- - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62  (อ่าน 18494 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่7 - - 25/05/62
«ตอบ #60 เมื่อ29-05-2019 13:27:14 »

ต้องตามมมม

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #61 เมื่อ29-05-2019 20:00:21 »

 คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................



บทที่๘

 

 

ก่อนที่ชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่จะกลับบ้านนั้นพระชายาของเขาก็ต้องกลับบ้านก่อน

คืนนั้นซูฮวาไม่ได้ค้างที่วังของจินเยว่ หลังจากทำใจเรื่องท่านอาจารย์รับตนเป็นศิษย์เพราะหลงใหลความงามของตนแบบคิดเองเออเองเสร็จแล้วซูฮวาก็ออกมากล่าวลาเจ้าของบ้านและจากไปโดยไม่ได้มองหน้าหยางจินอีกเลย

คนงามก็มีความเจ็บปวดของคนงาม

ในคืนวันนั้นซูฮวานอนไม่ค่อยหลับ แม้ว่าจะวางใจไปได้เปลาะหนึ่งเพราะจินเยว่บอกว่าจะช่วยแถมดูสบายใจจนซูฮวาเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายต้องช่วยตนได้แน่ๆ แต่พระชายาน้อยก็ยังคงวนเวียนความคิดอยู่ที่ท่านอาจารย์

“ข้าอยากให้ท่านเป็นอาจารย์ของข้าจริงๆ นะ” ตั้งแต่ลืมตาดูโลกใบนี้มาสิบหกปีซูฮวาไม่เคยมีใครที่สามารถนับถือเป็นอาจารย์มาก่อน มีเพียงหยางจินเท่านั้นที่ไม่มัวพะวงว่าตนเป็นถึงลูกเจ้าเมืองหรือพระชายา มีแค่หยางจินที่สอนวิชาดาบให้โดยไม่แบ่งแยกหรือดูแคลนตน

“ท่านอาจารย์... ท่านก็ดูไม่เหมือนคิดเกินเลยกับข้าเลย แล้วทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้น” เพราะค้างคาใจเช่นนี้ทำให้ร่างบางนอนคิดวนไปวนมาอยู่ตลอดคืน

กระทั่งพระอาทิตย์จวนจะขึ้นมู่ซูฮวาถึงนอนหลับ แต่ก็นอนหลับได้เพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นหลี่หมิงก็เข้ามาปลุกให้ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ความจริงเธออยากให้ซูฮวานอนพักผ่อนมากกว่า แต่เธอกลัวว่าพระมเหสีจะเสด็จมาก่อนเวลาทางที่ดีพระชายาน้อยควรเตรียมตัวให้พร้อม

“จะว่าไปตั้งแต่แต่งกับชินอ๋องมาข้าก็ไม่ได้เข้าไปถวายพระพรพระมเหสีอีกเลย พระนางต้องโกรธแน่ๆ” เพราะเคยเข้าไปแล้วโดนแกล้งจนต้องแสร้งเป็นลมซูฮวาเลยเข็ดจนไม่ย่างกรายเข้าไปในวังอีกเลย

หลี่หมิงที่ช่วยจัดแต่งทรงผมให้เจ้านายอยู่ด้านหลังเองก็มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน นางสุดแสนจะเป็นห่วงพระชายาผู้ไม่ได้เรื่องของนางอย่างยิ่ง วันนี้นอกจากพระมเหสีจางแล้วก็ยังมีบรรดาขุนนาง ฮูหยินของเหล่าขุนนาง รวมไปถึงพวก     เฉินซื่อเข้าร่วมงานด้วย เรียกว่ามีแต่ศัตรูไม่มีมิตร

“ไม่รู้ว่าเทียนชินอ๋องจะมากี่ยามนะเพคะ” จินเยว่นับเป็นมิตรเพียงคนเดียวในงานแล้ว

“ความจริงพระชายาไม่ควรต้องมานั่งรับมือเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ขอเพียงมีหานชินอ๋องอยู่ด้วยเรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว” นี่นับเป็นครั้งแรกที่                หลี่หมิงพาดพิงถึงพระสวามีของผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“เจ้าอย่าลืมความยินดีของพวกเราตอนข้าเข้าเรือนหอคืนแรกไปเสียสิ ตอนนั้นพวกเรากล่าวขอบคุณฟ้าดินที่เขาไม่ยอมกลับวังอ๋อง ยามนี้เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิม พวกเราเองก็จะเอาแต่ได้ไม่ได้” ซูฮวากล่าวสั่งสอนบ่าว

หลี่หมิงขานรับด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย

และทันใดนั้นเองที่หน้าประตูห้องนอนของซูฮวาก็ปรากฏร่างของแขกไม่ได้รับเชิญ เฉินซื่อในชุดสีชมพูแจ่มสดสวมเครื่องประดับมากมายจนมองแล้วตาลาย ใบหน้าประโคมด้วยเครื่องสำอางจนซูฮวาแอบคิดว่ามากเกินไปหน่อย     กรีดกรายเดินเข้ามาในห้อง

เห็นนางวางมาดประหนึ่งว่าวันนี้นางจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายาแล้วซูฮวาก็ได้แต่กลอกสายตา

สตรีนางนี้โลกแคบเกินไป วางเป้าหมายชีวิตไว้เพียงแค่ตำแหน่งเมียเอกราวกับว่านั่นคือตำแหน่งที่สูงส่งล้ำค่า

“หม่อมฉันถวายพระพรพระชายาเพคะ” เฉินซื่อย่อกายอย่างมีจริต

“เจ้าแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นนกยูงเลยนะ ฮะๆๆ” ซูฮวาตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

“แหม พระชายากล่าวชมหม่อมฉันเกินไปแล้ว ไม่ว่าหม่อมฉันจะพยายามขนาดไหนก็สู้พระชายาที่สวมชุดธรรมดา มัดรวบผมขึ้นไปอย่างธรรมดาไม่ได้หรอกเพคะ” ฟังครั้งแรกเหมือนเฉินซื่อกำลังกล่าวชมแต่ความจริงแล้วนางกำลังจิกกัดซูฮวาที่เลือกแต่งชุดสีขาวฟ้าพื้นๆ ส่วนทรงผมก็แค่ถักเปียเส้นเล็กสองเส้นแล้วมัดม้วนเป็นรูปดอกไม้ดอกเล็กๆ ส่วนผมที่เหลือก็ปล่อยยาวสยาย

“เมื่อคืนหม่อมฉันไต่สวนบ่าวรับใช้ที่ติดตามพระชายาออกไปยังป่าไผ่ได้ความว่าท่านกับชายแซ่หยางมีความสัมพันธ์อันไม่บริสุทธิ์จริง เห็นทีวันนี้หม่อมฉันคงต้องถือโอกาสกราบทูลพระมเหสีแล้ว” สิ้นคำของเฉินซื่อใบหน้าของซูฮวาก็ฉาบด้วยความหมองคล้ำทันที

ไม่พูดถึงก็แล้วไปแต่พอพูดถึงซูฮวาก็แอบเครียดเล็กๆ

เฉินซื่อจากไปแล้วร่างบางก็ทำผมเสร็จพอดี ซูฮวานำหลี่หมิงมาที่หน้าวัง ร่างบางเดินกระสับกระส่ายชะเง้อคอมองออกไปนอกประตูเพื่อดูว่าเทียนชินอ๋องสหายรักมาหรือยัง “เจ้าคิดว่าจินเยว่จะช่วยข้าได้จริงหรือ”

“หม่อมฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพคะ” บอกตามตรงว่าหลี่หมิงมองไม่เห็นทางที่จินเยว่จะช่วยซูฮวาได้เลย ท่านอ๋องน้อยผู้นี้ดูเหมือนจะยังเอาตัวเองแทบไม่รอดด้วยซ้ำ แต่กลับมั่นอกมั่นใจว่าตนสามารถแก้ปัญหาให้ซูฮวาได้แน่ๆ

“โอ๊ะ...” ร่างบางร้องโอ๊ะออกมาเมื่อเห็นเกี้ยวตัวเข้ามาใกล้ประตูวัง แต่เมื่อรถม้าจอดเทียบท่าซูฮวาก็ต้องหุบยิ้มเพราะคนที่ลงมาไม่ใช่จินเยว่แต่เป็นใต้เท้าเฉิน บิดาของเฉินซื่อ!

ใต้เท้าเฉินทำความเคารพพระชายาตามพิธี ท่าทางขอไปทีของเขานั้นแม้ดูขัดตาแต่ซูฮวาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเรื่องที่ซูฮวาแอบออกไปพบชายชู้คงไปถึงหูของอีกฝ่ายแล้ว

แล้วหลังจากนั้นเกี้ยวอีกหลายคันก็ทยอยเข้ามาจอด สร้างความแปลกใจแก่ซูฮวานิดหน่อยเพราะดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจมากันก่อนเวลา เรื่องเวลาเริ่มงานไม่น่าจะโกหกเพราะบ่าวในวังตอนนี้วิ่งเตรียมการกันหัวหมุนแสดงให้เห็นว่าเตรียมอาหารไม่ทัน

งานดื่มชาชมดอกไม้ย่อมต้องจัดขึ้นในสวน หากจัดในเรือนก็คงไม่รู้จะชมดอกไม้กันอย่างไร แม้ว่าฤดูนี้จะไม่ใช่ฤดูที่ดอกไม้บานแต่คนของวังชินอ๋องก็มานะพากเพียรในการหาซื้อพันธุ์ไม้ที่ออกดอกในช่วงนี้มาประดับไว้จนในสวนเริ่มมีสีสัน

งานเลี้ยงในครานี้จะปูเสื่อและตั้งโต๊ะเล็กๆ สำหรับวางสำรับอาหารส่วนตัวของใครของมันเอาไว้ ทุกคนที่มาร่วมงานจึงต้องนั่งกับพื้นโดยที่นั่งตำแหน่งประธานตกเป็นของพระมเหสี และซูฮวาที่มียศรองลงมาได้นั่งทางด้านขวามือของพระนาง

เมื่อเห็นว่าแขกเริ่มมากันเยอะแล้วในฐานะที่มีศักดิ์สูงสุดในวังแห่งนี้ซูฮวาจึงไม่อาจรั้งรออยู่ที่หน้าประตูได้อีกต่อไป ร่างบางเดินหน้าซึมไปยังสวนซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ แห่งนี้ แล้วพอซูฮวาปรากฏตัวในงานเท่านั้นแหละ บรรดาใต้เท้าก็ผละจากฮูหยินที่พามาด้วยเข้ามารุมล้อมซูฮวาเป็นทิวแถว

“เมื่อครู่เจอพระชายาที่หน้าประตูไม่มีโอกาสได้มองหน้าชัดๆ กระหม่อมได้ยินคำร่ำลือมานานไม่คิดว่าจะงามถึงเพียงนี้” ขุนนางร่างอ้วนคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยแววตากะลิ้มกะเหลี่ย

ร่างบางสืบเท้าถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง “ท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว”

“ไม่เกินแม้แต่น้อย” ขุนนางทหารอีกท่านหนึ่งรีบเสนอหน้าออกมา “หากไม่ติดว่าพระองค์ทรงเป็นพระชายาในหานชินอ๋องป่านนี้กระหม่อมคงมาสู่ขอพระองค์แล้ว”

“ฮ่าๆๆ พอท่านพูดถึงหานชินอ๋องข้าก็นึกขึ้นได้ ข่าวลือที่เขาไม่ยอมรับท่านและไม่ยอมกลับวังเลยเป็นจริงหรือไม่” คราวนี้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันพูดถึงเรื่องที่ซูฮวาโดนพระสวามีรังเกียจกันยกใหญ่

“อยู่ที่นี่คนเดียวพระชายาคงเหงาน่าดู” ใต้เท้าท่านหนึ่งกล่าว

“แต่งได้ก็หย่าได้ เหตุใดท่านถึงยังทนอยู่ที่นี่อีกเล่า” ใต้เท้าอีกคนหนึ่งเสริม

“แม้ท่านจะเคยแต่งงานมาก่อนแต่ข้าเชื่อว่าบุรุษทั้งแผ่นดินยังยินดีรับท่านเป็นภรรยา พระชายาไม่ลองมองหาจวนใหม่เป็นที่พักใจเล่า” ใต้เท้าอีกท่านพูดออกมาอย่างไม่กลัวตาย

“พวกท่านจะมากไปแล้วนะ...” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีพวกมากส่วนตนเองหัวเดียวกระเทียมลีบร่างบางจึงยอมทนฟังอยู่ได้ตั้งนานแต่พูดไปพูดมา      ใต้เท้าพวกนี้กลับยิ่งจาบจ้วงไร้มารยาทขึ้นเรื่อยๆ

“จะชั่วดียังไงข้าก็เป็นถึงพระชายาของหานชินอ๋อง พวกท่าน...จะกล่าววาจาอันใดก็ควรให้เกียรติกันด้วย!”

“คนที่ไม่ให้เกียรติหานชินอ๋องก่อนก็คือท่านไม่ใช่หรือ ข้าเตือนท่านเรื่องที่ท่านแอบคบหากับชายชู้แล้วแต่ท่านกลับหนังหนาหน้าด้านปฏิบัติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!” ถึงคราวเฉินซื่อออกโรง นางเดินอาดๆ เข้ามานำทัพเหล่าใต้เท้า

ซูฮวาก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ใต้เท้าพวกนี้ล้วนเป็นสหายของใต้เท้าเฉินบิดาของเฉินซื่อนี่เอง ส่วนใต้เท้าคนอื่นที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับใต้เท้าเฉินตอนนี้ต่างพากันมองมายังกลุ่มของพระชายาที่กำลังมีข้อพิพาทกันอยู่

ทันทีที่คำว่าชายชู้ถูกโยนเข้ามาในบทสนทนาทุกคนในที่นี้ก็พากันแตกตื่น ความโกลาหลขนาดย่อมมาในรูปแบบของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บางคนก็ไม่เชื่อแต่มีอีกหลายคนที่เห็นว่าเป็นไปได้เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพระชายาไม่มีโอกาสปรนนิบัติหานชินอ๋องเลย

แล้วซูฮวาก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสีอีกครั้งเพราะคราวนี้ไม่ได้มีเพียงบรรดาใต้เท้าและฮูหยินเท่านั้นที่มาก่อนเวลาเริ่มงาน “พระมเหสีเสด็จ!!”

“โอ๊ย จะรีบมาทำไมขนาดนี้นะ!” มือเรียวยกขึ้นกุมหัวตนเอง

ดูก็รู้ว่าที่พวกใต้เท้าทั้งหลายเพื่อนของใต้เท้าเฉินแห่มาก่อนเวลาก็เพราะอยากรุมโจมตีใส่ไข่ซูฮวาล่วงหน้า หลอกชักจูงใต้เท้าคนอื่นๆ ที่บังเอิญมาก่อนเวลาให้คล้อยตาม เมื่อพระมเหสีเสด็จมาใต้เท้าเฉินก็จะมีขุมกำลังมหาศาลบีบบี้ขยี้ขยำซูฮวาจนเละในพริบตา

“ถวายพระพรพระมเหสี ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี” ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพจิตใจไหนทุกคนก็รีบหันมาถวายบังคมมารดาแห่งแผ่นดิน ผู้นานๆ ครั้งจะเสด็จออกจากวัง

พระมเหสีจางนั้นเป็นสตรีวัยสี่สิบกลางๆ แม้จะมีริ้วรอยให้เห็น รูปร่างเองก็เริ่มอวบแล้วแต่ทว่าพระนางก็ยังมีเค้าลางแห่งความงามเหลือให้เห็น

พระนางยกมือให้ทุกคนลุกขึ้นก่อนจะตวัดสายตาเย็นชามามองซูฮวาที่ก้มหน้ายืนตัวลีบอยู่

มารดาแห่งแผ่นดินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจสะใภ้คนนี้ แม้ว่าซูฮวาจะพยายามเข้าไปชวนคุย ทว่าพระนางกลับเพิกเฉยไม่ตอบรับใดๆ สุดท้ายซูฮวาจึงได้แต่เดินนำพระนางไปประทับยังที่นั่งที่คนของวังชินอ๋องจัดเตรียมเอาไว้

“พระชายา” หลังจากพระมเหสีจางนั่งที่แล้วพระนางก็หันมาหาซูฮวาซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านขวามือของพระนาง

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้ามีของให้เจ้า” ทีแรกพระนางแสดงออกอย่างเย็นชาแต่ยามนี้กลับจะพระราชทานของขวัญ

ใจดวงน้อยของพระชายาฟูฟ่องราวกับลิงโลด หลงนึกดีใจว่าแม่สามีผู้นี้ไม่ได้ใจร้ายกับตนนัก แต่เมื่อนางกำนัลส่วนพระองค์นำของขวัญที่พระนางเตรียมมามอบให้แก่ซูฮวา ทั่วทั้งสวนดอกไม้ก็ถูกความเงียบเข้าปกคลุม

ของในมือของซูฮวาคือหน้ากากสีขาวปราศจากลวดลาย มีช่องสายตาสองช่องพอให้มองลอดออกมา

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ นี่คือ...” ร่างบางเสียงสั่น

“ตลอดงานเลี้ยงขอให้เจ้าใส่ไว้ ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้า” พระมเหสีกล่าว

ทั่วทั้งร่างของซูฮวาชาราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ชุดใหญ่ ร่างบางค่อยๆ ยกเจ้าหน้ากากไร้ลวดลายขึ้นมาใส่อย่างไม่อาจขัดขืน พระชายาน้อยได้แต่ถามกับตัวเองในใจว่าในเมื่อไม่อยากเห็นหน้าข้าแล้วท่านจะมาบ้านข้าเพื่ออะไร

“เชิญใต้เท้าทุกท่านตามสบาย งานเลี้ยงในวันนี้ข้าจัดขึ้นเพื่อฉลองให้     หานชินอ๋องและพระชายา แทนคำอวยพรให้พวกเขาครองรักกันตราบชั่วนิรันดร์” น้ำเสียงของสตรีผู้สูงศักดิ์ท่านนี้เคลือบแฝงด้วยแววจิกกัดไม่แพ้ยามเฉินซื่อสนทนากับซูฮวา

ใต้เท้าทุกท่านรีบยกจอกเหล้าขึ้นดื่มเพื่อเอาใจพระมเหสี จากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างดื่มกินและสนทนาเรื่องสัพเพเหระขณะฟังคณะนักดนตรีบรรเลงบทเพลงกันอย่างมีความสุข เหลือเพียงแค่ซูฮวาที่ไม่อาจดื่มกินอะไรได้เนื่องจากสวมหน้ากากอยู่

ร่างบางทำได้เพียงนั่งตัวตรงอยู่กับที่

ไม่มีใครเข้ามาชวนคุย และไม่อาจกินอะไรได้

งานเลี้ยงแบบนี้จะเรียกว่างานเลี้ยงได้ยังไง

คุณชายน้อยแห่งสกุลมู่ที่เกิดมาท่ามกลางความรักของบิดามารดา ได้รับความเอ็นดูจากพี่ชายทั้งสอง และมีชาวเมืองคอยให้ท้ายมาตลอดนับตั้งแต่ลืมตาดูโลกเพิ่งเคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

และสถานการณ์ที่ว่าเลวร้ายแล้วกลับยิ่งเลวร้ายลงกว่าเก่าเมื่อเฉินซื่อกับบิดาเดินออกมาข้างหน้า นางสั่งคนให้ไปรวบรวมบ่าวไพร่ทั้งหมดในวังชินอ๋องมารวมกันเพื่อเตรียมการแฉพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของพระชายา

“กราบทูลพระมเหสี ธิดาของกระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะกราบทูล              พ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเฉินเปิดประเด็น

“เรื่องสำคัญอันใดที่ทำให้เจ้าลุกออกมาขัดงานเลี้ยงอันรื่นเริงเช่นนี้กัน หืม?” พระมเหสีถาม

ฝ่ามือของซูฮวาชื้นเหงื่อทันที มือบางจิกเล็บลงกับต้นขา ร่างกายตื่นเกร็งจนสติแทบแตก

“หลังจากแต่งเข้าวังหานชินอ๋องแล้วพระชายามู่กลับไม่รู้จักพอ แอบออกไปพานพบชายชู้ในป่าไผ่ทุกวันพ่ะย่ะค่ะ!”

ได้ฟังดังนั้นพระมเหสีก็มีสีหน้าตกใจถึงขีดสุด ดวงตาของนางวาวโรจน์ขณะหันกลับมามองซูฮวาซึ่งนั่งเหงื่อแตกอยู่เงียบๆ พระนางทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมาจิกหัวซูฮวาตบโดยที่เฉินซื่อไม่ต้องเรียกข้ารับใช้ออกมาเป็นพยานด้วยซ้ำ

“บังอาจนัก! กล้าดียังไง” พระมเหสีตวาดเสียงดัง ซูฮวาได้แต่หดคอลงด้วยความหวาดกลัว

“กระหม่อมถูกใส่ร้าย” สิ่งเดียวที่ซูฮวาสามารถทำได้ก็คือปฏิเสธข้อกล่าวหา

แต่พระมเหสีไม่สนใจฟังอะไรแล้ว พระนางลุกขึ้นมากระชากแขนของ   พระชายาน้อยซึ่งถูกบังคับให้สวมหน้ากากอยู่ลุกขึ้นยืน

ซูฮวาตัวสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำ ใบหน้าที่ถูกหน้ากากสีขาวปิดซ่อนเอาไว้อาบไปด้วยน้ำตา “กระหม่อมถูกใส่ร้าย! เฉินซื่ออิจฉากระหม่อมนางเลยพยายามปรักปรำกระหม่อม! เรื่องนี้เทียนชินอ๋องเป็นพยานได้”

ซูฮวาแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อพูดถึงเทียนชินอ๋อง

ทุกคนมาก่อนเวลานัดได้แล้วทำไมเทียนชินอ๋องมาก่อนเวลาบ้างไม่ได้ เหลือเวลาอีกสองเค่อกว่าจะถึงเวลาเริ่มงานจริงๆ ไม่ใช่ว่าเทียนชินอ๋องจะมาเอาตอนนั้นเลยล่ะ ป่านนั้นซูฮวาได้โดนโบยจนขาดใจไปแล้วแน่ๆ

แต่พอได้ยินซูฮวาแก้ตัวพระมเหสีก็สงบลง นางปล่อยมือที่บีบแขนของร่างบางเอาไว้ก่อนหันไปหาสองพ่อลูก เฉินซื่อสบโอกาสรีบเสนอหน้าออกมาทันควัน “เรื่องนี้บ่าวรับใช้ในวังสามารถเป็นพยานได้เพคะ พวกเขาล้วนเคยติดตามพระชายาออกไปพบชายชู้มาแล้วคนละครั้งถึงสองครั้ง”

คราวนี้พระมเหสีตวัดสายตาทิ่มแทงใส่ซูฮวาอีกครั้ง

“รอเทียนชินอ๋องมาก่อน” ซูฮวาได้แต่ยกชื่อท่านอ๋องน้อยผู้มีอำนาจเบาหวิวขึ้นมาคุ้มกะลาหัว

“ชายชู้ของเขาเป็นใครมาจากไหน” พระมเหสีจางหันไปถามเฉินซื่อ ดูเหมือนนางจะให้ความเชื่อถือฮูหยินมากกว่าพระชายาแล้วด้วยความที่ชังน้ำหน้าซูฮวาเป็นทุนเดิม

“พวกบ่าวรับใช้ต่างไม่ทราบว่าเขาเป็นใครแต่ได้ยินมาว่ามีใบหน้าหล่อเหลาคมคายมากเพคะ คาดว่าพระชายาคงหวั่นไหวไปกับรูปลักษณ์ของเขา”       เฉินซื่อตอบ

“หึ ข้าชักจะอยากเห็นแล้วสิว่าบุรุษผู้นั้นจะหล่อเหลาปานใดถึงได้ทำให้ภรรยาคนหนึ่งอาจหาญนอกใจสามีคบชู้สู่ชายอย่างไร้ยางอาย!” พระมเหสีตวาดพลางผลักซูฮวาที่ยืนหน้าสั่นอยู่ด้านข้าง

ร่างบางแทบหน้าทิ่ม โชคดีที่พวกหลี่หมิงวิ่งเข้ามารับไว้ทัน ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองกอดเจ้านายของตนเองเอาไว้แน่น พยายามคุกเข่าขอความเป็นธรรมจากพระมเหสีแต่ดูเหมือนความอาฆาตจะครอบงำจิตใจของพระนางไปแล้ว

“เอาตัวพระชายาไปโบยที่หน้าประตูวังอ๋องจนกว่าข้าจะสั่งให้หยุด!”

“ได้โปรดรอจนกว่าเทียนชินอ๋องจะมาเถอะ!” ซูฮวาร้องลั่น กอดหลี่หมิงเอาไว้แน่นขณะที่คนของพระมเหสีเข้ามาฉุดกระชากร่างบาง “ข้าไม่ได้คบชู้จริงๆ! ข้าไม่เคยนอกใจหานชินอ๋องสักครั้ง แม้แต่ในฝันก็ไม่เคย!”

ทว่าเสียงของซูฮวากลับส่งไปไม่ถึงใครทั้งสิ้น พระนางหันมาซักเฉินซื่ออีกว่า “เจ้าสามารถลากคอชายชู้คนนั้นมาให้ข้าดูน้ำหน้าได้หรือไม่”

“เพคะ” เฉินซื่อรีบเอาใจมารดาแห่งแผ่นดินโดยไม่ต้องคิด นางมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากนางทำงานชิ้นนี้สำเร็จละก็ นางต้องได้เป็นพระชายาคนใหม่ของ          หานชินอ๋องแน่นอน

“ไม่ต้องถึงมือนางหรอก ข้าพาชายคนที่พวกท่านว่ามาแล้ว ฮะๆๆ” และท่ามกลางความโกลาหลนั่นเองเสียงของจินเยว่ก็ดังขึ้น



-----------------------------

ตอนนี้ไม่รู้จะเครียดหรือจะฮาดีนะคะ แต่ละคน ไม่ดูตามาตาเรืออะไรทิ้งสิ้น 5555



#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #62 เมื่อ29-05-2019 20:42:41 »

จบลงแบบค้างๆ :o12:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #63 เมื่อ29-05-2019 20:53:17 »

เรื้องนี้ต้องมีคนโดนจัดการบ้างละ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #64 เมื่อ29-05-2019 22:45:34 »

ตัดฉับ แง๊

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #65 เมื่อ29-05-2019 23:12:36 »

อย่างลุ้น อย่างสงสาร

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #66 เมื่อ29-05-2019 23:35:24 »

ตอนนี้นอกจากจะสงสารซูฮวา สงสารตัวเองอีกนิดค่ะ กำลังอินเลย

ทำไมพอดีแบบนี้เนาะ แห่กันมา เพื่อมาประจานกันใหญ่โต
แถมมเหสีก็ดูบ้าบอ ไม่ฟังความใด ลำเอียงออกนอกหน้ามาก

มาสักทีนะคะหยางจิน มาช่วยน้องด้วย และไล่คนพวกนั้นออกไปด้วย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #67 เมื่อ30-05-2019 12:08:14 »

พระชายาน้อยรอดแล้วว ท่านอ่องน้อยพาพระสวามีมาช่วยแล้วว
รอขำพวกหน้าแหกล่วงหน้าเลย  :hao7:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #68 เมื่อ30-05-2019 17:26:58 »

ชั่ง ค้างงงงงงงงงงงง  คาาาาาาาาา  -_-"

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #69 เมื่อ30-05-2019 19:48:12 »

กว่าจะมาได้นะ ปล่อยให้พระชายาใจเสียเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
« ตอบ #69 เมื่อ: 30-05-2019 19:48:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่8 - - 29/05/62
«ตอบ #70 เมื่อ31-05-2019 01:28:15 »

ค้างงงง

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #71 เมื่อ02-06-2019 07:54:25 »

 คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................



บทที่๙

 

 

เมื่อได้ยินผู้มาใหม่กล้าหาญชาญชัยกล่าวแทรกคำพูดของมารดาแห่งแผ่นดินเหล่าขุนนางและบ่าวรับใช้ต่างก็พากันหันหน้าไปมอง และเมื่อพบว่าคนมาใหม่นั้นคือใครทุกคนก็ร้องอ้อเบาๆ ที่แท้ก็เทียนชินอ๋องตัวกาลกิณีผู้นั้นนี่เอง

เทียนชินอ๋องบอกว่าตนพาชายชู้มาด้วยทุกคนจึงพากันชะเง้อคอมองหาหวังว่าจะได้เจอเรื่องสนุกแต่ทุกคนกลับพบเรื่องสนุกยิ่งกว่านั้นก็คือเทียนชินอ๋องไม่ได้มาลำพัง เขาพาพี่ชายของเขา หานชินอ๋องมาด้วย

ขุนนางที่ได้รับเชิญมายังงานเลี้ยงดวงตาเป็นประกายทันที ชื่อเสียงของหานชินอ๋องนั้นเป็นที่ประจักษ์ในความโหดเหี้ยมเด็ดขาด พวกเขาต่างมั่นใจว่า  พระชายาต้องถูกปลดเป็นแน่ เพียงแต่หลังจากถูกปลดแล้วจะโดนโทษถึงขั้นประหารเลยหรือไม่

ในขณะที่หลายคนกำลังประเมินโทษที่พระชายาผู้นี้กำลังจะได้รับ ขุนนางมักมากหลายคนก็แอบดีดลูกคิดรางแก้วในใจว่าตนมีหนทางดึงตัวมู่ซูฮวาผู้งดงามมาเป็นอนุในเรือนได้หรือไม่ บอกตามตรงแม้เป็นของมีตำหนิแต่มู่ซูฮวาก็งดงามเกินกว่าจะพลาดโอกาสรับตัวมาง่ายๆ

“เทียนชินอ๋อง ชายชู้ที่เจ้ากล่าวถึงอยู่ที่ใด” พระมเหสีคงเป็นผู้เดียวที่มุ่งมั่นจะจับตัวชายชู้ให้ได้

ในขณะที่ต่างคนต่างความคิด คนที่ตกใจยามเห็นหน้าหยางจินที่สุดก็คือซูฮวานั่นเอง

ร่างบางอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังเผลอรีบวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหาร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงเสาอยู่ห่างๆ คนนั้นด้วยความเป็นห่วงทันที

“ท่านมาที่นี่ทำไม แถมยังยืนวางมาดอย่างสบายใจอีก ดูสถานการณ์หน่อยสิ โธ่” มือขาวพยายามแงะตัวของหยิงจินให้เลิกพิงเสาอย่างสบายใจเฉิบ      เสียที ท่านอาจารย์ไม่รู้หรือไงว่าพระมเหสีกำลังพิโรธขนาดไหน อยากไม่มีเงาหัวนักหรือ

“ไหนล่ะชายชู้” ในขณะที่ทุกคนกำลังมึนงงเพราะการมาเยือนของ       หานชินอ๋องนั้นเอง ใต้เท้าเฉินก็หันไปถามธิดาของตน

เฉินซื่อผู้น่าสงสาร ตั้งแต่ตบแต่งเป็นคนของหานชินอ๋องมานางก็ไม่เคยเห็นหน้าสามีมาก่อน พอหันไปสบตากับบ่าวไพร่ด้านหลังแล้วนางก็รีบชี้นิ้วไปยังร่างสูงของหานชินอ๋องที่กำลังยืนกอดอกมองงานเลี้ยงอันโกลาหลอยู่ด้วยสายตาเย็นชา

“ชายคนนั้นแหละเพคะ ชู้รักของพระชายา!”

สิ้นคำของเฉินซื่อหัวใจของซูฮวาก็เกือบหยุดเต้น ในหัวตอนนี้คิดแค่ว่าต้องหาทางช่วยท่านอาจารย์ให้ได้จึงลืมสังเกตสีหน้าของคนรอบตัว

แม้แต่พระมเหสีจางยังอึ้งไม่ได้ยินคำให้การของเฉินซื่อ

“หยางจิน เป็นความจริงหรือ” พระนางถามออกมาในที่สุด

“ซูฮวาต้องการเรียนเพลงดาบกับตำราพิชัยสงครามจึงขอให้ลูกช่วยสอน ทุกวันหลังเลิกงานพวกเราเลยนัดพบกันในที่ดินของจินเยว่” ไท่ติงหยางจินตอบมารดาแห่งแผ่นดินด้วยน้ำเสียงไม่เดือดร้อนเป็นทุกข์

ตรงกันข้ามกับเฉินซื่อที่สะดุดใจกับคำแทนตัวของเขาที่กล้าแทนตนเองว่าลูกกับพระมเหสี อย่างน้อยก็นับว่าเฉินซื่อยังมีสติเหลืออยู่ ผิดกับซูฮวาที่ขวัญกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน ร่างบางหูอื้อตาพร่าไปหมด ไม่รับรู้อะไรแล้วได้แต่ยืนเกาะแขนเสื้อหยางจินตัวสั่นงันงก

“ท่านอาจารย์ ข้าตายคนเดียวก็พอ ด้วยวรยุทธของท่านตอนนี้ยังพอหนีไปได้” เสียงหวานกล่าวอย่างสั่นเครือ

เนื่องจากพวกเขาสองคนยืนอยู่ค่อนข้างห่างจากผู้คนแถมซูฮวายังสวมหน้ากากอยู่ทำให้มีเพียงหยางจินเท่าได้ที่ได้ยินพระชายาน้อยของตนกล่าวว่าจาโง่เขลาออกมา

“ซูฮวาน้อย ไหนเจ้าลองพูดชื่อสามีของเจ้าให้ข้าฟังที” เสียงทุ้มกล่าวแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคนขณะยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อปลอบขวัญคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน

“หานชินอ๋อง ฮึก...” ซูฮวาสะอึกสะอื้นพูดชื่อสามีใจดำออกมา

“หานชินอ๋องคือชื่อตำแหน่ง ข้าถามชื่อจริงของเขา”

“เอ่อ”

“ซูฮวา”

“...”

“ซูฮวา...”

“...”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ชื่อของสามีตนเอง”

“ท่านแม่เคยบอกข้าตอนเด็กๆ แต่ข้าลืมไปแล้ว ทุกคนล้วนเรียกเขาว่าหานชินอ๋องข้าเลยจำได้แค่หานชินอ๋อง” ซูฮวาตอบอย่างใสซื่อ คราวนี้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้ว สภาพวุ่นวายเมื่อครู่ดูเหมือนจะสงบลงตั้งแต่พวกจินเยว่มา

ขณะที่กำลังหันไปชะเง้อชะแง้ดูว่าทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่ท่านอาจารย์ที่เคารพก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเหนื่อยใจว่า “หานชินอ๋อง                  ไท่ติง หยางจิน”

ซูฮวาหันขวับมามองใบหน้าของท่านอาจารย์จินที่เคารพอีกครั้งก่อนจะหันไปทางงานเลี้ยงที่ทุกคนกำลังมองเฉินซื่อด้วยสายตาว่างเปล่า และแล้ว        พระมเหสีก็ช่วยตอกย้ำความเป็นจริงที่ว่าท่านอาจารย์จินกับหานชินอ๋องเป็นคนเดียวกันด้วยการเดินไปตบหน้าเฉินซื่อ

“บังอาจหลอกลวงเบื้องสูงมีโทษถึงตาย!”

“พระมเหสีโปรดเมตตาด้วย บุตรีของกระหม่อมอยู่แต่เหย้าเฝ้ากับเรือน นางไม่ได้มีเจตนาร้าย! เพียงแค่เห็นพระชายาแอบออกจากบ้านทุกวันจึงเกิดความสงสัย ไม่ได้มีเจตนาร้าย!” ใต้เท้าเฉินโขกหัวกับพื้นโป๊กๆ สองพ่อลูกร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตากันตัวสั่น

กรรมตามสนองเขาแล้ว เมื่อครู่ซูฮวาร้องขอความเป็นธรรมคอแทบแตกผลคือเกือบโดนลากไปโบยประจานหน้าบ้าน คราวนี้เป็นตาของสองพ่อลูกนั่นแล้ว

“บ่าวรับใช้ที่ติดตามซูฮวาไปด้วยย่อมรู้ว่าลูกกับเขาเพียงแค่ฝึกเพลงดาบและอ่านตำรากันเท่านั้น หาได้มีอะไรเกินเลย เหตุที่เรื่องมันบานปลายขนาดนี้เกรงว่าต้องมีคนจงใจบิดเบือนความจริงแล้ว” หานชินอ๋องที่ปกติจะสงวนคำพูดกล่าววาจาออกมายาวเหยียด

แต่ในถ้อยคำนั้นมีข้อเท็จจริงอัดแน่นอยู่

เฉินซื่อร้องไห้โฮ นางรู้ตัวแล้วว่าคราวนี้ไม่รอดแน่จึงพยายามลากคนอื่นตายตามไปด้วย “ลู่ซื่อ ตงซื่อ ถังซื่อ! นางอนุทั้งสามคนนี้เป็นคนเป่าหูหม่อมฉัน        เพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ได้ยินพวกนางพูดกันว่าพระชายามู่ลอบคบชู้ ด้วยความที่หม่อมฉันมีอำนาจสูงสุดในวังอ๋องรองจากพระชายาหม่อมฉันจึงจำเป็นหน้าออกหน้าจัดการเพคะ!”

นางอนุทั้งสามเมื่อได้ยินคนสาดโคลนใส่ก็รีบเรียงหน้าออกมาร้องขอความเป็นธรรมกันยกใหญ่

“ลากพวกนางทั้งหมดออกไปไต่สวน!” พระมเหสีที่ถูกทำให้หงุดหงิดหันไปสั่งคนให้ลากตัวเหล่าเมียอ๋องพวกนี้ออกไป พระนางยกมือนวดขมับก่อนจะหันมากล่าวกับแขกในงานด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ขออภัยใต้เท้าทั้งหลาย งานเลี้ยงที่ข้าตั้งใจจัดขึ้นกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้”

เมื่อเห็นพระมเหสีลงทุนกล่าวคำขอโทษ เหล่าใต้เท้าขี้ประจบที่เหลือก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อนแสร้งทำเป็นสนุกสนานรื่นเริงกับงานเลี้ยงต่อทันที

ในขณะที่ทุกคนดูเหมือนจะลืมคนที่น่าสงสารที่สุดในงานไปแล้วมือหนาก็ปลดเชือกหน้ากากขาวออกจากใบหน้าของซูฮวา หยางจินแกว่งของขวัญจากมารดาแห่งแผ่นดินในมือไปมาพลางกล่าวเสียงเรียบ “ของสิ่งนี้ท่านแม่เป็นคนให้ซูฮวาสวมไว้หรือ”

คำถามนี้ของเขาดูเหมือนจะทิ่มแทงบางส่วนในจิตใจของพระมเหสีเข้าเต็มๆ

“ใช่” พระนางตอบกลับเสียงแกน เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสราวกับจะสื่อว่าข้าเป็นคนให้ซูฮวาสวมหน้ากากเอาไว้เอง เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ

หยางจินก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาแค่ถาม ถามเสร็จก็โยนหน้ากากทิ้งไปอีกทางหนึ่ง

ซูฮวาถึงกับร้องโอ้ออกมาเบาๆ ดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธา “สมแล้วที่เป็นท่านอาจารย์”

บอกตามตรงว่าร่างบางยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก รู้แค่ว่าแท้จริงแล้วอาจารย์กับพระสวามีเป็นคนคนเดียวกันแต่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปจนไม่อาจปะติดปะต่อความรู้สึกได้ พระชายาน้อยตอนนี้เลยตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างช้าไปหนึ่งจังหวะตลอด

หลังจากหน้ากากถูกถอดออกไปได้สักพักถึงได้รู้ตัวรีบหันหลังให้งานเลี้ยงเพื่อเช็ดคราบน้ำตา

“ท่านอาจารย์” เสียงหวานงึมงำเรียกคนตัวสูงกว่า

“ต่อไปนี้เวลาอยู่ต่อหน้าผู้อื่นห้ามเรียกข้าว่าอาจารย์” หยางจินกล่าว

“แต่ท่านเป็นอาจารย์ของข้า ไม่ให้ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์แล้วจะให้เรียกว่าอะไร” ซูฮวาเอียงคอถาม ดวงตาใสซื่อฉายแววงุนงง เห็นแล้วช่างน่ารัก     น่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง

หยางจินกระตุกรอยยิ้มจางๆ มุมปาก ดูแล้วร้ายกาจนัก “ข้าไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ อย่าลืมว่าข้าคือหานชินอ๋อง”

เมื่อกล่าวทวงสถานะของตนเองเสร็จสรรพดวงตาคู่คมก็ฉายประกาย    พึงพอใจออกมาเมื่อพวงแก้มทั้งสองข้างผู้เป็นชายาของเขาขึ้นสีชมพูระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนที่สีแห่งความขวยเขินจะมลายหายไปเมื่อมู่ซูฮวาค้นพบความจริงบางข้อ “ท่านหมายถึงหานชินอ๋องที่ทอดทิ้งให้ข้าเคารพฟ้าดินและเข้าเรือนหอเพียงลำพังน่ะหรือ”

เจอการยอกย้อนครั้งนี้เข้าไปหานชินอ๋องถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่น “ข้ามีเหตุผลของข้า”

“ข้าเข้าใจ” แม้ว่าจนถึงบัดนี้อีกฝ่ายจะไม่ได้กล่าวคำขอโทษออกมาแม้   สักครั้ง ทว่าซูฮวาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง เพราะในวันนั้นซูฮวาเองก็มีความสุขดีหาได้เดือดร้อนอะไร

กลับเป็นหยางจินเองที่แปลกใจ เขาคิดว่าอย่างน้อยพระชายาของตนก็ควรมีอาการแง่งอนให้เห็น “เจ้าไม่โกรธหรือ”

“ฮะๆๆ ท่านคิดว่าข้าอยากแต่งงานกับหานชินอ๋องนักหรือ” เมื่อเห็นภรรยาของตนกล่าวราวกับว่าสามีอย่างเขามีค่ากระจ้อยร่อยในจิตใจหยางจินพลันแสดงสีหน้าถูกใจราวกับเขาค้นพบของเล่นใหม่เข้าแล้ว

“พวกท่านจะเกี้ยวกันอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เห็นใจคนไร้คู่ทางนี้บ้าง” แล้วจู่ๆ เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกขึ้น สองสามีภรรยาที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยเหลียวหลังหันมามองจึงพบว่าบรรดาขุนนางและเหล่าฮูหยินทั้งหลายกำลังจับจ้องมายังพวกเขาทั้งคู่ และคนที่เดินเข้ามาขัดจังหวะก็ไม่ใช่ใครอื่น จินเยว่นั่นเอง

“จินเยว่ วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก” ร่างบางเดินเตาะแตะไปเกาะแขนคนที่ตัวเล็กพอๆ กัน

แม้ว่าจินเยว่จะมีรูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนแอแต่นิสัยภายในกลับดื้อรั้นและเย่อหยิ่ง เห็นเพื่อนผู้แสนนุ่มนิ่มของตนเดินมาเกาะแกะท่าทางน่ารักแล้วก็อดเลื่อนมือมาหยิกแก้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ หลังจากบีบจนแก้มขาวเป็นรอยแดงแล้วเทียนชินอ๋องก็กล่าวด้วยน้ำเสียงผยองว่า “เหอะ เรื่องแค่นี้เอง ข้าบอกแล้วว่าจัดการได้เจ้าก็ไม่เชื่อ!”

“ก็เจ้า...” ซูฮวาทำท่าจะเถียง

จินเยว่ไม่เปิดโอกาสให้สหายของตนพูดคำว่าก็เจ้าไม่น่าเชื่อถือจริงๆ นี่ออกมาจนจบประโยค มือเรียวรีบยกพักในมือของตนขึ้นเพื่อเคาะลงบนศีรษะของซูฮวา

ทว่าซูฮวาว่องไวสมแล้วที่ฝึกวรยุทธมาจากหานชินอ๋องถึงหนึ่งเดือนเต็ม ในมือของซูฮวาก็มีพัดอยู่เหมือนกันเขาจึงยกมันขึ้นมาตั้งรับ เสียงพัดกระทบกันแม้ไม่ดังนักแต่ดูจากการตั้งท่าของทั้งสองคนแล้วราวกับยอดฝีมือกำลังดวลดาบก็ไม่ปาน

“โฮ่ ฝีมือไม่เลวนี่!” จินเยว่ว่าก่อนจะตวัดพัดโจมตีทางด้านข้างแทน

ซูฮวาหัวเราะคิกคักปัดป้องพัดของเพื่อนรักอย่างสนุกสนาน นี่เป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเยาว์ของเจ้าตัวแล้ว ที่ผ่านมาได้แต่ดูท่านพี่กับเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ดวลดาบกัน ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง! ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การดวลพัดแต่        พระชายาน้อยก็ทุ่มเทตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่ง

ด้านจินเยว่เองก็เหมือนจะเก็บกดมานาน ยิ่งเล่นยิ่งสนุก เสียงป๊อกๆ แป๊ะๆ ดังขึ้นไม่ขาดสาย

หากการดวลในครั้งนี้ใช้กระบี่แทนก็คงน่าดูชมอยู่หรอก แต่อาวุธในมือของภรรยากับน้องชายนั้นเป็นแค่พัดด้ามจิ๋ว เห็นแล้วหยางจินก็รู้สึกอับอายรับไม่ได้จนต้องหันหน้าหนี

“ฮะๆๆ” โชคดีที่ทั้งสองคนเล่นกันได้สักพักก็เหนื่อยเลยหยุดเล่น

“จินเยว่ เจ้ามาตามพวกเราไปร่วมงานเลี้ยงหรือมาเล่นสนุก” พอสบโอกาสหานชินอ๋องก็รีบตำหนิผู้เป็นน้องเสียงเข้ม

ทว่าคนที่ทำหน้าสำนึกผิดกลับเป็นซูฮวา ร่างบางก้มหัวน้อยๆ ก่อนกล่าวเสียงอ่อย “ขอโทษนะท่านอาจารย์”

หยางจินอยากจับเด็กโง่มาตีก้น ตนเพิ่งบอกไปเมื่อครู่ว่าอย่าเรียกว่าอาจารย์ต่อหน้าคนอื่นอีก “หลังจากนี้ให้เจ้าเรียกข้าว่าสามี” กล่าวจบหานชินอ๋องก็เดินไปนั่งยังโต๊ะเตี้ยที่อยู่ด้านขวามือของพระมเหสี

เมื่อเหลือกันแค่สองคนจินเยว่ก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้เห็นสหายของตนหน้าขึ้นสี

“พี่ชายของเจ้าเป็นอะไรไปแล้ว ปกติมีใครที่ไหนเรียกสามีว่าสามีกันบ้าง” ซูฮวาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน

“เขาคงกลัวเจ้าลืมสถานะของเขาละมั้ง” จินเยว่ตบไหล่บางแปะๆ ก่อนทั้งคู่จะเดินจูงมือกันมานั่งประจำตำแหน่งของตน

และในที่สุดงานชมดอกไม้ที่เริ่มต้นอย่างอึดอัดและเกือบพังไม่เป็นท่าก็เข้ารูปเข้ารอย เมื่อหานชินอ๋องปรากฏตัวพระมเหสีก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจซูฮวาอีกเลย แต่ว่าพระนางก็ยังคงไม่มองหน้าของซูฮวาแม้แต่ครั้งเดียว



-----------------------------------------

ประกาศสำคัญ!!

*ตอนหน้ามี NC นะคะ*







#มาลาสุราลัย


ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #72 เมื่อ02-06-2019 08:29:55 »



-----------------------------------------

ประกาศสำคัญ!!

*ตอนหน้ามี NC นะคะ*



#มาลาสุราลัย



 เห้ย!!!  เห้ย!!!  เห้ยยยยยยยยย​ อะไรนะ!!! ​ตอนหน้ามี​  NC​ !!!!!   ตาฝาดแน่ๆ​  :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #73 เมื่อ02-06-2019 08:49:43 »

เย้ๆ มาแล้วๆ อยากไห้มาบ่อยๆ ขอบคุณๆ รอยุตลอด เมิ่อไหร่ จะหวากันสักที ลุ้นๆ ^^

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #74 เมื่อ02-06-2019 10:05:24 »

กดskipไปฉากนั้นเลยได้ไหม555

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #75 เมื่อ02-06-2019 10:36:22 »

รอ NC 555
รอเหตุแห่งการเกิด NC

พระมเหสีไม่มองหน้าซูฮวา เพราะหน้าเหมือนพระมารดาของสองอ๋องหยางจินและจินเยว่ชิมิเพคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #76 เมื่อ02-06-2019 12:36:36 »

 :fire: ต้องเช็คบิลนะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #77 เมื่อ02-06-2019 15:24:45 »

จ้าาาร รอดไปนะ

ออฟไลน์ aukuzt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #78 เมื่อ02-06-2019 19:51:59 »

ชอบๆ คะ นายเอกออกแนวใสซื่อ พระเอกพอชอบนายเอกแล้วต้องเจ้าเล่ห์มากๆแน่เลย รอตอนต่อไปคะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
«ตอบ #79 เมื่อ02-06-2019 23:20:38 »

 :katai1:
 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่9 - - 02/06/62
« ตอบ #79 เมื่อ: 02-06-2019 23:20:38 »





ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #80 เมื่อ03-06-2019 10:37:58 »

คำเตือน     1.นายเอกเรื่องนี้สวยเกินความจำเป็นไปมาก สวยเหลือเฟือ สวยใสและไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

                 2.นิยายเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุคโบราณ ไม่สามารถนำตรรกะ สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ชนชั้นในศตวรรษที่21มาตัดสินการกระทำและแนวคิดของตัวละครได้

.......................................................



บทที่๑๐

 

 

ยามราตรีมาเยือน วังหานชินอ๋องที่ครื้นเครงและวุ่นวายเพราะงานชมดอกไม้ได้ความเงียบสงบมาเยือนอีกครั้ง พระมเหสี เหล่าขุนนาง และจินเยว่กลับไปแล้ว ร่างบางของผู้เป็นพระชายากำลังยืนทอดสายตามองบ่าวไพร่ในเรือนซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดทำความสะอาดสวนด้วยแววตาอ่านยาก

“ซูฮวา” พลันเสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างสูงของผู้เป็นถึงแม่ทัพองอาจเดินเข้ามาใกล้ก่อนหยุดยืนข้างพระชายาน้อย

คนถูกเรียกรีบหันไปส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายทันที “ท่านยังไม่กลับหรือ”

หากคนอื่นมาได้ยินเข้าซูฮวาคงโดนด่าว่าบ้าไปแล้ว ที่นี่คือวังของหานชิน-อ๋องแล้วเจ้าเป็นใครถึงถามออกมาว่าทำไมเจ้าของบ้านยังไม่กลับออกไปจากบ้านของตนเองอีก แต่หยางจินเข้าใจว่าเพราะอะไรชายาของตนจึงถามเช่นนี้

“คืนนี้ข้าจะค้างที่นี่”

คนตัวเล็กเพียงแค่ร้องอ้อออกมาแล้วก็หันไปมองพวกบ่าวไพร่ที่กำลังเก็บสวนอยู่คล้ายไม่ยินดียินร้ายต่อผู้เป็นสามีนัก

เด็กคนนี้ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเอาแต่เรียกหยางจินว่าอาจารย์อย่างงู้น อาจารย์อย่างงี้ แต่พอหยางจินสั่งให้เรียกตนเองว่าสามีเจ้าของใบหน้าน่ารักก็แทบไม่กล่าววาจาอะไรกับเขาอีกเลย แถมยังหลบเลี่ยงการสบตาอีกด้วย

“เจ้ากำลังดูอะไรอยู่” สุดท้ายคนที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายเปิดปากเริ่มต้นบทสนทนาก่อนก็ถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“พวกเขา...ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็ต้องโดนไล่ออกทั้งหมดแล้ว ข้าก็เลยมายืนดูเสียหน่อย” เพราะบ่าวรับใช้ในเรือนทั้งหลายยืนหยัดอยู่ข้างเฉินซื่อ ร่วมมือกับนางปรักปรำพระชายาและหลอกลวงเบื้องสูง ตัวการที่สนับสนุนเฉินซื่ออย่างออกนอกหน้าในงานเลี้ยงน้ำชาโดนโยนเข้าคุกไปหมดแล้ว พวกที่เหลืออยู่คือพวกที่สงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่คิดแก้ต่างให้ซูฮวา

ทีแรกหยางจินจะให้ลากคนรับใช้ทั้งหมดในวังออกไปรับโทษพร้อมกันทั้งหมดแต่ซูฮวาคิดว่ามันโหดร้ายเกินไป สุดท้ายจินเยว่เลยเสนอให้ขับไล่คนพวกนี้ออกจากวังอ๋องและห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชีวิต

“แต่พวกเขาใจร้ายกับข้าก่อน ข้าไม่เห็นใจหรอกนะ” ซูฮวาที่ออกหน้าขอให้ลดโทษคนเหล่านี้เมื่อเย็นเฉไฉทำเป็นเจ้าบ้านผู้ใจแข็ง

หยางจินรู้ดีว่าคนตัวเล็กเป็นประเภทใจอ่อนง่ายมากจึงไม่อยากให้ยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป “พวกเรากลับห้องกันเถอะ”

ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วยจึงหันหลังกลับและเดินตรงไปยังห้องนอนของตนซึ่งอยู่ฝั่งที่ติดกับบ่อน้ำ เมื่อมองจากห้องนอนจะเห็นสระบัวสะท้อนแสงจันทร์ เวลาเข้านอนลำพังซูฮวามักเปิดหน้าต่างออกมาชื่นชมทัศนียภาพอันแสนสงบสุขและงดงามนี้

ทว่าเมื่อซูฮวาเดินมาถึงหน้าห้องนอนของตน มือเรียวยังไม่ทันผลักประตูเข้าไปก็หันมามองหน้าบุรุษร่างสูงที่เดินตามตนมาถึงตรงนี้ด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ท่านตามข้ามาทำไม”

ใบหน้าของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ยังคงเรียบเฉย ทว่าดวงตากลับแฝงประกายลึกล้ำ

“ข้าเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่รู้หรอกว่าห้องของข้าอยู่ทางไหน ได้แต่เดินตามเจ้ามา”

“งั้น...” ใบหน้าหวานขึ้นสีชมพูระเรื่อ ความรู้สึกขวยเขินพุ่งปะทุเต็มอกซ้าย ซูฮวาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ร่างบางไม่สามารถสบตากับหานชินอ๋องได้อีกต่อไปแล้ว “งั้น ข้าจะพาท่านไปส่งที่ห้องนะ...”

พระชายาน้อยกล่าวตะกุกตะกัก มือไม้เก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะวางไว้ตำแหน่งใดดี

หยางจินทอดมองอากัปกิริยาน่าขย้ำของเจ้าลูกกวางน้อยตรงหน้าแล้วก็เผลอลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหาย

“ไม่ต้อง ข้าขี้เกียจเดินไปเดินมา คืนนี้ค้างที่ห้องเจ้านี่แหละ”

สิ้นคำคนฟังก็หน้าแดงจัด ซูฮวารีบก้มหน้างุดๆ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรคำพูดของพระสวามีก็ชวนให้คิดดีไม่ได้เลย คิดดีไม่ได้เลย แย่แล้ว! หัวใจดวงน้อยเต้นตุบๆ จนแทบระเบิดแล้ว

เจ้าบ้านจะมีห้องนอนส่วนตัวห้องหนึ่ง และห้องนอนของภรรยาตั้งแต่        ฮูหยินยันอนุตามจำนวน หากคืนไหนประสงค์อยากร่วมราตรีกับใครก็แค่เดินไปเคาะห้องภรรยาคนนั้น แต่หากคืนไหนไม่ต้องการก็แค่นอนอยู่ในห้องของตนเอง เป็นธรรมดาของบุรุษที่มีภรรยาหลายคน

ชินอ๋องก็เช่นเดียวกัน

เพียงแต่ชินอ๋องนั้นจะมีตำแหน่งภรรยาที่สูงกว่าฮูหยินขึ้นไปนั่งก็คือ        อนุชายา กับพระชายา แต่ทั้งสองตำแหน่งนี้ก็หาได้มีความพิเศษไม่ พระชายาเองก็มีห้องนอนเป็นของตนเองเพียงแต่ใหญ่โตและหรูหรากว่าภรรยาคนอื่นหน่อย วันปกติที่ชินอ๋องไม่ได้มาเยือนก็นอนหลับอย่างมีความสุขไป แต่ถ้าหากชินอ๋องมานอนค้างด้วยก็ต้องปรนนิบัติรับใช้อย่างเต็มที่

เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ใบหน้าที่แดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไรแล้วก็รู้สึกร้อนจนแทบไหม้

มือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้าของตนเองขณะที่ร่างบางเริ่มบิดไปบิดบางอย่างเหนียมอาย

“ถ้าท่านขี้เกียจเดินกลับห้องของตนเองแล้ว ท่านพักที่นี่ก็ได้...”

หยางจินกำลังนึกชื่นชมความใจกล้าทั้งๆ ที่กำลังเขินอายของภรรยาตน ทว่าเมื่อได้ฟังคำถัดมาหยางจินก็รีบถอนคำชมแทบไม่ทัน

“ข้าจะไปนอนที่ห้องของท่านเอง”

นั่นมันผิดธรรมเนียมเกินไปแล้ว!

ในที่สุดหานชินอ๋องก็หมดความอดทน เขาออกแรงผลักดันให้พระชายาน้อยถลาเข้าไปในห้องอย่างไม่เบามือนัก

ซูฮวาที่ไม่ทันตั้งหลักเกือบล้มคะมำหน้าทิ่ม โชคดีที่หานชินอ๋องปราดเปรียวว่องไว เขาคว้าเอวบางมารวบไว้ได้ทันก่อนหันไปปิดประตูห้อง

ใบหน้างามยังคงก้มมองปลายเท้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง เมื่อครู่ยืนสนทนากันหน้าห้องซูฮวาก็แย่แล้ว บัดนี้พวกเขาทั้งสองกำลังยืดโอบกันอยู่ในห้อง พระชายาน้อยรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด แต่พระสวามีดูเหมือนจะไม่เข้าใจ หยางจินเห็นว่าภรรยาของตนตัวเล็กกระจ้อยร่อยแขนแกร่งออกแรงนิดเดียวก็อุ้มร่างบางขึ้นมาได้แล้ว

“เหวอ...” ซูฮวาที่ถูกยกจนตัวลอยร้องเสียงหลง รีบใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอคนตัวสูงกว่าไว้

แต่การทำเช่นนี้รังแต่จะลดระยะห่างระหว่างพวกเขาลง

พระชายาน้อยเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าหานชินอ๋องกำลังอุ้มตนไปที่เตียง

“ท่านอาจารย์...” ซูฮวาลองเปล่งเสียงคล้ายอ้อนวอนขอชีวิตกับอีกฝ่ายยามที่โดนวางให้นอนลงบนเตียง

แต่การเรียกหยางจินออกมาว่าท่านอาจารย์กลับทำให้ผู้ฟังมีอารมณ์ขุ่นเคือง

“ซูฮวา ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร” เสียงทุ้มตำหนิเด็กไม่รู้จักจำ

“ท่านให้ข้าเรียกว่าสามีตอนอยู่ต่อหน้าผู้อื่น แต่ยามนี้มีแค่เรา ดังนั้นท่านจึงเป็นท่านอาจารย์” ซูฮวาดึงผ้าห่มมาคลุมโปงตัวเอง คิดตามประสาเด็กน้อยว่า   ผ้าห่มผืนแค่นี้จะปกป้องตนเองจากอะไรได้

“ซูฮวา เปิดผ้าออก” ยิ่งพูดมือขาวยิ่งกำชายผ้าห่มแน่นราวกับให้ตายชาตินี้ก็ไม่ปล่อย “นี่คือคำสั่ง”

สิ้นคำร่างบางก็โยนผ้าห่มปลิวไปอีกทาง น้ำเสียงของท่านอาจารย์เมื่อครู่ฟังแล้วน่ากลัวยังกับกำลังคุยกับเชลยศึก ซูฮวาดีดตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงประดุจนักโทษเจอผู้คุม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงเมื่อหยางจินเอื้อมมือเข้ามา

หานชินอ๋องเพียงแค่ช่วยถอดเครื่องประดับบนศีรษะให้ซูฮวาจึง             ถอนหายใจโล่งอก

“ข้าไม่ชอบพวกมันเลย แต่ท่านแม่มักให้ข้าใส่ไว้เสมอ ก่อนเริ่มงานเลี้ยงข้าตั้งใจว่าจะแต่งตัวเรียบๆ แต่พอเฉินซื่อเข้ามาพูดจาถากถางหลี่หมิงก็ขอร้องให้ข้าประดับอะไรไปหน่อย เห้อ” พูดแล้วคนตัวเล็กก็เบะปาก กวาดสายตามอง      พระสวามีของตนตั้งแต่หัวจรดเท้าดูแข็งแกร่งองอาจสมชายชาตรีแล้วก็ได้แต่อิจฉา

“อยากฝึกเพลงดาบจัง คืนนี้ท่านช่วยสอนกระบวนท่าใหม่ให้ข้าหน่อย     ได้ไหม” ซูฮวาเห็นว่าไหนๆ ท่านอาจารย์ก็มาค้างที่บ้านแล้วเลยลองขอดู

“ได้”

“เห” ร่างบางยิ้มกว้างด้วยความดีใจทันที ทีแรกซูฮวาคิดว่าหานชินอ๋องคงจะปฏิเสธเพราะเมื่ออีกฝ่ายถอดเครื่องประดับน้อยชิ้นของซูฮวาออกแล้วก็เริ่มหันมาถอดเสื้อคลุมตัวนอกของร่างบางออก

แต่พระชายาก็ดีใจได้ไม่นานนักหรอก หยางจินกล่าวว่าจะสอนกระบวนท่าใหม่ให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะสอนเพลงดาบ ร่างบางดันไหล่บางให้ล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้างามของพระชายาน้อยก็ขึ้นสีทันทีที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

“ขี้ผึ้งหอม!! ถ้าไม่ใช้มันข้าจะเจ็บนะ ไม่เอา ข้ากลัว” เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย ร่างบางดิ้นแพร่ดๆ พยายามดันร่างของคนที่กำลังคร่อมอยู่ด้านบนออกหมายจะวิ่งหนีออกไปหาหลี่หมิงข้างนอก

ตั้งแต่วันเข้าหอซูฮวาก็ไม่เคยร้องหาขี้ผึ้งหอมอีกเลยเพราะคิดว่าชาตินี้ไม่ต้องใช้แล้ว ที่ไหนได้! ที่ไหนได้!

“ข้ามี”

“ฮื๊อออ ไม่เอา ท่าน หยะ อย่า...” ร่างบางพยายามหันหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงมา สุดท้ายหยางจินจึงต้องใช้ฝ่ามือแกร่งของตนออกแรงบีบให้ใบหน้าหวานอยู่นิ่งๆ เพื่อให้เขาลิ้มรสความหอมหวานของริมฝีปากอิ่มตรงหน้า

“อือ...” ซูฮวาครวญครางในลำคอเมื่อถูกอีกฝ่ายประกบจูบ

สมแล้วที่เขาล่ำลือกันว่าชายคนนี้ดุดันไร้ความปรานี รสจูบของหานชิน-อ๋องนั้นปราศจากความนุ่มนวล มันทั้งจาบจ้วงแล้วก็รุนแรงจนผู้ถูกกระทำเริ่มใจเสีย

“ฮือ” ซูฮวาพยายามส่งเสียงทัดท้านในลำคอทว่าเสียงของพระชายากลับแผ่วเบาจนไม่เหลือเค้าลางแห่งการต่อต้าน กลับกลายเป็นเร่งเร้าสัญชาตญาณดิบของผู้ฟังให้ทวีความคุกรุ่งยิ่งขึ้นไปอีก

ฝ่ามือหยาบกร้านสอดล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าสีฟ้าตัดขาวอันแสนงามประณีตของพระชายาตัวน้อย ซูฮวาสะท้านเฮือกเมื่อหานชินอ๋องสะกิดยอดเม็ดสีชมพูภายใต้สาบเสื้อของตน ทว่าในสภาพที่ริมฝีปากถูกครอบครองเอาไว้บวกกับร่างกายกำยำที่คร่อมอยู่ด้านบนกักขังไม่ให้หนีไปไหน ซูฮวาจึงทำได้เพียงร้องเสียงแผ่วในลำคอ

“ฮ่า” เมื่อเห็นว่าพระชายาน้อยหายใจไม่ทันแล้วหยางจินจึงยอมปล่อย   ริมฝีปากที่บวมช้ำด้วยน้ำมือของเขาเป็นอิสระ

ซูฮวารีบตักตวงลมหายใจทันทีด้วยกลัวว่าหยางจินจะมอบจุมพิตอันรุนแรงให้อีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้หยางจินหันไปสนใจสิ่งอื่นแทนแล้ว    ฝ่ามือหนาดึงอาภรณ์ของคนตัวเล็กซึ่งเกะกะขวางทางอยู่ออกไปให้พ้นทาง ความรู้สึกแรกของซูฮวาคือเย็น แต่ต่อมาก็ต้องร้อนราวกับถูกไฟเผาเมื่อคนด้านบนก้มลงมาซุกไซ้บริเวณหน้าอก

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาซูฮวามีโอกาสออกเรี่ยวแรงพอสมควรร่างกายก็เลยไม่ได้ผอมแห้งจนเห็นแต่โครงกระดูก แม้ไม่มีกล้ามเนื้อให้เห็นแต่เรือนร่างของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมสะคราญสะท้านแผ่นดินกลับดูมีน้ำมีนวลน่าสัมผัสเสียจน      หานชินอ๋องอนรนทนไม่ได้ ชายหนุ่มขบเม้มเพื่อสร้างรอยรักสีชมพูเข้มไปทั่วผิวกายขาวละเอียดของร่างด้านใต้อย่างกระหายอยาก

เห็นพระสวามีตักตวงความหวาน ลิ้มชิมรสไปทั่วเรือนร่างของตนเองแล้วซูฮวาก็เกิดกลัวจับใจ

นี่เป็นครั้งแรกของซูฮวา แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกของผู้กระทำ               มิเช่นนั้นหานชินอ๋องคงไม่ลงมืออย่างช่ำชองและไม่มีความอ่อนโยนเช่นนี้หรอก

“ท่าน อา...สามี พอก่อน อื๊อ พอก่อน ไม่เอาแล้ว...ข้ากลัว ฮึก...” แค่จินตนาการว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ตนจะต้องโดนอีกฝ่ายจาบจ้วงรุนแรงใส่ขนาดไหนพระชายาน้อยก็หวาดวิตกจนน้ำตาไหลเผาะๆ ออกมาเป็นสาย

เห็นหยางจินหยุดการกระทำและเงยหน้าขึ้นมามองชั่วครู่หนึ่งซูฮวาก็รู้สึกดีใจ หลงคิดไปว่าท่านอาจารย์จะยอมวางมือแต่เพียงเท่านี้ ทว่าบุรุษเจ้าของใบหน้าดุดันกลับกล่าวอย่างเย็นชาออกมา ส่งผลให้ร่างบางสะท้านไปทั้งร่าง

“ยามอยู่ในป่าไผ่ข้าสั่งสอนเจ้าในฐานะอาจารย์ ยามอยู่บนเตียงเจ้าก็จงปรนนิบัติข้าในฐานะภรรยา เจ้าไร้ประสบการณ์ข้าไม่ถือสาความอ่อนเดียงสาของเจ้า แต่เจ้าอย่าได้บังอาจกล่าววาจาขัดอารมณ์ข้า”

“...”

มู่ซูฮวาเบิกตากว้าง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่ขาดสาย หากพิจารณาดูดีๆ จะพบว่าซูฮวาร้องไห้หนักกว่าเมื่อครู่เสียอีก

จะไม่ให้ซูฮวาตระหนกได้อย่างไร ในเมื่อชายที่กำลังฉุดดึงอาภรณ์ของตนออกไปจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าผู้นี้ ขณะที่กำลังจะร่วมรักกันเขากลับมีน้ำเสียงเย็นชาไร้เยื่อใย แววตาที่จับจ้องซูฮวาเมื่อครู่นั้นก็ไม่ได้สื่อให้เห็นถึงความอาทรใดๆ

“มันคือหน้าที่ของภรรยาหรือ” ใบหน้างามฉายแววเศร้าหมอง

นึกย้อนไปถึงสมัยเด็กที่ท่านแม่มักจะสอนสั่งให้ตนยึดถือหลักคุณธรรมภรรยา ซูฮวาจำได้แม่นแม้จะไม่อยากจำว่าภรรยานั้นต้องเชื่อฟังสามี หน้าที่ของภรรยาคือเชื่อฟังคำสั่ง

ตอนที่รู้ว่าท่านอาจารย์คือหานชินอ๋องซูฮวารู้สึกดีใจอย่างมาก เพราะคิดว่าสถานะของศิษย์อาจารย์ของเราสองคนจะช่วยเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ว่าซูฮวาเป็นชายาของอีกฝ่าย ชายาที่มีหน้าที่แค่นอนรอในห้อง คืนไหนสามีนึกอยากก็เปิดประตูต้อนรับด้วยรอยยิ้มห้ามบิดพลิ้ว

แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าซูฮวาแค่เพ้อเจ้อไปเอง

“ใช่”

ทันทีที่หานชินอ๋องกล่าวออกมาว่าใช่ซูฮวาก็เลิกร้องไห้เพราะร้องไปก็ไม่มีประโยชน์

ท่านแม่เคยสอนมาอย่างไรซูฮวานึกออกหมดแล้ว

ร่างบางค่อยๆ ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มหวาน แขนเรียวโอบคล้องคอคนที่อยู่ด้านบน “ซูฮวาผิดไปแล้ว เชิญสามีทำตามใจชอบเถิด”





-----------------------------------

บทที่10จบเท่านี้ ยังไม่ต้องตามหาวาร์ปนะคะ เราเห็นว่ามันยังไม่เรทมากเลยเอาทั้งหมดมาโพสต์ลงเด็กดีเลย ระดับนี้คงไม่โดนแบนเนอะ แต่ตอนหน้านี่โดนแน่ๆ ท่านหยางจินสะกดคำว่าอ่อนโยนไม่เป็น 555



พบกันใหม่วันศุกร์ค่ะ!!



ปล.ตอนนี้ใครจะโดนด่ามากกว่ากันคะระหว่างหยางจินกับอิไรต์เอง #คลานหลบเกิบ T^T



#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #81 เมื่อ03-06-2019 10:55:49 »

อยากตบปากท่านอ๋อง เข้าหอคืนแรกก็ทำซูฮวาน้อยต้องเจ็บช้ำน้ำใจ!  :beat:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #82 เมื่อ03-06-2019 11:05:49 »

แอร๊ย!!!! 

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #83 เมื่อ03-06-2019 15:37:29 »

จ้ะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #84 เมื่อ03-06-2019 16:36:36 »

 :pig4:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #85 เมื่อ03-06-2019 17:27:33 »

 :katai1:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่10 - - 03/06/62
«ตอบ #86 เมื่อ04-06-2019 16:54:45 »

 :-[
สนุก น่ารักมว้ากกกกก ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งเรื่องแรก
รออ่านตอนต่อๆไปนะฮะ สนุกดี

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่11 - - 05/06/62
«ตอบ #87 เมื่อ05-06-2019 20:19:44 »

บทที่๑๑


ก่อนแต่งให้เชื่อฟังบิดา หลังแต่งให้เชื่อฟังสามี และเมื่อสามีตายจากก็ให้เชื่อฟังลูกชาย ทั้งชีวิตทำเพื่อคนอื่นและอยู่เพื่อคนอื่น ซูฮวาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ดังนั้นชั่วชีวิตที่เหลือนี้ตนต้องเชื่อฟังแต่เพียงหานชินอ๋องตราบจนวาระสุดท้าย
ความขุ่นเคืองทั้งหลายค่อยๆ มลายหายไปแปรเปลี่ยนเป็นการปลงตก

ร่างบางโอนอ่อนว่าง่าย ยามร่างสูงหยิบกระปุกขี้ผึ้งหอมออกมาก็ทำเพียงทอดสายตามองอย่างไร้อารมณ์ แม้กระทั่งขณะที่ปลายนิ้วเรียวยาวปาดยาที่มีลักษณะเหนียวออกมาจากกระปุกและเลื่อนนิ้วของเขาไปจรดปากช่องทางเบื้องหลังซูฮวาก็ไม่ได้เปล่งเสียงใดๆ ออกมา

ในใจของซูฮวาหวาดกลัวนัก ร่างกายก็สั่นเทิ่มอย่างน่าสงสาร แต่ก็อดกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

แต่ก็ถึงขีดจำกัดเมื่อนิ้วชี้ของหยางจินค่อยๆ แทรกผ่านเข้ามาในร่าง

ซูฮวาเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นไม่ให้เผลอหลุดเสียงร้องน่าละอายออกมา แต่สมแล้วที่อีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ จังหวะการบุกนั้นต่อเนื่องไม่ปล่อยให้หยุดพักเลย ร่างบางสะท้านเฮือกเมื่อหานชินอ๋องส่งนิ้วที่สองและสามเข้ามา

“จะ...” ปากที่กำลังจะร้องท้วงว่าเจ็บรีบหุบลงแทบไม่ทัน ใบหน้าหวานผินไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาไม่พอใจของหานชินอ๋องที่ตวัดมามอง

พระชายาน้อยกัดริมฝีปากของตนเองเพื่อกลั้นเสียงร้องหรือคำพูดใดก็ตามของตนที่อาจไปขัดอารมณ์ของอีกฝ่ายเข้าอย่างสุดความสามารถจนริมฝีปากแดงช้ำเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมา

“อือ...” ร้องเพราะเจ็บไม่ได้แต่ซูฮวาคิดว่าตนเองสามารถเปล่งเสียงกระเส่าเช่นนี้ออกมาได้

หลังจากรู้สึกเจ็บในทีแรกเจ้าขี้ผึ้งหอมก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ของมีราคาช่วยหล่อลื่นจนกระทั่งช่องทางของซูฮวาสามารถรองรับนิ้วยาวของ หยางจินได้

ในส่วนนี้ซูฮวาต้องขอบคุณพระสวามีแล้ว แม้ว่าเขาจะสั่งให้ซูฮวาเลิกขัดขืนแต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดมาถึงก็สอดความใหญ่โตของตนเองเข้ามาเลยแต่กลับใช้เวลาเกือบหนึ่งเค่อในการปรับสภาพร่างกายให้พระชายาตัวน้อย

และในพริบตาที่ร่างกายของซูฮวาเริ่มตอดรัดปลายนิ้วของหานชินอ๋อง ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ดึงนิ้วของตนเองออกมา จากประสบการณ์ของเขาทำให้เขารู้ว่าบัดนี้ร่างบางพร้อมแล้ว

ซูฮวาน้อยกลืนน้ำลายลงคอ พยายามอย่างยิ่งที่จะทำใจให้สงบ แต่มันช่างยากเย็นนักเมื่อดวงตาคู่งามมองเห็นหานชินอ๋องกำลังปลดเชือกรัดกางเกง ก่อนที่ความใหญ่โตของเขาจะปรากฏออกมา

เห็นสีหน้าตกตะลึงของพระชายาน้อยยามมองความเป็นชายของตน หยางจินก็อดเผยรอยยิ้มออกมาอย่างย่ามใจไม่ได้
เพื่อเป็นรางวัลแก่การว่าง่ายหยางจินจึงโน้มกายลงไปประทับจูบอย่างอ่อนโยนที่ริมฝีปากอันบวมช้ำของร่างบางข้างใต้ การจูบนี้
เป็นการดึงความสนใจของซูฮวาให้ผละออกมาจากช่องทางเบื้องล่าง หยางจินทราบดีว่าความเป็นชายของตนมีขนาดไม่ธรรมดาส่วนพระชายาของเขานั้นช่างบอบบางราวกับดอกไม้แก้ว

เขาไม่อยากทำแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ภรรยาของตนต้องแตกสลาย

หยางจินค่อยๆ ดุนดันส่วนหัวของเจ้ามังกรซึ่งกำลังผงกเศียรด้วยความกระหายเข้าไปในร่าง

“ฮื้อ...” ทันทีที่ความคับแคบถูกรุกรานลูกกวางน้อยของเขาก็เกร็งร่างเขม็ง

หยางจินถอนจูบออกมาก่อนจะเห็นว่าฝ่ามือทั้งสองข้างของซูฮวากำลังจิกผ้าปูที่นอนอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ เขาไม่ได้เสือกความใหญ่โตของตนเข้าไปลึกขึ้นแต่กลับจับมือของพระชายาน้อยให้มาเกาะแผ่นหลังของตนเอาไว้แทน

“เดี๋ยวท่านจะเจ็บเอา” ซูฮวากลัวว่าตัวเองจะกรีดข่วนแผ่นหลังของสามีจึงพยายามดึงมือออก

แต่หยางจินกลับห้ามไว้ เขาเพียงแค่ส่งสายตาดุๆ และกล่าวคำว่า        “อย่าดื้อ” ออกมาเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเลิกขยับแล้วแต่ร่างกายยังคงสั่นเทาอย่างน่าสงสารหยางจินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญน้อยๆ แม้อยู่ในสนามรบแต่เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นจึงมีคนจัดเตรียมสตรีมาคอยปรนนิบัติบ้าง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใจดีกับใครเท่าซูฮวามาก่อน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นภรรยาเอกที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงพยายามใจเย็น

พอเห็นอาการหวาดเกรงไม่เลิกราของมู่ซูฮวาแล้วไท่ติงหยางจินก็คร้านจะปลอบประโลมอีกฝ่ายอีกต่อไป

การร่วมราตรีคืนนี้เขาอดทนมามากเกินพอแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างกายเย้ายวนเขาต้องสะกดกลั้นอารมณ์และสัญชาตญาณของตนเองอย่างหนัก แต่นับจากนี้หยางจินได้เลิกสนใจแล้ว เขาถลำแก่นแกนของตนเข้ามาจนสุดในรวดเดียว

“อึก!” ในขณะที่ซูฮวาร้องเฮือกออกมาอย่างเจ็บปวดเสียงทุ้มกลับส่งเสียงทุ้มต่ำในลำคอด้วยความพึงพอใจ

ร่างกายที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนนั้นช่างไร้เดียงสา ซูฮวาไม่อาจไม่ยอมรับว่านอกจากความรู้สึกเจ็บในทีแรกแล้วมันยังมีความรู้สึกวาบหวามกำลังแทรกซึมและแผ่กระจายไปทั่วร่าง

มือขาวจิกแผ่นหลังของท่านแม่ทัพเอาไว้แน่น โชคดีที่หยางจินไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดไม่เช่นนั้นแผ่นหลังเขาคงได้ไปหลายแผล

ขาเรียวยกชันขึ้นมาเพราะเห็นว่าหยางจินขยับตัวไม่ถนัด แล้วพอซูฮวาให้ความร่วมมืออย่างว่าง่ายสะโพกสอบก็เริ่มโถมกระหน่ำเปลวเพลิงแห่งราคะเข้าใส่ร่างบางอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ

“อื๊อ อะ...” ใบหน้างามสั่นคลอดตามแรงกระแทก ศีรษะเชิดขึ้นเพราะแรงปรารถนาภายในร่าง

พระชายาน้อยรู้สึกว่าสิ่งที่ตนกำลังเป็นมันน่าอายเกินไปจึงพยายามยกมือขึ้นมาปกปิดใบหน้า ทว่าหยางจินกลับไม่ปล่อยให้มีอะไรมาบดบังภาพอันแสนงดงามรวมกับได้รับพรมาจากฟากฟ้าแดนสวรรค์ มือหยาบปัดข้อมือของซูฮวาออก ร่างบางที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีสุดท้ายจึงเลื่อนมือกลับไปกำชายเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายเหมือนเดิม

“ซูฮวา ดีมาก เด็กดีของข้า” หานชินอ๋องรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ใช่ว่าเขาไม่เคยสอดใส่ทางด้านหลัง แต่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายคนใดก็ไม่เคยนวดคลึงความใหญ่โตของเขาได้กำลังพอดีเช่นนี้มาก่อน

เพราะว่านี่เป็นครั้งแรก หรือเพราะอีกฝ่ายคือมู่ซูฮวาผู้เป็นที่รักของเทพเซียนก็ไม่ทราบ

ดูเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะประทานความไร้ที่ติมาให้ร่างกายนี้ แม้กระทั่งภายในยังสามารถตอดรัดบุรุษได้อย่างเลิศล้ำ

หยางจินจับร่างกายที่เขาคิดว่าได้รับความรักจากเทพเซียนอย่างเปี่ยมล้นพลิกไปมา โถมกระหน่ำความปรารถนาของตนอย่างจาบจ้วงโดยไม่คิดจะเหลียวแลซูฮวาน้อยที่ผงกหัวงึกๆ อย่างน่าสงสาร

สุดท้ายซูฮวาก็ทนไม่ไหวจึงต้องเลื่อนมือไปกำซูฮวาน้อยที่น่าสงสารอย่างเงอะงะ แต่พอพยายามจะรูดรั้งเพื่อทุเลาความปวดหนึบคนที่ละเลงรักอยู่กับช่องทางเบื้องหลังกลับปัดมือของซูฮวาออก

“ฮื่อ” เสียงหวานครางประท้วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อสามีไม่อยากให้ซูฮวาช่วยตัวเองซูฮวาก็ต้องเชื่อฟัง

ร่างบางถูกจับให้คว่ำหน้าลงกับหมอน สะโพกมนถูกยกให้ลอยเด่น   หยางจินลอบมองก้นขาวที่มีสีชมพูระเรื่อราวกับลูกท้ออย่างมันเขี้ยว เขาใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นบั้นท้ายของพระชายาน้อยในขณะที่เอวหนายังคงกระแทกเข้ามาไม่หยุดหย่อน

“ฮึก อ๊า...” มู่ซูฮวาเจียนจะถึงแล้วแต่ก็ไม่อาจถึงได้เพราะผู้เป็นสามีไม่ยินยอม

ร่างบางทำได้เพียงหยัดสะโพกให้งอนขึ้นเพื่อรองรับแรงกระทั้น

“อ๊า อ๊า...” เสียงเนื้อกระทบกันกับเสียงครางแผ่วหวานดังไม่ขาดสาย ซูฮวาไม่รู้ว่าตนเองถูกกระทำเช่นนี้เนิ่นนานเท่าใดแล้ว จวบจนกระทั่งส่วนปลายของเจ้ามังกรยักษ์เริ่มมีของเหลวไหลปริ่มออกมา ร่างบางลอบโล่งอกเพราะในที่สุดบทรักที่ปราศจากความรักอันยาวนานนี้ก็จะสิ้นสุดลงแล้ว

หยางจินละมือจากลูกท้อน้อย เขาจับใบหน้างามให้หันมาเพื่อประทับจูบอันร้อนแรง มู่ซูฮวาเผยอปากเพื่อเอาใจคนที่แทรกลิ้นหนาเข้ามากวาดชิมความหวานไปทั่วโพรงปาก แล้วในขณะที่จูบกันร่างกายของซูฮวาก็ตอดรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้นหยางจินจึงหยุดการกระแทก เขาเสือกมังกรใหญ่เข้ามาจนลึกที่สุดและปล่อยหน้าที่นวดคลึงให้เป็นของคนตัวเล็กแทน

แน่นอนว่าคนอย่างหยางจินไม่ปลดปล่อยเพียงเพราะเหตุนี้ แต่ซูฮวาไม่ เมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาลึกมากร่างกายบอบบางก็สั่นกระตุก สะโพกมนออกแรงนวดถี่ๆ ก่อนที่ซูฮวาน้อยจะพ่นน้ำออกมา

“อะ อือ” พระชายาน้อยรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดิน ทว่าเมื่อซูฮวาปลดปล่อยออกมาหยางจินก็ถอนจูบ

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เขาชอบเวลาคู่นอนถึงจุดสุดยอดเพราะช่องทางที่เขารุกรานจะบีบรัดแน่นยิ่งกว่าปกติ และยิ่งเป็นช่องทางของซูฮวาซึ่งฟากฟ้าแดนสวรรค์เนรมิตสร้างมาอย่างประณีตยิ่งทวีความพึงพอใจให้ชายหนุ่มจนหยางจินเผลอคิดว่าเขาสามารถขึ้นสวรรค์ไปคารวะขอบคุณเง๊กเซียนโอรสสวรรค์ได้เดี๋ยวนี้เลย

ร่างสูงกระแทกกระทั้นความโอฬารของตนเข้าออกความคับแคบที่ตอดรัดแน่นอีกร่วมสิบครั้งก่อนจะปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นเข้ามาเต็มร่างของพระชายาน้อย

“ฮืม” ซูฮวาเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งอุ่นร้อนที่ทะลักเข้ามาเบื้องหลังของตน

“อ๊ะ อ๊า” สะโพกมนสั่นสะท้านเบาๆ เมื่อหานชินอ๋องถอนแก่นกายออก ช่องทางที่เพิ่งเคยมีผู้อื่นล่วงล้ำเป็นครั้งแรกบีบตัวเข้าหากันอย่างน่าสงสาร หานชิน-อ๋องจดจ้องเบื้องหลังของซูฮวาที่ตอดรัดอากาศยิบเพราะความใหญ่โตที่หายไปแทนที่ด้วยความว่างเปล่า

“ซูฮวา” เสียงทุ้มเอ่ย “ลุกขึ้นมา นั่งตักข้า”

“หือ อือ...” พระชายาน้อยครวญครางอย่างไร้เรี่ยวแรง

ร่วมบรรเลงบทกลอนแห่งรักอันร้อนแรงกับหานชินอ๋องเพียงครั้งเดียว       มู่ซูฮวาก็รู้สึกเหนื่อยราวกับฝึกวิทยายุทธมาแล้วสามชั่วยาม พอได้ยินสามีออกคำสั่งให้ลุกขึ้นไปนั่งตักคราแรกซูฮวาตั้งใจจะงอแง แต่เมื่อตระหนักได้ถึงสถานะที่ไม่อาจเรียกร้องอะไรได้ของตนเอง ร่างบางก็จำต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง

หานชินอ๋องก็ช่างโหดร้าย เขาเห็นอยู่ตำตาว่าพระชายาน้อยหมดแรงแล้วแต่กลับไม่ช่วยประคอง ร่างสูงนั่งพิงเสาตรงปลายเตียงขณะใช้สายตาโลมเลียเรือนร่างเปลือยเปล่าของผู้เป็นภรรยา

เมื่อโดนจับจ้องด้วยสายตาเช่นนั้นซูฮวาก็หน้าร้อนจนต้องก้มหน้างุดๆ

“ซูฮวา ข้าสั่งเจ้าว่าอย่างไร”

“ฮื่อ” ร่างบางเปล่งเสียงในลำคอว่ารู้แล้วน่า แค่ขอก้มหน้าเดี๋ยวเดียวท่านก็อย่าใจร้อนนักสิ

เมื่อรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดได้ร่างบางก็คลานขึ้นไปนั่งบนตักของอีกฝ่าย พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้นขาสัมผัสโดนเจ้ามังกรร้ายที่ยามนี้กำลังจำศีลอยู่เพราะกลัวว่าจะไปปลุกมันตื่นเข้า

ทว่าผู้เป็นสามีกลับถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์

หยางจินส่ายหน้าพลางกล่าวว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แบบนี้ “ลุกขึ้นมาครอบของข้าไว้”

ลุกขึ้นมาครอบของข้าไว้?

ซูฮวาต้องใช้เวลากว่าจะประมวลผลความหมายของพระสวามีได้ พลันใบหน้าหวานร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง

มือเรียวเลื่อนไปเกาะไหล่กว้างเอาไว้อย่างเก้อเขิน ซบใบหน้ากับอกของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆ ยกสะโพกขาวขึ้น หยางจินก็ให้ความร่วมมือด้วยการจับส่วนหัวของเจ้ามังกรที่หลับใหลของตนให้ชูขึ้น พระชายาน้อยจะได้กดสะโพกลงมาครอบมันเอาไว้ได้สะดวก

“อี๊อ!” ซูฮวารู้สึกอับอายยิ่งนัก ขณะที่แก่นแกนของหยางจินค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาในร่าง รูรักของซูฮวาก็ตอดรัดราวกับดีใจที่เจ้ามังกรกลับเข้ามาในถ้ำอีกครั้ง พระชายาฝังหน้าของตนเข้ากับแผงอกกว้างแน่น ตั้งใจว่าจะไม่โงหัวขึ้นมาจากอกของหานชินอ๋องแล้ว

และด้วยแรงนวดคลึงนี้เอง ส่งผลให้เจ้ามังกรสุดอันตรายตื่นตัวขึ้นมาอีกครา

ไม่รู้ว่าพระสวามีของตนไปอดอยากปากแห้งมาจากชายแดนที่ไหน ซูฮวาน้ำตาแทบร่วงเมื่อครั้งแล้วครั้งเล่าหานชินอ๋องก็ไม่ยอมปล่อยให้ตนเองพักผ่อนเสียที ตลอดคืนนั้นทั้งสองคนได้แนบชิดกันอย่างที่ไม่เคยมาก่อนในชีวิต กระทั่งปิดไฟเข้านอนหานชินอ๋องก็ยังประคองกอดคนตัวเล็กเอาไว้แนบอก





ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่11 - - 05/06/62
«ตอบ #88 เมื่อ05-06-2019 21:14:29 »

หานชินอ๋อง ท่านต้องทะนุถนอมพระชายาของท่านมากๆ นะ ท่านดูเอาแต่ใจน่าดู สั่งๆๆ น่าเป็นห่วงพระชายามู่ซูฮวาจริงๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่11 - - 05/06/62
«ตอบ #89 เมื่อ05-06-2019 21:34:40 »

โอ้ยย​ สงสารน้อง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด