไง ภายนอกดูสุภาพอ่อนโยนแต่จริงๆ เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเหมือนเจ้าคุณพ่อของฉัน” เจ้าคุณสรอรรถกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกจากห้อง คุณหญิงผกาที่กำลังทุกข์ตรมเอ่ยปากทักเมื่อเห็นผู้เป็นสามีเตรียมจากไป
“ไม่ค้างเสียที่นี่ล่ะเจ้าคะคุณพี่ ดึกแล้ว”
“ฉันไปนอนเรือนแม่มณีดีกว่า สบายใจกว่าเขาช่างปรนนิบัติพัดวี พูดจาฟังรื่นหูไม่เหมือนคุณหญิง เถียงฉันได้ทุกเรื่อง นอนกับคุณหญิงเดี๋ยวก็ได้ถกกันไม่รู้จักจบ คิดเห็นประการใดพรุ่งนี้ก็ให้คำตอบลูกมันก็แล้วกัน” ท่านเจ้าคุณผลักประตูก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้คุณหญิงผกาโดดเดี่ยวอยู่เพียงคนเดียว คุณหญิงผกาพยายามจะกลั้นก้อนสะอื้นแห่งความเสียใจลงไป
เพราะไม่ได้แต่งกันด้วยความรักหากแต่แต่งกันเพื่อความเหมาะสม ดังนั้นท่านเจ้าคุณจึงไม่วางใจวางเรื่องราวในชีวิตไม่ได้วางทุกข์สุขให้กับคุณหญิงผกา ดังนั้นหล่อนจึงต้องอยู่เพียงลำพังบนเรือนกว้างและตำแหน่งคุณหญิง ส่วนความรักความสบายใจความเมตตาของท่านเจ้าคุณนั้นเอาไปแบ่งให้เมียน้อยทั้งสองคนนั่นต่างหาก
อยู่กับคนที่ไม่รักมันก็เจ็บแบบนี้...

ลิขิตตื่นนอนตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น เสียงไก่ขันรับกันเป็นทอด ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอน พับผ้าแพรเพลาะแล้ววางไว้อย่างเรียบร้อย จัดการธุระส่วนตัวแล้วก็นั่งอ่านสำนวนคดีที่ทำค้างไว้ เสียงจิ้งหรีดดังระงม ลมเย็นโชยพัดจนกิ่งไผ่ลู่น้อยๆ ส่งเสียงลั่นเอียดอาด ผิวน้ำเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ เรือของชาวบ้านเริ่มมีให้เห็น บ้างก็เป็นเรือที่พายบรรทุกสินค้าพวกพืชผักและเนื้อสัตว์ บ้างก็เป็นข้าวแกง บ้างก็เป็นเรือหาปลาของชาวบ้านแถวนี้ อีกไม่นานพอมีแสงสว่างก็จะมีเรือจากทางวัดพายพาพระสงฆ์มาบิณฑบาต กลิ่นควันลอยตามลมมาแสดงว่าเรือนครัวของหนูแสนกำลังเริ่มประกอบอาหารมื้อเช้า เจ้าตัวน้อยของเขาก็คงกำลังสาละวนช่วยคุณพะยอมและยายแช่มตระเตรียมอาหารสำหรับตักบาตรและให้กับสมาชิกในครอบครัวซึ่งรวมถึงครอบครัวของเขาและแยกใส่ปิ่นโตมาให้กับเขาด้วยเพื่อเอาไว้ไปกินตอนกลางวัน หลายครั้งที่ลิขิตถูกเพื่อนร่วมงานพูดเย้าเรื่องที่หิ้วปิ่นโตราวเด็ก ๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ อาหารทุกมื้อที่เขากินมาจากรสมือของหนูแสน ทั้งอร่อยทั้งกลมกล่อมและมีปริมาณพอดีให้เขาอิ่มได้จนถึงมื้อเย็น บางครั้งก็มีขนมอันเล็กๆ เอาไว้ให้กินล้างปาก ราว ๆ หกนาฬิกา ลิขิตก็วางงานในมือลงแล้วเดินตรงไปยังท่าน้ำบ้านของหนูแสน อากาศยามเช้าของปลายเดือนมกราคมยังคงหนาวเหน็บ หมอกลอยพลิ้วอยู่บนผิวน้ำ บางจังหวะก็มีปลากระโดดขึ้นมาฮุบแมลงที่บินอยู่เหนือผิวน้ำ หนูแสนกำลังประคองถาดใส่อาหารที่จะตักบาตรมุ่งหน้าตรงมาเช่นกัน คุณเล็กก้าวเข้าไปหาก่อนจะรับถาดนั้นมาถือเสียเอง
“อากาศเย็นแบบนี้ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาๆ คะ?” คุณเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นหนูแสนใส่เพียงกางเกงแพรและเสื้อคอป่านสีขาวเหมือนเช่นทุกวัน
“อยู่ในครัวอุ่นจนร้อนค่ะ ใส่บาตรเดี๋ยวเดียวก็เสร็จไม่ทันป่วยหรอกค่ะ” หนูแสนตอบด้วยน้ำเสียงเอาใจด้วยกลัวว่าจะถูกคุณเล็กเอ็ดเอามากกว่านี้
“คราวหลังมีผ้าคลุมไหล่ติดมาสักผืนก็ดีนะคะ ให้คออุ่น ๆ เข้าไว้จะได้ไม่ป่วย” หนูแสนหลุดขำกับความเอาจริงเอาจังของคุณเล็ก
“ทราบแล้วค่ะ พรุ่งนี้จะคลุมผ้านวมมาเลย ดีไหมคะ”
“ดีค่ะ” ในเมื่อน้องแกล้งพูดมาคุณเล็กก็แกล้งตอบกลับจ้องตากันเพียงครู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วที่คุณเล็กจะมาใส่บาตรพร้อมหนูแสนก่อนจะกลับเรือนแพไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงานแล้วแวะไปกินข้าวกับแม่ที่เรือนใหญ่ คุณเล็กเอาผ้าที่คลุมไหล่ของตัวเองมาคลุมให้หนูแสนแทน รอเพียงไม่นานเรือของพระก็มาเทียบท่า ทั้งสองช่วยกันใส่บาตรจนเสร็จ รอจนพระมากันครบทุกวัดก็ไปกรวดน้ำเสร็จแล้วจึงเก็บของเตรียมเข้าบ้าน เป็นวิถีชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายแต่เป็นการเติมพลังให้กับคุณเล็กก่อนไปทำงาน ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำแต่ก็ทำให้อารมณ์ดีไปทั้งวัน หลังจากแยกย้ายกับหนูแสนเรียบร้อยแล้วคุณเล็กก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงานโดยมีนายพันบ่าวคนสนิทเป็นคนตระเตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้
“พัน เจ้าคุณพ่อนอนเรือนไหน?”
“เรือนคุณมณีขอรับ”
“ก็คงรับข้าวเช้าที่นั่นเลย” คุณเล็กรับหมวกที่นายพันยื่นให้แล้วจึงมุ่งตรงไปที่เรือนใหญ่ ด้านบนคุณหญิงผกากำลังสั่งบ่าวไพร่ให้ตั้งสำรับ อาหารเช้าง่ายๆ ของคุณหญิงเป็นข้าวต้มกุ๊ยกินกับเครื่องเคียงต่างๆ ส่วนของคุณเล็กมีกาแฟ น้ำส้ม และ Breakfast แบบฝรั่ง
“มาแล้วเหรอลูก” คุณหญิงผกาเอ่ยทักลูกชายที่หยุดยืนสวัสดีผู้เป็นแม่
“วันนี้แม่ให้บ่าวทำอาหารฝาหรั่งแบบที่ลูกบอกว่าอยากกิน”
“เล็กขอบคุณแม่ค่ะ” คุณเล็กเลื่อนเก้าอี้ให้คุณหญิงผกานั่งก่อนจึงขยับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง สองแม่ลูกกินอาหารของตัวเองไปอย่างเงียบๆ ลิขิตไม่กล้าที่จะพูดคุยกับแม่ด้วยกลัวว่าจะเป็นการกวนน้ำให้ขุ่นเสียเปล่าๆ ชายหนุ่มคอยตักอาหารให้แม่เป็นระยะ ๆ ใช้เวลาไม่นานก็จบมื้อเช้า เป็นอันว่าได้เวลาออกไปทำงาน ในเมื่อไม่มีอะไรจะพูดกันเขาจึงกราบลาแม่เพื่อออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่ก่อนจะลงเรือนไปเขาก็ได้ยินผู้เป็นแม่พูดตามหลัง




“วันหยุดนี้แม่จะไปขอหนูแสนให้เตรียมตัวไว้ล่ะ”



........................

ความสุขของลูกย่อมมาก่อนเหตุผลข้ออื่น ๆ เสมอ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เราอ่านทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ

เราจะลงอีกตอนและจะทิ้งช่วงยาวจนกว่าจะออกเล่มเสร็จนะคะ

รักทุกคนเลย

ติดแท็กให้โลกรู้ว่ามีนิยายเรื่อง #แสนคำนึง ที่มันน่าอ่าน 55555555555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ยยยย มาน้อยเกิ๊นนนน ยังไม่ทันหายคิดถึงเลย

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โอ้ยยยยยดีใจเหมือนคุณเล็กจะมาขอตัวเอง

ลุ้นนนอยากอ่านตอนหน้าาาา

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


กว่าจะคิดได้เนอะคนเรา

..เกือบสายไปเนอะแม่ผกา

ขอบคุณคนเขียนค่าา.

 :mew1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ดีมากเรื่องนี้ เขียนละเอียดมาก

ออฟไลน์ Moonoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สมหวังเสียทีนะเจ้าคะ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มารอคุณเล็กกับหนูแสน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด