พิมพ์หน้านี้ - ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: RingoPle ที่ 01-05-2019 16:16:50

หัวข้อ: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-05-2019 16:16:50
*****************************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

เพื่อนสนิท ที่ฝ่ายหนึ่งอยากข้ามเส้น แต่ก็ไม่กล้าพอ
ส่วนอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักความรัก ไม่รู้เเม้กระทั่งหัวใจตัวเอง
เนื้อเรื่องที่จะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปให้ทั้งคู่ซึมซับความรู้สึกดี ๆ
นิยาย Feel Good ก็อยากให้มาค่อย ๆ รู้สึกดีด้วยกันนะคะ
มาลุ้นไปด้วยกันว่าพระเอกจะกล้ารุกนายเอกตอนไหน อิอิ :mc4:


*****************************************************************************************

Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท


ถ้าไม่พูดออกไปคงจะได้เป็นเพื่อนกันตลอดไป
แต่ถ้าไม่พูดออกไปจะเป็นได้ ' แค่ ' เพื่อนกันตลอดไป

ถ้าทนมองเขารักกับคนอื่นได้ก็จะยอมเก็บความรักเอาไว้
แต่เพราะทำไม่ได้ ถึงต้องพยายามสะสมความกล้า เปลี่ยนเป็นความรัก
จะพยายามมทุกวิถีทางจะเอาความรักฟาดหัว(ใจ)นายจนกว่านายจะยอมรักฉัน

ถ้าตฤนแปลว่าหญ้า เขาก็ยอมเป็นควายเพื่อกินหญ้า ไม่เป็นเเล้วนักปราชญ์...

//ความคิดในใจของผู้ชายที่เฝ้าแอบรักเพื่อนสนิทมาหลายปี แต่ไม่กล้าบอก

++++++++++++++++++++

[ ปราชญ์ แปลว่า ผู้มีปัญญา]

หนุ่มหล่อครบเครื่อง หน้าตาดี เล่นกีฬาเก่ง
โผล่มาช่วยเหลือตฤนเสมอเวลามีปัญหา
มีสาวมากมายมารุมรัก แต่ดันพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนชายคนสนิท

+++++++++++++++++++

[ ตฤน แปลว่า ต้นหญ้า]

หนุ่มน้อยหน้าใส ไร้เดียงสา (ซื่อบื้อ) มีดีที่เรียนเก่ง
ผู้มีประวัติการมีแฟนเป็นศูนย์! ยังไม่เคยตกหลุมรักใคร
มีหัวใจให้เเค่ สาวน้อยในการ์ตูน กับสาวไอดอล

+++++++++++++++++++

[ วริษฐ์ แปลว่า ดียิ่ง (ดีวรนุชๆ) ]

หนุ่มหล่อเนี๊ยบ เหมือนจะดุแต่แสนใจดี
ขยันโปรยสเน่ห์ป้ายยาสาว ๆ ในที่ทำงานให้หลงใหล
มีความลับบางอย่างที่หลายคนไม่รู้...

+++++++++++++++++++
 :katai2-1:

[/color]
ฝากเพจด้วยนะคะ เพจใหม่ใสกิ๊ง เอาไว้อัพเดทนิยาย พูดคุย ติดตาม ทวงถามค่า
FB - RingoPle (https://www.facebook.com/RingoPlewriter/?modal=admin_todo_tour)

บทที่ ศูนย์ ชะตากรรมเด็กจบใหม่เช่นเขา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3969870#msg3969870)

บทที่ 1 นักปราชญ์ขี่ม้าขาว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3970254#msg3970254)

บทที่ 2 ความว้าวุ่นของปราชญ์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3970604#msg3970604)

บทที่ 3 สัมภาษณ์ภายใต้เเรงกดดัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3970973#msg3970973)

บทที่ 4 ตกลงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายเเล้วหรอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3971160#msg3971160)

บทที่ 5 ความสุขของ...นักจิ้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3971386#msg3971386)

บทที่ 6 คิดถึงจนทนไม่ไหว(ปราชญ์เป็นบ้า) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3971841#msg3971841)

บทที่ 7 คิดถึงต้องไปถึง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3972136#msg3972136)

บทที่ 8 ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น และหมอนข้างที่นุ่มนิ่ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3972881#msg3972881)

บทที่ 9 เริ่มงานวันแรกกับวริษฐ์ผู้มีเเรงดึงดูด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3973191#msg3973191)

บทที่ 10 มนุษย์เงินเดือนกับคนที่รอคอย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3973346#msg3973346)

บทที่ 11 ไม่พอใจ...แต่ก็เป็นแค่เพื่อน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3973626#msg3973626)

บทที่ 12 จะต้องรุกบ้าง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3974137#msg3974137)

บทที่ 13 ปราชญ์หัวขโมยกับคนป่วยตัวนิ่ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3974756#msg3974756)

บทที่ 14 ความรักน่ะ มันก็คือความรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3975274#msg3975274)

บทที่ 15 ถ้าเขาไม่รักก็กลับมาเถอะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3976025#msg3976025)

บทที่ 16 ภาพติดตา/อย่ากินเพื่อน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3976752#msg3976752)

บทที่ 17 ความเคยชินที่ต้องมีนาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3977569#msg3977569)

บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป... (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3978414#msg3978414)

บทที่ 19 การกระทำอุกอาจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3979212#msg3979212)

บทที่ 20 หายไป (Part 1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3980025#msg3980025)

บทที่ 20 หายไป / ตามคืน (Part 2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3980809#msg3980809)

บทที่ 21 ตามหัวใจคืน (NC) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3981925#msg3981925)

บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะเป็นแฟน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3982746#msg3982746)

บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3984848#msg3984848)

บทที่ 24 สลับกันตามสัญญา NC  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3986744#msg3986744)

บทที่ 25 อยู่ไกล...อย่ามายั่ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3988462#msg3988462)

บทที่ 26 เจ็บมากมั้ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3990377#msg3990377)

บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3991415#msg3991415)

บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3993234#msg3993234)

บทที่ 29 ติดเชื้อหื่น / ไวไฟ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3995321#msg3995321)

บทที่ 30 ขอกอดหน่อย NC  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3997889#msg3997889)

บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg3999800#msg3999800)

บทที่ 32 ตัดใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4001475#msg4001475)

บทที่ 33 คนสำคัญ / อยู่ให้รัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4003592#msg4003592)

บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4004778#msg4004778)

บทที่ 35 ความสุขของคนที่รัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4005510#msg4005510)

บทที่ 36 (ส่งท้าย) มีความสุขในอ้อมกอดนาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4007310#msg4007310)

ตอนพิเศษ ผีผ้าห่ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4010859#msg4010859)

ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4013087#msg4013087)

ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4015834#msg4015834)

(https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4019074#msg4019074[ตอนพิเศษ ของขวัญอุ่น ๆ จากซานต้า/url)

ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70187.msg4023258#msg4023258)

 :katai4:
__________________________________________________
เป็นมือใหม่ ยังมึนงงกับบอร์ดอยู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :o8:
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทศูนย์ (1/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-05-2019 16:21:35
​บทที่ศูนย์


     ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากเด็กมหาวิทยาลัยสู่วัยทำงานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การหางานไม่ได้รวดเร็วตามไปด้วย การส่งใบสมัครงานในเนตเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเรา กดไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เกือบ 20 ที่แล้ว ยิ่งง่ายคู่แข่งก็ยิ่งเยอะ บริษัทก็สะดวกเข้าไปอีก นั่งดูชิลๆอยู่ในห้องแอร์ ใครน่าสนใจก็โทรนัด ใครไม่น่าสนใจก็ลบทิ้งไป ปล่อยให้คนส่งรออย่างมีความหวัง โดยไม่รู้ว่าความหวังลงไปอยู่ในกล่อง Deleted Items ซะแล้ว ผมก็เช่นกัน เดินสายไปสัมภาษณ์มา 4 ที่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครตามให้ไปเริ่มงาน เลยทำได้แค่นอนถอนหายใจให้หมาที่บ้านมันวิ่งข้ามหัวไปมา


“ตฤน จะนอนให้กี้มันวิ่งข้ามหัวอีกนานมั้ย ลุกมากินข้าวได้แล้ว”

“อือ มีไรกินอ่ะแม่” ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอื้อมมือจับหลังของกี้ ให้มันหยุดเดิน หมาพันทางที่มีพละกำลังเหลือเฟือจนน่าอิจฉา

“หางานเป็นยังไงบ้าง” คำถามที่ทำให้กับข้าวตรงหน้าน่ากินน้อยลง 45เปอร์เซน

“เมื่อวานสัมภาษณ์เป็นที่ที่ 4 แต่ก็เห็นยังเงียบนะ”

“ไม่เป็นไร ก็ค่อยๆดู งานมันหายาก อย่างน้อยก็ถือว่าได้พยายาม” แม่ควรข้ามหัวข้อสนทนาเรื่องนี้ ก่อนผมจะกินไม่ลง ฮือ

“นี่อร่อยดี” ผมชี้ไปที่ไก่ย่างขมิ้น แม่พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินไปทางหลังบ้าน คงไปตากผ้า ส่วนกี้ พอแม่เดินไปก็เข้ามาประชิดตัวผมทันที ก่อนจะพยายามเอาขาหน้ามาเขี่ยขาผม

“กี้ นั่งลงรอ” กี้ถอยไปนั่งเรียบร้อย แต่ตากลับจ้องมองผมไม่วางตา “กี้ถ้าได้งานจะซื้อขนมหมาให้กล่องใหญ่เลยเอามั้ย” กี้พยักหน้าเหมือนฟังรู้เรื่อง


‘กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงง’


     เสียงโทรศัพท์มือถือแบบอนุรักษ์นิยมของผมดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลก จะไม่รับก็ไม่ได้ ผมยกน้ำขึ้นดื่ม สูดหายใจเตรียมรับโทรศัพท์ ไม่ขายประกัน ก็เรียกสัมภาษณ์งานนั่นแหละ


‘สวัสดีครับ คุณตฤนชาติหรือเปล่าครับ’ เสียงผู้ชายดังเจื้อยแจ้วมาตามสาย

“ครับ” ผมตอบรับไปด้วยใจครุ่นคิด เรียกชื่อแบบนี้ ต้องเรียกสัมภาษณ์งานแน่ ๆ

‘คือทางเรามีโปรโมชั่นดี ๆ มานำเสนอนะครับ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ !#$%^&*’

     ผมเปิดลำโพงเพื่อฟังการเสนอขายที่ยาวเหยียด เพราะต่อให้บอกว่าไม่สนใจตั้งแต่แรกก็จะพูดแนะนำอยู่ดี ก็เลยฟังเลยล่ะกัน คร่าวๆก็คือ ประกันชีวิต... ไม่ใช่ว่าไม่น่าสนใจนะ แต่มาไม่ถูกจังหวะ อย่างว่าแต่เงินซื้อประกันเลย เงินจะกินข้าวยังแทบไม่มี

“ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมยังไม่สนใจบริการครับ ขออนุญาตวางสาย” ผมตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะวางสายไป เฮ้อ เมื่อไหร่จะหางานได้สักที

“หงิง” กี้ร้องครางเบาๆเรียกให้ผมสนใจ คงจ้องไก่มานานจนทนไม่ไหว ผมหยิบไก่ขึ้นมาล่อกี้


‘กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงง’


     ใครโทรมาอีกนะ? เป็นเบอร์แปลกอีกเช่นเคย มือข้างนึงถือไก่ ส่วนอีกข้างเอื้อมไปกดรับ เปิดลำโพงก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ”

‘สวัสดีครับ คุณตฤนชาติหรือเปล่าครับ’

      พูดเหมือนเมื่อกี้ไม่มีผิดเพี้ยน ขายอะไรอีกละ ไม่มีเงินซื้อ

‘คุณตฤนที่สมัครงานในตำแหน่ง HR Officer กับทางบริษัท ทีแอลวีนะครับ คือทางเราอยากจะนัดสัมภาษณ์งานครับ เป็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ไม่ทราบว่าสะดวกมั้ยครับ’

      ผมผุดลุกขึ้นทันที กดปิดลำโพง คว้ามือถือมาแนบหู

“ครับสะดวกครับ สะดวกมากๆเลยครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เผลอแสดงความตื่นเต้นดีใจมากไปหน่อย มันลนๆแบบไม่ทันตั้งตัว  มือไม้มันสั่น ขนาดถูกเรียกสัมภาษณ์มาหลายครั้งก็ยังไม่ชิน เหมือนว่าโลกมันสว่างสดใสขึ้นมา

‘เดี๋ยวผมจะส่งรายละเอียดวันเวลา สถานที่ การเดินทางพร้อมทั้งแผนที่ให้ทางอีเมลนะครับ แล้วถ้าได้รับยังไง รบกวนตอบกลับด้วยนะครับ’

“ได้ครับพี่ ขอบคุณนะครับ” ผมรู้สึกว่าเสียงปลายสายทุ้มนุ่ม ดูสุขุม ดูเป็นทางการ ในขณะที่เสียงของผมมันดูเด็กน้อย คำพูดก็เด็กน้อย มีแต่ความประหม่าตื่นเต้น

‘สงสัยตรงไหนโทรกลับมาที่เบอร์นี้ ติดต่อพี่วริษฐ์ได้เลยนะครับ เจอกันวันศุกร์ครับ’

“ขอบคุณครับ ไว้เจอกันครับ”

     โดนเรียกสัมภาษณ์งานอีกครั้ง! มันก็ยังรู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่สุดเหมือนครั้งแรก ๆ มันทำให้เรารู้สึกมีความหวังทุกครั้ง แม้เวลาผิดหวังจะยิ่งทำให้รู้สึกท้อก็ตาม โดนเรียกอีกสักสิบ ยี่สิบที่ ผิดหวังบ่อยๆ ก็คงชินไปเอง…


‘โฮ่ง’

“อะไรนะกี้ จะบอกว่าได้งานที่นี่แน่ ๆ น่ะหรอ”

     ผมพูดเอง เออเองเพื่อให้กำลังใจตัวเอง แม้ว่าความจริงกี้จะเห่าเพราะว่า มืออีกข้างของผมนั่นถือไก่โบกไปโบกมาตลอดการสนทนาก็ตาม เดี๋ยวจะต้องรีบเตรียมเอกสาร หาชุดเสื้อผ้าที่ดี แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเพิ่มเติม

“แม่ ผมโดนเรียกสัมภาษณ์อีกที่แล้ว”  ผมเดินไปทางหลังบ้านเพื่อบอกข่าวดี แต่สิ่งที่ผมเห็น ทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น “แม่!”


(TBC ทักทายเพื่อเป็นการให้กำลังใจกันได้นะคะ^^)
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทศูนย์ (1/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-05-2019 21:19:58
 :pig2:
 :3123: :3123: :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทศูนย์ (1/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-05-2019 22:18:45
อย่าบอกว่าแม่เป็นลมล้มไปนะ
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บท 1 (2/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 02-05-2019 21:26:19
บทที่ 1 นักปราชญ์ขี่ม้าขาว

“แม่!” ผมรีบพุ่งเข้าไปประคองแม่ที่สลบอยู่บนพื้น แม่ยังหายใจดี โชคดีที่ล้มบนกองผ้าที่กำลังจะซัก แม่ไม่มีรอยแผลอะไร ไม่มีเลือดออก

     ตฤนอุ้มแม่เข้ามาในบ้าน คว้าถุงที่เตรียมไว้เผื่อช่วงเวลาฉุกเฉิก ในนั้นมีบัตรโรงพยาบาลของแม่ และเงินจำนวนหนึ่ง ตฤนหยิบของจำเป็นทุกอย่างภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แล้วอุ้มแม่ออกจากบ้านไป


     เพื่อนสนิทของเขา ขับรถเข้าผ่านมาพอดี เห็นตฤนอุ้มแม่ จึงเลื่อนกระจกลง และตะโกนเรียก

“ตฤน! แม่เป็นอะไร มาขึ้นรถ”

“ปราชญ์ช่วยด้วย!” ตฤนพูดได้แค่นั้น ในหัวว่างเปล่า พูดอะไรไม่ออก เขาอุ้มแม่เข้าไปในรถก่อนตัวเองจะเข้าตามไป เขาปรับท่าให้แม่นอนบนตัก และคอยให้ดมยาดม

“แม่ ตื่น” ตฤนตบที่ข้างแก้มแม่เบาๆ หวังปลุกให้ตื่น “แม่ทนนิดนึงนะ”

“ตฤน แม่จะไม่เป็นอะไร” ปราชญ์มองโรงพยาบาลที่อยู่อีกไม่ไกล เลี้ยวโค้งหน้าก็ถึงแล้ว

“แม่!” ตฤนส่งเสียงเรียกแม่ดังลั่นทันทีที่เห็นแม่ลืมตา เขารีบบอกคนที่นั่งเบาะหน้าทันที“ปราชญ์ แม่ฟื้นแล้ว”

     พร้อมกับที่ปราชญ์จอดรถตรงที่ส่งผู้ป่วย ของโรงพยาบาลพอดี                   

“ตฤน เสียงดัง” แม่ดุเสียงเบา คิ้วขมวดแน่น

“ถึงแล้ว พาแม่ไปตรวจก่อน เดี๋ยวตามไป”

     ตฤนเปิดประตูรถออก  เตรียมจะอุ้มแม่อีกครั้ง แต่แม่กลับลุกขึ้นนั่งพร้อมส่ายหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ

“ไม่หาหมอ”

“ไปตรวจหน่อยน่า” บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมารอรับตรงข้างประตูรถ แม่จึงต้องจำใจขึ้นรถเข็น โดยมีตฤนเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็นคอยเข็นรถให้

“กลับบ้านกันเถอะ แม่ไม่เป็นอะไรจริงๆ อากาศร้อน เหงื่อมันออกเยอะ มันลุกขึ้นเร็ว แล้วก็วูบ แค่นั้นเอง”

     ผมจำเป็นต้องเข็นรถเข็นมาหลบมุม เพื่อคุยกับแม่ที่ดื้อ ไม่ยอมหาหมอ ผมยืนเถียงกลับแม่มาเกือบสิบนาทีแล้ว จะไมม่ยอมท่าเดียวเลย

“มาถึงโรงพยาบาลแล้วไม่ตรวจสักหน่อย”

“ตรวจไป ก็เสียเงินเปล่า”

“จะได้สบายใจไง” ผมกดมือถือเพื่อหาตัวช่วย พ่อเท่านั้นที่เกลี้ยกล่อมได้

‘ฮัลโหล ว่าไงตฤน’

“พ่อ แม่เป็นลม นี่พามาโรงพยาบาลไม่ยอมตรวจ ช่วยพูดหน่อย”

‘ขอพ่อคุยกับแม่หน่อย’ ผมยิ้มอยู่ในใจ แมทซ์นี้ชนะแน่นอน

     ตฤนยื่นโทรศัพท์ให้แม่ พร้อมกับส่งยิ้มกวน ๆ แบบผู้ถือไพ่เหนือกว่าให้

“อ้าว ทำไมมายืนหลบมุมอยู่ตรงนี้ ไปหาตรงที่รอคิวไม่เจอ โทรหาก็ไม่ติด”

     ตฤนส่งยิ้มแห้งๆตอบ ปราชญ์ผู้หน้าสงสารที่เดินหาทั้งคู่ไปทั่วตามจุดรอตรวจต่าง ๆ พยายามโทร ก็มีแต่เสียงตอบรับของหญิงสาว ที่พูดเหมือนๆเดิมทุกครั้ง หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ เหมือนทุกคนต่างลืมไปแล้วว่าเขายังอยู่ เขาแค่ไปวนหาที่จอดรถเท่านั้นเอง

“ลืมบอกว่าเปลี่ยนเบอร์ว่ะ เดี๋ยวกูจะซื้อมือถือสองซิมล่ะ อยากใช้สองเบอร์” เบอร์ใหม่ที่เปลี่ยนมาได้แค่หนึ่งเดือน เนื่องจากเบอร์เก่า มีคนทักว่าจะทำงานติดขัด การเงินไม่ดี พอเปลี่ยนเบอร์ใหม่  มีนัดสัมภาษณ์มา 4 ที แล้วเงียบหายหมดเลย ดวงดีมั้ยละ

“เออดี”

“ปราชญ์ ขอบคุณมึงมากนะเว้ย”

“ไม่เป็นไร กูก็เป็นห่วงแม่เหมือนกัน”

“ตฤน แม่หาหมอก็ได้”  แม่พูดพลางส่งมือถือคืนให้กับตฤน  ตฤนดูเวลาที่พ่อคุยกับแม่ แค่ 5 นาที แม่ก็แพ้ต้องยอมพ่อ พ่อคงจะเป็นคนเดียวในโลกที่แม่ยอม

“ต้องให้ถึงมือพ่อ พ่อพูดว่าอะไรจะได้จำไว้ใช้”

“รู้ไปก็เลียนแบบไม่ได้หรอก”

“ไหนขอดูเคล็บลับ”

“พ่อบอกว่าจะหาหมอหรือให้พ่อลางานกลับมาดูอาการเอง”

“อื้อหื้อ พ่อออ” แต่งงานกันมาตั้งนานยังจะมาสวีทหวานกันอีก นอกจากพ่อคงจะเป็นคนเดียวในโลกที่แม่ยอม แม่ก็คงเป็นคนสำคัญที่สุดของพ่อ ที่พ่อจะยอมทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งงานที่รักมากเพื่อกลับมา

“ตกลงพ่อเป็นหมอหรอ” ปราชญ์ที่กอดอกยืนฟังเงียบๆ อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา

“มึงตบมุกหรอปราชญ์”

“เปล่า กูถามจริง ๆ”

“หมอเครื่องกลอ่ะมึง” ตฤนพูดก่อนจะเข็นรถเข็นแม่หนีไป


“หนุ่มนักบอลหน้าคม กับสาวผมบลอนปริศนานี่หว่า แม่สวัสดีค่ะ แม่เป็นอะไรคะ”  เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากทางด้านหลัง เหมือนหันไปก็พบกับพยาบาลสาว ตัวเล็กหน้าตาน่ารัก

“แม่เป็นลมน่ะ สองหนุ่มก็เลยพามาหาหมอ”

“พักผ่อน ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ ช่วงนี้อากาศร้อน”

“จะเรียกชื่อแบบนี้อีกนานมั้ย พยาบาลกวาง” ปราชญ์หันไปตอบ ก่อนจะเจอการตอบกลับที่ทำให้ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

“จนกว่า ลูกของปราชญ์จะบวชนั่นแหละ”

“น่าจะนานมากเลยนะ เพราะแค่แฟนมันยังไม่มีเลย” ตฤนพูดแซว ทั้งที่สถานะของตัวเองก็โสดเหมือนกัน

“ตฤนมีแฟนแล้วว่างั้น ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” หญิงสาวในชุดพยาบาลหันไปเอ่ยถาม คนพูดแซวเพื่อน

“อ้าวกวาง ไหงพูดงั้นอ่ะ”

“ตฤนแกแต่งหญิงสวยขนาดนั้น คนทั้งโรงเรียนยังงงกันตาแตก ผู้ชายคลั่งไคล้แก ผู้หญิงต่างอิจฉา แล้วยิ่งไปเดินคู่กับหนุ่มนักบอล โอ้โห แกไม่โดนสาวๆดักตบก็บุญแล้ว” กวางพูดแซวยาวเหยียด แบบรัวเร็ว

“ถ้าจำได้ว่ากวางเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่นะ ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นแล้ว”

     ผมกัดไปที ก่อนตัดสินใจเดินหนีพาแม่ไปส่งให้พยาบาลวัดความดัน อยู่ดีๆ การมาโรงพยาบาลก็กลายเป็นการรียูเนียน ทั้งปราชญ์และกวาง ต่างเป็นเพื่อนร่วมชั้น ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม สมัยนั้นปราชญ์ เป็นนักบอล สูง ผิวสีเข้ม หน้าก็หล่อแต่น้อยกว่าผมหลายขุม แต่นั่นแหละ แฟนคลับมันเยอะมาก ก็คงเป็นธรรมดา ของผู้ชายนักกีฬา หน้าตาดี สาวๆก็ให้ความสนใจเยอะอยู่แล้ว ยิ่งช่วงม.ปลายมันย้ายมาอยู่ใกล้บ้านผม บางทีผมก็แอบเห็นว่ามีสาวๆ ในโรงเรียนมีเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นมากกว่าปกติ ส่วนกวาง เป็นผู้หญิง ตัวเล็กๆ ขาวๆ ใส่แว่น มีความกวนประสาทสูงกว่าส่วนสูงของตัวเองอยู่พอสมควร เป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้ผมโดนจับแต่งหญิง เดินพาเหรดกีฬาสีคู่กับไอ้ปราชญ์ ตอน ม.4  ... รู้งี้เล่นกีฬาดีกว่า จะได้ไม่โดนเดินพาเหรด

“แหม... ก็แซวนิดแซวหน่อย ไม่ได้เจอหน้ามาตั้งเกือบเดือน”

“ผู้ชายอะไร ผิวขาวเนียน หน้าตาน่ารักขนาดนั้น พวกแกได้กันเอง ใครๆ ก็คงฟิน” กวางยังคงพูดไม่หยุด

“แกคนเดียวสิฟิน อยู่โรงพยาบาลเค้าห้ามแกพูดหรอ เจอเพื่อนถึงได้พูดไม่หยุด” ปราชญ์รีบพูดแย้ง

“ก็คิดถึงเพื่อน ไปทำงานแล้วก็ได้ ไว้นัดกันนะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะแม่”

     ผมหันไปโบกมือบ๊ายบาย กวาง แล้วความสงบสุขก็กลับคืนมา

“กวางพูดเก่งเหมือนเดิม”

     ผมพยักหน้าตอบแม่ ก่อนจะมองมือถือ มีข้อความเข้า ว่ามีเงินโอนมาจากพ่อ สองพันบาท

“แม่ พ่อโอนเงินค่าตรวจสุขภาพมาด้วย”

“อื้อ เก็บไว้ๆ”

     พอถึงคิว ตฤนกับแม่ก็เข้าไปพบหมอด้วยกัน ส่วนปราชญ์นั่งรออยู่ข้างนอก เขาลุกไปหาซื้อขนมปังกับน้ำผลไม้มาเป็นของว่างให้ตัวเอง และสองแม่ลูก เขานั่งรอสักพัก ทั้งสองคนก็เดินออกมา

“เป็นไงบ้างครับแม่”

“แม่บอกแล้วว่าปกติดี ไว้รอบหน้าค่อยมาตรวจสุขภาพประจำปี”

“ทานขนมครับแม่ ตฤนเอ้ารับไปกิน”

“แม่เกรงใจ พามาแล้วยังซื้อขนมมาให้อีก”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมคิดถึงอาหารฝีมือแม่มาก เดี๋ยวจะไปฝากท้อง”

“ทำดีหวังผลมากๆ” ผมแขวะมันเบาๆ

“เออ ตามนั้นเลย”

“แม่อยากลุกเดินแล้ว”

     ได้ยินแบบนั้นปราชญ์รีบประคองแม่ให้ลุกขึ้นยืน ส่วนผมจับรถเข็นเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไป โดยที่แม่จับยึดแขนของปราชญ์เอาไว้ แล้วเอาผมไปไว้ตรงไหนล่ะ ผมเป็นลูกนะ! ...


     เมื่อถึงบ้านปราชญ์ก็พาแม่เข้าบ้าน ส่วนผมเป็นได้แค่คนเปิดปิดประตู

“แม่ไปนอนพักก่อนมั้ย เดี๋ยวตฤนไปเปิดแอร์ให้”

     แม่พยักหน้าแทนคำตอบ ผมพาแม่ขึ้นไปข้างบนที่ห้องนอน

“ปราชญ์เอาน้ำในตู้เย็นกับแก้วตามมาที” ปราชญ์ที่เคยชินกับบ้านหลังนี้เพราะเคยมาเที่ยวเล่นตั้งแต่เด็ก ๆ เดินไปทำตามที่ได้รับมอบหมายอย่างว่าง่าย

     ตฤนดูแลแม่ได้เหมือนพยาบาลมืออาชีพ พามานั่งบนเตียง เปิดแอร์ รับน้ำกับแก้วน้ำมาวางให้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง พร้อมกับวางมือถือของแม่เอาไว้ตรงนั้นด้วย

“ด้วยคุณคนไข้นอนพักผ่อนนะครับ แล้วถ้าจะเอาอะไรโทรมาตามนะ”

“ทำดี เดี๋ยวจะให้ทิป”

     ตฤนหัวเราะ ก่อนจะทำท่าแบมือขอตัง

“เดี๋ยวรอขอกับคุณผู้ชาย”

“โอ้โห เล่นง่ายนะแม่”

     ตฤนไม่กวนแม่ต่อ เดินออกจากห้องนอนปล่อยให้แม่พักผ่อน ก่อนจะเดินลงมาเจอคุณชายนั่งชิลบนโซฟา กดมือถือเล่นไปมา ก่อนจะหันมาถามคำถามที่ไม่คิดว่าจะถาม

“ทำไมเปลี่ยนเบอร์มือถือไม่บอก”

“กูต้องบอกด้วยหรอวะ”

“เออดิ” ปราชญ์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาประชิด และฉวยเอามือถือของเพื่อนไปกดโทรออกหาตัวเอง

“ไม่เจอกันแค่แปปเดียวเอง”

 “เดือนนึงเลยต่างหาก จะมาเจอก็ไม่ได้ โทรก็ไม่ติดเลย ไม่เจอกันเป็นเดือน ไม่คิดจะโทรหาเพื่อนบ้างไง”

     ปราชญ์พูดจาด้วยน้ำเสียงเหมือนตัดพ้อหน่อย ๆ เป็นเขาเองที่ไม่ว่าง ไปอยู่ห่างไกล แต่ถึงเขาจะไม่ว่าง กำลังยุ่งเรื่องงาน แต่เขาก็หาเวลาโทรหาเพื่อน เดือนนี้คงเฉียดร้อยครั้ง แต่ไม่เคยเจอเสียงของเจ้าตัวเลย เจอแต่เสียงผู้หญิงคนเดิมซ้ำไปซ้ำมา หึ ที่ไหนได้เปลี่ยนเบอร์ไปโดยไม่บอก

“ช่วงนี้ยุ่ง” ยุ่งมากจริง ๆ ทั้งเดินสายสัมภาษณ์งาน ทั้งต้องเก็บตัวเพราะเงินเก็บน้อยลงเรื่อย ๆ ช่วงนี้เครียดจนไม่ได้เจอใครเลยนอกจากหมา…


“กี้หายไปไหน!” ผมตกใจสุดขีดเมื่อรู้สึกว่ากี้หายไป

“เออว่ะ ปกติต้องมาป่วน”

“กี้!!!!” ตฤนวิ่งไปดูหลังบ้านก็ไม่เจอ ใต้โต๊ะก็ไม่มี เขาเริ่มลนลาน “กี้ออกมาเร็ว”

“อาจจะหลุดไปข้างนอก ตอนแกพาแม่ไปโรงพยาบาล ออกไปหากันเถอะ” ปราชญ์มองก็รู้ว่ากี้ไม่อยู่ในบ้านแล้ว เพราะมันเป็นหมาที่ต้องยอมรับว่า ไม่เกเร และตอบสนองกับเสียงเรียกเสมอ

     ทั้งคู่เดินออกจากบ้านเพื่อตามหากี้ ที่ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน

“ขอโทษนะครับ มีใครเห็นหมาตัวนี้มั้ยครับ” ปราชญ์กับตฤนเดินถามจากคนในซอยไปเรื่อย เปิดรูปจากมือถือให้ดู หมาพันทางตัวสีน้ำตาล ถามใครก็มีแต่คนไม่เห็น มีแต่คนส่ายหัวปฏิเสธ

“กี้ กลับมาได้แล้ว” ตฤนตะโกนเรียกเสียงดัง คิดว่าถ้าหมาของเค้าได้ยินคงวิ่งตามเสียงมา”

“ใจเย็นนะ เดี๋ยวก็เจอ” ปราชญ์พูดปลอบใจชายหนุ่มอีกคนที่กำลังกระวนกระวายใจ ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกเด็กชายคนนึงที่ปั่นจักรยานมาพอดี “น้อง  เห็นหมาตัวนี้วิ่งในซอยบ้างมั้ย

“เหมือนตัวที่อยู่ทางนั้น” น้องผู้ชายชี้ไปทางท้ายซอย พวกเรารีบวิ่งไปพลางกวาดสายตามองหา โดยมีน้องผู้ชายปั่นจักรยานตามมา

“นั่นหรือเปล่าพี่! ผมเห็นตัวนี่แหละ ไปก่อนนะครับต้องรีบไปหาแม่” เด็กชายพูดจบประโยคก็ปั่นจักรยานจากไป

     ตฤนเห็นกี้กำลังยืนกินขนมแมวเลีย(?) จากมือของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

“กี้!” เจ้าหมาพอได้ยินเสียงเรียกของเจ้าของก็ หันตามเสียง ก่อนจะร้องรับ

‘หงิง หงิง’

“มานี่เลยนะ มาตะกละอยู่ตรงนี้นี่เอง รู้มั้ยว่าเป็นห่วง” ตฤนเดินเข้าไปกอดกี้แน่น

“เผอิญเค้ามาเห่าแมวในบ้านน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสดใส

“แมวคงตกใจแย่ ขอโทษด้วยนะครับ” ตฤนหันไปขอโทษหญิงสาวเจ้าของแมวใจดี ที่แบ่งขนมแมวให้หมาของเขา ถ้าเขาไม่ให้ขนมมัน มีหวังวิ่งเตลิดไปไหนแล้ว

“ไม่หรอกค่ะ มันชินแล้ว” พวกเขามองแมวในบ้านของหญิงสาว ที่นั่งเลียขนอย่างไม่สนใจใคร ‘ไม่แคร์อะไรจริงๆด้วย’ปราชญ์คิดในใจ

“อ่อ ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ให้ขนมกี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ มีเยอะเลย น้องเจอเจ้าของก็ดีแล้ว” หญิงสาวยิ้ม

“ขอบคุณจริง ๆ ครับ ผมบ้านอยู่ตรงกลางซอย ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกผม เอ่อ ผมชื่อตฤนนะครับ”

“ฉันชื่อฟ้าค่ะ เพิ่งมาอยู่แถวนี้ไม่นาน ยังไงฝากตัวด้วยนะคะ แล้วอีกคนนึง” หญิงสาวปรายตาไปหาผู้ชายอีกคนที่ยืนมองสถานการณ์เงียบๆ

“ปราชญ์ครับ” เจ้าตัวแนะนำตัวก่อนจะส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้ และแน่นอน ฟ้าส่งยิ้มเขินกลับไป

‘เสน่ห์แรงจริง ๆ  เออใช่สิมันหล่อ’ ตฤนคิดในใจหลังจากมองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของฟ้า

“ไปแล้วครับ ขอบคุณมาก” ตฤนอุ้มเจ้าหมาตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กเอาไว้ 16 โล ตัวหนักไม่ใช่ย่อย

“ดีนะที่กี้มาไม่ไกล” ปราชญ์เดินข้าง ๆ ตฤน ก่อนจะเอื้อมมือลูบหัวตฤนไปมา “ดื้อจริง ๆ “

“ลูบผิดหัวหรือเปล่า”

“อ้าวรู้ซะแล้วหรอ ว่าจะเนียน” ปราชญ์ หันไปลูบหัวกี้แทน ก่อนจะดุเบา ๆ โดยที่ไม่รู้ว่ากี้จะรู้เรื่องมั้ย “แสบนะเรา ไม่หนีออกมาเองแบบนี้แล้วนะ ไม่งั้นถูกตีแน่”

“กี้ ไอ้อ้วน ไอ้ซน โดนกักบริเวณ งดขนม”

‘หงิง’ กี้หูลู่ ส่งเสียงประท้วงเบา ๆ เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองผิด

“อย่าทำอีกนะ หัวใจจะวาย”

     ตฤนลอบถอนหายใจเงียบ ๆ วันนี้เป็นวันที่วุ่นวายมากจริง ๆ มีหลายเรื่องเข้ามา ทำเอาเขาเกือบจะหัวใจวายติดกันหลายครั้งในวันนี้  ที่ผ่านมันมาได้ คงจะต้องขอบคุณ...

“เออ วันนี้ขอบคุณมากนะ”

“เดี๋ยวถูกทวงบุญคุณแน่นอนไม่ต้องห่วง”

     ปราชญ์อมยิ้มก่อนจะเดินนำไปเปิดประตูให้  ส่วนตฤนได้แต่นึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ว่าเจ้าตัวจะมาแกล้งอะไร จะมาไม้ไหน เขาคงจะต้องเตรียมตัวโดนแกล้งเอาไว้ซะแล้วล่ะ

(ปราชญ์ยิ้ม ยิ้มอะไรรรรร) :hao7:
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 2 (3/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 03-05-2019 23:30:06
บทที่ 2 ความว้าวุ่นของปราชญ์


     ปราชญ์ใช้เวลาทั้งวันหมกตัวอยู่บ้านปั่นงานส่งไปให้พี่ชาย เขาของานบางส่วนกลับมาทำที่บ้าน เพราะว่าใจเขาส่วนหนึ่งมันอยู่ที่นี่ การที่เขาติดต่อตฤนไม่ได้เป็นเดือนมันทำให้เขาประสาทเสีย

     เขาอยากไปหาตฤน แต่ก็ไม่กล้าไปกวนบ่อย ๆ กลัวมันจะรำคาญ ขอเก็บโควต้าไปหาแบบวันเว้นวัน

     เวลาล่วงเลย เงยหน้าอีกทีฟ้าก็มืด เขาละสายตาจากกองงาน พลางบิดขี้เกียจ ปราชญ์นึกเบื่อ เขาอยากจะฟังเพลง นั่งดื่มเหล้านิดหน่อยรวมถึงไปเช็คเรตติ้งของตัวเอง

     คิดแบบนั้นเขาก็เปลี่ยนชุดก่อนคว้ากุญแจรถออกไปร้านเหล้าที่อยู่ไม่่ไกล ปราชญ์ได้โต๊ะเล็กๆ ที่มุมนึง เสียงเพลงดังกระหึ่ม ผู้คนพากันเต้นโยกย้ายส่ายสะโพก ในขณะที่เขานั่งจิบเบียร์เย็น ๆ สบายๆ โยกขยับตัวนิดหน่อยตามจังหวะเพลง

"เอ่อขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ" หญิงสาวคนนึงเดินมาที่โต๊ะของเขาพลางส่งยิ้มละมุนมาให้

"ได้ครับ" ปราชญ์เพ่งดูผญคนนี้อย่างละเอียด ใบหน้าสวยใส ผมดำขลับยาวประบ่า ผิวขาวเนียน ในชุดสายเดี่ยวสีดำอกอึ๋มกับกางเกงยีนส์ขาสั้นโชว์เรียวขายาว คนตรงหน้าแต่งเซ็กซี่โชว์เกือบทั้งตัว นัยน์ตาคมมองสำเร็จหญิงสาวอย่างไม่ปิดบัง จนเธอนึกเขินๆ แต่ใจก็ยังสู้เพราะเขาช่างสะดุดตาเหลือเกิน

"มาคนเดียวหรอคะ"

"ใช่ครับ"ชายหนุ่มส่งยิ้มน้อยๆ ให้พลางยื่นมือออกไป"ผมปราชญ์ครับ"

     หญิงสาวยื่นมือจับต่อด้วยท่าทางขวยเขิน

"เมษาค่ะ"

"ชื่อดูร้อนดีนะครับ" ชายหนุ่มเเซวพร้อมขยิบตาให้

     หญิงสาวพร้อมละลายลงไปตรงหน้าเพราะเสน่ห์ของเขา

"เมษามาคนเดียวหรอครับ"

"มากับเพื่อนค่ะ" เธอตอบพลางยกมือขึ้นเสยผมแบบเขินๆ

"แล้วทิ้งเพื่อนมาแบบนี้จะได้หรอ" หญิงสาวยิ้มพลางหันไปมองกลุ่มเพื่อน เผยให้เห็นว่าสายเดี่ยวของหญิงสาวนั้นผ่าหลังยาวจนแทบจะเห็นแผ่นหลังขาวเนียนนั่นทั้งหมด

'ตั้งใจมาหา...สินะ'ปราชญ์คิดในใจ

"เพื่อนไม่ว่าค่ะ" หญิงสาวพูดพลางจิบเบียร์ในมือ

"งั้นดื่มกับผม" ปราชญ์ยกแก้วขึ้นชน

"คุณมีแฟนหรือยังคะ"หญิงสาวถามอย่างตรงไปตรงมา เธอถูกใจผูู้ชายคนนี้เหลือเกิน

     ชายหนุ่มวางแก้วไว้บนโต๊ะ "ยังครับ"

"หรือคะ" นัยน์ตายิ่งสาวมีวี่แววของความดีใจ

"ผมไปสูบบุหรี่แปปนึงนะครับ" ชายหนุ่มทำท่าประกอบสองนิ้วแตะเบาๆ บนริมฝีปากตัวเองก่อนจะลุกขึ้น

     หญิงสาวหน้าร้อนแบบไม่มีสาเหตุ เมื่อมองนิ้วเรียวยาวที่แตะบนริมฝีปากของเขา เธอหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ทำไม้ทำมือว่าให้ตามไป หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นตามร่างสูงที่เดินลิ่วออกไปที่ข้างตึกเพื่อสูบบุหรี่ เธอมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง


     ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีใครจ้องมอง จึงหันกลับไปมอง ก็เจอว่าเมษามองเขาอยู่

"สูบด้วยหรอ" เขาถาม

"เอ่อ ค่ะ" เธอไม่ได้สูบสักนิด แต่เผลอตามเขามาด้วย ตามคำยุของเพื่อน

"หรืออยากอยู่ใกล้ผม" ปราชญ์พูดพลางมองจ้อง

     หญิงสาวได้แต่จับผมทัดหูอย่างเขินๆ ก่อนรวบรวมความกล้า เดินเข้ามาใกล้ พลางเขย่งยื่นหน้ามาจูบแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม

     ปราชญ์จูบตอบสนองทันที เขาบดริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างหนักหน่วง เขาห่างเรื่องนี้มาพักใหญ่ๆ เพราะมัวแต่ว้าวุ่นกับตฤน... ตฤน เขานึกใบหน้าเนียนของเพื่อนสนิท ในใจวูบวาบเมื่อคิดว่าถ้าคนตรงหน้าเป็นตฤน จูบเร้าร้อนขึ้นเป็นทวีคูณ หญิงสาวใช้มือดันอกชายหนุ่มเบาๆ เมื่อเธอหายใจไม่ทัน

     เขานึกหน้าเหนื่อยหอบของตฤนได้ภาพติดตามาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ภาพหน้าตฤนตอนนั้นเขาเหนื่อยหอบจากการวิ่ง ถ้าถูกเขาจูบล่ะหน้าจะเป็นยังไง เมื่อเขาถอนจูบใบหน้าที่เขาเห็นกลายเป็นเมษา หญิงสาวหน้าตาน่ารัก แม้ว่าเขาจะเริ่มมีอารมณ์ แต่เขาก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะไปต่อกับใคร...

"โทษทีครับ เมษากลับไปที่โต๊ะก่อนเถอะครับ"

     หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย ส่วนเขาเดินกลับเข้าไปในร้าน เดินไปหาพนักงาน

"เอาเบียร์ขวดนี้ไปให้ผญคนนั้น ฝากบอกด้วยว่าเขากลับก่อน" จากนั้นเขาจึงเรียกเก็บเงินโดยไม่ได้เดินกลับไปที่โต๊ะ เขาขับรถออกไปโดยมีเป้าหมายอยู่ในใจ บ้านตฤน...

     เขาจอดรถที่หน้าบ้านหลังนึงถัดออกไปไกลนี่ก็สี่ทุ่มแล้ว เขาคงไม่ได้เห็นตฤนหรอก ที่เขามานี่ก็เพราะว่าแค่เขาได้เห็นหลังคาบ้าน และได้รู้ว่าอยู่ใกล้อีกฝ่าย แค่นี้ก็พอแล้ว

     แต่ทว่าประตูบ้านเปิดออก ปราชญ์สะดุ้งวิ่งหลบหลังต้นไม้พุ่มหนาของบ้านหลังข้างๆ ตฤนถือถุงขยะออกมาทิ้ง เขายืนบิดขี้เกียจหน้าบ้านสูดอากาศเย็นๆ อย่างผ่อนคลาย

     ปราชญ์ลอบมองอีกฝ่าย ประจวบเหมาะพอดีโชคดีที่ได้เห็นหน้า

"เชี่ย" ปราชญ์อุทานเบาๆ เมื่อมีมดแดงไต่อยู่ที่เท้าของเขาหลายตัว เขาขยับยุกยิกเพราะโดนมดกัด

ฟุบ ฟุบ

     ตฤนหันมองพุ่มไม้ด้วยความสงสัย 'อะไรอยู่ตรงนั้นวะ' เขาขยับเดินไปใกล้ มันดูขยับสั่นเบาๆ

"เมี้ยว"ปราชญ์ร้องออกมาเขาเป็นแมวไม่ใช่อะไรที่ไหน

"แมวหรอ" ตฤนเดินเข้ามาใกล้ แทนที่จะไม่สนใจ เขาสนใจยิ่งกว่าเดิมอีก

'ลืมไป ...นั่นมัน ไอ้คนบ้าสัตว์' ปราชญ์บ่นในใจ เอาไงดีวะ ถ้ามาเจอสภาพนี้ ดูไม่จืดเลยนะ เขากดมือถือโทรหาตฤนทันที ภาวนาให้มันดัง

"ตฤน มีคนโทรมา"เสียงแม่ตะโกนเรียกตฤนดังมาจากในบ้าน ทำให้เขาเดินหมุนกลับเข้าบ้านไป

"เฮ้อ" ปราชญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รอดไปหวุดหวิด เขาก้าวออกจากที่ซ่อน ใช้มือปัดมดที่เข้ามาพยายามไต่กัดเขา เหมือนเขาเป็นของหวาน

     ปราชญ์เดินกลับขึ้นรถก่อนจะรีบกลับไปบ้าน เขาไม่มีอารมณ์จะดื่มแล้ว แต่ยังมีอารมณ์อื่น...

     มือถือดังขึ้น ...ตฤนโทรกลับมา

"โทรมามีอะไร" ปราชญ์รับพลางถามคำถามที่เขาคิดว่า ประหลาดมากสำหรับตัวเขาเอง เขาเป็นฝ่ายโทรไปแท้ๆ ...

'หืม เมิงอ่ะโทรมา' ตฤนตอบกลับอย่าง งงๆ

"สงสัยอยู่ในกระเป๋า มันไปโดน"

'อ๋อ เออ งั้นแค่นี้แหละ'

"ฝันดี" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทันได้ยินคำพูดสุดท้ายที่เขาบอกหรือเปล่า


     ปราชญ์มาถึงบ้านเขาวางข้าวของทุกอย่าง ก่อนจะโดดขึ้นที่นอน

     ถ้าคนที่เขาจูบเป็นตฤนก็คงดี ใบหน้าเนียนขึ้นเลือดฝาด หายใจไม่ทันเพราะจูบของเขา...

     ปราชญ์นอนพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย ใบหน้าคนที่เขาคิดถึง ไม่ยอมหายไปง่ายๆ

     มันจะดูโรคจิตมัั้ยวะ ที่คิดถึงอีกฝ่ายแล้ว...

     พอเขาคิดแบบนั้นความปวดหนึบเสียวกระสันต์ก็แล่นขึ้นมา ส่วนล่างแข็งขืนยิ่งกว่าเดิม มันนูนขึ้นในกางเกงของเขา จนเขาอึดอัด เขาปลดกางเกงออกให้อิสระกับส่วนแข็งแกร่งนั้น ขณะมือหนาเอื้อมไปกำรูดรั้งแท่งเนื้อ

"อื้อ" เขาครางในลำคอ ขณะขยับมือ "ตฤน.." เขาเป็นเอามาก ภาพในหัวเขามีแค่ใบหน้าเหนื่อยหอบของตฤนเท่านั้น ไม่มีภาพติดเรทอื่นๆ แต่แค่นั้นก็พาเข้าไปถึงอารมณ์ที่พุ่งพล่านได้

     เขาลูบไล้วนที่ส่วนหัวก่อนรีบลุกไปยังห้องน้ำ เขาไม่ได้ทำมานานมันจะต้องเลอะเทอะแน่ๆ

"อื้ออ๊า" เขายืนพิงผนังห้องน้ำ มือหนาขยับเร่งจังหวะ เร็วขึ้นเรื่อยๆ

     ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์ เสียงครวญครางอบอวลทั่วห้องน้ำ "อืื้อ อื้อออ"

     เขาเกร็งเขม็ง ด้านล่างกระตุก ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อผุดพราย เขาปลดปล่อยของเหลวอุ่นร้อนออกมาเปรอะเปื้อนบนฝ่ามือและพื้นห้องน้ำ

     เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนถอดเสื้อผ้าทั้งหมดเพื่ออาบน้ำชำระล้างความฟุ้งซ่านว้าวุ่นใจ น้ำเย็นปะทะร่าง

     เมื่อนึกว่าเมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป ทำไปด้วยความรู้สึกแบบไหน เขานึกสมเพชตัวเองขึ้นมา ทั้งๆ ที่มีผู้หญิงพร้อมตอบสนองเขามากมาย เขาจะทำอะไรกับคนชื่อเมษานั่นก็ได้ เธอยอมอยู่แล้วถ้าเขาหว่านสเน่ห์ และขอมีความสัมพันธ์ชั่วคราวแค่คืนเดียวกับเธอ เขารู้ว่าเธอจะยอม และพร้อมจะทำกับเขา พลีกายให้เขา

    แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายเขากลับต้องมานั่งคิดถึงเพื่อนสนิทคนที่ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย ความคิดถึงที่มีแต่เขาฝ่ายเดียว... รู้สึกแค่คนเดียว... พอคิดแบบนั้นจิตใจของเขาก็กลับห่อเหี่ยว

[ปราชญ์คนผีทะเลลลล อะไรมันจะรักจะคิดถึงขนาดนั้นนนน -.,-////
นัก(อยาก)เขียนมีความมุ่งมั่นว่าจะอัพติดต่อกัน 5 วันรวด เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ]
หัวข้อ: Re: ♡Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 2 (เรทเบาๆ) (3/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 04-05-2019 06:36:46
ปราชญ์ก็กล้ารุกหน่อยดิ ตฤนมาแนวสายอคนนะนั่น
ปล.อัพติดกันแค่ 5วันเองหรอคับ ปักหมุดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทศูนย์ (1/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 04-05-2019 11:56:52
:pig2:
 :3123: :3123: :3123:
 :pig4:

 :กอด1: :กอด1:


อย่าบอกว่าแม่เป็นลมล้มไปนะ

ถูกเป๊ะเลยค่าาา

ปราชญ์ก็กล้ารุกหน่อยดิ ตฤนมาแนวสายอคนนะนั่น
ปล.อัพติดกันแค่ 5วันเองหรอคับ ปักหมุดแล้วเนี่ย

รู้ว่ามีคนรอ จะรีบมาต่ออัพรัว ๆ เลยค่าอิอิ
ว่าแต่ อคน คืออะไรหรอคะ
หัวข้อ: Re: ♡Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 2 (เรทเบาๆ) (3/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 04-05-2019 12:02:37
สายอึนคับ พิมพ์ผิดชีวิตเปลี่ยน แต่จะรออ่านเน้อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 3 (4/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 04-05-2019 23:21:20
บทที่ 3 สัมภาษณ์ภายใต้เเรงกดดัน​


     ตามแบบฉบับนักศึกษาจบใหม่ เวลาไปสัมภาษณ์งานชุดที่สุภาพที่สุดคงหนีไม่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และ เซ็ตผมเล็กน้อยให้ดูเรียบร้อย เหมือนนักศึกษาตอนไปเรียนไม่มีผิดเพี้ยน เอกสารสมัครงานถูกเตรียมลงแฟ้ม เช็คแล้วเช็คอีก ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าเป้ใบโปรดสีน้ำเงิน ด้วยความที่ไม่ชอบใช้กระเป๋าหนัง มันเลยอาจจะดูเด็กไปสักนิด  เพิ่ง 23 เอง จะต้องโตขนาดไหน ขายความเป็นเด็กกระตือรือร้นที่พร้อมเรียนรู้งานแทนไปก่อนแล้วกัน

     ผมมายืนอยู่หน้าตึก ตอน 8.15 น. แต่เวลานัดจริงคือ 9.00 น. ด้วยความตื่นเต้นและกลัวว่าจะหลงทางทำให้เผื่อเวลามาก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมง ไปหลบอยู่ตรงไหนดี สายตาหันไปเห็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่คนไม่เยอะมาก มีที่ให้นั่งรอ อย่างน้อยก็หาอะไรกินฆ่าเวลา


“คุณวริษฐ์ นมคาราเมล ไซส์ M ได้แล้วค่ะ” พนักงานเรียกชื่อลูกค้าให้มารับเครื่องดื่ม จะไม่น่าสะดุดใจอะไรถ้าชื่อที่ได้ยิน ไม่ใช่ชื่อเดียวกับคนที่เรียกสัมภาษณ์งาน เขารับเครื่องดื่มแล้วเดินออกจากร้านไป ส่วนผมแอบมองลูกค้าที่สั่งนมคาราเมลอย่างตั้งใจ หวังว่าจะช่วยให้หายเกร็งกับการสัมภาษณ์ในวันนี้ สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างสูง ผิวค่อนไปทางขาว หุ่นดูสมส่วน สะอาดสะอ้าน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่า กับกางเกงสแล็คสีดำ สมาร์ทสมกับน้ำเสียงที่ได้ยินผ่านทางโทรศัพท์ ซวยแล้ว เกร็งกว่าเดิมอีก

“คุณคะ...”

“...”

     เจอคนเนี้ยบเข้าแล้ว ทำไงดีวะเนี้ย

“คุณคะ...”

“...”

     จะรอดมั้ยวะ เริ่มปวดท้องแล้วสิ

“คุณคะ รับอะไรดีคะ!!!” เสียงเรียกดังกว่าปกติ ของพนักงานตรงหน้าที่เริ่มหมดความอดทนกับการรอรับรายการ ช่วยปลุกตฤนให้ออกจากพะวัง

“ครับๆ เอ่อ เอาเป็น เอ่อ นมคาราเมล ไซส์ M” รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงจากทางด้านหลัง เมื่อไม่ทันตั้งตัวคิดอะไรไม่ทัน เลยสั่งสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินออกไป ทั้งๆที่ไม่เคยกินมันเลยสักครั้ง

     ผมเดินไปนั่งโต๊ะติดกับหน้าต่าง ข้างนอกหน้าต่างเป็นสวนเล็ก ๆในตึก ผมนั่งมองวิวหวังให้ใจสงบหายเกร็ง

“คุณตฤน นมคาราเมล ไซส์ M ได้แล้วค่ะ”

     เครื่องดื่มที่เพิ่งเคยดื่มเป็นครั้งแรก มันหวานมันหอมกลิ่นคาราเมล ทำให้รู้สึกดี มันเป็นรสชาติที่ทำรู้สึกมีความสุข อร่อยแฮะ นั่งดื่มได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้เวลาต้องไป ยังเหลืออีกค่อนแก้ว เขาตัดใจทิ้งไม่ลง เลยจะพาเจ้านมคาราเมลไปสัมภาษณ์ด้วย เครียดก็แอบจิบ รสหวานๆ คงจะพอช่วยเขาได้


     ผมเดินไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์แจ้งชื่อบริษัท พร้อมกับแลกบัตรเพื่อจะใช้สแกนเข้าออกลิฟท์

“มาก่อนเวลา 10 นาที กำลังดี” ผมบ่นกับตัวเองขณะยืนอยู่หน้าบริษัท สูดหายใจฮึบและกดกริ่งที่ประตู

“มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวหน้าตาน่ารัก ตรงเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์เอ่ยทัก

“มาสัมภาษณ์งาน กับคุณวริษฐ์ครับ”

“นั่งรอสักครู่นะคะ”

     ผมมองสำรวจภายในออฟฟิต ตรงกลางหน้าทางเข้าเป็นประชาสัมพันธ์ ทางด้านซ้าย เป็นประตูกระจกข้างในน่าจะเป็นที่ทำงาน ถัดจากประตูเป็นห้องน้ำ ส่วนทางด้านขวาเป็นทางเดินที่มีห้อง หลายๆห้อง ผมเดินไปนั่งรอ ในขณะที่พนักงานสาว ยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงใครสักคน

     ประตูกระจกที่สันนิฐานว่าเป็นที่ทำงาน มีผู้ชายใสแว่นหน้าตาเกลี้ยงเกลาเดินออกมา เขาใส่เสื้อโปโลสีเขียวเข้มของบริษัท กับกางเกงยีนส์สีดำ

“สวัสดีครับคุณตฤนชาติ”

“สะสวัสดีครับพี่” ผมรีบยกมือไหว้ทันที ไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อเช้า  ชื่อวริษฐ์นี่โหลหรอ

“เดี๋ยวเชิญทางนี้ครับ” ผมรีบลุกขึ้น แล้วเดินตามทันที ทางเดินทางด้านขวาไปจนสุดทางเดิน คุณวริษฐ์ เปิดประตู และให้ผมเดินเข้าไปก่อน ผมเข้าไปนั่งในห้องเล็กๆ มีหน้าต่างบานใหญ่ใสปิ๊งในนั้นมีโต๊ะกลมหนึ่งตัว และเก้าอี้สี่ตัว คุณวริษฐ์เชิญให้ผมนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง พลางมองวิวตึกจากที่สูง มองไปก็รู้สึกเสียววาบ กลัวขึ้นมา ในท้องปั่นป่วนเกร็งไปหมด

“เดี๋ยวกรอกเอกสาร ในนี้ แล้วรอแปปนึงนะ” คุณวริษฐ์ยื่นใบสมัครของบริษัทมาให้ผมกรอก ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ทิ้งผมไว้คนเดียว ความเครียดเข้าเกาะกุม ผมคว้านมคาราเมลขึ้นมาดื่มความหอมหวานทำให้รู้สึกดี

ก็อก ก็อก

     ผมกรอกเอกสารเสร็จพอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“กรอกเอกสารเรียบร้อยหรือยัง” เสียงคุ้น ๆ ผมหันไปดูแล้วพบคุณวริษฐ์เบอร์ 1 ที่เขาเจอข้างล่าง

“เรียบร้อยแล้วครับ”

     วริษฐ์ก้าวเท้าเข้ามาในห้องและนั่งลงตรงข้ามกับตฤนชาติ เขามองสำรวจผู้สมัครอย่างละเอียด ทั้งท่านั่งการวางมือ การแต่งตัว ทรงผม มองละเอียดจนตฤนชาติยิ่งรู้สึกประหม่า

“พี่ชื่อวริษฐ์นะครับ คนที่โทรหาน้องเมื่อวันก่อน”

“ครับพี่”

“เราดูเด็กกว่าที่คิดเนอะ อาจเพราะชุดนักศึกษา”

“ครับ คงเพราะแบบนั้น” ดูเด็กนี่มันดีหรือไม่ดีนะ ?

“โอเค งั้นเดี๋ยวให้เราแนะนำตัวก่อน”

“สวัสดีครับ ผมชื่อตฤนชาติ  เรียก ชื่อเล่นว่าตฤนก็ได้ครับ จบคณะมนุษย์ศาสตร์ เอกจิตวิทยาครับ”

     ผมสบตากับคุณวริษฐ์ เขาทำหน้าเหมือนกับว่า ทำไมแนะนำสั้นจัง

“แล้วเคยทำกิจกรรมอะไรมาบ้างสมัยเรียน”

“เป็นพิธีกร งานพิธีการในคณะครับ”

“แล้วทำอะไรอีก”

“เป็นสตาฟทำงานมหาวิทยาลัย แล้วก็ค่ายสร้าง”

“เราทำอะไรในค่ายสร้าง”

“เป็นฝ่ายสวัสดิการครับ”

“พี่ขอเตือนอย่างนึง เราต้องตอบให้เยอะกว่านี้ พรีเซนตัวเองให้มากกว่านี้

“ครับ ขอโทษครับ” ตายแน่กู กดดันจนหัวใจจะวาย

“โอเค ฝ่ายสวัสดิการทำอะไรบ้าง”

“ดูแลเสบียงของกินของใช้ของคนในค่ายครับ การคำนวณแล้วเตรียมของกินของใช้ให้คนทั้งค่ายแบบครบถ้วนและใช้พอ ไม่เหลือมากเกินไปจนเป็นการผลาญงบประมาณ และก็ทำให้ ลูกค่ายได้รับอย่างทั่วถึง อีกอย่างที่ต้องเช็คให้ละเอียดคือมีคนแพ้อาหารประเภทไหน หรือนับถือศาสนาอะไร ห้ามกินอะไร ข้อมูลตรงนี้ต้องพร้อม”

“ทำไมเราถึงเลือกทำค่ายสร้าง เล่าประสบการณ์ที่ประทับใจมาให้ผมฟังหน่อย”

“เริ่มที่อย่างแรกผมสนใจค่ายสร้างเพราะมันเป็นกิจกรรมที่ทำให้เรามีเพื่อนต่างคณะ ได้ไปในที่ ๆไม่เคยไปมาก่อน ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวบ้าน และได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เราได้เรียนรู้ที่จะดูแลรับผิดชอบตนเอง อีกทั้งเรายังได้ไปทำประโยชน์ให้คนอื่น ค่าค่ายแค่ 599 แต่เราได้อะไรกลับมาเยอะมากกว่าที่เราคิด ได้ไปใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติตั้ง 7-8 คืน ได้ประสบการณ์ที่ดีและมิตรภาพที่มีค่ามากๆ มันไม่มีที่ไหนทำได้ เท่าค่ายสร้างในสมัยเรียนอีกแล้ว”

     ผมพูดยืดยาวจนแทบไม่ได้เว้นวรรคหายใจพร้อมกับมองท่าทีของคนตรงหน้าที่ดูจะตั้งใจฟังมากๆ ทำให้ผมต้องใช้สมองอย่างหนัก ในการคิด และเรียบเรียงให้เป็นภาษาที่ฟังแล้วลื่นไหล

‘มีความมุ่งมั่นตั้งใจและมีจิตใจดี’ วริษฐ์ได้แต่คิดในใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ“แล้วเคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เราทำงานสวัสดิการบ้างหรือเปล่า แล้วเราจัดการสถานการณ์นั้นยังไง”

“ก็สองวันก่อนที่เราจะถึงกำหนดกลับ ฝนตกหนักมากเหมือนพายุเข้า พวกเราไม่สามารถกลับลงมาจากค่ายได้ตามกำหนดเดิม เพราะทางไปค่ายเป็นถนนดินลูกรังสีแดง พอโดนฝนหนักๆ ถนนทั้งเละทั้งลื่น ค่อนข้างอันตราย รถไถลออกไปไม่ใช่ข้างทางคูน้ำนะ แต่เป็นเหว พวกเราจึงไม่เอาคน 45 ชีวิตไปเสี่ยง จากการคาดการณ์และประชุมร่วมกับชาวบ้าน เราจะต้องกลับหลังจากกำหนดเดิม 2 วัน รอให้ถนนแห้งพอที่จะใช้ได้ นั่นส่งผลกับเสบียงของเรา แม้เราจะเตรียมอาหารแห้งไว้พอสมควรก็ตาม แต่ต้องมาคำนวนกันใหม่ จากที่ เหลือเวลาอีกสองวัน กลายเป็นสี่วัน”  ผมพักหายใจ ลำคอแห้งผาก สีหน้าของคุณวริษฐ์ดูสนใจกับสิ่งที่ผมเล่า นั่นทำให้ผมใจชื้นมากขึ้น “เราปรับเปลี่ยนเมนูอาหารใหม่ ทำให้อาหารในแต่ละมื้อมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากขึ้น เพื่อจะได้อิ่มเร็วมากขึ้น และเพื่อเซฟวัตถุดิบที่เรามี เช่น ถ้าเราทำไก่ทอด 15 โล และกับข้าวอื่นๆ ใช้วัตถุดิบเยอะกว่าคนทั้งค่ายจะอิ่ม แต่ถ้าเราเอาไก่แค่ 8 โล มาทำ แกงจืดหรือ แกงเผ็ด คนซดน้ำแกง เอาน้ำแกงราดข้าว หรือมันเผ็ด ทำให้คนดื่มน้ำมากยิ่งขึ้น ทั้งน้ำในกับข้าว ทั้งข้าว ทั้งน้ำดื่ม แล้วก็กับเสริมเล็กน้อยเราก็ทำให้ทุกคนอิ่มได้ สารอาหารครบถ้วนเหมือนเดิม ไก่ที่เหลือก็ไปทำมื้ออื่น มีอยู่มื้อนึง เราต้มมาม่าหม้อใหญ่ใส่ไก่ ใส่ไข่และปลากระป๋อง เป็นมื้ออาหารที่อร่อยมากๆครับ ใช้วัตถุดิบหลายอย่าง แค่กๆ แต่จำนวนไม่มาก แค่ก”

     วริษฐ์มองคนตรงหน้าพูดเพลิน เขาเล่าไม่มีสะดุด จะมีขมวดคิ้วบ้างเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ แต่เล่าได้ละเอียดขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นของจริง

“พักจิบนมคาราเมลได้นะครับ ละลายจนเป็นน้ำแล้ว” วริษฐ์พูดก่อนจะเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู *‘*พอได้พูดก็พูดไม่หยุด พูดจนคอแห้ง พูดจนไอ’

“ยังดูออกว่าเป็นนมคาราเมลด้วยหรอครับ ละลายจนไม่เหลือเค้าเดิม

“ตัวหนังสือที่เขียนอยู่ตรงฝาไงครับ”                 

“CM นี่หรอครับ”

“CM มาจาก Caramel Milk นี่เห็นว่ากินของโปรดของผมนะ ถึงได้ให้ดื่ม...ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างอื่น ผมจะไม่ให้ดื่ม ปล่อยให้คอแห้ง”

“ถือว่าผมโชคดีนะครับ” ดีนะสั่งตาม ไม่งั้นสัมภาษณ์ต่อจากนี้คงได้ไอไปด้วยพูดไปด้วย

“แล้วเคยทำงานอะไรมาก่อนมั้ย”

“เคยทำงานพาร์ไทม์สมัยเรียนครับ”

“ทำอะไร ช่วงไหน”

“เคยทำพาร์ทไทม์ร้านขนม สมัยมัธยม กับทำงานที่แผนกบุคคลตอนปี 2 ครับ”

“ทำงานตอนเรียนแบ่งเวลาไหวหรอ เกรดเฉลี่ยเราก็ดีนี่นา ไม่เคยต่ำกว่าสามเลย”

“ไหวครับ ถ้าเราตั้งใจเรียนในห้องเรียน ตั้งใจทำงานทำการบ้านส่ง อ่านนิดหน่อย ก็ทำข้อสอบได้แน่นอน สิ่งที่เราต้องมีคือ ความรับผิดชอบครับ”

‘น่าสนใจ ดูมีความคิดความอ่าน ถ้ารับมาทำงาน น่าจะเรียนรู้ได้ดี’ วริษฐ์คิด และเขียนข้อดีต่างๆของคนตรงหน้าลงไปในเรซูเม่

“แล้วเราทำอะไรตอนทำแผนกบุคคล”

“ผมก็ดูแลเรื่องสวัสดิการ คอยแจ้งข่าวสารอัพเดท ส่งประกันสังคม จัดเก็บแฟ้มประวัติพนักงาน งานคร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ เป็นงานแผนกบุคคลในห้าง ความยากก็คงจะเป็นการตามเอกสารของแต่ละแผนก”

“อืม... แล้วทำไมถึงอยากทำงานแผนกบุคคล”

“ผมคงติดใจมาจากตอนทำงานตอนนั้น และอยากเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้นครับ”

“แล้วรู้จักบริษัทเราได้ยังไง… เป็นยังไง ... สนใจตรงไหน...แล้ว...”

     คำถามมากมายถูกถามและถูกตอบ กว่าสองชั่วโมง เรื่องแล้วเรื่องเล่า คุยกันเหมือนกับชดเชยเวลาทั้งชีวิตที่ไม่เคยรู้จักกัน นี่จึงเป็นการสัมภาษณ์งานที่ยาวนานที่สุดสำหรับทั้งคู่ ทั้งผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์ กว่าสองชั่วโมงจากความกดดัน กลายเป็นความเหนื่อยล้า


“เอาล่ะ คำถามสุดท้าย”

“ถามได้เลยครับ” ถามก่อนที่ผมจะสลบ

“หิวข้าวหรือยัง”

“โครกกกกก...” ร้องได้ตรงจังหวะจริงนะ น่าอาย น่าขายหน้า ผมได้แต่ก่นด่ากระเพาะของตัวเองอยู่ในใจ

“ดูเหมือนตรงนั้นจะตอบแทนเราแล้วล่ะ” วริษฐ์พูดพลางชี้นิ้วไปที่ท้องของตฤน และพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้เจ้าของเสียงท้องร้องโครกครากรู้สึกอายกว่าเดิม

“ผมขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เราคงไปห้ามไปสั่งกระเพาะอาหารไม่ให้ส่งเสียงไม่ได้”

     ตฤนไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆให้

“เอาล่ะ งั้นวันนี้เราสิ้นสุดการสัมภาษณ์ได้ รับเอกสารไป แล้วก็ไปทำแบบทดสอบตามลิ้งเว็บอันนี้นะ พี่ชอบเรา แต่ถ้าเรา ทำแบบทดสอบไม่ผ่าน พี่คงช่วยอะไรไม่ได้”

     ...พี่ชอบเรา ...เป็นคำพูดเรียบๆ ที่คนพูดพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่ทำให้คนฟังอย่างผมรู้สึกประหลาดแปลกๆ จะว่าขนลุกก็ไม่เชิง ว่าแต่คำนี้มันแปลว่าผ่านสัมภาษณ์หรือเปล่า?


[เอาประสบการณ์ตรงของตัวเองมาพูดเล่น 555  :z13:
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังหางานทำ คนที่เพิ่งจบใหม่และเเสนจะเคว้งคว้าง]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 3 (4/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 05-05-2019 06:43:23
ตฤนของปราชญ์ วริษฐ์อย่ามายุ่ง ตาปราชญ์ก็เริ่มบุกได้บ้างแล้ว ช้าอยู่นั่น เดี๋ยวหมาคาบไปแดก
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 4 (5/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 05-05-2019 16:32:25
บทที่ 4 ตกลงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายเเล้วหรอ


‘สวัสดีค่ะ กวางพูดสาย’

“ดีกวาง นี่ตฤนนะ ถามอะไรหน่อยดิ เมื่อเช้าไปสัมภาษณ์งานมา พี่เขาบอกว่า ‘พี่ชอบเรา แต่ถ้าเรา ทำแบบทดสอบไม่ผ่าน พี่คงช่วยอะไรไม่ได้’ ประโยคนี่แปลว่าผ่านสัมภาษณ์ใช่มั้ย”

     แค่อยากให้ใครสักคนมาช่วยยืนยันว่าผมไม่ได้หลงตัวเอง ผมผ่านสัมภาษณ์จริงๆ จะได้สบายใจ

‘หือ! ใครมาบอกชอบแก ผู้หญิงหรือผู้ชาย’ เสียงหญิงสาวดังลอดผ่านมือถือ ดูตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เหมือนจิตใจของเจ้าตัวจะให้ความสนใจอยู่ที่ ประโยคเดียว

“ผู้ชายๆ”

‘หุ้ย ได้แน่นอน’

“จริงหรอ ผ่านใช่ป่ะ น่าจะได้งานใช่มั้ย!”

‘หึ ได้ผู้!’

“กวาง...”

‘ทำเสียงเข้มทำไม ก็มันจริงอ่ะ อยู่ดีๆ ผู้ชายมาบอกชอบ งุ้ยเขิน ไปบอกปราชญ์ดีกว่า’

“บอกมันทำไม เดี๋ยวได้งานค่อยบอก”

‘คิคิ แล้วผู้ชายคนนั่นหน้าตาเป็นไง’

“อืม ก็...หล่อดี” ผมนึกภาพคุณวริษฐ์ที่ผมเจอเมื่อเช้าในร้านกาแฟ

‘โอย ฉันมีความสุข’

“หยุดจิ้น แค่นี้ ไม่ต้องจินตนาการต่อ วางล่ะ ตั้งใจทำงาน”

‘เออ ตฤนนี่เบอร์ใหม่แกใช่มะ จะได้เมมไว้ ไว้จะโทรไปถามโมเม้นนะจ๊ะ บ๊าย’

     กวางไม่รอให้ผมตอบ แต่กดตัดสายไปก่อน ส่วนผมพอกวาง วางสายไปก็เต้นบ้าบออยู่คนเดียว ผ่านสัมภาษณ์แล้วว้อยยย


“หงิงหงิ้งหงิง” กี้ร้องครางอ้อน วิ่งผ่านผมไปที่หน้าประตูบ้าน ใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น

“ไม่มีเพลงก็เต้นได้หรอ มาเปิดประตูหน่อย” ปราชญ์ที่ยืนมองตฤนเต้น ยึกยักไปมานึกขำ ใจอยากเอามือถือขึ้มาอัดวิดีโอ แต่เสียดายที่มือไม่ว่าง

“เต้นได้ ดนตรีมันอยู่ในหัวใจ” ปราญช์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ พร้อมยื่นส่งของในมือถุงใหญ่มาให้ เหมือนจะบอกว่า ถ้าว่างเต้นบ้าๆบอๆ ก็มาช่วยกันถือของ

“ไปชอปปิ้งกันหรอ แม่ลูก” ผมเอ่ยปากแซว

“มันมีคนนอนหลับไม่รู้เรื่องตั้งแต่ตอนบ่ายน่ะสิ ไม่รู้เหนื่อยอะไร ดีนะมีลูกชายตัวจริงแวะมา” แม่พูดตอบกลับ พร้อมเดินเอาของไปเก็บในครัว

“ใช่ซีย์มีลูกชายคนใหม่ ลืมคนเก่าเลยนะ”

“คนเก่าควรเอากับข้าวไปใส่จาน” ปราชญ์ยื่นมือมาผลักหัว ก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาหน้าทีวี และกดเปิดมันเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง พร้อมมีกี้เดินวนรอบ และพยายามที่จะเข้าสิง หรือว่าเราไม่ใช่ลูกชายตัวจริงของบ้านนี้…

“สัมภาษณ์เป็นไง”

“ก็ดีมีแววว่าจะผ่าน”

“เงินเดือนเดือนแรกต้องพาไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์นะ”

“เลี้ยงทุกคนเว้นมึงอ่ะ”

“โคตรหยาบคาย กี้อย่าโตไปเป็นแบบมันนะ”

“หงิง”

“ทำไมตอบรับว่าง่ายแบบนั้น มานี่เลยกี้” กี้ทำปากมุบมิบแต่ก็ยอมเดินมาหาผมแต่โดยดี ก่อนจะเอาหัวถูไปถูมากับขาของผม “ที่งี้ทำอ้อน” ผมเดินไปครัว โดยมีกี้เดินตาม

“จานตรงนั้น เอาไปเทกับข้าวที่โต๊ะเลย”

“แล้วแม่จะทำอะไรอีก ของกินเต็มไปหมด”

“ทำกระดูกหมูซอสน้ำแดง ของโปรดปราชญ์อีกสักอย่าง”

“แล้วไหนของโปรดน้องตฤนอ่ะครับ” ผมทำปากเบะ ทำเสียงงองแง

“บนโต๊ะนั่นไง รีบไปเทกับข้าวเลย”

“ตฤนไหนจานนนน” เสียงปราชญ์เรียกดังลั่น

“กำลังไปว้อย”

     ปราชญ์กำลังยืนแกะถุงกับข้าวอย่างตั้งใจ เสียงดังก็อบแก็บ ทำให้กี้ทิ้งผมไปหาปราชญ์ทันทีด้วยความตระกละ

“ว่าไงนะกี้ อ๋อ พยายามเร่งเต็มที่ให้ตฤนรีบยกจานมาหรอ อื้อ ...เก่งมาก ๆ กี้”

“เพ้อเจ้อ เมื่อคืนนอนน้อยหรอ”

“ใครจะนอนเยอะแบบตฤนล่ะครับ”

“แม่กับข้าวเสร็จยังงง ปราชญ์มันปากว่างเกินไปแล้ว” ผมพูดก่อนจะมองหาว่าอะไรจะยัดปากให้ไอ้บ้านี่มันเงียบได้สักพัก ไม่กัด ไม่ปากหมาสักสองสามนาที  ผมหยิบทอดมันออกมาและยื่นจ่อปากคนข้างๆ “กินเข้าไป จะได้ไม่พูดมาก”

     ปราชญ์อ้าปากงับทอดมันอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นแบบนั้นตฤนก็เลยส่งทอดมันเข้าปากตัวเองบ้าง

“ตกลงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายแล้วหรอ”

“ฮะ! แค่ก ๆ อ่ะ แค่ก” คำถามน่าตกใจของปราชญ์ทำให้ตฤนถึงกับกลืนทอดมันผิดจังหวัด จนทำให้สำลัก ไอหนัก จนน้ำหูน้ำตาไหล

“กวางบอก ตฤนมีแฟนแล้ว เป็นผู้ชาย...”           

“แค่กๆ” ตฤนไอหนักไม่สามารถโต้ตอบได้ ในใจก็คิดว่า การเล่าอะไรให้กวางฟังนี่นะ จรรยาบรรณในการรักษาความลับนี่เท่ากับศูนย์เลย ถ้ากวางรู้อะไรโลกจะต้องรู้ ไวกว่า 4G ซะอีก แถมยังใส่สีตีไข่เกินความเป็นจริง ถ้าไปบ่น กวางก็คงทำแค่หัวเราะ และบอกว่า อาหารจะอร่อยก็ต้องใส่เครื่องปรุง ที่ทำก็เผื่อให้ข่าวออกมารสชาติดี

“เรื่องจริงหรอ” ปราชญ์ถามย้ำอีกครั้ง

“...” โอย ทอดมันติดคอ นี่จะเอาน้ำมาให้กินก่อน ดันมาถามเรื่องไร้สาระ จริงจังอะไรกับเรื่องแบบนี้วะเนี้ย

“ทำไม ไม่ตอบ หรือว่าจริง” ตฤนไม่ตอบแต่ขยับไปคว้าน้ำมายกดื่ม ข่าวผสมเครื่องปรุงของกวางเกือบทำเขาตาย

“ไม่จริงว้อย แล้วนี่กวางบอกตอนไหน เพิ่งคุยกับมันก่อนมึงมาไม่ถึง 5 นาที”

“ก็แชทไง เนี้ยทักมาเล่า เป็นฉากๆเลย”

“เชื่ออะไรกวางวะ โว้ย บ้าบอ ไหนเอาแชทมาดูดิ๊”

“ไม่ให้ดู เรื่องมีแฟนคงไม่จริง แต่มีคนมาบอกชอบอันนั้นจริงมั้ย”

“เอิ่ม อธิบายไม่ถูก ...” ต้องมานั่งเรียบเรียงประโยคใหม่  ที่คุณวริษฐ์บอกก็แค่จะบอกว่าผ่านสัมภาษณ์งานล่ะมั้ง

“...” ปราชญ์หรี่ตามอง พยายามจ้องจับผิด

“ก็ พี่ที่ไปสัมภาษณ์ด้วย เขาบอกประมาณว่า พี่ชอบเรา ถ้าเรา ทำแบบทดสอบไม่ผ่าน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ น่าจะบอกเป็นนัยๆ ว่าผ่านสัมภาษณ์งาน ไม่ได้มีอะไรว้อย กวางมันสร้างเรื่องเอง”

“อ๋อ ฮ่าๆ กวางนี่มัน” ปราชญ์หัวเราะไม่หยุด ในขณะที่ตฤนรู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย การที่เขายังไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็ไม่ใช่ว่าหันไปชอบผู้ชายมั้ย!

“เรื่องนี้มีแค่กวางตัวแสบ กับคนโง่ คนที่เชื่อคือโง่มาก”

“เอ้า ก็ใครจะไปรู้” ปราชญ์พูดพลางยักไหล่ ก่อนจะเดินหนีไปในครัว


     ตฤนจัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย รอก็แค่อาหารจานสุดท้ายที่แม่กำลังปรุงสดใหม่ คาดว่าน่าจะอีกไม่นาน เพราะกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากครัว เริ่มใกล้เคียงกับกลิ่นตอนที่ปรุงเสร็จ ระหว่างรอตฤนกดโทรศัพท์โทรหาตัวแสบ ที่กระจายข่าวไปไวโดยที่ไม่ได้ขอ

‘สวัสดีค่ะ’

“กวางงงงงงงง”

‘อะไรหรอ’

“บอกว่า อย่าเพิ่งบอกใครไง ให้ได้งานจริงๆก่อน แล้วเลิกแต่งเติมเรื่องเองได้แล้วนะ”

‘หืม? บอกอะไรรรร’ ปลายสายตีมึน ทำเสียงใสซื่อ เหมือนไม่รับรู้เรื่องที่ตัวเองทำ

“กวาง เล่าอะไรให้ไอ้ปราชญ์ฟัง”

‘ฮะ เล่าอะไรหรอ มันไปพูดอะไรหรอ’ ปลายยังคงตีมึนเหมือนเดิม แต่ความจริงคือกวางพยายามหลอกให้ตฤนเล่าว่าปราชญ์พูดอะไร

“มันถามว่าเปลี่ยนมาชอบผู้ชายแล้วหรอ?”

‘อุ๊บ ฮ่าๆ ถามโคตรตรง คนหรือไม้บรรทัดเนี้ย ฮ่าฮ่า’ กวางหัวเราะไม่หยุด ให้ตฤนเริ่มรู้สึกกอายขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอายอะไร อายที่โดนหัวเระเยาะหรือเปล่า

“กวางมันตลกหรอ แล้วเนี้ย มันถามตอนกำลังกินทอดมัน สำลักแทบตาย”

‘ใครจะไปคิดว่ามันกล้าถาม โอยตายๆ แล้วนี่มันอยู่กับตฤนหรอ’

“มันมาเนียนกินฟรีที่บ้านเนี้ย ตอนนี้อยู่ในครัวกับแม่”

‘อืม เอาน่า กวางแค่อยากให้สนุกๆ ปราชญ์ก็คนใกล้ตัว กินกันให้มีความสุขนะ ว้าย แค่นี้นะ’

     กวางปล่อยคำพูดชวนขนลุกก่อนจะตัดสายไปหน้าตาเฉย จะโทรไปบ่นนาง แต่ทำไมเจ้าตัวไม่ได้สลดสักนิดเลย เป้าหมายในการโทรไปบ่นเมื่อกี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเขิง แถมยังรุ้สึกเหมือนตัวเองกำลังปช่วยเพิ่มเรื่องจิ้นให้กวาง

“กินข้าววววว” เสียงแม่เหมือนเสียงสวรรค์ ในที่สุดก็ได้กินข้าว

 “หอมกระดูกหมูซอสน้ำแดง” ของโปรดของปราชญ์ ก็คือของโปรดลำดับสองของผม ดังนั้นแค่ได้กลิ่นก็ทำให้รู้สึกมีความสุข

     ทุกคนต่างนั่งประจำที่ แม้กระทั่งกี้ ที่นั่งรออย่างสงบเสงี่ยม ด้วยดวงตาเป็นประกาย และน้ำลายที่ยืดนิดๆ ไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้ต่อกลิ่นหอมของกระดูกหมูซอสน้ำแดงฝีมือแม่ทั้งนั้น

“ตฤน ถ่ายรูปส่งไลน์ไปให้พ่อหน่อย”

“แม่นี่นิสัยไม่ดีเลยนะ เดี๋ยวพ่อก็ลางานกลับมากินข้าวหรอก”

“ดีคิดถึง”

“โอยแม่ อย่ามาสวีทตอนนี้ได้มั้ย” ในฐานะที่เกิดมาไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน ภูมิต้านทานกับเรื่องพวกนี้เลยต่ำ ออกจะรู้สึกเขินๆ และรู้สึกอิจฉาไปด้วย แถมมีเพื่อนนั่งอยู่ตรงนี้อีกคนบอกตรง ๆ ว่าเขินแทน แต่แม่เหมือนชิล ๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย

“แม่พูดตรง จนผมเขินแทนเลย” ผมหันไปมองปราชญ์แล้วรู้สึกว่ามันกำลังเขินจริง ๆ พูดโดยไม่เงยหน้าสบตาใคร  มืออีกข้างก็จับช้อนเขี่ยข้าวไปมา คนฮอตที่มีสาวๆ มาทำดีให้ ก็ไม่น่าจะขี้เขินขนาดนี้ แต่เอาจริง ก็ไม่เคยเห็นปราชญ์มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เปลี่ยนแฟนบ่อยจนไม่รู้ว่ามีความรักบ้างหรือเปล่า คงจะภูมิต้านทานเรื่องสวีทหวานแบบนี้ต่ำเหมือนกัน

“พ่อบอกว่า อีกไม่กี่วันกลับมาแล้วต้องทำให้กินด้วยนะ แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์หมีส่งจูบมาให้ แม่ผมส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแล้วนะ เรากินข้าวกันเถอะ” ผมพูดก่อนจะตักกระดูกหมูมาคลุกข้าว ในที่สุดก็ได้กิน ผมตักข้าวที่คลุกซอสเข้าปาก แต่ก็เกือบสำลักอีกครั้งเมื่ออยู่ ๆ แม่ก็พูดขึ้นมา...

“ปราชญ์ว่าชาตินี้ ตฤนมันจะมีแฟนกับเขาบ้างมั้ย”

“แม่!” ตฤนละล่ำละลั่กเรียก ทำไมไม่ได้กินข้าวอย่างสงบสักทีนะ

“อาจจะมีก็ได้ครับ” ปราชญ์พูดพลางยิ้มกริ่ม

“ไม่มีก็ไม่เป็นไรนี่แม่” ตฤนรีบพูดขึ้นมาทันที

“มีก็ดี แกจะได้เลิกซื้อ ตุ๊กตาการ์ตูนสาว ๆ แต่งตัวโป๊ เซ็กซี่นมเบอเร่อพวกนั้นมาสักที” ตฤนหน้าขึ้นสี แม่แอบไปสำรวจกรุสมบัติของเขาได้ยังไง ตฤนแอบใส่ชั้นไว้อย่างดี แถมแม่ยังพูดเหมือนเขาซื้อเยอะ ทั้งที่มีอยู่แค่สามตัวเท่านั้นเอง

“ตฤนนี่ทะลึ่งไม่ใช่ย่อย แอบจินตนาการอะไรแปลกๆ กับตุ๊กตาหรือเปล่า” ปราชญ์พูดแหย่ ยักคิ้วล้อเลียน

“มีแต่เมิงนั่นแหละคิดลามก ดูเพราะชอบ เพราะศิลปะว้อย” ตฤนรีบแก้ตัวพัลวัน เอื้อมมือหยิบน้ำมาจิบแก้เก้อ  เขาชอบมินะจัง(ชื่อตุ๊กตา) เพราะว่ารอยยิ้มสดใส ไม่ใช่เพราะว่าแต่งตัวเซ็กซี่สักหน่อย

“เฮ้อ มีลูกชายอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อนี่มันน่าหวั่นใจจริง ๆ”

“แม่ ผมเลยวัยนั้นมาแล้ว หยุดแหย่ผมได้แล้ว”

     ปราชญ์หัวเราะกับท่าที  และคำพูดของคนข้าง ๆ ที่แลดูตลกเหมือนเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักโต ดีไม่ดี ก็ไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ แต่แบบนี้ก็ดี เขาจะได้ไว้วางใจ  ...

“เฮ้ย ปราชญ์ อย่าเอาหมูให้หมาตอนนี้”

“ฮะทำไมอ่ะ กินใกล้อิ่มแล้วนี่” ปราชญ์สะดุ้งก่อนทำหน้างง หมดลุคคนหล่อ

“เดี๋ยวมันเคยตัว จะให้อะไรก็วางกองไว้ ให้มันกินทีเดียว ตอนนี้ฝึกให้มันรอไปก่อน”

“ไม่สงสารมันหรอ ดูตามันดิ”

“อย่าไปมองสิ กี้มันมารยาร้อยเล่ห์ แล้วนี่อะไรอ้อนนิดเดียวก็แพ้แล้วหรอ” ผมส่งไข่ปลาหมึกในมือให้ หวังช่วยเบนความสนใจ น้ำลายกี้ยืดหยดลงบนพื้น เหมือนอดอยากมาจากไหน “กี้ ไปนั่งรอ” ผมใช้คำสั่งสั้นๆ ที่กี้คุ้นเคยเป็นอย่างดี

“ว่าง่ายดี”

“เพราะว่าสอนมาดี คนแถวนี้จะมาทำให้ระบบมันเสีย”

“จ้า” สิ้นเสียงขานรับของปราชญ์ ตฤนลุกไปเอาจานข้าวกี้มาวางให้ปราชญ์ใส่อาหาร ที่ปราชญ์อยากให้ เพราะปกติเขาจะไม่ค่อยเอาอาหารของคนให้หมากิน มันปรุงรสมากเกินไป ไม่ดีต่อหมาน้อยสุดรักของเขา

     มื้ออาหารค่ำที่วุ่นวายจบลง ปราชญ์อาสาล้างจาน แต่ไม่วายลากคอลูกชายตัวจริงของบ้านไปช่วย

“พรุ่งนี้ว่างมั้ย” ปราชญ์ถามทำลายความเงียบ

“ว่าง”

“พรุ่งนี้เจอกัน”

“ไปไหน”

“พรุ่งนี้ก็รู้ อ่ะ เอาไปคว่ำ กลับล่ะ” ปราชญ์ตัดบทไม่ให้อีกฝ่ายถามต่อ ก่อนจะส่งกองจานกองใหญ่ให้ตฤนไปคว่ำ โดยที่ปราชญ์ลอบมองแผ่นหลังบางของอีกฝ่ายที่ก้ม ๆ เงย ๆ เพื่อคว่ำจานอย่างนึกเอ็นดู มันน่ารักจริง ๆ นะ...

.

[ปราชญ์ที่หลงใหลในตัวตฤน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็น่ารัก น่ารักไปซะหมด 555
 :hao7: :hao7:]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 5 (6/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 06-05-2019 13:17:35
​บทที่ 5 ความสุขของ...นักจิ้น


     ในห้องนอนอันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของห้อง ที่ไม่ได้มีสิ่งของอยู่มากมาย มีชั้นหนังสือเล็ก ๆ ที่มีรูปแปะอยู่ คนลักลอบเข้าห้องยืนมองรูป ที่มีตัวเองอยู่ในรูปด้วยความภูมิใจ ก่อนจะกลับไปสนใจเตียงนอนกว้างขนาดที่นอนได้สองคนที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับชายหนุ่มที่นอนหลับพริ้มใต้ผ้าห่มท่ามกลางกองตุ๊กตา

“ตื่นได้แล้ว ตื่น ตื่นเถอะ”

     เสียงหวานร้องปลุกข้างหูติดจะโหวกเหวกน่ารำคาญ มันควรจะไพเราะน่าฟัง ถ้าไม่มาตอนเช้าแบบนี้ ทำเอาคนกึ่งหลับกึ่งตื่น ขมวดคิ้วมุ่น

“ตฤน ตื่น!”

 ‘ฝันอยู่แน่ๆ ในบ้านของเขาไม่มีเสียงผู้หญิงแบบนี้แน่นอน โอย ทำไมขามันขยับไม่ได้’

“ตฤนนนนน”

‘หรือว่าจะโดนผีผู้หญิงอำ’

     เมื่อเจ้าชายนิทราทนต่อเสียงเรียก และความสงสัยของตัวเองไม่ไหว จึงลืมตาขึ้น เพื่อให้รู้กันเลยว่าใคร แต่ต้องชะงักเมื่อใบหน้าที่เป็นเจ้าของเสียง แล้วน้ำหนักที่ทับอยู่บนขา …ไม่มีทางเป็นเสียงของมันแน่ ๆ

“ปราชญ์! ลงไปว้อย”

     ปราชญ์อยู่บนเตียงด้วยท่าที่ล่อแหลม เขานั่งขัดสมาธิทับขาของตฤน ส่วนมือทั้งสองข้างกางคร่อมเพื่อถ่ายน้ำหนักไปที่แขนทั้งสองข้าง ใบหน้าเขาอยู่ใกล้จนน่าตกใจ

“มาปลุกคนขี้เซาไงคะ” เสียงหวานน่าขนลุกตอบกลับมา ก่อนจะเริ่มขยับโยกตัวไปมา

“อย่าขย่มเดี๋ยวขาหักว้อย”

“ตฤนก็ตื่นสิคะ”

“เลิกทำเสียงแบบนั้นได้แล้ว น่ากลัว”

“ไม่ได้ทำว้อย สังเกตดิปากได้ขยับสักทียัง”

“ตฤนหันซ้ายขวามองหาต้นเสียง แต่ก็ไม่เห็นใคร”

“แฮ่!!!” กวางที่หมอบอยู่ข้างเตียง โผล่พรวดขึ้นมาจนตฤนได้แต่สบถคำหยาบออกมายาวเหยียดด้วยความตกใจ

“สัตว์ออกมาทั้งป่าเลย”

“กวาง! หัวใจแทบวาย”

“นี่ถ้าไม่นั่งทับขาไว้นะ มันพุ่งออกนอกบ้านไปแล้ว สะดุ้งแรงมาก”

     แรงสะดุ้งเมื่อกี้ทำให้ปราชญ์เกือบจะหงายหลังตกเตียง ดีที่ตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่ากวางอยู่ตรงนั้น

“ตกใจแบบนี้จะได้ตื่นไง ไปอาบน้ำออกไปข้างนอกกัน ปราชญ์บอกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าวันนี้จะออกไปข้างนอก”

กวางเอ่ยปากชวน สาวสวยในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ขยับมานั่งบนเตียง ส่วนตฤนได้แต่นึกย้อนถึงเมื่อวาน

“จะลากไปไหน นี่มันเพิ่งจะ ...”

“ 9 โมงแล้ว!” กวางโวยวาย เวลาพักของนางมีค่ามาก กว่าจะแลกเวรมาได้ ถ้าไม่สำคัญคงไม่ทุ่มเทขนาดนี้ จะมาเก็บโมเม้นไปแต่งนิยาย หญิงสาวคิดในใจ

“แล้วจะไปไหน”

“ไปห้าง ออกไปชอปปิ้งชุดทำงานไง เดินเล่น หาขนมกิน แล้วก็...คีบตุ๊กตา”

“พอได้ยินคำว่าตุ๊กตา ตาวาวเชียวนะ” ปราชญ์เอ่ยแซวคนแมนที่คลั่งไคล้ตุ๊กตา กวางเอาสิ่งที่เจ้าตัวชอบมาล่อ

“ได้มาเพิ่มก็ดี ส่วนมึงลงไปได้แล้ว ขาชาแล้ว”

     ปราชญ์ได้ยินรีบขยับหนี ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ขยับให้แล้ว ลุกสิ”

“ชาไปแล้ว แปป”

“ธีมวันนี้เสื้อยืดกางเกงยีนส์นะจ๊ะ” ไม่พูดเปล่า กวางเอื้อมมือมาตีขาที่กำลังเป็นเหน็บของตฤน แน่นอนว่ามันจะต้องเจ็บแบบสั่นสะเทือนแน่ ๆ

“อย่าแกล้งตฤนนักเลย” ปราชญ์ เอามือมาบังไม่ให้กวางแกล้งตีอีกรอบ ส่วนกวางจดโมเม้นไว้ในใจ ‘แค่นี้ก็ต้องปกป้องด้วยหรอ น่ารัก’


     ผ่านไปเกือบชั่วโมง แก๊งเสื้อยืดกางเกงยีนส์ถึงได้เดินทางออกจากบ้าน ช้าเพราะตฤนแอบเข้าไปหลับในห้องน้ำ จนเกือบโดนทั้งคู่พังประตูเข้าไป

“ไปร้านตรงนั้นกัน”

     ด้านหน้าร้านเสื้อผ้ามีหุ่นสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงขายาวสีดำ เป็นชุดทำงานที่ดูสุภาพ

“สวัสดีค่ะ สนใจชุดไหนสอบถามได้นะคะ”

“พี่คะ อยากจะขอลองชุดที่หุ่นใส่อยู่น่ะค่ะ ไซส์ก็ผู้ชายสองคนนี้เลย”

“จะซื้อเหมือนกันหรอวะปราชญ์” ตฤนหันไปถามปราชญ์ ที่น่าจะมีเสื้อผ้าเนี๊ยบ ๆ พร้อมอยู่แล้ว

“ก็ลองดู เชื่อสายตากวางสิ” พนักงานเดินมาวัดตัวทั้งสองหนุ่ม ก่อนจะหยิบชุดมาให้พวกเขาไปลองเปลี่ยน และออกมาให้กวางดู

     ระหว่างรอกวางก็มองหาชุดเพิ่มเติมไปด้วย หยิบมาจนเต็มตะกร้าทั้งสองใบ ใบนึงของตฤนอีกใบของปราชญ์ จะบังคับให้ลองจนกว่าจะพอใจเลย

“โอเคมั้ยอ่ะ รู้สึกแพ้ยังไงไม่รู้ที่ใส่ชุดเหมือนมัน เหมือนไอ้หล่อเนี้ย” ตฤนเดินออกมาพร้อมถามและบ่นไปด้วย

     กวางหันมองทั้งคู่แอบรู้สึกฟินที่ทั้งคู่ใส่ชุดเหมือนกัน มันเหมือนเสื้อคู่ ./////. ถึงทั้งสองคนใส่ชุดเหมือนกัน แต่ให้อารมณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง ปราชญ์ใส่ออกมาแล้วดูสมาร์ท ดูเท่ ในขณะที่ตฤนใส่แล้วดูเรียบร้อย น่ารัก

“ชุดนี้โอเคนะ ไหนมายืนใกล้ๆกันตรงนี้สิ โพสท่าที่คิดว่าหล่อด้วย จะถ่ายรูป”

     ปราชญ์ยืนเฉยๆ ชิลๆ มือข้างหนึ่งปล่อยไว้ข้างลำตัว ส่วนอีกข้างล้วงกระเป๋า ยิ้มนิดๆ แบบผู้ชายเท่ ส่วนตฤนยิ้มเขินๆ และยืนตรงชูสองนิ้ว

“นายดูน่ารักนะตฤน” ปราชญ์พูดแซวคนข้าง ๆ แบบทีเล่นทีจริง

“ปลื้มใจโดนชมจากไอ้หล่อ”

“เอาล่ะ พวกนายเอานี่ไปลองกันต่อเลยนะ” ทั้งคู่มองตะกร้าเสื้อผ้าพูน ๆ ที่วางอยู่ข้างกวาง ชุดในมือที่ส่งมาให้รอบนี้ไม่เหมือนกัน

“ของปราชญ์ เสื้อเชิ้ตเขียวเข้ม กับกางเกงสีน้ำตาลอ่อน ส่วนตฤน เสื้อเชิ้ตน้ำตาลอ่อน กับกางเกงสีเขียวเข้ม ไปเปลี่ยน เริ่มได้”

รอบนี้ทั้งคู่กลับออกมา และยิ่งทำให้ดูแหมือนคู่รัก ที่มาซื้อชุดคู่กัน

“แมทช์กันได้เป๊ะเลย โอยมีความสุข เอ้ามายืนตรงนี้” กวางจัดและถ่ายรูปไปอีกหลายมุมด้วยความอิ่มเอมใจ ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนรู้สึกประหลาดๆ และเหน็ดเหนื่อยกับการเปลี่ยนชุดไปมา

“พอหรือยังกวาง” ปราชญ์ เอ่ยถามหลังจากโดนลองไปหลายชุด และรู้สึกว่าไม่ใช่แค่กวางที่สนุก แต่ถูกจับตามองด้วยพนักงาน ไม่ใช่ความกดดันให้ซื้อ แต่ดูพวกเขาจะสนุกไปด้วย ช่วงหลังถึงกับมาขอถ่ายรูปด้วย

“โอเค พอแล้วล่ะ เลือกชุดที่ชอบมาสิ จะได้ไปจ่ายเงินกัน” กวางที่ได้ภาพไปเยอะ ยิ้มแก้มปริ

“มีงบพอมั้ยวะ” ตฤนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินที่ฝากไว้กับกวางระหว่างลองชุด

“ตฤนซื้อเชิ้ตไปเลย 3 ตัว ตัวน้ำเงิน น้ำตาลอ่อน ชมพูอ่อน  กางเกงสีดำ ขาว แล้วก็เขียวเข้ม งบแม่นายให้มาแล้ว”

“แอบไปคุยกันมาตอนไหนฮะ”

“เมื่อเช้าตอนที่นายยังไม่ตื่น แล้วปราชญ์ล่ะ ชอบตัวไหน”

“เอาเสื้อสาม กางเกงสอง”

“เอาเยอะกับเขาด้วยแฮะ”

“ใส่แล้วหล่อ ก็เอาเลย”

“อยากใส่คู่กันล่ะซีย์”

     กวางแซวก่อนจะทำมือไล่ให้ไปจ่ายเงิน ก่อนที่เธอจะหันไปกดมือถือด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ไม่กี่นาทีมือถือของชายหนุ่มทั้งสองก็แจ้งเตือน

     ตฤนหยิบมือถือมาเปิดดูก่อน  และพบว่าโดนกวางแกล้งอีกแล้ว ตัวแสบลงรูปทั้งคู่ที่ลองชุด พร้อมสเตตัสที่เขียนว่า ‘หนุ่มหล่อสมาร์ท กดไลค์ หนุ่มน่ารักสดใส กดเลิฟ’

“น่าอาย” ตฤนบ่นเบา ๆ ให้ภาพที่เห็น ก่อจจะกดแสดงอารมณ์โกรธลงไปแทน

     ปราชญ์ไม่ได้ตอบอะไร แต่เขากดเลิฟไป...


     พวกเขาเดินเล่นไปเรื่อย จนไปถึงโซนตู้เกม พวกเขาไม่ได้ออกมาเดินเล่นด้วยกันแบบนี้นานมากแล้ว ตฤนตาเป็นประกายเมื่อเห็นตุ๊กตาหมาตัวอ้วนกลมในตู้คีบ

     เขาเดินไปเกาะตู้ดูหน้าแทบจะแนบกระจก ในขณะที่เพื่อนสองคนได้แต่มองคนไม่รู้จักโตด้วยสายตาที่แตกต่างกัน คนนึงมองด้วยแววตาขบขัน ส่วนอีกคนมองด้วยความเอ็นดู...

     กวางเหลือบมองปราญ์ ก่อนจะถ่องศอกไปที่เอวปราชญ์เบา ๆ พร้อมพยักเพยิดหน้า

     ปราชญ์เดินไปแลกเหรียญมาอย่างว่าง่าย สิบเหรียญเพื่อตุ๊กตาหมาตัวกลม...หรือเพื่อรอยยิ้ม

“เอ้า ลองคีบเลย” ปราชญ์ส่งเหรียญในมือให้ตฤน ในขณะที่กวางแอบเก็บภาพทั้งคู่เงียบ ๆ พร้อมความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปอยู่ภายในใจขณะที่เฝ้ามองคนทั้งคู่

     ตฤนหยอดเหรียญแรกลงไป เขาบังคับคันโยกเล็ก ๆ ให้มันเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่เขาต้องการ ก่อนจะกดให้มันคีบ...และ... มันไม่คีบติดขึ้นมาเลยเพราะองศาไม่ถูกต้อง

“ไม่ได้ลุ้นเลย” ปราชญ์พูดแซว

“ขออีกที” ตฤนไม่ยอมแพ้ เขาหยอดอีกครั้ง รอบนี้เขามองอย่างถี่ถ้วน ตุ๊กตาหมาถูกลอยคีบขึ้นมา

“เฮ้ยๆ” ปราชญ์พลอยลุ้นไปด้วย

      ตฤนกลั้นใจลุ้น เจ้าหมาเคลื่อนมาใกล้กับปล่องมากขึ้น ๆ ก่อนจะปล่อยตุ๊กตาให้ตกลงไปก่อนจะถึงช่อง...

“เฮ้อออออ เสียดาย” ตฤนหน้าจ๋อย

“ปราชญ์ลองดิ” กวางแนะนำให้อีกฝ่าย พร้อมขยิบตาราวกับจะบอกอีกฝ่ายว่าให้โชว์เลย เผื่ออีกฝ่ายประทับใจ

“อ่ะหลบไปตฤน เดี๋ยวจัดเอง”

     ปราชญ์ยืนประจำที่ ตาจ้องไปที่ตุ๊กตาตัวเดิมที่ตฤนคีบไว้รอบก่อน ท่ามันแปลกๆ เขาเล็งสองสามวิ ก่อนจะหยอดเหรียญ ทั้งสามคนลุ้นพอ ๆ กัน

“หึ้ยยยยย”

“ตฤนทำเสียงอะไร” กวางถามเพื่อนที่ทำเสียงลุ้นแปลก ๆ ออกมา

“หึ้ยยยยยยย”

     และความคาดหวังนั้นก็พังลง เมื่อมันปล่อยตุ๊กตาลงไปที่เดิม

“ขี้โกง” ปราชญ์บ่น เบา ๆ แต่ก็หยอดเหรียญใส่เข้าไปอีกครั้ง “รอบนี้ต้องได้น่า”

“เชื่อมั้ยว่าไม่ได้” กวางพูดยิ้ม ๆ

“ได้สิ” ตฤนพูดแทรกขึ้นมา มันต้องได้ เพราะเขาอยากได้ตุ๊กตาหมา

“เชื่อมือเลย” ปราชญ์เพ่งสามาธิ เขามองมัน มองแล้วมองอีกจนได้มุมที่ต้องการ

“มุมใช่ ท่าไม่ใช่ก็เท่านั้น” กวางพูดขึ้นมาลอย ๆ

“อย่ามาขัดสิ ต้องให้กำลัง...” ตุ๊กตาหมาคีบชึ้นมานิดหน่อยก่อนจะหล่นไปตามเดิม

“พอเถอะ เปลืองตัง” ตฤนพูดปลง ๆ ถ้าคีบมันยาก เดี๋ยวเขาจะซื้อเอา

“มาส่งเหรียญมา” กวางแบมือขอเหรียญจากปราชญ์ “เดี๋ยวดูของจริง”

     กวางมองตุ๊กตาหมาที่คว่ำหน้าอยู่ด้วยความมั่นใจ  “ถ้าคีบให้ตัวหนีบมันหุบได้จนแทบแตะกันนะ ตุ๊กตาจะไม่มีหล่น” กวางขยับจอยให้เคลื่อนไปทิศที่ต้องการ เล็งเล็กน้อยก่อนจะกดคีบด้วยท่าทางสบาย ๆ ที่คีบ คีบเข้าที่กลางลำตัว มันคีบได้พอดีจนดูแน่นหนา ก่อนจะพามาหย่อนลงปล่องพอดี

“ได้แล้วววว” ตฤนที่ดีใจกว่าใคร ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“เก่งแฮะ” ปราชญ์พูดชมกวาง พวกเขาหมดไปฟรี ๆ สี่เหรียญทั้งที่มีเทพตู้คีบอยู่ตรงนี้ 1 คน

     กวางก้มลงไปหยิบตุ๊กตามาถือไว้

“ตฤนอยากได้มั้ย” กวางโชว์ตุ๊กตาให้ชายหนุ่มทั้งคู่ดู “จะให้”

“เอา” ตฤนตอบรับทันที

“แต่...” กวางทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้วางใจ “ถ้าพวกแกทำให้ฉันแฮปปี้ฉันก็จะให้”

“ทำอะไร?”

“ตามที่ฉันสั่งอ่ะ...” กวางยิ้มหวาน “ขอถ่ายรูปโมเม้นต่าง ๆ หน่อยล่ะกัน”

“โธ่ กวาง” ตฤนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ “แกก็ถ่ายไปตั้งเยอะแล้วนี่หว่า”

“อยากได้อีก ทำได้มั้ยปราชญ์”

“เออ ได้” ปราชญ์ตอบรับคำขอของหญิงสาวอย่างว่าง่าย

“รูปแรกขอเป็น พวกแกไปยืนข้างกันตรงนั้น ยืนพิงราวไว้นะ แล้วก็หันมาสบตากัน”

     ปราชญ์เดินไปอย่างว่าง่าย แต่ตฤนที่ได้ผลประโยชน์กลับมีแววอิดออด

“เร็ว ตฤน ปราชญ์ไม่ได้อยากได้ตุ๊กตายังยอมทำง่ายๆเลย” กวางพูดพลางหันไปยักคิ้วใส่ปราชญ์ ปราชญ์น่ะได้กำไรเห็น ๆ

     ปราชญ์ยืนประจำที่ ก่อนจะกวักมือเรียกตฤนให้มายืนข้าง ๆ เขาลอบมองอีกฝ่าย

“หันไปสบตากันหน่อย” กวางพูดกำกับ

     ตฤนหันไปมองปราชญ์ และพบว่าอีกฝ่ายมองอยู่ก่อนแล้ว ตาสบตา ปราชญ์มองจ้องลงไปในดวงตาของตฤน มองจ้องลงไปราวกับค้นหาอะไรภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม แม้หัวใจของเขาจะเต้นเเรงขึ้นมาอย่างคุมไม่อยู่ แต่ใบหน้าของเขายังคงเก็บอาการได้เเนบเนีย

“จ้องอะไรขนาดนั้น” ตฤนพูดเสียงเบา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองเขาจริงจังจนเกินไป

“อ่ะเปลี่ยนท่า ทำเป็นคุยกัน จับมือกันหน่อย”

     ปราชญ์ยื่นมือมาให้อย่างว่าง่าย ตฤนจำใจยื่นมือไปจับ

 “ทำเป็นคุยกันหน่อย” กวางพูดกำกับแต่ก็ระดมถ่ายรูปไปรัว ๆ

“มันชักจะเขิน ๆ แล้วนะกวาง” ตฤนร้องทักท้วงขึ้นมา มันออกจะแปลกๆ ให้มายืนจับมือกันอยู่แบบนี้

“อ่ะสุดท้ายแล้ว”กวางเดินเข้าไปใกล้ทั้งคู่พลางยื่นตุ๊กตาให้ปราชญ์ “ถือไว้นะ ตฤนก็มองแบบนั้นแหละ”

     กวางกดถ่ายรูปไปรัว ๆได้ภาพที่ดูธรรมชาติมากกว่าที่คิด ผู้ชายสองคน คนนึงมองตุ๊กตาอย่างมีความสุข อีกคนมองคนที่จ้องมองตุ๊กตาด้วยดวงตาที่อ่อนโยน และเธอที่มองทั้งคู่อยู่ตรงนี้...



[กวางเหมือนเป็นตัวเเทนของชาวเรา นักจิ้น แต่ความจริงเธอเป็นเเม่สื่อ...

เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องหัวใจของปราชญ์ ตอนต่อไปจะพูดถึง วัยใสของทั้งคู่

//เม้นคุยกะเก๊าได้นะะะะ อัพไปอย่างไม่หยุดยั้ง :katai4:]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 5 ความสุขของนักจิ้น (6/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 07-05-2019 16:24:50
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 6 (7/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 07-05-2019 20:58:43
บทที่ 6 คิดถึงจนทนไม่ไหว (ปราชญ์เป็นบ้า)


“ตฤนตื่น พ่อกลับมาแล้ว” เสียงผู้เป็นพ่อที่เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด เขาซื้อของฝากมามากมาย แต่ลูกชายสุดรักของเขาเอาแต่นอน

     ตฤนงัวเงียลืมตาตื่นเพราะเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อ เขาเดินสะลึมสะลือไปเปิดประตู ก่อนจะมานอนคว่ำหน้าบนเตียง

“ตฤนนี่พ่อไง ไม่ดีใจหน่อยหรอ”

“ผม... ดีใจ”

“ตฤน ได้ไอ้ลูกชาย”ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นไปนั่งทับบนหลังของตฤน “ไม่ตื่นก็ตาย”

“พ่อ โอเค ตื่นแล้ว” ชายหนุ่มต้องยอมตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เขาจำใจลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางง่วงงุน

“ไหนมีอะไรจะเล่าให้พ่อฟังมั้ย”

“ยังไม่มี”

“แม่บอกว่ากำลังจะได้งาน”

“ยังไม่รู้ เขายังไม่โทรมาเลย” สิ้นคำพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี เบอร์ของบริษัทที่เขาบันทึกเอาไว้ แสดงบนหน้าจอ ฉับพลันเสียงง่วงก็สดใส เหมือนคนที่ตื่นนอนมาพักใหญ่ๆ

“สวัสดีครับ”

‘สวัสดีครับน้องตฤน พี่วริษฐ์เองนะ พี่โทรมาแจ้งผลการทำเทส...มัน...’ ปลายสายเว้นวรรคจนเขากลั้นหายใจลุ้นตาม ‘ออกมาดีมากเลย’

“ผมผ่านแล้วใช่มั้ย”

‘ใช่ ทีนี้เหลือไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ไปแจ้งที่ชั้นสอง บอกว่ามาตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานของบริษัทเราเนอะ แล้วผลตรวจจะส่งมาที่บริษัทเลย ไม่ต้องสำรองจ่ายนะ อืม เราไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไรอยู่แล้วใช่มั้ย’

“ครับพี่”

‘งั้นคงผ่านฉลุย พรุ่งนี้ไปตรวจเลยนะ พี่ได้รับผลตรวจแล้วจะโทรหาใหม่’

“ครับพี่ขอบคุณครับ” ตฤนพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่เหมือนคนงัวเงียเมื่อกี้

     ผู้เป็นพ่อที่นั่งฟังลูกชายคุยโทรศัพท์ จับน้ำเสียง ท่าทาง แล้วก็คำพูด คิดว่าน่าจะมีข่าวดี

“เป็นไงลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักทันทีที่ลูกชายกดวางสาย

“พ่อผมกำลังจะได้งานแล้ว ตรวจสุขภาพผ่านก็ผ่าน”

“เก่งมาก” ผู้เป็นพ่อพูดพลางยกนิ้วโป้งให้ “ไปเราไปกินข้าวกันดีกว่า”


     ชายหนุ่มนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนที่นอน ผุดลุกผุดนั่ง เพราะว่าเขาว่าง ว่างเกินไป หรือเพราะว่าเขาทำตัวว่างมากเกินไป

แอร์เย็นเฉียบ บรรยากาศเงียบสงบ ไม่ทำให้จิตใจเขาสงบลงได้เลย “ไปหา หรือไม่ไปหาดี” เขาบ่นออกมาเบา ๆ

‘เราไปหาถี่ไปมั้ย แต่ก็อยากเจอ’ ปราชญ์นอนทะเลาะกับตัวเองอยู่บนเตียง เขาอยากเจอตฤน แต่เขาก็คิดว่าเมื่อวานเพิ่งไปเจอ มันจะดู...

“ไปหาดีกว่า” ปราชญ์ลุกขึ้นเดินจะไปเปิดประตูแต่ก็ได้แค่หมุนลูกบิดประตูแล้วก็จับลูกบิดประตูเย็นเฉียบเอาไว้ พร้อมส่ายหน้าสองสามครั้ง “ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมันจะเบื่อหน้า”

     ปราชญ์กดล็อคประตูแล้วเดินกลับมาที่เตียงนอนคว่ำหน้าไปกับที่นอน ก่อนหน้าที่จะเจอก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอเจอแล้ว ก็อยากเจออีก ช่วงเวลาที่เขาไปทำธุระต่างจังหวัด แล้วโทรหาตฤนไม่ติดเลย เขาแทบบ้า และเพราะเหตุผลนี้ เขาถึงได้เร่งจัดการเคลียงานได้เสร็จก่อนกำหนด เพื่อกลับมาเจอ...

“ว้อย เหมือนคนบ้าเลยว้อย”

     ปราชญ์ลุกขึ้นนั่งทึ้งผมตัวเองเหมือนคนบ้า เขาอาจต้องไปพบจิตแพทย์ แล้วบอกแพทย์ว่ามาหาเพราะคิดถึงใครบางคนมากเกินไป แบบนี้น่ะหรอ... พอเขาคิดแบบนั้นก็ต้องหงายหลังนอนแผ่ลงที่นอนอีกรอบ

“เฮ้อออออ” ปราชญ์ถอนหายใจยาวจนลมแทบหมดปอด เขานอนมองเพดานอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนที่สมองจะคิดหาว่าควรจะหาอะไรทำสักอย่าง เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ไปสะดุดเข้ากับกล่องกระดาษใบสีน้ำเงินที่วางอยู่บนชั้น เขาจำได้ว่าข้างในกล่องมีอัลบั้มรูปสมัยเรียนอยู่

     เขาลุกเดินไปยกกล่องมาวางบนที่นอนเพื่อเปิดดู ในกล่องมีอัลบั้มมากมายหลายขนาด เขาหยิบมันออกมานั่งดู รูปสมัยที่เขายังเด็กน้อย พี่ชายอุ้มเขาเอาไว้ เขาทิ้งพี่ชายให้คุมงานต่างจังหวัดคนเดียว ... เพราะเขาต้องกลับมา

     อัลบั้มรูปสมัยมัธยม รูปที่ถ่ายรวมกับเพื่อน ๆ เขากับตฤนยืนข้างกัน เขากอดคอตฤนเอาไว้

     เขามองรูปแล้วก็นั่งยิ้มคนเดียว คิดถึงช่วงเวลานั้น มันสนุกมากจนเขาอยากย้อนกลับไป

     รูปที่พวกเขาเดินพาเหรดด้วยกัน ตฤนในชุดผู้หญิง ยืนยิ้มแห้ง ๆ ตอนนั้นพวกเขาเดินพาเหรดด้วยกัน สาวสวยหน้าหวานที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินพาเหรดคู่กับเขานักกีฬาที่ป็อปที่สุดในโรงเรียน เรียกเสียงฮือฮาดังไปทั่ว ตอนนั้นที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ากวางเสนอ กวางจูงใจเพื่อนได้เสมอ กวางบอกว่าต้องการความแปลกใหม่ แต่ความจริงคือสนองอารมณ์ตัวเอง ที่อยากจะจิ้น

     รูปตฤนที่หลับคากองหนังสือ ตอนนั้นมานั่งทำงานกลุ่มด้วยกันบ้านเขา ทุกคนหลับกันไปหมด เขาได้ภาพตลกๆ ไว้แกล้งเพื่อนเต็มไปหมด แต่กับตฤนเขากลับได้ภาพใบหน้าขาวเนียนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข รูปนี้คนถูกแอบถ่ายก็ไม่เคยได้เห็น

     ...

     เขานึกถึงสมัยเรียน ตอนที่ได้คุยกับตฤนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นครั้งแรก

.

.

ช่วงม.ต้น

     เขาไม่ค่อยได้เข้าห้องสมุดมากนัก ไม่ถนัดในการเดินหาหนังสือ แต่เมื่อต้องมาหาหนังสืออ้างอิง เขาก็จำใจจะต้องมา พื้นที่ของเขามันคือสนามบอล

     เขาเดินงง ๆ อยู่ในห้องสมุด จนมาสะดุดตากับเพื่อนร่วมห้อง ที่มีหนังสือกองสูงอยู่เต็มโต๊ะ

“โทษทีนะ หนังสืออ้างอิงพวกนั้นไปหาจากไหน”

“อ๋อตรงนั้น หมวดอ้างอิงตรงล็อคนั้นไง”

“ช่วยหาหน่อยดิ อีก 10 นาที ต้องไปซ้อมแล้วว่ะ”

     ตฤนลุกขึ้นอย่างว่าง่าย “หัวข้ออะไรอ่ะ”

“ของประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ อะไรก็ได้”

“อ่าฮะ”

     ตฤนเดินนำไปที่มุมนั้น ปราชญ์มองชั้นหนังสือที่อัดแน่น สันหนังสือบางเล่มเก่าจนอ่านไม่ออก บางเล่มต้องซ่อมสันใหม่ แค่มองชั้นหนังสือเขาก็ลายตาไปหมด

     ตฤนเอียงคอมองหนังสือ นิ้วมือลูบไล่ไปตามสันหนังสือ เขาหยิบเล่มนั้นเล่มนี้ออกมา เปิดดูผ่าน ๆ ก่อนจะส่งให้คนเดินตามหลังเอาไปถือ เขาหยิบหลายเล่มจนปราชญ์ต้องพูดเบรก

“พอแล้วแหละ”

     ตฤนหันมาดูหนังสือในมือปราชญ์ แล้วก็ยิ้มแห้ง ก่อนพูดออกมาเบา ๆ “โทษทีเพลินว่ะ”

“ขอบใจมาก” ปราชญ์พูดพลางยกกองหนังสือในมือไปยืมกับบรรณารักษ์ ส่วนตฤนก็กลับไปจมกับกองหนังสือของเขาเข่นเดิม

     นั่นเป็นช่วงเวลาแรกๆ ที่พวกเขารู้จักกันจริงๆ ถึงแม้ตฤนกับปราชญ์จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ผู้ชายสายกีฬา ที่ตากแดดตากลมอยู่ในสนามบอล กับผู้ชายเนิร์ด ๆ ที่ชอบอยู่ในห้องสมุดเย็น ๆ ก็ไม่น่าจะมาสนิทกันได้อยู่แล้วจนวันนึงที่...

     ปราชญ์ล้มข้อมือข้างถนัดอักเสบเขาเลยได้พักจากกีฬาที่เขารัก พอเลิกเรียนเขาก็เคว้งคว้างขึ้นมา ตัวเขาไม่ชินกับการกลับจากโรงเรียนเร็ว ๆ มาก่อนและคิดว่าจะลองเป็นเด็กแก่เรียนไปนั่งในห้องสมุดดู

     เขาเจอตฤนนั่งอยู่ในห้องสมุดหมือนเดิม แต่รอบนี้ มีเพื่อน ๆ สามคนนั่งอยู่กับตฤนด้วย ปราชญ์เดินไปทักตฤน แต่กลับถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ จากเพื่อนที่นั่งอยู่ก่อน

     เขารู้ว่าเพราะอะไร ในห้องเนี้ยตฤนกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นแก๊งหน้าห้อง ส่วนเขาหลังห้อง มาเรียนบ้างขาดบ้าง แต่กลับมาปรากฏตัวในห้องสมุด แถมยังมาทักตฤนอีก ก็คงดูไม่ปกติ

“วันนี้มาหาหนังสืออะไรล่ะ” ตฤนหันมาทักทายเขา

     หลายคนทำหน้างงงวยกับคำทักนี้ 'หึ ผิดคาดล่ะสิ กุกับหนังสือก็เป็นเพื่อนกันได้ว้อย’ ตฤนได้แต่คิดในใจ ก่อนยิ้มออกมา

“วันนี้จะมาทำการบ้าน”

     ปราชญ์ไม่รอรับคำเชิญ นั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆ ตฤนทันที

“จะมาขอลอกล่ะสิ” นายA ที่เขาจำชื่อไม่ได้พูดขึ้นมา ปากกล้าจนเขาคิ้วกระตุก

“ทำเองได้ไม่ได้ยาก”

     เขาใช้มือข้างที่ไม่มถนัดหยิบหนังสือ กับสมุดออกมา ความจริงคือเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าการบ้านหน้าไหน

     ตฤนเห็นเพื่อนหยิบหนังสือไม่ค่อยถนัดดูน่าสงสาร เขาก็เลยช่วยจับแล้วก็เปิดหน้าที่ต้องทำให้

“ขอบใจ” ปราชญ์พูดตอบเบา ๆ

‘จงเติมเครื่องหมาย < , > หรือ = เพื่อทำให้ประโยคต่อไปนี้เป็นจริง

1. |-8|        |-5|

2. |1|         |-1|

3. |2|        |-7|

4. |4|        |0|

5. -|-3|       |3| ‘

‘อะไรวะ’ ปราชญ์นึกในใจ เขานั่งนิ่งไป ตาก็มองจ้องจนคิ้วขมวดเป็นโบว์ แท่งๆ เส้นนี่มันอะไรวะ วันนี้เขาแค่หลับในห้องไปนิดเดียว...

“สงสัยถามได้” ตฤนที่มองอีกฝ่ายนั่งนิ่งนานก็เลยเอ่ยถามขึ้น ท่ามกลางคนอื่นที่แอบมอง

“ใช้เป็นแต่แรงมั้ง” นายA คนเดิมพูดขึ้น

     ปราชญ์เม้มปาก ถ้าขืนมันกวนประสาทอีกคำ หนังสือนี่ต้องลอยใส่หน้ามันแน่ๆ

“จะมาลอกอ่ะดิ พอมีคนอื่นอยู่ก็เลยฟอร์ม” นายA ยังคงจ้อ

“พ่อนายมารับแล้วมั้ง” นายB เพื่อนอีกคนพูดขัดขึ้นมา

“เออจริงด้วย” นายA รีบเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนจะรีบลุกออกไป“เจอกันพรุ่งนี้”

“เรื่องค่าสมบูรณ์ของจำนวนเต็มน่ะ” เนิร์ดC อีกคนพูดขึ้นเบา ๆ “มันไม่ยากถ้านายเข้าใจ”

“เดี๋ยวสอนให้” ตฤนพูดตัดปัญหา เขาว่าบางทีเพื่อน ๆ เขาก็มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ค่าสมบูรณ์ของจำนวนเต็มใด ๆ คือระยะที่อยู่ห่างจาก 0’ นายB พูดขึ้น

“ขีด ๆ นั่น คือสัญลักษณ์แทนค่าสมบูรณ์”

     ตฤนไม่พูดอะไรแต่หยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาวาดเส้นจำนวน พลางพูดอธิบายไปด้วย

“ค่าสมบูรณ์ คือระยะที่ห่างจาก 0 ค่าสมบูรณ์คือระยะ ระยะไม่มีค่าลบ มีแต่บวกกับศูนย์

ถ้าเราจิ้มดินสอไปที่ 0 ค่าสมบูรณ์ของ 0 คือ 0 ดูตามเส้น ก็จะเห็นว่ามันอยู่กับที่ ก็คือระยะ 0

ถ้าเราจิ้มดินสอไปที่ 1 มันห่างจาก 0 มา 1 ช่อง ระยะ 1 ก็คือค่าสมบูรณ์ของ 1 เท่ากับ 1

ถ้าเราจิ้มดินสอไปที่ -1 มันห่างจาก 0 มา 1 ช่อง เหมือนกันระยะ 1 ก็คือค่าสมบูรณ์ของ -1 เท่ากับ 1”

“ค่าสมบูรณ์ก็คือระยะ” ปราชญ์ทวนคำพูดตาม

“ดังนั้นข้อแรก ‘ |-8|      |-5| ’ ตอบว่า”

“8 ก็ต้องมากกว่า 5 *ถูกมั้ย ต้องใส่  ‘ > ’ ถูกมั้ย”

“ใช่” นายC ชิงตอบขึ้นก่อน “บอกแล้วว่าไม่ยาก”

“ข้อ 5 ล่ะ” นายB ถามขึ้นมา เขารู้ดีว่าข้อนี้น่ะปราบคนสะเพร่า

“ปราชญ์มองโจทย์ ‘ -|-3|       |3|’ อืมข้อนี้ ลบสามกับสาม”

“เป็นลบได้หรอ” เนิร์ด C พูดให้เขว้

“ลบมันอยู่นอกแท่ง ๆ นั่น ก็ต้องได้ดิ ลบสาม แล้วถ้าดู ลบสามค่าน้อยกว่าสามอยู่แล้ว” ปราชญ์พูดพลางยักคิ้ว เขาไม่ได้โง่ เขาแค่ขี้เกียจเท่านั้น

“เก่งมาก” นายB กับนายC พูดชม หลายคนมักผิดข้อนี้

“โอ๊ย” ปราชญ์ฝืนเขียนเครื่องหมายด้วยมือข้างที่เจ็บ แต่ยังไม่ทันเขียนเสร็จเขาก็ร้องขึ้นมาสักก่อน ความเจ็บแล่นจากข้อมือสู่ปลายนิ้ว ดินสอกดหล่นจากมือลงพื้นจนไส้หัก

“เฮ้ย เจ็บมากมั้ย” ตฤนพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าที่จะโดนตัวเพื่อน กลัวว่ามันจะสะเทือน

ปราชญ์ส่งเสียงซี๊ดเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ใบหน้าที่เหยเกแสดงออกถึงความเจ็บอย่างชัดเจน เขาพยายามทำใจให้นิ่ง

“เจ็บว่ะ”

“ที่บ้านมาแล้ว กลับก่อนนะ ไปไก่” นายC ลุกขึ้น เมื่อมือถือสั่นแล้วแสดงบนหน้าจอว่าพ่อ นายB ของปราชญ์ชื่อไก่ พวกเขากลับพร้อมกันเสมอ ไก่จะติดรถของนายC ไปลงหน้าปากซอยบ้านปประจำ“หายไวๆนะ” C อวยพรก่อนจะเดินออกไป”

     ตฤนก้มลงไปหยิบดินสอที่ตกขึ้นมากด ๆ ให้ไส้ดินสอมันออกมา

“ปราชญ์ เอางี้ พูดคำตอบมาเดี๋ยวเขียนให้”

     ปราชญ์พยักหน้า ความเจ็บที่ยังคงแล่นแปล๊บทำให้เขาแทบน้ำตาซึม

“อันนี้มากกว่า” ตฤนเขียนตามที่ปราชญ์ตอบ


     พวกเขาอยู่ทำการบ้านจนเสร็จก่อนจะกลับบ้าน เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเดินออกจากโรงเรียนด้วยกัน ตฤนหอบหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดเต็มมือ ปราชญ์ได้แต่มอง แม้อยากจะช่วยถือ แต่ด้วยข้อมือของเขา ... ไว้ครั้งหน้า เขาจะช่วยตฤนถือหนังสือ ครั้งหน้า...


      หลังจากนั้นแม้ว่าปราชญ์จะหายเจ็บมือแล้วเขาก็มักแวะเวียนมาลอกการบ้านตฤนเสมอ พวกเขามีสัมพันธภาพต่อกันที่ดี…

.

     พอขึ้นม.ปลาย พวกเขาก็กลับมาเจอกันอีก เพื่อนหลาย ๆ คนที่เรียนด้วยกันตอนม.ต้น กระจัดกระจายไปอยู่สายเรียนต่าง ๆ ปราชญ์โชคดีที่มีตฤนคอยติวให้ เขากับตฤนจึงได้มาอยู่ห้องเดียวกัน

.

“รีบ ๆ ลอก” ตฤนเดินเอาสมุดการบ้านของเขามาให้ผมที่มักขาดเรียนอยู่เป็นประจำ ซ้อมกีฬาบ้าง แข่งกีฬาบ้างล่ะ ตัวเขาเองไม่ใช่คนโง่ แต่บางครั้งการบ้านก็เยอะเกินไป

“ขอ 10 นาที” การบ้านต้องส่งในคาบต่อไป แต่เขายังทำไม่เสร็จ ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่เวลาไม่พอ

     ตฤนเดินกลับไปนั่งที่ ปราชญ์รีบก้มหน้าก้มตาเขียนการบ้าน...

.

“คิดถึงกว่าเดิมอีกว่ะ” ปราชญ์ตัดสินใจได้แล้วหลังจากทะเลาะกับตัวเองมานาน เขาหยิบอัลบั้มรูปที่ตฤนแต่งหญิงไปด้วย เขาจะไปหาเรื่องคุย จะอ้างว่าเก็บห้องแล้วเจอ เลยอยากมาแกล้งแซวก็ยังได้

     เขาเดินออกจากบ้าน ฝ่าแดดร้อนระอุช่วงเกือบเที่ยงเพื่อไปหาคนที่คิดถึง เหงื่อชื้นไหลซึมแผ่นหลัง แสงจ้าจนตาพร่า เขาพยายามหรี่ตาสู้แสง ‘คิดผิดคิดถูกที่เดินมา’ เขาบ่นในใจ

     สุดท้ายเขาก็มายืนอยู่หน้าบ้านของตฤนจนได้  …

.

​[ห้ามความคิดถึงไม่ได้ ปราชญ์เป็นเอามากจริง ๆ : เม้นให้กำลังใจเก๊าได้น้าค้าาาา

แฟนอาร์ตตัวเอง -​ปราชญ์ x ตฤน : วัยใส]

(http://i64.tinypic.com/9qz58l.jpg)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 6 คิดถึงจนทนไม่ไหว (7/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 08-05-2019 21:37:22
​บทที่  7 คิดถึงต้องไปถึง


     ปราชญ์ยืนตาพร่าอยู่หน้าประตู ก่อนจะตะโกนเรียกตฤนให้ออกมา

“ตฤน!” ปราชญ์ยืนก้มหน้า เหงื่อไหลอาบแก้ม รู้สึกร้อนเหมือนถูกเผาเป็นหมูย่าง  เสียงประตูเปิด ใครบางคนออกมารับเขาแล้ว

“มาหาตฤนหรอ” เสียงชายวัยกลางคนพูดขึ้นตรงหน้า

     ปราชญ์เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะรีบยกมือไหว้ วันนี้พ่อมันอยู่บ้าน…

“สวัสดีครับ”

“เข้ามาก่อนสิ ข้างนอกร้อน”

     ปราชญ์ยิ้มก่อนจะเดินเข้าบ้าน ในขณะที่พ่อของตฤนเอื้อมมือไปปิดประตู

“ใครมาอ่ะพ่อ” ตฤนเดินตามมาที่หน้าประตู

“คิดว่าเป็นใครล่ะ มีเพื่อนคนอื่นด้วยหรอไง” ปราชญ์พูดตอบอีกฝ่าย แบบตั้งใจจะกวนประสาท

“เหอะ มาทำไม” ตฤนทักกลับ

“ก็...” ปราชญ์อ้ำอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะตอบไปว่าอะไร คิดถึง? ไม่ได้สิ  “มาเพราะ...ว่างอ่ะ”

“ดี”

“ปราชญ์มาถูกวัน” แม่ที่ได้ยินเสียงคนคุยกันดังจากทางหน้าบ้านจนต้องเดินจากครัวมาดู

“แม่สวัสดีครับ”

“จ้า กินข้าวมาหรือยัง”

“ยังเลยครับ แต่ต่อให้ผมกินแล้ว ผมก็กินได้อีกถ้าเป็นอาหารฝีมือแม่” ปราชญ์หยอดคำหวาน กับสาว ๆ เขาพูดหวานเสมอ แบบนี้คนถึงได้มองว่าเป็นเสือ...

     พ่อขยับไปหาตฤน ก่อนกระซิบเสียงเบา “นั่นเพื่อนแก หรือว่ากิ๊กแม่”

“พ่อ! เพื่อนผม” ตฤนยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ พ่อนี่ก็คิดไปได้

“พ่อครับแม่ครับ ผมมีอะไรให้ดู ตฤน ไปตักข้าวให้กินหน่อย” พอคล้อยหลังตฤน ปราชญ์ก็หยิบอัลบั้มรูปออกจากกระเป๋า ส่งให้คู่สามีภรรยาดูทันที เสียงหัวเราะคิกคักขบขันกับภาพลูกชายแต่งหญิงที่สวยจนพวกเขาแทบจำไม่ได้

     เสียงหัวเราะสนุกสนานนั้นดังลอดไปถึงในครัว ตฤนที่กำลังตักกับข้าวราดข้าว ได้แต่พยายามเงี่ยหูฟังว่าเขาถูกนินทาอะไรมั้ย แต่สิ่งที่ได้ยินมีแต่เสียงหัวเราะ

“ตลกอะไรกันนักหนานะ” ตฤนบ่นเบา ๆ

     เขาเดินกลับออกมาพร้อมกับจานที่มีกับข้าวพูน ๆ แม่ของเขาใช้มือปัดน้ำตาที่ซึมออกมา น้ำตาจากความขบขัน

“ตฤน ไม่เห็นเคยบอกแม่เลยนะ”

     ตฤนทำหน้าสงสัยกับประโยคที่แม่พูดกับเขา บอกอะไร?

     แม่หยิบอัลบั้มรูปให้ลูกชายดู

     ตฤนรับมาเปิดดู เขาตกใจตาโต พร้อมร้องเรียกคนข้างตัวที่พยายามขนอัลบั้มรูปพวกนี้มาจากบ้าน “ปราชญ์!!!”

“อะไรหรอ” ปราชญ์ตอบพร้อมกับทำหน้ากวนประสาทยักคิ้วล้อเลียน ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

“ออกมาจากบ้านเพื่อเอาอัลบั้มพวกนี้มาสินะ”

“เก็บห้องแล้วเจออ่ะ มันตลกดี” ปราชญ์ตอบยิ้ม ๆ “แกสวยจะตาย พ่อแม่ต้องได้เห็น”

“ว้อย” ตฤนตอบโต้อะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องโวยวายเบา ๆ

     พ่อเขาคว้ามือถือออกมากดถ่ายรูปจากอัลบั้มไปหลายรูป

“นั่นพ่อทำอะไร” ตฤนหันไปโวบวายใส่พ่อแทน ที่กดถ่ายรูปไปหลายรูป

“จะส่งให้พี่ขวัญดู” พ่อตอบหน้าตาย ในขณะที่มือกดเปิดโปรแกรมแชท แล้วกดส่งรูปไปรัว ๆ

“พ่อ ไม่ต้องใจดีขนาดนั้นนนนน” ตฤนร้องเสียงหลง พ่อส่งรูปเขาให้ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของเขา แค่นี้เขาก็โดนแกล้งจนไม่รู้จะยังไงแล้ว

“แบ่งปันรอยยิ้มน่าลูก”

     ตฤนไม่ตอบเขานั่งลงข้าง ๆ ปราชญ์ พร้อมหันไปจ้องหน้าปราชญ์ ข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อปราชญ์ให้ได้

“ทุกคนมีความสุข เมิงก็ดีใจดิวะ”

“เฮ้ออออ” ตฤนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความระอา

“เอ้อ พรุ่งนี้ตฤนไปตรวจสุขภาพใช่ป่าวลูก”

“ครับ”

“ไปกี่โมง พรุ่งนี้เดี๋ยวพาไป” ปราชญ์พูดแทรกขึ้นมา

“ไปเองได้” ตฤนตอบกลับทันควัน เขารบกวนปราชญ์มามากพอแล้ว จนเขาเองก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา

“อยากไปโดนกวางแกล้งหรอไง”

“ไปโรงพยาบาลอี่น”

“ไม่ไหวเลย พรุ่งนี้ 8 โมงเดี๋ยวมารับ”


     ปราชญ์ตื่นแต่เช้าเพื่อไปรับตฤนไปโรงพยาบาล

     ทันทีที่ตฤนก้าวขึ้นรถ คาดเข็มขัดเสร็จ หันมองหน้าคนขับรถด้วยดวงตาปรือ เขาง่วงมากเกินกว่าอะไรทั้งหมด เพราะเมื่อคืนเขาพยายามนอนเร็วแต่กลับยิ่งทำให้นอนไม่หลับ พอมาเจอแอร์เย็น ๆ เขาก็ขยับตัวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วหลับไปทันที

“หลับง่ายแบบนี้ เดี๋ยวโดนเอาไปขาย”

“...” ตฤนหายใจสม่ำเสมอ หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว เหมือนลูกหมาตัวน้อย ๆ ที่ไม่มีพิษสง หน้าเนียนใสดูน่ารักน่าเอ็นดูจนเขาไม่อยากพาไปโรงพยาบาลแล้วแต่อยากนั่งมองคนขี้เซาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ปราชญ์นั่งมองอีกฝ่ายที่นอนหลับพริ้มอึดใจนึง ก่อนจะขับรถออกไป


 “ตฤนตื่น”   เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปราชญ์ปลุกตฤนด้วยเสียงเรียก แต่ท่าทีตอบสนองกลับทำให้สติปราชญ์แทบเตลิด

“อื้ออออ” เจ้าตัวครางเบา ๆ 

     ปราชญ์เอื้อมมือไปจับแก้มตฤนเบา ๆ แก้มนุ่มเนียนละเอียด จนเขานึกหมั่นเขี้ยว

“ตื่น ตฤน!!! ” ปราชญ์หยิกแก้มคนขี้เซา พร้อมเพิ่มเสียงเรียกให้ดังขึ้น

     ความเจ็บและเสียงรบกวนทำให้ตฤนลืมตาขึ้นจนได้

“เจ็บ..” เสียงแหบ ๆ ดังออกมาเบาๆ

“ตื่นได้แล้ว ไปหาหมอ”

“อื้อออ” ตฤนส่งเสียงออกมาขณะขยับตัวบิดขี้เกียจ

     ทั้งคู่เดินไปติดต่อตามที่ทางบริษัทโทรแจ้ง เขาไปหาพยาบาลสาวหน้าตายิ้มแย้มสดใส เธอเริ่มแจงรายละเอียดว่าเขาจะต้องตรวจอะไรบ้าง ต้องเดินจุดไหนไปจุดไหน

“รายละเอียดตามเอกสารนะคะ เริ่มที่ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงความดัน ตรงนั้น แล้วก็ไปทดสอบสายตากับการฟัง ต่อด้วยเจาะเลือด ไปเก็บปัสสาวะ แล้วก็เอกซเรย์ จากนั้นเอาเอกสารกลับมาวางตรงนี้นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

     ตฤนลุกเดินไปตรวจ ส่วนปราชญ์นั่งรออยู่มุมนึงที่พยาบาลจัดเอาไว้ให้ ญาตินั่งรอ ปราญ์หยิบพลิกหนังสือขึ้นมานั่งอ่าน


“คลินิกหัวใจ” ปราชญ์พูดพึมพำอ่านหน้าปกหนังสือที่เขาหยิบขึ้นมา “อาการอกหักมันเจ็บที่สมอง ส่วนอาการเจ็บที่หัวใจต้องรีบไปหาหมอ” ปราชญ์อ่านคำโปรยออกเสียงพร้อมกระตุกยิ้ม ‘เข้าใจเขียนจริง ๆ’

     ปราชญ์กวาดสายตาดูสารบัญ โรคหัวใจต่าง ๆ แนวทางการักษา ตัวหนังสือทำให้เขาเริ่มจะง่วงขึ้นมา เขานั่งพิงเก้าอี้ก่อนจะผล็อยหลับไป

     ตฤนเดินตรวจสุขภาพไปตามจุดต่าง ๆ จนครบ พอเดินกลับมาก็เจอว่าคนที่มารอหลับสนิทไปแล้ว สองมือคนนอนหลับกอดอกเอาไว้แน่น

“หนาวหรือเก๊กหล่อกระทั่งตอนนอน”

“ปราชญ์ ตื่น” ตฤนเรียก แต่คนตรงหน้ายังนิ่ง จะปลุกก็น่าสงสาร เพราะตื่นเช้ามาพาเขามาตรวจสุขภาพ ปราชญ์ดีกับเขาเสมอ เขาจะไปหาเพื่อนที่ดีขนาดนี้ได้จากไหนอีก ... แต่จะให้นอนแบบนี้ก็ไม่ได้ อดทนอีกนิด กลับไปนอนสบายๆ ที่บ้านยังดีกว่า

     ตฤนก้มลงไปใกล้ๆปราชญ์ เขาจะส่งเสียงดังกว่านี้ในพื้นที่โรงพยาบาลไม่ได้ “ปราชญ์ กลับไปนอนบ้านกันเถอะ ”ตฤนใช้สองมือเขย่าไหล่ปราชญ์เบา ๆ

     ปราชญ์ลืมตาขึ้นมามองเสี้ยวหน้าคนที่กำลังเขย่าไหล่เขา ใบหน้าห่างจากแก้มเนียนใสไม่ถึงคืบ ‘ถ้าได้เห็นทุกวันก็คงดี’ ปราชญ์คิดในใจ

“ตื่นแล้ว” เสียงแหบกระซิบที่ข้างหูคนพยายามปลุก

     ตฤนขนลุกซู่ ขยับเด้งตัวออก

“ปะ ไปกลับ”

     ปราชญ์บิดขี้เกียจก่อนลุกขึ้นยืน ตฤนเดินนำไปก่อน ปราชญ์มองตามก่อนจะอมยิ้มกับตัวเอง แล้วเดินตามหลังไปด้วยท่าทางสบาย ๆ

“ไม่ไปทักทายกวางหน่อยหรอ” ปราชญ์พูดทัก เมื่อตฤนเอาแต่เดินจ้ำ ๆ  ไม่ยอมหยุด

“วันอื่นล่ะกัน ไม่ง่วงนอนหรอไง รีบไปนอนกันเถอะ” ตฤนที่ยังง่วงอยู่หันมาพูด เมื่อรู้สึกว่าคนข้างหลังเดินช้าเหลือเกิน

“อยากจะนอนด้วยกันหรอ” ปราชญ์พูดเสียงทะเล้น ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเจิดจ้า จนตฤนที่หันไปมองแทบจะต้องหรี่ตาใส่

“เออ นอนด้วยกัน” ตฤนผู้ใสซื่อตอบกลับโดยไม่ได้คิดอะไร

“แน่นะ” ปราชญ์เดินยิ้มกว้างอ้าแขนมากอดคออีกฝ่ายไว้ เพราะปราชญ์ตัวสูงกว่าพอกอดคอตฤนคนตัวเล็กกว่า น้ำหนักที่โถมลงไปทำเอาตฤนเซ

“หนักว่ะ” ตฤนบ่นอุบ

“ก็เตี้ยอ่ะ”

“178  นี่ไม่เรียกเตี้ย เมิงสูงเกินไปต่างหาก 184 คนหรือเสาไฟ”

“หึ” ปราชญ์หัวเราะเบา ๆ แต่ก็ไม่ยอมเอามือออก

“อ้าว เฮ้ยตฤน สวัสดี” เสียงผู้ชายเอ่ยทักทาย ตฤนมองหาต้นเสียงจนมาเจอกับเพื่อนหุ่นอวบ ตัวขาวใส่แว่นหนาเอ่ยทักทายเขาอยู่

“เฮ้ย ไอ้ชัย” เพื่อนคณะของตฤน ที่พอจบมาก็ไม่ค่อยได้เจอกัน มันอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้แท้ ๆแต่ก็ไม่มีโอกาสเจอกัน

“สบายดีมั้ยเมิง”

“เออกุสบายดี” มาถามกันว่าสบายดีมั้ยในโรงพยาบาล มันก็จะดูแปลก ๆ นิดหน่อย แต่ตัวเขาก็สบายดีแหละ

“แล้วมาโรงพยาบาลทำไมวะ”

“ตรวจก่อนเริ่มงานอ่ะ”

“อ่อ ส่วนกุปวดไหล่ เลยแวะมาหาหมอ” อีกฝ่ายตอบออกมาโดยไม่รอให้ถาม พลางใช้มือจับๆที่ไหล่ เพื่อบอกว่าเขาปวดไหล่อยู่

“หาหมอเสร็จยังอ่ะ”

“ยังเลยกำลังจะไปเนี้ย”

“เออ รีบไป ไว้นัดกันเมิง”

“ไว้หาเวลาว่าง ๆ  โทษทีที่เมิงชวนกุรอบก่อนแล้วไม่ว่าง” ชัยตอบย้อนหลังไปถึงนัดก่อน ที่ตฤนจะชวนเขาไปหาอะไรกินกะเดินซื้อของ แต่เขาปฏิเสธไป ไม่ได้ยุ่ง แต่ก็ไม่ได้ว่าง ที่จริงคือเพราะว่าขี้เกียจ

“ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่”

     ชัยพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไป โดยมีปราชญ์มองชัยที่เดินสวนเขาไป เพื่อนมหาวิทยาลัย คงไม่มีอะไรให้กังวล แต่พอเขาหันมองตามชัยไป กลับเจอผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านหลังเขา

“ใจคอจะไม่แวะมาทักทายกันเลยเนอะ” เสียงกวางดังขึ้น

     ตฤนหันกลับไปมอง ยกมือทักทายนิดหน่อย

“วันนี้เพลียว่าจะรีบไปนอน” ตฤนพูดขึ้นมาก่อน

“ทำอะไรกันมาหรอเพลียน่ะ” กวางพูดแซว “แล้ววันนี้มาฝากครรภ์กันหรอไง”

“รายนั้นมาตรวจสุขภาพเตรียมเริ่มงานต่างหาก” ปราชญ์ตอบพลางเปลี่ยนจากมือที่กอดคอมาเป็นชี้ๆ จิ้มใส่หัวคนตัวเตี้ยกว่า

“เอ้อ ไปล่ะ ได้เวลาเข้าเวรล่ะ” กวางที่บังเอิญผ่านมาเห็นทั้งคู่ แค่ได้ทักทายได้แซวสักหน่อยก็พอแล้ว เพราะเธอก็ไม่ว่าง ต้องรีบไปเข้าเวรแทนเพื่อน

“ไว้เจอกัน” ตฤนพูดก่อนจะโบกมือลาเพื่อน

     กวางหันกลับไปมองทั้งคู่ ใจนึงก็อยากให้ปราชญ์สมหวัง กว่า 6 ปี ที่ปราชญ์แอบชอบตฤนมา เขาควรเชื่อมั่นในหัวใจของเขา แล้วเลิกกลัวสักที  แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความกลัวของเขาดี เพราะเธอก็ไม่ต่างจากเขา เพียงแต่ปราชญ์ยังมีโอกาส แต่เธอไม่มี...

.

[นอนหลับกันง่ายจริง ๆ พวกนายจะอ่อยกันเองแบบนี้ไม่ได้นะ!!! ว้าย!!!

ตอนต่อไปจะมีความเขินนน ติดตามกันนะคะะะ ทำหน้าอ้อนเม้น]
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 7 คิดถึงต้องไปถึง(8/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-05-2019 11:59:43
เชียร์ปราชญ์ค่ะ ✌✌✌
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท (feel good) บทที่ 7 คิดถึงต้องไปถึง(8/5/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 11-05-2019 11:19:52

บทที่ 8 ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น และหมอนข้างที่นุ่มนิ่ม


     ปราชญ์ขับรถกลับมาถึงบ้านของเขา

“คิดว่าจะเลยไปส่งบ้าน” ตฤนพูดขึ้นเมื่อปราชญ์จอดรถหน้าบ้านแล้วดับเครื่อง “พามาแล้วไม่พากลับ”

“หืม? ก็ไหนว่านอนด้วยกัน” ปราชญ์ถามพลางหันไปจ้องตาอีกฝ่าย

“บ้านใครบ้านมันเถอะ กลับแล้ว วันนี้ขอบใจมาก” ตฤนเปิดประตูรถ แล้วทำท่าจะเดินกลับบ้าน

     ปราชญ์รีบลงจากรถตาม พลางเอื้อมมือมาล็อคคออีกฝ่ายเอาไว้ “อยู่นี่ก่อนเถอะน่า บ้านไม่มีใครอยู่เลยเหงา”

“เหงาอะไรวะ ไม่ชินหรอไง”

“เออน่า อยู่ด้วยกันหน่อย”

     บ้านปราชญ์ทำงานทุกคน ไปต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง เลยทำให้บ่อยครั้ง บ้านปราชญ์มักจะไม่มีคนอยู่ ที่จริงตัวเขาเองก็ชินแล้ว แต่ที่พยายามทำอยู่ ก็แค่อยากอยู่กับคนเตี้ยกว่าให้นานกว่านี้อีกหน่อย

“เออ ๆ” ตฤนตอบก่อนจะโดนปราชญ์ล็อคคอลากเข้าบ้านไป

“หิวยังอ่ะ” ปราชญ์ถามอีกฝ่ายขณะไขประตูเข้าบ้าน

“หิว” ตฤนตอบกลับมาคำเดียวนิ่ง ๆ ทั้งหิว ทั้งง่วง เขาคิดว่าจะต้องกินก่อนจะได้หลับยาว ๆ

“เอาดิ อุปกรณ์มี ใช้ครัวได้เลย” ปราชญ์เดินนำเข้าไปในครัว ก่อนจะหยิบวัตถุดิบออกมากองให้ดู

“โธ่คิดว่าจะทำให้” ตฤนเดินไปดูวัตถุดิบ มีไข่ มีแฮมกับข้าวที่หุงทิ้งไว้แต่เช้า ตฤนขยับแขนยกเขียง เขารู้สึกระบมเล็ก ๆที่แขนตรงที่ถูกเจาะเลือด

     ปราชญ์ที่นั่งมองอีกฝ่ายเพลิน ๆ พอเห็นตฤนทำสีหน้าเหยแปลก ๆ เลยต้องเดินลุกไปหา

“เป็นอะไร”

“เจ็บที่แขนว่ะ สงสัยระบม”

     ปราชญ์คว้าแขนคนตรงหน้ามาก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้นดู ตรงที่เจาะเลือดเป็นจ้ำสีแดง ๆ ม่วง ๆ มันขึ้นมาเยอะจนน่ากลัว ดูจะเจ็บ

“ไม่เคยช้ำขนาดนี้เลย” ตฤนมองรอยช้ำบนแขน มิน่าเขาถึงรู้สึกเจ็บ ๆ ตึง ๆ

“สงสัยพยาบาลเจาะแรง เส้นเลือดแตก ไปนั่งไปเดี๋ยวทำเอง”  ปราชญ์โชว์ฝีมือทำข้าวผัดไข่ใส่แฮมดูท่าทางคล่องแคล่ว  ส่วนตฤนนั่งเฉย ๆ นั่งมองตาปริบ ๆ สูดกลิ่นหอมของข้าวผัด

“ปราชญ์ นี่อย่างกับพวกพ่อบ้านเลยเนอะ”

“เออ อยากได้พ่อบ้านมั้ยละ”

“ไม่มีตังจ้าง ให้ใช้วิญญาณทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้วยก็ไม่เอาหรอกนะ”

“ดูการ์ตูนมากไปแล้ว ไม่ใช่พ่อบ้านปีศาจนะคุณหนู”

     ปราชญ์ส่ายหน้าอ่อนใจ ก่อนตักข้าวใส่จาน ยกไปวางลงตรงหน้าตฤน

“กินเองไหวมั้ย หรือจะให้ป้อน”

“กุแค่แขนช้ำ ไม่ได้แขนหัก”

     พวกเขานั่งกินข้าวด้วยกัน ปราชญ์ลอบมองตฤนที่กำลังกินข้าวผัดฝีมือเขาอย่างมีความสุข ช่วงเวลาเรียบง่าย ที่เมื่อก่อนพวกเขาใช้ด้วยกันบ่อย ๆ สมัยเรียนมัธยม และห่างออกไปในช่วงมหาวิทยาลัย ช่วงที่เขาพยายามทดลองหัวใจของตัวเอง ว่าความรู้สึกที่เขามีมันจริงแค่ไหน เขาชอบผู้ชายคนนี้จริง ๆ ใช่มั้ย เขารู้ดีว่าถ้าเดินหน้าไปแล้ว ถ้าไม่สำเร็จ ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก...

“ดูการ์ตูนเรื่องนี้ยังอ่ะ” ปราชญ์พูดพร้อมกับเปิดการ์ตูนเรื่องดังกล่าวจากมือถือให้ตฤนดู

“ยังเลยว่ะ สนุกมั้ย”

“ดีอยู่ เป็นแบบจบในตอน เหมาะดูฆ่าเวลา” ปราชญ์กดเพิ่มเสียง พร้อมกางตั้งให้ตฤนดู ปราชญ์หยิบรวบรวมจานช้อนส้อมเป็นกองเดียว “ดูไปก่อนนะ ล้างจานแปป”

     ตฤนที่หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เขารู้ว่ากินแล้วนอนลงคงไม่ดี เลยฝืนลืมตาเอาไว้

“ตาโคตรปรือ”

“รู้ได้ไงวะ เมิงหันหลังอยู่” ตฤนตอบกลับเสียงทักไป อีกกฝ่ายหันหลังล้างจานอยู่แท้ ๆ กลับมารู้ดีว่าตาเขาปรือ

“รู้แล้วกัน”

“เออไอ้หัวดำนี่พระเอกป่ะ แล้วหัวส้มเป็นนางเอก”

“ไม่รู้ว่ะ มันก็คลุมเครือ จะมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่สาระป่าววะ”

“เออ ก็...ไอ้หัวทองกับไอ้หัวดำนี่ โดนจิ้นชัวร์ คนแต่งแม่มสาววายแน่ ๆ”

“คิดเหมือนกันเลยว่ะ” ปราชญ์พูดเออออก่อนมายืนอยู่ข้างหลังตฤน “นั่งดูไป ดูจบตอนค่อยนอน”

     พวกเขาย้ายไปนั่งดูการ์ตูนที่ห้องนอน ปราชญ์อดตื่นเต้นไม่ได้เขาพยายามไม่คิดอะไร แต่เพราะคำพูดของตฤนที่เจ้าตัวบอกให้นอนด้วยกันทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ถึงความหมายแฝงนั้น ส่วนคนใสซื่อก็เอาแต่พยายามต่อสู้กับความง่วง พยายามถ่างตาเอาไว้ จนนั่งหลับใน

     ตฤนที่เผลอหลับในไปสะดุ้งกับฉากที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาพสุดท้ายที่เขาจำได้ เขางุนงง กับเนื้อเรื่องจนต้องเอ่ยปากถาม

“นี่มันมาไงวะ”

“นั่งหลับเฉย” ปราชญ์ผลักหัวตฤนเบา ๆ  “นอนไป น่าจะ พอนอนได้แล้ว”

     ตฤนพยักหน้า ก่อนขยับตัวจากนั่งพิงหมอนเป็นนอนราบไปบนที่นอน ตฤนดึงผ้าห่มขึ้นห่มจนถึงคอ เพราะแอร์เย็นเฉียบ ทำให้เขาหนาว ไม่มีอะไรมีความสุขเท่านอนในห้องเย็น ๆ โดยเราซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ

     ปราชญ์เห็นแบบนั้นก็สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ระยะห่างของทั้งคู่ไม่ถึงคืบดี มีแค่ปราชญ์ที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่คนเดียว ในขณะที่ตฤน เขาสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปราชญ์ก็หลับตามไปติด ๆ ทั่งคู่ขยับเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวด้วยความหนาวของแอร์อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส...

     ตฤนรู้สึกตัวก่อน เขารู้สึกอุ่น อุ่นมากจนร้อน เขาสลึมสลือลืมตาขึ้นเพื่อจะรู้ว่าใบหน้าของอีกคนอยู่ห่างจากเขาแค่นิดเดียว ใบหน้ายามหลับของปราชญ์อยู่ใกล้จนตฤนมองเห็นได้ชัดเจนกว่าทุกครั้ง เครื่องหน้าที่ประกอบออกมาเป็นเขา ดวงตาเรียวยาวที่ปิดสนิท จมูกโด่งเป็นสัน ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะหลงใหลมัน ถ้าเขาเป็นผู้หญิงก็คงจะเผลอชอบได้ไม่ยาก ใบหน้าผ่อนคลายกับลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเขากำลังหลับอย่างสบาย ตฤนพยายามขยับตัว แต่ก็ถูกสองแขนกำยำกอดรัดเอาไว้แน่น เขากำลังคิดว่าจะเอายังไง ถ้าขยับแรงกว่านี้ปราชญ์ก็จะต้องตื่นด้วย แต่ถ้าเขาไม่ขยับ เขาก็จะต้องอยู่แบบนี้...

     ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

     ละ แล้วทำไมหัวใจเขามันถึงเต้นแรงขนาดนี้วะเนี้ย

     ตฤนพยายามขยับอีกครั้ง สีหน้าของคนตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กหน่อยเพราะถูกกวน เขาหยุดขยับตัวแข็งทื่อ ถ้าปล่อยให้ตื่นไปด้วยก็สงสาร อุตส่าห์ตื่นเช้าไปเป็นเพื่อนเขา เลยต้องจำใจปล่อยไว้แบบนี้ แล้วหลับตาต่อ...

     เสียงโทรศัพท์แผดเสียงลั่นปลุกคนทั้งคู่ที่กอดกันกลมให้ตื่นขึ้น

     เมื่อพวกเขาต่างลืมตาขึ้นพร้อมกัน อึดใจนึงที่ตาสบตา ปราชญ์เผลอจ้องมองเหมือนตกในภวังค์ พลางลอบกลืนน้ำลาย แต่ไม่ยอมคลายอ้อมกอดแม้ใจอยากกระชับอ้อมแขนให้คนตรงหน้าอยู่ใกล้กว่านี้ ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจของเขา

     ขณะที่ตฤนรีบหลบตาแล้วพยายามขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง เขาว่าแบบนี้มันใกล้เกินไป และน่าอาย ที่สำคัญในอกของเขาหัวใจมันเต้นรัวจนแทบระเบิด

“อึดอัดว้อย” ตฤนดิ้นไม่หยุด เมื่ออีกฝ่ายที่ตื่นแล้วไม่มีทีท่าจะคลายอ้อมแขน

     ปราชญ์มองคนตัวเล็กที่พยายามหนีจากอ้อมกอดของเขา มองท่าทางแล้วอดยิ้มขำไม่ได้ ก่อนจะคลายอ้อมแขนออก ตฤนเด้งตัวขึ้นนั่งเอื้อมมือไปหยิบมือถือมาดู

“หมอนข้างนิ่มดีจริง ๆ” ปราชญ์พลิกตัวนอนตะแคงข้าง ใช้มือค้ำศีรษะเอาไว้ มองคนตัวเล็ก กดมือถือดูคนที่โทรมา คนได้กำไรพูดแซวคนเสียเปรียบ สัมผัสอุ่นนุ่มยังเหลืออยู่

“พี่วริษฐ์โทรมา”

     ได้ยินแบบนั้นปราชญ์ขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนจากเดิม ผู้ชายหน้าไหนมันโทรมาทำลายบรรยากาศของเขา

     มือถือดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ตฤนกดรับอย่างรวดเร็ว

“ครับพี่ ครับ จริงหรอครับ! ครับอาทิตย์หน้า เข้าไปเซนสัญญา ขอบคุณครับ”

     ปราชญ์เพ่งมองอีกฝ่าย ที่ส่งเสียงตื่นเต้นมากกว่าปกติ

“ได้งานแล้วว้อย” เมื่อตฤนกดวางสาย เขาส่งเสียงร้องอย่างดีใจ เพราะปลายสายโทรมาแจ้งว่าผลตรวจสุขภาพเขาผ่าน ไม่พบอาการเจ็บป่วยต้องห้ามตรงไหน

“ดีใจด้วยนะ เก่งมาก” ปราชญ์แสดงความยินดีด้วย

“ไปดีกว่า จะกลับบ้านไปบอกข่าวดี”

“เดี๋ยวไปส่ง” ปราชญ์ลุกขึ้นไปกดปิดแอร์

“เดินไปเองก็ได้”

“เดี๋ยวไปส่งน่า แล้วแขนเป็นยังไง”

“ก็เหมือนเดิม คงหลายวันกว่าจะหาย”

     ปราชญ์เดินมาจับเเขนอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจะทำเสียงแปลก ๆ ที่เหมือนกับเวลาที่ปลอบเด็ก ๆ เวลาหกล้มได้แผล

"เพี้ยง หาย"

"กูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ"

"แต่กูมีเวทมนต์นะ มึงจะหายเจ็บเร็วกว่าปกติ"

"ปัญญาอ่อน" ตฤนดึงแขนออกจากการเกาะกุม ปราชญ์มันบ้าชัด  ๆ

     ปราชญ์ขับรถไปส่งตฤนที่บ้าน เขาอยากเจอตฤนให้นานอีกหน่อย เพราะจะไม่ได้เจออีกหลายวัน แต่เขาไม่ได้บอกตฤนหรอกว่าเขาจะไม่อยู่ เผื่อคนข้าง ๆ จะคิดถึงเขาบ้าง กวางบอกว่าถ้าเราเจอใครสักคนบ่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ เขาหายไป คนที่เคยชินกับการเจอทุกวัน ๆ เขาจะรู้สึกคิดถึงแล้วมองหา น่าจะต้องเป็นช่วงเวลานี้นี่แหละ ที่เขากลับมานี่ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน...

     ปราชญ์กลับมาบ้านพร้อมเก็บข้าวของเสื้อผ้าลงกระเป๋า เขาต้องไปทำงานต่างจังหวัดอีกแล้ว กลับมารอบหน้าเขาอาจจะเข้มแข็ง และมีกำลังใจมากพอที่จะก้าวออกไปจากเฟรนโซนนี้ก็ได้

“พ่อ แม่ ผมได้งานแล้ว” ตฤนบอกข่าวดีให้ที่บ้านฟังด้วยท่าทีตื่นเต้น

“เก่งมากไอ้ลูกชาย”

“ตฤนอยากกินอะไร แม่จะทำให้กิน” แม่ที่ดีใจยิ่งกว่าใครรีบออกปากพูดทันที

“คนที่มารับลูกไปโรงพยาบาลล่ะ” พ่อถามถึงคนเมื่อวานที่มีน้ำใจกับลูกเขา ตัวเขาเองก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มคนนั้นไม่น้อย

“แล้วปราชญ์ล่ะ” แม่ถามถึงลูกชายคนโปรดซ้ำอีกรอบ

“ไม่รู้มัน” ตฤนตอบปัด ๆ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกทีมันต้องพวงติดตามมากินข้าวที่บ้าน แต่รอบนี้พอส่งเขาลงที่หน้าบ้าน ก็บอกแค่ว่า ‘ไว้เจอกันใหม่’ แล้วก็กลับออกไปเลย

“เพื่อนคนนี้ใช่คนที่มาช่วยถือของให้วันรับปริญญาลูกมั้ย”

     ตฤนพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ

“ปราชญ์น่ะ เด็กดีน่ารัก มาดูแลตฤนตลอด เด็กที่ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลก็คือปราชญ์ นี่แหละ” แม่พูดเสริมด้วยความเอ็นดู

“เพื่อนแบบนี้ต้องรักษาไว้ดี ๆ ” พ่อพูดสอน “เราก็ต้องดี ๆ กับเขาไว้นะ เหมือนที่เขาดีกับเรา”

      เพราะว่าพ่อพูดถึง ตฤนเลยนึกถึงปราชญ์ ภาพของปราชญ์ที่ปรากฏในความคิดของตฤน ดันเป็นภาพใบหน้าหลับพริ้มของปราชญ์เมื่อตอนบ่าย ...

“ครับ” ตฤนตอบรับก่อน เดินเอาข้าวของไปเก็บที่ห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง นั่งเล่นพักผ่อน

     มานึกดูแล้ว ตัวเขาเองไม่ค่อยได้ใส่ใจปราชญ์มากนัก ไม่มากเท่าที่อีกฝ่ายใส่ใจเขา พอมานึก ๆ ดู ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะออกปากหรือไม่ ปราชญ์ก็จะมาช่วยเสมอ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่ความจริงช่วงมัธยมเขาช่วยอีกฝ่ายมากกว่าอีก คนที่มักมาขอลอกการบ้านเขา ให้เขาสอนหนังสือ ส่วนปราชญ์ก็ค่อย ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผิดหูผิดตา ในช่วงที่ห่างกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ที่นาน ๆ จะได้เจอกันทีปราชญ์ยุ่งกับกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย แต่จากตอนนั้นจนกระทั่งวันนี้ ปราชญ์ก็ช่วยเหลือเขาเสมอ ตลอดเวลา ครึ่งชีวิตของเขา ทุกช่วงเวลามีปราชญ์อยู่ด้วยเสมอ

“แล้วกูจะไปนั่งระลึกความหลัง คิดถึงมันทำไมวะเนี้ย” ตฤนได้แต่บ่นกับตัวเอง เขาดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำในอดีต เขาลุกขึ้นไปกาปฏิทินวันที่จะต้องไปเซนสัญญาและเริ่มงานในวันแรก ในอีก 4 วันข้างหน้า เขาจะใช้วันหยุดที่เหลือทำในสิ่งที่อยากทำจนสาแก่ใจ

.

[เค้ากอดกันนนนน

 :hao5: :hao7: :-[

ตฤนเอ้ยคิดถึงปราชญ์บ้างเถอะ รักมันบ้างงงงง]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บทที่ 9 วริษฐ์... (12/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 12-05-2019 13:34:41
บทที่ 9 เริ่มงานวันแรกกับวริษฐ์ผู้มีแรงดึงดูด

“สวัสดีครับพี่” ตฤนเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นคนมายืนรอรับ เขามองสำรวจคนตรงหน้า เจอกี่ครั้งก็ยังประหม่า ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดเกลี้ยงเกลา เส้นผมที่เซตมาเป็นอย่างดีดูเรียบร้อยสบายตา กับเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนทับด้วยสูทกับกางเกงสแลคสีดำดูสมาร์ท วันนี้เขาและพี่วริษฐ์แต่งตัวคล้ายกัน เสื้อเชิ้ตสีเหลือง ทำให้เขาแอบรู้สึกด้อยที่ใส่สีคล้ายกัน แต่ลุคไม่สามารถเทียบได้เลย

“เดี๋ยวเราไปเซ็นสัญญากันก่อน”

     วริษฐ์ชี้แจงรายละเอียดให้ตฤนฟังก่อนจะเอาสัญญาให้อ่าน ตฤนอ่านทุกหน้าทุกบรรทัดก่อนจะทำการเซ็นสัญญา

“เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำกับพื่ ๆ ในแผนกนะ”

“สะใส่เสื้อสีเดียวกันเลยนะครับ” ตฤนช่วยคุยอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“อืม สีเหลืองเพราะวันนี้วันจันทร์ใช่มั้ยละ” วริษฐ์ตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ พาเดินผ่านแผนกต่างๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องกระจก วริษฐ์เคาะที่ประตูสองครั้ง และเมื่อเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะหันมาคว้าไหล่คนที่เดินตามหลังตลอดเวลา ขยับมาอยู่ข้างหน้า

“ทุกคนครับ นี่น้องตฤนนะครับที่จะมาร่วมทีมกับเรา”

“สะ สวัสดีครับ” เพราะถูกทุกคนจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ทำให้น้องใหม่มีอาการประหม่า เหงื่อไหล เกร็ง มือสั่น คล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้ วริษฐ์เดินจูงน้องไปหาหัวโต๊ะใหญ่ ก่อนจะผายมือไปทางพี่ผู้หญิงที่ดูมีอาวุโสที่สุด

“พี่สายใจ ผู้อำนวยการแผนกของเรา”

“สวัสดีครับ ผมชื่อตฤนครับ”

“จ้า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมทรัพยากรบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนะจ๊ะ”

“ครับ” ตฤนยิ้มนิด ๆ กับลักษณะคำพูดที่ดูเป็นกันเอง ของพี่สายใจสาวใหญ่ที่ดูท่าทางใจดี วริษฐ์พาน้องแนะนำตัวไปตามโต๊ะต่าง ๆ นอกจากนั้นยังแนะนำคร่าว ๆ ถึงพี่  ๆ และหน้าที่ของแต่ละครน

“นี่พี่มิ้นต์กับพี่ส้มคนสวย ดูเรื่องเงินเดือน พี่สันติ ดูเรื่องสวัสดิการ พี่กุ้งแก้วดูเรื่องกฎระเบียบ บทลงโทษพนักงาน ทางนี้เป็นเทรนนิ่ง พี่ใหม่ เมเนเจอร์ ส่วนคนนี้น่าจะรุ่นเดียวกับเรา ชื่อบุ้ง ดูแลเรื่องเทรนพนักงาน แถวนี้เป็นรีครูท ทำหน้าที่คัดสรรพนักงาน พี่อี้ตีเงินเดือน   พี่วาเนสซ่า รีครูท พี่เก๋ รีครูท และคีย์ประวัติพนักงาน ส่วนพี่แว่นที่เราเห็นแว่บ ๆ วันแรก เป็นมนุษย์ข้อมูล รายงาน ดาต้า เมมโมทุกอย่าง รวมถึงงานเบ๊ด้วย”

“เลือกได้ดีมาก หล่อ วริษฐ์ตกกระป๋องนะย้ายไปเลยไป” พี่ใหม่แซวขึ้นมา

“ผมไม่อยู่จะรู้สึก เดี๋ยวตฤนนั่งตรงนี้นะ”

     เมื่อได้นั่งพักหายใจ ตฤนถึงได้มองสังเกตรอบ ๆ ห้อง ห้องของฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นห้องกระจก ครึ่งบนใส ครึ่งล่างขุ่น คงกลัวข้อมูลส่วนตัวพนักงานรั่วไหล ในห้องมีที่นั่ง 4 แถว ฝั่งละ 2 แถว นั่งหันหน้าชนกัน แถวนึงมีสามที่นั่ง โต๊ะใหญ่หัวโต๊ะ ที่แยกเป็นเอกเทศเป็นที่นั่งของพี่สายใจ ส่วนตัวเองนั่งตรงข้ามกับพี่วริษฐ์ ก็จะรู้สึกเกร็งๆ หน่อย  ไอทีเดินเอารหัสคอมพิวเตอร์มาให้บอกว่าให้ ล็อคอิน เข้าไปแก้รหัสด้วยแต่ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ยังไม่มาติดตั้ง

     ตฤนพยายามจดจำชื่อกับใบหน้าของพี่ ๆ ในแผนก พี่มิ้นต์กับพี่ส้มเป็นสองสาวตัวเล็กที่มีความคล้ายกันมาก ๆ จนเขาอาจจะเผลอทักผิด พี่สันติตัวสูงใหญ่ใบหน้าและท่าทางดูซื่อ ๆ พี่กุ้งแก้วรูปร่างท่าทางดูเหมาะกับเรื่องกฎระเบียบ เธอสวมแว่นทรงกลม กับผมที่รวบตึงเป็นหางม้า พี่ใหม่เป็นผู้หญิงตัวสูง หุ่นอวบมีน้ำมีนวลผมยาวประบ่า แต่งหน้าเข้มนิดหน่อย พี่อี้เป็นสาวผมสั้น ดูแล้วคล้าย ๆ ทอม แต่เขาก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า พี่วาเนสซ่าสาวหุุ่นดีตัวสูง ปล่อยผมยาวสลวย ใบหน้าเเต่งแต้มสีสัน เป็นอีกคนที่ดูจะแต่งตัวเก่ง บุ้งรุ่นน้องส่วนสูงพอๆกะเกณฑ์สาวไทย แต่หุ่นอวบเกินมาตรฐานไปนิด พี่เก๋สาวผมสั้น หุ่นอวบมีพุงหรือท้องก็ไม่รู้ พี่แว่นกับพี่วริษฐ์นี่หุ่นมีความคล้ายคลึงกัน ที่ต่างก็คือความเนี๊ยบและใบหน้าหล่อเหลาที่หัวหน้าเขากินขาด

     วริษฐ์เดินเอาแฟ้มเอกสารหนา 2 นิ้ว ที่มีข้อมูลบริษัทมาให้ตฤนอ่าน ซึ่งเป็นเรื่อง เกี่ยวกับบริษัทที่ทุกคนต้องรู้ บริษัทเราทำอะไรมีผลิตภัณฑ์อะไร มีวัตถุประสงค์ เป้าหมาย เป็นอย่างไร

     ตฤนก้มหน้าอ่านแฟ้ม พอเงยหน้าขึ้นมาก็มักจะสบตากับวริษฐ์อยู่บ่อยครั้ง มันทำให้เค้ารู้สึกประหม่าแปลก ๆ แถมยังเกร็งมาก  ตฤนจึงกดปุ่มปรับเก้าอี้ให้มันเตี้ยลง จะได้ไม่ต้องสบตากัน

“ทำไมตฤนนั่งเตี้ยจัง” พี่เก๋ที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยทัก ตฤนเหงื่อตกเล็ก ๆ สมองรีบประเมินคำตอบ จะให้บอกไปได้ยังไง ว่าไม่อยากสบตาวริษฐ์

“ผมนั่งแบบนี้ถนัดพอดีเลยครับ ได้องศา”

“ระวังปวดคอนะ”

     ตฤนยิ้มตอบนิด ๆ ก่อนพยายามทำท่าทางว่านั่งได้สบาย ๆ

“พี่ๆ คะ มีใครจะเบิกอุปกรณ์มั้ยคะ” เสียงบุ้งทำให้ทุกคนหันไปให้ความสนใจ เธอมักจะต้องใช้ของเยอะเวลาจัดอบรมให้กับพนักงาน แถมยังชอบโดนขโมยดินสอปากกา เลยมักเป็นคนทำเบิกเพื่อเติมปุกรณ์เสมอ และชวนคนอื่นเบิกด้วย จะได้ทำใบแค่ครั้งเดียว แล้วก็ได้รับของพร้อม ๆ กัน “ตฤนโต๊ะโล่งเลยเอาอะไรมั้ย”

“ขอตฤนดูก่อนนะ”

“ตฤนไม่ต้องเบิกคลิปนะ พี่มีให้ทุกไซส์” พี่อี้ส่งคลิปหนีบกระดาษมาให้กล่องใหญ่

“มาเอากล่องใส่ปากกาที่พี่นะ พี่ซื้อของตัวเองมาแล้ว ของบริษัทมันไม่น่ารักเลย” พี่ใหม่ยื่นกล่องใส่ปากกาของบริษัทมาให้ พร้อมโชว์กล่องใส่ปากกาสีชมพูมุ๊งมิ๊งของตัวเอง

“ขอบคุณครับพี่”

     ตอนนี้ทุกคนดูเหมือนจะพยายามจัดการของรก ๆ ในโต๊ะของตัวเองมาให้ตฤนที่โต๊ะยังว่าง ปากกากับสมุดจากบริษัทอื่น ๆ ที่มาร่วมงานด้วยกัน หรือของที่เคยเบิกมาเกิน หรือของที่เจ้าตัวเบิกมาแล้วเกิดไม่ชอบในรูปลักษณ์ของมัน บนโต๊ะของตฤนตอนนี้จึงไม่ว่างอีกต่อไป

“พี่ให้พระละกัน”

“เดี๋ยวสันติ นั่นอุปกรณ์ทำงานหรอ”

     พี่มิ้นแซว พี่สายใจแอบหัวเราะ

“เอาไว้ป้องกันตัวไง เรียกว่า วัตถุมงคล”

“ถ้าน้องเค้าศาสนาอื่นล่ะ ไม่ถามน้องก่อนหรอ”

“ตฤนศาสนาพุทธเนอะ” ตฤนพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ

“โหยตฤน ไม่ต้องเบิกแล้วมั้ง” บุ้งหัวเราะให้กับเหตุการณ์ที่เห็น มันไม่ต่างจากวันที่ตัวเองมาทำงานใหม่ ๆ ทุกคนต่างขนของมาให้จนโต๊ะรกไปหมด

“นั่นสิ” ตฤนมองของแล้วพยายามจัดเก็บ

“บุ้งเบิกกาวมาแท่งหนึ่งกับแม็คให้ตฤนเผื่อติดเอกสาร ติดรูปพนักงาน ติดจดหมาย” วริษฐ์ที่นั่งมองการถ่ายโอนของอยู่เงียบๆ และคิดว่าตฤนจะขาดอะไร

     คอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มาส่งแล้ว พี่แผนกไอทีคนเดิมกับเมื่อเช้า และพี่อีกคนเข็นของมาให้ ตฤนต่อทุกอย่างเองเพราะทำเป็นอยู่แล้ว ปรับย้ายจัดเก็บของจนพอใจ

“ตฤนเดี๋ยวบ่ายพี่จะให้อ่านตัวกฎระเบียบของบริษัทนะ” วริษฐ์พูดจากฝั่งตรงข้าม ทำให้ตฤนยืดตัวขึ้นตามมารยาทเพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังตั้งใจฟัง

“ไฟแรงสุด อย่าดุน้องนักละ” วาเนสซ่าเอ่ยแซว

“เดี๋ยวกลางวันนี้พี่สายใจจะพาทุกคนไปเลี้ยงชาบูใต้ตึก ต้อนรับน้องใหม่”

     เสียงเฮดังขึ้นเบาๆ ชาบูชั่วโมงนึงนี่ทันหรอ ตฤนได้แต่คิดในใจ แต่เขาเลี้ยงก็บุญแล้วแหละ

“แว่นโทรจองโต๊ะให้พี่หน่อย”

“ครับ 13 ที่นะครับ”

“เออ เก๋อยู่ถึงแค่สัปดาห์นี้นะ”

“ฮะ” ทั้งแผนกประสานเสียงพร้อมกัน หลังจากสิ้นคำพูดของพี่สายใจ

“ทำไมพี่เก๋จะหนีไปไหน”

“ส้มตกใจอะไร ใจคอจะไม่ให้พี่เก๋ลาคลอดลูกหรอไง”

“ลืมไปเลย”

“ขนาดพี่เก๋ท้องยังหุ่นดีกว่าพี่ใหม่เลย”

“อ้าวส้มแกอยากโดนตีหรอ”

     พี่ส้มไม่ตอบ แค่หัวเราะใส่ หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปตั้งใจทำงานความเงียบปกคลุมห้องกระจก เหลือแค่เสียงแป้นพิมพ์ คลิกเมาส์ กับ พลิกกระดาษเท่านั้น

     ก็อก ก็อก ก็อก

     เสียงเคาะประตูกระจกทำให้ทุกคนหันไปมอง ส่วนตฤนสะดุ้งสุดตัวด้วยความไม่ชิน

“ตั้มครับพี่ เอาใบแก้ไขเวลามาส่งครับ”

“สแกนไม่ติด หรือ มาสายแล้วไม่ยอมสแกน”

“พี่มิ้นต์ผมสแกนแล้วจริง ๆ ไม่เชื่อไปเปิดกล้องวงจรปิดดูได้เลย”

“เชื่อก็ได้ เอาใบมา เอ้อตั้ม ไหน ๆ ก็มาแล้วใช้กล้องโพราลอยด์เป็นมั้ย”

“เป็นพี่ ทำไมหรอ”

“เดี๋ยวถ่ายรูปให้หน่อย ทุกคนคะ ถ่ายรูปกันค่ะ พี่สายใจเชิญถ่ายรวมกัน”

“โอเคครับ โพสท่านิ่ง ๆ นะครับ 1 2 3” แฟลชสว่างวาร์ปจนทุกคนตาพร่า

“ทุกคนอย่าเพิ่งขยับนะ เดี๋ยวจะถ่ายอีกรอบ ไหนตั้มขอดูรูป” มิ้นต์รับรูปมายืนสะบัดภาพเบา ๆ เหมือนจะเร่งให้รูปปรากฏขึ้นเร็ว ๆ

“ได้มั้ยพี่” ตากล้องก็ลุ้นไปด้วย เพราะจำได้ว่าฟิล์มราคาแพง

“ได้ ขออีกรูปนะ”

“โอเคเตรียมตัวนะครับ 1 2 3” แสงแฟลชสว่างวาร์ปอีกรอบ ตากล้องหยิบรูปส่งให้พี่มิ้นต์ไปลุ้นต่อ

“เรียบร้อย ขอบคุณนะตั้ม ผ่านทั้ง 2 รูป”

     ทุกคนผลัดกันเชยชมรูปที่ออกมา แล้วทุกคนดูดี แถมกรอบรูปโพราลอยด์ก็เป็นลายน่ารัก มิ้นต์หยิบรูปใบหนึ่ง ส่งให้ตฤน

“พี่ให้เก็บไว้เป็นที่ระลึกสำหรับการมาเริ่มงานวันแรก”

“ขอบคุณครับพี่” ตฤนกลับไปนั่งที่พลางมองรูปด้วยความรู้สึกว่า ที่ทำงานที่แรกในชีวิต อาจจะอบอุ่นดีก็ได้

“เอ้านี่” วริษฐ์ที่นั่งตรงข้าม ยื่นหมุดเล็ก ๆ มาให้ ส่วนตฤนรับมา พร้อมทำหน้างง “เอาไว้ติดรูปไง”

“อ๋อครับ” ตฤนวางรูปหามุมก่อนจะปักหมุดให้รูปติดกับฉากกั้นโต๊ะทำงาน

“ทุกคน 11.50 แล้วเตรียมตัวนะ” กุ้งแก้วพูดเตือนทุกคน เพราะมีเวลากินชาบูแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

"ผู้ดูแลกฏที่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

"เอาน่า ห้านาที สิบนาทีแค่นี้เอง ไม่ทำให้งานเสียหรอก เพราะพวกเรานั้นเป็นมืออาชีพ”

     เที่ยงตรงทุกคนก็ทยอยลงไปที่ร้านที่จองไว้ ไม่เสียงดังให้ใครสังเกต แปปเดียว เราก็มาพร้อมกันที่ร้านชาบู ทุกคนจัดฝั่งเลือกที่นั่ง เพราะมีคนไม่กินอาหารทะเล กับคนไม่ทานเนื้อสัตว์อยู่ โต๊ะยาว แบ่งเป็น 3 หม้อด้วยกัน หม้อแรก สำหรับคนไม่ทานเนื้อ หม้อกลางกินทุกอย่าง และหม้อสุดท้ายไม่ทานทะเล ผมนั่งตรงกลางระหว่างบุ้งกับพี่วริษฐ์ ตรงข้ามเป็นพี่ใหม่ พี่อี้แล้วก็พี่สันติ

“เนื้อสไลด์ 2 หมูสไลด์ 2 เบคอน 2 สันคอหมู 2”

“สันติอดอยากมาจากไหน” อี้ถาม เพราะเห็นอีกฝ่ายสั่งอย่างรวดเร็ว และในปริมาณมาก

“ก็...”

“พรุ่งนี้วันพระ งดเนื้อสัตว์ วันนี้เลยกินตุน ใช่มั้ยล่ะ” ใหม่ตอบแทน เพราะจำได้ว่าเคยชวนสันติกินลูกชิ้น เล้วเจ้าตัวตอบกลับมาว่า วันพระไม่กินเนื้อสัตว์

“ไข่สองฟองครับ”

“วริษฐ์มีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ว้าย”

“พี่ใหม่ ทะลึ่งต่อหน้าเด็ก ๆ ไม่ได้นะครับ” วริษฐ์ตอบกลับแบบเขิน ๆ เล่นมาพูดเรื่องแบบนี้ท่ามกลางสาธารณะชน แถมยังบนโต๊ะอาหารอีก เป็นใครก็คงกระดากอาย

“แว่นแกขโมยหมูพี่นะ”พี่กุ้งร้องโวยวาย เมื่อหมูที่แกตั้งใจปิ้งถูกคีบไปต่อหน้าต่อตา

"อร่อยมากครับพี่กุ้ง”

     ช่วงแรกของการกินชาบู เหมือนสงคราม ทุกคนสั่งมาเยอะมาก แล้วก็กินกันเร็วมาก ๆ ตฤนที่ช่วงแรกไม่กล้ากิน ก็ถูกคนนู้นคนนี้ตักมาให้ จนเต็มชาม ตาหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เอาเนื้อหมูที่สุกแล้วไปจิ้มกับไข่ดิบ ก่อนจะคีบเข้าปาก

“พี่วริษฐ์ กินแบบนั้นมันไม่คาวหรอพี่”

“ไม่นะ ก็หวาน ๆ ลองมั้ย”

     วริษฐ์คีบหมูสไลด์ที่สุกกำลังดีจุ่มลงไปในไข่ดิบ ก่อนจะคีบใส่ในจานให้คนข้างๆ

     ตฤนมองหมูสไลด์ชุบไข่ดิบในจาน ก่อนจะแอบตักน้ำร้อนในหม้อมาราดนิดนึง เพราะกลัวจะคาว  แต่ทันทีที่เอาเข้าป

“เป็นไง”

“หวานๆ ลื่น มันก็แปลก”

“เพราะไม่ชินไง อร่อยดีนะ”

     วาเนสซ่าคีบหมูสไลด์ใส่ลงในจานให้กับวริษฐ์

“ดูแลดีประดุจสามี” เสียงพี่ใหม่เอ่ยแซวขึ้นมา พี่อี้จึงรีบคีบกุ้งลงในจานให้พี่ใหม่

“เดี๋ยวอี้ดูแลใหม่เองนะ กินอิ่มนอนหลับแน่นอน”

     มีบรรยากาศแปลกๆ เกิดขึ้นบนโต๊ะ  ตฤนรู้สึกถึงความประชดประชัน วูบนึง ก่อนที่จะอึดอัด ตฤนเลยพยายามจะแก้สถานการณ์ที่อาจจะคิดไปเองนี้ด้วยการ “มีใครจะสั่งอะไรเพิ่มมั้ยครับ”

“พี่เอา เบคอนสาม กุ้งสาม หมูสไลด์สาม”

“พี่สันติใจเย็นนะ” บุ้งรีบพูดเบรก เพราะเห็นทุกคนอาจจะเริ่มอิ่ม

“กินให้คุ้ม”

     ผ่านไปครึ่งชม. ทุกคนก็เริ่มอิ่ม สังคมแห่งการแบ่งปันจึงเริ่มขึ้น มีการตักใส่จานให้กันและกัน แทบจะป้อนกันเลยด้วยซ้ำ หลายๆคน หันไปกินของหวานล้างปากแทน

     ตฤนก้มมองจานตัวเอง ที่บุ้งคีบมาใส่ให้เรื่อยๆ จนพูนจาน

“บุ้งพอก่อนนะ พี่ถึงคอแล้ว”

     สายใจลุกไปจ่ายเงินเงียบๆ แต่ไม่รอดพ้นสายตาของมิ้นต์

“ขอบคุณค่าพี่สายใจ” มิ้นต์ขอบคุณสียงดัง คนอื่นๆ จึงส่งเสียงขอบคุณด้วย

“ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ”

“จ้า ทานกันให้อิ่ม บ่ายโมงตรงเจอกันนะทุกคน พี่ไปทำธุระก่อน”

"รับทราบค่า”

     หลังจากกินชาบู ทั้งแผนกก็เงียบกริบ  อย่างที่ว่ากัน หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ...

“ตฤน”

“...”

“ตฤน”

“...”

“ตฤน!”

“ครับๆ” ตฤนเป็นอีกคนที่พ่ายแพ้ต่อความง่วง และนั่งหลับใน  วริษฐ์ยื่นแฟ้มกฎระเบียบบริษัทมาให้ เขารับมาด้วยตาที่ปรือใกล้หลับ

“พี่วริษญ์ รหัสคอมมันเปลี่ยนยังไง” ได้ยินคนตรงข้ามถามแบบนั้น เจ้าตัว เลยเดินอ้อมมาหาถึงที่ มายืนอยู่ด้านหลัง พร้อมพยายามบอกให้กดเข้าตามคำบอก แต่เหมือนความช้าของคนตรงหน้า จะทำให้เขารู้สึกไม่ทันใจ จึงโน้มตัวเข้าไป แย่งเมาส์เอามากดเอง คนตัวเล็กกว่า วางตัวไม่ถูกเหลือบมองเสี้ยวหน้า คนแย่งเมาส์ แก้มเนียนละเอียดจมูกสวยได้รูป ดูดีไปหมดทุกส่วนจนน่าอิจฉา

“สอนก็มองจอคอมสิ เดี๋ยวรอบหน้าก็ทำไม่เป็น บริษัทเราต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุกๆ 4 เดือนนะ”

     คนโดนทัก รีบหันกลับไปจ้องคอม กางสมุดขึ้นมาจดขั้นตอนแก้เก้อ มันจะแปลกๆ มั้ย ที่เผลอไปจ้องหน้าผู้ชายด้วยกัน ...

‘ฮัลโหล ตฤนทำงานวันแรกเป็นไง’

“โอเคนะ พี่ที่ทำงานดูจะน่ารักดี เออกวาง พี่วริษฐ์แม่มหล่อชิบหาย กวางมาเจอต้องชอบแน่ๆ”

‘แล้วแกชอบหรือเปล่าล่ะตฤน’ ปลายสายย้อนถามกลับอย่างรวดเร็ว ด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ แถมคำถามยังทำเอาคนฟังชะงัก

“ชะ ชอบที่มีเขาเป็นรุ่นพี่นี่แหละ อย่าลืมดิกวาง กูชอบผู้หญิง”

‘ทำไมแกไม่ชอบฉันวะ ฉันผู้หญิงนะ’

“แกไม่ใช่สเป็กว้อย”

‘แล้วใครคือสเป็กแก’

     ตฤนพยายามนึกว่าผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะชอบ ส่วนใหญ่ออกมาเป็นการ์ตูน เป็นผู้หญิง 2 มิติ

“เอ่อ เฌอปรางค์ BNK48”

‘อื้อหื้อ ขนาดนั้นเลยหรอ’

“แน่นอน”

‘ปราชญ์ติดต่อมาบ้างมั้ย’

“ไม่เลยหลายวันแล้ว”

‘หรอ จะเป็นอะไรมั้ยนะ ไม่ยอมตอบไลน์เลย’

“ยุ่งๆหรือเปล่า”

‘แปลก ๆ แค่นี้ก่อนนะตฤน พรุ่งนี้ก็สู้ ๆ’

     พอวางสายจากกวาง ตฤนคิดจะโทรไปหาปราชญ์ แต่พอดูเวลาแล้ว ก็คิดได้ว่ามันดึกเกินไป  พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

.

[ตอนนี้จะปูเรื่องราวของวริษฐ์ ด้วยชีวิตการทำงานของตฤน มันมีแอบมอง มีวอกแวกนะ

เดี๋ยวจะให้ปราชญ์สั่งสอน!!! ]
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บทที่ 10 คนที่รอคอย (12/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 12-05-2019 22:20:41
บทที่ 10 มนุษย์เงินเดือนกับคนที่รอคอย

     ตฤนตื่นแต่เช้า เขาไปทำงานด้วยรถสาธารณะ เช้าอันสดใสที่ต้องสู้รบกับคนอื่นเพื่อแย่งชิงพื้นที่ยืนเบียดอัดเป็นปลากระป๋องบนรถไฟฟ้า มีแค่เสียงเพลงที่ช่วยให้เขาได้อยู่ในโลกส่วนตัว

‘ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ ถ้าเผลอเดินข้ามไป จากเส้นที่เธอขีด แล้วมันไม่ใช่ จะกลับมาอยู่ข้างเธอได้มั้ย’

     เพลงเศร้าจนตฤนต้องกดเปลี่ยนไปฟังอะไรที่คึกครื้นกว่านี้

     เขาไปถึงที่ทำงานก่อนเวลานิดหน่อย เขาเดินทักทายพี่ ๆ ทุกคน

“พี่ ๆ สวัสดีครับ”

“ไงตฤน” พี่วริษฐ์เอ่ยทักทาย เขาส่งยิ้มบาง ๆ มาให้รุ่นน้องที่วันนี้ก็แต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อเชิ้ตสีชมพู ตามสีประจำวันอังคาร “เมื่อวานถึงบ้านกี่โมง” เขาถามไถ่ตฤนเพราะเมื่อวานคุยกันว่าบ้านน้องค่อนข้างไกล

“ทุ่มครึ่งพี่ ก็ไม่ดึก” ตฤนลอบมองการแต่งตัวของวริษฐ์ วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม  เซตผมเนี๊ยบดูดี ทำไมถึงได้ดูดีดูสมาร์ททั้งที่ไม่ต้องทำอะไรมาก

“ดีแล้วแหละ ถ้ากลับเร็วได้ก็ดี กอบโกยไว้” วริษฐ์พูดจนตฤนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าต้องกลับดึกมาก เขาจะได้ถึงบ้านกี่โมงกัน

     วันนี้ตฤนมีหน้าที่แนะนำรายละเอียดในการเซ็นต์เอกสารสมัครงานให้กับผู้สมัคร สำเนาเอกสารไม่ครบ ตฤนวิ่งถ่ายเอกสารให้ ผู้สมัครลืมเอาปากกามา ตฤนหาให้ เจ้าต้องก็จะวิ่ง ๆ หัวหมุนอยู่ไม่น้อย  พร้อมทั้งเป็นคนจัดคิวให้ผู้สัมภาษณ์ตำแหน่งนี้สัมภาษณ์กับพี่อี้ ต้องเชิญไปห้องไหน ตำแหน่งไหนสัมภาษณ์กับใคร เพื่อให้น่าเชื่อถือตฤนต้องใส่สูททั้งวัน หลังจากส่งผู้สมัครคนสุดท้ายเข้าห้องสัมภาษณ์ ตฤนถึงได้กลับมานั่งพักในห้อง ใกล้พักเที่ยงเขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

“ปราชญ์เงียบหายไปเลยแฮะ” ตฤนบ่นกับตัวเองเบา ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจอทุกวัน แล้วอยู่ดี ๆ ก็หายไป แถมกวางยังพูดให้กังวลอีก ติดต่อไม่ได้งั้นหรอ... ตฤนคิดเขากดเปิดแอพ พลางพิมพ์ข้อความไปหา

‘หายไปไหน ยังสบายดีอยู่มั้ย’

     ถ้าวันนี้มันไม่ตอบก็ค่อยโทรไปหาตอนมืด ๆ ตฤนคิดในใจแบบนั้น ก็ถึงเวลาพักพอดี เขาลุกไปกินข้าวที่โรงอาหารใกล้ ๆ เวลาพักกลางวันแค่ 1 ชั่วโมง เดินไปกินข้าวเดินกลับ ก็หมดเวลาแล้ว

“ทักมาแล้ว!!!” ปราชญ์ที่กำลังทำงานสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า เขาเป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาทำงานโดยไม่ได้บอกตฤน เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดถึงเขาแล้วติดต่อมา แบบที่กวางเคยบอก

     เขารีบโทรไปหากวางทันที พอเป็นเรื่องตฤน เขาสติแตกทุกครั้ง

“มันทักมาแล้ว” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

‘ก็ดีแล้ว จะได้เลิกบ่นสักที ทำไมมันไม่ทักมาบ้าง บลา บลา’ กวางพูดยืดยาว แต่ไม่ได้บอกปราชญ์ว่าเธอนี่แหละ คือคนที่กระตุ้นให้ตฤนนึกถึงเขา ให้ตฤนติดต่อไป เธอคิดว่าตำแหน่งแม่สื่อยอดเยี่ยมต้องเป็นของเธอ

“กวาง ...ตอบกลับเลยดีมั้ย”

‘ไม่ดี ปล่อยไปก่อน นายก็ตั้งสมาธิตั้งใจทำงานสิ จะได้กลับมาเร็ว ๆ’

“พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”

‘เร็วจัง’

“มีเป้าหมายกับแรงกระตุ้นที่ดี”

‘เหอะ พวกนายเนี้ย ไม่ต้องให้จิ้นแล้ว มันเรียลไปแล้ว ไปกินข้าวล่ะเดี๋ยวเวลาพักหมด’ กวางกดตัดสายไป

     ปราชญ์ใจชื้นขึ้นมา เขาบ่นทุกวันที่เขาหายไป ว่าอีกฝ่ายจะคิดถึงเขามั้ย ทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง เป็นยังไงบ้างไม่รู้ เขาเลยขอให้กวางช่วย คุยกับตฤนแทนเขาแล้วก็มาบอกเขาว่าตฤนทำงานวันแรกเป็นยังไง... จริง ๆ ถ้าเขาสมหวัง เขาคงต้องปรนเปรอกวางให้สาสม

     หมดเวลาพักเที่ยง เขานั่งพักหายใจที่โต๊ะได้ไม่นาน ก็ถูกเรียกให้ช่วยจัดเตรียมเอกสารการประชุมทั้งพิมพ์ ทั้งตรวจเช็ค เพื่อเตรียมการประชุมในวันพรุ่งนี้ แต่ก็มีงานแทรกเข้ามาตลอด ตามแต่พี่ ๆ จะใช้งาน ช่วยบ่าย เขาแทบไม่ได้เจอหน้าของพี่วริษฐ์เลย คนที่จะคอยสอนงานเขา แต่เพราะเขายุ่งกับการสัมภาษณ์ตำแหน่งสำคัญขององค์กร ร่วมกับเจ้าของแผนกนั้น ๆ  ตฤนก็เลยได้แต่วิ่งวุ่นทำงานแบบงง ๆ ข้อดีของงานยุ่งคือทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตฤนนั่งเย็บเอกสารอยู่ที่โต๊ะ พอเงยหน้าดูนาฬิกาถึงได้พบว่าตอนนี้ 4 โมงกว่าแล้ว

     เขาทำงานตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยใกล้ได้เวลาเลิกงานพอดี เขาลุกขึ้นเดินเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง

     วริษฐ์กับวาเนสซ่าเดินกลับมาที่ฝ่ายพร้อมกัน ในมือมีเอกสารปึกใหญ่ แต่สีหน้าของวาเนสซ่าดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

     ส่วนวริษฐ์ทักทายตฤนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เป็นไงวันนี้เหนื่อยมั้ย”

“นิดหน่อยครับ พี่ล่ะ”

“เหนื่อย...” วริษฐ์พูดพลางนั่งลงตรงข้ามเขา กดเปิดหน้าจอคอมขึ้นมานั่งพิมพ์

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย” ตฤนพูดขึ้นมา เขาอยากช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มั้ย แม้ว่าตอนนี้จะใกล้เลิกงาน แต่ถ้าเขากลับก่อนโดยที่พี่เขาทำงานงก ๆ โดยเราไม่ปริปากขอช่วยก็คงแปลก ๆ

“ไว้พี่สอนก่อน ส่วนวันนี้ใกล้เลิกงานแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านได้”

“แต่...”

“กลับเร็วได้ก็กลับไปก่อนเถอะ ตักตวงไว้” วริษฐ์พูดพลางยิ้ม

“ครับพี่” ตฤนเก็บของลงกระเป๋า เขายกมือไหว้ลาทุกคน ก่อนจะเดินออกมา ตอนที่ฟ้ายังสว่าง

     เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่าปราชญ์ยังไม่ตอบ ยังไม่กดอ่านด้วยซ้ำ เขาพิมพ์ข้อความไปอีกครั้ง

‘ไม่สบายหรือเปล่า’

     รอดู อีกฝ่ายก็ยังไม่เปิดอ่าน เขาจึงเปลี่ยนไปเปิดแอพเพื่อฟังเพลงแทน ท่ามกลางคนมากมายที่เบียดเสียด เสียงเพลงพาเขาเข้าโลกส่วนตัวไป

     ตฤนมาถึงบ้านเร็วกว่าเมื่อวาน เขากินข้าว อาบน้ำ แล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเตรียมจะดูการ์ตูนสนุก ๆ สักตอน อย่างเรื่องที่ปราชญ์แนะนำ

     ติ้ง ติ้ง ติ้ง

     เสียงแจ้งเตือนในมือถือดังรัว ๆ จนตฤนต้องลุกไปดู เป็นปราชญ์ที่ทักมา และส่งสติ๊กเกอร์มาไม่ยอมหยุด

‘ยังอยู่ ตฤนเป็นไงบ้างทำงานวันแรก(สติ๊กเกอร์หมีทำหน้าสงสัย) (สติ๊กเกอร์หมีใส่ชุดทำงาน) (สติ๊กเกอร์หมีทำหน้าตกใจ) (สติ๊กเกอร์หมีเขวี้ยงมือถือ)’

“ปราชญ์ใจเย็นว้อย” ตฤนสบถเบา ๆ ถ้าเขายังรัวแบบนี้ เครื่องเขาจะค้างเอา

“รัวมาขนาดนี้กะให้เครื่องค้างหรอไง” ปราชญ์พิมพ์ตอบไป

‘ก็เห็นไม่ตอบ’

“พิมพ์มาไม่ถึงนาที จะให้ตอบอะไรเร็วขนาดนั้นวะ กุพิมพ์ทิ้งไว้ทั้งวัน กุยังไม่โวยวายเลย”

‘เออว่ะ’

“ไม่ต้องมาเออว่ะเลย เมิงยังไม่ตายก็ดีแล้ว”

‘ยุ่ง ๆ ว่ะ มาทำงานอ่ะ แต่พรุ่งนี้กลับแล้ว เดี๋ยวไปรับ (สติ๊กเกอร์หมียิ้ม)’

“เฮ้ยไม่เป็นไร กลับเองได้”

‘นั่งรถดี ๆ ไม่ชอบหรอ อยากอัดเป็นปลากระป๋องบนรถไฟฟ้าหรอไง’

“เกรงใจ”

‘ยังมีความเกรงใจกันอยู่อีกหรอ’

“เออดิ”

‘เดี๋ยวแวะรับ เรากลับทางเดียวกัน’

“หรอ ขอบใจมากเว้ย นอนล่ะ”

‘อื้อ(สติ๊กเกอร์หมีนอนหลับ)’

     พอได้คุยกับปราชญ์แล้ว ตฤนก็สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขานอนหลับไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อีกฝั่ง นั่งโวยวายอยู่คนเดียว

“ทางเดียวกันอะไรวะ” ปราชญ์บ่น สนามบินอยู่ทางนึง บ้านอยู่ทางนึง ที่ทำงานตฤนอยู่ทางนึง เขาต้องวิ่งอ้อมเพื่อไปรับตฤนที่ทำงาน แต่เขาก็อ้างส่ง ๆ ไปงั้นอ่ะ ไกลแค่ไหนก็ไปรับได้

     เช้าวันใหม่มาถึงอย่างรวดเร็ว ชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ต้องเบียดเสียด เพื่อไปสแกนนิ้วที่ทำงานให้ทันเวลา และยกมือไหว้กล่าวทักทายทุกคนอย่างทุกวัน

“พี่ ๆ สวัสดีครับ”

“สวัสดีตฤน กินอะไรมายัง” วริษฐ์ยื่นถุงซาลาเปาส่งให้เขา

“กินข้าวมาแล้วครับ ขอบคุณครับ”

“เมื่อวานถึงบ้านเร็วเลยสิ”

“ใช่ครับ มันชิลมาก”

“แต่วันนี้น่ะ ไม่ชิลแน่” วริษฐ์พูดขึ้นมาแต่พนักงานใหม่เหมือนจะไม่ทันได้ยิน เพราะก้มหน้าก้มตาเก็บกระเป๋าอยู่

     วันนี้เป็นอีกวันที่งานยุ่งทั้งวัน บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเติบโต ทำให้ต้องรับพนักงานเยอะมาก ๆ และเพราะแบบนั้นงานของเขาจึงได้หนักแม้ว่าจะเป็นการดูแลผู้สมัครในเบื้องต้นก็ตาม เอกสารที่ตฤนเตรียมไว้เมื่อวานจะเอามาใช้ในการประชุมวันนี้ ที่ตั้งใจจะประชุมกันในช่วงบ่าย แต่เผอิญตอนบ่ายวันนี้ มีความผิดปกติ เพราะเป็นวันที่มี ผู้สมัคร วอร์คอินเข้ามาสมัครงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีบริษัทมาเสนอเชิญชวนให้ใช้บริการเว็บไซต์หางาน ทำให้หลายคนยุ่งไปตามๆ กัน  การประชุมจึงต้องเลื่อนไปช่วงบ่ายแก่ๆ แทน ยุ่งชนิดที่ช่วงพัก ตฤนกับบุ้ง ต้องซื้อข้าวกล่องขึ้นมาให้พี่ ๆ ทุกคนกิน ไม่มีใครสามารถกระดิกตัวไปกินข้าวได้เลย

“เตรียมตัวนะ บ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว เดี๋ยวสี่โมงเราไปประชุมกัน ไม่มีใครรีบไปไหนเนอะ” เสียงตอบรับไร้วิญญาณจากหลายๆ คน บ่งบอกว่าวันนี้ค่อนข้างจะเหนื่อย

“ประชุมตอนนี้ดูจะลากยาว” พี่ใหม่พูดพลางก้มลงไปหยิบกระเป๋าเงิน และพูดกระซิบเบาๆ ให้คนที่หันหน้ามาสบตากับพี่ใหม่อย่างตฤนฟัง “พี่จะไปเตรียมเสบียงนะ” พูดจบอีกฝ่ายก็ลุกเดินออกไป

“อ่าครับ” ตฤนที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ และไม่เคยเข้าร่วมการประชุมมาก่อน จึงไม่รู้ว่า ที่นี่เวลาประชุมวางแผน ยาวนานแค่ไหน

     ไม่ถึง 15 นาที ใหม่กลับมาพร้อมกับ น้ำผลไม้ปั่น ลูกอมแก้ง่วง ขนมปังแผ่นโฮมวีทแถวใหญ่ แยมสตรอเบอรี่ และสเปรดสลัดไก่

     เมื่อใกล้เวลาคนที่ไม่ติดธุระ ทยอยเดินไปนั่งที่ห้องประชุม ตฤนนั่งข้างพี่ใหม่ เนื่องจากเป็น 2 คนแรกที่มา พยายามนั่งห่างจากหัวหน้าองค์ประชุมให้มากที่สุด ก่อนที่วริษฐ์จะตามมานั่งข้างๆ และคนอื่นทยอยเข้ามา

“วันนี้เป็นยังไง เหนื่อยมั้ย” วริษฐ์เอ่ยถามตฤนเสมอว่าเหนื่อยมั้ย ทั้ง ๆ ที่เขานี่แหละคือคนที่เหนื่อยมาก ๆ คนนึง

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ พี่แหละเหนื่อย สัมภาษณ์ตั้ง 7 คน”

     วริษฐ์ยกมือขึ้นบีบๆแก้มตัวเอง ท่าทางดูน่าเอ็นดูจนตฤนรู้สึกได้ถึงหลายๆสายตาที่มองมา

“พูดจนเมื่อยแก้มไปหมด” ถ้าได้นมคาราเมลก็ดีสิ” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี นมคาราเมลก็ลอยมาวางอยู่ตรงหน้า โดยคนถือมาคือพี่วาเนสซ่า

“นมคาราเมล ไซส์ M สำหรับคนตั้งใจทำงาน” เจ้าตัวพูดจบก่อนจะส่งยิ้มหวาน ตฤนรู้สึกว่าคงมีอะไรระหว่าง 2 คนนี้

“ขอบคุณนะครับ แต่...”วริษฐ์หยิบเงินมาส่งให้วาเนสซ่า

     แต่เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

“รับเถอะครับ”

     วาเนสซ่าเอื้อมมือคว้าเงิน ด้วยความจงใจให้ถูกมือของอีกฝ่าย ก่อนจะผลักมือกลับไปหาเจ้าตัวเบาๆ

“ไม่เป็นไร เราเลี้ยง” วาเนสซ่าส่งยิ้มอีกครั้งก็จะนั่งลงข้างๆ สมุดเล่มเล็กของพี่เก๋ถูกเลื่อนออกไปยังที่นั่งข้างๆ ที่ไม่มีคน

“ไม่เลี้ยงน้องบ้างล่ะ” เสียงพี่ใหม่ดังมาจากด้านหลัง

“......” ‘ชิบหาย’ โดนลากไปเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ตฤนแอบรู้สึกขนลุกซู่เหมือนมีรังสีแปลก ๆ แผ่ออกมา เขาเงยหน้ามองนาฬิกาในห้อง  เหลืออีก 5 นาทีก่อนถึงเวลานัด เขาควรไปจากตรงนี้ ทันทีที่ขยับเก้าอี้เตรียมลุกขึ้น

     คนข้าง ๆ ไวกว่าคว้าแขนตฤนเอาไว้ เหมือนกับอ่านความคิดได้

“จะไปไหนใกล้เวลาแล้ว”

“ผมแค่เมื่อยครับ เปลี่ยนท่านั่ง” วริษฐ์ปล่อยมือเพราะคิดว่าขัดจังหวะคนข้างๆ ที่เตรียมลุกหนีไปได้แล้ว ก็ยื่นแก้วนมคาราเมลมาให้แทน

“กินสิ พี่จำได้ว่าเราชอบเหมือนกัน” ตฤนจำต้องรับแก้วน้ำมากินอย่างเสียไม่ได้

“เอาล่ะ มาประชุมกันเถอะ” เสียงพี่สายใจผู้เดินเข้ามาอย่างกระชับกระเฉง เรี่ยวแรงเหลือเฟือกว่าใคร มาได้ทันเวลาพอดี ช่วยปัดเป่าบรรยากาศตึงเครียดออกไปได้หมด

     การประชุมเริ่มขึ้น มีการปรับแผน วางแผนจำนวนคน และศัพท์หลายๆอย่างที่ตฤนเองก็ไม่เข้าใจ ได้แต่พยายามฟังและจดให้ได้มากที่สุด เดี๋ยวไว้ไปหาคำตอบเอาทีหลัง เหมือนถูกความรู้พุ่งชนสมองสภาพแต่ละคนดูเหนื่อยล้า

“ให้พักสิบนาที อีกไม่กี่หัวข้อเราจะได้เลิกงานแล้ว สู้นะ”

     สายใจเบรกการประชุม เลยเวลาเลิกงานปกติมาครึ่งชม. หลายคนเริ่มกระสับกระส่าย หลายคนวิญญาณหลุด อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็จะเสร็จเรียบร้อย แต่ถ้าฝืนไปต่อโดยไม่พัก การประชุมคงไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีใครรับสารเข้าไปคิดต่อได้เลย

     หลายคนลุกไปเข้าห้องน้ำ ใหม่เรียกทุกคนกินขนมปัง เธอถามตฤนว่าอยากจะกินอะไร ก่อนจะบรรจงทาแยมสตรอเบอรรี่และส่งให้ตฤน เจ้าตัวรีบขอบคุณก่อนจะกินด้วยความหิว

“ของวริษฐ์เป็นสเปรดไก่ ส่วนของวาเนสซ่าเป็นสตรอ...เบอรรี่” น้ำเสียงและการเว้นวรรคคำ ทำให้คนอยู่ตรงกลางสองคนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

     ประชุมก็ปวดหัวจะตายยังจะมาแผ่รังสีอาฆาตกันอีก วริษฐ์ได้แต่คิดในใจ ก่อนจะหยิบนมคาราเมลที่ละลายจนเจือจางขึ้นมาจิบ จะได้กินขนมปังทาสเปรดนี่ได้ลื่นๆคอ

     ตฤนลอบมองซ้ายทีขวาที ทั้งคู่ต่างหันไปคนละทิศละทาง แต่รู้สึกเหมือนมีไฟในดวงตาของแต่ละคน เหมือนเค้าไม่ค่อยถูกกัน... เรื่องอะไรนะ ในที่สุดตฤนที่ทนต่อสถานการณ์อึดอัดไม่ไหว ลุกขึ้นยืน และเริ่มบิดขี้เกียจไปมา ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ทั้งง่วง

     แต่ตฤนไม่รู้เลยว่ามือถือที่ถูกปิดเสียง แถมยัดใส่ไว้ในกระเป๋า ซึ่งกระเป๋าอยู่ในลิ้นชัก ที่มันกำลังพยายามสั่นแจ้งเจ้าของ เป็นรอบที่ 7 พร้อมกับข้อความทางไลน์เกือบ 20 ข้อความที่มาจากคน ๆ เดียว ปราชญ์...

.

[ปราชญ์มารับเเล้วลูกกกกกก เเง้ ตฤนลืมนัดดด]

แม้จะไม่มีคนเม้น ตะเเต่ว่า ยังมีคนรออ่านอยู่ใช่มั้ยคะ แง้
มาอ่านก่อนนะคะะะะ อย่าเพิ่งไปนะคะะะะ
 :impress3:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บทที่ 10 คนที่รอคอย (12/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 13-05-2019 05:50:37
ปราชญ์เอ้ยยย เมื่อไหร่จะจีบจริงจังซักที แต่จะว่าไปข้ามเฟรนด์โซนลำบากชิบหาย
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บทที่ 10 คนที่รอคอย (12/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-05-2019 07:43:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บทที่ 10 คนที่รอคอย (12/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-05-2019 08:57:16
 :pig4:
ติดตามค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท(feel good) บท 11 ก็เป็นแค่เพื่อน (13/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 13-05-2019 22:05:29
บทที่ 11 ไม่พอใจ... แต่ก็เป็นแค่เพื่อน


     ปราชญ์มาจอดรถที่ตึกก่อนเวลาเลิกงาน เขาส่งข้อความไปก็ไม่มีใครอ่าน โทรก็ไม่มีคนรับ ได้แต่นั่งรอไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะลงมาเมื่อไหร่เลยเวลาเลิกงานมาตั้งนาน ปราชญ์ตัดสินใจเข้าไปนั่งกินน้ำรอ สายตาก็จดจ้องไปที่ทางออก เผื่อว่าคนที่รอจะเดินออกมา

     เวลาผ่านไปช้าๆ กับน้ำแข็งที่ค่อยๆละลาย ร้านเริ่มเก็บทำความสะอาด ฟ้าเริ่มมืด อีก 15 นาทีทุ่มนึง ก็ยังไม่เห็นวี่แวว ปราชญ์โทรอีกเป็นครั้งที่ 10 ยังคงเหมือนเดิมไม่มีใครรับ

......

     การประชุมจบลง แบบหืดขึ้นคอ หลายคนเกือบสลบ แต่ยังไม่ตาย ตฤนเก็บของและเตรียมกลับบ้าน ยกของที่จะเอากลับมาไว้บนโต๊ะ

“โทรศัพท์สั่นหรือเปล่าตฤน” เก๋ถามชึ้นเพราะรู้สึกว่าโต๊ะสั่นนิดๆ และได้ยินเสียงแปลกๆ

     ตฤนเปิดกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาดู 15 สายที่ไม่ได้รับ เป็นแม่สายนึง กวางสายนึง และที่เหลือเป็นของปราชญ์

‘เชี่ย ลืมสนิท’ ตฤนตกใจ รู้สึกผิดที่ลืม เพราะอีกฝ่ายจะมารับ รีบโทรกลับทันที ขาก็รีบก้าว เผื่อว่าอีกฝ่ายจะยังอยู่

“เฮ้ย ปราชญ์ ขอโทษจริงๆ”

‘หายไปไหนมาโทรหาก็ไม่ติด ไลน์ก็ไม่อ่าน’

“ประชุมด่วนนี่ดิ คงไม่ได้รออยู่ใช่มั้ย”

‘อยู่ข้าง..’

“ตฤนๆ รีบไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง” เสียงวริษฐ์เรียกตามหลัง ดังลอดเข้ามาให้ปราชญ์ได้ยินไปด้วย

“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้ ขอบคุณครับ”

“.....” วริษฐ์ไม่ตอบแต่เดินตามหลังมา ก่อนจะก้าวเท้ายาวแซงไปกดลิฟท์

“ฮัลโหล เออปราชญ์ นี่ยัง...”

‘อยู่ข้างล่างนะ’ ปราชญ์พูดแทรกเสียงดังก่อนที่ตฤนจะพูดจบประโยค ปลายสายตัดไป ไม่รู้ว่ากดตัดสายหรือว่าเข้าลิฟต์แล้วมันอับสัญญาณ

“เพื่อนมารับนี่เอง” วริษฐ์ทักก่อนจะตบหลังคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ

     ประตูลิฟต์เปิดออก แต่ยังไม่ถึงชั้นล่างที่ต้องการจะลง คนพยายามอัดเข้ามาในลิฟต์ ตฤนขยับถอยหลังจนชนกับวริษฐ์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

     วริษฐ์ยื่นมือมาแตะที่ข้างลำตัวของตฤน เหมือนจะบอกว่า เขยิบเข้ามาได้อีกนะ แต่ตฤนกลับตัวแข็งทื่อ รู้สึกจั้กจี้แปลกๆ แทบอยากกลั้นหายใจ เขาเงยหน้ามองว่าตอนนี้ลิฟต์อยู่ที่ชั้นไหน อีกไม่กี่ชั้นก็จะได้ออกจากที่ ๆ เบียดเสียดนี่สักที

     ทันทีที่ลิฟต์เปิด ตฤนรีบออกมาจากลิฟต์ เขาพยายามมองหาปราชญ์ วริษฐ์เอื้อมมือมาแตะไหล่เขาจากด้านหลัง เขาเลยต้องหันกลับไปคุยด้วย

     ปราชญ์ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่ตฤนยืนอยู่ เขาเห็นแผ่นหลังก็จำได้ทันที แต่สายตาของเขามองข้ามไหล่ไปถึงคนที่กำลังคุยกับตฤนอยู่ ร่างสูงที่พูดจ้ออยู่นั่น ไอ้ใบหน้าหล่อเนี้ยบขี้เก๊กนั่นมันทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ และเหมือนว่าร่างสูงนั่นจะเห็นผมที่ยืนจ้องอยู่ เขาถึงได้เหลือบมองมาทางผม ไม่รู้คิดไปเองมั้ย ที่เห็นเหมือนรอยยิ้มแปลก ๆ ในชั่วพริบตานั่น... แม่ง! น่าหงุดหงิดชิบ!

     วริษฐ์โบกมือลาตฤน และเดินออกไปลานจอดรถ ส่วนตฤนพยายามโทรหาปราชญ์อีกรอบ

     ปราชญ์ไม่รับมือถือ แต่ส่งเสียงเรียกชื่อแทน

“ขอโทษจริงๆ มาถึงนานมากเลยมั้ย” ตฤนรีบยกมือไหว้ขอโทษ คนที่กำลังยืนรอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“มาถึงก่อนเวลาเลิกงานปกตินิดหน่อย” คนถูกถามตอบกลับเสียงเรียบ

     ทำให้คนถามวางตัวไม่ถูก มองหน้าอีกฝ่ายทำหน้านิ่งแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น โมโหใส่ยังจะดีกว่า นิ่งเงียบแบบนี้ ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ที่ปล่อยให้เพื่อนรอมาตั้งนานสองนาน แล้วนี่จะต้องง้อมันยังไง ...

“โกรธหรอวะ”

“รอได้ ไม่โกรธหรอก” ปราชญ์ส่งถุงขนมในมือให้ และพยักหน้าให้เดินตาม

“ไม่โกรธก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะ” ตฤนนึกในใจว่าแค่อยากให้อีกฝ่ายยิ้มแบบปกติ เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนรอ รู้สึกเกรงใจที่มันมารอรับตั้งหลายชั่วโมงโดยที่ติดต่อมาก็ไม่มีคนรับ ปล่อยให้รอแบบไร้จุดหมาย ถ้าเป็นตัวเอง จะทนนั่งรอแบบนี้มั้ย... ใครจะไปรู้ว่ามีประชุม

“...”

“ใคร ... ใช้ให้มารับวะ อยากมาเองไม่ใช่หรอไง” ตฤนพูดจบ อยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ในหัวไม่ได้คิดจะพูดแบบนี้สักนิด แต่ปากดันพูดอีกสิ่งที่แว่บเข้ามาแทน

“ผิดที่อยากมารับเองแหละ” ปราชญ์หันไปสบตาตฤนตรงๆ “ขอโทษที่อยากมารับ ขอโทษที่นั่งรอ” ปราชญ์ พูดจบเขาก้าวเท้ายาว ๆ เดินนำไปลานจอดรถ ก้าวยาว ฉับ ฉับ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด การนั่งรอแบบไม่มีจุดหมายมันน่าเบื่อหน่าย มันกลืนเอาคำพูดดีๆ ที่อยากจะคุยเล่นให้หายไปจนหมด แต่ก็อยากนั่งรอ อยากไปส่ง

     แย่! พัง! ตฤนได้แต่โวยวายโหวกเหวกอยู่ในใจ แล้วจะให้ทำยังไง ไม่ถนัด ไม่เคยต้องมานั่งง้อใคร นี่เพื่อนเอง เพื่อนที่ให้เพื่อนรอเกือบ สองชั่วโมง ก็มันลืมนี่หว่า โอย ปวดหัวว้อย

     รถเคลื่อนตัวออกไปจากตึกท่ามกลางความเงียบ ตฤนพยายามคิดคำพูดดีๆ เพื่อที่จะง้อเพื่อน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ไม่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีได้ยังไง

“ปราชญ์  คือ... คือ กู” ท่าทางอึกอัก อ้ำอึ้ง ได้รับการตอบสนองจากอีกฝ่ายแค่การเลิกคิ้ว “เอ่อ ขอบคุณที่รอรับเว้ย ถ้าเป็นกูมารอรับ แล้วติดต่อไม่ได้ กูอาจจะเป็นห่วง แต่ก็คงจะส่งไลน์หรือข้อความไปบอกแล้วหนีกลับบ้าน ไม่นั่งรอแบบมึงหรอก” ตฤนพูดยาวแทบไม่หายใจในทีเดียว

“อือ”

“อย่าเงียบแบบนี้สิ มันอึดอัด”

     มือที่จับพวงมาลัยขับรถขยับมากดเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบ เสียงเพลงดังคลอ



ถ้าไม่บอกว่าฉันคิดอะไรไปอย่างนั้น

ไม่พูดมันไอ้คำนั้นข้างในใจ

เธอก็คงยังดีกับฉันเราก็คงยังเป็นเพื่อนกัน

คงไม่มีวันที่ฉันเสียเธอไป



     เสียงเพลงในรถ ดังแทนการพูดคุยกันของคนทั้งสองคน คนหนึ่งรู้สึกเงียบเหงาวังเวงในใจ ส่วนอีกคนรู้สึกว่าเพลงนี้เสียดแทงใจเหลือเกิน

“เอ่อ ... ขนมนี่ขอบคุณนะเว้ย”

“...” อีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ไม่ได้หันกลับมาตอบ

“กินข้าวหรือยัง”

“ยัง”

“หิวหรือเปล่า”

“หิว...” ปราชญ์ที่ยังคงหงุดหงิดอยู่ ถามคำตอบคำด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จนตฤนได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเขาต้องประสาทกินแน่ ๆ

“งั้นแวะกินข้าวกัน” พูดไม่ทันขาดคำ ปราชญ์ก็ตีโค้งเลี้ยวรถเข้าร้านอาหาร ร้านหนึ่งทันที รถเลี้ยวกระทันหันจนเขาผวารีบคว้าที่จับข้างรถแทบไม่ทัน มันหงุดหงิดก็ไม่ควรขับรถแบบนี้นะว้อย

     เมื่อรถจอดสนิท ตฤนมองแว่บแรกก็แอบเหงื่อตก ด้านหน้ามีมาสคอสหมีตัวใหญ่อยู่หน้าร้าน มองเลยไปที่ตัวร้าน ตกแต่งโทนร้านสีฟ้าอ่อน ดูน่ารักจนไม่ควรเป็นร้านที่ผู้ชายสองคนเลือกที่จะมานั่งกิน

     ปราชญ์ดับเครื่องรถ หยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือ พร้อมจะก้าวลงจากรถ แต่ต้องหันกลับมามองอีกคนที่นั่งนิ่งไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นแม้แต่น้อย

“ระร้านนี้เลยหรอ”  ตฤนละล่ำละลักถาม

“มีปัญหาอะไรหรอไง”

“มัน...เอ้อ น่ารักดี ป่ะไปกิน” ตฤนไม่อยากพูดบ่นเยอะมากเรื่อง กลัวอีกฝ่ายจะโมโหไปมากกว่านี้ เพราะแค่นั้นคิ้วก็ขมวดกันจนเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว

“ barely made it ยินดีต้อนรับค่า”

“สองที่ครับ”

“ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานยิ้มร่าเริง ส่งเสียงสดใส ก่อนจะผายมือข้างหนึ่งไปทางโต๊ะว่าง และเดินนำทางไป ชุดเครื่องแบบร้านนี้น่ารักดี เสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงิน กับกระโปรงสีขาวที่มีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าผูกอยู่ที่เอวปักโลโก้มาสคอตที่มุมผ้า เป็นหมีหน้าตาทะเล้นแลบลิ้นลิ่วตา

“เมนูแนะนำวันนี้ คือ ‘ของโปรดของคุณหมี’ ”

“ครับ? ของโปรดของคุณหมี? ” ตฤนรู้สึกแสบตากับท่าทางที่สดใสเจิดจ้า และมึนตึบกับชื่อเมนู จึงได้แต่พูดทวนชื่อเมนู พร้อมกับทำหน้างงสงสัย

“ของโปรดของคุณหมี ส่วนประกอบหลักคือ แซลมอนค่ะ” พนักงานพูดขึ้นก่อนจะหยิบรูปเมนูที่กำลังพูดถึงให้ดู พร้อมอธิบายต่อ “ในจานจะประกอบไปด้วย ซาชิมิแซลมอน แซลมอนนึ่งซีอิ๊ว แซลมอนเบิร์นโรล และครีมครอกเก้ไส้แซลมอนซอสน้ำผึ้ง เราแถมคุณหมีในชุดด้วยนะคะ”

     ตฤนมองภาพพร้อมคำบรรยาย ก่อนจะแอบลอบกลืนน้ำลาย น่ากินมาก จานในรูปใบใหญ่สี่ขาว พร้อมของกินอยู่กันคนละมุมของจานดูเล็ก ๆ พอดีคำ ตรงกลางเป็นโมเดลตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ๆ ขนาดประมาณยางลบ ทำหน้าทะเล้นอยู่ตรงกลางจาน ในภาพดูมุ๊งมิ๊งน่ารักน่ากิน แต่พอเหลือบดูราคาก็รู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย สามร้อยสี่สิบ!!!

“เอาของโปรดของคุณหมีมาหนึ่งที่ครับ แล้วอย่างอื่นขอดูเมนูก่อน” ปราชญ์สั่งอาหารก่อนจะเปิดเมนูดู

“อีกสักครู่จะมารับรายการนะคะ”

“ครับ”

     ทันทีที่พนักงานเดินจากไปตฤนรีบโวยวายทันที

“แพงมาก! ร้านนี้มันแพงเกินไปมั้ย ของโปรดของคุณหมีอะไร ตั้งสามร้อยสี่สิบบาท!”

“อาจจะอร่อย” ปราชญ์ตอบสั้น ๆ
      ตฤนลยหนีจากสถานการณ์เงียบอึดอัดด้วยการก้มหน้าก้มตาดูเมนู แต่ละจานขายไอเดียตกแต่งน่ารักมุ๊งมิ๊งเต็มที่ ‘คุณหมีจะปกป้องคุณ’ ตฤนมองชื่อ มองรูปประกอบ และตั้งใจอ่านรายละเอียด มันคือชุดของต้มที่ครบ 5 หมู่ ทั้งหมู ทั้งผักหลากสี อย่างแครอท มันฝรั่ง และอีกมากมาย หน้าตาดูเด็ก ๆ เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมกับชื่อที่น่าจะหมายความว่า ปกป้องให้เด็ก ๆ ไม่เจ็บป่วย ดูไปดูมาคอนเซปร้านเค้าก็น่ารักดีแฮะ (*////*)

     ตฤนวางเมนูอาหารที่ค่อนข้างหนาและหนักไว้บนโต๊ะ ใบหน้าสดใส อมยิ้มมีความสุข พลางหนังไล่ดูเมนูอาหารต่าง ๆ ที่ออกแบบมาอย่างน่ารัก และแน่นอนว่าชื่อประหลาดไม่ซ้ำกับใคร...เมนูอาหาร และเรื่องราวของมันทำให้ตฤนอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก มันน่ารักไปหมด

     แต่มีอีกคนนึงที่มองคนตรงข้ามแล้วคิดในใจแบบเดียวกัน...มันน่ารักไปหมด

“ตฤนสั่งอะไรเพิ่มมั้ย” คนถูกเรียกสะดุ้งตกใจ จนดูตลก

“เอา ๆ “

“เอาอะไร”

“ฝันหวานของคุณหมี ////// ” เจ้าตัวพูดชื่อเมนูอย่างเขิน ๆ มันเป็นขนมหวาน แพนเค้กราดด้วยน้ำผึ้ง พร้อมไอติม วนิลา และเยลลี่รสน้ำผึ้ง

“เอ้อ เอ้าได้ น้ำกินชาร้อนนี่มั้ย” ปราชญ์พูดพลางชี้เมนูให้ดู ถึงมันจะคือชาร้อน แต่ชื่อเมนูมันคือ

“ชาอบอุ่น! ทำไมไม่เรียกชื่อให้ถูก”

“มันน่าอาย! จะอินอะไรกับชื่อเมนูฮะ ก่อนหน้านี้ยังไม่กล้าเข้าอยู่เลย” ปราชญ์ย้อนเข้าให้ เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก กับท่าทางของคนตรงหน้า ‘ถูกใจแบบนี้ก็ดีสิ’

“แล้วใครมันพามาล่ะ”

“เอ้อ” ปราชญ์ตัดบทโดยการหันไปเรียกพนักงาน “น้องครับ ๆ สั่งอาหาร”

“รับอะไรเพิ่มดีคะ”

“ขอเป็นนี่” ปราชญ์เปิดเมนู ก่อนจะชี้สั่งโดยไม่เรียกชื่อ หันไปสบตากับคนตรงข้ามที่จ้องเขม็ง “เอ่อ เอาฝันหวานของคุณหมี กับสามสหายร่วมรบ แล้วก็ชาอบอุ่นครับ แค่นี้ครับ” พนักงานจดตามก่อนจะหมุนตัวกลับอย่างร่าเริง ทีนี้เขาต้องรักษาคาแรคเตอร์กันขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าคัดแต่คนที่มีลักษณะแบบนี้มาร่วมงานกันนะ

“สามสหายร่วมรบ ไอ้ที่เป็นข้าวรูปหมีกับผัดต้มยำแห้งใส่เห็ด 3 อย่างอ่ะหรอ”

“อื้อ น่ากินดี”

     ไม่นานพนักงาน ก็เดินมาเสิร์อาหารที่สั่งในตอนแรก นั่นก็คือ ของโปรดของคุณหมี ตฤนยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป ปราชญ์ก็เช่นกัน ตฤนถ่ายอาหาร ปราชญ์ถ่ายตฤนที่ถ่ายอาหาร...

“จะถ่ายทั้งทีก็ถ่ายให้มันดี ๆ สิ เดี๋ยวหมุนจานให้” แต่ตฤนกลับเข้าใจว่าอีกฝ่ายถ่ายอาหาร

“ตฤนยกจานขึ้นดิ เดี๋ยวถ่ายรูปคู่ให้”

     ตฤนที่ถูกใจกับรูปลักษณ์ของจานอาหาร ยกจานขึ้นใกล้หน้าอย่างว่าง่าย ส่งยิ้มเหมือนเด็กดีใจได้ของเล่นใหม่

“ทำหน้าได้เหมาะกับของในมือ”

“น่ารัก!”

“หน้าเอ๋อ”

     ตฤนลอบมองหน้าอีกฝ่าย พลางวางจานลงตรงกลางและคิดในใจว่า ‘ปราชญ์มันเลิกโกรธแล้วแฮะ’

“เออ กิน!” ตฤนเริ่มจิ้มส่วนต่าง ๆ ของจานเข้าปาก พร้อมทำหน้าทำตามีความสุข “อร่อยว่ะ ราคาโหด แต่รสชาติแบบนี้ก็ผ่านล่ะวะ”

“เห็นมั้ยล่ะ แถมเขาให้ไอ้หมีนี่กลับไปแทะที่บ้านอีก” ปราชญ์เอาส้อมชี้ไปทีตุ๊กตาหมีที่ยังยืนตะหง่านอยู่ตรงกลางจาน

“อันนี้มันกินไม่ได้ว้อย”

     ปราชญ์เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาหมีมาดู ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดตรงฐานที่เปื้อนให้

“อ่ะเอาไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ชอบมากนี่ไอ้พวกตุ๊กตาพวกนี้”

“มาก”

     อาหารที่เหลือทยอยตามมา หน้าตาดูดีไม่แพ้กัน ทั้งตัวภาชนะ และจานเสิร์ฟ

“จะรับฝันหวานเลยมั้ยคะ”

     พนักงานถามถึงของหวานที่สั่งไปพร้อมกับของคาว

     ตฤนแอบคิดค่าใช้จ่ายในใจ ถึงจะอร่อยแค่ไหน แต่มื้อนี้ ล่อไปพันกว่าบาทแหนะ ให้กินบ่อย ๆ คงไม่ไหว เงินในกระเป๋าตังไม่รู้ว่ามีพอหรือเปล่าด้วยซ้ำ

“อร่อยดีเนอะ ของนายอร่อยมั้ย” ตฤนถามปราชญ์ที่กำลังจะตักข้าวคำที่สองเข้าปาก ปราชญ์จึงยื่นช้อนป้อน ตฤนมองช้อนในมือปราชญ์ ด้วยความรู้สึกประหลาด มันดูแปลก ๆ สำหรับผู้ชายสองคน... แต่ก็อ้าปากชิมแบบไม่ปฏิเสธ

“อร่อยมั้ย”

“อร่อย ...อร่อยทุกอย่าง” ตฤนกินทุกอย่างด้วยตาเป็นประกาย กินแบบรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเงินที่ต้องจ่ายไป

     ผู้ชายสองคนนั่งกินอาหารด้วยกันเงียบ ๆ ท่ามกลางความรู้สึกที่เป็นสุข จากอาหารที่อร่อย จากบรรยากาศที่สดใสจากเสียงเพลงน่ารัก ๆ เหมือนสมัยที่พวกเขายังเป็นเด็ก สุขใจจนลืมไปว่า พรุ่งนี้ยังคงเป็นวันทำงาน

“สั่งอะไรอีกมั้ย” ปราชญ์ถาม เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามตักไอติมที่ละลายเข้าปาก

“พอแล้ว อิ่มแล้ว”

     ปราชญ์ยกมือเรียกพนักงาน พนักงานคนเดิม โค้งก็จะยกกล่องใบเล็ก ๆ มา มันเป็นกล่องไม้ ที่บนฝาแกะสลักเป็นโลโก้รูปหมีประจำร้าน ด้านในมีใบเสร็จอาหาร ปราชญ์ตรวจดูก่อนจะหยิบบัตรเครดิตวางลงไปในกล่อง

“เท่าไหร่วะ” ตฤนถาม ก่อนจะล้วงเอามือถือออกมาเปิดฟังก์ชันเครื่องคิดเลข เตรียมหารราคา

“มื้อนี้เลี้ยง”

“โอกาสอะไร ทางนี้ต้องเลี้ยงขอโทษด้วยซ้ำ”

“เออน่าโอกาสที่ตฤนได้งานทำไง แล้วก็โอกาสที่ได้มาเห็นคนตะกละนั่งกินอาหารอย่างมีความสุข”

“งั้นจะเลี้ยงทุกมื้อก็ได้นะ จะกินตะกละ ๆ ให้ดู”

“แบบนั้นสงสัยจะจนแย่ ย้ายมา...อยู่บ้านฉันมั้ยล่ะ” ปลายประโยคคนพูดพูดเสียงเบา ก่อนจะหันหน้าเสไปมองทางอื่น

“ย้ายมาอะไรนะ” คนฝั่งตรงข้ามได้แต่งงกับท่าทางอีกฝ่าย พูดอะไรงุบงิบ ฟังไม่รู้เรื่อง

“บอกว่าย้ายมาเป็นคนรับใช้ที่บ้านฉันมั้ย เป็นเบ๊แล้วจะเลี้ยงข้าวเป็นอย่างดี”

     ตฤนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับสงสัยว่าคนใช้นี่ต้องเลี้ยงดูดีขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าควรจะไปลาออกจากที่ทำงานวันพรุ่งนี้เลยดี

“เดี๋ยวไปขอฟอร์มลาออกก่อน” ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น ก็ยื่นมือมาดันหน้าผากคนตรงหน้า

“ตะกละแบบนี้เหมือนกี้ไม่มีผิด เดี๋ยวจะเตรียมอาหารเม็ดไว้ให้”

“ไม่ใช่หมา!”

“ไม่ต่อปากต่อคำแล้ว กลับกัน พรุ่งนี้ทำงาน”

     ปราชญ์ไปส่งตฤนที่บ้าน มองส่งอีกฝ่ายไขประตูเดินเข้าบ้านไป ในใจก็นึกอยากไปรอรับ ไปส่งทุกวัน แต่ไม่รู้จะหาข้ออ้างยังไง ถ้าทำแบบนั้นมันจะต้องดูแปลก ... อีกฝ่ายจะว่ายังไงก็ไม่รู้

[ปราชญ์กำลังพยายามอยู่]


ปราชญ์เอ้ยยย เมื่อไหร่จะจีบจริงจังซักที แต่จะว่าไปข้ามเฟรนด์โซนลำบากชิบหาย

เฟรนด์โซนน่ะ เข้าเเล้วออกยาก ต่อให้อยากออกก็ไม่ใช่ว่าจะไปต่อได้ง่าย ๆ
ถ้าอีกฝ่ายไม่คิดเหมือนกัน พัง!!! เสียเพื่อน ฮือออออ ทำไมอินล่ะ ...
#อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น
 :o12:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 11 ไม่พอใจ...แต่ก็เป็นแค่เพื่อน (13/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 14-05-2019 18:54:30
ฮึ่ย หงุดหงิดปราชญ์ ช้ายิ่งกว่าเต่าอีก
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 12 จะต้องรุกบ้างเเล้ว (15/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 15-05-2019 21:49:50
บทที่ 12 จะต้องรุกบ้างเเล้ว


     พอถึงบ้านตฤนก็ทิ้งของทุกอย่าง ลงนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยมีกี้นอนเบียดกระแซะอยู่ข้าง ๆ เขาหันไปดูนาฬิกาที่ข้างฝา มันบอกเวลาว่า สี่ทุ่มครึ่ง ดึกขนาดนี้แล้ว อยากจะหลับไปทั้งแบบนี้

“ตฤนไปอาบน้ำ”

     เสียงแม่ดังลอดมาจากชั้น 2 ของบ้าน ถ้าไม่มีใครอยู่บ้าน แม่ของเขาจะชอบขึ้นไปนอนดูละครในห้องนอน เปิดแอร์เย็น ๆ นอนซุกอยู่ในผ้าห่ม ... จริง ๆ ตฤนก็แอบอิจฉาแม่ที่ได้นอนสบาย

     ติ้ง ติ้ง ติ้ง

     เสียงไลน์ดังรัวติดกันจนตฤนต้องควานหามือถือ ทั้ง ๆ ที่ตากำลังจะปิด

‘อาบน้ำ นอนได้แล้ว (สติ๊กเกอร์หมีทำหน้าดุ)’ ปราชญ์ส่งข้อความมา เหมือนรู้ด้วยตาเห็นว่าเค้ายังไม่ยอมลุกไปอาบน้ำ แต่นอนทำแล้ว...

     แม่เดินลงบันไดมาหาเขา ก่อนจะเรียกตฤน จนเขาสะดุ้ง

“ตฤนแม่ไปต่างจังหวัดไปไหว้พระกับป้านิดนะ” แม่มักจะไปเที่ยวไหว้พระกับป้านิดเสมอ แกเป็นเพื่อนสมัยเรียนของแม่

“ครับ ไปกี่วันแม่”

“สามวันสองคืน อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“สบายมาก แม่ไปเที่ยวเถอะ ผมอยู่ได้”

“เก่งมาก พรุ่งนี้แม่จะทำข้าวเช้าเตรียมไว้ให้นะ เราก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ครับแม่” ตฤนตอบรับ แม่จึงเดินมาลูบหัวเขาเบา ๆ ก่อนจะขึ้นไปนอน ส่วนเขาก็ยอมลุกขึ้น เดินสะโหลสะเหลไปอาบน้ำ ด้วยพลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ ‘ไปทำงานแค่ไม่กี่วัน ทำไมมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ เฮ้อ จากนี้ก็คงมีแต่หนักขึ้น หรือไม่คงชินไปเอง’ ตฤนได้แต่นึกปลงอยู่ในใจ

     น้ำอุ่นกำลังได้ที่ ตฤนยืนแช่ใต้ฝักบัว หวังให้น้ำอุ่น ๆ ช่วยชำระความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าออกไปให้หมด เขานึกทบทวนวันนี้ เขารู้สึกผิดกับปราชญ์มากและคิดว่าถ้าเป็นตัวเองในสถานการณ์แบบปราชญ์ เขาคงโมโหกว่านี้ คงไม่รอ แล้วก็... คงเข็ดไม่คิดมารับอีกแล้ว

“ว่าแต่มันไปทำอะไรแถวนั้นนะ” ตฤนพูดพึมพำกับตัวเองอย่างไม่คิดหาคำตอบของคำถามนั้น

     ทันทีที่ตฤนหัวถึงหมอน เขาก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน หลับไปทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่แห้ง แถมยังหลับไปแบบไม่ได้ห่มผ้า ทั้งที่ห้องนอนของเขาเย็นเฉียบ แอร์ 21 องศาอาจทำให้เขาไม่สบาย...


“ต้องหาข้ออ้างอะไรเพื่อจะไปรับตฤนหลังเลิกงาน” ปราชญ์ต่อสายหาที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องความรัก เล่าอัพเดทชีวิตวันนี้

‘ทำไมระยะนี้ดูจะรุกจังนะ ทุกทีไม่กล้า ดูใจเย็นจะตาย’ ปลายเสียงถามเย้าแหย่

“ก็...”

‘มีอะไรที่ไม่ได้เล่า?’ กวางถามคำถามให้เจ้าตัวอึกอัก ถ้าเขาตอบตามความจริงจะเสียฟอร์มหรือเปล่า คนที่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองแบบเขากำลังรู้สึกหวั่นใจ

“ก็...”

‘ก็อะไร’

     ก็ปกติเขาจะวนเวียนอยู่รอบตัวตฤน ดูให้รู้ว่าไม่มีใครเข้ามาเกาะแกะ ดูให้รู้ว่าถ้ามีใครหลงเข้ามา เป็นศัตรูที่เขาจะเอาชนะได้มั้ย ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยเจออะไรที่สามารถลดทอนความมั่นใจลงได้แบบครั้งนี้

“คนที่ชื่อวริษฐ์ วันนี้ฉันไปเจอมา”

‘หืม? เขาเป็นยังไง’ กวางถามด้วยความสนใจ คนที่ทำให้เพื่อนที่แสนมั่นใจในตัวเองวิตกได้แบบนี้ต้องไม่ธรรมดา

“มันหล่อ”

‘อ๋อ ก็เลยกลัว?’

“ไม่ได้กลัว แค่ไม่ประมาท”

‘ถ้าไม่มีข้ออ้างจะไปรับ ก็ขอไปรับตรง ๆ เลยสิ’

“มันแปลก!”

‘มาถึงขนาดนี้แล้ว จับกดไปซะก็สิ้นเรื่อง’

     คำพูดตรง ๆ ของที่ปรึกษา ทำเอาปราชญ์เขินจนหน้าร้อนผ่าว เขายังไม่เคยคิดถึงตรงนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น แค่แตะเนื้อต้องตัวนิดหน่อยเขาก็มีความสุขมากแล้ว อาจจะเก็บใบหน้าที่คิดถึงนั้นมาทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดมากไปกว่านั้น พอคิดภาพตาม... เขายิ่งเขินหนักกว่าเดิม ดีที่ปรึกษาทางโทรศัพท์ ถ้าเจอหน้ากันคงโดนล้อว่าหูแดงไปอีกนาน

‘กำลังคิดภาพตามหรอเขินเงียบขนาดนี้’

“เปล๊า นี่ฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้นนะ”

     สารภาพว่าตัวเขาเองก็เคยทำเรื่องอย่างว่าตอนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยกับผู้หญิง... ที่เจอกันในผับ กับข้อตกลงความสัมพันธ์แค่คืนเดียว มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่ต่างตอบสนองซึ่งกันและกัน ไม่มีความรัก แต่มีความใคร่ เป็นการเจอกัน ที่ไม่มีจุดเชื่อมโยงทางจิตใจ เราแยกย้ายจากกันในตอนเช้า ลืมเลือนหน้าตาของกันและกัน หายกันไปแบบไม่มีวันเจอกันอีกเลย

‘พ่อหนุ่มเสือผู้หญิง’ ปลายสายพอรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ใสซื่อ กับเรื่องอื่น... แต่ถ้าเป็นเรื่องตฤน เขาก็เทียบเคียงได้กับเด็กอนุบาล กวางนึกแล้วได้แต่ขำ

“ไม่ถึงขนาดนั้น แค่ลองให้ได้รู้ ตอนนี้มีแค่ลูกแมวเชื่อง ๆ เท่านั้นแหละ”

‘ถ้าเป็นแค่ลูกแมว คงสู้อีกฝ่ายไม่ได้...’

     คำพูดของกวางทำให้ปราชญ์ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนึกหน้าของอีกฝ่าย ที่มาทำให้คนอย่างเขาถึงกับเสียความมั่นใจ

     เสียงปลายสายเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ ‘เป็นพระเอกสิ นายจะได้ชนะ’

“เหอะ ชนะในนิยายของแกมันไม่พอหรอกนะ”

‘แหม... เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ก็ลองจู่โจมไปรับสิ’

“เอาแบบนั้นหรอ”

‘ไม่มีอะไรจะเสียนี่ เอาเป็นว่า ถ้าเขาไม่รักก็กลับมาแล้วกัน’

“พูดอะไรแปลกๆ”

     ปลายสายหัวเราะรับกับคำพูดของปราชญ์ก่อนจะวางสายไปด้วยหัวใจสั่นระริก เธอแค่ ‘เผลอตัว’ พูดออกไป

     ปราชญ์นอนลืมตาเงียบ ๆ อยู่บนที่นอนพยายามคิดข้ออ้างมากมายเพื่อที่จะไปรับตฤน แต่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย เลยสรุปกับตัวเองว่าจะพูดตรง ๆ

‘มาถึงขนาดนี้แล้ว จับกดไปซะก็สิ้นเรื่อง’

     เสียงกวางยังตามหลอกหลอน ประโยคที่ทำให้ใจคนฟังเต้นแรงไม่เป็นสุข ปราชญ์พยายามข่มตานอน เพื่อให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน เขาหลับไปท่ามกลางความคิดแบบนั้น

     และลืมตาตื่นในความฝัน เจอใครบางคนนอนอยู่ข้าง ๆกับตัวเขา ใบหน้าที่คุ้นเคย... ถ้าเป็นในฝันคงไม่เป็นไร ปราชญ์รั้งเอาคนข้าง ๆ มากอดไว้ อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา เมื่อตาสบตาในระยะประชิด ปราชญ์โน้มหน้าไปใกล้ด้วยสัญชาตญาณ หมายครอบครองริมฝีปากบางที่เฝ้ามองมานาน สัมผัสนุ่มละมุน มันดูเหมือนความจริง...เหมือนมากเสียจน เจ้าของความฝันไม่อยากตื่นขึ้น... เพราะในความจริงยังคงห่างไกลกับเรื่องเหล่านี้

     ปราชญ์ชิมริมฝีปากหวาน อีกฝ่ายตอบสนองตามแลกรับลมหายใจซึ่งกันและกัน ก่อนถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ปราชญ์บรรจงพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า และไล่ลงมาตามลำคอ ร่างกายของทั้งคู่บดเบียดแนบชิดกัน ทวีความเร่าร้อน หัวใจของปราชญ์เต้นสั่นระรัวความตื่นเต้นราวกับเด็กที่ไม่ประสีประสา ถึงอย่างนั้นบางอย่างแข็งขึงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ความสุขสมในฝันกำลังจะเป็นจริง ...เพียงแต่

     กริ๊งงงงงงงงงงงง

     นาฬิกาปลุกแผดเสียงดังลั่น ปลุกให้คนฝันหวานต้องตื่นอย่างอารมณ์ค้าง เขาลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง ก่อนจะนึกทบทวนไปถึงความฝันเมื่อสักครู่ นี่เขาต้องการมากจนเก็บไปฝันถึงเลยหรือ ปราชญ์ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าด้วยความเขินอาย ใบหน้าร้อนผ่าว เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้ฝันถึงเรื่องแบบนี้ มันต้องเป็นเพราะว่ากวางนั่นแหละที่เอาความคิดไม่ดีแบบนี้มาใส่หัวชายหนุ่มที่สุขภาพแข็งแรงอย่างเขา!

     ตฤนตื่นมาด้วยความรู้สึกหนัก ๆ มึน ๆ หัว เหมือนจะไม่สบาย เขาลุกขึ้นจัดการตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน  วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสลค ดูแล้วเหมือนนักศึกษาฝึกงาน

“ไหวมั้ยหน้าแดง ๆ หรือแม่ไม่ไปกับป้านิดดีนะ”

“ไปเถอะครับ”

“ไหวแน่นะตฤน” แม่เอ่ยถามเขาด้วยความเป็นห่วงอีกครั้งก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน ดีที่ข้าวเช้าฝีมือแม่และยาแก้ไข้ทำให้เขาดีขึ้น แต่พอต้องออกมาเจอสภาพอากาศร้อนระอุ และการเบียดเสียดกันบนระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้เขาเหมือนจะไข้ขึ้นอีกรอบ

“พี่ ๆสวัสดีครับ” ตฤนมาถึงที่ทันงาน ทันเวลาพอดีก่อนจะยกมือไหว้ทักทายทุกคน เขาเดินไปนั่งประจำที่ให้หายเหนื่อย ก่อนจะเขียนงานที่ต้องทำวันนี้ทั้งวันไม่ให้ตกหล่น

     วริษฐ์ลุกขึ้นมาสอนงานในส่วนของวันนี้ เขาลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ ตฤน และสังเกตได้ว่าสีหน้าของตฤนดูไม่ค่อยดี จึงเอาหลังฝ่ามือมาอังที่หน้าผาก เพื่อวัดไข้คร่าว ๆ ฝ่ายตฤนเมื่อถูกมือเย็น ๆ สัมผัสเขาสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ไม่สบายหรือเปล่า ตัวรุ่ม ๆ”

“น่าจะเป็นไข้นิดหน่อย ไม่เป็นไรครับ ผมกินยาแล้ว”

“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ”

“ครับ” ตฤนก้มหัวขอบคุณในความเป็นห่วงของวริษฐ์

“ชุดวันนี้ ดูเป็นเด็กฝึกงานเหมือนวันที่มาสัมภาษณ์เลย”

"ครับ อาจจะดูไม่เป็นผู้ใหญ่ไปสักหน่อย”

“อื้อ แต่ผู้ชายก็แบบนี้แหละ เครื่องแต่งตัวมันน้อย”

“ครับ” ตฤนไม่โต้ตอบเยอะ เขาตอบสนองช้าเพราะพิษไข้

     ตฤนที่ทำงานไปเหม่อไป ทำให้หลายคนในแผนกนึกห่วง ผลัดกันมาถามไถ่อาการ

“วริษฐ์ใช้งานน้องหนักหรอ น้องป่วยเลย” พี่ใหม่ถาม ก่อนจะลูบหัวตฤนด้วยความเอ็นดู

“ผมเปล่านะพี่ใหม่”

     ช่วงพักกลางวัน วริษฐ์ซื้อโจ้กกับแผ่นแปะลดไข้ขึ้นมาให้ พร้อมกับซื้ออาหารกลางวันของตัวเองมาด้วยเพื่อมากินข้าวข้างบน เรียกว่าดูแลน้องเล็กในปกครองเป็นอย่างดี ตฤนนั่งกินข้าวกินยา แล้วก็ได้นอนพักฟุบหน้าไปกับโต๊ะ วริษฐ์นึกเอ็นดู แอบถ่ายหน้าน้องตอนหลับเก็บไว้ กะจะแกล้งส่งลงกรุ๊ป

     หลับยาวจนเลยเวลาพัก แต่ไม่มีใครปลุกตฤนให้ตื่น พี่สายใจอนุญาตให้น้องเล็กนอนพักได้ เพราะป่วยจริงๆ ตอนนี้หน้าก็ยังร้อนมาก

“พี่สายใจวันนี้ผมออกก่อนเวลาครึ่งชม.ได้มั้ย”

“วริษฐ์มีธุระด่วนหรอ เรื่องอะไร” ที่นี่สามารถออกก่อนเวลางานได้นิดหน่อย ถ้ามีเหตุจำเป็น

“ผมจะพาตฤนไปหาหมอ แล้วก็พาไปส่งบ้าน”

     สายใจหันไปมองเด็กใหม่ที่นอนสลบไสล หน้าแดงแจ๋เพราะพิษไข้อย่างนึกสงสาร

“ได้พี่อนุญาต แล้วเราไปเขียนฟอร์มขออนุญาตมาด้วยนะ”

“ครับพี่” วริษฐ์เดินกลับไปอังหน้าผากตฤนอีกครั้ง ตัวไม่ร้อนมาก แต่น่าจะไปให้หมอตรวจสักหน่อย

“วริษฐ์ดูเอ็นดูตฤนมากเลยเนอะ” ส้มหันไปพูดกับมิ้นต์

“ใช่ ๆ ห่วงมาก ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพ่อหนุ่มเจ้าสเน่ห์ ที่บริหารสเน่ห์กับสาว ๆ ทั้งออฟฟิค ต้องคิดว่า กำลังพยายามจีบน้องแน่ๆ” มิ้นต์ตอบกลับพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์

“แต่ก็นะ เขารับกันมาก็คงต้องดูแลกันแหละ” ส้มพยายามไม่คิดไปทางว่าวริษฐ์ชอบผู้ชาย เพราะกลัวจะจมน้ำตาของสาว ๆ ในออฟฟิต เคยมีการจัดอันดับ หนุ่ม ๆ ในออฟฟิตแบบลับ ๆ แน่นอนว่าอันดับหนึ่งคือ วริษฐ์คนนี้นี่แหละ หน้าตาสูสีกับอีกคนในแผนกไอที แต่คารมชนะขาดอัธยาศัยดีตามประสาหนุ่มแผนกทรัพยากรมนุษย์ คนนั้นหน้าตาดีผิวเนียนละเอียด แต่โลกส่วนตัวสูงยิ่งกว่าตึกใบหยกซะอีก พี่ส้มคิดในใจ แต่ตัวเองก็กดโหวตให้อีกคนนะ เบื่อหน้าวริษฐ์

“อื้อ” ตฤนรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมารู้สึกว่าตัวเองนอนไปเต็มอิ่ม นอนนานจนเหมือนจะเกินเวลาที่พักกลางวัน ตฤนหันไปมองนาฬิกาก่อนตกใจสุดขีด นาฬิกาบอกว่าตอนนี้ บ่ายสามโมงแล้ว คิ้วขมวด มีความวิตกกังวลปรากฏชัดบนใบหน้า

“ไม่ต้องตกใจ ไม่มีใครว่าที่เราสลบหรอก ก็เราป่วย” วริษฐ์ที่นั่งแอบมองคนป่วยจากฝั่งตรงข้ามเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นสีหน้าฉายแววความไม่สบายใจของคนตรงข้าม

“ครับ ขอโทษครับ”

“เราก็จัดการงานค้าง แล้วก็เตรียมตัวไปหาหมอนะ พี่จะพาไป”

‘งานค้างอะไรมีที่ไหนล่ะ’ วริษฐ์นึกในใจ เขาพูดไปแบบนั้นเองแค่อยากแหย่คนป่วยขี้เซา เพราะตัวเขาเองน่ะดึงเอางานเร่งด่วนทั้งหมดของเด็กในปกครองมาทำให้เองหมดแล้ว ส่วนงานที่ต้องสอน ยกยอดไปในวันพรุ่งนี้แทน จริง ๆ เขาก็แอบแปลกใจตัวเอง ที่ถูกชะตาเจ้าเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ

     ตฤนพยายามมองหางานค้าง หายังไงก็ไม่เห็นจะมี จนต้องเอ่ยปากถาม “พี่ครับ เอกสารปึกเมื่อเช้าพี่เอาไปแล้วหรอครับ”

“เสร็จแล้วล่ะ พี่ขอรับค่าจ้างเป็นนมคาราเมลนะ”

"ได้เลยครับ”

     ตฤนรู้สึกขอบคุณที่วริษฐ์ช่วยทำงานให้ แต่อีกใจก็กังวล... เขาจะผ่านทดลองงานมั้ยนะ เหมือนถูกรับมาเป็นภาระมากกว่าคนมาช่วยทำงาน

“แล้วไปทำอะไรมา เป็นไข้”

“ผมก็ไม่แน่ใจ อาจจะเพราะนอนดึก เมื่อคืนหลับไปทั้งๆที่ผมเปียก และนอนห้องแอร์โดยไม่ห่มผ้า”

“ก็สมควรป่วยล่ะ เราน่ะ” ตฤนส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ก่อนจะลุกไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ถึงจะรู้สึกหนักๆหัวอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นเยอะเพราะได้นอนเต็มอิ่มดี แล้วแบบนี้ยังจำเป็นต้องไปหาหมอมั้ยนะ

“มาหลบอู้อยู่นี่เอง” ตฤนหันไปมองต้นเสียง ผู้ปกครองมาตามเขาถึงในห้องน้ำ

“อ่ะ พี่วริษฐ์”

“เห็นหายไปนาน กลัวว่าจะวูบอยู่ในห้องน้ำ”

     ตฤนมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ต้องคอยห่วงทั้งวัน ถ้าขืนยังไม่หายป่วยแบบนี้ ดีไม่ดีจะไม่ผ่านโปรเอานะเราเนี้ย

     ทั้งคู่เดินออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะ วริษฐ์ลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขาเริ่มสอนงานง่าย ๆ ให้ พร้อมเขียนขั้นตอนการดำเนินงานหลายๆ อย่างให้เผื่อสมองคนป่วยวันนี้จะรับความรู้เอาไว้ไม่ไหว จะได้เก็บเอาไว้อ่านในวันอื่น

“ไปเก็บของกลับบ้าน” วริษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานมากขึ้นทุกที

     ตฤนลอบมองนาฬิกาแล้วพบว่ายังไม่ใกล้เวลาเลิกงาน “หือ? อีกตั้งครึ่งชั่วโมง”

“พี่จะพาเราไปหาหมอ แล้วจะไปส่งเราที่บ้าน”

     วริษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กับใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเอ็นดู จนตฤนเผลอคิดไปว่าถ้าตัวเขาเป็นผู้หญิง แล้วมีผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้มาคอยดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ เขาคงจะตกหลุมรักแน่ ๆ

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเกรงใจ”

“เอาตามนี้แหละ เก็บของได้แล้ว”

     วริษฐ์ตัดบทและเดินไปเก็บของที่โต๊ะของตัวเอง ตฤนจึงจำใจต้องลุกขึ้นเก็บของด้วย ไม่กล้าให้อีกฝ่ายที่อาสาไปส่งต้องมายืนรอ ไม่ถึง 5 นาที ทั้งคู่ก็พร้อมกลับบ้าน

“กลับก่อนนะครับจะไปพาคนป่วยไปให้หมอ”

     ทุกคนตอบรับ และอวยพรให้หายไวไว

“ตฤน ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ หยุดได้” พี่สายใจรีบบอกด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเด็กใหม่จะไม่กล้าหยุดงาน ไม่เหมือนพวกทำงานมานาน ลาป่วยกันเป็นว่าเล่น

“ขอบคุณครับพี่”

     วริษฐ์พาตฤนไปคลินิกที่คุ้นเคยแทนไปโรงพยาบาล เพราะเจ้าตัวบอกว่ายังไม่มีสิทธิสวัสดิการอะไร พอไปตรวจ หมอก็แจ้งว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา มีสาเหตุชัดเจน ก็จัดยามาชุดนึง พร้อมกำชับให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ และทำตัวให้อบอุ่นอยู่เสมอ คุณหมอพูดคล้ายเดิมเกือบทุกครั้งที่ตฤนป่วย และถ้าทำตามไม่ดื้อล่ะก็ ...หายป่วยได้ง่าย ๆ ทุกครั้ง

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ตฤนยกมือไหว้วริษฐ์ พร้อมทั้งส่งยิ้มอ่อนแรงให้

     วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวตฤนเบา ๆ “พรุ่งนี้นอนพักอยู่บ้าน ไม่ต้องฝืนมานะ รู้มั้ย” น้ำเสียงทุ่มนุ่ม กับสัมผัสอ่อนโยนทำให้ตฤนนึกเคลิ้ม อยากจะหลับตรงนี้ให้ได้

"ครับพี่ ผมก็ไม่อยากไปเป็นภาระคนอื่น ๆ”

     ตฤนรู้สึกว่าการลาป่วย ไม่ใช่แค่ให้คนที่ลาได้พักผ่อน แต่เป็นการป้องกันคนอื่นติดโรค พลอยป่วยไปด้วย นอกจากนั้น ยังทำให้คนอื่นไม่ต้องมาคอยห่วงคอยดูแล เรียกง่าย ๆ ว่าไม่ไปเป็นภาระคนอื่นเขา แต่วริษฐ์ ไม่ได้นึกถึงเหตุผลอื่นนอกจากว่า กลัวเด็กใหม่คนนี้จะป่วยหนัก

“พี่ไม่ได้บอกว่าเราเป็นภาระ พี่แค่ห่วงว่าเราจะไม่สบายหนัก” วริษฐ์พูดแย้งตฤน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของคำพูดตนเองผิด

"ครับพี่ ขอบคุณจริง ๆครับ” ตฤนลงจากรถ เดินสโหล่สแหล่เข้าบ้าน เขาพร้อมจะทิ้งตัวนอนได้ทุกเมื่อ


“เอ...วันนี้ก็เลิกช้าหรอ” ปราชญ์มาดักรอรับตฤนเหมือนเดิม  เขาก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เลยเวลาเลิกงานมาแล้ว 15 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววเจ้าตัวลงมาแต่อย่างใด นั่งรอไปด้วยใจที่ไม่สงบ ความคิดฟุ้งซ่านโผล่เข้ามาทำให้ใจเต้นตึกตัก โดยเฉพาะภาพฝันเมื่อคืน ที่พอเผลอมันก็มักโผล่เข้ามาในความคิด ทำให้ปราชญ์ได้แต่นึกอยู่ในใจ

‘เรานี่มันบ้ากามจริง ๆ’

“อีก 5 นาทีไม่งั้นจะโทรหาแล้วนะ” ปราชญ์บ่นพึมพำกับตัวเองพลางจ้องมองนาฬิกาสลับกับทางที่ตฤนจะลงมา…
.
[คลาดกันเก่งงง]
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 12 จะต้องรุกบ้าง (15/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-05-2019 08:30:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 13 คนป่วยตัวนิ่ม (17/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 17-05-2019 22:27:07
บทที่ 13 ปราชญ์หัวขโมยกับคนป่วยตัวนิ่ม

     คอยแล้วคอยเล่าคนที่รอก็ไม่โผล่มาง่าย ๆ ปราชญ์หยิบเอามือถือขึ้นมา กดเบอร์ที่เขาท่องจำได้ขึ้นใจ

‘ฮัลโหล’ ปลายสายเสียงแหบแห้งเบาหวิว

“ตฤนอยู่ไหน เป็นอะไร น้ำเสียงไม่ดีเลย”

‘ไม่สบาย’

     เสียงแหบ ๆ ที่ตอบกลับมา ทำให้ปราชญ์ยิ่งเป็นห่วง

“ตอนนี้อยู่ไหน”

‘บ้าน’

     เพราะตฤนกลับไปตั้งนานแล้ว เขาถึงมารอรับแล้วไม่เจอ

“เดี๋ยวไปหา” เขาพูดก่อนจะตัดสายไป


     ปราชญ์มาถึงหน้าบ้านตฤนอย่างรวดเร็ว การขับรถของเขาเมื่อกี้ น่าจะโดนผู้ร่วมใช้ถนนด่าแล้วด่าอีก ปราชญ์คิดขณะจอดรถหน้าบ้านตฤน บ้านค่อนข้างมืดจนเหมือนไม่มีคนอยู่

“ตฤน” ปราชญ์ตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน “ตฤน!”

“โฮ่ง” ตฤนไม่ตอบ ตฤนไม่เดินมา มีแค่กี้ที่เห่าอยู่ที่ประตู

“ตฤน!!!” ปราชญ์ตะโกนเสียงดังขึ้น แต่ก็เจอแต่เสียงเห่าของกี้ ไม่มีวี่แววของคนที่เขาอยากเจอ

     ปราชญ์ไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งอีกฝ่ายเงียบแบบนี้ เขาก็ยิ่งร้อนใจ

“แม่งเอ๊ย จะโดนจับมั้ยวะ” ปราชญ์สบถกับตัวเองก่อนจะถอดรองเท้า โยนข้ามรั้วไป มองหาที่เหยียบที่จับที่มั่นคง ก่อนจะเริ่มปีนข้ามรั้ว

“โฮ่งงง โฮ่ง!!!” เสียงกี้เห่ากรรโชกเสียงดัง คงเพราะคิดว่าเขาเป็นขโมย

     ปราชญ์ รีบปีน เพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิด เขามองเล็งพื้น ก่อนจะโดดลงมาอย่างสวยงาม

“ชู่ว กี้ ปราชญ์เองกี้”

“โฮ่ง หงิง “ เหมือนกี้จะจำเสียงเขาได้ เปลี่ยนโทนเสียงจากเห่ากรรโชกเมื่อกี้ เป็นเสียงเห่าเรียกเบา ๆ พร้อมกับครางอ้อน

     ปราชญ์เดินไปที่ประตูมุ้งลวด แต่ก็พบว่ามันล็อค ตฤนไม่สะเพร่าลืมล็อคประตู เขาเลยลำบาก

“ตฤน!!!! “ ปราชญ์ตะโกนอีกครั้ง “ตฤนว้อยย!!! อยู่ไหนวะ!!!” ปราชญ์ส่งเสียงดังโหวกเหวก ไม่รู้ว่าเสียงเขาดังไปถึงหน้าปากซอยบ้านหรือยัง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาเลยแม้แต่น้อย

     เขาเอาหน้าแนบประตู มองเห็นขาใครบางคนโผล่พ้นเก้าอี้โซฟาออกมา น่าจะเป็นตฤน

“กี้!!! ตฤน!!! ไปปลุกตฤน!!!” กี้เหมือนกับฟังออก ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินชื่อตฤน ถึงได้วิ่งไปหา หรือว่าฟังเขาพูดรู้เรื่อง ... มันวิ่งไปกระโดดใส่ตฤนบนโซฟา

“หงิง หงิงงงงง”

     ปราชญ์แนบหน้ามอง ด้วยใจลุ้นระทึก ขาข้างนั้นขยับ ...มันได้ผล ตฤนลุกขึ้นนั่ง ปราชญ์เพ่งมองและเห็นว่าตฤนใส่หูฟังอยู่ คงเพราะใส่หูฟังแล้วหลับถึงไม่ได้ยินอะไร ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเขา

     ตฤนรู้สึกหนัก ๆ หัว ขณะมองไปรอบ ๆ เขานอนกลิ้งเกลือกฟังเพลง แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เขาเห็นเงาเคลื่อนไหวอยู่ตรงประตู ก็เลยหันไปหยิบแก้วน้ำ? มาเป็นอาวุธ อย่างน้อยทำให้แก้วแตกมันก็คมแหละ

“ใคร” น้ำเสียงแหบแห้งเบาหวิวจนตัวเองยังตกใจ

“โฮ่ง” ตฤนหันไปมองกี้เที่เห่าเบา ๆ แต่กระดิกหางดีใจ

“ปราชญ์เอง เปิดประตูหน่อย”

     ตฤนเดินโงนเงนไปเปิดไฟ เขาเห็นคนที่หน้าประตูเต็มสองตา ปราชญ์จริง ๆ เขารีบเปิดประตูให้ปราชญ์ที่มาหาเขาด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ให้เข้ามาในบ้าน

“มาไง”

“ปีนบ้านเมิงเข้ามาอ่ะดิ”

     ปราชญ์มองสำรวจคนตรงหน้า น้ำเสียงแหบแห้ง ใบหน้าแดงก่ำ  กับท่าทางอ่อนแรง แถมยังเดินเซไป เซมา

“ไหวมั้ย” ปราชญ์ถามด้วยความเป็นห่วง เขาขยับตัวเข้าไปใกล้ กลัวว่าคนตัวเล็กกว่าจะล้ม จึงคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ พอแตะโดนตัวก็พบว่าคนตรงหน้าไข้สูงตัวร้อนจี๋

“มึน ๆ ว่ะ”

     ตฤนเดินโงนเงนเอียงไปเอียงมา ปราชญ์เห็นแบบนั้น ก็เลยตัดสินใจรวบเอวชายหนุ่มเข้ามา

“ทำ..อะไร” ตฤนไม่มีแรงขัดขืนเพราะพิษไข้ ได้แต่พูดถามเสียงเบา ถ้าเป็นทุกทีเขาคงดิ้นไม่หยุด แต่ไม่ใช่วันนี้ เขาไม่มีแรงเหลือเลย เขาเลยยอมให้ปราชญ์จับประคองเขาเอาไว้เหมือนกับเด็ก ๆ

“เดินไม่ไหวหรอก” ปราชญ์พูดพลางยกคนตัวเล็กกว่าขึ้นพาดบ่า คนป่วยจำใจยอมไม่ดิ้น ไม่ขัดขืน ยอมให้แบกขึ้นไปส่งที่ห้องนอนแต่โดยดี ปราชญ์ค่อย ๆ วางคนตัวเล็กลงบนที่นอน ใบหน้าแดงก่ำดูทรมาน

     เขาเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหายาลดไข้ ผ้าขนหนูกับกาละมัง เพื่อมาเช็ดตัวให้คนป่วย เขาหยิบเสื้อยืดตัวอุ่น กับกางเกงขาสั้นมาให้ด้วย

     ปราชญ์เช็ดหน้าเช็ดตาให้ตฤน และตามจุดต่าง ๆ เพื่อระบายความร้อน เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทำงานของตฤนออก

     ตฤนสะดุ้งกับนิ้วเรียวยาวนั้น ที่พยายามถอดกระดุมเสื้อเขา ก่อนถามเสียงอ่อย “จะถอดทำไม”

“ใส่เชิ้ตจะไปนอนสบายได้ยังไง”

     ร่างเปลือยท่อนบนปรากฏตรงหน้า ทำเอาปราชญ์นิ่งชะงัก บรรยากาศมันล่อแหลมทั้งความใกล้ สถานที่ คนป่วยที่ไม่มีแรงขัดขืนแถมยังเปลือยเปล่า กับจิตใจที่พุ่งพล่านของเขา...

     ตฤนเฝ้ามองคนตรงหน้าพยายามเช็ดตัวให้แบบเก้ ๆ กัง ๆ เพราะพิษไข้หรือเปล่าไม่รู้ หัวใจเขาถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ และเขากลับรู้สึกดี...

     ปราชญ์เช็ดตัวให้คนป่วยพยายามสะกดจิตตัวเองให้นิ่ง ไม่คิดสัมผัสผิวขาวเนียนนุ่มนิ่มตรงหน้ามากไปกว่าเช็คตัว เสร็จแล้วจึงซับตัวคนป่วยให้แห้งสนิทด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ แล้วส่งเสื้อยืดให้ใส่

“แล้วกางเกงสเลคนี่ล่ะ” ปราชญ์เอ่ยถาม เชิงขออนุญาต แต่ถ้าให้เขาทำ ก็ไม่รู้ว่าจะสติเตลิดหรือเปล่า

“ปะ เปลี่ยน เอง” ตฤนพยายามขยับยืนขึ้น

     ปราชญ์หันหลังให้กับคนป่วย คนป่วยก็หันหลังให้เขา แต่ที่คนป่วยไม่รู้คือ เงากระจกในห้องของเจ้าตัวมันสะท้อน และปราชญ์ไม่พลาดที่จะมอง เขาบอกกับตัวเองว่า ‘มองเพราะว่ากลัวตฤนจะล้ม’ ปราชญ์เฝ้ามองตฤนที่ถอดกางเกงสเลคออกเหลือเพียงกางเกงในสีดำที่ตัดกับผิวขาวเนียนละเอียด ปราชญ์ลอบกลืนน้ำลาย ในใจเขามันเต้นไม่เป็นส่ำ

     ตฤนยกขาขึ้นใส่กางเกง นั่นทำให้เขาเสียสมดุล เขาเอียงเซเหมือนจะล้ม ปราชญ์ที่มองอยู่ตลอดรีบถลาเข้าไปจับเอาไว้ เขาจับตรึงไหล่ทั้งสองข้างของตฤนเอาไว้

“รีบ ๆ ใส่สิ” ปราชญ์พูดขณะเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ถ้าเขาก้มมองลงใบหน้าแดงก่ำ และช่วงล่างขาวเนียน สงสัยเขาคงจะทนต่อไปไม่ไหว และข้ามเส้นคำว่าเพื่อนไปเป็นอย่างอื่นแน่ ๆ

     ตฤนรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้ามากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เมื่ออีกฝ่ายอยู่ใกล้ขนาดนี้ แล้วเขาอยู่ในสภาพหน้าอายแบบนี้

“ย่อ ตัวหน่อย จะหยิบกางเกง” ตฤนพูดเสียงเบาหวิว  เขาใส่กางเกงเสร็จอย่างทะลักทุเล “เสร็จแล้ว”

     ปราชญ์ประคองตฤนกลับไปส่งที่เตียง พร้อมกับหยิบยาและน้ำส่งให้ เขานั่งบนที่นอนดูคนป่วยกินยาเรียบร้อย ก็หยิบแก้วไปวางให้ พร้อมกับถามต่อ

“แม่มึงไปไหน”

“ไปทำบุญกับเพื่อน” ตฤนตอบเสียงอ่อย

“งั้น กูจะนอนนี่ เฝ้ามึง” ปราชญ์ตัดสินใจเองตามอำเภอใจ

“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวดีขึ้นแล้ว”

     ปราชญ์นอนลง ข้าง ๆ คนป่วย นอนตะแคงข้างใช้มือเท้าศีรษะมองคนป่วยที่ใบหน้าแดงก่ำ พร้อมพูดประโยคที่ดูน่ารักมุ๊งมิ๊งออกมา “อย่าดื้อดิ กุเป็นห่วง”

     คนป่วยมองพยาบาลจำเป็นตาแป๋ว ใบหน้าซื่อบื้อ ตาใส มองปราชญ์จนเขาเริ่มหนาว ๆ ร้อน  ๆ ‘เอ๊ะ กุพูดอะไรผิดหรือเปล่าวะ’ ปราชญ์คิดในใจพลางเสมองไปทางอื่น “เมิงก็นอนไปสิ”

     ตฤนได้ยินแบบนั้นก็เลยเลิกจ้องมองปราชญ์ เขาสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะคิด เขาดึงผ้าห่มขึ้นจนถึงคอ ก่อนจะหลับตาพริ้ม พิษไข้กับฤทธิ์ยาทำให้เขาหลับไปอย่างรวดเร็ว

     ปราชญ์นอนมองคนป่วย เขาจ้องมองเนิ่นนานด้วยความเพลิดเพลิน ‘แค่นี้เมิงก็มีความสุขหรอวะปราชญ์’ เขาบ่นด่าตัวเองในใจ มือของเขาขยับไปแตะที่ข้างแก้ม ยังร้อนอยู่ ก่อนที่ตัวเขาจะขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น พลางโน้มหน้าไปที่ข้างแก้มเนียน จรดริมฝีปากสัมผัสแทนนิ้วมือ เขาขยับออก สายตาจ้องมองไปที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม แต่ต้องหยุดตัวเองเอาไว้... ก่อนจะไปไกลกว่านี้

“หายไวไวนะ”

     เขานอนข้าง ๆ ตฤน พยาบาลจำเป็นอย่างเขาจะต้องคอยดูแลคนป่วย…

     ปราชญ์สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เขากระพริบตาในความมืด มีแสงเล็ก ๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา เขาอาศัยแสงนั้นช่วยให้มองเห็น เขาขยับฝ่ามือไปแตะที่หน้าผากคนป่วย ไม่ร้อนเหมือนเดิมไข้น่าจะลงแล้ว เขาลูบศีรษะตฤนไปมาเส้นผมอ่อนนุ่มทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม พรุ่งนี้ก็คงหายดี พอคิดได้แบบนั้นเขาก็นอนหลับต่ออย่างสบายใจ

     ตฤนตื่นขึ้นมาในตอนด้วยความสดชื่น อาการไข้เมื่อวานเหมือนเป็นแค่ฝัน...ที่เขาไม่รู้จะบอกว่ามันคือฝันร้ายหรือฝันดี... เขานึกถึงพยาบาลจำเป็นเมื่อคืน ที่ตอนนี้ไม่มีวี่แวว หรือว่าเขาจะฝันจริง ๆ ฝันว่ามีมือเย็น ๆ มาแตะที่หน้าผากเขาเมื่อตอนกลางดึก

‘แล้วนี่กุยิ้มทำไมวะ’ ตฤนได้แต่เอ็ดตัวเองในใจ

     ประตูเปิดออก พร้อมกับปราชญ์ที่ยกถ้วยโจ้กเดินเข้ามา โจ้กร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล

“สีหน้าดูดีขึ้นเยอะ” ปราชญ์ทักเมื่อเห็นคนป่วยนั่งอยู่บนที่นอน ใบหน้าไม่แดงก่ำเหมือนเคย สภาพดีไม่อิดโรยไร้เรี่ยวแรงแบบเมื่อวาน

“หายแล้ว” ตฤนมองปราชญ์ที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม

“เก่งมากกกก เอ้ากินน้ำ” ปราชญ์พูดชมด้วยน้ำเสียงไม่เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงโอเว่อออกไปทางประชดประชัน พร้อมกับส่งแก้วน้ำให้คนป่วยจิบ ต่อด้วยถ้วยโจ๊ก เขายื่นส่งให้คนป่วย แต่พอคนป่วยจะรับเขาก็ดึงกลับ

“ป้อนมั้ย” เขาถามเบา ๆ

“ไม่ต้อง” คนป่วยปฏิเสธทันควัน “ไปอาบน้ำไป หา ๆ เสื้อกับกางเกงในตู้เอานู้น ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่อยู่ในลิ้นชักที่สอง” ตฤนชี้ไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำ จะได้ไม่ต้องมาจ้องเขากินข้าว

     ปราชญ์ลุกขึ้นไปอย่างว่าง่าย เขาก็เหนียวตัวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเหมือนกัน ได้อาบน้ำหน่อยก็ดี ปราชญ์คิดพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูก่อนจะเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ

     ตฤนนั่งกินโจ้ก พอกินก็รู้ว่าน่าจะเป็นร้านป้าที่หน้าปากซอยแกขายหมดเร็วมาก ปราชญ์ตื่นแต่เช้าไปซื้อให้เขาเลยแฮะ “มันใจดีจังวะ...”

     ปราชญ์อาบน้ำเสร็จแล้วเดินกลับมาที่ห้องด้วยการนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ตามตัว ผนวกกับหุ่นที่มีกล้ามเนื้อพอเหมาะพอเจาะ …

“ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยวะ” ตฤนเอ่ยทักเมื่อปราชญ์มาเดินแก้ผ้าโทงเทงอยู่ในบ้าน

“อยากอวดหุ่น” ปราชญ์ตอบกลับมาหน้าตาเฉย ก่อนจะหันมาให้ตฤนเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างชัดเจน เขายืนเช็ดผมโชว์หุ่นแบบไม่สนใจอะไร

“ใครจะอยากดู” ตฤนหันหน้าหนี แต่ก็ยอมรับว่าหุ่นของปราชญ์นั้นไม่ธรรมดาเลย

“ฮ่า ๆ ๆ” ปราชญ์หัวเราะให้กับท่าทางของตฤน “ลองจับดูหน่อยมั้ยครับ” ปราชญ์ได้ทีพูดแหย่คนป่วย

“มีเหมือนกันว้อย” ตฤนโวยวาย เขาก็เจียมตัวอยู่ในใจ มีบ้าอะไรกล้ามเนื้อเขานุ่มนิ่มเหลวเละขนาดนี้

“ไหนดูหน่อย”  ปราชญ์ยังคงแหย่อีกฝ่ายไม่เลิก

“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยดิ” ตฤนพูดพลางหันมาหาปราชญ์ แต่กลับเจอกล้ามหน้าท้อง อยู่ประชิดหน้า “ไอ้ปราชญ์!” ตฤนโวยวาย เมื่อกล้ามเนื้อนั่นมันจะอัดหน้าเขาอยู่แล้ว

“ฮ่า เออ ๆ ไม่แกล้งแล้ว” ปราชญ์ที่มีความสุขกับการเหย้าแหย่ตฤน เดินผละไปเลือกเสื้อผ้า เขาหยิบเอาเสื้อยืดสีน้ำเงินที่ดูจะตัวใหญ่หน่อยออกมาใส่ กับกางเกงบอลขาสั้นสีดำ

“วันนี้ไม่ไปไหนหรอไง” ตฤนทักขึ้น ตัวเขาเนี้ยหยุดเพราะว่าป่วย แต่ปราชญ์เนี้ย ทำไมมันว่างจัง

“ไม่ไปอ่ะ เออตฤนมีกุญแจสำรองมั้ย กุขอหน่อยดิ”

“จะเอาไปทำอะไรวะ จะแอบมาขโมยของหรอ” ตฤนถามเสียงซื่อ แม้ใจจะไม่ได้คิดแบบนั้น บ้านปราชญ์มีตัง ไม่มาขโมยของบ้านคนอย่างเขาหรอก

“กุไม่อยากต้องปีนรั้วแบบเมื่อวานอีกว่ะ” ปราชญ์บอกเสียงเรียบ อยู่ดี ๆ น้ำเสียงก็เครียดขึ้นมา

“ไม่ได้ป่วยบ่อย ๆ น่า”

“เอามา” ปราชญ์บอกเสียงเรียบ อยู่ดี ๆ น้ำเสียงก็เครียดขึ้นมา

“โจร”

     ปราชญ์ลุกไปหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา เป็นกุญแจสำรองของเขา เขายื่นส่งกุญแจสำรองดอกเล็ก ๆ ให้ตฤน “อ่ะ หลักประกัน กุขโมยของบ้านเมิง เมิงก็มาขโมยของบ้านกุ”

“คนบ้าอะไรพกกุญแจสำรอง” ตฤนรับกุญแจมาถือเอาไว้

“เอ้าก็ต้องพกไว้ดิ ติดตัวอันนึง ติดกระเป๋าอันนึง กันหาย”

“กุญแจสำรองกุไม่มีอ่ะ เมิงไปหยิบพวงกุญแจข้างล่างมาให้กุดิ”

     ปราชญ์ลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่าง กี้ดีใจที่เห็นเขาลงมา

“หงิง” กี้ร้องครางพลางเดินเข้ามาอ้อนเขา

“หิวแล้วล่ะสิ” ปราชญ์เทอาหารเม็ดชามข้าวของกี้ กี้ถึงได้ผละจากขาของเขาไปกินอาหารเม็ดแทน

     พวงกุญแจที่มีลูกกุญแจอยู่ 5 ดอก กับที่ห้อยรูปหมา เขาหยิบแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน

     ตฤนรับพวงกุญแจมาถือไว้ ก่อนจะแงะเอากุญแจดอกนึงมาส่งให้ปราชญ์ “เมิงเอาไปปั้มดิ”

“ปั้มไหนดีวะ ปั้มเสือหรือปั้มหอยดี” ปราชญ์เล่นมุกหน้านิ่ง จนตฤนได้แต่ส่ายหัวเอือม

“ไม่ต้องเอาล่ะ” ตฤนแบมือขอกุญแจคืน

“เรื่องอะไรจะคืน”

     เสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะการพพูดคุยของทั้งคู่ มือถืออยู่ใกล้มือปราชญ์มากกว่า มันขึ้นชื่อโชว์หราว่า ‘วริษฐ์’ ปราชญ์ถือวิสาสะหยิบมือถือขึ้นมา แต่แทนที่จะส่งให้ตฤน เขากลับกดรับเอง

“เฮ้ย” ตฤนร้องขึ้นมา

‘เป็นไงบ้างตฤน’ เสียงทุ่มนุ่มสอบถามอาการเจ็บป่วย ‘เมื่อวานตอนส่งพี่ก็ห่วง ๆ เรา’ พี่ที่ทำงานอะไรวะ ไอ้หน้าหล่อนั่น มันมาส่งตฤนถึงบ้าน มันคิดว่ามันเป็นใครวะ

“...” ปราชญ์นิ่งฟังแต่ยังไม่ตอบ

‘ฮัลโหล ตฤนได้ยินพี่มั้ย’

“ตฤนหลับ อาการมันดีขึ้นแล้ว แค่นี้นะ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ก่อนจะกดวางหน้าตาเฉย

“กุตื่นอยู่” ตฤนมองหน้าปราชญ์อย่างไม่เข้าใจ เข้าไม่อยากพูดขัดเพราะมันดันบอกว่าเขาหลับ เขาก็ไม่อยากจะให้พี่วริษฐ์งง แล้วหาว่าไอ้ปราชญ์มันขี้โกหก

“ช่างมันดิ” ปราชญ์พูดอย่างไม่สนใจ

“นั่นคนสอนงานกุนะ”

“ก็วันนี้หยุดอ่ะ จะสนใจทำไม”

     ตฤนขี้เกียจเถียงด้วย เขายังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าปราชญ์เป็นบ้าอะไร

“เดี๋ยวมา”

     ปราชญ์รีบออกไปปั้มกุญแจ ส่วนตฤนลุกไปอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น เขาก็ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนเหมือนกัน แม้ว่าปราชญ์จะเช็ดตัวให้เขา...แล้ว...อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมา เมื่อนึกถึงเมื่อคืน “อะไรกันวะ” เขาสบถออกมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจตัวเอง

     เขาพยายามไม่เข้าใจมัน... แล้วเดินลงมานั่งเล่นที่ชั้นล่างแทน เขาเปิดโทรทัศน์ดูนู้นดูนี่โดยมีกี้นั่งหมอบอยู่ที่ปลายเท้า

     กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง

     เสียงกริ๊งหน้าประตูเรียกความสนใจจากตฤนได้เป็นอย่างดี  ใครมาตอนนี้ แถมยังกดกริ่งอีก เขาลุกขึ้นไปดู มองผ่านประตูมุ่งลวดไป เห็นเป็นผู้หญิงใส่หมวกแก๊ปอยู่ที่หน้าบ้าน...ใคร?

.
.
 :heaven 
[ปราชญ์ดูฟิน ๆ นะ อิอิ อดทนหน่อยนะคะ ปราชญ์มันเป็นพระเอกปอดแหกกก ...
แต่เราเคยพยายามข้ามเฟรนโซนเเล้วค่ะ พังไม่มีชิ้นดี ทุกวันนี้ ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย]
 :z3:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 13 คนป่วยตัวนิ่ม (17/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-05-2019 14:45:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 14 มันก็คือความรัก (19/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 19-05-2019 18:36:50
   
บทที่ 14 ความรักน่ะ มันก็คือความรัก

        หญิงสาวผมยาวประบ่า สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงินทำให้มองใบหน้าได้ไม่ชัด เธอคงพยายามซ่อนใบหน้าและดวงตาจากแดดร้อนระอุ

   “ตฤน!” หญิงสาวตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน เมื่อพบว่าเจ้ากริ่งหน้าประตูไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้

   “โฮ่งงง!!!“ รางวัลหมาดีเด่นที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม กี้ต้องได้

   เขาเปิดประตูมุ่งลวดพร้อมชะโงกหน้าออกไป พลางระวังไม่ให้กี้แอบวิ่งลอดขาเขาออกไปข้างนอก

   “ใครครับ”

   “ตฤน พี่ขวัญไง” เธอพูดพลาง ขยับหมวกให้ชายหนุ่มเห็นหน้าเธอชัด ๆ

   “ผมก็คิดว่าใคร ประตูไม่ได้ล็อคพี่” หญิงสาวมองประตูแล้วก็พบว่ามันไม่ได้ล็อคจริง ๆ เธอเปิดประตูก่อนจะเดินไปหาลูกพี่ลูกน้องคนสนิท เธอมาในชุดเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงผ้าสีฟ้าเข้ารูป สะพายเป้ใบใหญ่สีม่วง

   “แบกอะไรมา”

   “มาค้างด้วย”

   “ฮะ?”

   “พี่มาทำธุระ ค้างด้วยคืนนึง ตอนแรกก็ว่าจะไปคอนโด แต่น้าบอกว่าแกป่วยอยู่คนเดียว เลยมานี่แทน”

   “อ๋อ แล้วนี่พี่ขวัญกินอะไรมายัง” ตฤนถามพลางรับเอากระเป๋าเป้จากลูกพี่ลูกน้องมาถือเอาไว้

   “ยังเลย ในตู้เย็นมีอะไรกินมั้ย”

   “มีอยู่นะ ไปทำกินเอาเลยพี่”

   ขวัญลุกไปหาอะไรกินในครัว ส่วนตฤนก็นั่งดูโทรทัศน์สบายใจเหมือนเดิม

   

   ปราชญ์กลับมาจากปั้มกุญแจ เขากลับมาถึงบ้านตฤน พร้อมของกินสองถุงใหญ่ แต่เมื่อเขาเข้ามาถึงประตูบ้านก็เจอรองเท้าผ้าใบผู้หญิงถอดอยู่ที่หน้าบ้าน เขาเลยค่อย ๆ เดินเข้าไป เพราะคิดว่าตฤนคงมีแขก

   แต่พอเข้ามาในบ้านก็เจอตฤนนั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่คนเดียว

   “มีแขกหรอ”

   “อื้อ ลูกพี่ลูกน้องอ่ะ อยู่ในครัว”

   พูดไม่ทันขาดคำคนที่ถูกพูดถึงก็เดินออกมาจากครัว พร้อมกับทักขึ้น เมื่อเห็นผู้ชายร่างสูงนั่งหันหลังให้ เธอเดินมาใกล้จนอยู่ในระดับสายตาที่ทั้งคู่ต่างเห็นกัน

   “สวัสดีครับ” ปราชญ์พูดทักทายพลางยกมือไหว้ เพราะดูแล้วเขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนี้ น่าจะเคยเจอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อพี่ขวัญ

   “สวัสดีจ้า” หญิงสาวรับไหว้ปราชญ์ ก่อนหันขวับไปถามน้องชายแบบไม่กลัวคนไหว้เสียน้ำใจ “ใครอ่ะตฤน”

   “เพื่อน เด็กยกของวันรับปริญญาไงพี่” ตฤนตอบและแนะนำชื่อให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันเขาชี้มือไปที่ปราชญ์ “พี่ขวัญคนนี้ชื่อปราชญ์” หลายจากนั้นเขาผายมือไปทางพี่ขวัญ “ปราชญ์นี่พี่ขวัญ”

   “ว่าแล้วเชียว พี่สาวที่ตฤนพูดให้ฟัง” ตฤนพุ่งตัวไปใช้มือตะครุบปากคนปากโป้งทันที เขาจำได้ว่าที่เล่า ๆไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ออกแนวเผาและระบาย เขาถลึงตาใส่ปราชญ์ พูดไม่เข้าเรื่องเลย ปราชญ์นี่มันพูดธรรมดาไม่เป็นหรอ ‘ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่’ แค่นี้ไม่ได้หรอไง

   ขวัญหรี่ตามองท่าทางไม่น่าไว้ใจของทั้งคู่ และรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง... ก่อนจะถามตฤนเสียงดุ “แกนินทาพี่หรอ”

   “เปล่า” ตฤนตอบสั้น ๆ ก่อนจะส่งยิ้มแหยไปให้ขวัญ เขาเลิกเอามือปิดปากปราชญ์ แล้วบ่ายเบี่ยงประเด็นสนทนาแทน “พี่ขวัญ เนี้ยปราชญ์มันซื้ออะไรมาฝากเต็มเลย พี่หิวไม่ใช่หรอ เอาไปกินเลย”

   ขวัญมองกองของกิน เธอคว้าทั้งหมด ก่อนจะหายแว่บเข้าไปในครัวอีกครั้ง

   เมื่อเหลือกันแค่สองคน ปราชญ์ก็เอื้อมมือมาแตะหน้าผากของตฤน

   “อืมหายป่วยแล้วอ่ะเนอะ เอ้ากุญแจ” ปราชญ์ยื่นกุญแจต้นแบบคืนให้ตฤน

   “เออ” เขารับมา แล้วก็แงะพวงกุญแจ เพื่อเอากุญแจดอกนี้ใส่กลับลงไป

   “รู้มั้ยอาทิตย์หน้าวันอะไร” อยู่ดี ๆ ปราชญ์ก็ถามถึงอาทิตย์หน้าขึ้นมา ตฤนไม่ทันตั้งตัว เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้วันอะไร วันที่เท่าไหร่

   “วันอะไรวะ”

   “คิดดิ สำคัญมาก” ปราชญ์ทำหน้าเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

   ตฤนเห็นแบบนั้นเขาก็รวบรวมสมาธิ วันอะไร เร็ว ๆ นี้มีวันสำคัญอะไร คิ้วขมวดมุ่น ปากบางเม้มแน่นอย่างใช้ความคิด “อ๋อ วันเกิดเมิง!”

   “ใช่!!!” ปราชญ์ยิ้มกว้าง เขาใจชื้น เมื่อพบว่าอีกฝ่ายจำวันเกิดเขาได้ “วันนั้นเจอกันร้านสวีทบาร์นะ จองโต๊ะแล้ว ชวนเพื่อน ๆ แล้วด้วย”

   “เออได้”

   “เราคงไม่เจอกันหลายวันนะ กูไปทำงานต่างจังหวัด มีอะไรก็โทรมา กูกลับก่อนล่ะ” ปราชญ์พูดรวดเดียว เขาต้องกลับแล้ว เพราะว่าถ้าช้ากว่านี้ เขาจะตกเครื่องบิน

   “ไปแล้วหรอ” ตฤนถามออกไปด้วยเสียงอ่อย ๆ กับท่าทางจ๋อย ๆ โดยอัตโนมัติ แบบที่เจ้าตัวก็ไม่ทันรู้ตัว ซักพักก็นึกขึ้นได้ว่า ‘ทำไมเขาพูดเหมือนอยากให้มันอยู่’ เขาสับสนและตบตีกับตัวเองบ่อยครั้ง จนคิดว่าอีกไม่นานเขาต้องเป็นบ้าแน่

   “ไปแล้ว นอนเฝ้าเมิงทั้งคืน กระเป๋ากุยังไม่ได้จัดเลย” ปราชญ์เอื้อมหยิบเสื้อผ้ากับข้าวของมาถือเอาไว้ “ดูแลตัวเองดี ๆ นะ เหงาก็โทรมา” ปราชญ์พูดพลางขยิบตาวิ้ง แบบโปรยสเน่ห์

   “เออไปเถอะ ไปดี ๆ” แต่ไม่ได้ผลกับตฤน ...

   ปราชญ์ลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหาตฤนก่อนจะลูบหัวเขาเบา ๆ

   “ไม่ใช่หมา” ตฤนโวยวาย “ไปได้แล้ว”

   ขวัญแอบมองท่าทางของทั้งคู่อยู่ไกล ๆ บรรยากาศแปลกประหลาดระหว่างคนสองคนนี้ เธอว่าเธอรู้ ไม่เคยเห็นใครอยู่ใกล้ตฤนมากขนาดนี้ เธอหันหลังกลับเข้าครัวไม่อยากจะเป็นก้าง ไม่แน่ น้องเธอก็กำลังมีความรัก...

   “พี่ขวัญผมไปก่อนนะครับ” ปราชญ์เดินไปในครัวเพื่อบอกลาพี่สาวของตฤน

   เขาโบกมือลาตฤนก่อนจะเดินออกจากบ้านไปแบบสดใส เมื่อคืนเขาเติมพลังไปแล้วเต็มที่ ได้แอบมองคนน่ารักหลับ เขามีพลังงานเต็มพร้อมไปลุยงานแล้ว แถมยังได้เครื่องรางมาอีก เพราะกุญแจสำรองบ้านตฤน เป็นของมีค่าสำหรับเขา

   

   พอปราชญ์ไป ตฤนก็มีอาการแปลก ๆ เขาแอบนึกถึงอีกฝ่าย นึกถึงเมื่อคืน มันทั้งอบอุ่น และเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เขาสับสนกับตัวเอง และไม่เข้าใจ ว่าเขากำลังเป็นอะไร

   “พี่ขวัญ...” ตฤนตัดสินใจเรียกพี่สาวที่นอนอ่านการ์ตูนอยู่อีกด้านของโซฟา

   “หืม?” ขวัญตอบรับเบา ๆ โดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นสนใจน้องชาย

   “พี่ขวัญ ผม...” ตฤนทำอึกอัก เขาอยากถามบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า จนขวัญต้องเงยหน้าจากหนังสือในมือมามอง มองเขาด้วยสายตาตั้งคำถาม”จะวันเกิดไอ้ปราชญ์ ซื้ออะไรให้มันดี” ตฤนพูดเรื่องอื่นแทนเรื่องที่อึกอักอยู่ในใจ

   “ปราชญ์ชอบอะไรแกก็น่าจะรู้ดีนี่”

   พอฟังคำตอบนั้น ทำให้เขาพบว่า ตัวเขานั้นไม่รู้เลย

   “ผมนึกไม่ออก” นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ก็ทำให้เขาหนักใจด้วย

   “ง่าย ๆ ก็เสื้อมั้ย”

   “มันเดินทางบ่อย เสื้อกันหนาวดีมั้ยให้มันไปใส่บนเครื่อง”

   “ก็ดีนะ” ขวัญพูดพลางพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะกลับไปจดจ่อกับหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง

   ตฤนนิ่งเงียบไปอึดใจนึงก่อนจะเริ่มถามต่อ ท่าทางมีพิรุธ ใคร ๆ ก็คงดูออก

   “พี่ขวัญ”

   “หือ?” ขวัญตอบรับแบบเดิม เพราะเธอจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือ

   “เพื่อน...เพื่อนผมมาขอคำปรึกษาเรื่อง...หัวใจ”” ตฤนพูดออกไป อึกอัก ไม่เต็มปากเต็มคำ แน่นอนว่าขวัญสังเกตเห็น เธอทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

   “ว่า?”

   “เขาบอกว่า เขาคิดถึงเพื่อนคนนึงมาก ๆ เอาแต่นึกถึงสิ่งที่เขาทำ แล้วก็รู้สึกดี ไม่รู้ว่าเพราะอะไร” เขาพูดด้วยท่าทางร้อนรน จนดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องคนอื่นคนไกลที่ไหน แต่คือเขาเอง

   “อืม เขาอาจจะมีความรักก็ได้”

   “ไม่น่านะพี่...” เจ้าตัวพูดปฏิเสธ แล้วเว้นวรรคไปชั่วอึดใจ ไม่น่าใช่ ไม่น่าเป็นแบบนั้น... “พวกเขาเป็นผู้ชายนะ”

   “แล้วยังไงอ่ะ” ขวัญพูดเหมือนเรื่องนี้มันธรรมดามาก แล้วเธอก็โชว์การ์ตูนที่กำลังอ่านอยู่ให้ น้องชายดู หน้าปกเป็นผู้ชายสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ในอ่างน้ำ อีกคนนั่งอยู่ที่ขอบอ่าง มือของเขาจับไหล่ของคนที่นั่งอยู่ในอ่าง “เนี้ย สองคนนี้ยังได้เลย”

   “นั่นการ์ตูน” ตฤนแย้ง แต่ความจริงเขาก็มีคนรู้จักที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกันอยู่

   “ความรักน่ะ มันก็คือความรัก” ขวัญพูดปริศนาธรรมที่ทำให้ตฤนต้องเกาหัว เขาสารภาพว่า ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่เขาก็สะดุดใจในคำว่า ‘ รัก ‘ แต่เขาก็ได้แต่ปฏิเสธพัลวัน ว่ามันไม่ใช่หรอก

   “พระเอกกับนายเอกน่ะ เป็นเพื่อนกันมานาน นายเอกแอบชอบพระเอกมาตลอด เพราะพระเอกดีกับเขาเสมอ เนี้ยเหตุการณ์กำลังสนุก เพราะนายเอกเมาก็เลยกล้าบอกพระเอกว่าชอบ แล้ว...” ขวัญเล่าเรื่องหนังสือที่เธออ่าน บางอย่างกลับจี้ใจตฤน เขานิ่งฟังด้วยความสนใจ แล้วก็อึดอัดที่ขวัญเว้นช่วงนาน

   “แล้ว...”

   ตฤนมองจ้องตาแป๋ว ขวัญนึกขำ โบ้ยว่าเพื่อนฝากถาม อ้างคนอื่น แต่ตัวเองน่ะ ทำท่าสนอกสนใจจนออกนอกหน้า สงสัยตัวละคนเอกในชีวิตจริงน่ะคงเป็นน้องชายเธอกับเจ้าหนุ่มหน้าหล่อเมื่อกลางวัน ...เป็นห่วงกันออกนอกหน้าขนาดนั้น

   “ยังไม่รู้ เพราะแกมาขัด”

   ตฤนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายักไหล่เบา ๆ “พี่อ่านจบแล้วบอกแล้วกัน”

   “เอาไปอ่านเองมั้ย”

   “ไม่ดีกว่า” ผมรีบปฏิเสธทันควัน ไม่ไหว เขายังทำใจไม่ได้

   ขวัญเปิดหน้าหลัง ๆ พระเอกดันนางเอกชิดผนัง พร้อมกับจูบ ...ลองออกมาแบบนี้คงจบดีมีความสุขสมหวัง ขวัญเปิดหน้าถัดไปทำให้เขาต้องรีบพูดเบรก

   “พอพี่” เพราะว่าภาพที่เห็นมันติดเรทมาก ๆ พระเอกรุกโดยการจูบที่ซอกคอนายเอก ส่วยมือล้วงลงไปด้านล่าง

   “แกเขิน”

   ตฤนหน้าร้อน เขาเบือนหน้าหนีจากภาพที่เห็น เขาไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ชาย กับผู้หญิงเขาก็ไม่ชิน เขาไม่เคยมีประสบการณ์อะไรพวกนี้

   

   “พี่ขวัญ ไปห้างเป็นเพื่อนหน่อย” ตฤนเบี่ยงประเด็นเรื่องหัวใจ ไปหาอีกประเด็นที่เขาสนใจ

   

   พวกเขามาถึงห้างสรรพสินค้าห้างใหญ่ใกล้บ้าน ฝ่าแดดร้อนระอุมาสู่อากาศหนาวเย็น พวกเขารู้สึกสดชื้นอย่างบอกไม่ถูก แต่เป้าหมายที่พวกเขามานี่ก็เพราะตฤนอยากซื้อของขวัญให้ปราชญ์ ช่วงเวลาที่มันไม่อยู่ และเขามีเพื่อนช่วยเลือก ก็ต้องวันนี้นี่แหละ

   “พี่ไปดูร้านนั้นกัน”

   ตฤนชี้ร้านแรกที่เห็น ก่อนเดินนำไป

   

   พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ เดินจนเมื่อย

   “ยังไม่เจอที่ถูกใจอีกหรอ” พี่ขวัญทำหน้าเหนื่อยหน่าย เพราะเป็นคนเดินตามต้อย ๆ เดินจนทั่วห้าง เป็นคนคอมเม้นชุดต่าง ๆ ที่ตฤนหยิบ มีหลายตัวเข้าตาเธอ แต่ตฤนก็ไม่เอา

   “ก็มีที่ถูกใจอยู่นะพี่” ตฤนส่งยิ้มแหย ๆ ออกมา เขาถูกใจร้านแรกสุด ที่เข้าไป เขาลังเลที่จะพูด เพราะรู้ดีว่าพี่ขวัญต้องว๊ากแน่ ๆ

   “ร้านไหน นำไปเลย”

   ตฤนพาขวัญเดินกลับมาหยุดที่ร้านแรก...

   “ถ้าจะเอาร้านนี้ ไม่เอาแต่แรกฮะ!” ขวัญที่ถูกลากให้เดินไปเดินมาจนเมื่อย ถึงกับว๊ากน้องชาย

   “พี่ขวัญครับ... เราก็ต้องเลือกดี ๆ มั้ยล่ะครับ” ตฤนตอบเสียงเบา ท่าทางอ่อนน้อม “อย่าว่าผมเลย นะครับพี่ เดี๋ยวเลี้ยงไอติม”

   “ก็ได้” ขวัญกอดอกด้วยอารมณ์หงุดหงิด เดินไปเป็นสิบร้าน สุดท้ายมาเอาร้านแรกสุด ไม่พอ เอาตัวแรกที่จับอีก เสื้อกันหนาวสีดำลายดอกไม้ มีฮู้ด ใส่แล้วเหมือนพวกนักร้องสายแร๊ปดูรวย ๆ

   ตฤนยืนเลือกไซส์เสื้อ เขาเลือกเสื้อแบบนี้เพราะเขาชอบ และคิดว่าถ้าปราชญ์ใส่มันคงตลก มันคงทำหน้าแหยงนิดหน่อย แค่คิดเขาก็ขำ อยากเห็นหน้ามันเร็ว ๆ ...เอ่อ หมายถึงเห็นหน้ามันทำหน้าแหยงเร็ว ๆ

.

[ทำเป็นมาปรึกษาาาา เเหมมมมมมมม ไปถึงดาวอังคารรรรร]
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 14 มันก็คือความรัก (19/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-05-2019 10:20:38
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 14 มันก็คือความรัก (19/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-05-2019 08:30:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 15 ถ้าเขาไม่รักก็กลับมาเถอะ (21/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 21-05-2019 22:09:27
บทที่ 15 ถ้าเขาไม่รักก็กลับมาเถอะ
   

   วันที่ปราชญ์นัดเอาไว้มาถึงอย่างรวดเร็ว

   กวางในชุดสายเดียวกระโปรงเดรสสั้นสีครีม เธอแต่งหน้าตัวตามธีมของร้านอาหาร ที่ปราชญ์นัดไว้ เพื่อฉลองวันเกิดด้วยกัน กล่องของขวัญในมือกระดาษห่อเป็นสีน้ำเงิน สีที่เจ้าตัวชอบ...

   เมื่อมาถึงร้านอาหารไฟสว่างออกสีนวล ๆ เสียงดนตรีลอดออกมาเบา ๆ ร้านบรรยากาศดี ด้านหน้าเป็นโซนสวน ด้านในเป็นโซนห้องแอร์ตกแต่งด้วยโทนสีและไฟที่อบอุ่น

   กวางมองหาเพื่อนชายคนสนิท และสะดุดตาเข้ากับเขา ผู้ชายที่นั่งริมหน้าต่างเหม่อมองออกไปนอกกระจกด้วยใบหน้าเรียบเฉย เหม่อลอยราวกับไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ ท่ามกลางเสียงเพลงจอแจเหล่านี้ ...ท่าทางหงอย ๆ แบบนั้นแปลว่าตฤนยังไม่มา

   “สวัสดีกวาง” เสียงผู้ชายเรียกเธอจากด้านหลัง

   “อ้าว วิน สวัสดี”

   “วันนี้สวยนะ”

   “ชมแบบนี้ก็เขิน”

   “กวางนี่ไม่มีปฏิเสธ ป่ะ ไปทักมันกัน นี่เดี๋ยวอีกแปปพวกเพื่อนจะยกเค้กมาแฮปมันแล้ว”

   
   งานวันเกิดปราชญ์ก็เหมือนงานมีตติ้งเล็ก ๆ ของกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่ค่อนข้างจะสนิทกัน

   “ปราชญ์สวัสดี” กวางร้องทักอีกฝ่ายเสียงใส

   “สวัสดี” ปราชญ์หันมายิ้มให้เพื่อน ท่าทางเหงาหงอยที่กวางเห็นจากระยะไกลตรงนั้นจางหายไป

   ปราชญ์แต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์ เขานั่งรอเพื่อน ด้วยใจจดจ่อ รวมถึงใครบางคนที่เขาอยากเจอในวันเกิด ...

   กวางยื่นกล่องของขวัญไปให้ตรงหน้าปราชญ์

   “สุขสันต์วันแก่ ขอให้สมหวังในความรักนะ”

   “ฮิ้ว รักใครอ่ะ” วินพูดแซว “เอาคนไหนดี หรือ กวางมั้ย”

   กวางกับปราชญ์ในสายตาของเพื่อนร่วมห้องก็คือคู่จิ้นกันดี ๆ นี่เอง ดูสนิทสนมกันยิ่งกว่าใคร เพราะไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของปราชญ์นั้นมีใครที่หลายคนคาดไม่ถึง

   กวางสะดุ้ง เธอรู้สึกแปลก ๆ ในอกมันเหมือนจะแปล๊บขึ้นมา แถมมันยังจุกอย่างบอกไม่ถูก

   “กวางน่ะ เป็นเพื่อนที่ดี ยิ่งกว่ารักซะอีกเนอะ” ปราชญ์เอื้อมมือรับกล่องของขวัญที่โบกไปมาตรงหน้า ก่อนตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   แสงไฟในร้านอาหารหรี่ลง พาให้คนสามคนหันกันเลิ่กลั่กคิดว่าไฟดับ พร้อมกับที่เพื่อน ๆ ถือเค้กเข้ามา

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้น

   เค้กปอนด์ใหญ่จากร้านขนมชื่อดังในละแวกบ้าน ปั้นตุ๊กตาน้ำตาลเป็นปราชญ์ยืนยิ้ม

   “สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย” เพื่อนกลุ่มใหญ่ชายฉกรรณ์หลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

   ปราชญ์ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเค้กได้ถนัดตา เขาอธิษฐานในใจก่อนจะเป่าเทียนให้ดับลง

   “มีความสุขมาก ๆ นะ” เพื่อนพากันอวยพรและหัวคิกคักเสียงดัง

   กวางใช้นิ้วมือปาดครีมข้าง ๆ เค้กไปป้ายหน้าปราชญ์

   “กวาง!” ปราชญ์โวยวายใหญ่เมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่เขาภาคภูมิใจเลอะเค้ก

   “อ่ะแฮ่ม ๆ” วินทำเสียงแซว

   “อย่ามาจีบกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ อิจฉาว้อย” เพื่อนคนอื่นส่งเสียงแซว

   พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน คนแทบล้นเฟรม มื้อค่ำเต็มไปด้วยความสนุกสนานคึกคัก ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมานานพอมาเจอกันก็คุยเล่นถามไถ่กันไม่หยุด

   “ขาดใครไปคนมั้ยวะ” เพื่อนเอ่ยถาม

   “เออไม่เห็นตฤน” เพื่อนอีกคนตอบให้

   เพื่อนพูดถึงคนที่ปราชญ์เฝ้ารอ พอได้ยินก็รู้สึกแปลก ๆ ใช่ ขาด...ขาดคนสำคัญไปหนึ่งคน

   “มันไปไหนอ่ะ”

   ทุกคนพากันส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วทุกคนก็ผ่านคำถามนี้ไป มีแค่ปราชญ์คนเดียวที่ยังสงสัยอยู่ นั่นสิมันไปไหน ทั้ง ๆ ที่ก็ชวนล่วงหน้าแล้ว

   

   กวางลุกออกไปห้องน้ำเพื่อโทรหาตฤน เธอกดโทรออกแล้วรอสายจนมันตัดไปรอบนึง แต่เธอจะลองอีกครั้ง

   ‘ฮัลโหล’ ปลายสายกดรับแล้วตอบกลับมา เสียงเพลงดังลอดมาตามโทรศัพท์

   “ตฤน อยู่ไหน”

   “อยู่ร้าน...กับพี่...กับที่ทำงาน” ปลายเสียงขาด ๆ หาย ๆ เพราะเสียงเพลงกลบ

   “แกลืมหรอว่านัดกับปราชญ์ไว้...”

   ‘ฮัลโหล กวาง... อะไรนะกวาง’

   “วันเกิดปราชญ์”

   ‘... ชิบ ฝากแฮป...เดี๋ยวไปหามันวันอื่น’

   “ได้ไว้บอกให้”

   กวางตัดสินใจว่าดึก ๆ ค่อยบอก ไม่กล้าบอกปราชญ์ตอนนี้ว่าตฤนลืม เธอกลัวว่าจะหมดสนุกไปซะก่อน

   เหล้าเข้าปาก ทุกคนยิ่งคึกครื้น มุกตลกกี่มุกที่ผลัดกันพูด ผลัดกันขำ บางมุกในสถานการณ์ปกติไม่ขำ แต่พอเมา อะไรก็ตลก

   “พวกมึง เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ พรุ่งนี้กูมีงานเช้า” เพื่อนคนแรกที่เปิดประเด็นว่าต้องกลับเพราะดึกมากแล้ว

   “พรุ่งนี้วันเสาร์นะเว้ย” วินถามกลับ   

   “เออดิ กูทำงานวันเสาร์ ไปแล้วปราชญ์ไว้เจอกันใหม่”


   เวลาล่วงเลย หลายคนทยอยกันกลับ จนเหลือแค่ 4 คน ที่ยังนั่งชนเหล้ากันไม่เลิก

   “ไม่รู้ว่าตฤนจะมาถึงหรือยัง” ปราชญ์ที่ยังมองหาว่าอีกคนที่เขานัดไว้อยู่ไหน ไม่โทรมาด้วยซ้ำ

   กวางหันไปมองคนข้าง ๆ ก่อนจะตอบไปว่า “ตฤนโทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง...เราก็กลับกันเถอะ”

   สีหน้าปราชญ์เจื่อนลง น่าจะเสียใจอยู่ลึก ๆ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา

   “หรอ” ปราชญ์ตอบรับเบา ๆ แก้วเหล้าในมือถูกยกกรอกเข้าปากจนหมด ของเหลวรสขมไหลผ่านลำคอ เหมือนจะใช้มันกลบรสขมในจิตใจ

   พอหมดแก้วปราชญ์ก็เทใหม่ เขาเทเหล้าลงไปเกือบครึ่งแก้วก่อนตามด้วยโซดาและน้ำเปล่า

   “ชน” ปราชญ์ชูแก้วเรียกเพื่อนของเขา

   “เดี๋ยวก็เมาหรอก” กวางเอ่ยทัก

   “เมาก็ดี” ปราชญ์พูดพร้อมกับยกดื่มจนหมดแก้ว

   “พวกนาย 2 คน ห้ามหนีกลับก่อนนะ ต้องช่วยเอาบ้านี่ไปส่ง!”

   กวางรีบบอกเพื่อน ลองปราชญ์ตั้งหน้าตั้งตากินเหล้าเป็นน้ำเปล่าเป็นแบบนี้เธอแบกกลับคนเดียวไม่ไหวแน่


   ปราชญ์ยกเหล้ากินไปไม่รู้กี่สิบแก้ว จากหัวเราะเริงร่า กลายเป็นเขานั่งซึม ไม่ขำเหมือนเดิม สติก็เริ่มจะขาด ๆ หาย ๆ

   พวกเพื่อนๆที่กลับก่อนรวมเงินไว้ให้ที่วิน วินเลยทำหน้าที่ลุกไปจ่ายเงิน ในขณะที่เพื่อนอีกคนลุกไปห้องน้ำ

   ปราชญ์ก็ยังคงชงเหล้ากินอยู่ เหล้าขวดที่ 4 เหลืออีกครึ่งหนึ่ง

   “พอแล้ว” กวางยื้อจับแก้วเอาไว้

   “ปล่อย” ปราชญ์ตอบเสียงเรียบ พยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือของกวาง

   “กลับบ้านกัน”

   ปราชญ์มองหน้ากวาง ด้วยน้ำตาคลอหน่วย ฤทธิ์เหล้าทำให้เขางอแงเปราะบางมากกว่าปกติ เขาดึงกวางเข้ามากอด น้ำตาที่คลอไม่ได้ไหลออกมา

   “กูไม่สำคัญเลยหรอวะ” ประโยคที่แสนปวดร้าวถูกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งลอยล่องปะปนไปในอากาศ มันฟุ้งจนคนถูกกอดแทบเบลอไปด้วย

   “สำคัญมาก สำหรับกู” หญิงสาวตอบเสียงเบา ภายในใจผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ใจเต้นสั่นระทึก ก่อนจะหลุดคำพูดออกไป ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ทำไม...ทำไมถึงไม่เป็นกู”

   ปราชญ์คลายอ้อมกอดและยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกต่อ

   เพื่อนผู้ชายสองคนกลับมาพาปราชญ์ให้ลุกขึ้น พวกเขาช่วยกันพยุงคนเมาให้เดินออกไป ส่วนกวางขอความช่วยเหลือจากพนักงานให้ช่วยเก็บสัมภาระและของขวัญของปราชญ์มาจนหมด ลำพังเธอคนเดียว ยกทั้งหมดไม่ไหว จากนั้นพวกเขาโบกแท็กซี่วนรถไปส่งปราชญ์ที่บ้าน

   
   พอมาถึงบ้าน พวกเขาก็พบว่ามันปิดแถมยังมืดสนิทคงเพราะทุกคนหลับไปหมดแล้ว กวางล้วงหากุญแจบ้านจากเสื้อผ้าคนเมา เธอเอากุญแจบ้านของปราชญ์มาไข พวกเขาค่อย ๆ เข้าไปในบ้าน ทำเสียงให้เบาที่สุด และดูลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมย

   หลังจากพาปราชญ์ไปถึงที่นอน และวางข้าวของไว้ในห้องทุกคนก็ออกมา

   “กวาง.. ให้วนไปส่งมั้ย”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูปราชญ์ก่อน เมื่อกี้มันทำท่าจะอ้วกด้วย”

   “อ่านะ เรื่องผัวเมีย”

   “วิน กูเสียหาย กูเป็นเพื่อนมันเฉยๆ” กวางพูดเสียงเครียด ความกรึ่มทำให้เธอแข็งกระด้าง และตรงไปตรงมายิ่งกว่าเดิม

   “เออ ฝากมันด้วย พวกกูกลับแล้ว”


   กวางเดินกลับเข้าไปในห้อง เจอปราชญ์นอนหมิ่นจนเกือบตกเตียง เธอถลาเข้าไปจับเอาไว้ ปราชญ์ขยับตัวช้า ๆพยายามจะลุก

   “จะไปไหน”

   “ห้องน้ำ” ปราชญ์ตอบกลับน้ำเสียงงัวเงีย เขาจับแขนหญิงสาวเป็นที่ยึด แรงของคนเมาทำให้หญิงสาวแอบรู้สึกเจ็บ เธอนิ่วหน้าให้กับแรงของคนเมา

   ปราชญ์นั่งลงกับพื้นห้องน้ำที่แห้งสนิท สองมือจับอยู่ที่โถชักโครก ทำท่าเหมือนจะอ้วก หมดสภาพชายหนุ่มหล่อเหลา หน้าตาดี

   “มึงเนี้ย ทำให้กูรู้สึกเหมือนกำลังเข้าเวรพยาบาลดูแลผู้ป่วย” กวางบ่น ขณะลูบหลังชายหนุ่มไปด้วย “แล้วเนี้ยทำไมมึงเอาแต่คิดถึงคนที่เขาไม่คิดถึงมึง... ทำไมไม่คิดถึงกูบ้าง”

   ชายหนุ่มอ้วกจนได้ ดีที่ไม่เลอะเทอะ หญิงสาวลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ มาชุบน้ำเช็ดหน้าให้

   “สบายตัวแล้วก็ไปนอนเถอะ”

   หญิงสาวพยายามประคองชายหนุ่มกลับไปที่เตียง เธอปล่อยชายหนุ่มนอนแผ่บนที่นอน ในขณะที่เธอไปนั่งอีกฝั่งของเตียง นั่งมองปรอยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอใช้นิ้วลูบไปที่แก้มของเขาเบา ๆ ก่อนจะห่มผ้าให้

   “ไม่ได้จะล่วงละเมิดหรอกนะแต่...ง่วงแล้ว” หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกฝั่ง สอดตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

   
   หญิงสาวรู้สึกตัวในตอนเช้า ว่ามีแขนคนบางคนพาดผ่านกลางลำตัว เธอหันไปมองคนข้าง ๆ ก่อนจะหลับตาลงต่อ ’อยู่แบบนี้อีกสักแปปนึงแล้วกัน’

   
   “เฮ้ย!” ปราชญ์ลืมตาขึ้นมาพร้อมอุทานออกมาเสียดัง เมื่อหมอนข้างที่เขากอด ดันกลายเป็นเพื่อนสาวคนสนิท

   “...” หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะลืมตาขึ้นมา

   “ฉันทำอะไรลงไปวะ” ปราชญ์ลุกขึ้นนั่ง เสื้อยืดของเขากองอยู่ข้างเตียง กางเกงก็เหลือแค่บ๊อกเซอร์ เขามองตัวเองสลับกับมองเพื่อนที่ยังอยู่ในชุดเมื่อคืน แต่สายเดี่ยวตกไปข้างนึงพร้อมกับผมที่ยุ่งไม่เป็นทรง

   “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้หรอ” หญิงสาวพูดขึ้นทำให้ปราชญ์ยิ่งลนลาน ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ

   “ทำอะไรวะ”

   กวางพูดพลางโชว์แขนที่เมื่อคืนถูกคนตรงหน้าจับไว้แรงจนขึ้นรอยช้ำ

   “เมื่อคืนรุนแรงมากเลยนะ” กวางพูดแหย่

   ขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับที่แขนของหญิงสาวอย่างเบามือ พร้อมความรู้สึกผิดในใจ

   “จะรับผิดชอบมั้ย” กวางโยนเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกโชน ในใจแอบลุ้นไปกับคำตอบ

   “ขอโทษนะ ฉันพร้อมรับผิดชอบ” ปราชญ์ตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “...จะรับผิดชอบเด็กในท้องนั่นเอง”

   “เดี๋ยว คิดว่าครั้งเดียวจะติดเด็กเลยหรอ มั่นใจจังนะ” พยาบาลสาวทำหน้าเอือมก่อนจะพูดตัดบทก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ “เมื่อคืนไม่มีใครบุบสลายสบายใจได้”

   “เฮ้อออออ” ปราชญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งออก

   “แกถอดเสื้อผ้าตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย ฉันหลับไปก่อนแล้ว”

   “ทำไมมานอนอยู่นี่ไม่กลับบ้านไป”

   “ก็เป็นห่วงขี้เมา ที่ทำท่าทางจะอ้วกอ่ะ อาชีพฉันมันทำให้ฉันต้องอยู่” กวางพูดไปเรื่อย ความจริงที่อยู่ก็เพราะ...

   “ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย ควรระวังตัวหน่อย”

   “ผู้ชายเมาที่ไม่มีสติ”

   ปราชญ์ส่ายหน้าพลางลุกไปหยิบเสื้อมาใส่ เขามองไปที่กองของกองเล็ก ๆ บนโต๊ะ “นั่นของขวัญเมื่อคืนหรอ”

   “ใช่ ฉันแบกมาเอง”

   ปราชญ์เดินไปหยิบกล่องบนสุดมาดู เขารู้สึกเหมือน ไม่เห็นกล่องใบนี้เมื่อคืน... การ์ดเขียนอวยพร พร้อมลงชื่อว่า ตฤน...
.
.
[ความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ เริ่มสงสารใครดี!!!]
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 16 ภาพติดตา/อย่ากินเพื่อน (24/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 24-05-2019 21:37:19
บทที่ 16 ภาพติดตา

   
    “ตฤนมาหรอเมื่อคืน” ปราชญ์หยิบการ์ดขึ้นมาดูใกล้ ๆ ชื่อตฤน ลายมือตฤน แต่เขาจำไม่ได้ว่าตฤนมา

   “หือเปล่า ไม่ได้มา” กวางตอบปฏิเสธทันควัน กวางได้แต่คิดในใจ ‘ถ้ามันมาแกจะเมาเป็นหมาขนาดนั้นหรอ’

   ปราชญ์เริ่มร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดว่าตฤนอาจจะมาในตอนเช้า แล้วเห็นเขานอนกอดกับกวาง... แล้วก็อาจจะเข้าใจผิดไปแล้ว!

   “เป็นไปได้มั้ยว่าตฤนมาตอนเช้าแล้วเห็นเรา...”

   “งานเข้า”
   

   ตฤนตื่นมาแต่เช้า เขารู้สึกผิดกับปราชญ์มากที่ลืมนัด ทั้ง ๆ ที่ก็ซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าตั้งหลายวัน แต่พอถึงวันนัดจริง ๆ ดันลืม เพราะไปชนวันเกิดพี่ที่ทำงานอีกคน...

   เขามาถึงบ้านปราชญ์ ส่งเสียงเรียก กดอ็อดก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาเลยถือวิสาสะ เอากุญแจสำรองที่ปราชญ์ให้ไว้ไขประตู จะได้เซอร์ไพร์ซ เขาเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่

   ตฤนเดินไปถึงห้องนอนของปราชญ์ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปและเจอ...


   ปราชญ์กับกวางนอนกอดกันอยู่ ... ใบหน้าสวยหวานซุกอยู่กับแผ่นอกกว้าง อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้...ตฤนรู้สึกแปลก ๆ กับภาพที่เห็น ยืนมองนิ่งอยู่หลายนาที คิดไม่ออกเหมือนสมองมันหยุดทำงานไปชั่วขณะ นี่เขาเป็นอะไร รู้สึกจุกจนหายใจไม่ทั่วท้อง...แต่คิดได้ว่าไม่ควรรบกวนเวลาของพวกเขาทั้งคู่ จึงวางกล่องของขวัญไว้รวมกับกองที่มีอยู่ก่อน พร้อมเดินออกไปเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกชาและมึนงง

   ตฤนออกจากบ้านปราชญ์ แต่ก็ไม่ได้กลับไปบ้าน เขาไปนั่งเล่นอยู่ริมท่าน้ำของวัดแถวบ้าน นั่งมองน้ำที่ไหลผ่านเขาซื้อขนมปังปลามานั่งโยนให้อย่างเบื่อหน่าย ลมพัดเย็นสบาย ช่วยทำให้จิตใจของเขาหายหม่นหมอง เขาเป็นอะไรไปนะ

   

   ปราชญ์โทรหาตฤนอย่างร้อนรนเหมือนคนทำความผิด เขากลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด แม้ว่าความจริงอีกฝ่ายอาจไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้

   เสียงสัญญาณดังอยู่หลายต่อหลายครั้ง

   ปลายสายนั่งมองมือถือที่สั่นไม่หยุด เขากลัว กลัวที่จะรับ... สายแรกตัดไป ตฤนมองมือถือ คิ้วขมวดอย่างคนกำลังใช้ความคิด เขากลัวอะไร...

   มือถือสั่นอีกครั้ง ตฤนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหายใจออกอย่างแรง กลั้นใจกดรับ

   ‘ฮัลโหล ตอนนี้ อยู่ไหน’ น้ำเสียงร้อนรนพูดมาตามสาย

   “อยู่บ้าน” เขาโกหก... ทำไม

   “หรอ แล้วเมื่อเช้ามาที่บ้านหรอ”

   “อ๋อ ...อื้อ ใช่”

   “ขะ เข้ามาในห้องหรอ” ปราชญ์ถามเสียงอึกอัก

    “อื้อ”

   “มันไม่ได้มีอะไร..." …อย่างที่คิดนะ พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน

   “จริง ๆ มึงไม่น่าทำแบบนั้นเลยนะเว้ย จะกินใครก็ได้ ทำกับใครก็ได้ แต่ก็น่าจะยับยั้งใจหน่อย นั่นเพื่อนตัวเองนะเว้ย มันจะมองหน้าไม่ติดกันซะเปล่าๆ ”

   “...” คำพูดของตฤนตอกลึกเข้าไปในใจของเขา นั่นแหละที่เขากลัว ความเป็นเพื่อนที่เหมือนจะพังได้ตลอดเวลา

   “ไม่ได้ทำอะไรกันว้อย” เสียงกวางลอดเข้าไปในโทรศัพท์ “ใครจะอยากทำอะไรกับมัน เมาอ้วกแตกขนาดนั้น”

   “ฮะ?” ตฤนตอบกลับเป็นคำพูดสั้น ๆ ให้กับประโยคที่ได้ยิน

   กวางดึงมือถือไปพูดสายเอง “รู้มั้ยเพราะว่าแกไม่มา...ปราชญ์มันเลยเมา...”

   ปลายสายฟังประโยคนั้นแล้วได้แต่งุนงง เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

   “มันเมามาก แล้วมาเป็นภาระฉัน ...ถ้าแกมามันก็จะเป็นหน้าที่แกอ่ะตฤน” ประโยคที่ต่อจนจบทำให้เขาไม่รู้จะรู้สึกยังไง รู้สึกผิดที่ลืมนัด รู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปดูแล แล้วปล่อยให้เป็นภาระของหญิงสาวตัวเล็กอย่างกวาง แต่ตอนนี้เขาโล่งใจแบบไม่มีเหตุผล ...

   ปราชญ์แย่งมือถือกลับมา พร้อมกรอกเสียงลงไป “แวะซื้อยาแก้แฮงค์เข้ามาให้ด้วย”

   “เออได้” ปลายสายกดวางไป

   ปราชญ์ถอนหายใจยาว หันไปมองหน้ากวาง พลางทำหน้าจ๋อย “กวาง ได้ยินใช่มั้ย”

   “ได้ยินว่า?” กวางก้มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายลงกระเป๋า เธอลุกไปดูกระจกเพื่อจัดแต่งเสื้อผ้าทรงผมให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย

   “ทำกับใครก็ได้ แต่ก็น่าจะยับยั้งใจกับเพื่อนตัวเอง” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

   “อ๋อ ได้ยิน ... แต่ของพวกนี้มันก็มีข้อยกเว้น” กวางเว้นวรรค ขณะทาลิปที่ริมฝีปาก “ถ้าแกเป็นข้อยกเว้นนั่นได้แกก็ชนะ”

   กวางพร้อมจะเดินออกจากบ้านปราชญ์แล้ว สวยพริ้งเหมือนไม่ใช่คนเมาที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

   “แล้วนั่นจะไปไหน” ปราชญ์มองกวางที่สะพายกระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้เขา

   “กลับบ้านสิคะ ให้อยู่เป็นก้างหรอ”

   “อยู่ด้วยกันก่อนสิ ใจมันแป่วนะ” เขาอ้อนให้ที่ปรึกษาจำเป็นช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน เพราะเขาก็ทำตัวไม่ถูก

   กวางมองท่าทางของชายหนุ่มหน้าหล่ออกสามศอกที่กำลังพยายามทำท่าทางออดอ้อน เธอไม่ตอบแต่ถอดกระเป๋าสะพายไปวางบนที่นอนก่อนจะไปนั่งบนนั้น “หิว ไปหาอะไรมาให้กินหน่อย”

   ปราชญ์ลุกขึ้นออกไปหาอะไรมาให้กินอย่างว่าง่าย กวางถอนใจเฮือก นอนแผ่ลงไปบนที่นอน เธอนี่กึ่งสุขกึ่งเจ็บ ที่ปรึกษาจำเป็นอย่างเธอก็มีหัวใจนะ ถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจพูดออกไปสถานการณ์จะเปลี่ยนไปบ้างมั้ยนะ

   .

   .

   สมัย ม. 6

   โทรศัพท์แผดเสียงรียกเข้าดังสนั่น ขณะที่เจ้าของกำลังจะเข้านอน หน้าจอโชว์ชื่อปราชญ์ เธอเด้งตัวขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ ทำไมเขาโทรมา หรือเขารู้ว่าเธอแอบปลื้มเขา เธอรวบรวมสติก่อนกดรับโทรศัพท์ พร้อมกับได้ยินเสียงปลายสายที่พูดด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ

   ‘กวาง มีเรื่องจะบอก’

   “ฮะ? เรื่องอะไรหรอ” ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา ตอนนี้กลับมาทำให้เธอตื่นเต้นไปด้วย

   ‘มันอึดอัด เก็บไว้ไม่ไหวแล้วว่ะ’

   “หือ? เรื่องอะไร”

   ‘คือ คือ...’ ความอ้ำอึ้ง อึกอักของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวใจเต้นสั่นระรัว เธอพยายามฟังอย่างตั้งใจ

   “พูดชัดๆ”

   ‘...@#$%ชอบ’ หญิงสาวได้ยินชัดแค่คำว่าชอบออกมาแค่คำเดียว เธอนิ่งไป ในใจเต้นแรง คงไม่ได้มาบอกชอบเธอหรอกนะ

   “ชอบ?...อะไร”

   ‘จริง ๆ ...ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่ คือ ฉันคิดว่า...’

   “...” หญิงสาวลุ้นจนลำคอแห้งผาก

   ‘คิดว่า ชอบตฤน’

   “เฮ้ย จริงดิ” กวางตกใจ ความรู้สึกตื่นเต้นที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นกว่าเดิม คู่จิ้นที่เธอจิ้นมาตลอด แม้ว่าเธอจะเผลอปลื้มฝ่ายหนึ่งในคู่จิ้นมาก ๆ เพราะความน่ารักเป็นสุภาพบุรุษของเขา ที่มักจะช่วยเหลือเธอในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าต้องเดินริมถนนด้วยกัน เขาจะขยับไปยืนติดถนนเสมอ หรือเวลาที่เธอซื้อของมาทำงานกลุ่ม เขาก็จะมาช่วยถือ เรื่องพวกนี้มันทำให้เธอปลื้มเขาไม่ใช่น้อย

   ‘ไม่แน่ใจ...’ปลายสายเงียบไปอึกใจ ‘แต่จำได้ใช่มั้ยเมื่ออาทิตย์ก่อนที่มีคนเตะบอลใส่ตฤนแล้วมันเป็นลม นาทีนั้น มันมีแต่ความเป็นห่วง... มัน... ไม่รู้สิ’

   “รุ่นพี่มหาลัยแฟนแกล่ะ”

   ‘พรุ่งนี้ไปบอกเลิกเลย’

   “แล้วจะบอกชอบตฤนเลยหรือเปล่า”

   ‘ไม่ล่ะ ตัวฉันเองยังไม่แน่ใจเลย ไม่กล้าพอว่ะ กลัวพัง แต่ต้องบอกใครสักคน...ที่จะเข้าใจ รบกวนหน่อยนะ ยังไงขอให้มันเป็นความลับระหว่างเรานะ’

   “พูดจาหวานหู ได้จะไม่บอกใคร จะเปลี่ยนจากคู่จิ้น เป็นคู่รักเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

   ‘ขอบใจมากกวาง’

   “แล้วถ้ามีสาวๆมาบอกชอบแกตอนนี้อ่ะ จะทำยังไง”

   ‘อืม คงต้องปฏิเสธไปแหละ’

   กวางพยักหน้าเงียบ ๆ งั้นให้มันเป็นแบบนี้ไปแหละ ที่ปรึกษาก็ที่ปรึกษา ถึงเธอจะคิดแบบนั้น ถึงเธอจะคิดว่าเธอแค่ปลื้มอีกฝ่าย แต่น้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาและไหลหยดลงข้างแก้มอย่างเงียบงัน

   .

   .

   .

   “กวาง ออกมากินได้แล้ว”

   ไข่ดาวสามฟอง แฮมสามแผ่น และขนมปังทาเนย 3 แผ่น

   “มีแค่เนี้ย” กวางมองของกินบนโต๊ะอาหาร จำนวนอย่างละสาม ก็คือทำเผื่อตฤนเรียบร้อย

   “ก็มันมีแค่นี้ รองท้อง”

   “ว่าแต่คนอื่นในบ้านอ่ะ”

   “ไปทำงานกันหมด พ่อกับแม่ไปดูงานต่างประเทศ พี่ไปดูงานต่างจังหวัด เมื่อวานพอทำบุญวันเกิดฉันด้วยกันตอนเช้า ตอนเย็นก็บินไปเลย”

   “มีแกคนเดียวที่ขี้เกียจ นอนสบายอยู่บ้าน” กวางพูดแซวก่อนจะเริ่มลงมือตักของกินใส่จานย่อย

   “เคลียงานหมดแล้วต่างหาก อีกสักพัก ก็คงต้องไปเหมือนกัน” ปราชญ์พูดก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไข่แดงให้แตก

   “ปราชญ์นักเจาะไข่แดง”

   “แกพูดมันดูน่ากลัว อย่างกับไม่ได้หมายถึงไข่ดาว”

   “แล้วจะหมายถึงอาไร้” กวางพูดตอบกลับเสียงสูง

   ทำให้ปราชญ์อดที่จะเอื้อมมือไปแกล้งผลักหัวเพื่อนสนิทไม่ได้

   “เล่นหัวผู้ใหญ่เดี๋ยวเถอะ” ถึงจะพูดบ่นแบบนั้นแบบนี้ แต่กวางก็ชอบให้เขาแกล้งเธอแบบนี้

   เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น เรียกความสนใจจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

   ปราชญ์ผุดลุกเดินไปที่ประตูทันที

   ตฤนเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังสองถุงใหญ่

   “สวัสดี” ตฤนเอ่ยทัก แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย

   “สวัสดี” ปราชญ์ทักเสียงสดใส แต่ก็แอบงุนงงกับท่าทางของคนตรงหน้า ที่เอาแต่หลุบตามองต่ำ ไม่สบตาเขาสักที “เอาของมานี่สิ”

   ตฤนส่งถุงในมือให้เขาถุงนึง เขารู้สึกแปลก ๆ ไป แต่ก็ไม่กล้ามองสบตาอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

   ปราชญ์เดินนำกลับเข้าไปในครัว กวางหันมามองชายหนุ่มที่เดินกลับมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง เขายิ้มกว้างยกโชว์ถุงของกินให้กวางดู

   “รอดตายแล้ว” กวางพูดพร้อมกับปรบมือ

   ตฤนเดินตามเข้ามา ยิ่งเห็นทั้งคู่ เขากลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ บางอย่างบอกเขาว่า มีอะไรเปลี่ยนไป ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ทั้งสองคนนั้น แต่คือเขา คือตัวเขาเอง...

   “สวัสดีกวาง” ตฤนเอ่ยทักหญิงสาว เธอแตกต่างจากที่เห็นเมื่อเช้า เสื้อผ้าที่ไม่หลุดลุ่ย ผมเรียบและใบหน้าที่มีสีสัน

   “ตฤนมาก็ดี ทำไมเมื่อเช้าไม่ปลุกเพื่อน” กวางพูดออกมาเหมือนเมื่อเช้าเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนภาพที่เพื่อนเห็น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเพื่อนที่นอนข้างกัน

   ตฤนอึกอักเมื่อโดนถามแบบนั้น เขาไม่คิดว่ากวางจะพูดถึงมัน หรือถามออกมาแบบนี้ ตฤนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบออกไป

   “ก็เห็นกำลังหลับสบายกันอยู่”

   กวางพยักหน้ารับคำตอบ

   “เมื่อคืนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก มีแค่ปราชญ์ที่เมาแล้วก็อ้วก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติปนกลั้วหัวเราะ

   ปราชญ์ที่กำลังหันหลังเทอาหารอยู่ตรงเคาเตอร์ ถึงกับหันมามองทั้งสองคนที่เหมือนจะนินทาเขา

   “ถ้าเมื่อคืนเปลี่ยนจากฉันเป็นแกก็ไม่แน่ อาจจะมีอะไร...”


 เคร้ง


   เพราะกวางพูดประโยคที่ไม่เข้าท่า ทำให้ปราชญ์สะดุ้งถึงกับปล่อยจานสแตนเลสเปล่าในมือตกลงพื้น

   “ใส่ซาวด์ทำไม เล่นตลกอยู่หรอ”

   “กวาง” ปราชญ์ส่งสียงปรามเบา ๆ ก่อนจะก้มลงเก็บจานแล้วหันหลังให้ทั้งคู่

   กวางหัวเราะเบา ๆ กับน้ำเสียงปรามของเพื่อน เธอรู้ว่าปราชญ์อยากได้ยินอะไร เธอก็เลยเตรียมจะซักต่อ แล้วก็รู้ว่าตฤนกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไงมากกว่าที่ตฤนรู้เกี่ยวกับตัวเองตอนนี้ซะอีก

   “เมื่อวานไปไหนมาฮะ”

   ปราชญ์ทำเป็นไม่สนใจ มือไม้วุ่นวาย แต่ก็แอบตั้งใจฟังเต็มที่

   “วันเกิดพี่ที่ทำงาน มันชนพอดี” ตฤนพูดออกมาเบา ๆ เขาก็กลัวว่าปราชญ์จะโกรธเหมือนกัน “ปราชญ์ กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย คือ...ลืมแค่เมื่อวานวันเดียว... กูซื้อของขวัญเตรียมไว้แล้ว” ตฤนพูดติด ๆ ขัด ๆ

   ปราชญ์เดินถือจานใส่อาหารมาวางตรงหน้า

   “ก็น่าจะโทรมาหน่อย”

   “ก็เมื่อวานลืม วันนี้ถึงได้รีบมาไง” ตฤนยังคงหลบสายตาปราชญ์อยู่เขาเพ่งมองไปที่ของกินที่เขาซื้อมา

   “จูบกันไปเลยจะได้จบ แบบแฮปปี้เอนดิ้ง” กวางแซวให้กับภาพตรงหน้า ตฤนที่พูดโดยไม่สบตาปราชญ์ กับปราชญ์ที่ยืนโน้มตัวเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย รังสีความวายพุ่งจนเธอก็แยกไม่ออกว่าตัวเองควรจะฟินหรืออึดอัดเสียใจ เดี๋ยวพอทั้งคู่สมหวังแล้ว เธอคงต้องหนีไปบวช ทำสมาธิ จัดการกับจิตใจที่วุ่นวายของเธอ

   “เลิกให้ฉันเป็นตัวละครในนิยายแกได้แล้ว” ตฤนพูดก่อนจะหยิบของกินเข้าปาก

    ปราชญ์ขยับตัวออก เขาเดินไปที่ห้องนอนก่อนจะหยิบกล่องของขวัญของกวางกับตฤนออกมา

   “ให้อะไรมา”

   ปราชญ์แกะกล่องของกวางก่อน มันเป็นเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม เขายกมาเทียบกับตัว

   “ใส่ได้มั้ย” กวางมองเสื้อแล้วคาดว่าน่าจะใส่ได้พอดีตัว

   “ใส่ได้แหละ” เขาลองสวมมันลงไป “เอ้อ พอดีเลย”

   ปราชญ์แกะกล่องอีกใบ เสื้อกันหนาวสีดำลายดอกไม้ มีฮู้ด แบบที่เขาไม่ชอบ... ใบหน้าแสดงออกมาทันทีในวินาทีที่เห็น

   “ทำหน้าแบบที่กุคิดเลย” ตฤนพูดออกมาเมื่อเห็นใบหน้าแหย ๆ

   “ทำหน้าอะไร”

   “หน้าแหย ไม่ชอบเดี๋ยวเอาไปใส่เอง” ตฤนทำท่าจะดึงเสื้อกลับ แต่ปราชญ์ไม่ยอมปล่อย

   “มันเรื่องอะไร ให้แล้วให้เลย” ปราชญ์รีบสวมเสื้อกันหนาวตัวใหม่ทันที ทำหน้าภาคภูมิใจกับเสื้อ ถึงปกติเขาจะไม่ชอบ แต่สำหรับเสื้อตัวนี้ เป็นข้อยกเว้น

   “คืนได้นะ ไม่ต้องใส่หรอก ชอบหรอไง” ตฤนถามออกไปอย่างคนไม่ได้คิดอะไร

   “เอ่อ...” ปราชญ์อึกอักพลางทำใจกล้ามองสบตาอีกฝ่ายนิ่ง หัวใจเต้นรัวเร็วจนแทบหลุดออกไปข้างนอก เขาหวังให้ดวงตาช่วยสื่อความหมายในสิ่งที่เขาอยากพูด “ตฤนกูน่ะ ชอบ...”



   ...ชอบคนให้ “ชอบเสื้อตัวนี้มาก ๆ เลย”



.

.

.[ปราชญ์!!!!!!!! ชอบเขาก็บอกเขาไปสิว้อยยยยย]
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 16 ภาพติดตา/อย่ากินเพื่อน (24/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 00:31:24
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 16 ภาพติดตา/อย่ากินเพื่อน (24/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-05-2019 08:43:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 17 ความเคยชินที่ต้องมีนาย (28/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 28-05-2019 00:31:20
บทที่ 17 ความเคยชินที่ต้องมีนาย

   
   ตฤนไปทำงานโดยมีปราชญ์ คอยไปรับ ไปส่งบ้างเกือบทุกวัน ถามว่าสบายมั้ยก็สบายสะดวกมาก แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ ที่มันคอยมารับมาส่งอยู่ตลอด มันว่างหรือยังไงไม่รู้ อย่างกับผมเป็นแฟนกับมันอย่างไรอย่างนั้น อย่างวันนี้ มันก็ตื่นมาส่ง

   “ตฤน กินข้าวยัง” ปราชญ์ทักขึ้นเมื่อเขานั่งประจำที่เรียบร้อย

   “ยังว่ะ”

   “เอานี่” ปราชญ์ส่งถุงขนมให้ตฤน แซนวิชที่เขาทำ

   ตฤนมองถุงก่อนจะรับมาเปิดดู กลิ่นหอมของขนมปัง ไก่แล้วก็ชีส

   “ขอบใจ หอมดีว่ะเอามาจากไหน”

   “ทำเองกับมืออร่อยแน่นอน กินเลยดิ”

   ตฤนไม่รีรอ หยิบแซนวิชขึ้นมากิน เขานั่งเคี้ยวแซนวิชตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย รสชาติอร่อยใช้ได้เลย นี่ตัวเขาเป็นคุณหนูหรือเปล่า ทั้งรับส่ง ทั้งทำอาหารเช้ามาให้ เขากำลังจะเคยชินกับสิ่งเหล่านี้แล้วนะ

   “อร่อยดีว่ะ” ตฤนพูดทั้งที่ยังเคี้ยวแซนวิชไม่หมด

   “แน่นอน” ปราชญ์ที่ตั้งใจขับรถก็เหลือบมองตฤนเป็นระยะ ๆ เขามองตฤนด้วยความเอ็นดู เห็นอีกฝ่ายกินของที่เขาทำอย่างมีความสุข เขาก็รู้สึกดี ...

   “มึงกูว่า กูกำลังจะเคยชินที่มีมึงมาส่งทุกวัน ๆ แล้วว่ะ...”

   “...” ปราชญ์นิ่งรอฟัง

   “ถ้าอีกหน่อยมึงไม่ว่างมาส่งกู...” ความคิดบางอย่างแว่บเข้ามา... ‘กูต้องเหงาแน่ ๆ เลยว่ะ’ แต่ตฤนไม่คิดจะพูดความรู้สึกนั้น... “กูต้องเปลืองค่ารถมาก ๆ แน่เลยว่ะ”

   ปราชญ์ยิ้มขำ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ...

   
   เมื่อมาถึงที่ทำงาน กิจวัตรเดิม ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น เขานั่งคิดวางตารางว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เวลาหมดไปกับการเคลียร์งาน ในขณะที่คนสอนงานของเขาก็ยุ่งเหมือนทุกที

   “ตฤน เดี๋ยววันนี้พี่จะสอนงานเพิ่มนะ ตอนบ่ายเตรียมตัวให้ดี” วริษฐ์ยืนขึ้นทักทายเขาจากฝั่งตรงข้าม เขาพูดพลางส่งยิ้มเจิดจ้ามาให้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   “ครับพี่”

   ช่วงใกล้เวลาพัก ตฤนเปิดมือถือขึ้นมาเช็ค มันขึ้นแจ้งเตือนว่าปราชญ์ส่งข้อความมาหาเขา ตั้งหลายข้อความ

   ‘ตฤน เดี๋ยว สิบเอ็ดครึ่งจะมีคนโทรหานะ

   กูส่งของไปฝากรับหน่อย (สติ๊กเกอร์รูปหมีถือจดหมาย)’

   “ส่งมาหากุทำไม ไม่ส่งเข้าบ้านมึงอ่ะ” เขาพิมพ์ตอบข้อความปราชญ์ไปทันทีด้วยความสงสัย จะส่งมาที่ทำงานเขาทำไม ในเมื่อตัวเองก็ว่างอยู่บ้าน

   ‘เออน่า’ ปราชญ์ตอบกลับมาในทันที แสดงให้เห็นว่าเขาว่างที่จะรอตอบคน ๆ นี้มากแค่ไหน

   โทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนว่ามีคนโทรหาเขา

   “สวัสดีครับพี่”

   ‘น้อง พี่มาถึงแล้ว ให้ขึ้นลิฟต์ไปส่งให้เลยใช่มั้ย’

   “ครับพี่ เดี๋ยวผมไปรับหน้าประตู”

   ‘ครับ’

   พนักงานส่งของโทรมาแจ้งว่ามาถึงแล้ว ตฤนเลยเดินออกไปรับของที่ด้านหน้า ของอะไรนะที่ปราชญ์ส่งมา เขาเห็นพนักงานชุดเครื่องแบบสีม่วงที่คุ้นตา เดินมาพร้อมถุง

   “พี่ครับ” ตฤนเอ่ยทักทันที ดูจากเวลา คนที่มาส่งก็น่าจะคนนี้

   “น้องตฤนใช่มั้ย” พนักงานชุดเครื่องแบบสีม่วง เรียกชื่อออกมาได้ถูกต้อง ก็แปลว่าถูกคน

   “ครับ”

   พนักงานยื่นถุงมาให้ ถุงไม่ใหญ่ มีตราสกรีนชื่อร้านอาหารที่ดูคุ้นตาให้เขาก่อนจะกลับออกไป ตฤนมองถุงในมือด้วยความสงสัย จะส่งอาหารมาให้เขาทำไมวะ แล้วกว่ามันจะได้กินก็ดึกแล้ว จะอร่อยหรอวะ

   ตฤนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาปราชญ์ทันที

   “ฮัลโหล ปราชญ์ ส่งของกินมาทำไม”

   ‘ทำไม ถามอะไรแปลก ๆ ส่งของกินให้ ก็ให้กินไง’

   “จะให้กูกินหรอ มาให้กูทำไม”

   ‘อยากให้ แค่นี้นะ กินให้อร่อย’

   ปราชญ์พูดจบก็กดวางตัดสายไปทันที ทำให้ตฤนที่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของของกิน แต่ไม่เข้าใจในตัวปราชญ์ที่เอาแต่ทำตัวแปลก ๆ เขาได้แต่เกาหัวพลางถือถุงของกินกลับไปที่ห้อง  ...แต่ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก บนริมฝีปากของเขาก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า ขณะสายตาจับจ้องมองถุงที่ถืออยู่... เขาเป็นบ้ายิ้มให้ถุงของกิน

   
   ช่วงบ่ายตฤนนั่งทำงานโดยมีวริษฐ์ประกบอยู่ข้าง ๆ สอนให้เข้าเว็บนั้นเว็บนี้ เพื่อค้นหาใบสมัคร และสอนการดูคุณสมบัติของพนักงาน คอยสอนนั่นนี่ให้ โดยมีตฤนพยายามจะจดตาม เขาเกรงว่าถ้าไม่จดก็จะลืม

   “วริษฐ์คะ ผู้สมัครมาแล้วนะ รีเซฟชั่นโทรมาบอก” วาเนสซ่าขยับตัวขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อแจ้งข้อมูลให้วริษฐ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ทราบ

   "ขอบคุณครับ" วริษฐ์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปบอกกับตฤน พร้อมทั้งแตะไหล่เขาเบา ๆ "ตั้งใจอ่านไปก่อนเดี๋ยวพี่มา"

   "ครับพี่" ตฤนมีอะไรต้องเรียนรู้มาก ๆ ชุดข้อมูลความรู้พุ่งเข้ามาชนเขาจนเขามึนงง เขาจะใช้ช่วงเวลาที่คนสอนงานไม่อยู่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจและจัดการระเบียบความคิดใหม่

   สักพักทั้งห้องก็เหลือแค่เขากับบุ้ง ที่เป็นน้องเล็กสุดเฝ้าห้อง ส่วนคนอื่นก็แยกย้ายไปทำงานทั้งออกนอกบริษัท ไปเยี่ยมพนักงาน ไปประชุม และทำงานอื่น ๆ

   "บุ้ง ปกติก่อนจะมีพี่ เราเหลือคนเดียวหรอ"

   "บ่อยเลยแหละ แต่ก็สบายดี" บุ้งพูดพลางหยิบขวดน้ำยาทาเล็บขึ้นมาโชว์ ก่อนจะนั่งทา

   ตฤนเข้าใจดี เวลาไม่มีใครอยู่ ก็จะต้องอู้สักนิดสักหน่อย

   วาเนสซ่าเดินกลับมาด้วยความหงุดหงิด ผลักประตูกระจกอย่างแรง เธอหงุดหงิดโมโหจากเรื่องส่วนตัว พอเธอหันมองในห้อง ก็พบกับสายตาของเด็กสองคนบุ้งกับตฤน ยิ่งเห็นหน้าตฤนเธอยิ่งโมโห

   "พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ตฤนถามเมื่อสบตากับวาเนสซ่าที่อารมณ์คุกรุ่น

   "ไม่มีอะไร" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่มีความไม่พอใจเคลือบแฝงอยู่ เธอวางของก่อนจะหยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกไปจากห้อง

   "เค้าเป็นอะไรของเค้านะตกใจหมด" บุ้งพูดขึ้นหลังจากวาเนสซ่าเดินออกไป

   ตฤนทำได้แค่สั่นหัวตอบ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

   วาเนสซ่าเดินกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยท่าทาง อารมณ์ดีกว่าเดิม ส่วนตฤนลุกขึ้นจะไปเอาเอกสารที่สั่งปริ้น พอดี

   "ตฤนทำอะไรอยู่หรอ"

   "พิมพ์เอกสารครับ"

   เธอเดินเข้ามาใกล้ และสะดุดขาตัวเอง กาแฟร้อน ๆ หกรดราดแขนของชายหนุ่ม ตฤนสะบัดแขนทันที ด้วยความร้อน "โอย" พลางร้องครางเบา ๆ เพราะความแสบร้อน ทำให้ผิวขาวเป็นรอยแดง

   "บุ้งเอาน้ำเย็นมาหน่อย" วาเนสซ่าเรียกอีกคนเสียงดัง มือก็จับยึดแขนตฤนไว้

   บุ้งคว้าขวดน้ำบนโต๊ะ ก่อนจะรีบวิ่งพลางส่งขวดน้ำเย็นส่งให้ วาเนสซ่าดันถังขยะมารองข้างล่าง ก่อนจะเทน้ำเย็นราดลงไปบนแขน ตฤนรู้สึกดีขึ้น

   "ทำอะไรกัน" วริษฐ์เปิดประตูเข้ามาเจอสถานการณ์แปลก ๆ พอดี ๆ

   "ฉันทำกาแฟลวกแขนน้อง" วาเนสซ่าตอบเสียงเบา

   วริษฐ์วางของก่อนจะคว้าแขนของตฤนมาดู รอยแดงเป็นปื้นปรากฎชัดบนผิวขาวเนียน

   "วันนี้มีหมอมา ไปหาหมอให้เขาดู" วริษฐ์ จับข้อมือข้างที่ไม่เจ็บให้อีกฝ่ายเดินตามออกไป
   
   วาเนสซ่ามองตาม จากนั้นเธอกดแจ้งให้แม่บ้านมาทำความสะอาด ก่อนลุกออกไปเดินเล่นดาดฟ้าคลายเครียด เธอมองเหม่อออกไปไกลแสนไกล... ตอนที่เขากับเธอเริ่มมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นที่นี่

   จูบกลิ่นควันบุหรี่ จูบที่มัวเมาเธอ ให้หลงใหลได้ปลื้ม

   เมื่อกี้เธอกับเขาช่วยกันเก็บเอกสารผู้สมัครในห้องที่ลับตา เธอเป็นฝ่ายเข้าไปจูบและเชื้อเชิญเขา
   
   "คืนนี้ว่างมั้ยคะ ฉันอยาก..." พูดไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมา

   "วันนี้ผมไม่มีอารมณ์"

   
   เธอเคยเป็นคนใหม่ที่เขาต้องการ ที่เขาสนใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังจะกลายเป็นคนเก่า เหมือนกับคนก่อนๆ

   "ตอนนี้มีอารมณ์แค่กับผู้ชายหรอไง"

   สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉย แต่ดวงตามีประกายโมโห

   "เรื่องของผม เธอไม่ต้องมายุ่ง" ชายหนุ่มรวบเอกสารทั้งหมดก่อนจะเดินก้าวเท้ายาวๆผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่ใยดี

   ช่วงนี้เขาเอ็นดูเด็กใหม่อย่างตฤนเหลือเกิน ดูแลจนหน้าหมั่นไส้ ผู้ชายอย่างเขา ใครก็ได้สินะที่เขาให้ความสนใจ

   วาเนสซ่านึกถึงกาแฟแก้วนั้น เธอตั้งใจให้มันหกออกมาแค่นิดเดียว แต่กลับขยับเเรงเกินไปทำให้ลวกเยอะขนาดนั้น ผิวขาวจัดขึ้นสีแดงชัดเจน ผลงานของเธอมันฟ้องชัด ทั้งที่เธอก็ไม่ได้จะใจร้ายแบบนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออิจฉา

   เธอยืนรับลมไอร้อนปะทะเข้าที่หน้า เธอได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ และรู้สึกว่ามีใครบางคนมาที่ข้างหลัง เสียงฝีเท้าทำให้เธอหันไปดู และพบว่าเป็นคนที่เธอนึกถึง ในใจเธอรู้สึกประหลาด ดีใจที่พบหน้า แต่ก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอ เขาคาบบุหรี่ไว้ในปากขณะเดินเข้ามาใกล้ ท่าทีดูคุกคาม จนเธอเผลอถอยหลังจนชิดกำแพง มือหนายกขึ้นมาจับใบหน้าเธอด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว แล้วออกแรงบีบเบา ๆ

   "ตั้งใจใช่มั้ย"

   "อะ อะไร"

   "กาแฟที่หกใส่แขนตฤน"

   "ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" เธอปฏิเสธเสียงสั่น ดวงตาคู่สวยฉายแววสั่นระริก เพราะดวงตาคมกริบของเขาน่ากลัว

   วริษฐ์ใช้มืออีกข้างคีบบุหรี่ออกจากปาก จากนั้นประทับริมฝีปากลงไป บดขยี้ริมฝีปากของหญิงสาว ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างอุกอาจ 

   จูบกลิ่นบุหรี่... เหมือนตอนนั้น

   แต่รุนแรงจนหายใจไม่ทัน

   เขาผละออก ดวงตาคมจับจ้องเธอ ก่อนจะพูดคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ

   "ถ้าเธอต้องการ ผมจะทำให้ แต่อย่าไปยุ่งกับตฤนอีก"

   หญิงสาวแค่นยิ้ม "หลงของใหม่"

   "ของใหม่น่าลองเสมอ เธอก็เคยเป็น" วริษฐ์พูดคำพูดร้ายกาจด้วยสีหน้าเรียบเฉย

   คำว่า'เคย' ที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำเอาเธอสะอึก มันทิ่มแทงใจของเธอเหลือเกิน

   วริษฐ์เดินจากไปทิ้งวาเนสซ่าให้ยืนจมอยู่กับความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

    ตฤนนั่งทำงานโดยมีเจลเย็นแปะอยู่บนแขน มันไม่เจ็บมาก คงเพราะว่า พอโดนกาแฟร้อน ๆ ลวก พี่วาเนสซ่าก็ล้างด้วยน้ำเย็นให้ทันที พอไปหาหมอ เขาก็ทำแค่ล้างน้ำ แล้วก็ส่งเจลเย็นมาให้แปะ มันลวกไม่รุนแรงนัก

   ไม่นานวริษฐ์เดินกลับเข้ามาหาตฤน เขานั่งลงข้าง ๆ เตรียมจะสอนงานต่อ ปกติเวลาเขาไปสูบบุหรี่ เขาจะเดินอ้อยอิ่งให้กลิ่นมันจางไปมากที่สุด แต่วันนี้ เขากลับอยากรีบกลับมาดูคนเจ็บ

   ตฤนที่นั่งข้าง ๆ ได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ ออกมาจากวริษฐ์

   “พี่สูบบุหรี่มาหรอครับ”

   “อื้อ ได้กลิ่นชัดเลยหรอ” วริษฐ์พูดพลางก้มลงดมเสื้อตัวเอง

   “ใช่พี่”

   “โทษทีนะ”

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมก็ไม่ได้แพ้กลิ่นมัน” ตฤนพูดพลางก้มหัวน้อย ๆ อย่างนอบน้อม

   วริษฐ์เริ่มสอนงานอีกครั้ง สอนไป ก็ดูไป ถามย้ำว่าน้องเข้าใจอย่างถูกต้อง เขาเฝ้าดูตฤน จดข้อมูลต่าง ๆ อย่างขะมักเขม้น ความตั้งใจ ทำให้คนข้าง ๆ ดูน่าเอ็นดู ...

   
   “เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่งนะ” อยู่ ๆ วริษฐ์ก็พูดขึ้นมา

   “ไม่เป็นไรพี่” ตฤนรีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากรบกวนพี่วริษฐ์อีก นี่เขารบกวนพี่แกบ่อยจนรู้สึกเกรงใจแล้ว

   “ให้พี่ไปส่งเถอะ เราแขนเจ็บนะ”

   “ผมกลับได้ จริง ๆ”

   “พี่จะไปส่งเรา ห้ามขัด” วริษฐ์พูดย้ำอีกครั้ง แถมยังมองจ้องเขานิ่ง จนเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

   “ครับ” คำตอบรับเสียงอ่อยของตฤน ทำให้วริษฐ์ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นลูบหัวของตฤนเบา ๆ

   โทรศัพท์เด้งเตือน ปราชญ์ส่งข้อความมาหาอีกครั้งขณะที่ตฤนนั่งอยู่บนรถของวริษฐ์

   ‘วันนี้กลับยังไง’

   “พี่ที่ทำงานไปส่ง”

   ‘พี่คนไหน’

   “พี่วริษฐ์ที่มึงเคยเจอไง”

   ‘ไอ้บ้านั่น(สติ๊กเกอร์รูปหมีเขวี้ยงโทรศัพท์)’

   “ทำไมต้องหยาบวะ”

   ‘เหอะ ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’

   “เออ ทำตัวเป็นพ่อไปได้”

   ตฤนพิมพ์ตอบ ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋า

   วริษฐ์มาส่งเขาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เขาก้มหัวขอบคุณก่อนจะเผ่นเข้าบ้าน เป็นเขานี่ก็ดีเหมือนกันนะ เช้ามีคนมารับ ได้กินข้าวเช้าฟรี ส่งอาหารกลางวันมาให้ฟรีอีก แถมตอนเย็นก็มีคนมาส่งอีก ... มีแต่คนทำดีกับเขา แบบนี้ก็ดีแหละประหยัดเงิน

   ตฤนพิมพ์ข้อความหาปราชญ์ตามคำขอ “ถึงบ้านแล้ว สบายใจได้”

   
   ปราชญ์เปิดดูข้อความ คิ้วขมวดเล็กน้อย วริษฐ์นี่ มันต้องพยายามมาจีบตฤนแน่ ๆ บ้าเอ๊ย!

   “พรุ่งนี้ไปส่งนะ”

   ‘อื้อ’

   “เย็นพรุ่งนี้ว่างมั้ย”

   ‘วันศุกร์ ก็ว่างแหละ’

   “ไปดูคอนเสิร์ตกัน ได้บัตรฟรีมา” บัตรฟรีของตฤนที่ปราชญ์ใช้ตังซื้อมา

   ‘ได้ดิ เจอกัน’

   “เจอกัน(สติ๊กเกอร์หมีนอนกลิ้งบนที่นอน)” ปราชญ์พิมพ์ตอบไป วันนี้เหมือนจะไปได้สวย ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามทำคะแนนมาตลอดทั้งวัน แต่มาพลาดในตอนจบ พรุ่งนี้เขาจะพูดย้ำไว้ก่อนตั้งแต่เช้า ว่าจะไปรับ เพื่อพาไปดูคอนเสิร์ต ใครหน้าไหนที่จะเสนอหน้ามาส่ง ปฏิเสธไปให้หมด!!!

   .

[ตฤนนนนนน รู้สึกอะไรรรรร รู้สึกอะไรฮะะะะะะ จงชินซะ
จะได้ชอบอีกฝ่ายแบบที่อีกฝ่ายชอบสักที
 :-[
ปราชญ์ก็คือหึงหวงแหละ แต่ออกตัวไม่ได้
 :o12: :z6:
]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 17 ความเคยชินที่ต้องมีนาย (28/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-05-2019 07:10:25
ปราชญ์ก็ช้าเกินหมาจะคาบไปแดกแทนละ งุ้ยยย ขัดใจ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป... (30/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 30-05-2019 23:07:18
บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป...



   ---แนะนำให้ฟังเพลงเผลอไป-เเทคทูคัลเลอร์ไปด้วยเพื่อเสริมสร้างอรรถรส---



   “พี่ตฤนหอบอะไรมาเยอะแยะ” ตฤนเดินถือถุงพลาสติกหลายใบเดินเข้ามาในห้อง บุ้งทักทายก่อนเป็นคนแรก

   “ขนม กับข้าวกลางวัน” นอกจากปราชญ์จะมาส่งเขา มันยังเตรียมขนมกับข้าวกลางวันให้เขาด้วย... ไอ้พวกร่ำรวยเงินเหลือเอ้ย!!!

   จากนั้นตฤนก็พูดทักทายพี่ ๆ ทุกคน ก่อนจะนั่งประจำที่เช่นทุกครั้ง

   วริษฐ์ยืดตัวขึ้นมองตฤน รอยที่แขนจางไปแล้ว แต่รอยเล็บที่หลังของเขายังแสบน่าดู วาเนสซ่า เหมือนจะทั้งรักทั้งชังในตัวเขา เมื่อวานตอนเย็นเขาจัดไปให้ตามความต้องการของเธอ แต่เธอทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขาจนเป็นรอยแดง ผู้หญิงที่หึง และคิดว่าตัวเองสำคัญพอจะมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา บางทีนี่ก็น่ารำคาญนะ... เขาลอบมองใบหน้าเนียนที่ขยับจัดนู้นนี่เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานวันนี้ น้องมันน่ารัก...เขาจะต้องหาทางลองของใหม่ให้ได้...
   

   วริษฐ์ มักมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวตฤน จะด้วยสอนงาน หรือมาแหย่เล่นก็ตาม

   “น้องตฤน วันนี้ไปกินข้าวกับพี่มั้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง แล้วไปส่งเราที่บ้าน” วริษฐ์พูดขึ้นขณะดูน้องนั่งพิมพ์งาน

   “วันนี้ไม่ว่างครับพี่ ขอโทษด้วยครับ” เขาตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

   วริษฐ์พยักหน้าเข้าใจ ‘ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็เจอกัน’ เขาคิดในใจ ก่อนลุกขึ้นยืน วางมือหนาลงที่บ่าของตฤน เขาตบมันเบา ๆ ก่อนจะเดินอ้อมกลับไปนั่งประจำที่

   
   ช่วงเย็นปราชญ์มารับตฤนที่ทำงานตาม เวลานัดหมาย ไม่มีวริษฐ์หรือใครหน้าไหนมาแทรกกลาง เขาเพ่งมองแขนขาว ๆ ที่กำลังจับเข็มขัดนิรภัย มันมีรอยแดงเล็ก ๆ มันเหมือนจะเป็นแค่รอยจาง ๆ

   “แขนตรงนั้นมันแดง ๆ มั้ยวะ” ปราชญ์ทักขึ้นทันที

   “เมื่อวานโดนน้ำร้อนลวกนิดนึง”

   “ฮะ! ทำไมไม่บอก!” ปราชญ์ส่งเสียงดังขึ้นมา

   “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องวะ แค่น้ำร้อนลวกเนี้ย” ตฤนพูดพลางยกแขนให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ “เนี้ยมันแค่นิดเดียวเอง”

   “เออ ก็กู...เป็นห่วงนี่หว่า” ปราชญ์พูดเสียงอ้อมแอ้ม ๆ

   “ข้าวกลางวันอร่อยดีนะ” ตฤนเปลี่ยนเรื่องพูดดื้อ ๆ หน้าตาเฉย

   “อื้อ กำลังฝึกฝีมืออยู่”

   “ตั้งใจจะทำได้ทุกอย่างเลยหรอไงวะ เป็นมิสเตอร์เพอร์เฟคหรอ” ตฤนบ่นขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ถ้ามันจะเก่งจะดีทุกอย่างขนาดนี้ล่ะก็นะ

   “ก็คอยชิมให้หน่อยแล้วกัน”

   “ให้เป็นหนูทดลองชัด ๆ ” ตฤนส่ายหน้าอ่อนใจ ขณะรถค่อย ๆ เคลื่อนไป

   

   “แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ ว่างมั้ย”ปราชญ์เอ่ยถามคนข้าง ๆ

   “ไม่ว่างว่ะ” ตฤนตอบทันควัน ไม่มีคิดทบทวนอะไร

   “ไปไหน” ปราชญ์ที่ตั้งใจจชวนตฤนไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แต่รู้สึกผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายดันมีนัด เขารู้สึกเหงาหงอยอยู่ข้างใน ว่าจะชวนไปทะเล

   “ไปเที่ยวกับที่ทำงาน”

   “ไปที่ไหน” ปราชญ์ถามซ้ำ ถ้าไปกับที่ทำงานก็คงมีวริษฐ์ด้วย นึกหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว

   “ไป..เอ่อ ลืมว่ะ” ตฤนค้นกระเป๋าตัวเอง หยิบกระดาษขนาดครึ่ง A4 ออกมา มันเป็นโปรแกรมเที่ยว เขากำลังจะอ่านแต่ปราชญ์ดึงจากมือไปก่อน

   ตฤนทำหน้าไม่พอใจที่ถูกดึงกระดาษออกไปจากมือ

   รถติดพอดี ปราชญ์เลยหยิบกระดาษมาอ่านหลายละเอียด เขาจดจำมันเอาไว้ เพราะเขาตั้งใจจะตามไป...

   

   ปี้นนนน

   เสียงแตรรถคันข้างหลังบีบไล่ปราชญ์ ที่ไฟเขียวแล้วก็ยังไม่ออกตัว 

   “รู้แล้วว้อย แม่ง ไม่กี่วิรอไม่ได้ไงวะ” ปราชญ์สบถเกรี้ยวกราดออกมา

   “โวยวายทำไม เมิงผิด” ตฤนพูดพลางส่ายหัว เขาดึงกระดาษกลับมาเก็บใส่กระเป๋า

   ปราชญ์เงียบไปพลางคิดว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังในวันพรุ่งนี้ จะตามดูไม่ให้คาดสายตาเลย

   
   พวกเขาฝ่ารถติดจนมาถึงที่จัดคอนเสิร์ต รถติดหนึบเป็นช่วง ๆ กว่าจะมาถึงคอนเสิร์ตก็เริ่มไปแล้ว คนเยอะมาก ทั้งวัยรุ่นเด็ก ๆ ไปจนถึงวัยทำงาน ดนตรีมันไม่ได้จำกัดอายุ ปราชญ์ส่งบัตรเข้างานให้พนักงานตรวจ พอผ่านประตูเข้าไป เขาก็ถือโอกาสคว้าข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน ผู้คนเบียดเสียด ตฤนก็ไม่ได้โวยวายอะไรที่ถูกจับแขน เพราะคนเยอะจริง ๆ กลัวหลง เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงเดิน เมื่อได้ที่พอเหมาะพวกเขาก็ยืนดูคอนเสิร์ต เสียงเพลงสนุกสนาน พาให้ทั้งคู่กระโดดโยกหัวโยกตัวสนุกไปด้วยกัน

   เพราะคนเยอะแอร์เลยสู้ไม่ไหว เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของทั้งคู่ ไม่ต่างจากรอยยิ้มที่ฉายชัดว่าทั้งคู่กำลังมีความสุขและสนุกอยู่กับมัน

   พลั่ก

   คนอื่น ๆ ก็สนุกมากเหมือนกัน ข้างหลังกระโดดเเรงจนเสียหลักพลาดมาชนหลังตฤน จนเซหน้าทิ่มไปข้างหน้า ดึงที่ปราชญ์คว้าแขนไว้ได้ทัน

   "ขอโทษครับๆ" ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มหัวขอโทษ

   "ไม่เป็นไรครับ" ตฤนตอบกลับใบหน้ายิ้ม แม้จะรู้สึกเจ็บที่หลังนิดหน่อย ปราชญ์เห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือไปแตะหลังอีกฝ่ายเบาๆ " เจ็บมั้ย"

   นิดหน่อย" ตฤนหันไปสนใจกับเสียงเพลงต่อ ส่วนปราชญ์ขยับไปกึ่งซ้อนอยู่ด้านหลังตฤน เพราะกลัวใครจะมาชนอีก ไม่อยากให้ตฤนต้องเจ็บตัว

   เสียงเพลงจังหวะสนุกๆ พอให้คนโยกขยับตัว

   

   "ต่อให้มองเธอเท่าไรไม่เบื่อ คุยกันเหมือนเราเป็นเพื่อน กอดสักทีได้ไหม แต่ต้องข่มใจไว้"

   
   ปราชญ์มองคนตรงหน้าที่สนุกกับเพลง มือหนาแตะสัมผัสกับเอวบางของคนตรงหน้า อย่างลืมตัว


   "เอาจริง ๆ ฉันคงไม่กล้า ปล่อยให้มันผ่านพ้นไป

   และช่วงเวลา ไม่รู้อะไร

   ที่มากดดันให้ฉันได้เฉลยในใจ ไม่กล้าจะเอ่ย

   ให้ฉันได้พูดไปอย่างนั้น"


   ปราชญ์ขยับตัวเข้าไปใกล้พลางร้องเพลงคลออยู่ข้างหู

   
   "ว่าฉันนั้นรักเธอ ก็ปากมันเผลอไป

   ในเวลาที่สองเราอ่อนไหว ได้ตัดสินใจพูดคำว่ารัก

   และฉันไม่รู้ตัว ได้แต่ยอมรับมัน

   เก็บคำบางคำซ่อนไว้ว่าใจฉันนั้นรักเธอ ฉันเผลอออกไป"

   
   ตฤนยืนตัวแข็งทื่อ ทั้งเสียงทุ่มนุ่มที่ข้างหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดอยู่ที่ต้นคอ และสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างลำตัว ... เขาได้แต่ยืนนิ่ง อย่างไม่รู้จะทำยังไง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อในความมืด บรรยากาศยิ่งร้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าของตฤนร้อนวูบอย่างคุมไม่ได้ และใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ 'มันก็แค่ร้องเพลง ที่ใกล้ขนาดนี้เพราะคนมันเยอะ ‘ตฤนผ่อนลมหายใจลง เมื่อคิดได้แบบนั้น’ ซะเมื่อไหร่... มันจะได้ยินมั้ยวะ ว่าใจเต้นแรงขนาดนี้

   ตฤนขยับตัวเว้นระยะห่างนิดนึง ก่อนจะทำทีโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงแบบเบลอ ๆ


   “ทุกคนครับบบบ เหนื่อยกันมั้ยครับ!!!” เสียงนักร้องพูดทักทายคนดู

   “ไม่เหนื่อย” เสียงตะโกนกลับไปของคนดูส่วนใหญ่

   “เฮ้อ แต่ผมเหนื่อยแล้วครับ ผมแก่แล้ว อีกอย่าง ผมเป็นห่วงทุกคนครับ กลัวจะดึกเกินไป”

   “ไม่ต้องห่วง” เสียงตะโกนตอบกลับไปอีกครั้ง

   “ห่วงครับ! ผมเป็นห่วงจริง ๆ เพราะตามส่งทุกคนไม่ไหวนะครับ เพลงสุดท้าย คืนนี้สบาย”


   “ฉันได้ยินข่าว ว่าจะมีคนร้ายท่าทางดูดี

   ผ่านไปมาเมื่อยามราตรี เธอระวังเอาไว้”

   ปราชญ์อ้าแขนกอดคอคนข้าง ๆ เอาไว้ ตฤนก็ยกแขนขึ้นกอดคอคนข้าง ๆ ตอบ โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ปราขญ์ร้องคลอตะโกนเสียงดังในท่อนฮุค

   
   “งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับไปส่ง

   งั้นไปด้วยกันไหม เพราะค่ำคืนอันตราย

   งั้นไปด้วยกันนะ ฉันจะพาผ่านความเหงา ความเดียวดาย

   ให้ฉันดูแลเธอ ไม่ต้องกลัวอะไร”

   
   ตฤนหันมองคนข้าง ๆ เสี้ยวหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน ดีที่ความมืดซ่อนใบหน้าของเขาเอาไว้ ...อันตราย เหมือนมันจะไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเขาเท่าไหร่ ตั้งสติหน่อยตฤน มันเป็นผู้ชาย เราก็เป็นผู้ชาย!

   
   เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ตฤนกลับสู่สภาพปกติแม้จะไม่เต็มร้อยนักก็ตาม ปราชญ์ไปส่งเขา พร้อมฮัมเพลงเบา ๆ

   “งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับมาส่ง”

   “ไปก็ได้ ประหยัดดี” ตฤนตอบหวังกวนประสาท

   “หึ”

   ปราชญ์หัวเราะพลางดันหัวตฤนเบา ๆ ส่วนตฤนแทบกลั้นหายใจ เขามักสะดุ้งเวลาปราชญ์โดนตัว เขากำลังเป็นบ้าไปแล้ว


   วันรุ่งขึ้น

   เขาออกเดินทางไปตามสถานที่นัด เพื่อนั่งรถไปเที่ยวกับที่ทำงาน พวกเขาแวะไหว้พระ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พัก เมื่อไปถึงตฤนมองโรงแรมอย่างตื่นตาตื่นใจ โรงแรมดูหรูเกินกว่าที่ลำพังพนักงานเงินเดือนของเขาจะมาได้ พักที่นี่น่าจะใช้เงินเดือนไปเยอะจนเขาต้องกินมาม่าทั้งเดือนเพื่อให้ได้มา

   “เดี๋ยวขึ้นไปเช็คห้องกันก่อน” พี่สายใจพูดขึ้นมา วันนี้พี่สายใจเหมือนกับเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ “ส่วนกระเป๋าเอาแค่ของที่มีค่าออกมา นอกนั้นเดี๋ยวให้พนักงานยกไป” พี่สายใจเป็นหุ้นส่วนที่นี่ แกเลยได้ราคาพิเศษมาก ๆ สำหรับพวกเรา

   ตฤนเดินไปรับกุญแจจากพี่สายใจ สายตามองเลยไปตรงเคาเตอร์ของโรงแรม เขาเห็นผู้ชายที่ดูคุ้น ๆ เขายืนหันหลัง หลังผู้ชายก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก

   วริษฐ์เดินมารับกุญแจจากตฤน “ไปกัน จะได้ไปพักให้หายเมื่อย”

   ตฤนพยักหน้าก่อนจะเดินตาม

   
   พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน พักอยู่ในชั้นเดียวกันห้องใกล้ๆกันหมด

   “รู้มั้ยทำไมเราถึงแยกมานอนกันสองคน”

   ตฤนส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะโดนลงไปบนเตียง

   “เพราะว่าพี่สันติกรนนรกแตกมาก ๆ นอนไม่ได้เลย” วริษฐ์พูดพลางนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ตฤน เอียงคอมาคุยกับอีกฝ่าย ในดวงตาเป็นประกายประหลาด

   “แล้วไม่ให้พี่แว่นมานอนกับพวกเรา สงสารแก” คนที่ต้องนอนกับพี่สันติคือพี่แว่น เขารู้สึกว่าห้องเขากว้าง นอนได้อีกคนสบาย ๆ

   “พี่แว่นถ้ามันง่วงน่ะ ต่อให้เปิดลำโพงจ่อหูมัน มันก็หลับได้”

   “จับคู่กันได้ดีเลยแฮะ”

   “ตฤนล่ะกรนมั้ย” วริษฐ์ถามพลางขยับไปใกล้อีกฝ่าย

   “น่าจะไม่ครับ” ตฤนขยับลุกขึ้นเดินไปเสียบชาร์จพาวเวอแบงค์

   “ดีแล้ว ถ้ากรนจะไม่ให้นอน...” วริษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูกรุ่มกริ่ม แต่เขาพูดกับตฤนผู้ใสซื่อซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาทำเสียงแปลก ๆ และไม่รู้ว่าคืนนี้คนตรงหน้ามีแผนจะทำอะไร

   “อย่าไล่ผมไปนอนกับพี่สันติเลย” ตฤนเข้าใจว่าเขาจะโดนลงโทษให้ไปฟังพี่สันติกรนทั้งคืน

   เสียงแอพเด้งเตือน

   วริษฐ์หยิบมือถือที่ส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะอ่านมันออกมา

   “อีก 10 นาทีลงมาเจอกันข้างล่าง”


   ก็อก ก๊อก


   ตฤนลุกไปเปิดประตู พนักงานยกกระเป๋าขึ้นมาให้ เป้ใส่เสื้อผ้าสองใบใหญ่ ๆ ของเขากับพี่วริษฐ์ เขากล่าวขอบคุณพนักงานและถือวิสาสะหิ้วเข้าไปให้เลย

   “กระเป๋าพี่” เขาวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกระเป๋าตัวเอง เพื่อหยิบชุดว่ายน้ำกับผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำเตรียมลงไปข้างล่าง

   วริษฐ์ก็เช่นเดียวกัน เขาจัดเตรียมข้าวของ “พี่เข้าห้องน้ำแปปนึงนะ”

   ตฤนพยักหน้า เขานั่งรอบนที่นอน สายตาไปเห็นของสบู่ซองตกลงมาจากกระเป๋าของวริษฐ์ เขาเลยลุกไปหยิบให้... แต่มันไม่ใช่สบู่ซอง มันคือถุง...

   ตฤนรีบหย่อนมันลงไปในกระเป๋า แล้วกลับมานั่งที่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ในใจก็คิดว่า ‘พี่เค้าคงกะได้สาวสักคนวันนี้ ตามประสาคนหน้าตาดี


   ทั้งคู่ลงไปด้วยกันแล้วเจอคนอื่น ๆ ทยอยลงมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้

   
   ปราชญ์ไปนอนรออยู่ที่ริมสระ เพราะเขาจำโปรแกรมได้ ว่าจะเล่นน้ำกันช่วงเวลานะ เขาเนียนตามตฤนมาทั้งวัน รูปรวมรูปนึง ติดแผ่นหลังของเขาไกล ๆ เขาตั้งใจเข้าไปอยู่ในรูปนั้น ปราชญ์ตามมาที่พัก เขาได้อยู่ชั้นเดียวกันแต่คนละปีก ยิ่งเขารู้ว่าตฤนนอนห้องเดียวกับวริษฐ์ เขาก็ยิ่งไม่พอใจ มีแต่ความกังวล ถ้ามันกล้าแตะต้องตฤนละก็ เขาจะซัดใบหน้าหล่อเนี้ยบนั่นให้กระเด็น

   ตฤนกับวริษฐ์รวมถึงคนอื่น ๆ ลงเล่นน้ำกันที่กลางสระ พร้อมลูกบอล คิดว่าคงเล่นลิงชิงบอลกัน

   ปราชญ์แอบมองพวกเขา ถึงตัวเขาจะนอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้อาบแดดริมสระ โดยซ่อนใบหน้าไว้ใต้หมวกฟางสาน ซึ่งก็รู้สึกไม่ค่ออยสบายหน้าเท่าไหร่ มันคัน ๆ

   “พี่วริษฐ์โคตรโกง” เสียงโวยวายของตฤนดังมาแว่ว ๆ “พี่มาจับเอวผมไว้เพื่อให้ผมไปรับบอลไม่ทัน มันโกงนะครับ”

   จับ...จับเอว!!! เหมือนมีเสียงอะไรขาดสักอย่างในหัว เขาโวยวายอยู่ในใจ วริษฐ์มันกล้ามากเกินไปแล้ว! เดี๋ยวเถอะเมิง !

   “พี่ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย เจตนาบริสุทธิ์” เขาพูดพลางยิ้มขำ

   แต่ปราชญ์ไม่ขำ เขานึกเกรี้ยวกราด ฉุนเฉียว นึกอยากลุกเดินเข้าไปเปิดเผยตัว แล้วพาตฤนออกมา... แต่เขาก็ได้แค่คิด เขาก็เป็นแค่เพื่อน ...พอคิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกหน่วง ๆ ในใจ

   “ตฤนส่งมาทางนี้” เสียงหญิงสาวอีกนตะโกนเรียก

   “บุ้งรับ” เสียงเล่นกันครึกครื้นยังคงดำเนินต่อไป ส่วนปราชญ์ก็ได้แต่แอบมองแอบฟัง

   

   ตฤนขึ้นจากสระเหลือบมองคนที่นอนอยู่ริมสระ เขารู้สึกคุ้น เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนปราชญ์ แต่..เป็นไปไม่ได้ มันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เขาเดินผ่านไปอย่างไม่ติดใจ

   
   จากนั้นพวกเขาแยกกันไปแต่งตัว เตรียมกินข้าวและปาร์ตี้ต่อในช่วงดึก

   ตฤนที่ไม่ค่อยดื่ม แก้วเดียวในมือเขา อยู่มาหลายชั่วโมง ปล่อยให้ละลายแล้วละลายอีก พอมันจาง ๆ ตฤนก็เติมโค้กลงไป ปริมาณเหล้าในแก้วจางในจาง จางจนไม่รู้จะจางยังไง ไม่ก็ไม่มีแล้วระเหยออกไปหมด

   “ตฤนหมดแก้วนั้น แล้วพี่ขงให้ใหม่” พี่ใหม่ที่นั่งเยื้องกับผมพูดขึ้น

   “โดนจับได้ซะแล้วหรอ”

   “ใช่ พี่เห็นอย่ามาทำเนียน”

   ในขณะที่วริษฐ์ซัดไปแล้วหลายแก้วจนกรึ่ม วาเนสซ่าที่นั่งข้าง ๆ ก็พยายามจะชงเพิ่มให้ ดูแลเอาอกเอาใจวริษฐ์เป็นอย่างดีแต่วริษฐ์กลับหันไปหาตฤน ยกแก้วขึ้นขอชน

   “หมดแก้ว พี่ใหม่จะได้ชงให้เราใหม่”

   พอตฤนดื่มหมด วริษฐ์ก็ขยับยกมือขึ้นกอดคอตฤนไว้ พลางพูดกระซิบชื่นชมอยู่ข้างหู

   “เก่งมาก ตฤน” ลมร้อนข้างหูทำให้เขาขนลุกซู่

   “พี่เนี้ยเริ่มเมาแล้ว” ตฤนพูดแย้งวริษฐ์ที่เอาแต่กอดคอเขาไม่ปล่อย

   ปราชญ์นั่งมองทั้งคู่จากระยะไกล ได้แต่จ้องเขม็ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความโมโห เขายกแก้วในมือขึ้นซัดอึกใหญ่

   “เอ้าชน!” พี่ใหม่เรียกทุกคนชน

   วริษฐ์ยกทีเดียวหมดแก้ว

   “พี่เมาผมไม่แบกนะ”

   “พี่น่ะ เมายาก” วริษฐ์พูดพลางหันจ้องหน้าตฤน

   ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนมีประกายวิบวับไม่น่าไว้วางใจปรากฏออกมาจากดวงตาของวริษฐ์ ...ตฤนก็สลัดความคิดนั้นออกไป มันไม่มีอะไรหรอก

   พวกเขานั่งกินดื่มกันไปเรื่อย ๆ พูดคุยเรื่องตลก เอาเรื่องแผนกอื่น หรือพี่คนอื่นในบริษัทมานินทาขำ ๆ ตฤนก็นั่งเก้บข้อมูลไปเงียบ ๆ เขาเองก็โดนให้ดื่มไปหลายแก้ว ชักจะไม่ไหว

   “พี่ ผมไปห้องน้ำแปป”

   ตฤนลุกขึ้นไปห้องน้ำ เขาดื่มน้ำเยอะก็เลยปวดฉี่

   พอตฤนกลับมาก็พบว่ามีหลายคนลุกกลับห้องไปแล้ว ตัวเขาเองก็ง่วง ๆ อยากอาบน้ำพักผ่อน เขากดมือถือเพื่อดูเวลา เกือบจะห้าทุ่ม เขาฮ้าวออกมา เริ่มง่วง

   “พี่วริษฐ์ผมขอไปก่อนนะ”

   “หืม? ไปแล้วหรอ” วริษฐ์พูดเหมือนอาวรณ์ “เดี๋ยวพี่ไปด้วยขออีกสองแก้ว”

   “ก็ได้พี่” ตฤนจำใจต้องนั่งรอรูมเมทของเขา พอครบกำหนดเขาก็ลุกขึ้น เขาลาคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่สว่าง ๆ

   วริษฐ์ดื่มจนตัวแดง แต่เขาไม่ถึงกับเมา แค่กรึม ๆ มึน ๆ เท่านั้น

   “พี่ไหวมั้ย” ตฤนถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อร่างสูงข้าง ๆ เดินเซ

   “สบายมาก” เขาพูดพลางแตะที่กลางหลังตฤน เขาขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

   

   พวกเขาเข้าไปในห้อง ตฤนรู้สึกเหนื่อยล้าเขาอยากจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอน

   วริษฐ์เดินตามหลังเข้ามา พลางนั่งบนที่นอน

   “พี่ ผมขออาบน้ำก่อนนะ” ตฤนลุกหยิบผ้าเช็ดตัว กับเสื้อผ้า เขากำลังเดินเข้าห้องน้ำ

   “เดี๋ยวก่อน” วริษฐ์พูดขึ้นมาทำให้ตฤนชะงักก่อนหันไปมอง พี่วริษฐ์เดินเข้ามาใกล้

   “พี่จะเข้าหรอ เข้าก่อนเลยก็ได้” ตฤนเบี่ยงตัวหลีกให้ แต่ทว่าวริษฐ์กลับเดินตรงมาหาเขา ดันตฤนติดกำแพง สองมือจับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะประทับจูบลงไป จูบรุนแรงเร้าร้อน ดวงตาตฤนเบิกกว้างด้วยความตกใจ ลมหายใจแทบขาดห้วงจากการถูกจูบรุกเร้าที่รุนแรง เขาแทบหมดแรง ตฤนนิ่งอึ้งเบลอไปชั่วขณะ ข้าวของทุกอย่างในมือร่วงลงกองกับพื้น

   “ตฤน..” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ของวริษฐ์ ดังอยู่ข้างหู เขาขนลุกเกรียว แต่ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ตัวเขาแข็งทื่อ เขาไม่มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้

   

   วริษฐ์รุกต่อโดยมีเป้าหมายที่ซอกคอขาว สองมือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนที่จะลูบลงมาที่กางเกง มือเรียวสอดเข้าไปในกางเกงหวังปลุกอารมณ์เด็กน้อยให้ตื่นขึ้น อยู่ ๆ ภาพของปราชญ์ที่เช็ดตัวให้เขาอย่างทะนุถนอมแว่บเข้ามาในหัว ตฤนมีสติกลับมามากพอเขาขัดขืน ผลักร่างสูงที่ไม่ทันตั้งหลักกระเด็นลงไปกับพื้น เขาวิ่งหนีไปทางประตู วริษฐ์ที่อยู่ในสภาพมึนเมา พยายามลุกขึ้น เขาคว้าแขนตฤนได้ข้างนึงก่อนออกแรงดึงให้ตฤนเสียหลักล้มลง

   “ปล่อยว้อย” วริษฐ์พลิกตัวขึ้นคร่อมตฤน เขาซุกไซร้ซอกคอขาว ตฤนตีเข่าใส่จุดอ่อนไหวที่ผู้ชายทุกคนรู้กันดี แรง กระแทกถาก ๆ แต่ก็ทำให้วริษฐ์เจ็บได้ ตฤนพลิกลุกขึ้นวิ่งถลาไปที่ประตู ก่อนจะคว้าที่จับเพื่อเปิดประตู

   วริษฐ์ที่ตั้งตัวได้ เขาประชิดด้านหลังดันเขาติดกับประตู เสียงดังตึง เขาประกบแนบชิด บางอย่างที่แข็งขืนในกางเกงถูไถอยู่ทางด้านหลัง  มือหนากำรวบข้อมือของเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง

   ตฤนได้แต่ปลงอยู่ในใจแม้เขาจะโมโหเกรี้ยวกราดแค่ไหน แต่เรี่ยวแรงที่มีกลับหดหาย...

.

[กรี๊ดดดดด น้องจะโดนปล้ำเเล้ววววว วริษฐ์มันร้ายยยยย!!!

จะเริ่มกรี๊ดอะไรก่อนดี กรี๊ดที่ปราชญ์ร้องเพลง หรือกรี๊ดที่น้องพลาดท่าดี! ]
 :z3: :z3: :z3:

ขอบคุณเพลง เผลอไป และคืนนี้สบายของ แทคทูคัลเลอร์

พูดคุยทักทายกันได้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป... (30/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-05-2019 09:28:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป... (30/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 31-05-2019 12:40:27
ต้องเหยียบให้เละ เอาตีนค่อยๆๆๆๆบดตรงหว่างขา แล้วกระทืบๆๆๆๆๆๆ เสร็จแล้วแก้ผ้าให้หมดลากไปทิ้งที่ล้อบบี้เลย เกลียดนักพวกข่มขืนคนอื่น
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป... (30/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 31-05-2019 13:20:49
ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย น้องจะโดนคนใจร้ายจับกินแล้ว
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 19 การกระทำอุกอาจ (2/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 02-06-2019 17:50:01
บทที่ 19 การกระทำอุกอาจ

   
   “ปล่อยสิวะ อย่ามายุ่งกับผม!” ตฤนพยายามสะบัดหนีจากการเกาะกุม ลมหายใจร้อนเจือแอลกอฮอล์เป่ารดใส่ต้นคอ จนร่างสะท้าน มือของวริษฐ์พยายามแทรกเข้าไปในกางเกงตฤน

   ตฤนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ยิ่งดิ้นก็ยิ่งสู้แรงไม่ไหว แขนสองข้างที่ถูกจับไว้ด้วยมือแค่ข้างเดียว ก็ถูกบีบจนเจ็บ วริษฐ์ซุกไซร้ซอกคอขาวของตฤนอย่างหื่นกระหาย ขบเม้มจนปรากฏเป็นรอยแดง

   “ไอ้เวรเอ้ย #$%^*” และสารพัดคำด่าถูกพ่นออกมาไม่หยุด ตฤนทำได้แค่นี้... ขณะที่มืออีกข้างของวริษฐ์ กำลังวุ่นวายอยู่กับส่วนอ่อนไหวของเขา

   “อื้อ...” เสียงวริษฐ์ครวญคราง ขณะพยายามถูไถผ่านเสื้อผ้า อารมณ์ของเขาพุ่งพล่านจนไม่สนอะไรอีก ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะยอมมั้ย จะขัดขืนหรือเปล่า จะด่าทอเขายังไงก็ช่าง

   “แม่งเอ้ย ไอ้#$$%^&”

   “อ่า...ตฤน..”

   “อึก” ตฤนกัดฟันแน่น เมื่อมือหนากำลังขยับเล่นกับส่วนอ่อนไหวของเขา

   

   ปัง ปัง ปัง

   
   แต่จู่ ๆ เสียงทุบประตูก็ดังขึ้น เสียงดังสนั่น จนคนสองคนที่ยืนอยู่ติดประตู รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน วริษฐ์เผลอหันไปสนใจประตู ตฤนฉวยโอกาสนั้นสะบัดมือจากการเกาะกุม เขาผลักวริษฐ์ให้ล้มลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูถลาวิ่งออกไป ...

   
   ...เพื่อเจอกับคนที่คุ้นเคย


   ประตูด้านหลังปิดลงทันที โดยอัตโนมัติ

   ปราชญ์คว้าร่างบางที่ถลาออกมาเอาไว้ได้ เขาเหลือบมองคนในอ้อมแขนที่กำลังตัวสั่น กวาดสายตามองความผิดปกติ ริมฝีปากบวมช้ำ และร่องรอยแดง ๆ ที่คอของตฤน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า เขาข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห ดวงตาวาวโรจน์ มันกล้ามากที่มาแตะต้องคนของเขา คนที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอด

   ไม่กี่อึดใจประตูเปิดออกอีกครั้ง  วริษฐ์ในสภาพหัวเสียเดินออกมา ปราชญ์ไม่รีรอ เขาถลาเข้าต่อยไปที่ใบหน้าของวริษฐ์จนเซไปกระแทกประตู

   “นี่เพราะเมิงมาแตะต้องคนของกุ!” ปราชญ์ตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ชี้หน้าวริษฐ์ กำลังจะเดินเข้าไปซ้ำ

   ตฤนใช้สองมือสั่นเทายื่นไปจับชายเสื้อของปราชญ์ไว้ เขาที่กำลังสับสน ตกใจกับทุกอย่าง สะดุ้งแม้แต่เสียงตวาด ถึงนั่นจะเป็นเสียงของปราชญ์ก็ตาม ปราชญ์ไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมา และแปลกที่เขามาอยู่ตรงนี้...

   ดวงตาวาวโรจน์อ่อนแสงลงเมื่อหันมาหาตฤน เขาเหลือบกลับไปมองวริษฐ์ที่นั่งกุมแก้ม มุมปากมีเลือดไหลซึม ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นสู้

   ปราชญ์มือหนัก เขาประเคนใส่เต็มแรงในหมัดเดียว ให้สาสมกับความหงุดหงิดทั้งวันของเขา

   เขาที่ต้องตามดูตฤน แต่ต้องมาประสาทเสียเมื่อเดินกลับจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นทั้งคู่ที่โต๊ะ ต้องมายืนกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เดินวนไปวนมา ถ้าไม่ได้ยืนเสียงชนประตูนั่น เขาคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่อง

   “อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก” ดวงตาวาวโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น ก่อนจะจับมือตฤนที่ดึงชายเสื้อเขาเอาไว้เหมือนเด็ก ๆ เขาเดินจูงให้ตฤนเดินตามไปที่ห้องของเขา ห้องที่อยู่อีกฝั่งนึงของตึก
   

   เมื่อถึงห้องตฤนแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงนั่งพิงตู้เสื้อผ้า เขาตัวสั่นเทาอีกครั้งเมื่อคิดว่าเมื่อกี้เขาจะถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน น้ำตาคลอหน่วยด้วยความกลัว

   ปราชญ์นั่งลงข้าง ๆ เอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ คนถูกจับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตระหนก ปราชญ์มองท่าทางนั้นด้วยความสงสาร

   “ไม่เป็นไร กูอยู่นี่แล้ว” ปราชญ์พูดพลางดึงคนตัวเล็กมากอดเอาไว้หลวม ๆ เขารู้สึกถึงความชื้นบนไหล่ พอเห็นแบบนี้ เขาก็เจ็บไปด้วย ขนาดเขาอยู่ใกล้แค่นี้ ตฤนก็ยังถูก... ปราชญ์ได้แต่โมโหตัวเอง

   ตฤนที่ค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้น ขยับออกจากอ้อมกอดคนตรงหน้า เขาถามในสิ่งที่สงสัย “ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่”

   เสียงพูดครั้งแรกจากตฤนเป็นคำถามที่ทำให้เขาสะอึก เขาตอบไม่ถูก มีแต่ความอึกอัก

   “เอ่อ...กู”

   ตฤนมองจ้องอีกฝ่าย ด้วยดวงตาเปรอะเปื้อนน้ำตาที่ตอนนี้กลับฉายแววสงสัย

   ‘แม่งมาขี้สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่องตอนนี้วะ!’ ปราชญ์บ่นในใจ เขามองหน้าตฤนอย่างคิดไม่ตก ว่าเขาควรจะตอบว่าอะไร เขานิ่งคิด พยายามหาข้ออ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะเข้าเค้าเลย ก็จำต้องบอกออกไปตามตรง

   “กู... กูตามเมิงมา กูเป็นห่วง”

   ตฤนขมวดคิ้วมุ่น เป็นห่วงเขา? ขนาดนั้น? เขาจ้องปราชญ์ด้วยความสับสน

   “เป็นห่วงกู?”

   ปราชญ์ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ บนริมฝีปากบวมช้ำ อยากให้คนตรงหน้าเลิกถาม ถ้ายังถามอีกเขาต้องพูดออกไปแน่

   ตฤนมองเขาด้วยสายตางุนงง ตัวเขาไม่เข้าใจปราชญ์ ห่วงอะไรจนต้องตามมาถึงนี่? อย่างกับพ่อหวงลูก

   ร่างสูงรู้สึกว่าสายตาหมาสงสัยของคนตรงหน้านั้นน่ารักมากจนเผลอขยับเข้าไปใกล้ ๆ มือเลื่อนมาแตะรอยแดงบนซอกคอขาวอย่างแผ่วเบา ตฤนสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเย็น ๆ แตะโดน

   “มันทำอะไรมึงนอกจากตรงนี้กับปากนี่อีกหรือเปล่า” ปราชญ์ถามตรง ๆ ส่วนตฤนรีบส่ายหน้าพรืดปฏิเสธ แม้จะนึกขยาดถึงมือที่ทำอุกอาจรุกรานส่วนอ่อนไหวของเขา... “ดีแล้ว กูทะนุถนอมของกูมาตั้งนาน...” เขาหลุดปากพูดออกไปเอง จนเขาอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด

   สายตาตั้งคำถามนั่นกลับมาอีกครั้ง ปราชญ์หายใจไม่ทั่วท้อง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาตัดสินใจอะไรบางอย่างในใจ พลางมองจ้องดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขาใช้สองมือจับไหล่ตฤนเอาไว้เบา ๆ เขามองจ้องอีกฝ่ายก่อนพยายามกลืนน้ำลายลงคอ ...เหมือนคนน้ำท่วมปาก

   “นี่มึง? ทะนุถนอม? มึงหมายความว่าอะไร” น้ำเสียงเคร่ง พร้อมสายตาคาดคั่น ทำให้ปราชญ์หายใจไม่ออก

   “ใจเย็น ๆ แล้วฟังกูนะ” ความรู้สึกกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ คำพูดมากมายที่อัดแน่น อยากพูดแต่...ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เขาไม่คิดว่าควรจะพูดในตอนนี้ แต่ก็หลบสายตากับสีหน้านั่นไม่ได้ “กู...ชอบเมิง” ปราชญ์พูดออกมาจนได้ เขาจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง ในขณะที่ตฤนพยายามจะทำความเข้าใจ ก่อนที่เขาจะตอบสนองด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้าง อธิบายความรู้สึกข้างในไม่ออก ความรู้สึกประหลาดวูบไหวอยู่ในออก เขาไม่เข้าใจ ...เขาสับสน

   “มึงพูดอะไรวะ” ในแววตาตฤนนอกจากความตกใจมันยังมีแววสั่นไหว สองแขนสั่นเทายกขึ้นปัดมือของปราชญ์ที่จับไหล่ของเขาอยู่ออกโดยอัตโนมัติ... เขากลัว ภาพวริษฐ์แนบประชิดตัวเขายังตามหลอกหลอน

   ใจปราชญ์กระตุกวูบ กับท่าทางของคนตรงหน้า หรือว่ามันจะพัง...

   “มึงล้อกูเล่นใช่มั้ย” ตฤนละล่ำละลักถาม

   “...” ปราชญ์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง ประกายความเจ็บปวดแล่นออกมาอย่างชัดเจน เมื่ออีกฝ่ายมองว่าสิ่งที่เขาพยายามรวบรวมความกล้าพูดออกไปนั้น เป็นแค่เรื่องล้อเล่น

   “กูพูดจริง” ดวงตาคมกริบไม่มีแววล้อเล่น มีแต่ความจริงจัง ตฤนถอยหนี

   “มึงอยู่ห่าง ๆ กูไว้” ตฤนพูดขึ้นมาเสียงสั่น คำพูดของมันกรีดแทงลงกลางใจของปราชญ์ สร้างรอยแผลที่มองไม่เห็นเอาไว้ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก

   ปราชญ์จะเอื้อมมือไปแตะไหล่สั่นสะท้านนั้น

   “อย่ามาถูกตัวกู”

   ไม่ทันแตะถึงตัว เขาก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงสั่น ๆ บอกเขาแบบนั้น เขากำมือแน่นก่อนจะดึงมือกลับมา

   “กูขอโทษ ... กู...กูจะไม่ให้ความรักของกู ทำให้มึงไม่สบายใจ” ปราชญ์ลุกขึ้นยืน เขาส่งรอยยิ้มขมขื่นออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   ปราชญ์แค่นยิ้มเศร้าสร้อยเขาเดินไปหามุมสูบบุหรี่ ปกติเขาไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่ จะสูบก็แค่ตอนเครียด ๆ กับตอนที่ดื่มเหล้า เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ เขาสูดควันพิษเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะค่อย ๆ พ่นมันออกมา ร่างกายผ่อนคลายขึ้น นัยต์ตาเหม่อลอยมองดวงจันทร์กลมโต มันจบลงแล้ว...

   
   ตฤนที่นั่งงุนงงอยู่ในห้อง เขาจัดระเบียบความคิดหรือความรู้สึกไม่ได้เลย เขาสับสนดวงตากลมโตสั่นระริก เขาควรจะทำยังไง ควรรู้สึกยังไง เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาจะโดนผู้ชายที่เป็นรุ่นพี่ข่มขืน และหลังจากนั้นก็ถูกผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทมาบอกรัก แล้วเขาต้องทำตัวยังไง...

   ‘กู...ชอบมึง’

   ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้วะ

   ‘กูทะนุถนอมของกูมาตั้งนาน...’

   เหมือน น้ำเสียงของปราชญ์ยังคงดังก้องอยู่ในห้อง ตฤนได้แต่กอดเข่าตัวเองแน่น วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะรับอะไรได้อีก


   ปราชญ์นั่งเหม่อลอยเขาถอนหายใจไปเป็นร้อยครั้ง แถมด้วยจุดบุหรี่สูบไปหลายมวน ร่างกายผ่อนคลายแต่ใจกลับไม่สงบ

   ‘อย่ามาถูกตัวกู’ เสียงสั่นเทาของตฤนดังก้องอยู่ในหัว มันรังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ ... ผมรู้ว่ามันยากจะยอมรับ แต่ก็ไม่คิดว่าผลจะออกมาเลวร้ายขนาดนี้ เขาสูบบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ ควันหนาลอยตลบอบอวล มือหนาเสยผมด้วยความหงุดหงิดคิดไม่ตก นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ไม่รู้ว่าตฤนหลับไปหรือยัง

    เขาตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินกลับห้อง เขาเดินใจลอยไปที่ห้อง ความเจ็บปวดในอก มันหน่วงจนเขาน้ำตาคลอ แต่ถึงแม้เขาอยากจะร้องไห้ แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาสักหยด ถ้าตฤนยังตื่นอยู่ เขาจะทำให้ตฤนอึดอัดหรือเปล่า

   ปราชญ์ค่อย ๆ เปิดประตู ไฟในห้องยังสว่างโร่ ไม่มีวี่แววว่าตฤนจะนอนอยู่บนที่นอน เขาเห็นว่าตฤนยังนั่งอยู่ที่เดิม นั่งกอดเข่าหลับไป คงหมดแรง ทั้งเดินทาง ทั้งเล่นน้ำ ดื่มเหล้า เจอผู้ชายจะปล้ำ แล้วยังมาเขาอีก ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเหนื่อยล้าขนาดนั่งหลับไปแบบนั้น

   ปราชญ์นั่งคุกเข่าดูคนนั่งหลับ ร่องรอยจากการถูกล่วงเกินยังปรากฏเด่นชัด ที่มีมากกว่าคือคราบน้ำตาที่ข้างแก้มขนตางอนยาวเหมือนจะยังชื้นไปด้วยน้ำตา ปราญช์โน้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้านวล ‘อย่ามาถูกตัวกู’ เสียงของตฤนดังหลอกหลอนเขาอีกครั้ง ทำให้เขาได้แต่ชะงักค้างนิ่ง เขาขยับห่างออกมา เสียงหายใจสม่ำเสมอ เขาแน่ใจว่าตฤนหลับสนิทดี ก็ตัดสินใจจัดแจงช้อนตัวร่างบางขึ้นไปนอนบนเตียง ห่มผ้าให้ จนถึงคอแบบที่ตฤนชอบทำ ส่วนตัวเขานอนอีกฝั่งนึง พยายามข่มตาหลับ

   พรุ่งนี้เขาจะทำตัวปกติ ไม่ให้ตฤนอึดอัดใจแม้แต่น้อย



   “อย่า! อย่าเข้ามาใกล้!”

   ปราชญ์สะดุ้งตื่นเมื่อคนข้าง ๆ ร้องโวยวายเสียงดังลั่น

   ตฤนปัดป่ายมือ เรื่องเมื่อตอนเย็นทำให้เขาเก็บไปฝันร้าย เขาโวยวายเหมือนละเมอ ปราชญ์ผุดลุงขึ้นนั่ง กดเปิดไฟที่หัวเตียง เขารวบข้อมืบางเอาไว้ด้วยมือข้างนึง ส่วนมืออีกครั้งลูบศีรษะคนละเมอเบา ๆ

   “อย่า!”

   “ชู่ว ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรมึง” ปราชญ์พูดปลอบ โดยไม่รู้ว่าเสียงของเขา จะดังเข้าไปถึงในฝันมั้ย ตัวเขาเองอยากจะอยู่ข้าง ๆ ตฤน คอยปกป้องตฤนไปแบบนี้ ทั้งตอนตื่นและตอนฝัน ...ถ้าเขาจะสามารถทำได้

   ตฤนสงบลงอย่างประหลาด ในฝันมีใครบางคนที่ช่วยเขา ใครบางคนที่เขาคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ รู้แค่ว่าไม่มีอะไรต้องกลัว

   เขาอยากกอดตฤนเอาไว้ แต่ไม่ได้สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากทำอะไรให้ตฤนเกลียดเขา ปราชญ์จึงได้แต่รอจนให้คนข้าง ๆ หลับสนิทอีกครั้ง เขาจึงค่อยเอนนอนต่อ


   ปราชญ์ตื่นแต่เช้าตรู่ เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน สุดท้ายเขายอมแพ้ เขาฝืนพยายามข่มตาหลับไม่ไหวอีกต่อไป เสียงนกร้องเบา ๆ ที่ด้านนอก เขาตัดสินใจลุกไปที่ห้องของตฤน ที่มีวริษฐ์คนเดียวนอนอยู่ตรงนั้น

   
   ปัง ปัง ปัง

   
   เขาทุบประตูเสียงดัง แล้วยืนรอ แค่ไม่นาน วริษฐ์ก็เดินมาเปิดประตู พอเขาเห็นว่าเป็นปราชญ์ก็ทำท่าจะปิดประตูใส่ แต่ปราชญ์ใช้มือง้างดันประตูออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไป วริษฐ์ จำต้องปล่อยประตู พลางเดินถอยหนี

   “เมื่อคืนกูเมา กูไม่มีสติยับยั้ง” วริษฐ์ละล่ำละลัก บนใบหน้ายังเหลือร่องรอยช้ำ ๆ ฝากไว้ที่ใบหน้าหล่อเนี้ยบ

   “กูไม่ได้มากระทืบมึง เปลืองแรง”ปราชญ์พูดเสียงเรียบดวงตาคมกริบตวัดจ้อง

   คนถูกจ้องร้อนๆ หนาวๆ ขยับหนีไปนั่งที่มุมห้อง มองปราชญ์เก็บนั่นเก็บนี่ใส่ลงกระเป๋า เขาพอจำข้าวของต่าง ๆ ของตฤนได้ตามประสาที่รู้จักกันมานาน ความเงียบอึมครึมอย่างน่าอึดอัดใจยังคงดำเนินต่อไป

   “มึง” อยู่ ๆ ปราชญ์ก็พูดขึ้น ทำเอาวริษฐ์สะดุ้ง “มีของอะไรที่ไม่ใช่ของมึงอีกมั้ย”

   วริษฐ์สั่นหัวแทนคำตอบ

   ปราชญ์สะพายกระเป๋าขึ้นพาดบนไหล่ ก่อนเดินย่างสามขุมเข้าไปหาวริษฐ์ ที่ตอนนี้เกิดอาการเหงื่อตก

   “อย่าแตะต้องตฤนอีก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” เสียงเย็นพูดใส่คนที่แก่กว่าเขาอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาคมกริบมีประกายเกรี้ยวกราดซ่อนอยู่ มันน่าเกรงขามจนทำให้วริษฐ์ต้องรีบพยักหน้า

   เขาเข็ดแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว เขามีคนอื่นให้กินมากมาย แต่คนที่มีเจ้าของที่หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่แบบนี้ เขาไม่เอาตัวเข้าไปปะทะแน่

   “บอกคนอื่นด้วย ว่าตฤนกลับกับกู”

   ปราชญ์ออกคำสั่ง พลางมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   มวลสารแห่งความเกรี้ยวกราดเดินพรวดออกไป ไม่มีปี่ไม่มี่ขลุ่ยเหมือนตอนที่มา บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายทำให้วริษฐ์ถอนใจออกมา เขาคงต้องหาจังหวะไปขอโทษตฤน

   ที่เขาทำลงไปส่วนนึงก็เพราะว่าน้องมันน่ารัก น่าลอง อีกส่วนก็เพราะว่าความเมาที่ขาดสติยับยั้ง


   ปราชญ์เดินกลับห้อง พยายามปั้นหน้าสดใส เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะตื่นแล้ว เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง เป็นดังคาด อีกฝ่ายนั่งงัวเงียอยู่บนที่นอน ปราชญ์เอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะในห้อง

   “สวัสดี ตื่นเร็วจังวะ” ปราชญ์ทักเสียงใส เขาพยายามควบคุมท่าทางและจิตใจของเขาให้เป็นธรรมชาติ ทำเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น

   ตฤนมองท่าทางตรงหน้า ท่าทางที่เหมือนกับไม่มีอะไร เหมือนกับว่าคนตรงนั้นไม่ได้มาบอกชอบเขาเมื่อคืนนี้ แม้เขาจะยังรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน เขาไม่อยากให้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องการแม้แต่เรื่องเดียว

   “มึงตื่นก่อนกูอีก” ตฤนตอบเสียงเรียบ พลางลุกไปหยิบเสื้อผ้า เพื่ออาบน้ำ

   “เดี๋ยวมึงกลับกับกูนะ” ปราชญ์พูดบอก

   ตฤนพยักหน้าเบา ๆ อย่างรับรู้ เขายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับวริษฐ์ตอนนี้

   
   เมื่อออกจากโรงแรมการเดินทางที่แสนอึดอัดก็เริ่มขึ้น

   ปราชญ์ทำตัวปกติ ปกติจนตฤนนึกขุ่นในใจ แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน พวกเขาเพียงแต่นั่งข้างกัน แล้วปล่อยให้เสียงเพลง พูดคุยแทนพวกเขา

   ‘ความเป็นจริงระหว่างเรา

   ความจริงที่ซ่อนอยู่ในใจฉัน

   อาจเป็นแค่เพียงความรู้สึกของฉัน

   แต่ไม่เป็นไร ไม่เคยบังคับเธอเลย

   ขอแค่ได้ดูแลแบบนี้ต่อไป แค่เพียงเท่านั้นได้มั้ย’

.
.
[ไหนที่สุดก็บอกออกไปแล้ว แต่...
มันผิดที่ผิดทางไปหน่อยมั้ยยย ฮือ ปราชญ์!!!
ใครก็ได้ปลอบปราชญ์ที]

 :serius2: :serius2: :serius2:


ต้องเหยียบให้เละ เอาตีนค่อยๆๆๆๆบดตรงหว่างขา แล้วกระทืบๆๆๆๆๆๆ เสร็จแล้วแก้ผ้าให้หมดลากไปทิ้งที่ล้อบบี้เลย เกลียดนักพวกข่มขืนคนอื่น

เกรี้ยวกราดมากกกก แง้ ปราชญ์ประเคนหมัดให้เล้วนะ

ใครก็ได้ช่วยน้องด้วย น้องจะโดนคนใจร้ายจับกินแล้ว

ปราชญ์มาช่วยน้องเเล้วววว
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 19 การกระทำอุกอาจ (2/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2019 14:29:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 20 หายไป (Part 1) (5/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 05-06-2019 17:37:18

บทที่ 20 หายไป (Part 1)


   ตฤนไปทำงานในตอนเช้าหลังจากเกิดเรื่องด้วยความรู้สึกที่ไม่คงที่ คนที่นั่งตรงข้ามทักทายเบา ๆ เขาเข้ามาขอโทษที่เขาไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง ทั้งความเมาและอารมณ์ที่พุ่งพล่านทำให้เขาทำแบบนั้น และหงุดหงิดโมโหมากเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม

   ตฤนยอมที่จะเข้าใจ แต่ความรู้สึกของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขารักษาระยะห่างเอาไว้ มีแค่เรื่องงานเท่านั้น เพราะตัวเขาไม่สามารถไว้ใจในตัววริษฐ์ได้อีกแล้ว และเหมือนตัววริษฐ์เองก็พยายามวางตัวให้มีช่องว่างระหว่างกันเอาไว้ เขารู้สึกผิด และยังจำคำขู่ กับดวงตาคมกริบที่พร้อมอาละวาดเขาในวันนั้นได้ดี แรงเหวี่ยงจากหมัดที่ประเคนใส่หน้าเขาไม่ใช่เรื่องที่ควรจะท้าทาย

   

   วันเวลาเคลื่อนผ่านไปตามที่มันควรจะเป็น แต่มีบางอย่างที่ต่างออกไป... ใครบางคนหายไป

   ผ่านมาหลายวัน จนเกือบอาทิตย์ ที่ปราชญ์หายไป ไม่รู้ว่าทำไมตฤนถึงรู้สึกโหวง ๆ ตอนลงจากรถในวันนั้น มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ปราชญ์โบกมือลาและยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มเศร้ากับประกายตาที่เหือดแห้ง มันไม่สามารถซ่อนปกปิดได้มิดแม้ปราชญ์จะเสแสร้งยิ้มสดใสแค่ไหน คนซื่อบื้ออย่างเขา ยังสัมผัสได้ และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เห็นปราชญ์

   ตฤนนั่งถอนหายใจเหม่อลอยอยู่เสมอ เขากดมือถือจะโทรหาปราชญ์หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้า ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะคุยอะไร เขาเพิ่งรู้ว่าการพยายามโทรหาใครสักคนมันเป็นเรื่องยากขนาดนี้ มันต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่คิด

   ตฤนกลั้นใจกดโทรออก ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถ...’ ความกล้าของเขาเสียเปล่า เมื่ออีกฝ่ายปิดเครื่อง... เขาถอนใจออกมาอีกครั้ง โทรไม่ติดเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไม่ว่าจะติดต่อปราชญ์ในช่องทางไหนจะแชท หรือโปรแกรมอะไรก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะอ่านหรือตอบมาแม้แต่น้อย

   “หรือควรแวะไปบ้าน” ปราชญ์พึมพำเบา ๆ ขณะหยิบเอาปากกาขึ้นมาเขียนงานต่อ เขาคิดว่าหมึกปากกาหมด แต่ความจริงเขาเอาก้นปากกาลงเขียน พอเขารู้ตัวก็รีบกลับด้านปากกา นี่เขาเป็นเอามากเลยนะ

   

   เขาเลิกงานมาก็ตรงดิ่งไปที่บ้านปราชญ์ เมื่อเข้าไปถึง เขาก็ต้องพบความผิดหวังอีกครั้ง ในใจรู้สึกโหวงเหวง บ้านปิดเงียบเชียบ แถมยังมืดสนิท คงไม่มีใครอยู่

   เขาได้แต่เดินคอตกกลับบ้านทำไมเขาต้องรู้สึกกังวลมากขนาดนี้ด้วยนะ ทุกทีไม่เจอกันเป็นเดือนก็ไม่เป็นไร ทั้ง ๆ ที่เป็นเขาเองที่บอกให้อีกฝ่ายอยู่ห่าง ๆ แต่พอเขาหายไปตัวเขากลับกระวนกระวาย...

   ตฤนนึกไม่ออกว่าจะติดต่อปราชญ์ยังไง ไม่ว่าจะโทรยังไงมือถือก็ถูกปิดอยู่ตลอดเวลา

   “ใครที่จะพอรู้ว่าปราชญ์จะอยู่ที่ไหน คนที่มันไว้ใจ” ตฤนได้แต่ครุ่นคิดก่อนจะพบชื่อใครบางคนที่เขาหลงลืมไป...กวางไง

   ตฤนรีบโทรหากวางทันที แต่ไม่มีใครรับ ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ไม่มีใครคิดจะรับสายเขาหน่อยหรอ ตฤนนอนแผ่หลาอยู่ในห้อง เขาหันมองไปข้างตัว ภาพปราชญ์ที่นอนข้างเขาแวบขึ้นมา

   “มันตายแล้วหรือไงวะ ถึงมาเป็นวิญญาณแบบนั้น” ตฤนบนพึมพำ ก่อนสะดุ้งสุดตัว เมื่อโทรศัพท์แผดเสียงดัง เขาเด้งตัวขึ้นคว้ามือถือทันที ‘กวาง’

   “ฮัลโหลกวาง”

   ‘ว่าไง’ เสียงกวางทักทาย

   “มีเรื่องจะถามหน่อย กวางได้เจอปราชญ์บ้างมั้ย หรือรู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน” ตฤนพูดธุระอย่างตรงไปตรงมา

   ‘ไม่ได้เจอนะ มีอะไรเปล่า’ ไม่เจอแต่เธอรู้ว่าปราชญ์อยู่ไหน...

   “กุทะเลาะกับมันนิดหน่อย เลยอยากไปเคลียร์” ตฤนพูดเสียงเบาหวิว เขาสามารถเอาเรื่องนี้มาปรึกษากวางได้มั้ยนะ ...

   ‘เสียงแกดูเหงา ๆ เนอะ’

   “กวาง คือกุ... ถ้ากวางรู้ว่าปราชญ์ไปไหน ถ้ามันติดต่อมาบอกด้วยนะ” น้ำเสียงตฤนเศร้าสร้อยลงกว่าเดิม เขารู้สึกมืดแปดด้าน ถ้ากวางยังไม่รู้ เขาก็จนปัญญาแล้ว เหมือนกับเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปราชญ์ ไม่รู้ว่ามันทำงานที่ไหน ชอบไปพักที่ไหน เขาไม่รู้อะไรเลย เป็นความไม่ใส่ใจของเขาเอง

   ‘ถ้าเจอกัน แกจะพูดอะไรกับมันหรอ’ กวางถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิม

   “...” ตฤนเงียบไปอึดใจหนึ่ง

   ‘ถ้าแกจะไปเพื่อบอกว่า ให้มันถอยออกไปห่าง ๆ หรือไม่อยากเจอมันแล้ว’ กวางเว้นวรรคนิดนึง น้ำเสียงกวางเรียบนิ่งเหมือนกำลังประชดประชันเขา และเขาก็รู้แล้ว ว่ากวางรู้เรื่องทั้งหมด และนั่นทำให้เขารู้สึกแย่ เขายังจำคำพูดของตัวเองได้ดี ‘แกอย่าไปเจอมันดีกว่า...ปล่อยมันไว้แบบนี้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น’

   “กวางรู้อยู่แล้วใช่มั้ย รู้ใช่มั้ยว่ามันอยู่ไหน” ตฤนละล่ำละลักถาม เขารู้สึกเหมือนจะมีความหวังขึ้นมา

   ‘รู้... มันปลอดภัยดี แต่ขอไม่บอก’ เธอไม่อยากให้ปราชญ์เจ็บปวดอีก ไม่อยากให้เจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว

   “ทำไม...”

   ‘เพราะสงสารมัน ไปตกลงกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ว่าจะทำยังไงกับมัน... มันมีหัวใจนะตฤน’

   ตฤนได้แต่เงียบฟัง เขารู้ดีว่าเขาพูดไม่ดี เขาทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไปเพราะความรู้สึกของเขามันสับสนเหลือเกิน

   “เข้าใจแล้ว...ขอบใจนะกวาง” ตฤนวางสายไปด้วยใจที่เหนื่อยล้า เขาไม่รู้... ปราชญ์มันเลือกจังหวะผิด ถ้าเป็นวันอื่นมันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าบอกวันอื่นอาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ...อะไร...จะเปลี่ยน มันจะเปลี่ยนจริง ๆ ใช่มั้ย ในเมื่อตัวแปรของเรื่องราวทั้งหมดนั้น มันคือเขา

   

   -ปราชญ์-

   คนอกหักมักจะไปทะเล ... เขาก็เช่นกัน ปราชญ์นั่งอยู่ริมหาดตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ เขานั่งเหยียดเท้า ให้ขาจุ่มทะเล คลื่นซัดสาดจนกางเกงเขาเปียก ผิวหนังที่ถูกน้ำเหี่ยวย่น เสียงคลื่นดังกลบความคิดฟุ้งซ่านของเขา ในมือมีเบียร์หนึ่งกระป๋อง เขาจิบมันมาหลายชั่วโมง ในหัวคิดแต่เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา

   เขาหนีมาเพราะเขาทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว เขาวิ่งหนีออกมาพร้อมกับหัวใจพัง ๆ ของเขา เขารู้ดีว่าเขาตัดใจจากตฤนไม่ได้ และเพราะรู้แบบนั้น เขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ เขาไม่อยากให้ตฤนอึดอัด ลำบากใจ ไม่อยากเห็นแววตาตื่นกลัวแบบนั้นอีกแล้ว เพราะว่าตฤนสำคัญมากเกินกว่าความต้องการของเขา

   ปราชญ์ยกเบียร์ขึ้นดื่มได้ไม่กี่อึก มันหมดพอดี พอ ๆ กับแสงแดดที่เริ่มร้อน เขาลุกโซซัดโซเซเดินกลับที่พัก เขาจัดการตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอน เพื่องีบหลับ เขานอนไม่พอ เพราะเขามักสะดุ้งขึ้นตื่นกลางดึกเสมอ และมักเห็นตฤนร้องไห้...แววตาสั่นระริกนั้นจ้องมองเขาด้วยความตื่นกลัว

   คนสุดท้ายที่เขาเจอและคุยด้วยคือกวาง ที่ปรึกษาส่วนตัวของเขา เหมือนกับนักบำบัด เขาไประบายให้เธอฟังมา กวางเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ เธอปลอบเขา ก่อนที่เขาจะบอกเธอคร่าว ๆ ว่าจะไปไหน เขากลับบ้านและตั้งใจว่าจะขับรถออกไปในตอนเช้า แต่พอเขาล้มตัวนอน เขาก็จำได้ว่าเขาเคยนอนกอดตฤนเอาไว้...ที่ตรงนั้น... แต่ตอนนี้มันจบแล้ว เขาทนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ เขาจึงเก็บข้าวของแล้วขับรถออกไปกลางดึกด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่มองไม่เห็น

   ปราชญ์ตื่นขึ้นมา เขานั่งงุนงงได้พักนึงก่อนลุกไปเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมา ไล่อ่านแชทของทุกคน เว้นแค่แชทเดียว ตฤน... ข้อความค้างไว้ประมาณ 20 ข้อความ และข้อความล่าสุดที่แสดงขึ้นมา มันเขียนว่า ‘หายไปไหนวะ’

   เขาไม่กล้าเปิดอ่าน ได้แต่จ้องมองข้อความนั้น อย่างน้อยมันก็ใส่ใจและรู้ว่าเขาหายไป

   

   ติ๊ง

   กวางทักมาพอดีเหมือนกับรู้ว่าเขาเปิดอ่านอยู่

   ‘ปราชญ์ยังมีชีวิตอยู่มั้ยวะ’ คำทักที่เหมือนกับการแช่งของกวางเด้งขึ้นมา

   “ยังไม่ตาย”

   ‘อยู่ไหนแล้ว ขอรายละเอียดที่มากกว่าชื่อจังหวัดได้มั้ย’

   “จะตามมาหรอ” ปราชญ์พิมพ์ตอบ เขารู้ว่ากวางน่ะห่วงเขา บางทีเขายังคิดเลยว่ากวางมันแอบชอบเขาหรือเปล่า แต่ก็นะ มันจะดูหลงตัวเองมากเกินไป เพราะกวางกับเขาน่ะเป็นเพื่อนสนิท ที่หวังดีต่อกันเสมอ

   ‘เปล่า เผื่อติดต่อไม่ได้จะได้แจ้งตำรวจ’

   “คิดว่าจะห่วงแล้วมาตามหา เออใคร ๆ ก็ไม่รักกุ”

   ‘น่าสงสาร เดี๋ยวก็ดีขึ้น’ กวางตัดบทพร้อมส่งสติ๊กเกอร์หมารีบวิ่งไปทำงาน

   ปราชญ์รู้ดีว่าเขามีอะไรต้องทำมากมาย แม้เขาจะไม่อยากทำ เขาเปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน จะหนีรักก็ยังต้องหอบงานมาทำ...

   

   ปราชญ์มาอยู่ที่นี่ได้เกือบอาทิตย์แล้ว แต่ละวันผ่านไปเขาก็แค่นั่งเหม่อมองทะเล จิบเบียร์ แล้วก็กลับมาทำงาน วนไปวนมาอยู่แบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา รวมถึงหนวดเคราที่เริ่มยาวเขาก็ไม่ได้จัดการมัน

   ตฤนยังทักมาตามช่องทางต่าง ๆ เขาตัดใจไม่อ่าน เพราะกลัวว่าเขาจะใจอ่อนจนรีบกลับไปหา ในหัวใจของเขามันอัดอั้นและหนักอึ้ง เขาไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้มีแต่ความชา มันชาจนน้ำตาสักหยดก็ไม่ไหล
.
[ขอให้ทุกคนสงสารปราชญ์ไปเลยค่าาาาาา]
 :o12:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 20 หายไป (Part 1) (5/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 08-06-2019 09:58:40
บทที่ 20 หายไป / ตามคืน (Part 2)

-ตฤน-

   ตฤนยังคงพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ทั้งที่ออกปากไล่เขาออกไป แต่ตอนนี้เขากลับกระวนกระวายหา เขาพูดจาร้ายกาจแบบนั้น แต่ยังหวังว่าเขาจะกลับมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง...

   เขามักใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการนั่งเหม่อ แม่เขาสังเกตเห็นหลายวัน แต่ไม่รู้ว่าลูกชายเป็นอะไรกันแน่ เผลอเอาอาหารเม็ดของกี้ ไปเทใส่ชามน้ำบ้างละ เอาขนมเททิ้งใส่ถังขยะ แล้วเอาถุงขนมใส่จาน ทุกอย่างมันเบลอ และผิดพลาด

   ยิ่งวันเสาร์วันนี้ เขาเอาแต่เหม่อ ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เลวร้ายยิ่งกว่าทุกวัน

   “ตฤน” จนวันนี้ที่แม่ตัดสินใจถาม เพราะเขาใช้ช้อนส้อมผิดด้านพยายามตักข้าวอยู่ “ช่วงนี้เครียดอะไรหรือเปล่า”

   “ครับก็นิดหน่อย”

   “งานหนักหรอลูก”

   “เปล่าครับ” ตฤนตอบด้วยดวงตาหม่นแสง หน้าตาเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม

   “ทะเลาะกับปราญ์หรอ”

   “แม่...” เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ เขาหันไปมองเม่ของเขา เขาเลยได้แต่พยักหน้ารับ

   “ทะเลาะอะไรกัน”

   เขาพูดได้มั้ย เขาควรบอกแม่เขามั้ย

   “ปราชญ์มัน...” เขาตัดสินใจว่าจะเล่าออกไป แม้ว่าแม่อาจจะผิดหวังในตัวเขากับปราชญ์ก็ตาม “ปราชญ์มันมาบอกชอบผม” ตฤนโพล่งออกไปตรง ๆ ก่อนก้มหน้าลง เขารู้สึกอย่างกับทำความผิด

   แม่ทำหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา

   “แม่รู้อยู่แล้วว่าสักวันมันต้องมาถึง”

   คำพูดของแม่ทำให้เขาสับสน แม่รู้อะไร

   “แม่?”

   “มีเพื่อนคนไหนดีกับแกเท่าปราชญ์มั้ย”

   ตฤนนิ่ง เขาส่ายหน้าแทนคำตอบนั้น

   “ไม่มีเพื่อนคนไหน พยายามไปรับไปส่ง ดูแลเราตลอดเวลา ช่วยเหลือเราทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือ เสนอตัวทำนู้นทำนี่ให้ ...แต่แม่ก็มีอยู่คนนึง” แม่เว้นวรรคหลังจากพูดมายืดยาว “คนนั้นคือพ่อ...ของแก”

   “หมายความว่าอะไรครับ”

   “แม่ดูว่าปราชญ์มันพยายามจีบเรามานานแล้วนะ แต่เราไม่เคยสนใจ” แม่พูดออกมานิ่ง ๆ ไม่มีทีท่าตกใจหรือรังเกียจ

   “แปลว่ามันเป็นเกย์! ละ แล้ว แล้ว แม่รับได้หรอ” น้ำเสียงลนลานที่เจ้าตัวรีบพูดจนลิ้นแทบพันกันและดวงตาเบิกโพล่งด้วยความตื่นตระหนก

   แม่ส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ “ลูกก็รู้ดีว่าปราชญ์ไม่ได้เป็นเกย์”

   “แต่...มันบอกว่ามันชอบผม”

   “แล้วตฤนชอบปราชญ์บ้างหรือเปล่า” แม่ถามกลับทำเอาตฤนหายใจไม่ทั่วท้อง เขานิ่งอย่างไม่มีคำตอบจะให้กับคำถามของแม่

   “ผมไม่รู้...” ตฤนตอบเสียงอ่อย

   “ทำไมไม่รู้ หัวใจตัวเองแท้ ๆ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ

   “ก็ผม...”

   “คิดถึงเขามั้ย” แม่ไม่รีรอกับความอึกอักอ้ำอึ้งของตฤน แม่เลือกที่จะถาม แล้วให้ลูกชายของเธอคิดเอาเอง

   “คิดถึง”

   “ใจเต้นกับเขาบ้างมั้ย”

   เขานึกถึงเหตุการณ์ธรรมดา ๆ ที่ในชีวิตมีปราชญ์อยู่เสมอ เหตุการณ์ธรรมดา ๆ ...ตึกตัก

   “ครับ...”

   “อยากเจอเขามั้ย”

   “อยากเจอมาก”

   “เราเป็นหนักมากนะช่วงนี้ เรานึกถึงเขาทุกลมหายใจ แต่เราไม่รู้ตัว แล้วแบบนี้คือไม่ได้ชอบเขาหรอ?” แม่สรุปแบบปลายเปิดให้ เธอสงสารลูกชายที่หลงทาง กับคนที่มาจีบ ทนจีบโดยไม่รู้ว่าจะชนะใจคนที่ชอบเมื่อไหร่ มันคงทรมานน่าดู กับการสู้ที่ไม่รู้ว่าจุดหมายสุดท้ายอยู่ตรงไหน

   “ผมเป็นเกย์หรอแม่” ตฤนสับสนยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าฉายแววงุนงง

   “แล้วเราเป็นมั้ยล่ะ ตอบตัวเองสิ”

   “ผม...”

   “มันก็แค่คำนิยาม ความจริงก็มีแค่ทั้งสองคนชอบกันไม่ใช่หรอ”

   ตฤนนิ่งคิด ‘ความรักมันก็คือความรัก’ เสียงของขวัญแว่วเข้ามาในหัว เหมือนเขาจะเข้าใจ

   “แม่รับได้จริง ๆ หรอ”

   “ถ้าเป็นคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปราชญ์แม่โอเค”

   ตฤนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

   “ใครจะดีกับลูกเท่าปราชญ์ เขาเป็นเด็กดี ไม่ว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหน เขาก็ทะนุถนอมเรา ไม่ล่วงเกิน ไม่ฝืนใจ ไม่เคยทำให้เราเสียใจเลยใช่มั้ยล่ะ หลายปีที่ผ่านมามันก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ”

   เหมือนที่แม่ว่ามา ไม่ว่าจะกายหรือใจปราชญ์ไม่เคยทำให้เขาเจ็บปวดหรือเสียใจ มีแต่ปกป้องดูแลเขา ไม่เคยล่วงเกินไม่ว่าจะมีโอกาสแค่ไหน เขายังจำท่าทีเงอะ ๆ เงิ่น ๆ ตอนที่ปราชญ์พยายามเช็ดตัวให้เขาได้ดี

   “ทำไมแม่ดู...” ตฤนยังพูดไม่ทันจบประโยค แม่ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

   “พี่ขวัญทำให้แม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องพวกนี้” พี่ขวัญที่ชื่นชอบในการอ่านการ์ตูน อ่านนิยายชายรักชาย

   “ผมต้องขอบคุณพี่ขวัญใช่มั้ย”

   “พี่ขวัญบอกอีกนะ ว่าสายตาที่ปราชญ์มองตฤน ใครก็รู้ว่าไม่ได้คิดแค่เพื่อน” มีเขานี่แหละที่ไม่รู้ หรือก็แค่ไม่กล้าที่จะรับรู้

   

   ตฤนคิดทบทวนอย่างชัดเจน เขาไม่อยากให้ปราชญ์หายไป อยากอยู่ข้าง ๆ เขา เขาจะดูแลปราชญ์บ้างเพื่อชดเชย และตอบแทนที่ปราชญ์พยายามดูแลเขามาเสมอ นี่คงเป็นรักแรกของคนซื่อบื้ออย่างเขา...คิดได้แบบนั้นเขารีบโทรติดต่อหากวางทันที เขาจบกับตัวเองได้แล้ว

   “ฮัลโหลกวาง ฟังกุนะ”

   ‘อะไร ทำเสียงตื่น’

   “กุว่ากุ...กุชอบปราชญ์” ตฤนพูดเต็มปากเต็มคำแม้จะยังเขินอยู่ เพราะเขายังไม่ชิน

   ‘ไปตกลงกับตัวเองมาแล้วหรอ’

   “อื้อ ได้คำตอบแล้ว จะต้องไปตามมันกลับมาให้ได้”

   ‘งั้นหรอ...อื้ม สัญญานะ ว่าจะไม่ทำให้มันเสียใจ’

   “กุสัญญา”

   ‘เดี๋ยวแชร์โลเคชั่นให้”

   ตฤนลุกขึ้นเก็บของจำเป็นลงกระเป๋า เขาน่าจะไปทันรถตู้

   ตฤนพิมพ์แชทไปหาปราชญ์ แม้ว่าเขาจะไม่อ่าน

   ‘รอนะ อย่าหนีไปไหน กุจะไปหา’

   เขาจะไปตามหัวใจคืน ก่อนที่มันจะช้าไปกว่านี้ แล้วเขาจะต้องเสียใจไปตลอดกาล

.

[มาแล้วค่าาาา ครึ่งแรกทุกคนคงสงสารปราชญ์

เเต่ครึ่งหลังทุกคนต้องยินดีนะคะ น้องรู้ใจตัวเองแล้วนะ

คนซื่อบื้อกำลังจะไปตามหัวใจคืนเเล้ว  //พูดคุยเม้น เป็นกำลังใจให้กันนะคะ]
 :katai4:
ฝากเพจด้วยนะคะ เพจใหม่ใสกิ๊ง เอาไว้อัพเดทนิยาย พูดคุย ติดตาม ทวงถามค่า
FB - RingoPle (https://www.facebook.com/RingoPlewriter/?modal=admin_todo_tour)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 20 หายไป / ตามคืน (Part 2) (8/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 08-06-2019 10:11:53
แงงงง มาต้อเร็ว ๆ น้าา
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 21 ตามหัวใจคืน (NC) (11/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 11-06-2019 23:05:27
   
บทที่ 21 ตามหัวใจคืน (NC)


   ตฤนทุลักทุเลมาถึงที่พักจนได้ เป็นบ้านบังกะโลริมหาด แต่เขากลับต้องใจแป้ว เมื่อพบบ้านปิดสนิท มืดไร้วี่แววว่าจะมีคนอยู่ มีอย่างเดียวที่อยู่ตรงนั้น รองเท้าผ้าใบของปราชญ์ที่วางอยู่บนชั้น แปลว่าปราชญ์ยังอยู่ที่นี่ แต่อาจจะออกไปข้างนอก

   งั้นเขาจะนั่งรอตรงนี้ เขาหยิบเสบียงออกมากิน ยุงเต็มไปหมด เขาตบมันฆ่าเวลา จนเวลาล่วงเลยไปไกล เขายังรออยู่ พวกยุงหายไปแล้ว ลมแรงจนเขาหนาวสั่น

   “เมื่อไหร่จะมาวะ” ตฤนบ่นขณะนั่งลูบแขนลูบขาตัวเองไล่ความหนาว หรือนี่มันคือการลงโทษจากเขา

   ตฤนนั่งกอดกระเป๋าก่อนจะเผลอหลับไป

   

   เที่ยงคืน

   แสงไฟจากรถยนต์ ส่องสว่างท่ามกลางความมืดรอบตัว สว่างวาบเข้าตาของตฤน จนเขารู้สึกตัวตื่น แต่แค่แปปเดียวแสงไฟก็ดับลง

   ปราชญ์เดินลงมาจากรถ โดยมีหญิงสาวเดินตรงมาคลอเคลีย เขาเดินโซเซเพื่อที่จะเข้าบ้าน หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยนัวเนียปราชญ์เต็มที่ เอาอะไรต่ออะไรมาถูแขนเขา ทั้งหน้าอกหน้าใจที่มีล้นเหลือ

   เมื่อปราชญ์เดินมาถึงหน้าบ้าน เขาพบใครบางคนนั่งขดอยู่ที่ประตู ใครคนนั้นจ้องมองเขา เมื่อทั้งคู่สบตากันเหมือนห้วงเวลาหยุดชะงัก แต่เมื่อตฤนเหลือบมองหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่เดินมากับปราชญ์ เขาก็รู้ว่าแม่พูดถูก ปราชญ์ไม่ใช่เกย์

   และเขาก็ดูไม่ได้เสียใจ หรือว่าเศร้าหนัก อย่างที่เขาคิดเอาไว้...

   ตฤนลุกขึ้นยืน และเปล่งเสียงพูดเบาหวิวออกมา“โทษที ที่มานั่งบังประตู” เขายกกระเป๋าขึ้นอุ้มไว้ในมือ ก่อนจะเดินสวนทั้งคู่ออกไป

   ปราชญ์คว้าข้อมือตฤนเอาไว้ คนที่ทำเขาหมดอาลัยตายอยากมาหลายวัน 

   ตฤนที่ถูกจับตัวไว้ เขายืนนิ่งเหมือนโดนสะกด

   “ตฤนมาได้ยังไง”

   “...” ตฤนไม่ตอบ เขาพยายามเอามือออกจาการเกาะกุมของปราชญ์ ทั้ง ๆ ที่เขาต้องนั่งตากยุงอยู่ตรงนี้หลายชั่วโมงเพื่อรอคนตรงหน้าที่เขาไปเริงร่า กินเหล้าเที่ยวเล่นมีความสุขกับใครมากหน้าหลายตา แถมยังหิ้วกลับมากินต่อที่บ้านอีก เขารู้สึกผิดกับตัวเองที่มา... ที่พาตัวเองมาลำบากเพื่อตามหาเขา

   “ใครหรอคะ เรารีบไปต่อกันเถอะค่ะ” หญิงสาวซบไหล่คล้องแขนถูไถออดอ้อน

   “กลับไปได้เลย” ปราชญ์ดึงมือออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะหยิบเงินส่งให้ “ค่าเดินมาส่ง”

   หญิงสาวรับเงินพร้อมสะบัดหน้าหนี เห็นผู้ชายคนนี้ดีกว่าเธอ

   “ตฤน” ปราชญ์เรียกเสียงเบา ดวงตาหม่นแสงจ้องมองดวงหน้าของคนที่คิดถึง “มาทำอะไรที่นี่”

   “ตั้งใจมาขอโทษ”

   ปราชญ์เลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่ตรงไปตรงมา “เรื่อง”

   “ที่พูดไม่ดี”

   “เรื่องแค่นั้น ต้องถ่อมานี่เลยหรอวะ” เรื่องแค่นั้นที่ทำเขาเจ็บเกือบตาย...

   “อือ” ตฤนตอบรับพลางเม้มปากแน่น

   “ไม่ได้โกรธหรอก สบายใจได้” ปราชญ์พูดพลางจูงชายหนุ่มให้เดินตามมาในบ้าน “นอนนี่สักคืนพรุ่งนี้ค่อยกลับ”

   ปราชญ์พูดเสียงเรียบ แต่ตฤนกลับรู้สึกว่าเขากำลังถูกไล่ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก ปราชญ์กำลังไล่เขากลับ เขาไม่เคยถูกไล่แบบนี้เลย ทุกทีปราชญ์จะขอ ขอให้เขาอยู่ต่อ ...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วหรือ...แต่ในเมื่อเขามาถึงนี่แล้ว เขาก็จะพูด พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ

   “ทำไมมาไม่บอก ติดต่อก็ไม่ได้” ตฤนถามเรื่องที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ หนีเขาไง แต่เขาก็ยังอยากถาม

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้นก็หันกลับมาเผชิญหน้า และพูดเสียงเรียบ “บอกไม่ได้หรอก ว่ากุหนีรัก...ที่มันไม่สมหวัง” สายตาของปราชญ์มองตฤนอย่างมีความหมาย แต่ก็เจือไปด้วยความเศร้า

   อยู่ ๆ ตฤนก็รู้สึกว่าลำคอแห้งผาก แถมยังรู้สึกว่าอะไรไปจุกอยู่ตรงนั้น “ปราชญ์...” เขาทำได้แค่เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงอ่อน

   “อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวกุทำใจได้ กุก็กลับไปเอง” เขาไขเปิดประตูพาตฤนเข้ามาในบ้าน ตัวเขาเองยืนอยู่ข้างประตูไม่ยอมขยับ “เมิงก็ใช้บ้านตามสบายนะ” ปราชญ์ทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน แต่รอบนี้ตฤนเป็นคนคว้ามือของปราชญ์เอาไว้ เหงื่อไหลซึมจนมือชื้น

   “กุ...” ตฤนอ้ำอึ้งอึกอัก เขากำลังจะพูดมันออกไปแล้วจริง ๆ นะ ความรู้สึกจริง ๆ ที่ซื่อตรงต่อหัวใจของเขา ความรู้สึกที่ทำให้เขาต้องถ่อมาถึงที่นี่ “กุ... กุชอบเมิง” เขาพูดออกไปเสียงเบาหวิว เขาหลุบตาลงต่ำ

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ คำสารภาพของตฤนเหมือนกับน้ำที่ไหลลงหัวใจที่แห้งผากของเขา

   “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

   ปราชญ์ถามซ้ำ เขาอยากให้ตัวเองแน่ใจ อาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์หายสร่างเป็นปลิดทิ้ง

  “กุบอกว่าชอบเมิงไง” ตฤนพูดย้ำอีกครั้งเสียงเบาหวิว ที่ฉายชัดในสมองของปราชญ์

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น เขาขยับตัวประชิดคนน่ารัก ประคองใบหน้าที่เอาแต่หลุบตามองต่ำ ให้สบตากับเขา ก่อนประทับจูบลึกซึ้งแต่ว่าเร้าร้อนไปบนริมฝีปากบาง จูบให้สมกับที่เขาเสียใจ ให้สมกับที่เขาคิดถึง และให้สมกับที่เขาเฝ้ารอ...

   “อึก”

   ตฤนเริ่มประท้วงเมื่อเขาหายใจไม่ทัน ปราชญ์ยอมผละออกจากริมฝีปากนั้นเพราะกลัวคนตรงหน้าจะสลบไปก่อน ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ก่อนที่คนถูกจูบจะเขินจนต้องหลบตาอีกครั้ง เขาทำกระแอมไอสองสามทีแก้เขิน

   ปราชญ์ยิ้มครั้งแรกในรอบอาทิตย์กว่า เขาดึงคนร่างเล็กกว่ามากอดเอาไว้แน่น อย่างกลัวว่าจะต้องห่างจากกันอีก

   “กุคิดถึงเมิง”

   "เหมือนกัน”

   “มาที่นี่ได้ยังไง”

   "กวางบอก... กว่าจะผ่านด่านกวางมาได้ รู้มั้ยว่ายากแค่ไหน"

   ปราชญ์ยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เขาคิดถึงคนคนนี้มากเหลือเกิน

   "หายใจไม่ออก” ปราชญ์ยอมคลายอ้อมกอดออก พอให้ตฤนขยับตัวได้ “คิดว่าจะต้องเสียเมิงไปจริง ๆ แล้ว"

   "ทางนี้ต่างหาก ปิดเครื่อง ไม่ยอมตอบ รู้มั้ยมันลำบากแค่ไหน ในแต่ละวัน เมิงไม่รู้หรอก ว่าทำกี้ลำบากแค่ไหน” เขาพูดยืดยาวแก้เขิน “กี้ต้องกินอาหารเม็ดบวมน้ำ เพราะกุเอาแต่นึกถึงเมิงจนเทผิดชาม”

   ปราชญ์ดึงตัวตฤนออกห่าง เขาอยากมอง อยากสบตา ก่อนจะประกบจูบอีกครั้ง ทั้งอ่อนหวานและลึกซึ้ง

   “อื้อ” ตฤนประท้วงอีกครั้ง เขาไม่เคยจูบมาก่อนในชีวิตนี้ เขาไม่ถนัด เขาหายใจไม่ทัน

   ปราชญ์ถอนจูบจากริมฝีปาก มาจุ๊บที่หน้าผากแทน

   "6 ปี เวลาที่กุอดทน เวลาที่กุพยายามมาตลอด จนแน่ใจ ความรู้สึกของกุ ไม่มีแน่ไปมากกว่านี้"

   รอบนี้ตฤนเป็นฝ่ายยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากเขาเบา ๆ ทำให้สติของปราชญ์ขาดผึงลง เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ซอกคอขาว พลางกระซิบถาม

   “ได้มั้ย” เสียงแหบพล่าไปด้วยอารมณ์ของปราชญ์ดังอยู่ข้างหู ทำให้ตฤนขนลุกซู่

   “กุไม่ได้เตรียมใจมา” ตฤนกลัว เขาไม่เคย ไม่คุ้นชินกับเรื่องทำนองแบบนี้ เพราะแค่จูบเมื่อกี้ก็หลอมละลายเขา ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น

   “กุจะค่อย ๆ จะทะนุถนอมเมิงเอง” ปราชญ์ส่งสายตาเว้าวอน “ข้างนอกก็พอ”

   ตฤนเขินจนเลือดสูบฉีด เปลี่ยนใบหน้าขาวเนียนให้กลายเป็นสีชมพู เขามองท่าทางเคอะเขินของคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว ‘ทำไมมันน่ารักขนาดนี้วะ’ เขาคิดในใจ ...ใจที่มีแต่ความต้องการจนพุ่งพล่าน

   ปราชญ์ถอดเสื้อของเขาออกเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ หุ่นดีจนน่าอิจฉา ตฤนลอบมองอีกฝ่าย น่าแปลกที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ในสถานการณ์นี้เขากลับเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น

   ปราชญ์ขยับมาถอดเสื้อของตฤนออก ผิวขาวเนียนของตฤนทำให้ปราชญ์นึกอยากทำให้มันเป็นรอย เขากลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นตุ่มไตเนื้อสีชมพู เขาจดจ้องมันจนคนถูกจ้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

   “มันเขินนะเว้ย” ตฤนโวยวายกลบเกลื่อนความเขิน

   ปราชญ์ลุกขึ้นไปเปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะเดินไปปิดไฟทั้งบ้าน ให้มันเหลือแค่แสงสลัว ๆ

   “ดีขึ้นมั้ย”

   “อื้อ” ตฤนพยักหน้าในความมืด “ทำไมเมิงดูโชกโชน”

   “ก็กุไม่ใสเหมือนเมิง”

   “กับผู้ชายเมิงก็ไม่ใสหรอ”

   “เมิงเป็นคนแรก คนเดียว และคนสุดท้าย” ปราชญ์พูดก่อนจะไม่รีรอต่อปากต่อคำ ขยับประชิดอีกฝ่าย มือหนาล่วงเกิน ซุกสัมผัสเข้าไปยังบางสิ่งใต้กางเกงที่เริ่มจะตื่นตัว เขากอบกุมถูไถมันผ่านกางเกงชั้นใน

   “อึก มันแปลก ๆ นะ อื้อ” ตฤนครางเบา ๆ เขาเคยแต่ทำด้วยตัวเอง พอเป็นมือคนอื่น เขาก็เริ่มมีอารมณ์ร่วม มันพุ่งพล่าน และเร้าร้อน ความรู้สึกวูบวาบอยู่ในที ทุกครั้งที่ขยับแทบพาสติเตลิดหลุดลอย

   ปราชญ์ถอดกางเกงทั้งสองชั้นออกไปให้พ้นตัว แท่งเนื้อแข็งแกร่งปรากฏต่อหน้า ท่ามกลางไฟสลัว

   “โห เมิงแม่งซ่อนรูป”

   “ของกุไม่เล็ก”

   ปราชญ์นึกหมั่นไส้ เขากำรอบแท่งเนื้อนั้น ก่อนจะขยับข้อมือชักขึ้นชักลง มืออีกข้างลูบวนอยู่ที่ส่วนหัว

   “อื้อ อ่ะฮะ” ตฤนขนลุก เขาเกร็งจนสั่น ครางตามจังหวะขยับมือ ปกติเขาเสร็จเร็ว เวลานั่งดูหนังโป๊ก็กรอ ๆ ไปที่จุดสนใจ ไม่ถึงห้านาทีเขาก็มักจะปลดปล่อย

   “ดีกว่าทำเองล่ะสิ” ปราชญ์แซว “เดี๋ยวรู้สึกดีกว่านี้อีก” ปราชญ์โน้มหน้าลงไปใกล้แผ่นอกขาวเนียน บรรจงจูบลงไปที่ตำแหน่งหัวใจ ก่อนย้ายไปหยอกเหย้ากับยอดอกที่ชูชันด้วยความอารมณ์ ปากขบเม้มยอดอกอย่างเอ็นดู ปลายลิ้นร้อนลากวนจนคนถูกทำได้แอ่นอกรับสัมผัส มือหนาขยับมือเร็วขึ้น

   “ฮึก อ๊า ปราชญ์ กุ ใกล้แล้ว” ตฤนร้องครางลั่น ความรู้สึกร้อนเร้าเหมือนไฟเผา ทุกจุดที่ปราชญ์สัมผัสร้อนขึ้นจากปกติหลายองศา ราวกับจะหลอมละลาย

   “ดีมั้ย”

   “ดี...ฮึ อ๊ะ” ตฤนครางไม่เป็นภาษา สะโพกเด้งรับฝ่ามือร้อน เขาขยับเร็วขึ้นจน “อึกอ๊า” ตฤนปลดปล่อยออกเต็มมือปราชญ์

   “ตากุแล้ว” ปราชญ์ถอดกางเกงออก แท่งเนื้อระหว่างขาปวดหนึบจนแทบระเบิด เสียงตฤนปลุกเร้าอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี

   “แฮ่ก ๆ “ ตฤนหอบเหนื่อย เขารู้สึกดีมาก เหมือนล่องลอยอยู่

   “ตฤนหันหลังทีดิ แล้วก็คุกเข่านะ”

   “อย่าเอาเข้าไปนะเว้ย” ตฤนพูดดักก่อน ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายโดนใส่?

   “อื้อ”

   ตฤนขยับตัวหันหลังให้ทำท่าคุกเข่าตามที่ปราชญ์ขอ

   ปราชญ์เห็นภาพตรงหน้า อารมณ์ยิ่งพุ่งพล่าน เขาจับยึดสะโพกตฤนเอาไว้ เอาแท่งเนื้อถูไถไปกับก้นของคนตรงหน้าหมุนขยับปรับหาองศาที่เหมาะสม ก่อนจะเริ่มขยับถูไถ จากช้า ๆ เนิบนาบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาสูดปากด้วยความเสียวสะท้าน พลางขยับเร็วขึ้น ๆ ตามอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้นสูง

   “อึก ตฤน อ๊า” ปราชญ์ครางลั่น มือหนาเอื้อมไปเกาะกุม แก่นเนื้อของอีกคน มือขยับพร้อมจังหวะซอยสะโพก

   “ฮ้า จะมาปลุกกุอีกทำไม อึก” แท่งเนื้อตฤนตื่นตัวอีกครั้ง

   “อยากให้ อ่ะ...พร้อมกัน”

   เสียงครวญครางของทั้งคู่ ดังลั่นห้อง เหงื่อผุดซึม เนื้อแนบเนื้อ พวกเขาใกล้ชิดกัน ยิ่งทวีความร้อน บรรยากาศห้องอบอวลไปด้วยอารมณ์ที่เร้าร้อนคุกกรุ่นของพวกเขา อารมณ์ปะทุที่ถูกกักเก็บมานาน

   “ตฤน ...กุใกล้”

   “ปราชญ์...” ตฤนเรียกชื่อปราชญ์ด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกเสียวสั่น ทำให้คนที่ขยับกระแทกอัดตัวเองกับบั้นท้ายนวลเนียนต้องตัวเกร็งเขม็ง มือขยับสาวเข้าออกไม่ยอมหยุด เขาอยากให้เสร็จพร้อมกัน

   “อ๊า” สองเสียงประสานกัน พวกเขาไปถึงจุดหมาย ตฤนเสร็จคามือปราชญ์อีกครั้ง ของเหลวอุ่นร้อนเปรอะเปื้อนเต็มมือหนา ส่วนปราชญ์ทำเลอะใส่สะโพกของตฤน

   “แฮ่ก ๆ เลอะไปหมด” ตฤนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โดนรีดน้ำไปสองครั้ง เขาเหนื่อยก่อนขยับทิ้งตัวนั่งหันเข้าหาปราชญ์ พลางตั้งท่าจะบ่น

   “ตฤนแหละ ทำเลอะ...โคตรเยอะ เมิงไม่ได้ทำมานานแล้วหรอ” ปราชญ์ยกมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวขาวขุ่น เหมือนต้องการจะบอกว่า เขาก็เลอะเหมือนกัน

   “เกือบเดือน”

   “โห ทนได้ไงวะ” เขาพูดพลางใช้นิ้วจิ้มลงไปบนแท่งเนื้อที่กำลังสลบ

   “ก็กุไม่ได้มีอารมณ์ตลอดแบบเมิง”

   ปราชญ์ดึงตฤนเข้าไปจูบอีกครั้ง “แต่กุมีอารมณ์มาก ๆ กับเมิง ตอนนี้...”

   “ยังไม่พอหรอ”

   “ยัง” ปราชญ์ดันตัวตฤนให้นอนลงก่อนจะทาบทับ แท่งเนื้อเสียดสีกัน โดยมีน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนช่วยหล่อลื่น ลิ้นร้อนพรมจูบทั่วตัว เขางับและทำร่องรอยไว้ตามตัวของร่างข้างใต้

   ตฤนนึกอยากแกล้งอีกฝ่ายบ้าง ฝ่ามือบางลูบไล้ตัวอีกฝ่ายจนไปจูบที่ยอดอก ปลายนิ้วแกล้งถูเร็ว ๆ ใส่จุดอ่อนไหว

   “อึก ตฤน” ปราชญ์บิดตัวเมื่อตฤนพยายามแกล้งเขาคืน “เอาคืนหรอ”

   “ใช่” ตฤนตอบสั้น ๆ แต่นิ้วมือยังขยับไม่หยุด

   ปราชญ์ เห็นแบบนั้นก็พยายามหนีนิ้วของคนตรงหน้า เขารวบมือสองข้างมาวางไว้ที่เนื้อศีรษะ ประกบปากของตฤนเอาไว้ ขบงับริมฝีปากล่างของตฤนก่อนจะบดมัน และแทรกลิ้นเขาไปเกี่ยวรัด ความหวานนี้ชิมกี่ทีก็ยิ่งทำให้ติด ...

   ด้านล่างบนเบียดกันไม่ต่างจากด้านบน พวกเขาแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พาให้สติของทั้งคู่เตลิดไปไกล

   “เฮือก” ตฤนที่ถูกพันธนาการด้วยฝ่ามือหนา และริมฝีปากอุ่นร้อน รีบหายใจเอาอากาศเฮือกใหญ่ เมื่อปราชญ์ยอมถอนจูบ

   ใบหน้าแดงก่ำ กับปากฉ่ำนุ่ม พาให้ปราชญ์แทบรักษาสัญญาไม่ได้ เขาอยากจะใส่เข้าไป...

   “อยากใส่”

   “มะ ไม่ได้” ร่างที่ถูกเกาะกุมรีบปฏิเสธ

   “รู้แล้วครับ” ปราชญ์จุ๊บหน้าผากไล่ไปที่แก้มเนียน “ไม่ทำหรอก ของไม่พร้อม”

   ปราชญ์ใช้ดุ้นเนื้อของเขาบดกับดุ้นเนื้อของตฤน ด้านล่างบดเบียดอย่างหนักหน่วง ทั้งคู่แทบกระโจนเข้าหากันด้วยความหวาบหวาม กระแทกกระทั้นอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เพื่อไปถึงเป้าหมายทั้งคู่เกร็งเขม็ง แล้วไปถึงฝั่งฝันพร้อมกัน ปราชญ์ล้มตัวทับร่างคนข้างล่างด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “พอแล้ว”

   ปราชญ์พลิกตัวไปนอนข้าง ๆ ลมหายใจหอบของทั้งคู่ดังสะท้อนอยู่ในห้อง แทนเสียงพูดคุย เขาชันตัวขึ้นขยับหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างคนข้าง ๆ ห่มถึงคอแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

   “ไม่ใส่เสื้อผ้ากันหรอ”

   “นอนกอดกันใต้ผ้าห่มก็อุ่นพอแล้ว” ปราชญ์พูดพลางแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม กอดตฤนเอาไว้ก่อนทั้งคู่จะหลับกันไปด้วยความเปี่ยมสุข

.

.

[ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้กันนน !!! หลังจากรอลุ้นกันมานานนนน

ต่อจากนี้ปราชญ์จะหื่นเเล้ว เเง่งงงง >//////<

ชอบก็เม้นพูดคุยบอกกันได้น้า 1 เม้น 1 ถูกใจ เป็นกำลังใจของนุ้งงง]

ปล. เปิดเพจใน FB : RingoPle

เพจใหม่ใสกิ๊งที่ยังร้างราคน เข้าไปพูดคุยกันได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะเป็นแฟน (15/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 15-06-2019 12:21:32

บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟน


   แสงอาทิตย์ลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้ในห้องสว่างและร้อนขึ้น แสงแดดทำมุมตรงกับดวงตาของปราชญ์ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนจะหลับสนิทอยู่ เขารู้สึกตัวตื่นกระพริบตาสู้แสงจ้า เขาก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน รู้สึกดีที่เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝันไป ตฤนอยู่ตรงนี้จริง ๆ ในอ้อมแขนของเขา เขาฝังหน้าลงกับเรือนผมอ่อนนุ่ม เหมือนเขาจะหมั่นเขี้ยวอีกฝ่ายมากเกินไป จึงเผลอใช้แรงมากจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว..

   ตฤนขยับตัวอย่างไม่ค่อยเต็มใจเมื่อรู้สึกว่าถูกกวน ดวงตาสวยปรือขึ้นมอง เจอแผงอกเปลือยเปล่าเป็นอย่างแรก เขาสะดุ้งตื่นเต็มตา ขยับตัวออกห่าง นัยน์ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ พร้อมอุทานออกมา

   “เอ๊ย เชี่ย!”

   ปราชญ์มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางงุนงง ก่อนพูดประโยคที่ทำเอาคนตกใจหน้าร้อนวูบวาบ

   “เมื่อคืนเราใกล้กันมากกว่านี้อีกนะ”

   “เออ จำได้ว้อย”

   ตฤนพูดปัด เขาจะลุกขึ้นหนีแต่ก็ไม่กล้า เมื่อรู้ว่าเขายังเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนนี้ ผ้าห่มผืนเดียวที่มี... มันปกคลุมท่อนร่างของทั้งสองคนเอาไว้

   “หันไปดิ๊ จะไปแต่งตัว” ตฤนพูดขึ้นเมื่อคิดดูแล้วว่าจะลุกโทง ๆ โดยมีอีกฝ่ายจ้องมองไม่วางตาแบบนี้ เขายังเขินอยู่ เขายังไม่กล้าแม้พวกเขาจะมีอะไร ๆ เหมือนกันก็เถอะ

   “ก็ลุกไปสิ”  ปราชญ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าความจริงจะสนใจท่าทางคนตรงหน้ามาก ๆ แถมยังแกล้งแหย่อีกฝ่ายด้วยการกระตุกผ้าห่มจนเผยให้เห็นต้นขาขาวของคนขี้อาย ผ้าปกปิดหมิ่นเหม่จนน่าหวาดเสียว

   “ไอ้ปราชญ์!” ตฤนที่โดนแกล้งโวยวายเสียงดัง หน้าขึ้นสีเรื่อ รีบดึงผ้าห่มกลับ

   ปราชญ์อมยิ้มกับท่าทางนั้น ก่อนจะเป็นเขาเองที่ลุกขึ้นเดินโทงเทงออกไปหยิบกางเกง ตฤนเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทางขัดเขิน จนเขากระดากเอง เขารีบหันหนีละสายตาจากปราชญ์ทันที

   ตฤนห่อตัวด้วยผ้าห่มและเดินไปหยิบกางเกงที่ถูกเหวี่ยงไปไกลกว่าที่คิด ก่อนจะใส่ด้วยท่าทางกระมิดกระเมียน ร่องรอยบางอย่างที่ปรากฏชัดบนผิวขาวเนียนของเขา ทำให้เขาหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความอับอาย

   ปราชญ์ที่ใส่กางเกงเรียบร้อย เดินกลับมาหาคนขี้อาย เดินประชิดอีกฝ่าย พลางยกนิ้วแตะไปที่รอยแดง รอยที่เขาเป็นผู้ทำเอาไว้เองอย่างแผ่วเบา

   “ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย”

   “เออ ไม่” เขาตอบเสียงดังกลบเกลื่อนความเขิน

   ปราชญ์ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ด้วยความหวงแหน ใบหน้าคนเตี้ยกว่าซุกอยู่ตรงไหล่

   “กอดอะไรนักหนา” ตฤนบ่นอู้อี้อยู่ข้างหู

   “ก็กุรักของกุ” ปราชญ์ตอบความในใจออกมาตรง ๆ คำที่เขารอจะพูด พอได้พูดออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เขาจะพูดเท่าที่เขาอยากพูด และคำพูดนั้นก็ทำให้ตฤนหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความไม่ชิน

   “เมิงมันบ้า”

   “บ้า ก็บ้ารัก”

   “เลิกพูดได้แล้ว” ตฤนบอกปัดด้วยความเขิน

   “กุรักเมิงนะ” ปราชญ์ยังคงบอกรักไม่เลิก ความอัดอั้นที่ทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน

   “รู้แล้ว”

   “รั...” ไม่ทันจบคำ ตฤนขยับใช้ปากประกบปิดคนบ้ารัก เขาไม่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเลิกพูดได้ยังไง

   ปราชญ์ตอบสนองกับริมฝีปากนั้นอย่างรวดเร็ว จากจูบปิดปากกลายเป็นจูบแสนหวาน ปราชญ์สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นร้อนของอีกคน จูบแสนหวานทวีความรุนแรงขึ้น มันร้อนระอุ จนมือของปราชญ์เริ่มไม่อยู่นิ่ง เขาเตรียมจะถอดกางเกงของตฤนอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งใส่มันเมื่อกี้

   “อื้อ” ตฤนคว้าใบหน้าหล่อเข้มเอาไว้ ก่อนจะขยับหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเขากำลังจะละลาย

   “เมิงเริ่มเองนะ” ปราชญ์มองคนตรงหน้าด้วยดวงตาหวานเยิ้ม

   “อย่า พอได้แล้ว” ตฤนจับใบหน้าหล่อนั่นเอาไว้ ก่อนจะบีบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “พอ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

   “กุอยากกินหญ้า” ปราชญ์พูดคำแปลก ๆ ออกมาทำให้ตฤนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

   “เป็นควายหรอไง”

   “เออ กุยอม” ปราชญ์คว้ามือตฤนที่จับใบหน้าเขาเอาไว้มางับเบา ๆ เขาจ้องตาอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย “ชื่อเมิงแปลว่าต้นหญ้าไม่ใช่หรอไง”

   “กุไม่ให้กินแล้ว ปล่อยกุ” ตฤนดิ้นหนี เขาเหนื่อย เขาเพลีย เขาอยากอาบน้ำ เขาอยากออกไปหาอะไรกิน ไม่อยากทำแต่กิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้บ้านี่เท่านั้น

   “ก็ได้” ปราชญ์พูดเสียงอ่อย ยังไงเขาก็ไม่ฝืนใจตฤน เขาจำใจต้องปล่อย แม้ว่าอยากจะทำอะไร ๆ แค่ไหน...

   

   ตฤนชนะและหนีออกมาจากการเกาะกุม เขาหยิบเสื้อผ้า และข้าวของส่วนตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่พอจะปิดประตู มือหนาก็มาดันประตูเอาไว้ พลางชะโงกหน้าเข้ามาในห้องน้ำ

   “ให้กุช่วยอาบให้มั้ย”

   ตฤนได้ยินแบบนั้นรีบเอามือดันหน้าคนหื่นเอาไว้ พลางพูดให้ปราชญ์ออกไป “กุอาบเองได้ เมิงออกไปเลย อย่ามากวน”

   ตฤนมองตัวเองในกระจก ร่องรอยสีกุหลาบปรากฏชัด เมื่อนึกถึงสัมผัสเมื่อคืนใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นสีเรื่อ แล้วระหว่างเขากับปราชญ์ ต่อจากนี้จะเป็นยังไง เขาต้องวางตัวแบบไหน ...คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนคิดไม่ตก เขาสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่าน พลางเปิดฝักบัวให้น้ำเย็น ๆ ชำระล้างความฟุ้งซ่านออกไปจากจิตใจ สายน้ำเย็นไหลอาบตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ชะล้างความเหนื่อยล้าออกไปจนหมดสิ้น

   

   ปราชญ์ยิ้มขบขัน ก่อนจะยอมถอยแต่โดยดี แค่ได้หยอกเขาก็มีความสุข ปราชญ์กลับมานั่งที่เตียง กดมือถือหาร้านอาหารร้านขนมอร่อย ๆ เพื่อพาอดีตเพื่อนสนิทไปกิน เขาต้องหาร้านบรรยากาศดี ๆ เพื่อขอตฤนเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ เมื่อคืนแค่บอกชอบ บอกรัก ยังไม่ได้ขออีกฝ่ายเลย

   ร้านอาหารริมทะเลที่ปราชญ์สนใจ ร้าน Vitamin Sea โทนร้านสดใสน่ารัก ดูอบอุ่น ที่สำคัญมีมาสคอตเป็นรูปหมาสีส้ม น่ารักแบบที่ตฤนจะต้องตาเป็นประกาย เขาเลื่อนดูรายละเอียด ที่ร้านมีตุ๊กตามาสคอตตัวเล็ก ๆ ขายด้วย พร้อมปลอกคอที่ให้เขียนคำได้เอง... นี่แหละใช่เลย

   ตฤนออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสดชื่น หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้า เส้นผมเปียกชื้นแนบลู่ เจอปราชญ์นั่งกดมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เขามองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ‘มันคุยกับใคร? หรือว่าผู้หญิงคนเมื่อวาน’

   “ยิ้มอะไรคนเดียว” ตฤนพูดทักขณะเดินเข้าไปใกล้

   “เปล่า” ปราชญ์ตอบทันควัน เขาสะดุ้งกับเสียงเรียก รีบวางมือถือไว้ข้างตัว ซึ่งมันทำให้ดูมีพิรุธมาก ๆ จนตฤนถึงกับหรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ

    “คุยกับคน...” ...นั้น... ตฤนกลืนคำพูดที่คิดจะพูดต่อลงไปในลำคอ แบบนี้มันเหมือนกับเขามีอาการหึงคนตรงหน้าน่ะสิ มันจะคุยกับสาวที่ไหน ไม่ใช่ธุระของเขาสักหน่อย

   “ฮะ ว่าไงนะ” ปราชญ์ถามพลางส่งยิ้มประหลาด ๆ มาให้ เขาฟังไม่ทันว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

   “ไปอาบน้ำไป หิวข้าว” ปราชญ์เด้งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเดินตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที

   ตฤนเดินไปนั่งแทนที่ เขาถือวิสาสะหยิบมือถือของปราชญ์ขึ้นมากดดู แต่มันติดรหัส...

   “รหัสอะไรวะ” ตฤนบ่นเบา ๆ รหัส 6 ตัว เขาลองกด วันเดือนปีเกิดของปราชญ์ ทั้งพ.ศ. และค.ศ. มันก็ยังไม่ใช่ ลองกด 123456 ก็ไม่ใช่ เขาได้แต่นั่งเกาหัวแกรก ๆ คิ้วขมวดมุ่นอย่างคนใช้ความคิด ยากจังวะ หรือจะลองใช้ วันเดือนปีเกิดของเขา...

   หน้าจอแสดงว่าเข้ารหัสถูก อยู่ ๆ ตฤนก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น ตลอดเวลาปราชญ์เข้ารหัสมือถือด้วยวันเดือนปีเกิดของเขา เหมือนกับนึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลา

   “มึงมันบ้า” ตฤนสบถเขินอยู่คนเดียว ก่อนจะไม่ลืมเป้าหมายที่เขาพยายามจะกดเข้ามือถือของปราชญ์ เขาแอบเปิดโปรแกรมต่าง ๆ แล้วก็พบว่าปราชญ์ไม่ได้คุยกับใครมาตั้งแต่เมื่อวาน มันยิ้มอะไรของมันคนเดียว?

   

   ปราชญ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นตฤนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่

   “ทำไรอ่ะ” ตฤนที่ถูกทัก สะดุ้งปล่อยมือถือลงบนที่นอน เขาเงยหน้าขึ้นมองคนทัก ก็เจอภาพที่ทำให้แก้มร้อน ปราชญ์ออกมาจากห้องน้ำโดยมีแค่ผ้าขนหนูพันเอวไว้หลวม ๆ กับผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ที่คอของเขา หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว ทำให้กล้ามเนื้อที่สวยงามได้รูป ดูเซ็กซี่มากขึ้นกว่าเดิม

   “ไม่คิดจะอายบ้างหรอไงวะ”

   “ไม่” ปราชญ์พูดพลางยักไหล่ไม่ใสใจ ก่อนจะถามต่อเพราะคนตัวแสบแอบเล่นมือถือเขา ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งรหัสเอาไว้ “รู้รหัสได้ยังไง”

   “ก็ควรจะรู้มั้ยล่ะ ใช้วันเดือนปีเกิดของกู” ตฤนพูดพลางยืดตัวขึ้น เขาอาจจะผิดที่แอบเล่นมือถือ แต่เขาจะเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น

   “ก็...” ปราชญ์เสหน้ามองไปทางอื่น เขารู้สึกหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาเมื่อโดนอีกฝ่ายจับได้ ใบหน้าขึ้นสี ปราชญ์ทำเป็นยกผ้าที่พาดคอมาวางไว้บนศีรษะ ให้ชายผ้าบดบังใบหน้าเคอะเขินของเขา ... เดี๋ยวเสียฟอร์มหมด

   “ก็อะไร” ตฤนแหย่ต่อ เมื่อเห็นว่าสามารถทำให้อีกฝ่ายเขินได้

   “ก็...รหัสล็อคเครื่องมันสำคัญ แล้วมึงก็สำคัญก็เลยจับมาอยู่ด้วยกัน” ปราชญ์พูดตะกุกตะกัก สิ่งที่เขาจำได้ดี เขาไม่มีวันลืมรหัสผ่านนี้ได้แน่นอน

   เป็นตฤนที่เงียบไปแทน ถึงจะดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่มันก็ทำให้เกิดห้วงอากาศแปลก ๆ ภายในห้อง มันอบอวลและหอมหวาน

   

   ปราชญ์ขับรถพาตฤนไปหาอะไรกิน มุ่งไปตามเป้าหมาย ร้านที่เขาดูไว้ ร้าน Vitamin Sea ในขณะที่ตฤนหิวมาก เขามองร้านข้างทางไม่หยุดหย่อน มีร้านที่น่ากินตั้งหลายร้าน แต่ปราชญ์ก็เอาแต่ขับผ่านไป

   “ร้านนั้นก็น่ากิน” ตฤนพูดพลางชี้ร้านนั้น ร้านนี้ไม่หยุด

   “ทนหน่อยสิวะ หิวมากมาแทะกล้ามแขนกูมั้ย” ปราชญ์พูดแซวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน 

   “จิ๊ จะไปร้านไหนวะ” ตฤนทำเสียงจิ๊อย่างขัดใจ เขาหิวมากตอนนี้

   “ร้านนี้ดี มึงชอบแน่”

   “เอาจริง ๆ ตอนนี้อะไรก็อร่อย อะไรก็ชอบหมด”

   “กูก็อร่อย กูก็น่าชอบนะครับ” ปราชญ์ยังพูดแซวไม่เลิก เขาตั้งใจจะเบี่ยงเบนความสนใจของตฤน ให้ไม่ไปจดจ่อกับความหิว อีกแค่ 5 นาทีตามที่แมพโชว์ก็จะถึงร้านแล้ว

   ตฤนไม่มีอารมณ์มานั่งเขินกับคนหลงตัวเอง เขาหิวจริง ๆ เมื่อคืนก็กินเสบียงที่เตรียมไว้ แบบไม่อิ่มเท่าไหร่ แต่ดันมาถูกดึงพลังออกไปตอนที่ออกกำลังกายในร่มอีก ./////.  ตื่นมาเขาถึงได้หิวโหยขนาดนี้

   “แปปเดียวถึง”

   ทะเลอยู่เบื้องหน้าลิบ ๆ นี่แหละที่เบี่ยงเบนความสนใจของตฤนไปได้ ผืนน้ำสีฟ้าระยิบระยับ แสงแดดจ้าจนตาแทบพร่า ทะเลสวย แต่คงร้อนนรกมากตอนนี้ และร้านสีส้ม ๆ ที่อยู่ตรงนั้นก็สะดุดตาเขา

   “ร้านนั้นไง”

   “Vitamin Sea ? ตฤนอ่านชื่อร้านเบา ๆ เขาเคยเห็นรีวิว เขาคุ้นมากเลย “ร้านหมาสีส้ม!”

   “หืม? เคยมาหรอ” ปราชญ์ถามกลับ ใจแอบแป้ว ๆ นิดหน่อยทั้งทีตั้งใจเลือกร้านนี้เพื่อให้มีความทรงจำแสนพิเศษเลยนะ ถ้าอีกฝ่ายเคยมาแล้วก็คงไม่ค่อยจะว้าวเท่าไหร่

   “ไม่เคย อ่านรีวิวมา” เพราะมีของน่าสนใจอย่างหมาสีส้มนี่แหละ เพราะตุ๊กตานี่ของชอบ

   “อ่าฮะ” ปราชญ์เลี้ยวเข้าไปจอดทันที ร้านมีคนอยู่เยอะพอสมควร คงเพราะว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว

   พวกเขาเข้ามาในร้าน ได้ห้องกระจกที่ติดริมทะเลพอดี บรรยากาศดี แถมอากาศไม่ร้อนเพราะอยู่ในห้องแอร์... ปราชญ์มองสำรวจร้านอย่างตั้งใจ ส่วนตฤนเมื่อถึงโต๊ะ เขาเปิดเมนูดูอาหารทันที

   “พี่ครับเอาข้าว 1 โถ เนื้อปูผัดพริกเหลือง หอยแครงลวก ยำหอยนางรม ทอดมันกุ้ง” ตฤนสั่งรัว เขาหิวมากจนสั่งไม่ยอมหยุด

   “ปลากะพงทอดน้ำปลา น้ำแข็ง 2 กับน้ำเปล่า เท่านี้ก่อนครับ” ปราชญ์พูดสั่งอาหารแค่เมนูเดียว แค่นี้เขาก็กินไม่หมดแล้ว

   “โคตรหิว” ตฤนพูดขณะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา หิวแน่นอนจะเที่ยงแล้ว

   “เชื่อแล้ว เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปป”

   ปราชญ์ลุคไปดูพวกมาสคอตของที่ระลึก ในขณะที่ตฤนนั่งนิ่ง ๆ เหม่อมองทะเลเพื่อประหยัดพลังงาน ก่อนที่เขาจะหิวจนเผลอกินผ้าปูโต๊ะเข้าไป

   

   ปราชญ์มองเห็นตุ๊กตาอันนั้นที่เขาตามหาทันที ตุ๊กตาหมาสีส้ม

   “น้องครับ ตุ๊กตานั่นซื้อแล้วสลักคำบนปลอกคอได้มั้ยครับ”

   “ใช่ค่ะ สนใจรับกี่ตัวดีคะ”

   “1 ตัวครับ แล้วคำก็ให้สลักว่า เอ่อ ผมขอกระดาษจด” เขารับกระดาษมาเขียน ‘Pen Fan Gun’ ลงไป ถ้าพูดก็กลัวว่าจะไม่เข้าใจ แถมยังเขินมากซะอีก

   “อ๋อ จะให้ว่าที่แฟนหรอครับ” พนักงานอ่านข้อความพลางยิ้มแก้มปริ เขาเขินแทนเลย

   “ใช่ครับ งั้นเดี๋ยวผมมารับนะ”

   

   "ไปเข้าห้องน้ำนานจังวะ"

   ตฤนหยิบมือถือเข้ามาถ่ายวิวถ่ายบรรยากาศร้าน

   อาหารทยอยมาส่ง ปราชญ์ก็ยังไม่กลับมา

   ตฤนแอบเล็มไปเรื่อย ให้รอก็ไม่ไหว ไม่รอก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป

   คนตัวสูงเดินกลับมาที่โต๊ะ หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น

   "คิดว่าตกส้วมตาย นั่งคุยกับผีสาวฮานาโกะอยู่หรอไง"

   "แล้วบ่นอะไรของมึงเนี้ย เพี้ยนเพราะหิวหรอไง"

   "เอออ" ตฤนตักข้าวเข้าปากได้เต็มปากเต็มคำหลังจากรอมานาน เขาไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำกับปราชญ์อีก

   ตฤนกินข้าวเร็วจนจุก ไม่ถึง15นาที เขาก็นั่งอืด

   "อิ่มว่ะ"

   "น่าจะจุกมากกว่า"

   "กินเร็วไปหน่อย กุไปห้องน้ำแปปนะ"

   

   ตฤนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกโล่งสบาย เขาพร้อมต่อของหวานแล้ว

   "เธอเห็นผู้ชายโต๊ะ7มะ ที่นั่งคนเดียวตรงนั้นน่ะ หล่อเนอะ"

   พนักงานสาวสองคนหลบมุมมาแอบเม้าท์ลูกค้า ส่วนตฤนก็แอบฟังอยู่ข้างหลัง ผู้ชายโต๊ะ7 ปราชญ์

   "แต่น่าเสียดาย เขาชอบผู้ชาย" พนักงานอีกคนพูดขึ้นมา

   "จริงหรอ โอยขนลุกอ่ะ น่าเสียดายจัง"

   

   ตฤนเดินหนีออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ

   "กินของหวานป่าว"

   "ไม่อ่ะอิ่มแล้ว"

   ปราชญ์เพ่งมองคนตรงหน้า ที่มีสีหน้าตอนกลับมาต่างจากตอนลุกไป ต่างนิดหน่อยแต่เขารู้สึกได้

   "เป็นอะไร"

   "เป็นคนอิ่ม"

   ปราชญ์มองคนตรงหน้า ก่อนจะหยิบตุ๊กตาที่แอบไว้ออกมา

   "แล้วนี่เอามั้ย"

   ตฤนมองตุ๊กตาด้วยดวงตาเป็นประกาย อารมณ์ขุ่นหมองหายไปชั่วขณะหนึ่ง

   ตฤนรับตุ๊กตามาถือไว้ หมาหน้ายิ้มสีส้ม เขามองสำรวจตุ๊กตาขนาดพอดีกดในมือ ขนสีส้มนุ่มนิ่ม และปลอกคอหนังที่ตอกตัวหนังสือลงไป...

   "Pen Fan Gun" ตฤนพึมพำตัวหนังสือตรงปลอกคอ ที่น่าจะเป็นชื่อหมาออกมาเบา ๆ

   "นะ" ปราชญ์ต่อประโยคให้จนจบ

   "..." ตฤนเงียบไป คิ้วขมวดน้อย ๆ สีหน้าเหมือนคนคิดหนัก

   "เป็นแฟนกับกูเถอะนะ" ปราชญ์พูดย้ำ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกุมทับมือบางที่จับตุ๊กตาอยู่

   "มัน... เร็วเกินไป มัน" ตฤนพูดอ้อมแอ้มออกมา

   "มึงรักกู กูรักมึงมันไม่พอหรอ เมื่อคืนก็ข้ามไป..." แววตาคมเพ่งมองคนตรงหน้า อยากรู้ว่าตฤนกำลังคิดอะไร

   'ขนลุกอ่ะ' เสียงหญิงสาวพนักงานดังอยู่ในหัว

   "กูเพิ่งรู้ใจตัวเองเมื่อวาน กู..." ปราชญ์ตั้งใจฟังทุกคำที่คนตรงหน้าพูด

   "หรือมึงยังไม่มั่นใจว่ามึงรักกู" ดวงตาคมฉายแวววูบไหว คำพูดที่เขาพูดออกมาเอง กลับสั่นคลอนหัวใจของเขา ความรู้สึกสะท้านก้องในอก

   "ไม่ใช่แบบนั้น มึงไม่อายหรอวะ ผู้ชายสองคนมาคบกันเอง ยิ่งมึงมีหน้ามีตาในสังคม เพื่อนฝูงก็เยอะแยะ"

   "กูไม่อาย ไม่สนใจใครด้วย เรารักกันก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย" ปราชญ์พูดเสียงดังขึ้นด้วยอารมณ์

   "โอเคมึง เบาเสียงลงหน่อย" ตฤนต้องพูดเตือนอีกฝ่าย เขาชักจะอายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

   "ตกลง มึงจะเป็นแฟนกับกูมั้ย" ปราชญ์ลุกขึ้นยืนพูดพร้อมระดับเสียงของปราชญ์ที่ไม่ลดลง

   ซึ่งมันเรียกความสนใจจากโต๊ะข้างเคียงได้เป็นอย่างดี ขอเป็นเเฟนอะไรจะฮาร์ดคอร์ขนาดนี้วะ อยู่ดี ๆ พวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจ

   เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบเอาแต่ถลึงตาใส่ ปราชญ์ที่ไม่มียางอาย ก็เลยป่าวประกาศออกมาหน้าตาเฉยแถมยังไปกวนโต๊ะข้าง ๆ ที่มองมาอีก

   "พี่ว่าถ้าพวกผมคบกัน มันน่าเกลียด มันน่าอาย มันไม่เหมาะหรือเปล่า"

   ตฤนเอาหน้าซุกลงไปกับตุ๊กตา เชี่ย อาย!!! ผมเห็นสีหน้า พี่ ๆ โต๊ะนั้นตกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ปราชญ์ก็ถามคำถามแบบนี้

   พวกเขาส่งยิ้ม "เหมาะ พวกพี่เชียร์เป็นกำลังใจให้นะ" พร้อมทำมือ กำแล้วยกขึ้นชูว่าเป็นกำลังใจให้

   ถ้าตฤนสิงตุ๊กตาได้ เขาก็จะทำ ใบหน้าเนียนขึ้นสีเลือดฝาด แม่งไม่อายบ้างหรอไงวะ กลายเป็นเขาที่ถูกกดดัน ...

   "คบกับกุนะ" ปราชญ์พูดก่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สายตาที่มองลงมาทั้งอบอุ่นและจริงจัง เขายื่นมือมาตรงหน้าตฤนหมายจะให้ตฤนจับ

   "เออออออ" ตฤนตอบลากเสียงยาว พลางใช่ฝ่ามือตีลงไปที่มือคนตรงหน้า

   เสียงปรบมือดังขึ้นทั้งร้าน แม่มนี่กุเล่นละครอยู่หรอไงวะ ตฤนนึกอยากละลายหายไปตรงนี้ ขณะที่ปราชญ์ยืนยิ้มบ้ายิ้มบอหน้าบานแก้มปริ ไอ้หน้าหล่อ ๆ นั่นมันฉาบด้วยปูนหรอไงวะ

   “นั่งลงได้แล้ว” ตฤนพูดเสียงเบา เชิงบังคับให้ไอ้คนกล้าเปิดเผย ทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์กับเขานั่งลง มันก็ดี แต่มาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเยอะ ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหว

   “ครับแฟน” ปราชญ์พูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย ไอ้ห่านนนนน

.

.

[เป็นแฟนกันเเล้วววว เป็นแฟนกันเเล้วววววว /ตะโกนโวยวาย อรั้ยยยย]
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะเป็นแฟน (15/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-06-2019 21:19:54
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 22 เปลี่ยนสถานะเป็นแฟน (15/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 16-06-2019 01:56:59
เป็นแฟนกันแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (23/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 23-06-2019 12:15:12
   
บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว (ปราชญ์ X ตฤน) NC

   

   ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ทริบเที่ยวจบลง เมื่อปราชญ์ขับรถพาตฤนไปถึงทะเล แต่ตฤนเลือกที่จะวิ่งเอาเท้าไปแตะทะเล และรีบกลับขึ้นรถ ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ตฤนก็ยอมแพ้ต่อสภาพอากาศ แต่จะให้เขารอจนเย็นก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน

   ปราชญ์พาตฤนแวะห้าง พวกเขาเดินตากแอร์ชิล ๆ ช่วงเวลานี้รถน้อย พวกเขาเลยแวะนู้นแวะนี่ได้ ปราชญ์แอบเดินแยกไปซื้อของ สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการมาก ๆ ในตอนนี้ ส่วนตฤนเหมือนจะติดใจกับโซนของฝาก ดูของที่จะซื้อฝากแม่ กับฝากกวาง

   ปราชญ์เดินกลับมาพร้อมถุงขนม

   “ซื้อขนมเพียบเลย กินทั้งหมู่บ้านหรอ” ตฤนแซว

   “เออดิ เสร็จยังอ่ะ”

   แม่ค้ายื่นถุงใบใหญ่ สองถุงมาให้ตฤน ปราชญ์มองถุงสองใบหน้าพลางยิ้ม ว่าแต่คนอื่น ก็พอ ๆ กันแหละวะ ปราชญ์จะขยับมาถือถุงให้ แต่ตฤนคว้าไว้เองทั้งหมด เขาก็เป็นผู้ชายนะ เป็นแฟนผู้ชาย ไม่ใช่แฟนสาว...

   

   พวกเขากลับมาถึงบ้านปราชญ์ในตอนเย็น ดีที่รถไม่ติดมาก ปราชญ์เหนื่อยล้ากับการขับรถ แต่ไม่เหนื่อยที่จะทำอย่างอื่น...

   “หิว” ปราชญ์บ่นออกมาเสียงดัง

   “ก็ป้อนมาตลอดทาง หิวอะไรอีก” ตฤนพูดพลางส่ายหน้าเอือม พลางชูถุงขยะถุงใหญ่ขึ้นมาให้ดู สิ่งที่พวกเขากินตลอดการเดินทาง

   “ก็หิว...ตฤนไง” ปราชญ์เดินเข้ามาประชิด สองมือโอบกอดอีกฝ่าย ริมฝีปากร้อนทาบทับลงไปบนริมฝีปากบาง บดจูบลงไปจนตฤนแทบแข้งขาอ่อน

   “ปราชญ์ ...กู...”

   “กูพร้อมแล้ว” ปราชญ์พูดพลางชี้ไปที่ด้านล่าง เป้าตึงแน่นนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

   “นี่มึงหื่นมาตลอดทางเลยหรอ ทำไมมึงบ้ากามจังวะ”

   “แค่กับมึง” ปราชญ์พูดพลาง หยิบของที่ซื้อที่ห้างออกมา เป็นขวดเจล “รอบนี้กูขอใส่”

   “เชี่ย” ตฤนอุทานเบา ๆ พลางขยับหนี แต่อ้อมแขนแกร่งคว้าคนตรงหน้าเข้ามาแนบชิด

   “นะ ยอมกูเถอะ” ปราชญ์ทำหน้าเว้าวอนขอร้อง จนตฤนใจอ่อน แต่เขาก็แอบสงสัย...

   “ทำไมกูต้องโดนใส่วะ”

   “เพราะ...กูเคยทำ แต่มึงไม่เคยไง”

   “งั้นรอบหน้ากูขอเป็นคนใส่”

   ปราชญ์นิ่งเงียบ เขาไม่เคยนึกมาก่อน ว่าจะต้องเป็นคนถูกใส่ ถ้าเขาตกลง ตฤนก็จะ...ทำเขา เขานึกภาพไม่ออกเลย แต่ก็ถูกของมัน ถ้าเขาไม่ยอมก็คงเห็นแก่ตัวเกินไป แล้วถ้าเขาไม่ตกลง วันนี้เขาอดแน่

   “ได้... ดูบทเรียนที่กูจะสอนก็แล้วกัน”

   ปราชญ์พูดจบประโยคไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร ประกบจูบอีกครั้ง เร้าร้อนยิ่งกว่าเดิม ลิ้นสอดเข้าไปเกี่ยวและหยอกเหย้า สองมือบีบคลึงที่ก้นของคนในอ้อมแขน ก่อนมาสาละวนกับซิปกางเกง รุกรานจุดอ่อนไหวที่กำลังมีอารมณ์ร่วมกับเขา มันแข็งขืนขึ้นมาในอุ้งมือของเขา

   “เฮือก อึก” เสียงครวญครางเหมือนคนหายใจไม่ออกของตฤนทำให้ปราชญ์ต้องผละออกมา ใบหน้าแดงก่ำของคนตรงหน้าทำให้อารมณ์เขายิ่งพุ่งทยาน พวกเขาพาตัวเองไปที่โซฟา ปราชญ์ถอดกางเกงที่เกะกะของตฤนออกอย่างไม่ใยดี สองมือเกาะกุมแท่งเนื้ออ่อนไหว “อ่าอ๊า” เขาขยับมือเข้าออกจนตฤนครางด้วยความเสียว

   ตฤนขยับเกร็งก่อนจะพ่นของเหลวขาวขุ่นออกมาเปรอะมือหนา

   “หันหลังหน่อย” ปราชญ์มองช่องทางรักก่อนจะบีบเจลชโลมนิ้วของเขาและสอดแทรกนิ้วเข้าไป ตฤนรู้สึกเจ็บเมื่อนิ้วกลางของตฤนเข้าไปจนสุดนิ้ว

   “อึก เจ็บ” ปราชญ์แช่นิ้วค้างเอาไว้ให้คนตรงหน้าได้ปรับตัว

   “เดี๋ยวจะดีขึ้น” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อารมณ์ของเขาพุ่งพล่านไปถึงขีด

   ปราชญ์เริ่มขยับนิ้วช้า ๆ ข้างในคับแน่นจนเขารู้สึกว่า ถ้าจะเอาของเขาเข้าไป คงต้องพยายามเตรียมให้ดี เขากลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ

   เขาเริ่มเพิ่มจำนวนนิ้วจาก 1 เป็น 2 เมื่อเห็นว่าตฤนเริ่มชิน เขานิ่วหน้านิดหน่อยให้ความคับแน่นนั้น ตฤนหอบเหนื่อย มันมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา มือเรียวยันโซฟาเอาไว้ ไม่ให้หน้าทิ่ม จนเมื่อปราชญ์เพิ่มเป็น 3 นิ้ว เพราะเขาก็เริ่มจะทนไม่ไหวคนด้านล่างดิ้นพล่าน พยายามขยับหนี ทั้งแน่นทั้งเจ็บ

   “อ่าาาา อึก” ตฤนครางผ่อนความเจ็บ สะโพกเนียนพยายามหนี แต่ปราชญ์จับยึดเอาไว้แน่น สามนิ้วชุ่มฉ่ำขยับเข้าออกอย่างช่ำชอง

   ด้านในอุ่นชื้น ตอดรัดนิ้วของปราชญ์ นั่นทำให้ความอดทนของปราชญ์ หมดลง เขาถอนนิ้วออก พลิกคนข้างล่างให้หันกลับมาประชันหน้ากับเขา เขาอยากเห็นใบหน้าเนียนที่แสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมา ดวงตาคู่สวยหวานฉ่ำเยิ้มใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากพยายามหายใจเอาอากาศ พร้อมเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและตามร่างกายเปลือยเปล่าแม้จะเปิดแอร์กับไม่สามารถดับความร้อนของพวกเขาได้

   ปราชญ์จับแท่งเนื้อจ่อที่ช่องทางรักสีหวาน ที่เขาอดทนเตรียมความพร้อม เขาจะทำให้ครั้งแรกของตฤน เป็นความทรงจำที่ดี เขาชโลมเจลลงไปจนทั่ว ถูไถแท่งเนื้อกับปากทางเข้า เขารู้ว่าถ้ายึกยัก อีกฝ่ายจะยิ่งเจ็บ เจ็บหลายครั้งหลายซ้ำหลายซ้อน สู้ใส่เข้าไปทีเดียวให้เจ็บในครั้งเดียวดีกว่า เขาอ้าเรียวขาของตฤนให้กว้างออกอีกหน่อย และใส่แท่งเนื้อเข้าไปในทีเดียว

   “อื้ออออออ!!!” ตฤนร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ มันจุกจนน้ำตาคลอ มือบางจิกลงไปที่แขนของปราชญ์เพื่อระบายความเจ็บปวด

   “ซี๊ดดดด แน่น” ปราชญ์ครางออกมา ข้างในคับแน่นจนเขาแทบเสร็จ ปราชญ์นิ่งค้างรอให้อีกฝ่ายปรับตัวได้ เขาก้มลงไปจูบที่แก้มนวล เพื่อเบนความสนใจ เขาพรมจูบบนอกซ้ายของตฤน แล้วขบเม้มประทับรอยสีกุหลาบเอาไว้

   ส่วนที่เชื่อมต่อราวกับหลอมละลาย อารมณ์เจ็บเริ่มเจือจาง ตฤนเริ่มรู้สึกว่ามีความรู้สึกอื่น แผ่กระจายไปทั่ว มันทำให้เขาคลั่ง

    ปราชญ์เห็นสีหน้าผ่อนคลายของตฤน สายตามองสำรวจหน้าอกเปลือยเปล่าที่ขยับขึ้นลง ยอดอกชูชัน เชื้อเชิญให้เขาก้มลงไปดูดเม้มมัน  ลิ้นร้อนลากวน ทำให้ตฤนยิ่งรู้สึกสั่นสะท้าน เขาแอ่นรับสัมผัสนั้นอย่างคลั่งไคล้ ปราชญ์ช่ำชองด้วยประสบการณ์เรื่องนี้ที่เขามีมามากมายแม้ว่าจะเป็นกับผู้หญิงก็ตาม แต่เขาก็รู้และสังเกตว่าทำแบบไหนอีกคนถึงจะรู้สึกดี ทำแบบไหนตฤนจะรู้สึกมีความสุข ความสุขที่มีร่วมกันไปพร้อม ๆ กับเขา

   “อื้อออ ปราชญ์” เสียงหวานเรียกเขามันแหบด้วยอารมณ์ พร้อมเสียงหอบกระเส่าอย่างเซ็กซี่ นั่นทำให้เขาเริ่มขยับเอว ขยับเข้าออกจากช้า ๆ

   “อ่า อ๊า” ตฤนครวญคราง เขาลอบดูใบหน้าหล่อเหลาที่พราวเหงื่อระยับ ขยับอยู่บนร่างของเขา ไม่คิดว่ามันจะมาเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนามาถึงจุดนี้ จุดที่พวกเขาเชื่อมต่อกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ครั้งแรกของเขา รักแรกของเขา...

   ปราชญ์มองลงมาสบตากับตฤนที่กำลังแอบมองเขา รอยยิ้มละมุนแต่งแต้มบนใบหน้าชื้นเหงื่อของปราชญ์ มันมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน ตฤนแลบลิ้นเลียริมฝีปากบวมช้ำจากฝีมือของปราชญ์

   ปราชญ์เพ่งมองใบหน้าเนียนที่ขึ้นสีเรี่อ ลิ้นเล็ก ๆ ที่แลบเลียริมฝีปากนั่น ภาพตรงหน้าเย้ายวนให้เขายิ่งโหยหา ยิ่งทำให้อารมณ์เตลิด “ฮึบ อ๊า” ปราชญ์ขยับเอวเร็วขึ้น

   พั่บ พั่บ พั่บ

   เสียงเนื้อกระแทกกันดังก้องไปทั่วทั้งห้อง พร้อมเสียงหอบครางของทั้งคู่ ที่จวนเจียนใกล้ไปถึงจุดหมาย ปราชญ์รุกรานตฤนเพิ่มด้วยการชักดุ้นเนื้อแข็งแกร่งของตฤนไปด้วย เอวก็ยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ขยับแทงเร่งจังหวะไปด้วย จนตฤนสติหลุดลอย เขาใกล้ไปถึงฝั่งฝัน

   “อ๊าาาาา” ตฤนปลดปล่อยออกมาก่อน พ่นของเหลวอุ่นร้อนออกมาเต็มมือของปราชญ์ เขาหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาเสร็จแล้ว ร่างกายสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อย

   “อึกอ๊า อ๊าใกล้...แล้ว” ปราชญ์ขยับอีกไม่กี่ครั้ง หอบกระชั้น ลมหายใจขาดห้วง ก่อนเสร็จตามไปติด ๆ พ่นของเหลวขาวขุ่นเข้าไปด้านในจนเต็มเอ่อล้นออกมา ตฤนรู้สึกอุ่นวาบข้างใน มันเป็นความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก

   ปราชญ์ถอนแทงเนื้อออก น้ำรักไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางสีหวาน เขาทิ้งตัวลงซวนซบทับร่างตฤน ทั้งคู่พูดคุยกันผ่านลมหายใจเหนื่อยอ่อน

   

   “อีกทีได้มั้ย” เสียงนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา เขายังอยากต่ออีก ยังอยากทำอีก

   “ไม่ไหวว่ะ” ตฤนตอบกลับเสียงอ่อน

   “อิ่มแล้วก็ได้ครับ” ปราชญ์พูดขณะยันตัวขึ้นนั่ง

   ตฤนยังคงนอนนิ่ง เพราะพอเขาขยับก็รู้สึกเจ็บระบมที่ช่วงล่าง “เจ็บว่ะ”

   ปราชญ์มองอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย ก่อนจะอุ้มช้อนตัวตฤนเดินลิ่วเข้าห้องน้ำไป เขาวางตฤนลงในอ่างน้ำ และเปิดน้ำเย็นปะทะร่างกายของตฤน มันเย็นจนสะท้าน แต่ก็ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น มือหนาค่อย ๆ ทำความสะอาดให้เขาอย่างเบามือ ด้วยความทะนุถนอม

   “เจ็บมากมั้ย” ปราชญ์ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

   “มาก”

   “แล้วมีความรู้สึกอื่นอีกมั้ย” มือหนาจับประคอง ใบหน้าเนียนเอาไว้ เขาจุ๊บเบา ๆ อย่างรักใคร่

   “รู้สึก... เสร็จ”

   “ตรงเป๊ะ ไม่มีความโรแมนติกเลย” ปราชญ์บ่นก่อนจะปิดน้ำ เขาเช็ดตัวให้ตฤน

   “แค่โดนเมิงเอา ไม่ได้กลายเป็นง่อยซะหน่อย กุไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ”

   “เอ๊ ทำไมพูดแบบนั้น ก็รักไง เห็นเจ็บก็ห่วงไง” ปราชญ์ขมวดคิ้ว เมื่ออีกฝ่ายชอบพูดขัดอารมณ์โรแมนติกของเขาพูดพลางเอาผ้าขนหนูห่อตัวตฤนเอาไว้และอุ้มคนเจ็บออกจากห้องน้ำ วางลงบนเตียงนอนอย่างไม่กลัวว่าเตียงจะชื้น

   “นอนพักไปก่อน ดึก ๆ จะไปส่ง” ปราชญ์พูด พลางเดินกลับไปห้องน้ำ เพื่อจัดการกับตัวเองต่อ ความรู้สึกอุ่นร้อนที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ เขายังติดใจ อยากต่อ แต่เป็นห่วงสุขภาพของตฤนว่าจะรับไม่ไหว คงต้องค่อย ๆ ปรับกันไป แต่ยังไงครั้งแรกของตฤนก็เป็นของเขา

   

   ปราชญ์ออกมาจากห้องน้ำ พอเขาเดินไปที่เตียง ตฤนก็เผลอหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่องรอยที่เข้าทำเอาไว้ปรากฏอยู่ตามตัวขาวเนียนของตฤน เขามองด้วยความเขินอาย เขาข้ามเส้นไปจริง ๆ แล้ว และมันสำเร็จ เขานั่งลงข้าง ๆ พลางโน้มหน้าลงไปจุ๊บหน้าผากเนียน ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

   ตฤนค่อย ๆ รู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นสบกับดวงตาของอีกคนที่มองเขาอย่างหวานซึ้ง ความรักเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น สายตาที่เขาทำเป็นไม่รู้มาตลอด เพราะว่ากลัว... กลัวในความไม่แน่นอน ว่าตัวเขาหรือปราชญ์จะเปลี่ยนไป ถ้าเป็นเพื่อนก็คงไม่มีวันแยกจากกัน ...

   “เราจะไม่เลิกกันใช่มั้ย” ตฤนถามคำถามที่ทำให้ปราชญ์ตกใจ

   “เราจะไม่เลิกกัน กูจะไม่มีวันไปจากมึง... กูจะทำให้มึงมีความสุขที่สุด จะรักจะดูแลอย่างดีเพราะมึงคือความสุขของกู” และไม่ว่ามึงจะอยากไปจากกูมากแค่ไหน กูก็จะไม่ให้ไป กูจะตามมึงกลับมา... เขากลืนประโยคที่เหลือเอาไว้ เพราะว่าตฤนคือความสุขของเขา ถ้าหากว่าตฤนออกปากไล่เขา ถ้านั่นเป็นความสุขของตฤน เขาก็จำต้องไป ถ้าวันนั้นมาถึง... แต่เขาภาวนาให้ไม่มีวันนั้น “มึงนั่นแหละ อย่าทิ้งกูไปไหน”

   ตฤนขยับเขาใกล้ปราญ์ มืออ้าโอบรอบคอคนข้าง ๆ ใบหน้าซุกอยู่ตรงไหล่หนา

   “พูดอย่างกับจะขอกูแต่งงาน” น้ำเสียงแผ่วเบาอู้อี้

   “แต่งมั้ยล่ะ” ปราชญ์พูดแหย่อีกฝ่าย

   “พอก่อน นี่มันก็ก้าวกระโดดมากไปแล้ว”

   “ไม่อยากให้กลับเลย”

   “ไม่ได้ พรุ่งนี้ทำงาน” ...อยู่กับมึงเดี๋ยวไม่ได้นอน ตฤนต่อคำพูดนั้นในใจ ปราชญ์มันร้าย ไว้ใจไม่ได้!

.

.

 :o8: :-[ :impress2:

[ปราชญ์ ผู้มีความอดทนเป็นเลิศ อยากแค่ไหนก็ต้องยอม ตฤน อรั้ยยยยย

ครั้งเดียวก่อนน นนน มีคนเจ็บบบบ ต้องปฐมพยาบาลด้วยความรักนะ]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (23/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 23-06-2019 22:47:08
ปักรอออ55555555เอ็นดูวว
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (23/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 24-06-2019 01:38:48
เขาได้กันแล้ววววว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (23/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-06-2019 11:41:19
 :L2: :pig4:หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนะ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 23 ทนไม่ไหวแล้ว NC (23/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 25-06-2019 20:22:20
 :m25: เพิ่งอ่านทัน พอตฤนตกลงเป็นแฟนนี้จับเขากันเลยนะปราชญ์ไหนว่าใจเย็นงั้น หรือว่าทดแทนที่ตฤนให้รอนาน :z1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 24 สลับกันตามสัญญา (NC) (1/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-07-2019 22:04:03
   
บทที่ 24 สลับกันตามสัญญา (NC)
   

   ตฤนกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแม่เข้านอนแล้ว เขาแอบโล่งใจพิลึก เขากลัวว่าแม่จะซักถามเขา หลังจากที่เขาเจอ และง้อปราชญ์ได้แล้ว หลังจากที่เจอแล้ว...กัน ใบหน้าปราชญ์เหนื่อยหอบ ฉายขึ้นมา คิดแค่นั้น ใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีเรื่อ ติดเชื้อลามกมาจากปราชญ์ชัด ๆ

   ตฤนย่องเข้าบ้าน แต่ก็ยังไม่พ้นหูตาของกี้

   “กี้” ตฤนเรียกดวงตาวาววับในความมืด ก่อนที่มันจะเห่าและปลุกแม่ ให้ตื่นมาสอบสวนเขา

   กี้กระดิกหางพลางเดินเข้ามาใกล้ ตฤนเอื้อมมือไปลูบหัวกี้เบา ๆ

   “อื้อ เราดีกันแล้ว จะไม่เทอาหารเม็ดลงน้ำอีกแล้ว”

   “หงิง ๆ ” ไม่รู้ว่าเสียงตอบรับนั้นเป็นเพราะดีใจหรือเปล่า

   “นอนก่อนนะกี้” ตฤนขยับพาร่างที่อ่อนล้า ขึ้นไปนอนพัก เขากินยาแก้ปวดก่อนจะผล็อยหลับไป

   

   เช้าวันรุ่งขึ้น ตฤนตื่นขึ้นมา พอขยับก็รู้สึกปวดเล็ก ๆ ที่ส่วนล่าง เขาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แบบไม่สดชื่นนัก เขาเดินลงมาข้างล่าง ได้ยินแม่คุยกับใครบางคน ใครบางคนที่มาส่งเขาเมื่อคืน...

   “ผมขอรักกับตฤนได้ใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มนุ่มกับคำพูดที่ทำเอาตฤนตาแทบถลน

   “เดี๋ยว มาทำอะไรแต่เช้าวะ” ตฤนเดินลงบันได ตรงดิ่งไปหาแขกที่มาเยือน เขาโวยวายทันที

   “มารับ ‘แฟน’ ไปทำงานครับ” ปราชญ์พูดออกมาหน้าตาเฉย จงใจพูดเน้นคำว่าแฟน

   แม่นั่งอมยิ้มขณะมองทั้งคู่ ถึงจะน่าเสียดายที่ลูกชายคนเดียวของเธอ จะไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวมีลูกเหมือนลูกชายของคนอื่น ๆ แต่เธอเชื่อว่าลูกชายของเธอจะมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว ...

   “แม่มีข้อแม้นะ” อยู่ ๆ แม่ก็พูดขึ้นมา ส่งผลให้ทั้งคู่สะดุ้งแล้วหันกับมามองแม่พร้อมกันเป็นตาเดียว

   “อะไรครับบอกมาได้เลย” ปราชญ์พูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงขึ้งขัง

   “ดูแลตฤนเหมือนที่เคยทำ และอย่าทิ้งตฤน” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบจริงจัง อย่างที่ตฤนไม่เคยเห็น

   “ครับ ผมจะดูแลตฤนเป็นอย่างดี ยิ่งกว่าชีวิตผมเลย” ปราชญ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน

   ตฤนได้แต่ยืนนิ่ง หน้าขึ้นสีเรื่อ เขาเพ่งมองทั้งคู่ ทุกคนจริงจังกันมาก เขาสุขใจที่ได้ยินคำสัญญานั้น แม้ว่าเขาจะต้องเขินอายแต่เช้าก็ตาม

   

   ปราชญ์ไปส่งตฤนที่ทำงาน พอเลิกงานก็ไปรับ เรียกว่า เช้าถึง เย็นถึง เป็นแบบนี้มาหลายวันติดต่อกัน ตฤนรู้สึกสะดวกสบายจนกลัวว่าจะชิน เวลาอีกฝ่ายไปทำงานต่างจังหวัด เขาต้องคิดถึงมากแน่ ๆ ปราชญ์มันต้องตั้งใจวางยาเขาแน่ ยาที่สั่งให้รัก ให้คิดถึงแค่มันคนเดียว ยาที่ปรุงด้วยความรักและความใส่ใจ

   

   “ตฤน” ปราชญ์เรียกขณะพวกเขานั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน

   “ว่า” ตฤนละสายตาจากของกินตรงหน้า

   “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ไปหลายวันเลย” ปราชญ์พูดขึ้น พลางทำท่าเหมือนหมาหงอย

   “ตั้งใจเข้านะ รีบกลับมาล่ะ” ตฤนพูดด้วยความชิน ปราชญ์ก็ไปๆมาๆ ต่างจังหวัดอยู่แล้ว

   “ไม่อาลัยอาวรณ์กูเลยหรอ” ปราชญ์ทำปากยื่น ๆ เหมือนน่ารัก พร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อน

   “ก็ต้องชินใช่มั้ยล่ะ” เขารู้ดีว่าเขาจะต้องคิดถึงปราชญ์มาก ๆ เขาจะโทรไปหาทุกวัน ไม่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ห่างเหิน ไม่เพิกเฉย จะโทรไปเติมพลังให้อีกฝ่าย และก็จะเติมพลังให้ตัวเองด้วย

   “จะคิดถึงกูมั้ย” ปราชญ์ถามเสียงอ่อน นับวันเขายิ่งรู้สึกไม่อยากห่างตฤนมากขึ้นเรื่อย ๆ นานวันเข้าก็ยิ่งไม่อยากไป แต่งานก็ยังเป็นสิ่งที่ขาต้องให้ความสำคัญ

   “คิดถึง...จะโทรหาทุกวัน” ตฤนพูดพลางส่งยิ้มหวานให้

   “งั้นวันนี้ ขอจัดหนักกักตุนนะ” ปราชญ์พูดพลางยักคิ้ว หลิ่วตา ทำหน้าทะเล้น

   “ได้ตามคำขอ รอบนี้ตาของกูแล้ว”

   ปราชญ์กลืนน้ำลายเอื้อก เมื่ออีกฝ่ายมาทวงสัญญา สัญญาที่รอบนี้เขาจะยอมให้อีกฝ่ายเป็นคนใส่เข้าไปในเขา...

   “ง่า ตฤน” ปราชญ์ครางเสียงอ่อน เขาอยากเป็นคนทำ!

   “จะผิดสัญญาหรอไง” ตฤนทำหน้าไม่พอใจ พอเห็นแบบนั้นในใจของปราชญ์ก็รู้สึกหน่วงขึ้นมา เขายอมแพ้ ...

   “ก็ได้”

   เมื่อพวกเขากินข้าวเสร็จ ปราชญ์ทำหน้าที่ล้างจานในขณะที่ตฤนหายเข้าไปในห้องนอนของเขา

   

   ตฤนเตรียมตัวมาอย่างดี เขาจุดเทียนหอมขึ้นในห้อง ให้กลิ่นช่วยผ่อนคลายความตื่นเต้น เขาแอบหยิบขวดแก้วสีใสขวดเล็กขึ้นมา ก่อนจะยกขึ้นซดอึกใหญ่ ความร้อนและความขมแทบจะเผาคอของเขา วอดก้าที่เขาเตรียมมาเพื่อดื่มย้อมใจ ให้เขามีความกล้า ...เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นรัว ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือฤทธิ์แอลกอฮอล์

   ปราชญ์เดินเข้ามาในห้อง เขามองตฤนที่นั่งขัดสมาธิรออยู่บนเตียง เมื่อตาสบตา บรรยากาศหวาบหวามก็เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

   ตฤนตบที่นอนข้าง ๆ เร่งให้ปราชญ์เดินเข้ามาหา เมื่อปราชญ์นั่งลง ตฤนรั้งไหล่หนาเข้ามาใกล้ ก่อนจะบดจูบลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย เขาพอจะจดจำสิ่งที่ปราชญ์ทำกับเขาได้

   กลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลออกมาจากคนรุกจูบ

   'ถึงกับต้องดื่มปลุกใจ' ปราชญ์นึกขำขัน

   ตฤนพยายามจูบเร้า แต่ยังไม่สามารถเร้าร้อนได้แบบปราชญ์เพราะประสบการณ์มันต่างกัน

   ปราชญ์ยอมให้คนตรงหน้าเป็นคนนำ

   ตฤนถอนจูบออกสบตาปราชญ์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

   'ภาพนี่แหละที่ปลุกเขาได้ดี' ปราชญ์มองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ อยากจะจับกดให้รู้แล้วรู้รอด

   แท่งเนื้อคับแน่นในกางเกงตัวบาง เป็นสัญญาณ... ตฤนเห็นก็นึกว่าจูบของเขาทำสำเร็จ แต่ไม่ใช่ใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวต่างหากที่ปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่าย

   เขาถอดเสื้อให้ปราชญ์ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งปรากฎตรงหน้า ฝ่ามือเล็กลูบไล้แปะป่ายตามอกแกร่ง

   ตฤนถอดกางเกงปราชญ์ออก แท่งเนื้อตั้งผงาด ตฤนใช้มือจับลูบ หยอกเย้าตั้งแต่หัวจรดโคน

   "อึกอื้อ เก่งขึ้นนะ แฮ่ก " ปราชญ์ชมมือเล็กที่ขยับรูดขึ้นรูดลง ปลายนิ้วถูที่ส่วนหัวด้วยความใส่ใจ ปราชญ์หอบด้วยอารมณ์เสียว ตฤนก้มลงไปใช้ปากบางครอบส่วนหัวของแท่งเนื้อ ลิ้นร้อนไล้ไปตามส่วนหัว

   ปราชญ์เบิกตาโพล่งอย่างไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้ปากพยายามเพื่อเขาขนาดนี้ เขาเผลอขยับดันดุ้นร้อนเข้าไปในปากนุ่มฉ่ำ มันรู้สึกดีจนเขากำลังจะไปถึงฝั่งฝันด้วยเวลาแค่แปปเดียว

   "อ่าอ๊า" ปราชญ์ครางกระสัน อารมณ์โจนทะยานพุ่งไปถึงสุดท้าย ปราชญ์รีบชักแท่งเนื้อออกจากปากก่อนที่เขาจะแตกใส่ปากคนตรงหน้า เกือบไม่ทัน แต่นั่นก็ทำให้น้ำพุ่ง เปรอะเปื้อนใบหน้าเนียน

   "เฮ้ยขอโทษ" ปราชญ์ละล่ำละลักบอก เขามองผลงานของตัวเองด้วยใจนึงก็รู้สึกว่ามันเซ็กซี่เหลือเกิน อีกใจก็รู้สึกผิด ที่ทำให้ใบหน้าเนียนใสเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำของเขา

   ปราชญ์คว้าเสื้อของเขามาเช็ดน้ำเหนอะหนะออกจากหน้าของตฤน

   ตฤนถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ร่างกายขาวเนียนเปลือยเปล่าท่ามกลางไฟสลัว ดุ้นเนื้อชูชันด้วยอารมณ์ "หันหลังได้แล้ว" ตฤนพูดพลางหยิบหลอดเจลออกมาชะโลมที่นิ้ว

   "ตฤน...ไม่เปลี่ยนใจนะ" ปราชญ์ทำสายตาอ้อนวอน เขาเคยแต่เป็นคนทำมาตลอด จึงรู้สึกกังวลใจ

   “อื้อ ปราชญ์ หัน..ไป" ตฤนพูดกึ่งคราง พลางใช้มือกำชักรูดรั้งดุ้นเนื้อของตัวเอง

   ปราชญ์พลิกหันหลังคุกเข่าอ้าขาออกด้วยความกระดากเขิน ตฤนใช้นิ้วที่ชุ่มเจลสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องทางตรงหน้า

   "อึก" ปราชญ์ร้องเมื่อถูกรุนราน ใบหน้าเหยเก

   "อย่าเกร็ง" มืออีกข้างลูบไล้บั้นท้ายเเกร่งก่อนบีบมันแรง ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว เขาเริ่มขยับนิ้วช้า ๆ

   "อื้อ" ปราชญ์เกร็งจนตัวสั่นระริก ถ้าไม่ใช่ตฤน เขาไม่มีวันยอมแน่!

   ตฤนขยับนิ้วเข้า ออก ก่อนเพิ่มนิ้วเป็นสามนิ้ว ด้านในคับเเน่นจนขยับแทบไม่ไหว

   "อื้อ เจ็บ"ปราชญ์ครางด้วยความรุกรานที่คับแน่นจนเจ็บ เขาแอ่นหนีนิ้ว แต่ตฤนจับยึดตรึงสะโพกเอาไว้แน่น

   "ทนนิดนึงนะปราชญ์"

   ปราชญ์ได้แต่นึกในใจว่านี่แค่นิ้วนะ เขาเตรียมใจ ไว้แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นเข้ามา เขาคงทุรนทุรายกว่านี้ ตฤนรอให้คนตรงนั้นเจ็บน้อยลงก่อนเริ่มขยับอีกครั้ง

   ทั้งเจ็บทั้งรู้สึกประหลาด ตฤนทนเบิกทางต่อไปไม่ไหว เขาปวดหนึบกับอารมณ์ของตัวเอง ทำไมเขาถึงหื่นได้ขนาดนี้นะ

   เขาถอนนิ้วออกก่อน ชะโลมเจลบนแท่งเนื้อ ก่อนกดสะโพกสอดแท่งเนื้อแข็งแกร่งเข้าไปแทน เข้าไปได้แค่ครึ่งลำ ใบหน้าหล่อของคนถนัดใส่มากกว่า บิดเบี้ยวเหยเก ใบหน้าเกร็งเขม็ง ขบกรามเเน่นข่มความเจ็บปวด

   "แน่นชิบหาย" ตฤนพึมพำ

   "เจ็บว่ะแม่ง" ปราชญ์ร้องโวยวาย มือหนาจิกกำพาปูที่นอนแน่นอย่างระบายความเจ็บ

   ตฤนเอื้อมมือไปเจ็บดุ้นเนื้อของคนตรงหน้าหวังช่วยให้ผ่อนคลาย

   ปราชญ์ที่โดนทั้งหน้าทั้งหลัง เขาผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มรู้สึกหวาบหวามขึ้นมาบ้าง ตฤนฉวยโอกาสนั้นดันแท่งเนื้อเข้าไปจนสุด

   "อึก" ปราชญ์จุกจนน้ำตาคลอความเจ็บแล่นแปล๊บ

   "อ๊า คับมาก" ตฤนเชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียว เขาค้างเเช่รอคนข้างล่างปรับตัว จุดเชื่อมต่อร้อนจนแทบหลอมละลาย

   มือตฤนอยู่ไม่สุก ปะป่ายลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของร่างหนา มัดกล้ามเนื้อเกร็งกระตุกตามสัมผัสที่ลากผ่าน ปลายนิ้วจู่โจมไปที่ยอดอกชูชัน เขาบี้มันเล่น ก่อนจะงับลงไปที่แผ่นหลังกว้าง พรมจูบมันจนทั่ว จนปราชญ์ขยับด้วยความจั๊กจี้

   “กูจะขยับแล้วนะ” ตฤนพูดเพื่อให้อีกฝ่ายเตรียมใจ

   “ฮื้อ” ปราชญ์ครางเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

   ตฤนขยับดุ้นร้อนเข้าออกในช่องทางรัก ช้า ๆ เน้น ๆ เขาจะค่อยเป็นค่อยไป แม้อารมณ์จะปั่นป่วนจนแทบคลั่งก็ตาม เขาถูกใส่มาก่อน เขารู้ดีว่าตอนนั้นเขาเจ็บแค่ไหน ขนาดปราชญ์พยายามทะนุถนอมเขา มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับความเจ็บปวดแสนหวานนี้

   “ฮึก ฮึบ อ๊า” ปราชญ์ครางแผ่ว วิธีนี้จะช่วยให้เขาผ่านความเจ็บปวดไปได้

   "ปราชญ์ อึก ให้กูทำแบบนี้ ให้กูเห็นท่าทางแบบนี้ของมึงได้คนเดียวพอนะ "

   "เออ"ปราชญ์ตอบรับสั้น เขาทั้งเจ็บทั้งรู้สึกประหลาด เขายอมแบบนี้ให้ตฤนคนเดียว

   "กุหวง" สิ้นคำตฤนขยับสะโพก เขากดเข้าไปลึกแล้วถอนเกือบสุดแล้วกระแทกเข้ามาใหม่อย่างช้า ๆ

   "อ๊า อ๊ะ" ปราชญ์ครางออกมา ด้วยหลากความรู้สึกผสมปนเป

   "ซี้ดดดด" ตฤนครางด้วยความเสียวซ่าน การเป็นคนใส่มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง ช่องทางอบอุ่นโอบรัดเขาเอาไว้ มันแน่นจนเขาแทบไม่ไหว เขาจับยึดสะโพกอีกฝ่ายแน่นก่อนขยับเร่งจังหวะ เสียงเนื้อกระแทกกันดังลั่นห้องพร้อมเสียงครวญครางที่สุขสม

   ปราชญ์ใช้มืออีกข้างนึงค้ำยันตัวเอาไว้ ส่วนอีกข้างกำรูดชักของตัวเอง อารมณ์ขึ้นถึงขีดสุด

   "อ๊า" ปราชญ์ทนไม่ไหว เขาปล่อยออกมาก่อน

   "ปราชญ์ กู รัก เมิง" ตฤนพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ลมหายใจหอบระริก เขาเร่งขยับสะโพกรุนแรงอีกหลายครั้ง ก่อนจะกดสะโพกมิดพลางปล่อยของเหลวอุ่นร้อนเข้าทางช่องทางรัก  มันเยอะจนล้นออกมาไหลหยดเยิ้มตามเรียวขาแกร่ง เขารู้สึกราวกับจะละลาย ตัวเขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ใบหน้าซวนซบแผ่นหลังกว้าง จูบเบา ๆ ที่กลางหลัง ก่อนถอนดุ้นเนื้อที่สงบลงออกมา

   พวกเขานอนมองหน้ากัน เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า เพราะสงครามรักที่พวกเขาเพิ่งทำเสร็จไป วูบนึงตฤนรู้สึกว่าเขาชอบที่จะถูกอีกฝ่ายกอดรัดมากกว่า...

   ปราชญ์รู้สึกเจ็บที่ด้านหลังไม่น้อย แต่มันยังไม่ใช่ เขายังต้องการทำ มันยังไม่หนำใจ เขาต้องชดเชย เวลาที่เขาไม่อยู่ และเขาที่สำคัญต้องเป็นคนทำเท่านั้น!

   “เหนื่อย” ตฤนครางแผ่ว บทรุกกับบทรับ ต่างเหนื่อยกันคนละแบบ

   มือหนายื่นไปเขี่ยดุ้นเนื้อที่เพิ่งจะเสร็จไปในตัวเขาเมื่อกี้ ไม่สนที่อีกคนบ่นว่าเหนื่อย

   “ยังไม่จบหรอกคืนนี้” ปราชญ์พูดเสียงกระเซ้า เขายังเจ็บที่ส่วนล่าง แต่เขาจะต้องได้ทำ

   “ไม่พอหรอ”

   “ใช่” ปราชญ์พูดพลางพลิกตัวขึ้นคร่อม นี่สิตำแหน่งที่ถูกต้องของเขา ปราชญ์ประกบปากอย่างดูดดื่มไม่ให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ ลิ้นร้อนตักตวงความหวานอย่างไม่รู้จักพอ ตฤนอ้าแขนโอบรอบคอของปราชญ์ เขายอมเขาก็อยากตักตวงความรู้สึกดี ๆ เอาไว้ให้มากที่สุด

   เขาขบเม้มไปตามหน้าอกคนด้านล่าง ทำร่องรอยไปทั่วแผงอกนวล ราวกับสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ

   คนด้านล่างดิ้นพล่านด้วยอารมณ์ ลิ้นร้อนสะกิดตุ่มไตสีหวาน ทั้งดูดทั้งเค้นจนใบหน้าเนียนบิดเบี้ยว

   “อร่อย” เขาพูดแหย่

   มือหนากอบกุมแท่งเนื้อของตฤนเอาไว้ มันกลับมาแข็งขืนสู้มือเขาอีกครั้ง ปราชญ์ยิ้มกริ่ม เมื่อคนตรงหน้ารู้สึกดีไปกับการรุกของเขา ก่อนเริ่มขยับชักมือเข้าออกเป็นจังหวะ

   “อื้อ” ตฤนขยับสู้มือ

   “ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้นะ”

   “มะ มันเพราะใคร” ตฤนพูดหอบ ก่อนกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว

   “รอบนี้เร็วไปมั้ย หืม?”

   “ก็มือมึงมันรู้สึกดี” ตฤนพูดพลางเสหน้าหันไปมองอย่างอื่น ไม่กล้าสบตาคนช่ำชอง

   ปราชญ์ยิ้ม เขารู้สึกอย่างแกล้งคนด้านหลัง ทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้ มือหน้าสอดมือเข้าไปใต้ลำตัว สัมผัสบั้นท้ายกลมกลึง บีบเคล้นบั้นท้ายนุ่มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว หน้าท้องแบนราบขาวนวลตรึงสายตาของเขา ให้อยากแต้มสีสันลงไป

   ริมฝีปากร้อน พรมจูบรอบ ๆ สะดือ มือข้างนึงเอื้อมไปหยิบเจลมาบีบ ถูไปทั่วนิ้วมือ เขาสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางที่เขาต้องการจนแทบคลั่ง นิ้วร้อนควานหาจุดอ่อนไหว

   ตฤนตัวสั่นระริก กับการกระทำของปราชญ์

   เขาแอ่นสะโพกรับ ปราชญ์คว้าเอาขาเรียวมาพาดไว้ที่ไหล่ของเขา เพื่อให้เข้าเห็นช่องทางรักได้ชัด ๆ เห็นปลายนิ้วของตัวเองที่ผลุบเข้าผลุบออก

   “อึกปราชญ์ ตะต้องทำแล้ว” ตฤนร้องขอ อารมณ์ของเขาจุดติดได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จะเพราะแอลกอฮอล์ที่ปั่นป่วนเขา หรือเพราะนิ้วร้อนที่เอาแต่แกล้งเขา ไม่ยอมหยุด ...มันเตลิดยิ่งกว่าตอนเขาเป็นคนทำเองซะอีก

   เมื่อตฤนร้องขอปราชญ์ก็รีบสนองตอบ เขาดันดุนดุ้นเนื้อเข้าไปในทีเดียว เมื่อแก่นกลางเข้าไปได้หมดตฤนก็บิดร่างด้วยความเสียวซ่าน ปราชญ์ขยับทันที เขารู้ว่าคนด้านล่างพร้อมแล้ว และต้องการเต็มทน ไม่งั้นด้านในคงไม่ตอดรัดเขาแน่นขนาดนี้

   “อื้อ ตฤน นายกินฉันเข้าไป” ปราชญ์คราง พร้อมพูดคำพูดลามกออกมา

   พวกเขาประจันหน้ากัน ตฤนมองเห็นจังหวะเคลื่อนไหวของปราชญ์ได้อย่างชัดเจน ดวงตาคมที่มองลงมาก็ไม่ยอมละสายตาจากตฤน ไม่เลย

   ตฤนแกล้งอีกฝ่ายด้วยการกระตุ้นไปที่ยอดอกสีเข้มของปราชญ์ นิ้วบดขยี้ จนปราชญ์แทบสำลักความเสียว เขารีบขยับเอวเพื่อเอาคืนอีกฝ่าย

   “อื้อ อ๊า“ ตฤนร้องคราง เมื่อปราชญ์เร่งจังหวะขยับเข้าออก จนเขาหัวสั่นหัวคลอน อารมณ์รักพุ่งสูงปรี๊ด จนเขาไปถึงดวงดาวอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

   “ซี๊ด” ปราชญ์สูดปาก เชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียว ร่างกายเกร็งเขม็งสั่นสะท้าน ก่อนจะพ่นน้ำอุ่นร้อนออกมาภายในตัวของอีกฝ่าย

   ปราชญ์ ทิ้งตัวลงด้านข้าง หอบหายใจเข้าออกจนแผงอกแกร่งสั่นไหว

   “รอบนี้ไปจังหวัดไหน” ตฤนเอ่ยถามอีกฝ่าย เขาอยากรู้ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยสนใจ

   “ไปตรัง” ปราชญ์ตอบมาอย่างว่าง่าย ในใจของเขาเต้นอย่างลิงโล้ด มันอยากรู้ว่าเขาไปไหน!

   “อ่าฮะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”

   ปราชญ์พลิกตัวสอดมือดึงตัวคนน่ารักมากอดเอาไว้

   “ไม่อยากไปแล้วนี่สิ

   ไม่อยากไปเลยว้อย ไม่อยากไปในที่ ๆ ไม่มีตฤนแล้ว!

   “หืม?”

   “ไม่อยากไป ที่ ๆ ไม่มีเมิง” ร่างสูงพูดจบ ก็กระชับอ้อมแขน พลางมอบจูบแสนหวานลุ่มลึกให้อีกครั้ง พร้อมมือไม้ที่ไม่อยู่สุข ลูบไล้วนไปทั่วทุกส่วนสัด และพร้อมจะเริ่มบทรักอีกครั้ง... ทั้งคืนนี้เป็นเวลาของพวกเขา

.

.

[เหมือนรอมานาน จัดติด ๆ กันเลย แง้ หมายถึงคนเเต่งเนี้ย 5555 -.,-////

เรื่องรุกรับนี่มันเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละคน ว่าใครจะรู้สึกดีกับบทรักแบบไหน

ซึ่งตฤนเราชอบถูกโอบกอดมากกว่า ส่วนปราชญ์แน่นนอนว่าต้องชอบกอด

อิอิ เขินจังงงงง เเง่งงงงง ปราชญ์คุ้มเเล้ว ทั้งวันทั้งคืน]
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 24 สลับกันตามสัญญา NC (1/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-07-2019 09:41:48
เหมือนตฤนจะเข้ากับบทรับมากกว่าเยอะเลย :hao3: :z1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 25 อยู่ไกล...อย่ามายั่ว (8/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 08-07-2019 22:42:53
   บทที่ 25 อยู่ไกล...อย่ามายั่ว (เรทเบา ๆ )

   

   วันนี้ตฤนมาทำงานเอง ไม่มีใครมารับที่บ้าน นอกจากความสบายที่น่านึกถึง แต่ที่น่าคิดถึงมากยิ่งกว่ายังเป็นใบหน้าหล่อติดจะกวนประสาทของ ‘แฟน’ ของเขา ทั้งที่เพิ่งจากกันเมื่อคืน แต่ตอนนี้เขากลับคิดถึงดวงตาคมที่มักมองเขาด้วยความรัก เขาเป็นบ้าไปแล้ว

   ตฤนมองนาฬิกาข้อมือ พลางนึกในใจ ‘ป่านนี้อีกฝ่ายคงกำลังจะถึงสนามบินตรัง’

   “คิดถึง...

   แล้วเออ

   ตั้งใจทำงานล่ะ”

   เขาพิมพ์ข้อความพลางกดส่ง คิดว่าเจ้าตัวคงยังไม่อ่านเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ดี ความจริงเขาก็แอบเขินอยู่หรอกเวลาต้องแสดงความรู้สึกอะไรแบบนี้ เขายังไม่ชินเป็นแฟนกันมาตั้งนาน พอมันมาเป็นแบบนี้ มันก็ต้องให้เวลาเขาปรับตัวหน่อย ...เขามองข้อความที่กดส่งไป จะว่างอ่านตอนไหนก็แล้วแต่เลย

   ตฤนมาถึงที่ทำงาน และเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ไปตามปกติชีวิตประจำวัน งานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่เขาเริ่มคุ้นชินมากยิ่งขึ้น การทำซ้ำ ๆ จะทำให้เราเกิดทักษะ เขาจดจ่อกับงานเพื่อที่จะไม่ให้จิตใจวอกแวกไปคิดถึงใครอีกคน ...เขา

   โดนวางยา...

   โดนทำของ...

   โดน... ปราชญ์ทำอะไรเขา เขาถึงได้คิดถึงขนาดนี้

   

   ติ้ง

   

   เสียงแจ้งเตือนทำให้ตฤนรีบคว้ามือถือขึ้นมาดู ยิ้มกว้างกลายเป็นหน้าเจื่อน แค่ข้อความโฆษณาขายของ...

   ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพิงหลังไปกับพนักเก้าอี้ ‘ตั้งสติหน่อยตฤน’ เขาพยายามบอกตัวเองแบบนั้น

   ‘ไม่อยากไป ที่ ๆ ไม่มีเมิง’

   ไม่อยากอยู่ที่ ๆ ไม่มีเมิงเหมือนกันเว้ย

   

   ติ้ง

   เสียงแจ้งเตือนอีกครั้ง ตฤนยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าจะเป็นปราชญ์ ...แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตมักไม่เป็นอย่างที่หวัง

   “ดูดวงรายวัน” ตฤนบ่นพึมพำเสียงเบากับข้อความนั้น ดวงวันนี้ก็คือเขาจะเป็นบ้า เพราะเอาแต่คิดถึงอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ทุกทีไม่เคยจะเป็น แต่รอบนี้เขารู้สึกโหวง ๆ ในใจยังไงก็ไม่รู้ คงติดอีกฝ่ายมากไปซะแล้ว

   ตฤนกดปิดข้อความ พร้อมทั้งกดปิดเสียงแจ้งเตือน ก่อนจะบอกกับตัวเองว่าให้มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ช่วงพักค่อยโทรหาอีกฝ่ายก็แล้วกัน

   

   มือถือสั่นอีกครั้งเมื่อเวลาใกล้พักเที่ยง ตฤนมองเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย เขาขมวดคิ้วพลางกดรับสาย

   “คุณตฤนใช่มั้ยครับมารับของด้วยครับ”

   “ของอะไรครับ”

   “ข้าวหมูกรอบครับ”

   ตฤนขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม หมูกรอบ?

   “เท่าไหร่ครับ”

   “ชำระเงินแล้วครับ มารับได้เลย”

   ตฤนกระพริบตาปริบ ๆ มีคนเดียว คนที่จะสั่งของมาให้เขา ร่างบางยิ้มกว้าง ไม่ยอมอ่านไม่ยอมตอบเพื่อจะทำเซอร์ไพรซ์เนี้ยนะ เขาลุกขึ้นไปรับของ

   

   ตฤนเปิดกล่องข้าวขึ้นมาพลางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว

   “ตฤนเป็นอะไรอ่ะ พี่เห็นเรานั่งมองกล่องข้าวทำหน้ายิ้มแป้นมาพักนึงแล้ว”

   “ฮะ อะไรนะครับพี่ใหม่”

   “ตฤนยิ้มอะไรคนเดียว” พี่ใหม่ถามซ้ำ

   เขาหุบยิ้ม พลางยืดตัวตรงอย่างคนมีฟอร์ม ทำท่าทางปกติ จนเกินปกติ

   “มีคนส่งข้าวมาให้ล่ะสิ” พี่มิ้นต์พูดแซวขึ้นมาอีกคน

   “หนูว่าต้องใช่แน่ ๆ ” บุ้งพยักหน้าเออออ

   ตฤนไม่รู้จะทำหน้ายังไง ทั้งเขิน ทั้งรู้สึกแปลก ๆ แล้วไหงทำไมทุกคนต้องมารุมถาม มารุมสนใจเขาด้วยเนี้ย เขาแค่อยากจะชื่นชมข้าวหมูกรอบคนเดียวเงียบ ๆ เท่านั้นเอง

   “ว้ายใคร”พี่ใหม่ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรืนร้น

   “แฮะ ๆ แฟนผมครับ” ตฤนตอบออกไปตามตรง

   “หืม? เรามีแฟนด้วยหรอ”

   “ก็ไม่นานนี่เองครับ” ตฤนหลบสายตา ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ไปพักกันแล้วช่วยเลิกสนใจเขาที!!! ไปกินข้าวกันเลยครับ ไม่ต้องสนใจผม!!!

   “อื้มมม ไม่ธรรมดา พี่ถามจริง ๆ เลยนะ ชายหรือหญิง” พี่ใหม่ยังคงถามต่อไม่เลิก

   ตฤนตาโตเบิกโพล่ง กับคำถามทนั้น เขาดูเกย์ขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงมีคนคิดว่าแฟนเขาจะเป็นผู้ชายล่ะ

   “เอ๋ พี่! ทำไม”

   “พี่แค่อยากรู้ ก็เราน่ารักมาก พี่ว่าผู้ชายมันต้องชอบ ดูสิ ผิวเนียนกว่าผู้หญิงแบบพี่อีก” พี่ใหม่พูดยืดยาว แต่ตฤนไม่ได้รู้สึกดีขึ้น เขามีแต่ความรู้สึกแปร่ง ๆ แปลก ๆ

   “ผู้ชายครับ” ตฤนตอบไปตามตรงด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ดวงตาบังเอิญไปสบเข้ากับวริษฐ์พอดี มีอยู่คนหนึ่งแน่ ๆ ที่ไม่ตกใจ ที่รู้อะไรมากกว่าใคร

   เกิดความเงียบที่น่าประดักประเดิดขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนช่วยขจัดความเงียบออกไปให้ น้องเล็กสุดที่เปิดกว้างกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าใคร

   “โอยยยย ดีจังงงง” บุ้งร้องขึ้นก่อนเป็นคนเรก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสดใส “พี่ตฤนเหมาะจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ควรมีคนมาคอยดูแลพี่ น่ารักมากขนาดนี้!”

   ตฤนยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เขาควรมีคนมาดูแล

   “อื้อ อย่าไปรุมแกล้งน้องมันนักเลย” วริษฐ์พูดแทรกขึ้นมาอย่างนึกสงสาร พลางส่งยิ้มบาง เขารู้อยู่แล้ว แถมยังรู้ดี รู้จักกำปั้นนั้นดี แฟนมันดุอย่างกับอะไร ...โอเคเรื่องนั้นเขาผิดเอง สมควรโดน

   “พี่อยากเห็นอ่ะ อยากรู้จัก”

   “พี่ใหม่ ...” วริษฐเรียกอีกฝ่ายอย่างดึงสติ ซอกแซกมากไป มันอึดอัดพอดี

   “วริษฐ์อ่ะ พี่อยากรู้มากไปหรอ”

   “ครับพี่ ให้เวลาน้องมันบ้าง”วริษฐ์พูดย้ำ ก่อนที่ทุกคนจะยอมถอย พากันออกไปกินข้าวกลางวัน จนเหลือแค่เขากับบุ้งแค่สองคน

   “อ้าวบุ้ง ไม่ไปกินหรอ”

   “วันนี้กินมาม่าค่ะ”

   “หืม? ปลายเดือนอ่ะเนอะ ไปทำมาม่าแล้วมาแบ่งหมูกรอบจากพี่ไปกินสิ”

   หมูกรอบกล่องใหญ่ กับข้าวสวย พร้อมไข่ต้ม เหมือนกลัวว่าเขาจะกินไม่อิ่ม

   ปราชญ์อ่านแชทแต่ไม่ยอมตอบ ตั้งใจจะให้เขาทำอะไรล่ะ ต้องแบบไหนถึงจะยอมตอบ

   “พี่ตฤน บุ้งถามได้มั้ย เรื่องแฟนพี่น่ะ”

   ตฤนเงียบคิดไปอึดใจ

   “ได้ครับ” เขาพูดพลางตักข้าวเข้าปาก เอออร่อยแฮะ

   “ใช่ พี่คนหล่อ ๆ ที่มาส่งตอนเช้ามั้ย”

   “แค่ก ๆ “ ตฤนถึงกับสำลักข้าว เมื่อรู้ว่ามีคนเห็น ถึงจะไม่ได้แอบซ่อน แต่มีคนเห็นถึงขนาดที่ว่า อีกฝ่ายหล่อด้วย เขาก็รู้สึกวูบไหวขึ้นมา เห็นขนาดนั้นเลยหรอ

    “ครับ”

   “โอยยย อิจ หล่อมากเลยพี่ บุ้งเขินไปหมดแล้วววว ใจบาง”

   “พี่ตฤนไปหาแบบนั้นมาจากไหน”

   “พี่ไม่ได้หา”

   “โอยยยย เขาจีบพี่หรอ”

   ตฤนใบหน้าขึ้นสีเรื่อ เมื่อถูกถามอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งถูกถามแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

   “ก็... น่าจะแบบนั้น” ตฤนพูดพลางยกมือขึ้นเกาข้างแก้มแก้เก้อ

   “กรี๊ดดดด ดีจังเลยอ่ะ” บุ้งพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ ด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดดด ดวงตาเป็นประกาย “พี่ตฤนเล่าให้ฟังหน่อย”

   ตฤนยกน้ำขึ้นจิบ พลางนึกในใจว่าเขาจะต้องเล่าอะไร มันมีอะไรต้องเล่า แล้วจะต้องเริ่มเล่าตรงไหน

   “พี่ตฤนคะ ใครเป็นรุกเป็นรับ”

   “แค่ก ๆ “ ตฤนสำลักอีกครั้ง น้ำไหลเปรอะเปื้อนคาง จนบุ้งต้องรีบส่งทิชชู่ให้ คำถามตรงไปตรงมาจากคนตรงข้ามทำให้เขาใบหน้าเห่อร้อน เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นแรง ภาพแผงอกแกร่งที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเขา ปรากฏขึ้นมาในความคิด สองมือบางยกขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอาย

   “พี่ พี่...คือ พี่ ชอบถูกกอด” ตฤนพูดตอบเลี่ยง ๆ พลางหันหลบสายตาเป็นประกายระยิบระยับ อยากรู้อยากเห็นของบุ้ง

   “อ๋ออออ เข้าใจแล้ว เหมาะมากเลยค่า” บุ้งเข้าใจได้เองอย่างรวดเร็ว ชอบถูกกอด แหม “ทำไมมาคบกันได้คะ”

   บุ้งยังคงถามไม่หยุด ตฤนดวงตาวูบไหว เขาเริ่มเล่าไม่ถูก จับต้นชนปลายไม่ได้ แถมมีบุคคลที่สามมาเร่งปฏิกิริยาความรักของเขาอีก วริษฐ์...

   “ก็มันมาบอกชอบพี่”

   “หืม? เขาบอกชอบพี่ก่อนหรอ แล้วพี่ชอบเขาตรงไหน ตรงที่เขามาบอกชอบหรอ”

   “ก็...คือมันดีกับพี่มาก ๆ ทำอะไรให้พี่เยอะแยะไปหมด” ความทรงจำระหว่างเขากับปราชญ์ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา หมุนวนอยู่ในสมอง ดูแลเขาอย่างดีโดยไม่เรียกร้องอะไร

   ตึกตัก ตึกตัก

   ตฤนยกมือขึ้นวางทาบบนอกของเขา หัวใจที่วูบไหวเพียงแค่นึกถึง

   “หัวใจพี่มันเต้นแรง ขนาดตอนนี้ที่แค่นึกถึงมันก็เต้นเร็วไม่หยุด”

   “หวานมาก โอยบุ้งงงงงไม่ไหวววว ...เขินจังเลย” บุ้งทำหน้าเคลิ้มฝัน ตัวเธอเองก็แอบชิปพวกนักร้องดาราอยู่แล้ว พอเจอแบบนี้ใกล้ ๆ ตัวก็รู้สึกเขินไม่น้อย

   “แฮ่ม พอแล้วบุ้ง พี่เล่าไม่ถูกแล้ว” เจ้าตัวก้มหน้าหลบตา เริ่มตักข้าวเข้าปากอีกครั้ง “เออบุ้ง คือแฟนพี่มันสั่งข้าวมาให้ แต่มันอ่านไม่ยอมตอบข้อความพี่เลย ทำไงดี”

   “โทรไปหาสิคะ หรือไม่ก็ลองถ่ายรูปตัวเองน่ารัก ๆ กับข้าวที่เขาสั่งให้ แล้วก็ส่งไปให้สิคะ” ส่งไปยั่ว... อรั้ยยยย

   ตฤนพยักหน้า พลางยกมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป

   “เดี๋ยวบุ้งถ่ายให้ เนี้ยปลดกระดุมเชิ้ตสักสองเม็ดสิคะ ยั่ว ๆ ><”

   “จะดีหรอบุ้งงงงง” ตฤนพูดร้องเสียงหลง กับคำพูดของบุ้ง

   “อิอิ แฟนกัน เซอร์วิชนิด ๆ หน่อย ๆ รับรอง”

   ตฤนนึกเขิน แต่ก็แอบอยากแกล้งอีกฝ่ายเหมือนกัน ทำเป็นอ่านไม่ตอบเขา เขาจะเล่นให้ทรมานเลย แต่เขามาเล่นอะไรแบบนี้ในที่ทำงานกันนะ

   ตฤนปลดกระดุมเชิ้ตออกสองเม็ดอย่างว่าง่าย ให้เห็นแผงอกขาววับ ๆ แวม ๆ พลางยกกล่องหมูกกรอบเอาไว้

   “พี่ตฤน ถือกล่องด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างจิ้มหมูกรอบขึ้นมาโชว์ค่ะ อ่ะอย่าบังที่ปลดกระดุมสิคะ” บุ้งหามุมถ่ายให้เขารัว ๆ ให้เขาไปเลือกเอาเอง "พี่ตฤน รอยพวกนี้มันชัดเหมือนกันนะ"

   บุ้งพูดแซวรอยที่มีใครบางคนแอบทำเอาไว้บนอกขาวเนียน

   "ห้ามบอกใครนะบุ้ง"

   บุ้งยิ้มขำ

   ภาพที่เห็นแอบเซ็กซี่พิกล เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวเนียน กระดุมถูกปลดให้เห็นแผงอกขาววับ ๆ แวม ๆ  ใบหน้าแดงระเรื่อที่แอบเขินนิด ๆ ริมฝีปากวาวมันที่เกิดจากการกินหมูกรอบ

   “แคปชั่น จะกินหมูกรอบ หรือผม” บุ้งนึกขบขันกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของรุ่นพี่ที่ใสซื่อยอมทำตามเธออย่างว่าง่าย พี่สุดหล่อนั่นต้องทั้งรักทั้งหลงแน่ ๆ

   ตฤนกดเปิดแชท พร้อมส่งรูปตัวเองไป

   “จะกินกูหรือว่าหมูกรอบ

   (สติ๊กเกอร์รูปหมายิ้มแฉ่ง)”

   

   -ปราชญ์-

   

   ปราชญ์มาถึงสนามบินตรังตั้งแต่เช้า สะพายสัมภาระมานั่งหลบมุมอยู่มุมหนึ่งของสนามบิน เพื่อนั่งรอพี่ชายมารับ ระหว่างนั้นเขาก็หยิบเอกสารงานขึ้นมาดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้น

   

   ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   

   ‘คิดถึง...

   แล้วเออ

   ตั้งใจทำงานล่ะ’

   ข้อความบอกคิดถึงจากคนที่เขาเองก็คิดถึง ทำเอาเขายิ้มกว้าง ร่างสูงอมยิ้มขณะพิมพ์ตอบข้อความ

    ‘ห่างแค่นี้ทำเป็นคิดถึงนะครับ’

   “ไอ้ปราชญ์” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นกับเสียงเรียกนั้น พี่ชายเดินเข้ามาทัก ทำให้เขาเผลอกดปิดแชทไปโดยที่ยังไม่ส่งข้อความตอบกลับ พร้อมรวบเก็บเอกสารงานสำคัญเก็บให้เรียบร้อย

   “พี่หวัดดี”

   “เออ ทำไมของน้อยจังวะ”

   “ผมอยู่ไม่กี่วันหรอก”

   “เออ เดี๋ยววันนี้ไปที่พักแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปไซต์งาน”

   ปราชญ์ไปถึงก็เริ่มทำงานทันที ไม่ได้สนใจมือถืออีกจนช่วงสาย ๆ ที่อยากจะสั่งข้าวไปให้ตฤน ไม่มีแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาหา เขาก็เลยไม่ได้สนใจจะเปิดแชทขึ้นมา เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกำลังยุ่ง

   “คิดถึงจัง” ร่างสูงบ่นพึมพำ ขณะเปิดไฟล์งานขึ้นมาดู

   

   ติ้ง ติ้ง

   

   ร่างสูงหยิบมือถือขึ้นมาดู ตฤนส่งข้อความตอบกลับมา ทำให้ตาเขาแทบถลน รูปร่างบางที่ปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน พร้อมข้อความที่ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลาย

   ‘จะกินกูหรือหมูกรอบ’

   ทำไมมันถึงได้กล้าทำตัวแบบนี้ มันยั่วเขาชัด ๆ ปราชญ์แทบสติแตก อยากกดจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อโบยบินกลับไปกินคนช่างยั่ว จะแกล้งเขาใช่มั้ย กะจะให้เขาลงแดงตาย

   แล้วเขาก็พบว่าเมื่อเช้าตัวเองไม่ได้ตอบข้อความอีกฝ่ายกลับ ... มิน่าล่ะ เอาคืนเขานี่เอง

   ร่างสูงกดต่อสายถึงอีกฝ่ายทันที อยากแกล้งเขานักใช่มั้ย

   ‘ฮัลโหล’ เสียงปลายสายตอบออกมาในไม่กี่วินาที

   “จะแกล้งกูหรอไง”

   ‘เออ ลงโทษ ก็เมิงอ่านแชทไม่ตอบอ่ะ’

   “กูตอบแล้วแต่ลืมกดส่ง”

   ‘หึ’

   “แล้วมายั่วกันแบบนี้ จะรับผิดชอบยังไง”

   ‘ยั่วไรบ้าหรือเปล่า’

   “มายั่วให้อยาก ต้องรับผิดชอบด้วยนะรู้มั้ยครับ” เสียงทุ่มนุ่มพูดไปตามสาย ให้ปลายสายนึกหวั่น ๆ ในใจ

   ‘ไม่สนใจหรอกว้อย’

   “ตฤนต้องช่วยปราชญ์แล้วรู้มั้ย”

   ‘ช่วยอะไร’

   “ครางชื่อปราชญ์หน่อย” ร่างสูงลุกขึ้นไปล็อคประตูห้องทำงาน ใช่เขาต้องจัดการตัวเองแล้ว เล่นมายั่วเขาแบบนี้

   ‘เฮ้ย’ ปลายสายตอบกลับด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกคน มันพร่าแปลก ๆ

   “อื้อ” ร่างสูงเริ่มสาละวนกับกางเกงขายาว มือหนาปลดซิบออก

   ‘เฮ้ยเดี๋ยวเมิง’

   “ตฤน..อื้อ”

   ปลายสายกำมือถือแน่น ใบหน้าร้อนวูบวาบ ก่อนจะขอตัวจากเพื่อนร่วมงานไปที่อื่นทั้งที่ยังกินข้าวไม่เสร็จ เพราะรูปแกล้งยั่วของเขา ดันไปกระตุกต่อมความต้องการของอีกฝ่าย

   ตฤนเลือกจะไปที่ดาดฟ้า ที่ตอนนี้น่าจะร้างคน

   “ตฤน”

   ‘เดี๋ยวว้อย โอย อะไรเมิงจะจุดติดง่ายแบบนี้วะ’

   “เพราะเป็นเมิงไง” ปราชญ์ตอบกลับทันควัน มือหนาเค้นคลึงลูบไล้ เพื่อปลดเปลืองอารมณ์ ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ จับกดไปแล้วจริง ๆ

   ‘ปราชญ์ แล้วจะให้กุช่วยยังไงวะ’

   “เรียกชื่อหน่อย”

   ‘ปราชญ์’

   “อึก อื้ออออ ตฤน”

   เสียงครางของปราชญ์ ทำเอาตฤแทบสติหลุดลอยไปด้วย แต่เขายังข่มใจได้ ยังไม่หื่นแบบอีกฝ่าย ไม่อยู่ในเวลาหรือสถานที่ที่จะทำอะไรแบบนั้นได้เลย

   ร่างสูงขยับมือเร่งจังหวะ ปากก็หอบครางใส่มือถือให้อีกฝ่ายฟังไปด้วย ถือเป็นการเอาคืนจากเขา จะยั่วเขาดีนัก เป็นไงล่ะ

   ‘ปราชญ์ ใกล้เสร็จหรือยัง’

   “ใกล้แล้วตฤน ใกล้แล้ว ซี๊ด อื้อ”

   ร่างสูงเชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากขบเม้ม เมื่อใกล้ไปถึงจุดหมาย มือหนาขยับรัวก่อนไปถึงฝั่งฝัน

   “แฮ่ก ๆ อย่ามายั่วอีกนะ ถ้ายั่วจะต้องรับผิดชอบ!”

.

.

[สองคนนี้นี่เป็นคู่เพี้ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ แง่ง เขิน]
เหมือนตฤนจะเข้ากับบทรับมากกว่าเยอะเลย :hao3: :z1:
จริงงงงง เหมาะกับเจ้าตัวเเล้ว เจ้าตัวก็ชอบด้วย วินวิน 555
 
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 26 เจ็บมากมั้ย (16/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 16-07-2019 22:49:30
   
บทที่ 26 เจ็บมากมั้ย


   ตฤนรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่ได้เจอปราชญ์มาสามวัน เพราะอีกฝ่ายไปทำงาน ปกติเขาจะคุยแชทกันตลอด แต่วันนี้มันแปลกไป ตฤนทักไปตั้งแต่เช้า แต่อีกฝ่ายไม่อ่าน ไม่ตอบข้อความของเขาเลย โทรไปหาก็ไม่ติด ไปไหนของมัน

   เขาใช้เวลาพักกลางวัน กินอาหารเที่ยงง่าย ๆ ที่โต๊ะทำงาน ของเปิดเว็บดูตั๋วเครื่องบินไปจังหวัดตรัง อื้อหื้อ เร็วสุด 1,600 บาท!!! แพงไปมั้ย!

   แล้วนี่เขาเป็นอะไร อยากตามอีกฝ่ายไปนักหรอกไง... เฮ้ออออ อยาก อยากเจอ ตอนนี้เขาก็น่าจะเป็นเอามาก

   

   ติ๊ง

   เสียงแจ้งเตือนว่าปราชญ์ตอบแชทเขา ตอนเกือบห้าโมงเย็น ตฤนโล่งใจ แต่ก็แอบหงุดหงิด กว่าจะตอบเขาได้ เขาเป็นห่วงแทบตาย

   แต่เมื่อเขาเปิดแชท ใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เป็นภาพร่างสูงนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีผ้าพันที่ศีรษะ มือซ้ายชูสองนิ้ว แต่แขนข้างขวาเข้าเฝือก!!!

   ตฤนกดโทรหาปราชญ์ทันที

   คนใจหาย กรอกเสียงตื่นตะหนกลงไป เขารัวคำถามไม่หยุดจนคนเจ็บไม่รู้จะตอบตรงไหนก่อน

   “มึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง เจ็บมากมั้ย ไหวหรือเปล่า...”

   ‘อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก หัวแตก แขนร้าว’ ปราชญ์ตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แค่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาขนาดนี้ เขาก็รู้สึกดีขึ้นจนเทบจะหาย

   “กูเป็นห่วงนะ” ปลายเสียงมีแววสั่นเครือ ปราชญ์รู้ได้ทันที

   ‘เฮ้ย ห้ามร้องไห้นะ’

   “ใครจะไปร้อง” ดวงตาเรียวพูดพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ

   ‘คนแถวนี้แหละ’ ปราชญ์พูดพลางเว้นวรรคไปอึดใจ ‘พิมพ์ตอบไม่ค่อยถนัด ไว้โทรคุยกันแบบนี้แทนเนอะ ตอนนี้ก็ตั้งใจทำงานไปก่อนนะครับ’

   “อื้อ ไว้โทรหานะ” พอวางสายตฤนกดเข้าเว็บเพื่อจองตั๋วเครื่องบินทันที พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี ราคาตั๋วเครื่องบินแพงหูฉี่ ราคาตั๋วพุ่งไปที่ 1,900 เขากัดฟันกดจ่ายไป โคตรแพง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ปราชญ์เจ็บ เขาต้องไปเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก เขาต้องไปดูแล…

   

   ตฤนบินไปถึงตรังตั้งแต่เช้าตรู่ เขาโทรหาคนเจ็บทันที

   “ปราชญ์นายอยู่โรงพยาบาลไหน”

   ‘ทำไมจะมาหาหรอ’ ปราชญ์พูดแซว แต่คำตอบที่ตอบกลับมาทำให้เขานิ่งอึ้ง

   “ใช่ นี่อยู่สนามบินตรังแล้ว”

   ‘มาจริงหรอ’ ปลายเสียงตกใจระคนดีใจอย่างปิดไม่มิด

   “เออดิ ค่าตั๋วแพงมาก”

   “โรงพยาบาลนครตรัง ชั้น 8 ห้อง 809”

   เดี๋ยวเจอกัน ตฤนเรียกรถสามล้อจากสนามบินตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล เขากดเปิดแผนที่และเห็นว่ามันอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก

   

   ตฤนไปถึงโรงพยาบาลภายใน 15 นาที เขารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมุ่งตรงไปที่ห้องผู้ป่วยทันทีในใจมีแค่อยากไปให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก ปกติเขาก็ไม่เคยจะห่วงใยมันขนาดนี้ จนมารู้หัวใจตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้เขาเป็นเอามาก ตฤนยิ้มเมื่อเห็นป้ายหน้าห้องบอกเลข 809 ตฤนเปิดประตูเข้าไปด้วยความรีบร้อน

   แต่ในห้องนั้นไม่ได้มีแค่ปราชญ์ ทุกสายตาในห้องจับจ้องมาที่ผู้มาเยือนใหม่ ตฤนได้แต่ส่งยิ้มแห้งแก้เก้อ ในห้องมีทั้งพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายของปราชญ์

   “สะ สวัสดีครับ” ตฤนยกมือขึ้นไหว้ทุกคน

   ปราชญ์มองแฟนหนุ่มของตัวเองที่กำลังแสดงท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความรู้สึกเอ็นดูปนขบขัน มันน่ารักน่าแกล้งตลอด

   “สวัสดี” ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักเสียงขรึม พ่อของปราชญ์ยังดูสมาร์ท แม้สีผมจะเริ่มมีสีขาวขึ้นแซม ตอนปราชญ์แก่ก็คงเป็นแบบนี้

   “ครับ” ตฤนโค้งหัวเดี๋ยวท่าทีที่ประหม่า

   พี่ชายปราชญ์ส่งยิ้มให้พลางผงกหัวทักทาย พี่ปราบ... ชายร่างใหญ่ หุ่นท้วม ผิวขาว ผิดกับปราชญ์ลิบลับ ดูทางท่าใจดี

   “ตฤนหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่เอ่ยทัก ดูเหมือนจะจำเขาได้ เขาเคยเจอแม่ของปราชญ์หลายต่อหลายครั้ง

   “ชะ ใช่ครับ” ตฤนตอบรับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขาวางตัวไม่ถูก เขาไม่ได้เตรียมใจมาว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เท่าไหร่ เขาก็มาในฐานะเพื่อน ดีไม่ดีเขาไม่มาด้วย แต่พอตอนนี้ที่สถานะระหว่างเขากับปราชญ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

   “ตฤน” เสียงเรียกของปราชญ์ ช่วยขจัดความฟุ้งซ่านของเขา

   ตฤนยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปชิดติดข้างเตียง

   “เป็นไงบ้างวะ” ตฤนถามเสียงดัง

   “เจ็บ” ปราชญ์ตอบเสียงอ่อย เมื่อแฟนมาอยู่ตรงหน้า เขาก็อดจะอ้อนไม่ได้

   “เนี้ย ดีนะกูมาทำงานแถวนี้พอดีเลยแวะมาเยี่ยมได้” ตฤนโกหกคำโต เขาประหม่า เขาอยากให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาแวะมาเยี่ยม ไม่ใช่มุ่งมั่นตั้งใจมา

   ปราชญ์ที่ได้ฟังประโยคนั้นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะเข้าใจในวินาทีต่อมา ...ตฤนอยากปิดบังสถานะระหว่างเราเอาไว้ก่อน... ตฤนหลุบตาลงต่ำไม่สบตากับเขา

   “มีเพื่อนมาเยี่ยม งั้นแม่กับพ่อไปก่อนนะ”

   “ครับ เดินทางดี ๆนะครับ”

   ผู้เป็นแม่เดินมาหอมแก้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความรัก แววตาห่วงหาอาทร พอรู้ข่าวว่าลูกชายเกิดอุบัติเหตุก็รีบบินมาดูทันที พอมาเจอจริง ๆ ก็เบาใจขึ้นเยอะ

   “พ่อ แม่ปราชญ์ สะ สวัสดีครับ” ตฤนเรียกทั้งคู่ก่อนจะยกมือไหว้

   “แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ ขอบใจที่มาเยี่ยมลูกชายแม่นะลูก” แม่ปราชญ์ตอบกลับตฤนด้วยความเอ็นดู ปราชญ์มีเพื่อนที่ดี รักและห่วงเขาขนาดนี้

   พ่อกับแม่ของปราชญ์เดินออกไปจากห้องโดยมีพี่ชายเดินไปส่ง

   

   “เหนื่อยมั้ยมาแต่เช้า” ปราชญ์พูดขึ้น ขณะมือซ้ายข้างที่ไม่เจ็บเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้

   “เหนื่อยดิวะ แต่ก็ต้องมา...” ตฤนพูดก่อนเว้นวรรคไปอึดใจ “กูห่วง”

   สิ้นคำพูดของตฤน จู่ ๆ ปราชญ์ก็ร้องขึ้นมา

   “โอย”

   “เจ็บตรงไหน” ตฤนรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ

   ปราชญ์ฉวยโอกาสนั้นดึงอีกฝ่ายเข้ามา ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากบาง

   “น้ำตาลตกไปชั่วขณะ ตอนนี้ปกติแล้ว” ปราชญ์พูดด้วยท่าทางทะเล้น หน้าตาสดชื่น ไม่มีเค้าของคนป่วยสักนิด

   ในขณะที่ตฤนเหมือนจะป่วยแทน ยืนนิ่งอึ้งอ้าปากค้างเป็นปลาน็อคน้ำ หัวใจเต้นแรงเลือดสูบฉีดจนใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ นี่เขาหลงเป็นห่วงคนแบบนี้หรอ!

   “กูไม่น่ารีบมาเลย” ตฤนที่ได้สติบ่นออกมา “1,900 บาท เก็บไว้กินข้าวดีกว่า”

   “หุ้ว ค่าตั๋วหรอ แพงมากเลย” ปราชญ์ทำหน้าตกใจ เมื่อได้ยินราคาเครื่องบิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่ม “มาทำงานไม่ใช่หรอ เบิกเอาสิ” พูดจบประโยคก็ส่งยิ้มกวนประสาทออกมาอีกระลอก

   “มึงนี่” ตฤนหนีจากการเกาะกุม เขาขยับเก้าอี้มาข้างเตียงก่อนจะนั่งลงแบบมีระยะห่าง

   “คนในความลับ” ปราชญ์พูดพลางทำหน้าจ๋อย เขาไม่ได้อยากปิดใคร เขาอยากเปิดเผย แต่เขาก็เข้าใจอีกฝ่าย และที่สำคัญ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่ และพี่ชายของเขาจะรับได้แค่ไหน

   “เอาน่า” ตฤนพูดก่อนจะจ้องอีกฝ่าย “แค่มึงรู้ว่ากูห่วงมึงมากแค่นี้พอ”

   ปราชญ์พยักหน้ารับหงึกหงัก “แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน”

   “สองวันหนึ่งคืน กลับพรุ่งนี้เย็น”

   “นอนที่ไหน”

   คำถามที่ทำให้ตฤนนิ่งคิด เออว่ะไม่ได้นึกถึงเลย ที่พักอะไรก็ไม่ได้เตรียมไม่ได้ดูมา

   “ไม่รู้ ไม่มี”

   “งั้นนอนนี่ด้วยกันนะ” ปราชญ์ส่งยิ้มละมุน ทำเสียงอ้อน

   “มันให้นอนเฝ้าได้คนนึงใช่มั้ย” ตฤนกวาดตาดูรอบห้อง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษเตียงเดี่ยว มีโซฟาขนาดใหญ่ ดูท่าจะนอนสบาย

   “ใช่ เดี๋ยวไล่พี่กลับไปเลย”

   ตฤนส่ายหน้าอ่อนใจ คนตรงหน้าดูไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่มีผ้าพันแผลที่ศีรษะ กับเฝือกที่แขน ก็ดูเหมือนเขาไม่ป่วยเลย



   แกร๊ก



   เสียงประตูห้องเปิดออก พี่ชายกลับมาพร้อมของกิน สองหนุ่มได้กลิ่นหอมออกมาจากถุงที่พี่ชายถือเข้ามา

   “มา ๆ กินอะไรกันซะหน่อย” พี่ชายพูดขณะยื่นถุงส่งให้ตฤน

   “เอ่อ พี่ปราบยุ่ง ๆ ใช่มั้ยครับเดี๋ยวผมเฝ้ามันให้” ตฤนพูดเสนอกล้า ๆ เกร็ง ๆ เขาเคยคุยกับพี่ปราบหลายครั้งตอนไปบ้านปราชญ์

   “ดีเลยพี่มีไปไซต์ต่อ ตฤนอยู่ถึงวันไหนละ” ปราบเอ่ยถามต่อ ถามว่ายุ่งมั้ยตัวเขาก็ยุ่งจริง ๆ ถ้ามีคนมาช่วยก็จะได้เบาใจ

   “อาทิตย์ครับพี่”

   “งั้นพี่ฝากมันด้วยนะ เดี๋ยวพี่จะหาเวลาแว่บมาเยี่ยม” ปราบพูดพลางหยิบ เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะส่งแบงค์พันให้ตฤนสามใบ

   “ไม่ต้องครับพี่ ผมไม่ใช่พยาบาลนะครับ” ตฤนรีบปฏิเสธทันที เมื่อปราบยื่นส่งเงินให้เขา

   “เผื่อซื้อของกินของใช้ให้คนป่วยหน้าโง่ตรงนั้น” ปราบขยับยิ้มเยาะเย้ยคนป่วยแขนหัก

   “ผมไม่ได้หน้าโง่” ปราชญ์พูดเสียงขรึม

   “รู้มั้ยมันเป็นแบบนี้ได้ไง” ปราบยังพูดต่อ “สะดุดไม้ แล้วก็ทำกองไม้หล่นทับตัวเอง ...สติไม่มี”

   “อุบัติเหตุ ก็ผมหลบคนงานอ่ะ” ปราชญ์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาพยายามหลบคนงานที่ยกของเดินสวนมา แต่หลบเยอะเกินไป เลยได้อาการหัวแตกแขนหักมาแทน

   ตฤนพยายามกลั้นขำ ดวงตาเป็นกระกาย ซุ่มซ่ามของจริง

   “ไม่รู้มัวแต่ไปคิดถึงใครที่ไหน” ปราบยังคงพูดแหย่คนเจ็บไม่เลิกรา

   “พี่จะไปทำงานก็ไปเถอะ ระวังอย่าเป็นแบบผมแล้วกัน” ปราชญ์พูดตัดบทพลางยกแขนข้างที่ไม่เจ็บโบกไล่ จะไปก็รีบไป คนเขาจะแสดงความรักกันอยู่เกะกะอยู่ได้

   “ตฤนมือถือเบอร์อะไร” ปราบส่งมือถือของเขาให้ตฤนกดเบอร์ให้ แล้วก็กดยิงไป “มีอะไรด่วนโทรมานะ”

   ปราบลุกขึ้นเก็บข้าวของของเขา และหยุดยืนหน้าประตู “พี่ฝากมันด้วยนะ มันอยากได้อะไรก็ซื้อให้มัน”

   ตฤนพยักหน้ารับ

   “มึงกูมีของที่อยากได้”

   “พี่มึงคล้อยหลังไม่ทันไร รีบเลยนะ จะเอาอะไร”

   “มึง” ปราชญ์พูดพลางมองจองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ากรุ่มกริ่ม

   “ไม่ขาย” ตฤนพูดพลางเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง รอบนี้เขาเป็นฝ่ายดึงปราชญ์เข้ามาจูบ เขาเม้มขบริมฝีปากของปราชญ์ด้วยความคิดถึง ความห่วง ความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้สารพัด ที่ทำให้เขากล้าเข้าไปจูบอีกฝ่ายก่อนแบบนี้ ตฤนถอนจูบพวกเขาสบตากันนิ่ง

   “...เก่งขึ้นเยอะนะ” ปราชญ์เอ่ยชมเสียงพร่า เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะประกบจูบแทน ดุดันเร้าร้อนกว่าเดิม สอดปลายลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดตักตวงความหวาน

   “อื้อ” ตฤนครางเบา ๆ ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตฤนผละออก “นี่โรงพยาบาลนะ” ตฤนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นปนหอบ

   “ใครเริ่มก่อน” ปราชญ์พูดแซวก่อนยิ้มกว้าง อีกฝ่ายต้องคิดถึงเขามากถึงได้กล้าแบบนี้



   ก๊อก ก๊อก



   ตฤนขยับตัวหนีด้วยความรวดเร็ว เด้งตัวไปนั่งอยู่บนโซฟา

   ‘มารหัวใจ’ ปราชญ์คิดอยู่ในใจ

   ประตูเปิดออก คุณหมอหนุ่มหล่อเดินเข้ามาในห้อง พร้อมแฟ้มในมือ คุณหมอมองสบตาตฤน ก่อนจะโค้งศีรษะให้

   “สวัสดีครับหมอ” ตฤนเอ่ยทักเบา ๆ ดูเหมือนหมอจะไม่ได้ยิน

   “เป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอพูดพลางเปิดแฟ้มขึ้นจดอะไรยุกยิก

   “ดีครับ ปวดแขนนิด ๆ”

   คุณหมอพยักหน้า

   “ดีแล้ว พรุ่งนี้หมอมาใหม่ พักผ่อนเยอะ ๆ ” คุณหมอส่งยิ้มให้ญาติผู้ป่วยเช่นตฤน

   ตฤนส่งยิ้มตอบในเสี้ยววิ  ขณะคุณหมอก้าวฉับ ฉับ ออกไปจากห้อง เพราะมีคนไข้มากมายที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา

   มาแค่แปปเดียว แต่ทำลายบรรยากาศแสนหวานของเขาพังหมด... แล้วนั่นอะไร หลงเสน่ห์หมอหรอไง

   “มองตามทำไม หมอมันหล่ออ่ะดิ” ปราชญ์พูดทัก เดี๋ยวพรุ่งนี้ใกล้เวลาหมอมาเยี่ยม เขาจะไล่ตฤนออกไปซื้อของ จะได้ไม่ต้องเจอกัน

   “อะไรของมึง” ตฤนกลอกตาใส่อีกฝ่าย เขาเอนหลังพิงโซฟา พร้อมฮ้าวปากกว้าง ตอนนี้รู้สึกง่วง โซฟานั่งสบาย แอร์เย็น ๆ เพราะเมื่อเช้าเขาตื่นเช้ามาก ๆ เพื่อมาขึ้นเครื่องให้ทัน ตื่นตั้งแต่ตีห้า ดูเหมือนแบตในตัวเขามันจะหมดแล้ว

   “มาต่อจากเมื่อกี้มั้ย” ปราชญ์พูดทะเล้น ทีเล่นทีจริง

   “ไม่ล่ะจะนอน”

   ตฤนทิ้งตัวเหยียดยาวบนโซฟา ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว

   ปราชญ์มองคนนอนหลับ เขาขยับลุกขึ้นเดินไปหา ก่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างโซฟา สายตาจดจ้องใบหน้าที่นอนหลับพริ้ม มือซ้ายยกขึ้นลูบใบหน้าเนียนแผ่วเบา ปัดผมที่ลงมาปรกตรงหน้าผากเกลี้ยงเกลา

   “ขอบคุณที่มาหานะครับ” ปราชญ์พูดเสียงเบา เลื่อนริมฝีปากประทับลงบนเปลือกตาที่หลับพริ้ม เขารัก... รักคนตรงหน้ามากยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาก็จะไม่ปล่อยตฤนไปแน่ ๆ

   

   “...” ตฤนลืมตาตื่น ตามองจ้องเพดานสีขาว ที่นี่...โรงพยาบาล... เขามาเยี่ยมปราชญ์ พอคิดแบบนั้นนเขาก็เด้งตัวขึ้นนั่งทันที

   “ตื่นแล้วหรอ” ปราชญ์หันมามองเมื่ออีกฝ่ายขยับนั่งอย่างรวดเร็ว

   “โทษที” ทั้งที่เขาจะมาเฝ้าอีกฝ่าย แต่กลับหลับไปนาน จนนี่จะห้าโมงอยู่แล้ว

   “ไปหาอะไรกินไป”

   ตฤนพยักหน้าหงึกหงัก เขาลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพื่อให้สดชื่น

   “เอาอะไรป่าว”

   “ไม่อ่ะ”

   ตฤนเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอก เขาตั้งใจจะซื้อขนมเผื่อคนป่วยด้วย

   

   พนักงานยกข้าวเข้ามาให้ปราชญ์ ตฤนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงของกินถุงใหญ่ในมือ ปราชญ์นั่งมองอาหาร แต่ไม่ยอมตักกิน มองจ้องจนตฤนต้องถาม”

   “ทำไมไม่กินล่ะ”

   “ไม่ถนัด ป้อนหน่อย” ปราชญ์หันมาส่งยิ้มเจิดจ้า ยกมือข้างซ้ายขึ้นทำท่าเหมือนยอมแพ้ ตฤนจำใจเดินไปประจำที่นั่งข้างเตียง ก่อนจะเริ่มตักข้าวป้อนคนตรงหน้า

   พอกินเสร็จสักพัก ก็มีพนักงานเข้ามาเก็บจานให้

   

   “พอไม่มีมือขวาแล้ว นอกจากกินข้าวไม่ถนัด ยังทำอย่างอื่นไม่ถนัดด้วย…”

   คำพูดของปราชญ์ทำให้ตฤนขมวดคิ้วแน่น มองจ้องคนตรงหน้า ที่มีรังสีไม่น่าไว้วางใจแผ่ออกมา ดวงตามีประกายวิบวับดูเจ้าเล่ห์ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...

   ทำอะไร...
.
.
.
[นั่นน่ะสิ จะทำอะไรหยอออออ]
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 26 เจ็บมากมั้ย (16/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 18-07-2019 11:45:07
หยิบ จับ ของไงตฤนคิดมาก :z1: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC) (21/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 21-07-2019 17:22:14
บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC)

  “ช่วยหน่อยได้มั้ยครับ” ร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอน พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงละมุน ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รวมทั้งดวงตาที่มีประกายไม่น่าไว้วางใจ
  “ช่วยอะไรอีก” ตฤนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตั้งคำถาม
  “มีอารมณ์ว่ะ” ปราชญ์พูดด้วยดวงตาวิบวับ แววตาหื่นอย่างปิดไม่มิด
  “ก็ทำไปสิ” ตฤนก้มหน้างุดกับคำพูดตรงไปตรงมาของปราชญ์
  “ไม่ถนัด ปกติใช้แขนขวา”
  “...” หน้าไม่มียางอายบ้างหรอไงวะ
  “นะครับ” ปราชญ์ใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในกางเกง ขยับไปมาเก้ ๆ กัง ๆ “ฮึก อื้ออ” ริมฝีปากเรียวร้องครางขึ้นมา ให้คนที่ยืนอยู่ไกลขนลุกซู่
  “ไอ้ปราชญ์” ตฤนเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่าย ที่เริ่มเล่นกับตัวเอง เสียงครางแผ่วดังเป็นระลอก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาใจสั่น มันเซ็กซี่เกินไป เสื้อผู้ป่วยสีเขียวอ่อนหลุดลุ่ย เผยแผงอกกำยำ ที่ขยับขึ้นลงด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน ใบหน้าของปราชญ์เชิดขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น แต่ดวงตากลับจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา ร่างกายบางส่วนบอกกับเขาว่า ตัวเขาเองก็กำลังมีอารมณ์เหมือนกัน...
  ตฤนเดินเข้าไปใกล้ใช้มือข้างนึงเท้ากับเตียงผู้ป่วย ส่วนมืออีกข้างล้วงลงไปในกางเกงของคนที่ร้องขอ สัมผัสส่วนล่างแข็งขืนของคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล เขาใช้นิ้ววนไล้ที่ส่วนปลายยอด วนไปวนมา จนเริ่มมีน้ำซึม
  “ทำไมหื่นแบบนี้วะ” ตฤนบ่น มือขยับชักเข้าออกไม่หยุด มือซ้ายปราชญ์กำแน่นอยู่กับเตียงผู้ป่วย
  “อื้ออออ” ปราชญ์คราง เขาเชิดหน้าหลับตาพริ้ม ในใจได้แต่คิดว่าถ้าไม่ติดว่าแขนเป็นแบบนี้เขาจะจับตฤนกดให้รู้แล้วรู้รอด แต่อยู่ ๆ  ฝ่ามือเรียวก็หยุดกึกไปซะเฉย ๆ จนคนที่กำลังฟินต้องลืมตาขึ้นมอง
  “ถอดกางเกงเถอะ เดี๋ยวเปื้อน” ตฤนจัดแจงถอดกางเกงของคนป่วยออก พร้อมกับตฤนที่ถอดเสื้อของตัวเองออก ท่อนบนเปลือยเปล่า ขาวเนียนนั่นทำให้ปราชญ์ต้องลอบกลืนน้ำลาย แบบนี้เขาก็ไม่ไหวน่ะสิ ตฤนเอาเสื้อวางรองบนที่นอน เขาปีนขึ้นไปบนเตียง นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาของคนป่วย ก้มลงใช้ลิ้นโลมเลียส่วนแข็งแกร่ง
ลิ้นร้อนทำให้สติปราชญ์แทบหลุดลอย ตฤนอ้าปากกว้างเอาแท่งเนื้ออุ่นร้อนเข้าไปในปากจนหมด เขาเหลือบตามองปราชญ์ สำรวจว่าอีกฝ่ายพอใจแค่ไหน ปราชญ์ที่กำลังมองภาพตรงหน้า พอเจอว่าอีกฝ่ายกำลังครอบครองความเป็นชายของเขา แถมยังช้อนตามองเขาแบบนี้อีก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจมั้ย แต่นั่นทำให้เขาตื่นเต้นจนแทบจะเสร็จ
  “อึก อ๊า ตฤน” ปราชญ์หอบครางกระเส่า เมื่อตฤนใช้ฟันครูดเบา ๆ กับดุ้นเนื้อนั้น “ไม่ไหว” ปราชญ์เกร็งเขม็ง เขาปลดปล่อยออกมาภายในปากของตฤน
  “แค่ก ๆ ” ตฤนสำลักเบา ๆ แต่ก็กลืนของเหลวอุ่นร้อนรสฝาด นั่นลงไปจนหมด
  “กลืนลงไปทำไม” ปราชญ์ละล่ำละลัก เขาเดาว่ามันไม่น่าอร่อย
  “ก็เล่นปล่อยเข้ามาแบบนั้น” ตฤนขมวดคิ้ว ปล่อยเข้ามาแบบนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือก
  ปราชญ์ลอบมองตฤน หลังจากที่เขาเสร็จสม เขาก็คิดว่าตฤนก็น่าจะมีอารมณ์ไม่แพ้เขา สายตาจับจ้องไปที่เป้ากางเกงของตฤน ที่มันก็คับแน่นอย่างน่าอึดอัด
  “มาตรงนี้มา” ปราชญ์กวักมือเรียก พลางตบที่ตักตัวเองเบา ๆ ตฤนขยับไปใกล้ เขาคร่อมอยู่บนตัวของปราชญ์ อารมณ์พุ่งพล่านทำให้เขากล้า ตฤนนั่งทับบนดุ้นพอดิบพอดี ปราชญ์ใช้มือรั้งเอวให้เข้ามาแนบชิดกว่าเดิม ริมฝีปากซุกไซร้ไปตามลำคอขาว และตุ่มไตสีชมพูที่กำลังชูชัน เขาใช้ลิ้นลากผ่าน พลางดูดเม้มมัน
  “ฮื่อ” ตฤนร้องคราง สองมือโอบรัดรอบคออีกฝ่ายไว้ ปราชญ์ขบเม้มจูบประทับร่องรอยบนผิวเนียน
  ตฤนลูบไล้ดุ้นเนื้อของตัวเองด้วยความเสียวซ่าน กางเกงถูกปลดลงไปกองที่ขาร่างกายเกือบเปลือยเปล่าทำให้ปราชญ์มีอารมณ์อีกครั้ง เขาใช้มือกำรูดของตฤนขยับเข้าออก จากช้ากลายเป็นเร็ว ตฤนขยับสู้มือ เหงื่อผุดพรายทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ความร้อนของทั้งคู่มีแต่ทวีความรุนแรง ตฤนเกร็งตัวก่อนพ่นของเหลวออกมาบนมือของปราชญ์ เขาซบหน้าลงกับอกแกร่ง หายใจหอบเนื้อตัวสั่นระริก
  น้ำนี่คือสิ่งที่ปราชญ์ต้องการ น้ำหล่อลื่นธรรมชาติเขาใช้น้ำนั้นถูชโลมไปบนแก่นกลางของเขา
  “ตฤนยกสะโพกขึ้นหน่อย” เสียงแหบพร่ากระซิบกระซาบอยู่ข้างหู ตฤนทำตามอย่างว่าง่าย ปราชญ์จับแท่งเนื้อจ่อไปที่ปากทางเข้า
  ตฤนค่อย ๆ กดสะโพกตัวเองลง “อึก มันเข้าไม่ได้...” เพราะครั้งนี้ยังไม่ได้ใช้นิ้วนำทางเข้าไปก่อน ด้านในจึงยิ่งคับแน่น
  “ได้สิ” ปราชญ์ใช้มือจับยึดสะโพกตฤน พร้อมสอดแท่งเนื้อเข้าไปในทีเดียว
  “อื้ออ!!!” ตฤนครางเสียงดัง มือผวากอดปราชญ์เอาไว้แน่น ใบหน้าซุกอยู่ที่ไหล่แกร่ง ความเจ็บระคนเสียวซ่าน เขาพยายามขบเม้มริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงดังจนเกินไป
  ปราชญ์ใช้มือลูบหลังอีกฝ่ายแผ่วเบา “ครางออกมาเลย หรือจะกัดไหล่กูก็ได้”
  ตฤนเลือกข้อหลัง เขากัดงับไหล่แกร่งอย่างระบายความเจ็บ ด้านในตอดรัดกันแน่นจนแทบหลอมรวมทั้งคู่ให้ละลายด้วยความร้อนของอารมณ์
  เมื่อความเจ็บทุเลาลง คงเหลือแต่อารมณ์หวาบหวาม ตฤนเริ่มบดส่ายสะโพก ปราชญ์ปล่อยให้อีกฝ่ายควบคุมจังหวะได้ตามใจชอบ ใบหน้าชื้นเหงื่อของตฤนทำให้เขาหลงใหลจนแทบบ้า
  ตฤนเริ่มขยับยกสะโพกขึ้นลง เสียงแท่งเนื้อเสียดสีกับช่องทางรักดังเป็นจังหวะอย่างหยาบโลน ปราชญ์มองร่างที่กำลังเคลื่อนไหว ราวกับติดอยู่ในภวังค์ แผ่นอกเนียนขาวที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากฝีมือเขา ดวงหน้าชื้นเหงื่อเชิดขึ้น ริมฝีปากแดงเรื่อ บวมเจ่อนิด ๆ จากการขบเม้ม
  ปราชญ์เด้งสะโพกสวนกับสะโพกที่กดลงมา
  “อื้อ อ๊า ปราชญ์ !” ตฤนรู้สึกดีอย่างควบคุมไม่อยู่  มือปราชญ์กำรูดแท่งเนื้อของตฤนไปด้วย ปราชญ์เกร็ง เมื่อตฤนกลับขยับสู้เขาอย่างไม่หยุดหย่อน จนเขาทนไม่ไหวเสร็จอีกครั้ง ข้างในช่องทางชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักของเขา
ของเหลวอุ่นร้อนทำให้ตฤนรู้สึกวูบวาบ และเสร็จตามไปติด ๆ เขานอนซบลงไปกับอกกว้าง แท่งเนื้อหลุดออกจากช่องทางเสียงดัง ป็อก
  พวกเขาหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน พวกเขาทำกันไม่หนักแต่ก็ไม่เบาบนเตียงของโรงพยาบาล รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น ที่ทั้งคู่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ

  ตฤนลุกขึ้นไปเอาผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้ ความเจ็บที่ช่วงล่างทำให้เขานิ่วหน้า แม้จะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกเยอะก็ตาม ปราชญ์ลุกตามมาติด ๆ
  พวกเขาทั้งคู่เข้าไปในห้องน้ำ ตฤนใช้น้ำทำความสะอาดส่วนล่างของเขากับปราชญ์ แท่งเนื้อขึ้งขัง กลับสงบเรียบร้อย ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับให้อีกฝ่าย เก็บซ่อนความเขินเอาไว้ ไม่อยากให้อีกฝ่ายล้อเลียน เขาขยับพันผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่รอบเอวของปราชญ์
  “ออกไปรอก่อน เดี๋ยวไปใส่กางเกงให้” ตฤนออกคำสั่ง ปราชญ์เดินออกไปอย่างว่าง่าย เขานั่งรอบนโซฟา บนเตียงยับยู่ยี่ ปรากฏหลักฐานชัดว่าเมื่อกี้เพิ่งเกิดสงครามอารมณ์...
  ตฤนถือโอกาสอาบน้ำซะเลย เขาทำความสะอาดทุกส่วนเป็นอย่างดี พออาบเสร็จถึงได้รู้ว่าลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามา
  “ปราชญ์” ตฤนเรียกอีกฝ่าย “เอากระเป๋าเป้ให้หน่อย”
  ปราชญ์เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เจอตฤนที่มีผ้าพันเอวอย่างหมิ่นเหม่ ทำเอาเขาหายใจแทบติดขัด มันน่าจัดอีกรอบเลยดีมั้ย!
  “ใจ”ตฤนรับกระเป๋ามาถือไว้ ก่อนปิดประตูใส่หน้าปราชญ์ เขากลัวอีกฝ่ายจะมีอารมณ์ขึ้นอีก สำหรับวันนี้เขาพอแล้ว 

  ตฤนออกมาจากห้องน้ำ เขาจัดการใส่กางเกงตัวใหม่ให้ปราชญ์ จัดการเสื้อที่เขาใช้รองน้ำอะไรต่อมิอะไร... ./////. จัดผ้าปูที่นอนให้เข้าที่เข้าทาง

  “พยาบาลคนนี้น่ารักจริง ๆ” ปราชญ์พูดแซวอีกฝ่าย
  ตฤนทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะมัวแต่ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะ ตัวเขาเองนี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย ตฤนจึงหยิบเสบียงออกมานั่งกิน ในขณะที่ปราชญ์วิดีโอคอลหาใครสักคน
  “ฮัลโหล ยุ่งมั้ย”
  ‘ไม่ยุ่ง มีอะไรอ่ะ’ ปลายสายตอบกลับ ตอนนี้เธอว่าง
  “มีพยาบาลน่ารัก ๆ จะอวด” ปราชญ์หันมือถือไปทางตฤน กวางกรอกตามองบน
  ‘ขี้อวด พอเป็นแฟนกันนี่ ชักเอาใหญ่’ ตฤนที่กำลังก้มหน้าก้มตากิน พอได้ยินเสียงกวางถึงกับเงยหน้าขึ้น และโบกมือให้กล้อง
  “พยาบาลดูแลดีด้วย” ปราชญ์พูดอวด
  ‘เออ โอย รำคาญพวกแก ไม่ว่างล่ะ ยุ่ง ๆ ๆๆๆ ‘ กวางบ่นก่อนจะกดจบการสนทนาไปอย่างรีบร้อน
  ก่อนกดรัวสติ๊กเกอร์หน้าโกรธใส่ปราชญ์ เขาได้แต่มองอย่างขบขัน

  ทางด้านกวาง เธอทำได้แค่นั่งสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเงียบ ๆ ดีใจกับเสียใจ ยินดีด้วยกับเสียดาย ถึงเวลาที่เธอจะต้องตัดใจให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วสินะ ...ใบลาถูกร่างขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ลาบวชเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีเป็นเวลา 7 วัน พรุ่งนี้เธอจะไปคุยกับหัวหน้า!!!

.
.
  “ไม่กลับได้มั้ย” ปราชญ์ทำท่าจะงอแง เมื่อในอีกไม่กี่ชั่วโมงตฤนจะต้องไปสนามบินเพื่อกลับบ้าน แล้วทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว
  “ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องทำงาน” ตฤนรู้สึกว่าตั้งแต่คบกัน ปราชญ์ก็งอแงงุ๊งงิ๊งมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเขาก็แอบขนลุกเหมือนกันนะ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เอาแต่อ้อนเขาเหมือนลูกแมว
  “เฮ้ออออ ก็คิดถึงนี่หว่า” ปราชญ์ทำหน้าหงอย ปากเบะ
  “ไม่น่ารัก เลิกทำ กูขนลุก” ตฤนเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ฝ่ามือเรียวผลักหน้าผากคนป่วยเบา ๆ อย่างหมั่นไส้
  “บอกให้พี่มารับมึง ไปส่งสนามบินแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงคงถึง”
  “หรอ ความจริงกูไปเองได้นะ” ตฤนพูดด้วยความเกรงใจ ตอนมามาเอง ตอนกลับคนอื่นเดือดร้อน
  “ไม่เป็นไรหรอก” ปราบคงอยากไปส่ง คนที่มาคอยดูแลน้องชายแทนเขา “งั้นระหว่างนี้ เรามาทำอะไรเพื่อ...สร้างความทรงจำ”
  “พอแล้ว มึงจะมีอารมณ์อะไรนักหนาวะ เมื่อเช้าก็ใช้ปากทำให้แล้วไง” ตฤนพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่วายเขินอยู่ในใจ ระบบไหลเวียนเลือดยังไม่กล้าแกร่งเหมือนปาก ใบหน้าถึงได้แดงก่ำ แดงยาวไปถึงใบหู
  “ตรงจริง ๆ ทำไมแฟนกู ยิ่งคบยิ่งแมน” ปราชญ์ส่ายหน้าเหมือนอ่อนใจ แต่ดวงตากับเป็นประกายวิบวับ เหมือนแค่ได้แกล้งอีกฝ่ายก็มีความสุข
  แต่ตฤนกลับทำสิ่งที่แมนกว่าเดิม โดยการเดินเข้าไปประชิด มือสองข้างจับประคองใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ ก่อนจะประทับจูบลงไปจูบที่ลึกซึ้ง นุ่มนวล จูบที่แทนความคิดถึง

  แกร๊ก

  เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ เสียงมันเบาจนคนที่ตกอยู่ในภวังค์ ฝ่ายจูบและฝ่ายถูกจูบไม่ได้ยินแม้แต่น้อย ส่วนพี่ชายตัวดีมาถึงก่อนเวลา ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน เขาถอยออกจากประตู เดินออกไปตั้งหลักอย่างเหม่อลอย เขายอมรับว่าตกใจมากที่ น้องเป็นเกย์ และที่ตกใจยิ่งกว่าเมื่อภาพตรงหน้าภาพตฤนประคองใบหน้าของน้องชายเขา ช้อนใบหน้าหล่อคมนั่นขึ้นมาจูบ เหมือนมันจะบ่งบอกว่า น้องเขาน่าจะเป็นรับ... ร่างบึกเป็นรับ ร่างบอบบางเป็นรุก...

  บ้าไปแล้ว...

  ปราบหลบไปทำใจ หาอะไรขม ๆ อย่างกาแฟดำกระแทกปาก เมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงสินะ เขาไม่ได้เบลอ ปราบมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนแพง ใกล้เวลาที่เขาจะต้องไปถึงห้องนั้น ปราบลอบกลืนน้ำลาย เขาใช้สองมือตบแก้มทั้งสองข้างเบา ๆ
  “ตั้งสติปราบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็จบ” เขาจะทำเป็นไม่รู้ เพราะยังไม่พร้อมรับความจริง ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์แปลก ๆ 

  ก๊อก ก๊อก ก๊อก

  รอบนี้ปราบเคาะประตูเสียงดัง เขาไม่อยากเจอภาพแบบนั้นตอกย้ำอีกรอบ
  “พี่ปราบมาแล้วหรอ” ปราชญ์เอ่ยทักด้วยท่าทางร้อนใจ “คิดว่าจะมาไม่ทันไปส่งตฤน”
  ตฤนเดินไปหยิบข้าวของรอ สะพายกระเป๋าเป้เตรียมพร้อม
  ปราชญ์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโหวง ๆ  อยากจะรีบตามกลับไปด้วย
  “เป็นไงหายยัง” พี่ชายทักออกมาเก้ ๆ กัง  ๆ
  “กระดูกร้าว ไม่ใช่เป็นหวัดที่แค่คืนเดียวจะหาย”
  “คิดว่ามียาดี” ปราบพูดออกไป เขาแทบกัดลิ้นตัวเอง “ไปกันตฤนเดี๋ยวตกเครื่องนะ”
  “บายมึง หายไวไว” ตฤนโบกมือลาปราชญ์

  เขาเดินตามปราบไปขึ้นรถ เขาพบว่าปราบมองเขาแปลก ๆ แถมยังเงียบเกินเหตุ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า อาจจะทำงานหนัก เหนื่อยจนไม่อยากพูดกับใคร
  “พี่ปราบ”
  “ฮะ อ่า ครับ” ปราบลนลานอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตฤนเรียก
  “ผมคืนเงินนี่นะ” ตฤนหยิบเงินที่ปราบให้ไว้ทั้งหมดออกมาคืน
  “เอาไปเถอะ ที่ช่วยดูแลปราชญ์อย่างดี”
  “แต่...” ตฤนทำท่าจะแย้งต่อ แต่อีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมา
  “ถ้าเห็นยอดเงินที่เข้าบัญชีพี่ตอนนี้แล้วเราจะเปลี่ยนใจ” อีกฝ่ายพูดอวดขึ้นมา
  ตฤนเลยจำต้องเก็บเงินใส่กระเป๋าลงไป
  “งานยุ่งมั้ยพี่ช่วงนี้” เขาพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้รถเงียบเกินไป
  “ยุ่ง... ยุ่งมาก ไอ้ปราชญ์ดันมาป่วยช่วงนี้อีก”
  “สู้ ๆ นะพี่” ตฤนพูดเชียร์ เขาหันไปมองเพื่อนของน้องชาย เมื่อเห็นริมฝีปากบาง ภาพเมื่อกี้ก็ผุดขึ้นมาอย่างสลัดไม่ออก เขาเผลอขยับส่ายหน้าไปมา… น่าจะเป็นแฟนของน้องชายมากกว่าเพื่อนของน้องชาย
  “มีแมลงหรอพี่” ตฤนหันดูด้วยความสนใจว่าพี่ชายเป็นอะไร
  “เปล่าพี่เมื่อย เอ้อถึงแล้ว กลับดี ๆ นะ”
  ตฤนมาถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว เขาหยิบข้าวของก่อนจะก้าวลงจากรถ เขารีบยกมือไหว้ขอบคุณพี่ชายที่มาส่ง ปราบไม่ตอบทำแค่พยักหน้า พอรถคล้อยหลังไป ตฤนก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ ของปราบ ทำงานหนักก็จะเพี้ยน ๆ แบบนี้ล่ะเนอะ
.
.
[พี่ปราบตกใจไปแล้ว 555
พวกนี้นี่หื่นกันเกินไปแล้ววววว วววว ปราชญ์นี่ตัวดีเลย]
 :hao6:

หยิบ จับ ของไงตฤนคิดมาก :z1: :hao6:

หยิบจับจริง ๆ ค่ะ
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC) (21/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-07-2019 20:08:47
เป็นแฟนกันแล้ว..แซ่บบบบบนะ

ถ้าตฤณได้รุกปราชญ์
คงจะยิ่งกว่าแซ่บบบบบ
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 27 เจ็บอยู่ ช่วยทำให้ที (NC) (21/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-07-2019 22:51:23
ดีที่คุณพี่ท่านเห็นแค่ฉากจูบ(แต่แค่นี้ก็คิดไปไกลว่าน้องตัวเองเป็นรับล่ะ) ถ้าเห็นฉากช่วยด้วยปากคงช็อคอยู่หน้าประตูแน่ :pighaun: :haun4: :jul1:
ปราชญ์นี่หื่นได้ตลอดจริงๆดีคุณพยาบาลไม่เปิดประตูเข้ามาอ่านไปลุ้นไป
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย (29/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 29-07-2019 23:22:07
บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย

     กลางสัปดาห์ที่แสนน่าเบื่อ คนวัยทำงานนอกจากจะหมดไฟในคืนวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่มักจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงในวันพุธที่เป็นจุดที่บอกว่าทำงานผ่านมาสองวันแล้วนะ แต่ยังเหลืออีกหลายวัน
     แล้วยิ่งคนที่แฟนอยู่ไกล แถมยังได้รับบาดเจ็บอีก... แค่โทรคุยกันมันไม่พอ
     “เฮ้อ”
     “พี่ตฤนเป็นอะไร ถอนหายใจทั้งวัน” บุ้งถามขณะที่นั่งฟังตฤนถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย
     “คิดถึง...” ตฤนพลั้งพูดออกไปโดยไม่ได้กลั่นกรองจะสมอง แต่เป็นคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาตรงกับหัวใจ
     วริษฐ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหลือบตาขึ้นมอง ตฤนที่ตอนนี้เป็นเอามาก ครุ่นคิดถึงแฟนหนุ่มมือหนักตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่กระทบกับการทำงาน แต่ก็พาให้เขานึกติดใจสงสัย คนเราจะรักแล้วเฝ้าคิดถึงอีกฝ่ายได้มากขนาดนั้นเลยหรอ...
     เขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น ทุกคนผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เขาจะมีของใหม่ ๆ ให้ลองอยู่เสมอ สาว ๆ หน้าตาสะสวยที่พร้อมจะเข้ามาหาเขา แต่กับผู้ชายเขายังไม่เคยสนใจใครนอกจากตฤน เขายังคงเอ็นดูตฤนอยู่เสมอ แต่ช่องว่างระหว่างเขากับตฤนก็ใหญ่เกินกว่าจะย้อนกลับไป ต่อให้เขารู้สึกผิด หรือพร่ำขอโทษน้องไปหลายต่อหลายครั้ง เขาก็รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนแผลในใจของตฤนไปแล้ว เขาจึงไม่เคยพยายามเข้าไปไกลอีกฝ่ายอีกเลย และบทเรียนที่สำคัญเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม เขาจะไม่ทำ


     “พาน้องมาแนะนำตัวนะคะ น้องกวิน แผนกบริหารความเสี่ยง”
     วาเนสซ่าพาหนุ่มน้อยน่าตาน่ารักเดินแนะนำตัวกับแผนกต่าง ๆ  เพราะน้องจะต้องทำงานกับทุกหน่วยงาน เพื่อทำแผนประเมินความเสี่ยงขององค์กร ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักกันก่อนจะต้องทำงานด้วยกัน
     “สวัสดีครับ ผมชื่อกวินนะครับ ฝากตัวด้วย” ร่างบางยกมือขึ้นไหว้พี่ ๆ ในห้อง พลางยิ้มสดใส
     วริษฐ์มองสำรวจอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มร่าเริงความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผมสีดำขับดวงหน้าขาวให้สว่าง ดวงตาเป็นประกายสดใส เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับเกงเกงสแลคสีดำ  น่าจะรุ่นพี่ตฤน ดูแก่กว่านิดหน่อย อืม...แต่ดูคุ้นอย่างประหลาด...
     ร่างบางกวาดสายตามองทุกคนก่อนจะไปสะดุดที่ใครบางคน เมื่อดวงตามองสบกับ...
     “พี่วริษฐ์!!! เจอกันอีกแล้วนะครับ” ก่อนที่ร่างบางจะขยับยิ้มพลางโบกมือให้
     “ครับ” วริษฐ์ได้แต่ตอบรับเสียงเบา สีหน้าตกใจเล็กน้อย รู้ชื่อเขาได้ไง? ใครวะ?
     ร่างบางก้มหัวให้ ก่อนจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะจำเขาไม่ได้ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ... คงมีแต่เขาที่ไม่ลืม
     “รู้จักกันด้วยหรอ”
     “ครับ นานมากแล้ว พี่เขาอาจจะจำไม่ได้” กวินตอบพลางยิ้มกว้าง
     ส่วนเขาได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ เพราะเขาก็จำไม่ได้จริง ๆ พยายามนึกก็นึกไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาติดจะน่ารัก ผิวขาวเนียนใส เขาไม่น่าจะลืมได้...
     หลังจากทักทายพอประมาณ วาเนสซ่าจะพาน้องเดินไปที่อื่นต่อ วริษฐ์ได้แต่มองตาม คิ้วเข้มขมวดอย่างใช้ความคิด

     ตฤนเหลือบมองสายตาที่วริษฐ์มองเด็กใหม่ จู่ ๆ ก็ขนลุกขึ้นมา เขาควรจะเตือนกวินมั้ย ... ว่าวริษฐ์อาจจะคิดจะง้าบอีกฝ่าย เขาควรทำอะไรมั้ย หรือควรปล่อยไป แต่ก็ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันอยู่แล้ว ก็คงไม่มีอะไรมั้ง
เขายอมรับว่ายังเกร็ง ๆ กับพี่วริษฐ์อยู่ ยังคงกลัวอยู่บ้าง เขาพยายามเว้นช่องว่าง เช่นเดียวกับพี่วริษฐ์ที่เว้นระยะห่างจากเขา ไม่เคยถูกตัวเขาอีกเลย  คิดว่าอีกฝ่ายก็คงสำนึกผิดแล้วละมั้ง แต่สำหรับเขา ต้องใช้เวลา ถ้าจะให้กลับไปเชื่อใจเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

     ‘ตั้งใจทำงานนะอย่ามัวแต่คิดถึงกู
     ช่วงนี้กูว่าง
     ให้กูคิดถึงเมิงคนเดียวพอ’

     ข้อความที่ทำเอาตฤนยิ้มกว้าง มีความรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง ต่อให้เป็นวันพุธที่น่าเบื่อ เขาก็ยังสดใสได้ แค่มีอีกคนนึงอยู่ในใจ
     “ไม่มีใครเขาคิดถึงเมิงหรอก
     สบายใจได้
     รีบ ๆ หายแล้วกัน จะได้กลับมาไว ๆ ”
     ตฤนพิมพ์ตอบขณะอมยิ้ม ปากเขามักไม่ตรงกับใจ แต่อีกฝ่ายก็แปลได้เองว่ามันคือความคิดถึงในแบบของเขา ไม่คิดถึงจะรีบให้หายกลับมาไว ๆ ทำไม

     ช่วงพักเที่ยงเขาลงไปทานอาหารกับพี่ ๆ ในแผนกเขาเดินสวนกับกวิน ในใจก็อยากเตือน แต่พอเห็นว่าเขาทักทายกับวริษฐ์อย่างยิ้มแย้ม ก็คิดได้ว่า นี่อาจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่ง พี่วริษฐ์อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น น้ำเมามันช่วยเปลี่ยนนิสัยคน

     เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังเบา ๆ วริษฐ์มองชื่อบนหน้าจอเล็ก ๆ Gawin เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะกดรับ
     “สวัสดีครับ”
     ‘พี่วริษฐ์ครับ เย็นนี้ว่างมั้ย’
     เขาขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก มีธุระอะไรกับเขา
     “กวินมีอะไรหรอครับ”

     ตฤนเหลือบมองคนตรงข้าม เมื่อได้ยินชื่อของเด็กใหม่ดังแว่ว ๆ อันตรายชะมัด ท่องไว้ตฤนนี่ไม่ใช่เรื่องของเมิง ...ไม่ใช่เรื่องของเมิงเลย ... แต่ถ้าอีกฝ่ายโดนแบบเขา...

     “ได้ครับ เจอกันใต้ตึก หือ? รถพี่ก็ได้” วริษฐ์รับนัดไปอย่างงง ๆ 


     ตฤนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เขาเจอกวินเดินมาพอดี
     “เอ่อ กวิน” 
     “ครับ?” เขาขานรับพลางส่งยิ้มให้ คุ้นหน้าว่าอยู่ในห้อง HR
     “รู้จักกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”
     หืม? มาถามเขาเรื่องที่รู้จักวริษฐ์? เขาหรี่สายตามองสำรวจอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหน้าตาดี
     “ก็นานมั้งครับ”
     “เอ่อคือยังไง ระวังตัวด้วยนะ”
     กวินเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นด้วยความสงสัย ตฤนจึงขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย พลางกระซิบเสียงเบา “เขาอาจจะอยากง้าบนาย”
     กวินยิ้มทะเล้น ก่อนตอบเบา ๆ “ก็ดีสิครับ”
     “หืม?” ตฤนมองรอยยิ้มทะเล้น ๆ นั่นก่อนคิดในใจว่า เขาอาจจะคิดผิดที่มาเตือนออาจจะไม่ควรมายุ่งจริง ๆ แต่ก็ถือว่าเขาทำในสิ่งที่ค้างคาแล้ว


     “พี่วริษฐ์ครับ”
     “อ้าวกวินลงมานานหรือยัง”
     “ไม่นานครับ”
     “ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ”
     วริษฐ์ได้แต่งุนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย ที่ดูจะสนิทสนมกับเขามาก แม้เขาจะรู้สึกคุ้น ๆ  แต่ก็นึกไม่ออก หรือไม่เด็กใหม่ก็อ่อยเขาอยู่
     “กวินอยากไปร้านไหนครับ”
     “อืม ร้าน feeling มั้ยครับ”
     วริษฐ์มองคนข้าง ๆ ร้านอาหารกึ่งผับ ร้านที่เขาเคยไปอยู่สองสามครั้ง ชวนไปที่แบบนี้เลยแฮะ
     “มันเป็นที่ที่มีควาหมายนะครับ” ร่างบางพูดดัก เพื่ออีกฝ่ายจะคิดว่าเขาไวไฟ อย่างจะมอมเหล้าเขา แม้ว่าเขาจะอยากทำจริง ๆ ก็ตาม
     ร้านอยู่ไม่ไกลนักจากที่ทำงาน ทำให้ทั้งคู่มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
.
     ทั้งคู่เข้าไปนั่งภายในร้าน ที่ตกแต่งด้วยไฟค่อนข้างสลัว
     “พี่จำผมไม่ได้ใช่มั้ยครับ” กวินถามตรง ๆ เพราะร้านที่จะไปคือร้านที่เขาเจอกับวริษฐ์
     “เอาจริง ๆ ก็รู้สึกคุ้น”
     “เราเคยเจอกันที่นี่ครับ” ร่างบางส่งยิ้มให้
     "หืม?” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น เคยเจอที่นี่? เขากับกวิน?
     “พี่เมามาก อาจจะจำไม่ได้ถ้าวันนั้นไม่ได้พี่ปลอบผมคงแย่” เขาพูดพลางหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิด ชี้ให้ดูในช่องพลาสติกใส ที่มีเศษซากของนามบัตรถูกใส่อยู่ในนั้น ลางเลือนขาดยุ่ยไม่มีชิ้นดี แต่เจ้าของก็รู้ดีว่าน่าจะเป็นของเขา
     “นามบัตรเละเทะเชี่ยว”
     “ผมพยายามตามหาพี่แล้ว แต่ไม่เคยเจอ จนวันนี้”
     ร่างสูงมองดวงหน้าน่ารักที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และดวงตาที่เป็นประกาย คนตรงหน้าดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เจอเขา ทำเอาเขาเผลอยิ้มตาม น่ารักสดใส ...
     “แล้ว พอเจอพี่แล้วจะทำยังไงต่อ” วริษฐ์พูดแซวคนตรงหน้า อยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
     ร่างบางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ทำให้พี่รักผมครับ”
     วริษฐ์อ้าปากค้างกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ดวงตาคมจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าจะทำให้ผมรักเขา อีกฝ่ายยังคงยิ้มไม่หยุด ในขณะที่เขา จ้องเอง กลับรู้สึกหนาว  ๆ ร้อน  ๆ ขึ้นมาซะแบบนั้น เด็กนี่มันร้ายไม่เบา
     “ทำไมต้องเป็นพี่”
     “ก็พี่เคยบอกผมว่า ให้หาแฟนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผมว่าก็ต้องพี่นี่แหละ”
     “เรารู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นคนดี” วริษฐ์นึกถึงชีวิตเสเพของตัวเอง ฟันแล้วทิ้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา เน้นบริหารเสน่ห์ไม่เน้นใช้หัวใจรักใคร แถมยังเกือบจะขืนใจเพื่อนร่วมงาน นึกถึงตฤนทีไร ในใจปวดหนึบทุกที
     “ผมมาลองเสี่ยงครับ ผมว่าผมบริหารความเสี่ยงได้ดีพอ” กวินพูดพลางยิ้มทะเล้น
.

     สองปีก่อน

     ร่างบางเดินออกมาในที่ปลอดคน ไฟบริเวณนั้นค่อนข้างสลัว ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นต่างระดับ ตัวสั่นสะอึกสะอื้นอย่างคุมไม่อยู่ สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด เขากำลังจะกลายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับผู้ชายที่เขารักสุดหัวใจ ผู้ชายที่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขา กลับไปเป็นเพื่อน ทุกอย่างที่เกินเลยเป็นแค่เรื่องชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีความรัก เป็นความใคร่ เขาไม่ได้ดีใจที่อีกฝ่ายยอมมีอะไรกับเขา เพราะว่าเรื่องบนเตียงของเขานั้นเผ็ดร้อน หรือแค่แปลกใหม่
     มีใครบางคนนั่งลงข้าง ๆ เขา
     เสียงจุดไฟแช็กดังมาจากคนข้าง ๆ  ก่อนกลิ่นบุหรี่ลอยมาตามลม
     “ร้องไห้...ทำไมมมม ครับ” เสียงคนข้าง ๆ เอ่ยทัก ติดจะเมา ๆ เล็กน้อย
     “ฮือ” พอมีคนมาถาม ร่างบางก็ยิ่งร้องหนักขึ้น ความลับที่เขาบอกใครไม่ได้เลย พอมีคนถามกลับยิ่งทำให้อยากร้องไห้ออกมา
     มือหนาเอื้อมแตะที่ไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ
     “โอ๋นะครับบบบ”
      ร่างบางมองคนที่กำลังปลอบเขา คนแปลกหน้าที่มานั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างเขา เสี้ยวหน้าหล่อเหลาดูดี ดวงตาฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ น้ำเสียงนุ่มนวลพาให้เคลิบเคลิ้ม
     “ไม่ร้องงงงง” มือหนาขยับมาลูบหัวอีกฝ่าย
     “พี่เป็นใคร”
     “วริษฐ์...ครับ” ชายหนุ่มล้วงหยิบนามบัตรออกมาส่งให้อีกฝ่าย
     “ผมกวินครับ” ร่างบางแนะนำตัว พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
     “อย่าร้องงงง”
     ชายหนุ่มมองวริษฐ์อย่างงง ๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเมามาก และก็จิตใจดีมาก ถึงได้มานั่งปลอบคนที่ไม่รู้จัก
     “ผมเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก...” เขาใช้คำนี้ได้มั้ย มันได้หรือเปล่า แฟน?
     “ฮื่อออ รัก ตัวเองงง ให้มาก” วริษฐ์กระตุกยิ้ม
     รอยยิ้มนั้น ตราตรึงใจของกวิน
     “หาาาา...ใหม่ ให้ อึก ดีกว่าเดิม พี่ เอาใจช่วยยย”
     “วริษฐ์คะ!” หญิงสาวเดินตามมาจากในร้านเมื่อเห็นว่าผู้ชายของเธอหายออกไปนาน ก่อนเจอว่ามานั่งหลบมุมสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก
     “ครับบบบ”
     “ไปกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเดินมาคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้
     “พี่เขากวนหรือเปล่า ขอโทษนะคะ” ร่างสูงลุกขึ้นตามแรงดึง ก่อนหันมาขยิบตาให้กับกวิน
     ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เจอกัน
.
.
     นามบัตรที่ได้มา ลงเครื่องซักผ้าไปพร้อมกับกางเกง...

      จากนั้นก็ได้แต่ภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้ง
     ...และการมาเจอกันครั้งนี้ จึงเหมือนพรหมลิขิต และเขาจะไม่ยอมปล่อยอีกคนไปแน่ ๆ


     ตฤนอาบน้ำเรียบร้อยเตรียมนอน เขานอนกลิ้งเกลือกเพื่อรอรับโทรศัพท์ ส่งเข้านอนของปราชญ์ ไม่กี่อึดใจ อีกฝ่ายก็โทรมาตามเวลา
     “ฮัลโหล”
     ‘คิดถึงจัง’ เสียงนุ่มดังมาตามสาย
     “อื้อ” ตฤนยิ้มกว้างให้กับมือถือ และน้ำเสียงละมุนของอีกฝ่าย
     ‘อยากกลับไปกอดแล้ว’
     “กอดชั่วโมงละ 300 ค้างคืน 3,000” ตฤนเสนอราคา พลางหัวเราะคิกคัก
     ‘เอาไปเลย 10,000 นึง แต่ทั้งวันทั้งคืนนะ’
     ตฤนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เล่นกับคนมีตัง เล่นกับคนหื่นกาม มีแต่เสียกับเสีย
     “ไม่ขายแล้ว ปิดการขาย”
     ‘แปลว่าจะได้ฟรี’
     “ไม่ได้ ไม่ให้แล้ว”
     ‘ตฤนครับ อย่าตัดกำลังใจในการฟื้นตัวของปราชญ์เลยนะ เนี้ยจะรีบหายเพื่อไปกอดเลย’
     ตฤนย่นจมูกให้กับประโยคนั้น ก่อนจะนึกขึ้มาได้ว่า อยากจะเล่าเรื่องพนักงานใหม่ ที่ชื่อกวิน
     “เออ วันนี้มีพนักงานใหม่ชื่อกวิน”
     ‘หืม? หล่อมั้ย’
     “หล่อ หน้าตาน่ารักดี”
     ‘งั้นพรุ่งนี้ กุบินกลับเลยแล้วกัน’
     “ไม่ต้องมาหึง! นั่นไม่ใช่ประเด็น...” ตฤนพูดพลางเว้นวรรค อย่างเรียบเรียงคำพูด “ ก็เขาดูเหมือนรู้จักกับพี่วริษฐ์ ทีนี้กุก็อดจะเตือนไม่ได้ว่าให้ระมัดระวัง”
     ‘หืม? ไอ้วริษฐ์นั่นน่ะหรอ แล้วเขาว่าไง’
     “เขาอยากโดนวริษฐ์กิน”
     ‘อุ๊บ ฮ่า ๆๆๆๆ โธ่ ตฤนอุตส่าห์หวังดี กลายเป็นยุ่งเรื่องชาวบ้านไปเลย’
     “ไม่ตลกนะ” ตฤนทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจนัก เขาก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเขา มันเป็นความทรงจำที่ไม่ดีเลยนะ “เอาเป็นว่า ก็ถือว่ากุทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเขาสมยอมกันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกุ”
     ‘ฮื่อ แฟนเก่งมาก งั้นดึกแล้วนอนนะครับ ฝันดีนะ’
     “เออ นอน ฝันร้าย” ตฤนอวยพรให้อีกฝ่ายฝันร้าย ก่อนจะกดตัดสายไป เขาดึงคลุมผ้าห่มไปถึงคอแบบที่ชอบทำ ก่อนจะหลับตาลง ถ้าจะให้ฝันดี ต้องฝันเห็นปราชญ์... ได้เจอในฝันก็ยังดี
.
.
 :กอด1:
[ให้โอกาสวริษฐ์หน่อยนะคะ เขาเป็นคนดีนะะะะ ตอนนั้นมันไม่มีสติ]


เป็นแฟนกันแล้ว..แซ่บบบบบนะ

ถ้าตฤณได้รุกปราชญ์
คงจะยิ่งกว่าแซ่บบบบบ
ฮ่าฮ่า

แซ่บมาก ปราชญ์แบบว่า เหมือนชดเชยความอดทน
ถ้าตฤนรุกพี่ปราบต้องช็อคกว่านี้แน่ 5555

ดีที่คุณพี่ท่านเห็นแค่ฉากจูบ(แต่แค่นี้ก็คิดไปไกลว่าน้องตัวเองเป็นรับล่ะ) ถ้าเห็นฉากช่วยด้วยปากคงช็อคอยู่หน้าประตูแน่ :pighaun: :haun4: :jul1:
ปราชญ์นี่หื่นได้ตลอดจริงๆดีคุณพยาบาลไม่เปิดประตูเข้ามาอ่านไปลุ้นไป

นี่ถ้าพี่แกมาเจอเต็ม ๆ  สติคงหลุดแน่ 55555
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย (29/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-08-2019 12:07:04
โดนแน่วริษฐ์โดนก็คราวนี้แหล่ะ กวินคงไม่มาหลอกพี่ท่านหรอกเนาะหรือให้โดนสักที :hao3:
ตอนนี้ข้าวใหม่ปลามันไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่เลยอ่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย (29/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 04-08-2019 20:00:27
เหมือนไปยุ่งเรื่องของเขาจริง ๆ 55555
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 28 วริษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย (29/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 08-08-2019 22:01:24
   
บทที่ 29 ติดเชื้อหื่น / ไวไฟ

   

   “หือ? ปราชญ์” ตฤนลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด แสงไฟจากนอกหน้าต่าง ทำให้เขาพอมองเห็นอะไรต่อมิอะไร เห็นเค้าโครงร่างที่คุ้นเคยของแฟนหนุ่ม ทำไมมาอยู่ที่นี่ “มาได้ยังไงน่ะ”

   “ก็คิดถึงยังไงล่ะครับ” ร่างสูงขยับเข้ามาหา กางมือทั้งสองข้างคร่อมอีกคนเอาไว้ “คิดถึงกุมากเหมือนกันล่ะสิ”

   “แขนล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วหรอ”

   “หายแล้ว แต่บางอย่างกำลังเป็น” ร่างสูงประกบริมฝีปากอีกฝ่าย มอบจูบหวานล้ำที่ชวนให้ใจล่องลอย ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ตักตวงความหวานที่ห่างหาย มือหนาลูบไล้ปะป่ายไปทั่วทั้งตัว ให้อีกฝ่ายตัวสั่นเกร็งทุกครั้งที่มือร้อนลากผ่าน

   “อื้ออออ” ตฤนยอมรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเต็มใจ เขามีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก หลังจากอดทนอดกลั้นมาหลายวัน เขาก็ยินยอมให้อีกฝ่ายมาช่วยปลดเปลื้องให้

   มือหนาถอดเสื้อผ้าของคนด้านล่างออกจนหมด แม้ว่าความมืดจะซ่อนเรือนร่างขาวนวลเอาไว้ แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าส่วนที่เคยอ่อนไหวนั้นแข็งตึงแค่ไหน มือหนากอบกุมส่วนนั้นเอาไว้ กำเอาไว้นิ่ง ๆ ขณะลิ้นร้อนยอมผละจากริมฝีปากหวาน เพื่อไปชิมลิ้มรสหวานจากจุดอื่นแทน อย่างตุ่มไตเม็ดเล็กที่กำลังชูชันด้วยอารมณ์

   “อึก อ๊า” ตฤนบิดตัว เมื่ออีกฝ่ายกำลังขมเม้มยอดอกของตน มือบางโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ปลายนิ้วเกี่ยวม้วนเส้นผมอ่อนนุ่ม

   มือหนาที่เกาะกุมส่วนแข็งขืนเริ่มขยับขึ้นลง รูดรั้งจนร่างบางตัวสั่นสะท้าน

   “ปราชญ์จะทำให้ตฤนเสร็จ ด้วยมือของปราชญ์นี่แหละ” เขาพูดพลางขยับข้อมือเร็วขึ้นกว่าเดิม ร่างบางแอ่นเอวรับสัมผัสนั้น จนสะโพกลอยไม่ติดที่นอน น้ำเริ่มไหลซึมออกทางส่วนหัว เหมือนเขื่อนกักเก็บกำลังจะแตก

   “ฮึก อ๊ะ อ๊า ปราชญ์ อ๊า” เสียงครวญครางไม่เป็นภาษาจากร่างบางที่อารมณ์ใกล้จะไปถึงขีดสุด ดวงตาปรือหลับพริ้ม “ฮ้า ไม่ ไม่ไหวแล้ว”

   

   ตฤนไปถึงจุดหมาย กระตุกเกร็งปลดปล่อยของเหลวอุ่นร้อนออกมาจนหมด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา และพบว่าในห้องนอนนั้นสว่างไสว แสงแดดยามเช้าลอดผ่านเข้ามาในห้องจนสว่าง และเขาตื่นแล้ว...

   

   ความฝัน... ฝันเปียก...

   

   เขารู้สึกถึงความร้อน และเหงื่อที่ผุดพรายทั่วใบหน้า ความเหนียวหนืดที่เป้ากางเกงนอน ทำเอาใบหน้าเนียนเห่อร้อนวูบวาบ เมื่อคิดได้ว่าที่เลอะเทอะแบบนี้เป็นเพราะปราชญ์ เสร็จเพราะปราชญ์มาหาเขาในฝัน... มาเติมเต็มความต้องการของเขา

   บอกว่าอยากเจออีกฝ่ายในฝัน ก็มาจริง ๆ มาแบบปกติ ๆ ไม่เป็นเลยหรอไงนะ!  ตฤนได้แต่โวยวายอยู่ในใจ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า เขารู้ตัวดีว่าเขาหื่น... ตกลงนี่เขาติดเชื้อหื่นมาจากปราชญ์จริง ๆ ซะแล้วหรือ...

   

   

   “ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลัก พยายามจะลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก เมื่ออีกฝ่ายยังคงนอนกอดเขาแน่น พี่วริษฐ์ที่เขาตามหา...

   “อื้อ ครับ” ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองคนในอ้อมแขน ก่อนกระพริบตาปริบ ๆ ไล่ความง่วงงุน เมื่อคืนเขาโดนเด็กง้าบซะแล้ว โดนล่อลวงมาต่อจนไม่ได้กลับห้อง เสร็จเด็กมันจนได้... เมื่อคืนเจ้าเด็กนี่มันร้ายจริง ๆ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน เขายังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

   วริษฐ์ปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ พลางขยับลุกขึ้นนั่ง เขารู้สึกมึนหัว มันแฮงค์ ๆ

   “พี่วริษฐ์ไปอาบน้ำก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่ ผมมีเชิ้ตตัวใหญ่ ๆ อยู่” กวินลุกขึ้นไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก ก่อนหมุนตัวเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า พลางหยิบผ้าขนหนูมายื่นส่งให้

   “ขอบคุณมาก” วริษฐ์เดินโงนเงนไปอาบน้ำ เขาทั้งเหนื่อยทั้งล้า เมื่อคืนเลยเถิดไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน กวินปลุกเขาทั้งคืน ได้มาจบเอาเลยวันใหม่ไปหลายชั่วโมง

   กวินพยายามหาเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายจะใส่ได้ กางเกงคงต้องใส่ซ้ำแต่เสื้อเนี้ย เขาเตรียมเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย หยิบจับกางเกงและชั้นในมาวางไว้ให้ ส่วนเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานถูกเขาโยนลงตะกร้า ซักแล้วค่อยเอาไปคืน

   สายน้ำเย็นจากฝักบัวปะทะร่างวริษฐ์เขากลั้นใจขยับไปยืนใต้ฝักบัว น้ำเย็นจนรู้สึกขนลุก แต่ก็ทำให้ตาสว่าง เมื่อคืนทำลงไปแล้ว กับผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำแบบสติไม่เต็มร้อย มีแต่สัญชาตญาณที่ตอบสนองต่ออีกฝ่ายเท่านั้น

   “เผลอตัว ให้อารมณ์นำอีกแล้ว” เขาบ่นพึมพำเสียงเบา

   วริษฐ์อาบน้ำเสร็จ เขาปิดน้ำพลางยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้า หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว เขายืนมองตัวเองในกระจก รู้สึกเจ็บไม่น้อยที่หัวไหล่ พอมองเงาสะท้อนก็พบรอยเล็บและรอยฟันหลายจุด เด็กแสบทั้งกัดทั้งจิกเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อวานคือสุด ๆ ตั้งแต่เคยทำมาเลย เขาพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวหลวม ๆ ก่อนจะเดินออกไป

   กวินมองคนที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยใจเต้นตึกตัก หยดน้ำบนกล้ามเนื้อมัดสวย เส้นผมลู่แนบใบหน้าหล่อเหลา ร่องรอยสงครามอารมณ์ระหว่างพวกเขายังปรากฏชัด ‘เซ็กซี่เป็นบ้า’

   “อ่ะ เสื้อผ้าอยู่ทางนั้นนะครับ” ร่างบางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้ พลางเดินสวนเข้าห้องน้ำไป ร่างบางปวดหนึบที่ส่วนล่างไม่น้อย เมื่อคืนรุนแรงแต่ก็สุขสม เขาคิดว่าการปรนนิบัติจากเขา พี่วริษฐ์ต้องติดใจจนลืมไม่ลงแน่ ๆ

   ร่างสูงจัดแจงแต่งตัวเรียบร้อย เขานั่งเช็ดผมอยู่บนที่นอน ในใจก็แอบงุนงงสับสน ว่าเขาจะวางตัวยังไงกับเด็กคนนี้ดี ทุกทีเขาจะรุก หว่านเสน่ห์ให้ได้มา แต่รอบนี้ เจ้าตัวดันมาล่อหลอกเขาแทน เมื่อคืนก็พูดเน้นหนักว่าจะทำให้เผมรักเขาให้ได้ ซึ่ง...มันเป็นไปได้ยากยิ่ง หัวใจของเขามันไม่เคยเปิดให้ใครแทรกตัวเข้ามา ไม่เคย...

   ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเดียวกันกลับวริษฐ์ ผิวเนียนเปลือยเปล่า กับหยดน้ำ ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูสดชื่นเปล่งปลั่ง

   “พี่ครับ หิวหรือยัง” กวินเอ่ยทัก พาเอาวริษฐ์ลอบกลืนน้ำลาย สภาพของคนตรงหน้ากับคำถาม แอบทำเอาเขาแทบหิวอย่างอื่น

   “หิวครับ กวินรีบ ๆ แต่งตัวสิครับ” วริษฐ์พยายามที่จะละสายตา จากร่างนั้น ยั่วยวนเก่ง เดี๋ยวไม่ได้ไปทำงานกันพอดี “เอ่อ เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ ก็ไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้กันตั้งแต่วันแรก” เขาอึกอัก รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนตั้งตัวไม่ทัน

   “ฮะครับ สำหรับพี่มันเป็นวันแรก แต่สำหรับผม มันเป็นการรอที่ยาวนานครับ”

   “แต่เราอยากให้พี่รัก แต่เมื่อคืนพี่มีแต่ความใคร่ให้”

   กวินยิ้มกว้างจนตาแทบปิด “ผมบอกแล้วว่าผมรับผิดชอบเอง” อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ รอยยิ้มสดใสเจิดจ้า ยิ้มจนตาปิดเป็นสระอิ น่ารัก...

   วริษฐ์ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แม้ในดวงตาของเขาที่มองคนตรงหน้า จะมีประกายวูบไหวประหลาดฉายอยู่

   “พูดตรง ๆ นะ ถ้าเราต้องการความรัก พี่คิดว่าคงไม่มีให้”

   “ทำไมล่ะครับ พี่รักใครไปแล้วหรอ” ร่างบางถามกลับ ดวงตาหม่นแสง แม้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าจะยังไม่จางหาย

   วริษฐ์หรี่ตามองสำรวจดูคนตรงหน้าที่แสดงความรู้สึกดูขัดกันแปลก ๆ ...กวินที่ยังยิ้ม แม้ดวงตาจะไม่สดใส

   “เปล่า... พี่แค่” เหมือนคนไม่มีหัวใจ ความระแวดระวังในใจของเขา มันทำงานทันทีที่ใครก็ตามพยายามจะรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม โดยเฉพาะหัวใจของเขา

   “ผมจะพยายาม” ร่างบางมองใบหน้าวิตกกังวลของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม ในเมื่อความเสี่ยงทั้งหมดที่มี เขาจะขอรับไว้เอง มันเป็นความเสี่ยงที่เขาสามารถรับได้ “วันเดียวที่เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการ มันตอบทุกอย่างไม่ได้หรอกครับ พี่อาจจะต้องการผมมากจนไม่อยากปล่อยไปเลยก็ได้”

   วริษฐ์หมั่นเขี้ยวร่างบางที่พูดอวยตัวเองหน้าตาเฉย ฝ่ายมือที่ลูบอย่างเอ็นดูเปลี่ยนมาเป็นแกล้งขยี้หัว จนผมของอีกฝ่ายเสียทรง

   “อย่าแกล้งสิครับ ผมเสียทรงหมดแล้ว”

   “น่าหมั่นไส้”

   ร่างสูงบ่นอุบแต่ก็ยอมแต่โดยดี เขาดึงมือกลับ ปล่อยให้คนน่ารักลูบเซตผมให้เข้าที่เข้าทาง ละสายตาจากร่างบางที่แต่งตัวอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะใจกล้าไม่อาย แต่ดวงหน้าหวานก็แอบร้อนวูบวาบขึ้นสีเรื่อ

   ร่างบางหยิบเอาน้ำหอมขึ้นมาฉีดตัวเอง ก่อนจะหันไปฉีดวริษฐ์ด้วย

   "มาฉีดพี่ทำไมครับ”

   “จะได้หอม ๆ “ร่างบางพูดพลางแลบลิ้นทะเล้น...เขาฉีดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แค่นี้พวกเขาก็มีกลิ่นเดียวกันแล้ว



   ตฤนวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ตึก วันนี้นอกจากจะตื่นสายกว่าปกติ เพราะดันไปฝันถึงปราชญ์ แล้วมีเรื่องให้เพลียแต่เช้า ยังซวยซ้ำเพราะรถไฟฟ้ามีปัญหาขัดข้องทำให้เขากำลังจะสาย ร่างบางจึงรีบวิ่ง เขาไปถึงลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะปิดต่อหน้าต่อตา มือบางขยับตะครุบปุ่มให้เปิดออก ก่อนก้าวเท้าเข้าไปหน้าตาตื่น หายใจหอบ เขาคิดถึงความสบาย ที่ปราชญ์มารับมาส่งเขาจริง ๆ

   “ยังทัน” เสียงทักทำให้ตฤนเงยหน้ามองคนในลิฟต์ วริษฐ์กับกวินอยู่ด้วยกันในลิฟต์ ตฤนก้มหัวทักทายทั้งคู่

   “สวัสดีครับ” กวินพูดทักพลางยิ้มกว้าง

   “สวัสดีครับ” ตฤนทักตอบ

   “สายเหมือนกันเลยนะครับ” กวินพูดพลางยิ้มเขิน เพิ่งเริ่มงานก็สายซะแล้ว

   “ครับ” ตฤนเหลือบตามองทั้งคู่ ขึ้นลิฟต์มาพร้อมกันก็คงไม่แปลกนักล่ะมั้ง

   กวินรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทีของทั้งสองคน ทั้งที่อยู่แผนกเดียวกันแท้ ๆ แต่ดูห่างเหินอย่างประหลาด วริษฐ์ก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่น่าจะมีท่าทีกันแบบนี้ ...แฟนเก่า? คนเคย ๆ ? กวินมองด้วยความรู้สึกแอบตงิด ๆ อยู่ในใจ เพราะเมื่อวานอีกฝ่ายก็มาเตือนเขา ระวังจะถูกง้าบ หรือเพราะตัวเองก็เคยโดนไปแล้ว งั้นหรอ? ไม่ชอบใจเอาซะเลยแฮะ

   บรรยากาศอึดอัดเล็ก ๆ เกิดขึ้นในลิฟต์ ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัว ค่อย ๆ เปิดทีละชั้น ๆ มีคนอัดเข้ามามากจนตฤนถอยไปชิดกับทั้งสองคน เขาได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากทั้งคู่ กลิ่นเดียวกัน ... หรือว่าทั้งคู่เมื่อคืน... รวดเร็วไวไฟกันจริง ๆ

   “ขอโทษนะครับ”ตฤนเอ่ยปากขอทางเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการออกพอดี

   สองคนด้านหลังจึงเดินตามออกมาด้วย ตฤนเดินนำไม่ได้หันไปสนใจอะไรอีก เขาไม่ได้อยากจะตั้งแง่ ไม่ได้อยากรู้สึกอึกอัก อึดอัดแบบนี้แลย แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง

   เขาเลยเลือกที่จะไม่หันไปคุยต่อ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่เดินเลี้ยวไปตอนไหนด้วยซ้ำ แต่เขาก็คิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของสองคนนั้น ถ้ายินยอมตกลงปลงใจกันได้ ก็ดีแล้ว



   “วันนี้เกือบสาย

   รถไฟฟ้าช้า”

   ตฤนพิมพ์ข้อความหาปราชญ์ เป็นการทักทายยามเช้า เหมือนเป็นการเช็คชื่อในทุก ๆ วัน

   ‘คิดถึงคนขับรถล่ะสิ’

   ปราชญ์พิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

   ‘ว้า มีค่าแค่เป็นคนขับรถหรือเนี้ย’

   “อื้อ”

   ‘สติ๊กเกอร์หมีนั่งร้องไห้’

   “เป็นแฟนเดี้ยง ๆ”

   ‘แต่ก็รักใช่มั้ย’

   ตฤนยิ้มให้ข้อความนั้น มันมาอ้อนอะไรแต่เช้า เขายังไม่หายเหนื่อยจากการ... จากการวิ่งมาทำงาน กลับต้องมาหัวใจพองโตกับข้อความแบบนี้อีก ไม่ให้เขาพักหัวใจหน่อยหรือไง

    “รัก...ดิวะ”

   ‘โอย กุหายป่วยแล้ว

   ความรักมันรักษาได้ทุกโรค’

   ตฤนได้แต่ยิ้มเอือมกับความโอเว่อเล่นใหญ่ของปราชญ์ เขานึกหน้าไม่ออกเลยว่าปราชญ์จะทำหน้าแบบไหน ยิ้มล้อเลียนเขาอยู่หรือเปล่า

   “เออ นี่สองคนนั้นน่ะ

   เหมือนจะได้กันแล้วนะ”

   ‘หือ? ไอ้นั่นกับเด็กใหม่น่ะหรอ’

   “ช่ายยย เมื่อเช้าเห็นขึ้นลิฟต์มาพร้อมกัน

   แถมฉีดน้ำหอมกลิ่นเดียวกันอีก”

   ‘เอ๊ เรานี่ขี้เสือกเหมือนกันนะครับ’

   “จะด่าก็อย่ามาลงท้ายด้วยครับ” ตฤนทำหน้าบูดบึ้งเมื่ออีกฝ่ายเหมือนกำลังจะด่าเขาก็ไม่ปาน

   ‘แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าทั้งคู่ได้กัน กุก็เบาใจ’

   “เบาใจอะไร”

   ‘จะได้วางใจเรื่องไอ้นั่น กับไอ้น้องใหม่หน้าหล่อ

   คงไม่มายุ่งกับแฟนที่แสนน่ารักของปราชญ์’

   ตฤนกรอกตาไปมากับความเลี่ยนของแฟนหนุ่ม คงจะมีปราชญ์คนเดียวนี่แหละ ที่มาชมว่าเขาน่ารักอยู่ได้ เขาเป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ ๆ โดนชมว่าน่ารักจนจั้กกะจี้ไปหมดแล้ว

   ‘ตั้งใจทำงานนะครับ

   ปราชญ์ก็ไปทำบ้างแล้วละ’

   เขาขมวดคิ้วให้กับข้อความนั้น พี่ปราบจะใช้งานน้องชายตัวเองหนักเกินไปแล้วนะ มันยังไม่หายดีเลยแท้ ๆ ให้ไปทำงานอีกแล้ว

   “หือ? พี่ให้ไปทำงานแล้วหรอ”

   ‘ใส่หูฟังก่อนแล้วจะบอก’

   ตฤนทำตามอย่างว่าง่าย เขาขยับไปหยิบกระเป๋าเพื่อเอาหูฟังออกมาเสียบกับตัวเครื่อง ปราชญ์ส่งข้อความเสียงตามมาให้ ประมาณ 20 วิ

   ‘อ๊า อื้ออออ ตฤน อ๊ะ อื้อออออ’ ตฤนกดปิดไฟล์เสียงแทบไม่ทัน ใบหน้าร้อนฉ่า ขนลุกเกรียว เมื่อเสียงที่ส่งมาเป็นเสียงครวญครางแหบแห้งของอีกฝ่าย ตฤนใช้สองมือตบหน้าตัวเองเบา ๆ ก่อนพิมพ์ข้อความเกรี้ยวกราดตอบกลับไป

   “ปราชญ์ เป็นโรคจิตหรอไงฮะ!”

   ‘ก็มันดันตื่นขึ้นมาน่ะสิ เพราะว่าฝันเห็นตฤนเมื่อคืน

   ยังไม่ทันได้จัดการเลย

   ในฝันปราชญ์ก็ช่วยตฤนจนเสร็จ

   แต่ตัวเองไม่ได้เสร็จ ...ไม่ยุติธรรม’       

   ตกลงในฝันนี่ เจอกันจริง ๆ หรือไงนะ กายละเอียดของพวกเขา...

   “ก็ไปจัดการเอาเลย ไม่ต้องมาบอก

   เมิงแม่งนิสัยไม่ดีเลย”

   ‘กลัวอยากด้วยอ่ะสิ

   สติ๊กเกอร์หมายิ้มทะเล้น’

   “ทำงานแล้ว!!!”

   จะไม่บอกอีกฝ่ายเด็ดขาด ว่ากายละเอียดเราเจอกันในฝัน ไม่เล่าเด็ดขาดว่าเมื่อเช้าเขาเสร็จเพราะปราชญ์มาช่วยทำให้เขา ไม่อยากจะถูกอีกฝ่ายล้อว่าหื่น เดี๋ยวจะเตลิดเปิดเปิงเละเทะ ติดเรทกันมากไปกว่านี้ แค่นี้ปราชญ์ก็ไม่มียางอายเหลือแล้ว!!!

.

.

[ไวไฟกันเกินไปแล้ววววววว โอยยยยย -.,- พวกคนไม่มียาง

วริษฐ์โดนง้าบคืนบ้างเเล้วล่ะ ถ้าอยากรู้ยังไง ขนาดไหน

รอติดตามในเรื่องหลักของทั้งสองคนได้ เร็ว ๆ นี้]

โดนแน่วริษฐ์โดนก็คราวนี้แหล่ะ กวินคงไม่มาหลอกพี่ท่านหรอกเนาะหรือให้โดนสักที :hao3:
ตอนนี้ข้าวใหม่ปลามันไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่เลยอ่ะ :ling1:

โดนง้าบไปแล้วพี่ท่าน 5555
 :hao7:

เหมือนไปยุ่งเรื่องของเขาจริง ๆ 55555

ปราชญ์แอบด่าแฟนอย่างสุภาพ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 29 ติดเชื้อหื่น / ไวไฟ (8/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-08-2019 10:26:41
โดนเด็กหลอกล่อจนได้ :a5: ไวไฟสนชื่อตอนจริงๆ

ตฤนแบบนี้เดี๋ยวได้บินไปหาปราชญ์อีกแน่ :hao6:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท [ พามาฝาก //โค้ง ] (15/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 15-08-2019 20:52:18
 :z13: :katai4:

สำหรับ ปราชญ์ ตฤน ขออนุญาตอัพ ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนะค้า
เเล้วก็พาอีกคู่มาฝากเนื้อฝากตัว #วริษฐ์กวิน


I Met You เพราะเราเคยพบกัน
[/b]

จิ้มไปอ่านเลยยย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)


เพราะเราเคยเจอกันมาก่อน ถึงพี่จะลืม

แต่ผมลืมไม่ลง รอยยิ้มของพี่

ถ้าผมเจอพี่อีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไป

⌒/(・x・)\⌒

คนหนึ่งต้องการความรัก

อีกคนหนึ่งวิ่งหนีความรัก

จะต้องการหรือวิ่งหนี ในสองประโยคนี้ ก็มีคำว่า "รัก"

(https://uppic.cc/d/5MBP) (https://uppic.cc/v/5MBP)

วริษฐ์ : หล่อเนี๊ยบ โปรยเสน่ห์เป็นงานประจำ

"เซ็กซ์กับความรัก มันคนละเรื่องกัน

ที่พี่มีให้ก็มีแค่ความใคร่เท่านั้น"

(https://uppic.cc/d/5MBR) (https://uppic.cc/v/5MBR)

กวิน : หนุ่มหน้าหวาน (พยายาม) ยิ้มสดใสเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไร

"ถ้าจะให้ผมทำตามใจตัวเอง ก็มีแค่เรื่องเดียวที่ผมอยากจะทำ

ผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้"

(https://uppic.cc/d/5MBS) (https://uppic.cc/v/5MBS)

เติ้ล : หนุ่มหล่อที่แสนเอาแต่ใจ ชอบบงการ ชอบสั่ง (ใจร้าย)

"นายเป็นของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยนายไป

ถึงไม่ได้รัก แต่ต้องการ...ครอบครองนาย"

++++++++++++++

ภาพเพื่อจินตนาการเท่านั้นนนน

โดนเด็กหลอกล่อจนได้ :a5: ไวไฟสนชื่อตอนจริงๆ

ตฤนแบบนี้เดี๋ยวได้บินไปหาปราชญ์อีกแน่ :hao6:

เด็กมันร้ายนะะะะะ >//////<
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 29 ติดเชื้อหื่น / ไวไฟ (8/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-08-2019 18:21:25
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 30 ขอกอดหน่อย NC (18/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 18-08-2019 20:35:45

บทที่ 30 ขอกอดหน่อย

   

   หลังจากวางสายจากการคุยกับปราชญ์ ตฤนก็นอนคิดนั่นคิดนี่อะไรเรื่อยเปื่อยก่อนนอน ทั้งอาทิตย์นี้ประหลาดมากไม่รู้ทำไม กวินถึงชอบมองเขาแปลก ๆ เหมือนอยากจะถามอะไรเขาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ถามสักที เขาก็อยากจะถามว่าอีกฝ่ายมีอะไรหรือเปล่าเหมือนกัน ทำไมชอบจ้องเขา แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้ถามว่าอะไร

   ‘มองหน้า มีอะไรข้องใจหรือเปล่า’

   สงสัยได้ต่อยกัน

   ‘มีอะไรกับเราเปล่า’

   สงสัยจะได้กัน...

   ‘สงสัยอะไรหรอ ถามได้’

   แล้วมันสงสัยอะไร มันมีอะไรหรอไง?

   สุดท้ายเขาก็ได้แต่นิ่ง ๆ และปล่อยผ่านไป ถ้าอีกฝ่ายอยากจะถาม ก็คงถามเองมั้ง

   เขาไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาปราชญ์ กลัวมันจะคิดมาก โวยวายหลุดประเด็นหาว่าอีกฝ่ายมาเกาะแกะ ... ไม่รู้จะหึงอะไรนักหนา เขาไม่ได้จะชอบผู้ชายทุกคนบนโลกนี้ได้สักหน่อย ก็มีแค่มันคนเดียวแหละที่เขาจะชอบ เขานึกถึงอีกฝ่ายพลางหลุดยิ้มออกมา

   ตฤนพลิกตัว คว้าตุ๊กตาหมาสีส้มมากอดเอาไว้แนบอก กอดมันแน่นให้หายคิดถึงเจ้าของ มือลูบตุ๊กตาเล่นเพลิน ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

   

   ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของวัยทำงานก็คือวันเสาร์อาทิตย์ผ่านไปรวดเร็วมาก รู้ตัวอีกที่ก็วันจันทร์อีกแล้ว พอวันจันทร์มาถึงสัปดาห์ทำงานก็เริ่มขึ้นอย่างยาวนาน

   วันนี้เขาตื่นเช้ามากเพื่อไปใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ ก็เลยมาถึงออฟฟิศก่อนใคร

   เสียงประตูกระจกทำให้เขาที่กำลังฉีกปาท่องโก๋โยนลงไปในแก้วโอวัลติน ต้องเงยหน้าขึ้นดู มาทำไมแต่เช้าเลยนะ

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีครับ” ตฤนทักทายตอบ เขามองอีกฝ่ายงง ๆ กวินเดินมายืนอยู่ตรงข้ามเขา ตรงที่นั่งของวริษฐ์ น่าแปลกที่เห็นอีกฝ่ายมาทักทายเขาแต่เช้า กวิน...

    “โอวัลตินหอมดีจัง”

   “ครับ กวินกินอะไรมาหรือยัง เอาปาท่องโก๋มั้ย”

   “ไม่เป็นไรขอบคุณครับ”

   มือบางแตะกล่องข้าวใบเล็ก ๆ กวินมาแต่เช้าเพื่อวางข้าวกล่อง กล่องเล็กไว้บนโต๊ะให้วริษฐ์ ก็ไม่คิดว่าจะเจอตฤนที่มาเช้ากว่าเขา

   “เอ่อ ตฤนครับ คือ...” อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา ฝ่ายทำท่าอึกอัก

   “หืม? ครับ?”

   “ตฤนเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์หรอครับ” กวินถามตฤนออกไปตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เขาคิดว่าไม่ควรถาม แต่ก็อยากจะรู้

   “หือ?” แปลกดีที่อยู่ดี ๆ กวินก็มาถามเขา ว่าเขาเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์ เขาก็ได้แต่ทำสีหน้าอึกอักไม่ต่างกัน อย่างคนไม่รู้จะตอบอะไร เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่เกือบถูกปล้ำ?

   “เป็นอะไรกับ...”

   “เพื่อนร่วมงานครับ” ตฤนชิงตอบขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะถามจนจบประโยค

   “แต่... เอ่อ ครับ” กวินเหมือนจะถามอะไรต่อ แต่แล้วก็แค่ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม เขาพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

   ทิ้งให้ตฤนได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น สงสัยกวินจะหลงรักวริษฐ์เข้าแล้วจริง ๆ ล่ะมั้ง

   

   กวินเดินกลับโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ไม่ปลอดโปร่งนัก เขาถามตฤนออกไปแบบนั้นมันเหมาะหรือเปล่านะ แต่พออีกฝ่ายทำสีหน้าลำบากใจ พร้อมตอบว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังไม่ค่อยสบายใจ มันดูไม่ปกตินี่หว่า มันแบบ เฮ้ออออ

   เขาจะเคยเป็นอะไรยังไงแบบไหน...

   แล้วมันจะเป็นอะไรเล่า ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ได้รักใครอยู่ ไม่ได้มีความคิดจะรักใครด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเขา...

   ...แต่เขาจะพยายาม

   

   “ปราชญ์ตื่นยัง

   เนี้ยอยู่ดี ๆ กวิน ก็มาถามว่ากุเป็นอะไรกับพี่วริษฐ์”

   ตฤนพิมพ์ข้อความไปหาอีกฝ่ายวันนี้เช้ากว่าปกติ เลยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายตื่นหรือยัง เขาวางมือถือแล้วหันมานั่งกินอาหารเช้าต่อ ปาท่องโก๋ชุ่มโอวัลตินนี่แหละที่สุด



   ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   ‘หื้อ?

   เพราะเมิงไปบอกว่าระวังโดนง้าบมั้ง

   เขาเลยสงสัย’

   อีกฝ่ายตอบกลับมาเวลาเดิม ๆ สงสัยจะพึ่งตื่น

   “ก็ตอนนั้นเป็นห่วง”

   ‘เป็นไงล่ะเนี้ย ทำเมียเขาหึงเลย’

   ตฤนทำหน้าเจื่อน ถ้ารู้จะเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าไปยุ่งแต่แรกดีกว่า แต่ระหว่างเขากับพี่วริษฐ์ก็ไม่มีอะไรต่อกันแม้แต่น้อย สักนิดก็ไม่มี หลังจากเรื่องนั้น ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างพวกเขาเสมอ หรือเพราะว่ามันดูห่างเหินเกินไป เลยดูเหมือนมีอะไร... ห่างเหินไปก็ไม่ดีหรอ

   “กุไม่ได้ตั้งใจ”

   ‘ไม่เป็นไรหรอก ช่างเขา เรื่องของเราดีกว่า’

   “เรื่องของเราอะไรอีก”

   ‘บินมาหาหน่อย เดี๋ยวออกค่าตั๋วให้’

   “ไม่ว่างน่ะ”

   ‘;_;

   ไปไหน’

   “วันเสาร์มีซ้อมหนีไฟ ซ้อมดับเพลิงของบริษัท”

   ‘เทได้มั้ย’

   “ไม่ได้ อย่างอแงสิวะ”

   ‘ก็ได้ คนบ้างานเอ้ย

   เดี๋ยวไปหาเองก็ได้ อาทิตย์หน้านะ ชิ’

   “ตั้งตารอเลย” เขายิ้มให้กับข้อความนั้น อาทิตย์หน้าเจอกัน

   

   อาทิตย์ต่อมา

   ปราชญ์อาการดีขึ้นมากแขนก็หายเกือบปกติแล้ว เขาได้กลับมาพักที่บ้านสักที คิดถึงตฤนใจจะขาด ตลอดเวลาที่ห่างกัน ทำได้แค่คุยกันผ่านโปรแกรมต่าง ๆ แค่เสียงกับภาพจะไปสู้สัมผัสได้ยังไง!

   นี่ก็จะทุ่มนึงแล้ว เขาคิดว่าอีกไม่นานตฤนก็คงจะมาถึง แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ เขาจะกอดรั้งตฤนเอาไว้ไม่ให้ห่างกายเลย ให้สาสมกับความคิดถึง

   

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ปราชญ์” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกจากคนที่คิดถึง ทำให้ปราชญ์แทบจะโบยบินออกไปหา เขารีบออกไปเปิดประตูให้ตฤนด้วยความลนลาน

   ทันทีที่พบหน้า ปราชญ์อ้าแขนข้างที่ไม่เจ็บออกกว้าง เตรียมพุ่งเข้าไปกอดตฤน แต่ก็ถูกเบรกเอาไว้

   “ปราชญ์อย่าเพิ่ง หนัก ขอวางของก่อน” ตฤนมาหาปราชญ์ไม่ได้มาตัวเปล่า เขาซื้อของมาเยี่ยมมาบำรุงคนป่วยหลายต่อหลายอย่าง มันหนักจนมือเขาล้าไปหมด ถ้าไม่หนักแล้วมือว่างล่ะก็ คงไขประตูเข้ามาเองแล้ว

   ปราชญ์หน้าจ๋อยไปนิดนึง เมื่ออีกฝ่ายเบรกเขาเอาไว้ อยากจะกอด...

   

   ทันทีที่ตฤนวางของลงบนโต๊ะ ปราชญ์ก็ปรี่เข้ามาแนบชิดตฤนจากทางด้านหลัง ชิงขโมยหอมแก้มเนียนนุ่มนิ่มนั่นดังฟอดใหญ่ แขนซ้ายกอดรั้งเอวบางจากด้านหลัง ใบหน้าซุกไซร้ไปตามลำคอขาว

    “คิดถึงจริง ๆ “ ปราชญ์พูดอู้อี้อยู่ตรงข้างแก้มเนียน

   “รู้แล้ว คิดถึงเหมือนกัน” ตฤนพูดตอบ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ชิน เขาเขิน

   “ผอมลงหรือเปล่า” มือหนากระชับอ้อมแขน “คิดถึงปราชญ์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยหรอ”

   “บ้าแล้ว” แค่ไม่ค่อยเจริญอาหารนิดหน่อย ...

   “เนี้ยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวนี้มันหลวมโครกไปหมดเลย”ปราชญ์พูดพลางดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงสเลคสีดำ มือหนาสอดเข้าไปลูบหน้าท้องของอีกฝ่าย อยากจับไปหมดทั้งตัว

   “คิดไปเอง เอามือออกมาเลยนะ”

    “ผอมลงจริง ๆ งั้นจะให้กินปราชญ์เป็นการชดเชยนะ” ร่างสูงพูดพลางงับติ่งหูของคนในอ้อมแขน

   “โวยปล่อยกุ”

   “เสียสละให้กิน ต้องได้ไปเกิดเป็นดาวปราชญ์แน่ ๆ”

   “เพ้อเจ้อแล้ว” 

   มือหนาซุกซนไต่จากหน้าท้องและเอวบางไปที่เป้ากางเกงของตฤน

   “ไอ้ปราชญ์” ตฤนเรียกชื่อเพื่อปรามอีกฝ่าย นี่เขายังไม่หายเหนื่อยจากการฝ่าฝูงชนกลับมาบ้าน ยังไม่หายเหนื่อยจากการแบกของเยี่ยม ก็ต้องมาสู้รบปรบมือกับมือปลาหมึกนี่อีก

   “ไม่ได้หรอ” ปราชญ์ร้องขอเสียงอ่อย ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มือกลับไม่ยอมหยุด มันรูดซิบก่อนจะล้วงเข้าไปเพื่อถูไถแก่นกลางที่ยังสลบอยู่

   “อึก อื้อ...” ตฤนครางเบา เมื่อมือปราชญ์ทำหน้าที่รูดรั้ง ส่วนริมฝีปากของปราชญ์ กลับขบเม้มวุ่นวายอยู่กับซอกคอของเขา

   “ไม่เจอนาน ทรมานแทบตายรู้มั้ย...” ปราชญ์พูดเสียงแหบแห้งอยู่ที่ข้างหู เขาจับพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันมาประจันหน้า

   ดวงตาคมมองสบนิ่ง มือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้าเนียนด้วยความคิดถึง ก่อนโน้มหน้าเข้าใกล้ แตะริมฝีปากบนแก้มบาง ไล่พรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า

   “เมิงทำตัวเหมือนกี้เวลากุกลับถึงบ้านเลยว่ะ”

   ปราชญ์คิ้วกระตุก เมื่ออีกฝ่ายเปรียบเทียบเขาเป็นหมา หมาที่ดีใจเวลาเห็นเจ้าของแล้วจะทำหางกระดิก พร้อมกระโดดเลียหน้าเลียปาก ...

   “ให้กุเป็นกี้เลยหรอวะ”

   “เออเนี้ย ทำหน้าเปียกน้ำลายไปหมด”

   “แต่กี้คงไม่ทำแบบนี้”

   พูดจบประโยค มือหนาช้อนใบหน้าเนียนขึ้น เอียงคอหาองศาที่ถนัด ตฤนรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะจูบแน่ ๆ เขารับตาพริ้มรอรับสัมผัสนั้น

   “ยอมง่ายจัง”

   ปราชญ์แซว ก่อนจะประกบปากครอบครองริมฝีปากบาง มอบจูบร้อนแรงอันแสนเร้าร้อนไปให้ ขบเม้มริมฝีปากล่างของคนตรงหน้าอย่างหยอกเย้า ลิ้นร้อนไล้ริมฝีปากก่อนแทรกสอดเข้าไปลิ้มรสหวานที่ห่างหาย กระหวัดเกี่ยวลิ้นร้อนของอีกคน

   มือบางยกขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่าย รู้สึกดีจนเหมือนตัวจะลอย รสชาติความคิดถึงทำเอาเขาแข้งขาอ่อนจนต้องคว้าคออีกคนเอาไว้

   “อื้อ อออ” ปราชญ์ครางแผ่วในลำคออย่างพอใจ ก่อนถอนจูบออกเพื่อสบตากับคนตรงหน้า ดวงตาฉ่ำวาวของตฤนมีแรงดึงดูด เหมือนจะเชื้อเชิญให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำมากยิ่งขึ้น

   ร่างสูงดันตฤนให้นั่งลงไปที่โซฟา ก่อนจะคร่อมทับ และพรมจูบไปทั่ว ทั้งใบหน้าและลำคอ

   ส่วนล่างของตฤนเริ่มมีอารมณ์ร่วมมันแข็งขืนจนเขาปวดหนึบ

   ปราชญ์ใช้มือข้างไม่ถนัดพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตฤนอย่างทุลักทุเล ปลดได้แค่สองเม็ด แผงอกขาวเนียนก็ปรากฏให้เห็น พาให้ลมหายใจติดขัด เขาปลดกระดุมออกจนหมด พลางขยับโน้มหน้าลงไปโลมเลียตุ่มไตสีหวาน ทำรอยไปทั่วแผงอกขาวเนียน อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

   “อึก อื้อ” ตฤนบิดเร้า เมื่ออารมณ์พุ่งพล่าน สองแขนกระชับโอบรอบคอของปราชญ์แน่น เสียงครวญครางดังผะแผ่วเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านจุดอ่อนไหว

   “ต้องการปราชญ์ใช่มั้ยครับ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มแหบกระเส่า

   “ต้อง การ อื้อ”

   กางเกงถูกปลดกระดุมออก มือหนาสอดเข้าไปในชั้นในก่อนจะลูบไล้แก่นกลางที่กำลังแข็งเกร็ง

   “ไม่พูดโกหกจริง ๆ ด้วย แข็งขนาดนี้”

   มือหนาขยับชักให้อีกฝ่าย

   “อื้ออออ เมิงก็เหมือนกันนั่นแหละ” ตฤนพูดพลางเหลือบมองเป้ากางเกงของอีกฝ่าย ที่แข็งนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูแล้วคงอึดอัดพิกล

   “อ่ะอ๊า” ตฤนร้องครางเมื่อมือหนาขยับเร่งจังหวะ จนตัวเขาสั่นสะท้าน

   “ไหน คนดีจะเสร็จหรือยังครับ”

   “ฮ้า เร็วอีกหน่อย อึก อ๊า” ดวงตาคู่สวยปรือเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังจะไปถึงจุดหมาย เขาเกร็งกระตุกก่อนจะเสร็จ เขาหายใจด้วยความเหนื่อย จากนั้น ใบหน้าชื้นเหงื่อ ลืมตาขึ้นมองปราชญ์ มือบางขยับไปปลดกระดุมกางเกง พลางรูดซิบกางเกงลง เพื่อปลดปล่อยปราชญ์น้อยให้เป็นอิสระ

   “จะให้กินก็ขยับตัวขึ้นมาสิ” ตฤนพูดพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาด

   ปราชญ์ลุกยืนขึ้นพลางจับดุ้นเนื้อให้ไปใกล้ใบหน้าเนียน ริมฝีปากบางอ้าออก เพื่อครองครองแก่นกายของคนตรงหน้า ลิ้นร้อนไล้วน ก่อนจะเอาทั้งหมดเข้าไปในปาก พร้อมกับเริ่มขยับศีรษะเข้าออก ฟันเล็กครูดเบา ๆ ทำไมสติปราชญ์หลุดลอย มือหนาขยุ้มเส้นผมนุ่ม

   “ซี๊ดดดดด” เขาครางเมื่อตฤนดูดมันรุนแรงจนแก้มตอบ

   เขาดึงแก่นกายออกมาก่อนที่จะเสร็จในปากของอีกฝ่าย ไม่อยากให้ตฤนสำลักมันเข้าไป มือหนาขยับสาวอีกสองสามครั้ง จนมันพ่นของเหลวออกมา

   “เฮ้อ เกือบไปแล้ว” ร่างสูงพูดพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือ เช็ดโซฟาหนังที่เปรอะเปื้อน

   ตฤนกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อปราชญ์ช่วยตัวเองจนเสร็จ โดยดึงออกไปจากปากของเขา

   “จะให้กินแล้วดึงออกไปทำไม” ตฤนทำปากดีพูดแหย่

   โครกกกกก

   แต่เเล้วเสียงท้องของตฤนก็ร้องฟ้องขึ้นมาพอดิบพอดี ว่าอีกฝ่ายน่ะหิวมากจริง ๆ เสียงดังจนปราชญ์ หลุดขำ

   “รู้แล้วว่าหิว แต่ก็กลัวจะสำลักอ่ะสิ” เขาพูดพลางยิ้มกว้าง มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ “กินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยมาต่อกันดีมั้ย”

   “ดี หิวจะแย่แล้ว” ตฤนพูดพลางลุกขึ้นใส่กางเกงและติดกระดุมเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

   เขาเอาของกินที่ซื้อกลับมาเดินไปทางครัว ขณะที่ปราชญ์ทำความสะอาดร่องรอยความหน้ามืดเมื่อกี้ ถ้าท้องไม่ร้องขึ้นมา คงได้ต่อกันก่อน...

   

   “นี่ ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” กับข้าวห้าหกอย่างวางอยู่ตรงหน้า มากเกินกว่าเขาสองคนจะกินได้หมด

   “ก็รู้ว่าคงต้องใช้แรงเยอะ” ร่างบางพูดเสียงนิ่ง

   “หึ ป้อนหน่อยอยากกินอันนั้น”

   “กินเองดิ มือก็หายแล้วนี่”

   "น่านะ"

   ร่างบางใช้ส้อมจิ้มเห็ดทอดยื่นส่งให้อีกฝ่าย

   ปราชญ์อ้าปากกินมัน พร้อมทำหน้าตาว่าอร่อยจนโอเว่อ

   “อันนี้ก็ดี หมูย่างร้านนี้เด็ด อร่อยจริง” ตฤนใช้ส้อมจิ้มหมูทอดขึ้นมาส่งให้ต่อ รู้สึกอย่างกับว่ากำลังป้อนเด็ก

   “ป้อนหน่อย”

   ร่างบางขมวดคิ้ว ก็ป้อนอยู่นี่ไง มือที่ยื่นไปตรงหน้า รอแค่อีกฝ่ายอ้าปากเท่านั้น ทำให้เจ้าตัวงงว่า นี่ไม่ใช่การป้อนตรงไหน?

   “ป้อนด้วยปากสิ”

   ได้คืบจะเอาศอก ได้มือจะเอาปาก!

   “วันนี้จะอิ่มมั้ยวะเนี้ย” ตฤนบ่นแต่ก็ยอมงับเอาหมูย่างเอาไว้ข้างนึง ก่อนยื่นหน้าไปหาอีกฝ่าย

   ปราชญ์อ้าปากงับเอาหมูย่างเข้าไป ดวงตาคมมองสบอีกฝ่ายให้เขินเล่น ๆ

   “อร่อยจริงด้วย”

   “แน่นอน”

   “อันนี้ด้วยล่ะ” ปราชญ์เอื้อมมือไปเช็ดริมฝีปากที่มันเยิ้มฉ่ำวาว จากหมูย่างชิ้นใหญ่ เขาประกบปากอีกฝ่าย ลิ้นร้อนทำหน้าที่เช็ดริมฝีปากนุ่มให้สะอาด

   

   ตุบ

   

   ผู้มาเยือนใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วเจอกับเสียงและภาพตรงหน้า เธอถึงกับทำข้าวของหลุดมือ เสียงนั้นเรียกความสนใจจากคู่รักได้เป็นอย่างดี ให้หันไปหาผู้เป็นแม่ที่ยืนนิ่งค้าง...

.

.

[จูบบ่อยเกิน งานเข้าแล้ว

รอบนี้เป็นแม่เลยนะ นี่ถ้าเเม่มาไวกว่านี้ช็อคกว่านี้อีก!]
 o22
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 30 ขอกอดหน่อย NC (18/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-08-2019 08:57:38
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 30 ขอกอดหน่อย NC (18/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-08-2019 19:36:27
 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 30 ขอกอดหน่อย NC (18/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 21-08-2019 12:21:29
 :a5: โอ้! งานงอกคราวนี้เป็นท่านแม่ รอๆ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น (26/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 26-08-2019 23:01:46
บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น

   

   “มะแม่” ปราชญ์เรียกชื่อแม่เสียงแผ่ว ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่บอกเขาก่อนว่าจะกลับมา... แบบนี้ซวยแล้ว

   ตฤนตกใจตาเบิกกว้าง เขาผลักปราชญ์ออกห่างจากตัว เขาวางตัวไม่ถูก ได้แต่จัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่

   

   ผู้เป็นพ่อที่เดินตามมาเห็นของตกกลิ้งมาที่หน้าประตูก็ก้มลงเก็บ พอเงยหน้าก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของภรรยาที่ยืนนิ่งขวางอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมเดินเข้าไปสักที เป็นอะไรไป แถมยังทำของตกอีก

   “มายืนนิ่งอะไรตรงนี้ ข้าวของตกหมดแล้ว” ผู้เป็นพ่อพูดก่อนจะแตะเบา ๆ ที่ไหล่ เขาก้าวเท้าตามเข้ามาติด ๆ ได้แต่ทำหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขายืนนิ่ง ข้าวของกองอยู่บนพื้น กลิ้งหล่นไปที่หน้าบ้าน

   แต่ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าเขาก็เข้าใจ

   ผู้ชายสองคน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา... ลูกชายของเขากับเพื่อนสนิท...

   “นี่มันเรื่องอะไร”

   “พวก พวกเขา...” แม่พูดเป็นคำแรกหลังจากยืนตกใจนิ่งอึ้งอยู่นานสองนาน ก่อนจะเป็นลมล้มไป ผู้เป็นพ่อรับไว้ได้ทันก่อนที่แม่จะหล่นลงไปกองกับพื้น

   “แม่!!!” ปราชญ์จะถลาเข้าไปประคองแม่ของเขา แต่พ่อของเขากลับตวัดสายตาคมกริบจับจ้อง เขายืนนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

   “พวกแกทำอะไร!!!!” เสียงตะคอกดังลั่นบ้าน

   “พ่อ...”

   “ทำบ้าอะไร!!!”

   “คือ...นี่แฟนผม” ปราชญ์พูดออกไปตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว

   “แฟน!!!! ไอ้พวกวิปริต!!!!” เสียงตวาดดังลั่น ผ่าลงกลางใจของคนทั้งคู่

   “พวกผมไม่ได้เป็นพวกวิปริต...เราแค่รักกัน” น้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมดวงตาของปราชญ์ที่มีแวววาวโรจน์ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องใช้คำพูดแบบนั้น

   “รัก!!! กับไอ้นั่นหรอ!!!” พ่อใช้ของในมือขว้างใส่ตฤนด้วยความโมโห มันกระแทกถูกไหล่เนียนจนตฤนเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ความเจ็บนั้น เบาบางกว่าความเจ็บปวดจากคำพูดและเสียงตวาดนั่นเสียอีก

   “พ่อ!!!” ปราชญ์ตะโกนเสียงดังเรียกผู้เป็นพ่อ

   “เลิกกับมันซะ!!!”

   คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว มีแต่อารมณ์ ปราชญ์เห็นท่าไม่ดี เขาไม่รู้ว่าพ่อจะทำอะไรอีก จะเอาแจกันใกล้ ๆ มือเขาปามาอีกหรือเปล่า เขาหยิบของ พลางฉวยคว้าข้อมือตฤนดึงฉุดรั้งให้ลุกตามเดินไปออกประตูหลังบ้าน ใช้แผ่นหลังตัวเองเป็นโล่กำบัง ถ้าพ่อคิดจะปาอะไร ก็ปาใส่เขาได้เลย 

   “ไอ้ลูกอกตัญญู แม่แกเป็นลม! แกก็ไม่สนใจ!” เสียงด่าตะโกนไล่หลังมาติด ๆ

   ไม่ใข่ไม่สนใจ เขาก็ห่วงแม่มาก แต่แม่ก็จะมีพ่อดูแล ส่วนตฤน เขาให้อีกฝ่ายเจ็บมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

   ตฤนนิ่งอึ้งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดวันที่เขากลัวก็มาถึง...

   ความรักของเขา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถรับมันได้

   ...

   

   ทั้งคู่เดินเคียงข้างไปด้วยกันบนถนนมืด ๆ ที่ไร้ผู้คนไม่มีเสียงพูดคุย มีแค่มือเท่านั้นที่เกาะกุมกันอยู่ ท่ามกลางความเงียบนั้น มีเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้ ไหล่สั่นเทาที่เจ้าตัวพยายามตรึงให้มันไม่ไหวสั่น

   “ฮึก...” ตฤนพยายามเม้มปากแล้ว แต่เสียงก็หลุดออกมาจนได้

   “เจ็บหรอ เจ็บไหล่หรอ” ปราชญ์ลนลานถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อจู่ ๆ คนข้างเขาก็ร้องไห้ออกมา

   ตฤนส่ายหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร เขากัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงรสชาติเค็มแปลกปร่า ของเลือดที่ไหลซึมออกมา ปราชญ์หยุดเดิน เขาดึงตฤนเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ ใบหน้าเนียนซุกอยู่ที่อก

   “เจ็บมากมั้ย” เสียงทุ่มนุ่มพูดปลอบประโลมอยู่ที่ข้างหู “เราจะผ่านไปด้วยกันนะ” มือหนาลูบหลังลูบหัวชายหนุ่มในอ้อมแขนเบา ๆ “ร้องออกมาเถอะ”

   “...ฮือ” เสียงร้องไห้ดังสลับกับเสียงสูดน้ำมูกเบา ๆ อกเสื้อของปราชญ์ปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของตฤน ไหล่บางสั่นสะท้านขยับตามเสียงสะอื้น

   “คนดีของปราชญ์”

   เมื่อตฤนหยุดสะอื้น เขาขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นมั่นคง พวกเขามองสบตากันนิ่ง ดวงตาคมที่มีแววตาอ่อนโยนให้ตฤนเสมอ จ้องมองลึกลงไปดวงตาแดงก่ำที่มีประกายสั่นระริกวูบไหว... ตฤนขยับหันกลับไปตามทางเดิน ก่อนจะเริ่มก้าวออกไป ปราชญ์มองตามหลัง เขาคว้ามือนุ่มเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มออกเดินต่ออีกครั้ง เดินเคียงคู่กันไปจนถึงบ้านของตฤน 

   

   “ปราชญ์...” จู่ ๆ ตฤนก็เรียกขึ้นมา ทำให้ปราชญ์หันมามองคนข้าง ๆ อย่างงุนงง

   “หืม?”

   ตฤนเว้นวรรค เหมือนลำคอของเขามันตีบตัน มีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอของเขา ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตาเขาพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปก่อนจะพูดประโยคต่อมาด้วยความยากลำบาก “เราพอกันแค่นี้ดีกว่า” น้ำเสียงเบาหวิว แต่กลับทำให้ปราชญ์ตัวชา

   “ว่ายังไงนะ” ปราชญ์ละล่ำละลักถาม เขาอาจจะได้ยินไม่ชัดเจน

   “เราเลิกกันเถอะ” ตฤนพูดออกมาอีกครั้ง

   ปราชญ์ยืนนิ่งเหมือนคนหมดแรง ใจของเขามันเจ็บ คำพูดแค่ไม่กี่คำทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัด

   “พอแค่นี้ กลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก” ตฤนยังพูดต่อ เขาหนีจากการเกาะกุมของปราชญ์ เดินดุ่มตรงเข้าบ้าน

   ปราชญ์ที่ยังสับสน เขาช็อคจนได้แต่ยืนนิ่งทบทวนว่าทำไมตฤนพูดแบบนั้นออกมา

   ตฤนกำลังจะปิดประตูบ้าน พอดีกับที่ปราชญ์ได้สติ

   “ไม่! กูไม่เลิก” ปราชญ์พูดเสียงดัง “มันต้องไม่เป็นแบบนี้”

    “กลับไปเถอะว่ะ กูขอร้อง” ตฤนพูดไล่คนที่พยายามจะแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาในบ้านให้ได้ ปราชญ์ไม่ยอมแพ้

   “มันต้องมีทางสิวะ ที่ไม่ใช่แบบนี้!” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงกร้าว มันต้องมีทางอื่นที่ไม่ใช่การที่พวกเขาเลิกกัน ต่อให้ใครไม่ยอมรับ พวกเขาก็แค่ต้องหนักแน่น ต้องจับมือให้แน่นกว่าเดิม ไม่ใช่ปล่อยมือ...แบบตอนนี้

   “มึงมันเป็นไปไม่ได้ เข้าใจมั้ย นี่มันผิดมาตั้งแต่แรก” ตฤนขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โมโห ที่อีกฝ่ายไม่ยอมเข้าใจ เขาไม่อยากเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวของปราชญ์พัง ไม่อยากให้มันต้องกลายเป็นคนอกตัญญู

   “ความรักของกู มันไม่ใช่เรื่องผิด!!!” ปราชญ์ใช้แรงดันประตูเข้าไปจนได้ ตฤนเสียหลักเกือบล้ม แต่ปราชญ์ก็คว้าเอาไว้ได้ ก่อนดึงอีกฝ่ายให้เซเข้ามาหาเขา ฉวยโอกาสนั้นกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ราวกับกลัวว่าตฤนจะหายไป ส่วนตฤนก็พยายามจะดิ้นหนีให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

   “กูจะแจ้งตำรวจ ฐานบุกรุก”

   “เอาเลยตฤน กูจะรอตรงนี้ให้ตำรวจมาจับกูไปเลย”

   ตฤนเงียบ เขาได้แต่เม้มปากแน่น

   

   “อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย” น้ำเสียงสั่นเครือของปราชญ์ ทำให้ตฤนเกิดความรู้สึกวูบไหวในใจ เขากลัวว่าจะใจอ่อน “ถ้ามึงไม่รักกูแล้ว ถ้ากูไม่อยู่แล้วมึงมีความสุขกูจะไป แต่นี่มันไม่ใช่...อึก” ปราชญ์ที่แสนแข็งแกร่ง เขากำลังร้องไห้ “กูไม่ยอมเสียมึงไปเพราะคำตัดสินของคนอื่น”

   “พวกเขาไม่ใช่คนอื่น” ตฤนตอบโต้ประโยคนั้น “เขาเป็นครอบครัวของมึง”

   “เราจะช่วยกันทำให้พวกเขายอมรับ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าทิ้งกูไปเลยนะ”



   สุดท้ายตฤนก็ใจอ่อน เขาปล่อยให้ปราชญ์เดินเข้ามาในบ้าน เข้ามาอยู่ในห้องของเขา เข้ามาแตะเนื้อต้องตัวเขา

   ปราชญ์ประคองใบหน้าของผู้เป็นที่รัก บรรจงจูบไปที่เปลือกตาอย่างแผ่วเบา จูบซับที่ห่างตา จูบลงไปที่หน้าผากอย่างหวงแหน ฝังจูบลงไปข้าวแก้มเนียนใส และสุดท้ายจูบลึกล้ำที่ริมฝีปากบาง จากหวานล้ำกลายเป็นเร่าร้อนรสชาติเลือดขมปร่าปะปนอยู่ในปาก

   เสื้อผ้าถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งคู่ไม่ทันรู้ตัว ปราชญ์พรมจูบไปทั่วร่างกายของตฤน ริมฝีปากหนาลากผ่านลงไปจนถึงแก่นกลางของตฤน เขาครอบครองมันไว้ทั้งหมด ทั้งตัวของตฤนเขาจะรัก

   ตฤนตอบสนองสิ่งเหล่านั้น ความรักที่ปราชญ์มอบให้ ความรักที่เขามี รสรักหวานปนขม พรั่งพรูออกมา

   ปราชญ์พยายามสอดแทรกความรู้สึกของเขาเข้าไป

   “อึก” ตฤนร้องเมื่อความรักของปราชญ์กำลังเข้าไปในตัวเขา พยายามจะเข้าไป... ความเจ็บปวดแล่นเป็นริ้ว ความฝืดเคืองนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา ปราชญ์อดทนเฝ้ารอ เขาไม่เร่งรีบนัก

   ความเจ็บหน่วงในใจของตฤนควรถูกกลบด้วยความเจ็บทางกาย ตฤนขยับเอวให้ความรักเข้าไปจนหมด รักแม้ว่าจะเจ็บ เลือดไหลซึมออกมาความเจ็บปวดราวกับร่างกายจะฉีกออก

   ปราชญ์ได้แต่ตกใจ เขาทะนุถนอมตฤนเสมอ เขารู้ว่าตฤนเจ็บ แต่มันก็ยากเกินกว่าที่จะถอนตัว เขาแค่หาทางอื่นเพื่อสร้างสมดุล เพื่อให้พวกเขาสามารถไปกันต่อได้ เขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะวกมาโลมเลียตุ่มไตสีหวาน

   “อื้อ” เสียงแผ่วเบาพร้อมกับการแอ่นรับสัมผัส ความปวดร้าวค่อย ๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นรสหวานลึกที่ซาบซ่าน เอวหนาขยับโยกเบา ๆ แต่ลึกล้ำ กดแน่นหนักแต่ไม่เร่งร้อน

   “อ๊ะ...อ่า ตฤน” ด้านในตอบรับความรักของเขาด้วยการตอดรัด

   “ปราชญ์...ปราชญ์” เสียงพร่า พร่ำเรียกชื่อคนรักราวกับจะไม่ได้เรียกอีกแล้ว

   ปราชญ์ได้ยินแบบนั้น ก็เร่งจังหวะรักให้ขยับเร็วขึ้น เสียงหอบและเสียงครวญครางดังสอดประสาน ความหอมหวานสุกงอมและแตกออก ความรักถูกส่งต่อเข้าไปจนเอ่อล้น เขาโอบกอดผู้เป็นที่รักเอาไว้แน่น ตฤนกอดตอบ ดวงตาหวานฉ่ำมีบางสิ่งซุกซ่อนอยู่ เขากระชับกอดปราชญ์แน่น เพราะมันจะเป็นกอดสุดท้ายที่เขาจะไม่ลืม...

   

   ยามเช้ามาเยือน เมื่อปราชญ์ลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่า บนเตียงกว้างมีแค่เขาเพียงคนเดียว เขาลุกขึ้นตามหาตฤนจนทั่ว ในใจเต้นระส่ำ เขากลัว... กลัวว่าจะไม่ได้เจอตฤนอีก แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่มีวี่แววของคนที่ตามหา ไม่มีใครอยู่เลยทั้งตฤน ทั้งแม่ ทั้งกี้ ทั้งหมดหายไป...

   

   ปราชญ์ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างคนหมดแรง ... ดวงตาหม่นหมอง ดวงใจรวดร้าวเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ตฤนทิ้งเขาไปจริง ๆ

   เขารู้ว่าตฤนกังวลอยู่เสมอ ในเรื่องความรักระหว่างเขากับตฤน กับหน้าตาสภาพสังคมของเขาเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ แต่เขาก็คิดว่าวันหนึ่งตฤนจะค่อย ๆ ชิน และเข้าใจว่าไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง แค่พวกเขามีกันก็พอ ... ตฤนห่วงสายตาคนอื่นมาก และห่วงเขามากเกินไป แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตฤนก่อน เป็นคนพยายามจีบอีกฝ่ายก็ตาม เขาผิดเองที่ไม่ได้บอกกับที่บ้านให้รับรู้ถึงหัวใจของเขา หรือพยายามให้พวกเขาเปิดรับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาแค่ตั้งใจว่าจะค่อย ๆ บอกเริ่มจากพี่ชายก่อน แล้วก็แม่ แล้วก็พ่อ แต่วันนี้ มันโคตรจะซวย

   เขาพาตฤนมาเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ความผิดของเขาเอง...

   มือหนายกขึ้นกุมศีรษะด้วยความเครียด เขาเข้าใจตฤนดี ตัวเขาเองกว่าจะมาถึงตรงนี้ กว่าจะยอมรับหัวใจตัวเองได้จริง ๆ ก็นานหลายปี ว่าเขาน่ะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหน รักไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร เขาไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาแค่ชอบตฤน แค่ชอบคนนี้เท่านั้น

   “กลับมาก่อนได้มั้ยวะ ทำไมเลือกแบบนี้! แม่งเอ๊ย!” ปราชญ์สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใจ หลายอารมณ์พุ่งมาหาเขา ทั้งเจ็บปวด ทั้งรู้สึกผิด ทั้งความเสียใจ ก่อนทั้งหมดจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

   ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นปิดใบหน้า ไหล่หนาสั่นสะท้านอย่างคุมไม่อยู่ เมื่อเขาเริ่มนั่งร้องไห้ เสียงสะอึกสะอื้นดังสะท้อนไปมาในบ้านที่ว่างเปล่า เขาอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังนี้...

   

   ตฤนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างขณะรถยนต์แล่นเคลื่อนไป เขาตื่นแต่เช้ามืดไปปลุกแม่ บอกเล่าความขมขื่นในจิตใจของเขาออกมา รอยช้ำสีม่วงบนหัวไหล่ช่วยตอกย้ำเขา ว่าอย่าฝืนอีกเลย แม่ปลอบประโลมลูกชาย เธอรู้ว่าทั้งคู่รักกันมาก แต่ตฤนคงยังรับไม่ไหว แม่ติดต่อพี่ขวัญที่บังเอิญมาทำธุระที่ในเมืองพอดีและกำลังจะกลับไปบ้านวันนี้ ให้แวะมารับพวกเขาไปด้วย

   พวกเขาค่อย ๆ ออกไปอย่างเงียบเฉียบ ปล่อยปราชญ์ให้นอนหลับอยู่เพียงลำพัง

   

   “เฮ้อออ” ตฤนถอนหายใจยาวออกมาเป็นครั้งที่ร้อย

   “ความสุขวิ่งหนีหายไปหมด” พี่ขวัญพูดขึ้นเมื่อเธอถอนฟังเสียงถอนหายใจหมดอาลัยตายอยากมาหลายชั่วโมง จนเธออยากจะบ้าไปด้วย

   “หิวมั้ยลูก”

   “ไม่ครับ” ริมฝีปากแห้งผากขยับพูด ไม่หิว ไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย

   ปราชญ์จะเป็นยังไงบ้างนะ เขาเองก็ทรมานที่เดินหนีออกมา แต่ความรักที่เกิดขึ้นมามันไม่นาน มันคงยังไม่หยั่งรากลึก จบกันตรงนี้ดีกว่าฝืนไปต่อ ให้ตัดกันได้ยากกว่าเดิม

   ไม่อยากให้เขาต้องเป็นตัวการทำให้ปราชญ์กับครอบครัวต้องผิดใจกัน ไม่อยากให้ใครมาว่าปราชญ์ว่าไม่ดี เป็นคนอกตัญญู ไม่อยากให้ใครมาว่าว่าปราชญ์เป็นพวกวิปริต เขาไม่อยาก...

   ไม่อยากให้ใครมาว่าปราชญ์ทั้งนั้น

   ปราชญ์ที่ดีกับเขาเสมอมา...

   ปราชญ์คนดีของเขา

   ปราชญ์ที่เขารัก

   พอคิดถึงอีกฝ่าย คิดถึงแววตาอ่อนโยนที่มองเขา น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่มักจะบอกว่ารัก และคิดถึงเขา กับอ้อมกอดอบอุ่นที่มีให้ตัวเขาเสมอมา ทั้งหมดที่ปราชญ์ทำให้เขา คิดแบบนี้น้ำตาก็เอ่อคลอ อยากจะทำเป็นไม่รับรู้อะไร แล้วนอนอยู่ในอ้อมกอดของปราชญ์ต่อไป ซุกหน้ากับแผงอกแกร่งที่พร้อมจะปกป้องดูแลเขาเสมอ

   แต่...

   เขาจะไม่ยอมให้ใครมาว่าปราชญ์

   มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลหยดออกมาที่ข้างแก้ม เขากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่มันคอยแต่จะเอ่อล้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเช็ดยังไง มันก็ไม่ยอมหยุดไหล ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ มือบางขยับมาปิดปากตัวเองไว้ เขาพยายามบังคับตัวเอง ไม่ให้ร้องไห้ออกมา แต่ไม่ได้เลย...

   “ฮึก”

   “ตฤน” เสียงอ่อนโยนของแม่ที่เรียกชื่อเขา ทำให้เขาหันไปโผเข้ากอดผู้เป็นแม่เอาไว้ และเริ่มร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ เขาไม่ไหว เขายังไม่ไหว... ก็ปราชญ์น่ะสำคัญกับเขา เขาเข้าใจแล้วว่าเขารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน พอคิดว่าจะไม่มีอีกแล้ว พอคิดว่าจะต้องปล่อยให้เขาไป ในอกก็ปวดร้าวไปหมด

   “โฮ แม่...” ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้น ใบหน้าที่เจ็บปวด ซุกอยู่กับไหล่ของแม่

   ผู้เป็นแม่ทำแค่กอดลูกชายเอาไว้แน่น พลางโยกตัวกล่อม 

   “ไม่เป็นไรนะลูกนะ ไม่เป็นไร”

   เธอพร่ำพูดปลอบลูกชายคนดีที่เอาแต่ร้องไห้ ลูกชายที่มีจิตใจเปราะบาง และภูมิต้านทานเรื่องความรักต่ำ พอมีรักสักครั้ง ก็ดันเป็นรักที่ยากจะยอมรับได้ในสังคมนี้

   “ปราชญ์ ...” ตฤนพึมพำชื่อที่เขาคิดถึง

   เขาร้องไห้แบบนี้ ยังมีแม่กอดปลอบ แล้วปราชญ์ล่ะ ปราชญ์ที่เดินออกจากบ้านมาคนเดียว แล้วตัวเขาเองก็หนีไป ถ้าหากว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังหัวใจสลายเหมือนเขา กำลังร้องไห้เหมือนกันกับเขา

   ใครจะคอยปลอบ

   ใครจะคอยอยู่ข้างเขา

   .

   .

   สิ่งที่เขาเลือกมันดีที่สุดหรือยังนะ...

.

.

[ฮือออออ ดราม่าหน่วง ๆ ไม่รู้จะมีใครอินมั้ย แต่เราอินมาก

เปิดเพลงเศร้าทำอารมณ์หลายชั่วโมง แล้วพอพิมพ์ก็เริ่มร้องไห้ T^T

ฮือออ ทำไมเราเศร้าล่ะ สงสาร ตฤนผู้ใจบอบบาง
สงสารปราชญ์ที่ก็พยายามมากมาย]
 :m15:

______________

ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ วริษฐ์xกวิน
จิ้มเลย I Met you เพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น(26/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-08-2019 16:54:50
 :L2: :pig4:

เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น(26/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 29-08-2019 01:01:04
 :sad4:
เศร้าเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 31 ความแตก / ขมขื่น(26/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 29-08-2019 13:15:18
พยายามเข้านะปราชญ์ตฤน :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 32 ตัดใจ (3/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 03-09-2019 21:59:40
บทที่ 32 ตัดใจ



[แนะนำให้ฟัง เพลง ตัดใจ Venus เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของตฤน

จะไม่ยอมให้เธอลำบาก ไม่ยอมให้เธอลำบาก  ไม่ยอมให้เธอต้องทนเพราะฉัน

รู้ว่ายังรักกัน ฉันก็ยังรักเธอ แต่ถึงอย่างไรรักฉันก็มีแต่หัวใจ ]   



   “พ่อ แม่มีเรื่องจะปรึกษา” แม่ของตฤนหลบมุมเข้ามาในบ้านมาคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นพ่อ เพื่อนคู่คิดของเธอตลอดมา แต่เรื่องที่ตฤนมีแฟน พ่อของเขายังไม่รู้

   'อะไรหรือแม่ เสียงดูกังวลเชียว'

   “ตฤนมีความรัก”

   'ฮะ!? ว่าไงนะ ลูกเราเนี้ยนะ ไปรักใครที่ไหน ลูกใคร สวยมั้ย'

   ปลายสายถามกลับ น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่อยู่ ลูกชายของเขาโตมากพอจะมีความรักกับเขาแล้วหรือ เห็นเล่นแต่หุ่นการ์ตูน

   “หล่อน่ะ”

   'อ๋อ ฮะ!!!' ปลายสายตกใจโวยวายเสียงดัง

   “หล่อจริง ๆ”

   'เดี๋ยวนะ แม่' ผู้เป็นพ่อร้องเสียงหลง เมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดันมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ลูกชายเป็นตุ้งติ้ง ทำไมเขาไม่รู้ ดูก็ไม่ออก

   “ลูกเรามีแฟนเป็นผู้ชาย”

   ปลายสายนิ่งค้างเมื่อภรรยาเอ่ยย้ำซ้ำอีกครั้ง เขาตกใจจนตาแทบถลนออกมา ตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีก มีแต่เรื่องไม่คาดฝัน

   'ลูกเราเนี้ยนะ!'

   “คุณรู้สึกยังไง”

   'ช็อคมากเลย ลูกเราตุ้งติ้งหรอ' ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ แยกไม่ออกว่ากำลังรู้สึกยังไงกันแน่

   “เปล่า แล้ว...คุณรู้สึกยังไงอีก เอ่อ คุณผิดหวังในตัวลูกหรือเปล่า”

   แม่ถามออกไปด้วยความกังวล เธออยากรู้ว่าผู้เป็นพ่อจะรับได้มั้ย เธอรับได้กับสิ่งที่ลูกเลือก เธออาจจะแตกต่าง แต่ทางบ้านปราชญ์คงมองต่างออกไป ก็เลยอยากจะทดสอบดูว่าคนใกล้ชิดอีกคนรับได้หรือไม่ ถ้าไม่เธอก็คงต้องปลอบลูก และช่วยให้เขาได้ตัดใจ

   'ไม่ได้ผิดหวัง แค่ตกใจ ตกใจมาก' เขาพูดลิ้นแทบพันกัน เขาไม่ได้ผิดหวังในตัวลูก ไม่เลย ตฤนเป็นลูกชายที่เขาภาคภูมิใจตลอดมา เขาที่ไม่มีเวลาดูแลลูกเลยต่างหาก ที่น่าผิดหวังกว่าอีก

   “ไม่รังเกียจหรอ”

   'รังเกียจทำไม ลูกตัวเอง'

   “คุณไม่เอ่อ เสียใจหรอ”

   'ผมที่แทบไม่มีเวลาดูแลเขา ไม่มีสิทธิไปว่าอะไรเขาหรอก'

   “ลูกเราไม่ได้ตุ้งติ้ง และไม่ใช่ว่าเพราะไม่ได้อยู่กับพ่อ แล้วซึมซับความเป็นแม่มากไปจนชอบผู้ชาย”

   ปลายสายเงียบฟังเมื่อภรรยาเหมือนอ่านใจ อ่านความคิดของเขาได้ เป็นแบบนี้เสมอ

   'ผม...'

   “ลูกเราแค่มีความรัก แล้วความรักของเขาดันเป็นผู้ชายคนนั้น”

   'คุณนี่เป็นแม่ยุคใหม่มาก ๆ เลยนะ'

   “คุณก็รีบตามมาให้ทันนะ” ภรรยาพูดหยอก “แฟนตฤนก็ปราชญ์ไง”

   ปลายสายขมวดคิ้ว ปราชญ์? ไหน?

   “คนที่หอบรูปตฤนมาให้เราดูไง”

   ภาพชายหนุ่มหล่อเหลาฉายชัดในความทรงจำ ผู้ชายที่เขาแอบคิดไปว่าเป็นกิ๊กของเมียเขาด้วยซ้ำ

   'ร้ายไม่เบา คนชื่อปราชญ์มันหล่ออย่างกับดารา พ่อยังคิดว่ามันมาจีบแม่อยู่เลย' ...ที่ไหนได้จีบลูกชายเขา...

   “จีบฉันที่ไหนล่ะ เขาเทียวจีบลูกเรามานาน ลูกเรามันซื่อบื้อ”

   'อย่างน้อยมันก็รู้ตัวแล้ว'

   “แต่ตอนนี้มีปัญหา” เธอพูดต่อเสียงเครียด

   'ปัญหา?'

   “บ้านฝั่งนู้นรับไม่ได้กับความรักของลูกเรา”

   'หืม? '

   “ตฤนหนีเขามา แต่ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุด”

   ผู้เป็นแม่เดินมาหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่างบ้าน มองลูกชายที่นั่งเหม่อมองสวนหน้าบ้าน พร้อมกับมือที่มักจะยกขึ้นปาดน้ำตาเป็นช่วง ๆ สงสารลูกจับใจ ต้องทนทรมานขนาดนั้นเลยลูกเรา

   'เขาทำอะไรตฤนหรือเปล่า'

   “ก็นิดหน่อย แต่ลูกเรานี่สิ หัวใจบอบบาง”

   'ให้พ่อกลับไปดูลูกมั้ย'

   “ไม่เป็นไร แค่อยากรู้ว่าคุณจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าลูกมีแฟนเป็นผู้ชาย อยากรู้ว่าผู้ชายจะมองยังไง”

   'ผมก็ไม่ได้รังเกียจ เพศอะไรก็คนเหมือนกัน'

   “ดีแล้วล่ะ ถ้าคุณโมโหเกรี้ยวกราด ฉันจะบ่นคุณเอง”

   'ฮ่า อีกสามวันเจอกันนะแม่ หยุดพอดี'

   “เจอกันค่ะ”

   เธอกดวางสายไป ในใจก็นึกแค่ว่าถ้าอย่างนั้นก็มีแต่ปลอบใจแล้วก็พูดกล่อมกลับไปสู้สักตั้ง ไม่อยากให้ลูกต้องเสียคนดี ๆ ไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะไม่เห็นแก่ความสุขของลูก พวกเขาก็แค่ต้องการการปรับตัว และการสร้างภูมิต้านทาน แค่รอเวลา ใจจริงเธอสงสารปราชญ์ไม่น้อย ปราชญ์รักตฤนมานาน คนที่พร้อมจะดูแลลูกชายเธออย่างดีที่สุด เธอไม่อยากให้ลูกชายต้องเสียเขาไปจริง ๆ

   

   แม่กับขวัญเดินไปหาชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเหม่อมองต้นไม้ ไม่กินไม่ดื่มจนน่าเป็นห่วง

   “ไม่หิวหรือลูก” ผู้เป็นแม่ส่งเสียงทัก ลูกชายยกมือขึ้นจับหน้าคงจะปาดน้ำตา

   ร่างบางส่ายศีรษะแทนคำตอบ

   “โธ่ ... ตฤนลูกรู้ใช่มั้ย ว่าลูกจะหนีไปตลอดแบบนี้ไม่ได้”

   ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม พลางขยับมือมาวางตรงหัวไหล่ของลูกชาย

   เขารู้ดี รู้อยู่เต็มอก แต่ถ้าจะให้เขากลับไปเจอตอนนี้ เขาคงตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้

   “ทำไมเราถึงหนีมาล่ะตฤน” พี่ขวัญเอ่ยถามเสียงเรียบที่ฟังดูจริงจัง

   “ผม...”

   “หนีมาแบบนี้ มันก็ไม่ช่วยอะไรนะ รักกันไม่ใช่หรอ”

   “แต่ว่า...”ตฤนตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา

   “แต่?”

   พี่ขวัญจ้องเขานิ่งอย่างตั้งใจฟัง เธออยากรู้ว่ารักกันแล้วจะหนีมาทำไม จะมาทรมานตัวเองแบบนี้เพื่ออะไร คิดถึงเขาก็แค่ไปเจอ แล้วก็กอดเขาเอาไว้แค่นั้น

   “ผมไม่อยากให้ปราชญ์ต้องผิดใจกับครอบครัว ผมไม่อยากให้ใครมาว่าว่ามันวิปริต” น้ำเสียงตฤนเริ่มสั่นเครืออีกครั้งหลังจากพูดจบประโยค

   “ใครพูด พี่จะไปตีปากให้” พี่ขวัญพูดพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์

   “คุณลุง...พ่อมัน...” ตฤนพูดเสียงเบากว่าเดิม ดวงตาเหม่อลอย ขวัญแอบเข้าใจความรู้สึกของตฤนอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเธอ เธอคงจะไม่หนีมาแบบนี้

   “เฮ้อ รีบ ๆ เข้มแข็งแล้วกลับไปหาไอ้หล่อนั่นได้แล้ว”

   “แม่ก็สงสารปราชญ์นะ เราไม่ห่วงเขาหรือไง หลายวันแล้วนะ”

   ตฤนเม้มปากแน่น ห่วงน่ะห่วง แต่จะให้เขาทำยังไง

   “ปราชญ์เขารักเรามากนะ”

   “แม่...” ตฤนพูดครางเสียงแผ่ว แค่นี้เขาก็เจ็บจนไม่ไหวแล้ว “ให้มันจบตรงนี้ ตอนที่ยังไม่ถลำไปมากกว่านี้ดีกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

   “เราอาจจะเพิ่งคบกับเขา แต่เขาน่ะรักเรามาตั้งหลายปีไม่ใช่หรอ” แม่พูดย้ำอีกครั้ง เผื่อเจ้าตัวจะลืม ลืมว่าอีกฝ่ายเขาแอบรักตัวเองมานาน

   ‘6 ปี เวลาที่กุอดทน’ เขายังจำที่ปราชญ์พูดวันนั้นได้ดี  6 ปีที่อีกฝ่ายรักเขา แล้วเขาก็คิดตื้น ๆ ที่หนีมา...

   

   ปราชญ์อยู่ที่บ้านตฤน เขาไม่ไปไหน สั่งอาหารเข้ามากินในบ้าน สั่งมาให้รู้ว่าสั่ง แต่ตัวเขาก็แทบไม่ได้แตะมันเลย เวลานอนก็หลับไม่สนิทคอยแต่จะสะดุ้งตื่น ถ้าคืนนั้นเขาไม่หลับสนิท ตฤนคงยังอยู่ตรงนี้ ... ปราชญ์จมอยู่แต่กับห้วงความคิดที่เจ็บปวด เขาเก็บตัวอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เผื่อพวกเขาจะกลับมาเขาพยายามติดต่อตฤน แต่พยายามยังไงก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย หลายวันผ่านไป ปราชญ์โทรมลงเรื่อย ๆ

   “ปราชญ์ ถ้านายไม่กินอะไรแบบนี้ นายจะตายก่อนได้เจอตฤนนะ” กวางแวะมาหาปราชญ์ด้วยความเป็นห่วง เธอกลัวว่าร่างกายของปราชญ์จะทนไม่ไหว

   ตัวเธอก็พยายามแล้ว พยายามจะคุยกับตฤน แต่ตฤนไม่ตอบอะไรเธอเลย มีแค่ข้อความเดียวที่เจ้าตัวส่งมา

   ‘ไปดูปราชญ์ให้ที มันอาจจะยังอยู่ที่บ้านตฤน’ ข้อความเดียวที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้

   กวางพยายามแล้วโทรไปหาที่ทำงานก็บอกแค่ว่า ใช้ลาพักร้อนฉุกเฉิน จะขอเบอร์ญาติที่ทำงานก็ไม่ยอมที่จะให้ เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองดูสภาพของปราชญ์และภาวนาให้สถานการณ์นี้มันดีขึ้นสักที

   “ฮึก...” อยู่ ๆ ปราชญ์ก็ร้องไห้ออกมา กวางทำอะไรไม่ถูกนอกจากเดินเข้าไปกอดเอาไว้

   “เข้มแข็งดิวะ เดี๋ยวอะไร ๆ ก็ดีขึ้น” กวางกอดพลางลูบหลังเพื่อนเอาไว้

   “ตฤนทิ้งกูไปแล้ว” น้ำเสียงแหบแห้งอู้อี้ของปราชญ์ทำให้กวางยิ่งสงสาร

   “ให้เวลามันหน่อย ให้เวลาตัวเองด้วย” อย่ารีบเป็นอะไรไปก่อนที่จะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้...ถ้ายังเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้เธอจะให้รถโรงพยาบาลมารับตัวไป

   

   แม่ของปราชญ์พยายามตามหาเขา ลูกชายที่หายไป ลูกชายที่ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกชายที่ไม่ยอมติดต่อไปเลยแม้แต่น้อย พ่อของปราชญ์เครียด แต่ก็มีทิฐิมาก ห่วงแต่ก็ไม่ยอมมา ...แม่ของปราชญ์จ้างนักสืบให้หา เธอจำได้ว่าตฤนอยู่แถวนี้ พวกเขาสืบจนเจอบ้านหลังนี้ บ้านของตฤน...

   บ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ผู้เป็นแม่ถือรูปที่พวกนักสืบส่งมาให้ เป็นภาพบ้านหลังนี้ และปราชญ์ที่เดินออกมารับอาหารที่หน้าบ้าน

   “ปราบ บ้านหลังนี้มันเงียบมากเลยนะ” แม่หันไปบอกกับพี่ชายของปราชญ์ ด้วยสีหน้ากังวลใจ ตอนนี้เธอไม่โกรธ ไม่ช็อค ไม่ตกใจอะไรทั้งสิ้น กับเรื่องรักเรื่องรสนิยมของปราชญ์ เธอแค่อยากเจอลูก อยากดูให้เห็นกับตาว่าเขาปลอดภัย

   “ต้องลองเข้าไป” ปราบพูดพลางเปิดประตูรั้วออก มันไม่ได้ล็อค ทั้งคู่เดินผ่านประตูรั้วเข้าไป ประตูบ้านอีกชั้นก็เปิดได้อย่างง่ายดาย

   พวกเขาเจอปราชญ์กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ร่างกายซูบผอม ใต้ตาดำคล้ำ ใบหน้าดูหม่นหมอง ปราชญ์โทรมไปมาก ผู้เป็นแม่รีบเข้าไปดูลูกชายใกล้ ๆ

   “ปราชญ์ ...ปราชญ์” ทั้งเรียกทั้งเขย่าตัว แต่ปราชญ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ริมผีปากของเขาแห้งผาก มันแตกและมีเลือดไหลซึม เนื้อตัวเย็น แต่ยังดีที่ปราชญ์ยังหายใจอยู่

   ปราบไม่รีรอ ยกน้องชายขึ้นพาดบ่าแบกออกไปจากบ้านทันที พวกเขารีบเดินทางไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทุกนาทีทุกวินาทีมีค่า ... มีค่าสำหรับชีวิตของปราชญ์

   

   รถยนต์จอดติดเครื่องอยู่ตรงข้ามบ้าน แม่ของตฤนกลับมาพอดี เพราะเธอเป็นห่วงบ้าน แต่เธอยังไม่ลงจากรถ เพราะเห็นว่าหน้าบ้านมีรถใครก็ไม่รู้จอดอยู่ พร้อมกับประตูบ้านที่เปิดอ้าอยู่ เธอทำแค่จดทะเบียนรถเอาไว้ และกดเบอร์191 เตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อพวกนั้นเป็นโจร ขวัญกับแม่จึงเฝ้าดูอยู่บนรถ ส่วนตฤนไม่ได้กลับมาด้วย เขาอยู่ที่บ้านสวน เพราะเขายังอยากพักฟื้นจิตใจอีกนิดหน่อย

   สักพักหนึ่งกลุ่มคนก็กลับออกมาจากในบ้านด้วยความรีบร้อน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กำลังแบกคนที่น่าจะเป็นปราชญ์ออกมา เธอได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ที่พวกเขาแบกปราชญ์ขึ้นรถไป

   “นั่นมันน้องหน้าหล่อ” ขวัญพูดขึ้น

   “ขับตามไปเลย” แม่รีบพูดสั่ง เธอแอบเป็นห่วงปราชญ์อยู่ไม่น้อย รู้ดีว่าเขารักลูกชายของเธอมาก รักมาก... ตฤนก็แอบน่าตีเหมือนกันที่ทิ้งเขาแบบนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะต่างเจ็บปวดก็ตาม

   

    ปราชญ์อาการไม่ค่อยดี มีภาวะขาดน้ำ และอาหาร มีอาการช็อค และน้ำตาลต่ำ เพราะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ อีกทั้งสภาพจิตใจที่อ่อนแอ เขาถูกพาไปที่ห้องฉุกเฉิน พวกญาติได้แต่รออย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง

   แม่ของตฤนเดินหา ผู้หญิงกับผู้ชายที่พาปราชญ์ออกไปจากบ้านจนมาเจอพอดี

   “ขอโทษนะคะ ปราชญ์เป็นยังไงบ้าง”

   หญิงสาวกับชายหนุ่มที่ถูกถาม หันมามองผู้มาเยือนใหม่ทันที

   “ยังไม่ทราบเลยครับ คุณคือ?”

   “เอ่อ ฉัน...” แม่ของตฤนอึกอักไปเล็กน้อย “ฉันคือ เจ้าของบ้านหลังนั้น” เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก

   “คุณคงเป็นแม่ของตฤน” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา ตอนที่เขารู้ว่าพ่อแม่มีปัญหากับตฤน เขารู้สึกตึ้อ ๆ ไปหมด เรื่องนี้เขาพอจะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้...

   ทั้งหมดอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ทำเพียงแค่เฝ้ารอ รอว่าเมื่อไหร่หมอจะออกมา บอกข่าวดีว่าคนที่หมดสตินั้น พ้นขีดอันตราย

   

   “ปราชญ์อยู่ไหน!” ชายสูงวัยมาถึงแผนกฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เขาสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น นั่งอยู่ห่างจากภรรยาของเขา  หนึ่งที่นั่ง หน้าเธอเหมือนใครบางคน

   “คุณ ปราชญ์อยู่ข้างในนั้น” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงตระหนก ระคนเศร้า เมื่อเห็นสามีมาถึง ก็รีบแจ้งทันที

   “ปราชญ์” ผู้เป็นพ่อทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ว่างอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาห่วงลูกชายของเขามากจริง ๆ

   “ปราชญ์จะไม่เป็นอะไร” ภรรยาพูดปลอบสามี ยังไงลูกก็คือลูกถึงจะทะเลาะกัน มีทิฐิมากแค่ไหน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ สายสัมพันธ์มันตัดกันไม่ขาด ผู้เป็นพ่อห่วงใยลูกชายเป็นอย่างมาก

   “ใช่ ปราชญ์จะไม่เป็นอะไร” หญิงสาวที่เขารู้สึกคุ้นหน้า อยู่ ๆ ก็พูดพึมพำขึ้นมา

   “ครับ ว่าแต่คุณเป็นใคร”

   “...” แม่ของตฤนนิ่งไปชั่วอึดใจ “ฉันเป็นแม่ของตฤน”

   คำพูดนั้นทำเอาชายสูงวัยอารมณ์เสียขึ้นมา ความโกรธเกรี้ยวพุ่งเป็นริ้ว

   “อ๋อ คุณนี่เอง ... สั่งสอนลูกยังไง คุณรู้มั้ยว่าลูกของคุณมันเป็นเกย์!!! เขาทำให้ลูกชายของผมเป็นไปด้วย!!!” เสียงเรียบ เริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ และจบด้วยการตวาดกล่าวหาดังลั่น ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์จากพ่อของปราชญ์ เขาพูดกระแทกใส่หน้าคนที่อยู่ข้าง ๆ

   “ลูกชายฉันไม่ได้เป็นเกย์ แล้วคุณไปถามลูกชายคุณก่อนเถอะ ว่าใครรักใคร ใครจีบใครก่อน” แม่ตฤนพูดเสียงเรียบ เธอไม่กลัวกับท่าทางโมโหเลือดขึ้นหน้าของพ่อปราชญ์แม้แต่น้อย เธอนิ่งราวกับจะเป็นหลัก เป็นโล่ให้กับตฤน ลูกชายของเธอแม้ว่าตัวเขาจะไม่อยู่ตรงนี้ก็ตาม เธอรักและไม่อยากให้ใครมากล่าวหา

   “พอเถอะคุณ” แม่ของปราชญ์เอื้อมมือมาแตะไหล่ของสามีเอาไว้ ส่วนปราบลุกขึ้นเตรียมพร้อม เผื่อมีปัญหาอะไร

   “น่าขยะแขยง” เสียงชิงชังและคำพูดร้ายกาจยังคงถูกส่งออกมา

   “อ้าวลุงพูดแบบนี้” ขวัญที่นั่งอยู่ไม่ไกล พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เธอก็พร้อมจะสู้ ถ้าอีกฝ่ายยังไม่เลิกพูดจาดูถูก หรือว่าร้ายตฤนกับคุณน้าอีก

   “ฉันไม่เคยขยะแขยงลูกชายคุณ” แม่ตฤนพูดพลางมองสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง “แต่ถ้าคุณขยะแขยงแม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง เรื่องนี้ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”

   ผู้เป็นพ่อได้แต่ข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาโมโหจนหน้าแดงก่ำ ข้างแก้มสั่นด้วยแรงอารมณ์

   “ถ้าคุณยอมรับความสุขของลูกคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ได้รักลูกของคุณเลย” แม่ตฤนพูดต่อ เธออยากเตือนสติอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอคงไม่อยู่ทนคำพูดไม่ดีอีก กลัวว่าความอดทนจะหมด

   “คุณจะไปรู้อะไร”

   “...ตอนนี้ฉันรู้แค่ขอให้ปราชญ์ปลอดภัย” เธอเดินหนีออกมาทันทีหลังพูดจนจบประโยค

   

   ตฤนนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในสวน เขามาหลบอยู่บ้านสวนของพี่ขวัญ หนีให้ไกลจากทุกเรื่อง เพื่อให้เขาและปราชญ์ได้ตัดใจ ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะรักแค่ไหน จะรักมากี่ปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรจะพอ บรรยากาศรอบตัวเงียบเหงา อากาศอึมครึ้มเหมือนฝนจะตก มันร้อนอบอ้าว จนเหงื่อไหลซึมทำให้เหนียวตัว เสื้อยืดแนบลงไปกับแผ่นหลัง ตฤนยกแก้วน้ำในมือขึ้นมาจิบ แต่พอตอนวาง มือไม้อ่อนทำแก้วกลิ้งตกจากโต๊ะ โชคดีที่ด้านล่างเป็นหญ้า แก้วก็เลยไม่แตก

   เขาก้มลงหยิบแก้วน้ำ

   “โอย” ตฤนร้องเบา ๆ เมื่อนิ้วของเขาโดนหญ้าบาด เลือดไหลซึมออกมา มันเป็นแผลเล็ก ๆ ที่แสบมากทีเดียว

   ‘เป็นหญ้าเหมือนกันแท้ ๆ มาทำร้ายกันเองทำไม’ ตฤนได้แต่นึกในใจ แต่ก็ไม่ได้ลุกไปล้างแผล ก็นะ แผลแค่นี้เล็กน้อย เขานั่งนิ่งเหม่อมองออกไป อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ปราชญ์จะเป็นยังไงบ้างนะ กับสิ่งที่เขาเลือกเองเพียงคนเดียว การตัดสินใจนี่มันถูกแล้วจริง ๆ ใช่มั้ย

   เขามักจะใช้เวลาวัน ๆ หนึ่งนั่งนิ่ง ๆ คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึง รอยยิ้มของปราชญ์ อ้อมกอดของปราชญ์ สัมผัสที่อบอุ่น ความรัก และความเป็นห่วงเป็นใยที่ปราชญ์มีให้เขาเสมอ รวมถึง

   น้ำตาของปราชญ์ ตอนที่พยายามกอดรั้งเขาเอาไว้

   

   “อย่าทิ้งกูไปเลยนะ”

   

   ปราชญ์... พอคิดแบบนั้น น้ำตาก็เอ่อคลอ ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด ตฤนใช้นิ้วมือปาดน้ำตาลวก ๆ พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอลงไป เขาต้องอดทน เพื่อปราชญ์ เขาภาวนาให้ปราชญ์ลืมเขาไปให้หมด ทุกอย่างเขาจะเป็นฝ่ายจดจำไว้เอง หวังว่าเวลาจะเยียวยาทั้งปราชญ์และตัวเขา

   

   “เป็นแฟนกับกูเถอะนะ”

   

   เขาจะจำทุกอย่างไว้เอง...

   

   เสียงมือถือดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อของพี่ขวัญ ตฤนตั้งใจว่าช่วงนี้เขาจะรับสายแค่ไม่กี่เบอร์เท่านั้น กวางกับปราชญ์โทรติดต่อมาหลายครั้ง บางครั้งเขาก็กดตัดสาย บางครั้งเขาก็ปล่อยให้มันดังไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตัดไปเอง แต่ครั้งนี้พอเห็นว่าเป็นชื่อของขวัญเขาก็รีบกดรับทันที

   “ครับ พี่ขวัญ”

   ‘ตฤน... ปราชญ์น่ะ’

   พอได้ยินชื่อปราชญ์ เขารู้สึกเจ็บแปลบในอกขึ้นมาทันที จนต้องรีบห้ามไม่ให้ปลายสายพูดถึง

   “พี่อย่าพูดชื่อนี้”

   ‘ตฤนฟังพี่ เขากำลังจะตาย ถ้าไม่กลับมาตอนนี้ อาจไม่ได้เจออีกฝ่ายตลอดชีวิต’

.

.

[พอแล้วตฤน กลับไปหาปราชญ์เถอะนะ เเข็งใจหน่อย
สิ่งที่คิดว่าดีกับปราชญ์น่ะ ความจริงแล้ว ไม่ใช่เลย... มีแต่เสียใจ]
ปล. ขอบคุณที่ร่วมเศร้ามาด้วยกันนะคะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 32 ตัดใจ (3/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-09-2019 13:44:18
ตฤนกลับไปหาปราชญ์นะ :o12:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 33 คนสำคัญ / อยู่ให้รัก (18/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 18-09-2019 20:57:37
บทที่ 33 คนสำคัญ / อยู่ให้รัก

   

   ผมลืมตาขึ้นมาในความมืด ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มันมืดอย่างกับดวงตาของผมถูกทาฉาบด้วยสีดำ ไม่มีอะไรเลย มองไม่เห็นอะไร หรือความจริงผมไม่ได้กำลังลืมตา ความมืดพวกนี้มันคืออะไร...

   แต่มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เขาก็แค่กำลังเฝ้ารอ นายตฤนชาติคนดีของเขาก็เท่านั้น

   

   ‘ปราชญ์ เอาการบ้านไปส่งหรือยัง ช่วงนี้ซ้อมหนักหรอวะ’

   

   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา แต่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน

   

   ‘ปราชญ์ นี่มึงตั้งใจจะต่อสายวิทย์คณิตจริง ๆ ใช่มั้ย’

   ‘มันจะหนักมากเลยนะ เรียนหนัก ซ้อมหนัก ไหวจริงหรอวะ’

   ‘ก็ได้ ถ้ามึงอยาก กูก็จะช่วยมึง’

   

   เขาได้ยินแต่เสียงของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองที่ตอบออกไป

   

   ‘ผิดว้อย ทำแบบนี้สิวะ’

   ‘เฮ้อ กูเกลียดวิชาพละ’

   ‘ทำไมกูต้องใส่ชุดผู้หญิงด้วยวะ’

   

   คำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อ เป็นความทรงจำที่เขามีต่อเจ้าของเสียงมาอย่างยาวนาน ช่วงเวลาที่อยู่เคียงข้างกัน และความห่วงใยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะสถานะอะไร อีกฝ่ายห่วงใยเขาเสมอ ส่วนตัวเขาที่รู้สึกตัวอีกทีก็ติดกับความห่วงใยของอีกฝ่ายเข้าเต็มเปา ความห่วงใยแข็ง ๆ ของเพื่อน เขาได้อีกฝ่ายช่วยไว้ไม่น้อยกับที่เขาช่วยเหลืออีกฝ่าย

   เมื่อก่อนที่บ้านของเขาค่อนข้างจะยุ่ง ไม่ต่างจากตอนนี้ มีแต่คนบ้างาน เขามักต้องอยู่บ้านกับพี่ชายสองคน พอพี่ชายเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็มักจะต้องอยู่คนเดียว ถ้าไม่ซ้อมกีฬาจนเหนื่อยแทบคลานขึ้นเตียงนอน เวลามาถึงบ้านก็มักจะต้องรู้สึกเหงา ถ้าตารางซ้อมว่างเขาก็มักจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน มักออกปากชวนให้เพื่อนมาทำการบ้านหรืองานกลุ่มที่บ้าน บ้านของเขาไม่มีใคร เสียงดังได้โดยไม่รบกวนใคร อีกอย่างที่เขาชอบคือไปอยู่ที่บ้านของตฤน

   

   ‘เรียนคนละมหาวิทยาลัย มึงก็ดูแลตัวเองนะ’

   ‘ถามกูได้เสมอ’

   ‘มึงลงทุนขับมาหากูเลยหรอ’

   ‘เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจังวะ ระวังนะมึง’

   ‘ตั้งใจเรียนด้วยนะ’

   ความห่วงใยที่ทำให้เขาเผลอคิดเกินเลยไป ใบหน้าหวานที่ไม่ได้สวยงามกลับทำเขาถอนตัวไม่ขึ้นเขาทดลองหัวใจของตัวเองมานานว่ามันเป็นแค่ความเหงา เป็นความผูกพัน หรือว่าความรัก เมื่อเวลาหมุนผ่าน เราต่างเติบโต จนเขาได้มีโอกาสได้เป็นฝ่ายดูแลอีกฝ่ายบ้าง

   

   ‘ขอโทษจริง ๆ มาถึงนานมากเลยมั้ย’

   ‘ย่อ ตัวหน่อย จะหยิบกางเกง’

   ‘ถ้าอีกหน่อยมึงไม่ว่างมาส่งกู ... กูต้องเปลืองค่ารถมาก ๆ แน่เลยว่ะ’

   ‘อย่ามาถูกตัวกู’

   

   ตฤนไม่รู้หรอกว่าผมกลัวแค่ไหน ที่จะไม่มีมันในชีวิต ไม่งั้นผมไม่รีรอมา 5-6 ปีหรอก ทั้งหมดก็เพราะว่ากลัว กลัวข้ามเส้นไปแล้ว ไม่สำเร็จสะดุดล้มหัวทิ่ม แล้วเจ้าตัวจะหนีเขาไป ถึงได้ทน เอาวะยังไงก็มีมันอยู่ในชีวิตให้เขาได้ดูแลไปเรื่อย ๆ แต่จะให้ทนมองหมาคาบไปแดกก็ไม่ได้ คนอย่างปราชญ์ ดีไม่พอตรงไหน! ใคร ๆ ก็ชอบ เว้นแค่ไอ้ซื่อบื้อ ที่เขาดูแลขนาดนี้ กลับไม่สะกิดใจเลย ระแคะระคายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่มี ...

   ...แต่ผมก็ผ่านมันมาได้

   

   ‘กูบอกว่าชอบมึงไง’

   

   ในความมืดที่มีแต่เสียงของคนที่เขาคิดถึง เขาอยู่แบบนี้ต่อไปได้มั้ย อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เสียงของคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา คนที่เขารัก และอยากที่จะกอดเอาไว้

   

   ‘พูดอย่างกับจะขอกูแต่งงาน’

   ‘เหนื่อยดิวะ แต่ก็ต้องมา...กูห่วง’

   

   เขาอยู่แบบนี้ได้มั้ย... ความมืดที่ไม่น่าหวาดกลัวตราบที่เขายังได้ยินเสียงของตฤน

   

   ชายสูงวัยนั่งพิงเก้าอี้อย่างคนไม่มีแรง ดวงตามองจ้องแต่ประตูทางออกของห้องฉุกเฉิน เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่หมอจะออกมา เมื่อไหร่ที่หมอจะมาหาเขาเพื่อบอกว่าลูกชายของเขาปลอดภัยดี มือสั่นเทาประสานวางอยู่บนตัก เขาเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะความรักบ้า ๆ ทำให้ลูกชายของเขาต้องมาอยู่ตรงนี้

   ลูกชายที่ดูแลตัวเองได้ดีเสมอ บางครั้งเขาก็กังวลที่ต้องทำงานอย่างหนักแล้วปล่อยลูกทิ้งเอาไว้ที่บ้าน แต่ลูกชายของเขาก็เป็นเด็กดี เรียนหนังสือ ซ้อมกีฬา สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างสบาย ๆ โดยที่เขาไม่ต้องเป็นกังวล แถมเจ้าตัวมักบอกเสมอเวลาที่เขาจะต้องเดินทางไปทำงานและไม่ได้อยู่ดูแลลูก เขาจะพูดว่าไม่ต้องห่วง มีเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือเขา เขาอยู่ได้... เขาโตแล้ว

   พ่อของปราชญ์ เขากำลังเสียใจ และแสดงมันออกมากด้วยความแข็งกร้าว

   ...หรือความไม่มีเวลาของเขา ทำให้ลูกชายเดินผิดไปจากแนวทางที่วางเอาไว้ ...

   หรือเพราะเขาที่เลี้ยงดูลูกได้ไม่ดีพอ

   หรือเขาเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ...ทั้งหมดเพราะเขา

   ภรรยาขยับมือมากุมมือที่สั่นเทาของผู้เป็นสามีเอาไว้

   “ปราชญ์จะปลอดภัย ลูกเราเป็นเด็กแข็งแรง”

   “คุณว่ามันเป็นความผิดของผมหรือเปล่า” ชายสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

   “อะไรนะคะ”

   “เปล่า...”

   พวกเขาไม่พูดอะไรกันอีก ทำแค่เพียงเฝ้ารอ ด้วยความร้อนใจ

   ...

   

   -ตฤน-

   เพราะคำพูดของพี่ขวัญทำเอาหัวใจคนฟังกระตุกวูบ แววตาสั่นไหว  ‘เขากำลังจะตาย’ กำแพงหลายชั้นที่เพียรสร้างไว้พังทลาย ความรักและความเป็นห่วงเอ่อท้นขึ้นมา ก่อนพรั่งพรู่ออกมาเป็นหยดน้ำตา

   “พี่ มะ...หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงสั่นเครือถามกลับ หัวใจของเขาอ่อนยวบยาบ ปราชญ์เป็นอะไร ทำไมมันชอบเป็นอะไรให้เขาต้องเป็นห่วงทุกที เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเกินไปแล้ว

   ‘ฮัลโหล ตฤน ฟังพี่นะตอนนี้ ปราชญ์อยู่ในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลใกล้บ้านเรา ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร อาจจะตรอมใจ’

   ตฤนผุดลุกขึ้นยืนทันที น้ำตายังคงไหลหยดออกมาไม่ขาดสาย มันไหลอาบสองข้างแก้ม ก่อนหยดลงบนพื้นหญ้า เนื้อตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ ในอกรุ่มร้อน หัวใจของเขารวดร้าวราวกับมีใครเอามีดกรีดลงไป มันเจ็บปวด...ปราชญ์

   เขาควรกลับไป ...ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เขาเลือก มันไม่ถูกตรง รอก่อน... รอเขาก่อน

   “ผมจะรีบกลับไป” จากที่นี่ไปโรงพยาบาลก็คงประมาณ สามชั่วโมง

   ‘ตฤนเรียกรถพี่วันเลย เบอร์ติดอยู่บนตู้เย็น เหมาให้แกมาส่งเลยก็ได้’

   ตฤนพยักหน้าหงึกหงักกับมือถือก่อนจะกดวางสายไป สองขาเรียวยาว ก้าว ฉับ ฉับ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ทุกนาทีของเขามีค่า ขอให้ปราชญ์ปลอดภัย เขาจะไม่หนีอีกแล้ว...

   

   ตฤนนั่งรถออกมาด้วยใจว้าวุ่นกังวล เขากระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง เขาใช้เวลาบนท้องถนนอย่างยาวนาน แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งตอนไหนที่รถติดไม่ยอมขยับ เขาจะหงุดหงิดมาก ตอนนี้เขารีบและเต็มไปด้วยความร้อนรน เพราะหัวใจของเขามันไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เขานึกอยากจะลงไปวิ่งเผื่อมันจะเร็วกว่านี้

   เส้นทางเบื้องหน้าชัดเจนบ้างพร่าเลือนบ้าง ตามแต่ว่าน้ำตาจะเอ่อคลอและไหลหยดตอนไหน เขาควบคุมพวกมันไม่ได้ ช่วงแรกเขาทำแค่ปาดมันลวก ๆ เพื่อไม่ให้พี่วันต้องตกใจ แต่ดูเหมือน พี่วันจะค่อย ๆ ชิน ที่เขาร้องไห้อยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ถามเขาว่ามีอะไรเกิดขึ้น แค่ยื่นส่งน้ำมาให้ เหมือนจะบอกว่า น้ำที่ไหลออกมาทางตา ต้องเติมกลับคืนเข้าไปในร่างกายบ้างแค่นั้นเอง

     แล้วหลังจากนั้น เขาก็เลิกสนใจมัน จะไหลออกมาแค่ไหนก็ช่างมัน

   ปล่อยให้มันไหลไป... อยากไหลแค่ไหนก็ตามสบายเลย

   

   ฟ้าครึ้ม ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกลงมา เทลงมาเหมือนจะซ้ำเติมเขา ตกหนักหน่วงเพื่อทำให้รถติดยิ่งกว่าเดิม ความพร่ามัว ทั้งจากน้ำในตา และน้ำฝนจากกระจกรถ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับกำลังหลงทางอยู่ในความไม่ชัดเจน รู้สึกห่างไกลจากจุดหมายที่ต้องการจะไป ยิ่งช้าก็ยิ่งร้อนรน

   ปราชญ์อยู่กับเขาก่อน เขากลับมาแล้วนี่ไง

   ไม่ไปไหนแล้ว จะโดนตีโดนอะไรเขาก็จะอยู่ อยู่ด้วยกันก่อน อยู่ให้เขารักก่อน

   ใครจะมองยังไงเขาจะไม่สนใจอีกแล้ว ช่างคนอื่น จะสนใจแค่ปราชญ์เท่านั้น

   

   เสียงมือถือดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นกวาง ...รอบนี้เขารับสายเพื่อนอย่างรวดเร็ว

   ‘ตฤนอยู่ที่ไหน ปราชญ์จะไม่ไหวอยู่แล้ว’ กวางพูดประโยคที่ยิ่งทำให้ตฤนรู้สึกแย่ ประโยคที่กำลังจะทำให้เขาร้องไห้อีกรอบ

   “กำลังรีบไป บอกปราชญ์ว่าให้รอ ห้ามเป็นอะไร” เขารีบที่สุดแล้ว ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว

   

   เขาเห็นตึกโรงพยาบาลอยู่อีกไม่ไกล ฝั่งตรงข้าม รถข้างหน้าติดไม่ยอมขยับ กว่าจะไปกลับรถ กว่าจะถึงโรงพยาบาล เขาทนรอไม่ไหว

   “พี่วัน เอานี่ไปก่อนเดี๋ยวยังไงถ้าไม่พอผมฝากพี่ขวัญให้ไป ผมขอลงตรงนี้” ตฤนพูดพลางควักเงินในประเป๋าออกมา เขาไม่รู้ว่าให้ไปเท่าไหร่ ทั้งหมดที่เขามี ด้านนอกฝนยังคงตกหนัก ร่างบางเปิดประตูรถออกไปอย่างไม่สนใจสายฝนที่ยังคงเทลงมาไม่ขาดสาย ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไป

   

   ปี๊น ปี๊นนนนนนนนน

   

   ตฤนสะดุ้งก้าวถอยหลัง เมื่อเขาวิ่งพรวดพราดออกมาไม่ทันดูรถมอเตอร์ไซค์

   “หัดมองรถซะบ้าง!!!” เสียงตะโกนด่าดังตามมา

   ตฤนมองซ้ายมองขวา พลางข้ามถนนอีกครั้ง จากนั้นเขาวิ่งเร็วสุดชีวิต เพื่อไปให้ถึงโรงพยาบาล หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา เขาหอบหายใจทางปากเมื่อหายใจไม่ทัน คนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเขากำลังทรมาน แต่ไม่เป็นไร เขาไหว... เหนื่อยแทบขาดใจ เขาก็จะไม่หยุดวิ่ง

   สองเท้าย่ำวิ่งไปบนทางเฉอะแฉะ ที่อยู่บนหน้าของเขาไม่รู้ว่าน้ำตาหรือน้ำฝน เนื้อตัวเปียกปอนเพราะสายฝนเย็นฉ่ำ ที่ไม่สามารถดับความร้อนรนในใจขอเขาได้เลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบลำตัว มันส่งเสียงสวบสาบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งไม่หยุด

    ขาก้าวสับไม่หยุดหย่อนจนมาถึงโรงพยาบาล มือสั่นเทาควานหามือถือเพื่อกดโทรหาเบอร์ที่เขาเลี่ยงมาตลอด ปลายสายรับอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังรออยู่

   “กวาง ปราชญ์อยู่ที่ไหน”

   ‘708 ชั้น 7 รีบมาเร็วเข้า’

   เขากดตัดสาย พลางรีบเดินเร็วเพื่อไปรอลิฟต์ คนไข้และญาติยืนรออยู่เต็มไปหมด ทั้งเตียงคนไข้ ทั้งรถเข็น แต่ลิฟต์ก็ไม่มาสักที

   ไม่ไหว ให้ยืนรอนิ่ง ๆ แบบนี้ เขาทำไม่ได้

   ทนรอไม่ไหว...

   

   ระยะเวลาไม่นานแต่เหมือนนานนับปีสำหรับคนที่เฝ้ารอด้วยความเป็นห่วง หมอออกมาแจ้งว่าตอนนี้ปราชญ์พ้นขีดอันตรายแล้ว เขาถูกเข็นออกมาพร้อมกับถุงน้ำเกลือ เพื่อไปที่ห้องผู้ป่วย ใบหน้าซีดเซียวยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาได้นอนหลับสนิทจริง ๆ และก็เกือบจะได้หลับตลอดไป

   ภายในห้องครอบครัวของปราชญ์อยู่กันพร้อมหน้า

   “ปราชญ์ไปอยู่ที่ไหนมา” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเสียงเครียด

   “ฉันกับปราบไปเจอ ปราชญ์สลบอยู่ในบ้านของตฤน ก็เลยรีบพามานี่”

   “แล้วแฟนอะไรของมันไปไหน” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น ลูกของเขาจะตาย ก็ยังไม่มาดูเลย ความรักบ้าบออะไร

   “บ้านหลังนั้น ไม่มีใครเลยมีแค่ปราชญ์คนเดียว” ปราบพูดขึ้นมา “และเพราะแบบนั้น ผมว่ามันตรอมใจ” ปราบพูดขณะมองน้องชายด้วยความเวทนา

   “หมายความยังไง” ผู้เป็นพ่อหรี่ตามองปราบ

   “เป็นไปได้ว่า ทั้งคู่อาจจะเลิกกัน อาจจะเพราะวันนั้น...” ปราบพูดพลางเว้นวรรคชั่วขณะ “พ่อช่วยยอมรับความรักของทั้งคู่ได้มั้ยครับ”

   “แกรับได้หรอไง หรือแกก็เป็นแบบพวกมัน...” พ่อพูดย้อน ใครจะไปรับได้กัน

   “ผมจะพยายามรับให้ได้ เพื่อความสุขของน้อง”

   ปราบพูดจี้ใจผู้เป็นพ่อ... ความสุขของลูกชาย

   

   ‘ถ้าคุณยอมรับความสุขของลูกคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ได้รักลูกของคุณเลย’

   

   ความสุขของปราชญ์ ... ลูกชายที่เขาภาคภูมิใจตลอดมา

   

   “ลูกไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ตอนแรกฉันก็ตกใจ แต่ตอนนี้...ถ้าไม่ต้องเสียลูกไป อะไรฉันก็ยอม” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักขณะ ยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่ท่อนแขนของผู้เป็นสามี

   “คุณว่านี่เป็นความผิดของผมหรือเปล่า” ชายสูงวัยพูดด้วยดวงตาเหม่อลอย

   “มันผ่านไปแล้ว คุณอย่าคิดอะไรแบบนั้นเลย แค่ต่อจากนี้ทำให้มัน...”

   

   ผัวะ

   เสียงประตูห้องเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับเสียงหอบหายใจของผู้มาเยียน ตฤนถามห้องของปราชญ์จากกวาง ก่อนจะรีบมุ่งมาที่นี่ วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาถึง 7 ชั้น เพราะลิฟต์ช้าเกินไป

   สภาพแวดล้อมและเหล่าคนที่อยู่ในห้อง เหมือนวันนั้นไม่มีผิด ... แต่ที่ต่างไปจากเดิมคือทุกคนรู้แล้วว่าเขาเป็นแฟน ไม่ใช่แค่เพื่อนผู้ชายที่สนิทกัน

   “ปราชญ์! ปราชญ์... เป็นยังไงบ้างครับ” เขามองร่างที่ยังนอนนิ่งอยู่บ้านเตียงของโรงพยาบาล

   “หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังไม่ฟื้นเลย” ผู้เป็นแม่ตอบให้

   ประโยคนั้นทำเอาตฤนแข้งขาอ่อน เขาทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก‘พ้นขีดอันตรายแล้ว’ ส่วนเขาหมดแรง ใช้พลังทั้งหมดไปกับการวิ่ง แข้งขาอ่อนปวกเปียก ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ใบหน้าแดงก่ำ หอบอย่างทรมาน มือบางยกขึ้นกำที่อก หวังให้หัวใจเต้นช้าลงสักหน่อย

   ตฤนนั่งอยู่หลายนาที เขาหอบหายใจอย่างน่ากลัว เนื้อตัวที่เปียกชื้นทำให้เขาเริ่มหนาวสั่น

   ปราบเข้ามาดูอาการตฤนด้วยความเป็นห่วง ก่อนพยายามประคองตฤนให้ไปนั่งบนโซฟาดี ๆ เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับผู้ป่วยมายื่นส่งให้ กลัวอีกฝ่ายจะป่วยตามไปด้วย

   พ่อของปราชญ์มองดูภาพนั้นเงียบ ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร ผู้เป็นภรรยาเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามออกไป

   เมื่อตฤนเริ่มหายเหนื่อย หายใจได้เป็นปกติเขาขยับลุกขึ้นไปดูปราชญ์ใกล้ ๆ ใบหน้าที่กำลังนอนหลับหายใจอย่างสม่ำเสมอ ปราชญ์ดูโทรมไปมาก ใต้ตาดำคล้ำ ดูผอมลงไปผิดหูผิดตา พลันเห็นสภาพคนตรงหน้า น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิด การตัดสินใจของเขามันผิดพลาดจริง ๆ ...


 :mew4:
[ตฤนมาเเล้วววว ตื่นเร็วปราชญ์ คิดถึงไม่ใช่หรอไงงงง
 :katai4:
ไม่ได้อัพนานเลยยย แง้ ขออภัยจริง ๆ พอจะอัพเล้าก็ปรับปรุง
พอเล้ากลับมานี่ก็กว่าจะว่าง T^T รักทุกคนที่รออ่านนะคะ]

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ  I Met You เพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0) < จิ้มเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 33 คนสำคัญ/อยู่ให้รัก (18/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-09-2019 00:15:27
 :กอด1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 33 คนสำคัญ/อยู่ให้รัก (18/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-09-2019 00:09:17
 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ(24/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 24-09-2019 21:19:48
บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ

   

   “ปราชญ์ ตื่นได้แล้วนะ ไม่คิดถึงกูหรอไง” มือบางพูดพลางลูบไล้ใบหน้าคมที่ยังคงหลับไม่ได้สติ ก่อนขยับมากุมมือหนาเอาไว้ และยกมันขึ้นแนบใบหน้าตัวเอง หยดน้ำตาไหลหยดบนฝ่ามือของปราชญ์ เขาใช้มันเหมือนผ้าเช็ดหน้าที่เอาไว้ซับน้ำตา เสียงสะอื้นแผ่วเบายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องอีก

   จนกระทั่งฝ่ามือของใครบางคนวางลงบนไหล่ที่กำลังสั่นเทา

   “ตฤน มันไม่เป็นไรแล้ว”

   ตฤนหันหน้าไปหาเจ้าของมือที่วางบนหัวไหล่ของเขา ก่อนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว

    “กวาง...”

   “ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย หมดหล่อ”

   “ฮืออออ”

   กวางดึงอีกฝ่ายมากอดไว้หลวม ๆ มือยกขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน

   “มันไม่เป็นอะไรแล้ว นอนไม่พอ ให้มันนอนหน่อย เดี๋ยวก็ฟื้น”

   “กวางบอกว่ามันจะไม่ไหวแล้ว”

   “พูดเล่นน่ะ”

   ตฤนขยับออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนมองสบตาอีกฝ่าย พูดเล่น? สาวเจ้ายิ้มออกมา

   “มันโคม่าตอนแรกไง แต่ถึงมือหมอก็ปลอดภัยแล้ว” เธอผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นการเอาคืนแทนปราชญ์ เพราะถ้าพามาหาหมอไม่ทัน ก็คงได้จากไปจริง ๆ “ไม่ปลอดภัยจะได้ย้ายออกมาห้องธรรมดาได้ยังไงล่ะ”

   “...” ตฤนมองอีกฝ่ายนิ่ง นึกเคืองอยู่ไม่น้อย

   “ตัวเปียกเป็นลูกหมา” เธอพูดพลางแตะเสื้อตัวเองที่พลอยชื้นไปด้วย ก่อนสาวเจ้าจะเดินไปหยิบชุดผู้ป่วยมายื่นส่งให้ “เปลี่ยนไปใส่นี่ชั่วคราวก่อน เดี๋ยวก็ป่วยอีกคน”

   ตฤนรับมาถืออย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ

   

   กวางยืนมองสำรวจคนป่วย ก่อนยกมือขึ้นแตะที่แขนของคนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเบา ๆ เธอโน้มหน้าไปใกล้ข้างแก้มของปราชญ์ ก่อนจะพูดพึมพำเสียงเบา

   “เกลียดนายเป็นบ้า ทำให้ใจหายใจคว่ำ” ก่อนจะขยับออกแล้วบ่นต่อ “แฟนมาหาแล้วก็อย่าเล่นตัวนักเลย ตื่นได้แล้ว ตฤนมันร้องไห้จนน้ำท่วมโรงพยาบาลแล้ว”

   

   เปลือกตาคนหลับพริ้มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย คนป่วยเริ่มรู้สึกตัว ลำคอแห้งผาก เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา... ใบหน้าแรกที่เขาเห็นคือกวาง

   “ปราชญ์ฟื้นแล้ว!” กวางพูดโวยวายเสียงดังให้ตฤนได้ยิน กวางดีใจมาก เธอรีบประคองปราชญ์ ปรับเตียงขึ้นอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับป้อนน้ำให้เขา

   เขาจิบไปนิดนึง พอให้ชุ่มคอ ก่อนจะปิดเปลือกตาหนักอึ้งลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

   ปราชญ์รู้สึกหน่วงในใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเพิ่งผ่านวิกฤติเฉียดตายมา เขารู้แค่ในห้องนี้ไม่มีคนที่เขาอยากเจอ ในห้องนี้ไม่มีตฤน...

   อยู่ท่ามกลางความมืดนั่นยังดีเสียกว่า

   

   ประตูห้องน้ำเปิดออก ตฤนรีบเดินไปที่เตียง เขาเข้าไปเปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตาแปปเดียวเท่านั้น เขาก็ได้ยินเสียงกวางดังลอดเข้ามา

   ร่างสั่นเทาเดินไปเกาะที่ข้างเตียง

   “ปราชญ์...”

   เสียงตฤนทำให้เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองหูแว่ว แต่ไม่ใช่ ตฤนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

   “ตฤน...” เสียงแหบแห้งเรียกชื่อคนรักออกมาอย่างยากลำบาก

   ตฤนเอื้อมมือไปกุมมือปราชญ์เอาไว้ “เออ กูอยู่นี่แล้ว”

   “อย่าหายไป...อีกนะ” ปราชญ์ค่อย ๆ ปรือเปลือกตาลง เขาอ่อนเพลียมากจริง ๆ ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง

   ตฤนลูบข้างแก้มของปราชญ์อย่างรักใคร่ เขาไม่ไปไหนแล้ว การตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา ทำให้เขาเกือบจะเสียปราชญ์ไปจริง ๆ เขาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว

   ร่างบางขยับริมฝีปากไปแตะสัมผัสที่เปลือกตาของปราชญ์เบา ๆ พักผ่อนให้สบาย เขาจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ

   จะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน...

   

   “กลับไปทำงานก่อนนะ”

   “ขอบใจมากกวาง”

   กวางเดินออกไปสวนกับปราบบนทางเดิน เขากำลังจะกลับไปที่ห้องพอดี

   “พี่ปราบคะ ปราชญ์ฟื้นแล้วนะ”

   “จริงหรอ” ปราบร้องเสียงดังด้วยความดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

   “แต่ตอนนี้หลับไปแล้วล่ะ คงจะเพลีย”

   เขาผงกหัวงึกงัก อย่างเข้าใจ คงจะเพลียมากจริง ๆ แค่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาก็พอแล้ว เขาจึงรีบโทรไปบอกแม่ของเขา เพื่อแจ้งข่าวดีว่าน้องฟื้นแล้ว

   

   พี่ขวัญกับแม่เปิดประตูเข้ามา พร้อมเสบียงอาหาร

   “ตฤนรู้มั้ยให้เงินพี่วันไปเท่าไหร่”

   “หืม? ครับ ไม่รู้” ตฤนที่กำลังเตรียมตักข้าวเข้าปาก ถึงกับถือช้อนค้างไว้

   “สี่พัน!!! แล้วยังมีเศษ ๆ อีก นี่นายบ้าหรือเปล่า” พี่ขวัญโวยวาย ดีนะที่คน ๆ นั้นคือพี่วัน ที่รู้จักกันดี ไม่งั้นมีหวัง เสียเงินฟรี ๆ ไปแน่

   “ตอนนั้นผมรีบ” ตฤนพูดพลางส่งยิ้มแหย ๆ

   “เดี๋ยวผมคงจะต้องกลับก่อน” ปราบพูดขึ้นมา ทางนี้ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ยังไงตฤนก็คงดูแลปราชญ์อย่างดี ส่วนเขา... เหมือนว่าแม่จะกำลังพยายามพูดกล่อมพ่อ เขาก็จะไปช่วยด้วยอีกแรง เขาคิดว่าพ่อของเขาใจอ่อนลงไปมากแล้ว พ่อคงเข้าใจแต่ก็ยังคงรับไม่ได้

   

   พอหมดเวลาเยี่ยมตอน 2 ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน เหลือแค่ตฤนที่นอนเฝ้าปราชญ์ เขาลากเก้าอี้ไปไว้ที่ข้างเตียง ขยับเข้าไปจูบหน้าผากคนป่วยด้วยความคิดถึง เขานั่งลงบนเก้าอี้ ขยับสองมือขึ้นกุมมือของปราชญ์เอาไว้ จะไม่ปล่อยมือ...

   ปราชญ์รู้สึกตัวขึ้นในกลางดึก ตฤนฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ เขาขยับยิ้มบางในความมืด สองมือเรียวบางกุมมือเขาเอาไว้แน่น อย่างกลัวว่าเขาจะหายไป แต่คนที่ต้องกลัวมันคือเขาต่างหาก ความคิดสะดุดลง ความเพลียทำให้เขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง ราวกับนอนชดเชยให้กับช่วงเวลาที่ผ่านมา

   

   ตฤนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าที่แสงแดดสาดเข้ามา เขาพบว่าปราชญ์นอนมองเขาตาแป๋ว

   “ทำไมไม่ปลุกละ” เสียงแหบที่ฟังดูเซ็กซี่เอ่ยกับคนที่เอาแต่นอนมองเขา

   “นอนมองแบบนี้ก็มีความสุขดี”

   ดวงตากลมมีประกายวูบไหว เมื่อคิดว่าเขาเกือบทำคนตรงหน้าหายไปตลอดกาล เกือบทำให้คนสำคัญตรอมใจตาย เขารู้สึกผิด...

   ร่างบางจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง ก่อนขยับปล่อยมือที่เกาะกุมปราชญ์ออก มันทั้งร้อนและชื้น แต่ปราชญ์กลับดึงเอาไว้ เขาจับมันไว้แน่น

   “หือ?”

   “ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว” ปราชญ์พูดเสียงเบา ทว่าหนักแน่น

   “ปล่อยเถอะ” ตฤนพูดตอบทันควัน

   ใบหน้าของปราชญ์เจื่อนลง เขาคิดว่าอะไร ๆ ดีขึ้นแล้วเชียว มันแค่ช่วงที่เขาป่วยหรอ งั้นเขาจะป่วยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตฤนจะได้ไม่ไปไหน

   ตฤนเพ่งมองใบหน้าเจื่อน ๆ นั่น ก่อนจะรีบพูดออกมา เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด “กูปวดฉี่”

    ปราชญ์ยิ้มออกมาแต่ไม่ยอมปล่อยมือ “ก็หาขวดแถวนี้ใส่เอาสิ”

   “ไอ้ปราชญ์”

   “ก็ได้” เขาพูดพลางปล่อยมือ “รีบ ๆ กลับมานะ คิดถึง”

   ตฤนกลับออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินกลับเข้าไปหาคนป่วยที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ร่างบางอ้าแขนออกกว้างก่อนจะกอดคนป่วยเอาไว้แน่น

   ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างกอดกันนิ่ง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันก็ได้ ให้อ้อมกอดอุ่นและเสียงหัวใจคุยกัน แค่นั้นก็พอ...

   ช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนพายุฝนที่พัดกระหน่ำจนน้ำท่วม จนอะไรต่อมิอะไรมันพังทลาย แต่พอมาตอนนี้ พายุร้ายถูกปัดเป่าออกไป พร้อมกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ความอบอุ่นกลับมาเยือนพวกเขาอีกครั้ง...

   

   “ขอกลับไปบ้าน อาบน้ำเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนได้มั้ย” ตฤนพูดขึ้นขณะนั่งเท้าคางมองคนป่วยอยู่ข้างเตียง

   “ก็ได้...แต่คิดถึงนะ”

   “ไปแปปเดียว รีบไปรีบมา อยู่คนเดียวได้มั้ย”

   “ไปเถอะ” ร่างสูงพูดพลางขยับมือมายีหัวอีกฝ่ายจนผมเสียทรง “กูอยู่ได้เดี๋ยวที่บ้านก็คงมาเยี่ยมแล้ว กวางอีกมันอาจจะแว่บมา”

   ตฤนพยักหน้า ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องเพื่อกลับไปที่บ้าน ที่จากมาหลายวัน

   

   ครอบครัวของปราชญ์มาเยี่ยมในช่วงสาย ๆ

   ปราชญ์เห็นครอบครัวมาเยี่ยมพร้อมหน้า แม่กับพี่ชาย ถามไถ่อาการไม่หยุด เขาเห็นแม่น้ำตาคลอเมื่อเขาบอกว่าสบายดี ผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาไม่มีวี่แววว่าจะเดินมาหาเหมือนคนอื่น เขาดึงสายน้ำเกลือออกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อ เขาคุกเข่าลง ก้มหัวต่ำ หน้าผากแนบลงไปกับพื้น

   “พ่อครับ...ผมขอโทษ แม่ครับผมขอโทษ พี่ครับผมขอโทษ”

   “ปราชญ์ ทำอะไรแบบนั้น” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักแม้จะยังงงๆอยู่

   “ผมรักตฤนจริง ๆ ครับ ขอโทษที่ไม่เคยบอก...”

   ผู้เป็นพ่อยังคงเงียบ เขามองลูกชายนิ่ง ๆ เลือดที่ไหลซึมตรงจุดให้น้ำเกลือ ไหลออกมาเปรอะเปื้อนพื้น

   “ให้ผมรักเขาเถอะนะครับ ผมรักเขาจริง ๆ” น้ำเสียงปราชญ์หนักแน่นแต่ก็แอบที่จะสั่นอยู่หน่อย ๆ เมื่อน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อคลอ

   “...”

   “ได้โปรดอย่าทำร้ายตฤนเลย”

   “ลุก” ผู้เป็นพ่อพูดออกมาแค่คำเดียว ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “ไม่ครับ จนกว่าพ่อจะยอมรับตฤน”

   เลือดสีเข้มยังคงไม่หยุดไหล ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ

   “ผมน่ะไม่ใช่คนดีคนเก่งอะไรขนาดนั้น แต่ตฤน...ทำให้ผมพยายาม ให้เป็นผมที่ดียิ่งกว่าเดิม”

   เขานึกถึงสมัยเรียนที่นั่งอยู่หลังห้อง ซ้อมกีฬาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเท่ เขาไม่ใช่คนโง่ แต่แค่ไม่ขยัน อาจจะไม่รอดก็ได้ ถ้าไม่เจอเด็กเนิร์ด ที่คอยให้เขาลอกการบ้าน จากนั้นเขาก็แค่อยากเป็นปราชญ์ที่ดีกว่าเดิม ดีพอจะปกป้องดูแลอีกฝ่ายได้ เป็นคนที่จะคอยดูแลนายตฤนชาติตลอดไป

   “ผมรักตฤน มันสำคัญกับผมจริง ๆ”

   

   ตฤนมาถึงโรงพยาบาลในช่วงสาย มือบางแง้มประตูเปิด เขาเห็นปราชญ์นั่งคุกเข่าก้มหน้าติดพื้นในห้องผู้ป่วย เขาเข้าไปได้มั้ย เรื่องภายในครอบครัวหรือเปล่า ...ได้มั้ยวะ

   “ผมรักตฤน...”

   เรื่องของเขา... ไม่ใช่เรื่องของใคร งั้นเขาก็ควรที่จะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่าย

   ตฤนพยายามปั้นหน้าให้ดูนิ่งสุขุมสู้ความกังวล พี่ปราบกับคุณแม่ เขาไม่หนักใจ แต่เขากลับกังวลกับคุณพ่อของปราชญ์ ยังจำเสียงตวาดกับความเจ็บที่หัวไหล่ได้ดี เขาจะพยายามอดทน จะรับมือให้ได้

   ในห้องเงียบสงัด บรรยากาศกดดัน ทำให้ตฤนเกร็งไปหมด ปราชญ์ที่นั่งคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา เจ้าตัวรู้สึกแปลก ๆ ที่ตฤนกลับมาเร็วเกินไป จนต้องมาเห็นสภาพไม่ได้เรื่องของเขา

   ตฤนนั่งลงคุกเข่าข้าง ๆ ปราชญ์

   “ผมขอโทษด้วยครับ” ตฤนพูดขึ้นพลางก้มหัวแนบติดพื้น เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องขอโทษ แต่ก็ยอม เขาเห็นปราชญ์ทำแบบนั้น ยอมทำแบบนั้นเพื่อเขา “ให้เราได้รักกันเถอะนะครับ”

   ชายสูงวัยมองผู้ชายสองคนที่นั่งคุกเข่าก้มหัวขอร้องอ้อนวอนเขา ขอให้เขายอมเมตตาอนุญาตให้ทั้งคู่ได้รักกัน...

   แต่...

   “ฉันขอโทษ” พ่อของปราชญ์พูดขึ้นมาลอย ๆ

   “ครับ” ตฤนจำใจขานรับ เมื่อทุกคนต่างเงียบ ไม่มีใครตอบรับคำพูดของพ่อปราชญ์

   “ที่...ปาของใส่” ชายสูงวัยพูดเสียงเบา เขาจะพยายามยอมรับให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา “แล้วก็อย่าทำให้มันต้องโคม่าอีก” พ่อพูดแค่นั้นก็ลุกเดินออกจากห้องไป

   “พ่อเขาเป็นแบบนั้นแหละ ท่าเยอะ” ผู้เป็นแม่พูดพลางส่งยิ้มให้ เธอก็ยังรับไม่ได้เต็มร้อยนัก แต่ถ้าเทียบกับการที่ปราชญ์ต้องเฉียดตาย เธอยอม...เห็นแก่ความสุขของลูกดีกว่า

   “ลุกขึ้นมาได้แล้วว้อย ทำเป็นละครน้ำเน่าสมัยก่อนไปได้ มานั่งคุกเข่าก้มหัวอะไรกัน” พี่ปราบพูดกวน

   ตฤนขยับลุกขึ้นในขณะที่ปราชญ์เงยหน้าขึ้นมาแต่ยังนั่งนิ่ง

   “ปราชญ์เป็นอะไรเปล่าวะ ลุกได้มั้ย” ตฤนถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

   “เหมือนโลกหมุนเลย”

   “เลือดออกเยอะอ่ะดิ” ตฤนเข้าไปประคองอีกฝ่าย มือบางสอดที่ใต้วงแขนของคนป่วยก่อนจะออกแรงยกปราชญ์ขณะที่เจ้าตัวก็พยายามลุกขึ้นยืน

   “ถอดสายน้ำเกลือแบบนี้ แกโดนป้าพยาบาลด่าแน่” ปราบยังคงพูดแหย่น้องชาย ปล่อยให้แฟนหนุ่มประคองปราชญ์ไปนั่งที่เตียงผู้ป่วยอย่างทุลักทุเล

   “ไม่ช่วยแล้วยังบ่นอีก” ปราชญ์พูดสวนกลับ

   “แกต้องขอบคุณพี่นะปราชญ์” ปราบพูดพลางกอดอก

   “ทำไมล่ะ”

   “เพราะนอกจากพี่จะแบกแกมาโรงพยาบาลแล้ว พี่ยังรับแบกภาระการปั้มลูกมาไว้เองยังไงล่ะ!” ปราบพูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย

   “พี่จะทำได้หรอ” ปราชญ์แกล้งพูดสบประมาทผู้เป็นพี่

   “ไอ้นี่ ได้สิวะ”

   “หึ อย่าบอกนะว่าพี่กับพี่ขมิ้นน่ะ” ปราชญ์พูดแหย่ หญิงสาววิศวกรประจำไซต์งานที่พี่ชายเขาแอบต้องตาต้องใจ

   “เออจีบติดแล้วว้อย” ปราบพูดพลางยิ้มเขิน ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ เขาก็มีแฟนสาวที่น่ารักมากเหมือนกัน “ตฤนพี่ฝากดูแลปราชญ์ด้วยนะ ขุนให้มันกลับมามีเนื้อมีหนัง หล่อเหลาเหมือนพี่”

   “แบบพี่เรียกอ้วน” ปราชญ์ยังคงปากดี

   ปราบทำท่าจะประเคนมะเหงกใส่ปราชญ์ เห็นแก่มันเพิ่งฟื้น ก็เลยยอมปล่อยไปก่อน แล้วยังทำใจเด็ดดึงเข็มที่ให้น้ำเกลือออกอีก

   “แม่ครับไปกันเถอะ รำคาญน้อง เออ เดี๋ยวไปบอกพยาบาลให้ โดนบ่นแน่ไอ้ปราชญ์”

   แม่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ตฤน ก่อนพวกเขาเดินออกไป ทิ้งทั้งคู่ให้อยู่กันตามลำพัง

   

   “ปราชญ์... กูขอโทษนะ”

   พอทุกคนออกไปกันหมด ตฤนก็เดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาอยากจะอยู่ใกล้ ๆ  สองมือโอบรอบแผ่นหลัง ใบหน้าเนียนซุกอยู่กับไหล่หนาพูดสิ่งที่ยังติดอยู่ในใจ เขารู้สึกผิดจริง ๆ ที่ทำให้ปราชญ์ต้องเป็นแบบนี้ ถึงขั้นต้องถอดสายน้ำเกลือออก แล้วยังต้องมานั่งคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนแบบในละครอีก

   “อาการป่วยมันเกิดจากที่กูกินไม่ได้นอนไม่หลับเอง” คนป่วยกอดปลอบ

   “แต่ต้นเหตุ...”

   “อื้ม แค่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกก็พอ” คนป่วยพูดพลางกระชับอ้อมแขน

   “สัญญา”

   ดวงตากลมมีน้ำตารื้นที่ขอบตา เขาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนซุกหน้าลงกับไหล่หนา แต่อารมณ์เศร้าก็ถูกขัดเมื่อปราชญ์พูดหยอก...

   “ต้องจูบสาบานก่อนถึงจะเชื่อ”

   “ไม่ใช่แต่งงานนะเว้ย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตฤนก็ขยับตัวออก พวกเขาจ้องหน้ากันนิ่ง ปลายจมูกแตะกันก่อนที่ตฤนจะเอียงหน้า และประกบจูบอย่างเขินอาย

   “อื้อ”

   ตฤนครางในลำคอ เขาสัญญาจากใจ ไม่เอาอีกแล้วแบบนี้ เหนื่อยเกินไป สองมือลูบไล้กันด้วยความคิดถึง แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องถาม...

   เมื่อคลายอ้อมกอด ตฤนมีท่าทางอึกอักลังเลใจ เขาก้มหน้าลอบมองพื้น ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

   “ปราชญ์ มึงอยากมีลูกมั้ย” จู่ ๆ ตฤนก็ถามขึ้นมา ไอ้เรื่องคิดมาก มันแก้ไม่ได้จริง ๆ

   “อยาก”

   ตฤนหันควับกับคำตอบนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำให้ไม่ได้ หรือจะให้ปราชญ์ไปมีผู้หญิงอื่น ปราชญ์จะได้มีลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ...

   ใบหน้าของตฤนเจื่อนลงอย่างชัดเจน ปราชญ์เห็นแบบนั้นก็พยายามกลั้นยิ้ม เมื่อร่างบางตรงหน้าถามเองนอยเอง หวงเขาขึ้นมาเหมือนกันเล้วล่ะสิ

    “ตฤนล่ะ อยากมีลูกหรือเปล่า”

   ความคิดที่ทำให้ตฤนใจหายสะดุดลง เมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายกลับถามเขากลับมา

   “ก็เฉย ๆ มีก็ได้ไม่มีก็ได้”

   “ไว้หลายปีข้างหน้า พวกเราพร้อม เราไปรับเด็ก ๆ มาเลี้ยงกันเนอะ” ปราชญ์พูดพลางยิ้มสดใส ความจริงแค่มีตฤนเขาก็พอแล้ว

   “อื้อ” ตฤนพยักหน้าหงึกหงัก เขายิ้มกว้าง เมื่อปราชญ์เตรียมทางออกเอาไว้ให้ เขาไม่ต้องยอมให้ปราชญ์ไปมีใคร หรือเป็นของใคร เพราะมันเป็นของเขาคนเดียว

   “แต่...”

   ความคิดของตฤนสะดุดลงอีกครั้งเมื่อมีคำว่าแต่...

   “แต่อะไร?”

   “มีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่า” ดวงตาปราชญ์มีประกายวิบวับ ใบหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็ดูกรุ้มกริ่มกระลิ้มกระเหลี้ย ตฤนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ เขาไม่ยอม... ยังอ่อนแออยู่แท้ ๆ เป็นคนป่วยที่ขาดน้ำขาดอาหารแบบนี้ ยังจะหาเรื่องเอาน้ำออกอีก เขาคิดอย่างเขิน ๆ

   “ไม่ได้ จนกว่าจะหายออกจากโรงพยาบาล” คำพูดของตฤนดับฝันแสนหวานของปราชญ์ไปทันที

   “ไม่ได้จริง ๆ หรอ” ปราชญ์ทำหน้างอแง ก่อนจะทำคอตกอย่างน่าสงสาร ก็เขาอยากจะใกล้ชิดสนิทแนบแน่นให้หายคิดถึง

   “เออไม่ได้ กินเยอะ ๆ นอนเยอะ ๆ หายแล้วค่อยว่ากัน” รอบนี้ต้องเสียใจด้วยจริง ๆ เขาใจแข็งพอ เพื่อตัวของมันเอง เขาจะไม่ยอม...ทำอะไร ๆ

   “ถ้าได้ออกกำลังกายอาจจะหายเร็วก็ได้” ปราชญ์ยังคงพยายามจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกล่อมเขา

   ตฤนขยับเข้าไปจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากช่างเจรจานั่น จะได้เงียบสักที

   “ให้แค่นี้”

   ปราชญ์ได้แต่พยักหน้า แค่นี้ก็ได้วะ!!!

   

   ก๊อก ก๊อก

   

   “คนไข้ เตรียมใจจะโดนเจาะมืออีกรอบหรือยังคะ” เสียงเคร่งขรึม ติดจะดุของป้าพยาบาลดังขึ้น ทำเอาปราชญ์ยิ้มแห้ง ก่อนที่ป้าพยาบาลจะบ่นยาวเหยียดถึงสิ่งที่คนป่วยทำ “จะดึงถอดสายน้ำเกลือแบบนี้ไม่ได้ รู้มั้ยว่ามัน... บลาบลา” คำบ่นยาวจนทั้งคนป่วยและพยาบาลจำเป็นได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังคำดุแต่โดยดี นี่ถ้าแกเอาไม่บรรทัดตีได้คงไล่ตีทั้งปราชญ์และเขาแล้ว และอาจจะให้ไปยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัด หันหน้าเข้าหากำแพงด้วยเป็นการลงโทษ...

.
[ปราชญ์ฟื้นเเล้ว เลิกดราม่า เลิกหน่วง มารักกันจริง ๆ จัง ๆ สักที
สาดน้ำตาลไล่น้ำตากันค่าาาา
 :katai2-1:]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ (24/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-09-2019 21:53:07
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ (24/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-09-2019 22:45:34
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 34 ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยมือ (24/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-09-2019 09:25:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 35 ความสุขของคนที่รัก (28/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 28-09-2019 20:55:25
บทที่ 35 ความสุขของคนที่รัก

   

   ตฤนนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มือเท้าคางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ก่อนดวงตาคมจะตวัดกลับมาสบ คนที่เอาแต่จ้องหน้าเขา

   “มองอะไรขนาดนั้น” ปราชญ์พูดถามทั้งที่ยังกลืนไม่หมด

   “ก็ ละ...แล้วมันทำไมล่ะ คิดถึงไง” ตฤนละล่ำละลักตอบ ทำไมล่ะ ก็เขาน่ะคิดถึงอีกฝ่ายมากจนอยากจะนั่งมองทั้งวันทั้งคืน

   “คิดถึงใบหน้าหล่อ ๆ ของแฟนคนนี้ก็ดีแล้ว ทิ้งไปแบบนั้นรู้มั้ยว่าทรมานเกือบตาย”

   “รู้ซึ้งแล้ว เกือบตายไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย”

   “เออนี่ เกือบไม่ตื่นขึ้นมาแล้วนะ” ปราชญ์พูดต่อหลังจากกลืนข้าวคำที่เคี้ยวอยู่จนหมด ก่อนยกน้ำขึ้นจิบ

   “หืม?”

   “เหมือนจะฝันน่ะสิ ได้ยินเสียงตฤนตลอดเวลา จนไม่อยากลืมตา”

   “ขนาดนั้นเลยหรอ”

   “ใช่ แต่... ได้ยินใครบางคนบอกว่าอืมมม... ตื่นได้แล้ว ไม่คิดถึงกูหรอ ก็เลยพยายามจะลืมตาขึ้นมา ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นตื่นหรือหลับ หรือยืนอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ”

   ตฤนผุดยิ้มบาง เมื่อคิดว่าเสียงตัวเองส่งเข้าไปถึง

   “น่าจะแค่หลับ แล้วฝัน ใครพูดแบบนั้นกันนะ” ร่างบางขยับมือไปหยิบข้าวที่เปื้อนอยู่ตรงคางของอีกฝ่ายออกให้

   “ไม่ได้พูดหรอ” ปราชญ์ถามเสียงเบา ใบหน้างุนงง ใครกันพาเขากลับมา

   “อ่า...พูดน่ะสิ”

   “ถ้าไม่ได้ตฤนแย่เลยนะเนี้ย” มือหนาเอื้อมไปดึงแก้มของตฤนด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากหลับอยู่ในฝันดำมืดเพราะแค่อยากได้ยินเสียงของตฤน แต่พออีกฝ่ายเรียกหา เขาก็พร้อมที่จะไปหาทันที

   “เจ็บนะว้อย” ตฤนพูดพลางคว้าข้อมือหนาเอาไว้

   “รัก”

   “ฮะ?” ตฤนหลุดทำเสียงตกใจ พร้อมทำหน้าเหวอเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนโหมดหน้าตาเฉย มาบอกว่ารักทั้งที่ยังดึงแก้มเขาอยู่ แล้วยังส่งแววตาหวานซึ้งมาให้จนเบาหวานแทบขึ้น

   “รัก รักไง รักมาก” เขาวางมือจากอาหารตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายตรง ๆ มืออีกข้างลูบไล้แก้มเนียน ทั้งจับทั้งลูบจนตฤนทำตัวไม่ถูก “โคตรรักเลย”

   “...” ตฤนได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อะไรของมัน ในข้าวมันมีอะไรอยู่หรือไง อยู่ดี ๆ ถึงได้มาพร่ำบอกรัก อย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ไม่หยุด

   “เออ แล้วยังไง”

   “ก็รักไง”

   “ก็รู้แล้ว”

   “งื้อออออ” ปราชญ์ครางออกมา เหมือนจะน่ารักมุ๊งมิ๊ง

   “ปราชญ์... เป็นห่าอะไร”

   “เฮ้อ อออ” ปราชญ์ถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนดึงมือที่ทั้งลูบทั้งดึงแก้มอีกฝ่ายกลับมาวางบางตัก

   “อยากฟังว่ากุรักเมิงบ้างงี้หรอ”

   ร่างสูงพยักหน้ารัว ๆ เขามองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู เมื่อแฟนหนุ่มดันดูเหมือนหมาน้อยตัวใหญ่

   “กูรักเมิง...ตลอดนั่นแหละ”

   “งื้ออออออออ” ร่างสูงส่งเสียงครวญครางงอแง

   “อะไรอีกกกก”

   “ตฤนน่ารัก”

   ท่าทีและน้ำเสียงของปราชญ์ ทำให้เขาอยากจะเอาหัวโขกกับหัวเตียง โขกกับผนัง โขกกับพื้น เผื่อสมองจะปรับและชินกับความเพี้ยนของปราชญ์ ผู้ชายตัวสูงที่เอาแต่ส่งเสียงประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็น หรือเพราะยา เพราะอาการป่วยหนัก อะไรของมัน โว้ย อยากจะเอาหัวโขกให้เพี้ยนตาม

   อยากเอาหัวโขก ย่อมได้ตามนั้น เขาได้เอาหน้าผากไปโขกกับหน้าผากของอีกคนแทน เมื่อจู่ ๆ ปราชญ์ก็ใช้สองมือจับใบหน้าเนียนเอาไว้ พร้อมกับขยับมาชิด เอาหน้าผากมาชน

   ตฤนหลับตาลงอย่างรู้งาน ขณะที่ปราชญ์ จูบแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากนุ่ม หยอกเหย้าริมฝีปากบางแผ่วเบา อย่างอ้อยอิ่ง ส่วนมือข้างหนึ่งกลับขยับด้วยสัญชาตญาณ เมื่อมือหนาสอดเข้าไปในเสื้อยืดของตฤน ลูบไล้หน้าท้องแบนราบไปมาชวนให้ขนลุกซู่ อีกฝ่ายถึงได้สติกลับคืนว่าควรที่จะรีบตัดไฟก่อนที่จะลุกไหม้อย่างคุมไม่อยู่เหมือนครั้งก่อน

   มือบางคว้าตะครุบมือหนาที่ซุกซน ตฤนฝืนหนีออกจากการเกาะกุมที่เขาก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน เขาจะไม่อ่อนข้อให้คนป่วย ปราชญ์ทำหน้าเหมือนเสียดายเต็มประดา

   “ตฤน...”

   “ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องนะ เป็นแบบนี้จะทิ้งให้อยู่คนเดียว”

   “ครับ ยอมแล้วครับ ทำตามที่สั่งเลยครับ” ปราชญ์ได้เข้าสมาคมคนกลัวเมียไปแล้ว เป็นพ่อบ้านใจกล้า

   ...แต่ก็ยังไว้ลายเสือ ขโมยหอมแก้มเนียนอีกครั้งฟอดใหญ่ ก่อนฉีกยิ้มทะเล้น

   ตฤนได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เอาเถอะ ถ้าไม่มือปลาหมึกมาก จะหอมนิดหอมหน่อยก็เอาเถอะ

   

   ช่วงสายหมอก็แวะมาเยี่ยมตรวจดูอาการคนป่วย คนป่วยก็ทำตัวไม่สมกับที่ป่วยเลยแม้แต่น้อย

   “หมอครับบบบ ผมหายหรือยัง จะออกจากโรงพยาบาลได้หรือยังครับ” ปราชญ์รีบถามทันที เมื่อคุณหมอเริ่มตรวจเช็ค

   ตฤนสะดุ้งกับคำถามนั้น ที่เจ้าตัวมันถาม มีอะไรแอบแฝงอยู่...

   “ก็เดี๋ยวรอดูอาการพรุ่งนี้อีกวัน” หมอตอบก่อนจะยิ้มให้ ส่วนใหญ่คนไข้ก็ไม่ชอบที่จะนอนอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ อยู่แล้ว แต่ที่คุณหมอไม่รู้ก็คือ คนไข้ของคุณหมออยากออกจากโรงพยาบาล เพราะว่าเขาหื่นกามมาก ๆ

   “ขอบคุณครับ” ปราชญ์ยิ้มกว้าง หมอผงกหัวให้นิดนึงก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

   ตฤนส่ายหัวให้กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปราชญ์

   “ฮ้าาาาา เดี๋ยวก็ได้ออกไปแล้ว”

   “ถ้าอาการพรุ่งนี้ดีน่ะนะ”

   “แน่นอน ปราชญ์น่ะ แข็ง แรง อยู่แล้ว” ร่างสูงพูดกลั้วขำ ตั้งใจพูดเว้นวรรคคำแปลก ๆ เพื่อสื่อความหมายลามกในประโยคนั้น

   ตฤนได้แต่มองคนลามกด้วยสายตาเอือมระอา เขาถอนหายใจให้กับความติดเรทของแฟนหนุ่ม

   “อยากกินสัปปะรดจัง” ปราชญ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็มีอะไรแอบแฝง

   “เอามั้ยไปซื้อให้”

   “รู้มั้ยทำไมต้องกินสัปปะรด”

   “ไม่รู้อ่ะ มันเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินแล้วสดชื่นมั้ง”

   “ผิด กินแล้วน้ำอันนั้นจะหวาน”

   “น้ำ?” ตฤนทำหน้างงงวย น้ำอะไรวะ

   “น้ำที่ออกมาตอนเสร็จอ่ะจะหวาน” ปราชญ์พูดชัดเจน ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

   “ไอ้ทะลึ่งนี่!” ตฤนหน้าร้อนวูบวาบเมื่ออีกฝ่ายพูดแกล้ง เขาเลยคว้ากระเป๋าพร้อมรีบเผ่นหนีออกมาจากห้อง ปล่อยคนหื่นกามให้อยู่คนเดียว... มันเป็นคนนิสัยไม่ดี!!!

   

   ตฤนโทรแจ้งที่ทำงาน ว่าหลังจากจบเรื่อง อาทิตย์หน้าเขาจะไปทำงานปกติ ดีที่พี่วริษฐ์แต่งเรื่องแต่งราวไว้ให้แถมส่งไลน์มาบอกให้เขาเล่นไปตามน้ำ ถ้าไม่นับเรื่องนั้นเรื่องเมื่อครั้งนั้น อีกฝ่ายก็ดีกับเขาเสมอจนถึงตอนนี้ ไม่น่าเกิดเรื่องวันนั้นขึ้นเลย เขานึกเสียดายความสัมพันธ์...ถ้าปราชญ์แอบมาฟังแล้วได้ยินคำนี้ในหัวเขาคงบ้านแตก เขาหมายถึงความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง เพื่อนร่วมงานที่ดี ไม่มีเกินกว่านั้น อีกฝ่ายน่ะอาจจะทำให้เขารู้สึกประหลาด คงเพราะว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์ มีความเนี๊ยบ คารมแบบผู้ใหญ่อัธยาศัยดี แต่ถ้าความรัก เขาก็มีให้ปราชญ์ แค่คนเดียว...

   วันนี้ครอบครัวปราชญ์มาตอนบ่าย ตฤนก็จะนั่งหลบมุมจ๋อย ๆ ไม่ได้ออกไปจากห้อง พ่อของปราชญ์ไม่มีทีท่าอะไรกับเขา เหมือนจะรับได้หรือไม่ก็คงพยายามอยู่ ส่วนแม่ของปราชญ์ใจดีเอาขนมมาให้เขากินด้วย พวกเขามาแค่แปปเดียวก็กลับ จะด้วยอาการของปราชญ์มันไม่ค่อยน่าเป็นห่วงแล้ว หรือเพราะอึดอัดกับเขาก็ไม่อาจจะทราบได้

   ปราชญ์รู้ว่าตฤนยังคงวิตกกังวล เขาก็เข้าใจพ่อของเขาที่ก็คงพยายามจะยอมรับ แต่ก็นะยิ้มให้สักนิดก็ไม่มี ตัวเขาก็ได้แต่ปลอบอีกฝ่าย

   “ไม่เอา ไม่ขมวดคิ้ว เดี๋ยวพ่อก็รับได้น่า”

   “หือ?” เขายกมือขึ้นจับที่หว่างคิ้วเมื่อเขาเผลอขมวดโดยไม่รู้ตัว

   “ถ้าตฤนกังวล เราหนีตามกันไปเลยดีมั้ย”

   “ไอ้บ้า” คำพูดหยอกล้อบ้า ๆ บอ ๆ ของปราชญ์ ทำเอาเขายิ้มออก

   



   พอช่วงเย็นคนมาเยี่ยมกลายเป็นบ้านของตฤนที่ถ่อกันมาเยี่ยมเขาราวกับเขาป่วย พี่ขวัญ แม่ และ ... คนที่เข้ามาในห้องคนสุดท้ายทำเอาตฤนตกใจตาโต ใบหน้าดีใจผสมความกังวล

   พ่อมา...

   “พ่อ!” ตฤนเรียกเสียงดัง เมื่อผู้เป็นพ่อมาพร้อมกับกระเช้าผลไม้อันใหญ่ อย่างกับจะมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่หรือไม่ก็ให้หัวหน้างาน

   “มีแฟนไม่บอกพ่อ” คำทักคำแรกของพ่อทำเอาตฤนสะอึก

   “พ่อรู้”

   “แน่นอน”

   “สวัสดีครับ” รอบนี้เป็นปราชญ์บ้างที่มีควาวมวิตกกังวล เขาเพิ่งเจอพ่อของตฤนไปเมื่อไม่นานแต่เป็นสถานะอื่น ตอนนั้นยังสบาย ๆ แต่ตอนนี้ไปยุ่งกับลูกชายสุดรักของเขาซะด้วย ปราชญ์ได้แต่สูดลมหายใจทำใจดีสู้เสือ พ่อตฤนน่าจะรับมือไม่ยาก

   “ว่าไงไอ้ลูกเขย” ไม่ยากจริง ๆ เหมือนรับได้ทุกอย่างเป็นอย่างดี

   “ครับพ่อ” เขายกมือไหว้ และยิ้มให้อย่างนอบน้อม รับคำว่าลูกเขยเป็นอย่างดี

   ก่อนเบ้หน้านิด ๆ เมื่อผู้เป็นพ่อตบเข้าที่ไหล่เขาอย่างแรง

   “ตฤนเจ็บมากกว่านี้หน่อย”

   “พ่ออออออ” ตฤนร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อ ทักทายแฟนหนุ่มรุนแรงเกินไป แล้วยังพูดแบบนั้นอีก อย่างกับมาเพื่อล้างแค้นให้เขายังไงอย่างงั้น

   “ก็วันนั้นลูกต้องเจ็บตัว เขาปกป้องลูกไม่ได้” พ่อตฤนโวยวาย ตฤนพยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากอีกสองคน ก็พบว่าแม่กับพี่ขวัญนั่งอยู่ที่โซฟา กินอะไรสักอย่างที่ซื้อมา และมองมาทางพวกเขาเหมือนกำลังดูละครเพลิน ๆ

   “ผมขอโทษครับ” ปราชญ์พูดขอโทษ พลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อย เขาปกป้องอีกฝ่ายไม่ได้จริง ๆ เขายอมรับ ตอนนั้นเขาก็ตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   “ถ้า...” พ่อตฤนทำท่าจะพูดขู่ แต่พูดได้แค่ถ้าคำเดียว ปราชญ์ก็ชิงพูดก่อน

   “ต่อไปผมจะปกป้องตฤนให้ดีครับ”

   “ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ” พ่อพูดย้ำ โรคหวงลูกกำเริบ ตฤนได้แต่มองพ่อของเขา นี่ขนาดเขาเป็นลูกชายนะ ถ้าเป็นลูกสาว ปราชญ์เละ ไม่สิ ถ้าเป็นลูกสาว เขาอาจจะไม่โดนพ่อปราชญ์ทำอะไรแบบนั้นแต่แรกก็ได้...คิดแล้วก็เหนื่อยใจ แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นผู้หญิงหรอกนะเว้ย

   “ผมผิดไปแล้ว คุณพ่อครับ ผมรักตฤนจริง ๆ ครับ” ปราชญ์พูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย มันหนักแน่นชัดเจน ความตรงไปตรงมาทำเอาพ่อของตฤนอ้าปากเหวอไปเล็กน้อย

   “อะแฮ่ม” พ่อของตฤนได้แต่กระแอมแก้เขิน “ก็ดีแล้ว ถ้าทำตฤนเสียใจน่าดู”

   แปะ แปะ แปะ

   พี่ขวัญปรบมือแปะ ๆ

   “อย่างกับดูละคร สนุกเหมือนเรื่องเมื่อคืน”

   แม่พยักหน้าเออออด้วย เธอมองลูกชายสุดรักของเธอที่ตอนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับเมื่อหลายวันก่อน ที่เอาแต่เหม่อ เอาแต่ร้องไห้ หัวใจคนเป็นแม่น่ะนะ

   “แล้วนี่ลูกไม่คิดจะกลับบ้านบ้างหรอไง กี้มันคิดถึงลูกเหมือนกันนะ” ผู้เป็นพ่อพูดต่อ เขากลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อวานเย็น ถามหาลูกชายก็บอกว่าเฝ้าแฟนอยู่โรงพยาบาล เขาที่อยากเจอลูกก็ได้แต่จ๋อย มันน่าน้อยใจ

   “กี้เพิ่งเจอผมเมื่อวันก่อน มันไม่คิดถึงเท่าไหร่หรอก” ตฤนตอบกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ เขารู้ว่าพ่อเอากี้มาบังหน้า คนที่คิดถึงเขามากคือพ่อนั่นแหละ “เอาน่า ผมก็คิดถึงพ่อ”

   “จริงนะ”

   “ครับ”

   คนเป็นพ่อยิ้มหน้าบานเมื่อลูกชายตอบรับว่าลูกชายก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

   พวกเขามาเยี่ยมคนป่วยไม่นานก็กลับไป ผู้เป็นพ่อดูจะอาวรณ์มากที่สุด แต่ก็ยอมกลับไปแต่โดยดี น่าแปลกที่วันนี้กวางไม่แม้แต่จะโผล่มา

   

   และแล้ววันที่ปราชญ์เฝ้ารอคอยก็มาถึง เขาได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะผมตรวจวันนี้เป็นไปด้วยดี แต่เพราะพ่อกับแม่และพี่ชายของเขาจะมารับ ทำให้ตฤนทำท่าจะชิ่งหนี

   “ลืมสัญญาแล้วหรอ” ปราชญ์พูดดักคอเมื่อเห็นว่าตฤนสะพายกระเป๋า

   “มะไม่ได้ลืม แต่พ่อแม่มึงกำลังมารับ...” เขาตอบรับอึกอัก มันรู้ทันตลอด

   “เดี๋ยวกลับไปพร้อมกันไง” ตฤนทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เขาก็ยังเกร็ง ๆ กับพ่อแม่ของปราชญ์มาอยู่ดี

   “วันอื่นนะ”

   “ไม่” ปราชญ์ลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะมาฉุดข้อมือตฤนให้เดินตามมาที่ห้องน้ำ

   “จะให้เข้าไปด้วยทำไม” เขายื้อยุดอยู่หน้าห้องน้ำ

   “ช่วยเปลี่ยนชุดหน่อย” ปราชญ์พูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ “แล้วก็ จะไม่ให้ตฤนคลาดสายตาด้วย เดี๋ยวหนีกลับบ้าน”

   “เฮ้อ” เขาจำนนต้องเดินเข้าไป

   ปราชญ์ให้ตฤนเดินเข้าไปตรงส่วนที่อาบน้ำ เขายื่นหน้าไปจุ๊บปากเบา ๆ ก่อนจะรูดม่านปิด

   “อยู่ในนั้นไปนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แต่ถ้าอยากดู รูดม่านออกก็ได้แล้วแต่เลย” ปราชญ์พูดกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนจะลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้า

   “ไม่ดู!!!” เสียงโวยวายดังมาจากหลังม่าน

   “มีใครอยากแต่งตัวให้มั้ยนะ”

   “ไม่มี”

   “มีใครอยาก...”

   “ไม่มี”

   “มี...”

   “ไม่มี”

   “ยังไม่ทันพูดเลย ... อ่ะเสร็จแล้ว”

   ปราชญ์กับตฤนเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยมีปราบที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้ หันไปมองทั้งคู่ ก่อนจะมองเลยไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ถึงเขาจะเคยเห็นทั้งคู่จูบกันเมื่อตอนนั้น แต่เขาก็ยังไม่ชินหรอกนะ

   “มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะ” ตฤนปฏิเสธเป็นพัลวัน

“เออพวกข้าวใหม่ปลามัน” ปราบตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้สนใจคำปฏิเสธของตฤนแม้แต่น้อย

   

   เมื่อตฤนเจอหน้าพ่อแม่ปราชญ์ เขาก็เตรียมตัวจะขอตัวกลับ แต่ก็โดนปราชญ์ชิงพูดขึ้นก่อน

   “เดี๋ยววันนี้ตฤนไปบ้านด้วยนะครับ”

   เขาได้แต่เม้มปากแน่น เพราะพูดไม่ทันปราชญ์

   ในรถมีบรรยากาศอึดอัดนิดหน่อย ปราบเป็นคนขับ ผู้เป็นพ่อนั่งข้างหน้าข้างลูกชายคนโต ผู้เป็นแม่นั่งอยู่ข้างหลังพ่อ ส่วนปราชญ์นั่งตรงกลาง และตฤนนั่งหลังคนขับ

   เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน ตฤนกับปราชญ์ก็ก้าวเท้าลงจากรถ ส่วนแม่กับพ่อเมื่อทำท่าจะลงจากรถ ปราบก็รีบเรียกเอาไว้

   “พ่อกับแม่ ไปกินข้าวกันครับ ทั้งสองคนอยู่บ้านพักผ่อนไปนะ ป่วยอยู่ไม่ควรไปตากลม ส่วนพี่จะพาพ่อกับแม่ไปกินข้าวชอปปิ้ง” ปราบพูดพลางขยิบตาให้น้องชาย

   พ่อกับแม่ไม่ได้ติดใจอะไร พวกเขาก็พยักหน้าตกลง

   เขาเป็นพี่ที่ดี เขารู้ว่าน้องชายคิดอะไร แววตากรุ้มกริ่มของมันปิดไม่มิดเอาซะเลย และในฐานะพี่ชาย ที่ต้องรักษาสมดุลครอบครัว พ่อกับแม่เขายังรับไม่ได้เต็มร้อย เขาก็ด้วย ถ้าทั้งคู่อยากจะทำอะไร ๆ เขาก็จะพาพ่อกับแม่หนีไป แต่เดี๋ยวจะมาเบิกเงินกับมัน

   

   เมื่อเดินเข้าบ้าน ปราชญ์แทบอยากจะอุ้มตฤนไปที่ห้อง เขาต้องการตฤนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่เขาก็ทำแค่เดินจูงอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง และกดล็อคประตู ...!!!

.

.

[กดล็อคประตู!!!! อิอิ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงตอนนี้ได้

ตอนหน้าเป็นตอนจบเเล้วนะคะ แต่ยังไม่จบสนิท เพราะเรามีตอนพิเศษ

ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน และเป็นกำลังใจมาตลอด

ยังไงก็ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า I met you เพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)
และนี่ก็คือความมือปลาหมึกของปราชญ์
 :hao7:
(https://uppic.cc/d/5s1S) (https://uppic.cc/v/5s1S)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 35 ความสุขของคนที่รัก (28/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-09-2019 23:28:01
 :z1:

 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมก (10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 10-10-2019 12:22:41
   
บทที่ 36 (ส่งท้าย) มีความสุขในอ้อมกอดนาย
   

   พวกเขาอยู่ในห้องกันสองต่อสอง ประตูปิดล็อคมิดชิด ความต้องการที่กักเก็บไว้ภายในก็เอ่อล้นออกมา อยากใกล้ชิดให้หายคิดถึง แนบแน่นให้รู้ว่าจะไม่ห่างหายไปไหนอีก

   ดวงตาคมมองอีกฝ่ายราวกับอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว สายตานั้นทำเอาตฤนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา

   เขาพลิกตัวหันหน้าเขาหาพลางดันตฤนให้แผ่นหลังแนบไปกับประตู ก่อนจะเริ่มด้วยจูบที่ร้อนแรง ริมฝีปากตักตวง ฉกชิงความหวานด้วยความกระหาย ขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างดุดัน

   “อื้อ อื้มมม” ตฤนครางในลำคอ พอใจกับรสจูบที่ได้รับ ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่ว ขบกัดที่ซอกคอ กัดที่หัวไหล่จนเป็นรอยฟันเล็ก ๆ ราวกับจะกลืนกินตฤนเข้าไปทั้งตัว ส่วนมือหนาลูบไล้เปะป่าย ทั่วแผ่นหลัง ไล่ลงมาที่ก้นแน่นก่อนจะสอดมือเข้าไปบีบเคล้นก้นแน่นนุ่ม ยกอีกฝ่ายจนตัวลอย ตฤนโอบรอบคอปราชญ์เอาไว้ อย่างกลัวว่าจะตก ขาเรียวเกี่ยวรัดเอวหนาเอาไว้

   ดวงตาคมมองใบหน้าเนียนที่กำลังมีอารมณ์ความต้องการลึกล้ำไม่ต่างจากเขา แก้มแดงน่าฟัด ...ร่างสูงอุ้มตฤนไปวางไว้บนที่นอน ถอดกางเกงของตัวเองกับของตฤนออกอย่างรีบร้อน ก่อนจะทาบทับร่าง มอบจูบที่รุนแรงเร้าร้อนกว่าเดิมให้ ซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ขบเม้มจนมันเป็นรอยแดงอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

   “รสชาติที่คิดถึง อยากจะกินเข้าไปทั้งตัวเลย” ปราชญ์พูดคำที่ทำให้ตฤนต้องรู้สึกวูบไหว

   “ไอ้บ้ากินคน”

   “ชนเผ่าคนรักตฤน”

   “ปัญญาอ่อน” ตฤนบ่นด่าปราชญ์ไม่หยุด แต่ร่างกายกลับกำลังสั่นสะท้าน เมื่อมือหนาลากผ่านลำตัวของตฤนไปจนถึงแก่นกลางขาวเนียนที่กำลังแข็งขืนไม่แพ้กัน ฝ่ามือร้อนทำให้ตฤนสะดุ้ง ความเสียวสะท้านแผ่ขยายตัว เขาขยับเอวกับฝ่ามือร้อนนั้น

   “อื้อ ปราชญ์... ระ เราทำพร้อม ๆ กันได้มั้ย”

   “หืม” ปราชญ์ละสายตาจากมือที่กำลังขยับ เปลี่ยนเป็นมองจ้องหน้าแดงก่ำของคนด้านล่าง

   “กะ ก็เดี๋ยวกูใช้ปากให้ ละ...แล้วมึงก็ทำให้กู” ตฤนพูดตะกุกตะกัก เขาเคยได้ยิน เคยดูมาบ้าง...

   “อยากให้ทำอะไรบอกได้เลยนะ” ปราชญ์พูดพลางตวัดลิ้นร้อนลากวนที่หน้าท้องขาวเนียน

   ปราชญ์ลอบยิ้ม ตฤนไม่สบตาเขาเพราะกำลังเขิน เจ้าตัวเพิ่งจะเคยร้องขออะไรแบบนี้กับเขา... ตฤนกำลังจะมีด้านใหม่ ๆ ออกมา ด้านหื่น ที่เป็นของเขาคนเดียว ด้านที่เกิดขึ้นเพราะเขา เกิดขึ้นเพราะว่าตฤนต้องการเขา

   พวกเขาขยับท่าทางใหม่ กลับหัวกลับหางกันชุลมุน ปราชญ์เริ่มก่อนด้วยการใช้ ริมฝีปากครอบครองลงไปที่แก่นกลางแสนหวาน ตฤนขยับเอวตามสัมผัสนั้น ในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้มือจับแท่งเนื้อใหญ่โต ที่ผงาดจนแทบจะฟาดหน้าเขาเอาไว้ ก่อนจะใช้ลิ้นโลมเลียที่ส่วนอ่อนไหวก่อนจะอ้าปากกว้างรับทั้งหมดเข้าไป

   ปราชญ์เสียวซ่านจนแทบไม่ไหว อาการปวดหนึบที่เจ้าแท่งเนื้อที่หว่างขา เมื่อความรู้สึกพุ่งพล่าน มันถูกเก็บกดมานาน วันนี้เขาจะจัดการตฤนให้สมใจ ลงโทษที่คิดจะทิ้งเขาไป

   บรรยากาศเร้าร้อนเมื่อทั้งคู่พยายามจะเติมเต็มให้กันและกัน กลิ่นไอรักอบอวลอยู่ทั่วไปหมด หยาดเหงื่อผุดพราย เสียงครวญครางอื้ออึงอยู่ในลำคอ สอดประสานกับเสียงเคลื่อนไหวของทั้งสองคน

   ตฤนบิดตัวเร้า เมื่อปราชญ์ดูดมันอย่างรุนแรง นั่นทำให้เขากระตุกเกร็งก่อนจะเสร็จสม ปล่อยน้ำหวานเข้าไปในโพรงปากของปราชญ์จนหมด ซึ่งปราชญ์ก็ดูดกลืนน้ำรักทั้งหมดเข้าไป

   “แฮ่ก ๆ หวาน” ปราชญ์พูดขึ้นหลังจากกลืนทุกอย่างเข้าไปจนหมด

   “กะกลืนเข้าไปหรอ” ตฤนหน้าขึ้นสี กลืนเลยหรอ มัน...

   เพราะแบบนั้นตฤนก็เลยตั้งใจจะทำแบบเดียวกัน เขาดูดเม้มจนแก้มตอบ ฟันครูดเบา ๆ เพิ่มความสยิว ปราชญ์ถึงกับเชิดหน้าขึ้น มันรู้สึกดีจนเขาแทบล่องลอยไป ปราชญ์กดแท่งเนื้อนั้นเข้าไปในโพรงปากหวาน

   “อึก อึก” ตฤนพยายามหายใจ เหมือนมันจะเข้าไปลึกเกินไป

   “ซี้ดดดดด ไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบพร่าของปราชญ์ ทำให้ตฤนเร่งจังหวะ ใช้ทั้งมือทั้งปากช่วย ปราชญ์ไปถึงจุดสุดท้าย พ้นน้ำอุ่นร้อนเข้าไปในปากตฤน จนล้นออกมา ตฤนยังคงสำลักอยู่เหมือนเดิม รสชาติมันแปลก ๆ

   “น้ำสัปปะรด มันดีจริง ๆ ใช่มั้ย” ปราชญ์พลิกกลับมาหา เขามองอีกฝ่ายใช้มือเช็ดหยดน้ำรักของเขาที่มันไหลลงมาตามคาง เซ็กซี่เป็นบ้า

   “มันก็ไม่แย่” หน้าตฤนร้อนวูบวาบ ขึ้นสีเหมือนมะเขือเทศสุก พวกเขาพยายามตอบสนองซึ่งกันและกัน อย่าถามว่าเขินมั้ย เขาแทบจะอยากหลบลงไปแอบอยู่ในฟูกที่นอน

   ปราชญ์หยิบเจลมาชโลมแท่งเนื้อของเขา ปลุกปั้นนิดหน่อยมันก็พร้อมออกศึกอีกครั้ง รอบนี้เขาอยากเห็นสีหน้าสุขสมของตฤนไปด้วย เขาไม่ให้อีกฝ่ายหันหลังแล้ว มือหนาจับขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า นิ้วเรียวยาวสองนิ้วถูกส่งเข้าไปก่อน มันเข้าไปเตรียมความพร้อม ก่อนที่เขาจะเอาสิ่งที่ใหญ่โตกว่าสอดเข้าไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเจ็บ

   “ฮึก ... อื้อ” ตฤนครางเมื่อถูกรุกราน เขาบิดตัวเร้าเมื่อนิ้วมือร้อนควานหาจุดอ่อนไหว สัมผัสนั้นทำให้เขาตัวสั่นสะท้าน มันวาบหวามจนทนแทบไม่ไหว

   ปราชญ์ถอนนิ้วออก ก่อนกดสะโพก สอดใส่ความต้องการเข้าไปทีละนิดจนมิดด้าม

   “อ๊ะ อ๊า” เพราะข้างในตอดรัด เข้ากับเขาได้ดี ทำให้ปราชญ์ต้องพยายามควบคุมตัวเอง ไม่ให้ทำเร็วเกินไป แต่เหมือนคนข้างล่างจะไม่ยอม ... มันขยับเอวไปมา

   “ขะ ขยับ เลย” เสียงหวานแหบพร่าไปด้วยอารมณ์ ปราชญ์ไม่ปฏิเสธคำขอ เขาเริ่มกระแทกกระทั้นหนักหน่วง ด้วยจังหวะช้า ๆ ก่อน

   “อื้ออออ ปราชญ์” เสียงร้องเรียกชื่อทำเอาเขาสติแตก บั้นท้ายแกร่งขยับรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ เสียงครวญครางผสานกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงเป็นจังหวะสอดคล้องกับการกระแทก ทุกจุดที่สัมผัสกันที่เนื้อแนบกับเนื้อมันร้อนจนแทบจะหลอมละลาย มือหนาเขี่ยแท่งเนื้อสีหวานไปด้วย ใบหน้าเนียนบิดเบี้ยวทรมานแทบขาดใจ “ปราชญ์ ฮึก ฮื้อออ”

   ด้านในขมิบเกร็ง โอบรัดจนปราชญ์ไปถึงจุดหมายอีกครั้ง ของเหลวอุ่นร้อนพ่นเข้าไปข้างในจนตฤนรู้สึกร้อนวูบวาบ  บรรยากาศหวานล้ำล่องลอยไปทั่วห้อง

 

   ตฤนนอนซุกอยู่บนแผงอกกว้าง ปราชญ์โอบกอดเอวบางไว้หลวม ๆ ทั้งคู่นอนกอดก่ายกันด้วยความรัก

   “ปราชญ์ กูรักมึง”

   ปราชญ์ จุ๊บเบา ๆ ไปที่ศีรษะของตฤน

   “อื้อ ดีแล้ว รักกูก็ดีแล้ว” เขายิ้มกว้าง เฟรนด์โซนและความไม่แน่นอนทุกอย่าง เขาเอาชนะได้แล้ว ไม่มีใครหน้าไหนจะเข้ามาสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเขาได้อีก เพราะยังไงตฤนคงไม่ยอมเสียเขาไปอีก การที่เขาเกือบตายมันก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ  “แต่กูรักมึงมากกว่า ขอเอาชนะด้วยระยะเวลา”

   ตฤนเงยหน้าสบตาคนขี้โกง ถ้าวัดด้วยเวลาต่อให้ทำยังไงเขาก็ไม่มีทางตามได้ทัน

   “ขี้โกง”

   “ไม่มีทางชนะกูได้ตลอดชีวิต” ปราชญ์ขยับมาจูบหน้าผากอีกฝ่าย จูบเน้นแน่นหนัก

   “ขอวัดด้วยความซิง...”

   ปราชญ์เลิกคิ้วขึ้น นี่จะไม่ยอมแพ้เขาจริง ๆ หรอ

   “รักที่สุด คนแรกที่รัก คนแรกที่คบ คนแรกที่มีอะไรด้วย คนแรกของทั้งชีวิต แล้วจะยอมให้เป็นคนสุดท้ายด้วยถ้าให้ชนะ” ตฤนพูดจ้อ คำพูดเขาทำปราชญ์หัวใจพองโต

   “เอาชัยชนะไปเลย พร้อมของรางวัล” ปราชญ์จับประคองใบหน้าก่อนจะส่งจูบอ่อนหวานนุ่มลึกไปให้ “รางวัลก็คือตัวปราชญ์เอง” เขาพูดพลางยิ้มทะเล้น เขาจะชนะหรือแพ้ไม่สำคัญ เท่าจากนี้เขาจะมีตฤนตลอดไป

   “ขอเปลี่ยนของ”

   “ไม่รับเปลี่ยนคืน”

   “ชิ ขายทิ้งได้มั้ยวะ” ตฤนพูดด้วยน้ำเสียงติดจะหมั่นไส้

   “ขายไม่ได้ เพราะของรางวัลจะไม่ยอมไปจากผู้ชนะ” ปราชญ์พูดยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้ว่างมั้ย”

   “หืม?” ตฤนทำหน้างงเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมา

   “พรุ่งนี้ไปดูแหวนกัน”

   “ฮะ????” ตฤนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก อะไรของมันนะ

   “แหวนหมั้น” ปราชญ์ขยับยิ้มกว้าง “ขอตีตราจองไว้ก่อน จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่ง” สิ่งที่ตฤนไม่รู้เมื่อมีแฟนเป็นปราชญ์แล้ว นอกจากจะหล่อ ดูแลเก่ง ขี้อ้อนแถมยังหื่นกามแล้วนั้น อีกอย่างคือ ชอบแสดงความเป็นเจ้าของ

   “แหวนหมั้น!!! รีบเรอะ” ตฤนเด้งตัวขึ้นนั่ง พูดทวนโวยวายเสียงดัง

   “ใช่ รีบ แต่งพรุ่งนี้ได้ก็จะแต่ง” ปราชญ์ทำหน้าดุ “เกิดมึงเปลี่ยนใจไปกูจะทำยังไง แล้วถ้ามีไอ้หล่อหน้าไหนเข้ามาอีกอ่ะ กูไม่ยอม”

   “มึงเป็นบ้าไปแล้ว ใครจะมายุ่งกับกู” เขาโสดมาตั้งนาน โสดสนิทขนาดนี้ ถ้าเขาฮอตล่ะก็ เขามีแฟนไปนานแล้ว คนที่ฮอตคือคนที่นอนอยู่ตรงนั้นต่างหาก

   “มีละกัน มึงซื่อบื้อเองถึงได้ไม่รู้”

   “หรอ ใครกันนะ ...”

   “พอเลยพอ เป็นของกูแล้วห้ามนึกถึงคนอื่น” ปราชญ์ทำหน้างอแง พร้อมทำแก้มป่องงอน ๆ

   ตฤนเอื้อมมือไปจิ้มแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

   “ไม่เปลี่ยนจริง ๆ สัญญา” ตฤนขยับเข้าไปจูบปราชญ์อีกครั้ง แตะริมฝีปากนุ่มลงไปเบา ๆ “จูบสาบานแล้ว”

   ปราชญ์มองด้วยสายตากรุ้มกริ้ม มือไวคว้าเอวบางเอาไว้ก่อนออกแรงดึงเข้าหาตัว สายตาเร้าร้อนจ้องมองอีกฝ่าย ราวกับจะละลายคนในอ้อมแขนให้หลอมละลายกลายเป็นน้ำแค่เพียงมอง

   “เริ่มเองนะ”

   “พอแล้ว” ตฤนพยายามดิ้นขลุกขลัก

   “เสียใจด้วย ของรางวัลต้องการให้รางวัลเจ้าของ”

   อ่า วันนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน...

   


   บทรักดำเนินซ้ำแล้วซ้ำอีก การเติมเต็มที่ไต่ระดับไปถึงจุดแล้วแตกออก วนซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้ง ให้สาสมกับความอดทนอดกลั้นที่ผ่านมา ก่อนทั้งคู่จะยอมแพ้ เพราะเหนื่อย และปวดเอว พวกเขาควรจะพอกันก่อนที่จะลุกไม่ขึ้น

   ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   แชทจากมือถือปราชญ์เด้งเตือนหลายครั้ง

   ปราชญ์เอื้อมไปหยิบมือถือที่โต๊ะข้างเตียง

   ‘เป็นไงละ พอใจหรือยัง’ เขากดเปิดพลางอ่านข้อความแรกก่อนจะเหลือบตามองคนข้างตัว ตฤนนอนหลับพริ้มอยู่ข้างเขา พอใจจนปวดสะโพก

   ‘รายการค่าใช้จ่าย

   ค่าข้าว 2,500 บาท

   กระเป๋าแม่ 3,400 บาท

   เสื้อเชิ้ตพ่อ 990  บาท

   รองเท้าพี่ 1,800 บาท

   รวม 8,690 บาท เตรียมเอาไว้ด้วย’

   “โห พี่ปราบ ใช้อะไรกันขนาดนั้น พี่พาพ่อแม่ไปก็จ่ายเองสิ” ปราชญ์แอบเหงื่อตก เมื่อพี่ชายส่งรายการค่าใช้จ่ายวันนี้มาให้ เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเขาจะต้องจ่าย

   ‘พี่พาไปเพราะแกดูต้องการ... อยากให้พวกเขาช็อคหรอไง’

   “งั้นผมจ่ายทุกรายการเว้นค่ารองเท้า รวมเป็น 6,890”

   ‘อะไรกันพี่อุตส่าห์รู้งาน รอบหน้าไม่ช่วยแล้ว

   จำไว้เลยไอ้น้องชาย

   กับพี่น่ะงกนะ

   เดี๋ยวรู้’

   “โอเค ว้อย 8,690 ผมโอนเดี๋ยวนี้เลย” แอพบัญชีธนาคารถูกเปิดออก เงินจำนวน 8,690 ถูกโอนออกไป ไม่มีขาดไม่มีเกิน ก่อนที่จะตัวจะส่งสลิปที่มีบันทึกช่วยจำเขียนว่า ค่าที่พี่ชายช่วยให้น้องชายสมหวัง

   ‘ขอบคุณที่ใช้บริการ’

   

   ร่างสูงกดมือถือหาร้านแหวน เขาจะพาตฤนไปซื้อแหวนหมั้น จะทำจริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดล้อเล่นขำ ๆ เขาทักแชทไปหากวาง ที่ไม่เจอหน้ามาสองวันแล้ว ทั้งที่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแท้ ๆ

   ‘กวาง ว่างมั้ย’

   อีกฝ่ายไม่อ่านไม่ตอบทั้งที่ปกติแล้วจะเร็วแท้ ๆ นี่ก็เป็นช่วงพักด้วย เขากดโทรอีกฝ่ายว่าจะชวนคุยเรื่องแหวนหมั้น พอโทรติดก็ได้ยินเสียงตอบกลับ หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้... กวางปิดเครื่องแปลกจัง นึกห่วง ๆ เขาจึงเปิดแอพอื่น ๆ ขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวของกวาง เพื่อนสนิทของเขา

    ‘ขออนุญาตหนีไปบวชนะคะ สืบสานประเพณี ติดต่อไม่ได้ 5 วันนะคะ’ ปราชญ์เจอแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงติดต่อไม่ได้

   “หนีไปบวชไม่บอกเลย” ปราชญ์บ่นพึมพำ ก่อนจะวางมือถือเอาไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม

   เขาล้มตัวลงนอนข้างตฤนสอดตัวลงไปใต้ผ้าห่มผืนนุ่มที่ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่เอาไว้จากความเย็นของแอร์ มือหนาวางพาดเอวบางใบหน้าเนียนใสอยู่ไม่ไกลจนเขาอดไม่ไหวที่จะฝังจมูกลงไป สูดดมกลิ่นหอมหวาน ใบหน้าหล่อเหลาซุกตรงไหล่เนียน ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนที่เปี่ยมสุข

   


   ดวงตากลมปรือขึ้น สัมผัสอุ่น ๆ ที่ทาบทับอยู่ที่เอว ทำให้เขาอมยิ้ม เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว สายตาสังคม อะไรก็ตาม ไม่สนว่าใครจะมอง จะว่ายังไง ช่างมันให้หมด สิ่งสำคัญที่ต้องสนใจคือหัวใจของคนตรงหน้า เขาจะหนักแน่นมั่นคงให้มากขึ้น เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ปราชญ์ต้องเจ็บปวดอีก เพื่อปราชญ์ที่เขารัก และเพื่อความสุขของตัวเขาเอง เพราะปราชญ์คือความสุขของเขา

   “กูรักเมิงนะ” ผมพูดพึมพำออกไปเสียงเบา เขาก็อยากจะบอกว่าเขาก็รักอีกฝ่ายมากเหมือนกัน แม้จะเป็นยามที่อีกฝ่ายหลับอยู่ก็ตาม

   “หืม? ว่าไงนะครับ” ร่างสูงปรือตาขึ้นมอง

   ตฤนสะดุ้งเล็กน้อย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับอยู่

   “ระ ...รักปราชญ์”

   “รักตฤน”

   รอยยิ้มเขินถูกส่งให้กัน ก่อนทั้งคู่จะกระชับอ้อมกอด พวกเขาแนบชิดแบ่งปันไออุ่นซึ่งกันและกัน เพราะความสุขของพวกเขาคือการได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันตลอดไป .

(https://uppic.cc/d/5nAu) (https://uppic.cc/v/5nAu)

[จบแล้วววว ขอบคุณทุกคนมากค่า ที่ติดตามอ่าน รักน้าาาา

ยังไงฝากติดตามตอนพิเศษ ปราชญ์ตฤนด้วย อยู่ด้วยกันก่อน

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ วริษฐ์กวิน I met you เพราะเราเคยพบกัน
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)

ฝากติดตามเพจ Candy Ringople (https://www.facebook.com/CandyRingoPle/?modal=admin_todo_tour)

ทวิต  Candy Ringople  (https://twitter.com/CRingople) ฝากด้วยยย นุ้งเหงามากเลย แง้  ]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 10-10-2019 14:34:02
คนเขียนทำได้ดีแล้วครับ ผมตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เผื่อจะปลอบใจได้ (ฮา) เท่าที่อ่านดู ผมคิดว่าคุณ Ringople มีความสามารถในด้านการเขียนฉากหวานๆนะครับ สองบทสุดท้ายมันโดดเด่นกว่าบทอื่นๆเยอะเลย ผมคิดว่าคนเขียนอาจไม่ถนัดเรื่องเขียนบทจีบกันสักเท่าไหร่ เพราะว่าพออ่านแล้วมันจะดูเนือยๆนิดนึง

คำแนะนำของผมคือ อาจจะลองดูแนวของการรักกันแล้วเลิก แล้วกลับมาง้อกันใหม่เพื่อจะรักกันอีกครั้ง (แฟนเก่า) ผมว่าแนวนี้คุณ Ringople อาจจะทำได้ดีนะครับ จากปกติที่ถนัดการเขียนฉากหวานๆอยู่แล้ว งานแนวนี้จะพัฒนาให้เขียนฉากพวกบีบคั้นอารมณ์ ความโกรธและไม่ยอมยกโทษให้ แล้วก็การพัฒนาความสัมพันธ์และระดับการให้อภัยจนสุดท้ายต่างคนต่างยอมลงให้กันแล้วกลับมาคบกัน ก็น่าจะเป็นแนวพัฒนาการเขียนที่ดี ยังไงก็สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ฮะ

อีกเรื่องนึงคือ อาจจะต้องพัฒนาฉากอัศจรรย์ให้ดูเร่าร้อนหรืออีโรติกเพิ่มกว่านี้นิดนึงนะครับ ตอนนี้คนเขียนทำให้มันโรแมนติกได้ดีแล้ว (ซึ่งก็สะท้อนอารมณ์วาบหวามของการเป็นแฟนกันได้ดี ผมอ่านแล้วก็มียิ้มไปนะครับ) แต่ว่ายังขาดความเร่าร้อนที่จะทำให้สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนตอบรับกับความปรารถนาในเบื้องลึกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 10-10-2019 18:05:29
เรื่องน่ารักดี

แต่บางตอนอ่านแล้วยังไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่อารมณ์เลยยังไมสุด

เกลาอีกนิด..แจ่มแน่จ้า  o13
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2019 19:46:51
 o13 :man1: o13


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-10-2019 21:53:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากๆจ้าสำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 14-10-2019 15:54:07
คนเขียนทำได้ดีแล้วครับ ผมตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เผื่อจะปลอบใจได้ (ฮา) เท่าที่อ่านดู ผมคิดว่าคุณ Ringople มีความสามารถในด้านการเขียนฉากหวานๆนะครับ สองบทสุดท้ายมันโดดเด่นกว่าบทอื่นๆเยอะเลย ผมคิดว่าคนเขียนอาจไม่ถนัดเรื่องเขียนบทจีบกันสักเท่าไหร่ เพราะว่าพออ่านแล้วมันจะดูเนือยๆนิดนึง

คำแนะนำของผมคือ อาจจะลองดูแนวของการรักกันแล้วเลิก แล้วกลับมาง้อกันใหม่เพื่อจะรักกันอีกครั้ง (แฟนเก่า) ผมว่าแนวนี้คุณ Ringople อาจจะทำได้ดีนะครับ จากปกติที่ถนัดการเขียนฉากหวานๆอยู่แล้ว งานแนวนี้จะพัฒนาให้เขียนฉากพวกบีบคั้นอารมณ์ ความโกรธและไม่ยอมยกโทษให้ แล้วก็การพัฒนาความสัมพันธ์และระดับการให้อภัยจนสุดท้ายต่างคนต่างยอมลงให้กันแล้วกลับมาคบกัน ก็น่าจะเป็นแนวพัฒนาการเขียนที่ดี ยังไงก็สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ฮะ

อีกเรื่องนึงคือ อาจจะต้องพัฒนาฉากอัศจรรย์ให้ดูเร่าร้อนหรืออีโรติกเพิ่มกว่านี้นิดนึงนะครับ ตอนนี้คนเขียนทำให้มันโรแมนติกได้ดีแล้ว (ซึ่งก็สะท้อนอารมณ์วาบหวามของการเป็นแฟนกันได้ดี ผมอ่านแล้วก็มียิ้มไปนะครับ) แต่ว่ายังขาดความเร่าร้อนที่จะทำให้สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนตอบรับกับความปรารถนาในเบื้องลึกจริงๆ

ชอบคุณนะคะ เอ๊ย ขอบคุณนะคะ  จะพยายามพัฒนาต่อไปค่ะ
กดเห็นด้วยรัว ๆ เปิ้ลไม่ถนัดบทอัศจรรย์มาก ๆ แต่ก็อยากให้พระเอกได้สมใจ(อิอิ)
คงต้องฝึกต่อไปอีก ก็ยังขอฝากตัวกับเรื่องต่อ ๆ ไปด้วยค่า

เรื่องน่ารักดี

แต่บางตอนอ่านแล้วยังไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่อารมณ์เลยยังไมสุด

เกลาอีกนิด..แจ่มแน่จ้า  o13

ขอบคุณนะคะ เราจะพัฒนาต่อไป
เราจะไม่หยุดค่ะ //ทำเสียงแบบ CEO ค่ายมือถือสีฟ้า

:pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากๆจ้าสำหรับนิยายสนุกๆ

ขอบคุณนะคะ ฝากรออ่านตอนพิเศษ สนองใจคนแต่งด้วยนะคะ 555

 :กอด1: :heaven
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน
เราจะพยายามพัฒนาต่อไปค่ะ ติชมได้เลยนะคะ
ชอบค่ะ ก็ฝากติดตามตอนพิเศษ กับเรื่องใหม่ด้วยน้า
I Met You เพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท บทที่ 36(ส่งท้าย)มีความสุขในอ้อมกอดนาย(10/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-10-2019 03:10:35
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ ผีผ้าห่ม [รับฮาโลวีน](30/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 30-10-2019 23:19:35
ผีผ้าห่ม
   
   เย็นวันที่ 31 ตุลาคม
   ปราชญ์โทรชวนผมให้มาฉลองฮาโลวีนที่บ้าน ไม่รู้ว่าจะอินกับเทศกาลนี้ทำไม ไม่ใช่เทศกาลของเราสักหน่อย
   ‘trick or treat หลอกหรือเลี้ยง’  ปราชญ์ถามเขาเสียงเบา
   ‘เลี้ยง’ เขาไม่กลัวหรอก แต่ก็ไม่อยากจะโดนแกล้งเท่านั้นเอง
   ‘หืม? เลี้ยงไหวหรอ’ ปลายสายถามเสียงกวน
   ‘ไหวเท่าที่ไหว’
   ‘ตั้งตารอเลยคืนนี้’
   บทสนทนาจบลงเท่านั้น เมื่อเขาต้องทำงานต่อ
   
   ตฤนมาถึงหน้าบ้านปราชญ์ เขายืนอยู่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกแปลก ๆ  ทุ่มกว่า แต่บ้านปราชญ์ยังมืดสนิท เขาไขกุญแจรั้วเพื่อเดินเข้าบ้าน ก่อนรู้สึกแปลก ที่นี่มันดูเงียบผิดปกติ เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตู
ก๊อก ก๊อก
   “ปราชญ์” ตฤนร้องเรียกอีกฝ่ายอยู่หน้าประตู เขางง ๆ นิดหน่อย ที่ไม่มีเสียงตอบรับ
   เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนี้ดูวังเวงไปเลยทั้งเงียบกริบ มืดก็มืด อยู่บ้านยังไงไม่เปิดไฟ ร่างบางควานมือไปเปิดสวิสต์ไฟที่เขาจำได้ว่าอยู่ใกล้ ๆ ประตู แต่ก็เปิดไม่ติด มีเสียงสวิสต์ดังต๊อกแต๊ก ว่าเขากดแล้วมันเด้งขึ้นเด้งลงแล้ว แต่ไฟไม่มา มันลืมจ่ายค่าไฟหรอไง
   “ปราชญ์ว้อย อยู่มั้ยวะเนี้ย”
   เขาตะโกนเรียกเสียงดัง ร่างบางกดเปิดไฟมือถือ ถึงได้เห็นสภาพบ้านชัด ๆ ว่ามันเละเทะกระจัดกระจายแค่ไหน
   “ปราชญ์ ปราชญ์” ตฤนหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม สภาพบ้านทำให้เขาทั้งกังวลทั้งกลัว ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น เขายืนนิ่งส่องไฟฉายจากมือถือไปทั่วบริเวณ แต่มันก็ส่องสว่างได้เป็นวงแคบ ๆ
   “ปราชญ์อยู่มั้ยได้ยินมั้ยวะ” ร่างบางเดินเข้าไปในตัวบ้าน เขาหยิบแจกันใกล้ ๆ มือถือติดไปด้วย เดินอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  พยายามมองหาบางคนที่คุ้นเคย

   “ปราชญ์!!!”

   ตฤนตกใจสุดขีดเมื่อเหลือบไปเห็นปลายเท้าที่โผล่พ้นโซฟาออกมา จึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไป “ปราชญ์” ร่างบางเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น ก่อนถลาเข้าไปนั่งข้าง ๆ ร่างสูงนอนหงาย ใบหน้าซีดเผือกมีร่องรอยฟกช้ำ เขานอนหลับตานิ่ง มือหนาตกอยู่ข้างลำตัว มีเหมือนด้ามมีดปักอยู่บนท้อง เสื้อเชิ้ตเปียกชุ่มไปด้วยเลือด
   “ปราชญ์ได้ยินมั้ย” มือบางกุมมืออีกฝ่ายแน่น ฝ่ามือหนาชื้นเหงื่อและเย็นเฉียบ เขาลองเอามืออังที่จมูกอีกฝ่าย พบว่ายังหายใจ ใบหน้าเนียนแนบลงไปกับแผ่นอกกว้างเพื่อฟังเสียงหัวใจ ที่ยังคงเต้นอยู่...
   “ต้องโทร 1669(หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน)” ร่างบางพูดงึมงำ ๆ บอกกับตัวเอง เขาพยายามจะควบคุมสติให้ได้มากที่สุด มือสั่นเทากดเบอร์ 1669 เขากดผิดกดพลาดไปหลายที เพราะมือสั่นจนคุมไม่อยู่
หมับ
   “เฮ้ย” ตฤนร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ ๆ มือหนาก็ขยับคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขาไป
   ร่างสูงลืมตาขึ้นมองจ้องหน้าเขา
   “ปราชญ์ ยังโอเคใช่มั้ย”
   “...” อีกฝ่ายไม่ตอบจ้องมองเขานิ่ง ก่อนร่างนั้นจะกระตุก พร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก
   “ปราชญ์!!!” ตฤนตะโกนเรียกเสียงดัง มือบางประคองใบหน้าของปราชญ์เอาไว้ “อย่าเป็นอะไรนะเว้ย กุจะโทรตามคนมาช่วย”
   “ตฤน... “ น้ำเสียงแหบแห้งเรียกเขาเสียงเบาหวิว ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขา
   “ปราชญ์ เมิงจะใม่เป็นไร”
   “กูรักเมิง”
   “รู้แล้ว...” น้ำตาเม็ดโตไหลหยดลงข้างแก้ม เขาอดทน ประคองสติ แต่นี่มันก็ถึงที่สุดแล้ว คนที่รักนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
   “จูบกุหน่อย ก่อนกุจะตาย” ร่างสูงพูดเสียงเบา ๆ ตฤนทำตามอย่างว่าง่าย รสชาติเลือดในปากของปราชญ์ หวาน และหอมเหมือนน้ำแดงเฮลบลูบอย...

   ร่างบางผละออกมองอีกฝ่ายนิ่ง ดวงตากลมมีแววสับสน
   ร่างสูงด้านล่างยิ้มแป้น  ในขณะที่ตฤนรู้แล้วว่าโดนหลอก ไม่รู้จะโล่งใจหรือโมโห
   “ทำแบบนี้ทำไมวะ” ร่างบางพูดโวยวายเสียงดัง ก่อนระเบิดเสียงสะอึกสะอื้นที่กักเก็บเอาไว้ ไม่รู้หรือว่าเขากังวลแค่ไหน เรื่องความเป็นความตาย มันสมควรแล้วหรอที่จะเอามาล้อเล่นแบบนี้ หัวใจเขาแทบหยุดเต้น
   ปราชญ์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาก็ได้แต่รู้สึกผิด ร่างสูงชันตัวขึ้นนั่งพลางขยับมือหนาเอื้อมคว้าร่างบาง ดึงอีกคนเข้ามากอดไว้แน่น
   “ขอโทษ”
   “มันสนุกหรอวะ” น้ำเสียงตฤนสั่นอู้อี้อยู่ที่หัวไหล่
   “ขอโทษครับ” เขากระชับอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ตฤนยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด “กะให้ตกใจ ไม่ได้จะให้ร้องไห้”
   “เมิงไม่รู้หรอก ฮึก ว่ากุกลัว...แค่ไหน” ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดอุ่น พลางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง คำพูดของเขาขาดหายเป็นช่วง ๆ เมื่อร่างบางพูดไปสะอื้นไป “กุไม่ได้กลัวผี แต่...กุ กุกลัว กลัวเมิงตาย... เมิงเข้าใจบ้า--” คำพูดตัดพ้อถูกกลืนหายไปกับจูบอ่อนโยน ที่ปราชญ์พยายามจะปลอบใจ เขาจูบหยอกเย้าอ้อยอิ่ง เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเชื่อ จะร้องไห้ขนาดนี้
   ร่างสูงถอนจูบ พลางเอาหน้าผากชนกับหน้าผากของอีกคนเอาไว้ เขาใช้นิ้วชี้เกลี่ยน้ำตาที่หางตาของตฤนเบา ๆ
   “ขอโทษนะ อย่าร้องไห้เลย”
   “...”
   ตฤนนิ่ง ไม่ตอบสนองไม่หื้อไม่อือ มีแค่เสียงสะอื้นนาน ๆ ที อีกฝ่ายคงพยายามจะหยุดร้องไห้อยู่ ปราชญ์ก็ได้แต่โอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้ เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ 
   “treat อยู่ไหน” ปราชญ์เปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดร้องไห้ได้แล้ว
   “หลอกไปแล้ว ไม่ให้แล้ว”
   “ทีรักไปแล้วล่ะ ยังรักอีกได้เลย” มือหนากระชับอ้อมแขนที่โอบเอวบางเอาไว้
   “ไม่เกี่ยวกันเลย”
   ปราชญ์ลุกขึ้นยืน พลางส่งมือให้ตฤนจับ ร่างบางจับมือนั้นอย่างว่าง่าย แม้จะยังหงุดหงิดอยู่ก็ตาม แค่มือคู่นี้ กลับมาอุ่นเขาก็พอใจแล้ว
   เขาพาตฤนไปนั่งที่โซฟา ขณะที่ปราชญ์เดินไปสับสวิสต์เปิดไฟ เขาสับสวิสต์รวมเอาไว้ ทำให้ไฟเปิดไม่ติดในตอนแรก
   ไฟสว่างจ้า จนตฤนต้องหรี่ตา เพราะอยู่ในความมืดมานาน ตฤนก้มมองเสื้อตัวเองที่เปรอะเปื้อนของเหลวสีแดง เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ เสื้อเขาเปื้อนไปหมด
   “เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” ปราชญ์พูดขึ้นเมื่อเขาเดินกลับมาแล้วเจอว่าร่างบางจ้องเสื้อตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างสูงวางด้ามมีดที่ไม่มีใบมีดลงตรงหน้าตฤน พลางถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกให้พ้นตัว เหนียวหนืดจนทนใส่ต่อไปไม่ไหว
   “แล้วทำบ้านเละเทะแบบนี้ ไม่คิดถึงตอนเก็บเลย”
   “ก็เราช่วยกัน”
   “ไม่” ตฤนตอบกลับเสียงแข็ง   “เนี้ยทำของกระจาย อะไรตกแตกบ้างก็ไม่รู้”
   “ไม่มีอะไรแตก กุไม่กล้าทำอะไรแตก กลัวเมิงเดินเข้ามามืด ๆ แล้วจะเหยียบเข้า เจ็บตัวเปล่า ๆ”
   “ทำเป็นพูดดี”
   “กุก็ห่วงของกุแหละ ถ้ากุเล่นแล้วเมิงเจ็บตัว กุคงโกรธตัวเอง”
   “แต่กุเกือบหัวใจวายตาย”
   “จะ CPR จนกว่าจะฟื้นเลยครับ” ร่างสูงยื่นหน้าไปหอมแก้มตฤนด้วยความหมั่นเขี้ยว
   ตฤนทำหน้ายู่กับคำตอกกลับแกมหยอกของปราชญ์
   “เมิงแม่ม”
   “กุก็มีของจะให้เหมือนกัน” ร่างสูงยิ้มร่า พลางลุกขึ้นยืนเดินตรงไปที่ห้องนอน
   
   ตฤนนั่งมองสภาพบ้านพลางส่ายหน้า ข้าวของตกบนพื้นเละเทะไปหมด แต่ก็จริง ๆ แหละที่ของพวกนั้นจะไม่ทำให้เขาเจ็บตัวได้เลย ถ้าไม่บังเอิญไปเหยียบแล้วลื่นล้มหัวทิ่มเองล่ะก็นะ มีแต่กระดาษ หนังสือกองผ้า
   “ตฤน...”
    เสียงเรียกจากในห้องทำเอาเขาขมวดคิ้ว อะไรอีกล่ะ
   “ตฤนมานี่หน่อย กุเห็นอะไรไม่รู้”
   “อะไรของเมิง” ร่างบางทำหน้างง แต่ก็ยอมลุกเดินไปดู
   ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โดนคนที่แอบอยู่หลังประตูรวบตัวเข้ามากอด
   “ไหนเห็นอะไร” ตฤนถาม ขณะมองไปรอบห้อง มีดวงไฟในหัวฟักทองสีส้ม ๆ เต็มไปหมด
   “เห็นผี”
   “เพ้อเจ้อ เฮ้ย อะไรวะ”
   ร่างสูงอุ้มช้อนอีกฝ่ายตัวลอยวืด สาวเท้าตรงไปที่เตียงนอน ก่อนวางตฤนลงบนที่นอนผ้าห่มถูกยกขึ้นคลุม ทั้งเขาและตฤนเอาไว้
   “ผีผ้าห่มไง”
   “ไอ้ผี”   
   “ผีจะหลอก ให้หายใจไม่ทันเลย”
   “เชี่ย”
   ปราชญ์ขยับคร่อมตฤนเอาไว้ พลางโน้มใบหน้าไปใกล้ ประกบจูบบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหาย ไม่ว่าเมื่อไหร่ ตฤนก็ทำให้เขาคลั่งได้เสมอ ...
   เมื่อเขาถอนจูบ เขามองสำรวจคนด้านล่าง ตฤนหอบเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูมันเจ่อเล็ก ๆ เพราะเขาทำรุนแรงกับมันมากไปสักหน่อย ก็มันอดไม่ไหว...
   “ไม่รอดแล้วครับคนดี“
><//////

(https://uppic.cc/d/5GNk) (https://uppic.cc/v/5GNk)
   
[สวัสดีนะคะทุกคนนนน พาผีผ้าห่มสุดแสบมาเจอ ><
ไปแกล้งจนเขาร้องไห้เลย นิสัยไม่ดี
ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยน้า
 I Met You เพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)

(https://uppic.cc/d/5GN1) (https://uppic.cc/v/5GN1)

หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ ผีผ้าห่ม [รับฮาโลวีน](30/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-10-2019 19:18:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ ควันหลงลอยกระทง (14/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 14-11-2019 22:51:07


ควันหลงลอยกระทง


   วันนี้ที่บริษัทตฤนมีจัดงานลอยกระทง ทั้งวันจึงเป็นการเล่นสนุก ช่วงเช้าให้พนักงานทำกระทงเอาไว้ลอย เอาไว้ประกวด ช่วงบ่ายมีประกวดนางนพมาศ มีอาหารและขนมไทยไว้คอยบริการ มีรางวัลที่ระลึกน่ารักสำหรับคนแต่งชุดไทยด้วย และแน่นอนว่าทุกคนต่างไม่ยอมแพ้กัน มีชุดไทยสารพัดแบบ ตั้งแต่คนที่แต่ง เล็ก ๆ น้อย  ๆ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ผ้ามัดย้อม ม่อฮ่อม เสื้อผ้าต่าง ๆ ที่ดูไทย ๆ หรือจะเป็นกระโปรงลายไทยประยุกต์บาน ๆ น่ารัก จนไปถึงชุดไทยสไบเฉียง ชุดไทยผ้าขาวม้า นุ่งโจงกะเบน เป็นสีสันให้งานได้อย่างดี
   สำหรับทีมจัดงานอย่างฝ่ายทรัพยากรบุคคลแน่นอนว่าต้องเล่นใหญ่ ทุกคนต้องแต่งชุดไทย ต้องสนุกสนานยิ่งกว่าใคร ชุดต้องใหญ่ พรอบต้องแน่น วันนี้ต้องสนุกตื่นตัว
   ส่วนเขาอายมาก รู้สึกอายตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านโดนให้ใส่ชุดแบบพี่หมื่นในละคร เสื้อไทยคอตั้งแบบจีนมีกระดุมหน้าผ้าแพรสีน้ำตาลเงา ๆ มีลวดลายเล็ก ๆ นุ่งโจงกระเบนสีเขียวไข่กา พร้อมทับด้วยผ้าคาดสีชา แต่กลับต้องสะพายเป้ขึ้นรถไฟฟ้า เพราะปราชญ์กำลังบึ่งรถกลับมาหาจากต่างจังหวัด คงถึงช่วงบ่ายรายนั้นก็อินเทศกาลไปซะทุกเทศกาล
   “โอยตฤน หล่อสมเป็นพี่หมื่น ชุดเหมาะมาก” พี่ใหม่พูดชมเปราะ เจ้าตัวมาเต็มในชุดไทยสไบเฉียงสีชมพูสดใส
   ผมเห็นวริษฐ์ที่วันนี้มาแบบสบาย ๆ ด้วยชุดเสื้อคอวีสีน้ำเงิน กับโจงกระเบนสีน้ำตาล พร้อมกับผ้าคาดเอวสีน้ำเงินมีลวดลาย ออกแนวไอ้จ้อยเด็กในบ้าน แต่ด้วยใบหน้า การเซตผมและบุคลิก ดูยังไงก็เป็นไอ้จ้อยที่แอบปลอมตัวมาหารักแท้ชัด ๆ
   ผมมองพี่วริษฐ์ด้วยสายตาที่ทั้งแอบชื่นชม และอิจฉา ถ้าผมใส่ชุดนั้น คงแนบเนียนดูเป็นไอ้จ้อยจริง ๆ ที่เลี้ยงไก่ มีเพื่อนเป็นไก่
   ผมขนข้าวของไปเตรียมในห้องประชุมใหญ่ ที่ตอนนี้จัดเป็นห้องปูเสื้อ พร้อมมีโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ  เขาจัดวางอุปกรณ์ทั้งฐานกระทงที่ทำจากกล้วย ใบตอง ไม้กลัด ดอกไม้  รวมถึงธูปเทียนวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ เอาไว้ตกแต่ง และวีธีการพับใบตองจากอินเตอร์เนตมาวางให้พนักงานได้หยิบเอาไปนั่งทำ
   ตฤนทำหน้าที่ทั้งเป็นคนอำนวยความสะดวก และก็นั่งทำของตัวเองด้วยเหมือนกัน ทำกระทงเล็ก ๆ สองอัน อันหนึ่งของปราชญ์ อีกอันของเขา
   เขาถ่ายรูปกระทงส่งให้ปราชญ์ดู อีกฝ่ายชมรัวว่าสวยมาก อยากเห็นของจริง ทำไมตฤนมีพรสวรรค์จังครับ และสารพัดคำชมที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันเว่อจริง ๆ ชอบชมเขาจนเหลิง แล้วเขาบ้ายอ ยิ่งเขาชื่นชม ก็อดไม่ได้ที่จะวางกระทงไว้คู่กันสองอัน ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก ลอยกระทงครั้งแรกกับแฟน ./////.
   
   ช่วงบ่ายเข้าสู่การประกวดนางนพมาศ หลายคนสวยงามจนจำไม่ได้ ชุดหน้าผมจัดเต็ม เดินสวยกรุกรายกันเข้ามา เป็นตัวแทนเป็นหน้าเป็นตาของแผนกของฝ่าย แต่มีอยู่คนทำผมสะดุดตา นี่ไม่ใช่นางนพมาศ แต่เป็นนายนพมาศต่างหาก กวิน...โดนจับใส่ชุดไทย ใส่วิก แต่งหน้าแต่งตา ต้องยอมรับว่าดูดี
   เส้นผมสีดำเป็นลอนยาว คลอเคลียอยูที่ใบหน้าหวาน ชุดไทยสไบสีแดงสด ตัดกับสีผิวขาว ๆ เข้ากับผ้าถุงลวดลายสวยงามสีทอง ทั้งชุดทั้งเครื่องประดับทำให้ผุดผ่องน่ามอง ที่แน่ ๆ เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี เมื่อหนุ่มจิ้มลิ้มน่ารัก กลายเป็นสาวหวานสวยสะพรั่ง
   การแนะนำตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ละคนตั้งใจมาสู้กันจริง ๆ กรรมการเป็นผู้ใหญ่ตำแหน่งสูงขององค์กร พวกเขาถึงกับเครียดขึ้นมาเลยทีเดียว ผมแวะไปหาอะไรกิน ก่อนจะมาติดตามผลต่อ
   สุดท้ายรางวัลที่ 1 เป็นของสาวจากมาร์เกตติ้ง สวยแบบลืมหายใจ ใบหน้าสวยคม เกล้าผมสูงโชว์ต้นคอขาว ชุดไทยสีชมพูอ่อน สไบลากยาว เธอดูสวยอ่อนหวาน น่ารัก น่าทะนุถนอม ในขณะที่กวินคว้ารางวัลขวัญใจมหาชนไปครอบครอง กล้าแต่งมาก็ต้องได้แล้วนาทีนี้
   
    หลังจากเก็บงานเรียบร้อย ตฤนออกจากที่ทำงานอย่างอารมณ์ดี ในมือมีกระทงสองใบ เขามาหาปราชญ์ที่รอรับอยู่หน้าตึก ร่างสูงยืนพิงรถรอด้วยท่าทางสบาย ๆ ในชุดราชปะแตนสีขาวกับโจงกระเบนสีน้ำเงิน พร้อมแว่นกันแดดสีชา อย่างกับเจ้าบ่าว หล่อเท่เหลือเกิ๊น ...ส่วนแว่นเนี้ย อะไรคือความเข้ากัน... เอ้อ แต่เขาก็ว่าไม่ได้ เมื่อตัวเองใส่ชุดพี่หมื่นแต่กลับสะพายกระเป๋าเป้
   “อื้อหื้อ” ร่างสูงร้องขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กในชุดไทย เขาถอดแว่นกันแดดมาเสียบเอาไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ตฤนดูหล่อน่ารักซะไม่มี แต่เสื้อแอบตัวใหญ่ไปหน่อย เดี๋ยวเขาจะถอดให้เอง... “มารับแล้วขอรับ”
   “หึ เอากระทงไปถือ”
   “แหม ใช้ใหญ่เลยนะเจ้านาย” ปราชญ์พูดหยอก เขารับกระทงใบตองใบเล็กมาถือเอาไว้
   ก่อนจะขับรถไปที่งานวัดแถวบ้าน คนเบียดเสียดแออัด ทำให้มือทั้งคู่กุมกันแน่น พวกเขาฝ่าคนเพื่อไปที่ท่าน้ำ ลอยให้เสร็จก่อนค่อยเดินหาของเกิน
   “ลอยตรงนี้เนอะ” ตฤนพูดขณะมองท่าน้ำที่ประดับประดาด้วยไฟสวยงาม
   “อื้อ พี่ครับ ๆ ผมขอยืมไฟแช็กหน่อยนะครับ“ ร่างสูงหันไปขอยืมไฟแช็กผู้ชายคนข้าง ๆ ที่เห็นว่ากำลังจุดเสร็จพอดี เขาลืมเอามา และคิดว่าตฤนก็น่าจะลืม
   “ได้ครับ” พี่ผู้ชายใจดียื่นไฟแช็กให้ปราชญ์ เขารับมาจุดให้กระทงตัวเอง และของตฤน เขาส่งไฟแช็กคืนพร้อมกล่าวขอบคุณ ทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้ท่าน้ำ
   พวกเขานั่งย่อง ๆ พลางตั้งจิตตั้งใจอธิฐานภาวนา ตฤนกำลังจะปล่อยกระทงลงน้ำ ขณะที่ปราชญ์ฉวยคว้าข้อมืออีกคนเอาไว้
   “หือ? อะไร”
   “เดี๋ยวก่อน” ร่างสูงหยิบไม้ยาวออกมาจากกระเป๋าเขาทิ่มไปที่ฐานกระทงของตฤน ส่วนอีกด้านทิ่มไปที่ฐานกระทงของตัวเอง
   ผมได้แต่มองการกระทำนั้นของปราชญ์ด้วยความไม่เข้าใจ
   “ทำอะไรวะ” ตอนนี้กระทงของเราสองคนติดกันโดยสมบูรณ์
   “เขาบอกว่า ถ้าลอยกระทงคู่ แล้วกระทงแยกกัน จะเลิกกัน”
   “เขานี่ใคร”
   “ไม่รู้เคยได้ยินมา”
   “หลอกเด็ก”
   “กันไว้ก่อน ... นี่ไง เชื่อมติดกันแนบแน่น ไปไหนไปด้วยไม่แยกจากกัน” ปราชญ์พูดพลางส่งยิ้มกว้างตฤนก็ไม่อยากจะขัด ทั้งคู่จึงค่อย ๆ วางกระทงลงบนน้ำพร้อมกัน  และปล่อยให้มันลอยคู่กันไป
   ปราชญ์ มองแก้มนวลที่เฝ้ามองตามกระทงไปจนลับตา ท่ามกลางดวงไฟดวงเล็ก และดวงจันทร์กลมโต เขาขยับเข้าใกล้ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยว
   “สุขสันต์วันลอยกระทงครับ”
.
.
[ลงเลยวันนนน เราเพิ่งกลับมาจากภูกระดึง
เหนื่อยมากเว่อ มันแบบว่า เลยวันไปแล้ว
แต่ก็อยากจะ สุขสันต์วันลอยกระทงกับทุกคน]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 01-12-2019 23:10:42
ตอนพิเศษ คนอวดแฟน



   หลังเรื่องทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อย ปราชญ์ก็ต้องกลับไปทำงาน ใจจริงอยากลากตฤนไปด้วย แต่พอเกริ่นก็โดนบ่นยาวทันที

   ‘กุไม่มีวันลาเหลืออีกแล้ว ลาอีกทีคือลาออก’ แถมยังโวยวายอีกว่า ‘จะเลี้ยงกุหรอไง’

   พอผมตอบสวนไปว่า ‘เออ เลี้ยงก็ได้’

   มันก็ทำปากขมุบขมิบ ที่ผมคิดว่าน่าจะพูดว่า ‘ไอ้รวยเอ้ย น่ารำคาญจังวะ’ ผมก็เลยได้แต่เข้าไปกอดเอวอีกฝ่ายหลวม ๆ พร้อมบอกออกไปว่า ‘ไม่ไปก็ไม่ไป ทนคิดถึงอ่ะได้อยู่แล้ว’ พร้อมหอมแก้มไปฟอดใหญ่อย่างกักตุน

   ผมเลื่อนดูรูปในมือถือ มันคิดถึงเนี้ย เฮ้อ เขาจะอัพรูปแฟน... เอารูปไหนดีนะ รูปตฤนนอนก็น่ารัก ใบหน้าเนียนใสหลับพริ้มอยู่บนที่นอนด้วยใบหน้ามีความสุข... รูปนี้น่าสนใจ แต่เขาหวง ไม่อยากให้ใครเห็น รูปตฤนกินข้าวพลางยิ้มให้เขา มันน่ารักจนเขาต้องยิ้มตาม ...ถ้าลงไปมีใครมาหลงรอยยิ้มตฤนแบบเขาจะเป็นยังไง! เขาไม่เสี่ยง เขานั่งเลือกอยู่นาน จนมาเจอรูปเซลฟี่ของเขากับตฤน มือของทั้งคู่ยกขึ้นโชว์แหวนเงินคู่ ตฤนไม่มองกล้องเขามองไปทางอื่นแบบเขิน ๆ รูปที่ถ่ายเมื่อสองวันก่อน เอ้อ เอารูปนี้แหละ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน

   เขาพิมพ์ข้อความ กดแท็กตฤน ก่อนกดอัพโหลด

   ‘แฟนผมน่ารักจัง’ 

   มีคนมากดแสดงความคิดเห็นกับแสดงความรู้สึกกันเต็มไปหมด เพื่อนผู้ชายมาแสดงหน้าตกใจ ส่วนผู้หญิงมากดโกรธ

   ‘เฮ้ยยยย จริงป่ะเนี้ย’ วินเพื่อนร่วมห้อง พิมพ์มาอย่างรวดเร็ว

   ‘โหววววว พี่อกหัก’ หญิงสาวรุ่นพี่พิมพ์ตอบเม้น

   ปราชญ์นั่งอ่านความคิดเห็นอย่างขบขัน เขาเปิดเผยกับตฤนมาก ๆ เพราะว่าเขารักมันเหลือเกิน รอให้มันเห็นรูปก่อนเถอะ

   ‘ทำอะไรรรรรรรรร!!!!!!’ ตฤนตอบมาแล้ว เขานึกหน้าท่าทางรวมถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายออกเลย มันต้องตลกมากแน่ ๆ

   ถึงจะพิมพ์มาแบบโวยวาย แต่ตฤนกดแสดงความรู้สึกว่า เลิฟ... น่ารักกกกก ปราชญ์ยิ้มให้กับมือถือ ก่อนกดเข้าแชทกลุ่ม ที่ตอนนี้เด้งไม่หยุด ดีที่เขาปิดแจ้งเตือนไม่งั้นเครื่องต้องค้างแน่ และแน่นอนหัวข้อที่ทำให้แชทมันเด้งรัวมากขนาดนี้ก็คงระเบิดที่เขาโยนลงไป รูปคู่พร้อมแคปชั่น เปิดตัวสุดชีวิต

    ‘มึงคบกับตฤนนนนน’ เพื่อนในห้องพิมพ์ทักมารัว ๆ

   ‘ไม่น่าเชื่อ’

   ‘เมื่อไหร่’

   ‘แม่มมมมมเอ้ยยยยย ตื่นเต้น’

   ‘รักกันได้ไงวะ’

   แชทโหวกเหวกมันเด้งไม่หยุดจนอ่านแทบไม่ทัน เขาจะสรุปให้เพื่อนเลยก็แล้วกัน

   “เออ กูรักมัน” เขาพิมพ์ตอบไปหน้าตาเฉยยย

   ‘ว้ายยยยย’

   ‘สติ๊กเกอร์หมาทำหน้าตกใจ’

   กรุ๊ปแชทคึกคักไม่หยุดหย่อน ออกไปทางแซว แต่ไม่มีใครพูดไม่ดีเลย เหมือนทุกคนตกใจ แต่ก็รับได้

   แต่เขากำลังรอ อยากรู้ว่าอีกคนจะตอบยังไง จะพิมพ์มาว่าอะไร จะโวยวายเหมือนทุกที หรือว่าด่าเขา

   ‘กูก็รักมึง’ ตฤนพิมพ์ตอบมาในกรุ๊ปทำให้ปราชญ์ยิ่งยิ้มกว้าง ปราชญ์ยกขึ้นเกาจมูกแก้เขินขณะอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา คิดว่าจะถูกด่า... ไม่ได้เตรียมใจมาว่าจะถูกบอกรัก พยานหลายสิบคนเลยนะ

   ‘เชี่ยยยยย หวานกันจังว้อย’

   ‘เออ คบไปเถอะ ชอบกันมานานแล้วนี่’ กวางพิมพ์ตอบทำให้เขายิ่งขำ ต้องขอบคุณผู้ช่วยที่ช่วยเขามาตลอด

   “กูเปิดตัวแล้ว รอบหน้าเจอกันพวกกูจะหวานโชว์”

   ‘พอได้แล้วน่าไอ้ปราชญ์!’ ตฤนตอบกลับทันควัน นี่สิตอบแบบโวยวายแบบที่เขาชิน

   “ครับ ได้ครับ”

   ‘พ่อบ้านใจกล้าว่ะ’ เพื่อนเริ่มพูดแซวอีกครั้ง

   ปราชญ์ยิ้มขณะนั่งทำงานแล้วปล่อยให้ไลน์เด้งไปเรื่อย ๆ ก่อนที่มือถือจะสั่น หน้าจอแสดงชื่อว่า แฟนปราชญ์

   “สวัสดีครับแฟน” ร่างสูงกดรับโทรศัพท์พลางกรอกเสียงทุ้มนุ่มลงไป

   ‘เล่นบ้าอะไรเนี้ย’ น้ำเสียงโวยวายดังรอดโทรศัพท์เข้ามา

   “ก็คิดถึงแฟน”

   ‘ทั้งไลน์ทั้งแอพรูปแทบแตกแล้วโว้ย’

   “ก็ดีแล้วไง ทุกคนจะได้รู้”

   ‘ไม่อายบ้างหรอไง’

   “ไม่อ่ะ แฟนน่ารัก อายทำไม” ปราชญ์พูดขณะมือหนาเท้าคาง นึกถึงใบหน้าเนียน ที่คงกำลังโวยวายหน้าดำหน้าแดงอยู่ที่อีกด้านนึง เขาก็หลุดยิ้มขำออกมา

   ‘แต่กุอายเข้าใจมั้ย’

   “ทำใจให้ชิน เผอิญเป็นคนขี้อวดซะด้วย”

   ‘เฮ้อ อออ’

   “ทำไมตฤนอายที่มีปราชญ์เป็นแฟนหรอ” น้ำเสียง(แกล้ง)ตัดพ้อถูกส่งมา ทำเอาตฤนได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย มันน้อยใจจริง หรือแกล้งวะ

   ‘ไม่ใช่แบบนั้นดิ’

   “งั้นปราชญ์ลบออกก็ได้”

   โกรธ? งอน? น้อยใจ? อะไรวะเนี้ยเปลี่ยนโหมดรวดเร็วจนเขาตามไม่ทันเลย เขาก็แค่เขิน เขินมากว้อย โอเคการเปิดเผยของปราชญ์เป็นเรื่องที่ดีเขาวางใจได้เลยว่าหนุ่มฮอตคนนี้จะไม่วอกแวกไปไหน ไม่มีหลบซ่อนสถานะระหว่างกันแม้แต่น้อย แต่ความเขินของเขาดันทำอีกฝ่ายน้อยใจ

   ‘ปราชญ์... ไม่ต้องลบหรอก ก็แค่เขิน กูรักมึงนั่นแหละ’

   “อือ งั้นปราชญ์ทำงานก่อนนะ” น้ำเสียงราบเรียบถูกส่งมาให้เขา งอนว่ะ มันงอนจริง ๆ ด้วย ตัวโตใจน้อย ปกติอีกฝ่ายไม่ค่อยจะวางสายก่อน ไม่ยอมวางง่าย ๆ มีแต่จะอ้อนเขา

   ‘อื้อ’

   ปราชญ์กดวางสายก่อน ทำให้ตฤนยิ่งขมวดคิ้ว เอายังไงดี เขาถือมือถือค้างขณะคิดว่าจะง้ออีกฝ่ายยังไง ทำไมมันขี้งอนแบบนี้วะเนี้ย

   โอเคก็ได้... ก็ได้... เขาคิดอะไรบางอย่าง ง้อแบบนี้ก็ได้ ร่างบางเปิดหารูปในเครื่อง สะดุดกับภาพภาพหนึ่ง เขาถ่ายภาพปราชญ์ที่ยืนถือไอติมโคน ยื่นส่งให้เขา ใบหน้าตอนที่ยื่นไอติมให้ ยิ้มแย้มสดใสเหมือนพระอาทิตย์ เจิดจ้าจนตาแทบจะบอด

    เขาลงรูปนี้พร้อมแคปชั่น

   ‘ยิ้มหน่อยนะ แฟน...’ ก่อนจะแท็กไปหาคนขี้งอน และเพราะแบบนั้นแอพก็ยิ่งลุกเป็นไฟ คนมาคอมเม้นเต็มไปหมด บ้างก็ชมว่าปราชญ์หล่อ ไปหาแบบนี้ที่ไหน จนไปถึงคนที่ตกใจ เพื่อน ๆ ก็มาถล่มอีกรอบ ว่าจะหวานกันเกินไปแล้ว

   เขาถือมือถือรอ ใจจดจ่อว่าปราชญ์จะเปิดดูมั้ย จะเห็นหรือยังแต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่ตอบสักที

   ตฤนได้แต่ทำหน้าจ๋อย เขาปรับอารมณ์ ก่อนเดินออกไปสัมภาษณ์ผู้สมัครงานที่รออยู่ที่ห้อง ก็ได้ รอหน่อย อีกฝ่ายอาจจะยุ่งอยู่กับงาน

   ปราชญ์ยกมือขึ้นปิดหน้า เมื่อเห็นรูปที่อีกฝ่ายแท็กมา พร้อมแคปชั่น เข้าใจความรู้สึกตฤนแล้ว มันเขินจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่มันเขินมาก... ส่วนเขาก็แค่แกล้งงอน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะง้อแบบนี้ น่ารักเป็นบ้า อยากจะจับมาให้รางวัล เจอหน้าเมื่อไหร่ ได้รางวัลแบบไม่อั้นแน่ ๆ


(ตอนพิเศษ คนอวดแฟน /จบ)

(https://uppic.cc/d/5Xu5) (https://uppic.cc/v/5Xu5)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 03-12-2019 10:35:57
 :กอด1: เขิลแทนทั้งคู่อวดกันไปมาน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 06-12-2019 19:18:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-12-2019 09:24:55
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 14-12-2019 15:28:55
ปราชญ์เล่นใหญ่ตลอด :eiei1: :eiei1: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ คนอวดแฟน (1/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 16-12-2019 00:26:54
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ ของขวัญอุ่น ๆ จากซานต้า (25/12/62)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 25-12-2019 22:40:15
   
ตอนพิเศษ ของขวัญอุ่น ๆ จากซานต้า

(https://uppic.cc/d/5dEy) (https://uppic.cc/v/5dEy)

   “เมอร์รี่ คริสต์มาส” ปราชญ์ร้องทักทันทีที่ร่างบางเปิดประตูรถ เขามารับตฤนทุกครั้งที่เขามีเวลาและโอกาส แฟนทั้งคนดูแลน้อยกว่านี้ได้ยังไง
   ตฤนมองอีกฝ่ายพลางส่ายหน้าเอือม ใจคอมันจะอินทุกเทศกาลเลยหรอไง คนขับรถใส่ชุดซานต้าสีแดงสดใส ชุดเต็มมากมีหมวกสีแดงอีกต่างหาก
   ปราชญ์มองอีกฝ่ายที่ไม่ยอมทักชุดที่เขาใส่มา
   “ตฤนคร้าบ”
   “อะไร”
   “ไม่ทักหน่อยหรอ อุตส่าห์ใส่มา”
   ตฤนใช้นิ้วจิ้มไปที่เอวหนา ก่อนเลื่อนมือบางไปแตะที่ข้างแก้ม “ชุดเหมือนแต่หุ่นไม่เหมือน หนวดเคราก็ไม่มี”
   “อยากให้ปราชญ์อ้วนมีพุง กับมีหนวดรุงรังหรอ” ปราชญ์พูดขณะออกรถ “หนวดเครา มันจะจักจี้เวลาทำอย่างนั้นนะ คิดภาพตอนคราไปละที่ตรงนั้นอ่ะ”
   “ไอ้บ้านี่!” ไม่ชิน ให้ตายเขาก็ไม่ชิน ปราชญ์ชอบพูดจาทะลึ่งใส่เขา นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ชอบทำให้เขาหน้าร้อนวูบวาบทุกที
   “หมายถึงตรงแก้มเวลากุหอมไง” ร่างสูงยิ้มขัน เขาชอบแกล้งชอบแหย่ สักนิดสักหน่อยก็มีความสุข เขารู้ว่าตฤนน่ะคิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน
   ตฤนที่รู้ว่าถูกอีกฝ่ายพูดให้ชวนคิดไกล ทำเมินปราชญ์หันไปสนใจข้างทางแทน
   “เย็นนี้อยากกินอะไร”
   “พิซซ่า”
   “มีโปรหรอ” ร่างสูงถามกลับ ตฤนเป็นคนขี้งก ไม่สิไม่ว่าร้ายแฟนตัวเองแบบนั้นเรียกว่าใช้เงินเป็น เป็นคนประหยัด รู้ซึ้งถึงคุณค่าของเงิน การที่อีกฝ่ายรีเควสมาแบบนี้ทีไร แปลว่ามีส่วนลดอะไรต่าง ๆ ทุกที
   “ใช่ มีโปรโมชั่น”
   “ว่าแล้ว เอาที่อยากกินนะ กุได้โบนัสมา”
   “พิซซ่านี่แหละอยากกิน”
   “สั่งเลยสิ ถึงบ้านจะได้กินพอดี”
   ตฤนพยักหน้า “กินหน้าอะไร”
   “หน้าตฤน”
   “ดี ๆ สิวะ”
   “ฮ่า ๆ เออ ๆ หน้าอะไรก็ได้กินได้หมดแหละ”
   ตฤนหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรสั่งพิซซ่า มันมีเซ็ตลดราคาพอดี หมดวันนี้ เขาก็เลยต้องใช้สิทธิสักหน่อย
   ปราชญ์ขับรถขึ้นทางด่วน เขาอยากถึงบ้านเต็มแก่ ก็เลยขับน่าหวาดเสียวสักนิด ตฤนแอบบ่นตลอดทาง สองมือก็คว้าจับที่จับข้างรถเอาไว้ ปราชญ์ยังคำนึงถึงความปลอดภัย จึงตั้งสติมากเป็นพิเศษ ที่เขาอยากถึงบ้านไว ๆ เพราะมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้ตฤนแล้ว มันวางอยู่ที่บ้าน อยากเห็นหน้าตฤน ว่าจะทำสีหน้าแบบไหนออกมาตอนเขาส่งมันให้
   ตฤนนั่งบนโซฟา ขณะรอปราชญ์เดินเข้าห้องไปหยิบของ
   กองผ้านุ่มนิ่มสีน้ำตาลถูกยื่นมาตรงหน้า
   “อะไรอ่ะ”
   “ชุดตฤน”
   “หืม?”
   เขารับชุดมาคลี่ดู เป็นเสื้อแขนสั้นผ้าเป็นขน ๆ นุ่ม ๆ  สีน้ำตาล กับกางเกงขาสั้นแค่คืบ ที่เป็นขนนุ่ม ๆ สีน้ำตาลแบบเดียวกัน มาพร้อมเครื่องประดับหัว ที่คาดผมเขากวางสีทอง
   ร่างบางส่งของคืนพลางทำหน้าดุ
   “ไม่ใส่ว้อย”
   “ทำไมล่ะ น่ารักดีออก” ปราชญ์ยิ้มสู้ เขาหยิบเสื้อตัวเล็กมาสะบัดไปมา
   “น่าอาย”
   “น่ารัก เนี้ยผ้านุ่มมาก ซักแช่น้ำยามาอย่างดี หอมมากกกก” ปราชญ์พูดพรีเซนเหมือนกำลังขายของ โอ้อวดสรรพคุณไม่ยอมหยุด
   “ก็ใส่เองสิ”
   “ไม่เอา อยากให้ตฤนเป็นกวางน้อย”
   “กุไม่เป็น!”
   “น่านะ เนี้ยเข้าคู่กันเลย ซานต้ากับกวางน้อย”
   “ไม่” ตฤนปฏิเสธเสียงแข็งไม่มีท่าทีจะโอนอ่อน ชุดน่ารักจะตาย จะได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก โอยอยากเห็น เขามองหน้าจริงจังของแฟนหนุ่มพลางคิดว่าจะเอายังไงดี หาชุด ซักชุด ให้ขนาดนี้แล้ว มันต้องไม่เสียเปล่า ปราชญ์จำต้องงัดเอาสีหน้าหมาหงอยออกมาใช้
   “ตฤนครับ” เขาเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อน น้ำเสียงติดจะเว้าวอนอยู่หน่อย ๆ “ใส่ด้วยกันเถอะนะ เราต้องเหมาะกันมากแน่ ๆ”
   “ไม่เอาหรอก”
   มือหนาเอื้อมมากุมเอามือบางมาจับเอาไว้ เขายกมันขึ้นแนบแก้ม พลางมองสบตาเจ้าของมือนุ่ม “ให้ปราชญ์ได้เห็นความน่ารักสุด ๆ ของตฤนหน่อยไม่ได้หรอ ทำงานมาเหนื่อย ๆ ถ้าได้เห็นตฤนใส่ชุดนั้นน่าจะหายเหนื่อยเลย”
   ร่างสูงอ้อนแล้วอ้อนอีก ตฤนมองแฟนหนุ่มตัวโตที่เหมือนหมาตัวใหญ่ สีหน้าท่าทางจ๋อย ๆ น้ำเสียงที่สุดแสนจะเว้าวอน เหมือนเห็นคนตรงหน้าหูลู่หางตก เขาก็ใจอ่อน เขาแพ้ทางหมา ตามประสาคนเลี้ยงหมา
   “เออ อ่ะ ก็ได้”
   ร่างบางยอมรับชุดมาแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของปราชญ์ เขาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าในห้องของปราชญ์มีต้นคริสต์มาสต์ต้นใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยดวงไฟเล็ก ๆ และของน่ารักจุ๊กจิ๊กอื่น ๆ ทั้งตุ๊กตาหมีขนาดเท่าฝ่ามือ เขาเห็นกล่องของขวัญใบโตวางอยู่ข้างใต้ต้นคริสต์มาสต์
   การ์ดใบใหญ่สีทอง เขียนว่า ตฤน เขาพลิกมันดู
   ‘ตฤนจะต้องชอบของที่ปราชญ์ให้’
   เขาเปิดกล่องของขวัญ เจอตุ๊กตาขนาดพอดีกอดสองตัว เขาหนีบมันไว้ที่แขนข้างละตัว เขาชอบตุ๊กตาอยู่แล้ว พอเป็นตุ๊กตาที่ถูกสั่งทำขึ้นเพื่อเขาก็อดที่จะยิ่งชอบไม่ได้ รู้ว่าทำมาเพื่อเขาแน่ ๆ เพราะตัวหนึ่งหน้าเหมือนเขา อีกตัวหนึ่งหน้าเหมือนปราชญ์ พร้อมการ์ดอีกใบใต้กล่อง
   ‘มัวแต่กอดตุ๊กตาอยู่นั่นแหละ รีบ ๆ เปลี่ยนชุดออกมากอดคนจริง ๆ ได้แล้ว
   *ปล.ใส่เขากวางออกมาด้วยนะ’
   ตฤนยู่หน้า มันรู้ดีจริง ๆ !
   ตฤนยอมวางตุ๊กตา พลางเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ปราชญ์ส่งให้มันนุ่มมากจริง ๆ แล้วก็ทำให้เขาเขินมากด้วย เสื้อตัวเล็กนี่ไม่เท่าไหร่ แต่กางเกงนี่สิ สั้นจนแทบจะมีอะไรโผล่ออกมา เขายืนมองตัวเองในกระจก ชุดอะไรน่าอายขนาดนี้  เขามองพลางหยิบเอาเขาขึ้นมาสวม
   เขาค่อย ๆ เดินออกไปหาร่างสูงที่นั่งรอเขาอย่างใจจดใจจ่อ
   ปราชญ์มองจ้องร่างบาง ที่ยืนเขินไม่ยอมสบตาเขา เขามองสำรวจร่างบางชัด ๆ หัวใจก็เต้นตึกตักเลือดลมสูบฉีด ชุดกวางกับใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายนั่นมันโคตรจะเข้ากัน ต้นขาขาวแน่นนั่นก็น่าจะตี โอย... ปราชญ์อยากตาย ไม่คิดว่าจะดาเมจรุนแรงกับใจเขาได้ขนาดนี้
   “ตฤนมานี่สิ”
   ตฤนเดินเข้าไปหาแฟนหนุ่มอย่างว่าง่าย ก่อนถูกดึงให้นั่งลงมาตรงกลางหว่างขาของปราชญ์ ตฤนนั่งหันหลังโดยมีปราชญ์สวมกอดแน่น ตฤนหน้าแดงแปร๊ดเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งดุนดันที่ก้นของเขา มือร้อนลูบที่อกของตฤน พลางใช้นิ้วเขี่ยยอดอกจากนอกเสื้อขนสีน้ำตาลนุ่ม เขาจูบที่ต้นคอไล่ลงมาที่แผ่นหลัง ขนปุกปุยบนชุดกวางของตฤน ทำเอาปราชญ์รู้สึกจักจี้ เขาลูบไล้ไปทั่ว ลูบขึ้นลูบลงจนชักจะเลยเถิด
ติ้งหน่อง!!!
   “พิซซ่ามาส่งครับ!!!”
   เสียงเรียกจากนอกบ้านทำให้กิจกรรมในบ้านชะงักไป ตฤนลุกขึ้นเตรียมจะออกเอารับพิซซ่าเอง
   “สักครู่นะครับ” ตฤนตะโกนตอบพลางเดินไปหยิบกระเป๋าตัง แต่ปราชญ์กลับคว้ามือบางเอาไว้
   “เดี๋ยวปราชญ์ออกไปเอาเอง”
   “หือ”
   “ไม่ให้ออกไปสภาพแบบนั้นหรอก” ดวงตาปราชญ์มองจ้องไปที่ใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะมองต่ำลงมาที่ต้นขาขาว จนตฤนเข้าใจ เออสภาพเขาน่าอายเกินไป “หวงรู้มั้ย”
   ร่างสูงลุกขึ้น ก่อนออกไปยังไม่วายหยอกล้อตฤนด้วยการฟาดมือไปที่ก้นของตฤนเบา ๆ ก้นนุ่มเด้งจนปราชญ์ไม่อยากจะกินพิซซ่าแล้ว
   ปราชญ์เดินออกไปเอาพิซซ่า พนักงานมองปราชญ์พลางยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าลูกค้าแต่งตัวอินกับบรรยากาศมาก ๆ เขาจ่ายเงิน ขณะที่พนักงานส่งท้ายด้วยความบอกเขาว่า เมอรี่คริสต์มาส
   ร่างสูงยิ้มขำ เขาอินเทศกาลเพราะมันสนุกนี่แหละ เขาคิดพลางเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขามองตฤนที่นั่งรอเขาอยู่บนโซฟา มือบางลุกเดินมาช่วยรับของ
   “ตฤนหิวยัง”
   “ก็ยังไม่ค่อย”
   “งั้นให้ซานต้าขี่ก่อนได้มั้ย” ร่างสูงพูดพลางส่งยิ้มทะเล้น เขาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะ พลางหันไปมองตฤนด้วยดวงตาที่สื่อความหมาย
   “กุหิวแล้ว”
   “กินซานต้าก็ได้”
   “โว้ย”
   “นะ หลังกินเดี๋ยวจุก”
   ร่างบางเดินไปนั่งที่โซฟา พลางทำหน้าดุใส่ แต่มีหรือปราชญ์จะกลัว เขาเดินเข้าไปหาพลางช้อนใบหน้าเนียนขึ้นมารับจูบจากเขา เขาดันตฤนให้นอนลงไปบนโซฟา ก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้า พอดวงตาสบกันราวความรักของปราชญ์ทะลักล้นออกมาจากดวงตานั่น ตฤนกำลังถูกซานต้ามอบความรักให้เป็นของขวัญ
   มือหนาลูบปะป่ายไปทั่วตัวของกวางน้อย ชุดกวางน้อยถูกเปิดถูกถอดออกทั้งที่เมื่อกี้อ้อนวอนให้ใส่แทบตาย นาทีนี้ชุดกลับไม่ถูกใส่ใจซะแล้ว เมื่อร่างสูงใช้ลิ้นร้อนซุกซนแลบเลียตุ่มไตสีหวาน ดูดดันจนยอดอกชูชัน เขาขบเม้มด้วยความมันเขี้ยว
   “อือ ปราชญ์” ร่างบางบิดเร่าเมื่อมือหนเลื่อนมาเกาะกุมที่แก่นกลาง
   “เขากวางน้อยไม่เห็นแข็งเลย” ปราชญ์พูดพลางขยับมือรัวเร็ว ตฤนตาปรือ เม้มริมฝีปากแน่นขณะที่มือจิกเกร็งลงไปบนโซฟา เขากวางน้อยจึงแข็งกระตุกอยู่ในอุ้งมือของเขา
   ร่างสูงรู้ว่ากวางน้อยใกล้เสร็จก็จงใจหยุดมือ ดวงตากลมที่ปรือเมื่อใกล้จะเสร็จสม ลืมขึ้นมองปราชญ์อย่างขัดใจ
   “ไม่ไหวแล้ว” ร่างบางร้องครางเชิงขอร้อง
   “เดี๋ยวสิ รอซานต้าด้วยสิกวางน้อย”
   ปราชญ์ยิ้มเขาหยิบเจลกลิ่นวนิลาที่เป็นของพิเศษสำหรับเทศกาลนี้ออกมา เขาถอดกางเกงออกอย่างรีบร้อนก่อนชโลมเจลลงไปบนความเป็นชายที่แข็งกระตุกพร้อมจะจัดการกวางน้อย
   เขาทาบทับกวางน้อยที่ตอนนี้คงทนไม่ไหวที่ถูกทำให้ค้างคา ตฤนเชิญชวนปราชญ์ด้วยการอ้าขาออกให้เขาเข้ามาได้ง่าย ๆ ไม่ไหว ชอบมาแกล้งให้เขาอยากแล้วอยู่ดี ๆ ก็ปล่อยค้างแบบนี้ได้ที่ไหน
   มือหนายกบั้นท้ายของตฤนขึ้น ปราชญ์กดสะโพกเข้าไปจนมิดทำให้ร่างบางถึงกับผวาคว้าไหล่อีกคนเอาไว้
   “อื้อเจ็บ”
   เพราะตฤนร้องคราง ปราชญ์ถึงได้หยุดรอ ยังไม่ขยับ ทั้งที่ข้างในของตฤนทำเอาเขาสติเตลิด แต่เขาจะอดทนไม่ทำให้เจ้ากวางน้อยตัวนี้ต้องเจ็บ
   ตฤนรู้สึกแน่น ๆ ตึง ๆ เขาช้อนตามองสบปราชญ์ อารมณ์เจ็บเจือจางลงไปแล้ว ปราชญ์รู้สึกได้ เขาต้องขยับแล้ว เพราะตฤนตอดรัดเขา เขาขยับช้า ๆ อย่างทะนุถนอม แต่เจ้ากวางกลับไม่พอใจ มันขยับสวนเอวสู้
   “หายเจ็บแล้วหรอ”
   “อื้อ เร็วหน่อย” คำออกปากถูกตอบสนอง ปราชญ์กระแทกกระทั้นจนตฤนหัวสั่นหัวคลอน
   “ซี๊ด”
   “ปราชญ์รักตฤน”
   “ระ รัก”
   ตฤนกระตุกเกร็งก่อนจะเสร็จสมไปก่อน น้ำคาวเปรอะเปื้อนหน้าท้องของปราชญ์ แต่ปราชญ์ยังไม่เสร็จ เขายกขาเรียวข้างนึงให้พาดไหล่เขาเอาไว้ ปราชญ์กระแทกกระทั้นย้ำ ๆ เจ้ากวางปรือตามองเขา ดวงตาหวานฉ่ำทำให้ปราชญ์กลืนน้ำลายดังเอื้อก มันเซ็กซี่ได้อีก... เซ็กซี่ได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่า แค่นี้ เขาก็จะไม่ไหวแล้ว
   “ปราชญ์ แตกสักทีสิ”
   คนรุกหน้าแดงก่ำเมื่อร่างบางพูดจาตรงไปตรงมา เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนเร่งจังหวะขยับซอยเอว เล่นยั่วยวนขนาดนี้ เขาคงต้องรีบสนองแล้ว
   “ซี๊ดดด” ปราชญ์ครางเมื่อกวินขยับมือมาเขี่ย ตุ่มไตสีเข้มของเขา ร่างสูงถอนแก่นกลางเกือบสุดก่อนดันเข้าไปในทีเดียว เขาปลดปล่อยเข้าไปเต็มช่องทางรักของปราชญ์
   ตฤนรู้สึกอุ่นวาบข้างใน ร่างสูงทิ้งตัวลงทับตฤนด้วยความเหนื่อย เขาถอนหายใจยาวเหยียด กอดรัดคนข้างล่างไว้แน่น 
   “ขอบคุณซานต้าสำหรับของขวัญ”
   “กวางน้อย...”
   “ชอบซานต้านะ”
   “น่ารักเกินไปเดี๋ยวต่อยกสองซะนี่”
   “ไม่เอา หิวแล้ว”
   “ไปล้างตัวก่อน แล้วค่อยกิน” ปราชญ์ชันตัวลุกขึ้นเตรียมจะอุ้มคนตัวเล็กกว่าไปห้องน้ำ แต่กวางน้องกลับลุกขึ้นก่อน ร่องรอยเปรอะเปื้อนน่าอายไหลหยดอาบไล้ไปตามเรียวขา
   “เดินเองได้” ตฤนวิ่งเผ่นไปห้องน้ำก่อนใคร ขณะที่ซานต้าเดินเก็บเสื้อผ้าของตัวเอง กับชุดกวางที่อีกคนทิ้งไว้ พลางเดินตาม ไม่สนใจเสื้อผ้า เดี๋ยวเถอะ จะปล่อยให้โป๊กินพิซซ่า
   “ตฤนลืมอะไรหรือเปล่าอ่ะ”
   “ไม่ได้ลืม แต่รู้ว่าจะเก็บมาให้” ร่างสูงทำหน้าเอือม พลางเข้าไปช่วยตฤนอาบน้ำ อาบไปก็แหย่กันไปหัวเราะคิกคัก
   “ขอบคุณกวางน้อยที่ให้ซานต้าขี่”
   “ขอบคุณซานต้าที่ให้ของขวัญอุ่น ๆ “ตฤนพูดพลางหลบตาใบหน้ามีสีเรื่อ ปราชญ์ลอบหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว หลังกินพิซซ่าจะให้ของขวัญอุ่น ๆ อีกเยอะ ๆ เลย ถ้ามันจะน่า...ขนาดนี้
.
[คิดถึงมากก็เลยจัดตอนพิเศษมาหา เขิน ซานต้าหื่นกับเจ้ากวางน้อย
อิอิ ฝากนิยายด้วยนะคะเพราะเราเคยพบกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70806.0)]
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรง (26/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: RingoPle ที่ 26-01-2020 23:40:22
   
ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า

     มีเทศกาลที่ปราชญ์อินแค่ผิวเผิน... ตรุษจีน เพราะเขาเป็นคนไทยแท้ ๆ ไม่มีเชื้อจีนผสม เลยไม่ค่อยได้อินอะไรกับเทศกาลแบบนี้นัก จนกระทั่งโทรคุยกับตฤน ว่าจะไปส่งแฟนหนุ่มที่ทำงาน แต่เจ้าตัวบอกว่าหยุด เพราะว่าพรุ่งนี้วันจ่ายต้องไปช่วยแม่จับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้ บ้านตฤนมีส่วนร่วมกับเทศกาลนี้เป็นพิเศษ เพราะมีเชื้อจีนเล็ก ๆ มาจากอากง
   ปราชญ์จึงขันอาสาขับรถพาแม่ไปจ่ายของ มามีส่วนร่วมในวัฒนธรรมนี้เป็นครั้งแรก
   เขาใส่เสื้อเชิ้ตคอจีนสีแดงกับกางเกงยีนส์มาหาตฤนที่บ้าน โดดเด่นยิ่งกว่าใคร ขนาดมันไม่อินยังขนาดนี้นะ ตฤนคิดในใจเมื่อเห็นการแต่งตัวของปราชญ์
   ขณะที่ตฤนสวมเสื้อยืดสีเหลืองสดใส
   แม่พาทั้งสองคนเดินจ่ายตลาด คนเยอะอย่างกับอะไรดี ได้เป็ดต้ม ไก่ต้ม ปลามาอย่างละตัว แล้วก็หมูสามขั้น ปราชญ์เดินถือของตามต้อย ๆ โดยมีตฤนยื่นส่งน้ำให้ดื่ม ตฤนเดินตัวเบาเพราะเขาจะต้องแบกในส่วนต่อไปคือผลไม้ ส่วนปราชญ์เดินแยกไปเอาของเก็บรถก่อน เขาเตรียมลังโฟมมาใส่ของเป็นอย่างดี
   ตฤนเดินไปสะดุดตากับของบางอย่าง เขายิ้มชั่วร้ายให้กับสิ่งนั้น ได้เวลาแก้แค้นปราชญ์แล้ว สำหรับทุกเทศกาลที่ผ่านมา...

   กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ แม่เลือกมาอย่างดี ก่อนส่งให้ตฤน พอปราชญ์กลับมาเห็นก็ดึงเอาไปหมด เอาไปแม้กระทั่งถุงขุ่นที่ใส่ของที่เขาเตรียมจะแกล้งเจ้าตัว แต่มันก็ไม่ทันรู้ตัวเลย
   “กุถือเองได้นะ”
   “กุถือให้” ปราชญ์พูดพร้อมยิ้ม “ตฤนถืออย่างอื่นเถอะ ที่สำคัญ ๆ เช่นหัวใจกุเนี้ย ถือดี ๆ”
   ตฤนย่นหน้าเหม็นเบื่อ แล้วจะมาหยอดอะไรกลางตลาดสด
   “เมิงเนี้ยน้า”
   แม่ที่ได้ยินบทสนาพลอยอ่อนใจไปด้วย หวานไม่เคยแคร์ใคร หวานจนน่าขนลุก แม่เลือกซื้อขนมเข่งขนมเทียน กับถ้วยฟูสีชมพูสดใส เป็นอันจบ 
   พรุ่งนี้วันไหว้ ปราชญ์ที่ได้ฟังก็อาสาจะช่วย เขาจะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ปราชญ์จึงมานอนที่ห้องตฤน เพื่อจะได้ช่วยแม่เตรียมของในตอนเช้าแล้วพอเล่าให้ฟังว่ามีวันเที่ยวอีก อีกฝ่ายก็รีบขานรับว่าจะพาไปทันที
   “เมิงรู้มั้ย มีอีกอย่างที่สำคัญในเทศกาลนี้”
   “มีอีกหรอ ตรุษจีนนี่รายละเอียดเยอะจัง”
   “อั่งเปาไง ซองสีแดง ๆ ที่ใส่เงิน”
   ปราชญ์กระตุกยิ้ม มันร้าย ...
   “จะเอาเท่าไหร่”
   “อยากให้เท่าไหร่ก็ให้มาสิ”
   “หมดตัว หมดหัวใจเลย”
   ตฤนก้มหน้างุด อดจะเขินไม่ได้ แต่เขาไม่ได้อยากได้คน จะเอาเงินว้อยยยย   

   เช้ามืดไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ พวกเขาจัดเซตเตรียมไหว้ ตั้งกระถางธูปแจกันดอกไม้ กระดาษเงินกระดาษทองแค่ไม่กี่ใบไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะว่าช่วงนี้ฝุ่นเยอะ บ้านตฤนก็ไม่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มมลภาวะ เขาตั้งถ้วยเหล้า และถ้วยน้ำชา ตฤนทำมันด้วยความคุ้นชิน ส่วนปราชญ์มีหน้าที่ทำตามที่บอก ยกอะไรไปวางตรงไหนเท่านั้น ส่วนผู้เป็นแม่กำลังวุ่นกับในครัว ทั้งต้มน้ำแกง ผัดหมี่ แล้วก็หุงข้าวสวย สองหนุ่มจึงช่วยกันยกของที่ทำเสร็จเรียบร้อยไปตั้ง
   พอได้ฤกษ์ดีก็เริ่มพิเศษไหว้เจ้าของพร
   ปราชญ์ยกมือไหว้ พลางขอพรในใจ
   ‘ผมไม่ค่อยแน่ใจรายละเอียดนะครับ ผมไหว้ปีนี้ปีแรกกับบ้านแฟน ยังไงก็เมตตาปรานีผมด้วยนะครับ ช่วยคุ้มครองให้พวกเราอยู่ดีมีสุข ให้ผมรวย ๆ เฮง ๆ มีเงินมาดูแลครอบครัว มีเงินมาดูแลแฟน ฝากด้วยนะครับท่าน’
   ช่วงสายจัดวางอาหารทั้งคาวและหวาน ขนม ผลไม้ ก็ถูกตั้งเต็มโต๊ะ รอบนี้ไหว้บรรพบุรุษ
    ปราชญ์ก็บอกผ่านฝากเนื้อฝากตัวอีกเช่นเคย
   จนเที่ยงถึงได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
   “บ่ายมีทำอะไรอีกมั้ย”
   “มีไหว้ผีไร้ญาติ” ตฤนตอบขณะเคี้ยวไก่ต้ม
   “ไหว้ด้วยหรอ”
   “เออ แบ่งปันอ่ะ”
   “เยอะแยะเหมือนกันเนอะ”
   “นี่น้อยแล้วนะ มีไหว้อีกเพียบ ยันดึก แต่พอแล้วแหละ” ปราชญ์ทำหน้าสนใจ จะต้องไหว้อะไรกันมากมายขนาดนี้เนอะ ถ้าไม่มีแฟนเป็นเชื้อสายจีนเขาคงไม่รู้
   
   เมื่อผ่านพ้นพิธีวัฒนธรรมต่าง ๆ ไปอย่างราบรื่น วันนี้เจ้าหมาตัวโตถูกควบคุมเป็นอย่างดี กี้ไม่ค่อยชอบใจที่ถูกควบคุมตัวเป็นพิเศษ มันจะร้องครางหงิงเวลามีคนเดินผ่านหน้ามัน อยากจะปล่อยเพราะสงสาร แต่ถ้าปล่อยก็กลัวว่าจะปีนไปกินของไหว้บนโต๊ะ พอตกเย็นมันจึงได้ขนมเป็นของรางวัลและการไปเดินเล่น ปราชญ์แว่บไปบ้าน เอาเสื้อผ้า เขาไม่คิดว่าจะต้องนอนหลายคืน
   ตฤนก็จัดการเอาของที่จะแกล้งอีกฝากออกมารอ กี่เพ้าสีแดง แหวกขาสุดเซ็กซี่ กับขนเฟอร์เก๊แบบพวกนักร้อง เขายิ้มขำปราชญ์เอ้ย โดนแน่ บังคับให้เขาใส่นั่นใส่นี่ รอบนี้นี่แหละ!!!
   
   ปราชญ์กลับมาบ้านก่อนเจอตฤนทำหน้าเจ้าเล่ห์ดูยิ้มอารมณ์ดีแบบแปลก ๆ
   “ทำหน้าเหมือนมีแผนร้าย”
   “ไปขึ้นห้อง”
   “หือ จะชวนอย่างงั้นเลยหรอ ปราชญ์ ทำตาโตเมื่อตฤนเป็นฝ่ายเชิญชวน
   ร่างบางไม่ได้ปฏิเสธ ทำแค่เดินนำขึ้นห้องไป
   “รอบนี้ตามใจกุบ้างนะ โอเคมั้ย” ตฤนยืนพูดหันหลังอยู่ตรงเตียง
    “จะทำอะไรให้ควบคุมเต็มที่เลย” ปราชญ์ที่ยังคิดเรื่องลามก คิดว่าตฤนจะขอขึ้น ขอควบคุมจังหวะ ควบคุมท่าทาง เขาคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
   ร่างบางหมุนตัวมาประจันหน้าพร้อมของในมือ กี่เพ้าสีแดงสดถูกยื่นไปตรงหน้าปราชญ์
   “ตาเมิงใส่บ้างแล้ว อาหมวย”
   ปราชญ์กระพริบตาปริบ ๆ พลางส่งยิ้มหวานได้ตฤน เขาน่ะ ยังไงก็ได้แล้วแต่ คิดว่าของแค่นี้จะทำอะไรเขาได้หรอ ไม่มีทาง คนไร้ยางอายแบบเขาน่ะ
   เขาถอดเสื้อถอดกางเกงต่อหน้าตฤน จนคนคิดจะแกล้งได้แต่ทำหน้าเขิน หมุนตัวหันหลังให้แทบไม่ทัน ขนาดจะแกล้งมัน มันยังเอาคืนเลย
   ปราชญ์ค่อนข้างงงว่ามันใส่ยังไง เขาพยายามใส่มันอย่างทุลักทุเล
   “เสร็จยัง” ตฤนถามเพราะเห็นว่านานหลายนาที ชุดก็ไม่ได้ใส่ยาก
   “ยัง” ปราชญ์เงียบไปอึดใจ “ยังไม่ทันได้ทำเลย จะเสร็จได้ไง”
   “...” เฮ้อ มันก็แบบนี้ตลอด
   ไม่กี่อึดใจ ปราชญ์ก็แต่งตัวเรียบร้อย มีเฟอร์คล้องอยู่ที่คอและแขน สองมือแตะที่สะโพก พลางยืนพอยขาสวย ๆ รอคนตัวเล็กหันมาชม เขายิ้มกว้างแบบมีจริต
   “เรียบร้อยหันมาได้”
   ตฤนหมุนตัวกลับมา เขาแทบขำ ชายหนุ่มหน้าตาดี หุ่นก็ไม่ได้บอบบางสวยงาม ผมก็สั้นกุด ยืนโพสท่ามั่นใจใส่เขา
   “ฮ่าๆ  สวยจังอาหมวยของเฮียตฤน”
   ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหา พลางนั่งลงข้าง ๆ มือหนาลูบไล้ต้นขาตฤนไปมาอย่างหยอกเย้า
   “เฮียตฤนอยากให้ปราชญ์ทำอะไรให้ สั่งมาได้เลย”
   “ขนลุกว่ะ” ตฤนที่แกล้งเขาเหมือนกำลังถูกแกล้งซะเอง ปราชญ์ในชุดกี่เพ้า ไม่เห็นจะมีท่าทางเขินอายเหมือนเขาในชุดกวางเรนเดียร์เลย ทำไมวะ!!! ไม่ยุติธรรม!!!
   ร่างสูงนั่งไขว้ห้าง พลางล้วงหยิบซองแดงออกมาหลายใบเขากางมันเป็นพัด ก่อนจะขยับโบกไปมาอย่างมีจริตจะก้าน ปลายนิ้วกรีดกรายสะบัดจนอยากจะตี
   “อยากแจกซองให้เฮียจังเลย” เขามีแต่เฮียแจกให้หมวย แต่รอบนี้หมวยดันเป็นนักเปย์
   “แจกมาเลยเฮียอยากได้”
   “บทสลับกันนะ หรือเฮียต้องให้”
   “เฮียไม่มี เฮียจน”
   “ฮ่า ๆ ถ้าเฮียมานั่งตักหมวย หมวยจะให้ซองนะ“
   ตฤนหน้าง้ำ มันมีของมาล่อ! แต่ถามว่ายอมมั้ย ก็ยอม ร่างบางเดินไปนั่งตักอีกคนอย่างว่าง่าย
   มือหนาเอาเฟอร์มาละต้นคอเขาจนขนลุก “งั้นเรามาสนุกกันแล้วหมวยจะให้ซองนะ”
   หมวยแสบถือโอกาสโอบกอดสอดผ่านเอวบางมาลูบไล้ส่วนเป้าของอาเฮียตัวดี
   “ตฤนอยากสั่งแค่ให้ปราชญ์ใส่ชุดอะไรเองหรอ ไม่สั่งอย่างอื่น...” ถึงจะพูดแบบนั้น ทว่ามือหนากลับล้วงลงไปข้างในกางเกงยางยืด ลูบไล้สัมผัสแก่นกลางที่กำลังจะตื่น
   “...อื้อ”
   “ไม่สั่ง ปราชญ์สั่งน้า”
   “อึกอื้อ” ตฤนครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อมือหนาขยับเร็ว
   “อื้อเป็นว่าตกลงนะเอ้อ”
   “ซี๊ดดดด ขี้โกง อ๊ะ” ปราชญ์หยุดมือที่ชักขยับมาเป็นลูบไล้วนที่ส่วนหัวแทน เสียวจนไม่ไหว
   “หมวยจะปรนนิบัติเป็นอย่างดีเลย อมให้ดีมั้ย”
   เขาดันตฤนให้นอนลงใต้ร่างเขา ก่อนจะถอดกางเกงของตฤนออกมา เขาแกล้งเอาเฟอร์ไปละตรงส่วนนั้น ให้อีกคนขนลุกเล่น เขาใช้เฟอร์โอบรอบแก่นกลาง ก่อนจะก้มลงไปเลียที่ส่วนหัว ลงลิ้นเร็วจะคนถูกทำยกตัวเอวลอย
   ทั้งเสียวทั้งจักจี้ ปราชญ์มันแกล้งเขา
   ปราชญ์ค่อย ๆ เอาความเป็นชายทั้งหมดของตฤนเข้าไปปากก่อนชักเข้าออก เพื่อให้อีกคนได้ปลดปล่อย แล้วจะได้เป็นตาเขาบ้าง
   ตฤนที่โดนเอาคืนได้แต่ปรือตา หอบหายใจ พลางยกสะโพกบางเข้าหาริมฝีปากหนา มันประหลาด ขนเฟอร์ที่ละไปมาตรงนั้นมาชวนให้จักจี้จริง ๆ มือบางจิกกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นก่อนลมหายใจกระตุกขาดห้วง เพราะเขาไปถึงฝั่งฝันเรียบร้อย พ่นน้ำรักเข้าไปเต็มปากของอีกคนจนล้น
   เฟอร์เปื้อนหยดน้ำเหนียวข้นนี่เล็กน้อย... ปราชญ์ดึงมันออกไปวางกองข้าง ๆ ทีเขาบ้างแล้ว เขาไม่ได้ถอดชุดกี่เพ้าออก ถอดแต่กางเกงข้างใน เดี๋ยวจะทำให้ทั้งที่ใส่ชุดนี้นี่แหละ อยากแกล้งเขาดีนัก จะให้ดูให้เต็มตา
   ร่างสูงถอดเสื้อผ้าคนที่กำลังหอบเหนื่อยออกทั้งหมด จนเปลือย เขาเอาเฟอร์ไปวางบนอกเนียน ก่อนจะเขี่ยไปเขี่ยมาที่จุดไวสัมผัส
   “อื้อ มันจักจี้น่า” ตฤนบ่นขณะพยายามยกมือขึ้นปัดป้อง เฟอร์จึงถูกโยนไปข้างเตียง และแทนที่ด้วยริมฝีปากร้อนแทน เขาดูดเม้มตุ่มไตสีหวานด้วยความกระหายอยาก ซ้ายทีขวาที ทิ้งร่องรอยไว้ที่แผงอกเนียนเป็นจุด ๆ
   “ปราชญ์...” เสียงหวานครางแผ่ว “อ่า”
   “เฮียของหมวยเซ็กซี่มากเลยรู้มั้ยครับ”
   ปราชญ์เอื้อมขยับไปหยิบเจลที่หัวเตียงมาชโลมนิ้ว ก่อนจะค่อย ๆ กดเข้าไปในช่องทางรัก
   ตฤนอ้าขาออกกว้างให้ปราชญ์ได้จัดการเขาได้โดยง่าย เขาให้รางวัลความทุ่มเทวุ่นวายช่วยเหลือของปราชญ์ตลอดสองวัน ที่ดูกระตือรือร้นกับวัฒนธรรมบ้านเขาเหลือเกิน
   “จะใส่แล้วนะ”
   “อื้อ”
   เขาจับแก่นกลางขึ้นจ่อที่ช่องทางก่อนจะดันเข้าไปจนสุด
   ตฤนสะดุ้งผวากอดอีกคนแน่น ชายผ้าชุดกี่เพ้าคลอเคลียอยู่กับหน้าท้องของเขา มันละไปมาให้ความรู้สึกวูบไหว
   ปราชญ์กอดคนใต้ร่างแน่น และรอ รอให้อีกฝ่ายพร้อมให้เขาขยับ
   “อึก ขยับเลย”
   เอวสอบทำตามคำขอขยับเข้าออกด้วยความชำนาญ เสียงหอบครางที่ทั้งคู่ต่างพยายามสะกดกั้น กลัวเสียงจะลอดออกไปนอกห้อง กลัวแม่จะตื่นมาได้ยิน พวกเขาเลยพยายามจะควบคุมเสียงเอาไว้
   ตฤนปรือตา รู้สึกดีจนสมองโล่ง
   “อย่าหลับตาสิ ดูปราชญ์ในชุดนี้ให้เต็มตาสิครับ”
   ตฤนลืมตามองร่างสูงที่ขยับอยู่บนตัวเขา ชุดกี่เพ้าปลิวไสวตามจังหวะขยับ เป็นภาพที่ประหลาด
   ปราชญ์แอบรำคาญกี่เพ้า ที่มาบดบังวิวดี ๆ ของตฤนไปจากเขา เขายกชายกระโปรงขึ้นกัดเอาไว้จะได้เห็นร่างเปลือยของคนด้านล่างได้ชัด ๆ ส่วนตฤนที่พยายามกั้นเสียง เขายกสองมือขึ้นปิดปาก ยิ่งจังหวะกระแทกถูกจุดอ่อนไหว เขาก็จะเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย
   ด้านในตอดรัดปราชญ์จนเขาแทบจะเสร็จ ปรับเร่งจังหวะเพื่อจะได้ปลดปล่อยเสียที กระแทกรวดเร็วรุนแรงจนร่างบางหัวสั่นหัวคลอน ตฤนเองก็ใกล้จะถึงอีกครั้ง เขาเสร็จจึงกระตุกเกร็งแน่นจนปราชญ์ขยับต่อไม่ไหว
   “อือ...” ปราชญ์กระแทกเข้าไปสุดลำ ก่อนคำรามต่ำในลำคอ ร่างสูงซวนซบลงไปที่ร่างบาง ปลดปล่อยของเหลวอุ่นร้อนทุกหยาดหยดเข้าไปข้างใน
   “เฮียทำหมวยเหนื่อยนะคะ”
   “หมวยกามเองนะ และหมวยตัวหนักจังเลย”
   ร่างสูงถึงได้พลิกตัวไปข้าง ๆ ให้ตฤนได้หายใจโล่ง ๆ บ้าง
   “สนุกมั้ยตฤน”
   “เอ่อ สนุกก็ได้วะ โดนเอาคืน”
   “เอา...คำนี้หมายถึงในรูปแบบไหนนะคะ”
   “หึ้ย!”
   ร่างสูงยิ้มขัน ก่อนพลิกตะแคงข้างหาตฤนที่ถูกเขากวนประสาทไม่หยุดหย่อน เขาขยับไปจูบหน้าผากเนียนที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจากกิจกรรมเข้าจังหวะ
   “ของในซองสีแดงคือสิ่งที่แฟนอยากได้ใช่มั้ยครับ”
   “ใช่ ไหน เอามาเลย”
   “ชุดกี่เพ้านี่ก็เหมือนซองสีแดงนะ ของในชุดสีแดงก็มีค่าม้ากมาก”
   “จ้า มีค่าที่สุดในโลกเลย” ร่างบางพูดพลางขยับ ไปจูบที่แก้มของปราชญ์ มือก็ขยับไปพาดเอวหนาเอาไว้ ...
   “ทำแบบนี้ อยากต่ออีกรอบใช่มั้ย”
   “ไม่เอา...” เขาเอื้อมแขนไปคว้าหยิบซองแดงมาได้ ก่อนที่อีกคนจะล่อให้เขาทำอะไรอีกซองแดงสี่ซองก็มาอยู่ในมือเขาเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางลุกขึ้นนั่ง พลางคลี่ซองแดงเป็นพัด โบกเบา ๆ อย่างผู้ชนะ
   “มือไว”
   “ได้มาเรียบร้อยห้ามมาสั่งเพิ่ม”
   ตฤนดึงผ้าห่มคลุมตัวก่อนเดินลิ่วหนีไปห้องน้ำ ปราชญ์ลุกตามประกบให้อั่งเปาเป็นเงินไปแล้ว เขาก็จะตามไปให้อั่งเปาของเขาอีกสักรอบ ของสำคัญใต้ชุดกี่เพ้า...
.
[ตฤนเอ๊ย ถ้าท้าทายปราชญ์ จะเป็นแบบนี้แหละ
คนไม่มียาง เขาทำอะไรก็ได้!!!]
(https://uppic.cc/d/6bKY) (https://uppic.cc/v/6bKY)
หัวข้อ: Re: ♡ Crush on you แพ้รักเพื่อนสนิท ตอนพิเศษ หมวยเอาคืน สีแดงแรงสามเท่า (26/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:30:09
 :pig4: