♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)  (อ่าน 49137 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หยิบ จับ ของไงตฤนคิดมาก :z1: :hao6:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC)

  “ช่วยหน่อยได้มั้ยครับ” ร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอน พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงละมุน ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รวมทั้งดวงตาที่มีประกายไม่น่าไว้วางใจ
  “ช่วยอะไรอีก” ตฤนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตั้งคำถาม
  “มีอารมณ์ว่ะ” ปราชญ์พูดด้วยดวงตาวิบวับ แววตาหื่นอย่างปิดไม่มิด
  “ก็ทำไปสิ” ตฤนก้มหน้างุดกับคำพูดตรงไปตรงมาของปราชญ์
  “ไม่ถนัด ปกติใช้แขนขวา”
  “...” หน้าไม่มียางอายบ้างหรอไงวะ
  “นะครับ” ปราชญ์ใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในกางเกง ขยับไปมาเก้ ๆ กัง ๆ “ฮึก อื้ออ” ริมฝีปากเรียวร้องครางขึ้นมา ให้คนที่ยืนอยู่ไกลขนลุกซู่
  “ไอ้ปราชญ์” ตฤนเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่าย ที่เริ่มเล่นกับตัวเอง เสียงครางแผ่วดังเป็นระลอก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาใจสั่น มันเซ็กซี่เกินไป เสื้อผู้ป่วยสีเขียวอ่อนหลุดลุ่ย เผยแผงอกกำยำ ที่ขยับขึ้นลงด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน ใบหน้าของปราชญ์เชิดขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น แต่ดวงตากลับจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา ร่างกายบางส่วนบอกกับเขาว่า ตัวเขาเองก็กำลังมีอารมณ์เหมือนกัน...
  ตฤนเดินเข้าไปใกล้ใช้มือข้างนึงเท้ากับเตียงผู้ป่วย ส่วนมืออีกข้างล้วงลงไปในกางเกงของคนที่ร้องขอ สัมผัสส่วนล่างแข็งขืนของคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล เขาใช้นิ้ววนไล้ที่ส่วนปลายยอด วนไปวนมา จนเริ่มมีน้ำซึม
  “ทำไมหื่นแบบนี้วะ” ตฤนบ่น มือขยับชักเข้าออกไม่หยุด มือซ้ายปราชญ์กำแน่นอยู่กับเตียงผู้ป่วย
  “อื้ออออ” ปราชญ์คราง เขาเชิดหน้าหลับตาพริ้ม ในใจได้แต่คิดว่าถ้าไม่ติดว่าแขนเป็นแบบนี้เขาจะจับตฤนกดให้รู้แล้วรู้รอด แต่อยู่ ๆ  ฝ่ามือเรียวก็หยุดกึกไปซะเฉย ๆ จนคนที่กำลังฟินต้องลืมตาขึ้นมอง
  “ถอดกางเกงเถอะ เดี๋ยวเปื้อน” ตฤนจัดแจงถอดกางเกงของคนป่วยออก พร้อมกับตฤนที่ถอดเสื้อของตัวเองออก ท่อนบนเปลือยเปล่า ขาวเนียนนั่นทำให้ปราชญ์ต้องลอบกลืนน้ำลาย แบบนี้เขาก็ไม่ไหวน่ะสิ ตฤนเอาเสื้อวางรองบนที่นอน เขาปีนขึ้นไปบนเตียง นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาของคนป่วย ก้มลงใช้ลิ้นโลมเลียส่วนแข็งแกร่ง
ลิ้นร้อนทำให้สติปราชญ์แทบหลุดลอย ตฤนอ้าปากกว้างเอาแท่งเนื้ออุ่นร้อนเข้าไปในปากจนหมด เขาเหลือบตามองปราชญ์ สำรวจว่าอีกฝ่ายพอใจแค่ไหน ปราชญ์ที่กำลังมองภาพตรงหน้า พอเจอว่าอีกฝ่ายกำลังครอบครองความเป็นชายของเขา แถมยังช้อนตามองเขาแบบนี้อีก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจมั้ย แต่นั่นทำให้เขาตื่นเต้นจนแทบจะเสร็จ
  “อึก อ๊า ตฤน” ปราชญ์หอบครางกระเส่า เมื่อตฤนใช้ฟันครูดเบา ๆ กับดุ้นเนื้อนั้น “ไม่ไหว” ปราชญ์เกร็งเขม็ง เขาปลดปล่อยออกมาภายในปากของตฤน
  “แค่ก ๆ ” ตฤนสำลักเบา ๆ แต่ก็กลืนของเหลวอุ่นร้อนรสฝาด นั่นลงไปจนหมด
  “กลืนลงไปทำไม” ปราชญ์ละล่ำละลัก เขาเดาว่ามันไม่น่าอร่อย
  “ก็เล่นปล่อยเข้ามาแบบนั้น” ตฤนขมวดคิ้ว ปล่อยเข้ามาแบบนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือก
  ปราชญ์ลอบมองตฤน หลังจากที่เขาเสร็จสม เขาก็คิดว่าตฤนก็น่าจะมีอารมณ์ไม่แพ้เขา สายตาจับจ้องไปที่เป้ากางเกงของตฤน ที่มันก็คับแน่นอย่างน่าอึดอัด
  “มาตรงนี้มา” ปราชญ์กวักมือเรียก พลางตบที่ตักตัวเองเบา ๆ ตฤนขยับไปใกล้ เขาคร่อมอยู่บนตัวของปราชญ์ อารมณ์พุ่งพล่านทำให้เขากล้า ตฤนนั่งทับบนดุ้นพอดิบพอดี ปราชญ์ใช้มือรั้งเอวให้เข้ามาแนบชิดกว่าเดิม ริมฝีปากซุกไซร้ไปตามลำคอขาว และตุ่มไตสีชมพูที่กำลังชูชัน เขาใช้ลิ้นลากผ่าน พลางดูดเม้มมัน
  “ฮื่อ” ตฤนร้องคราง สองมือโอบรัดรอบคออีกฝ่ายไว้ ปราชญ์ขบเม้มจูบประทับร่องรอยบนผิวเนียน
  ตฤนลูบไล้ดุ้นเนื้อของตัวเองด้วยความเสียวซ่าน กางเกงถูกปลดลงไปกองที่ขาร่างกายเกือบเปลือยเปล่าทำให้ปราชญ์มีอารมณ์อีกครั้ง เขาใช้มือกำรูดของตฤนขยับเข้าออก จากช้ากลายเป็นเร็ว ตฤนขยับสู้มือ เหงื่อผุดพรายทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ความร้อนของทั้งคู่มีแต่ทวีความรุนแรง ตฤนเกร็งตัวก่อนพ่นของเหลวออกมาบนมือของปราชญ์ เขาซบหน้าลงกับอกแกร่ง หายใจหอบเนื้อตัวสั่นระริก
  น้ำนี่คือสิ่งที่ปราชญ์ต้องการ น้ำหล่อลื่นธรรมชาติเขาใช้น้ำนั้นถูชโลมไปบนแก่นกลางของเขา
  “ตฤนยกสะโพกขึ้นหน่อย” เสียงแหบพร่ากระซิบกระซาบอยู่ข้างหู ตฤนทำตามอย่างว่าง่าย ปราชญ์จับแท่งเนื้อจ่อไปที่ปากทางเข้า
  ตฤนค่อย ๆ กดสะโพกตัวเองลง “อึก มันเข้าไม่ได้...” เพราะครั้งนี้ยังไม่ได้ใช้นิ้วนำทางเข้าไปก่อน ด้านในจึงยิ่งคับแน่น
  “ได้สิ” ปราชญ์ใช้มือจับยึดสะโพกตฤน พร้อมสอดแท่งเนื้อเข้าไปในทีเดียว
  “อื้ออ!!!” ตฤนครางเสียงดัง มือผวากอดปราชญ์เอาไว้แน่น ใบหน้าซุกอยู่ที่ไหล่แกร่ง ความเจ็บระคนเสียวซ่าน เขาพยายามขบเม้มริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงดังจนเกินไป
  ปราชญ์ใช้มือลูบหลังอีกฝ่ายแผ่วเบา “ครางออกมาเลย หรือจะกัดไหล่กูก็ได้”
  ตฤนเลือกข้อหลัง เขากัดงับไหล่แกร่งอย่างระบายความเจ็บ ด้านในตอดรัดกันแน่นจนแทบหลอมรวมทั้งคู่ให้ละลายด้วยความร้อนของอารมณ์
  เมื่อความเจ็บทุเลาลง คงเหลือแต่อารมณ์หวาบหวาม ตฤนเริ่มบดส่ายสะโพก ปราชญ์ปล่อยให้อีกฝ่ายควบคุมจังหวะได้ตามใจชอบ ใบหน้าชื้นเหงื่อของตฤนทำให้เขาหลงใหลจนแทบบ้า
  ตฤนเริ่มขยับยกสะโพกขึ้นลง เสียงแท่งเนื้อเสียดสีกับช่องทางรักดังเป็นจังหวะอย่างหยาบโลน ปราชญ์มองร่างที่กำลังเคลื่อนไหว ราวกับติดอยู่ในภวังค์ แผ่นอกเนียนขาวที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากฝีมือเขา ดวงหน้าชื้นเหงื่อเชิดขึ้น ริมฝีปากแดงเรื่อ บวมเจ่อนิด ๆ จากการขบเม้ม
  ปราชญ์เด้งสะโพกสวนกับสะโพกที่กดลงมา
  “อื้อ อ๊า ปราชญ์ !” ตฤนรู้สึกดีอย่างควบคุมไม่อยู่  มือปราชญ์กำรูดแท่งเนื้อของตฤนไปด้วย ปราชญ์เกร็ง เมื่อตฤนกลับขยับสู้เขาอย่างไม่หยุดหย่อน จนเขาทนไม่ไหวเสร็จอีกครั้ง ข้างในช่องทางชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักของเขา
ของเหลวอุ่นร้อนทำให้ตฤนรู้สึกวูบวาบ และเสร็จตามไปติด ๆ เขานอนซบลงไปกับอกกว้าง แท่งเนื้อหลุดออกจากช่องทางเสียงดัง ป็อก
  พวกเขาหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน พวกเขาทำกันไม่หนักแต่ก็ไม่เบาบนเตียงของโรงพยาบาล รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น ที่ทั้งคู่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ

  ตฤนลุกขึ้นไปเอาผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้ ความเจ็บที่ช่วงล่างทำให้เขานิ่วหน้า แม้จะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกเยอะก็ตาม ปราชญ์ลุกตามมาติด ๆ
  พวกเขาทั้งคู่เข้าไปในห้องน้ำ ตฤนใช้น้ำทำความสะอาดส่วนล่างของเขากับปราชญ์ แท่งเนื้อขึ้งขัง กลับสงบเรียบร้อย ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับให้อีกฝ่าย เก็บซ่อนความเขินเอาไว้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายล้อเลียน เขาขยับพันผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่รอบเอวของปราชญ์
  “ออกไปรอก่อน เดี๋ยวไปใส่กางเกงให้” ตฤนออกคำสั่ง ปราชญ์เดินออกไปอย่างว่าง่าย เขานั่งรอบนโซฟา บนเตียงยับยู่ยี่ ปรากฏหลักฐานชัดว่าเมื่อกี้เพิ่งเกิดสงครามอารมณ์...
  ตฤนถือโอกาสอาบน้ำซะเลย เขาทำความสะอาดทุกส่วนเป็นอย่างดี พออาบเสร็จถึงได้รู้ว่าลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามา
  “ปราชญ์” ตฤนเรียกอีกฝ่าย “เอากระเป๋าเป้ให้หน่อย”
  ปราชญ์เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เจอตฤนที่มีผ้าพันเอวอย่างหมิ่นเหม่ ทำเอาเขาหายใจแทบติดขัด มันน่าจัดอีกรอบเลยดีมั้ย!
  “ใจ”ตฤนรับกระเป๋ามาถือไว้ ก่อนปิดประตูใส่หน้าปราชญ์ เขากลัวอีกฝ่ายจะมีอารมณ์ขึ้นอีก สำหรับวันนี้เขาพอแล้ว 

  ตฤนออกมาจากห้องน้ำ เขาจัดการใส่กางเกงตัวใหม่ให้ปราชญ์ จัดการเสื้อที่เขาใช้รองน้ำอะไรต่อมิอะไร... ./////. จัดผ้าปูที่นอนให้เข้าที่เข้าทาง

  “พยาบาลคนนี้น่ารักจริง ๆ” ปราชญ์พูดแซวอีกฝ่าย
  ตฤนทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะมัวแต่ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะ ตัวเขาเองนี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย ตฤนจึงหยิบเสบียงออกมานั่งกิน ในขณะที่ปราชญ์วิดีโอคอลหาใครสักคน
  “ฮัลโหล ยุ่งมั้ย”
  ‘ไม่ยุ่ง มีอะไรอ่ะ’ ปลายสายตอบกลับ ตอนนี้เธอว่าง
  “มีพยาบาลน่ารัก ๆ จะอวด” ปราชญ์หันมือถือไปทางตฤน กวางกรอกตามองบน
  ‘ขี้อวด พอเป็นแฟนกันนี่ ชักเอาใหญ่’ ตฤนที่กำลังก้มหน้าก้มตากิน พอได้ยินเสียงกวางถึงกับเงยหน้าขึ้น และโบกมือให้กล้อง
  “พยาบาลดูแลดีด้วย” ปราชญ์พูดอวด
  ‘เออ โอย รำคาญพวกแก ไม่ว่างล่ะ ยุ่ง ๆ ๆๆๆ ‘ กวางบ่นก่อนจะกดจบการสนทนาไปอย่างรีบร้อน
  ก่อนกดรัวสติ๊กเกอร์หน้าโกรธใส่ปราชญ์ เขาได้แต่มองอย่างขบขัน

  ทางด้านกวาง เธอทำได้แค่นั่งสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเงียบ ๆ ดีใจกับเสียใจ ยินดีด้วยกับเสียดาย ถึงเวลาที่เธอจะต้องตัดใจให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วสินะ ...ใบลาถูกร่างขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ลาบวชเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีเป็นเวลา 7 วัน พรุ่งนี้เธอจะไปคุยกับหัวหน้า!!!

.
.
  “ไม่กลับได้มั้ย” ปราชญ์ทำท่าจะงอแง เมื่อในอีกไม่กี่ชั่วโมงตฤนจะต้องไปสนามบินเพื่อกลับบ้าน แล้วทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว
  “ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องทำงาน” ตฤนรู้สึกว่าตั้งแต่คบกัน ปราชญ์ก็งอแงงุ๊งงิ๊งมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเขาก็แอบขนลุกเหมือนกันนะ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เอาแต่อ้อนเขาเหมือนลูกแมว
  “เฮ้ออออ ก็คิดถึงนี่หว่า” ปราชญ์ทำหน้าหงอย ปากเบะ
  “ไม่น่ารัก เลิกทำ กูขนลุก” ตฤนเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ฝ่ามือเรียวผลักหน้าผากคนป่วยเบา ๆ อย่างหมั่นไส้
  “บอกให้พี่มารับมึง ไปส่งสนามบินแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงคงถึง”
  “หรอ ความจริงกูไปเองได้นะ” ตฤนพูดด้วยความเกรงใจ ตอนมามาเอง ตอนกลับคนอื่นเดือดร้อน
  “ไม่เป็นไรหรอก” ปราบคงอยากไปส่ง คนที่มาคอยดูแลน้องชายแทนเขา “งั้นระหว่างนี้ เรามาทำอะไรเพื่อ...สร้างความทรงจำ”
  “พอแล้ว มึงจะมีอารมณ์อะไรนักหนาวะ เมื่อเช้าก็ใช้ปากทำให้แล้วไง” ตฤนพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่วายเขินอยู่ในใจ ระบบไหลเวียนเลือดยังไม่กล้าแกร่งเหมือนปาก ใบหน้าถึงได้แดงก่ำ แดงยาวไปถึงใบหู
  “ตรงจริง ๆ ทำไมแฟนกู ยิ่งคบยิ่งแมน” ปราชญ์ส่ายหน้าเหมือนอ่อนใจ แต่ดวงตากับเป็นประกายวิบวับ เหมือนแค่ได้แกล้งอีกฝ่ายก็มีความสุข
  แต่ตฤนกลับทำสิ่งที่แมนกว่าเดิม โดยการเดินเข้าไปประชิด มือสองข้างจับประคองใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ ก่อนจะประทับจูบลงไปจูบที่ลึกซึ้ง นุ่มนวล จูบที่แทนความคิดถึง

  แกร๊ก

  เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ เสียงมันเบาจนคนที่ตกอยู่ในภวังค์ ฝ่ายจูบและฝ่ายถูกจูบไม่ได้ยินแม้แต่น้อย ส่วนพี่ชายตัวดีมาถึงก่อนเวลา ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน เขาถอยออกจากประตู เดินออกไปตั้งหลักอย่างเหม่อลอย เขายอมรับว่าตกใจมากที่ น้องเป็นเกย์ และที่ตกใจยิ่งกว่าเมื่อภาพตรงหน้าภาพตฤนประคองใบหน้าของน้องชายเขา ช้อนใบหน้าหล่อคมนั่นขึ้นมาจูบ เหมือนมันจะบ่งบอกว่า น้องเขาน่าจะเป็นรับ... ร่างบึกเป็นรับ ร่างบอบบางเป็นรุก...

  บ้าไปแล้ว...

  ปราบหลบไปทำใจ หาอะไรขม ๆ อย่างกาแฟดำกระแทกปาก เมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงสินะ เขาไม่ได้เบลอ ปราบมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนแพง ใกล้เวลาที่เขาจะต้องไปถึงห้องนั้น ปราบลอบกลืนน้ำลาย เขาใช้สองมือตบแก้มทั้งสองข้างเบา ๆ
  “ตั้งสติปราบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็จบ” เขาจะทำเป็นไม่รู้ เพราะยังไม่พร้อมรับความจริง ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ 

  ก๊อก ก๊อก ก๊อก

  รอบนี้ปราบเคาะประตูเสียงดัง เขาไม่อยากเจอภาพแบบนั้นตอกย้ำอีกรอบ
  “พี่ปราบมาแล้วหรอ” ปราชญ์เอ่ยทักด้วยท่าทางร้อนใจ “คิดว่าจะมาไม่ทันไปส่งตฤน”
  ตฤนเดินไปหยิบข้าวของรอ สะพายกระเป๋าเป้เตรียมพร้อม
  ปราชญ์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโหวง ๆ  อยากจะรีบตามกลับไปด้วย
  “เป็นไงหายยัง” พี่ชายทักออกมาเก้ ๆ กัง  ๆ
  “กระดูกร้าว ไม่ใช่เป็นหวัดที่แค่คืนเดียวจะหาย”
  “คิดว่ามียาดี” ปราบพูดออกไป เขาแทบกัดลิ้นตัวเอง “ไปกันตฤนเดี๋ยวตกเครื่องนะ”
  “บายมึง หายไวไว” ตฤนโบกมือลาปราชญ์

  เขาเดินตามปราบไปขึ้นรถ เขาพบว่าปราบมองเขาแปลก ๆ แถมยังเงียบเกินเหตุ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า อาจจะทำงานหนัก เหนื่อยจนไม่อยากพูดกับใคร
  “พี่ปราบ”
  “ฮะ อ่า ครับ” ปราบลนลานอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตฤนเรียก
  “ผมคืนเงินนี่นะ” ตฤนหยิบเงินที่ปราบให้ไว้ทั้งหมดออกมาคืน
  “เอาไปเถอะ ที่ช่วยดูแลปราชญ์อย่างดี”
  “แต่...” ตฤนทำท่าจะแย้งต่อ แต่อีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมา
  “ถ้าเห็นยอดเงินที่เข้าบัญชีพี่ตอนนี้แล้วเราจะเปลี่ยนใจ” อีกฝ่ายพูดอวดขึ้นมา
  ตฤนเลยจำต้องเก็บเงินใส่กระเป๋าลงไป
  “งานยุ่งมั้ยพี่ช่วงนี้” เขาพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้รถเงียบเกินไป
  “ยุ่ง... ยุ่งมาก ไอ้ปราชญ์ดันมาป่วยช่วงนี้อีก”
  “สู้ ๆ นะพี่” ตฤนพูดเชียร์ เขาหันไปมองเพื่อนของน้องชาย เมื่อเห็นริมฝีปากบาง ภาพเมื่อกี้ก็ผุดขึ้นมาอย่างสลัดไม่ออก เขาเผลอขยับส่ายหน้าไปมา… น่าจะเป็นแฟนของน้องชายมากกว่าเพื่อนของน้องชาย
  “มีแมลงหรอพี่” ตฤนหันดูด้วยความสนใจว่าพี่ชายเป็นอะไร
  “เปล่าพี่เมื่อย เอ้อถึงแล้ว กลับดี ๆ นะ”
  ตฤนมาถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว เขาหยิบข้าวของก่อนจะก้าวลงจากรถ เขารีบยกมือไหว้ขอบคุณพี่ชายที่มาส่ง ปราบไม่ตอบทำแค่พยักหน้า พอรถคล้อยหลังไป ตฤนก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ ของปราบ ทำงานหนักก็จะเพี้ยน ๆ แบบนี้ล่ะเนอะ
.
.
[พี่ปราบตกใจไปแล้ว 555
พวกนี้นี่หื่นกันเกินไปแล้ววววว วววว ปราชญ์นี่ตัวดีเลย]
 :hao6:

หยิบ จับ ของไงตฤนคิดมาก :z1: :hao6:

หยิบจับจริง ๆ ค่ะ
 :jul1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เป็นแฟนกันแล้ว..แซ่บบบบบนะ

ถ้าตฤณได้รุกปราชญ์
คงจะยิ่งกว่าแซ่บบบบบ
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ดีที่คุณพี่ท่านเห็นแค่ฉากจูบ(แต่แค่นี้ก็คิดไปไกลว่าน้องตัวเองเป็นรับล่ะ) ถ้าเห็นฉากช่วยด้วยปากคงช็อคอยู่หน้าประตูแน่ :pighaun: :haun4: :jul1:
ปราชญ์นี่หื่นได้ตลอดจริงๆดีคุณพยาบาลไม่เปิดประตูเข้ามาอ่านไปลุ้นไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2019 22:58:25 โดย Nung66669 »

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย

     กลางสัปดาห์ที่แสนน่าเบื่อ คนวัยทำงานนอกจากจะหมดไฟในคืนวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่มักจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงในวันพุธที่เป็นจุดที่บอกว่าทำงานผ่านมาสองวันแล้วนะ แต่ยังเหลืออีกหลายวัน
     แล้วยิ่งคนที่แฟนอยู่ไกล แถมยังได้รับบาดเจ็บอีก... แค่โทรคุยกันมันไม่พอ
     “เฮ้อ”
     “พี่ตฤนเป็นอะไร ถอนหายใจทั้งวัน” บุ้งถามขณะที่นั่งฟังตฤนถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย
     “คิดถึง...” ตฤนพลั้งพูดออกไปโดยไม่ได้กลั่นกรองจะสมอง แต่เป็นคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาตรงกับหัวใจ
     วริษฐ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหลือบตาขึ้นมอง ตฤนที่ตอนนี้เป็นเอามาก ครุ่นคิดถึงแฟนหนุ่มมือหนักตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่กระทบกับการทำงาน แต่ก็พาให้เขานึกติดใจสงสัย คนเราจะรักแล้วเฝ้าคิดถึงอีกฝ่ายได้มากขนาดนั้นเลยหรอ...
     เขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น ทุกคนผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เขาจะมีของใหม่ ๆ ให้ลองอยู่เสมอ สาว ๆ หน้าตาสะสวยที่พร้อมจะเข้ามาหาเขา แต่กับผู้ชายเขายังไม่เคยสนใจใครนอกจากตฤน เขายังคงเอ็นดูตฤนอยู่เสมอ แต่ช่องว่างระหว่างเขากับตฤนก็ใหญ่เกินกว่าจะย้อนกลับไป ต่อให้เขารู้สึกผิด หรือพร่ำขอโทษน้องไปหลายต่อหลายครั้ง เขาก็รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนแผลในใจของตฤนไปแล้ว เขาจึงไม่เคยพยายามเข้าไปไกลอีกฝ่ายอีกเลย และบทเรียนที่สำคัญเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม เขาจะไม่ทำ


     “พาน้องมาแนะนำตัวนะคะ น้องกวิน แผนกบริหารความเสี่ยง”
     วาเนสซ่าพาหนุ่มน้อยน่าตาน่ารักเดินแนะนำตัวกับแผนกต่าง ๆ  เพราะน้องจะต้องทำงานกับทุกหน่วยงาน เพื่อทำแผนประเมินความเสี่ยงขององค์กร ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักกันก่อนจะต้องทำงานด้วยกัน
     “สวัสดีครับ ผมชื่อกวินนะครับ ฝากตัวด้วย” ร่างบางยกมือขึ้นไหว้พี่ ๆ ในห้อง พลางยิ้มสดใส
     วริษฐ์มองสำรวจอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มร่าเริงความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผมสีดำขับดวงหน้าขาวให้สว่าง ดวงตาเป็นประกายสดใส เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับเกงเกงสแลคสีดำ  น่าจะรุ่นพี่ตฤน ดูแก่กว่านิดหน่อย อืม...แต่ดูคุ้นอย่างประหลาด...
     ร่างบางกวาดสายตามองทุกคนก่อนจะไปสะดุดที่ใครบางคน เมื่อดวงตามองสบกับ...
     “พี่วริษฐ์!!! เจอกันอีกแล้วนะครับ” ก่อนที่ร่างบางจะขยับยิ้มพลางโบกมือให้
     “ครับ” วริษฐ์ได้แต่ตอบรับเสียงเบา สีหน้าตกใจเล็กน้อย รู้ชื่อเขาได้ไง? ใครวะ?
     ร่างบางก้มหัวให้ ก่อนจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะจำเขาไม่ได้ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ... คงมีแต่เขาที่ไม่ลืม
     “รู้จักกันด้วยหรอ”
     “ครับ นานมากแล้ว พี่เขาอาจจะจำไม่ได้” กวินตอบพลางยิ้มกว้าง
     ส่วนเขาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ เพราะเขาก็จำไม่ได้จริง ๆ พยายามนึกก็นึกไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาติดจะน่ารัก ผิวขาวเนียนใส เขาไม่น่าจะลืมได้...
     หลังจากทักทายพอประมาณ วาเนสซ่าจะพาน้องเดินไปที่อื่นต่อ วริษฐ์ได้แต่มองตาม คิ้วเข้มขมวดอย่างใช้ความคิด

     ตฤนเหลือบมองสายตาที่วริษฐ์มองเด็กใหม่ จู่ ๆ ก็ขนลุกขึ้นมา เขาควรจะเตือนกวินมั้ย ... ว่าวริษฐ์อาจจะคิดจะง้าบอีกฝ่าย เขาควรทำอะไรมั้ย หรือควรปล่อยไป แต่ก็ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันอยู่แล้ว ก็คงไม่มีอะไรมั้ง
เขายอมรับว่ายังเกร็ง ๆ กับพี่วริษฐ์อยู่ ยังคงกลัวอยู่บ้าง เขาพยายามเว้นช่องว่าง เช่นเดียวกับพี่วริษฐ์ที่เว้นระยะห่างจากเขา ไม่เคยถูกตัวเขาอีกเลย  คิดว่าอีกฝ่ายก็คงสำนึกผิดแล้วละมั้ง แต่สำหรับเขา ต้องใช้เวลา ถ้าจะให้กลับไปเชื่อใจเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

     ‘ตั้งใจทำงานนะอย่ามัวแต่คิดถึงกู
     ช่วงนี้กูว่าง
     ให้กูคิดถึงเมิงคนเดียวพอ’

     ข้อความที่ทำเอาตฤนยิ้มกว้าง มีความรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง ต่อให้เป็นวันพุธที่น่าเบื่อ เขาก็ยังสดใสได้ แค่มีอีกคนนึงอยู่ในใจ
     “ไม่มีใครเขาคิดถึงเมิงหรอก
     สบายใจได้
     รีบ ๆ หายแล้วกัน จะได้กลับมาไว ๆ ”
     ตฤนพิมพ์ตอบขณะอมยิ้ม ปากเขามักไม่ตรงกับใจ แต่อีกฝ่ายก็แปลได้เองว่ามันคือความคิดถึงในแบบของเขา ไม่คิดถึงจะรีบให้หายกลับมาไว ๆ ทำไม

     ช่วงพักเที่ยงเขาลงไปทานอาหารกับพี่ ๆ ในแผนกเขาเดินสวนกับกวิน ในใจก็อยากเตือน แต่พอเห็นว่าเขาทักทายกับวริษฐ์อย่างยิ้มแย้ม ก็คิดได้ว่า นี่อาจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่ง พี่วริษฐ์อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น น้ำเมามันช่วยเปลี่ยนนิสัยคน

     เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังเบา ๆ วริษฐ์มองชื่อบนหน้าจอเล็ก ๆ Gawin เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะกดรับ
     “สวัสดีครับ”
     ‘พี่วริษฐ์ครับ เย็นนี้ว่างมั้ย’
     เขาขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก มีธุระอะไรกับเขา
     “กวินมีอะไรหรอครับ”

     ตฤนเหลือบมองคนตรงข้าม เมื่อได้ยินชื่อของเด็กใหม่ดังแว่ว ๆ อันตรายชะมัด ท่องไว้ตฤนนี่ไม่ใช่เรื่องของเมิง ...ไม่ใช่เรื่องของเมิงเลย ... แต่ถ้าอีกฝ่ายโดนแบบเขา...

     “ได้ครับ เจอกันใต้ตึก หือ? รถพี่ก็ได้” วริษฐ์รับนัดไปอย่างงง ๆ 


     ตฤนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เขาเจอกวินเดินมาพอดี
     “เอ่อ กวิน” 
     “ครับ?” เขาขานรับพลางส่งยิ้มให้ คุ้นหน้าว่าอยู่ในห้อง HR
     “รู้จักกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”
     หืม? มาถามเขาเรื่องที่รู้จักวริษฐ์? เขาหรี่สายตามองสำรวจอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหน้าตาดี
     “ก็นานมั้งครับ”
     “เอ่อคือยังไง ระวังตัวด้วยนะ”
     กวินเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นด้วยความสงสัย ตฤนจึงขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย พลางกระซิบเสียงเบา “เขาอาจจะอยากง้าบนาย”
     กวินยิ้มทะเล้น ก่อนตอบเบา ๆ “ก็ดีสิครับ”
     “หืม?” ตฤนมองรอยยิ้มทะเล้น ๆ นั่นก่อนคิดในใจว่า เขาอาจจะคิดผิดที่มาเตือนออาจจะไม่ควรมายุ่งจริง ๆ แต่ก็ถือว่าเขาทำในสิ่งที่ค้างคาแล้ว


     “พี่วริษฐ์ครับ”
     “อ้าวกวินลงมานานหรือยัง”
     “ไม่นานครับ”
     “ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ”
     วริษฐ์ได้แต่งุนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย ที่ดูจะสนิทสนมกับเขามาก แม้เขาจะรู้สึกคุ้น ๆ  แต่ก็นึกไม่ออก หรือไม่เด็กใหม่ก็อ่อยเขาอยู่
     “กวินอยากไปร้านไหนครับ”
     “อืม ร้าน feeling มั้ยครับ”
     วริษฐ์มองคนข้าง ๆ ร้านอาหารกึ่งผับ ร้านที่เขาเคยไปอยู่สองสามครั้ง ชวนไปที่แบบนี้เลยแฮะ
     “มันเป็นที่ที่มีควาหมายนะครับ” ร่างบางพูดดัก เพื่ออีกฝ่ายจะคิดว่าเขาไวไฟ อย่างจะมอมเหล้าเขา แม้ว่าเขาจะอยากทำจริง ๆ ก็ตาม
     ร้านอยู่ไม่ไกลนักจากที่ทำงาน ทำให้ทั้งคู่มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
.
     ทั้งคู่เข้าไปนั่งภายในร้าน ที่ตกแต่งด้วยไฟค่อนข้างสลัว
     “พี่จำผมไม่ได้ใช่มั้ยครับ” กวินถามตรง ๆ เพราะร้านที่จะไปคือร้านที่เขาเจอกับวริษฐ์
     “เอาจริง ๆ ก็รู้สึกคุ้น”
     “เราเคยเจอกันที่นี่ครับ” ร่างบางส่งยิ้มให้
     "หืม?” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น เคยเจอที่นี่? เขากับกวิน?
     “พี่เมามาก อาจจะจำไม่ได้ถ้าวันนั้นไม่ได้พี่ปลอบผมคงแย่” เขาพูดพลางหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิด ชี้ให้ดูในช่องพลาสติกใส ที่มีเศษซากของนามบัตรถูกใส่อยู่ในนั้น ลางเลือนขาดยุ่ยไม่มีชิ้นดี แต่เจ้าของก็รู้ดีว่าน่าจะเป็นของเขา
     “นามบัตรเละเทะเชี่ยว”
     “ผมพยายามตามหาพี่แล้ว แต่ไม่เคยเจอ จนวันนี้”
     ร่างสูงมองดวงหน้าน่ารักที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และดวงตาที่เป็นประกาย คนตรงหน้าดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เจอเขา ทำเอาเขาเผลอยิ้มตาม น่ารักสดใส ...
     “แล้ว พอเจอพี่แล้วจะทำยังไงต่อ” วริษฐ์พูดแซวคนตรงหน้า อยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
     ร่างบางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ทำให้พี่รักผมครับ”
     วริษฐ์อ้าปากค้างกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ดวงตาคมจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าจะทำให้ผมรักเขา อีกฝ่ายยังคงยิ้มไม่หยุด ในขณะที่เขา จ้องเอง กลับรู้สึกหนาว  ๆ ร้อน  ๆ ขึ้นมาซะแบบนั้น เด็กนี่มันร้ายไม่เบา
     “ทำไมต้องเป็นพี่”
     “ก็พี่เคยบอกผมว่า ให้หาแฟนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผมว่าก็ต้องพี่นี่แหละ”
     “เรารู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นคนดี” วริษฐ์นึกถึงชีวิตเสเพของตัวเอง ฟันแล้วทิ้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา เน้นบริหารเสน่ห์ไม่เน้นใช้หัวใจรักใคร แถมยังเกือบจะขืนใจเพื่อนร่วมงาน นึกถึงตฤนทีไร ในใจปวดหนึบทุกที
     “ผมมาลองเสี่ยงครับ ผมว่าผมบริหารความเสี่ยงได้ดีพอ” กวินพูดพลางยิ้มทะเล้น
.

     สองปีก่อน

     ร่างบางเดินออกมาในที่ปลอดคน ไฟบริเวณนั้นค่อนข้างสลัว ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นต่างระดับ ตัวสั่นสะอึกสะอื้นอย่างคุมไม่อยู่ สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด เขากำลังจะกลายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับผู้ชายที่เขารักสุดหัวใจ ผู้ชายที่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขา กลับไปเป็นเพื่อน ทุกอย่างที่เกินเลยเป็นแค่เรื่องชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีความรัก เป็นความใคร่ เขาไม่ได้ดีใจที่อีกฝ่ายยอมมีอะไรกับเขา เพราะว่าเรื่องบนเตียงของเขานั้นเผ็ดร้อน หรือแค่แปลกใหม่
     มีใครบางคนนั่งลงข้าง ๆ เขา
     เสียงจุดไฟแช็กดังมาจากคนข้าง ๆ  ก่อนกลิ่นบุหรี่ลอยมาตามลม
     “ร้องไห้...ทำไมมมม ครับ” เสียงคนข้าง ๆ เอ่ยทัก ติดจะเมา ๆ เล็กน้อย
     “ฮือ” พอมีคนมาถาม ร่างบางก็ยิ่งร้องหนักขึ้น ความลับที่เขาบอกใครไม่ได้เลย พอมีคนถามกลับยิ่งทำให้อยากร้องไห้ออกมา
     มือหนาเอื้อมแตะที่ไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ
     “โอ๋นะครับบบบ”
      ร่างบางมองคนที่กำลังปลอบเขา คนแปลกหน้าที่มานั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างเขา เสี้ยวหน้าหล่อเหลาดูดี ดวงตาฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ น้ำเสียงนุ่มนวลพาให้เคลิบเคลิ้ม
     “ไม่ร้องงงงง” มือหนาขยับมาลูบหัวอีกฝ่าย
     “พี่เป็นใคร”
     “วริษฐ์...ครับ” ชายหนุ่มล้วงหยิบนามบัตรออกมาส่งให้อีกฝ่าย
     “ผมกวินครับ” ร่างบางแนะนำตัว พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
     “อย่าร้องงงง”
     ชายหนุ่มมองวริษฐ์อย่างงง ๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเมามาก และก็จิตใจดีมาก ถึงได้มานั่งปลอบคนที่ไม่รู้จัก
     “ผมเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก...” เขาใช้คำนี้ได้มั้ย มันได้หรือเปล่า แฟน?
     “ฮื่อออ รัก ตัวเองงง ให้มาก” วริษฐ์กระตุกยิ้ม
     รอยยิ้มนั้น ตราตรึงใจของกวิน
     “หาาาา...ใหม่ ให้ อึก ดีกว่าเดิม พี่ เอาใจช่วยยย”
     “วริษฐ์คะ!” หญิงสาวเดินตามมาจากในร้านเมื่อเห็นว่าผู้ชายของเธอหายออกไปนาน ก่อนเจอว่ามานั่งหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก
     “ครับบบบ”
     “ไปกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเดินมาคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้
     “พี่เขากวนหรือเปล่า ขอโทษนะคะ” ร่างสูงลุกขึ้นตามแรงดึง ก่อนหันมาขยิบตาให้กับกวิน
     ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เจอกัน
.
.
     นามบัตรที่ได้มา ลงเครื่องซักผ้าไปพร้อมกับกางเกง...

      จากนั้นก็ได้แต่ภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้ง
     ...และการมาเจอกันครั้งนี้ จึงเหมือนพรหมลิขิต และเขาจะไม่ยอมปล่อยอีกคนไปแน่ ๆ


     ตฤนอาบน้ำเรียบร้อยเตรียมนอน เขานอนกลิ้งเกลือกเพื่อรอรับโทรศัพท์ ส่งเข้านอนของปราชญ์ ไม่กี่อึดใจ อีกฝ่ายก็โทรมาตามเวลา
     “ฮัลโหล”
     ‘คิดถึงจัง’ เสียงนุ่มดังมาตามสาย
     “อื้อ” ตฤนยิ้มกว้างให้กับมือถือ และน้ำเสียงละมุนของอีกฝ่าย
     ‘อยากกลับไปกอดแล้ว’
     “กอดชั่วโมงละ 300 ค้างคืน 3,000” ตฤนเสนอราคา พลางหัวเราะคิกคัก
     ‘เอาไปเลย 10,000 นึง แต่ทั้งวันทั้งคืนนะ’
     ตฤนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เล่นกับคนมีตัง เล่นกับคนหื่นกาม มีแต่เสียกับเสีย
     “ไม่ขายแล้ว ปิดการขาย”
     ‘แปลว่าจะได้ฟรี’
     “ไม่ได้ ไม่ให้แล้ว”
     ‘ตฤนครับ อย่าตัดกำลังใจในการฟื้นตัวของปราชญ์เลยนะ เนี้ยจะรีบหายเพื่อไปกอดเลย’
     ตฤนย่นจมูกให้กับประโยคนั้น ก่อนจะนึกขึ้มาได้ว่า อยากจะเล่าเรื่องพนักงานใหม่ ที่ชื่อกวิน
     “เออ วันนี้มีพนักงานใหม่ชื่อกวิน”
     ‘หืม? หล่อมั้ย’
     “หล่อ หน้าตาน่ารักดี”
     ‘งั้นพรุ่งนี้ กุบินกลับเลยแล้วกัน’
     “ไม่ต้องมาหึง! นั่นไม่ใช่ประเด็น...” ตฤนพูดพลางเว้นวรรค อย่างเรียบเรียงคำพูด “ ก็เขาดูเหมือนรู้จักกับพี่วริษฐ์ ทีนี้กุก็อดจะเตือนไม่ได้ว่าให้ระมัดระวัง”
     ‘หืม? ไอ้วริษฐ์นั่นน่ะหรอ แล้วเขาว่าไง’
     “เขาอยากโดนวริษฐ์กิน”
     ‘อุ๊บ ฮ่า ๆๆๆๆ โธ่ ตฤนอุตส่าห์หวังดี กลายเป็นยุ่งเรื่องชาวบ้านไปเลย’
     “ไม่ตลกนะ” ตฤนทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจนัก เขาก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเขา มันเป็นความทรงจำที่ไม่ดีเลยนะ “เอาเป็นว่า ก็ถือว่ากุทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเขาสมยอมกันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกุ”
     ‘ฮื่อ แฟนเก่งมาก งั้นดึกแล้วนอนนะครับ ฝันดีนะ’
     “เออ นอน ฝันร้าย” ตฤนอวยพรให้อีกฝ่ายฝันร้าย ก่อนจะกดตัดสายไป เขาดึงคลุมผ้าห่มไปถึงคอแบบที่ชอบทำ ก่อนจะหลับตาลง ถ้าจะให้ฝันดี ต้องฝันเห็นปราชญ์... ได้เจอในฝันก็ยังดี
.
.
 :กอด1:
[ให้โอกาสวริษฐ์หน่อยนะคะ เขาเป็นคนดีนะะะะ ตอนนั้นมันไม่มีสติ]


เป็นแฟนกันแล้ว..แซ่บบบบบนะ

ถ้าตฤณได้รุกปราชญ์
คงจะยิ่งกว่าแซ่บบบบบ
ฮ่าฮ่า

แซ่บมาก ปราชญ์แบบว่า เหมือนชดเชยความอดทน
ถ้าตฤนรุกพี่ปราบต้องช็อคกว่านี้แน่ 5555

ดีที่คุณพี่ท่านเห็นแค่ฉากจูบ(แต่แค่นี้ก็คิดไปไกลว่าน้องตัวเองเป็นรับล่ะ) ถ้าเห็นฉากช่วยด้วยปากคงช็อคอยู่หน้าประตูแน่ :pighaun: :haun4: :jul1:
ปราชญ์นี่หื่นได้ตลอดจริงๆดีคุณพยาบาลไม่เปิดประตูเข้ามาอ่านไปลุ้นไป

นี่ถ้าพี่แกมาเจอเต็ม ๆ  สติคงหลุดแน่ 55555

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โดนแน่วริษฐ์โดนก็คราวนี้แหล่ะ กวินคงไม่มาหลอกพี่ท่านหรอกเนาะหรือให้โดนสักที :hao3:
ตอนนี้ข้าวใหม่ปลามันไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่เลยอ่ะ :ling1:

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนไปยุ่งเรื่องของเขาจริง ๆ 55555

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
   
บทที่ 29 ติดเชื้อหื่น / ไวไฟ

   

   “หือ? ปราชญ์” ตฤนลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด แสงไฟจากนอกหน้าต่าง ทำให้เขาพอมองเห็นอะไรต่อมิอะไร เห็นเค้าโครงร่างที่คุ้นเคยของแฟนหนุ่ม ทำไมมาอยู่ที่นี่ “มาได้ยังไงน่ะ”

   “ก็คิดถึงยังไงล่ะครับ” ร่างสูงขยับเข้ามาหา กางมือทั้งสองข้างคร่อมอีกคนเอาไว้ “คิดถึงกุมากเหมือนกันล่ะสิ”

   “แขนล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วหรอ”

   “หายแล้ว แต่บางอย่างกำลังเป็น” ร่างสูงประกบริมฝีปากอีกฝ่าย มอบจูบหวานล้ำที่ชวนให้ใจล่องลอย ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ตักตวงความหวานที่ห่างหาย มือหนาลูบไล้ปะป่ายไปทั่วทั้งตัว ให้อีกฝ่ายตัวสั่นเกร็งทุกครั้งที่มือร้อนลากผ่าน

   “อื้ออออ” ตฤนยอมรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเต็มใจ เขามีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก หลังจากอดทนอดกลั้นมาหลายวัน เขาก็ยินยอมให้อีกฝ่ายมาช่วยปลดเปลื้องให้

   มือหนาถอดเสื้อผ้าของคนด้านล่างออกจนหมด แม้ว่าความมืดจะซ่อนเรือนร่างขาวนวลเอาไว้ แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าส่วนที่เคยอ่อนไหวนั้นแข็งตึงแค่ไหน มือหนากอบกุมส่วนนั้นเอาไว้ กำเอาไว้นิ่ง ๆ ขณะลิ้นร้อนยอมผละจากริมฝีปากหวาน เพื่อไปชิมลิ้มรสหวานจากจุดอื่นแทน อย่างตุ่มไตเม็ดเล็กที่กำลังชูชันด้วยอารมณ์

   “อึก อ๊า” ตฤนบิดตัว เมื่ออีกฝ่ายกำลังขมเม้มยอดอกของตน มือบางโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ปลายนิ้วเกี่ยวม้วนเส้นผมอ่อนนุ่ม

   มือหนาที่เกาะกุมส่วนแข็งขืนเริ่มขยับขึ้นลง รูดรั้งจนร่างบางตัวสั่นสะท้าน

   “ปราชญ์จะทำให้ตฤนเสร็จ ด้วยมือของปราชญ์นี่แหละ” เขาพูดพลางขยับข้อมือเร็วขึ้นกว่าเดิม ร่างบางแอ่นเอวรับสัมผัสนั้น จนสะโพกลอยไม่ติดที่นอน น้ำเริ่มไหลซึมออกทางส่วนหัว เหมือนเขื่อนกักเก็บกำลังจะแตก

   “ฮึก อ๊ะ อ๊า ปราชญ์ อ๊า” เสียงครวญครางไม่เป็นภาษาจากร่างบางที่อารมณ์ใกล้จะไปถึงขีดสุด ดวงตาปรือหลับพริ้ม “ฮ้า ไม่ ไม่ไหวแล้ว”

   

   ตฤนไปถึงจุดหมาย กระตุกเกร็งปลดปล่อยของเหลวอุ่นร้อนออกมาจนหมด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา และพบว่าในห้องนอนนั้นสว่างไสว แสงแดดยามเช้าลอดผ่านเข้ามาในห้องจนสว่าง และเขาตื่นแล้ว...

   

   ความฝัน... ฝันเปียก...

   

   เขารู้สึกถึงความร้อน และเหงื่อที่ผุดพรายทั่วใบหน้า ความเหนียวหนืดที่เป้ากางเกงนอน ทำเอาใบหน้าเนียนเห่อร้อนวูบวาบ เมื่อคิดได้ว่าที่เลอะเทอะแบบนี้เป็นเพราะปราชญ์ เสร็จเพราะปราชญ์มาหาเขาในฝัน... มาเติมเต็มความต้องการของเขา

   บอกว่าอยากเจออีกฝ่ายในฝัน ก็มาจริง ๆ มาแบบปกติ ๆ ไม่เป็นเลยหรอไงนะ!  ตฤนได้แต่โวยวายอยู่ในใจ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า เขารู้ตัวดีว่าเขาหื่น... ตกลงนี่เขาติดเชื้อหื่นมาจากปราชญ์จริง ๆ ซะแล้วหรือ...

   

   

   “ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลัก พยายามจะลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก เมื่ออีกฝ่ายยังคงนอนกอดเขาแน่น พี่วริษฐ์ที่เขาตามหา...

   “อื้อ ครับ” ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองคนในอ้อมแขน ก่อนกระพริบตาปริบ ๆ ไล่ความง่วงงุน เมื่อคืนเขาโดนเด็กง้าบซะแล้ว โดนล่อลวงมาต่อจนไม่ได้กลับห้อง เสร็จเด็กมันจนได้... เมื่อคืนเจ้าเด็กนี่มันร้ายจริง ๆ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน เขายังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

   วริษฐ์ปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ พลางขยับลุกขึ้นนั่ง เขารู้สึกมึนหัว มันแฮงค์ ๆ

   “พี่วริษฐ์ไปอาบน้ำก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่ ผมมีเชิ้ตตัวใหญ่ ๆ อยู่” กวินลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก ก่อนหมุนตัวเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า พลางหยิบผ้าขนหนูมายื่นส่งให้

   “ขอบคุณมาก” วริษฐ์เดินโงนเงนไปอาบน้ำ เขาทั้งเหนื่อยทั้งล้า เมื่อคืนเลยเถิดไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน กวินปลุกเขาทั้งคืน ได้มาจบเอาเลยวันใหม่ไปหลายชั่วโมง

   กวินพยายามหาเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายจะใส่ได้ กางเกงคงต้องใส่ซ้ำแต่เสื้อเนี้ย เขาเตรียมเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย หยิบจับกางเกงและชั้นในมาวางไว้ให้ ส่วนเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานถูกเขาโยนลงตะกร้า ซักแล้วค่อยเอาไปคืน

   สายน้ำเย็นจากฝักบัวปะทะร่างวริษฐ์เขากลั้นใจขยับไปยืนใต้ฝักบัว น้ำเย็นจนรู้สึกขนลุก แต่ก็ทำให้ตาสว่าง เมื่อคืนทำลงไปแล้ว กับผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำแบบสติไม่เต็มร้อย มีแต่สัญชาตญาณที่ตอบสนองต่ออีกฝ่ายเท่านั้น

   “เผลอตัว ให้อารมณ์นำอีกแล้ว” เขาบ่นพึมพำเสียงเบา

   วริษฐ์อาบน้ำเสร็จ เขาปิดน้ำพลางยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้า หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว เขายืนมองตัวเองในกระจก รู้สึกเจ็บไม่น้อยที่หัวไหล่ พอมองเงาสะท้อนก็พบรอยเล็บและรอยฟันหลายจุด เด็กแสบทั้งกัดทั้งจิกเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อวานคือสุด ๆ ตั้งแต่เคยทำมาเลย เขาพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวหลวม ๆ ก่อนจะเดินออกไป

   กวินมองคนที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยใจเต้นตึกตัก หยดน้ำบนกล้ามเนื้อมัดสวย เส้นผมลู่แนบใบหน้าหล่อเหลา ร่องรอยสงครามอารมณ์ระหว่างพวกเขายังปรากฏชัด ‘เซ็กซี่เป็นบ้า’

   “อ่ะ เสื้อผ้าอยู่ทางนั้นนะครับ” ร่างบางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้ พลางเดินสวนเข้าห้องน้ำไป ร่างบางปวดหนึบที่ส่วนล่างไม่น้อย เมื่อคืนรุนแรงแต่ก็สุขสม เขาคิดว่าการปรนนิบัติจากเขา พี่วริษฐ์ต้องติดใจจนลืมไม่ลงแน่ ๆ

   ร่างสูงจัดแจงแต่งตัวเรียบร้อย เขานั่งเช็ดผมอยู่บนที่นอน ในใจก็แอบงุนงงสับสน ว่าเขาจะวางตัวยังไงกับเด็กคนนี้ดี ทุกทีเขาจะรุก หว่านเสน่ห์ให้ได้มา แต่รอบนี้ เจ้าตัวดันมาล่อหลอกเขาแทน เมื่อคืนก็พูดเน้นหนักว่าจะทำให้เผมรักเขาให้ได้ ซึ่ง...มันเป็นไปได้ยากยิ่ง หัวใจของเขามันไม่เคยเปิดให้ใครแทรกตัวเข้ามา ไม่เคย...

   ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเดียวกันกลับวริษฐ์ ผิวเนียนเปลือยเปล่า กับหยดน้ำ ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูสดชื่นเปล่งปลั่ง

   “พี่ครับ หิวหรือยัง” กวินเอ่ยทัก พาเอาวริษฐ์ลอบกลืนน้ำลาย สภาพของคนตรงหน้ากับคำถาม แอบทำเอาเขาแทบหิวอย่างอื่น

   “หิวครับ กวินรีบ ๆ แต่งตัวสิครับ” วริษฐ์พยายามที่จะละสายตา จากร่างนั้น ยั่วยวนเก่ง เดี๋ยวไม่ได้ไปทำงานกันพอดี “เอ่อ เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ ก็ไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้กันตั้งแต่วันแรก” เขาอึกอัก รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนตั้งตัวไม่ทัน

   “ฮะครับ สำหรับพี่มันเป็นวันแรก แต่สำหรับผม มันเป็นการรอที่ยาวนานครับ”

   “แต่เราอยากให้พี่รัก แต่เมื่อคืนพี่มีแต่ความใคร่ให้”

   กวินยิ้มกว้างจนตาแทบปิด “ผมบอกแล้วว่าผมรับผิดชอบเอง” อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ รอยยิ้มสดใสเจิดจ้า ยิ้มจนตาปิดเป็นสระอิ น่ารัก...

   วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แม้ในดวงตาของเขาที่มองคนตรงหน้า จะมีประกายวูบไหวประหลาดฉายอยู่

   “พูดตรง ๆ นะ ถ้าเราต้องการความรัก พี่คิดว่าคงไม่มีให้”

   “ทำไมล่ะครับ พี่รักใครไปแล้วหรอ” ร่างบางถามกลับ ดวงตาหม่นแสง แม้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าจะยังไม่จางหาย

   วริษฐ์หรี่ตามองสำรวจดูคนตรงหน้าที่แสดงความรู้สึกดูขัดกันแปลก ๆ ...กวินที่ยังยิ้ม แม้ดวงตาจะไม่สดใส

   “เปล่า... พี่แค่” เหมือนคนไม่มีหัวใจ ความระแวดระวังในใจของเขา มันทำงานทันทีที่ใครก็ตามพยายามจะรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม โดยเฉพาะหัวใจของเขา

   “ผมจะพยายาม” ร่างบางมองใบหน้าวิตกกังวลของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม ในเมื่อความเสี่ยงทั้งหมดที่มี เขาจะขอรับไว้เอง มันเป็นความเสี่ยงที่เขาสามารถรับได้ “วันเดียวที่เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการ มันตอบทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ พี่อาจจะต้องการผมมากจนไม่อยากปล่อยไปเลยก็ได้”

   วริษฐ์หมั่นเขี้ยวร่างบางที่พูดอวยตัวเองหน้าตาเฉย ฝ่ายมือที่ลูบอย่างเอ็นดูเปลี่ยนมาเป็นแกล้งขยี้หัว จนผมของอีกฝ่ายเสียทรง

   “อย่าแกล้งสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว”

   “น่าหมั่นไส้”

   ร่างสูงบ่นอุบแต่ก็ยอมแต่โดยดี เขาดึงมือกลับ ปล่อยให้คนน่ารักลูบเซตผมให้เข้าที่เข้าทาง ละสายตาจากร่างบางที่แต่งตัวอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะใจกล้าไม่อาย แต่ดวงหน้าหวานก็แอบร้อนวูบวาบขึ้นสีเรื่อ

   ร่างบางหยิบเอาน้ำหอมขึ้นมาฉีดตัวเอง ก่อนจะหันไปฉีดวริษฐ์ด้วย

   "มาฉีดพี่ทำไมครับ”

   “จะได้หอม ๆ “ร่างบางพูดพลางแลบลิ้นทะเล้น...เขาฉีดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แค่นี้พวกเขาก็มีกลิ่นเดียวกันแล้ว



   ตฤนวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ตึก วันนี้นอกจากจะตื่นสายกว่าปกติ เพราะดันไปฝันถึงปราชญ์ แล้วมีเรื่องให้เพลียแต่เช้า ยังซวยซ้ำเพราะรถไฟฟ้ามีปัญหาขัดข้องทำให้เขากำลังจะสาย ร่างบางจึงรีบวิ่ง เขาไปถึงลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะปิดต่อหน้าต่อตา มือบางขยับตะครุบปุ่มให้เปิดออก ก่อนก้าวเท้าเข้าไปหน้าตาตื่น หายใจหอบ เขาคิดถึงความสบาย ที่ปราชญ์มารับมาส่งเขาจริง ๆ

   “ยังทัน” เสียงทักทำให้ตฤนเงยหน้ามองคนในลิฟต์ วริษฐ์กับกวินอยู่ด้วยกันในลิฟต์ ตฤนก้มหัวทักทายทั้งคู่

   “สวัสดีครับ” กวินพูดทักพลางยิ้มกว้าง

   “สวัสดีครับ” ตฤนทักตอบ

   “สายเหมือนกันเลยนะครับ” กวินพูดพลางยิ้มเขิน เพิ่งเริ่มงานก็สายซะแล้ว

   “ครับ” ตฤนเหลือบตามองทั้งคู่ ขึ้นลิฟต์มาพร้อมกันก็คงไม่แปลกนักล่ะมั้ง

   กวินรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทีของทั้งสองคน ทั้งที่อยู่แผนกเดียวกันแท้ ๆ แต่ดูห่างเหินอย่างประหลาด วริษฐ์ก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่น่าจะมีท่าทีกันแบบนี้ ...แฟนเก่า? คนเคย ๆ ? กวินมองด้วยความรู้สึกแอบตงิด ๆ อยู่ในใจ เพราะเมื่อวานอีกฝ่ายก็มาเตือนเขา ระวังจะถูกง้าบ หรือเพราะตัวเองก็เคยโดนไปแล้ว งั้นหรอ? ไม่ชอบใจเอาซะเลยแฮะ

   บรรยากาศอึดอัดเล็ก ๆ เกิดขึ้นในลิฟต์ ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัว ค่อย ๆ เปิดทีละชั้น ๆ มีคนอัดเข้ามามากจนตฤนถอยไปชิดกับทั้งสองคน เขาได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากทั้งคู่ กลิ่นเดียวกัน ... หรือว่าทั้งคู่เมื่อคืน... รวดเร็วไวไฟกันจริง ๆ

   “ขอโทษนะครับ”ตฤนเอ่ยปากขอทางเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการออกพอดี

   สองคนด้านหลังจึงเดินตามออกมาด้วย ตฤนเดินนำไม่ได้หันไปสนใจอะไรอีก เขาไม่ได้อยากจะตั้งแง่ ไม่ได้อยากรู้สึกอึกอัก อึดอัดแบบนี้แลย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง

   เขาเลยเลือกที่จะไม่หันไปคุยต่อ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่เดินเลี้ยวไปตอนไหนด้วยซ้ำ แต่เขาก็คิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของสองคนนั้น ถ้ายินยอมตกลงปลงใจกันได้ ก็ดีแล้ว



   “วันนี้เกือบสาย

   รถไฟฟ้าช้า”

   ตฤนพิมพ์ข้อความหาปราชญ์ เป็นการทักทายยามเช้า เหมือนเป็นการเช็คชื่อในทุก ๆ วัน

   ‘คิดถึงคนขับรถล่ะสิ’

   ปราชญ์พิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

   ‘ว้า มีค่าแค่เป็นคนขับรถหรือเนี้ย’

   “อื้อ”

   ‘สติ๊กเกอร์หมีนั่งร้องไห้’

   “เป็นแฟนเดี้ยง ๆ”

   ‘แต่ก็รักใช่มั้ย’

   ตฤนยิ้มให้ข้อความนั้น มันมาอ้อนอะไรแต่เช้า เขายังไม่หายเหนื่อยจากการ... จากการวิ่งมาทำงาน กลับต้องมาหัวใจพองโตกับข้อความแบบนี้อีก ไม่ให้เขาพักหัวใจหน่อยหรือไง

    “รัก...ดิวะ”

   ‘โอย กุหายป่วยแล้ว

   ความรักมันรักษาได้ทุกโรค’

   ตฤนได้แต่ยิ้มเอือมกับความโอเว่อเล่นใหญ่ของปราชญ์ เขานึกหน้าไม่ออกเลยว่าปราชญ์จะทำหน้าแบบไหน ยิ้มล้อเลียนเขาอยู่หรือเปล่า

   “เออ นี่สองคนนั้นน่ะ

   เหมือนจะได้กันแล้วนะ”

   ‘หือ? ไอ้นั่นกับเด็กใหม่น่ะหรอ’

   “ช่ายยย เมื่อเช้าเห็นขึ้นลิฟต์มาพร้อมกัน

   แถมฉีดน้ำหอมกลิ่นเดียวกันอีก”

   ‘เอ๊ เรานี่ขี้เสือกเหมือนกันนะครับ’

   “จะด่าก็อย่ามาลงท้ายด้วยครับ” ตฤนทำหน้าบูดบึ้งเมื่ออีกฝ่ายเหมือนกำลังจะด่าเขาก็ไม่ปาน

   ‘แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าทั้งคู่ได้กัน กุก็เบาใจ’

   “เบาใจอะไร”

   ‘จะได้วางใจเรื่องไอ้นั่น กับไอ้น้องใหม่หน้าหล่อ

   คงไม่มายุ่งกับแฟนที่แสนน่ารักของปราชญ์’

   ตฤนกรอกตาไปมากับความเลี่ยนของแฟนหนุ่ม คงจะมีปราชญ์คนเดียวนี่แหละ ที่มาชมว่าเขาน่ารักอยู่ได้ เขาเป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ ๆ โดนชมว่าน่ารักจนจั้กกะจี้ไปหมดแล้ว

   ‘ตั้งใจทำงานนะครับ

   ปราชญ์ก็ไปทำบ้างแล้วละ’

   เขาขมวดคิ้วให้กับข้อความนั้น พี่ปราบจะใช้งานน้องชายตัวเองหนักเกินไปแล้วนะ มันยังไม่หายดีเลยแท้ ๆ ให้ไปทำงานอีกแล้ว

   “หือ? พี่ให้ไปทำงานแล้วหรอ”

   ‘ใส่หูฟังก่อนแล้วจะบอก’

   ตฤนทำตามอย่างว่าง่าย เขาขยับไปหยิบกระเป๋าเพื่อเอาหูฟังออกมาเสียบกับตัวเครื่อง ปราชญ์ส่งข้อความเสียงตามมาให้ ประมาณ 20 วิ

   ‘อ๊า อื้ออออ ตฤน อ๊ะ อื้อออออ’ ตฤนกดปิดไฟล์เสียงแทบไม่ทัน ใบหน้าร้อนฉ่า ขนลุกเกรียว เมื่อเสียงที่ส่งมาเป็นเสียงครวญครางแหบแห้งของอีกฝ่าย ตฤนใช้สองมือตบหน้าตัวเองเบา ๆ ก่อนพิมพ์ข้อความเกรี้ยวกราดตอบกลับไป

   “ปราชญ์ เป็นโรคจิตหรอไงฮะ!”

   ‘ก็มันดันตื่นขึ้นมาน่ะสิ เพราะว่าฝันเห็นตฤนเมื่อคืน

   ยังไม่ทันได้จัดการเลย

   ในฝันปราชญ์ก็ช่วยตฤนจนเสร็จ

   แต่ตัวเองไม่ได้เสร็จ ...ไม่ยุติธรรม’       

   ตกลงในฝันนี่ เจอกันจริง ๆ หรือไงนะ กายละเอียดของพวกเขา...

   “ก็ไปจัดการเอาเลย ไม่ต้องมาบอก

   เมิงแม่งนิสัยไม่ดีเลย”

   ‘กลัวอยากด้วยอ่ะสิ

   สติ๊กเกอร์หมายิ้มทะเล้น’

   “ทำงานแล้ว!!!”

   จะไม่บอกอีกฝ่ายเด็ดขาด ว่ากายละเอียดเราเจอกันในฝัน ไม่เล่าเด็ดขาดว่าเมื่อเช้าเขาเสร็จเพราะปราชญ์มาช่วยทำให้เขา ไม่อยากจะถูกอีกฝ่ายล้อว่าหื่น เดี๋ยวจะเตลิดเปิดเปิงเละเทะ ติดเรทกันมากไปกว่านี้ แค่นี้ปราชญ์ก็ไม่มียางอายเหลือแล้ว!!!

.

.

[ไวไฟกันเกินไปแล้ววววววว โอยยยยย -.,- พวกคนไม่มียาง

วริษฐ์โดนง้าบคืนบ้างเเล้วล่ะ ถ้าอยากรู้ยังไง ขนาดไหน

รอติดตามในเรื่องหลักของทั้งสองคนได้ เร็ว ๆ นี้]

โดนแน่วริษฐ์โดนก็คราวนี้แหล่ะ กวินคงไม่มาหลอกพี่ท่านหรอกเนาะหรือให้โดนสักที :hao3:
ตอนนี้ข้าวใหม่ปลามันไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่เลยอ่ะ :ling1:

โดนง้าบไปแล้วพี่ท่าน 5555
 :hao7:

เหมือนไปยุ่งเรื่องของเขาจริง ๆ 55555

ปราชญ์แอบด่าแฟนอย่างสุภาพ
 :laugh:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โดนเด็กหลอกล่อจนได้ :a5: ไวไฟสนชื่อตอนจริงๆ

ตฤนแบบนี้เดี๋ยวได้บินไปหาปราชญ์อีกแน่ :hao6:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
 :z13: :katai4:

สำหรับ ปราชญ์ ตฤน ขออนุญาตอัพ ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนะค้า
เเล้วก็พาอีกคู่มาฝากเนื้อฝากตัว #วริษฐ์กวิน


I Met You เพราะเราเคยพบกัน
[/b]



เพราะเราเคยเจอกันมาก่อน ถึงพี่จะลืม

แต่ผมลืมไม่ลง รอยยิ้มของพี่

ถ้าผมเจอพี่อีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไป

⌒/(・x・)\⌒

คนหนึ่งต้องการความรัก

อีกคนหนึ่งวิ่งหนีความรัก

จะต้องการหรือวิ่งหนี ในสองประโยคนี้ ก็มีคำว่า "รัก"


วริษฐ์ : หล่อเนี๊ยบ โปรยเสน่ห์เป็นงานประจำ

"เซ็กซ์กับความรัก มันคนละเรื่องกัน

ที่พี่มีให้ก็มีแค่ความใคร่เท่านั้น"


กวิน : หนุ่มหน้าหวาน (พยายาม) ยิ้มสดใสเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไร

"ถ้าจะให้ผมทำตามใจตัวเอง ก็มีแค่เรื่องเดียวที่ผมอยากจะทำ

ผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้"


เติ้ล : หนุ่มหล่อที่แสนเอาแต่ใจ ชอบบงการ ชอบสั่ง (ใจร้าย)

"นายเป็นของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยนายไป

ถึงไม่ได้รัก แต่ต้องการ...ครอบครองนาย"

++++++++++++++

ภาพเพื่อจินตนาการเท่านั้นนนน

โดนเด็กหลอกล่อจนได้ :a5: ไวไฟสนชื่อตอนจริงๆ

ตฤนแบบนี้เดี๋ยวได้บินไปหาปราชญ์อีกแน่ :hao6:

เด็กมันร้ายนะะะะะ >//////<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2019 20:32:37 โดย RingoPle »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4

บทที่ 30 ขอกอดหน่อย

   

   หลังจากวางสายจากการคุยกับปราชญ์ ตฤนก็นอนคิดนั่นคิดนี่อะไรเรื่อยเปื่อยก่อนนอน ทั้งอาทิตย์นี้ประหลาดมากไม่รู้ทำไม กวินถึงชอบมองเขาแปลก ๆ เหมือนอยากจะถามอะไรเขาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ถามสักที เขาก็อยากจะถามว่าอีกฝ่ายมีอะไรหรือเปล่าเหมือนกัน ทำไมชอบจ้องเขา แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้ถามว่าอะไร

   ‘มองหน้า มีอะไรข้องใจหรือเปล่า’

   สงสัยได้ต่อยกัน

   ‘มีอะไรกับเราเปล่า’

   สงสัยจะได้กัน...

   ‘สงสัยอะไรหรอ ถามได้’

   แล้วมันสงสัยอะไร มันมีอะไรหรอไง?

   สุดท้ายเขาก็ได้แต่นิ่ง ๆ และปล่อยผ่านไป ถ้าอีกฝ่ายอยากจะถาม ก็คงถามเองมั้ง

   เขาไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาปราชญ์ กลัวมันจะคิดมาก โวยวายหลุดประเด็นหาว่าอีกฝ่ายมาเกาะแกะ ... ไม่รู้จะหึงอะไรนักหนา เขาไม่ได้จะชอบผู้ชายทุกคนบนโลกนี้ได้สักหน่อย ก็มีแค่มันคนเดียวแหละที่เขาจะชอบ เขานึกถึงอีกฝ่ายพลางหลุดยิ้มออกมา

   ตฤนพลิกตัว คว้าตุ๊กตาหมาสีส้มมากอดเอาไว้แนบอก กอดมันแน่นให้หายคิดถึงเจ้าของ มือลูบตุ๊กตาเล่นเพลิน ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

   

   ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของวัยทำงานก็คือวันเสาร์อาทิตย์ผ่านไปรวดเร็วมาก รู้ตัวอีกที่ก็วันจันทร์อีกแล้ว พอวันจันทร์มาถึงสัปดาห์ทำงานก็เริ่มขึ้นอย่างยาวนาน

   วันนี้เขาตื่นเช้ามากเพื่อไปใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ ก็เลยมาถึงออฟฟิศก่อนใคร

   เสียงประตูกระจกทำให้เขาที่กำลังฉีกปาท่องโก๋โยนลงไปในแก้วโอวัลติน ต้องเงยหน้าขึ้นดู มาทำไมแต่เช้าเลยนะ

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีครับ” ตฤนทักทายตอบ เขามองอีกฝ่ายงง ๆ กวินเดินมายืนอยู่ตรงข้ามเขา ตรงที่นั่งของวริษฐ์ น่าแปลกที่เห็นอีกฝ่ายมาทักทายเขาแต่เช้า กวิน...

    “โอวัลตินหอมดีจัง”

   “ครับ กวินกินอะไรมาหรือยัง เอาปาท่องโก๋มั้ย”

   “ไม่เป็นไรขอบคุณครับ”

   มือบางแตะกล่องข้าวใบเล็ก ๆ กวินมาแต่เช้าเพื่อวางข้าวกล่อง กล่องเล็กไว้บนโต๊ะให้วริษฐ์ ก็ไม่คิดว่าจะเจอตฤนที่มาเช้ากว่าเขา

   “เอ่อ ตฤนครับ คือ...” อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา ฝ่ายทำท่าอึกอัก

   “หืม? ครับ?”

   “ตฤนเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์หรอครับ” กวินถามตฤนออกไปตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เขาคิดว่าไม่ควรถาม แต่ก็อยากจะรู้

   “หือ?” แปลกดีที่อยู่ดี ๆ กวินก็มาถามเขา ว่าเขาเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์ เขาก็ได้แต่ทำสีหน้าอึกอักไม่ต่างกัน อย่างคนไม่รู้จะตอบอะไร เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่เกือบถูกปล้ำ?

   “เป็นอะไรกับ...”

   “เพื่อนร่วมงานครับ” ตฤนชิงตอบขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะถามจนจบประโยค

   “แต่... เอ่อ ครับ” กวินเหมือนจะถามอะไรต่อ แต่แล้วก็แค่ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม เขาพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

   ทิ้งให้ตฤนได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น สงสัยกวินจะหลงรักวริษฐ์เข้าแล้วจริง ๆ ล่ะมั้ง

   

   กวินเดินกลับโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ไม่ปลอดโปร่งนัก เขาถามตฤนออกไปแบบนั้นมันเหมาะหรือเปล่านะ แต่พออีกฝ่ายทำสีหน้าลำบากใจ พร้อมตอบว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังไม่ค่อยสบายใจ มันดูไม่ปกตินี่หว่า มันแบบ เฮ้ออออ

   เขาจะเคยเป็นอะไรยังไงแบบไหน...

   แล้วมันจะเป็นอะไรเล่า ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ได้รักใครอยู่ ไม่ได้มีความคิดจะรักใครด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเขา...

   ...แต่เขาจะพยายาม

   

   “ปราชญ์ตื่นยัง

   เนี้ยอยู่ดี ๆ กวิน ก็มาถามว่ากุเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์”

   ตฤนพิมพ์ข้อความไปหาอีกฝ่ายวันนี้เช้ากว่าปกติ เลยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายตื่นหรือยัง เขาวางมือถือแล้วหันมานั่งกินอาหารเช้าต่อ ปาท่องโก๋ชุ่มโอวัลตินนี่แหละที่สุด



   ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   ‘หื้อ?

   เพราะเมิงไปบอกว่าระวังโดนง้าบมั้ง

   เขาเลยสงสัย’

   อีกฝ่ายตอบกลับมาเวลาเดิม ๆ สงสัยจะพึ่งตื่น

   “ก็ตอนนั้นเป็นห่วง”

   ‘เป็นไงล่ะเนี้ย ทำเมียเขาหึงเลย’

   ตฤนทำหน้าเจื่อน ถ้ารู้จะเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าไปยุ่งแต่แรกดีกว่า แต่ระหว่างเขากับพี่วริษฐ์ก็ไม่มีอะไรต่อกันแม้แต่น้อย สักนิดก็ไม่มี หลังจากเรื่องนั้น ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างพวกเขาเสมอ หรือเพราะว่ามันดูห่างเหินเกินไป เลยดูเหมือนมีอะไร... ห่างเหินไปก็ไม่ดีหรอ

   “กุไม่ได้ตั้งใจ”

   ‘ไม่เป็นไรหรอก ช่างเขา เรื่องของเราดีกว่า’

   “เรื่องของเราอะไรอีก”

   ‘บินมาหาหน่อย เดี๋ยวออกค่าตั๋วให้’

   “ไม่ว่างน่ะ”

   ‘;_;

   ไปไหน’

   “วันเสาร์มีซ้อมหนีไฟ ซ้อมดับเพลิงของบริษัท”

   ‘เทได้มั้ย’

   “ไม่ได้ อย่างอแงสิวะ”

   ‘ก็ได้ คนบ้างานเอ้ย

   เดี๋ยวไปหาเองก็ได้ อาทิตย์หน้านะ ชิ’

   “ตั้งตารอเลย” เขายิ้มให้กับข้อความนั้น อาทิตย์หน้าเจอกัน

   

   อาทิตย์ต่อมา

   ปราชญ์อาการดีขึ้นมากแขนก็หายเกือบปกติแล้ว เขาได้กลับมาพักที่บ้านสักที คิดถึงตฤนใจจะขาด ตลอดเวลาที่ห่างกัน ทำได้แค่คุยกันผ่านโปรแกรมต่าง ๆ แค่เสียงกับภาพจะไปสู้สัมผัสได้ยังไง!

   นี่ก็จะทุ่มนึงแล้ว เขาคิดว่าอีกไม่นานตฤนก็คงจะมาถึง แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ เขาจะกอดรั้งตฤนเอาไว้ไม่ให้ห่างกายเลย ให้สาสมกับความคิดถึง

   

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ปราชญ์” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกจากคนที่คิดถึง ทำให้ปราชญ์แทบจะโบยบินออกไปหา เขารีบออกไปเปิดประตูให้ตฤนด้วยความลนลาน

   ทันทีที่พบหน้า ปราชญ์อ้าแขนข้างที่ไม่เจ็บออกกว้าง เตรียมพุ่งเข้าไปกอดตฤน แต่ก็ถูกเบรกเอาไว้

   “ปราชญ์อย่าเพิ่ง หนัก ขอวางของก่อน” ตฤนมาหาปราชญ์ไม่ได้มาตัวเปล่า เขาซื้อของมาเยี่ยมมาบำรุงคนป่วยหลายต่อหลายอย่าง มันหนักจนมือเขาล้าไปหมด ถ้าไม่หนักแล้วมือว่างล่ะก็ คงไขประตูเข้ามาเองแล้ว

   ปราชญ์หน้าจ๋อยไปนิดนึง เมื่ออีกฝ่ายเบรกเขาเอาไว้ อยากจะกอด...

   

   ทันทีที่ตฤนวางของลงบนโต๊ะ ปราชญ์ก็ปรี่เข้ามาแนบชิดตฤนจากทางด้านหลัง ชิงขโมยหอมแก้มเนียนนุ่มนิ่มนั่นดังฟอดใหญ่ แขนซ้ายกอดรั้งเอวบางจากด้านหลัง ใบหน้าซุกไซร้ไปตามลำคอขาว

    “คิดถึงจริง ๆ “ ปราชญ์พูดอู้อี้อยู่ตรงข้างแก้มเนียน

   “รู้แล้ว คิดถึงเหมือนกัน” ตฤนพูดตอบ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ชิน เขาเขิน

   “ผอมลงหรือเปล่า” มือหนากระชับอ้อมแขน “คิดถึงปราชญ์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยหรอ”

   “บ้าแล้ว” แค่ไม่ค่อยเจริญอาหารนิดหน่อย ...

   “เนี้ยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวนี้มันหลวมโครกไปหมดเลย”ปราชญ์พูดพลางดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงสเลคสีดำ มือหนาสอดเข้าไปลูบหน้าท้องของอีกฝ่าย อยากจับไปหมดทั้งตัว

   “คิดไปเอง เอามือออกมาเลยนะ”

    “ผอมลงจริง ๆ งั้นจะให้กินปราชญ์เป็นการชดเชยนะ” ร่างสูงพูดพลางงับติ่งหูของคนในอ้อมแขน

   “โวยปล่อยกุ”

   “เสียสละให้กิน ต้องได้ไปเกิดเป็นดาวปราชญ์แน่ ๆ”

   “เพ้อเจ้อแล้ว” 

   มือหนาซุกซนไต่จากหน้าท้องและเอวบางไปที่เป้ากางเกงของตฤน

   “ไอ้ปราชญ์” ตฤนเรียกชื่อเพื่อปรามอีกฝ่าย นี่เขายังไม่หายเหนื่อยจากการฝ่าฝูงชนกลับมาบ้าน ยังไม่หายเหนื่อยจากการแบกของเยี่ยม ก็ต้องมาสู้รบปรบมือกับมือปลาหมึกนี่อีก

   “ไม่ได้หรอ” ปราชญ์ร้องขอเสียงอ่อย ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มือกลับไม่ยอมหยุด มันรูดซิบก่อนจะล้วงเข้าไปเพื่อถูไถแก่นกลางที่ยังสลบอยู่

   “อึก อื้อ...” ตฤนครางเบา เมื่อมือปราชญ์ทำหน้าที่รูดรั้ง ส่วนริมฝีปากของปราชญ์ กลับขบเม้มวุ่นวายอยู่กับซอกคอของเขา

   “ไม่เจอนาน ทรมานแทบตายรู้มั้ย...” ปราชญ์พูดเสียงแหบแห้งอยู่ที่ข้างหู เขาจับพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันมาประจันหน้า

   ดวงตาคมมองสบนิ่ง มือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้าเนียนด้วยความคิดถึง ก่อนโน้มหน้าเข้าใกล้ แตะริมฝีปากบนแก้มบาง ไล่พรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า

   “เมิงทำตัวเหมือนกี้เวลากุกลับถึงบ้านเลยว่ะ”

   ปราชญ์คิ้วกระตุก เมื่ออีกฝ่ายเปรียบเทียบเขาเป็นหมา หมาที่ดีใจเวลาเห็นเจ้าของแล้วจะทำหางกระดิก พร้อมกระโดดเลียหน้าเลียปาก ...

   “ให้กุเป็นกี้เลยหรอวะ”

   “เออเนี้ย ทำหน้าเปียกน้ำลายไปหมด”

   “แต่กี้คงไม่ทำแบบนี้”

   พูดจบประโยค มือหนาช้อนใบหน้าเนียนขึ้น เอียงคอหาองศาที่ถนัด ตฤนรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะจูบแน่ ๆ เขารับตาพริ้มรอรับสัมผัสนั้น

   “ยอมง่ายจัง”

   ปราชญ์แซว ก่อนจะประกบปากครอบครองริมฝีปากบาง มอบจูบร้อนแรงอันแสนเร้าร้อนไปให้ ขบเม้มริมฝีปากล่างของคนตรงหน้าอย่างหยอกเย้า ลิ้นร้อนไล้ริมฝีปากก่อนแทรกสอดเข้าไปลิ้มรสหวานที่ห่างหาย กระหวัดเกี่ยวลิ้นร้อนของอีกคน

   มือบางยกขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่าย รู้สึกดีจนเหมือนตัวจะลอย รสชาติความคิดถึงทำเอาเขาแข้งขาอ่อนจนต้องคว้าคออีกคนเอาไว้

   “อื้อ อออ” ปราชญ์ครางแผ่วในลำคออย่างพอใจ ก่อนถอนจูบออกเพื่อสบตากับคนตรงหน้า ดวงตาฉ่ำวาวของตฤนมีแรงดึงดูด เหมือนจะเชื้อเชิญให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำมากยิ่งขึ้น

   ร่างสูงดันตฤนให้นั่งลงไปที่โซฟา ก่อนจะคร่อมทับ และพรมจูบไปทั่ว ทั้งใบหน้าและลำคอ

   ส่วนล่างของตฤนเริ่มมีอารมณ์ร่วมมันแข็งขืนจนเขาปวดหนึบ

   ปราชญ์ใช้มือข้างไม่ถนัดพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตฤนอย่างทุลักทุเล ปลดได้แค่สองเม็ด แผงอกขาวเนียนก็ปรากฏให้เห็น พาให้ลมหายใจติดขัด เขาปลดกระดุมออกจนหมด พลางขยับโน้มหน้าลงไปโลมเลียตุ่มไตสีหวาน ทำรอยไปทั่วแผงอกขาวเนียน อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

   “อึก อื้อ” ตฤนบิดเร้า เมื่ออารมณ์พุ่งพล่าน สองแขนกระชับโอบรอบคอของปราชญ์แน่น เสียงครวญครางดังผะแผ่วเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านจุดอ่อนไหว

   “ต้องการปราชญ์ใช่มั้ยครับ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มแหบกระเส่า

   “ต้อง การ อื้อ”

   กางเกงถูกปลดกระดุมออก มือหนาสอดเข้าไปในชั้นในก่อนจะลูบไล้แก่นกลางที่กำลังแข็งเกร็ง

   “ไม่พูดโกหกจริง ๆ ด้วย แข็งขนาดนี้”

   มือหนาขยับชักให้อีกฝ่าย

   “อื้ออออ เมิงก็เหมือนกันนั่นแหละ” ตฤนพูดพลางเหลือบมองเป้ากางเกงของอีกฝ่าย ที่แข็งนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูแล้วคงอึดอัดพิกล

   “อ่ะอ๊า” ตฤนร้องครางเมื่อมือหนาขยับเร่งจังหวะ จนตัวเขาสั่นสะท้าน

   “ไหน คนดีจะเสร็จหรือยังครับ”

   “ฮ้า เร็วอีกหน่อย อึก อ๊า” ดวงตาคู่สวยปรือเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะไปถึงจุดหมาย เขาเกร็งกระตุกก่อนจะเสร็จ เขาหายใจด้วยความเหนื่อย จากนั้น ใบหน้าชื้นเหงื่อ ลืมตาขึ้นมองปราชญ์ มือบางขยับไปปลดกระดุมกางเกง พลางรูดซิบกางเกงลง เพื่อปลดปล่อยปราชญ์น้อยให้เป็นอิสระ

   “จะให้กินก็ขยับตัวขึ้นมาสิ” ตฤนพูดพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาด

   ปราชญ์ลุกยืนขึ้นพลางจับดุ้นเนื้อให้ไปใกล้ใบหน้าเนียน ริมฝีปากบางอ้าออก เพื่อครองครองแก่นกายของคนตรงหน้า ลิ้นร้อนไล้วน ก่อนจะเอาทั้งหมดเข้าไปในปาก พร้อมกับเริ่มขยับศีรษะเข้าออก ฟันเล็กครูดเบา ๆ ทำไมสติปราชญ์หลุดลอย มือหนาขยุ้มเส้นผมนุ่ม

   “ซี๊ดดดดด” เขาครางเมื่อตฤนดูดมันรุนแรงจนแก้มตอบ

   เขาดึงแก่นกายออกมาก่อนที่จะเสร็จในปากของอีกฝ่าย ไม่อยากให้ตฤนสำลักมันเข้าไป มือหนาขยับสาวอีกสองสามครั้ง จนมันพ่นของเหลวออกมา

   “เฮ้อ เกือบไปแล้ว” ร่างสูงพูดพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือ เช็ดโซฟาหนังที่เปรอะเปื้อน

   ตฤนกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อปราชญ์ช่วยตัวเองจนเสร็จ โดยดึงออกไปจากปากของเขา

   “จะให้กินแล้วดึงออกไปทำไม” ตฤนทำปากดีพูดแหย่

   โครกกกกก

   แต่เเล้วเสียงท้องของตฤนก็ร้องฟ้องขึ้นมาพอดิบพอดี ว่าอีกฝ่ายน่ะหิวมากจริง ๆ เสียงดังจนปราชญ์ หลุดขำ

   “รู้แล้วว่าหิว แต่ก็กลัวจะสำลักอ่ะสิ” เขาพูดพลางยิ้มกว้าง มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ “กินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยมาต่อกันดีมั้ย”

   “ดี หิวจะแย่แล้ว” ตฤนพูดพลางลุกขึ้นใส่กางเกงและติดกระดุมเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

   เขาเอาของกินที่ซื้อกลับมาเดินไปทางครัว ขณะที่ปราชญ์ทำความสะอาดร่องรอยความหน้ามืดเมื่อกี้ ถ้าท้องไม่ร้องขึ้นมา คงได้ต่อกันก่อน...

   

   “นี่ ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” กับข้าวห้าหกอย่างวางอยู่ตรงหน้า มากเกินกว่าเขาสองคนจะกินได้หมด

   “ก็รู้ว่าคงต้องใช้แรงเยอะ” ร่างบางพูดเสียงนิ่ง

   “หึ ป้อนหน่อยอยากกินอันนั้น”

   “กินเองดิ มือก็หายแล้วนี่”

   "น่านะ"

   ร่างบางใช้ส้อมจิ้มเห็ดทอดยื่นส่งให้อีกฝ่าย

   ปราชญ์อ้าปากกินมัน พร้อมทำหน้าตาว่าอร่อยจนโอเว่อ

   “อันนี้ก็ดี หมูย่างร้านนี้เด็ด อร่อยจริง” ตฤนใช้ส้อมจิ้มหมูทอดขึ้นมาส่งให้ต่อ รู้สึกอย่างกับว่ากำลังป้อนเด็ก

   “ป้อนหน่อย”

   ร่างบางขมวดคิ้ว ก็ป้อนอยู่นี่ไง มือที่ยื่นไปตรงหน้า รอแค่อีกฝ่ายอ้าปากเท่านั้น ทำให้เจ้าตัวงงว่า นี่ไม่ใช่การป้อนตรงไหน?

   “ป้อนด้วยปากสิ”

   ได้คืบจะเอาศอก ได้มือจะเอาปาก!

   “วันนี้จะอิ่มมั้ยวะเนี้ย” ตฤนบ่นแต่ก็ยอมงับเอาหมูย่างเอาไว้ข้างนึง ก่อนยื่นหน้าไปหาอีกฝ่าย

   ปราชญ์อ้าปากงับเอาหมูย่างเข้าไป ดวงตาคมมองสบอีกฝ่ายให้เขินเล่น ๆ

   “อร่อยจริงด้วย”

   “แน่นอน”

   “อันนี้ด้วยล่ะ” ปราชญ์เอื้อมมือไปเช็ดริมฝีปากที่มันเยิ้มฉ่ำวาว จากหมูย่างชิ้นใหญ่ เขาประกบปากอีกฝ่าย ลิ้นร้อนทำหน้าที่เช็ดริมฝีปากนุ่มให้สะอาด

   

   ตุบ

   

   ผู้มาเยือนใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วเจอกับเสียงและภาพตรงหน้า เธอถึงกับทำข้าวของหลุดมือ เสียงนั้นเรียกความสนใจจากคู่รักได้เป็นอย่างดี ให้หันไปหาผู้เป็นแม่ที่ยืนนิ่งค้าง...

.

.

[จูบบ่อยเกิน งานเข้าแล้ว

รอบนี้เป็นแม่เลยนะ นี่ถ้าเเม่มาไวกว่านี้ช็อคกว่านี้อีก!]
 o22

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :a5: โอ้! งานงอกคราวนี้เป็นท่านแม่ รอๆ

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น

   

   “มะแม่” ปราชญ์เรียกชื่อแม่เสียงแผ่ว ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่บอกเขาก่อนว่าจะกลับมา... แบบนี้ซวยแล้ว

   ตฤนตกใจตาเบิกกว้าง เขาผลักปราชญ์ออกห่างจากตัว เขาวางตัวไม่ถูก ได้แต่จัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่

   

   ผู้เป็นพ่อที่เดินตามมาเห็นของตกกลิ้งมาที่หน้าประตูก็ก้มลงเก็บ พอเงยหน้าก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของภรรยาที่ยืนนิ่งขวางอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมเดินเข้าไปสักที เป็นอะไรไป แถมยังทำของตกอีก

   “มายืนนิ่งอะไรตรงนี้ ข้าวของตกหมดแล้ว” ผู้เป็นพ่อพูดก่อนจะแตะเบา ๆ ที่ไหล่ เขาก้าวเท้าตามเข้ามาติด ๆ ได้แต่ทำหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขายืนนิ่ง ข้าวของกองอยู่บนพื้น กลิ้งหล่นไปที่หน้าบ้าน

   แต่ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าเขาก็เข้าใจ

   ผู้ชายสองคน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา... ลูกชายของเขากับเพื่อนสนิท...

   “นี่มันเรื่องอะไร”

   “พวก พวกเขา...” แม่พูดเป็นคำแรกหลังจากยืนตกใจนิ่งอึ้งอยู่นานสองนาน ก่อนจะเป็นลมล้มไป ผู้เป็นพ่อรับไว้ได้ทันก่อนที่แม่จะหล่นลงไปกองกับพื้น

   “แม่!!!” ปราชญ์จะถลาเข้าไปประคองแม่ของเขา แต่พ่อของเขากลับตวัดสายตาคมกริบจับจ้อง เขายืนนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

   “พวกแกทำอะไร!!!!” เสียงตะคอกดังลั่นบ้าน

   “พ่อ...”

   “ทำบ้าอะไร!!!”

   “คือ...นี่แฟนผม” ปราชญ์พูดออกไปตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว

   “แฟน!!!! ไอ้พวกวิปริต!!!!” เสียงตวาดดังลั่น ผ่าลงกลางใจของคนทั้งคู่

   “พวกผมไม่ได้เป็นพวกวิปริต...เราแค่รักกัน” น้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมดวงตาของปราชญ์ที่มีแวววาวโรจน์ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องใช้คำพูดแบบนั้น

   “รัก!!! กับไอ้นั่นหรอ!!!” พ่อใช้ของในมือขว้างใส่ตฤนด้วยความโมโห มันกระแทกถูกไหล่เนียนจนตฤนเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ความเจ็บนั้น เบาบางกว่าความเจ็บปวดจากคำพูดและเสียงตวาดนั่นเสียอีก

   “พ่อ!!!” ปราชญ์ตะโกนเสียงดังเรียกผู้เป็นพ่อ

   “เลิกกับมันซะ!!!”

   คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว มีแต่อารมณ์ ปราชญ์เห็นท่าไม่ดี เขาไม่รู้ว่าพ่อจะทำอะไรอีก จะเอาแจกันใกล้ ๆ มือเขาปามาอีกหรือเปล่า เขาหยิบของ พลางฉวยคว้าข้อมือตฤนดึงฉุดรั้งให้ลุกตามเดินไปออกประตูหลังบ้าน ใช้แผ่นหลังตัวเองเป็นโล่กำบัง ถ้าพ่อคิดจะปาอะไร ก็ปาใส่เขาได้เลย 

   “ไอ้ลูกอกตัญญู แม่แกเป็นลม! แกก็ไม่สนใจ!” เสียงด่าตะโกนไล่หลังมาติด ๆ

   ไม่ใข่ไม่สนใจ เขาก็ห่วงแม่มาก แต่แม่ก็จะมีพ่อดูแล ส่วนตฤน เขาให้อีกฝ่ายเจ็บมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

   ตฤนนิ่งอึ้งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดวันที่เขากลัวก็มาถึง...

   ความรักของเขา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถรับมันได้

   ...

   

   ทั้งคู่เดินเคียงข้างไปด้วยกันบนถนนมืด ๆ ที่ไร้ผู้คนไม่มีเสียงพูดคุย มีแค่มือเท่านั้นที่เกาะกุมกันอยู่ ท่ามกลางความเงียบนั้น มีเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้ ไหล่สั่นเทาที่เจ้าตัวพยายามตรึงให้มันไม่ไหวสั่น

   “ฮึก...” ตฤนพยายามเม้มปากแล้ว แต่เสียงก็หลุดออกมาจนได้

   “เจ็บหรอ เจ็บไหล่หรอ” ปราชญ์ลนลานถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อจู่ ๆ คนข้างเขาก็ร้องไห้ออกมา

   ตฤนส่ายหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร เขากัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงรสชาติเค็มแปลกปร่า ของเลือดที่ไหลซึมออกมา ปราชญ์หยุดเดิน เขาดึงตฤนเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ ใบหน้าเนียนซุกอยู่ที่อก

   “เจ็บมากมั้ย” เสียงทุ่มนุ่มพูดปลอบประโลมอยู่ที่ข้างหู “เราจะผ่านไปด้วยกันนะ” มือหนาลูบหลังลูบหัวชายหนุ่มในอ้อมแขนเบา ๆ “ร้องออกมาเถอะ”

   “...ฮือ” เสียงร้องไห้ดังสลับกับเสียงสูดน้ำมูกเบา ๆ อกเสื้อของปราชญ์ปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของตฤน ไหล่บางสั่นสะท้านขยับตามเสียงสะอื้น

   “คนดีของปราชญ์”

   เมื่อตฤนหยุดสะอื้น เขาขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นมั่นคง พวกเขามองสบตากันนิ่ง ดวงตาคมที่มีแววตาอ่อนโยนให้ตฤนเสมอ จ้องมองลึกลงไปดวงตาแดงก่ำที่มีประกายสั่นระริกวูบไหว... ตฤนขยับหันกลับไปตามทางเดิน ก่อนจะเริ่มก้าวออกไป ปราชญ์มองตามหลัง เขาคว้ามือนุ่มเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มออกเดินต่ออีกครั้ง เดินเคียงคู่กันไปจนถึงบ้านของตฤน 

   

   “ปราชญ์...” จู่ ๆ ตฤนก็เรียกขึ้นมา ทำให้ปราชญ์หันมามองคนข้าง ๆ อย่างงุนงง

   “หืม?”

   ตฤนเว้นวรรค เหมือนลำคอของเขามันตีบตัน มีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอของเขา ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตาเขาพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปก่อนจะพูดประโยคต่อมาด้วยความยากลำบาก “เราพอกันแค่นี้ดีกว่า” น้ำเสียงเบาหวิว แต่กลับทำให้ปราชญ์ตัวชา

   “ว่ายังไงนะ” ปราชญ์ละล่ำละลักถาม เขาอาจจะได้ยินไม่ชัดเจน

   “เราเลิกกันเถอะ” ตฤนพูดออกมาอีกครั้ง

   ปราชญ์ยืนนิ่งเหมือนคนหมดแรง ใจของเขามันเจ็บ คำพูดแค่ไม่กี่คำทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัด

   “พอแค่นี้ กลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก” ตฤนยังพูดต่อ เขาหนีจากการเกาะกุมของปราชญ์ เดินดุ่มตรงเข้าบ้าน

   ปราชญ์ที่ยังสับสน เขาช็อคจนได้แต่ยืนนิ่งทบทวนว่าทำไมตฤนพูดแบบนั้นออกมา

   ตฤนกำลังจะปิดประตูบ้าน พอดีกับที่ปราชญ์ได้สติ

   “ไม่! กูไม่เลิก” ปราชญ์พูดเสียงดัง “มันต้องไม่เป็นแบบนี้”

    “กลับไปเถอะว่ะ กูขอร้อง” ตฤนพูดไล่คนที่พยายามจะแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาในบ้านให้ได้ ปราชญ์ไม่ยอมแพ้

   “มันต้องมีทางสิวะ ที่ไม่ใช่แบบนี้!” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงกร้าว มันต้องมีทางอื่นที่ไม่ใช่การที่พวกเขาเลิกกัน ต่อให้ใครไม่ยอมรับ พวกเขาก็แค่ต้องหนักแน่น ต้องจับมือให้แน่นกว่าเดิม ไม่ใช่ปล่อยมือ...แบบตอนนี้

   “มึงมันเป็นไปไม่ได้ เข้าใจมั้ย นี่มันผิดมาตั้งแต่แรก” ตฤนขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โมโห ที่อีกฝ่ายไม่ยอมเข้าใจ เขาไม่อยากเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวของปราชญ์พัง ไม่อยากให้มันต้องกลายเป็นคนอกตัญญู

   “ความรักของกู มันไม่ใช่เรื่องผิด!!!” ปราชญ์ใช้แรงดันประตูเข้าไปจนได้ ตฤนเสียหลักเกือบล้ม แต่ปราชญ์ก็คว้าเอาไว้ได้ ก่อนดึงอีกฝ่ายให้เซเข้ามาหาเขา ฉวยโอกาสนั้นกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ราวกับกลัวว่าตฤนจะหายไป ส่วนตฤนก็พยายามจะดิ้นหนีให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

   “กูจะแจ้งตำรวจ ฐานบุกรุก”

   “เอาเลยตฤน กูจะรอตรงนี้ให้ตำรวจมาจับกูไปเลย”

   ตฤนเงียบ เขาได้แต่เม้มปากแน่น

   

   “อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย” น้ำเสียงสั่นเครือของปราชญ์ ทำให้ตฤนเกิดความรู้สึกวูบไหวในใจ เขากลัวว่าจะใจอ่อน “ถ้ามึงไม่รักกูแล้ว ถ้ากูไม่อยู่แล้วมึงมีความสุขกูจะไป แต่นี่มันไม่ใช่...อึก” ปราชญ์ที่แสนแข็งแกร่ง เขากำลังร้องไห้ “กูไม่ยอมเสียมึงไปเพราะคำตัดสินของคนอื่น”

   “พวกเขาไม่ใช่คนอื่น” ตฤนตอบโต้ประโยคนั้น “เขาเป็นครอบครัวของมึง”

   “เราจะช่วยกันทำให้พวกเขายอมรับ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าทิ้งกูไปเลยนะ”



   สุดท้ายตฤนก็ใจอ่อน เขาปล่อยให้ปราชญ์เดินเข้ามาในบ้าน เข้ามาอยู่ในห้องของเขา เข้ามาแตะเนื้อต้องตัวเขา

   ปราชญ์ประคองใบหน้าของผู้เป็นที่รัก บรรจงจูบไปที่เปลือกตาอย่างแผ่วเบา จูบซับที่ห่างตา จูบลงไปที่หน้าผากอย่างหวงแหน ฝังจูบลงไปข้าวแก้มเนียนใส และสุดท้ายจูบลึกล้ำที่ริมฝีปากบาง จากหวานล้ำกลายเป็นเร่าร้อนรสชาติเลือดขมปร่าปะปนอยู่ในปาก

   เสื้อผ้าถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งคู่ไม่ทันรู้ตัว ปราชญ์พรมจูบไปทั่วร่างกายของตฤน ริมฝีปากหนาลากผ่านลงไปจนถึงแก่นกลางของตฤน เขาครอบครองมันไว้ทั้งหมด ทั้งตัวของตฤนเขาจะรัก

   ตฤนตอบสนองสิ่งเหล่านั้น ความรักที่ปราชญ์มอบให้ ความรักที่เขามี รสรักหวานปนขม พรั่งพรูออกมา

   ปราชญ์พยายามสอดแทรกความรู้สึกของเขาเข้าไป

   “อึก” ตฤนร้องเมื่อความรักของปราชญ์กำลังเข้าไปในตัวเขา พยายามจะเข้าไป... ความเจ็บปวดแล่นเป็นริ้ว ความฝืดเคืองนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา ปราชญ์อดทนเฝ้ารอ เขาไม่เร่งรีบนัก

   ความเจ็บหน่วงในใจของตฤนควรถูกกลบด้วยความเจ็บทางกาย ตฤนขยับเอวให้ความรักเข้าไปจนหมด รักแม้ว่าจะเจ็บ เลือดไหลซึมออกมาความเจ็บปวดราวกับร่างกายจะฉีกออก

   ปราชญ์ได้แต่ตกใจ เขาทะนุถนอมตฤนเสมอ เขารู้ว่าตฤนเจ็บ แต่มันก็ยากเกินกว่าที่จะถอนตัว เขาแค่หาทางอื่นเพื่อสร้างสมดุล เพื่อให้พวกเขาสามารถไปกันต่อได้ เขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะวกมาโลมเลียตุ่มไตสีหวาน

   “อื้อ” เสียงแผ่วเบาพร้อมกับการแอ่นรับสัมผัส ความปวดร้าวค่อย ๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นรสหวานลึกที่ซาบซ่าน เอวหนาขยับโยกเบา ๆ แต่ลึกล้ำ กดแน่นหนักแต่ไม่เร่งร้อน

   “อ๊ะ...อ่า ตฤน” ด้านในตอบรับความรักของเขาด้วยการตอดรัด

   “ปราชญ์...ปราชญ์” เสียงพร่า พร่ำเรียกชื่อคนรักราวกับจะไม่ได้เรียกอีกแล้ว

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น ก็เร่งจังหวะรักให้ขยับเร็วขึ้น เสียงหอบและเสียงครวญครางดังสอดประสาน ความหอมหวานสุกงอมและแตกออก ความรักถูกส่งต่อเข้าไปจนเอ่อล้น เขาโอบกอดผู้เป็นที่รักเอาไว้แน่น ตฤนกอดตอบ ดวงตาหวานฉ่ำมีบางสิ่งซุกซ่อนอยู่ เขากระชับกอดปราชญ์แน่น เพราะมันจะเป็นกอดสุดท้ายที่เขาจะไม่ลืม...

   

   ยามเช้ามาเยือน เมื่อปราชญ์ลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่า บนเตียงกว้างมีแค่เขาเพียงคนเดียว เขาลุกขึ้นตามหาตฤนจนทั่ว ในใจเต้นระส่ำ เขากลัว... กลัวว่าจะไม่ได้เจอตฤนอีก แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่มีวี่แววของคนที่ตามหา ไม่มีใครอยู่เลยทั้งตฤน ทั้งแม่ ทั้งกี้ ทั้งหมดหายไป...

   

   ปราชญ์ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างคนหมดแรง ... ดวงตาหม่นหมอง ดวงใจรวดร้าวเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ตฤนทิ้งเขาไปจริง ๆ

   เขารู้ว่าตฤนกังวลอยู่เสมอ ในเรื่องความรักระหว่างเขากับตฤน กับหน้าตาสภาพสังคมของเขาเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ แต่เขาก็คิดว่าวันหนึ่งตฤนจะค่อย ๆ ชิน และเข้าใจว่าไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง แค่พวกเขามีกันก็พอ ... ตฤนห่วงสายตาคนอื่นมาก และห่วงเขามากเกินไป แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตฤนก่อน เป็นคนพยายามจีบอีกฝ่ายก็ตาม เขาผิดเองที่ไม่ได้บอกกับที่บ้านให้รับรู้ถึงหัวใจของเขา หรือพยายามให้พวกเขาเปิดรับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาแค่ตั้งใจว่าจะค่อย ๆ บอกเริ่มจากพี่ชายก่อน แล้วก็แม่ แล้วก็พ่อ แต่วันนี้ มันโคตรจะซวย

   เขาพาตฤนมาเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ความผิดของเขาเอง...

   มือหนายกขึ้นกุมศีรษะด้วยความเครียด เขาเข้าใจตฤนดี ตัวเขาเองกว่าจะมาถึงตรงนี้ กว่าจะยอมรับหัวใจตัวเองได้จริง ๆ ก็นานหลายปี ว่าเขาน่ะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหน รักไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร เขาไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาแค่ชอบตฤน แค่ชอบคนนี้เท่านั้น

   “กลับมาก่อนได้มั้ยวะ ทำไมเลือกแบบนี้! แม่งเอ๊ย!” ปราชญ์สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใจ หลายอารมณ์พุ่งมาหาเขา ทั้งเจ็บปวด ทั้งรู้สึกผิด ทั้งความเสียใจ ก่อนทั้งหมดจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

   ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นปิดใบหน้า ไหล่หนาสั่นสะท้านอย่างคุมไม่อยู่ เมื่อเขาเริ่มนั่งร้องไห้ เสียงสะอึกสะอื้นดังสะท้อนไปมาในบ้านที่ว่างเปล่า เขาอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังนี้...

   

   ตฤนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างขณะรถยนต์แล่นเคลื่อนไป เขาตื่นแต่เช้ามืดไปปลุกแม่ บอกเล่าความขมขื่นในจิตใจของเขาออกมา รอยช้ำสีม่วงบนหัวไหล่ช่วยตอกย้ำเขา ว่าอย่าฝืนอีกเลย แม่ปลอบประโลมลูกชาย เธอรู้ว่าทั้งคู่รักกันมาก แต่ตฤนคงยังรับไม่ไหว แม่ติดต่อพี่ขวัญที่บังเอิญมาทำธุระที่ในเมืองพอดีและกำลังจะกลับไปบ้านวันนี้ ให้แวะมารับพวกเขาไปด้วย

   พวกเขาค่อย ๆ ออกไปอย่างเงียบเฉียบ ปล่อยปราชญ์ให้นอนหลับอยู่เพียงลำพัง

   

   “เฮ้อออ” ตฤนถอนหายใจยาวออกมาเป็นครั้งที่ร้อย

   “ความสุขวิ่งหนีหายไปหมด” พี่ขวัญพูดขึ้นเมื่อเธอถอนฟังเสียงถอนหายใจหมดอาลัยตายอยากมาหลายชั่วโมง จนเธออยากจะบ้าไปด้วย

   “หิวมั้ยลูก”

   “ไม่ครับ” ริมฝีปากแห้งผากขยับพูด ไม่หิว ไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย

   ปราชญ์จะเป็นยังไงบ้างนะ เขาเองก็ทรมานที่เดินหนีออกมา แต่ความรักที่เกิดขึ้นมามันไม่นาน มันคงยังไม่หยั่งรากลึก จบกันตรงนี้ดีกว่าฝืนไปต่อ ให้ตัดกันได้ยากกว่าเดิม

   ไม่อยากให้เขาต้องเป็นตัวการทำให้ปราชญ์กับครอบครัวต้องผิดใจกัน ไม่อยากให้ใครมาว่าปราชญ์ว่าไม่ดี เป็นคนอกตัญญู ไม่อยากให้ใครมาว่าว่าปราชญ์เป็นพวกวิปริต เขาไม่อยาก...

   ไม่อยากให้ใครมาว่าปราชญ์ทั้งนั้น

   ปราชญ์ที่ดีกับเขาเสมอมา...

   ปราชญ์คนดีของเขา

   ปราชญ์ที่เขารัก

   พอคิดถึงอีกฝ่าย คิดถึงแววตาอ่อนโยนที่มองเขา น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่มักจะบอกว่ารัก และคิดถึงเขา กับอ้อมกอดอบอุ่นที่มีให้ตัวเขาเสมอมา ทั้งหมดที่ปราชญ์ทำให้เขา คิดแบบนี้น้ำตาก็เอ่อคลอ อยากจะทำเป็นไม่รับรู้อะไร แล้วนอนอยู่ในอ้อมกอดของปราชญ์ต่อไป ซุกหน้ากับแผงอกแกร่งที่พร้อมจะปกป้องดูแลเขาเสมอ

   แต่...

   เขาจะไม่ยอมให้ใครมาว่าปราชญ์

   มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลหยดออกมาที่ข้างแก้ม เขากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่มันคอยแต่จะเอ่อล้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเช็ดยังไง มันก็ไม่ยอมหยุดไหล ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ มือบางขยับมาปิดปากตัวเองไว้ เขาพยายามบังคับตัวเอง ไม่ให้ร้องไห้ออกมา แต่ไม่ได้เลย...

   “ฮึก”

   “ตฤน” เสียงอ่อนโยนของแม่ที่เรียกชื่อเขา ทำให้เขาหันไปโผเข้ากอดผู้เป็นแม่เอาไว้ และเริ่มร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ เขาไม่ไหว เขายังไม่ไหว... ก็ปราชญ์น่ะสำคัญกับเขา เขาเข้าใจแล้วว่าเขารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน พอคิดว่าจะไม่มีอีกแล้ว พอคิดว่าจะต้องปล่อยให้เขาไป ในอกก็ปวดร้าวไปหมด

   “โฮ แม่...” ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้น ใบหน้าที่เจ็บปวด ซุกอยู่กับไหล่ของแม่

   ผู้เป็นแม่ทำแค่กอดลูกชายเอาไว้แน่น พลางโยกตัวกล่อม 

   “ไม่เป็นไรนะลูกนะ ไม่เป็นไร”

   เธอพร่ำพูดปลอบลูกชายคนดีที่เอาแต่ร้องไห้ ลูกชายที่มีจิตใจเปราะบาง และภูมิต้านทานเรื่องความรักต่ำ พอมีรักสักครั้ง ก็ดันเป็นรักที่ยากจะยอมรับได้ในสังคมนี้

   “ปราชญ์ ...” ตฤนพึมพำชื่อที่เขาคิดถึง

   เขาร้องไห้แบบนี้ ยังมีแม่กอดปลอบ แล้วปราชญ์ล่ะ ปราชญ์ที่เดินออกจากบ้านมาคนเดียว แล้วตัวเขาเองก็หนีไป ถ้าหากว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังหัวใจสลายเหมือนเขา กำลังร้องไห้เหมือนกันกับเขา

   ใครจะคอยปลอบ

   ใครจะคอยอยู่ข้างเขา

   .

   .

   สิ่งที่เขาเลือกมันดีที่สุดหรือยังนะ...

.

.

[ฮือออออ ดราม่าหน่วง ๆ ไม่รู้จะมีใครอินมั้ย แต่เราอินมาก

เปิดเพลงเศร้าทำอารมณ์หลายชั่วโมง แล้วพอพิมพ์ก็เริ่มร้องไห้ T^T

ฮือออ ทำไมเราเศร้าล่ะ สงสาร ตฤนผู้ใจบอบบาง
สงสารปราชญ์ที่ก็พยายามมากมาย]
 :m15:

______________

ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ วริษฐ์xกวิน
จิ้มเลย I Met you เพราะเราเคยพบกัน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พยายามเข้านะปราชญ์ตฤน :m15: :monkeysad:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 32 ตัดใจ



[แนะนำให้ฟัง เพลง ตัดใจ Venus เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของตฤน

จะไม่ยอมให้เธอลำบาก ไม่ยอมให้เธอลำบาก  ไม่ยอมให้เธอต้องทนเพราะฉัน

รู้ว่ายังรักกัน ฉันก็ยังรักเธอ แต่ถึงอย่างไรรักฉันก็มีแต่หัวใจ ]   



   “พ่อ แม่มีเรื่องจะปรึกษา” แม่ของตฤนหลบมุมเข้ามาในบ้านมาคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นพ่อ เพื่อนคู่คิดของเธอตลอดมา แต่เรื่องที่ตฤนมีแฟน พ่อของเขายังไม่รู้

   'อะไรหรือแม่ เสียงดูกังวลเชียว'

   “ตฤนมีความรัก”

   'ฮะ!? ว่าไงนะ ลูกเราเนี้ยนะ ไปรักใครที่ไหน ลูกใคร สวยมั้ย'

   ปลายสายถามกลับ น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่อยู่ ลูกชายของเขาโตมากพอจะมีความรักกับเขาแล้วหรือ เห็นเล่นแต่หุ่นการ์ตูน

   “หล่อน่ะ”

   'อ๋อ ฮะ!!!' ปลายสายตกใจโวยวายเสียงดัง

   “หล่อจริง ๆ”

   'เดี๋ยวนะ แม่' ผู้เป็นพ่อร้องเสียงหลง เมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดันมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ลูกชายเป็นตุ้งติ้ง ทำไมเขาไม่รู้ ดูก็ไม่ออก

   “ลูกเรามีแฟนเป็นผู้ชาย”

   ปลายสายนิ่งค้างเมื่อภรรยาเอ่ยย้ำซ้ำอีกครั้ง เขาตกใจจนตาแทบถลนออกมา ตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีก มีแต่เรื่องไม่คาดฝัน

   'ลูกเราเนี้ยนะ!'

   “คุณรู้สึกยังไง”

   'ช็อคมากเลย ลูกเราตุ้งติ้งหรอ' ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ แยกไม่ออกว่ากำลังรู้สึกยังไงกันแน่

   “เปล่า แล้ว...คุณรู้สึกยังไงอีก เอ่อ คุณผิดหวังในตัวลูกหรือเปล่า”

   แม่ถามออกไปด้วยความกังวล เธออยากรู้ว่าผู้เป็นพ่อจะรับได้มั้ย เธอรับได้กับสิ่งที่ลูกเลือก เธออาจจะแตกต่าง แต่ทางบ้านปราชญ์คงมองต่างออกไป ก็เลยอยากจะทดสอบดูว่าคนใกล้ชิดอีกคนรับได้หรือไม่ ถ้าไม่เธอก็คงต้องปลอบลูก และช่วยให้เขาได้ตัดใจ

   'ไม่ได้ผิดหวัง แค่ตกใจ ตกใจมาก' เขาพูดลิ้นแทบพันกัน เขาไม่ได้ผิดหวังในตัวลูก ไม่เลย ตฤนเป็นลูกชายที่เขาภาคภูมิใจตลอดมา เขาที่ไม่มีเวลาดูแลลูกเลยต่างหาก ที่น่าผิดหวังกว่าอีก

   “ไม่รังเกียจหรอ”

   'รังเกียจทำไม ลูกตัวเอง'

   “คุณไม่เอ่อ เสียใจหรอ”

   'ผมที่แทบไม่มีเวลาดูแลเขา ไม่มีสิทธิไปว่าอะไรเขาหรอก'

   “ลูกเราไม่ได้ตุ้งติ้ง และไม่ใช่ว่าเพราะไม่ได้อยู่กับพ่อ แล้วซึมซับความเป็นแม่มากไปจนชอบผู้ชาย”

   ปลายสายเงียบฟังเมื่อภรรยาเหมือนอ่านใจ อ่านความคิดของเขาได้ เป็นแบบนี้เสมอ

   'ผม...'

   “ลูกเราแค่มีความรัก แล้วความรักของเขาดันเป็นผู้ชายคนนั้น”

   'คุณนี่เป็นแม่ยุคใหม่มาก ๆ เลยนะ'

   “คุณก็รีบตามมาให้ทันนะ” ภรรยาพูดหยอก “แฟนตฤนก็ปราชญ์ไง”

   ปลายสายขมวดคิ้ว ปราชญ์? ไหน?

   “คนที่หอบรูปตฤนมาให้เราดูไง”

   ภาพชายหนุ่มหล่อเหลาฉายชัดในความทรงจำ ผู้ชายที่เขาแอบคิดไปว่าเป็นกิ๊กของเมียเขาด้วยซ้ำ

   'ร้ายไม่เบา คนชื่อปราชญ์มันหล่ออย่างกับดารา พ่อยังคิดว่ามันมาจีบแม่อยู่เลย' ...ที่ไหนได้จีบลูกชายเขา...

   “จีบฉันที่ไหนล่ะ เขาเทียวจีบลูกเรามานาน ลูกเรามันซื่อบื้อ”

   'อย่างน้อยมันก็รู้ตัวแล้ว'

   “แต่ตอนนี้มีปัญหา” เธอพูดต่อเสียงเครียด

   'ปัญหา?'

   “บ้านฝั่งนู้นรับไม่ได้กับความรักของลูกเรา”

   'หืม? '

   “ตฤนหนีเขามา แต่ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุด”

   ผู้เป็นแม่เดินมาหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่างบ้าน มองลูกชายที่นั่งเหม่อมองสวนหน้าบ้าน พร้อมกับมือที่มักจะยกขึ้นปาดน้ำตาเป็นช่วง ๆ สงสารลูกจับใจ ต้องทนทรมานขนาดนั้นเลยลูกเรา

   'เขาทำอะไรตฤนหรือเปล่า'

   “ก็นิดหน่อย แต่ลูกเรานี่สิ หัวใจบอบบาง”

   'ให้พ่อกลับไปดูลูกมั้ย'

   “ไม่เป็นไร แค่อยากรู้ว่าคุณจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าลูกมีแฟนเป็นผู้ชาย อยากรู้ว่าผู้ชายจะมองยังไง”

   'ผมก็ไม่ได้รังเกียจ เพศอะไรก็คนเหมือนกัน'

   “ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณโมโหเกรี้ยวกราด ฉันจะบ่นคุณเอง”

   'ฮ่า อีกสามวันเจอกันนะแม่ หยุดพอดี'

   “เจอกันค่ะ”

   เธอกดวางสายไป ในใจก็นึกแค่ว่าถ้าอย่างนั้นก็มีแต่ปลอบใจแล้วก็พูดกล่อมกลับไปสู้สักตั้ง ไม่อยากให้ลูกต้องเสียคนดี ๆ ไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะไม่เห็นแก่ความสุขของลูก พวกเขาก็แค่ต้องการการปรับตัว และการสร้างภูมิต้านทาน แค่รอเวลา ใจจริงเธอสงสารปราชญ์ไม่น้อย ปราชญ์รักตฤนมานาน คนที่พร้อมจะดูแลลูกชายเธออย่างดีที่สุด เธอไม่อยากให้ลูกชายต้องเสียเขาไปจริง ๆ

   

   แม่กับขวัญเดินไปหาชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเหม่อมองต้นไม้ ไม่กินไม่ดื่มจนน่าเป็นห่วง

   “ไม่หิวหรือลูก” ผู้เป็นแม่ส่งเสียงทัก ลูกชายยกมือขึ้นจับหน้าคงจะปาดน้ำตา

   ร่างบางส่ายศีรษะแทนคำตอบ

   “โธ่ ... ตฤนลูกรู้ใช่มั้ย ว่าลูกจะหนีไปตลอดแบบนี้ไม่ได้”

   ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม พลางขยับมือมาวางตรงหัวไหล่ของลูกชาย

   เขารู้ดี รู้อยู่เต็มอก แต่ถ้าจะให้เขากลับไปเจอตอนนี้ เขาคงตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้

   “ทำไมเราถึงหนีมาล่ะตฤน” พี่ขวัญเอ่ยถามเสียงเรียบที่ฟังดูจริงจัง

   “ผม...”

   “หนีมาแบบนี้ มันก็ไม่ช่วยอะไรนะ รักกันไม่ใช่หรอ”

   “แต่ว่า...”ตฤนตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา

   “แต่?”

   พี่ขวัญจ้องเขานิ่งอย่างตั้งใจฟัง เธออยากรู้ว่ารักกันแล้วจะหนีมาทำไม จะมาทรมานตัวเองแบบนี้เพื่ออะไร คิดถึงเขาก็แค่ไปเจอ แล้วก็กอดเขาเอาไว้แค่นั้น

   “ผมไม่อยากให้ปราชญ์ต้องผิดใจกับครอบครัว ผมไม่อยากให้ใครมาว่าว่ามันวิปริต” น้ำเสียงตฤนเริ่มสั่นเครืออีกครั้งหลังจากพูดจบประโยค

   “ใครพูด พี่จะไปตีปากให้” พี่ขวัญพูดพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์

   “คุณลุง...พ่อมัน...” ตฤนพูดเสียงเบากว่าเดิม ดวงตาเหม่อลอย ขวัญแอบเข้าใจความรู้สึกของตฤนอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเธอ เธอคงจะไม่หนีมาแบบนี้

   “เฮ้อ รีบ ๆ เข้มแข็งแล้วกลับไปหาไอ้หล่อนั่นได้แล้ว”

   “แม่ก็สงสารปราชญ์นะ เราไม่ห่วงเขาหรือไง หลายวันแล้วนะ”

   ตฤนเม้มปากแน่น ห่วงน่ะห่วง แต่จะให้เขาทำยังไง

   “ปราชญ์เขารักเรามากนะ”

   “แม่...” ตฤนพูดครางเสียงแผ่ว แค่นี้เขาก็เจ็บจนไม่ไหวแล้ว “ให้มันจบตรงนี้ ตอนที่ยังไม่ถลำไปมากกว่านี้ดีกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

   “เราอาจจะเพิ่งคบกับเขา แต่เขาน่ะรักเรามาตั้งหลายปีไม่ใช่หรอ” แม่พูดย้ำอีกครั้ง เผื่อเจ้าตัวจะลืม ลืมว่าอีกฝ่ายเขาแอบรักตัวเองมานาน

   ‘6 ปี เวลาที่กุอดทน’ เขายังจำที่ปราชญ์พูดวันนั้นได้ดี  6 ปีที่อีกฝ่ายรักเขา แล้วเขาก็คิดตื้น ๆ ที่หนีมา...

   

   ปราชญ์อยู่ที่บ้านตฤน เขาไม่ไปไหน สั่งอาหารเข้ามากินในบ้าน สั่งมาให้รู้ว่าสั่ง แต่ตัวเขาก็แทบไม่ได้แตะมันเลย เวลานอนก็หลับไม่สนิทคอยแต่จะสะดุ้งตื่น ถ้าคืนนั้นเขาไม่หลับสนิท ตฤนคงยังอยู่ตรงนี้ ... ปราชญ์จมอยู่แต่กับห้วงความคิดที่เจ็บปวด เขาเก็บตัวอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เผื่อพวกเขาจะกลับมาเขาพยายามติดต่อตฤน แต่พยายามยังไงก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย หลายวันผ่านไป ปราชญ์โทรมลงเรื่อย ๆ

   “ปราชญ์ ถ้านายไม่กินอะไรแบบนี้ นายจะตายก่อนได้เจอตฤนนะ” กวางแวะมาหาปราชญ์ด้วยความเป็นห่วง เธอกลัวว่าร่างกายของปราชญ์จะทนไม่ไหว

   ตัวเธอก็พยายามแล้ว พยายามจะคุยกับตฤน แต่ตฤนไม่ตอบอะไรเธอเลย มีแค่ข้อความเดียวที่เจ้าตัวส่งมา

   ‘ไปดูปราชญ์ให้ที มันอาจจะยังอยู่ที่บ้านตฤน’ ข้อความเดียวที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้

   กวางพยายามแล้วโทรไปหาที่ทำงานก็บอกแค่ว่า ใช้ลาพักร้อนฉุกเฉิน จะขอเบอร์ญาติที่ทำงานก็ไม่ยอมที่จะให้ เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองดูสภาพของปราชญ์และภาวนาให้สถานการณ์นี้มันดีขึ้นสักที

   “ฮึก...” อยู่ ๆ ปราชญ์ก็ร้องไห้ออกมา กวางทำอะไรไม่ถูกนอกจากเดินเข้าไปกอดเอาไว้

   “เข้มแข็งดิวะ เดี๋ยวอะไร ๆ ก็ดีขึ้น” กวางกอดพลางลูบหลังเพื่อนเอาไว้

   “ตฤนทิ้งกูไปแล้ว” น้ำเสียงแหบแห้งอู้อี้ของปราชญ์ทำให้กวางยิ่งสงสาร

   “ให้เวลามันหน่อย ให้เวลาตัวเองด้วย” อย่ารีบเป็นอะไรไปก่อนที่จะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้...ถ้ายังเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้เธอจะให้รถโรงพยาบาลมารับตัวไป

   

   แม่ของปราชญ์พยายามตามหาเขา ลูกชายที่หายไป ลูกชายที่ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกชายที่ไม่ยอมติดต่อไปเลยแม้แต่น้อย พ่อของปราชญ์เครียด แต่ก็มีทิฐิมาก ห่วงแต่ก็ไม่ยอมมา ...แม่ของปราชญ์จ้างนักสืบให้หา เธอจำได้ว่าตฤนอยู่แถวนี้ พวกเขาสืบจนเจอบ้านหลังนี้ บ้านของตฤน...

   บ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ผู้เป็นแม่ถือรูปที่พวกนักสืบส่งมาให้ เป็นภาพบ้านหลังนี้ และปราชญ์ที่เดินออกมารับอาหารที่หน้าบ้าน

   “ปราบ บ้านหลังนี้มันเงียบมากเลยนะ” แม่หันไปบอกกับพี่ชายของปราชญ์ ด้วยสีหน้ากังวลใจ ตอนนี้เธอไม่โกรธ ไม่ช็อค ไม่ตกใจอะไรทั้งสิ้น กับเรื่องรักเรื่องรสนิยมของปราชญ์ เธอแค่อยากเจอลูก อยากดูให้เห็นกับตาว่าเขาปลอดภัย

   “ต้องลองเข้าไป” ปราบพูดพลางเปิดประตูรั้วออก มันไม่ได้ล็อค ทั้งคู่เดินผ่านประตูรั้วเข้าไป ประตูบ้านอีกชั้นก็เปิดได้อย่างง่ายดาย

   พวกเขาเจอปราชญ์กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ร่างกายซูบผอม ใต้ตาดำคล้ำ ใบหน้าดูหม่นหมอง ปราชญ์โทรมไปมาก ผู้เป็นแม่รีบเข้าไปดูลูกชายใกล้ ๆ

   “ปราชญ์ ...ปราชญ์” ทั้งเรียกทั้งเขย่าตัว แต่ปราชญ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ริมผีปากของเขาแห้งผาก มันแตกและมีเลือดไหลซึม เนื้อตัวเย็น แต่ยังดีที่ปราชญ์ยังหายใจอยู่

   ปราบไม่รีรอ ยกน้องชายขึ้นพาดบ่าแบกออกไปจากบ้านทันที พวกเขารีบเดินทางไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทุกนาทีทุกวินาทีมีค่า ... มีค่าสำหรับชีวิตของปราชญ์

   

   รถยนต์จอดติดเครื่องอยู่ตรงข้ามบ้าน แม่ของตฤนกลับมาพอดี เพราะเธอเป็นห่วงบ้าน แต่เธอยังไม่ลงจากรถ เพราะเห็นว่าหน้าบ้านมีรถใครก็ไม่รู้จอดอยู่ พร้อมกับประตูบ้านที่เปิดอ้าอยู่ เธอทำแค่จดทะเบียนรถเอาไว้ และกดเบอร์191 เตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อพวกนั้นเป็นโจร ขวัญกับแม่จึงเฝ้าดูอยู่บนรถ ส่วนตฤนไม่ได้กลับมาด้วย เขาอยู่ที่บ้านสวน เพราะเขายังอยากพักฟื้นจิตใจอีกนิดหน่อย

   สักพักหนึ่งกลุ่มคนก็กลับออกมาจากในบ้านด้วยความรีบร้อน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กำลังแบกคนที่น่าจะเป็นปราชญ์ออกมา เธอได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ที่พวกเขาแบกปราชญ์ขึ้นรถไป

   “นั่นมันน้องหน้าหล่อ” ขวัญพูดขึ้น

   “ขับตามไปเลย” แม่รีบพูดสั่ง เธอแอบเป็นห่วงปราชญ์อยู่ไม่น้อย รู้ดีว่าเขารักลูกชายของเธอมาก รักมาก... ตฤนก็แอบน่าตีเหมือนกันที่ทิ้งเขาแบบนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะต่างเจ็บปวดก็ตาม

   

    ปราชญ์อาการไม่ค่อยดี มีภาวะขาดน้ำ และอาหาร มีอาการช็อค และน้ำตาลต่ำ เพราะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ อีกทั้งสภาพจิตใจที่อ่อนแอ เขาถูกพาไปที่ห้องฉุกเฉิน พวกญาติได้แต่รออย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง

   แม่ของตฤนเดินหา ผู้หญิงกับผู้ชายที่พาปราชญ์ออกไปจากบ้านจนมาเจอพอดี

   “ขอโทษนะคะ ปราชญ์เป็นยังไงบ้าง”

   หญิงสาวกับชายหนุ่มที่ถูกถาม หันมามองผู้มาเยือนใหม่ทันที

   “ยังไม่ทราบเลยครับ คุณคือ?”

   “เอ่อ ฉัน...” แม่ของตฤนอึกอักไปเล็กน้อย “ฉันคือ เจ้าของบ้านหลังนั้น” เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก

   “คุณคงเป็นแม่ของตฤน” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา ตอนที่เขารู้ว่าพ่อแม่มีปัญหากับตฤน เขารู้สึกตึ้อ ๆ ไปหมด เรื่องนี้เขาพอจะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้...

   ทั้งหมดอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ทำเพียงแค่เฝ้ารอ รอว่าเมื่อไหร่หมอจะออกมา บอกข่าวดีว่าคนที่หมดสตินั้น พ้นขีดอันตราย

   

   “ปราชญ์อยู่ไหน!” ชายสูงวัยมาถึงแผนกฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เขาสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น นั่งอยู่ห่างจากภรรยาของเขา  หนึ่งที่นั่ง หน้าเธอเหมือนใครบางคน

   “คุณ ปราชญ์อยู่ข้างในนั้น” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงตระหนก ระคนเศร้า เมื่อเห็นสามีมาถึง ก็รีบแจ้งทันที

   “ปราชญ์” ผู้เป็นพ่อทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ว่างอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาห่วงลูกชายของเขามากจริง ๆ

   “ปราชญ์จะไม่เป็นอะไร” ภรรยาพูดปลอบสามี ยังไงลูกก็คือลูกถึงจะทะเลาะกัน มีทิฐิมากแค่ไหน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ สายสัมพันธ์มันตัดกันไม่ขาด ผู้เป็นพ่อห่วงใยลูกชายเป็นอย่างมาก

   “ใช่ ปราชญ์จะไม่เป็นอะไร” หญิงสาวที่เขารู้สึกคุ้นหน้า อยู่ ๆ ก็พูดพึมพำขึ้นมา

   “ครับ ว่าแต่คุณเป็นใคร”

   “...” แม่ของตฤนนิ่งไปชั่วอึดใจ “ฉันเป็นแม่ของตฤน”

   คำพูดนั้นทำเอาชายสูงวัยอารมณ์เสียขึ้นมา ความโกรธเกรี้ยวพุ่งเป็นริ้ว

   “อ๋อ คุณนี่เอง ... สั่งสอนลูกยังไง คุณรู้มั้ยว่าลูกของคุณมันเป็นเกย์!!! เขาทำให้ลูกชายของผมเป็นไปด้วย!!!” เสียงเรียบ เริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ และจบด้วยการตวาดกล่าวหาดังลั่น ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์จากพ่อของปราชญ์ เขาพูดกระแทกใส่หน้าคนที่อยู่ข้าง ๆ

   “ลูกชายฉันไม่ได้เป็นเกย์ แล้วคุณไปถามลูกชายคุณก่อนเถอะ ว่าใครรักใคร ใครจีบใครก่อน” แม่ตฤนพูดเสียงเรียบ เธอไม่กลัวกับท่าทางโมโหเลือดขึ้นหน้าของพ่อปราชญ์แม้แต่น้อย เธอนิ่งราวกับจะเป็นหลัก เป็นโล่ให้กับตฤน ลูกชายของเธอแม้ว่าตัวเขาจะไม่อยู่ตรงนี้ก็ตาม เธอรักและไม่อยากให้ใครมากล่าวหา

   “พอเถอะคุณ” แม่ของปราชญ์เอื้อมมือมาแตะไหล่ของสามีเอาไว้ ส่วนปราบลุกขึ้นเตรียมพร้อม เผื่อมีปัญหาอะไร

   “น่าขยะแขยง” เสียงชิงชังและคำพูดร้ายกาจยังคงถูกส่งออกมา

   “อ้าวลุงพูดแบบนี้” ขวัญที่นั่งอยู่ไม่ไกล พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เธอก็พร้อมจะสู้ ถ้าอีกฝ่ายยังไม่เลิกพูดจาดูถูก หรือว่าร้ายตฤนกับคุณน้าอีก

   “ฉันไม่เคยขยะแขยงลูกชายคุณ” แม่ตฤนพูดพลางมองสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง “แต่ถ้าคุณขยะแขยงแม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง เรื่องนี้ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”

   ผู้เป็นพ่อได้แต่ข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาโมโหจนหน้าแดงก่ำ ข้างแก้มสั่นด้วยแรงอารมณ์

   “ถ้าคุณยอมรับความสุขของลูกคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ได้รักลูกของคุณเลย” แม่ตฤนพูดต่อ เธออยากเตือนสติอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอคงไม่อยู่ทนคำพูดไม่ดีอีก กลัวว่าความอดทนจะหมด

   “คุณจะไปรู้อะไร”

   “...ตอนนี้ฉันรู้แค่ขอให้ปราชญ์ปลอดภัย” เธอเดินหนีออกมาทันทีหลังพูดจนจบประโยค

   

   ตฤนนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในสวน เขามาหลบอยู่บ้านสวนของพี่ขวัญ หนีให้ไกลจากทุกเรื่อง เพื่อให้เขาและปราชญ์ได้ตัดใจ ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะรักแค่ไหน จะรักมากี่ปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรจะพอ บรรยากาศรอบตัวเงียบเหงา อากาศอึมครึ้มเหมือนฝนจะตก มันร้อนอบอ้าว จนเหงื่อไหลซึมทำให้เหนียวตัว เสื้อยืดแนบลงไปกับแผ่นหลัง ตฤนยกแก้วน้ำในมือขึ้นมาจิบ แต่พอตอนวาง มือไม้อ่อนทำแก้วกลิ้งตกจากโต๊ะ โชคดีที่ด้านล่างเป็นหญ้า แก้วก็เลยไม่แตก

   เขาก้มลงหยิบแก้วน้ำ

   “โอย” ตฤนร้องเบา ๆ เมื่อนิ้วของเขาโดนหญ้าบาด เลือดไหลซึมออกมา มันเป็นแผลเล็ก ๆ ที่แสบมากทีเดียว

   ‘เป็นหญ้าเหมือนกันแท้ ๆ มาทำร้ายกันเองทำไม’ ตฤนได้แต่นึกในใจ แต่ก็ไม่ได้ลุกไปล้างแผล ก็นะ แผลแค่นี้เล็กน้อย เขานั่งนิ่งเหม่อมองออกไป อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ปราชญ์จะเป็นยังไงบ้างนะ กับสิ่งที่เขาเลือกเองเพียงคนเดียว การตัดสินใจนี่มันถูกแล้วจริง ๆ ใช่มั้ย

   เขามักจะใช้เวลาวัน ๆ หนึ่งนั่งนิ่ง ๆ คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึง รอยยิ้มของปราชญ์ อ้อมกอดของปราชญ์ สัมผัสที่อบอุ่น ความรัก และความเป็นห่วงเป็นใยที่ปราชญ์มีให้เขาเสมอ รวมถึง

   น้ำตาของปราชญ์ ตอนที่พยายามกอดรั้งเขาเอาไว้

   

   “อย่าทิ้งกูไปเลยนะ”

   

   ปราชญ์... พอคิดแบบนั้น น้ำตาก็เอ่อคลอ ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด ตฤนใช้นิ้วมือปาดน้ำตาลวก ๆ พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอลงไป เขาต้องอดทน เพื่อปราชญ์ เขาภาวนาให้ปราชญ์ลืมเขาไปให้หมด ทุกอย่างเขาจะเป็นฝ่ายจดจำไว้เอง หวังว่าเวลาจะเยียวยาทั้งปราชญ์และตัวเขา

   

   “เป็นแฟนกับกูเถอะนะ”

   

   เขาจะจำทุกอย่างไว้เอง...

   

   เสียงมือถือดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อของพี่ขวัญ ตฤนตั้งใจว่าช่วงนี้เขาจะรับสายแค่ไม่กี่เบอร์เท่านั้น กวางกับปราชญ์โทรติดต่อมาหลายครั้ง บางครั้งเขาก็กดตัดสาย บางครั้งเขาก็ปล่อยให้มันดังไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตัดไปเอง แต่ครั้งนี้พอเห็นว่าเป็นชื่อของขวัญเขาก็รีบกดรับทันที

   “ครับ พี่ขวัญ”

   ‘ตฤน... ปราชญ์น่ะ’

   พอได้ยินชื่อปราชญ์ เขารู้สึกเจ็บแปลบในอกขึ้นมาทันที จนต้องรีบห้ามไม่ให้ปลายสายพูดถึง

   “พี่อย่าพูดชื่อนี้”

   ‘ตฤนฟังพี่ เขากำลังจะตาย ถ้าไม่กลับมาตอนนี้ อาจไม่ได้เจออีกฝ่ายตลอดชีวิต’

.

.

[พอแล้วตฤน กลับไปหาปราชญ์เถอะนะ เเข็งใจหน่อย
สิ่งที่คิดว่าดีกับปราชญ์น่ะ ความจริงแล้ว ไม่ใช่เลย... มีแต่เสียใจ]
ปล. ขอบคุณที่ร่วมเศร้ามาด้วยกันนะคะ
 :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตฤนกลับไปหาปราชญ์นะ :o12:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 33 คนสำคัญ / อยู่ให้รัก

   

   ผมลืมตาขึ้นมาในความมืด ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มันมืดอย่างกับดวงตาของผมถูกทาฉาบด้วยสีดำ ไม่มีอะไรเลย มองไม่เห็นอะไร หรือความจริงผมไม่ได้กำลังลืมตา ความมืดพวกนี้มันคืออะไร...

   แต่มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เขาก็แค่กำลังเฝ้ารอ นายตฤนชาติคนดีของเขาก็เท่านั้น

   

   ‘ปราชญ์ เอาการบ้านไปส่งหรือยัง ช่วงนี้ซ้อมหนักหรอวะ’

   

   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา แต่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน

   

   ‘ปราชญ์ นี่มึงตั้งใจจะต่อสายวิทย์คณิตจริง ๆ ใช่มั้ย’

   ‘มันจะหนักมากเลยนะ เรียนหนัก ซ้อมหนัก ไหวจริงหรอวะ’

   ‘ก็ได้ ถ้ามึงอยาก กูก็จะช่วยมึง’

   

   เขาได้ยินแต่เสียงของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองที่ตอบออกไป

   

   ‘ผิดว้อย ทำแบบนี้สิวะ’

   ‘เฮ้อ กูเกลียดวิชาพละ’

   ‘ทำไมกูต้องใส่ชุดผู้หญิงด้วยวะ’

   

   คำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อ เป็นความทรงจำที่เขามีต่อเจ้าของเสียงมาอย่างยาวนาน ช่วงเวลาที่อยู่เคียงข้างกัน และความห่วงใยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะสถานะอะไร อีกฝ่ายห่วงใยเขาเสมอ ส่วนตัวเขาที่รู้สึกตัวอีกทีก็ติดกับความห่วงใยของอีกฝ่ายเข้าเต็มเปา ความห่วงใยแข็ง ๆ ของเพื่อน เขาได้อีกฝ่ายช่วยไว้ไม่น้อยกับที่เขาช่วยเหลืออีกฝ่าย

   เมื่อก่อนที่บ้านของเขาค่อนข้างจะยุ่ง ไม่ต่างจากตอนนี้ มีแต่คนบ้างาน เขามักต้องอยู่บ้านกับพี่ชายสองคน พอพี่ชายเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็มักจะต้องอยู่คนเดียว ถ้าไม่ซ้อมกีฬาจนเหนื่อยแทบคลานขึ้นเตียงนอน เวลามาถึงบ้านก็มักจะต้องรู้สึกเหงา ถ้าตารางซ้อมว่างเขาก็มักจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน มักออกปากชวนให้เพื่อนมาทำการบ้านหรืองานกลุ่มที่บ้าน บ้านของเขาไม่มีใคร เสียงดังได้โดยไม่รบกวนใคร อีกอย่างที่เขาชอบคือไปอยู่ที่บ้านของตฤน

   

   ‘เรียนคนละมหาวิทยาลัย มึงก็ดูแลตัวเองนะ’

   ‘ถามกูได้เสมอ’

   ‘มึงลงทุนขับมาหากูเลยหรอ’

   ‘เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจังวะ ระวังนะมึง’

   ‘ตั้งใจเรียนด้วยนะ’

   ความห่วงใยที่ทำให้เขาเผลอคิดเกินเลยไป ใบหน้าหวานที่ไม่ได้สวยงามกลับทำเขาถอนตัวไม่ขึ้นเขาทดลองหัวใจของตัวเองมานานว่ามันเป็นแค่ความเหงา เป็นความผูกพัน หรือว่าความรัก เมื่อเวลาหมุนผ่าน เราต่างเติบโต จนเขาได้มีโอกาสได้เป็นฝ่ายดูแลอีกฝ่ายบ้าง

   

   ‘ขอโทษจริง ๆ มาถึงนานมากเลยมั้ย’

   ‘ย่อ ตัวหน่อย จะหยิบกางเกง’

   ‘ถ้าอีกหน่อยมึงไม่ว่างมาส่งกู ... กูต้องเปลืองค่ารถมาก ๆ แน่เลยว่ะ’

   ‘อย่ามาถูกตัวกู’

   

   ตฤนไม่รู้หรอกว่าผมกลัวแค่ไหน ที่จะไม่มีมันในชีวิต ไม่งั้นผมไม่รีรอมา 5-6 ปีหรอก ทั้งหมดก็เพราะว่ากลัว กลัวข้ามเส้นไปแล้ว ไม่สำเร็จสะดุดล้มหัวทิ่ม แล้วเจ้าตัวจะหนีเขาไป ถึงได้ทน เอาวะยังไงก็มีมันอยู่ในชีวิตให้เขาได้ดูแลไปเรื่อย ๆ แต่จะให้ทนมองหมาคาบไปแดกก็ไม่ได้ คนอย่างปราชญ์ ดีไม่พอตรงไหน! ใคร ๆ ก็ชอบ เว้นแค่ไอ้ซื่อบื้อ ที่เขาดูแลขนาดนี้ กลับไม่สะกิดใจเลย ระแคะระคายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่มี ...

   ...แต่ผมก็ผ่านมันมาได้

   

   ‘กูบอกว่าชอบมึงไง’

   

   ในความมืดที่มีแต่เสียงของคนที่เขาคิดถึง เขาอยู่แบบนี้ต่อไปได้มั้ย อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เสียงของคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา คนที่เขารัก และอยากที่จะกอดเอาไว้

   

   ‘พูดอย่างกับจะขอกูแต่งงาน’

   ‘เหนื่อยดิวะ แต่ก็ต้องมา...กูห่วง’

   

   เขาอยู่แบบนี้ได้มั้ย... ความมืดที่ไม่น่าหวาดกลัวตราบที่เขายังได้ยินเสียงของตฤน

   

   ชายสูงวัยนั่งพิงเก้าอี้อย่างคนไม่มีแรง ดวงตามองจ้องแต่ประตูทางออกของห้องฉุกเฉิน เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่หมอจะออกมา เมื่อไหร่ที่หมอจะมาหาเขาเพื่อบอกว่าลูกชายของเขาปลอดภัยดี มือสั่นเทาประสานวางอยู่บนตัก เขาเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะความรักบ้า ๆ ทำให้ลูกชายของเขาต้องมาอยู่ตรงนี้

   ลูกชายที่ดูแลตัวเองได้ดีเสมอ บางครั้งเขาก็กังวลที่ต้องทำงานอย่างหนักแล้วปล่อยลูกทิ้งเอาไว้ที่บ้าน แต่ลูกชายของเขาก็เป็นเด็กดี เรียนหนังสือ ซ้อมกีฬา สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างสบาย ๆ โดยที่เขาไม่ต้องเป็นกังวล แถมเจ้าตัวมักบอกเสมอเวลาที่เขาจะต้องเดินทางไปทำงานและไม่ได้อยู่ดูแลลูก เขาจะพูดว่าไม่ต้องห่วง มีเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือเขา เขาอยู่ได้... เขาโตแล้ว

   พ่อของปราชญ์ เขากำลังเสียใจ และแสดงมันออกมากด้วยความแข็งกร้าว

   ...หรือความไม่มีเวลาของเขา ทำให้ลูกชายเดินผิดไปจากแนวทางที่วางเอาไว้ ...

   หรือเพราะเขาที่เลี้ยงดูลูกได้ไม่ดีพอ

   หรือเขาเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ...ทั้งหมดเพราะเขา

   ภรรยาขยับมือมากุมมือที่สั่นเทาของผู้เป็นสามีเอาไว้

   “ปราชญ์จะปลอดภัย ลูกเราเป็นเด็กแข็งแรง”

   “คุณว่ามันเป็นความผิดของผมหรือเปล่า” ชายสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

   “อะไรนะคะ”

   “เปล่า...”

   พวกเขาไม่พูดอะไรกันอีก ทำแค่เพียงเฝ้ารอ ด้วยความร้อนใจ

   ...

   

   -ตฤน-

   เพราะคำพูดของพี่ขวัญทำเอาหัวใจคนฟังกระตุกวูบ แววตาสั่นไหว  ‘เขากำลังจะตาย’ กำแพงหลายชั้นที่เพียรสร้างไว้พังทลาย ความรักและความเป็นห่วงเอ่อท้นขึ้นมา ก่อนพรั่งพรู่ออกมาเป็นหยดน้ำตา

   “พี่ มะ...หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงสั่นเครือถามกลับ หัวใจของเขาอ่อนยวบยาบ ปราชญ์เป็นอะไร ทำไมมันชอบเป็นอะไรให้เขาต้องเป็นห่วงทุกที เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเกินไปแล้ว

   ‘ฮัลโหล ตฤน ฟังพี่นะตอนนี้ ปราชญ์อยู่ในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลใกล้บ้านเรา ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร อาจจะตรอมใจ’

   ตฤนผุดลุกขึ้นยืนทันที น้ำตายังคงไหลหยดออกมาไม่ขาดสาย มันไหลอาบสองข้างแก้ม ก่อนหยดลงบนพื้นหญ้า เนื้อตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ ในอกรุ่มร้อน หัวใจของเขารวดร้าวราวกับมีใครเอามีดกรีดลงไป มันเจ็บปวด...ปราชญ์

   เขาควรกลับไป ...ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เขาเลือก มันไม่ถูกตรง รอก่อน... รอเขาก่อน

   “ผมจะรีบกลับไป” จากที่นี่ไปโรงพยาบาลก็คงประมาณ สามชั่วโมง

   ‘ตฤนเรียกรถพี่วันเลย เบอร์ติดอยู่บนตู้เย็น เหมาให้แกมาส่งเลยก็ได้’

   ตฤนพยักหน้าหงึกหงักกับมือถือก่อนจะกดวางสายไป สองขาเรียวยาว ก้าว ฉับ ฉับ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ทุกนาทีของเขามีค่า ขอให้ปราชญ์ปลอดภัย เขาจะไม่หนีอีกแล้ว...

   

   ตฤนนั่งรถออกมาด้วยใจว้าวุ่นกังวล เขากระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง เขาใช้เวลาบนท้องถนนอย่างยาวนาน แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งตอนไหนที่รถติดไม่ยอมขยับ เขาจะหงุดหงิดมาก ตอนนี้เขารีบและเต็มไปด้วยความร้อนรน เพราะหัวใจของเขามันไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เขานึกอยากจะลงไปวิ่งเผื่อมันจะเร็วกว่านี้

   เส้นทางเบื้องหน้าชัดเจนบ้างพร่าเลือนบ้าง ตามแต่ว่าน้ำตาจะเอ่อคลอและไหลหยดตอนไหน เขาควบคุมพวกมันไม่ได้ ช่วงแรกเขาทำแค่ปาดมันลวก ๆ เพื่อไม่ให้พี่วันต้องตกใจ แต่ดูเหมือน พี่วันจะค่อย ๆ ชิน ที่เขาร้องไห้อยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ถามเขาว่ามีอะไรเกิดขึ้น แค่ยื่นส่งน้ำมาให้ เหมือนจะบอกว่า น้ำที่ไหลออกมาทางตา ต้องเติมกลับคืนเข้าไปในร่างกายบ้างแค่นั้นเอง

     แล้วหลังจากนั้น เขาก็เลิกสนใจมัน จะไหลออกมาแค่ไหนก็ช่างมัน

   ปล่อยให้มันไหลไป... อยากไหลแค่ไหนก็ตามสบายเลย

   

   ฟ้าครึ้ม ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกลงมา เทลงมาเหมือนจะซ้ำเติมเขา ตกหนักหน่วงเพื่อทำให้รถติดยิ่งกว่าเดิม ความพร่ามัว ทั้งจากน้ำในตา และน้ำฝนจากกระจกรถ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับกำลังหลงทางอยู่ในความไม่ชัดเจน รู้สึกห่างไกลจากจุดหมายที่ต้องการจะไป ยิ่งช้าก็ยิ่งร้อนรน

   ปราชญ์อยู่กับเขาก่อน เขากลับมาแล้วนี่ไง

   ไม่ไปไหนแล้ว จะโดนตีโดนอะไรเขาก็จะอยู่ อยู่ด้วยกันก่อน อยู่ให้เขารักก่อน

   ใครจะมองยังไงเขาจะไม่สนใจอีกแล้ว ช่างคนอื่น จะสนใจแค่ปราชญ์เท่านั้น

   

   เสียงมือถือดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นกวาง ...รอบนี้เขารับสายเพื่อนอย่างรวดเร็ว

   ‘ตฤนอยู่ที่ไหน ปราชญ์จะไม่ไหวอยู่แล้ว’ กวางพูดประโยคที่ยิ่งทำให้ตฤนรู้สึกแย่ ประโยคที่กำลังจะทำให้เขาร้องไห้อีกรอบ

   “กำลังรีบไป บอกปราชญ์ว่าให้รอ ห้ามเป็นอะไร” เขารีบที่สุดแล้ว ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว

   

   เขาเห็นตึกโรงพยาบาลอยู่อีกไม่ไกล ฝั่งตรงข้าม รถข้างหน้าติดไม่ยอมขยับ กว่าจะไปกลับรถ กว่าจะถึงโรงพยาบาล เขาทนรอไม่ไหว

   “พี่วัน เอานี่ไปก่อนเดี๋ยวยังไงถ้าไม่พอผมฝากพี่ขวัญให้ไป ผมขอลงตรงนี้” ตฤนพูดพลางควักเงินในประเป๋าออกมา เขาไม่รู้ว่าให้ไปเท่าไหร่ ทั้งหมดที่เขามี ด้านนอกฝนยังคงตกหนัก ร่างบางเปิดประตูรถออกไปอย่างไม่สนใจสายฝนที่ยังคงเทลงมาไม่ขาดสาย ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไป

   

   ปี๊น ปี๊นนนนนนนนน

   

   ตฤนสะดุ้งก้าวถอยหลัง เมื่อเขาวิ่งพรวดพราดออกมาไม่ทันดูรถมอเตอร์ไซค์

   “หัดมองรถซะบ้าง!!!” เสียงตะโกนด่าดังตามมา

   ตฤนมองซ้ายมองขวา พลางข้ามถนนอีกครั้ง จากนั้นเขาวิ่งเร็วสุดชีวิต เพื่อไปให้ถึงโรงพยาบาล หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา เขาหอบหายใจทางปากเมื่อหายใจไม่ทัน คนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเขากำลังทรมาน แต่ไม่เป็นไร เขาไหว... เหนื่อยแทบขาดใจ เขาก็จะไม่หยุดวิ่ง

   สองเท้าย่ำวิ่งไปบนทางเฉอะแฉะ ที่อยู่บนหน้าของเขาไม่รู้ว่าน้ำตาหรือน้ำฝน เนื้อตัวเปียกปอนเพราะสายฝนเย็นฉ่ำ ที่ไม่สามารถดับความร้อนรนในใจขอเขาได้เลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบลำตัว มันส่งเสียงสวบสาบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งไม่หยุด

    ขาก้าวสับไม่หยุดหย่อนจนมาถึงโรงพยาบาล มือสั่นเทาควานหามือถือเพื่อกดโทรหาเบอร์ที่เขาเลี่ยงมาตลอด ปลายสายรับอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังรออยู่

   “กวาง ปราชญ์อยู่ที่ไหน”

   ‘708 ชั้น 7 รีบมาเร็วเข้า’

   เขากดตัดสาย พลางรีบเดินเร็วเพื่อไปรอลิฟต์ คนไข้และญาติยืนรออยู่เต็มไปหมด ทั้งเตียงคนไข้ ทั้งรถเข็น แต่ลิฟต์ก็ไม่มาสักที

   ไม่ไหว ให้ยืนรอนิ่ง ๆ แบบนี้ เขาทำไม่ได้

   ทนรอไม่ไหว...

   

   ระยะเวลาไม่นานแต่เหมือนนานนับปีสำหรับคนที่เฝ้ารอด้วยความเป็นห่วง หมอออกมาแจ้งว่าตอนนี้ปราชญ์พ้นขีดอันตรายแล้ว เขาถูกเข็นออกมาพร้อมกับถุงน้ำเกลือ เพื่อไปที่ห้องผู้ป่วย ใบหน้าซีดเซียวยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาได้นอนหลับสนิทจริง ๆ และก็เกือบจะได้หลับตลอดไป

   ภายในห้องครอบครัวของปราชญ์อยู่กันพร้อมหน้า

   “ปราชญ์ไปอยู่ที่ไหนมา” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเสียงเครียด

   “ฉันกับปราบไปเจอ ปราชญ์สลบอยู่ในบ้านของตฤน ก็เลยรีบพามานี่”

   “แล้วแฟนอะไรของมันไปไหน” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น ลูกของเขาจะตาย ก็ยังไม่มาดูเลย ความรักบ้าบออะไร

   “บ้านหลังนั้น ไม่มีใครเลยมีแค่ปราชญ์คนเดียว” ปราบพูดขึ้นมา “และเพราะแบบนั้น ผมว่ามันตรอมใจ” ปราบพูดขณะมองน้องชายด้วยความเวทนา

   “หมายความยังไง” ผู้เป็นพ่อหรี่ตามองปราบ

   “เป็นไปได้ว่า ทั้งคู่อาจจะเลิกกัน อาจจะเพราะวันนั้น...” ปราบพูดพลางเว้นวรรคชั่วขณะ “พ่อช่วยยอมรับความรักของทั้งคู่ได้มั้ยครับ”

   “แกรับได้หรอไง หรือแกก็เป็นแบบพวกมัน...” พ่อพูดย้อน ใครจะไปรับได้กัน

   “ผมจะพยายามรับให้ได้ เพื่อความสุขของน้อง”

   ปราบพูดจี้ใจผู้เป็นพ่อ... ความสุขของลูกชาย

   

   ‘ถ้าคุณยอมรับความสุขของลูกคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ได้รักลูกของคุณเลย’

   

   ความสุขของปราชญ์ ... ลูกชายที่เขาภาคภูมิใจตลอดมา

   

   “ลูกไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ตอนแรกฉันก็ตกใจ แต่ตอนนี้...ถ้าไม่ต้องเสียลูกไป อะไรฉันก็ยอม” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักขณะ ยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่ท่อนแขนของผู้เป็นสามี

   “คุณว่านี่เป็นความผิดของผมหรือเปล่า” ชายสูงวัยพูดด้วยดวงตาเหม่อลอย

   “มันผ่านไปแล้ว คุณอย่าคิดอะไรแบบนั้นเลย แค่ต่อจากนี้ทำให้มัน...”

   

   ผัวะ

   เสียงประตูห้องเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับเสียงหอบหายใจของผู้มาเยียน ตฤนถามห้องของปราชญ์จากกวาง ก่อนจะรีบมุ่งมาที่นี่ วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาถึง 7 ชั้น เพราะลิฟต์ช้าเกินไป

   สภาพแวดล้อมและเหล่าคนที่อยู่ในห้อง เหมือนวันนั้นไม่มีผิด ... แต่ที่ต่างไปจากเดิมคือทุกคนรู้แล้วว่าเขาเป็นแฟน ไม่ใช่แค่เพื่อนผู้ชายที่สนิทกัน

   “ปราชญ์! ปราชญ์... เป็นยังไงบ้างครับ” เขามองร่างที่ยังนอนนิ่งอยู่บ้านเตียงของโรงพยาบาล

   “หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังไม่ฟื้นเลย” ผู้เป็นแม่ตอบให้

   ประโยคนั้นทำเอาตฤนแข้งขาอ่อน เขาทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก‘พ้นขีดอันตรายแล้ว’ ส่วนเขาหมดแรง ใช้พลังทั้งหมดไปกับการวิ่ง แข้งขาอ่อนปวกเปียก ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ใบหน้าแดงก่ำ หอบอย่างทรมาน มือบางยกขึ้นกำที่อก หวังให้หัวใจเต้นช้าลงสักหน่อย

   ตฤนนั่งอยู่หลายนาที เขาหอบหายใจอย่างน่ากลัว เนื้อตัวที่เปียกชื้นทำให้เขาเริ่มหนาวสั่น

   ปราบเข้ามาดูอาการตฤนด้วยความเป็นห่วง ก่อนพยายามประคองตฤนให้ไปนั่งบนโซฟาดี ๆ เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับผู้ป่วยมายื่นส่งให้ กลัวอีกฝ่ายจะป่วยตามไปด้วย

   พ่อของปราชญ์มองดูภาพนั้นเงียบ ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร ผู้เป็นภรรยาเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามออกไป

   เมื่อตฤนเริ่มหายเหนื่อย หายใจได้เป็นปกติเขาขยับลุกขึ้นไปดูปราชญ์ใกล้ ๆ ใบหน้าที่กำลังนอนหลับหายใจอย่างสม่ำเสมอ ปราชญ์ดูโทรมไปมาก ใต้ตาดำคล้ำ ดูผอมลงไปผิดหูผิดตา พลันเห็นสภาพคนตรงหน้า น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิด การตัดสินใจของเขามันผิดพลาดจริง ๆ ...


 :mew4:
[ตฤนมาเเล้วววว ตื่นเร็วปราชญ์ คิดถึงไม่ใช่หรอไงงงง
 :katai4:
ไม่ได้อัพนานเลยยย แง้ ขออภัยจริง ๆ พอจะอัพเล้าก็ปรับปรุง
พอเล้ากลับมานี่ก็กว่าจะว่าง T^T รักทุกคนที่รออ่านนะคะ]

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ I Met You เพราะเราเคยพบกัน < จิ้มเลยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2019 21:02:26 โดย RingoPle »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ

   

   “ปราชญ์ ตื่นได้แล้วนะ ไม่คิดถึงกูหรอไง” มือบางพูดพลางลูบไล้ใบหน้าคมที่ยังคงหลับไม่ได้สติ ก่อนขยับมากุมมือหนาเอาไว้ และยกมันขึ้นแนบใบหน้าตัวเอง หยดน้ำตาไหลหยดบนฝ่ามือของปราชญ์ เขาใช้มันเหมือนผ้าเช็ดหน้าที่เอาไว้ซับน้ำตา เสียงสะอื้นแผ่วเบายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องอีก

   จนกระทั่งฝ่ามือของใครบางคนวางลงบนไหล่ที่กำลังสั่นเทา

   “ตฤน มันไม่เป็นไรแล้ว”

   ตฤนหันหน้าไปหาเจ้าของมือที่วางบนหัวไหล่ของเขา ก่อนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว

    “กวาง...”

   “ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย หมดหล่อ”

   “ฮืออออ”

   กวางดึงอีกฝ่ายมากอดไว้หลวม ๆ มือยกขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน

   “มันไม่เป็นอะไรแล้ว นอนไม่พอ ให้มันนอนหน่อย เดี๋ยวก็ฟื้น”

   “กวางบอกว่ามันจะไม่ไหวแล้ว”

   “พูดเล่นน่ะ”

   ตฤนขยับออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนมองสบตาอีกฝ่าย พูดเล่น? สาวเจ้ายิ้มออกมา

   “มันโคม่าตอนแรกไง แต่ถึงมือหมอก็ปลอดภัยแล้ว” เธอผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นการเอาคืนแทนปราชญ์ เพราะถ้าพามาหาหมอไม่ทัน ก็คงได้จากไปจริง ๆ “ไม่ปลอดภัยจะได้ย้ายออกมาห้องธรรมดาได้ยังไงล่ะ”

   “...” ตฤนมองอีกฝ่ายนิ่ง นึกเคืองอยู่ไม่น้อย

   “ตัวเปียกเป็นลูกหมา” เธอพูดพลางแตะเสื้อตัวเองที่พลอยชื้นไปด้วย ก่อนสาวเจ้าจะเดินไปหยิบชุดผู้ป่วยมายื่นส่งให้ “เปลี่ยนไปใส่นี่ชั่วคราวก่อน เดี๋ยวก็ป่วยอีกคน”

   ตฤนรับมาถืออย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ

   

   กวางยืนมองสำรวจคนป่วย ก่อนยกมือขึ้นแตะที่แขนของคนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเบา ๆ เธอโน้มหน้าไปใกล้ข้างแก้มของปราชญ์ ก่อนจะพูดพึมพำเสียงเบา

   “เกลียดนายเป็นบ้า ทำให้ใจหายใจคว่ำ” ก่อนจะขยับออกแล้วบ่นต่อ “แฟนมาหาแล้วก็อย่าเล่นตัวนักเลย ตื่นได้แล้ว ตฤนมันร้องไห้จนน้ำท่วมโรงพยาบาลแล้ว”

   

   เปลือกตาคนหลับพริ้มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย คนป่วยเริ่มรู้สึกตัว ลำคอแห้งผาก เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา... ใบหน้าแรกที่เขาเห็นคือกวาง

   “ปราชญ์ฟื้นแล้ว!” กวางพูดโวยวายเสียงดังให้ตฤนได้ยิน กวางดีใจมาก เธอรีบประคองปราชญ์ ปรับเตียงขึ้นอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับป้อนน้ำให้เขา

   เขาจิบไปนิดนึง พอให้ชุ่มคอ ก่อนจะปิดเปลือกตาหนักอึ้งลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

   ปราชญ์รู้สึกหน่วงในใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเพิ่งผ่านวิกฤติเฉียดตายมา เขารู้แค่ในห้องนี้ไม่มีคนที่เขาอยากเจอ ในห้องนี้ไม่มีตฤน...

   อยู่ท่ามกลางความมืดนั่นยังดีเสียกว่า

   

   ประตูห้องน้ำเปิดออก ตฤนรีบเดินไปที่เตียง เขาเข้าไปเปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตาแปปเดียวเท่านั้น เขาก็ได้ยินเสียงกวางดังลอดเข้ามา

   ร่างสั่นเทาเดินไปเกาะที่ข้างเตียง

   “ปราชญ์...”

   เสียงตฤนทำให้เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองหูแว่ว แต่ไม่ใช่ ตฤนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

   “ตฤน...” เสียงแหบแห้งเรียกชื่อคนรักออกมาอย่างยากลำบาก

   ตฤนเอื้อมมือไปกุมมือปราชญ์เอาไว้ “เออ กูอยู่นี่แล้ว”

   “อย่าหายไป...อีกนะ” ปราชญ์ค่อย ๆ ปรือเปลือกตาลง เขาอ่อนเพลียมากจริง ๆ ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง

   ตฤนลูบข้างแก้มของปราชญ์อย่างรักใคร่ เขาไม่ไปไหนแล้ว การตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา ทำให้เขาเกือบจะเสียปราชญ์ไปจริง ๆ เขาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว

   ร่างบางขยับริมฝีปากไปแตะสัมผัสที่เปลือกตาของปราชญ์เบา ๆ พักผ่อนให้สบาย เขาจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ

   จะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน...

   

   “กลับไปทำงานก่อนนะ”

   “ขอบใจมากกวาง”

   กวางเดินออกไปสวนกับปราบบนทางเดิน เขากำลังจะกลับไปที่ห้องพอดี

   “พี่ปราบคะ ปราชญ์ฟื้นแล้วนะ”

   “จริงหรอ” ปราบร้องเสียงดังด้วยความดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

   “แต่ตอนนี้หลับไปแล้วล่ะ คงจะเพลีย”

   เขาผงกหัวงึกงัก อย่างเข้าใจ คงจะเพลียมากจริง ๆ แค่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาก็พอแล้ว เขาจึงรีบโทรไปบอกแม่ของเขา เพื่อแจ้งข่าวดีว่าน้องฟื้นแล้ว

   

   พี่ขวัญกับแม่เปิดประตูเข้ามา พร้อมเสบียงอาหาร

   “ตฤนรู้มั้ยให้เงินพี่วันไปเท่าไหร่”

   “หืม? ครับ ไม่รู้” ตฤนที่กำลังเตรียมตักข้าวเข้าปาก ถึงกับถือช้อนค้างไว้

   “สี่พัน!!! แล้วยังมีเศษ ๆ อีก นี่นายบ้าหรือเปล่า” พี่ขวัญโวยวาย ดีนะที่คน ๆ นั้นคือพี่วัน ที่รู้จักกันดี ไม่งั้นมีหวัง เสียเงินฟรี ๆ ไปแน่

   “ตอนนั้นผมรีบ” ตฤนพูดพลางส่งยิ้มแหย ๆ

   “เดี๋ยวผมคงจะต้องกลับก่อน” ปราบพูดขึ้นมา ทางนี้ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ยังไงตฤนก็คงดูแลปราชญ์อย่างดี ส่วนเขา... เหมือนว่าแม่จะกำลังพยายามพูดกล่อมพ่อ เขาก็จะไปช่วยด้วยอีกแรง เขาคิดว่าพ่อของเขาใจอ่อนลงไปมากแล้ว พ่อคงเข้าใจแต่ก็ยังคงรับไม่ได้

   

   พอหมดเวลาเยี่ยมตอน 2 ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน เหลือแค่ตฤนที่นอนเฝ้าปราชญ์ เขาลากเก้าอี้ไปไว้ที่ข้างเตียง ขยับเข้าไปจูบหน้าผากคนป่วยด้วยความคิดถึง เขานั่งลงบนเก้าอี้ ขยับสองมือขึ้นกุมมือของปราชญ์เอาไว้ จะไม่ปล่อยมือ...

   ปราชญ์รู้สึกตัวขึ้นในกลางดึก ตฤนฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ เขาขยับยิ้มบางในความมืด สองมือเรียวบางกุมมือเขาเอาไว้แน่น อย่างกลัวว่าเขาจะหายไป แต่คนที่ต้องกลัวมันคือเขาต่างหาก ความคิดสะดุดลง ความเพลียทำให้เขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง ราวกับนอนชดเชยให้กับช่วงเวลาที่ผ่านมา

   

   ตฤนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าที่แสงแดดสาดเข้ามา เขาพบว่าปราชญ์นอนมองเขาตาแป๋ว

   “ทำไมไม่ปลุกละ” เสียงแหบที่ฟังดูเซ็กซี่เอ่ยกับคนที่เอาแต่นอนมองเขา

   “นอนมองแบบนี้ก็มีความสุขดี”

   ดวงตากลมมีประกายวูบไหว เมื่อคิดว่าเขาเกือบทำคนตรงหน้าหายไปตลอดกาล เกือบทำให้คนสำคัญตรอมใจตาย เขารู้สึกผิด...

   ร่างบางจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง ก่อนขยับปล่อยมือที่เกาะกุมปราชญ์ออก มันทั้งร้อนและชื้น แต่ปราชญ์กลับดึงเอาไว้ เขาจับมันไว้แน่น

   “หือ?”

   “ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว” ปราชญ์พูดเสียงเบา ทว่าหนักแน่น

   “ปล่อยเถอะ” ตฤนพูดตอบทันควัน

   ใบหน้าของปราชญ์เจื่อนลง เขาคิดว่าอะไร ๆ ดีขึ้นแล้วเชียว มันแค่ช่วงที่เขาป่วยหรอ งั้นเขาจะป่วยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตฤนจะได้ไม่ไปไหน

   ตฤนเพ่งมองใบหน้าเจื่อน ๆ นั่น ก่อนจะรีบพูดออกมา เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด “กูปวดฉี่”

    ปราชญ์ยิ้มออกมาแต่ไม่ยอมปล่อยมือ “ก็หาขวดแถวนี้ใส่เอาสิ”

   “ไอ้ปราชญ์”

   “ก็ได้” เขาพูดพลางปล่อยมือ “รีบ ๆ กลับมานะ คิดถึง”

   ตฤนกลับออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินกลับเข้าไปหาคนป่วยที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ร่างบางอ้าแขนออกกว้างก่อนจะกอดคนป่วยเอาไว้แน่น

   ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างกอดกันนิ่ง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันก็ได้ ให้อ้อมกอดอุ่นและเสียงหัวใจคุยกัน แค่นั้นก็พอ...

   ช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนพายุฝนที่พัดกระหน่ำจนน้ำท่วม จนอะไรต่อมิอะไรมันพังทลาย แต่พอมาตอนนี้ พายุร้ายถูกปัดเป่าออกไป พร้อมกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ความอบอุ่นกลับมาเยือนพวกเขาอีกครั้ง...

   

   “ขอกลับไปบ้าน อาบน้ำเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนได้มั้ย” ตฤนพูดขึ้นขณะนั่งเท้าคางมองคนป่วยอยู่ข้างเตียง

   “ก็ได้...แต่คิดถึงนะ”

   “ไปแปปเดียว รีบไปรีบมา อยู่คนเดียวได้มั้ย”

   “ไปเถอะ” ร่างสูงพูดพลางขยับมือมายีหัวอีกฝ่ายจนผมเสียทรง “กูอยู่ได้เดี๋ยวที่บ้านก็คงมาเยี่ยมแล้ว กวางอีกมันอาจจะแว่บมา”

   ตฤนพยักหน้า ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องเพื่อกลับไปที่บ้าน ที่จากมาหลายวัน

   

   ครอบครัวของปราชญ์มาเยี่ยมในช่วงสาย ๆ

   ปราชญ์เห็นครอบครัวมาเยี่ยมพร้อมหน้า แม่กับพี่ชาย ถามไถ่อาการไม่หยุด เขาเห็นแม่น้ำตาคลอเมื่อเขาบอกว่าสบายดี ผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาไม่มีวี่แววว่าจะเดินมาหาเหมือนคนอื่น เขาดึงสายน้ำเกลือออกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อ เขาคุกเข่าลง ก้มหัวต่ำ หน้าผากแนบลงไปกับพื้น

   “พ่อครับ...ผมขอโทษ แม่ครับผมขอโทษ พี่ครับผมขอโทษ”

   “ปราชญ์ ทำอะไรแบบนั้น” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักแม้จะยังงงๆอยู่

   “ผมรักตฤนจริง ๆ ครับ ขอโทษที่ไม่เคยบอก...”

   ผู้เป็นพ่อยังคงเงียบ เขามองลูกชายนิ่ง ๆ เลือดที่ไหลซึมตรงจุดให้น้ำเกลือ ไหลออกมาเปรอะเปื้อนพื้น

   “ให้ผมรักเขาเถอะนะครับ ผมรักเขาจริง ๆ” น้ำเสียงปราชญ์หนักแน่นแต่ก็แอบที่จะสั่นอยู่หน่อย ๆ เมื่อน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อคลอ

   “...”

   “ได้โปรดอย่าทำร้ายตฤนเลย”

   “ลุก” ผู้เป็นพ่อพูดออกมาแค่คำเดียว ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “ไม่ครับ จนกว่าพ่อจะยอมรับตฤน”

   เลือดสีเข้มยังคงไม่หยุดไหล ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ

   “ผมน่ะไม่ใช่คนดีคนเก่งอะไรขนาดนั้น แต่ตฤน...ทำให้ผมพยายาม ให้เป็นผมที่ดียิ่งกว่าเดิม”

   เขานึกถึงสมัยเรียนที่นั่งอยู่หลังห้อง ซ้อมกีฬาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเท่ เขาไม่ใช่คนโง่ แต่แค่ไม่ขยัน อาจจะไม่รอดก็ได้ ถ้าไม่เจอเด็กเนิร์ด ที่คอยให้เขาลอกการบ้าน จากนั้นเขาก็แค่อยากเป็นปราชญ์ที่ดีกว่าเดิม ดีพอจะปกป้องดูแลอีกฝ่ายได้ เป็นคนที่จะคอยดูแลนายตฤนชาติตลอดไป

   “ผมรักตฤน มันสำคัญกับผมจริง ๆ”

   

   ตฤนมาถึงโรงพยาบาลในช่วงสาย มือบางแง้มประตูเปิด เขาเห็นปราชญ์นั่งคุกเข่าก้มหน้าติดพื้นในห้องผู้ป่วย เขาเข้าไปได้มั้ย เรื่องภายในครอบครัวหรือเปล่า ...ได้มั้ยวะ

   “ผมรักตฤน...”

   เรื่องของเขา... ไม่ใช่เรื่องของใคร งั้นเขาก็ควรที่จะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่าย

   ตฤนพยายามปั้นหน้าให้ดูนิ่งสุขุมสู้ความกังวล พี่ปราบกับคุณแม่ เขาไม่หนักใจ แต่เขากลับกังวลกับคุณพ่อของปราชญ์ ยังจำเสียงตวาดกับความเจ็บที่หัวไหล่ได้ดี เขาจะพยายามอดทน จะรับมือให้ได้

   ในห้องเงียบสงัด บรรยากาศกดดัน ทำให้ตฤนเกร็งไปหมด ปราชญ์ที่นั่งคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา เจ้าตัวรู้สึกแปลก ๆ ที่ตฤนกลับมาเร็วเกินไป จนต้องมาเห็นสภาพไม่ได้เรื่องของเขา

   ตฤนนั่งลงคุกเข่าข้าง ๆ ปราชญ์

   “ผมขอโทษด้วยครับ” ตฤนพูดขึ้นพลางก้มหัวแนบติดพื้น เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องขอโทษ แต่ก็ยอม เขาเห็นปราชญ์ทำแบบนั้น ยอมทำแบบนั้นเพื่อเขา “ให้เราได้รักกันเถอะนะครับ”

   ชายสูงวัยมองผู้ชายสองคนที่นั่งคุกเข่าก้มหัวขอร้องอ้อนวอนเขา ขอให้เขายอมเมตตาอนุญาตให้ทั้งคู่ได้รักกัน...

   แต่...

   “ฉันขอโทษ” พ่อของปราชญ์พูดขึ้นมาลอย ๆ

   “ครับ” ตฤนจำใจขานรับ เมื่อทุกคนต่างเงียบ ไม่มีใครตอบรับคำพูดของพ่อปราชญ์

   “ที่...ปาของใส่” ชายสูงวัยพูดเสียงเบา เขาจะพยายามยอมรับให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา “แล้วก็อย่าทำให้มันต้องโคม่าอีก” พ่อพูดแค่นั้นก็ลุกเดินออกจากห้องไป

   “พ่อเขาเป็นแบบนั้นแหละ ท่าเยอะ” ผู้เป็นแม่พูดพลางส่งยิ้มให้ เธอก็ยังรับไม่ได้เต็มร้อยนัก แต่ถ้าเทียบกับการที่ปราชญ์ต้องเฉียดตาย เธอยอม...เห็นแก่ความสุขของลูกดีกว่า

   “ลุกขึ้นมาได้แล้วว้อย ทำเป็นละครน้ำเน่าสมัยก่อนไปได้ มานั่งคุกเข่าก้มหัวอะไรกัน” พี่ปราบพูดกวน

   ตฤนขยับลุกขึ้นในขณะที่ปราชญ์เงยหน้าขึ้นมาแต่ยังนั่งนิ่ง

   “ปราชญ์เป็นอะไรเปล่าวะ ลุกได้มั้ย” ตฤนถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

   “เหมือนโลกหมุนเลย”

   “เลือดออกเยอะอ่ะดิ” ตฤนเข้าไปประคองอีกฝ่าย มือบางสอดที่ใต้วงแขนของคนป่วยก่อนจะออกแรงยกปราชญ์ขณะที่เจ้าตัวก็พยายามลุกขึ้นยืน

   “ถอดสายน้ำเกลือแบบนี้ แกโดนป้าพยาบาลด่าแน่” ปราบยังคงพูดแหย่น้องชาย ปล่อยให้แฟนหนุ่มประคองปราชญ์ไปนั่งที่เตียงผู้ป่วยอย่างทุลักทุเล

   “ไม่ช่วยแล้วยังบ่นอีก” ปราชญ์พูดสวนกลับ

   “แกต้องขอบคุณพี่นะปราชญ์” ปราบพูดพลางกอดอก

   “ทำไมล่ะ”

   “เพราะนอกจากพี่จะแบกแกมาโรงพยาบาลแล้ว พี่ยังรับแบกภาระการปั้มลูกมาไว้เองยังไงล่ะ!” ปราบพูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย

   “พี่จะทำได้หรอ” ปราชญ์แกล้งพูดสบประมาทผู้เป็นพี่

   “ไอ้นี่ ได้สิวะ”

   “หึ อย่าบอกนะว่าพี่กับพี่ขมิ้นน่ะ” ปราชญ์พูดแหย่ หญิงสาววิศวกรประจำไซต์งานที่พี่ชายเขาแอบต้องตาต้องใจ

   “เออจีบติดแล้วว้อย” ปราบพูดพลางยิ้มเขิน ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ เขาก็มีแฟนสาวที่น่ารักมากเหมือนกัน “ตฤนพี่ฝากดูแลปราชญ์ด้วยนะ ขุนให้มันกลับมามีเนื้อมีหนัง หล่อเหลาเหมือนพี่”

   “แบบพี่เรียกอ้วน” ปราชญ์ยังคงปากดี

   ปราบทำท่าจะประเคนมะเหงกใส่ปราชญ์ เห็นแก่มันเพิ่งฟื้น ก็เลยยอมปล่อยไปก่อน แล้วยังทำใจเด็ดดึงเข็มที่ให้น้ำเกลือออกอีก

   “แม่ครับไปกันเถอะ รำคาญน้อง เออ เดี๋ยวไปบอกพยาบาลให้ โดนบ่นแน่ไอ้ปราชญ์”

   แม่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ตฤน ก่อนพวกเขาเดินออกไป ทิ้งทั้งคู่ให้อยู่กันตามลำพัง

   

   “ปราชญ์... กูขอโทษนะ”

   พอทุกคนออกไปกันหมด ตฤนก็เดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาอยากจะอยู่ใกล้ ๆ  สองมือโอบรอบแผ่นหลัง ใบหน้าเนียนซุกอยู่กับไหล่หนาพูดสิ่งที่ยังติดอยู่ในใจ เขารู้สึกผิดจริง ๆ ที่ทำให้ปราชญ์ต้องเป็นแบบนี้ ถึงขั้นต้องถอดสายน้ำเกลือออก แล้วยังต้องมานั่งคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนแบบในละครอีก

   “อาการป่วยมันเกิดจากที่กูกินไม่ได้นอนไม่หลับเอง” คนป่วยกอดปลอบ

   “แต่ต้นเหตุ...”

   “อื้ม แค่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกก็พอ” คนป่วยพูดพลางกระชับอ้อมแขน

   “สัญญา”

   ดวงตากลมมีน้ำตารื้นที่ขอบตา เขาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนซุกหน้าลงกับไหล่หนา แต่อารมณ์เศร้าก็ถูกขัดเมื่อปราชญ์พูดหยอก...

   “ต้องจูบสาบานก่อนถึงจะเชื่อ”

   “ไม่ใช่แต่งงานนะเว้ย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตฤนก็ขยับตัวออก พวกเขาจ้องหน้ากันนิ่ง ปลายจมูกแตะกันก่อนที่ตฤนจะเอียงหน้า และประกบจูบอย่างเขินอาย

   “อื้อ”

   ตฤนครางในลำคอ เขาสัญญาจากใจ ไม่เอาอีกแล้วแบบนี้ เหนื่อยเกินไป สองมือลูบไล้กันด้วยความคิดถึง แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องถาม...

   เมื่อคลายอ้อมกอด ตฤนมีท่าทางอึกอักลังเลใจ เขาก้มหน้าลอบมองพื้น ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

   “ปราชญ์ มึงอยากมีลูกมั้ย” จู่ ๆ ตฤนก็ถามขึ้นมา ไอ้เรื่องคิดมาก มันแก้ไม่ได้จริง ๆ

   “อยาก”

   ตฤนหันควับกับคำตอบนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำให้ไม่ได้ หรือจะให้ปราชญ์ไปมีผู้หญิงอื่น ปราชญ์จะได้มีลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ...

   ใบหน้าของตฤนเจื่อนลงอย่างชัดเจน ปราชญ์เห็นแบบนั้นก็พยายามกลั้นยิ้ม เมื่อร่างบางตรงหน้าถามเองนอยเอง หวงเขาขึ้นมาเหมือนกันเล้วล่ะสิ

    “ตฤนล่ะ อยากมีลูกหรือเปล่า”

   ความคิดที่ทำให้ตฤนใจหายสะดุดลง เมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายกลับถามเขากลับมา

   “ก็เฉย ๆ มีก็ได้ไม่มีก็ได้”

   “ไว้หลายปีข้างหน้า พวกเราพร้อม เราไปรับเด็ก ๆ มาเลี้ยงกันเนอะ” ปราชญ์พูดพลางยิ้มสดใส ความจริงแค่มีตฤนเขาก็พอแล้ว

   “อื้อ” ตฤนพยักหน้าหงึกหงัก เขายิ้มกว้าง เมื่อปราชญ์เตรียมทางออกเอาไว้ให้ เขาไม่ต้องยอมให้ปราชญ์ไปมีใคร หรือเป็นของใคร เพราะมันเป็นของเขาคนเดียว

   “แต่...”

   ความคิดของตฤนสะดุดลงอีกครั้งเมื่อมีคำว่าแต่...

   “แต่อะไร?”

   “มีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่า” ดวงตาปราชญ์มีประกายวิบวับ ใบหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็ดูกรุ้มกริ่มกระลิ้มกระเหลี้ย ตฤนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ เขาไม่ยอม... ยังอ่อนแออยู่แท้ ๆ เป็นคนป่วยที่ขาดน้ำขาดอาหารแบบนี้ ยังจะหาเรื่องเอาน้ำออกอีก เขาคิดอย่างเขิน ๆ

   “ไม่ได้ จนกว่าจะหายออกจากโรงพยาบาล” คำพูดของตฤนดับฝันแสนหวานของปราชญ์ไปทันที

   “ไม่ได้จริง ๆ หรอ” ปราชญ์ทำหน้างอแง ก่อนจะทำคอตกอย่างน่าสงสาร ก็เขาอยากจะใกล้ชิดสนิทแนบแน่นให้หายคิดถึง

   “เออไม่ได้ กินเยอะ ๆ นอนเยอะ ๆ หายแล้วค่อยว่ากัน” รอบนี้ต้องเสียใจด้วยจริง ๆ เขาใจแข็งพอ เพื่อตัวของมันเอง เขาจะไม่ยอม...ทำอะไร ๆ

   “ถ้าได้ออกกำลังกายอาจจะหายเร็วก็ได้” ปราชญ์ยังคงพยายามจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกล่อมเขา

   ตฤนขยับเข้าไปจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากช่างเจรจานั่น จะได้เงียบสักที

   “ให้แค่นี้”

   ปราชญ์ได้แต่พยักหน้า แค่นี้ก็ได้วะ!!!

   

   ก๊อก ก๊อก

   

   “คนไข้ เตรียมใจจะโดนเจาะมืออีกรอบหรือยังคะ” เสียงเคร่งขรึม ติดจะดุของป้าพยาบาลดังขึ้น ทำเอาปราชญ์ยิ้มแห้ง ก่อนที่ป้าพยาบาลจะบ่นยาวเหยียดถึงสิ่งที่คนป่วยทำ “จะดึงถอดสายน้ำเกลือแบบนี้ไม่ได้ รู้มั้ยว่ามัน... บลาบลา” คำบ่นยาวจนทั้งคนป่วยและพยาบาลจำเป็นได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังคำดุแต่โดยดี นี่ถ้าแกเอาไม่บรรทัดตีได้คงไล่ตีทั้งปราชญ์และเขาแล้ว และอาจจะให้ไปยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัด หันหน้าเข้าหากำแพงด้วยเป็นการลงโทษ...

.
[ปราชญ์ฟื้นเเล้ว เลิกดราม่า เลิกหน่วง มารักกันจริง ๆ จัง ๆ สักที
สาดน้ำตาลไล่น้ำตากันค่าาาา
 :katai2-1:]

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 35 ความสุขของคนที่รัก

   

   ตฤนนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มือเท้าคางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ก่อนดวงตาคมจะตวัดกลับมาสบ คนที่เอาแต่จ้องหน้าเขา

   “มองอะไรขนาดนั้น” ปราชญ์พูดถามทั้งที่ยังกลืนไม่หมด

   “ก็ ละ...แล้วมันทำไมล่ะ คิดถึงไง” ตฤนละล่ำละลักตอบ ทำไมล่ะ ก็เขาน่ะคิดถึงอีกฝ่ายมากจนอยากจะนั่งมองทั้งวันทั้งคืน

   “คิดถึงใบหน้าหล่อ ๆ ของแฟนคนนี้ก็ดีแล้ว ทิ้งไปแบบนั้นรู้มั้ยว่าทรมานเกือบตาย”

   “รู้ซึ้งแล้ว เกือบตายไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย”

   “เออนี่ เกือบไม่ตื่นขึ้นมาแล้วนะ” ปราชญ์พูดต่อหลังจากกลืนข้าวคำที่เคี้ยวอยู่จนหมด ก่อนยกน้ำขึ้นจิบ

   “หืม?”

   “เหมือนจะฝันน่ะสิ ได้ยินเสียงตฤนตลอดเวลา จนไม่อยากลืมตา”

   “ขนาดนั้นเลยหรอ”

   “ใช่ แต่... ได้ยินใครบางคนบอกว่าอืมมม... ตื่นได้แล้ว ไม่คิดถึงกูหรอ ก็เลยพยายามจะลืมตาขึ้นมา ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นตื่นหรือหลับ หรือยืนอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ”

   ตฤนผุดยิ้มบาง เมื่อคิดว่าเสียงตัวเองส่งเข้าไปถึง

   “น่าจะแค่หลับ แล้วฝัน ใครพูดแบบนั้นกันนะ” ร่างบางขยับมือไปหยิบข้าวที่เปื้อนอยู่ตรงคางของอีกฝ่ายออกให้

   “ไม่ได้พูดหรอ” ปราชญ์ถามเสียงเบา ใบหน้างุนงง ใครกันพาเขากลับมา

   “อ่า...พูดน่ะสิ”

   “ถ้าไม่ได้ตฤนแย่เลยนะเนี้ย” มือหนาเอื้อมไปดึงแก้มของตฤนด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากหลับอยู่ในฝันดำมืดเพราะแค่อยากได้ยินเสียงของตฤน แต่พออีกฝ่ายเรียกหา เขาก็พร้อมที่จะไปหาทันที

   “เจ็บนะว้อย” ตฤนพูดพลางคว้าข้อมือหนาเอาไว้

   “รัก”

   “ฮะ?” ตฤนหลุดทำเสียงตกใจ พร้อมทำหน้าเหวอเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนโหมดหน้าตาเฉย มาบอกว่ารักทั้งที่ยังดึงแก้มเขาอยู่ แล้วยังส่งแววตาหวานซึ้งมาให้จนเบาหวานแทบขึ้น

   “รัก รักไง รักมาก” เขาวางมือจากอาหารตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายตรง ๆ มืออีกข้างลูบไล้แก้มเนียน ทั้งจับทั้งลูบจนตฤนทำตัวไม่ถูก “โคตรรักเลย”

   “...” ตฤนได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อะไรของมัน ในข้าวมันมีอะไรอยู่หรือไง อยู่ดี ๆ ถึงได้มาพร่ำบอกรัก อย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ไม่หยุด

   “เออ แล้วยังไง”

   “ก็รักไง”

   “ก็รู้แล้ว”

   “งื้อออออ” ปราชญ์ครางออกมา เหมือนจะน่ารักมุ๊งมิ๊ง

   “ปราชญ์... เป็นห่าอะไร”

   “เฮ้อ อออ” ปราชญ์ถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนดึงมือที่ทั้งลูบทั้งดึงแก้มอีกฝ่ายกลับมาวางบางตัก

   “อยากฟังว่ากุรักเมิงบ้างงี้หรอ”

   ร่างสูงพยักหน้ารัว ๆ เขามองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู เมื่อแฟนหนุ่มดันดูเหมือนหมาน้อยตัวใหญ่

   “กูรักเมิง...ตลอดนั่นแหละ”

   “งื้ออออออออ” ร่างสูงส่งเสียงครวญครางงอแง

   “อะไรอีกกกก”

   “ตฤนน่ารัก”

   ท่าทีและน้ำเสียงของปราชญ์ ทำให้เขาอยากจะเอาหัวโขกกับหัวเตียง โขกกับผนัง โขกกับพื้น เผื่อสมองจะปรับและชินกับความเพี้ยนของปราชญ์ ผู้ชายตัวสูงที่เอาแต่ส่งเสียงประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็น หรือเพราะยา เพราะอาการป่วยหนัก อะไรของมัน โว้ย อยากจะเอาหัวโขกให้เพี้ยนตาม

   อยากเอาหัวโขก ย่อมได้ตามนั้น เขาได้เอาหน้าผากไปโขกกับหน้าผากของอีกคนแทน เมื่อจู่ ๆ ปราชญ์ก็ใช้สองมือจับใบหน้าเนียนเอาไว้ พร้อมกับขยับมาชิด เอาหน้าผากมาชน

   ตฤนหลับตาลงอย่างรู้งาน ขณะที่ปราชญ์ จูบแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากนุ่ม หยอกเหย้าริมฝีปากบางแผ่วเบา อย่างอ้อยอิ่ง ส่วนมือข้างหนึ่งกลับขยับด้วยสัญชาตญาณ เมื่อมือหนาสอดเข้าไปในเสื้อยืดของตฤน ลูบไล้หน้าท้องแบนราบไปมาชวนให้ขนลุกซู่ อีกฝ่ายถึงได้สติกลับคืนว่าควรที่จะรีบตัดไฟก่อนที่จะลุกไหม้อย่างคุมไม่อยู่เหมือนครั้งก่อน

   มือบางคว้าตะครุบมือหนาที่ซุกซน ตฤนฝืนหนีออกจากการเกาะกุมที่เขาก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน เขาจะไม่อ่อนข้อให้คนป่วย ปราชญ์ทำหน้าเหมือนเสียดายเต็มประดา

   “ตฤน...”

   “ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องนะ เป็นแบบนี้จะทิ้งให้อยู่คนเดียว”

   “ครับ ยอมแล้วครับ ทำตามที่สั่งเลยครับ” ปราชญ์ได้เข้าสมาคมคนกลัวเมียไปแล้ว เป็นพ่อบ้านใจกล้า

   ...แต่ก็ยังไว้ลายเสือ ขโมยหอมแก้มเนียนอีกครั้งฟอดใหญ่ ก่อนฉีกยิ้มทะเล้น

   ตฤนได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เอาเถอะ ถ้าไม่มือปลาหมึกมาก จะหอมนิดหอมหน่อยก็เอาเถอะ

   

   ช่วงสายหมอก็แวะมาเยี่ยมตรวจดูอาการคนป่วย คนป่วยก็ทำตัวไม่สมกับที่ป่วยเลยแม้แต่น้อย

   “หมอครับบบบ ผมหายหรือยัง จะออกจากโรงพยาบาลได้หรือยังครับ” ปราชญ์รีบถามทันที เมื่อคุณหมอเริ่มตรวจเช็ค

   ตฤนสะดุ้งกับคำถามนั้น ที่เจ้าตัวมันถาม มีอะไรแอบแฝงอยู่...

   “ก็เดี๋ยวรอดูอาการพรุ่งนี้อีกวัน” หมอตอบก่อนจะยิ้มให้ ส่วนใหญ่คนไข้ก็ไม่ชอบที่จะนอนอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ อยู่แล้ว แต่ที่คุณหมอไม่รู้ก็คือ คนไข้ของคุณหมออยากออกจากโรงพยาบาล เพราะว่าเขาหื่นกามมาก ๆ

   “ขอบคุณครับ” ปราชญ์ยิ้มกว้าง หมอผงกหัวให้นิดนึงก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   ตฤนส่ายหัวให้กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปราชญ์

   “ฮ้าาาาา เดี๋ยวก็ได้ออกไปแล้ว”

   “ถ้าอาการพรุ่งนี้ดีน่ะนะ”

   “แน่นอน ปราชญ์น่ะ แข็ง แรง อยู่แล้ว” ร่างสูงพูดกลั้วขำ ตั้งใจพูดเว้นวรรคคำแปลก ๆ เพื่อสื่อความหมายลามกในประโยคนั้น

   ตฤนได้แต่มองคนลามกด้วยสายตาเอือมระอา เขาถอนหายใจให้กับความติดเรทของแฟนหนุ่ม

   “อยากกินสัปปะรดจัง” ปราชญ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็มีอะไรแอบแฝง

   “เอามั้ยไปซื้อให้”

   “รู้มั้ยทำไมต้องกินสัปปะรด”

   “ไม่รู้อ่ะ มันเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินแล้วสดชื่นมั้ง”

   “ผิด กินแล้วน้ำอันนั้นจะหวาน”

   “น้ำ?” ตฤนทำหน้างงงวย น้ำอะไรวะ

   “น้ำที่ออกมาตอนเสร็จอ่ะจะหวาน” ปราชญ์พูดชัดเจน ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

   “ไอ้ทะลึ่งนี่!” ตฤนหน้าร้อนวูบวาบเมื่ออีกฝ่ายพูดแกล้ง เขาเลยคว้ากระเป๋าพร้อมรีบเผ่นหนีออกมาจากห้อง ปล่อยคนหื่นกามให้อยู่คนเดียว... มันเป็นคนนิสัยไม่ดี!!!

   

   ตฤนโทรแจ้งที่ทำงาน ว่าหลังจากจบเรื่อง อาทิตย์หน้าเขาจะไปทำงานปกติ ดีที่พี่วริษฐ์แต่งเรื่องแต่งราวไว้ให้แถมส่งไลน์มาบอกให้เขาเล่นไปตามน้ำ ถ้าไม่นับเรื่องนั้นเรื่องเมื่อครั้งนั้น อีกฝ่ายก็ดีกับเขาเสมอจนถึงตอนนี้ ไม่น่าเกิดเรื่องวันนั้นขึ้นเลย เขานึกเสียดายความสัมพันธ์...ถ้าปราชญ์แอบมาฟังแล้วได้ยินคำนี้ในหัวเขาคงบ้านแตก เขาหมายถึงความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง เพื่อนร่วมงานที่ดี ไม่มีเกินกว่านั้น อีกฝ่ายน่ะอาจจะทำให้เขารู้สึกประหลาด คงเพราะว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์ มีความเนี๊ยบ คารมแบบผู้ใหญ่อัธยาศัยดี แต่ถ้าความรัก เขาก็มีให้ปราชญ์ แค่คนเดียว...

   วันนี้ครอบครัวปราชญ์มาตอนบ่าย ตฤนก็จะนั่งหลบมุมจ๋อย ๆ ไม่ได้ออกไปจากห้อง พ่อของปราชญ์ไม่มีทีท่าอะไรกับเขา เหมือนจะรับได้หรือไม่ก็คงพยายามอยู่ ส่วนแม่ของปราชญ์ใจดีเอาขนมมาให้เขากินด้วย พวกเขามาแค่แปปเดียวก็กลับ จะด้วยอาการของปราชญ์มันไม่ค่อยน่าเป็นห่วงแล้ว หรือเพราะอึดอัดกับเขาก็ไม่อาจจะทราบได้

   ปราชญ์รู้ว่าตฤนยังคงวิตกกังวล เขาก็เข้าใจพ่อของเขาที่ก็คงพยายามจะยอมรับ แต่ก็นะยิ้มให้สักนิดก็ไม่มี ตัวเขาก็ได้แต่ปลอบอีกฝ่าย

   “ไม่เอา ไม่ขมวดคิ้ว เดี๋ยวพ่อก็รับได้น่า”

   “หือ?” เขายกมือขึ้นจับที่หว่างคิ้วเมื่อเขาเผลอขมวดโดยไม่รู้ตัว

   “ถ้าตฤนกังวล เราหนีตามกันไปเลยดีมั้ย”

   “ไอ้บ้า” คำพูดหยอกล้อบ้า ๆ บอ ๆ ของปราชญ์ ทำเอาเขายิ้มออก

   



   พอช่วงเย็นคนมาเยี่ยมกลายเป็นบ้านของตฤนที่ถ่อกันมาเยี่ยมเขาราวกับเขาป่วย พี่ขวัญ แม่ และ ... คนที่เข้ามาในห้องคนสุดท้ายทำเอาตฤนตกใจตาโต ใบหน้าดีใจผสมความกังวล

   พ่อมา...

   “พ่อ!” ตฤนเรียกเสียงดัง เมื่อผู้เป็นพ่อมาพร้อมกับกระเช้าผลไม้อันใหญ่ อย่างกับจะมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่หรือไม่ก็ให้หัวหน้างาน

   “มีแฟนไม่บอกพ่อ” คำทักคำแรกของพ่อทำเอาตฤนสะอึก

   “พ่อรู้”

   “แน่นอน”

   “สวัสดีครับ” รอบนี้เป็นปราชญ์บ้างที่มีควาวมวิตกกังวล เขาเพิ่งเจอพ่อของตฤนไปเมื่อไม่นานแต่เป็นสถานะอื่น ตอนนั้นยังสบาย ๆ แต่ตอนนี้ไปยุ่งกับลูกชายสุดรักของเขาซะด้วย ปราชญ์ได้แต่สูดลมหายใจทำใจดีสู้เสือ พ่อตฤนน่าจะรับมือไม่ยาก

   “ว่าไงไอ้ลูกเขย” ไม่ยากจริง ๆ เหมือนรับได้ทุกอย่างเป็นอย่างดี

   “ครับพ่อ” เขายกมือไหว้ และยิ้มให้อย่างนอบน้อม รับคำว่าลูกเขยเป็นอย่างดี

   ก่อนเบ้หน้านิด ๆ เมื่อผู้เป็นพ่อตบเข้าที่ไหล่เขาอย่างแรง

   “ตฤนเจ็บมากกว่านี้หน่อย”

   “พ่ออออออ” ตฤนร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อ ทักทายแฟนหนุ่มรุนแรงเกินไป แล้วยังพูดแบบนั้นอีก อย่างกับมาเพื่อล้างแค้นให้เขายังไงอย่างงั้น

   “ก็วันนั้นลูกต้องเจ็บตัว เขาปกป้องลูกไม่ได้” พ่อตฤนโวยวาย ตฤนพยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากอีกสองคน ก็พบว่าแม่กับพี่ขวัญนั่งอยู่ที่โซฟา กินอะไรสักอย่างที่ซื้อมา และมองมาทางพวกเขาเหมือนกำลังดูละครเพลิน ๆ

   “ผมขอโทษครับ” ปราชญ์พูดขอโทษ พลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อย เขาปกป้องอีกฝ่ายไม่ได้จริง ๆ เขายอมรับ ตอนนั้นเขาก็ตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   “ถ้า...” พ่อตฤนทำท่าจะพูดขู่ แต่พูดได้แค่ถ้าคำเดียว ปราชญ์ก็ชิงพูดก่อน

   “ต่อไปผมจะปกป้องตฤนให้ดีครับ”

   “ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ” พ่อพูดย้ำ โรคหวงลูกกำเริบ ตฤนได้แต่มองพ่อของเขา นี่ขนาดเขาเป็นลูกชายนะ ถ้าเป็นลูกสาว ปราชญ์เละ ไม่สิ ถ้าเป็นลูกสาว เขาอาจจะไม่โดนพ่อปราชญ์ทำอะไรแบบนั้นแต่แรกก็ได้...คิดแล้วก็เหนื่อยใจ แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงหรอกนะเว้ย

   “ผมผิดไปแล้ว คุณพ่อครับ ผมรักตฤนจริง ๆ ครับ” ปราชญ์พูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย มันหนักแน่นชัดเจน ความตรงไปตรงมาทำเอาพ่อของตฤนอ้าปากเหวอไปเล็กน้อย

   “อะแฮ่ม” พ่อของตฤนได้แต่กระแอมแก้เขิน “ก็ดีแล้ว ถ้าทำตฤนเสียใจน่าดู”

   แปะ แปะ แปะ

   พี่ขวัญปรบมือแปะ ๆ

   “อย่างกับดูละคร สนุกเหมือนเรื่องเมื่อคืน”

   แม่พยักหน้าเออออด้วย เธอมองลูกชายสุดรักของเธอที่ตอนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับเมื่อหลายวันก่อน ที่เอาแต่เหม่อ เอาแต่ร้องไห้ หัวใจคนเป็นแม่น่ะนะ

   “แล้วนี่ลูกไม่คิดจะกลับบ้านบ้างหรอไง กี้มันคิดถึงลูกเหมือนกันนะ” ผู้เป็นพ่อพูดต่อ เขากลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อวานเย็น ถามหาลูกชายก็บอกว่าเฝ้าแฟนอยู่โรงพยาบาล เขาที่อยากเจอลูกก็ได้แต่จ๋อย มันน่าน้อยใจ

   “กี้เพิ่งเจอผมเมื่อวันก่อน มันไม่คิดถึงเท่าไหร่หรอก” ตฤนตอบกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ เขารู้ว่าพ่อเอากี้มาบังหน้า คนที่คิดถึงเขามากคือพ่อนั่นแหละ “เอาน่า ผมก็คิดถึงพ่อ”

   “จริงนะ”

   “ครับ”

   คนเป็นพ่อยิ้มหน้าบานเมื่อลูกชายตอบรับว่าลูกชายก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

   พวกเขามาเยี่ยมคนป่วยไม่นานก็กลับไป ผู้เป็นพ่อดูจะอาวรณ์มากที่สุด แต่ก็ยอมกลับไปแต่โดยดี น่าแปลกที่วันนี้กวางไม่แม้แต่จะโผล่มา

   

   และแล้ววันที่ปราชญ์เฝ้ารอคอยก็มาถึง เขาได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะผมตรวจวันนี้เป็นไปด้วยดี แต่เพราะพ่อกับแม่และพี่ชายของเขาจะมารับ ทำให้ตฤนทำท่าจะชิ่งหนี

   “ลืมสัญญาแล้วหรอ” ปราชญ์พูดดักคอเมื่อเห็นว่าตฤนสะพายกระเป๋า

   “มะไม่ได้ลืม แต่พ่อแม่มึงกำลังมารับ...” เขาตอบรับอึกอัก มันรู้ทันตลอด

   “เดี๋ยวกลับไปพร้อมกันไง” ตฤนทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เขาก็ยังเกร็ง ๆ กับพ่อแม่ของปราชญ์มาอยู่ดี

   “วันอื่นนะ”

   “ไม่” ปราชญ์ลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะมาฉุดข้อมือตฤนให้เดินตามมาที่ห้องน้ำ

   “จะให้เข้าไปด้วยทำไม” เขายื้อยุดอยู่หน้าห้องน้ำ

   “ช่วยเปลี่ยนชุดหน่อย” ปราชญ์พูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ “แล้วก็ จะไม่ให้ตฤนคลาดสายตาด้วย เดี๋ยวหนีกลับบ้าน”

   “เฮ้อ” เขาจำนนต้องเดินเข้าไป

   ปราชญ์ให้ตฤนเดินเข้าไปตรงส่วนที่อาบน้ำ เขายื่นหน้าไปจุ๊บปากเบา ๆ ก่อนจะรูดม่านปิด

   “อยู่ในนั้นไปนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แต่ถ้าอยากดู รูดม่านออกก็ได้แล้วแต่เลย” ปราชญ์พูดกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนจะลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้า

   “ไม่ดู!!!” เสียงโวยวายดังมาจากหลังม่าน

   “มีใครอยากแต่งตัวให้มั้ยนะ”

   “ไม่มี”

   “มีใครอยาก...”

   “ไม่มี”

   “มี...”

   “ไม่มี”

   “ยังไม่ทันพูดเลย ... อ่ะเสร็จแล้ว”

   ปราชญ์กับตฤนเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยมีปราบที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้ หันไปมองทั้งคู่ ก่อนจะมองเลยไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ถึงเขาจะเคยเห็นทั้งคู่จูบกันเมื่อตอนนั้น แต่เขาก็ยังไม่ชินหรอกนะ

   “มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ” ตฤนปฏิเสธเป็นพัลวัน

“เออพวกข้าวใหม่ปลามัน” ปราบตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้สนใจคำปฏิเสธของตฤนแม้แต่น้อย

   

   เมื่อตฤนเจอหน้าพ่อแม่ปราชญ์ เขาก็เตรียมตัวจะขอตัวกลับ แต่ก็โดนปราชญ์ชิงพูดขึ้นก่อน

   “เดี๋ยววันนี้ตฤนไปบ้านด้วยนะครับ”

   เขาได้แต่เม้มปากแน่น เพราะพูดไม่ทันปราชญ์

   ในรถมีบรรยากาศอึดอัดนิดหน่อย ปราบเป็นคนขับ ผู้เป็นพ่อนั่งข้างหน้าข้างลูกชายคนโต ผู้เป็นแม่นั่งอยู่ข้างหลังพ่อ ส่วนปราชญ์นั่งตรงกลาง และตฤนนั่งหลังคนขับ

   เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน ตฤนกับปราชญ์ก็ก้าวเท้าลงจากรถ ส่วนแม่กับพ่อเมื่อทำท่าจะลงจากรถ ปราบก็รีบเรียกเอาไว้

   “พ่อกับแม่ ไปกินข้าวกันครับ ทั้งสองคนอยู่บ้านพักผ่อนไปนะ ป่วยอยู่ไม่ควรไปตากลม ส่วนพี่จะพาพ่อกับแม่ไปกินข้าวชอปปิ้ง” ปราบพูดพลางขยิบตาให้น้องชาย

   พ่อกับแม่ไม่ได้ติดใจอะไร พวกเขาก็พยักหน้าตกลง

   เขาเป็นพี่ที่ดี เขารู้ว่าน้องชายคิดอะไร แววตากรุ้มกริ่มของมันปิดไม่มิดเอาซะเลย และในฐานะพี่ชาย ที่ต้องรักษาสมดุลครอบครัว พ่อกับแม่เขายังรับไม่ได้เต็มร้อย เขาก็ด้วย ถ้าทั้งคู่อยากจะทำอะไร ๆ เขาก็จะพาพ่อกับแม่หนีไป แต่เดี๋ยวจะมาเบิกเงินกับมัน

   

   เมื่อเดินเข้าบ้าน ปราชญ์แทบอยากจะอุ้มตฤนไปที่ห้อง เขาต้องการตฤนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่เขาก็ทำแค่เดินจูงอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง และกดล็อคประตู ...!!!

.

.

[กดล็อคประตู!!!! อิอิ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงตอนนี้ได้

ตอนหน้าเป็นตอนจบเเล้วนะคะ แต่ยังไม่จบสนิท เพราะเรามีตอนพิเศษ

ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน และเป็นกำลังใจมาตลอด

ยังไงก็ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า I met you เพราะเราเคยพบกัน
และนี่ก็คือความมือปลาหมึกของปราชญ์
 :hao7:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด