- - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62  (อ่าน 18422 ครั้ง)

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #120 เมื่อ25-06-2019 16:21:50 »

บทที่๑๔


พวงแก้มขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อยามได้ยินเสียงกระซิบของพระสวามี

เข้าห้องนอนงั้นหรือ...

ทันทีที่หยางจินคลายอ้อมแขนซูฮวาก็ยกมือทั้งสองข้างมาปิดหน้าทันที แค่คิดว่าหลังจากเข้าห้องแล้วจะเกิดอะไรขึ้นซูฮวาก็รู้สึกหน้าร้อนจนแทบบ้าแล้ว!

“ซูฮวา” หยางจินแกล้งเรียกคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม เล่นเอาคนฟังขนลุกเกรียว

“ฮื่อ” ร่างบางบิดกายไปมาเพื่อสะบัดไล่ฝ่ามือหนาซึ่งเอื้อมมาลูบไล้พวงแก้มของตน

หยางจินใจเย็นพอที่จะนั่งรอเฉยๆ ให้พระชายาของตนเขินอายจนเลิกเขินไปเอง ผ่านไปสักพักซูฮวาก็เอามือลง เงยหน้ามองหยางจินตาปริบๆ ในดวงตาคู่ใสคล้ายมีแววออดอ้อนอยู่ ท่านอาจารย์! ได้โปรดอย่าทำเรื่องแบบนั้นกับข้าเลย! หยางจินคิดว่าสายตาของมู่ซูฮวาสื่อความหมายประมาณนี้

หลังจากเห็นสายตาวิงวอนของผู้เป็นศิษย์หยางจินก็ตอบสนองด้วยการจูงมือบางให้เดินตามตนออกมาจากสวน

“ท่านอาจา— สามี...ท่านจะพาข้าเข้าห้องจริงหรือ” ร่างบางก้มหน้างุด ส่งเสียงอ่อยๆ อย่างคาดหวังว่าอีกคนจะยอมเลิกรา หารู้ไม่ว่าการเรียกสามีว่าสามีมันทำให้สามีเสียอาการขนาดไหน

หยางจินหันกลับมามองคนตัวเล็ก เขายกยิ้มอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมที่ปล่อยยาวสยายของพระชายาน้อย “ตั้งแต่ได้รับพระราชทานวังแห่งนี้มาข้าก็ไม่เคยนอนในห้องของตนเองเลย คืนนี้เจ้าไปนอนที่ห้องของข้าแล้วกัน ตกลงไหม”
ชายหนุ่มคิดว่าเตียงในห้องของตนน่าจะกว้างขวางกว่าเตียงในห้องของ         พระชายา

ซูฮวาปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้วเลยไม่ได้ตอบอะไร คนเขาลากให้เดินไปทางไหนก็แค่เดินตามไปด้วยใจที่เต้นระส่ำ พอเดินเข้ามาในห้องส่วนพระองค์ของชินอ๋องแล้วร่างบางก็เริ่มสั่นเป็นลูกกวางตกน้ำ

มือของพระชายาน้อยกำลังสั่น

หยางจินก้มลงมองมือเล็กที่เขากอบกุมเอาไว้ด้วยสายตาอ่านยากราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็พาซูฮวาไปที่เตียง ทันทีที่ก้นแตะฟูกร่างบางก็นั่งหลังตรงแน่วยังกับอยู่ในค่ายทหารทันที ดวงตาคู่ใสมองตรงไปข้างหน้าแต่คล้ายไม่ได้จับจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษ

“ซูฮวา อย่าเกร็ง” หยางจินกล่าวพลางถอดเสื้อตัวนอกของตนเองออก

ได้ยินสามีสั่งแล้วซูฮวาก็พยายามหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เกร็งแต่พออีกคนถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่กางเกงใบหน้างามก็ขึ้นสีแดงจัดอีกครั้ง

คราวก่อนที่ร่วมราตรีกันหยางจินไม่ได้ถอดเสื้อเลย หลังจากแก้ผ้าซูฮวาเสร็จร่างสูงก็แค่ปลดกางเกงแล้วก็ใส่เอาๆ แต่คราวนี้พอมาถึงกลับถอดเสื้อของตนเองออกก่อนเป็นอย่างแรก พระชายาน้อยมองร่างกายกำยำอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อของท่านแม่ทัพอย่างเผลอไผล

สมบูรณ์แบบมาก

หยางจินเป็นคนหล่ออยู่แล้ว ร่างกายของเขายังหล่อกว่าอีก

ร่างบางจับจ้องกล้ามท้องของพระสวามีอย่างลืมอาย คนถูกมองเองก็ไม่ได้อายอะไรเช่นกันเขาออกจะภาคภูมิใจด้วยซ้ำ หยางจินเผยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะคว้ามือบางขึ้นมาแตะกล้ามท้องของตนพลางถามเสียงทุ้มว่า “ชอบหรือ”

เพียงเท่านั้นแหละซูฮวาก็ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก

“ย๊า!” ร่างบางคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงอีกครั้งทั้งๆ ที่คราวที่แล้วก็ทำแบบนี้และมันก็ช่วยคุ้มกะลาหัวให้ไม่ได้เลยก็ตาม

เห็นลูกกวางน้อยกระโดดผล็อยหายเข้าไปในกองผ้าห่มแล้วหยางจินก็ได้แต่ยืนกลั้นยิ้ม ช่างน่าขย้ำอะไรเช่นนี้! แล้วร่างสูงก็ไม่รอช้า เขาคลานตามขึ้นไปบนเตียง ไม่ได้กระชากผ้าห่มออกให้คนตัวเล็กขวัญเสียแต่กลับสอดมือเข้าไปในผ้าห่ม ฝ่ามือหยาบกร้านสัมผัสโดนส่วนไหนซูฮวาก็สะดุ้งจนน่าสงสาร

“ฮื่อ” เสียงหวานร้องประท้วง

“ภรรยา เจ้าจะขัดขืนสามีหรือ” พอหยางจินถามคำนี้ออกมาร่างบางก็ชะงักกึก

หลักคุณธรรมภรรยาไหลบ่าเข้ามาในหัว ใบหน้างามภายใต้ผ้าห่ม       ฉายแววหม่นหมองเศร้าสร้อย หยางจินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ พระชายาน้อยก็หยุดขัดขืน ร่างบางค่อยๆ กระดึ๊บออกมาจากผ้าห่ม

ซูฮวาพลิกตัวนอนบนเตียง ประสานมือบนหน้าท้องอย่างสงบ ใบหน้าเหมือนคนกำลังปล่อยวางโลกใบนี้ก็ไม่ปาน

“เชิญสามีทำตามใจชอบเลย” น้ำเสียงหวานที่เคยอัดแน่นด้วยความร่าเริง คึกคักและขวยเขินเป็นนิจกลับจืดจางจนคนได้ยินรู้สึกใจหาย หยางจินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าอยู่ดีๆ เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาตัวน้อยของตน

ใช่ หยางจินไม่รู้ว่าคำว่าภรรยาที่เขาเอ่ยออกมามันมีผลกระทบอย่างไรต่อจิตใจผู้ฟัง

เห็นซูฮวาทำหน้าปลงสังขารแล้วหยางจินก็เกิดความลังเลขึ้นชั่วขณะ

“สามี” ซูฮวากะพริบตาปริบๆ ร่างบางอุตส่าห์นอนทำใจเป็นหมูขึ้นเขียงอยู่นานสองนานแต่อีกคนกลับนั่งจ้องตนด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งอยู่อย่างนั้นมันน่ากลัวนะเหวย! ซูฮวาเดาไม่ออกจริงๆ ว่าพระสวามีกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เสียงเรียกของซูฮวาก็เหมือนไปสับรางอะไรบางอย่างภายในหัวของหยางจินเข้า

ร่างสูงปัดเรื่องไร้สาระออกจากหัว เขาหันกลับมามองหน้าซูฮวาอีกครั้งก่อนเขาจะต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อพบว่าในมือของพระชายาน้อยนั้นยังถือน้ำตาลปั้นอยู่!

ซูฮวามองตามสายตาของอีกฝ่ายก่อนจะร้องโอ๊ะออกมา ร่างบางรีบลุกขึ้นมาหันรีหันขวาง พยายามมองหาอะไรมาห่อขนมในมือเอาไว้แต่เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่ห้องของซูฮวาเจ้าตัวก็เลยไม่รู้ว่าอะไรวางไว้ตรงไหนบ้าง

เห็นพระชายาตัวน้อยเดินเตาะแตะไปยังห้องทำงานขนาดเล็กที่เชื่อมติดอยู่กับห้องนอนแล้วหานชินอ๋องก็ได้แต่เดินตามไป ชายหนุ่มแย่งน้ำตาลปั้นมาจากมือบางส่งผลให้ริมฝีปากบางที่เริ่มบวมนิดๆ เบะออกอย่างงอแง

“น้ำตาลปั้นของข้า”

หยางจินต้องทำใจแข็งก่อนจะโยนมันทิ้งไปส่งๆ

“เดี๋ยวข้าซื้อให้ใหม่”

“หลี่หมิงไม่อนุญาตให้ข้ากินน้ำตาลปั้นสองไม้ติดๆ กันหรอก” ซูฮวายืนบิดไปบิดมามองเจ้าน้ำตาลปั้นอย่างอาลัยอาวรณ์

“ข้าจะตีนางถ้านางกล้ามาห้ามเจ้า”

“ท่านจะตีนางไม่ได้นะ! ที่นางทำถูกต้องแล้ว ท่านแม่เองก็ห้ามข้ากินน้ำตาลปั้นมาตั้งแต่เล็กเพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ พอโตมาข้าถึงได้เก็บกดอยากกินมันนัก เป็นข้าเองที่ไม่รู้จักโต” ซูฮวายอมรับว่าตัวเองผิดเพื่อปกป้องหลี่หมิง

นอกจากหลักคุณธรรมภรรยาแล้วฮูหยินมู่ผู้เป็นมารดาก็มักจะสอนซูฮวาให้มีจิตใจโอบเอื้ออารี ไม่ถือตน ไม่กดขี่ข่มเหงผู้น้อย และไม่ได้เพียงแค่สอน แต่ทุกคนในสกุลมู่ต่างยึดถือปฏิบัติตาม พวกเขาสร้างโรงทาน ตั้งโต๊ะแจกโจ๊กและอื่นๆ อีกมากมาย
ซูฮวาผู้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมอันอัดแน่นด้วยความรักใคร่กลมเกลียวเช่นนี้จึงได้มีหัวใจอันเมตตา

แต่ก็ไม่ต้องถึงขั้นยอมรับโทษแทนสาวใช้ก็ได้กระมัง

หยางจินรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “งั้นให้ข้าตีก้นเจ้าแทนแล้วพรุ่งนี้ข้าจะซื้อน้ำตาลปั้นชดใช้ให้เจ้าเอง”

“ตีเหรอ...” พระชายาน้อยรู้สึกกลัวเจ็บ

“ไม่เจ็บหรอก”

“ตีอย่างไรให้ไม่เจ็บ” ซูฮวาขมวดคิ้วอย่างเคลือบแคลง

“หันก้นของเจ้ามาสิ”

“...”

“...”

“...” ซูฮวามองรอยยิ้มของพระสวามีที่ทอประกายยิ่งกว่าดวงดาวบนฟ้ายามราตรีด้วยใบหน้านิ่งอึ้ง ร่างบางอ้าปากพะงาบๆ หมายจะด่าคนที่กล่าววาจาบัดสีบัดเถลิงออกมาแต่อีกฝ่ายกลับไม่เปิดโอกาส มือหนาจับพลิกร่างบางให้หันหน้ากลับไปทางโต๊ะทำงาน

“เจ้าเอาแขนเท้าโต๊ะไว้นะ” หยางจินใจเย็นถึงขั้นอธิบายทีละลำดับขั้น เขาจับมือบางไปวางเท้าไว้กับโต๊ะก่อนจะจับแผ่นหลังเรียวให้ก้มลงไปอีกหน่อย

ซูฮวาหน้าแดงจนไม่อาจแดงมากไปกว่านี้ได้แล้ว แต่หยางจินเห็นแค่เพียงใบหูเล็กที่ขึ้นสี เขาแอบนึกเสียดายในใจแต่หากอยากทำในห้องแบบนี้ละก็ท่านี้จะเป็นท่าที่สบายที่สุดสำหรับพระชายาของเขาแล้ว แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าใบหน้าสุขสมยามร่วมรักกันแต่หยางจินก็ตัดใจได้

เขาเดินไปหยิบขี้ผึ้งหอมมาถือไว้ แอบมองคนตัวเล็กที่โค้งตัวเท้าโต๊ะหลับตาปี๋อย่างเอ็นดู

หยางจินยิ้มเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ เขาเดินกลับไปซ้อนหลังร่างบางส่งผลให้คนตัวเล็กสะดุ้งอย่างแตกตื่น ดวงตาคู่คมมองแผ่นหลังบางที่สั่นเทาเพราะอาการประหม่าอย่างย่ามใจก่อนที่เขาจะลงมือปลดอาภรณ์ของคนตรงหน้าอย่างเร่งรีบ

เพราะเสียเวลามานานแล้วหยางจินจึงไม่รอช้า เมื่อจับซูฮวาเปลื้องผ้าเรียบร้อยเขาก็ปาดเอาขี้ผึ้งหอมตลับใหม่มาเต็มนิ้วก่อนจะสอดนิ้วแรกเข้าไปในช่องทางสีหวาน

“อื๊อ” ร่างบางกระตุกเฮือก คนงามพยายามกัดปากเพื่อกลั้นเสียงร้องเอาไว้

หานชินอ๋องไม่ได้ถือสา เขาคิดว่าการเฝ้ารอฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดจากการสะกดกลั้นอย่างสุดความสามารถของคนตัวเล็กก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

หยางจินค่อยๆ ปรับสภาพร่างกายของคนตัวเล็กอย่างใจเย็น ระหว่างนั้นเขาก็ก้มลงไปขบเม้าคลอเคลียใบหน้าสีชมพูนั่นก่อนจะฝากรอยรักเอาไว้เต็มซอกคอและแผ่นหลังขาวนวล

“ผิวกายของเจ้าเองก็หวานล้ำไม่แพ้ริมฝีปากของเจ้าเลย”

ซูฮวาแทบคลั่งเมื่อได้ยินบุรุษที่กำลังเล้าโลมตนอย่างเร่าร้อนกล่าววาจาเกี้ยวกันออกมาโต้งๆ

“ฮื่อ อื๊อ...” สะโพกมนสั่นระริกเพราะถูกพระสวามีเล่นทีเผลอ

เนื่องจากซูฮวาหันหลังให้ร่างสูงแถมยังหลับตาปี๊ร่างบางเลยไม่รู้เลยว่า หยางจินกำลังทำอะไรอยู่ ได้ยินแค่อีกฝ่ายพูดจาเกี้ยวกันก็เลยเก้อเขิน ใครเล่าจะคิดว่าคำพูดนั่นเป็นกับดักเบี่ยงเบนความสนใจ!

มือหยาบกร้านของแม่ทัพใหญ่บีบก้นสีลูกท้อของภรรยาตนอย่างมันเขี้ยวก่อนจะแยกเจ้าลูกท้อน้อยออกและสอดใส่แก่นแกนของตนเองเข้าไปอย่างเชื่องช้า

ซูฮวาเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอท่วมดวงตา

หยางจินเห็นน้ำตาที่เริ่มหยดแหมะๆ ลงบนโต๊ะก็เลยถาม “เจ็บหรือ”

คำถามนี้ซูฮวาลำบากใจที่จะตอบ ซูฮวาไม่ได้เจ็บ แต่ถ้าหากตอบว่าเจ็บแล้วหยางจินถามว่าเจ้าร้องไห้ทำไมแล้วซูฮวาจะตอบว่าอะไรได้อีก จะให้ตอบไปตามตรงหรือว่ารู้สึกดีจนน้ำตาไหล บ้าไปแล้ว หัวเด็ดตีนขาดซูฮวาก็ไม่พูดออกไปหรอก

“ฮื่อ” ซูฮวาเลือกที่จะตอบไม่เป็นภาษาแทน

“ซูฮวา” หยางจินเรียกขณะพยายามแทรกกายเข้าไปให้ช้าที่สุด

สุดท้ายใบหน้างามก็เหลียวมามองพระสวามีของตน ซูฮวาเม้มปากแน่น สองแก้มขึ้นสีชมพูปลั่ง “ท่าน จะ จูบข้า...ที”

คำว่าทีนั้นแผ่วเบาจนแทบกลืนหายไปกับสายลมแต่น้ำเสียงอันแผ่วเบานี้กลับมีอิทธิพลต่อคนฟังอย่างยิ่ง หยางจินแทบจะก้มลงไปมอบรสจูบให้ภรรยาตนทันทีที่สิ้นคำขอ แต่เพราะรีบร้อนก้มลงมาเร็วเกินไปหน่อยร่างกายของเขาก็เลยสอดลึกเข้าไปในร่างกายของร่างบางลึกขึ้นมาก

“อึก...” ซูฮวาเปล่งเสียงครางในลำคอเนื่องจากถูกครอบครองริมฝีปากเอาไว้

หยางจินกอบกุมมือเรียวที่เขาสั่งให้เท้าโต๊ะเอาไว้เมื่อรู้สึกได้ว่าแข้งขาของพระชายาน้อยเริ่มสั่นจะน่ากลัวว่าจะทรุดลงไป

“อ๊า อ๊ะ อื๊อ...อะ อือ...” ร่างสูงตัดสินใจกระแทกสะโพกเข้าไปจนสุดในจังหวะเดียวกับที่เขาผละริมฝีปากออกมา นั่นทำให้ซูฮวาเผลอเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่อาจหักห้าม

“ซูฮวา เด็กดีของข้า ยกสะโพกขึ้นมาสูงอีกหน่อยไหวไหม”

“อือ” ซูฮวาขานรับไม่เป็นภาษา

ร่างบางรู้สึกเหมือนสติของตนกำลังล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ไปแล้ว      ไม่รู้ทำไมถึงยอมปฏิบัติตามคำสั่งของหานชินอ๋องอย่างว่าง่ายปานนี้ สะโพกขาวที่    สั่นเทาค่อยๆ แอ่นขึ้นตามความต้องการของคนเบื้องหลัง

“เก่งมาก” หานชินอ๋องส่งเสียงทุ้มต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ ร่างกายของภรรยาตัวน้อยช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ขนาดเขาเคยรุกอย่างหนักหน่วงมาแล้วตลอดคืนแต่กลับยังคับแน่นเหมือนใหม่

“ฮ๊า...” ใบหน้างามเชิดขึ้นเมื่อหานชินอ๋องเริ่มขยับกายกระแทกกระทั้น

เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นท่ามกลางห้องทำงานส่วนตัวของหานชินอ๋อง ผสานกับเสียงลมหายใจและเสียงหวานครางกระเส่า ซูฮวาไม่เหลือสติมากพอจะสะกดกลั้นเสียงน่าอายของตนอีกต่อไปแล้วนั่นทำให้หานชินอ๋องรู้สึกอิ่มเอมจนไม่รู้จะอิ่มอย่างไรแล้ว

“ซูฮวาของข้า...”

“อ๊า ฮ๊ะ อึก”

“สะ มี” มือบางกำปลายนิ้วของหานชินอ๋องไว้แน่น

พอได้ยินภรรยาของตนกล่าวเรียงตนเสียงกระเส่าเช่นนั้นแล้วหานชินอ๋องก็รู้สึกราวกับพายุเพลิงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจ “เรียกข้าอีกสิ”

“สามี ฮึก...” ซูฮวาน้ำตาร่วงเผาะๆ นึกน้อยใจว่าหานชินอ๋องผู้นี้ทำไมเรื่องมากนัก เดี๋ยวก็ให้เท้าแขนกับโต๊ะบ้างละ ให้ยกก้นขึ้นอีกบ้างละ คราวนี้มาขอให้เรียกชื่อ แต่ละอย่างที่สั่งให้ทำช่างยากเย็นเหลือเกิน

“หยางจิน เรียกข้าว่าหยางจิน” ร่างสูงอยากตีก้นเจ้าเด็กโง่เสียให้เข็ด ทำไมถึงไร้เดียงสาจนน่าลงโทษขนาดนี้นะ

“อือ” ซูฮวาเม้มปากแน่น รู้สึกลังเลว่าควรเรียกคนยศใหญ่กว่าแถมยังอายุมากกว่าตั้งเจ็ดปีด้วยชื่อห้วนๆ ดีหรือไม่ แต่เพราะช่องทางรักเบื้องหลังยังถูกอีกฝ่ายกระแทกกระทั้นไม่ได้หยุดพระชายาน้อยก็เลยไม่เหลือสติสำหรับไตร่ตรองอะไรแล้ว

“พะ พี่หยางจิน”

!!

เรียกเสร็จแล้วก็ก้มหน้างุดๆ ซูฮวาอับอายอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าตนกล้าดีอย่างไรถึงเรียกหานชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ออกไปอย่างนั้น ตรงกันข้ามกับผู้ฟังที่รู้สึกคล้ายหัวใจจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ

คนโดนเรียกว่าพี่หยางจินคิดว่าตนต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมายี่สิบสามปีเขาไม่เคยยิ้มกว้างขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเลยจริงๆ

คงเพราะถูกเติมเต็มจนแทบล้นแล้ว คราวนี้หานชินอ๋องจึงเสร็จเร็วเป็นพิเศษ ชายหนุ่มไปถึงฝั่งฝันหลังจากพระชายาตัวน้อยไม่นานนัก เขาพ่นของเหลวสีขุ่นเข้าไปในช่องทางอันคับแน่นที่จนถึงขณะนี้ก็ยังคงบีบรัดเขาไม่หยุดหย่อนจนหยดสุดท้ายจึงก้มลงไปประทับจูบแผ่นหลังขาวผ่องและค่อยๆ ถอนตัวออกมา

“ยืนไหวไหม” เสียงทุ้มถาม โดยไม่รอคำตอบเขาก็อุ้มคนตัวน้อยไปวางไว้บนเตียง

ซูฮวาคิดว่าเขาจะต่ออีกรอบและอีกหลายๆ รอบอย่างแน่นอนเลยไม่ได้ดึงผ้าห่มขึ้นมา แต่ผิดคาดที่หานชินอ๋องกลับทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กันก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของพวกเขาทั้งคู่เอาไว้

ซูฮวาทำหน้าตกใจสุดขีด ช่างน่าเอ็นดูจนคนที่มองอยู่ข้างๆ ต้องเลื่อนหน้าเข้ามาจูบหน้าผาก

คราวก่อนเพราะโดนกระทำอย่างต่อเนื่องซูฮวาก็เลยผล็อยหลับไปก่อน ไม่มีโอกาสได้เข้านอนพร้อมกันแบบนี้
ร่างบางกะพริบตามองหานชินอ๋องตาปริบๆ “สามี?”

หยางจินรู้สึกขัดใจกับคำเรียกของซูฮวานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา เขาเลือกที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอดแทน เพราะขืนให้ซูฮวาพูดคำว่าพี่หยางจินออกมาอีกรอบพี่หยางจินผู้นี้คงตบะแตกโยนผ้าห่มทิ้งแล้วขึ้นไปขย่มร่างบางอีกหลายๆ รอบแน่ๆ

“พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมืองนะ”

“ท่านไม่ต้องไปกองทัพหรือ” แม้จะยังแปลกใจที่อีกฝ่ายทำแค่รอบเดียวแต่ซูฮวาก็ยิ้มจนแก้มแทบแตก

หยางจินจับจ้องรอยยิ้มของซูฮวาของเผลอไผล รอยยิ้มนี้สิรอยยิ้มที่แท้จริงของมู่ซูฮวา ไม่ใช่รอยยิ้มแสนฝืนตอนที่เขาสั่งให้ร่วมหลับนอนด้วย

“ข้าหยุดได้” อันที่จริงแล้วเขาเป็นถึงชินอ๋อง ไม่จำเป็นต้องเข้าทำงานทุกห้าวันหยุดสองวันเหมือนพวกขุนนางทั่วไปเลยก็ได้ ท่านอ๋องหลายคนก็แค่นอนกินเงินประจำตำแหน่งอยู่บ้าน แต่ด้วยความรับผิดชอบอันสูงส่งทำให้เขาเข้ากองทัพไปฝึกฝีมือทหารทุกวัน

“จะดีหรือ”

“จากวังอ๋องไปกองทัพ หากขี่ม้าก็ต้องใช้เวลาราวๆ หนึ่งชั่วยาม ถ้าเจ้าให้ข้าไปทำงานข้าก็ต้องออกไปก่อนรุ่งสาง”
ในที่สุดซูฮวาก็รู้เสียทีว่าทำไมคืนนั้นตนถึงตื่นมาไม่เจอหานชินอ๋อง ที่แท้เขาก็ต้องออกจะบ้านเร็วเพื่อไปเข้างานให้ทัน!

“ฮะๆๆ ท่านช่างสมเป็นหานชินอ๋องจริงๆ!” หากเป็นคนอื่นคงตัดพ้อจนแทบขาดใจไปแล้วที่สามีเห็นงานดีกว่าภรรยาที่เพิ่งร่วมหอกันคืนแรก แต่มู่ซูฮวากลับหัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมแขนของหานชินอ๋อง

“ข้าอยากเป็นขุนนางบ้าง! การสอบถังชื่อเดือนหน้าจะพยายามให้เต็มที่เลย” ซูฮวาคิดว่าผู้ชายที่ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานน่าชื่นชมนักเจ้าตัวน้อยก็เลยอยากเป็นให้ได้แบบหานชินอ๋องบ้าง

ได้ยินแล้วหยางจินก็เผลอกระชับอ้อมแขนของตนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เจ้า...ช่างน่ารักเหลือเกิน”


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #121 เมื่อ25-06-2019 16:55:48 »

แหมๆๆหลงเมียขึ้นมาทันที

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #122 เมื่อ25-06-2019 17:09:40 »

สงสารเด็กน้อยเหมือนโดนหลอกยังไงยังงั้นเลย แต่สามีก็ใจดีมาระดับนึงละ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #123 เมื่อ25-06-2019 18:39:34 »

น่ารักแล้วก็ถนอมน้องหน่อยนะท่าน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #124 เมื่อ25-06-2019 20:12:21 »

ดีแล้วหลงน้องน้อยเยอะๆนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #125 เมื่อ25-06-2019 20:52:16 »

 :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #126 เมื่อ25-06-2019 22:53:30 »

ความพยามซูฮวาเอาไปเต็มสิบเลยจ้าาาา o13

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #127 เมื่อ25-06-2019 23:01:50 »

จ้าาาท

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #128 เมื่อ26-06-2019 03:27:08 »

5555 เอ็นดู พอคิดว่าต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ตามที่แม่สอน
เปลี่ยนโหมดทันทีเลยจ้า คือไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นไหม โธ่เอ้ย
ซูฮวาก็ยังเด็กน้อยมากเลยอะเนาะ สิบกว่าเอง
ถ้าจะงอแงบ้าง ใสซื่อบ้าง ก็ไม่แปลก ก็ถูกเลี้ยงมาแบบนี้

ว้ายยย ท่านอ๋องร้ายนะคะ ไปเดินเที่ยวมาแล้วอิน ถึงขั้นต้องรีบกลับมาหาน้อง
ชอบความเอ็นดูของท่านอ๋อง ทำไรก็น่ารักไปหมดอะเนาะ น่าจับบีบ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
«ตอบ #129 เมื่อ26-06-2019 12:33:34 »

ท่านอ๋องอ่อนโยน ทะนุถนอม ใจเย็นและเอ็นดู ซูฮวาน้อยเหลือเกิน ฮือออ ท่านอ๋องคนหลงเมีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่14 - - 25/06/62
« ตอบ #129 เมื่อ: 26-06-2019 12:33:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #130 เมื่อ30-06-2019 19:12:26 »

บทที่๑๕

 

 

เช้าวันถัดมาซูฮวาตื่นมาก็พบว่าหยางจินยังคงนอนกอดตนอยู่ เพียงแต่ หยางจินตื่นก่อนแล้วยังไม่ได้ลุกไปไหน พอเห็นคนตัวเล็กขยับตัวอย่างงัวเงียมือหนาก็ลูบเส้นผมนุ่มอย่างเอ็นดู

“จะนอนต่อก็ได้นะ” เสียงทุ้มกล่าวอย่างตามใจ เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อคืนนี้คนตัวเล็กแทบนอนไม่หลับเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินคำชมว่าน่ารักของชายหนุ่มหรืออายที่มีบุรุษมานอนกอดกันแน่ แต่หยางจินคิดว่าเกิดจากสองข้อรวมกันเพราะเมื่อซูฮวาบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ซูฮวาก็รีบหลบตา ก้มหน้างุด

ช่างน่ารักเสียจนหยางจินต้องก้มลงไปกัดติ่งหู

“ฮื่อ” ริมฝีปากบางเชิดรั้นอย่างงอแง สายตาเกเรพยายามขับไล่หยางจิน ออกไป แต่หยางจินหรือจะไป คนอย่างหานชินอ๋องต้องเชื่อฟังคำสั่งคนอย่างมู่ซูฮวาด้วยงั้นหรือ

“ท่าน อย่าแกล้งข้า” พระชายางึมงำขณะดึงผ้าห่มมาคลุมหัวเนื่องจากทนต่อสายตาอันร้อนแรงของหยางจินไม่ไหวแล้ว

“เรียกข้าว่าพี่หยางจินก่อน แล้วข้าจะยอมลุกออกไป”

“ย๊า! น่าอายออก” เจ้าก้อนผ้าห่มเริ่มดิ้นไปมา

“ซูฮวา” จนหยางจินก็เอ่ยเร่ง

“พี่...หยางจิน” เสียงหวานช่างแผ่วเบานัก แต่คนหูดีอย่างหยางจินย่อมได้ยินชัดแจ๋ว เขายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะยอมเดินออกจากห้องนอนของตนอย่างตามใจภรรยา เมื่อเดินออกมาเขาก็รีบมองหาสาวใช้ที่ยืนอยู่บนทางเดินถัดออกไปเนื่องจากไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของผู้เป็นนาย

“ถ้าพระชายาแต่งตัวเสร็จแล้วให้รีบไปตามข้า และยกอาหารเช้ามาได้เลย ข้าจะกินในห้องนอน” ผู้เป็นเจ้าของวังอ๋องแห่งนี้ออกคำสั่งก่อนจะเดินออกไปตามหาเหล่าหลี่

แต่ระหว่างทางเขากลับพบหลี่หมิงและเสี่ยวซุนซึ่งยืนยักแย่ยักยันอยู่ไม่ไกลจากห้องนอนของซูฮวามากนัก

หลี่หมิงกับเสี่ยวซุนแค่เป็นห่วงนายของตน เมื่อคราวก่อนที่หานชินอ๋องมาค้างพระชายาน้อยก็นอนซมไปหลายวัน คราวนี้ข้ารับใช้ทั้งสองเลยแสดงความเคารพหานชินอ๋องด้วยใบหน้าชืดๆ แต่หยางจินอารมณ์ดีเกินกว่าจะถือสาหาความพวกนาง เขาเพียงแค่พยักหน้าและเดินจากไป

เหล่าหลี่ที่กำลังกำกับงานนายทหารรักษาการอยู่รีบหันมาทำความเคารพชินอ๋องทันควัน

“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าส่งคนไปบอกที่กองทัพทีว่าวันนี้ข้าลา” คนที่ติดตามหยางจินออกรบมานานปีถึงกับอุทานคำว่าโอ้ออกมาอย่างลืมสำรวม เหล่าหลี่แอบอมยิ้มขณะหันไปสั่งทหารด้านหลัง ชายแก่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ติดตามหานชินอ๋องมาก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ เขารู้จักนิสัยของชายหนุ่มผู้นี้ดี รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกบ้างานขนาดไหน

สิ่งใดที่ทำให้หานชินอ๋องผู้นี้ถึงกับลางานกันนะ

เหล่าหลี่หารู้ไม่ว่าตลอดสองเดือนที่ผ่านมานี้หานชินอ๋องที่เคยอยู่ซ้อมมือให้พวกทหารในกองทัพยันดึกยันดื่นกลับเลิกงานตรงเวลาเพียงเพื่อไปสอนวิชาดาบให้กับศิษย์ตัวน้อยในป่าไผ่

กล่าวไปกล่าวมาก็สรุปได้อย่างเดียวเลยว่ามู่ซูฮวาทำให้หานชินอ๋องเสียคนแล้ว...

ทางด้านชายผู้ถูกทำให้เหลวไหลโดยไม่รู้ตัวกำลังจะหันกายกลับไปยังห้องของตนที่มีคนงามรออยู่แขนของเขากลับถูกรั้งไว้ด้วยมือของสตรีนางหนึ่ง

ไม่ใช่ใครอื่น ฮูหยินรองนามเจียงปิงนั่นเอง

นางอมยิ้มมุมปากอย่างคนมีจริต ค่อยๆ ย่อกายคำนับชินอ๋องอย่าง      แช่มช้า ดูแล้วงามหยดย้อยจนนายทหารด้านหลังถึงกับมองกันตาค้างน้ำลายยืด แต่คนถูกอ่อยกลับมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย อารมณ์ที่ดีมาตั้งแต่เมื่อวานถูกสลายลงไปในพริบตา

“หม่อมฉันเจียงปิงถวายบังคมท่านอ๋อง” นางคงกลัวสามีจะจำชื่อนางไม่ได้ก็เลยรีบพูดชื่อตัวเองออกมา

เหล่าหลี่รู้จักหานชินอ๋องมานานย่อมรู้ดีว่าหานชินอ๋องเป็นบุรุษที่ไม่ชอบให้สตรีมาเสนอตัว และเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะไปเกี้ยวใครก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาในสนามรบหานชินอ๋องจะปฏิเสธนางบำเรอที่ดูแล้วน่ารำคาญ และเขาเป็นผู้ชายที่มีมาตรฐานสูงจนขันทีที่ทำหน้าที่จัดหานางบำเรอแทบจะร้องไห้

หานชินอ๋องเรื่องมากชนิดที่ว่าขันทีน้อยหาสตรีมาร้อยคนเขาก็ไล่ทั้งร้อยคนกลับไปมาแล้ว

และสตรีเช่นเจียงปิงจะเป็นคนแรกที่โดนไล่ออกมา

เหล่าหลี่ส่ายหน้าไปมา ตามปกติบุรุษที่เกิดในตระกูลชั้นสูงจะสนใจแต่เรื่องหน้าตา ขอแค่ทำให้เสร็จสมมีความสุขได้เป็นพอ แต่หานชินอ๋องกลับดูแม้กระทั่งนิสัยใจคอ สติปัญญา มารยาท การวางตัว วิธีการพูดจนแม้แต่เหล่าหลี่เองยังอยากตะโกนถามออกมาว่าท่านไม่มีวันหาคนสมบูรณ์แบบแบบนั้นเจอหรอก! กับอีแค่นางบำเรอที่น้ำแตกก็แยกทางท่านจะคัดกรองอะไรปานนั้น!

แต่เหล่าหลี่ก็ต้องเก็บงำความคิดทั้งหลายไว้แค่ในหัวเพราะขืนตะโกนออกไปจริงๆ ตนมีหวังได้โดนโยนออกมาพร้อมพวกนางคณิกาแน่นอน ถึงแม้ว่าหานชินอ๋องไม่ใช่คนป่าเถื่อนชอบวางอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่ชายที่มีเมตตาอะไร

หยางจินจะให้เกียรติคนที่มีศักดิ์ศรี และดูแคลนคนที่ทำตัวไม่มีราคา

“เจียงปิงเย็บเครื่องลางเอาไว้หลายชิ้นเพื่อภาวนาขอพรให้ท่านอ๋องกำชัยชนะในการศึกที่ชายแดนแล้วกลับมาหาเจียงปิงเร็ววัน แล้วในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว เจียงปิงดีใจยิ่งนักที่เทพเซียนบนสวรรค์รับฟังคำขอของหม่องฉัน” เหล่าหลี่มัวแต่บ่นในความคิดอยู่นาน รู้ตัวอีกทีแม่นางเจียงปิงผู้ไม่รู้จักสังเกตสีหน้าท่าทีของสามีก็เดินเข้ามากอดแขนของหานชินอ๋องแน่น

แขนที่อุดมด้วยมัดกล้ามของท่านแม่ทัพสัมผัสโดนหน้าอกอวบอิ่มของ    ฮูหยินรอง เจ้าของเรือนร่างอรชรแสร้งทำเป็นเหนียมอายแต่ถ้าหากมีโอกาสนางก็คงฉุดหานชินอ๋องเข้าห้องไปแล้ว

ตัวนางนั้นเป็นแค่บุตรีของพ่อค้าวาณิช แม้จะเป็นลูกของฮูหยินใหญ่แต่เพราะพ่อค้ามีสถานะต่ำต้อยกว่าขุนนาง เมื่อได้รับการคัดเลือกให้ตบแต่งกับ      เชื้อพระวงศ์นางจึงเป็นได้แค่ฮูหยินรองของชินอ๋องเท่านั้น ที่ผ่านมาอยู่ใต้อำนาจของเฉินซื่อขั้นหนึ่ง รู้สึกเก็บกดอย่างยิ่ง กระทั่งซูฮวาได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายา    เฉินซื่อย่อมไม่พอใจที่มีคนอยู่เหนือกว่านาง เจียงปิงจึงสบโอกาสเป่าหูนางสารพัด

หากเฉินซื่อกำจัดพระชายาออกไปได้ก็ดีกับนาง หากเฉินซื่อทำพลาดและโดนจับเสียเองก็ยังคงดีกับนางอยู่ดี

บอกตามตรงว่าตอนเฉินซื่อโดนลากตัวออกไปเจียงปิงรู้สึกดีใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก นางชั่งน้ำหนักดูแล้วพบว่าเฉินซื่อน่ากลัวกว่าพระชายาหลายขั้น

“ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจเพคะ หม่อมฉันจะนำทางท่านไปยังห้องนอนของหม่อมฉัน ท่านอ๋องสามารถนำถุงเครื่องลางที่หม่อมฉันตั้งใจเย็บกับมือไปได้ตามใจชอบเลย ยามออกรบทำศึกอีกมันจะช่วยท่านอ๋องปัดเป่าเพศภัยและนำชัยชนะมาให้ต้าจินเพคะ”

“เจ้ากำลังจะกล่าวว่าที่ข้าพิชิตศึกที่ชายแดนทางเหนือได้เป็นเพราะเครื่องลางของเจ้า ไม่ใช้เพราะน้ำพักน้ำแรงของเหล่าทหารกล้าใต้บังคับบัญชาของข้างั้นหรือ”

ได้ยินท่านอ๋องกล่าวเช่นนั้นเจียงปิงก็ตระหนักแล้วว่านางเดินหมากผิดพลาด ก่อนที่นางจะรีบร้อนแก้ตัวหานชินอ๋องก็เป็นฝ่ายเอ่ยประโยคคำถามออกมาก่อน “บ้านเกิดของเจ้าอยู่ที่ใด”

“มณฑลลั่วหนานเพคะ” นางรีบตอบด้วยความยินดี ในที่สุดหานชินอ๋องก็ให้ความสนใจนาง

แขนที่กอดอ้อมแขนแกร่งยิ่งกระชับแน่นขึ้นอย่างยินดี

“เหล่าหลี่ เจ้าจำใต้เท้าเฮ่อได้ไหม” กลับเป็นหานชินอ๋องที่หันไปคุยกับผู้ติดตามคนสนิท

เหล่าหลี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ใต้เท้าเฮ่อผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาในกองทัพให้ท่านอ๋องก็จริงแต่มีนิสัยเกียจคร้านและชอบโยนความผิดของตนไปให้ลูกน้องรับหานชินอ๋องจึงเตะส่งท่านเฮ่อกลับบ้านเกิด

“ปัจจุบันอดีตเสนาธิการเฮ่อเป็นใต้เท้าหัวหน้าศาลแห่งหนึ่งในมณฑล   ลั่วหนานพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของเหล่าหลี่คิ้วของเจียงปิงก็กระตุก ใต้เท้าผู้นี้รับราชการอยู่ที่บ้านเกิดของนาง

ท่านอ๋องจะถามถึงเขาทำไมนะ

และเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของหานชินอ๋องนางก็แทบกระอักเลือดออกมา!

“ใต้เท้าเฮ่อทำคุณงามความชอบไว้ให้ข้ามากมายข้ายังไม่มีโอกาสได้ตอบแทน คราวนี้นึกขึ้นมาได้ งั้นข้าจะส่งฮูหยินรองของข้าให้ไปเป็นฮูหยินใหญ่เขาก็แล้วกัน”

เจียงปิงจะร้องไห้แล้ว! มีอย่างที่ไหนส่งฮูหยินรองของตัวเองไปเป็นเมียของขุนนางต่ำต้อย! นางมองใบหน้าอันหล่อเหลาของหานชินอ๋องที่จนกระทั่งบัดนี้ยังคงมีแต่ความเฉยชาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“จะให้ข้าส่งคนไปแจ้งข่าวใต้เท้าเฮ่อก่อนหรือจะให้ฮูหยินรองเดินทางไปด้วยเลยดีพ่ะย่ะค่ะ” บัดนี้เหล่าหลี่เข้าใจความคิดของผู้เป็นนายแล้ว ที่แท้ก็ต้องการโยนสตรีนางนี้ออกไปไกลๆ นี่เอง

“นางเก็บของเสร็จก็ออกเดินทางได้เลย ข้าจะให้ซูฮวาจัดการเรื่องเงินถุงขวัญที่จะมอบให้นาง” หยางจินกล่าวจบก็สะบัดแขนออกด้วยท่าทางรำคาญอย่างเห็นได้ชัด

 

ในขณะที่หานชินอ๋องทำการเตะก้นเจียงปิงออกจากบ้าน ซูฮวาที่ล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็กำลังนั่งแกร่วอยู่ในห้องของสามีอย่างว่างงาน ก่อนที่ดวงตาคู่โตจะไปสะดุดเข้ากับเสื้อของหานชินอ๋องที่ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นตั้งแต่เมื่อคืน

ร่างบางเดินไปเก็บ ตั้งใจว่าจะเอาไปใส่ตะกร้าสำหรับส่งซักทว่าร่างบางกลับได้กลิ่นบางอย่างจากเสื้อผ้าของพระสวามี มันคือกลิ่นน้ำหอมไม่ผิดแน่ ซูฮวาขมวดคิ้วพลางยกเสื้อของหานชินอ๋องขึ้นมาดม

“เขาไม่น่าใช้น้ำหอมกลิ่นแบบนี้นะ...” ขนาดซูฮวายังใช้บ้างไม่ใช้บ้างแล้วแต่อารมณ์เลย คนอย่างหานชินอ๋องไม่น่าสนใจประโคมกลิ่นกายให้หอมจนฉุนแบบนี้แน่

แถมกลิ่นของน้ำหอมยังมั่วๆ ปนๆ กันราวกับมีหลายสูตรผสมกันมั่ว

แล้วพระชายาน้อยก็เข้าใจว่ากลิ่นน้ำหอมพวกนี้คงมาจากสตรีหลายคน

“สตรีรายคนรึ...” วิเคราะห์มาถึงจุดนี้สีหน้าของพระชายาน้อยก็หมองคล้ำลง

ซูฮวาเข้าใจธรรมเนียมอันแสนโหดร้ายของโลกใบนี้ดีว่าผู้เป็นสามีนั้นจะมีภรรยากี่คน หลับนอนเที่ยวหอนางโลมเท่าไรก็ได้ตามใจอยาก แต่ผู้เป็นภรรยานั้นกลับต้องมีสามีเท่านั้น ขนาดหย่าแล้วแต่งงานใหม่กับบุรุษอื่นยังโดนสังคมตราหน้าเลย

ซูฮวาไม่เคยคาดหวังว่าหานชินอ๋องจะมีแค่ตนคนเดียวอยู่แล้ว

แต่แบบนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย

“มิน่า...เมื่อคืนถึงทำแค่ครั้งเดียว” ที่แท้หานชินอ๋องก็ไปเที่ยวผู้หญิงมาก่อนแล้ว แต่คงยังไม่หนำใจก็เลยตัดสินใจกลับบ้านมารีดน้ำหยดสุดท้ายกับภรรยาที่บ้าน

พระชายาน้อยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีจนหน้าซีด แบบนี้ตนก็ไม่ต่างอะไรกับนางคณิกาเลยน่ะสิ

และในระหว่างที่ร่างบางกำลังจ๋อยอยู่นั้นเองหยางจินก็เดินเข้ามาในห้องพอดี เขาเข้ามาทันภาพที่พระชายาตัวน้อยกำลังยกเสื้อของเขาขึ้นมาดม ทีแรกยังนึกแปลกใจว่าซูฮวาเกิดพิศวาสตนเข้าแล้วหรือไรแต่พอเห็นใบหน้างามที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ หยางจินก็เกิดเอะใจ

“ซูฮวา”

ได้ยินเสียงเรียกจากผู้มาใหม่ทำให้คนตัวเล็กรีบโยนเสื้อตัวใหญ่ไปอีกทางหนึ่ง ดวงตาเลิ่กลั่ก สีหน้ามีพิรุธสุดๆ

หยางจินขมวดคิ้วพลางสืบเท้าเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งหลังตรงแน่วอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง จังหวะนั้นเองพวกสาวใช้ก็ยกอาหารเข้ามาถวายอย่างรู้งาน

“เมื่อวานข้าไปย่านโคมแดงกับถังเฟยมา” คำกล่าวของผู้เป็นสามีส่งผลให้มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปจับตะเกียบชะงักค้างกลางอากาศ หยางจินลอบสังเกตอาการของซูฮวาเงียบๆ

คนโดนจ้องรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ ใบหน้างามเชิดรั้นขึ้นอย่างถือตัว “ท่านจะไปที่ไหนมาก็แล้วแต่ท่านเถิด! แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือวังอ๋องไม่ใช่หอนางโลม” ข้าคือพระชายาไม่ใช่นางคณิกา ซูฮวาลอบต่อคำในใจ

ได้ยินคำตอบของซูฮวาแล้วคนฟังก็แอบอมยิ้ม พระชายาตัวน้อยของเขาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน!

หยางจินหยิบชามข้าวกับตะเกียบของตนเองก่อนย้ายที่ไปนั่งข้างกาย พระชายาน้อยโดยไม่ลืมลากเก้าอี้ให้ชิดขึ้นอีกจนไหล่ชนกัน คนโดนประชิดตัวทำหน้าเลิ่กลั่ก ซูฮวาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ หานชินอ๋องที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ย้ายก้นมานั่งโอบไหล่ตน

“สามี ท่านทำแบบนี้ก็กินข้าวเช้าไม่ได้น่ะสิ” ร่างบางกล่าวอึกอัก ไม่รู้ว่ายังต้องแทนตัวอีกฝ่ายว่าสามีอยู่หรือต้องเรียกว่าพี่หยางจิน ซูฮวาเอาใจไม่ถูกแล้ว

แต่พอเห็นใบหน้าคมคายฉายความไม่พอใจออกมาซูฮวาก็เลยอ้อมแอ้มแก้คำใหม่ “พี่หยางจิน ปล่อยข้าเถิด”

หยางจินยกยิ้มมุมปาก ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ อย่างอารมณ์ดีก่อนจะยอมปล่อยมือตามคำขอ

หลังจากนั่งกินข้าวเช้ากันไปได้สักพักเขาก็หยิบเรื่องหอโคมแดงขึ้นมา “เมื่อวานถังเฟยรบเร้าให้ข้าไปเป็นเพื่อนให้ได้ข้าเลยยอมไปดูสักครั้ง”

“ท่านไม่เคยไปมาก่อนหรือ” ซูฮวาแปลกใจ ซูฮวาน่ะก็ไม่เคยไปหรอกนะ แต่หานชินอ๋องไม่เคยไปหอนางโลมมันน่าตกใจกว่าเป็นไหนๆ

“ไม่เคยไปมาก่อน แล้วก็จะไม่ไปอีกแล้ว พวกนางน่ารำคาญมาก พอเห็นข้าก็พากันวิ่งเข้าใส่ราวกับสุนัขหิวโหย” ชายหนุ่มกล่าวพลางส่ายศีรษะไปมา      แววตาบ่งชัดว่าไม่ชอบใจ “ยิ่งเดินข้าก็ยิ่งโมโหสุดท้ายเลยไม่ได้แวะที่ไหนเลย”

ซูฮวาเบิกตาอย่างตกใจ ก่อนจะถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “จริงเหรอ”

หยางจินพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี ไม่เหลือคราบของคนที่ขับไล่ฮูหยินรองออกจากบ้านเมื่อครู่แม้แต่น้อย

“ข้าลืมบอกเจ้าอีกเรื่อง”

“อะไรหรือ”

“ข้าจะส่งเจียงปิงให้อดีตลูกน้องของข้า เจ้าช่วยจัดการเรื่องเงินขวัญถุงให้นางด้วย” เรื่องภายในเรือนนั้นเป็นอำนาจดูแลของเมียหลวงอยู่แล้ว ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาซูฮวาก็จัดการเรื่องเงินเดือนของทุกคนได้อย่างดี แต่ซูฮวาไม่คิดเลยว่าตนจะมีโอกาสให้เงินก้อนใหญ่เพื่อส่งเจียงปิงออกจากบ้าน

พระชายาตัวน้อยร้องโอ้ออกมา สีหน้าแววตาตื่นเต้นเหมือนเจอเรื่องสนุก ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา

“ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่หลังจากส่งนางออกไปแล้วข้าก็จะกลายเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของท่านสินะ” ตนเพิ่งคิดเมื่อสักครู่นี่เองว่าทำใจเรื่องสามีมีเมียหลายคนไว้แล้ว แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายจะเหลือแค่ตนคนเดียวในช่วงระยะเวลาหนึ่งซูฮวาก็อดมองโลกในแง่ดีไม่ได้

เห็นซูฮวายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ท่าทางน่ารักน่าหยิกหานชินอ๋องก็ทนไม่ไหว ร่างสูงขยับมือลูบเส้นผมของพระชายาน้อยอย่างเอ็นดู



----------------------------------------

พี่หยางจินไม่ได้เป็นสามีดีเด่นอะไรเบอร์นั้น แต่ฮีก็เป็นผู้ชายที่ไม่แย่เท่าไหร่นะคะ!





#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #131 เมื่อ30-06-2019 20:54:12 »

 :pig4:
 :3123:
o13

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #132 เมื่อ30-06-2019 21:06:33 »

เอ็นดูน้องมากเลยค่ะ ซูฮวาเป็นเด็กน้อยที่เป็นคุณภรรยาแล้วนะ
และคุณสามีก็ดูแล้ว น่าจะทั้งรักทั้งหลงมากเลย
ต้องเรียกพี่หยางจินนะ อย่าเผลออีกล่ะ
แล้วอะไรคืออ้อนน้อง แหย่น้อง มีโมเมนท์แบบนี้ได้ด้วย

ในที่สุดซูฮวาก็มีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ารักมากเลยค่ะ

อะไรจะพอดีแบบนี้เนาะ ได้จังหวะไล่รองๆ ทั้งหลายออกจากบ้านไปเฉย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #133 เมื่อ30-06-2019 22:50:41 »

 :hao3:  คนหลงเมีย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #134 เมื่อ30-06-2019 23:38:55 »

จ้าาา ทำดี

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #135 เมื่อ01-07-2019 02:10:17 »

เอ็นดูคู่นี้ :o8:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #136 เมื่อ01-07-2019 13:03:31 »

ท่านอ๋องคนหลงเมียยยย  :laugh:
เอ็นดูซูฮวา ได้เป็นเมียเดียวหัวเราะคิกคัก โอ้ยยรู๊กก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #137 เมื่อ01-07-2019 15:38:40 »

ท่านอ๋องได้กลายเป็นคนหลงเมียซะแล้วซินะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่15 - - 30/06/62
«ตอบ #138 เมื่อ01-07-2019 21:23:08 »

รอตอนไปเดินตลาด หยางจินน่าจะต้องปวดหัวหัวกับภรรยาน้อยน่าดู

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #139 เมื่อ07-07-2019 09:52:32 »

บทที่๑๖





หยางจินทำตามสัญญาที่ให้ไว้ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเขาก็พา พระชายาของตนไปซื้อน้ำตาลปั้น และเพื่อไม่ให้ซูฮวาโดนสาวใช้คนสนิทดุเรื่องกินแต่ขนมหยางจินก็เลยสั่งให้เสี่ยวซุนกับหลี่หมิงรอที่บ้านและออกมากับซูฮวาแค่สองคน

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฮวาออกมาเที่ยวโดยไม่มีหลี่หมิงและเสี่ยวซุนติดสอยห้อยตามมาด้วย

ตามปกติซูฮวาจะนั่งเกี้ยวออกมา แต่คราวนี้ร่างบางได้นั่งซ้อนท้ายอาชาสีดำตัวใหญ่ของหานชินอ๋อง ด้วยม้าพันธุ์ดีแถมยังไม่มีเกี้ยวมาถ่วงน้ำหนักทำให้ทั้งสองคนเดินทางมาถึงย่านชุมชนที่มีร้านรวงต่างๆ มากมายในเวลาอันสั้น

หยางจินกระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะอ้าแขนออกรอรับร่างของ พระชายาน้อย แต่ซูฮวากลับกระโดดลงไปเองเพราะซูฮวาก็ขี่ม้าเป็น เรื่องปีนขึ้นปีนลงหลังมานั้นไม่ได้อยากอะไรเลย ซูฮวาไม่เข้าใจว่าหยางจินจะอ้าแขนรอรับตนทำไม และก็ไม่เข้าใจด้วยว่าพระสวามีจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทำไม

“จากตรงนี้เอาม้าเข้าไปไม่ได้แล้ว” เพราะถนนหนทางข้างหน้ามีเหล่าชาวบ้านเดินกันขวักไขว่หยางจินก็เลยเอาม้าไปฝากไว้และเดินกลับมาหาซูฮวา

ร่างบางฉีกยิ้มกว้าง “พวกเขามองท่านใหญ่เลย ฮะๆ ๆ”

นัยน์ตาคมกริบของท่านแม่ทัพเลื่องชื่อตวัดมองหน้าชาวบ้านที่บังอาจมองมายังพวกเขาสองคนอย่างไม่พอใจแต่ซูฮวากลับห้ามปรามเอาไว้ “เพราะท่านชอบทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ไงพวกชาวบ้านถึงได้ลือว่าท่านตัวใหญ่เหมือนยักษ์ ฆ่าม้าด้วยมือข้างเดียวได้”

พูดถึงเรื่องข่าวลือหยางจินก็รู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม

“ป่านนี้พวกชาวบ้านคงคิดว่าเจ้าพาชู้รักมาเที่ยวในเมืองกลางวันแสกๆ แล้ว” หยางจินรู้ดีว่าภาพจำของหานชินอ๋องในใจของชาวบ้านไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายสูงกำยำดูสูงส่งมีอารยะอย่างที่ควรจะเป็น

ข่าวลือเรื่องพระชายาของหานชินอ๋องงดงามราวกับภาพวาดจากแดนเซียนกระจายออกไปเป็นวงกว้างพอๆ กับข่าวลือว่าหานชินอ๋องหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ดังนั้นการที่คนงามดุจดอกไม้จากสรวงสวรรค์มาเดินจูงมือกับหนุ่มหล่อไม่รู้หัวนอนปลายเท้าย่อมเป็นที่สะดุดตา

แม้ซูฮวาจะไม่เคยแนะนำตัวต่อหน้าธารกำนัลว่าตนคือพระชายาของ หานชินอ๋องแต่ชาวบ้านที่ตาไม่บอดจะต้องเข้าใจได้ว่าคนงามล่มเมืองผู้นี้เป็นภรรยาของใคร แม้จะไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องหรูหราฟูฟ่าทว่ามู่ซูฮวาในชุดสีพื้นกลับดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่วงท่าและกิริยาล้วนสุภาพนุ่มนวล สูงส่งเลอค่าปานนี้หากไม่ใช่พระชายาคนงามที่เขาเล่าขานกันก็คงเป็นนางฟ้านางสวรรค์แล้ว

ทันทีที่เห็นหยางจินเดินจูงมือกับซูฮวาผ่านร้านรวงต่างๆ พ่อค้าแม่ขายและพวกชาวบ้านปากสว่างก็หันไปซุบซิบนินทากันอย่างออกรส

“เขาคือหานชินอ๋อง” ซูฮวาทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากเดินกันมาได้ไม่กี่ก้าวร่างบางก็สะกิดเรียกสตรีนางหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดีเพื่อแถลงไขความจริง แล้วหลังจากนั้นกลีบปากบางก็เอ่ยคำว่าเขาคือหานชินอ๋องวนไปเวียนมาจนน้ำลายแห้ง ทว่าทุกคนที่ฟังต่างทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“ความจริงเจ้าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ ข้าไม่ได้เดือดร้อนอะไร” หยางจินไม่ได้สนใจเรื่องที่ชาวบ้านล่ำลือกันว่าตนน่าเกลียดน่ากลัวอยู่แล้ว แต่เขาหารู้ไม่ว่าซูฮวาไม่ได้กำลังทำเพื่อเขาสักนิด

“ท่านไม่เดือดร้อนแต่ข้าเดือดร้อน! ขืนไม่รีบบอกออกไปพวกเขาก็จะคิดว่าข้าแอบมีชายชู้อีก! คนของต้าจินดูเหมือนจะจ้องจับผิดและพร้อมจะเข้าใจข้าผิดอยู่แล้วนี่!” หยางจินรู้สึกน้อยใจนิดหน่อยแต่ก็สามารถยอมรับเหตุผลของซูฮวาได้

“ร้านน้ำตาลปั้นของเจ้าไปทางไหน” หยางจินไม่ค่อยได้มาเที่ยวเล่นเท่าไรก็เลยไม่ชำนาญทาง

“ตามข้ามาได้เล้ย พี่หยางจิน!” ร่างบางยิ้มหน้าแป้นแล้น รีบจูงมือคนตัวสูงกว่าไปตามทางที่มีร้านน้ำตาลปั้นเจ้าดังทันที ตาเฒ่าเจ้าของร้านทำหน้าดีใจทันทีที่เห็นลูกค้าคนงามคนเดียวกับเมื่อวานกลับมาอุดหนุนร้านของตนอีกครั้ง

“วันนี้คุณชายน้อยพาคนรักมาด้วยหรือ” สงสัยตาแก่คนนี้คงมาจากต่างเมืองจึงไม่รู้ว่าซูฮวาเป็นใคร

ซูฮวาส่ายหน้าไปมา “เขาไม่ใช่คนรัก แต่เขาเป็นสามีของข้าเอง หล่อไหม”

พระชายาน้อยโอ้อวดสามีของตนอย่างภาคภูมิใจ ชายแก่เองก็รีบกล่าวเยินยอความหล่อเหลาสะท้านภพของชายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ ซูฮวายิ้มอย่างมีความสุขขณะรับไม้เสียบน้ำตาลมาจากชายเจ้าของร้าน ทว่าหยางจินกลับรู้สึกขัดอกขัดใจอะไรบางอย่างซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไร

หลังจากเดินออกมาจากร้านน้ำตาลปั้นแล้วซูฮวาก็หันมาถามคนที่มาด้วยกัน “ท่านจะกลับเลยหรือไปไหนต่อ”

“เจ้ามีที่ใดอยากแวะอีกหรือไม่” หยางจินถาม

ซูฮวาส่ายหน้าไปมา “ที่จริงข้าอยากเที่ยวเล่นต่ออีกสักหน่อย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มากับท่าน แต่ว่าการสอบถังชื่อใกล้เข้ามาแล้วข้าคิดว่ากลับเลยดีกว่า แต่ก็อยากเที่ยวต่ออีกสักหน่อยจัง”

เห็นคนตัวเล็กยืนลังเล ใบหน้างามฉายแววหนักอกหนักใจแล้วหยางจินก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา “หลังการสอบถังชื่อที่เมืองหลวงจะมีงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เอาไว้ข้าจะพาเจ้ามาก็แล้วกัน”

“จริงหรือ! เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นอย่างไรหรือ” ที่แคว้นอันผิงไม่ค่อยมีงานเทศกาลรื่นเริงเท่าไรเพราะเป็นแคว้นเล็กๆ ที่ไม่ร่ำรวยนัก อดีตคุณชายสามแห่งตระกูลมู่จึงตาเป็นประกาย รอยยิ้มกว้างแต่งแต้มบนใบหน้างดงามชวนหลงใหล

“ในช่วงเวลานั้นจะมีขนมไหว้พระจันทร์มากมายหลายรสออกมาวางขาย”

“ดีจัง! ต้าจินดีจัง ข้าเคยได้ยินจากหลี่หมิงว่านอกจากนี้ยังมีเทศกาลโคมไฟ เทศกาลซีซี แล้วก็เทศกาลไหว้เจ้าอีก นอกเหนือจากนี้ยังมีเทศกาลอะไรอีก รึเปล่า” มือบางดึงชายเสื้อของคนตัวสูงกว่าอย่างตื่นเต้น

หานชินอ๋องมีสีหน้าผ่อนคลายแตกต่างจากท่านแม่ทัพผู้มีปราณดำรอบตัวเสมอผู้นั้นยิ่งนัก เขาเลื่อนมือไปจับมือเรียวที่ดึงๆ แขนเสื้อของเขาอย่างซุกซนเอาไว้ คล้ายดึงออกเพราะรำคาญแต่แท้จริงแล้วแค่อยากจับมือซูฮวาเดินทอดน่องก็เท่านั้นแหละ

“ความจริงแล้วต้นฤดูใบไม้ผลิยังมีเทศกาลชมดอกเหมยอีก” ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินผ่านต้นเหมยซึ่งยามนี้ยังไม่มีดอกแถมใบยังร่วงโรยไปแล้วเกือบหมดต้นหยางจินก็หยุดยืนและทอดมองมันอย่างอาลัย

“ข้าชอบดอกเหมย” เสียงใสเจื้อยแจ้ว

“แต่ข้าไม่ชอบ” แทบจะทันทีที่ซูฮวาพูดว่าชอบดอกเหมยหยางจินก็รีบ กล่าวขัด

ร่างบางรีบงับปากที่กำลังจะกล่าวถึงเทศกาลชมดอกเหมยอย่างตื่นเต้นแทบไม่ทัน

“แต่เดิมเทศกาลชมดอกเหมยก็มีแค่การชมดอกเหมยตามชื่อ ประชาชนจะนำเสื่อมาปูใต้ต้นเหมย จัดเตรียมสำรับอาหารมาดื่มกินกันเพื่อชมความงามของดอกไม้ที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดในต้าจิน แต่...”

พอกล่าวคำว่าแต่หยางจินก็หยุดเพื่อถอนหายใจ

“พระมารดาของข้ามีพระนามเดิมว่าหานเหมยเหม่ย ในชื่อของนางมีดอกเหมย แถมนางยังเกิดในฤดูใบไม้ผลิช่วงเวลาเดียวกับที่ดอกเหมยผลิบาน ดังนั้นโอรสสวรรค์จึงมีราชโองการมอบหมายให้เจ้ากรมพิธีการเพิ่มเติมประเพณีดั้งเดิม โดยโอรสสวรรค์จะพระราชทานรางวัลแก่ภรรยาที่ทำคุณแก่แผ่นดินในทุกปี โดนพระราชทานนามว่าซูเหมย”

“ภรรยาที่ว่าหมายถึงสตรีหรือ” ซูฮวาถาม ตอนนี้ทั้งสองคนเดินใกล้ถึงม้าที่ฝากไว้แล้ว

หยางจินส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่สตรี ขอเพียงมีฐานะเป็นภรรยา จะชายหรือหญิงก็มีสิทธิ์ในรางวัลนี้ทั้งนั้น”

“โอรสสวรรค์ทรงรักพระมารดาของท่านมากเลยนะ” ซูฮวาระบายยิ้มมุมปาก น้อยครั้งนักที่จะมีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหนทรงทำเพื่อภรรยาขนาดนี้

เทศกาลชมดอกไม้ที่มีชื่อเหมือนภรรยา เพิ่มพิธีมอบรางวัลแก่ภรรยาที่ทำคุณให้ต้าจิน แค่ดูก็รู้สึกถึงความรักอันล้นพ้นของโอรสสวรรค์ที่มีต่ออดีตพระมเหสีหาน

หยางจินเพียงแค่พยักหน้า ซูฮวาคิดว่าชายหนุ่มอาจจะรู้สึกโศกเศร้ายามกล่าวถึงพระมารดาผู้ล่วงลับจึงไม่ได้กล่าวถึงเทศกาลชมดอกเหมยอีก เพียงแต่แอบคิดเล่นๆ ในใจว่าตนเองก็มีสิทธิ์ในรางวัลดังกล่าวด้วย

แต่คิดก็ส่วนคิด ในความเป็นจริงซูฮวายังต้องอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อเตรียมสอบ

หยางจินไม่ได้นอนค้างที่วังของตนเองและยังคงไปนอนกับน้องชายผู้ถูกสังคมรังเกียจในป่าไผ่ตามปกติ เพียงแต่จะมีบางวันที่เขากลับออกมาจากกองทัพก่อนเวลาเลิกงานประมาณสามเค่อเพื่อควบม้ากลับมายังวังของตน แน่นอนว่าเพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ลูกศิษย์ตัวน้อยนั่นเอง

และแล้วการสอบถังชื่อก็เวียนมาบรรจบ

“หลี่หมิง ข้าต้องไปทำอะไรอย่างนั้นด้วยหรือ! ?” มือเรียวเกาะกุมชายเสื้อของสาวใช้ของตนไว้แน่น

ขณะนี้ทั้งสองคนเดินทางมาถึงสนามสอบแล้วแต่ยังไม่ได้เข้าไป หลี่หมิง มองไปทางเข้าสนามสอบด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอเป็นสตรีจากแคว้นเล็กๆ จึงไม่รู้ว่าในต้าจินมีระบบตรวจค้นร่างกายของผู้เข้าสอบที่เข้มงวดถึงขนาดปลดเปลื้องอาภรณ์และล้วงลึกเข้าไปในกางเกงเพื่อค้นว่าแอบจดโพยเข้าไปหรือไม่

“หม่อมฉันว่าพระชายาอย่าไปเลยเพคะ” หลี่หมิงหวงแหนเรือนร่างเจ้านายน้อยของนางอย่างยิ่งยวด

ดูหน้าผู้คุ้มสอบพวกนั้นสิ! ทุกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์หน้าตาไม่เป็นมิตรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าถ้าพระชายาน้อยเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปจะโดนลวนลามหรือกลั่นแกล้งอย่างไรบ้าง!

นางทำท่าจะดึงมือซูฮวากลับไปหาเสี่ยวซุนที่รถม้า แต่ซูฮวายังไม่อยากกลับไปทั้งอย่างนี้ ร่างบางทอดมองประตูทางเข้าสนามสอบตาละห้อย รู้สึกเสียดายความพากเพียรตลอดเวลาที่ผ่านมาจนน้ำตาจะไหลแต่ก็ไม่อยากไปเปลื้องผ้าให้ผู้ชายคนอื่นจับๆ มองๆ

ซูฮวาไม่ได้อายหรือรักนวลสงวนตัวหรอก แต่ด้วยสถานะของซูฮวา ซูฮวาต้องวางตัวให้งามสง่าไม่ด่างพร้อย

เป็นพระชายาของชินอ๋องวางตัวลำบากแท้!

“หลี่หมิง” ร่างบางครางหงิงๆ หน้าตาน่าสงสารจนหลี่หมิงเกิดความคิดประมาณว่าให้นางไปแก้ผ้าแทนนางก็ยอม

แต่ทั้งหลี่หมิงแล้วก็ซูฮวาไม่จำเป็นต้องแก้ผ้าทั้งนั้นเพราะถังเฟยเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ถวายบังคมพระชายา”

“พี่ถังเฟย” ซูฮวาโค้งตัวรับการคารวะจากอีกฝ่าย เตรียมจะออกปากขอร้องให้มือขวาของแม่ทัพใหญ่ช่วยใช้เส้นสายพาตนเข้าสนามสอบโดยไม่ต้องตรวจค้นร่างกายที แต่มือขวาของแม่ทัพใหญ่กลับผายไปยังทางเข้าอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเข้าของเจ้าพนักงาน

“หานชินอ๋องให้ข้าช่วยนำทางพระชายาเข้าสนามสอบ”

ซูฮวาน้ำตาแทบพุ่ง แววตาคู่งามเต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาต่อท่านอาจารย์

“พี่หยางจินช่างรอบคอบเหลือเกิน!”

ถังเฟยค่อนข้างสะดุดหูกับคำที่พระชายาใช้เรียกชินอ๋องจึงถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “ท่านแม่ทัพให้พระชายาเรียกเช่นนั้นหรือ”

“อื้ม” ซูฮวาก็ตอบแบบซื่อๆ

รองแม่ทัพอย่างถังเฟยถึงกับตกตะลึงตาค้าง เขาเองก็แอบสนทนากับพี่ หูโปบ่อยๆ ว่าหมู่นี้ท่านแม่ทัพผู้ดุร้ายของพวกเขาค่อนข้างอารมณ์สดชื่นเบิกบานไม่รู้ว่าไปอารมณ์ดีมาจากไหนแต่ตอนนี้ถังเฟยเข้าใจแล้ว และรู้แล้วว่าทำไมคนที่ไม่ชอบอะไรหยุมหยิมน่ารำคาญอย่างหยางจินถึงได้สั่งให้เขาเตรียมโต๊ะน้อยซึ่งเป็นที่นั่งประจำตำแหน่งของขุนนางระดับเจ็ดเล็กๆ ที่มีหน้าที่เหมือนเลขาธิการประจำตัวแม่ทัพไว้ในห้องทำงานส่วนตัว

สมัยก่อนใช่ว่าตำแหน่งนี้ไม่เคยมี แต่หยางจินคิดว่าไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร เขาสามารถจัดการงานทั้งหมดด้วยตัวเองได้ก็เลยสั่งให้ยกเลิกไป แต่ตอนนี้กลับสั่งให้เตรียมโต๊ะประจำตำแหน่งเข้ามาวาง ประจวบเหมาะกับพระชายาน้อยที่เตรียมสอบเข้ารับราชการ

ถังเฟยมั่นใจว่าโต๊ะดังกล่าวจะต้องเป็นของที่หยางจินเตรียมให้พระชายาน้อยแน่

รองแม่ทัพหนุ่มอมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าหานชินอ๋องผู้นั้นจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ มันน่าแปลกออกจริงไหม พระชายาน้อยเข้าสอบอย่างยุติธรรมไม่ได้มีการใช้เส้นสายกลโกงอะไร ทว่าหานชินอ๋องกลับเตรียมตำแหน่งไว้รอแล้ว

นี่ท่านแม่ทัพเชื่อมั่นในตัวพระชายาที่ดูไม่ค่อยเฉลียวฉลาดผู้นี้ปานนั้นเลยหรือ

คิดแล้วก็ขอหยั่งเชิงดูหน่อย

“หากสอบติดพระชายาคิดไว้หรือยังว่าจะเข้าทำงานในหน่วยงานใด” ตามปกติบัณฑิตสามัญไม่มีสิทธิ์ในการเลือกหรอก แต่ซูฮวาเป็นถึงพระชายา ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องผ่านการสอบด้วยซ้ำ แค่อ้อนพระสวามีนิดหน่อยถังเฟยก็เชื่อว่าหานชินอ๋องมีอำนาจเส้นสายเหลือเฟือ แถมมีอิทธิพลมากถึงขนาดพวกขุนนางไม่กล้าสอดปากวิพากษ์วิจารณ์ด้วย

ซูฮวานิ่งคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากอยู่กรมโยธา”

“ไม่อยากเข้ากองทัพหรือ”

“ไม่อยากเลย” ซูฮวาส่ายหน้าไปมา

“แค่ก!” รองแม่ทัพถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง

ถังเฟยไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีสุดท้ายเขาก็ได้แต่อวยพรขอให้ซูฮวาสอบผ่านขณะเดินนำร่างบางผ่านประตูพิเศษไป





-------------------------------------------------

ความหลงเมียมันก็เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แบบนี้แหละค่ะ (หรือนี่ไม่เล็กแล้ว) 55555555555555

#มาลาสุราลัย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
« ตอบ #139 เมื่อ: 07-07-2019 09:52:32 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #140 เมื่อ07-07-2019 12:10:56 »

งานนี้มีงอนกันแน่นอน  คนนึงอยากให้มาอยู่ใกล้
อีกคนอยากทำงานอีกที่ 555

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #141 เมื่อ07-07-2019 12:58:19 »

งือออออ  น่ารักไปอีกพี่หยาง น้องซูฮวา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #142 เมื่อ07-07-2019 13:00:02 »

แหมมมมมมม​ พี่หยางจิน

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #143 เมื่อ07-07-2019 16:03:02 »

แต่พระสวามีเตรียมตำแหน่งรอแล้วนะพระชายา :hao6:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #144 เมื่อ07-07-2019 23:42:43 »

เอ้าๆ ติดเมีย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #145 เมื่อ08-07-2019 07:27:14 »

ตอนนี้เอ็นดูซูฮวา แต่สงสารหยางจิน
ซูฮวาไม่มีโมเมนท์คนรักให้ได้อินเลยจ้า
ต้องค่อยๆ ให้น้องเรียนรู้นะ ยังเด็กน้อยอยู่
แล้วต้องแต่งงานเลย ยังไม่ทันได้รักได้ชอบแบบคนรัก

สามีมีน้อยใจนะคะ แต่ก็ทั้งห่วง ทั้งเอ็นดูน้องน้อยเหลือเกิน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #146 เมื่อ08-07-2019 09:36:46 »

งานนี้คงมีคนน้อยใจแน่

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #147 เมื่อ08-07-2019 12:17:00 »

“เขาไม่ใช่คนรัก แต่เขาเป็นสามีของข้าเอง หล่อไหม”

น้อนนนนนนนนลู๊กก อวดสามีเต็มปากเต็มคำ สามีหลงไปอีี๊ก

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่16 - - 07/07/62
«ตอบ #148 เมื่อ08-07-2019 21:25:00 »

 :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #149 เมื่อ12-07-2019 08:00:16 »

บทที่๑๗





“ตื่นเต้นๆ”

วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบแล้ว หลังจากที่นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในวังอ๋องอย่างเกียจคร้านมาหลายวัน ในที่สุดพระชายาน้อยก็กลับมารู้สึกคึกคักตื่นเต้นอีกครั้ง ซูฮวาคิดว่าตนทำข้อสอบได้ไม่เลวเลยจริงๆ หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ไม่น่าจะสอบตกนะ!

“พี่หยางจิน!” วันนี้เป็นวันหยุดของหานชินอ๋องพอดีเขาก็เลยขี่ม้ามารอรับซูฮวาตั้งแต่เช้าตรู่

แม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์แต่ในเมื่อเลือกเข้าสอบอย่างถูกต้องตามประสาสามัญชนคนหนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์รู้ผลการสอบก่อน พวกซูฮวาต้องเข้าไปดูในเมืองพร้อมกับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ

ร่างบางวิ่งเข้าไปหาร่างสูงที่นั่งอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ หานชินอ๋องยื่นมือมาให้ซูฮวาจับแต่ปรากฏว่าคนตัวเล็กอยู่ในอารมณ์คึกคักมากเกินไปก็เลยลืมสังเกตมือของอีกฝ่าย ร่างบางปีนขึ้นไปบนหลังม้าด้วยตัวเองและเอ่ยเร่งพระสวามียิกๆ “ออกเดินทางได้!”

อย่างน้อยซูฮวาก็เกาะเอวของหยางจินเอาไว้ทำให้ชายหนุ่มไม่ถือสาที่ถูกเมิน

ทั้งสองคนใช้เวลาประมาณสองเค่อจึงมาถึงจุดประกาศรายชื่อ หยางจินยังไม่ทันหยุดม้าซูฮวาก็โดดลงไปแล้ว ร่างบางพยายามแทรกตัวผ่านกลุ่มบัณฑิตที่ยืนออกันอยู่หน้าจุดแขวนป้ายประกาศ ตัวคนตัวเล็กกลับโดนเบียดจนแทบบี้แบน

หยางจินเห็นพระชายาของตนกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ร่างบางกลืนหายไปในกลุ่มคนแต่ก็พอเห็นหัวทุยๆ ผลุบขึ้นผลุบลงอย่างกระเสือกกระสน ชายหนุ่มทนดูไม่ได้ก็เลยเดินเบียดตัวเข้าไปหา ผลปรากฏว่าเหล่าบัณฑิตที่ดูตัวใหญ่เมื่อเทียบกับซูฮวากลับโดนท่านแม่ทัพร่างสูงแหวกออกอย่างง่ายดาย

บัณฑิตจะสู้แรงนักรบได้อย่างไรเล่า

“แอ่ก พี่หยางจิน” ซูฮวาเห็นว่าท่านอาจารย์เข้ามาช่วยตนแล้วก็รีบตะเกียกตะกายเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

หยางจินอ้าแขนออกเพื่อโอบเอวรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน เขาไม่ชอบใจเวลาเห็นซูฮวาโดนคนโน้นคนนี้เบียดเสียดใกล้ชิด ใบหน้าคมเลยแสดงออกอย่างบึ้งตึง และด้วยบรรยากาศมาคุรอบกายของหยางจินนี่เองที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ทุกคนพยายามเว้นระยะห่างจากชายคนนี้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งช่วงศอก

ซูฮวาร้องว้าว ดวงตาเป็นประกายสดใส

“พี่หยางจินสุดยอด!” ซูฮวาคิดว่าการขมวดคิ้วแค่นิดเดียวก็ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นได้เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งซึ่งทั้งชีวิตซูฮวาก็ไม่อาจลอกเลียนแบบได้

ร่างบางหัวเราะคิกคักชอบใจ รอบๆ กายโล่งขึ้นเยอะ อากาศก็ถ่ายเท เหลือแค่ยังไม่มีคนยกเก้าอี้มาให้นั่งเท่านั้นแหละ อำนาจบารมีทะลักทลายโดยไม่ต้องประกาศสักคำว่าตนยิ่งใหญ่มาจากไหน แบบนี้ซูฮวาที่อยู่ในอ้อมแขนของ หยางจินก็เลยพลอยรู้สึกว่าตนนั้นมีบารมีไปด้วย

แม้จะเห็นว่ารอบกายไม่มีใครกล้าเข้ามาเบียดแล้วแต่หยางจินก็ยังไม่คลายอ้อมกอด เขายืนซ้อนหลังซูฮวาเอาไว้และใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวบางเอาไว้หลวมๆ คางก็วางบนหัวของซูฮวาได้พอดี แต่หยางจินก็รู้สึกขัดใจเหล่าเครื่องประดับน่ารำคาญบนศีรษะของพระชายาน้อยอยู่บ้าง

“เจ้าชอบติดของพวกนี้หรือ” หยางจินเอานิ้วจิ้มๆ ไปยังหวีเสียบประดับไข่มุกเป็นรูปดอกไม้

“ข้าเกลียดพวกมันมาก!” ซูฮวาสบโอกาสรีบระบายทันที

“แล้วเจ้าจะติดทำไม” หยางจินไม่เข้าใจ

“ท่านแม่สอนไว้ว่าให้ติด หลี่หมิงกับเสี่ยวซุนก็ชอบให้ข้าติดมากกว่ามัดรวบเป็นทรงแบบบัณฑิตพวกนั้น” ซูฮวาพเยิดหน้าไปยังเหล่าบัณฑิตที่อยู่รอบกาย พวกเขาทุกคนสวมชุดแตกต่างกันทว่าทำผมทรงเดียวกันก็คือมัดเป็นก้อนกลมๆ เรียบตึงเอาไว้ด้านหลัง ซูฮวาก็คิดว่าทำทรงนั้นแล้วหน้าบานก็เลยไม่ชอบ

“หลี่หมิงบอกว่าข้าจะปล่อยผมเฉยๆ ไม่ได้ต้องหาอะไรติดไว้หน่อย ถ้าไม่อยากติดก็ต้องมัดเป็นก้อนกลมๆ เอาไว้” พูดแล้วซูฮวาก็อดมองทรงผมของ พระสวามีอย่างอิจฉาไม่ได้ หยางจินนั้นรวบผมเป็นทรงหางม้าไว้ด้านหลังและผูกด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เท่านั้น นี่เป็นทรงผมยอดนิยมของจอมยุทธพเนจรสมัยนี้

“ท่านมัดผมไว้แบบนั้นแล้วดูดีมากเลยนะ” ซูฮวาถอนหายใจพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอิจฉา “แต่ต่อให้ข้ามัดหางม้าแบบท่านหลี่หมิงก็ต้องยัดเยียดเครื่องประดับมาให้ข้าอยู่ดี”

“นางเป็นบ่าว มีสิทธิ์อะไรมาบังคับเจ้า” หยางจินกล่าวเสียงขุ่น เขารำคาญเครื่องประดับพวกนี้ก็เลยไม่สนับสนุนแนวคิดของหลี่หมิง

“นางเป็นทั้งบ่าวทั้งพี่สาว ถ้าไม่นับญาติกับนางกับเสี่ยวซุนข้าก็เหลือตัวคนเดียวในต้าจินแล้ว ที่สำคัญนางก็ดีกับข้ามากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำแล้วนางมีความสุขข้าก็ยินดีทำ” ซูฮวายังไม่ลืมว่าหลี่หมิงพลอยซวยต้องติดตามมารับใช้ตนใกล้บ้านเกิดหลายพันลี้ เรื่องแค่นี้ซูฮวาทำเพื่อหลี่หมิงได้อยู่แล้ว

หานชินอ๋องฟังคำตอบของพระชายาน้อยแล้วก็เงียบไป

ทันใดนั้นเองคนของกองการสอบก็ถือแผ่นป้ายรายชื่อขนาดใหญ่ออกมา ซูฮวาจึงหยุดพูดคุยแล้วก็รีบชะเง้อคอทันที ร่างบางกวาดสายตามองหารายชื่อของตนเองจากล่างขึ้นบน ทีแรกเริ่มใจเสียเพราะไม่เจอคำว่ามู่ซูฮวาเสียที แต่พอขยับสายตาขึ้นไปยังตำแหน่งบนสุดเท่านั้นแหละ

“ข้า ท่านเห็นชื่อข้าไหม” นิ้วเรียวชี้พลางกระโดดเหยงๆ

หยางจินเพียงแค่ยิ้มจางๆ แล้วก็พยักหน้า “ทำได้ดีมากซูฮวาของข้า”



หลังจากปล่อยให้คนตัวเล็กยืนชื่นชมรายชื่อของตนเองบนแผ่นป้ายประกาศเกือบหนึ่งเค่อ หยางจินก็จูงมือซูฮวาออกมา เขาตั้งใจจะพาซูฮวาไปดื่มชาในร้านชาชื่อดังของเมืองหลวง แต่ปรากฏว่ายังเดินไปได้ไม่ถึงไหนซูฮวาก็โดนดึงดูดโดยร้านขนมเทียนเอ๋อต้านเสียแล้ว

ร่างบางกระตุกมือของหยางจินเบาๆ สายตาชมดชม้อยมองไปยังร้านเทียนเอ๋อต้านตาละห้อย

ไม่มีใครในแผ่นดินนี้ที่สามารถต่อต้านสายตาของซูฮวาได้ ยามนี้แม้แต่ หยางจินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเรียบเฉยเดินจูงมือภรรยาที่ไม่รู้จักโตเสียทีของตนเข้าไปยังแผงขายขนม

“พี่หยางจินเอากี่ไม้” ซูฮวาเป็นเด็กมีน้ำใจนัก

แต่คนฟังกลับปฏิเสธน้ำใจ “เจ้ากินเถอะ”

“งั้นข้าเอาสามไม้”

“เยอะขนาดนั้นเชียว เดี๋ยวก็อิ่มจนกินอย่างอื่นไม่ลงหรอก” คนอายุมากกว่าถึงเจ็ดปีกล่าวเตือน

ซูฮวาเบะปาก ตอนนี้พระชายาน้อยอารมณ์ดีจัด เห็นอะไรก็น่ากินไปหมดและรู้สึกมีพลังงานเปี่ยมล้น ซูฮวาจึงคิดว่าตนสามารถจัดการกับเทียนเอ๋อต้านสามไม้ได้และยังไปกินอย่างอื่นต่อได้อีกด้วย

“ข้าจะเอาสามไม้” เสียงหวานปนงอแงเอ่ย

สุดท้ายหยางจินก็ไม่ได้คัดค้าน ชายหนุ่มหยิบเงินออกมาจ่ายให้พ่อค้าขณะที่ซูฮวารับขนมมาสามไม้

ทั้งสองคนเดินทอดน่องไปตามทาง แรกๆ พระชายาน้อยก็เคี้ยวเทียนเอ๋อ-ต้านแก้มตุ่ย หน้าชะแล่มดูมีความสุข แต่พอกินหมดไม้แรกซูฮวาก็รู้สึกว่าเจ้าเทียนเอ๋อต้านนี้หวานเลี่ยนเกินไปไม่อร่อยเลย แถมอิ่มแล้วด้วย แต่เพราะบอกใครบางคนไปว่าแค่สามไม้กินหมดแน่สบายมากพระชายาน้อยก็กัดฟันกินจนไม้ที่สองหมด

ซูฮวาคิดว่าหานชินอ๋องไม่ใช่ท่านอ๋องประเภทกินทิ้งกินขว้าง หากซูฮวากินเหลือล่ะก็อาจจะโดนดุเอาได้

หยางจินลอบสังเกตซูฮวาอยู่ตลอด เขาเห็นนานแล้วว่าซูฮวาอิ่มแต่ก็อยากสั่งสอนให้เด็กน้อยรู้จักประมาณตนก็เลยไม่ยอมออกโรงช่วยเหลือ พอเห็นว่าซูฮวาพยายามได้ดีมาก ในที่สุดไม้ที่สองก็หมดแล้วหยางจินจึงกล่าวออกมาเรียบๆ ว่า “ไม้สุดท้ายนั่นเจ้าแบ่งให้ข้าได้ไหม”

ร่างบางที่กำลังมองเลิ่กลั่กหาทางกำจัดเจ้าเทียนเอ๋อต้านไม้สุดท้ายโดยไม่ให้พระสวามีจับได้รีบเงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงตาเป็นประกายทันที

“ท่านไม่ชอบไม่ใช่หรือ” แม้ปากจะกล่าวตามมารยาทแต่ในใจตอนนี้อยากยัดขนมใส่มือหยางจินเต็มแก่แล้ว

หยางจินไม่ตอบ เขายื่นมือออกมา ซูฮวาเห็นดังนั้นจึงรีบส่งขนมหวานให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าโล่งอก

“ข้าจะแบ่งให้ท่านก็ได้!” โชคดีจริงๆ ที่พี่หยางจินเกิดอยากกินขึ้นมา พระชายาน้อยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ไม่ชอบกินของหวานแต่กลับต้องเดินแทะเทียนเอ๋อต้านอยู่นั้นจะรู้สึกเซ็งขนาดไหน

กระทั่งจัดการกับของเหลือจากพระชายาเสร็จหยางจินก็สะดุดตาเข้ากับร้านค้าร้านหนึ่งเข้า มันเป็นร้านที่เมื่อก่อนคนอย่างหานชินอ๋องไม่มีวันเฉียดกายเข้าใกล้เด็ดขาด

“ร้านขายผ้า? ท่านจะตัดชุดใหม่หรือ” ซูฮวาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็น หยางจินเดินนำตนเข้าไปในร้าน

หยางจินไม่ตอบ พอเข้ามาในร้านก็มองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรบางอย่างอยู่ พนักงานของร้านเห็นคุณชายสองท่านแต่งกายดูดีเดินเข้ามาก็รีบให้การต้อบรับอย่างกระตือรือร้น แม้ว่าร้านขายผ้าร้านนี้จะขายแต่ผ้าทอชั้นเลิศทำให้ลูกค้าที่เข้ามามีแต่พวกผู้ดีมีอันจะกินอยู่แล้วแต่พนักงานร้านกลับคิดว่าคุณชายสองท่านนี้มีสถานะสูงกว่าคำว่าผู้ดีหลายขั้น

“ยินดีต้อนรับคุณชายทั้งสองขอรับ” เด็กรับใช้ถูมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้น

คุณชายสองท่านนี้ใบหน้างามสง่าไม่ธรรมดาจริงๆ โดยเฉพาะคุณชายตัวเล็กที่โดดเด่นจนลูกค้าท่านอื่นต้องแอบเหลียวมองจนคอแทบเคล็ด พนักงานร้านเพ้อเจ้อไปไกลว่าทั้งสองคนต้องเป็นคู่รักกันและเข้ามาในร้านเพื่อตัดชุดให้กับคุณชายรูปงามแน่ และต้องทุ่มเงินซื้อผ้าราคาแพงที่สุดของร้านแน่ๆ

แต่ทุกอย่างก็เหนือความคาดหมายของพนักงานร้านทั้งหมด

หยางจินไม่ได้จะตัดชุดใหม่ให้ซูฮวา เขาก็แค่ “ที่นี่รับตัดผ้าผูกผมไหม”

“แค่ก!” แม้แต่ซูฮวาที่มาด้วยกันยังเผลอสำลักน้ำลาย ส่วนพนักงานร้านนั้นอึ้งไปแล้ว

“ท่านจะมาหาผ้าผูกผมในร้านขายผ้าตัดชุดแบบนี้ไม่ได้นะ” ซูฮวารีบกระซิบเตือน

หยางจินไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าร้านตัดชุดไม่สามารถตัดผ้าผูกผมได้เพราะเขาไม่เคยสนใจอะไรแบบนี้มาก่อน พอได้ยินพระชายาน้อยกระซิบเตือนท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งถึงกับขมวดคิ้วมุ่น “หากข้าต้องการผ้าผูกผม ข้าจะหาซื้อได้ที่ไหน”

“ก็...” ทีแรกซูฮวาจะตอบว่าซื้อตามร้านเครื่องประดับ แต่ดูเหมือนในร้านเครื่องประดับจะมีแต่ของจำพวกปิ่น หวีเสียบขนาดต่างๆ สร้อยคอ แหวนและกำไลมากกว่า ส่วนที่ผูกผมก็จะมีเป็นพวกเชือกป่านหรืออะไรก็ว่าไป “ข้าคิดว่าตามร้านขายเครื่องประดับน่าจะมีผ้าผูกผมลายเรียบๆ ขายนะ”

“มันมีราคาพอจะเอามาผูกผมเจ้าหรือเปล่า”

พระชายาน้อยตกใจจนผงะ เพราะไม่คิดว่าพระสวามีกำลังตามหาผ้าผูกผมเพื่อมาใช้แทนเครื่องประดับที่ตนไม่ชอบ ใบหน้างามแลปลื้มปริ่มจนปิดไม่มิด

“ข้าใช้ผ้าเส้นเล็กๆ ลายเรียบๆ ก็ได้” ถ้าลายเรียบๆ ล่ะก็ซูฮวาเคยเห็นวางขายอยู่ ถึงส่วนใหญ่จะเป็นของสำหรับเด็กผู้หญิงตัวน้อยก็เถอะ

“ไม่ ข้าฟังแล้วมันไม่น่ารักพอสำหรับเจ้า” หยางจินส่ายหน้าไปมา

เห็นคุณชายสองคนยืนคิดหนักกันอยู่พนักงานร้านจึงรีบสอดปาก “ทางร้านเราไม่รับตัดผ้าผูกผมก็จริง แต่ถ้าหากคุณชายซื้อผ้าและสั่งตัดชุดล่ะก็ทางเรายินดีนำผ้าส่วนที่เหลือมาทำเป็นที่ผูกผมให้ขอรับ”

“ข้าตกลง เจ้าเดินเลือกผ้าแบบที่ชอบได้เลย” หยางจินแตะแผ่นหลังบางก่อนออกแรงดันเบาๆ กึ่งบังคับให้ซูฮวาไปเลือกผ้าสีที่ชอบ

บอกตามตรงว่าเป็นเพราะหยางจินไม่ค่อยให้ความสนใจไยดีพระชายาของตนในช่วงแต่งงานใหม่ๆ จนถึงบัดนี้ซูฮวาก็เลยสวมชุดตัวเก่าที่ขนมาจากแคว้นอันผิงอยู่ให้เห็น ส่วนชุดที่สังตัดใหม่ในต้าจินก็มีแต่เสื้อของบุรุษเรียบๆ สำหรับสวมใส่เพื่อฝึกวิทยายุทธ

เดินวนรอบร้านรอบหนึ่งในที่สุดซูฮวาก็เลือกผ้าสีฟ้าเดียวกับท้องฟ้าและสีขาวอย่างละผืน ดูจากสีแล้วจืดชืดสิ้นดี แต่ซูฮวากลับชอบสีเรียบๆ แบบนี้เพราะเป็นสีที่บุรุษในต้าจินนิยมใส่

หานชินอ๋องเข้าใจวัตถุประสงค์ของพระชายาน้อยดีเขาจึงหันไปสั่งกับพนักงานคนเดิมว่า “ตัดเสื้อเรียบๆ แต่ดูแล้วคู่ควรกับชายาของข้าหนึ่งตัวและห้ามลืมผ้าผูกผมเป็นอันขาด เสร็จแล้วให้ส่งไปที่วังของหานชินอ๋อง”

ซูฮวายิ้มจนแก้มแทบแตก ตอนเลือกสีซูฮวายังคิดอยู่เลยว่าหยางจินจะยอมไหม พอได้ยินเขาสั่งพนักงานร้านออกไปแบบนั้นคนที่ถูกแต่งตัวรกรุงรังเพื่อให้ดูน่ารักมาตั้งแต่เล็กก็ดีใจจนแทบจะกระโดดกอดคอร่างสูง แต่เนื่องจากอยู่ต่อหน้าธารกำนัลร่างบางเลยสงวนท่าทีด้วยการเขยิบเข้ามาคล้องแขนแกร่งเอาไว้แทน

“พี่หยางจินคนดีที่หนึ่งเลย” พระชายาน้อยไม่ลืมที่จะกล่าววาจาเอาอกเอาใจ

หานชินอ๋องจ่ายเงินเต็มจำนวนกับพนักงานร้านที่พอรู้ว่าลูกค้าท่านนี้คือหานชินอ๋องก็แสดงอาการหวาดกลัวปนตื่นตะลึง หานชินอ๋องต้องเป็นบุรุษร่างยักษ์ที่ฆ่าม้าด้วยมือข้างเดียวและไม่ค่อยสนใจพระชายาคนงามไม่ใช่หรือ ทุกคนในร้านต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน

หยางจินก้มมองมือที่เกาะแขนของตนไว้หลวมๆ ก่อนเดินออกจากร้านอย่างอารมณ์ดี

“อยากได้อะไรอีกไหม” เสียงทุ้มกล่าวถามขณะเดินผ่านร้านรวงต่างๆ มากมาย

“ฮื่อ” คนตัวเล็กส่ายหัวไปมา ใบหน้ายังเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม

ช่างน่ารักจนคนมองอดใจไม่ไหว หยางจินยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาหยิกแก้มขาวอย่างเอ็นดู จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินไปยังร้านน้ำชาตามแผนที่วางเอาไว้แต่แรก ซูฮวาไม่ค่อยได้เข้าร้านแบบนี้เท่าไร เห็นว่าในร้านมีบัณฑิตนั่งอยู่หลายโต๊ะจึงวิ่งเข้าไปท้าแข่งประชันกลอนอย่างกระตือรือร้น

แม้ในการใช้ชีวิตประจำวันซูฮวาจะดูโง่เขลาจนน่าอนาถ แต่เรื่องตำราวิชาการนั้นพระชายาน้อยกลับเรียนรู้ได้ไวจนผู้เป็นอาจารย์อย่างหยางจินยังรู้สึกภูมิใจ

การสอบในคราวนี้ซูฮวาสอบผ่านด้วยความสามารถของตนเอง นอกจากติดสินบนกรรมการคุมสอบให้พระชายาน้อยเข้าสอบโดยไม่ต้องตรวจค้นร่างกายแล้วหยางจินก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรอีก เขามั่นใจว่าลูกศิษย์ตัวน้อยจะต้องสอบผ่านแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ถึงที่หนึ่ง

“ข้าช่างเก่งจริงๆ” หลังจากโค่นเหล่าบัณฑิตในร้านชาจนเรียบแล้วพระชายาน้อยก็เดินหน้าบานออกมา

ท่าทางมีความสุขเหลือเกิน หยางจินลอบคิดในใจขณะตีเนียนเดินเข้าไปโอบไหล่บาง ซูฮวาซึ่งกำลังคึกคักอารมณ์ดีจึงไม่ได้ใส่ใจการกระทำของพระสวามีนัก ยังคงคุยโม้เรื่องการดวลกลอนเมื่อครู่ไม่เลิก

“หากได้ทำงานในกรมโยธาฯ ก็คงดีเนอะ” ซูฮวายิ้มกรุ้มกริ่ม

ร่างบางรู้ดีว่าท่านหานชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจบารมีเพียงใด แน่นอนว่าพระชายาน้อยจงใจเปรยว่าอยากทำงานในกรมโยธาฯ เพื่อให้พระสวามีช่วยใช้เส้นสายหาตำแหน่งงานที่ว่างให้

แม้จะสอบได้ที่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกหน่วยงานมากนัก บางปีตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวงไม่ว่างผู้ได้อันดับหนึ่งก็ต้องโดนส่งตัวไปทำงานที่บ้านนอก แต่ซูฮวามีภาระแต่งงานอยู่จะให้ไปเป็นนายอำเภอที่มณฑลอื่นก็คงไม่ได้

หยางจินได้ยินซูฮวาขอร้องว่าอยากทำงานในกรมโยธาฯ ก็หุบยิ้ม

“ข้าจะให้เจ้าทำงานในกองทัพ” เสียงทุ้มประกาศเจตนารมณ์

ซูฮวาถึงกับอึ้ง!

ซูฮวาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหานชินอ๋องจะดึงตนเข้าไปทำงานในกองทัพ เพราะตั้งแต่แรกหานชินอ๋องก็ดูไม่ชอบขี้หน้าตนเท่าไร แต่เมื่อทบทวนดูดีๆ จะพบว่าหมู่นี้หานชินอ๋องทำดีกับภรรยาคนนี้มากมายนัก อุตส่าห์เดินทางไกลจากกองทัพกลับมาสอนตำราให้ที่บ้าน ไหนจะท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนลงมากอีก

ดวงตาคู่ใสเสมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพระสวามีอย่างแปลกใจ

“ท่านอยากให้ข้าทำตำแหน่งอะไรหรือ”

“พนักงานคัดย่อรายงานส่วนตัวของแม่ทัพ”

ให้ไปทำงานที่เดียวกันไม่พอ พี่หยางจินยังจะให้ซูฮวาไปทำงานในห้องเดียวกันอีก

“พี่หยางจินไม่เบื่อขี้หน้าข้าแย่หรือ” เท่ากับว่าต้องเจอกันทั้งที่ทำงานและที่บ้านเลยนะ

หยางจินไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ซูฮวาก็ไม่อาจคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้จึงได้แต่มองใบหน้าด้านข้างของพระสวามีอย่างเผลอไผล

จะว่าไปแล้วข้าก็ไม่เคยมองหน้าเขาชัดๆ แบบนี้มาก่อนเลยนะ

ช่วงแรกที่เจอกันในป่าไผ่ก็มัวตั้งใจฝึกเพลงดาบอ่านตำรา ต่อมาหยางจินมาหาและร่วมหลับนอนด้วยก็รู้สึกเขินจนมองหน้าแทบไม่ติด ไม่บ่อยเลยจริงๆ ที่พระชายาน้อยจะมีโอกาสมองใบหน้าของหานชินอ๋องอย่าใกล้ชิดและเนิ่นนานขนาดนี้

และด้วยความลืมตัว มือเรียวก็ค่อยๆ เลื่อนไปแตะสันกรามของคนตัวสูงกว่า

หยางจินผงะไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันหน้าหนี เขาหลุบตาลงมามองว่าพระชายาตัวน้อยอยู่ในอารมณ์ไหนแต่พอเห็นแววตาคู่งามที่กำลังมองตนอย่างหลงใหลแล้วหานชินอ๋องผู้ห้าวหาญก็เผลอใจเต้นผิดจังหวะ

“ซูฮวา กลับวังแล้วข้าจะให้เจ้าลูบต่อตามใจชอบเลย อดใจรอสักนิดนะ” ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้หยางจินคงต้องคว้าท้ายทอยของคนงามเข้ามาบดจูบแน่ๆ จึงรีบคว้ามือเล็กเอาไว้

ดูเหมือนซูฮวาจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ตนทำอะไรลงไปเลยรีบชักมือกลับราวกับโดนน้ำร้อนลวก

“ข้าก็แค่...คิดว่าสามีของข้าหล่อเหลาจังเลยน้า อะไรทำนองนั้น” พระชายาน้อยพยายามแก้ตัวเสียงแผ่ว ทว่ายิ่งพูดกลับยิ่งรู้สึกหน้าร้อน

หยางจินอยากคว้าตัวคนตัวเล็กมาทำมิดีมิร้ายแทบขาดใจ โชคดีที่ทั้งคู่เดินมาถึงจุดฝากม้าพอดีหยางจินก็เลยช้อนร่างของพระชายาน้อยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้าทั้งอย่างนั้น

หลังจากส่งมือก็แล้ว อ้าแขนก็แล้ว ในที่สุดหานชินอ๋องก็ประสบความสำเร็จในการอุ้มพระชายาขึ้นหลังม้าเสียที

“ท่าน!” เสียงหวานดังอยู่ข้างหู

ตอนนี้ซูฮวานั่งอยู่บนหลังม้าโดยมีหานชินอ๋องซ้อนอยู่ด้านหลังและหานชินอ๋องผู้นี้ก็กระตุกบังเหียนเบาๆ เร่งฝีเท้าของอาชาสีดำให้เริ่มเคลื่อนที่

ซูฮวาคิดว่านั่งท่านี้ช่างน่าอายนัก มีอย่างที่ไหนคนกุมบังเหียนนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

“สลับที่กันเร็ว” ซูฮวาคิดว่าหยางจินต้องไม่ยอมให้ตนเป็นคนบังคับม้าแทนแน่ๆ ทางเลือกเดียวในมือก็คือขอให้หยางจินหยุดม้าแล้วก็ปล่อยตนให้ไปนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

แต่คนอย่างมู่ซูฮวาไม่มีวันออกคำสั่งหานชินอ๋องได้หรอก ร่างสูงปล่อยมือข้างหนึ่งจากบังเหียนม้าและโอบรอบเอวของพระชายาน้อยเอาไว้เอง แถมยังเอาคางมาวางเกยไหล่กันอย่างเกียจคร้านอีกด้วย

ซูฮวาต้องนั่งหลังตรงเพราะรู้สึกสยิวกับลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ ไหนจะเสียงทุ้มที่หัวเราะอย่างชอบใจอยู่ข้างหูอีก

“โธ่!” เสียงหวานตัดพ้ออย่างคนจนตรอก

“ซูฮวา ตกลงเจ้าจะยอมทำงานในกองทัพกับข้าไหม”

“ข้าไม่อยากทำงานที่เดียวกับท่าน!”

“ทำไมเล่า” ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่เข้าใจ ต่อให้ซูฮวาเป็นถึงพระชายาแต่ในที่ทำงานก็ยังเป็นแค่ขุนนางระดับล่าง ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาหลายทอดนัก หยางจินเป็นห่วงเรื่องการกลั่นแกล้งรับน้องใหม่และพวกที่กล้าลองดีเกี้ยวคนงาม ไม่สู้มาทำงานในกองทัพซึ่งมีแม่ทัพอย่างเขาคอยดูแลไม่ดีกว่าหรือ

“ก็ ท่าน...อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นอันทำงานพอดี” เสียงหวานอ้อมแอ้มตอบ

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ลวนลามเจ้าในเวลางานหรอก” หยางจินพูดให้ซูฮวาสบายใจ

“ไปไกลๆ เลย!” ร่างบางพยายามสะบัดตัวไล่คนข้างหลังออก

หานชินอ๋องเลิกวางคางไว้บนไหล่ของภรรยา เขายืนหลังตรงและกล่าวเสียงเข้มว่า “บังอาจไล่ข้าหรือ”

คนตัวเล็กชะงักกึก ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างคิดหนัก เมื่อครู่ซูฮวาเผลอลืมตัวไป เห็นอีกฝ่ายใจดีด้วยก็เลยย่ามใจ ไม่ทันตระหนักถึงสถานะของตนที่เป็นเพียงแค่ภรรยาของอีกฝ่าย

“ข้าขอโทษ” ซูฮวาก้มหน้าเศร้า ยอมทำตามความปรารถนาของอีกฝ่ายโดยดุษฎี “ข้าทำงานในกองทัพกับท่านก็ได้”

แต่หานชินอ๋องไม่ได้สนใจ เขาแค่ได้ในที่สิ่งต้องการแล้วก็ควบม้าให้เร็วขึ้นเพื่อกลับวัง แน่นอนว่าเพื่อสานต่อความต้องการบนเตียง แม้ตอนนี้จะเลยเวลาอาหารกลางวันมาได้ไม่เท่าไร แต่พอกลับถึงวังอ๋องแล้วผู้เป็นเจ้าของวังก็จูงมือพระชายาน้อยเข้าไปในห้องนอนทันที

หลี่หมิงกับเสี่ยวซุนที่ตั้งใจจะถามผลการสอบได้แต่ยืนมองประตูห้องนอนที่ปิดลงอย่างประดักประเดิด

เมื่อครู่ก่อนเข้าห้องบ่าวทั้งสองเห็นว่าสีหน้าของพระชายาดูไม่เต็มใจนัก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อแผ่นดินต้าจินแห่งนี้สามีเป็นใหญ่ ยิ่งสามีเป็นถึงท่านอ๋องยิ่งต้องเชื่อฟัง

ตกค่ำของวัน หลังจากหานชินอ๋องจากไปแล้วเหมือนทุกทีหลี่หมิงกับเสี่ยวซุนตัดสินใจกล่าวเตือนพระชายาถึงเรื่องนี้

เรื่องที่ว่าหานชินอ๋องก็แค่ลุ่มหลงเพียงชั่วขณะ

ยามนี้เขาแสดงเหมือนดูแลอย่างดีแต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

หลี่หมิงพูดสิ่งที่นางคิดให้ซูฮวาฟังหมดเปลือก แม้จะดูใจร้ายแต่เจ็บครั้งเดียวสั้นๆ ก็ดีกว่าต้องทุกข์ทรมานยาวนาน

ตลอดเวลาซูฮวาเพียงแค่รับฟังแต่ใบหน้างามกลับไม่แสดงออกถึงความรู้สึกในใจ ดูเพิกเฉยราวกับไม่แยแส หรือไม่ก็ทำใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแต่แรกพวกหลี่หมิงก็ไม่อาจทราบได้





--------------------------------------


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด