- - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62  (อ่าน 18533 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #30 เมื่อ18-05-2019 18:04:49 »

โอ๋ๆนะ

ออฟไลน์ fyasa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • Doujin Y
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #31 เมื่อ18-05-2019 18:22:26 »

ชอบมากมาลงอีก :hao5:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #32 เมื่อ18-05-2019 20:08:59 »

พระเอก ทาชะทีเหอะ สงสาร พระชายา

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #33 เมื่อ18-05-2019 20:34:32 »

ทำไงดี ต้องระวังตัวมากๆ มีสติ อย่าตกเป็นเหยื่อ
ต้องสวยต้องงามแบบมีสมองและรอบคอบ
จะปล่อยให้ใครมากระทำหรือใหญ่กว่ามิได้
ฉุนแทน ต้องเอาคืนให้ได้นะเพคะพระชายา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #34 เมื่อ18-05-2019 21:29:26 »

 :pig4:
น่าสงสารอ่ะ
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Brithday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #35 เมื่อ19-05-2019 18:37:36 »

เหมือนจะเจอนิยายสนุกรอติดตามจ้า :hao7:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #36 เมื่อ21-05-2019 17:23:33 »

บทที่๕

 

 

 “โอ๊ย เสี่ยวซุนไม่ได้เรื่องเลย!” มู่ซูฮวากระแทกเสียงอย่างขัดใจ ร่างบางโยนกระบี่ในมือทิ้งก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น มือเรียวปัดเศษดินและใบไม้ที่เปื้อนเสื้อไปหมดอย่างอารมณ์เสีย

สามวันแล้วที่ซูฮวาและพวกมาใช้เวลาอยู่ในสวนไผ่ของเทียนชินอ๋อง แรกเริ่มเดิมทีพระชายาน้อยมาที่นี่เพื่ออ่านตำราแต่พอมาเห็นพื้นที่จริงก็พบว่ามันเหมาะแก่การฝึกวิชาบู๊เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นคนงามจึงสั่งให้เสี่ยวซุนกลับไปหอบกระบี่มาจากวังอ๋องเพื่อใช้ฝึกจริง

โดยพื้นฐานแล้วซูฮวาเป็นคุณชายที่บุ๋นไม่เอาไหนบู๊ห่วยแตกแต่หลี่หมิงไม่คิดว่าซูฮวาจะไม่ได้เรื่องถึงขนาดเจอเสี่ยวซุนฟาดคมดาบใส่ทีหนึ่งก็ล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นท่าแล้ว เธอกับเสี่ยวซุนพยายามโน้มน้าวให้ผู้เป็นนายหันมาอ่านตำราตามความตั้งใจแรกเริ่มแต่ซูฮวากลับดื้อนัก

“ขอประทานอภัยอย่างสูงพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่มีฝีมือจึงไม่สามารถสอนพระชายาได้ ถ้ายังไงพระชายาเปลี่ยนไปอ่านตำราแทนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวซุนไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือรีบเข้ามาคุกเข่ายื่นหนังสือที่หอบมาจากวังอ๋องให้ร่างบาง

ดวงตาคู่กลมมองหนังสือสลับกับกระบี่ในมือไปมา

“ข้าอยากฝึกวรยุทธนี่...” พระชายาน้อยกล่าวเสียงอ่อย

“แต่ว่า---“หลี่หมิงกำลังจะเดินเข้ามาช่วยเสี่ยวซุนไกล่เกลี่ยทว่าซูฮวากลับเอ่ยขัดขึ้นก่อน

“ความจริงข้าเคยฝึกกระบี่มาบ้างเพราะท่านพ่อต้องการให้ข้ามีวิชาติดตัวไว้ป้องกันตัว แต่เพราะไม่ใช้นานประกอบกับมีคนจ้องมองทำให้ข้าตื่นเต้น เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าขอฝึกวิชาคนเดียว” กล่าวจบก็พเยิดหน้าไปทางศาลาไม้หลังใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง

“มัวยืนอยู่อีก ข้าบอกให้พวกเจ้าไปนั่งรอในศาลาไง”

“กระหม่อมต้องถวายการอารักขาพระชายา” เสี่ยวซุนแย้ง

“ข้าจะไปฝึกอยู่ริมแม่น้ำตรงโน้น ใกล้นิดเดียวหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะส่งเสียงเรียกพวกเจ้าเอง ที่สำคัญนี่คือที่ดินส่วนตัวของชินอ๋องจะมีใครกล้าเข้ามาทำร้ายข้ากัน” ศีรษะที่วันนี้ไม่ได้ประดับเครื่องตกแต่งมาส่ายเบาๆ ก่อนรอยยิ้มหวานจะปรากฏตรงมุมปากของคนงามอย่างประจบประแจง

“นี่เป็นความฝันของข้าแต่เด็กแล้ว พวกเจ้าอย่าห้ามเลย นะๆๆ” เจอสีหน้าแววตาแสนสุดจะออดอ้อนเข้าไปสองบ่าวก็ได้แต่ยกธงขาวยอมแพ้

ร่างบางร้องเย้ออกมาไม่เบาไม่ดังก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปยังริมแม่น้ำซึ่งแอบเล็งเอาไว้นานแล้วว่าจะไปฝึกตรงนั้น ปล่อยให้หลี่หมิงกับเสี่ยวซุนชะเง้อคอมองตามอย่างเป็นห่วง ในขณะที่คนที่ทำให้ชาวบ้านเขาเป็นห่วงพอพ้นสายตาคนปุ๊บก็เริ่มวาดกระบี่ในมือออกกระบวนท่าตามที่เคยร่ำเรียนมาสมัยเด็กๆ

มู่ซูฮวาจำเป็นต้องฝึกออกกระบวนท่าเดิมๆ ซ้ำไปมาอยู่ครึ่งชั่วยามกว่าร่างกายจะรื้อฟื้นความทรงจำ สืบเนื่องมาจากร่างกายของเจ้าตัวอ่อนกะปวกกะเปียกไม่ค่อยมีกำลังวังชาเป็นทุนเดิมหลังจากฝึกกระบวนท่าแรกเสร็จก็ลงไปนั่งหอบแฮกๆ อยู่กับพื้น

“หิวแล้ว” แถมยังใช้พลังงานไปจนหมด กระเพาะของพระชายาน้อยว่างแล้ว

แต่จะให้เดินกลับไปหาพวกหลี่หมิงตอนนี้ก็ใช้ที่ ร่างบางเหลียวมองไปยังทิศที่มีศาลาไม้อยู่ หากเขากลับไปตอนนี้ละก็เจ้าสองคนนั้นต้องตื๊อขอให้เลิกฝึก    วรยุทธแล้วหันมาอ่านหนังสือแทนแน่ๆ

“ข้าอยากพิชิตใต้หล้านี่นา” สมัยเด็กตอนที่โดนท่านแม่จับอ่านหลักคุณธรรมของผู้เป็นภรรยาอยู่ในจวนคนเดียวนั้นซูฮวามักจะแอบเอานิยายประโลมโลกมาสอดไส้ แสร้งทำเป็นอ่านตำราแต่ความจริงแล้วอ่านเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของโลกภายนอกอยู่

ตัวเอกในนิยายประโลมโลกพวกนั้นล้วนมีวรยุทธแก่กล้ากันทั้งนั้น ซูฮวาเองก็อยากเป็นบ้าง

แกร่บ

ในระหว่างที่กำลังนอนผึ่งอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาดังมาจากด้านหลัง

ทีแรกซูฮวาคิดว่าพวกหลี่หมิงมาหาก็เลยนอนแอ้งแม้งต่อไปเช่นนั้น ทว่าผู้มาใหม่กับมีน้ำเสียงทุ้มเข้มฟังดูไม่คุ้นหู

“ช่างไม่ระวังตัวเอาเสียเลยนะ”

“!?” ร่างบางรีบคว้ากระบี่ข้างตัวและลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว แต่พอเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ซูฮวาก็ลดกระบี่ในมือลง

“ท่านคือสหายของพี่หูโปกับพี่ถังเฟยนี่” คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายวาววับยามจับจ้องใบหน้าคมคายของบุรุษตรงหน้า คราวก่อนชายผู้นี้จ่ายเงินค่าเสียหายให้พี่หูโปที่พังร้านซะเละเทะเสร็จก็เดินจากไปจึงยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย มาวันนี้ยังมีโอกาสได้พบกันอีกซูฮวาจึงคิดว่าพวกตนน่าจะมีชะตาต้องกัน

“ข้ามู่ซูฮวา ขอทราบนามของท่านได้ไหม” ร่างบางทำท่าคารวะตามแบบฉบับของเหล่าจอมยุทธ

เห็นคนงามทำท่าทางเช่นนั้นแล้วคนมองก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ หลังจากที่บุรุษหน้าดุยืนพินิจร่างกายของพระชายาน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่นานจนคนโดนมองเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนเขาก็กล่าวออกมาเพียงสองคำสั้นๆ ว่า “หยางจิน”

“โอ้ ชื่อสกุลของท่านช่างมีความหมายยิ่งใหญ่นัก ไม่ทราบว่าหยางในที่นี้มาจากพระอาทิตย์ ส่วนจินมาจากชื่อของแคว้นต้าจินใช่หรือไม่” เดิมทีซูฮวาก็คิดว่าคุณชายท่านนี้มีกลิ่นอายของผู้มีอำนาจบารมีอยู่แล้ว เมื่อได้ยินชื่อสกุลของอีกฝ่ายก็อดกล่าวชื่นชมบิดามารดาผู้ตั้งชื่อให้เขาในใจไม่ได้

หยางจินแปลว่าผู้นำพาแสงสว่างมาสู่ต้าจิน

ช่างเป็นนามที่ยิ่งใหญ่ขนาดโอรสสวรรค์ฟังแล้วยังต้องอาย!

มู่ซูฮวามีสีหน้าตื่นเต้นยามนึกถึงความหมายของชื่ออีกฝ่าย แต่ตัวเจ้าของชื่อกลับขมวดคิ้วมุ่น บรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัดขึ้นหลายระดับจนกระทั่งซูฮวาสังเกตเห็นจึงรีบเอ่ยแก้ “ขออภัยที่เสียมารยาท ความจริงแล้วท่านแซ่หยางชื่อจินดังนั้นความหมายของชื่อจึงไม่ได้เป็นดั่งที่ข้าเข้าใจสินะ”

“หึ”

“...”

คราวนี้เป็นฝ่ายคนงามบ้างแล้วที่ต้องขมวดคิ้ว เห็นผู้ชายคนนี้ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ซูฮวาเลยรีบขอโทษ แต่พอขอโทษเสร็จอีกฝ่ายกลับแค่นเสียงหัวเราะใส่ราวกับกำลังเย้ยหยัน

“คุณชายจิน ท่านมีปัญหาอะไรกับข้าหรือเปล่า ข้าเข้ามารบกวนท่านหรือเปล่า” การที่อีกฝ่ายสามารถเดินล่อนในที่ดินส่วนตัวของเทียนชินอ๋องได้ก็แปลว่าเขาน่าจะเป็นคนรู้จักของเทียนชินอ๋องและอาจจะกำลังไม่พอใจที่ซูฮวามาฝึกกระบี่ต๊อกๆ อยู่ในที่ของเขา

“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไร”

“คุณชายจิน” ร่างบางเหยียดหลังตรง ไม่รู้ทำไมยามสนทนากับคุณชายท่านนี้ตนจึงรู้สึกเกร็งราวกับกำลังถูกฝึกทหารอยู่

น่ากลัวมาก เป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาที่ทำความหล่อเสียของแท้ๆ หากไม่เอาแต่แผ่ไอสังหารอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ละก็ซูฮวามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องติดทำเนียบอันดับบุรุษเมืองหลวงหน้าตาดีสามปีซ้อนแน่ๆ

“ข้าเรียกคุณชายจินไม่ได้หรือ แล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไร” ซูฮวาช้อนตามองคนตัวสูงกว่า ตามปกติแล้วไม่ว่าจะเก่งกล้ามาจากไหน ลองเจอสายตาละห้อยของเขาเข้าไปเช่นนี้ก็จอดไม่ต้องแจวกันแล้ว แต่ตรรกะทั้งหลายล้วนไม่สามารถนำมาใช้กับคุณชายที่กำลังจ้องร่างบางด้วยแววตาเย็นชาผู้นี้ได้

“เพ้ย! ท่านไม่คิดว่าตัวเองน่ากลัวเกินไปเหรอ เคยส่องกระจกแล้วสะดุ้งบ้างไหมเนี่ย” ในที่สุดพระชายาน้อยก็หมดความอดทน

คนโดนทักหรี่ตาก่อนจะร้องโอ้ออกมาเบาๆ ราวกับชื่นชมในความกล้าหาญของคนตัวเล็กที่บังอาจมายอกย้อนตนเช่นนี้

หยางจินก้มลงมองกระบี่ในมือบางก่อนจะชักกระบี่ที่เหน็บอยู่ข้างเอวของตนออกมาบ้าง การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ร่างบางกระโดดผล็อยถอยหลังไปไกลด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแค่ชักอาวุธออกมาเฉยๆ ดูไม่เหมือนจะมาทำร้ายกันก็เลยเดินเตาะแตะกลับมา

“ท่านจะท้าประลองกับข้าหรือ” ดวงตาคู่โตทอประกายแพรวพราว “ท่านเก่งไหม”

พอได้ยินซูฮวากล่าวถามด้วยความใส่ซื่อหยางจินผู้เคร่งขรึมถึงกับเสียอาการไปชั่วขณะ หางคิ้วของชายหนุ่มกระตุกเบาๆ คล้ายเกิดมาไม่เคยมีผู้ใดหาญกล้าถามเขาว่าท่านเก่งไหมมาก่อน

“ตั้งท่าซะ” ตอนที่หยางจินมาถึงก็เห็นว่าร่างบางนอนหอบแฮกอยู่บนพื้นแล้วเขาจึงไม่ทันเห็นฝีมือของคนตัวเล็ก แต่ถ้าจะให้ประเมินละก็หยางจินไม่ได้คาดหวังกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

เห็นคนอายุน้อยกว่าตั้งแต่อย่างกระตือรือร้นแล้วก็ได้แต่บอกให้อีกฝ่ายเริ่มโจมตีมาก่อน

เมื่อได้รับคำอนุญาตจากหยางจินแล้วซูฮวาก็เปิดฉากบุกทันที ทั้งนี้กระบวนท่าที่พระชายาน้อยฝึกปรือจนเชี่ยวชาญนั้นมีเพียงกระบวนท่ารุกหนึ่งท่าและรับอีกหนึ่งท่าเท่านั้น ดังนั้นการต่อสู้กับหยางจินในครั้งนี้ร่างบางจึงหยิบเอาสองกระบวนท่านี้มาใช้วนไปเวียนมา

เรี่ยวแรงที่ฟาดฟันมานั้นช่างเบาหวิว ท่วงท่าก็เดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่ในดวงตาคู่งามกลับฉายประกายแห่งความมุ่งมั่นอันแรงกล้า หยางจินใช้มือเพียงข้างเดียวในการปัดป้องและโจมตีกลับเล็กน้อยๆ ราวกับหมาหยอกแมว คู่ต่อสู้ที่ฝีมือห่างกันขนาดนี้เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอะไรเลย

ทั้งๆ ที่เห็นความต่างขนาดนี้แต่เจ้าคู่ต่อสู้ตัวน้อยกลับทำสีหน้าเหมือนกำลังมองหาวิธีเอาชนะเขาอยู่

“ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย เด็กน้อยเอ๋ย” หยางจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม คล้ายกำลังเย้ยหยันแต่ในนั้นกลับเจือแววชอบใจ

สุดท้ายชายหนุ่มก็ปัดกระบี่จนหลุดจากมือของซูฮวา

ร่างบางมองไปยังทิศที่กระบี่ของตนกระเด็นไป มองเช่นนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยสักพักก่อนจะฉีกยิ้มออกมา “ข้าช่างเก่งกาจเหลือเกิน! แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าพรสวรรค์”

“หะ...” หยางจินเสียมาดอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับหลุดคำอุทานออกมาเบาๆ แต่เสียงตกใจของเขาคงเบาเกินไปคนที่กำลังหัวเราะคิกคักกล่าวชื่นชมตัวเองไม่หยุดปากจึงไม่ได้ยิน

“ข้าเก่งใช่ไหม” กล่าวชมตัวเองอย่างเดียวไม่พอ พระชายาน้อยยังหันมาหาแนวร่วมอีกด้วย

หยางจินคร้านจะต่อปากต่อคำกับคนตัวเล็กกว่าแล้ว ชายหนุ่มเก็บกระบี่เข้าฝักและทำท่าเหมือนจะเดินจากไป ทว่าเขากลับโดนคนตัวเล็กกระโจนมาขวางหน้าไว้ก่อน “เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนข้าประลองกับเสี่ยวซุนข้ายังไม่ทันได้เหวี่ยงดาบก็ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าเพราะว่าเขาเป็นแต่บุกเข้ามา ไม่เหมือนกับท่านที่เว้นจังหวะให้ข้าตั้งหลักอยู่เสมอ ที่ข้าสามารถสู้ได้ขนาดนี้ก็เพราะท่านมองฝีมือของข้าออกและปรับลดกำลังของตนลงมาให้ไม่กดข่มข้าจนหน้าหงาย”

ร่างบางลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นดังตุบ

“ท่านช่างเป็นยอดคนในยอดคน! ได้ประมือกันก็รู้ว่าแท้จริงแล้วท่านมี    วรยุทธลึกล้ำราวกับก้นสมุทรที่ไม่มีสิ้นสุด!” เสียงหวานกล่าวคำเยินยอออกไปหนึ่งชุด “ดังนั้นท่านช่วยรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”

“...”

ชายหนุ่มที่ถูกคุกเข่าขอคารวะเป็นอาจารย์แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเคร่งขรึมเหมือนเดิม การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของมู่ซูฮวา ร่างบางเห็นว่าคนเด็ดขาดอย่างเขาไม่กล่าววาจาตัดรอนออกมาในทันทีก็แปลว่าตนมีโอกาสอยู่บ้าง

“นะ ท่านอาจารย์จิน นะๆๆๆ” ไม้ตายเด็ดก้นหีบของพระชายาน้อยนามว่ากระบวนท่าส่งสายตาออดอ้อนและเสียงนะๆ ในตำนานถูกงัดออกมาใช้อีกครั้ง บอกตามตรงว่ากระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิชาดาบของสำนักไหนในใต้หล้า โอกาสโจมตีสำเร็จคือสิบเต็มสิบ แต่อนิจจาร่างสูงเจ้าของใบหน้าดุดันกลับไม่รวมอยู่ในสิบเต็มสิบที่ว่า

“เจ้าจะฝึกวิชาบู๊ไปเพื่ออะไร” เสียงทุ้มกล่าวถามเรียบๆ

“แต่เล็กจนโตข้าถูกท่านแม่เลี้ยงดูมาเยี่ยงสตรี ได้แต่เฝ้ามองเด็กชายคนอื่นวิ่งเล่นปีนป่ายต้นไม้ในขณะที่ตนเองต้องมานั่งท่องหลักสี่คุณธรรม อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักผิดชอบชั่วดี เชื่อฟังผู้อื่นเป็นสำคัญ ใช้ชีวิตเพื่อบุรุษเมื่อออกเรือนชีวิตของข้าก็เหมือนตกเป็นของสามี...” กล่าวไปกล่าวมาจากใบหน้าสดใสยามพบอาจารย์ยอดฝีมือบัดนี้พระชายาคนงามเบะปากคล้ายจะร้องไห้

“ข้าอยากเป็นอย่างพี่รองที่เก่งบู๊และบุ๋นแต่ข้าไม่มีโอกาสได้เรียนอะไร    สักอย่าง มาวันนี้ข้าได้รับอิสระแล้วข้าอยากทำตามความปรารถนาของตนเอง      สักตั้ง กลางวันเรียนวิทยายุทธกับท่าน ตกกลางคืนอ่านตำราเพื่อสอบเป็นบัณฑิต!” ข่าวดีอีกข้อสำหรับซูฮวาก็คือภรรยาชายในแคว้นต้าจินสามารถสอบเป็นขุนนางได้เหมือนบุรุษทั่วไป

“นะ...” ขอร้องขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายยังคงใจแข็งอยู่เลย เสียงหวานอ่อยลงเรื่อยๆ แล้ว

“ข้ามีงานต้องทำ”

“ไม่ต้องทุกวันก็ได้ วันเว้นวัน...ไม่สิ วันเว้นสองวันก็ได้!”

“เจ้าจงมาที่นี่ทุกวัน หากข้ามีเวลาว่างเมื่อใดจะแวะเวียนมาชี้แนะ”      หยางจินกล่าวออกมาในที่สุด

คำตอบของชายหนุ่มร่างสูงสร้างความพึงพอใจแก่พระชายาน้อยเป็นอย่างยิ่ง

“ซูฮวาขอคารวะท่านอาจารย์!!” ร่างบางก้มหัวคารวะอาจารย์งกๆ

ความไม่ถือตนแม้แต่น้อยของซูฮวาอยู่ในสายตาของผู้มองอยู่ตลอด หยางจินบอกให้ซูฮวาลุกขึ้นยืน

“เจ้ามาที่นี่ลำพังหรือ”

“ข้ามากับหลี่หมิงแล้วก็เสี่ยวซุน พวกเขารออยู่ที่ศาลา ท่านจะไปนั่งพักด้วยกันหน่อยไหม” ร่างบางไม่รอช้า เดินกระโดดอย่างมีความสุขไปยังทิศที่ทิ้งบ่าวทั้งสองเอาไว้ และเมื่อกลับมาถึงศาลาซูฮวาก็พบว่าพวกเสี่ยวหมิงกำลังนั่งกินขนมกันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย

ผู้ที่นำขนมมาให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น พี่ถังเฟยคนนั้นนั่นเอง

“เสร็จแล้วหรือ” พอถังเฟยเห็นพวกเขาเดินกลับมาก็เอ่ยทักท่านอาจารย์ของซูฮวาทันที

คนตัวสูงพยักหน้าแทนคำตอบ

“กลับเลยหรือว่าจะอยู่ต่อ” น้ำเสียงของถังเฟยคราวนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยคล้ายเจือความหยอกล้ออยู่หลายส่วน

“กลับ”

พอได้ยินหยางจินตอบเช่นนั้นบุรุษที่มีนิสัยขี้เล่นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง เขาหันมากล่าวทักทายซูฮวาสองสามประโยคก่อนจะเดินตามหยางจินไป

ยังไม่ทันคล้อยหลังออกมาถังเฟยก็ได้ยินเสียงหวานตะโกนไล่หลังมาว่า “ท่านอาจารย์จิน โปรดรักษาสุขภาพด้วย”

“อาจารย์จิน?” ถังเฟยหันไปแสดงความสงสัยใส่หยางจินทันที

“เด็กคนนั้นคารวะข้าเป็นอาจารย์แล้ว”

“ถึงเรื่องที่พระชายาน้อยคารวะท่านเป็นอาจารย์จะน่าตกใจก็เถอะ แต่ข้าติดใจว่าทำไมท่านซูฮวาถึงเรียกท่านว่าจินเฉยๆ อย่าบอกนะว่าท่านหลอก          พระชายาน้อยว่านามของท่านคือจิน?”

คนโดนซักไซ้ส่ายหน้าอย่างรำคาญใจ “ข้าแนะนำตัวว่าหยางจิน”

หยางจินไม่ได้หลอก แค่พูดไม่หมด

“ฮะๆๆ คนงามของท่านจะเข้าใจผิดคิดว่าท่านแซ่หยาง นามจินก็ไม่แปลกแล้ว ทำไมท่านไม่บอกพระชายาน้อยไปตรงๆ เล่าว่าท่านคือหานชินอ๋อง             ไท่ติงหยางจิน “ในแผ่นดินต้าจินแห่งนี้มีคนต่างตระกูลที่ใช้แซ่ซ้ำกันมากมาย อย่างแซ่หลี่ จาง หรือหวังนี่มองไปทางไหนก็เจอ แต่ไท่ติงนั้นเป็นแซ่ที่ต่างออกไป มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่ใช้ได้ หากเอ่ยออกไปว่ามีแซ่ไท่ติงต่อให้เป็นคนป่าหลังเขามาจากไหนก็รู้จัก

กล่าวจบถังเฟยก็หัวเราะออกมาจนตัวคดตัวงอ เรียกสายตาอำมหิตจากบุรุษที่เดินอยู่ข้างๆ ได้เป็นอย่างดีแต่ทว่าถังเฟยติดตามชายคนนี้มานานจนหนังหนาหน้าทนไม่กริ่งเกรงต่อสายตาที่เหมือนจะไม่พอใจแต่ดันมีความประหม่าเจือมาด้วยจางๆ เช่นนี้หรอก

ตอนจ่ายเงินชดใช้ให้หูโปที่ร้านเมื่อวันก่อนหยางจินน่ากลัวกว่านี้นัก

“ท่านคิดเปลี่ยนใจจะกลับบ้านสักหน่อยไหม” ถังเฟยถามเข้าประเด็น



-------------------------------

จิตใจของพี่หานช่างซับซ้อนแปดตลบ แม้แต่นิคโค่ก็ไม่เข้าใจ เป็นผัวดีๆไม่ชอบ ชอบเป็นอาจารย์สอนวรยุทธมากกว่า 5555



#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #37 เมื่อ21-05-2019 18:06:04 »

น่ารัก น่ารัก อ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้

หยางจินก็หยางจินเหอะ
ไม่นาน ไม่นาน
ท่านจะต้องตกหลุมรักพระชายาของท่านเอง

สนุกมาก มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #38 เมื่อ21-05-2019 20:04:46 »

:เดี๋ยว​ก็​หลง​เสน่ห์​ความ​น่ารัก​

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #39 เมื่อ21-05-2019 23:44:15 »

พระเอกเก๊กจังค่ะ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
« ตอบ #39 เมื่อ: 21-05-2019 23:44:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #40 เมื่อ22-05-2019 02:56:18 »

อยากรู้ว่าจะตกหลุมรักพระชายายังไง อิอิ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #41 เมื่อ22-05-2019 11:57:45 »

 :pig4:
ท่านอาจารย์จิน ท่านอย่าลืมสุภาษิต สมภารไม่กินไก่วัดนะท่าน
ทำมาเมี่ยงๆมองๆ
 :hao3:
 :3123:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #42 เมื่อ22-05-2019 13:22:55 »

เอ็นดูวว พระชายาน้อย 555555
ลูกศิษย์เด๋อๆ น่ารัก ท่านอาจารย์หวั่นไหวมั้ยย  :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2019 11:41:10 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่5 - - 21/05/62
«ตอบ #43 เมื่อ22-05-2019 17:26:42 »

ฮ่วยพระเอกค่าตัวแพงจังออกมาแป๊บเดียว แต่นายเอกนี่เกินเยียวยาละสมงสมอง

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #44 เมื่อ24-05-2019 19:07:02 »

คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................



บทที่๖

 

 

 “ท่านอาจารย์ไม่มาเลยน้อ” นับตั้งแต่วันที่คารวะฝากตัวเป็นศิษย์กับอีกฝ่ายก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้วแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางจินเลย

ยังไงซูฮวาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเจ้าตัวจึงออกจากวังอ๋องเพื่อมานั่งอ่านตำรารออีกฝ่ายทุกวัน ตั้งใจว่าจะเข้าสอบการสอบถงชื่อที่จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตามซูฮวาก็ยังคงชะเง้อคอมองหาท่านอาจารย์ผู้สัญญาว่าจะแวะเวียนมาเมื่อมีโอกาส

“หลี่หมิง ทำไมท่านอาจารย์จินจึงไม่มาเสียที” หลังจากนั่งอ่านต่อได้อีกสักพักเสียงหวานก็ครวญครางออกมาอีกครั้ง ชักกระบี่ประจำกายออกจากฝักและใช้มันเขี่ยพื้นไปมาจนได้อักษรคำว่าอาจารย์ออกมาหนึ่งตัว

หลี่หมิงได้แต่ยิ้มแห้ง นางจะไปทราบได้อย่างไรว่าอาจารย์จินทำไมถึงไม่ยอมมา ความจริงนางยังแทบไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นจะยอมรับ          พระชายาที่ไม่ได้เรื่องผู้นี้เป็นศิษย์

“พระชายาไม่ทราบจริงๆ หรือเพคะว่าเขาเป็นใคร” หากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครอยู่ที่ไหนก็ยังพอไปตามตัวได้

“ข้ารู้แค่ว่าเขาคือหยางจินที่มีวรยุทธสูงส่ง” คนงามก้มหน้าเบะปาก วันนี้ซูฮวาคิดว่าท่านอาจารย์ของตนก็ไม่น่ามาอีกจึงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ารุ่มร่ามสีขาวสลับฟ้า ติดเครื่องประดับสีทองมีมุกสีขาวแซมดูสง่าสูงส่งเกินกว่าจะมานั่งเขี่ยกระบี่เป็นคำว่าอาจารย์อยู่ในป่าไผ่อย่างหงอยเหงา

“เราเข้าไปเที่ยวในเมืองกันดีไหม” ในที่สุดเส้นความอดทนของพระชายาน้อยก็ขาดผึง

หลี่หมิงกับเสี่ยวซุนที่เบื่อตั้งแต่วันที่สามแล้วฉีกยิ้มกว้างรีบช่วยกันเก็บของทันที แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกจากสวนไผ่ เที่ยวเล่นซื้อขนมเข้าร้านน้ำชาฟังการแสดงกู่ฉินกันอย่างแสนสำราญ กระทั่งเสี่ยวซุนจอมทึ่มนึกอะไรบางอย่างออก “ตายละ ข้าลืมเก็บพัดของพระชายามาด้วย”

สิ้นคำเขาก็โดนหลี่หมิงเขกหัวไปหนึ่งครั้ง “เจ้าโง่เอ๊ย กลับไปเอามาเลย”

เสี่ยวซุนทำท่าจะวิ่งกลับไปยังป่าไผ่คนเดียวถูกซูฮวาเรียกไว้ก่อน “เจ้าจะวิ่งกลับไปหรือ มันไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะ เอาม้าไปสิ” ซูฮวาชี้ไปยังม้าที่ใช้เทียมเกี้ยวอยู่ คนขับเกี้ยวเห็นพระชายาชี้นิ้วไปก็เลยรีบดึงม้าออกมาเพราะคิดว่าพวกซูฮวาจะกลับวังอ๋องแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยแข็งแรง ระยะทางเท่านี้สามารถวิ่งไปได้”

ได้ยินเสี่ยวซุนอวดอ้างว่าตนแข็งแรงแล้วซูฮวากับหลี่หมิงก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อถือ เสี่ยวซุนถูกดูหมิ่นจึงหน้าแดงแต่ยังไม่ทันกล่าวอะไรซูฮวาก็เอ่ยขึ้นมาก่อน “งั้นก็กลับไปเอาพัดกันทั้งสามคนนี่แหละ ยังไงนั่นก็พัดของข้า ข้าย่อมมีส่วนผิดด้วย”

เสี่ยวซุนน้ำตาแทบกระเด็น เขาไม่คิดเลยว่าเจ้านายของตนจะเมตตาต่อบ่าวไพร่ถึงเพียงนี้

และแล้วซูฮวากับหลี่หมิงก็ปีนขึ้นไปบนรถม้า เสี่ยวซุนขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับเขาบอกคนขับว่าให้กลับไปทางป่าไผ่นั่นอีกครั้ง กว่าคณะเดินทางของพระชายาจะเดินทางกลับมาถึงป่าไผ่พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้วทั้งสามคนจึงรีบวิ่งเข้าไปกะว่าจะรีบกลับออกมาก่อนที่ฟ้าจะมืด

แต่ปรากฏว่าที่ศาลาไม้หลังนั้นกลับมีร่างสูงของชายคนหนึ่งนั่งรออยู่

บรรยากาศรอบตัวของชายคนนั้นช่างมาคุเนื่องจากเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ดี และเมื่อเขาได้ยินเสียงของต้นเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีหยางจินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

“ท่านอาจารย์จิน!!” ร่างบางวิ่งฮั่กๆ เข้าไปหาบุรุษที่ตนเฝ้ารออยู่หลายวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงา พอวันที่ตนไม่ได้อยู่รออีกฝ่ายกลับโผล่มา “ท่านอาจารย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าขอโทษ!”

นัยน์ตาคู่คมประดุจเหยี่ยวตวัดมองร่างบางในชุดอันฟูฟ่อง ดูอย่างไรก็ไม่ใช่การแต่งกายของคนที่ตั้งใจมาฝึกดาบ

“เจ้าดูไม่เหมือนคนที่ไม่พอใจมารดาที่เลี้ยงดูเจ้ามาเยี่ยงสตรีเลยนะ” เปิดปากคำแรกก็ตำหนิกันทันที

ร่างบางทรุดเข่านั่งแหมะลงกับพื้นท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง “ก็ข้าใส่แบบนี้จนชินแล้วนี่”

ได้ยินเสียงหงิงๆ ของผู้เป็นนายแล้วเสี่ยวซุนกับหลี่หมิงก็ได้แต่เบือนหน้าไปทางอื่น แม้จะไม่ทราบว่าคุณชายหยางจินผู้นี้เป็นใครมาจากไหนแต่ในเมื่อซูฮวาตัดสินใจฝากตัวเป็นศิษย์กับอีกฝ่ายแล้วก็แปลว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่บ่าวอย่างพวกเขาจะสามารถสอดมือเข้าไปยุ่งได้

“เจ้าไปไหนมา” หยางจินถาม

“ไปกินเกี๊ยว ดื่มชากับขนมเปี๊ยะ แล้วก็ประชันกลอนกับบัณฑิตฝีมืออ่อนในร้านน้ำชา” ซูฮวาก้มหน้าตอบ ความภาคภูมิใจที่ตนเองสามารถโต้กลอนชนะเจ้าหน้าอ่อนที่ร้านน้ำชานั่นได้มลายหายไปสิ้น

“ดูเหมือนเจ้าจะเหมาะกับการเป็นบัณฑิตมากกว่านะ จะมัวมาเสียเวลาฝึกวิชาต่อสู้กับข้าไปทำไม” มองจากแคว้นอันผิงมายังรู้ว่าผู้พูดกำลังไม่พอใจอย่างแรง

ซูฮวาทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าเจื่อน “หากท่านคิดว่าข้าเหมาะกับบุ๋นมากกว่าท่านจะสอนตำราข้าเป็นหลักแทนก็ได้ เอาไว้ยามว่างพวกเราค่อยประลองยุทธกันเล็กๆ น้อยๆ”

หยางจินไม่เข้าใจว่าเขาสื่อสารไม่ชัดเจนตรงไหน เหตุใดเจ้าเด็กตรงหน้าถึงได้เหมารวมให้เขาเป็นอาจารย์สอนทั้งวิชาบู๊และบุ๋นไปได้ ที่ตกลงกันไว้ตอนแรกคือให้สอนแค่วิชาต่อสู้ไม่ใช่เรอะ!?

“ซูฮวา...”

“ขอรับท่านอาจารย์”

พอเห็นว่าคนตัวเล็กที่กำลังนั่งคุกเข่าอย่างสำนึกผิดอยู่บนพื้นช้อนตาขึ้นมามองด้วยแววตาแสนจะน่าสงสารหยางจินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าประสาทสัมผัสอันฉับไวของเขากลับสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มหนึ่งเข้า

มือหนารีบฉุดให้ร่างบางลุกขึ้นยืนและเอามาซ่อนไว้ข้างหลังตน

เมื่อเห็นว่าหยางจินชักกระบี่ออกมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแม้จะยังปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลยแต่เสี่ยวซุนก็รีบทำตามบ้างโดยเขาเอาตัวเองไปบังหลี่หมิงเอาไว้

“เกิดอะไรขึ้น” สตรีเพียงคนเดียวในที่นี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น และแล้วคำตอบก็ปรากฏตัวออกมาเบื้องหน้านาง

พวกซูฮวาถูกกลุ่มชายชุดดำปิดหน้าปิดตาในมือมีอาวุธล้อมเอาไว้ นับหัวดูแล้วน่าจะมีประมาณห้าคน แม้คนจำนวนนี้จะไม่มากแต่ยังไงก็มากกว่าพวกซูฮวาอยู่ดี ยิ่งทางฝั่งนี้มีผู้หญิงกับพระชายาน้อยที่ใช้การไม่ได้รวมไปถึงนายทหารต๊อกต๋อย กล่าวไปกล่าวมาสรุปก็คือคนที่ดูพึ่งพาได้มีแค่หยางจินคนเดียวเท่านั้น

“ท่านไปสร้างความแค้นไว้ให้ใครงั้นหรือ” สิ่งแรกที่ซูฮวาทำก็คือหันไปถามผู้เป็นอาจารย์เนื่องจากเจ้าตัวมั่นใจว่าไม่เคยไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหน

“ความแค้น? เหอะ”

ท่านอาจารย์แค่นหัวเราะแบบนี้แปลว่าต้องไม่เคยสร้างความแค้นหรือศัตรูที่ไหนเอาไว้แน่ๆ เลย

“มากมายนับไม่ถ้วน!”

“เอ๊า!” พอหยางจินพูดต่อจนครบประโยคซูฮวาก็หัวแทบทิ่มพื้น เขารึหลงนึกว่าท่านอาจารย์เป็นจอมยุทธผู้เงียบขรึมรักสงบ ที่ไหนได้เที่ยวก่อศัตรูเอาไว้ทั่วบ้านทั่วเมืองเลยหรอกเรอะ

ในขณะที่หยางจินหันมาตอบซูฮวา หนึ่งในกลุ่มชายชุดดำก็กระโจนเข้ามา แต่อนิจจา พอกระโจนเข้ามาเสร็จเขาก็โดนซัดกระเด็นออกไปติดต้นไปกระอักเลือดออกมากองใหญ่ เสี่ยวซุนที่ยังไม่ทันขยับหันไปมองหยางจินด้วยใบหน้าอึ้งทึ่ง การโจมตีของหยางจินเมื่อครู่เขามองตามไม่ทันสักนิด และไม่ใช่แค่เสี่ยวซุนเท่านั้น พวกชุดดำที่เหลือก็กำลังแตกตื่นเช่นกัน

อาการแตกตื่นของเหล่านักฆ่าสร้างความประหลาดใจแก่หยางจินเล็กน้อย

หยางจินหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังตนอย่างพิจารณาก่อนจะย้อนถามด้วยคำถามเดียวกัน “เจ้าไปสร้างความแค้นไว้กับใครที่ไหน       หรือเปล่า”

หยางจินนั้นโดนนักฆ่าพยายามลอบสังหารมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ละครั้งอีกฝ่ายจะบุกมาไม่ต่ำกว่าสิบคนเพราะหากต่ำกว่านั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะล้มเขาลงได้ ทีแรกเห็นว่านักฆ่ากลุ่มนี้มากันห้าคนเขายังคิดว่ายังมีพวกมันหลบซ่อนอยู่แต่เขาจับกลิ่นอายอะไรไม่ได้เลย

มิหนำซ้ำคนห้าคนนี้ยังตกใจเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเป้าหมายคราวนี้มีฝีมือสูงส่ง

หยางจินใช้เวลาจัดการเหล่านักฆ่าด้วยเวลาอันรวดเร็วพอๆ กับที่หูโป      ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในร้านอาหารเพียงแต่แตกต่างกันตรงที่คู่ต่อสู้ของหูโปเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีวรยุทธในขณะที่กลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ได้รับการฝึกปรือมาไม่มากก็น้อย

“ข้าจะพาซูฮวาไปพักที่วังของเทียนชินอ๋อง ส่วนเจ้าจงไปตามองครักษ์เสื้อแพรมาจับกุมคนกลุ่มนี้” หยางจินที่ลงมือจัดการเพียงคนเดียวทั้งหมดหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ประจำกายพระชายาที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

สิ้นคำเขาก็คว้ามือร่างบางจูงไปยังทิศทางที่เป็นที่ตั้งของวังเทียนชินอ๋อง

ทีแรกซูฮวาไม่ทันคิดอะไรแต่พอเดินไปสักพักจึงรู้ตัวว่าตนเองถูกบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามีแตะเนื้อต้องตัวก็เลยรีบสะบัดมือออกราวกับต้องของร้อน พอเห็นว่า   หยางจินหันมามองด้วยสายตาสงสัยเสียงหวานจึงเอ่ยตอบ “ข้ายังไม่ได้บอกท่าน แต่ว่าข้าแต่งงานแล้ว พวกเราไม่ควรใกล้ชิดกันเกินไป”

“อ้อ...” คนตัวสูงเพียงแค่ร้องอ้อเบาๆ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้จับมือของซูฮวาอีก เพียงแค่เดินไปตามทางของป่าไผ่แห่งนี้เรื่อยๆ อย่างชำนาญทาง

“ท่านมาหาเทียนชินอ๋องบ่อยหรือ” ร่างบางปรับความเร็วขึ้นมาเดินตีเสมออีกฝ่ายโดยไม่ลืมเหลียวมองหลี่หมิงที่ตามอยู่ด้านหลังว่านางเดินตามมาทันหรือไม่

“ไม่หรอก เขาเพิ่งได้รับพระราชทานวังเป็นของตนเองเมื่อปีก่อนนี่เอง ข้าเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกในวันที่พบเจ้าที่หอหยุนเซียน” นี่อาจจะเป็นคำตอบที่ยาวที่สุดนับตั้งแต่ซูฮวาสนทนากับท่านอาจารย์มา

ร่างบางลอบสังเกตแววตาที่มักเย็นชาตลอดเวลาของอีกฝ่าย ยามที่ หยางจินกล่าวถึงเทียนชินอ๋องเขากลับแสดงแววตาอันอ่อนโยนออกมาชั่วขณะสร้างความอิจฉาตาร้อนแก่ศิษย์ตัวน้อยที่ไม่ได้รับความเมตตาจากอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างที่ซูฮวากำลังครุ่นคิดว่าหยางจินเป็นอะไรกับเทียนชินอ๋อง เหตุใดจึงดูรักใคร่ท่านอ๋องผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีผู้นี้นักพวกเขาก็เดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซูฮวาทราบดีว่าที่แห่งนี้คือวังชินอ๋องแต่มันดูเล็กเกินไปและเงียบเหงาเกินไป ประกอบกับทำเลที่ตั้งกลางป่าไผ่เช่นนี้ทำให้วังของเทียนชินอ๋องดู    อเนจอนาถกว่าวังอ๋องใดๆ

สมแล้วที่ถูกกล่าวหาว่าดวงกินพระมารดา

ซูฮวาถอดถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งอย่างสงสาร

“ข้าพาเขาไปอยู่ที่วังด้วยดีไหมนะ” เมื่อก้าวเข้ามาในวังของเทียนชินอ๋องแล้วซูฮวายิ่งรู้สึกเวทนาหนักกว่าเก่า

ไม่มีวี่แววของทหารเฝ้ายามหน้าประตูยังพอว่า แต่นี่ดูเหมือนจะไม่มีกระทั่งข้ารับใช้

“วัง?” หยางจินหยุดเดินและหันมาถาม

“อ้อ ข้าลืมบอกท่านอาจารย์อีกแล้ว ความจริงข้าคือพระชายาของ      หานชินอ๋องพี่ชายร่วมอุทรของเทียนชินอ๋องเอง เห็นความเป็นอยู่ของเทียนชินอ๋องไม่สู้ดีนักจึงเกิดความคิดว่าจะพาเขาไปอยู่ในวังของพระเชษฐาดีหรือไม่” แม้ซูฮวาจะเกิดในแคว้นอันผิงซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและธรรมชาติ แต่ในแคว้นอันผิงก็ยังมีผู้คน ไม่เหมือนวังอ๋องแห่งนี้ที่ไม่มีอะไรเลยราวกับบ้านร้าง

“โอ๊ะ จะว่าไปท่านเป็นอะไรกับเทียนชินอ๋องงั้นหรือ” ซูฮวาถือวิสาสะถามสิ่งที่ค้างคาใจมานาน

คนร่างสูงกำลังจะขยับปากตอบ ทว่าเสียงขลุกขลักกลับดังขึ้นมาจากประตูห้องหนึ่งก่อนที่ร่างของหญิงเฒ่าจะโผล่หัวออกมา ในมือของนางถือไม้เท้าง้างขึ้นราวกับกำลังเตรียมฟาดผู้บุกรุกที่เข้ามาในวังของเทียนชินอ๋องยามวิกาลแต่พอนางเห็นหน้าของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายซูฮวาไม้ในมือก็ลดลง

หญิงเฒ่าทำความเคารพหยางจิน นางส่งเสียงอ้อๆ แอ้ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์พลางพเยิดหน้ามาทางซูฮวา

ร่างบางเอียงคอหญิงเฒ่าที่จะพูดก็ไม่ยอมพูดสักพักก่อนจะเข้าใจว่าหญิงเฒ่าผู้นี้เป็นใบ้จึงเอ่ยแนะนำตัวออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้ามีนามว่าซูฮวา เป็นพระชายาในหานชินอ๋อง”

“อออ อออ” ดวงตาของหญิงเฒ่าเป็นประกายระยับ รอยยิ้มอันหาได้ยากยิ่งปรากฏบนหน้านาง หญิงเฒ่าชี้นิ้วไปทางร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่

“นางเป็นหัวหน้าแม่บ้านประจำวังของเทียนชินอ๋อง” คนโดนชี้นิ้วไม่ถือสากิริยาอันเสียมารยาทของหญิงใบ้ เขาหันมากล่าวแนะนำตัวแทนนางสั้นๆ ให้ซูฮวาทราบ ก่อนจะหันไปทางหญิงเฒ่าและถามถึงคนที่เป็นเจ้าของวังแห่งนี้ “จินเยว่ไม่อยู่หรือ”

จินเยว่

ซูฮวาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานสองนานก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าจินเยว่คือใครสุดท้ายจึงหันไปพึ่งพาสาวใช้ที่ยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง ผลปรากฏว่า       หลี่หมิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจินเยว่คือใคร สุดท้ายสองนายบ่าวก็เลยได้แต่ยืนทำหน้ามึน

“แอ้ แอ้” หญิงเฒ่ากระตือรือร้นในการเชิญนายท่านทั้งสองเข้าไปนั่งรอด้านในก่อน เมื่อเห็นว่าหยางจินกับซูฮวานั่งในโถงรับรองของวังแห่งนี้เรียบร้อยแล้วนางก็ผลุบหายไป สักพักก็กลับมาพร้อมกาน้ำชาและจดหมายฉบับหนึ่ง

หยางจินรับจดหมายมาจากนาง เขากวาดสายตาอ่านสักพักก็หันมากล่าวกับซูฮวาที่นั่งตาใสอยู่ข้างๆ “ดูเหมือนจินเยว่จะเข้าไปในเมืองนะ คืนนี้คงค้างบ้านเพื่อนที่เป็นบัณฑิต”

“เอิ่ม จินเยว่คือใครหรือ” ซูฮวาอ้อมแอ้มถาม

ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นหยางจินก็ยกมือขึ้นมาบีบขมับเบาๆ ก่อนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจว่า “เทียนชินอ๋อง ไท่ติงจินเยว่”

ซูฮวาร้องโอ้เบาๆ “ชื่อของเทียนชินอ๋องช่างมีความหมายดีนัก จินที่แปลว่าทองคำ เยว่ที่แปลว่าพระจันทร์”

“จินในชื่อของเขามาจากชื่ออาณาจักรต้าจิน ผู้ตั้งชื่อนี้เจตนาสอดแทรกความนัยว่าจินเยว่คือผู้นำพาความมืดมาสู่แผ่นดินเพราะเพื่อให้กำเนิดเขา         พระมเหสีผู้งดงามจึงสิ้นพระชมน์” เสียงทุ้มกล่าวแย้ง ถ้อยคำและสีหน้าของเขาแม้จะยังคงเรียบเฉยเย็นชา ทว่าแววตากลับเจือด้วยความขุ่นเคือง

ซูฮวาที่พูดอะไรก็ดูจะผิดไปเสียหมดเลือกที่จะหดคอแล้วนั่งเงียบๆ

“เจ้าจะรอบ่าวของเจ้าที่ไปติดต่อองครักษ์เสื้อแพรกลับมาก่อนหรือจะให้ข้าไปส่งเจ้าที่วังอ๋องก่อน” หยางจินเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งก้มหน้างุดๆ เดี๋ยวมองออกไปนอกประตู เดี๋ยวก็แอบหันมามองหน้าเขาราวกับมีอะไรอยากจะกล่าวแต่ไม่กล้ากล่าว

“ข้าคงอยู่รอเสี่ยวซุนที่นี่ก่อน เห็นแบบนั้นแต่เขาทั้งไม่ได้เรื่องแล้วก็พึ่งพาไม่ได้เลย ข้ากลัวว่าเขาเทียวไปเทียวมาในป่าไผ่ลำพังจะโดนลอบทำร้ายเอา”     พระชายาน้อยยังคงให้ความสำคัญกับบ่าวไพร่เสมอ

“งั้นคืนนี้เจ้าก็ค้างที่นี่นั่นแหละ รออยู่ตรงนี้ ข้าจะให้คนไปเตรียมห้องให้เจ้า” พูดจบร่างสูงก็ลุกออกไป

คล้อยหลังชายที่มีใบหน้าดุดันผู้นั้นหลี่หมิงก็รีบปราดเข้ามาหาร่างบางที่นั่งแกว่งขาเล่นตาแป๋วไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรทันที “พระชายาเพคะ หม่อมฉันคิดว่าการที่พระองค์จะค้างคืนที่นี่เป็นเรื่องไม่เหมาะสมนะเพคะ”

ซูฮวาเอียงคออย่างไม่เข้าใจ เวลาทำหน้าแบบนี้แล้วช่างน่ารักจนคนมองอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มนัก

“พระองค์เป็นถึงพระชายาในหานชินอ๋อง จะเที่ยวไปค้างบ้านของบุรุษอื่นไปทั่วไม่ได้นะเจ้าคะ” หลี่หมิงกำลังจะพูดต่อว่าเป็นสตรีที่ดีต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สตรีที่เที่ยวไปทางนู้นทางนี้จะโดนมองเป็นหญิงมั่ว แต่นางนึกขึ้นได้ว่านายของตนไม่ใช่สตรี

แต่สถานะของซูฮวาก็สมควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนจริงๆ

“บุรุษอื่นที่ไหนกัน ที่นี่คือวังของเทียนชินอ๋องน้องชายร่วมอุทรของ        พระสวามีข้า” เสียงหวานเถียง ริมฝีปากบางเชิดรั้นขึ้นอย่างดื้อดึง

พระชายาน้อยไม่อยากกลับไปยังวังอ๋องของตนสักนิด ที่นั่นมีฮูหยินกับรองฮูหยินที่จ้องแต่จะทำร้าย มีพวกอนุที่หน้าไหว้หลังหลอก ไหนจะบ่าวไพร่ที่เป็นคนของฮูหยินเฉินซื่อนั่น แม้ว่าในวังหานชินอ๋องจะมีคนอยู่เยอะแต่ทุกคนล้วนเป็นศัตรู ต่างจากที่นี่ แม้จะเงียบเหงาแต่กลับอยู่แล้วสบายใจกว่า

“ยามนี้เทียนชินอ๋องไม่อยู่ มีเพียงท่านหยางจินซึ่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่ทราบ ไม่ว่าจะมองมุมไหนการค้างคืนที่นี่กับเขาก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพคะ”     หลี่หมิงก้มหน้ากล่าว

ซูฮวาได้ยินคนกล่าวว่าร้ายท่านอาจารย์ของตนก็เริ่มไม่พอใจบ้างแล้ว

“เขาเป็นท่านอาจารย์ของข้า! ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้” น้ำเสียงหวานแสน   แง่งอน

ใบหน้างามสะบัดไปอีกทางหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย ภาพยามเส้นผมยาวสลวยส่ายไหวตามศีรษะที่หันหน้าไปทางอื่นช่างงดงามน่ามองเสียจนสามารถเอาไปประพันธ์เป็นบทกวีพรรณนาความงามได้หลายบท แม้กระทั่งหยางจินที่มักจะเพิกเฉยต่อความสุนทรีย์เหล่านี้ยังเผลอมองใบหน้าบึ้งตึงแต่แสนน่ารักนั่นอย่างลืมตัว

เขาเพิ่งกลับมาจากการสั่งแม่บ้านเฒ่าให้ช่วยเตรียมห้องกับอาหารค่ำให้พระชายาตัวน้อย บังเอิญได้ยินบทสนทนาของสองนายบ่าวเข้าพอดีแต่กลับไม่ได้กล่าวอะไร

การได้แกล้งหยอกคนก็เป็นเรื่องสนุกสนานไม่เบา

ที่ผ่านมานั้นหยางจินเป็นบุรุษที่จริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่คราวนี้กลับไม่ใช่

เขาคิดว่าการได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับพระชายาของตนในสถานะศิษย์อาจารย์เช่นนี้ก็ไม่เลวเลย มู่ซูฮวาสามารถแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติยามอยู่กับท่านอาจารย์จิน แต่มู่ซูฮวาไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมเมื่ออยู่กับหานชินอ๋อง

“ซูฮวา” เสียงทุ้มขานเรียกนามของพระชายาตัวน้อย

ร่างบางที่กำลังงอนสาวใช้คนสนิทอยู่รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งดุ๊กๆ มาหาร่างสูงตามเสียงเรียกอย่างว่าง่าย ภาพที่เหมือนลูกแมวถูกของเล่นแมวล่อเลยวิ่งเข้าใส่ด้วยใบหน้าแช่มชื่นนั่นทำเอาหลี่หมิงแทบจะกระอักเลือดออกมา

“ท่านอาจารย์ คืนนี้ท่านช่วยสอนตำราเล่มนี้ให้ข้าได้ไหม” มีบางหยิบตำราพิชัยสงครามเล่มแรกที่อ่านไม่จบเสียทีแต่กลับพกไปไหนมาไหนด้วยราวกับมันเป็นเครื่องลางออกมาจากอก “แน่นอนว่าพวกเราจะอ่านด้วยกันในศาลาริมบ่อน้ำตรงนั้นโดยมีหลี่หมิงอยู่ด้วย หากเสี่ยวซุนกลับมาก็ให้เขาอยู่ด้วยอีกคน”

ดวงตาคมมองหนังสือที่เขาอ่านจนปรุโปร่งมาตั้งแต่เด็กด้วยความรู้สึกประหลาด

“เจ้าชอบสงครามหรือ” เสียงทุ้มของผู้เป็นอาจารย์กล่าวถาม

ร่างบางส่ายหน้าไปมา “ข้าชอบฝึกกระบี่มากกว่าอ่านตำรา แต่ตำราเล่มนี้ข้าสมควรรู้ไว้บ้างเพราะพระสวามีของข้าเป็นถึงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ แม้ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีวาสนาได้พบหน้าเขาหรือไม่แต่พระชายาอย่างข้าจะไม่รู้อะไรก็ไม่ได้ใช่ไหม ฮะๆๆ”

แล้วในคืนนั้นหยางจินก็อยู่สอนศาสตร์การวางแผนการรบให้แก่ซูฮวาจนเกือบรุ่งสาง

เสี่ยวซุนที่กลับมาตอนกลางดึกบอกว่าส่งเรื่องให้องครักษ์เสื้อแพรเร่งตรวจสอบแล้วหากมีอะไรคืบหน้าพวกเขาจะไปแจ้งที่วังอ๋องเอง แล้วหลังจากนั้นเสี่ยวซุนก็นั่งสัปหงกขณะอยู่ยามเฝ้าผู้เป็นนายร่ำเรียนกับท่านอาจารย์หยางจิน   หลี่หมิงเห็นความพึ่งพาไม่ได้ของเสี่ยวซุนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

สุดท้ายร่างบางก็ได้ท่านอาจารย์ฝีมือดีช่วยถ่ายทอดความรู้ในหนังสือที่เจ้าตัวแอบบิดาอ่านมาตั้งแต่เล็กแต่ไม่อาจอ่านจนจบได้เสียที แต่หยางจินกลับสอนทั้งหมดให้ซูฮวาได้เพียงชั่วข้ามคืน



-------------------------------


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #45 เมื่อ24-05-2019 19:32:05 »

เริ่มอ่อนแล้วนะ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #46 เมื่อ24-05-2019 19:49:32 »


เรื่องนี้ตลกดี อิอิ

 :mew1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #47 เมื่อ24-05-2019 21:43:40 »

ค่อยๆเรียนรู้กันเเละกันเนาะ  :mew1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #48 เมื่อ24-05-2019 23:27:50 »

 o13
 :mew1:
 :pig4:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #49 เมื่อ25-05-2019 01:01:49 »

พระชายานางน่ารักดี พระสวามีต้องหลงรักในอีกไม่นาน
ขอให้นางเอาศาสตร์การวางแผนการรบไปปรับใช้กับพวกฮูหยินเลย ปราบให้ราบคาบ เอาใจช่วย

สนุกดี ชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-05-2019 01:01:49 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #50 เมื่อ25-05-2019 04:41:50 »

หลงรักแล้วละสิท่านอ๋อง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่6 - - 24/05/62
«ตอบ #51 เมื่อ25-05-2019 11:49:42 »

โอ้ยยย เอ็นดูววว วิ่งดุ๊กๆไปหา เหมือนลูกแมวโดนหลอกล่อ  :impress3:
ดูงุ้งงิ้ง แต่ก็ใฝ่รู้น่ารักใช่มั้ยล่ะท่านอ๋อง

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #52 เมื่อ25-05-2019 21:26:07 »

 คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................


บทที่๗

 

 

หลังจากท่านอาจารย์จินเริ่มมีใจจะสอนทั้งหนังสือและเพลงดาบให้กับซูฮวา หยางจินก็บอกว่าตอนกลางวันเขาต้องทำงาน ให้ซูฮวามาหาตนตอนเย็นที่ศาลาในป่าไผ่แห่งนั้น ทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้

เขาทำเช่นนี้มาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว เจ้าลูกศิษย์ตัวน้อยก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ด้านวิชาบุ๋นนั้นซูฮวาสามารถเข้าร่วมการสอบบัณฑิตที่กำลังจะจัดขึ้นได้อย่างสมภาคภูมิแล้วทั้งนี้เป็นเพราะเจ้าตัวได้รับการสอนพื้นฐานการอ่านเขียนมาแล้วจากจวนสกุลมู่ผนวกกับมู่ซูฮวาเป็นเด็กที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด

แต่ในส่วนของวิชาบู๊นั้นบอกตามตรงว่าหยางจินยังจนปัญญา

ร่างกายของซูฮวาอ่อนปวกเปียกเกินไป เมื่อไม่มีกำลังก็ไม่อาจไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้และด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงไม่อยากฝึกหนักจนซูฮวาเป็นมนุษย์กล้ามไปสุดท้ายหยางจินจึงเลือกที่จะสอนแต่ศาสตร์ป้องกันตัวและการเอาตัวรอดยามฉุกเฉินเท่านั้น แม้ไม่รุดหน้าไปไกลเท่าการแต่งกาพย์กลอนแต่วรยุทธของซูฮวายามนี้ก็ไม่ขี้เหร่แล้ว

หากถามว่าวรยุทธของซูฮวาตอนนี้อยู่ในระดับไหนน่ะหรือ

ก็อยู่ในระดับที่ประมือกับเฉินซื่อได้แล้วยังไงล่ะ

“หึ!” พระชายาน้อยแค่นเสียงหัวเราะใส่ฮูหยินแห่งตำหนักหานชินอ๋องที่พยายามจะสาดน้ำแกงร้อนๆ มาทางตนแต่อย่าหวังว่าจะสำเร็จผลเพราะซูฮวาสามารถปัดมือของนางออกทัน

ร่างบางยิ้มจนแก้มแทบแตก หากท่านอาจารย์อยู่ใกล้ๆ นี่ละก็เขาคงวิ่งเข้าไปรอรับคำชมแล้ว!

ในเมื่อท่านอาจารย์ไม่อยู่สาวใช้อย่างหลี่หมิงจึงต้องรับหน้าที่นี้ไป         “วรยุทธของคุณชายรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วมากเลยเพคะ หากเป็นเมื่อก่อนพระชายาต้องหลบน้ำแกงชามนี้ไม่พ้นแน่ๆ”

“ฮ่าๆๆ หลี่หมิง เจ้ากล่าวเกินจริงไปแล้ว!” คนโดนยอยิ้มหน้าบาน

หลี่หมิงได้แต่ยิ้มแห้ง แน่นอนว่านางกล่าวเกินจริงไปมาก!

มีอย่างที่ไหนได้อาจารย์ฝีมือดีขนาดนั้นกลับมีปัญญาแค่ปัดน้ำแกงที่เมียน้อยจงใจสาดใส่กัน! หลี่หมิงเชื่อว่าหากเปลี่ยนให้นางไปฝึกวิชากับท่านหยางจินแทนละก็ป่านนี้นางคงล้มผู้ชายไม่เป็นวรยุทธสองสามคนลงด้วยตัวคนเดียวแล้ว!

ท่าทางจองหองเกินกว่าเหตุของซูฮวาอยู่ในสายตาของเฉินซื่อตลอด นางฮึดฮัดอย่างขัดใจที่แผนการทำลายโฉมงามไม่ได้ผลก่อนจะเดินจากไปนางส่งสายตาอาฆาตมาให้เจ้าคนที่กำลังนั่งซู้ดบะหมี่เข้าปากอยู่ตรงโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข

ทีแรกนางคิดว่าจะไม่บอกแล้ว แต่เห็นท่าทางไร้เดียงสานั่นแล้วช่างรกหูรกตานางนักสุดท้ายเฉินซื่อจึงหันมาเปล่งวาจาอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าว่า         “หม่อมฉันลืมกราบทูลเรื่องสำคัญไป พรุ่งนี้ยามเว่ยพระมเหสีจะเสด็จมีที่วังหาน-ชินอ๋องเพื่อร่วมงานเลี้ยงน้ำชาเพคะ!”

“อะไรนะ!?” ร่างบางเบิกตาโพลง ตะเกียบในมือร่วงแหมะลงกับโต๊ะด้วยความตกใจ ซูฮวารีบเดินปรี่มาหาเฉินซื่อที่ยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจอยู่หน้าประตูห้องอาหาร “ทำไมข้าไม่รู้มาก่อนเลย”

พระมเหสีจะเสด็จมายังวังอ๋องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่บ่าวในเรือนกลับไม่มีใครบอกซูฮวาให้รับรู้เลยสักคน มองยังไงก็ต้องเป็นเจตนาร้ายของฮูหยินผู้นี้เป็นแน่ ร่างบางคิดอย่างเดือดจัด

เห็นใบหน้างามเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดงแล้วเฉินซื่อถึงกับหลุดหัวเราะออกมา นางยกชายเสื้อขึ้นมาป้องปากพลางกล่าววาจาว่าร้ายว่า “เมื่อสิบวันก่อนมีขันทีจากราชสำนักเดินทางมายังวังอ๋องแต่พระชายาไม่อยู่หม่อมฉันเลยออกหน้าแทน ขออภัยที่ฮูหยินอย่างหม่อมฉันก้าวก่ายอำนาจของพระชายาที่เอาแต่วิ่งโร่ออกจากวังเพื่อไปแอบพบบุรุษในป่าไผ่นะเพคะ”

สิ้นคำเฉินซื่อก็หมุนกายจากไปอย่างผู้ชนะ

ซูฮวาเข่าอ่อนจนทรุดกายแหมะลงกับพื้นอย่างหมดแรง พระชายาน้อยรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าทั้งๆ ที่ข้างนอกไม่มีเมฆฝน

“พระชายาเพคะ...” ขนาดหลี่หมิงยังหน้าซีดตัวสั่น

นี่เป็นเรื่องใหญ่ระดับไหนกัน!

พระมเหสีผู้เกลียดขี้หน้าซูฮวาเป็นทุนเดิมทรงทราบเรื่องที่ซูฮวามักออกจากวังอ๋องยามเย็นแล้ว และซูฮวามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพรุ่งนี้เฉินซื่อจะต้องกราบทูลพระมเหสีว่าพระชายาอย่างตนแอบไปพบบุรุษลับๆ ในป่าไผ่!!

คราวนี้บรรลัยเป็นแน่แล้ว

แม้ความจริงจะไม่มีอะไรในกอไผ่เลยก็ตาม เรื่องนี้หลี่หมิง เสี่ยวซุน และคนรับใช้ของวันอ๋องที่ซูฮวาสั่งให้ติดตามไปด้วยย่อมเป็นพยานได้ แต่คนรับใช้พวกนั้นยืนอยู่ข้างเฉินซื่อหากคิดจะโกหกเพื่อใส่ร้ายป้ายสีกันละก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ส่วนพวกหลี่หมิงนั้นติดตามซูฮวามาจากอันผิงเสียงของพวกนางจึงขาดความน่าเชื่อถือ

“ทำไงดี เทียนชินอ๋องจะช่วยเป็นพยานให้พวกเราได้ไหม” ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเทียนชินอ๋องเคยมาเยี่ยมซูฮวาที่ศาลากลางป่าไผ่อยู่หลายครั้ง และมีหลายครั้งที่เขานำขนมมาให้ด้วย ด้วยความที่ทั้งสองคนมีอายุไล่เลี่ยกันจึงถือว่าสนิทกันเร็ว

และเพราะมีเทียนชินอ๋องที่เป็นถึงน้องชายของพระสวามีช่วยสอดส่องดูแลอยู่ตลอดซูฮวาจึงไม่คิดว่าการร่ำเรียนวิชาจากหยางจินเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

“เกรงว่าเทียนชินอ๋องจะไม่อยู่ในสถานะที่ปกป้องใครได้เพคะ”

ได้ยินหลี่หมิงกล่าวเช่นนี้ซูฮวาก็ยิ่งหมดแรง

คบชู้สู่ชายมีโทษถึงขั้นประหาร...

“ข้าจะตายเหรอ” ใบหน้าหวานซีดเผือด “อาจารย์จะพลอยโดนไปด้วยไหม”

ตัวเองจะตายยังไปห่วงชาวบ้านเขาอีก มู่ซูฮวาก็เป็นเสียแบบนี้

หลังจากนั่งเครียดอยู่ครู่ใหญ่ร่างบางก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนปัดฝุ่น “พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องมาร่วมงานเลี้ยง จงไปรอท่านอาจารย์ที่ศาลาหลังนั่นและบอกให้เขาหนีออกจากเมืองหลวงเสีย ฝากเจ้าขอโทษเขาแทนข้าด้วย”

ใบหน้าหวานฉายแววรู้สึกผิด เขาทำลายชีวิตดีๆ ของผู้ชายคนหนึ่งเสียแล้ว

ยิ่งคิดยิ่งเศร้าร่างบางจึงเดินไปยังห้องหนังสือ สั่งให้เสี่ยวซุนช่วยฝนหมึกให้และจรดพู่กันเริ่มเขียนกลอนแสดงความเสียใจและความขอบคุณที่มีต่อหยางจิน เมื่อแต่งกลอนสั้นๆ จบแล้วร่างบางก็วาดต้นไผ่กำกับลงไปด้วยแทนภาพความทรงจำแห่งสถานที่ที่พวกเขาพบกัน

“เจ้าเก็บไว้นะ เมื่อเข้ายามห้ายให้เตรียมตัวออกเดินทาง ข้าจะลองไปขอความช่วยเหลือจากเทียนชินอ๋องดูก่อน”

หลี่หมิงรับจดหมายมาจากมือของผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเศร้าโศก แม้จะติดตามรับใช้มู่ซูฮวามาได้ไม่นานแต่นางก็ได้รับความเมตตาจากพระชายาน้อยมามากมาย เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะโดนนางอสรพิษเฉินซื่อใส่ร้ายจนต้องตายหลี่หมิงก็น้ำตาร่วงกราว

 

เมื่อยามห้ายมาถึง หลี่หมิงก็ออกจากห้องของพระชายาอย่างเงียบเชียบเพื่อตามเสี่ยวซุนให้เตรียมม้า เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนก็ควบม้าออกจากวังอ๋องยามวิกาล จุดหมายปลายทางก็คือป่าไผ่แห่งนั้น

ใช้เวลาเพียงสองเค่อทั้งสามคนก็เดินทางมาถึง พวกเขารีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปข้างในเพื่อพึ่งใบบุญของเทียนชินอ๋องผู้ไม่น่ามีบุญบารมีอะไรคนนั้น หลังจากวิ่งมากันจนหอบแฮกพวกซูฮวาก็มาถึงที่หมาย ร่างบางเดินเข้าไปด้านในด้วยความ  คุ้นชิน

วังอ๋องแห่งนี้มีทหารยามอยู่สองนายและบังเอิญว่ายามนี้ทั้งสองนายนั้นกำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆ แขกทั้งสามจึงเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาด้านในแบบงงๆ

“การรักษาความปลอดภัยของที่นี่หละหลวมมาก” ซูฮวากล่าวก่อนจะเดินนำไปยังห้องซึ่งมีแสงไฟลอดออกมา

“แอ้ๆ” หญิงเฒ่าที่เดินออกมาจากห้องพอดีส่งเสียงทักทายพวกซูฮวา

“คารวะแม่เฒ่า ข้ามีเรื่องสำคัญ ขอพบเทียนชินอ๋องได้หรือไม่” ซูฮวาค้อมหัวเล็กน้อย ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน แม้มีฐานะต่ำต้อยแต่การแสดงความเคารพเช่นนี้ก็ไม่ผิดอะไร

“แอ้ๆ” นางฉีกยิ้มให้ซูฮวาก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง สักพักหนึ่งจึงกลับออกมาเชิญพวกซูฮวา

เทียนชินอ๋อง ไท่ติงจินเยว่นั้นมีอายุน้อยกว่าซูฮวาหนึ่งปี ด้วยวัยเพียง    สิบห้าปีอีกฝ่ายกลับมีสติปัญญาฉลาดเฉลียว ท่าทีองอาจสง่าผ่าเผยราวกับ        มหาเสนาบดีมาเอง วรยุทธก็จัดว่าสูงส่งชนิดที่เสี่ยวซุนห้าคนก็ล้มท่านอ๋องผู้นี้ไม่ได้ แต่ท่ามกลางความแข็งแกร่งนั้นกลับอัดแน่นไว้ด้วยความงามอย่างเต็มเปี่ยม

คงเพราะขณะตั้งครรภ์อดีตพระมเหสีมีสุขภาพไม่สู้ดีนักทำให้เทียนชินอ๋องที่คลอดออกมามีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก และด้วยเหตุนี้เองทำให้เจ้าตัวมีรูปร่างเล็ก ผิวก็ขาวสะอาดเพราะไม่ค่อยออกแดด ดวงตาสีดำขลับทอประกายลึกลับอยู่เสมอเมื่อประสานเข้ากับริมฝีปากที่มีรอยยิ้มแสนเดายากอยู่เสมอ ส่งผลให้เทียนชินอ๋องกลายเป็นท่านอ๋องน้อยผู้มีกลิ่นอายลี้ลับเย้ายวนราวกับฟากฟ้ายามราตรี

และในขณะนี้ข้างกายของเทียนชินอ๋องก็มีบุรุษอีกท่านหนึ่งนั่งอยู่ นั่นก็คือท่านอาจารย์หยางจินนั่นเอง

ซูฮวาเคยถามท่านอาจารย์ว่าเขามีความสัมพันธ์อะไรกับเทียนชินอ๋อง เหตุใดเขาจึงสามารถเข้าออกที่ดินส่วนตัวของเทียนชินอ๋องได้ หยางจินก็ตอบเพียงแค่พวกเขาเป็นญาติสนิทกัน แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นญาติฝ่ายไหน

ดูเหมือนทั้งสองคนกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกันอยู่แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญนักหยางจินถึงถามออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ซูฮวา เจ้ามาทำอะไรในที่แบบนี้ยามวิกาลกัน?”

“ท่านอาจารย์” เมื่อเห็นหน้าคนที่เดือดร้อนเพราะตนริมฝีปากบางก็เริ่มเบะ “แย่แล้วท่านอาจารย์! ฮูหยินของหานชินอ๋องเล่นงานข้าแล้ว! พรุ่งนี้พระมเหสีจะเสด็จมาแต่นางกลับไม่บอกกล่าวข้าสักคำแถมยังยกเรื่องของท่านมาข่มขู่ กล่าวหาว่าพวกเราเป็นชู้รักกัน! ข้ามาที่นี่ก็เพื่อขอให้เทียนชินอ๋องช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้พวกเรา”

ร่างบางเดินเตาะแตะเข้าไปเกาะแขนคนที่ตัวเล็กพอๆ กันก่อนจะเขย่าไปมา

“ฮะๆๆ” เทียนชินอ๋องเมื่อได้ฟังต้นสายปลายเหตุของสีหน้าเหมือนคนกำลังแบกโลกของซูฮวาก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เทียนชินอ๋อง พวกเราเป็นสหายกันใช่ไหม” พระชายาน้อยเห็นสหายของตนมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนมิหนำซ้ำยังหันไปหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างสบายใจเฉิบอีกจึงต้องรีบทวงถามไมตรี “เจ้าพอจะมีทางช่วยข้ากับท่านอาจารย์ไหม”

“มีสิ! มีหลายทางเลยละ” เทียนชินอ๋องเลียปลายนิ้วที่เลอะคราบแป้งของขนมก่อนจะหันมาฉีกยิ้มให้ซูฮวาด้วยท่าทางเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะเต็มแก่ แม้ซูฮวาจะไม่เข้าใจสีหน้าของสหายนักแต่เมื่อจินเยว่บอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไรจริงๆ ละมั้ง... “งานเลี้ยงน้ำชาพรุ่งนี้มีแค่พระมเหสีกับเจ้าหรือ”

“เห็นว่าพระนางเชิญพวกขุนนางมาด้วย บิดาของเฉินซื่อที่เป็นเจ้ากรมอาญาก็น่าจะมานะ” เมื่อกล่าวถึงศัตรูตัวร้ายร่างบางก็เบ้ปากเหม็นเบื่อทันที

“งั้นให้พวกข้าไปร่วมงานด้วยได้ไหม” จินเยว่ชี้ไปที่ร่างสูงซึ่งเอาแต่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้

“เจ้ามีวิธีหรือ...” ซูฮวาไม่ค่อยอยากให้ท่านอาจารย์เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้เท่าไร กลัวว่าอีกฝ่ายจะโดนจับไปประหารด้วย

จินเยว่เห็นท่าทางของซูฮวาที่มองพี่ชายของตนเองอย่างเป็นห่วงนั่นแล้วก็อดหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ ท่านอ๋องน้อยพยายามหยิบขนมมากินเพื่อหาอะไรปิดปากเอาไว้แต่พอเห็นว่าพี่ชายของตนก็กำลังทำสีหน้าตลกๆ อยู่จินเยว่ก็สุดจะทนแล้ว!

“ข้าขอตัวสักเดี๋ยว! จะไปทำซุปมาให้ เจ้าก็ตามมาช่วยข้าด้วยสิ” จินเยว่ผลุนผลันลุกขึ้นยืน เขาหันมากวักมือเรียกหลี่หมิงให้ไปช่วยหน่อย มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะในวังของเขามีแค่ยายเฒ่าคนเดียวที่เป็นคนรับใช้ มืดค่ำเช่นนี้   จินเยว่ก็ไม่อยากไปรบกวนแล้ว

เมื่อจินเยว่กับหลี่หมิงจากไปในห้องก็เหลือเพียงแค่ซูฮวากับหยางจิน

“ท่านอาจารย์ พรุ่งนี้ท่านหนีไปเถิด!” กล่าวจบก็ยืนจดหมายฉบับหนึ่งให้

หยางจินรับจดหมายที่ถูกพับอย่างดีมาคลี่อ่าน มันคือจดหมายที่เขียนกลอนแสดงความขอโทษจากซูฮวานั่นเอง เมื่อสักครู่หลี่หมิงแอบส่งคืนให้ซูฮวาเพราะนางคิดว่าเจ้านายของนางอาจจะอยากมอบให้ท่านอาจารย์ด้วยมือของตนเองมากกว่า

“แต่เล็กจนโตไม่เคยมีอาจารย์สอนหนังสือข้าอย่างจริงจังมาก่อน พวกเขาทุกคนล้วนมาสอนแค่ให้ข้าพอรู้ไว้อย่างนั้นเอง มีเพียงท่านที่อดทนกับคนโง่เขลาเช่นข้ามาตลอดหนึ่งเดือน! บุญคุณนี้ซูฮวาจะไม่ลืมเลย ขอท่านอาจารย์ได้โปรดหนีออกจากเมืองหลวงไปก่อนเถิด!” ยิ่งพูดความเศร้ายิ่งกัดกินหัวใจ ซูฮวาทั้งกลัวตายแล้วก็กลัวลากผู้อื่นไปตายด้วย

ร่างบางคุกเข่าลงกับพื้นโขกหัวโป๊กๆ สามครั้งเพื่อแสดงความเคารพท่านอาจารย์จินเป็นครั้งสุดท้าย

ทว่าท่านอาจารย์จินกลับเอ่ยในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมา

“ทำไมเราไม่หนีไปด้วยกันล่ะ”

“เอ๋...” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามอง แววตางุนงงสับสน

หยางจินคลี่ยิ้มที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น “เจ้ากับข้า หนีออกจากเมืองหลวงด้วยกันตั้งแต่คืนนี้ ท่องยุทธพบอย่างอิสระเสรี ชั่วชีวิตไม่แยกจาก”

“ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรออกมาน่ะ” ซูฮวาลุกขึ้นยืนอย่างเงอะงะ ก้อนเนื้อในอกซ้ายบีบตัวอย่างเจ็บปวด ความผิดหวังสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่งามอย่างแจ่มชัด” ทำไมท่านถึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา ท่านเข้าใจความหมายของมันหรือไม่”

“ซูฮวา คำตอบล่ะ” นัยน์ตาของหยางจินนั้นหนักแน่นไม่ไหวติง

หัวใจของซูฮวาก็เช่นกัน

“ซูฮวานับถือท่านเป็นอาจารย์ ไม่เคยมีใจคิดเป็นอย่างอื่น แม้จะเข้าพิธีเพียงลำพังแต่ข้าก็ได้กราบไหว้คำนับฟ้าดินและบรรพบุรุษเอาไว้แล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะเป็นคนของหานชินอ๋องเพียงผู้เดียว” ใบหน้าหวานหม่นหมอง ไหล่เล็กๆ นั่นก็       ห่อเหี่ยวจนน่าสงสาร “ซูฮวาขอโทษที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของท่านอาจารย์ได้”

ยามนี้ความรู้สึกผิดที่มีต่อท่านอาจารย์เพิ่มขึ้นร้อยเท่าพันเท่าแล้ว ที่ผ่านมาซูฮวาคิดว่าท่านอาจารย์ไม่เคยแสดงออกเชิงชู้สาวกับตนมาก่อนออกจะแปลกใจแต่ซูฮวาก็ดีใจที่สุด ในที่สุดก็มีคนที่ไม่มองเพียงรูปโฉมของตนแล้ว แต่พอท่านอาจารย์สารภาพความในใจออกมาซูฮวาก็ต้องผิดหวัง

“ที่ผ่านมา...ที่ท่านอาจารย์ยอมรับข้าเป็นศิษย์ก็เพราะหลงรูปลักษณ์ภายนอกของข้างั้นหรือ”

คราวนี้ฝ่ายที่ต้องอึ้งเปลี่ยนเป็นหยางจินบ้างแล้ว

ชายหนุ่มทอดสายตามองใบหน้าที่งดงามล่มเมืองของผู้ที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตน

หยางจินไม่เคยหวั่นไหวกับใบหน้าอันไร้ที่ติของซูฮวาแม้แต่น้อย ทว่าแทนที่เขาจะรีบกล่าวปฏิเสธแก้ไขความเข้าใจผิด เขากลับเลือกที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

หยางจินไม่ได้เดินไปยังห้องของตนที่น้องชายเตรียมไว้ให้ เขาเพียงเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ในวังของเทียนชินอ๋องที่เงียบเหงาก่อนจะหยุดเดินเมื่อมาถึงริมสระบัว “จินเยว่ เจ้าแอบตามข้ามาทำไม”

ร่างเล็กที่แอบสะกดรอยมาเดินออกจากที่ซ่อน “มองวิชาตัวเบาของข้าออกเช่นนี้ สมแล้วที่เป็นท่านพี่”

“เจ้ามีวาจาอันใดจะกล่าวก็รีบกล่าวมาเถิด” ผู้เป็นพี่กลับไม่อยู่ในอารมณ์พูดเล่น

จินเยว่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพุ่งเข้าประเด็น “ทำไมท่านถึงใจร้ายกับซูฮวานักเล่า แทนที่จะบอกให้เขาสบายใจว่าท่านไม่ใช่ชายชู้แต่เป็นสามีตัวจริง มิหนำซ้ำยังหลอกลองใจซูฮวาอีก ท่านพี่ที่ข้ารู้จักไม่น่าใช่บุรุษที่ทำเรื่องพรรค์นี้นะ”

คนที่ไม่ใช่บุรุษอ้อมค้อมผ่อนลมหายใจอันหนักอึ้งออกมา “ใบหน้าซูฮวามีบางส่วนที่คล้ายกับพระมารดานัก”

อดีตพระมเหสี มารดาแห่งแผ่นดินนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉม ความงามของนางเป็นที่กล่าวขานว่างดงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง แม้จะไม่เหมือนถึงขั้นถอดแบบกันมาแต่คนงามย่อมมีจุดร่วมในความงามดังนั้นซูฮวาจึงมีส่วนคล้ายกับอดีตพระมเหสีมากกว่าหยางจินและจินเยว่ที่เป็นสายเลือดแท้ๆ เสียอีก

“ข้าไม่เคยเห็นหน้าพระมารดามาก่อน หากท่านพี่คิดว่าเหมือนก็คงจะเหมือนจริงๆ แต่นั่นมันเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านไปลองใจซูฮวาด้วยหรือ ถ้าหากซูฮวา    ตกลงหนีตามท่านไปจริงๆ จะทำอย่างไร” จินเยว่ถอนหายใจ “บอกตามตรงนะ ถ้าข้าเป็นซูฮวาละก็ข้าตกลงหนีตามท่านไปแล้ว ท่านลองมองดูสิ หานชินอ๋องเป็นตายก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นในขณะที่อาจารย์จินกลับดีกับพระชายานัก!”

“หากซูฮวาตกลงไปกับข้า ข้าจะทูลขอเสด็จพ่อยกเลิกการอภิเษกและส่งซูฮวากับอันผิง ปล่อยเจ้าตัวเป็นอิสระดังใจปรารถนา” เสียงทุ้มกล่าว

“แล้วถ้าหากว่าซูฮวาเลือกที่จะอยู่ล่ะ” จินเยว่ย้อนถาม

“ข้าก็จะกลับบ้าน”



-------------------------------

พี่หานไม่ใช่คนใจร้าย แต่ก็ไม่ใช่คนใจดี ที่แน่ๆที่ทำลงไปทั้งหมดไม่ใช่เพื่อลองใจยัยน้องหรอกนะ บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน 555



#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #53 เมื่อ25-05-2019 22:04:56 »

 :fire:

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #54 เมื่อ25-05-2019 22:17:15 »

นิยายสนุกดีค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #55 เมื่อ25-05-2019 23:38:22 »

นายเอกเราจะดราม่ามั้ยถ้ารู้ความจริง :ruready

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #56 เมื่อ26-05-2019 14:41:39 »

ท่านอ๋องไม่ใจร้ายค่ะ แต่ไม่ใจดีมากนัก
ก็ยังดี มีแววเอ็นดูน้องบ้าง ไม่มากไม่น้อย
มีแอบมองด้วยนะคนเรา

ปลื้มใจคำตอบซูฮวา ถึงจะบ้าบอไปบ้าง
แต่พระชายาก็ภักดีและซื่อสัตย์นะคะ

คำตอบนี้จะช่วยชีวิตพระชายาได้แน่นอนค่ะ
หยางจินได้ฤกษ์จะเปิดตัวสักทีนะคะ รอเลยค่ะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #57 เมื่อ27-05-2019 11:23:20 »

ท่านอ๋องไม่ใจร้าย ออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ
ซูฮวา เด๋อด๋า บ้าบอ แต่ซื่อสัตย์และหนักแน่นไม่แพ้ท่านอ๋องเลย
เชื่อว่าพระชายาน้อยจะเลือกคำตอบที่ท่านอ๋องพึงพอใจ

ออฟไลน์ ArcanaPM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #58 เมื่อ27-05-2019 20:14:54 »

  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #59 เมื่อ28-05-2019 09:46:51 »

อยากหอมหัวน้อง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด