- - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62  (อ่าน 18416 ครั้ง)

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





--------------------------



มาลาสุราลัย


               กล่าวกันว่าหานชินอ๋องนั้นดุดันน่ากลัวราวกับปีศาจ มู่ซูฮวาที่ถูกบังคับหมั้นหมายกับอีกฝ่ายจึงรู้สึกดีใจราวกับได้พรจากฟ้าเพราะหานชินอ๋องปฏิเสธไม่เข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสพระราชทาน เมื่อกราบไหว้ฟ้าดินและเข้าห้องหอเพียงลำพังเสร็จพระชายาน้อยก็โยนหลักคุณธรรมภรรยาที่ฝืนเรียนมาแต่เล็กทิ้ง! หลังจากนี้ซูฮวาจะฝึกวรยุทธ! ซูฮวาจะฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านยอดฝีมือที่พบกันโดยบังเอิญ แต่ซูฮวาหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วท่านอาจารย์ของตนนั้นก็คือ...


               นี่เป็นพีเรียดจีนเรื่องแรกของเราเลย ตื่นเต้นมาก 5555 ถ้ายังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ!!


--------------------------



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2019 09:40:25 โดย nikkou »

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุลารัย - - บทนำ 10/05/62
«ตอบ #1 เมื่อ10-05-2019 20:00:02 »

บทนำ

“คุณชายซูฮวาเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ห้ามคุณชายอ่านตำราพิชัยยุทธอีกไม่ใช่หรือเจ้าคะ”หลี่หมิงสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในจวนได้ไม่นานนักรีบปรี่เข้ามากล่าวเตือนทันทีที่เจ้าหล่อนเห็นคนตัวเล็กกำลังนอนเอกขเนกอ่านตำราว่าด้วยเรื่องสงครามอยู่

มู่ซูฮวาทำหน้ามุ่ย เขาอุตส่าห์แอบหนีมาอ่านคนเดียวในซอกหลืบของสวนที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมาแท้ ๆ

“ข้าเป็นบุรุษ ไม่ให้ข้าอ่านตำราแล้วจะให้ข้าไปเรียนเย็บปักถักร้อยหรืออย่างไร”ริมฝีปากบางเชิดรั้นอย่างดื้อดึง เมื่อผู้เป็นนายมองสำรวจสาวใช้คนใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพบว่านางให้ความยำเกรงตนอยู่หลายส่วนดวงตาคู่โตจึงเปล่งประกายอย่างย่ามใจ

คุณชายน้อยไม่เพียงไม่เก็บตำราแต่เจ้าตัวกลับก้มลงไปอ่านต่ออย่างไม่สนใจเสียงโอดครวญของคนเป็นบ่าว

“โธ่ คุณชาย อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจสิเจ้าคะ หากฮูหยินมาเห็นเข้าล่ะก็ข้าน้อยต้องโดนลงโทษแน่ ๆเลยเจ้าค่ะ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านแม่จึงไม่ยอมให้ข้าอ่านตำราพิชัยยุทธ”น้ำเสียงของผู้ที่กำลังหยัดกายขึ้นนั่งฟังดูนุ่มนวลขึ้นหลายส่วน ยังไงซูฮวาก็ไม่ใช่พวกคุณชายใจร้ายที่ทนเห็นบ่าวไพร่โดนโบยเพราะตนเองได้ เมื่อเห็นว่าสาวใช้คนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วเขาจึงยอมวางตำราที่อุตส่าห์แอบเข้าไปขโมยมาจากห้องของบิดายามดึกไว้ข้างกาย

คนฟังส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ บอกตามตรงว่านางเองก็แปลกใจไม่น้อย ตามปกติแล้วบุตรชายบ้านอื่นหากมีใจฝักใฝ่ด้านบู๊ สนใจเรื่องการทหารผู้เป็นบิดามารดาจะปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างยิ่ง ผิดกับคนบ้านนี้นัก

สกุลมู่เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นเล็ก ๆนามแคว้นอันผิง อาณาเขตทั้งหมดตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เส้นทางคมนาคมสู่โลกภายนอกมีจำกัด เรื่องจะขยายดินแดนออกไปก็เป็นไปได้ยากดังนั้นแคว้นอันผิงจึงเป็นเพียงแคว้นอ่อนแอต้องพึ่งใบบุญบารมีของอาณาจักรต้าจินอันยิ่งใหญ่มาโดยตลอด

และด้วยความอ่อนแอเหนือคณานับ เจ้าผู้ครองแคว้นอันผิงจึงไม่ได้มีกระทั่งยศเป็นอ๋อง บรรดาศักดิ์ของเจ้าผู้ครองแคว้นแห่งนี้เทียบเท่าแค่ขุนนางระดับสองในราชสำนักเท่านั้น แต่ตระกูลมู่ก็ก้มหน้ายอมรับความต่ำต้อยนี้ด้วยความยินดี กล่าวไปกล่าวมาก็วนมาบรรจบตรงที่ว่าเพราะแคว้นอันผิงนั้นอ่อนแอจึงไม่ค่อยมีปากมีเสียงใด ๆ

แต่คงเพราะถูกคนอื่นกดขี่มามาก คนของสกุลมู่จึงได้มีจิตใจเมตตากับบ่าวไพร่และราษฎรนัก

ตัวของนางเองเมื่อผ่านการคัดเลือกได้เข้ามาเป็นสาวใช้ในจวนสกุลมู่ บิดามารดาก็ดีใจประดุจในตระกูลมีลูกชายสอบติดขุนนางอย่างไรอย่างนั้น

แต่เมื่อทำงานมาได้ไม่นานนางก็ต้องพบกับความประหลาด

ท่านเจ้าผู้ครองแคว้นคนปัจจุบันนั้นเป็นบุรุษที่มีใจรักเดียว นอกจาก        ฮูหยินใหญ่แล้วเขาก็ไม่ได้ตบแต่งอนุคนใดเข้าจวนเลย ด้วยเหตุนี้บุตรชายทั้งสามคนของสกุลมู่จึงเกิดจากฮูหยินใหญ่ทั้งสิ้น

คุณชายใหญ่นั้นเชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์ นับเป็นบัณฑิตผู้ทรงปัญญาน่าเลื่อมใส อีกทั้งยังมีกิริยามารยาทอ่อนโยนสูงส่งประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลางดงามทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของบรรดาหญิงหม้ายสาวโสด

คุณชายรองนั้นแม้จะให้ความสนใจทางด้านบู๊มากกว่าบุ๋นแต่นั่นกลับทำให้เขากลายเป็นบัณฑิตที่มีวรยุทธ แม้จะไม่ทรงภูมิเท่าผู้เป็นพี่แต่เพราะเขาเป็นคุณชายที่เอาการเอางานบรรดาชาวเมืองจึงมอบความเลื่อมใสให้เขา

ในส่วนของคุณชายสามนั้นหลี่หมิงคงต้องใช้นิยามของลูกคนเล็กให้แก่เขา คุณชายซูฮวานั้นเป็นลูกหลงที่มีอายุห่างจากพี่ชายคนรองเกือบสิบปี คงเพราะเป็นบุตรที่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับทำให้ซูฮวาได้รับความรักอันล้นพ้นจากผู้เป็นบิดามารดา

ฮูหยินใหญ่นั้นรักคุณชายสามประดุจแก้วตาดวงใจ เลี้ยงดูมาด้วยความทะนุถนอม นามซูฮวาของเขานั้นมาจากคำว่าซูที่แปลว่างดงาม และฮวาที่แปลว่าดอกไม้ บ่งบอกถึงความตั้งใจของคนสกุลมู่ที่ต้องการให้เขาเติบโตอย่างงดงามดุจดั่งดอกไม้

แล้วคุณชายสามผู้นี้ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง

มู่ซูฮวาเติบโตมาอย่างงดงามดุจดอกไม้ หรือจะกล่าวว่าดอกไม้นั้นยังไม่อาจนำมาเปรียบเปรยความงามของเขาได้ก็ฟังดูไม่เกินจริงนัก

ยามนี้มู่ซูฮวามีอายุครบสิบหกปีแล้วแต่ส่วนสูงของคุณชายน้อยผู้นี้กลับมากกว่าหลี่หมิงที่เป็นสตรีไม่เท่าไหร่ ส่วนความเนียนละเอียดของผิวกายนั้นไม่ต้องยกเขามาเปรียบเทียบกับนางให้นางต้องอับอายขายขี้หน้าเลย ในฐานะสาวใช้คนสนิทนางจึงเคยช่วยคุณชายท่านนี้อาบน้ำมาแล้ว บอกตามตรงว่าน้ำตาแทบพุ่งเป็นเลือดเพราะความขาวบาดตา ส่วนของเส้นผมนั้นก็เป็นสีดำขลับตรงยาวสลวยจนถึงกลางหลัง แม้เจ้าของดูจะไม่สนใจบำรุงรักษาเท่าไหร่ทว่าเส้นผมของซูฮวากลับงดงามราวกับผ้าแพรจากสวรรค์ ยังไม่นับรวมใบหน้าหวานหมดจด พวงแก้มสองข้างเป็นสีชมพูระเรื่อตามประสาคนสุขภาพดี ดวงตาคู่กลมฉายประกายสดใสและริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน

“เพราะว่าข้างดงามยังไงเล่า!!”

“คะ อะไรนะเจ้าคะ”เพราะเห็นว่าหลี่หมิงมั่วแต่ยืนเหม่อไม่ยอมตอบคำถามที่ว่าทำไมมารดาถึงไม่ยอมให้ตนอ่านตำราสงครามเสียทีซูฮวาจึงต้องถามเองตอบอย่างด้วยน้ำเสียงแง่งอน

“ท่านแม่เข้าใจผิดคิดว่าข้าเป็นสตรี”ซูฮวาทำท่าฮึดฮัด มือบางพยามเอื้อมไปแกะเครื่องประดับบนหัวออก ความจริงเขาไม่อยากแต่งองค์ทรงเครื่องแบบนี้เลยสักนิดแต่ท่านแม่กลับบังคับให้เขาใส่

หลี่หมิงเห็นว่าคุณชายของนางกำลังจะเหวี่ยงของขวัญจากฮูหยินใหญ่ลงบ่อเต่าที่อยู่ด้านหลังด้วยความหงุดหงิดนางจึงรีบกระโจนเข้าไป”อย่าถอดแบบนั้นสิเจ้าคะ ผมยุ่งหมดแล้ว”

“ดูสิ เจ้าก็เป็นไปกับเขาอีกคน! เห็นข้าเป็นสตรี!”ซูฮวาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว คุณชายสามใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากสาวใช้คนใหม่จึก ๆ”เจ้าเพิ่งมาใหม่อาจจะเข้าใจผิดได้ แต่จงจำไว้ว่าข้าเป็นบุรุษ!”

หลี่หมิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แม้ว่าคุณชายสามจะงดงามจนดอกไม้ยังอายเพียงใดแต่เขาก็ยังมีลักษณะของบุรุษอยู่ครบถ้วนทุกประการ ต่อให้ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ก็ไม่มีทางเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีไปได้หรอก”อย่าลืมสิเจ้าคะว่าเมื่อคืนข้าช่วยคุณชายอาบน้ำแล้ว ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”

ซูฮวาร้องอ้อเบา ๆก่อนจะยกมือขึ้นมาเขกหัวตัวเองโทษฐานกล่าววาจาโง่เขลา

“ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าเป็นบุรุษ...”แล้วทำไมท่านแม่ถึงชอบแต่งตัวให้ข้าเสียน่ารักมาตั้งแต่ยังเยาว์กันนะ คุณชายน้อยตัดพ้อในใจ ตั้งแต่ซูฮวาจำความได้เขาก็มักได้รับเครื่องประดับสร้อยคอ กำไล ต่างหูจากท่านแม่เสมอ

“หรือจะเป็นเพราะเรื่องนั้น”เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ใบหน้างามก็หมองคล้ำลงอีกหลายส่วน

“เรื่องนั้น?”หลี่หมิงเอียงคอถาม

“เจ้าเพิ่งมาใหม่อาจจะไม่รู้ แต่ว่าข้ามีสัญญาหมั้นหมายมาตั้งแต่อายุได้เพียงสองขวบปีแล้ว”ซูฮวาส่ายหน้าไปมาอย่างระเหี่ยใจ เจ้าของใบหน้าหวานเหลียวกลับไปมองตำราพิชัยยุทธอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ราวกับมันเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งที่เจ้าตัวกำลังจะเสียไป

ในขณะที่ผู้เป็นนายทำหน้าเหมือนกำลังแบกโลก ผู้เป็นบ่าวกลับเอามือทาบอกอย่างตกใจ”คุณชายหมั้นหมายแล้วหรือเจ้าคะ”

เรื่องที่คุณชายสามงดงามล่มเมืองนั้นทุกคนในแคว้นอันผิงทราบดี เรื่องที่เขาถูกเลี้ยงเป็นไข่ในหินทุกคนก็รู้ แต่เรื่องสำคัญอย่างเรื่องคุณชายสามมีคู่หมั้นแล้วกลับไม่มีใครในอันผิงรู้!!

“ผู้น้อยขอถามได้ไหมเจ้าคะว่าใคร”เห็นคนงามทำหน้าอมทุกข์เช่นนี้     หลี่หมิงจึงอดกังวลไม่ได้

หากคู่หมั้นของคุณชายสามเป็นสตรีหน้าตาบ้าน ๆล่ะก็คงน่าสงสารเจ้าหล่อนที่มีสามีงดงามกว่าแย่

นางคิดว่าคุณชายสามกำลังลำบากใจเรื่องที่ตนอาจงามกว่าภรรยา แต่ทว่าคำตอบที่นางได้รับกลับน่าตกใจยิ่งกว่า

“ชินอ๋องแห่งต้าจิน”

“ชินอ๋อง!!”

ว่าด้วยเรื่องตำแหน่งชินอ๋องนั้น ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนก็ล้วนเป็นตำแหน่งของบุรุษเท่านั้น โดยเป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งให้กับพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาในองค์จักรพรรดิแห่งต้าจินอันยิ่งใหญ่

“คะ คุณชาย ตะ แต่ง กับ บุ บุ บุ บุ...”หลี่หมิงติดอ่างไปแล้ว

“ได้ยินมาว่าที่ต้าจินนั้นการตบแต่งภรรยาชายไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แม้จะไม่แพร่หลายนักแต่ก็ไม่ขัดกับขนบธรรมเนียม”มู่ซูฮวานั่งแหมะลงบนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง หยิบตำราพิชัยยุทธมาเขี่ยหญ้าไปมาอย่างอดสู”ข้าอยากเป็นอย่างพี่รองที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊”

“โธ่ คุณชาย”หลี่หมิงน้ำตารื้นแล้ว คุณชายสามที่นางเพิ่งรับใช้ได้ไม่นานช่างน่าสงสารนัก

“แต่ท่านแม่กลับให้ข้าเรียนแต่หลักคุณธรรมของภรรยาและลูกสะใภ้อะไรก็ไม่รู้”ซูฮวาเบ้หน้าฮึดฮัด แม้จะขัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาตนถูกเลี้ยงมาอย่างดอกไม้งามในกรงทอง เป็นดอกไม้ก็ไม่มีขาจะหนีไปไหนอยู่แล้วยังจะถูกขังไว้ในกรอบแคบ ๆอีกช่างอนาถแท้

“ท่านอ๋องที่คุณชายต้องแต่งด้วยเป็นอ๋องคนใดหรือเจ้าคะ”หลี่หมิงเอ่ยถาม หากในต้าจินการแต่งภรรยาชายเป็นเรื่องปกติล่ะก็ไม่แน่ว่าทางนั้นอาจจะมอบอิสระให้คุณชายได้มากกว่า

ทว่าความหวังของหลี่หมิงก็ถูกซูฮวาดับอีกครั้ง

“หานชินอ๋อง”

“หานชินอ๋อง!!!!!!”คราวนี้หลี่หมิงตกใจยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าคุณชายสามต้องแต่งกับบุรุษเสียอีก

ก็หานชินอ๋องน่ะ...

“คุณชายสามเจ้าคะ ชินอ๋องผู้นี้...”

“ข้าเองก็ได้ยินคำร่ำลือของเขามาอย่างที่เจ้าได้ยินนั่นแหละ”ว่าที่ชายาของหานชินอ๋องถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย”หานชินอ๋องขึ้นชื่อเรื่องการรบ ฝีมือด้านบู๊ของเขาเป็นหนึ่งไม่มีสอง บัญชาการกองทัพสร้างความเกรียงไกรให้ต้าจินตั้งแต่อายุสิบหก เจ้าดูสิ ตอนเขาอายุเท่าข้าเขาได้เป็นแม่ทัพแล้ว แต่ตัวข้าแม้แต่ตำราพิชัยยุทธสักเล่มยังอ่านไม่จบ”

“เท่าที่ข้าน้อยได้ยินมา ดูเหมือนชินอ๋องผู้นี้จะมีมากกว่าฝีมือบู๊นะเจ้าคะ”หลี่หมิงไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องต่อไปนี้กับผู้เป็นนายหรือไม่ แต่ผิดคาดตรงที่ซูฮวากลับพูดออกมาเอง

“พวกพ่อค้าจากต้าจินต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหานชินอ๋องร่างกายสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่น สามารถบีบคอม้าศึกตายได้ด้วยมือข้างเดียว ผิวกายดำคล้ำน่ากลัว ฟันเขี้ยวยาวเหมือนยักษ์ เนื่องจากต่อสู้ในทะเลทรายมานานทำให้ดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจ”เสียงหวานกล่าวราบเรียบราวกับเขาปลงกับชีวิตแล้ว

“คุณชายเจ้าคะ โฮวววว”หลี่หมิงน้ำตากระเด็นวิ่งเข้าไปกอดคุณชายน้อยเอาไว้อย่างหวงแหน”ฮูหยินใจร้ายเหลือเกิน เหตุใดจึงยอมให้คุณชายสามหมั้นหมายกับบุรุษอันตรายเช่นนั้น ฮืออออ”

“เรื่องการหมั้นนี้เป็นความต้องการของพระมเหสีแห่งต้าจิน แคว้นอันผิงของพวกเราไม่อาจปฏิเสธได้ แล้วที่สำคัญตอนหมั้นเขาเองก็เพิ่งอายุเก้าขวบปี ท่านพ่อท่านแม่ไม่รู้หรอกว่าโตขึ้นมาเขาจะกลายเป็นยักษ์ร้ายฆ่าคนเช่นนี้”ซูฮวาผลักร่างของสาวใช้ออก อย่างไรเขาก็เป็นบุรุษ แม้จะไม่มีใครมองเห็นความเป็นบุรุษในตัวเขาก็ตามแต่ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้

“ได้ข่าวว่าหานชินอ๋องทำศึกอยู่ที่ชายแดนทางเหนือมาสามปีแล้วสงครามยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ไม่แน่เขาอาจจะพลีชีพกลางสนามรบก็ได้”หลี่หมิงเอ่ย

“ดูเจ้าพูดเข้า หากคนอื่นมาได้ยินเกรงว่าหัวเจ้าคงหลุดจากบ่าไปแล้ว”ซูฮวากล่าวเอ็ด”แต่ที่เจ้าว่าก็ดันตรงใจข้าเหลือเกิน ข้าน่ะทุกครั้งที่ไหว้พระข้ามักขอพรให้เขาตายคาสนามรบไปเสีย”

แบบนี้เขาเรียกว่าแช่งแล้วไม่ใช่ขอพร สาวใช้ได้แต่เถียงในใจ

“ถ้าเขาตายข้าก็จะได้เดินตามรอยเท้าของพี่รอง ฝึกฝนทั้งบุ๋นและบู๊ ฮ่ะ ๆๆๆ”ต่อให้รักษากิริยาราวกับปลงตกเรื่องการหมั้นหมายได้แล้วแต่ทั่วทุกซอกทุกมุมของหัวใจของมู่ซูฮวาก็ไม่ต้องการตบแต่งกับหานชินอ๋องแม้แต่น้อย

เมื่อแลกเปลี่ยนความในใจกันเสร็จแล้ว ทุก ๆวันก่อนเข้านอนสองนายบ่าวก็มักจะไปที่ห้องพระเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษและไม่ลืมที่จะขอร้องเหล่าปู่ย่าตายายผู้ล่วงลับให้ช่วยเร่งความตายให้หานชินอ๋องผู้นั้นด้วยเถิด

 

หลังจากที่จับมือกับหลี่หมิงกราบไหว้บรรพบุรุษสกุลมู่เพื่อขอพรให้     หานชินอ๋องไปตายเสียให้พ้นทางได้เพียงแค่สิบวัน คณะทหารม้าหลวงก็นำสารด่วนมาจากราชสำนักต้าจิน

“หานชินอ๋องพิชิตศึกชิงดินแดนทางเหนือปราบปรามเผ่าต๋าต้าที่คิดตั้งตนเป็นอิสระได้สำเร็จ ขณะนี้นำทัพหลักกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว โอรสสวรรค์ต้องการพระราชทานรางวัล แก้วแหวนเงินทองรวมไปถึงพระชายาให้ชินอ๋องที่จับทวนสู้รบอยู่แดนไกลมานาน ดังนั้นจึงมีราชโองการให้มู่ซูฮวาเดินทางไปยังเมืองหลวงแห่ง ต้าจินเพื่อเข้าพระราชพิธีอภิเสกสมรสกับหานชินอ๋อง! จบราชโองการ”

ขันทีอาวุโสที่นำสารจากโอรสสวรรค์มายังแคว้นมู่ม้วนแผ่นกระดาษบุด้วยผ้าสีทองหรูหรากลับดังเดิมก่อนที่เขาจะหันไปสั่งให้ขันทีน้อยด้านหลังนำของพระราชทานจากโอรสสวรรค์ออกมามอบให้แก่คนสกุลมู่

ในขณะที่บรรดาข้ารับใช้ของสกุลมู่ผู้ไม่รู้มาก่อนว่าคุณชายสามหมั้นหมายกับหานชินอ๋องพากันตกอกตกใจ บรรดาญาติพี่น้องสกุลมู่ที่มีสีหน้าอึมครึมเหมือนญาติเสีย ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นพระชายานั้นก็ได้เข่าอ่อนจนลุกไม่ขึ้นไปแล้ว

คุณชายน้อยหันไปยังทิศที่มีแท่นบูชาบรรพบุรุษอยู่ด้วยสายตาตัดพ้อ

เหตุใดพวกท่านจึงไม่ช่วยข้า มิหนำซ้ำยังช่วยให้เขากลับเมืองหลวงอีก!

ซูฮวาจะร้องไห้แล้วแต่ก็ต้องฮึบไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสกุลมู่ต่อหน้าขันทีจากราชสำนัก

----------------------------------

#มาลาสุราลัย

เป็นกำลังใจให้ยัยหนูด้วยนะคะ 5555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุลารัย - - บทนำ 10/05/62
«ตอบ #2 เมื่อ10-05-2019 21:03:50 »

 :pig2:
 :katai2-1:
รออ่านต่อค่ะ น่าสนุก
 o13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุลารัย - - บทนำ 10/05/62
«ตอบ #3 เมื่อ11-05-2019 03:56:01 »

จะออกเรือนแล้ว

ออฟไลน์ littleduck25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - มาลาสุลารัย - - บทนำ 10/05/62
«ตอบ #4 เมื่อ11-05-2019 08:09:40 »

ติดตามๆ น่าสนุกนะ มาอัพบ่อยๆ นะคะ เป็นกำลังใจใจค่ะ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #5 เมื่อ11-05-2019 18:45:47 »

คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................



บทที่๑

 

 

เมื่อครั้งยังเยาว์ซูฮวาเคยถามมารดาว่าไม่รักตนหรือ เหตุใดถึงใจร้ายบังคับให้ตนอยู่ในกรอบ ขาดอิสระไม่เหมือนพี่ชายทั้งสอง ในตอนนั้นฮูหยินมู่ไม่ได้กล่าววาจาอันใดทว่าแววตาของนางเจ็บปวดจนน่าอดสู แต่น่าเสียดายที่ในยามนั้นซูฮวายังอ่อนวัยเกินกว่าจะเข้าใจ

กระทั่งเติบโตขึ้น คุณชายสามแห่งสกุลมู่เริ่มเหลียวมองไปรอบแคว้นตัว อันผิงเป็นแคว้นที่ถูกโอบด้วยหุบเขา เลยออกไปก็คืออาณาจักรใหญ่ ทั้งต้าจินและอาณาจักรอื่น ๆ

อันผิงไม่สามารถขยายดินแดนไปได้มากกว่านี้ อันผิงไม่มีที่ดินสำหรับการเกษตรมากนัก และยิ่งมีราษฎรณ์เพียงแค่หยิบมือ

เจ้าผู้ครองแคว้นปกครองอันผิงด้วยความรักอย่างเปี่ยมล้น พวกชาวบ้านเองก็ศรัทธาคนสกุลมู่อย่างแรงกล้า

แต่แค่ความรักและศรัทธานั้นไม่เพียงพอสำหรับการอยู่รอด

อันผิงต้องเกาะชายเสื้อโอรสสวรรค์แห่งต้าจินเพื่อความอยู่รอดมาตลอด ต้าจินร้องขอสิ่งใดก็ไม่อาจปฏิเสธ ลองเหลียวมองพวกเผ่าเล็ก ๆที่แข็งข้อกับต้าจินดูสิ โดนถล่มเสียราบเป็นหน้ากลองแล้ว

ในที่สุดซูฮวาก็เข้าใจ บิดากับมารดาไม่ได้ไม่รักตน ทว่าบิดากับมารดาจำเป็นต้องรักทุกคนในอันผิงด้วย การหมายหมั้นกับหานชินอ๋องคือพระประสงค์ของพระมเหสีแห่งต้าจินแล้วชาวอันผิงตาดำ ๆจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า

และในเมื่อรู้ว่าสักวันลูกจะต้องตบแต่งเข้าวังท่านอ๋อง จะไม่สอนหลักปฏิบัติของภรรยาให้ลูกรู้เลยก็คงไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนสกุลมู่ต้องกล้ำกลืนกันมาเท่าไหร่คนที่เข้าใจดีที่สุดก็คือซูฮวาเอง

ยิ่งเลี้ยงซูฮวาให้เติบโตมาในฐานะบุรุษ สอนตำรา ปลูกฝังให้อยากเป็นขุนนางรับราชการมากเพียงใด ยามได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายา เป็นภรรยาที่ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเชื่อฟังสามี ซูฮวาจะยิ่งรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพียงนั้น

แม้จะไม่ต้องการ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ...

ขบวนรถม้าอันประกอบด้วยพลทหารเดินเท้าร้อยนาย พลทหารม้าอีกยี่สิบนาย เกี้ยวของขุนนางสองคัน เกี้ยวของสาวใช้หนึ่งคัน และเกี้ยวของมู่ซูฮวาอีกหนึ่งคันเคลื่อนตัวออกจากหุบเขาอันเป็นที่ตั้งของแคว้นอันผิงมาได้หลายวันแล้ว

“หลี่หมิง เจ้าคิดว่าชีวิตหลังจากนี้ของพวกเราจะเป็นอย่างไร”

เจ้าผู้ครองแคว้น ฮูหยินและคุณชายใหญ่ไม่อาจออกจากแคว้นได้จึงมีเพียงพี่รองเท่านั้นที่มาส่งซูฮวา แต่เมื่อขบวนรถม้าเดินทางได้แค่ครึ่งทางท่านพี่รองก็ต้องกลับแคว้นอันผิงไปก่อนเนื่องจากได้รับรายงานว่ามีโจรป่าบุกปล้นสะดมพ่อค้า

ร่างบางนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างของรถม้าพลางทอดถอนหายใจอย่างน่าสงสาร

ระยะทางจากอันผิงถึงเมืองหลวงของต้าจินนั้นต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสิบห้าวัน ถนนหนทางก็ใช่ว่าจะดี ทั้งขรุขระทั้งมีแต่ฝุ่น การเปิดม่านออกไปชมทัศนียภาพเบื้องนอกเช่นนี้ย่อมทำให้ใบหน้าหวานมอมแมมไปหมด

หลี่หมิงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับให้คุณชายสามอย่างอ่อนโยน

ถ้อยคำเมื่อครู่คุณชายสามถามนางว่าชีวิตของพวกเราจะเป็นอย่างไร แทนที่จะถามว่าชีวิตของข้าจะเป็นอย่างไร คำว่าข้าคนเดียวกับพวกเราสองคนมีความหมายแตกต่างกันนัก หากพินิจอย่างละเอียดอ่อนก็จะพบว่าคุณชายสามผู้นี้ใส่ใจนางอย่างยิ่ง

“ต้าจินเจริญรุ่งเรือง เมืองหลวงมีการจัดเทศกาลมากมายทั้งเทศกาลโคมไฟหรือเทศกาลชมดอกไม้ ในแต่ละฤดูก็จะมีขนมไม่ซ้ำแบบ ข้าน้อยเชื่อว่าคุณชายต้องชอบมาก ๆแน่นอนเจ้าค่ะ”ในฐานะที่หลี่หมิงอายุมากกว่านางจึงเอ่ยปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพี่สาวคนหนึ่ง

“เจ้าเพิ่งมารับใช้ข้าไม่นานแต่กลับดีกับข้าขนาดนี้ ต้องติดตามข้าไปอยู่ที่ต้าจินชั่วชีวิต ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ”มู่ซูฮวามีน้ำเสียงรู้สึกผิดยิ่งนัก สาวใช้ของเขาคนนี้นับว่าดวงตกอย่างแท้จริง เพิ่งเข้ามาในจวนสกุลมู่ได้ไม่กี่วันก็ต้องลาจากบ้านเกิดเมืองนอนติดตามเจ้านายมายังแดนไกล

“ข้าได้ยินมาว่าบุรุษในเมืองหลวงของต้าจินหล่อเหลามาก เอาไว้ข้าจะมองหาบัณฑิตอนาคตไกลสักคนให้เจ้าแล้วกันนะ”แม้ว่าหลี่หมิงจะเป็นสตรีที่มีใบหน้าดูดีในระดับหนึ่งแต่ฐานะของนางต่ำต้อย หากตบแต่งกับขุนนางหรือพ่อค้าคงไม่แคล้วต้องกลายเป็นอนุ ดังนั้นซูฮวาจึงหมายมาดไปที่เหล่าบัณฑิตที่มาจากครอบครัวชาวบ้าน

“คุณชายน้อยไม่ต้องห่วงเรื่องหาสามีให้ข้าหรอกเจ้าค่ะ”

“เจ้ากำลังจะย้อนว่าให้ข้าเป็นห่วงเรื่องสามีของตนเองดีกว่าสินะ”ซูฮวาหัวเราะเสียงแห้ง

ยามกล่าวถึงหานชินอ๋องใบหน้าหวานจะหมองคล้ำลงไปหลายส่วน

“เจ้าคิดว่าข่าวลือเกี่ยวกับเขาเป็นความจริงไหม”ว่าที่พระชายาพยามวาดภาพใหม่ให้พระสวามีของตน

“ก่อนเข้าจวนสกุลมู่ ข้าได้ยินมาตลอดว่าคุณชายสามมีใบหน้าที่งดงามเป็นหนึ่งไม่มีสองรองใครในแผ่นดิน พอได้เจอหน้าท่านก็พบว่าข่าวลือเป็นความจริงเจ้าค่ะ”หลี่หมิงดับฝัน

“หากหานชินอ๋องตัวใหญ่มหึมาแถมยังมีกำลังวังชาเช่นนั้นจริงเจ้าคิดว่า...”กล่าวมาถึงตรงนี้พวงแก้มทั้งสองข้างของคนงามก็แดงปลั่ง

เพราะผู้เป็นนายพูดทิ้งไว้เพียงครึ่งประโยคหลี่หมิงจึงไม่เข้าใจคำถาม”ทำไมหรือเจ้าคะ”

“อ่า...เอ่อ...”หลังจากอ้ำอึ้งอยู่ครึ่งค่อนวันคุณชายสามก็ยกพัดสี่ขาวอันโปรดของตนขึ้นมาบดบังใบหน้าเสียมิดก่อนจะอ้อมแอ้มถามอออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆว่า”เรื่องบนเตียงของเขาจะน่ากลัวไหม”

หลี่หมิงร้องโอ้ออกมาเบา ๆแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป

เนื่องจากเขินจนต้องเอาพัดปิดหน้าทำให้ซูฮวาไม่รู้ว่าสาวใช้ของตนมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นไร แต่เห็นหลี่หมิงเงียบไปเช่นนี้ร่างบางก็เริ่มกระสับกระส่าย

“เอาไว้ถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่พวกเราไปหาซื้อขี้ผึ้งหอมมาตุนไว้เยอะ ๆเลยแล้วกันนะเจ้าคะ”หลี่หมิงช่วยเจ้านายได้เพียงเท่านี้ นางยิ้มเจื่อนก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นทิ้งให้ซูฮวานั่งหน้าถอดสีอยู่ลำพังโดยทียังอยู่ในอารมณ์แตกตื่นเจ้าตัวจึงลืมเอาพัดลง

กว่ามู่ซูฮวาจะทำใจได้ก็เล่นเอาเมื่อยแขนไปหมด

การสนทนาถึงชีวิตในภายภาคหน้าของสองนายบ่าวสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ ตลอดทางที่เหลือเมื่อแวะเมืองไหนพวกเขาก็จะพากันไปตะลุยกินอาหารและของอร่อยประจำถิ่นราวกับเป็นนักเดินทางที่อดอยากหิวโหย แต่ความจริงแล้วซูฮวาก็แค่เอาของกินมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเท่านั้น

และแล้วพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง

เมืองหลวงแห่งต้าจินคึกคักดังที่หลี่หมิงกล่าว ดวงตาคู่งามของคุณชายสามทอประกายพราวระยับ ร่างบางเลิกม่านขึ้นเพื่อเหลียวมองไปทั่ว เนื่องจากความงามเกินบรรยายทำให้ตลอดทางที่ผ่านมาซูฮวาจำเป็นต้องใส่หมวกสานปีกกว้างซึ่งมีผ้าคลุมยาวปกปิดใบหน้าตลอดเวลา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาโผล่หัวออกมาในขณะที่นอกรถม้ามีคนอยู่เต็มไปหมด

ซูฮวาไม่ได้ซุกซนจนเกินกว่าเหตุ เขารู้ดีว่าดอกไม้งามเป็นเหยื่ออันโอชะของพวกหนอนแมลงดังนั้นยามเมื่อเดินทางผ่านหมู่บ้านกันดารหรือซอกเขาที่อาจมีโจรป่าร่างบางก็จะเก็บตัวเรียบร้อย แต่ยามนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว! คงไม่มีใครประสาทกลับถึงขนาดพุ่งเข้ามาฉุดคนกลางเมืองหรอก

“คุณชายเจ้าคะ...”หลี่หมิงรีบร้อนหยิบหมวกมาให้เจ้านายสวมทว่าสายไปเสียแล้ว

ตอนนี้ซูฮวาโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างเกี้ยวแล้วเรียบร้อย และผลที่ตามมาก็คืออาการมองตาค้างของชาวเมือง แต่ซูฮวาหาได้สนใจหรือเคอะเขินไม่ เพราะทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวเล่นนอกจวนพวกชาวบ้านของอันผิงก็มักมองมาด้วยสายตาชื่นชมเช่นนี้แล

“บ้านเมืองของต้าจินเจริญจริง ๆ บุรุษเมืองหลวงหน้าตาดีดังคาด เจ้าดูคนนั้นสิ”ในขณะที่ผู้คนสองข้างทางเหลียวมองเกี้ยวของคณะเดินทางที่มีคนงามนั่งอยู่จนคอแทบเคล็ด คนงามดังกล่าวก็ชี้นิ้วไปทางโน้นทีทางนี้ทีทุกครั้งที่พบคนหล่อ เล่นเอาเหล่าคนหล่อพากันเขินหน้าแดงจนต้องก้มหัวงุด ๆ

“กลับเข้ามาเถอะเจ้าค่ะคุณชาย”หลี่หมิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว นางพยามดึงเอวบางให้กลับเข้ามานั่งในรถม้าดี ๆทว่าบัดนี้ซูฮวากำลังคึกคักยากที่สาวใช้อย่างนางจะหยุดยั้งได้แล้ว

“ข้ากำลังมองหาสามีให้เจ้าอยู่นะ”เสียงหวานหันมากระซิบตำหนิสาวใช้ของตน

“แต่แบบนี้มันดูไม่งามนะเจ้าคะ เอาไว้คุณชายค่อยหาชายหนุ่มรูปหล่อให้ข้าน้อยวันหลังเถิด”หลี่หมิงถึงกับปาดเหงื่อ

“วันหลังงั้นรึ ข้าจะได้ออกจากวังของชินอ๋องอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้ที่ข้าจะมีโอกาสเห็นถนนของเมืองหลวง”ตามหลักแล้วสตรีที่ตบแต่งเข้าสกุลใหญ่มักจะถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านขาดอิสรภาพโดยสิ้นเชิง ยิ่งรู้ว่าสามีของตนเป็นถึงอ๋องความเป็นไปได้ที่จะได้ออกมาเดินเตร่ในเมืองยิ่งมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

เมื่อเห็นคุณชายน้อยทำหน้าน่าสงสารหลี่หมิงก็ใจอ่อนยวบ“หานชินอ๋องอาจจะไม่ใช่คนใจร้าย”

“แต่เขาเป็นคนที่หักคอม้าได้ด้วยมือข้างเดียว...”พูดมาถึงตรงนี้ความตื่นเต้นยามได้เห็นเมืองหลวงแห่งต้าจินก็มลายหายไปสิ้นแล้ว ซูฮวาหดคอกลับเข้ามาในรถม้าตามเดิมเรียกเสียงโอดครวญอย่างเสียดายจากเหล่าชาวบ้านขามุงตามท้องถนน

เนื่องจากถนนหนทางในเมืองหลวงเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนที่สัญจรไปมา กว่าขบวนของซูฮวาจะเดินทางมาถึงที่พักที่ทางต้าจินจัดเตรียมไว้ให้ก็เย็นย่ำแล้ว ร่างบางเดินลงมาจากรถม้าในสภาพปวดเมื่อยไปทั้งตัวเจ้าตัวจึงบิดกายเป็นท่านั้นท่านี้พิสดารสารพัด เรียกสายตาแปลกใจจากคนของกรมพิธีการที่มาให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

ขุนนางที่รับหน้าที่จัดงานแต่งให้หานชินอ๋องและคุณชายสามแห่งอันผิงมีสีหน้าฉงนยามเห็นร่างบางกำลังออกท่าทางเพื่อคลายเมื่อย ตัวเขาทราบมาบ้างว่าว่าที่พระชายาผู้นี้งดงามเกินบุรุษแต่เมื่อได้พบกันจริง ๆเขาจึงรู้ว่ามู่ซูฮวาไม่เพียงงามเกินบุรุษทว่างามเกินสตรีเสียด้วยซ้ำ

แล้วเหตุใดคนที่งดงามขนาดนี้ถึงได้ไม่รู้จักสำรวมกิริยาเลยเล่า

ขุนนางจากกรมพิธีการนึกในใจว่าหากซูฮวาเป็นลูกสาวของตนเขาจะจับมาตีเสียให้ขาเป็นรอย แต่คิดก็ส่วนคิด ขุนนางจากกรมพิธีการกล่าวนัดหมายเรื่องพระราชพิธีกับซูฮวาอย่างจริงจังทำให้ร่างบางต้องหันมายืนตัวตรงตั้งใจฟัง

“กำหนดการอภิเษกคือวันพรุ่งนี้โดยงานจะจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของตระกูลหานซึ่งเป็นบ้านเก่าของพระมารดาของชินอ๋อง เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าของสกุลหานชรามากแล้วไม่สะดวกเดินทางมาร่วมพิธีที่จวนของชินอ๋อง”

“พรุ่งนี้เลยรึ ไม่เร็วไปหน่อยหรือ”ซูฮวาถามอย่างแปลกใจ

เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไปขุนนางตัวแทนราชสำนักพลันมีสีหน้ากระอักกระอ่วน”มีเหตุขัดข้องบางประการ พระมเหสีจึงมีรับสั่งให้จัดพระราชพิธีอย่างเร่งด่วน ต้องขออภัยคุณชายด้วย”หากจะว่ากันตามยศแล้วตอนนี้ซูฮวาเป็นเพียงคุณชายจากแคว้นเล็ก ๆ ขุนนางท่านนี้ไม่จำเป็นต้องพูดจานอบน้อมถึงเพียงนี้ แต่เมื่อพรุ่งนี้มาถึงเมื่อไหร่บรรดาศักดิ์ของซูฮวาก็จะสูงส่งมากแล้วดังนั้นเขาจึงแสดงความอ่อนน้อมให้แก่ซูฮวาค่อนข้างมาก

“ทางต้าจินมีปัญหาอันใดหรือ”ซูฮวาถามตรง ๆ

ดวงตาคู่ใสจับจ้องไปยังใบหน้าของขุนนางกรมพิธีการคนดังกล่าว คล้ายไม่คาดคั้นทว่ากดดันคนตอบยิ่งนัก

“ดูเหมือนพระราชพิธีพรุ่งนี้ฝ่าบาทจะไม่ได้เสด็จมาใช่ไหม”มู่ซูฮวาไม่ใช่คนโง่ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีไหวพริบแต่น่าเศร้าตรงที่ความเฉลียวฉลาดของเขาไม่เคยได้รับการเจียระไน

ขุนนางกรมพิธีการลอบปาดเหงื่อก่อนกล่าวรวดเดียวว่า”หานชินอ๋องต้องการความเป็นส่วนตัวดังนั้นในพิธีอภิเษกพรุ่งนี้จะมีเพียงคนในครอบครัวสกุลหานเท่านั้น หากไม่มีอะไรแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อน เชิญคุณชายพักผ่อน”

มู่ซูฮวามองตามแผ่นหลังของคนจากกรมพิธีการที่รีบร้อนจากไปด้วยความเคลือบแคลงใจ ทว่าความค้างคาใจเหล่านี้ก็คงอยู่ได้ไม่นานเมื่อสาวใช้คนสนิทเอ่ยชวนออกมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า”คืนนี้เป็นโอกาสดี พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆทานกันดีกว่าเจ้าค่ะ”

คุณชายน้อยยังเยาว์เกินกว่าจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอันเล็กน้อยของพวกขุนนาง เมื่อได้ยินคำว่าของกินร่างบางก็ยิ้มแก้มแทบปริ จากนั้นหนึ่งนายหนึ่งสาวใช้ พร้อมด้วยทหารติดตามอีกสี่นายก็เดินทางไปยังแหล่งร้านค้าของเมือง

หลังจากถามไปถามมาจนได้ความว่าหอหยุนเซียนเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยและราคาแพงที่สุดของเมืองหลวงมู่ซูฮวาก็รีบตรงดิ่งไปยังภัตตาคารดังกล่าวทันที

หอหยุนเซียนนั้นเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ ห้องอาหารส่วนหน้าซึ่งมองไม่เห็นทิวทัศน์แม่น้ำจะมีราคาถูกกว่ามากแต่ไหน ๆก็มาแล้วซูฮวาก็อยากได้ห้องที่ดีที่สุดเลย

“ต้องขออภัยคุณชายด้วย ห้องส่วนตัวริมแม่น้ำถูกจองล่วงหน้ายาวไปจนถึงสิ้นเดือนแล้ว”คำตอบของพนักงานทำให้คนงามมีสีหน้าผิดหวัง

“ข้ามาได้แค่คืนนี้เท่านั้นนี่นา...”ซูฮวาลองส่งสายตาออดอ้อนดู

แล้วสายตาพิฆาตของคุณชายสามก็ได้ผล พนักงานร้านชายคนดังกล่าวมีอาการหน้าแดงลามไปถึงใบหูก่อนจะอ้อมแอ้มตอบว่า”ข้าจะลองไปถามให้ว่ามีห้องใดยินดีให้พวกท่านร่วมโต๊ะหรือไม่”

“ฮี่ ๆ”คล้อยหลังพนักงานชาย ซูฮวาคนงามก็เปลี่ยนหน้ากากจากคนงามตาละห้อยเป็นมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์ทันที แถมยังมีหน้าหันมายักคิ้วให้หลี่หมิงราวกับต้องการโอ้อวดว่ามารยาของตนสัมฤทธิ์ผลอีกต่างหาก

หลี่หมิงได้แต่ลอบปาดเหงื่อในใจ คุณชายน้อยของนางช่างมีนิสัยสมเป็นคุณชายน้อยยิ่งนัก กล่าวคือเป็นเด็กผู้ชายตัวแสบที่บังเอิญหน้าตาดีเท่านั้นแถมยังเอาหน้าตาของตนมาใช้กับเรื่องพรรณนี้อีก

“หลังจากแต่งงานแล้วคุณชายจะส่งสายตาเช่นนี้ให้ชายอื่นไม่ได้นะเจ้าคะ”หลี่หมิงตักเตือนคุณชายน้อยเสียหน่อย

“ข้าแค่มองเฉย ๆ มีตรงไหนเสียหาย”ซูฮวาเบ้ปากอย่างเอาแต่ใจ

หลี่หมิงคิดไม่ตกอีกครั้ง ความจริงแล้วสายตาที่คุณชายน้อยใช้มองพนักงานชายคนเมื่อครู่ก็เป็นสายตาปกติเพียงแต่เจือแววออดอ้อนเล็กน้อย หากเป็นคนอื่นทำเกรงว่าคงจะถูกพนักงานคนเมื่อครู่มองผ่าน แต่พอเป็นคุณชายของนางทำแล้ว แค่กระพริบตาตามปกติคนก็เข้าใจผิดคิดว่าให้ท่าแล้ว

“เจ้าคิดว่าจะมีคนแบ่งห้องให้เราไหม”ซูฮวาถามด้วยความตื่นเต้น

พวกเขานายบ่าวเดินเข้ามาในร้านพร้อมทหารผู้ติดตามหนึ่งคน ส่วนอีกสามคนปล่อยให้ยืนรอด้านนอกเนื่องจากกลัวเกะกะคนในร้าน และขณะที่กำลังยืนรอคำตอบจากพนักงานอยู่นี้ก็มีบุรุษสองสามคนใจกล้าเดินเข้ามาออกปากเชิญชวนให้มู่ซูฮวาร่วมโต๊ะด้วยทว่าร่างบางกลับปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิด

“หากหาห้องริมแม่น้ำไม่ได้พวกเราก็หาโต๊ะว่างฝั่งถนนนี้ก็ได้นี่เจ้าคะ”  หลี่หมิงพยามโน้มน้าวความตั้งใจของผู้เป็นนาย

“เจ้าไม่อยากร่วมโต๊ะกับผู้อื่นหรือ”ซูฮวาเอียงคอถาม

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยเพียงแค่ห่วงความปลอดภัยของคุณชาย อย่างไรเสียฝั่งที่ติดแม่น้ำทั้งหมดก็เป็นห้องอาหารส่วนตัว จัดเป็นที่ลับตาคน เกรงว่า...”

“เจ้านี่ก็แปลกคน เสี่ยวซุนก็อยู่กับพวกเราด้วย แถมในร้านยังมีคนตั้งมากมายจะกังวลอันใดเล่า”เสี่ยวซุนก็คือนายทหารที่ติดตามเข้ามาในร้านด้วย ได้ยินผู้เป็นนายกล่าวพาดพิงถึงตนเสี่ยวซุนก็ได้แต่ยิ้มแห้ง

ผู้ติดตามชายหญิงทั้งสองหันไปสบตากันอย่างอ่อนใจ หลี่หมิงกำลังจะคิดหาคำมาโน้มน้าวใจคุณชายใหม่แต่พนักงานชายคนนั้นกลับวิ่งกลับมาบอกข่าวดีว่า”ข้าหาห้องให้ได้แล้วขอรับ เชิญตามมาได้เลย”

“ช้าก่อน”ร่างบางยกมือขึ้นมาเชิงห้าม

“ขอรับ”พนักงานชายเลิกคิ้วอย่างฉงนใจ

“เจ้าของห้องเป็นใครมาจากไหนหรือ”ซูฮวาถาม

“เจ้าของห้องเป็นคุณชายสี่ท่าน ส่วนเรื่องเป็นใครมาจากไหนข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”พนักงานชายตอบ

“เจ้าไปขอเขาว่าอะไรเขาถึงยอมให้พวกเรานั่งด้วย”ซูฮวายังไม่หยุดถาม

“ข้าน้อยเพียงแค่เข้าไปถามว่ามีคุณชายกับผู้ติดตามอีกสองคนหาที่นั่งไม่ได้ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ในเมืองหลวงแล้วอยากลิ้มรสอาหารในหอ หยุนเซียวเป็นครั้งสุดท้าย คุณชายท่านหนึ่งจึงกล่าวแสดงน้ำใจเชิญพวกท่านขึ้นไปขอรับ”พนักงานชายกล่าวโดยละเอียด

ซูฮวาแอบหัวเราะชอบใจ เจ้าพนักงานคนนี้ถึงกับไปแต่งเรื่องเพิ่มเติมเพื่อเรียกความเห็นใจให้

มือขาวหยิบเหรียญเงินจำนวนหนึ่งออกมามอบให้เป็นรางวัลแก่พนักงานชายคนนั้นก่อนถามย้ำอีกครั้งว่า”เจ้าไม่ได้พูดถึงเรื่องหน้าตาของข้าใช่ไหม”

“พูดขอรับ!”พนักงานรับเงินด้วยความดีใจแต่ก่อนที่เขาจะเก็บเงินเข้าอกเสื้อมือเรียวก็ฉวยโอกาสฉกเงินคืนมากว่าครึ่งด้วยความไม่พอใจ

เห็นพนักงายทำหน้างุนงงปนเสียดายร่างบางจึงกล่าวเสียงเข้มว่า”ข้าไม่นั่งร่วมห้องกับคุณชายที่เจ้าหามาหรอก วานเจ้าหาโต๊ะว่างฝั่งถนนให้แทนแล้วกัน”

ซูฮวารู้จักสถานะของตนเองดี เขาเป็นถึงว่าที่พระชายาแม้ว่าจะอยากดื่มด่ำกับทิวทัศน์ริมแม่น้ำเป็นครั้งสุดท้ายเพียงใดเขาก็ต้องสำรวมกาย วาจาและใจเอาไว้มิให้ด่างพร้อย คุณชายที่เหมือนมีน้ำใจยอมแบ่งโต๊ะให้หากไม่รู้เรื่องรูปโฉมของตนก็แปลว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่น่าคบหาอย่างยิ่ง แต่หากอีกฝ่ายรับทราบเรื่องหน้าตาของตนแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

และไม่นานหลังจากนั้นพนักงานชายก็จัดหาโต๊ะฝั่งถนนซึ่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวให้

ร่างบางเห็นว่าในร้านดูไม่น่ามีอะไรจึงบอกให้จัดโต๊ะให้พวกทหารที่รออยู่ด้านนอกอีกโต๊ะหนึ่งและไล่เสี่ยวซุนไปนั่งกับพวกนั้น ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่ซูฮวากับ หลี่หมิงสองคน แต่คุณชายสามกลับสั่งอาหารมาเยอะจนโต๊ะแทบไม่พอวาง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่น่ากินหมด

“กินกันเถอะ!”คุณชายสามผู้ตัวกระจ้อยร่อยแต่กลับสั่งกับมาแปดอย่างน้ำแกงอีกหนึ่งอย่างคว้าตะเกียบขึ้นมาสวาปามอาหารเข้าปากอย่างหิวโหย

หลี่หมิงได้แต่ยิ้มแห้งก่อนเริ่มลงมือทานบ้าง และทันใดนั้นเองความวุ่นวายก็มาเยือน

ความวุ่นวายนั้นไม่ได้มาเยือนพวกซูฮวา แต่เสียงเอ็ดตะโรกลับดังมาจากปีกขวาของร้าน พอมองออกไปจึงเห็นว่ามีคนกำลังทะเลาะกันอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของพวกเสี่ยวซุน

“เจ้าไปตามพวกเสี่ยวซุนออกมาซิ”ซูฮวาสั่ง

“ได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ”คำสั่งนี้หลี่หมิงปฏิบัติตามไม่ได้หรอก นางมองไปทางด้านนั้นการต่อสู้กำลังดุเดือด

เห็นลาง ๆว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ราว ๆสิบคนกำลังรุมชายคนเดียว แต่กลับกินชายคนนั้นไม่ลงเพราะเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่น ผิวกายสีเข้มเกรียมแดด กล้ามแขนก้อนเท่าหัวของซูฮวาไว้หนวดเครารกรุงรัง

เสียงดังโครมครามไม่ขาดสาย โต๊ะเก้าอี้เริ่มถูกชายคนนั้นโยนเป็นอาวุธจนปลิวว่อนไปทั่ว เหล่าลูกค้าทั้งหลายพากันหนีตายออกไปด้านนอก พวกเสี่ยวซุนเองก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกมายังโต๊ะของซูฮวาที่ปลอดภัยจากลูกหลง

หลังจากพวกเสี่ยวซุนวิ่งมาได้ไม่นานการต่อสู้ก็จบลง ผลคือชายสิบคนนั้นแพ้ให้กับบุรุษยักษ์โดยที่บุรุษยักษ์ไม่ได้แผลแม้แต่รอยขีดข่วนแถมการต่อสู้ยังสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วราวกับนกกระจอกกินน้ำ ซูฮวาเห็นแล้วถึงกับปรบมือด้วยความชื่นชม แม้ว่าภายนอกจะเป็นคุณชายรูปงามแต่จิตใจของซูฮวานั้นเทิดทูนฝ่ายบู๊สุดใจ

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!”เพราะในร้านตอนนี้ไม่เหลือลูกค้าคนอื่นแล้ว แม้แต่พนักงานร้านยังวิ่งหนีตายกันอุตลุดเสียงปรบมือเปาะแปะจากร่างบางที่นั่งอยู่ตรงมุมสงบจึงดังเข้าไปในรูหูของชายร่างใหญ่คนนั้น

พอบุรุษยักษ์หันมามองหลี่หมิงก็รีบคว้าแขนคุณชายของนางให้เลิกปรบมือเสียทีในขณะที่พวกเสี่ยวซุนนึกอยากจะอุ้มซูฮวาหนีออกไปจากร้านเสียเดี๋ยวนั้น

ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังกลัวว่าจะโดนชายร่างยักษ์หันมาหักคอด้วยมือข้างเดียวคุณชายสามแห่งสกุลมู่กลับทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปไกล“พี่ชายท่านนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ”

เสี่ยวซุนจะร้องไห้แล้ว ทำไมคุณชายของพวกเขาถึงไม่รักตัวกลัวตายเลยนะ!

บุรุษยักษ์เมื่อเห็นคนงามสืบเท้าเข้าไปใกล้ด้วยสายตาชื่นชมก็เกิดอาการอึกอักทำตัวไม่ถูก แล้วเขาก็ต้องหันไปด้านหลังเพื่อขอคำปรึกษากับคนที่มาด้วยอย่างเงอะงะ ตอนนั้นเองที่พวกซูฮวาถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าบุรุษยักษ์ไม่ได้มาคนเดียว

ด้านหลังของบุรุษยักษ์มีชายสี่คนนั่งอยู่ น่าแปลกที่เกิดการต่อสู้โกลาหลขึ้นขนาดนั้นแต่จานชามบนโต๊ะของพวกเขายังคงวางอย่างเป็นระเบียบไม่ได้หกคว่ำเพราะแรงกระแทก แม้แต่น้ำชาสักหยดก็ไม่หกลงจากจอก

ซูฮวาผู้เทิดทูนฝ่ายบู๊ร้องโอ้ออกมาอีกครั้งอย่างตื่นเต้น 

ผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ร่างบุรุษยักษ์ที่สุดเป็นบัณฑิตหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหมดจดคนหนึ่ง เขาสวมชุดเนื้อผ้าดีสีขาวปรอด ในมือถือพัดตามแบบฉบับพวกมีการศึกษา กลับกัน คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาแม้การแต่งตัวจะเหมือนบัณฑิตแต่สีหน้ากลับจองหองอวดเบ่ง ข้างกายเขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมแห้งท่าทางมาสายบัณฑิตเช่นชายคนแรก

และคนสุดท้ายที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เมื่อสบตากับชายคนนี้ร่างบางก็รู้สึกเสียวสันหลังจนเผลอก้าวถอยไปข้างหลังก้าวครึ่ง บุรุษผู้นี้มีร่างกายกำยำแลดูแข็งแรง ท่านั่งองอาจสง่าผ่าเผย สีผิวไม่ขาวไม่คล้ำคาดว่าคงออกแดดบ่อย ดวงตาคมเข้มฉายแววดุดันน่ากลัว คิ้วหนาโก่งดั่งคันศร สันกรามได้สัดส่วนราวกับเป็นผลงานของจิตกรชั้นเอก โดยภาพรวมแล้วชายคนนี้จัดว่าหล่อเหลาสะท้านแผ่นดิน แต่น่าเสียดายที่ความหล่อของเขาถูกบรรยากาศสังหารรอบตัวกลบจนมิด



------------------------------------------------------

ชื่อเรื่อง มาลาสุราลัย นี้มีที่มา

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีของจีน ได้มีสตรี4นางที่ได้รับการยกย่องในความงามและได้รับฉายาดังนี้

มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง

ซูฮวาของเราเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจว่าจะต้องสวยไม้แพ้4หญิงงามในตำนานจีน ชื่อของยัยหนูแปลว่าดอกไม้งาม แต่ความจริงแล้วดอกไม้ยังไม่กล้าประชันความงามกับยัยหนู ตามความหมายของ"มวลผกาละอายนาง"

ดังนั้นเราเลยอยากให้ชื่อเรื่องมือคำว่าดอกไม้ แต่จะเป็นดอกไม้เบสิคก็คงไม่ได้ ไม้ดอกไม้ประดับก็ดูไม่คู่ควรกับยัยหนู สุดท้ายเราจึงตัดสินใจเลือกคำว่า"สุราลัย"ที่แปลว่าสรวงสวรรค์ มาลาสุราลัยจึงแปลว่าดอกไม้ที่สวรรค์บันดาลนั่นเอง



ปล. ชื่อของนิยายเรื่องนี้เราเค้นความสามารถทางด้านภาษาทั้งหมดที่มีในหัวออกมาแล้ว รู้สึกภาคภูมิใจกับมันเป็นอย่างยิ่ง ใครว่างก็ช่วยอ่านแล้วเข้ามาชมหน่อย 555

ออฟไลน์ littleduck25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #6 เมื่อ11-05-2019 19:27:55 »

สนุกดีค่ะ ติดตามๆ มาอัพบ่อยนะคะ ว่าแต่ทำไมว่าแต่ทำไมถึงว่านายเอกไม่ค่อยมีสมอง

ออฟไลน์ bomomorujira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #7 เมื่อ11-05-2019 22:13:55 »

เนื้อเรื่องน่าสนุก o13

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #8 เมื่อ11-05-2019 23:22:38 »

 o13
 :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #9 เมื่อ12-05-2019 11:15:59 »

มาต่อ ไวๆ เลยยย รอแนวนี้มานานแล่ว ชอบๆ ขอบคุณผู้แต่ง ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-05-2019 11:15:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #10 เมื่อ12-05-2019 21:31:49 »

ได้เจอกันแล้วซินะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #11 เมื่อ13-05-2019 11:48:57 »

เจอว่าที่เจ้าบ่าวผู้ดุดันแล้วสินะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่1 - - 11/05/62
«ตอบ #12 เมื่อ14-05-2019 09:45:03 »

ตามค่ะ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #13 เมื่อ14-05-2019 18:18:20 »

“คุณชายน้อยผู้นี้มีรูปร่างหน้าตางดงามแต่กลับมีจิตใจกล้าหาญ ไม่หวั่นเกรงพี่หูโปแถมยังเข้ามาทักทาย”ชายที่สวมชุดขาวกล่าวช่วยให้ซูฮวาทราบนามของชายร่างยักษ์”ข้าผู้แซ่ถัง นามเฟย ขอทราบนามของคุณชายน้อยได้หรือไม่”

ร่างบางเห็นบัณฑิตหนุ่มลุกขึ้นมาประสานมือทำความเคารพพลันดีใจจนเนื้อเต้น นี่คือภาพบรรยากาศการพบพานของชาวยุทธที่ตนใฝ่ฝันมานานไม่ใช่หรือ”ข้าแซ่มู่ นามซูฮวา พวกท่านจะเรียกข้าว่าซูฮวาเฉย ๆก็ได้”

เพราะมัวแต่ดีใจกับบรรยากาศผูกมิตรของลูกผู้ชายอยู่นั้นเองทำให้ซูฮวาไม่ทันสังเกตเลยว่าทุกคนในโต๊ะรวมไปถึงหูโปที่ยืนอยู่หันขวับไปมองชายหน้าดุที่นั่งตรงหัวโต๊ะอย่างพร้อมเพียงราวกับเตี๊ยมกันมา แต่ก็ชั่วพริบตาเท่านั้นเพราะพวกเขาล้วนโดนสายตาคมตวัดมองจนต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเป็นการใหญ่

“ได้มาพบคุณชายมู่ในที่แบบนี้นับว่ามีวาสนาต่อกัน ถ้าไม่รังเกียจมือนี้ท่านยินดีมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราไหม”ถังเฟยกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ประหลาดออกไปนิดหน่อย

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนแล้ว ไม่ทราบว่าให้นางร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่”ซูฮวาไม่ลืมหันไปหาสาวใช้ของตน”นางชื่อหลี่หมิง ติดตามข้ามาจากแดนไกล เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตาดี ฉลาดมีไหวพริบ ช่างเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง”

หลี่หมิงแทบจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะเมื่อผู้เป็นนายกล่าวเยินยอนางเกินจริง

พูดมาถึงตรงนี้นางเข้าใจวัตถุประสงค์ที่คุณชายยอมร่วมโต๊ะกับคนพวกนี้แล้ว คนกลุ่มนี้มากันห้าคน มีชายหน้าตาระดับสะเทือนแผ่นดินไปแล้วสาม บวกกับการที่พวกเขาไม่ได้นั่งในห้องส่วนตัวริมแม่น้ำ แม้การแต่งกายจะดีแต่ก็สามารถสรุปได้ว่าไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโต อีกฝ่ายอาจจะเป็นบัณฑิตหรือลูกหลานครอบครัว   ขุนนางจากเมืองไกล

คุณชายต้องการหาคู่ให้นางนี่เอง!

“คุณชายเจ้าคะ วันนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ท่านมีธุระสำคัญ...”

“เจ้าไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยงเลย เมื่อครู่ข้าเพิ่งกินข้าวไม่กี่คำเอง ยังไม่อิ่มเลยจะกลับอะไรล่ะ!”ร่างบางกล่าวเสียงเข้ม พยามสื่อสารผ่านสายตาให้หลี่หมิงรับรู้ว่าคุณชายโต๊ะนี้คุณภาพคับแก้วนัก หากพลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะมีแบบนี้มาอีกเมื่อไหร่แล้วนะ!

เมื่อเห็นสายตาอันมุ่งมั่นที่จะหาสามีให้นางให้ได้เช่นนี้หลี่หมิงก็ได้แต่กัดฟันนั่งลงบนเก้าอี้ที่เสี่ยวเอ้อหยิบมาเพิ่มให้

“เอ่อ คุณชาย เรื่องค่าเสียหาย...”เสี่ยวเอ้อผู้โชคร้ายถูกส่งมาเป็นตัวแทนทวงเงิน ร่างของเขาสั่นเทิ่มจนน่าสงสารขณะกล่าววาจากับหูโปชายร่างยักษ์

ถังเฟยผู้อัธยาศัยดีหัวเราะให้กับอาการตลก ๆนั่นก่อนหันไปหาคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ”ท่านจ่ายให้พี่หูโปหน่อยสิ”

คนถูกขอยืมเงินปรายตามองถังเฟยอย่างเย็นชาแต่สุดท้ายก็หยิบถุงเงินออกมาวางพร้อมกล่าวเสียงเข้มว่า”พรุ่งนี้พวกเจ้าต้องได้รับโทษ”

“เห้ ๆ ไม่เกินไปหน่อยเหรอท่าน คนที่ก่อเรื่องมีแค่พี่หูโปคนเดียวนะทำไมพวกข้าถึงพลอยโดนไปด้วยเล่า ท่านมองตาใต้เท้าหวังสิ เขาอายุก็ปูนนี้แล้วเดี๋ยวได้ตายกันพอดี ที่สำคัญพรุ่งนี้ท่านจะมาที่กะ----“

ปัง!!

ร่างสูบตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ท่านจะกลับแล้วหรือ”ถังเฟยที่โดนสายตาพิฆาตใส่ไปหนึ่งครั้งแสดงอาการสำรวมมากขึ้นหลายเท่า เขาเอ่ยถามเสียงอ่อย เมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะเดินจากไปแล้วก็ไม่ได้คิดเอ่ยรั้งไว้ และเมื่อคล้อยหลังชายคนดังกล่าวทุกคนที่เหลือก็ลอบปาดเหงื่ออย่างโล่งอก

“น่ากลัวกว่าพี่หูโปอีก”ซูฮวาพึมพำออกมาอย่างเหลือเชื่อ เกิดมาเขาไม่เคยเจอคนที่มีรูปร่างน่ากลัวเท่าหูโปมาก่อนแต่กลับเจอเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเมื่อมีคนที่สามารถใช้เพียงแค่สายตากดข่มพี่หูโปคนนั้นให้หน้าหดลงเหลือแค่ปลายนิ้วก้อยได้

ได้ยินซูฮวากล่าวเช่นนั้นถังเฟยก็ได้แต่หัวเราะเสียงเจื่อน”เขาไม่เป็นมิตรแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ขอโทษแทนเขาด้วยแล้วกัน คงลำบากท่านแล้ว”

“เห ไม่หรอก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว”

“ท่านโปรดให้อภัยความเอาแต่ใจของเขาด้วย เหอ ๆ”ถังเฟยหัวเราะเสียงแห้งอีกครั้งขณะเอ่ยวาจาที่ซูฮวาไม่เข้าใจ

ร่างบางเห็นอีกฝ่ายมองไปทางอื่นจึงไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ถังเฟยกำลังพูดกับซูฮวาหรือกำลังกล่าวลอย ๆกับตัวเองกันแน่ดังนั้นจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านคำพูดดังกล่าว

เนื่องจากทางหอหยุนเซียนเกิดความวุ่นวายขึ้นฝั่งติดถนนของร้านจึงไม่มีลูกค้าเข้ามาอีก สุดท้ายพวกซูฮวาจึงเป็นโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ ด้วยความเห็นใจพวกพนักงานที่ปัดกวาดเช็ดถูกเศษซากที่พี่หูโปก่อเอาไว้พวกเขาจึงรีบกินและรีบไปไม่ได้กล่าวอะไรกันอีก

“น่าเสียดายนะ ดูเหมือนพวกเขาไม่สนใจเจ้าเลย ช่างมีตาหามีแววไม่ซะจริง แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะหาบัณฑิตอนาคตไกลคนอื่นให้เจ้าเอง”ซูฮวาปลอบใจสาวใช้ของตนที่ดูเหมือนไม่มีอาการเสียใจเลยสักนิดขณะที่พวกเขากำลังจะเดินทางกลับ

“ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องหาสามีให้ข้าหรอกเจ้าค่ะ”

“เอาอีกแล้ว เจ้านี่น้า ข้าน่ะสงสารเจ้าที่ต้องจากครอบครัวมาอยู่ต่างถิ่นเช่นนี้ ข้าก็แค่อยากมองหาครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นให้เจ้า แต่ถ้าหากเจ้าต้องการหาเองล่ะก็ไว้หาเจอเมื่อไหร่ก็ให้พาเขามาหาข้า ถ้าเขาเป็นบัณฑิตข้าจะช่วยมองหาตำแหน่งขุนนางให้ หากเขาสอบไม่ผ่านข้าก็จะเปิดกิจการร้านค้าให้พวกเจ้าร้านหนึ่ง”

หลี่หมิงได้ยินเช่นนี้ก็แอบน้ำตารื้น นางไม่เพียงแค่ซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้านายเท่านั้น ในสิบส่วนนางรู้สึกสงสารคุณชายน้อยไปแล้วเก้าส่วน”ไม่รู้ว่า    หานชินอ๋องจะตัวใหญ่เหมือนพี่หูโปหรือไม่นะเจ้าคะ”

“อะ...”พวกเขาเดินมาถึงจวนรับรองที่กรมพิธีการจัดให้พอดี กำลังจะเดินเข้าไปด้านในร่างบางก็ชะงักขาเสียก่อน

“ข้าลืมคิดไปเลย!! หากนับในฐานะจอมยุทธล่ะก็ข้าย่อมเลื่อมใสพี่หูโปเป็นแน่ แต่ถ้าให้มีสามีแบบเขาล่ะก็...”ร่างบางส่ายหน้าไปมาอย่างหวาดกลัว

โดยไม่รู้ตัว ตรงหางตาก็มีน้ำตาไหลเผาะ ๆออกมา

“ฮือ หลี่หมิง ช่วยข้าด้วย ข้ากลัว ฮือออ”ร่างบางเดินไปซบอกสาวใช้คนสนิทตัวสั่นงันงก

“พวกเราลืมซื้อขี้ผึ้งหอมด้วยเจ้าค่ะ”หลี่หมิงเอ่ยถึงความจริงอันโหดร้ายอีกข้อหนึ่ง

“ม่ายยย”ซูฮวาทำเหมือนพรุ่งนี้ตนจะต้องเข้ารับโทษประหาร หาใช่พิธีอภิเษกไม่

 

และแล้วค่ำคืนนั้นซูฮวาก็นอนไม่หลับ ดวงตาคู่งามที่เคยมีประกายราวกับดวงดาวยามราตรีฉายแววหม่นหมองน่าอดสู ใต้ตาดำคล้ำ เดินโงนไปเงนมาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ขนาดคนของกรมพิธีการเข้ามาในจวนเพื่อมอบชุดแต่งงานพระราชทานซูฮวายังรับมาแบบเหม่อ ๆ จัดว่าอาการหนักจนหลี่หมิงจะร้องไห้แทน

หากเปลี่ยนตัวกันได้นางคงยอมพลีชีพเข้างานแต่งแทนเจ้านายไปแล้ว หลี่หมิงได้แต่กัดผ้าเช็ดหน้าขณะส่งร่างบางในชุดเจ้าสาวสีแดงมีผ้าคลุมหน้าขึ้นไปบนเกี้ยวคันหรู

ขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเริ่มออกเดินทางท่ามกลางสายตาตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็นของพวกชาวบ้าน เนื่องจากซูฮวาเป็นคนงามอยู่แล้ว งามชนิดที่ไม่แต่งหน้าดีกว่าแต่งหน้าเพราะเครื่องสำอางพวกนั้นจะกลบความงามเอาได้ดังนั้นคุณชายน้อยจึงแค่เสียเวลาแต่งตัวทำผมแค่นิดหน่อยเท่านั้น

แต่ยามนี้ใบหน้าอันงดงามยังถูกซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าสีแดง คนที่มีสิทธิ์เปิดมันออกมีเพียงผู้เป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น

เมื่อคิดไปคิดมาซูฮวาก็ประหม่าจนอยากจะโดดลงจากเกี้ยว ใจสั่นไม่ใช่เพราะตื่นเต้นแต่เพราะหวาดกลัว เมื่อเช้าเขาบอกให้เสี่ยวซุนไปหาขี้ผึ้งหอมในตลาดแล้วแต่เจ้าตัวกลับคว้าน้ำเหลวจึงโดนหลี่หมิงด่าเสียจนร้องไห้วิ่งออกไปหาอีกรอบแต่ก็กลับมามือเปล่าเหมือนเดิม

“ขี้ผึ้งหอม...”คนงามล่มเมืองครางหงิง ๆอยู่เพียงลำพังในเกี้ยว

ร่างบางเอนซบผนังเกี้ยวอย่างเศร้าหมอง”ขี้ผึ้งหอม...”

ราวกับขี้ผึ้งหอมเป็นคำสวดภาวนาขอพรจากพระเจ้าไปแล้ว ซูฮวาพูดถึงของสิ่งนี้ซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่าสงสารอยู่ในเกี้ยว ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลพรากไม่รู้ว่าตกลงแล้วกำลังพูดถึงขี้ผึ้งหอมหรือกำลังปอกหัวหอมอยู่กันแน่

โชคดีที่ใบหน้าหวานถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่าบนใบหน้าของว่าที่พระชายาผู้นี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา และสาเหตุที่ร้องไห้ก็ช่างน่าสงสาร เพราะว่าทหารรับใช้หาซื้อขี้ผึ้งหอมมาให้ไม่ได้นั่นเอง

เกี้ยวมาถึงคฤหาสน์สกุลหานที่ปลูกอย่างสงบอยู่ตรงชานเมืองแล้ว คนในหมู่บ้านระแวกใกล้เคียงถูกสั่งไม่ให้เข้ามาใกล้พระราชพิธี รอบ ๆบ้านสกุลหานจึงมีทหารของทางการล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่มดสักตัวก็ไม่อาจย่างกรายเข้ามาใกล้

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีใครออกมารอต้อนรับว่าที่พระชายาที่หน้าบ้าน มีเพียงบ่าวรับใช้ที่ก้มหน้าคางจรดอก ความผิดปกติเหล่านี้ชัดเจนเกินไป ซูฮวาหันไปมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ พิธีการหลายอย่างถูกตัดตอนไปอย่างน่าประหลาด

ร่างบางในชุดสีแดงถูกเชิญเข้ามาในโถงรับรองอันเป็นสถานที่จัดพิธีเคารพฟ้าดินและบรรพบุรุษ สีหน้าของคนสกุลหานดูกระอักกระอ่วนอย่างมากเมื่อพวกเขามองเห็นซูฮวา โดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่ท่าทางจะเป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบันและฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งมีศักดิ์เป็นยายของหานชินอ๋อง

สกุลหานนั้นแรกเริ่มเดิมทีเป็นครอบครัวชาวบ้านธรรมดาที่มีอาชีพเปิดร้านค้าเล็ก ๆในเมือง ทว่าอดีตพระมเหสีผู้เป็นบุตรสาวของสกุลหานนั้นกล่าวกันว่ามีความงดงามชนิดที่ว่าหากนางงามเป็นอันดับสอง ทั่วใต้หล้านี้คงไม่มีใครกล้าขึ้นไปเป็นที่หนึ่ง

อดีตพระมเหสีหานถวายตัวเข้าวังเป็นนางสนมก่อนจะเลื่อนขั้นขึ้นอย่างรวดเร็วจนครองตำแหน่งมารดาของแผ่นดิน คนสกุลหานที่เดิมทีเป็นชนชั้นรากหญ้าก็พลอยได้เชิดหน้าชูตาในวงศ์สังคมไปด้วย ทว่าเมื่อสิ้นพระนางฐานะของคนสกุลหานก็ตกต่ำลงอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

กล่าวโดยสรุปก็คือแรกเริ่มเดิมทีพวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านดังนั้นทุกคนจะให้ความเคารพเกรงใจซูฮวาที่เป็นถึงพระชายาก็ไม่แปลก แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ควรให้เกียรติกันจนแทบจะคลานเข่าขนาดนี้

ร่างบางขมวดคิ้วพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ

“ท่านอ๋องไม่มาหรือ”ซูฮวานึกออกแล้วว่าพิธีแต่งงานนี้มีอะไรแปลก

ที่แท้ก็ไม่เห็นเงาของเจ้าบ่าวเลยนี่เอง...

“เอ่อ...”สิ้นคำถามของซูฮวาทุกคนในบ้านก้มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียอย่างนั้น

“ท่านอ๋องไม่มาหรือ”กลับเป็นซูฮวาที่คาดคั้นถามขึ้นอีกครั้งอย่างกระตือรือร้น

“ท่านน้าไม่อยากแต่งกับท่านก็เลยหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อุ๊บ---“เด็กชายจ้ำม่ำคนหนึ่งเป็นหน่วยกล้าตายพูดออกมาก่อนจะโดนคุณแม่ลากตัวออกไปอย่างรีบร้อน

“โฮ่ ๆเรื่องพรรณนี้มันช่าง...”เสียงหวานเปล่งออกมาด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตาที่เคยอิดโรยเพราะอดนอนกลับพราวประกายอีกครั้งอย่างดีใจ ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นตุบ ๆหลังจากได้ยินข่าวน่ายินดีในรอบสิบหกปีนับตั้งแต่เกิดมา

หานชินอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับก็เลยหนีไปแล้ว!!

“ต้องกราบขออภัยพระชายาเป็นอย่างสูง พวกเราอบรมบุตรหลานไม่ดีเอง พวกเราอบรมบุตรหลานไม่ดีเอง!!”ท่านเจ้าบ้านคุกเข่าลงโขกหัวกับพื้นโป๊ก ๆ

“ท่านอย่าได้กังวลไป รีบลุกขึ้นเถิด ท่านอ๋องเติบโตมาในวัง ไม่ได้โตมาในบ้านนี้เสียหน่อย ฮะ ๆ”ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง หลังจากร้องหาขี้ผึ้งหอมมาครึ่งค่อนวันบัดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว!

ร่างบางอยากชูมือขึ้นฟ้าร้องไชโยออกมาดัง ๆแต่พอเห็นสีหน้าหมองคล้ำของคนในบ้านสกุลหานแล้วร่างบางก็ต้องหดมือกลับมาเพื่อรักษาท่าที”แล้วตกลงงานแต่งต้องเลื่อนออกไปก่อนหรือจะยกเลิกไปเลยล่ะ”

“เรื่องนี้ พระมเหสีจางทรงมีรับสั่งว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแต่งภายในวันนี้...”ท่านเจ้าบ้านลุกขึ้นยืนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ย่ำแย่ลงกว่าเดิม

“ด้านหนึ่งสั่งให้แต่งก็ต้องแต่ง อีกด้านหนึ่งเป็นตายก็ไม่ยอมแต่ง โฮ่ ลำบากท่านเจ้าบ้านหานแล้ว”ร่างบางส่ายหน้าไปมา หันไปมองแท่นกราบไหว้บรรพบุรุษอีกครั้งก่อนสืบเท้าเข้าไปใกล้

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนในบ้าน มู่ซูฮวากำลังกราบไหว้ฟ้าดินเพียงลำพัง

งานแต่งอันเงียบงันเริ่มต้นขึ้นด้วยความกระอักกระอ่วน ดำเนินไปด้วยความรู้สึกผิด และสิ้นสุดลงด้วยน้ำตาของคนสกุลหานหลายคน ระหว่างที่พวกเขาเดินไปส่งมู่ซูฮวาเขาเรือนหอฮูหยินผู้เฒ่าปาดน้ำตาก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดร่างบางเอาไว้แน่”หลานชายของข้าช่างโง่เขลาที่ปฏิเสธคนประเสริฐเช่นเจ้า”

“ท่านยายกล่าวเกินไปแล้ว”

“พวกเราสกุลหานผิดต่อเจ้าจริง ๆ”ท่านเจ้าบ้านเดินเข้ามาก้มหัวให้ซูฮวาอีกครั้งหนึ่ง

“ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ”เสียงหวานกล่าวราบเรียบก่อนหันกายเข้าไปในเรือนหอเพียงลำพัง

ต่อหน้าคนสกุลหานซูฮวาน้อยต้องพยามสะกดกลั้นอาการดีใจจนเนื้อเต้นเอาไว้เต็มกำลัง ยามประตูหอปิดลงร่างบางจึงกระโดดไปมาด้วยความดีใจ แต่เนื่องจากยังเห็นเงาคนอยู่นอกห้องดังนั้นพระชายาคนใหม่จึงไม่เสียอาการหลุดตะโกนคำว่าไชโยออกมา

คนด้านนอกนั้นได้ยินเพียงเสียงตึงตังดังมาจากด้านในก็พากันเป็นห่วงกลัวว่าพระชายาจะคิดสั้น หลายคนเสนอความเห็นให้พังประตูเข้าไปดูแต่หลี่หมิงเข้าใจเจ้านายของตนดี สาวใช้คนสนิทจึงออกปากอาสาเข้าไปในห้องหอเอง

ตามปกติคืนวันแต่งงานเช่นนี้สาวใช้ไม่สามารถเข้าไปเสนอหน้าในห้องนอนของผู้เป็นนายได้ แต่ไหน ๆก็หลุดกรอบธรรมเนียมมาตั้งขนาดนี้แล้วการที่นางเดินเข้าไปในเรือนหอจึงไม่มีใครคัดค้าน

เมื่อปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้วหลี่หมิงก็ฉีกยิ้มกว้าง

“พระชายาเพคะ!”

“หลี่หมิง!!”

หลังจากเรียกชื่อกันเสร็จทั้งสองคนก็กระโดดกอดกันด้วยหน้าชื่นมื่น

“หานชินอ๋องช่างประเสริฐอะไรเช่นนี้!”ซูฮวากล่าวเทิดทูนผู้เป็นสามีอีกครั้ง

“หานชินอ๋องจงเจริญ!”หลี่หมิงผสมโรงด้วย

แล้วในค่ำคืนนั้นสองนายบ่าวก็กอดคอกันสรรเสริญวีรกรรมของหานชินอ๋อง ชนิดที่ว่าขุดตั้งแต่เรื่องที่เขาอ่านเขียนได้ตั้งแต่สามขวบยันเรื่องที่เพิ่งพิชิตศึกชายแดนทางเหนือมาหมาด ๆมากล่าวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า



-------------------------------------

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #14 เมื่อ14-05-2019 19:43:56 »

 :m20:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #15 เมื่อ14-05-2019 22:30:38 »

 :katai2-1:
ซูฮวา ดีใจอะไรปานนั้น 555
อย่าให้รู้ถึงหูเฮียหานนะ เด๋วเขาหมั่นไส้ จะรีบมาเข้าหอ
 :z2:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #16 เมื่อ14-05-2019 23:07:11 »

สนุกค่ะ มาต่อบ่อยๆ นะคะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #17 เมื่อ15-05-2019 00:03:10 »

เจ้าสาวดีใจรื่นเริงเป็นล้นพ้น เพราะเจ้าบ่าวเทงานแต่ง5555

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #18 เมื่อ15-05-2019 18:30:04 »

แต่งก็ถือว่าแต่งเข้าบ้านแล้ว

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
«ตอบ #19 เมื่อ16-05-2019 14:39:23 »

5555 :pigha2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่2 - - 14/05/62
« ตอบ #19 เมื่อ: 16-05-2019 14:39:23 »





ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #20 เมื่อ16-05-2019 18:08:13 »

บทที่๓

 

 

หลังจากออกจากห้องหอแล้วซูฮวาก็แต่งองค์ทรงเครื่องในชุดประจำบรรดาศักดิ์ชินหวังเฟยอันเป็นตำแหน่งชายาเอกของชินอ๋องเพื่อเข้าวัง ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วลูกสะใภ้จะต้องไปเคารพแม่สามีทุกเช้าเพื่อแสดงความกตัญญู แต่เนื่องจากหานชินอ๋องมีวังเป็นของตนเองการไปคาราวะพระมเหสีในรั้ววังจึงเป็นเรื่องลำบากเกินกว่าจะทำทุกวัน แต่เช้าวันแรกหลังเข้าหอย่างไรก็ควรไป

ร่างบางนั่งเกี้ยวไปยังพระราชวัง แลกป้ายเพื่อเข้าวังหลัง ทว่ากว่าจะได้เข้าวังหลังเพื่อไปพบแม่สามีนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนมากมายสืบเนื่องมาจากซูฮวาเป็นบุรุษ การเข้าออกวังหลังจึงต้องถูกจับตามองอย่างเข้มงวด

พอได้เข้ามาในวังหลังแล้วร่างบางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลงเข้าใจผิดคิดว่าเรื่องราวหลังจากนี้จะง่าย ทว่าซูฮวาคิดผิดแล้ว

พระมเหสีไม่อนุญาตให้ซูฮวาเข้าเฝ้า พระนางออกคำสั่งให้พระชายานั่งคุกเขาอยู่หน้าตำหนักของพระนางรอจนกว่าพระนางจะออกมา ทว่าซูฮวานั่งรออยู่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจนพระอาทิตย์อยู่กลางหัวแล้วพระมเหสีก็ไม่ยอมออกมาพบหน้า

“น้ำเพคะพระชายา”หลี่หมิงแค้นใจแทนเจ้านายของตนเหลือเกินแต่สาวใช้ต่ำต้อยอย่างน้อยจะให้ไปจิกหัวพระมเหสีออกมารับการเคารพจากพระชายาก็คงไม่ใช่เรื่อง สิ่งเดียวที่นางทำได้คือหาน้ำหาท่ามาให้นายของตนดื่มดับกระหาย

ร่างบางเหงื่อแตกพลั่ก ลำคอแห้งผากไปหมด ส่วนเข่าตอนนี้ชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว

“อย่างนี้นี่เอง...”แต่ถึงแม้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างโจ๋งครึ่มร่างบางกลับไม่แสดงความโกรธแค้นออกมา กลับเอ่ยปากชวนสาวใช้คุยราวกับเขากำลังนั่งอ่านบทกลอนอยู่ในสวนดอกไม้อันร่มรื่น

“อย่างนี้อะไรหรือเจ้าคะ”หลี่หมิงถาม

ซูฮวากวักมือให้นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกหน่อยเพื่อกระซิบเสียงเบา”แต่เดิมแล้วหานชินอ๋องไม่ได้เป็นเพียงอ๋องแต่เขามีศักดิ์เป็นรัชทายาทที่เกิดจาก      พระมเหสีหาน”

แม้ว่าหานชินอ๋องจะเป็นองค์ชายลำดับที่ห้า แต่ว่าเขาเป็นโอรสองค์โตที่เกิดจากพระมเหสีทำให้เขาครอบครองตำแหน่งรัชทายาทจนกระทั่งอายุได้แปดปีตำแหน่งรัชทายาทของเขาก็ถูกชิงไป สาเหตุก็เพราะพระมารดาของเขาสิ้นพระชมน์ จางกุ้ยเฟยผู้เป็นสนมเอกได้รับแต่งตั้งเป็นพระมเหสีองค์ใหม่ และโอรสของนางได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นรัชทายาทในเวลาต่อมา

“พระมเหสีจางย่อมไม่ชอบหานชินอ๋องที่เกิดจากพระมเหสีองค์ก่อนเป็นทุนเดิม พอนางได้รับตำแหน่งนางก็รีบยัดข้าซึ่งเป็นบุรุษให้เป็นคู่หมั้นของเขาทันทีเขาจะได้ไม่มีโอกาสครองบัลลังก์อีกต่อไป นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหานชินอ๋องจึงชังน้ำหน้าข้านัก และที่น่าอนาถที่สุดก็คือข้าเป็นพระชายาของเขาทำให้พระมเหสี-จางพลอยไม่ชอบขี้หน้าข้าไปด้วยทั้ง ๆที่นางเป็นคนบังคับให้เราแต่งงานกันแท้ ๆ”ซูฮวาหัวเราะเสียงแห้ง

เขาเป็นเด็กหัวดี แต่การที่บางครั้งเข้าใจเรื่องราวกระจ่างเกินไปก็เป็นข้อเสีย

“ในต้าจินแห่งนี้เห็นทีข้าคงหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว”

“พระชายาเพคะ...”หลี่หมิงน้ำตาไหลพราก ขณะที่นางกำลังจะโผเข้าไปกอดคุณชายน้อยของนาง ร่างบางที่เริ่มโงนเงนมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ล้มลง

“กรี๊ดดด พระชายาหมดสติไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย!”นางคิดว่าซูฮวาอาการไม่หนักเพราะยังชวนนางคุยอยู่เลย ใครเล่าจะคาดคิดว่าคุณชายน้อยของนางเป็นคนประเภทตัวตายไม่ว่าขอให้ข้าได้นินทาชาวบ้านก็พอกันเล่า!

หลังจากผ่านความชุลมุนยกใหญ่ ในที่สุดพระเมหสีจางก็ยอมส่งคนไปตามหมอหลวงมาให้และอนุญาตให้หลี่หมิงหอบร่างนายของนางไปนอนพักในศาลาข้างสระบัวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักของพระมเหสีได้

“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่หมิงรีบซักหมอหลวงที่เพิ่งตรวจชีพจรตรงข้อมือขาวเสร็จ

หมอหลวงคลี่ยิ้มพลางกล่าว”พระชายาเพียงแค่อ่อนเพลียจึงหมดสติไป ข้าจะจัดยาบำรุงมาให้ แต่ทางที่ดีเจ้าควรพาพระชายากลับไปพักที่วังอ๋องก่อนเถิด”

ขามากว่าซูฮวาจะทำเรื่องขอเข้าเฝ้าได้ก็กินเวลาอยู่ร่วมหนึ่งชั่วยาม ทว่าขาออกกลับง่ายแสนง่าย หลี่หมิงกับนางกำนัลอีกสองสามคนช่วยกันหอบพยุง  พระชายาผู้ยังไม่ได้สติออกไปส่งที่เกี้ยว แม้คนอุ้มจะมีแต่ผู้หญิงแต่พวกนางกลับหิ้วบุรุษน้อยตัวปลิว นางกำนัลจากตำหนักของพระมเหสีแอบลอบอิจฉาความเอวบางร่างน้อยของซูฮวาในใจ

เมื่อพามาถึงเกี้ยวที่จอดรออยู่หน้าพระราชวังหลี่หมิงก็จ่ายเงินตอบแทนนางกำนัลเหล่านั้นตามมารยาทก่อนจะตามคุณชายน้อยของเธอขึ้นไปบนเกี้ยว ทว่าภาพที่นางเห็นทำให้นางตกใจถึงขั้นผงะ

“พระชายาฟื้นแล้วหรือเพคะ”หลี่หมิงคลานไปหาร่างบางที่กำลังนั่งเอกเขนกอย่างสบายใจอยู่ภายในเกี้ยวที่ปิดม่านสนิท

เมื่อเกี้ยวเริ่มเคลื่อนตัวออกไปคนที่เมื่อสักครู่ยังแลดูอ่อนแอราวกับดอกไม้บอบบางก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก”ฟื้นอะไรของเจ้า ข้ายังไม่ได้หลับไปเสียหน่อย”

“ก็เมื่อครู่พระชายาเป็นลม...”หลี่หมิงเผลอนึกว่าซูฮวาหมดสติไปแบบไม่รู้ตัวนางจึงตั้งท่าจะอธิบายแต่เมื่อมองเห็นแววตาที่ไม่มีความใสสื่อสักนิดของผู้เป็นนายนางก็ต้องเปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน”เมื่อครู่ท่านแสร้งทำเป็นหมดสติหรือ    เพคะ!?”

“หากไม่ทำเช่นนี้เจ้าคิดว่าข้าต้องนั่งอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อใดกัน”ร่างบางคลี่พัดโบกสะบัดไปมาด้วยใบหน้าแสนสุดจะภาคภูมิใจในแผนการอันชาญฉลาดของตน”หลังจากนี้หากไม่จำเป็นข้าก็จะไม่เข้าวังแล้ว หากมีใครตำหนิข้าผ่านทางเจ้าก็โยนความผิดไปให้หานชินอ๋องให้หมด บอกว่าเพราะเขาหักหน้าข้าในพิธีอภิเษกทำให้ข้าอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร! หึ”

รูปประโยคฟังดูแล้วสมเหตุสมผล หลี่หมิงได้ยินมาจากเสี่ยวซุนอีกทีหนึ่งว่าบัดนี้ชาวบ้านในตลาดร่ำลือกันว่าหานชินอ๋องไม่เข้าร่วมพิธีแต่งปล่อยให้       พระชายาผู้งดงามต้องเคารพฟ้าดินอย่างโดดเดี่ยว

เหล่าชาวเมืองบางคนได้มีโอกาศยลโฉมซูฮวาและความร่าเริงไม่ถือตัวของเจ้าตัวครั้งที่เจ้าตัวชะโงกหัวออกมาจากรถม้ายามเข้าเมืองหลวงเมื่อวันก่อนแล้ว นั่นเป็นภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างดีในความทรงจำของผู้คนตรงกับข้ามกับ      หานชินอ๋องที่ดิบเถื่อนดุร้ายทั่วร่างมีแต่ไอสังหาร

หากให้เลือกเทคะแนนสงสารให้ใครสักคนเหล่าชาวบ้านย่อมเทมาทางซูฮวาเต็ม ๆ

“พวกเรากำลังจะไปวังอ๋องครั้งแรกสินะ ตื่นเต้นจริง ๆ”ร่างบางยิ้มแก้มปริ ทำท่าเหมือนกำลังเฝ้ารอเรื่องสนุกบางอย่าง

“วังหานชินอ๋องคงจะงดงามโอ่อ่าน่าดูเลยนะเพคะ”หลี่หมิงนับถือความไม่คิดอะไรมากของเจ้านายตนอย่างยิ่ง หากเป็นคนอื่น ลองมาเจอแบบที่ซูฮวาเจอเกรงว่าคงร้องไห้ขอกลับแคว้นไปแล้ว

“คิก ๆข้าไม่สนใจว่าวังอ๋องจะเป็นเช่นไร ข้าอยากพบคนที่อยู่ในวังต่างหาก”

“เกรงว่าหานชินอ๋องคงไม่กลับวัง”หลี่หมิงใจกระตุกวาบ นางเข้าใจไปว่าเจ้านายของนางกำลังดีอกดีใจที่จะได้เจอหน้าพระสวามีผู้ใจร้าย โถ ท่านซูฮวาของนางช่างไร้เดียงสานัก

แต่อนิจจา หลี่หมิงทายใจเจ้านายของนางผิดอีกครั้ง

“ใครจะไปอยากเจอเขากัน! ข้าอยากเจอเหล่าอนุของเขาต่างหาก ฮี่ ๆ”

“อะไรนะเพคะ...”หลี่หมิงรู้สึกสับสนมึนงง

“ข้าได้ยินมาว่าหานชินอ๋องผู้นี้มีฮูหยิน ฮูหยินรอง และอนุอีกสามคนรออยู่ในวัง”ซูฮวาตบเข่าดังฉาด”พวกนางจะต้อนรับขับสู้ข้ายังไงกันนะ นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากรู้ หากพวกนางให้ความเคารพข้าล่ะก็แล้วไป แต่ถ้าพวกนางหัวเราะเยาะข้าเรื่องที่ถูกหานชินอ๋องทอดทิ้งล่ะก็ สนุกพวกเราแล้ว ฮี่ ๆ”

“...”หลี่หมิงได้แต่เงียบ นางรู้สึกว่าภาพจำของคุณชายสามผู้บอบบางราวดอกไม้กระดาษช่างห่างไกลจากภาพพระชายาที่กำลังหัวเราะชอบใจในเรื่องที่ไม่สมควรจะชอบใจสักนิดนี่

กระทั่งรถม้ามาถึงวังอ๋อง

คณะผู้ติดตามขบวนใหญ่ที่ตามมาส่งซูฮวาถึงเมืองหลวงกลับไปหมดแล้ว ยามนี้ข้างกายของซูฮวาเหลือเพียงแค่หลี่หมิงผู้เป็นสาวใช้ และเสี่ยวซุนซึ่งเป็นทหารองครักษ์กึ่งเบ๊จิปาถะ

เมื่อก้าวลงจากเกี้ยวสิ่งแรกที่ซูฮวาทำก็คือบิดขี้เกียจอย่างหมดมาดคนงาม สิ่งที่สองคือเดินเข้าวังอ๋องอย่างองอาจห้าวหาญ

ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของซูฮวานั้นได้คนจากราชสำนักช่วยขนมาเก็บที่วังชินอ๋องก่อนแล้วดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงเดินเข้ามามือเปล่า นำโดยซูฮวาผู้คึกคัก ตามมาติด ๆด้วยเสี่ยวซุนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตบท้ายด้วยหลี่หมิงที่กำลังเครียดจัด

และเบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสามก็ปรากฏร่างของเหล่าข้ารับใช้ในวังอ๋องรวมไปถึงเหล่าอนุที่ออกมายืนรอต้อนรับกันหน้าสลอน

“อืม...”ซูฮวาคลี่พัดพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ”ฮูหยินกับรอง           ฮูหยินไม่อยู่หรือ”

ประโยคแรกก็ฟาดเข้าตรงจุดเล่นเอาหัวหน้าพ่อบ้านซึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่กำลังจะก้าวเข้ามากล่าวต้อนรับถึงกับสะดุดอากาศหน้าแทบทิ่ม”คือว่า...”

รอยยิ้มหวานฉีกกว้างขึ้นอีกระดับ ยามนี้ร่างบางได้กลิ่นของสงครามระหว่างภรรยาที่ตนจะต้องรับมือแล้ว

ท่ามกลางเหล่าคนใช้ที่แต่งตัวธรรมดานั้นมีเพียงหัวหน้าพ่อบ้านที่สวมชุดดูดีหน่อยกับหญิงสาวหน้าชะแล่มอีกสามคนที่แต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาด แต่แม้ว่าพวกนางจะสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดีและมีเครื่องประดับแต่ก็ยังน้อยเกินกว่าจะเป็นสตรีที่มียศเป็นถึงฮูหยินดังนั้นซูฮวาจึงมองออกในปราดเดียวว่าพวกนางเป็นเพียงอนุ

“อา พ่อบ้านไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดไป ข้าเข้าใจทุกอย่างดี เข้าใจดี”น้ำเสียงของพระชายาผู้ถูกทอดทิ้งฟังแล้วคล้ายเศร้าใจ แม้แต่เสี่ยวซุนที่อยู่ด้านหลังยังนึกโกรธฮูหยินหน้าโง่นั่นแทนนายของตน

คนในที่นี้ล้วนโดนภาพลักษณ์ของซูฮวาหลอกจนหมดสิ้นยกเว้นหลี่หมิงที่รู้เท่าทัน คุณชายสามถูกเลี้ยงดูดุจดอกไม้ในกรงทองมาตลอดแต่อย่างไรก็มีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง

ยามนี้เด็กชายวัยสิบหกปีไม่จำเป็นต้องอยู่ในสายตาของมารดาที่เพียรจับตนแต่งตัวน่ารัก ๆแล้ว

ยามนี้เด็กชายผู้คลั่งบู๊และบุ๋นสามารถหยิบตำราพิชัยยุทธมาอ่านเมื่อใดก็ได้

และคุณชายน้อยของนางตั้งใจว่าจะเอาวังชินอ๋องแห่งนี้เป็นสมรภูมิแรกสำหรับทดสอบทักษาการวางกลยุทธ์ของตน!

นางยังจำคำของซูฮวาก่อนลงจากเกี้ยวได้แม่น นางยังรับรู้อีกว่าคุณชายน้อยผู้นี้กำลังสวมบทบาทเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินที่มาเยือนอำเภอที่ห่างไกลเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและกำจัดผู้ที่อาจเป็นภัยต่อโอรสสวรรค์

“หลี่หมิง พวกเรามากำจัดขุนนางที่ไม่พักดีกันเถอะ!”

มันช่าง...เล่นเป็นเด็กเสียจริง

ขุนนางไม่ภักดีอันใดเล่า ก็แค่ฮูหยินที่คิดต่อต้านพระชายาเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ!?

 

หลังจากรับความเคารพจากเหล่าอนุเสร็จซูฮวาก็มอบเครื่องประดับหยกให้พวกนางคนละชิ้นแทนสินน้ำใจ หลังจากนั้นค่อยให้พ่อบ้านนำทางไปยังห้องพักและแนะนำพื้นที่ต่าง ๆภายในวังอ๋องแห่งนี้

“พาข้าไปห้องหนังสือหน่อย”ซูฮวากล่าว

พ่อบ้านย่อมทำตาม แม้ว่าตามธรรมเนียมแล้วภรรยาไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามในห้องหนังสือของสามีโดยไม่ได้รับอนุญาตทว่าตั้งแต่สร้างวังอ๋องแห่งนี้ขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อนหานชินอ๋องก็ไม่เคยย่างเท้าเข้ามาเลยสักครั้งดังนั้นห้องหนังสือจึงไม่มีของส่วนตัวหรือความลับอันใดของชินอ๋องอยู่เลย

พ่อบ้านพาซูฮวากับผู้ติดตามทั้งสองมายังห้องหนังสือ ซูฮวาโบกมือไล่ให้เสี่ยวซุนตามพ่อบ้านไปทำความรู้จักกับองครักษ์คนอื่น ๆส่วนตนกับหลี่หมิงก็เดินเข้ามาด้านใน

“โอ้ สมแล้วที่เป็นห้องหนังสือของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าดูสิ!”ซูฮวาวิ่งระริกระรี้ไปยังแผนที่ชัยภูมิการรบผืนใหญ่ที่แขวนอยู่กลังที่โต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนจะเดินวนไปวนมารอบหนึ่ง

ในที่สุดมือบางก็หยิบกระดานหมากรุกออกมาและกวักมือเรียกหลี่หมิงให้มานั่งฝั่งตรงกันข้าม

“ข้าเล่นหมากรุกไม่เป็นหรอกนะเพคะ”สาวใช้รีบออกตัว

“ข้าก็เล่นไม่เป็นเช่นกัน”ซูฮวาตอบหน้าซื่อ

หลี่หมิงใบ้กินอีกครั้งหนึ่งก่อนซูฮวาจะเฉลยวัตถุประสงค์ในการหยิบกระดานหมากรุกออกมา ร่างบางหยิบหมากขุน เรือและม้าฝ่ายขาวออกมาวางแหมะลงบนช่องตารางฝั่งหนึ่ง

“นี่คือข้า เจ้า แล้วก็เสี่ยวซุน”

“...”

”นี่คือฮูหยิน กับฮูหยินรอง”ซูฮวาหยิบขุนและเม็ดของฝ่ายดำออกมาก่อนจะหยิบโคน ม้า เรืออีกอย่างละหนึ่งออกมาวาง”ส่วนสามตัวนี้คือพวกอนุทั้งสาม”

หลี่หมิงหาคำพูดไม่เจอแล้ว

ซูฮวายังหยิบเบี้ยออกมาอีกจำนวนหนึ่งวางไว้มั่ว ๆทางฝั่งของพวกฮูหยิน”นี่คือพวกบ่าวในเรือน พวกเขาอยู่รับใช้ในวังอ๋องมานานดังนั้นน่าจะโดนพวก          ฮูหยินดึงไปเป็นพวกหมดแล้ว”

“เพคะ...”

“หากมองด้วยตาแล้วพวกนางมีจำนวนมากกว่า แต่น่าสงสารพวกนางแล้วเพราะข้ามีอำนาจมากกว่าพวกนางทั้งหมด มีสิทธิ์กวาดพวกนางออกจากกระดานในรวดเดียว”พูดจบซูฮวาก็ใช้มือกวาดหมากดำที่เสียเวลาวางอยู่เกือบหนึ่งเค่อออกไปจริง ๆ หลี่หมิงได้แต่ตั้งคำถามในใจว่าพระชายาทำเพื่อ?

“พระชายามีสิทธิ์จัดการเรื่องภายในวังอ๋องก็จริง แต่การขับไล่ฮูหยินกับ อนุออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหานชินอ๋องก่อนหม่อมฉันเกรงว่าจะโดน      หานชินอ๋องโกรธเอานะเพคะ”หลี่หมิงชี้แจงให้เด็กน้อยฟังอย่างใจเย็น

สกุลมู่ของคุณชายน้อยไม่มีอนุหรือฮูหยินรอง นางจึงคิดว่าซูฮวาอาจจะไม่รู้เรื่องที่ว่าในหลาย ๆบ้านนั้นเมียน้อยมักจะได้รับความโปรดปรานมากกว่าเมียหลวง โดยเฉพาะซูฮวาซึ่งโดนหานชินอ๋องปฏิบัติอย่างไม่เห็นหัว เกิดซูฮวาไปไล่อนุคนโปรดของหานชินอ๋องออกไปเผลอ ๆซูฮวาจะถูกสั่งโบยจนหลังหัก

“เจ้าช่างโง่นักหลี่หมิง”ร่างบางส่ายหน้าไปมาพลางส่งเสียงจุ๊ ๆ

ท่านนั่นแหละที่โง่! หลี่หมิงอยากเถียงแทบขาดใจ

“หานชินอ๋องเป็นแม่ทัพออกศึกครั้งแรกตอนอายุสิบหก เขาใช้เวลาสองปีในการพิชิตกลุ่มกบฏทางทิศตะวันออก หลังจากกลับเมืองหลวงเขาได้รับพระราชวังอ๋องแห่งนี้ แต่วังยังไม่ทันสร้างเสร็จเขาก็ถูกส่งออกไปปราบโจรที่ออก  อาลวาดทางใต้ ปราบโจรยังไม่ทันเสร็จเขาก็โดนส่งไปกำราบชาวต๋าต้าที่คิดจะตั้งตนเป็นอิสระทางเหนือต่อทันที นั่นแปลว่าอะไรเจ้ารู้ไหม”

หลี่หมิงส่ายหน้าไปมา บอกตามตรงตอนนี้นางสับสนไปหมดแล้ว

“ตั้งแต่ฮูหยินยันพ่อบ้าน ไม่ว่าหน้าไหนในวังแห่งนี้ก็ไม่เคยพบหานชินอ๋องมาก่อน!”ซูฮวาเฉลยความจริงอันน่าตื่นตะลึงออกมา

หลี่หมิงอ้าปากค้าง จะว่าไปแล้วมันก็จริง ตั้งแต่อายุสิบหกจนบัดนี้อายุยี่สิบสามแล้วหานชินอ๋องต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมาตลอดบ้านช่องไม่ได้กลับจะเอาเวลาที่ไหนมาโปรดอนุในวัง

“พูดไปแล้วหานชินอ๋องก็น่าสงสารอยู่นะ”ซูฮวาเป็นคุณชายน้อยที่มีจิตใจอ่อนโยนเหมือนทุกคนในสกุลมู่

แม้โดนหานชินอ๋องปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติแต่ซูฮวาก็รู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย

“ดูก็รู้ว่าแรกเริ่มเดิมทีเขาโดนพระมเหสีจางเฉดหัวออกไปหวังให้ตายกลางสนามรบ แต่เขาดันไม่ตายแถมสร้างผลงานพระนางเลยถือโอกาสเป่าหูโอรสสวรรค์ให้จิกหัวใช้เขาวิ่งรอกไปทั่วทิศ”คนงามส่ายหน้าไปมา ระหว่างเขากับ      หานชินอ๋องไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน หากลบความหวาดกลัวต่อข่าวลือสารพัดออกไปแล้วมองอย่างเป็นธรรมแล้วหานชินอ๋องเป็นผู้ชายที่มีชะตากรรมเลวร้ายคนหนึ่ง

“เราเริ่มจากสืบประวัติของพวกนางทั้งห้าก่อนแล้วกัน ตรวจสอบให้ละเอียดว่ามีคนไหนที่เป็นคนที่พระมเหสีพระราชทานมาหรือมีความเกี่ยวข้องกับสกุลจางบ้าง หากมีก็เริ่มลงมือไล่นางก่อนหานชินอ๋องจะได้ไม่โกรธข้า”ซูฮวาไม่ได้กะจะกวาดทีเดียวทั้งกระดานอยู่แล้ว

หากทำแบบนั้นได้โดนพวกชาวบ้านนินทายับแน่ ๆ

“ข้าต้องเล่นบทน่าสงสาร ถูกสามีทอดทิ้ง แม่สามีรังแก เมียน้อยรวมหัวกันกลั่นแกล้ง หลังจากสร้างความเห็นใจจากคนรอบข้างได้เราจะค่อย ๆเริ่มแผนการยึดครองวังอ๋องแห่งนี้กัน”

ทำไมกล่าวไปกล่าวมาจึงได้กลายเป็นแผนการร้ายยึดวังอ๋องไปแล้วเล่า หลี่หมิงไม่เข้าใจ





-------------------------------------

ยัยหนูจะไปสู้ใครเขาไหว ไม่รอดแน่ๆ 55555555



#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #21 เมื่อ16-05-2019 18:46:35 »

ชอบๆ กล้าดี มีความเป็นไปได้ๆ
เราว่า ยัยหนูลึกๆ ฉลาด
รอดูต่อไป เอาใจช่วย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #22 เมื่อ16-05-2019 19:03:36 »

โอ้โห​ งานใหญ่นะเนี่ย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #23 เมื่อ16-05-2019 19:22:58 »

 :pig4:
 o13
ดีค่ะเจ้าของบ้านอยากไม่อยู่บ้านดีนัก ยึดบ้านเลย
 :katai2-1:

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #24 เมื่อ16-05-2019 20:07:23 »

ท่านอ๋องหาตัวยากเนอะ รีบๆมาเถอะเดี๋ยววังโดนยึดนะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #25 เมื่อ16-05-2019 21:19:15 »

พพระเอกค่าตัวแพงจังฮับ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #26 เมื่อ16-05-2019 21:39:59 »

ุถึงขั้นจะยึดวังอ๋องเลยเหรอ เจ้าของหวังเขาจะรู้ตัวไหมเนี้ยะ :laugh:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #27 เมื่อ17-05-2019 13:43:41 »

ตัวเล็กคิดการใหญ่ ไม่ทันไรจะยึดวังอ๋อง ถามเจ้าของวังเขาหรือยัง ยัยหนูววววว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่3 - - 16/05/62
«ตอบ #28 เมื่อ18-05-2019 02:11:42 »

ชอบๆๆๆ ป่วนดีมาก

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่4 - - 18/05/62
«ตอบ #29 เมื่อ18-05-2019 17:22:12 »

บทที่๔

 

 

ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วอนุภรรยาจะต้องมาแสดงความเคารพต่อ       ฮูหยินทุกเช้า ซึ่งในที่นี้พวกนางต้องมาทำความเคารพซูฮวาซึ่งเป็นพระชายา ด้วยเหตุนี้ซูฮวาจึงตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง แม้ว่าจะไม่ค่อยอยากใส่พวกเครื่องประดับเท่าไร แต่นี่มันก็เป็นตัวเสริมอำนาจบารมีให้เขา ดังนั้นวันนี้ชายาน้อยจึงสวยสดงดงามเป็นพิเศษ

ในเมื่อสามีหายหัว พ่อแม่สามีก็อยู่ในวัง ซูฮวาจึงกลายเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในบ้าน

ร่างบางออกมาเดินเล่นชมสวนซึ่งพอมีดอกไม้หลงเหลืออยู่บ้างเพราะเพิ่งผ่านพ้นฤดูใบไม้ผลิมาได้ไม่นาน

พ่อบ้านใหญ่เจียงแอบคิดอย่างปวดใจว่าสวนที่เขาบรรจงตบแต่งเสียอย่างดีเลือกแต่ไม้ประดับมีราคา ขนาดมีดอกไม้ผลิบานให้เห็นแล้วกลับสู้ความงามของพระชายาผู้นี้ไม่ได้

“สวนนี้ท่านเป็นคนจัดหรือ” เดินอยู่ดีๆ พระชายาน้อยก็หันมาถาม ใบหน้าหวานประดับด้วยยิ้มมีเมตตาทำเอาพ่อบ้านใจอ่อนยวบไปหมด

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านมีฝีมือจริงๆ ข้าชอบที่นี่ เช้านี้ข้าทานอาหารในศาลาหลังนั้นได้ไหม” นิ้วเรียวชี้ไปยังศาลากลางสวน

“ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะให้คนจัดเตรียมมาให้เดี๋ยวนี้ ว่าแต่พระองค์ไม่ทรงรอพวกฮูหยินมาถวายความเคารพก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านหันไปสั่งงานสาวใช้ที่ทำงานในบ้านนี้มานานด้านหลังก่อนหันกลับมาเอ่ยถามซูฮวาอย่างแปลกใจ

“หากต้องรอฮูหยินมาถึงจะได้กิน เกรงว่าทั้งวันคงไม่มีอะไรตกถึงท้องข้าแล้ว” เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อ

ท่านพ่อบ้านนั้นเป็นชายมีอายุแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีจิตพิศวาส         พระชายาน้อย กลับกัน เขาเห็นซูฮวาเป็นเหมือนลูกเหมือนหลาน ได้ยินพระชายาตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสร้อยเศร้าใบหน้าหวานก้มมองปลายเท้าอย่างน่าสงสารแล้วพ่อบ้านเจียงรู้ศึกปวดหนึบในใจ

“ฮูหยินอาจจะไม่สบายอยู่ ขอพระชายาโปรดเข้าใจด้วย” แต่ถึงอย่างไรพ่อบ้านเจียงก็ทำงานรับใช้ฮูหยินมาตั้งแต่ฮูหยินเข้าวังอ๋องเมื่อสี่ปีที่แล้วดังนั้นจึงยังมีใจเอนเอียงไปทางด้านฮูหยินมากกว่า

“นางป่วยเป็นอะไรหรือ” ทว่าซูฮวากลับนำคำแก้ตัวของพ่อบ้านเจียงมาถือเป็นเรื่องสำคัญ

คนถูกถามอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เห็นท่าทางแบบนั้นของพ่อบ้านแล้วซูฮวาก็รีบคลี่พัดออกมาบดบังใบหน้าครึ่งล่างเพื่อซ่อนรอยยิ้มสุดแสบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครเห็นใบหน้าอันชั่วร้ายของตนซูฮวาก็กล่าวสมทบด้วยน้ำเสียงหวานละมุนประดุจน้ำผึ้งว่า “เห็นพ่อบ้านมีสีหน้าลำบากใจเช่นนี้ข้ารู้สึกไม่ดีเลย ขอไปเยี่ยมนางหน่อยได้หรือไม่”

“คือ...อาหารเช้ามาพอดี เชิญพระชายาเสวยก่อนดีหรือไม่” พ่อบ้านเจียงรีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

ฮูหยินไม่ได้ป่วยตามที่เขากล่าว เมื่อวานนางกับฮูหยินรองยังหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่สองคนเพราะได้แสดงออกว่าเป็นปฏิปักษ์กับพระชายาสำเร็จ มิหนำซ้ำยังสมน้ำหน้าพระชายาน้อยที่โดนหานชินอ๋องรังเกียจกันอีกยกใหญ่

“ไม่ดีกว่า ข้าเป็นห่วงนาง ขอไปดูอาการหน่อย” ร่างบางไม่สนใจคำ       ทัดทานของพ่อบ้าน เดินออกจากสวนไปยังส่วนหลังของวังอ๋องเพื่อไปหาฮูหยินแซ่เฉินด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวลทันที

เสี่ยวซุนที่เดิมตามมานั้นดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเลื่อมใส เขาไม่คิดเลยว่าคุณชายสามแห่งสกุลมู่จะมีจิตใจเมตตากระทั่งนางอสรพิษเฉินซื่อนั่น ในขณะที่หลี่หมิงได้แต่เดินก้มหน้าราวกับไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว

และแล้วซูฮวากับข้ารับใช้ที่เดิมตามกันมาเป็นพรวนก็มาหยุดอยู่หน้าห้องของฮูหยิน สาวใช้ของนางออกมารับหน้า แน่นอนว่านางพยายามขับไล่ซูฮวาออกไป “ถวายบังคมพระชายาเพคะ ยามนี้ฮูหยินอาการไม่สู้ดี ต้องการพักผ่อน---”

“ให้ข้าเข้าไปเยี่ยมนางหน่อยเถิด ขาดเหลือสิ่งใดจะได้จัดหายามาให้” ร่างบางตอบเสียงอ่อนโยน

หลังจากยื้อยุดกันอยู่นานพระชายาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจ สุดท้ายสาวใช้คนนั้นจึงเดินเข้าไปด้านในเพื่อขอคำปรึกษาจากเฉินซื่อ

ฮูหยินเฉินเตี้ยนเป็นสตรีรูปร่างหน้าตาจัดว่าดี แต่เมื่อเทียบกับซูฮวาแล้วก็มีค่าแค่เศษเล็บ สาวใช้รู้ดีว่าหากปล่อยให้พระชายาเข้ามาทาบรัศมีกับนายหญิงของตนละก็นายหญิงจะต้องรับไม่ได้แน่ๆ แต่เฉินเตี้ยนกลับไม่คิดเช่นนั้น

“ในเมื่ออยากจะเข้ามาให้ได้ก็ปล่อยให้เข้ามา” เฉินเตี้ยนตอบเสียงเย็น ดวงตาฉายประกายร้ายกาจน่ากลัว สาวใช้ผู้น่าสงสารได้แต่กุลีกุจอออกเดินออกจากห้องเพื่อเชิญพระชายาเข้ามา

“เชิญพระชายาด้านในเพคะ เอ้อ แต่ฮูหยินต้องการความสงบนางจึงไม่อยากให้มีคนอื่นเข้าไปยุ่งวุ่นวาย”

ฟังมาถึงตรงนี้ใบหน้าของซูฮวาก็ยังไม่เปลี่ยน เจ้าตัวยังคงฉีกยิ้มอย่างใสซื่อต่อไป ตรงข้ามกับเสี่ยวซุนที่ทนไม่ไหว “บังอาจ! นายหญิงของเจ้าเป็นแค่ฮูหยินเท่านั้นกล้าดีอย่างไรถึงกับออกคำสั่งพระชายา!”

“ช้าก่อนเสี่ยวซุน นางกำลังพักผ่อน เจ้าอย่าส่งเสียงดัง” ซูฮวาเอ่ยปรามคนของตน

เสี่ยวซุนอยากตะโกนเตือนนายของตนเหลือเกินว่าท่านโดนหลอกแล้ว ข้างในนั้นมีกับดัก! ในขณะที่หลี่หมิงเองก็อยากตะโกนบอกเสี่ยวซุนเหมือนกันว่าเจ้านั่นแหละที่โดนพระชายาหลอกแล้ว!

หลังจากบ่าวรับใช้ส่งเสียงทัดทานเสร็จร่างบางก็เดินเข้าไปในห้องของเฉินเตี้ยนอย่างสง่าผ่าเผย ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวล และเมื่อประตูห้องปิดลง ภายในห้องมีเพียงสาวใช้ที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลัง ซูฮวาที่ยังคงยืนอยู่กลางห้อง และเฉินฮูหยินที่นั่งเอนกายอยู่บนเตียงโดยไม่คิดจะลุกขึ้นมาแสดงความเคารพ

“เฉินซื่อ” ซูฮวาลองเรียกอีกฝ่าย

เฉินซื่อเพียงแค่ปรายตากลับมาเล็กน้อยราวกับไม่แยแส นางต้องการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เคารพพระชายาผู้นี้

นางผู้นี้ตบแต่งเข้าวังอ๋องมาสี่ปีในขณะที่หานชินอ๋องสู้รบอยู่ที่ชายแดน ตลอดสี่ปีที่ผ่านมานางไม่ต่างอะไรกับหญิงหม้าย สิ่งเดียวที่ช่วยเติมเต็มนางได้ก็คืออำนาจสูงสุดในวังของนาง คราวได้ยินว่าหานชินอ๋องจะกลับมานางย่อมดีใจ หวังว่าจะให้กำเนิดบุตรชายและได้เลื่อนขั้นเป็นพระชายาหรืออย่างน้อยก็อนุชายา

แต่ที่ไหนได้ หานชินอ๋องผู้นั้นกลับหมั้นหมายกับคุณชายสามแห่งแคว้นอันผิงไว้แล้ว

ยังดีที่คุณชายสามไม่อาจมีบุตร นางยังคิดเข้าข้างตนเองว่าหากนางให้กำเนิดบุตรชายได้ละก็ ไม่ช้าก็เร็วหานชินอ๋องจะต้องเขี่ยพระชายาชายคนนั้นออกไปและเลื่อนขั้นให้นางแน่

ที่ไหนได้! จนถึงบัดเดี๋ยวนี้แม้แต่ชายเสื้อของชินอ๋องนางก็ไม่เคยเห็น

ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายาชายผู้นี้ เฉินซื่อมั่นใจว่าหากไม่มีพระชายาชายผู้นี้ละก็หานชินอ๋องจะต้องกลับมาแน่ นางกับฮูหยินรองจึงวางแผนเพื่อขับไล่พระชายาออกไป หากไล่แล้วไม่ไปก็คงต้องฆ่า

ยังไงมู่ซูฮวาผู้นี้ก็เป็นเพียงชายาที่สามีไม่สนใจ ดูเหมือนพระเหมสีเองก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไร ประกอบกับบ้านเกิดเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล       พระชายาผู้นี้จึงนับว่าไร้ญาติขาดมิตรโดยสิ้นเชิง ต่อให้ตายไปก็ไม่มีใครยินดียินร้าย!

ยิ่งความคิดดำมืดเท่าไรแววตาของเฉินเตี้ยนก็ยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นเท่านั้น แววตาของนางน่ากลัวเสียจนซูฮวาที่เตรียมมาสู้รบปรบมือกับนางถึงกับกลัวจนต้องเซถอยหลังครึ่งก้าว

“เจ้า...เจ้าไม่สบายหนักมากเลยหรือ” กว่าคนตัวเล็กจะนึกได้ว่าควรกล่าวอะไรสักอย่างก็ปล่อยให้ความกลัวครอบงำจิตใจไปแล้วหลายส่วน

เดิมทีซูฮวาเตรียมมาแค่ถ้อยคำสำหรับสงครามน้ำลายเท่านั้น เขาไม่ได้เตรียมใจมารับสายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารเช่นนี้ ร่างบางคลี่พัดขึ้นมาซ่อนใบหน้าครึ่งล่างอีกครั้งแต่คราวนี้ทำเพื่อลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ

แม่เจ้า! สตรีในต้าจินทำไมถึงมีดวงตาน่ากลัวเพียงนี้!?

“เฉินซื่อ! ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ” ซูฮวาไปต่อไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะเล่นสงครามน้ำลายด้วยแถมยังไม่มีความเคารพยำเกรงกันสักนิด

“พ่อของข้าเป็นถึงเสนาบดีกรมอาญา หากข้าเจ็บป่วยเขาย่อมส่งยามาให้ พระชายาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง” เฉินซื่อพูดพลางทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น ร่างของนางซวนเซเล็กน้อยเพื่อให้สมบทบาทคนแกล้งป่วย สาวใช้ทำท่าจะเข้าไปประคองแต่นางปรายตาปรามเอาไว้

“โอ๊ะ...” เฉินซื่อที่แกล้งยืนไม่ไหวเซมาทางร่างบางที่ยืนถือพัดครุ่นคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี เพราะกำลังเหม่อซูฮวาเลยไม่ทันตั้งตัวโดนนางล้มใส่เต็มๆ โชคดีที่ซูฮวาไม่เสียหลักล้มลง

“พระชายาจะทำอะไรหม่อมฉันเพคะ ปล่อยนะ ว๊าย!” เฉินเตี้ยนร้องตะโกน

“ฮะ...” ในขณะที่ซูฮวากำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกสตรีที่แกล้งป่วยก็เริ่มใช้เล็บยาวๆ ของนางจิกข่วนร่างบางไปทั่วพลางป้องปากร้องตะโกนไปด้วย

“ใครอยู่ข้างนอกรีบเข้ามาเร็ว พระชายาลวนลามข้า!!”

“ฮะ...”

หลังจากได้ยินเฉินซื่อตะโกนออกไปแบบนั้นซูฮวาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าการต่อสู้คราวนี้ตนเป็นฝ่ายแพ้แล้ว นอกจากแขนกับคอจะโดนเล็บของนางข่วนเป็นรอย บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่นอกห้องก็รีบกรูกันเข้ามาพบว่าพวกเขาสองคนยืนอยู่เกือบแนบชิดกัน

สายตาทุกคู่มองมายังซูฮวาด้วยความตกใจ

พวกเขาวางใจปล่อยให้ซูฮวาซึ่งเป็นบุรุษเข้ามาในห้องนอนของเฉินซื่อก็เพราะคิดว่าซูฮวางามกว่าเฉินซื่อหมื่นเท่าพันเท่าไม่น่าเกิดอารมณ์พิศวาสกับนางได้ แม้แต่พ่อบ้านเจียงยังอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก กว่าเขาจะได้สติพระชายาน้อยก็โดนเฉินซื่อข่วนไปหลายแผล

“เหอะๆ” ซูฮวาสติหลุดไปแล้ว

ร่างบางเดินเตาะแตะไปหาหลี่หมิงกับเสี่ยวซุนที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้อง ในขณะที่บ่าวไพร่คนอื่นกรูกันเข้าไปหาเฉินซื่อ

“แพ้ซะแล้ว” ร่างบางพูดเสียงจ๋อยก้มหน้างุด

หลี่หมิงอยากจะร้องไห้ผสมอยากจะจับเจ้านายมาตีเสียให้เข็ด เป็นอย่างไรล่ะ กะจะมาหาเรื่องเขาแต่ตัวเองดันโดนเข้าเต็มๆ แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับชาวบ้านผอมกะหร่องพยายามท้าสู้กับพี่หูโปร่างยักษ์เลยสักนิด ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว! นางถอนหายใจเบาๆ ก่อนดึงร่างของพระชายาที่วันนี้แต่งตัวอลังการเป็นพิเศษเข้ามากอดปลอบ

เสี่ยวซุนเห็นนายของตนเหี่ยวเฉาเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเฉินซื่อต้องใส่ร้ายพระชายาแน่ๆ จึงฮึดฮัดออกหน้า

“นางมารร้าย! เจ้ากล้าใส่ความพระชายาเหรอ! ยังมัวยืนบื้อกันอยู่อีก รีบลากตัวนางออกมารับโทษเร็ว!!” สิ้นเสียงของเขาพวกที่ยืนบื้อก็ยังคงยืนบื้อ ส่วนพวกที่เข้าไปปลอบเฉินซื่อก็ยังคงปลอบต่อไป

สายสัมพันธ์สี่ปีที่เฉินเตี้ยนอยู่ในวังแห่งนี้มาไม่อาจลบล้างได้ในคืนเดียว เสี่ยวซุนโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในขณะที่บ่าวหลายคนซึ่งยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเฉินซื่อก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรมาลงโทษพระชายาที่พยายามลวนลามฮูหยินเช่นกัน

สุดท้ายเรื่องก็จบลงตรงที่พวกซูฮวาสามคนเดินคอตกกลับมาที่ห้องบรรทมของพระชายา

“เฉินซื่อฝีมือร้ายกาจนัก” คนตัวเล็กกล่าวเสียงหงอย

“ท่านอ่อนหัดเกินไปต่างหาก...” หลี่หมิงรู้สึกเครียด

เสี่ยวซุนนั้นเป็นบุรุษที่ไม่สันทัดกับมารยาของสตรี เขาเกลียดผู้หญิงอย่างเฉินซื่อที่สุดยิ่งมาทำกับเจ้านายของเขาแบบนี้ชายหนุ่มก็ได้แต่เดินหัวเสียไปมา รอบๆ

“เสวยอาหารเช้าดีกว่าเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันไปอุ่นให้” หลี่หมิงเอาเรื่องกินมาล่อ

ทว่ามู่ซูฮวาผู้พ่ายแพ้กลับส่ายหน้าอืดๆ ไปมา “ไม่หิว”

“งั้นออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีไหมเพคะ” ในเมื่อของกินล่อไม่สำเร็จก็ต้องยกการเที่ยวเล่นมา

ร่างบางยังคงส่ายหน้าไปมา เลื้อยตัวลงกับเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก “ไม่ไป”

“ได้ยินว่าสวนไผ่ริมแม่น้ำของเมืองเงียบสงบและงดงามมาก บรรยากาศเหมาะแก่การอ่านตำรา พระชายาไม่ลองไปดูล่ะเพคะ เผื่อว่าจะใช้เป็นที่สำหรับอ่านหนังสือ”

“สถานที่ดีๆ แบบนี้เหตุใดถึงเงียบสงบได้เล่า ผู้คนไม่แห่ไปกันเต็มหรือ” พระชายาช่างใฝ่รู้ใฝ่เรียนยิ่งนัก เรื่องกินเรื่องเที่ยวไม่สน แต่พอพูดถึงเรื่องเรียนก็ตาเป็นประกายทันที

“เห็นว่าเป็นที่ดินของเทียนชินอ๋อง สามัญชนจึงไม่สามารถเข้าไปได้เพคะ” หลี่หมิงตอบ

“เทียนชินอ๋อง...” ซูฮวานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนร้องอ้อออกมา “น้องชายร่วมอุทรของหานชินอ๋องงั้นหรือ”

“เพคะ”

“งั้นเจ้าส่งคนไปขออนุญาตจากเขาก่อน ช่วงบ่ายเราค่อยไปกัน”

เทียนชินอ๋องเป็นน้องชายแท้ๆ ของหานชินอ๋องซึ่งเกิดจากอดีตพระมเหสีหาน

ได้ยินมาว่าอดีตพระมเหสีสิ้นพระชมน์ก็เพราะว่าพระนางเสียเลือดจากการคลอดเทียนชินอ๋องมากเกินไป หากมารดาของเขาเป็นสตรีชาวบ้านธรรมดาก็แล้วไป แต่พระนางเป็นถึงมารดาของแผ่นดินทำให้ชีวิตของเทียนชินอ๋องตกระกำลำบาก กล่าวโดยสรุปก็คือเทียนชินอ๋องผู้นี้โดนประชาชนทั้งต้าจินตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีนั่นเอง

“สองพี่น้องช่างน่าสงสาร...” คิดมาถึงจุดนี้ซูฮวาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

ในขณะที่หลี่หมิงได้แต่เถียงในใจว่า ท่านนั่นแหละน่าสงสารที่สุด! ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ!?



-------------------------------------

#มาลาสุราลัย

ใครบางคนก็ค่าตัวแพงจั๊งงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด