Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020  (อ่าน 158665 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน
ตอนที่ 2 ทดลองงาน
ตอนที่ 3 ผ้าปิดตา
ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว
ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ
ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ
ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่
ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย
ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ
ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม
ตอนที่ 11 WHO IS MR.K?
ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้
ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย
ตอนที่ 14คนๆ นั้น
ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน
ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น
ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้
ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม
ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา
ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง
ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร
ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END
ขอบคุณ คุณ Yuuzbouba มากๆ นะคะ ที่ช่วยทำสารบัญแต่ละตอนให้ค่า


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2020 12:26:32 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #1 เมื่อ23-04-2019 01:21:17 »


BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน




คุณสมบัติผู้สมัคร

1. เพศชายเท่านั้น (ไม่จำกัดอายุ)

2. สถานะโสดเท่านั้น ต้องยังไม่สมรสหรือไม่มีแฟน (ไม่ว่ากับเพศใดก็ตาม)

3. ปัจจุบันต้องพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น



ค่าตอบแทน

1. กรณีหลับ คืนละ5,000 บาท กรณีตื่น คืนละ 10,000 บาท

2. กรณีรายเดือน จะตกลงกันภายหลัง ทั้งนี้เงินเดือนสามารถต่อรองได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์



ส่งอีเมลมาที่ bedcarejob@email.comหัวข้อ ‘สมัครงานดูแลเตียง’ พร้อมแนบรูปถ่ายหน้าตรงและประวัติส่วนตัวโดยสังเขป หากผ่านการพิจารณาแล้วทางเราจะติดต่อกลับไปเองพร้อมกับรายละเอียดการทำงาน



หมายเหตุ กรณีที่ไม่มีการติดต่อกลับภายใน1 สัปดาห์ถือว่าคุณไม่ผ่านการพิจารณา




ผมอ่านข้อความบนเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งแล้วต้องเกาหัวด้วยความฉงน



สมัครงานอะไรของมันวะเนี่ย? อะไรคือหลับ แล้วอะไรคือตื่น



ผมคงจะงงหนักกว่านี้ถ้าหากว่ามันจะไม่ใช่เว็บบอร์ดการหาคู่นอน ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเป็นเว็บบอร์ดสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขายร่างกายกันต่างหาก



ผมเพิ่งเคยเข้าเว็บบอร์ดแห่งนี้เป็นครั้งแรกโดยได้รับการช่วยเหลือมาจากเว็บไซต์google ที่ค้นหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ในโลกนี้ แต่ไม่ใช่จู่ ๆ ผมจะอุตริเข้ามาที่นี่เองหรอก หากไม่ใช่ว่าผมกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน



เรื่องเงินที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวผม..



ผมไล่สายตาอ่านข้อความที่มีคนมาreply ตอบมากมาย ดูเหมือนกระทู้นี้จะเป็นที่นิยมไม่น้อย ไม่รู้ว่ามาจากการที่รับสมัครงานแปลกๆ เมื่อเทียบกับกระทู้อื่นหรือเพราะความลึกลับน่าสนใจ ดูเหมือนหลายๆ คนที่มาตอบนั้นต่างเคยส่งอีเมลไปสมัครแล้วทั้งสิ้นแต่ไม่ผ่านการพิจารณา พวกเขาจึงอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่ผ่านการพิจารณาและได้เข้าไปทำงานนั้นเป็นอย่างไรบ้าง



ย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนที่ผมได้รับโทรศัพท์จากที่บ้าน ทุกครั้งที่รับโทรศัพท์มือผมจะสั่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ร่างกายเครียดเกร็ง รับรู้ได้ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่นอน

“เปลต้องช่วยแม่นะ พวกมันจะมาจับพ่อแกไปซ้อมถ้าไม่เอาเงินมาให้พวกมัน”

“พ่อไปทำอะไรเขา”

“พ่อแก..ก็..เออน่ะ ช่างมันเถอะน่า รู้แค่ว่ามันจะทำร้ายพ่อแกก็พอ” เสียงแม่ตอบตะกุกตะกักแต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าเพราะอะไร



การพนัน



“เยอะไหม เงินที่ไปทำงานพิเศษรอบนี้ยังไม่ได้เบิกมาเลย”

“ไม่มากหรอก ยังไงแกอยู่กรุงเทพฯ ก็น่าจะสุขสบายดีไม่ลำบากเท่าทางนี้หรอกมั้ง”

“เท่าไหร่อะแม่” ผมไม่อยากถามคำถามนี้ออกไปเลย แต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องถามออกไปอยู่ดี

“ห้า..”

“ห้าพันเหรอ”

ผมถอนหายใจ คราวก่อน สองพัน สามพัน แล้วก็สี่พัน มันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ผมยังพอให้ได้

“ห้าหมื่น”

“ห๊ะ! ห้าหมื่น ผมจะไปหาเงินที่ไหนมาให้เขาล่ะแม่”

“ไม่รู้ละ ถ้าไม่เอาเงินมาให้พวกมันนะ มันบอกว่าจะให้น้องแกทำงานขัดดอกไปก่อน”

“ไม่ได้นะแม่ อย่าไปยุ่งกับไอ้ปิง ให้มันเรียนไป”

“แม่ก็รู้ ถึงได้โทรหาแกนี่ไง”

“พอจะผ่อนจ่ายได้ไหม” ผมคำนวนเงินในบัญชีในหัวอย่างรวดเร็ว

“ได้สิ ขอแค่มีจ่ายให้พวกมัน แบบไหนมันก็โอเคทั้งนั้น” น้ำเสียงแม่ฟังดูตื่นเต้นดีใจ แม่คงรู้ว่าผมใจอ่อน

“งั้นแม่เอาเบอร์เจ้าหนี้มาให้ผมด้วย”

“จะเอาเบอร์มันไปทำไม แกก็โอนเงินมาให้อย่างเคย เดี๋ยวแม่เอาไปจ่ายมันเอง”

“ไม่ครับ ผมอยากตกลงกับเขานิดหน่อย”

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม” แม่เริ่มไม่ค่อยพอใจแล้วที่ผมไม่ทำตามใจเธอ

“ถ้าแม่ไม่ให้เบอร์เขา ผมจะไม่จ่ายเงินให้ แล้วจะไปรับไอ้ปิงมาอยู่ด้วยกันที่นี่”

“ไอ้เปล!”

“แม่เลือกมา” ผมยื่นคำขาดออกไป ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นลูกไม่รู้บุญคุณแต่บางอย่างผมก็ไม่อยากจะต้องเสียเงินซ้ำซ้อน

“เออ ๆ เดี๋ยวส่งเบอร์ไปให้ อย่าลืมไปจ่ายให้ด้วยล่ะ”

“ครับ”



ผมรับคำเสร็จ แม่ก็วางสายไปทันทีโดยไม่สนใจจะคุยกับผมอีก ไม่มีถามว่าสบายดีไหม เรียนหนักไหม ทำงานเหนื่อยไหม พักผ่อนบ้างหรือเปล่า ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า มันยังสว่างจ้าเหมือนทุกที แต่ตอนนี้ท้องฟ้าดูราง ๆ มองเห็นไม่ชัด ผมรีบหลับตาไม่อยากให้น้ำตาต้องไหลลงมา ผมไม่อยากอ่อนแอ



เมื่อตั้งสติได้ผมก็โทรศัพท์กลับไปหาเจ้าหนี้ เขาบอกว่าพ่อผมเสียพนันไปเยอะ ถึงแม้ที่บ่อนจะบอกให้หยุดเล่นแต่พ่อก็ไม่ยอม ผมได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับขอผ่อนจ่าย ทางนั้นตอบตกลงแต่เพราะพอรู้จักคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง เขาจะไม่คิดดอกเบี้ยมากจนเกินไป ขอเพิ่มอีกห้าพันจากห้าหมื่นก็พอ



ในคราวแรกผมตกใจ ดอกเบี้ยนั้นไม่น้อยเลยแต่เอาเถอะดีกว่าดอกเบี้ยขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ ผมขอเลขที่บัญชีเจ้าหนี้และรับปากว่าจะรีบโอนเงินงวดแรกให้ในวันรุ่งขึ้น นั่นแปลว่าเมื่อวานนี้ผมได้โอนเงินค่าดอกเบี้ยไปให้ทางนั้นแล้วจำนวนห้าพันจากนี้จะเหลือแค่เงินต้นห้าหมื่น ทางนั้นให้เวลาผมสามเดือน ซึ่งก็นับว่ามากพอควรสำหรับคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ไปค้ำประกันใด ๆ



วันนี้ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะหาเงินเพิ่มจากที่ไหนดี ผมดันได้ยินผู้หญิงที่อยู่ในคลาสเรียนเดียวกันคุยกันอยู่ข้างหน้า พวกเธอคุยกับเพื่อนผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสั้นมากและเส้นผมที่ถูกย้อมเป็นสีแดง



“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่านี่ใบใหม่” คนที่ผมดำยาว ใส่กระโปรงพลีทเสมอเข่า ทักทายเมื่อเห็นสาวผมแดงเดินเข้ามา เธอยิ้มรับพร้อมกับชูกระเป๋าอวดเพื่อน

“ใช่แล้ว”

“โห อิจฉาอะ ขอจับได้ไหม” คราวนี้เป็นคนที่ผมสีดำตัดสั้นพูดขึ้นบ้าง

“ไม่ได้ย่ะ เดี๋ยวเลอะไปแกรับผิดชอบไหวเหรอ” สาวผมแดงค่อนขอดก่อนจะรีบเอากระเป๋าไปวางให้ห่างจากมือเพื่อน

“หวงนะยะ”

“ใบตั้งกี่แสน ถ้าเลอะไปขายต่อไม่ได้ราคาพอดี”

“เออ ๆ ทำไมเสี่ยคนนี้ใจดีจังวะ”

“กำลังหลงกูก็แบบนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก อยากได้อะไรให้รีบขอ ๆ ไว้ พอมันเบื่อจะได้ไม่เสียดาย” สาวผมแดงพูดต่อไม่ทุกข์ร้อน

“ระวังแฟนมึงรู้” คนผมดำยาวพูดแทรกขึ้น

“นอกจากกูแล้วก็มีมึงและมึงสองคนที่รู้” สาวผมแดงตวัดเสียงไม่พอใจ ทำท่าทางขู่สองคนที่นั่งอยู่

“แล้วเสี่ยคนนี้ไม่มีลูกเมียเหรอ”

“คิดว่ากูสนหรือไง จะมีหรือไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวกับกูปะ” สาวผมแดงไหวไหล่ ไม่ยี่หระกับคำถามเพื่อน

“กูแค่กลัวว่าเมียหลวงเขาจะมาแหกหน้ามึงก่อน”

“ถ้ามาตบกู คิดว่ากูจะยอมให้ตบเฉย ๆ เหรอ จับผัวไม่อยู่เองจะโทษใครได้ ถ้าจะโทษก็ไปโทษคนของตัวเองสิ”

“เอาเถอะ ๆ กูก็แค่เป็นห่วง ยังไงมึงก็ต้องดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“รู้แล้วน่า”

“อาจารย์มาแล้ว ๆ” เป็นหญิงสาวผมดำตัดสั้นที่พูดปิดท้ายก่อนที่ทั้งห้องจะเข้าสู่ความเงียบเมื่ออาจารย์เริ่มการสอน



และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงลองเข้าเว็บไซต์แห่งนี้



ระหว่างที่ผมเปิดอีเมลเพื่อจะสมัครงาน ใจผมเต้นตึกตัก รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ผมไม่คาดหวังว่าจะได้งานนี้แต่ลึก ๆ ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ผมรู้ว่าการหาเงินด้วยวิธีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ปฏิเสธได้ไหมละว่าวิธีนี้หาเงินได้เร็วสุด ถ้าไม่นับขายยาหรือส่งยา



จริงไหม



ผมเริ่มเขียนรายละเอียดไปตามที่อยู่อีเมลและหัวข้อที่บอกไว้ โดยไม่ลืมแนบรูปไปด้วย รูปที่ส่งไปก็ไม่ใช่รูปอะไรนอกจากรูปถ่ายสองนิ้วหน้าตรงที่ไว้ติดบัตรนักศึกษานั่นแหละ ก่อนจะพิมพ์ประวัติส่วนตัวสั้น ๆ ลงไปด้วย



สวัสดีครับ

ผมเห็นประกาศรับสมัครจากเว็บบอร์ด ผมชื่อธาวิน กันตะ อายุ 21 ปี เรียนอยู่ปีสี่

ปล ผมไม่ได้อยากเร่งรัด แต่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าผมไม่ผ่านการพิจารณา คุณช่วยรีบบอกได้ไหม ผมจะได้ไปสมัครที่อื่นต่อ


ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งไปด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย พอส่งไปแล้วก็นึกเสียใจ ไม่ได้เสียใจที่ส่งเมลแต่เป็นเนื้อหาข้างในต่างหาก เพราะมัวแต่ตื่นเต้น ผมควรจะเขียนประวัติส่วนตัวให้ยาวกว่านี้ นี่มันสั้นเกินไป แล้วในเนื้อหานั้นผมไม่ควรปล. ถามกลับไปด้วย



รู้สึกตัวเองเด็กเหลือเกิน



คืนนั้นผมหลับไปทั้งที่หัวสมองยังเฝ้าคิดว่าผมจะผ่านการรับสมัครไหม ถ้าไม่ผ่านผมจะไปทำอะไรดี หากระทู้อื่นแล้วติดต่อไปใช่ไหม ยังไงผมก็คงต้องหางานประเภทนี้ถ้าอยากได้เงินเร็ว ๆ ลำพังแค่งานพิเศษคงหาให้เร็วเท่านี้ไม่ได้อีกแล้วอ้อ.. ผมควรไปสมัครงานเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าเพิ่มด้วย ทิปหนัก ๆ จากคนเมา อาจจะพอช่วยผมได้อีกทาง ผมคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นกระทั่งหลับไป



เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปเรียนแล้วรีบไปทำงานพิเศษต่อ ช่วงเย็นเลิกงานผมไปสมัครงานเด็กเสิร์ฟใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยของผม เจ้าของร้านใจดีรับผมทันทีแล้วให้ทำงานในวันเดียวนั้นเลย กว่าผมจะกลับมาถึงห้องพักก็ตีสามจวนจะสี่อยู่รอมร่อ แต่สติอันน้อยนิดทำให้ผมไม่ลืมจะเข้าไปเช็กเมล ผมลุ้นว่าจะเจอข้อความใหม่หรือเปล่า



คุณมี 1 ข้อความใหม่



ใจผมเต้นรัว ผมกดเข้าไปทั้งลุ้นและกลัวไปในคราวเดียวกัน



สวัสดีครับ คุณธาวิน

ก่อนอื่นผมขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากประวัติที่คุณให้มานั้นค่อนข้างสั้น ผมจึงอยากขอสอบถามข้อมูลคุณเพิ่มเติม

1.ชื่อเล่นและภูมิลำเนาที่เกิด

2. ขอรูปเพิ่มที่ไม่ใช่รูปติดบัตรนักศึกษา แบบไหนก็ได้ขอแค่เห็นหน้าขัด

3. น้ำหนักและส่วนสูง

4. มีโรคประจำตัวหรือไม่

5. หลับหรือตื่น

6. คุณเข้าใจและรับทราบแล้วใช่ไหมว่าการสมัครงานครั้งนี้คืองานอะไร

Mr K.




ผมอ่านอีเมลนั้นสองรอบอย่างไม่เชื่อตาว่าผมจะผ่านการพิจารณา ผมคิดวนอยู่สิบวินาทีก่อนจะกดปุ่ม reply กลับไป


สวัสดีครับ คุณ Mr.K

รายละเอียดเพิ่มเติมตามด้านล่างครับ

1. ชื่อเล่นเปล เกิดที่จังหวัดลำปาง

2. ผมไม่ค่อยมีรูปมากนัก รูปนี้ถ่ายเมื่อหกเดือนก่อน แต่ไม่ต่างจากปัจจุบันเท่าไหร่หวังว่าพอจะใช้ได้นะครับ

3. สูง 176 ซม. น้ำหนัก 58 กก.

4. ไม่มีโรคประจำตัว

5. หลับหรือตื่นคืออะไรครับ

6. ผมทราบดีครับว่าคืองานอะไร

ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งอีเมลไปแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่ากลั้นหายใจไปนานพอควร ผมมองนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือแล้วต้องดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนนั่นโดยเร็ว รีบอาบน้ำแล้วจะได้กลับมานอน พรุ่งนี้มีเรียนตอนเช้าเสียด้วย



วันต่อมาเป็นอีกวันที่ผมต้องยุ่งตลอดทั้งวันและทั้งคืน ผมยังไปเรียนตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายไปทำงานพิเศษและกลางคืนไปทำงานที่ผับ กลับมาหอพักเล็ก ๆ ด้วยความเหนื่อยสายตัวแทบขาด ปกติผมทำงานพิเศษตอนกลางวัน ตกกลางคืนยังมีเวลาพักให้อ่านหนังสือหรือทำอะไรอื่น ๆ บ้าง หลังจากนี้ผมคงไม่มีเวลาอีกนานจนกว่าจะจ่ายหนี้หมด

ผมเช็กอีเมลในเวลาเดิมอีกครั้งและตาลุกวาวเมื่อเห็นข้อความจากMr. K คนนั้น



สวัสดีครับ คุณเปล

ผมขออนุญาตเรียกชื่อเล่นคุณนะครับ ผมขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการพิจารณาขั้นที่สองแล้ว เหลือขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจร่างกาย กรุณาไปที่โรงพยาบาลนี้ ในวันจันทร์-ศุกร์ ช่วง 9.00-12.00น. ที่ตึก A ชั้น 10 ครับ แจ้งกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาต์เตอร์ว่าตรวจร่างกายจากมิสเตอร์เค

ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการทำเรื่องอันตรายหรือไม่ เป็นการตรวจร่างกายเพื่อหาโรคร้ายเท่านั้นครับ หากคุณปกติไม่มีโรคใด จะถือว่าคุณผ่านการพิจารณาแล้วผมจะแจ้งรายละเอียดอีกที รวมไปถึงคำถามหลับหรือตื่นที่คุณสงสัย

การตรวจครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากสละเวลาไปตรวจตามวันเวลาที่ผมได้แจ้งไปข้างบน และไม่ต้องนำผลใด ๆ กลับมา ทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลนั้นกับผมเอง

Mr.K




ผมเกาหัวแกรก ๆ การจะนอนกับผู้ชายสักคนทำไมมันต้องวุ่นวายยากเย็นขนาดนี้ด้วย ผมชักอยากจะเห็นหน้าค่าตาของผู้ว่าจ้างคนนี้เสียจริง คิดจะซื้อคนมานอนสักคนแต่ดันกลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด เรื่องมากจริง ๆ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่ออยากได้เงินจากเขาก็คงต้องทำตามที่เขาบอก

ผมไม่ได้ตอบเมลมิสเตอร์เคกลับไป เพราะในตอนเช้าผมก็ไปโรงพยาบาลตามเนื้อหาในเมลทันที ไม่ใช่ว่าผมรีบทำตามคำสั่งเขา แต่ก็ไม่ถูกนักผมอยากได้งานเร็ว ๆ แล้วตอนเช้าผมไม่มีเรียนจึงรีบทำอะไรให้เสร็จจบไปเสียที ขั้นตอนตรวจร่างกายไม่มีอะไรให้กังวลอย่างที่เขาบอก พอตรวจร่างกายเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าผมไม่ต้องอยู่รอฟังผลให้กลับได้เลย

ออกมาจากโรงพยาบาลผมแวะหาอะไรกินแถวนั้นสำหรับมื้อเที่ยง ตอนนี้ผมไม่ได้กินข้าวเช้ามักจะรวบมื้อเช้าและเที่ยงไว้เป็นมื้อเดียวกัน รู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพแต่มันดีกับเงินในกระเป๋า ประหยัดไปได้ตั้งมื้อหนึ่ง ส่วนมื้อเย็นผมค่อยไปกินในร้านที่ผมทำงานแทน

คืนนั้นผมไม่คาดหวังว่าจะได้รับอีเมลจากมิสเตอร์เคอีกเพราะเพิ่งไปตรวจมาเองแต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อเข้าไปเช็กอีเมลแล้วพบว่ามีข้อความจากผู้ว่าจ้างในอนาคต



สวัสดีครับคุณเปล

ผมได้รับผลตรวจร่างกายของคุณมาแล้ว คุณปลอดภัยและไม่มีโรคร้ายใด ๆ ยินดีด้วยนะครับ คุณผ่านการพิจารณาแล้ว ผมแนบสัญญามาในอีเมลนี้ด้วย หวังว่าคุณจะอ่านมันอย่างระวังและทำความเข้าใจไปในทีละข้อนะครับ หากคุณตกลงแล้วตอบตกลงมาในอีเมลฉบับนี้หรือจะเซ็นสัญญากลับมาก็ได้ครับ

สุดท้ายผมรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณด้วย ขอเป็นเบอร์ที่ติดต่อคุณได้

Mr.K



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2019 15:46:57 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #2 เมื่อ23-04-2019 01:29:14 »


ผมเปิดไฟล์ที่แนบมาในอีเมลขึ้นมาอ่าน แต่พยายามอ่านไปแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ผมง่วงเกินไปที่จะมาตั้งใจอ่านเรื่องเข้าใจยากในเวลานี้ ผมถอดใจปิดมันก่อนจะลุกไปอาบน้ำแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ผมคงจะมีสติมากกว่าเดิม



ช่วงสาย ๆ จวนเที่ยงระหว่างที่ผมกำลังเคี้ยวข้าวเต็มปากอยู่ ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อ่านสัญญาบ้าบอนั้นเลย ผมเปิดมันอ่านอีกครั้ง จนกินข้าวหมดจานแล้วผมก็ยังอ่านไม่จบ



แต่ผมพอจะสรุปสั้น ๆ จากข้อความยาวเหยียดนั้นมาได้ดังนี้



ข้อหนึ่งหลับคืนละห้าพันบาทที่ผมสงสัยนั้นคือการนอนหลับจริง ๆ ผมจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าผมกำลังนอนกับผู้ว่าจ้างหรือมิสเตอร์เคคนนั้นอยู่ เขาใช้คำว่าคืนละแปลว่าจะกี่ครั้งก็ได้ในคืนนั้น โดยที่ผมหลับ ส่วนตื่นก็แปลว่าตื่นจริง ๆ นั่นแหละ ผมมีสติรับรู้ว่ากำลังนอนอยู่กับใคร ได้ค่าจ้างคืนละหนึ่งหมื่นบาท โดยมีข้อแม้ว่าผมจะต้องถูกปิดตาตลอดเวลาไม่รู้ว่าคนที่กำลังนอนด้วยอยู่นั้นเป็นใคร



ข้อสองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันจะมีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้ง ทั้งผมและเขาจะต้องสวมใส่มันทุกครั้งไม่มีข้อยกเว้น



ข้อสามระหว่างที่ผมเป็นพนักงานของเขา ผมไม่มีสิทธิ์ไปทำงานที่อื่นได้ งานทุกงานห้ามทำหมด



ข้อสี่ห้ามผมใช้สารเสพติดทุกชนิด แม้กระทั่งบุหรี่รวมถึงแอลกอฮอลต่าง ๆ ด้วย



ข้อห้าผู้ว่าจ้างและผู้ถูกว่าจ้างคือผมมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ



ข้อหกทุกอย่างที่ตกลงกันคือความลับของเขาและผม อันที่จริงข้อนี้เหมือนเป็นข้อกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับผมมากกว่าเพราะผมไม่รู้อะไรสักอย่างในตัวเขาเลย แต่เขากลับรู้จักผมและเห็นหน้าของผมแต่ฝ่ายเดียว คนที่ต้องรักษาความลับคงมีเขาคนเดียว



และรายละเอียดปลีกย่อยอีก เยอะมากเช่นการเตรียมตัว การนัดหมาย ผมคิดว่าผมรับได้ แต่จะมีข้อเดียวที่รับไม่ได้ก็คือผมต้องทำงานและหาเงินไปใช้หนี้ ลำพังแค่การนอนกับเขาครั้งละห้าพันหรือหมื่นหนึ่งมันช้าเกินไป เพราะผมคงไม่มีสิทธิ์ไปบอกผู้ว่าจ้างว่าคุณช่วยนอนกับผมติดต่อกันห้าคืนเลยได้ไหม แบบนี้หรอก



ผมเปิดอีเมลแล้วกดปุ่มreply ไป คำถามเดิมวนเวียนในหัวจะนอนกับใครสักคนทำไมมันยุ่งยากแบบนี้ด้วยวะ



สวัสดีครับ Mr.K

ผมได้อ่านสัญญาของคุณแล้วแต่ผมติดปัญหาอยู่ข้อเดียวครับ ตามที่ผมเคยแจ้งคุณไปก่อนหน้านี้ว่าผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ผมมีงานพิเศษ ไม่สามารถทำตามในสัญญาได้ ส่วนข้ออื่น ๆ ผมตกลงไม่มีปัญหาครับ และนี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของผม089-xxx-xxxx

ขอบคุณครับ

ธาวิน



ผมกดส่งอีเมลไปแล้ว ยอมรับกับตัวเองว่าคงต้องชวดงานนี้แน่นอน ในเมื่อคนสองคนตกลงกันไม่ได้คงร่วมงาน อันที่จริงเรียกว่าร่วมเตียงกันไม่ได้มากกว่า



ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมมิสเตอร์เคคนนี้ต้องทำตัวลึกลับอะไรขนาดนั้น กับการจะหาเด็กมานอนด้วยสักคนหนึ่ง ต้องมีกระบวนการมากมายขนาดนี้ เรื่องตรวจร่างกายก็พอเข้าใจล่ะนะว่าถ้าได้ความสุขพ่วงโรคร้ายไปด้วยก็คงจะไม่มีสุขอีกต่อไป



ผมเปิดเว็บบอร์ดเดิมก่อนจะไล่กระทู้เข้าไปหางานในนั้นอีกครั้ง เลือกกระทู้ใหม่ไปพลางทึ้งหัวตัวเองไปพลาง ไม่อยากจะโทษโชคชะตาหรือความโชคร้ายของตัวเอง ขายให้คนนี้ไม่ได้ ก็ต้องหาคนซื้อใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนี้จะหมดใช่ไหม



ดีหน่อยว่ายังไงผมก็เป็นผู้ชาย



ระหว่างกดเข้าไปอ่านกระทู้ทีละอันนั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ในมือดังขึ้น เกือบจะคิดว่าเป็นแม่ผมที่โทรมาแล้วถ้าไม่เห็นว่ามันเป็นเบอร์แปลก ไม่สิมันไม่ใช่เบอร์มันขึ้นว่าเป็น unknown number ไม่โชว์แม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ ผมลังเลว่าจะกดรับดีหรือไม่ แต่มือไวกว่าความคิดมันกดรับไปเสียแล้ว

“ฮะ..ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงไปด้วยความตกใจที่ดันเผลอกดรับ

“เปล..ใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงปลายทางเป็นเสียงทุ้มนุ่มชวนให้ฝันเรียกชื่อผมก่อนจะนิ่งแล้วถามต่อ

“ครับ”

“เปล..ธาวิน”

“ใช่ครับ” ผมรับคำ

“เคครับ”

“ครับ? คุณคือ?”

“มิสเตอร์เค” เสียงปลายสายเจือความไม่พอใจเอาไว้เล็กน้อย บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ ๆ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าใครโทรมา นึกว่าย่อคำว่าโอเคเหลือคำว่าเคคำเดียวสั้นๆ สมัยนี้ใคร ๆ ก็พูดแค่คำนี้กันนี่

เดี๋ยวนะ เขาบอกว่าชื่ออะไร มิสเตอร์เคใช่ไหม ฉิบหายแล้ว

“เปล..ยังอยู่ไหม”

“คะ..ครับ” ผมรีบตอบลงไปอย่างตะกุกตะกัก

“เป็นอะไร ตกใจหรือ” ทางนั้นดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วมั้ง เพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ

“ครับ ไม่คิดว่าคุณจะโทรมา”

“มัวแต่รอส่งอีเมลไปมา เห็นทีเดือนหน้าก็อาจจะยังคุยไม่รู้เรื่อง เลยโทรมาให้จบไป”

“ครับ”

“เรื่องงานนั้น จำเป็นสำหรับคุณมากไหม” มิสเตอร์เคยิงคำถามเข้าประเด็นทันที

“มากครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณว่างวันไหนบ้าง”

“ผมได้หยุดวันนี้ครับ”

“งั้นเหรอ..ถือสายรอผมสักครู่” มิสเตอร์เคบอกแล้วหายไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพูดต่อ “วันนี้ผมเลิกงานค่อนข้างดึกหน่อย คุณสะดวกไหม”

“คะ..ครับ” ผมกลืนน้ำลายเหมือนกำลังเจอภัยร้ายลูกใหญ่ “พรุ่งนี้ตอนเช้าผมไม่มีเรียน”

“อืม ดี วันนี้ก็ถือว่ามาทำงานกับผมแล้วกัน”

“ครับ” ผมบอกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เริ่มลังเลว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

“เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”

“ไม่เคยครับ” ผมไม่มีเวลาหาแฟนหรือไปมีแฟนเพราะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา

“ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทถาม แล้วเคยนอนกับใครหรือยัง”

“ไม่เคยครับ กับใครก็ไม่เคย” ผมไม่อยากระบุเพศ เลยเหมารวมไป หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“วันนี้ตอนสามทุ่มคุณไปตามที่อยู่ในเมล รายละเอียดต่าง ๆ อยู่ในนั้นคุณอ่านแล้วใช่ไหม”

“ครับ อ่านแล้ว”

“อ้อ..เกือบลืม คุณเลือกอะไรล่ะ”

“ครับ?”

“อยากจะหลับหรือตื่น”

“ผม..ขอหลับได้ไหม” ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย

“ได้สิ ไม่ต้องกลัวหรอก”

“ครับ”

“แล้วเจอกันที่นั่น ทำตามรายละเอียดก่อนที่ผมจะไปถึง เข้าใจไหม”

“ครับ”



มิสเตอร์เควางสายไปแล้ว แต่หัวใจผมยังเต้นรัวไม่หยุดหย่อน ผมกำลังทำอะไร คิดดีแล้วใช่ไหม เงินห้าพันกับการนอนกับใครไม่รู้และไม่มีโอกาสได้รู้ด้วย แบบนี้มันคุ้มแล้วหรือ



ผมถามเองแล้วก็ตอบตัวเอง คุ้มสิ ห้าพันแลกกับคืนเดียวทำไมจะไม่คุ้มกับคนที่หาเงินได้ยากแบบผม



ตอนเย็นผมรีบอาบน้ำแล้วนั่งรถเมล์ไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ มันเป็นหมู่บ้านที่เป็นบ้านเดี่ยวใหญ่โตระดับหนึ่งเลย พอถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านก็มีลุงยามตรงป้อมเรียกผมไว้ ผมบอกว่าจะไปบ้านเลขที่นี้ บ้านมิสเตอร์เค ลุงยามก็ดูจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ระยะทางจากป้อมหน้าหมู่บ้านไปถึงบ้านเลขที่นั้นค่อนข้างไกล ลุงยามจึงอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง แกบอกว่าคราวหน้าถ้ามาอีกให้นั่งแท็กซี่เข้ามา ผมพยักหนักรับคำแต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มว่าจะมีครั้งหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้



เกือบสองทุ่มผมมายืนหน้าบ้านหลังดังกล่าว ผมกดออด ยืนรอไม่นานก็มีแม่บ้านคนหนึ่งอายุราวห้าสิบปี เดินออกมาจากในตัวบ้านพร้อมกับถามชื่อผม เมื่อผมตอบกลับไป เธอจึงเปิดประตูให้ผมเข้าไปสัมผัสความสวยงามด้านใน เธอถามว่าผมอยากกินอะไรรองท้องก่อนไหม ผมปฏิเสธเพราะตอนนี้ผมกินอะไรไม่ลงจริงๆ ใจมันเริ่มสั่น ขาก็ดูหนักๆ ก้าวไม่ค่อยออก ผมอยากจะถอยแล้วออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ก็ถูกมือของป้าจับไว้อย่างนุ่มนวล เธอบอกว่าเจ้านายเธอใจดี อย่าได้กลัว



ผมเข้ามาในห้องแล้ว ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องผมสักสามหรือสี่เท่าได้มั้ง เตียงหลังใหญ่ ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ตั้งอยู่นั้นเลยเห็นกระดาษเอสี่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เตียง ผมจึงหยิบขึ้นมาอ่านดู



ในนั้นเป็นรายละเอียดการเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ของผม มันเหมือนกับในเมลนั่นแหละ แต่คงเป็นการย้ำเตือนไม่ให้ผมลืม ผมต้องเข้าไปอาบน้ำอีกครั้งและทำความสะอาดร่างกาย ข้อความในกระดาษมีรายละเอียดของการเตรียมตัวด้วย ผมไม่เคยทำมันมาก่อนแต่ก็ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



ผมหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่ก่อนจะออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ มันยากลำบากแต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นบอกว่าให้ผมเปิดลิ้นชักตรงหน้ากระจก ผมเห็นเช็คใบหนึ่งระบุจำนวนเงินห้าพันบาทไว้ นี่สินะค่าตัวผมในคืนนี้ บนโต๊ะกระจกยังมียานอนหลับและยาอะไรอีกไม่รู้ซึ่งผมจำไม่ได้ ผมหยิบยาพวกนั้นใส่ปากตามด้วยน้ำจนหมดแก้วก่อนจะเอนตัวลงนอนบนที่นอนแสนนุ่มนั้น



ผมง่วงงุนจากความเหนื่อยล้าและการนอนน้อย ยิ่งได้กินยาไปอีกยิ่งกระตุ้นให้หนังตาหนัก พรุ่งนี้เช้าผมจะตื่นขึ้นมาและกลับออกไปพร้อมกับเช็คใบนั้น



ผมจะไม่เป็นไรใช่ไหม











ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองเห็นผนังห้อง มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่อยู่ปลายเตียง เหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันเกิดขึ้นแล้วใช่ไหม มันผ่านพ้นไปแล้วใช่ไหม ผมก้มดูตัวเองผมใส่ผ้าคลุมอาบน้ำเหมือนเมื่อวานในสภาพเดิม หรือว่าเหตุการณ์ที่ผมกังวลจะยังไม่เกิด



ผมลุกขึ้นนั่ง หัวยังมึนๆ อยู่เล็กน้อย เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วผมจะกลับออกไป ผมเดินทุลักทุเลเข้าห้องน้ำไป ไม่อยากจะคิดในแง่อื่นได้ว่าอาการที่เดินเหินไม่ปกตินั้นแปลว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่ถึงกับเจ็บอย่างที่นึกกลัว แค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้น



ผู้ชายในกระจกกำลังมองกลับมา ผู้ชายคนนั้นคือตัวผมเอง บนตัวผมไม่มีร่องรอยอะไร นอกจากปากที่ค่อนข้างเจ่อ ผมเม้มปากแน่น ผมทำในสิ่งที่น่าละอายลงไปเพื่อแลกกับเงินไปใช้หนี้ ผมสลัดความคิดนั้นให้หลุดพ้นไป ไม่อยากคิดอีก ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ช่างมัน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว



ผมกลับไปที่เตียงตรวจดูว่าลืมอะไรหรือเปล่า โทรศัพท์ กระเป๋าเงินหรืออื่นๆ พลันนึกถึงเช็คใบนั้นได้ ผมรีบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบมันมาใส่กระเป๋า เดี๋ยวจะไปขึ้นเงินเลยพอเงินเข้าบัญชีแล้วจะได้โอนไปให้เจ้าหนี้ทันที ก่อนจะปิดลิ้นชักหางตาเห็นกระดาษโน้ตใบหนึ่งวางอยู่ ผมหยิบมันมาอ่านดู มันมีแค่ข้อความสั้นๆ



‘แล้วจะโทรหา’



ลายมือหวัดๆ แต่เส้นหนักชัดเจนทุกตัวอักษร บ่งบอกว่าคงเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดและตั้งใจมากคนหนึ่ง ผมขยำมันก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋ากางเกง



ผมเจอคุณป้าแม่บ้าน เธอชวนให้ผมกินข้าวเหมือนเมื่อคืนแต่ผมเลือกปฏิเสธเช่นเดิม ผมไม่กล้าสู้หน้าเธอ ยังไงเธอก็ต้องรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเจ้านายเธอ



ระหว่างที่รอพนักงานธนาคารเรียกเอาเช็คเข้าบัญชี ผมก็คิดว่ามิสเตอร์เคจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ทำไมต้องปกปิดตัวเองมากขนาดนั้นหรือแท้จริงแล้วเขาคือตาแก่หัวล้านพุงพลุ้ย อาจจะหื่นกามและกักขฬะด้วย อายุอาจจะปาไปห้าหกสิบแต่ยังไม่ละในเรื่องเพศ หรืออาจจะตาเหล่ ไม่สมประกอบ หรืออันที่จริงเหมาทั้งคืนเพราะอาจจะแค่สามนาทีก็เสร็จ



ผมขนลุกเล็กน้อย ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีโชคร้ายที่ไม่ต้องรู้ว่าคนที่นอนด้วยเป็นใคร ก่อนจะหลุดจากภวังค์ตัวเองเมื่อกระเป๋ากางเกงสั่น ผมหยิบโทรศัพท์มารับ ไม่มีเบอร์อีกแล้วคงเป็นมิสเตอร์เค รู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดถึงรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายไปตั้งเยอะทั้งที่จริงแล้วผมไม่รู้อะไรเลย

“คะ..ครับ”

“ป้าบอกว่าคุณออกมาแล้ว”

“ครับ”

“ไม่นอนพักต่ออีกหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ”

“อืม”

“เอ่อ..”

“หืม?”

“คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามเขากลับไป

“หลังจากเรื่องเมื่อคืน ผมตัดสินใจเรื่องคุณได้แล้ว”

“ครับ?” ผมแปลกใจเขาตัดสินใจอะไร

“งานพิเศษของคุณ ไปลาออกให้หมดซะ”

“ไม่ได้หรอกครับ”

“คิดค่าตอบแทนที่คุณได้รับจากงานพิเศษนั้นมาให้ผม แล้วผมจะจ่ายส่วนนี้ให้คุณเอง”

“คุณว่ายังไงนะครับ” ผมถามเขากลับอย่างไม่เชื่อหู

“คุณได้ยินแล้วเปล คุณได้รายได้จากงานพวกนั้นเท่าไหร่ก็แจ้งผมมาในเมลก็แล้วกัน”

“แปลว่า?”

“ผมจ้างคุณทำงาน และหลังจากนี้ผมจะแจ้งคุณล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่เราจะเจอกัน บอกผมได้หรือเปล่าว่าคุณเรียนมหาลัยไหน”

“เอ่อ..”

“ผมไม่ได้เอาไปทำอะไรหรอก บอกมาเถอะ”

“ผมเรียนที่..” ผมตัดสินใจบอกชื่อมหาวิทยาลัยตัวเองกับอีกฝ่ายไป

“ผมจะส่งที่อยู่ใหม่ไปให้ หลังจากนี้เราจะไปเจอกันที่นั่น”

“ครับ”

“เดี๋ยวก่อนครับ”

“หืม?”

“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้า คุณโอนเงินเข้าบัญชีผมโดยตรงเลยได้ไหม ผมขี้เกียจเอาเช็คมาขึ้นที่ธนาคาร” ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะอีกแล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ มันเสียเวลา

“เอางั้นเหรอ..ตกลง ส่งเลขที่บัญชีมาให้ผมด้วย”

“ครับ”

“แล้วก็..” มิสเตอร์เคเว้นระยะเอาไว้ ผมอดไม่ได้จึงถามกลับไป

“ครับ?”

“ถ้าเปลี่ยนใจมาเป็นตื่นเมื่อไหร่ให้บอก”

“ทำไมครับ”

“ผมอยากได้ยินเสียงคุณมากกว่าเสียงกรนเบาๆ” คราวนี้ผมได้ยินเสียงมิสเตอร์เคหัวเราะดังชัดกว่าทุกที

“คุณ!”

“แล้วเจอกัน..วันเสาร์”

“เอ้อ..ครับ”

“หวังว่าคุณจะยอมตื่นนะ”

“...”

“เชื่อผมนะเด็กดี มันไม่น่ากลัวหรอก”





เด็กดี? เด็กดีอะไร ผมโตแล้วเหอะ



===========================

เขมเอ๊งงงง หายไปเสียนาน กลัวคนอ่านลืมกันไปเลยหาอะไรมาให้อ่านระหว่างที่ไปซุ่มเขียนเรื่องยาวค่ะ

เรื่องนี้ เป็นเรื่องสั้นไร้พล็อต ไร้แพลน ไร้ทุกสิ่งอย่างค่ะ หากมีอะไรไม่สมจริงบ้าง ขออภัยนะคะ เรียกว่าอ่านเพลินๆ

ชอบไม่ชอบบอกกันได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2019 15:49:48 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #3 เมื่อ23-04-2019 07:29:44 »

มิสเตอร์เคดูจะเอ็นดูน้องเปลนะเนี่ย
เขินจนจมูกบานไปหมดเลยค่ะตอนที่คุณเคบอกว่าอยากให้น้องตื่น แหมๆคุณเคก็ให้น้องเห็นหน้าด้วยซี่ แต่ปิดตาก็ดีนะคะ เซ็กซี่ดี  :-[
 :pig4:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #4 เมื่อ23-04-2019 12:47:33 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
คนเขียนคะ เว็บสมัครอยู่ไหนคะ :katai5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #5 เมื่อ23-04-2019 14:06:35 »

 :o8:

ตื่นเถิดน้องเปล อิอิ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #6 เมื่อ23-04-2019 14:33:50 »

เอาอี๊ก...กกกกกกกกก    :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ืืnanana21

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #7 เมื่อ23-04-2019 16:49:17 »

ึรอออออออค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
«ตอบ #8 เมื่อ23-04-2019 17:37:31 »

อุ้ยยยยย เรื่องน่าสนใจจังเลยค่ะ (ขอไม่พูดถึงที่บ้านน้องเปลดีกว่า แต่ยังไงก็ขอให้คลี่คลายไปในทางที่ดีละกันเนอะ)

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อยากอ่านต่อเลยค่ะ น่าสนใจมากก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 1 UP : 23/04/2019
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-04-2019 03:10:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง


ตอนที่ 2 ทดลองงาน



ผมยังไม่ได้เล่าให้ฟังใช่ไหมว่าในสัญญามีการตกลงการว่าจ้างแบบรายเดือนอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับเงินเดือนในส่วนนั้นเพราะอยู่ในช่วงทดลองงาน ถ้าไม่ใช่การหลับนอน (จริง ๆ) กับนายจ้างแล้วล่ะก็ ผมคงคิดว่ามันเป็นการทำงานในรูปแบบพนักงานกินเงินเดือนบริษัททั่วไป



ผมได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจจากผู้หญิงที่นั่งรอเข้าเรียนอยู่ข้างหน้า ผมที่กำลังอ่านอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในโทรศัพท์มือถือจึงต้องเงยหน้ามองตามเสียงนั้น

“ทำไมปากช้ำขนาดนั้นวะ” ผู้หญิงผมดำตัดสั้นหลังจากอุทานเสียงดังแล้วรีบผุดลุกขึ้นไปประคองเพื่อนผมแดงอย่างรวดเร็ว

“เมียเขาตามมาตบกูที่ห้อง”

“กูบอกมึงแล้วว่าให้ระวังตัว” สาวผมดำผมยาวถอนหายใจก่อนจะลูบหลังเพื่อนเบา ๆ ราวกับปลอบใจ

“ใครจะไปคิดว่าจะมาไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแบบนั้น” สาวผมแดงเถียงกลับทั้งที่มือยังแตะรอยแผลตรงที่เจ็บ

“ดีนะไม่โดนน้ำกรดสาดด้วย” สาวผมสั้นบอกบ้าง

“แล้วทีนี้มึงจะทำไงต่อ” สาวผมยาวถามขึ้น

“หาใหม่สิ” สาวผมแดงว่า ยักไหล่ไม่ยี่หระ ดูจะเป็นท่าประจำของเธอ

“ไม่เข็ดเหรอ” คนผมดำตัดสั้นถามด้วยความเป็นห่วง

“ถ้ายังต้องใช้เงินซื้อข้าว กูยังเข็ดไม่ได้หรอก”



‘ถ้ายังต้องใช้เงินซื้อข้าวงั้นเหรอ’



ผมมาคิดว่าสำหรับผมถ้ามีเงินแค่เพียงพอสำหรับซื้อข้าว ผมคงจะมีชีวิตที่เป็นสุขกว่านี้มากโข ไม่ต้องมาทำงานแบบนี้ ผมไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย ใช้เท่าที่มี ถ้ามีเหลือก็เก็บ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เก็บหรอก ส่งเงินไปให้แม่เกือบหมด ผมกลัวไอ้ปิงไม่ได้เรียนหนังสือ แม่รู้ทันว่าถ้าหากผมเอาปิง น้องชายมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่คงจะหาข้ออ้างให้ผมโอนเงินเพิ่มไปไม่ได้อีก



ผมถอนหายใจด้วยความหดหู่ เมื่อไหร่จะจ่ายหนี้หมด



หลังจากวันที่กลับจากบ้านมิสเตอร์เคแล้ว ผมไปขอลาออกจากงานพิเศษที่ทำ ถูกนายจ้างทั้งสองแห่งต่อว่าเล็กน้อย ผมได้แต่ก้มหน้ารับคำพร้อมกับคำพูดขอโทษรัว ๆ



พรุ่งนี้ผมจะต้องไปหาเขาที่คอนโดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ คอนโดที่เขานัดไปนั้นดูหรูหราทีเดียว ผมเคยนั่งรถเมล์ผ่านคอนโดแห่งนี้นะ มันอยู่ติดรถไฟฟ้าชนิดที่ว่าลงจากรถไฟฟ้าแล้วเดินไม่เกินห้าสิบเมตรก็ถึงที่หมาย มิสเตอร์เคคงเป็นคนมีเงินไม่น้อย ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา เขาเลือกได้แม้กระทั่งคนที่จะมานอนด้วย ในขณะที่ตัวผมกลับเป็นผู้ถูกเลือก



ผมนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อวันก่อน ทำไมเขาถึงอยากให้ผมเลือกที่จะตื่นเวลาที่อยู่กับเขาด้วย เพราะผมนอนกรนอย่างนั้นหรือ



ยอมรับว่าปอดแหกไม่กล้าพอจะทำเรื่องนั้นตอนที่มีสติ ผมไม่เคยนอนกับใครมาก่อน ถึงแม้จะเคยนอนกับมิสเตอร์เคแล้วก็จริง แต่ผมไม่ได้รับรู้ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นนี่นา ถึงผมจะชอบผู้ชายแต่ผมก็ไม่กล้าหรอก



ผมรู้ตัวว่าชอบผู้ชายตอนอายุสิบสี่...



ตอนนั้นผมตามพี่ชายคนหนึ่งไปทำงาน เขาบอกว่ามันเป็นงานไม่หนักและได้เงินไว ทำไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว ผมในวัยเด็กตาลุกวาว ผมอยากหาเงินได้เยอะ ๆ อีกทั้งแม่ก็เห็นดีเห็นงามบอกว่าผมจะได้ไม่มาวิ่งเล่นไร้สาระอยู่แถวบ้าน



ก้าวแรกที่ผมเข้าไปผมก็รับรู้ถึงความผิดปกติ มันเป็นห้องกว้าง ๆ ที่ถูกตีกั้นด้วยไม้แบ่งเป็นห้อง ๆ ประตูห้องถูกปิดด้วยผ้าม่านเท่านั้นเหมือนห้องลองเสื้อผ้าในห้าง แต่หูผมกลับได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากแต่ละห้อง บางคนทำเสียงแปลก ๆ เหมือนกับจะขาดใจ บางคนส่งเสียงเหมือนเจ็บปวด บางคนพูดเหมือนอ้อนวอนให้หยุด



ผมรู้ความจริงเมื่อเดินผ่านห้องห้องหนึ่ง มันเป็นห้องรองสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุด ผ้าม่านตรงประตูไม่ได้ถูกปิดลงมา ผมจึงเห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนจูบกันอยู่ คนหนึ่งยังใส่เสื้อผ้าเต็มชุด ส่วนอีกคนเปล่าเปลือย ผมตกใจเมื่อเห็นส่วนกลางลำตัวของเขาตั้งชันขึ้นมา พอรู้ว่าคืออะไรแต่ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของของคนอื่นโดยไม่ตั้งตัวแบบนี้



ขาที่กำลังเดินตามคนพามาหยุดชะงักลง ผมก้าวขาไม่ออก เมื่อคนข้างหน้ารู้ว่าผมหยุดเดินเขาจึงหันมาถาม



“เป็นอะไร”

“งะ..งานที่ให้ผมมาทำคืองานอะไรครับ”

“แม่ไม่ได้บอกเหรอ อย่าบอกนะว่าไม่รู้?” เขาถามกลับมาด้วยสายตาแปลกใจ

ผมส่ายหน้า เขาจึงบุ้ยหน้าไปให้ในห้องนั้นแล้วจึงพูดขึ้น

“เหมือนในนั้น”

“ผะ..ผม..มะ..ไม่”

“ไม่ต้องเล่นตัวหรอก จะขึ้นค่าตัวเหรอ”

“ผมเปล่า” ผมเล่นตัวอะไร ผมไม่ได้คิดเลย

“แม่เราเอาเงินจากพี่ไปแล้วนะ ยังไงเราก็ต้องทำงาน” เขาบอกผม ท่าทางดูหัวเสีย เขาเริ่มไม่พอใจ

“ผมไม่อยากทำงานแล้ว”

“ไม่ได้”

“ผมไม่ทำแล้ว!” ผมเสียงดังขึ้นจนคนในห้องหันมามอง พวกเขาอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะกลางคัน คนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าจึงเดินมาปลดผ้าม่านลง

“เอ๊ะ กูบอกว่าไม่ได้ หูหนวกหรือไง”

“แต่ผมไม่อยากทำ ให้ผมทำอย่างอื่นได้ไหม”

“งานอื่นมันงานหนักนะมึง”

“งานหนักแค่ไหนผมก็ทำได้ ผมแข็งแรง ให้ผมทำอย่างอื่นนะครับ” ผมอ้อนวอนขอพี่เขา ภาวนาให้เขาใจอ่อน

“เฮ้อ..กูก็เห็นมึงมาตั้งแต่เด็กล่ะนะ งั้นมึงคอยไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วก็เอาผ้าปูพวกนั้นไปซัก ทำได้ไหม”

“ครับ ๆ ผมจะซักให้สะอาด จะทำอย่างดีเลย”



โชคดีที่พี่เขาใจดี ผมเลยรอดพ้นไม่ต้องเข้าไปทำงานในห้องนั้น ผมมาทำงานที่นี่ทุกวัน คอยซักผ้าปูที่นอน พวกเขาไม่อยากใช้เครื่องซักผ้า เขาบอกว่ามันไม่ค่อยสะอาด ผมเหนื่อยแต่ผมพอใจที่จะทำงานนี้มากกว่างานในห้อง



จนวันหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังนั่งซักผ้าบนเก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ ผมรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลังก่อนที่ผมจะหันกลับไปมองได้ทัน ก้นของผมก็ถูกจับโดยมือใครไม่รู้ ผมตกใจรีบลุกขึ้นจากตรงนั้น ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ

“อยากได้เงินใช้ไหม” คนนั้นถาม หน้าแดงด้วยพิษสุรา ท่าทางดูเมา เขาเดินก้าวมาหาผมช้า ๆ

“ไม่ครับ” ผมเดินถอยหลังอีก ใบหน้าสั่นเต็มแรง

“อยากได้เท่าไหร่” เขายังเดินเข้ามาไม่หยุด

“ผมไม่อยากได้เงิน” ผมถอยหลังจนสะดุดกับกะละมังที่วางอยู่ จนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น “โอ๊ย”

“มาสิ ฉันช่วย” เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับยื่นมือมาให้ ผมคิดว่าเขาหวังดีจึงยื่นมือกลับไปหวังให้เขาดึงให้ลุกขึ้น

“หน้าตาก็เกลี้ยงเกลาดีแท้ ๆ แต่ทำไมมือสากจัง”

“ขอบคุณที่ช่วยครับ ปล่อยมือผมได้ไหม”

“ไหนขอดูหน้าใกล้ ๆ หน่อย” เขาออกแรงดึง ผมตัวเล็กกว่าเขามาก จึงปลิวไปตามแรงโดยง่าย

“ปล่อยครับ” ผมเริ่มดิ้นไปมา แต่ยังไม่หลุดพ้นจากแขนที่จับผมไว้

“ถึงมือจะสากไปหน่อย แต่ผิวเนียนมากทีเดียว” เขาลูบตัวผมอย่างจาบจ้วง



ผมตัดสินใจจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่โชคดีที่พี่คนที่พาผมมาทำงานเดินผ่านมาเห็นพอดี

“เอ้า พี่.. มาอยู่ตรงนี้เอง น้องในห้องพร้อมแล้วครับ”

“เปลี่ยนคน” ลูกค้าที่เมาหันกลับไปตอบโดยไม่ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ผมมองหน้าพี่ชายขอความช่วยเหลือจากเขา

“อย่าเลยพี่ ไอ้นี่มันเป็นเด็กทำงาน ขืนเอาไปนอนด้วยรังแต่จะทำให้อารมณ์เสียเปล่า ๆ มันเซ่อซ่าจะตายไป”

“ของอย่างนี้สอนไม่นานหรอกมั้ง ดูท่าทางน่าจะเรียนรู้ไว”

“อย่าให้หน้าตามันหลอกเอาได้ เห็นหน้าตามันอย่างนี้นะพี่ สอนงานมันทีไรต้องจ้ำจี้จ้ำไชไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่ามันจะจำได้ เงอะงะเป็นที่สุด เชื่อผมอย่าเอามันไปนอนด้วยเลยครับ พี่จะโมโหเอาได้”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมไม่กล้าโกหกลูกค้าประจำอย่างพี่หรอกครับ น้องที่เตรียมไว้ให้ เพิ่งมาใหม่เหมือนกัน รับรองเด็ดดวงจริง ๆ เนี่ยผมเก็บไว้รอพี่คนแรกเลยนะ”

“จริงเหรอ” สายตาคนเมาดูเปล่งประกายด้วยความสนใจ

“จริงสิครับ ไปกันเลยไหม”

“เออ ๆ ไป ๆ” คนเมาปล่อยตัวผมอย่างง่ายดายและไม่สนใจผมอีกต่อไปก่อนจะเดินออกไป พี่เขาหันมาโบกมือเป็นสัญญาณบอกให้ผมกลับบ้านไปก่อนแล้วกัน



ผมเกิดความสับสนอย่างหนึ่งกับร่างกาย ตอนที่คนเมานั้นลูบมือไปทั่วตัว ผมรู้ได้อย่างหนึ่งว่าผมไม่ได้รังเกียจสัมผัสนี้



ผมแค่กลัว



กลับมาปัจจุบันในคืนวันเสาร์ ผมมีนัดไปเจอมิสเตอร์เคที่คอนโด อันที่จริงอย่าเรียกว่าเจอเลย เรียกไปนอนหลับรอเขาก็แล้วกัน



ผมยังเลือกหลับเหมือนเดิมเพราะความขี้กลัวของผมที่จะต้องรับรู้ถ้าหากนอนกับเขาด้วยสติที่ครบถ้วน แล้วยิ่งต้องปิดตาด้วย ผมยิ่งกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก



ครั้งนี้มิสเตอร์เคนัดผมตอนสองทุ่ม แปลว่าผมควรจะเตรียมพร้อมให้เสร็จและหลับไปประมาณทุ่มครึ่ง ผมหวั่นว่าผมจะไม่หลับ ข้อแรกมันไม่ใช่เวลานอนปกติของผม ข้อสองตอนนี้ผมกินอิ่มนอนหลับจึงไม่ได้มีภาวะอ่อนเพลียหรือเหนื่อยแต่อย่างใด



ถ้าไม่หลับล่ะ? จะทำไง?



คอนโดแห่งนี้หรูหราเหมือนอย่างที่ผมเคยมองมันจากข้างนอกไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง วัสดุเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่นำมาตกแต่งมันสวยงาม ดูแล้วคงมีราคาสูงตามสถานที่ตั้ง ผมเองก็ไม่สันทัดเรื่องเหล่านี้ แต่เดาว่ามันต้องแพงอย่างแน่นอน



ผมเดินเข้าไปข้างในอาคาร เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็ว อาจจะคิดว่าผมเป็นเด็กหลงทางในวัยยี่สิบเอ็ดก็ได้มั้ง

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เธอทักด้วยความสุภาพยิ้มแย้ม

“มิสเตอร์เคให้ผมมาที่นี่ครับ”

“อ้อค่ะ จากมิสเตอร์เคนะคะ งั้นตามดิฉันมาทางนี้” เธอผายมือก่อนจะเดินนำผมไปที่ลิฟต์ตัวหนึ่งข้างใน มันเป็นลิฟต์ของลูกบ้านในคอนโดที่ใช้ร่วมกัน

“ขอบคุณครับ”



เธอเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับผมแล้วใช้คีย์การ์ดทาบไปบนแผงปุ่มตัวเลข ลิฟต์ขึ้นไปตามชั้นต่าง ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ชั้นชั้นหนึ่ง มันเป็นชั้นที่ยี่สิบเก้า ถ้าไม่นับดาดฟ้าชั้นนี้คือชั้นสูงสุดของคอนโด เธอพาผมไปส่งที่ห้องดังกล่าวก่อนจะเปิดประตูห้องนั้นให้ เธอค้อมหัวเล็กน้อย แล้วเอ่ยขอตัวกลับลงไปข้างล่าง



ผมกำลังยืนอยู่ในห้อง มองไปรอบ ๆ ห้องแล้วรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในห้องตัวอย่าง ทุกอย่างเรียบกริบ หรูหราราวกับเอาไว้โชว์มากกว่าให้คนอาศัยอยู่ ห้องมีขนาดใหญ่มาก ผมเห็นประตูอยู่หลายบาน ไม่รู้ว่าห้องไหนที่ผมจะต้องเข้าไปผมจึงไล่เปิดประตูดูทีละบาน ถ้าไม่นับประตูห้องน้ำแล้ว ผมเปิดได้ปกติ แต่ห้องอื่น ๆ กลับเปิดไม่ได้ นอกจากห้องนอนหนึ่งเพียงห้องเดียวที่ผมเปิดเข้าไปได้



คงเป็นห้องนี้



ผมคิดแล้วก้าวเข้าไปข้างใน ปิดประตูลง เดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกระดาษเอสี่วางอยู่เหมือนที่เคยเห็น มันคือรายละเอียดการเตรียมตัว ไม่มีข้อความจากมิสเตอร์เคทิ้งไว้ ไม่มีเช็คเช่นกันเพราะเขาโอนเงินมาให้ผมตั้งแต่เช้าเรียบร้อยแล้ว



นอกจากนั้นยังมีตลับยาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดตั้งวางไว้ให้ ผมเห็นยาเหล่านั้นแล้วหายใจติดขัดขึ้นมาเสียเฉย ๆ มันเตือนให้ผมรู้ว่าเป็นอีกครั้งที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้



ผมเข้าไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย กลับออกมาอีกครั้ง นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า อีกไม่นาน มิสเตอร์เคก็จะมาถึง ผมเปิดตลับยาแล้วกลืนยาตามด้วยน้ำเปล่าลงไปเกือบหมดขวดก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนรอเขาบนนั้น



อีกไม่นานผมคงจะหลับ



ผมรู้สึกแปลกใจ



มิสเตอร์เคมีรสนิยมชอบนอนกับคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเหรอ หรือจริง ๆ แล้วชอบเล่นพวกบทบาทสมมติต่าง ๆ ประมาณว่าจับคนหลับมาลงมือข่มขืนอะไรแบบนี้ ผมคิดแล้วก็ขนลุก ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วมันแบบไหน ถึงผมจะไม่เคยนอนกับใครมาก่อน แต่พูดกันตามตรงเถอะ



นอนกับคนหลับมันสนุกตรงไหนวะ



ความคิดห้วงสุดท้ายก่อนที่ผมจะไม่มีสติรับรู้ กระทั่งเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน







ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองที่ยังมึนอยู่เล็กน้อย ทั้งที่นอนไปเยอะทีเดียวตั้งแต่ทุ่มครึ่งจนถึงแปดโมงเช้า อีกนิดก็จะครบสิบสองชั่วโมงแล้ว ยอมรับว่ายาที่กินไปนั้นแน่นอนจริง ๆ ถ้าจะหลับสนิท หลับจริง หลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้ น่ากลัวว่าหากเอาไปทำเรื่องร้ายแรงคงจะน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว



ความรู้สึกเดิมเหมือนครั้งแรกตอนลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ การเดินขัด ๆ ที่ผมสัมผัสได้นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ได้เกิดขึ้นจริง จะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยผมก็โชคดีที่เขาไม่ทำกับร่างกายผมจนบาดเจ็บจนถึงกับเลือดตกยางออกล่ะนะ ผมส่องกระจกในห้องน้ำ ปากเป็นสีชมพูเข้มอีกแล้ว ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากนั้นก่อนจะรู้สึกแสบเบา ๆ



ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระจกก่อนจะส่องดูถึงรู้ว่าผมปากแตกนิดหน่อย คาดว่าคงจะโดน...กัด



นอกจากจะมีรสนิยมนอนกับคนหลับแล้วยังชอบซาดิสม์ทำร้ายคู่นอนด้วยเหรอเนี่ย ทางที่ดีผมควรจะบอกเขาตรง ๆ ไปเลยไหมว่าผมไม่โอเคกับเรื่องนี้ ระหว่างที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาไง ผมจึงถอดเสื้อคลุมออก บนหน้าอกหรือร่างกายผมยังเป็นเหมือนเดิมไม่มีร่องรอยถูกขบกัดเกิดขึ้น ผมไม่ชอบให้มีรอยจูบโผล่พ้นออกมานอกร่มผ้า มันเหมือนการประกาศทางอ้อมว่าเราไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ ทำให้ผมพอใจอยู่ไม่น้อย



งั้นก็ช่างมันเถอะ ผมตัดสินใจไม่บอกเขาเรื่องรอยแผลที่ปาก



ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกลับมาที่โต๊ะตัวเมื่อวาน เห็นโน้ตและข้อความในนั้น ผมหยิบขึ้นมาอ่าน



‘คุณแต่งงานหรือยัง มีแฟนไหมครับ’

‘ผมโสด ช่วยหยิบคีย์การ์ดไปด้วย’




สั้นและกระชับเหมือนเคย ประโยคแรกมันเป็นคำถามจากผมที่เขียนถามเขาไว้เมื่อคืนนี้ก่อนที่ผมจะหลับไป เพราะเรื่องเมื่อวันก่อนที่เห็นสาวผมแดงถูกตบจนปากช้ำแก้มบวมมา ผมจึงกลัวว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผมบ้าง แล้วผมเองไม่รู้ว่าเขาเป็นประเภทไหน ชอบผู้ชายเท่านั้นหรือเพศไหนก็ได้หมด ผมไม่สามารถรับมือคู่กรณีได้ถูกเลย



ถ้ามิสเตอร์เคโสดจริงตามที่บอกไว้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งว่าคงไม่มีเหตุการณ์แบบสาวผมแดง ผมหยิบคีย์การ์ดที่วางไว้ข้าง ๆ โน้ตนั้นมาใส่กระเป๋า แล้วรีบโอนเงินไปให้เจ้าหนี้ทันทีโดยไม่รอช้า เสร็จแล้วจึงไปจัดที่นอนให้เรียบร้อยให้สมกับตำแหน่งพนักงานดูแลเตียงตามที่ได้สมัครงานมา ก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงนั้นก็สั่นขึ้น



ผมหยิบออกมาดู ไม่โชว์เบอร์ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าใคร



มิสเตอร์เคจอมลึกลับโรคจิตนั่นเอง



“ครับ” ผมกดรับสาย

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันถามผมกลับมา ถ้าไม่นับพฤติกรรมแปลกประหลาดแล้วยอมรับว่าเสียงของมิสเตอร์นั้นน่าฟังชวนหลงใหลจริง ๆ

“ครับ คุณออกไปตั้งแต่เช้ามืดเหรอครับ” ผมสงสัย ขนาดผมตื่นแปดโมงยังไม่เจอแม้แต่เงาเขาเลย เขาต้องกลับออกไปเช้ามากเหมือนกัน

“ผมไม่ได้ค้างที่นั่น”

“อ้อ..ครับ” แสดงว่าพอเขานอนกับผมเสร็จก็กลับเลยสินะ

“เป็นไงบ้าง”

“ครับ?” ผมไม่เข้าใจเขาหมายถึงอะไร

“ร่างกายคุณ...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร”

“อืม ถ้าไม่สบาย เจ็บปวดตรงไหนให้รีบบอก”

“ทางเมลเหรอครับ” ผมไม่ได้ตั้งใจกวนประสาท แต่ผมไม่มีเบอร์เขา รีบบอกในที่นี้คือเป็นแบบไหนนอกจากอีเมลเพียงเท่านั้น

“ใช่ อีเมล”

“ครับ” ถ้าผมเจ็บหนักจริง กว่าเขาจะรู้ตัวผมอาจจะเข้าขั้นโคม่าแล้วก็ได้ แต่ไม่สำคัญหรอก ผมคงไม่รอความช่วยเหลือจากเขา ผมดูแลตัวเองได้

“เปล..” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ครับ?”

“ครั้งหน้าที่เจอกัน ผมอยากให้คุณตื่น”

“ตื่น? ตื่นทำไมครับ” ผมตาโตกับคำพูดของเขา ไม่จริงน่า

“แล้วทำไมถึงอยากหลับ” เขาไม่ตอบแต่เลือกถามผมกลับ

“ผม..”

“ไม่อยากรับรู้หรือว่ากลัว” เขาถามย้ำอีก

“ทั้งสองอย่างครับ” คำถามนี้ผมตอบได้ไม่ลำบากใจ

“ผมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด และต่อให้คุณตื่นอยู่ คุณก็ไม่ได้เห็นผมอยู่ดี ไม่มีอะไรให้คุณต้องกลัวหรือกังวล”

ผมอยากจะย้อนกลับไปว่า‘แหงสิ คุณไม่ได้ถูกปิดตาเสียหน่อย ลองสลับกันแล้วให้ผมเสียบคุณแทนไหมล่ะ เอาไหม’

แต่ก็นะ..ทำได้แค่คิดครับ

“ผม..”

“ยานั่นมันไม่ค่อยดีต่อร่างกายเท่าไหร่ คุณคงเห็นว่าพอกินเข้าไปไม่นานก็ง่วงแล้วหลับ ไม่รู้สึกตัวอีกเลยใช่ไหม”

“ครับ”

“ถ้าใช้ในระยะยาวแล้วมันไม่ค่อยปลอดภัย”

“ถ้าไม่ดีต่อผม แล้วคุณเอายานั่นมาให้ผมกินทำไม” ผมถามเขากลับไปบ้าง

“ตามข้อตกลงของเรา”

“แล้วคนอื่นล่ะครับ ถ้าเขาเลือกแบบผม เขาก็ต้องกินยานี้เหมือนกัน” ผมไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไรกันแน่

“ผิดแล้ว” มิสเตอร์เคปฏิเสธ

“ครับ?”

“ไม่มีใครเคยเลือกแบบคุณ”

“หมายความว่า..”





“คุณเป็นคนแรกที่เลือกข้อนั้น”






=====================



เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่น่าจะมีหลายตอน เขมยังไม่ได้คิดว่าจะมีกี่ตอน

เป็นการแต่งไปเรื่อยๆ ระหว่างรอลงเรื่องยาวเท่านั้นค่ะ

มิสเตอร์ค่าตัวน้อยแถมยังเป็นคนโรคจิต คงยังไม่ปรากฏกายมาเร็วๆ นี้ใช่ไหมน้า ถึงจะเร่งให้น้องเปลตื่นอยู่นั่นเอง

ชอบหรือไม่ชอบ บอกได้นะคะ รู้สึกเหมือนไม่ได้ลงนิยายมานาน ตื่นเต้นทีเดียวเชียว



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง



ปล. รอบนี้มาเร็วหน่อยหัวกำลังแล่น แหะๆ ><




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2019 15:55:09 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่าสงสารน้องมาก
หาคนรับเลี้ยงค่ะ คุณเคจริงจังไหมคะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อยากบึ้มบ้านพ่อแม่เปล จิตใจทำด้วยอะไรถึงหลอกน้องให้ไปขายตัวได้ พี่นายหน้ายังเห็นใจเปลมากกว่าซะอีก  :fire:
 :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อยากให้น้องเปลตื่นแล้วค่ะ 55555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตามเข้ามารอคุณเคเผยโฉม

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หยั่กเลี้ยงน้องค่าาา

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง


ตอนที่ 3 ผ้าปิดตา



ผมกดรีโมทโทรทัศน์วนไปอย่างเบื่อ ๆ ในเย็นวันพฤหัส ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับโปรเจ็กที่ต้องส่ง ส่วนงานที่เคยทำนั้นไม่มีแล้ว ผมนั่งทบทวนคำพูดของมิสเตอร์เค ทำไมเขาถึงอยากให้ผมตื่นนัก เหตุผลเพราะยานั่นมีผลต่อร่างกายในระยะยาวแค่นั้นเหรอ



“คิดว่านโยบายที่จะช่วยเหลือคนจนของทางพรรคจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน” เสียงนักข่าวผู้หญิงในโทรทัศน์ยื่นไมค์ไปถามนักการเมืองคนหนึ่ง

“พรรคของเราจะไม่เสนอนโยบายหากไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ครับ” ผู้ชายที่ถูกไมค์นับสิบตัวจ่อหน้าตอบคำถามด้วยท่าทีสำรวมมีสติ



เสียงทุ้มของผู้ชายคนนั้นดึงดูดให้ผมหลุดจากสิ่งที่กำลังคิดอยู่แล้วหันไปมองภาพในโทรทัศน์เครื่องเล็ก ๆ ที่มีอายุมานานแล้ว

“ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วเป็นไปไม่ได้ เป็นแค่การขายฝันให้กับประชาชนล่ะคะ” นักข่าวคนเดิมยังจี้คำถามต่อไม่ยอมหยุด

“ไม่มีการขายฝันอย่างแน่นอนครับ อยากให้ประชาชนลองเปิดโอกาสให้กับพรรค เพื่อที่เราจะได้ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้”



ผมกดปิดโทรทัศน์ ช่วงนี้มีแต่ข่าวการเมือง ถึงมันจะเป็นเรื่องใกล้ตัว ชี้ชะตาอนาคตพวกเรา หากการเมืองที่ใกล้เลือกตั้งนั้นเริ่มระอุ เผ็ดร้อน ผมได้ยินมาทั้งวันแล้ว เริ่มเอียนเต็มที



ไม่ไหว



นึกถึงเลือกตั้งแล้วท้อใจ ผมลืมไปลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเสียสนิท แปลว่าผมจะต้องกลับไปเลือกตั้งที่บ้านเกิด เคยคิดว่าถ้าหากผมไม่ไปเลือกตั้ง คงไม่เป็นไร ก็แค่เสียงเดียว แต่ก็ทำไม่ได้ผมควรไปใช้สิทธิ์ของตัวเอง ไว้ใกล้ ๆ ถึงเวลา ค่อยตัดสินใจอีกทีแล้วกัน หากยังจ่ายหนี้ไม่หมด ผมก็ไม่อยากกลับไปที่บ้าน



ในเช้าวันอังคารสัปดาห์ถัดมาผมกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน ปีสี่เป็นปีที่วิชาเรียนเริ่มน้อยแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่บ้างประปราย ตอนนี้รอเริ่มเรียน แต่ใจผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข มิสเตอร์เคเงียบหายไป เขาไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ไม่มีการนัดเจอใดๆ แปลว่าผมจะชวดเงินห้าพันบาทไป ถึงแม้จะได้เงินรายวันที่เขาเคยขอให้ไปลาออก โดยเงินนี้มิสเตอร์เครวบให้เป็นรายเดือนก็จริง แต่มันก็นานไป ผมกลัวว่าจะใช้หนี้ไม่ทันภายในสามเดือน



เสียงหญิงสาวสามคนคุยกันเสียงดังเช่นเคย ผมมักจะเลือกนั่งที่เดิมและกลุ่มของพวกเธอก็นั่งที่เดิมเช่นกัน อันที่จริงผมมีเพื่อนนั่งข้างผมอีกสองสามคน แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมไม่ได้สนิทกับพวกมันมากเท่ากับที่พวกมันสนิทกันเองเพราะผมมีงานพิเศษต้องไปทำอยู่เสมอ ความสัมพันธ์จึงห่างออกมา



เอาละ สามสาวเริ่มพูดถึงที่ผมกำลังสนใจ



“กระเป๋ามึงไปไหนแล้วล่ะ” สาวผมดำตัดสั้นถามสาวผมแดงกระโปรงสั้นมาก ผมจึงขยับตัวแล้วมองไปที่กระเป๋าของเธออย่างอดไม่ได้

“ใบไหนวะ”

“ใบที่มึงพึ่งได้มาก่อนที่เมียเขาจะมาแหกหน้ามึงไง”

“อ๋อ...” สาวผมแดงลากเสียงยาวก่อนจะพูดต่อว่า “ยังอยู่ ๆ”

“นึกว่าขายไปแล้ว” สาวผมตรงดำยาวพูดแทรกขึ้นบ้าง

“ขายไปแล้ว แต่เป็นใบอื่น” สาวผมแดงยักไหล่ไม่รู้ร้อนเหมือนเคย

“ช่วงนี้แกลบเหรอ” สาวคนเดิมถามต่อ

“นิดหน่อยว่ะ ผัวกูแทงบอลหมดไปเยอะ”

“ผัวมึงคนนี้รักมึงจริงใช่ไหม” สาวผมดำยาวถามคำถามขึ้นใหม่ ผมสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้มักจะถามตรง ๆ และค่อนข้างมีสาระมากที่สุดในกลุ่ม

“รักมั้ง กูก็ไม่รู้ ที่รู้คือกูรักมัน ช่างเถอะ กูเต็มใจให้”

“อย่าให้ความรักมันต้องกัดกินตัวมึงจนไม่สนอะไรเลย มึงเอาตัวไปแลกเงินมา ทำอะไรก็คิดหน่อยเถอะ รักตัวเองบ้าง” เธอสอนเพื่อนผมแดง แต่ผมไม่รู้ว่าสาวผมแดงสนใจจะรับฟังความห่วงใยไหม



คำถามของพวกเธอทำให้ผมมักจะเก็บเอามาคิดเสมอ คนที่เป็นผัว เอ่อ..หรือแฟนของสาวผมแดง คงจะคล้ายกับพ่อแม่ของผม



ผมรักพวกเขานะ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขารักผมบ้างไหม



“เอ้า ทำหน้าเซ็งไปอีก ที่กูพูด ไม่ได้อยากให้มึงเครียด แค่อยากให้มึงคิดเยอะ ๆ” สาวผมยาวพูดซ้ำ

“รู้ ๆ เออ ขอบใจ” สาวผมแดงรับ

“แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น มีอะไรอีก”

“ไม่มีลูกค้าเหรอ” คราวนี้กลับมาที่สาวผมดำสั้นถามแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อืม ช่วงนี้ไม่มีใครติดต่อกูมาเลยว่ะ สงสัยกูจะเรียกแพงไป”

“เดาถูกด้วยเว้ย แล้วมึงเรียกแพงขึ้นกว่าเดิมมากเหรอ” สาวคนเดิมตกใจ

“ใช่ เกือบสองเท่าอะ กูร้อนเงิน”

“แพงไปใครจะจ้างมึงวะ” สาวผมดำสั้นพูดอีก

“ไปทำอย่างอื่นแทนไหม แต่ถ้าไม่อยากทำ มึงก็ลดค่าตัวลงเถอะ แพงไปไม่มีคนซื้อหรอก แล้วให้ผัวมึงไปหาเงินด้วย รักกันต้องช่วยกันดิ” สาวมีสาระผมดำยาวพูดขึ้น

“ไม่รู้มันจะยอมหรือเปล่า”



พวกเธอไม่ได้คุยกันต่อเพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี บทสนทนาจึงหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่ความคิดผมกลับไปต่อจนทำให้คาบเรียนนี้ผมเรียนไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย



ผมกลายเป็นแฟนคลับลับ ๆ ของสาวผมแดง เธอกลายเป็นไกด์ให้ผมโดยไม่รู้ตัว ผมได้ฟังประสบการณ์รุ่นพี่ การพูดคุยของพวกเธอทำให้ผมตัดสินใจมาเป็นพนักงานดูแลเตียงให้มิสเตอร์เค อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นเขา เป็นใครก็ได้ แต่นั่นละเพราะการรับสมัครงานแปลก ๆ ทำให้ผมสนใจลองเสี่ยงดวงไป



สาวผมแดง รุ่นพี่ในการทำงานของผมกำลังประสบปัญหาไม่มีลูกค้า ผมเองก็เช่นกัน อย่างที่บอกว่ามิสเตอร์เคเงียบหายไปอาทิตย์กว่าแล้ว ถ้าสัปดาห์นี้เขายังเงียบอีก ผมคงจะลำบากแน่ ๆ



หรือผมควรจะรับพิจารณาคำพูดของเขาและความคิดอย่างสาวผมแดงดี ในเมื่อร้อนเงินแล้วถ้าผมตื่นผมจะได้เงินหนึ่งหมื่นบาท







วนมาถึงวันพฤหัสอีกครั้ง ผมเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง กำลังคิดว่าควรจะอีเมลไปหาเขาดีไหม แจ้งเขาไปตรง ๆ ว่าผมร้อนเงินมาก อยากขอให้เขามานอนกับผมและอย่าลืมจ่ายเงินด้วย



คิดแล้วสมเพชตัวเอง



ผมปลดล็อกโทรศัพท์แล้วเข้าไปที่อีเมล ยังไงก็ต้องบอกเขาเพราะร้อนเงินจริง ๆ หากผมกลับแปลกใจที่เห็นข้อความใหม่จากมิสเตอร์เคแทน ผมกดเข้าไปอ่านด้วยมือสั่นเทา กลัวจะเป็นการยกเลิกสัญญาหรือสาเหตุอื่นโดยไม่คาดคิด เขาอาจจะเบื่อผมที่เลือกหลับก็เป็นได้





สวัสดีครับ คุณเปล

ขอโทษที่ขาดการติดต่อไป ตอนนี้ผมมาทำงานที่ต่างประเทศและจะกลับไทยประมาณวันศุกร์ ผมอยากเจอคุณที่คอนโดตอนสองทุ่ม คุณมีคีย์การ์ดที่คอนโดนั้นแล้ว คุณเข้าไปรอได้เลยครับ

ผมหวังว่าคุณจะตื่นตอนที่ผมไปถึง

Mr.K




ข้อความนั้นทำให้โล่งใจ มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แต่มันกลับทำให้ผมลังเล ผมกัดริมฝีปาก ใจเต้นตึกตักก่อนจะกดปุ่มreply แล้วพิมพ์ผิด ๆ ถูก ๆ ต้องลบแก้หลายครั้ง



สวัสดีครับ Mr.K

เจอกันวันศุกร์สองทุ่มครับ

ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเขาเลย จึงส่งซ้ำไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนลืมกล่าวขอโทษไปเสียสนิท





ไม่ต้องเตรียมยานอนหลับให้ผมนะครับ





ผมส่งแล้วรีบหอบอากาศเข้าปอด ผมกลัวจริง ๆ แต่อิทธิพลของเงินเอาชนะความกลัวนั้นไปอย่างเฉียดฉิวด้วยคำว่าหนึ่งหมื่นบาท หนึ่งหมื่นบาทและหนึ่งหมื่นบาท



ผมเหลือหนี้อยู่สามหมื่นห้าพันบาท เท่ากับใช้หนี้ไปแล้ว หนึ่งหมื่นห้าพันบาท หนึ่งหมื่นบาทแรกมาจากที่ไปนอนหลับกับเขา สองครั้ง ครั้งละห้าพัน ส่วนอีกห้าพันมาจากเงินพิเศษที่มิสเตอร์โอนรวบเป็นรายเดือนมาให้ ถ้านอนกับเขาอีกสามครั้งรวมเป็นสามหมื่นแล้วใช้เงินจากเงินพิเศษอีกห้าพัน เดือนหน้าก็น่าจะจ่ายหนี้ได้หมด



มันทำให้ผมฮึดมีแรงสู้ขับไล่ความกลัวนั้นออกไป







เวลาหนึ่งทุ่มคืนวันศุกร์ ผมมาถึงคอนโดและเข้าห้องนั้นได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีใครเดินเข้ามาถามว่าผมต้องการความช่วยเหลือไหม ไม่รู้ว่าพนักงานตรงชั้นล่างเห็นผมหรือเปล่า หรือเห็นแล้วแต่ไม่ได้สนใจ จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา มิสเตอร์เป็นคนรอบคอบ เขาคงตระเตรียมและบอกกล่าวพนักงานเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว



ผมฉุกคิดมาได้อย่างหนึ่ง สัญญาระหว่างเราเป็นความลับต่อกันแล้วพนักงานเหล่านั้น หรือป้าแม่บ้าน หรือลุงป้อมยามที่หมู่บ้านล่ะ ไหนจะเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลอีกเล่า พวกเขารู้รายละเอียดมากน้อยแค่ไหน



ในขณะที่ผมไม่รู้จักใครเลย แต่พวกเขากลับรู้จักตัวตน รูปร่างหน้าตาของผมจนหมด มันยุติธรรมแล้วหรือ



ผมเข้าไปอาบน้ำและเตรียมความพร้อมเหมือนทุกครั้ง กลับออกมาด้วยเสื้อคลุมสีขาวก่อนจะนั่งลงที่เตียงหลังใหญ่ ผมเห็นผ้าปิดตาที่วางอยู่บนหมอน อีกสิบห้านาทีจะถึงเวลานัด ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนตรงเวลาหรือไม่ ถ้านัดสองทุ่มแล้วมาตีสองล่ะ ผมไม่ต้องสวมผ้าปิดตายาวนานขนาดนั้นหรอกหรือ





ก๊อก..ก๊อก..



เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองบานประตูนั้นอย่างรวดเร็ว

“เปลครับ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตู ถึงจะได้ยินเสียงนี้ผ่านโทรศัพท์เท่านั้นแต่ผมก็จำได้



เขาตรงเวลา



มิสเตอร์เคมาถึงแล้ว



“คะ..ครับ คุณอย่าเพิ่งเข้ามา ผมยังไม่ได้ใส่ผ้าปิดตาครับ”

“ผมยังไม่เข้าไปจนกว่าจะสองทุ่ม แค่มาบอกให้คุณรู้ตัวไว้”

ผิดจากที่ผมคิดตรงไหน เขารอบคอบจริง ๆ นอกจากรอบคอบแล้วยังตรงเวลาเสียด้วย

“ครับ”

“สองทุ่มเจอกัน” ผมเหลือบมองนาฬิกา เหลืออีกห้านาทีเท่านั้น ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่



ถึงเวลาแล้วสินะ ผมใส่ผ้าปิดตาอย่างระวัง จัดแจงขยับที่จะทำให้สบายมากที่สุด สายไม่รัดตรงหู หรือไม่หลวมจนหลุด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วผมจึงบอกเขา รู้สึกตัวเองเสียงดังเกินกว่าปกติ

“คุณเข้ามาได้แล้วครับ ผมสวมผ้าปิดตาแล้ว”

“อืม”



ใจผมเต้นรัวราวกับตีกลอง ผมมองไม่เห็นอะไร หูผมได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นช้า ๆ ประสาทสัมผัสของผมกำลังเครียดเกร็ง เสี้ยววินาทีประตูถูกปิดลง ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลย แต่รู้สึกเหมือนมีเงาหรือบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ จนที่นอนยุบตัวลง



ผมสะดุ้งสุดแรงด้วยความตกใจ ร่างกายขยับหนีอัตโนมัติ



“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้ทำอะไร” มิสเตอร์ปลอบผมด้วยน้ำเสียงชวนฝันของเขา แต่ขอโทษนะ ไม่ได้ทำอะไรผมจริงเหรอ เขาโกหกชัด ๆ เพราะเขาจะทำอะไรผมไง ผมถึงกลัวอย่างที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้

“ผม..”

“อันที่จริง ผมเบื่อที่คุยเพราะวัน ๆ หนึ่งผมต้องคุยกับคนมากมาย แต่ท่าทางคุณกลัวมาก คุณอยากคุยกับผมก่อนไหม” เขาเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“ผมไม่เคยทำแบบนี้”

“ไม่เป็นไร คุณอาจจะยังเตรียมใจไม่ทัน เอาอย่างนี้ละกัน ผมจะไปอาบน้ำอีกห้อง”

“ครับ”

“ผมจะปิดไฟและคุณก็ถอดผ้าปิดตาออก”

“จะไม่เป็นไรเหรอครับ” ผมถามเขาไป ทำไมเขาถึงยอมให้ผมไม่ใส่ผ้าปิดตาก็ได้

“ห้องนี้มืดสนิท ต่อให้สายตาปรับตัวในความมืดได้ คุณก็มองเห็นผมไม่ชัดหรอก เจอกันข้างนอกคุณก็ไม่รู้จักผมอยู่ดี”

“ครับ ถ้าคุณเจอผมข้างนอก คุณคงรู้ว่าเป็นผม”

“ไม่ปฏิเสธ”

“พนักงานข้างล่างคอนโด ป้าแม่บ้าน หรือลุงยามที่บ้านคุณ ถ้าพวกเขาเจอผม พวกเขาก็จะรู้ว่าเป็นผม”

“ใช่ กังวลหรือ”

“คุณบอกว่าสัญญาของเราเป็นความลับ”

“ใช่ ถูกแล้ว มันเป็นความลับ”

“แล้วทำไมพวกเขาถึงรับรู้เรื่องผมล่ะครับ” ผมยั้งปากไม่ทัน ถ้ามิสเตอร์โกรธหรือโมโหผมแล้วยกเลิกสัญญา ผมจะทำยังไงเล่า อยากตบปากตัวเองจริง ๆ เลย

“ผิดแล้วเด็กน้อย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร พวกเขาแค่รับรู้ว่าคุณมาทำงานให้ผม”

“ผมขอโทษที่ถามไปแบบนั้นครับ” ผมพนมมือยกมือไหว้เขา ไม่รู้ว่าไหว้ถูกทิศทางไหม แต่คงถูกล่ะนะ

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณสงสัย คุณสามารถถามผมได้ทุกเมื่อ และผมจะตอบเท่าที่ผมตอบได้”

“ครับ”

“ไม่ต้องกังวลไป ผมมีงานหลายอย่างที่พวกเขาจะไม่นึกสงสัยคุณเลยว่ามาทำอะไรให้ผม”

“ครับ ขอโทษที่ผมคิดอะไรไร้สาระ”

“เอาละ” เสียงเขาเหมือนอยู่บนหัวผม เขาคงลุกขึ้นยืน “พอได้ยินเสียงปิดประตู คุณค่อยถอดผ้าปิดตาออกนะ”

“คุณไม่กลัวว่าผมจะเปิดไฟตอนคุณกลับมาเหรอครับ” ผมลองแกล้งถามเขา

“ผมไม่เคยยอมให้ใครถอดผ้าปิดตาออก รู้ไหม..คุณเป็นคนแรก” ใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดจริงพูดเล่น

“ไม่เป็นไรครับ ผมใส่ไว้ก็ได้” ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ผมเชื่อใจนะว่าคุณจะไม่เปิดไฟ”

“ครับ”



ผมได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วปิด นับในใจหนึ่งถึงห้าแล้วค่อยๆ ถอดผ้าปิดตาออกอย่างระวัง ในคราวแรกตาผมพร่ามัว ขนาดใส่มันไม่กี่นาทีเท่านั้น ใช้เวลาชั่วครู่ใหญ่กว่าสายตาผมจะไม่ลาย มองเห็นอะไรดีขึ้น ผมคิดว่าสายตากลับมาเป็นปกติแล้ว ผมมองรอบห้องไม่ชัดด้วยความมืด เห็นทุกอย่างเป็นภาพในความทรงจำว่าตรงนี้เป็นโต๊ะ ตรงนั้นเป็นห้องน้ำ



มิสเตอร์เคคงกลัวคนเห็นใบหน้าของเขามาก ผมเดาว่าใบหน้านั้นมีรอยแผลเป็น น่าเกลียดน่ากลัว เขาอาจจะมีใบหน้าเหมือนอสูรร้าย จนกลัวว่าคู่นอนจะหวาดกลัว ตกใจลนลานจนเป็นลมหรือสลบไปก็ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ผมรีบสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวสมอง



ชักเลอะเลือนไปกันใหญ่







ผมนั่งรอเขาโดยไม่รู้เวลาว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู และผมตอบรับออกไป เขาถึงยอมเปิดประตูเข้ามา ไม่มีแสงไฟลอดเข้ามา ข้างนอกคงปิดไฟเช่นกัน เขาดูระวังตัวมาก จนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยอมให้ผมถอดผ้าปิดตาบ้า ๆ นั่น



มิสเตอร์เคกลับมานั่งข้างตัวผมอีกครั้ง ผมไม่กล้ามองเขาเลย หากจมูกกลับได้กลิ่นกายหอมที่น่าจะมาจากครีมอาบน้ำ มันให้ความรู้สึกสดชื่น ก่อนหน้านี้ที่เขามานั่งข้างผม มิสเตอร์เคก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นอะไรนะ มันเป็นกลิ่นที่ผมไม่รู้ว่าเป็นน้ำหอมหรือกลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นเหล่านั้นจะผสมกับกลิ่นเหงื่อจนได้กลิ่นใหม่ออกมา



น่าแปลกใจ ผมกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไหนก็ตาม



“ผมจับมือคุณได้ไหม” มิสเตอร์เคทำให้ผมแปลกใจ ผมคือคนที่เขาซื้อมาด้วยเงินค่าจ้าง เขามีสิทธิ์ในตัวผมอยู่แล้ว

“ครับ คุณไม่ต้องขอผมก็ได้”

“ผมกลัวคุณตกใจเลยบอกก่อน”

“ขอบคุณครับ” ทำไมมิสเตอร์เคถึงต้องใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมากขนาดนี้ด้วย

“คุณคงทำงานหนักมาก” เขาพูดขณะที่ลูบฝ่ามือผมไปพร้อมกัน

“ครับ”

“เล่าให้ผมบ้างสิว่าตอนเด็ก ๆ คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ใช้ชีวิตยังไง”

“ชีวิตผมไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ” ผมบอกปัด

“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น ทุกชีวิตมีค่าและน่าสนใจ มีเกียรติทั้งนั้น เล่ามาเถอะ ผมอยากฟัง” มิสเตอร์เคน่าจะมีวาทศิลป์ที่ดี ยิ่งผสมกับเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันของเขาแล้ว มันยิ่งทำให้เคลิ้มได้โดยง่าย

“ผมเกิดและโตที่ลำปางครับ” ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เรามีกันทั้งหมดสี่คน พ่อแม่ ผมแล้วก็น้องชาย บ้านผมอยู่บนดอย อากาศดีมากครับ”

“ทำไมถึงเลือกมากรุงเทพฯ อากาศที่นี่แตกต่างจากที่ที่คุณอยู่มากเลยนะ”

“ผมอยากเรียนสูง ๆ ถ้าเรียนจบแล้วก็อยากหาเงินให้ได้เยอะ ๆ”

“แค่นั้นเหรอ ถ้าอยากเรียนสูง ๆ ที่จังหวัดคุณหรือใกล้ก็น่าจะมีมหา’ ลัย ไม่ใช่หรือ”

“ผม..” ผมไม่กล้าพูดต่อ มันเป็นความในใจที่ผมไม่เคยพูดกับใคร ผมอยากอยู่ให้ห่างจากครอบครัว

“ลำบากใจหรือ ไม่เป็นไร งั้นผมจะพูดบ้าง จริง ๆ แล้ว ผมอยากเปิดไฟ”

“เอ๊ะ จริงเหรอ ทำไมครับ” คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากคนตั้งกฎเอง น่าประหลาดใจ ผมรีบเงยหน้าหันไปมองเขา

ผมเห็นใบหน้ามิสเตอร์เคไม่ชัดเลย เป็นอย่างที่เขาบอกไว้ ถ้าเจอกันข้างนอก ผมจะไม่มีวันจำเขาได้ ผมเห็นดวงตาอีกฝ่ายระยิบระยับ มันช่างดูสวยงามในความมืด

“มันมืดเกินไป” เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ผมบุ้ยปาก ทีตัวเองยังไม่ชอบความมืดแต่บังคับให้คนอื่นปิดตาเลยเนี่ยนะ เอาเปรียบกันเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรครับ คุณอยากให้ผมใส่ผ้าปิดตาคืนเหมือนเดิมไหม”

“แบบนี้ละ”

“ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะมีหน้าตาน่าเกลียดหรือมีรอยแผลเป็น แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าผมเผลอไปโดนแผลของคุณ ผมจะไม่บอกใคร”

“น่าเกลียด? แผลเป็น?” ผมไม่รู้ว่ามิสเตอร์เคทำหน้ายังไงตอนที่ถามผม แต่เสียงเขาดูไม่มั่นใจ

“ใช่ครับ ไม่งั้นคุณจะตั้งกฎพวกนี้เหรอครับ”

“รู้ดีกว่าผมอีกเหรอเนี่ย” เขาหัวเราะเต็มเสียง ปกติเขาจะหัวเราะเบา ๆ นี่เขาคงตลกกับคำพูดผมมากเลยสินะ ผมอุตส่าห์เป็นห่วงเขา



เหอะ เสียแรงเปล่า



“ผมมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แล้วคุณล่ะ นอกจากอยากเรียนสูง ๆ หรือหางานทำ กรุงเทพฯ ตอบโจทย์อะไรกับคุณอีก”

“ผม..ผมไม่อยากอยู่ลำปาง”

“มาอยู่ที่นี่พ่อแม่คุณไม่ห่วงหรือ”

“เรื่องของผม!” ผมเสียงดังกว่าเดิมเล็กน้อย เราเพิ่งคุยกันยาว ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก และเขาเป็นนายจ้าง ส่วนผมเป็นลูกจ้าง พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้ชีวิตกันและกันถึงขนาดนั้น

“โอเค ๆ ผมไม่ถามแล้ว ผมขอโทษ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ สิ” เขาขอโทษผมอย่างง่ายโดยไม่มีน้ำเสียงโกรธเลยสักนิด แขนถูกเขาดึงเบา ๆ ผมจึงขยับตัวตามคำพูดมิสเตอร์เค ด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอใส่อารมณ์กับเขาไป

“ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วยครับ ผมไม่น่าขึ้นเสียงใส่คุณ” ผมเงยหน้ามองเขา ทั้งที่เรานั่งบนเตียงเดียวกัน แต่ผมยังต้องเงยหน้ามองเขา ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนตัวยาวหลังยาว แสดงว่าต้องสูงน่าดู



ผมเอียงคอมองใบหน้ามิสเตอร์ก้มต่ำลงมา ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจทำอะไร แต่ทันทีที่ริมฝีปากเขาประกบลงมาบนปากผม ผมก็เข้าใจแล้วว่าท่าทีของเขาคืออะไร ผมตกใจจึงตั้งใจจะบอกให้เขาหยุด แต่เขาก็สอดลิ้นเข้ามาในปากผมเสียแล้ว ผมไม่เคยถูกจูบ ทำตัวไม่ถูกร่างกายจึงแข็งทื่อแน่นิ่งเป็นหิน กระทั่งครู่ใหญ่กว่าใบหน้ามิสเตอร์เคจะเลื่อนห่างออกไป




“คราวหน้าถ้าจะขอโทษให้ทำแบบนี้”





=====================

ชักไปกันใหญ่เช่นกัน ตกลงต้องกี่ตอนดีน้า

ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2019 16:11:05 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เป็นตอนที่อ่านแล้วตื่นเต้นมากค่ะว่าจะเกิดอะไรบ้าง อ่านจบแล้วตื่นเต้นอยากอ่านตอนต่อไป
ตอนนี้ได้รู้จักมิสเตอร์เคมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง อะไรทำให้มิสเตอร์เคใจดีกับน้องนะ
 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เหมือนเทพนิยายกรีก..เดาว่าคุณเคหล่อ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เดาว่าเป็นนักการเมือง 555555555555
น้องเปลลูก ต้ะต่อนยอนมาก 5555555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เสียงไม่คุ้นเลยเหรอ หึหึ
น้องโดนแน่แล้ว กร้ดดด

ออฟไลน์ 15magnitude

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พระเอกเราลึกลับมาก แต่อ่อนโยนเหลือเกินค่ะคุณขาาา

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

BED CARE JOB





ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว





“เข้าใจหรือเปล่า”



สมองผมยังปรับจูนไม่ได้ มิสเตอร์กำลังถามผมด้วยเรื่องอะไร



“คะ..ครับ?”



ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เขาจะขำผมทำไมหนักหนา ตรงไหนน่าหัวเราะกัน



“งั้นจะทำให้ดูอีกรอบ”



มิสเตอร์เคจับคางผม หน้าของผมเชิดขึ้นตามจากการชักนำของเขา ผมกะพริบตาถี่ด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอเห็นใบหน้าเขาเข้ามาใกล้หน้าผมอีกครั้ง ถึงรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้



ผมรีบหลับตาปี๋พร้อมกับละล่ำละลักรีบพูดโดยเร็ว



“ผมขะ..เข้าใจแล้ว”



เขาหัวเราะอีกครั้งก่อนจะบอกผมที่ข้างหูว่า “ไม่ทันแล้วเด็กน้อย”



ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อเขาจูบผมอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหมือนเดิม มันรุนแรงขึ้น หัวใจผมเต้นรัวเร็วและแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก



ในความตกใจมันมีความอยากรู้อยากลองพ่วงเข้าไปด้วย เกือบจะผลักเขาไปแล้วแต่สุดท้ายผมกลับยึดแขนมิสเตอร์เคไว้แน่นทั้งสองข้าง



สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวแผ่นหลังก็สัมผัสที่นอนหลังใหญ่



ร่างมิสเตอร์เคทาบทับลงมา อย่างที่ผมคิดเอาไว้ เขาตัวใหญ่และหนากว่าผมมากทีเดียว ผมได้แต่นอนแน่นิ่ง มือก็ยังยึดแขนเขาไว้อยู่อย่างนั้น จะหลบเลี่ยงหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ แค่ตัวเขาก็ล็อกผมไว้ทุกทางแล้ว



เขายังจูบผมต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกมันแปลกๆ ที่ผมบอกไม่ได้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน แต่ผมชอบนะ ผมชอบความรู้สึกดี ผมขยับขาด้วยความอึดอัดกับช่วงล่าง ถึงแม้จะไม่ค่อยได้สัมผัสความรู้สึกนี้บ่อยๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าผมเป็นอะไร



เมื่อร่างกายเริ่มแปรสภาพ จิตใจเริ่มอ่อนไหว ผมพอจะกล้าที่จูบเขากลับไปบ้าง ถึงแม้จะงกๆ เงิ่นๆ ไม่ค่อยได้เรื่องก็ตาม หากความพยายามของผมที่ตั้งใจไว้คงมากเกินไป ผมเพิ่งเคยจูบจริงจังแบบนี้เป็นครั้งแรก มันกำลังทำให้ผมหายใจไม่ทัน



มิสเตอร์เคคงสัมผัสได้อาการของผม เขาถอนใบหน้าออกมาแต่ไม่ลืมย้ำจูบผมหนักๆ อีกสองสามทีก่อนที่เขาจะปิดท้ายด้วยการเม้มปากผมแรงๆ



“เจ็บครับ”



“ขอโทษที เห็นแล้วมันเขี้ยว”



“ผมนึกได้แล้ว คราวก่อนคุณก็กัดปากผมจนเป็นแผล”



“งั้นหรือ” เขาพูดเหมือนไม่ทุกข์ร้อน



“ครับ”



“ไม่ชอบ?”



“ครับ ไม่ชอบ”



“ไม่ชอบเจ็บหรือไม่ชอบเป็นแผล” มิสเตอร์เคยังยียวนถามต่อจนผมนึกฉุนแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ เขาคือผู้ว่าจ้างที่จ่ายเงินให้



“ทั้งสองอย่าง คุณมีรสนิยมชอบทำร้ายร่างกายคู่นอนหรือครับ”



“ผม?” เขาทำเสียงแปลกใจ



“ใช่ครับ คุณนั่นแหละมิสเตอร์เค”



“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น ผมไม่ได้มีรสนิยมอย่างที่คุณพูด”



“ก็คุณกัดปากผม”



“ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมอดไม่ได้ที่คุณนอนหลับแล้วกรนเบาๆ นั่น”



“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย” ผมมั่นใจว่าไม่ใช่คนนอนกรนนะ แต่การที่มิสเตอร์เคบอกผมว่านอนกรนถึงสองครั้งทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว



“ผมจะไม่พยายามไม่ทำให้คุณเป็นแผลอีกแล้วกัน”



“ครับ”



“แต่ไม่รับปากนะ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคุณ”



“ขึ้นอยู่กับผม? ได้ยังไงละครับ” ผมรีบถามกลับไป เขาเป็นคนกัดผม แล้วมาลงที่ผมได้ยังไง



“อีกหน่อยก็รู้เอง”



“ทำไมต้องพูดจากำกวมด้วย ผมงงไปหมดแล้วครับ” ผมบอกเขา ในใจไม่ค่อยพอใจอยู่ลึกๆ แต่ทำอะไรไม่ได้



“เงยคอขึ้นหน่อยครับ” เขาไม่สนใจคำพูดผม แต่บอกให้ผมทำตามที่เขาสั่งหรือว่าขอร้องกันแน่นะ



“ครับ” ผมทำตามคำพูดมิสเตอร์เค ลืมนึกไปเสียสนิทว่าตอนนี้เราสองคนอยู่ในสถานการณ์แบบไหน



ความเปียกชื้นสัมผัสเข้าที่ซอกคอผม มันจักจี้แต่ก็วูบวาบอยู่ครามครัน ความร้อนภายในกายสูงขึ้น หากอากาศในห้องเย็นกลับกว่าเดิม ผมหายสงสัยก็ต่อเมื่อฝ่ามือร้อนของมิสเตอร์กำลังลูบตัวผมอยู่ เสื้อคลุมถูกถอดไปแล้ว ผมหลับตาแน่น เม้มปากสนิท ตัวเริ่มสั่นเป็นเจ้าเข้าหรือลูกนกแล้วแต่จะเรียก



ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ



“ไม่ต้องกลัว”



“คือ..ผมกลัว” ผมนึกเสียใจ ไม่ควรเห็นแก่ความโลภของเงินแล้วเลือก “ตื่น” เลย



มิสเตอร์เคหยุดมือที่ลูบตัวผม เขายันมือสองข้างไว้กับเตียง ดวงตาของเรามองประสานกันในความมืด ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือทำสีหน้าแบบไหนตอนนี้กันแน่ ผมคงทำให้เขาผิดหวัง



“อยากหยุดไหม ผมจะไม่บังคับคุณ ไม่เป็นไรนะครับ” เสียงทุ้มของเขาเหมือนชโลมจิตใจผมให้สงบ



นอกเหนือจากที่มิสเตอร์เคจะได้ความสุขจากตัวผม ที่เหลือเขามีแต่ต้องเสียกับเสียเท่านั้น เขาต้องเสียเงิน เสียเวลา คอยใจเย็นกับคนขี้กลัว สุดท้ายยังต้องมาปลอบใจผมอีก

เขาเป็นนายจ้างที่ดีเกินไปสำหรับการเลือกซื้อใครสักคนมานอนด้วยจริงๆ



“ผมขอโทษ..”



“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณเสียหน่อย” เขายังปลอบใจผมต่อ มือข้างหนึ่งปัดปอยผมบนใบหน้าของผมออกให้ ก่อนที่เขาจะผละออกจากตัวผมไป ผมรีบคว้าแขนเขาไว้แล้วรีบพูดอย่างรวดเร็ว



“คุณรีบทำขั้นตอนสุดท้ายเลยได้ไหมครับ”









ผมตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่มีมิสเตอร์เคในห้อง หากไม่น่าแปลกใจ ถ้าเห็นเขายังนอนอยู่ในห้องสิ ผมว่าต้องเกิดอาเพศใหญ่แน่



ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเหมือนทุกที ใบหน้าผมที่กำลังจ้องมองกระจก คนในกระจกมองผมกลับมาเหมือนทุกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาหลังจากทำงานเป็นพนักงานดูแลเตียงให้มิสเตอร์เค ผมเม้มปาก มันเจ่ออีกแล้ว แต่คราวนี้ผมไม่ถูกกัดปากและมิสเตอร์เคยังคงรักษามาตรฐานได้ดีไม่ทิ้งรอยบนตัวผมเช่นเคย



หลังจากที่ผมบอกมิสเตอร์เคไปเมื่อคืนนี้ เขากลับหัวเราะ ทีแรกผมเกือบจะถามเขากลับไปแล้วว่ามีอะไรให้หัวเราะนักหนา แต่เขากลับพูดด้วยคำพูดที่ทำให้ผมต้องสงบปากไว้



“ขอบคุณครับ”



ถ้าผมปฏิเสธเขา มันคงเป็นตราบาปในจิตใจผมไปตลอดกาลแน่นอน คนอะไรพูดเป็น เขาร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้มากนัก



ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ผมเลือก“หลับ” แล้วมิสเตอร์มาทำอะไรกับตัวผมนั้น เขาเริ่มต้นแบบไหนยังไง เพราะผมไม่เจ็บเลยตอนที่ผมตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน และในเช้านี้หลังจากที่ผมมีสติอยู่กับเขาครึ่งค่อนคืนผมก็ไม่เจ็บอยู่ดี นอกจากการเดินที่แตกต่างออกไป



มิสเตอร์เคทำตามอย่างที่ผมโดยไม่อิดออด เขาบอกว่าอันที่จริงมันไม่ใช่วิธีในแบบของเขา แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้จะลัดขั้นตอนเพื่อให้ผมลดความกลัวเหล่านี้ออกไป ถึงจะเรียกว่าลัดขั้นตอน แต่มันก็ยาวนานในความรู้สึกผมอยู่ดีกว่าเขาจะเข้ามาในตัวผม



ผมหายใจเข้าปอดระหว่างที่คิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว มิสเตอร์เคใช้เวลาเตรียมตัวให้ผมค่อนข้างนาน เขาบอกว่าขั้นตอนนี้มันลัดไม่ได้ ไม่งั้นผมจะเจ็บและแย่ที่สุดอาจจะถึงกับเลือดตกยางออก ซึ่งมิสเตอร์เคไม่ประสงค์จะให้มันเกิดขึ้นกับตัวผม



ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกเจ็บ แม้ว่ามันจะน้อยกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ก็ บอกไว้ก่อนเลย ถึงผมจะไม่เคย (ไม่นับตอนหลับนะ) แต่ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมเลือกที่จะตื่นเมื่ออยู่กับเขา แปลว่าผมแอบไปศึกษาเรื่องราวพวกนี้มาไว้บ้างแล้ว แค่ไม่ได้บอกให้ใครรู้เท่านั้นเอง



มิสเตอร์เคให้ผมนอนคว่ำ ผมอยากขอบคุณเขาที่เรายังไม่ต้องเผชิญหน้ากันถึงแม้จะมองกันไม่เห็นก็ตาม ผมแสดงสีหน้าแบบไหน หรือเขามีสีหน้ายังไง ผมไม่อยากรับรู้และไม่อยากเห็นสายตาคู่นั้นมองมาที่ผมไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกใดทั้งนั้น



ผมไม่คิดว่าเมื่อมีครั้งที่หนึ่งแล้วจะไม่มีครั้งที่สอง หากมิสเตอร์เคปล่อยผมให้นอนหลับแต่โดยดี เขาคงจะขาดทุนพอสมควร หากเขาจะทำแค่ครั้งเดียวคงไม่ระบุในการว่าจ้างเป็นรายคืนหรอก และครั้งที่สองก็ตามมาในคืนเดียวกัน ผมแทบหมดแรง ดังนั้นในตอนท้ายของครั้งที่สอง ผมจึงเลือกนอนนิ่งเหมือนปลาใกล้ตาย ถนอมแรงไว้ให้มากที่สุด ถ้าหลับไประหว่างที่เขายังไม่เสร็จ ผมอาจจะถูกลดเงินเดือน และไม่ผ่านการทดลองงานก็เป็นได้



เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ผมรู้นิสัยมิสเตอร์เคเพิ่มอีกอย่าง เขาไม่ใช่คนไม่ใส่ใจคู่นอน ถึงผมจะเป็นคนที่ถูกจ้างมาแต่เขาก็นึกถึง หลังจากที่เขาผ่านพ้นช่วงเวลาหฤหรรษ์ร่วมกันแล้ว เขากอดผมไว้นิ่งๆ ลูบแขนผมเบาๆ



ผมไม่เคยรู้เลยว่าการถูกกอดมันทำให้เราสบายใจขึ้น



“เจ็บหรือเปล่า” เขาถามผมขึ้นท่ามกลางความเงียบ



“ไม่รู้ครับ แต่คิดว่าไม่นะครับ”



“ไม่รู้?”



“ครับ ต้องลองเดินดู แต่ถ้าคุณทำกับผมเหมือนตอนที่ผมหลับ ก็ไม่เจ็บหรอกครับ” ตอนนี้ผมนอนเฉยๆ จึงไม่รู้สึกอะไร จนกว่าจะต้องลุกขึ้นนั่นแหละคงจะให้คำตอบเขาได้ชัดเจน



“อืม ถ้างั้นคงไม่เจ็บ อยากอาบน้ำไหม”



“คราวก่อนคุณทำยังไงครับ”



“ผมเช็ดตัวให้คุณ”



“ขอบคุณนะครับแล้วขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องลำบาก” เสียเงินจ้างผมมาแล้วยังต้องมาทำความสะอาดให้อีก



“ไม่เป็นไร มันไม่ได้ลำบากขนาดนั้น เพราะใส่ถุงยางเลยไม่ได้มีคราบเลอะเทอะมากมาย อีกอย่างคุณหลับอยู่ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ถึงเช้า คราบที่เหลือมันคงแห้งสนิทแล้วจะทำความสะอาดยาก คงไม่ค่อยดีนัก” เขาตอบสบายๆ บอกตามตรงถ้าเป็นผมเอง ผมคงไม่คิดถึงผลล่วงหน้าตามที่มิสเตอร์เคพูด และถ้าผมจะทำความสะอาดให้อีกฝ่ายก็เพราะมันเลอะเท่านั้น



“หลังจากนั้นคุณทำอะไรครับ”



“ผมจะไปอาบน้ำอีกห้องแล้วกลับ”



“เหรอครับ แล้วคุณจะไปอาบน้ำเลยไหม”



“ไล่ผมเหรอ” เขาถามกลับแต่ไม่ได้เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ เหมือนแซวเล่น



“เปล่าครับ ผมแค่ถามดูเฉยๆ”



“แต่เดี๋ยวผมต้องออกไปแล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมมีงานตอนสายๆ ”



“พรุ่งนี้วันเสาร์ วันหยุดไม่ใช่เหรอครับ”



“ใช่ วันเสาร์ แต่โชคร้ายที่ผมต้องทำงานทุกวัน”



“เอางี้ไหมครับ ให้ผมกลับออกไปดีกว่า คุณจะได้นอนพักที่นี่”



มิสเตอร์เคไม่ได้ตอบทันที ตอนแรกผมคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่แรงกระชับจากแขนของเขาที่แน่นขึ้นทำให้ผมรู้ว่าเขาน่าจะใช้ความคิด



“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมต้องกลับไปอยู่ดี ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าสำหรับงานวันพรุ่งนี้” ในที่สุดเขาก็ตอบผมกลับมาแบบนั้น แปลสั้นๆ ว่า ปฏิเสธ



“คุณคงจะเหนื่อยน่าดู ถ้าผมเรียนจบแล้วมีงานทำดีๆ เมื่อไหร่ ผมจะไม่ยอมหางานทำที่ไม่มีวันหยุดแน่นอน” ผมประกาศออกไป ขนาดในตอนนี้ผมเรียนอยู่ยังต้องไปทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดเช่นกัน ผมยังเหนื่อยเลย แล้วเขาล่ะ ทำมานานเท่าไหร่แล้ว



“ยังไม่ได้ทำงานก็เลือกงานแล้วเหรอ” หลังจากที่เขาพูดจบผมรู้สึกเจ็บที่หน้าผากทันที



เขาดีดหน้าผากผม!



“เจ็บนะครับ” ผมลูบหน้าผากป้อยๆ ไม่เบามือเลย “ผมเรียนและทำงานทุกวัน ถ้าไม่ได้มาทำงานกับคุณ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากทำงานหนักๆ อีกแล้วครับ”



“เหรอ” คำตอบรับสั้นๆ ทำให้ผมนึกกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดต่อ



“ผมหมายความว่าจะทำงานที่เหมือนกับที่ทำกับคุณนะครับ ไม่ใช่งานสบายๆ นอนบนเตียงแล้วได้เงิน ผมหมายถึงงานบริษัททั่วไป ที่เขามีเงินเดือนให้ มีสวัสดิการ มีโอทีบ้างและมีวันหยุดตามราชการน่ะครับ”



“ผมเข้าใจ ผมไม่คิดว่าเปลจะชอบอาชีพที่ทำอยู่ตอนนี้หรอก”



“ครับ ถ้าผมใช้หนี้ให้ที่บ้านหมดเมื่อไหร่ ผมก็จะเลิกทำ”



“หนี้? ที่เคยบอกว่าจำเป็นต้องใช้เงินใช่ไหม”



“ใช่ครับ”



“เยอะไหม”



“อาจจะไม่เยอะสำหรับคนอื่น แต่ก็เยอะสำหรับผมครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่ยกเลิกสัญญากับผมก่อนที่ผมจะจ่ายหนี้หมด ซึ่งอีกแค่สามถึงสี่ครั้งก็จะหมด”



“ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมเลย”



“ผมไม่อยากโกหกคุณครับ ผมต้องยอมรับความเป็นจริง” ผมหาวหวอดก่อนจะบอกเขา



“เป็นผู้ใหญ่เกินตัวไปแล้วนะเรา”



“ผมอายุยี่สิบเอ็ดแล้วครับ” ผมคิดว่าผมโตพอในระดับหนึ่ง ผมกำลังจะเรียนจบและเข้าสู่การทำงาน



“ถ้าเทียบกับผม คุณยังเด็กมาก”



“คงไม่กี่ปีหรอกมั้งครับ” ผมเดาสุ่ม



“มีคุณสองคนรวมกันอายุยังไม่เท่าผมคนเดียวเลย”



ผมไม่ได้คุยกับเขาเพราะง่วงนอนเต็มที ได้ยินเสียงมิสเตอร์เคหัวเราะเบาๆ พร้อมกับความอบอุ่นที่หายไป









นึกถึงประโยคสุดท้ายของมิสเตอร์เคเมื่อคืน มีผมสองคนยังอายุไม่เท่าเขา ผมตาแทบทะลักออกมาจากเบ้า เขาอายุไม่น้อยจริงๆ ด้วย



ผมอาบน้ำและล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่หายจากอาการตกใจในอายุอีกฝ่ายอยู่ดี มันเหลือเชื่อมากๆ เงามิสเตอร์เคในความมืดดูไม่เหมือนคนอายุมากเลย





อ้อ... ผมพอจะเข้าใจแล้วที่เขาต้องปิดไฟ ประกาศหาคนมานอนด้วยแบบแปลกๆ ที่แท้เพราะเขาแก่นี่เอง เลยไม่อยากให้เด็กๆ ที่อายุน้อยกว่าดูถูกเขา ที่ต้องมารู้ว่าผู้ว่าจ้างคือคนแก่คนหนึ่ง







ไม่เป็นไรนะมิสเตอร์เค คุณไม่ต้องอายผมหรอก เรื่องอายุเราหลีกเลี่ยงกันได้ซะที่ไหน





=====================


ขออภัยด้วยสั้นไปนิด รวมทั้งยังไม่ได้เกลาคำผิดและบทสนทนานะคะ มาลงให้อ่านก่อนค่า


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณเคแก่จริงๆหรา???? ลึกลับ ซับซ้อน  :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อ่านแล้วเขินคุณเคจังเลยค่ะ คุณเขานุ่มนวล อ่อนโยนกับน้องมากเลย มีกอดน้องแล้วลูบแขนเบาๆด้วย  :-[
 :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
หืมมมม 40+ ยังแจ๋วปะคะ? กรี๊ดดดด รุ่นใหญ่ แซ่บๆไปเล้ยยยยยยย มิสเตอร์ คือดูเทคแคร์น้องเปลมาก รู้จักกันมาก่อนปะ มีเงื่อนงำๆๆ  :ruready

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สี่สิบกลางๆหุ่นแซ่บๆเรียกว่าแด้ดดี้นะคะน้องเปล

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
“มีคุณสองคนรวมกันอายุยังไม่เท่าผมคนเดียวเลย”

อ่านจบก็คือหยุดยิ้มไม่ได้ บ้าจริงง  :pighaun: ไอ้เราก็นึกว่าจะ 30+ แต่คือไม่อยากเดาเหตุผลที่คุณเคปิดหน้าเลย กลัวจะเป็นคนที่พอรู้แล้วอ๋ออ แต่เขามีครอบครัวแล้วอะ บ้าปะ ทำไมต้องคิดแง่นี้ 55555  o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด