♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)  (อ่าน 49175 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 15 ถ้าเขาไม่รักก็กลับมาเถอะ
   

   วันที่ปราชญ์นัดเอาไว้มาถึงอย่างรวดเร็ว

   กวางในชุดสายเดียวกระโปรงเดรสสั้นสีครีม เธอแต่งหน้าตัวตามธีมของร้านอาหาร ที่ปราชญ์นัดไว้ เพื่อฉลองวันเกิดด้วยกัน กล่องของขวัญในมือกระดาษห่อเป็นสีน้ำเงิน สีที่เจ้าตัวชอบ...

   เมื่อมาถึงร้านอาหารไฟสว่างออกสีนวล ๆ เสียงดนตรีลอดออกมาเบา ๆ ร้านบรรยากาศดี ด้านหน้าเป็นโซนสวน ด้านในเป็นโซนห้องแอร์ตกแต่งด้วยโทนสีและไฟที่อบอุ่น

   กวางมองหาเพื่อนชายคนสนิท และสะดุดตาเข้ากับเขา ผู้ชายที่นั่งริมหน้าต่างเหม่อมองออกไปนอกกระจกด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหม่อลอยราวกับไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ ท่ามกลางเสียงเพลงจอแจเหล่านี้ ...ท่าทางหงอย ๆ แบบนั้นแปลว่าตฤนยังไม่มา

   “สวัสดีกวาง” เสียงผู้ชายเรียกเธอจากด้านหลัง

   “อ้าว วิน สวัสดี”

   “วันนี้สวยนะ”

   “ชมแบบนี้ก็เขิน”

   “กวางนี่ไม่มีปฏิเสธ ป่ะ ไปทักมันกัน นี่เดี๋ยวอีกแปปพวกเพื่อนจะยกเค้กมาแฮปมันแล้ว”

   
   งานวันเกิดปราชญ์ก็เหมือนงานมีตติ้งเล็ก ๆ ของกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่ค่อนข้างจะสนิทกัน

   “ปราชญ์สวัสดี” กวางร้องทักอีกฝ่ายเสียงใส

   “สวัสดี” ปราชญ์หันมายิ้มให้เพื่อน ท่าทางเหงาหงอยที่กวางเห็นจากระยะไกลตรงนั้นจางหายไป

   ปราชญ์แต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์ เขานั่งรอเพื่อน ด้วยใจจดจ่อ รวมถึงใครบางคนที่เขาอยากเจอในวันเกิด ...

   กวางยื่นกล่องของขวัญไปให้ตรงหน้าปราชญ์

   “สุขสันต์วันแก่ ขอให้สมหวังในความรักนะ”

   “ฮิ้ว รักใครอ่ะ” วินพูดแซว “เอาคนไหนดี หรือ กวางมั้ย”

   กวางกับปราชญ์ในสายตาของเพื่อนร่วมห้องก็คือคู่จิ้นกันดี ๆ นี่เอง ดูสนิทสนมกันยิ่งกว่าใคร เพราะไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของปราชญ์นั้นมีใครที่หลายคนคาดไม่ถึง

   กวางสะดุ้ง เธอรู้สึกแปลก ๆ ในอกมันเหมือนจะแปล๊บขึ้นมา แถมมันยังจุกอย่างบอกไม่ถูก

   “กวางน่ะ เป็นเพื่อนที่ดี ยิ่งกว่ารักซะอีกเนอะ” ปราชญ์เอื้อมมือรับกล่องของขวัญที่โบกไปมาตรงหน้า ก่อนตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   แสงไฟในร้านอาหารหรี่ลง พาให้คนสามคนหันกันเลิ่กลั่กคิดว่าไฟดับ พร้อมกับที่เพื่อน ๆ ถือเค้กเข้ามา

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้น

   เค้กปอนด์ใหญ่จากร้านขนมชื่อดังในละแวกบ้าน ปั้นตุ๊กตาน้ำตาลเป็นปราชญ์ยืนยิ้ม

   “สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย” เพื่อนกลุ่มใหญ่ชายฉกรรณ์หลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

   ปราชญ์ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเค้กได้ถนัดตา เขาอธิษฐานในใจก่อนจะเป่าเทียนให้ดับลง

   “มีความสุขมาก ๆ นะ” เพื่อนพากันอวยพรและหัวคิกคักเสียงดัง

   กวางใช้นิ้วมือปาดครีมข้าง ๆ เค้กไปป้ายหน้าปราชญ์

   “กวาง!” ปราชญ์โวยวายใหญ่เมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่เขาภาคภูมิใจเลอะเค้ก

   “อ่ะแฮ่ม ๆ” วินทำเสียงแซว

   “อย่ามาจีบกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ อิจฉาว้อย” เพื่อนคนอื่นส่งเสียงแซว

   พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน คนแทบล้นเฟรม มื้อค่ำเต็มไปด้วยความสนุกสนานคึกคัก ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมานานพอมาเจอกันก็คุยเล่นถามไถ่กันไม่หยุด

   “ขาดใครไปคนมั้ยวะ” เพื่อนเอ่ยถาม

   “เออไม่เห็นตฤน” เพื่อนอีกคนตอบให้

   เพื่อนพูดถึงคนที่ปราชญ์เฝ้ารอ พอได้ยินก็รู้สึกแปลก ๆ ใช่ ขาด...ขาดคนสำคัญไปหนึ่งคน

   “มันไปไหนอ่ะ”

   ทุกคนพากันส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วทุกคนก็ผ่านคำถามนี้ไป มีแค่ปราชญ์คนเดียวที่ยังสงสัยอยู่ นั่นสิมันไปไหน ทั้ง ๆ ที่ก็ชวนล่วงหน้าแล้ว

   

   กวางลุกออกไปห้องน้ำเพื่อโทรหาตฤน เธอกดโทรออกแล้วรอสายจนมันตัดไปรอบนึง แต่เธอจะลองอีกครั้ง

   ‘ฮัลโหล’ ปลายสายกดรับแล้วตอบกลับมา เสียงเพลงดังลอดมาตามโทรศัพท์

   “ตฤน อยู่ไหน”

   “อยู่ร้าน...กับพี่...กับที่ทำงาน” ปลายเสียงขาด ๆ หาย ๆ เพราะเสียงเพลงกลบ

   “แกลืมหรอว่านัดกับปราชญ์ไว้...”

   ‘ฮัลโหล กวาง... อะไรนะกวาง’

   “วันเกิดปราชญ์”

   ‘... ชิบ ฝากแฮป...เดี๋ยวไปหามันวันอื่น’

   “ได้ไว้บอกให้”

   กวางตัดสินใจว่าดึก ๆ ค่อยบอก ไม่กล้าบอกปราชญ์ตอนนี้ว่าตฤนลืม เธอกลัวว่าจะหมดสนุกไปซะก่อน

   เหล้าเข้าปาก ทุกคนยิ่งคึกครื้น มุกตลกกี่มุกที่ผลัดกันพูด ผลัดกันขำ บางมุกในสถานการณ์ปกติไม่ขำ แต่พอเมา อะไรก็ตลก

   “พวกมึง เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ พรุ่งนี้กูมีงานเช้า” เพื่อนคนแรกที่เปิดประเด็นว่าต้องกลับเพราะดึกมากแล้ว

   “พรุ่งนี้วันเสาร์นะเว้ย” วินถามกลับ   

   “เออดิ กูทำงานวันเสาร์ ไปแล้วปราชญ์ไว้เจอกันใหม่”


   เวลาล่วงเลย หลายคนทยอยกันกลับ จนเหลือแค่ 4 คน ที่ยังนั่งชนเหล้ากันไม่เลิก

   “ไม่รู้ว่าตฤนจะมาถึงหรือยัง” ปราชญ์ที่ยังมองหาว่าอีกคนที่เขานัดไว้อยู่ไหน ไม่โทรมาด้วยซ้ำ

   กวางหันไปมองคนข้าง ๆ ก่อนจะตอบไปว่า “ตฤนโทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง...เราก็กลับกันเถอะ”

   สีหน้าปราชญ์เจื่อนลง น่าจะเสียใจอยู่ลึก ๆ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา

   “หรอ” ปราชญ์ตอบรับเบา ๆ แก้วเหล้าในมือถูกยกกรอกเข้าปากจนหมด ของเหลวรสขมไหลผ่านลำคอ เหมือนจะใช้มันกลบรสขมในจิตใจ

   พอหมดแก้วปราชญ์ก็เทใหม่ เขาเทเหล้าลงไปเกือบครึ่งแก้วก่อนตามด้วยโซดาและน้ำเปล่า

   “ชน” ปราชญ์ชูแก้วเรียกเพื่อนของเขา

   “เดี๋ยวก็เมาหรอก” กวางเอ่ยทัก

   “เมาก็ดี” ปราชญ์พูดพร้อมกับยกดื่มจนหมดแก้ว

   “พวกนาย 2 คน ห้ามหนีกลับก่อนนะ ต้องช่วยเอาบ้านี่ไปส่ง!”

   กวางรีบบอกเพื่อน ลองปราชญ์ตั้งหน้าตั้งตากินเหล้าเป็นน้ำเปล่าเป็นแบบนี้เธอแบกกลับคนเดียวไม่ไหวแน่


   ปราชญ์ยกเหล้ากินไปไม่รู้กี่สิบแก้ว จากหัวเราะเริงร่า กลายเป็นเขานั่งซึม ไม่ขำเหมือนเดิม สติก็เริ่มจะขาด ๆ หาย ๆ

   พวกเพื่อนๆที่กลับก่อนรวมเงินไว้ให้ที่วิน วินเลยทำหน้าที่ลุกไปจ่ายเงิน ในขณะที่เพื่อนอีกคนลุกไปห้องน้ำ

   ปราชญ์ก็ยังคงชงเหล้ากินอยู่ เหล้าขวดที่ 4 เหลืออีกครึ่งหนึ่ง

   “พอแล้ว” กวางยื้อจับแก้วเอาไว้

   “ปล่อย” ปราชญ์ตอบเสียงเรียบ พยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือของกวาง

   “กลับบ้านกัน”

   ปราชญ์มองหน้ากวาง ด้วยน้ำตาคลอหน่วย ฤทธิ์เหล้าทำให้เขางอแงเปราะบางมากกว่าปกติ เขาดึงกวางเข้ามากอด น้ำตาที่คลอไม่ได้ไหลออกมา

   “กูไม่สำคัญเลยหรอวะ” ประโยคที่แสนปวดร้าวถูกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งลอยล่องปะปนไปในอากาศ มันฟุ้งจนคนถูกกอดแทบเบลอไปด้วย

   “สำคัญมาก สำหรับกู” หญิงสาวตอบเสียงเบา ภายในใจผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ใจเต้นสั่นระทึก ก่อนจะหลุดคำพูดออกไป ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ทำไม...ทำไมถึงไม่เป็นกู”

   ปราชญ์คลายอ้อมกอดและยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกต่อ

   เพื่อนผู้ชายสองคนกลับมาพาปราชญ์ให้ลุกขึ้น พวกเขาช่วยกันพยุงคนเมาให้เดินออกไป ส่วนกวางขอความช่วยเหลือจากพนักงานให้ช่วยเก็บสัมภาระและของขวัญของปราชญ์มาจนหมด ลำพังเธอคนเดียว ยกทั้งหมดไม่ไหว จากนั้นพวกเขาโบกแท็กซี่วนรถไปส่งปราชญ์ที่บ้าน

   
   พอมาถึงบ้าน พวกเขาก็พบว่ามันปิดแถมยังมืดสนิทคงเพราะทุกคนหลับไปหมดแล้ว กวางล้วงหากุญแจบ้านจากเสื้อผ้าคนเมา เธอเอากุญแจบ้านของปราชญ์มาไข พวกเขาค่อย ๆ เข้าไปในบ้าน ทำเสียงให้เบาที่สุด และดูลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมย

   หลังจากพาปราชญ์ไปถึงที่นอน และวางข้าวของไว้ในห้องทุกคนก็ออกมา

   “กวาง.. ให้วนไปส่งมั้ย”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูปราชญ์ก่อน เมื่อกี้มันทำท่าจะอ้วกด้วย”

   “อ่านะ เรื่องผัวเมีย”

   “วิน กูเสียหาย กูเป็นเพื่อนมันเฉยๆ” กวางพูดเสียงเครียด ความกรึ่มทำให้เธอแข็งกระด้าง และตรงไปตรงมายิ่งกว่าเดิม

   “เออ ฝากมันด้วย พวกกูกลับแล้ว”


   กวางเดินกลับเข้าไปในห้อง เจอปราชญ์นอนหมิ่นจนเกือบตกเตียง เธอถลาเข้าไปจับเอาไว้ ปราชญ์ขยับตัวช้า ๆพยายามจะลุก

   “จะไปไหน”

   “ห้องน้ำ” ปราชญ์ตอบกลับน้ำเสียงงัวเงีย เขาจับแขนหญิงสาวเป็นที่ยึด แรงของคนเมาทำให้หญิงสาวแอบรู้สึกเจ็บ เธอนิ่วหน้าให้กับแรงของคนเมา

   ปราชญ์นั่งลงกับพื้นห้องน้ำที่แห้งสนิท สองมือจับอยู่ที่โถชักโครก ทำท่าเหมือนจะอ้วก หมดสภาพชายหนุ่มหล่อเหลา หน้าตาดี

   “มึงเนี้ย ทำให้กูรู้สึกเหมือนกำลังเข้าเวรพยาบาลดูแลผู้ป่วย” กวางบ่น ขณะลูบหลังชายหนุ่มไปด้วย “แล้วเนี้ยทำไมมึงเอาแต่คิดถึงคนที่เขาไม่คิดถึงมึง... ทำไมไม่คิดถึงกูบ้าง”

   ชายหนุ่มอ้วกจนได้ ดีที่ไม่เลอะเทอะ หญิงสาวลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ มาชุบน้ำเช็ดหน้าให้

   “สบายตัวแล้วก็ไปนอนเถอะ”

   หญิงสาวพยายามประคองชายหนุ่มกลับไปที่เตียง เธอปล่อยชายหนุ่มนอนแผ่บนที่นอน ในขณะที่เธอไปนั่งอีกฝั่งของเตียง นั่งมองปรอยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอใช้นิ้วลูบไปที่แก้มของเขาเบา ๆ ก่อนจะห่มผ้าให้

   “ไม่ได้จะล่วงละเมิดหรอกนะแต่...ง่วงแล้ว” หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกฝั่ง สอดตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

   
   หญิงสาวรู้สึกตัวในตอนเช้า ว่ามีแขนคนบางคนพาดผ่านกลางลำตัว เธอหันไปมองคนข้าง ๆ ก่อนจะหลับตาลงต่อ ’อยู่แบบนี้อีกสักแปปนึงแล้วกัน’

   
   “เฮ้ย!” ปราชญ์ลืมตาขึ้นมาพร้อมอุทานออกมาเสียดัง เมื่อหมอนข้างที่เขากอด ดันกลายเป็นเพื่อนสาวคนสนิท

   “...” หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะลืมตาขึ้นมา

   “ฉันทำอะไรลงไปวะ” ปราชญ์ลุกขึ้นนั่ง เสื้อยืดของเขากองอยู่ข้างเตียง กางเกงก็เหลือแค่บ๊อกเซอร์ เขามองตัวเองสลับกับมองเพื่อนที่ยังอยู่ในชุดเมื่อคืน แต่สายเดี่ยวตกไปข้างนึงพร้อมกับผมที่ยุ่งไม่เป็นทรง

   “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้หรอ” หญิงสาวพูดขึ้นทำให้ปราชญ์ยิ่งลนลาน ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ

   “ทำอะไรวะ”

   กวางพูดพลางโชว์แขนที่เมื่อคืนถูกคนตรงหน้าจับไว้แรงจนขึ้นรอยช้ำ

   “เมื่อคืนรุนแรงมากเลยนะ” กวางพูดแหย่

   ขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับที่แขนของหญิงสาวอย่างเบามือ พร้อมความรู้สึกผิดในใจ

   “จะรับผิดชอบมั้ย” กวางโยนเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกโชน ในใจแอบลุ้นไปกับคำตอบ

   “ขอโทษนะ ฉันพร้อมรับผิดชอบ” ปราชญ์ตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “...จะรับผิดชอบเด็กในท้องนั่นเอง”

   “เดี๋ยว คิดว่าครั้งเดียวจะติดเด็กเลยหรอ มั่นใจจังนะ” พยาบาลสาวทำหน้าเอือมก่อนจะพูดตัดบทก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ “เมื่อคืนไม่มีใครบุบสลายสบายใจได้”

   “เฮ้อออออ” ปราชญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งออก

   “แกถอดเสื้อผ้าตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย ฉันหลับไปก่อนแล้ว”

   “ทำไมมานอนอยู่นี่ไม่กลับบ้านไป”

   “ก็เป็นห่วงขี้เมา ที่ทำท่าทางจะอ้วกอ่ะ อาชีพฉันมันทำให้ฉันต้องอยู่” กวางพูดไปเรื่อย ความจริงที่อยู่ก็เพราะ...

   “ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย ควรระวังตัวหน่อย”

   “ผู้ชายเมาที่ไม่มีสติ”

   ปราชญ์ส่ายหน้าพลางลุกไปหยิบเสื้อมาใส่ เขามองไปที่กองของกองเล็ก ๆ บนโต๊ะ “นั่นของขวัญเมื่อคืนหรอ”

   “ใช่ ฉันแบกมาเอง”

   ปราชญ์เดินไปหยิบกล่องบนสุดมาดู เขารู้สึกเหมือน ไม่เห็นกล่องใบนี้เมื่อคืน... การ์ดเขียนอวยพร พร้อมลงชื่อว่า ตฤน...
.
.
[ความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ เริ่มสงสารใครดี!!!]
 :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 16 ภาพติดตา

   
    “ตฤนมาหรอเมื่อคืน” ปราชญ์หยิบการ์ดขึ้นมาดูใกล้ ๆ ชื่อตฤน ลายมือตฤน แต่เขาจำไม่ได้ว่าตฤนมา

   “หือเปล่า ไม่ได้มา” กวางตอบปฏิเสธทันควัน กวางได้แต่คิดในใจ ‘ถ้ามันมาแกจะเมาเป็นหมาขนาดนั้นหรอ’

   ปราชญ์เริ่มร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดว่าตฤนอาจจะมาในตอนเช้า แล้วเห็นเขานอนกอดกับกวาง... แล้วก็อาจจะเข้าใจผิดไปแล้ว!

   “เป็นไปได้มั้ยว่าตฤนมาตอนเช้าแล้วเห็นเรา...”

   “งานเข้า”
   

   ตฤนตื่นมาแต่เช้า เขารู้สึกผิดกับปราชญ์มากที่ลืมนัด ทั้ง ๆ ที่ก็ซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าตั้งหลายวัน แต่พอถึงวันนัดจริง ๆ ดันลืม เพราะไปชนวันเกิดพี่ที่ทำงานอีกคน...

   เขามาถึงบ้านปราชญ์ ส่งเสียงเรียก กดอ็อดก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาเลยถือวิสาสะ เอากุญแจสำรองที่ปราชญ์ให้ไว้ไขประตู จะได้เซอร์ไพร์ซ เขาเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่

   ตฤนเดินไปถึงห้องนอนของปราชญ์ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปและเจอ...


   ปราชญ์กับกวางนอนกอดกันอยู่ ... ใบหน้าสวยหวานซุกอยู่กับแผ่นอกกว้าง อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้...ตฤนรู้สึกแปลก ๆ กับภาพที่เห็น ยืนมองนิ่งอยู่หลายนาที คิดไม่ออกเหมือนสมองมันหยุดทำงานไปชั่วขณะ นี่เขาเป็นอะไร รู้สึกจุกจนหายใจไม่ทั่วท้อง...แต่คิดได้ว่าไม่ควรรบกวนเวลาของพวกเขาทั้งคู่ จึงวางกล่องของขวัญไว้รวมกับกองที่มีอยู่ก่อน พร้อมเดินออกไปเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกชาและมึนงง

   ตฤนออกจากบ้านปราชญ์ แต่ก็ไม่ได้กลับไปบ้าน เขาไปนั่งเล่นอยู่ริมท่าน้ำของวัดแถวบ้าน นั่งมองน้ำที่ไหลผ่านเขาซื้อขนมปังปลามานั่งโยนให้อย่างเบื่อหน่าย ลมพัดเย็นสบาย ช่วยทำให้จิตใจของเขาหายหม่นหมอง เขาเป็นอะไรไปนะ

   

   ปราชญ์โทรหาตฤนอย่างร้อนรนเหมือนคนทำความผิด เขากลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด แม้ว่าความจริงอีกฝ่ายอาจไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้

   เสียงสัญญาณดังอยู่หลายต่อหลายครั้ง

   ปลายสายนั่งมองมือถือที่สั่นไม่หยุด เขากลัว กลัวที่จะรับ... สายแรกตัดไป ตฤนมองมือถือ คิ้วขมวดอย่างคนกำลังใช้ความคิด เขากลัวอะไร...

   มือถือสั่นอีกครั้ง ตฤนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหายใจออกอย่างแรง กลั้นใจกดรับ

   ‘ฮัลโหล ตอนนี้ อยู่ไหน’ น้ำเสียงร้อนรนพูดมาตามสาย

   “อยู่บ้าน” เขาโกหก... ทำไม

   “หรอ แล้วเมื่อเช้ามาที่บ้านหรอ”

   “อ๋อ ...อื้อ ใช่”

   “ขะ เข้ามาในห้องหรอ” ปราชญ์ถามเสียงอึกอัก

    “อื้อ”

   “มันไม่ได้มีอะไร..." …อย่างที่คิดนะ พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน

   “จริง ๆ มึงไม่น่าทำแบบนั้นเลยนะเว้ย จะกินใครก็ได้ ทำกับใครก็ได้ แต่ก็น่าจะยับยั้งใจหน่อย นั่นเพื่อนตัวเองนะเว้ย มันจะมองหน้าไม่ติดกันซะเปล่าๆ ”

   “...” คำพูดของตฤนตอกลึกเข้าไปในใจของเขา นั่นแหละที่เขากลัว ความเป็นเพื่อนที่เหมือนจะพังได้ตลอดเวลา

   “ไม่ได้ทำอะไรกันว้อย” เสียงกวางลอดเข้าไปในโทรศัพท์ “ใครจะอยากทำอะไรกับมัน เมาอ้วกแตกขนาดนั้น”

   “ฮะ?” ตฤนตอบกลับเป็นคำพูดสั้น ๆ ให้กับประโยคที่ได้ยิน

   กวางดึงมือถือไปพูดสายเอง “รู้มั้ยเพราะว่าแกไม่มา...ปราชญ์มันเลยเมา...”

   ปลายสายฟังประโยคนั้นแล้วได้แต่งุนงง เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

   “มันเมามาก แล้วมาเป็นภาระฉัน ...ถ้าแกมามันก็จะเป็นหน้าที่แกอ่ะตฤน” ประโยคที่ต่อจนจบทำให้เขาไม่รู้จะรู้สึกยังไง รู้สึกผิดที่ลืมนัด รู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปดูแล แล้วปล่อยให้เป็นภาระของหญิงสาวตัวเล็กอย่างกวาง แต่ตอนนี้เขาโล่งใจแบบไม่มีเหตุผล ...

   ปราชญ์แย่งมือถือกลับมา พร้อมกรอกเสียงลงไป “แวะซื้อยาแก้แฮงค์เข้ามาให้ด้วย”

   “เออได้” ปลายสายกดวางไป

   ปราชญ์ถอนหายใจยาว หันไปมองหน้ากวาง พลางทำหน้าจ๋อย “กวาง ได้ยินใช่มั้ย”

   “ได้ยินว่า?” กวางก้มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายลงกระเป๋า เธอลุกไปดูกระจกเพื่อจัดแต่งเสื้อผ้าทรงผมให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย

   “ทำกับใครก็ได้ แต่ก็น่าจะยับยั้งใจกับเพื่อนตัวเอง” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

   “อ๋อ ได้ยิน ... แต่ของพวกนี้มันก็มีข้อยกเว้น” กวางเว้นวรรค ขณะทาลิปที่ริมฝีปาก “ถ้าแกเป็นข้อยกเว้นนั่นได้แกก็ชนะ”

   กวางพร้อมจะเดินออกจากบ้านปราชญ์แล้ว สวยพริ้งเหมือนไม่ใช่คนเมาที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

   “แล้วนั่นจะไปไหน” ปราชญ์มองกวางที่สะพายกระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้เขา

   “กลับบ้านสิคะ ให้อยู่เป็นก้างหรอ”

   “อยู่ด้วยกันก่อนสิ ใจมันแป่วนะ” เขาอ้อนให้ที่ปรึกษาจำเป็นช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน เพราะเขาก็ทำตัวไม่ถูก

   กวางมองท่าทางของชายหนุ่มหน้าหล่ออกสามศอกที่กำลังพยายามทำท่าทางออดอ้อน เธอไม่ตอบแต่ถอดกระเป๋าสะพายไปวางบนที่นอนก่อนจะไปนั่งบนนั้น “หิว ไปหาอะไรมาให้กินหน่อย”

   ปราชญ์ลุกขึ้นออกไปหาอะไรมาให้กินอย่างว่าง่าย กวางถอนใจเฮือก นอนแผ่ลงไปบนที่นอน เธอนี่กึ่งสุขกึ่งเจ็บ ที่ปรึกษาจำเป็นอย่างเธอก็มีหัวใจนะ ถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจพูดออกไปสถานการณ์จะเปลี่ยนไปบ้างมั้ยนะ

   .

   .

   สมัย ม. 6

   โทรศัพท์แผดเสียงรียกเข้าดังสนั่น ขณะที่เจ้าของกำลังจะเข้านอน หน้าจอโชว์ชื่อปราชญ์ เธอเด้งตัวขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ ทำไมเขาโทรมา หรือเขารู้ว่าเธอแอบปลื้มเขา เธอรวบรวมสติก่อนกดรับโทรศัพท์ พร้อมกับได้ยินเสียงปลายสายที่พูดด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ

   ‘กวาง มีเรื่องจะบอก’

   “ฮะ? เรื่องอะไรหรอ” ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา ตอนนี้กลับมาทำให้เธอตื่นเต้นไปด้วย

   ‘มันอึดอัด เก็บไว้ไม่ไหวแล้วว่ะ’

   “หือ? เรื่องอะไร”

   ‘คือ คือ...’ ความอ้ำอึ้ง อึกอักของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวใจเต้นสั่นระรัว เธอพยายามฟังอย่างตั้งใจ

   “พูดชัดๆ”

   ‘...@#$%ชอบ’ หญิงสาวได้ยินชัดแค่คำว่าชอบออกมาแค่คำเดียว เธอนิ่งไป ในใจเต้นแรง คงไม่ได้มาบอกชอบเธอหรอกนะ

   “ชอบ?...อะไร”

   ‘จริง ๆ ...ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่ คือ ฉันคิดว่า...’

   “...” หญิงสาวลุ้นจนลำคอแห้งผาก

   ‘คิดว่า ชอบตฤน’

   “เฮ้ย จริงดิ” กวางตกใจ ความรู้สึกตื่นเต้นที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นกว่าเดิม คู่จิ้นที่เธอจิ้นมาตลอด แม้ว่าเธอจะเผลอปลื้มฝ่ายหนึ่งในคู่จิ้นมาก ๆ เพราะความน่ารักเป็นสุภาพบุรุษของเขา ที่มักจะช่วยเหลือเธอในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าต้องเดินริมถนนด้วยกัน เขาจะขยับไปยืนติดถนนเสมอ หรือเวลาที่เธอซื้อของมาทำงานกลุ่ม เขาก็จะมาช่วยถือ เรื่องพวกนี้มันทำให้เธอปลื้มเขาไม่ใช่น้อย

   ‘ไม่แน่ใจ...’ปลายสายเงียบไปอึกใจ ‘แต่จำได้ใช่มั้ยเมื่ออาทิตย์ก่อนที่มีคนเตะบอลใส่ตฤนแล้วมันเป็นลม นาทีนั้น มันมีแต่ความเป็นห่วง... มัน... ไม่รู้สิ’

   “รุ่นพี่มหาลัยแฟนแกล่ะ”

   ‘พรุ่งนี้ไปบอกเลิกเลย’

   “แล้วจะบอกชอบตฤนเลยหรือเปล่า”

   ‘ไม่ล่ะ ตัวฉันเองยังไม่แน่ใจเลย ไม่กล้าพอว่ะ กลัวพัง แต่ต้องบอกใครสักคน...ที่จะเข้าใจ รบกวนหน่อยนะ ยังไงขอให้มันเป็นความลับระหว่างเรานะ’

   “พูดจาหวานหู ได้จะไม่บอกใคร จะเปลี่ยนจากคู่จิ้น เป็นคู่รักเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

   ‘ขอบใจมากกวาง’

   “แล้วถ้ามีสาวๆมาบอกชอบแกตอนนี้อ่ะ จะทำยังไง”

   ‘อืม คงต้องปฏิเสธไปแหละ’

   กวางพยักหน้าเงียบ ๆ งั้นให้มันเป็นแบบนี้ไปแหละ ที่ปรึกษาก็ที่ปรึกษา ถึงเธอจะคิดแบบนั้น ถึงเธอจะคิดว่าเธอแค่ปลื้มอีกฝ่าย แต่น้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาและไหลหยดลงข้างแก้มอย่างเงียบงัน

   .

   .

   .

   “กวาง ออกมากินได้แล้ว”

   ไข่ดาวสามฟอง แฮมสามแผ่น และขนมปังทาเนย 3 แผ่น

   “มีแค่เนี้ย” กวางมองของกินบนโต๊ะอาหาร จำนวนอย่างละสาม ก็คือทำเผื่อตฤนเรียบร้อย

   “ก็มันมีแค่นี้ รองท้อง”

   “ว่าแต่คนอื่นในบ้านอ่ะ”

   “ไปทำงานกันหมด พ่อกับแม่ไปดูงานต่างประเทศ พี่ไปดูงานต่างจังหวัด เมื่อวานพอทำบุญวันเกิดฉันด้วยกันตอนเช้า ตอนเย็นก็บินไปเลย”

   “มีแกคนเดียวที่ขี้เกียจ นอนสบายอยู่บ้าน” กวางพูดแซวก่อนจะเริ่มลงมือตักของกินใส่จานย่อย

   “เคลียงานหมดแล้วต่างหาก อีกสักพัก ก็คงต้องไปเหมือนกัน” ปราชญ์พูดก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไข่แดงให้แตก

   “ปราชญ์นักเจาะไข่แดง”

   “แกพูดมันดูน่ากลัว อย่างกับไม่ได้หมายถึงไข่ดาว”

   “แล้วจะหมายถึงอาไร้” กวางพูดตอบกลับเสียงสูง

   ทำให้ปราชญ์อดที่จะเอื้อมมือไปแกล้งผลักหัวเพื่อนสนิทไม่ได้

   “เล่นหัวผู้ใหญ่เดี๋ยวเถอะ” ถึงจะพูดบ่นแบบนั้นแบบนี้ แต่กวางก็ชอบให้เขาแกล้งเธอแบบนี้

   เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น เรียกความสนใจจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

   ปราชญ์ผุดลุกเดินไปที่ประตูทันที

   ตฤนเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังสองถุงใหญ่

   “สวัสดี” ตฤนเอ่ยทัก แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย

   “สวัสดี” ปราชญ์ทักเสียงสดใส แต่ก็แอบงุนงงกับท่าทางของคนตรงหน้า ที่เอาแต่หลุบตามองต่ำ ไม่สบตาเขาสักที “เอาของมานี่สิ”

   ตฤนส่งถุงในมือให้เขาถุงนึง เขารู้สึกแปลก ๆ ไป แต่ก็ไม่กล้ามองสบตาอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

   ปราชญ์เดินนำกลับเข้าไปในครัว กวางหันมามองชายหนุ่มที่เดินกลับมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง เขายิ้มกว้างยกโชว์ถุงของกินให้กวางดู

   “รอดตายแล้ว” กวางพูดพร้อมกับปรบมือ

   ตฤนเดินตามเข้ามา ยิ่งเห็นทั้งคู่ เขากลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ บางอย่างบอกเขาว่า มีอะไรเปลี่ยนไป ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ทั้งสองคนนั้น แต่คือเขา คือตัวเขาเอง...

   “สวัสดีกวาง” ตฤนเอ่ยทักหญิงสาว เธอแตกต่างจากที่เห็นเมื่อเช้า เสื้อผ้าที่ไม่หลุดลุ่ย ผมเรียบและใบหน้าที่มีสีสัน

   “ตฤนมาก็ดี ทำไมเมื่อเช้าไม่ปลุกเพื่อน” กวางพูดออกมาเหมือนเมื่อเช้าเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนภาพที่เพื่อนเห็น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเพื่อนที่นอนข้างกัน

   ตฤนอึกอักเมื่อโดนถามแบบนั้น เขาไม่คิดว่ากวางจะพูดถึงมัน หรือถามออกมาแบบนี้ ตฤนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบออกไป

   “ก็เห็นกำลังหลับสบายกันอยู่”

   กวางพยักหน้ารับคำตอบ

   “เมื่อคืนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก มีแค่ปราชญ์ที่เมาแล้วก็อ้วก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติปนกลั้วหัวเราะ

   ปราชญ์ที่กำลังหันหลังเทอาหารอยู่ตรงเคาเตอร์ ถึงกับหันมามองทั้งสองคนที่เหมือนจะนินทาเขา

   “ถ้าเมื่อคืนเปลี่ยนจากฉันเป็นแกก็ไม่แน่ อาจจะมีอะไร...”


 เคร้ง


   เพราะกวางพูดประโยคที่ไม่เข้าท่า ทำให้ปราชญ์สะดุ้งถึงกับปล่อยจานสแตนเลสเปล่าในมือตกลงพื้น

   “ใส่ซาวด์ทำไม เล่นตลกอยู่หรอ”

   “กวาง” ปราชญ์ส่งสียงปรามเบา ๆ ก่อนจะก้มลงเก็บจานแล้วหันหลังให้ทั้งคู่

   กวางหัวเราะเบา ๆ กับน้ำเสียงปรามของเพื่อน เธอรู้ว่าปราชญ์อยากได้ยินอะไร เธอก็เลยเตรียมจะซักต่อ แล้วก็รู้ว่าตฤนกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไงมากกว่าที่ตฤนรู้เกี่ยวกับตัวเองตอนนี้ซะอีก

   “เมื่อวานไปไหนมาฮะ”

   ปราชญ์ทำเป็นไม่สนใจ มือไม้วุ่นวาย แต่ก็แอบตั้งใจฟังเต็มที่

   “วันเกิดพี่ที่ทำงาน มันชนพอดี” ตฤนพูดออกมาเบา ๆ เขาก็กลัวว่าปราชญ์จะโกรธเหมือนกัน “ปราชญ์ กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย คือ...ลืมแค่เมื่อวานวันเดียว... กูซื้อของขวัญเตรียมไว้แล้ว” ตฤนพูดติด ๆ ขัด ๆ

   ปราชญ์เดินถือจานใส่อาหารมาวางตรงหน้า

   “ก็น่าจะโทรมาหน่อย”

   “ก็เมื่อวานลืม วันนี้ถึงได้รีบมาไง” ตฤนยังคงหลบสายตาปราชญ์อยู่เขาเพ่งมองไปที่ของกินที่เขาซื้อมา

   “จูบกันไปเลยจะได้จบ แบบแฮปปี้เอนดิ้ง” กวางแซวให้กับภาพตรงหน้า ตฤนที่พูดโดยไม่สบตาปราชญ์ กับปราชญ์ที่ยืนโน้มตัวเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย รังสีความวายพุ่งจนเธอก็แยกไม่ออกว่าตัวเองควรจะฟินหรืออึดอัดเสียใจ เดี๋ยวพอทั้งคู่สมหวังแล้ว เธอคงต้องหนีไปบวช ทำสมาธิ จัดการกับจิตใจที่วุ่นวายของเธอ

   “เลิกให้ฉันเป็นตัวละครในนิยายแกได้แล้ว” ตฤนพูดก่อนจะหยิบของกินเข้าปาก

    ปราชญ์ขยับตัวออก เขาเดินไปที่ห้องนอนก่อนจะหยิบกล่องของขวัญของกวางกับตฤนออกมา

   “ให้อะไรมา”

   ปราชญ์แกะกล่องของกวางก่อน มันเป็นเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม เขายกมาเทียบกับตัว

   “ใส่ได้มั้ย” กวางมองเสื้อแล้วคาดว่าน่าจะใส่ได้พอดีตัว

   “ใส่ได้แหละ” เขาลองสวมมันลงไป “เอ้อ พอดีเลย”

   ปราชญ์แกะกล่องอีกใบ เสื้อกันหนาวสีดำลายดอกไม้ มีฮู้ด แบบที่เขาไม่ชอบ... ใบหน้าแสดงออกมาทันทีในวินาทีที่เห็น

   “ทำหน้าแบบที่กุคิดเลย” ตฤนพูดออกมาเมื่อเห็นใบหน้าแหย ๆ

   “ทำหน้าอะไร”

   “หน้าแหย ไม่ชอบเดี๋ยวเอาไปใส่เอง” ตฤนทำท่าจะดึงเสื้อกลับ แต่ปราชญ์ไม่ยอมปล่อย

   “มันเรื่องอะไร ให้แล้วให้เลย” ปราชญ์รีบสวมเสื้อกันหนาวตัวใหม่ทันที ทำหน้าภาคภูมิใจกับเสื้อ ถึงปกติเขาจะไม่ชอบ แต่สำหรับเสื้อตัวนี้ เป็นข้อยกเว้น

   “คืนได้นะ ไม่ต้องใส่หรอก ชอบหรอไง” ตฤนถามออกไปอย่างคนไม่ได้คิดอะไร

   “เอ่อ...” ปราชญ์อึกอักพลางทำใจกล้ามองสบตาอีกฝ่ายนิ่ง หัวใจเต้นรัวเร็วจนแทบหลุดออกไปข้างนอก เขาหวังให้ดวงตาช่วยสื่อความหมายในสิ่งที่เขาอยากพูด “ตฤนกูน่ะ ชอบ...”



   ...ชอบคนให้ “ชอบเสื้อตัวนี้มาก ๆ เลย”



.

.

.[ปราชญ์!!!!!!!! ชอบเขาก็บอกเขาไปสิว้อยยยยย]
 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 17 ความเคยชินที่ต้องมีนาย

   
   ตฤนไปทำงานโดยมีปราชญ์ คอยไปรับ ไปส่งบ้างเกือบทุกวัน ถามว่าสบายมั้ยก็สบายสะดวกมาก แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ ที่มันคอยมารับมาส่งอยู่ตลอด มันว่างหรือยังไงไม่รู้ อย่างกับผมเป็นแฟนกับมันอย่างไรอย่างนั้น อย่างวันนี้ มันก็ตื่นมาส่ง

   “ตฤน กินข้าวยัง” ปราชญ์ทักขึ้นเมื่อเขานั่งประจำที่เรียบร้อย

   “ยังว่ะ”

   “เอานี่” ปราชญ์ส่งถุงขนมให้ตฤน แซนวิชที่เขาทำ

   ตฤนมองถุงก่อนจะรับมาเปิดดู กลิ่นหอมของขนมปัง ไก่แล้วก็ชีส

   “ขอบใจ หอมดีว่ะเอามาจากไหน”

   “ทำเองกับมืออร่อยแน่นอน กินเลยดิ”

   ตฤนไม่รีรอ หยิบแซนวิชขึ้นมากิน เขานั่งเคี้ยวแซนวิชตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย รสชาติอร่อยใช้ได้เลย นี่ตัวเขาเป็นคุณหนูหรือเปล่า ทั้งรับส่ง ทั้งทำอาหารเช้ามาให้ เขากำลังจะเคยชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วนะ

   “อร่อยดีว่ะ” ตฤนพูดทั้งที่ยังเคี้ยวแซนวิชไม่หมด

   “แน่นอน” ปราชญ์ที่ตั้งใจขับรถก็เหลือบมองตฤนเป็นระยะ ๆ เขามองตฤนด้วยความเอ็นดู เห็นอีกฝ่ายกินของที่เขาทำอย่างมีความสุข เขาก็รู้สึกดี ...

   “มึงกูว่า กูกำลังจะเคยชินที่มีมึงมาส่งทุกวัน ๆ แล้วว่ะ...”

   “...” ปราชญ์นิ่งรอฟัง

   “ถ้าอีกหน่อยมึงไม่ว่างมาส่งกู...” ความคิดบางอย่างแว่บเข้ามา... ‘กูต้องเหงาแน่ ๆ เลยว่ะ’ แต่ตฤนไม่คิดจะพูดความรู้สึกนั้น... “กูต้องเปลืองค่ารถมาก ๆ แน่เลยว่ะ”

   ปราชญ์ยิ้มขำ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ...

   
   เมื่อมาถึงที่ทำงาน กิจวัตรเดิม ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น เขานั่งคิดวางตารางว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เวลาหมดไปกับการเคลียร์งาน ในขณะที่คนสอนงานของเขาก็ยุ่งเหมือนทุกที

   “ตฤน เดี๋ยววันนี้พี่จะสอนงานเพิ่มนะ ตอนบ่ายเตรียมตัวให้ดี” วริษฐ์ยืนขึ้นทักทายเขาจากฝั่งตรงข้าม เขาพูดพลางส่งยิ้มเจิดจ้ามาให้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   “ครับพี่”

   ช่วงใกล้เวลาพัก ตฤนเปิดมือถือขึ้นมาเช็ค มันขึ้นแจ้งเตือนว่าปราชญ์ส่งข้อความมาหาเขา ตั้งหลายข้อความ

   ‘ตฤน เดี๋ยว สิบเอ็ดครึ่งจะมีคนโทรหานะ

   กูส่งของไปฝากรับหน่อย (สติ๊กเกอร์รูปหมีถือจดหมาย)’

   “ส่งมาหากุทำไม ไม่ส่งเข้าบ้านมึงอ่ะ” เขาพิมพ์ตอบข้อความปราชญ์ไปทันทีด้วยความสงสัย จะส่งมาที่ทำงานเขาทำไม ในเมื่อตัวเองก็ว่างอยู่บ้าน

   ‘เออน่า’ ปราชญ์ตอบกลับมาในทันที แสดงให้เห็นว่าเขาว่างที่จะรอตอบคน ๆ นี้มากแค่ไหน

   โทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนว่ามีคนโทรหาเขา

   “สวัสดีครับพี่”

   ‘น้อง พี่มาถึงแล้ว ให้ขึ้นลิฟต์ไปส่งให้เลยใช่มั้ย’

   “ครับพี่ เดี๋ยวผมไปรับหน้าประตู”

   ‘ครับ’

   พนักงานส่งของโทรมาแจ้งว่ามาถึงแล้ว ตฤนเลยเดินออกไปรับของที่ด้านหน้า ของอะไรนะที่ปราชญ์ส่งมา เขาเห็นพนักงานชุดเครื่องแบบสีม่วงที่คุ้นตา เดินมาพร้อมถุง

   “พี่ครับ” ตฤนเอ่ยทักทันที ดูจากเวลา คนที่มาส่งก็น่าจะคนนี้

   “น้องตฤนใช่มั้ย” พนักงานชุดเครื่องแบบสีม่วง เรียกชื่อออกมาได้ถูกต้อง ก็แปลว่าถูกคน

   “ครับ”

   พนักงานยื่นถุงมาให้ ถุงไม่ใหญ่ มีตราสกรีนชื่อร้านอาหารที่ดูคุ้นตาให้เขาก่อนจะกลับออกไป ตฤนมองถุงในมือด้วยความสงสัย จะส่งอาหารมาให้เขาทำไมวะ แล้วกว่ามันจะได้กินก็ดึกแล้ว จะอร่อยหรอวะ

   ตฤนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาปราชญ์ทันที

   “ฮัลโหล ปราชญ์ ส่งของกินมาทำไม”

   ‘ทำไม ถามอะไรแปลก ๆ ส่งของกินให้ ก็ให้กินไง’

   “จะให้กูกินหรอ มาให้กูทำไม”

   ‘อยากให้ แค่นี้นะ กินให้อร่อย’

   ปราชญ์พูดจบก็กดวางตัดสายไปทันที ทำให้ตฤนที่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของของกิน แต่ไม่เข้าใจในตัวปราชญ์ที่เอาแต่ทำตัวแปลก ๆ เขาได้แต่เกาหัวพลางถือถุงของกินกลับไปที่ห้อง  ...แต่ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก บนริมฝีปากของเขาก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า ขณะสายตาจับจ้องมองถุงที่ถืออยู่... เขาเป็นบ้ายิ้มให้ถุงของกิน

   
   ช่วงบ่ายตฤนนั่งทำงานโดยมีวริษฐ์ประกบอยู่ข้าง ๆ สอนให้เข้าเว็บนั้นเว็บนี้ เพื่อค้นหาใบสมัคร และสอนการดูคุณสมบัติของพนักงาน คอยสอนนั่นนี่ให้ โดยมีตฤนพยายามจะจดตาม เขาเกรงว่าถ้าไม่จดก็จะลืม

   “วริษฐ์คะ ผู้สมัครมาแล้วนะ รีเซฟชั่นโทรมาบอก” วาเนสซ่าขยับตัวขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อแจ้งข้อมูลให้วริษฐ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ทราบ

   "ขอบคุณครับ" วริษฐ์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปบอกกับตฤน พร้อมทั้งแตะไหล่เขาเบา ๆ "ตั้งใจอ่านไปก่อนเดี๋ยวพี่มา"

   "ครับพี่" ตฤนมีอะไรต้องเรียนรู้มาก ๆ ชุดข้อมูลความรู้พุ่งเข้ามาชนเขาจนเขามึนงง เขาจะใช้ช่วงเวลาที่คนสอนงานไม่อยู่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจและจัดการระเบียบความคิดใหม่

   สักพักทั้งห้องก็เหลือแค่เขากับบุ้ง ที่เป็นน้องเล็กสุดเฝ้าห้อง ส่วนคนอื่นก็แยกย้ายไปทำงานทั้งออกนอกบริษัท ไปเยี่ยมพนักงาน ไปประชุม และทำงานอื่น ๆ

   "บุ้ง ปกติก่อนจะมีพี่ เราเหลือคนเดียวหรอ"

   "บ่อยเลยแหละ แต่ก็สบายดี" บุ้งพูดพลางหยิบขวดน้ำยาทาเล็บขึ้นมาโชว์ ก่อนจะนั่งทา

   ตฤนเข้าใจดี เวลาไม่มีใครอยู่ ก็จะต้องอู้สักนิดสักหน่อย

   วาเนสซ่าเดินกลับมาด้วยความหงุดหงิด ผลักประตูกระจกอย่างแรง เธอหงุดหงิดโมโหจากเรื่องส่วนตัว พอเธอหันมองในห้อง ก็พบกับสายตาของเด็กสองคนบุ้งกับตฤน ยิ่งเห็นหน้าตฤนเธอยิ่งโมโห

   "พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ตฤนถามเมื่อสบตากับวาเนสซ่าที่อารมณ์คุกรุ่น

   "ไม่มีอะไร" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่มีความไม่พอใจเคลือบแฝงอยู่ เธอวางของก่อนจะหยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกไปจากห้อง

   "เค้าเป็นอะไรของเค้านะตกใจหมด" บุ้งพูดขึ้นหลังจากวาเนสซ่าเดินออกไป

   ตฤนทำได้แค่สั่นหัวตอบ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

   วาเนสซ่าเดินกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยท่าทาง อารมณ์ดีกว่าเดิม ส่วนตฤนลุกขึ้นจะไปเอาเอกสารที่สั่งปริ้น พอดี

   "ตฤนทำอะไรอยู่หรอ"

   "พิมพ์เอกสารครับ"

   เธอเดินเข้ามาใกล้ และสะดุดขาตัวเอง กาแฟร้อน ๆ หกรดราดแขนของชายหนุ่ม ตฤนสะบัดแขนทันที ด้วยความร้อน "โอย" พลางร้องครางเบา ๆ เพราะความแสบร้อน ทำให้ผิวขาวเป็นรอยแดง

   "บุ้งเอาน้ำเย็นมาหน่อย" วาเนสซ่าเรียกอีกคนเสียงดัง มือก็จับยึดแขนตฤนไว้

   บุ้งคว้าขวดน้ำบนโต๊ะ ก่อนจะรีบวิ่งพลางส่งขวดน้ำเย็นส่งให้ วาเนสซ่าดันถังขยะมารองข้างล่าง ก่อนจะเทน้ำเย็นราดลงไปบนแขน ตฤนรู้สึกดีขึ้น

   "ทำอะไรกัน" วริษฐ์เปิดประตูเข้ามาเจอสถานการณ์แปลก ๆ พอดี ๆ

   "ฉันทำกาแฟลวกแขนน้อง" วาเนสซ่าตอบเสียงเบา

   วริษฐ์วางของก่อนจะคว้าแขนของตฤนมาดู รอยแดงเป็นปื้นปรากฎชัดบนผิวขาวเนียน

   "วันนี้มีหมอมา ไปหาหมอให้เขาดู" วริษฐ์ จับข้อมือข้างที่ไม่เจ็บให้อีกฝ่ายเดินตามออกไป
   
   วาเนสซ่ามองตาม จากนั้นเธอกดแจ้งให้แม่บ้านมาทำความสะอาด ก่อนลุกออกไปเดินเล่นดาดฟ้าคลายเครียด เธอมองเหม่อออกไปไกลแสนไกล... ตอนที่เขากับเธอเริ่มมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นที่นี่

   จูบกลิ่นควันบุหรี่ จูบที่มัวเมาเธอ ให้หลงใหลได้ปลื้ม

   เมื่อกี้เธอกับเขาช่วยกันเก็บเอกสารผู้สมัครในห้องที่ลับตา เธอเป็นฝ่ายเข้าไปจูบและเชื้อเชิญเขา
   
   "คืนนี้ว่างมั้ยคะ ฉันอยาก..." พูดไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมา

   "วันนี้ผมไม่มีอารมณ์"

   
   เธอเคยเป็นคนใหม่ที่เขาต้องการ ที่เขาสนใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังจะกลายเป็นคนเก่า เหมือนกับคนก่อนๆ

   "ตอนนี้มีอารมณ์แค่กับผู้ชายหรอไง"

   สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉย แต่ดวงตามีประกายโมโห

   "เรื่องของผม เธอไม่ต้องมายุ่ง" ชายหนุ่มรวบเอกสารทั้งหมดก่อนจะเดินก้าวเท้ายาวๆผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่ใยดี

   ช่วงนี้เขาเอ็นดูเด็กใหม่อย่างตฤนเหลือเกิน ดูแลจนหน้าหมั่นไส้ ผู้ชายอย่างเขา ใครก็ได้สินะที่เขาให้ความสนใจ

   วาเนสซ่านึกถึงกาแฟแก้วนั้น เธอตั้งใจให้มันหกออกมาแค่นิดเดียว แต่กลับขยับเเรงเกินไปทำให้ลวกเยอะขนาดนั้น ผิวขาวจัดขึ้นสีแดงชัดเจน ผลงานของเธอมันฟ้องชัด ทั้งที่เธอก็ไม่ได้จะใจร้ายแบบนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออิจฉา

   เธอยืนรับลมไอร้อนปะทะเข้าที่หน้า เธอได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ และรู้สึกว่ามีใครบางคนมาที่ข้างหลัง เสียงฝีเท้าทำให้เธอหันไปดู และพบว่าเป็นคนที่เธอนึกถึง ในใจเธอรู้สึกประหลาด ดีใจที่พบหน้า แต่ก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอ เขาคาบบุหรี่ไว้ในปากขณะเดินเข้ามาใกล้ ท่าทีดูคุกคาม จนเธอเผลอถอยหลังจนชิดกำแพง มือหนายกขึ้นมาจับใบหน้าเธอด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว แล้วออกแรงบีบเบา ๆ

   "ตั้งใจใช่มั้ย"

   "อะ อะไร"

   "กาแฟที่หกใส่แขนตฤน"

   "ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" เธอปฏิเสธเสียงสั่น ดวงตาคู่สวยฉายแววสั่นระริก เพราะดวงตาคมกริบของเขาน่ากลัว

   วริษฐ์ใช้มืออีกข้างคีบบุหรี่ออกจากปาก จากนั้นประทับริมฝีปากลงไป บดขยี้ริมฝีปากของหญิงสาว ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างอุกอาจ 

   จูบกลิ่นบุหรี่... เหมือนตอนนั้น

   แต่รุนแรงจนหายใจไม่ทัน

   เขาผละออก ดวงตาคมจับจ้องเธอ ก่อนจะพูดคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ

   "ถ้าเธอต้องการ ผมจะทำให้ แต่อย่าไปยุ่งกับตฤนอีก"

   หญิงสาวแค่นยิ้ม "หลงของใหม่"

   "ของใหม่น่าลองเสมอ เธอก็เคยเป็น" วริษฐ์พูดคำพูดร้ายกาจด้วยสีหน้าเรียบเฉย

   คำว่า'เคย' ที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำเอาเธอสะอึก มันทิ่มแทงใจของเธอเหลือเกิน

   วริษฐ์เดินจากไปทิ้งวาเนสซ่าให้ยืนจมอยู่กับความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

    ตฤนนั่งทำงานโดยมีเจลเย็นแปะอยู่บนแขน มันไม่เจ็บมาก คงเพราะว่า พอโดนกาแฟร้อน ๆ ลวก พี่วาเนสซ่าก็ล้างด้วยน้ำเย็นให้ทันที พอไปหาหมอ เขาก็ทำแค่ล้างน้ำ แล้วก็ส่งเจลเย็นมาให้แปะ มันลวกไม่รุนแรงนัก

   ไม่นานวริษฐ์เดินกลับเข้ามาหาตฤน เขานั่งลงข้าง ๆ เตรียมจะสอนงานต่อ ปกติเวลาเขาไปสูบบุหรี่ เขาจะเดินอ้อยอิ่งให้กลิ่นมันจางไปมากที่สุด แต่วันนี้ เขากลับอยากรีบกลับมาดูคนเจ็บ

   ตฤนที่นั่งข้าง ๆ ได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ ออกมาจากวริษฐ์

   “พี่สูบบุหรี่มาหรอครับ”

   “อื้อ ได้กลิ่นชัดเลยหรอ” วริษฐ์พูดพลางก้มลงดมเสื้อตัวเอง

   “ใช่พี่”

   “โทษทีนะ”

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมก็ไม่ได้แพ้กลิ่นมัน” ตฤนพูดพลางก้มหัวน้อย ๆ อย่างนอบน้อม

   วริษฐ์เริ่มสอนงานอีกครั้ง สอนไป ก็ดูไป ถามย้ำว่าน้องเข้าใจอย่างถูกต้อง เขาเฝ้าดูตฤน จดข้อมูลต่าง ๆ อย่างขะมักเขม้น ความตั้งใจ ทำให้คนข้าง ๆ ดูน่าเอ็นดู ...

   
   “เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่งนะ” อยู่ ๆ วริษฐ์ก็พูดขึ้นมา

   “ไม่เป็นไรพี่” ตฤนรีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากรบกวนพี่วริษฐ์อีก นี่เขารบกวนพี่แกบ่อยจนรู้สึกเกรงใจแล้ว

   “ให้พี่ไปส่งเถอะ เราแขนเจ็บนะ”

   “ผมกลับได้ จริง ๆ”

   “พี่จะไปส่งเรา ห้ามขัด” วริษฐ์พูดย้ำอีกครั้ง แถมยังมองจ้องเขานิ่ง จนเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

   “ครับ” คำตอบรับเสียงอ่อยของตฤน ทำให้วริษฐ์ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นลูบหัวของตฤนเบา ๆ

   โทรศัพท์เด้งเตือน ปราชญ์ส่งข้อความมาหาอีกครั้งขณะที่ตฤนนั่งอยู่บนรถของวริษฐ์

   ‘วันนี้กลับยังไง’

   “พี่ที่ทำงานไปส่ง”

   ‘พี่คนไหน’

   “พี่วริษฐ์ที่มึงเคยเจอไง”

   ‘ไอ้บ้านั่น(สติ๊กเกอร์รูปหมีเขวี้ยงโทรศัพท์)’

   “ทำไมต้องหยาบวะ”

   ‘เหอะ ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’

   “เออ ทำตัวเป็นพ่อไปได้”

   ตฤนพิมพ์ตอบ ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋า

   วริษฐ์มาส่งเขาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เขาก้มหัวขอบคุณก่อนจะเผ่นเข้าบ้าน เป็นเขานี่ก็ดีเหมือนกันนะ เช้ามีคนมารับ ได้กินข้าวเช้าฟรี ส่งอาหารกลางวันมาให้ฟรีอีก แถมตอนเย็นก็มีคนมาส่งอีก ... มีแต่คนทำดีกับเขา แบบนี้ก็ดีแหละประหยัดเงิน

   ตฤนพิมพ์ข้อความหาปราชญ์ตามคำขอ “ถึงบ้านแล้ว สบายใจได้”

   
   ปราชญ์เปิดดูข้อความ คิ้วขมวดเล็กน้อย วริษฐ์นี่ มันต้องพยายามมาจีบตฤนแน่ ๆ บ้าเอ๊ย!

   “พรุ่งนี้ไปส่งนะ”

   ‘อื้อ’

   “เย็นพรุ่งนี้ว่างมั้ย”

   ‘วันศุกร์ ก็ว่างแหละ’

   “ไปดูคอนเสิร์ตกัน ได้บัตรฟรีมา” บัตรฟรีของตฤนที่ปราชญ์ใช้ตังซื้อมา

   ‘ได้ดิ เจอกัน’

   “เจอกัน(สติ๊กเกอร์หมีนอนกลิ้งบนที่นอน)” ปราชญ์พิมพ์ตอบไป วันนี้เหมือนจะไปได้สวย ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามทำคะแนนมาตลอดทั้งวัน แต่มาพลาดในตอนจบ พรุ่งนี้เขาจะพูดย้ำไว้ก่อนตั้งแต่เช้า ว่าจะไปรับ เพื่อพาไปดูคอนเสิร์ต ใครหน้าไหนที่จะเสนอหน้ามาส่ง ปฏิเสธไปให้หมด!!!

   .

[ตฤนนนนนน รู้สึกอะไรรรรร รู้สึกอะไรฮะะะะะะ จงชินซะ
จะได้ชอบอีกฝ่ายแบบที่อีกฝ่ายชอบสักที
 :-[
ปราชญ์ก็คือหึงหวงแหละ แต่ออกตัวไม่ได้
 :o12: :z6:
]

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ปราชญ์ก็ช้าเกินหมาจะคาบไปแดกแทนละ งุ้ยยย ขัดใจ

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป...



   ---แนะนำให้ฟังเพลงเผลอไป-เเทคทูคัลเลอร์ไปด้วยเพื่อเสริมสร้างอรรถรส---



   “พี่ตฤนหอบอะไรมาเยอะแยะ” ตฤนเดินถือถุงพลาสติกหลายใบเดินเข้ามาในห้อง บุ้งทักทายก่อนเป็นคนแรก

   “ขนม กับข้าวกลางวัน” นอกจากปราชญ์จะมาส่งเขา มันยังเตรียมขนมกับข้าวกลางวันให้เขาด้วย... ไอ้พวกร่ำรวยเงินเหลือเอ้ย!!!

   จากนั้นตฤนก็พูดทักทายพี่ ๆ ทุกคน ก่อนจะนั่งประจำที่เช่นทุกครั้ง

   วริษฐ์ยืดตัวขึ้นมองตฤน รอยที่แขนจางไปแล้ว แต่รอยเล็บที่หลังของเขายังแสบน่าดู วาเนสซ่า เหมือนจะทั้งรักทั้งชังในตัวเขา เมื่อวานตอนเย็นเขาจัดไปให้ตามความต้องการของเธอ แต่เธอทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขาจนเป็นรอยแดง ผู้หญิงที่หึง และคิดว่าตัวเองสำคัญพอจะมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา บางทีนี่ก็น่ารำคาญนะ... เขาลอบมองใบหน้าเนียนที่ขยับจัดนู้นนี่เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานวันนี้ น้องมันน่ารัก...เขาจะต้องหาทางลองของใหม่ให้ได้...
   

   วริษฐ์ มักมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวตฤน จะด้วยสอนงาน หรือมาแหย่เล่นก็ตาม

   “น้องตฤน วันนี้ไปกินข้าวกับพี่มั้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง แล้วไปส่งเราที่บ้าน” วริษฐ์พูดขึ้นขณะดูน้องนั่งพิมพ์งาน

   “วันนี้ไม่ว่างครับพี่ ขอโทษด้วยครับ” เขาตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

   วริษฐ์พยักหน้าเข้าใจ ‘ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็เจอกัน’ เขาคิดในใจ ก่อนลุกขึ้นยืน วางมือหนาลงที่บ่าของตฤน เขาตบมันเบา ๆ ก่อนจะเดินอ้อมกลับไปนั่งประจำที่

   
   ช่วงเย็นปราชญ์มารับตฤนที่ทำงานตาม เวลานัดหมาย ไม่มีวริษฐ์หรือใครหน้าไหนมาแทรกกลาง เขาเพ่งมองแขนขาว ๆ ที่กำลังจับเข็มขัดนิรภัย มันมีรอยแดงเล็ก ๆ มันเหมือนจะเป็นแค่รอยจาง ๆ

   “แขนตรงนั้นมันแดง ๆ มั้ยวะ” ปราชญ์ทักขึ้นทันที

   “เมื่อวานโดนน้ำร้อนลวกนิดนึง”

   “ฮะ! ทำไมไม่บอก!” ปราชญ์ส่งเสียงดังขึ้นมา

   “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องวะ แค่น้ำร้อนลวกเนี้ย” ตฤนพูดพลางยกแขนให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ “เนี้ยมันแค่นิดเดียวเอง”

   “เออ ก็กู...เป็นห่วงนี่หว่า” ปราชญ์พูดเสียงอ้อมแอ้ม ๆ

   “ข้าวกลางวันอร่อยดีนะ” ตฤนเปลี่ยนเรื่องพูดดื้อ ๆ หน้าตาเฉย

   “อื้อ กำลังฝึกฝีมืออยู่”

   “ตั้งใจจะทำได้ทุกอย่างเลยหรอไงวะ เป็นมิสเตอร์เพอร์เฟคหรอ” ตฤนบ่นขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ถ้ามันจะเก่งจะดีทุกอย่างขนาดนี้ล่ะก็นะ

   “ก็คอยชิมให้หน่อยแล้วกัน”

   “ให้เป็นหนูทดลองชัด ๆ ” ตฤนส่ายหน้าอ่อนใจ ขณะรถค่อย ๆ เคลื่อนไป

   

   “แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ ว่างมั้ย”ปราชญ์เอ่ยถามคนข้าง ๆ

   “ไม่ว่างว่ะ” ตฤนตอบทันควัน ไม่มีคิดทบทวนอะไร

   “ไปไหน” ปราชญ์ที่ตั้งใจจชวนตฤนไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แต่รู้สึกผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายดันมีนัด เขารู้สึกเหงาหงอยอยู่ข้างใน ว่าจะชวนไปทะเล

   “ไปเที่ยวกับที่ทำงาน”

   “ไปที่ไหน” ปราชญ์ถามซ้ำ ถ้าไปกับที่ทำงานก็คงมีวริษฐ์ด้วย นึกหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว

   “ไป..เอ่อ ลืมว่ะ” ตฤนค้นกระเป๋าตัวเอง หยิบกระดาษขนาดครึ่ง A4 ออกมา มันเป็นโปรแกรมเที่ยว เขากำลังจะอ่านแต่ปราชญ์ดึงจากมือไปก่อน

   ตฤนทำหน้าไม่พอใจที่ถูกดึงกระดาษออกไปจากมือ

   รถติดพอดี ปราชญ์เลยหยิบกระดาษมาอ่านหลายละเอียด เขาจดจำมันเอาไว้ เพราะเขาตั้งใจจะตามไป...

   

   ปี้นนนน

   เสียงแตรรถคันข้างหลังบีบไล่ปราชญ์ ที่ไฟเขียวแล้วก็ยังไม่ออกตัว 

   “รู้แล้วว้อย แม่ง ไม่กี่วิรอไม่ได้ไงวะ” ปราชญ์สบถเกรี้ยวกราดออกมา

   “โวยวายทำไม เมิงผิด” ตฤนพูดพลางส่ายหัว เขาดึงกระดาษกลับมาเก็บใส่กระเป๋า

   ปราชญ์เงียบไปพลางคิดว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังในวันพรุ่งนี้ จะตามดูไม่ให้คาดสายตาเลย

   
   พวกเขาฝ่ารถติดจนมาถึงที่จัดคอนเสิร์ต รถติดหนึบเป็นช่วง ๆ กว่าจะมาถึงคอนเสิร์ตก็เริ่มไปแล้ว คนเยอะมาก ทั้งวัยรุ่นเด็ก ๆ ไปจนถึงวัยทำงาน ดนตรีมันไม่ได้จำกัดอายุ ปราชญ์ส่งบัตรเข้างานให้พนักงานตรวจ พอผ่านประตูเข้าไป เขาก็ถือโอกาสคว้าข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน ผู้คนเบียดเสียด ตฤนก็ไม่ได้โวยวายอะไรที่ถูกจับแขน เพราะคนเยอะจริง ๆ กลัวหลง เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงเดิน เมื่อได้ที่พอเหมาะพวกเขาก็ยืนดูคอนเสิร์ต เสียงเพลงสนุกสนาน พาให้ทั้งคู่กระโดดโยกหัวโยกตัวสนุกไปด้วยกัน

   เพราะคนเยอะแอร์เลยสู้ไม่ไหว เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของทั้งคู่ ไม่ต่างจากรอยยิ้มที่ฉายชัดว่าทั้งคู่กำลังมีความสุขและสนุกอยู่กับมัน

   พลั่ก

   คนอื่น ๆ ก็สนุกมากเหมือนกัน ข้างหลังกระโดดเเรงจนเสียหลักพลาดมาชนหลังตฤน จนเซหน้าทิ่มไปข้างหน้า ดึงที่ปราชญ์คว้าแขนไว้ได้ทัน

   "ขอโทษครับๆ" ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มหัวขอโทษ

   "ไม่เป็นไรครับ" ตฤนตอบกลับใบหน้ายิ้ม แม้จะรู้สึกเจ็บที่หลังนิดหน่อย ปราชญ์เห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือไปแตะหลังอีกฝ่ายเบาๆ " เจ็บมั้ย"

   นิดหน่อย" ตฤนหันไปสนใจกับเสียงเพลงต่อ ส่วนปราชญ์ขยับไปกึ่งซ้อนอยู่ด้านหลังตฤน เพราะกลัวใครจะมาชนอีก ไม่อยากให้ตฤนต้องเจ็บตัว

   เสียงเพลงจังหวะสนุกๆ พอให้คนโยกขยับตัว

   

   "ต่อให้มองเธอเท่าไรไม่เบื่อ คุยกันเหมือนเราเป็นเพื่อน กอดสักทีได้ไหม แต่ต้องข่มใจไว้"

   
   ปราชญ์มองคนตรงหน้าที่สนุกกับเพลง มือหนาแตะสัมผัสกับเอวบางของคนตรงหน้า อย่างลืมตัว


   "เอาจริง ๆ ฉันคงไม่กล้า ปล่อยให้มันผ่านพ้นไป

   และช่วงเวลา ไม่รู้อะไร

   ที่มากดดันให้ฉันได้เฉลยในใจ ไม่กล้าจะเอ่ย

   ให้ฉันได้พูดไปอย่างนั้น"


   ปราชญ์ขยับตัวเข้าไปใกล้พลางร้องเพลงคลออยู่ข้างหู

   
   "ว่าฉันนั้นรักเธอ ก็ปากมันเผลอไป

   ในเวลาที่สองเราอ่อนไหว ได้ตัดสินใจพูดคำว่ารัก

   และฉันไม่รู้ตัว ได้แต่ยอมรับมัน

   เก็บคำบางคำซ่อนไว้ว่าใจฉันนั้นรักเธอ ฉันเผลอออกไป"

   
   ตฤนยืนตัวแข็งทื่อ ทั้งเสียงทุ่มนุ่มที่ข้างหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดอยู่ที่ต้นคอ และสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างลำตัว ... เขาได้แต่ยืนนิ่ง อย่างไม่รู้จะทำยังไง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อในความมืด บรรยากาศยิ่งร้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าของตฤนร้อนวูบอย่างคุมไม่ได้ และใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ 'มันก็แค่ร้องเพลง ที่ใกล้ขนาดนี้เพราะคนมันเยอะ ‘ตฤนผ่อนลมหายใจลง เมื่อคิดได้แบบนั้น’ ซะเมื่อไหร่... มันจะได้ยินมั้ยวะ ว่าใจเต้นแรงขนาดนี้

   ตฤนขยับตัวเว้นระยะห่างนิดนึง ก่อนจะทำทีโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงแบบเบลอ ๆ


   “ทุกคนครับบบบ เหนื่อยกันมั้ยครับ!!!” เสียงนักร้องพูดทักทายคนดู

   “ไม่เหนื่อย” เสียงตะโกนกลับไปของคนดูส่วนใหญ่

   “เฮ้อ แต่ผมเหนื่อยแล้วครับ ผมแก่แล้ว อีกอย่าง ผมเป็นห่วงทุกคนครับ กลัวจะดึกเกินไป”

   “ไม่ต้องห่วง” เสียงตะโกนตอบกลับไปอีกครั้ง

   “ห่วงครับ! ผมเป็นห่วงจริง ๆ เพราะตามส่งทุกคนไม่ไหวนะครับ เพลงสุดท้าย คืนนี้สบาย”


   “ฉันได้ยินข่าว ว่าจะมีคนร้ายท่าทางดูดี

   ผ่านไปมาเมื่อยามราตรี เธอระวังเอาไว้”

   ปราชญ์อ้าแขนกอดคอคนข้าง ๆ เอาไว้ ตฤนก็ยกแขนขึ้นกอดคอคนข้าง ๆ ตอบ โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ปราขญ์ร้องคลอตะโกนเสียงดังในท่อนฮุค

   
   “งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับไปส่ง

   งั้นไปด้วยกันไหม เพราะค่ำคืนอันตราย

   งั้นไปด้วยกันนะ ฉันจะพาผ่านความเหงา ความเดียวดาย

   ให้ฉันดูแลเธอ ไม่ต้องกลัวอะไร”

   
   ตฤนหันมองคนข้าง ๆ เสี้ยวหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน ดีที่ความมืดซ่อนใบหน้าของเขาเอาไว้ ...อันตราย เหมือนมันจะไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเขาเท่าไหร่ ตั้งสติหน่อยตฤน มันเป็นผู้ชาย เราก็เป็นผู้ชาย!

   
   เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ตฤนกลับสู่สภาพปกติแม้จะไม่เต็มร้อยนักก็ตาม ปราชญ์ไปส่งเขา พร้อมฮัมเพลงเบา ๆ

   “งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับมาส่ง”

   “ไปก็ได้ ประหยัดดี” ตฤนตอบหวังกวนประสาท

   “หึ”

   ปราชญ์หัวเราะพลางดันหัวตฤนเบา ๆ ส่วนตฤนแทบกลั้นหายใจ เขามักสะดุ้งเวลาปราชญ์โดนตัว เขากำลังเป็นบ้าไปแล้ว


   วันรุ่งขึ้น

   เขาออกเดินทางไปตามสถานที่นัด เพื่อนั่งรถไปเที่ยวกับที่ทำงาน พวกเขาแวะไหว้พระ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พัก เมื่อไปถึงตฤนมองโรงแรมอย่างตื่นตาตื่นใจ โรงแรมดูหรูเกินกว่าที่ลำพังพนักงานเงินเดือนของเขาจะมาได้ พักที่นี่น่าจะใช้เงินเดือนไปเยอะจนเขาต้องกินมาม่าทั้งเดือนเพื่อให้ได้มา

   “เดี๋ยวขึ้นไปเช็คห้องกันก่อน” พี่สายใจพูดขึ้นมา วันนี้พี่สายใจเหมือนกับเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ “ส่วนกระเป๋าเอาแค่ของที่มีค่าออกมา นอกนั้นเดี๋ยวให้พนักงานยกไป” พี่สายใจเป็นหุ้นส่วนที่นี่ แกเลยได้ราคาพิเศษมาก ๆ สำหรับพวกเรา

   ตฤนเดินไปรับกุญแจจากพี่สายใจ สายตามองเลยไปตรงเคาเตอร์ของโรงแรม เขาเห็นผู้ชายที่ดูคุ้น ๆ เขายืนหันหลัง หลังผู้ชายก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก

   วริษฐ์เดินมารับกุญแจจากตฤน “ไปกัน จะได้ไปพักให้หายเมื่อย”

   ตฤนพยักหน้าก่อนจะเดินตาม

   
   พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน พักอยู่ในชั้นเดียวกันห้องใกล้ๆกันหมด

   “รู้มั้ยทำไมเราถึงแยกมานอนกันสองคน”

   ตฤนส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะโดนลงไปบนเตียง

   “เพราะว่าพี่สันติกรนนรกแตกมาก ๆ นอนไม่ได้เลย” วริษฐ์พูดพลางนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ตฤน เอียงคอมาคุยกับอีกฝ่าย ในดวงตาเป็นประกายประหลาด

   “แล้วไม่ให้พี่แว่นมานอนกับพวกเรา สงสารแก” คนที่ต้องนอนกับพี่สันติคือพี่แว่น เขารู้สึกว่าห้องเขากว้าง นอนได้อีกคนสบาย ๆ

   “พี่แว่นถ้ามันง่วงน่ะ ต่อให้เปิดลำโพงจ่อหูมัน มันก็หลับได้”

   “จับคู่กันได้ดีเลยแฮะ”

   “ตฤนล่ะกรนมั้ย” วริษฐ์ถามพลางขยับไปใกล้อีกฝ่าย

   “น่าจะไม่ครับ” ตฤนขยับลุกขึ้นเดินไปเสียบชาร์จพาวเวอแบงค์

   “ดีแล้ว ถ้ากรนจะไม่ให้นอน...” วริษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูกรุ่มกริ่ม แต่เขาพูดกับตฤนผู้ใสซื่อซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาทำเสียงแปลก ๆ และไม่รู้ว่าคืนนี้คนตรงหน้ามีแผนจะทำอะไร

   “อย่าไล่ผมไปนอนกับพี่สันติเลย” ตฤนเข้าใจว่าเขาจะโดนลงโทษให้ไปฟังพี่สันติกรนทั้งคืน

   เสียงแอพเด้งเตือน

   วริษฐ์หยิบมือถือที่ส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะอ่านมันออกมา

   “อีก 10 นาทีลงมาเจอกันข้างล่าง”


   ก็อก ก๊อก


   ตฤนลุกไปเปิดประตู พนักงานยกกระเป๋าขึ้นมาให้ เป้ใส่เสื้อผ้าสองใบใหญ่ ๆ ของเขากับพี่วริษฐ์ เขากล่าวขอบคุณพนักงานและถือวิสาสะหิ้วเข้าไปให้เลย

   “กระเป๋าพี่” เขาวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกระเป๋าตัวเอง เพื่อหยิบชุดว่ายน้ำกับผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำเตรียมลงไปข้างล่าง

   วริษฐ์ก็เช่นเดียวกัน เขาจัดเตรียมข้าวของ “พี่เข้าห้องน้ำแปปนึงนะ”

   ตฤนพยักหน้า เขานั่งรอบนที่นอน สายตาไปเห็นของสบู่ซองตกลงมาจากกระเป๋าของวริษฐ์ เขาเลยลุกไปหยิบให้... แต่มันไม่ใช่สบู่ซอง มันคือถุง...

   ตฤนรีบหย่อนมันลงไปในกระเป๋า แล้วกลับมานั่งที่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ในใจก็คิดว่า ‘พี่เค้าคงกะได้สาวสักคนวันนี้ ตามประสาคนหน้าตาดี


   ทั้งคู่ลงไปด้วยกันแล้วเจอคนอื่น ๆ ทยอยลงมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้

   
   ปราชญ์ไปนอนรออยู่ที่ริมสระ เพราะเขาจำโปรแกรมได้ ว่าจะเล่นน้ำกันช่วงเวลานะ เขาเนียนตามตฤนมาทั้งวัน รูปรวมรูปนึง ติดแผ่นหลังของเขาไกล ๆ เขาตั้งใจเข้าไปอยู่ในรูปนั้น ปราชญ์ตามมาที่พัก เขาได้อยู่ชั้นเดียวกันแต่คนละปีก ยิ่งเขารู้ว่าตฤนนอนห้องเดียวกับวริษฐ์ เขาก็ยิ่งไม่พอใจ มีแต่ความกังวล ถ้ามันกล้าแตะต้องตฤนละก็ เขาจะซัดใบหน้าหล่อเนี้ยบนั่นให้กระเด็น

   ตฤนกับวริษฐ์รวมถึงคนอื่น ๆ ลงเล่นน้ำกันที่กลางสระ พร้อมลูกบอล คิดว่าคงเล่นลิงชิงบอลกัน

   ปราชญ์แอบมองพวกเขา ถึงตัวเขาจะนอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้อาบแดดริมสระ โดยซ่อนใบหน้าไว้ใต้หมวกฟางสาน ซึ่งก็รู้สึกไม่ค่ออยสบายหน้าเท่าไหร่ มันคัน ๆ

   “พี่วริษฐ์โคตรโกง” เสียงโวยวายของตฤนดังมาแว่ว ๆ “พี่มาจับเอวผมไว้เพื่อให้ผมไปรับบอลไม่ทัน มันโกงนะครับ”

   จับ...จับเอว!!! เหมือนมีเสียงอะไรขาดสักอย่างในหัว เขาโวยวายอยู่ในใจ วริษฐ์มันกล้ามากเกินไปแล้ว! เดี๋ยวเถอะเมิง !

   “พี่ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย เจตนาบริสุทธิ์” เขาพูดพลางยิ้มขำ

   แต่ปราชญ์ไม่ขำ เขานึกเกรี้ยวกราด ฉุนเฉียว นึกอยากลุกเดินเข้าไปเปิดเผยตัว แล้วพาตฤนออกมา... แต่เขาก็ได้แค่คิด เขาก็เป็นแค่เพื่อน ...พอคิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกหน่วง ๆ ในใจ

   “ตฤนส่งมาทางนี้” เสียงหญิงสาวอีกนตะโกนเรียก

   “บุ้งรับ” เสียงเล่นกันครึกครื้นยังคงดำเนินต่อไป ส่วนปราชญ์ก็ได้แต่แอบมองแอบฟัง

   

   ตฤนขึ้นจากสระเหลือบมองคนที่นอนอยู่ริมสระ เขารู้สึกคุ้น เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนปราชญ์ แต่..เป็นไปไม่ได้ มันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เขาเดินผ่านไปอย่างไม่ติดใจ

   
   จากนั้นพวกเขาแยกกันไปแต่งตัว เตรียมกินข้าวและปาร์ตี้ต่อในช่วงดึก

   ตฤนที่ไม่ค่อยดื่ม แก้วเดียวในมือเขา อยู่มาหลายชั่วโมง ปล่อยให้ละลายแล้วละลายอีก พอมันจาง ๆ ตฤนก็เติมโค้กลงไป ปริมาณเหล้าในแก้วจางในจาง จางจนไม่รู้จะจางยังไง ไม่ก็ไม่มีแล้วระเหยออกไปหมด

   “ตฤนหมดแก้วนั้น แล้วพี่ขงให้ใหม่” พี่ใหม่ที่นั่งเยื้องกับผมพูดขึ้น

   “โดนจับได้ซะแล้วหรอ”

   “ใช่ พี่เห็นอย่ามาทำเนียน”

   ในขณะที่วริษฐ์ซัดไปแล้วหลายแก้วจนกรึ่ม วาเนสซ่าที่นั่งข้าง ๆ ก็พยายามจะชงเพิ่มให้ ดูแลเอาอกเอาใจวริษฐ์เป็นอย่างดีแต่วริษฐ์กลับหันไปหาตฤน ยกแก้วขึ้นขอชน

   “หมดแก้ว พี่ใหม่จะได้ชงให้เราใหม่”

   พอตฤนดื่มหมด วริษฐ์ก็ขยับยกมือขึ้นกอดคอตฤนไว้ พลางพูดกระซิบชื่นชมอยู่ข้างหู

   “เก่งมาก ตฤน” ลมร้อนข้างหูทำให้เขาขนลุกซู่

   “พี่เนี้ยเริ่มเมาแล้ว” ตฤนพูดแย้งวริษฐ์ที่เอาแต่กอดคอเขาไม่ปล่อย

   ปราชญ์นั่งมองทั้งคู่จากระยะไกล ได้แต่จ้องเขม็ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความโมโห เขายกแก้วในมือขึ้นซัดอึกใหญ่

   “เอ้าชน!” พี่ใหม่เรียกทุกคนชน

   วริษฐ์ยกทีเดียวหมดแก้ว

   “พี่เมาผมไม่แบกนะ”

   “พี่น่ะ เมายาก” วริษฐ์พูดพลางหันจ้องหน้าตฤน

   ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนมีประกายวิบวับไม่น่าไว้วางใจปรากฏออกมาจากดวงตาของวริษฐ์ ...ตฤนก็สลัดความคิดนั้นออกไป มันไม่มีอะไรหรอก

   พวกเขานั่งกินดื่มกันไปเรื่อย ๆ พูดคุยเรื่องตลก เอาเรื่องแผนกอื่น หรือพี่คนอื่นในบริษัทมานินทาขำ ๆ ตฤนก็นั่งเก้บข้อมูลไปเงียบ ๆ เขาเองก็โดนให้ดื่มไปหลายแก้ว ชักจะไม่ไหว

   “พี่ ผมไปห้องน้ำแปป”

   ตฤนลุกขึ้นไปห้องน้ำ เขาดื่มน้ำเยอะก็เลยปวดฉี่

   พอตฤนกลับมาก็พบว่ามีหลายคนลุกกลับห้องไปแล้ว ตัวเขาเองก็ง่วง ๆ อยากอาบน้ำพักผ่อน เขากดมือถือเพื่อดูเวลา เกือบจะห้าทุ่ม เขาฮ้าวออกมา เริ่มง่วง

   “พี่วริษฐ์ผมขอไปก่อนนะ”

   “หืม? ไปแล้วหรอ” วริษฐ์พูดเหมือนอาวรณ์ “เดี๋ยวพี่ไปด้วยขออีกสองแก้ว”

   “ก็ได้พี่” ตฤนจำใจต้องนั่งรอรูมเมทของเขา พอครบกำหนดเขาก็ลุกขึ้น เขาลาคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่สว่าง ๆ

   วริษฐ์ดื่มจนตัวแดง แต่เขาไม่ถึงกับเมา แค่กรึม ๆ มึน ๆ เท่านั้น

   “พี่ไหวมั้ย” ตฤนถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อร่างสูงข้าง ๆ เดินเซ

   “สบายมาก” เขาพูดพลางแตะที่กลางหลังตฤน เขาขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

   

   พวกเขาเข้าไปในห้อง ตฤนรู้สึกเหนื่อยล้าเขาอยากจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอน

   วริษฐ์เดินตามหลังเข้ามา พลางนั่งบนที่นอน

   “พี่ ผมขออาบน้ำก่อนนะ” ตฤนลุกหยิบผ้าเช็ดตัว กับเสื้อผ้า เขากำลังเดินเข้าห้องน้ำ

   “เดี๋ยวก่อน” วริษฐ์พูดขึ้นมาทำให้ตฤนชะงักก่อนหันไปมอง พี่วริษฐ์เดินเข้ามาใกล้

   “พี่จะเข้าหรอ เข้าก่อนเลยก็ได้” ตฤนเบี่ยงตัวหลีกให้ แต่ทว่าวริษฐ์กลับเดินตรงมาหาเขา ดันตฤนติดกำแพง สองมือจับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะประทับจูบลงไป จูบรุนแรงเร้าร้อน ดวงตาตฤนเบิกกว้างด้วยความตกใจ ลมหายใจแทบขาดห้วงจากการถูกจูบรุกเร้าที่รุนแรง เขาแทบหมดแรง ตฤนนิ่งอึ้งเบลอไปชั่วขณะ ข้าวของทุกอย่างในมือร่วงลงกองกับพื้น

   “ตฤน..” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ของวริษฐ์ ดังอยู่ข้างหู เขาขนลุกเกรียว แต่ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ตัวเขาแข็งทื่อ เขาไม่มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้

   

   วริษฐ์รุกต่อโดยมีเป้าหมายที่ซอกคอขาว สองมือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนที่จะลูบลงมาที่กางเกง มือเรียวสอดเข้าไปในกางเกงหวังปลุกอารมณ์เด็กน้อยให้ตื่นขึ้น อยู่ ๆ ภาพของปราชญ์ที่เช็ดตัวให้เขาอย่างทะนุถนอมแว่บเข้ามาในหัว ตฤนมีสติกลับมามากพอเขาขัดขืน ผลักร่างสูงที่ไม่ทันตั้งหลักกระเด็นลงไปกับพื้น เขาวิ่งหนีไปทางประตู วริษฐ์ที่อยู่ในสภาพมึนเมา พยายามลุกขึ้น เขาคว้าแขนตฤนได้ข้างนึงก่อนออกแรงดึงให้ตฤนเสียหลักล้มลง

   “ปล่อยว้อย” วริษฐ์พลิกตัวขึ้นคร่อมตฤน เขาซุกไซร้ซอกคอขาว ตฤนตีเข่าใส่จุดอ่อนไหวที่ผู้ชายทุกคนรู้กันดี แรง กระแทกถาก ๆ แต่ก็ทำให้วริษฐ์เจ็บได้ ตฤนพลิกลุกขึ้นวิ่งถลาไปที่ประตู ก่อนจะคว้าที่จับเพื่อเปิดประตู

   วริษฐ์ที่ตั้งตัวได้ เขาประชิดด้านหลังดันเขาติดกับประตู เสียงดังตึง เขาประกบแนบชิด บางอย่างที่แข็งขืนในกางเกงถูไถอยู่ทางด้านหลัง  มือหนากำรวบข้อมือของเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง

   ตฤนได้แต่ปลงอยู่ในใจแม้เขาจะโมโหเกรี้ยวกราดแค่ไหน แต่เรี่ยวแรงที่มีกลับหดหาย...

.

[กรี๊ดดดดด น้องจะโดนปล้ำเเล้ววววว วริษฐ์มันร้ายยยยย!!!

จะเริ่มกรี๊ดอะไรก่อนดี กรี๊ดที่ปราชญ์ร้องเพลง หรือกรี๊ดที่น้องพลาดท่าดี! ]
 :z3: :z3: :z3:

ขอบคุณเพลง เผลอไป และคืนนี้สบายของ แทคทูคัลเลอร์

พูดคุยทักทายกันได้นะคะ ^^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ต้องเหยียบให้เละ เอาตีนค่อยๆๆๆๆบดตรงหว่างขา แล้วกระทืบๆๆๆๆๆๆ เสร็จแล้วแก้ผ้าให้หมดลากไปทิ้งที่ล้อบบี้เลย เกลียดนักพวกข่มขืนคนอื่น

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย น้องจะโดนคนใจร้ายจับกินแล้ว

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 19 การกระทำอุกอาจ

   
   “ปล่อยสิวะ อย่ามายุ่งกับผม!” ตฤนพยายามสะบัดหนีจากการเกาะกุม ลมหายใจร้อนเจือแอลกอฮอล์เป่ารดใส่ต้นคอ จนร่างสะท้าน มือของวริษฐ์พยายามแทรกเข้าไปในกางเกงตฤน

   ตฤนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ยิ่งดิ้นก็ยิ่งสู้แรงไม่ไหว แขนสองข้างที่ถูกจับไว้ด้วยมือแค่ข้างเดียว ก็ถูกบีบจนเจ็บ วริษฐ์ซุกไซร้ซอกคอขาวของตฤนอย่างหื่นกระหาย ขบเม้มจนปรากฏเป็นรอยแดง

   “ไอ้เวรเอ้ย #$%^*” และสารพัดคำด่าถูกพ่นออกมาไม่หยุด ตฤนทำได้แค่นี้... ขณะที่มืออีกข้างของวริษฐ์ กำลังวุ่นวายอยู่กับส่วนอ่อนไหวของเขา

   “อื้อ...” เสียงวริษฐ์ครวญคราง ขณะพยายามถูไถผ่านเสื้อผ้า อารมณ์ของเขาพุ่งพล่านจนไม่สนอะไรอีก ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะยอมมั้ย จะขัดขืนหรือเปล่า จะด่าทอเขายังไงก็ช่าง

   “แม่งเอ้ย ไอ้#$$%^&”

   “อ่า...ตฤน..”

   “อึก” ตฤนกัดฟันแน่น เมื่อมือหนากำลังขยับเล่นกับส่วนอ่อนไหวของเขา

   

   ปัง ปัง ปัง

   
   แต่จู่ ๆ เสียงทุบประตูก็ดังขึ้น เสียงดังสนั่น จนคนสองคนที่ยืนอยู่ติดประตู รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน วริษฐ์เผลอหันไปสนใจประตู ตฤนฉวยโอกาสนั้นสะบัดมือจากการเกาะกุม เขาผลักวริษฐ์ให้ล้มลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูถลาวิ่งออกไป ...

   
   ...เพื่อเจอกับคนที่คุ้นเคย


   ประตูด้านหลังปิดลงทันที โดยอัตโนมัติ

   ปราชญ์คว้าร่างบางที่ถลาออกมาเอาไว้ได้ เขาเหลือบมองคนในอ้อมแขนที่กำลังตัวสั่น กวาดสายตามองความผิดปกติ ริมฝีปากบวมช้ำ และร่องรอยแดง ๆ ที่คอของตฤน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า เขาข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห ดวงตาวาวโรจน์ มันกล้ามากที่มาแตะต้องคนของเขา คนที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอด

   ไม่กี่อึดใจประตูเปิดออกอีกครั้ง  วริษฐ์ในสภาพหัวเสียเดินออกมา ปราชญ์ไม่รีรอ เขาถลาเข้าต่อยไปที่ใบหน้าของวริษฐ์จนเซไปกระแทกประตู

   “นี่เพราะเมิงมาแตะต้องคนของกุ!” ปราชญ์ตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ชี้หน้าวริษฐ์ กำลังจะเดินเข้าไปซ้ำ

   ตฤนใช้สองมือสั่นเทายื่นไปจับชายเสื้อของปราชญ์ไว้ เขาที่กำลังสับสน ตกใจกับทุกอย่าง สะดุ้งแม้แต่เสียงตวาด ถึงนั่นจะเป็นเสียงของปราชญ์ก็ตาม ปราชญ์ไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมา และแปลกที่เขามาอยู่ตรงนี้...

   ดวงตาวาวโรจน์อ่อนแสงลงเมื่อหันมาหาตฤน เขาเหลือบกลับไปมองวริษฐ์ที่นั่งกุมแก้ม มุมปากมีเลือดไหลซึม ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นสู้

   ปราชญ์มือหนัก เขาประเคนใส่เต็มแรงในหมัดเดียว ให้สาสมกับความหงุดหงิดทั้งวันของเขา

   เขาที่ต้องตามดูตฤน แต่ต้องมาประสาทเสียเมื่อเดินกลับจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นทั้งคู่ที่โต๊ะ ต้องมายืนกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เดินวนไปวนมา ถ้าไม่ได้ยืนเสียงชนประตูนั่น เขาคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่อง

   “อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก” ดวงตาวาวโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น ก่อนจะจับมือตฤนที่ดึงชายเสื้อเขาเอาไว้เหมือนเด็ก ๆ เขาเดินจูงให้ตฤนเดินตามไปที่ห้องของเขา ห้องที่อยู่อีกฝั่งนึงของตึก
   

   เมื่อถึงห้องตฤนแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงนั่งพิงตู้เสื้อผ้า เขาตัวสั่นเทาอีกครั้งเมื่อคิดว่าเมื่อกี้เขาจะถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน น้ำตาคลอหน่วยด้วยความกลัว

   ปราชญ์นั่งลงข้าง ๆ เอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ คนถูกจับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตระหนก ปราชญ์มองท่าทางนั้นด้วยความสงสาร

   “ไม่เป็นไร กูอยู่นี่แล้ว” ปราชญ์พูดพลางดึงคนตัวเล็กมากอดเอาไว้หลวม ๆ เขารู้สึกถึงความชื้นบนไหล่ พอเห็นแบบนี้ เขาก็เจ็บไปด้วย ขนาดเขาอยู่ใกล้แค่นี้ ตฤนก็ยังถูก... ปราชญ์ได้แต่โมโหตัวเอง

   ตฤนที่ค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้น ขยับออกจากอ้อมกอดคนตรงหน้า เขาถามในสิ่งที่สงสัย “ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่”

   เสียงพูดครั้งแรกจากตฤนเป็นคำถามที่ทำให้เขาสะอึก เขาตอบไม่ถูก มีแต่ความอึกอัก

   “เอ่อ...กู”

   ตฤนมองจ้องอีกฝ่าย ด้วยดวงตาเปรอะเปื้อนน้ำตาที่ตอนนี้กลับฉายแววสงสัย

   ‘แม่งมาขี้สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่องตอนนี้วะ!’ ปราชญ์บ่นในใจ เขามองหน้าตฤนอย่างคิดไม่ตก ว่าเขาควรจะตอบว่าอะไร เขานิ่งคิด พยายามหาข้ออ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะเข้าเค้าเลย ก็จำต้องบอกออกไปตามตรง

   “กู... กูตามเมิงมา กูเป็นห่วง”

   ตฤนขมวดคิ้วมุ่น เป็นห่วงเขา? ขนาดนั้น? เขาจ้องปราชญ์ด้วยความสับสน

   “เป็นห่วงกู?”

   ปราชญ์ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ บนริมฝีปากบวมช้ำ อยากให้คนตรงหน้าเลิกถาม ถ้ายังถามอีกเขาต้องพูดออกไปแน่

   ตฤนมองเขาด้วยสายตางุนงง ตัวเขาไม่เข้าใจปราชญ์ ห่วงอะไรจนต้องตามมาถึงนี่? อย่างกับพ่อหวงลูก

   ร่างสูงรู้สึกว่าสายตาหมาสงสัยของคนตรงหน้านั้นน่ารักมากจนเผลอขยับเข้าไปใกล้ ๆ มือเลื่อนมาแตะรอยแดงบนซอกคอขาวอย่างแผ่วเบา ตฤนสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเย็น ๆ แตะโดน

   “มันทำอะไรมึงนอกจากตรงนี้กับปากนี่อีกหรือเปล่า” ปราชญ์ถามตรง ๆ ส่วนตฤนรีบส่ายหน้าพรืดปฏิเสธ แม้จะนึกขยาดถึงมือที่ทำอุกอาจรุกรานส่วนอ่อนไหวของเขา... “ดีแล้ว กูทะนุถนอมของกูมาตั้งนาน...” เขาหลุดปากพูดออกไปเอง จนเขาอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด

   สายตาตั้งคำถามนั่นกลับมาอีกครั้ง ปราชญ์หายใจไม่ทั่วท้อง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างในใจ พลางมองจ้องดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขาใช้สองมือจับไหล่ตฤนเอาไว้เบา ๆ เขามองจ้องอีกฝ่ายก่อนพยายามกลืนน้ำลายลงคอ ...เหมือนคนน้ำท่วมปาก

   “นี่มึง? ทะนุถนอม? มึงหมายความว่าอะไร” น้ำเสียงเคร่ง พร้อมสายตาคาดคั่น ทำให้ปราชญ์หายใจไม่ออก

   “ใจเย็น ๆ แล้วฟังกูนะ” ความรู้สึกกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ คำพูดมากมายที่อัดแน่น อยากพูดแต่...ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เขาไม่คิดว่าควรจะพูดในตอนนี้ แต่ก็หลบสายตากับสีหน้านั่นไม่ได้ “กู...ชอบเมิง” ปราชญ์พูดออกมาจนได้ เขาจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง ในขณะที่ตฤนพยายามจะทำความเข้าใจ ก่อนที่เขาจะตอบสนองด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้าง อธิบายความรู้สึกข้างในไม่ออก ความรู้สึกประหลาดวูบไหวอยู่ในออก เขาไม่เข้าใจ ...เขาสับสน

   “มึงพูดอะไรวะ” ในแววตาตฤนนอกจากความตกใจมันยังมีแววสั่นไหว สองแขนสั่นเทายกขึ้นปัดมือของปราชญ์ที่จับไหล่ของเขาอยู่ออกโดยอัตโนมัติ... เขากลัว ภาพวริษฐ์แนบประชิดตัวเขายังตามหลอกหลอน

   ใจปราชญ์กระตุกวูบ กับท่าทางของคนตรงหน้า หรือว่ามันจะพัง...

   “มึงล้อกูเล่นใช่มั้ย” ตฤนละล่ำละลักถาม

   “...” ปราชญ์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง ประกายความเจ็บปวดแล่นออกมาอย่างชัดเจน เมื่ออีกฝ่ายมองว่าสิ่งที่เขาพยายามรวบรวมความกล้าพูดออกไปนั้น เป็นแค่เรื่องล้อเล่น

   “กูพูดจริง” ดวงตาคมกริบไม่มีแววล้อเล่น มีแต่ความจริงจัง ตฤนถอยหนี

   “มึงอยู่ห่าง ๆ กูไว้” ตฤนพูดขึ้นมาเสียงสั่น คำพูดของมันกรีดแทงลงกลางใจของปราชญ์ สร้างรอยแผลที่มองไม่เห็นเอาไว้ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก

   ปราชญ์จะเอื้อมมือไปแตะไหล่สั่นสะท้านนั้น

   “อย่ามาถูกตัวกู”

   ไม่ทันแตะถึงตัว เขาก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงสั่น ๆ บอกเขาแบบนั้น เขากำมือแน่นก่อนจะดึงมือกลับมา

   “กูขอโทษ ... กู...กูจะไม่ให้ความรักของกู ทำให้มึงไม่สบายใจ” ปราชญ์ลุกขึ้นยืน เขาส่งรอยยิ้มขมขื่นออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   ปราชญ์แค่นยิ้มเศร้าสร้อยเขาเดินไปหามุมสูบบุหรี่ ปกติเขาไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่ จะสูบก็แค่ตอนเครียด ๆ กับตอนที่ดื่มเหล้า เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ เขาสูดควันพิษเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะค่อย ๆ พ่นมันออกมา ร่างกายผ่อนคลายขึ้น นัยต์ตาเหม่อลอยมองดวงจันทร์กลมโต มันจบลงแล้ว...

   
   ตฤนที่นั่งงุนงงอยู่ในห้อง เขาจัดระเบียบความคิดหรือความรู้สึกไม่ได้เลย เขาสับสนดวงตากลมโตสั่นระริก เขาควรจะทำยังไง ควรรู้สึกยังไง เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาจะโดนผู้ชายที่เป็นรุ่นพี่ข่มขืน และหลังจากนั้นก็ถูกผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทมาบอกรัก แล้วเขาต้องทำตัวยังไง...

   ‘กู...ชอบมึง’

   ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้วะ

   ‘กูทะนุถนอมของกูมาตั้งนาน...’

   เหมือน น้ำเสียงของปราชญ์ยังคงดังก้องอยู่ในห้อง ตฤนได้แต่กอดเข่าตัวเองแน่น วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะรับอะไรได้อีก


   ปราชญ์นั่งเหม่อลอยเขาถอนหายใจไปเป็นร้อยครั้ง แถมด้วยจุดบุหรี่สูบไปหลายมวน ร่างกายผ่อนคลายแต่ใจกลับไม่สงบ

   ‘อย่ามาถูกตัวกู’ เสียงสั่นเทาของตฤนดังก้องอยู่ในหัว มันรังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ ... ผมรู้ว่ามันยากจะยอมรับ แต่ก็ไม่คิดว่าผลจะออกมาเลวร้ายขนาดนี้ เขาสูบบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ ควันหนาลอยตลบอบอวล มือหนาเสยผมด้วยความหงุดหงิดคิดไม่ตก นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ไม่รู้ว่าตฤนหลับไปหรือยัง

    เขาตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินกลับห้อง เขาเดินใจลอยไปที่ห้อง ความเจ็บปวดในอก มันหน่วงจนเขาน้ำตาคลอ แต่ถึงแม้เขาอยากจะร้องไห้ แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาสักหยด ถ้าตฤนยังตื่นอยู่ เขาจะทำให้ตฤนอึดอัดหรือเปล่า

   ปราชญ์ค่อย ๆ เปิดประตู ไฟในห้องยังสว่างโร่ ไม่มีวี่แววว่าตฤนจะนอนอยู่บนที่นอน เขาเห็นว่าตฤนยังนั่งอยู่ที่เดิม นั่งกอดเข่าหลับไป คงหมดแรง ทั้งเดินทาง ทั้งเล่นน้ำ ดื่มเหล้า เจอผู้ชายจะปล้ำ แล้วยังมาเขาอีก ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเหนื่อยล้าขนาดนั่งหลับไปแบบนั้น

   ปราชญ์นั่งคุกเข่าดูคนนั่งหลับ ร่องรอยจากการถูกล่วงเกินยังปรากฏเด่นชัด ที่มีมากกว่าคือคราบน้ำตาที่ข้างแก้มขนตางอนยาวเหมือนจะยังชื้นไปด้วยน้ำตา ปราญช์โน้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้านวล ‘อย่ามาถูกตัวกู’ เสียงของตฤนดังหลอกหลอนเขาอีกครั้ง ทำให้เขาได้แต่ชะงักค้างนิ่ง เขาขยับห่างออกมา เสียงหายใจสม่ำเสมอ เขาแน่ใจว่าตฤนหลับสนิทดี ก็ตัดสินใจจัดแจงช้อนตัวร่างบางขึ้นไปนอนบนเตียง ห่มผ้าให้ จนถึงคอแบบที่ตฤนชอบทำ ส่วนตัวเขานอนอีกฝั่งนึง พยายามข่มตาหลับ

   พรุ่งนี้เขาจะทำตัวปกติ ไม่ให้ตฤนอึดอัดใจแม้แต่น้อย



   “อย่า! อย่าเข้ามาใกล้!”

   ปราชญ์สะดุ้งตื่นเมื่อคนข้าง ๆ ร้องโวยวายเสียงดังลั่น

   ตฤนปัดป่ายมือ เรื่องเมื่อตอนเย็นทำให้เขาเก็บไปฝันร้าย เขาโวยวายเหมือนละเมอ ปราชญ์ผุดลุงขึ้นนั่ง กดเปิดไฟที่หัวเตียง เขารวบข้อมืบางเอาไว้ด้วยมือข้างนึง ส่วนมืออีกครั้งลูบศีรษะคนละเมอเบา ๆ

   “อย่า!”

   “ชู่ว ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรมึง” ปราชญ์พูดปลอบ โดยไม่รู้ว่าเสียงของเขา จะดังเข้าไปถึงในฝันมั้ย ตัวเขาเองอยากจะอยู่ข้าง ๆ ตฤน คอยปกป้องตฤนไปแบบนี้ ทั้งตอนตื่นและตอนฝัน ...ถ้าเขาจะสามารถทำได้

   ตฤนสงบลงอย่างประหลาด ในฝันมีใครบางคนที่ช่วยเขา ใครบางคนที่เขาคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ รู้แค่ว่าไม่มีอะไรต้องกลัว

   เขาอยากกอดตฤนเอาไว้ แต่ไม่ได้สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากทำอะไรให้ตฤนเกลียดเขา ปราชญ์จึงได้แต่รอจนให้คนข้าง ๆ หลับสนิทอีกครั้ง เขาจึงค่อยเอนนอนต่อ


   ปราชญ์ตื่นแต่เช้าตรู่ เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน สุดท้ายเขายอมแพ้ เขาฝืนพยายามข่มตาหลับไม่ไหวอีกต่อไป เสียงนกร้องเบา ๆ ที่ด้านนอก เขาตัดสินใจลุกไปที่ห้องของตฤน ที่มีวริษฐ์คนเดียวนอนอยู่ตรงนั้น

   
   ปัง ปัง ปัง

   
   เขาทุบประตูเสียงดัง แล้วยืนรอ แค่ไม่นาน วริษฐ์ก็เดินมาเปิดประตู พอเขาเห็นว่าเป็นปราชญ์ก็ทำท่าจะปิดประตูใส่ แต่ปราชญ์ใช้มือง้างดันประตูออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไป วริษฐ์ จำต้องปล่อยประตู พลางเดินถอยหนี

   “เมื่อคืนกูเมา กูไม่มีสติยับยั้ง” วริษฐ์ละล่ำละลัก บนใบหน้ายังเหลือร่องรอยช้ำ ๆ ฝากไว้ที่ใบหน้าหล่อเนี้ยบ

   “กูไม่ได้มากระทืบมึง เปลืองแรง”ปราชญ์พูดเสียงเรียบดวงตาคมกริบตวัดจ้อง

   คนถูกจ้องร้อนๆ หนาวๆ ขยับหนีไปนั่งที่มุมห้อง มองปราชญ์เก็บนั่นเก็บนี่ใส่ลงกระเป๋า เขาพอจำข้าวของต่าง ๆ ของตฤนได้ตามประสาที่รู้จักกันมานาน ความเงียบอึมครึมอย่างน่าอึดอัดใจยังคงดำเนินต่อไป

   “มึง” อยู่ ๆ ปราชญ์ก็พูดขึ้น ทำเอาวริษฐ์สะดุ้ง “มีของอะไรที่ไม่ใช่ของมึงอีกมั้ย”

   วริษฐ์สั่นหัวแทนคำตอบ

   ปราชญ์สะพายกระเป๋าขึ้นพาดบนไหล่ ก่อนเดินย่างสามขุมเข้าไปหาวริษฐ์ ที่ตอนนี้เกิดอาการเหงื่อตก

   “อย่าแตะต้องตฤนอีก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” เสียงเย็นพูดใส่คนที่แก่กว่าเขาอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาคมกริบมีประกายเกรี้ยวกราดซ่อนอยู่ มันน่าเกรงขามจนทำให้วริษฐ์ต้องรีบพยักหน้า

   เขาเข็ดแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว เขามีคนอื่นให้กินมากมาย แต่คนที่มีเจ้าของที่หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่แบบนี้ เขาไม่เอาตัวเข้าไปปะทะแน่

   “บอกคนอื่นด้วย ว่าตฤนกลับกับกู”

   ปราชญ์ออกคำสั่ง พลางมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   มวลสารแห่งความเกรี้ยวกราดเดินพรวดออกไป ไม่มีปี่ไม่มี่ขลุ่ยเหมือนตอนที่มา บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายทำให้วริษฐ์ถอนใจออกมา เขาคงต้องหาจังหวะไปขอโทษตฤน

   ที่เขาทำลงไปส่วนนึงก็เพราะว่าน้องมันน่ารัก น่าลอง อีกส่วนก็เพราะว่าความเมาที่ขาดสติยับยั้ง


   ปราชญ์เดินกลับห้อง พยายามปั้นหน้าสดใส เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะตื่นแล้ว เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง เป็นดังคาด อีกฝ่ายนั่งงัวเงียอยู่บนที่นอน ปราชญ์เอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะในห้อง

   “สวัสดี ตื่นเร็วจังวะ” ปราชญ์ทักเสียงใส เขาพยายามควบคุมท่าทางและจิตใจของเขาให้เป็นธรรมชาติ ทำเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น

   ตฤนมองท่าทางตรงหน้า ท่าทางที่เหมือนกับไม่มีอะไร เหมือนกับว่าคนตรงนั้นไม่ได้มาบอกชอบเขาเมื่อคืนนี้ แม้เขาจะยังรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน เขาไม่อยากให้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องการแม้แต่เรื่องเดียว

   “มึงตื่นก่อนกูอีก” ตฤนตอบเสียงเรียบ พลางลุกไปหยิบเสื้อผ้า เพื่ออาบน้ำ

   “เดี๋ยวมึงกลับกับกูนะ” ปราชญ์พูดบอก

   ตฤนพยักหน้าเบา ๆ อย่างรับรู้ เขายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับวริษฐ์ตอนนี้

   
   เมื่อออกจากโรงแรมการเดินทางที่แสนอึดอัดก็เริ่มขึ้น

   ปราชญ์ทำตัวปกติ ปกติจนตฤนนึกขุ่นในใจ แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน พวกเขาเพียงแต่นั่งข้างกัน แล้วปล่อยให้เสียงเพลง พูดคุยแทนพวกเขา

   ‘ความเป็นจริงระหว่างเรา

   ความจริงที่ซ่อนอยู่ในใจฉัน

   อาจเป็นแค่เพียงความรู้สึกของฉัน

   แต่ไม่เป็นไร ไม่เคยบังคับเธอเลย

   ขอแค่ได้ดูแลแบบนี้ต่อไป แค่เพียงเท่านั้นได้มั้ย’

.
.
[ไหนที่สุดก็บอกออกไปแล้ว แต่...
มันผิดที่ผิดทางไปหน่อยมั้ยยย ฮือ ปราชญ์!!!
ใครก็ได้ปลอบปราชญ์ที]

 :serius2: :serius2: :serius2:


ต้องเหยียบให้เละ เอาตีนค่อยๆๆๆๆบดตรงหว่างขา แล้วกระทืบๆๆๆๆๆๆ เสร็จแล้วแก้ผ้าให้หมดลากไปทิ้งที่ล้อบบี้เลย เกลียดนักพวกข่มขืนคนอื่น

เกรี้ยวกราดมากกกก แง้ ปราชญ์ประเคนหมัดให้เล้วนะ

ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย น้องจะโดนคนใจร้ายจับกินแล้ว

ปราชญ์มาช่วยน้องเเล้วววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2019 14:22:25 โดย RingoPle »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4

บทที่ 20 หายไป (Part 1)


   ตฤนไปทำงานในตอนเช้าหลังจากเกิดเรื่องด้วยความรู้สึกที่ไม่คงที่ คนที่นั่งตรงข้ามทักทายเบา ๆ เขาเข้ามาขอโทษที่เขาไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง ทั้งความเมาและอารมณ์ที่พุ่งพล่านทำให้เขาทำแบบนั้น และหงุดหงิดโมโหมากเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม

   ตฤนยอมที่จะเข้าใจ แต่ความรู้สึกของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขารักษาระยะห่างเอาไว้ มีแค่เรื่องงานเท่านั้น เพราะตัวเขาไม่สามารถไว้ใจในตัววริษฐ์ได้อีกแล้ว และเหมือนตัววริษฐ์เองก็พยายามวางตัวให้มีช่องว่างระหว่างกันเอาไว้ เขารู้สึกผิด และยังจำคำขู่ กับดวงตาคมกริบที่พร้อมอาละวาดเขาในวันนั้นได้ดี แรงเหวี่ยงจากหมัดที่ประเคนใส่หน้าเขาไม่ใช่เรื่องที่ควรจะท้าทาย

   

   วันเวลาเคลื่อนผ่านไปตามที่มันควรจะเป็น แต่มีบางอย่างที่ต่างออกไป... ใครบางคนหายไป

   ผ่านมาหลายวัน จนเกือบอาทิตย์ ที่ปราชญ์หายไป ไม่รู้ว่าทำไมตฤนถึงรู้สึกโหวง ๆ ตอนลงจากรถในวันนั้น มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ปราชญ์โบกมือลาและยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มเศร้ากับประกายตาที่เหือดแห้ง มันไม่สามารถซ่อนปกปิดได้มิดแม้ปราชญ์จะเสแสร้งยิ้มสดใสแค่ไหน คนซื่อบื้ออย่างเขา ยังสัมผัสได้ และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เห็นปราชญ์

   ตฤนนั่งถอนหายใจเหม่อลอยอยู่เสมอ เขากดมือถือจะโทรหาปราชญ์หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้า ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะคุยอะไร เขาเพิ่งรู้ว่าการพยายามโทรหาใครสักคนมันเป็นเรื่องยากขนาดนี้ มันต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่คิด

   ตฤนกลั้นใจกดโทรออก ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถ...’ ความกล้าของเขาเสียเปล่า เมื่ออีกฝ่ายปิดเครื่อง... เขาถอนใจออกมาอีกครั้ง โทรไม่ติดเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไม่ว่าจะติดต่อปราชญ์ในช่องทางไหนจะแชท หรือโปรแกรมอะไรก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะอ่านหรือตอบมาแม้แต่น้อย

   “หรือควรแวะไปบ้าน” ปราชญ์พึมพำเบา ๆ ขณะหยิบเอาปากกาขึ้นมาเขียนงานต่อ เขาคิดว่าหมึกปากกาหมด แต่ความจริงเขาเอาก้นปากกาลงเขียน พอเขารู้ตัวก็รีบกลับด้านปากกา นี่เขาเป็นเอามากเลยนะ

   

   เขาเลิกงานมาก็ตรงดิ่งไปที่บ้านปราชญ์ เมื่อเข้าไปถึง เขาก็ต้องพบความผิดหวังอีกครั้ง ในใจรู้สึกโหวงเหวง บ้านปิดเงียบเชียบ แถมยังมืดสนิท คงไม่มีใครอยู่

   เขาได้แต่เดินคอตกกลับบ้านทำไมเขาต้องรู้สึกกังวลมากขนาดนี้ด้วยนะ ทุกทีไม่เจอกันเป็นเดือนก็ไม่เป็นไร ทั้ง ๆ ที่เป็นเขาเองที่บอกให้อีกฝ่ายอยู่ห่าง ๆ แต่พอเขาหายไปตัวเขากลับกระวนกระวาย...

   ตฤนนึกไม่ออกว่าจะติดต่อปราชญ์ยังไง ไม่ว่าจะโทรยังไงมือถือก็ถูกปิดอยู่ตลอดเวลา

   “ใครที่จะพอรู้ว่าปราชญ์จะอยู่ที่ไหน คนที่มันไว้ใจ” ตฤนได้แต่ครุ่นคิดก่อนจะพบชื่อใครบางคนที่เขาหลงลืมไป...กวางไง

   ตฤนรีบโทรหากวางทันที แต่ไม่มีใครรับ ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ไม่มีใครคิดจะรับสายเขาหน่อยหรอ ตฤนนอนแผ่หลาอยู่ในห้อง เขาหันมองไปข้างตัว ภาพปราชญ์ที่นอนข้างเขาแวบขึ้นมา

   “มันตายแล้วหรือไงวะ ถึงมาเป็นวิญญาณแบบนั้น” ตฤนบนพึมพำ ก่อนสะดุ้งสุดตัว เมื่อโทรศัพท์แผดเสียงดัง เขาเด้งตัวขึ้นคว้ามือถือทันที ‘กวาง’

   “ฮัลโหลกวาง”

   ‘ว่าไง’ เสียงกวางทักทาย

   “มีเรื่องจะถามหน่อย กวางได้เจอปราชญ์บ้างมั้ย หรือรู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน” ตฤนพูดธุระอย่างตรงไปตรงมา

   ‘ไม่ได้เจอนะ มีอะไรเปล่า’ ไม่เจอแต่เธอรู้ว่าปราชญ์อยู่ไหน...

   “กุทะเลาะกับมันนิดหน่อย เลยอยากไปเคลียร์” ตฤนพูดเสียงเบาหวิว เขาสามารถเอาเรื่องนี้มาปรึกษากวางได้มั้ยนะ ...

   ‘เสียงแกดูเหงา ๆ เนอะ’

   “กวาง คือกุ... ถ้ากวางรู้ว่าปราชญ์ไปไหน ถ้ามันติดต่อมาบอกด้วยนะ” น้ำเสียงตฤนเศร้าสร้อยลงกว่าเดิม เขารู้สึกมืดแปดด้าน ถ้ากวางยังไม่รู้ เขาก็จนปัญญาแล้ว เหมือนกับเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปราชญ์ ไม่รู้ว่ามันทำงานที่ไหน ชอบไปพักที่ไหน เขาไม่รู้อะไรเลย เป็นความไม่ใส่ใจของเขาเอง

   ‘ถ้าเจอกัน แกจะพูดอะไรกับมันหรอ’ กวางถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิม

   “...” ตฤนเงียบไปอึดใจหนึ่ง

   ‘ถ้าแกจะไปเพื่อบอกว่า ให้มันถอยออกไปห่าง ๆ หรือไม่อยากเจอมันแล้ว’ กวางเว้นวรรคนิดนึง น้ำเสียงกวางเรียบนิ่งเหมือนกำลังประชดประชันเขา และเขาก็รู้แล้ว ว่ากวางรู้เรื่องทั้งหมด และนั่นทำให้เขารู้สึกแย่ เขายังจำคำพูดของตัวเองได้ดี ‘แกอย่าไปเจอมันดีกว่า...ปล่อยมันไว้แบบนี้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น’

   “กวางรู้อยู่แล้วใช่มั้ย รู้ใช่มั้ยว่ามันอยู่ไหน” ตฤนละล่ำละลักถาม เขารู้สึกเหมือนจะมีความหวังขึ้นมา

   ‘รู้... มันปลอดภัยดี แต่ขอไม่บอก’ เธอไม่อยากให้ปราชญ์เจ็บปวดอีก ไม่อยากให้เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว

   “ทำไม...”

   ‘เพราะสงสารมัน ไปตกลงกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ว่าจะทำยังไงกับมัน... มันมีหัวใจนะตฤน’

   ตฤนได้แต่เงียบฟัง เขารู้ดีว่าเขาพูดไม่ดี เขาทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไปเพราะความรู้สึกของเขามันสับสนเหลือเกิน

   “เข้าใจแล้ว...ขอบใจนะกวาง” ตฤนวางสายไปด้วยใจที่เหนื่อยล้า เขาไม่รู้... ปราชญ์มันเลือกจังหวะผิด ถ้าเป็นวันอื่นมันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าบอกวันอื่นอาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ...อะไร...จะเปลี่ยน มันจะเปลี่ยนจริง ๆ ใช่มั้ย ในเมื่อตัวแปรของเรื่องราวทั้งหมดนั้น มันคือเขา

   

   -ปราชญ์-

   คนอกหักมักจะไปทะเล ... เขาก็เช่นกัน ปราชญ์นั่งอยู่ริมหาดตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ เขานั่งเหยียดเท้า ให้ขาจุ่มทะเล คลื่นซัดสาดจนกางเกงเขาเปียก ผิวหนังที่ถูกน้ำเหี่ยวย่น เสียงคลื่นดังกลบความคิดฟุ้งซ่านของเขา ในมือมีเบียร์หนึ่งกระป๋อง เขาจิบมันมาหลายชั่วโมง ในหัวคิดแต่เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา

   เขาหนีมาเพราะเขาทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว เขาวิ่งหนีออกมาพร้อมกับหัวใจพัง ๆ ของเขา เขารู้ดีว่าเขาตัดใจจากตฤนไม่ได้ และเพราะรู้แบบนั้น เขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ เขาไม่อยากให้ตฤนอึดอัด ลำบากใจ ไม่อยากเห็นแววตาตื่นกลัวแบบนั้นอีกแล้ว เพราะว่าตฤนสำคัญมากเกินกว่าความต้องการของเขา

   ปราชญ์ยกเบียร์ขึ้นดื่มได้ไม่กี่อึก มันหมดพอดี พอ ๆ กับแสงแดดที่เริ่มร้อน เขาลุกโซซัดโซเซเดินกลับที่พัก เขาจัดการตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอน เพื่องีบหลับ เขานอนไม่พอ เพราะเขามักสะดุ้งขึ้นตื่นกลางดึกเสมอ และมักเห็นตฤนร้องไห้...แววตาสั่นระริกนั้นจ้องมองเขาด้วยความตื่นกลัว

   คนสุดท้ายที่เขาเจอและคุยด้วยคือกวาง ที่ปรึกษาส่วนตัวของเขา เหมือนกับนักบำบัด เขาไประบายให้เธอฟังมา กวางเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ เธอปลอบเขา ก่อนที่เขาจะบอกเธอคร่าว ๆ ว่าจะไปไหน เขากลับบ้านและตั้งใจว่าจะขับรถออกไปในตอนเช้า แต่พอเขาล้มตัวนอน เขาก็จำได้ว่าเขาเคยนอนกอดตฤนเอาไว้...ที่ตรงนั้น... แต่ตอนนี้มันจบแล้ว เขาทนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ เขาจึงเก็บข้าวของแล้วขับรถออกไปกลางดึกด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่มองไม่เห็น

   ปราชญ์ตื่นขึ้นมา เขานั่งงุนงงได้พักนึงก่อนลุกไปเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมา ไล่อ่านแชทของทุกคน เว้นแค่แชทเดียว ตฤน... ข้อความค้างไว้ประมาณ 20 ข้อความ และข้อความล่าสุดที่แสดงขึ้นมา มันเขียนว่า ‘หายไปไหนวะ’

   เขาไม่กล้าเปิดอ่าน ได้แต่จ้องมองข้อความนั้น อย่างน้อยมันก็ใส่ใจและรู้ว่าเขาหายไป

   

   ติ๊ง

   กวางทักมาพอดีเหมือนกับรู้ว่าเขาเปิดอ่านอยู่

   ‘ปราชญ์ยังมีชีวิตอยู่มั้ยวะ’ คำทักที่เหมือนกับการแช่งของกวางเด้งขึ้นมา

   “ยังไม่ตาย”

   ‘อยู่ไหนแล้ว ขอรายละเอียดที่มากกว่าชื่อจังหวัดได้มั้ย’

   “จะตามมาหรอ” ปราชญ์พิมพ์ตอบ เขารู้ว่ากวางน่ะห่วงเขา บางทีเขายังคิดเลยว่ากวางมันแอบชอบเขาหรือเปล่า แต่ก็นะ มันจะดูหลงตัวเองมากเกินไป เพราะกวางกับเขาน่ะเป็นเพื่อนสนิท ที่หวังดีต่อกันเสมอ

   ‘เปล่า เผื่อติดต่อไม่ได้จะได้แจ้งตำรวจ’

   “คิดว่าจะห่วงแล้วมาตามหา เออใคร ๆ ก็ไม่รักกุ”

   ‘น่าสงสาร เดี๋ยวก็ดีขึ้น’ กวางตัดบทพร้อมส่งสติ๊กเกอร์หมารีบวิ่งไปทำงาน

   ปราชญ์รู้ดีว่าเขามีอะไรต้องทำมากมาย แม้เขาจะไม่อยากทำ เขาเปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน จะหนีรักก็ยังต้องหอบงานมาทำ...

   

   ปราชญ์มาอยู่ที่นี่ได้เกือบอาทิตย์แล้ว แต่ละวันผ่านไปเขาก็แค่นั่งเหม่อมองทะเล จิบเบียร์ แล้วก็กลับมาทำงาน วนไปวนมาอยู่แบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา รวมถึงหนวดเคราที่เริ่มยาวเขาก็ไม่ได้จัดการมัน

   ตฤนยังทักมาตามช่องทางต่าง ๆ เขาตัดใจไม่อ่าน เพราะกลัวว่าเขาจะใจอ่อนจนรีบกลับไปหา ในหัวใจของเขามันอัดอั้นและหนักอึ้ง เขาไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้มีแต่ความชา มันชาจนน้ำตาสักหยดก็ไม่ไหล
.
[ขอให้ทุกคนสงสารปราชญ์ไปเลยค่าาาาาา]
 :o12:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 20 หายไป / ตามคืน (Part 2)

-ตฤน-

   ตฤนยังคงพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ทั้งที่ออกปากไล่เขาออกไป แต่ตอนนี้เขากลับกระวนกระวายหา เขาพูดจาร้ายกาจแบบนั้น แต่ยังหวังว่าเขาจะกลับมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง...

   เขามักใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการนั่งเหม่อ แม่เขาสังเกตเห็นหลายวัน แต่ไม่รู้ว่าลูกชายเป็นอะไรกันแน่ เผลอเอาอาหารเม็ดของกี้ ไปเทใส่ชามน้ำบ้างละ เอาขนมเททิ้งใส่ถังขยะ แล้วเอาถุงขนมใส่จาน ทุกอย่างมันเบลอ และผิดพลาด

   ยิ่งวันเสาร์วันนี้ เขาเอาแต่เหม่อ ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เลวร้ายยิ่งกว่าทุกวัน

   “ตฤน” จนวันนี้ที่แม่ตัดสินใจถาม เพราะเขาใช้ช้อนส้อมผิดด้านพยายามตักข้าวอยู่ “ช่วงนี้เครียดอะไรหรือเปล่า”

   “ครับก็นิดหน่อย”

   “งานหนักหรอลูก”

   “เปล่าครับ” ตฤนตอบด้วยดวงตาหม่นแสง หน้าตาเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม

   “ทะเลาะกับปราญ์หรอ”

   “แม่...” เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ เขาหันไปมองเม่ของเขา เขาเลยได้แต่พยักหน้ารับ

   “ทะเลาะอะไรกัน”

   เขาพูดได้มั้ย เขาควรบอกแม่เขามั้ย

   “ปราชญ์มัน...” เขาตัดสินใจว่าจะเล่าออกไป แม้ว่าแม่อาจจะผิดหวังในตัวเขากับปราชญ์ก็ตาม “ปราชญ์มันมาบอกชอบผม” ตฤนโพล่งออกไปตรง ๆ ก่อนก้มหน้าลง เขารู้สึกอย่างกับทำความผิด

   แม่ทำหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา

   “แม่รู้อยู่แล้วว่าสักวันมันต้องมาถึง”

   คำพูดของแม่ทำให้เขาสับสน แม่รู้อะไร

   “แม่?”

   “มีเพื่อนคนไหนดีกับแกเท่าปราชญ์มั้ย”

   ตฤนนิ่ง เขาส่ายหน้าแทนคำตอบนั้น

   “ไม่มีเพื่อนคนไหน พยายามไปรับไปส่ง ดูแลเราตลอดเวลา ช่วยเหลือเราทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือ เสนอตัวทำนู้นทำนี่ให้ ...แต่แม่ก็มีอยู่คนนึง” แม่เว้นวรรคหลังจากพูดมายืดยาว “คนนั้นคือพ่อ...ของแก”

   “หมายความว่าอะไรครับ”

   “แม่ดูว่าปราชญ์มันพยายามจีบเรามานานแล้วนะ แต่เราไม่เคยสนใจ” แม่พูดออกมานิ่ง ๆ ไม่มีทีท่าตกใจหรือรังเกียจ

   “แปลว่ามันเป็นเกย์! ละ แล้ว แล้ว แม่รับได้หรอ” น้ำเสียงลนลานที่เจ้าตัวรีบพูดจนลิ้นแทบพันกันและดวงตาเบิกโพล่งด้วยความตื่นตระหนก

   แม่ส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ “ลูกก็รู้ดีว่าปราชญ์ไม่ได้เป็นเกย์”

   “แต่...มันบอกว่ามันชอบผม”

   “แล้วตฤนชอบปราชญ์บ้างหรือเปล่า” แม่ถามกลับทำเอาตฤนหายใจไม่ทั่วท้อง เขานิ่งอย่างไม่มีคำตอบจะให้กับคำถามของแม่

   “ผมไม่รู้...” ตฤนตอบเสียงอ่อย

   “ทำไมไม่รู้ หัวใจตัวเองแท้ ๆ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ

   “ก็ผม...”

   “คิดถึงเขามั้ย” แม่ไม่รีรอกับความอึกอักอ้ำอึ้งของตฤน แม่เลือกที่จะถาม แล้วให้ลูกชายของเธอคิดเอาเอง

   “คิดถึง”

   “ใจเต้นกับเขาบ้างมั้ย”

   เขานึกถึงเหตุการณ์ธรรมดา ๆ ที่ในชีวิตมีปราชญ์อยู่เสมอ เหตุการณ์ธรรมดา ๆ ...ตึกตัก

   “ครับ...”

   “อยากเจอเขามั้ย”

   “อยากเจอมาก”

   “เราเป็นหนักมากนะช่วงนี้ เรานึกถึงเขาทุกลมหายใจ แต่เราไม่รู้ตัว แล้วแบบนี้คือไม่ได้ชอบเขาหรอ?” แม่สรุปแบบปลายเปิดให้ เธอสงสารลูกชายที่หลงทาง กับคนที่มาจีบ ทนจีบโดยไม่รู้ว่าจะชนะใจคนที่ชอบเมื่อไหร่ มันคงทรมานน่าดู กับการสู้ที่ไม่รู้ว่าจุดหมายสุดท้ายอยู่ตรงไหน

   “ผมเป็นเกย์หรอแม่” ตฤนสับสนยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าฉายแววงุนงง

   “แล้วเราเป็นมั้ยล่ะ ตอบตัวเองสิ”

   “ผม...”

   “มันก็แค่คำนิยาม ความจริงก็มีแค่ทั้งสองคนชอบกันไม่ใช่หรอ”

   ตฤนนิ่งคิด ‘ความรักมันก็คือความรัก’ เสียงของขวัญแว่วเข้ามาในหัว เหมือนเขาจะเข้าใจ

   “แม่รับได้จริง ๆ หรอ”

   “ถ้าเป็นคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปราชญ์แม่โอเค”

   ตฤนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

   “ใครจะดีกับลูกเท่าปราชญ์ เขาเป็นเด็กดี ไม่ว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหน เขาก็ทะนุถนอมเรา ไม่ล่วงเกิน ไม่ฝืนใจ ไม่เคยทำให้เราเสียใจเลยใช่มั้ยล่ะ หลายปีที่ผ่านมามันก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ”

   เหมือนที่แม่ว่ามา ไม่ว่าจะกายหรือใจปราชญ์ไม่เคยทำให้เขาเจ็บปวดหรือเสียใจ มีแต่ปกป้องดูแลเขา ไม่เคยล่วงเกินไม่ว่าจะมีโอกาสแค่ไหน เขายังจำท่าทีเงอะ ๆ เงิ่น ๆ ตอนที่ปราชญ์พยายามเช็ดตัวให้เขาได้ดี

   “ทำไมแม่ดู...” ตฤนยังพูดไม่ทันจบประโยค แม่ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

   “พี่ขวัญทำให้แม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องพวกนี้” พี่ขวัญที่ชื่นชอบในการอ่านการ์ตูน อ่านนิยายชายรักชาย

   “ผมต้องขอบคุณพี่ขวัญใช่มั้ย”

   “พี่ขวัญบอกอีกนะ ว่าสายตาที่ปราชญ์มองตฤน ใครก็รู้ว่าไม่ได้คิดแค่เพื่อน” มีเขานี่แหละที่ไม่รู้ หรือก็แค่ไม่กล้าที่จะรับรู้

   

   ตฤนคิดทบทวนอย่างชัดเจน เขาไม่อยากให้ปราชญ์หายไป อยากอยู่ข้าง ๆ เขา เขาจะดูแลปราชญ์บ้างเพื่อชดเชย และตอบแทนที่ปราชญ์พยายามดูแลเขามาเสมอ นี่คงเป็นรักแรกของคนซื่อบื้ออย่างเขา...คิดได้แบบนั้นเขารีบโทรติดต่อหากวางทันที เขาจบกับตัวเองได้แล้ว

   “ฮัลโหลกวาง ฟังกุนะ”

   ‘อะไร ทำเสียงตื่น’

   “กุว่ากุ...กุชอบปราชญ์” ตฤนพูดเต็มปากเต็มคำแม้จะยังเขินอยู่ เพราะเขายังไม่ชิน

   ‘ไปตกลงกับตัวเองมาแล้วหรอ’

   “อื้อ ได้คำตอบแล้ว จะต้องไปตามมันกลับมาให้ได้”

   ‘งั้นหรอ...อื้ม สัญญานะ ว่าจะไม่ทำให้มันเสียใจ’

   “กุสัญญา”

   ‘เดี๋ยวแชร์โลเคชั่นให้”

   ตฤนลุกขึ้นเก็บของจำเป็นลงกระเป๋า เขาน่าจะไปทันรถตู้

   ตฤนพิมพ์แชทไปหาปราชญ์ แม้ว่าเขาจะไม่อ่าน

   ‘รอนะ อย่าหนีไปไหน กุจะไปหา’

   เขาจะไปตามหัวใจคืน ก่อนที่มันจะช้าไปกว่านี้ แล้วเขาจะต้องเสียใจไปตลอดกาล

.

[มาแล้วค่าาาา ครึ่งแรกทุกคนคงสงสารปราชญ์

เเต่ครึ่งหลังทุกคนต้องยินดีนะคะ น้องรู้ใจตัวเองแล้วนะ

คนซื่อบื้อกำลังจะไปตามหัวใจคืนเเล้ว  //พูดคุยเม้น เป็นกำลังใจให้กันนะคะ]
 :katai4:
ฝากเพจด้วยนะคะ เพจใหม่ใสกิ๊ง เอาไว้อัพเดทนิยาย พูดคุย ติดตาม ทวงถามค่า
FB - RingoPle

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แงงงง มาต้อเร็ว ๆ น้าา

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   
บทที่ 21 ตามหัวใจคืน (NC)


   ตฤนทุลักทุเลมาถึงที่พักจนได้ เป็นบ้านบังกะโลริมหาด แต่เขากลับต้องใจแป้ว เมื่อพบบ้านปิดสนิท มืดไร้วี่แววว่าจะมีคนอยู่ มีอย่างเดียวที่อยู่ตรงนั้น รองเท้าผ้าใบของปราชญ์ที่วางอยู่บนชั้น แปลว่าปราชญ์ยังอยู่ที่นี่ แต่อาจจะออกไปข้างนอก

   งั้นเขาจะนั่งรอตรงนี้ เขาหยิบเสบียงออกมากิน ยุงเต็มไปหมด เขาตบมันฆ่าเวลา จนเวลาล่วงเลยไปไกล เขายังรออยู่ พวกยุงหายไปแล้ว ลมแรงจนเขาหนาวสั่น

   “เมื่อไหร่จะมาวะ” ตฤนบ่นขณะนั่งลูบแขนลูบขาตัวเองไล่ความหนาว หรือนี่มันคือการลงโทษจากเขา

   ตฤนนั่งกอดกระเป๋าก่อนจะเผลอหลับไป

   

   เที่ยงคืน

   แสงไฟจากรถยนต์ ส่องสว่างท่ามกลางความมืดรอบตัว สว่างวาบเข้าตาของตฤน จนเขารู้สึกตัวตื่น แต่แค่แปปเดียวแสงไฟก็ดับลง

   ปราชญ์เดินลงมาจากรถ โดยมีหญิงสาวเดินตรงมาคลอเคลีย เขาเดินโซเซเพื่อที่จะเข้าบ้าน หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยนัวเนียปราชญ์เต็มที่ เอาอะไรต่ออะไรมาถูแขนเขา ทั้งหน้าอกหน้าใจที่มีล้นเหลือ

   เมื่อปราชญ์เดินมาถึงหน้าบ้าน เขาพบใครบางคนนั่งขดอยู่ที่ประตู ใครคนนั้นจ้องมองเขา เมื่อทั้งคู่สบตากันเหมือนห้วงเวลาหยุดชะงัก แต่เมื่อตฤนเหลือบมองหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่เดินมากับปราชญ์ เขาก็รู้ว่าแม่พูดถูก ปราชญ์ไม่ใช่เกย์

   และเขาก็ดูไม่ได้เสียใจ หรือว่าเศร้าหนัก อย่างที่เขาคิดเอาไว้...

   ตฤนลุกขึ้นยืน และเปล่งเสียงพูดเบาหวิวออกมา“โทษที ที่มานั่งบังประตู” เขายกกระเป๋าขึ้นอุ้มไว้ในมือ ก่อนจะเดินสวนทั้งคู่ออกไป

   ปราชญ์คว้าข้อมือตฤนเอาไว้ คนที่ทำเขาหมดอาลัยตายอยากมาหลายวัน 

   ตฤนที่ถูกจับตัวไว้ เขายืนนิ่งเหมือนโดนสะกด

   “ตฤนมาได้ยังไง”

   “...” ตฤนไม่ตอบ เขาพยายามเอามือออกจาการเกาะกุมของปราชญ์ ทั้ง ๆ ที่เขาต้องนั่งตากยุงอยู่ตรงนี้หลายชั่วโมงเพื่อรอคนตรงหน้าที่เขาไปเริงร่า กินเหล้าเที่ยวเล่นมีความสุขกับใครมากหน้าหลายตา แถมยังหิ้วกลับมากินต่อที่บ้านอีก เขารู้สึกผิดกับตัวเองที่มา... ที่พาตัวเองมาลำบากเพื่อตามหาเขา

   “ใครหรอคะ เรารีบไปต่อกันเถอะค่ะ” หญิงสาวซบไหล่คล้องแขนถูไถออดอ้อน

   “กลับไปได้เลย” ปราชญ์ดึงมือออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะหยิบเงินส่งให้ “ค่าเดินมาส่ง”

   หญิงสาวรับเงินพร้อมสะบัดหน้าหนี เห็นผู้ชายคนนี้ดีกว่าเธอ

   “ตฤน” ปราชญ์เรียกเสียงเบา ดวงตาหม่นแสงจ้องมองดวงหน้าของคนที่คิดถึง “มาทำอะไรที่นี่”

   “ตั้งใจมาขอโทษ”

   ปราชญ์เลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่ตรงไปตรงมา “เรื่อง”

   “ที่พูดไม่ดี”

   “เรื่องแค่นั้น ต้องถ่อมานี่เลยหรอวะ” เรื่องแค่นั้นที่ทำเขาเจ็บเกือบตาย...

   “อือ” ตฤนตอบรับพลางเม้มปากแน่น

   “ไม่ได้โกรธหรอก สบายใจได้” ปราชญ์พูดพลางจูงชายหนุ่มให้เดินตามมาในบ้าน “นอนนี่สักคืนพรุ่งนี้ค่อยกลับ”

   ปราชญ์พูดเสียงเรียบ แต่ตฤนกลับรู้สึกว่าเขากำลังถูกไล่ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก ปราชญ์กำลังไล่เขากลับ เขาไม่เคยถูกไล่แบบนี้เลย ทุกทีปราชญ์จะขอ ขอให้เขาอยู่ต่อ ...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วหรือ...แต่ในเมื่อเขามาถึงนี่แล้ว เขาก็จะพูด พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ

   “ทำไมมาไม่บอก ติดต่อก็ไม่ได้” ตฤนถามเรื่องที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ หนีเขาไง แต่เขาก็ยังอยากถาม

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้นก็หันกลับมาเผชิญหน้า และพูดเสียงเรียบ “บอกไม่ได้หรอก ว่ากุหนีรัก...ที่มันไม่สมหวัง” สายตาของปราชญ์มองตฤนอย่างมีความหมาย แต่ก็เจือไปด้วยความเศร้า

   อยู่ ๆ ตฤนก็รู้สึกว่าลำคอแห้งผาก แถมยังรู้สึกว่าอะไรไปจุกอยู่ตรงนั้น “ปราชญ์...” เขาทำได้แค่เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงอ่อน

   “อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวกุทำใจได้ กุก็กลับไปเอง” เขาไขเปิดประตูพาตฤนเข้ามาในบ้าน ตัวเขาเองยืนอยู่ข้างประตูไม่ยอมขยับ “เมิงก็ใช้บ้านตามสบายนะ” ปราชญ์ทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน แต่รอบนี้ตฤนเป็นคนคว้ามือของปราชญ์เอาไว้ เหงื่อไหลซึมจนมือชื้น

   “กุ...” ตฤนอ้ำอึ้งอึกอัก เขากำลังจะพูดมันออกไปแล้วจริง ๆ นะ ความรู้สึกจริง ๆ ที่ซื่อตรงต่อหัวใจของเขา ความรู้สึกที่ทำให้เขาต้องถ่อมาถึงที่นี่ “กุ... กุชอบเมิง” เขาพูดออกไปเสียงเบาหวิว เขาหลุบตาลงต่ำ

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ คำสารภาพของตฤนเหมือนกับน้ำที่ไหลลงหัวใจที่แห้งผากของเขา

   “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

   ปราชญ์ถามซ้ำ เขาอยากให้ตัวเองแน่ใจ อาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์หายสร่างเป็นปลิดทิ้ง

  “กุบอกว่าชอบเมิงไง” ตฤนพูดย้ำอีกครั้งเสียงเบาหวิว ที่ฉายชัดในสมองของปราชญ์

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น เขาขยับตัวประชิดคนน่ารัก ประคองใบหน้าที่เอาแต่หลุบตามองต่ำ ให้สบตากับเขา ก่อนประทับจูบลึกซึ้งแต่ว่าเร้าร้อนไปบนริมฝีปากบาง จูบให้สมกับที่เขาเสียใจ ให้สมกับที่เขาคิดถึง และให้สมกับที่เขาเฝ้ารอ...

   “อึก”

   ตฤนเริ่มประท้วงเมื่อเขาหายใจไม่ทัน ปราชญ์ยอมผละออกจากริมฝีปากนั้นเพราะกลัวคนตรงหน้าจะสลบไปก่อน ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ก่อนที่คนถูกจูบจะเขินจนต้องหลบตาอีกครั้ง เขาทำกระแอมไอสองสามทีแก้เขิน

   ปราชญ์ยิ้มครั้งแรกในรอบอาทิตย์กว่า เขาดึงคนร่างเล็กกว่ามากอดเอาไว้แน่น อย่างกลัวว่าจะต้องห่างจากกันอีก

   “กุคิดถึงเมิง”

   "เหมือนกัน”

   “มาที่นี่ได้ยังไง”

   "กวางบอก... กว่าจะผ่านด่านกวางมาได้ รู้มั้ยว่ายากแค่ไหน"

   ปราชญ์ยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เขาคิดถึงคนคนนี้มากเหลือเกิน

   "หายใจไม่ออก” ปราชญ์ยอมคลายอ้อมกอดออก พอให้ตฤนขยับตัวได้ “คิดว่าจะต้องเสียเมิงไปจริง ๆ แล้ว"

   "ทางนี้ต่างหาก ปิดเครื่อง ไม่ยอมตอบ รู้มั้ยมันลำบากแค่ไหน ในแต่ละวัน เมิงไม่รู้หรอก ว่าทำกี้ลำบากแค่ไหน” เขาพูดยืดยาวแก้เขิน “กี้ต้องกินอาหารเม็ดบวมน้ำ เพราะกุเอาแต่นึกถึงเมิงจนเทผิดชาม”

   ปราชญ์ดึงตัวตฤนออกห่าง เขาอยากมอง อยากสบตา ก่อนจะประกบจูบอีกครั้ง ทั้งอ่อนหวานและลึกซึ้ง

   “อื้อ” ตฤนประท้วงอีกครั้ง เขาไม่เคยจูบมาก่อนในชีวิตนี้ เขาไม่ถนัด เขาหายใจไม่ทัน

   ปราชญ์ถอนจูบจากริมฝีปาก มาจุ๊บที่หน้าผากแทน

   "6 ปี เวลาที่กุอดทน เวลาที่กุพยายามมาตลอด จนแน่ใจ ความรู้สึกของกุ ไม่มีแน่ไปมากกว่านี้"

   รอบนี้ตฤนเป็นฝ่ายยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากเขาเบา ๆ ทำให้สติของปราชญ์ขาดผึงลง เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ซอกคอขาว พลางกระซิบถาม

   “ได้มั้ย” เสียงแหบพล่าไปด้วยอารมณ์ของปราชญ์ดังอยู่ข้างหู ทำให้ตฤนขนลุกซู่

   “กุไม่ได้เตรียมใจมา” ตฤนกลัว เขาไม่เคย ไม่คุ้นชินกับเรื่องทำนองแบบนี้ เพราะแค่จูบเมื่อกี้ก็หลอมละลายเขา ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น

   “กุจะค่อย ๆ จะทะนุถนอมเมิงเอง” ปราชญ์ส่งสายตาเว้าวอน “ข้างนอกก็พอ”

   ตฤนเขินจนเลือดสูบฉีด เปลี่ยนใบหน้าขาวเนียนให้กลายเป็นสีชมพู เขามองท่าทางเคอะเขินของคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว ‘ทำไมมันน่ารักขนาดนี้วะ’ เขาคิดในใจ ...ใจที่มีแต่ความต้องการจนพุ่งพล่าน

   ปราชญ์ถอดเสื้อของเขาออกเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ หุ่นดีจนน่าอิจฉา ตฤนลอบมองอีกฝ่าย น่าแปลกที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ในสถานการณ์นี้เขากลับเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น

   ปราชญ์ขยับมาถอดเสื้อของตฤนออก ผิวขาวเนียนของตฤนทำให้ปราชญ์นึกอยากทำให้มันเป็นรอย เขากลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นตุ่มไตเนื้อสีชมพู เขาจดจ้องมันจนคนถูกจ้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

   “มันเขินนะเว้ย” ตฤนโวยวายกลบเกลื่อนความเขิน

   ปราชญ์ลุกขึ้นไปเปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะเดินไปปิดไฟทั้งบ้าน ให้มันเหลือแค่แสงสลัว ๆ

   “ดีขึ้นมั้ย”

   “อื้อ” ตฤนพยักหน้าในความมืด “ทำไมเมิงดูโชกโชน”

   “ก็กุไม่ใสเหมือนเมิง”

   “กับผู้ชายเมิงก็ไม่ใสหรอ”

   “เมิงเป็นคนแรก คนเดียว และคนสุดท้าย” ปราชญ์พูดก่อนจะไม่รีรอต่อปากต่อคำ ขยับประชิดอีกฝ่าย มือหนาล่วงเกิน ซุกสัมผัสเข้าไปยังบางสิ่งใต้กางเกงที่เริ่มจะตื่นตัว เขากอบกุมถูไถมันผ่านกางเกงชั้นใน

   “อึก มันแปลก ๆ นะ อื้อ” ตฤนครางเบา ๆ เขาเคยแต่ทำด้วยตัวเอง พอเป็นมือคนอื่น เขาก็เริ่มมีอารมณ์ร่วม มันพุ่งพล่าน และเร้าร้อน ความรู้สึกวูบวาบอยู่ในที ทุกครั้งที่ขยับแทบพาสติเตลิดหลุดลอย

   ปราชญ์ถอดกางเกงทั้งสองชั้นออกไปให้พ้นตัว แท่งเนื้อแข็งแกร่งปรากฏต่อหน้า ท่ามกลางไฟสลัว

   “โห เมิงแม่งซ่อนรูป”

   “ของกุไม่เล็ก”

   ปราชญ์นึกหมั่นไส้ เขากำรอบแท่งเนื้อนั้น ก่อนจะขยับข้อมือชักขึ้นชักลง มืออีกข้างลูบวนอยู่ที่ส่วนหัว

   “อื้อ อ่ะฮะ” ตฤนขนลุก เขาเกร็งจนสั่น ครางตามจังหวะขยับมือ ปกติเขาเสร็จเร็ว เวลานั่งดูหนังโป๊ก็กรอ ๆ ไปที่จุดสนใจ ไม่ถึงห้านาทีเขาก็มักจะปลดปล่อย

   “ดีกว่าทำเองล่ะสิ” ปราชญ์แซว “เดี๋ยวรู้สึกดีกว่านี้อีก” ปราชญ์โน้มหน้าลงไปใกล้แผ่นอกขาวเนียน บรรจงจูบลงไปที่ตำแหน่งหัวใจ ก่อนย้ายไปหยอกเหย้ากับยอดอกที่ชูชันด้วยความอารมณ์ ปากขบเม้มยอดอกอย่างเอ็นดู ปลายลิ้นร้อนลากวนจนคนถูกทำได้แอ่นอกรับสัมผัส มือหนาขยับมือเร็วขึ้น

   “ฮึก อ๊า ปราชญ์ กุ ใกล้แล้ว” ตฤนร้องครางลั่น ความรู้สึกร้อนเร้าเหมือนไฟเผา ทุกจุดที่ปราชญ์สัมผัสร้อนขึ้นจากปกติหลายองศา ราวกับจะหลอมละลาย

   “ดีมั้ย”

   “ดี...ฮึ อ๊ะ” ตฤนครางไม่เป็นภาษา สะโพกเด้งรับฝ่ามือร้อน เขาขยับเร็วขึ้นจน “อึกอ๊า” ตฤนปลดปล่อยออกเต็มมือปราชญ์

   “ตากุแล้ว” ปราชญ์ถอดกางเกงออก แท่งเนื้อระหว่างขาปวดหนึบจนแทบระเบิด เสียงตฤนปลุกเร้าอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี

   “แฮ่ก ๆ “ ตฤนหอบเหนื่อย เขารู้สึกดีมาก เหมือนล่องลอยอยู่

   “ตฤนหันหลังทีดิ แล้วก็คุกเข่านะ”

   “อย่าเอาเข้าไปนะเว้ย” ตฤนพูดดักก่อน ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายโดนใส่?

   “อื้อ”

   ตฤนขยับตัวหันหลังให้ทำท่าคุกเข่าตามที่ปราชญ์ขอ

   ปราชญ์เห็นภาพตรงหน้า อารมณ์ยิ่งพุ่งพล่าน เขาจับยึดสะโพกตฤนเอาไว้ เอาแท่งเนื้อถูไถไปกับก้นของคนตรงหน้าหมุนขยับปรับหาองศาที่เหมาะสม ก่อนจะเริ่มขยับถูไถ จากช้า ๆ เนิบนาบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาสูดปากด้วยความเสียวสะท้าน พลางขยับเร็วขึ้น ๆ ตามอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้นสูง

   “อึก ตฤน อ๊า” ปราชญ์ครางลั่น มือหนาเอื้อมไปเกาะกุม แก่นเนื้อของอีกคน มือขยับพร้อมจังหวะซอยสะโพก

   “ฮ้า จะมาปลุกกุอีกทำไม อึก” แท่งเนื้อตฤนตื่นตัวอีกครั้ง

   “อยากให้ อ่ะ...พร้อมกัน”

   เสียงครวญครางของทั้งคู่ ดังลั่นห้อง เหงื่อผุดซึม เนื้อแนบเนื้อ พวกเขาใกล้ชิดกัน ยิ่งทวีความร้อน บรรยากาศห้องอบอวลไปด้วยอารมณ์ที่เร้าร้อนคุกกรุ่นของพวกเขา อารมณ์ปะทุที่ถูกกักเก็บมานาน

   “ตฤน ...กุใกล้”

   “ปราชญ์...” ตฤนเรียกชื่อปราชญ์ด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกเสียวสั่น ทำให้คนที่ขยับกระแทกอัดตัวเองกับบั้นท้ายนวลเนียนต้องตัวเกร็งเขม็ง มือขยับสาวเข้าออกไม่ยอมหยุด เขาอยากให้เสร็จพร้อมกัน

   “อ๊า” สองเสียงประสานกัน พวกเขาไปถึงจุดหมาย ตฤนเสร็จคามือปราชญ์อีกครั้ง ของเหลวอุ่นร้อนเปรอะเปื้อนเต็มมือหนา ส่วนปราชญ์ทำเลอะใส่สะโพกของตฤน

   “แฮ่ก ๆ เลอะไปหมด” ตฤนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โดนรีดน้ำไปสองครั้ง เขาเหนื่อยก่อนขยับทิ้งตัวนั่งหันเข้าหาปราชญ์ พลางตั้งท่าจะบ่น

   “ตฤนแหละ ทำเลอะ...โคตรเยอะ เมิงไม่ได้ทำมานานแล้วหรอ” ปราชญ์ยกมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวขาวขุ่น เหมือนต้องการจะบอกว่า เขาก็เลอะเหมือนกัน

   “เกือบเดือน”

   “โห ทนได้ไงวะ” เขาพูดพลางใช้นิ้วจิ้มลงไปบนแท่งเนื้อที่กำลังสลบ

   “ก็กุไม่ได้มีอารมณ์ตลอดแบบเมิง”

   ปราชญ์ดึงตฤนเข้าไปจูบอีกครั้ง “แต่กุมีอารมณ์มาก ๆ กับเมิง ตอนนี้...”

   “ยังไม่พอหรอ”

   “ยัง” ปราชญ์ดันตัวตฤนให้นอนลงก่อนจะทาบทับ แท่งเนื้อเสียดสีกัน โดยมีน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนช่วยหล่อลื่น ลิ้นร้อนพรมจูบทั่วตัว เขางับและทำร่องรอยไว้ตามตัวของร่างข้างใต้

   ตฤนนึกอยากแกล้งอีกฝ่ายบ้าง ฝ่ามือบางลูบไล้ตัวอีกฝ่ายจนไปจูบที่ยอดอก ปลายนิ้วแกล้งถูเร็ว ๆ ใส่จุดอ่อนไหว

   “อึก ตฤน” ปราชญ์บิดตัวเมื่อตฤนพยายามแกล้งเขาคืน “เอาคืนหรอ”

   “ใช่” ตฤนตอบสั้น ๆ แต่นิ้วมือยังขยับไม่หยุด

   ปราชญ์ เห็นแบบนั้นก็พยายามหนีนิ้วของคนตรงหน้า เขารวบมือสองข้างมาวางไว้ที่เนื้อศีรษะ ประกบปากของตฤนเอาไว้ ขบงับริมฝีปากล่างของตฤนก่อนจะบดมัน และแทรกลิ้นเขาไปเกี่ยวรัด ความหวานนี้ชิมกี่ทีก็ยิ่งทำให้ติด ...

   ด้านล่างบนเบียดกันไม่ต่างจากด้านบน พวกเขาแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พาให้สติของทั้งคู่เตลิดไปไกล

   “เฮือก” ตฤนที่ถูกพันธนาการด้วยฝ่ามือหนา และริมฝีปากอุ่นร้อน รีบหายใจเอาอากาศเฮือกใหญ่ เมื่อปราชญ์ยอมถอนจูบ

   ใบหน้าแดงก่ำ กับปากฉ่ำนุ่ม พาให้ปราชญ์แทบรักษาสัญญาไม่ได้ เขาอยากจะใส่เข้าไป...

   “อยากใส่”

   “มะ ไม่ได้” ร่างที่ถูกเกาะกุมรีบปฏิเสธ

   “รู้แล้วครับ” ปราชญ์จุ๊บหน้าผากไล่ไปที่แก้มเนียน “ไม่ทำหรอก ของไม่พร้อม”

   ปราชญ์ใช้ดุ้นเนื้อของเขาบดกับดุ้นเนื้อของตฤน ด้านล่างบดเบียดอย่างหนักหน่วง ทั้งคู่แทบกระโจนเข้าหากันด้วยความหวาบหวาม กระแทกกระทั้นอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เพื่อไปถึงเป้าหมายทั้งคู่เกร็งเขม็ง แล้วไปถึงฝั่งฝันพร้อมกัน ปราชญ์ล้มตัวทับร่างคนข้างล่างด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “พอแล้ว”

   ปราชญ์พลิกตัวไปนอนข้าง ๆ ลมหายใจหอบของทั้งคู่ดังสะท้อนอยู่ในห้อง แทนเสียงพูดคุย เขาชันตัวขึ้นขยับหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างคนข้าง ๆ ห่มถึงคอแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

   “ไม่ใส่เสื้อผ้ากันหรอ”

   “นอนกอดกันใต้ผ้าห่มก็อุ่นพอแล้ว” ปราชญ์พูดพลางแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม กอดตฤนเอาไว้ก่อนทั้งคู่จะหลับกันไปด้วยความเปี่ยมสุข

.

.

[ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้กันนน !!! หลังจากรอลุ้นกันมานานนนน

ต่อจากนี้ปราชญ์จะหื่นเเล้ว เเง่งงงง >//////<

ชอบก็เม้นพูดคุยบอกกันได้น้า 1 เม้น 1 ถูกใจ เป็นกำลังใจของนุ้งงง]

ปล. เปิดเพจใน FB : RingoPle

เพจใหม่ใสกิ๊งที่ยังร้างราคน เข้าไปพูดคุยกันได้นะคะ

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4

บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟน


   แสงอาทิตย์ลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้ในห้องสว่างและร้อนขึ้น แสงแดดทำมุมตรงกับดวงตาของปราชญ์ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนจะหลับสนิทอยู่ เขารู้สึกตัวตื่นกระพริบตาสู้แสงจ้า เขาก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน รู้สึกดีที่เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝันไป ตฤนอยู่ตรงนี้จริง ๆ ในอ้อมแขนของเขา เขาฝังหน้าลงกับเรือนผมอ่อนนุ่ม เหมือนเขาจะหมั่นเขี้ยวอีกฝ่ายมากเกินไป จึงเผลอใช้แรงมากจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว..

   ตฤนขยับตัวอย่างไม่ค่อยเต็มใจเมื่อรู้สึกว่าถูกกวน ดวงตาสวยปรือขึ้นมอง เจอแผงอกเปลือยเปล่าเป็นอย่างแรก เขาสะดุ้งตื่นเต็มตา ขยับตัวออกห่าง นัยน์ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ พร้อมอุทานออกมา

   “เอ๊ย เชี่ย!”

   ปราชญ์มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางงุนงง ก่อนพูดประโยคที่ทำเอาคนตกใจหน้าร้อนวูบวาบ

   “เมื่อคืนเราใกล้กันมากกว่านี้อีกนะ”

   “เออ จำได้ว้อย”

   ตฤนพูดปัด เขาจะลุกขึ้นหนีแต่ก็ไม่กล้า เมื่อรู้ว่าเขายังเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนี้ ผ้าห่มผืนเดียวที่มี... มันปกคลุมท่อนร่างของทั้งสองคนเอาไว้

   “หันไปดิ๊ จะไปแต่งตัว” ตฤนพูดขึ้นเมื่อคิดดูแล้วว่าจะลุกโทง ๆ โดยมีอีกฝ่ายจ้องมองไม่วางตาแบบนี้ เขายังเขินอยู่ เขายังไม่กล้าแม้พวกเขาจะมีอะไร ๆ เหมือนกันก็เถอะ

   “ก็ลุกไปสิ”  ปราชญ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าความจริงจะสนใจท่าทางคนตรงหน้ามาก ๆ แถมยังแกล้งแหย่อีกฝ่ายด้วยการกระตุกผ้าห่มจนเผยให้เห็นต้นขาขาวของคนขี้อาย ผ้าปกปิดหมิ่นเหม่จนน่าหวาดเสียว

   “ไอ้ปราชญ์!” ตฤนที่โดนแกล้งโวยวายเสียงดัง หน้าขึ้นสีเรื่อ รีบดึงผ้าห่มกลับ

   ปราชญ์อมยิ้มกับท่าทางนั้น ก่อนจะเป็นเขาเองที่ลุกขึ้นเดินโทงเทงออกไปหยิบกางเกง ตฤนเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทางขัดเขิน จนเขากระดากเอง เขารีบหันหนีละสายตาจากปราชญ์ทันที

   ตฤนห่อตัวด้วยผ้าห่มและเดินไปหยิบกางเกงที่ถูกเหวี่ยงไปไกลกว่าที่คิด ก่อนจะใส่ด้วยท่าทางกระมิดกระเมียน ร่องรอยบางอย่างที่ปรากฏชัดบนผิวขาวเนียนของเขา ทำให้เขาหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความอับอาย

   ปราชญ์ที่ใส่กางเกงเรียบร้อย เดินกลับมาหาคนขี้อาย เดินประชิดอีกฝ่าย พลางยกนิ้วแตะไปที่รอยแดง รอยที่เขาเป็นผู้ทำเอาไว้เองอย่างแผ่วเบา

   “ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย”

   “เออ ไม่” เขาตอบเสียงดังกลบเกลื่อนความเขิน

   ปราชญ์ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ด้วยความหวงแหน ใบหน้าคนเตี้ยกว่าซุกอยู่ตรงไหล่

   “กอดอะไรนักหนา” ตฤนบ่นอู้อี้อยู่ข้างหู

   “ก็กุรักของกุ” ปราชญ์ตอบความในใจออกมาตรง ๆ คำที่เขารอจะพูด พอได้พูดออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เขาจะพูดเท่าที่เขาอยากพูด และคำพูดนั้นก็ทำให้ตฤนหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความไม่ชิน

   “เมิงมันบ้า”

   “บ้า ก็บ้ารัก”

   “เลิกพูดได้แล้ว” ตฤนบอกปัดด้วยความเขิน

   “กุรักเมิงนะ” ปราชญ์ยังคงบอกรักไม่เลิก ความอัดอั้นที่ทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน

   “รู้แล้ว”

   “รั...” ไม่ทันจบคำ ตฤนขยับใช้ปากประกบปิดคนบ้ารัก เขาไม่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเลิกพูดได้ยังไง

   ปราชญ์ตอบสนองกับริมฝีปากนั้นอย่างรวดเร็ว จากจูบปิดปากกลายเป็นจูบแสนหวาน ปราชญ์สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นร้อนของอีกคน จูบแสนหวานทวีความรุนแรงขึ้น มันร้อนระอุ จนมือของปราชญ์เริ่มไม่อยู่นิ่ง เขาเตรียมจะถอดกางเกงของตฤนอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งใส่มันเมื่อกี้

   “อื้อ” ตฤนคว้าใบหน้าหล่อเข้มเอาไว้ ก่อนจะขยับหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเขากำลังจะละลาย

   “เมิงเริ่มเองนะ” ปราชญ์มองคนตรงหน้าด้วยดวงตาหวานเยิ้ม

   “อย่า พอได้แล้ว” ตฤนจับใบหน้าหล่อนั่นเอาไว้ ก่อนจะบีบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “พอ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

   “กุอยากกินหญ้า” ปราชญ์พูดคำแปลก ๆ ออกมาทำให้ตฤนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

   “เป็นควายหรอไง”

   “เออ กุยอม” ปราชญ์คว้ามือตฤนที่จับใบหน้าเขาเอาไว้มางับเบา ๆ เขาจ้องตาอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย “ชื่อเมิงแปลว่าต้นหญ้าไม่ใช่หรอไง”

   “กุไม่ให้กินแล้ว ปล่อยกุ” ตฤนดิ้นหนี เขาเหนื่อย เขาเพลีย เขาอยากอาบน้ำ เขาอยากออกไปหาอะไรกิน ไม่อยากทำแต่กิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้บ้านี่เท่านั้น

   “ก็ได้” ปราชญ์พูดเสียงอ่อย ยังไงเขาก็ไม่ฝืนใจตฤน เขาจำใจต้องปล่อย แม้ว่าอยากจะทำอะไร ๆ แค่ไหน...

   

   ตฤนชนะและหนีออกมาจากการเกาะกุม เขาหยิบเสื้อผ้า และข้าวของส่วนตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่พอจะปิดประตู มือหนาก็มาดันประตูเอาไว้ พลางชะโงกหน้าเข้ามาในห้องน้ำ

   “ให้กุช่วยอาบให้มั้ย”

   ตฤนได้ยินแบบนั้นรีบเอามือดันหน้าคนหื่นเอาไว้ พลางพูดให้ปราชญ์ออกไป “กุอาบเองได้ เมิงออกไปเลย อย่ามากวน”

   ตฤนมองตัวเองในกระจก ร่องรอยสีกุหลาบปรากฏชัด เมื่อนึกถึงสัมผัสเมื่อคืนใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นสีเรื่อ แล้วระหว่างเขากับปราชญ์ ต่อจากนี้จะเป็นยังไง เขาต้องวางตัวแบบไหน ...คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนคิดไม่ตก เขาสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่าน พลางเปิดฝักบัวให้น้ำเย็น ๆ ชำระล้างความฟุ้งซ่านออกไปจากจิตใจ สายน้ำเย็นไหลอาบตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ชะล้างความเหนื่อยล้าออกไปจนหมดสิ้น

   

   ปราชญ์ยิ้มขบขัน ก่อนจะยอมถอยแต่โดยดี แค่ได้หยอกเขาก็มีความสุข ปราชญ์กลับมานั่งที่เตียง กดมือถือหาร้านอาหารร้านขนมอร่อย ๆ เพื่อพาอดีตเพื่อนสนิทไปกิน เขาต้องหาร้านบรรยากาศดี ๆ เพื่อขอตฤนเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ เมื่อคืนแค่บอกชอบ บอกรัก ยังไม่ได้ขออีกฝ่ายเลย

   ร้านอาหารริมทะเลที่ปราชญ์สนใจ ร้าน Vitamin Sea โทนร้านสดใสน่ารัก ดูอบอุ่น ที่สำคัญมีมาสคอตเป็นรูปหมาสีส้ม น่ารักแบบที่ตฤนจะต้องตาเป็นประกาย เขาเลื่อนดูรายละเอียด ที่ร้านมีตุ๊กตามาสคอตตัวเล็ก ๆ ขายด้วย พร้อมปลอกคอที่ให้เขียนคำได้เอง... นี่แหละใช่เลย

   ตฤนออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสดชื่น หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้า เส้นผมเปียกชื้นแนบลู่ เจอปราชญ์นั่งกดมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เขามองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ‘มันคุยกับใคร? หรือว่าผู้หญิงคนเมื่อวาน’

   “ยิ้มอะไรคนเดียว” ตฤนพูดทักขณะเดินเข้าไปใกล้

   “เปล่า” ปราชญ์ตอบทันควัน เขาสะดุ้งกับเสียงเรียก รีบวางมือถือไว้ข้างตัว ซึ่งมันทำให้ดูมีพิรุธมาก ๆ จนตฤนถึงกับหรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ

    “คุยกับคน...” ...นั้น... ตฤนกลืนคำพูดที่คิดจะพูดต่อลงไปในลำคอ แบบนี้มันเหมือนกับเขามีอาการหึงคนตรงหน้าน่ะสิ มันจะคุยกับสาวที่ไหน ไม่ใช่ธุระของเขาสักหน่อย

   “ฮะ ว่าไงนะ” ปราชญ์ถามพลางส่งยิ้มประหลาด ๆ มาให้ เขาฟังไม่ทันว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

   “ไปอาบน้ำไป หิวข้าว” ปราชญ์เด้งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเดินตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที

   ตฤนเดินไปนั่งแทนที่ เขาถือวิสาสะหยิบมือถือของปราชญ์ขึ้นมากดดู แต่มันติดรหัส...

   “รหัสอะไรวะ” ตฤนบ่นเบา ๆ รหัส 6 ตัว เขาลองกด วันเดือนปีเกิดของปราชญ์ ทั้งพ.ศ. และค.ศ. มันก็ยังไม่ใช่ ลองกด 123456 ก็ไม่ใช่ เขาได้แต่นั่งเกาหัวแกรก ๆ คิ้วขมวดมุ่นอย่างคนใช้ความคิด ยากจังวะ หรือจะลองใช้ วันเดือนปีเกิดของเขา...

   หน้าจอแสดงว่าเข้ารหัสถูก อยู่ ๆ ตฤนก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น ตลอดเวลาปราชญ์เข้ารหัสมือถือด้วยวันเดือนปีเกิดของเขา เหมือนกับนึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลา

   “มึงมันบ้า” ตฤนสบถเขินอยู่คนเดียว ก่อนจะไม่ลืมเป้าหมายที่เขาพยายามจะกดเข้ามือถือของปราชญ์ เขาแอบเปิดโปรแกรมต่าง ๆ แล้วก็พบว่าปราชญ์ไม่ได้คุยกับใครมาตั้งแต่เมื่อวาน มันยิ้มอะไรของมันคนเดียว?

   

   ปราชญ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นตฤนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่

   “ทำไรอ่ะ” ตฤนที่ถูกทัก สะดุ้งปล่อยมือถือลงบนที่นอน เขาเงยหน้าขึ้นมองคนทัก ก็เจอภาพที่ทำให้แก้มร้อน ปราชญ์ออกมาจากห้องน้ำโดยมีแค่ผ้าขนหนูพันเอวไว้หลวม ๆ กับผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ที่คอของเขา หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว ทำให้กล้ามเนื้อที่สวยงามได้รูป ดูเซ็กซี่มากขึ้นกว่าเดิม

   “ไม่คิดจะอายบ้างหรอไงวะ”

   “ไม่” ปราชญ์พูดพลางยักไหล่ไม่ใสใจ ก่อนจะถามต่อเพราะคนตัวแสบแอบเล่นมือถือเขา ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งรหัสเอาไว้ “รู้รหัสได้ยังไง”

   “ก็ควรจะรู้มั้ยล่ะ ใช้วันเดือนปีเกิดของกู” ตฤนพูดพลางยืดตัวขึ้น เขาอาจจะผิดที่แอบเล่นมือถือ แต่เขาจะเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น

   “ก็...” ปราชญ์เสหน้ามองไปทางอื่น เขารู้สึกหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาเมื่อโดนอีกฝ่ายจับได้ ใบหน้าขึ้นสี ปราชญ์ทำเป็นยกผ้าที่พาดคอมาวางไว้บนศีรษะ ให้ชายผ้าบดบังใบหน้าเคอะเขินของเขา ... เดี๋ยวเสียฟอร์มหมด

   “ก็อะไร” ตฤนแหย่ต่อ เมื่อเห็นว่าสามารถทำให้อีกฝ่ายเขินได้

   “ก็...รหัสล็อคเครื่องมันสำคัญ แล้วมึงก็สำคัญก็เลยจับมาอยู่ด้วยกัน” ปราชญ์พูดตะกุกตะกัก สิ่งที่เขาจำได้ดี เขาไม่มีวันลืมรหัสผ่านนี้ได้แน่นอน

   เป็นตฤนที่เงียบไปแทน ถึงจะดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่มันก็ทำให้เกิดห้วงอากาศแปลก ๆ ภายในห้อง มันอบอวลและหอมหวาน

   

   ปราชญ์ขับรถพาตฤนไปหาอะไรกิน มุ่งไปตามเป้าหมาย ร้านที่เขาดูไว้ ร้าน Vitamin Sea ในขณะที่ตฤนหิวมาก เขามองร้านข้างทางไม่หยุดหย่อน มีร้านที่น่ากินตั้งหลายร้าน แต่ปราชญ์ก็เอาแต่ขับผ่านไป

   “ร้านนั้นก็น่ากิน” ตฤนพูดพลางชี้ร้านนั้น ร้านนี้ไม่หยุด

   “ทนหน่อยสิวะ หิวมากมาแทะกล้ามแขนกูมั้ย” ปราชญ์พูดแซวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน 

   “จิ๊ จะไปร้านไหนวะ” ตฤนทำเสียงจิ๊อย่างขัดใจ เขาหิวมากตอนนี้

   “ร้านนี้ดี มึงชอบแน่”

   “เอาจริง ๆ ตอนนี้อะไรก็อร่อย อะไรก็ชอบหมด”

   “กูก็อร่อย กูก็น่าชอบนะครับ” ปราชญ์ยังพูดแซวไม่เลิก เขาตั้งใจจะเบี่ยงเบนความสนใจของตฤน ให้ไม่ไปจดจ่อกับความหิว อีกแค่ 5 นาทีตามที่แมพโชว์ก็จะถึงร้านแล้ว

   ตฤนไม่มีอารมณ์มานั่งเขินกับคนหลงตัวเอง เขาหิวจริง ๆ เมื่อคืนก็กินเสบียงที่เตรียมไว้ แบบไม่อิ่มเท่าไหร่ แต่ดันมาถูกดึงพลังออกไปตอนที่ออกกำลังกายในร่มอีก ./////.  ตื่นมาเขาถึงได้หิวโหยขนาดนี้

   “แปปเดียวถึง”

   ทะเลอยู่เบื้องหน้าลิบ ๆ นี่แหละที่เบี่ยงเบนความสนใจของตฤนไปได้ ผืนน้ำสีฟ้าระยิบระยับ แสงแดดจ้าจนตาแทบพร่า ทะเลสวย แต่คงร้อนนรกมากตอนนี้ และร้านสีส้ม ๆ ที่อยู่ตรงนั้นก็สะดุดตาเขา

   “ร้านนั้นไง”

   “Vitamin Sea ? ตฤนอ่านชื่อร้านเบา ๆ เขาเคยเห็นรีวิว เขาคุ้นมากเลย “ร้านหมาสีส้ม!”

   “หืม? เคยมาหรอ” ปราชญ์ถามกลับ ใจแอบแป้ว ๆ นิดหน่อยทั้งทีตั้งใจเลือกร้านนี้เพื่อให้มีความทรงจำแสนพิเศษเลยนะ ถ้าอีกฝ่ายเคยมาแล้วก็คงไม่ค่อยจะว้าวเท่าไหร่

   “ไม่เคย อ่านรีวิวมา” เพราะมีของน่าสนใจอย่างหมาสีส้มนี่แหละ เพราะตุ๊กตานี่ของชอบ

   “อ่าฮะ” ปราชญ์เลี้ยวเข้าไปจอดทันที ร้านมีคนอยู่เยอะพอสมควร คงเพราะว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว

   พวกเขาเข้ามาในร้าน ได้ห้องกระจกที่ติดริมทะเลพอดี บรรยากาศดี แถมอากาศไม่ร้อนเพราะอยู่ในห้องแอร์... ปราชญ์มองสำรวจร้านอย่างตั้งใจ ส่วนตฤนเมื่อถึงโต๊ะ เขาเปิดเมนูดูอาหารทันที

   “พี่ครับเอาข้าว 1 โถ เนื้อปูผัดพริกเหลือง หอยแครงลวก ยำหอยนางรม ทอดมันกุ้ง” ตฤนสั่งรัว เขาหิวมากจนสั่งไม่ยอมหยุด

   “ปลากะพงทอดน้ำปลา น้ำแข็ง 2 กับน้ำเปล่า เท่านี้ก่อนครับ” ปราชญ์พูดสั่งอาหารแค่เมนูเดียว แค่นี้เขาก็กินไม่หมดแล้ว

   “โคตรหิว” ตฤนพูดขณะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา หิวแน่นอนจะเที่ยงแล้ว

   “เชื่อแล้ว เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปป”

   ปราชญ์ลุคไปดูพวกมาสคอตของที่ระลึก ในขณะที่ตฤนนั่งนิ่ง ๆ เหม่อมองทะเลเพื่อประหยัดพลังงาน ก่อนที่เขาจะหิวจนเผลอกินผ้าปูโต๊ะเข้าไป

   

   ปราชญ์มองเห็นตุ๊กตาอันนั้นที่เขาตามหาทันที ตุ๊กตาหมาสีส้ม

   “น้องครับ ตุ๊กตานั่นซื้อแล้วสลักคำบนปลอกคอได้มั้ยครับ”

   “ใช่ค่ะ สนใจรับกี่ตัวดีคะ”

   “1 ตัวครับ แล้วคำก็ให้สลักว่า เอ่อ ผมขอกระดาษจด” เขารับกระดาษมาเขียน ‘Pen Fan Gun’ ลงไป ถ้าพูดก็กลัวว่าจะไม่เข้าใจ แถมยังเขินมากซะอีก

   “อ๋อ จะให้ว่าที่แฟนหรอครับ” พนักงานอ่านข้อความพลางยิ้มแก้มปริ เขาเขินแทนเลย

   “ใช่ครับ งั้นเดี๋ยวผมมารับนะ”

   

   "ไปเข้าห้องน้ำนานจังวะ"

   ตฤนหยิบมือถือเข้ามาถ่ายวิวถ่ายบรรยากาศร้าน

   อาหารทยอยมาส่ง ปราชญ์ก็ยังไม่กลับมา

   ตฤนแอบเล็มไปเรื่อย ให้รอก็ไม่ไหว ไม่รอก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป

   คนตัวสูงเดินกลับมาที่โต๊ะ หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น

   "คิดว่าตกส้วมตาย นั่งคุยกับผีสาวฮานาโกะอยู่หรอไง"

   "แล้วบ่นอะไรของมึงเนี้ย เพี้ยนเพราะหิวหรอไง"

   "เอออ" ตฤนตักข้าวเข้าปากได้เต็มปากเต็มคำหลังจากรอมานาน เขาไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำกับปราชญ์อีก

   ตฤนกินข้าวเร็วจนจุก ไม่ถึง15นาที เขาก็นั่งอืด

   "อิ่มว่ะ"

   "น่าจะจุกมากกว่า"

   "กินเร็วไปหน่อย กุไปห้องน้ำแปปนะ"

   

   ตฤนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกโล่งสบาย เขาพร้อมต่อของหวานแล้ว

   "เธอเห็นผู้ชายโต๊ะ7มะ ที่นั่งคนเดียวตรงนั้นน่ะ หล่อเนอะ"

   พนักงานสาวสองคนหลบมุมมาแอบเม้าท์ลูกค้า ส่วนตฤนก็แอบฟังอยู่ข้างหลัง ผู้ชายโต๊ะ7 ปราชญ์

   "แต่น่าเสียดาย เขาชอบผู้ชาย" พนักงานอีกคนพูดขึ้นมา

   "จริงหรอ โอยขนลุกอ่ะ น่าเสียดายจัง"

   

   ตฤนเดินหนีออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ

   "กินของหวานป่าว"

   "ไม่อ่ะอิ่มแล้ว"

   ปราชญ์เพ่งมองคนตรงหน้า ที่มีสีหน้าตอนกลับมาต่างจากตอนลุกไป ต่างนิดหน่อยแต่เขารู้สึกได้

   "เป็นอะไร"

   "เป็นคนอิ่ม"

   ปราชญ์มองคนตรงหน้า ก่อนจะหยิบตุ๊กตาที่แอบไว้ออกมา

   "แล้วนี่เอามั้ย"

   ตฤนมองตุ๊กตาด้วยดวงตาเป็นประกาย อารมณ์ขุ่นหมองหายไปชั่วขณะหนึ่ง

   ตฤนรับตุ๊กตามาถือไว้ หมาหน้ายิ้มสีส้ม เขามองสำรวจตุ๊กตาขนาดพอดีกดในมือ ขนสีส้มนุ่มนิ่ม และปลอกคอหนังที่ตอกตัวหนังสือลงไป...

   "Pen Fan Gun" ตฤนพึมพำตัวหนังสือตรงปลอกคอ ที่น่าจะเป็นชื่อหมาออกมาเบา ๆ

   "นะ" ปราชญ์ต่อประโยคให้จนจบ

   "..." ตฤนเงียบไป คิ้วขมวดน้อย ๆ สีหน้าเหมือนคนคิดหนัก

   "เป็นแฟนกับกูเถอะนะ" ปราชญ์พูดย้ำ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกุมทับมือบางที่จับตุ๊กตาอยู่

   "มัน... เร็วเกินไป มัน" ตฤนพูดอ้อมแอ้มออกมา

   "มึงรักกู กูรักมึงมันไม่พอหรอ เมื่อคืนก็ข้ามไป..." แววตาคมเพ่งมองคนตรงหน้า อยากรู้ว่าตฤนกำลังคิดอะไร

   'ขนลุกอ่ะ' เสียงหญิงสาวพนักงานดังอยู่ในหัว

   "กูเพิ่งรู้ใจตัวเองเมื่อวาน กู..." ปราชญ์ตั้งใจฟังทุกคำที่คนตรงหน้าพูด

   "หรือมึงยังไม่มั่นใจว่ามึงรักกู" ดวงตาคมฉายแวววูบไหว คำพูดที่เขาพูดออกมาเอง กลับสั่นคลอนหัวใจของเขา ความรู้สึกสะท้านก้องในอก

   "ไม่ใช่แบบนั้น มึงไม่อายหรอวะ ผู้ชายสองคนมาคบกันเอง ยิ่งมึงมีหน้ามีตาในสังคม เพื่อนฝูงก็เยอะแยะ"

   "กูไม่อาย ไม่สนใจใครด้วย เรารักกันก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย" ปราชญ์พูดเสียงดังขึ้นด้วยอารมณ์

   "โอเคมึง เบาเสียงลงหน่อย" ตฤนต้องพูดเตือนอีกฝ่าย เขาชักจะอายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

   "ตกลง มึงจะเป็นแฟนกับกูมั้ย" ปราชญ์ลุกขึ้นยืนพูดพร้อมระดับเสียงของปราชญ์ที่ไม่ลดลง

   ซึ่งมันเรียกความสนใจจากโต๊ะข้างเคียงได้เป็นอย่างดี ขอเป็นเเฟนอะไรจะฮาร์ดคอร์ขนาดนี้วะ อยู่ดี ๆ พวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจ

   เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบเอาแต่ถลึงตาใส่ ปราชญ์ที่ไม่มียางอาย ก็เลยป่าวประกาศออกมาหน้าตาเฉยแถมยังไปกวนโต๊ะข้าง ๆ ที่มองมาอีก

   "พี่ว่าถ้าพวกผมคบกัน มันน่าเกลียด มันน่าอาย มันไม่เหมาะหรือเปล่า"

   ตฤนเอาหน้าซุกลงไปกับตุ๊กตา เชี่ย อาย!!! ผมเห็นสีหน้า พี่ ๆ โต๊ะนั้นตกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ปราชญ์ก็ถามคำถามแบบนี้

   พวกเขาส่งยิ้ม "เหมาะ พวกพี่เชียร์เป็นกำลังใจให้นะ" พร้อมทำมือ กำแล้วยกขึ้นชูว่าเป็นกำลังใจให้

   ถ้าตฤนสิงตุ๊กตาได้ เขาก็จะทำ ใบหน้าเนียนขึ้นสีเลือดฝาด แม่งไม่อายบ้างหรอไงวะ กลายเป็นเขาที่ถูกกดดัน ...

   "คบกับกุนะ" ปราชญ์พูดก่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สายตาที่มองลงมาทั้งอบอุ่นและจริงจัง เขายื่นมือมาตรงหน้าตฤนหมายจะให้ตฤนจับ

   "เออออออ" ตฤนตอบลากเสียงยาว พลางใช่ฝ่ามือตีลงไปที่มือคนตรงหน้า

   เสียงปรบมือดังขึ้นทั้งร้าน แม่มนี่กุเล่นละครอยู่หรอไงวะ ตฤนนึกอยากละลายหายไปตรงนี้ ขณะที่ปราชญ์ยืนยิ้มบ้ายิ้มบอหน้าบานแก้มปริ ไอ้หน้าหล่อ ๆ นั่นมันฉาบด้วยปูนหรอไงวะ

   “นั่งลงได้แล้ว” ตฤนพูดเสียงเบา เชิงบังคับให้ไอ้คนกล้าเปิดเผย ทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์กับเขานั่งลง มันก็ดี แต่มาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเยอะ ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหว

   “ครับแฟน” ปราชญ์พูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย ไอ้ห่านนนนน

.

.

[เป็นแฟนกันเเล้วววว เป็นแฟนกันเเล้วววววว /ตะโกนโวยวาย อรั้ยยยย]
 :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นแฟนกันแล้วววววววว

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   
บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว (ปราชญ์ X ตฤน) NC

   

   ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ทริบเที่ยวจบลง เมื่อปราชญ์ขับรถพาตฤนไปถึงทะเล แต่ตฤนเลือกที่จะวิ่งเอาเท้าไปแตะทะเล และรีบกลับขึ้นรถ ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ตฤนก็ยอมแพ้ต่อสภาพอากาศ แต่จะให้เขารอจนเย็นก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน

   ปราชญ์พาตฤนแวะห้าง พวกเขาเดินตากแอร์ชิล ๆ ช่วงเวลานี้รถน้อย พวกเขาเลยแวะนู้นแวะนี่ได้ ปราชญ์แอบเดินแยกไปซื้อของ สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการมาก ๆ ในตอนนี้ ส่วนตฤนเหมือนจะติดใจกับโซนของฝาก ดูของที่จะซื้อฝากแม่ กับฝากกวาง

   ปราชญ์เดินกลับมาพร้อมถุงขนม

   “ซื้อขนมเพียบเลย กินทั้งหมู่บ้านหรอ” ตฤนแซว

   “เออดิ เสร็จยังอ่ะ”

   แม่ค้ายื่นถุงใบใหญ่ สองถุงมาให้ตฤน ปราชญ์มองถุงสองใบหน้าพลางยิ้ม ว่าแต่คนอื่น ก็พอ ๆ กันแหละวะ ปราชญ์จะขยับมาถือถุงให้ แต่ตฤนคว้าไว้เองทั้งหมด เขาก็เป็นผู้ชายนะ เป็นแฟนผู้ชาย ไม่ใช่แฟนสาว...

   

   พวกเขากลับมาถึงบ้านปราชญ์ในตอนเย็น ดีที่รถไม่ติดมาก ปราชญ์เหนื่อยล้ากับการขับรถ แต่ไม่เหนื่อยที่จะทำอย่างอื่น...

   “หิว” ปราชญ์บ่นออกมาเสียงดัง

   “ก็ป้อนมาตลอดทาง หิวอะไรอีก” ตฤนพูดพลางส่ายหน้าเอือม พลางชูถุงขยะถุงใหญ่ขึ้นมาให้ดู สิ่งที่พวกเขากินตลอดการเดินทาง

   “ก็หิว...ตฤนไง” ปราชญ์เดินเข้ามาประชิด สองมือโอบกอดอีกฝ่าย ริมฝีปากร้อนทาบทับลงไปบนริมฝีปากบาง บดจูบลงไปจนตฤนแทบแข้งขาอ่อน

   “ปราชญ์ ...กู...”

   “กูพร้อมแล้ว” ปราชญ์พูดพลางชี้ไปที่ด้านล่าง เป้าตึงแน่นนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

   “นี่มึงหื่นมาตลอดทางเลยหรอ ทำไมมึงบ้ากามจังวะ”

   “แค่กับมึง” ปราชญ์พูดพลาง หยิบของที่ซื้อที่ห้างออกมา เป็นขวดเจล “รอบนี้กูขอใส่”

   “เชี่ย” ตฤนอุทานเบา ๆ พลางขยับหนี แต่อ้อมแขนแกร่งคว้าคนตรงหน้าเข้ามาแนบชิด

   “นะ ยอมกูเถอะ” ปราชญ์ทำหน้าเว้าวอนขอร้อง จนตฤนใจอ่อน แต่เขาก็แอบสงสัย...

   “ทำไมกูต้องโดนใส่วะ”

   “เพราะ...กูเคยทำ แต่มึงไม่เคยไง”

   “งั้นรอบหน้ากูขอเป็นคนใส่”

   ปราชญ์นิ่งเงียบ เขาไม่เคยนึกมาก่อน ว่าจะต้องเป็นคนถูกใส่ ถ้าเขาตกลง ตฤนก็จะ...ทำเขา เขานึกภาพไม่ออกเลย แต่ก็ถูกของมัน ถ้าเขาไม่ยอมก็คงเห็นแก่ตัวเกินไป แล้วถ้าเขาไม่ตกลง วันนี้เขาอดแน่

   “ได้... ดูบทเรียนที่กูจะสอนก็แล้วกัน”

   ปราชญ์พูดจบประโยคไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร ประกบจูบอีกครั้ง เร้าร้อนยิ่งกว่าเดิม ลิ้นสอดเข้าไปเกี่ยวและหยอกเหย้า สองมือบีบคลึงที่ก้นของคนในอ้อมแขน ก่อนมาสาละวนกับซิปกางเกง รุกรานจุดอ่อนไหวที่กำลังมีอารมณ์ร่วมกับเขา มันแข็งขืนขึ้นมาในอุ้งมือของเขา

   “เฮือก อึก” เสียงครวญครางเหมือนคนหายใจไม่ออกของตฤนทำให้ปราชญ์ต้องผละออกมา ใบหน้าแดงก่ำของคนตรงหน้าทำให้อารมณ์เขายิ่งพุ่งทยาน พวกเขาพาตัวเองไปที่โซฟา ปราชญ์ถอดกางเกงที่เกะกะของตฤนออกอย่างไม่ใยดี สองมือเกาะกุมแท่งเนื้ออ่อนไหว “อ่าอ๊า” เขาขยับมือเข้าออกจนตฤนครางด้วยความเสียว

   ตฤนขยับเกร็งก่อนจะพ่นของเหลวขาวขุ่นออกมาเปรอะมือหนา

   “หันหลังหน่อย” ปราชญ์มองช่องทางรักก่อนจะบีบเจลชโลมนิ้วของเขาและสอดแทรกนิ้วเข้าไป ตฤนรู้สึกเจ็บเมื่อนิ้วกลางของตฤนเข้าไปจนสุดนิ้ว

   “อึก เจ็บ” ปราชญ์แช่นิ้วค้างเอาไว้ให้คนตรงหน้าได้ปรับตัว

   “เดี๋ยวจะดีขึ้น” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อารมณ์ของเขาพุ่งพล่านไปถึงขีด

   ปราชญ์เริ่มขยับนิ้วช้า ๆ ข้างในคับแน่นจนเขารู้สึกว่า ถ้าจะเอาของเขาเข้าไป คงต้องพยายามเตรียมให้ดี เขากลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ

   เขาเริ่มเพิ่มจำนวนนิ้วจาก 1 เป็น 2 เมื่อเห็นว่าตฤนเริ่มชิน เขานิ่วหน้านิดหน่อยให้ความคับแน่นนั้น ตฤนหอบเหนื่อย มันมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา มือเรียวยันโซฟาเอาไว้ ไม่ให้หน้าทิ่ม จนเมื่อปราชญ์เพิ่มเป็น 3 นิ้ว เพราะเขาก็เริ่มจะทนไม่ไหวคนด้านล่างดิ้นพล่าน พยายามขยับหนี ทั้งแน่นทั้งเจ็บ

   “อ่าาาา อึก” ตฤนครางผ่อนความเจ็บ สะโพกเนียนพยายามหนี แต่ปราชญ์จับยึดเอาไว้แน่น สามนิ้วชุ่มฉ่ำขยับเข้าออกอย่างช่ำชอง

   ด้านในอุ่นชื้น ตอดรัดนิ้วของปราชญ์ นั่นทำให้ความอดทนของปราชญ์ หมดลง เขาถอนนิ้วออก พลิกคนข้างล่างให้หันกลับมาประชันหน้ากับเขา เขาอยากเห็นใบหน้าเนียนที่แสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมา ดวงตาคู่สวยหวานฉ่ำเยิ้มใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากพยายามหายใจเอาอากาศ พร้อมเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามร่างกายเปลือยเปล่าแม้จะเปิดแอร์กับไม่สามารถดับความร้อนของพวกเขาได้

   ปราชญ์จับแท่งเนื้อจ่อที่ช่องทางรักสีหวาน ที่เขาอดทนเตรียมความพร้อม เขาจะทำให้ครั้งแรกของตฤน เป็นความทรงจำที่ดี เขาชโลมเจลลงไปจนทั่ว ถูไถแท่งเนื้อกับปากทางเข้า เขารู้ว่าถ้ายึกยัก อีกฝ่ายจะยิ่งเจ็บ เจ็บหลายครั้งหลายซ้ำหลายซ้อน สู้ใส่เข้าไปทีเดียวให้เจ็บในครั้งเดียวดีกว่า เขาอ้าเรียวขาของตฤนให้กว้างออกอีกหน่อย และใส่แท่งเนื้อเข้าไปในทีเดียว

   “อื้ออออออ!!!” ตฤนร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ มันจุกจนน้ำตาคลอ มือบางจิกลงไปที่แขนของปราชญ์เพื่อระบายความเจ็บปวด

   “ซี๊ดดดด แน่น” ปราชญ์ครางออกมา ข้างในคับแน่นจนเขาแทบเสร็จ ปราชญ์นิ่งค้างรอให้อีกฝ่ายปรับตัวได้ เขาก้มลงไปจูบที่แก้มนวล เพื่อเบนความสนใจ เขาพรมจูบบนอกซ้ายของตฤน แล้วขบเม้มประทับรอยสีกุหลาบเอาไว้

   ส่วนที่เชื่อมต่อราวกับหลอมละลาย อารมณ์เจ็บเริ่มเจือจาง ตฤนเริ่มรู้สึกว่ามีความรู้สึกอื่น แผ่กระจายไปทั่ว มันทำให้เขาคลั่ง

    ปราชญ์เห็นสีหน้าผ่อนคลายของตฤน สายตามองสำรวจหน้าอกเปลือยเปล่าที่ขยับขึ้นลง ยอดอกชูชัน เชื้อเชิญให้เขาก้มลงไปดูดเม้มมัน  ลิ้นร้อนลากวน ทำให้ตฤนยิ่งรู้สึกสั่นสะท้าน เขาแอ่นรับสัมผัสนั้นอย่างคลั่งไคล้ ปราชญ์ช่ำชองด้วยประสบการณ์เรื่องนี้ที่เขามีมามากมายแม้ว่าจะเป็นกับผู้หญิงก็ตาม แต่เขาก็รู้และสังเกตว่าทำแบบไหนอีกคนถึงจะรู้สึกดี ทำแบบไหนตฤนจะรู้สึกมีความสุข ความสุขที่มีร่วมกันไปพร้อม ๆ กับเขา

   “อื้อออ ปราชญ์” เสียงหวานเรียกเขามันแหบด้วยอารมณ์ พร้อมเสียงหอบกระเส่าอย่างเซ็กซี่ นั่นทำให้เขาเริ่มขยับเอว ขยับเข้าออกจากช้า ๆ

   “อ่า อ๊า” ตฤนครวญคราง เขาลอบดูใบหน้าหล่อเหลาที่พราวเหงื่อระยับ ขยับอยู่บนร่างของเขา ไม่คิดว่ามันจะมาเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนามาถึงจุดนี้ จุดที่พวกเขาเชื่อมต่อกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ครั้งแรกของเขา รักแรกของเขา...

   ปราชญ์มองลงมาสบตากับตฤนที่กำลังแอบมองเขา รอยยิ้มละมุนแต่งแต้มบนใบหน้าชื้นเหงื่อของปราชญ์ มันมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน ตฤนแลบลิ้นเลียริมฝีปากบวมช้ำจากฝีมือของปราชญ์

   ปราชญ์เพ่งมองใบหน้าเนียนที่ขึ้นสีเรี่อ ลิ้นเล็ก ๆ ที่แลบเลียริมฝีปากนั่น ภาพตรงหน้าเย้ายวนให้เขายิ่งโหยหา ยิ่งทำให้อารมณ์เตลิด “ฮึบ อ๊า” ปราชญ์ขยับเอวเร็วขึ้น

   พั่บ พั่บ พั่บ

   เสียงเนื้อกระแทกกันดังก้องไปทั่วทั้งห้อง พร้อมเสียงหอบครางของทั้งคู่ ที่จวนเจียนใกล้ไปถึงจุดหมาย ปราชญ์รุกรานตฤนเพิ่มด้วยการชักดุ้นเนื้อแข็งแกร่งของตฤนไปด้วย เอวก็ยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ขยับแทงเร่งจังหวะไปด้วย จนตฤนสติหลุดลอย เขาใกล้ไปถึงฝั่งฝัน

   “อ๊าาาาา” ตฤนปลดปล่อยออกมาก่อน พ่นของเหลวอุ่นร้อนออกมาเต็มมือของปราชญ์ เขาหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาเสร็จแล้ว ร่างกายสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อย

   “อึกอ๊า อ๊าใกล้...แล้ว” ปราชญ์ขยับอีกไม่กี่ครั้ง หอบกระชั้น ลมหายใจขาดห้วง ก่อนเสร็จตามไปติด ๆ พ่นของเหลวขาวขุ่นเข้าไปด้านในจนเต็มเอ่อล้นออกมา ตฤนรู้สึกอุ่นวาบข้างใน มันเป็นความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก

   ปราชญ์ถอนแทงเนื้อออก น้ำรักไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางสีหวาน เขาทิ้งตัวลงซวนซบทับร่างตฤน ทั้งคู่พูดคุยกันผ่านลมหายใจเหนื่อยอ่อน

   

   “อีกทีได้มั้ย” เสียงนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา เขายังอยากต่ออีก ยังอยากทำอีก

   “ไม่ไหวว่ะ” ตฤนตอบกลับเสียงอ่อน

   “อิ่มแล้วก็ได้ครับ” ปราชญ์พูดขณะยันตัวขึ้นนั่ง

   ตฤนยังคงนอนนิ่ง เพราะพอเขาขยับก็รู้สึกเจ็บระบมที่ช่วงล่าง “เจ็บว่ะ”

   ปราชญ์มองอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย ก่อนจะอุ้มช้อนตัวตฤนเดินลิ่วเข้าห้องน้ำไป เขาวางตฤนลงในอ่างน้ำ และเปิดน้ำเย็นปะทะร่างกายของตฤน มันเย็นจนสะท้าน แต่ก็ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น มือหนาค่อย ๆ ทำความสะอาดให้เขาอย่างเบามือ ด้วยความทะนุถนอม

   “เจ็บมากมั้ย” ปราชญ์ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

   “มาก”

   “แล้วมีความรู้สึกอื่นอีกมั้ย” มือหนาจับประคอง ใบหน้าเนียนเอาไว้ เขาจุ๊บเบา ๆ อย่างรักใคร่

   “รู้สึก... เสร็จ”

   “ตรงเป๊ะ ไม่มีความโรแมนติกเลย” ปราชญ์บ่นก่อนจะปิดน้ำ เขาเช็ดตัวให้ตฤน

   “แค่โดนเมิงเอา ไม่ได้กลายเป็นง่อยซะหน่อย กุไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ”

   “เอ๊ ทำไมพูดแบบนั้น ก็รักไง เห็นเจ็บก็ห่วงไง” ปราชญ์ขมวดคิ้ว เมื่ออีกฝ่ายชอบพูดขัดอารมณ์โรแมนติกของเขาพูดพลางเอาผ้าขนหนูห่อตัวตฤนเอาไว้และอุ้มคนเจ็บออกจากห้องน้ำ วางลงบนเตียงนอนอย่างไม่กลัวว่าเตียงจะชื้น

   “นอนพักไปก่อน ดึก ๆ จะไปส่ง” ปราชญ์พูด พลางเดินกลับไปห้องน้ำ เพื่อจัดการกับตัวเองต่อ ความรู้สึกอุ่นร้อนที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ เขายังติดใจ อยากต่อ แต่เป็นห่วงสุขภาพของตฤนว่าจะรับไม่ไหว คงต้องค่อย ๆ ปรับกันไป แต่ยังไงครั้งแรกของตฤนก็เป็นของเขา

   

   ปราชญ์ออกมาจากห้องน้ำ พอเขาเดินไปที่เตียง ตฤนก็เผลอหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่องรอยที่เข้าทำเอาไว้ปรากฏอยู่ตามตัวขาวเนียนของตฤน เขามองด้วยความเขินอาย เขาข้ามเส้นไปจริง ๆ แล้ว และมันสำเร็จ เขานั่งลงข้าง ๆ พลางโน้มหน้าลงไปจุ๊บหน้าผากเนียน ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

   ตฤนค่อย ๆ รู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นสบกับดวงตาของอีกคนที่มองเขาอย่างหวานซึ้ง ความรักเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น สายตาที่เขาทำเป็นไม่รู้มาตลอด เพราะว่ากลัว... กลัวในความไม่แน่นอน ว่าตัวเขาหรือปราชญ์จะเปลี่ยนไป ถ้าเป็นเพื่อนก็คงไม่มีวันแยกจากกัน ...

   “เราจะไม่เลิกกันใช่มั้ย” ตฤนถามคำถามที่ทำให้ปราชญ์ตกใจ

   “เราจะไม่เลิกกัน กูจะไม่มีวันไปจากมึง... กูจะทำให้มึงมีความสุขที่สุด จะรักจะดูแลอย่างดีเพราะมึงคือความสุขของกู” และไม่ว่ามึงจะอยากไปจากกูมากแค่ไหน กูก็จะไม่ให้ไป กูจะตามมึงกลับมา... เขากลืนประโยคที่เหลือเอาไว้ เพราะว่าตฤนคือความสุขของเขา ถ้าหากว่าตฤนออกปากไล่เขา ถ้านั่นเป็นความสุขของตฤน เขาก็จำต้องไป ถ้าวันนั้นมาถึง... แต่เขาภาวนาให้ไม่มีวันนั้น “มึงนั่นแหละ อย่าทิ้งกูไปไหน”

   ตฤนขยับเขาใกล้ปราญ์ มืออ้าโอบรอบคอคนข้าง ๆ ใบหน้าซุกอยู่ตรงไหล่หนา

   “พูดอย่างกับจะขอกูแต่งงาน” น้ำเสียงแผ่วเบาอู้อี้

   “แต่งมั้ยล่ะ” ปราชญ์พูดแหย่อีกฝ่าย

   “พอก่อน นี่มันก็ก้าวกระโดดมากไปแล้ว”

   “ไม่อยากให้กลับเลย”

   “ไม่ได้ พรุ่งนี้ทำงาน” ...อยู่กับมึงเดี๋ยวไม่ได้นอน ตฤนต่อคำพูดนั้นในใจ ปราชญ์มันร้าย ไว้ใจไม่ได้!

.

.

 :o8: :-[ :impress2:

[ปราชญ์ ผู้มีความอดทนเป็นเลิศ อยากแค่ไหนก็ต้องยอม ตฤน อรั้ยยยยย

ครั้งเดียวก่อนน นนน มีคนเจ็บบบบ ต้องปฐมพยาบาลด้วยความรักนะ]

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ปักรอออ55555555เอ็นดูวว

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขาได้กันแล้ววววว  :katai5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนะ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :m25: เพิ่งอ่านทัน พอตฤนตกลงเป็นแฟนนี้จับเขากันเลยนะปราชญ์ไหนว่าใจเย็นงั้น หรือว่าทดแทนที่ตฤนให้รอนาน :z1:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   
บทที่ 24 สลับกันตามสัญญา (NC)
   

   ตฤนกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแม่เข้านอนแล้ว เขาแอบโล่งใจพิลึก เขากลัวว่าแม่จะซักถามเขา หลังจากที่เขาเจอ และง้อปราชญ์ได้แล้ว หลังจากที่เจอแล้ว...กัน ใบหน้าปราชญ์เหนื่อยหอบ ฉายขึ้นมา คิดแค่นั้น ใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีเรื่อ ติดเชื้อลามกมาจากปราชญ์ชัด ๆ

   ตฤนย่องเข้าบ้าน แต่ก็ยังไม่พ้นหูตาของกี้

   “กี้” ตฤนเรียกดวงตาวาววับในความมืด ก่อนที่มันจะเห่าและปลุกแม่ ให้ตื่นมาสอบสวนเขา

   กี้กระดิกหางพลางเดินเข้ามาใกล้ ตฤนเอื้อมมือไปลูบหัวกี้เบา ๆ

   “อื้อ เราดีกันแล้ว จะไม่เทอาหารเม็ดลงน้ำอีกแล้ว”

   “หงิง ๆ ” ไม่รู้ว่าเสียงตอบรับนั้นเป็นเพราะดีใจหรือเปล่า

   “นอนก่อนนะกี้” ตฤนขยับพาร่างที่อ่อนล้า ขึ้นไปนอนพัก เขากินยาแก้ปวดก่อนจะผล็อยหลับไป

   

   เช้าวันรุ่งขึ้น ตฤนตื่นขึ้นมา พอขยับก็รู้สึกปวดเล็ก ๆ ที่ส่วนล่าง เขาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แบบไม่สดชื่นนัก เขาเดินลงมาข้างล่าง ได้ยินแม่คุยกับใครบางคน ใครบางคนที่มาส่งเขาเมื่อคืน...

   “ผมขอรักกับตฤนได้ใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มนุ่มกับคำพูดที่ทำเอาตฤนตาแทบถลน

   “เดี๋ยว มาทำอะไรแต่เช้าวะ” ตฤนเดินลงบันได ตรงดิ่งไปหาแขกที่มาเยือน เขาโวยวายทันที

   “มารับ ‘แฟน’ ไปทำงานครับ” ปราชญ์พูดออกมาหน้าตาเฉย จงใจพูดเน้นคำว่าแฟน

   แม่นั่งอมยิ้มขณะมองทั้งคู่ ถึงจะน่าเสียดายที่ลูกชายคนเดียวของเธอ จะไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวมีลูกเหมือนลูกชายของคนอื่น ๆ แต่เธอเชื่อว่าลูกชายของเธอจะมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว ...

   “แม่มีข้อแม้นะ” อยู่ ๆ แม่ก็พูดขึ้นมา ส่งผลให้ทั้งคู่สะดุ้งแล้วหันกับมามองแม่พร้อมกันเป็นตาเดียว

   “อะไรครับบอกมาได้เลย” ปราชญ์พูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงขึ้งขัง

   “ดูแลตฤนเหมือนที่เคยทำ และอย่าทิ้งตฤน” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบจริงจัง อย่างที่ตฤนไม่เคยเห็น

   “ครับ ผมจะดูแลตฤนเป็นอย่างดี ยิ่งกว่าชีวิตผมเลย” ปราชญ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน

   ตฤนได้แต่ยืนนิ่ง หน้าขึ้นสีเรื่อ เขาเพ่งมองทั้งคู่ ทุกคนจริงจังกันมาก เขาสุขใจที่ได้ยินคำสัญญานั้น แม้ว่าเขาจะต้องเขินอายแต่เช้าก็ตาม

   

   ปราชญ์ไปส่งตฤนที่ทำงาน พอเลิกงานก็ไปรับ เรียกว่า เช้าถึง เย็นถึง เป็นแบบนี้มาหลายวันติดต่อกัน ตฤนรู้สึกสะดวกสบายจนกลัวว่าจะชิน เวลาอีกฝ่ายไปทำงานต่างจังหวัด เขาต้องคิดถึงมากแน่ ๆ ปราชญ์มันต้องตั้งใจวางยาเขาแน่ ยาที่สั่งให้รัก ให้คิดถึงแค่มันคนเดียว ยาที่ปรุงด้วยความรักและความใส่ใจ

   

   “ตฤน” ปราชญ์เรียกขณะพวกเขานั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน

   “ว่า” ตฤนละสายตาจากของกินตรงหน้า

   “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ไปหลายวันเลย” ปราชญ์พูดขึ้น พลางทำท่าเหมือนหมาหงอย

   “ตั้งใจเข้านะ รีบกลับมาล่ะ” ตฤนพูดด้วยความชิน ปราชญ์ก็ไปๆมาๆ ต่างจังหวัดอยู่แล้ว

   “ไม่อาลัยอาวรณ์กูเลยหรอ” ปราชญ์ทำปากยื่น ๆ เหมือนน่ารัก พร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อน

   “ก็ต้องชินใช่มั้ยล่ะ” เขารู้ดีว่าเขาจะต้องคิดถึงปราชญ์มาก ๆ เขาจะโทรไปหาทุกวัน ไม่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ห่างเหิน ไม่เพิกเฉย จะโทรไปเติมพลังให้อีกฝ่าย และก็จะเติมพลังให้ตัวเองด้วย

   “จะคิดถึงกูมั้ย” ปราชญ์ถามเสียงอ่อน นับวันเขายิ่งรู้สึกไม่อยากห่างตฤนมากขึ้นเรื่อย ๆ นานวันเข้าก็ยิ่งไม่อยากไป แต่งานก็ยังเป็นสิ่งที่ขาต้องให้ความสำคัญ

   “คิดถึง...จะโทรหาทุกวัน” ตฤนพูดพลางส่งยิ้มหวานให้

   “งั้นวันนี้ ขอจัดหนักกักตุนนะ” ปราชญ์พูดพลางยักคิ้ว หลิ่วตา ทำหน้าทะเล้น

   “ได้ตามคำขอ รอบนี้ตาของกูแล้ว”

   ปราชญ์กลืนน้ำลายเอื้อก เมื่ออีกฝ่ายมาทวงสัญญา สัญญาที่รอบนี้เขาจะยอมให้อีกฝ่ายเป็นคนใส่เข้าไปในเขา...

   “ง่า ตฤน” ปราชญ์ครางเสียงอ่อน เขาอยากเป็นคนทำ!

   “จะผิดสัญญาหรอไง” ตฤนทำหน้าไม่พอใจ พอเห็นแบบนั้นในใจของปราชญ์ก็รู้สึกหน่วงขึ้นมา เขายอมแพ้ ...

   “ก็ได้”

   เมื่อพวกเขากินข้าวเสร็จ ปราชญ์ทำหน้าที่ล้างจานในขณะที่ตฤนหายเข้าไปในห้องนอนของเขา

   

   ตฤนเตรียมตัวมาอย่างดี เขาจุดเทียนหอมขึ้นในห้อง ให้กลิ่นช่วยผ่อนคลายความตื่นเต้น เขาแอบหยิบขวดแก้วสีใสขวดเล็กขึ้นมา ก่อนจะยกขึ้นซดอึกใหญ่ ความร้อนและความขมแทบจะเผาคอของเขา วอดก้าที่เขาเตรียมมาเพื่อดื่มย้อมใจ ให้เขามีความกล้า ...เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นรัว ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือฤทธิ์แอลกอฮอล์

   ปราชญ์เดินเข้ามาในห้อง เขามองตฤนที่นั่งขัดสมาธิรออยู่บนเตียง เมื่อตาสบตา บรรยากาศหวาบหวามก็เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

   ตฤนตบที่นอนข้าง ๆ เร่งให้ปราชญ์เดินเข้ามาหา เมื่อปราชญ์นั่งลง ตฤนรั้งไหล่หนาเข้ามาใกล้ ก่อนจะบดจูบลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย เขาพอจะจดจำสิ่งที่ปราชญ์ทำกับเขาได้

   กลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลออกมาจากคนรุกจูบ

   'ถึงกับต้องดื่มปลุกใจ' ปราชญ์นึกขำขัน

   ตฤนพยายามจูบเร้า แต่ยังไม่สามารถเร้าร้อนได้แบบปราชญ์เพราะประสบการณ์มันต่างกัน

   ปราชญ์ยอมให้คนตรงหน้าเป็นคนนำ

   ตฤนถอนจูบออกสบตาปราชญ์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

   'ภาพนี่แหละที่ปลุกเขาได้ดี' ปราชญ์มองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ อยากจะจับกดให้รู้แล้วรู้รอด

   แท่งเนื้อคับแน่นในกางเกงตัวบาง เป็นสัญญาณ... ตฤนเห็นก็นึกว่าจูบของเขาทำสำเร็จ แต่ไม่ใช่ใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวต่างหากที่ปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่าย

   เขาถอดเสื้อให้ปราชญ์ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งปรากฎตรงหน้า ฝ่ามือเล็กลูบไล้แปะป่ายตามอกแกร่ง

   ตฤนถอดกางเกงปราชญ์ออก แท่งเนื้อตั้งผงาด ตฤนใช้มือจับลูบ หยอกเย้าตั้งแต่หัวจรดโคน

   "อึกอื้อ เก่งขึ้นนะ แฮ่ก " ปราชญ์ชมมือเล็กที่ขยับรูดขึ้นรูดลง ปลายนิ้วถูที่ส่วนหัวด้วยความใส่ใจ ปราชญ์หอบด้วยอารมณ์เสียว ตฤนก้มลงไปใช้ปากบางครอบส่วนหัวของแท่งเนื้อ ลิ้นร้อนไล้ไปตามส่วนหัว

   ปราชญ์เบิกตาโพล่งอย่างไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้ปากพยายามเพื่อเขาขนาดนี้ เขาเผลอขยับดันดุ้นร้อนเข้าไปในปากนุ่มฉ่ำ มันรู้สึกดีจนเขากำลังจะไปถึงฝั่งฝันด้วยเวลาแค่แปปเดียว

   "อ่าอ๊า" ปราชญ์ครางกระสัน อารมณ์โจนทะยานพุ่งไปถึงสุดท้าย ปราชญ์รีบชักแท่งเนื้อออกจากปากก่อนที่เขาจะแตกใส่ปากคนตรงหน้า เกือบไม่ทัน แต่นั่นก็ทำให้น้ำพุ่ง เปรอะเปื้อนใบหน้าเนียน

   "เฮ้ยขอโทษ" ปราชญ์ละล่ำละลักบอก เขามองผลงานของตัวเองด้วยใจนึงก็รู้สึกว่ามันเซ็กซี่เหลือเกิน อีกใจก็รู้สึกผิด ที่ทำให้ใบหน้าเนียนใสเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำของเขา

   ปราชญ์คว้าเสื้อของเขามาเช็ดน้ำเหนอะหนะออกจากหน้าของตฤน

   ตฤนถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ร่างกายขาวเนียนเปลือยเปล่าท่ามกลางไฟสลัว ดุ้นเนื้อชูชันด้วยอารมณ์ "หันหลังได้แล้ว" ตฤนพูดพลางหยิบหลอดเจลออกมาชะโลมที่นิ้ว

   "ตฤน...ไม่เปลี่ยนใจนะ" ปราชญ์ทำสายตาอ้อนวอน เขาเคยแต่เป็นคนทำมาตลอด จึงรู้สึกกังวลใจ

   “อื้อ ปราชญ์ หัน..ไป" ตฤนพูดกึ่งคราง พลางใช้มือกำชักรูดรั้งดุ้นเนื้อของตัวเอง

   ปราชญ์พลิกหันหลังคุกเข่าอ้าขาออกด้วยความกระดากเขิน ตฤนใช้นิ้วที่ชุ่มเจลสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องทางตรงหน้า

   "อึก" ปราชญ์ร้องเมื่อถูกรุนราน ใบหน้าเหยเก

   "อย่าเกร็ง" มืออีกข้างลูบไล้บั้นท้ายเเกร่งก่อนบีบมันแรง ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว เขาเริ่มขยับนิ้วช้า ๆ

   "อื้อ" ปราชญ์เกร็งจนตัวสั่นระริก ถ้าไม่ใช่ตฤน เขาไม่มีวันยอมแน่!

   ตฤนขยับนิ้วเข้า ออก ก่อนเพิ่มนิ้วเป็นสามนิ้ว ด้านในคับเเน่นจนขยับแทบไม่ไหว

   "อื้อ เจ็บ"ปราชญ์ครางด้วยความรุกรานที่คับแน่นจนเจ็บ เขาแอ่นหนีนิ้ว แต่ตฤนจับยึดตรึงสะโพกเอาไว้แน่น

   "ทนนิดนึงนะปราชญ์"

   ปราชญ์ได้แต่นึกในใจว่านี่แค่นิ้วนะ เขาเตรียมใจ ไว้แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นเข้ามา เขาคงทุรนทุรายกว่านี้ ตฤนรอให้คนตรงนั้นเจ็บน้อยลงก่อนเริ่มขยับอีกครั้ง

   ทั้งเจ็บทั้งรู้สึกประหลาด ตฤนทนเบิกทางต่อไปไม่ไหว เขาปวดหนึบกับอารมณ์ของตัวเอง ทำไมเขาถึงหื่นได้ขนาดนี้นะ

   เขาถอนนิ้วออกก่อน ชะโลมเจลบนแท่งเนื้อ ก่อนกดสะโพกสอดแท่งเนื้อแข็งแกร่งเข้าไปแทน เข้าไปได้แค่ครึ่งลำ ใบหน้าหล่อของคนถนัดใส่มากกว่า บิดเบี้ยวเหยเก ใบหน้าเกร็งเขม็ง ขบกรามเเน่นข่มความเจ็บปวด

   "แน่นชิบหาย" ตฤนพึมพำ

   "เจ็บว่ะแม่ง" ปราชญ์ร้องโวยวาย มือหนาจิกกำพาปูที่นอนแน่นอย่างระบายความเจ็บ

   ตฤนเอื้อมมือไปเจ็บดุ้นเนื้อของคนตรงหน้าหวังช่วยให้ผ่อนคลาย

   ปราชญ์ที่โดนทั้งหน้าทั้งหลัง เขาผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มรู้สึกหวาบหวามขึ้นมาบ้าง ตฤนฉวยโอกาสนั้นดันแท่งเนื้อเข้าไปจนสุด

   "อึก" ปราชญ์จุกจนน้ำตาคลอความเจ็บแล่นแปล๊บ

   "อ๊า คับมาก" ตฤนเชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียว เขาค้างเเช่รอคนข้างล่างปรับตัว จุดเชื่อมต่อร้อนจนแทบหลอมละลาย

   มือตฤนอยู่ไม่สุก ปะป่ายลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของร่างหนา มัดกล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตามสัมผัสที่ลากผ่าน ปลายนิ้วจู่โจมไปที่ยอดอกชูชัน เขาบี้มันเล่น ก่อนจะงับลงไปที่แผ่นหลังกว้าง พรมจูบมันจนทั่ว จนปราชญ์ขยับด้วยความจั๊กจี้

   “กูจะขยับแล้วนะ” ตฤนพูดเพื่อให้อีกฝ่ายเตรียมใจ

   “ฮื้อ” ปราชญ์ครางเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

   ตฤนขยับดุ้นร้อนเข้าออกในช่องทางรัก ช้า ๆ เน้น ๆ เขาจะค่อยเป็นค่อยไป แม้อารมณ์จะปั่นป่วนจนแทบคลั่งก็ตาม เขาถูกใส่มาก่อน เขารู้ดีว่าตอนนั้นเขาเจ็บแค่ไหน ขนาดปราชญ์พยายามทะนุถนอมเขา มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับความเจ็บปวดแสนหวานนี้

   “ฮึก ฮึบ อ๊า” ปราชญ์ครางแผ่ว วิธีนี้จะช่วยให้เขาผ่านความเจ็บปวดไปได้

   "ปราชญ์ อึก ให้กูทำแบบนี้ ให้กูเห็นท่าทางแบบนี้ของมึงได้คนเดียวพอนะ "

   "เออ"ปราชญ์ตอบรับสั้น เขาทั้งเจ็บทั้งรู้สึกประหลาด เขายอมแบบนี้ให้ตฤนคนเดียว

   "กุหวง" สิ้นคำตฤนขยับสะโพก เขากดเข้าไปลึกแล้วถอนเกือบสุดแล้วกระแทกเข้ามาใหม่อย่างช้า ๆ

   "อ๊า อ๊ะ" ปราชญ์ครางออกมา ด้วยหลากความรู้สึกผสมปนเป

   "ซี้ดดดด" ตฤนครางด้วยความเสียวซ่าน การเป็นคนใส่มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง ช่องทางอบอุ่นโอบรัดเขาเอาไว้ มันแน่นจนเขาแทบไม่ไหว เขาจับยึดสะโพกอีกฝ่ายแน่นก่อนขยับเร่งจังหวะ เสียงเนื้อกระแทกกันดังลั่นห้องพร้อมเสียงครวญครางที่สุขสม

   ปราชญ์ใช้มืออีกข้างนึงค้ำยันตัวเอาไว้ ส่วนอีกข้างกำรูดชักของตัวเอง อารมณ์ขึ้นถึงขีดสุด

   "อ๊า" ปราชญ์ทนไม่ไหว เขาปล่อยออกมาก่อน

   "ปราชญ์ กู รัก เมิง" ตฤนพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ลมหายใจหอบระริก เขาเร่งขยับสะโพกรุนแรงอีกหลายครั้ง ก่อนจะกดสะโพกมิดพลางปล่อยของเหลวอุ่นร้อนเข้าทางช่องทางรัก  มันเยอะจนล้นออกมาไหลหยดเยิ้มตามเรียวขาแกร่ง เขารู้สึกราวกับจะละลาย ตัวเขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ใบหน้าซวนซบแผ่นหลังกว้าง จูบเบา ๆ ที่กลางหลัง ก่อนถอนดุ้นเนื้อที่สงบลงออกมา

   พวกเขานอนมองหน้ากัน เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า เพราะสงครามรักที่พวกเขาเพิ่งทำเสร็จไป วูบนึงตฤนรู้สึกว่าเขาชอบที่จะถูกอีกฝ่ายกอดรัดมากกว่า...

   ปราชญ์รู้สึกเจ็บที่ด้านหลังไม่น้อย แต่มันยังไม่ใช่ เขายังต้องการทำ มันยังไม่หนำใจ เขาต้องชดเชย เวลาที่เขาไม่อยู่ และเขาที่สำคัญต้องเป็นคนทำเท่านั้น!

   “เหนื่อย” ตฤนครางแผ่ว บทรุกกับบทรับ ต่างเหนื่อยกันคนละแบบ

   มือหนายื่นไปเขี่ยดุ้นเนื้อที่เพิ่งจะเสร็จไปในตัวเขาเมื่อกี้ ไม่สนที่อีกคนบ่นว่าเหนื่อย

   “ยังไม่จบหรอกคืนนี้” ปราชญ์พูดเสียงกระเซ้า เขายังเจ็บที่ส่วนล่าง แต่เขาจะต้องได้ทำ

   “ไม่พอหรอ”

   “ใช่” ปราชญ์พูดพลางพลิกตัวขึ้นคร่อม นี่สิตำแหน่งที่ถูกต้องของเขา ปราชญ์ประกบปากอย่างดูดดื่มไม่ให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ ลิ้นร้อนตักตวงความหวานอย่างไม่รู้จักพอ ตฤนอ้าแขนโอบรอบคอของปราชญ์ เขายอมเขาก็อยากตักตวงความรู้สึกดี ๆ เอาไว้ให้มากที่สุด

   เขาขบเม้มไปตามหน้าอกคนด้านล่าง ทำร่องรอยไปทั่วแผงอกนวล ราวกับสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ

   คนด้านล่างดิ้นพล่านด้วยอารมณ์ ลิ้นร้อนสะกิดตุ่มไตสีหวาน ทั้งดูดทั้งเค้นจนใบหน้าเนียนบิดเบี้ยว

   “อร่อย” เขาพูดแหย่

   มือหนากอบกุมแท่งเนื้อของตฤนเอาไว้ มันกลับมาแข็งขืนสู้มือเขาอีกครั้ง ปราชญ์ยิ้มกริ่ม เมื่อคนตรงหน้ารู้สึกดีไปกับการรุกของเขา ก่อนเริ่มขยับชักมือเข้าออกเป็นจังหวะ

   “อื้อ” ตฤนขยับสู้มือ

   “ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้นะ”

   “มะ มันเพราะใคร” ตฤนพูดหอบ ก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว

   “รอบนี้เร็วไปมั้ย หืม?”

   “ก็มือมึงมันรู้สึกดี” ตฤนพูดพลางเสหน้าหันไปมองอย่างอื่น ไม่กล้าสบตาคนช่ำชอง

   ปราชญ์ยิ้ม เขารู้สึกอย่างแกล้งคนด้านหลัง ทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้ มือหน้าสอดมือเข้าไปใต้ลำตัว สัมผัสบั้นท้ายกลมกลึง บีบเคล้นบั้นท้ายนุ่มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว หน้าท้องแบนราบขาวนวลตรึงสายตาของเขา ให้อยากแต้มสีสันลงไป

   ริมฝีปากร้อน พรมจูบรอบ ๆ สะดือ มือข้างนึงเอื้อมไปหยิบเจลมาบีบ ถูไปทั่วนิ้วมือ เขาสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางที่เขาต้องการจนแทบคลั่ง นิ้วร้อนควานหาจุดอ่อนไหว

   ตฤนตัวสั่นระริก กับการกระทำของปราชญ์

   เขาแอ่นสะโพกรับ ปราชญ์คว้าเอาขาเรียวมาพาดไว้ที่ไหล่ของเขา เพื่อให้เข้าเห็นช่องทางรักได้ชัด ๆ เห็นปลายนิ้วของตัวเองที่ผลุบเข้าผลุบออก

   “อึกปราชญ์ ตะต้องทำแล้ว” ตฤนร้องขอ อารมณ์ของเขาจุดติดได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จะเพราะแอลกอฮอล์ที่ปั่นป่วนเขา หรือเพราะนิ้วร้อนที่เอาแต่แกล้งเขา ไม่ยอมหยุด ...มันเตลิดยิ่งกว่าตอนเขาเป็นคนทำเองซะอีก

   เมื่อตฤนร้องขอปราชญ์ก็รีบสนองตอบ เขาดันดุนดุ้นเนื้อเข้าไปในทีเดียว เมื่อแก่นกลางเข้าไปได้หมดตฤนก็บิดร่างด้วยความเสียวซ่าน ปราชญ์ขยับทันที เขารู้ว่าคนด้านล่างพร้อมแล้ว และต้องการเต็มทน ไม่งั้นด้านในคงไม่ตอดรัดเขาแน่นขนาดนี้

   “อื้อ ตฤน นายกินฉันเข้าไป” ปราชญ์คราง พร้อมพูดคำพูดลามกออกมา

   พวกเขาประจันหน้ากัน ตฤนมองเห็นจังหวะเคลื่อนไหวของปราชญ์ได้อย่างชัดเจน ดวงตาคมที่มองลงมาก็ไม่ยอมละสายตาจากตฤน ไม่เลย

   ตฤนแกล้งอีกฝ่ายด้วยการกระตุ้นไปที่ยอดอกสีเข้มของปราชญ์ นิ้วบดขยี้ จนปราชญ์แทบสำลักความเสียว เขารีบขยับเอวเพื่อเอาคืนอีกฝ่าย

   “อื้อ อ๊า“ ตฤนร้องคราง เมื่อปราชญ์เร่งจังหวะขยับเข้าออก จนเขาหัวสั่นหัวคลอน อารมณ์รักพุ่งสูงปรี๊ด จนเขาไปถึงดวงดาวอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

   “ซี๊ด” ปราชญ์สูดปาก เชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียว ร่างกายเกร็งเขม็งสั่นสะท้าน ก่อนจะพ่นน้ำอุ่นร้อนออกมาภายในตัวของอีกฝ่าย

   ปราชญ์ ทิ้งตัวลงด้านข้าง หอบหายใจเข้าออกจนแผงอกแกร่งสั่นไหว

   “รอบนี้ไปจังหวัดไหน” ตฤนเอ่ยถามอีกฝ่าย เขาอยากรู้ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยสนใจ

   “ไปตรัง” ปราชญ์ตอบมาอย่างว่าง่าย ในใจของเขาเต้นอย่างลิงโล้ด มันอยากรู้ว่าเขาไปไหน!

   “อ่าฮะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”

   ปราชญ์พลิกตัวสอดมือดึงตัวคนน่ารักมากอดเอาไว้

   “ไม่อยากไปแล้วนี่สิ

   ไม่อยากไปเลยว้อย ไม่อยากไปในที่ ๆ ไม่มีตฤนแล้ว!

   “หืม?”

   “ไม่อยากไป ที่ ๆ ไม่มีเมิง” ร่างสูงพูดจบ ก็กระชับอ้อมแขน พลางมอบจูบแสนหวานลุ่มลึกให้อีกครั้ง พร้อมมือไม้ที่ไม่อยู่สุข ลูบไล้วนไปทั่วทุกส่วนสัด และพร้อมจะเริ่มบทรักอีกครั้ง... ทั้งคืนนี้เป็นเวลาของพวกเขา

.

.

[เหมือนรอมานาน จัดติด ๆ กันเลย แง้ หมายถึงคนเเต่งเนี้ย 5555 -.,-////

เรื่องรุกรับนี่มันเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคน ว่าใครจะรู้สึกดีกับบทรักแบบไหน

ซึ่งตฤนเราชอบถูกโอบกอดมากกว่า ส่วนปราชญ์แน่นนอนว่าต้องชอบกอด

อิอิ เขินจังงงงง เเง่งงงงง ปราชญ์คุ้มเเล้ว ทั้งวันทั้งคืน]
 :hao5:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหมือนตฤนจะเข้ากับบทรับมากกว่าเยอะเลย :hao3: :z1:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   บทที่ 25 อยู่ไกล...อย่ามายั่ว (เรทเบา ๆ )

   

   วันนี้ตฤนมาทำงานเอง ไม่มีใครมารับที่บ้าน นอกจากความสบายที่น่านึกถึง แต่ที่น่าคิดถึงมากยิ่งกว่ายังเป็นใบหน้าหล่อติดจะกวนประสาทของ ‘แฟน’ ของเขา ทั้งที่เพิ่งจากกันเมื่อคืน แต่ตอนนี้เขากลับคิดถึงดวงตาคมที่มักมองเขาด้วยความรัก เขาเป็นบ้าไปแล้ว

   ตฤนมองนาฬิกาข้อมือ พลางนึกในใจ ‘ป่านนี้อีกฝ่ายคงกำลังจะถึงสนามบินตรัง’

   “คิดถึง...

   แล้วเออ

   ตั้งใจทำงานล่ะ”

   เขาพิมพ์ข้อความพลางกดส่ง คิดว่าเจ้าตัวคงยังไม่อ่านเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ดี ความจริงเขาก็แอบเขินอยู่หรอกเวลาต้องแสดงความรู้สึกอะไรแบบนี้ เขายังไม่ชินเป็นแฟนกันมาตั้งนาน พอมันมาเป็นแบบนี้ มันก็ต้องให้เวลาเขาปรับตัวหน่อย ...เขามองข้อความที่กดส่งไป จะว่างอ่านตอนไหนก็แล้วแต่เลย

   ตฤนมาถึงที่ทำงาน และเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ไปตามปกติชีวิตประจำวัน งานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่เขาเริ่มคุ้นชินมากยิ่งขึ้น การทำซ้ำ ๆ จะทำให้เราเกิดทักษะ เขาจดจ่อกับงานเพื่อที่จะไม่ให้จิตใจวอกแวกไปคิดถึงใครอีกคน ...เขา

   โดนวางยา...

   โดนทำของ...

   โดน... ปราชญ์ทำอะไรเขา เขาถึงได้คิดถึงขนาดนี้

   

   ติ้ง

   

   เสียงแจ้งเตือนทำให้ตฤนรีบคว้ามือถือขึ้นมาดู ยิ้มกว้างกลายเป็นหน้าเจื่อน แค่ข้อความโฆษณาขายของ...

   ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพิงหลังไปกับพนักเก้าอี้ ‘ตั้งสติหน่อยตฤน’ เขาพยายามบอกตัวเองแบบนั้น

   ‘ไม่อยากไป ที่ ๆ ไม่มีเมิง’

   ไม่อยากอยู่ที่ ๆ ไม่มีเมิงเหมือนกันเว้ย

   

   ติ้ง

   เสียงแจ้งเตือนอีกครั้ง ตฤนยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าจะเป็นปราชญ์ ...แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตมักไม่เป็นอย่างที่หวัง

   “ดูดวงรายวัน” ตฤนบ่นพึมพำเสียงเบากับข้อความนั้น ดวงวันนี้ก็คือเขาจะเป็นบ้า เพราะเอาแต่คิดถึงอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ทุกทีไม่เคยจะเป็น แต่รอบนี้เขารู้สึกโหวง ๆ ในใจยังไงก็ไม่รู้ คงติดอีกฝ่ายมากไปซะแล้ว

   ตฤนกดปิดข้อความ พร้อมทั้งกดปิดเสียงแจ้งเตือน ก่อนจะบอกกับตัวเองว่าให้มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ช่วงพักค่อยโทรหาอีกฝ่ายก็แล้วกัน

   

   มือถือสั่นอีกครั้งเมื่อเวลาใกล้พักเที่ยง ตฤนมองเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย เขาขมวดคิ้วพลางกดรับสาย

   “คุณตฤนใช่มั้ยครับมารับของด้วยครับ”

   “ของอะไรครับ”

   “ข้าวหมูกรอบครับ”

   ตฤนขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม หมูกรอบ?

   “เท่าไหร่ครับ”

   “ชำระเงินแล้วครับ มารับได้เลย”

   ตฤนกระพริบตาปริบ ๆ มีคนเดียว คนที่จะสั่งของมาให้เขา ร่างบางยิ้มกว้าง ไม่ยอมอ่านไม่ยอมตอบเพื่อจะทำเซอร์ไพรซ์เนี้ยนะ เขาลุกขึ้นไปรับของ

   

   ตฤนเปิดกล่องข้าวขึ้นมาพลางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว

   “ตฤนเป็นอะไรอ่ะ พี่เห็นเรานั่งมองกล่องข้าวทำหน้ายิ้มแป้นมาพักนึงแล้ว”

   “ฮะ อะไรนะครับพี่ใหม่”

   “ตฤนยิ้มอะไรคนเดียว” พี่ใหม่ถามซ้ำ

   เขาหุบยิ้ม พลางยืดตัวตรงอย่างคนมีฟอร์ม ทำท่าทางปกติ จนเกินปกติ

   “มีคนส่งข้าวมาให้ล่ะสิ” พี่มิ้นต์พูดแซวขึ้นมาอีกคน

   “หนูว่าต้องใช่แน่ ๆ ” บุ้งพยักหน้าเออออ

   ตฤนไม่รู้จะทำหน้ายังไง ทั้งเขิน ทั้งรู้สึกแปลก ๆ แล้วไหงทำไมทุกคนต้องมารุมถาม มารุมสนใจเขาด้วยเนี้ย เขาแค่อยากจะชื่นชมข้าวหมูกรอบคนเดียวเงียบ ๆ เท่านั้นเอง

   “ว้ายใคร”พี่ใหม่ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรืนร้น

   “แฮะ ๆ แฟนผมครับ” ตฤนตอบออกไปตามตรง

   “หืม? เรามีแฟนด้วยหรอ”

   “ก็ไม่นานนี่เองครับ” ตฤนหลบสายตา ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ไปพักกันแล้วช่วยเลิกสนใจเขาที!!! ไปกินข้าวกันเลยครับ ไม่ต้องสนใจผม!!!

   “อื้มมม ไม่ธรรมดา พี่ถามจริง ๆ เลยนะ ชายหรือหญิง” พี่ใหม่ยังคงถามต่อไม่เลิก

   ตฤนตาโตเบิกโพล่ง กับคำถามทนั้น เขาดูเกย์ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงมีคนคิดว่าแฟนเขาจะเป็นผู้ชายล่ะ

   “เอ๋ พี่! ทำไม”

   “พี่แค่อยากรู้ ก็เราน่ารักมาก พี่ว่าผู้ชายมันต้องชอบ ดูสิ ผิวเนียนกว่าผู้หญิงแบบพี่อีก” พี่ใหม่พูดยืดยาว แต่ตฤนไม่ได้รู้สึกดีขึ้น เขามีแต่ความรู้สึกแปร่ง ๆ แปลก ๆ

   “ผู้ชายครับ” ตฤนตอบไปตามตรงด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ดวงตาบังเอิญไปสบเข้ากับวริษฐ์พอดี มีอยู่คนหนึ่งแน่ ๆ ที่ไม่ตกใจ ที่รู้อะไรมากกว่าใคร

   เกิดความเงียบที่น่าประดักประเดิดขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนช่วยขจัดความเงียบออกไปให้ น้องเล็กสุดที่เปิดกว้างกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าใคร

   “โอยยยย ดีจังงงง” บุ้งร้องขึ้นก่อนเป็นคนเรก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสดใส “พี่ตฤนเหมาะจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ควรมีคนมาคอยดูแลพี่ น่ารักมากขนาดนี้!”

   ตฤนยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เขาควรมีคนมาดูแล

   “อื้อ อย่าไปรุมแกล้งน้องมันนักเลย” วริษฐ์พูดแทรกขึ้นมาอย่างนึกสงสาร พลางส่งยิ้มบาง เขารู้อยู่แล้ว แถมยังรู้ดี รู้จักกำปั้นนั้นดี แฟนมันดุอย่างกับอะไร ...โอเคเรื่องนั้นเขาผิดเอง สมควรโดน

   “พี่อยากเห็นอ่ะ อยากรู้จัก”

   “พี่ใหม่ ...” วริษฐเรียกอีกฝ่ายอย่างดึงสติ ซอกแซกมากไป มันอึดอัดพอดี

   “วริษฐ์อ่ะ พี่อยากรู้มากไปหรอ”

   “ครับพี่ ให้เวลาน้องมันบ้าง”วริษฐ์พูดย้ำ ก่อนที่ทุกคนจะยอมถอย พากันออกไปกินข้าวกลางวัน จนเหลือแค่เขากับบุ้งแค่สองคน

   “อ้าวบุ้ง ไม่ไปกินหรอ”

   “วันนี้กินมาม่าค่ะ”

   “หืม? ปลายเดือนอ่ะเนอะ ไปทำมาม่าแล้วมาแบ่งหมูกรอบจากพี่ไปกินสิ”

   หมูกรอบกล่องใหญ่ กับข้าวสวย พร้อมไข่ต้ม เหมือนกลัวว่าเขาจะกินไม่อิ่ม

   ปราชญ์อ่านแชทแต่ไม่ยอมตอบ ตั้งใจจะให้เขาทำอะไรล่ะ ต้องแบบไหนถึงจะยอมตอบ

   “พี่ตฤน บุ้งถามได้มั้ย เรื่องแฟนพี่น่ะ”

   ตฤนเงียบคิดไปอึดใจ

   “ได้ครับ” เขาพูดพลางตักข้าวเข้าปาก เอออร่อยแฮะ

   “ใช่ พี่คนหล่อ ๆ ที่มาส่งตอนเช้ามั้ย”

   “แค่ก ๆ “ ตฤนถึงกับสำลักข้าว เมื่อรู้ว่ามีคนเห็น ถึงจะไม่ได้แอบซ่อน แต่มีคนเห็นถึงขนาดที่ว่า อีกฝ่ายหล่อด้วย เขาก็รู้สึกวูบไหวขึ้นมา เห็นขนาดนั้นเลยหรอ

    “ครับ”

   “โอยยย อิจ หล่อมากเลยพี่ บุ้งเขินไปหมดแล้วววว ใจบาง”

   “พี่ตฤนไปหาแบบนั้นมาจากไหน”

   “พี่ไม่ได้หา”

   “โอยยยย เขาจีบพี่หรอ”

   ตฤนใบหน้าขึ้นสีเรื่อ เมื่อถูกถามอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งถูกถามแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

   “ก็... น่าจะแบบนั้น” ตฤนพูดพลางยกมือขึ้นเกาข้างแก้มแก้เก้อ

   “กรี๊ดดดด ดีจังเลยอ่ะ” บุ้งพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ ด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดดด ดวงตาเป็นประกาย “พี่ตฤนเล่าให้ฟังหน่อย”

   ตฤนยกน้ำขึ้นจิบ พลางนึกในใจว่าเขาจะต้องเล่าอะไร มันมีอะไรต้องเล่า แล้วจะต้องเริ่มเล่าตรงไหน

   “พี่ตฤนคะ ใครเป็นรุกเป็นรับ”

   “แค่ก ๆ “ ตฤนสำลักอีกครั้ง น้ำไหลเปรอะเปื้อนคาง จนบุ้งต้องรีบส่งทิชชู่ให้ คำถามตรงไปตรงมาจากคนตรงข้ามทำให้เขาใบหน้าเห่อร้อน เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นแรง ภาพแผงอกแกร่งที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเขา ปรากฏขึ้นมาในความคิด สองมือบางยกขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอาย

   “พี่ พี่...คือ พี่ ชอบถูกกอด” ตฤนพูดตอบเลี่ยง ๆ พลางหันหลบสายตาเป็นประกายระยิบระยับ อยากรู้อยากเห็นของบุ้ง

   “อ๋ออออ เข้าใจแล้ว เหมาะมากเลยค่า” บุ้งเข้าใจได้เองอย่างรวดเร็ว ชอบถูกกอด แหม “ทำไมมาคบกันได้คะ”

   บุ้งยังคงถามไม่หยุด ตฤนดวงตาวูบไหว เขาเริ่มเล่าไม่ถูก จับต้นชนปลายไม่ได้ แถมมีบุคคลที่สามมาเร่งปฏิกิริยาความรักของเขาอีก วริษฐ์...

   “ก็มันมาบอกชอบพี่”

   “หืม? เขาบอกชอบพี่ก่อนหรอ แล้วพี่ชอบเขาตรงไหน ตรงที่เขามาบอกชอบหรอ”

   “ก็...คือมันดีกับพี่มาก ๆ ทำอะไรให้พี่เยอะแยะไปหมด” ความทรงจำระหว่างเขากับปราชญ์ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา หมุนวนอยู่ในสมอง ดูแลเขาอย่างดีโดยไม่เรียกร้องอะไร

   ตึกตัก ตึกตัก

   ตฤนยกมือขึ้นวางทาบบนอกของเขา หัวใจที่วูบไหวเพียงแค่นึกถึง

   “หัวใจพี่มันเต้นแรง ขนาดตอนนี้ที่แค่นึกถึงมันก็เต้นเร็วไม่หยุด”

   “หวานมาก โอยบุ้งงงงงไม่ไหวววว ...เขินจังเลย” บุ้งทำหน้าเคลิ้มฝัน ตัวเธอเองก็แอบชิปพวกนักร้องดาราอยู่แล้ว พอเจอแบบนี้ใกล้ ๆ ตัวก็รู้สึกเขินไม่น้อย

   “แฮ่ม พอแล้วบุ้ง พี่เล่าไม่ถูกแล้ว” เจ้าตัวก้มหน้าหลบตา เริ่มตักข้าวเข้าปากอีกครั้ง “เออบุ้ง คือแฟนพี่มันสั่งข้าวมาให้ แต่มันอ่านไม่ยอมตอบข้อความพี่เลย ทำไงดี”

   “โทรไปหาสิคะ หรือไม่ก็ลองถ่ายรูปตัวเองน่ารัก ๆ กับข้าวที่เขาสั่งให้ แล้วก็ส่งไปให้สิคะ” ส่งไปยั่ว... อรั้ยยยย

   ตฤนพยักหน้า พลางยกมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป

   “เดี๋ยวบุ้งถ่ายให้ เนี้ยปลดกระดุมเชิ้ตสักสองเม็ดสิคะ ยั่ว ๆ ><”

   “จะดีหรอบุ้งงงงง” ตฤนพูดร้องเสียงหลง กับคำพูดของบุ้ง

   “อิอิ แฟนกัน เซอร์วิชนิด ๆ หน่อย ๆ รับรอง”

   ตฤนนึกเขิน แต่ก็แอบอยากแกล้งอีกฝ่ายเหมือนกัน ทำเป็นอ่านไม่ตอบเขา เขาจะเล่นให้ทรมานเลย แต่เขามาเล่นอะไรแบบนี้ในที่ทำงานกันนะ

   ตฤนปลดกระดุมเชิ้ตออกสองเม็ดอย่างว่าง่าย ให้เห็นแผงอกขาววับ ๆ แวม ๆ พลางยกกล่องหมูกกรอบเอาไว้

   “พี่ตฤน ถือกล่องด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างจิ้มหมูกรอบขึ้นมาโชว์ค่ะ อ่ะอย่าบังที่ปลดกระดุมสิคะ” บุ้งหามุมถ่ายให้เขารัว ๆ ให้เขาไปเลือกเอาเอง "พี่ตฤน รอยพวกนี้มันชัดเหมือนกันนะ"

   บุ้งพูดแซวรอยที่มีใครบางคนแอบทำเอาไว้บนอกขาวเนียน

   "ห้ามบอกใครนะบุ้ง"

   บุ้งยิ้มขำ

   ภาพที่เห็นแอบเซ็กซี่พิกล เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวเนียน กระดุมถูกปลดให้เห็นแผงอกขาววับ ๆ แวม ๆ  ใบหน้าแดงระเรื่อที่แอบเขินนิด ๆ ริมฝีปากวาวมันที่เกิดจากการกินหมูกรอบ

   “แคปชั่น จะกินหมูกรอบ หรือผม” บุ้งนึกขบขันกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของรุ่นพี่ที่ใสซื่อยอมทำตามเธออย่างว่าง่าย พี่สุดหล่อนั่นต้องทั้งรักทั้งหลงแน่ ๆ

   ตฤนกดเปิดแชท พร้อมส่งรูปตัวเองไป

   “จะกินกูหรือว่าหมูกรอบ

   (สติ๊กเกอร์รูปหมายิ้มแฉ่ง)”

   

   -ปราชญ์-

   

   ปราชญ์มาถึงสนามบินตรังตั้งแต่เช้า สะพายสัมภาระมานั่งหลบมุมอยู่มุมหนึ่งของสนามบิน เพื่อนั่งรอพี่ชายมารับ ระหว่างนั้นเขาก็หยิบเอกสารงานขึ้นมาดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้น

   

   ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   

   ‘คิดถึง...

   แล้วเออ

   ตั้งใจทำงานล่ะ’

   ข้อความบอกคิดถึงจากคนที่เขาเองก็คิดถึง ทำเอาเขายิ้มกว้าง ร่างสูงอมยิ้มขณะพิมพ์ตอบข้อความ

    ‘ห่างแค่นี้ทำเป็นคิดถึงนะครับ’

   “ไอ้ปราชญ์” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นกับเสียงเรียกนั้น พี่ชายเดินเข้ามาทัก ทำให้เขาเผลอกดปิดแชทไปโดยที่ยังไม่ส่งข้อความตอบกลับ พร้อมรวบเก็บเอกสารงานสำคัญเก็บให้เรียบร้อย

   “พี่หวัดดี”

   “เออ ทำไมของน้อยจังวะ”

   “ผมอยู่ไม่กี่วันหรอก”

   “เออ เดี๋ยววันนี้ไปที่พักแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปไซต์งาน”

   ปราชญ์ไปถึงก็เริ่มทำงานทันที ไม่ได้สนใจมือถืออีกจนช่วงสาย ๆ ที่อยากจะสั่งข้าวไปให้ตฤน ไม่มีแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาหา เขาก็เลยไม่ได้สนใจจะเปิดแชทขึ้นมา เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกำลังยุ่ง

   “คิดถึงจัง” ร่างสูงบ่นพึมพำ ขณะเปิดไฟล์งานขึ้นมาดู

   

   ติ้ง ติ้ง

   

   ร่างสูงหยิบมือถือขึ้นมาดู ตฤนส่งข้อความตอบกลับมา ทำให้ตาเขาแทบถลน รูปร่างบางที่ปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน พร้อมข้อความที่ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลาย

   ‘จะกินกูหรือหมูกรอบ’

   ทำไมมันถึงได้กล้าทำตัวแบบนี้ มันยั่วเขาชัด ๆ ปราชญ์แทบสติแตก อยากกดจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อโบยบินกลับไปกินคนช่างยั่ว จะแกล้งเขาใช่มั้ย กะจะให้เขาลงแดงตาย

   แล้วเขาก็พบว่าเมื่อเช้าตัวเองไม่ได้ตอบข้อความอีกฝ่ายกลับ ... มิน่าล่ะ เอาคืนเขานี่เอง

   ร่างสูงกดต่อสายถึงอีกฝ่ายทันที อยากแกล้งเขานักใช่มั้ย

   ‘ฮัลโหล’ เสียงปลายสายตอบออกมาในไม่กี่วินาที

   “จะแกล้งกูหรอไง”

   ‘เออ ลงโทษ ก็เมิงอ่านแชทไม่ตอบอ่ะ’

   “กูตอบแล้วแต่ลืมกดส่ง”

   ‘หึ’

   “แล้วมายั่วกันแบบนี้ จะรับผิดชอบยังไง”

   ‘ยั่วไรบ้าหรือเปล่า’

   “มายั่วให้อยาก ต้องรับผิดชอบด้วยนะรู้มั้ยครับ” เสียงทุ่มนุ่มพูดไปตามสาย ให้ปลายสายนึกหวั่น ๆ ในใจ

   ‘ไม่สนใจหรอกว้อย’

   “ตฤนต้องช่วยปราชญ์แล้วรู้มั้ย”

   ‘ช่วยอะไร’

   “ครางชื่อปราชญ์หน่อย” ร่างสูงลุกขึ้นไปล็อคประตูห้องทำงาน ใช่เขาต้องจัดการตัวเองแล้ว เล่นมายั่วเขาแบบนี้

   ‘เฮ้ย’ ปลายสายตอบกลับด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกคน มันพร่าแปลก ๆ

   “อื้อ” ร่างสูงเริ่มสาละวนกับกางเกงขายาว มือหนาปลดซิบออก

   ‘เฮ้ยเดี๋ยวเมิง’

   “ตฤน..อื้อ”

   ปลายสายกำมือถือแน่น ใบหน้าร้อนวูบวาบ ก่อนจะขอตัวจากเพื่อนร่วมงานไปที่อื่นทั้งที่ยังกินข้าวไม่เสร็จ เพราะรูปแกล้งยั่วของเขา ดันไปกระตุกต่อมความต้องการของอีกฝ่าย

   ตฤนเลือกจะไปที่ดาดฟ้า ที่ตอนนี้น่าจะร้างคน

   “ตฤน”

   ‘เดี๋ยวว้อย โอย อะไรเมิงจะจุดติดง่ายแบบนี้วะ’

   “เพราะเป็นเมิงไง” ปราชญ์ตอบกลับทันควัน มือหนาเค้นคลึงลูบไล้ เพื่อปลดเปลืองอารมณ์ ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ จับกดไปแล้วจริง ๆ

   ‘ปราชญ์ แล้วจะให้กุช่วยยังไงวะ’

   “เรียกชื่อหน่อย”

   ‘ปราชญ์’

   “อึก อื้ออออ ตฤน”

   เสียงครางของปราชญ์ ทำเอาตฤแทบสติหลุดลอยไปด้วย แต่เขายังข่มใจได้ ยังไม่หื่นแบบอีกฝ่าย ไม่อยู่ในเวลาหรือสถานที่ที่จะทำอะไรแบบนั้นได้เลย

   ร่างสูงขยับมือเร่งจังหวะ ปากก็หอบครางใส่มือถือให้อีกฝ่ายฟังไปด้วย ถือเป็นการเอาคืนจากเขา จะยั่วเขาดีนัก เป็นไงล่ะ

   ‘ปราชญ์ ใกล้เสร็จหรือยัง’

   “ใกล้แล้วตฤน ใกล้แล้ว ซี๊ด อื้อ”

   ร่างสูงเชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากขบเม้ม เมื่อใกล้ไปถึงจุดหมาย มือหนาขยับรัวก่อนไปถึงฝั่งฝัน

   “แฮ่ก ๆ อย่ามายั่วอีกนะ ถ้ายั่วจะต้องรับผิดชอบ!”

.

.

[สองคนนี้นี่เป็นคู่เพี้ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ แง่ง เขิน]
เหมือนตฤนจะเข้ากับบทรับมากกว่าเยอะเลย :hao3: :z1:
จริงงงงง เหมาะกับเจ้าตัวเเล้ว เจ้าตัวก็ชอบด้วย วินวิน 555
 

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   
บทที่ 26 เจ็บมากมั้ย


   ตฤนรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่ได้เจอปราชญ์มาสามวัน เพราะอีกฝ่ายไปทำงาน ปกติเขาจะคุยแชทกันตลอด แต่วันนี้มันแปลกไป ตฤนทักไปตั้งแต่เช้า แต่อีกฝ่ายไม่อ่าน ไม่ตอบข้อความของเขาเลย โทรไปหาก็ไม่ติด ไปไหนของมัน

   เขาใช้เวลาพักกลางวัน กินอาหารเที่ยงง่าย ๆ ที่โต๊ะทำงาน ของเปิดเว็บดูตั๋วเครื่องบินไปจังหวัดตรัง อื้อหื้อ เร็วสุด 1,600 บาท!!! แพงไปมั้ย!

   แล้วนี่เขาเป็นอะไร อยากตามอีกฝ่ายไปนักหรอกไง... เฮ้ออออ อยาก อยากเจอ ตอนนี้เขาก็น่าจะเป็นเอามาก

   

   ติ๊ง

   เสียงแจ้งเตือนว่าปราชญ์ตอบแชทเขา ตอนเกือบห้าโมงเย็น ตฤนโล่งใจ แต่ก็แอบหงุดหงิด กว่าจะตอบเขาได้ เขาเป็นห่วงแทบตาย

   แต่เมื่อเขาเปิดแชท ใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เป็นภาพร่างสูงนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีผ้าพันที่ศีรษะ มือซ้ายชูสองนิ้ว แต่แขนข้างขวาเข้าเฝือก!!!

   ตฤนกดโทรหาปราชญ์ทันที

   คนใจหาย กรอกเสียงตื่นตะหนกลงไป เขารัวคำถามไม่หยุดจนคนเจ็บไม่รู้จะตอบตรงไหนก่อน

   “มึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง เจ็บมากมั้ย ไหวหรือเปล่า...”

   ‘อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก หัวแตก แขนร้าว’ ปราชญ์ตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แค่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาขนาดนี้ เขาก็รู้สึกดีขึ้นจนเทบจะหาย

   “กูเป็นห่วงนะ” ปลายเสียงมีแววสั่นเครือ ปราชญ์รู้ได้ทันที

   ‘เฮ้ย ห้ามร้องไห้นะ’

   “ใครจะไปร้อง” ดวงตาเรียวพูดพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ

   ‘คนแถวนี้แหละ’ ปราชญ์พูดพลางเว้นวรรคไปอึดใจ ‘พิมพ์ตอบไม่ค่อยถนัด ไว้โทรคุยกันแบบนี้แทนเนอะ ตอนนี้ก็ตั้งใจทำงานไปก่อนนะครับ’

   “อื้อ ไว้โทรหานะ” พอวางสายตฤนกดเข้าเว็บเพื่อจองตั๋วเครื่องบินทันที พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี ราคาตั๋วเครื่องบินแพงหูฉี่ ราคาตั๋วพุ่งไปที่ 1,900 เขากัดฟันกดจ่ายไป โคตรแพง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ปราชญ์เจ็บ เขาต้องไปเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก เขาต้องไปดูแล…

   

   ตฤนบินไปถึงตรังตั้งแต่เช้าตรู่ เขาโทรหาคนเจ็บทันที

   “ปราชญ์นายอยู่โรงพยาบาลไหน”

   ‘ทำไมจะมาหาหรอ’ ปราชญ์พูดแซว แต่คำตอบที่ตอบกลับมาทำให้เขานิ่งอึ้ง

   “ใช่ นี่อยู่สนามบินตรังแล้ว”

   ‘มาจริงหรอ’ ปลายเสียงตกใจระคนดีใจอย่างปิดไม่มิด

   “เออดิ ค่าตั๋วแพงมาก”

   “โรงพยาบาลนครตรัง ชั้น 8 ห้อง 809”

   เดี๋ยวเจอกัน ตฤนเรียกรถสามล้อจากสนามบินตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล เขากดเปิดแผนที่และเห็นว่ามันอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก

   

   ตฤนไปถึงโรงพยาบาลภายใน 15 นาที เขารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมุ่งตรงไปที่ห้องผู้ป่วยทันทีในใจมีแค่อยากไปให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก ปกติเขาก็ไม่เคยจะห่วงใยมันขนาดนี้ จนมารู้หัวใจตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้เขาเป็นเอามาก ตฤนยิ้มเมื่อเห็นป้ายหน้าห้องบอกเลข 809 ตฤนเปิดประตูเข้าไปด้วยความรีบร้อน

   แต่ในห้องนั้นไม่ได้มีแค่ปราชญ์ ทุกสายตาในห้องจับจ้องมาที่ผู้มาเยือนใหม่ ตฤนได้แต่ส่งยิ้มแห้งแก้เก้อ ในห้องมีทั้งพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายของปราชญ์

   “สะ สวัสดีครับ” ตฤนยกมือขึ้นไหว้ทุกคน

   ปราชญ์มองแฟนหนุ่มของตัวเองที่กำลังแสดงท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความรู้สึกเอ็นดูปนขบขัน มันน่ารักน่าแกล้งตลอด

   “สวัสดี” ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักเสียงขรึม พ่อของปราชญ์ยังดูสมาร์ท แม้สีผมจะเริ่มมีสีขาวขึ้นแซม ตอนปราชญ์แก่ก็คงเป็นแบบนี้

   “ครับ” ตฤนโค้งหัวเดี๋ยวท่าทีที่ประหม่า

   พี่ชายปราชญ์ส่งยิ้มให้พลางผงกหัวทักทาย พี่ปราบ... ชายร่างใหญ่ หุ่นท้วม ผิวขาว ผิดกับปราชญ์ลิบลับ ดูทางท่าใจดี

   “ตฤนหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่เอ่ยทัก ดูเหมือนจะจำเขาได้ เขาเคยเจอแม่ของปราชญ์หลายต่อหลายครั้ง

   “ชะ ใช่ครับ” ตฤนตอบรับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขาวางตัวไม่ถูก เขาไม่ได้เตรียมใจมาว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เท่าไหร่ เขาก็มาในฐานะเพื่อน ดีไม่ดีเขาไม่มาด้วย แต่พอตอนนี้ที่สถานะระหว่างเขากับปราชญ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

   “ตฤน” เสียงเรียกของปราชญ์ ช่วยขจัดความฟุ้งซ่านของเขา

   ตฤนยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปชิดติดข้างเตียง

   “เป็นไงบ้างวะ” ตฤนถามเสียงดัง

   “เจ็บ” ปราชญ์ตอบเสียงอ่อย เมื่อแฟนมาอยู่ตรงหน้า เขาก็อดจะอ้อนไม่ได้

   “เนี้ย ดีนะกูมาทำงานแถวนี้พอดีเลยแวะมาเยี่ยมได้” ตฤนโกหกคำโต เขาประหม่า เขาอยากให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาแวะมาเยี่ยม ไม่ใช่มุ่งมั่นตั้งใจมา

   ปราชญ์ที่ได้ฟังประโยคนั้นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะเข้าใจในวินาทีต่อมา ...ตฤนอยากปิดบังสถานะระหว่างเราเอาไว้ก่อน... ตฤนหลุบตาลงต่ำไม่สบตากับเขา

   “มีเพื่อนมาเยี่ยม งั้นแม่กับพ่อไปก่อนนะ”

   “ครับ เดินทางดี ๆนะครับ”

   ผู้เป็นแม่เดินมาหอมแก้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความรัก แววตาห่วงหาอาทร พอรู้ข่าวว่าลูกชายเกิดอุบัติเหตุก็รีบบินมาดูทันที พอมาเจอจริง ๆ ก็เบาใจขึ้นเยอะ

   “พ่อ แม่ปราชญ์ สะ สวัสดีครับ” ตฤนเรียกทั้งคู่ก่อนจะยกมือไหว้

   “แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ ขอบใจที่มาเยี่ยมลูกชายแม่นะลูก” แม่ปราชญ์ตอบกลับตฤนด้วยความเอ็นดู ปราชญ์มีเพื่อนที่ดี รักและห่วงเขาขนาดนี้

   พ่อกับแม่ของปราชญ์เดินออกไปจากห้องโดยมีพี่ชายเดินไปส่ง

   

   “เหนื่อยมั้ยมาแต่เช้า” ปราชญ์พูดขึ้น ขณะมือซ้ายข้างที่ไม่เจ็บเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้

   “เหนื่อยดิวะ แต่ก็ต้องมา...” ตฤนพูดก่อนเว้นวรรคไปอึดใจ “กูห่วง”

   สิ้นคำพูดของตฤน จู่ ๆ ปราชญ์ก็ร้องขึ้นมา

   “โอย”

   “เจ็บตรงไหน” ตฤนรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ

   ปราชญ์ฉวยโอกาสนั้นดึงอีกฝ่ายเข้ามา ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากบาง

   “น้ำตาลตกไปชั่วขณะ ตอนนี้ปกติแล้ว” ปราชญ์พูดด้วยท่าทางทะเล้น หน้าตาสดชื่น ไม่มีเค้าของคนป่วยสักนิด

   ในขณะที่ตฤนเหมือนจะป่วยแทน ยืนนิ่งอึ้งอ้าปากค้างเป็นปลาน็อคน้ำ หัวใจเต้นแรงเลือดสูบฉีดจนใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ นี่เขาหลงเป็นห่วงคนแบบนี้หรอ!

   “กูไม่น่ารีบมาเลย” ตฤนที่ได้สติบ่นออกมา “1,900 บาท เก็บไว้กินข้าวดีกว่า”

   “หุ้ว ค่าตั๋วหรอ แพงมากเลย” ปราชญ์ทำหน้าตกใจ เมื่อได้ยินราคาเครื่องบิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่ม “มาทำงานไม่ใช่หรอ เบิกเอาสิ” พูดจบประโยคก็ส่งยิ้มกวนประสาทออกมาอีกระลอก

   “มึงนี่” ตฤนหนีจากการเกาะกุม เขาขยับเก้าอี้มาข้างเตียงก่อนจะนั่งลงแบบมีระยะห่าง

   “คนในความลับ” ปราชญ์พูดพลางทำหน้าจ๋อย เขาไม่ได้อยากปิดใคร เขาอยากเปิดเผย แต่เขาก็เข้าใจอีกฝ่าย และที่สำคัญ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่ และพี่ชายของเขาจะรับได้แค่ไหน

   “เอาน่า” ตฤนพูดก่อนจะจ้องอีกฝ่าย “แค่มึงรู้ว่ากูห่วงมึงมากแค่นี้พอ”

   ปราชญ์พยักหน้ารับหงึกหงัก “แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน”

   “สองวันหนึ่งคืน กลับพรุ่งนี้เย็น”

   “นอนที่ไหน”

   คำถามที่ทำให้ตฤนนิ่งคิด เออว่ะไม่ได้นึกถึงเลย ที่พักอะไรก็ไม่ได้เตรียมไม่ได้ดูมา

   “ไม่รู้ ไม่มี”

   “งั้นนอนนี่ด้วยกันนะ” ปราชญ์ส่งยิ้มละมุน ทำเสียงอ้อน

   “มันให้นอนเฝ้าได้คนนึงใช่มั้ย” ตฤนกวาดตาดูรอบห้อง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษเตียงเดี่ยว มีโซฟาขนาดใหญ่ ดูท่าจะนอนสบาย

   “ใช่ เดี๋ยวไล่พี่กลับไปเลย”

   ตฤนส่ายหน้าอ่อนใจ คนตรงหน้าดูไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่มีผ้าพันแผลที่ศีรษะ กับเฝือกที่แขน ก็ดูเหมือนเขาไม่ป่วยเลย



   แกร๊ก



   เสียงประตูห้องเปิดออก พี่ชายกลับมาพร้อมของกิน สองหนุ่มได้กลิ่นหอมออกมาจากถุงที่พี่ชายถือเข้ามา

   “มา ๆ กินอะไรกันซะหน่อย” พี่ชายพูดขณะยื่นถุงส่งให้ตฤน

   “เอ่อ พี่ปราบยุ่ง ๆ ใช่มั้ยครับเดี๋ยวผมเฝ้ามันให้” ตฤนพูดเสนอกล้า ๆ เกร็ง ๆ เขาเคยคุยกับพี่ปราบหลายครั้งตอนไปบ้านปราชญ์

   “ดีเลยพี่มีไปไซต์ต่อ ตฤนอยู่ถึงวันไหนละ” ปราบเอ่ยถามต่อ ถามว่ายุ่งมั้ยตัวเขาก็ยุ่งจริง ๆ ถ้ามีคนมาช่วยก็จะได้เบาใจ

   “อาทิตย์ครับพี่”

   “งั้นพี่ฝากมันด้วยนะ เดี๋ยวพี่จะหาเวลาแว่บมาเยี่ยม” ปราบพูดพลางหยิบ เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะส่งแบงค์พันให้ตฤนสามใบ

   “ไม่ต้องครับพี่ ผมไม่ใช่พยาบาลนะครับ” ตฤนรีบปฏิเสธทันที เมื่อปราบยื่นส่งเงินให้เขา

   “เผื่อซื้อของกินของใช้ให้คนป่วยหน้าโง่ตรงนั้น” ปราบขยับยิ้มเยาะเย้ยคนป่วยแขนหัก

   “ผมไม่ได้หน้าโง่” ปราชญ์พูดเสียงขรึม

   “รู้มั้ยมันเป็นแบบนี้ได้ไง” ปราบยังพูดต่อ “สะดุดไม้ แล้วก็ทำกองไม้หล่นทับตัวเอง ...สติไม่มี”

   “อุบัติเหตุ ก็ผมหลบคนงานอ่ะ” ปราชญ์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาพยายามหลบคนงานที่ยกของเดินสวนมา แต่หลบเยอะเกินไป เลยได้อาการหัวแตกแขนหักมาแทน

   ตฤนพยายามกลั้นขำ ดวงตาเป็นกระกาย ซุ่มซ่ามของจริง

   “ไม่รู้มัวแต่ไปคิดถึงใครที่ไหน” ปราบยังคงพูดแหย่คนเจ็บไม่เลิกรา

   “พี่จะไปทำงานก็ไปเถอะ ระวังอย่าเป็นแบบผมแล้วกัน” ปราชญ์พูดตัดบทพลางยกแขนข้างที่ไม่เจ็บโบกไล่ จะไปก็รีบไป คนเขาจะแสดงความรักกันอยู่เกะกะอยู่ได้

   “ตฤนมือถือเบอร์อะไร” ปราบส่งมือถือของเขาให้ตฤนกดเบอร์ให้ แล้วก็กดยิงไป “มีอะไรด่วนโทรมานะ”

   ปราบลุกขึ้นเก็บข้าวของของเขา และหยุดยืนหน้าประตู “พี่ฝากมันด้วยนะ มันอยากได้อะไรก็ซื้อให้มัน”

   ตฤนพยักหน้ารับ

   “มึงกูมีของที่อยากได้”

   “พี่มึงคล้อยหลังไม่ทันไร รีบเลยนะ จะเอาอะไร”

   “มึง” ปราชญ์พูดพลางมองจองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ากรุ่มกริ่ม

   “ไม่ขาย” ตฤนพูดพลางเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง รอบนี้เขาเป็นฝ่ายดึงปราชญ์เข้ามาจูบ เขาเม้มขบริมฝีปากของปราชญ์ด้วยความคิดถึง ความห่วง ความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้สารพัด ที่ทำให้เขากล้าเข้าไปจูบอีกฝ่ายก่อนแบบนี้ ตฤนถอนจูบพวกเขาสบตากันนิ่ง

   “...เก่งขึ้นเยอะนะ” ปราชญ์เอ่ยชมเสียงพร่า เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะประกบจูบแทน ดุดันเร้าร้อนกว่าเดิม สอดปลายลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดตักตวงความหวาน

   “อื้อ” ตฤนครางเบา ๆ ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตฤนผละออก “นี่โรงพยาบาลนะ” ตฤนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นปนหอบ

   “ใครเริ่มก่อน” ปราชญ์พูดแซวก่อนยิ้มกว้าง อีกฝ่ายต้องคิดถึงเขามากถึงได้กล้าแบบนี้



   ก๊อก ก๊อก



   ตฤนขยับตัวหนีด้วยความรวดเร็ว เด้งตัวไปนั่งอยู่บนโซฟา

   ‘มารหัวใจ’ ปราชญ์คิดอยู่ในใจ

   ประตูเปิดออก คุณหมอหนุ่มหล่อเดินเข้ามาในห้อง พร้อมแฟ้มในมือ คุณหมอมองสบตาตฤน ก่อนจะโค้งศีรษะให้

   “สวัสดีครับหมอ” ตฤนเอ่ยทักเบา ๆ ดูเหมือนหมอจะไม่ได้ยิน

   “เป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอพูดพลางเปิดแฟ้มขึ้นจดอะไรยุกยิก

   “ดีครับ ปวดแขนนิด ๆ”

   คุณหมอพยักหน้า

   “ดีแล้ว พรุ่งนี้หมอมาใหม่ พักผ่อนเยอะ ๆ ” คุณหมอส่งยิ้มให้ญาติผู้ป่วยเช่นตฤน

   ตฤนส่งยิ้มตอบในเสี้ยววิ  ขณะคุณหมอก้าวฉับ ฉับ ออกไปจากห้อง เพราะมีคนไข้มากมายที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา

   มาแค่แปปเดียว แต่ทำลายบรรยากาศแสนหวานของเขาพังหมด... แล้วนั่นอะไร หลงเสน่ห์หมอหรอไง

   “มองตามทำไม หมอมันหล่ออ่ะดิ” ปราชญ์พูดทัก เดี๋ยวพรุ่งนี้ใกล้เวลาหมอมาเยี่ยม เขาจะไล่ตฤนออกไปซื้อของ จะได้ไม่ต้องเจอกัน

   “อะไรของมึง” ตฤนกลอกตาใส่อีกฝ่าย เขาเอนหลังพิงโซฟา พร้อมฮ้าวปากกว้าง ตอนนี้รู้สึกง่วง โซฟานั่งสบาย แอร์เย็น ๆ เพราะเมื่อเช้าเขาตื่นเช้ามาก ๆ เพื่อมาขึ้นเครื่องให้ทัน ตื่นตั้งแต่ตีห้า ดูเหมือนแบตในตัวเขามันจะหมดแล้ว

   “มาต่อจากเมื่อกี้มั้ย” ปราชญ์พูดทะเล้น ทีเล่นทีจริง

   “ไม่ล่ะจะนอน”

   ตฤนทิ้งตัวเหยียดยาวบนโซฟา ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว

   ปราชญ์มองคนนอนหลับ เขาขยับลุกขึ้นเดินไปหา ก่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างโซฟา สายตาจดจ้องใบหน้าที่นอนหลับพริ้ม มือซ้ายยกขึ้นลูบใบหน้าเนียนแผ่วเบา ปัดผมที่ลงมาปรกตรงหน้าผากเกลี้ยงเกลา

   “ขอบคุณที่มาหานะครับ” ปราชญ์พูดเสียงเบา เลื่อนริมฝีปากประทับลงบนเปลือกตาที่หลับพริ้ม เขารัก... รักคนตรงหน้ามากยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาก็จะไม่ปล่อยตฤนไปแน่ ๆ

   

   “...” ตฤนลืมตาตื่น ตามองจ้องเพดานสีขาว ที่นี่...โรงพยาบาล... เขามาเยี่ยมปราชญ์ พอคิดแบบนั้นนเขาก็เด้งตัวขึ้นนั่งทันที

   “ตื่นแล้วหรอ” ปราชญ์หันมามองเมื่ออีกฝ่ายขยับนั่งอย่างรวดเร็ว

   “โทษที” ทั้งที่เขาจะมาเฝ้าอีกฝ่าย แต่กลับหลับไปนาน จนนี่จะห้าโมงอยู่แล้ว

   “ไปหาอะไรกินไป”

   ตฤนพยักหน้าหงึกหงัก เขาลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพื่อให้สดชื่น

   “เอาอะไรป่าว”

   “ไม่อ่ะ”

   ตฤนเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอก เขาตั้งใจจะซื้อขนมเผื่อคนป่วยด้วย

   

   พนักงานยกข้าวเข้ามาให้ปราชญ์ ตฤนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงของกินถุงใหญ่ในมือ ปราชญ์นั่งมองอาหาร แต่ไม่ยอมตักกิน มองจ้องจนตฤนต้องถาม”

   “ทำไมไม่กินล่ะ”

   “ไม่ถนัด ป้อนหน่อย” ปราชญ์หันมาส่งยิ้มเจิดจ้า ยกมือข้างซ้ายขึ้นทำท่าเหมือนยอมแพ้ ตฤนจำใจเดินไปประจำที่นั่งข้างเตียง ก่อนจะเริ่มตักข้าวป้อนคนตรงหน้า

   พอกินเสร็จสักพัก ก็มีพนักงานเข้ามาเก็บจานให้

   

   “พอไม่มีมือขวาแล้ว นอกจากกินข้าวไม่ถนัด ยังทำอย่างอื่นไม่ถนัดด้วย…”

   คำพูดของปราชญ์ทำให้ตฤนขมวดคิ้วแน่น มองจ้องคนตรงหน้า ที่มีรังสีไม่น่าไว้วางใจแผ่ออกมา ดวงตามีประกายวิบวับดูเจ้าเล่ห์ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...

   ทำอะไร...
.
.
.
[นั่นน่ะสิ จะทำอะไรหยอออออ]
 :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2019 22:56:29 โดย RingoPle »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด