พิมพ์หน้านี้ - Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขมกันต์ ที่ 23-04-2019 01:15:25

หัวข้อ: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-04-2019 01:15:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967434#msg3967434)
ตอนที่ 2 ทดลองงาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967793#msg3967793)
ตอนที่ 3 ผ้าปิดตา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968431#msg3968431)
ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968984#msg3968984)
ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3969637#msg3969637)
ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3970212#msg3970212)
ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3971693#msg3971693)
ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3972610#msg3972610)
ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3973785#msg3973785)
ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3974454#msg3974454)
ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3975326#msg3975326)
ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976004#msg3976004)
ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976758#msg3976758)
ตอนที่ 14คนๆ นั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3977730#msg3977730)
ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3978313#msg3978313)
ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3979513#msg3979513)
ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3980288#msg3980288)
ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3981581#msg3981581)
ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3982339#msg3982339)
ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3983376#msg3983376)
ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3985070#msg3985070)
ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3986599#msg3986599)
ขอบคุณ คุณ Yuuzbouba มากๆ นะคะ ที่ช่วยทำสารบัญแต่ละตอนให้ค่า


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-04-2019 01:21:17

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน




คุณสมบัติผู้สมัคร

1. เพศชายเท่านั้น (ไม่จำกัดอายุ)

2. สถานะโสดเท่านั้น ต้องยังไม่สมรสหรือไม่มีแฟน (ไม่ว่ากับเพศใดก็ตาม)

3. ปัจจุบันต้องพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น



ค่าตอบแทน

1. กรณีหลับ คืนละ5,000 บาท กรณีตื่น คืนละ 10,000 บาท

2. กรณีรายเดือน จะตกลงกันภายหลัง ทั้งนี้เงินเดือนสามารถต่อรองได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์



ส่งอีเมลมาที่ bedcarejob@email.comหัวข้อ ‘สมัครงานดูแลเตียง’ พร้อมแนบรูปถ่ายหน้าตรงและประวัติส่วนตัวโดยสังเขป หากผ่านการพิจารณาแล้วทางเราจะติดต่อกลับไปเองพร้อมกับรายละเอียดการทำงาน



หมายเหตุ กรณีที่ไม่มีการติดต่อกลับภายใน1 สัปดาห์ถือว่าคุณไม่ผ่านการพิจารณา




ผมอ่านข้อความบนเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งแล้วต้องเกาหัวด้วยความฉงน



สมัครงานอะไรของมันวะเนี่ย? อะไรคือหลับ แล้วอะไรคือตื่น



ผมคงจะงงหนักกว่านี้ถ้าหากว่ามันจะไม่ใช่เว็บบอร์ดการหาคู่นอน ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเป็นเว็บบอร์ดสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขายร่างกายกันต่างหาก



ผมเพิ่งเคยเข้าเว็บบอร์ดแห่งนี้เป็นครั้งแรกโดยได้รับการช่วยเหลือมาจากเว็บไซต์google ที่ค้นหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ในโลกนี้ แต่ไม่ใช่จู่ ๆ ผมจะอุตริเข้ามาที่นี่เองหรอก หากไม่ใช่ว่าผมกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน



เรื่องเงินที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวผม..



ผมไล่สายตาอ่านข้อความที่มีคนมาreply ตอบมากมาย ดูเหมือนกระทู้นี้จะเป็นที่นิยมไม่น้อย ไม่รู้ว่ามาจากการที่รับสมัครงานแปลกๆ เมื่อเทียบกับกระทู้อื่นหรือเพราะความลึกลับน่าสนใจ ดูเหมือนหลายๆ คนที่มาตอบนั้นต่างเคยส่งอีเมลไปสมัครแล้วทั้งสิ้นแต่ไม่ผ่านการพิจารณา พวกเขาจึงอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่ผ่านการพิจารณาและได้เข้าไปทำงานนั้นเป็นอย่างไรบ้าง



ย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนที่ผมได้รับโทรศัพท์จากที่บ้าน ทุกครั้งที่รับโทรศัพท์มือผมจะสั่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ร่างกายเครียดเกร็ง รับรู้ได้ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่นอน

“เปลต้องช่วยแม่นะ พวกมันจะมาจับพ่อแกไปซ้อมถ้าไม่เอาเงินมาให้พวกมัน”

“พ่อไปทำอะไรเขา”

“พ่อแก..ก็..เออน่ะ ช่างมันเถอะน่า รู้แค่ว่ามันจะทำร้ายพ่อแกก็พอ” เสียงแม่ตอบตะกุกตะกักแต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าเพราะอะไร



การพนัน



“เยอะไหม เงินที่ไปทำงานพิเศษรอบนี้ยังไม่ได้เบิกมาเลย”

“ไม่มากหรอก ยังไงแกอยู่กรุงเทพฯ ก็น่าจะสุขสบายดีไม่ลำบากเท่าทางนี้หรอกมั้ง”

“เท่าไหร่อะแม่” ผมไม่อยากถามคำถามนี้ออกไปเลย แต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องถามออกไปอยู่ดี

“ห้า..”

“ห้าพันเหรอ”

ผมถอนหายใจ คราวก่อน สองพัน สามพัน แล้วก็สี่พัน มันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ผมยังพอให้ได้

“ห้าหมื่น”

“ห๊ะ! ห้าหมื่น ผมจะไปหาเงินที่ไหนมาให้เขาล่ะแม่”

“ไม่รู้ละ ถ้าไม่เอาเงินมาให้พวกมันนะ มันบอกว่าจะให้น้องแกทำงานขัดดอกไปก่อน”

“ไม่ได้นะแม่ อย่าไปยุ่งกับไอ้ปิง ให้มันเรียนไป”

“แม่ก็รู้ ถึงได้โทรหาแกนี่ไง”

“พอจะผ่อนจ่ายได้ไหม” ผมคำนวนเงินในบัญชีในหัวอย่างรวดเร็ว

“ได้สิ ขอแค่มีจ่ายให้พวกมัน แบบไหนมันก็โอเคทั้งนั้น” น้ำเสียงแม่ฟังดูตื่นเต้นดีใจ แม่คงรู้ว่าผมใจอ่อน

“งั้นแม่เอาเบอร์เจ้าหนี้มาให้ผมด้วย”

“จะเอาเบอร์มันไปทำไม แกก็โอนเงินมาให้อย่างเคย เดี๋ยวแม่เอาไปจ่ายมันเอง”

“ไม่ครับ ผมอยากตกลงกับเขานิดหน่อย”

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม” แม่เริ่มไม่ค่อยพอใจแล้วที่ผมไม่ทำตามใจเธอ

“ถ้าแม่ไม่ให้เบอร์เขา ผมจะไม่จ่ายเงินให้ แล้วจะไปรับไอ้ปิงมาอยู่ด้วยกันที่นี่”

“ไอ้เปล!”

“แม่เลือกมา” ผมยื่นคำขาดออกไป ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นลูกไม่รู้บุญคุณแต่บางอย่างผมก็ไม่อยากจะต้องเสียเงินซ้ำซ้อน

“เออ ๆ เดี๋ยวส่งเบอร์ไปให้ อย่าลืมไปจ่ายให้ด้วยล่ะ”

“ครับ”



ผมรับคำเสร็จ แม่ก็วางสายไปทันทีโดยไม่สนใจจะคุยกับผมอีก ไม่มีถามว่าสบายดีไหม เรียนหนักไหม ทำงานเหนื่อยไหม พักผ่อนบ้างหรือเปล่า ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า มันยังสว่างจ้าเหมือนทุกที แต่ตอนนี้ท้องฟ้าดูราง ๆ มองเห็นไม่ชัด ผมรีบหลับตาไม่อยากให้น้ำตาต้องไหลลงมา ผมไม่อยากอ่อนแอ



เมื่อตั้งสติได้ผมก็โทรศัพท์กลับไปหาเจ้าหนี้ เขาบอกว่าพ่อผมเสียพนันไปเยอะ ถึงแม้ที่บ่อนจะบอกให้หยุดเล่นแต่พ่อก็ไม่ยอม ผมได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับขอผ่อนจ่าย ทางนั้นตอบตกลงแต่เพราะพอรู้จักคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง เขาจะไม่คิดดอกเบี้ยมากจนเกินไป ขอเพิ่มอีกห้าพันจากห้าหมื่นก็พอ



ในคราวแรกผมตกใจ ดอกเบี้ยนั้นไม่น้อยเลยแต่เอาเถอะดีกว่าดอกเบี้ยขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ ผมขอเลขที่บัญชีเจ้าหนี้และรับปากว่าจะรีบโอนเงินงวดแรกให้ในวันรุ่งขึ้น นั่นแปลว่าเมื่อวานนี้ผมได้โอนเงินค่าดอกเบี้ยไปให้ทางนั้นแล้วจำนวนห้าพันจากนี้จะเหลือแค่เงินต้นห้าหมื่น ทางนั้นให้เวลาผมสามเดือน ซึ่งก็นับว่ามากพอควรสำหรับคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ไปค้ำประกันใด ๆ



วันนี้ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะหาเงินเพิ่มจากที่ไหนดี ผมดันได้ยินผู้หญิงที่อยู่ในคลาสเรียนเดียวกันคุยกันอยู่ข้างหน้า พวกเธอคุยกับเพื่อนผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสั้นมากและเส้นผมที่ถูกย้อมเป็นสีแดง



“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่านี่ใบใหม่” คนที่ผมดำยาว ใส่กระโปรงพลีทเสมอเข่า ทักทายเมื่อเห็นสาวผมแดงเดินเข้ามา เธอยิ้มรับพร้อมกับชูกระเป๋าอวดเพื่อน

“ใช่แล้ว”

“โห อิจฉาอะ ขอจับได้ไหม” คราวนี้เป็นคนที่ผมสีดำตัดสั้นพูดขึ้นบ้าง

“ไม่ได้ย่ะ เดี๋ยวเลอะไปแกรับผิดชอบไหวเหรอ” สาวผมแดงค่อนขอดก่อนจะรีบเอากระเป๋าไปวางให้ห่างจากมือเพื่อน

“หวงนะยะ”

“ใบตั้งกี่แสน ถ้าเลอะไปขายต่อไม่ได้ราคาพอดี”

“เออ ๆ ทำไมเสี่ยคนนี้ใจดีจังวะ”

“กำลังหลงกูก็แบบนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก อยากได้อะไรให้รีบขอ ๆ ไว้ พอมันเบื่อจะได้ไม่เสียดาย” สาวผมแดงพูดต่อไม่ทุกข์ร้อน

“ระวังแฟนมึงรู้” คนผมดำยาวพูดแทรกขึ้น

“นอกจากกูแล้วก็มีมึงและมึงสองคนที่รู้” สาวผมแดงตวัดเสียงไม่พอใจ ทำท่าทางขู่สองคนที่นั่งอยู่

“แล้วเสี่ยคนนี้ไม่มีลูกเมียเหรอ”

“คิดว่ากูสนหรือไง จะมีหรือไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวกับกูปะ” สาวผมแดงไหวไหล่ ไม่ยี่หระกับคำถามเพื่อน

“กูแค่กลัวว่าเมียหลวงเขาจะมาแหกหน้ามึงก่อน”

“ถ้ามาตบกู คิดว่ากูจะยอมให้ตบเฉย ๆ เหรอ จับผัวไม่อยู่เองจะโทษใครได้ ถ้าจะโทษก็ไปโทษคนของตัวเองสิ”

“เอาเถอะ ๆ กูก็แค่เป็นห่วง ยังไงมึงก็ต้องดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“รู้แล้วน่า”

“อาจารย์มาแล้ว ๆ” เป็นหญิงสาวผมดำตัดสั้นที่พูดปิดท้ายก่อนที่ทั้งห้องจะเข้าสู่ความเงียบเมื่ออาจารย์เริ่มการสอน



และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงลองเข้าเว็บไซต์แห่งนี้



ระหว่างที่ผมเปิดอีเมลเพื่อจะสมัครงาน ใจผมเต้นตึกตัก รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ผมไม่คาดหวังว่าจะได้งานนี้แต่ลึก ๆ ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ผมรู้ว่าการหาเงินด้วยวิธีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ปฏิเสธได้ไหมละว่าวิธีนี้หาเงินได้เร็วสุด ถ้าไม่นับขายยาหรือส่งยา



จริงไหม



ผมเริ่มเขียนรายละเอียดไปตามที่อยู่อีเมลและหัวข้อที่บอกไว้ โดยไม่ลืมแนบรูปไปด้วย รูปที่ส่งไปก็ไม่ใช่รูปอะไรนอกจากรูปถ่ายสองนิ้วหน้าตรงที่ไว้ติดบัตรนักศึกษานั่นแหละ ก่อนจะพิมพ์ประวัติส่วนตัวสั้น ๆ ลงไปด้วย



สวัสดีครับ

ผมเห็นประกาศรับสมัครจากเว็บบอร์ด ผมชื่อธาวิน กันตะ อายุ 21 ปี เรียนอยู่ปีสี่

ปล ผมไม่ได้อยากเร่งรัด แต่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าผมไม่ผ่านการพิจารณา คุณช่วยรีบบอกได้ไหม ผมจะได้ไปสมัครที่อื่นต่อ


ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งไปด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย พอส่งไปแล้วก็นึกเสียใจ ไม่ได้เสียใจที่ส่งเมลแต่เป็นเนื้อหาข้างในต่างหาก เพราะมัวแต่ตื่นเต้น ผมควรจะเขียนประวัติส่วนตัวให้ยาวกว่านี้ นี่มันสั้นเกินไป แล้วในเนื้อหานั้นผมไม่ควรปล. ถามกลับไปด้วย



รู้สึกตัวเองเด็กเหลือเกิน



คืนนั้นผมหลับไปทั้งที่หัวสมองยังเฝ้าคิดว่าผมจะผ่านการรับสมัครไหม ถ้าไม่ผ่านผมจะไปทำอะไรดี หากระทู้อื่นแล้วติดต่อไปใช่ไหม ยังไงผมก็คงต้องหางานประเภทนี้ถ้าอยากได้เงินเร็ว ๆ ลำพังแค่งานพิเศษคงหาให้เร็วเท่านี้ไม่ได้อีกแล้วอ้อ.. ผมควรไปสมัครงานเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าเพิ่มด้วย ทิปหนัก ๆ จากคนเมา อาจจะพอช่วยผมได้อีกทาง ผมคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นกระทั่งหลับไป



เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปเรียนแล้วรีบไปทำงานพิเศษต่อ ช่วงเย็นเลิกงานผมไปสมัครงานเด็กเสิร์ฟใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยของผม เจ้าของร้านใจดีรับผมทันทีแล้วให้ทำงานในวันเดียวนั้นเลย กว่าผมจะกลับมาถึงห้องพักก็ตีสามจวนจะสี่อยู่รอมร่อ แต่สติอันน้อยนิดทำให้ผมไม่ลืมจะเข้าไปเช็กเมล ผมลุ้นว่าจะเจอข้อความใหม่หรือเปล่า



คุณมี 1 ข้อความใหม่



ใจผมเต้นรัว ผมกดเข้าไปทั้งลุ้นและกลัวไปในคราวเดียวกัน



สวัสดีครับ คุณธาวิน

ก่อนอื่นผมขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากประวัติที่คุณให้มานั้นค่อนข้างสั้น ผมจึงอยากขอสอบถามข้อมูลคุณเพิ่มเติม

1.ชื่อเล่นและภูมิลำเนาที่เกิด

2. ขอรูปเพิ่มที่ไม่ใช่รูปติดบัตรนักศึกษา แบบไหนก็ได้ขอแค่เห็นหน้าขัด

3. น้ำหนักและส่วนสูง

4. มีโรคประจำตัวหรือไม่

5. หลับหรือตื่น

6. คุณเข้าใจและรับทราบแล้วใช่ไหมว่าการสมัครงานครั้งนี้คืองานอะไร

Mr K.




ผมอ่านอีเมลนั้นสองรอบอย่างไม่เชื่อตาว่าผมจะผ่านการพิจารณา ผมคิดวนอยู่สิบวินาทีก่อนจะกดปุ่ม reply กลับไป


สวัสดีครับ คุณ Mr.K

รายละเอียดเพิ่มเติมตามด้านล่างครับ

1. ชื่อเล่นเปล เกิดที่จังหวัดลำปาง

2. ผมไม่ค่อยมีรูปมากนัก รูปนี้ถ่ายเมื่อหกเดือนก่อน แต่ไม่ต่างจากปัจจุบันเท่าไหร่หวังว่าพอจะใช้ได้นะครับ

3. สูง 176 ซม. น้ำหนัก 58 กก.

4. ไม่มีโรคประจำตัว

5. หลับหรือตื่นคืออะไรครับ

6. ผมทราบดีครับว่าคืองานอะไร

ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งอีเมลไปแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่ากลั้นหายใจไปนานพอควร ผมมองนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือแล้วต้องดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนนั่นโดยเร็ว รีบอาบน้ำแล้วจะได้กลับมานอน พรุ่งนี้มีเรียนตอนเช้าเสียด้วย



วันต่อมาเป็นอีกวันที่ผมต้องยุ่งตลอดทั้งวันและทั้งคืน ผมยังไปเรียนตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายไปทำงานพิเศษและกลางคืนไปทำงานที่ผับ กลับมาหอพักเล็ก ๆ ด้วยความเหนื่อยสายตัวแทบขาด ปกติผมทำงานพิเศษตอนกลางวัน ตกกลางคืนยังมีเวลาพักให้อ่านหนังสือหรือทำอะไรอื่น ๆ บ้าง หลังจากนี้ผมคงไม่มีเวลาอีกนานจนกว่าจะจ่ายหนี้หมด

ผมเช็กอีเมลในเวลาเดิมอีกครั้งและตาลุกวาวเมื่อเห็นข้อความจากMr. K คนนั้น



สวัสดีครับ คุณเปล

ผมขออนุญาตเรียกชื่อเล่นคุณนะครับ ผมขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการพิจารณาขั้นที่สองแล้ว เหลือขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจร่างกาย กรุณาไปที่โรงพยาบาลนี้ ในวันจันทร์-ศุกร์ ช่วง 9.00-12.00น. ที่ตึก A ชั้น 10 ครับ แจ้งกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาต์เตอร์ว่าตรวจร่างกายจากมิสเตอร์เค

ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการทำเรื่องอันตรายหรือไม่ เป็นการตรวจร่างกายเพื่อหาโรคร้ายเท่านั้นครับ หากคุณปกติไม่มีโรคใด จะถือว่าคุณผ่านการพิจารณาแล้วผมจะแจ้งรายละเอียดอีกที รวมไปถึงคำถามหลับหรือตื่นที่คุณสงสัย

การตรวจครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากสละเวลาไปตรวจตามวันเวลาที่ผมได้แจ้งไปข้างบน และไม่ต้องนำผลใด ๆ กลับมา ทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลนั้นกับผมเอง

Mr.K




ผมเกาหัวแกรก ๆ การจะนอนกับผู้ชายสักคนทำไมมันต้องวุ่นวายยากเย็นขนาดนี้ด้วย ผมชักอยากจะเห็นหน้าค่าตาของผู้ว่าจ้างคนนี้เสียจริง คิดจะซื้อคนมานอนสักคนแต่ดันกลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด เรื่องมากจริง ๆ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่ออยากได้เงินจากเขาก็คงต้องทำตามที่เขาบอก

ผมไม่ได้ตอบเมลมิสเตอร์เคกลับไป เพราะในตอนเช้าผมก็ไปโรงพยาบาลตามเนื้อหาในเมลทันที ไม่ใช่ว่าผมรีบทำตามคำสั่งเขา แต่ก็ไม่ถูกนักผมอยากได้งานเร็ว ๆ แล้วตอนเช้าผมไม่มีเรียนจึงรีบทำอะไรให้เสร็จจบไปเสียที ขั้นตอนตรวจร่างกายไม่มีอะไรให้กังวลอย่างที่เขาบอก พอตรวจร่างกายเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าผมไม่ต้องอยู่รอฟังผลให้กลับได้เลย

ออกมาจากโรงพยาบาลผมแวะหาอะไรกินแถวนั้นสำหรับมื้อเที่ยง ตอนนี้ผมไม่ได้กินข้าวเช้ามักจะรวบมื้อเช้าและเที่ยงไว้เป็นมื้อเดียวกัน รู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพแต่มันดีกับเงินในกระเป๋า ประหยัดไปได้ตั้งมื้อหนึ่ง ส่วนมื้อเย็นผมค่อยไปกินในร้านที่ผมทำงานแทน

คืนนั้นผมไม่คาดหวังว่าจะได้รับอีเมลจากมิสเตอร์เคอีกเพราะเพิ่งไปตรวจมาเองแต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อเข้าไปเช็กอีเมลแล้วพบว่ามีข้อความจากผู้ว่าจ้างในอนาคต



สวัสดีครับคุณเปล

ผมได้รับผลตรวจร่างกายของคุณมาแล้ว คุณปลอดภัยและไม่มีโรคร้ายใด ๆ ยินดีด้วยนะครับ คุณผ่านการพิจารณาแล้ว ผมแนบสัญญามาในอีเมลนี้ด้วย หวังว่าคุณจะอ่านมันอย่างระวังและทำความเข้าใจไปในทีละข้อนะครับ หากคุณตกลงแล้วตอบตกลงมาในอีเมลฉบับนี้หรือจะเซ็นสัญญากลับมาก็ได้ครับ

สุดท้ายผมรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณด้วย ขอเป็นเบอร์ที่ติดต่อคุณได้

Mr.K



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-04-2019 01:29:14

ผมเปิดไฟล์ที่แนบมาในอีเมลขึ้นมาอ่าน แต่พยายามอ่านไปแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ผมง่วงเกินไปที่จะมาตั้งใจอ่านเรื่องเข้าใจยากในเวลานี้ ผมถอดใจปิดมันก่อนจะลุกไปอาบน้ำแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ผมคงจะมีสติมากกว่าเดิม



ช่วงสาย ๆ จวนเที่ยงระหว่างที่ผมกำลังเคี้ยวข้าวเต็มปากอยู่ ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อ่านสัญญาบ้าบอนั้นเลย ผมเปิดมันอ่านอีกครั้ง จนกินข้าวหมดจานแล้วผมก็ยังอ่านไม่จบ



แต่ผมพอจะสรุปสั้น ๆ จากข้อความยาวเหยียดนั้นมาได้ดังนี้



ข้อหนึ่งหลับคืนละห้าพันบาทที่ผมสงสัยนั้นคือการนอนหลับจริง ๆ ผมจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าผมกำลังนอนกับผู้ว่าจ้างหรือมิสเตอร์เคคนนั้นอยู่ เขาใช้คำว่าคืนละแปลว่าจะกี่ครั้งก็ได้ในคืนนั้น โดยที่ผมหลับ ส่วนตื่นก็แปลว่าตื่นจริง ๆ นั่นแหละ ผมมีสติรับรู้ว่ากำลังนอนอยู่กับใคร ได้ค่าจ้างคืนละหนึ่งหมื่นบาท โดยมีข้อแม้ว่าผมจะต้องถูกปิดตาตลอดเวลาไม่รู้ว่าคนที่กำลังนอนด้วยอยู่นั้นเป็นใคร



ข้อสองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันจะมีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้ง ทั้งผมและเขาจะต้องสวมใส่มันทุกครั้งไม่มีข้อยกเว้น



ข้อสามระหว่างที่ผมเป็นพนักงานของเขา ผมไม่มีสิทธิ์ไปทำงานที่อื่นได้ งานทุกงานห้ามทำหมด



ข้อสี่ห้ามผมใช้สารเสพติดทุกชนิด แม้กระทั่งบุหรี่รวมถึงแอลกอฮอลต่าง ๆ ด้วย



ข้อห้าผู้ว่าจ้างและผู้ถูกว่าจ้างคือผมมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ



ข้อหกทุกอย่างที่ตกลงกันคือความลับของเขาและผม อันที่จริงข้อนี้เหมือนเป็นข้อกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับผมมากกว่าเพราะผมไม่รู้อะไรสักอย่างในตัวเขาเลย แต่เขากลับรู้จักผมและเห็นหน้าของผมแต่ฝ่ายเดียว คนที่ต้องรักษาความลับคงมีเขาคนเดียว



และรายละเอียดปลีกย่อยอีก เยอะมากเช่นการเตรียมตัว การนัดหมาย ผมคิดว่าผมรับได้ แต่จะมีข้อเดียวที่รับไม่ได้ก็คือผมต้องทำงานและหาเงินไปใช้หนี้ ลำพังแค่การนอนกับเขาครั้งละห้าพันหรือหมื่นหนึ่งมันช้าเกินไป เพราะผมคงไม่มีสิทธิ์ไปบอกผู้ว่าจ้างว่าคุณช่วยนอนกับผมติดต่อกันห้าคืนเลยได้ไหม แบบนี้หรอก



ผมเปิดอีเมลแล้วกดปุ่มreply ไป คำถามเดิมวนเวียนในหัวจะนอนกับใครสักคนทำไมมันยุ่งยากแบบนี้ด้วยวะ



สวัสดีครับ Mr.K

ผมได้อ่านสัญญาของคุณแล้วแต่ผมติดปัญหาอยู่ข้อเดียวครับ ตามที่ผมเคยแจ้งคุณไปก่อนหน้านี้ว่าผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ผมมีงานพิเศษ ไม่สามารถทำตามในสัญญาได้ ส่วนข้ออื่น ๆ ผมตกลงไม่มีปัญหาครับ และนี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของผม089-xxx-xxxx

ขอบคุณครับ

ธาวิน



ผมกดส่งอีเมลไปแล้ว ยอมรับกับตัวเองว่าคงต้องชวดงานนี้แน่นอน ในเมื่อคนสองคนตกลงกันไม่ได้คงร่วมงาน อันที่จริงเรียกว่าร่วมเตียงกันไม่ได้มากกว่า



ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมมิสเตอร์เคคนนี้ต้องทำตัวลึกลับอะไรขนาดนั้น กับการจะหาเด็กมานอนด้วยสักคนหนึ่ง ต้องมีกระบวนการมากมายขนาดนี้ เรื่องตรวจร่างกายก็พอเข้าใจล่ะนะว่าถ้าได้ความสุขพ่วงโรคร้ายไปด้วยก็คงจะไม่มีสุขอีกต่อไป



ผมเปิดเว็บบอร์ดเดิมก่อนจะไล่กระทู้เข้าไปหางานในนั้นอีกครั้ง เลือกกระทู้ใหม่ไปพลางทึ้งหัวตัวเองไปพลาง ไม่อยากจะโทษโชคชะตาหรือความโชคร้ายของตัวเอง ขายให้คนนี้ไม่ได้ ก็ต้องหาคนซื้อใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนี้จะหมดใช่ไหม



ดีหน่อยว่ายังไงผมก็เป็นผู้ชาย



ระหว่างกดเข้าไปอ่านกระทู้ทีละอันนั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ในมือดังขึ้น เกือบจะคิดว่าเป็นแม่ผมที่โทรมาแล้วถ้าไม่เห็นว่ามันเป็นเบอร์แปลก ไม่สิมันไม่ใช่เบอร์มันขึ้นว่าเป็น unknown number ไม่โชว์แม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ ผมลังเลว่าจะกดรับดีหรือไม่ แต่มือไวกว่าความคิดมันกดรับไปเสียแล้ว

“ฮะ..ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงไปด้วยความตกใจที่ดันเผลอกดรับ

“เปล..ใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงปลายทางเป็นเสียงทุ้มนุ่มชวนให้ฝันเรียกชื่อผมก่อนจะนิ่งแล้วถามต่อ

“ครับ”

“เปล..ธาวิน”

“ใช่ครับ” ผมรับคำ

“เคครับ”

“ครับ? คุณคือ?”

“มิสเตอร์เค” เสียงปลายสายเจือความไม่พอใจเอาไว้เล็กน้อย บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ ๆ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าใครโทรมา นึกว่าย่อคำว่าโอเคเหลือคำว่าเคคำเดียวสั้นๆ สมัยนี้ใคร ๆ ก็พูดแค่คำนี้กันนี่

เดี๋ยวนะ เขาบอกว่าชื่ออะไร มิสเตอร์เคใช่ไหม ฉิบหายแล้ว

“เปล..ยังอยู่ไหม”

“คะ..ครับ” ผมรีบตอบลงไปอย่างตะกุกตะกัก

“เป็นอะไร ตกใจหรือ” ทางนั้นดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วมั้ง เพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ

“ครับ ไม่คิดว่าคุณจะโทรมา”

“มัวแต่รอส่งอีเมลไปมา เห็นทีเดือนหน้าก็อาจจะยังคุยไม่รู้เรื่อง เลยโทรมาให้จบไป”

“ครับ”

“เรื่องงานนั้น จำเป็นสำหรับคุณมากไหม” มิสเตอร์เคยิงคำถามเข้าประเด็นทันที

“มากครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณว่างวันไหนบ้าง”

“ผมได้หยุดวันนี้ครับ”

“งั้นเหรอ..ถือสายรอผมสักครู่” มิสเตอร์เคบอกแล้วหายไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพูดต่อ “วันนี้ผมเลิกงานค่อนข้างดึกหน่อย คุณสะดวกไหม”

“คะ..ครับ” ผมกลืนน้ำลายเหมือนกำลังเจอภัยร้ายลูกใหญ่ “พรุ่งนี้ตอนเช้าผมไม่มีเรียน”

“อืม ดี วันนี้ก็ถือว่ามาทำงานกับผมแล้วกัน”

“ครับ” ผมบอกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เริ่มลังเลว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

“เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”

“ไม่เคยครับ” ผมไม่มีเวลาหาแฟนหรือไปมีแฟนเพราะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา

“ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทถาม แล้วเคยนอนกับใครหรือยัง”

“ไม่เคยครับ กับใครก็ไม่เคย” ผมไม่อยากระบุเพศ เลยเหมารวมไป หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“วันนี้ตอนสามทุ่มคุณไปตามที่อยู่ในเมล รายละเอียดต่าง ๆ อยู่ในนั้นคุณอ่านแล้วใช่ไหม”

“ครับ อ่านแล้ว”

“อ้อ..เกือบลืม คุณเลือกอะไรล่ะ”

“ครับ?”

“อยากจะหลับหรือตื่น”

“ผม..ขอหลับได้ไหม” ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย

“ได้สิ ไม่ต้องกลัวหรอก”

“ครับ”

“แล้วเจอกันที่นั่น ทำตามรายละเอียดก่อนที่ผมจะไปถึง เข้าใจไหม”

“ครับ”



มิสเตอร์เควางสายไปแล้ว แต่หัวใจผมยังเต้นรัวไม่หยุดหย่อน ผมกำลังทำอะไร คิดดีแล้วใช่ไหม เงินห้าพันกับการนอนกับใครไม่รู้และไม่มีโอกาสได้รู้ด้วย แบบนี้มันคุ้มแล้วหรือ



ผมถามเองแล้วก็ตอบตัวเอง คุ้มสิ ห้าพันแลกกับคืนเดียวทำไมจะไม่คุ้มกับคนที่หาเงินได้ยากแบบผม



ตอนเย็นผมรีบอาบน้ำแล้วนั่งรถเมล์ไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ มันเป็นหมู่บ้านที่เป็นบ้านเดี่ยวใหญ่โตระดับหนึ่งเลย พอถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านก็มีลุงยามตรงป้อมเรียกผมไว้ ผมบอกว่าจะไปบ้านเลขที่นี้ บ้านมิสเตอร์เค ลุงยามก็ดูจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ระยะทางจากป้อมหน้าหมู่บ้านไปถึงบ้านเลขที่นั้นค่อนข้างไกล ลุงยามจึงอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง แกบอกว่าคราวหน้าถ้ามาอีกให้นั่งแท็กซี่เข้ามา ผมพยักหนักรับคำแต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มว่าจะมีครั้งหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้



เกือบสองทุ่มผมมายืนหน้าบ้านหลังดังกล่าว ผมกดออด ยืนรอไม่นานก็มีแม่บ้านคนหนึ่งอายุราวห้าสิบปี เดินออกมาจากในตัวบ้านพร้อมกับถามชื่อผม เมื่อผมตอบกลับไป เธอจึงเปิดประตูให้ผมเข้าไปสัมผัสความสวยงามด้านใน เธอถามว่าผมอยากกินอะไรรองท้องก่อนไหม ผมปฏิเสธเพราะตอนนี้ผมกินอะไรไม่ลงจริงๆ ใจมันเริ่มสั่น ขาก็ดูหนักๆ ก้าวไม่ค่อยออก ผมอยากจะถอยแล้วออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ก็ถูกมือของป้าจับไว้อย่างนุ่มนวล เธอบอกว่าเจ้านายเธอใจดี อย่าได้กลัว



ผมเข้ามาในห้องแล้ว ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องผมสักสามหรือสี่เท่าได้มั้ง เตียงหลังใหญ่ ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ตั้งอยู่นั้นเลยเห็นกระดาษเอสี่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เตียง ผมจึงหยิบขึ้นมาอ่านดู



ในนั้นเป็นรายละเอียดการเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ของผม มันเหมือนกับในเมลนั่นแหละ แต่คงเป็นการย้ำเตือนไม่ให้ผมลืม ผมต้องเข้าไปอาบน้ำอีกครั้งและทำความสะอาดร่างกาย ข้อความในกระดาษมีรายละเอียดของการเตรียมตัวด้วย ผมไม่เคยทำมันมาก่อนแต่ก็ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



ผมหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่ก่อนจะออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ มันยากลำบากแต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นบอกว่าให้ผมเปิดลิ้นชักตรงหน้ากระจก ผมเห็นเช็คใบหนึ่งระบุจำนวนเงินห้าพันบาทไว้ นี่สินะค่าตัวผมในคืนนี้ บนโต๊ะกระจกยังมียานอนหลับและยาอะไรอีกไม่รู้ซึ่งผมจำไม่ได้ ผมหยิบยาพวกนั้นใส่ปากตามด้วยน้ำจนหมดแก้วก่อนจะเอนตัวลงนอนบนที่นอนแสนนุ่มนั้น



ผมง่วงงุนจากความเหนื่อยล้าและการนอนน้อย ยิ่งได้กินยาไปอีกยิ่งกระตุ้นให้หนังตาหนัก พรุ่งนี้เช้าผมจะตื่นขึ้นมาและกลับออกไปพร้อมกับเช็คใบนั้น



ผมจะไม่เป็นไรใช่ไหม











ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองเห็นผนังห้อง มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่อยู่ปลายเตียง เหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันเกิดขึ้นแล้วใช่ไหม มันผ่านพ้นไปแล้วใช่ไหม ผมก้มดูตัวเองผมใส่ผ้าคลุมอาบน้ำเหมือนเมื่อวานในสภาพเดิม หรือว่าเหตุการณ์ที่ผมกังวลจะยังไม่เกิด



ผมลุกขึ้นนั่ง หัวยังมึนๆ อยู่เล็กน้อย เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วผมจะกลับออกไป ผมเดินทุลักทุเลเข้าห้องน้ำไป ไม่อยากจะคิดในแง่อื่นได้ว่าอาการที่เดินเหินไม่ปกตินั้นแปลว่าเกิดอะไรขึ้น มันไม่ถึงกับเจ็บอย่างที่นึกกลัว แค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้น



ผู้ชายในกระจกกำลังมองกลับมา ผู้ชายคนนั้นคือตัวผมเอง บนตัวผมไม่มีร่องรอยอะไร นอกจากปากที่ค่อนข้างเจ่อ ผมเม้มปากแน่น ผมทำในสิ่งที่น่าละอายลงไปเพื่อแลกกับเงินไปใช้หนี้ ผมสลัดความคิดนั้นให้หลุดพ้นไป ไม่อยากคิดอีก ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ช่างมัน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว



ผมกลับไปที่เตียงตรวจดูว่าลืมอะไรหรือเปล่า โทรศัพท์ กระเป๋าเงินหรืออื่นๆ พลันนึกถึงเช็คใบนั้นได้ ผมรีบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบมันมาใส่กระเป๋า เดี๋ยวจะไปขึ้นเงินเลยพอเงินเข้าบัญชีแล้วจะได้โอนไปให้เจ้าหนี้ทันที ก่อนจะปิดลิ้นชักหางตาเห็นกระดาษโน้ตใบหนึ่งวางอยู่ ผมหยิบมันมาอ่านดู มันมีแค่ข้อความสั้นๆ



‘แล้วจะโทรหา’



ลายมือหวัดๆ แต่เส้นหนักชัดเจนทุกตัวอักษร บ่งบอกว่าคงเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดและตั้งใจมากคนหนึ่ง ผมขยำมันก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋ากางเกง



ผมเจอคุณป้าแม่บ้าน เธอชวนให้ผมกินข้าวเหมือนเมื่อคืนแต่ผมเลือกปฏิเสธเช่นเดิม ผมไม่กล้าสู้หน้าเธอ ยังไงเธอก็ต้องรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเจ้านายเธอ



ระหว่างที่รอพนักงานธนาคารเรียกเอาเช็คเข้าบัญชี ผมก็คิดว่ามิสเตอร์เคจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ทำไมต้องปกปิดตัวเองมากขนาดนั้นหรือแท้จริงแล้วเขาคือตาแก่หัวล้านพุงพลุ้ย อาจจะหื่นกามและกักขฬะด้วย อายุอาจจะปาไปห้าหกสิบแต่ยังไม่ละในเรื่องเพศ หรืออาจจะตาเหล่ ไม่สมประกอบ หรืออันที่จริงเหมาทั้งคืนเพราะอาจจะแค่สามนาทีก็เสร็จ



ผมขนลุกเล็กน้อย ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีโชคร้ายที่ไม่ต้องรู้ว่าคนที่นอนด้วยเป็นใคร ก่อนจะหลุดจากภวังค์ตัวเองเมื่อกระเป๋ากางเกงสั่น ผมหยิบโทรศัพท์มารับ ไม่มีเบอร์อีกแล้วคงเป็นมิสเตอร์เค รู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดถึงรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายไปตั้งเยอะทั้งที่จริงแล้วผมไม่รู้อะไรเลย

“คะ..ครับ”

“ป้าบอกว่าคุณออกมาแล้ว”

“ครับ”

“ไม่นอนพักต่ออีกหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ”

“อืม”

“เอ่อ..”

“หืม?”

“คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามเขากลับไป

“หลังจากเรื่องเมื่อคืน ผมตัดสินใจเรื่องคุณได้แล้ว”

“ครับ?” ผมแปลกใจเขาตัดสินใจอะไร

“งานพิเศษของคุณ ไปลาออกให้หมดซะ”

“ไม่ได้หรอกครับ”

“คิดค่าตอบแทนที่คุณได้รับจากงานพิเศษนั้นมาให้ผม แล้วผมจะจ่ายส่วนนี้ให้คุณเอง”

“คุณว่ายังไงนะครับ” ผมถามเขากลับอย่างไม่เชื่อหู

“คุณได้ยินแล้วเปล คุณได้รายได้จากงานพวกนั้นเท่าไหร่ก็แจ้งผมมาในเมลก็แล้วกัน”

“แปลว่า?”

“ผมจ้างคุณทำงาน และหลังจากนี้ผมจะแจ้งคุณล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่เราจะเจอกัน บอกผมได้หรือเปล่าว่าคุณเรียนมหาลัยไหน”

“เอ่อ..”

“ผมไม่ได้เอาไปทำอะไรหรอก บอกมาเถอะ”

“ผมเรียนที่..” ผมตัดสินใจบอกชื่อมหาวิทยาลัยตัวเองกับอีกฝ่ายไป

“ผมจะส่งที่อยู่ใหม่ไปให้ หลังจากนี้เราจะไปเจอกันที่นั่น”

“ครับ”

“เดี๋ยวก่อนครับ”

“หืม?”

“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้า คุณโอนเงินเข้าบัญชีผมโดยตรงเลยได้ไหม ผมขี้เกียจเอาเช็คมาขึ้นที่ธนาคาร” ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะอีกแล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ มันเสียเวลา

“เอางั้นเหรอ..ตกลง ส่งเลขที่บัญชีมาให้ผมด้วย”

“ครับ”

“แล้วก็..” มิสเตอร์เคเว้นระยะเอาไว้ ผมอดไม่ได้จึงถามกลับไป

“ครับ?”

“ถ้าเปลี่ยนใจมาเป็นตื่นเมื่อไหร่ให้บอก”

“ทำไมครับ”

“ผมอยากได้ยินเสียงคุณมากกว่าเสียงกรนเบาๆ” คราวนี้ผมได้ยินเสียงมิสเตอร์เคหัวเราะดังชัดกว่าทุกที

“คุณ!”

“แล้วเจอกัน..วันเสาร์”

“เอ้อ..ครับ”

“หวังว่าคุณจะยอมตื่นนะ”

“...”

“เชื่อผมนะเด็กดี มันไม่น่ากลัวหรอก”





เด็กดี? เด็กดีอะไร ผมโตแล้วเหอะ



===========================

เขมเอ๊งงงง หายไปเสียนาน กลัวคนอ่านลืมกันไปเลยหาอะไรมาให้อ่านระหว่างที่ไปซุ่มเขียนเรื่องยาวค่ะ

เรื่องนี้ เป็นเรื่องสั้นไร้พล็อต ไร้แพลน ไร้ทุกสิ่งอย่างค่ะ หากมีอะไรไม่สมจริงบ้าง ขออภัยนะคะ เรียกว่าอ่านเพลินๆ

ชอบไม่ชอบบอกกันได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 23-04-2019 07:29:44
มิสเตอร์เคดูจะเอ็นดูน้องเปลนะเนี่ย
เขินจนจมูกบานไปหมดเลยค่ะตอนที่คุณเคบอกว่าอยากให้น้องตื่น แหมๆคุณเคก็ให้น้องเห็นหน้าด้วยซี่ แต่ปิดตาก็ดีนะคะ เซ็กซี่ดี  :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 23-04-2019 12:47:33
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
คนเขียนคะ เว็บสมัครอยู่ไหนคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-04-2019 14:06:35
 :o8:

ตื่นเถิดน้องเปล อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-04-2019 14:33:50
เอาอี๊ก...กกกกกกกกก    :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 23-04-2019 16:49:17
ึรอออออออค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-04-2019 17:37:31
อุ้ยยยยย เรื่องน่าสนใจจังเลยค่ะ (ขอไม่พูดถึงที่บ้านน้องเปลดีกว่า แต่ยังไงก็ขอให้คลี่คลายไปในทางที่ดีละกันเนอะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 1 UP : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 24-04-2019 03:10:50
อยากอ่านต่อเลยค่ะ น่าสนใจมากก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 1 UP : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-04-2019 18:50:27

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง


ตอนที่ 2 ทดลองงาน



ผมยังไม่ได้เล่าให้ฟังใช่ไหมว่าในสัญญามีการตกลงการว่าจ้างแบบรายเดือนอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับเงินเดือนในส่วนนั้นเพราะอยู่ในช่วงทดลองงาน ถ้าไม่ใช่การหลับนอน (จริง ๆ) กับนายจ้างแล้วล่ะก็ ผมคงคิดว่ามันเป็นการทำงานในรูปแบบพนักงานกินเงินเดือนบริษัททั่วไป



ผมได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจจากผู้หญิงที่นั่งรอเข้าเรียนอยู่ข้างหน้า ผมที่กำลังอ่านอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในโทรศัพท์มือถือจึงต้องเงยหน้ามองตามเสียงนั้น

“ทำไมปากช้ำขนาดนั้นวะ” ผู้หญิงผมดำตัดสั้นหลังจากอุทานเสียงดังแล้วรีบผุดลุกขึ้นไปประคองเพื่อนผมแดงอย่างรวดเร็ว

“เมียเขาตามมาตบกูที่ห้อง”

“กูบอกมึงแล้วว่าให้ระวังตัว” สาวผมดำผมยาวถอนหายใจก่อนจะลูบหลังเพื่อนเบา ๆ ราวกับปลอบใจ

“ใครจะไปคิดว่าจะมาไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแบบนั้น” สาวผมแดงเถียงกลับทั้งที่มือยังแตะรอยแผลตรงที่เจ็บ

“ดีนะไม่โดนน้ำกรดสาดด้วย” สาวผมสั้นบอกบ้าง

“แล้วทีนี้มึงจะทำไงต่อ” สาวผมยาวถามขึ้น

“หาใหม่สิ” สาวผมแดงว่า ยักไหล่ไม่ยี่หระ ดูจะเป็นท่าประจำของเธอ

“ไม่เข็ดเหรอ” คนผมดำตัดสั้นถามด้วยความเป็นห่วง

“ถ้ายังต้องใช้เงินซื้อข้าว กูยังเข็ดไม่ได้หรอก”



‘ถ้ายังต้องใช้เงินซื้อข้าวงั้นเหรอ’



ผมมาคิดว่าสำหรับผมถ้ามีเงินแค่เพียงพอสำหรับซื้อข้าว ผมคงจะมีชีวิตที่เป็นสุขกว่านี้มากโข ไม่ต้องมาทำงานแบบนี้ ผมไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย ใช้เท่าที่มี ถ้ามีเหลือก็เก็บ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เก็บหรอก ส่งเงินไปให้แม่เกือบหมด ผมกลัวไอ้ปิงไม่ได้เรียนหนังสือ แม่รู้ทันว่าถ้าหากผมเอาปิง น้องชายมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่คงจะหาข้ออ้างให้ผมโอนเงินเพิ่มไปไม่ได้อีก



ผมถอนหายใจด้วยความหดหู่ เมื่อไหร่จะจ่ายหนี้หมด



หลังจากวันที่กลับจากบ้านมิสเตอร์เคแล้ว ผมไปขอลาออกจากงานพิเศษที่ทำ ถูกนายจ้างทั้งสองแห่งต่อว่าเล็กน้อย ผมได้แต่ก้มหน้ารับคำพร้อมกับคำพูดขอโทษรัว ๆ



พรุ่งนี้ผมจะต้องไปหาเขาที่คอนโดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ คอนโดที่เขานัดไปนั้นดูหรูหราทีเดียว ผมเคยนั่งรถเมล์ผ่านคอนโดแห่งนี้นะ มันอยู่ติดรถไฟฟ้าชนิดที่ว่าลงจากรถไฟฟ้าแล้วเดินไม่เกินห้าสิบเมตรก็ถึงที่หมาย มิสเตอร์เคคงเป็นคนมีเงินไม่น้อย ช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา เขาเลือกได้แม้กระทั่งคนที่จะมานอนด้วย ในขณะที่ตัวผมกลับเป็นผู้ถูกเลือก



ผมนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อวันก่อน ทำไมเขาถึงอยากให้ผมเลือกที่จะตื่นเวลาที่อยู่กับเขาด้วย เพราะผมนอนกรนอย่างนั้นหรือ



ยอมรับว่าปอดแหกไม่กล้าพอจะทำเรื่องนั้นตอนที่มีสติ ผมไม่เคยนอนกับใครมาก่อน ถึงแม้จะเคยนอนกับมิสเตอร์เคแล้วก็จริง แต่ผมไม่ได้รับรู้ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นนี่นา ถึงผมจะชอบผู้ชายแต่ผมก็ไม่กล้าหรอก



ผมรู้ตัวว่าชอบผู้ชายตอนอายุสิบสี่...



ตอนนั้นผมตามพี่ชายคนหนึ่งไปทำงาน เขาบอกว่ามันเป็นงานไม่หนักและได้เงินไว ทำไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว ผมในวัยเด็กตาลุกวาว ผมอยากหาเงินได้เยอะ ๆ อีกทั้งแม่ก็เห็นดีเห็นงามบอกว่าผมจะได้ไม่มาวิ่งเล่นไร้สาระอยู่แถวบ้าน



ก้าวแรกที่ผมเข้าไปผมก็รับรู้ถึงความผิดปกติ มันเป็นห้องกว้าง ๆ ที่ถูกตีกั้นด้วยไม้แบ่งเป็นห้อง ๆ ประตูห้องถูกปิดด้วยผ้าม่านเท่านั้นเหมือนห้องลองเสื้อผ้าในห้าง แต่หูผมกลับได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากแต่ละห้อง บางคนทำเสียงแปลก ๆ เหมือนกับจะขาดใจ บางคนส่งเสียงเหมือนเจ็บปวด บางคนพูดเหมือนอ้อนวอนให้หยุด



ผมรู้ความจริงเมื่อเดินผ่านห้องห้องหนึ่ง มันเป็นห้องรองสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุด ผ้าม่านตรงประตูไม่ได้ถูกปิดลงมา ผมจึงเห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนจูบกันอยู่ คนหนึ่งยังใส่เสื้อผ้าเต็มชุด ส่วนอีกคนเปล่าเปลือย ผมตกใจเมื่อเห็นส่วนกลางลำตัวของเขาตั้งชันขึ้นมา พอรู้ว่าคืออะไรแต่ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของของคนอื่นโดยไม่ตั้งตัวแบบนี้



ขาที่กำลังเดินตามคนพามาหยุดชะงักลง ผมก้าวขาไม่ออก เมื่อคนข้างหน้ารู้ว่าผมหยุดเดินเขาจึงหันมาถาม



“เป็นอะไร”

“งะ..งานที่ให้ผมมาทำคืองานอะไรครับ”

“แม่ไม่ได้บอกเหรอ อย่าบอกนะว่าไม่รู้?” เขาถามกลับมาด้วยสายตาแปลกใจ

ผมส่ายหน้า เขาจึงบุ้ยหน้าไปให้ในห้องนั้นแล้วจึงพูดขึ้น

“เหมือนในนั้น”

“ผะ..ผม..มะ..ไม่”

“ไม่ต้องเล่นตัวหรอก จะขึ้นค่าตัวเหรอ”

“ผมเปล่า” ผมเล่นตัวอะไร ผมไม่ได้คิดเลย

“แม่เราเอาเงินจากพี่ไปแล้วนะ ยังไงเราก็ต้องทำงาน” เขาบอกผม ท่าทางดูหัวเสีย เขาเริ่มไม่พอใจ

“ผมไม่อยากทำงานแล้ว”

“ไม่ได้”

“ผมไม่ทำแล้ว!” ผมเสียงดังขึ้นจนคนในห้องหันมามอง พวกเขาอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะกลางคัน คนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าจึงเดินมาปลดผ้าม่านลง

“เอ๊ะ กูบอกว่าไม่ได้ หูหนวกหรือไง”

“แต่ผมไม่อยากทำ ให้ผมทำอย่างอื่นได้ไหม”

“งานอื่นมันงานหนักนะมึง”

“งานหนักแค่ไหนผมก็ทำได้ ผมแข็งแรง ให้ผมทำอย่างอื่นนะครับ” ผมอ้อนวอนขอพี่เขา ภาวนาให้เขาใจอ่อน

“เฮ้อ..กูก็เห็นมึงมาตั้งแต่เด็กล่ะนะ งั้นมึงคอยไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วก็เอาผ้าปูพวกนั้นไปซัก ทำได้ไหม”

“ครับ ๆ ผมจะซักให้สะอาด จะทำอย่างดีเลย”



โชคดีที่พี่เขาใจดี ผมเลยรอดพ้นไม่ต้องเข้าไปทำงานในห้องนั้น ผมมาทำงานที่นี่ทุกวัน คอยซักผ้าปูที่นอน พวกเขาไม่อยากใช้เครื่องซักผ้า เขาบอกว่ามันไม่ค่อยสะอาด ผมเหนื่อยแต่ผมพอใจที่จะทำงานนี้มากกว่างานในห้อง



จนวันหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังนั่งซักผ้าบนเก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ ผมรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลังก่อนที่ผมจะหันกลับไปมองได้ทัน ก้นของผมก็ถูกจับโดยมือใครไม่รู้ ผมตกใจรีบลุกขึ้นจากตรงนั้น ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ

“อยากได้เงินใช้ไหม” คนนั้นถาม หน้าแดงด้วยพิษสุรา ท่าทางดูเมา เขาเดินก้าวมาหาผมช้า ๆ

“ไม่ครับ” ผมเดินถอยหลังอีก ใบหน้าสั่นเต็มแรง

“อยากได้เท่าไหร่” เขายังเดินเข้ามาไม่หยุด

“ผมไม่อยากได้เงิน” ผมถอยหลังจนสะดุดกับกะละมังที่วางอยู่ จนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น “โอ๊ย”

“มาสิ ฉันช่วย” เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับยื่นมือมาให้ ผมคิดว่าเขาหวังดีจึงยื่นมือกลับไปหวังให้เขาดึงให้ลุกขึ้น

“หน้าตาก็เกลี้ยงเกลาดีแท้ ๆ แต่ทำไมมือสากจัง”

“ขอบคุณที่ช่วยครับ ปล่อยมือผมได้ไหม”

“ไหนขอดูหน้าใกล้ ๆ หน่อย” เขาออกแรงดึง ผมตัวเล็กกว่าเขามาก จึงปลิวไปตามแรงโดยง่าย

“ปล่อยครับ” ผมเริ่มดิ้นไปมา แต่ยังไม่หลุดพ้นจากแขนที่จับผมไว้

“ถึงมือจะสากไปหน่อย แต่ผิวเนียนมากทีเดียว” เขาลูบตัวผมอย่างจาบจ้วง



ผมตัดสินใจจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่โชคดีที่พี่คนที่พาผมมาทำงานเดินผ่านมาเห็นพอดี

“เอ้า พี่.. มาอยู่ตรงนี้เอง น้องในห้องพร้อมแล้วครับ”

“เปลี่ยนคน” ลูกค้าที่เมาหันกลับไปตอบโดยไม่ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ผมมองหน้าพี่ชายขอความช่วยเหลือจากเขา

“อย่าเลยพี่ ไอ้นี่มันเป็นเด็กทำงาน ขืนเอาไปนอนด้วยรังแต่จะทำให้อารมณ์เสียเปล่า ๆ มันเซ่อซ่าจะตายไป”

“ของอย่างนี้สอนไม่นานหรอกมั้ง ดูท่าทางน่าจะเรียนรู้ไว”

“อย่าให้หน้าตามันหลอกเอาได้ เห็นหน้าตามันอย่างนี้นะพี่ สอนงานมันทีไรต้องจ้ำจี้จ้ำไชไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่ามันจะจำได้ เงอะงะเป็นที่สุด เชื่อผมอย่าเอามันไปนอนด้วยเลยครับ พี่จะโมโหเอาได้”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมไม่กล้าโกหกลูกค้าประจำอย่างพี่หรอกครับ น้องที่เตรียมไว้ให้ เพิ่งมาใหม่เหมือนกัน รับรองเด็ดดวงจริง ๆ เนี่ยผมเก็บไว้รอพี่คนแรกเลยนะ”

“จริงเหรอ” สายตาคนเมาดูเปล่งประกายด้วยความสนใจ

“จริงสิครับ ไปกันเลยไหม”

“เออ ๆ ไป ๆ” คนเมาปล่อยตัวผมอย่างง่ายดายและไม่สนใจผมอีกต่อไปก่อนจะเดินออกไป พี่เขาหันมาโบกมือเป็นสัญญาณบอกให้ผมกลับบ้านไปก่อนแล้วกัน



ผมเกิดความสับสนอย่างหนึ่งกับร่างกาย ตอนที่คนเมานั้นลูบมือไปทั่วตัว ผมรู้ได้อย่างหนึ่งว่าผมไม่ได้รังเกียจสัมผัสนี้



ผมแค่กลัว



กลับมาปัจจุบันในคืนวันเสาร์ ผมมีนัดไปเจอมิสเตอร์เคที่คอนโด อันที่จริงอย่าเรียกว่าเจอเลย เรียกไปนอนหลับรอเขาก็แล้วกัน



ผมยังเลือกหลับเหมือนเดิมเพราะความขี้กลัวของผมที่จะต้องรับรู้ถ้าหากนอนกับเขาด้วยสติที่ครบถ้วน แล้วยิ่งต้องปิดตาด้วย ผมยิ่งกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก



ครั้งนี้มิสเตอร์เคนัดผมตอนสองทุ่ม แปลว่าผมควรจะเตรียมพร้อมให้เสร็จและหลับไปประมาณทุ่มครึ่ง ผมหวั่นว่าผมจะไม่หลับ ข้อแรกมันไม่ใช่เวลานอนปกติของผม ข้อสองตอนนี้ผมกินอิ่มนอนหลับจึงไม่ได้มีภาวะอ่อนเพลียหรือเหนื่อยแต่อย่างใด



ถ้าไม่หลับล่ะ? จะทำไง?



คอนโดแห่งนี้หรูหราเหมือนอย่างที่ผมเคยมองมันจากข้างนอกไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง วัสดุเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่นำมาตกแต่งมันสวยงาม ดูแล้วคงมีราคาสูงตามสถานที่ตั้ง ผมเองก็ไม่สันทัดเรื่องเหล่านี้ แต่เดาว่ามันต้องแพงอย่างแน่นอน



ผมเดินเข้าไปข้างในอาคาร เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็ว อาจจะคิดว่าผมเป็นเด็กหลงทางในวัยยี่สิบเอ็ดก็ได้มั้ง

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เธอทักด้วยความสุภาพยิ้มแย้ม

“มิสเตอร์เคให้ผมมาที่นี่ครับ”

“อ้อค่ะ จากมิสเตอร์เคนะคะ งั้นตามดิฉันมาทางนี้” เธอผายมือก่อนจะเดินนำผมไปที่ลิฟต์ตัวหนึ่งข้างใน มันเป็นลิฟต์ของลูกบ้านในคอนโดที่ใช้ร่วมกัน

“ขอบคุณครับ”



เธอเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับผมแล้วใช้คีย์การ์ดทาบไปบนแผงปุ่มตัวเลข ลิฟต์ขึ้นไปตามชั้นต่าง ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ชั้นชั้นหนึ่ง มันเป็นชั้นที่ยี่สิบเก้า ถ้าไม่นับดาดฟ้าชั้นนี้คือชั้นสูงสุดของคอนโด เธอพาผมไปส่งที่ห้องดังกล่าวก่อนจะเปิดประตูห้องนั้นให้ เธอค้อมหัวเล็กน้อย แล้วเอ่ยขอตัวกลับลงไปข้างล่าง



ผมกำลังยืนอยู่ในห้อง มองไปรอบ ๆ ห้องแล้วรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในห้องตัวอย่าง ทุกอย่างเรียบกริบ หรูหราราวกับเอาไว้โชว์มากกว่าให้คนอาศัยอยู่ ห้องมีขนาดใหญ่มาก ผมเห็นประตูอยู่หลายบาน ไม่รู้ว่าห้องไหนที่ผมจะต้องเข้าไปผมจึงไล่เปิดประตูดูทีละบาน ถ้าไม่นับประตูห้องน้ำแล้ว ผมเปิดได้ปกติ แต่ห้องอื่น ๆ กลับเปิดไม่ได้ นอกจากห้องนอนหนึ่งเพียงห้องเดียวที่ผมเปิดเข้าไปได้



คงเป็นห้องนี้



ผมคิดแล้วก้าวเข้าไปข้างใน ปิดประตูลง เดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกระดาษเอสี่วางอยู่เหมือนที่เคยเห็น มันคือรายละเอียดการเตรียมตัว ไม่มีข้อความจากมิสเตอร์เคทิ้งไว้ ไม่มีเช็คเช่นกันเพราะเขาโอนเงินมาให้ผมตั้งแต่เช้าเรียบร้อยแล้ว



นอกจากนั้นยังมีตลับยาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดตั้งวางไว้ให้ ผมเห็นยาเหล่านั้นแล้วหายใจติดขัดขึ้นมาเสียเฉย ๆ มันเตือนให้ผมรู้ว่าเป็นอีกครั้งที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้



ผมเข้าไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย กลับออกมาอีกครั้ง นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า อีกไม่นาน มิสเตอร์เคก็จะมาถึง ผมเปิดตลับยาแล้วกลืนยาตามด้วยน้ำเปล่าลงไปเกือบหมดขวดก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนรอเขาบนนั้น



อีกไม่นานผมคงจะหลับ



ผมรู้สึกแปลกใจ



มิสเตอร์เคมีรสนิยมชอบนอนกับคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเหรอ หรือจริง ๆ แล้วชอบเล่นพวกบทบาทสมมติต่าง ๆ ประมาณว่าจับคนหลับมาลงมือข่มขืนอะไรแบบนี้ ผมคิดแล้วก็ขนลุก ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วมันแบบไหน ถึงผมจะไม่เคยนอนกับใครมาก่อน แต่พูดกันตามตรงเถอะ



นอนกับคนหลับมันสนุกตรงไหนวะ



ความคิดห้วงสุดท้ายก่อนที่ผมจะไม่มีสติรับรู้ กระทั่งเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน







ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองที่ยังมึนอยู่เล็กน้อย ทั้งที่นอนไปเยอะทีเดียวตั้งแต่ทุ่มครึ่งจนถึงแปดโมงเช้า อีกนิดก็จะครบสิบสองชั่วโมงแล้ว ยอมรับว่ายาที่กินไปนั้นแน่นอนจริง ๆ ถ้าจะหลับสนิท หลับจริง หลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้ น่ากลัวว่าหากเอาไปทำเรื่องร้ายแรงคงจะน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว



ความรู้สึกเดิมเหมือนครั้งแรกตอนลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ การเดินขัด ๆ ที่ผมสัมผัสได้นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ได้เกิดขึ้นจริง จะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยผมก็โชคดีที่เขาไม่ทำกับร่างกายผมจนบาดเจ็บจนถึงกับเลือดตกยางออกล่ะนะ ผมส่องกระจกในห้องน้ำ ปากเป็นสีชมพูเข้มอีกแล้ว ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากนั้นก่อนจะรู้สึกแสบเบา ๆ



ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระจกก่อนจะส่องดูถึงรู้ว่าผมปากแตกนิดหน่อย คาดว่าคงจะโดน...กัด



นอกจากจะมีรสนิยมนอนกับคนหลับแล้วยังชอบซาดิสม์ทำร้ายคู่นอนด้วยเหรอเนี่ย ทางที่ดีผมควรจะบอกเขาตรง ๆ ไปเลยไหมว่าผมไม่โอเคกับเรื่องนี้ ระหว่างที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาไง ผมจึงถอดเสื้อคลุมออก บนหน้าอกหรือร่างกายผมยังเป็นเหมือนเดิมไม่มีร่องรอยถูกขบกัดเกิดขึ้น ผมไม่ชอบให้มีรอยจูบโผล่พ้นออกมานอกร่มผ้า มันเหมือนการประกาศทางอ้อมว่าเราไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ ทำให้ผมพอใจอยู่ไม่น้อย



งั้นก็ช่างมันเถอะ ผมตัดสินใจไม่บอกเขาเรื่องรอยแผลที่ปาก



ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกลับมาที่โต๊ะตัวเมื่อวาน เห็นโน้ตและข้อความในนั้น ผมหยิบขึ้นมาอ่าน



‘คุณแต่งงานหรือยัง มีแฟนไหมครับ’

‘ผมโสด ช่วยหยิบคีย์การ์ดไปด้วย’




สั้นและกระชับเหมือนเคย ประโยคแรกมันเป็นคำถามจากผมที่เขียนถามเขาไว้เมื่อคืนนี้ก่อนที่ผมจะหลับไป เพราะเรื่องเมื่อวันก่อนที่เห็นสาวผมแดงถูกตบจนปากช้ำแก้มบวมมา ผมจึงกลัวว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผมบ้าง แล้วผมเองไม่รู้ว่าเขาเป็นประเภทไหน ชอบผู้ชายเท่านั้นหรือเพศไหนก็ได้หมด ผมไม่สามารถรับมือคู่กรณีได้ถูกเลย



ถ้ามิสเตอร์เคโสดจริงตามที่บอกไว้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งว่าคงไม่มีเหตุการณ์แบบสาวผมแดง ผมหยิบคีย์การ์ดที่วางไว้ข้าง ๆ โน้ตนั้นมาใส่กระเป๋า แล้วรีบโอนเงินไปให้เจ้าหนี้ทันทีโดยไม่รอช้า เสร็จแล้วจึงไปจัดที่นอนให้เรียบร้อยให้สมกับตำแหน่งพนักงานดูแลเตียงตามที่ได้สมัครงานมา ก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงนั้นก็สั่นขึ้น



ผมหยิบออกมาดู ไม่โชว์เบอร์ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าใคร



มิสเตอร์เคจอมลึกลับโรคจิตนั่นเอง



“ครับ” ผมกดรับสาย

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันถามผมกลับมา ถ้าไม่นับพฤติกรรมแปลกประหลาดแล้วยอมรับว่าเสียงของมิสเตอร์นั้นน่าฟังชวนหลงใหลจริง ๆ

“ครับ คุณออกไปตั้งแต่เช้ามืดเหรอครับ” ผมสงสัย ขนาดผมตื่นแปดโมงยังไม่เจอแม้แต่เงาเขาเลย เขาต้องกลับออกไปเช้ามากเหมือนกัน

“ผมไม่ได้ค้างที่นั่น”

“อ้อ..ครับ” แสดงว่าพอเขานอนกับผมเสร็จก็กลับเลยสินะ

“เป็นไงบ้าง”

“ครับ?” ผมไม่เข้าใจเขาหมายถึงอะไร

“ร่างกายคุณ...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร”

“อืม ถ้าไม่สบาย เจ็บปวดตรงไหนให้รีบบอก”

“ทางเมลเหรอครับ” ผมไม่ได้ตั้งใจกวนประสาท แต่ผมไม่มีเบอร์เขา รีบบอกในที่นี้คือเป็นแบบไหนนอกจากอีเมลเพียงเท่านั้น

“ใช่ อีเมล”

“ครับ” ถ้าผมเจ็บหนักจริง กว่าเขาจะรู้ตัวผมอาจจะเข้าขั้นโคม่าแล้วก็ได้ แต่ไม่สำคัญหรอก ผมคงไม่รอความช่วยเหลือจากเขา ผมดูแลตัวเองได้

“เปล..” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ครับ?”

“ครั้งหน้าที่เจอกัน ผมอยากให้คุณตื่น”

“ตื่น? ตื่นทำไมครับ” ผมตาโตกับคำพูดของเขา ไม่จริงน่า

“แล้วทำไมถึงอยากหลับ” เขาไม่ตอบแต่เลือกถามผมกลับ

“ผม..”

“ไม่อยากรับรู้หรือว่ากลัว” เขาถามย้ำอีก

“ทั้งสองอย่างครับ” คำถามนี้ผมตอบได้ไม่ลำบากใจ

“ผมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด และต่อให้คุณตื่นอยู่ คุณก็ไม่ได้เห็นผมอยู่ดี ไม่มีอะไรให้คุณต้องกลัวหรือกังวล”

ผมอยากจะย้อนกลับไปว่า‘แหงสิ คุณไม่ได้ถูกปิดตาเสียหน่อย ลองสลับกันแล้วให้ผมเสียบคุณแทนไหมล่ะ เอาไหม’

แต่ก็นะ..ทำได้แค่คิดครับ

“ผม..”

“ยานั่นมันไม่ค่อยดีต่อร่างกายเท่าไหร่ คุณคงเห็นว่าพอกินเข้าไปไม่นานก็ง่วงแล้วหลับ ไม่รู้สึกตัวอีกเลยใช่ไหม”

“ครับ”

“ถ้าใช้ในระยะยาวแล้วมันไม่ค่อยปลอดภัย”

“ถ้าไม่ดีต่อผม แล้วคุณเอายานั่นมาให้ผมกินทำไม” ผมถามเขากลับไปบ้าง

“ตามข้อตกลงของเรา”

“แล้วคนอื่นล่ะครับ ถ้าเขาเลือกแบบผม เขาก็ต้องกินยานี้เหมือนกัน” ผมไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไรกันแน่

“ผิดแล้ว” มิสเตอร์เคปฏิเสธ

“ครับ?”

“ไม่มีใครเคยเลือกแบบคุณ”

“หมายความว่า..”





“คุณเป็นคนแรกที่เลือกข้อนั้น”






=====================



เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่น่าจะมีหลายตอน เขมยังไม่ได้คิดว่าจะมีกี่ตอน

เป็นการแต่งไปเรื่อยๆ ระหว่างรอลงเรื่องยาวเท่านั้นค่ะ

มิสเตอร์ค่าตัวน้อยแถมยังเป็นคนโรคจิต คงยังไม่ปรากฏกายมาเร็วๆ นี้ใช่ไหมน้า ถึงจะเร่งให้น้องเปลตื่นอยู่นั่นเอง

ชอบหรือไม่ชอบ บอกได้นะคะ รู้สึกเหมือนไม่ได้ลงนิยายมานาน ตื่นเต้นทีเดียวเชียว



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง



ปล. รอบนี้มาเร็วหน่อยหัวกำลังแล่น แหะๆ ><




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-04-2019 20:25:46
น่าสงสารน้องมาก
หาคนรับเลี้ยงค่ะ คุณเคจริงจังไหมคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 24-04-2019 20:50:20
อยากบึ้มบ้านพ่อแม่เปล จิตใจทำด้วยอะไรถึงหลอกน้องให้ไปขายตัวได้ พี่นายหน้ายังเห็นใจเปลมากกว่าซะอีก  :fire:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 24-04-2019 20:53:20
อยากให้น้องเปลตื่นแล้วค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-04-2019 21:16:40
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 24-04-2019 21:37:17
ตามเข้ามารอคุณเคเผยโฉม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 25-04-2019 00:12:02
หยั่กเลี้ยงน้องค่าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 2 ทดลองงาน UP : 24/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-04-2019 21:32:42

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง


ตอนที่ 3 ผ้าปิดตา



ผมกดรีโมทโทรทัศน์วนไปอย่างเบื่อ ๆ ในเย็นวันพฤหัส ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับโปรเจ็กที่ต้องส่ง ส่วนงานที่เคยทำนั้นไม่มีแล้ว ผมนั่งทบทวนคำพูดของมิสเตอร์เค ทำไมเขาถึงอยากให้ผมตื่นนัก เหตุผลเพราะยานั่นมีผลต่อร่างกายในระยะยาวแค่นั้นเหรอ



“คิดว่านโยบายที่จะช่วยเหลือคนจนของทางพรรคจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน” เสียงนักข่าวผู้หญิงในโทรทัศน์ยื่นไมค์ไปถามนักการเมืองคนหนึ่ง

“พรรคของเราจะไม่เสนอนโยบายหากไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ครับ” ผู้ชายที่ถูกไมค์นับสิบตัวจ่อหน้าตอบคำถามด้วยท่าทีสำรวมมีสติ



เสียงทุ้มของผู้ชายคนนั้นดึงดูดให้ผมหลุดจากสิ่งที่กำลังคิดอยู่แล้วหันไปมองภาพในโทรทัศน์เครื่องเล็ก ๆ ที่มีอายุมานานแล้ว

“ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วเป็นไปไม่ได้ เป็นแค่การขายฝันให้กับประชาชนล่ะคะ” นักข่าวคนเดิมยังจี้คำถามต่อไม่ยอมหยุด

“ไม่มีการขายฝันอย่างแน่นอนครับ อยากให้ประชาชนลองเปิดโอกาสให้กับพรรค เพื่อที่เราจะได้ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้”



ผมกดปิดโทรทัศน์ ช่วงนี้มีแต่ข่าวการเมือง ถึงมันจะเป็นเรื่องใกล้ตัว ชี้ชะตาอนาคตพวกเรา หากการเมืองที่ใกล้เลือกตั้งนั้นเริ่มระอุ เผ็ดร้อน ผมได้ยินมาทั้งวันแล้ว เริ่มเอียนเต็มที



ไม่ไหว



นึกถึงเลือกตั้งแล้วท้อใจ ผมลืมไปลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเสียสนิท แปลว่าผมจะต้องกลับไปเลือกตั้งที่บ้านเกิด เคยคิดว่าถ้าหากผมไม่ไปเลือกตั้ง คงไม่เป็นไร ก็แค่เสียงเดียว แต่ก็ทำไม่ได้ผมควรไปใช้สิทธิ์ของตัวเอง ไว้ใกล้ ๆ ถึงเวลา ค่อยตัดสินใจอีกทีแล้วกัน หากยังจ่ายหนี้ไม่หมด ผมก็ไม่อยากกลับไปที่บ้าน



ในเช้าวันอังคารสัปดาห์ถัดมาผมกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน ปีสี่เป็นปีที่วิชาเรียนเริ่มน้อยแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่บ้างประปราย ตอนนี้รอเริ่มเรียน แต่ใจผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข มิสเตอร์เคเงียบหายไป เขาไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ไม่มีการนัดเจอใดๆ แปลว่าผมจะชวดเงินห้าพันบาทไป ถึงแม้จะได้เงินรายวันที่เขาเคยขอให้ไปลาออก โดยเงินนี้มิสเตอร์เครวบให้เป็นรายเดือนก็จริง แต่มันก็นานไป ผมกลัวว่าจะใช้หนี้ไม่ทันภายในสามเดือน



เสียงหญิงสาวสามคนคุยกันเสียงดังเช่นเคย ผมมักจะเลือกนั่งที่เดิมและกลุ่มของพวกเธอก็นั่งที่เดิมเช่นกัน อันที่จริงผมมีเพื่อนนั่งข้างผมอีกสองสามคน แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมไม่ได้สนิทกับพวกมันมากเท่ากับที่พวกมันสนิทกันเองเพราะผมมีงานพิเศษต้องไปทำอยู่เสมอ ความสัมพันธ์จึงห่างออกมา



เอาละ สามสาวเริ่มพูดถึงที่ผมกำลังสนใจ



“กระเป๋ามึงไปไหนแล้วล่ะ” สาวผมดำตัดสั้นถามสาวผมแดงกระโปรงสั้นมาก ผมจึงขยับตัวแล้วมองไปที่กระเป๋าของเธออย่างอดไม่ได้

“ใบไหนวะ”

“ใบที่มึงพึ่งได้มาก่อนที่เมียเขาจะมาแหกหน้ามึงไง”

“อ๋อ...” สาวผมแดงลากเสียงยาวก่อนจะพูดต่อว่า “ยังอยู่ ๆ”

“นึกว่าขายไปแล้ว” สาวผมตรงดำยาวพูดแทรกขึ้นบ้าง

“ขายไปแล้ว แต่เป็นใบอื่น” สาวผมแดงยักไหล่ไม่รู้ร้อนเหมือนเคย

“ช่วงนี้แกลบเหรอ” สาวคนเดิมถามต่อ

“นิดหน่อยว่ะ ผัวกูแทงบอลหมดไปเยอะ”

“ผัวมึงคนนี้รักมึงจริงใช่ไหม” สาวผมดำยาวถามคำถามขึ้นใหม่ ผมสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้มักจะถามตรง ๆ และค่อนข้างมีสาระมากที่สุดในกลุ่ม

“รักมั้ง กูก็ไม่รู้ ที่รู้คือกูรักมัน ช่างเถอะ กูเต็มใจให้”

“อย่าให้ความรักมันต้องกัดกินตัวมึงจนไม่สนอะไรเลย มึงเอาตัวไปแลกเงินมา ทำอะไรก็คิดหน่อยเถอะ รักตัวเองบ้าง” เธอสอนเพื่อนผมแดง แต่ผมไม่รู้ว่าสาวผมแดงสนใจจะรับฟังความห่วงใยไหม



คำถามของพวกเธอทำให้ผมมักจะเก็บเอามาคิดเสมอ คนที่เป็นผัว เอ่อ..หรือแฟนของสาวผมแดง คงจะคล้ายกับพ่อแม่ของผม



ผมรักพวกเขานะ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขารักผมบ้างไหม



“เอ้า ทำหน้าเซ็งไปอีก ที่กูพูด ไม่ได้อยากให้มึงเครียด แค่อยากให้มึงคิดเยอะ ๆ” สาวผมยาวพูดซ้ำ

“รู้ ๆ เออ ขอบใจ” สาวผมแดงรับ

“แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น มีอะไรอีก”

“ไม่มีลูกค้าเหรอ” คราวนี้กลับมาที่สาวผมดำสั้นถามแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อืม ช่วงนี้ไม่มีใครติดต่อกูมาเลยว่ะ สงสัยกูจะเรียกแพงไป”

“เดาถูกด้วยเว้ย แล้วมึงเรียกแพงขึ้นกว่าเดิมมากเหรอ” สาวคนเดิมตกใจ

“ใช่ เกือบสองเท่าอะ กูร้อนเงิน”

“แพงไปใครจะจ้างมึงวะ” สาวผมดำสั้นพูดอีก

“ไปทำอย่างอื่นแทนไหม แต่ถ้าไม่อยากทำ มึงก็ลดค่าตัวลงเถอะ แพงไปไม่มีคนซื้อหรอก แล้วให้ผัวมึงไปหาเงินด้วย รักกันต้องช่วยกันดิ” สาวมีสาระผมดำยาวพูดขึ้น

“ไม่รู้มันจะยอมหรือเปล่า”



พวกเธอไม่ได้คุยกันต่อเพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี บทสนทนาจึงหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่ความคิดผมกลับไปต่อจนทำให้คาบเรียนนี้ผมเรียนไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย



ผมกลายเป็นแฟนคลับลับ ๆ ของสาวผมแดง เธอกลายเป็นไกด์ให้ผมโดยไม่รู้ตัว ผมได้ฟังประสบการณ์รุ่นพี่ การพูดคุยของพวกเธอทำให้ผมตัดสินใจมาเป็นพนักงานดูแลเตียงให้มิสเตอร์เค อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นเขา เป็นใครก็ได้ แต่นั่นละเพราะการรับสมัครงานแปลก ๆ ทำให้ผมสนใจลองเสี่ยงดวงไป



สาวผมแดง รุ่นพี่ในการทำงานของผมกำลังประสบปัญหาไม่มีลูกค้า ผมเองก็เช่นกัน อย่างที่บอกว่ามิสเตอร์เคเงียบหายไปอาทิตย์กว่าแล้ว ถ้าสัปดาห์นี้เขายังเงียบอีก ผมคงจะลำบากแน่ ๆ



หรือผมควรจะรับพิจารณาคำพูดของเขาและความคิดอย่างสาวผมแดงดี ในเมื่อร้อนเงินแล้วถ้าผมตื่นผมจะได้เงินหนึ่งหมื่นบาท







วนมาถึงวันพฤหัสอีกครั้ง ผมเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง กำลังคิดว่าควรจะอีเมลไปหาเขาดีไหม แจ้งเขาไปตรง ๆ ว่าผมร้อนเงินมาก อยากขอให้เขามานอนกับผมและอย่าลืมจ่ายเงินด้วย



คิดแล้วสมเพชตัวเอง



ผมปลดล็อกโทรศัพท์แล้วเข้าไปที่อีเมล ยังไงก็ต้องบอกเขาเพราะร้อนเงินจริง ๆ หากผมกลับแปลกใจที่เห็นข้อความใหม่จากมิสเตอร์เคแทน ผมกดเข้าไปอ่านด้วยมือสั่นเทา กลัวจะเป็นการยกเลิกสัญญาหรือสาเหตุอื่นโดยไม่คาดคิด เขาอาจจะเบื่อผมที่เลือกหลับก็เป็นได้





สวัสดีครับ คุณเปล

ขอโทษที่ขาดการติดต่อไป ตอนนี้ผมมาทำงานที่ต่างประเทศและจะกลับไทยประมาณวันศุกร์ ผมอยากเจอคุณที่คอนโดตอนสองทุ่ม คุณมีคีย์การ์ดที่คอนโดนั้นแล้ว คุณเข้าไปรอได้เลยครับ

ผมหวังว่าคุณจะตื่นตอนที่ผมไปถึง

Mr.K




ข้อความนั้นทำให้โล่งใจ มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แต่มันกลับทำให้ผมลังเล ผมกัดริมฝีปาก ใจเต้นตึกตักก่อนจะกดปุ่มreply แล้วพิมพ์ผิด ๆ ถูก ๆ ต้องลบแก้หลายครั้ง



สวัสดีครับ Mr.K

เจอกันวันศุกร์สองทุ่มครับ

ขอบคุณครับ

ธาวิน




ผมกดส่งไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเขาเลย จึงส่งซ้ำไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนลืมกล่าวขอโทษไปเสียสนิท





ไม่ต้องเตรียมยานอนหลับให้ผมนะครับ





ผมส่งแล้วรีบหอบอากาศเข้าปอด ผมกลัวจริง ๆ แต่อิทธิพลของเงินเอาชนะความกลัวนั้นไปอย่างเฉียดฉิวด้วยคำว่าหนึ่งหมื่นบาท หนึ่งหมื่นบาทและหนึ่งหมื่นบาท



ผมเหลือหนี้อยู่สามหมื่นห้าพันบาท เท่ากับใช้หนี้ไปแล้ว หนึ่งหมื่นห้าพันบาท หนึ่งหมื่นบาทแรกมาจากที่ไปนอนหลับกับเขา สองครั้ง ครั้งละห้าพัน ส่วนอีกห้าพันมาจากเงินพิเศษที่มิสเตอร์โอนรวบเป็นรายเดือนมาให้ ถ้านอนกับเขาอีกสามครั้งรวมเป็นสามหมื่นแล้วใช้เงินจากเงินพิเศษอีกห้าพัน เดือนหน้าก็น่าจะจ่ายหนี้ได้หมด



มันทำให้ผมฮึดมีแรงสู้ขับไล่ความกลัวนั้นออกไป







เวลาหนึ่งทุ่มคืนวันศุกร์ ผมมาถึงคอนโดและเข้าห้องนั้นได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีใครเดินเข้ามาถามว่าผมต้องการความช่วยเหลือไหม ไม่รู้ว่าพนักงานตรงชั้นล่างเห็นผมหรือเปล่า หรือเห็นแล้วแต่ไม่ได้สนใจ จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา มิสเตอร์เป็นคนรอบคอบ เขาคงตระเตรียมและบอกกล่าวพนักงานเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว



ผมฉุกคิดมาได้อย่างหนึ่ง สัญญาระหว่างเราเป็นความลับต่อกันแล้วพนักงานเหล่านั้น หรือป้าแม่บ้าน หรือลุงป้อมยามที่หมู่บ้านล่ะ ไหนจะเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลอีกเล่า พวกเขารู้รายละเอียดมากน้อยแค่ไหน



ในขณะที่ผมไม่รู้จักใครเลย แต่พวกเขากลับรู้จักตัวตน รูปร่างหน้าตาของผมจนหมด มันยุติธรรมแล้วหรือ



ผมเข้าไปอาบน้ำและเตรียมความพร้อมเหมือนทุกครั้ง กลับออกมาด้วยเสื้อคลุมสีขาวก่อนจะนั่งลงที่เตียงหลังใหญ่ ผมเห็นผ้าปิดตาที่วางอยู่บนหมอน อีกสิบห้านาทีจะถึงเวลานัด ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนตรงเวลาหรือไม่ ถ้านัดสองทุ่มแล้วมาตีสองล่ะ ผมไม่ต้องสวมผ้าปิดตายาวนานขนาดนั้นหรอกหรือ





ก๊อก..ก๊อก..



เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองบานประตูนั้นอย่างรวดเร็ว

“เปลครับ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตู ถึงจะได้ยินเสียงนี้ผ่านโทรศัพท์เท่านั้นแต่ผมก็จำได้



เขาตรงเวลา



มิสเตอร์เคมาถึงแล้ว



“คะ..ครับ คุณอย่าเพิ่งเข้ามา ผมยังไม่ได้ใส่ผ้าปิดตาครับ”

“ผมยังไม่เข้าไปจนกว่าจะสองทุ่ม แค่มาบอกให้คุณรู้ตัวไว้”

ผิดจากที่ผมคิดตรงไหน เขารอบคอบจริง ๆ นอกจากรอบคอบแล้วยังตรงเวลาเสียด้วย

“ครับ”

“สองทุ่มเจอกัน” ผมเหลือบมองนาฬิกา เหลืออีกห้านาทีเท่านั้น ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่



ถึงเวลาแล้วสินะ ผมใส่ผ้าปิดตาอย่างระวัง จัดแจงขยับที่จะทำให้สบายมากที่สุด สายไม่รัดตรงหู หรือไม่หลวมจนหลุด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วผมจึงบอกเขา รู้สึกตัวเองเสียงดังเกินกว่าปกติ

“คุณเข้ามาได้แล้วครับ ผมสวมผ้าปิดตาแล้ว”

“อืม”



ใจผมเต้นรัวราวกับตีกลอง ผมมองไม่เห็นอะไร หูผมได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นช้า ๆ ประสาทสัมผัสของผมกำลังเครียดเกร็ง เสี้ยววินาทีประตูถูกปิดลง ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลย แต่รู้สึกเหมือนมีเงาหรือบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ จนที่นอนยุบตัวลง



ผมสะดุ้งสุดแรงด้วยความตกใจ ร่างกายขยับหนีอัตโนมัติ



“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้ทำอะไร” มิสเตอร์ปลอบผมด้วยน้ำเสียงชวนฝันของเขา แต่ขอโทษนะ ไม่ได้ทำอะไรผมจริงเหรอ เขาโกหกชัด ๆ เพราะเขาจะทำอะไรผมไง ผมถึงกลัวอย่างที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้

“ผม..”

“อันที่จริง ผมเบื่อที่คุยเพราะวัน ๆ หนึ่งผมต้องคุยกับคนมากมาย แต่ท่าทางคุณกลัวมาก คุณอยากคุยกับผมก่อนไหม” เขาเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“ผมไม่เคยทำแบบนี้”

“ไม่เป็นไร คุณอาจจะยังเตรียมใจไม่ทัน เอาอย่างนี้ละกัน ผมจะไปอาบน้ำอีกห้อง”

“ครับ”

“ผมจะปิดไฟและคุณก็ถอดผ้าปิดตาออก”

“จะไม่เป็นไรเหรอครับ” ผมถามเขาไป ทำไมเขาถึงยอมให้ผมไม่ใส่ผ้าปิดตาก็ได้

“ห้องนี้มืดสนิท ต่อให้สายตาปรับตัวในความมืดได้ คุณก็มองเห็นผมไม่ชัดหรอก เจอกันข้างนอกคุณก็ไม่รู้จักผมอยู่ดี”

“ครับ ถ้าคุณเจอผมข้างนอก คุณคงรู้ว่าเป็นผม”

“ไม่ปฏิเสธ”

“พนักงานข้างล่างคอนโด ป้าแม่บ้าน หรือลุงยามที่บ้านคุณ ถ้าพวกเขาเจอผม พวกเขาก็จะรู้ว่าเป็นผม”

“ใช่ กังวลหรือ”

“คุณบอกว่าสัญญาของเราเป็นความลับ”

“ใช่ ถูกแล้ว มันเป็นความลับ”

“แล้วทำไมพวกเขาถึงรับรู้เรื่องผมล่ะครับ” ผมยั้งปากไม่ทัน ถ้ามิสเตอร์โกรธหรือโมโหผมแล้วยกเลิกสัญญา ผมจะทำยังไงเล่า อยากตบปากตัวเองจริง ๆ เลย

“ผิดแล้วเด็กน้อย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร พวกเขาแค่รับรู้ว่าคุณมาทำงานให้ผม”

“ผมขอโทษที่ถามไปแบบนั้นครับ” ผมพนมมือยกมือไหว้เขา ไม่รู้ว่าไหว้ถูกทิศทางไหม แต่คงถูกล่ะนะ

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณสงสัย คุณสามารถถามผมได้ทุกเมื่อ และผมจะตอบเท่าที่ผมตอบได้”

“ครับ”

“ไม่ต้องกังวลไป ผมมีงานหลายอย่างที่พวกเขาจะไม่นึกสงสัยคุณเลยว่ามาทำอะไรให้ผม”

“ครับ ขอโทษที่ผมคิดอะไรไร้สาระ”

“เอาละ” เสียงเขาเหมือนอยู่บนหัวผม เขาคงลุกขึ้นยืน “พอได้ยินเสียงปิดประตู คุณค่อยถอดผ้าปิดตาออกนะ”

“คุณไม่กลัวว่าผมจะเปิดไฟตอนคุณกลับมาเหรอครับ” ผมลองแกล้งถามเขา

“ผมไม่เคยยอมให้ใครถอดผ้าปิดตาออก รู้ไหม..คุณเป็นคนแรก” ใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดจริงพูดเล่น

“ไม่เป็นไรครับ ผมใส่ไว้ก็ได้” ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ผมเชื่อใจนะว่าคุณจะไม่เปิดไฟ”

“ครับ”



ผมได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วปิด นับในใจหนึ่งถึงห้าแล้วค่อยๆ ถอดผ้าปิดตาออกอย่างระวัง ในคราวแรกตาผมพร่ามัว ขนาดใส่มันไม่กี่นาทีเท่านั้น ใช้เวลาชั่วครู่ใหญ่กว่าสายตาผมจะไม่ลาย มองเห็นอะไรดีขึ้น ผมคิดว่าสายตากลับมาเป็นปกติแล้ว ผมมองรอบห้องไม่ชัดด้วยความมืด เห็นทุกอย่างเป็นภาพในความทรงจำว่าตรงนี้เป็นโต๊ะ ตรงนั้นเป็นห้องน้ำ



มิสเตอร์เคคงกลัวคนเห็นใบหน้าของเขามาก ผมเดาว่าใบหน้านั้นมีรอยแผลเป็น น่าเกลียดน่ากลัว เขาอาจจะมีใบหน้าเหมือนอสูรร้าย จนกลัวว่าคู่นอนจะหวาดกลัว ตกใจลนลานจนเป็นลมหรือสลบไปก็ได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ผมรีบสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวสมอง



ชักเลอะเลือนไปกันใหญ่







ผมนั่งรอเขาโดยไม่รู้เวลาว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู และผมตอบรับออกไป เขาถึงยอมเปิดประตูเข้ามา ไม่มีแสงไฟลอดเข้ามา ข้างนอกคงปิดไฟเช่นกัน เขาดูระวังตัวมาก จนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยอมให้ผมถอดผ้าปิดตาบ้า ๆ นั่น



มิสเตอร์เคกลับมานั่งข้างตัวผมอีกครั้ง ผมไม่กล้ามองเขาเลย หากจมูกกลับได้กลิ่นกายหอมที่น่าจะมาจากครีมอาบน้ำ มันให้ความรู้สึกสดชื่น ก่อนหน้านี้ที่เขามานั่งข้างผม มิสเตอร์เคก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นอะไรนะ มันเป็นกลิ่นที่ผมไม่รู้ว่าเป็นน้ำหอมหรือกลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นเหล่านั้นจะผสมกับกลิ่นเหงื่อจนได้กลิ่นใหม่ออกมา



น่าแปลกใจ ผมกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไหนก็ตาม



“ผมจับมือคุณได้ไหม” มิสเตอร์เคทำให้ผมแปลกใจ ผมคือคนที่เขาซื้อมาด้วยเงินค่าจ้าง เขามีสิทธิ์ในตัวผมอยู่แล้ว

“ครับ คุณไม่ต้องขอผมก็ได้”

“ผมกลัวคุณตกใจเลยบอกก่อน”

“ขอบคุณครับ” ทำไมมิสเตอร์เคถึงต้องใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมากขนาดนี้ด้วย

“คุณคงทำงานหนักมาก” เขาพูดขณะที่ลูบฝ่ามือผมไปพร้อมกัน

“ครับ”

“เล่าให้ผมบ้างสิว่าตอนเด็ก ๆ คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ใช้ชีวิตยังไง”

“ชีวิตผมไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ” ผมบอกปัด

“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น ทุกชีวิตมีค่าและน่าสนใจ มีเกียรติทั้งนั้น เล่ามาเถอะ ผมอยากฟัง” มิสเตอร์เคน่าจะมีวาทศิลป์ที่ดี ยิ่งผสมกับเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันของเขาแล้ว มันยิ่งทำให้เคลิ้มได้โดยง่าย

“ผมเกิดและโตที่ลำปางครับ” ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เรามีกันทั้งหมดสี่คน พ่อแม่ ผมแล้วก็น้องชาย บ้านผมอยู่บนดอย อากาศดีมากครับ”

“ทำไมถึงเลือกมากรุงเทพฯ อากาศที่นี่แตกต่างจากที่ที่คุณอยู่มากเลยนะ”

“ผมอยากเรียนสูง ๆ ถ้าเรียนจบแล้วก็อยากหาเงินให้ได้เยอะ ๆ”

“แค่นั้นเหรอ ถ้าอยากเรียนสูง ๆ ที่จังหวัดคุณหรือใกล้ก็น่าจะมีมหา’ ลัย ไม่ใช่หรือ”

“ผม..” ผมไม่กล้าพูดต่อ มันเป็นความในใจที่ผมไม่เคยพูดกับใคร ผมอยากอยู่ให้ห่างจากครอบครัว

“ลำบากใจหรือ ไม่เป็นไร งั้นผมจะพูดบ้าง จริง ๆ แล้ว ผมอยากเปิดไฟ”

“เอ๊ะ จริงเหรอ ทำไมครับ” คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากคนตั้งกฎเอง น่าประหลาดใจ ผมรีบเงยหน้าหันไปมองเขา

ผมเห็นใบหน้ามิสเตอร์เคไม่ชัดเลย เป็นอย่างที่เขาบอกไว้ ถ้าเจอกันข้างนอก ผมจะไม่มีวันจำเขาได้ ผมเห็นดวงตาอีกฝ่ายระยิบระยับ มันช่างดูสวยงามในความมืด

“มันมืดเกินไป” เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ผมบุ้ยปาก ทีตัวเองยังไม่ชอบความมืดแต่บังคับให้คนอื่นปิดตาเลยเนี่ยนะ เอาเปรียบกันเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรครับ คุณอยากให้ผมใส่ผ้าปิดตาคืนเหมือนเดิมไหม”

“แบบนี้ละ”

“ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะมีหน้าตาน่าเกลียดหรือมีรอยแผลเป็น แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าผมเผลอไปโดนแผลของคุณ ผมจะไม่บอกใคร”

“น่าเกลียด? แผลเป็น?” ผมไม่รู้ว่ามิสเตอร์เคทำหน้ายังไงตอนที่ถามผม แต่เสียงเขาดูไม่มั่นใจ

“ใช่ครับ ไม่งั้นคุณจะตั้งกฎพวกนี้เหรอครับ”

“รู้ดีกว่าผมอีกเหรอเนี่ย” เขาหัวเราะเต็มเสียง ปกติเขาจะหัวเราะเบา ๆ นี่เขาคงตลกกับคำพูดผมมากเลยสินะ ผมอุตส่าห์เป็นห่วงเขา



เหอะ เสียแรงเปล่า



“ผมมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แล้วคุณล่ะ นอกจากอยากเรียนสูง ๆ หรือหางานทำ กรุงเทพฯ ตอบโจทย์อะไรกับคุณอีก”

“ผม..ผมไม่อยากอยู่ลำปาง”

“มาอยู่ที่นี่พ่อแม่คุณไม่ห่วงหรือ”

“เรื่องของผม!” ผมเสียงดังกว่าเดิมเล็กน้อย เราเพิ่งคุยกันยาว ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก และเขาเป็นนายจ้าง ส่วนผมเป็นลูกจ้าง พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้ชีวิตกันและกันถึงขนาดนั้น

“โอเค ๆ ผมไม่ถามแล้ว ผมขอโทษ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ สิ” เขาขอโทษผมอย่างง่ายโดยไม่มีน้ำเสียงโกรธเลยสักนิด แขนถูกเขาดึงเบา ๆ ผมจึงขยับตัวตามคำพูดมิสเตอร์เค ด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอใส่อารมณ์กับเขาไป

“ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วยครับ ผมไม่น่าขึ้นเสียงใส่คุณ” ผมเงยหน้ามองเขา ทั้งที่เรานั่งบนเตียงเดียวกัน แต่ผมยังต้องเงยหน้ามองเขา ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนตัวยาวหลังยาว แสดงว่าต้องสูงน่าดู



ผมเอียงคอมองใบหน้ามิสเตอร์ก้มต่ำลงมา ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจทำอะไร แต่ทันทีที่ริมฝีปากเขาประกบลงมาบนปากผม ผมก็เข้าใจแล้วว่าท่าทีของเขาคืออะไร ผมตกใจจึงตั้งใจจะบอกให้เขาหยุด แต่เขาก็สอดลิ้นเข้ามาในปากผมเสียแล้ว ผมไม่เคยถูกจูบ ทำตัวไม่ถูกร่างกายจึงแข็งทื่อแน่นิ่งเป็นหิน กระทั่งครู่ใหญ่กว่าใบหน้ามิสเตอร์เคจะเลื่อนห่างออกไป




“คราวหน้าถ้าจะขอโทษให้ทำแบบนี้”





=====================

ชักไปกันใหญ่เช่นกัน ตกลงต้องกี่ตอนดีน้า

ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 26-04-2019 22:02:32
เป็นตอนที่อ่านแล้วตื่นเต้นมากค่ะว่าจะเกิดอะไรบ้าง อ่านจบแล้วตื่นเต้นอยากอ่านตอนต่อไป
ตอนนี้ได้รู้จักมิสเตอร์เคมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง อะไรทำให้มิสเตอร์เคใจดีกับน้องนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-04-2019 22:37:00
เหมือนเทพนิยายกรีก..เดาว่าคุณเคหล่อ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 27-04-2019 06:24:43
เดาว่าเป็นนักการเมือง 555555555555
น้องเปลลูก ต้ะต่อนยอนมาก 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-04-2019 07:00:54
เสียงไม่คุ้นเลยเหรอ หึหึ
น้องโดนแน่แล้ว กร้ดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 27-04-2019 07:36:29
พระเอกเราลึกลับมาก แต่อ่อนโยนเหลือเกินค่ะคุณขาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 27-04-2019 17:23:49
ชอบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-04-2019 17:53:45

BED CARE JOB





ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว





“เข้าใจหรือเปล่า”



สมองผมยังปรับจูนไม่ได้ มิสเตอร์กำลังถามผมด้วยเรื่องอะไร



“คะ..ครับ?”



ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เขาจะขำผมทำไมหนักหนา ตรงไหนน่าหัวเราะกัน



“งั้นจะทำให้ดูอีกรอบ”



มิสเตอร์เคจับคางผม หน้าของผมเชิดขึ้นตามจากการชักนำของเขา ผมกะพริบตาถี่ด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอเห็นใบหน้าเขาเข้ามาใกล้หน้าผมอีกครั้ง ถึงรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้



ผมรีบหลับตาปี๋พร้อมกับละล่ำละลักรีบพูดโดยเร็ว



“ผมขะ..เข้าใจแล้ว”



เขาหัวเราะอีกครั้งก่อนจะบอกผมที่ข้างหูว่า “ไม่ทันแล้วเด็กน้อย”



ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อเขาจูบผมอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหมือนเดิม มันรุนแรงขึ้น หัวใจผมเต้นรัวเร็วและแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก



ในความตกใจมันมีความอยากรู้อยากลองพ่วงเข้าไปด้วย เกือบจะผลักเขาไปแล้วแต่สุดท้ายผมกลับยึดแขนมิสเตอร์เคไว้แน่นทั้งสองข้าง



สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวแผ่นหลังก็สัมผัสที่นอนหลังใหญ่



ร่างมิสเตอร์เคทาบทับลงมา อย่างที่ผมคิดเอาไว้ เขาตัวใหญ่และหนากว่าผมมากทีเดียว ผมได้แต่นอนแน่นิ่ง มือก็ยังยึดแขนเขาไว้อยู่อย่างนั้น จะหลบเลี่ยงหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ แค่ตัวเขาก็ล็อกผมไว้ทุกทางแล้ว



เขายังจูบผมต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกมันแปลกๆ ที่ผมบอกไม่ได้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน แต่ผมชอบนะ ผมชอบความรู้สึกดี ผมขยับขาด้วยความอึดอัดกับช่วงล่าง ถึงแม้จะไม่ค่อยได้สัมผัสความรู้สึกนี้บ่อยๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าผมเป็นอะไร



เมื่อร่างกายเริ่มแปรสภาพ จิตใจเริ่มอ่อนไหว ผมพอจะกล้าที่จูบเขากลับไปบ้าง ถึงแม้จะงกๆ เงิ่นๆ ไม่ค่อยได้เรื่องก็ตาม หากความพยายามของผมที่ตั้งใจไว้คงมากเกินไป ผมเพิ่งเคยจูบจริงจังแบบนี้เป็นครั้งแรก มันกำลังทำให้ผมหายใจไม่ทัน



มิสเตอร์เคคงสัมผัสได้อาการของผม เขาถอนใบหน้าออกมาแต่ไม่ลืมย้ำจูบผมหนักๆ อีกสองสามทีก่อนที่เขาจะปิดท้ายด้วยการเม้มปากผมแรงๆ



“เจ็บครับ”



“ขอโทษที เห็นแล้วมันเขี้ยว”



“ผมนึกได้แล้ว คราวก่อนคุณก็กัดปากผมจนเป็นแผล”



“งั้นหรือ” เขาพูดเหมือนไม่ทุกข์ร้อน



“ครับ”



“ไม่ชอบ?”



“ครับ ไม่ชอบ”



“ไม่ชอบเจ็บหรือไม่ชอบเป็นแผล” มิสเตอร์เคยังยียวนถามต่อจนผมนึกฉุนแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ เขาคือผู้ว่าจ้างที่จ่ายเงินให้



“ทั้งสองอย่าง คุณมีรสนิยมชอบทำร้ายร่างกายคู่นอนหรือครับ”



“ผม?” เขาทำเสียงแปลกใจ



“ใช่ครับ คุณนั่นแหละมิสเตอร์เค”



“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น ผมไม่ได้มีรสนิยมอย่างที่คุณพูด”



“ก็คุณกัดปากผม”



“ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมอดไม่ได้ที่คุณนอนหลับแล้วกรนเบาๆ นั่น”



“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย” ผมมั่นใจว่าไม่ใช่คนนอนกรนนะ แต่การที่มิสเตอร์เคบอกผมว่านอนกรนถึงสองครั้งทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว



“ผมจะไม่พยายามไม่ทำให้คุณเป็นแผลอีกแล้วกัน”



“ครับ”



“แต่ไม่รับปากนะ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคุณ”



“ขึ้นอยู่กับผม? ได้ยังไงละครับ” ผมรีบถามกลับไป เขาเป็นคนกัดผม แล้วมาลงที่ผมได้ยังไง



“อีกหน่อยก็รู้เอง”



“ทำไมต้องพูดจากำกวมด้วย ผมงงไปหมดแล้วครับ” ผมบอกเขา ในใจไม่ค่อยพอใจอยู่ลึกๆ แต่ทำอะไรไม่ได้



“เงยคอขึ้นหน่อยครับ” เขาไม่สนใจคำพูดผม แต่บอกให้ผมทำตามที่เขาสั่งหรือว่าขอร้องกันแน่นะ



“ครับ” ผมทำตามคำพูดมิสเตอร์เค ลืมนึกไปเสียสนิทว่าตอนนี้เราสองคนอยู่ในสถานการณ์แบบไหน



ความเปียกชื้นสัมผัสเข้าที่ซอกคอผม มันจักจี้แต่ก็วูบวาบอยู่ครามครัน ความร้อนภายในกายสูงขึ้น หากอากาศในห้องเย็นกลับกว่าเดิม ผมหายสงสัยก็ต่อเมื่อฝ่ามือร้อนของมิสเตอร์กำลังลูบตัวผมอยู่ เสื้อคลุมถูกถอดไปแล้ว ผมหลับตาแน่น เม้มปากสนิท ตัวเริ่มสั่นเป็นเจ้าเข้าหรือลูกนกแล้วแต่จะเรียก



ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ



“ไม่ต้องกลัว”



“คือ..ผมกลัว” ผมนึกเสียใจ ไม่ควรเห็นแก่ความโลภของเงินแล้วเลือก “ตื่น” เลย



มิสเตอร์เคหยุดมือที่ลูบตัวผม เขายันมือสองข้างไว้กับเตียง ดวงตาของเรามองประสานกันในความมืด ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือทำสีหน้าแบบไหนตอนนี้กันแน่ ผมคงทำให้เขาผิดหวัง



“อยากหยุดไหม ผมจะไม่บังคับคุณ ไม่เป็นไรนะครับ” เสียงทุ้มของเขาเหมือนชโลมจิตใจผมให้สงบ



นอกเหนือจากที่มิสเตอร์เคจะได้ความสุขจากตัวผม ที่เหลือเขามีแต่ต้องเสียกับเสียเท่านั้น เขาต้องเสียเงิน เสียเวลา คอยใจเย็นกับคนขี้กลัว สุดท้ายยังต้องมาปลอบใจผมอีก

เขาเป็นนายจ้างที่ดีเกินไปสำหรับการเลือกซื้อใครสักคนมานอนด้วยจริงๆ



“ผมขอโทษ..”



“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณเสียหน่อย” เขายังปลอบใจผมต่อ มือข้างหนึ่งปัดปอยผมบนใบหน้าของผมออกให้ ก่อนที่เขาจะผละออกจากตัวผมไป ผมรีบคว้าแขนเขาไว้แล้วรีบพูดอย่างรวดเร็ว



“คุณรีบทำขั้นตอนสุดท้ายเลยได้ไหมครับ”









ผมตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่มีมิสเตอร์เคในห้อง หากไม่น่าแปลกใจ ถ้าเห็นเขายังนอนอยู่ในห้องสิ ผมว่าต้องเกิดอาเพศใหญ่แน่



ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเหมือนทุกที ใบหน้าผมที่กำลังจ้องมองกระจก คนในกระจกมองผมกลับมาเหมือนทุกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาหลังจากทำงานเป็นพนักงานดูแลเตียงให้มิสเตอร์เค ผมเม้มปาก มันเจ่ออีกแล้ว แต่คราวนี้ผมไม่ถูกกัดปากและมิสเตอร์เคยังคงรักษามาตรฐานได้ดีไม่ทิ้งรอยบนตัวผมเช่นเคย



หลังจากที่ผมบอกมิสเตอร์เคไปเมื่อคืนนี้ เขากลับหัวเราะ ทีแรกผมเกือบจะถามเขากลับไปแล้วว่ามีอะไรให้หัวเราะนักหนา แต่เขากลับพูดด้วยคำพูดที่ทำให้ผมต้องสงบปากไว้



“ขอบคุณครับ”



ถ้าผมปฏิเสธเขา มันคงเป็นตราบาปในจิตใจผมไปตลอดกาลแน่นอน คนอะไรพูดเป็น เขาร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้มากนัก



ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ผมเลือก“หลับ” แล้วมิสเตอร์มาทำอะไรกับตัวผมนั้น เขาเริ่มต้นแบบไหนยังไง เพราะผมไม่เจ็บเลยตอนที่ผมตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน และในเช้านี้หลังจากที่ผมมีสติอยู่กับเขาครึ่งค่อนคืนผมก็ไม่เจ็บอยู่ดี นอกจากการเดินที่แตกต่างออกไป



มิสเตอร์เคทำตามอย่างที่ผมโดยไม่อิดออด เขาบอกว่าอันที่จริงมันไม่ใช่วิธีในแบบของเขา แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้จะลัดขั้นตอนเพื่อให้ผมลดความกลัวเหล่านี้ออกไป ถึงจะเรียกว่าลัดขั้นตอน แต่มันก็ยาวนานในความรู้สึกผมอยู่ดีกว่าเขาจะเข้ามาในตัวผม



ผมหายใจเข้าปอดระหว่างที่คิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว มิสเตอร์เคใช้เวลาเตรียมตัวให้ผมค่อนข้างนาน เขาบอกว่าขั้นตอนนี้มันลัดไม่ได้ ไม่งั้นผมจะเจ็บและแย่ที่สุดอาจจะถึงกับเลือดตกยางออก ซึ่งมิสเตอร์เคไม่ประสงค์จะให้มันเกิดขึ้นกับตัวผม



ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกเจ็บ แม้ว่ามันจะน้อยกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ก็ บอกไว้ก่อนเลย ถึงผมจะไม่เคย (ไม่นับตอนหลับนะ) แต่ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมเลือกที่จะตื่นเมื่ออยู่กับเขา แปลว่าผมแอบไปศึกษาเรื่องราวพวกนี้มาไว้บ้างแล้ว แค่ไม่ได้บอกให้ใครรู้เท่านั้นเอง



มิสเตอร์เคให้ผมนอนคว่ำ ผมอยากขอบคุณเขาที่เรายังไม่ต้องเผชิญหน้ากันถึงแม้จะมองกันไม่เห็นก็ตาม ผมแสดงสีหน้าแบบไหน หรือเขามีสีหน้ายังไง ผมไม่อยากรับรู้และไม่อยากเห็นสายตาคู่นั้นมองมาที่ผมไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกใดทั้งนั้น



ผมไม่คิดว่าเมื่อมีครั้งที่หนึ่งแล้วจะไม่มีครั้งที่สอง หากมิสเตอร์เคปล่อยผมให้นอนหลับแต่โดยดี เขาคงจะขาดทุนพอสมควร หากเขาจะทำแค่ครั้งเดียวคงไม่ระบุในการว่าจ้างเป็นรายคืนหรอก และครั้งที่สองก็ตามมาในคืนเดียวกัน ผมแทบหมดแรง ดังนั้นในตอนท้ายของครั้งที่สอง ผมจึงเลือกนอนนิ่งเหมือนปลาใกล้ตาย ถนอมแรงไว้ให้มากที่สุด ถ้าหลับไประหว่างที่เขายังไม่เสร็จ ผมอาจจะถูกลดเงินเดือน และไม่ผ่านการทดลองงานก็เป็นได้



เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ผมรู้นิสัยมิสเตอร์เคเพิ่มอีกอย่าง เขาไม่ใช่คนไม่ใส่ใจคู่นอน ถึงผมจะเป็นคนที่ถูกจ้างมาแต่เขาก็นึกถึง หลังจากที่เขาผ่านพ้นช่วงเวลาหฤหรรษ์ร่วมกันแล้ว เขากอดผมไว้นิ่งๆ ลูบแขนผมเบาๆ



ผมไม่เคยรู้เลยว่าการถูกกอดมันทำให้เราสบายใจขึ้น



“เจ็บหรือเปล่า” เขาถามผมขึ้นท่ามกลางความเงียบ



“ไม่รู้ครับ แต่คิดว่าไม่นะครับ”



“ไม่รู้?”



“ครับ ต้องลองเดินดู แต่ถ้าคุณทำกับผมเหมือนตอนที่ผมหลับ ก็ไม่เจ็บหรอกครับ” ตอนนี้ผมนอนเฉยๆ จึงไม่รู้สึกอะไร จนกว่าจะต้องลุกขึ้นนั่นแหละคงจะให้คำตอบเขาได้ชัดเจน



“อืม ถ้างั้นคงไม่เจ็บ อยากอาบน้ำไหม”



“คราวก่อนคุณทำยังไงครับ”



“ผมเช็ดตัวให้คุณ”



“ขอบคุณนะครับแล้วขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องลำบาก” เสียเงินจ้างผมมาแล้วยังต้องมาทำความสะอาดให้อีก



“ไม่เป็นไร มันไม่ได้ลำบากขนาดนั้น เพราะใส่ถุงยางเลยไม่ได้มีคราบเลอะเทอะมากมาย อีกอย่างคุณหลับอยู่ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ถึงเช้า คราบที่เหลือมันคงแห้งสนิทแล้วจะทำความสะอาดยาก คงไม่ค่อยดีนัก” เขาตอบสบายๆ บอกตามตรงถ้าเป็นผมเอง ผมคงไม่คิดถึงผลล่วงหน้าตามที่มิสเตอร์เคพูด และถ้าผมจะทำความสะอาดให้อีกฝ่ายก็เพราะมันเลอะเท่านั้น



“หลังจากนั้นคุณทำอะไรครับ”



“ผมจะไปอาบน้ำอีกห้องแล้วกลับ”



“เหรอครับ แล้วคุณจะไปอาบน้ำเลยไหม”



“ไล่ผมเหรอ” เขาถามกลับแต่ไม่ได้เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ เหมือนแซวเล่น



“เปล่าครับ ผมแค่ถามดูเฉยๆ”



“แต่เดี๋ยวผมต้องออกไปแล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมมีงานตอนสายๆ ”



“พรุ่งนี้วันเสาร์ วันหยุดไม่ใช่เหรอครับ”



“ใช่ วันเสาร์ แต่โชคร้ายที่ผมต้องทำงานทุกวัน”



“เอางี้ไหมครับ ให้ผมกลับออกไปดีกว่า คุณจะได้นอนพักที่นี่”



มิสเตอร์เคไม่ได้ตอบทันที ตอนแรกผมคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่แรงกระชับจากแขนของเขาที่แน่นขึ้นทำให้ผมรู้ว่าเขาน่าจะใช้ความคิด



“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมต้องกลับไปอยู่ดี ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าสำหรับงานวันพรุ่งนี้” ในที่สุดเขาก็ตอบผมกลับมาแบบนั้น แปลสั้นๆ ว่า ปฏิเสธ



“คุณคงจะเหนื่อยน่าดู ถ้าผมเรียนจบแล้วมีงานทำดีๆ เมื่อไหร่ ผมจะไม่ยอมหางานทำที่ไม่มีวันหยุดแน่นอน” ผมประกาศออกไป ขนาดในตอนนี้ผมเรียนอยู่ยังต้องไปทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดเช่นกัน ผมยังเหนื่อยเลย แล้วเขาล่ะ ทำมานานเท่าไหร่แล้ว



“ยังไม่ได้ทำงานก็เลือกงานแล้วเหรอ” หลังจากที่เขาพูดจบผมรู้สึกเจ็บที่หน้าผากทันที



เขาดีดหน้าผากผม!



“เจ็บนะครับ” ผมลูบหน้าผากป้อยๆ ไม่เบามือเลย “ผมเรียนและทำงานทุกวัน ถ้าไม่ได้มาทำงานกับคุณ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากทำงานหนักๆ อีกแล้วครับ”



“เหรอ” คำตอบรับสั้นๆ ทำให้ผมนึกกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดต่อ



“ผมหมายความว่าจะทำงานที่เหมือนกับที่ทำกับคุณนะครับ ไม่ใช่งานสบายๆ นอนบนเตียงแล้วได้เงิน ผมหมายถึงงานบริษัททั่วไป ที่เขามีเงินเดือนให้ มีสวัสดิการ มีโอทีบ้างและมีวันหยุดตามราชการน่ะครับ”



“ผมเข้าใจ ผมไม่คิดว่าเปลจะชอบอาชีพที่ทำอยู่ตอนนี้หรอก”



“ครับ ถ้าผมใช้หนี้ให้ที่บ้านหมดเมื่อไหร่ ผมก็จะเลิกทำ”



“หนี้? ที่เคยบอกว่าจำเป็นต้องใช้เงินใช่ไหม”



“ใช่ครับ”



“เยอะไหม”



“อาจจะไม่เยอะสำหรับคนอื่น แต่ก็เยอะสำหรับผมครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่ยกเลิกสัญญากับผมก่อนที่ผมจะจ่ายหนี้หมด ซึ่งอีกแค่สามถึงสี่ครั้งก็จะหมด”



“ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมเลย”



“ผมไม่อยากโกหกคุณครับ ผมต้องยอมรับความเป็นจริง” ผมหาวหวอดก่อนจะบอกเขา



“เป็นผู้ใหญ่เกินตัวไปแล้วนะเรา”



“ผมอายุยี่สิบเอ็ดแล้วครับ” ผมคิดว่าผมโตพอในระดับหนึ่ง ผมกำลังจะเรียนจบและเข้าสู่การทำงาน



“ถ้าเทียบกับผม คุณยังเด็กมาก”



“คงไม่กี่ปีหรอกมั้งครับ” ผมเดาสุ่ม



“มีคุณสองคนรวมกันอายุยังไม่เท่าผมคนเดียวเลย”



ผมไม่ได้คุยกับเขาเพราะง่วงนอนเต็มที ได้ยินเสียงมิสเตอร์เคหัวเราะเบาๆ พร้อมกับความอบอุ่นที่หายไป









นึกถึงประโยคสุดท้ายของมิสเตอร์เคเมื่อคืน มีผมสองคนยังอายุไม่เท่าเขา ผมตาแทบทะลักออกมาจากเบ้า เขาอายุไม่น้อยจริงๆ ด้วย



ผมอาบน้ำและล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่หายจากอาการตกใจในอายุอีกฝ่ายอยู่ดี มันเหลือเชื่อมากๆ เงามิสเตอร์เคในความมืดดูไม่เหมือนคนอายุมากเลย





อ้อ... ผมพอจะเข้าใจแล้วที่เขาต้องปิดไฟ ประกาศหาคนมานอนด้วยแบบแปลกๆ ที่แท้เพราะเขาแก่นี่เอง เลยไม่อยากให้เด็กๆ ที่อายุน้อยกว่าดูถูกเขา ที่ต้องมารู้ว่าผู้ว่าจ้างคือคนแก่คนหนึ่ง







ไม่เป็นไรนะมิสเตอร์เค คุณไม่ต้องอายผมหรอก เรื่องอายุเราหลีกเลี่ยงกันได้ซะที่ไหน





=====================


ขออภัยด้วยสั้นไปนิด รวมทั้งยังไม่ได้เกลาคำผิดและบทสนทนานะคะ มาลงให้อ่านก่อนค่า


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-04-2019 20:45:54
คุณเคแก่จริงๆหรา???? ลึกลับ ซับซ้อน  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-04-2019 21:30:17
อ่านแล้วเขินคุณเคจังเลยค่ะ คุณเขานุ่มนวล อ่อนโยนกับน้องมากเลย มีกอดน้องแล้วลูบแขนเบาๆด้วย  :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 28-04-2019 21:40:02
หืมมมม 40+ ยังแจ๋วปะคะ? กรี๊ดดดด รุ่นใหญ่ แซ่บๆไปเล้ยยยยยยย มิสเตอร์ คือดูเทคแคร์น้องเปลมาก รู้จักกันมาก่อนปะ มีเงื่อนงำๆๆ  :ruready
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2019 21:58:10
สี่สิบกลางๆหุ่นแซ่บๆเรียกว่าแด้ดดี้นะคะน้องเปล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 28-04-2019 23:08:24
“มีคุณสองคนรวมกันอายุยังไม่เท่าผมคนเดียวเลย”

อ่านจบก็คือหยุดยิ้มไม่ได้ บ้าจริงง  :pighaun: ไอ้เราก็นึกว่าจะ 30+ แต่คือไม่อยากเดาเหตุผลที่คุณเคปิดหน้าเลย กลัวจะเป็นคนที่พอรู้แล้วอ๋ออ แต่เขามีครอบครัวแล้วอะ บ้าปะ ทำไมต้องคิดแง่นี้ 55555  o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 29-04-2019 00:58:54
สี่สิบกว่าแต่ยังแซ่บ หุยยยยยยยย รอเลยจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-04-2019 08:27:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-04-2019 19:48:21
หรือมิสเตอร์เค คือนักการเมืองในทีวีคนนั้น? (มโนล้วนนนนน ฮาาาาา)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 29-04-2019 23:06:58
ตื่นเต้นแทนค่ะรอตอนเปิดตาเปิดไฟแล้วก็เปิดใจค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: cisne azul ที่ 30-04-2019 07:52:46
ชอบบบบบบบบบบ ละมุนมากกกกกกกก 555555
อ่านแล้วยิ้มตามอะ เวลาเขาสองคนคุยกันแล้ว เหมือนจะละลายเลยอะ 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว UP 28/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-04-2019 20:18:30

BED CARE JOB



ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ



             เช้าวันจันทร์ที่เก่าเวลาเดิม ในห้องเรียนมีนักศึกษาปีสี่นั่งอย่างบางตา ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมาเข้าเรียนเพราะเป็นคาบเช้า สำหรับผม ถ้าไม่มีเหตุด่วนจำเป็นแล้ว ผมพยายามมาเข้าเรียนให้ได้ทุกครั้ง อย่างน้อยให้เสียงอาจารย์พูดผ่านหูทะลุขึ้นสมองบ้างก็ยังดี

            “หน้าระรื่นมาเลยนะมึง” ผมได้ยินสาวผมดำยาว กระโปรงพลีทบานประมาณเข่าทักคนที่มาถึงที่หลังสุดในกลุ่มเธอ

            “แน่นอนย่ะ ได้ลูกค้ารายใหม่มาเมื่อวาน” สาวผมแดงว่าพลางนั่งลงข้างคนที่ทัก

            “อะไรวะ เพิ่งจะบ่นอยู่เมื่อวีคที่แล้วว่าไม่มีลูกค้า หรือว่าลดราคาค่าตัว?” คราวนี้สาวผมดำตัดสั้นชะโงกหน้าข้ามเพื่อนผมดำยาวเพื่อมาถามสาวผมแดงที่นั่งริมสุด

            “โนจ้ะ คืออย่างนี้ กูกำลังจะเข้าไปปรับราคาเว้ย แต่ลูกค้าดันติดต่อมาก่อน เงินหนักด้วย โคตรโชคดีอะ” สาวผมแดงตอบพลางยักไหล่ด้วยท่าทีที่คุ้นตาผมไปเสียแล้ว

            “เขาถูกใจอะไรในตัวมึง”

            “กูสวย จบปะ” สาวผมแดงตอบอย่างมั่นใจ จนเพื่อนผมดำยาวผลักหัวเธอไปเบาๆ แต่หน้าเกือบคะมำไปทีหนึ่ง

            “ทำดีมากมึง” ผมดำสั้นชมเชยเพื่อนข้างตัวก่อนจะถามสาวผมแดงอีก “เอาดีๆ”

            “เขาบอกว่าหน้ากูดูหยิ่ง ดูเหวี่ยงวีน เขาชอบคนร้ายๆ เลยอยากลองดูสักครั้ง กูฟังแล้วงง มันใช่คำชมปะวะ”

            “หึ ชมแหละมึง คงเป็นรสนิยมเขา”

            “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย อย่าให้เมียหลวงมาตบเหมือนคราวก่อนอีก” คนผมดำยาวเตือน น้ำเสียงเธอดูเป็นห่วงเพื่อนผมแดงคนนี้อยู่มากทีเดียว

            “รู้แล้วน่า”

            พวกเธอยังคุยกันต่ออีกแต่ผมไม่ได้ยินแล้ว เสียงข้างนอกดังเข้ามาในห้องเรียนค่อนข้างดัง เหมือนจะเป็นการเช็กเครื่องเสียง มีงานดนตรีงั้นหรือ

            เอ..ผมจำได้ว่าช่วงนี้ที่มหา’ลัย ไม่มีงานอะไรนะ

            “เสียงดังจังวะ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งแถวเดียวกับผมพูดขึ้น มันคือภพ เพื่อนในกลุ่มผมเอง

            “เสียงอะไร หนวกหูจริง” เอกถามซ้ำอีก

            “ไม่รู้เหมือนกัน” ผมตอบพวกมันกลับไป ไม่รู้ว่ามันถามผมหรือเปล่า เรียกว่าตอบลอยๆ แล้วกัน

            “งั้นลองถามคนอื่นดู” โจบอกพวกเราสามคนก่อนจะชะโงกตัวเข้าไปใกล้กลุ่มสาวสาวสาวข้างหน้า

            “เปิ้ลๆ รู้ปะ ที่มอมีงานอะไรอะ” โจสะกิดไหล่สาวผมแดง อ้อ.. รุ่นพี่ลับๆ ของผม เธอมีชื่อว่าเปิ้ล

            “ไม่รู้อะ” เปิ้ลบอกก่อนจะหันไปถามเพื่อน “พวกแกรู้ปะ”

            “ไม่รู้” สาวผมดำสั้นเป็นคนบอก

            “ไม่แน่ใจนะ ได้ยินมาว่าน่าจะเป็นพรรคที่มายืมสถานที่มอเราปราศรัยหาเสียงอะ” ผมว่าแล้วคนที่มีสาระสุดก็คือสาวผมดำยาวคนนี้แหละ

            “ขอบใจเกด” โจบอกขอบคุณสาวที่ไขความลับให้ก่อนจะดึงตัวกลับมาที่นั่งตัวเอง

            “เขาจะพูดตอนนี้เลยเหรอ ร้อนฉิบหาย ใครจะไปฟังวะ กูไม่ไปละคนหนึ่ง” ภพพูดขึ้นพร้อมแสดงเจตนาชัดเจน

            “ไม่ไหวเหมือนกัน อยากไปฟังอยู่นะ ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยเลือกตั้งเลย” สีหน้าโจบ่งบอกถึงความตื่นเต้น

            “มึงไม่เคยคนเดียวหรือไง ก็พวกเราทุกคนนี่แหละ ตอนเย็นๆ แดดร่มแล้วไปกันไหมวะพวกมึง ว่าไง” เอกเป็นนักกิจกรรม เขาเป็นคนที่ชื่นชอบกับกิจกรรมทุกรูปแบบ

            “เอาดิ” โจกับภพตอบเหมือนกัน สายตาทั้งสามคู่หันมามองผม

            “มึงอะไอ้เปล ไปไหม” เอกพยักพเยิดหน้าถาม

            “คือกู..” ผมไม่ค่อยชอบ แต่ลังเล หากกลับห้องไปก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่ดี

            “กูก็ลืม มึงต้องไปทำงานพิเศษใช่ไหม” โจถามผม

            “เปล่า ไม่ได้ทำแล้ว” ผมเลือกตอบไปตามตรง

            “ดีแล้วมึง พักบ้าง คนบ้าอะไรทำงานเยอะแยะ”

            “งั้นแสดงว่ามึงว่าง?” ภพ ทำตาเป็นประกายตอนที่ถาม

            “อืม”

            “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ นานๆ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในกลุ่มสักที” โจมัดมือชก ก็ถูกของมัน ปกติผมต้องไปทำงานพิเศษไม่ค่อยได้อยู่กับกลุ่มนอกจากมีงานกลุ่มเท่านั้น

            “ก็ได้”

            “อย่างนี้ดิวะไอ้เปล” เอกมันนั่งข้างผมจึงตบไหล่ผมหนักๆ สองสามที ผมเห็นสายตาโจเต็มไปด้วยคำถาม ผมเลือกหลบตา หลีกเลี่ยง กลัวมันจะถามผมเข้าให้

            ถ้าผมไม่ทำงานพิเศษ แล้วผมเอาเงินที่ไหนมาใช้




           
            สุดท้ายเรียนไปได้เพียงชั่วโมงเดียว อาจารย์ก็ปล่อยเพราะเสียงเครื่องเสียงดังจนเรียนไม่รู้เรื่อง แต่กลุ่มผมไม่ได้ไปไหนไกล นอกจากไปกินข้าวเที่ยงนอกมหา’ลัยแล้ว ก็กลับมาอยู่ที่มหา’ลัย ทั้งวัน เตรียมรอไปฟังปราศรัยหน้าเวทีกันตอนเย็น ผมรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่มานั่งเรื่อยเปื่อยไม่ได้ทำงานกลุ่มอย่างทุกที

            นี่ใช่ชีวิตเด็กวัยรุ่นในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า

            “พวกแกนั่งทำอะไรกัน ไม่กลับบ้านกลับช่อง” สาวผมดำสั้นที่ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอถามกลุ่มผม ตอนที่กลุ่มพวกเธอเดินผ่านพอดี

            “รอไปฟังนั่นอะข้าว แล้วพวกแกยังไม่กลับหอหรือไง” เอกเป็นคนตอบแทน มันบุ้ยหน้าไปตรงสถานที่จัดงาน

            “กำลังจะไปนั่นที่แกว่าน่ะแหละ ไปช้าเดี๋ยวมองไม่เห็น ไปด้วยกันไหม” ข้าวตอบกลับมา พวกผมเห็นว่าเริ่มเย็นแล้วเลยพยักหน้าตกลงไปพร้อมกัน

            พูดตามตรง ผมไม่เคยรู้เลยว่ากลุ่มผมค่อนข้างสนิทกับกลุ่มสาวผมแดงพอสมควร นี่ผมคงหลุดวงโคจรออกมาเยอะสินะ เข้าใจแล้วว่าทำไมที่นั่งเรียนของผมและเธอถึงอยู่ใกล้กันตลอด

            ตอนที่เราไปถึง ผมได้ยินเสียงสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันหนักมาก มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ

            “โอ๊ย กูจะเป็นลม” สาวผมแดงที่ชื่อเปิ้ลพูดพลางหอบหายใจ ผมหูผึ่งรีบหันขวับไปดูเธอ ถ้าเธอเป็นลมล้มไปจริงๆ จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที

            “มึงพูดจริงปะเนี่ย” ข้าวหันไปถาม

            “พูดเล่นเว้ย กูหมายถึงกูไม่ไหว มึงดูนั่น” เปิ้ลชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ที่มีผู้สมัครนั่งอยู่บนเวที

            “คนไหน” เกดพูดขึ้น ผมเองก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มสาวๆ มองตามมือเปิ้ล

            “คนที่หน้าฝรั่งๆ หน่อย”

            “ผมสีน้ำตาลหรือเปล่าวะ นั่งตัวสูงๆ กว่าคนอื่นใช่ปะ” ข้าวเขย่งเท้ามองแล้วบอก

            “เออ คนนั้นแหละ”

            “ทำไม ลูกค้ามึงเหรอ” ข้าวพูดต่อ

            “ลูกค้ากูก็ดีสิ คนเล่นการเมืองไม่กล้ามาซื้อกินเองแบบนี้หรอก ร้อยทั้งร้อยมีคนหาไปประเคนให้ทั้งนั้น ไม่มีทางมาถึงกูแน่”

            “ใครวะ ดูอายุไม่น้อยแล้วนะ เขาอายุเท่าไหร่เนี่ย กูไม่ยักรู้ว่ามึงชอบคนมีอายุ” เกดถามด้วยความสงสัย

            “พวกมึงนี่ไม่รู้อะไร สี่สิบนิดๆ สมัยนี้เขาเรียกกำลังดีเหอะ นี่พวกมึง เราขยับเข้าไปใกล้กว่านี้อีกนิดได้ไหมวะ” เปิ้ลสะบัดเสียงตอบเพื่อน เธอยืดสุดตัวคาดว่าคงจะอยากจะเห็นคนที่กำลังพูดถึงให้มากที่สุด

            “ข้างหน้าเต็มแล้ว ยืนตรงนี้แหละ” เกดดึงแขนเพื่อนไว้ก่อนที่เพื่อนผมแดงจะถลาเข้าไปแทรกหมู่คนโดยไร้มารยาท

            ใจผมไพร่นึกถึงคนที่เจอในความมืดเมื่อหลายคืนก่อน คนนั้นคงอายุพอๆ กับคนที่เปิ้ลชื่นชมเช่นกัน ผมเริ่มชักอยากรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วใบหน้ามิสเตอร์เคเป็นอย่างไร ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

            ‘ต้องทำตามข้อตกลง’

            ผมบอกตัวเองในใจแล้วมองไปที่บนเวที ผู้ชายใบหน้าลูกครึ่งดึงดูดสายตา จนผมละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย ผมสลับไปมองจอโปรเจ็กเตอร์ เห็นใบหน้าเขาเรียบเฉย ไม่แสดงออกทางสีหน้า

            “เขาเป็นใคร” ภพคงได้ยินเสียงดังวี้ดว้ายของเปิ้ล จึงถามด้วยความสงสัย และการถามขึ้นมาของเขาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดด้วย

            “คิรินชา” ไม่ใช่เสียงผู้หญิงแต่เป็นเสียงของเอก เจ้าพ่อนักกิจกรรมตัวยง

            “มึงรู้จักด้วย?” โจทำเสียงประหลาดใจผสมการแหย่เอกไปนิดหน่อย

            “ถ้าพวกมึงดูข่าวการเมืองบ้างก็น่าจะพอคุ้นหน้าเขาอยู่ แสดงว่า...” เอกเว้นช่องว่างไว้ ไม่ได้ให้เติมคำในช่องว่างเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ แต่เว้นไว้เพื่อให้พิจารณาเอาเอง

            “ก็การเมืองน่าเบื่อ” ข้าวพูดขึ้นราวกับคนร้อนตัว ผมรู้ว่าเอกไม่ได้ด่าว่าเธอ ไม่เข้าใจว่าเธอจะออกรับแทนทำไม

            “คิรินชาชื่อเหมือนผู้หญิง” เกดสงสัย

            “พ่อเขาตั้งชื่อให้ลูกสาว แต่พอคลอดกลับเป็นผู้ชาย”

            “แปลว่าอะไรอะ” เกดถามต่อ

            “จำไม่ได้ เกี่ยวกับภูเขาเนี่ยแหละ แต่ถ้ามึงอยากรู้ นั่น..พ่อเขา หัวหน้าพรรค มึงไปถามดูเอาสิ เผื่อจะได้คำตอบ” เปิ้ลชี้ไปที่ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่บนแท่น

            “กูเสิร์ชเอาเองง่ายกว่าปะ” เกดเถียงกลับ และเปิ้ลเลือกยักไหล่เช่นเคย

            “มึงนี่รู้ดีเนอะ” ข้าวแซะเพื่อนผมแดงบ้าง

            “แน่นอน กูเป็นแฟนคลับเขา ถ้ากูได้เป็นแฟนคุณคีนนะ กูจะเลิกกับคนที่คบอยู่นี่เลย”

            “ท่าทางมึงจะเพ้อเจ้อเอามากๆ”​ เกดส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอา เปิ้ลยังไม่หยุดพร่ำเพ้อ หากบนเวทีเริ่มมีผู้สมัครเลือกตั้งออกมาพูดแล้ว ผมจึงหยุดความสนใจเกี่ยวกับเปิ้ล

            ผมยืนฟังคนบนเวทีพูด รอว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของผู้ชายคนนั้นเสียที แต่รอจนแล้วจนเล่า เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกจากเก้าอี้เสียเลย เผลอแป๊บเดียว ผมยืนมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว

            “โจ กูกลับก่อนนะ” ผมเบื่อไม่อยากฟังต่อ

            “งั้นกูกลับด้วย ไปกินข้าวกัน”

            “ถ้าไม่แพง ก็ได้”

            “มื้อนี้กูเลี้ยงเอง มึงอยากกินอะไร คิดเลย”

            ผมชะงักยังไม่ทันได้ตอบ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้น ผมหยิบมันมาดูอัตโนมัติ เบอร์ที่ไม่โชว์เบอร์ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

            “ครับ” ผมพูดเสียงดังกว่าปกติเพราะเสียงรอบข้างค่อนข้างดัง

            “ผมไม่ค่อยได้ยินเสียงคุณเลย เสียงรอบข้างดังมาก”

            “ผมอยู่ข้างนอก สักครู่นะครับ ผมหาที่ที่เงียบกว่านี้ก่อน” ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วหันไปบอกโจ “กูไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”

            สายตาโจเต็มไปด้วยคำถาม ร้อยวันพันปี ผมมีคนโทรหาซะที่ไหนกัน นอกจากแม่แล้วก็โจ ก็ไม่มีแล้ว

            “ขอโทษที่ให้รอครับ” เมื่อหาที่ค่อนข้างเงียบได้ ผมจึงกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง

            “ไม่เป็นไร คุณมีเรียนวันไหนบ้าง”

            “จันทร์ อังคารแล้วก็ศุกร์ครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า”

            “ช่วงนี้ผมงานยุ่งกว่าเดิมมาก เอาแน่นอนไม่ได้ ผมอาจจะนัดคุณวันธรรมดา”

            “ได้ครับ จริงๆ แล้วคุณนัดผมวันไหนก็ได้” ผมบอกเขากลับไป มิสเตอร์เคจะเกรงใจผมขนาดนี้ไม่ได้

            “อืม ผมน่าจะว่างคืนพรุ่งนี้ สี่ทุ่ม โทษทีดึกหน่อย”

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “แล้วเจอกัน”

            “เดี๋ยวครับ” ผมรีบท้วงไว้ก่อนที่เขาจะวางสายไป

            “ครับ?”

            “คือ..”

            “หืม?”

            “ไม่ต้องเตรียมยาให้ผมนะครับ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเขาเบาๆ

นอกจากเสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน ก็มีเสียงหัวเราะของเขานี่แหละที่ผมชอบฟัง แต่ได้ยินเสียงหัวเราะทีไร เขาเหมือนขบขันผมทุกที

            “ตกลงครับ”

            ผมวางสายเสร็จแล้วกลับไปที่จุดเดิม เห็นโจยืนหันหลังให้ เขากำลังมองไปข้างหน้า       ผมสะกิดไหล่โจเบาๆ ให้รู้ตัว เราสองคนหันไปบอกเพื่อนๆ ที่เหลือว่าขอกลับก่อน ไม่ลืมที่จะชวนพวกมันไปกินข้าวด้วยกัน แต่เอกและภพกำลังติดพันจากการฟังปราศรัยอยู่เลยบอกว่าขอเป็นคราวหน้า

            ผมยิ้มรับไม่ว่าอะไร ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมโจ ยังพอทันเห็นว่าเก้าอี้ที่เคยมีชายหนุ่มลูกครึ่งนั่งอยู่ ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าเสียแล้ว

            ผมนึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินเขาพูดบนเวที
           


            “อยากกินอะไร” โจถามขึ้นเมื่อเรามาถึงหน้ามหาวิทยาลัย โจจอดรถไว้ริมทางเท้าก่อนจะพ้นรั้วประตู ถ้ารู้ว่าจะไปกินอะไร เขาจะได้เลี้ยวรถไปถูก

            “ผัดกะเพราป้าหน้ามอ” ผมเลือกเมนูง่ายๆ ที่อร่อยและประหยัด

            “ไม่เอา”

            “ราดหน้า”

            “อากาศร้อน”

            “ข้าวมันไก่”

            “เบื่อแล้ว”

            “มึงอยากกินอะไร เลือกมาเลย” ผมบอกโจพร้อมกับเสียงถอนหายใจ มันกลายเป็นคนกินยากตั้งแต่เมื่อไหร่

            “มึงเลือกเลยเปล”

            “ไม่เลือก ถ้ามึงไม่คิด กูจะลงตรงนี้แล้วกลับห้อง” ผมยื่นคำขู่

            “ชาบูแล้วกันนะ กูอยากกิน เดี๋ยวเลี้ยงเอง” โจรีบพูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับขับรถออกไปโดยไม่มีโอกาสให้ผมได้ปฏิเสธ

            ‘ร้ายนัก’


            ร้านที่โจเลือกอยู่ในห้างสรรพสินค้า ผมไม่ทันเห็นราคาของมันที่หน้าร้าน เพราะโจลากผมเข้าในร้านอย่างเร็ว ผมกับโจนั่งฝั่งเดียวกัน เขาสั่งอาหารทันทีด้วยความหิว โจทำทุกอย่างคล่องแคล่ว เดาว่าโจคงมาร้านนี้บ่อย ผมตามใจโดยไม่ขัด โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยขัดใจใครอยู่แล้ว อะไรยอมได้ก็ยอมไป อะลุ่มอล่วยได้ก็ทำไป

            “ทำไมเลิกไปทำงานพิเศษ” นั่นไง คำถามที่ผมไม่อยากได้ยิน ผมรู้ว่าจุดประสงค์ของโจที่ตั้งใจชวนผมมากินข้าว เรื่องกินก็ส่วนหนึ่ง แต่ความสงสัยในตัวผมมันคือส่วนใหญ่

            “ก็ไม่ได้ทำ”

            “เปล มึงอย่ากวน ตอบมาดีๆ ไม่ทำงานแล้วเอาเงินที่ไหนใช้”

            “เงินที่กู้ กยศไง”

            “อันนั้นกูรู้ แต่กูไม่เชื่อว่าที่บ้านมึงจะไม่หาข้ออ้างมาให้มึงโอนเงินอีก”

            “เขาอาจจะปรับปรุงตัวแล้วก็ได้” ผมอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

            “อาจจะ แสดงว่ายังทำไม่ได้” ผมไม่ค่อยได้โกหก แล้วยิ่งโจที่รู้เรื่องครอบครัวผมดี ผมยิ่งโกหกมันได้ยาก

            “กูเหนื่อยเลยออกมาพักเฉยๆ เดี๋ยวเดือนหน้าก็กลับไปทำแล้ว” ถึงตอนนั้นผมคงใช้หนี้หมดแล้ว ไม่ได้ติดต่อมิสเตอร์เคอีก

            “มึงโกหกไม่เก่งนะเปล พูดความจริงมาเถอะ กูไปหามึงที่ร้าน เขาบอกว่ามึงจู่ๆ ก็ลาออกกะทันหัน”

            “กู..”

            “มึงไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น มึงต้องได้งานใหม่ที่เงินดีจนยอมทิ้งงานเก่า”

            “...” โจมองตาผม จนผมนึกขยาด

            “กูพูดถูกใช่ไหม ตอบกู”

            “อืม ถูก” ผมกลั้นใจพูดออกไปแล้ว

            “มึงไปทำงานอะไร”

            “กูไม่บอกได้หรือเปล่า” ผมไม่กล้าแบบสาวผมแดง รุ่นพี่ในวงการทำงานนี้

            “ถ้าเป็นงานที่ไม่มีอะไรให้มึงรู้สึกผิด มึงคงบอกกูแล้วล่ะ” โจถอนหายใจ

            “โจ..คือ..กู” โจพูดถูก มันเดาทางผมออกหมดเลย

            “กูมองมึงตลอดนะเปล เห็นมึงตั้งใจฟังผู้หญิงข้างหน้าคุยกัน แล้วถ้ากูเดาไม่ผิด มึงสนใจงานที่เปิ้ลมันทำอยู่ และมึงคงทำไปแล้ว”

            “โจ..กูขอโทษ” ผมเอาแต่เรียกชื่อโจและคำขอโทษ ไม่มีคำพูดอื่น

            “มึงลำบากแล้วทำไมไม่บอกกูวะ กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย มึงไปทำงานแบบนั้นทำไม”

            “กูจำเป็นต้องใช้เงิน แล้วพ่อกูเสียพนันคราวนี้ตั้งหลายหมื่น”

            “มึงก็ควรต้องบอกกู ที่กูปล่อยให้มึงจัดการเองเพราะคิดว่ามึงยังรับมือไหวอยู่ ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่มึงคงบอกกู”

            “ขอโทษ เงินมันมากแล้วกูเกรงใจ กูกวนมึงหลายเรื่อง”

            “ก็เลยไปทำงานอย่างนี้อะนะ กูรู้ว่าร่างกายเป็นตัวมึง มึงจะทำอะไรกับตัวมึงก็ได้ และมึงจะไม่ต้องกังวลว่าท้องด้วย แต่ที่กูเป็นห่วงไม่ใช่พวกนั้น กูเป็นห่วงถ้ามึงเจอคนไม่ดีล่ะ ถ้าเขาทำร้ายมึงล่ะ ทรมานมึงหรือเอาโรคติดต่อมาให้มึงล่ะ มึงจะทำยังไง” โจบ่นผมยืดยาว น้ำเสียงโจเต็มไปด้วยความโมโห แต่กระนั้นโจก็ยังพูดกับผมเสียงเบา ไม่ดังนัก คงไม่อยากให้โต๊ะอื่นๆ มาได้ยินแล้วมองผมไม่ดี

            “กู..” ผมพูดไม่ออก ผมคิดน้อยไปจริงๆ จนลืมนึกถึงสิ่งร้ายๆ ที่อาจจะตามมาได้

            “ขาดอีกเท่าไหร่”

            “สองหมื่นห้า ไม่สิ คืนพรุ่งนี้กูไปนอนกับเขา จะเหลือหมื่นห้า”

            “มึงยังกล้าบอกกูว่าจะไปนอนกับเขาอีกเหรอ”

            “กูรับปากเขาไปแล้ว”

            “ใช่คนที่โทรหามึงตะกี้ไหม”

            “อืม ใช่” ผมพูดเสร็จก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

            “ไอ้เปล!” โจขยุ้มหัวตัวเอง

            “โจ มึงอย่าโมโห” ผมพูดกับมันเสียงอ่อน อยากให้อารมณ์มันเย็นขึ้นสักหน่อย นิดเดียวก็ยังดี

            “ถ้ามึงรักษาคำพูดนัก จะไปนอนก็ไปแล้วเลิกทำซะ ที่เหลือมาเอาเงินที่กู และกลับไปทำงานพิเศษเหมือนเดิมซะ”

            “เงินเป็นหมื่น กูเกรงใจ”

            “มีเมื่อไหร่ค่อยมาคืน กูไม่รีบ”

            “ก็ได้” ผมรับปาก ถ้าไม่ยอมทำตาม โจคงไม่หยุดเท่านี้

            “แล้วมึงไปนอนกับเขาเนี่ย เขาป้องกันใช่ไหม ไม่ได้สดกับมึงนะ”

            “ไม่นะ เขาบอกว่าไม่”

            “แล้วมึงก็เชื่อ? ไอ้เปล มึงไม่รู้เหรอว่าเขาป้องกันหรือเปล่า กูจะทำยังไงกับมึงดีวะ” โจทำหน้าเหมือนอยากจะบีบคอ จนผมหดคออย่างอัตโนมัติ

            “เขารักสะอาด กูไม่เป็นไรหรอก” ผมบอกโจ นึกถึงขั้นตอนที่มิสเตอร์เคพิจารณาแล้ว เขาเองก็กลัวโรคไม่น้อยกว่าผมแน่นอน

            “เออๆ กูจะทำยังไงได้นอกจากเชื่อมึง”

            “กูพูดจริง”

            “สัญญากับกูว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย”

            “สัญญา”








=====================

อ้าวววววว ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ละ


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-04-2019 20:32:37
โอ้วววว  ไม่น่าจะยอมเลิกง่ายๆนะ แต่แอบเห็นใจทุกคนเลยอะ แต่ละคนล้วนมีเหตุผล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-04-2019 21:12:54
เริ่มเห็นเค้าลางคุณเคแล้ว   o18 ว่าแต่เพื่อนสนิทนี่..คิดไม่ซื่อหรือเปล่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-04-2019 22:11:05
อย่าเลิกเลยน้องเปล แด๊ดดี้แซ่บๆแบบนี้หาไม่ง่ายนะคะ   :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 30-04-2019 23:32:05
อร้ายยยยย เปิดตัวแด๊ดดี้แล้ว เป็นนักการเมืองจริงๆด้วยยยยย(ฟีลลิ่งฟ้ารักพ่อเลยอะฮืออออ กราบขอโทษคุณธนาธรด้วยนะคะที่พาดพิง  :heaven )
เพื่อนห้ามแล้ว น้องเปลเอาไงดีกล้าแคนเซิลมิสเตอร์เหรอ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 01-05-2019 06:33:42
คุณเครีบโทรหาน้องเพราะเห็นสายตาที่โจมองเปลรึเปล่า
ถ้าน้องเปลเลิก คุณเคจะทำยังไงนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 01-05-2019 06:53:03
ต้องออกมาจากเงาแล้วล่ะค่ะพ่อ มีคู่แข่ง 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-05-2019 17:17:06
อ่าวววว แต่เราว่าคงไมไ่ด้เลิกง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง คุณเขาไม่น่ายอมง่ายๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ UP 30/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 02-05-2019 18:07:46

BED CARE JOB



ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ





            คืนวันอังคาร สามทุ่มสี่สิบห้าไม่ขาดไม่เกิน ผมนั่งสงบเสงี่ยมรอมิสเตอร์เคอยู่ในห้อง ครั้งนี้ผมใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานนัก และไม่จำเป็นต้องใช้คู่มือแนะนำจากกระดาษเอสี่อีกแล้ว


            เมื่อวานหลังจากที่กินชาบูกับโจเสร็จ ระหว่างทางที่มันไปส่งผมที่ห้อง โจยังบ่นผมต่อไม่หยุด ถึงจะฟังจนหูชาแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าเถียงกลับ ไม่ใช่ว่ากลัว แต่โจเป็นคนพูดเร็วจนผมเถียงมันไม่ทันต่างหาก โจย้ำนักย้ำหนาให้ผมมาเจอมิสเตอร์เคเป็นครั้งสุดท้ายและให้บอกเลิกงานกับผู้ว่าจ้างให้เรียบร้อย ส่วนเงินที่ยังขาดอยู่เดี๋ยวโจจะโอนให้วันศุกร์ตอนที่เจอกันในคาบเรียน โจบอกแกมสั่งให้ผมกลับไปทำงานพิเศษเหมือนเดิม มันจะห่วงผมน้อยลงกว่านี้ถ้าผมไม่ไปทำงานลับหูลับตามันอีก


            ผมรู้ว่าโจเป็นห่วง... คิดแล้วก็ถอนหายใจ


            ทุกครั้งที่แม่โทรมาเรื่องเงิน ถ้าหากเงินที่ได้จากงานพิเศษยังไม่ออกหรือผมหมุนเงินไม่ทัน โจจะให้ยืมก่อนเสมอ ถูกต้องละว่าผมยืมเงินมันก็จริง แต่ผมรู้ตัวดีว่าถ้าเงินทำงานออกมาเมื่อไหร่ผมจะสามารถคืนมันหมดได้โดยทันที ไม่เคยค้างหนี้แบบไม่รู้ระยะเวลา ทว่าไม่ใช่ครั้งนี้ ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะทยอยคืนมันได้หมด


            สุดท้ายผมยังเป็นหนี้อยู่ดี แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้เท่านั้นเอง


            ผมคิดแล้วถอนหายใจ ผมเกรงใจโจ ผมรู้ว่ามันมีเงิน ด้วยฐานะทางบ้านของมัน แต่เงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถือว่าเป็นเงินมากสำหรับผม ผมไม่กล้ายืมโดยไม่รู้กำหนดคืน อีกอย่างผมไม่อยากมีปัญหาแล้วต้องดึงเพื่อนเข้ามาเอี่ยวทุกครั้ง แม้โจจะพูดตลอดว่าเต็มใจช่วย โจใจดี ไม่เคยต่อว่า อาจจะมีบ่นบ้างนิดหน่อยที่ผมใจอ่อนกับที่บ้านมากเกินไป แต่ยินดีช่วยเหลือทุกครั้งที่ผมเอ่ยปาก คิดแล้วก็น่าละอายที่ผมไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้


            เป็นอย่างที่ใครต่อใครเคยพูด เมื่อได้หยิบยืมหนึ่งครั้ง สุดท้ายก็จะยืมต่อไปไม่รู้จบ ผมไม่อยากอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้ว ผมตั้งใจว่าถ้าหมดหนี้ก้อนนี้ ตอนที่กลับไปเลือกตั้งที่ลำปาง ผมจะรับปิงมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ถึงแม้ว่าปิงอาจจะต้องเรียนซ้ำชั้นใหม่อีกปีก็ตาม ผมอาจจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ก็ได้แต่หวังว่าน้องชายผมจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำอะไรกะทันหันแบบนี้


            เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เสียงนั้นดึงผมกลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ผมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลตรงโต๊ะที่หัวเตียง


            สามทุ่มห้าสิบห้า


            ตรงเวลาเหลือเกิน


            “มิสเตอร์เคครับ ผมยังไม่ได้ปิดไฟ คุณจะให้ผมใส่ผ้าปิดตาหรือเปล่า” ผมรีบส่งเสียงบอกคนที่อยู่ด้านนอก

            “แล้วแต่คุณเลยครับ ผมแบบไหนก็ได้” ผมฟังแล้วไม่ค่อยพอใจ ทำไมต้องให้ผมเลือกด้วย เขาเป็นนายจ้าง ตัดสินใจให้เลยไม่ได้เหรอ

            “ถ้างั้นผมเลือกเปิดไฟ ไม่ใส่ผ้าปิดตาครับ” ผมตั้งใจพูดกลับไป รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

            “...” ไม่มีคำตอบจากมิสเตอร์เค ความเงียบทำให้ผมหวั่นใจ ผมคงข้ามเส้นเขาเกินไป

            “ขอโทษครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ” ผมรีบขอโทษเขา เราจะเจอกันในความมืดเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ผมไม่อยากให้เราผิดข้องหมองใจต่อกัน

            “คุณอยากเปิดไฟงั้นหรือ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันของเขาถามผมเสียงเรียบ มันทำให้ผมตื่นเต้นที่ได้ยินคำถาม

            “ผมล้อเล่นครับ ผมรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ งั้นผมขอปิดไฟนะครับ” ผมลุกขึ้นเดินไปใกล้ประตู ตรงนั้นมีสวิตช์ไฟอยู่

            “ครับ”

            ผมปิดไฟเสร็จแล้วเดินกลับมาที่เตียง ถึงภายในห้องจะตกอยู่ในความมืดสนิทแล้วแต่ผมยังพอจำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จึงไม่ยากเย็นที่จะเดินไปปลายทางนัก

            “เข้ามาได้เลยครับ ผมปิดไฟแล้ว” ผมให้สัญญาณมิสเตอร์เคอีกครั้ง ประมาณห้าวินาทีที่ผมนับอยู่ในใจ ประตูจึงถูกเปิดออกจากเขา

            ด้านนอกมืดมิดเหมือนครั้งก่อน เงาดำตะคุ่มสูงใหญ่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลงอย่างเบามือ ผมเห็นเงานั้นเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างนั้นก็มานั่งอยู่ข้างผม

            “เมื่อสักครู่นี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น คุณโกรธหรือเปล่า ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมใจเต้นตึกตัก รีบบอกเขาอีกครั้งอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าและแววตาแต่อย่างน้อยก็พูดต่อหน้าเขา

            “...”

            “คุณโกรธผมเหรอ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษนะครับ” ไม่มีคำตอบจากมิสเตอร์เค ผมเริ่มไม่สบายใจ ย้ำคำขอโทษไปอีก

            ผมไม่ได้ตั้งใจจะล้ำเส้นมิสเตอร์เค จึงยกมือไหว้เขา รู้สึกผิดที่พูดจาพล่อยๆ ยังไงเขาก็คือนายจ้างของผมและแก่กว่าผมมาก ผมไม่ควรเอากฎสำคัญมาล้อเล่นเขา

            ผมไม่อยากถูกเขาโกรธ ให้ตายเถอะ


            “เปล่า”

            “แล้วทำไมคุณไม่ตอบผมล่ะครับ”

            “ที่ผมไม่ตอบเพราะผมจำได้ว่าครั้งก่อนผมเคยสอนคุณไปแล้วว่าถ้าจะขอโทษต้องทำยังไง”

            ความทรงจำนั้นผุดขึ้นมาในสมองผมอย่างรวดเร็ว หัวใจผมเต้นสะดุดก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นเต้นโครมคราม

            “เอ่อ..คุณอยากได้คำขอโทษแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

            “ครับ ผมเลยรอ..รอคำขอโทษจริงๆ จากคุณ”

            “ผม..คือ..ผม” ผมลังเล ไม่กล้าเริ่ม ไม่รู้ว่ามิสเตอร์เคใจเย็นได้แค่ไหน  วูบหนึ่งผมคิดว่าถ้าเป็นผมที่ต้องเสียเงินจ้างคนมานอนด้วยแล้วยังถูกถ่วงเวลาไว้แบบนี้ ผมคงจะหงุดหงิด ไม่พอใจ

            ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปจับแขนเขากล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะรีบปล่อยเพราะแขนเขาเย็นมาก

            “ตัวคุณเย็น” ผมบอกเขาตอนที่ละมือออกมา ไม่ได้ต้องการให้เขาเข้าใจผิดกับการกระทำของผม

            มิสเตอร์เคหัวเราะเสียงเบาก่อนจะก้มหน้าเข้ามาใกล้ “ขอโทษที วันนี้ผมร้อนมาก ตอนที่อยู่ในรถเลยเร่งแอร์เสียแรงสุด”

            “ครับ” ผมบอกเขา พยักหน้ารับคำแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม


            ผมขยับตัวแล้วคุกเข่าต่อหน้ามิสเตอร์เค มือทั้งสองข้างยึดบ่าเขาไว้ไม่ให้ล้ม จากท่านี้ผมเห็นมิสเตอร์เคเงยหน้าขึ้น ดวงตาสุกใสในความมืดของมิสเตอร์เคมองมาที่ผม ผมเม้มปากก่อนจะตัดสินใจก้มลงไปจูบเขา

            สารภาพตามตรงว่าผมไม่เคยเริ่มเองเลยสักครั้ง ซ้ำยังจูบไม่เป็น ผมอาศัยความทรงจำที่เขาเคยจูบผมนั้นมาใช้ ผมพยายามจูบเขา สอดลิ้นเข้าไปในปากมิสเตอร์เค แต่มันช่างเงอะงะในความคิดผมเหลือเกิน

            เขาอาจจะรำคาญผมก็เป็นได้ ตั้งใจจะเลิกจูบแล้วตั้งสติใหม่ โมโหที่ตัวเองไม่ได้เรื่อง แต่ท้ายทอยกลับถูกยึดเอาไว้จากมือเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่รู้ตัวเลย

            มิสเตอร์เคถอนริมฝีปากออกมานิดเดียว นิดเดียวจริงๆ จมูกของเรายังชนกัน ถึงจะมองไม่เห็นแต่ผมมั่นใจว่าริมฝีปากเขาจวนแตะกับปากผมอยู่รอมร่อแล้ว

            “ผมรับคำขอโทษจากคุณแล้วนะครับ” เขากระซิบบอกผมก่อนจะย้ำจูบอีกที

            “คุณไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ” ผมยังกังวลกับคำพูดที่ล้อเล่นเขาไปก่อนหน้า

            “ผมไม่ได้โกรธคุณเลย”

            “ต่อไปผมจะไม่พูดแบบนี้กับคุณอีก”

            “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจพูด” เขาเม้มปากผมค่อนข้างแรง ผมเดาว่าเขาอยากจะกัดเพื่อลงโทษแต่เพราะผมเคยบอกว่าไม่ชอบ เขาจึงทำแบบนั้นแทน แต่อย่าคิดว่าไม่กัดแล้วจะไม่เจ็บนะ ลองดูไหมล่ะ


             ‘บอกว่าไม่โกรธ แต่จริงๆ ก็ไม่พอใจอยู่บ้างใช่ไหม’


            “ขอบคุณครับ”

            “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมเหนียวตัวมาก ขอไปอาบน้ำก่อนได้ไหม”

            “ได้ครับ ได้อยู่แล้ว คุณเป็นนายจ้างผมนะครับ” ผมยิ้มบอกเขาในความมืด

            “เผื่อว่าคุณจะกลัวเสียเวลา” มิสเตอร์เคตอบมาด้วยน้ำเสียงเจือขบขันเล็กน้อย เขาคงแกล้งแหย่ผมเล่น ไม่ยักรู้ว่าเขาจะมีมุมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

            “ผมรอได้” ผมเลือกไม่ต่อความ กลัวเถียงไปเถียงมาแล้วไม่ชนะ น่ากลัวว่าจะเดือดร้อนเข้าตัวเอง

            “เดี๋ยวผมกลับมา” มิสเตอร์เคทิ้งท้ายสั้นๆ วางมือบนหัวผมไว้ครู่หนึ่งก่อนจะลุกไป






            คล้อยหลังเสียงประตูปิดลง ผมนึกถึงคนที่เพิ่งออกไป หลังจากคืนนี้ผมจะไม่ได้ติดต่อกับมิสเตอร์เคอีกแล้ว รู้สึกเสียดาย ผมไม่ได้รู้สึกเสียดายงานที่ทำกับเขา แค่เสียดายว่าสุดท้ายแล้วผมก็ไม่รู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ รับรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัวสูงใหญ่ ไม่อ้วน มีอายุมากกว่าผมรวมกันสองคน เป็นคนใจเย็นที่ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ และรู้วิธีพูด พูดเป็น โน้มน้าวเก่ง ไม่บังคับความรู้สึกหรือฝืนใจ ไม่เอาเปรียบ ตรงเวลามาก ไม่ได้มีสาระตลอดเวลา มีอารมณ์ขันบ้างตามสถานการณ์


            และที่สำคัญไม่ตระหนี่ถี่เหนียวเรื่องเงิน


            เอาเถอะ ถึงจะไม่ได้เห็นใบหน้ามิสเตอร์เคก็ไม่เป็นไร ดีกว่าทำลายความไว้ใจที่ได้รับมาจากเขา


            ผมคงคิดเพลินไปหน่อย มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้กลิ่นครีมอาบน้ำกระทบเข้ากับจมูกพร้อมกับเตียงที่ยวบลง

            “ผมเคาะประตูแต่คุณไม่ตอบ นึกว่าหลับไปแล้ว” น้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันบอกผมอย่างนั้น ไม่ได้แฝงความไม่พอใจมาในน้ำเสียง

            “ถ้าผมหลับไปจริงๆ คุณจะทำยังไงครับ” ผมลองถามเขา

            “ผมจะปล่อยให้คุณพัก”

            “แล้วคุณล่ะ?”

            “ผมก็จะกลับไปพักเช่นกัน”

            “ไม่โกรธเหรอครับที่ผมทำคุณเสียเวลา”

            “ผมอาจจะเสียเวลาก็จริงอยู่ แต่ถ้าคุณหลับก็จะไม่ได้เงินใช่ไหม” มิสเตอร์เคหัวเราะอีกแล้ว ใจผมสั่นทุกทีที่ได้ยิน

            ผมขอคืนคำว่าไม่ตระหนี่เรื่องเงินได้ไหม โอเคๆ ผมอาจจะพูดผิดไปหน่อย มิสเตอร์เคอาจจะใช้เงินเก่ง แต่เชื่อเถอะว่าเขาใช้เงินเป็นแน่นอน

            “ใช่ครับ” ผมหัวเราะบ้างแต่เป็นแบบขอไปที “ผมไม่หลับหรอก” ผมต้องการเงินและเป็นการทำงานครั้งสุดท้ายผมจะกล้าหลับได้ยังไง

            “วันนี้คุณพูดแปลกๆ หลายครั้ง มีเรื่องไม่สบายใจหรือ”

            “ครับ?”

           “ผมรู้ว่าคุณได้ยินคำถามผมแล้ว” เขาไม่พูดซ้ำตามนิสัย

           “ไม่มีอะไรครับ” ผมตั้งใจว่าจะพูดเรื่องยกเลิกกับมิสเตอร์เคหลังจากที่เรานอนด้วยกัน จึงยังไม่อยากพูดอะไรในตอนนี้

           “ถึงห้องจะมืด แต่รู้ไหมเปล คุณเป็นคนที่ใช้คำพูดและน้ำเสียงซื่อตรงกับความคิดคุณมาก”

           “ผม?” มิสเตอร์เคไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าผมเป็นอย่างที่เขาพูดจริง

           “ถ้าให้ผมพูดตรงๆ คุณเป็นคนที่อ่านง่าย แล้วถ้าผมมองเห็น คุณคงเป็นคนแสดงสีหน้าชัดเจนด้วย แสดงว่าคุณจะโกหกใครไม่ได้”

           ผมอยากจะเถียงกลับไป แต่มิสเตอร์เคพูดถูก ผมไม่เคยโกหกโจได้สำเร็จ ไม่เคยปิดบังน้ำเสียงเวลาคุยกับแม่ได้เลย แม่ถึงจับจุดผมได้ถูกทุกครั้ง

          “คุณเดาถูกครับ”

          “ผมไม่ได้เดาถูก แต่ผมพูดถูกต่างหาก” เขาแก้คำพูด ยิ่งทำให้ผมชักหมั่นไส้ความมั่นใจของเขา

          “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณครับมิสเตอร์เค แต่ผมขอคุยหลังจากที่เราทำงานเสร็จแล้วได้ไหม”

          “ได้สิ” มิสเตอร์เคพูดแบบนั้นก่อนที่มือของเขาจะถอดเสื้อคลุมผมออกอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน

          “คุณ!” ผมเรียกเขาเสียงหลงแต่ยังชะงักมือที่จะไม่ตะครุบเสื้อคลุมไว้ได้ทัน ปล่อยให้มันหลุดพ้นจากตัวไปตามความตั้งใจของมิสเตอร์เค

          “เริ่มเร็ว จบเร็ว จะได้คุยกันเร็วไงครับ” เขาล้อเลียนตอนที่ดันให้ผมนอนราบไปกับเตียงแล้วมีมิสเตอร์เคทาบทับตามลงมา


          ผมหลับตาเมื่อเขาจูบผม มิสเตอร์เคสอดลิ้นเข้ามาในปากผมเหมือนทุกที ผมเริ่มจำวิธีของเขาได้บ้าง เขาป่ายมือไปทั่วตัว ผมเริ่มหายใจติดขัด จับแขนมิสเตอร์เคไว้แน่นก่อนจะเลื่อนมือไปคล้องคอเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มิสเตอร์เคขยับใบหน้ามาที่ใบหูก่อนจะไล่ละลงจนถึงซอกคอ ผมขนลุกซู่ด้วยความวูบวาบ ทุกการลากผ่านจากริมฝีปากเขามันทำให้ช่วงล่างกำลังก่อตัวแปรเปลี่ยนสภาพ


          ทั้งผมและเขา


          มิสเตอร์เคดูแลใส่ใจผมดีเยี่ยมเหมือนเคย เขาระวังไม่ให้ผมต้องบาดเจ็บ ค่อยเป็นค่อยไปในขั้นตอนที่เขาบอกว่าเร่งรีบไม่ได้ และมันก็มีขั้นตอนที่เขาเร่งรีบและรุนแรงบ้างเมื่อผมบอกเขาว่าผมทนไม่ไหว ทรมานและบีบไหล่เขาแน่นขึ้น ผมไม่ได้พูดมากไปกว่านั้น แต่มิสเตอร์เคกลับเข้าใจเป็นอย่างดี


          ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน ผมก็เริ่มคิดแล้วว่าจริงๆ แล้ว น่าจะเป็นผมมากกว่าที่เป็นฝ่ายซื้อเขามาเสียเอง

          “พอแล้วเหรอครับ” ผมถามมิสเตอร์เคตอนที่เขาถอนตัวออกมาจากตัวผม ผมคิดว่าเขาคงจะถอดถุงยางทิ้งเหมือนกับที่ผมทำ แล้วสวมใส่อันใหม่ลงไป ซึ่งผมเองก็จะทำด้วยเช่นกัน

          แต่คืนนี้กลับไม่ใช่

          “อืม วันนี้ผมค่อนข้างเหนื่อย”

          “ถ้าคุณเหนื่อย จริงๆ ยกเลิกนัดผมได้นะครับ” ถึงจะพูดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แต่ผมอยากให้เขารู้ไว้

          “คุณจำเป็นต้องใช้หนี้ไม่ใช่เหรอ”

          “ก็ใช่ครับ แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็บอกผมได้ คุณทำแบบนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เหมือนเอาเปรียบคุณ”

          “ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก ขยับมาใกล้ๆ สิ” ถึงเขาจะเรียกผมให้เข้าไปแต่อันที่จริง ตอนที่เขาเอนตัวลงนอนข้างๆ เขากลับดึงตัวผมเข้าไปใกล้จนหัวผมเกยอยู่บนหัวไหล่เขา

          มิสเตอร์เคกอดผมไว้ คอยลูบแขนเบาๆ

          ผมคิดว่าผมชอบช่วงเวลานี้นะ ติดที่มิสเตอร์เคไม่ได้สูบบุหรี่ระหว่างที่กอดผม ผมเคยสงสัยตอนที่ดูหนังว่าทำไมพระเอกหรือนักแสดงในเรื่องถึงชอบสูบบุหรี่หลังเสร็จกิจหรือบางคนก็ชอบไปสูบที่ระเบียงห้อง

          “คุณสูบบุหรี่ไหม” ผมจึงถามเขาตามความคิด

          “ไม่ครับ ทำไมเหรอ”

          “ผมดูหนังหลายเรื่องเห็นพระเอกชอบสูบบุหรี่บนเตียง”

          “ดูหนังมากไปแล้ว” เขาเขกหัวผมเบาๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะจางๆ “ผมเคยสูบแต่เลิกไปนานแล้ว อีกอย่างผมไม่ใช่พระเอกด้วย ผมน่าจะเหมาะกับบทตัวร้ายมากกว่า”

          “ทำไมถึงเลิกสูบครับ” ผมไม่กล้าถามเขาว่าทำไมถึงคิดว่าตัวเองเหมาะกับบทตัวร้ายกลัวจะเป็นการละลาบละล้วง เลยเลือกถามคำถามที่คิดว่าตอบไม่ยากแทน

         “พออายุมากขึ้นก็เริ่มกลัวตายเร็ว”

         “เหรอครับ” ผมคิดว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น แต่จะให้ผมไปคาดคั้นเพื่อเอาคำตอบจริงก็กระไรอยู่ ผมไม่ได้อยากรู้จริงจังขนาดนั้น

         “ไม่เชื่อเหรอ”

          “เชื่อสิครับ มีเหตุผลอะไรที่ผมไม่เชื่อ”

         “น้ำเสียงคุณซื่อตรงกับความคิดเสมอ แล้วตกลงว่าคุณมีอะไรอยากพูดกับผม” ในที่สุดมิสเตอร์เคก็รู้จุดอ่อนผมอีกคน

          “เพื่อนผมรู้เรื่องที่ผมมาทำงานกับคุณแล้วครับ”

          “คุณบอกเขา?” มิสเตอร์เคไม่ได้ทำเสียงว่าโกรธ แต่ถามด้วยความแปลกใจมากกว่า

          “เปล่าครับ แต่อย่างที่คุณพูดผมโกหกไม่เก่ง”

          “โอเค ผมไม่ประหลาดใจที่คุณโกหกใครไม่ได้ แล้วที่คุณอยากบอกผมคือ?” มิสเตอร์เคตอกย้ำจุดอ่อนของผมแล้วถามกลับ

          “เพื่อนผมไม่สบายใจที่รู้ว่าทำงานนี้ เขาเลยออกปากจะช่วยใช้หนี้แทนให้”

          “เพื่อนสนิทเหรอ”

          “ก็สนิทมั้งครับ คือปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนเพราะผมไปทำงานพิเศษตลอด แต่เวลามีปัญหาทีไร เพื่อนคนนี้ก็จะคอยช่วยเหลือผมเสมอ”

          “แล้วเงินนั่น คุณต้องคืนให้เพื่อนคุณด้วยไหม”

          “ต้องคืนสิครับ ผมไม่กล้าเอามาเฉยๆ หรอก”

          “แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้สินะ แล้ว?”

          “ผมตั้งใจจะบอกคุณว่าขอยกเลิกสัญญาระหว่างเราครับ ผมคงทำงานกับคุณครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”

          พอมิสเตอร์เคฟังคำพูดของผมจบก็เงียบไปครู่ใหญ่ กระทั่งเขาพูดขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังคิดเตลิดไปต่างๆ นานา

          “ตกลงครับ ตามสัญญาของเรา ไม่ว่าคุณหรือผม เราต่างมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”

          “ขอโทษที่บอกกะทันหันนะครับ”

          “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลนะ มันเป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้วครับ” มิสเตอร์เคว่าพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก เขาคงไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ

          “ขอบคุณครับ ผมขอถามอะไรคุณบ้างได้ไหมครับ” ในเมื่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ผมก็อยากจะรู้บางอย่างจากมิสเตอร์เคบ้าง

          “ได้ครับ”

          “ทำไมคุณถึงเลือกผมครับ”

          “นึกว่าเรื่องอะไรเสียอีก เพราะคุณน่าสนใจดี”

          “ครับ?”

          “ไม่มีใครเขาสมัครงานแบบนี้ด้วยรูปถ่ายสองนิ้ว หน้าตรง สวมชุดนักศึกษากันหรอกครับ”

          “แล้วถ้าไม่ใช่รูปนักศึกษา จะใช้รูปอะไรล่ะครับ รูปถ่ายเล่นทั่วไปเหมือนที่คุณเคยขอผมเหรอครับ”

          “เปลครับ อย่างแรกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าถึงผมจะรับสมัครงานพนักงานดูแลเตียงก็จริง แต่ความหมายมันไม่ใช่อย่างนั้น คุณก็รู้ใช่ไหม ผมถึงถามคุณในอีเมลว่าคุณรู้ใช่ไหมงานนี้คืองานอะไร” มิสเตอร์เคอธิบายผมอย่างใจเย็น

          “ครับ”

          “คุณยังจำได้ไหมผมไม่ได้ระบุวุฒิการศึกษาเป็นคุณสมบัติของผู้ที่มาสมัคร”

          “จำได้ครับ” ผมพยักหน้าไปด้วย

          “แสดงว่างานนี้มันไม่ได้ใช้ความรู้เป็นสำคัญ วุฒิการศึกษาไม่ได้ตอบโจทย์ในอาชีพนี้”

          “อ่อ..ครับ”

          “ผมคิดว่าคุณคงพอจะเดาได้แล้วว่าถ้าไม่ใช้ความรู้แล้วต้องใช้อะไร” มิสเตอร์เคไม่ได้เฉลยจนหมดเปลือก เขาปล่อยให้ผมได้ใช้ความคิดเอง

          “คิดว่ารู้ครับ”

          “ดีครับ ผมเจอมาหลายแบบ ทั้งรูปภาพที่ผ่านการตกแต่งหรือคำพูดที่ผ่านการปรุงแต่ง แต่คุณไม่ใช่ คุณทำให้ผมแปลกใจตั้งแต่รูปถ่ายและคำตอบของคุณ”

          “รูปถ่ายผมพอจะเดาได้ แต่คำตอบของผม มันทำไมเหรอครับ”

          “คุณตอบตรงๆ ตามสิ่งที่คุณคิดไงครับ”

          “ผมก็ตอบตามปกตินะครับ” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ

          “ผมถามคนที่ผมจ้างมาว่าเขามีแฟนไหม หรือเขาเคยนอนกับใครไหม คุณคิดว่าพวกเขาจะตอบว่าอย่างไร”

          “ก็ตอบตามจริงสิครับ แต่เขาไม่ควรตอบว่ามีแฟนนะ เพราะมันผิดตั้งแต่ตอนสมัครงานแล้ว” ผมตอบไปตรงๆ

          “สมเป็นคุณ นั่นแหละครับตามที่คุณว่าแต่น่าเสียดายที่พวกเขาเลือกโกหกผมตั้งแต่คำถามแรก”

          “ทำไมพวกเขาต้องทำแบบนั้นด้วย”

          “เขาอยากได้เงิน จนไม่สนวิธีการ”

          “เหรอครับ” ผมพยักหน้างึกงักในความมืด

          “เอาละ มีอะไรอยากถามผมอีกไหม” มิสเตอร์เคพูดเสียงอู้อี้เล็กน้อย น้ำเสียงเขาฟังดูเนือยๆ วันนี้เขาคงเหนื่อยมากจริงๆ

          “ไม่แล้วครับ ขอบคุณนะครับ” ผมเลยไม่อยากไปถามอะไรเขาอีกก่อนจะพูดต่อ “คุณคงจะง่วงแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวผมกลับเลยนะครับ คุณจะได้พักผ่อนต่อที่นี่ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป ส่วนคีย์การ์ดผมวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียงให้แล้วนะครับ”

          “คุณก็เช่นกัน ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ คุณเป็นเด็กดี กลับไปทำงานพิเศษอย่างที่เพื่อนคุณบอก แล้วถ้ามีเรื่องหนักหนา หาทางออกไม่ได้ ให้อีเมลมาหาผมนะ”

          “ขอบคุณครับ”

          “เดี๋ยวผมจะไปนอนอีกห้อง หลังจากผมไปแล้ว คุณเปิดไฟ อาบน้ำแต่งตัวได้เลยนะครับ” มิสเตอร์เคคลายอ้อมกอด ความอบอุ่นจากเขาหายไป เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผมจึงทำตามเขาเหมือนกัน

          “ครับ”

          “อย่าลืมนะ ถ้ามีเรื่องอะไรให้บอกผม อย่าเกรงใจ”

          “ครับ”

          “โชคดีนะครับเปล” มิสเตอร์เคชะโงกหน้าจูบที่หน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้อง



          ไม่รู้ทำไม ผมเบาโหวงในใจเมื่อคิดว่าจะไม่ได้สัมผัสบรรยากาศและความรู้สึกแบบนี้ของเขาอีก









=====================



ไหนดูซิ.. ใครเดาไว้ว่ายังไงบ้างคะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 02-05-2019 18:23:44
นี่คนหรือไมโครเวฟคะ อบอุ่นไปแล้ววว ฮืออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-05-2019 21:32:09
งื้อ คุณเคอบอุ่นมากๆเลยค่ะ
คุณเคจะปล่อยน้องเปลไปเฉยๆจริงๆเหรอคะ  :mew2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-05-2019 21:42:31
จะยอมปล่อยมือจริงๆอ่อ   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-05-2019 22:13:58
แม้แต่วันสุดท้ายยังคงอบอุ่นแง คุณคีนนนน  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 02-05-2019 22:41:52
โอ้โห วันสุดท้ายยังละมุนกันอะ จะผีผลักท่าไหนให้ได้กันอะ 55555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-05-2019 22:49:30
คุณคินของเราเดี๋ยวจะไปขัง2คนไว้ในห้องเดียวกันจะอบอุ่นไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-05-2019 11:36:02
คุณคินคงไม่ได้ปล่อยน้องไปจริงๆ หรอกใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nkl31 ที่ 03-05-2019 12:44:28
อบอุ่นอะไรขนาดนี้ ชอบตอนนอนกอดกัน กับจูบหน้าผาก แงงงง ละมุนเวอรร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-05-2019 16:18:02
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-05-2019 16:33:01
ปล่อยจากสถานะซื้อขายเป็นแบบทั่วไปไหมคะโหยเสียดายแทนน้องเปล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 03-05-2019 22:11:05
ชอบๆๆ จะมีโอกาสที่มิสเตอร์เคกับน้องจะได้สานต่อแบบไม่เกี่ยวกับเงินมั้ยคะ รอนะคะข
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 04-05-2019 08:01:42
งืออ คุณเคค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: intothemoon ที่ 04-05-2019 17:25:20
 :pighaun: รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: intothemoon ที่ 04-05-2019 17:46:57
 :pighaun: ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi1000 ที่ 04-05-2019 17:55:14
เขาจะกลับมาหากันอีกไหม :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsang ที่ 04-05-2019 20:21:52
แงงงง  ไม่อยากให้เขาห่างกันเลย  เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 04-05-2019 22:15:44
เดาต่อไม่ได้เลยค่ะ
ว่าเรื่องจะไปจบที่ตรงไหน
แต่แอบมั่นใจนิดๆว่ามิสเตอร์เคเนี่ย
ต้องเป็นคุณคิรินชา นักการเมืองคนนั้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 04-05-2019 22:19:03
แงงง จะเป็นยังไงต่ออ คุณเคละมุนจังเลยค่ะ แงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Poer ที่ 04-05-2019 22:26:13
งื้อออออแด้ดดี้มากกกกไม่อยากให้เค้าห่างกันเลยฮืออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: L.Snail ที่ 04-05-2019 22:36:03
สนุกมากๆเลยค่ะ
ลุ้นตามน้องทุกตอนเลยว่าคุณเขาคือใคร
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 04-05-2019 22:58:30

ละมุนในจุดที่นอนคุยกันมากมากค่ะ เหมือนจะเข้าใจว่าทำไมคุณเคเขาถึงไม่รั้งน้องไว้เลย
 แต่ก็ไม่มั่นใจเลยค่ะ ในใจเขามีอะไรเดายากมั่กกก

ขอบคุณนะคะะ รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 05-05-2019 01:37:51
เขาจะได้กลับมาเจอกันอีกไหม
คุณคินจะปล่อยน้องไปแบบนี้เลยใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 05-05-2019 03:12:16
ละมุนมากกกกกก มิสเตอร์เคของน้องเปล :hao7:
โอ้ยยย แพ้แด๊ดดี้ที่อบอุ่นและเด็กน้อยผู้ซื่อตรง  :-[ :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 05-05-2019 06:55:53
มิสเตอร์เคโตมาก
เป็นผู้ใหญ่อบอุ่นสุด
เปลจะได้เจอคุณเขาอีกไหมน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 05-05-2019 08:12:40
หลงคุณคีนแล้ววววว ความแด๊ดดี้นี้ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 05-05-2019 08:37:23
แว้ รีบมาต่อนะ คิดถึงแดดดี้เเล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 05-05-2019 08:44:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 05-05-2019 09:15:41
ม่ายยยยย ไม่อยากให้ยกเลิกสัญญาเลย แง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 05-05-2019 09:45:56
แงงงงง  ชอบเรื่องนี้ที่สุด เข้ามาส่องทุกวันเลยค่า
...อบอุ่นละมุนละไมมาก อารมณ์บั่บ..ไม่รู้จักแต่หลงรักในความสัมพันธ์มากกกก
อย่าหายไปนานนะคะ คนอ่านตั้งตารอมากค่าาาาา   :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: YYuiiiiuYY ที่ 05-05-2019 10:46:56
เพิ่งมาอ่านรวดเดียว แบ่บบบ มิสเตอร์เคแซ่บแน่ อยากให้เปิดไฟแล้ว อยากรู้ว่าใช่คนที่คิดไว้ไหม รออ่านต่อนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: boobee ที่ 05-05-2019 13:35:47
หลังจากที่ิ่อ่านรวดเดียว อยากจะกรีดร้อง ทำไมมิสเตอร์เคละมุนเบอร์นี้ แด๊ดดี้มากๆ เดาว่ามิสเตอร์เคต้องเป็นนักการเมืองที่ชื่อคิรินชาแน่ๆ จริงๆ เดาว่าเป็นนักการเมืองตั้งแต่ตอนเปลเปิดทีวีไปเจอสัมพาษณ์นักการเมือง แต่ไม่คิดว่าพอเปลเลือกตื่นแล้วพอสองคนได้คุยกัน คือแบบโอ๊ย บรรยายไม่ถูก คุณเคอ่อนโยนมาก สุภาพมาก ใส่ใจมาก รุ้สึกบรรยากาศมันเป็นสีพาสเทลไปหมดเลย ส่วนโจ เราว่าโจต้องชอบเปลแน่ๆเลย ถึงสังเกตเปลตลอด อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ ดีงามพระรามแปด  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bambooyamy ที่ 05-05-2019 14:59:48
 :hao6 อย่าปล่อยเขาไปลู๊กกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น Bed Care Job : 23/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-05-2019 16:06:42
 :-[ เขินแทนเปลอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Atnep ที่ 05-05-2019 16:15:14
 :katai2-1: สนุกมากๆค่ะ อยากให้ทำเป็นเรื่องยาวเลยจริงๆ ฮืออออ น้องเปลซื่อมากๆ แล้วคุณคีนก็อบอุ่นมากๆ แงงง รอตอนต่อไปนะคะ  :katai1: :hao7: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 05-05-2019 16:28:18
 :hao5: คุณคินปล่อยน้องเปลไปอย่างง่ายดาย แล้วจะวนมาเจอกันอีกได้ยังงัยเนี่ย ความละมุนของคุณคินนั้นดีงามจริงๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job ตอนที่ 3 ขอโทษให้ทำแบบนี้ UP 26/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-05-2019 17:27:28
กรี๊ดดดดด mr.คะ  :jul1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-05-2019 17:46:05
ม่ายยยยยยย  :ling3: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfeel ที่ 05-05-2019 18:35:55
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ กำลังสนุกเลย รอตอนต่อไป อยากรู้แล้วว่ามิสเตอร์เคเป็นใคร :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 05-05-2019 19:05:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 05-05-2019 21:16:56
คือน่ารักมากกกกก คุณเขาก็สุภาพกับน้องมากๆ ทั้งที่เป็นคนจ่ายเงินซื้อมานะ แต่ดูแลดีมาก ตามใจทุกสิ่งอย่าง แงง ใจบางกับคุณเขา รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 05-05-2019 22:00:30
น้องโจไม่ดีเลย ขัดความฟินพี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 06-05-2019 16:45:42
ทำไมคุณเขาดีแบบนี้นะคะ แงงงง อ่อนโยนเหลือเกิน :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 06-05-2019 22:34:43
อ่อนโยนไปอี้กกกกกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ UP 02/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 07-05-2019 12:39:14

BED CARE JOB



ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่



สุดสัปดาห์วันศุกร์ ผมมารอเรียนในช่วงเช้าเหมือนอย่างเคย โจบอกผมตั้งแต่วันพุธว่าหลังเลิกเรียนมันจะโอนเงินให้ผมไปใช้หนี้ พอคุยกับโจเสร็จ ผมจึงออกไปสมัครงาน แล้วเริ่มไปทำงานพิเศษตั้งแต่เมื่อวาน โดยเลือกทำงานร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ใกล้กับคอนโดมิสเตอร์เค



เอ่อ..ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปทำงานร้านนั้นเพื่อจุดประสงค์อื่น อันที่จริงผมลองสมัครตามร้านกาแฟใกล้ๆ มหาวิทยาลัยแล้ว ปรากฏว่ามันเต็มหมด ผมนึกได้ว่าร้านกาแฟนั้นติดประกาศรับสมัครงานอยู่พอดีตอนที่ผมเดินผ่านร้านไปคอนโด เลยลองไปสมัครดูและเมื่อเจ้าของร้านรู้ว่าผมมีประสบการณ์เคยทำงานร้านกาแฟมาก่อน เขาจึงตกลงจ้างผมทันที



สองวันหลังจากยกเลิกสัญญาทำงานกับมิสเตอร์เค ผมนั่งทบทวนคิดว่าระยะเวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมบ้าง ทั้งเรื่องงานที่ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะกล้าทำ การไปเป็นพนักงานดูแลเตียง คำเรียกสวยหรู ทั้งที่เรารู้กันดีว่ามันคืองานอะไร ทั้งการที่ผมได้คุยกับเขา ได้รับการดูแลอย่างดีในช่วงเวลาทำงาน บอกว่าดีอย่างเดียวคงไม่พอ ผมคงต้องบอกว่าดีมากเลยด้วยซ้ำ



ผมเฝ้าคิดถึงเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันของมิสเตอร์เค เสียงเขามันช่วยทำให้ใจผมสงบอย่างแปลกประหลาด ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยินเขาพูดหรือหัวเราะ


หลงใหลในน้ำเสียงเขาทั้งที่ไม่เคยเห็นตัวตนจริง


ผมจับๆ วางๆ โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดวัน ทั้งที่มีโปรเจ็กจบที่ต้องทำ งานเลยไม่ค่อยกระเตื้อง ใจผมมันมัวแต่พะวง คอยเข้าไปเช็กอีเมลอยู่ร่ำไป คาดหวังเผื่อว่าจะมีข้อความใหม่เข้ามา แต่ก็ไม่มี ซึ่งมันถูกต้องแล้ว มิสเตอร์เคจะส่งอีเมลหาผมอีกทำไม ในเมื่อเราไม่ได้ทำงานร่วมกันอีกต่อไป เขาคงจะตอบอีเมลคนที่ผ่านการพิจารณารายอื่น


เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ การกระทำต่างๆ คำพูดอ่อนโยนที่เขาเคยปฏิบัติกับผม เขาคงปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นกัน



“เป็นอะไร นั่งถอนหายใจ” โจมานั่งข้างผมได้สักพักแล้ว ผมไม่ได้เอ่ยทักมันไปนอกจากรอยยิ้มแห้งๆ

“เปล่า”

“โกหก ถ้าปกติดี จะมานั่งทำหน้าตูดแบบนี้เหรอ”

“ช่างกูเถอะน่า” ผมรู้ว่าโกหกไม่ได้ แต่ผมบอกปัดมันได้นะ

“กังวลเรื่องเงินหรือ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วกูโอนให้เลยหรือจะเอาเงินสด” โจพูดจบก็วางมือบนหัวผมเต็มแรง ไม่ได้เบามือเลย

“เจ็บ” ผมสะบัดหัวออกจากมือโจ “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก มึงโอนเงินมาอะดีแล้ว”

“แล้วเป็นอะไร”

“...”

“ไม่พูดอีก งั้นถามเรื่องอื่นก็แล้วกัน คนที่มึงไปทำงานด้วยเขาได้ติดต่อมาหรือเปล่า” โจเปลี่ยนคำถามใหม่เมื่อเห็นผมดื้อด้านไม่ตอบคำถามแรก

“...” ผมเลือกส่ายหน้าแทนเป็นคำตอบ

“ดีแล้ว ถ้ามันมาวอแวมึงให้รีบบอกกูเลยนะ”

“ถ้าเขาติดต่อมาแล้วมึงจะทำอะไร” ผมถามมันบ้าง

“กูมีวิธีของกูน่า แล้วมึงไม่ได้ทำงานกับเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องติดต่อมาอีกแล้ว ใช่ไหม”

“อืม”

“ตอบสั้นๆ หรือมึงโกหกกู กลัวกูจับโกหกได้ใช่ไหม บอกกูมา เขาติดต่อมาหามึงใช่ไหม” โจมองผมด้วยสีหน้าระแวง ไม่ค่อยเชื่อคำพูดผมเท่าไหร่

“เปล่า” ผมยืนยันพูดเสียงหนักแน่น

“แน่นะ?”

“เออ กูจะโกหกมึงทำไมกันเล่า มึงพูดถูก เขาจะติดต่อกูอีกทำไม”

“ก็เผื่อว่าเขาจะติดใจมึง”

“กูมีอะไรให้เขามาติดใจ เป็นไปไม่ได้เหอะ อีกอย่างนะ ป่านนี้เขาคงจะจ้างคนใหม่ไปแล้ว” ผมบอกโจให้เข้าใจ พูดเองก็ปวดใจเอง

“มึงพูดเหมือนไม่พอใจ”

“กูมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจ”

“นั่นสินะ มึงมีสิทธิ์อะไรล่ะ” โจชักกวนประสาท ผมเลยเลิกคุยกับมัน หันหน้าหนีเลยเห็นว่าสามสาวตรงหน้ามากันครบแล้ว



ผมไม่รู้ว่าโจรู้อะไรมากน้อยแค่ไหนระหว่างผมกับมิสเตอร์เคเพราะผมก็ไม่ได้เล่าให้มันฟังอย่างละเอียด แต่การที่มันทวนคำพูดผมราวกับว่ามันรู้ความคิดผม ช่างตอกย้ำความเป็นจริงว่าไม่ว่าผมจะคิดอะไรอยู่ ผมก็ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรเกี่ยวกับมิสเตอร์เคเลย



“พวกมึง ลูกค้าเขาอยากให้กูเป็นเด็กเขาจริงจังว่ะ” คำพูดของสาวเปิ้ลผมแดงทำให้ผมเลิกคิดเรื่องมิสเตอร์เคชั่วคราว แวะไปพักฟังสิ่งที่น่าสนใจก่อน

“คนไหนอะ ใช่คนล่าสุดปะ แล้วไม่ดีเหรอ ทำไม? ลำบากใจ?” สาวผมดำตัดสั้นที่ชื่อข้าวชะโงกหน้าผ่านเกดสาวผมดำยาวที่นั่งอยู่ตรงกลางกลุ่มแล้วถามกลับไป


ลำดับการนั่งเรียนของพวกเธอยังนั่งเรียงกันเหมือนทุกที ข้าว เกด และเปิ้ล เรียงจากซ้ายไปขวา แต่สำหรับกลุ่มผมไม่ได้ระบุแน่นอนใครมาก่อนก็เลือกเอา เหมือนอย่างวันนี้ที่โจมาเร็วเลยนั่งข้างผมที่นั่งอยู่ทางขวา ถัดจากโจไปจึงเป็นภพและเอกที่อยู่ด้านซ้ายสุดของกลุ่ม


“อืม คนล่าสุดนั่นแหละ” เปิ้ลบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

“แล้วมึงมีปัญหาอะไรอะ กูงง ปกติมึงก็ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ข้าวถามต่อ

“ไม่ใช่ กูรับเป็นคนๆ ไป คนก่อนๆ เขาแค่นัดกูเป็นครั้งคราว ไม่ได้เลี้ยงดูกูจริงจัง นี่มึงคิดว่าวันนี้กูนอนกับคนหนึ่ง พรุ่งนี้กับอีกคนหนึ่ง แบบนี้เหรอ นี่มึงเป็นเพื่อนกูจริงปะเนี่ยอีข้าว” เปิ้ลเสียงดังขึ้นเล็กน้อยคงไม่ค่อยพอใจเพื่อน

“เอ้า กูจะไปรู้มึงเหรอ”

“อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เอาสาระก่อน แล้วมึงติดอะไร ไม่อยากเป็นเด็กเสี่ยเหรอ” เกดแทรกขึ้น เป็นการสงบศึกคนสองคนได้อย่างง่ายดาย

“เขายกห้องหนึ่งให้กู มีเงินเดือนให้ใช้ อยากได้อะไรให้บอก เขาพูดกับกูว่าไม่รู้ว่ากูมีแฟนหรือไม่มี ถ้ามีให้ไปเลิกกับแฟนมาก่อนเพราะเขาไม่อยากมีปัญหา และเขาเป็นคนจ่ายเงิน ไม่ชอบนอนกับกูพร้อมกับใคร”

“ไม่บอกก็ไม่รู้แล้วปะ” ข้าวเสนอความเห็น

“กูก็คิดงั้น ถ้าไม่บอก ลูกค้าก็ไม่รู้”

“กูไม่เห็นด้วย” เกดค้าน

“ทำไม/ทำไม” สองเสียงที่มีแนวคิดเดียวกันประสานขึ้นถามโดยพร้อมเพรียง

“มึงไม่แฟร์กับลูกค้า เขาจ่ายเงินให้มึง เปย์มึงเต็มที่ แต่มีเงื่อนไขเดียวที่ขอ มึงก็ยังจะไปหลอกเขาอีก”

“ใครจะไปยอมเลิกกับแฟนจริงๆ วะเกด” ข้าวเป็นคนถาม

“แสดงว่ามึงต้องเลือกไง กูไม่ได้ต้องการจะขู่ให้กลัวนะเปิ้ล แต่มึงลองคิดดูถ้ามึงหลอกเขา แล้วเขาจับได้อะ มึงไม่เละเหรอ”

“แล้วทีลูกค้าไม่เห็นต้องเลิกกับเมียเลยอะ” เปิ้ลบ่นกระปอดกระแปดไม่ค่อยเห็นด้วย

“ขนาดมึงยังเรียกเขาว่าลูกค้าเลย ลูกค้าคือลูกค้าไงมึง เขาจะมีประวัติส่วนตัวอะไรก็ตาม นั่นเขาเป็นลูกค้า คนจ่ายเงินซื้อของจากมึง ถ้ามึงรับไม่ได้ไม่อยากเลิกกับผัวมึง ก็ไม่ต้องไปรับปากลูกค้า แค่นี้เอง” เกดอธิบายเพิ่มเติม

“...”

“ทำไมทำหน้าแบบเดิมอีกละ” ข้าวถามอีกรอบ

“กูเสียดายเงินอะ ที่เขาจะจ่ายให้กูเป็นรายเดือน เดือนๆ หนึ่งสูงมากเลยนะเว้ย” เปิ้ลพูดด้วยความอาลัยในพลังตัวเลขเงินตรา

“กูไม่พูดแล้วนะ เหนื่อย มึงตัดสินใจยังไงเองก็แล้วกัน กูห้ามมึงไม่ได้อยู่แล้ว อาจารย์มาแล้ว” เกดตัดบทสนทนาทันที ผมจึงไม่มีโอกาสได้ฟังต่ออีก




พอเลิกเรียนเสร็จ โจทำตามที่รับปาก มันรีบโอนเงินให้ผมทันที ผมรีบโอนเงินต่อไปให้เจ้าหนี้แล้วโทรศัพท์หาเขาเพื่อการรับรู้ที่ตรงกันว่าผมกับเจ้าหนี้ว่าตอนนี้เราไม่ได้มีหนี้สินติดค้างคงเหลือกันอีกแล้ว ทางนั้นไม่ได้บิดพลิ้วหรือตุกติกเรื่องหนี้กับผมเลย โชคดีจริงๆ ที่อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็ไม่กลับคำพูดที่ให้ไว้


ผมคุยกับอดีตเจ้าหนี้และขอร้องให้เขาปฏิเสธพ่อผมไม่ให้เข้าไปเล่นการพนันในบ่อนอีก เขาตอบว่าคงห้ามยาก ผมจึงขอร้องเขาใหม่ว่าถ้าหากพ่อหรือแม่ผมมาถามให้บอกว่าผมยังใช้หนี้ไม่หมดได้ไหม ปลายสายบอกว่าเขาทำธุรกิจแบบนี้ การที่บอกปัดลูกค้าเท่ากับเสียรายได้ แต่เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่ความยากลำบากและเคยเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก เขาจะคอยกันไม่ให้พ่อผมเข้ามาเล่นก็แล้วกัน แต่ทั้งนี้เขาไม่รับปากนะว่าจะห้ามพ่อผมได้ทุกครั้ง


แค่นี้ผมก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว


พ่อไม่ได้มีโอกาสสร้างหนี้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ทำให้อุ่นใจพอควร


ผมอยู่กินข้าวเที่ยงกับเพื่อนในกลุ่มก่อน เสร็จแล้วจึงนั่งรถเมลไปร้านกาแฟ โจตบบ่าผมสองสามทีแล้วบอกให้ผมเดินทางดีๆ ถ้าเลิกงานแล้วให้บอกจะออกไปรับ แต่ผมปฏิเสธว่าผมกลับเองได้ โจจึงพูดต่อว่าถ้างั้นถึงห้องแล้วให้บอกมันด้วย มันจะได้ไม่เป็นห่วง













“สวัสดีครับพี่ปุยฝ้าย”

“มาแล้วเหรอเปล รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาช่วยพี่เร็ว วันนี้ลูกค้าเยอะมากเลย” พี่ปุยฝ้ายเป็นเจ้าของร้านกาแฟร้านนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่ มีแฟนหรือเปล่า แต่งงานหรือยัง แต่ผมไม่กล้าถาม กลัวโดนไล่ออก

“ครับๆ” ผมรับคำแล้วรีบไปสวมผ้ากันเปื้อนหลังร้าน ชุดพนักงานที่นี่เป็นฟอร์มทั่วไปคือเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำหรือกางเกงยีนก็ได้ ขอแค่เป็นยีนสุภาพไม่ขาดเข่า ห้ามมีรอยปะหรือลายพร้อย ผมจึงหมดปัญหาเรื่องชุดทำงานเพราะชุดนักศึกษาผมเหมาะสมแล้ว


ก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน ผมมองเห็นจากข้างนอกว่ามีลูกค้าค่อนข้างเยอะตามที่พี่ปุยฝ้ายพูด โต๊ะที่มีอยู่ในร้านถูกจับจองไว้เกือบทุกโต๊ะ ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้วันเดียวเลยไม่รู้ว่าปกติแล้วที่ร้านมีคนแน่นแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า



“เสร็จแล้วครับพี่ปุยฝ้าย”

“โอ๊ย เปล..” เธอเรียกผมเสียงหลง “พี่จะเป็นลมอยู่แล้ว ลูกค้ามาตลอดเลย มันก็ดีนะ แต่ไอ้พงศ์ ดันมาลาวันนี้น่ะสิ วันนี้ยังไงเปลอยู่ช่วยพี่จนปิดร้านเลยได้ไหม เดี๋ยวพี่ให้โอที”

“ได้ครับพี่ปุยฝ้าย” พี่ปุยฝ้ายบ่นเสียยืดยาวเพราะจริงๆ หน้าที่บาริสต้าเป็นหน้าที่ของพี่พงศ์ เมื่อคนที่ประจำตำแหน่งไม่มาเธอจึงต้องรับหน้าที่นี้เอง


ส่วนผมยังไม่สามารถทำได้ ถึงผมจะเคยทำงานร้านกาแฟมาแล้วก็จริง แต่กาแฟมีหลายแบบ หลายชนิด การชง การบดกาแฟก็จะไม่เหมือนกันทุกร้าน ซึ่งคนที่จะมาสอนผมคือพี่พงศ์


“เอาครัวซองต์ใส่จานสองชิ้นนะ แก้วนี้อเมริกาโน่ ส่วนแก้วนี้เป็นลาเต้ร้อน เอาไปเสิร์ฟที่โต๊ะหนึ่งจ้ะ โต๊ะในสุดนะ ที่มีผู้ชายหล่อๆ กับผู้หญิงสวยๆ นั่งอยู่สองคน”

“ครับ” ผมคีบครัวซองต์มาใส่จานก่อน แล้ววางลงในถาดเตรียมจะนำไปเสิร์ฟ แต่พี่ฝ้ายก็เรียกผมไว้

“เดี๋ยวเปล”

“ครับ?”

“เบาๆ เสียงแล้วก็เสิร์ฟระวังๆ ด้วย เสร็จแล้วก็รีบออกมา อ้อ ครัวซองต์น่ะ ถ้าเขาถามบอกว่าพี่ฝ้ายใจดีให้ชิมฟรีนะ” พี่ปุยฝ้ายกำชับ

“ครับ” ผมพยักหน้ารับคำไปพร้อมกัน



เมื่อเดินไปใกล้ถึงโต๊ะปลายทางผมจึงเห็นว่า จริงๆ ที่ร้านยังมีโต๊ะว่างนี่นา มีอีกสองสามโต๊ะด้านนอกก่อนจะถึงโต๊ะหนึ่งมีป้ายคำว่าจองตั้งอยู่บนโต๊ะ เหมือนแยกโต๊ะหนึ่งเป็นโต๊ะส่วนตัวเลย โต๊ะที่จองพวกนั้นใครจองกัน แล้วที่นี่มีนโยบายรับจองโต๊ะด้วยเหรอ เดี๋ยวเสิร์ฟเสร็จผมจะลองถามพี่ปุยฝ้ายดู



“ขออภัยที่ให้รอนานครับ ลาเต้ร้อน ไม่ทราบว่าของท่านไหนครับ” ผมถามอย่างเป็นอัตโนมัติ ยกลาเต้ขึ้นมาจากถาดอย่างระวัง

“ทางนี้ค่ะ” เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่เป็นคนตอบ ผมจึงวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะหยิบอีกแก้วไปวางตรงหน้าผู้ชายอีกคน

“อเมริกาโน่ครับ” ผมเห็นใบหน้าด้านข้างเขาพยักหน้ารับรู้ ตั้งใจอยู่กับแก้วในมือจนไม่ได้สังเกตลูกค้ามากนัก

“ส่วนจานนี้เป็นครัวซองต์ครับ” ผมวางจานครัวซองต์แล้วจึงได้มองลูกค้าทั้งสองคนเต็มตาเสียที หญิงสาวที่สั่งลาเต้ร้อนหน้าตาดีอย่างที่พี่ปุยฝ้ายบอกไว้จริงๆ ส่วนอีกคน



ในจังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นมามอง คงจะสงสัยว่าไม่ได้สั่งจานนี้ ผมสบตากับเขา คุ้นหน้าเขาเหลือเกิน เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออก


“น้องคะ อันนี้พี่ไม่ได้สั่งนะคะ”

“เอ่อ..ครับ” ผมรีบดึงสติกลับมา “พี่ปุยฝ้ายบอกว่าให้ลองชิมฟรีครับ”

“อ๋อ คุณปุยฝ้ายใจดีตลอดเลย ฝากขอบคุณด้วยนะคะ” เธอยิ้มกว้างตอนที่บอกผม ยิ่งทำให้เธอน่ามองขึ้นไปอีก แต่ผมกลับไม่ได้สนใจเธอมากกว่าที่เป็นเพราะผมสนใจคนนั่งตรงข้ามเธอมากกว่า

“แล้วผมจะบอกพี่ปุยฝ้ายให้นะครับ” ผมพูดเสร็จแล้วรีบหันหลังกลับ รู้สึกถึงสายตาที่ยังจับจ้องมองมาที่หลังผมตลอดเวลา

“เรียบร้อยแล้วครับ เธอฝากขอบคุณพี่มาด้วย แล้วมีออเดอร์โต๊ะไหนอีกไหมครับ” ผมถามตอนที่วางถาดบนเคาต์เตอร์

“จ้ะ...ส่วนออเดอร์ไม่มีแล้วนะ รอแค่ลูกค้าลุกแล้วเก็บโต๊ะ เนี่ย..ลูกค้าเข้าร้านมาเยอะมากจนพี่แยกร่างไปเสิร์ฟไม่ได้เลยอะ ส่วนน้องหนูก็ง่วนเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุก” น้องหนูที่พี่ปุยฝ้ายพูดถึงคือพนักงานเสิร์ฟอีกคนของร้านครับ

“ครับ เอ่อ..พี่ปุยฝ้าย”

“หืม”

“ผมเห็นโต๊ะใกล้ๆ โต๊ะหนึ่งมีป้ายว่าจอง ร้านเรามีให้จองโต๊ะด้วยเหรอครับ”

“จริงๆ ไม่มีหรอกจ้ะ แต่วันนี้พิเศษเพราะคนโต๊ะหนึ่ง”

“ครับ?”

“คุ้นหน้าคุ้นตาคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นบ้างไหม”

“ผมไม่รู้จักผู้หญิงเลยครับ ส่วนผู้ชาย รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”

“เปลไปอยู่ที่ไหนมา ใช้ไม่ได้เลย เขาออกจะดัง” พี่ปุยฝ้ายบ่นพลางส่ายหน้า แต่เธอไม่ได้บ่นจริงจังเหมือนแค่แหย่เล่นเฉยๆ

“ขอโทษครับ ผมไม่ค่อยได้ดูทีวี”

“พี่พูดเล่นจ้ะ สาวสวยคนนั้นเป็นบก. นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนผู้ชายเขาชื่อคุณคีน ลูกชายนักการเมือง วันนี้เขามาขอยืมร้านพี่เป็นสถานที่สัมภาษณ์น่ะ จริงๆ คุณคีนก็มาที่ร้านบ่อยนะ ทุกทีคนไม่เยอะแบบนี้หรอก ไม่รู้ทำไมวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ พี่กลัวจะเสียงดังเกินไปเลยไปตั้งป้ายจองเสียเลย จะได้ไม่มีคนไปวุ่นวาย”

“แบบนี้พี่ปุยฝ้ายไม่เสียรายได้เหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

“พี่ได้เงินแล้วจ้ะ เขาไม่ได้มาใช้สถานที่ฟรีๆ หรอก”

“เหรอครับ”

“อีกสักชั่วโมง เปลเข้าไปถามอีกรอบนะว่าอยากได้อะไรเพิ่มไหม คุณคีนเขาดื่มกาแฟเก่ง ดื่มแทนน้ำเปล่าเลยล่ะจ้ะ”

“ตาค้างนอนไม่หลับแย่เลย” ผมห่อไหล่

“ถ้างานมันเหนื่อยและหนักมาก ยิ่งตอนนี้ใกล้เลือกตั้ง ทั้งหาเสียงปราศรัยด้วย กาแฟกี่แก้วก็เอาไม่อยู่หรอกจ้ะ”

“คีน คิรินชา?” ผมเปรยกับตัวเอง ตอนที่พี่ปุยฝ้ายพูดว่าอีกฝ่ายเป็นลูกนักการเมือง ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี พอบอกว่ามีปราศรัย ผมถึงนึกออก

“รู้จักแล้วใช่ไหม คนดังก็อย่างนี้ล่ะขนาดเปลไม่ค่อยได้ดูทีวียังรู้จักเลย พี่ล่ะดีใจที่เขามาที่ร้านบ่อยๆ อาหารตาสุดๆ”

“วันก่อนพรรคเขามาใช้สถานที่ที่มหา’ ลัย ผมปราศรัยครับ เพื่อนผมเป็นแฟนคลับเขา ก็เลยได้พอรู้จัก” ผมอธิบายพี่ปุยฝ้ายไปคร่าวๆ

“อ๋อ อย่างนี้เอง” พี่ปุยฝ้ายบอกแล้วขอหลบไปกินข้าวสักครู่ เมื่อเธอกลับออกมาอีกครั้ง คนก็เริ่มบางตาลงแล้ว ผมกำลังเก็บโต๊ะอยู่เมื่อพี่ปุยฝ้ายมาสะกิดไหล่ผมเบาๆ

“เปล เข้าไปถามโต๊ะหนึ่งหน่อยนะว่าสั่งอะไรไหม พี่เห็นเขามองมาบ่อยๆ อาจจะอยากได้อะไรเพิ่ม”

“ได้ครับ” ผมไม่ได้ถามกลับไปว่าถ้าอยากสั่งทำไมไม่เรียกพนักงานล่ะ ไม่มีใครมีตาทิพย์หยั่งเห็นได้หรอกนะ


ผมเก็บโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินเข้าไปโต๊ะในสุด


“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะครับ ไม่ทราบว่ารับอะไรเพิ่มอีกไหม”

“มาได้จังหวะกำลังคอแห้งอยู่พอดีเลย พี่ขอน้ำเปล่าเย็นๆ ขวดหนึ่ง น้ำแข็งด้วยนะ”

“ครับ” ผมพิมพ์ออเดอร์ลงแท็ปเล็ตก่อนจะเงยหน้ามองคุณคีน “แล้วคุณผู้ชายท่านนี้ล่ะครับ รับอะไรอีกไหม”


ในช่วงจังหวะหนึ่งผมคิดว่าผมคิดว่าเห็นเขายิ้มนะตอนที่ผมถาม แต่ใบหน้าเขาก็กลับมานิ่งดังเดิม เจ้าตัวไม่ตอบนอกจากชี้ไปที่แก้วเปล่าตรงหน้าตัวเอง


“อเมริกาโน่เหมือนเดิมนะครับ”


เขาไม่ตอบ แต่พยักหน้าว่าถูกต้องหนึ่งครั้งถ้วน ผมอยากถามกลับไปเหลือเกินว่าเป็นอะไรถึงพูดไม่ได้ เจ็บคอต้องถนอมเสียงหรือไง



ทุกคำอยู่ในใจผมทั้งหมด เขาเป็นลูกค้า ซ้ำยังไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาทั่วไป เดาว่าเป็นลูกค้าวีไอพีของร้าน ไม่ใช่สิ ของพี่ปุยฝ้าย เจ้าของร้านเสียด้วย ผมบอกทวนรายการอีกหนึ่งครั้งแล้วกลับออกมา



เนื่องจากลูกค้าไม่ค่อยมีแล้ว พี่ปุยฝ้ายจึงอาศัยโอกาสนี้สอนผมชงกาแฟตามสูตรของร้านเสียเลย เธอบอกว่าจริงๆ แล้วจะเรียกว่าเป็นสูตรประจำของร้านก็ไม่ถูกเพราะกาแฟที่คุณคีนสั่งมันไม่ใช่ตามปกติ อเมริกาโน่ในแบบคุณคีนคือกาแฟสองช็อต ผมแค่ฟังแล้วรู้สึกขมแทน



“ปกติคนไทยติดหวาน หลายๆ ร้านจะใส่ไซรัปลงไปตั้งแต่แรก แต่ที่ร้านไม่ใช่ จะเป็นกาแฟกับน้ำร้อน”

“ครับ” เธอสอนผมแล้วก็ให้ผมยกไปที่โต๊ะหนึ่ง


ผมรีบเสิร์ฟและรีบกลับ ไม่กล้าชักช้าหรือโอ้เอ้ ไม่รู้ทำไมรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของคุณคีนทุกที



ชั่วโมงถัดมา พี่ปุยฝ้ายบอกให้ผมไปพักกินขนมหลังร้าน ผมทำตามโดยไม่อิดออด อยากจะหายใจให้คล่องคอจากสายตาใครบางคน แต่พอกลับออกมาโต๊ะหนึ่งก็ว่างเปล่าเสียแล้ว



“โต๊ะหนึ่งไปแล้วหรือครับ”

“จ้ะ สัมภาษณ์เสร็จพอดี ทำเวลากันสุดๆ น่ะ คุณเคนเพิ่งมารับคุณคีนไปเมื่อกี้เอง” พี่ปุยฝ้ายนั่งอยู่หน้าเคาต์เตอร์หันมายิ้มให้ผม

“คุณเคน?”

“อ้อ..เปลอยู่หลังร้านไม่ทันเห็นสินะ เสียดาย..เทพบุตรเลยนะคนนั้น ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวก็มีโอกาสเห็นเองจ้ะ ทั้งคู่มาที่ร้านบ่อย” เธอทำท่าและพูดด้วยน้ำเสียงหลงใหลในตัวเจ้าของชื่อนั้นมากพอควร

“อ่าเหรอครับ”

“ทำหน้างงเชียว คืออย่างนี้ คุณเคนเป็นผู้ช่วยคุณคีน ทำงานให้คุณคีนมานานแล้ว นานจนบางทีพี่ก็ลืมว่าทั้งคู่เป็นเจ้านายลูกน้องกัน” พี่ปุยเฝ้าเล่าไปด้วย หัวเราะไปด้วย

“ทำไมครับ”

“คุณเคนพอเข้ามาในร้านได้ก็ล้งเล้งเลยเชียว คุณคีน เธอสายจ้ะ”

“สาย?”

“ใช่ ดูเหมือนจะต้องออกไปจากร้านตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วล่ะนะ แต่ยังไม่ออกไป พี่เดาเอาเองนะว่างานคงยังไม่เสร็จเรียบร้อย แต่คุณเคนเธอคงรอไม่ได้แล้วจนต้องเข้ามาลากตัวคุณคีนออกไป โชคดีที่สัมภาษณ์เสร็จทัน แต่จะพูดก็พูดเถอะนะ ลูกน้องที่ไหนจะมายื้อยุดฉุดแขนเจ้านาย ถ้าไม่สนิทกันจริงไหมจ้ะ”

“ไม่รู้สิครับ อาจจะมีงานคงด่วนรออยู่ก็ได้นะครับ” ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ กลับไป เพราะไม่รู้จักพวกเขาสองคนเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย ยิ่งไม่รู้จักเข้าไปใหญ่

“พี่ก็ไม่รู้ แต่เห็นคุณคีนบอกพี่ว่า ตอนบ่ายๆ ต้องไปต่างจังหวัดต่อ ไปช่วยพ่อเขาหาเสียงน่ะ”

“เขาก็ลงสมัครด้วยเหรอครับ”

“เปล่าจ้ะ ไปช่วยอย่างเดียว ไม่ยอมเล่นการเมือง”

“แต่วันนั้นที่มหา’ ลัย เขาก็นั่งอยู่บนเวทีนะครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

“อย่างนั้นแหละจ้ะ หน้าตาของพรรค” พี่ปุยฝ้ายหัวเราะคิกคัก ผมไม่เข้าใจว่าพี่ปุยฝ้ายหัวเราะทำไม





ช่วงเย็นคนไม่ค่อยเยอะแล้ว ผมจึงนั่งว่างพอสมควร พอเห็นโต๊ะหนึ่งก็ไพล่นึกไปถึงคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นเมื่อช่วงบ่าย



ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน พอได้มองชัดๆ ใกล้ๆ แล้วเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่นิสัยแย่จริงๆ เพิ่งจะหลงใหลเสียงมิสเตอร์เคในตอนเช้า พอตกเย็นกลับนึกถึงเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อน



ผมหายใจเข้าปอดอย่างแรง สะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป


“เป็นอะไรไปน่ะ” พี่ปุยฝ้ายทักพร้อมกับท่าทีขำขันเมื่อเห็นผมสะบัดหัวไปมา

“เปล่าครับ พอดีผมคิดอะไรฟุ้งซ่านน่ะครับเลยสะบัดหัวไล่มันออกไป”

“ตลกจังเลยนะเราเนี่ย เอ้า..วันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว เปลกลับบ้านเถอะจ้ะ นี่พี่ก็เพิ่งให้น้องหนูกลับไปเดี๋ยวนี้เอง”

“แล้วพี่ล่ะครับ”

“พี่อยู่เคลียร์เงินอีกสักพักก็จะกลับแล้วเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องโอทีนะพี่บวกไว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”

“ขอบคุณครับ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่ปุยฝ้าย”

“จ้ะ กลับบ้านดีๆ นะเปล พรุ่งนี้เจอกัน”



ผมเดินไปในห้องหลังร้าน ถอดผ้ากันเปื้อนออก พี่ปุยฝ้ายบอกว่าผ้ากันเปื้อนใช้เสร็จแล้วหย่อนลงในตะกร้า จะมีคนมารับไปซักให้เอง ส่วนผืนใหม่ก็หยิบออกจากลิ้นชักในตู้ได้เลย



ออกมาลาพี่ปุยฝ้ายอีกครั้งแล้วก็ไปยืนรอรถเมลกลับห้อง ผมแวะซื้อข้าวมื้อเย็นตรงหน้าปากซอยที่พัก พอถึงห้อง วางข้าว กระเป๋าสะพายเรียบร้อย จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งใจจะบอกโจว่าถึงห้องแล้ว ตามคำบัญชาของมัน แต่ผมดันเห็นข้อความหนึ่งเสียก่อน



ผมกดเข้าไปดูข้อความ มันเป็นข้อความมาจากธนาคารแจ้งว่ามียอดเงินถูกโอนเข้ามาจำนวนสองหมื่นบาท ผมตกใจเงินจากที่ไหน ไม่ใช่เงินจากโจแน่ๆ เพราะมันให้ผมยืมมาแล้วและผมก็โอนไปให้อดีตเจ้าหนี้แล้วด้วย หรือว่าจะมีคนโอนผิด ผมเตรียมจะโทรไปแจ้งธนาคารว่ามีคนโอนเงินมาผิดบัญชี แต่ก็เห็นข้อความถัดมาเสียก่อน











‘Bonus..Mr.K’











=====================

ตกใจกับคอมเมนต์และยอดวิวมาก ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลยนะคะ
ดีใจมากๆ จริงๆ

อย่างที่เคยเกริ่นในตอนแรก เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการตั้งใจวางพล็อต แต่มาจากความอยากเขียนแบบไม่มีพล็อต
หากมีตรงไหนส่วนใดที่ดูแปลกๆ ไม่สมเหตุผลไปบ้าง

เขมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 07-05-2019 13:31:38
แค่น้องเสริฟกาแฟต้องให้โบนัสเลย หลงน้องจะแย่แล้วคุณมิสเตอร์เค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 07-05-2019 13:51:17
ค่าตัวคุณคีนแพงมากกกกกกกก เก็บไว้จ่ายโบนัสให้น้อง คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-05-2019 14:51:32
โบนัสจากอะไรน้า  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 07-05-2019 16:59:07
หลงน้องมากไหมคะคุณคีน
ที่ไม่ยอมพูดคือกลัวน้องจำเสียงได้ใช่ไหม
รุกน้องหน่อย จีบน้องหน่อย
มีความรู้สึกว่าโจจะชอบเปลนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2019 17:29:06
ไม่ได้ยินเสียงสักแอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 07-05-2019 17:42:10
จ้าาาา สายเปย์ที่แท้ทรู :katai2-1: :katai3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 999296 ที่ 07-05-2019 17:47:06
โบนัสไรหว่า Mr.K  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 07-05-2019 20:04:28
แหมมมช่ายเจ้าของอเมริกาโน่ไหมน้าาาาา
โบนัสอาร๊ายยของเค้าน้าาาาาาาา
มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 07-05-2019 20:54:22
 :hao7: แค่นั่งดูน้องเสิร์ฟกาแฟ พี่ก็เปย์20,000 แล้ว ถ้าตอนเป็นคนรักพี่เค้าจะเปย์ขนาดไหนนะคะ //ต่อจากนี้คุณคีนต้องมาดูน้องบ่อยๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 07-05-2019 20:59:44
...ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักเรื่องนี้ ชอบมากอยากให้เขียนเป็นเรื่องยาวเลยค่ะ
อารมณ์แบบสาวน้อยช่างฝัน แต่มันกลายเป็นจริง อ่านไปเขินไป..งุ้ยยย
  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-05-2019 21:16:33
ตรัยยยย คุณคีนสายเปย์มากจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 07-05-2019 21:50:28
สายเปย์ที่สุดแล้วคนนี้อะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 07-05-2019 22:00:28
ที่ไม่ยอมพูดเพราะกลัวน้องจำเสียงได้แน่ๆอะ โอ้ยคุณคีน!!! ขัดใจ เล่นตัวเก่ง ชอบน้อง คนเค้าดูออก!  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-05-2019 22:07:00
มีโบนัสด้วย ป๋ามาก
หรือกลัวน้องลำบากหาเงินใช้หนี้อีก เลยโอนให้เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 07-05-2019 22:20:35
โบนัส หวานๆๆๆๆ555555555554
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-05-2019 22:22:36
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-05-2019 22:26:49
รอตอนนี้ความลับเปิดเผย..ยยยยยย    :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Atnep ที่ 07-05-2019 22:28:32
 :hao3:เสริฟกาแฟให้2แก้ว ได้โบนัสมา2หมื่นเลย 55555 นี่เดาว่าให้เพราะอยากให้เปลเอาเงินไปคืนโจ ไม่อยากให้คนอื่นเป็นคนช่วยเหลือน้อง แอบหึงแอบหวงน้องใช่ป่าวมิสเตอร์เค อิอิอิ   :hao3: :hao3: มาต่อไวไวนะคะ แงงง ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ ติดงอมแงมเลยย  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-05-2019 22:41:44
โอ้ยยยย ฟินนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-05-2019 22:44:25
หืออออ โบนัสจากการบังเอิญเจอน้องงี้หรอคะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 07-05-2019 23:18:52
น่าเอ็นดูมากเลยมิสเตอร์เค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ninnin ที่ 08-05-2019 00:17:54
เขียนดีมากกกกกกกกกกก ขอสมัครเป็นแควนคุณคิรินชาค่ะ รักกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-05-2019 04:13:31
เลทเพราะอยากเห็นหน้าเปลนานๆใช่มั้ยคุณคีน
มีโบนัสเพิ่มให้ไปอีก
รอตอนต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-05-2019 11:15:39
โบนัสจากการเสิร์ฟกาแฟให้เหรอ :mew3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 08-05-2019 11:59:08
อือหืออออออ มีการให้โบนงโบนัส
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 08-05-2019 12:04:58
ขนาดเสิร์ฟกาแฟยังได้ตั้งสองหมื่น
ถ้าน้องไปสมัครงานหลายๆที่
คุณคีนไม่ต้องตามไปกินทุกร้าน
แล้วให้ทิปจนหมดตัวเลยหรอคะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pinkranger ที่ 08-05-2019 14:33:43
แง้ น้องได้โบนัสสสสส โอ๊ย ละมุนมากกก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 08-05-2019 14:48:15
อุแงงงน้องได้เจอคุณคีนจัง ๆ แล้วแม่ ถึงแม้น้องจะไม่รู้ว่าคุณคีนคือMr.K ก็เถอะ :hao7: แหม ๆ ไม่กล้าพูดกลัวน้องคุ้นเสียงเหรอคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 08-05-2019 18:51:56
มาต่อไวๆนะ
  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 08-05-2019 21:59:13
โอ้ยๆๆๆๆ แค่เห็นหน้าน้องเปล มิสเตอร์เคก็โอนไวนะคะ :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: patta1995 ที่ 08-05-2019 22:29:48
เขินคุณคีนมาก ฟฟฟฟหมหสดวหงฟวดสด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 08-05-2019 23:03:34
 :-[

แค่ชงกาแฟให้แก้วเดียว ได้โบนัส 20,000 อยากทำงานกับ Mr.K บ้างจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 08-05-2019 23:55:48
เอ็นดูน้องมาก ดูออก  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 09-05-2019 22:44:21
โบนัส2หมื่น โอ้มายก้อดดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2019 00:09:47
กลัวน้องจำเสียงได้แน่เลยยยเสิร์ฟกาแฟนิดหน่อยได้ตั้งสองหมื่น อิจฉาจังงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikilululu ที่ 10-05-2019 02:16:35
หมั่นไส้คุณเคเบาๆ ถ้าเรารวยเราก็จะให้โบนัสน้องเยอะกว่านี้สิบเท่าเลยอ่ะ :katai4:
นี่แค่น้องมารับออเดอร์เสิร์ฟกาแฟได้สองหมื่น หลงขนาดนี้ต่อไปได้กอดได้หอมแบบเห็นหน้าคงหมดเป็นแสนอ่ะ55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 10-05-2019 02:37:16
คุณเคคือรวยเกินไปแน้วววว
อยากมีเงินมาเลี้ยงน้องเปลบ้างค่ะ55555 อ่านตอนล่าสุดแล้วอยากกินกาแฟมากๆเลย455555 ขอบคุณมากค่า :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ UP 07/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-05-2019 12:57:45

BED CARE JOB

ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย





ผมมองข้อความในโทรศัพท์มือถือด้วยความไม่เข้าใจ มีเหตุผลอะไรกันที่มิสเตอร์เคต้องโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้มาให้ เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือตั้งใจเอาตัวเงินมาหลอกล่อผม แล้วเขาทำไปเพื่ออะไรล่ะ?


เพื่อให้ผมกลับไปเป็นพนักงานดูแลเตียงงั้นหรือ


ไม่น่าใช่


ผมคิดว่ามิสเตอร์เคคงไม่ขาดแคลนพนักงานขนาดนั้น เขาจ่ายหนัก จ่ายจริง ไม่เคยโอ้เอ้หรือเล่นตัว โอนเงินให้ก่อนจะเริ่มทำงานให้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่โอนเงินก็เขียนเช็กรอไว้แล้ว เหมือนคราวแรกที่ผมได้เช็กนั่นมาจากบ้านใหญ่ๆ ในหมู่บ้านนั้น


ผมกำลังครุ่นคิดอยู่เมื่อโทรศัพท์ในมือสั่นขึ้น ความตกใจเกือบจะโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่เผลอทำไปจริงๆ เพิ่งจะหมดหนี้ก็เกือบหาเรื่องเสียเงินซ่อมโทรศัพท์แล้วหรือนี่ ผมรีบกดดู มันเป็นข้อความที่ถูกส่งผ่านแอปพลิเคชันสีเขียวมาจากโจ


ผมโล่งใจเมื่อเห็นว่าไม่ใช่จากมิสเตอร์เค


โจบอกว่า ‘โอเค รีบเข้านอนล่ะ ฝันดี’

ผมเลยตอบกลับไปว่า ‘อืม ฝันดี’ เสร็จแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนเตียงเตรียมตัวไปอาบน้ำ



ระหว่างที่อาบน้ำ ผมก็นึกถึงโจ ภพและเอก เราสี่คนรู้จักกันในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นอาจารย์ให้รวมกลุ่มสี่คน ผมที่ยังไม่มีเพื่อนสักคน เคว้งคว้างไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไร กระทั่งเห็นกลุ่มข้างๆ มีสมาชิกนั่งอยู่สามคน ผมจึงเสนอหน้าเข้าไปขอร่วมกลุ่มด้วย ทุกอย่างลงตัว กลุ่มนั้นขาดสมาชิกหนึ่งคนพอดี ผมจึงได้รับการเข้ากลุ่มทำงานนั้นง่ายๆ


ผมคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วทั้งสามคนแต่อันที่จริง โจกับภพ สองคนเท่านั้นที่เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่มัธยม ส่วนเอกมาขอเข้ากลุ่มก่อนหน้าผมเพียงห้านาที งานกลุ่มงานแรกของพวกเราไม่มีอะไรซับซ้อน เราแบ่งงานกันและนำมารวบรวมก่อนจะส่งให้อาจารย์ หลังจากนั้นพอมีงานกลุ่มเมื่อไหร่ ผมก็มักจะอยู่กับกลุ่มนี้ สุดท้ายไม่รู้เป็นไงมาไงไม่ว่าจะมีงานกลุ่มหรือไม่มี พวกเราสี่คนจะมานั่งเรียนด้วยกันอย่างนี้ไปโดยปริยาย


รู้ตัวอีกทีโจก็มักจะอยู่ในทุกๆ เหตุการณ์และสายตาของผมไปแล้ว


แม้โจจะบ่นเก่งแต่โจก็ใจดี ดูแลผม เป็นห่วงผมมากกว่าใคร ผมรู้และเข้าใจที่สุด


ความใจดีของโจ เลยเป็นบ่อเกิดให้ครั้งหนึ่งที่ผมเคยคิดกับโจมากกว่าเพื่อน


ใช่ครับ ผมเคยชอบโจ ได้แต่แอบชอบและไม่กล้าสารภาพออกไป กลัวว่าถ้าโจไม่ได้คิดตรงกันกับผม มันจะทำให้มิตรภาพเราแปรเปลี่ยนไม่เป็นเหมือนอย่างเดิม หลายๆ ครั้งที่ผมสบตากับโจและเกือบจะพูดความในใจออกไปแต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน ความกลัวมันช่วยฉุดคำพูดผมไว้ และสมองคอยสั่งผมว่าที่เป็นอยู่แบบนี้มันดีแล้ว


ผมแอบชอบโจอยู่ปีเดียวก็พยายามตัดใจ คงแปลกใจใช่ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกัน มันไม่มีอะไรเลยแต่ผมรู้ว่าในเมื่อไม่พูดความในใจกับโจ ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเป็นเพื่อนตลอดไป ทำไมผมไม่ทำตัวเองให้เพื่อนกับโจได้อย่างสนิทใจกันล่ะ


ผมเริ่มปลีกตัวออกมาจากกลุ่มมากขึ้นตอนปีสอง ทำงานพิเศษเพิ่ม หาเงินให้มากเข้าไว้ ไม่อยากจะยืมเงินโจบ่อยๆ ผมทำงานหลายที่เสียจนเอกแซวว่าผมทำงานเหมือนบ้านเป็นหนี้ ผมได้แต่หัวเราะแกนๆ ไม่ได้บอกมันว่า ผมมีหนี้อยู่บนหัวตลอดเวลา แค่รอเวลาว่ามันจะลงหัวเมื่อไหร่เท่านั้นเอง


จนถึงตอนนี้ปีสี่ปีสุดท้าย ผมไม่ได้รู้สึกกับโจเกินไปมากกว่าเพื่อนแล้ว และไม่ได้ชอบใครอีก กระทั่งผมเริ่มมีความรู้สึกนี้อีกครั้งกับคนที่ไม่เคยเห็นแม้หน้าตาของเขาเลยก็ตาม


ผมคงเป็นโรคแพ้คนใจดี ยิ่งเขาทำดีกับผม พูดดีกับผม มันยิ่งทำให้โรคขาดความรักของผมกำเริบ ทำให้ชอบเขาได้ง่าย แต่ความรักของผมกับมิสเตอร์เค คงคล้ายกับที่เคยขึ้นกับโจ ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ อีกไม่นานผมคงจะเลิกชอบมิสเตอร์เคได้เหมือนที่เลิกชอบโจ


ผมคิดเพลินจนอาบน้ำเสร็จ คว้าเสื้อยืดที่เริ่มย้วยกับกางเกงขาสั้นมาใส่ตอนที่ออกจากห้องน้ำ เดินมากดเปิดโทรทัศน์เพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป ตั้งใจว่าจะเริ่มทำโปรเจ็กต่อจากจุดที่ค้างไว้ให้เสร็จ แต่สายตาผมก็อดเหล่ไปมองโทรศัพท์บนเตียงนั้นไม่ได้ ผมนั่งประสานมืออยู่บนพื้นห้อง จะเอายังไงต่อ จะหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมาหรือจะทำโปรเจ็กก่อนดี


สุดท้ายผมบังคับหักห้ามจิตใจ เลือกทำโปรเจ็กก่อนและหลอกล่อตัวเองว่าพอทำได้ถึงจุดหนึ่งที่ตั้งใจแล้วค่อยมาจับโทรศัพท์


ผมนั่งทำงานไปอย่างเงียบเชียบ ได้ยินเสียงโทรทัศน์แว่วผ่านหูมาเบาๆ แต่จับใจความไม่ได้เพราะไม่ได้สนใจจะฟัง ขะมักเขม้นกับสิ่งตรงหน้าคือโต๊ะญี่ปุ่นที่มีหนังสือและโน้ตบุ๊กวางอยู่บนนั้นอีกที โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ไม่ใช่ของผมหรอก มันเป็นเครื่องเก่าของโจ เขาบอกว่ามันเริ่มช้าและอืดแล้วแต่ถ้าแค่พิมพ์งาน มันยังใช้ได้ดีอยู่


จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ท้องเริ่มร้องประท้วง พอเหลือบดูนาฬิกาตรงมุมขวาล่างของโน้ตบุ๊กจึงเห็นว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว มื้อล่าสุดของผมคือเมื่อตอนบ่าย เป็นเจ้าก้อนขนมปังครัวซองต์ ฝีมือพี่ปุยฝ้าย นี่มันผ่านมาแปดเกือบเก้าชั่วโมงแล้ว ไม่แปลกใจทำไมผมถึงหิว


ผมบิดขี้เกียจคลายความขบเมื่อยเล็กน้อย พับหน้าจอโน้ตบุ๊กอย่างเรียบร้อยก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปหาอะไรกินที่ร้านประจำ ร้านคู่ใจเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงและมีหมาน้อยสองสามตัวคอยต้อนรับอยู่หน้าประตูทางเข้า ผมหยิบข้าวกล่องแช่เย็นในตู้และน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด เสร็จแล้วจึงส่งให้พนักงานนำไปอุ่นร้อนและคิดเงินเป็นอันจบสิ้นกระบวนการเตรียมมื้ออาหาร









ผมกลับเข้ามานั่งในห้อง หน้าโต๊ะญี่ปุ่นอีกครั้ง เปิดฝากล่องข้าวอย่างระวังเพราะกลัวว่าอาหารจะกระเด็นไปจนเลอะโน้ตบุ๊กกับหนังสือที่ยืมมา ระหว่างเคี้ยวข้าวไปด้วย ผมก็ดูโทรทัศน์ไปด้วย มันเป็นรายการข่าวเช้าวันใหม่ช่องหนึ่ง นักเล่าข่าวพูดถึงประเด็นที่ใครต่อใครกำลังให้ความสนใจ ณ เวลานี้ ประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง


“มีข่าวลือว่าคุณคิรินชาจะลาออกจากพรรคหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วจริงหรือเปล่าคะ” เสียงนักข่าวผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น ผมจะไม่สนใจข่าวนี้เลยถ้าไม่ได้ยินชื่อคนที่ถูกพูดนั้น

“เรื่องนี้ผมยังให้คำตอบไม่ได้ครับ คงต้องให้คีน ลูกชายผมเป็นคนออกมาพูดเองจะเหมาะสมกว่า” เสียงทุ้มชวนฝันนี้ คุ้นหูผมเหลือเกิน ผมมองคนในโทรทัศน์ เขาคือคนเดียวกับผมเห็นในโทรทัศน์เมื่อวันก่อนนี่นา

“กังวลไหมคะว่าเรื่องนี้จะทำให้คะแนนความนิยมของพรรคลดลง”

“ไม่กังวลครับ”

“คำถามสุดท้ายค่ะ แล้วท่านรู้สึกอย่างไรที่มีคนบอกว่าท่านใช้หน้าตาลูกชายมาเป็นส่วนหนึ่งในการหาเสียงทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง”

“พรรคเราพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน ที่ผ่านมาเราทุ่มเทเพื่อประชาชนมาโดยตลอดจึงไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” ผู้ชายในโทรทัศน์ตอบอย่างสุภาพ ไม่มีอาการโมโหหรือแสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาให้เห็น

ผมอยากฟังต่อแต่ภาพกลับตัดเข้ามาในสตูดิโอเสียแล้ว นักเล่าข่าวพูดสั้นๆ ว่าคงต้องรอหลังเลือกตั้งตามที่ผู้ชายคนนั้นได้พูดไป


ผมกำลังคิดอยู่ว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน แต่ฉับพลันผมก็ยกมืออุดปากแทบไม่ทัน เกือบตะโกนเสียงดังออกไปให้ห้องข้างๆ ลุกขึ้นมาด่าแล้ว


เสียงนั่น...เสียงนั่น...มือผมสั่นไปหมดในตอนที่ผมนึกได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร


เสียงผู้ชายคนนั้นคือเสียงของมิสเตอร์เค!!


ตาผมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าด้วยความตกใจ ผมพยายามกอบกู้สติคืนมาให้ที่สุด แล้วค่อยๆ คิดทบทวน พอสติกลับคืนมาผมก็เริ่มเข้าใจได้รางๆ ทุกอย่างดูเข้าเค้าลงตัวไปเสียหมด ตั้งแต่ที่เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตน แท้จริงเพราะเขาเป็นนักการเมือง กลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงนี่เอง เขาต้องไปทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพราะต้องเดินสายหาเสียงปราศรัย ไหนจะคำพูดที่อธิบายอย่างใจเย็น รูปร่างสูงใหญ่ในความทรงจำ อีกทั้งอายุที่เขาเคยบอกว่ามากกว่าผมสองคนรวมกันอีกล่ะ


สุดท้าย เสียงในโทรทัศน์นั่น คือสิ่งยืนยันได้ดีว่าสิ่งที่ผมคาดคิดนั้นมันถูกต้องทุกข้อ


ผมยังมือไม้สั่นไม่หยุดตอนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อยากอีเมลไปถามเขาเดี๋ยวนั้นว่าเขาคือหัวหน้าพรรคการเมืองใช่หรือเปล่า แต่พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจะใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันเกี่ยวข้องหรือเป็นปัญหาอะไรกับผมตรงไหนในเมื่อตอนนี้ผมกับเขาก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว ผมจึงเปลี่ยนใจแล้วหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาแทนที่กล่องข้าวที่ยังกินไม่หมด


ผมเข้าเว็บไซต์ที่ช่วยตอบคำถามทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้อีกครั้งเพื่อค้นหาประวัติหัวหน้าพรรคการเมืองคนนั้น


คุณกวินทร์ หัวหน้าพรรคการเมือง ปัจจุบันอายุ 65 ปี สมรสกับภรรยาคนแรกชาวอังกฤษ มีลูกชายหนึ่งคนชื่อคิรินชา อายุ 44 ปี ก่อนจะเลิกราหย่าร้างกันไป และสมรสใหม่อีกครั้งกับภรรยาชาวไทยและมีลูกชายหนึ่งคนชื่อนคินทร์ อายุ30 ปี


ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายแต่ผมไม่ได้อ่านต่อ เช่นธุรกิจครอบครัว ประวัติการศึกษา รวมถึงเส้นทางการเป็นนักการเมืองของคุณกวินทร์


ผมกำลังตกใจกับตัวเองอยู่ ผมไม่ได้ตกใจว่าผมเคยนอนกับนักการเมือง มีดีกรีเป็นถึงหัวหน้าพรรค แต่ผมตกใจที่ผมนอนกับคนอายุมากถึงขนาดนั้น เคยคิดว่าเขาแก่แต่ไม่คิดว่าจะแก่ขนาดนี้ ไม่ได้เรียกว่านอนกับคนรุ่นพ่อแล้ว พ่อผมเพราะอายุแค่สี่สิบเอง แต่นี่ผมนอนกับรุ่นปู่รุ่นตาเลยนะ


ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด แม้แต่โจก็ไม่ได้


ผมสั่งตัวเองไว้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย นอกเหนือความตกใจ ผมก็เริ่มรู้สึกโกรธเขา เขาบอกว่าโสด แล้วเมียคนไทยนั่นล่ะ เมียในมโนภาพเหรอ นี่ผมทำอะไรลงไป ผมไปชอบคนที่มีลูกมีเมียแล้วได้อย่างไร


ผม..ผม..


ผมต้องคืนเงินเขา! ผมจะรับเงินนั่นมาไม่ได้ ถ้าเมียเขารู้เรื่องล่ะ เขาอาจจะให้คนมาทำร้ายผมแบบเปิ้ล ผมแดงก็ได้ ผมไม่เอาด้วยนะ บอกตรงๆ ผมกลัว


ผมเข้าอีเมล รีบพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ จนต้องกดลบแก้หลายครั้ง เสียเวลาพอสมควรกว่าจะพิมพ์เสร็จ



สวัสดีครับ Mr.K

         ผมได้รับเงิน 20,000 บาท จากที่คุณโอนมาให้แล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณโอนเงินให้ผมมาทำไมหรือโอนผิดครับ? ยังไงก็ตามผมรู้สึกขอบคุณคุณมากครับ แต่ผมคงรับมันไว้ไม่ได้ ผมไม่สะดวกใจ ผมขอเลขที่บัญชีคุณได้ไหมหรือถ้าไม่ได้ พอจะมีวิธีไหนให้ผมคืนเงินให้คุณได้ไหมครับ


ขอบคุณครับ
ธาวิน



ผมกดส่งอีเมลออกไป จ้องหน้าจอว่างๆ นั้นอยู่อีกครู่ บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เหมือนคนอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มและเหมือนเป็นชู้โดยไม่รู้ตัว ถ้าโจไม่บอกให้ผมเลิกทำงานกับเขา ผมมั่นใจว่าผมคงจะเขียนอีเมลไปขอยกเลิกสัญญาเสียเดี๋ยวนี้เช่นกัน


ผมรู้ว่าลูกค้าเขาจะมีชีวิต ใช้สิทธิ์แบบไหนก็ได้ อย่างที่เกดได้บอกเปิ้ลและข้าวไป ลูกค้าจะมีเมียหรือลูกแล้วก็ไม่ผิดเพราะเขาคือลูกค้าเป็นคนมาซื้อของและผมเป็นคนขายของ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รับไม่ไหวอยู่ดี ใช่ครับ เพราะผมชอบเขาไง ผมชอบมิสเตอร์เค ผมเลยรู้สึกผิดต่อลูกและเมียของเขา และที่สำคัญผมรู้สึกผิดหวังในตัวมิสเตอร์เค ทั้งที่ผมพูดกับเขาด้วยความจริง เขาไม่น่าเลือกโกหกผมเลย


ผมเตรียมจะพับปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วถ้าไม่ทันเห็นว่ามีข้อความใหม่เข้ามาก่อน ผมปล่อยเมาส์ด้วยความตะลึงก่อนจะตั้งสติจับเมาส์อีกครั้งและคลิกไปที่ข้อความที่เตะตาผม



สวัสดีครับ เปล

        เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ได้งานใหม่หรือยังครับ

        เรื่องเงิน 20,000บาท ผมตั้งใจมอบให้คุณและผมได้บอกในข้อความว่าให้ทำไม ผมไม่ได้ให้คุณเป็นคนแรก พนักงานคนอื่นก็ได้รับแบบนี้เช่นกันหลังเลิกทำงานกับผม ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลครับ


Mr.K



ผมอ่านข้อความมิสเตอร์เคแล้วอยากจะพิมพ์ ฟหกก่าสว กลับไป ไม่ได้ต้องการต่อว่าเขา แต่คำพูดของมิสเตอร์เคกำลังบอกผมว่าผมคืออดีตพนักงานคนหนึ่งของเขาเท่านั้น ผมควรจะเมลกลับไปบอกเขาอย่างไรดี รับเงินไปให้จบๆ หรือโอนกลับไปเพื่อความสบายใจตัวเอง อย่างไหนถึงจะดีกว่ากัน



สวัสดีครับ Mr.K

          ผมสบายดีครับ ตอนนี้ผมได้งานแล้วเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง คุณคงสบายดีเหมือนกันใช่ไหมครับ

          ขอบคุณสำหรับเรื่องเงิน 20,000บาท อีกครั้งครับ แต่อย่างที่ผมได้แจ้งไปแล้ว ผมไม่สะดวกจะรับไว้จริงๆ ผมยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัวเลยด้วยซ้ำ ผมไม่สบายใจถ้าได้เงินนี้มาฟรีๆ จึงอยากโอนเงินคืนคุณจริงๆ ครับ อย่าให้ผมลำบากใจเลย


ขอบคุณครับ
ธาวิน



ผมกดส่งอีเมลไปแล้ว รออยู่ครู่ใหญ่ทว่าไม่มีข้อความใหม่กลับมา ผมจึงตัดสินใจพับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง ปิดไฟจนห้องมืดสนิทแล้วเลื้อยตัวขึ้นเตียง


จวนจะตีหนึ่งแล้วแต่ผมยังไม่นอนหลับ ผมคิดวกวนเรื่องมิสเตอร์เคไปมาในหัว มันสลัดออกไปจากความคิดไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าหลังจากที่มิสเตอร์เคได้อ่านอีเมลฉบับล่าสุด เขาจะมีสีหน้าอย่างไร อาจจะโกรธที่ผมทำตัวงี่เง่า เรื่องมาก เล่นตัวไม่เข้าท่าหรือเปล่า


ก่อนจะหลับไปในคืนนั้นผมหวังว่ามิสเตอร์เคจะเข้าใจผม







ผมตื่นขึ้นมาเพราะโทรศัพท์ข้างหมอนที่มันสั่นไม่หยุด ผมงัวเงียกดรับโดยไม่ได้ดูชื่อว่าใครโทรมา จะเป็นใครไม่ได้นอกจากโจแน่นอน



“ว่าไงโจ มีอะไรโทรมาแต่เช้า” ผมกรอกเสียงยานคางกลับไป

“สวัสดีครับเปล ผมเคครับไม่ใช่โจ นี่คุณยังไม่ตื่นหรือ”

เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันนั่นทำให้ผมดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนมานั่งทันที โทรศัพท์ร่วงตกไปที่พื้นเต็มแรง ใจเต้นโครมคราม ผมรีบตะเกียกตะกายพาตัวเองไปหยิบมันขึ้นมา ไม่ได้สนใจว่าหน้าจอแตกหรือเปล่า ใจมันกลัวว่าคนปลายทางจะวางสายไปเสียก่อน


“คะ..ครับ คุณเค สวัสดีครับ” ผมละล่ำละลักเรียกชื่อคนที่โทรมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เสียงดังเชียว”

“เอ่อ ผมทำโทรศัพท์ตก แต่ไม่เป็นไรครับ ยังใช้ได้อยู่”

“เหรอครับ ผมขอโทษที่โทรมาตั้งแต่เช้า แต่จะโทรหาคุณเมื่อคืนก็ดึกไป คิดว่าคุณน่าจะหลับแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ คุณเคมีอะไรหรือเปล่า”

“ผมอ่านอีเมลของคุณแล้วนะครับ”

“ครับ ทำไมเหรอ” ผมอยากจะย้อนเขากลับไปมากกว่านั้น‘อ่านแล้วยังไง ทำไม?’ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำ ยังไงเขาก็คนรุ่นพ่อ ไม่ใช่สิ รุ่นปู่ผมแล้ว

“ผมมีคำถามอยากถามคุณ คำถามแรก คุณโกรธผมหรือครับ” ผมจับความรู้สึกในน้ำเสียงของมิสเตอร์เคไม่ถูก ฟังดูแล้วเขาไม่ได้ถามเพื่อง้อผม ผมคิดว่าเขาน่าจะถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงโกรธมากกว่า

“ครับ? เปล่านี่ครับ ผมจะโกรธคุณทำไม”

“ข้อความในอีเมลนั้นดูคุณไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่” ผมมั่นใจว่าเขียนอีเมลบอกเขาอย่างสุภาพและไร้อารมณ์โกรธแล้วนะ ทำไมมิสเตอร์เคยังรู้อีก

“คุณคิดมากไปแล้วครับ” ผมหายใจเข้าเต็มแรงก่อนจะปฏิเสธหลบเลี่ยง

“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณโกหกไม่เก่งเลยครับเปล แต่ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร งั้นคำถามที่สอง”

“ครับ”

“ทำไมถึงไม่อยากรับเงินไว้”

“ผมบอกคุณในเมลไปแล้วครับ”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“เปล่าครับ” ผมยังยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ

“เปล” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันอย่างเคยไร้ซึ่งความโมโหโกรธา ทำแบบนี้ผมจะกลายเป็นคนมีปัญหาคนเดียวน่ะสิ

“ครับ”

“คุณไม่เคยดื้อเลยนะครับ มีอะไรเกิดขึ้น บอกผมได้หรือเปล่า” พอมิสเตอร์เคพูดด้วยคำที่อ่อนโยน ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีที่ไปโกรธเขา

“ผะ..ผม แค่คิดว่าผมไม่ควรรับไว้ก็เท่านั้นเอง” ผมยังยืนยันคำเดิม

“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงโกรธผม แต่รับเงินไว้ได้ไหม เด็กดีอย่างคุณรู้วิธีใช้ประโยชน์จากเงินที่ได้รับอยู่แล้วใช่ไหมครับ”

“ครับ จริงๆ ผมตั้งใจจะเอาเงินไปใช้หนี้เพื่อน..แต่ว่าผมไม่” แต่ผมก็ไม่อยากรับเงินไว้อยู่ดี

“ทำตามที่ตั้งใจดีกว่า รับเงินไว้เถอะ อะไรที่ให้ผมให้แล้ว ผมไม่มีนโยบายรับคืน”

“ก็..ก็ได้ครับ” ผมรับคำอย่างจนใจ แต่อดหมั่นไส้คำพูดเขาไม่ได้ วันๆ คงคิดแต่เรื่องการเมือง คำพูดคำจาเลยเป็นนโยบายไปเสียหมด

“ดีครับ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนปลายสาย มันเสียงหัวเราะที่ผมเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาคงพอใจกับคำตอบของผมเลยหัวเราะได้สักที

“ขอบคุณครับ” ผมเลิกต่อต้าน ยอมรับเงินไว้ ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่รับเงินคืนง่ายๆ เหมือนกัน

“งั้นถือว่าเราเข้าใจกันแล้ว ผมวางสายนะครับ”

“เดี๋ยวครับ!” พอคิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงเขาอีก มันอดใจหายไม่ได้ ผมเลยเรียกเขาไว้โดยไม่รู้ตัว

“ครับ?”

“คะ..คุณสบายดีนะครับ” เพราะไม่เรียกโดยไม่ตั้งใจ ผมจึงหาคำพูดไม่ทันก็เลยถามเขาด้วยคำถามที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

“สบายดีครับ”

“ผมก็สบายดี แล้วเอ่อ..คุณ” ผมตอบเขากลับอัตโนมัติ แต่พอจะชวนเขาคุย ผมกลับไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร

“ไม่เป็นไรครับเปล ค่อยๆ คิด ไม่ต้องรีบ ผมยังมีเวลาคุยกับคุณสิบห้านาทีก่อนไปทำงาน”

“ครับ” ผมยู่หน้าเล็กน้อยที่ถูกมิสเตอร์เคจับได้ แค่ฟังจากน้ำเสียงผม เขากลับรู้ทันผม

“แต่ถ้ายังคิดไม่ออกให้ผมถามคุณบ้างดีไหม เล่างานใหม่ให้ผมฟังหน่อยสิครับ งานใหม่เป็นร้านกาแฟใช่ไหม”

“ใช่ครับ ผมไปทำที่ร้านนั้นได้สองวันแล้ว เจ้าของร้านใจดีมากๆ ครับ” ผมตอบได้ทันทีเพราะเป็นคำถามง่ายๆ

“แล้วคุณต้องไปทำทุกวันไหม”

“ครับ ไปทุกวัน ถ้าวันธรรมดาแค่ตอนบ่ายถึงเย็น แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ก็เต็มวันครับ”

“อย่าลืมกินข้าว พักผ่อนด้วยนะ พอคุณเรียนจบก็จะไม่เหนื่อยเท่านี้อีกแล้ว”

“ครับ คุณก็เหมือนกันนะ อย่าปรา..เอ๊ย อย่าทำงานจนไม่ได้พักนะครับ” ผมรีบแก้อย่างรวดเร็ว เกือบไปแล้ว ผมเกือบจะหลุดคำว่าปราศรัยไปให้เขารู้ตัว

“ขอบคุณครับ เอาละ ผมต้องไปแล้ว”

“ครับ”

“มีอะไรอยากถามผมอีกไหม”

“ไม่มีแล้ว คุณไปทำงานเถอะครับ แล้วก็เรื่องเงิน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

“ผมเต็มใจ ถ้ามีอะไรอีเมลหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ”







มิสเตอร์เควางสายไปแล้ว ผมยังถือโทรศัพท์เอาไว้ เพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าจอมีรอยแตกเล็กๆ น่าจะแตกตอนตอนที่ผมทำร่วงจากเตียง ช่างมันเถอะ ตราบใดที่มันยังใช้ได้อยู่ ผมก็จะไม่ไปเสียเงินซ่อมหรอก





รอยยิ้มยังค้างอยู่ที่หน้าผมไม่จางหาย ดีใจที่ได้คุยกับเขาอีกครั้ง พอนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ผมควรจะคุยด้วยอีก ผมถอนหายใจให้ตัวเอง รู้ว่าไม่ควรดีใจที่เขาโทรมา แต่ก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี สถานการณ์ชักบานปลาย ผมคงต้องรีบตัดใจจากคุณปู่คนนี้ให้ได้เสียแล้ว









=====================

ไม่ได้ตอบคอมเมนต์เลย แต่อ่านทุกคำเลยน้า

ถ้ามีข้อสงสัยถามได้เลย ไปตอบแน่นอนค่ะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ รักกก



ปล ตอนนี้แต่งยากจริงๆ ถ้าแปลกๆ ไป ขออภัยล่วงหน้าค่ะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 10-05-2019 13:20:20
ไม่ใช่คนพ่อ คนลูกแน่ๆ เปลเอ๋ย
น้ำเสียงคงคล้ายกันมากๆ
ต้องให้เจอะกันอีกตอนไปร้านกาแฟ ให้ได้คุยกัน รู้กันไปเลยว่าเสียงใช่ไหม ตื่นเต้นๆ

ส่วนโจ เราว่าโจมีใจ ดูหวงเกินเพื่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-05-2019 13:27:11
คนพ่อจริงๆ???? ลุ้นว่าให้เป็นคนลูก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 10-05-2019 13:32:56
น้องเข้าใจผิดลู้กกกกกกกกก หนูนอนกับคนลูก ไม่ใช่คนพ่อจ้า ใจเย้นนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2019 13:43:31
พ่อลูกเสียงเหมือนกันอีกโอ้ยย หนูเปลลล โฟกัสที่คนอายุ 44 สิคะลูก หกสิบไม่ใช่ 5555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 10-05-2019 13:48:46
คุณปู่ไปอีกกกก เปลเอ๊ยยยย 55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 10-05-2019 14:57:17
น้องโว้ยยยยยยยยยย เค้าแค่44ไม่ใช่60กว่า น้องงงงง เข้าใจผิดแล้ว คุณเคเค้าบอกเค้าโสดนะะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 10-05-2019 16:50:57
น้องเปลลลลลลลล ใจเย็นๆลูก เข้าใจผิดมโนไปไกลเลยย
มิสเตอร์เค งงไปหมดแหล่วววววว 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-05-2019 17:15:09
น้องงง 60 กว่าไกลไปๆๆๆๆๆ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-05-2019 17:27:34
น้องเปล ไม่น่าใช่คนพ่อนะลูกกกก ทำไมหนูจิตนาการไปไกลขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 10-05-2019 17:40:25
น้องโว้ยยยยย ไม่ใช่คุญปู่!!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 10-05-2019 18:37:02
โอ้ยยยยย ผู้ชายบ้านมิสเตอร์เคต้องเสียงโทนเดียวกันแน่ๆ :sad4:
เดี๋ยวมิสเตอร์เคจะได้เรียนรู้ผลของการกั๊กเสียงตัวเองที่ร้านกาแฟ :laugh:
น้องเปลจะต้องเลี่ยงเธอเพราะคิดว่ามีเมียแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-05-2019 19:39:43
น้องงง ผิดแล้วลูก ผิดคนนน
คุณมิสเตอร์เคแอบร้าย คุยนิดเดียวก็รู้เวลางานน้องแล้ว ว่างเมื่อไหร่นางคงพาตัวเองไปให้น้องเห็นอีกแน่ๆ เราเชื่อว่า อิตานี่มันร้ายยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-05-2019 19:57:35
คนลูกมากกว่าม้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 10-05-2019 21:05:09
พ่อกับลูกน่าจะเสียงคล้ายกันแน่เลย

น้องเปลใจเย็นนะ อย่าเพิ่งตัดสินใจไปก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: patta1995 ที่ 10-05-2019 21:37:08
น้องงงงงงงง คิดถึงก็บอกเขาไปเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 10-05-2019 21:39:21
หนูลู๊กกกกกกกก ผิดคนหรือป่าววว

รีบตัดสินใจไปแล้วววว :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 999296 ที่ 10-05-2019 21:52:20
น้องงงงงเข้าใจผิดไปไกลแล้วน้องเอ้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 10-05-2019 23:34:58
เปลลลลลล พี่เค้าอายุเท่ากับหนู2คนนะ ไม่ใช่ 4 คน สงสารพี่เค้านะคะ โดนเด็กงอนเรื่องอยู่ดีๆก้มีเมียแล้ว 55555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hazamii ที่ 10-05-2019 23:45:58
น่าจะคนลูกนะเปล><

Sent from my CPH1803 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-05-2019 23:53:39
พ่อรือลูก?
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 11-05-2019 00:29:24
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 11-05-2019 01:15:51
เราว่าคนลูกน้าาาาา ไม่ใช่คุณพ่อหรอก อาจจะเสียงคล้ายๆกันหรือเปล่า น้องเรายิ่งเด๋อๆอยู่ คิดเป็นตุเป็นตะแล้วนั่น อีกอย่างยังไม่ได้ฟังเสียงคนลูกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 11-05-2019 04:21:20
น้องงงงงง คิดไปถึงคุณพ่อพี่เค้าแล้วลู๊กกกก ไปอัพอายุให้พี่เค้าเฉย 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 11-05-2019 09:42:27
คุณคีนไม่ใช่คุณปู่นะลูก
แต่เป็นแดดดี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-05-2019 11:25:28
พลาดแล้วมิสเตอร์เค
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 11-05-2019 13:13:01
 :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 11-05-2019 13:21:31
mr.k อบอุ่นละมุนตุ้นมากกก
รอลุ้นว่าหนทางของสองคนนี้จะมาบรรจบกันได้ยังงัย
ในความแตกต่างและช่องว่างที่มากมายนี้นั้น
..เหมือนความรักที่เป็นความฝันเลยค่ะ... ฮือออยิ่งอ่านยิ่งฟินนนน  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 11-05-2019 13:51:07
น้องเปล ทำไมคิดไปไกลแบบนี้
ถึงปู่จะแก่แต่ก็ยังชอบเนอะ 55555555
หวังว่าจะได้รู้ความจริงเร็วๆนะ
ไม่งั้นพอได้เห็นข่าวเกี่ยวกับคุณปู่ก็จะยิ่งมโนไปไกลอีก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 11-05-2019 22:51:41
น้องโฟกัสผิดคน ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนลูกชายบ้างล่ะลู๊กกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 12-05-2019 20:34:39
ฮืออออ น่ารักมากก แด๊ดดี้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 12-05-2019 21:56:21
ละมุนค่าาาาาา มิสเตอร์เคติดใจอะไรน้องมั้ยน้าาาาา ทำเปงมาให้โบนัส  เดี๋ยวนะ เราว่าเปลเข้าใจอะไรผิดมั้ย เลยพาลไปโกรธเค้า หรือเราาอ่านผิดเองงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 13-05-2019 14:17:55
นั่นคุณพ่อมิสเตอร์เคลูก ไม่ใช่มิสเตอร์เคนะน้องเปล :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 14-05-2019 13:52:42


BED CARE JOB

ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ





วันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมแทบไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลยนอกจากวิ่งวุ่นอยู่ในร้านกาแฟ พี่ปุยฝ้ายบ่นว่าลูกค้าเยอะแต่ก็ยิ้มหน้าบานตอนรับเงินสุดๆ ส่วนพี่พงศ์ บาริสต้าประจำร้านกลับมาทำงานตามปกติหลังจากลาไปหนึ่งวันเมื่อวันศุกร์ เขายังไม่ค่อยได้สอนผมชงกาแฟมากนักเพราะหาเวลาหายใจหายคอไม่ได้ ลูกค้าแน่นร้านทั้งวัน ถ้ามีเวลาว่างพวกเราก็ลงความเห็นว่าควรนั่งงพักเพื่อเตรียมรับมือระลอกใหม่หรือไปหาอะไรกิน



หลังเลิกงาน ผมเช็กเมลอีกครั้ง แต่มิสเตอร์เค คนที่ผมอยากตัดใจไม่ได้ติดต่อมาอีก แม้จะเป็นทางโทรศัพท์ก็ตาม ผมไม่แปลกใจ ถ้าติดต่อมานี่สิถึงค่อยเป็นกังวล



วันนี้เช้าวันจันทร์ ผมมานั่งเรียนตามตารางชีวิต ตอนนี้ในกลุ่มมีผมที่เพิ่งมาถึงคนเดียว น่าแปลกที่แก๊งสามสาวนั่นมากันครบแล้วซึ่งผิดวิสัยอย่างมาก ปกติแล้วรุ่นพี่อาชีพผมนั้นจะมาก่อนอาจารย์สอนไม่กี่นาทีเท่านั้น ผมเปิดชีทเรียนฆ่าเวลา ส่วนสามสาวข้างหน้าเลือกพูดคุยกันระหว่างรอเริ่มเรียน



“กูปฏิเสธลูกค้าไปแล้วนะ” จู่ๆ สาวผมแดงนามว่าเปิ้ลก็โพล่งขึ้นมา สายตาผมยังจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือแต่ถามว่าอ่านรู้เรื่องไหม คงพอเดากันได้ใช่ไหม

“หืม? ลูกค้า? ใช่คนที่บอกจะเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวปะ” ข้าว สาวผมดำสั้นถามขึ้น

“อืม คนนั้นแหละ”

“ทำไมวะ”

“เขาดีเกินไป” น้ำเสียงเปิ้ลฟังดูอ่อนใจ

“อ้าว” สาวข้าวอุทานด้วยความงุนงง

“มึงได้ยินไม่ผิดหรอก เขาดีมากไปจนอันตราย อาชีพอย่างกูไม่ควรจะรู้สึกกับคนว่าจ้างเว้ย”

“พูดเหมือนมึงชอบเขา” เกด สาวผู้มีสาระถามขึ้น

“ตอนนี้ยัง แต่คิดว่าถ้ากูตอบตกลงและอยู่กับเขา สักวันหนึ่งกูคงจะชอบเขาจริงๆ” คำตอบของเปิ้ล ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกธนูปักที่อก เปิ้ลกลัวจะชอบลูกค้า แต่ผมนี่สิชอบไปแล้วเต็มเปา

“ไหนมึงเคยบอกว่าลูกค้าก็คือลูกค้า คิดเยอะไปแล้ว” ข้าวเตือน

“มึงฟังนะ จะมีสักกี่คนที่ไม่ใจอ่อนกับคนพูดจาดี เอาใจเป็น จ่ายทุกอย่างเต็มที่ ไม่ขี้เหนียว แถมยังมีภาวะผู้นำ คอยให้คำปรึกษาต่างๆ”

“นั่นผัวหรือพ่อ” ข้าวหัวเราะขำๆ กับคำพูดเพื่อนผมแดง

“ลูกค้าย่ะ” เปิ้ลเลยกระแทกเสียงกลับไป เดาว่าคงไม่ได้โกรธอะไรจริงหรอก สาวๆ ชอบพูดกันแนวนี้เป็นประจำอยู่แล้ว

“ถูกต้องอย่างที่เปิ้ลมันพูด มึงก็เลยกลัวจะชอบเขาจริงๆ ใช่ไหม” เกดดึงเรื่องกลับเข้ามาอีกครั้ง

“ใช่” ผมเห็นผมสีแดงของเปิ้ลขยับเร็วๆ ตามที่เธอพยักหน้า

“แสดงว่ามึงไม่ได้รักแฟนมึงคนนี้จริงหรอกว่ะเปิ้ล” เกดวิเคราะห์

“ทำไม ถ้าไม่รัก กูจะทุ่มเทขนาดนี้เหรอ”

“มึงอาจจะยังรักอยู่ แต่เชื่อกูเถอะ มึงไม่ได้รักมันเท่าเดิมแล้ว ถ้ามึงยังรักเหมือนเดิม มึงจะไม่กังวลเลยว่ามึงจะไปรักลูกค้า”

“...”

“ถ้าวันนี้มึงบอกกูว่ามึงตกลงรับงานให้ลูกค้าเลี้ยงดูจริงจังแต่ปิดเรื่องที่มึงมีแฟนไว้ กูยังจะเชื่อมากกว่า”

“นั่น..นั่นก็ส่วนหนึ่งที่กูเลือกปฏิเสธเขาไง” เปิ้ลอึกอัก พูดไม่เต็มปาก

“มึงคิดอะไรอยู่กันแน่ บอกกูกับข้าวมาเถอะ”


สิ้นคำถามของเกด ผมได้ยินเสียงเปิ้ลถอนหายใจเสียงดังทีเดียว ก่อนที่เธอจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“กูมานั่งคิดว่า ทำไมกูต้องมาทำงานแบบนี้ด้วย เงินที่กูหามาได้ทุกบาททุกสตางค์ ทำไมต้องให้มันไปใช้จ่ายง่ายๆ กูเริ่มเหนื่อยใจตั้งแต่ที่มันเริ่มแทงบอล แล้วกูช่วยใช้หนี้ให้ แทนที่มันจะคิดได้แต่เปล่าเลย มันกลับคิดว่าสบายที่มีกูใช้หนี้แทน กูถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วมันรักกูบ้างไหม” ขนาดผมหาเงินไปใช้หนี้ให้พ่อแม่ ผมยังเสียดายเงินเลย แล้วเปิ้ลล่ะไม่เสียดายเงินแย่เหรอ ที่มีคนรักไม่ช่วยเหลือกันแบบนี้

“มึงไม่รู้หรือไงว่ามันรักมึงหรือเปล่า” ข้าวถามขึ้น

“กูจะบอกพวกมึงให้รู้!” เปิ้ลกระแทกเสียงดัง

“มันไม่รักกูแล้ว แต่ที่มันไม่เลิกกับกูเพราะมันเอาเงินจากกูไปให้ผู้หญิงคนใหม่ไง อีข้าว! อีเกด!” พอเปิ้ลพูดจบเธอก็ร้องไห้โฮทันที ขนาดผมเป็นคนนอกที่แอบฟังยังรู้สึกเสียใจในเรื่องที่ได้ยินด้วยเลย

“มึงรู้ได้ไง”

“มันนัดเจอกันทุกครั้งที่กูมีนัดกับลูกค้า กูคิดมาตลอดเว้ยว่ามันเชื่อที่กูบอกว่ากูไปทำงานพิเศษ แต่ไม่รู้มันไปรู้จากไหนมาว่ากูขาย เหอะ มันบอกว่ารังเกียจกูแต่ไม่รังเกียจเงินจากกู”

ผมขอมอบคำคำหนึ่งให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ในใจเบาๆ ‘เหี้ย!’

“แม่ง ทำไมมันทำแบบนี้กับมึงได้ลงคอวะ มึงไปเลิกกับมันเลย” ข้าวโวยวายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“...”

“เลิกยัง? มึงควรไปเลิกกับมัน มึงจะให้มันเกาะแดกแบบนี้หรือไง อย่าโง่ได้ไหม” ข้าวตอกย้ำ

“ข้าว อย่าเพิ่งไปเร่งเปิ้ลมัน เห็นไหมว่ามันเสียใจอยู่” เกดท้วงเพื่อนเสียงอ่อน

“มึงคิดว่ากูจะเฉยหรือไง กูทำไปแล้ว ขอเลิกกับมันไปแล้ว แต่มันไม่ยอมเลิก มันขู่ว่าจะไปป่าวประกาศให้ทั่วมอว่ากูขายตัว มันจะให้กูอายแล้วอยู่ในมอต่อไปไม่ได้”

“ทำไมเลวแบบนี้วะ กูไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่าเลยเนี่ย” ข้าวบ่นอย่างหัวเสีย

“เปิ้ล กูถามจริงๆ นะ มึงเคยคิดจะเลิกทำงานนี้ไหม” เกดถามขึ้นน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ที่กูปฏิเสธลูกค้าไปเพราะกูตั้งใจจะเลิกขายนั่นแหละ”

“แล้วมึงเคยคิดไหมว่างานที่มึงทำวันหนึ่งอาจจะถูกเปิดเผย”

“เคยคิดสิวะ แต่ความลับไม่มีในโลกเว้ย”

“ถ้าถูกคนในมอรู้ มึงจะทำยังไง มึงอาจจะอับอายอย่างที่ไอ้เลวนั่นพูด”

“ให้ทำไงอะ อีกเทอมเดียวก็จะจบแล้ว ก็อดทนๆ ไป ช่างมัน ใครจะด่าไงกูก็ไม่สนอะ ตัวกู ชีวิตกู”

“แล้วมึงจะกลัวไอ้เลวนั่นพูดเรื่องมึงทำไม”

“เออว่ะ โอ๊ย ทำไมกูคิดไม่ได้วะ” เปิ้ลพูดเสียงดังเหมือนพบแสงสว่าง

“กูไม่รู้จะพูดยังไงเลย มึงเรียงลำดับเรื่องผิดไปหมด” เกดบ่นอย่างเซ็งๆ

“ยังไงอะ” ข้าวสงสัย

“อีเปิ้ล มันควรขึ้นเรื่องมาว่าถูกผัวนอกใจแล้วอยากจะเลิก แล้วค่อยเล่าต่อว่า มันต้องทำงานเอาเงินไปให้ผัว แต่ผัวดันเอาไปเล่นบอล เปย์หญิงอื่นต่อ จนมันท้อว่าทำไมมันต้องมาเจอผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ อุตส่าห์ลงทุนทุ่มเทเต็มตัว มันเลยคิดต่อว่าไม่ทำงานนี้แล้วเว้ย เลิก พอคิดจะเลิกแล้วก็เลยไปปฏิเสธลูกค้า เนี่ย เรื่องมันควรเป็นอย่างนี้” เกดเรียงลำดับให้ใหม่ ผมแอบยกนิ้วโป้งชูให้เกดในใจ เก่งมากเลย

“ก็กูคิดไม่ออก คิดไม่ทัน ทุกอย่างมันตีเข้ามาพร้อมกันไปหมด กูไม่รู้จะเอายังไง” เปิ้ลโวยวายคล้ายกับแก้ตัว

“ช่างเถอะๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ถ้าจะเริ่มทำงานพิเศษแบบธรรมดาทั่วไป อยากทำแบบไหนยังไง ค่าชั่วโมงให้เท่าไหร่ ก็ไปปรึกษาไอ้เปล ที่นั่งข้างหลังมึงนั่น”

ผมรีบหลุบสายตามองหน้ากระดาษที่อ่านไม่รู้เรื่องทันทีที่ถูกพาดพิงชื่อกลับมา

“ทำไมต้องไปถามเปลวะ” เปิ้ลถามอย่างสงสัย

“เปลทำงานพิเศษเยอะ มันหาเงินเลี้ยงตัวเองอะ” ผมจำเสียงข้าวได้ เธอเป็นคนพูดกับเปิ้ล ผมฟังทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี

“เออ..เก่งว่ะ กูไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย” เปิ้ลชม แต่ผมไม่รู้สึกว่าผมเก่งเลย เพราะสุดท้ายผมก็ทำงานเหมือนเปิ้ลนั่นแหละ แค่เลิกก่อนเท่านั้น

“ไม่แปลกหรอก นี่กูก็รู้จากเอกมาเหมือนกัน เปลมันไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง แต่โจคงรู้เรื่องเปลเยอะหน่อย เห็นมันดูสนิทๆ กัน” ข้าวอธิบายต่อ

“โจเหรอ มันก็ต้องสนิทกับเปลอยู่แล้วดิวะ ถ้ากูเข้าใจไม่ผิด มันเป็นแฟนกันนี่” เปิ้ลนินทาผมระยะเผาขน นี่สาวๆ ผมนั่งหัวโด่อยู่หลังพวกเธออยู่ตรงนี้นะเห็นหรือเปล่า

“แฟนอะไร ไม่ใช่ ก็เพื่อนกันทั้งนั้น” ข้าวพูดอีก

“เอ้า กูเห็นตัวติดกัน แล้วกูเห็นบ่อยนะ เดี๋ยวมันก็จับหัวไอ้เปล เดี๋ยวโอบไหล่ เดี๋ยวจับแขน เพื่อนกันจะมาแตะมาจับทำไมนักหนา”

“ไม่รู้ดิ เปลมันนิ่งๆ เฉยๆ อาจจะดูเอ๋อๆ ในสายตาพวกมันเลยต้องจับไว้เดี๋ยวหายล่ะมั้ง” ข้าวพูดจบก็หัวเราะ อ้าวข้าว พูดถึงผมอยู่ดีๆ ทำไมมาหาว่าผมปัญญาอ่อนได้ล่ะ

“งั้นถามเปลเลย เนี่ยมันนั่งอยู่หลังพวกเรา” เกดพูดขึ้น สรุปว่ารู้ใช่ไหมว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ แต่นินทาไม่ไว้หน้าเลย

“เราไม่ได้เป็นแฟนกับโจ เป็นเพื่อนกัน” ไม่ต้องให้รอให้สามสาวถาม ผมแสดงตัวชิ่งตอบอย่างรวดเร็ว

“เอ้า ได้ยินด้วยเหรอ” เปิ้ลหันมามองด้วยความตกใจนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ

“อืม พวกเธอคุยเสียงดัง”

“โทษทีๆ ตกลงว่าไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอเนี่ย” เปิ้ลขอโทษอย่างไม่รู้สึกผิด ก่อนจะถามอีกครั้ง

“เพื่อนกัน ทำไมเหรอ” ผมเลยถามกลับบ้าง ไม่อยากถูกถามฝ่ายเดียว

“ไม่มีอะไร อยากรู้เฉยๆ” เปิ้ลพูดพลางยักไหล่ ด้วยท่าประจำตัว

“คุยอะไรกัน” โจเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเปิ้ลพอดี พร้อมกับวางมือลงบนหัวผม

“เปล่า” ผมบอกก่อนจะสลัดหัวหนีมือโจ

“อืม เปล่า” เปิ้ลสำทับก่อนจะหันหน้ากลับไปทางเดิม









“ภพกับเอกอะ” ผมถามโจตอนที่มันมานั่งข้างๆ ส่วนเพื่อนสองคนนั้นยังมาไม่ถึง อีกห้านาทีจะเริ่มเรียนแล้ว

“เอกป่วย ส่วนภพรถติดมาก พวกมันบอกอยู่ในกลุ่ม เนี่ยมึงไม่อ่านข้อความอีกละ”

“กูไม่ได้เอาโทรศัพท์มา”

“ลืมเหรอ”

“เปล่า กูปิดเครื่อง โทรศัพท์มันติดๆ ดับๆ อะ เลยไม่รู้จะพกมาด้วยทำไม”

“มันเป็นอะไร”

“กูทำตกเตียง หน้าจอแตก ทีแรกก็ใช้ได้ปกติ แต่เมื่อวานมันดันดับแล้วรีสตาร์ตเอง รีเองอยู่สองสามรอบ กู

เลยปิดเครื่อง กลัวมันระเบิดคามือ”

“เอ้า ทำไงล่ะ ทีนี้ติดต่อยากไปอีก เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วจะพาไปซื้อเครื่องใหม่”

“ไม่เป็นไร วันไหนว่างแล้วกูค่อยเอาไปซ่อม”

“ไม่ได้ แล้วระหว่างนี้จะติดต่อยังไง” โจไม่ยอมตามนิสัย

“กูไปทำงานพิเศษทุกวัน คุยไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ามึงมีธุระด่วนก็โทรเข้ามาที่ร้านเลย พี่ปุยฝ้ายเจ้านายกูใจดี ไม่ว่าหรอก แต่ต้องเป็นเรื่องด่วนจริงๆ นะ” ผมกำชับก่อนจะบอกต่อ “แล้วพอเลิกงาน กูกลับไปเปิดโน้ตบุ๊กทำงานที่ห้อง มึงทักมาในนั้นก็ได้” ผมคิดให้อย่างเสร็จสรรพ ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิดได้ แต่คิดเตรียมมาทั้งคืนแล้ว

“แล้วจะเอาโทรศัพท์ไปซ่อมเมื่อไหร่”

“รอเงินที่ทำงานออกก่อน”

“งั้นมึงเอาเงินกูไป”

“ไม่..ไม่เอา” ผมรีบบอกปัดทันที

“เปล มึงอย่าดื้อ ถ้ามึงเกรงใจกู ไว้มีเมื่อไหร่ค่อยคืน”

“ไม่ กูไม่อยากยืมเงินมึงอีกแล้ว อ้อ..มึงพูดถึงเรื่องเงินมาก็ดี เงินที่กูยืมมึงไปคราวก่อนอะ” ผมย้ำคำเดิม

“ทำไม พ่อมึงทำเรื่องอีกแล้วเหรอ” โจคาดเดาด้วยความระแวง

“เปล่าๆ จะบอกว่ากูหาเงินมาคืนมึงได้แล้วนะ เลิกเรียนแล้วค่อยไปโอนคืนให้ที่ตู้นะ” โจเงียบไปทันทีที่ได้ยิน มันจ้องหน้าผมเขม็ง ราวกับว่าผมไปทำเรื่องไม่ดีมาอย่างนั้น

“มึงไปเอาเงินมาจากไหนเร็วนัก”

“งานพิเศษที่ทำไง” ผมตอบตามความจริงนะ แค่ไม่ได้ระบุจากงานไหนเท่านั้นเอง

“มึงเพิ่งเริ่มงานร้านกาแฟได้ไม่ถึงสัปดาห์ นี่คิดว่าจะโกหกกูง่ายๆ เหรอ ตอบกูมาว่าเอาเงินมาจากไหน” โจคาดคั้น มันพูดเสียงดังขึ้นเล็กด้วย มันกำลังไม่พอใจผม

“เบาๆ สิโจ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” ผมเขย่าแขนโจ ให้มันรู้ตัว



โชคดีเป็นของผมเมื่ออาจารย์เข้ามาตรงเวลาพอดี ผมจึงไม่ถูกมันซักถามต่อ นอกจากบรรยากาศที่รู้เลยว่าโจยังไม่จบเรื่องนี้กับผมง่ายๆ แน่นอน



ความโชคดียังไม่หมดง่ายๆ เมื่ออาจารย์ปล่อยคลาส ผมก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องทันที โดยอ้างเหตุผลที่จำเป็นต้องไปทำจริงกับโจว่าผมมีนัดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจ็ก และบอกด้วยว่าไม่ต้องรอกินข้าวกลางวันเพราะไม่รู้จะคุยกับอาจารย์เสร็จเมื่อไหร่ ทำให้ผมรอดตัวไปอีกครั้ง



ผมนำความคืบหน้าไปให้อาจารย์ช่วยตรวจดูคร่าวๆ ได้รับคำแนะนำกลับมา พูดให้ถูกต้องคือถูกสั่งให้แก้ไข รื้อถอนและเขียนใหม่นั่นเอง ผมหอบความเศร้าออกมาจากห้องพักอาจารย์ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องคืนเงินโจเมื่อเดินผ่านเครื่องกดเงินสด



ผมจำเลขที่บัญชีธนาคารของโจได้ขึ้นใจ โอนคืนมันมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ยืมเงินใช้หนี้ ยืมมาใช้ระหว่างเงินทำงานยังไม่ออก ยืมเพราะทำเงินหาย สารพัดปัญหาเกี่ยวกับเงิน ผมเก็บใบเสร็จโอนเงินให้โจไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นการยืมเงินจากโจเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ



ครั้งแรกที่ผมต้องเอ่ยปากขอยืมเงินจากโจ คือตอนที่แม่โทรมาบอกว่าไอ้ปิงตัวสูงขึ้นกว่าเดิมมาก เสื้อผ้าชุดนักเรียนที่ใส่อยู่จึงไม่สามารถใส่ได้อีกแล้ว จำเป็นต้องซื้อใหม่ ถ้าหากว่าผมไม่ส่งเงินไป แม่จะให้ปิงหยุดเรียนไปก่อน ผมบอกว่างั้นแม่ออกเงินไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวผมจะหาเงินแล้วรีบส่งไปให้ แต่แม่บอกว่าไม่มีเงินเลยเพราะว่าพ่อเอาเงินไปลงทุนกับงานหมด ผมไม่รู้ว่างานอะไร เพราะไม่เคยเห็นกำไรจากงานที่พ่อลงทุนไปเลยสักครั้ง



ผมในวัยนั้นยังคิดไม่ค่อยเป็น ความอ่อนต่อโลกยังมีอยู่มาก แค่ครั้งแรกที่แม่โทรมาขอเงินผมก็ไม่มีให้แล้ว โจมันเห็นว่าผมดูเครียดๆ เลยถามผมว่าเป็นอะไร ผมเล่าเรื่องให้โจฟัง ไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนเลยตัดสินใจง่ายๆ ขอยืมเงินโจไปตรงๆ ทั้งที่เรารู้จักกันไม่กี่เดือนเลยด้วยซ้ำ



โจดูตกใจที่ผมขอยืมเงิน แต่ชั่วครู่เดียวโจก็ถามกลับมาว่าเท่าไหร่และยอมให้ผมยืมเงินโดยไม่ถามว่าผมจะคืนเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ ความน่าเศร้าของเหตุการณ์นี้คือผมมารู้ทีหลังว่าแม่ไม่ได้เอาเงินไปซื้อชุดนักเรียนให้ปิง แต่เอาให้พ่อไปทำทุนต่อ ทุนเทินอะไรกัน หลังจากนั้นไอ้ปิงคือจุดอ่อนของผมที่พวกเขาจะใช้เป็นเครื่องมือให้ผมส่งเงินไปให้



ผมคิดอย่างสลดใจ ผมในวัยสิบแปด ฮึกเหิมกล้าหาญหนีพ่อกับแม่มาเรียนที่กรุงเทพฯ คนเดียว ผมไม่กล้าบอกพวกเขาสองคน รู้ดีว่าต้องถูกห้ามแน่ๆ พ่อกับแม่อยากให้ผมทำงานที่ได้เงินเยอะๆ ใกล้บ้าน งานอะไรคงไม่ต้องบอกให้เสียปาก คนแถวบ้านผม ทำงานแบบนั้นจนเป็นภาพเคยชินของที่นี่ แต่ผมไม่อยากทำ ผมหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดและทำงานอื่นมาตั้งแต่เด็ก แอบเก็บเงินไว้บางส่วน ซ่อนไว้ไม่ให้พวกเขารู้ เพื่อจะเอามาใช้ตอนที่มาเมืองหลวง



ผมไม่อยากอยู่ที่นั่นไปจนตาย



แน่นอนตอนที่พ่อกับแม่รู้ว่าผมหนีมาแล้ว พวกเขาโกรธมาก แต่พอผมบอกว่าจะหาเงินส่งไปให้ พวกเขาจึงดูใจชื้นและหายโกรธผม



เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งสอง ใช่ครับ หลายครั้งที่ผมจำเป็นต้องยืมเงินจากโจเวลาที่ฉุกละหุก หาเงินส่งไปให้ไม่ทัน ไม่แปลกเลยที่โจจะเป็นห่วงและรู้เรื่องผมมากกว่าภพกับเอก และเพราะความช่วยเหลือหลายๆ ครั้งจากโจ ผมเลยเกรงใจมันค่อนข้างมาก อะไรที่โจบอกให้ทำหรือให้ช่วย ผมจะทำตามทันที ไม่อิดออด



ผมคิดเรื่องเก่าระหว่างทางที่ไปหาข้าวกินในร้านสะดวกซื้อ ร้านนี้เป็นร้านใหม่ค่อนข้างใหญ่จึงมีพื้นที่ให้นั่งกินข้าวด้วย ผมจึงจัดการปากท้องให้เรียบร้อย แอร์ก็เย็น อาหารก็กำลังร้อน อิ่มอร่อยไปอีกมื้อ



สถานที่ถัดไปคือร้านกาแฟ งานพิเศษล่าสุดของผม












หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 14-05-2019 13:53:07

“สวัสดีครับพี่ปุ้ยฝ้าย พี่พงศ์ น้องหนู” ผมทักทายยกมือไหว้คนอายุมากกว่าสองคน ส่วนน้องหนูนั้นผมแค่ยิ้มให้ด้วยวัยที่เธออายุน้อยกว่าผม ทุกคนยืนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ลูกค้าดูบางตากว่าปกติทุกคนจึงยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่

“ดีจ้ะ เข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ” พี่ปุยฝ้ายบอก พี่พงศ์พยักหน้าให้ผมแล้วบุ้ยหน้าไปที่ห้องสำหรับพนักงาน ส่วนน้องหนูเธอก็ยิ้มตอบ

“ครับ” ผมเข้าไปสวมผ้ากันเปื้อนสีดำของร้านใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็กลับออกมาอีกครั้ง

“เปลมานี่หน่อย” พี่พงศ์เรียกผมให้ไปยืนตรงมุมเครื่องดื่ม

“ครับพี่”

“ตอนนี้ว่าง ต้องรีบสอน เดี๋ยวพี่จะสอนพวกเมนูปั่นแล้วกัน”

“ครับ แล้วพี่ปุยฝ้ายอะ” ผมถามถึงเจ้าของร้าน เพราะไม่เห็นเธอแล้ว

“ยืนอยู่นู่น” พี่พงศ์พยักพเยิดหน้าไปด้านหนึ่งในร้าน ผมมองตามไปเห็นเธอยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะหนึ่ง โต๊ะนั้นมีลูกค้านั่งอยู่สองคน

“อ้อ..” ผมหันกลับมา รับคำในคอ ไม่ได้ตอบอะไรมากกว่านั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“รู้จักสองคนนั่นไหม” พี่พงศ์ถามไปด้วย มือก็เตรียมของจะสอนผมไปด้วย ผมเลยหันกลับไปมองลูกค้าอีกครั้งก่อนตอบ

“รู้จักแค่คนทางซ้าย”

“อืม แล้วคนขวา?”

“ไม่รู้จักครับ”

“คนขวานั่น ขวัญใจเจ๊เขา ระมัดระวังกับคนนั้นให้มากหน่อย ถ้าไม่อยากเห็นเจ๊แกวีนแตก”

“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

“อืม ถ้าอยากรู้ว่าวีนขนาดไหน จะลองดูก็ได้”

ผมส่ายหน้าเร็วๆ “ไม่เอาหรอก พี่อะชอบแกล้ง อยู่ดีๆ จะหาเรื่องผมตกงาน”

“ฉลาด”

“เอ้า มา เริ่มจากนี่ก่อน” พี่พงศ์เริ่มสอนผมทำเมนูปั่นต่างๆ ตามที่เขาเกริ่นแต่ทีแรก ช็อกโกแลตปั่นเอย เอกเพรสโซ่ปั่นเอย ลาเต้ปั่นเอย

แน่นอนว่าเมนูพวกนี้ผมทำเป็นอยู่แล้ว แต่เมื่อต่างร้านก็ต่างสูตรกันเล็กน้อย หากไม่มีอะไรให้น่ากังวล ผมเหลือบมองโต๊ะหนึ่ง พี่ปุยฝ้ายยังไม่กลับมาจากโต๊ะนั้นเลย สงสัยว่าคนทางขวาจะเป็นขวัญใจพี่ปุยฝ้ายจริงๆ

“คนขวานั่นใครอะพี่”

“คุณเคน” พี่พงศ์ตอบโดยไม่เงยหน้าจากมือที่กำลังเก็บล้างภาชนะ

“คุณเคน?”

“อยากรู้ก็ถามเจ๊เองเลย นั่น..เดินกลับมาแล้ว” พี่พงศ์โยนต่อ ผมไม่กล้าไปถามพี่ปุยฝ้ายหรอก คงต้องรอให้เธอเล่าเอง

“พงศ์” เป้าหมายของพี่ปุยฝ้ายคือคนที่เธอเรียก

“ครับ?”

“พี่ฝากร้านหน่อยนะ แม่พี่โทรมาบอกว่าท่อน้ำแตก โอ๊ย ฉันจะบ้า คุณเคนอุตส่าห์มาร้านทั้งที ฉันก็ต้องจากไปหรือนี่” ประโยคแรกเธอพูดด้วยความร้อนรนเรื่องที่บ้าน แต่ประโยคหลังเต็มไปด้วยความเสียดาย

“ครับเจ๊”

“อ้อ..ปิดร้านให้ด้วย ไปละๆ เดี๋ยวบ้านน้ำท่วม” พี่ปุยฝ้ายรีบพูดแล้วออกจากร้านไปภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

ผมยังไม่ทันหายงงงวยกับการมาไวไปไวของพี่ปุยฝ้าย ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นจากหน้าเคาต์เตอร์

“น้องครับ”

“ครับ รับอะไรดีครับ” ผมหันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มการบริการตามอัตโนมัติ

“เอาขนมปังสองชิ้น ไม่สิ สี่ชิ้นดีกว่า ขนมปังแบบไหนก็ได้ เลือกมาเลยนะ แล้วก็อเมริกาโนของคุณคีนแก้วหนึ่งครับ”

“ครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะทวนรายการอีกครั้ง เขาตอบว่าถูกต้องแล้วก็ออกจากร้านไป



นี่ก็อีกคนมาไวไปไว



ผมบอกพี่พงศ์ว่าคุณเคนสั่งอเมริกาโนหนึ่งแก้ว พี่พงศ์บอกให้ผมแสดงฝีมือเองเลยเพราะวันก่อนพี่ปุยฝ้ายเล่าให้ฟังว่าสอนไปแล้ว ผมเลยจัดการเอง จังหวะที่ผมนำกาแฟและขนมใส่ถาดเรียบร้อย กำลังจะยกไปเสิร์ฟแต่หูก็ได้ยินคนโต๊ะหนึ่งรับโทรศัพท์ขึ้นมาเสียก่อน



ไม่รู้ว่าคุยอะไร แต่มันไม่ใช่ภาษาไทยเลยสักคำ



“พี่พงศ์ครับๆ” ผมพูดเสียงเบา ขณะขยับเข้าไปใกล้เจ้าของชื่อ

“ว่า?”

“คุณคีนเขาฟังไทยได้ไหม”

“ลองถามเขาสิ” พี่พงศ์ย้อนกลับ

“พี่พงศ์ เอาดีๆ ดิพี่ อย่าเพิ่งแกล้ง ผมจริงจังนะ” ผมยู่หน้า นี่ไม่ใช่เวลาที่พี่พงศ์จะมาแหย่ผมนะ

“ได้บ้าง อย่าไปพูดอะไรยาวๆ เข้าล่ะ ตอนนี้คุณเคนไม่อยู่แปลให้ด้วย”

“โอเคพี่”

“เสิร์ฟเสร็จแล้วก็รีบกลับมาล่ะ” พี่พงศ์กำชับก่อนจะหันกลับไปชงเครื่องดื่มออเดอร์อื่นต่อ



ผมเดินถือถาดไปโต๊ะหนึ่งด้วยความระวัง เกร็งนิดหน่อยถ้าต้องพูดภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ ไม่ใช่ว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อเมริกาโน เนี่ยก็ภาษาอังกฤษใช่ไหมล่ะ แต่ผมไม่ค่อยได้พูด ก็เลยรู้สึกเขินหน่อยๆ

“ขอโทษที่ให้รอครับ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ ตอนนี้เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์แล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเงยหน้าขึ้นมามอง

ใจผมเต้นตึกตักเหมือนครั้งก่อน

“เอ่อ..อเมริกาโนครับ แล้วสองจานนี้เป็นขนมปัง คุณผู้ชายที่เพิ่งออกจากร้านไปบอกว่าขนมปังแบบไหนก็ได้ผมเลยเลือกมาให้ ถ้าคุณไม่ทานอันไหนบอกได้เลยครับ เดี๋ยวผมนำไปเปลี่ยนให้”



ผู้ชายตรงหน้าไม่ตอบ เขามองหน้าผมเหมือนคนงงๆ ไม่เข้าใจภาษาไทย

“คุณฟังเข้าใจไหมครับ คือ..เอ่อ..ขอโทษนะครับ คือคุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ” ผมกำลังอยู่ในภาวะเครียด คำพูดนี้เป็นการดูถูกลูกค้าไหม เอายังไงดีถึงจะพูดแล้วให้ลูกค้าไม่คิดมาก ผมไม่ได้มีจุดประสงค์จะเหยียดหยามหรือดูแคลนอะไรเลย

“พูดหม่าย..ได้ไหม” ภาษาไทยน้ำเสียงแปร่งเป็นคำๆ จากผู้ชายตรงหน้ายืนยันว่าเขาไม่เข้าใจที่ผมพูด

“เอ่อ..” ผมกำลังคิดหาคำพูดเมื่อมีเสียงสวรรค์ช่วยชีวิต

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” คุณเคนเดินมาถึงโต๊ะก็ถามเข้าอีกฝ่ายทันที



ผมฟังไม่ออกว่าคุณคีนพูดอะไรกับคุณเคน เพราะหลังจากคำถามของคุณเคนแล้ว คุณคีนก็พ่นไฟภาษาอังกฤษใส่คนถามอย่างไม่รอช้า แล้วคุณเคนก็รัวกลับไปเช่นกัน กระทั่งภาษาต่างดาวจบลง คุณเคนจึงหันมาทางผม

“ชื่อ..เปล ใช่ไหมครับ” คุณเคนมองป้ายชื่อพนักงานผมก่อนจะเงยหน้าเรียกชื่อ ทำให้ผมหนาวๆ ร้อนๆ ไม่รู้ว่าการเรียกชื่อนี้จะสื่อไปในอารมณ์ไหนบ้าง แล้วยิ่งพี่พงศ์บอกว่าคุณเคนเป็นขวัญใจพี่ปุยฝ้ายด้วย ผมยังไม่อยากถูกเขาร้องเรียนหรอกนะ เพราะนั่นจะทำให้ผมตกงานแน่ๆ

“ครับ” ผมพยักหน้าพร้อมกับตอบรับ

“ขอโทษที หัวหน้าพี่เขา..เอ่อ..ภาษาไทย..ก็อย่างที่เห็น พี่อธิบายให้เขาฟังเรียบร้อย แล้วตะกี้ตกใจหรือเปล่า ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“โอเค ถ้าทำให้พนักงานคุณปุยฝ้ายกลัว พี่คงไม่กล้ามาร้านนี้อีก” คุณเคนหัวเราะเต็มเสียง



ถ้าเสียงหัวเราะของมิสเตอร์เคทำให้ผมอบอุ่น ปลอดภัย เสียงหัวเราะของคุณเคนคงเปรียบเหมือนทำให้โลกใบนี้สดใสล่ะมั้ง

“ขอโทษครับแล้วก็ขอบคุณมากๆ ครับ” ผมพูดเสร็จแล้วเดินกลับมาหาที่เคาต์เตอร์ดังเดิม

“เป็นไง เขาฟังภาษาไทยได้ไหม อ้าวแล้วทำไมทำหน้าตาตื่นแบบนั้น” พี่พงศ์ส่งรอยยิ้มมาให้ผมตอนที่ถาม

“เมื่อกี้คุณคีนฟังผมพูดไม่รู้เรื่องเลยพี่” ผมตอบพลางถอนหายใจ

“ไม่รู้เรื่อง?”

“อื้อ ก็พี่บอกเขาฟังภาษาไทยออกบ้างใช่ปะ แต่ผมว่าเขาฟังไม่ค่อยได้เลยนะ”

“จริงเหรอ เฮ้ย นั่นพี่อำเล่นนะ”

“พี่พงศ์!?”

“เชื่อคนง่ายจริงๆ นะเปล” พี่พงศ์หัวเราะขำกับความเด๋อที่ผมหลงกลเขาโดยง่าย

“พี่แกล้งผมทำไมเนี่ย” ผมใส่อารมณ์กับน้ำเสียงลงไป แต่ไม่ได้โกรธเขาจริงจังหรอก

“น่าแกล้งเองนี่ช่วยไม่ได้ ซื่อจริงๆ เลยเรา แล้วทำไงอะ”

“โชคดีที่คุณเคนมาช่วยไว้ทันพอดี”

“ตกลงคุณคีนฟังไม่เข้าใจจริงๆ อะเหรอ”

“อืม ใช่ครับ ทำไมเหรอ”

“พี่ว่าไม่ใช่...”

“พี่พงศ์ไปซื้อข้าวกัน หนูหิวแล้ว” น้องหนูเดินเข้ามาคั่นบทสนทนาระหว่างผมกับพี่พงศ์พอดี

“เออ ไปๆ” พี่พงศ์ตอบน้องหนูแล้วหันมาคุยกับผม “พี่ฝากร้านแป๊บเดียว มีร้านข้าวเปิดใหม่ฝั่งตรงข้าม น้องหนูมันอยากกิน เดี๋ยวพี่รีบซื้อแล้วจะรีบกลับ”

“ครับ”

“ไปกันน้องหนู”

“ค่ะ พร้อมแล้ว เดี๋ยวหนูมานะ พี่เปลกินข้าวหรือยัง ฝากซื้อไหม” ผมตอบเธอไปว่าผมกินมาเรียบร้อยพร้อมกับขอบคุณน้องหนู



พี่พงศ์ออกไปกับน้องหนู จังหวะเดียวกับคุณเคนเดินมาหาผมแล้วขอเมนูไปให้เจ้านายเขาที่โต๊ะหน่อย พูดจบก็ผลุนผลันออกไปจากร้านอีกแล้ว อะไรจะเร่งรีบถึงเพียงนั้น ผมมองตามแล้วเหนื่อยแทน



ผมหยิบเมนูเครื่องดื่มและขนมไปให้โต๊ะหนึ่ง ผู้ชายภาษาไทยไม่แข็งแรงนั้นรับเมนูไปอ่านอย่างเงียบเชียบ ผมมองเมนูในมือเขา เมนูที่ร้านเป็นแผ่นหนาๆ เพียงแผ่นเดียว ด้านหนึ่งเป็นภาษาไทยและอีกด้านหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผู้ชายผู้อ่อนแอด้านภาษากำลังอ่านเมนูหน้าภาษาไทย

“ขอโทษครับ ภาษาอังกฤษอยู่อีกด้านหนึ่งครับ” ผมหวังดีจึงรีบบอกเขา

“Sorry?”

“ขอโทษครับ” ผมบอกเขาอีกครั้งก่อนจะก้มตัวลงไปช่วยพลิกหน้าเมนูให้

“ขอบคุณครับ” จังหวะที่เขาพูด ทั้งตัวและหน้าผมยังไม่ได้ออกมาห่างจากคุณคีนเท่าไหร่เลย เสียงเขาดังอยู่ใกล้หู ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่เขาพูดคำนี้ได้ชัดไม่มีเพี้ยนเลยสักนิดเดียว มันทำผมตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ



เสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน...



เป็นไปไม่ได้



“เดี๋ยวผมกลับมารับออเดอร์นะครับ” ผมตั้งสติ ยืดตัวขึ้นแล้วบอกเขา แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นมองผมไม่เข้าใจอีกแล้ว “เอ่อ.. พะ..พลีส เทค ยัวร์ ไทม์ ไอ วิล บี ไรท์ แบก” ผมบอกเขาด้วยภาษาอังกฤษแสนง่อยนั้น แต่ผมพยายามสุดๆ แล้วนะ



คุณคีนพยักหน้า เขาเม้มปากเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะก่อนจะเหลือบตามองผม นี่เขาไม่ได้กำลังขำผมอยู่ใช่ไหมไม่อยากคิดในแง่ดีเลยเขาต้องขำภาษาอังกฤษสำเนียงไทยแลนด์ของผมแน่ๆ

“ม่ายเป็นไร รอ..ก่อน” เขาตอบกลับมาเป็นภาษาไทยอ่อนแอ

“ครับ” ผมเลยยืนรอเขาเลือกรายการในเมนู โชคดีว่าตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าคนใหม่เข้ามา

“เปล? ช่ายไหม” เขาเอ่ยชื่อผม เหมือนคนลังเลไม่แน่ใจว่าออกเสียงถูกหรือเปล่า

“ใช่ครับ”

“เปล” เขาเรียกใหม่อีกครั้ง ดูมั่นใจกว่าเดิม “What does it mean?” เสร็จแล้วก็มาตกม้าตายเพราะพูดต่อไม่ได้ แต่คราวนี้ผมฟังออก

“แฮมม็อก” ผมตอบกลับ แต่ฝรั่งลูกครึ่งตรงหน้าไม่เข้าใจสำเนียงอันเลอค่านี้ ผมเลยสะกดตัวอักษรให้เขา “เฮช เอ เอ็ม เอ็ม โอ ซี เค ครับ”

“อืม”

“ครับ” อืม คำเดียวของเขาคืออะไร ผมเลยตอบรับเชิงคำถาม ถ้าเขาไม่พูดอะไรต่อก็ถือว่าเป็นการจบประโยคไปก็แล้วกัน

“น่ารัก..ดีนะ”

เขาหมายถึง...ชื่อผมใช่ไหม? ชื่อผมอะแหละ

“ขอบคุณครับ รับอะไรดีครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปถามเรื่องสั่งเครื่องดื่ม เมนูยังคามือเขาอยู่เลย เขาไม่ตอบแต่จิ้มไปที่เมนูแทน ผมมองมือเขาที่จิ้มตัวหนังสือพวกนั้นด้วยความเพลิดเพลิน มือยาวเรียวสวย มือผู้ดีอังกฤษเขาเป็นอย่างนี้เองหรือ

“ชาเขียวปั่นหนึ่ง น้ำเปล่าหนึ่ง รับน้ำแข็งด้วยไหมครับ” ผมรีบดึงสติกลับมาทวนเมนูเหล่านั้นเมื่อเห็นเขามองหน้านิ่งๆ

เขาพยักหน้า

“ครับ สักครู่นะครับ” ผมรับเมนูคืนจากเขา พอดีกับพี่พงศ์และน้องหนูกลับมาเช่นกัน



คุณเคนกระหืดกระหอบกลับเข้ามาในร้าน พูดเสียงค่อนข้างดังจนผมที่กำลังเก็บโต๊ะห่างมาอีกสองสามโต๊ะถึงกับได้ยิน คุณเคนบอกว่า‘ต้องรีบไปแล้ว มีประชุมด่วนกะทันหัน’ ผมไม่ได้ยินว่าคุณคีนตอบอะไรกลับไปเพราะเขาพูดเสียงเบามาก แต่คุณเคนกลับตอบว่า ‘ก็กะทันหันไง รู้จักไหม’ คุณเคนกึ่งลากกึ่งดึงคุณคีนออกไปจากร้านหลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมได้แต่มองตามผู้ชายสองคนขึ้นรถตู้ออกไปด้วยกัน









พอเลิกงานเสร็จ ผมก็กลับมาที่ห้องทันที มาถึงก็อาบน้ำโดยไม่รอช้าจากความเหนียวตัวและอากาศร้อน ผมเปิดโน้ตบุ๊กเตรียมทำงานต่อและเผื่อว่าโจจะโทรผ่านเน็ตมาด้วย แต่จดๆ จ้องๆ อยู่นานก็ยังไม่เริ่มแก้งานเสียที กลับนึกถึงผู้ชายสองคนที่ร้านกาแฟ ถึงตอนนี้ผมก็นึกออกแล้วคุณเคนคือคนที่พี่ปุยฝ้ายพูดถึงเมื่อวันนั้น หน้าตาเขาดูดีอย่างที่พี่ปุยฝ้ายชื่นชมและผมเห็นตรงกับพี่ปุยฝ้ายว่าพวกเขาคงสนิทกันจริงๆ คุณเคนถึงฉุดดึงและเสียงดังใส่เจ้านายได้ขนาดนั้น แต่ไม่รู้ทำไม คุณเคนกลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผมได้มากเท่ากับคุณคีน



ผมให้เหตุผลกับตัวเองว่า ข้อแรกผมชอบดวงตาคู่นั้นของเขา และข้อสองเขาคือลูกชายมิสเตอร์เค



นึกแล้วผมยังตกใจไม่หาย เสียงของเขาเหมือนกับมิสเตอร์เคมาก แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มิสเตอร์คือคุณกวินทร์ และที่สำคัญมิสเตอร์เคพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว ผิดกับฝรั่งตาน้ำตาลอ่อนคนนั้น แต่นอกเหนือจากน้ำเสียงที่ชวนให้ตกใจ ผมกลับรู้สึกผิดต่อคุณคีน เรื่องที่ผมแอบไปมีสัมพันธ์กับพ่อของเขาโดยไม่ตั้งใจ อ่า..จะเรียกว่าไม่ตั้งใจก็ไม่ใช่ ผมตั้งใจทำงานนี้ก็จริงแต่ไม่รู้นี่นาว่าลูกค้าผมจะเป็นพ่อของเขานี่



คุณคีนจะรู้ไหมว่าเบื้องหลังแล้วพ่อของเขาซื้อคนมานอนด้วย และพ่อของคุณคีนใจดีถึงขนาดที่ทำให้เด็กมหา’ ลัยคนหนึ่งตกหลุมรัก ชอบพ่อเขาไปเสียแล้ว ผมถอนหายใจ ส่ายหน้าแรงๆ ไปมาสองสามที ก่อนจะเริ่มกล่อมตัวเองอีกครั้ง





จงตัดใจ จงตัดใจ จงตัดใจ









=====================


สงสัยตรงไหน ถามได้น้า

ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเมนต์ค่า รักก


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 14-05-2019 14:28:46
ร้ายมาก ทั้งคุณคีน ทั้งพี่พงศ์ แกล้งน้องเปล! แต่อยากอ่านมุมมิสเตอร์เคบ้าง คงจะต้องเอ็นดูเปลมากแน่ๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-05-2019 14:30:07
ตลกกกก คุณคีนชอบแกล้งน้อง เนี่ย เป็นเมียพ่อไปแล้ว 55555555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 14-05-2019 16:15:18
 :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 14-05-2019 16:35:54
ตลกคุณคีน ฮื่อออ จะรู้ไหมว่าตอนนี้น้องคิดว่าตัวเองเป็นเมียพ่อแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 14-05-2019 16:48:07
คุณคีนนนนอย่าแกล้งน้องงงงง น้องเข้าใจว่าเป็นเมียพ่อแล้วรู้ไหมมมม 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 999296 ที่ 14-05-2019 17:24:50
น้องเปลน่ารักกกกกก คุณคีนก็ขี้แกล้งน้องเข้าใจผิดไปไกลแล้วววววว คุณคีน 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-05-2019 18:55:28
เอ็นดูเปล ยังคิดว่าเป็นคนพ่ออยู่เลย

คนพี่นี่ก็แอบขี้แกล้งนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 14-05-2019 19:11:57
คุณคีน ก็ช่างขี้แกล้งเด็ก

เปลเองก็ช่างซื่อซะเหลือเกินลูกเอ๊ยยย

รอติดตามค่ะ รอวัน MR.k เค้าเผยตัว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-05-2019 19:27:33
นุ้งเปล...มีแต่คนรุมแกล้ง   :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 14-05-2019 20:16:27
คุณคีณขี้แกล้ง พี่พงษ์ก็ด้วยแกล้งจนน้องสับสน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 14-05-2019 20:16:45
โฮยยย ขำมากกกก น้องเปลมีแต่คนแกล้ง :laugh:
คุณคีนมีแอบหยอดน้องเปลด้วย ใจบางแล้วววว  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-05-2019 22:17:03
คุณคีนต้องมานั่งเฝ้าน้องเปลแน่เลย ไม่ยอมไปไหนด้วย
แต่น่สงสารตรงไม่ยอมเปิดเผยตัวเองจนน้องเข้าใจผิดไปไกลนี่แหละ
ถ้ารู้ว่าน้องเข้าใจผิดนี่ คงเสียใจน่าดู 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-05-2019 22:18:01
อึดอัดแทนนะแต่เอ็นดู
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 14-05-2019 22:54:27
เอาจิง พระเอกดูใจร้ายนะ ปั่นประสาทไปดิ
น้องก็โคตรจะใสซื่อเลยค่ะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 14-05-2019 23:06:57
คุณคินแกล้งน้องทำไมที่มาร้านกาแฟบ่อยๆเรารุ้นะว่าจะมาหาน้อง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 15-05-2019 00:45:22
เอ็นดูน้องงงง ทำไมมีแต่คนรุมแกล้ง :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-05-2019 01:00:01
นั่นไงๆ ถึงงานยุ่ง ว่างนิดว่างหน่อยก็มานัังเฝ้าเด็ก
แวะมาแกล้งน้อง หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 15-05-2019 02:05:34
คุณคีนร้ายมากก แกล้งน้องงง เนี่ยมัวภาษาไทยอ่อนแอน้องเปลคิดว่าตัวเองเป็นเมียคนพ่อไปละจ้าา โคตรบาป 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 15-05-2019 02:16:11
 :hao7: น้องงงง หนูคิดไปไกลเลยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: patta1995 ที่ 15-05-2019 07:25:21
น้องงง โดนแกล้งเขินแย่เลย 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 15-05-2019 08:06:12
 :hao3: เข้ามารอทุกวันเลยญยยยยยยย เค้าคิดว่าคีนละ แต่คีนแกล้งน้องแน่ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-05-2019 09:13:25
เหมือนโดนแกล้งอ่ะเปล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 15-05-2019 09:46:07
ทำไมทุกคนรุมแกล้งเปลลล เอ็นดูน้องงงง
น้องยังคงเชื่อมั่นว่ามิสเตอร์เคคือคนพ่อ55555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 15-05-2019 15:30:57
ทำไมขี้แกล้งงงง :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 15-05-2019 21:17:56
แกล้งน้องกันใหญ่ อย่าให้ถึงทีของน้องงอนกลับบ้างนะ หึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-05-2019 21:56:12
แหม่ๆๆๆ แอคติ้งพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 15-05-2019 23:11:00
แอคติ้งหนักมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 16-05-2019 21:35:18
..เอ็นดูความซื่อของน้องเปล เป็นอะไรที่น่าเอ็นดูมาก หนูลูกกกก
ส่วนคุณคีนแอบร้ายมากค่ะบอกเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-05-2019 21:54:38

BED CARE JOB #พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม



ผมนอนนิ่งลืมตามองเพดานสีขาวที่มีคราบเหลืองบ้างประปรายตามความเก่าทรุดโทรมของห้อง ปกติผมตื่นแล้วจะลุกออกจากเตียงเลย ไม่นอนเล่นแช่อยู่บนเตียง ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ผมมีงานมีเรียนหลายอย่างที่ต้องทำในแต่ละวันจึงนอนอยู่เฉยไม่ได้ ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปจากทุกที



ผมกำลังไม่สบาย



ถึงผมจะตัวผอมแต่ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มคนแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย หากไม่สบายทีหนึ่งก็จะมีแค่ไอ มีไข้หวัดเล็กน้อย กินยา กินข้าว ก็หายเป็นปลิดทิ้ง หากคราวนี้หนักกว่าที่เคย ผมไม่อยากยอมรับกับตัวเองเลยว่าสาเหตุการป่วยครั้งนี้มาจากความเครียดหลังจากกลับไปเลือกตั้งที่บ้านและผมที่เอาแต่ร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืน



ผมลางานกับพี่ปุยฝ้ายเพื่อขอกลับไปเลือกตั้งที่ลำปาง พี่ปุยฝ้ายอนุญาตแถมยังเข้าใจเป็นอย่างดี เธอเห็นด้วยและให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง เธอบอกว่าผมทำถูกแล้วที่กลับไปใช้สิทธิ์ของตัวเอง ทั้งนี้เธอยังเป็นเจ้านายที่ใจดี พี่ปุยฝ้ายกังวลว่าผมจะไม่มีเงินกลับบ้าน เธอจึงอนุญาตให้ผมเบิกเงินล่วงหน้า



ผมออกเดินทางไปลำปางช่วงเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานและกลับมากรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์หลังเลือกตั้ง โดยกลับมาเพียงลำพังคนเดียว



ใช่ครับ ผมเอาปิงกลับมากับผมไม่ได้ ผมคิดตื้นเกินไปว่าจะทำทุกอย่างได้ตามที่ใจคิด น้ำตาเอ่อล้นไหลมาตามหางตาอีกแล้ว ผมเช็ดมันออกไปอย่างลวกๆ ไม่สนใจว่าหน้าจะเป็นรอยแดงหรือไม่ ก่อนจะฝืนตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวไปมหาวิทยาลัย



ผมนั่งรอเรียนด้วยร่างกายที่หนาวสั่น กอดตัวเองแน่น ได้ยินสามสาวคุยกันอยู่ข้างหน้า หากผมฟังพวกเธอคุยไม่รู้เรื่องเลย สมองมันตื้อไปหมด ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียน แค่จะเงยหน้ายังยากเย็น ครั้งนี้ผมคงไม่สบายหนักจริงๆ

“ง่วงเหรอ เมื่อวานกลับมากี่โมง” โจถามพร้อมกับมือที่ชอบวางบนหัวผมเหมือนอย่างเคย คราวนี้ผมไม่ได้สะบัดหนีเพราะไม่มีแรง

“เกือบสองทุ่ม” ผมตอบกลับไปเสียงเบา แค่พูดยังรู้สึกเหนื่อยเลย ดวงตาเริ่มหนักอึ้ง สัญญาณที่บอกว่าร่างกายผมกำลังไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ทำไมเสียงแหบแบบนั้น” โจเลื่อนมือมาจับที่แก้มผมก่อนมันจะอุทานเสียงดังแล้วพูดต่อ “ทำไมตัวร้อนแบบนี้วะ”

“ไม่สบาย” ผมบอกกลับไปราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ก็มันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ การป่วยไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ไม่สบายได้ยังไง ก่อนกลับบ้านยังดีๆ อยู่เลย”

“ไม่รู้”

“ไปหาหมอกับกู”

“ไม่ เรียนก่อน” ผมบอก ไม่อยากให้โจต้องขาดเรียนเพราะผม

“เปล ทำไมมึงดื้อแบบนี้วะ”

“กูไม่เป็นไรหรอกน่าโจ มึงไม่ต้องเป็นห่วง” โจได้ยินคำตอบผมก็ถอนหายใจ

“งั้นกลับไปพักที่ห้องเถอะ เดี๋ยวกูไปส่ง”

“ไม่ได้ กูต้องไปทำงานตอนบ่าย”

“มึงควรลา สภาพนี้มึงทำงานไม่ไหวหรอก”

“แต่..” ผมอยากจะเถียงแต่ก็รู้สังขาร ผมว่าผมไม่ไหวจริงๆ

“ทำตามที่บอกเถอะ แทนที่มึงจะได้ทำงานมีหวังไปเพิ่มงานแทนมากกว่า”

“อือ” โจพูดถูก

“ปะ ลุก กูพาไปส่งที่ห้อง”

“...”

“เชื่อกูนะ ไปพักเถอะ ขาดเรียนวันเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” โจบอกผมด้วยเสียงอ่อนโยนขึ้น คงหาทางกล่อมผมนั่นแหละ

“ก็ได้”

“ดีมาก” โจลูบหัวผมสองสามที แล้วเรียกสาวกลุ่มข้างหน้า “เกด”

“ว่า?” เกดตอบกลับมา

“ถ้าไอ้เอกกับภพมา ฝากบอกพวกมันให้ทีว่าไอ้เปลไม่สบาย กูเลยจะพามันไปส่งที่ห้อง”

“ได้ มันเป็นไรมากเปล่าวะ พาไปหาหมอไม่ดีกว่าเหรอ”

“มันดื้อไม่ยอมไป ถ้ามันอาการหนักกว่านี้กูค่อยพาไปหาหมอ”

“อืมๆ”

“เปล ลุกไหวไหม” โจเข้ามาประคองผม

“ไหว” ผมพยายามฝืนตัวลุกเดินตามที่มันบอก จนเข้ามาในรถยนต์ของโจ มันโยนเสื้อคลุมมาให้ผม ก่อนจะขับรถออกไปกระทั่งถึงที่พัก



โจช่วยพาผมลงจากรถและพาไปส่งที่ห้อง มันบอกว่าเดี๋ยวจะออกไปซื้อยาและอาหารมาให้ ผมเลยเอ่ยปากขอยืมโทรศัพท์มือถือมันเพื่อจะโทรไปลางานกับพี่ปุยฝ้าย โจยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับคำบ่นงุ้งงิ้งว่าผมไม่ยอมเอาโทรศัพท์ไปซ่อมหรือซื้อใหม่ ติดต่อใครก็ยากเห็นไหม ผมรับฟังอย่างผ่านๆ ไม่ได้สนใจ ผมรู้ว่าโจไม่ได้หวงโทรศัพท์กับผม แค่บ่นตามประสาของมัน

“สวัสดีครับพี่ปุยฝ้าย” พอโจออกจากห้องไป ผมก็กดเบอร์ไปยังปลายทางทันที รอไม่นานพี่ปุยฝ้ายก็กดรับ

“สวัสดีค่ะ ปุยฝ้ายพูดค่ะ”

“เปลนะครับ”

“อ้าว เปลเองเหรอ เอาเบอร์ใครโทรมาเนี่ย แล้วทำไมเสียงแหบเป็นเป็ดแบบนั้น ไม่สบายเหรอ”

“ครับ โทรศัพท์ผมเสียเลยขอยืมเพื่อนโทรมา ผมไม่ค่อยสบายเลยโทรมาลางานพี่ปุยฝ้าย ขอโทษด้วยนะครับ ลาอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องเจ็บป่วยมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ แล้วนี่เปลไปหาหมอหรือยัง”

“ยังครับ แต่เพื่อนไปซื้อข้าวกับยาให้แล้ว”

“อืม อยู่คนเดียวด้วยไม่มีคนดูแล ถ้าไม่ไหวต้องรีบไปหาหมอนะเปล ปล่อยไว้ไม่ดีหรอก ทรมานตัวเองเปล่าๆ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“จ้ะ หายไวๆ นะ อย่างนี้ก็แสดงว่าสัปดาห์นี้พี่คงไม่ได้เจอเปลเลยสินะ คุณเคนคงถามหาเปลอีกแน่ๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่เลือกตั้งมาถึงก็ถามหาเปลก่อนเลย ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมพี่ไม่เห็นรู้ อิจฉานะเนี่ย”

“เอ้อ..งั้นเหรอครับ ขอโทษด้วยนะครับ” ผมขอโทษพี่ปุยฝ้ายเพราะปลายสัปดาห์ผมก็ลาพี่ปุยฝ้ายไว้ ที่คณะมีจัดงาน คล้ายกับเปิดบ้านเพื่อให้เด็กม.หก หรือคนที่สนใจเข้ามาดูว่าคณะเรียนของเรามีการเรียนการสอน รวมไปถึงกิจกรรมอะไรบ้าง จบไปแล้วจะทำอาชีพอะไร เพื่อให้น้องๆ ได้ตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ชอบก่อนจะเลือกเรียนต่อในชั้นอุดมศึกษา



อันที่จริงพี่ปีสี่อย่างผมไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมเหมือนกับปีอื่นๆ แต่ปีสุดท้ายแล้วผมก็อยากซึมซับบรรยากาศโค้งสุดท้ายที่เหลือก่อนจะจบออกไป



ส่วนคุณเคนหลังจากที่ผมเจอเขาครั้งแรก เขาก็มาอีกเรื่อยๆ สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง มันก็ผ่านมาร่วมเดือนจึงได้เห็นหน้าค่าตากันบ่อย แต่ทุกครั้งที่เจอผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขามากมาย เลยไม่รู้ว่าเขาจะถามหาผมทำไม



“พี่ไม่ได้ว่าอะไรนะ อย่าเพิ่งคิดไปเอง แล้วพงศ์ต้องเหงาแน่ๆ ไม่มีคนให้แกล้งเนี่ย” พี่ปุยฝ้ายหัวเราะก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเธอคุยกับพี่พงศ์เรื่องที่ผมโทรมา “พงศ์ฝากบอกมาว่าให้พักผ่อนเยอะๆ หายไวๆ จ้ะ”

“ครับ ขอบคุณพี่ปุยฝ้ายและพี่พงศ์ด้วยนะครับ”



ผมวางสาย เอนตัวลงนอนอยู่เพียงครู่เดียวไม่นาน โจก็กลับมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังในมือ เขาวางทุกอย่างลงบนโต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง ขยับโน้ตบุ๊กไปไว้ริมๆ โต๊ะ และเปิดเครื่องด้วย เขาหันมายิ้มให้ผมก่อนจะบอกให้ผมคลายความสงสัย

“เปิดคอมฯ ไว้ เผื่อกูโทรหามึง ไม่สิ กูต้องโทรหามึงแน่ๆ”

“อือ”

“เจ็บคอไหม ปวดหัวหรือเปล่า”

“ปวดหัว” ผมตอบตามจริง

“งั้นลุกขึ้นมากินข้าวก่อนจะได้กินยาเสร็จแล้วจะได้เช็ดตัว” โจไปหยิบถ้วยชามมาเทอาหารที่มันเพิ่งซื้อมาพร้อมกับตั้งน้ำดื่มไว้ขวดหนึ่ง

“เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงไปเรียนได้แล้ว” ผมไล่มัน ถ้าขืนปล่อยไว้อีกนิด โจมันต้องป้อนข้าวเช็ดตัวให้ผมแน่ๆ

“อืม” โจวางช้อนลง “ถ้ามึงรู้สึกไม่ดีขึ้น รีบโทรหากูทันที วันนี้กูต้องไปทำธุระกับที่บ้านต่อหลังเลิกเรียน แต่เสร็จแล้วจะรีบมาหา”

“ไม่เป็นไร มึงไปทำธุระเถอะ งานบ้านมึงใช่ว่าจะปลีกตัวกันง่ายๆ”

“แต่มึงไม่สบาย ยังไงกูต้องมาดูมึงให้ได้ ทำไมต้องมีงานวันนี้ด้วยวะ” มันบ่นอย่างหัวเสีย

“อย่าโมโหสิ กูไม่เป็นไรหรอก กินยา กินข้าว ได้พักก็หาย กูป่วยยากแต่หายง่ายนะ มึงก็รู้นี่” ผมบอกมันเสียงเรียบไม่อยากให้มันต้องกังวล

“กลับบ้านไปเลือกตั้งแค่เสาร์อาทิตย์ ทำไมถึงป่วยได้วะ พ่อแม่มึงไม่ได้ทำอะไรมึงใช่ไหม”

“เปล่า” ผมส่ายหน้า แต่สีหน้าผิดไปจากเดิมเมื่อได้ยินมันพูดถึงพ่อแม่ผม

“เขาไม่ได้บังคับให้มึงไปทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม” โจหรี่ตาลงอย่างไม่ไว้ใจ มันปรี่เข้ามาจับแขนผม แต่ไม่ได้รุนแรงนัก มันคงยังจำได้ว่าผมป่วยอยู่

“เปล่า ไว้กูเล่าให้มึงฟังทีหลังนะ ตอนนี้กูปวดหัวอยากนอน”

“อืมๆ งั้นมึงนอน ตื่นมาแล้วก็กินข้าวกินยาด้วย อย่าลืม กูไปก่อนนะ เลิกเรียนแล้วโทรหา”

“โอเค” ผมตอบทั้งที่หลับตา หมดแรงจะฝืนลืมตาตอนนี้

“หายไวๆ นะ กูเป็นห่วงมึงมาก” ผมรู้สึกถึงความเย็นที่มาแปะบนหน้าผาก ไม่รู้มันคืออะไร ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้แล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ





ผมหลับไปกระทั่งบ่าย มารู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าจากโปรแกรมสีเขียวบนจอโน้ตบุ๊ก เป็นโจที่โทรเข้ามา มันบ่นเล็กน้อยว่าโทรมาสองสามครั้งแล้วแต่ผมไม่รับ คิดว่าผมเป็นอะไรหนักกว่าเดิมจนเกือบจะมาที่ห้องแล้ว ผมรีบบอกมันว่าหลับสนิทไม่รู้เรื่อง โจเลยไม่ได้บ่นผมต่ออีก มันถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็บอกไปตามตรง อาการคล้ายๆ เดิม แต่รู้สึกดีขึ้นแล้ว มันไม่รู้หรอกว่าผมเลือกไม่บอกว่าอาการดีขึ้นน่ะ จริงๆ แล้วแทบไม่รู้สึกเลยอาการนั้นมันเป็นยังไง



โจคุยกับผมต่ออีกสองสามคำ มันย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าลืมกินข้าวกินยา ผมรับปากก่อนจะวางสาย หันไปเห็นจานข้าวกับน้ำหนึ่งขวดที่วางไว้ จึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวกินยาตามที่มันบอก เอาละ ไม่รอช้า ผมรีบจัดการอาหารตรงหน้าตบท้ายด้วยยาสองเม็ด โยนยาเม็ดสีขาวเข้าปากแล้วดื่มน้ำจนเกือบหมดขวด ก่อนจะคลานขึ้นเตียงแล้วหลับไปอีกครั้ง



ไม่รู้หลับไปนานแค่ไหน แต่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย ผมฝันเห็นตัวเองตอนอายุสิบหก กำลังถูกแม่ถูลู่ถูกังไปตามเส้นทางถนนระหว่างบ้านและสถานที่ที่ผมทำงานซักผ้าให้ที่แห่งนั้น ผมยังจำภาพเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นได้ดี นึกถึงตอนนั้นแล้วร่างกายผมเริ่มหนาวสั่น คู้ตัวกอดตัวเองแน่นในความมืด ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมง มีเพียงแสงไฟรางๆ สาดส่องเข้ามาในห้องพอยังให้มองเห็นอยู่บ้าง ผมคว้าผ้าห่มขึ้นมาห่มไว้แต่ยังไม่หายหนาวอยู่ดี







“แม่ปล่อย” ผมทั้งสะบัด ทั้งกระชากแขนให้หลุดจากแรงแม่ แต่ผมในเวลานั้นสู้แรงแม่ไม่ได้เลย ผมยังถูกลากไปเรื่อยๆ จนถึงปลายทาง

“คืนนี้แกอยู่นี่แหละ” แม่สั่งแต่ผมไม่สนใจ

“ไม่เอา ผมจะกลับบ้าน”

“ไม่ได้ ฉันรับปากเขาไว้ แล้วเขาก็จ่ายเงินมาแล้วด้วย” แม่ตะคอกใส่ผมเสียงดัง

“ไม่เอา ผมไม่ทำ แม่เอาเงินไปคืนเขาเลย”

“ไม่ได้ แกอย่าเรื่องมากได้ไหม แกก็เห็นใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น”

“ผมไม่ทำ”

“ไม่รู้ละ ยังไงคืนนี้แกก็ต้องอยู่ที่นี่ เขาเตรียมห้องไว้ให้แกแล้ว”

ผม..ไม่..ทำ” ผมเน้นย้ำทีละคำ ในที่สุดผมก็สะบัดแขนหลุดจากแม่จนได้ ผมรีบวิ่งหนีไปจากตรงนั้น แม้ว่าแม่จะเรียกผมเสียงดังแค่ไหนผมก็ไม่หันกลับไป

อนิจจา ผมในวัยสิบหก ยังไม่กล้าพอจะหนีไปไหนได้ไกล นอกจาก บ้าน ที่พึ่งพิงแห่งเดียวในเวลานั้น

ผมกลับไปที่บ้านในคืนเดียวกัน แม่กำไม้เรียวรอผมอยู่ รู้ว่ายังไงผมต้องกลับมาแน่นอน เธอยังโกรธและไม่มีทีท่าว่าจะลืมเรื่องนี้ไปง่ายๆ แม่ดุด่าผมตลอดเวลาระหว่างที่ตีผมจนเนื้อแตก

“แกมันไม่รักดี เงินง่ายๆ สบายๆ ไม่รู้จักทำ”

“แกมันอกตัญญู แล้วนี่ฉันต้องเอาเงินไปคืนเขา แล้วจากนี้จะเอาเงินที่ไหนใช้ พ่อแกก็ต้องใช้เงิน”

“แกมันดื้อด้าน ไอ้ลูกเวร”



ทุกคำที่แม่ด่าทอ ผมไม่เถียงแม้แต่คำเดียว ปล่อยให้แม่ตีจนหนำใจ ไม่ร้องขอความเห็นใจ แค่แม่ไม่พาผมไปขายอีกก็พอ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไปจากที่นี่ให้ได้ ผมรักพ่อ รักแม่ รักน้อง แต่ผมไม่อยากมีชีวิตที่จะถูกแม่เอาไปขายให้ใครอีกก็ไม่รู้ ถ้าผมจะทำมันก็ขอให้มันมาจากตัวผมเอง เหมือนครั้งหนึ่งที่ผมตัดสินใจขายตัวเองให้มิสเตอร์เค และมันอาจจะมีครั้งที่สองตามมา...





น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่ชอบร้องไห้เลย ในความคิดผม น้ำตามันเป็นสัญลักษณ์ความอ่อนแอ ผมโทษว่ามันคงเป็นเพราะพิษไข้ เพราะความเครียด น้ำตาเจ้ากรรมจึงไหลลงมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ผมกัดปากพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ แต่ผมห้ามไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้เลย



ความฝันทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่ผมกลับไปลำปางเพื่อเลือกตั้ง ผมตั้งใจจะพาปิงมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ถูกพ่อแม่คัดค้านอย่างหนัก ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องไม่เห็นด้วยหากไม่คิดว่าพวกเขาจะค้านหัวชนฝาและยื่นข้อเสนอมาโดยที่ผมไม่คาดคิดแบบนี้







“แม่ไม่ยอมให้ไอ้ปิงไปอยู่กับแกที่นู่นหรอก” แม่ตอบทันทีที่ผมบอกอยากพาปิงกลับไปด้วย

“ทำไมล่ะแม่”

“ถ้ามันไปแล้วใครจะอยู่กับแม่”

“ก็พ่อไง”

“พ่อแกก็ทำงาน”

“ที่ไหน” ผมย้อนถาม เราต่างก็รู้ว่างานที่พ่อทำคืออะไร งานของพ่อคือไม่มีงานและคอยสร้างหนี้ “งานพ่อก็คืออยู่ในบ่อนใช่ไหม” ผมแค่นเสียงถาม

แต่พอพูดจบใบหน้าผมก็หันไปอีกทางหนึ่ง มันคือแรงจากฝ่ามือของพ่อ พ่อที่คอยสร้างแต่ปัญหาให้

“ไอ้เปล! กูเป็นพ่อแกนะ”

“ครับ ผมรู้” ผมเงยหน้าจ้องตอบเขาไม่ลดละ แม้ในใจจะเจ็บช้ำ

“กล้าจ้องหน้ากูเหรอ ไปอยู่กรุงเทพฯ มาไม่กี่ปี ปีกกล้าขาแข็งนักใช่ไหม” พ่อทำท่าจะเข้ามาตีผมอีกแต่แม่ห้ามไว้ แม่พูดกับพ่อว่าเดี๋ยวจะคุยกับผมเอง

“เปล” แม่เรียกชื่อผมแล้วถอนหายใจ “อย่าเพิ่งเอาปิงไปอยู่ด้วยเลย ยังไงก็รอให้มันเรียนจบม.หกก่อน” ผมรู้ว่าแม่พยายามใจเย็นพูดกับผม

“ผมไม่ไว้ใจ”

“ไม่ไว้ใจใคร? ฉันเป็นแม่แกและไอ้ปิงมัน คิดว่าฉันจะทำอะไร” แม่ตวัดสายตา มองผมไม่พอใจ

“ใครที่เคยเอาผมไปขายล่ะ”

“แกนี่นะ” แม่ชี้หน้าผมแล้วพูดต่อ “ถ้าแกเอาเงินมาให้ ฉันก็จะไม่ทำกับไอ้ปิงเหมือนที่ทำกับแก”

“ก็ใช่ไงครับ ผมถึงจะเอาปิงไปอยู่ด้วย”

“ฉันไม่ให้มันไป”

“ผมจะเอามันไป”

“ได้ อยากพามันไปนักใช่ไหม”

“ครับ” ผมบอกแม่ด้วยสายตามุ่งมั่น

“เอาเงินมาสิ แล้วฉันจะให้มันไปกับแก”

“โถ่ แม่..” ผมอ่อนใจ “ผมจะเอาเงินที่ไหนมาให้ รอบก่อนก็ต้องทยอยใช้หนี้คืนเขา ยังใช้ไม่หมดเลย”

“อย่ามาโกหก ฉันรู้ว่าแกใช้หนี้พวกมันหมดแล้ว ไม่งั้นมันไม่ยอมให้พ่อแกเข้าไปในบ่อนอีกหรอก” ผมเข่าแทบทรุดพอได้ยินว่าความจริงถูกเปิดเผยแล้ว

“...”

“หึ ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ก็ค่อยมารับปิงไป”

“แม่! ผมกับปิงเป็นลูกแม่นะ” ผมเสียงดังโวยวายกลับไป ทำไมเขาทำเหมือนผมกับน้องไม่ใช่ลูกที่เกิดจากเขา

“มีเสี่ยจากในเมืองเขาถูกใจไอ้ปิง จะมารับมันวันอาทิตย์หน้า ถ้าแกหาเงินมาไม่ได้...”

“อย่าทำกับปิงอย่างนั้นนะแม่”

“เงินทั้งนั้น ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือ เอ้า..เลือกมาแล้วกัน ฉันจะไม่เร่งรัดแกหรอกนะ ถ้าห่วงน้องก็หาเงินมา”





ผมทวนคำพูดแม่ พานให้ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม กอดตัวเองแน่นขึ้นไปอีก ปวดหัวเหลือเกิน ผมคิดไม่ตกว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาให้ คราวนี้มันเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย ถ้าแม่เอาปิงไปขายจริงๆ ค่าตัวคงไม่สูงขนาดนี้แต่แม่บอกผมในตัวเลขที่สูงเพียงเพื่อไม่ให้ผมเอาปิงไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่บ้านเรามีหนี้ แม่ก็จะใช้ปิงเป็นตัวประกันให้ผมโอนเงินให้อย่างที่ผ่านมา



แล้วถ้าผมไม่โอนล่ะ น่ากลัวว่าแม่จะทำกับปิงจริงๆ เหมือนอย่างที่บอกผมไว้



ผมนึกถึงตัวเลขที่แม่ต้องการ มันสูงกว่าปกติ และโจคงไม่สามารถให้ผมยืมได้ แล้วใครกันที่จะช่วยผมได้?



ผมพาตัวเองคลานลงมาจากเตียง กดเข้าอีเมลด้วยมือสั่นเทา ตั้งใจจะเมลไปหาคนที่พยายามตัดใจ ทุกครั้งที่ผมเจอคุณคีนลูกชายมิสเตอร์เค มันทำให้ผมรู้สึกผิด แต่คราวนี้ขอโทษด้วยนะครับ ผมขอเห็นแก่ตัวทำเพื่อตัวเองและน้องผม



ขอโทษจริงๆ ครับ





ผมเห็นอีเมลจากมิสเตอร์เค รู้สึกตกใจว่าเขาอีเมลมาหาผมทำไม ผมกดเข้าไปอ่านแต่อ่านไม่ออก ตามันพร่ามัว หัวก็ปวดมากๆ เหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบหัวผม ทรมานไปหมดเลย





เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตกใจสะดุ้งจนตัวโยน ใครกันที่มาตอนนี้ แต่มีอยู่คนเดียวคงจะเป็นโจ ผมลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งถึงจะพาตัวเองไปถึงประตู ผมเปิดประตูออกด้วยความเหนื่อยล้า ประตูที่ผมไม่เคยคิดว่าต้องใช้แรงเยอะเพื่อเปิดมันขนาดนี้ และผมคงใช้แรงมากไป ทันทีที่ประตูเปิดออก สติสุดท้ายที่ผมรับรู้คือเสียงร้องด้วยความตกใจของคนหนึ่ง ก่อนที่ผมจะไม่รู้สึกตัวอีกเลย







“ไม่ได้ รออยู่ในรถ”

“รู้ว่าห่วง แต่ไม่ได้ไง เดี๋ยวมีคนเห็น”

“ผมพาเขาไปเอง คุณรออยู่ในรถ”

“ถ้าใครถามผมยังบอกได้ว่าเขาเป็นน้องชาย แล้วคุณล่ะจะบอกคนอื่นว่าไง”

“ส่งเขามานี่”





ผมได้ยินเสียงผู้ชายแว่วเข้ามาในสมอง ไม่รู้เขากำลังคุยอยู่กับใครหรือไม่มีคู่สนทนาเพราะผมได้ยินเสียงเขาคนเดียว สักพักก็ได้ยินเสียงอึกทึก เสียงพยาบาลพูด ‘คนไข้คะๆ’ หรือ 'เจ็บหน่อยนะ' มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่ ผมฝืนอยากจะลืมตาขึ้นมองแต่มันช่างหนักอึ้งจนไม่สามารถทำได้







ผมลืมตากะพริบตาปริบๆ ในความมืด ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพักของผม ผมลองขยับตัวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ไม่ปวดหัวแล้ว ผมเอนตัวลงนอนอีกครั้งเมื่อทดสอบร่างกายเสร็จ เรี่ยวแรงเริ่มกลับมา โจคงเป็นคนพาผมมาที่นี่ น่าจะใช้เพราะความทรงจำสุดท้ายมีคนมาเคาะประตูหน้าห้องผม แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเนื่องจากเป็นลมไปเสียก่อน ถ้าให้เดา ก็คงเดาว่าเป็นโจ นอกจากมันก็ไม่มีใครเคยมาห้องผม



ความคิดหยุดชะงัก ผมเกร็งตัวขึ้นเมื่อได้เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดก่อนจะปิดลง เสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้ๆ ทางผมเรื่อยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างถูกวางลงบนโต๊ะ ผมได้ยินเสียงคนกำลังขยำหรือซักผ้า อะไรสักอย่าง ก่อนที่ผ้าผืนนั้นจะถูกบิดแล้วมีเสียงน้ำไหลตกลงมาในอ่าง ผมนอนฟังนิ่ง ไม่ได้รู้สึกตกใจแล้ว

“กี่โมงแล้วอะโจ” ใบหน้าถูกผ้าขนหนูซับที่หน้าเบาๆ

“ไม่ใช่โจครับ คุณตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน ทำให้ผมเบิกตาโพลงในความมืด เป็นไปไม่ได้

“คุณ..คุณเค” ผมตกใจเรียกชื่อเขา คิดว่าตนเองพูดเสียงดัง แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเบาและแหบมาก

“ครับ ผมเอง ดื่มน้ำก่อนไหม”

“ไม่ครับ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” เมื่อเขาไม่ใช่โจ แสดงว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่ปกติเสียแล้ว

“ผมให้คนพาคุณไปหาหมอ เสร็จแล้วจึงพามาที่นี่ มันใกล้กับโรงพยาบาลมากกว่าห้องคุณ”

“ขอบคุณครับ แต่ผมต้องกลับแล้ว ถ้าเพื่อนผมมาหาที่ห้องไม่เจอ เขาจะเป็นห่วงเอาได้”

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ผมบอกป้าที่ดูแลที่พักคุณไว้แล้วว่าถ้าเพื่อนคุณมาให้บอกเขาว่าคุณไปหาหมอ”

“อะ..เอ่อ..ขอบคุณครับ แต่ยังไงผมก็ควรกลับอยู่ดี” ผมเกรงใจ มิสเตอร์เคไม่ตอบว่าเขาคิดเห็นอย่างไร แต่เขากลับมาสัมผัสที่คอ จนผมสะดุ้งตัวโดยอัตโนมัติ ผมไม่ได้กลัว แค่ตกใจที่จู่ๆ เขายื่นมือมาจับกันแบบนี้

“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ ผมแค่จะเช็กดูว่าคุณดีขึ้นหรือยัง”

“ผมดีขึ้นแล้วครับ”

“อืม ตัวคุณไม่ค่อยร้อนแล้ว”

“คุณบอกว่าให้คนพาผมไปหาหมอ”

“ใช่ครับ คุณหมอฉีดยาคุณและให้ยากลับมาด้วย”

“ขอบคุณครับ ผมเลยเป็นภาระให้คุณเลย ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไร มาครับ ลุกดื่มน้ำก่อนนะครับ” มิสเตอร์เคขยับเข้ามาใกล้ประคองผมให้นั่งพิงกับหัวเตียง แล้วจึงส่งแก้วน้ำพร้อมหลอดมาให้ผมดูดได้สะดวก

ผมคือคนปฏิเสธไม่ดื่มน้ำ แต่สุดท้ายดูดเสียหมดแก้วเลยทีเดียว น่าขายหน้าชะมัด

“คุณไปหาผมที่ห้องเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิง คนที่ขึ้นไปหาคุณไม่ใช่ผม” เขาอธิบายแล้วใช่ไหม ทำไมผมถึงงง เพราะผมป่วยแน่ๆ สมองเลยไม่แล่น

“คุณรู้จักที่อยู่ห้องผมได้ไง”

“ตอนนี้เสียงคุณแหบมากอย่าเพิ่งพูดเลยดีกว่า ปล่อยตัวเองไม่สบายแบบนี้ได้ยังไงกันครับ” คำพูดอ่อนโยน ถึงแม้ประโยคสุดท้ายจะต่อว่าผมหน่อยๆ แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย ได้กลับมาหาผมอีกครั้ง

พอได้รับความอ่อนโยน ผมที่อ่อนแอมากเกินไปจึงร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“ผมขอโทษ” ผมไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไง เลยเลือกขอโทษเป็นคำพูดที่ดีที่สุด

“เสียงแหบแล้วยังร้องไห้อีก เด็กคนนี้” เขาปัดปอยผมข้างหน้าให้พร้อมกับคำพูดเจือเสียงหัวเราะในคอเบาๆ คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอที่จะได้ยินมาโดยตลอด

“ขอโทษครับ” ผมขอโทษอีกครั้งแล้วร้องไห้โฮ สาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะอ้อนเขาหรืออยากทำให้เขาสงสาร แต่มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนได้ผ่อนคลาย ปลดปล่อย กับความเครียดที่เกิดขึ้น

“อ้าว..เลยร้องไห้ไปใหญ่ ผมยังไม่ได้ดุคุณสักคำ ไม่ร้องสิครับ”

“ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจจะร้องแต่ผมห้ามไม่ให้ร้องไม่ได้” ผมใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ ผมไม่ได้อยากร้องไห้ต่อหน้าเขา แม้จะในความมืดก็ตาม

“อยู่เฉยๆ ก่อน ผมเช็ดหน้าให้” เขาดึงมือผมออกจากหน้า แล้วใช้ผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ตามที่บอก

“ผมขอโทษ” ผมกลายเป็นเด็กที่พูดเป็นอยู่แค่คำเดียวไปเสียแล้ว

“เวลาไม่สบาย จิตใจมนุษย์เรามักอ่อนไหวง่าย แต่คุณเป็นมากกว่าคนอื่นทั่วไปเพราะคุณปกปิดไม่เก่ง”

“...” ไม่รู้ว่ามิสเตอร์เคกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ผมกลับเงียบ

“มีอะไรไม่สบายใจอยากเล่าให้ผมฟังไหมครับเปล”

“...” ผมยังเงียบต่อ

“ถ้ายังไม่อยากเล่า...”

“ผมขอกอดคุณได้ไหมครับ” ผมโพล่งออกไปในจังหวะเดียวกับที่เขากำลังพูด ถึงจะเสียมารยาทแต่ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

มิสเตอร์เคเงียบไป ผมเห็นเงาดำจากร่างกายเขาลุกขึ้นยืน เขาคงอยากจะออกจากห้องนี้ไป ผมเป็นใครถึงไปขอร้องเขาแบบนั้น ผมรู้สึกไม่ดีที่ทำให้เขาอึดอัด

“ขอโทษครับ” ผมพูดคำเดิมๆ อีกครั้ง

“ขอโทษทำไมครับ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ป่วยแล้วงอแงเก่งเหมือนกันนะเรา” เสียงของเขาแฝงด้วยความขบขัน มันดังขึ้นจากอีกฝั่ง ก่อนเตียงจะยวบลง เขาดึงผมเข้าไปใกล้เหมือนเมื่อก่อนที่ผมเคยทำงานให้เขา หัวผมเกยอยู่บนหน้าอกเขาได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะ

“ผมนึกว่าคุณอาจจะไม่พอใจที่ผมขอคุณไปแบบนั้น”

“คิดมากไปกันใหญ่ สงสัยให้ถามผม อย่าคิดเอง” เขาอธิบายให้ผมฟัง เสียงของเขาดังอยู่บนหัวผมนี่เอง เราใกล้ชิดกันขนาดนี้ จนหวั่นว่าผมจะทำให้เขาติดหวัดไปด้วย

“ขอโทษครับ ผมเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรขอคุณแบบนี้ คุณอาจจะติดหวัดผม” ผมพูดตามที่ใจคิดและคำขอโทษที่วันนี้ผมใช้มันสิ้นเปลืองเหลือเกิน

“ถ้าผมติดหวัดจากคุณ คุณก็ต้องดูแลผมนะครับ” แรงกอดกระชับจากเขาทำให้ผมอุ่นใจ และคำพูดนั้นยิ่งทำให้ใจผมกระตุกไปอีก

“ผม..ทำไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไมครับ คุณจะไม่รับผิดชอบหรือถ้าผมเกิดไม่สบายขึ้นมาจริงๆ” คำพูดตัดพ้อแต่น้ำเสียงกลับสวนทางไปอย่างสิ้นเชิง

“ผมไม่มีสิทธิ์ดูแลคุณหรอกครับ”

“หืม?”

“คุณควรให้คนที่บ้านดูแลคุณ” ผมพูดทั้งที่ในใจรู้สึกเจ็บ ผมกำลังทำผิด ผมดันไปขอให้ผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วกอดผม

“ไม่มีหรอกครับ”

“ไม่จริงครับ คุณอย่าหลอกผมเลย ผมรู้ว่าคุณแต่งงาน มีครอบครัวแล้ว” ผมรู้สึกว่ามือที่จับแขนผมเกร็งขึ้นเล็กน้อย เขาคงตกใจที่ผมล่วงรู้ตัวตนเขา

“แต่งงาน? คุณไปเอามาจากไหนว่าผมแต่งงานแล้ว”

“ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้วครับคุณกวินทร์”

“คุณกวินทร์?” เสียงมิสเตอร์เคดูตกอกตกใจที่ผมเรียกชื่อเขาถูกต้อง

“ผมจะไม่บอกใครครับ ผมสัญญา” ผมให้คำมั่นกับเขา

“คุณคิดว่าผมคือคุณกวินทร์?” ร่างที่กอดผมกำลังสั่นเล็กน้อย

“ใช่ครับ คุณไม่โกรธใช่ไหมที่ผมบังเอิญไปรู้จักตัวตนคุณจริงๆ เข้า”

“ไม่โกรธครับ ถ้าคุณเข้าใจถูก”

“ผมเข้าใจผิดเหรอ” ผมเริ่มลังเล หรือเขากำลังอับจนหนทางเลยหาคำพูดให้ผมไขว้เขว

“คุณคิดว่าผมอายุเท่าไหร่”

“คุณจำอายุตัวเองไม่ได้เหรอครับ” มิสเตอร์เคถามอะไรผมแปลกๆ

“เท่าไหร่ครับ” เขาไม่สนใจ ถามย้ำอีกครั้ง

“หกสิบห้า” ผมตอบกลับไปให้สิ้นเรื่องราว

“เปลครับ..” น้ำเสียงมิสเตอร์เคฟังดูอ่อนใจกับคำตอบของผม ทำไมกันล่ะ ผมพูดอะไรผิดตรงไหน

“ครับ?”





“เปิดไฟกันดีไหม”



















=====================



เนืองจากหวยไม่ถูก และสัมภาษณ์งานไม่ผ่าน เลยลงวันนี้แล้วกันค่ะ แต่ตอนหน้า ไม่รับปากว่าวันไหนเพราะเขมออก ตจว

ขอโทษด้วยนะน้องเปล เขมอ่อนแอ เปลเลยอ่อนแอตามไปด้วย

เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของน้องเปล น้องเลยไม่รู้เนาะว่าคนอื่นเป็นอย่างไร คือใคร ฝากเอ็นดูน้องเยอะๆ นะคะตอนหน้าคงสมใจทุกคนแล้วววววว อิอิ

ในบทสนทนาระหว่างเปลกับแม่ น้องพูดเหนือแต่เขมลงภาษากลางไปน้า ถ้าอยากอ่านน้องอู้คำเมืองก็บอกได้นะคะ เขมจะให้เพื่อนช่วยแปลให้ค่า

สงสัยตรงไหน ถามได้ค่ะ ไม่ได้ตอบคอมเมนต์แต่อ่านทุกคอมเมนต์น้า

ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเมนต์ค่า รักก


ขออภัยที่พูดยาวเลยนะคะ
ปล เรื่องนี้ใกล้จบแล้วนะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 16-05-2019 22:01:17
รอตอนเปิดไฟ
ขอบคุณสำหรับนิยาย  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 16-05-2019 22:14:26
ขอเป็นสเตเดียมสปอตไลท์เลยค่ะ เอาชัดๆ 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 16-05-2019 22:21:56
น้องเปลป่วยแล้วงอแง อ่านแล้วอยากโอ๋น้องจังค่ะ
ตอนน้องพูดชื่อคุณกวินทร์ออกมา เราหลุดขำเลย เอ็นดู~
มิสเตอร์เคคงทั้งอ่อนใจทั้งเอ็นดูน้องแน่ๆเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ ขอให้คุณคนเขียนแข็งแรงไวๆ
 :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-05-2019 22:23:00
ค้าง.....งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-05-2019 22:31:48
พ่อกับแม่แบบไปสุดมาก ขายลูกกิน เพลียยย
ส่วนน้องเปลลูก แม่ขอโทษที่ขำ แต่หนูไม่เคยนอนกับคุณกวินทร์นะคะ 555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-05-2019 22:32:32
เปิดจ้า ใจๆไปเล้ย
โอ๋ๆอย่าท้อนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 16-05-2019 22:35:37
โอ้ยยยย ตื่นเต้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :-[

จะเปิดไฟแล้ว จะเปิดไฟแล้ววววววว :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-05-2019 22:37:35
คุณปู่เลยเหรอเปล  :laugh: คุณคีนแน่ ๆ แค่เสียงคล้ายกัน

ส่วนโจนั้นไม่ใช่ก็รู้สึกแบบเดียวกะที่เปลเคยรู้สึกหรอกนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 16-05-2019 22:41:56
พ่อกับแม่เปลคือสุดจริง
คุณคีนพอเลือกตั้งเสร็จ เปิดเผยตัวได้
สงสัยกลัวโดนโจได้น้องเปลไปบวกกับเหนื่อยใจกับเปล
ขอเปิดไฟเองเลยจ้า
เปิดไฟแล้วจัดให้น้องหนักๆหน่อยนะคุณคีน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 16-05-2019 22:45:49
เค้าจะได้เห็นหน้ากันแล้ววว :heaven //ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 999296 ที่ 16-05-2019 22:47:39
จะเปิดไฟทั้งอำเภอ เพื่อน้องคนเดียวน่ะรู้หมายยยยย //รอนะคะไรท์  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-05-2019 22:54:55
ตัดฉึบฉับเลย อยากเห็นน้องรู้ความจริงแล้ว ชีวิตน้องน่าสงสาร แม่ไม่รักลูกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bbuadaylight ที่ 16-05-2019 22:57:08
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
จะเปิดไฟแล้วอ่าาาา กรี้สสส
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 16-05-2019 23:10:05
ชีวิตเปลคือแบบ อห.มีพ่อแม่ก็แบบนะ.....  :เฮ้อ:
ตอนหน้าจะเปิดไฟแล้วววววววว ฮือออ อิพี่โดนแน่ๆ โดนน้องฟาดซักที โทษฐานแกล้งน้องให้เหลงไปหบงมา และหลงรักด้วย วรั้ยยๆๆ  :-[   มาอัพเร็วๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ UP 14/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-05-2019 23:11:40
ทุกคนแกล้งน้อง! 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-05-2019 23:25:13
กรี๊ดดด เขาจะเปิดไฟแล้ว  :ped149: /// +1 ไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-05-2019 23:28:01
เปิดเลยๆๆ
อีผัวเมียคู่นั้นเลวร้ายจริงๆ 
คุณคีนช่วยให้น้องหลุดพ้นจากอีสองคนนั่นที
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 16-05-2019 23:51:04
ส่งกำลังใจให้คุณเขมค่ะ  :hao7: 5555 ถ้านี่เป็น mr. K ก็คงอยากรีบวิ่งไปเปิดไฟให้น้องเปลดูเลย 65!!! ว่าไปนั่น วงวารไปอี๊ก / แต่พ่อกะแม่น้องเปลนี่คือเพลียมาก สงสารปิงหวังว่าเปลจะพอช่วยน้องได้บ้างเน้อ :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 17-05-2019 00:01:49
ไม่รู้จะสงสารใครดี สงสารน้องเปลที่จำผิดคน หรือสงสารคุณมิสเตอร์เคที่อายุในความคิดน้องมากกว่าตัวจริง




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-05-2019 00:02:15
เปิดเลยๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-05-2019 01:20:20
น้องเปลทั้งน่ารักและน่าสงสาร ถึงจะเครียด ๆ แต่ความเข้าใจไปเองของเปลก็ทำให้ขำได้ทุกที
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 17-05-2019 04:49:10
โกรธแทนน้องได้มั้ย คนแบบนี้ยังเรียกตัวเองว่า พ่อ แม่ ได้อีกหรอ ทำกับลูกขนาดนี้คือแย่มากสุดคำจะกล่าวเลยค่ะ แงงเราอินมาก แต่นอกจากเรื่องครอบครัวก็ดีใจกับน้องด้วยจะได้เปิดไฟแล้ววว น้องจะได้ไม่ต้องคิดว่านอนกับคุณปู่แล้วนะ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwann ที่ 17-05-2019 05:54:54
มิสเตอร์เคจ๋า กลายเป็นคนอายุ 65 ไปแย้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-05-2019 06:24:34
เปิดไฟๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 17-05-2019 12:49:38
เปิดเลยค่าาาาาา เปิดไฟเลยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-05-2019 14:25:43
5555555 สงสารมิสเตอร์เค เพลียจะต้องเปิดไฟยืนยันกับน้องเลย

เปลลูกกกกกก ไม่ใช่คนพ่อลูก จะได้รู้กันไปสักทีเนอะ

ปล คนพวกนั้นยังเรียกตัวเองว่าพ่อแม่ได้อีกหรือเนี่ย? อู้หูววววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 17-05-2019 17:36:36
เปิดเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-05-2019 17:53:25
ใจเย็นนะเปล //เตรียมสปอตไลท์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: phatcha ที่ 17-05-2019 21:48:29
เปิดไฟแล้วน้องจะเหวอ5555555 :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 17-05-2019 22:45:54
ถ้าเปิดไฟคือความหมายของการเปิดใจด้วยใช่มั้ย
หลงคุณคีนหนักมากค่ะตอนนี้...ผู้ชายในฝันชัดๆ
..ชีวิตน้องเปลรันทดหดหู่มากอ่ะบอกเลย  ครอบครัวอะไรอย่างนี้ไม่มีความรักลูกเลย
คุณคีนช่วยน้องด้วยนะคะ  แงงงงง   :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 17-05-2019 22:57:21
 :katai4: ครอบครัวเปลคือแบบสารชั่ว!! นี่ลูกนะ ทำไมหาแต่เรื่องให้อยู่เรื่อย สงสารน้อง สงสารปิงด้วย

แล้วก็รอคุณเขาเปิดไฟเลยจ้า ไม่ชอบที่มืด อิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 18-05-2019 10:29:59
น้องเปลลลลลลลนั้นพ่อคุณคีนเขาลูก :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 18-05-2019 13:05:46
(ทนไม่ไหวขนาดขอให้เปิดไฟเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 19-05-2019 00:35:50
จะเปิดไฟแล้ววว น้องเปลลูกคุณเขาขำไหล่สั่นหมดแล้วมั้งนั่น เอ็นดูววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-05-2019 01:10:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ciizqeen ที่ 19-05-2019 02:40:35
คิดถึงน้องเปลลลล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 19-05-2019 09:24:09
ทำไมพ่อแม่ เปลกับปิงใจร้ายจัง mr.k ต้องยอมช่วยเปลแน่ๆ

ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ไปหาน้องนะ น่าคิด อยากรู้มุมของ mr.k บ้างจัง

ส่วนตัดจบได้แบบ ลุ้นมากกกกๆ เปิดไฟกันเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 19-05-2019 19:41:52
โอ้ยยย น้องเปล ทำไมน้องน่าเอ็นดูขนาดนี้ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-05-2019 20:32:28

BED CARE JOB

ตอนที่ 11 WHO IS MR.K?



            ผมฟังแล้วนิ่งอึ้งอยู่ในอ้อมกอดมิสเตอร์เค เขาพูดว่าอะไรนะ?เปิดไฟงั้นเหรอ?

            “คุณพูดว่าอะไรนะครับ” ผมถามเขากลับไป ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามิสเตอร์เคจะตอบว่าอะไร ผมมั่นใจว่าเดานิสัยเขาถูก

            “คุณได้ยินแล้วเปล ผมไม่พูดซ้ำ” นั่นไง อย่างที่ผมคิดเอาไว้เป๊ะ มิสเตอร์เคไม่ชอบพูดซ้ำ ๆ  เขายอมเสียเวลาอธิบายถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่เขาไม่ชอบเสียเวลาถ้ามันเป็นการพูดซ้ำในสิ่งที่รู้หรือได้ยินอยู่แล้ว

            “ครับ”

            “เปิดไฟกันนะครับ” เขาขยับตัวทำท่าจะลุกออกไป แต่ผมดึงรั้งเขาไว้ “ครับ?”

            “อย่าเปิดเลยครับ”

            “ทำไม”

            “ผมพอจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว สาเหตุที่คุณปกปิดตัวตนมากขนาดนี้เพราะคุณเป็นนักการเมือง และคุณกลัวว่าจะตกเป็นข่าวใช่ไหมครับ”

            ผมรู้สึกมีแรงกดลงมาบนหัวผม ก่อนที่เสียงพูดจากเขาจะดังขึ้นบนหัว “เก่งมากครับเปล คุณพูดได้ถูกต้อง แต่ถ้าพูดให้ถูกอีกนิด คนที่กลัวตกเป็นข่าวไม่ใช่ผมหรอก”

            “เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่อยากให้คุณเปิดไฟ ไม่อยากให้เราต้องเห็นหน้ากัน ไม่อยากรับรู้ว่าคุณเป็นใคร”

            “แต่คุณก็รู้ความจริงแล้วนี่ครับ ถึงแม้มันจะถูกไม่หมดก็ตาม” ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อย ตรงไหนกันที่ไม่ถูก ผมเข้าใจถูกทั้งหมดเลยเหอะ

            “ผมคิดเอาเองว่าคุณคือคุณกวินทร์ หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ แต่ตราบใดที่ผมยังไม่เห็นหน้าคุณ ผมก็ยืนยันไม่ได้หรอกครับว่าเป็นคุณจริง ๆ  ดังนั้นทุกอย่างจะยังเป็นความลับ และคุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะปูดเรื่องนี้แล้วทำให้ความลับของคุณรั่วไหลออกไปนะครับ”

            ผมอธิบายยืดยาวด้วยเสียงแหบ ๆ  ของผมเนี่ยแหละ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะราวกับว่าเขาขบขันคำพูดผมหนักหนา มันใช่เวลาหรือไง ผมชักฉุนแล้วนะ เดี๋ยวก็เปิดไฟจริง ๆ  เสียเลย

            “หากไม่ใช่เพราะคุณป่วยอยู่ ผมจะจับคุณตีเดี๋ยวนี้ เด็กอะไรคิดเก่ง คิดไปเองก็เก่ง”

            “ห้ามตีผมนะ ผมโตแล้ว” ผมขู่ ทั้งที่รู้ว่าถ้าเขาจะทำขึ้นมา ผมก็คงห้ามไม่ได้

            “ถ้าผมอายุหกสิบห้าจริง เมื่อเทียบกันแล้ว คุณยังเด็กมากสำหรับผม”

            “คุณพูดแปลก ๆ  คุณอายุหกสิบห้าจริง ๆ  นี่ครับ แล้วผมก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก็แล้วกัน” ผมเถียงกลับไปตามความจริงทั้งนั้น

            “คุณนี่น้า ผมไม่ได้หมายความถึงแบบนั้นสักหน่อย” ไม่รู้ว่าคำพูดมิสเตอร์เคสื่อความหมายอย่างไร แปลงออกมาในแง่ไหนได้บ้าง จากอาการที่เขาก้มลงมาเม้มปากผมแรง ๆ  ทีหนึ่ง ผมว่าเขาคงไม่ได้พูดในความหมายที่ดีเท่าไหร่หรอก

            “อื้อ..เจ็บครับ” ผมโอดโอยก่อนจะพูดต่อ “ห้ามทำอีกนะครับ” คราวนี้ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมสั่ง ในเมื่อผมไม่ได้เป็นลูกจ้างเขาแล้ว ผมก็น่าจะบอกเขาได้

            “ห้ามมันเขี้ยวหรือห้ามทำเจ็บ?”

            “ทั้งสองอย่างเลยครับ ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน เราทำแบบนี้ไม่ดีหรอกครับ” ผมไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าเขานะ แต่ห้ามปากตัวเองไม่ทัน

            “นั่นสิ ขอโทษนะครับ” แล้วผมจะไม่ใจอ่อนได้ยังไง มิสเตอร์เคยังเป็นมิสเตอร์เคที่ผมรู้จัก เขาสุภาพ อ่อนโยนและเขาไม่เคยลังเลที่จะขอโทษเลยแม้ว่าผมจะเด็กกว่ามากก็ตาม

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” ผมไม่สบายใจ มิสเตอร์เคทำท่าจะขยับตัวออกจากผม ทั้งที่ผมเป็นคนขอให้เขากอดเองด้วยซ้ำ ผมจึงพลิกตัวเข้าหาแล้วกอดเอวเขาไว้แน่น

            “...”

            “คือ..เอ่อ..ลูกชายคุณ คุณคีนน่ะครับ” เมื่อเขาเงียบ ผมเลยต้องเริ่มพูดเอง

            “คีน? เขาทำไมเหรอ”

            “จำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไหมครับว่าผมทำงานร้านพิเศษร้านกาแฟร้านหนึ่ง”

            “ครับ”

            “ร้านนั้นอยู่แถวนี้ ใกล้ ๆ  คอนโดคุณครับ แล้วลูกชายคุณก็มาที่ร้านค่อนข้างบ่อย”

            “ทำไมเหรอครับ เขาไปสร้างความเดือดร้อนหรือสร้างความลำบากใจให้คุณหรือเปล่า”

            “เปล่าครับ คุณคีนดีมาก ๆ  ถึงเขาจะฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร” ผมตอบตามความจริง แม้ว่าคุณคีนจะฟังไม่เก่ง แต่เวลาผมไปเสิร์ฟกาแฟหรืออะไรก็ตามที่เขาสั่ง เขามักจะพยักหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย บางครั้งคุณเคนก็คอยช่วยแปลให้

            “ไม่มีปัญหาก็ดี แล้วเขามาเกี่ยวอะไรกับการที่คุณไม่อยากให้ผมจูบคุณอีก” แน่ะ คนเจ้าเล่ห์ยอมรับว่าเขาตั้งใจจูบผม

            “ผมรู้สึกผิดครับ” ผมสารภาพ

            “หืม?”

            “คุณเป็นพ่อของเขา ซ้ำผมยังเคยทำงานกับคุณ มันทำให้ผมไม่สบายใจทุกครั้งเวลาที่ผมเห็นคุณคีน ผมอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยแต่ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยผมก็เคยแอบลักลอบเป็นชู้กับคุณครับ”

            “เปล..ผมจะทำยังไงกับคุณดี” เขากอดผมด้วยแขนทั้งสองข้างแรงมาก จนผมเกือบจะหายใจไม่ออกจนต้องประท้วงเขาถึงยอมคลายแรงลง

            “คุณไม่ต้องทำอะไรครับ ผมแค่คิดบ้าบอไปคนเดียว”

            “ใช่ครับ บ้าบอมากจริง ๆ  ผมคงต้องเปิดไฟแล้วล่ะ ไม่งั้นคุณคงไม่หยุดคิดแค่นี้แน่ ๆ”

            แปลว่าอะไร? ทันทีที่มิสเตอร์เคพูดจบ ผมได้ยินเสียงสวิตช์ไฟถูกกดก่อนที่ไฟจะสว่างจ้าไปทั่วห้อง

            ผมรีบหลับตาอย่างรวดเร็ว

            “เปลครับ ลืมตาก่อน”

            “เปิดไฟทำไมครับ แล้วคุณเปิดไฟได้ยังไง จากตรงไหน”

            “มีสวิตช์ไฟอยู่ข้างเตียง คุณไม่รู้เหรอ”

            “ผมจะไปรู้ได้ไงครับ” ผมโวยวายด้วยเสียงแหบ ๆ  นั่นแหละ

            “แล้วทุกทีคุณปิดเปิดไฟที่ไหน”

            “ตรงประตูไงครับ คุณปิดไฟเดี๋ยวนี้เลย” ผมร้องบอกเขาทั้งที่ยังหลับตาปี๋ เป็นตายร้ายดียังไงผมก็จะไม่ลืมตา ถ้าเห็นหน้าเขาผมก็จะเห็นความจริงจนหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้อีกเลย

            “ผมขอถามคุณอีกครั้ง คุณคิดว่าผมเป็นคุณกวินทร์จริง ๆ  ใช่ไหม”

            “ใช่ครับ”

            “และตอนนี้ผมอายุหกสิบห้าแล้ว”

            “ใช่ครับ คุณถามผมหลายรอบแล้วนะครับ คุณลืมอายุไปแล้วเหรอครับ งั้นผมจะบอกประวัติคุณเพิ่มด้วย คุณมีลูกชายสองคน คนแรกคือคุณคีน ส่วนอีกคนชื่อนคินทร์ และที่สำคัญคุณยังอยู่กับภรรยาที่เป็นคนไทย”

            “ถูกต้อง” คำพูดยอมรับของเขาทำให้ผมเจ็บจี๊ดที่หัวใจเบา ๆ

            “ปิดไฟเถอะนะครับ คุณไม่ได้อยากให้ผมรู้ความลับคุณหรอกใช่ไหม”

            “ผมอยากให้คุณรู้”

            “ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ผมเป็นคนปากโป้งมาก ๆ  โกหกก็ไม่เก่ง ถ้าโจ เพื่อนผมถามขึ้นมา ผมต้องบอกมันไปแน่ ๆ  คุณคงไม่อยากให้คนอื่นรู้แน่นอน”

            “ไม่เป็นไร ผมไม่มีปัญหา ถ้าคุณจะบอกเพื่อนคุณรู้อีกสักคน”

            “โธ่ คุณเค” ผมอ่อนใจ ทำไมเขาถึงพยายามยัดเยียดความจริงนั้นให้ผมรู้ด้วย ก็บอกอยู่ปาว ๆ  ว่าไม่อยากรู้ ไม่อยากรู้ไงครับ

            “เงยหน้าขึ้นมาแล้วลืมตาหน่อยครับ”

            “ไม่ครับ ปิดไฟเถอะ” ผมยังดื้อดึง

            “ลืมตานะครับ แล้วช่วยดูทีว่า ผมอายุหกสิบห้าหรือยัง”

            ผมไม่คิดเลยว่ามิสเตอร์เคจะกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่ยักรู้ว่าเขากลัวความแก่ จนรับอายุตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ ผมชักเริ่มหงุดหงิดเลยตัดสินใจลืมตาขึ้นมอง

            ในเมื่ออยากให้มองนักก็จะมอง พอใจหรือยัง

            วินาทีแรกที่ผมลืมตา สายตาผมยังจับภาพไม่ได้ ภาพราง ๆ  ก่อนจะชัดเจนขึ้น ผมเห็นดวงตาคู่หนึ่ง มีสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาที่ผมเคยเห็นแล้วหลงใหลมัน

            “!!!” ตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะลุกหนีออกจากตัวอีกฝ่าย

            “ผมดูเหมือนคนอายุหกสิบห้าไหม”

            “เป็นไปไม่ได้” ผมพึมพำพลางส่ายหน้า มันเป็นไปไม่ได้

            คนตรงหน้าผมไม่ใช่คุณกวินทร์ แต่กลับเป็นลูกชายเขา


            เขาคือ คีน คิรินชา

            มิสเตอร์เคคือ คีน คิรินชา


            เป็น ไป ไม่ ได้!!!  ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ



            “ว่ายังไงครับ ผมอายุหกสิบห้าหรือยัง แล้วที่สำคัญผมใช่คือคุณกวินทร์หรือเปล่า” เขาถามผมด้วยใบหน้าที่เจือรอยยิ้มประดับเอาไว้


            ใจผมอ่อนยวบ ก่อนจะโล่งใจที่เขาไม่ใช่คุณกวินทร์ ผมไม่ต้องรู้สึกผิดว่าเป็นชู้กับสามีชาวบ้านอีก แล้วเมื่อทุกอย่างมันถูกปลดปล่อย น้ำตาผมจึงทะลักไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก

            “อ้าว...ร้องไห้เลย” คุณคีนดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะลูบหัวให้เบาๆ เขากำลังปลอบผม

            “คุณ..ฮึก..แกล้งผมทำไม”

            “แกล้งอะไรครับ”

            “คุณรู้มาตลอดเลย แต่คุณก็แกล้งผม” ผมยังโวยวายต่อไม่หยุด อันที่จริงผมก็รำคาญตัวเองนิดหน่อยที่งอแงไม่หยุด แต่ผมไม่สบายอยู่นะ ผมบอกตัวเองและขอใช้สิทธิ์คนป่วย

            “ผมแกล้งคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “คุณไม่ใช่คุณกวินทร์แต่คุณหลอกให้ผมพูด ให้ผมหน้าแตก แล้วคุณก็แอบหัวเราะเยาะผมใช่ไหม” ผมต่อว่าเขา

            “เปลครับ คุณคิดของคุณอยู่คนเดียว ผมบอกให้คุณเปิดไฟตั้งแต่แรกคุณกลับไม่ยอม ตอนนี้มาโกรธผมได้ยังไงกัน หืม?”

            “คุณแกล้งผม ผมโกรธคุณ” ผมยืนยันคำเดิม มันเหมือนคำประกาศิตที่น่าจะช่วยชีวิตผมได้

            “ผมสิที่ควรจะฝ่ายโกรธคุณมากกว่า อยู่ดี ๆ  ก็มาเพิ่มอายุให้ แค่นี้ผมก็แก่กว่าคุณมากแล้ว ซ้ำยังใส่ความว่าผมแต่งงานมีลูกมีเมียอีก อ้อ..พ่อผมนอกใจแม่ผมด้วยนะ”

            “ผมไม่รู้..ผมขอโทษ” เมื่อผมเถียงเขาไม่ชนะ เมื่อเขาพูดถูกทุกประการ ผมเองที่คิดไปเองและใส่ร้ายเขาต่าง ๆ  นานา จึงรีบขอโทษเพื่อความปลอดภัยของตัวเองทันที

            “ไม่ร้องแล้วนะครับ”

            “คุณรู้ไหมว่าผมกังวลมาก ผมคิดว่าคุณคือคุณกวินทร์ แล้วผมก็รู้สึกผิดกับคุณคีนมาก ผมไม่สบายใจมาตลอด”

            “แล้วตอนนี้?รู้สึกดีขึ้นไหม”

            “ผมโล่งใจ โล่งใจมากที่ผมไม่ได้เป็นชู้กับใคร ไม่ได้ไปทำร้ายครอบครัวใคร” ผมพูดจบก็ร้องไห้จ้าอีกรอบ คุณคีนหัวเราะทั้งที่ยังกอดผมอยู่

            “เด็กโง่ ผมจะบอกคุณอีกครั้งคราวนี้ห้ามลืมนะครับ ผมไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกและไม่เคยแต่งงาน”




 
            หลังจากที่รู้ความจริง ผมร้องไห้จนหมดแรง ผนวกกับอาการป่วยที่ยังไม่ฟื้นตัวดีทำให้ผมเพลียจนหลับไปอีกรอบ กระทั่งผมสะลึมสะลือตื่นมาอีกครั้ง เห็นคุณคีนนั่งหันหลังอยู่บนเตียงให้ เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่

            “ลาป่วยให้เปลหน่อย อืม..ใช่..เพื่อนน่าจะชื่อโจ”

            “เขาไม่มีโทรศัพท์ ไม่ได้เอามาด้วยจากห้องไม่ใช่หรือ”

            “แล้วให้คนเอาข้าวต้มมาส่งที่คอนโดหน่อย”

            “ตัวไม่ร้อนแล้ว ตื่นมารอบนี้น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม”

            “ยกเลิกประชุมให้ด้วย ถ้ามีเอกสารเอามาที่คอนโดแล้วกัน”

            “ทำตามที่ผมบอกเถอะ ขอบใจมากเคน”


 
            ทำไมคุณคีนพูดชัดจัง ผมมองแผ่นหลังเขาแล้วก็โกรธขึ้นมาอีกหน่อย ๆ  นี่ผมโดนแกล้งอีกแล้วใช่ไหม

            “คนพูดไม่ชัด ฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้ไปอยู่ไหนแล้วล่ะครับ” ผมค่อนขอดเขา มันไม่ใช่นิสัยของผมหรอก แต่อดไม่ได้จริง ๆ  เสียงผมกลับมาดีขึ้น ไม่แหบเป็นเป็ดอย่างเมื่อวานแล้ว

            “ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ปวดหัวหรือเปล่า ดีขึ้นบ้างหรือยัง” เขาหันมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ และคำถามรัวเป็นชุด แต่ผมไม่หลงกลท่าทีนั้นหรอก

            “ผมดีขึ้นแล้วครับ คุณไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย ผมรู้นะครับว่าคุณตั้งใจไม่ตอบคำถามผม ทำไมต้องแกล้งว่าฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้ด้วย”

     ถึงเวลาที่ผมจะคาดคั้นเขาคืนบ้างแล้ว
           
            “ดื่มน้ำหน่อยไหมครับ เดี๋ยวสักพักคนคงเอาข้าวต้มมาให้ กินข้าวแล้วจะได้กินยา”
           
            “อย่าเปลี่ยนเรื่อง แต่ขอน้ำหน่อยก็ดีครับ” ผมพูดเสียงขรึม แต่ข้อเสนอเขาก็น่าสนใจ ผมเลยรับแก้วน้ำมาแล้วบอกขอบคุณเบา ๆ  เสร็จแล้วจึงส่งคืนให้เขาที่กำลังรอรับแก้วเปล่าคืนจากผม

              “ถ้าผมพูดไทยชัดเหมือนตอนนี้ คุณจะรู้ไหมว่าผมคือมิสเตอร์เค”

            “ผมไม่แน่ใจ ผมอาจจะลังเลระหว่างคุณกับคุณพ่อของคุณ”

            “ผมเหมือนพ่อตรงไหนกัน” เขาหัวเราะในลำคออย่างที่ผมชอบฟังนักหนา
 
          “เสียงครับ เสียงคุณกับเขาเหมือนกันมาก”

            “ไม่เหมือนนะ อาจจะเหมือนตรงที่วิธีการพูดของผมกับพ่อคล้ายกัน เพราะผมถูกสอนให้พูดแบบนั้น แต่ผมว่าเสียงผมกับพ่อไม่เหมือนกันอยู่ดี”

            “แต่ผมได้ยินเสียงคุณกวินทร์ผ่านทางทีวี ตอนที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเป็นเสียงมิสเตอร์เค” ผมบอกเขาด้วยความมั่นใจ

            “ฟังเพี้ยนแล้วล่ะเด็กน้อย ไม่เคยมีใครพูดสักคนว่าพ่อกับผมเสียงเหมือนกัน”

            “งั้นเหรอครับ” ผมหน้าจ๋อยลง แล้วทำไมผมถึงคิดว่าพวกเขาเสียงเหมือนกันอยู่คนเดียวล่ะ แต่เถียงต่อก็ไมได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี

            “ไม่เป็นไรนะครับ ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าใครเป็นใคร”

            “ผมยังมีคำถามอีกครับ”

            “ถามมาสิครับ”

            “คุณรู้ที่อยู่ผมได้ยังไง”

            “ยังจำได้อีก” คุณเคยิ้มก่อนจะบีบจมูกผมเบา ๆ  “ผมทั้งโทรศัพท์ไปหาและอีเมลไปหาคุณ แต่ติดต่อคุณไม่ได้เลย”

            “อ่อ..โทรศัพท์ผมมันเสียน่ะครับ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเหมือนกัน อีเมล?” ผมคิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมเห็นมีอีเมลเขาส่งมาคืนวันก่อน “ผมเห็นอีเมลคุณเมื่อวานครับ แต่ผมยังไม่ได้อ่าน คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”

            “คุณหายไป” คุณคีนอธิบายสั้น ๆ  มันสั้นไปจนผมงง ๆ  เหมือนกันนะ

            “ผมลาพี่ปุยฝ้ายกลับบ้านไปเลือกตั้ง พอกลับมาก็ป่วย ผมเลยลาต่อครับ”

            “ผมเป็นห่วง นึกว่าคุณเป็นอะไรเสียอีก เคนถามเรื่องคุณกับคุณปุยฝ้าย เธอบอกว่าคุณไม่สบายแถมยังอยู่คนเดียวอีก ผมเลยไม่สบายใจ”

            “แล้วคุณก็เลยถามที่อยู่ผมกับพี่ปุยฝ้ายแล้วไปหาผมที่ห้องเหรอครับ”

            “ไม่จำเป็นครับ เคนหาที่อยู่คุณได้ไม่ยากเลย”

            “แสดงว่าคนที่มาหาผมที่ห้องคือคุณ?”

            “ไม่เชิง ผมรออยู่ที่รถ ส่วนเคนเป็นคนขึ้นไปหาคุณ”

            “ทำไมล่ะครับ อ้อ ผมนึกออกแล้ว มันคือความลับใช่ไหม” ผมเดาว่าเขาน่าจะปิดตัวตน แสดงออกต่อหน้าสาธารณชนมากไม่ได้

            “เก่งมากครับ เคนเลยเป็นพาคุณไปหาหมอ” งั้นเสียงที่ผมได้ยินตอนนั้น คงเป็นเสียงคุณเคน เขาเสียงดุเหมือนกันนะ คุณคีนคงดื้อไม่เบาทีเดียว เพราะเวลาคุณเคนคุยกับผม น้ำเสียงเขาเป็นมิตร สดใส ยกเว้นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อผมเพื่อแกล้งผม
       
           ทำไมใคร ๆ  ก็ชอบแกล้งผม!

            “ฝากขอบคุณคุณเคนด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้เขาพาไปโรง’บาล ผมคงแย่แน่”
 
            “แล้วผมจะบอกเขาให้..” คุณคีนบอกผมเสียงเรียบ หน้านิ่ง ถึงผมจะซื่อแล้วถูกแกล้งอยู่บ่อย ๆ  แต่ก็พอจะจับเค้าลางได้ว่าคนที่นั่งอยู่เนี่ยไม่ค่อยพอใจประโยคก่อนหน้าผมเท่าไหร่

            “แล้วผมต้องขอบคุณคุณคีนมากนะครับ ถ้าคุณไม่มาหาผม ผมคงจะต้องอาการหนักกว่านี้แน่ ๆ  ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ผมรอดมาได้เพราะคุณแท้ ๆ  เลย” ผมยกมือไหว้เขา ไหว้ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าผมสองคนรวมกัน

            “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ จริงสิ คุณบอกว่ากลับบ้านใช่ไหม เป็นไงบ้าง ดีไหม” สีหน้าเขาดูดีขึ้นคงพอใจในคำพูดผม แต่คำถามเขากลับทำให้ผมสีหน้าเปลี่ยน

            ผมส่ายหน้าด้วยความหดหู่ “ไม่ดีเลยครับ”

            “เกิดอะไรขึ้น” คุณคีนถามขึ้นมา เสียงออดในห้องก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน “สงสัยมื้อเช้าคุณจะมาถึงแล้ว” เขาวางมือบนหัวผมก่อนจะลุกไปจากเตียง




            ระหว่างที่คุณคีนไม่อยู่ ผมกำลังทบทวนคำพูดต่อจากนี้ว่าผมควรพูดกับเขาอย่างไรดีเรื่องที่แม่ต้องการเงินเพื่อแลกกับน้องชายคนเดียวของผม ปิงไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับตัวเขา ภายใต้การดูแลที่ดีจากพ่อและแม่คือการที่ทั้งสองคนโทรศัพท์หาผมเพื่อโอนเงินไปให้ตลอดมา และผมไม่เคยปริปากบอกน้องเรื่องนี้ ปล่อยให้ปิงเข้าใจไปดีกว่าว่าครอบครัวเรารักใคร่ปรองดองกลมเกลียวสามัคคีมีความสุข


            คุณคีนกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นหอมอาหาร ผมเพิ่งมีโอกาสได้มองเขาเต็มตา เขาไม่ได้สวมสูทเหมือนทุกครั้งที่มาร้านกาแฟ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าที่เหมาะจะใส่นอนหรือใส่อยู่บ้าน ชุดง่าย ๆ  แต่น่ามองที่สุดในสายตาผม

            ผมจะไม่มีวันบอกให้เขาลำพองใจหรอกว่าผมดีใจและโล่งใจแค่ไหนว่าคนที่ผมหลงใหลในน้ำเสียงและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นคือคนเดียวกัน ไม่ใช่พ่อของเขา

            “ลุกขึ้นนั่งหน่อย ไหวไหม”

            “ครับ” ผมขยับตัวขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงอันแข็งแรง

            “ทานเองได้ไหม”

            “ได้ครับ ขอบคุณครับ” ผมรู้สึกขอบคุณที่เขาไม่คิดจะเข้ามาป้อนข้าวต้มให้ผม

            “ผมขอตัวไปอาบน้ำแล้วคุยงานสักครู่นะ คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”

            “ได้ครับ จริง ๆ  ส่งผมกลับบ้านก็ได้นะครับ ผมดีขึ้นมากแล้ว ผมได้ยินคุณคุยโทรศัพท์ คุณจะได้ไปทำงาน”

            “แอบฟังผมคุยโทรศัพท์เหรอ นิสัยไม่ดีนะครับ” คำพูดหวังดีของผมทำให้ผมเป็นคนนิสัยไม่ดีไปแล้วเหรอเนี่ย เขาต่างหากละที่นิสัยไม่ดีและเขาไม่สนใจคำพูดผมอีกแล้ว

            “คุณพูดเสียงดังเองต่างหากครับ” ผมโยนความผิดกลับไปให้ทั้งที่คุณคีนพูดเสียงเบา แต่ช่วยไม่ได้ เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ผมต้องได้ยินเป็นธรรมดา

            “ทานให้หมดนะ แต่ถ้าอิ่มก็ไม่เป็นไร แล้วยาอยู่ตรงนี้”

            “ขอบคุณครับ”


             ผมกินข้าวต้มได้ไม่ถึงสิบคำก็รู้สึกอิ่ม อาการป่วยทำให้ไม่ค่อยอยากอาหาร พยายามฝืนละเลียดต่ออีกสองสามคำก็ไปต่อไม่ไหว ตัดสินใจเลิกกิน ผมขยับตัวแล้วค่อยเอาชามข้าวต้มไปวางที่โต๊ะใกล้ๆ ระวังเป็นอย่างดี กลัวทำหกเลอะพื้นพรมห้องคุณคีน ถ้าเลอะเปรอะไปจริง ๆ  ผมไม่รู้จะทำความสะอาดคืนให้เขายังไง ผมไม่มีความรู้เรื่องทำความสะอาดพรมเลย ใกล้ ๆ  ชามข้าวต้มที่ผมวางไว้ มียาวางอยู่ในชามเล็ก ๆ  และมีน้ำวางอยู่ข้างกัน คุณคีนดูแลดีจนผมเกรงใจ เกิดมาผมยังไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากใครมากถึงขนาดนี้เลย


             แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมชอบเขามากกว่าเดิมได้ยังไง


           
             “อิ่มแล้วหรือ” คุณคีนเคาะประตูให้ผมรับรู้ ก่อนจะเปิดเข้ามา ทั้งที่เป็นห้องเขาแท้ ๆ  แต่เขาก็ยังมีมารยาทเสมอ ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย

             “ครับ” เขากลับมาด้วยชุดเดิมเหมือนตอนที่ออกบอกผมว่าขอตัวไปอาบน้ำ “คุณอาบน้ำแล้วเหรอครับ”

             คุณคีนหัวเราะเล็กน้อยแล้วก้มดูชุดตัวเอง “อาบแล้ว ไม่เชื่อ?”


             “เปล่าครับ ก็เห็นคุณใส่ชุดเดิม”

            “ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่อาบน้ำทุกวัน คุณกินยาแล้วใช่ไหม”

             “ครับ ขอบคุณนะครับ” ผมบอกเขาก่อนจะยกมือไหว้ อยากให้เขารู้ว่าผมรู้สึกขอบคุณเขาจริง ๆ

             “ผมเคยสอนวิธีขอโทษไปแล้ว เอาไว้คราวหน้าผมจะสอนวิธีขอบคุณให้นะครับ”

             “เอ่อ..ครับ” คุณคีนพูดด้วยใบหน้ายิ้ม แต่ผมหวั่นใจว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่เลย

             “อยากเช็ดตัวสักหน่อยไหม”

             “ก็ดีครับ” พอเขาพูดขึ้นผมจึงนึกได้ว่าเหนียวตัวเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะนอนในห้องแอร์ แต่มันเหมือนอุปาทานน่ะครับ พูดปุ๊บเป็นปั๊บ ประมาณนี้

             “อยากทำเองหรือให้ผมทำให้”

             “ผม..ทำเองดีกว่าครับ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว” ผมรีบปฏิเสธจนลิ้นแทบจะพันกัน ผมรู้ว่าเขาเคยเห็นร่างกายผมแล้ว แต่ทุกครั้งผมไม่มีสตินี่นา แล้วยังมาเจอสถานการณ์เปิดไฟเห็นหน้าค่าตากันชัดขนาดนี้ ผมไม่กล้าหรอก

             “ครึ่งชั่วโมงพอไหม”

             “พอครับ”

             “เสร็จแล้วผมจะกลับมาฟังว่าทำไมเด็กดอยกลับบ้านยังไงถึงกลับมาป่วยแบบนี้”

             “ครับ” ผมหน้าม่อยลงเมื่อเขาพูดถึงที่บ้าน คุณคีนพยักหน้าแล้วยกถ้วยข้าวต้มออกจากห้องไป เขาคงเห็นว่าแล้วข้าวต้มมันพร่องไปนิดเดียวเท่านั้น แต่เขาก็เลือกไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งทำให้ผมสบายใจ



             ผมใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นาน ทั้งแปรงฟัน ล้างหน้าและอาบน้ำ ผมไม่ได้เช็ดตัวตามที่คุยกับคุณคีนแต่เลือกอาบน้ำอุ่นอย่างเร็วๆ แทน ผมไม่ค่อยชอบเช็ดตัว รู้สึกไม่สะอาดในความคิดผม ถึงแม้ผมจะอาบน้ำแต่ก็เป็นน้ำอุ่น เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก แล้วเขาก็คงไม่รู้ด้วยว่าผมอาบน้ำ อีกอย่างหนึ่งตอนนี้ผมไม่ปวดหัว ตัวก็ไม่ร้อนแล้วด้วย ลงความเห็นว่าผมสบายดีอย่างที่สุด


             เห็นไหมครับ ผมบอกแล้วว่าผมป่วยไม่นานก็หาย

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม UP 16/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-05-2019 20:32:53



             ต่อให้ผมอาบน้ำเร็วแค่ไหน ก็ไม่ทันคุณคีนอยู่ดี ผมเห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งวางอยู่บนเตียง เขาคงเอาเข้ามาให้ระหว่างที่ผมอาบน้ำอยู่ ผมคลี่เสื้อผ้าเหล่านั้นออกดู มันคือเสื้อยืดสีขาวและกางเกงผ้าเหมือนกับคุณคีน แต่พอเทียบกับตัวดู ผมจึงรู้ว่ามันคนละขนาดไซซ์กัน เพราะถ้าเป็นเสื้อผ้าของคุณคีน เสื้อคงยาวกว่านี้และขากางเกงคงลากพื้นไปแล้ว


            คุณคีนเคาะประตูแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งผมก็อยู่ในชุดที่เขาเอามาให้แล้ว พอเจ้าของต้นฉบับตัวจริงเดินเข้ามา จึงรู้ว่าเสื้อยืดกับกางเกงผ้าเนี่ย ไม่ใช่ใส่แล้วจะดูดีน่ามองได้ทุกคน เขาใส่แล้วดูเหมือนคุณชายพักผ่อนสบายๆ อยู่บ้าน เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เสื้อยืดดูไม่เป็นเสื้อยืดทั่วไป ในขณะที่ผมใส่แล้วทำให้เสื้อยืดที่คาดว่าราคาไม่แพงของเขากลายเป็นเสื้อยืดตลาดตัวไม่ถึงร้อย

            “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้านะครับ” ผมบอกเขาพลางชี้มาที่ตัวเอง

            “ก่อนออกไปผมพูดถึงเช็ดตัว จำไม่ได้เลยว่าให้อาบน้ำได้”

            “ก็ผมเหนียวตัว อีกอย่างผมไม่เป็นไรแล้วครับ แล้วน้ำที่อาบก็เป็นน้ำอุ่นด้วย อ้อ ผมอาบแป๊บเดียวเองครับ วิ่งผ่านน้ำไม่ถึงนาทีเลยครับ” ผมอธิบายและพยายามแถเอาตัวรอด

            “เพิ่งฟื้นไข้ ถ้าไข้กลับอีกจะทำยังไง” คุณคีนมองผมเชิงตำหนิ ผมก้มหน้าอัตโนมัติ ตั้งแต่รู้จักเขามา คุณคีนไม่เคยใช้สายตาคู่นั้นมองผมจนรู้สึกผิดแบบนี้เลย

           “ไม่หรอกครับ”

          “ทำผิด ไม่ควรเถียงต่อ แต่ควรทำยังไงครับ”

          “ขอโทษครับ แต่ผมหายแล้วจริง ๆ  นะครับ” ผมพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ

           “เปลครับ คนบ้า มักบอกว่าตัวเองไม่บ้าเสมอ”

           “ครับ?” หมายความว่าไง นี่เขาตั้งใจด่าผมหรือเปล่า

           “คุณอาจจะคิดว่าคุณหายดีแล้ว แต่คุณไม่ใช่หมอ เช้านี้เรายังไม่ได้วัดไข้กันเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าหายแล้วครับ”

          “ผม..ผมคิดเอง”

           “ใช่ครับ เพราะคุณคิดเอง ถ้าอาการหนักกว่าเดิมจะทำยังไง ผลกระทบอื่น ๆ  ก็อาจจะตามมา เช่น เคนต้องกลับมารับคุณไปโรง’บาล รอหมอตรวจ และรอจ่ายเงิน เสียทั้งเวลาและเงินโดยใช่เหตุเลยใช่ไหม” ผมมั่นใจว่าหายดีแล้ว แต่ทำไมเขาต้องพูดให้ผมรู้สึกผิดกว่าเดิม

           “ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้” ผมหน้าจ๋อยเลยคราวนี้ คุณคีนดูไม่พอใจเอามาก ๆ

           “ทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องพาคุณไปโรง’บาล มันไม่ได้สำคัญสำหรับผม คุณคิดว่าผมกับเคนไปหาคุณที่ห้องทำไม ถ้าไม่ได้เป็นห่วงคุณ”

            “ขอโทษครับ ขอโทษจริง ๆ” ผมพนมมือยกมือไหว้เขาอย่างจริงจัง ผมอาจจะคิดตื้น ๆ  เกินไปว่าตัวเองดีขึ้นแล้วจึงไม่ได้นึกผลที่จะตามมาหาเกิดอะไรขึ้น

           “อันที่จริง ผมก็ผิดอยู่บ้าง ขอโทษด้วยนะครับ” คุณคีนพูดออกมาสั้น ๆ  ทำให้ผมแปลกใจ เขามีอะไรที่ต้องขอโทษผมด้วยอย่างนั้นเหรอ

           “ครับ?”

           “ผมไม่ได้บอกคุณให้ละเอียด เลยทำให้คุณเข้าใจผิด สาเหตุที่ผมอยากให้คุณเช็ดตัวอย่างเดียวเพราะอีกสักชั่วโมง คุณหมอจะมาที่นี่ และคุณคงไม่สบายใจถ้าคุณหมอมาตรวจทั้งที่คุณยังไม่ได้จัดการตัวเอง”

           “เอ่อ..คุณคีนไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง ผมต่างหากที่ดื้อ คุณไม่ผิดเลยครับ”

           “ถ้าอย่างนั้น คราวหน้าต้องไม่ดื้อกับผมแล้วนะครับ”

           “ครับ”



           พอผมรับปากไป ทำไมรู้สึกว่าผมกำลังหลงกลเขาเลย



           หลังจากนั้นไม่นานคุณหมอมาตรวจที่ห้องเร็วกว่าที่คิด และอาการของผมก็เป็นที่น่าพอใจ ไข้ไม่มีแล้ว เหลือแค่อาการอ่อนเพลียรอการฟื้นตัวเท่านั้น คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับไปเรียนได้ ทำให้ผมยินดีเป็นอย่างมาก จริง ๆ วันพุธผมไม่มีเรียน แต่มีงานเปิดบ้านที่คณะ ถ้าพลาดงานนี้ไปผมคงเสียใจและเสียดายความทรงจำในช่วงปีสี่ของผมมาก ๆ

           คุณคีนออกไปส่งคุณหมอหน้าห้องก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง


           “ผมอยากรู้เรื่องที่บ้านคุณนะ แต่ผมจะไม่เร่งรัดถ้าคุณอยากนอนพักก่อน”

           “ไม่เป็นไรครับ” จะว่าไปคุณคีนเดินเข้า ๆ  ออก ๆ  ในห้องหลายรอบ เขาคือคนที่ควรพักมากกว่าผมอีกเพราะผมเอาแต่นอนเฉยๆ ถึงเวลาก็มีอาหารมาให้ สบายที่สุดในชีวิตนี้

           “ถ้าอย่างนั้นเริ่มกันเลยดีไหม”

           “คุณคีนขึ้นมานอนด้วยกันไหมครับ” ผมเอ่ยปากชวน ไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่นนอกจาก เขาควรนอนฟังสบาย ๆ  ไม่ควรต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง “คือนั่งนาน ๆ  ผมกลัวคุณเมื่อย”

            “ถ้าอย่างนั้นผมไม่ปฏิเสธนะ นั่งนาน ๆ  ก็เริ่มเมื่อยอย่างที่คุณพูด ผมคงแก่แล้วจริง ๆ”

            “ไม่เกี่ยวสักหน่อยครับ ผมนั่งนานก็เมื่อยเหมือนกันแหละครับ” ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ไม่เกี่ยวกับอายุหรอก เชื่อผมสิ

            คุณคีนไม่ได้ต่อความอื่นใดอีก เขาขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ผมเองก็เอนตัวลงนอนเช่นกัน นั่งนาน ๆ  ก็ชักเริ่มเพลีย

            “เกิดอะไรขึ้นครับ”

           “ผมมีน้องชายหนึ่งคนชื่อปิง ปีนี้เขาอายุสิบเจ็ดแล้ว ผมตั้งใจว่ากลับบ้านไปครั้งนี้จะรับเขามาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ” ผมเกริ่นขึ้นหลังจากเว้นพื้นที่ให้ความเงียบระยะหนึ่ง

             “...”

            “แต่ผมพาปิงกลับมาไม่ได้”

            “ทำไมครับ”

            “แม่ต้องการเงินก้อนหนึ่ง แลกกับการที่ไม่ต้องพาน้องไปส่งให้คนในเมือง”

            “หืม?แม่คุณจะทำหรือ”

            “ผมไม่รู้ว่าแม่จะทำจริงหรือไม่จริงหรอกครับ ทุกครั้งที่แม่พูดเรื่องเงิน ผมจะหาเงินส่งไปให้เขา ครั้งสุดท้ายก็คือหนี้ที่พ่อสร้างไว้ ที่ทำให้ผมต้องมาทำงานกับคุณ”

             ผมไม่รู้ว่าคุณคีนทำหน้าแบบไหนอย่างไรเมื่อได้ฟังสิ่งที่ผมเล่า เขาเพียงแค่วางมือแล้วลูบหัวเรื่อย ๆ

            “น้องคือจุดอ่อนในชีวิตคุณสินะ”

            “ครับ ผมไม่อยากให้น้องต้องมาเจอเหมือนผม” ผมเงยหน้ามองเขา เห็นคุณคีนขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังใช้ความคิด

           “คุณเคยขายมาก่อนหน้านี้?”

            “ผมเคยถูกแม่เอาไปขาย แต่ไม่ถูกขายไปหรอกครับ ผมเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง”

           “อย่างนั้นหรือ เก่งมากครับ”

           “ผมไม่เก่งเลย สุดท้ายผมก็ต้องเอาตัวเองมาขายให้คุณจนได้”

           “อย่ากลับไปคิดอีกเลย มันไม่มีประโยชน์แล้วครับ คุณจะทำยังไงต่อ”

           “เมื่อวานผมตั้งใจจะเมลหาคุณ ผมอยากกลับไปทำงานกับคุณอีกได้ไหมครับ” ผมเข้าประเด็น เลิกอ้อมค้อม

           “คิดดีแล้วเหรอ”

           “ครับ แล้วถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอเบิกเงินล่วงหน้าด้วยได้ไหม ผมต้องเอาเงินไปให้แม่ก่อนวันอาทิตย์และจะได้รับปิงกลับมาด้วย” ได้คืบก็เอาศอก แต่ผมยังไม่ได้แม้เพียงคืบ ผมก็ขอเพิ่มแล้ว

           “ถ้าผมไม่รับคนเข้าทำงานแล้ว คุณจะทำยังไงครับ”

           “ผมไม่รู้ว่าวิธีไหนจะหาเงินได้เร็วกว่าวิธีนี้ ถ้าคุณไม่รับพนักงานเพิ่มแล้ว ผมคงต้องหาเจ้านายคนใหม่ ทั้งที่ใจจริงผมไม่อยากทำเลย ผมไม่อยากขายตัวเองไปเรื่อย ๆ  แบบนี้”

           “ฉลาดพูด” คุณคีบบีบจมูกผมทีหนึ่ง

           “ผมเปล่า ก็แค่พูดตามความจริง”

           “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็ตามให้ติดต่อผมมา”

           “ครับ ผมเลยคิดว่าบางทีคุณอาจจะช่วยผมได้ ผมไม่อยากยืมเงินเพื่อนผมอีกแล้ว อีกอย่างเงินที่แม่ผมต้องการก็มีจำนวนสูงกว่าครั้งก่อนมาก”

           “อืม ผมช่วยคุณได้ครับ แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง”

           “ได้สิครับ จะกี่ข้อก็ได้ ผมสัญญาไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็จะทำให้ได้ครับ”

           “จำไว้นะครับ อย่าเพิ่งสัญญาทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร”

           “ผมในเวลานี้มีสิทธิ์ปฏิเสธคุณได้ด้วยเหรอ” ผมพูดตามความจริง ถ้าเขาช่วยผมได้ตามที่พูด ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ผมทำอะไร ผมก็จะต้องทำตามให้ได้

           “ถึงเราจะไม่มีโอกาสปฏิเสธ แต่ผมอยากให้คุณฟังข้อเสนอของฝั่งตรงข้ามก่อนทุกครั้ง แม้จะคิดไม่มีสิทธิ์แต่ขอให้รับรู้ไว้เถอะครับ สุดท้ายแล้วเรามีสิทธิ์ทั้งนั้น”
“อ่า..ก็ได้ครับ ผมจะจำไว้” ถึงผมจะฟังไม่ค่อยเข้าใจชัดนักแต่ก็รับปากเขา

           “ดีมากครับ เอาละ ส่วนเรื่องครอบครัวคุณ ผมขอเข้าไปจัดการเรื่องนี้เองได้หรือเปล่า”

          “ครับ?” คุณคีนหมายความว่าไง

           “เดดไลน์คือวันอาทิตย์นี้ใช่ไหม ผมรับปากว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”

           “คุณจะทำอะไรครับ”

           “ผมรับประกันได้ว่าพ่อแม่คุณจะปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย ส่วนน้องชายคุณ อยากให้พาเขากลับมาที่กรุงเทพฯ เลยไหม”

            “จริง ๆ  แล้วผมยังไม่อยากพาน้องมาอยู่ด้วยกันก่อนที่มันจะเรียนจบม.หกหรอกครับ แต่ผมไม่อยากถูกแม่รีดไถเงินอีก ผมเลยคิดว่าจะย้ายมันมาด้วย”

            “อืม ถ้างั้นถ้าผมรับรองได้ว่าน้องคุณจะปลอดภัย คุณก็ยังอยากให้เขาเรียนให้จบก่อนใช่ไหม” คุณคีนทวนคำพูดผม

           “ใช่ครับ”

           “โอเคครับเปล”

           “แล้วข้อแม้หนึ่งข้อที่คุณต้องการละครับ”

           “เอาไว้ให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน แล้วผมจะบอกให้คุณรู้”

           “ขอบคุณครับ”

           “อ้อ..รวมไปถึงวิธีขอบคุณที่ถูกต้องด้วยครับ”




           เอ๊ะ? เอ่อ? คุณคีนต้องให้ผมทำอะไรแปลก ๆ  แน่เลยใช่ไหม






=====================



ตอนที่แล้วขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ มีพลังเยอะเลย

เพื่อเป็นการขอบคุณ เขมเลยปั่นตอนที่ทุกคนรอให้แล้ว แต่เพราะว่ายังไม่ทวน ถ้ามีอะไรแปร่งๆ แปลกๆ ขออภัยมา ณ ตรงนี้นะคะ

หวังว่าคำตอบจะไม่ทำให้ทุกคนลงเรือผิดเนาะ จริงๆ ก็เดากันได้อยู่แล้วนี่นา



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ciizqeen ที่ 19-05-2019 20:56:14
 :z3: อยากได้คุณคีนเป็นของตัวเอง55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-05-2019 20:59:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 19-05-2019 21:06:13
น้องเปลน่าเอ็นดูมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 19-05-2019 21:08:25
คุณคีนอย่าปล่อยน้องเปลไปไหนเชียว น่ารักขนาดนั้น
เขินคุณคีนจัง แพ้ผู้ชายอบอุ่นนน
คนเขียนขาาาา ขอโมเม้นแบบนี้อีกหลายๆตอน :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: plusoneproject ที่ 19-05-2019 21:09:02
 :pig4: :กอด1: เปิดไฟแล้ววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-05-2019 21:18:39
เอ็นดูน้องเปล น้องคิดไปไกลมาก อยากขยี้แก้มแล้วจุ๊บหัวสักที
เขินคุณคีนจังค่ะ อบอุ่นละมุนแต่มีความเจ้าเล่ห์ อ่านไปอมยิ้มไป
ไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้องกันแล้วแต่มันเขี้ยวน้องแล้วจูบเนี่ย คุณคีนต้องบอกน้องแล้วนะคะว่าคิดยังไงกับน้อง
เขินรอ คุณคีนจะให้น้องขอบคุณยังไงน้า  :o8:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 19-05-2019 22:31:59
เปลน่าเอ็นดูวสุดๆ เข้าใจคุณคีนเลย อดใจไม่ไหวขอกัดที

ดูท่าทางจะติดใจน้องเปลมากนะเนี่ย พูดละก็เขิน

รอติดตามค่ะ

แต่เอ๊ะ!! น้องขอโทษ ผิดวิธีตั้ง 2 ครั้ง แล้วเวลาขอบคุณล่ะต้องทำยังไง อย่าลืมสอนน้องนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-05-2019 22:37:45
 :hao6:  ค่ะ  เราควรจริงจังกับเร่่องนี้ วิธีการสำคัญกับคุณคีนเขานะ
น้องควรขอบคุณสัก10ครั้งสลับกับขอโทษอีก10ครั้ง ปฏิบัติ!
เชื่อว่าต้องผูกปิ่นโตกันแน่นอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 19-05-2019 22:38:22
แหมมม... พนักงานดูแลเตียงของคุณคีนสวัสดิการดีจังเลยนะคะ เมลไปหา พอไม่เจอก็ถาม รู้ว่าป่วยก็พาไปรักษาและเทคแคร์อย่างดี อ่านไปก็เขินไป แต่ละอย่างที่คุณคีนทำ  :-[ อยากจะรู้ข้อเสนอซะเดี่ยวนี้เลย อยากจะรู้ด้วยว่าจะจัดการกับครอบครัวเปลยังไง //คุณนักเขียนสู้ๆ ❤
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Chamind1306 ที่ 19-05-2019 22:57:24
 :mew4: เขินคุณคีนมักๆเลยจ้าา น้องเปลน่าเอ็นดูสุดๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 19-05-2019 23:03:55
ข้อแลกเปลี่ยนของคุณคีนจะเป็นอะไรน้อออออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-05-2019 23:16:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 19-05-2019 23:34:22
อยากได้คุณคีนเอ็นดูน้องเปลจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 999296 ที่ 19-05-2019 23:35:15
ก็หนูเปลน่ารักอย่างงี้ไง คนอื่น ๆ ถึงคอยจะแกล้งหนูไงลูก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 19-05-2019 23:56:13
อ้านมาหลายตอนพระนายเพิ่งได้จองตากันนน5555 ชอบความลึกลับบนี้จริงๆๆๆๆๆๆ น้องเปลสู้ๆๆนะคะมีเสี่ยเปย์ไปอี๊กกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 20-05-2019 00:04:03
เปิดเผยตัวแล้ววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-05-2019 00:38:06
 :pig4: ขอบคุณคนเขียนนะคะ เราติดเรื่องนี้มากๆ อ่านจากที่อื่นมาแล้วแต่ก็ตามมาในเล้าอีก :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 20-05-2019 00:51:17
รักคุณคีนนนนนน :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 20-05-2019 01:14:58
อยากมีคุณคีนเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-05-2019 01:43:47
ขอเป็นแฟนแน่เลย อิอิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 20-05-2019 03:49:59
เพิ่งมาอ่านค่ะ ตามทีเดียวเลย สนุกมากอ่าาาาาาา รีบมาต่อนะคะกำลังค้างเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-05-2019 10:04:27
อัศวินขี่ม้าขาวตัวจริงเสียงจริง คุมคีน..นนนนนน     :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Fiasarinya ที่ 20-05-2019 10:08:02
เอ้ออ ก็เข้าใจแหละว่าทำไมคุณคีนเอ็นดูยัยเปล
ก็น้องน่ารักน่าเอ็นดูเบอร์นี้ หมั่นเขี้ยวๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-05-2019 10:59:54
เนี่ย คุณคีนชอบแกล้งน้องจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 20-05-2019 12:16:50
เนี่ยยยยย อิจฉาน้องเปลตรงเนี่ย :hao7:
คุณคีน พ่อคนอบอุ่น พ่อคนอ่อนโยน พ่อคนสายเปย์ พ่อคนละมุนนนน :hao5:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-05-2019 14:59:02
ข้อแรกเปลี่ยนนี่ให้มาเป็นพนักงานประจำหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 20-05-2019 16:17:49
หมั่นไส้คุณคีนมากกกกกทำมาเป็นพูดไทยไม่ได้ แต่สุดท้ายก็นะไม่อยากให้เปลเข้าใจผิดยอมเปิดเผยตัวตนแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะคุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 20-05-2019 19:10:40
คุณคีนมีเสื้อแบบเดียวเป็นเซทเต็มตู้เลยงี้ป่าว 555 ฟีลแบบใส่ชุดเหมือนเดิมทุกวันเลยงี้  น้องเปลยังน่าเอ็นดูเหมือนเดิมเลยย รอดูว่าคุณคีนจะจัดการกับแม่น้องยังไง 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-05-2019 19:31:43
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 20-05-2019 20:11:12
คุณคีนสุดยอดไปเรยจ้า o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 20-05-2019 20:18:58
...ผู้ชายแบบคุณคีนหาได้แถวไหนคะ
นี่มันผู้ชายในฝันชัดๆคุณสมบัติดียิ่งกว่ายาผีบอก
เป็นผู้ใหญ่ ใจดี อบอุ่นละมุนละไม หล่อและรวยมากกกก 
อยากมีคุณคีนเป็นของตัวเองจังเลยค่ะ(แอบเพ้อ)  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 20-05-2019 20:33:38
คุณคีนดีจัง  :-[ :impress2:
น้องเปลป่วยแล้วงอแงนะ
ข้อตกลงที่ยังไม่เฉลย แต่น่าสนใจจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 20-05-2019 22:56:33
คุณคีนอบอุ่นจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 20-05-2019 23:00:08
หลงน้องขนาดไหนถามใจตัวเองดูค่ะคุณคีน
มีวิธีพูดหลอกล่อย้องสารพัดให้น้องไม่ดื้อกับตัวเอง
สมแล้วที่เป็นคนวัย 40
ประสบการณ์ชีวิตต่างกับน้องมากๆ
คุณคีนมีความหน้าตึงตอนน้องขอบคุณเคนที่พาไปโรงบาล
พอน้องขอบคุณตัวเองคือยิ้มเลยนะ
อยากรู้วิธีจัดการกับพ่อแม่เปล
และข้อตกลงของคุณคีนกับเปล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: phatcha ที่ 21-05-2019 00:06:38
เค้ารู้ความจริงแล้ว  ดีใจ :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-05-2019 09:16:16
ทำไมทุกคนชอบแกล้งเปล ก็เพราะว่าเปลน่ารักไงคะทุกคนเลยแกล้ง อิอิ
รอชมวิธีขอบคุณในแบบของคุณคีนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-05-2019 11:56:52
วิธีขอบคุณของคุณคีนเป็นยังไงน้า~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-05-2019 21:32:43

BED CARE JOB

ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้





ผมหายไข้ ฟื้นตัวเร็วอย่างกับว่าเรื่องเมื่อสองวันก่อนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง วันนี้คือวันพุธ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่ามหาวิทยาลัยผมจัดงานเปิดบ้านหรือที่เราชอบเรียกว่าโอเพน เฮาส์นั่นละครับ คณะของผมเองก็จัดงานนี้ด้วยเช่นกัน และไม่ยอมน้อยหน้าคณะอื่นเสียด้วย



เสียงอึกทึกพูดคุยดังไปทั่วใต้ถุนคณะ เรามีกิจกรรมมากมายหลายรูปแบบ มีสื่อการสอนห้องเรียนที่พวกผมใช้เรียนมาตลอดสี่ปี รวมไปถึงแนะแนวอาชีพเมื่อเราเรียนจบออกไป ขาดไม่ได้เลยคือความน่ารักของคนในคณะผม ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส คอยให้คำปรึกษาน้อง ๆ  กันอย่างตั้งอกตั้งใจและเต็มที่มาก และที่สำคัญคนคณะนี้หน้าตาดี ไม่รู้ละ ผมเรียนคณะนี้ก็จะรวมตัวเองเข้าไปในข้อนี้ด้วย


เมื่อเช้าผมได้รับการอนุเคราะห์จากคุณคีนและคุณเคนมาส่งถึงที่หน้าประตูของมหาวิทยาลัย คือมันก็ไม่เชิงว่าเขาตั้งใจมาส่งผม แต่คุณเคนไปรับคุณคีนที่คอนโด ผมเลยได้อานิสงส์พ่วงมาด้วย ด้วยความที่ผมไม่อยากเป็นจุดเด่น ผมเลยขอลงที่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาสองคนก็เข้าใจ ไม่ว่าอะไร


ก่อนลงจากรถผมยังได้ของติดไม้ติดมือมาจากคุณคีนด้วย มันเป็นถุงกระดาษใบหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่ กลาง ๆ  ในนั้นบรรจุของไว้หลายอย่าง มีแซนด์วิชที่คาดว่าคุณเคนเป็นคนซื้อมาให้ มีน้ำเปล่า มียา และมีกล่องขนาดประมาณฝ่ามือ ผมตกใจเพราะมันเป็นกล่องโทรศัพท์มือถือ ตอนรับมาผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถ้ารู้คงไม่รับมาแน่นอน


ผมเรียกถุงกระดาษใบนั้นว่าถุงยังชีพ พวกเขาทำเหมือนส่งลูกหลานคนหนึ่งมาเข้าค่ายที่คณะ อาหารการกินพร้อมสรรพ กลัวผมอดตาย อีกนิดอาจจะมีการใส่เงินในกระเป๋ากางเกงผมแล้วเอายางรัดไว้เพราะกลัวหายแล้ว


ตอนนี้ถุงใบนั้นถูกวางอยู่ในห้องกิจกรรมของนักศึกษา ผมเทียวเดินเข้าเดินออกห้องนั้นตลอดเพราะกลัวมันหาย ถ้าหายไปผมต้องหาเงินมาซื้อโทรศัพท์คืนเขาอีก ไม่รู้รุ่นและยี่ห้ออะไรด้วย ว่าแล้วผมก็กลับเข้าไปในห้อง และแอบมองถุงนั้นอีกครั้ง มันยังอยู่ดีไม่หายไปไหน ผมจึงโล่งใจเดินกลับออกมา



นึกถึงเหตุการณ์ก่อนมามหาวิทยาลัย ตอนที่คุณเคนมากดออดที่หน้าห้องแล้วเข้ามาทักทายผมด้วยรอยยิ้มสดใส สายตาเขาเจิดจ้าเหมือนแสงแดดยามเช้าที่ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นจริง ๆ  อยากรู้เหลือเกินว่าคุณคีนคัดเลือกคนเข้ามาทำงานด้วยดวงตาและหน้าตาหรือเปล่า แต่คิดแล้วคงไม่ใช่แน่เพราะผมมีคุณสมบัติไม่ตรงเลย ผมตาชั้นเดียวไม่ได้มีดวงตากลมโต จมูกก็ไม่ได้โด่งเหมือนคุณคีนหรือคุณเคน แค่มีดั้งนิดหน่อยเท่านั้น โชคดีที่ยังพอมีคิ้วบ้าง ทว่าไม่ได้หนาเข้มอะไรเลย


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขัดใจผมก็คือปาก ผมไม่ชอบปากตัวเองมากที่สุด ผมคิดว่ามันห้อยเกินไป ผมอยากจะไปตัดมันออกติดที่ว่าผมไม่มีเงินและเสียดายเงินเกินกว่าจะมาวุ่นวายเรื่องปากห้อย ๆ  นี่  และคงมีอย่างเดียวที่ผมคิดว่ามันดีที่สุดบนร่างกายผมก็คือผิว ผมมีผิวขาว แม้ผมจะติว่ามันขาวเกินไปหน่อย หากหลายคนทักว่ามันดีและเข้ากับผม เพราะฉะนั้นถือเป็นส่วนดีแล้วกัน น่าแปลกเหมือนกันที่ทั้งพ่อแม่หรือปิงกลับไม่ขาวมาก ผมเคยคิดว่าถูกเก็บมาเลี้ยง ถ้าหากว่าปิงกับผมจะหน้าตาไม่คล้ายกันล่ะนะ


“ไง หายดีหรือยัง” โจเดินมาหาผมที่กำลังยืนมองจุดที่น้อง ๆ ในคณะให้คำแนะนำกับเด็กในชุดนักเรียนอยู่

“หายดีแล้ว ขอบใจนะ”

“ตกใจแทบตายตอนไปหามึงที่ห้องแล้วไม่เจอ ดีนะที่มึงฝากป้าเจ้าของห้องไว้”

“โทษทีนะ กูกลัวเป็นหนักแล้วไปหาหมอไม่ได้ เลยรีบไปก่อน” ผมตอบแต่ไม่ได้สบตากับโจ คิดว่าผมโกหกมันสำเร็จไหม โจหรี่ตาจับผิด ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยโดยเร็ว “ปีนี้คึกคักดี มึงว่าไหม”

“อืม ถ้าจบออกไปคงคิดถึงบรรยากาศแบบนี้”

“ใช่ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวแล้ว” ผมพยักหน้าเห็นด้วยและโล่งใจไปพร้อมกันที่โจไม่ทักถึงอาการป่วยผมต่อ

“ไปทำงานกับที่บ้านกูไหม”

“ไม่เอา” ผมส่ายหน้า เข้าไปในฐานะเด็กเส้น ผมไม่อยากได้ ผมไม่อยากเห็นสายตาดูแคลนและได้ยินคำพูดซุบซิบนินทาลับหลัง

“กลัวอะไร”

“เด็กเส้นไม่ดีหรอก”

“ใช่ที่ไหนกัน พ่อกูอยากให้มึงไปทำงานด้วย ก็เหมือนมึงผ่านสัมภาษณ์แหละวะ”

“ฝากขอบคุณคุณพ่อมึงด้วยนะโจ แต่เอาไว้กูอับจนหนทาง หางานทำไม่ได้ก่อนค่อยไปของานมึงทำก็แล้วกันนะ”

“ตามใจ แล้วนี่กินข้าวหรือยัง ไปหาหมอมา เขาให้ยามาด้วยไหม”

“ให้ ๆ  อีกสักพักกูว่าจะไปกินพอดีจะได้กินยาด้วย” ผมบอกเพราะใกล้เที่ยงแล้ว ส่วนมื้อเช้าผมจัดการไปแล้วเรียบร้อย ไม่อยากให้คุณเคนเสียน้ำใจ

“งั้นไปตอนนี้เลย เดี๋ยวเที่ยงแล้วคนเยอะ”

“อืม”

“มาอยู่นี่เอง หิวข้าวว่ะ ไปกินข้าวกัน” ภพกับเอกเดินเข้ามาชวน และมีสามสาวเดินตามหลังมา

“กำลังจะไปอยู่พอดี” ผมตอบ พวกเราจึงเดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารคณะด้วยกัน


โรงอาหารคณะมีคนอยู่ไม่มากอย่างที่โจบอก ทุกคนแยกย้ายกันไปซื้ออาหารที่ตนเองอยากกิน ส่วนผมไม่ได้ไป โจบอกให้นั่งเฝ้าโต๊ะ และมันจะไปซื้อของกินมาให้ผมเอง

“หายป่วยแล้วเหรอ” เปิ้ลที่กลับมาคนแรกทักขึ้นเมื่อเธอหย่อนตัวนั่งตรงข้ามกับผม

“ใช่ หายแล้ว”

“วันนั้นหน้าแกดูแย่มากอะเปล นึกว่าจะไม่สบายหนักแล้ว”

“ก็หนักกว่าปกติ” ผมบอกแต่ไม่อธิบายว่าปกติของผมเป็นแบบไหน

“แล้วได้ไปหาหมอหรือเปล่า” เธอถามต่อ

“ไปวันนั้นเลย”

“ก็ดี ถ้าแกไม่สบาย แล้วอาการไม่ดี เราคงรู้สึกไม่สบายใจ”

“หืม? ทำไมต้องรู้สึกไม่สบายใจด้วย”

“แกไปทำงานเหมือนที่เราทำไม่ใช่เหรอ” เปิ้ลโพล่งขึ้นมาเบา ๆ  แต่พุ่งเข้าเป้ามาก

ผมตกใจเกือบจะลุกขึ้นยืนแล้วเชียวที่รุ่นพี่ผมแดงรู้ว่าผมเคยทำงานอะไร แต่ก็ยั้งอาการตัวเองไว้ได้ทัน

“รู้ได้ไง”

“วันนั้นเราได้ยินแกคุยกับโจว่าแกทำงานตามเรา” ผมอึ้งไป ผมที่เคยแอบฟังสามสาวคุยกัน เอาเข้าจริง พวกเธอก็ได้ยินที่ผมคุยกับกลุ่มผมเหมือนกัน แล้วจำเพาะว่าต้องได้ยินเรื่องเด็ด ๆ  ไปเสียด้วย

“เอ่อ...” แล้วจะให้ผมพูดอะไร นิ่งฟังใบ้กินสิ

“มันไม่ดี รู้ใช่ไหม แต่มันเป็นงานที่ได้เงินเร็ว คืออย่างนี้...เรานึกว่าแกไม่สบาย ติดโรคมาจากลูกค้า”

“ไม่ใช่อย่างที่เปิ้ลคิด เราแค่ป่วยไม่ได้เป็นอะไร” ผมรีบละล่ำละลักตอบ สำลักน้ำลายขั้นสุด

“อืม อย่างนั้นก็ดี ถ้าจะทำงานแบบนี้ แกต้องไปตรวจร่างกายบ่อย ๆ  นะ” เธอเตือนผมด้วยความเป็นห่วง

“เราเลิกทำแล้ว ตอนนั้นเราจำเป็นต้องใช้เงินมากเลยไปทำงานนั้น แต่ทำได้ไม่กี่ครั้งก็เลิก”

“เลิกได้ก็ดี อย่ากลับไปทำอีก เงินมันดี แต่มันก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง แกอาจจะเจอลูกค้าที่มีโรคร้าย ไม่ปลอดภัยหรือลูกค้าที่ชอบทำร้ายคู่นอนก็ได้ เราเตือนด้วยความหวังดีนะจากคนที่ทำงานนี้มาก่อน” ผมรู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อเปิ้ลพูดถึงผลการกระทำ โจเองก็เคยบอกกับผมอย่างนี้เหมือนกัน ทุกคนรู้และคิดได้ มีแต่ผมที่ขาดสติ ขาดความยั้งคิดและเลือกเงินโดยไม่สนใจอะไรเลย

“ขอบคุณนะ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ทำแล้ว อันที่จริงคิดจะกลับไปทำเหมือนกัน ก็..นะ เรื่องเงินเหมือนเดิม แต่เขา เอ่อ..ลูกค้า ยินดีจะช่วยเรา”

“โชคดีมากที่แกเจอลูกค้าดี ๆ”

“อือ ใช่ โชคดี เราก็คิดอย่างนั้น เราทำงานนี้มีเขาเป็นลูกค้าคนเดียวแล้วก็เลิกไป ตอนที่ไปขอร้องก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะปฏิเสธ”

“เราไม่ได้อยากจะละลาบละล้วงหรือวุ่นวายเรื่องของแกหรอกนะ แต่ถ้ามีลูกค้าติดต่อมา แกลองมาถามเราให้ช่วยดูก่อนรับงานก็ได้ จะได้ช่วยกันสแกน ไม่อยากให้เจอลูกค้าไม่ดี อ้อ เราไม่คิดตังหรอกนะ” เธอยิ้มให้ เพิ่งเห็นว่าเปิ้ลเป็นคนยิ้มสวยคนหนึ่งเลย ก็อย่างที่ผมบอกไง คณะผมหน้าตาดี รวมถึงผมด้วย ขอย้ำอีกครั้ง

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไร เพื่อนกัน” เธอยักไหล่ด้วยท่าประจำตัวแล้วตั้งท่าเตรียมลงมือกินข้าวที่เธอซื้อมา

“นี่เปิ้ล”

“หืม?” เธอเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวตรงหน้า

“เรื่องนี้ อย่าบอกใครได้ไหม” ผมขอร้อง

“แน่นอน ไม่บอกใครหรอก เราเข้าใจ”


ผมอยากบอกเธอนะว่าลูกค้าคนนั้นคือคุณคีน คนที่เธอชื่นชมและเขาเป็นคนดีมาก แต่ตระหนักได้ว่าบอกเปิ้ลไปก็ไม่มีประโยชน์และจะทำให้ดูว่าผมต้องการอวดเธอเท่านั้น ไม่เหมาะ ๆ  และที่สำคัญคุณคีนคงไม่ต้องการให้ผมบอกใคร

“เอ้านี่ ข้าวต้มปลา” โจวางชามข้าวต้มตรงหน้าผม

“ไม่อยากกินอะ” ผมเบะปากเล็กน้อย ข้าวต้มอีกแล้ว

“ทำไม อย่างอแง อุตส่าห์ไปยืนต่อคิวตามสั่ง กิน ๆ  ไปเถอะ เพิ่งหายไข้อย่าเรื่องมาก”

“กินมันทุกวันแล้ว ใครเป็นคนบอกวะ คนหายไข้หรือคนป่วยต้องกินแค่ข้าวต้ม อยากกินข้าวขาหมู” ผมบ่นกระปอดกระแปดไม่พอใจ

“กินที่มีอยู่ไปก่อน ถ้าไม่อิ่มจะไปซื้อให้ เลิกโวยวายด้วย” โจไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไร อีกอย่างมันคงรำคาญเลยพูดดักทางไม่ให้ผมพูดต่อ

“ข้าวขาหมู...” ผมพึมพำในคอไม่กล้าส่งเสียงดังมาก กลัวโจมันด่าตามมารอบสอง แล้วจำใจกินข้าวต้มไปอย่างเงียบเชียบ

“พวกมึงนี่เหมือนแฟนกันเลย แต่เปลเคยบอกเราว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน” เปิ้ลแทรกขึ้น

“อืม เพื่อนกัน ไม่อยากได้มันมาเป็นแฟนหรอก มีเพื่อนเหมือนมีลูก แกดูดิโวยวายเก่งอย่างกับเด็กห้าขวบ” โจบ่นต่อจนได้

“ไม่ต่างกันหรือเปล่าวะ แกเองก็บ่นเก่งอย่างกับพ่อ ว่าไปก็เหมาะกันดีนะ คนหนึ่งพ่อ คนหนึ่งลูก” เปิ้ลพูดติดตลกกลับไป

“ไม่เอา เป็นแบบนี้แหละ แค่นี้ก็ปวดหัวมากแล้ว” โจส่ายหน้า แสดงสีหน้าว่าเพลียกับคนอย่างผม “รีบกินให้หมดเสร็จแล้วจะได้กินยา” แต่โจก็คือโจ มันยังไม่ลืมหันมาดุใส่ผมอีก

“รู้แล้วน่า”
 





ทุกคนกลับมาที่โต๊ะในโรงอาหารครบแล้ว การนั่งของพวกเราแบ่งฝั่งชัดเจน ผู้หญิงนั่งฝั่งหนึ่ง ผู้ชายนั่งอีกฝั่งหนึ่ง อยู่ตรงข้ามกัน แต่ละฝั่งต่างคุยในกลุ่มของตัวเอง ผมไม่ได้พูดอะไร นอกจากฟังพวกมันคุยกัน เอกและภพคุยเรื่องเลือกตั้งที่เรายังไม่รู้ผลว่าใครเป็นนายก ส่วนโจก็แทรกเรื่องบอลขึ้นมา มันบ่นตามนิสัยเพราะทีมที่มันเชียร์อยู่แพ้เตะเมื่อคืน ทำให้ตกอันดับไป ผมนั่งฟังบ้าง รับคำบ้าง รู้เรื่องบ้าง งง ๆ  บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม


ทางด้านสามสาวก็คุยกันถึงเรื่องเสื้อผ้า การแต่งตัว ความอ้วนที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิง แต่ไปไงมาไงไม่รู้ถึงมาจบที่แฟนหนุ่มของเปิ้ล

“ตกลงมันไม่เลิกเหรอวะ” ข้าวหันไปถามสาวผมแดง ลำดับที่นั่งของพวกเธอต่างไปจากเวลาเข้าเรียน จากที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้พวกเธอนั่งเรียงกันโดยมี เปิ้ล ข้าวและเกด นับจากซ้ายไปขวา

“เออ”

“ทำไมหน้าทนนักวะ ถ้ามันไม่ได้รักใคร่หลงมึงแล้ว ทำไมไม่เลิกให้จบ ๆ  ไป”

“อยากได้เงินน่ะ” เปิ้ลถอนหายใจ

“บอกกูมาสิว่ามึงไม่ได้ให้มันใช่ไหม” ข้าวเกือบจะกรรโชกถามเลยด้วยซ้ำ เธอคงเป็นห่วงเพื่อนมาก

“ให้”

“อ้าว อีนี่ อะไรของมึง” ข้าวทำเสียงไม่พอใจถึงขั้นสุด

“มึงดูนี่ก่อน” เธอปลดกระดุมลงมาเพื่อแหวกคอเสื้อให้กว้างขึ้น

“เฮ้ย ๆ  จะมาปลดมาถอดอะไรตรงนี้ พวกกูเป็นผู้ชายนะ” ภพพูดเสียงดังเมื่อเห็นว่าสาวตรงข้ามกำลังทำอะไร

“ก็ไม่ได้อยากจะโชว์พวกแกหรอก” เปิ้ลจิ๊ปากขัดใจ ไม่ได้สนใจคำพูดของภพ เธอเปิดคอเสื้อให้มันกว้างขึ้นจนเห็นไหล่

“ไอ้เลว!ไอ้ โอ๊ย ไอ้ ไอ้ กูไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่า” ข้าวพูดไม่ออกเมื่อเห็นรอยช้ำเขียว ๆ  ม่วง ๆ เป็นปื้นที่ตัวเปิ้ล


มันคือรอยบีบที่ค่อนข้างแรงมากจนทำให้ช้ำถึงขนาดนี้

“เฮ้ย นั่นแฟนแกเป็นคนทำเหรอ” คราวนี้กลุ่มผมหันมาสนใจที่เปิ้ลกันหมด เลิกคุยเรื่องตัวเอง เปิ้ลติดกระดุมเสื้อคืนอย่างเรียบร้อยแล้วพยักหน้าตอบว่าใช่

“เอาไงดี” เกดมีสีหน้าเครียด “เอางี้ไหม มึงย้ายมาอยู่ห้องกูก่อน” เกดเสนอความคิด

“หืม? จะดีเหรอ”

“เออสิ ดีที่สุด”

“แล้วจะขนของไปยังไงอะ มันอยู่ที่ห้องเกือบตลอดเวลา” เปิ้ลว่าอย่างนั้น

“ไอ้นี่มันไม่ไปเรียนเหรอวะ”

“ไม่ค่อยไปหรอก”

“ช่างมัน พวกเราก็เข้าไปช่วยขนกันทั้งหมดนี่แหละ” ข้าวบอกด้วยความโมโห

“ไม่ดีหรอก กูกลัวว่ามันจะอาละวาดแล้วเกิดเรื่องใหญ่”

“แล้วจะย้ายได้ตอนไหนเล่า” ข้าวโอดครวญ

“ก็ย้ายตอนที่แฟนเปิ้ลไปหาผู้หญิงสิ เขามีคนใหม่ไม่ใช่เหรอ” ผมโพล่งเสนอความคิดเห็นขึ้นมา

“ไอ้เปล!” เสียงอุทานเป็นชื่อผมโดยพร้อมเพรียงกันจากเพื่อนในกลุ่ม

“ทำไม กูพูดอะไรผิด” ผมมองหน้าพวกมันทั้งสาม

“ไม่ใช่ผิด แต่มึงรู้เรื่องเปิ้ลด้วยเหรอวะ” เอกเป็นคนถามผม

“ไม่รู้อะ รู้มั้ง ไม่รู้ดิ” ผมตอบมั่ว ๆ จะให้บอกมันว่าผมแอบฟังสามสาวคุณกันได้ยังไงกัน ขายหน้าแย่

“ช่างเรื่องเปลก่อน กูว่าความคิดเปลเข้าทีนะ” เกดบอก

“เออ เห็นด้วย” ข้าวสนับสนุน

“เอาอย่างนี้ละกันอีเปิ้ล มึงไปสืบมาให้ได้ว่าแฟนมึงจะไปหาเมียใหม่มันตอนไหน แล้วพวกเราก็รีบไปขนของมึงเดี๋ยวนั้นเลย”

“เอาอย่างนี้เหรอ” เปิ้ลทวน

“อย่างนี้แหละ ดังนั้นพวกเราต้องสแตนด์บายรอเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ ระหว่างนี้มึงก็แอบ ๆ  จัดของไว้บ้างล่ะ ถ้ามันถามก็บอกว่าจัดห้องใหม่อะไรก็ว่าไป” เกดสรุป

“อืม”

“โทรบอกเราแล้วกัน จะเอารถไปช่วยขนจะได้หมดทีเดียว” โจบอกต่อ

“เราด้วย/เราด้วย เดี๋ยวไปช่วย” ภพและเอกก็รีบสมทบตาม รวมทั้งผมด้วยอีกคน

“เปล มึงไม่ต้องไป” โจหันมาห้ามผม

“อ้าว ทำไม”

“เพิ่งหายป่วย อยู่เฉยไปก่อน”

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย ยังไม่รู้ว่าจะขนวันไหนด้วยซ้ำ พอถึงวันนั้นแล้วกูอาจจะหายดีแล้วก็ได้” ผมเถียง

“ถ้าย้ายมาแล้วมันไม่จบอะ” เอกไม่สนใจ ถามเรื่องเดิมต่อ

“มันไม่จบง่าย ๆ  หรอก หลังจากย้ายออก เปิ้ลก็อย่าอยู่คนเดียว ทำตัวติดกับกลุ่มเราไว้” โจบอก

“อืม แล้วถ้ามันไม่จบจริง ๆ  คงต้องไปแจ้งความ” เกดเสริมขึ้นมา

“กูไม่อยากให้เรื่องบานปลายถึงขนาดนั้นเลย” เปิ้ลบอกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

“เรายังไม่รู้แน่สักหน่อย แค่คาดเดาสถานการณ์ก่อนเท่านั้น อย่าคิดมากนะเปิ้ล” เกดปลอบใจ

“อืม ขอบใจพวกมึงมากนะ” เปิ้ลบอกทุกคน แววตาของเธอค่อยสดใสขึ้นมาบ้าง

“ไม่เป็นไร เพื่อนกัน” ผมยืมคำพูดเปิ้ลมาตอบ เปิ้ลคงเข้าใจว่าพวกเราหวังดีและอยากช่วยเหลือเธออย่างแท้จริง เหมือนที่เธอหวังดีกับผม
 





ช่วงเย็นคนซาจากในคณะไปมากแล้วผมเองก็เริ่มเพลีย หลอกตัวเองว่าหายดีทั้งที่ร่างกายมันยังไม่คืนสภาพกลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมกลับเข้าห้องกิจกรรมแล้วหยิบถุงยังชีพออกมา เตรียมจะกลับไปพักที่ห้อง โดยมีโจทำหน้าที่ไปส่งผม แม้ผมจะปฏิเสธว่าผมสามารถกลับเองได้ มันเถียงกลับมาว่าถ้าผมเป็นลมระหว่างทางไปใครจะช่วย กลายเป็นภาระคนอื่นไปอีก ผมเลยปล่อยเลยตามเลย แล้วแต่โจละกัน

“ถุงอะไร” โจเห็นตั้งแต่ผมหิ้วถุงกระดาษออกมาจากห้องกิจกรรม หิ้วขึ้นรถ หิ้วเข้าห้องก่อนจะวางถุงลงบนโต๊ะญี่ปุ่น

“ถุงขนมน่ะ” ผมตอบสั้น ๆ พลางมองไปรอบห้อง ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่อยู่สองวันคิดถึงห้องเหมือนกันนะ


ผมนั่งลงบนเตียงก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดเพื่อคลายร้อน ชุดที่ผมใส่อยู่เป็นชุดนักศึกษาชุดใหม่ ไม่รู้ว่าเป็นคุณคีนหรือคุณเคนที่หาซื้อมาให้ผม แต่เดาว่าคงเป็นคุณเคนแล้วกัน ชุดที่เขาซื้อมาให้ใส่ได้พอดีตัว ผมอาจจะมีขนาดตัวมาตรฐานละมั้ง ทว่าผมไม่ค่อยแปลกใจหรอก อันที่จริงมันก็พอดีตัวตั้งแต่คุณคีนเอาชุดนอนมาให้แล้ว ตกลงว่าใครเป็นคนซื้อที่แท้จริงกัน

“เหนื่อยหรือเปล่า” โจถามขึ้น มันมานั่งบนเตียงข้างผม

“ไม่อะ แค่เพลียนิดหน่อย แล้วโจอะ”

“กูไม่เป็นไร ไม่ได้เพิ่งหายป่วยแบบมึง” โจพูดจบก็เงียบ มันกำลังจ้องหน้าผมอยู่

“อะไร” ผมพูดเสียงเข้ม ตั้งใจใช้เสียงข่ม

“ชุดใหม่?” มันถามแล้วมองมาที่ชุดนักศึกษาบนตัวผม

“อืม ทำไม กูซื้อใหม่ไม่ได้เหรอ” ผมรีบโวยวายก่อน เผื่อว่าเริ่มก่อนจะได้มีชัยเอาชนะมันได้

“ได้สิ แต่คนอย่างมึงไม่มีทางซื้อชุดใหม่โดยที่ชุดเก่ายังไม่ขาดและที่สำคัญเรียนใกล้จะจบแล้วด้วย มึงยิ่งไม่มีทางซื้อเด็ดขาด”

“ก็..ก็เพราะชุดขาดไงเลยซื้อใหม่” ผมรีบเอาคำพูดมันมาใช้

“มึงไปซื้อตอนไหน”

“เมื่อวาน”

“เหรอ..”

“ใช่ ๆ” ผมรีบพยักหน้าอย่างแรงจนคอแทบหัก แต่โจมียังมองผมอย่างไม่ไว้ใจ

“บอกกูมาตามตรงเปล ใครซื้อเสื้อผ้าให้มึง ใครพามึงไปหาหมอ แล้วเมื่อวานและคืนก่อนมึงอยู่ที่ไหนกับใคร”

โจ ถามรัวมาเป็นชุด ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ทำไมมันช่างเหนียวหนืดขนาดนี้

“กูไปหาหมอเอง” ผมอ้อมแอ้มตอบ

“ป้าเจ้าของห้องบอกมีผู้ชายหน้าตาดีพามึงออกไป”


โอ๊ย ผมลืมไปได้ยังไงว่าป้าต้องเห็นเหตุการณ์อยู่แล้ว

“เหรอ เพื่อนกูเอง”

“นอกจากกูที่เป็นเพื่อนหน้าตาดีของมึงแล้ว กูไม่เห็นจำได้ว่ามึงมีเพื่อนคนอื่นอีก” โจพูดออกมาไม่อายปาก แต่ก็ยอมรับว่ามันหน้าตาดีอย่างที่มันพูด

ย้ำอีกครั้งว่าคณะผมหน้าตาดี ผมเองคือหนึ่งในนั้น

“เพื่อนที่ทำงานไง” ผมยังตะแบงเถียงมันต่อไป แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าผมคือคนโกหกไม่เก่งและโจไม่มีทางเชื่อแน่นอน มันถอนหายใจเสียงดัง

“พูดความจริงกับกู” มันจ้องมองผมไม่ลดละ บอกแล้วไงครับ ผมโกหกไม่เก่งเลย ไม่ทันไรผมก็ถูกมันคาดคั้นอีกแล้ว

“เขาพาไปหาหมอ” ผมหดคอลงเล็กน้อยในจังหวะที่ตอบ

“เขาไหน” โจขมวดคิ้ว “มึงรู้จักคนอยู่ไม่กี่คนแล้วทุกคนกูเคยเห็นหน้าหมดแล้ว นอกจาก...ลูกค้าที่มึงไปรับงาน”

“อือ คนนั้นแหละ” ผมอยากทำตัวลีบแล้วแห้งตายไปกับเตียงเดี๋ยวนี้ จะได้ไม่ต้องมาตอบคำถามโจอีก ไม่ใช่ว่าผมรำคาญโจ รู้ว่าดีว่ามันห่วงผมแค่ไหน แต่ผมไม่อยากฟังมันบ่นอะ

“ไหนมึงบอกว่าไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกแล้ว” โจถามเสียงเครียด

“มันมีเรื่องบังเอิญนิดหน่อย กูเลยได้เจอกับเขา”

“แล้วเขารู้ที่อยู่มึงได้ไง มึงบอก?”

“เปล่า กูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมรีบบอกปัด ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“ทำไมเขาต้องเป็นคนพามึงไปที่โรง’บาลด้วย เป็นแค่อดีตลูกค้ามึงเนี่ย ไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้มั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาติดใจมึง” โจสันนิษฐานเสร็จก็จับแขนผมทันที “ใช่ไหม ตอบกู” มันคาดคั้นอยากได้คำตอบ

“ไม่รู้ กูไม่รู้ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก” ผมไม่รู้จริง ๆ  ว่าคุณคีนทำแบบนี้ทำไม แล้วผมก็ไม่ได้ถามเขาด้วย

“กูไม่ไว้ใจ ลูกค้าเก่ามึงคิดอะไรกับมึงก็ไม่รู้ อย่าติดต่อกับเขาอีก แล้วถ้าเขายังมาหามึงที่นี่ กูว่ามึงควรทำแบบเปิ้ล ย้ายออกจากห้องนี้ซะ”

“ย้ายออกแล้วกูจะไปอยู่ที่ไหนอะ” ผมถามมันกลับ

“ไปอยู่ที่คอนโดกูก่อน”

“ไม่ไป”

“มึงอย่าดื้อ ถ้าเขามาทำร้ายมึงจะทำไง”

“ไม่ทำหรอก เขาเป็นคนพากูไปหาหมอ ดูแลกูดีจะตายไป” ผมค้านเสียงแข็ง และหวังให้มันเข้าใจผม คุณคีนเขาไม่ได้คิดร้ายกับผมสักหน่อย

“มึงเชื่อใจคนง่ายเกินไปแล้วไอ้เปล” โจบ่นและถอนหายใจอีกรอบ

“เขาเป็นคนดี เชื่อกูนะ เชื่อกูเถอะ”

“ที่พูดออกมาเนี่ย รู้จักเขาดีแค่ไหนกัน” โจหยั่งเชิงถามผม

“ถึงกูจะยังรู้จักเขาไม่เท่าไหร่ แต่กูมั่นใจว่าเขาเป็นคนดี”

“มึงไม่ทันเกมเขาหรอก มึงมันซื่อเกินไป ย้ายไปอยู่กับกูก่อนจะดีกว่า”

“กูไม่อยากไป แล้วกูคิดว่าครั้งนี้กูดูคนไม่ผิดหรอก และที่สำคัญกูชอบ...”

 
ก๊อก ก๊อก..


ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค ประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะดังขึ้นมาเสียก่อน

“น้องเปลครับ” เสียงนี้?เสียงคุณเคน

“ใครน่ะ” โจถามถึงคนที่มาเคาะห้อง

“คุณเค..” ผมพูดชื่อไม่ทันจบ มันก็ผลุนผลันลุกขึ้นไปเปิดประตูออกให้คุณเคนเสียแล้ว

“คุณเป็นใคร?” โจเสียงดังกว่าปกติตอนที่ถามคุณเคน ผมรู้ว่ามันพยายามข่มเสียงให้นิ่งที่สุดแต่ก็ปิดไม่มิด

“ถ้าเดาไม่ผิด คุณคงเป็นโจ เพื่อนน้องเปลใช่ไหม” คุณเคนทักอย่างสุภาพ

“ใช่ แล้วคุณคงเป็นลูกค้าเก่าใช่ไหม” โจทำเสียงเหมือนไม่ยอมเป็นรองว่าในเมื่อคุณเคนรู้จักเขา โจก็รู้จักอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ไม่ทันแล้วโจ ที่โจเข้าใจไปน่ะ มันผิดแล้ว คนนั้นไม่ใช่ลูกค้ากู

“ก็..ไม่เชิง”

“มีธุระอะไร”

“ผมมาดูเขา น้องเพิ่งหายไข้กลัวไข้จะกลับ” คุณเคนสูงกว่าโจ เลยมองผ่านไหล่โจมาหาผมได้อย่างง่ายดาย

“เพื่อนผมไม่เป็นไร ถ้าหากเขาไม่สบายอีก ผมดูแลต่อเองได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”


ผมรีบลุกจากเตียงไปยืนแทรกกลางระหว่างสองคน กลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ถ้ายังปล่อยให้โจคุกคามคุณเคนต่อไป ถึงแม้ว่าคุณเคนจะไม่มีอาการทุกข์ร้อนใด ๆ เลยก็ตาม

“คุณเคนสวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับน้องเปล เป็นไงบ้าง” อีกฝ่ายบอกแล้วส่งรอยยิ้มมาให้ เขาเติมคำนำหน้าชื่อให้ผม ตั้งแต่ที่เราเจอกันเมื่อเช้านี้ แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง โจก็ดึงผมให้ไปยืนอยู่ข้าง ๆ  มัน หรือพูดให้ง่ายคือดึงตัวผมให้ออกห่างจากคุณเคน

“ผมเพลียนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเอ่อ..คุณคี...” ผมกำลังจะถามถึงอีกคนแต่คุณเคนขยิบตาข้างหนึ่งส่งให้ บอกใบ้เป็นนัยว่าไม่ต้องการให้ผมเอ่ยชื่อคุณคีนต่อหน้าคนอื่นหรือต่อหน้าโจ ผมจึงกลืนชื่อคุณคีน ลงคอไปอย่างรวดเร็ว

“มาได้ยังไงครับ”

“ก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเพื่อนผมไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นคุณกลับไปได้แล้ว” ผมถามคุณเคนในขณะที่โจก็ไล่คุณเคน

“ผมมีธุระอยากคุยกับเพื่อนคุณสักครู่...แบบตามลำพัง” คุณเคนบอกโจและเน้นประโยคหลัง หมายความว่าเขาไม่มีทางกลับไปจนกว่าจะคุยกับผมเสร็จเรียบร้อย และคนที่กลับไปควรจะเป็นโจแทน

“ถ้าจะคุยก็คุยมันตรงนี้” โจไม่ยอม ผมจึงจับแขนโจเพื่อเตือนสติแล้วบอกเขาเสียงเบา

“โจกลับไปก่อนได้ไหม” มันมองผมอย่างไม่เข้าใจ

“ไอ้เปล ถ้าเกิดเขาทำอะไรมึงขึ้นมา มึงจะทำยังไง”

“ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ทำอะไรกูจริง ๆ  เชื่อกูนะ” ผมย้ำกับมันพลางส่ายหน้าเบา ๆ  ให้โจเข้าใจว่าคุณคีนและคุณเคนไม่มีทางจะทำร้ายผม

“แต่...” โจไม่วางใจ

“กลับไปเถอะครับ ผมรับปากและรับรองว่าเพื่อนคุณจะไม่ถูกทำร้ายและถูกข่มเหงข่มขู่แต่อย่างใด” คุณเคนให้คำมั่น

“ถ้าเพื่อนผมมีแม้แต่รอยขีดข่วน ผมตามเอาเรื่องคุณแน่” โจกำลังขู่อีกฝ่าย มันไม่รู้เลยว่ากำลังต่อกรอยู่กับใคร

“สัญญาด้วยเกียรติเลยครับ” คุณเคนพูดยิ้ม ๆ  ไม่ได้ร้อนใจหรือโมโหตามโจเลยสักนิด ผมเพิ่งเคยเห็นคุณเคนในแบบนี้ แบบที่ไม่โวยวายกับคุณคีนและรับมือกับคำพูดคนอื่นอย่างใจเย็น

“ไม่ต้องเป็นห่วงกูนะโจ เขาไม่ทำอะไรกูหรอก” ผมยืนยันอีกเสียงเพื่อให้โจเบาใจมากขึ้น

“โอเค ๆ  งั้นกูกลับก็ได้ ถ้ามีอะไรรีบโทรหากู” โจพูดจบแล้วนึกขึ้นได้ “โทรศัพท์มึงเสียนี่หว่า”

“ไม่ต้องห่วงน่า ถึงบ้านแล้วบอกกูด้วยนะ” ผมบอกมันอีกครั้งก่อนจะรีบรุนหลังมันให้ออกจากห้อง

“กลับบ้านดี ๆ  นะครับ” คุณเคนบอกโจได้ทันก่อนที่โจจะเดินผ่านไป

“อืม ว่าแต่เสียงคุ้น ๆ  นะเหมือนเคยได้ยินที่ไหน” โจชะงักพร้อมกับมองหน้าคุณเคนด้วยความสงสัย

“ต้องคุ้นสิครับ ผมคือคนที่โทรไปหาคุณเพื่อลาป่วยให้น้องเปลเอง”

“คุณคือหมอ?”

“วันนั้นโทรไปบอกว่าเป็นหมอ แต่จริง ๆ  แล้ว..ไม่ใช่..ก็อย่างที่เห็นละครับ” คุณเคนยิ้มอีก แต่ผมจับได้แล้วมันไม่ใช่รอยยิ้มการค้าอีกแล้ว มันคือยิ้มที่กำลังเผยตัวตน

“กล้าโกหกงั้นเหรอ” โจตั้งท่าเตรียมพุ่งชน  ผมรีบดันหลังมันออกไปให้เร็วที่สุดแล้วดึงแขนคุณเคนเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูทันที

ผมถอนหายใจ ศึกครั้งนี้ได้สงบลงแล้วใช่ไหม

“แกล้งเพื่อนผมทำไมครับ” ผมได้ยินเสียงคุณเคนหัวเราะ เลยต้องทำเสียงเข้มถามคุณเคน

“เพื่อนดูเป็นห่วงน้องเปลมากเลยนะ”

“ครับ ผมใจดีและกลัวผมโดนหลอก”

“อืม”

“คุณเคนมีอะไรถึงมาหาผมได้ล่ะครับ”

“คนที่มีน่ะไม่ใช่ผมหรอก แต่คือคนที่รออยู่ข้างล่างน่ะ” คุณเคนเฉลย

“คุณคีนรออยู่ข้างล่างเหรอครับ”

“ใช่ แต่ถ้าน้องเปลไม่อยากไปหรือเพลียอยากพัก ก็ไม่ต้องไปก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ผมจะได้เอาของไปคืนคุณคีนด้วย”

“ของอะไรครับ”

“นี่ครับ” ผมล้วงกล่องโทรศัพท์ออกมาจากถุงยังชีพยื่นให้คุณเคน เขามองแล้วก็เปรยขึ้นมา

“ถ้าเกรงใจอยากคืนก็เอาไปคืนเจ้าตัวเองเลย แต่อาจจะต้องพยายามหน่อยนะ”

“ทำไมครับ”

“คืนของให้เมื่อไหร่ก็รู้เอง แล้วโทรศัพท์เครื่องเก่าล่ะครับ อยู่ไหน”

“ทำไมเหรอ”

“ผมขอดูหน่อยเผื่อว่าจะซ่อมได้”

“นี่ครับ” ผมดีใจที่มันอาจซ่อมได้เลยรีบไปหยิบโทรศัพท์มาให้คุณเคน

“งั้นเราลงไปข้างล่างกันเลยดีไหม ป่านนี้คงมีคนกระวนกระวายใจรอแย่แล้ว” คุณเคนรับโทรศัพท์ของผม และเอาถุงกระดาษใบนั้นไปถือเองด้วย ผมเลยล็อกห้องแล้วเดินตามเขาต้อย ๆ  ไป





หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? UP 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-05-2019 21:33:04




พอมาถึงหน้ารถตู้คันเดิมที่มาส่งผมเมื่อเช้า คุณเคนเปิดประตูให้ บอกให้ผมขึ้นไปนั่งแถวสามกับคุณคีน ส่วนคุณเคนเลือกนั่งแถวสองถัดจากแถวแรกที่เป็นที่นั่งคนขับรถ ประตูถูกปิดลงอย่างเรียบร้อยและรถก็ออกตัวแล่นไปตามท้องถนน


ตอนที่ผมขึ้นมาบนรถนั้นเจ้าของรถหลับตาอยู่ เขาคงกำลังงีบพักผ่อนเพื่อเอาแรง ภายในรถมีเสียงวิทยุรายการข่าวเปิดทิ้งไว้ เขาคงต้องติดตามข่าวในทุกสถานการณ์สินะ แต่ก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้บรรยากาศในรถไม่เงียบจนเกินไป ผมมองใบหน้าคุณคีน ใจผมเต้นตึกตักเหมือนเคย เวลานี้เขาดูอ่อนเพลียมากกว่าผมเสียอีก หน้าเขาดูเหนื่อยอ่อนแรง งานในแต่ละวันของเขาคงเยอะมาก หากเขายังอุตส่าห์ปลีกตัวหาเวลามาหาผมที่ห้องอีก


ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากตกหลุมรักคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้


คุณคีนลืมตาขึ้น มองผมก่อนจะยื่นหลังมือมาแตะที่หน้าผาก
       
“ไม่มีไข้แล้วครับ” ผมบอก หากเขาสงสัยว่าผมยังป่วยอยู่หรือเปล่า

“ขยับมาใกล้ ๆ  หน่อย” คุณคีนพูดเสียงเบาหรือเรียกว่าเบามากก็แล้วกัน ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ตามความต้องการของเขา ไม่รู้ว่าต้องเข้าไปใกล้แค่ไหน แต่ผมว่าเราใกล้กันมากแล้วนะ คิดว่าใกล้กันแค่ไหนล่ะ อีกนิดขาผมก็จะเกยอยู่บนขาคุณคีนแล้ว


ผมไม่ได้ต้องการขยับเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้หรอกนะ ถ้าไม่ใช่ว่าเอวผมถูกมือดีโอบรั้งให้เข้าไปใกล้เจ้าของมือน่ะสิ ผมเงยหน้ามอง อ้าปากกำลังจะประท้วง แต่คุณคีนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“เรื่องที่บ้านคุณจัดการยากมากเลย”

“ระ..เหรอครับ” พูดเปิดมาแบบนี้แล้วผมจะต่อต้านได้ยังไง ผมโอนอ่อนตาม ไม่ขืนแรงเขาอีก

“แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“ขอบคุณครับ”

“วันนี้ได้กินข้าวกินยาที่ให้ไปในถุงหรือเปล่า” พอผมตกอยู่ในอ้อมแขนเขาเรียบร้อย คุณคีนก็เปลี่ยนเรื่องฉับพลันกลับมาที่อาการป่วยของผม

“กินครับ..อ้อ..จริงด้วยสิ ผมเห็นกล่องโทรศัพท์ในถุงกระดาษที่คุณให้มาเมื่อเช้า” พอเขาพูดถึงถุงยังชีพ ผมเลยนึกถึงของที่จะคืนได้

“ทำไมครับ”

“ขอคืนให้คุณนะครับ”

“คืนทำไมครับ คุณไม่มีโทรศัพท์ใช้เพราะมันเสียไม่ใช่เหรอ”

“ครับ แต่ผมกำลังจะเอาเครื่องเก่าไปซ่อมเร็ว ๆ  นี้แล้ว”

“เมื่อไหร่”

“น่าจะสักสองสามวันนี้ละครับ” ผมบอกเขาตามความจริง ผมคิดว่าจะเอามันไปซ่อมวันศุกร์นี้

“นานไป” คุณคีนพูดสั้น ๆ

“ครับ?”

“ระหว่างนี้แปลว่าผมจะติดต่อคุณได้แค่ช่องทางเดียวคืออีเมล และต้องเป็นช่วงเวลาที่คุณกลับห้องแล้วเท่านั้น ถูกต้องไหม”

“ถูกต้องครับ”

“นานไป ผมเป็นห่วง” คุณคีนพูดสั้นแต่ขยายความอีกนิด แต่ผมไม่สะดวกใจจะรับ

“ผมเกรงใจ”

“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าอะไรที่ผมให้ ผมไม่มีนโยบายรับคืน อีกอย่างผู้ใหญ่ให้ของไม่ควรปฏิเสธรู้ใช่ไหม”

“คุณช่วยผมมาเยอะแล้ว” ผมไม่ได้เล่นตัว ไม่ได้อิดออด หากมันคือความเกรงใจที่มีต่อคุณคีนล้วน ๆ

“ช่วยก็ส่วนช่วย ให้ก็ส่วนให้ และครั้งนี้ผมต้องการให้”

“มันไม่ดีหรอกครับ” ผมลำบากใจที่จะรับมา

“มันไม่ดีแน่ถ้ามีเด็กเสียมารยาทไม่รับของ”

“ผม..” ผมเริ่มอึกอักเพราะถ้าผมปฏิเสธมันแปลว่าผมกำลังเสียมารยาทอย่างที่เขาดักทางไว้

“ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมอีกแล้วไง”

“...” เขาพูดกับผมแบบนี้ได้ยังไง แล้วผมจะตอบอะไรเขาได้

“รับไว้นะครับ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างปลงตก

“ก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับ”



ผมยกมือไหว้เขาตามความเคยชิน แต่แล้วผมกลับต้องแปลกใจเมื่อคุณคีนจับมือผมที่พนมอยู่แบบนั้นไว้แล้วรั้งเอวผมให้เข้าไปใกล้เขาอีก คุณคีนจับมือผมวางอยู่ที่บนอกด้านซ้ายของเขา ก่อนจะจับหัวผมให้แนบลงไปตามมือที่ไหว้ ผมไม่เข้าใจว่าคุณคีนทำไมถึงอยากให้ผมขอบคุณในท่าทางแบบนี้ แต่แล้วในที่สุดขาผมก็เกยไปอยู่ขาเขาจนได้ ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้มีปัญหา จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ  ในลำคอแสดงความพอใจก่อนจะรู้สึกอุ่นที่ขมับด้านซ้ายก่อนที่จมูกโด่งของเขาจะกดลงมาบนหัวผม



“คราวหน้าเวลาขอบคุณผม ให้ทำแบบนี้นะครับ”














=====================


เขมอ่านทวนรอบเดียว ถ้ามีคำผิดหรือคำแปลก ขออภัยด้วยค่ะ แล้วจะมาตามแก้ (แก้ตัวเช่นเคย)


มีคำถามเล็กน้อยค่ะ ตอนนี้มาถึงตอนที่ 12 ตอนแล้ว เขมคิดว่าควรได้เพลาแก่การใกล้จบแล้วค่ะ มันอาจจะไม่ได้จบจนถึงปลายทาง ทุกคนจะโกรธมั้ยคะ แต่ถ้าอยากให้ถึงปลายทางก็ได้ค่า ไม่มีปัญหาแต่ว่าความถี่มาลงอาจช้ากว่านี้นะคะ ><

ส่วนอีกข้อถ้าทำเป็นหนังสือมีใครสนใจไหมคะ ข้อนี้เดี๋ยวหลังจากเขียนจบแล้ว เขมจะมาทำแบบสำรวจความสนใจอีกครั้งค่ะ ตอนนี้คร่าวๆ เล่มคือหนาเกิน 200 หน้าแน่นอน เกินเรื่องสั้นไปแล้ว และอ้างอิงจากข้างบน ถ้าต่อความยาวกว่านี้ เล่มจะหนากว่านี้อีกค่ะ เพราะยังไม่รวมตอนพิเศษเลย (หรืออยากให้สนพ เป็นคนทำก็ได้นะคะ เขมจะส่งต้นฉบับไปให้ทางสนพ พิจารณาค่ะ)

ปูลู มีใครจิ้นคุณเคนและโจไหม อันนี้ไม่ห้ามค่ะ ตามสิทธิ์เลย แต่ในเนื้อเรื่องคู่นี้ไม่มีซัมติงกันนะ บอกไว้ก่อน เผื่อลงเรือไปแล้วจะได้เดินขึ้นท่ากลับมาได้ทันค่ะ


ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ยิ้มกว้างทุกครั้งที่มาลงนิยายเลย ขอบคุณค่า รักก


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-05-2019 21:50:17
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-05-2019 21:59:33
ในส่วนของเราอยากอ่านอีกเรื่อยๆ แต่ถ้าถึงเวลาจะจบตามที่คุณเขมวางไว้ก็ได้เลยค่าา เอาที่สะดวกเลย เอ็นดูน้องไหว้แนบอก เด็กเสี่ยมากลูกเอ้ยยย คือนี่ลุ้นเรื่องเปิ้ลกับแฟนชั่วด้วย  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 21-05-2019 22:08:29
เขิน เขินมากกกกก เหมือนเจ้าสาวไหว้เจ้าบ่าวคืนแต่งงานเลย คุณคี๊นนนน รักเค้าา ว่าแต่คู่คุณเคนโจนี่มาหรือเปล่าคะ 55555 เราสัมผัสได้ถึงรังสีบางอยย่าง  ส่วนจะจบเลยหรือเปล่าอันนี้แล้วแต่แรงกายแรงใจคุณคนเขียนเลยค่ะ ส่วนตัวนักอ่านอย่างเราอยากอ่านอีกเยอะอยู่แล้วค่ะ อยากเห็นเค้าสองคนตอนอยู่ด้วยกันหลายๆมุม อยากหวีดคุณคีนเรื่อยๆ ส่วนเรื่องทำเล่มเราสนใจนะคะ แต่อยากให้เป็นอีบุ๊คจังค่ะเพราะเราไม่ค่อยสะดวกเก็บเล่ม จะทางไหนก็พร้อมสนับสนุนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 21-05-2019 22:32:07
อยากให้จบแบบตลอดรอดฝั่งค่ะ นานแค่ไหนก็รอดั้ยยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 21-05-2019 22:49:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 21-05-2019 22:55:26
สำหรับเราคืออยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังไงก็ต้องแล้วแต่ความสะดวกของคุณนักเขียนอยู่ดี เราก็ตามใจคุณนะคะ จะยังไงก็รออ่านอยู่แล้วค่ะ
น้องไหว้แบบนี้ดูเป็นเด็กเสี่ยมากๆ เลย ชอบบบ 55555 นี่ถ้าน้องขี้อ้อนกว่านี้นี่คนแก่เขาไม่หัวใจวายตายเลยเหรอ ดูท่าทางทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 21-05-2019 23:00:23
อยากให้จบแบบจบจริงๆ ครบถ้วนค่า ยาวได้ เรารอได้ค่า เลิฟฟฟฟฟ #พร้อมเปย์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 21-05-2019 23:33:43
อยากให้จบแบบจบครบถ้วน ไม่ตัดจบค่ะ
เรื่องน่ารัก อ่านได้เรื่อยๆเลยค่ะ
ท่าขอบคุณกราบแนบอกซ้าย เด็กเสี่ยคีนมากจ๊ะน้องเปล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 22-05-2019 00:01:25
ชอบคุณคี๊นนนนนน อยากได้!!!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 22-05-2019 00:04:39
โหยยยยย ใจเหลวไปหมดแล้ววววว คุณคีนช่างแสนดี อบอุ่น สายเปย์ :-[
นี่อยากจะกราบแนบอกเหมือนน้องเปลบ้างงงงง :z3:

//

อยากให้คุณนักเขียนแต่งไปเรื่อยๆเลยค่ะ ค่อยๆแต่งไปจนถึงเวลาที่เค้าตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป(พล็อตคุณนักเขียนจะแพลนไว้รึป่าวไม่รู้ แต่ทางเราแอบหวังไว้ คิกๆ) จะดราม่าอะไรระหว่างทางก็สาดมาเลยค่ะ อยากอ่านน้องเปลกับแด๊ดดี้ผู้อบอุ่นอีกเยอะๆ // เป็นกำลังใจให้นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 22-05-2019 00:19:11
น้อนนน เป็นเด็กเสี่ยเต็มรูปแบบละจ้า
อยากให้เรื่องนี้ไม่มีตอนจบจังเลยค่า
ส่วนตอนต่อไปเรารอได้เรื่อยๆนะคะ มาต่อตอนไหนเราก็จะรอ
ส่วนเรื่องเล่มใจเราอยากได้ e book มากกว่าค่ะ ไม่ค่อยสะดวกเก็บเล่มแล้ว รบกวนเก็บไว้พิจารณาด้วยค่ะ
แต่ยังไงก็ตามใจคุณเขมเลยค่ะ support นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 22-05-2019 02:24:06
เขินวิธีขอบคุณอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 22-05-2019 09:55:25
น่ารักชิปหายยยเลยยยยยยยยยแง้งงงงงงงง คุณคีนนี่น้าแผนสูงตริงๆๆไๆ555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 22-05-2019 11:54:50
รอให้เค้าคบกันแล้วค่ะแม่ อหๆๆๆ ท่าไหว้ที่อกนี่ก็คือแต๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อมากๆค่ะ  :z3:
นี่ลงเรือเคนโจไปแล้วจ้าาาาาาาา กลับเข้าท่าไม่ทันแร้ว  :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 22-05-2019 16:24:14
ไหว้ขอบคุณธรรมดา มันเบสิกแล้วน้องเปล
อย่างที่คุณคีนแนะนำ ถูกแล้ว/กราบที่อกแล้วพูด ขอบคุณครับเสี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-05-2019 16:56:40
อยากอ่านจนสุดทาง..ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เต็มใจรอจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 22-05-2019 17:27:23
คุณคีนเหนื่อยเพราะไปเคลียร์ปัญหาให้เปลมาแค่ไหว้ขอบคุณแนบอกคงไม่พอแล้วกอดคุณเค้าแน่นน่าจะชื่นจายยยยยกว่า :-[  เลือกทางไหนได้หมดค่ะเพราะจะตามอ่านแน่ ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 22-05-2019 20:06:27
อ๋อยยย~~ คุณคีน~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 22-05-2019 20:15:40
...fcคุณคีนนะคะ แต่เหนืออื่นใดคือรักในความใสซื่อของน้องเปลมาก
อยากให้เขียนเป็นเรื่องยาวค่ะ ต่อให้นานแค่ไหนก็จะรอค่า  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-05-2019 21:32:56
โอ้โหหหหห ขอบคุณแบบนี้คือเสี่ยมากกกกก

ปล ตอนนี้เอาใจช่วยทั้งเปลทั้งเปิ้ลเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 22-05-2019 21:49:48
ขอคุณคีนเพิ่มอีกสักคนได้ไหม? อยากได้บ้าง?

แสนดีที่สุด หลงน้องที่สุด หอมหัว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 22-05-2019 23:34:04
ใจเราอยากให้แต่งไปอีกค่ะ เพราะผูกพันกับน้องเปลแล้ว?
แต่ถ้ามันถึงตอนที่คนเขียนอยากให้จบเราก็โอเคค่ะ
ทีมตามใจนักเขียนค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2019 03:44:57
 o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 23-05-2019 10:57:35
อ่านแล้วเขินมากกกก :katai4:
เราอยากอ่านเรื่อยๆๆนะนานก็จะรอคุณคีนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-05-2019 14:55:03
มีไหว้แนบอก ไม่เท่าไรเลยนะคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 23-05-2019 15:45:28
สะดวกกับการขอบคุณแบบนี้มากค่าา   :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-05-2019 21:11:28
เป็นการขอโทษและขอบคุณที่ ... อาเสี่ยมาก5555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2019 22:17:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 23-05-2019 23:09:17
น่ารักอยากรู้ว่าคุณคีนจัดกกับพ่อแม่ของเปลอย่างไงไม่รู้ว่าจัดหนักไหมอยากให้หนักหน่อยงานกานไม่ทำไถลูกกับขายลูกแย่มาก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 24-05-2019 01:47:28
ในใจลึกๆเราอยากอ่านต่ออีกเรื่อยๆเลยค่ะ แต่ถ้าคุณนักเขียนจะจบเราก็ได้หมดค่ะตามใจคุณนักเขียนเลยค่ะ น้องน่ารักมากกกกก อีหนูของป๋ามากเลย55555555 
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 24-05-2019 05:31:04
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆเลย โหวต e-bookด้วยอีกเสียงค่ะ

ตั้งแต่เปิดไฟเสี่ยคีน กร๊าวใจขึ้นเรื่อยๆนะคะ
กะว่างานนี้จะต้องตกน้องไว้ให้ได้แน่ๆ ไปไหนไม่รอดแน่น้องเปล เสี่ยคีนมันร้ายย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-05-2019 08:03:20
ไหว้ขอบคุณตรงอกเลย~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ciizqeen ที่ 24-05-2019 13:36:49
 :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-05-2019 15:47:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-05-2019 19:52:58
ป๋าจริงๆ เลยคุณคีน

เนื้อเรื่องเหมือนจะมีดำเนินต่อไปอีก ก็อยากอ่านแบบจบสมบูรณ์ล่ะนะคะ

ก็มีติดนิดนึงตอนพวกเด็กๆ คุยกัน จะเรียกกันว่า แก มึง กู ชั้น สลับๆ กัน ก็เลยเหมือนจะงงอยู่ว่าใครพูดกะใคร.  :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-05-2019 20:42:41
โอ้ยยยย เขินเค้าขอบคุณกัน :-[
อยากให้จบแบบสมบูรณ์จังเลยค่ะ เรารอได้ไม่มีปัญหาเลย รอเก่ง5555555555 o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-05-2019 21:54:19

BED CARE JOB

ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย

 


            ท่วงท่าให้ขอบคุณคุณคีนนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลย แต่ผมไม่ได้ตอบเขากลับไปเพราะมีคนข้างหน้ามาตอบแทนผมแล้ว คุณเคนหัวเราะเบา ๆ  แล้วจึงกระแอมกระไอทีหนึ่ง

            “ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจไอแต่มันห้ามไม่ได้” คุณเคนว่าอย่างนั้น ผมว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ  หรอก

            “เคน” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันของผมเรียกชื่อคนนั่งข้างหน้า มันช่างปราศจากความอ่อนโยน คล้ายคราวก่อนที่เขาดุผม แต่ผมว่าน้ำเสียงที่เรียกชื่อคุณเคนนั้นดูโหดร้ายกว่าตอนดุผมมากนัก ถ้าผมเป็นคุณเคนถูกเรียกชื่อแบบนั้นคงจะกลัวแน่ ๆ  ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมฟังแล้วจะรู้สึกแค่กลัวนิดหน่อย เป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้เสียงนั้นกับผม โล่งใจเลย

            “ครับ?” แต่คุณเคนรับคำแบบไม่ทุกข์ร้อน ผมนับถือเขาจริง ๆ  คุณเคนแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว “อ้อ..น้องเปล ผมซ่อมโทรศัพท์เสร็จแล้ว” นอกจากไม่สนใจแล้วยังหันมาคุยกับผมอีกแน่ะ เดี๋ยวเราทั้งคู่ก็โดนดุพร้อมกันหรอก

            “จริงเหรอครับ” ผมลืมตัวดีใจไปเสียสนิท ขยับขาและตัวออกจากคุณคีน แล้วยืดตัวชะโงกหน้าข้ามเบาะข้างหน้าไป

            “นี่ครับ” คุณเคนยื่นโทรศัพท์มาให้ แต่มันไม่ใช่อันเดิมที่ผมเคยใช้ ผมไม่กล้ารับจึงมองของในมือเขาอย่างไม่เข้าใจ

            “รับไปสิ” คุณคีนพูดขึ้นบ้าง ผมไม่อิดออดเอื้อมมือไปรับพลางขอบคุณอีกฝ่าย

            “ไหนคุณเคนบอกว่าซ่อมได้ไงครับ” ผมมองโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมในมือ

            “ซ่อมแล้ว ดูสิ มีทั้งเบอร์โทร ทั้งข้อมูลต่าง ๆ  อยู่ในนั้นครบ”

            “เขาเรียกว่าย้ายข้อมูลต่างหากครับ” ผมเม้มปาก

            “อ้าวเหรอ ที่บ้านผมเรียกแบบนี้ว่าซ่อม บ้านน้องเปลเรียกไม่เหมือนกันเหรอ” ผมส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำถาม

            “ไม่เหมือนครับ คงมีแต่บ้านคุณเคนคนเดียวที่เรียก ที่อื่นเขาเรียกว่าเปลี่ยนเครื่องใหม่” ผมตอบเขากลับไป คุณเคนนี่ยียวนเก่งเหลือเกิน

            “ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ แย่จังนะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอโทษด้วยนะน้องเปล”

            “พอได้แล้วทั้งสองคน เคนก็เลิกแกล้งน้องสักที” ผมกำลังจะอ้าปากบอกคุณเคนว่าให้เลิกแกล้งผม แต่คุณคีนก็เข้ามาห้ามทัพและช่วยผมเอาไว้ เขาดึงผมให้ลงไปนั่งที่เบาะข้างตัวเขาเหมือนเดิมแล้วถามผมเสียงเบาเช่นเคย “หิวหรือยัง”

            “นิดหน่อยครับ แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกันเหรอ” เคยเป็นไหมครับ ตอนแรกก็ไม่หิวพอถูกถามกลับหิวขึ้นมาทันทีเลย ผมจึงถามคุณคีนเพราะอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องแล้ว หวังว่าป้าร้านข้าวตรงหน้าปากซอยจะยังไม่เก็บร้าน

            “ไปกินข้าว”

            “เอ๊ะ? เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ช่วยไปส่งผมที่ห้องแล้วเดี๋ยวผมหาอะไรแถวนั้นกินเองได้ครับ” ผมบอกด้วยความเกรงใจ

            “ผมตั้งใจว่าจะกินข้าวแล้วคุยเรื่องที่บ้านคุณไปพร้อมกัน”

            “เอ..อย่างนั้นหรือครับ ได้ครับ ๆ” พอเขาจั่วหัวมาเรื่องที่บ้าน ผมคิดว่าผมจะพลาดเรื่องนี้ไม่ได้เพราะยังไงพวกเขาก็คือครอบครัวผมและผมก็เป็นห่วงปิงด้วย

            “งั้นเรากินข้าวกันไป คุยเรื่องที่บ้านคุณกันไปนะ”

            “ตกลงครับ”



            เรามาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมเห็นทางเข้าร้านถูกประดับประดาด้วยไฟสีต่าง ๆ ทั้งดอกไม้นานาพันธุ์ รวมถึงต้นไม้สีเขียวมากมาย มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก แค่มองจากข้างนอกยังดูสวยหรูขนาดนี้แล้วข้างในล่ะจะเป็นอย่างไร ผมเดินข้างตัวคุณคีนเงียบ ๆ  ประหม่าทุกย่างก้าวที่เดิน ผมไม่เคยมาสถานที่สวย ๆ  และอลังการแบบนี้มาก่อนสักครั้ง


            อาหารหรูสุดในชีวิตผมก็คือชาบูหน้ามอหรือสเต๊กในห้าง อ้อ เพิ่งนึกได้ว่าผมเคยมีมื้อหรูกว่านั้นคืออาหารในโรงแรมชื่อดัง โจเป็นคนชวนผมไปที่โรงแรมเพราะเป็นงานวันเกิดพ่อของโจ ไม่ใช่เพียงแค่ผมที่ได้ไปนะ ภพกับเอกก็ไปเช่นกัน


            งานวันเกิดพ่อของโจนั้นผมยังมีเพื่อนไปด้วยให้อุ่นใจ อะไรที่ไม่เคยกิน ไม่เคยลองก็มีเอกและภพที่หน้าแตกไปด้วยกัน มันเลยไม่รู้สึกเขินและอายเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปผมมากินข้าวกับนักการเมืองคนดังตามลำพัง คุณเคนไม่ได้มาด้วย เขาขอลงจากรถไประหว่างทางที่มาร้านอาหารและบอกผมทานอาหารให้อร่อย แต่ท่าทางยิ้มน้อย ๆ ของคุณเคนนั้นทำให้ผมคิดดีไม่ได้เลย ไม่รู้จะแกล้งอะไรผมอีกไหม เสียแรงที่ผมคิดว่าคุณเคนใจดีไม่แกล้งผม!


            ผมเดินตัวลีบไปถึงหน้าประตู มีพนักงานชุดขาวยืนอยู่ตรงหน้า เขายิ้มให้ก่อนจะโค้งศีรษะให้ผมกับคุณคีนและเปิดประตูให้เราอย่างนอบน้อม ขาผมชักจะก้าวไม่ออก คุณคีนกินข้าวข้างทางธรรมดาไม่ได้หรือ ผมไม่ได้เดินตามเขาไปเพราะมัวแต่คิดสงสารตัวเองว่ากำลังมาอยู่ผิดที่ผิดทาง คุณคีนเห็นผมยืนนิ่งจึงใช้มือแตะหลังผมเบา ๆ เป็นการเร่งให้เดินไปพร้อมกัน


            ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในสวยเกินกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก ผมมองภายในร้าน บนเพดานร้านถูกประดับด้วยโคมไฟระย้ามีเส้นสายไฟหลากสีถูกลากยาวออกไปจากตัวโคมไฟ ไปจรดที่ผนังอีกฝั่ง มีสายไฟผูกโยงแบบนี้ไปทั่วทั้งร้าน นอกจากนั้นยังมีไม้ประดับห้อยลงมาจากเพดานด้วย รู้สึกเหมือนกำลังหลุดเข้ามาอยู่ในเทพนิยาย ดินแดนมหัศจรรย์


           พนักงานพาเราไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านแต่มีพนักงานยืนอยู่ในระยะสายตา แต่ไม่ต้องกังวลว่าถ้าเรียกพนักงานแล้วจะไม่มีทางได้ยิน

           “อยากกินอะไรครับ”

           “ผม..เอ่อ..ไม่รู้ครับ” ผมไม่รู้ว่าที่นี่มีอาหารแบบไหนบ้าง ถ้าบอกว่าขอส้มตำปูปลาร้าเผ็ดจัด จะมีให้กินไหม และต่อให้มีจริงผมก็ไม่กล้าสั่งหรอก มันไม่เข้ากับคนตรงหน้าผมเลย ชุดสูทสวย ๆ  กับท่าปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำส้มตำคงไม่เข้ากับฝรั่งตาสีน้ำตาลอ่อนเท่าไหร่

           “ถามใหม่ คุณชอบกินอาหารแบบไหน ไทย จีน ญี่ปุ่น หรืออื่น ๆ  ?”

           “ผมกินได้หมดครับ ผมไม่เรื่องมากเรื่องของกิน” คำถามนี้ตอบง่าย ผมตอบจากใจเลย มัวแต่เรื่องเยอะ ผมอาจจะไม่มีกินเอาได้

           “เชฟที่นี่เขาทำอาหารเหนืออร่อยมาก อยากลองดูหน่อยไหม” คุณคีนเสนอความคิดเห็น จะว่าไปตอนที่กลับลำปางผมก็ไม่ได้กินข้าวที่บ้านเลย แม่ไม่ได้ทำกับข้าวไว้เนื่องจากปิงไม่อยู่บ้าน น้องชายผมมันไปรับจ้างทำงานที่อำเภอใกล้ ๆ

           “มีด้วยเหรอครับ”

           “มีครับ” คุณคีนชูมือขึ้นนิดหน่อยเป็นสัญญาณเพื่อเรียกพนักงาน “ที่นี่มีอาหารเหนืออะไรบ้างครับ”

           “ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคุณคีนทานอาหารเหนือด้วยนะคะ” พนักงานสาวถามคุณคีนขึ้นด้วยความสนเท่ห์

           “วันนี้พาคนเหนือมาเผื่อว่าเขาจะคิดถึงอาหารบ้านเกิด”

           “อ้อ..ค่ะ ร้านเราทำอาหารเหนืออร่อยมาก ๆ  รับรองคุณผู้ชายท่านนี้ต้องชอบแน่ ๆ  ค่ะ งั้นดิฉันขออนุญาตแนะนำเมนูเลยนะคะ เชฟของเราวันนี้ลงมือทำน้ำพริกอ่อง ลาบหมูคั่ว แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่มและข้าวซอยไก่ค่ะ ส่วนเมนูอาหารเหนืออื่น ๆ  จะอยู่ที่หน้าสาม คุณลูกค้าลองเปิดดูเพิ่มเติมก่อนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพนักงานตอบด้วยน้ำเสียงฟังรื่นหู ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาที่ให้บริการ

           “เปลว่าไงครับ อยากกินอะไร”

           “ผมอยากกินไข่อ๊อกมีไหมครับ” ผมมองหน้าเขาอย่างกล้า ๆ  กลัว ๆ  ตอนที่ถามถึงเมนูไข่ของโปรดผม

           “มองหน้าผมทำไมครับ ถามพนักงานเองเลย ไม่ต้องเกรงใจผม”

           “เอ่อ.. มีไข่อ๊อกไหมครับ” ผมทำตามที่คุณคีนบอก เงยหน้าขึ้นไปถามพนักงานอย่างเกรง ๆ 

           “มีแน่นอนค่ะ”

           “งั้นเอาที่หนึ่งครับ” ผมสั่งเสร็จสรรพ ถ้ามองหน้าคุณคีน เขาต้องบอกให้ผมสั่งเองแน่นอน

           “พอแล้วหรือ” คุณคีนถามเมื่อเห็นผมสั่งเพียงอย่างเดียว

           “ครับ”

           “แล้วจะอิ่มได้ไง” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย มันไม่ใช่สีหน้าเอือมระอานะ ไม่รู้สิผมบอกไม่ถูกว่าเขาทำหน้าแบบไหน คุณคีนหันไปทางพนักงานแล้วพูดต่อ “ข้าวสวยสอง และอาหารเหนือที่แนะนำมาเมื่อสักครู่นี้ด้วย อ้อ...พาสต้าเนื้อแกะตุ๋น พิซซ่าน้ำมันทรัฟเฟิลใส่เห็ดแชมปิญองและมักคาโพเน่ชีสครับ”

           “รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”

           คุณคีนมองหน้าผม เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงถาม เขาเลือกไม่พูดแต่ต้องการให้ผมตัดสินใจเอง

           “น้ำเปล่าครับ” ผมขอเลือกน้ำที่ปลอดภัยที่สุดไว้ก่อนแล้วกัน

           “ผมขอโซดาครับ”

           “ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานทวนรายการอาหารแล้วขอตัวออกไป

           “ไม่สั่งกาแฟเหรอครับ”​ ผมสะดุดหูตอนที่เขาสั่งน้ำเป็นโซดา ผมไม่เคยเห็นเขาดื่มเครื่องดื่มอื่น ๆ  เลยนอกจากกาแฟ

           “วันนี้ผมดื่มไปสามแก้วแล้ว มากกว่านี้เดี๋ยวนอนไม่หลับพอดี” คุณคีนตอบพร้อมรอยยิ้มนิด ๆ

           ขอร้อง..อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหม ผมจะทนไม่ไหว

           “ดีแล้วครับ พอก่อนก็ดี คุณดื่มเยอะมากเลย ตอนที่ไปร้านพี่ปุยฝ้าย คุณต้องสั่งกาแฟอย่างน้อยสองแก้วตลอด ดื่มมากไปก็ไม่ต่อสุขภาพหรอกครับ” ผมพูดตามใจนึก

           คุณคีนมองผมนิ่งด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก เขาคิดอะไรอยู่หรือว่าจะไม่พอใจที่ผมไปแนะนำเขา ผมแค่หวังดีไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย

           ผมสาบาน

           “เอ่อ..อย่าโกรธผมนะครับ ผมไม่ได้ต่อว่าหรือจะสอนคุณ” เมื่อเขาไม่พูด ผมเลยกลายเป็นคนร้อนตัวต้องรีบบอกไม่อยากให้เขาเข้าใจเจตนาผมผิด

           “หวังดีหรือเป็นห่วง?”

           “ผม...”

           “ผมคาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบหลังนะครับ”

           “แล้วเอ่อ..คุณสั่งอาหารมาหลายอย่าง แบบนี้จะกินหมดไหม” ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่องถามถึงเมนูอาหารของเขา นึกถึงพิซซ่าชื่อแปลก ๆ  ยาว ๆ นั่นที่ผมจำชื่อไม่ได้แล้วด้วย

           คุณคีนไม่ว่าอะไรที่ผมตั้งใจไม่ตอบคำถาม เขาทำเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ  เท่านั้น


           เอาละ ผมสารภาพก็ได้ว่าผมหวังดีกับคุณคีนและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแท้จริงแล้วผมเป็นห่วงเขา เป็นห่วงมากด้วย ก็..ก็เขาอายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ต้องดูแลตัวเองหน่อย แล้วดูสิสั่งอะไรมาก็ไม่รู้ แป้งทั้งนั้น

           “งั้นก็ช่วยผมกินให้หมดสิครับ”

           “เยอะขนาดนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะกินหมดไหม ถ้ากินไม่หมดเสียดายแย่” ผมโอดครวญ

           “อย่าคิดมาก นาน ๆ  ทีนะครับ อีกอย่างผมคงไม่ได้พาคุณมากินแบบนี้บ่อย ๆ”

           “ครับ” ผมพยักหน้าแล้วมองไปรอบร้าน ไม่กล้ามองหน้าเขากลัวคุณคีนจะทวงคำตอบ ร้านนี้สวยและยังแฝงความหรูหราเอาไว้ คุณคีนมองตามสายตาผมก่อนจะถามขึ้น

           “ชอบร้านนี้ไหม”

           “ชอบครับ ร้านสวยมาก”

           “ใช่ ร้านสวยมาก เจ้าของร้านตั้งใจตกแต่งร้านให้ลูกค้าชอบโดยเฉพาะ”

           “ครับ? คุณพูดเหมือนตกแต่งร้านให้ลูกค้าชอบนี้ไม่ดี” ผมแปลกใจ ลูกค้าชอบสิดี จะได้มาอีกบ่อย ๆ

           “ดีครับ ถ้าลูกค้าที่ชอบจะไม่ใช่ลูกค้าพิเศษ”

           “หมายความว่าไงครับ” ผมถามกลับไปนึกสงสัยคำพูดเขา

           “ไม่มีอะไรหรอกครับ อาหารมาแล้วล่ะ” คราวนี้เป็นคุณคีนที่เลือกเปลี่ยนเรื่องบ้าง ผมอาจจะซื่อไปบ้างแต่ผมก็ปะติดปะต่อ เดาเรื่องเก่งนะ

           “ครับ แล้ว..เรื่องที่บ้านผมเป็นไงบ้าง”

           “กินก่อนดีไหม อิ่มแล้วค่อยคุย”


           ผมอ้าปากจะปฏิเสธว่าไม่เป็นไร คุยเลยก็ได้ แต่อาหารตรงหน้ากลับส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจมูกผมเหลือเกิน ผมกินข้าวต้มมาหลายมื้อแล้ว โหยหาอาหารที่ไม่ใช่ข้าวต้มเต็มที และยิ่งได้กลิ่นอาหารบ้านเกิดทำให้ผมแทบอดใจไม่ไหว แล้วนั่น..นั่น..ไข่อ๊อก อาหารจานโปรดของผม หน้าตาน่ากินมาก จนผมเกือบจะห้ามใจจ้วงมันไม่ได้ แต่ติดที่ว่าเกรงใจคนนั่งตรงข้าม เขาอาจจะตกใจที่เห็นผมแปลงร่างกลายเป็นคนตะกละตะครุบของกินไปแล้ว

           “กินเลย คุณคงหิวแล้ว”

           “งั้นผมกินเลยนะครับ”

           “อืม กินเยอะ ๆ  นะ”

           ผมหิวข้าวก็จริงอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะกินได้เยอะขนาดนี้ ผมฟาดมันทุกอย่างตรงหน้า ตอนที่ผมเห็นจานพาสต้ากับพิซซ่าถูกนำมาเสิร์ฟวางบนโต๊ะ แวบแรกในหัวผมคือมันช่างไม่เข้ากันเสียเลย อาหารเหนือกับอาหารอิตาเลี่ยน มันจะไปด้วยกันได้ไง คุณคีนบอกขึ้นเมื่อเห็นผมลังเลอาหารต่างสัญชาติตรงหน้า

          “ลองกินดูสิครับ มันต่างกันก็จริงแต่ไม่ได้แปลว่าเข้ากันไม่ได้”

          ผมลองกินตามคำแนะนำจากคุณคีนและค้นพบว่าอาหารอร่อย ผมตักจานนั้น จานนี้กินสลับกันโดยลืมไปแล้วว่าอาหารบนโต๊ะมันแตกต่างกัน คุณคีนไม่ได้กินเยอะเท่าผม เขานั่งเท้าคางเอียงใบหน้าเล็กน้อย อีกมือหนึ่งยกแก้วโซดาดื่มเป็นระยะ คอยมองผมเงียบ ๆ

          “คุณอิ่มแล้วเหรอ” ผมถามเพราะเห็นเขาหยุดกินไปสักพักแล้ว

          “ครับ”

          “งั้นผม..” ผมควรจะเลิกกินตามเขาดีไหม แล้วถ้าผมยังกินต่อ เขาจะคิดว่าผมตะกละหรือเปล่า

          “กินต่อเถอะครับเปล”

          “แต่คุณอิ่มแล้วนี่ครับ” ผมเริ่มอึกอักชักกินต่อไม่ลง ก็ดูสิ..เขามองผมไม่ละสายตาไปทางไหนเลย

          “ครับ ปกติผมกินไม่เยอะ อายุขนาดผมใช่ว่าจะตามใจปากได้ตลอดเวลา แต่ถ้าคุณยังไม่อิ่ม ก็กินต่อเถอะครับไม่ต้องสนใจผม คุณยังเด็ก กินได้อีกเยอะแล้วตอนนี้คุณก็ผอมกว่าตอนแรกที่ผมเจอคุณเสียอีก”

          “ผมผอมลงเหรอครับ” ผมมีอะไรต้องคิดมากจนไม่ได้สังเกตตัวเองเลยว่าผมอ้วนขึ้นหรือผอมลง

          “ใช่ครับ”

          “คุณรู้ได้ไงว่าผมผอมลง ผมเองยังไม่รู้เลย”

          “จะให้ผมบอกจริง ๆ  เหรอว่าผมรู้ได้ยังไง” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น ปล่อยมือจากแก้วโซดา หยุดเท้าคางแล้วมองผมอย่างตั้งใจ

          “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมก็ลืมไปว่าคุณต้องรู้อยู่แล้วไม่งั้นชุดที่ผมใส่อยู่คงไม่พอดีตัวแบบนี้”

          “ฉลาดเลี่ยง”

          “เปล่าสักหน่อย” ผมอุบอิบตอบกลับ ผมลืมไปได้ยังไงว่าเขาเป็นคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดผมมากที่สุด ผมก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไม่กล้าสู้หน้าเขา อีกอย่างท้องผมก็ยังไม่อิ่ม

          ผมจัดการไปทีละอย่าง ทีละอย่าง จนเกือบหมด ผมอิ่มมากจริง ๆ ท้องผมจะแตกแบบชูชกไหม

          “อิ่มแล้วเหรอ” คุณคีนถามขึ้นเมื่อเห็นผมวางช้อนส้อมเรียบร้อย

          “ครับ อิ่มแล้ว อิ่มมาก”

          “หายป่วยแล้วกินเก่งไม่เบา สงสัยจะเลี้ยงไม่ไหว”

          “ถึงผมจะกินเยอะแต่ผมก็ทำงานเก่งนะ รับรองถ้าจ้างผมแล้วผมจะไม่ทำให้ผิดหวังเลย อีกอย่างอาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างเลย ผมเสียดายถ้ากินไม่หมด” ในคำตอบผมมันมีทั้งความจริงและคำหลอกลวงแฝงปนอยู่ในนั้น ผมเสียดายอาหารก็จริงอยู่ แต่มันไม่มากไปกว่าที่ผมอยากกินเพราะอาหารอร่อยมาก

          “ถ้าจ้างทำงานแล้วจะตั้งใจ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงเหรอ”

          “จริงครับ” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขา ผมไม่เกี่ยงงาน ทุ่มเทตั้งใจทำงานทุกงาน

          “มีอยู่งานหนึ่ง” คุณคีนเกริ่นแล้วมีหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังประเมินอะไรอยู่สักอย่าง

          “ครับ?”

          “มีอยู่งานหนึ่งที่คุณไม่ค่อยตั้งใจ”

          “มีด้วยเหรอครับ ผมตั้งใจทำทุกงานนะ” ผมบอกเขา จะเรียกว่าเถียงก็ได้ อย่ากล่าวหาผมในทางร้ายแบบนี้สิ

          “แล้วงานที่เคยทำกับผมล่ะ ตั้งใจหรือเปล่า”

          “คะ..ครับ?” ผมหน้าร้อน หายใจติดขัดจนสำลักน้ำลายรีบคว้าน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มอั้ก ๆ  อย่างเอาเป็นเอาตาย

          “ค่อย ๆ  ดื่มสิ”


          ถ้าเขายังไม่หยุดพูดอีก ผมจะขอมุดใต้โต๊ะตรงนี้ ภาพย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ ถึงครั้งที่ผมกับเขาเคยอยู่บนเตียงเดียวกัน เขาทำอะไรกับผมบ้าง ทำไมผมจะจำไม่ได้ ถึงจะปิดไฟในห้อง มองไม่เห็นอะไร แต่ร่างกายผมไม่ได้ถูกปิดไฟด้วยนี่นา

          “หน้าแดงหมดแล้ว คิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม”

          “ไม่ใช่ครับ” ผมกระแอมทีหนึ่ง หวังให้มันช่วยปรับเสียงให้มั่นคง เปลี่ยนเรื่องดีกว่า “แล้วที่บ้านผมเป็นไงบ้างเหรอครับ” เขาบอกว่ากินอิ่มแล้วค่อยคุย ตอนนี้ผมอิ่มแล้ว มาเข้าเรื่องกันเถอะ

          “เรื่องที่บ้านคุณ...”

          “ไง..คุณคีน ไม่นึกว่าจะเจอคุณที่นี่” ชายผู้มาใหม่เข้ามาทักคุณคีน ผมไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่ประเมินจากสายตาว่าเขาน่าจะมีอายุประมาณสักห้าสิบปีขึ้นไป คุณคีนลุกขึ้นยืนทันทีที่ถูกทัก ผมจึงรีบลุกขึ้นตามเขาโดยพลัน

          “สวัสดีครับคุณศักดิ์” คุณคีนยกมือไหว้อีกฝ่าย ผมจึงทำตามเขาอีกครั้ง

          “แล้วเคนไม่มาเหรอ ปกติเห็นตัวติดกัน”

          “เคนติดธุระครับ” คุณคีนตอบอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

          “อย่างนั้นเหรอ อ้าว..หนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้ใครกันล่ะ ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน”

          “เป็น...น้องชาย..” ผมไม่รู้ว่าคุณคีนจะบอกว่าผมเป็นน้องชายของใครแต่ผมรีบแทรกขึ้นทั้งที่รู้ว่าเสียมารยาทก็ตาม ผมยังจำได้ถึงประโยคที่คุณเคนเคยพูดตอนพาผมไปโรงพยาบาลได้ในตอนนั้น


          ‘ถ้าใครถามผมยังบอกได้ว่าเขาเป็นน้องชาย แล้วคุณล่ะจะบอกคนอื่นว่าไง’


          “สวัสดีครับ ผมเป็นน้องชายของพี่เคนครับ” ผมไหว้คนมาใหม่อีกครั้งและเริ่มแนะนำตัว ผมไม่ใช่คนโกหกเก่งก็จริง แต่ถ้ามันไม่ค่อยเกี่ยวกับความรู้สึก ผมสามารถทำได้ไม่ยากลำบาก

          “งั้นเหรอ ไม่คิดว่าเคนจะมีน้องชายด้วย”

          “ครับ”

          “ชื่ออะไรล่ะพ่อหนุ่ม”

          “คุณศักดิ์มาทานข้าวเหมือนกันเหรอครับ” คุณคีนถามขึ้นจังหวะเดียวกันกับที่คุณศักดิ์ถามผม

          “ใช่ ๆ  เพิ่งประชุมพรรคเสร็จน่ะ เลยมาหาอะไรกินผ่อนคลายเสียหน่อย”

          “เหรอครับ ผมก็เพิ่งกินเสร็จ กำลังจะกลับพอดี เสียดายที่เจอกันช้าไปหน่อยนะครับ ไม่งั้นคงได้ร่วมโต๊ะกันแล้ว” คุณคีนตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างนอบน้อม แต่ผมกลับไม่ค่อยสบายใจ

          วงการนี้มันโปร่งใส ตรงไปตรงมาอย่างที่เราเห็นหรือเปล่า?

          “อืม น่าเสียดาย เอาละ ผมไม่กวนเวลาพวกคุณแล้วกัน ผมกลับโต๊ะก่อนละกัน”

          “สวัสดีครับ ทานให้อร่อยนะครับ” คุณคีนยกมือไหว้คนอายุสูงกว่า แล้วผมล่ะ? ก็ทำตามอย่างที่คุณคีนทำเหมือนเดิม คุณศักดิ์พยักหน้าทำท่าจะเดินกลับไปแต่คงนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันมาทางผมแล้วยิ้มให้

          “เกือบเสียมารยาทแล้วที่ไม่ได้แนะนำตัวให้น้องชายเคนรู้จัก นี่นามบัตรผมนะ ต้องการความช่วยเหลือก็ติดต่อมาได้” เมื่อเขายื่นมาให้ ผมจำเป็นต้องรับและกล่าวขอบคุณ


          คล้อยหลังคุณศักดิ์อะไรนั่นกลับไป คุณคีนก็เรียกพนักงานมาคิดเงินทันที ผมไม่ได้ถามเขาว่าทำไมต้องรีบกลับทันทีทั้งที่ผู้ชายคนนั้นแค่มาพูดคุยด้วยเท่านั้น แน่ละ ผมจะถามเขาไปทำไมในเมื่อก็เห็นอยู่แล้วว่าสถานการณ์มันแปลก ๆ  ไม่ชอบมาพากลเลย

          คุณคีนกระซิบบอกผมตอนที่เราลุกออกจากโต๊ะด้วยประโยคสั้น ๆ  ว่า “เดินเร็วหน่อยนะครับเปล”


          ผมไม่รู้ว่าเดินเร็วของเขาคือเร็วแค่ไหน และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซ็นของผมในวันนี้ดูจะไม่เพียงพอกับคำว่าเดินเร็วของคุณคีนเสียแล้ว เขาเดินเร็วมาก ผมเดินตามเขาไม่ทันแต่พอเขาเห็นว่าผมไม่ได้เดินข้างเขา คุณคีนก็ชะงักแล้วก้าวขาให้ช้าลงเพื่อรอให้ผมไปพร้อมกับเขา





หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-05-2019 21:54:44





            เมื่อเราขึ้นไปนั่งในรถตู้ได้ คุณคีนสั่งคนขับให้ออกรถอย่างรวดเร็ว รถแล่นไปได้สักพัก ไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลแค่ไหน ผมมองไม่เห็นสองฝั่งข้างทางเพราะมีผ้าม่านปิดไว้ยกเว้นกระจกหน้ารถและบานกระจกหลังเท่านั้น ได้ยินเสียงคุณคีนถอนหายใจ ก่อนที่ร่างผมจะถูกเขาดึงเข้าไปกอดไว้แน่น ผมตกใจแต่ไม่กล้าขยับตัวเพราะคำพูดที่เขาพูดออกมาให้ผมได้ยิน

            “ผมไม่น่าพาคุณมาที่นี่เลย” เขาพูดอู้อี้เสียงเบาอยู่บนบ่าผม

            “คุณไม่สบายใจเหรอครับ” ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่เขาพูดเหมือนกำลังเสียใจ แค่คุณคีนพูดด้วยน้ำเสียงที่หม่นหมอง ผมกลับเจ็บที่ใจแทน

            ผมชอบเขามากจริง ๆ

            “ขอโทรศัพท์คุณให้ผมหน่อย”

            “ได้ครับ” ผมส่งโทรศัพท์ไปให้เขา โดยไม่ได้ถามว่าคุณคีนจะเอาไปทำอะไร เขารับไปแล้วกดอะไรกุกกักอยู่ในนั้นชั่วครู่ก่อนจะส่งคืนให้ผม

            “ผมเมมเบอร์ผมและเคนไว้ให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตามคุณโทรหาผมได้ตลอดเวลา ถ้าหากโทรหาผมไม่ติดให้โทรหาเคนได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ และที่สำคัญห้ามให้เบอร์ผมกับใครนะครับ”

            “เอ่อ..ครับ” สีหน้าเขาดูจริงจังจนผมไม่กล้าปฏิเสธหรือถามเพิ่มไปมากกว่านี้ ผมรู้สึกเจ็บมือจึงแบมือออกเห็นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กของผู้ชายคนนั้นอยู่ในมือ คุณคีนมองตามผมแล้วพูดขึ้น

            “นามบัตรนั่นไม่ต้องสนใจ ทิ้งไปเลย”

            “เขาเป็นใครหรือครับ”

            “คุณศักดิ์ชัย..เป็นเลขาธิการพรรคหนึ่ง”

            “เป็นสส. ด้วยเหรอครับ”

            “ดูจากผลเลือกตั้งครั้งนี้แล้วคงต้องตอบว่า ใช่”

            “งั้นเหรอครับ”

            “เปลครับ ผมขอเตือนคุณเอาไว้ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณศักดิ์เด็ดขาดนะครับ” ทั้งน้ำเสียงและท่าทางคุณคีนดูจริงจังกับการที่ไม่ต้องการให้ผมเข้าไปข้องแวะกับนักการเมืองคนนั้นมาก

            “เขาเป็นคนไม่ดีหรือครับ” ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณคีนถึงดูเป็นห่วงผมเรื่องนี้นัก

            “ถ้าผมพูดจะเป็นการใส่ร้าย แต่คุณเป็นคนฉลาด คงเดาได้” คุณคีนไม่ตอบแต่กลับพูดปริศนาขึ้นมา จู่ ๆ  ก็อยากจะชมว่าผมฉลาด โอเคครับ ไม่ปฏิเสธ ผมแค่ซื่อ ไม่ทันคนบ้าง แต่ผมรู้ตัวว่าผมฉลาด

            “ครับ”

            “ครั้งหน้าผมจะพาคุณไปร้านอื่นที่ไม่เจอคนรู้จักดีไหม” เขามองหน้าผมพลางส่งยิ้มบางเบามาให้

            คุณศักดิ์ชัยคนนี้ มีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหนถึงทำให้คุณคีนทำหน้ารู้สึกผิดกับผมขนาดนี้

            “ไม่เป็นไรครับ ร้านนี้ก็ดีแล้ว ร้านสวย อาหารก็อร่อย ผมชอบครับ” ผมบอกให้เขาสบายใจ

            “ผมคิดง่ายเกินไป ไม่ระวังความคิดให้ดีกว่านี้ ร้านนี้มันดีกับตัวผม แต่ผมกลับลืมไปได้ไงว่ามันไม่ดีกับตัวคุณเลยสักนิดเดียว”

            “หมายความว่าไงครับ” ผมไม่เข้าใจ ไม่ดียังไง อาหารอร่อยถูกใจผมมากเลยนะ

            “ขอโทษนะครับ”

            “คุณคีนครับ คุณกังวลอะไรอยู่ ผมไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรอะไรเลย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นแสดงออกชัดว่าไม่สบายใจ

            ไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย


            ผมประคองใบหน้าเขาด้วยทั้งสองมือของผม เราสบตากัน มองเห็นกันด้วยแสงไฟจากถนนลอดเข้ามาจากทางกระจกด้านหลังเท่านั้น ผมยิ้มให้เขาแทนคำพูดว่า ‘ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงเลย’ ไม่รู้ว่าความรู้สึกผมจะส่งไปถึงเขาไหมในตอนที่ริมฝีปากเราได้สัมผัสกัน


            คุณคีนชะงักไปเล็กน้อย เขาคงคิดไม่ถึงว่าผมจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แต่ประสบการณ์ชั่วโมงของผมกับเขาต่างกัน เขาปรับตัวได้เร็วและเป็นฝ่ายจูบผมกลับแทน ตอนที่ผมยังทำงานให้เขานั้น เราเคยจูบกันก็จริงหากไม่มากและไม่นานด้วยความตื่นกลัวของผม ทว่าครั้งนี้มันยาวนานกว่าที่เป็น


             เรียวลิ้นลากไล้ไปตามแนวฟัน ริมฝีปากล่างที่ผมเคยดุแกมสั่งไม่ให้เขากัดผมอีก คราวนี้มันถูกเม้มดูดดึงจนผมห้ามปรามเขาไม่ได้ ท้ายทอยผมถูกจับไว้แน่นด้วยมือเขา เราจูบกัน คลอเคลียกันจนหลังผมสัมผัสเข้ากับเบาะนั่งที่ว่าง คุณคีนทาบทับลงมา แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผมมากไปกว่าการจูบย้ำ ๆ บนปากห้อย ๆ  ของผม ก่อนจะตบท้ายด้วยการหอมแก้มผมข้างหนึ่งแล้วดึงตัวผมขึ้นมานั่งแล้วกอดผมไว้

             ผมดีใจที่เห็นเขายิ้มได้อีกครั้ง


             สายตาเขาที่มองมาทำให้ผมร้อน ๆ  หนาว ๆ ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก คิดผิดคิดถูกที่ไปจูบเขาก่อนแบบนี้ ถ้าเขาพูดอะไรขึ้นมา ผมจะโกรธเขาจริง ๆ  ด้วย

             “นึกยังไงขึ้นมาถึงได้...” นั่นไง คิดยังไม่ทันจบเขาก็พูดขึ้น ผมรีบแทรกขัดเขา สถานการณ์นี้ไม่ขอทนฟังจนจบประโยค

             “คุณ..คุณเคยพูดเองว่าถ้าจะขอโทษต้องทำไง จำไม่ได้แล้วเหรอ”



             ต้องให้ผมทวนซ้ำให้ฟังหรือไงกัน ปัดโธ่!











=============================================



ยัยเด็กเปล ฉลาดไปแล้วนะ!

เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ปล เป็นเรื่องยาวแล้วนะ

ปลสอง มีท่านผู้อ่านสงสัยและมีงงช่วงที่แก๊งสามสาวและสี่ทโมนคุยกันว่าใครพูดอะไรประโยคไหน โดยปกติให้สังเกตจากการระบุชื่อหรือลักษณะตัวผู้พูดด้านหลังแต่ละประโยคค่ะ ถ้าหากไม่มี ให้อนุมานเอาได้เลยว่า ก่อนหน้านี้ ผู้พูดคุยกับใคร ก็จะยังเป็นคู่สนทนาเดิมค่ะ ทั้งนี้เดี๋ยวเขมจะนำไปปรับปรุงเพิ่มนะคะ

เขมอาจจะอธิบายงงหน่อย แต่คร่าวๆ คือประมาณนี้ค่ะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 24-05-2019 22:18:03
ตายแล้วน้องเปล จะเป็นไรมั้ยเนี่ย
อีคุณศักดิ์ นั่น ต้องชั่วแบบไม่ธรรมดาแน่ๆ
คุณคีนถึงลนๆขนาดนี้
 :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 24-05-2019 22:20:40
คนที่เข้ามาทักจะก่อปัญหาไหม
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 24-05-2019 22:27:02
เอ็นดูน้องเปลมาก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 24-05-2019 22:33:18
นังคุณศักดิ์ชัยนี่จะยังไงกันนะ จะมาทำอันตรายน้องเปลหรือเปล่า  :ruready
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 24-05-2019 22:50:31
น้องเปลเริ่มอยู่เป็นแล้ววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 24-05-2019 22:59:34
น้องเปลลูกกก หนูจะจูบเขาก่อนง่ายๆไม่ได้น้า ใจแม่บ่ดีีี :ling1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-05-2019 23:13:35
 :katai2-1: ถูกใจสายเปย์ หัวไว ขี้อ้อน ดื้อนิดๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-05-2019 23:49:12
เป็นเรื่องยาวแล้ว เย้ เย   :mc3: :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 24-05-2019 23:51:27
คุณคีนกลัวอะไรคุณศักดิ์ขนาดนั้น คุณศักดิ์จะไม่ทำอะไรน้องใช่มั้ย
ใช่!! คุณคีนนี่ต้องให้ทวนความจำ


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 25-05-2019 00:03:07
จ้าาาาาาาขอโทษจ้าาาาาาา  แหมมมมม ฟห่วงยะแค่ขอหวานหน่อย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 25-05-2019 00:17:36
หิวตามน้เลยอ่า เมนูโปรดเราเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้กินเลย แงง พูดแล้วก็หิว
ดีใจจังที่ต่อเป็นเรื่องยาว เย้ๆ จะได้ทำความรู้จักกับตัวละครไปเรื่อยๆ สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-05-2019 00:20:33
น้องเปลโดนเล็งแล้วแน่ๆ โดนหลอกไปกินข้าว เรื่องที่บ้านก็ไม่ได้รู้ 55555555555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-05-2019 01:20:53
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 25-05-2019 05:48:16
คุณคีนนนนนนอย่ามาทักให้น้องเขินสิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-05-2019 06:26:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 25-05-2019 08:11:58
คุณคีน เป็นห่วงน้องมากๆ เลยยยย หลงน้องๆๆๆๆ

คุณเคนนี่ก็นะ กวนจริงๆ

ส่วนน้องเปล กรี๊ดดดดด อัพสกิลนะคะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงงี้หรอลูกก

อร้ายยยยย เขินนน งื้ออออ อยากได้คุณคีน

ส่วนอิคุณศักดิ์ เราเชื่อใจคุณคีนต้องปกป้องน้องได้แน่นอน!!!
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 25-05-2019 09:37:53
สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบบ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2019 11:12:27
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-05-2019 14:16:07
อ้าวๆ น้องน่าจะโดนหมายหัวเสียแล้ว ทำคุณคีนลนลานเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 25-05-2019 15:25:32
...เรียนรู้เร็วนะน้องเปลว่าขอโทษต้องทำยังงัย งุ้ยยยยย  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ UP 21/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-05-2019 21:11:29
ในส่วนของเราอยากอ่านอีกเรื่อยๆ แต่ถ้าถึงเวลาจะจบตามที่คุณเขมวางไว้ก็ได้เลยค่าา เอาที่สะดวกเลย เอ็นดูน้องไหว้แนบอก เด็กเสี่ยมากลูกเอ้ยยย คือนี่ลุ้นเรื่องเปิ้ลกับแฟนชั่วด้วย  :hao7:

เราเห็นด้วยกับคุณหมีค่ะ เอาตามที่คุณสะดวกค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-05-2019 21:26:04
กรี๊ด ๆ  :katai1: ค้างเรื่องคุณศักดิ์ไรนั่นมากค่ะ ไหนจะเรื่องทางบ้านเปลอีก รึว่าคนที่ปิงจะโดนขายให้คือคนนี้
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 23:12:17
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2019 00:27:20
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-05-2019 07:48:40
โอ้ยน้องเปลน่ารักมากอะ ติดตามคับ ชอบๆๆ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 26-05-2019 09:38:08
ไม่ได้คุยกันแล้วคุณ ใช้ปากคุยกัน :haun4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 26-05-2019 09:45:12
น้องเปล หนูลูกกกกก โอ้ยยย เอ็นดู~~~~~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: oohsg94 ที่ 26-05-2019 11:32:41
เอ็นดูน้องงงงง คุณคีนขาาา นุรักกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 26-05-2019 15:23:53
คุณเคคือฉันอยากได้เค้าาาาาาาาาาา อารมณ์เหมือนเสี่ยเอ็นดูเด็กน้อย โอ๊ยยยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 26-05-2019 20:05:10
ตื่นเต้นเบาๆ มันเหมือนงานกำลังจะเข้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 27-05-2019 08:58:54
เปลมันร้ายมากกคุณคีน
 :haun4: :haun4:
 :pig4:  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 27-05-2019 16:30:27
คู่นี้เขาจะลงเอยกันยังไงน้า
เรื่องจะยุ่งไหมเนี่ย
แล้วตาคมศักดิ์จะมาล่อซื้อหนูเปลใช่ไหม
เปลอย่าไว้ใจเขาง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-05-2019 21:59:30
ตกลงเรื่องที่บ้าน ถ้าจะให้รู้เรื่องต้องไปคุยกันอีกรอบแบบเงียบๆที่คอนโดใช่ไหม? หืมมม  :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 28-05-2019 08:00:19
สนุกมากค่ะ เขินจนตัวบิดเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย UP 24/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-05-2019 19:54:10

BED CARE JOB

ตอนที่ 14 คน ๆ  นั้น





ล่วงเลยมาถึงวันศุกร์ งานโอเพนเฮาส์ของคณะก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้แปดโมงสี่สิบห้าผมกำลังนั่งรอเริ่มเรียนเหมือนทุกที กลุ่มผมยังไม่มีใครมาถึง ส่วนแก๊งสามสาวนั้นมีเพียงเกดที่นั่งอยู่เพียงลำพัง



ผมไม่ได้เจอคุณคีนมาสองวันแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์คืนนั้น คงอยากรู้กันใช่ไหมล่ะว่าคืนวันพุธเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง หลังจากที่ผมทวนความจำคุณคีนว่าการขอโทษที่ถูกต้องควรทำอย่างไร



“คืนนี้...” คุณคีนเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนในขณะที่ยังกอดผมเอาไว้ ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะมั่นคง

“คืนนี้ผมอยากกลับไปนอนที่ห้องได้ไหมครับ คือ..ไม่ได้กลับไปนอนสองวันแล้ว ผมคิดถึงห้อง” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันหัวเราะเบา ๆ ในลำคอแล้วถามผมกลับ

“รู้หรือว่าจะพูดอะไร”

“ไม่รู้ครับ” พอผมพูดจบก็ถูกเขาดีดหน้าผาก ไม่รู้ว่าเขาซัดผมเต็มแรงหรือยั้งมือ รู้แต่ว่าโคตรเจ็บ เจ็บสุด ๆ ไปเลย ผมลูบหน้าผากป้อย ๆ หวังให้บรรเทาความเจ็บลงไปบ้าง “เจ็บนะครับ”

“อยากให้เจ็บ แทรกผู้ใหญ่พูดได้ยังไง”

“ก็ผมคิดว่า”

“ว่าอะไร”

“ก็คิดว่าคุณจะ..เอ่อ..” ผมอายปากเกินกว่าพูดไปว่ากลัวเขาจะบอกว่าคืนนี้ให้ไปนอนกับเขาที่คอนโดน่ะสิ!

“เอาละ สีหน้าคุณมันปิดไม่มิด ผมต้องการจะบอกคุณว่าคืนนี้กลับไปแล้วรีบเข้านอนนะครับ”

“อ่า เหรอครับ”

“คราวหน้าฟังให้จบก่อนนะครับ”

“ครับ” ผมก้มหน้างุดเพราะถูกดุ

“อาบน้ำสระผมด้วย สระเสร็จก็อย่าปล่อยให้หัวเปียก รีบเป่าให้แห้ง เดี๋ยวไข้จะกลับ”

“สระพรุ่งนี้ได้ไหม” ผมต่อรอง ทำไมต้องคืนนี้ เริ่มง่วงแล้วด้วย

“ได้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าสระคืนนี้จะดีกว่า”

“ทำไมครับ”

“คุณหัวเหม็นแล้วรู้ตัวไหม”

“เอ๊ะ จริงเหรอครับ” ผมรีบดันหัวตัวเองออกมาให้พ้นจากตัวคุณคีน

“ไม่จริง”

“อ้าว..”

“เหม็นนิดหน่อยครับ แต่ทนได้”

“...” ผมยิ้มเจื่อนให้เขา สารภาพว่าไม่ได้สระผมมาสองวันแล้วนับตั้งแต่ป่วย ถ้าไม่เหม็นสิคงแปลกประหลาด

“ถึงห้องคุณแล้ว ขึ้นห้องดี ๆ นะครับ” รถมาถึงห้องพักผมตอนไหนไม่รู้แต่นั่นแหละรู้อีกทีก็ตอนที่คุณคีนบอก ผมลาเขาและลงจากรถไปอย่างเงียบ ๆ







และนั่นคือบทสนทนาสั้น ๆ ง่าย ๆ เขาเงียบหายไปไม่มีแม้แต่โทรศัพท์หรืออีเมล ที่ผมมานั่งคิดถึงเขาตอนนี้ ไม่ได้คิดถึงในตัวตนเขา แต่ผมกำลังกังวลเรื่องที่บ้าน อีกสองวันจะถึงกำหนดที่แม่ผมเอ่ยปากลั่นวาจาเอาไว้

สมาชิกแก๊งทยอยมากันจนครบเหลือเวลาอีกสิบนาทีจึงจะเริ่มเรียน สาวผมแดงนามว่าเปิ้ลหย่อนก้นนั่งปุ๊บก็หันมาทางกลุ่มพวกผม

“พวกแก..”

“ว่าไงเปิ้ล” เอกหยุดเล่นโทรศัพท์แล้วถามกลับ

“เรื่องที่บอกจะไปช่วยเราขนของอะ”

“เออ..ทำไม จำได้” คราวนี้โจตอบแทน

“วันอาทิตย์นะได้ไหม”

“กี่โมง”

“ทุ่มหนึ่ง”

“ได้ แต่เราไม่รู้หอเปิ้ลอยู่ไหน” โจถามต่อ

“มาเจอที่หน้าคณะ เดี๋ยวไปพร้อมกับเรา” เกดช่วยแก้ไขปัญหานี้

“ตกลง เดี๋ยวเราเอารถกระบะที่บ้านไป” โจรับคำ

“ส่วนเรากับภพจะขี่มอ’ ไซค์ไปรอแถวหน้าหอเปิ้ลแล้วกัน” เอกบอกในส่วนของตัวเองและภพ

“เราไปด้วย” ทุกคนอาจจะลืมผมไป แต่ผมอยากเสนอหน้าไปช่วย

“หายป่วยดีแล้วหรือไง” โจหันมาถาม

“หายแล้ว สบายใจได้”

“แล้วไม่ต้องไปทำงานพิเศษหรือไง ร้านกาแฟน่ะ” โจยังไม่จบมันไล่ผมต่อ

“เลิกงานพอดี สบายมาก”

“เออ งั้นมารอที่หน้าคณะหรือจะให้ไปรับที่ร้าน”

“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวมารอที่หน้าคณะ”

“อืม” โจพยักหน้าแต่หน้าตามันไม่เห็นด้วยหรอก

“งั้นตกลงตามนี้นะ สักหกโมงครึ่ง เรา โจและเปลมาเจอกันที่หน้าคณะ คงไปถึงหอเปิ้ล ราว ๆ ทุ่มหนึ่งพอดี ส่วนข้าวขี่มอ’ ไซค์ไปเอง ภพกับเอกไปรอหน้าหอเปิ้ล” เกดสรุปให้ทุกคนฟัง



ทุกคนพยักหน้าเข้าใจโดยพร้อมเพรียงกัน อันที่จริงมันเป็นการขนของย้ายหอที่ธรรมดามาก แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมันเป็นการย้ายเพื่อหนีปลิงดูดเลือด แถมยังเป็นตัวร้ายที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิงด้วย ต่อให้เปิ้ลไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่ควร ผมเองก็ไม่ชอบการทำร้ายร่างกายกันอยู่ดีไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม



เราเป็นนักเรียน นักศึกษา ไม่ใช่นักเลงอันธพาล



หลังจากตกลงกันเสร็จอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนตรงเวลา ทั้งเจ็ดชีวิตเลยไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันต่อ นอกจากการสร้างกลุ่มลับ ๆ ในแอปพลิเคชันสีเขียวขึ้นมา





MISSION…Help me please!





ชื่อกลุ่มที่ถูกตั้งขึ้นมาจากสามสาวไม่คนใดก็คนหนึ่งถูกส่งต่อ ๆ กันมา ผมแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้ากลุ่มระหว่างพักเบรก









“ไอ้เปล” โจเรียกผมเสียงขรึมเลยทีเดียว ผมไปทำอะไรให้มันอีกแล้ว

“หืม? อะไร”

“โทรศัพท์นั่น” โอย แย่แล้วผมลืมนึกถึงไอ้ตาเหยี่ยว โจจอมสังเกตไปได้ยังไง

“อ้อ..ทำไมเหรอ” ผมถามกลับด้วยเสียงพาซื่อและดวงตาบ๊องแบ๊วสุด

“อย่ามาทำหน้าตาชวนอ้วกใส่กู”

“ก็หน้าตาปกติของกูปะ” ผมแถ เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าตาปกติ โจชูนิ้วชี้ขึ้นมาทำท่าว่าระวังตัวไว้นะ ทำไมผมต้องระวังตัวจากมันด้วย

“ได้มายังไง”

“ซื้อมา”

“อย่ากวนกูไอ้เปล นี่..กูไม่ได้ดูถูกมึงนะ แต่คนอย่างมึงไม่มีทางซื้อโทรศัพท์ใหม่แน่นอน เมื่อสัปดาห์ก่อนยังบอกกูปาว ๆ ว่าจะเอาเครื่องที่เสียไปซ่อมอยู่เลย”

“มันซ่อมไม่ได้ แบบว่าพังแล้วพังเลย” ผมตอบ ยังเดินหน้าแถต่อไป

“มึงนี่น้า โกหกไม่เก่งแล้วยังริจะโกหกต่ออีก” โจผลักหัวผมเบา ๆ “คนเมื่อวันนั้นใช่ปะ” โจมันคงเบื่อถามผมแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมา มันเลยยิงคำถามตรงประเด็น

“ไม่ใช่”

“ใคร นี่มึงรับงานอีกเหรอ” โจมันล็อกคอผมเข้าไป จนผมเกือบจะหายใจไม่ออก

“เปล่าเว้ย” ผมรีบตอบแล้วพยายามขืนตัวออกมาจากมันให้มากที่สุด ผมยังไม่อยากตายตอนนี้

“อ้าว นอกจากคนที่กูเจอแล้วยังมีใครอีก”

“กูพูดอะไรเกี่ยวกับนายจ้างกูไม่ได้มาก แต่คนนั้น..คนที่มึงเจอที่ห้องกู เขาเป็นคนสนิทของคนที่กูไปทำงานด้วย เก็ตไหม”

“ห๊ะ! ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมเขาต้องทำเหมือนเป็นคนจ้างมึงเองวะ”

“เขาแกล้งมึง รู้ไว้ซะไอ้โจ” เป็นทีของผมบ้างที่ได้เห็นคนอื่นถูกแกล้งบ้างนอกจากผม

“แกล้งกู?” โจทำหน้างงปนเหลอหลา ตลกดีเหมือนกัน นาน ๆ ถึงจะได้เห็นหน้าแบบนี้ของมัน

“ถูกต้อง มึงถูกแกล้ง” ผมหัวเราะ ระวังไม่ให้เสียงดังมาก เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมบ้า

“ช่างมัน ถ้าไม่ใช่คนที่กูเจอแล้วมึงได้โทรศัพท์มายังไง หรือจากนายจ้างเก่ามึง?”

“อืม จากนายจ้างเก่ากูเอง”

“ไปรับของเขามาทำไม กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอติดขัดเรื่องเงินก็ให้มาบอกกู”

“กูคืนแล้วต่างหาก แต่มันไม่ได้คืนง่าย ๆ”

“ทำไม มันยากตรงไหน เอามาให้กู เดี๋ยวกูเอาไปคืนให้เอง”

“มึงรู้เหรอว่าเขาเป็นใคร” ผมถอนหายใจ “โจ..กูจะบอกอะไรให้ฟังนะ มึงก็รู้ว่ากูเป็นยังไง ถ้ากูคืนได้ กูทำไปแล้ว ไม่ต้องให้มาถึงมือมึงหรอก”

“เป็นแบบนนี้แล้วเมื่อไหร่มึงกับเขาจะเลิกติดต่อกันได้วะ”

“ไม่รู้สิ แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก”

“ทำไม” โจหน้าหงิก มันไม่พอใจผมขั้นสุด ผมเข้าใจมันนะคืองานที่ผมทำไม่ใช่งานที่ดี ที่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป แล้วยังต้องติดต่อกับนายจ้างเก่าอีก มันคงไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

“กูขอโทษนะโจ แต่กูบอกมึงไม่ได้จริง ๆ” ผมบอกมันด้วยความไม่สบายใจ ยังไงก็รู้ว่าโจมันหวังดีกับผมอย่างแท้จริง

“มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังกู”

“กูบอกไม่ได้ แต่มึงจงรู้ไว้ว่า เขาไม่ได้คิดร้ายกับกูเลย”

“เออ ๆ ก็ได้ กูจะไม่เซ้าซี้ถามมึงให้มากความอีก แต่มึงก็จงรู้ไว้ว่ากูยังอยู่ตรงนี้ เป็นห่วงมึงเสมอและพร้อมช่วยมึงตลอด”

“ขอบใจนะ”

“อืม เพื่อนกันไม่เป็นไร”

โจคงเข้าใจ ผมโล่งอกที่โจยอมเลิกราไม่ถามต่ออีก มันคงรู้ว่าผมลำบากใจ เพราะถ้าพูดได้ผมคงพูดให้มันฟังไปแล้ว







“สวัสดีครับพี่ปุยฝ้าย พี่พงศ์ น้องหนู ผมมาแล้ว” ผมผลักประตูร้านเข้าไปเห็นว่าไม่มีลูกค้าก็ทักทายสามรายชื่อที่ผมไม่เจอร่วมสัปดาห์

“มาแล้วเหรอเปล โอ๊ย พี่ดีใจมาก” พี่ปุยฝ้ายทำหน้าตาดีใจสุด ๆ ที่เห็นผม

“ทำไมครับ ลูกค้าเยอะเหรอ”

“ใช่จ้ะ น้องหนูร่ำ ๆ จะลาออกแล้ว” พี่ปุยฝ้ายบุ้ยหน้าไปทางน้องเล็กสุดของร้าน

“คนเยอะจริง ๆ นี่นา พี่ปุยฝ้ายละก็ใส่ร้ายหนู” น้องหนูโอดนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดจริงจังนัก ผมจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือก็คือสวมผ้ากันเปื้อนประจำร้านทับเท่านั้น

“แล้วเปลเป็นไงบ้าง นี่มาทำงานหายป่วยแล้วเหรอ ลาต่อได้นะ” พอผมกลับออกมาจากห้องสต๊าฟอีกครั้ง พี่ปุยฝ้ายจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“หายดีแล้วครับ ขอบคุณครับพี่ปุยฝ้าย”

“จ้ะ ถ้าหายดีก็ดีแล้ว งั้นไปเริ่มเลย นู่น..โต๊ะสองจ้ะ ไปเก็บโต๊ะ”

“คร้าบ” ผมรับคำแล้วรีบไปทำหน้าที่พนักงานอย่างตั้งใจทันที



งานพิเศษไม่มีอะไรมาก นอกจากพี่พงศ์สอนผมทำเครื่องดื่มเมนูอื่นเพิ่ม จากนี้ไปผมก็น่าจะทำเอง ช่วยแบ่งเบาพี่พงศ์ได้เกือบหมดแล้วละ ระหว่างทางกลับจากร้านไปห้องพักผม โทรศัพท์ที่เคยเงียบอยู่เป็นนิจก็สั่นขึ้น ผมดีใจ ตาเป็นประกายขึ้นเมื่อคิดว่าคนที่คิดถึงน่าจะโทรมาหา



ทว่าหัวใจผมห่อเหี่ยวฟิบลงเมื่อพบว่าไม่ใช่เขา กลับเป็นอีกคนที่ผมไม่อยากจะรับเลยแต่ผมก็หลีกเลี่ยงไม่ได้



“ว่าไงแม่”

“เปล เปลลูก” น้ำเสียงร้อนรนถูกส่งผ่านมาตามสาย “เปลต้องช่วยแม่นะ” คำพูดจาหวานหูที่จะมอบให้ผมเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

“มีอะไรครับแม่”

“เกิดเรื่องใหญ่กับพ่อแกแล้ว แกต้องช่วยพ่อแกนะ”

“พ่อ? พ่อเป็นอะไร เกิดอะไร”

“พ่อแกถูกตำรวจจับตอนนี้อยู่โรงพัก ถ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าปรับ พวกตำรวจมันจะเอาพ่อแกไปนอนในคุกแล้ว..แล้ว มันพูดอะไรอีกนะ” แม่ละล่ำละลักพูดก่อนจะหยุดเงียบไปเพื่อคิด

“อะไรต่ออะแม่” ผมร้อนใจเมื่อได้ฟัง

“อ้อ..เออนึกออกแล้ว พวกตำรวจมันยังบอกอีกว่าถ้าไม่มีเงินมาจ่ายค่าปรับจะส่งเรื่องไปทางศาล แกต้องช่วยพ่อแกนะ”

“จริงเหรอ แม่ฟังผิดหรือเปล่า”

“จะผิดได้ยังไง ก็เพิ่งฟังมาตะกี้ เนี่ยแม่ยังอยู่หน้าโรงพักอยู่เลย”

“ต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่” ผมกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ

“ห้า..ห้าพัน ใช่ ๆ ห้าพัน”

“ค่าปรับไม่น่ามากขนาดนั้น ถ้าแม่บอกว่าห้าร้อยผมยังพอจะเชื่อมากกว่า”

“ห้าร้อยไม่มีทางหรอก แม่รู้ว่าแกเหนื่อยเลยขอต่อเขามาเหลือสองพัน”

“หืม?” จ่ายค่าปรับไม่ได้ซื้อของขายของจะมาขอลดขอต่อได้ด้วยเหรอ ผมขมวดคิ้ว

“แกจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่ถ้าแกไม่ส่งเงินมาพ่อแกก็อาจจะต้องขึ้นศาล แล้วปิงจะสงสัยว่าพ่อหายไปไหน แกคงไม่อยากให้น้องรู้ใช่ไหมว่าพ่อแกไปทำอะไรมา”

“ครับ ๆ สองพันนะแม่ เดี๋ยวผมโอนให้”

“โอนมาเลยนะ พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปจ่ายค่าปรับให้พ่อแก ส่วนคืนนี้พ่อแกคงต้องนอนในห้องขังไปก่อน ไม่รู้เวรกรรมอะไรของพ่อแกนักหนา”

“เวรกรรมคนเล่นการพนันไงครับแม่” ผมไม่อยากจะพูดแต่ก็พูดออกไปแล้ว ถ้าพ่อไม่เล่นพนัน ใครเขาจะมาจับพ่อเข้าคุกเข้าตะรางกัน

“ไอ้เปล แกนี่มันบาปหนักว่าพ่อว่าแม่”

“ครับ ผมมันคนบาปหนาอย่างที่แม่ว่าเลยต้องตามใช้หนี้กรรมไม่หมด” ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“อ๋อ..นี่ทวงบุญคุณหรือไง ถ้ามันลำบากมากนัก ไม่ต้องโอนมาก็ได้กับเงินแค่นี้ ไอ้ปิงมันหาให้ได้มากกว่าที่แกจะโอนมาให้เสียอีก”

“แม่จะเอาปิงไปทำอะไร” ผมชะงัก ความหงุดหงิดอันตรธานหายไป มีความกังวลเข้ามาแทนที่

“ทำอะไรก็ได้ที่ได้เงินเยอะ ๆ แล้วไม่ต้องมาบากหน้าขอเงินคนอย่างแกอีก” แม่กระชากเสียงใส่ แล้วอ้างชื่อปิงมาแบบนี้ผมจะทำอะไรได้อีกเล่า

“ใจเย็นก่อนนะแม่ เดี๋ยวผมโอนเงินไปให้ตอนนี้เลย สามพันนะครับ” ผมไม่ได้มีเงินเหลือเยอะขนาดนั้นหรอก แต่ก็เพิ่มเงินให้แม่ไปหวังว่าเขาจะคลายความโมโหลงบ้าง

“เออ พอพูดได้หน่อย โอนมาเร็ว ๆ ด้วยละ”



แม่ตัดสายไปทันทีที่พูดจบ เธอทิ้งผมไว้กับคำพูดบ้า ๆ นั่นพร้อมกับมือที่สั่นเทาตอนกดโอนเงินไปให้แม่ หลังจากโอนเงินตามความต้องการของแม่แล้วผมก็กลับมาถึงห้องโดยไม่แวะซื้ออะไรขึ้นมาเลยสักอย่าง ไม่ใช่เพราะไม่หิว แต่ผมกินไม่ลงต่างหาก



ผมเริ่มเป็นห่วงอนาคตน้องชายผม ไม่รู้ว่าคุณคีนทำอะไรอยู่แล้วที่เขารับปากไปเรื่องปิง เขายังจำได้อยู่ไหมแล้วจะช่วยปิงได้หรือเปล่า ใจผมพะว้าพะวังเป็นห่วงไปหมด



ผมเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ภายในห้อง มือยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น ลังเลว่าควรจะทำอย่างไรดี จะโทรหาเขาดีหรือไม่ แต่ถ้าไม่โทรผมคงจะอยู่ไม่เป็นสุข แล้วคุณคีนทำอะไรอยู่ สะดวกรับโทรศัพท์ไหม ถ้าผมโทรไปตอนนี้จะรบกวนเขาหรือเปล่า





เอาไงดี

เอาไงดี

เอาไงดี





“สวัสดีครับ เคนพูดครับ” รู้ตัวอีกทีผมก็เลี่ยงบาลีโทรหาคุณเคนไปเสียแล้ว

“คุณเคนครับ ผมเอง เปลเองครับ”

“หืม? น้องเปล? โทรหาผิดคนหรือเปล่า” คุณเคนเริ่มต้นก็แหย่ผมเลย

“ไม่ผิดครับ ผมตั้งใจโทรหาคุณเคน”

“โทรหาผม แปลว่าไม่อยากคุยกับอีกคนใช่ไหม งั้นผมไม่ให้คุยนะ”

“คุณเคนช่วยหยุดแกล้งผมก่อนได้ไหม” ผมพูดอย่างอ่อนใจ “คือผมมีเรื่องกังวลนิดหน่อยครับ ผมไม่กล้าโทรหาคุณคีน ไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า ผมเกรงใจ”

“อืม ก็เลยโทรหาเคนงั้นหรือ”

เสียงคุณเคนเปลี่ยนไป เอ๊ะ เสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน เสียงนี้..

“คุณคีน!”

“ครับ ผมไม่เห็นจำได้ว่าเคยบอกให้คุณโทรหาเคนก่อนผม”

“ขอโทษครับ”

“ผมเคยบอกไว้ว่ายังไง แค่สองวันลืมแล้วหรือครับ”

“ขอโทษครับ” ผมย้ำคำเดิมอีก คุณคีนจะเหยียบผมจมดินเลยก็ได้นะ “คุณบอกว่าให้โทรหาคุณก่อน ถ้าโทรไม่ติดค่อยโทรหาคุณเคน”

“ถูกต้องครับ กลับไปถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ผมจะทำโทษคุณ”

“คุณไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ หรือครับ” ผมสะดุดหูประโยคแรก ส่วนประโยคหลังนั้นตัดทิ้งไปเถอะครับ

“ครับ ผมมาทำธุระเรื่องบ้านคุณ ลืมอีกหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะลืมแต่กลัวคุณจะงานยุ่งจนไม่มีเวลา” ผมบอกเขาเสียงสั่นเล็กน้อย

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

“คุณหายไป คือผมไม่รู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ จะโทรหาคุณตรง ๆ ก็กลัวจะรบกวนคุณอีก”

“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่างเกรงใจ”

“ครับ”

“เอาละ ๆ ตอนนี้ผมอยู่ในงานเลี้ยง มีอะไรหรือครับหรือเกิดเรื่องอะไรกับที่บ้านคุณหรือเปล่า” คุณคีนพูดอย่างกับมานั่งฟังผมคุยโทรศัพท์กับแม่ นี่เขามีญาณทิพย์รู้ปัญหาผมด้วยหรือไง

“คือผมอยากจะถามคุณเรื่องน้องชายผมครับ พอดีแม่โทรหาผมบอกว่าพ่อถูกจับ ตอนนี้ฝากขังอยู่ที่โรงพัก” ผมเล่าให้คุณคีนฟัง ไม่รู้ว่าหูเพี้ยนหรือเปล่า เหมือนผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างแผ่วเบา แล้วเสียงหัวเราะนั่นก็ไม่ใช่เสียงหัวเราะที่เขาเคยใช้กับผม

“หรือครับ เขาอยากให้คุณทำอะไร”

“แม่บอกให้ผมโอนเงินให้เขา แต่ผมโอเคครับ ผมโอนเงินให้แม่ไปแล้ว”

“แล้วที่คุณโทรหาผมก็คือ?”

“เรื่องปิงครับ แม่เอาปิงมาขู่ ผมเลยอดเป็นห่วงน้องไม่ได้”

“ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องนะครับ ผมรับปากคุณแล้วว่าจะจัดการให้ ผมก็จะจัดการให้”

“ขอบคุณครับ ผมขอบคุณจริง ๆ” ผมอยากจะหาคำอื่นมาพูดแทนคำว่าขอบคุณ แต่ไม่รู้จะหาคำพูดไหนที่จะมาแทนได้ดีกว่าคำนี้อีกแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วย”

“ขอบคุณครับคุณคีน ถ้างั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว ผมวางสายนะ” ผมบอกเขาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตื้นตันและโล่งใจ

“เปลครับ อย่าเพิ่งวาง” ผมคงจะกดวางสายไปแล้วถ้าไม่ได้ยินคุณคีนเรียกชื่อผมกลับมาก่อน

“ครับ?”

“มีเงินใช้หรือเปล่า”

“ครับ? เอ่อ..เงิน..มีครับ” เขานึกยังไงถึงมาถามผมเรื่องเงิน

“งานก็ไม่ได้ไปทำมาหนึ่งสัปดาห์แล้วไม่ใช่เหรอครับ และเพิ่งโอนเงินให้แม่อีก เงินพอใช้หรือ”

“ก็..ยังพอมีครับ จะสิ้นเดือนแล้ว เดี๋ยวเงินก็ออกครับ”

“ไม่ตอบตรง ๆ ก็ไม่เป็นไรครับ ผมคงต้องไปแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ”

“ครับ สวัสดีครับ”



ผมวางสายคุณคีนไปอย่างงง ๆ เขาโกรธผมหรือไม่ แต่คิดว่าไม่ได้โกรธหรอกมั้ง ผมคิดวนไปวนมาจนกระทั่งโทรศัพท์สั่นขึ้นมาสองครั้ง บ่งบอกว่ามีข้อความเข้ามา มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากธนาคารที่ผมได้เปิดบัญชีไว้ เงินจำนวนหนึ่งถูกโอนเข้ามา ผมขอไม่บอกแล้วกันนะว่าจำนวนเท่าไหร่ ตอนนี้ผมขมวดคิ้ว เงินจากใคร? ใครโอนเงินมาให้ผมผิดหรือเปล่า



ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ โทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ได้สั่นเพราะข้อความแต่มันสั่นเพราะมีคนโทรเข้ามา และมันเป็นชื่อของคนที่ผมกดโทรออกไปหาเขาก่อนหน้านี้



“สวัสดีครับคุณเคน”

“ครับน้องเปล พี่เคนเอง”

“พี่เคน?” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่เขาแทนตัวเองว่าพี่

“ครับ พี่เคนเอง หรือว่าคุยกับคนก่อนหน้าจนลืมพี่เคนไปแล้ว”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คุณเคนเรียกตัวเองว่าพี่ ผมแค่ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่”

“งั้นจากนี้ก็ปรับตัวให้คุ้นนะครับ”

“ครับ แล้วคุณเคนมีธุระอะไรกับผมเหรอ”

“น่าน้อยใจเมื่อสักครู่นี้ยังใช้โทรศัพท์พี่เป็นทางผ่านอยู่หยก ๆ”

“เอ่อ..” พอเขาพูดแบบนี้ผมเริ่มไปต่อไม่ถูก

“โอเค ไม่แกล้งแล้ว เข้าเรื่องดีกว่า ได้รับข้อความแจ้งโอนเงินให้แล้วใช่ไหมครับ”

“ครับ จากคุณเคนเหรอ”

“ผมเป็นคนโอนให้น้องเปล แต่ไม่ใช่เงินจากผมหรอกครับ”

“ยังไงครับ” ผมชักสับสน

“พอดีคนที่น้องเปลคุยด้วยน่ะ เขาไม่ว่างเลยฝากให้พี่โอนเงินแทน”

“คุณคีนโอนมาเหรอครับ แต่ผมไม่ได้ขอเงินจากเขานะครับ” ผมรีบท้วง ไม่รู้ว่าผม คุณคีน หรือคุณเคนที่กำลังเข้าใจผิด ผมเหลือเงินใช้ไม่มากก็จริง แต่ถ้าประหยัดก็ยังพออยู่ได้ ผมจึงบอกคุณคีนไปแบบนั้นตอนที่เขาถามเรื่องเงิน

“เรื่องนี้น้องเปลคงต้องไปตกลงกับคนนั้นเอาเอง”

“เขาโอนให้ผมทำไมครับ คุณเคนรู้ไหม”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ”

“อ้าว เขาบอกคุณเคนว่ายังไงครับ คุณเคนฟังผิดหรือเปล่า”

“น้องเปลไม่ใส่ร้ายพี่เคนแบบนี้สิครับ พี่เคนคิดว่าฟังไม่ผิดนะเพราะคนนั้นบอกพี่เคนว่า ‘เคน โอนเงินให้น้องหน่อย’

“น้องที่ไหนครับ อาจไม่ใช่ผมก็ได้” ผมฟังแล้วเจ็บจี๊ดในอก ใจมันปวดเบา ๆ

“พูดแล้วเหมือนเผาเจ้านาย น้องเปลรู้ใช่ไหมครับว่าคนนั้นมีน้องชายอยู่หนึ่งคน”

“ครับ” ผมรับคำแล้วสงสัย น้องชายคุณคีนเกี่ยวอะไรกับน้องคนนั้น

“ขนาดน้องชายแท้ ๆ เขายังไม่เคยเรียกน้องชายว่าน้องเลย”

“คือยังไงครับ”

“แต่ผมเคยได้ยินเขาเรียกคนหนึ่งว่าน้อง” คุณเคนไม่ตอบผมแต่เลือกพูดตามความต้องการของตัวเองต่อ

“...” ผมจึงเงียบ ไม่ตอบโต้คุณเคน

“ผมเพิ่งได้ยินครั้งแรกตอนที่เขาเรียกใครคนหนึ่งว่าน้องเมื่อสองวันก่อนนี่เอง ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในรถตู้ แถวสอง แล้วเขาคนนั้นกำลังคุยกับใครคนหนึ่งที่แถวสาม...”

“โอเคครับคุณเคน ๆ ผมเข้าใจแล้ว” ผมห้ามไม่ให้คุณเคนพูดต่อ หน้าร้อนไปหมดแล้ว คุณเคนกลับหัวเราะ เขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเลย

“น้องเปล พี่จะพูดสั้น ๆ ว่าเขาคนนั้นตั้งใจให้ ใช้ไปเถอะครับ ใช้ให้ดีก็พอ แค่นี้คนให้เขาก็พอใจแล้ว”







=============================================



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 28-05-2019 20:31:15
ทำไมอ่านแล้วเป็นห่วง สังหรณ์จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง
ไม่เอา ไม่เอามาม่า ไม่เอาดราม่า ... ขอให้ไม่มีอะไร
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 28-05-2019 20:47:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2019 20:54:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-05-2019 21:05:43
ยัง อิพี่ก็ยังลีลาไม่ยอมบอกร้องว่าจัดการยังไง? ต้องให้น้องไปหาที่คอนโดใช่ไหม? ถึงจะรู้เรื่อง ตีๆๆๆๆอิลุง เอ้ย พี่เลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Monochrome ที่ 28-05-2019 21:36:08
คนๆนั้นก็คือหลงน้องไม่ไหวแล้วววววว อิอิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-05-2019 21:41:35
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-05-2019 21:45:57
คุณคีนคะ น้องคนนี้ก็ไม่มีเงินค่ะ โอนมาที ฮือออ ทำไมสายเปย์ขนาดนี้คะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 28-05-2019 22:12:04
:pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 28-05-2019 22:21:32
นี่ขนาดน้องไม่เรียกร้องขออะไรนะเนี่ยยังขนาดนี้ ปมพ่อแม่นี่วานคุณคีนจัดการให้เสร็จสิ้นที
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 28-05-2019 22:43:50
โคตรป๋า บอกว่าไม่เอาๆ ก็ยังโอนให้ชิลๆ อยากไปทำงานกับคุณเขาบ้างจังค่ะ เฮ้อ อยากรู้มากว่าจริงๆ แล้วโจคิดยังไงกับน้องกันแน่ หรือเป็นรักและความเป็นห่วงจากเพื่อนแค่นั้นจริงๆ?
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-05-2019 22:59:46
"โอนเงินให้น้องหน่อย"
ฮรือ คุณคีนคะ ประโยคนี้มันรุนแรงต่อใจมากเลย  :-[
ถ้าภารกิจช่วยเปิ้ลเกิดมีอะไรไม่ดีขึ้นมา น้องเปลจะโดนคุณคีนดุขนาดไหนนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-05-2019 23:18:51
น้องเปลโดนแกล้งตลอด
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-05-2019 23:36:52
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-05-2019 00:07:53
สายเปย์ให้เปล ลิ้ลลลพันกัลไปหมด
ปิง ชื่อนี้โพล่มาแต่ชื่ิอ จะดีพอสมกับที่น้องห่วงใยหรือสมรููู้้้้้ร่่่วมคิิิดกััับพ่่่อแม่่่บััังเกิดเกล้า ให้คุ๊กกี้ทำนายกัน ทฤษฎีที่ี่ี่่่ว่่่าเปลถูููกเก็็็บมาเลี้ี้ี้้้ยงยััังน่่่าเชื่อถืออยู่
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-05-2019 00:13:45
กรี๊ด ๆ อยากอ่านต่ออีกแล้วค่ะ แง คุณคีนคะ สนใจโอนมาทางนี้สักสี่ซ้าห้าร้อยบ้างไหมคะ แง แกลบค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 29-05-2019 01:23:39
คุณคีนสายเปย์  o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 29-05-2019 01:29:12
อยากเป็นน้องบ้างงงงงงง :sad4:
คุณคีน พ่อคนสายเปย์ พ่อคนอบอุ่น  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 29-05-2019 02:12:23
ถ้าน้องไม่เอาเงิน โอนมาให้หนูได้นะคะคุณคีน 555555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-05-2019 06:16:35
 :pig4:
 o13
มาเร็วเปย์ไว
  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-05-2019 07:26:36
พี่เคนก้อน่ารักอ่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-05-2019 11:07:30
น้องไม่อ้อนแบบนี้น้องจะยิ่งได้
ไม่ไหวกับพ่อแม่อะ ควรให้คุกดูแล
รอข่าวจากคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 29-05-2019 15:48:03
น้องงงเปล555555
ป๋าคีนสายเปย์มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: juthamart ที่ 29-05-2019 16:16:45
เขินเวลาที่คุณคีนเรียกน้องเปลว่าน้องอะ คนอะไรอบอุ่นกว่าไมโครเวฟอีก คุณคีนขาาาาา
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 29-05-2019 17:41:54
คุณคีนคะ น้องคนนี้ไม่มีเงินใช้แล้วค่ะ โอนเงินให้น้องคนนี้ด้วยค่าาาาา  :katai2-1:
ความน้องเปลคือน่ารักมากอะ ไม่แปลกใจคุณคีนเค้าจะเอ็นดูขนาดนี้  :-[
สัมผัสได้ถึงความกวนตีนของคุณพี่เคน 55555

รอตอนต่อไปค่าาาาา
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-05-2019 19:03:20
โจนี่เกินเรื่องไปมากจริงๆ สั่งเก่ง เข้าใจนะว่าเป็นห่วงแต่เป็นเพื่อนอ่ะ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะ
ส่วนเปลก็แข็งกับพ่อกับแม่ให้มันแน่นอนหน่อยเถอะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 29-05-2019 23:33:42
พี่เคนโอนเงินให้น้องทำไมคับ ถ้าคุณคีนได้ยินน้องเปลคุยกะเคนแบบนี้ คุณเคนไม่น่าจะรอด

แต่อยากได้ยินน้องเปลแทนตัวเองว่าน้องกับคุณคีนบ้างจัง

น้องอย่างงั้น น้องอย่างงี้ งื้อออ  :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-05-2019 00:07:33
ป๋าคีนขาาา
น้องทางนี้ก็เงินหมดนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 30-05-2019 00:18:19
ลุงเค้าน่ารักมาเลย ไม่ไหวแล้ว ใจบาง~~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: babychimchim ที่ 30-05-2019 00:53:16
คุณเขาน่ารักจัง อยากให้จัดการเรื่องที่บ้านน้องให้เร็วๆ สงสารน้อง พ่อแม่ก็น้อ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 30-05-2019 00:56:49
"เคนโอนเงินให้น้องหน่อย"  :-[  คุณคีนขาทางนี้ก็เดือดร้อนเรื่องเงินค่ะโอนให้หน่อยค่าาา
แหมคุณเคนจะให้พี่ชายมาเรียกคุณเคนจากเคนเฉย ๆ เป็นน้องเคน คุณเคนยอมจริงดิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 30-05-2019 00:57:44
หูววววว ผู้ชายนิสัยรวย555555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-05-2019 04:31:36
คุณเคนนี่ขี้แกล้งจังเลยเนี่ย

น้องงงงงง พอคุณคีนเรียกน้องแล้วแบบ..../////// เขินแทนเปลวแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-05-2019 10:41:46
จัดการพ่อแม่ของเปลที สงสารเปลจะแย่
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-05-2019 13:56:45
ทำไมนิสัยรวยอย่างนี้หล่ะ....  ตาริษยาเปล่งประกาย.....
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 30-05-2019 16:58:41
เปย์ง่ายเปย์เร็ว ตาร้อนผ่าววววแน้ววววว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-05-2019 19:57:48


BED CARE JOB

ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน



            เย็นวันอาทิตย์ ผมออกจากร้านกาแฟพี่ปุยฝ้ายราวหกโมงเพื่อดิ่งตรงมาหน้าคณะเรียนโดยเร็ว ผมมาถึงเกือบหกโมงครึ่งเห็นโจและเกดยืนรออยู่แล้ว โจไม่พูดพร่ำทำเพลง พอมันเห็นผมมาถึง มันก็บอกให้ขึ้นรถแล้วเราสามชีวิตก็มุ่งหน้าไปหอเปิ้ลทันที


            ใจเต้นสุด ๆ  ทั้งที่แค่ขนของย้ายหอเอง


            ตอนนี้พวกเราทั้งหกคนยกเว้นเปิ้ลประจำหน้าที่อยู่หน้าหอ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะรอสัญญาณจากเปิ้ล จนกระทั่งเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันดังเข้ามาในกลุ่มนั่นแหละ พวกเราจึงรีบกระวีกระวาดไปที่หน้าประตูทางเข้าหอไม่รอช้า เห็นเปิ้ลเปิดประตูให้เรียบร้อย

            “มันออกไปนานแล้วเหรอ” ข้าวถามถึงแฟนเปิ้ล

            “สักสิบนาทีได้ละ ขึ้นไปเลยไหม”

            “เออ” เอกบอกและพวกเราก็บุก เอ๊ย ขึ้นลิฟต์ไป


            โชคดีที่ห้องเปิ้ลอยู่ชั้นสาม พวกเราตกลงกันว่าควรทำเวลาถ้าลิฟต์ไม่ว่างก็ให้ขึ้นลงบันไดไปเลย ไม่ต้องยืนรอลิฟต์ เราทั้งหกคน สิบสองมือใช้เวลาไม่นาน ห้องเปิ้ลมีของไม่เยอะ ไม่นานก็เรียบร้อย จะเหลืออยู่ก็พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ เช่นเครื่องซักผ้ากับตู้เย็น ตอนที่กำลังยืนคิดว่าเอาไงกันดี เปิ้ลก็พูดขึ้นมา


            ‘ช่างแม่ง เดี๋ยวไปหาซื้อใหม่’


            ต้องอย่างนี้สิรุ่นพี่ด้านการงานของผม ผมอุ้มตะกร้าผ้าแต่มีของจุกจิกของเปิ้ลบรรจุอยู่ในนั้นเอาไว้ เปิ้ลปิดประตูห้องอย่างเรียบร้อยแล้วบอกว่าจะลงไปคุยกับเจ้าของหอก่อนจะทำเรื่องย้ายออกจริง ๆ  ส่วนคนอื่นรออยู่ข้างล่างแล้ว ช่วยกันจัดของให้เข้าที่เข้าทางหลังรถกระบะของโจ เปิ้ลวิ่งนำผมลงไปโดยไม่รอลิฟต์ที่เปิดออกพอดี ผมจะเรียกเธอไว้ก็ไม่ทัน ตอนนี้ผมเลยอุ้มของแล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์


            ผมสวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก เขาไม่ได้ยิ้มให้และผมไม่ได้ยิ้มเช่นกัน เราสวนกันอย่างเงียบเชียบ ผมเดินเข้าลิฟต์ไปจังหวะที่ลิฟต์กำลังจะปิด ตาผมก็เบิกกว้างขึ้นเพราะผู้ชายคนนั้นกำลังไขกุญแจห้องที่เปิ้ลเพิ่งปิดมันลงไปเมื่อสักครู่นี้เอง


            ผมย่ำเท้าไม่เป็นสุข เมื่อไหร่จะถึงชั้นหนึ่งเสียที เร็ว ๆ ได้ไหมเล่า ถ้าเขาเปิดประตูห้อง เขาต้องเห็นแน่นอนว่าตอนนี้ห้องมันว่างเปล่าเหลือเพียง โต๊ะตู้เตียงและเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ไว้ดูต่างหน้าเปิ้ล พอประตูลิฟต์เปิดเท่านั้น ผมรีบก้าวพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว และด้วยความเร่งรีบผมสะดุดกับขอบประตูกระจกทางเข้า ของในตะกร้าร่วงหล่นเต็มพื้น

            ไอ้เปลเอ๊ย ผมก่นด่าตัวเอง นี่เขาเรียกเทกระจาดของแท้เลย

            “เปล!!” เปิ้ลเรียกผมเสียงหลง เธอวิ่งเข้ามาหาและช่วยผมเก็บของมือไม้สั่น

            “เปิ้ล แฟน..แฟนแก” ผมละล่ำละลักบอกเธอ

            “เออ รู้แล้ว รีบเก็บ เนี่ยมันโทรมายิก ๆ”

            “เขาเดินสวนกับเรา”

            “ฉิบหายแล้ว ไป ๆ  ลุก ๆ ไม่ต้องเก็บแล้ว ทิ้งไป” เธอดึงแขนผมให้ลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าปลิงดูดเลือดกำลังวิ่งลงมาจากบันไดพร้อมเสียงตวาดเรียกชื่อเปิ้ลมาตลอดทาง ผมรีบเก็บของชิ้นสุดท้ายก่อนจะอุ้มตะกร้าแล้ววิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

            “ขึ้นรถเร็ว” โจรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นว่าผมกับเปิ้ลวิ่งหนีมาได้ เปิ้ลกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของข้าว ส่วนผมกระโดดขึ้นหลังรถกระบะได้อย่างเฉียดฉิว


            รถพวกเราสามคัน กระบะหนึ่งและมอเตอร์ไซค์สอง แล่นออกมาจากหอเปิ้ลไกลออกไปเรื่อย ๆ  แต่แฟนของเปิ้ลกลับคว้ามอเตอร์ไซค์แล้วตามมา หน้าตาเขาดูน่ากลัวราวกับพร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ ผมกลัวแทบขาดใจ ตะโกนบอกโจว่าห้ามหยุดรถเด็ดขาด

            หัวใจผมเกือบหยุดเต้น เมื่อโจชะลอรถช้าลง จนแฟนเปิ้ลเข้ามาใกล้ผม

            “จอดรถ” เขาตะโกนบอกผม

            “ไม่”

            “กูบอกให้มึงจอดรถ”

            “ไม่โว้ย” ผมตะโกนกลับไป ใจก็นึกหวั่น ภาวนาขอโจอย่าจอดรถ มันต้องขึ้นมาบีบคอผมแน่เลย

            “หึ จะไฟแดงแล้ว มึงโดนกูแน่” มันแสยะยิ้มพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้า ผมหันกลับไปมองด้านหลังเห็นสี่แยกไฟแดงข้างหน้า ตอนนี้ไฟส้มแล้ว

            “โจ มึงอย่าจอดรถนะ กูยังไม่อยากตาย” ผมตบกระจกหลังรถพร้อมกับบอกโจเสียงดัง เกิดมาผมเคยมีเรื่องกับใครเขาที่ไหนกัน


            พวกเราเสี่ยงตายกันทั้งคันเมื่อโจไม่หยุดรถและเลือกผ่าไฟแดงไปอย่างเฉียดฉิว ทำให้แฟนเปิ้ลตามมาไม่ได้อีก มันบอกผมเสียงดังให้ระวังตัวเอาไว้ ผมเห็นตัวมันเล็กลง เล็กลง จนสายตามองไม่เห็นมันอีกต่อไป ผมจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็รอดตายแล้ว

            รถแล่นช้าลงเรื่อย ๆ  จนมาหยุดที่หน้าหอแห่งหนึ่ง เดาว่าเป็นหอของข้าว ไม่สิจะเรียกหอก็ไม่ถูกนักเพราะมันมีลักษณะเป็นคอนโดที่อยู่แถว ๆ  มหาลัยผมนี่แหละ

            “โอย ตะกี้ลุ้นฉิบหาย นึกว่าจะตายกันหมด” เกดลงจากรถแล้วพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ

            “เออ กูขี่มอไซค์เกือบชนคนข้ามถนนเพราะห่วงไอ้เปลที่อยู่หลังรถ” ข้าวเสริมตามมา

            “เป็นอะไรไหมเปล” โจดับเครื่องยนต์เสร็จลงมาจากรถแล้วถามผมที่ยังนั่งอยู่หลังกระบะ

            “ไม่เป็นไร ขอนั่งพักหายใจก่อน เหนื่อยมาก” ผมบอกมัน ทั้งที่นั่งรถมา แต่กลับรู้สึกว่าวิ่งมาไม่หยุดเลยตลอดทาง

            “เฮ้ย ไอ้เปล” เปิ้ลอุทานด้วยความตกใจตอนที่มองหน้าผม

            “ทำไม มีอะไร”

            “ที่หัวแก”

            “หัวทำไม” ผมถามกลับ

            “เลือดอะ เลือดออก”

            “เฮ้ย!!” ทั้งภพและเอกรวมถึงโจ กรูเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

            “ไปหาหมอ” โจพูดเสียงขรึม หน้าตามันดูไม่สบายใจและดูโมโหด้วย ผมหดคอลงอัตโนมัติ

            “ใช่ ไปหาหมอก่อน ใกล้สุดก็โรงบาลเอกชนอีกสามไฟแดง” เกดคนคุ้นเคยกับพื้นที่แถวนี้สุดรีบบอกทันที

            “ไปกันหมดนี่เลยไหม” ข้าวถาม

            “เดี๋ยวเราพาเปลไปเอง” โจตอบ

            “เราไปด้วย” เปิ้ลรีบเสนอตัว

            “อืม งั้นช่วยกันขนของลงจากรถก่อน ที่เหลือจะได้ช่วยกันขนไปไว้บนห้องเกด” โจบอกก่อนจะหันมาทางผม “มึงลงมาเองได้ไหมหรือต้องช่วยอุ้ม”

            “ไม่ต้อง ๆ  แค่นี้เอง ลงได้อยู่แล้ว” ผมรีบตอบ หัวมีเลือดออกตามที่พวกนั้นทักแต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย คงไม่เป็นอะไรมากหรอก

            ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถโจ ยกเว้นผมที่ถูกโจสั่งให้ไปนั่งรออยู่ในรถ เพียงครู่เดียว โจก็ขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลโดยมีเปิ้ลและผมนั่งไปด้วย





 
            “หัวแตกได้ไงวะ แล้วดูเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปหมด” โจบ่นตามนิสัยเมื่อผมเดินกลับมาหามันหลังจากเย็บแผลที่หัวเสร็จ

            “ไม่รู้อะ”

            “ไม่รู้ได้ไง หัวแตกนะเว้ย” โจยังหงุดหงิด

            “ก็คนไม่รู้จริง ๆ  นี่”

            “พอก่อนโจ แกก็อย่าเพิ่งไปคาดคั้นไอ้เปลมัน คนไม่รู้ก็คือไม่รู้อะแหละ ถามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ตอนที่ขนของลงเราเห็นไฟแช็กอยู่ในนั้นน่าจะเป็นนี่แหละที่ทำให้เปลหัวแตก”

            “ไฟแช็ก?”

            “เราจำได้ของแฟนเราเองแหละ มันน่าจะปามาแน่ ๆ”

            “แล้วทำไมมึงไม่หลบวะ” โจหันมาถามอย่างหัวเสีย

            “กูยังไม่รู้เลยว่าหัวแตก เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วนะมึง” ผมเลยดุมันกลับบ้าง นาน ๆ  ครั้งเท่านั้นถึงจะได้ทำ

“แล้วนี่เปล หมอว่าไงบ้าง” เปิ้ลเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงแผลบนหัวผม

            “หมอบอกแผลเล็ก ไม่กี่วันก็หาย แล้วให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ฉีดยากันบาดทะยักด้วย หมอบอกว่าถ้าโชคร้ายก็อาจเป็นไข้ โชคดีก็ไม่ป่วย”

            “หมอปิดแผลมาให้แล้วด้วยนี่” เปิ้ลลุกขึ้นยืนมาดูแผลใกล้ ๆ

            “อืม ช่วงนี้อย่าเพิ่งโดนน้ำ”

            “หัวเน่าแน่แก”

            “เอ้อ..นั่นสิ” พอเปิ้ลพูดถึงหัวเน่า ๆ ของผมแล้วก็พลันนึกถึงคนเมื่อหลายวันก่อนที่เพิ่งจะทักผมเรื่องนี้ไป ไม่รู้ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องที่บ้านผมจัดการเรียบร้อยดีแล้วหรือเปล่า

            “เกือบลืม เอ้า..นี่โทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์แก ตะกี้มีคนโทรมาหาแกด้วย ขอโทษนะที่เราถือวิสาสะกดรับ กลัวเป็นญาติแกอะ”

            “ไม่เป็นไร แล้วใครโทรมาล่ะ” ผมหวั่นใจว่าจะเป็นที่บ้านของผมหรือเปล่า

            “เออว่ะ ไม่รู้อะ เบอร์ก็ไม่โชว์”

            “อ้าว”

            “ก็พอเราบอกว่าพาแกมาโรง’บาล เขาถามรัวใหญ่เลย โรง’บาลไหน มาทำไม แล้วก็วางสายไป เราเลยถามไม่ทัน”

            “ใครจะโทรหาแกได้วะเปล” โจมันถาม แต่มันไม่ได้บริสุทธิ์ใจถามผมแน่นอน ผมรู้ดี มันกำลังหมายถึงเจ้านายเก่าของผม

            “น้องเปลครับ เป็นไงบ้าง” โอเค จริง ๆ ผมก็พอรู้แล้วว่าใคร มีอยู่คนเดียวนี่แหละครับโทรมาแล้วไม่แสดงเบอร์

            “คุณเคนสวัสดีครับ” ผมทักคนที่เดินเข้ามากลับไป “มาได้ไงครับ”

            “น้องผู้หญิงที่รับสายน่ะเป็นคนบอก คงเป็นคนนี้ใช่ไหมครับ” คุณเคนถามพร้อมกับรอยยิ้มการค้าให้เปิ้ล

            “สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะหนูเองที่รับโทรศัพท์เปล” เปิ้ลยกมือไหว้และส่งยิ้มหวานให้คุณเคน ผมเพิ่งเคยเห็นเปิ้ลในยามที่อยู่ต่อหน้าผู้ชายก็คราวนี้ แพรวพราวไม่เบาเลยทีเดียว

            “เสียงน่ารักมากครับ หน้าตาก็น่ารักด้วย” โอ้โห คุณเคนก็ไม่ธรรมดา เล่นมาเล่นกลับไม่ยอมแพ้กันเลย

            “คุณเคนครับ นี่เพื่อนผมชื่อเปิ้ล ส่วนอีกคนโจครับ” ผมเลยถือโอกาสนี้แนะนำพวกเขาให้รู้จักกันเสียเลย

            “มาทำไมกลับไป” แต่ตัวปัญหาอยู่นี่ครับ โจพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เกือบจะชื่นมื่น

            “อยู่เฉย ๆ  ไม่พูดก็ดีอยู่แล้วนะครับโจ”

            “กลับไปได้แล้ว ผมดูแลเพื่อนผมเอง”

            “ดูแลยังไง น้องชายผมถึงเจ็บตัวหัวแตกแบบนี้” คุณเคนย้อนกลับ

            “ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัย”

            “หนูผิดเองค่ะ แฟนเก่าหนู เขาเอาของปาใส่เปล” เปิ้ลรีบออกตัวรับผิดชอบ ถึงจะใช้น้ำเสียงที่เสริมแต่งจริตลงไป แต่แววตาเธอตอนที่มองผมนั้น เธอรู้สึกผิดจริงจัง ไม่ได้เสแสร้ง

            “น้องเปิ้ลไม่ผิดเลยครับ คนที่ผิดคือคนที่ทำร้ายคนอื่นต่างหาก”

            “เปิ้ลอย่าโทษตัวเองเลยนะ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดหรอก อีกอย่างเราก็บอกแล้วนี่ว่าหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก” ผมปลอบเปิ้ล ไม่อยากให้เธอต้องคิดมาก มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงอย่างที่โจบอก

            “งั้นเรากลับกันเลยดีไหม” คุณเคนหันมาถามผม

            “ครับ?”

            “พี่มารับ ปะ กลับบ้านกัน”

            “เดี๋ยวผมไปส่งเอง” โจแทรกขึ้นท่าทีเหมือนพร้อมจะคุกคามคุณเคน

            “ถ้าพาเปลไปส่งแล้วใครจะไปส่งเปิ้ลล่ะครับ ผมไปส่งน้องเปลเอง ส่วนคุณ.. โจ ก็ไปส่งเพื่อนนะครับ”

            “ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก ขามาพวกเขามากับผม ขากลับผมก็จะพากลับเอง”

            “เด็กสมัยนี้พูดยากจริง” คุณเคนจะพูดด้วยเพราะอะไรก็ตามแต่ ช่วยมองโจ เพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ มันฮึ่ม ๆ  พร้อมเข้าจู่โจมคุณแล้วนะ

            “โจ..คือเรากลับกับคุณเคนได้” ผมรีบห้ามทัพสองคนนี้ ไม่เข้าใจเจอกันทีไรทำไมต้องทะเลาะกัน

            “ได้ยังไงวะเปล”

            “เถอะน่า..เรามีเรื่องจะคุยกับเขาด้วย” เขาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคุณเคน แต่ผมหมายถึงคนที่น่าจะรออยู่

            “ถึงห้องแล้วก็บอกเราด้วยละกัน เราว่าแฟนเปิ้ลมันไม่ยอมง่าย ๆ  แน่”

            “อืม”

            “งั้นโจรอแป๊บนะ เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เปิ้ลบอกโจเสร็จก็หันมาพูดผม “เปล..เราขอโทษนะ”

            “ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก”

            “ขอบใจนะ พี่เคนคะหนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ก่อนที่เปิ้ลจะปลีกตัวออกไป เธอยังไม่ลืมคุณเคนและเลื่อนขั้นให้คุณเคนเป็นพี่เคนไปอย่างเรียบร้อย

            “สวัสดีครับน้องเปิ้ล กลับบ้านดี ๆ  นะครับ”



           

            ผมเดินตามคุณเคนไปเงียบเชียบ ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกเสียจากคุณเคนบอกว่ารถอยู่ทางนี้เท่านั้น เมื่อเดินมาถึงรถตู้คันคุ้นตา คุณเคนเปิดประตูให้ผมก้าวขึ้นไปก่อนและเขาตามขึ้นมาทีหลังพร้อมกับปิดประตูลงอย่างเรียบร้อย ตำแหน่งที่นั่งในรถยังเหมือนเดิม คุณเคนนั่งหน้าผมอยู่แถวสอง ส่วนผมก็แถวสามกับคนที่รออยู่ในรถ

            “สวัสดีครับคุณคีน” ผมยกมือไหว้ เราไม่เจอกันตั้งแต่คืนวันพุธ วันนี้หน้าตาเขาดูเหน็ดเหนื่อยกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก

            “เจ็บไหม” เขาพยักหน้ารับไหว้แล้วมองหน้าผมนิ่งก่อนจะเอ่ยถามถึงแผลบนหัว

            “ไม่เจ็บครับ หมอบอกว่าแผลเล็กนิดเดียวเอง”

            “เด็กดอยนี่มันยังไงหืม? คลาดสายตาทีไรเป็นต้องมีเรื่องทุกที คราวก่อนก็ป่วย คราวนี้ก็หัวแตก ทำไมถึงมีเรื่องให้ผมคอยปวดหัวอยู่ตลอด” คุณคีนพูดเสียงเบา เขาไม่เชิงดุผม แต่เขาน่าจะเซ็งมากกว่าที่ผมขยันมีเรื่องเข้ามาอยู่ร่ำไป

            “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ผมไม่รู้ว่าแฟนเพื่อนผม เขาจะกล้าปาของใส่แบบนี้” ผมไม่ได้เถียง แค่ต้องการอธิบาย

            “เป็นนักฟุตบอลเก่าหรือไงถึงได้เอาหัวไปรับ” ผมอ้าปากค้างจะเถียงกลับแต่เถียงไม่ออก ผมกำลังถูกดุอยู่ใช่ไหม

            “คือ..ผม”

            “ว่ายังไง” เขาเร่งรัดเอาคำตอบ คุณคีนเป็นอะไร โกรธผมทำไมเนี่ย ผมเป็นคนเจ็บ ไม่ใช่เขาเสียหน่อย

            “ไม่ใช่ครับ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะคุณเคน เขาได้ยินผมพูดด้วยเหรอ? ผมว่าในรถก็ไม่ได้เงียบขนาดนั้นสักหน่อย

            “แล้ว..” คุณคีนทำท่าจะดุผมอีก ผมเตรียมเกร็งตัวและเตรียมหดคอ

            “ใจเย็นสิครับคุณคีน น้องชายผมกลัวคุณหมดแล้ว” คุณเคนพูดขึ้นมาขัดจังหวะช่วยชีวิตผมได้ทัน

            “กลัวผมหรือ?” คุณคีนชะงักชั่วครู่แล้วถามผม

            “ก็นิดหน่อยครับ คุณดุ”

            “เฮ้อ” เขาทอดถอนหายใจแล้วดึงตัวผมเข้าไปใกล้จนเราแนบชิดกัน “ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจกลัว ผมแค่เป็นห่วงคุณมากไปหน่อย”

            “ผมไม่เป็นไรเลยครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ผมใจชื้นรีบบอกให้เขาคลายกังวล

            “หัวแตกได้ยังไง เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ” พอคุณคีนพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่สงบพร้อมให้ชวนฝันเหมือนเดิม ผมเลยกระตือรือร้นที่จะพูดเรื่องเหตุการณ์ระทึกวันนี้ให้เขาฟัง

            “เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยครับ แค่แฟนเปิ้ล เอ่อ เพื่อนผู้หญิงน่ะครับ เขาน่ากลัวไปหน่อย”

            “ฟังจากที่คุณเล่า คงไม่หน่อยแล้วล่ะ วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนกันทั้งนั้น ระวังตัวเองด้วยนะครับ”

            “ครับ แล้วเอ่อ..เรากำลังจะไปไหนกันครับ พาผมไปส่งห้องใช่ไหม”

            “ไม่ใช่ครับ เราจะไปกินข้าวกัน”

            “ที่ไหนเหรอครับ ร้านเดิมเหรอ” ผมถามเขาด้วยตาสุกใส ร้านเดิมอาหารก็อร่อยดี

            “ร้านนั้นคงพาคุณไปไม่ได้แล้ว ช่วงนี้ต้องย้ายที่กินข้าวก่อน”

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ผมแค่ไม่อยากเจอคุณศักดิ์อีก” คุณคีนบอกเหตุผลสั้น ๆ กระชับ แต่ไม่ได้ใจความในความคิดผม

            “อ๋อ..ครับ” ผมพยักหน้าทำท่าว่าเข้าใจ แต่แท้จริงแล้วผมไม่เข้าใจเลย

            “อีกอย่างครั้งที่แล้ว เรายังไม่ได้คุยเรื่องบ้านคุณเลย คุณคงอยากรู้แล้วใช่ไหม”

            “ใช่ครับ ผมอยากรู้แล้วว่าคุณทำยังไงเรื่องที่บ้านผม เอ่อ.. ผมเร่งคุณไปไหมครับ คุณคงเพิ่งเลิกงานมาเหนื่อย ๆ”

            “ไม่เป็นไร อันที่จริงผมเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เอง พอลงเครื่องมาก็ได้ยินข่าวว่ามีเด็กหัวแตกอยู่โรง’บาล”

            “ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดสักหน่อย” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่อยากถูกเขาดุอีก ปกติคุณคีนก็ใจดีอยู่หรอก แต่ดุขึ้นมาทีไรแล้วน่ากลัวสุด ๆ

            “ไปคุยต่อที่บ้านแล้วกัน”



หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 14 คน ๆ นั้น UP 28/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-05-2019 19:58:14


            ผมไม่ได้นึกสงสัยตอนที่คุณคีนบอกว่าไปคุยต่อที่บ้าน ผมคิดว่าเขาอาจจะหมายถึงคอนโดแต่ผิดถนัด บ้านที่คุณคีนพูดคือบ้านจริง ๆ  ไม่ใช่คอนโดใกล้ร้านกาแฟ มันคือบ้านที่ผมเคยไปเจอเขาครั้งแรก ไม่ใช่สิ มันคือครั้งที่ผมไปหลับรอเขาครั้งแรกนั่นมากกว่า ส่วนระหว่างทางคุณเคนก็ขอตัวกลับไปเหมือนอย่างเคย ผมจึงไม่มีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณเคนเลยสักที


            คุณคีนพาผมเข้าไปในบ้าน ไม่มีวี่แววว่ามีคนอยู่ในบ้านเลย กำลังคิดว่ามื้อเย็นนี้จะกินอะไรดี สั่งอาหารเข้ามาหรือทำกับข้าวกินเอง ผมก็เห็นอาหารหลายจานที่ถูกจัดเตรียมไว้อยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาบอกให้ผมเข้าไปอาบน้ำ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ และอนุญาตให้ผมหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใช้ได้เลย ส่วนเขาขอไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่ง


            ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานและออกไปนั่งรอเขาที่โต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย รู้สึกปวดที่แผลขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังทนไหว คุณคีนเดินมาที่โต๊ะด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผมชมชอบ ผมนั่งประจันหน้ากับเขาด้วยชุดที่เหมือนกัน ประเมินจากตามรูปการณ์แล้วเขาคงมีเสื้อผ้าแบบนี้ไว้ทุกที่ ชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าเนี่ย ไม่ให้เสียเวลาวิเคราะห์นาน ผมกับเขาเริ่มลงมือกินอาหารมื้อนี้อย่างไม่รอช้า ลอบมองนาฬิกาแล้วก็พบว่าไม่น่าแปลกใจเลยนี่มันสี่ทุ่มกว่าจวนจะห้าทุ่มอยู่รอมร่อ ไม่หิวก็คงประหลาดเต็มที พออิ่มแล้วผมไม่ลืมที่จะกินยาหลังอาหารทันที


            เขากับผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ผมใช้อาบน้ำ ถ้าจำไม่ผิด ห้องนี้นี่แหละคือห้องที่ผมเคยนอนมาแล้วครั้งหนึ่ง ในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวตรงหัวเตียงเท่านั้น บรรยากาศช่างน่าเป็นใจอะไรเช่นนี้

           
            หมายถึงบรรยากาศน่านอนน่ะ กลัวเข้าใจผิด


            “ปวดแผลหรือเปล่า” คุณคีนขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งหนึ่ง ส่วนผมก็นอนอีกฝั่ง แม้เราสองคนจะไม่ได้นอนร่วมห้องด้วยกันบ่อย ทว่าไม่จำเป็นต้องบอกก็รับรู้ได้

            “ตอนนี้เริ่มปวดนิดหน่อยแล้วครับ แต่ผมกินยาแก้ปวดไปแล้วอีกสักพักคงออกฤทธิ์”

            “ซนจนเจ็บตัว” เขาบอกก่อนจะเอนตัวลงแล้วห้องทั้งห้องก็มืดมิดลง มองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป

            “ผมแค่ไปช่วยเพื่อนขนของเอง” ผมโอดครวญ คนมันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ  นี่นา

            “เอาละครับ ผมไม่พูดต่อดีกว่า จะกลายเป็นว่าพูดไม่จบ แล้วห้ามทำตัวเองเจ็บแบบนี้อีกนะครับ”

            “ผมจะพยายามครับ” ผมไม่อยากรับปากหรือให้คำสัญญา ถ้าทำไม่ได้คงไม่ดี

            “ส่วนเรื่องที่บ้านคุณ...เรียบร้อยแล้วนะครับ” คุณคีนเกริ่นเข้าประเด็นเรื่องบ้านผมในที่สุด

            “ขอบคุณครับ แล้วที่บ้านผม พวกเขาเป็นยังไงบ้าง”

            “พวกเขาคนไหน? พ่อ แม่ หรือน้องชายคุณ”

            “ปิงครับ น้องชายผม”

            “ถ้าฟังแล้วคุณอาจจะผิดหวังในตัวผมก็ได้นะ ตอนที่ผมไปบ้านคุณ ผมไม่รู้มาก่อนว่าปิงไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องที่พ่อแม่คุณคิดจะทำอะไรกับเขาแล้ว”

            “อย่างนั้นหรือครับ ในเมื่อเขารู้แล้วก็ไม่เป็นไร ผมขอโทษคุณนะครับที่ผมไม่ได้บอกคุณเรื่องปิง ผมไม่เคยให้ปิงได้รับรู้เลยว่าบ้านเราเป็นยังไง”

            “เพราะอะไรล่ะ”

            “จุดเริ่มต้นมาจาก เวลาที่แม่บังคับให้ผมไปทำอะไรที่ผมไม่ต้องการหรือพ่อไปเล่นพนันทีไร ปิงไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เคยเห็นพฤติกรรมเหล่านี้เลยครับ ผมเองก็ไม่ได้บอกให้เขาฟังเพราะไม่รู้ว่าจะเล่าไปทำไม ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเอาเรียงความตอนชั้นประถมมาให้ผมอ่าน พออ่านจบผมถึงรู้ว่าปิงมีความสุขกับภาพที่เขาเห็นพ่อแม่ใส่ใจและรักเขามากแค่ไหน ผมจึงไม่อยากทำลายความฝันของปิง เลือกปิดบังเขาไว้”

            “ผลของการปกป้อง เขาเลยกลายเป็นจุดอ่อนให้พ่อกับแม่มาทำร้ายคุณ?”

            “ครับ” ผมพยักหน้าในความมืด ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจนั้นถูกหรือผิด แต่มันก็ออกมาในรูปแบบนี้แล้วกลับไปแก้ไขอย่างไรก็คงไม่ทัน

            “พ่อแม่แต่ละคนเลี้ยงลูกไม่เหมือนกัน มีทั้งดี ทั้งไม่ดี ทั้งรักลูก ดีกับลูกจนเลี้ยงให้เติบโตมาผิด ๆ  ไม่สนใจเลยก็มีและไม่คิดว่าลูกเป็นลูกมาก็เยอะ แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าพฤติกรรมเลี้ยงดูลูกแย่ ๆ  จะมาเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว” น้ำเสียงคุณคีนนิ่งเฉยเสียจนผมนึกหวั่น ผมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าไปทางคุณคีน จากมุมนี้ทำให้ผมเห็นใบหน้าเขาราง ๆ  ในความมืด

            “...”

            “รู้ตัวไหมครับว่าคุณเก่งมากที่โตขึ้นมาเป็นเด็กดีแบบนี้ได้”

            “ผม..ขอบคุณครับ แต่ถ้าผมเป็นเด็กดีจริงอย่างคุณว่าผมคงไม่มาสมัครงานกับคุณ” ผมไม่ได้คิดว่ามันผิดแผกจากคนทั่วไปเลย แถมอาจจะแย่กว่าหลายคนด้วยซ้ำ

            “ห้ามไปสมัครงานกับคนอื่นที่ไหนอีกนะครับ”

            “ครับ ผมไม่ทำแล้ว ยิ่งคุณจัดการเรื่องที่บ้านผมได้แล้ว ผมยิ่งไม่คิดจะไปสมัครงานพวกนี้อีกแล้วครับ”

            “ดีแล้วครับ ต่อให้คุณคิดจะไปสมัครงาน ผมก็ไม่อนุญาตให้คุณไปสมัครงานอย่างแน่นอน”

            “อะไรนะครับ?” คุณคีนหมายความว่าไง ผมถามซ้ำทั้งที่รู้ว่าเขาจะไม่พูดซ้ำ แต่มันก็ฟังดูน่าประหลาดใจใช่ไหม

            “พูดถึงน้องชายคุณให้ผมฟังบ้างสิครับ ปิงใช่ไหม...น้องชายคุณ เขานิสัยเป็นยังไง” แน่นอนอย่างที่ผมคิด ผมไม่ได้รับการทวนคำพูดซ้ำ คุณคีนเลือกถามถึงน้องชายผมแทน

            “ปิงเหรอครับ..อืม..ก็มองโลกแง่ดี ซนตามประสา ดื้อบ้าง แต่เขาก็เชื่อฟังผมมาก ๆ เลยครับ”

            “ถ้าเขาเป็นเด็กดีก็ดีครับ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องชาย แล้วไม่ต้องกลัวว่าพ่อกับแม่คุณจะพาปิงไปขาย พวกเขาไม่กล้าทำอีกแล้ว”

            “คุณทำยังไงครับ”

            “ผมบอกเขาว่าถ้ายังเอาลูกทั้งสองคนไปขายอีกจะแจ้งตำรวจจับให้หมด” คุณคีนพูดด้วยเสียงสบาย ๆ  เหมือนว่ากำลังพูดเล่นอย่างไรอย่างนั้น

            “จริงเหรอครับ”

            “ครับ”

            “คุณบอกพ่อกับแม่ผมง่าย ๆ  แค่นี้?แล้วพวกเขาก็ยอมเหรอครับ” ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

            “ผมพาตำรวจไปด้วย”

            “มีอะไรมากกว่านี้ใช่ไหมครับ” ผมหรี่ตาลงมองเขาในความมืด ผมพอรู้จักนิสัยพ่อแม่ดี เขาไม่น่ายอมตกลง มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

            “ส่วนเรื่องพ่อคุณ ที่บ่อนเขาห้ามไม่ให้พ่อคุณไปเล่นแล้วครับ”

            “เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมตกใจที่ได้ยิน

            “พ่อคุณอาจจะเป็นตัวซวยให้บ่อนเขาถูกตำรวจจับก็ได้มั้งครับ” คุณคีนหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ยิ่งตอกย้ำว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่เขาพูดแน่นอน

            “อ่อ..เหรอครับ งั้นพ่อคงติดคุกจริงตามที่แม่บอก” ประโยคแรกผมพูดกับคุณคีน ส่วนประโยคหลังผมพูดกับตัวเอง

            “เท่าที่คนแถวนั้นบอกดูเหมือนว่าจะถูกฝากขังหนึ่งคืน” แต่ห้องมันเงียบ เขาเลยได้ยินและช่วยยืนยันความคิดผมว่ามันถูกต้อง

            “คราวนี้พ่ออาจจะเข็ดขึ้นมาบ้าง แต่ถึงไม่เข็ดบ่อนก็ไม่ให้พ่อผมเข้าไปเล่นอีกแล้วใช่ไหมครับ” ผมย้ำถาม ไม่ได้ต้องการให้พ่อต้องไปนอนในซังเต แต่เขาควรได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำอีก

            “ใช่ครับ อยากรู้อะไรเพิ่มอีกไหม”

            “ต่อจากนี้ผมกับน้องจะไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ”

            “ใช่ครับ แต่เราวางใจทุกอย่างไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ถ้าเขายังไม่หยุด คุณต้องบอกผมนะครับ”

            “ตกลงครับ” ไม่รู้เหตุผลอันใด หากเป็นคุณคีนที่เป็นคนพูด ผมกลับรู้สึกสบายใจทุกครั้งไป

            “ง่วงหรือยัง นอนไหม พรุ่งนี้เช้าคุณมีเรียนด้วยใช่ไหม”

            “ใช่ครับ แล้วตอนบ่ายไปร้านพี่ปุยฝ้ายต่อครับ”

            “ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนล่ะ”

            “ครับ”

            “ถ้าไม่ติดอะไร ผมจะไปหา”

            “เอ๊ะ? ไปหาเหรอครับ?” ผมสะดุดคำพูดเขา

            “ไปหากาแฟกินน่ะ”

            “อ้อ..ครับ ถ้าคุณมาพี่ปุยฝ้ายคงดีใจ”

            “ดีใจทำไมครับ”

            “พี่ปุยฝ้ายชอบคุณคีนมากครับ”

            “แล้วคุณล่ะชอบผมไหม”

            คุณคีนไม่ควรถามผมตรง ๆ  แบบนี้ ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายอย่างรวดเร็ว รู้สึกหูร้อน หน้าร้อนไปหมด

            “คือเธอชอบคุณแบบชื่นชมประมาณนี้ครับ แต่พี่ปุยฝ้ายชอบคุณเคนมากกว่าคุณนิดหนึ่ง” ผมเลี่ยงไม่ตอบ ใครจะกล้าตอบไปตรง ๆ  เหมือนที่คุณคีนถามกันเล่า

            “คุณปุยฝ้ายจะชอบผมมากกว่าหรือน้อยกว่าเคน ผมไม่สนใจเรื่องนั้นเลย ผมสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียว”

            “เรื่องอะไรครับ”

            “ถ้าเด็กดีของผมชอบเคนมากกว่าผมล่ะเป็นเรื่องแน่”

            “คุณจะทำอะไรผมครับ” ผมถามเขากลับไปอย่างกล้า ๆ  กลัว ๆ  รู้ละว่ากำลังเล่นกับไฟแต่ก็ยังยื่นมือเข้าไปในกองไฟ

            “ผมจะลงโทษคุณให้หนักเลย อ้อ..จริงด้วยสิ คุณยังติดค้างผมอยู่เรื่องหนึ่ง”

            “ติดค้างอะไรครับ”

            “เรื่องที่ผมบอกคุณไปเมื่อหลายวันก่อนว่ากลับมากรุงเทพฯ​ เมื่อไหร่จะลงโทษคุณ จำได้ไหม” ผมชักไม่ชอบเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันนี่แล้ว มันฟังดูมีเลศนัยเหลือเกิน

            “จะ..จำได้ครับ”

            “ถ้าอย่างนั้น...มาขอโทษผมได้แล้วครับเปล”




           
            ผมกลืนน้ำลาย หายใจเข้าเต็มแรง ก่อนตัดสินใจพาตัวเองขยับเข้าไปใกล้คุณคีน ดูเหมือนว่าเขาเองก็คงจะรอให้ผมขยับเข้าไปหาอยู่แล้ว เพราะในจังหวะเดียวกันผมถูกเขาดึงเข้าไปพร้อมกัน ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาก่อนที่คุณคีนจะเป็นฝ่ายจูบผมเอง


            ริมฝีปากถูกบดเบียด ปลายลิ้นถูกสอดเข้ามาในปาก ดูดดึงพัวพันกันไว้ ผมจูบตอบเขาโดยไม่ลังเล กอดเขาไว้แน่น ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าผมจะคิดถึงคุณคีนมากขนาดนี้ คิดมาตลอดว่าผมคิดถึงเขาเพราะเรื่องที่บ้าน แต่ตอนนี้ผมบอกตัวเองได้แล้วว่าผมคิดถึงคุณคีนที่เป็นคุณคีนจริง ๆ


            คุณคีนขยับตัวพลิกมาคร่อมตัวผมเอาไว้ เขาจูบเบา ๆ  ที่หลังใบหูผมก่อนจะไล่ลงมาที่สันกรามจนมาถึงลำคอ ส่วนมือคุณคีนข้างหนึ่งจับหลังคอผมไว้แน่นแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเจ็บ ส่วนมืออีกข้างอยู่ภายในเสื้อยืดสีขาวที่ผมสวมใส่อยู่ ผมใกล้เพริดเต็มทีแล้วจากฝีมือเขา


            อีกนิดเดียวผมต้องทนไม่ไหวแน่


            แต่แล้วผมก็แปลกใจเมื่อคุณคีนหยุดลูบตัวผม เขาจูบเม้มที่ริมฝีปากล่างผมย้ำ ๆ  แล้วกอดผมไว้แน่น


            “ผมรับคำขอโทษแล้วนะครับ”

            “มีอะไรเหรอครับ ผมทำให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า” ผมถามเขา กลัวว่าจะทำอะไรให้เขาไม่ชอบ แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเพราะผมไม่ทำอะไร เขาจึงไม่พอใจ?

            ผมคิดวุ่นวายอยู่ในหัวเต็มไปหมด

            “ไม่ใช่ครับ คุณเพิ่งเจ็บตัวมา ผมไม่ควรรังแกคนเจ็บตอนนี้” เขาว่าอย่างนั้น ผมมองเพดานใช้ความคิดอย่างหนัก แล้วจึงตัดสินใจบอกกับเขา

            “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณต้องการ ผมก็เต็มใจ”

            “หืม?”

            “อีกอย่างผมยังไม่ได้ทำงานตอบแทนคุณเลย”

            “ตอบแทนอะไรครับ”

            “ก็..ก็คุณบอกให้คุณเคนโอนเงินมาให้ผมไม่ใช่เหรอครับ”

            “ใช่ครับ ผมให้คุณเพราะอยากให้ ไม่ได้ให้เพราะต้องการของมาแลกเปลี่ยน”

            “ผม...ไม่สบายใจ” ผมบอกคุณคีนเสียงเบา


            ผมไม่เคยชินกับการได้รับเงินหรือสิ่งของมาฟรี ๆ  แม้กระทั่งโจที่ให้ผมยืมเงิน ผมต้องหาคืนมันให้ครบทุกบาท ผมไม่อยากเอาเปรียบใครและไม่ต้องการถูกใครเอาเปรียบด้วยเช่น

            “อย่าคิดมากเลย ความสัมพันธ์ระหว่างเรา..ระหว่างผมกับคุณ เราไม่ได้เป็นนายจ้างและลูกจ้างกันแล้วนะครับ”

            “เหรอครับ”

            “คุณไม่ต้องกังวล ทุกอย่างที่ผมทำให้ ทั้งหมดมันคือความพอใจและความต้องการจากผมเอง”

            “คุณบอกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่นายจ้างและลูกจ้าง”

            “ครับ”




            “ถ้าอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้เป็นแบบไหนเหรอครับ”






=============================================



ถ้าหากงงหรือสงสัยตรงไหน ทิ้งคอมเมนต์หรือถามผ่านทางข้อความมาได้เลยนะคะ ถ้ามีคนสงสัยกันเยอะ เขมจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ปลตัวใหญ่ เรื่องที่บ้านเปลฉบับเต็ม ๆ (มั้ย?)  จะอยู่ในพาร์ทของคุณคีนนะคะ

ปล เจอกันสัปดาห์หน้าเลยน้า



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 30-05-2019 20:16:51
สายเปย์ที่แท้ทรู คุณคีนของน้อง.......เปล  :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-05-2019 20:24:31
ความสำคัญตอนนี้เป็นเสี่ยกับเมียเด็กแสนซื่อค่าลูกกก นี่ว่าแฟนเปิ้ลคือตามจองเวรอีกแน่เลยตอนต่อๆไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 30-05-2019 20:30:46
 เป็นแฟนกันเร็วๆเถอะ :call:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 30-05-2019 20:38:31
เป็นอะไรดีนะคะคุณคีน เป็นน้องอย่างที่เรียกหรือเปล่า กิ๊วววว เป็นเด็กดอยหรือเป็นเด็กดี  :katai5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 30-05-2019 20:56:08
แม่ น้องงงถามแรงมากกก5555คุณคีนตอบไม่ดีมีเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 30-05-2019 21:05:02
ชอบความนอนคุยกัน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 30-05-2019 21:29:25
เรื่องที่บ้านเปล กะปิง ต้องมีอะไรอีกที่มากกว่านั้น ไม่งั้นคุณคีนจะถามนิสัยปิงทำไม หรือเราคิดไปเอง 55555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 30-05-2019 21:46:56
เอาแล้ววว เป็นอะไรกันดีคะคุณคีน :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-05-2019 21:58:20
เปลรุก ....ถามซะงั้น
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ciizqeen ที่ 30-05-2019 22:06:13
คุณคีนนนน รอคำตอบนะคะ555555  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-05-2019 22:16:12
มาแจวเรือโจ-เคน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-05-2019 22:19:15
ดิฉันลุ้นตอนลูกเปลอยู่ท้ายรถกระบะ มากกว่าลุ้นว่าอิคุณคีนจะเล่าเรื่องบ้านให้น้องฟังเมื่อไหร่ซะอีก ยึกยักโก่งราคาละซี้ 55555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-05-2019 22:37:27
บ้าๆๆ เขินมากกก  :o8:
นุ้งก็บอกไปตรงๆเลยรูกกก ว่าหนูเต็มใจ ไม่ต้องอ้างเรื่องบุญคุณแล้วรูกกก คุณคีนตะครุบหนูไม่เหลือแม้แต่กระดูแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 30-05-2019 22:56:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 30-05-2019 23:06:22
แฟนเปิ้ลจะมาทำอะไรเปลมั้ย คุณคีนดูน้องด้วยนะ

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 30-05-2019 23:14:53
เพิ่งเข้ามาอ่านนนคือติดมากจ้า
ขออาทิตย์ละ7ตอนเลยได้มั้ยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-05-2019 23:36:09
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 30-05-2019 23:52:00
นั่นสิๆืสรุกแล้วเราเป็นอะไรกัน

อยากให้เปลแทนตัวเองว่า “น้อง” เวลาคุยกับคุณคีนจัง

น่าจะจั๊กจี้ดี เขินล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2019 03:34:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 31-05-2019 06:42:08
คุณคีนกับเปลเป็นอะไรกันนะ
เสี่ยกับเด็กเสี่ยไหมคะ 555
น้องเปลถามตรงมากลูก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-05-2019 09:20:19
ตอบค่ะคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-05-2019 12:43:50
ไม่งงครับ แต่ค้างแทน 55
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-05-2019 13:35:42
คุณคีนมารับรางวัลค่ะ สอนดี ทำดี
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 31-05-2019 14:07:27
อร๊ายยยยยยยเขิน :-[ ชอบที่น้องกล้าที่จะถามคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 31-05-2019 15:12:27
เป็นความพึงพอใจแบบไหนนนนนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 31-05-2019 20:11:21
ชอบ :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 31-05-2019 22:28:09
คุณนักเขียนคะ ท่อนใกล้จะท้ายๆ พิมผิดรึเปล่าคะ เพลิดหรือเพลินอะคะ เราอ่านตรงนี้ย้อนไป3รอบกว่าจะเข้าใจ เราก็งงนานเลย 5555555555

บอกน้องสิคะ คุณคีน ว่าน้องเป็นอะไรสำหรับคุณ คนรักหรือภรรยา><
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-05-2019 23:33:23
คุณนักเขียนคะ ท่อนใกล้จะท้ายๆ พิมผิดรึเปล่าคะ เพลิดหรือเพลินอะคะ เราอ่านตรงนี้ย้อนไป3รอบกว่าจะเข้าใจ เราก็งงนานเลย 5555555555

บอกน้องสิคะ คุณคีน ว่าน้องเป็นอะไรสำหรับคุณ คนรักหรือภรรยา><

คำว่า เพริด ใช่มั้ยคะ ถูกแล้วค่า เพริด แปลว่า กระเจิดกระเจิง หรือ เตลิด ค่ะ
ขอบคุณมากๆ ค่า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-06-2019 05:50:12
เปลน่าเอ็นดู  :hao3: กลัวว่าพ่อกับแม่เปลจะไม่หยุดอยู่แค่นั้นน่ะสิ  :เฮ้อ: ปวดใจกับคนแบบนี้จริง ๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-06-2019 10:39:20
 o13 พี่คีนสายเปย์ พร้อมเปย์น้องเปลเสมอจ้า น่ารักจริงๆ ชอบแกล้งให้น้องเขิน   :o8:
อยากลุ้นคู่คุณพ่อโจ(จอมห่วง หวง ลูกสาว?) กับเลขาเคนมาก ไม่รู้จะมีหวังป่าวน๊า  :m20:
เจ้านายว่าชอบแกล้งแล้ว คนสนิทก็พอกัน หลงรักคุณเคนค่ะ  :mew1:
รักคนเขียนด้วย นิยายน่ารัก แต่ไม่พอใจตรงพ่อกับแม่อ่ะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-06-2019 21:32:48
ตอบน้องเลยค่ะคุณคีน ถามตรงขนาดนี้ต้องตอบตรงด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 01-06-2019 23:37:23
ดีนะที่แฟนเปิ้ลมันไม่มีปืน ไม่งั้นเปลโดนลูกหลงแน่เป็นเด็กเด๋อๆอยู่ด้วย
พ่อออออออเสี่ยอยากได้ทำเป็นเมียเด็กก็บอกไป เหลือโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทรัพย์สินให้น้องแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 01-06-2019 23:42:53
เอาใจช่วยเปลนะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 02-06-2019 00:38:39

ความสัมพันธ์ก็ Sugar daddy กับ Sugar baby ไงคะลูกเปล~♡♡ น้องเปลน่ารักมาก ไม่ใช่คนซื่อบื้อ แต่น้องเป็นเด็กดีมากๆ สมแล้วที่แด๊ดดี้จะหลงงง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 02-06-2019 00:42:50
โอ่ยยยๆๆๆ เป็น ‘คนรัก’ ไงค่ะน้องเปล เชื่อแม่!!! :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-06-2019 01:04:18
สนุกอ่ะ วางไม่ลงเลย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 02-06-2019 10:17:08
เปงเมียคุณคีนค่ะน้องเปล555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 02-06-2019 11:18:05
สายเปย์ที่แท้ทรูอ่ะคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 03-06-2019 00:13:48
สนุกมากครับ ชอบมากเลย เข้ามาดูทุกวันว่าอัพหรือยัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 03-06-2019 00:41:50
 :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aon_noaa ที่ 03-06-2019 17:25:35
คุณคีนร้ายนะเราน่ะ น้องติดกับเข้าให้เเล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-06-2019 20:46:16
 

BED CARE JOB

ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น





            ผมเดินเข้ามานั่งรอเรียนในเช้าวันจันทร์ วันนี้มาถึงเร็วกว่าปกติประมาณแปดโมงเพราะบ้านคุณคีนไกลจากที่มหาวิทยาลัยผมพอสมควร พวกเราเลยตื่นเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด

            และใช่ครับ ผมคนแข็งแรง เรื่องหัวแตกและเหตุการณ์เมื่อวานไม่สามารถทำให้ผมป่วยได้ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือสาวผมแดงนามว่าเปิ้ลที่มานั่งรอเรียนอยู่ก่อนแล้ว

            “มาเช้าจัง” เปิ้ลทักผมเมื่อผมเดินผ่าน

            “อือ กลัวรถติด แล้วเปิ้ลอะ ทำไมมาตั้งแต่เช้า”

            “เรากลัวแฟนเรารู้ว่ามาอยู่กับเกดอะ กลัวเกดมันซวยไปด้วยเลยรีบมา”

            “อันตรายมากเลยเปิ้ล ถ้ายังไงให้โจไปรับไหม มันขับรถมาอยู่แล้วไม่น่ามีปัญหาหรอก” ผมคาดเดา

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราหาหอใหม่ได้ก็น่าจะดีขึ้น แค่นี้เราก็รบกวนพวกแกมากแล้ว เออ..ว่าแต่แผลที่หัวเป็นไงบ้าง”

            “สบายมาก ไม่เป็นไร”

            “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แกเจ็บตัวเราไม่ค่อยสบายใจ”

           “บอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครคาดคิดอยากให้มันเกิดหรอกน่า แล้วแผลเล็กแค่นี้เอง สองสามวันก็หายแล้ว”

            “ก็พูดเกินไป หัวแตกนะไม่ใช่แผลถลอก อ้อ..ลืมไปแกมีคนดูแลดี แผลจะหายเร็วก็ไม่แปลก” เปิ้ลพูดจบก็หัวเราะตาหยีทั้งสองข้าง

            “ไม่ใช่สักหน่อย” ผมอึกอักตอบ สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล กลัวจะถูกโยงเข้าประเด็นอื่น

            “เปล เราขอถามแกเรื่องหนึ่งดิ”

            “เรื่องอะไร? ถามมาเลย”

            “แกรู้จักคุณเคนได้ไงอะ” นั่นไง ผิดอย่างที่คิดตรงไหน

            “เรื่องมันยาวน่ะ”

            “เราไม่ได้คิดดูถูกแกนะ คือแบบคือคุณเคนเขา ส่วนแกก็..โอ๊ย พูดไงดีวะ” เปิ้ลมีสีหน้าลำบากใจ

            “คนละชั้นใช่ไหม”

            “ไม่เชิงคือเขาน่าจะอายุมากกว่าแก มากกว่าเราเยอะอะ คนละรุ่นกัน มันไม่น่าจะโคจรมารู้จักกันได้เลย”

            “อืม แกพูดถูกแล้ว เรารู้จักเขาจากงาน”

            “งาน?งานนั้นเหรอ เขาเป็นคนจ้างแกเหรอ” เธอถามด้วยความตื่นเต้นสุดขีด พลางขยับเข้ามาเขย่าแขนผม

            “เปล่า ไม่ใช่คุณเคน”

            “ถ้าไม่ใช่คุณเคน แกอย่าบอกนะว่า...” เธอหยุดคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเบิกตากว้างขึ้น “โอ๊ย เป็นอย่างที่เราคิดจริง ๆ  ด้วย คนนั้นอะ คนนั้นใช่ไหมวะแก ไอ้เปล”

            “คนไหน”

            “คนนั้นไง”” เปิ้ลชะโงกหน้าเข้ามาใกล้แล้วบอกผมเสียงเบาทำหน้าตามีเลศนัย

            “คนไหน ไม่มี..เอ่อ..ไม่..ไม่..ไม่ใช่หรอก” พอต้องพูดโกหกทีไร ผมเป็นอย่างนี้ทุกที พูดไม่ค่อยออก แสดงพิรุธเต็มพิกัด

            “ไม่ต้องโกหกเราหรอกน่า เราก็ถามแกไปงั้นเองแหละ เรารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เปิ้ลยักไหล่ก่อนจะบอกผม

            “ห๊ะ!?รู้ได้ไง”

             “เมื่อวานตอนเราบอกแกกับโจว่าไปห้องน้ำอะ เราหลงทางนิดหน่อย ไม่รู้หลงแบบไหนเลยเดินไปโผล่ที่ลานจอดรถได้” ผมฟังเธอพูดแล้วประมวลสมองอย่างรวดเร็ว ควรเชื่อเธอจริงเหรอว่าเปิ้ลหลงทาง

            “แล้ว?”

            “เราก็เห็นแกขึ้นรถไปพร้อมกับคุณเคนไง”

            “แค่นั้นเหรอ” ผมใจเต้นระหว่างรอฟังคำตอบ

            “อืม แค่นั้น” ผมลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เธอคงไม่ทันได้เห็นคนในรถตู้ ผมนึกว่าเปิ้ลพูดจบแล้ว แต่เธอก็พูดต่อมาอีก “เราจำรถตู้คันนั้นได้” เธอยิ้มที่มุมปาก ราวกับว่าเธอกำลังล่วงรู้ความลับใหญ่เข้าให้แล้ว

            “!?”

            “คุณ...คีน” ปากที่แต้มด้วยลิปสติกสีแดงที่ผมระบุเฉดความอ่อนเข้มไม่ได้เอ่ยออกมาสองพยางค์โดยไร้เสียง ผมตัวแข็งเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว

            “กะ..แกจำผิดแล้ว” ผมอึกอักปฏิเสธ

            “แกลืมได้ไงว่าเราเป็นแฟนคลับเขา เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ เราจำได้กระทั่งทะเบียนรถเหอะ อยากรู้ไหมว่าทะเบียนอะไร เราจะบอกให้”

            “ไม่ ๆ  ไม่อยากรู้” ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน

            “วางใจเถอะน่า เราไม่บอกใครหรอก เราก็แค่อยากมากรี๊ดกับแก โอ๊ย อิจฉาแกว่ะเปล ไปทำอีท่าไหนถึงได้งานดีพรีเมี่ยมไปวะ เล่าให้เราฟังบ้างดิ เขาเป็นไง นิสัยดีไหม สุภาพปะ พูดเก่งหรือไม่ชอบพูด ดุไหม อะไรอีกวะ อยากรู้อะ เราอยากรู้ทุกเรื่องเลย” เปิ้ลรัวถามผมเป็นชุด ผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนเลย

            “คุณคี..เอ่อ..เขาก็ดีนะ” ไหน ๆ  ก็ไหน ๆ  แล้วรับไปเลยก็แล้วกัน

            “อะไร? แค่นี้เองอะ” เธอว่าอย่างเสียดาย

            “เราก็ไม่ค่อยรู้หรอก” ผมลำบากใจจะพูด ไม่อยากเอาเขามาเล่าเลย

            “เออ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่อิจฉาแกว่ะเปล” เธอทำท่าปลื้มปริ่มยินดีไปกับผม มันมีอะไรแปลก ๆ  ว่าไหม

            “เปิ้ล แกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

            “รู้สึกอะไรวะ”

            “คือเขาเป็นผู้ชายแล้วเราก็เป็นผู้ชาย” ผมถามเธอเสียงเบา ถึงจะไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนนอกจากเรา แต่ผมก็ไม่วางใจ

            “อ่อ..แกกังวลเรื่องนี้เองเหรอ ไม่ต้องคิดมากนะ เขารู้กันหมดแล้ว”

            “รู้ว่า?”

            “แกนี่นะ ก็รู้ว่าเขาคนนั้นน่าจะไม่ชอบผู้หญิงไงเล่า”

            “ทำไม”

            “คนก็เล่า ๆ  กันมาอะ ข่าวลือ เราเองก็สงสัยมาตลอดว่าใช่ไม่ใช่ ในฐานะที่เราเป็นแฟนคลับเขา ขอบอกเลยว่าข่าวลือเยอะมากนะแก แต่ไม่เคยมีใครจับได้มั่น ๆ คาตาสักที แต่ตอนนี้เราชัวร์แล้วเพราะแกไง”

            “เพราะเราเหรอ”

            “อืม”

            “ขอร้องนะเปิ้ล อย่าบอกใครนะ เราไม่อยากทำให้เขาต้องเสียชื่อเสียงเพราะเราอะ” ผมเริ่มวิตกกังวลถ้าความลับคุณคีนแตกเพราะผมล่ะก็ ผมคงไม่สบายใจและต้องเป็นทุกข์รู้สึกผิดมากแน่ ๆ

            “เราไม่บอกใครหรอกน่า สัญญาเลย แล้วแกก็ไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าเขาอยากปกปิดขนาดนั้นคงไม่ให้คนมารับแกถึงที่โรง’บาลหรอก ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณเคนเป็นคนสนิทเขา”

            “คุณเคนบอกทุกคนว่าเราเป็นน้องชาย”

            “ข้ออ้างทั้งนั้น สืบประวัติก็รู้แล้วไหมว่าคุณเคนมีน้องชายจริงหรือเปล่า แต่เราผิดหวังนิดหน่อยนะ” เปิ้ลหน้าม่อยลงเล็กน้อย

            “ผิดหวังอะไร”

            “เรานึกว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันเสียอีก เห็นตัวติดกันตลอด เจอคุณเคนที่ไหน ต้องมีอีกคนที่นั่น”

            “อืม เราก็เคยคิด”

            “ตกลงไม่ใช่?”

            “ไม่ใช่หรอก คุณเคนคงไม่ใจกว้างมารับเราไปส่งให้แฟนหรอกมั้ง” ผมพูดติดตลก

            “ถ้าคุณเคนไม่ใช่แฟน ส่วนแกก็บอกว่าไม่ได้ทำงานนี้แล้ว ตกลงแกเป็นอะไรกับคนนั้นอะ”           
           






            “ถ้าอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้เป็นแบบไหนเหรอครับ”

            ผมถามออกไปแล้วก็ตกใจคำถามตัวเอง เหมือนผมกำลังถามหาความสัมพันธ์กับเขา ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมจะไปกล้าคิดกับเขาได้ยังไงกัน

            “เอ่อ.. ไม่ใช่ครับคุณคีน ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ผมรีบต่อประโยคถัดมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด

            “แล้วหมายความแบบไหนครับ”

            “คือผมไม่ได้ทำงานให้คุณแล้ว แต่คุณยังให้เงินผมมาแบบนี้ ผมไม่ค่อยสบายใจ ถึงคุณจะบอกว่าคุณเต็มใจให้ก็เถอะครับ”

            “ครับ แล้วยังไงอีก”

            “ผมเลยแค่อยากจะรู้ว่าเรา..ผมกับคุณ เราอยู่ในฐานะแบบไหนกัน เป็นเจ้าหนี้กับลูกหนี้ใช่หรือเปล่าครับ”

            “แล้วคุณอยากให้เราอยู่ในฐานะไหน”

            “ฐานะไหนก็ได้ครับ เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ก็ได้ครับ ผมติดหนี้คุณไว้เยอะมากทั้งเรื่องเงิน เรื่องที่บ้าน ไม่รู้เมื่อไหร่จะใช้หนี้คุณหมดเลยด้วยซ้ำ”

            “ตอนที่คุณขอให้ช่วยเรื่องที่บ้าน ผมบอกคุณว่ามีข้อแม้ข้อหนึ่งใช่ไหม”

            “ครับ”

            “ในเมื่อคุณถามคำถามนี้มาก็ดี ผมคิดว่าผมเองก็ควรจะทวงข้อแม้นั่นด้วยเช่นกัน”

            “ได้ครับ ข้อแม้ที่ว่ายากไหมครับ”

            “รับรองว่าไม่ยากเกินความสามารถของคุณ”

            “คืออะไรครับ”

            “แค่เป็นเด็กดีให้ผมก็พอ”

            “ได้ครับ ผมจะเป็นคนดีให้คุณ” คุณคีนของ่ายจริงด้วย ว่าแต่การจะเป็นคนดีนั้น ผมต้องทำยังไง

            “ผิดแล้วครับ ไม่ใช่ความหมายนั้น”

            “ไม่ใช่เหรอครับ”

            “ผมหมายถึงเป็นเด็กดีของผมต่างหาก”

            “เด็กดีของคุณ?”

            “ถูกต้องครับ”


            ผมหายใจเข้าโดยแรง คำนี้มันสื่อความหมายออกมาได้แบบไหนบ้าง แล้วผมต้องคิดในความหมายไหน ควรคิดเข้าข้างตัวเองหรือไม่ควรคิดเพ้อเกินไป

            “...” ผมกำลังใช้ความคิดเมื่อเขาถามขึ้นอีก

            “หืม? ทำไม่ได้เหรอ”

            “ไม่ใช่ครับ คือผมไม่ค่อยเข้าใจคำขอของคุณ”

            “เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘การกระทำสำคัญกว่าคำพูด’ ไหมครับ”

            “เคยครับ”

            “อืม ถ้าเคยได้ยินก็ดี งั้นผมขอถามคุณนะครับเปล การกระทำของผมมันแทนคำพูดไม่ได้เลยหรือ คุณถึงไม่เข้าใจ” คุณคีนพูดเสียงขรึมกว่าปกติ

            ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องคุณคีนในความมืด เสียดายที่มองไม่เห็นใบหน้าเขา ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหน ยังไง คิดอะไรอยู่

            “คุณคีนโกรธผมเหรอครับ”

            “น้ำเสียงผมฟังดูเหมือนโกรธหรือ”

            “ดูคุณไม่ค่อยพอใจ”

            “ครับ ผมไม่ค่อยพอใจ” คำพูดคุณคีนทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ใจห่อเหี่ยว เขาคงโกรธผมเข้าให้แล้ว

            “ขอโทษนะครับ”

            “ขอโทษทำไมครับ ผมไม่ได้ไม่พอใจคุณ”

            “อ้าว?”

            “ผมแค่ไม่พอใจตัวเอง”

            “ทำไมครับ” ผมประหลาดใจทำไมเขาถึงไม่พอใจตัวเองไปได้

            “คุณไม่เข้าใจความหมายของผม ทำให้ผมเห็นว่าทั้งหมดที่ผ่านมา สิ่งที่ผมทำมันยังไม่พอที่จะให้คุณรับรู้ได้ยังไงล่ะครับ”

            “คือ..ไม่ใช่อย่างนั้นครับ สิ่งที่คุณทำ ผมรู้และเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพียงแต่ผมไม่กล้าคิดไปไกลถึงขนาดนั้น” ผมละล่ำละลักบอก

            “กลัวอะไรครับ”

            “เราเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ผมเคยขายให้คุณและคุณเคยซื้อตัวผม คุณนอนกับผม ส่วนผมได้เงินจากคุณ จุดเริ่มต้นของเราตั้งแต่แรกไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยครับ”

            “เราผิดด้วยกันทั้งคู่ครับ คุณไม่ควรขายและผมไม่ควรซื้อคุณตั้งแต่แรก”

            “ใช่ครับ อีกอย่างนอกจากผมแล้วคุณยังซื้อใครมานอนด้วยอีกไหมก็ไม่รู้ จะให้ผมไม่กลัวได้ยังไงล่ะครับ”

            “ที่พูดออกมาเพราะน้อยใจหรือพูดเพราะกำลังจับผิดผม หืม?”

            “เปล่าครับ ผมไม่ได้จับผิดคุณ”

            “อืม พูดแบบนี้แสดงว่าจับผิดผม” คุณคีนหัวเราะในลำคอ ผมขอพูดอีกครั้งว่าผมเริ่มไม่ชอบเสียงหัวเราะของเขาแล้วล่ะ

            “ไม่ใช่ครับ” ผมเถียงเขา ผมไม่ได้จับผิดเขาสักหน่อย ถ้าหากคุณคีนจะหาคนมานอนด้วยมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว

            “โอเคครับ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ นั่งอยู่อย่างนี้ไม่เมื่อยเหรอ” คุณคีนไม่พูดเปล่า เขาดึงแขนผมให้ลงไปนอน เพียงแต่ไม่ใช่บนเตียงกลับเป็นบนตัวของคนที่ออกแรงดึง

            “คุณคีนให้ผมนอนดี ๆ  ได้ไหมครับ” ผมประท้วง

            “แล้วนอนตรงนี้ไม่ดีตรงไหน”

            “ก็..ผมอยากนอนบนเตียง”

            “เลี่ยงอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอบคำถามผมมา ถ้าตอบได้ถูกใจ ผมจะให้คุณได้นอนบนเตียงอย่างที่ต้องการ”

            “ครับ ถามมาสิครับ” ผมรับคำโดยง่ายไม่อิดออด ไร้ประโยชน์ที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับคน ๆ  นี้

            “เข้าใจความหมายข้อแม้ของผมหรือยัง”

            “ผม..”

            “ถ้ายังไม่เข้าใจก็นอนอยู่แบบนี้นะครับ” ผมจะไม่เป็นอะไรเลยถ้ามือคุณคีนจะไม่ลูบตัวผมเล่นอย่างนี้ ขี้โกงชัด ๆ  ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน

            “ไม่แกล้งผมได้ไหม”

            “ผมไม่ได้แกล้งคุณเลยครับเปล ตกลงว่าเข้าใจหรือยัง” นอกจากตัวผมแล้ว คอผมก็โดนไปด้วย คุณคีนถามทั้งที่ปากเขาไม่ได้ห่างจากคอผมเลย

            “...”


            ผมอยากจะร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากคนด้านนอก แต่คงไม่มีใครเข้ามาช่วยผมอยู่ดี ผมจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง ถ้าตอบว่าไม่เข้าใจ คุณคีนจะให้นอนบนตัวเขาไปทั้งคืนจริงเหรอ ไม่มีทาง ผมตัวหนักจะตายไป เขาไม่มีทางให้ผมนอนจริง ๆ  หรอก คุณคีนก็แค่ตั้งใจขู่ผมมากกว่า


            “ตกลงว่าไม่เข้าใจจริง ๆ  สินะ” คุณคีนบอกที่ข้างหู ตอนนี้ผมนอนซบอกเขาอย่างสิ้นแรงอันมาจากความวุ่นวายที่เขาสร้างขึ้น แนบใบหน้าฟังเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะช้า ๆ ไม่เร็ว ต่างจากใจผมที่เต้นรัวเป็นกลอง

            จังหวะที่คุณคีนเลื่อนมือลงไปข้างล่างตัวผม สอดมันเข้าไปในกางเกงนอน ผมคิดว่าถ้าผมยังทำเป็นไม่เข้าใจ พรุ่งนี้ผมอาจจะไปเรียนไม่ไหว

            ผลพวงจากแผลหัวแตกทำให้ป่วยก็ได้ จริงไหม


            “พอแล้วครับ ๆ  ผมเข้าใจแล้ว” มือที่อยู่ในกางเกงผมหยุดนิ่งค้างไว้

            “เข้าใจว่าไงครับคนเก่ง”

            “ผมจะเป็นเด็กดีของคุณครับ” ผมพูดเร็วจนลิ้นเกือบพันกัน

            “เป็นเด็กดีของผมนี่เป็นยังไง” เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะหนีไปจากคุณคีนให้ได้ เป็นคนเสนอข้อแม้มาแล้วมาย้อนถามผมได้ยังไง

            “ก็เป็นเด็กดีไงครับ เขาเป็นกันยังไง ผมก็เป็นแบบนั้น”

            “เล่นลูกไม้เหรอ” มือที่หยุดอยู่ในกางเกงผมเริ่มขยับอีกครั้งจนผมร้องเสียงหลง

            “ไม่แล้วครับ ผมเข้าใจแล้วจริง ๆ”

            “เข้าใจว่า?”

            “ผมจะอยู่กับคุณ ไม่ดื้อกับคุณ ไม่ชอบคุณเคนมากกว่าคุณ ไม่ไปจากคุณ โอเคไหมครับ”

            “ยังไม่โอเค มีอะไรอีกที่จะทำให้ผมพอใจ”

            “ผมจะ..เป็นของคุณคนเดียว พอใจหรือยังครับ”

            “โอเคครับ ผมพอใจมาก เด็กดีของผม” คุณคีนหอมแก้มผมและย้ายมาที่หัวเป็นการช่วยยืนยันว่าเขาพอใจในคำตอบมากแค่ไหน ไม่ต้องเปิดไฟตอนนี้ก็รู้ว่าเขาต้องยิ้มหน้าบานแน่ ๆ 

            “ให้ผมนอนบนเตียงดี ๆ  ได้หรือยังครับ”

            “ตามสบายเลยครับ” เขาปล่อยให้ผมลงไปนอนได้อย่างอิสระ “แล้วก็..พรุ่งนี้สระผมด้วยนะครับ”

            “หมอยังไม่ให้โดนน้ำ ทำไมเหรอครับ”

            “หัวเหม็นอีกแล้ว”

            “แต่..” ผมอยากจะเถียงกลับไปว่าใครใช้มาดมหัวเน่า ๆ  ของผมเองล่ะ แต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอกครับ

            “ไม่เป็นไร อีกห้องหนึ่งมีอ่างอาบน้ำเดี๋ยวผมสระให้” ผมขมวดคิ้วในความมืด มีอ่างอาบน้ำกับไม่มีมันช่วยผมให้รอดพ้นจากแผลไม่ถูกน้ำยังไง

            คิดว่าเช้านี้ผมได้สระผมมาเรียนไหม?




           
            “ไอ้เปล เฮ้ย แกคิดอะไรอยู่ แล้วนี่เป็นอะไรหน้าแดงเชียว ไม่สบายเหรอ” เปิ้ลดึงสติผมกลับมา เห็นเธอกำลังโบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้าผม

            “ฮะ?”

            “เนี่ยเราเรียกแกตั้งนานแล้ว ไม่เห็นตอบ ใจลอยไปถึงไหน”

             “โทษที เราคิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ แกว่าอะไรนะ”

            “เราถามว่าตกลงแกกับเขาเป็นอะไรกัน”
 
            “คนรู้จักมั้ง”

            “เชื่อก็โง่ละ ไปหลอกเด็กอนุบาลเหอะหรือว่าแกกับเขาไม่มีสถานะกัน?” เปิ้ลตั้งข้อสงสัย

            “ความลับ บอกไม่ได้”

            “โหย เล่นตัว”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น บอกไม่ได้จริง ๆ”

            “อืม ๆ  เราเข้าใจบางทีคนมันก็ต้องมีเรื่องที่พูดไม่ได้บ้างอะเนอะ” เปิ้ลยักไหล่ท่าประจำของเธอทีหนึ่งก่อนจะหันไปเห็นว่าสมาชิกในกลุ่มเริ่มทยอยมาแล้ว บทสนทนาส่วนตัวระหว่างผมกับเปิ้ลจึงจบเพียงเท่านี้

            “ขอบใจนะ”



 
            ตลอดช่วงเช้าผมเอาตัวรอดจากสายตาโจมาได้อย่างหวุดหวิด ผมปิดปากสนิทไม่ยอมเล่าอะไรให้มันฟังเลยนอกจากอาการแผลที่หัวเท่านั้น มันคงไม่พอใจโมโหผมพอสมควรที่ผมดื้อแพ่งไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรแต่เมื่อเห็นว่าผมทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็งทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ร้ายเลยสักนิด โจจึงเลือกไม่ถามผมอีก


            พอเข้าสู่ช่วงบ่ายผมตั้งใจทำงานเต็มที่ในร้านกาแฟพี่ปุยฝ้ายถึงแม้ว่าจะแอบเผลอชะโงกหน้าไปนอกร้านหรือสอดส่องมองหารถตู้คุ้นตาอยู่เป็นระยะ ก็..คุณคีนบอกว่าจะแวะมาหากาแฟดื่มไม่ใช่หรือ


            สุดท้ายคุณคีนก็ไม่ได้มาตามที่บอก ผมผิดหวังนิดหน่อยแต่ไม่ได้มากมายอะไร เขาคงติดธุระหรือมีงานรุมเร้าเข้ามาตลอดทั้งวัน ผมยกมือไหว้ลาพี่ปุยฝ้ายเมื่อถึงเวลาเลิกงาน แวะเข้าไปหาอะไรกินในร้านสะดวกซื้อ พร้อมกับของใช้นิดหน่อยก่อนจะกลับห้อง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน UP 30/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-06-2019 20:46:35


            โทรศัพท์สั่นเบา ๆ  เมื่อผมวางมันลงบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องได้สักพัก เป็นเบอร์ไม่โชว์อีกแล้ว ใจผมเต้นอยู่พอประมาณเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามา ผมมองเบอร์ที่ไม่ปรากฎแล้วชักสงสัยว่าเบอร์ที่คุณคีนให้ผมไว้นั้นมันใช้งานได้จริงหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นเขาใช้เบอร์นี้โทรหาผมเลยสักครั้ง


            “ครับ”

            “คุณเลิกงานหรือยังครับ”

            “เลิกแล้วครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อตะกี้นี่เอง” ผมบอกเขาให้ครบ ไม่งั้นคงได้เล่นยี่สิบคำถามแน่

            “ขอโทษด้วย วันนี้ผมไม่ได้แวะเข้าไปหา มีเรื่องยุ่ง ๆ นิดหน่อย”

            “ไม่เป็นไรครับ กาแฟดื่มที่ไหนก็ได้ แต่คุณก็อย่าดื่มเยอะเกินไปนะครับ” ผมไม่อยากเตือนเขาหรอกแต่มันอดไม่ได้เพราะเขาดื่มกาแฟหนักมากจริง ๆ  นี่นา

            “วันนี้ผมดื่มกาแฟไปสองแก้ว”

            “ลดลงมาก็ดีแล้วครับ”

            “ผมก็อยากลดนะ แต่เวลาที่ต้องใช้ความคิดมันก็เผลอลืมตัวเรียกหากาแฟอยู่เรื่อย วันนี้ที่ผมดื่มกาแฟน้อยเพราะกาแฟไม่อร่อย ผมเลยไม่อยากดื่มอีก”

            “ทำไมครับ คุณเคนซื้อกาแฟมาไม่ถูกใจคุณเหรอครับ”

            “ไม่ใช่ครับ เขาก็ซื้อร้านเดิมให้ผม”

            “แล้ว?”

            “แต่คนที่เอากาแฟมาให้ผมคือเคน กาแฟมันเลยไม่อร่อย”

            “คุณเคน? เกี่ยวอะไรกับคุณเคนเหรอครับ” ผมเริ่มงง คุณคีนจะสื่ออะไร คุณเคนคือคนที่ไปซื้อมาให้ กาแฟร้านเดิม

            ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบา ๆ  เขาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มนอกจากพูดประโยคใหม่ขึ้นมา

            “ผมจะคิดเสียว่าคุณไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองก็แล้วกันนะครับ”

            “เปล่าสักหน่อย” ผมบอกเขา หัวใจเต้นรัวโครมครามไม่หยุด เร็วอีกนิดน่ากลัวว่าจะหลุดออกมาจากอกแล้ว ผมเปลี่ยนเรื่องคุยกับเขาดีกว่าจะได้ไม่เข้าตัวมากไปกว่านี้ “เอ่อ..แล้วคุณเลิกงานแล้วเหรอครับ”

            “ยังเลยครับ ผมได้พักสิบห้านาทีเดี๋ยวจะกลับเข้าไปประชุมพรรคอีก”

            “เหนื่อยแย่เลยนะครับ”

            “ชินแล้ว แต่อีกไม่นานผมคงจะว่างแล้ว”

            “คุณจะไม่เป็นนักการเมืองแล้วใช่ไหมครับ เอ่อ..ผมเคยได้ยินข่าวว่าคุณจะลาออกจากพรรค” ผมเดาเอาว่าเขาน่าจะว่างเพราะเลิกเล่นการเมือง

            “ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยเรียกตัวเองว่านักการเมืองครับ ผมเป็นแค่คนงานคนหนึ่งที่คอยช่วยงานในพรรคเท่านั้น”

            “ครับ ถ้าเลิกงานแล้วคุณจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” ผมชวนเขาคุยเรื่องอื่นเมื่อคิดได้ว่าเขาน่าจะตอบผมง่ายขึ้นถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง

            “อยากให้ผมไปรับที่ห้องไหม แต่คงจะดึกหน่อย”

            “วันหลังได้ไหมครับ ผมอยากทำโปรเจ็กต่อให้จบบทก่อนน่ะครับ กลัวไม่ทันเดดไลน์ ศุกร์นี้ต้องอัปเดตอาจารย์แล้วครับ”

            “อืม จริงสิ ผมก็ลืมไปว่ากำลังคุยกับนักศึกษาปีสี่อยู่”

            “ไม่แซวสิครับ อีกไม่กี่เดือนผมก็เรียนจบแล้ว”

            “ก่อนจบก็เริ่มไปสมัครงานบ้างนะครับ”

            “ครับ ผมก็กำลังดู ๆ  อยู่ บริษัทที่เคยไปฝึกงานก็ติดต่อกลับมาเหมือนกันครับ”

            “ลองเลือกดูนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ยกเว้นฝากงานให้ อันนี้ผมไม่ช่วย ผมอยากให้เด็กของผมโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ” เขาหัวเราะก่อนจะพูดประโยคสุดท้าย

            “รู้ครับ ผมเองก็ไม่ชอบระบบเส้นสายเหมือนกัน”

            “เอาละ ผมต้องกลับเข้าไปข้างในแล้ว”

            “เดี๋ยวครับคุณคีน” ผมท้วงเขาไว้ก่อนที่ปลายสายจะวาง

            “ครับ?”

            “ถ้าไม่รบกวนคุณเกินไปนัก ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกผมหน่อยได้ไหม”

            “ทำไมครับ” ผมไม่ควรจะบอกเขาจริง ๆ  อยากตบปากตัวเองด้วย เขารู้อยู่แล้วว่าทำไมแต่ก็ยังย้อนถามผม

            “คือ..”

            “เรื่องในใจถ้าไม่บอก ผมก็จะไม่รู้นะครับ”

            “เอ่อ..ผม”

            “บอกผมให้ชื่นใจมีแรงก่อนไปทำงานหน่อยได้ไหม”


            ในเมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้ ถ้าผมไม่พูดคงจะใจร้ายเต็มที ผมตั้งสติรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป


            “ถ้าถึงบ้านแล้วช่วยส่งข้อความมาบอกผมหน่อยนะครับ” ผมทวนคำพูดเดิมอีกครั้งก่อนจะพูดประโยคถัดมา “ผมเป็นห่วงครับ”

            “เก่งมากครับเด็กดีของผม” เขาปิดท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นอีกแล้ว



 

            หน้ายังไม่หายเห่อร้อน ใจผมยังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ โทรศัพท์กลับสั่นขึ้นมาอีก ผมนึกว่าคุณคีนอาจจะลืมบอกอะไรผมหรือเปล่า จึงยื่นมือออกไปเตรียมจะกดรับเพราะกลัวเขารอนาน แต่พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา มือผมถึงกับชะงัก หน้าที่เคยร้อนกลับเย็น ใจที่เต้นเร็วกลับช้าลง ช้าลงเรื่อย ๆ พร้อมกับผมที่กดรับสายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            “ครับแม่”

            “พี่เปล ปิงเองนะ” พอเป็นเสียงน้องชายทำให้ผมหายใจโล่งขึ้นกว่าเดิม

            “ปิงเหรอ อ้าว โทรมาได้ไง นี่เบอร์แม่ไม่ใช่เหรอ โทรมาก็ดีแล้ว พี่เองคิดจะโทรหาปิงอยู่พอดี”

            “อื้อ โทรศัพท์ปิงไม่มีตังอะ ปิงเลยเอาโทรศัพท์แม่มาโทร พี่เปล..ปิงรู้เรื่องหมดแล้วนะ”

            “รู้ว่า?” ผมลองหยั่งเชิงถามน้อง ไม่รู้ว่าไอ้ที่บอกว่ารู้ของปิงเนี่ย เขารู้มากน้อยแค่ไหน

            “ก็รู้ว่าพี่คอยส่งเงินมาให้พ่อแม่แล้วก็ปิงน่ะสิ ปิงไม่เคยรู้เลย แม่บอกว่าพี่เปลไม่ค่อยมีตัง โทรมาขอเงินบ่อย ๆ  แม่เลยไม่อยากให้ปิงโทรไปกวนพี่”

            “อ่อ..เหรอ แล้วรู้อะไรอีกไหม” การที่ผมไม่เคยบอกน้อง หวังดีกับน้อง กลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

            “เรื่องที่แม่จะเอาปิงไปทำงานที่อื่นด้วย”

            “อืม”

            “ปิงจะโทรหาพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ปิงไม่มีตัง เลยรอแม่เผลอก่อนถึงเอาโทรศัพท์มาโทรได้”

            “เมื่อวานทำไมล่ะ”

            “มีผู้ชายตัวสูง ๆ  ใหญ่ ๆ สองคนมาที่บ้านเรานะพี่ แล้วพาตำรวจมาด้วย พ่อกับแม่กลัวมาก ปิงก็กลัวมากนึกว่าพ่อแม่ไปทำอะไรไม่ดีเข้า ตกใจกันทั้งบ้านเลย” ปิงเล่ามาอย่างรวดเร็ว ผมนึกภาพว่าลำพังแค่คุณคีนกับคุณเคนไปที่บ้านผมหลังเล็กนั่น ก็แทบจะไม่พอให้เขายืนแล้ว ยังพาตำรวจไปอีก คงเบียดเสียดจนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้เดินเลยล่ะ

            “พ่อแม่ทำอะไร แล้วคนที่มากับตำรวจนั่นเป็นใคร พูดอะไรกับพ่อแม่บ้าง”

            “ปิงไม่รู้ คือปิงไม่รู้ว่าพวกเขามาที่บ้านเราตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะปิงไปช่วยงานที่บ้านข้าง ๆ  เลยไม่รู้เขาพูดอะไรกันบ้างแล้ว ปิงมาทันแค่เขาเอาสัญญามาให้พ่อกับแม่เซ็น แล้วบอกว่าห้ามขายปิงกับพี่เปลอีก ถ้าไม่หยุด เรื่องจะไม่จบลงแค่นี้”

            “อือ แล้วไงอีก” ผมถามต่อ

            “พอพวกเขากลับไป แม่กับพ่อไล่ปิงให้ออกไปรอข้างนอกบ้านก่อน ปิงได้ยินเสียงทะเลาะกันรุนแรง ปิงกลัวอะพี่เปล”

            “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรหรอก”

            “พี่เปล..ปิงอยากรู้” ปิงทำเสียงไม่สบายใจ

            “อยากรู้อะไร”

            “ที่พวกเขาบอกว่าห้ามขายปิงกับพี่เปลอีก มันคือการขายอย่างที่คนในหมู่บ้านชอบเอาลูกไปขายใช่ไหมพี่”

            “ปิง..” ผมไม่รู้จะบอกน้องยังไงดี ความฝันของเขาคงพังทลายที่พ่อแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเคยวาดไว้

            “ปิงไม่เคยรู้เลย พ่อแม่ก็เคยเอาพี่เปลไปขายมาก่อนใช่ไหม”

            “ไม่เป็นไรนะปิง ไม่ต้องร้องไห้ ตอนนั้นพี่ไม่เป็นไร”

            “พี่เปล ปิงขอโทษนะที่ไม่เคยช่วยอะไรพี่ได้เลย”

            “ขอโทษพี่ทำไมเล่า ตั้งใจเรียนให้จบก็พอ แล้วเลือกมหา’ลัยได้ยัง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ปิงต้องรู้สึกไม่ดี

            “ปิงเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่ปิงไปอยู่กับพี่ที่กรุงเทพฯ ได้ไหม ปิงไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

            “ได้สิ แต่พี่อยากให้ปิงอดทนเรียนให้จบม.หกก่อนเพราะถ้ามาตอนนี้ปิงต้องเรียนซ้ำอีกรอบ”

            “อือ ปิงจะอดทนเรียนให้จบ ถ้าหากไปตอนนี้ก็จะเพิ่มภาระให้พี่อีก”

            “ถ้าไม่ไหวหรือพ่อแม่ทำอะไรอีกให้รีบโทรบอกพี่รู้ไหม”

            “ได้”

            “แล้วมีเงินใช้ไหม”

            “มี ๆ  ตอนที่คนตัวสูง ๆ  จะกลับอะ เขาให้เงินปิงไว้ โชคดีตอนนั้นพ่อแม่ไม่เห็น เขาบอกว่าให้ปิงเก็บไว้ใช้เผื่อฉุกเฉิน”

            “เก็บดี ๆ  นะ อย่าไปทำหายที่ไหนล่ะ”

            “อืม ขอบคุณนะพี่เปลที่ช่วยปิงมาตลอด”

            “ไม่ช่วยน้องแล้วจะให้พี่ช่วยใคร จริงไหม”


            ก่อนวางสายผมถามปิงเรื่องที่คุณคีนกับคุณเคนไปที่บ้านอีกแต่ไม่ได้ความเพิ่มนอกจากที่ปิงเล่ามาในทีแรก ปิง บอกว่าผู้ชายตัวสูงใหญ่พาตำรวจมาที่บ้าน ซึ่งตรงกับที่คุณคีนเล่าให้ผมฟัง แต่เขาไม่เห็นพูดถึงเรื่องสัญญาที่ให้พ่อแม่ผมเซ็นเลย




            สัญญาอะไร?




=============================================



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ปล โค้งสุดท้ายแล้วค่า



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 03-06-2019 21:25:52
แหมๆๆๆ น้องเปลคือเด็กดีของคุณคีน :hao3:
นี่คุณคีนหลอกเด็กอีกแล้ว หลอกน้องพูดว่าเป็นของคุณคีนคนเดียว แถมยังแอบหนุบหนับน้องด้วย
ร้ายนะค้าาาาาาา :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 03-06-2019 21:36:23
ต้อนน้องเก่งงงงง คลร้ายย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-06-2019 21:38:34
แหมๆๆๆ เปลเด็กดีของคุณคีน น่าอิจฉานะเนี้ย o18
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 03-06-2019 21:53:11
งื้อ คุณคีนคะ คนอ่านเขินไปหมดแล้วค่ะ แพรวพราวเหลือเกิน
ดูท่าคุณคีนจะชอบบทเสี่ยกับเด็กน้อยจังเลยนะคะ สถานะแฟน คนรักอะไรไม่มีหรอก จะให้น้องเป็น'เด็กดีของผม' อย่างเดียวเลย แล้วทีนี้จะให้คุณคีนเป็นอะไรของน้องเปลดีล่ะคะ
น้องเปลตอนคุยกับปิงดูโตมากเลย แต่พออยู่กับคุณคีนคุณเคนโดนแกล้งเอาๆสะได้ แต่ยิ่งน้องโดนแกล้งก็ยิ่งน่าเอ็นดู อดจะเชียร์ให้คุณคีนแกล้งน้องเยอะๆไม่ได้เลย  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2019 22:15:22
รับเลี้ยงสิคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2019 22:38:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 03-06-2019 22:52:22
โอ้ยย คุณคีน ~~คนดีของน้องเปล
////ตอนนี้คุณเคนไม่มา คิดถึงจังเลยค่ะ โดนคุณเคนตก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-06-2019 22:52:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-06-2019 22:56:25
 :impress2: :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2019 23:09:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 03-06-2019 23:18:35
สัญญาสู่ขอป่ะคะ555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 03-06-2019 23:42:57

เป็นแด๊ดดี้ดีงามมากเลยค่ะ งื้ออิ น้องก็เป็นเด็กดีน่ารักน่าแกล้ง โอยย รอติดตามนะคะะะะ อยากรู้ว่าองคนนี้จะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 03-06-2019 23:52:10
ชั้นเชิงของคนอายุ 40 กว่าอะเนอะ
แพรวพราวเหลือเกินค่ะคุณคีน
น้องเป็นเด็กดีของคุณคีน
แล้วถ้ามีหนุ่มๆมาจีบน้องจะให้น้องบอกหนุ่มๆพวกนั้นว่ายังไงดีค่ะ
อยากให้คุณคีนขอน้องเป็นแฟน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-06-2019 00:55:58
คุณคีนน ร้ายกาจจจจ
เป็นคนดีของคุณคีนหรอ คลบ้าๆๆ บ้าที่สุด
ม้วนไป4ตลบแทนนุ้งเปล หนูทำบุญด้วยอะไรหรอลูกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 04-06-2019 01:24:49
เขินคุณคีนแทนเปลได้ไหม คุณคีนไม่อ่อนโยนเลยค่า ทางนี้ใจไม่ดีเลยอยากมีคุณคีนเป็นของตัวเองง 555 5 // สัญญาที่ให้เซ็นน่าจะเป็นสัญญาสู่ขอแน่เลย ขอรับเปลไปดูแลเองงี้
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Calvadoz ที่ 04-06-2019 01:29:55
อ่านแล้ว เด็กดีของคุณคีน นี่กึ่งๆแฟนชัดๆเลยค่ะ
ชอบมาก สายเปย์แบบนี้ แถมให้คำปรึกษาได้ พึ่งพาได้ ชีวิตจริงมีม้ายยยยยย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 04-06-2019 01:52:50
อ่านละเขิน แต่หนูเปลเอ้ยยยยย อิหนู ลูกเอ้ยยยยยยยยยย เป็นห่วงก็บอกเค้าไปตรงๆว่าเป็นห่วง เค้าอยากรู้หรอก ถึงได้ถามหาเหตุผลน่ะ รู้สึกยังไงกับพี่เค้าก็บอกไปตรงๆเลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-06-2019 01:53:50
เป็นผู้มีประสบการณ์เล่ห์เหลี่ยมก็ต้องแพรวพราวเป็นธรรมดาสินะคุณคีน  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 04-06-2019 07:24:44
เขินหนักมากกก เด็กดีของผม กรี๊ดดดดดด
 :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 04-06-2019 10:17:36
อยากเป็นเด็กดีๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 04-06-2019 13:44:39
ร้ายมากคุณคีน ทำไมสถานะนี้มันดูเขินจัง :-[  :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 04-06-2019 14:30:11
งานนี้เรียกแด๊ดดี้ได้แล้วววว น้องเปล :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-06-2019 21:08:51
คุณคีนเหมือนวางแผนทุกสิ่งไว้หมดแล้วเลย มีน้องเป็นเด็กดีเรียบร้อย กรี๊ดๆ  :mew2: :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 04-06-2019 21:12:14
อยากมีคุณคีนเป็นของตัวเองจังเลยค่ะ...เพ้อ  :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 04-06-2019 21:26:31
ะคุณคีนละก้อน่าอิจฉาน้องเปล
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 04-06-2019 23:14:58
จบสิ้นกันสักทีเถอะกับครอบครัวนี้ ทั้งเปลกับปิงจะได้หลุดพ้นจากพ่อแม่แบบนี้สักที ต้องให้ถึงมือคุณคีน หึๆ นี่คิดว่าแฟนเก่าของเปิ้ลยังไม่จบง่ายๆ แน่เลยอ่ะ ขออย่ามาสร้างความลำบากให้เปลไปอีกคนก็พอ คนมันตื๊อมันตื๊อไม่เลิกจริงๆ น่าเห็นใจเปิ้ล /ส่งกำลังใจให้คุณนักเขียนด้วย สู้ๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mamarin_smile ที่ 05-06-2019 23:57:32
เอาจริงๆเปิ้ล? ก็แอบน่ากลัว​ 5555 :mew4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-06-2019 11:54:17
ฟินเวลาเขาอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 06-06-2019 12:10:02
แหมมม เป็นเด็กดีของคุณคีนน ไอ้สถานะเด็กดีเนี่ยมันต่างอะไรกับแฟนอ่ะ! ไม่พอใจมากๆ อิจฉา!
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-06-2019 20:27:38

BED CARE JOB

ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้




            อาการแผลที่หัวดีขึ้นมาก ตั้งแต่แรกก็ไม่มีอะไรให้น่ากังวลอยู่แล้ว แผลมันเล็กนิดเดียว เล็กมาก หากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น ทุกคนตื่นตกใจกันไปเองทั้งนั้น ส่วนเปิ้ลผมแดงยังคงมาเรียนตั้งแต่เช้าเหมือนวันจันทร์ เธอบอกว่าอดทนมาเช้าอีกสองอาทิตย์ถึงจะย้ายเข้าไปอยู่หอใหม่ได้


            พวกเราเป็นกังวลมากเรื่องอดีตแฟนเปิ้ลจะกลับมาระรานหรือเข้ามาวุ่นวายกับพวกเราอีกหรือไม่ แต่นับจากวันที่ไปขนของที่ห้องเปิ้ลซึ่งผ่านมาหลายวันกระทั่งวันนี้วันศุกร์จวนจะครบสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างยังคงสงบ ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆหมอก ทำให้พวกเราค่อยวางใจว่าอดีตแฟนเปิ้ลคงถอดใจและไม่สนใจพวกเราอีกต่อไป


            “หลังเลิกเรียนแล้วไปกินข้าวเลยปะ” เอกถามขึ้นระหว่างที่อาจารย์กำลังสอน

            “ไปเลย หิวจะตายอยู่แล้ว” โจตอบด้วยเสียงไม่ดังนัก กลัวว่าจะถูกเรียกประจานยกกลุ่ม อาจารย์วิชานี้ไม่ค่อยปลื้มถ้ามีเสียงอื่นแทรกมาระหว่างการสอน

            “กูต้องเอาโปรเจ็กไปอัปเดตอาจารย์ พวกมึงไปกันก่อน เดี๋ยวกูตามไป”

            “ให้ไปด้วยไหม” โจหันมาถามผม

            “ไม่ต้อง จะไปด้วยทำไม มหา’ลัยออกจะกว้าง คงไม่เจอแฟนเปิ้ลง่าย ๆ  หรอกน่า ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมหัวเราะมัน ทำอย่างกับผมเป็นเด็กห้าขวบไปได้

            “เออ ๆ   ตามใจละกัน”


            เที่ยงตรงอาจารย์เลิกเรียนตรงตามเวลา ปราศจากการดึงรั้งเหล่านักศึกษาให้เรียนต่อถึงแม้ว่ายังขาดอีกหนึ่งหัวข้อในการสอนวันนี้ก็ตาม อาจารย์บอกว่าถึงสอนไปก็ไม่เข้าหัวพวกเธออยู่ดีเพราะใจพวกเธอคงวิ่งไปถึงโรงอาหารหรือที่พวกเราชอบเรียกมันว่าแคนทีนแล้ว เหล่านักศึกษาที่แสนดีจะทำอย่างไร หัวเราะครืนกลบความจริงไปสิครับ


            ผมสะพายเป้โดยมีโน้ตบุ๊กที่ยืมมาจากโจบรรจุอยู่ในนั้นไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรายงานความคืบหน้า หลังจากที่โดนสั่งให้แก้เละเทะไม่เหลือซากไปเมื่อคราวก่อน ตอนที่ไปถึงผมเห็นอาจารย์นั่งรออยู่แล้ว จึงรีบเข้าไปสวัสดีทักทายอาจารย์ตามมารยาทก่อนจะเปิดโปรเจ็กให้อาจารย์ได้พินิจพิเคราะห์


            ระหว่างที่รออาจารย์ตรวจดู ผมลอบกลืนน้ำลายนั่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ ภาวนาให้ผ่านเสียทีเถอะ ยังมีงานอีกหลายส่วนที่ต้องทำเพิ่มอีก ถ้าไม่ผ่านสักทีผมก็จะไม่สามารถเดินหน้าส่วนอื่นต่อไปได้

            “เอาละ ธาวิน” อาจารย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยหลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง

            “ครับอาจารย์” ผมกลั้นหายใจรอฟัง

            “ดีแล้ว เริ่มบทใหม่ได้”

            “ขอบคุณครับอาจารย์” ผมฉีกยิ้มกว้าง ในที่สุดก็จะได้เดินหน้าต่อเสียที ผมรับโน้ตบุ๊กคืนจากอาจารย์ก่อนจะพับหน้าจอลงแล้วเก็บลงในกระเป๋าเป้ดังเดิม


            ผมลาอาจารย์พร้อมขอบคุณอีกครั้งแล้วคว้าเป้ขึ้นมาสะพายออกจากห้องพักอาจารย์ไป มองนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือเห็นว่ายังมีเวลาไปกินข้าวได้ทันก่อนไปทำงานที่ร้านพี่ปุยฝ้าย จึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง เดินไปโรงอาหารคณะแทน


            ผมเห็นโจนั่งหัวโด่เด่นเตะตาเมื่อก้าวมาถึงโรงอาหารคณะ ถึงมันจะนั่งหันหลังให้ผมแต่ผมก็จำมันได้ ไม่ผิดคนแน่  ผมเร่งเท้าเดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่มันนั่ง อารามรีบเร่งจึงเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

            “ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” ผมรีบกล่าวขอโทษตามความเคยชิน ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือผมที่เดินไม่ดูทาง แต่ผมไม่ได้สนใจว่าใครคือคนผิดถูก

            “ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่เห็น” คนตรงหน้าปัดเสื้อผ้าเบา ๆ  พูดตอบกลับมาอย่างสุภาพก่อนจะเงยหน้าขึ้น

            “คุณ?” ผมเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ถึงจะเคยเจอหน้าในช่วงเวลาชุลมุนครั้งเดียว แต่ผมไม่มีทางลืมใบหน้านี้แน่นอน

            “มึง!?” และเขาก็คงจำผมได้เช่นกัน คำสุภาพกลืนหายไป เขาเดินเข้ามาใกล้ผมด้วยใบหน้าถมึงทึง จนผมต้องก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

            “จะทำอะไร” ผมถามกล้า ๆ  กลัว ๆ

            “กูจำมึงได้แล้ว” เขาหรี่ตาลง “มึงที่นั่งหลังรถกระบะนั่น”

            “แล้วทำไม มีอะไร” สาบานว่าผมไม่ได้อยากยุหรือยั่วโมโหมันเลย ผมก็แค่จะถามเฉย ๆ  เท่านั้นเอง

            “กูบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

            “ผมไปทำอะไรให้คุณ” คนรอบข้างเริ่มมองมาที่ผมกับมันด้วยความอยากรู้และสนใจ

            “เปิ้ลเป็นแฟนกู มึงมายุ่งเรื่องผัวเมียทำไม”

            “เธอเลิกกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ คุณเองก็มีแฟนใหม่แล้วนี่ อย่าไปยุ่งเธออีกเลย อ้อ อย่ามายุ่งกับผมด้วย”

            “แต่มึงเป็นคนช่วยพาอีเปิ้ลหนีมาจากกู” คนตรงหน้าผมเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

            “ไม่ได้หนี เพื่อนผมเดือดร้อน ผมก็แค่ช่วยพาเขาออกมา”

            “พวกมึงสมรู้ร่วมคิดกัน” เขาชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง

            “เอ่อ..ก็ใช่อะ พวกเราต้องการช่วยเพื่อน แล้วคุณมาที่นี่ทำไม” คือผมไม่อยากปฏิเสธเพราะพวกเราวางแผนกันช่วยเปิ้ลจริง เรียกว่าสมรู้ร่วมคิดตามที่เขาพูดก็คงไม่ผิดล่ะมั้ง

            “กูมาหาเปิ้ล มันอยู่ไหน”

            “ไม่รู้” เรื่องอะไรต้องบอกเขาด้วย

            “อย่าให้กูทนไม่ไหว บอกมา มันอยู่ไหน” เขาเค้นเสียงต่ำขู่ผม

            “ไม่รู้ ผมเพิ่งมาถึงเหมือนคุณนั่นแหละ จะไปรู้ได้ไง”

            “ถ้าไม่โดนสักหมัดคงไม่ยอมพูดใช่ไหม” เขาง้างมือขึ้น ทำท่าจะต่อยผม ไม่มีทาง ผมไม่มีวันยอมโดนต่อยอยู่แล้ว

            “ไอ้โจ ช่วยกูด้วย” ผมตะโกนเรียกโจ เลิกอาย ฝังไว้ก่อน ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดให้ได้

            “เราอยู่นี่ อย่าทำเพื่อนเรา” คนที่มาช่วยผมไม่ใช่โจ แต่เป็นเปิ้ล วีรสตรีขี่ม้าขาว

            “เปิ้ล” อดีตแฟนเปิ้ลลดมือลงแล้วหันไปจับมือเธอไว้แทน

            “มีอะไรกับเราอีก เราเลิกกันแล้วนะ”

            “เราขอโทษ กลับมาคบกันเหมือนเดิมเถอะ” ผมกำลังยืนฟังบทสนทนางอนง้อขอคืนดีอยู่เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาวางบนไหล่ ตามด้วยเสียงที่คุ้นหู

            “เป็นอะไรไหม” โจพูดอยู่ข้างหลังผม

            “ไม่เป็นไร เปิ้ลมาช่วยกูไว้ทันพอดี”

            ผมหันกลับไปตอบโจครู่เดียว กลับมามองอีกทีเห็นเปิ้ลกำลังร้องโวยวายที่ถูกยื้อยุดฉุดกระชากให้ตามอีกฝ่ายไปข้างนอกโรงอาหารด้วยกัน ผม โจ ภพและเอก รวมทั้งสองสาว ข้าวกับเกดรีบวิ่งตามคนคู่นั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

            “เฮ้ย ปล่อยเปิ้ลนะ” ข้าวร้องบอกเมื่อพวกเราตามออกไปได้ทันพลางจับแขนข้างที่เหลือของเปิ้ลไว้ได้

            “มึงนั่นแหละ ที่ต้องปล่อย กูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมัน คนนอกอย่างพวกมึงไม่เกี่ยว”

            “คนนอกอะไรวะ นี่เพื่อนกู อีกอย่างเปิ้ลมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับมึงแล้ว” เกดแย้งเสียงดัง พลางเข้ามาดึงแขนเปิ้ลเพื่อช่วยข้าวอีกแรง

            “พวกแก ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปเคลียร์กับมันก็ได้” เปิ้ลบอกด้วยความลำบากใจ ไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน

            “ได้ยินแล้วใช่ไหม” อดีตแฟนเปิ้ลแสยะยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ ผมเห็นแล้วไม่ชอบใจท่าทางที่เขาแสดงเลย

            “เปิ้ล เดี๋ยวก่อน” โจเรียกชื่อไว้ในจังหวะที่เปิ้ลกับคนที่ไม่ยอมเลิกกำลังจะเดินไปด้วยกัน

            “อะไร”

            “อยากไปกับมันจริงหรือเปล่า ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ไม่ต้องกลัว พวกเราอยู่นี่” ผมเห็นโจมองเปิ้ลด้วยสายตาเป็นห่วง ดวงตาเปิ้ลเองก็สั่นไหวกลัวเหมือนกันตอนที่มองตอบโจกลับมา

            “ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง ไม่หยุดอีกวะ” แฟนเก่าเปิ้ลหัวเสีย

            “เปิ้ล บอกพวกเราตรง ๆ  มาเลยว่าอยากไปกับมันไหม พวกเราทุกคนเต็มใจช่วยแก” เกดสมทบอีกเสียงเมื่อเห็นว่าเปิ้ลเริ่มลังเล

            “มึงไม่อยากไปหรอก มึงเป็นเพื่อนรักกู ทำไมกูจะไม่รู้ว่าตอนนี้มึงคิดอะไรอยู่” ข้าวเสริมอีกแรง

            “พวกแก” ผมไม่คิดเลยว่าเปิ้ลจะร้องไห้ เธอคงตื้นตันที่มีเพื่อนคอยเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้ “เราไม่ได้อยากไปแต่ไม่อยากให้พวกแกต้องมาเดือดร้อนซวยไปด้วย”

            “ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อยู่นี่แหละ” โจกับเอกเดินเข้าไปใกล้เปิ้ล

            “ไปเร็ว” อดีตแฟนเปิ้ลกระชากเสียงพร้อมกับดึงแขนเธอเต็มแรงจนเปิ้ลร้องออกมาด้วยความเจ็บ

            “พอได้แล้วมั้งมึงอะ ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอว่าเปิ้ลไม่อยากไป” โจจับแขนคนนั้นไว้

            “อยากเจ็บตัวหรือไง”

            “ไม่อยาก” ผมว่าโจกำลังกวนประสาทอีกคนอยู่นะ

            “ถ้างั้นก็ปล่อยแขนกู”

            “มึงต่างหากที่ต้องปล่อยแขนเปิ้ล” โจย้อนอีกฝ่ายกลับไป

            “กูไม่ปล่อย มึงจะทำไม”

            “ก็ไม่ทำไม แต่ถ้ามึงไม่ปล่อย?” ผมไม่เห็นใบหน้าโจตอนที่บอกแฟนเปิ้ล เขาทำสีหน้าแบบไหนอย่างไร แต่ตอนที่โจเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ  กับคนนั้น กลับทำให้อีกฝ่ายถึงกับตกใจเล็กน้อยก่อนจะปล่อยแขนเปิ้ลแต่โดยดี

            “เออ ปล่อยก็ได้”

            “อยากจะเคลียร์ก็เคลียร์กันตรงนี้” เอกพูดขึ้นบ้าง โชคดีว่าจุดที่พวกเรายืนอยู่ ใกล้ ๆ  กันนั้นมีโต๊ะหินอ่อนอยู่ เอกจึงพยักพเยิดให้สองคนไปนั่งแล้วจบปัญหาที่ตรงนั้น


            พวกเราที่เหลือทั้งหกคนเฝ้าจับตาดูคนที่นั่งเคลียร์ปัญหาส่วนตัวกันไม่วางตา หากผู้ชายคนนั้นคิดจะลงไม้ลงมือกับเปิ้ล พวกเราจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที

            ในที่สุดเปิ้ลก็เดินออกมาพร้อมรอยน้ำตาจาง ๆ  เธอยิ้มให้ตอนที่มาถึง

            “เรียบร้อยไหม” โจถามขึ้น

            “อืม เรียบร้อยแล้ว ตกใจเลย ไม่คิดว่ามันจะยอมจบง่าย ๆ”

            “ดีแล้วที่ไม่ยืดเยื้อ”

            “เราว่าเป็นเพราะที่แกพูดกับมันตอนนั้นแน่ แกพูดอะไรกับมันวะโจ มันถึงดูกลัวขึ้นมาอะ” เปิ้ลขมวดคิ้วระหว่างที่ถาม เธอเลือกคำถามได้ดีมากเพราะผมเองก็อยากรู้เช่นกัน

            “ก็ไม่มีอะไร เราแค่ขู่มันไปนิดหน่อย”

            “ขู่อะไรวะ” ภพถามแทนใจผม

            “พ่อมันทำงานที่บริษัทพ่อเราไง เราเลยบอกว่าถ้ามันยังไม่หยุดเราจะไปฟ้องพ่อมัน แล้วฟ้องมหา’ลัยด้วย ขู่แบบเด็กไหม” โจพูดพลางหัวเราะ

            “เออ เด็กมาก ใครจะเชื่อวะ แล้วมันก็เชื่อ?” ข้าวทำหน้าประหลาดใจขั้นสุด

            “แล้วคิดว่ามันเชื่อไหมล่ะ” โจแค่นเสียงตอบ

            “เราก็สงสัยว่าตอนนั้นทำไมแกถึงมาถามชื่อนามสกุลแฟนเก่าเรา” เปิ้ลเปรยขึ้นมา

            “วันที่ไปขนของที่ห้องแก พอเห็นหน้ามันแล้วรู้สึกคุ้นหน้ามันอย่างบอกไม่ถูกเลยลองถามชื่อจากแกไป อีกอย่างเราว่ามันไม่กล้าสู้กับใครตรง ๆ  หรอก

              “หน้าแบบนี้ดูก็รู้ คงกล้าแค่เด็ก ผู้หญิงและคนชราเท่านั้นแหละ” ภพพูดขึ้น

              “อืม ไม่งั้นมันต่อยไอ้เปลไปนานแล้ว ไม่ยืนพูดพล่ามมากหรอก”

              “อ้าว มาแวะที่กูได้ไง” ผมบ่นที่ถูกดึงชื่อเข้าไปเอี่ยว

              “เออ..ไอ้เปล แล้วนี่แกไม่ไปทำงานเหรอ?” เอกทักขึ้นแล้วให้ผมทำหน้ายังไงล่ะ ผมลืมไปเสียสนิท ตายแน่ ต้องสายแน่นอน

              ผมรีบลาพวกมันแล้วรีบพุ่งตัวออกจากมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว ข้าวอะไรก็ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว แต่ต่อให้รีบสุด ๆ  ทว่าสุดท้ายก็ยังมาสายไปสิบห้านาทีอยู่ดี
           





            “สวัสดีครับพี่ปุยฝ้าย พี่พงศ์ น้องหนู” ผมกระหืดกระหอบเข้าร้านแล้วเอ่ยทักทุกคนทันที

            “สายนะจ๊ะ”

            “ขอโทษครับ ผมมีเรื่องที่มหา’ลัยนิดหน่อย” ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษพี่ปุยฝ้ายอีกครั้ง

            “ไม่เป็นไรจ้ะ พี่แซวเล่น พี่รู้ว่าเปลไม่ใช่เด็กเหลวไหล ตั้งแต่ทำงานมาเปลไม่เคยมาสายเลยสักครั้งนี่นา เข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะจ้ะ”

            “ขอบคุณครับ”


            หลังจากสวมผ้ากันเปื้อนของร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่พงศ์กับน้องหนูขอพักไปหาอะไรกินข้างนอก พี่ปุยฝ้ายเดินไปเช็กสินค้าหลังร้าน ส่วนผมกำลังจัดของอยู่ตรงตู้ชั้นล่างที่เคาต์เตอร์ ทำให้ไม่เห็นว่ามีลูกค้ามายืนรอสั่งเครื่องดื่มหรือขนม กระทั่งได้ยินเสียงเรียกจากด้านบนหัว

            “อเมริกาโน่แก้วหนึ่งครับ”

            “ครับ ขอโทษครับ” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดขอโทษทันที “คุณเคน?”

     แต่แล้วต้องประหลาดใจเพราะคนที่มาสั่งกาแฟคือคุณเคน ผมสอดส่ายสายตามองไปที่โต๊ะหนึ่งทันที

            “มองหาใครเหรอครับ อ้อ กาแฟไม่ใช่ของพี่นะครับ เป็นของเจ้านายพี่”

            “เปล่า เอ่อ..ครับ รอสักครู่นะครับ” ผมบอกเขาแล้วไปจัดการกาแฟที่คุณเคนสั่งอย่างรวดเร็ว

            “ช่วงนี้งานเยอะมาก เขาเลยไม่ค่อยว่าง วันนี้ก็คงเลิกดึกด้วย”

            “เหรอครับ” ผมเออออรับ มือยังไม่หยุดงาน ทำหน้าที่ชงกาแฟต่อไป

            “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม”

            “ครับ แต่มีงานครับ”

            “ทั้งวันใช่ไหม”

            “ครับทั้งวัน” ผมตอบอัตโนมัติ

            “คืนนี้เดี๋ยวไปรับที่ห้อง” ผมชะงักก่อนเล็กน้อยแล้วมองคุณเคน

            “เขาให้มารับเหรอครับ”

            “เปล่า พี่คิดเอง เออเองคนเดียว” คุณเคนตอบด้วยเสียงยียวน

            “กาแฟได้แล้วครับ” ผมตัดบทไม่ตอบ คุณเคนไม่ยอมรับกาแฟไปแต่กลับวางเงินลงบนโต๊ะแทน

            “พี่วานน้องเปลเอาไปให้เขาหน่อยได้ไหม”

            “ทำไมครับ”

            “ขี้เกียจฟังคนพูดว่ากาแฟไม่ถูกปากน่ะ”

            “แล้วคุณเคนล่ะครับ”

            “พี่จะไปเข้าห้องน้ำ เกือบลืม..เขานั่งอยู่ในรถแน่ะ” คุณเคนหลิ่วตาบอกให้ผมรู้ นึกว่าเขาติดธุระไม่ได้มาด้วย แท้จริงแล้วนั่งรออยู่ในรถนี่เอง ถ้ามาถึงที่นี่แล้วทำไมถึงไม่เข้ามาในร้านกันล่ะ ไปรอทำไมในรถ

            คุณเคนเข้าห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมา เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นผมยังยืนอยู่ที่เดิม พลางเหลือบมองแก้วกาแฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

            “ยังไม่ได้เอาไปให้เหรอ”

            “ขอโทษครับ ผมไม่สะดวกเอาไปให้” ผมอยากจะพูดแค่นี้แต่ก็ไม่สบายใจจึงพูดต่ออย่างตะกุกตะกัก “ตะกี้..มีลูกค้าเข้ามา พี่พงศ์ก็ไม่อยู่ ผมเลยไม่กล้าทิ้งร้านไปครับ”

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เอาไปเอง” คุณเคนพูดจบก็มองแก้วกาแฟก่อนจะเปรยขึ้นต่อ “ได้แต่หวังว่ากาแฟแก้วนี้คงจะถูกปากเขาล่ะนะ ถึงจะไม่ได้เอาไปให้แต่ก็เป็นคนชงเองกับมือ”

            “เอ่อ..มั้งครับ”

            “พี่ไปนะ”

            “สวัสดีครับ”



หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น UP 03/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-06-2019 20:28:23



 
            ผมมองนาฬิกาจวนจะสี่ทุ่มแล้วหากไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมารับผมตามที่คุณเคนบอกไว้ แม้กระทั่งโทรศัพท์สักสายก็ไม่มี ผมคุยโทรศัพท์กับคุณคีนครั้งสุดท้ายคือวันจันทร์และได้รับข้อความที่ผมขอให้เขาส่งมาบอกเมื่อถึงบ้านแล้ว หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ความเป็นไปของเขาอีก ถ้าไม่เจอคุณเคนวันนี้คงไม่รู้ว่าเขายังสุขสบายดี


            ผมไม่กล้าโทรหาเขา ผมจะกล้าโทรได้ยังไงกัน


            ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ ถ้าโทรไปจะเป็นการรบกวนเขามากน้อยเพียงใด ผมไม่เคยรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขา ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัว ไม่เคยรู้ความคิด ไม่เคยรู้ว่านอกจากงานที่เขาเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เขายังมีงานอื่นที่ต้องทำอีกหรือเปล่า


            พูดกันง่าย ๆ  ในขณะที่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย นอกจากประวัติเขาที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์ แต่เขารู้ชีวิตผมทุกอย่าง เขารู้ว่าผมทำอะไร อยู่ที่ไหน ยังไง เรียนที่ไหน คณะอะไร รู้ว่าที่บ้านผมเป็นยังไง มีกี่คน พ่อแม่นิสัยยังไง รู้ประวัติครอบครัวผมจนหมดสิ้น

            นึกย้อนไปถึงคำพูดเปิ้ลที่อิจฉาผม แต่มันไม่เป็นความจริง ผมไม่รู้จักคุณคีนมากไปกว่าคนอื่นเลย เผลอ ๆ เปิ้ลเองอาจจะรู้จักตัวตนเขามากกว่าผมด้วยซ้ำ
   
            ส่วนผมรู้แค่เขาเป็นห่วงผม หวังดีกับผม คอยช่วยเหลือผม

     
            ‘You know nothing’


            ประโยคภาษาอังกฤษถูกแสดงอยู่บนหน้าข่าวสารที่ผมไปกดติดตามไว้ในโลกโซเชียล ประโยคที่มาจากคนในอินเทอร์เน็ตใจดีคอยสอนคนอื่นให้ได้รู้ประโยคภาษาอังกฤษมากขึ้น ยิ่งได้อ่านความหมายแล้วจึงรู้ว่ามันช่างเหมาะสมกับผมในเวลานี้นัก


            ถูกแล้วล่ะ ผมไม่รู้อะไรเลย


            เขาบอกว่าผมเลี่ยงคำตอบเก่ง แต่ไม่ใช่สักหน่อย ผมอาจจะไม่กล้าพูดกับเขาตรง ๆ เพราะความเขินหรือไม่กล้าพูดของผมต่างหาก ผมไม่ได้ตั้งใจไม่อยากตอบหรือหลีกเลี่ยง ทว่าหลายคำถามที่ผมเคยถามเขาเวลาที่สงสัย แต่ผมไม่เคยได้รับคำตอบจากเขาสักข้อเดียว


            เรื่องที่บ้านผมเป็นข้อยืนยันได้ดีว่าสิ่งที่เขาบอกผมให้รู้ มันไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยพูดถึงสัญญาที่ให้พ่อแม่ผมเซ็น แม้กระทั่งเรื่องที่พ่อผมถูกจับในบ่อนก็ตาม ผมโทรไปหาพี่ที่เขาดูแลบ่อนนั้น ได้รับคำตอบแปลก ๆ  ว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่พ่อผมถูกจับในวันนั้นเข้าพอดี เขาก็เลี่ยงอธิบาย


            ถ้าไม่เป็นเพราะเขาช่วยผมในทุกเรื่องแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าผมคงจะต้องระแวง คลางแคลงใจและตีตัวออกห่างเขา


            ก่อนหน้าที่ผมจะรู้ว่ามิสเตอร์เคคือคุณคีนนั้น ผมเคยคิดพยายามตัดใจจากเขา แต่หลังจากรู้ตัวตนมิสเตอร์เค ผมเองก็ยังคงคิดพยายามตัดใจจากเขาอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่มันไม่เคยสำเร็จ เขาทำให้ผมโดดลงไปในหลุมลึกที่เขาขุดเตรียมไว้ ปีนขึ้นมาเท่าไหร่ก็ปีนขึ้นไม่ได้เลยสักที


            สุดท้ายผมเลิกล้มที่จะตัดใจ เลือกรักเขาไปให้สุดทาง แม้ภายหน้ามันจะไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร อย่างมากผมก็แค่เจ็บ แต่ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งผมก็จะลุกขึ้นกลับมาได้


            ปลายทางอนาคตของผมอาจไม่สวยงามอย่างที่ผมเคยคิด อย่างน้อยผมขอแค่มีงานทำ ไม่ลำบากเรื่องเงินจนเกินไปและมีปิงที่เติบโตมาเป็นเด็กดี เรียนจบ แค่นั้นผมก็พอใจมากแล้ว

 
            เสียงโทรทัศน์เครื่องเก่าที่ผมเปิดทิ้งไว้ระหว่างคิดเรื่องคุณคีนยังคงดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ เข้าสู่รายการข่าวรอบดึก ช่วงนี้ยังวนเวียนสถานการณ์บ้านเมืองไม่จบสิ้น แม้จะเลือกตั้งจบไปแล้ว แต่ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตเราและอนาคตของเราจนเพิกเฉยไม่สนใจไม่ได้

            “ท่านคะ สาเหตุที่คุณคิรินชาลาออกจากพรรคมีสาเหตุอื่นนอกเหนือจากนี้หรือเปล่าคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งยื่นไมค์ไปสัมภาษณ์ชายที่มีใบหน้าบางส่วนคล้ายกับคุณคีน

            ลาออก? คุณคีนลาออกจากพรรค?

            ผมขมวดคิ้วสงสัย ช่วงบ่ายเขายังให้คุณเคนมาซื้อกาแฟที่ร้านอยู่เลย เกิดอะไรขึ้น

            “ตามสาเหตุที่เขาแจ้งครับ ไม่มีสาเหตุอื่น”

            “สาเหตุเดียวจริงหรือคะ แล้วเรื่องข่าวลือที่ออกมาเมื่อช่วงค่ำล่ะคะ”

            “ข่าวลืออะไรครับ” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันคนพ่อถามนักข่าวกลับ

            ผมว่าเสียงคุณกวินทร์เหมือนกับคุณคีนจริง ๆ  นะครับ ทำไมเขาถึงบอกว่าเสียงไม่เหมือนกัน

            “มีคนเห็นคุณคิรินชามีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มนักศึกษาค่ะ” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยิน นักศึกษาคนนั้นคือผมหรือเปล่า

            “ในแง่ความสัมพันธ์แบบไหนครับ” คุณกวินทร์ถามนักข่าวกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย

            “ไม่ทราบแน่ชัดค่ะ” นักข่าวสาวหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อตอบคำถาม

            “ผมเคารพการตัดสินใจของเขาเสมอ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์หรือเรื่องส่วนตัวก็เช่นกัน ดังนั้นหากเขาจะมีความสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม ผมก็ยังเคารพและเชื่อมั่นว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว หากคุณอยากถามถึงเขาในฐานะอดีตสมาชิกพรรค ผมยินดีตอบทุกเรื่อง แต่ถ้าต้องการถามในฐานะลูกชายผม ครั้งหน้าก็ขอให้มีข้อมูลหรืออย่างน้อยก็ภาพหลักฐานมาด้วยนะครับ” คุณกวินทร์ไม่ได้โต้ตอบด้วยความฉุนเฉียว ทว่ากลับตอบอย่างใจเย็น
           
            คล้ายกับเวลาที่คุณคีนพยายามใจเย็นอธิบายกับผมให้เข้าใจเช่นกัน

            ผมคิดสะเปะสะปะหรือที่เขาเงียบหายไปก็เพราะเรื่องนี้? โทรศัพท์สั่นหลายครั้งจากเสียงเตือนข้อความในแอปพลิเคชันสีเขียวทำให้ผมหยุดคิดเรื่องคุณคีนได้เล็กน้อย ผมหยิบมันขึ้นมาอ่าน เห็นข้อความจากเปิ้ลรัวเข้ามาหลายบรรทัด

            [ไอ้เปล]
            [แกรู้ยังว่าคุณคีนลาออกจากพรรคแล้ว]
            [แกรู้เรื่องนี้หรือเปล่า]
            [เขาลาออกทำไม]
            [เขาบอกแกไหม]
            [เปลอ่านแล้วตอบด้วย]

            เปิ้ลคงร้อนใจเรื่องคุณคีน ในฐานะแฟนคลับเช่นกัน ผมพิมพ์ข้อความกลับไปหาเปิ้ลทันทีที่อ่านจบ

            [เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งเห็นข่าวที่บอกว่าเขาลาออกจากทีวีตะกี้เอง]
            [โห อะไรวะ]


            เปิ้ลคงผิดหวังกับคำตอบผมจึงตอบกลับมาแค่นั้นแล้วหายไป อย่าว่าแต่เธอผิดหวังเลย ผมเองก็ผิดหวังตัวเองเช่นกัน สุดท้ายผมก็ไม่รู้อะไรในตัวเขาจริง ๆ


            ผมถือโทรศัพท์ไว้ยังไม่วาง มองหน้าจอที่ดับไปแล้ว ในใจคิดสะเปะสะปะไปหมด ต่อให้ผมอยากโทรหาเขาแค่ไหน เวลานี้ก็คงไม่เหมาะ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นห่วงเขามากก็ตาม


            ผมตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ หวังให้น้ำเย็นช่วยขจัดความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัว เผื่อว่ามันจะหลุดหายไปบ้าง สักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี
           





            แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำ ผมรีบรุดไปดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา ภาวนาขอให้เป็นคุณคีน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหน้าจอแสดงเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก

            “สวัสดีครับ” ผมกดรับและกรอกเสียงลงไป

            “สวัสดีจ้ะ” เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงผู้หญิงพูดภาษาไทยแปร่ง ๆ  แต่ค่อนข้างชัดในความคิดผม

            “ครับ?” ผมแปลกใจ เป็นไปได้ว่าเธออาจโทรหาผิดคน

            “เปลใช่ไหมจ๊ะ” เธอเรียกชื่อ ถึงมันจะฟังเพี้ยนไปหน่อย แต่ก็ชื่อผมนั่นแหละ

            “ครับ ผมเปลครับ”

            “สบายดีนะจ๊ะ” เธอถามผมราวกับรู้จักกับผมเลยอย่างนั้น

            “สบายดีครับ” ผมแปลกใจแต่ก็ยังตอบคำถามคนปลายสาย

            “ฉันชื่อเคท” เมื่อเธอบอกชื่อมา

            “ครับ คุณเคท” ผมก็เรียกชื่อเธอกลับไป
   
            “เคยได้ยินชื่อฉันบ้างไหม”

            “ไม่เคยได้ยินครับ”

            “น่าเสียดายจัง” คุณเคททำเสียงเศร้า ผมสงสัยว่าเธอจะเสียดายทำไม ในเมื่อผมไม่รู้จักเธอดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะไม่เคยได้ยินชื่อเธอ

            “ขอโทษนะครับ คือ..ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นใครแล้วโทรหาผมทำไมครับ”

            “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันแค่อยากโทรมาทักทายเฉย ๆ”

            “โทรมาทักทาย?” งงไปอีก มีใครโทรศัพท์มาแกล้งผมหรือเปล่า

            “ใช่จ้ะ”

            “คุณเป็นใครเหรอครับ” ผมถามคุณเคทด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง

            “ถ้าบอกตอนนี้ เขาต้องไม่พอใจฉันแน่ ๆ  แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะจ๊ะ อีกไม่นานเราก็จะได้เจอกันแล้วจ้ะ”

            “จะเจอกันได้ยังไงครับ ในเมื่อผมไม่รู้จักคุณ” ทำไมคุณเคทพูดอะไรเป็นปริศนา

            “ได้เจอกันแน่นอนจ้ะ ที่ไทยคงดึกแล้ว ขอโทษที่ฉันใจร้อนไปหน่อยเลยโทรมาเสียดึกดื่น คงยังไม่นอนใช่ไหม”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่นอน”

            “แล้วเจอกันที่นี่นะ”

            “เอ๊ะ..ครับ?” ที่นี่คือที่ไหน?คุณเคทหมายถึงที่ไหน

            “ฝันดีนะจ๊ะ” คุณเคทลาผมแล้ววางสายหนีผมไปเสียดื้อ ๆ  ไม่รอให้ผมพูดตอบกลับ ผมถือโทรศัพท์ไว้ด้วยความงงงวย

            วันนี้มีแต่เรื่องอะไรแปลก ๆ  เกิดขึ้นทั้งนั้น ต้องมีคนแกล้งผมแน่นอน





           
            ผมสลัดความสงสัยแล้วเริ่มทำโปรเจ็กต่อ อีกเดือนกว่า ๆ  จะถึงเทศกาลสอบและถึงเวลาที่ผมต้องส่งงานด้วยเช่นกัน นักศึกษาปีที่สี่อย่างผมไม่ได้มีวิชาที่จะสอบหลายวิชาก็จริง แต่ยังมีงานชิ้นใหญ่นี้ที่ต้องส่ง ถึงจะเรียกชื่อมันสวยหรูว่าโปรเจ็กแต่มันคือรูปเล่มวิจัยเล่มหนึ่ง ตอนนี้ผมทำเสร็จไปมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าไม่โดนตีกลับมาแก้เรื่อย ๆ ไม่นานก็คงจะเสร็จสมบูรณ์ทันกำหนดส่งได้อย่างสบายใจ



            งานโปรเจ็กช่วยให้ผมลืมความคิดวุ่นวายได้มากทีเดียว ล่วงเลยเข้าวันใหม่ไปแล้วสิบห้านาที ผมพับโน้ตบุ๊กเป็นสัญญาณว่าพอแล้วสำหรับคืนนี้ ผมคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วปีนขึ้นเตียงไปพร้อมกัน ตั้งใจว่าจะเล่นเกมในโทรศัพท์สักเกมเสร็จแล้วก็จะนอนเสียที แต่ก่อนที่ผมจะไปเล่นเกมขอเข้าไปดูข้อความหน่อยดีกว่าว่ามีใครทักผมมาบ้างไหม


            ผมนอนอมยิ้มในความมืด มีข้อความถูกส่งมาจากปิง น้องชายผม หลังจากวันนั้นที่เราได้คุยกัน ปิงทักมาหาผมมากขึ้น ก่อนหน้านี้ปิงเกรงใจเพราะแม่ไม่อยากให้เขามากวนผมมากนัก ปิงที่เป็นเด็กหัวอ่อนจึงเชื่อฟังแม่อย่างดี แต่พอบอกว่าปิงทักมาหาผมได้ทุกเมื่อ เราสองพี่น้องจึงได้คุยกันมากกว่าเดิม แม้ว่าผมจะไม่ได้แข็งแกร่งหรือเข้มแข็งมากเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่หน้าที่พี่ชายทำให้ผมต้องปกป้องน้องให้มากที่สุด ถึงบางทีผมอาจจะทำไม่ถูกต้องบ้างก็ตาม


            ในข้อความที่ปิงส่งมา เขาบ่นนั่น บ่นนี่ งุ้งงิ้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนตามประสาเด็กช่างพูดช่างจ้อ น้องยังเป็นเด็กตัวเล็ก น่าเอ็นดูในสายตาผมเสมอ ผมกับปิงมีหน้าตาที่คล้ายกันค่อนข้างมาก แต่ปิงกลับตัวสูงไม่เท่าผม แถมยังห่างผมไปอีกหลายเซ็นต์เลยทีเดียว มันเคยบ่นเป็นหมีกินผึ้งที่ตัวเล็กและจะโมโหมากหากใครไปย้ำปมว่าเจ้าตัวสูงไม่ได้มาตรฐานชายไทย


            ไม่เป็นไรนะปิง อีกเซ็นต์เดียวก็ร้อยเจ็ดสิบแล้ว


            ผมตอบปิงไปสองสามบรรทัดแล้วสลับหน้าจอเข้าสู่หน้าเกมแต่สายตากลับเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่ามีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา ไม่มีชื่อ ไม่มีเบอร์แสดงว่ามาจากไหน


            ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็นข้อความจากคนนี้ แต่ผมก็ยังใจเต้นอยู่ร่ำไป มือมันสั่นทุกครั้งที่จะกดเข้าไปอ่าน


            “Can we meet?”

            คำถามสั้น ๆ  เป็นภาษาอังกฤษถูกส่งมา เขาอยากเจอผมงั้นเหรอ เจอเมื่อไหร่ล่ะหรือเดี๋ยวนี้ แค่เจอเฉย ๆ หรือมารับผมไปด้วยกัน แค่คำถามเดียวผมกลับคิดต่อยอดไปอีกหลายคำถาม และผมคงจะคิดนานไปหน่อย ผมจึงได้รับข้อความถัดมา

            “GNSD”

            ผมขมวดคิ้วตัวย่ออะไร เวลาคุณคีนพูดก็ยอมอธิบายดีอยู่หรอก ถึงไม่ชอบพูดซ้ำแต่เวลาอธิบายก็บอกอย่างใจเย็น แต่เวลาพิมพ์หรือเขียนทีไร เขามักเขียนสั้น ๆ เหลือเกิน แล้วดูคราวนี้สิ ภาษาอังกฤษผมก็ไม่แข็งแรงยังให้สงสัยกับตัวย่อสี่ตัวอักษรนี่อีก


            หรือว่าคุณคีนพิมพ์ผิด ตั้งใจจะพิมพ์ SNSDเหรอ คงไม่ใช่มั้ง คุณคีนคงไม่คิดจะส่งชื่อวงนักร้องชื่อดังมาให้ผมหรอก หรือคุณคีนอยากไปเที่ยวเกาหลี เอ่อ..หรือว่าส่งผิดคน


            ไปกันใหญ่ ในเมื่อไม่รู้คงต้องเข้าไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต พอรู้ความหมายแล้วก็ถึงบางอ้อ มันคือตัวย่อที่แปลเป็นไทยว่า ราตรีสวัสดิ์และฝันดี


            ผมดีดตัวขึ้นนั่งแล้วกดโทรศัพท์ออกไปหาเขา ถ้าเขามาเจอผมได้ แปลว่าช่วงเวลานี้เขาคงจะว่างที่จะคุยได้แล้ว..มั้ง


            แค่ได้ยินว่ามีคนกดรับผมก็เรียกชื่อเขาอย่างเร็ว

            “คุณคีนครับ”

            “ยังไม่นอน?ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า”

            “เปล่าครับ ผมยังไม่นอน คุณเลิกงานแล้วเหรอครับ”

            “ครับ”

            “ผมอยากเจอคุณ” ผมพูดจากความรู้สึกที่มันแทบจะทะลักล้นออกมา

            “ลงมาหาผมสิครับ ผมรอคุณอยู่ข้างล่าง”






=============================================



ปกติไม่ค่อยพูดถึงตัวละครเท่าไหร่นักเพราะไม่อยากชี้นำนักอ่านทุกท่าน

แต่ถ้าสงสัยไม่เข้าใจหรืองง สามารถถามเข้ามาได้เสมอนะคะ

ไม่มีข้อแก้ตัวถ้าตอนนี้มันจะแปลกๆ T-T



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



เจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 06-06-2019 20:54:21
ตอนนี้คุณคีนค่าตัวแพงมาก
เอ็นดูน้องเปล คราวนี้บอกคุณคีนตรงๆเลยว่าอยากเจอ เชื่อแล้วว่าน้องคิดถึงคุณคีนมากจริงๆ คุณคีนได้ยินคงอิ่มอกใจ นั่งยิ้มให้คุณเคนแซวแน่ๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iunoreini2ied ที่ 06-06-2019 21:03:08
คุณเคธโทรมาเองเลยโง้ยยยนุ้งเปลเอ๋ยยยย5555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 06-06-2019 21:19:01
คุณเคนก็คือน่าร้ากกกก ส่วนคุณคีนก็คือค่าตัวแพง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-06-2019 21:23:13
 :L2: :L1: :pig4:

ครอบครัวคงดีใจที่มีความรักสักที
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-06-2019 21:27:10
แม่คีนแน่ที่โทรมาตื่นเต้นแทนลูกชายจะพาสะใภ้ไปเปิดต้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 06-06-2019 21:34:00
คุณคีนนี่น้าาา จริงๆเลย เราเขินไปหมดแล้ววว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-06-2019 21:40:03
คุณพ่อตอบคำถามดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-06-2019 21:53:21
เราดีใจแทนเปิ้ลที่มีเพื่อน ๆ ที่ดี ส่วนคุณคีนวันนี้คงได้ค่าตัวแค่สองร้อยมั้งออกจึ๋งเดียวเอง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 06-06-2019 22:00:03
พาน้องไปเปิดตัวกะแม่แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-06-2019 22:02:49
SNSD น้องเปล...ลลลลล คิดได้ไง  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-06-2019 22:10:21
คุณคีนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2019 22:36:47
 :katai2-1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 06-06-2019 22:46:03
เพื่อนแก๊งนี้ดีจริงๆ ซาบซึ้งใจแทนเปิ้ลเลย

ส่วนคุณคีนนั้น งื้ออออ เตรียมเปิดตัวน้องละใช่ไหม

น้องคิดถึงคุณคีน คุณคีนก็คิดถึงน้อง ส่วนเราคิดถึงทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-06-2019 23:45:28
แม่คุณคีนเหรอ?
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 06-06-2019 23:50:25
รออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 06-06-2019 23:52:09
คุณเคทคือคุณแม่คุณคีนชัวร์เลย เพราะแม่คุณคีนคือชาวต่างชาติ ก่อนจะเลิกกันละไปแต่งกับภรรยาชาวไทย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-06-2019 00:01:06
คุณคีนมีลับลมคมในตลอดเลย
น้องเปลเหมือนจะไม่แน่ใจ แต่ก็ยอมบอกว่าคิดถึงออกมาก่อน มันคงล้นอกสินะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 07-06-2019 00:11:47
น้องเปลลลลล คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ได้ลูก หนูมีสิทธิ์จะถาม ถ้าอยากรู้หรือโทรหา ถ้าคิดถึง บางทีคุณคีนเค้าก็อาจจะอยากเป็นฝ่ายถูกโทรหาก่อนบ้างก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-06-2019 02:44:19
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 07-06-2019 03:14:37
แม่คุณคีนแน่ ๆ ความสัมพันธ์กับน้องคือให้เป็นเด็กดี แต่นี่แม่ถึงกับรับรู้เหมือนจะพาไปเจอเร็ว ๆ นี้อีกต่างหาก อยากจะแหมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-06-2019 07:55:44
อยากรู้อะไรก็ถามเลยลูก
คุณคีนนี่ก็น่าทุบอยู่นะ ไม่อธิบายอะไรน้องเลย
สงสัยกลัวจะเสียคะแนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-06-2019 08:04:42
ยังสนุกอยู่เสมอทุกตอน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-06-2019 11:44:38
แม่คุณคีนแน่เลย โทรมาหาว่าที่ลูกสะใภ้ o18 เมื่อไหร่จะเจอกันซะที
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 07-06-2019 12:42:16
โอ่ยๆๆๆๆ คุณคีนมาหาน้องเปลแต่ไม่ขึ้นไปหา นี่เข้าตำราไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาหอก็ยังดี :hao3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-06-2019 13:05:20
เปลน่ารักดี
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 07-06-2019 14:08:32
คุณคีนเงียบเลย เงียบจนน้องคิดถึงแล้ว

คุณเคธนี่คือแม่คุณคีนใช่มั้ย ใช่รึเปล่าไม่รู้ ถ้าใช่ขนาดน้องเปลยังไม่รู้ เรายังตื่นเต้นแทนน้องเปลเลย

/หายไปตอนนึงเลยค่ะ ติดนิยายเล่มอยู่แหะๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 07-06-2019 15:16:41
คุณแม่ โทหาน้องระวังนะคะ คนพี่เค้าหวงหนักมาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 07-06-2019 16:22:05
น้องบอกตรงๆ ด้วยว่าอยากเจอ ฝแาดมกวกวก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-06-2019 23:03:49
คุณคีนปูทางทุกอย่างให้น้องแล้วแน่เลยย กรี๊ดดด
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 07-06-2019 23:16:24
หลังจากนี้เนื้อเรื่องเจ้มจ้นขึ้นอีกแน่เลย ผญ.คนนั้นเป็นใครกันหนอ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-06-2019 00:21:09
แม่คุณคีนใช่มั้ยยยย แงงง ติดตามนะคะ เพิ่งว่างมาอ่านต่อ คิดถึงน้องเปลมากๆเลยค่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tkung ที่ 08-06-2019 16:42:23
รอๆ o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 09-06-2019 01:41:37
คุณคีนนี่ค่าตัวแพงจริงๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 10-06-2019 09:54:07
คุณแม่โทรมาหาเองเลย งุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 10-06-2019 16:05:22
ขุ่นแม่จะมาดูตัวลูกสะใภ้
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-06-2019 19:36:45
 :กอด1: หูยยยย มีความอ้อน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 10-06-2019 20:12:52
...อบอุ่นยิ่งกว่าไมโครเวฟไปอีก  อยากมีแฟนแบบคุณคีนจังค่ะ...เพ้อ  :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-06-2019 21:47:41



BED CARE JOB

ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม




            ผมถือโทรศัพท์ค้างแน่นิ่งไป แทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง

            คุณคีนอยู่ข้างล่างในเวลานี้น่ะเหรอ เขามาหาผมที่ห้องทำไมหรือมีอะไรเกิดขึ้น
 
            ผมไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้เท่าไหร่ คุณคีนลาออกจากพรรค นักข่าวไปสัมภาษณ์คุณกวินทร์ พ่อของเขา ซ้ำยังมีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของคุณคีนกับผู้ชาย รวมไปถึงมีโทรศัพท์ลึกลับจากผู้หญิงคนหนึ่งที่โทรมาหาผมอีก ทุกอย่างมันเกี่ยวโยงเชื่อมกันหมดทุกเรื่องหรือเปล่า


            ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ไม่ได้พิถีพิถันในการเลือกเครื่องแต่งกายมากนัก ตั้งใจว่าจะลงไปพบเขาไม่นานแล้วก็จะกลับขึ้นห้องมาดังเดิม แต่ไม่รู้ว่าไปไงมาไง ตอนนี้ผมถึงขึ้นลิฟต์คอนโดพร้อมกับเจ้าของห้องไปได้


            ผมก้มลงมองเสื้อผ้าปอน ๆ  ที่ตัวเองสวมใส่อยู่แล้วก็รู้สึกว่ามันช่างไม่เข้ากับสถานที่สวยงามแห่งนี้เลย เหมือนดังว่าผมกำลังอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงก็ไม่รู้ แล้วดูคนข้างตัวผมสิ เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ ดูก็รู้ว่าราคาแพง ดึกดื่นขนาดนี้เสื้อผ้าเขายังเรียบกริบอย่างอัศจรรย์ เมื่อเทียบกับเขาแล้วผมกลายเป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่ง ไม่เหมาะที่จะยืนข้างเขา ขาผมเริ่มยืนไม่เป็นสุขขยับยุกยิกไปมา มือไม้ก็ดึงชายเสื้อ หวังให้มันยาวได้มากกว่านี้

            “เป็นอะไรครับ” คุณคีนถามพลางแตะเอวผมให้เดินออกจากลิฟต์ไปด้วยกัน

            “ผมไม่นึกว่าคุณจะพาผมมาคอนโดด้วยเลยไม่ได้แต่งตัวให้ดีกว่านี้” ผมบอกเขาไปตามตรง

            “ไม่เป็นไร นี่ก็ดึกมากแล้วไม่มีใครเห็นหรอก อีกเดี๋ยวก็เข้านอนแล้ว ทำไมครับคุณกังวลใจเหรอ” คุณคีนถามอีกก่อนเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้น เขาให้ผมเดินเข้าไปก่อนแล้วจึงปิดประตูตามหลัง

            “ก็นิดหน่อยครับ”

            “ไม่นิดแล้วมั้ง หน้าตาคุณดูไม่สบายใจมาก” ผมอึกอักเล็กน้อยจึงบอกเขา

            “ผมแต่งตัวไม่เหมาะสมกับที่นี่เลย แล้วไม่เหมาะกับคุณด้วย”

            “ถ้าคิดว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม เรื่องนี้แก้ไม่ยาก คราวหน้าผมจะบอกคุณล่วงหน้า คุณจะได้เตรียมตัวให้ทันดีไหม”

            “จริง ๆ  ผมคิดว่าคุณแค่แวะมาหาผมเฉย ๆ เลยไม่ได้คิดเรื่องเสื้อผ้า”

            “ครั้งนี้เป็นผมเองที่พาคุณมากะทันหัน ขอโทษนะครับ”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมต่างหากที่ไม่คิดให้รอบคอบ” คุณคีนฟังผมพูดเสร็จแล้วก็ยิ้มออกมานิดหนึ่ง

            “เหมือนผมกำลังถูกคุณว่าเลย” คุณคีนพูดจบก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

            “ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดจะว่าคุณ ผมพูดจริง ๆ  นะครับ” ผมตกใจรีบละล่ำละลักบอก

            “เลิกขอโทษผมได้แล้ว คราวนี้ถือว่าผมผิดเอง และอีกเรื่องที่คุณคิดว่าคุณไม่เหมาะกับผม ทำไมถึงคิดแบบนั้นช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยได้ไหม”

            “คือ..” ผมลำบากใจ ไม่น่าพูดกับเขาด้วยความรู้สึกที่พ่วงความน้อยใจผสมลงไปด้วยเลย

            “คิดอะไรอยู่ บอกความคิดคุณให้ผมฟังบ้างสิครับ”

            “ถ้าผมบอกคุณคีนว่าผมคิดอะไร แล้วคุณจะบอกความคิดของคุณให้ผมฟังบ้างไหมครับ” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยคงประหลาดใจในคำพูดผม

            “ได้สิครับ”

            “ผมดูข่าวเมื่อคืนคุณลาออกจากพรรคแล้วเหรอครับ”

            “ผมบอกคุณได้ แต่คุณต้องบอกความคิดคุณให้ผมฟังก่อนตามที่เราตกลงกันสิครับ”

            “ตามที่ตกลง?”

            “ใช่ครับ” แล้วผมไปตกลงกับเขาตอนไหน?

            “แล้วเราจะยืนคุยกันทั้งอย่างนี้เหรอ คุณไปอาบน้ำก่อนดีไหมครับ” ผมไม่ได้อยากจะไล่เขาหรอกนะครับแต่ขอเวลาตั้งตัว ครู่เดียวก็ยังดี

            “ตกลง ถ้างั้นคุณเข้าไปรอในห้องนะ”


            ผมเข้าไปรอในห้องนอน ห้องนอนที่เป็นห้องประจำเวลาผมมาคอนโดเขา ผมพยายามรวบรวมความคิดและเตรียมคำถามในหัวเป็นข้อ ๆ  ไว้ให้มากที่สุด ผมไม่มั่นใจว่าจะถามได้ครบทุกข้อไหมหรือควรจะจดไว้ดีเผื่อลืม






 
            เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าคุณคีนอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาเปิดประตูเข้ามาก่อนจะปิดลงอย่างเบามือเช่นทุกที คุณคีนเคาะประตูห้องทุกครั้งไม่เคยลืม เขาทำให้ผมคุ้นเคยกับการกระทำของเขาจนผมเกือบลืมตัวเคาะประตูห้องตัวเองเวลากลับห้องตั้งหลายครั้ง


            เขาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผมชื่นชอบ ครั้งที่แล้วผมสังเกตเห็นยี่ห้อครีมอาบน้ำในห้องเขาว่าเหมือนกับห้องนี้ด้วยหรือเปล่า ปรากฏว่ามันคือยี่ห้อและกลิ่นเดียวกัน แต่ทำไมผมไม่เคยได้กลิ่นครีมอาบน้ำจากตัวผมบ้างเลย

            “แผลที่หัวเป็นไงบ้าง” คุณคีนถามพลางก้าวขึ้นมานอนฝั่งประจำของเขา ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ผมเองก็ชินกับการที่มีเขานอนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน

            “ดีขึ้นแล้วครับ” ผมตอบเขาในขณะที่คุณคีนปรับไฟในห้องให้ลดความสว่างลง พอให้มองเห็น ไม่มืดจนเกินไป

            “โปรเจกต์ราบรื่นดีไหม” เขากำลังถามสารทุกข์สุกดิบผมใช่ไหมหรือเขาอยากเล่นยี่สิบคำถามกับผม

            “โปรเจกต์?” ผมนิ่วหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจคำถามเขา “อ่อ..ดีครับ อาจารย์โอเคแล้วครับ เหลือส่วนที่ต้องทำต่ออีกไม่เยอะก็จะเสร็จครับ”

            “แล้วคุณง่วงหรือยัง พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ร้านคุณปุยฝ้ายใช่ไหม”

            “ยังไม่ง่วงครับ” ผมตอบเขาด้วยน้ำเสียงติดจะห้วนเล็กน้อย ผมพลิกตัวตะแคงไปทางคุณคีน มองคนข้าง ๆ  ด้วยสายตาจริงจัง ผมจะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

            “แต่ผมง่วงแล้ว”

            “คะ..ครับ?อ่อ..ถ้าคุณง่วงแล้ว นอนกันเลยดีไหมครับ” คำตอบของเขาทำให้ผมไปต่อไม่ถูก จะให้ผมเซ้าซี้คนกำลังง่วงคงไม่เหมาะ เห็นทีคงต้องเป็นโอกาสหน้า

            “แล้วไม่อยากรู้เรื่องที่จะถามผมแล้วหรือ”

            “ไม่เป็นไรครับ คุณทำงานมาเหนื่อย ๆ  ไว้คราวหน้าค่อยถามก็ได้ครับ” ผมไม่อยากเร่งรัดคนง่วง แต่พอเห็นเขายิ้มจึงเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังโดนแกล้งก่อนที่ตัวผมจะถูกเขาดึงเข้าไปใกล้กว่าเดิม ได้ยินเสียงเขาพึมพำเบา ๆ  ว่า ‘หัวเหม็นอีกแล้ว’ก็แน่ละ ผมไม่ได้สระผมนี่นาตั้งใจว่าจะสระพรุ่งนี้เช้า

            “ตามใจครับ ถ้าคุณบอกคราวหน้า งั้นก็คราวหน้าแล้วกัน” เขาตอบเหมือนคนเสียดายที่จะพูดแล้วทำท่าจะเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟ

            “คุณแกล้งผม” ผมคว้าแขนเขาไว้ได้ทัน ถ้าเขาปิดไฟคงไม่ได้ถามแน่นอน

            “ตามใจคุณก็กลายเป็นว่าแกล้งคุณหรือ ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ” เขาย้อนถาม ฟังดูก็รู้ว่าเขายังแกล้งผมต่อไม่หยุด

            “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมพูดถึงอะไร ไม่แกล้งแล้วได้ไหมครับ ผมจริงจังนะ”

            “เอาละ งั้นต่อจากที่เราคุยกันค้างไว้ก่อนผมไปอาบน้ำ เพราะอะไรคุณถึงคิดว่าไม่เหมาะกับผมครับ” บทจะเริ่มต้นคำถามก็ดันกลายเป็นคำถามของคุณคีนเสียอีก

            “ผมนึกว่าคุณจะลืมไปแล้ว”

            “ผมไม่มีทางลืมเรื่องของคุณหรอกครับ ตกลงจะบอกผมได้หรือยังว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น ผมจริงจังนะ” ผมมองเขาแล้วเม้มปาก ตั้งใจพูดกับผมด้วยคำพูดผมชัด ๆ  ตกลงจะไม่ยอมหยุดแกล้งใช่ไหม

            “เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”

            “เช่นอะไรบ้าง”

            “การแต่งตัว นิสัย อายุ สังคม นี่ผมยกตัวอย่างแค่ส่วนหนึ่งนะครับ”

            “ถ้าคุณเหมือนกับผม ถึงจะเหมาะสมหรือ”

            “ก็ไม่เชิงครับ ผมไม่ได้หมายความว่าเราต้องเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว คุณก็รู้ว่าผมกับคุณ เราต่างอยู่กันคนละสังคม คนละโลกกันเลยด้วยซ้ำ” ผมบอกเขายืดยาว

            “เปลครับ เผื่อคุณจะลืม เรามีโลกเพียงใบเดียวและเราอยู่บนโลกใบเดียวกัน ตอนเรียนไม่ตั้งใจเหรอ” เขาดีดหน้าผากผมเบา ๆ 

            “มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ผมบ่นไม่พอใจ จะไม่ให้บ่นได้ยังไง เขาเล่นแกล้งตีความผมผิดไปต่าง ๆ  นานา ทั้งที่เข้าใจผม

            “โอเค ผมไม่แกล้งคุณแล้ว” คุณคีนหัวเราะ ผมชักหมั่นไส้ มีอะไรให้น่าขำนักหรือไง “คุณอยากให้ผมอธิบายให้คุณฟังไหม”

            “อยากครับ”

            “มีอะไรแลกเปลี่ยนหรือเปล่า”

            “ครับ?แลกเปลี่ยน?”

            “ของฟรีไม่มีในโลก ความคิดผมก็เช่นกัน ความคิดผมมีค่ามากนะครับ” นาน ๆ  ผมจะเห็นคุณคีนยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงกันสวยและนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาชมตัวเองให้ผมฟัง

            ที่แท้เขาช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายเหลือเกิน

            “...”

            “ว่าไงครับ ยังอยากฟังคำอธิบายของผมอยู่ไหม คุณไม่ซื้อไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่บังคับ”

            ผมขยับตัวเข้าไปใกล้คุณคีนแล้วยืดตัวไปหอมแก้มเขาทีหนึ่งก่อนจะผละออกมา

            “พอไหมครับ”

            คุณคีนทำท่าคิดอยู่สักสามวินาทีจึงพยักหน้า “ก็พอไหว”

            “ครับ”

            “คำว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ คำนั้นคือสิ่งที่คุณตัดสินเองครับ ผมไม่เคยนิยามคำนั้นในความสัมพันธ์ของเรา” คุณคีนตอบแล้วเงียบไป ผมรอฟังต่อแต่ก็ไม่มีอีก

            “จบแล้วหรือครับ”

            “ครับ จบแล้ว”

            “อ้าว” ผมหน้าเหวอ ผมน้อยใจแทบตายแล้วคุณคีนจะจบด้วยประโยคเดียวเองเหรอ

            “ทำหน้างงเชียว” เขากดริมฝีปากที่หน้าผากผมก่อนจะพูดต่อ “งั้นผมจะอธิบายเพิ่มแล้วกัน ถ้าผมเอาคำว่าเหมาะหรือไม่เหมาะมาคิด ผมไม่ต้องคิดหนักกว่าคุณหรือ ผมอายุเท่าไหร่ แก่กว่าคุณกี่ปี ลองคิดตามผมนะครับ ในอีกสิบปีข้างหน้าผมจะอายุห้าสิบสี่ อายุเกินครึ่งร้อย เป็นผู้ชายวัยกลางคน เป็นคุณลุงในสายตาคนอื่น ในขณะที่คุณเพิ่งอายุสามสิบเอ็ดกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังสวยงาม ก้าวหน้าในชีวิต”

            “...”

            “การแต่งกายที่คุณเป็นกังวล ผมบอกคุณไปแล้วเรื่องพวกนี้เราแก้ไขได้ มันไม่ได้เป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคใหญ่โต เราปรับเปลี่ยนการแต่งตัวให้เข้ากับสถานการณ์หรือกาลเทศะได้ แม้กระทั่งสังคมของคุณและผมก็ตาม คุณมีเพื่อนวัยเดียวกัน เป็นนักศึกษาเรียนมาด้วยกัน หากวันหนึ่งเพื่อนคุณเจอผมอยู่กับคุณโดยบังเอิญ ตอนนั้นผมในสายตาเพื่อนคุณ ผมจะเหมาะกับคุณไหมครับ ผมจะดูแก่เกินไปสำหรับคุณหรือเปล่า”

            “ผม...ขอโทษครับ” ผมมัวแต่คิดนั่นปนนี่จนลืมไปว่าจริง ๆ แล้วถ้าเรามองในมุมตัวเองก็มักจะเห็นปัญหาแต่ตัวเองจนลืมนึกไปว่าใครอีกคนก็อาจจะมีปัญหานั้นเหมือนกัน

            “ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ คุณไม่ได้ผิดและคุณมีสิทธิ์คิดเสมอ แต่ผมอยากให้คุณถามผมเวลาที่คุณสงสัยหรือไม่แน่ใจ อย่าคิดไปเองเพราะถ้าคุณเข้าใจไปผิด ๆ  แล้วสุดท้ายคุณจะเก็บมาคิดจนพานน้อยใจเหมือนครั้งนี้”

            “ก็ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย นอกจากประวัติคุณบนเว็บ รับรู้เรื่องคุณจากสื่อ นอกนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเลย” ผมบอกเขาเสียงเบา

            “เปลครับ อย่างที่คุณกับผมรู้กันเป็นอย่างดี เราเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นจากคนซื้อคนขายก่อนจะขยับความสัมพันธ์มาจนถึงตอนนี้”

            “ครับ” ผมพยักหน้า

            “มีหลายเรื่องหลายอย่างที่ผมไม่สามารถบอกให้คุณรู้ได้ทั้งหมดทันที เราต้องเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ  ถ้าหากคุณสงสัยก็ขอให้คุณถาม ถ้าคุณไม่มั่นใจก็ขอให้คุณถาม เบอร์โทรที่ให้คุณไป คุณโทรหาผมได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเรื่องสำคัญหรือไม่สำคัญก็ตาม ถ้าผมไม่ได้รับสายแปลว่าผมติดงานและผมจะโทรกลับหาคุณทันทีที่ผมทำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องด่วนให้คุณโทรหาเคนได้เลย”

            “ผมไม่กล้า กลัวรบกวนคุณ”

            “เคยรับปากว่าจะไม่ดื้อกับผมแล้วไม่ใช่หรือครับ”

            “ผมไม่ได้ดื้อนะครับ ผมแค่เกรงใจ กลัวรบกวนเวลาทำงานของคุณ”

            “ผมรู้ว่าคุณเกรงใจผม แต่ผมกำลังบอกคุณว่าไม่ต้องเกรงใจครับ โทรมาเถอะ ถึงอยากโทรมาเพื่อถามว่าผมทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง ผมก็อยากให้คุณโทรมา”

            “จะไม่รบกวนใช่ไหมครับ”

            “ผมเชื่อว่าคุณแยกแยะได้อยู่แล้ว คุณคงไม่โทรหาผมทุก ๆ  ห้านาทีหรอกใช่ไหม” คุณคีนว่าพลางหัวเราะก่อนจะเชยคางผมให้เงยสูงขึ้น จมูกโด่งสวยได้รูปของเขากดมาที่แก้มผมจนหน้าผมยู่ยี่ไปหมด เขาเอาคืนที่ผมหอมเขาไปก่อนหน้านี้ใช่ไหม

            “เจ็บนะครับ” ผมเบี่ยงหน้าหนีจากการกระทำของเขา

            “อยากรู้เรื่องไหนอีกไหม” คุณคีนหยุดแกล้งผมแล้วปิดท้ายที่แรงกดบนขมับผมแรง ๆ  เป็นการส่งท้าย

            “คุณลาออกจากพรรคทำไมครับ” ในเมื่อเขาอนุญาตแล้วผมก็จะถามต่อให้หมด

            “ไม่มีอะไรมาก ผมตั้งใจจะลาออกอยู่แล้ว ไม่ได้ลาออกปุบปับหรอกครับ เรื่องนี้ผมวางแผนและเตรียมตัวมานานแล้ว”

            “คุณพ่อของคุณ เอ่อ..คุณกวินทร์ ท่านโอเคเหรอครับ”

            “ไม่หรอก เสียคนทำงานไปคนหนึ่งคงไม่ชอบเท่าไหร่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ  ดูไม่ได้เป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย

            “จะไม่เป็นไรหรือครับ”

            “ถึงพ่อจะไม่ค่อยพอใจแต่ยังมีน้องชายผมอีกคนอยู่ในพรรค รายนั้นลงการเมืองเต็มตัว ดังนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ”

            “คุณลาออกจากพรรคแล้วหลังจากนี้คุณจะทำยังไงต่อไปครับ”

            “กลัวอยู่กับผมแล้วจะอดตายเหรอ” เขาแหย่ผมก่อนจะเล่าต่อ “ผมยังมีธุรกิจที่ผมดูแลอยู่คงกลับไปดูด้านนั้นเป็นหลัก ไม่ต้องห่วงนะครับ” เขาหัวเราะขบขันระหว่างตอบ ส่วนผมกลับก้มหน้างุด คำพูดเขาก้องในหัว มาอยู่กับผมอะไรกันเล่า ใครเขาจะอยู่กับคุณกัน

            “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ผมตอบปัดเขา ผมห่วงเรื่องปากท้องที่ไหนกัน ผมดูแลตัวเองได้

            “สบายใจขึ้นหรือยังครับ”


            เขาพลิกตัวผมให้นอนหงายทันทีที่ถามจบ อารามตกใจผมจึงคว้าแขนเขาไว้แน่นทั้งสองข้าง คุณคีนคิดจะแกล้งอะไรผมอีก ผมมองเขาจากด้านล่างกึ่งอยากรู้ กึ่งกลัวเกรงว่าคุณคีนจะทำอะไรกับผม เขาเท้าแขนบนที่นอน ส่วนมืออีกข้างปัดเส้นผมให้พ้นบริเวณที่เกิดแผลจากอุบัติเหตุภารกิจช่วยเพื่อน เขาไม่ได้แตะต้องแผลนั้น แค่จ้องมองมันเฉย ๆ

            “แผลดีขึ้นแล้วครับ ไม่ค่อยเจ็บแล้ว ผมไม่เป็นไรนะครับ”

            เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วพูดต่อด้วยเสียงที่แผ่วเบา

            “ดูแลตัวเองดี ๆ  นะครับ อย่าเจ็บตัวแบบนี้อีก”

            “คุณก็เหมือนกันนะครับ อย่าเจ็บ อย่าป่วยเหมือนกัน” ผมพูดไปตามความรู้สึก ผมคงไม่ดีใจแน่ ถ้าหากต้องเห็นเขามีบาดแผลหรือไม่สบาย


            คุณคีนไม่ได้มองที่แผลแล้ว คราวนี้เขามองหน้าผมตรง ๆ ผมอ่านสายตาเขาไม่ออก เขามองผมแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ผมขยับขายุกยิกทำตัวไม่ถูก เราจ้องมองกันเงียบ ๆ กระทั่งผมทนไม่ไหวจึงหลบสายตาเขาก่อน ไม่นานจึงได้ยินเสียงเขาพูดตามมา

            “เปลครับ ผมจะทำยังไงกับคุณดี” คุณคีนพูดจบก็เม้มปากผมทีหนึ่ง ผมเจ็บ! ถึงรู้ว่าเขาไม่ได้กัดแต่ก็เจ็บอยู่ดี ทำไมถึงพูดแล้วไม่ฟังกันบ้างเลย

            “เจ็บครับ” ผมบ่นพ่วงความขุ่นเคืองใจเล็กน้อย

            “อย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครฟังนะครับ” ผมไม่เข้าใจคำถามของเขา ผมไม่สมควรพูดอย่างนั้นเหรอ

            “มันไม่ดีเหรอครับ”

            “ไม่ใช่ครับ มันดี”

            “แล้วทำไม?”

            “มันดีเกินไปต่างหาก”


            คนอะไร ดีเกินไปก็ไม่ชอบ




           
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ UP 06/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-06-2019 21:48:04




            คุณคีนไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก้มหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราแนบชิดสนิทกัน ผมไม่อยากยอมรับกับตัวเองว่าสามารถคาดเดาเหตุการณ์ต่อจากนั้นได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมอ้าปากให้กว้างขึ้น ผมได้กลิ่นกาแฟจากลมหายใจและลิ้นของเขาที่สอดเข้ามา ทั้งที่ผมไม่ดื่มกาแฟแต่ผมก็ไม่นึกรังเกียจสัมผัสจากเขา
 
            ไม่เคยลำบากใจหรืออยากปฏิเสธเลยสักครั้ง

            “ยังอยากถามอะไรอีกไหม” จู่ ๆ  เขากระซิบถามทั้งที่ริมฝีปากเขายังไม่ละจากใบหูของผม

            “ครับ?” ผมประมวลผลคิดไม่ทันว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

            “อยากรู้เรื่องผมอีกไหม” ปกติเขาไม่ชอบพูดซ้ำ แต่ครั้งนี้เขากลับยอมพูดอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้ยอมบอกฟรี ๆ  ทุกอย่างมีการแลกเปลี่ยน และของแลกเปลี่ยนครั้งนี้คือลำคอของผม

            “ยะ..ยังมีอีกข้อครับ” ผมถามคำถามคาใจได้ทันก่อนสติเตลิด

            “อืม?” คุณคีนยังจูบไล่ไปทั่วคอผมไม่หยุด แต่ผมไม่ยอมให้อารมณ์มาทำให้ผมหลงลืมมันไป

            “เรื่องสัญญาครับ”

            “สัญญาอะไร”

            “สัญญาที่คุณเอาให้พ่อแม่ผมเซ็น ผมอยากรู้ว่ามันคือสัญญาอะไร”


            คุณคีนหยุดแกล้งแล้วพลิกตัวกลับมานอนโดยไม่ลืมดึงผมให้เข้าไปกอดเอวเขาไว้เหมือนอย่างเคย และถ้าเราอยู่ในท่วงท่าการนอนเช่นนี้ ผมจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้ นอกจากฟังเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะ

            “คุณไปได้ยินเรื่องสัญญามาจากใครครับ” น้ำเสียงคุณคีนกลับมาเคร่งขรึม ไม่มีวี่แววของการหยอกล้อใด ๆ

            “จากน้องชายผม ปิงครับ”
 
            “น้องชายคุณ?” เขาถามด้วยความสงสัย

            “ปิงบอกว่าเขาเห็นคุณเอาสัญญาให้พ่อแม่ผม”

            “แล้วน้องคุณพูดอะไรต่ออีกไหม”

            “ไม่ครับ ผมเลยเก็บไว้ รอมาถามคุณ”

            “อืม”

            “ตกลงว่ามันคือสัญญาอะไรครับ เรื่องใหญ่หรือเปล่า หรือว่าเป็นสัญญากู้เงินครับ”

            “ไม่ใช่ครับ เป็นสัญญาเพื่อความสบายใจของผมว่าพวกเขาจะไม่พาคุณกับน้องชายไปขายให้ใครอีก”

            “อ่อ..งั้นเหรอครับ” ผมถอนหายใจด้วยความโล่งใจ นึกว่าเป็นสัญญาเกี่ยวกับเงิน ๆ  ทอง ๆ  แค่นี้ผมก็ใช้หนี้คุณคีนไม่หมดแล้ว คุณคีนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงถามผมกลับ

            “แต่ถ้าคุณยังสงสัย จะดูสัญญาฉบับนั้นก็ได้นะครับ”

            “ไม่ครับ ๆ  ผมแค่ถามคุณดูเท่านั้นถ้าไม่ใช่สัญญากู้เงิน ผมก็สบายใจแล้วครับ” ผมรีบปฏิเสธเขา ไม่อยากให้คุณคีนคิดว่าผมถามเพื่อจับผิด

            “ไม่ต้องกังวลนะครับเปล สัญญานั่นจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน”

            “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่มีคุณคอยช่วย ผมคงต้องเป็นแบบนี้ต่อไปแน่ ๆ ผมมันคนขี้ขลาดไม่กล้าสู้ ไม่กล้าทำตามใจตัวเอง”

            “ผมยินดีช่วยคุณเสมอ ขอแค่คุณทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผมเท่านั้นก็พอ”

            “ครับ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”



           
            เรานอนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ๆ  กระทั่งหลับไปด้วยกัน พอถึงช่วงเช้าจึงเกิดปัญหาขลุกขลักเล็กน้อย สาเหตุมาจากการที่ผมไม่มีชุดนักศึกษามาใส่ไปทำงานที่ร้านพี่ปุยฝ้าย แต่ปัญหานั้นถูกขจัดไปได้โดยง่ายเมื่อคุณเคนมาถึงที่คอนโดพร้อมกับชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมในมือ ผมเกรงใจเหลือเกิน เขาต้องไปตระเวนหาที่ไหนมา ถึงได้ชุดนี้มาตั้งแต่ก่อนแปดโมงในวันเสาร์

            คุณเคนจะเป็นทุกอย่างให้ผมและคุณคีนแบบนี้ไม่ได้

            “ขอบคุณนะครับคุณเคน คราวหน้าผมจะเตรียมมาเองคุณจะได้ไม่ต้องลำบากเพราะผม”
 
            “ไม่เป็นไรครับ น้องเปลไม่ต้องเกรงใจพี่เคน คนที่ควรเกรงใจคือเจ้านายพี่ต่างหาก” คุณเคนยิ้มกว้างให้ผม ก่อนจะลดเสียงในประโยคสุดท้ายลงเพื่อให้ได้ยินกันสองคน

            “เอ่อ..ครับ” พอเขาชิ่งตัวการไปหาผู้ที่ควรรับผิดชอบเป็นคุณคีน ผมจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ

            “ให้เคนเอามาให้น่ะดีแล้ว เสียเวลากลับไปเอาชุดที่ห้องคุณเปล่า ๆ  ยังไงก็ต้องมาที่ร้านคุณปุยฝ้ายอยู่ดี” เจ้านายคุณเคนออกมาจากห้องนอนอีกห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเขาจะได้ยินที่ผมพูดกับพี่เคนเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า ผมน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่พี่เคนน่ะสิ เมื่อกี้เรียกว่านินทาเจ้านายเลยนะ

            “แต่มันสิ้นเปลือง อีกเดี๋ยวผมก็จะเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ใส่อีก นี่คุณซื้อชุดใหม่ให้ผมสองชุดแล้วนะครับ” ผมแย้งเขา

            “ถ้ากลัวเปลืองก็เก็บไว้ให้น้องชายคุณ ปีหน้าเขาก็เข้ามหาลัยแล้วไม่ใช่หรือ” คุณคีนเสนอทางเลือกให้

            “ปิงตัวเล็กกว่าผม ไม่รู้จะใส่ได้หรือเปล่า” ผมอ้อมแอ้มตอบด้วยความไม่แน่ใจ

            “เดี๋ยวพี่พาไปตัดขากางเกงให้เอง” คุณเคนเสนอตัวช่วยอย่างอารมณ์ดี

            “...” ผมยู่หน้าเล็กน้อย ทำยังไงถึงจะเถียงพวกเขาได้ชนะกันนะ

            “เอาน่าถ้าห่วงเรื่องเงิน ไม่ต้องกังวลนะครับน้องเปล เจ้านายพี่น่ะปี ๆ หนึ่งบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย ทั้งเสื้อผ้า ทั้งทุนการศึกษา แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

            “เคน” คุณคีนปรามคนกำลังเผาเจ้านายเสียงขรึม ถ้าเป็นผมคงหยุดพูดแล้ว แต่เพราะเป็นคุณเคนล่ะมั้ง เขาจึงพูดต่อ

            “คิดเสียว่าเป็นเด็กทุนคุณคิรินชานะครับ”

            “ครับ” ผมพยักหน้าว่าเข้าใจพลางคิดตามผมคือหนึ่งในเด็กที่คุณคีนให้ทุน

            “เคน..” คุณคีนเรียกชื่ออีกฝ่ายแล้วส่ายหน้านิดเดียวเท่านั้น
 
            “พี่เคนล้อเล่นนะครับน้องเปล”

            “แล้วเด็กทุนคุณคีนมาที่คอนโดนี้ทุกคนเลยเหรอครับ?” ผมถามเสียงซื่อแต่ใจไม่ซื่อตามเสียง

            “เห็นไหมไปกันใหญ่แล้วเคน เล่นจนได้เรื่อง” คุณคีนบ่นคุณเคนก่อนจะหายเข้าไปในห้องนอน

            “พี่เคนถูกเจ้านายดุเสียแล้ว” คุณเคนทำหน้าจ๋อยไม่สมจริง “พี่จะบอกความลับให้ คุณคีนไม่เคยพาใครมาที่คอนโดครับ น้องเปลเป็นคนแรก”

            “แล้วคุณเคน?” แต่คุณเคนก็มาที่นี่นะครับ

            “อย่ามองพี่อย่างนั้นสิ ไม่ดีครับน้องเปล พี่มาที่นี่เพราะเป็นลูกจ้างต้องทำงานตามที่เจ้านายสั่ง”

            “ครับ”

            “อย่าคิดมากนะครับ คุณคีนให้ทุนการศึกษาเด็กคือการให้ทุนจริง ๆ ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง”

            “เข้าใจแล้วครับ”

            “เข้าใจแล้วก็ดีครับ พี่เคนจะได้มีงานทำต่ออย่างสบายใจ ยังไงพี่รบกวนน้องเปลบอกคุณคีนหน่อยว่าพี่ไปรอที่รถนะครับ ถ้าเขาเสร็จแล้วให้ตามลงไป ระวังอย่าให้เกินสิบห้านาที เดี๋ยวจะสาย”

            “ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับฝากข้อความคุณเคนไว้

            คล้อยหลังคุณเคนลงไปไม่ถึงนาที คุณคีนก็กลับออกมาจากห้องที่เขาหายเข้าไป

            “เคนล่ะ?”

            “คุณเคนฝากบอกว่าจะไปรอที่รถครับ แล้วก็บอกว่าอย่าเกินสิบห้านาทีครับ”

            “อืม ขอบใจ แล้วฟังที่เคนพูดหรือเปล่า อย่าไปเชื่อมาก” คุณคีนดึงผมเข้าไปใกล้ คราวนี้ไม่บ่นว่าผมหัวเหม็นอีก แน่ละ ก็ผมเพิ่งสระไปตอนเช้านี่เอง ผมยังไม่แห้งหมาด ๆ อยู่เลย

            “เกือบจะเชื่อคุณเคนแล้วเหมือนกันครับ ถ้าไม่ได้ยินคุณบ่นคุณเคนเสียก่อน” ผมว่าพลางยิ้มให้เขา

            “ดีแล้ว เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่ลิฟต์”

            “ครับ”
   



         
            ผมมาถึงร้านพี่ปุยฝ้ายอย่างรวดเร็ว จากคอนโดคุณคีนเดินมาถึงร้านพี่ปุยฝ้ายไปถึงห้าสิบเมตรเลยด้วยซ้ำ พอมาถึงก็เห็นพี่ปุยฝ้ายกำลังเปิดร้านผมจึงรีบเข้าไปช่วยโดยไม่เกี่ยงงอน

            “มาเร็วจังเลยเปล”

            “วันนี้ผมตื่นเร็วครับ” คำตอบนี้มันก็ถูก ผมตื่นเช้าก็จริง แต่ที่มันเร็วกว่านั้นเพราะเดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึงร้านนี่แหละ


            ช่วงใกล้เที่ยงลูกค้ายังเข้าร้านต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทำให้ยุ่งอยู่ตลอดจนไม่มีเวลาจับโทรศัพท์มือถือเลย ผมตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น จนสังเกตเห็นว่าคนในร้านบางคนมองผมสลับกับโทรศัพท์มือถือแล้วทำหน้าแปลก ๆ  แต่ผมไม่คิดอะไรกระทั่งพี่ปุยฝ้ายดึงแขนผมเข้าไปหลังร้าน

            “เปล” เธอเรียกชื่อผมอย่างร้อนใจ

            “มีอะไรครับพี่ปุยฝ้าย”

            “ใช่เปลจริง ๆ  เหรอ”

            “ครับ? ผม ผมไงครับ ผมเปลไงพี่” ผมงงงวยกับคำถามพี่ปุยฝ้าย ก็ผมเองจะให้ผมเป็นใคร

            “เปลรู้จักกับคุณคีนใช่ไหม”

            “เขามาที่ร้านเราออกจะบ่อยก็ต้องรู้จักสิครับ” ผมตอบเลี่ยง ทักษะการโกหกของผมแสนจะต่ำต้อยไม่รู้พี่ปุยฝ้ายจะเชื่อหรือเปล่า

            “ไม่ใช่ พี่หมายถึงรู้จักเป็นการส่วนตัว”

            “ครับ?พี่ว่ายังไงนะ” ผมได้ยินชัดแต่ขอถ่วงเวลาเพิ่มอีกนิด

            “อะ..ดูรูปนี้ก่อน”

            พี่ปุยฝ้ายยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้ ผมรับแล้วยกขึ้นดูเสร็จแล้วจึงส่งคืนกลับเจ้าของด้วยมือที่ชื้นเหงื่อ ผมแอบเช็ดมือเข้ากับผ้ากันเปื้อน ระวังไม่ให้พี่ปุยฝ้ายเห็น

            “พี่ให้ผมดูทำไมครับ” ผมตีหน้านิ่งตอนที่ถาม

            “ตอบพี่มาว่าคนในรูปใช่เปลหรือเปล่า”

            “ไม่ใช่ผมหรอกครับ” ผมปฏิเสธเสียงเรียบ

            “ไม่ใช่จริงเหรอ แต่หน้าด้านข้างเหมือนเปลมากเลยนะ”

            “ผมจะไปรู้จักกับคุณคีนได้ยังไง แล้วอีกอย่างร้านหรูหราขนาดนี้ ผมไม่มีปัญญาไปหรอกครับ พี่ปุยฝ้ายคงไม่คิดว่าเป็นผมจริง ๆ  หรอกนะครับ” ผมถามพลางหัวเราะกลบเกลื่อน

            “เหมือนเปลมากแต่พี่ก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ขอโทษนะจ๊ะที่พี่โวยวายเรื่องไร้สาระ”

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “งั้นพี่ให้เปลพักสิบห้านาทีนะ เดี๋ยวพี่ดูหน้าร้านต่อให้เอง”

            “ขอบคุณครับ”


            พี่ปุยฝ้ายเดินออกไป สิ้นเสียงปิดประตูผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ดูท่าว่าร้านหรูหราแถมยังทำอาหารอร่อยจะนำภัยมาให้ผมกับคุณคีนเสียแล้ว


            ผมนั่งพักให้จิตใจสงบตามที่พี่ปุยฝ้ายอนุญาต ผมหวนนึกถึงรูปภาพที่พี่ปุยฝ้ายให้ดูเมื่อสักครู่นี้ ภาพผมกับคุณ  คีนถูกถ่ายจากด้านข้างเยื้องไปทางหลังผม ทำให้เห็นใบหน้าผมไม่ชัด แต่หน้าคุณคีนนั้นชัดทีเดียว ใครเป็นคนถ่ายรูปนี้กันตอนนั้นเองที่ผมดันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ผมรู้แล้วว่าผมลืมอะไรเมื่อคืนนี้



            ผมลืมถามคุณคีนเรื่องข่าวลือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้ชายยังไงล่ะ
 










=============================================



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-06-2019 22:10:06
มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ยนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2019 22:12:13
สงสัยคนที่แอบถ่ายต้องเป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามป่าว จะดิสเครดิตคุณและพ่อคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 10-06-2019 22:29:57
เป็นเรื่องจนได้ สู้ๆนะเปล
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 10-06-2019 22:35:06
นักข่าวแน่เลย ไม่งั้นก็คนในวงการการเมืองนั่นแหละ  :m16:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-06-2019 23:35:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 10-06-2019 23:55:55
อะ เป็นเรื่องแล้วววว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-06-2019 23:59:20
น้องเปลพึ่งรู้ว่าคุณคีนเจ้าเล่หรอลูก เอ็นดูววว
คุณคีนจะทำยังไงกับข่าวดี มีคุณคีน น้องเปลไม่ต้องกลัว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-06-2019 00:27:36
อย่าให้เปลเจอเรื่องราวไม่ดีอีกเลยนะ  :call: เจอจากที่บ้านมาเยอะแล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 11-06-2019 00:34:28
น้อนนนนนนนนนนนนนนนนน่ารักกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 11-06-2019 00:54:38
คุณคีนนนนน รู้ข่าวยังคะ?? จะแถลงมั้ยคะ??
เปิดตัวน้องเลยค่ะ นี่กลัวคุณปุยฝ้ายโกรธน้องที่น้องโกหก
อยากบอกคุณปุยฝ้ายว่า น้องมีเหตุผลนะคะ อย่าโกรธน้อง
ส่วนรูปหลุด คุณพรรคฝ่ายตรงข้าม คุณเจอดีแน่!!

คุณทำน้องเปลของคุณคีนคิดมาก


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 11-06-2019 01:04:25
เย้ๆ เค้าได้คุยกันแล้ว กำลังค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน น้องเปลจะได้ไม่ต้องคิดมาก มีอะไรก็ถามเนอะ ส่วนเรื่องรูป เราว่าแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามต้องเอาเรื่องน้องมาเล่น คุณคีนคงมีวิธีจัดการแหละ แต่กลัวใจน้องเปลอ่ะดิ จะคิดว่าตัวเองทำเรื่องให้คุณคีน เป็นภาระให้เค้า จนหนีไปหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 11-06-2019 01:05:58
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกตลอดเลยยยคู่นี้  สู้ไปค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2019 01:08:19
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-06-2019 01:47:57
 :เฮ้อ: มีเรื่องเข้ามาเรื่อยๆเลย แต่ไม่เป็นไรคุรคีนเก่งอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 11-06-2019 04:00:56
คุณคีนอ่ะไม่มีปัญหา แต่เปลอาจจะกังวลใจ ไหนจะที่บ้านอีก หวังว่าคุณคีนจะจัดการได้ เพราะน้องเค้าซื่อมาก กลัวจะกังวลว่าทำให้คุณคีนเดือดร้อน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-06-2019 05:19:59
คุณคีนพาน้องเปิดตัวให้จบๆไป
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-06-2019 07:25:45
คิดว่าคุณคีนแก้ปัญหาได้แน่นวล..ลลลลลลล  o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-06-2019 08:00:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 11-06-2019 08:29:47
คุณคีนน่าจะตั้งใจให้เป็นข่าวนะ เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
หนึ่งคือได้เปิดตัว ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ
สองคือได้มัดน้องเปลไว้ แสดงความเป็นเจ้าของออกสื่อไปเลยงี้
โอ๊ะ นกหลายตัว ไม่ใช่แค่สองตัวนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-06-2019 09:57:05
ใครถ่ายรูปกัน?
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-06-2019 11:04:58
น้องเปลอย่ากังวลเลย คุณคีนจะจัดการทุกอย่างได้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 11-06-2019 14:08:13
คุณคีนนี่ชอบแกล้งน้องตลอด แง น่ารักจนจะบ้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 11-06-2019 18:17:17
คุณเคนเกือบทำบ้านคุณคีนแตกแล้ววววว :laugh:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-06-2019 22:43:19
อ๋าาา ต้องเป็นคุณคนนั้นที่เจอที่ร้านแน่เลย

แย่แล้วน้องเปล
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 11-06-2019 22:46:21
คุณคีนนนน แสนดี น่ารัก

พี่เคนก็ขี้เเกล้งงง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-06-2019 00:23:10
รอนะครับ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-06-2019 01:17:57
  :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 13-06-2019 21:32:16


สงสารน้องเปล

แต่ในความเป็นจริงคุณคีนน่ะผิดตั้งแต่แรกเลย มาซื้อบริการนักศึกษาแบบนี้ ตีๆๆเลย !  แล้วเรื่องคบเด็กผู้ชายก็จงใจไม่พูดกลัวเปลกังวลใช่ไหม แต่เห็นไหมน้องลำบากเลย คุณคีนก็ลำบาก โอ๊ยย ขอตีคุณคีนอีกที

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-06-2019 21:36:22

BED CARE JOB

ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา





            ผมไม่ได้แตะโทรศัพท์มือถืออีกเลยจนถึงเวลาเลิกงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเวลาทำงานผมไม่เล่นโทรศัพท์อยู่แล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าถ้าผมยังถือโทรศัพท์ไว้คงไม่แคล้วที่จะอยากรู้อยากเห็นแล้วต้องหาข่าวลือนั้นเพิ่มแน่ ๆ  ผมจึงตัดใจไม่ยุ่ง ไม่สนใจมัน


            ถึงจะบอกแบบนั้นสุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี


            เมื่อถึงเวลาเลิกงานผมกลับเข้าไปถอดผ้ากันเปื้อนของร้านออก โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นไม่หยุดเลยตั้งแต่พี่ปุยฝ้ายทักว่าผมหน้าเหมือนคนในรูป ผมปล่อยให้ทุกสายที่โทรเข้ามารอสายไปจนกระทั่งพวกเขาถอดใจไปเอง แต่สายที่กำลังโทรเข้ามาในมือนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

            “ครับ” ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่กดรับ

            “น้องเปลเลิกงานหรือยัง” ทางนั้นถามผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์สดใสเหมือนเคย ท้องฟ้าที่เคยสดใสเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นเสมอในเสียงของคุณเคน

            “เลิกแล้วครับคุณเคน”

            “พี่รออยู่ที่ลานจอดรถคอนโดชั้นหนึ่ง ล็อกบีเจ็ด เดินมาหาพี่ที่นั่นได้ไหมครับ”

            “ได้ครับ ประมาณสิบห้านาทีนะครับ ผมขอไปลาพี่ปุยฝ้ายก่อน”

            “ครับ”

            หลังวางสายผมออกไปหน้าร้านเพื่อลาพี่ปุยฝ้าย เธอยิ้มแย้มให้ผมพลางถามด้วยความเป็นห่วง

            “ไม่เป็นอะไรนะเปล ถ้าคนในรูปไม่ใช่ตัวเรา ไม่ต้องไปสนใจหรอกนะ เดี๋ยวคนก็ลืม ๆ  เลิกสนใจไปเอง คนไทยลืมง่ายจ้ะ” พี่ปุยฝ้ายพูดเสร็จก็หัวเราะเสียงดังไม่ได้เก็บอาการเอาเสียเลย

            “ครับ”

            “กลับบ้านดี ๆ  นะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันจ้ะ”

            “เอ่อ...พี่ปุยฝ้ายครับ” ผมเรียกเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะจัดการเรื่องเงินตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์

            “ว่าไงจ๊ะ”

            “ถ้าสมมติว่าคนในรูปเป็นผมขึ้นมาจริง ๆ  พี่ปุยฝ้ายจะทำยังไงครับ”

            “ทำอะไร? ทำไมพี่ต้องทำอะไรด้วย”

            “ก็เรื่องที่พี่ถามผมไปเมื่อตอนเที่ยง”

            “อ้อ..เรื่องตอนนั้นเอง คิดมากเหรอเรา” พี่ปุยฝ้ายยิ้มกว้างขึ้นอีกแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “ถ้าเปลเป็นคนในรูปจริง ๆ พี่จะทำอะไรได้นอกจากดีใจแทนเราน่ะสิ เปลเป็นเด็กดี เด็กขยัน ถ้ามีคุณคีนมาดูแลพี่คงดีใจ”

            “พี่ไม่คิดว่าผมไม่เหมาะสมกับคุณคีนเหรอครับ”

            “คนนอกมีสิทธิ์อะไรไปตัดสินว่าใครไม่เหมาะกับใคร จริงไหมจ๊ะ คิดมากจริงเด็กคนนี้ อีกอย่างถ้าคุณคีนเขาเลือกแล้วแสดงว่าเขาคิดมาดีแล้ว”

            “เหรอครับ”

            “พี่พูดเหมือนยอมรับที่คุณคีนคบผู้ชายง่าย ๆ  เลยครับ”

            “โลกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ใครจะคบกับใครแล้วเพศไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา คุณคีนเอง เขามีข่าวทำนองนี้มาตลอดนะ พี่ยังแปลกใจว่าทำไมคนที่ปล่อยข่าวถึงไม่ใช้หัวคิดสักหน่อยว่าที่ผ่านมาข่าวพวกนี้มันเคยทำอะไรคุณคีนได้ที่ไหน”

            “เหรอครับ” ผมตอบพี่ปุยฝ้ายในขณะที่โทรศัพท์มือถือยังสั่นไม่หยุด

            “ยังไงพี่ฝากดูแลคุณคีนแทนพี่ด้วยนะ ถ้าเป็นเปล พี่เชื่อว่าคงดูแลได้ดีทีเดียวล่ะ”

            “ฝากผมทำไมครับ ไม่ใช่ผมสักหน่อย ผมแค่สมมติถามพี่เฉย ๆ”

            “อ้าว..เหรอจ๊ะ พี่คิดไปเองสินะ” เธอว่าพลางหัวเราะ แต่ผมคิดว่าการหัวเราะของพี่ปุยฝ้ายดูไม่จริงใจเลย

            “ใช่ครับ คนในรูปไม่ใช่ผมครับ”

            “โอเคจ้ะ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

            “งั้นผมลานะครับ” ผมเตรียมจะก้าวออกไปจากร้าน

            “เอ้อ เปลเดี๋ยวก่อน”

            “ครับ?”

            “พรุ่งนี้พี่ให้หยุดหนึ่งวัน”

            “ทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า”

            “ถือเสียว่าชดเชยเรื่องเมื่อกลางวันที่ทำให้เสียขวัญจ้ะ”

            “เอ่อ...คือ” ผมว่าเป็นการชดเชยที่แปลกออกไปสักหน่อย

            “ตามนั้นนะจ๊ะ”

            “ขอบคุณครับ”

            “จ้ะ แล้วเจอกันวันจันทร์ กลับไปก็คุยกันดี ๆ นะ อย่าคิดมากเรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนั่นอีก มั่นใจตัวเองให้   เยอะ ๆ”

            “คะ..ครับ ขอบคุณครับ” ผมรับคำและขอบคุณที่เธอให้ผมหยุดงานได้ แต่ว่าพี่ปุยฝ้ายพูดเหมือนรู้อะไร เธอคงพูดไปเรื่อยล่ะมั้ง ผมส่ายหน้าด้วยความงงเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางลานจอดรถคอนโด
 




            ผมเดินไปตามที่คุณเคนแจ้งลานจอดรถชั้นหนึ่ง ล็อกบีเจ็ด แต่ผมไม่ยักเห็นรถตู้คันคุ้นตานอกเสียจากรถยนต์ยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งสีขาวมุก ติดฟิล์มดำจนมองเข้าไปในรถไม่เห็นจอดอยู่

            “ทางนี้ครับคุณเปล” ผมไม่รู้จักชื่อคุณลุงคนนี้แต่จำหน้าเขาได้ เขาคือผู้ชายที่ขับรถตู้ให้คุณคีน แล้วทำไมวันนี้คุณลุงถึงไปประจำตำแหน่งคนขับที่รถยนต์คันนั้นได้

            “ครับลุง”

            “เชิญครับ” เขาลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูด้านหลังให้ผมขึ้นไปนั่ง

            “ขอบคุณครับ” ผมรู้สึกเกรงใจแต่จะปฏิเสธก็คงเสียเวลาจึงก้าวขึ้นไปนั่งอย่างเรียบร้อย

            คุณลุงแกผงกหัวเล็กน้อยแล้วกลับไปที่นั่งคนขับตัวเองอย่างเดิมและรถยนต์ก็แล่นออกจากคอนโดไป

            “ทำไมถึงมาช้า” คนข้างตัวผมเอ่ยถามขึ้นเป็นคำแรก ตอนนี้รถจอดติดไฟแดง

            “พอดีผมคุยกับพี่ปุยฝ้ายนานเกินไปหน่อย”

            “อืม”

            “ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะไม่มาช้าอีก”

            “ผมนึกว่าเกิดเรื่องอะไร แต่ถ้าคุยกับคุณปุยฝ้ายก็ไม่เป็นไรหรอก” คุณคีนบอกผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมว่าวันนี้งานเขาเหนื่อยและเครียดทีเดียว
 
            ผมลอบมองคุณเคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าคู่คนขับ คุณเคนยังหน้านิ่งเหมือนเจ้านายเขาไม่มีผิด แม้ว่าตอนที่คุยทางโทรศัพท์น้ำเสียงฟังดูปกติ แต่ตอนนี้หน้าคุณเคนสวนกันกับน้ำเสียงที่โทรมาคนละทาง ปกติเขาเจอผมต้องแกล้งแหย่แล้ว หากคราวนี้นั่งเงียบสนิท

            “ครับ แล้วเราจะไปไหนกันครับ”

            “ไปห้องคุณก่อน”

            “ไปส่งผมหรือครับ อันที่จริงคุณไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมกลับเองได้”

            “เปล่าครับ ผมอยากให้คุณไปเก็บของใช้เสื้อผ้าส่วนตัวแล้วมาอยู่ชั่วคราวกับผมก่อน”

            “เอ?มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันเมื่อถึงบ้านนะครับ”

            “ครับ” ผมไม่ได้ถามเขาเพิ่มอีก นอกจากล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันสั่นไม่หยุดเลย โทรศัพท์ก็เป็นเครื่องใหม่ ไม่น่าเป็นเพราะระบบรวน ผมตั้งใจจะเอาออกมาเพื่อปิดเครื่องให้หายรำคาญ

            “โทรศัพท์นั่น” คุณคีนมองตามมือผมที่ถือโทรศัพท์ที่มีแสงไฟสว่างวาบจากสายที่โทรเข้าตลอดเวลา

            “ครับ มีคนโทรเข้ามาทั้งวันเลย”

            “ขอผมดูเบอร์ที่โทรเข้ามาได้ไหม”

            “เอ่อ..ได้ครับ” ผมมองเขาชั่วครู่ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้

            “ผมไม่ได้เช็กว่าคุณคุยกับใครนะครับ คุณสบายใจได้” คุณคีนรับไปแล้วส่งต่อให้คุณเคนอีกทอดหนึ่ง

            “ไม่เป็นไรครับ ต่อให้คุณอยากเช็ก ผมก็ไม่มีให้คุณเช็กอยู่ดี” ผมโต้กลับ นอกจากปิงแล้ว ก็คงไม่มีใครโทรหาผมอีก


            อ้อ..ยังมีโจอีกหนึ่งคน แต่ผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลยตั้งแต่วันศุกร์ ไม่รู้ว่าหนึ่งในสายที่โทรเข้ามานั้นมีโจอยู่หรือเปล่า


            ผมทำตามคำสั่งคุณคีน ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าในห้องมาส่วนหนึ่งพร้อมกับของใช้จำเป็นต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน ใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย หลังจากนั้นรถก็ออกตัวแล่นไปตามถนนอีกครั้งก่อนจะมาหยุดลงที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่


            รถยังแล่นตามทางมาเรื่อย ๆ  หลังจากประตูรั้วเปิดออกอัตโนมัติ ผมคิดว่างั้นนะเพราะไม่เห็นมีใครเดินมาเปิดรั้วเลยสักคน หนทางไกลเหลือเกิน นั่งรถเข้ามาสักพักแล้วยังไม่เห็นตัวบ้าน ถ้าปล่อยผมลงแล้วบอกให้ผมออกไปเรียกรถหน้ารั้วเอง ผมจะโกรธจริง ๆ  ด้วย ไกลขนาดนี้ใครจะเดินไหว และในที่สุดผมก็ได้เห็นบ้านแสนลึกลับนี้เสียที


            ผมมองด้วยอาการที่เรียกว่าอ้าปากค้างก็ได้ เรียกว่าบ้านหลังใหญ่ คงไม่พอ ผมขอเรียกมันว่าคฤหาสน์แล้วกัน

            “ถึงแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันบอกผมข้างหูเบา ๆ

            “เอ่อ..ที่นี่บ้านใครครับ ของคุณเหรอ” ผมมองเขาสลับกับตัวบ้านอย่างหวาดระแวง

            “ไม่ใช่ของผมครับ” คุณคีนส่ายหน้าเล็กน้อย “ของคุณพ่อผม”

            “คุณพ่อคุณ? คุณกวินทร์?”

            “ไม่ผิดครับ ปะ เข้าบ้านกันเถอะ” คุณเคนและคุณลุงขับรถลงจากรถมายืนเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นผมที่ยังอิดออดอยู่

            “คุณคีนครับ” ผมเรียกชื่อเขาด้วยความประหม่า

            “เป็นอะไรไป”

            “ผมไม่เข้าไปได้ไหม ให้ผมกลับบ้านได้หรือเปล่า”

            “กลัวอะไรครับ”

            “ที่นี่เป็นบ้านพ่อคุณ แล้วคุณพาผมเข้าไปจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ ผมกลัว”

            “ผมอยู่กับคุณแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว”

            “แต่..”

            “เชื่อผมนะครับเด็กดี”

            “ก็ได้ครับ”




 
            คุณคีนพาผมเข้าบ้านไปพร้อมกับคุณเคน ส่วนคุณลุงคนขับรถเดินเลี่ยงไปอีกทางไม่ได้เข้าไปด้วย แค่ก้าวเข้ามาผมสัมผัสได้ถึงความโอ่โถงและหรูหรา ผมอยากจะหยุดเดินแล้วกลับออกไปแต่ถูกคุณคีนแตะเอวไว้ให้ก้าวไปพร้อมกัน

            “มาถึงกันแล้วหรือจ๊ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ เธอมีใบหน้ารูปไข่ มีรอยยิ้มมอบมาให้คุณคีนและส่งต่อเลยมาที่ผม

            “สวัสดีครับคุณแม่ สบายดีไหมครับ” คุณคีนยกมือไหว้ก่อนจะเข้าไปหอมแก้ม ผมเลยยกมือไหว้ตามเขา ลอบมองไปทางคุณเคน เขาก็ไหว้สตรีตรงหน้าเช่นกัน

            “สบายดีจ้ะ ไม่เจอกันกี่เดือนแล้ว ถ้าไม่มีเรื่อง แม่คงไม่เห็นหน้าลูกชาย” เธอตำหนิปนตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนักก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “อีกสักพักพ่อกับน้องเราคงกลับ”

            “ครับ”

            “เอ..คนนี้ใช่ไหมจ๊ะ คนที่อยู่ในรูป?” เธอหันมามองผมตรง ๆ ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าอะไรจึงทำได้แค่กะพริบตาปริบ ๆ  กลับไป

            “คุณแม่ครับ น้องยังไม่รู้เรื่อง” คุณคีนส่ายหน้าพลางปรามเธอเสียงเบาแฝงด้วยความอ่อนโยน ไม่เหมือนตอนที่ห้ามปรามคุณเคน สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่แตกต่างกันชัดเจน

            “เหรอจ๊ะ เอาละ ๆ  หิวกันหรือเปล่า เข้าไปข้างในกัน”


            ผมไม่กล้ามองไปรอบ ๆ  เดินตัวเกร็งตลอดทาง กลัวจะทำอะไรผิด กลัวจะเดินเพลินแล้วไปชนข้าวของบ้านเขาจนเสียหาย คุณเคนคงสังเกตเห็นเลยพาผมเข้าไปอีกห้องหนึ่ง พอเข้ามาแล้วถึงรู้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นห้องหนึ่งในบ้าน

            “คุณคีนให้พี่พามาที่ห้องนี้ น้องเปลก็นั่งเล่นไปก่อนนะ”

            “ครับ”

            “สักพักเดี๋ยวคุณคีนคงเข้ามา แม่ลูกคงอยากคุยกัน”

            “คุณเคนครับ”

            “ครับ?”

            “คุณผู้หญิงเมื่อกี้คือคุณแม่คุณคีนเหรอครับ” ผมถามคุณเคนอย่างไม่แน่ใจ ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ทั้งยังดูอายุน้อยเกินกว่าจะเป็นแม่ของผู้ชายอายุสี่สิบสี่ปี

            “น้องเปลรอให้เจ้าตัวมาพูดเองดีกว่า ถ้าให้พี่บอกคงไม่ค่อยดี เรื่องครอบครัวก็ต้องให้คนในครอบครัวมาพูดกันเอง”

            คุณเคนหัวเราะทิ้งท้ายแล้วขอตัว ทิ้งความสงสัยไว้ให้ผม เรื่องครอบครัวมาเกี่ยวอะไรกับผมด้วย


            สักพักมีคนมาเคาะประตูแล้วเอาขนมกับน้ำมาให้ เธอไม่พูดจา วางจานขนมอย่างระวังแล้วก็กลับออกไปเงียบ ๆ  เหมือนตอนที่เข้ามา


            นั่งรอไปได้ครู่ใหญ่ก็เริ่มเบื่อ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น แต่เมื่อคลำกระเป๋ากางเกงแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าเอาโทรศัพท์ให้คุณคีนไปแล้วตั้งแต่อยู่ในรถ


            แล้วตอนนี้จะทำอะไรดีล่ะ มองออกไปนอกหน้าต่างเผื่อว่าจะมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจบ้าง แต่ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสีเป็นสีดำมืดมิด มองออกไปข้างนอกจึงไม่เห็นอะไร ผมจึงเริ่มสำรวจห้องนี้ เครื่องเรือนมีไม่กี่ชิ้น มีเพียงโซฟาขนาดนั่งได้สามคน ตรงหน้าเป็นโทรทัศน์จอใหญ่ โต๊ะวางของกระจุกกระจิก ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมจึงนั่งห่อเหี่ยวต่อไปเงียบ ๆ

            “กลับมาแล้วหรือคะคุณ จะอาบน้ำหรือทานข้าวก่อน...” เสียงพูดของผู้หญิงที่น่าจะเป็นผู้หญิงที่คุณคีนเรียกว่าแม่ดังขึ้น

            “ผมอยากคุยกับลูกคุณก่อน เจ้าคีนมันอยู่ไหนล่ะ” ผมจำเสียงที่แทรกมานี้ได้ เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันอีกคนหนึ่ง พอฟังโดยไม่เห็นหน้าค่าตา ผมก็เริ่มแยกแยะออกได้แล้วว่าเขามีโทนเสียงคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันจริง ๆ

            ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมหลงคิดไปได้ไงว่าสองคนนี้มีเสียงเหมือนกัน

            “ครับพ่อ” คราวนี้เป็นเสียงคุณคีน ผมพูดได้อย่างมั่นใจ เสียงคุณคีนเหมือนดังจากหน้าห้องนี่เอง

            “มาคนเดียว?แล้วอีกคนล่ะ”

            “อยู่ในห้องครับ” พอได้ยินคำตอบจากคุณคีน ผมจึงเข้าใจว่าคนที่คุณกวินทร์ถามน่าจะหมายถึงผม

            “กำลังจะเข้าไปหาหรือ”

            “ครับ ผมให้เขารอในห้องนานแล้ว”


            ใจหนึ่งก็นึกหวั่น ใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขาถามถึงผมทำไม ผมจ้องประตูอย่างไม่ลดละ ทำให้มองเห็นแสงไฟลอดมาจากช่องว่างประตู แปลกใจอยู่เช่นกันว่าทำไมถึงได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอกชัดนัก ที่แท้ประตูปิดไม่สนิทนี่เอง เดาว่าผู้หญิงที่เอาขนมมาให้ตอนออกไปคงไม่ระวัง ลืมดูว่าประตูปิดดีหรือยัง

            “ไม่เรียกให้ออกมาฟังด้วยกันเลยล่ะ จะไม่ให้มารับรู้ด้วยกันหน่อยหรือว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง ลุกลามไปถึงไหน” คุณกวินทร์แค่นเสียงถาม ถ้าจะเรียกว่าแดกดันก็คงไม่ผิดนัก

            “คุณคะใจเย็นก่อน”

            “เปลไม่จำเป็นต้องมารับรู้เรื่องนี้ ปัญหาเกิดจากตัวผม ไม่ใช่เขา” คุณคีนค้านบิดาเขาเสียงแข็ง

            เคยเป็นไหมครับ ยิ่งปิดบังมากเท่าไหร่ยิ่งกระตุ้นต่อมให้เราอยากรู้อยากเห็น ผมรุดไปที่หน้าประตูอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้อยากจะทำตัวเสียมารยาท แต่ในเมื่อมีชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมควรมีสิทธิ์รับรู้บ้างใช่ไหม

            “อ้อ ชื่อเปลสินะ”

            “ครับ”
   
            “อายุเท่าไหร่ เรียนอยู่หรือทำงาน”

            “ผมกลับมาบ้านเพราะพ่อบอกว่าจะคุยกับผมเรื่องข่าว แล้วที่ผมพาเขามาด้วยเพราะคุณแม่อยากเจอ ไม่ใช่พาเขามาเพื่อให้คุณพ่อมาซักประวัติ” ผมมองใบหน้าด้านข้างคุณคีนด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น รู้สึกตกใจที่เห็นเขามีมุมอื่นที่ต่างออกไป

            “เด็กนั่นสำคัญกับแกมากหรือ”

            “ครับ เขาสำคัญ”

            “คงสำคัญมากด้วยสินะ ถึงขนาดที่พาเขาไปกินข้าวนอกบ้านจนถูกถ่ายรูปมาได้ ชื่อเสียงพรรคมันจะเละเทะไปหมดเพราะแกอยู่แล้ว รู้บ้างไหมฉันต้องเหนื่อยยากลำบากใจแค่ไหนเวลาที่ตอบคำถามนักข่าวเรื่องแก” คุณกวินทร์เสียงดังขึ้นเมื่อโต้ลูกชายกลับ

            “แล้วทำไมผมจะพาเขาไปกินข้าวข้างนอกไม่ได้ พ่อลืมไปหรือเปล่าครับว่าร้านนั้นคือร้านอะไร เป็นแบบไหน”

            “แกไม่ต้องมาเตือนความจำฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าร้านนั้นเป็นยังไง”

            โธ่..คุณกวินทร์ครับ คุณช่วยลืมไปบ้างได้ไหม ผมอยากรู้นะครับว่าร้านนั้นคือร้านอะไรกันแน่

            “พ่อทำท่าเหมือนไม่รู้จักว่าร้านนั้นมีไว้สำหรับใคร?มีไว้เพื่อนักการเมือง ดารานักร้อง ชาวสังคมคนดังที่อยากปกปิดความลับจากประชาชนหรือจากครอบครัวทั้งนั้น ผมพาเขาไปที่นั่นเพราะไม่อยากให้ผมและเขาต้องเป็นข่าว ลำพังตัวผมเองจะตกเป็นข่าวก็ไม่เป็นอะไรหรอกเพราะผมเป็นหัวข้อข่าวมาทั้งชีวิต เป็นหุ่นเชิดให้คุณพ่อมาตลอด แต่เปลเขาเป็นแค่เด็กนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ไม่รู้ถึงความเน่าเฟะวงการนี้ แทนที่พ่อจะเอาแต่โกรธแล้วหัวเสียใส่ผมว่าทำไมถึงถูกถ่ายรูปได้ ผมว่าพ่อควรจะไปหาคนที่ทำผิดกฎของร้านดีกว่าไหมครับ”

            ผมอยากจะปรบมือให้คุณคีนด้วยความชื่นชมแต่พอฟังจนจบแล้วกลับห่อเหี่ยวเข้าใจแล้วว่าร้านนั้นคือร้านอะไร ที่แท้มันเป็นร้านเฉพาะไม่ใช่มีไว้สำหรับแขกทั่วไป

            คุณกวินทร์เงียบไปครู่ใหญ่จึงถามเสียงต่ำ

            “แกคิดว่าใครเป็นคนทำ”

            “วันนั้นคนที่เข้ามาทักผมมีคนเดียวคือคุณศักดิ์ชัย”

            “แกว่าอะไรนะ ศักดิ์ชัยเรอะ!?” แค่ประโยคเดียวของคุณคีนทำให้คุณกวินทร์เสียงดังอีกแล้ว

            “ครับ”

            “คนตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ไปเจอ แกนี่มันหาเรื่องให้ฉันไม่รู้จักหยุดหย่อน รู้ทั้งรู้ว่าศักดิ์ชัยมันเกลียดขี้หน้าแกจะตาย และมันคงไม่พลาดโอกาสที่จะหาทางทำให้พรรคเราเสียชื่อเสียงหรอก”

            “ตกลงว่าพ่อจะคุยกับผมเพื่อแก้ปัญหานี้ไหมครับ ถ้าไม่คุยผมจะได้พาเขากลับไปพัก”

            ผมได้ยินเสียงคุณกวินทร์ถอนหายใจเสียงดังทีเดียว

            “เอาละ ถ้าแกมั่นใจว่าเป็นศักดิ์ชัยก็ดี งั้นคงจะปิดข่าวลือได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องตอบคำถามนักข่าวปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

            “ขอบคุณครับ”

            “แต่ฉันรู้ว่าคนอย่างแกคงไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียวหรอกใช่ไหม ถ้าฉันไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ แกจะจัดการกับทางนั้นยังไงล่ะ”

            “ในเมื่อทางนั้นมีรูปผม ก็ใช่ว่าผมเองจะไม่มีรูปเขา”

            “แกจะโต้กลับโดยการเอารูปเขามาแฉงั้นหรือ”

            “ไม่ครับ ถ้าผมเล่นงานเขากลับแบบนั้น มันคงจะขัดภาพลักษณ์ที่พ่ออยากให้ผมเป็นสิครับ ผมคงไปตกลงกับเขา    เงียบ ๆ”


            เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคุณคีนพูดจาราวกับเจ็บช้ำ ผมไม่เห็นว่าเขาพูดด้วยสีหน้าอย่างไร แต่เขาคงเจ็บปวดไม่น้อย ผมได้ยินแล้วกลับเจ็บปวดไปพร้อมกับคำพูดเสียใจของเขา

            “จะโทษว่าที่แกเป็นแบบนี้เพราะฉันงั้นสิ”

            “ไม่ใช่หรือครับ”

            “แกต้องขอบคุณฉันต่างหาก ถ้าฉันไม่เอาตัวแกกลับมาจากเมืองนอก แกจะยังเป็นผู้เป็นคนแบบนี้หรือ จะเป็นคุณคิรินชาที่มีคนเคารพนับหน้าถือตาอย่างตอนนี้งั้นรึ”

            “พ่อเคยถามผมสักคำไหมว่าผมต้องการกลับมาหรือเปล่า ถ้าเลือกได้ผมก็อยากอยู่กับเคท ไม่ได้อยากกลับมาที่นี่”

            “คีน ใจเย็นก่อนลูก ใส่อารมณ์ต่อกันไม่ใช่วิธีการที่ดี” คุณผู้หญิงเข้ามาห้ามสองพ่อลูกที่กำลังจะลุกลามบานปลาย

            “ดูลูกคุณสิ เถียงผมทุกคำ ตอนนี้มันคงไม่เคารพผมแล้ว”

            “ทั้งคู่ใจเย็นก่อนค่ะ คุณกวินทร์ คุณก็ด้วย คีนทำเพื่อคุณ เพื่อเรา เพื่อพรรคมามากแล้ว เรื่องเก่าผ่านมาตั้งกี่ปี คุณเองก็ไม่ควรเอาอดีตมาพูดกับลูกเหมือนกันนะคะ”

            “คุณเข้าข้างลูกงั้นเหรอ”


            ผมฟังแล้วแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อตัวละครใหม่ เคท?คือใคร ชื่อนี้คุ้นหูผมมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ผมคงต้องพักคนชื่อเคทไว้ก่อน สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือคุณคีน ในอดีตเขาเป็นคนแบบไหน ยังไง

            “ใช่ค่ะ ครั้งนี้คุณพูดกับลูกไม่ถูก คีนเป็นยังไง ทำเพื่อคุณแค่ไหน คุณย่อมรู้ดี”

            “แล้วเด็กนั่น แกจะทำยังไงกับเขา” คุณกวินทร์เปลี่ยนเรื่องฉับพลัน ผมพอเข้าใจแล้วว่าพ่อบ้านอาจจะเก่งกล้านอกบ้าน แต่คงไม่ค่อยกล้ากับแม่บ้านในบ้านเท่าไหร่

            “ผมคงต้องให้เขาหยุดพักงานช่วงนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องเรียนคงหยุดไม่ได้ แต่คงไม่เป็นปัญหามากนักเขาไม่ได้มีเรียนทุกวัน พอปิดเทอมเมื่อไหร่ผมจะพาเขาไปอยู่กับเคท กลับมาอีกทีตอนเปิดเทอม ข่าวลือคงซาไปแล้ว”

            “อืม จะทำยังไงก็ทำ แต่ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน กลับมาก็อย่าทำให้มันประเจิดประเจ้อจนเป็นข่าวขึ้นมาอีกล่ะ ถ้าเป็นข่าวมาอีกครั้งฉันจะโกรธแกจริง ๆ”

            “พ่อจะไม่พอใจมากเลยใช่ไหมครับถ้าผมเปิดเผยเรื่องตัวเอง”

            “ใช่ แค่นี้ฉันก็ใจดีกับแกมากแล้ว อุตส่าห์ยอมให้ลาออกจากพรรคอย่างที่แกต้องการแล้ว ทุกวันนี้ฉันยังตอบนักข่าวเรื่องแกแทบไม่หวาดไม่ไหว อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังในตัวแกอีก”

            “พ่อผิดหวังในตัวผม ไม่คิดว่าผมเองก็ผิดหวังในตัวพ่อเหมือนกันเหรอครับ พ่อฟังความต้องการจากประชาชน ฟังเสียงคนทุกคน แต่ไม่เคยฟังเสียงความต้องการจากผมที่เป็นลูกชายเลย”

            ผมฟังประโยคนี้ของคุณคีนแล้วบอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกยังไง เขาจะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่าที่เคยถามตัวเองว่าพ่อแม่รักผมบ้างไหม หรือมองผมเป็นแค่ลูกคนหนึ่งที่คอยหาเงินมาให้เวลาที่ต้องการเงิน ไม่รู้ว่าคุณคีนเสียใจแค่ไหน แต่ที่รู้ แน่ ๆ  ก็คือผมกำลังร้องไห้ให้กับคำพูดเขา

            “คีนไม่เอาลูก อย่าพูดกับคุณพ่อแบบนั้น” เสียงหญิงสาวคนเดิมพูดขึ้นอีก อันที่จริงผมว่าถ้าให้สองพ่อลูกคุยกันโดยไม่มีคนห้ามปราม ป่านนี้พายุลูกใหญ่คงโหมแรงน่าดู

            “ผมคงไม่อยู่กินข้าวแล้วนะครับคุณแม่ เดี๋ยวจะกลับเลย”

            “อย่าเพิ่งกลับสิจ๊ะ นอนค้างที่นี่สักคืนเถอะ นาน ๆ จะได้เจอกันที ถ้าไม่อยากคุยกับพ่อก็อยู่คุยกับแม่ก่อนได้ไหม” หญิงสาวพูดโน้มน้าวจิตใจลูกชาย

            “ไว้คราวหน้าดีกว่าครับ แล้วผมจะหาเวลามาทานข้าวกับคุณแม่” คุณคีนไม่ใจอ่อน เขาตัดบทอย่างเฉียบขาดก่อนจะเรียกหาคนสนิท “เคน!!”

            “ครับคุณคีน” คุณเคนขานรับเจ้านายอย่างรวดเร็วราวกับเตรียมตัวรออยู่ตลอด

            “ไปเตรียมรถมารอ เดี๋ยวผมเข้าไปรับเปลก่อน”

            ผมรีบเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ  แล้วถอยเท้าเข้าไปในห้องอย่างอัตโนมัติ กลัวคุณคีนจะจับได้ว่าผมมาแอบฟังเขา แม้คราวนี้ไม่ต้องแอบฟังผมกลับได้ยินเสียงคุณเคนสบถเสียงดัง เดาว่าคงมองเห็นประตูที่เปิดอ้าเล็กน้อยนั่นล่ะ ก่อนที่ประตูจะถูกผลักออกให้กว้างขึ้น ผมเห็นคุณคีนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเฉยเมยจนผมเริ่มกลัวเขาขึ้นมาเล็กน้อย

            “ผมไม่ได้ยินอะไรเลยครับ” ผมละล่ำละลักบอกทั้งที่เขายังไม่ได้พูดหรือถามอะไรเลย

            คุณคีนยิ้มออกมานิดหนึ่งทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง

            “เคยบอกแล้วไงครับว่าคุณโกหกไม่เก่งเลย แต่เราจะยังไม่พูดเรื่องที่คุณได้ยินตอนนี้ เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน โอเคไหมครับ”

            “ครับ”

            “ออกไปกันเถอะ” ผมเกร็งตัวตอนที่คุณคีนเข้ามาดึงมือผมให้ออกไปด้วยกัน ผมไม่รู้ว่านอกประตูนั่นจะมีใครอยู่หรือเปล่า แล้วผมต้องทำหน้าแบบไหนถ้าต้องเจอคุณกวินทร์หรือคนอื่น ๆ



หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม UP 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-06-2019 21:36:55

 
            ไม่ต้องเป็นกังวลนาน ตอนที่ผมออกมา ผมไม่เห็นใครเลยที่หน้าประตู ทำให้ผมโล่งใจค่อนข้างมาก แต่ไม่นึกว่าความโล่งใจจะมีการสิ้นสุดเมื่อเห็นหญิงสาวที่คุณคีนเรียกว่าแม่ยืนรออยู่ตรงรถยนต์ที่คุณเคนขับมาจอดรอ

            “ตกลงว่าจะกลับจริง ๆ  เหรอจ๊ะ” เธอถามด้วยความเศร้าระคนเสียดาย

            “ครับ แล้วผมจะมาหาคุณแม่นะครับ”

            “แม่ขอคุยกับน้องเขาหน่อยได้ไหม”

            คุณคีนหันหน้ามาทางผม เพื่อขอความเห็น ผมคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ในเมื่อคุณคีนก็อยู่ด้วยกันตรงนี้ผมจึงพยักหน้าเบา ๆ

            “ครับ”

            “ขอบใจจ้ะ”

            “ไม่ต้องกลัวนะ คุณแม่ใจดี” เขาวางมือบนหัวผมแล้วขึ้นรถไปพร้อมกับคุณเคน

            ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าคุณผู้หญิงจะคุยกับผมต่อหน้าลูกชายเขา แต่คุณคีนกับคุณเคนกลับเลือกเปิดทางโล่ง เขาทั้งสองคนขึ้นไปนั่งรอในรถทำให้ผมเหมือนขาดกำลังสนับสนุนอย่างไรไม่รู้

            “สวัสดีจ้ะ” เธอเป็นฝ่ายทักผมก่อน

            “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เธออีกครั้ง

            “ชื่อเปลใช่ไหม เห็นคีนเขาเรียกหนูชื่อนี้”

            “ใช่ครับ”

            “ชื่อน่ารักดีจ้ะ”

            “ขอบคุณครับ”

            “คงได้ยินเรื่องที่พ่อลูกเขาคุยกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ”

            “ครับ” ผมยอมรับตรง ๆ  ไม่กล้าโกหก

            “อย่าเก็บเอามาใส่ใจนะ พ่อลูกกันต้องมีทะเลาะกันบ้างตามประสาผู้ชายแหละจ้ะ คนเป็นพ่อลูก ยังไงก็โกรธกันไม่นานหรอก”

            “ครับ” ผมพยักหน้าเออออรับ

            “หนูเรียนอยู่ใช่ไหมจ๊ะ ปีไหนแล้ว”

            “ปีสี่แล้วครับ เทอมหน้าก็จบครับ”

            “งั้นคงอายุสักยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสองได้ไหมจ๊ะ”

            “ยี่สิบเอ็ดครับ”

            “รู้ใช่ไหมว่าลูกชายฉันอายุเท่าไหร่” ผมคิดว่าผมกำลังได้ลางสังหรณ์แปลก ๆ จากแม่คุณคีน

            “ทราบครับ”

            “ไม่คิดว่าเขาแก่ไปสำหรับหนูเหรอ”

            “ไม่ครับ คุณคีนไม่ได้แก่ในสายตาผม”

            “ไม่แก่เพราะเขารวยใช่ไหม” เธอต้อนคำถามใส่ผมอีก

            “ไม่ใช่ครับ ผมรู้ว่าเขามีเงินและร่ำรวย แต่ผมไม่ได้คิดจะอยู่กับเขาเพราะเรื่องนี้ครับ”

            “ไม่ใช่เหตุผลนี้จริง ๆ  เหรอ ขอโทษนะจ๊ะ ฉันบังเอิญรู้มาว่าฐานะที่บ้านหนูค่อนข้างยากจนและที่สำคัญหนูไม่ได้เจอกับคีนเหมือนคนอื่นทั่วไปไม่ใช่เหรอ”

            “คุณทราบว่าผมรู้จักกับคุณคีนได้ยังไงเหรอครับ” ผมมั่นใจว่าคุณคีนไม่น่าจะบอกที่บ้าน เรื่องที่มาที่ไประหว่างเรา

            “คีนไม่ได้บอกฉันหรอกจ้ะ วางใจได้”

            “ผมเจอกับคุณคีนในแบบที่ไม่ปกติก็จริงครับ แต่หลังจากนั้นผมเจอกับเขาปกตินะครับ” ผมบอกคุณผู้หญิงตรงหน้า ผมไม่ได้โกหกเพราะผมเจอกับคุณคีนอีกครั้งตอนที่ผมทำงานที่ร้านกาแฟพี่ปุยฝ้าย

            “ช่วงก่อนคีนขึ้นไปลำปาง ใช่บ้านเกิดหนูหรือเปล่าจ๊ะ” คุณผู้หญิงเกริ่นขึ้นมา ผมเม้มปากเพราะไม่รู้ว่าเธอจะถามอะไร

            “ใช่ครับ”

            “คุณแม่ครับคุยเสร็จหรือยัง” คุณคีนลดกระจกลงมาถาม ผมอยากจะบอกว่าเสร็จแล้วกลับเลยได้ไหม แต่แม่คุณคีนก็ตอบลูกชายสวนทางว่า

            “ใกล้แล้วจ้ะ ขอแม่คุยอีกนิดเดียว”

            “อย่าแกล้งน้องนะครับ” คุณคีนบอกมารดาพลางหันมายิ้มให้ผมแล้วกระจกรถยนต์ก็ถูกเลื่อนขึ้นก่อนจะปิดสนิทดังเดิม

            ตัวช่วยเดียว ความหวังสุดท้ายของผมจากไปแล้ว

            “เอาละ คีนคงใจร้อนไม่อยากรอ งั้นฉันจะถามหนูเป็นคำถามสุดท้าย” เธอสบตากับผมนิ่งจนผมประหม่า

            “ครับ” ผมกลืนน้ำลายมองเธอหวาด ๆ  ไม่รู้ว่าเธอจะถามคำถามแบบไหนกับผม

            “รักลูกชายฉันหรือเปล่า”

            “คะ..ครับ?”

            “ได้ยินแล้วนี่” คำพูดเธอเหมือนคุณคีนเลย

            “เอ่อ..ครับ รักครับ”

            “รักเขามากไหม”

            “ถึงผมจะรู้จักคุณคีนได้ไม่นาน แต่ผมคิดว่าผมรักเขามากครับ”

            “รักมากพอจะอยู่กับเขาไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามหรือแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะไม่เหลืออะไรเลย”

            “ครับ ผมจะอยู่กับเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม อีกอย่างผมทำงานมาตั้งแต่เด็ก ๆ  และที่สำคัญผมใกล้จะเรียนจบแล้ว ไม่รู้ข้างหน้าจะเป็นยังไงแต่ผมจะไม่ทิ้งเขาครับ” ผมตอบด้วยความซื่อตรงและมั่นคงมากที่สุด เสร็จแล้วจึงนึกได้ว่า แม่คุณคีนถามผมตั้งหลายคำถามไม่เห็นจะเป็นคำถามสุดท้ายตรงไหนเลย

            “ดีจ้ะ รับปากแม่แล้วนะ”

            คุณแม่คุณคีนเคาะกระจกรถเบา ๆ  ก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้าง เธอก้มพูดกับลูกชายของเธอว่า

            “แม่ให้ผ่านจ้ะ”

            “ผมบอกคุณแม่แล้วว่าคุณแม่ต้องชอบเขา”

            “ไว้พาน้องมากินข้าวด้วยนะ”

            “ครับ”

            “ผมไปนะครับ” คุณคีนบอกลาพลางไหว้ผู้เป็นมารดาทั้งที่ยังนั่งอยู่ในรถ โดยมีผมยืนทำตามอยู่นอกรถ เธอเข้ามาสวมกอดผมก่อนจะหอมแก้มผมทีหนึ่งจนผมตกใจ

            “บายจ้ะ”

            รถค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกห่างคฤหาสน์หลังใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ  ตอนที่คุณคีนดึงผมเข้าไปกอดแน่น ๆ  ผมถึงรู้ว่าตัวเองกลั้นหายใจมานานแค่ไหนแล้ว


            นี่คือด่านแรกที่ได้มารู้จักครอบครัวคุณคีนใช่ไหม
 










=============================================



มีคำถามเล็กๆ จากตอน 16 ที่เปลถามเราทุกคนว่า เปลได้สระผมมั้ย สรุปน้องได้สระผมมั้ยคะ?

ไม่ต้องตอบเขมก็ได้น้า แต่ตอน 18 เปลหลุดเฉลยมาค่ะ มันนิดเดียว ไม่สังเกตอาจจะไม่เห็นแต่ไม่เป็นไรน้า



ไม่น่าเชื่อว่าอยู่กันมาถึง 19 ตอนแล้วเนอะ จากเรื่องสั้นสู่เรื่องยาว ตกใจมากจริงๆ และขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันค่ะ



ปล ไม่ดราม่าหรอกค่ะ สบายๆ ^^



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-06-2019 21:54:36
สงสารน้องงง กดดันแทน คุณคีนไม่บอกอะไรเลย แล้วคนนี้เป็นแม่ เคทจะเป็นแม่แท้ๆรึเปล่า งงไปหมดด  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 13-06-2019 22:03:39
เค้าหวังว่า เคท คงไม่ทำให้เรื้องมันน้ำตาแตกเนาะ 5555เค้ารอเชียร์นางสองคนตลอดดเลยย

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 13-06-2019 22:05:53
อ้าว แล้วเคทคือใครรรร 5555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-06-2019 22:32:14
อ่านไปก็ลุ้นไป  :เฮ้อ: สู้สู้นะเปล  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-06-2019 22:37:28
ปลอบคุณคีนด้วยนะน้องเปล   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 13-06-2019 22:52:05
เป็นกำลังใจให้น้องเปลกับคุณคีนเด้อออออ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2019 23:50:20
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 13-06-2019 23:51:38
ตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ววว เคทคือคนที่โทรหาน้องเปลใช่มะ ตอนแรกเราเดาว่าเป็นแม่คุณคีน เราก็ยืนยันข้อนี้อยู่นะ แต่อยากรู้อดีตคุณคีนตอนอยู่ต่างประเทศมากกว่า เคยเป็นคนดื้อเหรอคะ  อ้อ เราว่าน้องเปลได้สระผมแล้วนะ เหมือนน้องบอกเอง ใช่คุณคีนสระให้หรือเปล่าาา
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 13-06-2019 23:52:02
น้องเปลโดนทดสอบ
แต่น้องตอบแบบแมนๆมากลูก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2019 00:08:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-06-2019 00:13:37
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-06-2019 04:25:17
 :กอด1: อยู่เป็นกำลังใจให้กันน้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-06-2019 07:57:05
เคทคือแม่คุณคีนหรือเปล่า 

คุณคีนรีบเฉลยเรื่องต่างๆ ให้น้องเลยนะ เดี๋ยวคิดเองเออเองไปกันใหญ่
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 14-06-2019 08:00:20
น้องงง ผมไม่ได้ยินอะไรเลยคับ โถ่ววลูก
เหมือนกับตอนที่หนูถามพี่ฝ้ายว่าถ้าเป็นผมแล้วจะว่ายังไงนั่นแหละ เอ็นดูความโกหกไม่เป็น น่าแกล้ง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 14-06-2019 08:13:16
เคทคือใครรร
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 14-06-2019 08:37:33
อ่านไปลุ้นไป เคทเป็นแม่แท้ๆรึเปล่า จำได้ว่าคุณคีนเหมือนลูกครึ่ง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-06-2019 09:00:33
ยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 14-06-2019 09:19:50
รักคุณเคนน เอ้า!!ผิดๆรักคุณคีน คุณแม่ก็น่ารักมากก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-06-2019 18:13:18
พ่อลูกเขาดุเดือดกันอยู่นะเนี่ย

แต่น้องเปลนิสัยน่ารักขนาดนี้ ยังไงก็ผ่านไปได้แหละเนอะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-06-2019 18:57:07
โอเค แยกย้าย  ไม่ดราม่า
เอาตะเกียบไปเก็บแล้วเตรียมช้อนของหวานค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-06-2019 21:02:52
เคทคือแม่แท้ๆ คุณคีนปะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-06-2019 21:47:04
 นึกว่าพ่อจะใจดี ทำไมดุลูกชายง่ะ ไม่เป็นไรนะคุณคีนน้องบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งไปไหน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-06-2019 23:38:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-06-2019 00:12:22
ขุ่นพ่อโหดจัง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-06-2019 13:04:01
ทำไมมีแต่คนแกล้งน้องเปลเนี่ย555 แม่คนนี้คงเป็นแม่ของน้องชายใช่มั้ย ส่วนคนที่ชื่อเคทน่าจะเป็นแม่คุณคีนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 16-06-2019 14:32:46
สรุปเคทรือใคร :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 16-06-2019 17:55:24
สรุปคุณเคทคือใครรร แงงงง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PoppyPrince ที่ 16-06-2019 23:06:20
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-06-2019 23:18:15
 :เฮ้อ:ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 17-06-2019 11:03:51
อ่านมาเรื่อยๆ​ 19ตอนแล้วอะ​ เร็วมากกก​
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 17-06-2019 12:41:01
เปลยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว ตามใครเขาไม่ทันอยู่เหมือนเคย
จะไหวไหมเนี้ย ลูกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 17-06-2019 15:37:07
น้องเปลหนักแน่นมากๆ ลูก

คุณคีน งื้อออ ชอบน้องมากเลยใช่ไหม?

รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 17-06-2019 20:02:11


BED CARE JOB

#พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง



 
            ผมนั่งรถมากับคุณคีนโดยมีคุณเคนทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้เรา รถแล่นผ่านรั้วประตูคฤหาสน์ใหญ่มาได้สักพักคุณคีนจึงพูดขึ้นทำลายความเงียบ

            “คุณแม่ทำให้ตกใจหรือเปล่า”

            “ไม่ครับ” ผมบอกเขาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

            “ถ้าไม่แล้วทำไมทำหน้าแปลก ๆ”

            “ผมมองคุณแม่คุณแล้วรู้สึกผิดนิดหน่อยครับที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าผมกับคุณพ่อคุณเคยนอกใจคุณแม่” พอผมพูดจบก็ได้ยินเสียงคนที่นั่งหลังพวงมาลัยหัวเราะ

            ไม่ตลกเลยนะครับคุณเคน ผมอยากจะดุเขาบ้างแต่ก็ไม่กล้าพูด

            “คุณนี่น้า”

            “ก็ตอนนั้นผมไม่รู้จริง ๆ  ว่ามิสเตอร์เคคือคุณนี่ครับ เอ้อ..จริงสิ เกือบลืม”

            “หืม?มีอะไร”

            “คุณแม่คุณบอกว่ารู้เรื่องที่ผมกับคุณเจอกันได้ยังไงด้วยครับ”

            “งั้นเหรอ”

            “คุณดูไม่ตกใจเลย รู้อยู่แล้วหรือครับ” ผมมองท่าทีที่นิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อนของคุณคีน

            “ถ้าคุณแม่ผมไม่รู้สิถึงแปลก”

            “เอ๊ะ ครับ?แปลว่าคุณแม่คุณรู้เรื่องมาตลอดเหรอครับ”

            “ไม่ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เรื่องเรา คงมารู้กันช่วงหลัง” ช่วงหลังอะไร? ยังไม่ทันได้ถามคุณเคนก็พูดขึ้นมาบ้าง

            “พี่เคนก็ไม่รู้เรื่องครับน้องเปล”

            “อ้าวเหรอครับ แล้วคุณเคนรู้ได้ไง คุณคีนบอกเหรอ”

            “ไม่ใช่ครับ พี่เคนเห็นพฤติกรรมเจ้านายพี่ที่ผิดปกติ ไม่เคยสายก็สาย ไม่เคยโอ้เอ้ก็ทำ รู้ว่าชอบกาแฟแต่อยากจะไปกินอยู่แค่ร้านเดียว ไปทีก็นั่งแช่อยู่นาน มันยังไง ๆ  ก็ไม่รู้ ว่าไหมครับ” คุณเคนเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

            “พูดมากน่ะเคน” คุณคีนชมเชยคุณเคนเสียงขรึม

            “คุณเป็นอย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วอย่างนี้มีคนรู้เรื่องเราเยอะไหมครับ”

            “ผมไม่แน่ใจ อาจจะฟังดูน่ากลัวแต่มันคือความจริง คนรอบตัวผมหูตาเป็นสับปะรดทั้งนั้น อยู่ที่จะพูดหรือไม่ เหมือนเรื่องคุณศักดิ์ชัยกับผม ครั้งนี้เขาคงไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาโจมตีพรรค จึงเล่นประเด็นมาที่ผม”

            “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

            “ผมชินแล้ว เคยเจอมาทุกแบบทั้งข่าวจริงหรือไม่จริง แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”


            การจราจรคับคั่งหนาแน่นแม้จะเป็นวันเสาร์ พ้นช่วงหัวค่ำแล้วแต่รถยังติด ยิ่งขับเข้าไปใกล้ใจกลางเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งติดมากขึ้นทุกที

            “หิวหรือเปล่า ที่จริงตั้งใจจะกินข้าวที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ ผมขอโทษด้วย” คุณคีนพูดเลี่ยงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นว่าเป็นเหตุการณ์อะไร

            “หิวนิดหน่อย แต่ยังไหวครับ ก่อนเลิกงานผมกินขนมที่ร้านพี่ปุยฝ้ายมาเยอะเลย แล้วคุณล่ะครับ หิวไหม”

            “ยังไม่หิว” ผมว่าสาเหตุที่คุณคีนไม่หิว น่าจะมาจากการปะทะอารมณ์กับคุณกวินทร์จนทำให้เขาไม่อยากกินอาหารแน่ ๆ

            “แต่คุณเคนอาจจะหิวแล้วก็ได้ ใช่ไหมครับคุณเคน” ผมถามไปที่คุณเคนเพื่อหาเสียงสนับสนุน

            “น้องเปลช่างรู้ใจพี่เคน ใช่ครับพี่เคนหิวมากเลย” คุณเคนตอบและสบตากับผมผ่านทางกระจกมองหลัง

            “งั้นเรากินอะไรดีครับ”

            “ร้านนั้นคงไปไม่ได้...” คุณคีนพึมพำเบา ๆ

            “ไม่จำเป็นต้องกินที่ร้านก็ได้ครับ สั่งมาที่ห้องก็ได้ เดี๋ยวผมโทรสั่งแล้วออกไปรับที่หน้าประตูให้เอง”

            “เป็นความคิดที่ดีนะน้องเปล” คุณเคนเห็นด้วย

            “คุณคีนกับคุณเคนอยากกินอะไรครับ” ผมเงยหน้าถามคนหน้านิ่งแล้วสลับไปมองคนที่กำลังขับรถ

            “คุณเลือกเลย ผมกินอะไรก็ได้”

            “อะไรก็ได้นี่อันตรายมากนะครับ” ผมแกล้งแหย่เขา อยากรู้ว่าคุณคีนกินอะไรก็ได้อย่างที่พูดจริงไหม ตอนผมเลือกอาหารในคืนนี้คงเป็นคำตอบให้ผมได้ว่าเขากินอะไรก็ได้จริงหรือเปล่า



           
            คอนโดคุณคีนที่คุณเคนพามานั้น ไม่ใช่คอนโดแห่งเดิมที่อยู่ใกล้ร้านกาแฟพี่ปุยฝ้าย แต่เป็นอีกที่หนึ่ง ความหรูหราโอ่อ่าไม่ได้แตกต่างจากที่เก่าเลย ผมมองไปรอบ ๆ  ด้วยความตื่นตาเช่นเคย

            “ทำไมถึงมาที่นี่ครับ”

            “ที่เดิมอาจจะมีนักข่าวไปดักรออยู่ ที่นี่ปลอดภัยกว่า” คุณคีนอธิบายสั้น ๆ

            “ครับ”

            “เจ้านายพี่ก็พูดสั้นเหลือเกิน คืออย่างนี้ครับน้องเปล มีคนรู้ไม่น้อยว่าคุณคีนอยู่ที่คอนโดนั้น ช่วงนี้เราควรหลีกเลี่ยงกลับไปที่เดิมก่อน ส่วนที่นี่เป็นคอนโดใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้ทำให้ปลอดภัยมากกว่าครับ”

            “อ่อ..ครับ” ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ ไม่มีใครรู้ก็จริง แต่คุณเคนรู้นะครับ ผมเลือกไม่ถาม ต่อให้ถามไปคุณเคนก็จะบอกว่าเพราะหน้าที่อีก


            ผมตั้งใจโทรสั่งอาหารเป็นอย่างแรกเมื่อเข้ามาในห้อง ดังนั้นจึงไปขอโทรศัพท์ตัวเองคืนจากคุณเคนแต่เขากลับเอาเครื่องอื่นให้และอ้างเหตุผลว่าความปลอดภัย ผมเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร โทรสั่งอาหารไปพลาง มองรอบ ๆ  ห้องไปพลาง ใจเริ่มนึกกลัวว่าภายหน้าถ้าคุณคีนไม่เหลืออะไรจริง ๆ  ผมจะเลี้ยงเขาไหวไหม ผมคงจะเป็นทุกข์และต้องเศร้าอย่างมากหากพาลูกชายคุณแม่ไปกินข้าวข้างทางหรือพาไปอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ

            ผมจะกัดฟันแล้วซื้อบ้านหลังหนึ่งให้คุณนะครับคุณคีน

            ผมสั่งอาหารเสร็จเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณคีนถอดเสื้อสูทออกแล้วเหลือเพียงเสื้อเชิ้ต เขายืนมองผมแปลก ๆ จนผมทนไม่ได้จึงถามกลับไป

            “มองผมแบบนั้นทำไมครับ”

            “ตะกี้คิดอะไรอยู่ถึงทำหน้าจะร้องไห้”

            “ไม่มีอะไรครับ”

            “พูดไม่จริงนะครับ” คุณคีนบอก แน่นอนว่าผมโกหกไม่เก่ง แต่ผมไม่มีทางยอมรับหรอกว่าผมกำลังคิดถึงแผนข้างหน้าหากวันหนึ่งเขาไม่เหลืออะไร

            “ไม่มีอะไรครับ” แต่ผมก็ยังตะแบงยืนยันว่าไม่มีอะไร คุณคีนคงเห็นว่าไม่มีประโยชน์เลยไม่ถามต่ออีก

            “ไปอาบน้ำก่อนสิ”

            “คุณคีนไปอาบก่อนเลยครับ ผมจะรอรับของที่มาส่ง กลัวเขามาตอนที่ผมไม่อยู่ อีกอย่างคุณคงไม่อยากไปรับเองหรอกใช่ไหมครับ” ผมจี้จุดเขาได้ถูก อุตส่าห์มาซื้อคอนโดใหม่หลบผู้คนขนาดนี้ การออกไปเผชิญหน้าคนคงไม่ใช่ความคิดที่ดี

            “...” คุณคีนมองผมอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะให้ผมไปรับของดีหรือเปล่า

            “ผมมีหน้ากากอนามัยอยู่ในกระเป๋า เดี๋ยวผมจะสวมมันตอนไปรับของดีไหมครับ”

            “โอเค ก็ได้ งั้นผมไปอาบน้ำก่อน”


            ผมมองตามหลังคุณคีนที่กำลังจะเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำ จู่ ๆ  กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าผมไม่เห็นคุณเคนอีกเลยตั้งแต่เขาเอาโทรศัพท์มาให้ จังหวะเดียวกันนั้นคุณเคนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนอีกห้องด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว


            คุณเคนอยู่ในชุดนอนเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ไม่เหมือนกับชุดนอนคุณคีน แสดงว่าคืนนี้คุณเคนคงนอนค้างที่นี่ เขาเดินเข้าไปหาคุณคีนแล้วคุยกันเงียบ ๆ  อยู่ครู่หนึ่งเสร็จแล้วคุณคีนเข้าห้องหายไป ส่วนคุณเคนก็กลับไปที่ห้องที่เขาเพิ่งจะออกมาเมื่อตะกี้นี้


            ผมเริ่มเข้าใจพี่ปุยฝ้ายขึ้นมาบ้างแล้วทำไมเธอถึงคิดว่าคุณคีนกับคุณเคนน่าจะเป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้อง ไม่นานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างคุณเคนที่เดินมาหาผมพลางยื่นของในมือให้ผม เขาดูคุ้นเคยและผ่อนคลายสบาย ๆ ไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะเคยมาพักที่นี่หลายครั้งแล้ว

            “นี่ครับน้องเปล”

            “ให้ผมทำไมครับ” ของในมือคุณเคนคือธนบัตรสีเทาสองใบ

            “เจ้านายบอกให้พี่เอาเงินมาให้น้องหน่อย แต่พี่ไม่รู้ว่าน้องเปลสั่งอะไรไปบ้าง ถ้าไม่พอให้บอกนะ เจ้านายพี่เขาใจดี”

            “ไม่เป็นไรครับพี่เคน ผมสั่งไปไม่กี่อย่าง ผมจ่ายได้”

            “อย่าให้ผู้ใหญ่เสียน้ำใจครับ รับไปเถอะ” คุณเคนยิ้มพลางยัดเยียดเงินนั้นให้ผม


            ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขึ้น คุณเคนบอกว่าคงเป็นนิติบุคคลโทรขึ้นมาจากด้านล่าง คนส่งอาหารน่าจะมาถึงแล้ว ผมเลือกที่จะไปรับสายเอง นิติบุคคลโทรมาด้วยเรื่องที่คุณเคนสันนิษฐานไว้ ผมไปหยิบหน้ากากอนามัยมาสวมก่อนจะบอกคุณเคนว่าผมจะลงไปข้างล่างสักครู่


            ไม่มีอะไรพิเศษหลังจากที่ผมถือถุงอาหารกลับเข้ามาในห้อง คุณคีนอาบน้ำเสร็จพอดี เราทั้งสามคนจึงนั่งกินข้าวด้วยกันเงียบ ๆ  คุณคีนกินอะไรก็ได้อย่างที่บอกไว้ เมื่ออิ่มแล้ว คุณคีนไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนคุณเคนอาสาล้างจานให้เอง ผมไม่ทักท้วงเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ




            อาบน้ำสระผมเรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาเห็นคุณคีนนั่งอยู่ที่โซฟา เขาหันหลังให้ผม ข้างกายมีคุณเคนนั่งอยู่ พวกเขาสองคนดูเหมือนกำลังดูอะไรอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู

            “มีเบอร์น่าสงสัยหลายเบอร์ครับ แต่เบอร์พวกนี้ผมเอาไปเช็กแล้วปรากฎว่าเป็นพวกเบอร์โทรมาก่อกวน ประเภทใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โชคดีที่น้องเปลไม่ได้รับเลยสักสาย” คุณเคนกำลังพูดกับคุณคีน ผมฟังโดยไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันมาก่อนหน้านี้

            “อืม ถ้ารับสาย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะทนได้แค่ไหน” ผมเดินเข้าไปใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ

            “เบอร์แปลก ๆ  พวกนี้ถ้าบอกน้องเปล เขาน่าจะเข้าใจ คนไม่ประสงค์ดีทั้งนั้น”

            “คุณศักดิ์ต้องมีรูปที่ชัดกว่านี้แล้วให้คนไปสืบประวัติเปลมาแน่” คุณคีนคาดเดา

            “รอบนี้คุณศักดิ์ดูจะเล่นแรงไปหน่อยนะครับ วันนั้นที่ร้านอาหารเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่า” คุณคีนถอนหายใจก่อนจะตอบ

            “ก็คุยปกติ”

            “อันที่จริงคุณศักดิ์เอง เขาก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าไม่ควรให้คนมาถ่ายรูป มันผิดกฎร้าน สร้างข่าวมาแบบนี้ถ้าถูกจับได้ ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะซวยกว่าคุณ”

            “คงโกรธที่เห็นผมพาคนอื่นมาและเขาคงไม่เชื่อว่าเปลเป็นน้องชายเคน”

            “เรื่องผ่านมานมนานหลายปีแล้วแท้ ๆ” คุณเคนพูดพลางส่ายหน้า

            “คุณศักดิ์เขารักน้องชายมาก ย่อมต้องแค้นผมมากเป็นธรรมดา” ผมขมวดคิ้ว น้องชายคุณศักดิ์กับคุณคีนงั้นหรือ?

            “จะโทษคุณคนเดียวก็ไม่ถูก ทุกอย่างเป็นเพราะคุณกวินทร์นะครับ”

            “คนลงมือคือผม ใครเป็นคนสั่งหรือถูกสั่งให้ทำก็ไม่สำคัญเท่ากับน้องชายเขาที่ไม่ยอมกลับมาเมืองไทยอีก”

            “แต่ครั้งนี้คุณกวินทร์ยื่นมือเข้ามาจัดการเองคงไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ”

            “อืม พ่อเองก็คงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวถึงเรียกให้เราไปที่บ้าน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่โมโหแล้วรีบเข้ามาช่วยขนาดนี้” คุณคีนแค่นเสียงในตอนท้าย

            “แล้วคุณรู้ข่าวน้องชายคุณศักดิ์บ้างไหม”

            “พอรู้บ้าง”

            “เขาเป็นไงบ้างครับ”

            “ถามเพราะนึกถึงหรือว่าห่วง” คุณคีนย้อนถามกลับ

            “นึกถึงสิครับ คนเคยรู้จัก เคยเห็นหน้าค่าตากัน คุณอย่าลืมว่าช่วงเวลาที่คุณอยู่กับเขา ผมเองก็อยู่กับคุณด้วยนะครับ” คุณเคนเสียงดังขึ้นเล็กน้อยระหว่างตอบ ทำให้ผมได้ยินคำตอบชัดเจน ในใจผมเจ็บโดยไร้สาเหตุ ผมอาจจะซื่อแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสถานการณ์ น้องชายคุณศักดิ์น่าจะมีความสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับคุณคีนแน่นอน


            ผมไม่ได้สนใจว่าเขาจะเคยรักกันหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมสนใจคือเขายังรักกันและติดต่อกันอยู่ไหม นั่นต่างหาก ถ้าเขายังรักและติดต่อกันอยู่ ผมคงไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับแม่คุณคีนได้ ผมไม่นิยมเป็นมือที่สามและตัวสำรองของใคร

            และผมมั่นใจในตัวเองว่า ต่อให้ผมรักเขามากแค่ไหน ถ้าเขาไม่ได้รักผม เห็นผมเป็นคนแก้ขัดหรือคั่นเวลา ผมก็คงไม่โอเค

            ในเมื่อรักได้ก็เลิกรักได้เช่นกัน

            “เขาสบายดี มีชีวิตที่ดี”

            “มีแฟนใหม่?”

            “เปล่า ไม่มีใคร เท่าที่รู้ตอนนี้ยังไม่มี”

            “อย่าบอกนะว่าพวกคุณยังติดต่อกันอยู่ ด้วยความเคารพนะครับ ต่อให้คุณเป็นเจ้านายผมแต่ถ้าคุณยังติดต่อกับเขาทั้งที่มีน้องเปลแล้ว ผมจะไปบอกน้องเปลเดี๋ยวนี้ว่าให้หนีไปจากคุณ” คุณเคนบอกทำเสียงคล้ายกับกำลังขมขู่คุณคีน

            “เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วเคน คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา”

            “แล้วคุณรู้เรื่องได้ไง”

            “เคทโทรมาบอก” เคท? ชื่อนี้อีกแล้ว ผมยังนึกชื่อนี้ไม่ออกสักที

            “พูดถึงคุณเคท คุณดูนี่ครับ” คุณเคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมจำโทรศัพท์เครื่องนั้นได้เพราะเป็นเครื่องที่ผมใช้อยู่ตอนนี้

            “เคทโทรหาเปล?” ประโยคนี้ทำให้ผมจำคนชื่อเคทได้เสียที ใช่แล้ว เธอคือผู้หญิงพูดไม่ชัดที่โทรหาผมเมื่อวันก่อน

            “ครับ โทรมาตั้งแต่คืนวันศุกร์” คุณเคนพูดต่อ ผมเห็นคุณคีนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นบ้าง

            “ใจร้อนจริง ยุ่งไปเสียทุกเรื่อง”

            “เธอคงตื่นเต้นก็คุณบอกคุณเคทไปไม่ใช่หรือครับว่าจะพาน้องเปลไปที่นั่น” คุณเคนหัวเราะ

            “ผมแค่เกริ่นให้เคทรู้ตัวไว้”

            “คุณจะพาน้องเปลไปเมื่อไหร่”

            “อาจจะหลังเขาสอบเสร็จ”

            “น้องเปลจะยอมไปหรือเปล่าครับ”

            “ไม่รู้สิ กลัวดื้อไม่ยอมไปเหมือนกัน แต่ยังไงผมคงต้องถามเขาก่อน” คุณคีนตอบด้วยเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่

            “ถ้างั้นก็ถามผมตอนนี้เลยสิครับ”

            ผมโพล่งไปกลางวงสนทนาของเขาสองคน คุณคีนและคุณเคนลุกขึ้นยืนหันกลับมาทางผม ทั้งคู่มีอาการตกใจไม่ต่างกัน

            “มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณคีนเก็บอาการได้เร็วเอ่ยถามผมเสียงเรียบ
 
            “ตั้งแต่ที่คุณคุยเรื่องโทรศัพท์ผมครับ” คำตอบของผมทำให้ผู้ชายตัวสูงใหญ่สองคนสบตากันโดยมิได้นัดหมายแต่ครั้งนี้คุณเคนได้สติเร็วกว่าคุณคีน

            “คุณคีนครับ นี่โทรศัพท์น้องเปล แล้วผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไม่รู้ทำไมคืนนี้ถึงง่วงนอนเร็วเหลือเกิน” คุณเคนหาวหวอด เขายิ้มให้ผมนิดหนึ่งแล้วหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็วโดยไม่รอความเห็น

            “คุณคีนมีเรื่องจะถามผมไม่ใช่หรือครับ” ผมมองหน้าเขา สบตาคุณคีนอย่างตรงไปตรงมา

            “เข้าไปคุยในห้องดีกว่า” คุณคีนเดินอ้อมโซฟาแล้วจูงมือผมให้เข้าห้องนอนไปพร้อมกัน แต่ผมไม่ไป ออกแรงขืนตัว
 
            “คุยตรงนี้ก็ได้ครับ ผมยังไม่อยากนอน”

            “ไม่ได้ให้นอน แค่ไปคุยในห้อง นอนคุยสบาย ๆ ดีกว่าไหมครับ”

            “...” ผมไม่พูดแต่ส่ายหน้า ผมไม่ได้อยากดื้อกับเขา แต่ทำไมคุณคีนต้องพยายามกีดกันผมจากเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมด้วย

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา UP 13/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 17-06-2019 20:02:47



            ผมรู้แจ้งแก่ใจว่าต่อให้ผมรู้เรื่องไปผมก็คงช่วยเหลือเขาไม่ได้ แต่ผมอยากเข้าใจสถานการณ์บ้าง อยากรู้ว่าผมควรจะทำยังไงกับตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระเขามากที่สุด แล้วผมก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาคอยปกป้องผมตลอดเวลา ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ถึงจะร้องไห้บ้างในบางเวลาก็เถอะ

            “ตกลงครับ”

            คุณคีนไม่เซ้าซี้ ทำให้ผมค่อยโล่งใจ หากฉับพลันร่างผมก็ลอยสูงขึ้นหน้าเกือบคะมำทิ่มพื้น จนต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ

            “คุณคีนจะทำอะไรครับ” ผมโวยวาย มองเห็นแค่ทางเดินกับหลังคุณคีน

            “อุ้มคุณ”

            “ไม่เอาครับ ปล่อยผมลง” ผมขยับตัวพยายามดันตัวเองให้หลุดพ้นจากบ่าคุณคีนเพื่อจะได้ลงไปยืนดี ๆ

            “ผมไม่อยากยืนคุยตรงนี้ คุณก็อย่าดิ้นครับ ผมปวดหลัง วันนี้นั่งมาทั้งวันอยากไปนอนบนเตียงสบาย ๆ” ผมว่าคนที่เอาแต่ใจมากที่สุดคือคุณคีนนี่เอง

            เอาสุขภาพคนแก่มาอ้างอย่างนี้ แล้วผมจะดึงดันฝืนต่อได้อย่างไร

            ผมหน้ามุ่ยไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อคุณคีนวางผมลงบนเตียง จำได้ว่าก่อนออกจากห้องผมปิดไฟทุกดวงหมดแล้วแต่ตอนนี้ภายในห้องกลับมีแสงไฟพอให้มองเห็นกัน เขาอาศัยช่วงเวลาไหนไปเปิดไฟ ผมว่าห้องนี้ก็ต้องมีลูกเล่นเปิดปิดไฟเหมือนที่คอนโดเขาที่ผมไปเป็นประจำแน่นอน

            “โทรศัพท์คุณ มีเบอร์แปลก ๆ  โทรเข้ามา ทางที่ดีช่วงนี้คุณก็อย่าไปกดรับ มันจะทำให้คุณเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ”​คุณคีนยื่นมันคืนมาให้ผม

            “ขอบคุณครับ” ผมรับไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงส่ง ๆ  ไม่ค่อยสนใจมันนัก
 
            “เป็นอะไรไป หน้าบูดเชียว” คุณคีนถาม เมื่อเขากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงในฝั่งประจำของตนเอง ส่วนผมยังนั่งมองเขาไม่ขยับเขยื้อนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ไม่แม้แต่จะพลิกตัวไปหนุนแขนกอดเอวเขาไว้เหมือนอย่างเคย
 
            “ตกลงว่าคุณจะถามผมเรื่องที่จะไปไหนครับ คุณเคทคือใคร น้องชายคุณศักดิ์ชัยเป็นอะไรกับคุณ แล้วข่าวที่เป็นปัญหานั่นมันมีที่มาที่ไปยังไง” ผมถามไปแล้วก็ยอมรับว่าพูดห้วนกับคุณคีนพอสมควร
 
            “...” คุณคีนมองผม เขานิ่งไม่ตอบ แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คงงงว่าทำไมผมถึงถามรัวเป็นชุด

            “คุณบอกผมเองนะครับว่ามีอะไรให้ถาม สงสัยก็ให้ถาม” ผมทวงคำพูดเขา

            “ใช่ครับ ผมเคยบอกคุณไว้” คุณคีนตอบพร้อมกับรอยยิ้มการค้า รอยยิ้มนี้ผมไม่คุ้นตาเลย มันไม่ใช่สายตาที่เขาใช้ยามที่มองผมในเวลาปกติ ทั้งที่เป็นรอยยิ้มที่เขามอบให้แต่ผมกลับไม่อยากได้ยิ้มแบบนี้

            “แล้วคุณไม่ตอบผมล่ะครับ”

            “ไม่ครับ”
 
            “อ้าว” คุณคีนตั้งใจจะเล่นแง่กับผมใช่ไหม คนอะไรไม่ทำตามคำพูด

            “ผมไม่ชอบคุยกับคนพาล คนโมโห คนใช้อารมณ์”

            “หมายถึงผม?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

            “คิดว่าใช่ไหม” แน่ะ เขายังย้อนผมอีก

            “อยากรู้ก็ถามดี ๆ  สิครับ พูดกับผมแบบนี้ไม่น่ารักเลย”


            ไม่รู้ว่าทำไมแค่คำพูดคุณคีนแค่คำเดียวทำให้ใจผมที่กำลังโมโห เต็มไปด้วยความมึนตึง กลับหายไปอย่างน่าประหลาด แถมยังทำให้สติผมกลับมา ความรู้สึกเสียใจถาโถมเข้ามาเต็มอกที่เผลอไปทำนิสัยไม่ดีกับเขา

            ‘เด็กจริง ๆ  เลยไอ้เปล’ ผมก่นด่าตัวเองในใจแล้วบอกเขาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

            “ขอโทษครับ” ผมหน้าจ๋อยตอนที่บอกเขา

            “ขยับมาใกล้ ๆ  ผมสิครับ” เขายื่นมือออกมา ผมพุ่งตัวเข้าไปหาเขาอย่างเร็ว

            “ผมขอโทษ” ผมย้ำอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมีอะไรกดลงมาที่หัว เขาคงจะดมหัวผม โชคดีที่สระผมแล้ว เลยไม่ได้ยินเสียงคุณคีนบ่นว่าผมหัวเหม็นอีก

            “รู้ไหม ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ” คุณคีนเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความรู้สึกผิดของผม “ผมเคยเป็นเด็กเกเร ดื้อรั้น ผมติดเพื่อน เล่นยา ไม่ว่าแม่จะพูดยังไงผมก็ไม่เคยฟัง แถมยังเถียง ขึ้นเสียงกับเขาเสมอ จนเขารู้ว่าไม่ว่าจะพูดยังไง ผมคงไม่ฟัง แม่เลยขอเรื่องเดียวขอให้ผมเรียนให้จบ นอกจากเรื่องเรียนแล้วเขาจะไม่ห้ามผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม”

            ผมนึกวีรกรรมคุณคีนในตอนนั้นไม่ออกเลย เขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ  น่ะเหรอ ไม่น่าเชื่อเลย

            “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

            “ครับ ไม่เชื่อเหรอ” คุณคีนหัวเราะเบา ๆ

            “คุณดูไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นได้เลย”

            “พ่อพูดไม่ผิดหรอกว่าถ้าเขาไม่ลากผมกลับมาจากเมืองนอก ไม่รู้ป่านนี้ผมจะเป็นยังไง”

            “ผมเดาว่าตอนที่กลับมาไทยคุณคงอาละวาด” ผมบอกเขาอย่างใจคิด

            “เดาได้เก่ง” คุณคีนเขี่ยปลายจมูกผมทีหนึ่ง

            “ผมไม่ได้อยากกลับมาอยู่กับพ่อ อยู่ที่นู่นมีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ได้ทำ แต่กลับมาที่ไทยต้องอยู่ในกฎในกรอบ ช่วงแรก ๆ  ทนไม่ได้เลย”

            “สุดท้ายคุณก็ผ่านมาได้นี่ครับ”

            “ครับ สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ผมไม่ได้อยากเล่าเรื่องแย่ ๆ  ในอดีตของผมให้คุณฟังหรอกนะครับ แต่ทั้งหมดที่พูดขึ้นเพื่อจะบอกคุณว่า เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งที่คุณคิดได้และเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามองอดีตย้อนกลับไป เรื่องราวและการกระทำต่าง ๆ  ของเรามันจะเป็นสิ่งคอยตอกย้ำอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ผมคุยกับแม่ จนถึงตอนนี้ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะไม่รู้สึกเสียใจที่เคยโวยวายทะเลาะใส่เขา”

            “ผมเชื่อว่าแม่ต้องเข้าใจคุณอยู่แล้วครับ”

            “โชคดีที่แม่รักผม เขาจึงไม่เคยโกรธเลยสักครั้ง แต่แม่คงโชคร้ายที่มีลูกอย่างผม คอยเถียงเขาได้ทุกคำ”

            “อย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิครับ” ผมกอดเขาแน่นขึ้น ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้

            “ผมจึงไม่อยากให้คุณใช้อารมณ์ทุกครั้งที่ไม่พอใจ คุณมีสิทธิ์โกรธ มีสิทธิ์โมโหได้ครับ แต่ผมอยากให้คุณลองคิดว่าอีกห้านาทีหลังจากที่คุณโมโหแล้วคุณจะไม่เสียใจใช่ไหมเมื่อคุณได้ทบทวนการกระทำตัวเอง”

            “ครับ คราวต่อไปผมจะระวังกว่านี้”

            “ค่อย ๆ  ฝึกไป คุณเก่งอยู่แล้วครับ”

            “ขอบคุณครับ ผมจะพยายามไม่อารมณ์เสียใส่คุณอีก”
 
            “ผมไม่ได้ห้ามคุณไม่ให้อารมณ์เสียหรืออารมณ์ไม่ดี แบบนั้นคงด้านชาไปแล้ว ผมแค่อยากให้คุณลองคิดหรือชั่งใจก่อนว่าจำเป็นต้องโมโหหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมนอกใจถูกคุณจับได้ แบบนั้นถ้าคุณจะโมโห ผมจะไม่ว่าเลย”

            “คุณพูดอะไร” ผมไม่กล้ามองหน้าเขาเลย

            นอกจงนอกใจอะไรกัน มีแต่ถ่านไฟเก่าล่ะมั้ง

            “กลับมาที่คุณบ้าง ทำไมถึงอารมณ์เสียใส่ผม คุณไม่พอใจอะไร”
 
            “ผม..” จู่ ๆ  คุณคีนก็ถามผมขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว ตะกี้ผมถามเขาเรื่องอะไรไปบ้างนะ?

            “ถ้าใจเย็นขึ้นแล้ว ลองถามผมใหม่อีกครั้ง อยากรู้เรื่องไหนก่อนครับ”

            “เอ่อ..ผมได้ยินคุณคุยกับคุณเคนถึงเรื่องผม เรื่องคุณที่ชื่อเคท แล้วก็เรื่องน้องชายคุณศักดิ์”

            “ตอบไม่ตรงคำถาม ผมถามว่าอยากรู้เรื่องไหนก่อน ไม่ใช่อยากรู้เรื่องไหนบ้าง และอีกข้อหนึ่งคุณไม่ควรยืนฟังผู้ใหญ่คุยกัน ต่อไปคุณควรจะบอกผมหรือคนอื่นให้รู้ตัวครับ อย่าแอบฟังอีก เด็กดื้อแอบฟังสองครั้ง ไม่สิสามครั้งแล้วนะครับ” คุณคีนสอนผมอย่างใจเย็น และนั่นแปลว่าผมถูกเขาดุอีกแล้ว

            “ขอโทษครับ แต่ผมอยากรู้ทุกเรื่องเลยนี่”

            “สงสัยต้องทำโทษครั้งใหญ่”

            “ถ้าคุณเล่าให้ผมฟังทุกเรื่อง คุณอยากจะลงโทษผมยังไง แบบไหนก็ได้ครับ” คุณคีนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ฟังคำพูดผม

            “ข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหม”

            “ใช่ครับ”

            “ตกลงครับ”

            ผมหายใจเข้าโดยแรงก่อนจะบอกความในใจให้เขาได้รับรู้

            “แต่ก่อนที่คุณจะบอกในสิ่งที่ผมอยากรู้ ผมอยากบอกคุณว่าถึงแม้ผมจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่ออยู่กับคุณ ซ้ำยังเป็นภาระให้คุณอีก แต่ผมก็อยากรู้นะครับว่าผมสามารถทำอะไรเพื่อคุณได้บ้าง อย่างน้อยผมจะได้พยายามทำตัวเป็นภาระให้น้อยลง ผมไม่อยากอยู่กับคุณโดยที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่อยากถูกคนอื่นมองว่าผมไม่ได้เรื่อง ผมอยากเข้าใจสถานการณ์บ้างก็เท่านั้นเองครับ”

            “เปลครับ..” เขาเรียกชื่อผม กอดผมด้วยแขนทั้งสองข้างพร้อมกับจูบหน้าผากผมทีหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “คุณไม่เคยเป็นภาระสำหรับผมเลยสักครั้ง อย่าคิดแบบนั้นอีกนะ แล้วที่ผมไม่ได้บอกให้คุณรู้เพราะวงการนี้มันน่ากลัวเกินไป คนพวกนั้นไม่เคยปราณีและไว้หน้าใครทั้งนั้น ผลประโยชน์คือสิ่งสำคัญที่สุด”

            “ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง วงการนี้มันคงน่ากลัวอย่างที่คุณบอกแต่การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนนะครับ”

            “เป็นตัวคุณ ใช้ชีวิตในแบบที่คุณคุ้นเคย ตั้งใจเรียนให้จบ ตั้งใจทำงานให้ดีแต่ช่วงนี้คุณอาจจะต้องหยุดไปทำงานที่ร้านคุณปุยฝ้ายก่อน ยังไงเดี๋ยวผมให้เคนไปจัดการให้นะครับ ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจัดการต่อเอง ผมรับปากว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”

            “เรื่องร้านพี่ปุยฝ้ายเดี๋ยวผมคุยกับเธอเองก็ได้ครับ พี่ปุยฝ้ายไม่น่าจะติดอะไร ส่วนเรื่องนั้น ผมเชื่อคุณครับ” ผมบอกเขา แม้จะไม่แน่ใจว่าเรื่องเหล่านี้จะจบลงอย่างไรก็ตาม

            “ผมลืมบอกคุณไปข้อหนึ่ง อันที่จริงคุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าทำเพื่อผมมามาก”

            “ผมหรือครับ? เมื่อไหร่เหรอ” ผมว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณคีนเลย

            “ตอนที่คุณเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับผม เท่านี้ก็มากสำหรับผมแล้ว”


            ผมนึกสงสัย แค่นี้ก็พอแล้วเหรอครับคุณคีน?


 








=============================================

เปลคับ! ไปทำบุญนะลูกนะ

มีเรื่องแจ้งค่ะ คือขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่เขมอาจจะมาต่อช้าหน่อยนะคะ ช่วงนี้อยู่ในภาวะหางาน จวนเจียนจะหมดสัญญากลายเป็นคนว่างงาน และก่อนหมดงาน เจ้านายเลยมีงานให้เคลียร์นั้นเยอะเหลือเกิน วอนทุกท่านโปรดเห็นใจ T-T



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง



หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-06-2019 20:41:38
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-06-2019 20:42:29
กิ๊กเก่าที่จบไม่สวยสินะ กับน้อยชายคุณศักดิ์เนี่ย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 17-06-2019 20:44:16
เปลเอ้ยยยยย เด็กดีของคุณคีนไง หนุงงไรคะลูก 5555544
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 17-06-2019 21:02:38
น้องชายคุณศักดิ์เป็นแฟนคนเก่าหรือว่าอะไร
ทำไมต้องพูดให้คิด ไม่ได้ทำให้เปลกลัวคนเดียวนะ นี่ก็กลัวด้วย
ส่วนคุณเคท เป็นคนดูแลคุณคีนตอนที่อยู่ที่นู้นใช่มั้ย..ต้องใช่แล้วแหละ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-06-2019 21:40:06
คุณคีนจะรู้ไหมเนี่ยว่าน้องเปลจะซื้อบ้านให้คุณคีนอยู่  :laugh:

//

ขอให้คุณเขมได้งานใหม่เร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้น้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2019 22:08:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-06-2019 22:12:47
สรุปคุณคีนยังไม่ตอบคำถามเลย...ยยยยย   :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-06-2019 22:47:38
ยังไม่รู้คำตอบเลย คุณคีนพาน้องไปเรื่องอื่นแล้ว

เป็นกำลังใจให้คุณเขมได้งานใหม่ที่ดีๆ เร็วๆ นี้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2019 23:02:39
คนรักเก่าสินะ จะเล่าก็ไม่เล่าทำเป็นพูดนุ่นพูดนี่นะคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-06-2019 00:16:34
งืออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 18-06-2019 00:41:14
เป็นกำลังใจให้คุญเขทและน้องเปลค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 18-06-2019 00:52:47

คุณคีนไม่น่ารักเลย จะเล้าก็ไม่เล่าสักที องเปลอ่ะน่ารักมากๆ คุณคีนเหมือนเอาแต่ใจ ชอบเขาแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรเลยที่ชัดเจน ยังรู้สึกเหมือนน้องเปลเป็นแค่คนควงอยู่เลย....เปิดใจให้น้องเปลแค่ไหนกันเชียว น้อยมาก แบบนี้ไงน้องถึงไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-06-2019 01:01:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-06-2019 01:33:47
น้อวงงงง จะซื้อบ้าน จะเลี้ยงดูคุณคีน เอ็นดูวว
แต่ตอนนี้คุณคีนไม่น่ารักนะ เฉไฉ พาน้องออกนอกเรื่องอีกและ
อย่าไปหลงกลคุณคีนมันนะลูกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 18-06-2019 02:00:42
ก็น้องเปลชอบคุณคีนมาก ๆๆๆ เลยเผลอไปหน่อยน่ะค่ะ แฮ่ม!!
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-06-2019 02:12:34
น้องเปลใจเด็ดพอตัวเลย  o13 ขอให้คุณนักเขียนโชคดีในการหางานนะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 18-06-2019 05:31:29
โอ้โหพ่อแม่เป็นแบบนี้หยาบๆเลยเห้มากๆอะอ่านแล้วโกรธอ่ะ :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 18-06-2019 08:46:26
ยังไม่เคลียร์เรื่องน้องชายของศักดิ์ชัยเลยยยย น้องเปล
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-06-2019 09:35:42
สรุปเปลก็ยังไม่ได้คำตอบเรื่องคุณเคทกับน้องชายคุณศักดิ์
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 18-06-2019 12:05:56
ไปนู่นไปนี่ไปนั่น น้องเปลไม่รู้สักข้อเลยคุณคีน เปลี่ยนเรื่องเก่งง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Yuuzbouba ที่ 18-06-2019 14:18:17
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Yuuzbouba ที่ 18-06-2019 14:25:08
ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967434#msg3967434)
ตอนที่2 ทดลองงาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967793#msg3967793)
ตอนที่3 ผ้าปิดตา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968431#msg3968431)
ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968984#msg3968984)
ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3969637#msg3969637)
ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3970212#msg3970212)
ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3971693#msg3971693)
ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3972610#msg3972610)
ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3973785#msg3973785)
ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3974454#msg3974454)
ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3975326#msg3975326)
ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976004#msg3976004)
ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976758#msg3976758)
ตอนที่ 14คนๆ นั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3977730#msg3977730)
ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3978313#msg3978313)
ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3979513#msg3979513)
ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3980288#msg3980288)
ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3981581#msg3981581)
ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3982339#msg3982339)
ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3983376#msg3983376)
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-06-2019 14:56:47
ตอนที่ 1 ไม่เลือกงานไม่ยากจน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967434#msg3967434)
ตอนที่2 ทดลองงาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3967793#msg3967793)
ตอนที่3 ผ้าปิดตา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968431#msg3968431)
ตอนที่ 4 ผมเข้าใจแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3968984#msg3968984)
ตอนที่ 5 ไปเลิกซะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3969637#msg3969637)
ตอนที่ 6 แล้วอีเมลมานะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3970212#msg3970212)
ตอนที่ 7 งานพิเศษงานใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3971693#msg3971693)
ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3972610#msg3972610)
ตอนที่ 9 ภาษาไทยอ่อนแอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3973785#msg3973785)
ตอนที่ 10 เปิดไฟกันดีไหม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3974454#msg3974454)
ตอนที่ 11 WHO IS MR.K? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3975326#msg3975326)
ตอนที่ 12 ขอบคุณให้ทำแบบนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976004#msg3976004)
ตอนที่ 13 คนอะไรลืมง่าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3976758#msg3976758)
ตอนที่ 14คนๆ นั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3977730#msg3977730)
ตอนที่ 15 ค่าตอบแทน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3978313#msg3978313)
ตอนที่ 16 ข้อแม้ข้อนั้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3979513#msg3979513)
ตอนที่ 17 อยู่ตรงนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3980288#msg3980288)
ตอนที่ 18 อยากรู้อะไรให้ถาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3981581#msg3981581)
ตอนที่ 19 ครอบครัวของเรา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3982339#msg3982339)
ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70133.msg3983376#msg3983376)

ทำไมน่ารักแบบนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ เดี๋ยวเขมจะเอาไปไว้ที่หน้าแรกให้นะคะ  :mew1: :mew1: :mew1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-06-2019 23:48:17
 :katai2-1:  น่ารัก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-06-2019 00:36:37
 :laugh: โดนเด็กหึงก็น่าจะดีใจนะคะคุณคีน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-06-2019 09:22:28
สู้ๆนะเปล
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 19-06-2019 09:27:03
สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ทั้งน้องเปล และคุณเขมเลย ✌✌
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 19-06-2019 09:54:30
น้องแค่โมโหหึง!!! ขอคุณคีนโปรดเข้าใจ

ติดเรื่องนี้มาก รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 19-06-2019 11:15:52
ขอบคุณมากๆค่ะ  รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 20-06-2019 08:52:25
รอติดตามนะคะ ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 20-06-2019 16:42:00
ชอบบบ รอติดตามอ่านนะคะ //เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 22-06-2019 08:45:35
เปลก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี โถ่น้องเปลลูก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Onixobell ที่ 23-06-2019 10:38:04
สรุปคุณคีนก็เบี่ยงประเด็นไปจนได้ เจ้าเปลเอ้ยยยย //สุ้ๆนะคะคุณเขม รอได้ตลอดค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 24-06-2019 00:13:36
สรุปคำตอบคืออะไรอ่าคะคุณคีน

/// ยังไม่อยากให้ถึงตอนจบเลยค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกกก
อยากอ่านอีกเยอะๆ ชอบน้องเปลกับคุณคีนมากค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-06-2019 09:49:35
ความเป็นผู้ใหญ่ของคุณคีนนี่มีทั้งความอบอุ่นและก็น่าหมั่นใส้เนอะ ส่วนน้องกำลังถูกปกป้องอยู่รู้ตัวเร็วๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-06-2019 10:32:45


BED CARE JOB

#พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร





เช้าวันจันทร์ ผมนั่งจ๋องรอเริ่มเรียนแต่เช้าเพียงลำพัง หลังจากที่เปิ้ลแก้ไขเรื่องแฟนเก่าได้แล้ว เธอคงไม่จำเป็นต้องมาเช้าเร็วกว่าปกติอีก ผมพลิกบทเรียนฆ่าเวลา ผมอ่านมันจบไปแล้วรอบหนึ่งตอนนี้เลยเบื่อขึ้นมา หยิบโทรศัพท์เพื่อดูเวลาเมื่อไหร่เพื่อน ๆ  จะมาถึงสักที แม้ผมจะไม่ได้คุยกับพวกมันแต่อย่างน้อยก็พอยังได้ฟังเสียงพวกมันคุยกัน ไม่เงียบจนเกินไป


หืม? โทรศัพท์เปิดไม่ติด สงสัยแบตฯ คงจะหมด ตั้งแต่วันศุกร์ผมก็ไม่ได้ชาร์จแบตฯ​ โทรศัพท์อีกเลย


“ไงมึง นึกว่าวันนี้จะไม่มาเรียนเสียอีก” โจมาถึงเป็นคนแรกในกลุ่มพวกเราทั้งหมด มันเอ่ยทักแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดจากผม

“อือก็ดี ทำไมกูต้องไม่มาด้วยวะ” ผมพยักหน้าเออออแต่ก็ต้องสะดุดหูกับคำพูดของโจจนต้องถามกลับไป

“กูติดต่อมึงไม่ได้ตั้งแต่วันเสาร์” โจจ้องหน้าผมเขม็ง

“อ๋อ..แบตฯ หมด ลืมชาร์จ” ผมหัวเราะแกน ๆ  พลางชี้โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะให้โจได้เห็นจะ ๆ  กับตา

“หมดได้ไง ทำไมไม่ชาร์จ”

“มีเรื่องยุ่ง ๆ  อะ แล้ววันเสาร์กูทำงานทั้งวัน ลูกค้าก็เยอะมาก ไม่มีเวลาดูเลย”

“หลังเลิกงานก็ยังยุ่งเหรอ” โจหรี่ตาจับผิดผมต่อ

“ก็นิดหน่อย..กูไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย มีเบอร์แปลก ๆ  โทรมาด้วย กูกลัวเลยไม่กล้ารับ”

“ทีหลังมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็โทรมาบอกกู แล้วเสาร์อาทิตย์หลังเลิกงานแล้วมึงก็กลับห้องเหรอ”

“อือ” ผมตอบมันส่ง ๆ

“ห้องไหนล่ะ มึงก็ย้ายห้องเหมือนเปิ้ลเหรอ กูถึงไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอ” ผมตาเหลือกทันทีที่ได้ยิน งานเข้าละ ถ้าโจพูดแบบนี้แสดงว่ามันคงรู้อะไรมาบ้าง

“เปล่าย้าย”

“อยู่กับคนชื่อเคนอะไรนั่นปะ”

“ก็ไม่เชิง” ผมไม่รู้จะตอบยังไง จะพูดว่าอยู่ด้วยกันไหมมันก็อยู่ด้วยกันเพราะคุณเคนก็วนเวียนให้ผมเห็นตลอด แต่ไม่ใช่ความหมายว่าอยู่ด้วยกันแบบนั้นเสียหน่อย

“ยังไง มีคนอื่นด้วย?”

“ประมาณนั้น”

“ตอบอ้อมไปอ้อมมาจังวะ” โจอารมณ์เสียเสียงดังใส่ผม ผมหดคออัตโนมัติ แต่ก็ยังกล้าที่จะโต้ตอบมันกลับไป

“แล้วมึงจะถามอ้อมไปอ้อมมาทำไมวะ อยากรู้อะไรก็ถามมาตรง ๆ  เลย ตอบได้ก็จะตอบ ตอบไม่ได้ก็จะ..”

“ตอบไม่ได้ก็ต้องตอบ” โจแทรกขึ้น

“เอาแต่ใจจังวะ” ผมโวยวายมันแต่ไม่จริงจังนัก ก็รู้อยู่ว่านิสัยโจเป็นอย่างไร


โจมันมองผมแล้วถอนหายใจเสียงดังก่อนที่มันจะยื่นโทรศัพท์มือถือของมันมาให้ ผมรับมาดูแล้วส่งคืนกลับไปให้เจ้าของ เหตุการณ์นี้คล้ายกับตอนที่พี่ปุยฝ้ายดึงมือผมไปคุยในห้องหลังร้านไม่ผิดเพี้ยน แต่ครั้งนี้ต่างกันที่สถานที่เท่านั้น

“รูปนี่ ตกลงมันเป็นมายังไง ถึงแม้รูปจะถ่ายด้านข้างค่อนไปทางหลัง แต่ก็รู้ว่าคือมึง แต่อีกคนในรูปไม่ใช่คนชื่อเคนที่กูเคยเจอ ถ้ากูจำไม่ผิดเขาชื่อคีนใช่ไหมที่เปิ้ลมันชอบอะ”

“...” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มันเหนียวคอไปหมด ควรจะบอกมันยังไงดีหรือจะทำมึนต่อไป

“ว่าไง มึงไปรู้จักคนระดับนี้ได้ไง” โจกำลังเร่งรัดผม

“มึงจำคนผิดหรือเปล่า กูจะมีปัญญาไปนั่งอยู่ตรงนั้นได้ไง มึงใช้หัวคิดบ้างสิ” ผมแสร้งด่ามันเพื่อข่มอาการลนลานของตัวเอง

“มึงตลกเหรอไอ้เปล กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี และที่สำคัญกูจำคนที่กูเคยชอบได้ไม่ผิดตัวหรอก” ผมควรจะดีใจกับประโยคแรกแต่ทำไมผมกลับตกใจประโยคหลังของโจ

“มึงว่าไงนะ?”

“กูเคยชอบมึงและกูเดาไม่ผิดแน่ว่ามึงคือคนในรูป”

“ที่มึงให้กูยืมเงินง่าย ๆ  เพราะว่าชอบกูสินะ”

“ใช่ เพราะว่ากูชอบมึง แต่ตอนหลังที่ให้เพราะกูสงสารและโมโหพ่อแม่มึง”

“แปลว่าตอนนี้มึงก็ไม่ได้ชอบกูแล้วใช่ไหม” ผมกลั้นใจถามมันด้วยความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ

“ไม่แล้ว” โจส่ายหน้า “อยู่กับมึงแล้วปวดหัว ชอบทำมึนดื้อที่สุด ใครได้มึงไปก็รับกรรมต่อด้วยแล้วกัน”

“ค่อยโล่งใจ” คราวนี้ผมถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “นึกยังไงถึงพูดขึ้นมา”

“ไม่นึกไง กูคิดว่าอีกหน่อยเราก็จะเรียนจบกันแล้วเลยไม่อยากให้ค้างคาใจ แล้วพอกูยิ่งได้เห็นรูปมึงกับคนในรูป กูเลยคิดว่ากูคงพูดได้แล้วล่ะ มึงคงไม่ได้ชอบกูแล้ว”

“ไม่ได้ชอบมึงนานแล้วเว้ย เฮ้ย!! รู้ได้ยังไง”

“มึงโกหกไม่เนียนไง ดูไม่ออกก็โง่แล้ว”

“ตกลงมึงไม่ได้คิดอะไรกับกูแล้วจริง ๆ  นะ” ผมต้องการคำยืนยันจากปากมันอีกครั้ง

“ไม่แล้ว พูดจริง ดูปากกู ไม่ ชอบ แล้ว มึง มัน น่า ปวด หัว

“ไม่ต้องเน้นมากก็ได้” ผมบ่นอุบ ผมน่าปวดหัวตรงไหน

“แล้วจะบอกกูได้ยังว่ามึงไปรู้จักคนในรูปได้ไง”

“...”

“บอกมาเถอะเรื่องถึงขั้นนี้แล้วจะอมพะนำไว้ทำไม”

“มึงอย่าบอกใครนะ” ผมบอกมันกลัวมันจะแพร่งพรายให้คนอื่นฟังต่อ

“มึงรู้ปะ คำนี้คือคำศักดิ์สิทธิ์นะโว้ย พูดว่าอย่าบอกใครเมื่อไหร่ หมายถึงต้องบอกให้มากที่สุด”

“มึงอย่าพูดแบบนี้ ไม่เอาดิวะ” ผมกังวลถ้าเรื่องนี้จะหลุดออกไปให้คนอื่นรู้เพิ่มขึ้น

“กูรู้น่า กูสัญญาจะไม่ปากโป้ง โอเคไหม”

“สัญญาแล้วนะ”

“เออ”

“คนในรูปคือเจ้านายเก่ากูเองอะ” ผมตัดสินใจบอกมันเสียงเรียบ

“เฮ้ย ไอ้เปล มึงพูดจริง!?”

“เสียงดังทำไมเล่า เบา ๆ  หน่อย เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” ผมรีบตะครุบปากโจทันทีที่มันแหกปาก

“โทษที ๆ  มึงอำกูเล่นปะเนี่ย”

“ไม่อำ กูพูดจริง”

“แต่มึงรับปากกูว่าจะไม่กลับไปทำงานนั้นอีกไม่ใช่เหรอไง หรือว่ามึงหลอกกู” โจถลึงตาใส่ผมอย่างไม่พอใจ

“เปล่า กูไม่ได้กลับไปทำงานกับเขาแล้ว กูแค่ยังติดต่อกับเขาอยู่”

“มึงหรือเขาที่เริ่มก่อน?”

“เริ่มอะไร”

“ก็เริ่มติดต่อก่อนน่ะสิ”

“ไม่รู้อะ ในจังหวะที่กูมีปัญหาเขาก็เข้ามาพอดี เขาช่วยกูไว้เยอะ ทั้งเงินทั้งที่บ้าน มึงรู้ไหม เขาช่วยจัดการเรื่องพ่อแม่ให้กูด้วย”

“มึงรู้ได้ไง เขาอาจจะโกหกมึงก็ได้”

ผมส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีทาง กูคุยกับปิงแล้ว มันเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้กูฟังด้วย”

“เขาไม่ได้คิดร้ายกับมึงใช่ไหม” โจยังไม่วายเป็นห่วง

“ถ้าเขาคิดร้ายกับกูคงไม่ช่วยกูขนาดนี้ มึงก็เห็นรูปในข่าวแล้วนี่ ถ้าไม่ได้เขาคอยช่วย กูว่าป่านนี้คนคงรู้กันทั่วว่าคนในรูปนั้นคือกูแน่นอน”

“อืม” โจพยักหน้า ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนใช้ความคิด “ดูมึงจะชื่นชมเขาเสียจริง ชอบเขาเหรอ”

“ใช่” ผมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ถ้ายอมรับกับแม่คุณคีนได้แล้ว กับคนอื่นก็ไม่ยากแล้ว

“แล้วเขาชอบมึงไหม จริงจังกับมึงหรือเปล่า”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงจังกับกูหรือเปล่า ที่ผ่านมาเขาก็คอยช่วยกูตลอด”

“ถ้าเขาจริงจังกับมึง อีกหน่อยคงพาไปให้พ่อกับแม่รู้จักล่ะมั้ง” โจสันนิษฐาน

“กูไปมาแล้ว”

“ห๊ะ!? ว่าไงนะ”

“กูบอกว่าไปมาแล้ว พ่อเขาดุฉิบหาย แต่แม่เขาอะใจดี มาคุยกับกูจนกูยอมรับปากไปว่าจะดูแลลูกเขาอย่างดี”

“มึงเนี่ยนะ ตัวแค่นี้จะมีปัญญาอะไรไปดูแลเขา มึงงงตัวเองเปล่าวะ” โจใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมทีหนึ่ง จิ้มแรงจนผมต้องปัดมือมันทิ้งอย่างรวดเร็ว

“ทำไมวะ ตัวแค่นี้แล้วเป็นไง กูหาเงินเก่งนะเว้ย”

“เออ กูรู้ กูก็แค่แกล้งแหย่มึงเล่นไปอย่างนั้น รู้ว่ามึงเก่งแค่ไหน”

“ขอบใจ”

“อนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่มึงคงมีชีวิตที่สงบสุขน้อยกว่าเดิม เขาเป็นคนดัง ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก มึงอาจถูกกระแสสังคมรุมด่าทอว่ามึงไม่เหมาะสมกับเขา แตกต่างกับเขา หรือมึงอาจจะถูกกล่าวหาว่ามึงกำลังเป็นปลิงที่คอยดูดเลือด ลองทบทวนดูว่าจะทนได้ไหม กูไม่ได้อยากทำให้มึงเสียใจแต่อยากให้มึงได้ลองคิด”

“กูไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องกูกับเขากับคนอื่นอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมกูก็คุยกับเขาแล้วด้วย”

“มึงคิดว่าเขาจะพูดกับมึงว่า‘ใช่ คุณไม่เหมาะสมกับผม’ไม่มีหรอกไอ้เปล ใครจะพูดแบบนั้นวะ ถามจริงมึงอยากอยู่อย่างหลบ ๆ  ซ่อน ๆ  ตลอดไปเหรอ” โจทำหน้าไม่เห็นด้วย

“กูก็ไม่ได้อยากหรอก แล้วมึงบอกเองว่าเขาเป็นคนดัง มีแต่คนนับหน้าถือตา ถ้าเปิดเผยไปก็อาจจะมีปัญหาตามมาก็ได้ อีกอย่างพ่อเขาเป็นใครมึงคงรู้ กูว่าเป็นแบบนี้ไปก่อนก็ดี”

“ตามใจมึง แล้วที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ตกลงว่าคบกันแล้ว?”

“ไม่รู้อะ”

“ทำหน้าเหมือนงงชีวิต ไม่รู้อะไรอีกวะ หรือเป็นความสัมพันธ์แบบคนดัง พี่น้องอะไรแบบนี้”

“ไม่ใช่เว้ย เอาเป็นว่าไม่ใช่แล้วกัน” ผมรีบปฏิเสธจะบอกมันว่ายังไง ความสัมพันธ์ของคำว่า เด็กดีของผม มันไม่ได้ธรรมดาน่ะสิ ขืนบอกให้โจฟัง มันต้องหัวเราะแล้วล้อเลียนผมไปอีกนานแน่

ไม่มีทางพูดให้มันได้ยินหรอก

“เรื่องมึงกับเขา นอกจากกูแล้วมีใครรู้อีก”

“เปิ้ล” ผมเอ่ยชื่อเสียงเบา

“รู้ได้ไง” ผมเล่าให้โจฟังถึงเหตุการณ์วันที่ไปโรงพยาบาล โจฟังจนจบแล้วพูดว่า “มันไม่ได้หลงหรอก ตั้งใจเดินตามมึงไปอยู่แล้ว”

“อืม ก็รู้ แต่เปิ้ลรับปากกูว่าจะไม่บอกใคร”

“เนี่ย คำนี้อีกแล้ว แต่เอาเถอะ ถ้าเปิ้ลมันปูดเรื่องนี้กูจะไปจัดการให้”

“เปิ้ลไม่พูดหรอกน่า มึงก็กังวลไปได้ ใกล้จะเรียนจบแล้วคงไม่อยากหาเรื่องให้กันหรอก”

“มึงนี่แหละไม่คิดอะไรเลย ไอ้เปลไอ้น่าปวดหัว เอ้อ..แล้วหลังสอบเสร็จปิดเทอมมึงจะมาทำงานที่บริษัทพ่อกูก่อนปะ เขาขาดเด็กถ่ายเอกสาร” โจถามปนแซว งานที่มันพูดถึงก็ไม่ใช่ถ่ายเอกสารจริงหรอก

ปกติปิดเทอมผมจะไปทำงานกับพ่อของโจครับ งานไม่เน้นวุฒิการศึกษา ตำแหน่งที่ผมไปทำก็ต้องการคนจำนวนมาก ทำให้ไม่เป็นที่ถูกจับตามองจากคนอื่นว่าเป็นเด็กเส้น ต่างจากที่โจชวนผมไปทำงานหลังจากเรียนจบ งานนั้นคนละตำแหน่ง ผมถึงปฏิเสธมันไป

“คงไม่ได้ไป ขอโทษนะ”

“กลับบ้านเหรอ”

“เปล่า คุณเขาให้กูหายไปจากที่นี่สักพัก รอให้ข่าวมันซาลงก่อน กลับมาอีกทีตอนเปิดเทอม เรื่องคงเงียบแล้ว”

“ไปไหน”

“อังกฤษ”

โจผิวปากก่อนจะจุ๊ปากเบา ๆ  “เพื่อนกูเริ่มไม่ธรรมดา”

“ไม่ใช่สักหน่อย กูไปเพราะเรื่องข่าวนี่แหละ” ผมอุบอิบบอกมันก็ไม่ได้อยากไปถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาเหตุผลเรื่องข่าวมาอ้าง

“ถ้าเพราะเรื่องข่าว..เมื่อเช้ามึงมายังไง”

“เขามาส่ง ช่วงนี้ถ้าเลิกเรียนเสร็จกูกลับเลยนะ ฝากมึงบอกพวกนั้นด้วย”

“ได้ แล้วมึงไม่ต้องไปทำงานพิเศษเหรอ”

“หยุดไปก่อน กูคุยกับเจ้าของร้านแล้ว”

“แล้ววันนี้มึงกลับไง เขามารับไหม”

“ไม่อะ กูบอกเขาไปว่ากูกลับเองได้”

“อืม เดี๋ยวกูไปส่ง”

“ไม่เป็นไร กูเตรียมอุปกรณ์ปลอมตัวไว้แล้ว หมวกกับหน้ากากอนามัย กูกลับเองได้สบายมาก”

“เออ ก็ยังดี”

ผมกับโจคุยกันอีกไม่กี่ประโยค เพื่อนในกลุ่มผมและกลุ่มเปิ้ลก็เริ่มทยอยมาถึง ผมเลยไม่คุยกับโจเรื่องคุณคีนอีก เปิ้ลทักทายผม เธอพูดเบา ๆ  กับผมว่าส่งข้อความมาทำไมไม่ตอบ ผมได้แต่ยิ้มแหยแล้วบอกว่าโทรศัพท์แบตฯ หมด
ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อโจก็แทรกขึ้นว่าเรื่องที่เปิ้ลอยากรู้ ห้ามไปพูดให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่งั้นมันเอาจริง เปิ้ลยิ้มให้โจพลางบอกด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกันว่าถ้าเธอจะประกาศเรื่องนี้เธอคงทำไปแล้ว คำตอบของเธอทำให้ผมโล่งใจไปได้มาก

แล้วเธอก็พูดกับผมและโจเบา ๆ  ว่า เลิกเรียนแล้วอยู่คุยด้วยกันก่อน

ผมรู้ว่าเปิ้ลจะคุยอะไร เคยเป็นกันไหมครับ ทำไมต้องเกรงใจผู้หญิงด้วย

สุดท้ายเหลือผม โจและเปิ้ลที่ยังนั่งอยู่ในห้องเรียน เปิ้ลรอจนไม่เห็นใครในห้องแล้วจึงเกริ่นขึ้นมาเป็นคนแรก

“เราขอพูดอีกครั้งเรื่องเปล ถึงเราจะไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ขอย้ำตรงนี้เลยนะว่าเราไม่ขายเพื่อน ถ้ามีเรื่องอะไร บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้มาจากปากเราแน่นอน โอเคนะ”

“อืม” โจพยักหน้า

“แล้วเปิ้ลมีเรื่องอะไรจะคุยกับเราอะ” ผมถามเธอขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะรู้ว่าเรื่องอะไรแล้วก็ตาม

“เราเห็นข่าว รูปที่หลุดของแกกับคุณคี เอ่อ..กับเขา” เปิ้ลหันมองรอบห้องซ้ายขวาอีกครั้งแล้วเปลี่ยนใจไม่เอ่ยชื่อ

“แกก็รู้ว่าเป็นเราเหรอ”

“ไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร อีกอย่างเราก็รู้เรื่องแกกับเขาด้วย ยังไงก็ต้องเป็นแกอยู่แล้ว”

“อือ” ผมไม่ปฏิเสธ

“อย่าหาว่ายุ่งวุ่นวายเรื่องแกเลย ไหวไหมวะเปล”

“ตอนนี้ข่าวยังไม่ได้กระทบอะไรกับเรามากหรอก งานก็หยุดทำไปก่อน ส่วนที่มหา’ลัยคงไม่มีใครรู้นอกจากพวกแกสองคน”

“ไม่มีใครมาป่วนหรือขู่ทำอะไรแกใช่ปะ” เปิ้ลถามต่อ

“ไม่มี” ผมส่ายหน้าแล้วอธิบายเพิ่ม “แต่มีคนโทรมาหาเราเยอะมาก คุณเขาเลยบอกว่าเราอย่าเพิ่งรับสายพวกเบอร์แปลก เราเลยไม่ได้รับ”

“ดีแล้ว อย่าไปรับสาย ไอ้พวกก่อกวนมันไม่โทรมาแล้วพูดทักทายกับมึงดี ๆ หรอก” โจเห็นด้วยกับความคิดคุณคีนและคุณเคน

“ไม่มีอะไรที่มันแปลก ๆ  หรือน่ากลัวแล้วใช่ปะ ถ้าแกมีอะไรปรึกษาเราได้เสมอนะ ไม่ใช่เพราะเราเป็นแฟนคลับเขาเลยอยากรู้จนยุ่งเรื่องของแกไปเสียทุกเรื่อง ยอมรับว่าก็อยากรู้เหมือนกัน แต่เราอยากพูดในฐานะเพื่อนถึงจะไม่สนิทก็เถอะ เราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่สิ..ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยคุยกันเลย แต่เรารู้สึกขอบคุณแก โจ และเพื่อนในกลุ่มพวกแกที่ช่วยเราเรื่องไอ้เลวนั่น” เปิ้ลพูดความในใจออกมาเสียยืดยาว

“ขอบใจนะ แล้วแฟนเก่าเปิ้ลไม่มายุ่งอีกแล้วใช่ไหม” ผมถามเปิ้ลไป นับจากวันนั้นที่อดีตแฟนเปิ้ลมาหา ผมก็หวังว่าเขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเธออีก

“ไม่แล้ว โคตรสบายใจ” เธอยิ้มจนตาหยี

“งั้นก็ดี ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เสมอ” โจเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับเอื้อเฟื้อความช่วยเหลือ

“ขอบใจเหมือนกัน เอ่อ..เราขอพูดอะไรอีกหน่อยได้ไหม” เปิ้ลแสดงสีหน้าลำบากใจ เธอมีอะไรหรือเปล่า เมื่อสักครู่นี้ยังมีท่าทางปกติดีอยู่เลย

“เอาสิ” ผมตอบรับ

“จริง ๆ  ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เราจะเอาเรื่องงานพิเศษมาเล่าให้แกฟังนะ แต่ว่ามันต้องพูด เราเป็นห่วงแก”

“อะไรเหรอ”

“งานที่เราทำ พวกแกคงรู้อยู่แล้วใช่ปะว่าคืออะไร” เธอหยุดพูดครู่หนึ่งกัดริมฝีปากด้วยความประหม่า เมื่อเห็นว่าทั้งผมและโจพยักหน้าจึงพูดต่อ “ลูกค้าเรามีคนที่อยู่ในวงการเดียวกับเขาค่อนข้างเยอะ คนพวกนี้..“

“ทำไม” โจถามเมื่อเปิ้ลหยุดพูด เปิ้ลขยับเข้ามาใกล้ผมและโจมากขึ้นและพูดเสียงเบากว่าเดิม

“คนพวกนี้หน้าซื่อใจคด ปากพูดอย่างแต่การกระทำอีกอย่าง คนที่ทำเหมือนเราเคยรับงานกับคนพวกนี้ นัดให้เจอในห้องในโรงแรมอย่างดี แต่พอเข้าไปกลับเป็นปาร์ตี้สวิงกิ้ง บางทีก็บังคับให้กินเหล้า กินยา”

ผมฟังแล้วขนลุกซู่ไปตามแขน

“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะพูดหรอก”

“อ้าว” ผมอยากจะบ่นเปิ้ล แล้วเธอจะพูดให้ผมกลัวทำไมกันเล่า

“เราเคยหลงรับงานไปครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่ไม่เจออย่างคนนั้น มีคนอยู่ในห้องเต็มไปหมด คุยกันว่าจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามยังไง แบล็กเมลแบบไหนถึงจะเห็นผลดีที่สุด พวกมันไม่สนใจวิธีการและไม่สนว่าใครจะได้รับผลกระทบบ้าง ที่เราอยากจะพูดก็คือแกต้องระวังตัวเยอะ ๆ นะเปล”

“คง..คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ในเมื่อเขาก็ลาออกมาแล้ว” ผมบอกตามที่คิด

“อืม มันอาจจะจองล้างจองผลาญไม่เลิก ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”

“ขอบใจที่เตือน”

“ถ้าคนในวงการนี้มันเลว แล้วทำไมแกถึงชอบคนในรูปวะ ก็พวกเดียวกันไม่ใช่หรือไง” โจถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ไม่เหมือนกันเว้ย คนในรูปคือคนหน้าตาดีที่เราชอบ โอเคนะ”

“เออ แล้วแต่แกเหอะเปิ้ล” โจตอบพลางส่ายหน้ากับคำตอบ

“เฮ้ย เปล..แกไม่เป็นไรนะ” เปิ้ลทักขึ้นมาคงเห็นว่าสีหน้าผมไม่ค่อยดี

“เปิ้ลพูดอะไรวะ ไอ้เปลหน้าซีดเลย” โจบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แล้วหันมาพูดกับผม “มึงไม่ต้องไปฟังเปิ้ลมันมาก”

“เราแค่หวังดีกับเปลเลยบอกให้รู้ แกไม่คิดเหรอวะไอ้โจว่าคนระดับนั้นจะไม่มีศัตรูกับใครเขา เป็นไปไม่ได้หรอกยังไม่ทันไร ตอนนี้ก็มาเรื่องหนึ่งแล้ว คิดจะก้าวเข้ามาคบกับคนอาชีพนี้มันก็ต้องรู้อะไรบ้างนะเว้ย” เปิ้ลเถียงกลับ เธอไม่พอใจโจเช่นกัน

“ไม่เป็นไร ๆ  ไม่ต้องทะเลาะกันทั้งสองคน โจก็เลิกบ่นก่อน เปิ้ลแค่เป็นห่วงเรา ขอบใจนะเปิ้ล”​ ผมเข้าห้ามปรามศึกครั้งนี้กลัวจะลุกลามไปใหญ่แล้วขอเตือนไว้เลยว่าโจไม่มีวันเถียงชนะผู้หญิงได้

 



หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง UP 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-06-2019 10:33:06


ผมกลับมาถึงคอนโดคุณคีนแห่งใหม่พร้อมกับการปลอมตัวชั้นเยี่ยม ไม่มีใครจำผมได้สักคนเดียว ผมปลอมตัวได้ดีถึงขนาดที่ว่าเมื่อเดินมาถึงคอนโดแล้วยามเกือบไม่ให้เข้า พอยื่นคีย์การ์ดไปให้ เขาก็คิดว่าเป็นคีย์การ์ดปลอม คุยกันนานสองนานยามก็ไม่ยอมสักที ผมจึงบอกคุณยามว่างั้นเราไปหานิติบุคคลกัน และคงเป็นโชคร้ายของผมที่นิติบุคคลเป็นคนละคนกับคนเมื่อวันเสาร์ หญิงสาวที่ประจำอยู่เคาน์เตอร์ไม่รู้จักผมอีก ผมยืนต่อรองกับนิติบุคคลอยู่นานจนเกือบจะถอดใจ จะโทรศัพท์หาคุณคีนก็ทำไม่ได้เพราะแบตฯ โทรศัพท์หมด แต่แล้วโชคดีก็เป็นของผมเมื่อนิติบุคคลอีกคนเข้ามาเปลี่ยนกะพอดี ผมจึงรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด


หญิงสาวนิติบุคคลคนแรกขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ หน้าเธอเสียอย่างเห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้วผมไม่ใช่ขโมยหรือคนประสงค์ร้ายจ้องจะลักลอบแอบขึ้นคอนโดอย่างที่เธอกล่าวหา ผมไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเธอเลยพลางปลอบเธอกลับด้วยซ้ำว่าไม่เป็นไร เพราะเธอจะคิดอย่างนั้นก็ไม่แปลก คอนโดหรูระดับนี้กับคนระดับผม มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


พอเข้ามานั่งภายในห้องได้ ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หลังงองุ้มใจห่อเหี่ยว เรื่องที่เปิ้ลเล่าให้ฟังวันนี้ทำให้ผมตกใจไม่น้อย ผมไม่ได้ตกใจเรื่องวิถีชีวิตเบื้องหลังนักการเมือง แต่ที่ผมตกใจคือปาร์ตี้พวกนั้นน่ะสิ โชคดีนะที่เปิ้ลไม่เจอเรื่องแบบนั้นเหมือนเพื่อนของเธอ ไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดขึ้นกับผู้หญิงแล้ว น่ากลัวว่าคงเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ชายด้วย ผมคิดแล้วยังขนลุกไม่หาย ลูบแขนแรง ๆ  เผื่อว่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ถ้าผมไม่เจอคุณคีนแล้วไปเจอแบบเหตุการณ์ที่เปิ้ลเล่าให้ฟัง ผมคงจะบ้าตาย


ผมซื้อของสดกับอาหารสำเร็จรูปติดมือมาด้วย เมื่อวานผมแอบเห็นว่าที่นี่มีอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหารแต่ขาดวัตถุดิบ ผมคิดว่าช่วงนี้ถ้าไม่อยากฝากท้องกับอาหารโทรสั่งก็คงต้องทำอาหารเอง แต่ฝีมือทำอาหารอันแสนเก่งกล้าของผมนั้นชนะเลิศ ผมจึงทำเป็นแค่อาหารง่าย ๆ  จำพวกไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม อ้อยังมีอาหารจำพวกผัด ๆ  ต้ม ๆ ที่พอทำได้บ้าง


ผมนั่งพักให้หายเหนื่อยอีกสักพักจึงลุกไปหุงข้าวและทำมื้ออาหารกลางวันสำหรับตัวเอง หลังจากอิ่มมื้ออาหาร ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมาเปิดเครื่องและลงมือทำโปรเจกต์ต่ออยากให้มันเสร็จสิ้นโดยเร็ว นั่งทำอยู่ตลอดบ่ายจึงเสร็จตามแผนที่ตั้งใจไว้จึงพับหน้าจอโน้ตบุ๊กไว้ยังไม่ปิดเครื่องทันที เผื่อว่าหากอยากทำต่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเปิดเครื่องอีกครั้ง


ผมลุกบิดขี้เกียจให้คลายความเมื่อยล้าแล้วขึ้นไปนอนบนโซฟาตัวยาว หยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตฯ เต็มแล้วขึ้นมาเล่นเกม ไม่รู้ว่าเล่นเกมยังไง รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกกัดที่ปากเจ็บจนต้องตื่น

“อื้อ” ผมส่งเสียงขัดใจพลางลืมตาขึ้นมาด้วยความกลัวว่าอาจมีอะไรมากัดปากห้อย ๆ  ของผม แต่ดูท่าแล้วคงไม่ใช่ ผมคิดว่าผมเห็นเจ้าของฝีมือที่กำลังยืนมองผมอยู่ ผมเตรียมโวยวายที่เขาทำให้ผมเจ็บ จึงรีบพูดกับเขาทันทีด้วยความไม่พอใจ

“กลับมาถึงเมื่อไหร่ครับ”

“เดี๋ยวนี้เอง”

“ทำไมมานอนตรงนี้ ไม่เข้าไปนอนดี ๆ  ในห้อง”

“ผมตั้งใจจะนอนเล่นเกมครับ แต่เผลอหลับไป” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าสองทุ่มแล้ว หลับไปค่อนข้างนานทีเดียว

“อืม”

“คุณกลับมาคนเดียวเหรอ คุณเคนล่ะครับ”       

“เคนกลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าครับ เมื่อวานผมเห็นคุณเคนค้างที่นี่ นึกว่าวันนี้ก็เหมือนกัน”

“เมื่อวานมันดึกแล้วอีกอย่างรถติดด้วย”

“ครับ คุณกินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้ว คุณล่ะกินอะไรหรือยัง เคนฝากของกินมาให้คุณหลายอย่างทีเดียว”

“ขอบคุณครับ”

คุณคีนหายไปอาบน้ำ ท่าทางเขาดูเหนื่อย ได้อาบน้ำคงจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง ส่วนผมตื่นขึ้นมาก็พุ่งหาของกินที่คุณเคนฝากมาให้ทันที เขากลับออกมาข้างนอกพร้อมกับกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผมคุ้นเคย เขาลงนั่งข้างผมบนโซฟาในตอนที่ผมกำลังอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถือ ข่าวลือที่เป็นจริงนั่นถูกพูดถึงกันในอินเทอร์เน็ตพอสมควร

“ดูอะไรอยู่”

“ข่าวทั่วไปครับ” ผมปิดหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วขยับหันไปทางเขาให้มากขึ้น เห็นคุณคีนเอนตัวพิงเข้ากับโซฟา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนถูกปิดลงจนผมไม่สามารถมองเห็นได้ “วันนี้เหนื่อยหรือครับ”

“นิดหน่อย ประชุมทั้งวันเลย ถ้าไม่มีเรื่องรูปที่ถูกปล่อยผมคงไม่เข้าไป” คุณคีนพูดทั้งที่ยังหลับตา

“ตกลงว่าเป็นคุณศักดิ์หรือเปล่าครับที่เป็นคนปล่อยรูปพวกนี้”

“ใช่” คุณคีนพยักหน้าทีหนึ่ง

“คุณกวินทร์จะจัดการยังไงเหรอครับ ผมถามได้ไหม”

“วิธีนิยม..คนจะเลิกสนใจเมื่อมีข่าวอื่นที่น่าสนใจกว่า” คุณคีนตอบเสียงเรียบ

“ยังไงครับ”

“ต้องมีข่าวที่พอจะทำให้ข่าวของผมตกอันดับไป อย่างเช่น..” ผมรอฟังอย่างตั้งใจ “อย่างเช่นข่าวคุณศักดิ์กลายเป็นเกย์” คุณคีนพูดแล้วก็หลุดยิ้มออกมานิดหน่อย

“จริงหรือครับ” ผมตาโตขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่จริงหรอก คุณศักดิ์แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว”

“อ้าว เมื่อครู่คุณพูดเล่นเหรอ” ได้ยินแบบนั้น ผมถึงกับเซ็งเลยทีเดียว

“ยกตัวอย่างไงครับ” คุณคีนใช้นิ้วเขี่ยปากล่างผมลงมาทีหนึ่งโดยที่ไม่ลืมตา นี่เขาจะกะระยะแม่นเกินไปแล้ว

ขอร้องละ...อย่ามายุ่งกับปากผมได้ไหม!

“แกล้งผมอยู่เรื่อย”

“เอาละ ๆ  ถ้าจะให้เห็นผลเร็วก็ต้องเป็นข่าวแรง เน้นโจมตีพรรคคุณศักดิ์กลับไปครับ คนก็จะหันไปสนใจข่าวใหม่แทนข่าวเก่า”

ผมสะดุดหูคำว่า‘โจมตี’คุณคีนใช้คำเดียวกับเปิ้ลที่เพิ่งจะเล่าให้ผมฟังเมื่อตอนเที่ยงเลย ผมมองหน้าเขาแล้วถามกลับไป

“โจมตีเหรอครับ?”

“อืม ไม่ว่าจะเป็นคอรัปชัน การกระทำเพื่อแสวงผลประโยชน์โดยทุจริต หรือเรื่องแตกคอภายในพรรค หัวข้อพวกนี้เป็นประเด็นเอาไปโจมตีได้หมด ผมเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะใช้เรื่องไหนโต้กลับไปให้ทางนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าคุณอยากรู้พรุ่งนี้ผมมีประชุมต่อ ถ้าได้ข้อสรุป ผมจะมาบอกคุณดีไหม”

“ขอบคุณครับ แล้วพรรคคุณทำอย่างที่คุณพูดเมื่อกี้ไหมครับ”

“หมายถึง?”

“คอรัปชัน การกระทำเพื่อแสวงผลประโยชน์โดยทุจริต หรือเรื่องแตกคอภายในพรรค” ผมทวนคำพูดเขา

“พ่อค่อนข้างยึดอุดมการณ์พอควร เขาฟังเสียงประชาชนเป็นหลัก มีทะเลาะกันในพรรคบ้างแต่แก้ไขได้”

“แล้ว..แสวงผลประโยชน์ล่ะครับ”

“จะหาคนมือสะอาดคงหาได้ยากหรือแทบจะไม่มี ถึงจะไม่ทำเองแต่ใช่ว่าลูกน้องจะไม่ทำ บางครั้งรู้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมปิดตาข้างหนึ่ง” คุณคีนพูดกำกวมแต่ผมกลับเข้าใจ

“แล้วคุณศักดิ์ล่ะครับ” ผมเอ่ยถามถึงอีกคน

“นึกยังไงถึงถามขึ้นมา คุณศักดิ์ถึงจะไม่ชอบผม แต่ยอมรับว่าเขาเป็นคนเก่งและคนดีคนหนึ่ง” คุณคีนหัวเราะในลำคอเบา ๆ  ใจผมเกือบกระเจิง ไม่ได้ยินเขาหัวเราะแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว

“ก็ไม่ยังไงครับ ที่คุณศักดิ์ไม่ชอบคุณเพราะน้องชายคุณศักดิ์ใช่ไหมครับ”

“อย่าไปเชื่อเคนมากเลย” คุณคีนยังหลับตาแล้วตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนได้ยินเรื่องธรรมดาทั่วไป

“คุณบอกว่าคงจะหาคนมือสะอาดยากหรือแทบจะไม่มีแปลว่าการกระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์นั้น คุณเองก็อาจจะเคยทำเหมือนกันใช่ไหมครับ แล้วถ้าผมเดาเรื่องไม่ผิดคนที่คุณไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยคือน้องชายคุณศักดิ์ใช่หรือเปล่าครับ”

คราวนี้ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่กลับลืมตาขึ้นพร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไป เขาขยับตัวนั่งหลังตรงแล้วมองผมเต็มตา

“ใครพูดอะไรให้คุณฟังครับเปล” น้ำเสียงคุณคีนยังเย็นนิ่งสนิท

“ไม่มีครับ”

“ถ้าไม่มีแล้วทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา คุณไปได้ยินมาจากไหน”

“ผมเดาถูกไหมครับ”

“คุณเดาได้ถูกต้องครับ”

“คุณไปทำอะไรน้องชายคุณศักดิ์ เขาถึงไม่ชอบหน้าคุณถึงขนาดนั้น”

“เรื่องมันนานมาแล้ว”

“ผมรู้ว่าคุณจำได้ครับ คุณยังรับรู้ความเป็นไปของเขาอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีวันลืมเรื่องที่ทำไว้กับเขาได้หรอก”

“เห็นเป็นเด็กมหา’ลัยปีสี่ไม่นึกว่าจะปะติดปะต่อเรื่องได้เก่งขนาดนี้ คราวก่อนที่คุณเดาเรื่องที่ผมปิดบังตัวเองถูกยังคิดว่าคุณอาจจะฟลุก แต่ครั้งนี้ยังเดาได้ถูก สงสัยว่าผมจะประมาทคุณไม่ได้อีกแล้ว” คุณคีนดึงผมเข้าไปกอด ได้ยินเสียงเขาพูดอยู่บนหัว ผมรู้ว่าเขากำลังจะเบี่ยงประเด็น และในที่สุดผมก็จะไม่ได้คำตอบอะไรจากเขาเหมือนเดิม

ผมจะไม่ยอมหลงกลเขาเป็นอันขาด ผมดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดเขาแล้วสบตาเขาตรง ๆ

“อย่ามาหลอกล่อให้ผมลืม” ผมขู่เขา

“หัวไวไปแล้วนะครับ” คุณคีนยิ้มแล้วดึงผมเข้าไปกอดอีกจนได้

“ผมอยากรู้เรื่องคุณกับน้องชายคุณศักดิ์ครับ”

“ถ้าคุณได้ฟังแล้วอาจจะเกลียดและมองผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“เรื่องนั้นให้ผมเป็นคนตัดสินเองเถอะครับ”

คุณคีนเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น

“ตกลงครับ ผมจะเล่าให้คุณฟัง”




คุณคีนบอกผมว่าเขากับน้องชายคุณศักดิ์รู้จักกันเมื่อห้าปีก่อนที่งานเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง คุณคีนไปงานในฐานะนักธุรกิจ น้องชายคุณศักดิ์ก็เช่นกัน คุณกวินทร์สั่งให้คุณคีนไปงานนั้นเพราะต้องการให้เข้าไปตีสนิทกับอีกฝ่าย ซึ่งปีนั้นอยู่ในช่วงที่ทุกพรรคกำลังวางแผนเพื่อเตรียมหาเสียงเลือกตั้งและเพื่อแย่งชิงเก้าอี้ตัวเดียวกันอันเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง

แน่นอนว่าเมื่อพ่อส่งลูกชายให้เข้าไปประกบน้องชายพรรคคู่แข่งด้วยแล้วคงหนีไม่พ้นการเข้าไปตีสนิทอีกฝ่ายเพื่อล้วงข้อมูลจากอีกคนมาเป็นผลประโยชน์ให้พรรค เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คุณคีนตัดสินใจลาออกจากพรรคและเลิกทำตามความต้องการของคุณกวินทร์

ผมนั่งฟังไปเรื่อย ๆ  ไม่ขัดคุณคีนเลยแม้ครึ่งคำ ปล่อยให้เขาเล่าไปทีละนิดกระทั่งทุกอย่างจบลง น้องชายคุณศักดิ์ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน ถูกหลอกให้รัก ถูกหลอกให้ไว้ใจแล้วถูกหักหลังจากคนรัก ผมมองตาคุณคีนอยากรู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร

ถ้าถามว่าผมฟังแล้วรู้สึกอย่างไร ผมคงบอกได้คำเดียวว่าเสียใจ ไม่ควรไปคาดคั้นถามเขาถึงเรื่องราวในอดีตเลย แต่ถ้าถามคุณคีนว่ารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากกัน ผมเสียใจที่น้องชายคุณศักดิ์ถูกหลอก ทว่าคุณคีนคงเสียใจเพราะไปหลอกอีกฝ่าย จะเสียใจแบบไหนก็เจ็บอยู่ดี

“เขารักคุณไหมครับ” ผมถามเมื่อคุณคีนเงียบ

“ครับ เพราะเขารักผมเลยเจ็บปวด เขาเลยตัดสินใจไม่กลับมาหาที่นี่อีก”

“แล้วคุณรักเขาไหมครับ”

“...” คุณคีนไม่ตอบคำถาม

ไม่ตอบเท่ากับยอมรับ?

“ถ้ารักแล้วทำไมไม่ไปหาเขา” ผมถามไปทั้งที่ในใจก็เจ็บปวด

“ใครบอกคุณว่าผมรักเขา” คุณคีนจูบขมับผมทีหนึ่งคล้ายกับปลอบใจ ไม่รู้ว่าเขารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ผมกำลังเสียใจแค่ไหน

“คุณไม่ตอบคำถามผม”

“ผมเดินเข้าหาเขาด้วยใจไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นไม่กล้ารักเขาหรอกครับ”

คุณ..คง..รัก..ใครไม่เป็น” ผมถามเขาเป็นคำ ๆ  มันยากมากที่จะพูดออกไปจนจบประโยค

“อย่าร้องไห้สิเด็กดีของผม” คุณคีนพูดอะไร ผมไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย แต่จากการกระทำที่เขาเช็ดน้ำตาให้ เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่าผมร้องไห้อยู่จริง ๆ

“ผมเปล่า..” แต่ผมยังดื้อแพ่งปฏิเสธเขา

“คนที่เสียใจควรจะเป็นผมไม่ใช่คุณสักหน่อย”

“แต่ผมฟังแล้วก็เสียใจ” ปากบอกว่าไม่ได้ร้องแต่น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด

“เสียใจทำไมครับ”

“ผมเสียใจที่รักคุณไปแล้ว และเพิ่งมารู้ตอนนี้ว่าคุณรักใครไม่เป็น น้องชายคุณศักดิ์เขาดีกับคุณทุกอย่าง คุณยังไม่รักเขา แล้วนับประสาอะไรกับผมที่ไม่มีประโยชน์ให้คุณเลย ไม่ว่าจะพยายามยังไงคุณก็คงไม่รักผม” ผมบอกเขาทั้งที่ยังสะอื้นไม่หยุด

“เด็กดอยขี้แย”

“ไม่ได้อยากร้องเลย ผมสาบานได้” ผมเช็ดน้ำหูน้ำตาให้พ้นจากใบหน้า รำคาญตัวเองที่ร้องไห้ต่อหน้าเขา

คุณคีนจับมือผมให้ออกห่างจากใบหน้า เขาจ้องมองผมด้วยดวงตาที่ผมหลงใหลเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันในร้านกาแฟ

“ฟังผมก่อน คุณเป็นเด็กน่ารัก คุณไม่จำเป็นต้องพยายามเลย”

“...” ผมพยายามหายใจเข้าให้มากที่สุด จมูกผมมันเริ่มตันจากน้ำมูกที่ดูว่าจะทำหน้าที่ได้ดี

“วันนี้คุณทำให้ผมเข้าใจเพิ่มขึ้นว่าการกระทำเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถทำให้คุณเข้าใจได้ทั้งหมด ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรต้องพูดให้คุณได้รับรู้”

“ครับ?”



“เปลครับ...ผมรักคุณ”








=============================================


จากตอนที่แล้วขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ค่ะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ปล ตอนหน้าจบแล้วน้า



เจอคำผิดโปรดแจ้ง เจอประโยคแปลกโปรดแจ้งค่า บอกมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากค่า

ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกการกำลังใจจากทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณค่า รักกกกกกก



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง


หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 24-06-2019 11:23:23
น้องเปลเก่งมาก จากตอนที่แล้วเป็นเราคงโวยวายไม่ยอมให้คุณคีนเนียนเปลี่ยนเรื่อง แต่น้องเปลดันรู้สึกผิดขอโทษคุณคีนแทน แล้วค่อยๆเก็บข้อมูลเอามาประติดประต่อเอง สมกับเป็นเด็กดีของคุณคีนจริงๆเลย  :m1:
ส่วนคุณคีนที่ไม่ยอมเล่าเพราะกลัวเด็กไม่รักนี่เอง โถๆ แต่เรายังไม่ลืมสัญญาที่คุณคีนแอบไปทำไว้กับที่บ้านน้องเปลนะ ถึงเวลาเปิดเผยได้แล้วค่ะ!
และในที่สุด..คุณคีนก็บอกรักน้องเปลแล้ว เย้  :mc3: :mc2: น้องเปลเป็นเด็กดอยคนซื่อ คุณคีนก็ต้องชัดเจนทั้งการกระทำคำพูดนะคะ ป้องกันน้องคิดเองไปไกลอีก ฮา
ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลยค่ะ คุณคนเขียนมีแพลนเขียนภาคต่อไหมคะ อยากติดตามชีวิตคู่ของคุณคีนน้องเปลต่อ อยากรู้ว่าคุณคีนจะปวดหัวเหมือนที่โจว่าไว้รึเปล่า คู่นี้เป็นคู่ที่น่าติดตามมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องความต่างของวัย น้องเปลที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยการทำงาน สถานะทางสังคมของคุณคีน และอีกหลายๆอย่างที่ต้องปรับเข้าหากัน เริ่มที่มีเรื่องแล้วคุณคีนชอบปกปิดน้องก่อนเลย น่าตีมาก  **พยายามบิ๊วคนเขียนสุดฤทธิ์เลยนะคะ  :m17: :m13:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 24-06-2019 11:24:33
คุณคีนนนนนนนนนนนนน o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-06-2019 12:39:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 24-06-2019 13:26:09
แงงง ตั้งตัวไม่ทัน บทจะบอกรักก็ทำง่ายๆแบบนี้เลย คุณคี๊นนน คุณนี่นะ แล้วโยกไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ตั้งเยอะ น้องเปลเราคิดมากไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 24-06-2019 14:37:55
โอียยยยยย ในที่สุดก็บอกรักกันสักที เย้ๆ แต่ตอนหน้าจบละเหรอ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 24-06-2019 15:03:09
คุณคีนนนน  อบอุ่นกว่าไมโครเวฟไปแล้วค่า 5555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 24-06-2019 15:08:20
ฮื่อออ เขินนน เค้าบอกรักกันแล้วอ่ะ  :-[ เรื่องหัวใจไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย คุณคีนคงรู้สึกผิดมากที่ทำแบบนั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 24-06-2019 16:42:34
ฮือออออ น้องเปล :sad4: :sad4:
คุณคีนใจร้ายกับน้องชายคุณศักดิ์มาก โป้งคุณคีนแป๊ปนึง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-06-2019 19:33:49
เขาบอกรักกันแล้ววว :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-06-2019 20:07:15
เล่าเรื่องอดีตแล้วบอกรักเนี่ยะนะ มันควรจะโรแมนติกมั้ยคุณคีน


แต่ว่าตอนหน้าตอนจบจริงเหรอ ยังไม่อยากให้จบเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-06-2019 21:39:45
ตอนหน้าจะจบแล้ว โอว...โนว...ววววววววววว  :L3:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 24-06-2019 22:40:47
แบบคุณคีนมีอีกไหมคะ อยากได้แบบนี้~~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 24-06-2019 23:03:42
เฉไฉอยู่ตั้งนานอีตาคุณคีนนน น้องร้องไห้เลย
มาเป็นเด็กดีของพี่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 24-06-2019 23:18:46
จะจบแล้วหรอคะ
ฮือออออ คิดถึงน้องเปลกับคุณคีนแย่เลย :hao5:

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องน่ารักมาก คุณคีนนี่อบอุ่นสุดๆ
อ่านแล้วช่วยให้เราคลายเครียดเรื่องงานกับปัญหาชีวิตได้เยอะมากๆๆเลย
ขอบคุณมากๆค่ะ เราจะคอยเป็นกำลังใจกับงานเขียนของคุณต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ์ีNuchMooPhai ที่ 24-06-2019 23:20:00
 :hao3:เพิ่งตามมาอ่านค่า ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 24-06-2019 23:41:57
ทำเด็กร้องไห้อ่ะเนาะะะะะะ ต้องแก้ตัวดีๆๆน้าพ่ออออออ5555 รักน้องมากๆๆๆเลยน้าาาน้องจะได้ไม่งอแงงง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-06-2019 23:57:55
 :-[ น้องเปลคะ ได้ยินรึยัง เค้าบอกรักแล้วน้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2019 02:14:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-06-2019 02:33:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-06-2019 07:01:35
คุณคีนนน  น่ารักจริงๆ  โอ๋ๆนะเด็กดอย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-06-2019 07:15:54
คุณคีนคนปากแข็ง เอ่ยคำว่ารักกะน้องเปลแล้ว  o18

อยากรู้ละคุณเคนมีคู่มั๊ยคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 25-06-2019 08:49:55
เนี่ยแค่นี้เองคุณคีน :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-06-2019 16:59:21
ไม่จริง จะจบแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 25-06-2019 17:28:46
บอกรักแล้ว เขินนนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 25-06-2019 23:04:01
สนุกจนลืมทุกอย่าง อยากแต่จะอ่านต่อเนื่อง
จนต้องมารอตอนจบแล้วนะคะ
ยินดีที่ได้อ่านงาน คุณเขมกันต์ นะคะ
จะไปตามล่าหางานคุณต่อไปค่ะ
หวังว่าจะมา up ตอนจบ ในไม่ช้านี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-06-2019 16:56:05
ดีนะที่บอกรักน้องแล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-06-2019 21:18:03
บอกรักน้องเปลแล้ว..ไม่งอแงแล้วนะเด็กดอยขี้แง...555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 27-06-2019 14:24:56
หนูรักคุณคีนมากเลยค่ะ ไม่อมพะนำอะไรทั้งนั้น บอกทุกเรื่อง เปิดเผยทุกอย่าง

อิจฉาน้องเปลขั้นสุดดดดด
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: チイ ที่ 27-06-2019 20:40:40
แค่คำว่ารักที่ออกจากปากคุณคีนชุ้นเขินจนบิด
น้องเปลไหวหรอเป็นเราไม่ไหวนะจะตายเอา
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-06-2019 23:11:24
เคลียร์ครบจบทุกประเด็น  :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-06-2019 05:59:36
น้องร้องไห้แล้วครับเนี่ย //สงสารน้อง T^T
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 30-06-2019 11:07:37
 :hao7: :hao7: มาต่ออออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 21 รู้สึกอย่างไร UP 24/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-07-2019 10:53:07

BED CARE JOB

#พนักงานดูแลเตียง

ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END



 
ผมนั่งอึ้งมองเขาด้วยความตกใจ ไม่ได้คิดว่าคุณคีนโกหก แต่ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริง คำพูดนั้นมอบให้ผมจริง ๆ  น่ะเหรอ

“คุณเสียใจเรื่องน้องชายคุณศักดิ์แล้วเห็นผมเป็นตัวแทนเขาหรือเปล่าครับ” ผมรู้ว่าเสียมารยาทแต่ในเมื่อเขาพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมควรจะพูดให้ชัดเจนไปเลยเหมือนกัน

“คุณไม่มีทางเป็นตัวแทนเขาได้เลย เขานิสัยไม่เหมือนคุณ หน้าตาหรือยิ่งแตกต่างกัน การพูดการจาไม่ดื้อเท่าคุณ และไม่ขี้แยด้วย” เขาบีบจมูกผมทีหนึ่ง ผมต้องรีบสะบัดหน้าหนีจากแรงนั้น แค่นี้ผมก็จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

ผมฟังแล้วขมวดคิ้วพลางคิดตกลงว่าคุณคีนตั้งใจจะเปรียบเปรยหรือแกล้งแหย่ผม

“...”

“หน้าบึ้งเลย” เขากอดผมแน่นขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ “คุณคือคุณ เขาคือเขา ผมไม่ได้รักเขา แต่ผมรักคุณ ไม่ตีความผิดเป็นอย่างอื่นแล้วนะครับ”

“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ไม่กล้าสบตามองเขาเลยทีนี้ คุณคีนเลยหอมแก้มผมแล้วเอ่ยปากไล่ผมไปอาบน้ำ ผมยึกยักเพราะยังไม่อยากอาบน้ำสักหน่อยแต่พอเขาเฉลยให้ฟัง ผมถึงกับรีบลุกหายเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วด้วยความเขิน

คำพูดเขายังก้องในหัวผมอยู่เลย

“ให้เวลาไปเตรียมตัว คืนนี้ผมจะทำโทษคุณ”

คุณคีน..คุณพูดอะไรของคุณ!




 
ผมตั้งสติแล้วอาบน้ำสระผมแปรงฟันล้างหน้า ทำทุกอย่างให้ครบรวมถึง..เอ่อ..นั่นล่ะครับ กระดาษเอสี่ที่ผมเคยอ่านตอนที่มาทำงานกับเขาแรก ๆ โชคดีที่ยังพอจำได้อยู่ ครั้งนี้ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ ไม่รู้คุณคีนทำอะไรอยู่ข้างนอก แต่พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขาคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง คุณคีนเหลือบมองผมแวบหนึ่งแล้วพูดกับคนในสายต่ออีกนิดหน่อยแล้ววางสายไป


ผมไม่รู้ว่าคุณคีนคุยกับใครหรือคุยว่าอะไรเพราะเขาไม่ได้พูดภาษาไทย แต่ก็ดีแล้วที่ผมไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นเขาอาจจะบอกว่าผมแอบฟังอีก ผมเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อยืดมาใส่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย แอร์ในห้องนี้เย็นอย่างกับขั้วโลก ซ้ำยังไม่รู้ว่าคุณคีนจะเข้ามาในห้องแล้วผมจึงนุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ มือที่จะหยิบเสื้อกลับหยุดชะงัก ไม่ได้ทำอย่างใจนึกเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดกระชับจากด้านหลัง

“ครับ?” ผมถามด้วยความสงสัยพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยเพื่อหันกลับไปมองเขา

“ไม่ต้องใส่” คุณคีนพูดอู้อี้อยู่ที่คอ ตัวผมแข็งทื่อ เริ่มคิดว่าสถานการณ์ชักไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว


เพราะมัวแต่ยืนอึ้งหรือเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้หลังของผมถึงสัมผัสเข้ากับเตียงนอนหลังใหญ่ คุณคีนไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่เสี้ยวนาที คุณคีนจูบผมยาวนานให้สมกับที่ห่างหายไป เราไม่ได้จูบกันนานเท่าไหร่แล้ว ริมฝีปากผมถูกเขาดูดดึงจนเจ็บ พรุ่งนี้มันคงบวมเจ่อเหมือนตอนที่ผมทำงานให้คุณคีนแน่ ๆ  แต่ครั้งนี้ผมเลือกไม่ห้ามเขา


ก็ใครให้ผมไปรับปากเขาว่าจะลงโทษผมแบบไหนก็ได้กันเล่า อยากจะเขกหัวตัวเองจริง ๆ


ผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดร่างกายผมถูกปลดออกไป ใจผมเต้นแรง ลมหายใจเริ่มขาดห้วง กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ก็รู้ว่าคุณคีนจะดูแลผมอย่างดีไม่ให้เจ็บ


กิจกรรมระหว่างเราเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ช้าไม่เร็ว อารมณ์กำลังไต่ระดับพุ่งสูงขึ้น ผมไม่ได้พูดคุยกับคุณคีนเลย แค่จะหายใจยังเป็นเรื่องยากแล้วผมจะคุยกับเขาได้ยังไง


เวลาผ่านไปยาวนานกระทั่งคุณคีนขยับตัวลงมานอนข้าง ๆ  ก่อนจะจูบแก้มผม ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพนอนคว่ำกำลังปรับลมหายใจให้เป็นปกติ

“อยากอาบน้ำไหม” คุณคีนเอ่ยถามพลางดึงตัวผมให้ขึ้นไปนอนบนตัวเขา

“ขอพักแป๊บครับ ผมเหนื่อย” ผมตอบแล้วซบหน้าลงบนอกคุณคีน

“อยู่เฉย ๆ  เหนื่อยได้ไง ยังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ” เขาพูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วน่าหมั่นไส้สำหรับผมเหลือเกิน

“สลับตำแหน่งกับผมไหมครับเผื่อคุณจะได้เข้าใจว่ามากกว่าหนึ่งรอบมันเป็นยังไง” ผมเถียงคุณคีนพลางผงกหัวขึ้นมามองหน้าเขา อาศัยเรี่ยวแรงที่เพิ่งกลับมานั้นต่อสู้กับเขา

“ย้อนผม? เริ่มดื้อหรือครับ” คุณคีนนิ่วหน้าทำเสียงเหมือนไม่เชื่อว่านั่นคือคำพูดผม แต่เขาคงไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอกไม่งั้นเขาคงจะดุผมจริงจังกว่านี้ไปแล้ว

“เปล่าสักหน่อย ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่าจะได้นอนเสียที พรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนเช้า” ผมปฏิเสธเขาแล้วพูดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น พลางขยับตัวลุกจากที่นอน ได้ยินเสียงคุณคีนพูดจากด้านหลังมาว่า

“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเรื่องเก่ง” แต่ผมทำหูทวนลม แสร้งไม่ได้ยิน ตั้งหน้าตั้งตาให้ความสนใจกับการหยิบผ้าขนหนูที่ตกอยู่บนพื้นข้างเตียงแล้วลุกขึ้น โดยไม่ลืมแวะหยิบเสื้อผ้าในตู้เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย




ผมเข้ามานั่งในห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ความตื่นเต้นปนหฤหรรษ์ถึงเหตุการณ์บนเตียงก่อนหน้านี้ รู้สึกถึงใบหน้าที่ยังคงเห่อร้อน ตอนที่ผมเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงานดูแลเตียงตามชื่อตำแหน่ง เวลาที่มีสัมพันธ์กับคุณคีน ผมเองก็รู้สึกดีถึงกับเคยคิดว่าแท้จริงผมคงเป็นคนจ้างเขามานอนด้วย แต่พอรู้ตัวว่ารักคุณคีนและยิ่งมารู้ว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากผม ทำให้เรื่องบนเตียงระหว่างเรา มันดีขึ้นมากกว่าเดิม นอกจากเรื่องเซ็กซ์แล้วมันมีเรื่องของความรู้สึกที่อิ่มเอมและสุขใจ ผมกล้าทำตามที่เขาบอกมากขึ้น กล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเองกับเขาโดยไม่ปิดบัง

ผมรักเขาจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว





ตอนที่ผมออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง คุณคีนกำลังอ่านอะไรอยู่ในโทรศัพท์มือถือ จะว่าไปผมไม่ค่อยเห็นเขาจับโทรศัพท์มือถือเลยถ้าไม่ใช่เวลาที่คุยโทรศัพท์ แสงไฟในห้องสลัวพอให้มองเห็น ทว่าไม่มืดจนเกินไปนัก ผมก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างเขา คุณคีนหันมามองผมก่อนจะวางโทรศัพท์ในมือลง

“คุณอาบน้ำแล้วหรือครับ” เขาสวมเสื้อผ้าแล้ว ท่าทางเหมือนผ่านการอาบน้ำมาอีกรอบเหมือนผม

“อืม”

“เอ๊ะ ที่ไหนครับ” ผมใช้ห้องน้ำอยู่แล้วเขาไปอาบน้ำที่ไหน

“ห้องข้าง ๆ”

“ขอโทษครับ ผมอาบน้ำนานไปหน่อย” ผมบอกเขาเสียงอ่อย

“ผมกะว่าอีกห้านาทีถ้าคุณยังไม่ออกมาผมจะไปเคาะประตูดูเสียหน่อยว่าทำไมหายไปนาน กลัวว่าจะเหนื่อยจนหลับอยู่ในนั้น” คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ผมอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้

“ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นสักหน่อยครับ” ผมอ้อมแอ้มบอกเขา

“พูดแบบนี้แสดงว่ายังไหว”

“ไม่ใช่ครับ ใครจะบ้าหลับในห้องน้ำกัน” ผมเลยตอบเขาอย่างอื่นแทน

“แต่ผมเคยนะ หลับในอ่าง” คุณคีนยอมรับออกมาง่ายดายจนผมตกใจ

“ผมไม่ได้ว่าคุณนะครับ”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ผมเคยเหนื่อยมาก ๆ  จนหลับไป”

“ทำอะไรมาถึงเหนื่อยจนหลับไปล่ะครับ” ผมมองเขา ยอมรับละว่าใจคิดเตลิดไปถึงเรื่องที่เขาทำกับผม ตอนนั้นผมไม่รู้จักแล้วเขาทำกับใครกัน คิดถึงตรงนี้แล้วก็อดโมโหไม่ได้

“แล้วคิดว่าผมทำอะไรล่ะ”

“ไม่รู้สิครับ แต่จะมีสักกี่เรื่องกันที่ทำให้คุณเหนื่อยได้” ผมพูดจบก็ถูกดีดหน้าผากเต็มแรง จนร้องโอดโอยรีบยกมือมาลูบหน้าผากป้อย ๆ

“ผมทำงานเหนื่อยครับ คุณนี่น้า คิดไปถึงไหน ชักเลอะเลือนเหมือนเคนไปอีกคน”

“คุณรู้จักคุณเคนมานานหรือยังครับ” พอคุณคีนพูดชื่อคุณเคนผมจึงนึกอยากรู้เรื่องระหว่างเขากับคุณเคนบ้าง

“นานพอควร เกือบสิบปีแล้ว ตั้งแต่เคนเรียนจบป.โทใหม่ ๆ ตอนนั้นเขาอายุน่าจะสักยี่สิบห้า”

“คุณเคนทำงานกับคุณมาเกือบสิบปีเลยเหรอครับ”

“ใช่”

“ทำไมคุณเคนถึงมาทำงานกับคุณได้ครับ”

“ผมกลับอังกฤษเพื่อไปหาเคท เลยแวะไปมหา’ลัยที่เคยเรียนด้วย เจอเคนกำลังคุยอยู่กับอาจารย์ เขาเลยแนะนำผมให้รู้จักกับเคน หลาย ๆ  อย่างลงตัวเคนใกล้เรียนจบ ผมกำลังหาคนมาช่วยงานพอดี อาจารย์ก็คุยฟุ้งว่าเคนเป็นเด็กเก่ง ผมเลยตัดสินใจลองรับเขามาทำงานด้วยกัน”

“แล้วคุณเคนทำงานได้สมราคาที่อาจารย์คุณคุยไหมครับ แต่ผมเดานะว่าคุณเคนคงผ่านฉลุย คุณเคนเก่งอยู่แล้ว” ผมพลิกตัวนอนคว่ำให้คลายความเมื่อยขบบริเวณหลังและสะโพก

“แรก ๆ  ก็ไม่หรอก การเรียนไม่เหมือนการทำงาน เคนโดนผมดุประจำ ข้อดีของเคนคือไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น” คุณคีนพูดถึงคุณเคนด้วยสีหน้าติดจะอมยิ้ม น้ำเสียงที่เอ่ยถึงชื่อคุณเคนก็มีความเอ็นดูพอสมควร

“คุณคงสนิทกับคุณเคนมาก”

“เคนคือคนที่ผมอยู่ด้วยมากที่สุด”

“หมายความว่าคุณกับคุณเคน...” ผมหวนคิดถึงที่พี่ปุยฝ้ายพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณคีนกับคุณเคน หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง

รางวัลของการคิดเชื่อมโยงคือการขบแรง ๆ  ที่ริมฝีปากล่างของผม

“คิดอะไรของคุณ”

“ก็..ใคร ๆ  ก็..คนอื่น เขาบอกว่าคุณกับคุณเคนเป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้อง” พอถูกเขาถามเสียงขรึม ผมถึงกับอึกอักเกือบจะหาคำพูดมาตอบเขาไม่เจอ

“เขาเล่าว่า เขาพูดว่าทั้งนั้น แต่ไม่รู้ใครเป็นคนพูด ไม่ได้นะครับเปล คุณต้องคิดพิจารณาไตร่ตรองให้มากกว่านี้ อย่าตีความไปเอง”

“ขอโทษครับ”

“คุณเห็นงานของผมแล้วใช่ไหม เคนอยู่กับผมตลอดเวลา ถ้าผมไม่อยู่กับเขามากที่สุดแล้วจะให้ผมอยู่กับใคร”

“จริงด้วยครับ” พอเขาอธิบาย เลยทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น

“อีกเทอมเดียวคุณก็จะเรียนจบแล้ว เวลาทำงานต้องคิดให้มากกว่านี้นะครับ” นึกว่าวันนี้จะไม่ถูกดุ สุดท้ายผมก็หนีไม่รอดอยู่ดี

“ครับ” ผมรับคำอย่างสงบเสงี่ยม

“เทอมหน้าอย่าลืมเริ่มหางานนะครับ” คุณคีนเอ่ยเตือน

“ครับ” ผมบอกเขา “แล้วปิดเทอมที่คุณบอกว่าจะพาผมไปอังกฤษ ไม่ไปได้ไหมครับ”

“หืม? ทำไมครับ เราคุยกันไปแล้วไม่ใช่หรือ”

“ครับ ตอนที่คุณเล่าเรื่องคุณเคน คุณบอกว่ากลับอังกฤษเพื่อไปหาคุณเคท”

“ใช่ครับ เราจะไปอยู่กับเคท”

“คุณเคทเธอดุไหมครับ”

“กลัวหรือครับ”

“ครับ ตอนที่ผมเจอคุณแม่คุณ ผมยังกลัวเลย”

“เคทใจดีกว่าคุณแม่มาก ตอนที่เคทโทรหาคุณวันนั้น เธอดุคุณไหม”

“ไม่เลยครับ ถึงคุณเคทจะพูดไทยไม่ค่อยชัดแต่พูดเก่งมากเลยครับ น้ำเสียงฟังดูใจดีด้วย” ผมบอกคุณคีนพลางนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับคุณเคทคืนนั้น

“ไม่ต้องกลัวเคทหรอก” คุณคีนปลอบแล้วบีบจมูกผมเบา ๆ

“แล้วพาผมไปอยู่ด้วยคุณเคทจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

“ไม่หรอก” คุณคีนส่ายหน้านิดหนึ่ง “เคทดีใจด้วยซ้ำที่ผมพาคุณไป เธออยากเจอคุณ ตอนที่คุณอาบน้ำเสร็จออกมาเจอผมคุยโทรศัพท์ ผมกำลังคุยกับเคทอยู่ เธออยากคุยกับคุณแต่ผมยังไม่อยากให้คุย”

“ทำไมครับ”

“ผมไม่อยากรอ” เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นไงคงรู้ดี ผมจะไม่หลงกลถามเขาแล้วเข้าประเด็นหรอก

“เอ่อ..ตอนที่คุยโทรศัพท์กับคุณเคท เธอบอกว่าไว้เจอกันที่นี่ ผมยังคิดว่าที่นี่คือที่ไหน”

“ผมบอกเธอว่าจะพาคุณไปหา ถึงไม่เกิดเรื่องก็ตั้งใจพาคุณไปอยู่แล้ว”

“ปกติคุณไปอังกฤษแล้วพักกับคุณเคทเสมอเลยเหรอครับ”

“ครับ นั่นบ้านแม่ผม คุณจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน” ผมสะดุดหูคำพูดเขา

“เอ๊ะ?แม่คุณ แล้วคุณแม่คุณล่ะ” ผมหมายถึงคุณแม่คุณคีนที่ผมเพิ่งไปเจอเธอ

“ครับ เคทเป็นแม่ผม ส่วนคุณแม่คือแม่น้องชายผม ภรรยาใหม่พ่อ”

“อ้าว ทำไมคุณเรียกแม่ว่าเคทแล้วเรียกอีกคนว่าแม่ล่ะครับ”

“ผมเรียกเคทมาตั้งแต่จำความได้ เคทมีผมตอนอายุสิบแปด ส่วนพ่ออายุยี่สิบเอ็ด เป็นคุณพ่อคุณแม่วัยใส ผมคือผลผลิตที่พวกเขาพลาดเพราะไม่ได้ป้องกันเพียงครั้งเดียว”

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมไม่รู้เลยว่าตอนที่คุณคีนรู้เรื่องนี้ เขาจะรู้สึกอย่างไร

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว”

“แสดงว่าก่อนหน้านี้คงคิด?”

“เลยเป็นเด็กเกเรประชดพ่อแม่ไงครับ” คุณคีนหัวเราะเต็มเสียง ดูท่าว่าเขาคงไม่ได้คิดอะไรแล้วจริง ๆ “เคทให้ผมเรียกเธอว่าเคทและเรียกพ่อว่าเค กลับมาอยู่ไทยพ่อให้ผมเรียกเขาว่าพ่อแทนชื่อนั้น ส่วนเคทไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเรียกเคทเหมือนเดิม”

“คุณอย่าบอกนะว่าที่คุณใช้นามแฝงในเว็บนั้นว่ามิสเตอร์เคเพราะประชดคุณกวินทร์”

“ไม่ผิดครับ แต่ก็ใช่ว่าถูกต้องทั้งหมด ผมแค่ตั้งใจอยากให้เขาหงุดหงิดเล่น” ผมไม่อยากนึกเลยว่าคุณคีนในช่วงที่เกเรจะแสบแค่ไหน

“คุณไม่ชอบคุณกวินทร์เหรอครับ คราวก่อนคุณกับเขาก็ทะเลาะกัน”

“ไม่หรอกครับ ยังไงเขาก็เป็นพ่อผม แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นผมกับพ่อทะเลาะกันอีก อีกหน่อยก็คงไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว”

“ทำไมครับ” ผมถามเขาแล้วก็นึกได้ “อ๋อ..คุณลาออกจากพรรคแล้ว ผมก็ลืมไป”

“ก็มีส่วน แต่ผมตั้งใจว่าคงจะกลับไปอยู่กับเคท”

“คุณจะไม่อยู่ที่เมืองไทยแล้วเหรอครับ”

“ครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว อันที่จริงป่านนี้ผมควรจะอยู่ที่นั่นแล้ว”

“ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น”

“มีเด็กดอยยังเรียนไม่จบ”

“ครับ?” ผมไม่แน่ใจความหมายของคุณคีน แต่เด็กดอยก็น่าจะหมายถึงผมใช่ไหม “ผมเหรอครับ

“ครับ ต้องเป็นคุณอยู่แล้วครับ”

“ไม่เป็นไรนะครับ” ผมรีบละล่ำละลักบอกเขา ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ผมยิ้มให้คุณคีน แต่อดใจหายไม่ได้ อีกหน่อยคงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว “ผมอยู่คนเดียวได้”

ถ้าคุณไม่อยู่ที่เมืองไทย ผมคงไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านให้คุณแล้ว ดังนั้นผมจะเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ  เพื่อเป็นค่าเครื่องบินแล้วบินไปหาคุณบ่อย ๆ  นะครับ

ผมได้ยินเสียงเขาพึมพำฟังไม่ชัดประมาณว่า ‘คุณอาจจะอยู่ได้แต่ผมคงอยู่ไม่ได้’  คิดว่าคุณคีนจะพูดออกมาให้ผมฟัง แต่เขากลับพูดว่า

“ใครบอกคุณว่าผมจะให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียว”

“อ้าว ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอครับ”

“ผมตั้งใจว่าหลังจากลาออกจากพรรคแล้วก็จะเคลียร์งานให้เรียบร้อยแล้วไปอยู่กับเคทที่อังกฤษ นั่นคือตอนที่ผมยังไม่มีเด็กมาดูแลเตียงให้” คุณคีนพูดเนิบ ๆ  ผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้เขากว่าเดิม

“...”

“แพลนที่ผมตั้งใจไว้เลยต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะเขายังเรียนไม่จบและผมอยากให้เขาทำงานหาประสบการณ์ก่อนที่จะย้ายไปอยู่อังกฤษกับผม”

“ถามเขาหรือยังครับว่าอยากไปด้วยไหม” พอคุณคีนพูดถึงสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ผม ทำให้ผมแทบจะเก็บอาการดีใจไว้ไม่มิดจนต้องแกล้งพูดเล่นตัวกับเขาแบบนั้นออกไป

“คุณสัญญากับคุณแม่ผมแล้วว่าจะดูแลผมนี่ครับ คุณจะไม่ไปกับผมงั้นเหรอ”

“คุณอยากให้ผมไปด้วยจริง ๆ  เหรอครับ”

“แน่นอน ไม่งั้นผมจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไร”

“แต่ปิงยังอยู่ที่นี่..” ผมเกือบลืมไปว่าปีหน้าปิงจะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ

“ผมเชื่อว่าปิงดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าคุณเป็นห่วงจะพาเขาไปด้วยก็ได้ครับ ผมไม่ขัดข้อง”

“คุณดีกับผมมาก จนผมไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงถึงจะตอบแทนคุณได้หมด”

“ผมเคยบอกแล้วไงครับเป็นเด็กดีให้ผมก็พอ เท่านั้นก็พอแล้ว”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริง ๆ” ผมโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันเกินกว่าที่จะบรรยายความรู้สึกออกมาได้

“เปลครับ..” คุณคีนเรียกชื่อแล้วมองผมอย่างจริงจัง

“ครับ”

“ไปอยู่อังกฤษกับผมนะ”





 
ดึกสงัดคุณคีนหลับไปแล้วแต่ผมยังไม่กล้าหลับกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมนั้นแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเรื่องจริงได้


จากคนที่วัน ๆ  หนึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเงินมาให้มากที่สุด กลับมีเวลาว่างมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กมหา’ลัยทั่วไป


จากคนที่ต้องแก้ไขปัญหาเอง กลับมีใครอีกคนเข้ามาคอยช่วยคิด คอยช่วยเหลือ


จากคนที่กลัวการรับโทรศัพท์มากที่สุด ตกใจทุกครั้งที่มีสายเข้า กลับเอาแต่มองโทรศัพท์และเฝ้ารออยากรับสายมากที่สุด


จากคนที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาใคร กลับมีตัวตนในสายตาเขา


จากคนที่เป็นฝ่ายแอบรัก กลับได้รับความรักจากเขา


ทุกอย่างที่เป็นไปไม่ได้แต่เป็นไปแล้ว ผมต้องรักคุณคีนมากแค่ไหน ต้องเป็นเด็กดีกับเขามากแค่ไหน ถึงจะเพียงพอกับสิ่งที่เขาทำเพื่อผม


ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าผมจะเจอกับอุปสรรคใหญ่ขนาดไหน ผมกับคุณคีนจะเป็นอย่างไร แต่ผมจะทำเพื่อเขาให้มากที่สุดเท่าที่คน ๆ  หนึ่งจะทำให้ได้


ผมไม่รู้ว่าบ้านที่อังกฤษจะแพงมากไหม แต่ถ้าคุณมีบ้านแล้ว ผมจะซื้อรถให้คุณแทนนะครับคุณคีน





 
ผมอยากบอกคุณคีนว่าผมรักคุณครับ
 



 
 
 
 
END






=============================================



จบแล้วค่า ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตอนนี้ วันนี้อาจจะพูดยาวมากต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ



นิยายเรื่องนี้มาจากช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้เขียนเองกำลังหางานและค่อนข้างเครียดจึงตั้งใจแต่งเรื่องที่เน้นอ่านแล้วไม่เครียดผ่อนคลายใจ ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านมากถึงขนาดนี้ ต้องขอบคุณทุกท่านจริงๆ นะคะ ดีใจมากที่สุดค่ะ ทั้งนี้เนื้อเรื่องอาจไม่ตรงใจ ทำไมตัวละครไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ ทำไมต้องมีสาวผมแดง ทำไมต้องมีกลุ่มเพื่อนและอาจมีไม่สมเหตุสมผล ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย



สำหรับรูปเล่ม เขมคงทำเล่มเองค่ะ ตอนนี้เขียนตอนพิเศษใกล้เสร็จแล้วเดี๋ยวจะเอามาให้ลงอ่านตอนหนึ่งน้า ขอเลือกก่อน ในตอนพิเศษจะมีตอนที่เป็นพาร์ทคุณคีนค่ะ และช่วงเวลาปิดเทอมที่คุณคีนและเจ้าเปลไปอยู่ต่างประเทศ จะได้เจอเคทที่นั่นนะคะ และพาร์ทของคุณเคน แล้วก็เรื่องราวต่อจากนี้ในอนาคตค่ะว่าทั้งคู่เป็นอย่างไร (แต่จะมีเพิ่มกว่านี้มั้ย เดี๋ยวเขมขอคิดก่อนน้า) ส่วน nc ที่มากกว่าในเว็บก็ไปเจอกันในตอนพิเศษน้า รายละเอียดเพิ่มเติมจะมาแจ้งอีกครั้งตอนเปิดจองนะคะ และรูปเล่ม join with me ที่จะแถมไปพร้อมกับเจ้าเปลก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ



ส่วนเรื่องอื่นๆ ในเรื่องจะมีบอกเพิ่มเติมในตอนพิเศษค่ะ แม้ไม่ได้อ่านเล่มก็เข้าใจค่ะ เป็นการเพิ่มรายละเอียดเฉยๆ ค่ะ

เช่น สัญญาที่คุณคีนทำกับพ่อแปล , เรื่องน้องชายคุณศักดิ์ จะอยู่ในพาร์ทคุณเคน คร่าวๆ นี้ค่ะ จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเรื่องอื่นอีก

แต่ไม่ได้อ่านตอนพิเศษก็เข้าใจค่า



สุดท้ายขอบคุณทุกท่านมากจริงๆ ค่ะ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีคนเอ็นดูเจ้าเปลและอยากมีคุณคีนกันมากถึงขนาดนี้



ขอบคุณจากใจค่ะ

รักมากจริงๆ นะ

เขมกันต์


ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 01-07-2019 11:23:11
อ่านไปยิ้มหน้าบานไปตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ ประโยค'ไปอยู่อังกฤษกับผมนะ' ของคุณคีนนี่เขินตัวบิดเลย นี่มันความหมายคล้ายๆประโยคขอแต่งงานขอเป็นคู่ชีวิตเลยนี่นา  :o8:
น้องเปลช่างแสนจะน่าเอ็นดูเหมือนเดิม คุณคีนก็อบอุ๊นอบอุ่นละมุนหัวใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเลยค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-07-2019 12:19:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-07-2019 14:19:58
 :pig4:
ชอบมากมาย
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-07-2019 16:31:05
น่ารักมากเลย :กอด1: น้องเปลเตรียมตัวจะเป็นสายเปย์แล้วใช่ไหมสู้สู้น้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-07-2019 17:39:06
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-07-2019 19:59:13
จบแล้ว.....เสียดายสั้นจัง..ติดตามเล่มนะรอ จ้า รอ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-07-2019 21:00:31
เปลยังคงมุ่งมั่นจะซื้อบ้านหรือรถให้คุณคีนอยู่ คุณคีนอาจอยากได้อย่างอื่นก็ได้นะเปล o18
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-07-2019 21:10:25
ขำน้องยันตอนจบ จะหาทางเปย์เขาให้ได้เลย ได้หลัวดีชีวิตก็ดีนะคะลูก

ขแบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-07-2019 21:47:54
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 01-07-2019 21:53:47
เด็กดอยจะไปเป็นเด็กนอกแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-07-2019 21:58:42
จบแล้ว ขอบคุณค่ะสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 01-07-2019 22:28:59
ตอนจบก็ยังเอ็นดูเปล
คุณคีนขาดเด็กดอยไม่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-07-2019 22:34:15
 จบแล้ว เสียดายอยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-07-2019 22:51:22
น้องเปลตั้งใจจะทำงานหาเลี้ยงคุณเคนจริงจังนะเนี่ย น่ารักจัง

ถ้าย้ายไปอังกฤษแล้วคุณเคนล่ะ  อยู่ดูแลน้องปิงต่อได้มั๊ยนะ

ขอบคุณคุณเขมมากค่ะสำหรับนิยายละมุนๆ เรื่องนี้.  :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 01-07-2019 22:58:24
เราชอบความสัมพันธ์ของพระนายเรื่องนี้นะ
ไม่หวือหวา. ไม่อ่อนไปไม่แรงไป. เรื่อยๆให้มั่นคงสมกับเป็นคุณเค้าอ่ะ
ชื่นชมไรท์มากค่ะขอบคุณมากเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 01-07-2019 23:18:48
รักในการอยากเปย์ บ้าน รถ ให้คุณคีนของน้องเปล  o13
ขอบคุณคุณเขมนะคะ เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-07-2019 23:47:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 02-07-2019 06:34:08
จบแล้ว... อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนที่ 1 วันนี้อ่านตอนสุดท้ายแล้ว ต้องคิดถึงน้องเปลมากแน่ๆ เพราะทุกวันต้องรอคอยที่น้องเปลจะมา / เราจะต้องมีน้องเปลเป็นของตัวเองค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 02-07-2019 19:52:39
น้องเปลรู้กกกก ทำบุญด้วยอะไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-07-2019 20:28:19
เอ็นดูเด็กดี 
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 03-07-2019 00:04:06
เขินนนนนคุณคีนของน้องอยากไปอยู่อังกฤษด้วยคนค่า :-[
หยอดปุกรอเล่ม :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: チイ ที่ 03-07-2019 12:57:16
เปลยังคงไม่ละทิ้งความสายเปย์จะซื้อของให้คุณคัน5555555555
เอ็นดูความคิดน้องถ้าคุณเค้ารู้จะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 03-07-2019 15:30:02
 คุณคีนคือความดีงามของโลกใบนี้  หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบไม่ใช่เล่นๆนะ อบอุ่นมาก โซฮ็อตมาก คือดี :-[
น้องเปลก็เด็กดีมาก สู้ชีวิต ดีแล้วที่ได้มาเจอกับคุณคีน  :heaven
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 03-07-2019 19:59:51
โถ~ลูกก

ยังจะอยากไปซื้อรถให้เค้าอีก

 :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 23:23:53
อ๊ายยยยยย ชอบค่าาาาาาา
ไร้พล็อต ไร้แพลน แต่ไม่ไร้อารมณ์นะ
อ่านสนุก ถูกใจ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 04-07-2019 06:47:02
งื้ออออออ จบไวอ่า อยากอ่านอีก น้องจะเป็นเด็กดี นี่ใจบางไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 04-07-2019 17:23:47
ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 18:23:43
งื้อออออออออ
มิสเตอร์เคอบอุ่นจังค่ะ ดูแลน้องดีมาก
น้องก็เหมือนชอบคุณนะคะ
ติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-07-2019 18:47:48
คุณคีนน่ารักมากเลยค่ะ น้องเปลก็เช่นกัน ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 20:08:16
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 04-07-2019 20:40:51
แต่งนิยาย​ดีมากค่าชอบๆ ติดตามคะ :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 20:51:20
โอ๊ยๆๆๆๆ อายุน้อง 2 คนเท่ากับ 40 นะคะ ฮือออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 21:19:36
โถๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minyjae ที่ 04-07-2019 21:25:12
นับถือมากค่ะ ไม่ทีฉากnc แต่เขียนให้เราอินกับทั้งคู่ได้จริงๆ ประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 21:37:00
โอ๊ย ไม่รู้จะขำหรือจะเครียดไปกับน้องเปลดี
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 21:58:20
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 22:35:42
ป๋ามาก เปย์มาก อบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 22:53:57
อย่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นนะ
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 23:05:47
สายเปย์ตัวจริง ฮิ้ววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2019 23:30:00
 o13 o13
เด็กดี เด็กดี
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 05-07-2019 00:47:13
 o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 05-07-2019 00:50:40
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ END UP 01/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 05-07-2019 12:55:23

สวัสดีค่ะ เขมเองค่ะ

วันนี้มารายละเอียด Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตามด้านล่างค่ะ


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/07/05/1FvYHf.md.png) (https://www.picz.in.th/image/1FvYHf)


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/07/05/1FvdG9.md.jpg) (https://www.picz.in.th/image/1FvdG9)




รายละเอียดตอนพิเศษทั้งหมด 4 ตอน

1. Please be my boyfriend? (ลงเว็บ)

2. อะไร อะไรก็เคน (ในเล่ม)

3. คิรินชา (ในเล่ม)

4. เรียนรู้กันไปทุกวัน (ในเล่ม)


** สำหรับ EBOOK มีแน่นอนค่า หลังจากจัดส่งหนังสือทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วค่ะ


เปิดจองตั้งแต่ 4 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2562

หนังสือมีขนาด A5 เข้าเล่มแบบไสกาว

ราคาหนังสือ 420 บาท

จำนวนหน้าโดยประมาณ 400 หน้า


ในการสั่งจอง 1 ชุดจะได้รับ
1. หนังสือ Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง 1 เล่ม รวมที่คั่นและโปสการ์ด
2. หนังสือเรื่องสั้น Join With Me (ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเล่มหลัก เป็นเรื่องใหม่) 1 เล่ม รวมที่คั่น

หมายเหตุ 1. เรื่องสั้นแถมเฉพาะรอบพรีหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
หมายเหตุ 2. สำหรับผู้ที่สั่งซื้อทางอีบุ๊ก จะแจ้งระยะเวลาในการซื้อ (เพื่อรับเรื่องสั้น) อีกครั้ง หลังจากเลยเวลาที่กำหนดจะไม่มีการแถมเรื่องสั้นค่ะ
หมายเหตุ 3. เรื่องสั้น Join With Me เป็น 3P ค่ะ แต่ไม่ได้พร้อมหน้ากันนะคะ >< 


กำหนดการส่งหนังสือโดยประมาณคือต้นเดือน กันยายนค่ะ  โดยจะจัดส่งเรียงตามลำดับการโอนค่ะ


ค่าจัดส่ง

1. พัสดุ 30 บาท

2. พัสดุลงทะเบียน 45 บาท

3. พัสดุด่วนพิเศษ หรือ ขนส่งเอกชน เคอร์รี่ 75 บาท



รายละเอียดการโอนเงินและแจ้งโอน สามารถทำได้ทั้งสองที่นี้เลยค่า


Google Form (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScK9mgjB5ZE1jrsfOtALMfHU-FWqGOmVLP1lFatVhCcm5oAsw/viewform)

khemmakan.lnwshop (http://khemmakan.lnwshop.com/product/2/pre-order-bed-care-job-พนักงานดูแเตียง)


ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ

รักตะเหมออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง **แจ้งข่าวหนังสือ** หน้า 23 ค่ะ UP 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-07-2019 18:07:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง **แจ้งข่าวหนังสือ** หน้า 23 ค่ะ UP 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-07-2019 02:36:52
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง **แจ้งข่าวหนังสือ** หน้า 23 ค่ะ UP 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 06-07-2019 11:29:49
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง **แจ้งข่าวหนังสือ** หน้า 23 ค่ะ UP 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-07-2019 11:55:25


Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง

ตอนพิเศษ Please be my boyfriend?



            เมื่อถึงวันปิดภาคเรียนต้นอย่างเป็นทางการ คุณคีนก็บอกผมให้เตรียมตัวเดินทางไปอังกฤษในอีกสามวันข้างหน้า ถึงแม้จะเป็นการบอกอย่างกะทันหันแต่การดำเนินการมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหันทั้งวีซ่าหรือพาสปอร์ตที่คุณเคนพาผมไปทำหลังจากที่คุณคีนตัดสินใจจะพาผมไปอังกฤษ


            “คุณคีนครับ ตอนนี้ข่าวลือเริ่มนิ่งแล้ว ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องไปอังกฤษแล้วก็ได้” ผมบอกเขา ข้อแรกคือผมเกรงใจ ตั๋วเครื่องบินราคาแพง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  ที่เขาออกให้ผมอีก ยังไม่รวมถึงตอนนี้ที่ผมไม่ได้ไปทำงานร้านพี่ปุยฝ้ายอีกแล้ว ลางานนาน ๆ  ก็เกรงใจจึงตัดสินใจออกมาดีกว่า แล้วคุณคิดว่าผมไม่ได้ทำงานแล้วอยู่ด้วยเงินที่ผมกู้เรียนมา เงินนั่นเพียงพอสำหรับผมไหม


            คำตอบคือพอครับ ไม่ต้องเอาเงินไปใช้หนี้ ผมอยู่ได้สบาย ไม่มีปัญหาเลย แต่คนที่กลัวผมอยู่ไม่ได้กลับเป็นอีกคน ดังนั้นตอนนี้ผมจึงได้รับเงินเดือนด้วยนะครับ เป็นเงินจากคุณเคน เอ๊ย ไม่ใช่สิ จากคุณคีนโดยที่คุณเคนโอนมาให้ อย่าบอกเจ้าตัวให้ได้ยินนะครับ ไม่งั้นเขาต้องไม่พอใจผมแน่

            “ไม่ได้”

            “อ้าว ทำไมครับ”

            “เคนจองตั๋วไปแล้ว อีกอย่างปีนี้ผมยังไม่ได้กลับไปหาเคทเลย ต่อให้ไม่มีข่าวก็ต้องไปอยู่ดี”

            “งั้นคุณไปคนเดียวดีไหมครับ”

            “เคทอยากเจอคุณ”

            “อ่า..เหรอครับ” เอาชื่อแม่มาอ้างแล้วผมจะพูดอะไรได้

            “ตามนี้นะครับเปล”

            “ก็ได้ครับ”

            “เดือนนี้อากาศที่นั่นหนาวมาก อุณหภูมิน่าจะเหลือแค่เลขตัวเดียว ยังไงเดี๋ยวผมให้เคนมารับคุณพรุ่งนี้แล้วไปซื้อเสื้อกันหนาวด้วย”


            มหาวิทยาลัยผมปิดเทอมต้นกลางเดือนธันวาคมพอดี ผมลองเข้าอินเทอร์เน็ตไปเช็กสภาพอากาศค่อนข้างหนาวทีเดียวต่ำสุดประมาณสี่องศา สูงสุดไม่เกินแปดองศา ผมต้องหนาวจมกองผ้าห่มตายแน่นอน ออกไปข้างนอกก็ต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจนตัวหนาเป็นแหนม ถึงผมจะเป็นคนเหนือแต่ผมไม่ชอบอากาศหนาว หนาวมาก ๆ  มันทรมาน หายใจก็ลำบาก


            คุณเคนมารับผมไปซื้อเสื้อกันหนาวตามคำสั่งเจ้านายของเขา คุณเคนดูสนุกที่ได้เห็นผมลองสวมเสื้อกันหนาวตัวนั้นตัวนี้เป็นว่าเล่นกว่าจะซื้อเสร็จก็ใช้เวลาไปเกินชั่วโมงทีเดียว ทั้งผมและคุณเคนต่างช่วยกันถือถุงเสื้อผ้า พะรุงพะรังเต็มทั้งสองมือ เสื้อกันหนาวรวมถึงเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น ทั้งหมดนี่ของผมทั้งนั้น


            กระทั่งถึงวันที่ต้องออกเดินทาง ผมตื่นตะลึงกับการแต่งตัวของคุณคีน ตั้งแต่รู้จักกันมาถ้าไม่ใช่ชุดนอนที่เขาใส่อยู่บ้านก็คงหนีไม่พ้นเสื้อเชิ้ตกับกางแกงแสล็ก บางครั้งก็มีสูทด้านนอกด้วย แต่ครั้งนี้แปลกออกไป เขาใส่เสื้อไหมพรมสีเข้มค่อนข้างหนาไม่เหมาะกับอากาศในประเทศไทยและกางเกงยีนสีซีดพอดีตัวเข้ารูป ผมลอบกลืนน้ำลายมองผู้ชายวัยสี่สิบสี่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าเขาดูดีเกินไปหรือเป็นผมเองที่รักเขาเกินไปจนมองว่าเขาดีไปหมดทุกส่วน

            “เป็นอะไร”

            “ปะ..เปล่าครับ ผมไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย”

            “จะไปพักผ่อนทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากันสิ จริงไหม”

            “เอ่อ..จริงด้วย” คุณคีนพินิจมองผมอยู่แล้วทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “เสื้อมันบางไปหน่อย ไปเปลี่ยนให้หนาหน่อยดีกว่า เดี๋ยวอยู่บนเครื่องแล้วจะหนาวเอาได้”

            “ได้ครับ” ผมไม่เถียง เขาว่าไงผมก็ว่าตามนั้น จังหวะที่ผมเดินผ่านเขาก็ถูกคุณคีนดึงตัวเข้าไปใกล้ เขากดจมูกลงบนหัวผมทีหนึ่ง ไม่มีคำบ่นใด ๆ  ก่อนจะตบก้นผมเบา ๆ  เป็นเชิงบอกว่าไปได้ผมจึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้ออย่างรวดเร็ว


            หึ! ผมเตรียมตัวมาดีครับ


            คุณเคนและคุณลุงคนขับรถทำหน้าที่มาส่งคุณคีนและผมที่สนามบิน ผมคิดว่าคุณเคนจะไปพร้อมกับเราเสียอีกแต่ก็มารู้ความจริงเมื่อตอนที่คุณเคนบอกว่าเดินทางปลอดภัย ผมจึงรู้ว่าคุณเคนไม่ได้เดินทางไปกับเราครั้งนี้


            ด้วยความที่ผมไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อน ทุกอย่างรอบตัวช่างน่าสนใจ ดูแปลกตาไปหมด กระทั่งขึ้นมานั่งบนเครื่องแล้วผมก็ยังไม่เลิกตื่นเต้นเลย ผมได้ที่นั่งติดกับคุณคีนแต่มีไอ้สิ่งที่เรียกว่าแผงกั้นมาคั่นตรงตรงกลางระหว่างเรา คุณคีนบอกผมว่าเราปรับลดลงได้ แผงกั้นนี้ใช้สำหรับกรณีเดินทางคนเดียวแล้วไม่อยากสุงสิงกับคนนั่งข้างก็ดึงขึ้นมากั้นเอาไว้ได้

            “กี่ชั่วโมงครับกว่าจะถึงอังกฤษ”

            “สักสิบห้าสิบหกชั่วโมง” ผมมองเขาแล้วทำหน้าเครียด นั่งเฉย ๆ  สิบกว่าชั่วโมงเลยเนี่ยนะ

            “เป็นอะไร”

            “จะไม่เมื่อยแย่เหรอครับ นั่งนานขนาดนั้น”

            “เครื่องจะไปแวะที่ดูไบก่อนประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ก็ค่อยลงไปยืดเส้นยืดสาย สนามบินที่นั่นสวยมากแล้วถ้าอยากได้อะไรก็ซื้อมาเลย เพราะขากลับเราจะบินตรงไม่แวะพัก”

            “ถ้าไม่แวะพักใช้เวลากี่ชั่วโมงเหรอครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้

            “ลองคำนวณคร่าว ๆ  คิดจากเวลาขาไปสิครับ ถ้าไม่แวะพักเราจะใช้เวลากี่ชั่วโมง”

            “เอ่อ..ครับ” คุณคีนไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้คำถามผมกลายเป็นปริศนาธรรมไป ผมจึงลองคิดตามอย่างที่เขาบอกอย่างเสียไม่ได้ ถ้าไม่คิดตามแล้วถ้าคุณคีนถามมาแล้วผมตอบไม่ได้ล่ะ ผมอาจจะถูกดุเอาได้

            ตกลงว่าขากลับผมจะใช้เวลากี่ชั่วโมงครับ

            “ง่วงหรือเปล่า”

            “ยังครับ” ผมหันไปตอบเขาแล้วก็กดปุ่มนั้นปุ่มนี้เล่น

            “แต่ผมอยากพักสักหน่อย”

            “เอ่อ..ครับ คุณนอนเลย ผมจะทำตัวเงียบ ๆ ไม่กวนคุณนะครับ” ผมคงทำเสียงดังทำให้เขานอนไม่หลับ แต่ผมก็ว่าผมไม่ได้ส่งเสียงดังเลยนะ

            “นอนพักสักหน่อย ตอนเครื่องแวะพักจะได้มีแรงไปเดินเล่น”


            จังหวะที่ผมคิดว่าคุณคีนพูดนั้นหมายถึงใคร ผมหรือว่าตัวเขา พนักงานบนเครื่องก็เดินมาขออนุญาตจัดเตรียมที่นอน ทำให้ผมต้องลุกขึ้นตามคุณคีนไปยืนเก้ ๆ  กัง ๆ อยู่ข้าง ๆ  พนักงาน ผมกำลังเห็นสิ่งมหัศจรรย์เมื่อเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่เมื่อสักครู่นี้ถูกปรับเอนลงหนึ่งร้อยแปดสิบองศา


            แล้วสิ่งที่กั้นกลางระหว่างผมกับคุณคีนก็ถูกพับเก็บออกไป เก้าอี้คุณคีนก็ถูกปรับให้มีลักษณะเดียวกับเก้าอี้ผม พนักงานจัดแจงปูผ้าปูที่นอน ผมเกือบลืมตัวอาสาเข้าไปช่วยทำตามนิสัย โชคดีที่เห็นคุณคีนมองมาที่ผมแล้วส่ายหน้าห้ามปรามเล็กน้อยเลยชะงักตัวได้ทัน ก็ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นพนักงานดูแลเตียงมาก่อนนี่นา


            ตอนนี้เก้าอี้ของเราทั้งคู่กลายเป็นที่นอนอยู่ข้างกัน ผมตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร พยายามเก็บอาการไว้ให้มากที่สุดกลัวคนอื่นจะมองว่าผมตื่นเต้นอะไรไม่เข้าเรื่อง ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จักว่ามันคืออะไรแต่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้มาเห็นและได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง


            พนักงานบนเครื่องปิดประตูตรงข้างที่นั่งให้เราสองคนเพื่อความเป็นส่วนตัว ตอนนี้ผมกับคุณคีนนอนข้างกันเหมือนอยู่ในห้องที่มีขนาดเล็ก เขาคงเหนื่อยจริง ๆ  อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เพียงไม่นานคุณคีนก็หลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสลับกันเป็นจังหวะสม่ำเสมอเป็นสิ่งยืนยันได้ดี


            ผมนอนเล่นไปสักพักคิดว่าคงนอนไม่หลับ รู้สึกตัวอีกทีคุณคีนปลุกผมให้ตื่นขึ้นพร้อมกับพนักงานที่เข้ามาช่วยจัดแจงปูโต๊ะแล้วเสิร์ฟอาหารให้เรา สิ่งตรงหน้าทำผมตื่นเต้นอีกครั้งอาหารหน้าตาแปลก ๆ  ถูกวางลงตรงหน้าทีละจาน ๆ  ทั้งคาวและหวาน ผมจัดการไม่รอช้าสุดท้ายจานตรงหน้ากลายเป็นจานเปล่า ผมลูบพุงเล็ก ๆ  ของตัวเองอย่างพึงพอใจ ผมเป็นเด็กดีไม่กินอาหารทิ้ง ๆ  ขว้าง ๆ

            “อร่อยหรือเปล่า” คุณคีนถามขึ้นหลังจากที่พนักงานเก็บจานเปล่าไปแล้ว

            “อร่อยมากครับ”

            “อืม เกือบจะไม่ปลุกให้ลุกขึ้นมากินแล้วเชียว แต่เห็นว่าถ้าพลาดไปคุณคงเสียดายแน่”

            “ถ้าพลาดไปต้องเสียดายอย่างที่คุณบอกแน่เลยครับ อาหารอร่อยมาก ผมไม่เคยกินอะไรอร่อย ๆ แบบนี้เลย”

            “ไว้จะพาไปกินร้านที่อร่อยกว่านี้อีก”

            “จริงนะครับ” ผมมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย ผมไม่ได้เห็นแก่กินแต่ผมแค่ปฏิเสธคุณคีนไม่ลงเท่านั้นเอง

            “จริง”

            “ขอบคุณครับ”


            เรานั่งต่ออีกสักพักกัปตันก็ประกาศว่าเครื่องบินกำลังลดระดับเพื่อจอดที่ดูไบ ผมตื่นเต้นเช่นเคย หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วว่าเจออะไรมาบ้างทุกอย่างในสนามบินที่นี่ละลานตาหรูหราไปหมด คิดว่าจะเดินไม่นานกลายเป็นว่าเกือบจะไปต่อเครื่องไม่ทัน


            ผมนั่งอยู่บนเครื่องอีกหกถึงเจ็ดชั่วโมงก็สิ้นสุดการเดินทางเสียที มีคนมาคอยรับเราอยู่แล้ว เมื่อเดินออกมาจากนอกอาคาร ความเย็นและลมเข้าปะทะร่างกายทันที โชคดีที่คุณคีนให้ผมใส่เสื้อกันหนาวเตรียมไว้แล้วไม่งั้นผมคงจะยืนตัวแข็งทื่อแน่ ๆ คุณคีนพูดอะไรไม่รู้กับพี่คนขับด้วยภาษาอังกฤษก่อนที่เราขึ้นรถกัน รถเคลื่อนตัวมาหยุดที่บ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง ข้างหน้าเป็นสนามหญ้า พื้นที่กว้างขวาง แต่ไม่มีรั้วมากั้นไว้เหมือนกับที่ประเทศไทย มองแล้วโล่งตาโล่งใจเป็นอย่างมาก




 
            คุณคีนพาผมเดินตัวเปล่าปราศจากกระเป๋าสัมภาระลงจากรถไปด้วยกัน ประตูหน้าบ้านเปิดรอรับพวกเราอยู่แล้ว พอเข้ามาในบ้านก็รู้สึกอุ่นทันที ผมถอดเสื้อกันหนาวอันแสนเกะกะออกอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิ ผมไม่ค่อยชอบอากาศหนาวเลย


            ใกล้ ๆ  กับประตูมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธอย้อมผมด้วยสีที่ผมไม่แน่ใจนักว่าสีอะไร มันดูเป็นสีเขียว ๆ  เทา ๆ  อายุน่าจะประมาณสี่สิบปลาย ๆ  ถึงห้าสิบต้น ๆ  อะเต็มที่ผมให้ไม่เกินห้าสิบห้า เชื่อผมสิ เธอคนนั้นยิ้มให้ผมและคุณคีน แววตาของเธอสุกใสถึงจะสีตาไม่เหมือนคุณคีนแต่รูปตาของเธอกับคุณคีนนั้นเหมือนกันอย่างกับพิมพ์เดียวกัน ผมสันนิษฐานคะเนด้วยอายุของเธอ ถ้าเธอเป็นคุณเคทแสดงว่าเธอต้องมีคุณคีนตั้งแต่สิบขวบ

            ผมรีบสลัดความคิดนั้นออกไป‘ไม่ใช่ละไอ้เปล ไม่ใช่โว้ย’

            “สวัสดีครับเคท” คุณคีนเดินเข้าไปกอดและจูบแก้มเจ้าของชื่อทั้งสองข้าง ชื่อที่ออกจากปากคุณคีนทำให้ผมตะลึงงัน

            ‘Seriously!???’

            ผมขอใช้ภาษาอังกฤษหน่อยแล้วกัน บ้าน่า ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง เธออายุน้อยเกินกว่าจะมีลูกชายวัยนี้ได้ ถ้าเป็นจริงแสดงว่าพ่อคุณคีนพรากผู้เยาว์ขั้นสูงสุดเลยนะ

            “Everything is fine?” คุณเคทเอ่ยถามลูกชายเธอ ประโยคนี้ผมฟังออกนะ ไม่ยาก ๆ

            “ครับ”

            “Perfect!” เธอพูดเสร็จแล้วก็หันมาทางผมบ้าง “And you everything is ok? Ah you are น้องเปล, right ?”

            “เยส” ได้เวลาแสดงภาษาอังกฤษง่อนแง่นของผมที่ต่างประเทศแล้ว ผมตอบ Yes คำเดียว ให้คุณเคทไปเลือกเอาเองเลยว่าผมตอบคำถามไหน

            “Nice to meet you. Oh my! how cute you are”

            “ไนซ์ ทู มีท ยู” เอ่อ..ผมไม่เคยถูกชมว่าน่ารักมาก่อนเลยไม่รู้จะตอบว่าอะไรก็เลยพูดประโยคพื้นฐานที่ได้เรียนมานั้นกับเธอเพื่อเอาตัวรอด

            “Well. Keen, I order @#$#%%^$#$ your room and @#DFDF)*)_+) …” พอเธอรัวอังกฤษออกมาแบบนี้ เอาละครับ ผมฟังไม่ออก ไปไม่เป็นท่าเลย

            “เคท..ภาษาไทยได้ไหม” คุณคีนปรามมารดาด้วยเสียงที่ค่อนข้างเกรงใจ

            “Oops! Sorry...คีนบอกว่าน้องไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษใช่มั้ย” คุณเคททวนความจำด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งเหมือนเดิม

            “ครับ”

            “ขอโทษที่เสียมารยาทนะ” เธอบอกกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟัง


            ถ้าเสียงของคุณคีนคือเสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน ส่วนเสียงคุณเคนคือเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกท้องฟ้าแจ่มจ้าสดใส เสียงของคุณเคทก็คงเหมือนกับเสียงที่ทำให้เย็นใจ ผ่อนคลาย จนอยากจะฟังเธอพูดทั้งวัน

            “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกเธออย่างสุภาพ หายใจโล่งขึ้นมาอีกครั้ง

            “ฉันกำลังบอกคีนว่าห้องเรียบร้อยแล้วเข้าไปพักให้หายเหนื่อยกันก่อน แล้วช่วงเย็นหรืออาจจะค่ำหน่อย เราค่อยไปหาอะไรกินกันดีไหมจ๊ะ”

            “เอ่อ..ผมยังไงก็ได้ แล้วแต่คุณคีนเลยครับ”

            “ว่าง่ายจริง” เธอยิ้มพลางบีบมือผมเบา ๆ  “เอาละ ไปพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที” คุณเคทพูดจบคุณคีนก็เดินเลี่ยงไปอีกทางทันที

            “ขอตัวนะครับ” ผมบอกคุณเคทแล้วเดินตามคุณคีนเข้าไปข้างในกระทั่งพวกเราเข้าไปในห้องนอนห้องหนึ่ง

            “ห้องนี้เป็นห้องนอนผม” คุณคีนพูดทำลายความเงียบ

            “ครับ ห้องคุณสวยจัง” ผมมองไปรอบ ๆ  ห้องนี้กลับตกแต่งเรียบง่ายมีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ผนังห้องถูกทาด้วยสีน้ำตาลเข้มพร้อมกับเครื่องเรือนที่เป็นสีเดียวกับผนังห้องและสีขาวสลับกันไป

            “ห้องอาจจะแคบไปหน่อย มันเป็นห้องที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ”

            “แคบที่ไหนกัน กว้างแล้วครับ” ผมนึกภาพคุณคีนในวัยเด็ก เขาคงเป็นเด็กแก่นเซี้ยวและต้องน่ารักมากแน่ ๆ  เด็กฝรั่งที่ผมเคยเห็นในวัยเด็กพวกเขาหน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น

            “นั่งเครื่องมาหลายชั่วโมง เหนื่อยไหม” คุณคีนถามขึ้นเมื่อเขาเดินไปปิดผ้าม่านทำให้ห้องเข้าสู่ความมืด

            “ผมนั่งเสียที่ไหนกันละครับ นอนมาตลอดทางเลย ไม่เหนื่อยเลยครับ คุณคีนล่ะเหนื่อยหรือเปล่า”

            “นิดหน่อย ผมนอนไม่ค่อยหลับ”

            “ทำไมครับ อ้อ..คุณคงนอนไม่สบายใช่ไหมครับ”

            “เปล่า..ผมกลัวว่าถ้าหลับแล้วตื่นขึ้นมาอาจมีเด็กหายไประหว่างที่ผมหลับ” พูดแบบนี้เขากำลังแกล้งผมใช่ไหม คุณคีนดึงตัวผมให้ลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน แต่ผมขืนตัวไว้ไม่นอนตามเขาไปด้วย

            “ถึงเด็กคนนั้นจะไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนแต่ไม่กล้าเดินเพ่นพ่านไปไหนหรอกครับ” ผมพูดไปพลางถอดเสื้อผ้าไปพลาง เสื้อผ้าหลายชั้นทำให้ผมอึดอัดพอประมาณ ผมจึงถอดเสื้อออกทีละชิ้นจนเหลือเสื้อยืดเพียงตัวเดียว เสร็จแล้วจึงเอนตัวลงนอนใกล้ ๆ  กับเขา

            “กลัวหลง?”

            “เปล่าครับ กลัวว่าผู้ใหญ่ที่พามาด้วยจะทิ้งผมไปต่างหาก ผมเลยต้องนอนเฝ้าเขาไว้”

            “ใครเฝ้าใครกันแน่ครับ หลับไม่รู้เรื่องเชียว” คุณคีนบีบจมูกผมทีหนึ่ง เอาละ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ดีกว่าเขามันเขี้ยวแล้วกัดปากผมก็พอ “มีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะไปกินข้าวกับเคท ยังไงพักก่อนเถอะ เวลานี้ที่ไทยคงทุ่มสองทุ่ม ตอนอยู่บนเครื่องถึงจะหลับแต่ก็คงไม่สบายเท่าไหร่” เวลาที่ประเทศอังกฤษจะช้ากว่าไทยหกชั่วโมงครับ

            “คุณคีนครับ คนเมื่อครู่คือคุณเคทใช่ไหมครับ”

            “อืม ผมก็ว่าเรียกชื่อเคทชัดนะ”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย คุณเคทเธอดูอายุยังไม่มากเลย” คุณคีนมองผมอย่างไม่ไว้ใจ

            “กำลังคิดอะไรแปลก ๆ  อยู่แน่ ๆ”

            “เปล่าสักหน่อยครับ เอ่อ..อายุคุณเคท..คือ..ผมถามได้ไหม”

            “เคทอายุน้อยกว่าพ่อผมสามปี พวกเขาสองคนเรียนที่มหา’ลัยเดียวกัน ผมเคยบอกคุณไปแล้วจำได้ไหมครับ” คุณคีนอธิบายเพิ่มเติม เขาต้องเดาได้แน่ ๆ  ว่าผมคิดอะไร

            “แต่เธอยังสาวมากนะครับ”

            “สมัยนี้การแพทย์ก้าวหน้าไปมาก มันมีสิ่งที่ช่วยย้อนอายุให้เราได้ หน้าเหี่ยวเกินไปก็ให้หมอช่วยฉีดให้ตึง อะไรที่มันเกิน ๆ  ขาด ๆ  อยากเสริมอยากแต่งอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม่ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น”

            “เหรอครับ น่าอัศจรรย์มาก ไม่น่าเชื่อจริง ๆ”

            “อืม คิดว่าเคทน่าจะอายุเท่าไหร่ล่ะ”

            “ตอนที่ผมเจอเธอแวบแรกผมคิดว่าไม่เกินห้าสิบห้าแน่นอน” พอผมพูดจบก็ถูกดีดหน้าผากจนเกิดเสียงดัง ผมรีบยกมือมาลูบหน้าผากพร้อมส่งเสียงโอดครวญบรรเทาความเจ็บ

            “เรื่องคิดเกินจริงนี่ไม่มีใครเกิน คิดได้ยังไง”

            “ก็..ผมบอกคุณไปแล้วว่าเธอยังดูสาวมากไงครับ” ผมโวยวายเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองแต่ใบหน้าของเธอมันทำให้ผมต้องคิดไปแบบนั้น

            “อย่าไปเล่าให้เคทฟังเชียว”

            “ทำไมครับ”

            “อยากถูกเคทดุหรือที่คิดไปเองว่าเขาอายุเท่าไหร่ตอนมีผมน่ะ”

            “จริงด้วย ขอโทษนะครับ” ผมหัวเราะแหะ ๆ  หน้าเจื่อนไปเลย ผมถูกคุณคีนดุบ่อยแล้วไม่อยากถูกแม่เขาดุเพิ่มด้วยอีกคนหรอก


            คุณคีนรั้งตัวผมให้สูงขึ้น เมื่ออยู่ในแนวราบ ดวงตาของเราทั้งสองคนจึงอยู่ในระนาบเดียวกัน ผมมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยความหลงใหล รู้สึกเหมือนกำลังถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดให้เข้าไปใกล้จนสัมผัสกัน

            ริมฝีปากล่างของผมถูกแตะต้องเป็นอย่างแรก ฟันคมคุณคีนขบเม้มเบา ๆ  ลงตรงนั้นก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ด้วยการสอดลิ้นเข้ามาสำรวจในปากผม ตอนนี้ผมเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น ไม่ได้ตัวนิ่งแข็งทื่อปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายจูบผมเพียงลำพังแล้ว

            ผมจูบตอบกลับเขาบ้าง แม้จะไม่ได้เป็นจูบที่ช่ำชอง ซ้ำยังขาดประสบการณ์แต่ก็เต็มไปด้วยความรักและความจริงใจจากผมที่ต้องการมอบให้คุณคีนเสมอ

            เขาจูบผมย้ำ ๆ อีกสองสามครั้งก่อนจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ และไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนคุณคีนไม่เคยลืมที่จะจูบหน้าผากผมเป็นการปิดท้ายเสมอ ผมชอบความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่ได้ถูกใครสักคนรัก ความรู้สึกที่ยังมีใครสักคนที่ต้องการผมเสมอ
       
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง **แจ้งข่าวหนังสือ** หน้า 23 ค่ะ UP 05/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-07-2019 11:55:43


     
            ผมตื่นมาอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลาจึงพบว่าผมหลับไปได้สองชั่วโมงเท่านั้น คนข้างกายผมยังหลับสนิท เขาคงอ่อนเพลียในการเดินทางครั้งนี้ ก็อายุไม่น้อยแล้วล่ะนะ เดินทางไกลย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา พักผ่อนเยอะ ๆ  นะครับคุณคีน

            ผมค่อย ๆ  ย่องออกมาจากห้องนอนเขา ระวังให้เงียบเสียงที่สุดเพราะกลัวจะเป็นการปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาโดยใช่เหตุ ผมออกมาข้างนอกเห็นเคทกำลังนั่งจิบชายามบ่ายจวนเย็นอยู่ที่โซฟารับแขก เธอยิ้มกว้างทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในสายตาของเธอ

            “อ้าว น้องตื่นแล้วเหรอ มาดื่มชาด้วยกันก่อนจ้ะ” เธอตบที่นั่งข้างตัวให้ผมเข้าไปนั่งข้าง ๆ  ผมไม่กล้าปฏิเสธจึงทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย

            “ขอบคุณครับ”

            “คีนล่ะ? หลับอยู่หรือ”

            “ใช่ครับ”

            “คงเหนื่อยล่ะนะ ช่วงที่คีนได้หยุดพักจริง ๆ คือช่วงที่มาหาฉันที่นี่”

            “ตอนอยู่ที่ไทย คุณคีนทำงานทุกวันเลยครับ”

            “จ้ะ คีนไม่อยากมีปัญหากับพ่อเขา อะไรพอทำตามได้ก็ทำไป”

            “เอ่อ..ครับ” ผมรับคำสั้น ๆ  เลือกไม่เสนอความคิดเห็น

            “ไม่ต้องทำหน้าลำบากใจหรอกจ้ะ เรื่องที่คีนเขาทำตามใจพ่อ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อาจจะฟังแปลกไปสักหน่อยแต่เขาก็เต็มใจทำด้วย ไม่ได้โดนบังคับไปเสียทั้งหมดหรอก”

            “ครับ?”

            “ตอนสมัยเด็ก ๆ  คีนเป็นเด็กดื้อมาก พอถึงเวลาอยากไถ่โทษเลยลงทุนทำเสียเยอะแยะเลย”

            “ยังไงครับ”

            “งงหรือเปล่าจ๊ะ ฉันอาจจะพูดงง ๆ  ไปหน่อยนะไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยเสียนาน” เธอถามผมอย่างเป็นกังวล

            “ไม่เป็นไรครับ คุณคีนไถ่โทษอะไรหรือครับ”

            “ช่วงไฮสกูล อืม เกรด สิบ สิบเอ็ด เอ..ที่ไทยเรียกอะไรนะจ๊ะ ฉันไม่แน่ใจ”

            “ม.ปลายครับ”

            “ใช่จ้ะ ใช่ ม.ปลายนั่นแหละ ช่วงนั้นคีนเขาติดเพื่อนแล้วก็เกเรมากจ้ะ คีนเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่าจ๊ะ”

            “คุณคีนเคยเล่าให้ผมฟังครับ แต่ไม่ได้เล่าละเอียด เขาบอกว่าเขารู้สึกผิดที่ทำไม่ดีต่อคุณ”

            “เรียกฉันว่าเคทตามคีนเถอะจ้ะ”

            “อ่า..ครับเคท” ผมพูดตามเธอทันที

            “ฉันเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน ไม่ค่อยได้ความ ฉันกับพ่อเขามีคีนตั้งแต่อายุยังน้อย บ้านเควิน เอ่อ..กวินทร์น่ะจ้ะ บ้านเขาก็ไม่อยากได้เมียฝรั่งอีก ถึงฉันจะได้แต่งงานกับเควินก็เถอะนะ พอหลังจากที่ฉันคลอดเขาออกมาก็ได้พ่อกับแม่ฉันช่วยเลี้ยง ส่วนฉันก็กลับไปเรียนต่อให้จบ”

            “คีนโตมาโดยที่ไม่สนิทกับฉัน คำว่าพ่อ คำว่าแม่ก็ไม่เคยได้เรียก พอพ่อกับแม่ฉันเสียก็เลยต้องเอาคีนมาอยู่ด้วยนั่นแหละจ้ะ คีนกำลังอยู่ในวัยต่อต้านพอดี เขาไม่อยากยอมรับฉันเป็นแม่ รวมถึงพ่อเขาด้วย ก็เลยทำทุกอย่างสร้างทุกเรื่องให้ฉันปวดหัวมากที่สุด น้องต้องนึกภาพไม่ออกแน่” เป็นอย่างที่คุณเคทพูด ผมนึกภาพคุณคีนตอนร้ายกาจไม่ออกเลย

            “ร้ายมากเลยเหรอครับ”

            “จ้ะ เราไม่เคยพูดกันดีเลยสักครั้ง ฉันแรงไปคีนแรงกลับ ไม่เคยฟังที่ฉันพูด ฉันสอนอะไรเขาไม่ได้เลย เขาไปเรียนทุกวันแต่ไม่เคยถึงโรงเรียน ฉันเคยไปเจอเขาอยู่กับเพื่อนครั้งหนึ่งแทบจะหัวใจวาย”

            “ทำไมครับ”

            “คีนกลายเป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันทั้งตกใจและนึกสงสัยว่าเขาเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยหรือถึงต้องทำแบบนี้ เรื่องที่ฉันจะพูดฉันอยากให้น้องคิดว่ามันคือสิ่งที่คีนทำในวัยนั้นนะจ๊ะ”

            “อ่าครับ ผมเข้าใจ”

            “ฉันเห็นคีนอยู่กับเพื่อนผู้ชาย ก็ดูปกติทั่วไปใช่ไหมจ๊ะ แต่วันนั้นฉันถึงได้รู้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงและเสพยาด้วยจ้ะ”

            “คุณตกใจมากไหมครับ”

            “พอสมควรเลย ตอนแรกฉันคิดว่าเขาประชดฉันเลยทะเลาะกันใหญ่โตอีกครั้ง แต่ภายหลังเลยรู้ว่าเขาชอบแบบนั้นจริง ๆ”

            “คุณคงเหนื่อยน่าดูเลยนะครับ” ผมเห็นใจคุณเคทเหมือนกันนะ ตอนนั้นเธอคงเครียดมากแน่ ๆ

            “ไม่เท่าพ่อเขาหรอก สุดท้ายเควินพาคีนกลับไปที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นฉันก็ไม่ห้ามหรอกเพราะฉันเองก็เริ่มจะไม่ไหวเหมือนกัน คีนหนักข้อกับฉันจริง ๆ  เขาไม่ยอมไปเรียน เล่นยาเสพติด ติดเพื่อนอีก ฉันห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ฉันอ้อนวอนเขาถึงขนาดที่ว่ายอมทุกอย่างขอให้เขาตั้งใจเรียนก็พอ แต่คีนก็ไม่สนใจคำพูดฉันเลย ฉันได้แต่ร้องไห้แล้วคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะฉันเองที่ทำให้เขากลายเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้ แต่พอคีนไปอยู่ที่ไทยจริง ๆ ฉันก็คิดถึงเขานะแล้วก็เริ่มมาคิดได้ว่าฉันไม่เคยทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับเขาเลยสักครั้ง เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลย”

            “ไม่เป็นไรแล้วนะครับ อดีตผ่านไปแล้ว ตอนนี้เคทรักคุณคีน และคุณคีนก็รักเคทมาก ไม่โทษตัวเองแล้วนะครับ”

            “จ้ะ ตอนนี้ฉันก็ไม่คิดอะไรแล้ว พอแก่ตัวแล้วก็พอจะปล่อยวางได้บ้าง ที่ฉันเล่าให้น้องฟังก็เพราะคีนเขารู้สึกผิดก็เลยทำงานช่วยพ่อและไม่อยากให้ฉันไม่สบายใจ พอได้ยินเขาว่าเขาลาออกจากพรรคแล้วฉันก็โล่งใจที่อย่างน้อยเขาปล่อยวางลงได้บ้าง”

            “ไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ อีกหน่อยคุณคีนก็จะกลับมาอยู่กับเคทที่นี่แล้ว”

            “จ้ะ ฉันก็ดีใจตั้งแต่ที่เขาบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับฉัน น้องก็จะมาอยู่กับฉันด้วยใช่ไหม”

            “ผมแล้วแต่คุณคีนครับ”

            “ถ้าคีนมา เขาก็ต้องพาน้องมาด้วยอยู่แล้ว” คุณเคทพูดอย่างมั่นใจในตัวลูกชายเธอ

            “เอ่อ..ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

            “ว่ามาเลยจ้ะ”

            “ทำไมคุณถึงเรียกผมว่าน้องครับ” ผมสะดุดหูตั้งแต่ตอนที่เธอเรียกผมครั้งแรกแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเธอจริงจังเสียที

            “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ” เธอดูมีสีหน้าตกใจ ผมจึงรีบละล่ำละลักบอกเธออย่างรวดเร็ว

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่อยากรู้เฉย ๆ  ครับ”

            “อ๋อจ้ะ ฉันก็นึกว่าพูดอะไรผิดไปเสียอีก ฉันได้ยินคีนเรียกน้องว่าน้อง ฉันก็แค่เรียกตามเขา”

            “น้องเหรอครับ?”

            “ใช่จ้ะ มีอะไรหรือเปล่า”

            “เปล่าครับ” คุณคีนไม่เคยเรียกผมว่า“น้อง”ตรง ๆ  สักครั้งเลย แต่เวลาพูดกับคนอื่นทีไร เรียกผมว่าน้องตลอด

            “งั้นอยากให้ฉันเรียกน้องด้วยคำอื่นไหม”

            “ไม่ครับ เรียกผมว่าน้องดีแล้วครับ เมื่อก่อนเวลาที่แม่ผมอารมณ์ดีเธอก็เรียกผมว่าน้องเหมือนกัน” เคทไม่พูดอะไรหรือทำท่าจะถามอะไรเพิ่ม เธอทำเพียงแค่วางมือของเธอบนมือผมแล้วตบที่หลังมือเบา ๆ  คอยปลอบใจผมเงียบ ๆ

            “ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ”

            “ขอบคุณครับเคท”

            “ไปปลุกคีนดีไหมจ๊ะ เดี๋ยวจะพลาดมื้อเย็นเสียก่อน”

            “ได้ครับ”



 
            ผมเคาะประตูห้องคุณคีนแล้วเปิดเข้าไปโดยไม่รอเขาอนุญาต ไม่รู้ว่าคุณคีนตื่นหรือยัง เมื่อเข้ามาแล้วผมเห็นเจ้าของห้องยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ผมเดินเข้าไปใกล้เขาพลางคิดว่าคนที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง พูดจาสุภาพ เอาใจใส่ ทำไมตอนนั้นถึงเป็นเด็กที่เกเรได้ถึงขนาดนี้

            ทว่าผมก็พอเข้าใจ ความฝังใจในอดีตมักจะกัดกินใจเราได้ดีเสมอ ทุกอย่างต้องใช้เวลาบรรเทาให้มันจางลงไปแต่ยังไงก็จะไม่มีวันหายไปจากเราอยู่ดี ที่เหลือคือสิ่งที่เราต้องทำใจยอมรับและอยู่กับมันให้ได้

            ‘คุณเก่งมาก ๆ  เลยครับ’

            ผมก้มหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วจูบแก้มคนหลับเป็นรางวัลหนึ่งที ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อถูกดึงขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว

            “เฮ้ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อตอนนี้ตัวผมอยู่บนตัวคุณคีน

            “เฮ้ยอะไร”

            “ตกใจนี่ครับ จู่ ๆ  ก็ถูกดึงลงไป นึกว่าจะล้มแล้วเสียอีก”

            “คนที่ตกใจควรจะเป็นผมที่โดนลักหลับมากกว่านะครับ”

            “ไม่ได้ลักหลับคุณเสียหน่อย”

            “ถ้าไม่ได้ลักหลับแล้วเมื่อกี้เรียกอะไร” คุณคีนว่าพร้อมกับเอาคืนผมด้วยเช่นกัน เขาจูบแก้มผมทั้งซ้ายและขวา นี่เรียกว่าเอาคืนแบบดอกเบี้ยทบต้นเลยใช่ไหม

            “หอมแก้มคุณไงครับ ไม่ได้เหรอ” ผมทำใจกล้าย้อนถามเขา

            “แปลก ๆ  นะ น่าจะต้องออกไปฟังอะไรมาแน่ ๆ” ผมกลั้นหายใจทันทีที่เขาพูดจบ ตอนที่ผมคุยกับคุณเคทนั้นคุณคีนหลับจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงพูดออกมาได้ถูกต้องอย่างกับตาเห็น

            “ปะ..เปล่า”

            “โกหกไม่เก่งแล้วยังจะโกหกอีก” คุณคีนเม้มปากผมเบา ๆ  เป็นการทำโทษ

            “ลุกเถอะครับ เคทให้ผมมาตามคุณ ได้เวลามื้อเย็นแล้ว”

            “อืม” คุณคีนครางรับเพราะวุ่นวายอยู่กับคางและคอผมอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “บอกเคทว่าเดี๋ยวผมตามออกไป”

            “ครับ”


            มื้อเย็นในคืนนั้นเรียบง่ายตามแบบคุณคีนแต่ไม่ใช่แบบที่คุณเคททำประจำ คุณคีนเล่าให้ฟังว่าคุณเคทชอบความหรูหราฟู่ฟ่าใหญ่โตเกินจริงพอสมควร มื้อเย็นของเธอไม่เคยเรียบง่ายแม้จะกินคนเดียวก็ตามที ร้านที่เราออกไปกินข้าวด้วยกันจึงไม่ใช่ร้านประจำคุณเคทแต่เป็นร้านประจำของลูกชายเธอ

            ผมได้ลองอาหารที่ไม่ใช่ข้าวเป็นมื้อแรกเมื่อมาเยือนประเทศอังกฤษ ทุกอย่างดูน่าสนใจและน่ากินไปหมด ผมเพลิดเพลินในการกินมาก จานนี้ก็ดี จานนั้นก็อร่อย คุณเคทหัวเราะไปกับท่าทางการกินที่ดูมีความสุขของผมมาก เธอบอกว่าเธอดีใจที่เห็นผมเจริญอาหาร

            “กินเยอะ ๆ  นะจ๊ะ” เธอบอกผมพลางตักสลัดไก่อบมาให้ผมอีก

            “ครับ” ผมพยักหน้าแล้วตักอาหารเข้าปากไปอีกคำ

            “คีนล่ะ อิ่มแล้วเหรอ” คุณเคทหันไปถามลูกชายของเธอบ้าง

            “ครับ” คุณคีนตอบสั้น ๆ  ก่อนที่เขาจะวางช้อนส้อมเป็นการยืนยันว่าอิ่มแล้ว



            ผมมองคุณคีนอยู่จึงเห็นว่าเขาไม่ได้มองผมหรือมองใครในโต๊ะเลย เขากำลังมองออกไปที่ไหนสักแห่ง ผมมองตามสายตาเขา เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่เรานั่งอยู่ ผู้ชายคนนั้นมีหน้าตาที่หล่อเหลา ถ้าบอกว่าเขาเป็นนักแสดงผมก็คงเชื่อ เขาดูดีมากในเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนสีดำสนิท



            โชคชะตากำลังเล่นตลกกับผมหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ตอนนี้รู้แค่เพียงว่าถึงผมจะไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าเขาคือใคร










=============================================



มาครึ่งแรกก่อนค่ะ ขออภัยถ้ามันจะเนือยไปหน่อยนะคะ ไร้ข้อแก้ตัวค่ะ



ตอนนี้เขมเปิดจองหนังสือ Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง

เปิดจองตั้งแต่ 4 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2562

ราคา 420 บาท

รายละเอียดการโอนเงินและแจ้งโอน สามารถทำได้ทั้งสองที่นี้เลยค่า


Google Form (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScK9mgjB5ZE1jrsfOtALMfHU-FWqGOmVLP1lFatVhCcm5oAsw/viewform)

khemmakan.lnwshop (http://khemmakan.lnwshop.com/product/2/pre-order-bed-care-job-พนักงานดูแเตียง)

ปล มาจองกันเยอะๆ น้า อยากให้มีคุณคีนเป็นของตัวเองค่ะ เขมตั้งใจทำมากๆ ไม่แน่ใจจะได้รีปรินต์มั้ย

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 06-07-2019 13:36:43
เรียกน้องเฉย ๆ นี่เขินชะมัด :-[      เจอแฟนเก่าแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 06-07-2019 14:06:57
อิจฉาเปลอ่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-07-2019 15:59:07
ใครอ่ะๆๆๆฟ แฟนเก่าคีนรึป่าว
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-07-2019 21:47:12
น้อง...ต้องเข้มแข็งนะ   :hao5:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 06-07-2019 23:11:54
 :pig4:  :pig4: สนุกดีค่ะ เอ็นดูเด็กดอย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 06-07-2019 23:18:59
ชอบมากเลยค่ะ ในที่สุดก็มาถึงตอนจบจนได้
เราเพิ่งเริ่มอ่านเมื่อเร็วๆนี้ อ่านรวดเดียวจนถึงตอนเกือบจบ อ่านไปจิกหมอนเตะผ้าไป ฟีลกู๊ดเขินมาก
ส่วนตัวเราว่าเปลมีไทป์คล้ายนายเอกนิยายหลายเรื่องที่ชีวิตลำบาก ต้องทำงานพิเศษ แต่เราก็ชอบเขานะ มีความซื่อที่ไม่โง่ และถ่อมตัวมาก ส่วนคุณคีนนี่แหละที่เรา admire มาก เราชอบคาแรกเตอร์ที่คุณเขมสร้างเขา ดูเป็นคนฉลาดคิดฉลาดพูดสมเป็นนักการเมือง เราเคยคุยด้วยไม่รู้จำได้ไหมที่บอกว่าคุณคีนเหมือนสส.จากพรรคนึงที่เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน 5555  :hao7:
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 06-07-2019 23:44:08
หูยย เคทเรียกเปลว่าน้องอ่ะ แบบ มันน่ารักมาก อยากได้ยินคุณคีนเรียกเปลว่าน้องบ้างเลยค่ะ อุแงงแค่คิดก็เขินแล้ว ส่วนคนที่โผล่มาตอนท้ายนี่คนนั้นแน่เลย ที่คุณคีนเคยไปจีบ อยากรู้ว่าน้องเปลจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-07-2019 01:28:04
รอๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 07-07-2019 06:22:09
แฟนเก่ารึป่าวน้าสาาาา
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-07-2019 11:15:10
น้องงงงงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 07-07-2019 12:25:20
น้องเปลอยากเป็นสายเปย์ โคตรน่ารักกกกก  o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 07-07-2019 22:58:55
เรื่องนี้ละมุนมากก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2019 08:27:46
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 08-07-2019 11:09:58
รักมากมาย คุณคีนอบอุ่นมากๆ เปลก็น่ารักเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้นะครับ วรั้ยยยย เขิน  :o8: :-[ :impress2: ขอบคุณนักเขียนที่ทำให้เกิดเรื่องสนุกๆน่ารักดีๆแบบนี้นะครับผม
รักมากมาย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 08-07-2019 11:22:11
ที่เค้าบอกว่าโลกกลมนี่จริงด้วย ยังนึกเลยตอนแรกอยากให้น้องเจอนะไม่นึกเลยว่าคนเขียนจะเขียนให้เจอกันจริง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-07-2019 14:25:32
เขาเป็นใครนะ  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 08-07-2019 21:39:11
น่ารักจังเลยน้องเปล :heaven
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 09-07-2019 07:51:34
เรื่องน่ารักมากๆๆๆๆๆ ดีใจกะน้องเปลที่ได้มาเจอคุณคีน อ่านไปก็ลุ้นไปคือไม่รู้คุณเขมตั้งใจเขียนให้เรารู้สึก หรือเราระแวงไปเอง คือระหว่างอ่านนี่ก็แอบลุ้นแอบกลัวตลอดว่าจะมีเหตุร้ายแรงหรือเรื่องไม่ดีเกินขึ้นจากบุคคลต่างๆในเรื่อง ทั้งจากเปิ้ล จากแฟนเปิ้ล จากนักการเมืองอีกฝั่ง โดยเฉพาะเปิ้ลนี่เราระแวงมากๆๆๆๆว่าจะนำพาปัญหาหรือไปหลุดหรือถูกบังคับให้มาทำให้เปลกะคุณคีนมีปัญหา มีข่าว สรุปคือคิดไปเองทั้งน้านนน 5555 ขอบคุณคุณเขมสำหรับเรื่องสนุกๆ ชวนติดตามขนาดนี้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 09-07-2019 22:51:36
โอ่ยๆๆ คุณคีนแทนน้องเปลว่า ‘น้อง’ กับทุกคน เมื่อไรหน้อออจะใช้เรียกน้องเปลจริงๆสักที
คงฟินน่าดู คุคิ :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 10-07-2019 08:15:57
ถ้าเจอแฟนเก่าคุณคีนก็ดีเหมือนกันนะคะ น้องเปลจะได้เคลียร์ความรู้สึกค้างคาใจไรงี้
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 10-07-2019 09:25:10
ค้าง สัญญานะว่าจะมาต่อให้จบตอน  :hao7:

สนุกมากค่ะเปลนางสตองมากคิดภาพคุณคีนเกเรไม่ออกเหมือนเปลเลย ขอบคุณนิยายสนุกๆจ้า :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: vantimi ที่ 11-07-2019 08:31:11
ใครคะ?? มาทำอะไร ทำให้น้องตะลึงอีก


ปล. ดีใจค่ะเป้นคนบ้านเดียวกับคุณเขม
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 11-07-2019 15:02:38
รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 11-07-2019 17:22:14
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ชอบบบบบบบ งานดีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 11-07-2019 23:20:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-07-2019 16:04:34
อ่านไปยิ้มไป ถึงลุงแกจะนิ่งไปหน่อยก็เถอะ   :ruready
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-07-2019 12:53:37
ดีใจกับน้องมาก ๆ เลยครับ ที่ได้มีโอกาสดี ๆ แบบนี้ //แอบคิดมากไปเลย ถ้าหากงานที่ทำครั้งนั้นไม่ใช่คุณคีน คงจะแย่กว่านี้แน่ ๆ น้องเปลวโชคดีมากจริง ๆ นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: YLibraryRoom ที่ 13-07-2019 16:19:00
ซาหนุกกกกกก เอ็นดูน้องเปลอยากหอมหัวลูก และอยากมีคุณคีนเป็นของตัวเองบ้างจัง คนอะไรอย่างกะเตาอบขนม ทั้งอบอุ่นทั้งละมุนหอมกรุ่น ที่สำคัญคือแด๊ดดี้สายเปย์มากค่าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 13-07-2019 21:59:59
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 14-07-2019 10:57:50
 o13
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 14-07-2019 16:19:08
มีความน่ารักมาเอ็นดูน้องมากๆเลย ดีจังที่จบลงด้วยดี
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 14-07-2019 22:19:47
เอ้าใครละนั่น โอ้ยน่ารักอะน้องเปลน่ารักมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย UP 10/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 15-07-2019 08:42:18
ละมุนค่าาาาาา มิสเตอร์เคติดใจอะไรน้องมั้ยน้าาาาา ทำเปงมาให้โบนัส  เดี๋ยวนะ เราว่าเปลเข้าใจอะไรผิดมั้ย เลยพาลไปโกรธเค้า หรือเราาอ่านผิดเองงง
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 17-07-2019 01:27:44
สนุกมากกกกกเลยค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านเรื่อยๆแบบมันละมุนมาก คำผิดไม่ค่อยเจอนะคะ ดีมากเลยที่นักเขียนใส่ใจเรื่องนี้ ทำให้ไม่เสียอรรถรถในการอ่านเลย อยากรู้ครึ่งหลังแล้วสิคะว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่เราคาดว่าคุณคีนต้องจัดการสถานการณ์ไว้ได้อยู่หมัดแน่ๆ บางทีเราก็อยากเห็นคุณคีนหึงน้องนะอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงจริงๆค่ะ 55555 ให้กำลังใจนะคะ แต่งนิยายดีๆออกมาเรื่อยๆน้า เราจะคอยติดตามค่ะ //ปาใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-07-2019 16:36:11
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 23-07-2019 12:18:39
สนุกมากค่ะ ชอบแบบนี้ ชอบแด๊ดดี้แบบนี้ :katai2-1:
น้องเปลก็น่ารักเก่งนะคะ
รอตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 24-07-2019 14:03:53
น่ารักมากกกกก หลงเจ้าเปลจริงจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 24-07-2019 18:51:56
ขอผู้ชายแบบคุณคีน1ที่ค่ะ  :o8:

นิยายสนุกมากๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 26-07-2019 07:27:04
จบแล้ว!
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 26-07-2019 12:40:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-07-2019 22:31:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? UP 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-07-2019 10:24:20


ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ



          ผมมองคุณคีนอยู่จึงเห็นว่าเขาไม่ได้มองผมหรือมองใครในโต๊ะเลย เขากำลังมองออกไปที่ไหนสักแห่ง ผมมองตามสายตาเขา เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่เรานั่งอยู่ ผู้ชายคนนั้นมีหน้าตาที่หล่อเหลา ถ้าบอกว่าเขาเป็นนักแสดงผมก็คงเชื่อ เขาดูดีมากในเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนสีดำสนิท


          โชคชะตากำลังเล่นตลกกับผมหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ตอนนี้รู้แค่เพียงว่าถึงผมจะไม่เคยเห็นใบหน้าเขามาก่อน แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าเขาคือใคร


          “ศิลป์?” ชื่อผู้ชายคนนั้นหลุดมาจากปากคุณคีนแผ่วเบา ผมเม้มปากอัตโนมัติมองอาหารตรงหน้าตัวเองที่จู่ ๆ  มันก็ไม่อร่อยเสียแล้ว รู้สึกตื้อขึ้นมาในลำคอ กินไม่ลงอีกต่อไป

          “ศิลป์มาเหรอคีน” คุณเคทถามขึ้น ดูเหมือนว่าทุกคนในโต๊ะยกเว้นผมจะรู้จักผู้ชายที่ชื่อศิลป์เป็นอย่างดี

          “ครับ” คุณคีนตอบเคทก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อคุณศิลป์เดินมาถึงโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่พอดี ทุกคนในโต๊ะจึงลุกขึ้นกันหมด ผมเองก็เช่นกัน

          คุณศิลป์เดินอ้อมมาหาคุณเคทแล้วกอดเธอไว้ก่อนจะจูบแก้มเธอทีหนึ่งตามธรรมเนียม แล้วยิ้มให้ทุกคน

          “สวัสดีครับเคท อ้าว..คุณคีน มาอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่างบังเอิญที่ได้เจอกันนะครับ” คุณศิลป์เอ่ยทัก

          “อืม ผมเพิ่งมาถึงวันนี้” คุณศิลป์พยักหน้านิดหนึ่งก่อนจะมองมาทางผม

          “จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอครับ”

          “อ้อ จริงด้วย แหม ขอโทษที่เสียมารยาทนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันแนะนำน้องให้รู้จัก” คุณเคทเข้าแก้ไขสถานการณ์เสียเอง

          “ไม่เป็นไรครับเคท เดี๋ยวผมแนะนำตัวเอง” ผมบอกคุณเคทแล้วพูดกับคุณศิลป์ต่อ “สวัสดีครับ ผมชื่อเปล เป็นน้องพี่เคนครับ”

          “สวัสดีครับ ชื่อเปล? ไม่ยักรู้ว่าเคนมีน้องด้วย” เขาทำหน้าประหลาดใจ ก็คุณเคนมีน้องชายกับเขาเสียที่ไหน

          “คีน” คุณเคทนิ่วหน้าก่อนจะเรียกชื่อคุณคีน ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจ แต่ไม่พอใจเรื่องอะไรนั้นผมก็ไม่อาจรู้ได้

          “ยินดีที่ได้รู้จักครับเปล” คุณศิลป์ยื่นมือมาตรงหน้า

          “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ผมจึงจับมือกับเขาครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือออกมา

          “มายังไง” คุณคีนถามขึ้น

          “เดินมา ร้านนี้ใกล้ที่พักผม”

          “คนเดียว?”

          “ครับ คนเดียว”

          “ถ้าไม่รังเกียจก็มานั่งร่วมโต๊ะกับฉันได้นะศิลป์” คุณเคทบอกอย่างเอื้อเฟื้อ ผมเข้าใจเธอนะ หากไม่พูดอะไรเลยก็ดูจะเสียมารยาท

          “ยินดีครับ ผมจะปฏิเสธเคทได้ยังไง จริงไหม” คุณศิลป์ตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราทั้งสี่นั่งลงอีกครั้งหนึ่ง
 
          คุณคีนขอเมนูมาจากพนักงานและเผื่อคุณเคทด้วยเล่มหนึ่ง เธอพลิกเมนูหน้าขนมหวานแล้วเอียงหน้าเข้ามาถามผมใกล้ ๆ

          “น้องอยากกินของหวานแบบไหนดี”

          ผมส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะต่อให้อ่านเมนูภาษาอังกฤษได้แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

          “แล้วแต่เคทเลยได้ไหมครับ ผมกินอะไรก็ได้”

          “ได้จ้ะ งั้นฉันสั่งมาให้ลองชิมแล้วกันนะ เอาของชอบของคีนกับของฉันนะ”

          “ครับ” คุณเคทสั่งขนมหวานกับพนักงาน พอเธอสั่งเสร็จคุณศิลป์จึงสั่งบ้าง ผมมองท่าทางกิริยาของเขาที่ดูคล่องแคล่วไม่ขัดเขินแล้วรู้สึกอิจฉาคนตรงหน้าขึ้นมา



              ผมรู้ตัวมาเสมอว่าอยู่คนละแวดวงสังคมกับพวกเขา ถึงแม้คุณคีนจะเคยบอกผมแล้วว่าอย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะเราเรียนรู้มันได้ ผมไม่อยากอิจฉาเขาเลยจริง ๆ  ถ้าเขาไม่ใช่คุณศิลป์


          ‘คุณศิลป์ชัย’ น้องชายคุณศักดิ์ คนที่รักคุณคีนและคุณคีนก็รู้สึกผิดกับเขาตลอดมา


          ผมเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าจะต้องแทรกที่ตรงไหน ผมฟังพวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่องแม้ว่าเขาจะพูดภาษาไทยกันก็ตาม ผมไม่เคยมาอังกฤษ ไม่ใช่นักเรียนนอก ไม่เคยใช้ชีวิตต่างแดน อย่าว่าแต่เมืองนอกเลย นอกเมืองกรุงเทพฯ ผมก็ไม่เคยไป ถ้าเคทไม่คอยชวนผมคุยเป็นระยะ ผมว่ามื้อนี้ผมคงต้องนั่งน้ำลายบูดแน่นอน


          เมื่ออาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงผมแอบลอบถอนหายใจ ผมอยากพัก อยากนอน ไม่อยากคิดอะไร ผมนึกว่าเราจะแยกย้ายกันกลับแต่คุณคีนกลับพูดกับผมและเคทว่าให้กลับไปก่อน เขามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณศิลป์นิดหน่อยเลยจะเดินไปส่งอีกฝ่ายกลับที่พักแล้วค่อยกลับบ้านหลังจากนั้น


          แล้วผมจะพูดอะไรได้นอกจากพยักหน้าเออออตามเคทไป แม้ในใจลึก ๆ  ผมจะเจ็บก็ตาม คุณคีนเดินเข้ามาหาผมพลางบอกว่ากลับไปพร้อมกับเคทก่อนได้ไหม คุยธุระเสร็จแล้วเขาจะรีบตามกลับไปพร้อมกับวางมือบนหัวผมทีหนึ่ง


          ผมมีสิทธิ์พูดว่า ไม่ได้ ได้ด้วยเหรอ 


          “ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ สีหน้าน้องดูไม่ดีเลย” คุณเคทถามขึ้นเมื่อเรานั่งอยู่ในรถกันตามลำพังสองคน

          “เปล่าครับ ผมคงกินมากไปหน่อย อาหารเลยไม่ย่อย”

          “เหรอจ๊ะ เอ..ที่บ้านมียาantacid อยู่ อดทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

          “ไม่เป็นไรครับ ถ้าได้นอนพักคงดีขึ้น” ไม่รู้ว่ายานั่นคือยาอะไรแต่ตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้แล้ว

          “เอาอย่างนั้นเหรอ”

          “ครับ” ผมยืนยัน

          “งั้นก็ตามใจจ้ะ” คุณเคทบีบมือผมเบา ๆ  แล้วพูดประโยคต่อมา “ไม่เป็นไรนะ เชื่อฉัน ไม่มีอะไรหรอก”

          “ครับ ผมไม่เป็นไร”



          หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้านจนถึงตอนนี้ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว จวนเจียนเที่ยงคืนใกล้เข้าวันใหม่ แต่คุณคีนยังไม่กลับ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองหน้าจออยู่อย่างนั้น ไม่กล้าโทรไปเกรงว่าจะรบกวนช่วงเวลาของเขาทั้งคู่ กระวนกระวายใจแค่ไหนก็ต้องอดทน


          เที่ยงคืนสิบห้านาที คุณคีนเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ ผมได้ยินเสื้อผ้าเสียดสีกันในความมืด เขาคงถอดเสื้อผ้าก่อนจะเดินอ้อมมาทางผมที่นอนตะแคงหลับตาอยู่ หน้าผากถูกสัมผัสแผ่วเบาตามมาด้วยแก้มก่อนที่เขาจะผละออกไปอาบน้ำ


          ผมลืมตาขึ้นมองแผ่นหลังเขาลับหายไปในห้องน้ำ ในใจพลันนึกว่าเขาคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกผม


          ขอเพียงอย่างเดียว ถ้าเขารู้ตัวว่าคนที่ควรจะอยู่ข้างเขาไม่ใช่ผม ช่วยบอกผมทีได้ไหม..





          เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาไม่เห็นคุณคีนแล้ว แต่หลักฐานข้างกายบ่งบอกว่าเขานอนอยู่ข้างผมเมื่อคืนนี้ ผมลุกอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินออกจากห้องนอน ได้ยินเสียงคุณคีนกับคุณเคทนั่งคุยกันอยู่ พวกเขาคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรแต่น้ำเสียงคุณเคทก็พอจะทำให้ผมรู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจลูกชายเธอ


          “เอ่อ..ขอโทษครับ” ผมเอ่ยทักพวกเขาทั้งคู่ ไม่อยากยืนทำตัวเงียบ ๆ  เพราะเดี๋ยวจะถูกคุณคีนดุอีกว่ามาแอบฟังพวกเขาคุยกัน ถึงผมจะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม

          “อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ เป็นไงบ้างหายปวดท้องหรือยัง” คุณเคทเปลี่ยนสีหน้าจากความบึ้งตึงเป็นยิ้มแย้มทันทีที่หันมาเห็นผม 

          “ก็..ก็ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณครับ” ผมรับคำ รู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกคุณเคทไปเมื่อคืน ถึงจะไม่ได้ไม่สบายท้องก็จริง แต่ผมก็ไม่สบายใจ หดหู่ไม่ต่างกัน
   
          “เปลไม่สบาย?” คุณคีนขมวดคิ้ว มีสีหน้ากังวล ผมควรดีใจใช่ไหมที่เขายังเป็นห่วงผม

          “อืม น้องบอกฉันเมื่อคืนว่าปวดท้อง คงกินมากไป”

          “ไปหาหมอไหม” คุณคีนลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม

          “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว”

          “ถ้ารู้สึกไม่ดีกว่าเดิม ให้รีบบอกผม”

          “ครับ” 

          “ถ้าดีขึ้นแล้ว วันนี้อากาศค่อนข้างดี หลังกินมื้อเช้าเสร็จออกไปเดินเล่นข้างนอกดีไหม ไปไหวหรือเปล่า”

          “ยังไงก็ได้ครับ” ผมตอบรับไร้ความตื่นเต้น อาการภายในใจมันมากเกินกว่าที่จะอยากทำอะไร




          อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสอย่างที่คุณคีนบอกไว้ แต่ใจผมยังขุ่นมัวเหมือนมีม่านหมอกปกคลุมจาง ๆ  อยากขับไล่ให้มันหายไปแต่ไม่ว่าจะปัดหมอกไปเท่าไหร่ ไม่นานมันก็กลับมาปกคลุมอีก


          เราเดินด้วยกันตามลำพัง จะว่าไปผมไม่เคยเดินคู่กับเขามาก่อนเลยสักครั้ง ทุกครั้งเวลาที่อยู่เมืองไทยเวลาเจอคุณคีนเราจะเจอกันไม่บนรถยนต์ก็ที่คอนโด ไม่เคยได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันท่ามกลางผู้คนแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่มีเรื่องที่ร้านอาหาร วันนี้ผมคงตื่นเต้นกับทุกความรู้สึกไปแล้ว


     คุณคีนพาผมมาถึงสะพานเวสมินสเตอร์ บริดจ์ (Westminster Bridge) เขาเล่าให้ฟังว่าสะพานแห่งนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ (The River Thames) มองจากมุมนี้ไปจะเห็นลอนดอน อาย (London Eye) ชิงช้าสวรรค์ที่สูงเด่นตระหง่าน ลอนดอน อาย เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป คุณคีนยังบอกอีกว่าที่นักท่องเที่ยวมาชอบมาบริเวณนี้เยอะเพราะตรงนี้มีวิวที่ค่อนข้างสวยและภาพยนตร์หลายเรื่องก็ชอบมาถ่ายทำที่สะพานแห่งนี้เช่นกัน


     ผมมองไปรอบ ๆ  ระหว่างที่เขาเล่าให้ฟัง วิวทิวทัศน์สวยน่าหลงใหลสมคำร่ำลือ พอเขาถามว่าชอบไหม ผมก็พยักหน้าตอบกลับอัตโนมัติ คุณคีนหันหลังพิงเข้ากับราวสะพานเพื่อมองหน้าผม

     “ยังปวดท้องอยู่หรือ ไม่ยิ้มเลย”

          “เปล่าครับ ไม่ปวดแล้ว” ผมปฏิเสธ

     “งั้นเป็นอะไรครับ”

          “ผมไม่ได้เป็นอะไร”

          “เปลครับ..” เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ตอนนี้ใบหน้าเราจึงเสมอกัน ทำให้เขามองเห็นผมได้ชัดเจนมากขึ้น

          “ครับ”

          “โกรธอะไรผมหรือเปล่า”

          “ผมไม่ได้โกรธ”

          “อืม ถ้าไม่ได้โกรธ แล้วทำไมคุณถึงทำเหมือนผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจสักอย่าง”

          “...”
   
          “ขอโทษครับ” คุณคีนพูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

          “ขอโทษผมทำไมครับ”

          “เมื่อเช้าผมถูกเคทดุเสียยกใหญ่ เคทไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมนานแล้ว แต่เธอคงชอบคุณมาก เลยบ่นผมตั้งแต่เมื่อเช้าที่เจอหน้า” คุณคีนพูดพลางหัวเราะเบา ๆ  ถึงผมจะรู้สึกน้อยใจเขาอยู่แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะ ผมกลับรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

          “เคทดุอะไรคุณครับ” หรือว่า..ตอนที่ผมเข้าไปเจอเขาคุยกับคุณเคท ตอนนั้นคุณเคทกำลังดุคุณคีนอยู่ใช่ไหม

          “เคทบอกว่าเมื่อคืนผมทำตัวได้แย่มาก”

          “อ่า..” ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร ถ้าตอบครับก็จะกลายเป็นว่า ใช่ คุณทำตัวแย่มาก ไปเสียอีก

          “เมื่อคืนผมมีธุระคุยกับศิลป์จริง ๆ จะพาคุณไปด้วยก็กลัวคุณจะรอนานเปล่า ๆ  เลยให้คุณกลับไปกับเคทจะได้พักผ่อน”

          “คุณคุยกับคุณศิลป์สามชั่วโมงเลยเหรอครับ” คุณคีนหรี่ตาลงเมื่อฟังคำถามผมจบ

          “แสดงว่าตอนที่ผมกลับมาเมื่อคืน คุณยังไม่หลับสินะ”

          “เกือบหลับแล้วครับ พอดีคุณเข้ามาในห้องเสียก่อน”

          “คิดมากอีกแล้ว”

          “...”

          “ผมคุยกับศิลป์ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วก็กลับมาที่บ้าน” คุณคีนเริ่มอธิบาย

          “แล้วทำไมคุณถึงไม่เข้าห้องล่ะครับ”

          “ผมคุยโทรศัพท์กับเคนเสร็จแล้วนั่งเคลียร์งานอยู่ข้างนอก”

          “หรือครับ”

          “เชื่อผมไหมครับ” คุณคีนถามผม คำถามนี้จะว่าตอบง่ายมันก็ง่าย แต่จะว่ายากมันก็ยาก

          “ผมไม่เชื่อคุณได้ด้วยเหรอครับ”

          “ยังไงดี” คุณคีนถอนหายใจนิดหนึ่ง “ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แฟนเข้าใจผมผิดเสียด้วยสิ”

          “ใครเข้าใจผิดกัน” ผมกัดปากเพื่อใช้ความคิด ไม่กล้าสบตาคุณคีน มองเลยไหล่เขาไปที่ลอนดอน อายนั่นแทน

          “เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่เคยโกหกคุณเลย เรื่องที่คุยกับศิลป์ไม่มีอะไรนอกจากที่ผมขอบคุณเขาเรื่องข่าวนั่น ศิลป์รู้ว่าคุณศักดิ์ปล่อยข่าวลือเรื่องผมกับคุณ เขาไม่พอใจพี่ชายที่เอาคุณเข้ามาพัวพันเกมการเมืองด้วย”

          “ทำไมคุณศิลป์ถึงช่วยเราครับ”

          “เขาบอกว่าคนที่ถูกดึงเข้าไปเป็นหมากในเกมมันไม่สนุก มีแต่จะทำให้เจ็บปวด เลยไม่อยากให้คุณต้องรู้สึกแบบเดียวกับเขา”

          “แล้วคุณศักดิ์ยอมฟังคุณศิลป์หรือครับ”

          “ทีแรกไม่ยอม แต่พอศิลป์ยื่นข้อเสนอไปคุณศักดิ์เลยยอม”

          “ข้อเสนออะไรครับ ผมรู้ได้ไหม”

          “ได้สิครับ ศิลป์บอกว่าการเมืองจะมีโจมตีกันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าเอาคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณศักดิ์ยอมเลิกรา ไม่ทำแบบนี้อีก ศิลป์จะยอมกลับไทยบ้าง”

          “คุณศักดิ์ก็เลยยอม?” ผมถามด้วยความสงสัย

          “อืม คุณศักดิ์ขอให้ศิลป์กลับไปไทย อย่างน้อยปีละครั้งสองครั้งก็ยังดี แต่ศิลป์ไม่เคยคิดกลับ พอศิลป์ยื่นข้อเสนอนี้ไป ไม่มีทางที่คุณศักดิ์จะปฏิเสธ”

          “คุณศักดิ์คงดีใจ”

          “ครับ และผมยังได้ขอโทษเขาด้วย รู้ไหมว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น ผมไม่เคยมีโอกาสพูดคำนี้กับเขาเลย”

          “คุณศิลป์รับคำขอโทษคุณไหมครับ” ผมอยากให้คุณศิลป์ยกโทษให้คุณคีน ถ้าคุณศิลป์ยกโทษให้ได้นั้นย่อมแปลว่าสภาพจิตใจของคุณศิลป์คงดีขึ้นมากแล้ว น่าเสียดายที่คนหน้าตาดี บุคลิกภาพดีอย่างเขาจะมาทนทุกข์กับความรักที่ไม่สมหวัง ผมอยากให้เขามีความสุข

          คุณคีนพยักหน้า “ศิลป์ยกโทษให้ผมเพราะตอนนี้เขาคงจะก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เขากำลังคุยกับคนหนึ่งอยู่ ถึงจะยังไม่ได้คบหากันแต่ก็ดูท่าว่าจะไปได้ดี”

          “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วคุณสบายใจขึ้นบ้างไหมครับ”

          “อืม สบายใจเหมือนได้ปลดอะไรในใจออกไป แต่ไม่รู้ทำไมกลับหนักใจขึ้นมาแทน”

          “หนักใจอะไรครับ” ผมถามกลับไปด้วยความกังวลในตัวเขา พอได้ฟังสิ่งที่คุณคีนอธิบายผมก็ลืมความน้อยใจที่เกิดขึ้นไปเสียหมด ผมใจง่าย เชื่อเขาง่ายเกินไปไหม

          “หนักใจที่มีคนเข้าใจผิด”

          “เอ่อ..ผม..”

          “เรื่องนี้ผมผิดเองที่ไม่ได้พูดกับคุณให้ชัดเจน เคทบ่นผมเมื่อเช้านี้จนเกือบหูชา โชคดีที่คุณเข้ามาได้ถูกจังหวะ เคทเลยเลิกบ่น”

          “ก็สมควรแล้วนี่ครับ ทำอะไรไม่บอกกัน” ผมได้ทีย้อนกลับไป

          “หายโกรธผมแล้วใช่ไหม” คุณคีนดึงผมเข้าไปใกล้ตัวเขามากขึ้น

          “ผมไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย” ผมยังยืนยันคำเดิม

          “ถ้าไม่โกรธก็น่าจะน้อยใจ ไหนบอกผมสิครับ น้อยใจผมเรื่องอะไรอีก”

          “...”

          “เปลครับ คุณต้องบอกผมนะครับ ผมเดาต่อไม่ได้อีกแล้ว”

          “คุณฟังแล้วคงคิดว่าผมเพ้อเจ้อคิดงี่เง่า”

          “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้ามีแนวโน้มที่ทำให้คุณคิดว่าผมนอกใจ คุณมีสิทธิ์จะโกรธจะถามผมได้เต็มที่เสมอ”

          “ตอนที่คุณศิลป์เดินมาที่โต๊ะเราเมื่อคืน” ผมสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะพูดต่อ “คุณมองแต่เขา ไม่สนใจผมหรือเคทอีกเลย”

          “ผมตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอศิลป์ที่ร้าน ผมไม่ได้เจอเขามาห้าปีแล้วครับ”

          “...”

          “ถ้าเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง ผมคงจะกอดคุณแรง ๆ  แต่ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกผมเลยทำอย่างที่ต้องการไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมสนใจคุณเสมอ มองแค่คุณ แต่คุณเอาแต่ก้มหน้าหรือไม่ก็หันไปคุยกับเคท คุณเลยไม่เห็นว่าผมมองคุณอยู่ตลอด”

          “...”

          “รวมถึงที่ผมทำตัวแย่ที่สุดโดยการให้คุณต้องแนะนำตัวกับศิลป์เอง ยกโทษให้ผมนะ ต่อจากนี้ไปผมจะไม่ให้คุณต้องแนะนำตัวกับคนอื่นหรือใครก็ตามด้วยสถานะนั้นอีกแล้ว”

          “เอ๊ะ! ครับ?” ถ้าไม่ใช่สถานะน้องชายคุณเคนแล้วผมต้องใช้สถานะไหน สถานะเด็กดีของคุณคีน ผมว่าไม่เหมาะที่จะใช้แนะนำใครต่อใครนะ

          “Do you know how cute you are?” คุณคีนพูดประโยคเดียวกับที่คุณเคทพูดกับผมตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรก ทั้งแม่ทั้งลูกชมผมว่าน่ารักทั้งคู่ ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลย

          “...”

          “Please be my boyfriend?”

          คุณคีนตั้งใจพูดช้าและชัดเพื่อให้ผมฟังออก และใช่ ผมดันฟังออกเสียด้วยสิ


          ‘เขาขอผมเป็นแฟน บ้าจริง ผมต้องตอบยังไง’


          “...”

          “ถ้าภาษาอังกฤษตอบไม่ได้งั้นผมถามใหม่อีกที”

          “…” ผมอยากบอกเขาว่าไม่ต้องครับ ผมเข้าใจ ๆ แต่ช้ากว่าคุณคีนเมื่อเขาพูดประโยคถัดมา

          “เปลครับ..เป็นแฟนกันนะ”

          “...” ผมพยักหน้าแรง ๆ เพราะพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว


          ถ้าวันนั้นมีคนเดินผ่านสะพานแห่งนี้คงจะเห็นผู้ชายเอเชียหน้าจืด ๆ  คนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้อย่างแน่นอน






END




=======================



ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่อยู่มาจนถึงตอนสุดท้าย ท้ายสุดแล้วค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ ทุกอย่างเลย

สำหรับเรื่องนี้เขมจะลงตอนพิเศษแค่เพียงตอนเดียว ส่วนอีกสามตอน ประมาณ 70 หน้า ขอสงวนสำหรับคนที่สั่งจองเล่มหรืออีบุ๊กนะคะ



รายละเอียดการสั่งซื้อ

ตอนนี้เขมเปิดจองหนังสือ Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง

เปิดจองตั้งแต่ 4 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2562

ราคา 420 บาท

จำนวนหน้าทั้งหมด 437 หน้า ตอนพิเศษประมาณ 100 หน้า เล่มเล็ก (แถม) จำนวน 87 หน้า

รายละเอียดการโอนเงินและแจ้งโอน สามารถทำได้ที่

Google Form (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScK9mgjB5ZE1jrsfOtALMfHU-FWqGOmVLP1lFatVhCcm5oAsw/viewform) หรือ khemmakan.lnwshop (http://khemmakan.lnwshop.com/product/2/pre-order-bed-care-job-พนักงานดูแเตียง)


หมายเหตุ 1 เขมจะมีรอบสต๊อกหลังจากส่งสินค้าไปแล้ว แต่จะไม่มีเล็กเล่มแถมให้แล้วค่ะ มีแค่เฉพาะรอบพรีรอบเดียวเท่านั้นค่ะ

หมายเหตุ 2 หากใครเตรียมเงินไม่ทันจริง ๆ แจ้งเขมเข้ามาได้นะคะ



ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Facebook (https://www.facebook.com/akanae14/) และ Twitter (https://twitter.com/khemmakan)


ขอบคุณจากใจ
เขมกันต์
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 31-07-2019 13:31:16
 :hao3:  กว่่าครึ่งตอนสุดท้ายจะมา  เกือบลืมเลยค่ะ55555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 31-07-2019 15:41:52
แฮปปี้เอนดิ้งแล้ว  :sad4:
เจ้าเปล ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยผู้มีจินตนาการแปลกๆเสมอ แล้วก็ไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเองเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-07-2019 20:18:05
แง อยากอ่านอีกๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-07-2019 21:16:33
น้องเปลน่าเอ็นดู   :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 31-07-2019 21:17:15
เกือบจะโกรธคุณคีนไปด้วยแล้วนะเนี่ย  o18 o18 o18 แต่เขาเป็นแฟนกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วน้า  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-07-2019 23:37:11
น้องเปลน่าเอ็นดูเสมอเลยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-07-2019 23:40:03
เปลดีใจจนร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 31-07-2019 23:53:43
ดีนะที่เคทดุคุณคีน แอบน้อยใจแทนน้องเลยแต่ก็ดีแล้วเนอะคุณคีนก็ได้เคลียร์จะได้ไม่รู้สึกผืดอีก
ขอบคุณมากๆค่าสำหรับเรื่องที่น่ารักและอบอุ่นแบบนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-08-2019 00:49:09
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 03-08-2019 18:57:15
อ่านรวดเดียวจบเลย
ดีใจจังที่สองคนนี้ได้มาเจอกัน โชคชะตาสุดๆ
คุณคีนก็คือคำนิยามของคำว่าแด๊ดดี้มาก
อบอุ่นไปไหน อบอุ่นจนร้อน
น้องเปลก็คือน่าเอ็นดูไปหมด
ชอบที่น้องคิดมากทีไร คุณคีนรู้ทันหมดจริงๆ
มีความสุขได้แล้วนะน้องเปลล <3
ขอบคุณคนแต่งนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
 :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-08-2019 14:36:26
แด๊ดดี๊ งื้อออออ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-08-2019 21:53:08
รอเล่มค่า อุดหนุนไปแล้ววววววว
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 06-08-2019 00:05:13
ฮริ๋งงงงงงงงงงง  น้องเปลของพรี่หนูน่าอุ้มกับบ้านจังงง55555 :ling1: :ling1:  อิจฉาณคีนจังค่ะ นักเขียนเก่งแต่งดีมากเลนนนนน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 09-08-2019 04:39:14
เนี่ยควรขอน้องเป็นแฟนได้ตั้งนานแล้วมั้ย ไม่ร้องนะน้องเปล :กอด1:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-08-2019 01:16:13
อ่านรวดเดียวจบ ชอบมากค่ะ ไม่ดราม่า รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 13-08-2019 11:24:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 20-08-2019 17:30:18
น่ารัก ละมุนมากกกกก

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nishihimitsu ที่ 22-08-2019 12:15:51
ทำไมน้องเปลน่ารักขนาดนี้ คุณคีนก็คือที่สุดเเห่งความละมุน ปล.เนื้อเรื่องเขียนได้ดีมากๆค่ะไม่ได้เร่งรัดความสัมพันของตัวละครเลยค่อยเป็นค่อยไปอ่านง่ายดีค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 25-08-2019 11:06:09
น้องน่าเอ็นดูมาก จะซื้อบ้านซื้อรถให้สา

ถ้าสารู้ต้องอัพเวลหลงไปอีก
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 01-09-2019 09:06:30
น้องเปลน่ารัก น่าเอ็นดู อยากกอดแรงๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 03-09-2019 07:42:46
 :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-09-2019 12:14:37
 o13 ขอบคุณมากค่ะ ชอบบบบ อ่านสมูทมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 30-09-2019 12:12:03
น้องงง น่าเอ็นดูจริงๆ คิดไปถึงนู้นนนแล้ว 555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 03-10-2019 10:36:45
คุณเคนน่ารัก ถ้าไม่ติดว่าน้องชอบคุณคีน จะเชียร์คุณเคนแล้ว
ชอบความสัมพันธ์กลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนไม่ได้สนิทกันมาก แต่พร้อมช่วยเหลือกัน
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: llmuz ที่ 03-10-2019 15:32:37
 :o12: อยากมีคุณเขาเป็นของตัวเอง ทำยังไงจะได้เจอคนแบบนี้คะ
อิจฉาน้องจังเลย ดีใจกับน้องที่เจอคนดีๆสักที ชีวิตลำบากมากมาแล้ว
ต่อจากนี้ไปน้องจะได้สบายสักที ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เค้าเจอกัน
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 04-11-2019 06:46:49
น้องเปล น่ารักน่าฟัดมากเลยลูกกก
ชอบความใสซื่อแต่ไม่บื้อของน้อง
ส่วนคุณคีน แด๊ดดี้มาก เสี่ยของอิหนูมาก
เปย์หนักมาก ดีใจที่เขาได้คู่กัน ละมุนเหลือเกิน

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 09-11-2019 07:27:57
โอ้ยยยยน่ารักมากกกก
แอนดูน้อง น้องคิดจะซื้อบ้านซื้อรถให้คุณคีน น่าร๊ากกกกก
อยากได้ผู้ชายแบบคุณคีน มีอีกมั้ยนะผู้ชายแบบนี้ ชอบมากเลยยยยย  :impress2:
อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วดีต่อใจมากมายเลยค่ะ
ขอบคุณนิยายน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-11-2019 07:14:59
ดีใจที่ได้อ่านรวดเดียว ต้นจนจบ
เพราะถ้าอ่านแบบ real time คงขาดใจตาย
ด้วยว่า คุณคีนและน้อง ต่างก็น่ารักเหลือเกิน
ที่สำคัญ ดราม่าไม่ถี่และไม่หนักหน่วงมาก

ชอบค่ะชอบ

ขอบคุณนะคะที่เขียนให้อ่านกัน  :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-11-2019 17:42:35
ละมุนมาก อิ่มมากตอนนี้  :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 07-01-2020 23:42:04
ขอบคุณค่ะ ดีใจจริงๆ
คุณคีนขอน้องเป็นแฟน
อิฉันก็รู้สึกเหมือนได้เห็นลูกสาวออกเรือน
 :-[
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Please be my boyfriend? จบ UP 31/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 14-02-2020 12:26:01

ตอนพิเศษ Dear Valentine



ผมมีชีวิตอยู่กับงานและเรียนจนไม่ค่อยให้ความสนใจในวันสำคัญต่าง ๆ นัก กระทั่งใกล้ถึงเทศกาลหนึ่งเข้ามา ผมที่ไม่เคยสนใจอยู่แล้วก็คิดเพียงว่าวันที่คนให้ความสำคัญนั้นคือวันวันหนึ่งในสัปดาห์นั้นเท่านั้นเอง



“นี่พี่เปล”

“ว่าไง” ผมกัดด้ามปากกาเล่นเพราะกำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องงานประจำที่ผมทำหลังจากเรียนจบมาได้สักพักแล้ว

“วาเลนไทน์นี้พี่จะทำอะไร”

“วาเลนไทน์?”

“อืม วา..เลน..ไทน์” เจ้าปิงเน้นทีละคำอย่างไม่จำเป็นให้ผมฟัง

“ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมส่ายหน้าเล็กน้อย “พี่รู้แล้วว่าหมายถึงวันวาเลนไทน์ แต่พี่ไม่เข้าใจว่าปิงถามพี่ทำไม”

“อ้าว พี่เปล พี่เป็นอย่างนี้อีกแล้ว”

“อะไรล่ะ”

“วาเลนไทน์พี่ไม่มีแผนที่จะทำอะไรให้คุณคีนบ้างเลยเหรอ หรือแบบ..” ปิงทำท่าทางอย่างที่กำลังนึกหาคำพูดเหมาะสมให้ผมฟัง “หรือแบบอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณคีนประทับใจอะ”

“ปิงก็รู้ว่าพี่ไม่เคยมีวาเลนไทน์”

“เมื่อก่อนไม่มี แต่มีตอนนี้ก็ได้นี่”

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “พี่ไม่รู้ว่าวาเลนไทน์เขาทำอะไรกันบ้าง”

“โหย เยอะแยะ ดอกไม้ ช็อกโกแลต ไปกินข้าว หรืออย่างว่า..” ปิงทำหน้าอย่างที่ผมรู้เลยว่าน้องคิดเรื่องลามกอยู่แน่ ๆ จึงวางปากกาแล้วเอื้อมมือไปเขกหัวเจ้าเด็กนี่ครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่แรงนักหรอก อย่างไรผมก็กลัวน้องจะเจ็บ

“คิดบ้าอะไรเนี่ย”

“แน่ะ ทำเป็นเขิน คบกันมากี่ปีแล้วยังมาทำเขินอยู่อีก”

“ช่างพี่เถอะน่า” ผมรีบปัดเรื่องนี้ทิ้งเสีย

“ก็ได้ ๆ งั้นพี่จะทำอะไรให้คุณคีนล่ะ” ปิงยังรบเร้าต่อ

“คุณคีนโตแล้วคงไม่ได้สนใจเทศกาลหรือวันอะไรแบบนี้หรอก” ผมบอกน้องตัวดีกลับไป ผมคิดว่าเทศกาลวันแห่งความรักมันน่าจะเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมากกว่าหรือเปล่า

“พี่รู้ได้ไง”



คำพูดของปิงเมื่อสองวันก่อนยังก้องอยู่ในหัวผม คำพูดเดิม ๆ วนเวียนเฝ้าถามใจผมเองว่าผมรู้ได้อย่างไรว่าคุณคีนจะไม่สนใจวันวาเลนไทน์ แต่ถ้าให้ผมไปถามเขาตรง ๆ ผมไม่คิดว่าผมจะได้รับคำตอบที่แท้จริง คุณคีนไม่ใช่คนช่างพูด แต่ช่างคิดมากกว่า เขาไม่มีทางพูดอะไรให้ผมลำบากใจแน่นอน



ยกเว้นตอนที่ดุผม ก็เป็นอีกเรื่องล่ะนะ



ก่อนวันวาเลนไทน์หนึ่งวัน ผมเลยไปเตร่แถวสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นแล้วไปเดินดูของที่คิดว่าน่าจะมีอะไรที่เหมาะสมให้กับคุณคีน แต่ผลปรากฏว่า



สินค้าหลายอย่างถูกอัปราคาขึ้นอย่างหน้าเลือด ผมไม่อยากสนับสนุนเลยให้ตายสิ ผมทวนคำพูดของปิงในหัวถึงของที่น่าจะซื้อให้อีกฝ่าย เช่น ดอกไม้หรือช็อกโกแลต



อย่างหลังน่ะตัดไปเลย คุณคีนไม่ชอบของหวาน เขาคงไม่ยินดีแต่ก็แสร้งทำว่าพอใจในช็อกโกแลตของผมแน่ ๆ ดังนั้นไม่เอาหรอก ส่วนดอกไม้น่ะหรือ น่าสนใจ



ว่าไปแล้วคุณคีนกับดอกไม้ก็น่ามองไปอีกแล้ว ผมนึกภาพในความคิดแล้วหยุดยิ้มไม่ได้เลย ผมตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อดอกไม้ให้เขาในวันวาเลนไทน์ แต่อนิจจาผมที่น่าสงสารไม่กล้าจ่ายเงินกับดอกไม้ราคาแพงขนาดนั้น ปกติดอกกุหลาบหรือดอกไม้พันธุ์อื่น ๆ ราคาไม่สูงนักแต่พอเป็นเทศกาลราคาก็แพงขึ้นมาหลายเท่าเลยทีเดียว



ซื้อไม่ลงจริง ๆ



ก็ผมเสียดายเงิน



สุดท้ายผมก็กลับบ้านมือเปล่า







คืนวันวาเลนไทน์ ผมกลับมาที่คอนโดโดยมีคุณเคนทำหน้าที่ขับรถมาส่งก่อนคุณเคนจะกลับไปยังบอกผมด้วยว่าคุณคีนอาจจะกลับดึกหน่อยเพราะมีงานต้องเซ็นอีกนิดหน่อย ผมพยักหน้าเข้าใจ เรื่องที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร



นั่งไปนั่งมาและผลมาจากที่ผมนอนดึกจากงานมาหลายคืน ผมเลยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้



“มานอนอะไรตรงนี้ หืม” เสียงคุ้นหูปลุกผมให้ตื่นจากการนอน

“คุณคีน!” ผมเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกลับดึกขนาดนี้ นี่ผมนอนไปนานแค่ไหนแล้ว

“ทำไมต้องทำเสียงดังขนาดนั้น ตกใจอะไร”

“มะ..ไม่มีอะไรครับ คุณคีนกลับมาถึงนานหรือยัง” ผมบอกปัดแล้วถามเขาด้วยเรื่องใหม่

“เพิ่งมาถึงเดี๋ยวนี้เอง เห็นคุณหลับอยู่เลยเข้ามาดูก่อน ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผมสบายดี แค่เผลอหลับไป”

“อืม ถ้าอย่างนั้นเข้าไปนอนในห้องดี ๆ ไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมตาสว่างแล้ว” ผมบอกเขา พยายามทำตาให้โตขึ้น อย่างน้อยก็หวังว่าเขาจะสังเกตเห็นว่าผมตื่นเต็มตาจริง ๆ “ถืออะไรอยู่ในมือน่ะครับ”



ผมเห็นเขามีกล่องอะไรบางอย่างในมือ ด้วยความสงสัยจึงถามคุณคีนดู

“ฉันให้”

“ให้ผม อะไรน่ะครับ” ผมรับมางง ๆ

“ช็อกโกแลต”

“มีคนให้คุณมาหรือครับ” ผมหรี่ตาลงเล็กน้อย คุณคีนเสน่ห์แรงแค่ไหนใครต่างก็รู้ ผมใช้ความกล้าถามเขากลับไป “ใครกันครับ ผมรู้จักหรือเปล่า”

“ไม่รู้จัก”

“อ้อ..คุณคีนไม่ชอบขนมอยู่แล้วใช่ไหมครับเลยเอามาให้ผม”

“ใช่”

“ขอบคุณนะครับ” ถึงผมจะไม่รู้ว่าเป็นใครเอาช็อกโกแลตให้คุณคีนแต่ผมที่เป็นแฟนคุณคีนจะกินมันให้เอง ผมค่อย ๆ เปิดกล่องนั้นออกมา ช็อกโกแลตรูปทรงกลมถูกวางเรียงอยู่ในนั้น ผมอดไม่ได้หยิบขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้นแล้วค้นพบว่ามันรสชาติแปลก ๆ ออกไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“รสชาติเป็นไง”

“ก็..” ผมเคี้ยวอีกคำก่อนจะตอบ “ก็โอเคนะครับ”

“ไม่อร่อยใช่ไหม”

“เอ่อ..คุณอย่าบอกเจ้าของช็อกโกแลตนะครับ คือถ้าจะให้พูดตรง ๆ มันก็ไม่ค่อยอร่อยหรอกครับ” ผมทำหน้าแหยนิดหนึ่งตอนที่บอกเขา

“เข้าใจแล้ว”

ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะกอดเอวเขาไว้ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าตัวคุณคีนเหมือนมีกลิ่นแป้งกลิ่นน้ำตาลที่ผมไม่เคยได้กลิ่นเหล่านี้มาก่อน อย่างน้อยคุณคีนก็ไม่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้แน่ ๆ

“กินอะไรมาหรือยังครับ”

“กินมาแล้วนิดหน่อย”

“งั้นคุณคีนไปอาบน้ำก่อนดีไหม เดี๋ยวผมทำอะไรให้กินก่อนนอน”

“ไม่ต้องหรอก กินก่อนนอนไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคนวัยอย่างผม” คุณคีนหัวเราะเสียงเบา

“อ่า..ผมรู้ครับ อันที่จริงคุณก็ไม่ได้อ้วนสักหน่อย” ผมบอกเขาด้วยความสัตย์จริงก่อนจะบอกให้คุณคีนไปอาบน้ำอีกครั้ง



คืนวาเลนไทน์ของเราจบลงที่เราสองคนไม่ได้พูดถึงวันแห่งความรัก กลับนอนกอดกันบนเตียงแล้วก็หลับไปด้วยกันกระทั่งเช้า







เช้าวันถัดมาผมตื่นตามความเคยชิน พอออกมาจากห้องนอนก็เจอคุณเคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังนั่งทานอะไรอยู่เงียบ ๆ พอเขาเห็นผมก็ยิ้มให้

“มาแต่เช้าเลยนะครับคุณเคน เมื่อคืนก็กลับดึกไม่ใช่เหรอ”

“ครับ วันนี้คุณคีนมีไปงานตอนสิบโมงครับ” ผมเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็แปดโมงแล้ว กว่าคุณคีนจะอาบน้ำแต่งตัวและเดินทางก็คงถึงงานเวลานั้นพอดี

เรื่องเวลาคุณเคนนั้นตรงเวลาไม่น้อยกว่าเจ้านายเขาเลย

“งั้นเดี๋ยวผมไปปลุกคุณคีนให้”

“อีกสักพักค่อยปลุกก็ได้ครับ เขาน่าจะเหนื่อย ยุ่งอยู่กับเรื่องเดิม ๆ มาหลายวัน”

“งานยุ่งใช่ไหมครับ” ผมทำท่าว่าเข้าใจ คุณคีนน่ะงานยุ่งมากจริง ๆ แล้วจึงดันกล่องช็อกโกแลตไปไว้ตรงมุมโต๊ะอาหาร ผมเห็นคุณเคนมองตามมือผม

“นั่นใช่..ช็อกโกแลตหรือเปล่า”

“ครับ เมื่อวานคุณคีนเอามาให้ผม”

“คุณคีนให้เหรอ” มุมปากคุณเคนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ครับ ก็คุณคีนไม่ชอบของหวานนี่ครับ จะทิ้งก็คงดูไม่ดีเลยเอามาให้ผม”

“ถ้างั้นลองชิมไปหรือยัง”

“ลองกินไปชิ้นหนึ่งครับ”

“อร่อยไหม” คุณเคนถามต่อ

“เอ่อ..คุณเคนรู้จักคนที่ให้ช็อกโกแลตคุณคีนมาไหมครับ” คุณเคนพยักหน้าเป็นคำตอบว่ารู้จัก ผมจึงพูดต่อ “ถ้างั้นอย่าบอกเขานะครับ กลัวเขาเสียใจ”

“รับปากว่าไม่บอกแน่นอน”

“คือช็อกโกแลตเนี่ย ไม่อร่อยเลยสักนิดเดียว รสมันแปลก ๆ ผมอธิบายไม่ถูก ไม่รู้จากร้านไหนผมไม่เห็นป้ายชื่อร้าน แต่ผมไม่ได้บอกคุณคีนไปตรง ๆ นะครับ แค่บอกว่าก็ไม่ค่อยอร่อยเท่านั้น”

“ช็อกโกแลตนี้ไม่มีขายครับน้องเปล”

“อ้าว อย่าบอกนะว่าคนให้เขาทำเอง”

“ใช่ครับ คนให้เขาทำเอง” คุณเคนเน้นย้ำประโยคสุดท้ายก่อนจะเงียบไป ผมรู้สึกว่าคำพูดของคุณเคนมันฟังดูแปลก ๆ

“คุณเคน..”

“ครับ”

“คุณเคนบอกว่าคนให้เขาทำเอง”

“ใช่ครับ”

“หมายถึงคนที่เขาให้ผมใช่ไหมครับ”

“อย่างที่น้องเปลคิดครับ”



ผมตบหน้าผากตัวเองเสียงดัง อุทานในใจว่าแย่แล้ว และพลาดหนักแล้วด้วย ไม่รู้ว่าคุณคีนจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ยินคำพูดจากปากผม



นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย



“คุณเคน..” ผมเรียกชื่อคุณเคนเสียงสั่น

“ไม่ใช่ความผิดน้องเปลหรอกครับ อันที่จริงผมก็ห้ามคุณคีนแล้วอย่าทำเอง แต่เจ้านายผมดื้อเหลือเกิน”

“ผมไม่น่าพูดคำพวกนั้นออกไป”

“ผมยังพูดคำเดิมว่าไม่ใช่ความผิดของน้องเปลเลย เพราะน้องเปลก็ไม่รู้นี่นาว่าช็อกโกแลตนี้เป็นของใคร ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมพูดแปลว่าเขาก็คงเตรียมตัวรับความเจ็บมาบ้างแล้วล่ะ”

“...”

“คนทำน่ะตอนทำเขาต้องชิมมาแล้วล่ะครับ เจ้าตัวเขารู้หรอกว่าช็อกโกแลตตัวเองเป็นอย่างไร”





คุณคีนออกไปกับคุณเคนแล้ว ส่วนผมน่ะหรือก็รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลากปิงออกไปซื้อของให้คุณคีนไถ่โทษความรู้สึกผิดของตัวเองน่ะสิครับ

“พี่จะซื้ออะไรพี่เปล”

“พี่ไม่รู้ ปิงว่าพี่ควรซื้ออะไรดี”

“พี่ควรซื้อแล้วให้คุณคีนตั้งแต่เมื่อวานแล้วปะ” ปิงประชดถาม

“ก็เมื่อวานพี่ดูดอกไม้แล้วมันแพง เลยไม่ซื้อ”

“พี่อะเลิกงกอะไรที่ไม่เข้าเรื่องสักทีได้ไหม ตอนนี้เราไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะพี่เปล พี่ทำงานมีเงิน พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มาไถเงินพี่แล้ว และนี่เป็นของที่จะให้คุณคีนนะ พี่ยังมางกเงินไม่เข้าเรื่องอยู่อีก”

“รู้แล้ว พี่ขอโทษ”

“ไปขอโทษคนนู้นนู่น ไม่ใช่ปิงสักหน่อย”

“พี่รู้แล้ว สำนึกผิดแล้ว ปิงจะไม่ช่วยพี่หน่อยเหรอ พี่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้คุณคีนดี”

“ดอกไม้”

“มันแพง”

“พี่เปล!” ปิงเสียงดังไม่พอใจผม ก็ผมลืมตัวนี่นา พอเป็นเรื่องเงินแล้วผมมักจะคิดเล็กคิดน้อยอยู่เสมอ

“ดอกไม้ อืม ดอกไม้” ผมรีบรับคำเออออในคำพูดของน้อง

“เดี๋ยวปิงจะพาไปร้านดอกไม้” ปิงบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้ผมไม่กล้าจะขัดอะไรน้องอีก



ปิงพาผมไปสถานที่ไปยังจุดที่เป็นแหล่งขายดอกไม้ขนาดใหญ่ เพราะมันเลยวันสำคัญแล้ว ราคาดอกไม้มันจึงถูกลงมา ต่างกันลิบลับกับเมื่อวันก่อน



แต่มันก็ไม่ได้มีราคาถูกมากนัก ทว่าจะไม่ซื้อก็ไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้วผมไม่ควรจะกลับที่พักไปมือ



ผมรอที่ร้านจัดดอกไม้ช่อหนึ่งให้ผมอยู่พักใหญ่จนถึงเวลาจ่ายเงิน ราคาของมันไม่เบานัก ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อเพียงแค่ดอกกุหลาบ แต่ดอกไม้มันสวยจนผมอดไม่ไหวว่าถ้าผมได้มอบมันให้คุณคีนคงจะดีไม่น้อย จากช่อเล็ก ๆ มีดอกไม้ไม่กี่ดอก กลับกลายเป็นช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ขึ้นมา



ดอกกุหลาบสีแดงตัดกับลิลลี่สีขาว



ผมชอบช่อดอกไม้นี้มากจริง ๆ ผมรับมันมาด้วยความทะนุถนอมแล้วยอมนั่งแท็กซี่ออกจากร้านไป อยากจะปกป้องช่อดอกไม้ช่อนี้ไม่ให้บอบช้ำแม้แต่เพียงนิด ผมประคองดูแลมันมาอย่างดีตลอดทางกระทั่งถึงห้องของปิง

“พี่เปล ดอกไม้สวยมากเลย” ทั้งที่ปิงเห็นช่อดอกไม้นี้พร้อมกับผม แต่พอเจ้าตัวเดินมาดูใกล้ ๆ ก็เอ่ยปากชมอีก

“ปิงว่าคุณคีนจะชอบไหม”

“ชอบสิ ต้องชอบแน่ ๆ ขนาดปิงเห็นยังอยากได้เลย”

“ถ้าอยากได้เอาไว้พี่..”

“ไม่ต้อง ๆ ปิงแค่เปรียบให้พี่ฟังว่าดอกไม้สวยมากจนปิงยังอยากได้เลย”

“อ้อ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เกือบคิดไปแล้วว่าถ้าปิงอยากได้ ผมคงต้องเอาเงินไปซื้อมาให้น้อง แต่จะให้เหมือนช่อของคุณคีนเลยไม่ได้หรอก อาจต้องปรับเปลี่ยนนิดหน่อย



อย่างไรแล้วดอกไม้ที่ผมให้คุณคีนก็ควรมีแบบเดียว



“แล้วนี่พี่จะไม่กลับคอนโดเหรอไง” ปิงถามผมระหว่างที่ผมจัดการประคับประคองดูแลช่อดอกไม้นี้วางลงบนโต๊ะอย่างเบามือ

“กลับสิแต่คุณคีนบอกพี่ว่าติดธุระเรื่องงาน คงกลับดึกหน่อย”

“อืม พี่และคุณคีนทำงานเยอะทั้งคู่เลย”

“ถ้าเทียบกับคุณคีนแล้วพี่ทำงานไม่เยอะเลย”

“แบบนี้ก็ควรหาเวลาอยู่ด้วยกันให้มาก ๆ นะ”

“พี่รู้แล้ว ปิงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่กับคุณคีนเราเข้าใจกันน่า”

“ถ้าเข้าใจกันก็ดีแล้ว” ปิงบอกอย่างสบายใจในความสัมพันธ์ของผมกับคุณคีน





เมื่อถึงคอนโดผมก็รีบเอาช่อดอกไม้นั้นไปวางบนเตียงของเราทันที หายเข้าไปอาบน้ำ ปะแป้งให้ตัวหอมฟุ้งแล้วออกมานั่งตรงโซฟาเพื่อรอคุณคีนกลับมาจากที่ทำงานเหมือนเมื่อวาน



ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองหลับ ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบกล่องช็อกโกแลตนั้นขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร ลูบคลำฝากล่องนั้นอย่างเบามือก่อนจะเปิดมันออกแล้วหยิบช็อกโกแลตขึ้นมากิน



ไม่รู้ว่าเพราะความรู้สึกผิดต่อคุณคีนหรือเพราะรู้แล้วว่าช็อกโกแลตนี้นั้นคนทำคือใคร และต้องลำบากมากแค่ไหนกว่าจะทำมันออกมาให้ผมได้ คราวนี้รสชาติมันถึงอร่อยขึ้นกว่าเมื่อวานมาก จนผมหยิบขึ้นมากินอีกหลายชิ้นอย่างห้ามใจไม่ได้



คุณคีนกลับมาแล้ว ผมลุกไปหาคุณคีนที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว ส่วนคุณเคนไม่ตามเข้ามาด้วย ขอตัวกลับไปทันที คิดว่าเขาคงเดาได้ว่าผมคงคิดจะทำอะไรที่จะขอโทษคุณคีนเลยไม่อยากเข้ามารบกวนเวลาของเราสองคน คุณเคนช่างสมเป็นเลขาอย่างแท้จริง



“เหนื่อยไหมครับ” คำถามแรกที่ผมเลือกถามคุณคีน

“นิดหน่อย วันนี้มีหลายงานที่ต้องไป”

“นั่งพักแล้วดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนไหมครับ” ผมไม่รอฟังคำตอบจากเขา จูงมือคุณคีนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร จงใจให้เขาเห็นว่าช็อกโกแลตในกล่องนั้นพร่องไปหลายชิ้นแล้วก่อนจะไปเทน้ำเย็นให้คุณคีน

“คุณกินมันเหรอ” คุณคีนพูดขึ้นอย่างไม่เจาะจง แต่ผมก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

“ใช่ครับ กินไปกินมาเริ่มอร่อยดี จนเผลอกินไปอีกหลายชิ้นเลย”

“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนหรอก ไม่เป็นไร”

“ทีแรกก็ยอมรับว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมชอบแล้วครับ และชอบมากด้วย คุณห้ามแอบเอาไปทิ้งนะครับ” ผมแกล้งทำเสียงขรึมข่มขู่คุณคีน

“ผมไม่ทิ้งหรอก”

“ขอบคุณนะครับคุณคีน” ผมกอดเขาจากด้านหลัง ซบหน้าลงบนบ่าเขา

“ผมเห็นว่าคุณน่าจะชอบมันก็เลยเอามาให้” คุณคีนเอียงหน้ามาทางผมเล็กน้อย

“ครับ ผมชอบช็อกโกแลตกล่องนี้มาก” ผมจึงอาศัยจังหวะนี้จูบเขาที่มุมปากแผ่วเบา ผมอยากให้เขารู้ว่าผมขอบคุณเขาจริง ๆ



ผมรอจนเขาดื่มน้ำจนหมด แล้วจึงพากันเข้าไปในห้องนอนที่ยังปิดไฟมืดมิด

“กลิ่นอะไร เหมือนกลิ่นดอกไม้” เมื่อเข้าไปในห้อง คุณคีนก็ทักขึ้นมาทันที

“คุณคีนยืนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”

“...” เมื่อเขาไม่พูดอะไร ผมจึงรีบวิ่งไปที่เตียงแล้วหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา ผมเปิดไฟในห้องระหว่างที่เดินถือช่อดอกไม้มาให้เขา

“ทำแบบนี้คงรู้แล้วใช่ไหมว่าใครให้ช็อกโกแลต”

“ครับ ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อผมมาตลอด”

“ผมควรจะขอโทษคุณมากกว่าที่ทำออกมาได้ไม่ดี”

“ไม่ครับ มันดีที่สุดและผมชอบมากจริง ๆ” ผมบอกกับเขาอย่างจริงใจ พอเป็นของจากคนที่เรารัก อะไรมันก็ดีไปหมดทุกอย่าง



ผมยื่นช่อดอกไม้ไปให้คุณคีน จังหวะที่คุณคีนยื่นมือออกมา ผมแอบลอบยิ้มในใจถ้าเห็นช่อดอกไม้ในอ้อมแขนคุณคีน ผมคงจะมีความสุข แต่ทันใดนั้นคุณคีนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนจะจามมันออกมาหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน คุณคีนถอยห่างจากช่อดอกไม้ในมือผม จนผมตกใจ



“คุณคีนเป็นอะไรครับ” ผมเดินเข้าหาเขาแต่ถูกคุณคีนยกมือห้ามจนใจเสีย

“ผมดีใจมากที่คุณซื้อดอกไม้มาให้ ผมชอบมาก แต่..” คุณคีนพูดยังไม่ทันจบก็จามอีกสองครั้ง “ผมไม่ค่อยถูกกับดอกไม้สักเท่าไหร่ ขอโทษนะครับ”



ผมเปิดประตูห้องออกอย่างรวดเร็วแล้วเอาดอกไม้ไปวางบนโต๊ะอาหารข้างกล่องช็อกโกแลตก่อนจะกลับเข้ามาข้างในอีกครั้ง พลางพูดกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้เลย”

“ไม่เป็นไรสักหน่อย มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”

“ผมไม่รู้เลยว่าคุณจะแพ้เกสรดอกไม้” ผมอยากพุ่งตัวเข้าไปกอดเขา แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาจามอีก

“ไม่เป็นไร ๆ” คุณคีนเป็นฝ่ายเดินเข้าหาผมเอง เขาโอบกอดผมไว้จนผมเสียใจเพิ่มขึ้นไปอีก น้ำตาเริ่มเอ่อล้นที่ขอบตา ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลย

“ขอโทษนะครับ”



คุณคีนประคองใบหน้าผมขึ้นมาก่อนจะเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้

“ผมทำช็อกโกแลตให้คุณ อันที่จริงมันไม่อร่อยหรอก ผมรู้ตัวดีแต่ผมก็ยังรั้นที่จะมอบให้คุณ เพราะอยากให้คุณประทับใจในสิ่งที่ผมทำ อายุผมขนาดนี้แล้วยังคิดจะทำอะไรแบบนี้อยู่อีก น่าอายมากใช่ไหม”

“ไม่เลยครับ ผมชอบมากจริง ๆ” ผมย้ำคำเดิม ๆ เพราะอยากให้เขามั่นใจ “และเพราะผมอยากง้อคุณ อยากขอโทษคุณก็เลยซื้อดอกไม้มาให้โดยไม่รู้ว่าคุณแพ้เกสรดอกไม้”

“ถ้าอย่างนั้นก็หายกันแล้วนะ ทั้งเรื่องช็อกโกแลตทั้งเรื่องดอกไม้ ขอบคุณนะที่คุณซื้อดอกไม้มาให้”

“ผมก็ขอบคุณครับสำหรับช็อกโกแลตกล่องนั้น”

“วาเลนไทน์ของเรากลับไปเป็นเหมือนอย่างทุกปีดีไหม” คุณคีนยื่นข้อเสนอ

“ดีเหมือนกันครับ”



สุดท้ายแล้วอย่างน้อย ผมก็ยังเข้าใจถูกว่าคุณคีนไม่ได้อยากได้ของจากวันแห่งความรักนี้เท่าไหร่หรอก แต่ทั้งหมดที่ทำไปในปีนี้นั้นก็เพื่อเอาใจผมเท่านั้นเอง



ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ผมจะรักคุณน้อยลงล่ะครับ?








END




=======================



มาเซอร์ไพรส์ ไม่รู้เซอร์ไพรส์หรือเปล่า

ความรักคือการเรียนรู้ซึ่งกันและกันใช่ไหมคะ



สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ

รักเสมอเลย <3

เขมกันต์



ใครเล่นทวิตไปบ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Facebook (https://www.facebook.com/akanae14/) และ Twitter (https://twitter.com/khemmakan)


ขอบคุณจากใจ
เขมกันต์
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 14-02-2020 13:09:25
คิดถึงคุณคีนกับน้องเปล :กอด1: รักในความเซอไพรส์วาเลนไทน์ของแต่ละคน ดูเก้อๆ เขินๆ น่ารักกกกกก // มาบ่อยๆนะคะคุณนักเขียน คิคิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-02-2020 14:02:00
คราวหลังหมูกระทะสักมื้อละกันเนาะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 14-02-2020 22:03:14
พอกันทั้งคู่ ที่จริงหาวันหยุดมาใช้เวลานอนกอดกันบนเตียงดีกว่านะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-02-2020 22:07:32
น่าเอ็นดูทั้งคู่   :L1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-02-2020 22:09:02
น่ารักกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-02-2020 00:06:39
น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-02-2020 03:16:40
 :pig4: ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: niza59 ที่ 15-02-2020 10:14:39
ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-02-2020 22:58:24
คิดถึง~
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-02-2020 23:54:38
น่ารักกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-02-2020 13:57:48
 เป้นวันที่ทุลักทุเลกันทั้งสองคนเลยนะ ค่อยๆเรียนรุ้กันไปแล้ใกันเนอะ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: gotcha ที่ 17-02-2020 20:05:47
อยากอ่านพาทของคุณเคนจัง ทำebook เฉพาะตอนพิเศษดีไหม 5555555
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-03-2020 06:33:56
แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อที่แท้ทรู  ละมุนมากเรื่องนี้
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 02-03-2020 10:10:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 02-03-2020 12:34:48
เพิ่งมาตามอ่าน เห็นจากชื่อเรื่องนึกว่าจะหวาบหวิว กลับหวานจนเขิงงงงหมดเล่ยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:09:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-06-2020 10:17:12
หลงรักคุณคีนตามน้องเปลแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: KKIMKIMMY ที่ 20-06-2020 09:31:27
คิดถึงเจ้าเปลเลยมาอ่านอีกรอบ คุณคีนนี่แด๊ดดี้จริงๆเลยย
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-07-2020 12:32:06
ขอบคุณ​เรื่องราวดีๆค่ะ  สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 04-07-2020 10:47:17
สนุกมากๆค่ะ
เนื้อเรื่องช่วงแรกตื่นเต้นดีค่ะ
ช่วงหลังก็อ่านแล้วฟินมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 18-01-2022 18:19:13
น่ารักทั่งเรื่อง  น่ารักมากน้องเปล  อิอิ
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-01-2022 20:35:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bed Care Job #พนักงานดูแลเตียง ตอนพิเศษ Dear Valentine จบ UP 14/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 13-02-2022 09:46:42
ชอบมากจนกลับมาอ่านรอบ3 เขียนดีสนุกชอบบบบบ