[END] เพียงควัน -- บทส่งท้าย-- 31/08/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] เพียงควัน -- บทส่งท้าย-- 31/08/19  (อ่าน 71951 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #270 เมื่อ14-08-2019 13:08:25 »

ตามเข้มแข็งมากเลยนะ
อยู่กับทุกความรู้สึกในเวลาเดียวกันยกเว้นความสุข

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #271 เมื่อ14-08-2019 18:08:53 »

 :heaven


 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #272 เมื่อ14-08-2019 18:19:26 »

  :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #273 เมื่อ14-08-2019 20:16:17 »

ตามเข้มแข็งจริงๆ อยากให้ความสุขกับผู้ชายคนนี้เยอะๆแบบที่ไม่ใช่แค่การมูฟออน อยากให้เขามีความสุขกับแสงจริงๆ

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #274 เมื่อ14-08-2019 23:11:51 »

ฮืออออ รอนะ รอออออ อ่านรวดเดียวเลย การบ้งการบ้านไม่ทำแน้ววว เส้าาาาา สงสารตามที่สุด ไม่อยากให้แสงไปเลยแต่รู้แหล่ะว่าต้องไปป ฮือออออ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #275 เมื่อ15-08-2019 07:40:45 »

ทำไมชีวิตคนเราถึงเศร้าแบบนี้นะคะ
สี่คนพัวพันกันไปหมด ไม่ได้จากลา ไม่ได้บอกกล่าว
เลยต้องกลับมาอยู่ในวังวนของกันและกัน

แสงเทียนคงต้องแก้ไขอีกรอบนะ ก่อนจะต้องจากไป

ร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ว่าพลีสเศร้าแล้ว หนักแล้ว
ยิ่งตอนที่ตามเศร้า ยิ่งหนักไปอีกค่ะ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #276 เมื่อ15-08-2019 20:07:12 »

ตอนที่ 20
เธอกลับมาก็เพื่อที่จะจากไป


ตาม :


 

"เย็นนี้กลับมากินข้าวที่บ้านนะ"

 
ข้อความจากแม่ปลุกผมให้ตื่นทั้งที่เพิ่งจะหลับไปไม่ถึงชั่วโมงก่อน ผมเริ่มกินนอนไม่เป็นเวลาเพราะว่าต้องทำงานพาร์ทไทม์ที่ตารางเวลาไม่เคยซ้ำกันในแต่ละวัน งานประจำทำให้ผมลาหยุดไม่ได้ตามที่ใจต้องการ ผมจึงเลือกทำงานแบบนี้เพราะมันง่ายที่จะลาออกเมื่อผมเก็บเงินได้มากพอที่จะไปเที่ยวและใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานๆ เงินที่พ่อกับแม่ยังส่งให้อยู่เป็นส่วนที่ผมกินและใช้ในแต่ละวัน ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะประหยัดและกินให้น้อยลง ต้องงดทั้งอาหารและของหวานที่เคยชอบด้วยราคาที่แพงเกินไป ในเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาน้ำหนักของผมค่อยๆ ลดลงจนแก้มอวบๆ ที่เอาไว้ยัดอาหารนั้นซูบหาย ถ้าวันไหนที่แม่ชวนกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผมจึงไม่เคยลังเล ต่อให้ตอนนี้เหนื่อยแทบลุกไม่ไหวก็จะพาตัวเองไปถึงบ้านให้ได้

"มีอะไรกินบ้างครับ" ผมถามหาอาหารก่อนที่จะทักทายพ่อกับแม่ด้วยซ้ำ ขณะสายตามองไปยังของกินบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยของชอบอย่างที่พ่อกับแม่รู้ดี 

"ของโปรดตามทั้งนั้น" แม่ว่าขณะวางกุ้งชุบแป้งกับปีกไก่ทอดที่เพิ่งตักออกมาจากกระทะร้อนๆ ผมหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ประจำแล้วหันไปหาพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ หม้อหุงข้าวพอดี

"พ่อขอข้าว"

"ไม่รอพี่ต่อก่อนเหรอ"

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ แบมือขอข้าวจากพ่อด้วยท่าทางที่ดูหิวโหยมามากกว่าสิบปี พ่อกับแม่จึงปล่อยให้ผมกินข้าวก่อนโดยไม่รอพี่ต่อที่ยังไม่เลิกงาน

"นี่น้ำหนักลดไปกี่กิโล"

"สิบ...สิบสองมั้ง"  ผมไม่ได้ชั่งน้ำหนักมาสักพักหนึ่ง แอบคิดถึงเจ้าพุงน้อยๆ ที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตอยู่เหมือนกันนะ   

"โอ้โห งั้นต้องกินเยอะๆ เลย" พ่อว่าแล้วตักกับข้าวใส่จานจนต้องบอกให้พอ ไม่ใช่ว่าผมจะกินไม่หมด แต่กลัวว่าถ้าพี่ต่อกลับมาจะต้องต้มมาม่ากินน่ะสิ

"แม่ว่าจะคุยเรื่องงานกับตามพอดี"

ผมเงยหน้าจากอาหารเพื่อมองแม่ที่พูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ขณะที่พ่อเอ่ยแทรก

"ให้ลูกกินข้าวเสร็จก่อน แล้วค่อยคุยกันสิ"

"กินไปคุยไปก็ได้"

ผมเคี้ยวอาหารได้ช้าลงเพราะรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูด กำลังจะทำให้ผมกินข้าวไม่อร่อย 

"ที่โรงงานของน้าต่ายกำลังรับสมัครวิศวกรอยู่ แม่ว่าน่าสนใจเลยคิดว่าตามน่าจะลองดู"

"แต่ตามไม่มีประสบการณ์"

"ก็ต้องเริ่มหาประสบการณ์ที่นี่ไง อีกอย่างน้าต่ายเป็นคนเสนอมาเอง แม่ก็เลยตกลงไป"

"แม่ตกลงแบบที่ไม่ถามตามเนี่ยนะ"

"ก็แม่เห็นว่ามันเป็นโอกาสของตาม"

"แต่ตามยังไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำกับน้าต่ายด้วย ไม่อยากเป็นเด็กเส้น" ผมพูดปัดขณะวางช้อนในมือลง หันมองพ่อขอความช่วยเหลือเพื่อให้แม่หยุดพูดเรื่องนี้ แต่ไม่ทันที่พ่อจะได้ว่าอะไร แม่ก็พูดขึ้นมาก่อน   

"ตามจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน"

ผมรับรู้ได้ถึงความไม่พึงพอใจผ่านน้ำเสียงเรียบและใบหน้านิ่งเฉย ก็รู้มาตลอดว่าแม่ไม่ชอบใจนักที่ผมใช้ชีวิตแบบนี้ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แม่ยอมให้ผมมาหนึ่งปีแต่ดูเหมือนว่าวันนี้แม่จะไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นแล้ว

"จะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานไหม" 

"ตามขอเวลาหน่อยสิแม่ ตามต้องพาแสงไปเที่ยวก่อน เราสัญญากันแล้วไงว่าจะไปด้วยกัน"

"ก็ไปมาเยอะแล้วนี่"

"แต่ยังมีที่ที่แสงอยากไป แล้วตามยัง..."   

"แสงตายไปนานแล้ว ยอมรับสักที!"   

"แม่" เสียงเรียกของพ่อพยายามยับยั้งแม่เอาไว้แต่ดูจะไม่เป็นผล และคำพูดของแม่มันที่ตอกย้ำการจากไปของแสงมันก็กำลังทำให้ผมโกรธอย่างไม่รู้ตัว

"ลืมเรื่องวันนั้น แล้วกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองสักทีได้ไหม ต่อให้ตามใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดแสงก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกนะ!" 

"ตามก็ไม่ได้ทำเพื่อให้แสงฟื้นขึ้นมา ตามแค่กำลังใช้ชีวิตเผื่อแสง ตามแค่ทำในสิ่งที่แสงยังไม่ได้ทำ ตามผิดตรงไหนเหรอแม่"

"ผิดตรงที่นี่มันเป็นชีวิตของตามไง มันไม่ใช่ชีวิตของแสง!"

"ถ้ามันเป็นชีวิตของตาม แม่ก็ไม่ต้องยุ่งสิ!"

"ตาม!"

"ใจเย็นๆ ก่อนตาม" ผมเผลอสะบัดมือพ่อที่เข้ามาจับมือผมเอาไว้เพื่อให้ใจเย็นลง แต่ในตอนนี้ผมไม่รู้วิธีที่จะใจเย็นลงได้เพราะคำพูดของแม่มันทิ่มแทงความรู้สึกของผมโดยที่แม่ไม่พยายามที่จะเข้าใจอะไรเลยสักนิดเดียว 

"ตามรู้ตัวไหม ที่ตามเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าตามเสียใจ แล้วตามก็เสียใจมามากพอแล้ว"

"มันไม่พอหรอก มันยังไม่พอ"

"งั้นตามก็สนใจแต่คนตาย ไม่ต้องมาสนใจคนเป็นที่ยังอยู่ข้างตามแบบแม่หรอก ถ้าคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบนั้นไปตลอดได้ ก็ไปเลย ไม่ต้องกลับมาที่นี่ เพราะที่จริงตามก็ไม่เคยเชื่อฟังอะไรแม่อยู่แล้ว"

"ตามไม่ใช่พี่ต่อนี่"

"..."

"ตามไม่ใช่พี่ต่อที่จะทำอะไรถูกใจแม่ไปทุกเรื่อง"

"..."

"ตามไม่ใช่พี่ต่อที่จะลืมเรื่องวันนั้นไปได้ง่ายๆ!"

"ตาม!"

ผมไม่ฟังเสียงเรียกของพ่อแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น พี่ต่อที่เดินเข้าบ้านมาพอดีพยายามที่จะดึงแขนผมเอาไว้แต่ถูกผมผลักออกจนเซล้ม ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นก้าวเท้าเร็วจนกลายเป็นวิ่งให้ออกมาไกลเท่าที่จะทำได้ ก่อนอารมณ์โกรธเพิ่มพูนเป็นทวีคูณเมื่อออกมาเจอฝนที่กระหน่ำตกหนักลงมาพอดี ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!   

ผมทิ้งตัวลงนั่งที่ป้ายรถเมล์แม้ว่าตัวจะเปียกไปแล้วก็ตาม ก้มมองเท้าเปล่าของตัวเองที่รีบร้อนเดินออกมาจนลืมที่จะสวมรองเท้าด้วยซ้ำ ความโกรธทำให้ผมหน้ามืดตามัวได้ถึงเพียงนั้น

หรือแท้ที่จริง...มันคือความเสียใจต่างหาก

ผมแค่เสียใจกับคำพูดของแม่ แม่ตอกย้ำในสิ่งที่ผมรู้ดีว่าแสงตายจากไปนานแล้ว ผมเสียใจที่แม่มองว่าสิ่งที่ผมกำลังทำมันกลายเป็นเรื่องผิด ผมเสียใจที่แม่แม่ขับไล่และทอดทิ้งทั้งที่ความจริงผมยังต้องการครอบครัวมากกว่าสิ่งใด ผมเสียใจที่อารมณ์โมโหทำให้ผมพาลโกรธเคืองพี่ต่อและพูดจาประชดประชัน และพอรู้ตัวว่ามันเป็นความเสียใจ ผมก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลลงมาผ่านความรู้สึกที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งๆ ที่มันคือความเสียใจแท้ๆ แต่ผมกลับแสดงออกด้วยความโกรธและก้าวร้าว...ผมจึงเสียใจที่ทำลงไปแบบนั้น

ผมนั่งเหม่อลอยมองเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นจนกระทั่งซาลง น้ำตาพลันแห้งหายไปพร้อมกับสายฝนที่หยุดตก ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ร่างกายผมยังคงไม่ขยับไปไหน แต่สายตาเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่กลับมามีแสงสว่าง จังหวะนั้นผมจึงหันไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน 

"พี่ต่อ"

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่พี่ต่อยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่ยอมเข้ามาหา จนกระทั่งเสียงเรียกที่เอ่ยปากเมื่อครู่ทำให้พี่ต่อก้าวเท้าเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าผม

"โอเคไหม"

"..."

"เป็นอะไรหรือเปล่า"

สมองมันไม่ยอมคิดคำพูดที่จะโต้ตอบ ไม่แม้แต่จะส่ายหน้าบอกว่าผมไม่โอเค แต่ถึงอย่างนั้นพี่ต่อคงเข้าใจ ไม่มีคำพูดใดจากพี่ต่อเช่นกัน นอกเสียจากการกระทำของเขาที่ทำให้ผมหยุดเคลื่อนไหวทั้งร่างกายและความคิด พี่ต่อคุกเข่าลงตรงหน้าผม ก่อนจะถอดรองเท้าของตัวเองแล้วสวมให้ผมแทน

"รีบขนาดไหน ก็ไม่ควรเดินเท้าเปล่าออกมาสิ"

"..."

"เดี๋ยวจะเจ็บเท้าเอานะ"

สายตาของผมเลื่อนมองคนตรงหน้าแต่ว่าพูดอะไรไม่ออก พี่ต่อรู้จักผมดี รู้ว่ามันมีบางอย่างที่คงค้างอยู่ในใจ และดูเหมือนว่าพี่ต่อจะได้ยินสิ่งที่พูดกับแม่เมื่อครู่     

"พี่ทำอะไรให้ตามโกรธหรือเปล่า"

"..."

"มีอะไรที่พี่ลืมไปงั้นเหรอ"

ผมเอาแต่มองพี่ต่ออยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ความคิดในตอนนั้นมันควบคุมไม่ได้ ผมอยากคิดถึงเรื่องที่พี่ต่อทำให้ผมโกรธ แต่ความคิดพาผมย้อนกลับไปในอีกหนึ่งความทรงจำที่อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

"เย็นนี้พี่ต่อจะไปรับตามที่โรงเรียนหรือเปล่า"
"ไปครับ รอพี่ที่เดิมนะ อย่าไปซนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่หาไม่เจอ"

 

"พี่ต่อ ตามทำการบ้านไม่ได้"
"มานี่สิ เดี๋ยวพี่สอนให้"

 

"พี่ต่อ พรุ่งนี้มีงานประชุมผู้ปกครอง พี่ต่อไปแทนพ่อกับแม่ได้ไหม"
"ได้สิ พี่ลางานไว้แล้ว"

 

"พี่ต่อ ตามไม่อยากเรียนหมอ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่คุยกับพ่อแม่ให้ ไม่ต้องเครียด"

 

"พี่ต่อ ตามปวดฟัน"
"ไหนมาดูสิมีฟันผุหรือเปล่า พี่บอกแล้วไงให้แปรงฟันดีๆ"

 

"พี่ต่อ ขอตังค์กินข้าวหน่อย"
"หยิบเอาสิ แค่นั้นพอเหรอ เอาไปอีกสิ ไปซื้ออะไรอร่อยๆ กิน"   


 

"ไอติม"

"ว่าไงนะ"

"พี่ต่อบอกว่าจะซื้อไอติมให้"

"..."

"แล้วพี่ก็ลืม"

พี่ต่อลุกยืนขึ้นแล้วยื่นมือข้างหนึ่งมาให้ผม

"ลุกขึ้นสิ"

"..."

"ไปกินไอติมกัน"

ผมพยักหน้ารับ แล้วจับมือพี่ต่อลุกขึ้นก่อนก้าวเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยกัน เพราะการจากไปของแสง มันทำให้ผมเสียใจจนลืมว่าตัวเองจะต้องโกรธใคร เรื่องราวในวันนั้น หากว่าพี่ต่อเลือกที่จะไม่จำ ผมก็จะทำเป็นลืมไปด้วย ให้เรื่องวันนั้นมันตายไปพร้อมกับแสง หลอกตัวเองว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง เผื่อว่ามันจะทำให้เราทั้งคู่...เจ็บปวดน้อยลง

 

...

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #277 เมื่อ15-08-2019 20:07:59 »

"ตาม"

"..."

"ตาม!"

เสียงเรียกดังลั่นข้างหูปลุกผมตื่นจากความคิดเหม่อลอยก่อนหันขวับมองคนที่อยู่ข้างๆ

"พลีส ไม่สิ...เธอต่างหาก"

ผมเชื่อหมดใจว่านี่คือแสงเทียน แต่ทุกครั้งที่หันไปเจอใบหน้าของพลีสก็อดจะสับสนไม่ได้ อยู่ดีๆ แสงก็กลับมาในร่างของคนอื่นมันก็เลยไม่ชิน

"พ่อเธอเรียกน่ะ"

ผมหันมองพ่อที่ยืนรออยู่อีกทาง จึงรีบเดินเข้าไปหา ผมยังติดต่อกับพ่ออยู่บ้าง บางครั้งก็แอบไปหาอยู่เรื่อยๆ โดยที่แม่ไม่รู้ ผมไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวถูกตัดขาดยาวนานขนาดนั้นแต่แม่ยังไม่ยอมให้อภัยผม ผมคิดอยู่เสมอว่า จนกว่าผมจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ด้วยตัวผมเองแล้ววันนั้นผมจึงจะกลับไปหาแม่

"พี่ต่อเป็นไงบ้างครับ"

"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แค่หัวแตกเฉยๆ พักสักคืนก็คงดีขึ้น ตามกลับไปนอนเถอะ"

แค่อยากแน่ใจสักหน่อยว่า พี่ต่อจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมจึงขอเข้าไปหาก่อนที่จะกลับ ภาพของพี่ต่อกับเตียงโรงพยาบาลยังฝังลึกอยู่ในหัวด้วยความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไรนัก ผมไม่อยากเห็นพี่ต่อต้องเจ็บปวดอย่างในวันนั้นอีกแล้ว จึงเอ่ยปากขอร้องเบาๆ

"แค่คืนเดียวนะพี่ต่อ"

"..."

"นานกว่านั้นไม่ได้นะ"

ผมขอให้พ่อส่งข้อความบอกผมในตอนที่พี่ต่อฟื้นแล้วเพื่อที่ผมจะได้สบายใจ คืนนั้นผมจึงได้รับข้อความตอนเที่ยงคืนกว่าๆ จึงหลับตานอนลงได้อย่างโล่งใจ ผมหันมองแสงที่นอนอยู่ข้างๆ แอบสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะคิดว่าหลับไปแล้วแต่ดันหันไปเจอดวงตากลมโตของพลีสที่กำลังใช้มองผมด้วยแววตาใสเหมือนลูกแมว

"พี่ต่อโอเคแล้วใช่ไหม"

"อื้อ ไม่เป็นไรแล้ว"

"งั้นก็นอนได้แล้ว"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่แสงจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิม กอดของผมจึงโอบอุ้มร่างกายเล็กๆ ของพลีสเอาไว้พลางหลับตาคิด หากว่านี่เป็นแสงจริงๆ ทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย คงดีกว่านี้เป็นไหนๆ 

"ตาม"

"ฮึ?"

"เรื่องวันนั้น พี่ต่อไม่ผิดนะ เราผิดเอง"

"รู้ว่าผิดแล้วทำทำไมอะ"

"เราไม่ได้ตั้งใจ...หรือเราอาจจะตั้งใจก็ได้" ประโยคหลังน้ำเสียงแผ่วลง ผมก้มลงไปมองเห็นแสงทำหน้าเศร้า เดาว่ามันยากที่จะอธิบาย

"ยังไงวะ งง"

แสงถอนหายใจ ก่อนลุกขึ้นนั่ง ผมขยับตัวลุกขึ้นตามไปด้วยเพื่อพร้อมที่จะฟังคำอธิบายจากอีกคนที่กำลังตั้งใจพูด

"ก็ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจ เราสูญเสียจิตสำนึกไปชั่ววูบหนึ่ง แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วเราถึงไม่หยุดมัน เราผิดเอง ให้เราพูดกี่ครั้งเราก็ยืนยันว่าเราผิดเอง"

"ก็ทั้งคู่นั่นแหละ พี่ต่อมันก็ควรจะห้าม แต่เสือกเคลิ้มตามเฉยเลย แต่อย่างว่าแหละ เธอน่ารักอะ ใครจะอดใจไหวล่ะ"

"ตาม"

ผมหุบปากเงียบเพราะเสียงเรียกดุๆ นั่นที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าล้อเล่นไม่ถูกเวลา

"เราไม่น่าดึงพี่ต่อเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย เรากลัวว่าเธอจะโกรธพี่ต่อ กลัวแทบตาย"

"เธอตายแล้ว"

"เออ!"

ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ตอนที่แสงทำหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่

"เราก็เคยโกรธพี่ต่อ โกรธที่เขาหลงลืมเรื่องที่ทำให้เราเจ็บปวดฝังใจ แต่สุดท้ายพี่ต่อก็ยังเป็นคนที่เราต้องการอยู่ดี ในตอนที่คนรอบตัวเราค่อยๆ หายไปทีละคน แต่พี่ต่อไม่เคยไปไหนเลย ความโกรธของเรามันเลือนหายไปนานแล้ว ทั้งพี่ต่อ ทั้งเธอ ไม่โกรธสักนิด"

"สำหรับเธอมันผ่านไปสามปี แต่กับเรามันเพิ่งเกิดวันนี้เอง ความทรงจำของวิญญาณที่ชัดเจนที่สุดก็คือวันตาย เพราะว่ามันเป็นวันสุดท้ายที่ได้มีชีวิต ความรู้สึกผิดมันจึงไม่เคยหายไปไหนเลย"

"..."

"ที่เรายังไปไหนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้วิธีที่จะไป แต่เรื่องใหญ่ที่สุดที่เรายังค้างคาใจ คือเรายังไม่ได้ขอโทษเธอสักคำเลย"

แสงยกมือข้างหนึ่งสัมผัสเปลือกตาของผมเบาๆ เพื่อให้หลับลง ก่อนเลื่อนสองมือขึ้นโอบร่างผมเอาไว้ ผมเข้าใจว่าแสงกำลังต้องการให้ผมคิดถึงใบหน้าของเขา ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ปรากฏอยู่ในความคิด แต่ราวกับว่าแสงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าของผม ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงที่กำลังกระซิบบอก   

"เราขอโทษ"

ได้ยินแล้ว...

"เราขอโทษนะตาม"

เข้าใจแล้ว...

"เราขอโทษจริงๆ"

ให้อภัยเธอแล้ว...

แม้รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจินตนาการ แต่ผมยังอยากที่จะจ้องมองใบหน้านั้นให้นานแสนนาน ใช้ความรู้สึกสัมผัสร่างกายสมมติ โอบกอดและบรรจงจูบ ด้วยความรัก โหยหา อาวรณ์และคิดถึง ผมตอบกลับคำขอโทษของแสงจากความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจเพื่อช่วยให้ความรู้สึกผิดที่แสงมีมาอย่างยาวนานได้จบสิ้นลง

"ไม่เป็นไร"

"..."

"ไม่เป็นไรแล้วนะที่รัก"

 

...

 

"ตึก...ตึก...ตึก..."


ไม่มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นในชีวิตผมมานาน แต่การเดินกลับเข้าบ้านตัวเองมันกำลังทำให้ใจผมสั่นไม่เป็นจังหวะอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะมาที่นี่แสงบอกกับผมให้ใช้โอกาสนี้คืนดีกับแม่ เป็นหนึ่งในความปรารถนาที่แสงต้องการให้ผมทำ แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหม แค่จะเดินเข้าบ้านผมยังเกือบเปลี่ยนใจหันหลังกลับเลย

นี่มันบ้านเราเองนะเว้ย!

ผมเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนรวบรวมความกล้าที่มีผลักประตูบ้านเข้าไป ทั้งพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ในนั้นหันมอง คนเป็นพ่อรีบลุกขึ้นต้อนรับ ส่วนแม่เบือนหน้ามองทางอื่นไม่สนใจ

"มาแล้วเหรอตาม"

"พี่ต่อล่ะ" ผมถามถึงคนที่ผมตั้งใจมาหา ก่อนพ่อจะชี้ขึ้นไปยังห้องชั้นบน ผมต้องกลับมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับพี่ต่อ พี่ต่อไม่ยอมเจอหน้าผมเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จริงๆ ก็ไม่ยอมเจอหน้าใครเลย ไม่ไปทำงาน ไม่ออกจากห้อง ไม่พูดไม่จา พ่อบอกว่าตั้งแต่กลับมากินข้าวไปแค่มื้อเดียว ด้วยเพราะพี่ต่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วแต่รับไม่ได้ คล้ายๆ กันกับตอนที่สมองของผมไม่ยอมรับความจริง พี่ต่อคงกำลังตกอยู่ในภาวะนั้น ผมจึงต้องรีบช่วยเขาออกมา 

ผมเดินผ่านทั้งพ่อและแม่ขึ้นไปยังห้องของพี่ต่อ ประตูที่ถูกล็อกบอกให้รู้ว่าพี่ต่อไม่ต้องการพบใคร ผมลองเคาะอยู่สองสามครั้ง

"พี่ต่อ ตามเอง"

"..."

"เปิดประตูให้หน่อยไม่ได้เหรอ"

ผมถอนหายใจเบาๆ เมื่อยืนรออยู่ครู่หนึ่งแต่คนข้างในไม่โต้ตอบกลับมา ผมจึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพิงประตู เอาหัวโขกไปหนึ่งทีแรงๆ ให้คนข้างในตกใจ

"รู้หรอกว่าอยู่ตรงนี้"

ไม่ต้องมองลอดเข้าไปผมก็รู้ว่าพี่ต่ออยู่ที่หน้าประตูเช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกคำที่ผมจะพูดจึงแน่ใจว่าเขาจะได้ยิน

"พี่ต่อ ตามรู้นะว่าพี่เสียใจ ถึงพี่จะเพิ่งจำได้แต่เรื่องมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว และมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่เลย เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ ออกมาหาตามหน่อยได้ไหม"

"..."

"พี่ต่ออย่าเป็นแบบนี้เลยนะ ออกมาเถอะ ออกมากินข้าวแล้วค่อยกลับเข้าไปก็ได้"

"..."

"รู้ไหม คนไข้ที่คลินิกเขาก็รอพี่อยู่ พ่อกับแม่ก็เป็นห่วง"

"..."

"แล้วตามก็ต้องการพี่"

ผมหวังว่าคำขอร้องของผมจะทำให้พี่ต่อใจอ่อน แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ผมนั่งรออยู่นานจนกระทั่งพ่อขึ้นมาดูสองสามครั้งพี่ต่อก็ไม่ยอมออกมา

"ไม่มีกุญแจห้องพี่ต่อเหรอพ่อ"

"พ่อทำหายไปนานแล้ว ลืมว่าเก็บเอาไว้ที่ไหน"

"โธ่ พ่อ ถ้าพี่ต่อเป็นอะไรขึ้นมาจะช่วยทันไหมเนี่ย พังประตูเข้าไปเลยดีไหม"

"ใจเย็นๆ ก่อน บางทีพี่ต่ออาจจะยังไม่พร้อมก็ได้นะ"

ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ จริงอยู่ที่ผมควรจะให้เวลาพี่ต่อ แต่รอนานขนาดนั้นไม่ได้

"ผมต้องคุยกับพี่ต่อวันนี้"

ผมบอกกับพ่อแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องตัวเอง เพราะคิดอีกวิธีที่จะเข้าไปยังห้องพี่ต่อโดยที่ไม่มีอะไรเสียหายขึ้นมาได้ ไม่ยอมเปิดให้ก็ปีนเข้าไปซะเลย 

จากหน้าต่างห้องผมไปยังหน้าต่างห้องพี่ต่อ มีทางเดียวที่จะปีนไปหากันได้ก็ต้องไต่ขอบหน้าต่างที่หนาไม่ถึงห้านิ้วนั้นไป ผมคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่มันโง่ฉิบหายเลยแต่ไม่มีทางเลือกแล้ว ขาข้างหนึ่งก้าวข้ามไปยังขอบหน้าต่างห้องพี่ต่อ อีกข้างค้างอยู่ที่ขอบประตูห้องตัวเอง มือข้างหนึ่งเกาะอยู่ที่ขอบบน ส่วนอีกข้างขยับไปเลื่อนหน้าต่างห้องพี่ต่อ

"ล็อกอีก"

ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า ผมตัดใจที่จะใช้วิธีนั้นแล้วจึงก้าวขาข้างนั้นกลับมาที่ขอบหน้าต่างห้องตัวเอง แต่จังหวะนรกมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราไม่พร้อมรับเสมอ 

"กรี๊ด!" กรีดร้องคอแตกตอนที่ก้าวขาพลาด แต่มือข้างหนึ่งคว้าขอบหน้าต่างเอาไว้ได้ทัน

"ตาม!"

"พี่ต่อ! ช่วยตามด้วย!"

ผมร้องขอความช่วยเหลือจากพี่ต่อที่เปิดหน้าต่างมาด้วยความตกใจ ในสภาพห้อยต่องแต่งพร้อมเอาหัวโหม่งพื้น แขนข้างเดียวของผมไม่มีแรงมากพอที่จะเกาะยื้อเอาไว้ได้นานและในจังหวะนั้นพี่ต่อก็ยื่นมือมาคว้าแขนผมเอาไว้ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามีฉุดผมขึ้นไป ก่อนคว้าคอได้ก็กระชากสุดแรงจนเราทั้งคู่พุ่งลงไปกองกับพื้น วินาทีเฉียดตายทำผมตกใจ แต่ไม่เท่าคนข้างๆ ที่หันมาดุดังลั่น

"เล่นบ้าอะไร! เกือบตายแล้วเห็นไหม!"

"ก็พี่ไม่ยอมเปิดประตูให้อะ!"

"ก็พี่ไม่อยากคุยกับตาม!"

"แต่ตามอยากคุยกับพี่!"

เราพากันเงียบหลังจากที่เสียงดังใส่กันไปมา ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ แล้วดึงมือพี่ต่อมานั่งบนเตียง มองดูใบหน้าและริมฝีปากที่ซีดเซียว ขอบตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอน

"พี่ต่อ ตามรู้พี่กำลังเสียใจ ตามเข้าใจว่ามันยาก แต่พี่จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ พี่จะต้อง..."

"ไม่ใช่พี่หรอก"

คำพูดของผมหยุดชะงักตอนที่พี่ต่อเอ่ยแทรกขึ้นมา

"ไม่ใช่พี่แต่เป็นตามต่างหากที่ต้องเสียใจ พี่ลืมเรื่องวันนั้นไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่พี่ทำร้ายตามเอาไว้ขนาดนั้น"

"ตามรู้ว่าที่สมองพี่ถึงสั่งให้ลืม ก็เพราะว่าพี่รู้สึกผิด ตามเลยคิดว่ามันก็ดีแล้วที่พี่ลืมมันไป"

"แล้วตามเก็บความเจ็บปวดนั้นเอาไว้คนเดียวได้ยัง ปล่อยให้พี่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นได้ยังไง"

"ก็ตามไม่อยากให้พี่จำได้ ตามไม่อยากเอาพี่มาเจ็บด้วย แค่พี่ต้องเกือบตายเพราะเรื่องวันนั้นมันก็มากพอแล้ว"

"แต่พี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตามกับแสงต้องทะเลาะกัน แล้วแสงก็..."

"มันไม่ใช่ความผิดพี่! ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น!"

เสียงดังของผมทำให้พี่ต่อเป็นฝ่ายเงียบไป ไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ผมจะเห็นพี่ต่อร้องไห้ แม้มันไม่ใช่การฟูมฟายร่ำร้องเจียนขาดใจ เป็นเพียงแค่หยดน้ำตาที่ไหลผ่านใบหน้านิ่งและแววตาว่างเปล่า แต่มันทำให้ผมรู้สึกสงสารพี่ต่อแทบบ้า

"พี่ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ทิ้งให้ตามต้องเสียใจคนเดียว ไม่รู้ว่าตามต้องเจ็บปวดขนาดไหน ไม่รู้เลยจริงๆ เป็นพี่ประสาอะไร..."

"ไม่เป็นไรพี่ต่อ มันผ่านไปแล้ว"

"แต่ความทรงจำนั้นมันยังทำร้ายตามอยู่เลย"

ผมขยับตัวเข้าไปหาพี่ต่อแล้วยกมือโอบร่างเขาเข้ามากอด

"ไม่มีอะไรทำร้ายตามแล้ว "

"..."

"เพราะตามมีพี่ต่ออยู่ตรงนี้ด้วยไง"

ใบหน้าของพี่ต่อซบลงที่ไหล่ของผม ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมปล่อยให้เวลาผ่านพ้น เพียงพอที่น้ำตาของพี่ต่อจะรินไหลจนความเสียใจถูกบรรเทาลง เพื่อทำให้พี่ต่อหยุดร้องไห้ ผมจึงต้องช่วยให้เขายิ้มได้

"ไม่ร้องแล้วพี่ต่อ น้ำตาเปียกไปถึงกางเกงในตามแล้ว"

"ไอ้บ้า" พี่ต่อยิ้มทั้งน้ำตาตอนที่ดึงใบหน้าตัวเองออกไปจากไหล่ผม

"คนอะไร ร้องไห้ยังหล่อฉิบหาย"

พี่ต่อส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา

"ท่าสูดขี้มูกยังเท่เลย"

"พอเลย"

"ไปกินข้าวกันไหม ตามหิวอะ"

พี่ต่อพยักหน้ารับ แต่ไม่ยอมลุกตามผมที่เดินมาหน้าประตูแล้ว

"ตามไปก่อนเลย"

"ทำไม"

"แขนพี่โดนขอบหน้าต่างบาดตอนดึงตามขึ้นมา"

"จริงเหรอ! เป็นอะไรหรือเปล่า!"

"เลือดไหล"

"ดูแลตัวเองก็แล้วกัน!" ผมพูดแค่นั้นแล้วเผ่นแนบ สองขาที่กำลังจะวิ่งลงบันไดหยุดชะงักแล้วเปลี่ยนทิศทางตรงเข้าห้องตัวเองที่เมื่อครู่ไม่ทันได้สนใจมอง ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นานมาก แต่ห้องนอนสะอาดเอี่ยม ข้าวของก็ถูกจัดวางเป็นระเบียบ ผ้าปูที่นอนยังมีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเหมือนถูกซักใหม่ๆ เป็นแม่แน่ๆ เพราะมีแม่คนเดียวที่รู้ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นนี้

ผมเดินออกจากห้องในตอนที่พี่ต่อเดินออกมาพอดี เลื่อนสายตาไปที่แขนพี่ต่อก็เห็นว่าแผลถูกแปะด้วยพลาสเตอร์แล้วเรียบร้อย ก่อนที่เราจะเดินลงบันไดไปด้วยกัน และในตอนที่ทั้งพ่อและแม่หันมาเห็นเรา ก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกัน ก่อนที่แม่จะปรับสีหน้าเมื่อหันมาเห็นผม แสร้งทำเป็นอ่านหนังสือในมือไม่สนใจกัน

โกรธได้โกรธดี!

ผมแอบทำหน้ายุ่งใส่แม่ ก่อนหันไปพาพ่อที่เอาใจผมมากกว่าแม่แล้วถามถึงอาหารทันที

"มีอะไรกินไหมพ่อ ตามหิวข้าว"

"ยังไม่มีอะไรกินเลย อยากกินอะไรกัน"

"ไข่เจียวก็ได้ครับ หิวมากเลย" พี่ต่อบอกแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว

"ได้ๆ รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพ่อทำให้"

"ตามอยากกินข้าวผัดอะ พ่อทำเป็นป่ะ"

"พ่อทำไม่เป็นน่ะสิ พ่อว่าพ่อออกไปซื้อให้ดีกว่า ทนไหวไหม พ่อไปแป๊บเดียว"

"ไม่ต้องไปหรอก"

เราทั้งหมดพากันเงียบตอนที่ได้ยินเสียงแม่พูดขึ้นมา หนังสือในมือถูกพับแล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนแม่จะพูดต่อ

"เดี๋ยวแม่ทำให้"

ผมเผลอยิ้มตอนที่แม่ก็หันมายิ้ม เกือบจะร้องไห้แต่ต้องกลั้นเอาไว้เพราะช่วงนี้ผมใช้น้ำตาเปลือง จึงแสร้งมองไปทางอื่นแต่ปากยังพูดกับแม่อยู่ 

"ข้าวผัดไส้กรอกนะ"

"รู้"

ใช้เวลาไม่นาน ข้าวผัดไส้กรอกของแม่กับไข่เจียวฟูๆ ของพ่อก็ถูกยกมาเสิร์ฟให้ผมกับพี่ต่อ เพียงหนึ่งคำแรกที่ผมตักข้าวใส่ปาก น้ำตาที่กดกลั้นก็ไหลทะลักพรวดลงมาอย่างกับถูกเปิดก๊อก ทั้งหมดรู้ดีว่าที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน คิดถึงอาหารที่พ่อกับแม่ทำ แม่หยิบทัพพีจากจานข้าวผัดแล้วเขกเข้ามาที่หัวผมทีหนึ่ง

"ไม่ต้องมาร้องเลยไอ้ตัวดี" ถึงปากจะด่าแต่ว่าแม่ก็ตรงเข้ามากอดผมเอาไว้ ตักไข่เจียวคำใหญ่ใส่ปากให้ผมกิน ท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคนในบ้าน ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแสงถึงขอให้ผมทำสิ่งนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวแสงเอง...แต่ทั้งหมดก็เพื่อผมต่างหาก

เรารักษาบาดแผลที่เจ็บสาหัสด้วยการให้อภัย แล้วเยียวยามันด้วยความเข้าใจ วันหนึ่งมันจึงหายดี ส่วนแผลเป็นที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ไม่ใช่เพื่อให้เรากลับไปเจ็บปวดกับมันอีก แต่เพื่อไม่ให้หลงลืมช่วงเวลาที่ได้บาดแผลนั้นมา เพื่อจดจำเป็นบทเรียน แล้ววันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ผมจะได้บอกกับตัวเองว่า...ผมผ่านมันมาได้อย่างไร

 

...

 

ผมรีบกลับไปหาแสงที่รอผมอยู่ที่ห้อง ในระหว่างทางผมแวะซื้อแอปเปิ้ลเขียวของโปรดแสงและกุหลาบแดงเป็นของแถมด้วย ตอนที่แสงรับมันไปจากมือผมก็หลุดยิ้มกว้าง ผมเผลอหลับตาคิดถึงใบหน้าที่แท้จริง แสงคงยิ้มไม่ต่างจากตอนนี้เลย

"มีดอยู่ไหน เดี๋ยวเราปอกแอปเปิ้ลให้"

"น่าจะอยู่ในลิ้นชัก" ผมตอบ ก่อนที่แสงจะเดินไปหามีด ปากก็เอ่ยถามถึงเรื่องที่บ้าน ผมจึงเล่าทุกอย่างให้แสงได้ฟัง เพื่อแชร์ความรู้สึกที่ตัวเองกำลังมีความสุขเหมือนแต่ก่อนที่เรามักจะแลกเปลี่ยนเรื่องราวให้กันและกันฟังอยู่ตลอด ผมย้อนคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความรู้สึกต่างๆ มากมายของผมที่สะสมมาอย่างยาวนาน ถูกปลดล็อกออกจากหัวใจที่คับแคบจนอดคิดไม่ได้ว่าที่ทุกอย่างมันดีขึ้นได้ ก็เพราะว่าแสงกลับมา เพราะมีแสงอยู่ด้วย ชีวิตของผมจึงมีความสุขได้อีกครั้ง 

"ขอบคุณที่กลับมานะ"

"..."

"แสงเทียน"

แสงเงยหน้าขึ้นมองผม แต่รอยยิ้มนั้นถูกหยุดชะงัก ก่อนแทนที่ด้วยความนิ่งงัน มีดในมือของแสงร่วงหล่นลงกับพื้น ตอนที่ร่างกายก็ทรุดฮวบลงไปด้วย

"แสง!"

สองมือของแสงยกกุมท้องผ่านใบหน้าที่ดูเจ็บปวด

"เธอเป็นอะไร"

แสงให้คำตอบผมไม่ได้ นอกจากอาการเจ็บปวดทรมานที่ถูกแสดงออกมา ลมหายใจหอบถี่และติดขัดคล้ายกำลังหายใจไม่ออก ร่างกายนิ่งเกร็งก่อนดิ้นทุรนทุรายด้วยเสียงโอดครวญอยู่ในอ้อมกอดของผมที่กำลังลนลานจนแทบบ้า   

"แสง! เธอเป็นอะไร! ได้ยินเราไหม! แสงเทียน!"

"ตามหันไป"

"อะไรนะ"

"หันไป อย่ามอง!"

"ทำไม!"

"เลือด"

"..."

"เลือดเรา..."

แสงหงายสองมือที่กุมท้องออก ก่อนพร่ำบอกให้ผมหันหนีไปจากตรงนี้เพราะตัวเองเลือดไหลไม่หยุด แต่ทว่า...ผมมองไม่เห็นเลือดเหล่านั้นที่แสงพูดถึง ความสับสนถูกปะปนด้วยความคิดเป็นร้อยเป็นพันที่กำลังหลุดลอยก่อนเสียงร้องของแสงเรียกสติผมกลับคืน ผมโผเข้ากอดแสงเอาไว้ แล้วปลอบประโลมด้วยคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา   

"ไม่มีอะไรนะแสง เธอไม่เป็นไร เธอไม่เป็นไร ไม่มีเลือด เธอไม่เป็นไร ไม่เป็นไรที่รัก เธอไม่เป็นไร"

จนกระทั่งอีกฝ่ายสงบลง แสงยกสองมือขึ้นมองด้วยความสับสน สองมือสั่นเทากำเสื้อของผมเอาไว้แน่นพลันน้ำตาล้นทะลักออกมาอย่างฟูมฟาย

"ตาม"

"..."

"เราเจ็บเหมือนกำลังจะตาย"

"..."

"เรารู้สึกเหมือนเราจะตายเลยตาม" 

ผมกอดแสงเอาไว้แน่น แน่นยิ่งกว่าตอนที่แสงจากผมไป สถานการณ์มันบอกกับผมโดยไม่ต้องพยายามคิดหาคำตอบ ความเจ็บปวดของแสง อาการที่แสดงออกถึงความเจ็บเจียนตาย ทั้งหมดนั้นคือสัญญาณเตือนเพื่อบอกกับผมว่า คงใกล้ถึงเวลาแล้วใช่ไหม...

 

ที่แสงกำลังจะจากผมไปอีกครั้ง


 

To be continued.   

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #278 เมื่อ15-08-2019 20:48:00 »

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #279 เมื่อ15-08-2019 20:53:13 »

โอ้ยเครียด กลัวพี่ต่อมาเห็นร่างพลีสอยู่กับตามจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
« ตอบ #279 เมื่อ: 15-08-2019 20:53:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #280 เมื่อ15-08-2019 21:08:00 »

ร้องไห้เหมียนหมาที่แท้ อยากให้แฮปปี้เอนด์แต่เป็นไปไม่ได้เลยกี๊ด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #281 เมื่อ15-08-2019 21:22:09 »

 :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #282 เมื่อ15-08-2019 21:29:25 »

ตามจะต้องเจ็บซ้ำ ๆ อีกกี่ครั้งที่ต้องมองคนรักจากไปอีกหน

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #283 เมื่อ15-08-2019 21:45:41 »

ตอนนี้ดิ่งมาก สงสารทุกคนเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #284 เมื่อ15-08-2019 22:49:39 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #285 เมื่อ15-08-2019 23:15:10 »

 :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #286 เมื่อ15-08-2019 23:40:46 »

อย่างหน่วงที่สุด

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #287 เมื่อ16-08-2019 00:17:23 »

อาไรรรร๊ ใกล้แล้วเหรอ ฮื๊อออ สู้นะตามม แง แสงงง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #288 เมื่อ16-08-2019 00:50:13 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #289 เมื่อ16-08-2019 01:39:42 »

 :m15:



 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
« ตอบ #289 เมื่อ: 16-08-2019 01:39:42 »





ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #290 เมื่อ16-08-2019 02:55:47 »

  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #291 เมื่อ16-08-2019 07:18:00 »

ตายซ้ำตายแล้วตายอีก สงสารตาม

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #292 เมื่อ16-08-2019 08:03:32 »

 :hao5:
 :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #293 เมื่อ16-08-2019 18:15:28 »

มิสชั่นคอมพลีต แสงเลยจากไปเหรอ เสร้าเลย

ออฟไลน์ beedy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 20-- 15/08/19
«ตอบ #294 เมื่อ16-08-2019 18:39:47 »

 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 21-- 17/08/19
«ตอบ #295 เมื่อ17-08-2019 21:35:01 »

ตอนที่ 21
เสียใจให้พอเพื่อที่จะยอมรับความเป็นจริง


แสง :

 

เป็นหนึ่งเช้าที่ผมตื่นได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องถูกปลุกด้วยสิ่งใด ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ตื่นมาพร้อมความรู้สึกเต็มอิ่มเหมือนหลับได้สบายกว่าทุกวัน อุณหภูมิแอร์ที่เย็นกำลังสบาย กลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลอกหมอนและผ้าห่มพาให้ผมต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง อยากซุกตัวอยู่ในนี้ไปอีกสักพัก แต่แสงสว่างที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามา บอกกับผมว่าถึงเวลาต้องตื่นแล้ว ผมหรี่ตาขึ้นช้าๆ ก่อนมองเห็นตามยืนมองผมอยู่ ใบหน้าดูเคร่งเครียดด้วยหัวคิ้วที่ขยับแทบชนกัน แววตาก็ดูสับสนคล้ายกำลังคิดกังวลอะไรสักอย่าง

ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะที่รัก...

ผมยกมือขึ้นแตะใบหน้านั้น สัมผัสอุ่นจากผิวเนื้อบอกกับผมว่านี่คือความจริง มุมปากของตัวเองจึงยกขึ้นยิ้มบางๆ ก่อนได้ยินเสียงเรียกของอีกคน

"แสง"

"..."

"เป็นเธอใช่ไหม"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่ตามจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ถอนหายใจพลางคลายสีหน้ากังวล ผมเข้าใจความคาดหวังของตาม คงกำลังภาวนาให้ผมลืมตาขึ้นมาแล้วยังคงเป็นผมอยู่

"เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม"

ผมพยักหน้ารับอีกที ก่อนยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ความทรงจำก่อนที่ผมจะหลับไปวนเข้ามาในความคิดตอนที่นึกขึ้นได้ มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย ผมมองเห็นเลือดข้นไหลนองออกมาจากบาดแผลที่ถูกแทง มันเจ็บปวดเกินทนไหว ทรมานไม่ต่างกับวันที่ตายคล้ายกำลังถูกพรากเอาชีวิตไปอีกครั้ง

ในความเงียบระหว่างเรา ผมรู้ว่าตามคิดไม่ต่างไปจากที่ผมกำลังคิด หากเราเข้าใจไม่ผิด นั่นคงจะเป็นสัญญาณเตือน

"ตาม นี่มันคง..."

"ไม่ต้องพูด"

"คงใกล้จะหมดเวลาแล้ว"

"บอกว่าไม่ต้องพูดไง!"

"เราคงต้องไปแล้ว"

"เราไม่ให้เธอไป"

"แต่เราอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้"

"แต่เราไม่ให้เธอไปไง!"

ผมดื้อรั้นต่อโชคชะตาและยื้อเวลามามากพอ หากฝืนต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งวิญญาณและร่างกายของพลีสจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ หรือไม่บางทีในตอนสุดท้ายมันอาจจะไม่เหลือทั้งผม ไม่เหลือทั้งพลีสเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วผมจึงไม่อาจเห็นแก่ตัว

ผมขยับลงไปนั่งที่พื้นข้างๆ ตาม ดึงเขาเข้ามากอดแต่ตามไม่ยอมมองหน้าผม เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เพียงกระพริบตา หยดน้ำตาก็ไหลลงมาทั้งที่ยังทำหน้าบึ้งตึง

"ตาม เหลือเวลาไม่มากแล้ว ครั้งนี้เรามาจากกันไปด้วยดีเถอะนะ"

"..."

"ต่อไปนี้ เธออย่าเจ็บปวดอีกเลยนะ"

"จะไม่ให้เจ็บได้ยังไง เธอจากไปทั้งคน"

ตามผละตัวออกจากอ้อมกอดของผม กดกลั้นน้ำตาแล้วพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ

"เธอกลับมาเพื่อที่จะจากไปอีกครั้ง เหมือนเธอกำลังฆ่าเราซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เห็นใจเราบ้างหรือไง!"

"แต่...ตาม..."

"เราไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น!"

การไม่ยอมรับทำให้ตามต่อต้านความเป็นจริง แต่ผมเข้าใจ เพราะมันจริงอย่างที่ตามว่า ผมกลับมาก็เพื่อที่จะจากไป เพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้ทำ เพื่อให้ผมได้ปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่ค้างคา แต่ทว่าการจากไปอีกครั้งมันคงทำให้ตามต้องเจ็บปวดซ้ำอีก แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาที่ให้เวลาผมแค่นั้น สิ่งเดียวที่ผมทำได้ ก็คงต้องไขว่คว้าหาโอกาสสุดท้ายเพื่อให้เราได้จากกันไปด้วยดี...เมื่อเวลานั้นมาถึง 

 

...

ผมยังต้องมาโรงเรียนทั้งที่ไม่ได้อยากมา อยากเอาเวลาไปทำสิ่งอื่นมากกว่าที่จะมาเสียเวลานั่งเรียนไปอีกหนึ่งวัน แต่ผมยังคงเป็นพลีส มีรายงานสำคัญที่ต้องส่ง มีงานกลุ่มที่ขาดพลีสไปไม่ได้ ผมจึงต้องรักษาหน้าที่นี้เอาไว้ด้วย

"ไอ้พลีส!"
 
พลั่ก!

สองขาผมทรุดฮวบลงกับพื้นตอนที่ไอ้ปั้นตรงเข้ามาตบไหล่ผมอย่างแรง ได้แต่เงยหน้ามองตาขวางก่อนที่มันจะช่วงพยุงผมขึ้นมา แล้วยืนกอดอกทำท่ารับโทษ คงคิดว่าผมจะสวนกลับแน่ๆ แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยก็เลยทำได้แค่ถอนหายใจใส่หน้ามันเบาๆ

"อ้าว นี่พลีสเวอร์ชั่นหนึ่งเหรอ"

"อะไร"

"ผีออกไปแล้วรึไง"

"กูยังอยู่"

"แล้วเป็นอะไรวะ ปกติด่ากูลั่นตึกไปแล้ว"

ผมส่ายหน้าหน่อยๆ ก่อนเดินตรงไปโรงอาหารพร้อมปั้น กลายเป็นเรื่องปกติที่เราจะนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ในระหว่างนั้น ผมได้แต่นั่งเขี่ยข้าวไปมาเพราะกินไม่ลง

"พลีส มึงเป็นอะไรวะ ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย"

"ใครจะตาย! ไม่ตายโว้ย!"

"อะไรของมึง กูแค่เปรียบเทียบไง ดูมึงทำหน้าเข้าสิ"

ผมปัดมือไอ้ปั้นที่ยกขึ้นดึงแก้มจนเล่นเอาเจ็บ ก่อนที่มันจะกลับไปกินข้าวในจานตัวเองต่อ ส่วนผมยังเอาแต่เขี่ยข้าวในจานไม่หยุด

"ไม่แดกเหรอ"

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ปั้นจึงยกส้อมตัวเองมาจิ้มเอาไก่ทอดในจานของผมไป ก่อนดูดนมสตรอว์เบอร์รี่ที่มันชอบตามเข้าไป ไอ้บ้านี่มันกินนมแทนน้ำด้วยซ้ำ ตัวถึงได้สูงเป็นเปรตแบบนี้ใช่ไหม

"มึงเป็นอะไร ใครทำอะไร ใครแกล้งเดี๋ยวกูไปต่อยให้"

"ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครแกล้งกูนอกจากมึงแล้วล่ะ"

"แน่นอน ไม่มีใครเจ๋งเท่ากู"

"ไม่มีใครสันดานเหมือนมึงมากกว่า"

"เออ! แล้วมึงเป็นอะไร ซึมเศร้าไหม จะโดดตึกหรือเปล่า"

"มึงนี่!"

ไอ้ปั้นโยกตัวหลบกำปั้นของผมที่หวังจะทุบกบาลสักที มันหัวเราะหยอกเป็นเชิงว่าล้อเล่น ก่อนปรับสีหน้าจริงจังแล้วถามผมอีกครั้งว่าเป็นอะไร ไหนๆ ก็ไหน หลังจากวันนี้ผมอาจจะไม่ได้พูดคุยกับมันแล้ว วันนี้ก็เลยยอมบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองให้เด็กนี่ฟัง

"เสียดายชีวิตว่ะ"

"หืม?"

"ยังไม่อยากตายเลย"

"หืมเข้าไปอีก"

"ยังใช้ชีวิตไม่พอเลย"

"หืมสุดๆ ไปเลย" 

ไอ้เวรนี่ไม่ใช่ผู้ฟังที่ดีเลย กูพูดตรงนี้...

"มึงพูดอะไรเข้าใจง่ายๆ หน่อยดิ ขี้เกียจหืมแล้ว"

"สมมติว่ากูกำลังจะตาย แล้วกูก็กำลังระบายความรู้สึกของกูให้มึงฟังอยู่ โอเคไหม"

"มึงไม่ได้จะตายจริงๆ ใช่ไหม แค่แบบ อยากพูดคุยปรัชญาชีวิตอะไรแบบนี้ใช่ปะ"

"เออ ประมาณนั้น"

"อ่าหะ"

"กูยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะ ทั้งๆ ที่กูก็รู้ว่าวันหนึ่งกูต้องไปจากที่นี่ แต่พอถึงเวลาจริงๆ กูกลับไม่อยากทำใจยอมรับ กูอยากเป็นคนอายุยืน อยู่กับคนที่กูรักไปนานๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็อยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มกว่านี้"

ผมหันมองไอ้ปั้นที่กำลังดูดนมจนหมดกล่อง จริงจังกับการดูดจนหยดสุดท้ายแล้วหลุดหัวเราะเรียกให้ผมดูกล่องที่บิดเบี้ยวเพราะถูกดูดเอาอากาศออกไปหมด 

"ดูดิๆ"

"มึงได้ฟังกูบ้างไหมเนี่ย"

มันหัวเราะอีกทีแล้วเปลี่ยนจากดูดกล่องเป็นเป่าลมเข้าไปให้กล่องพองเป็นรูปร่างเดิม

"รู้งี้กูไปพูดกับหมาดีกว่า"

"โห่ มึงจะคิดมากไปทำไมวะ จะตายวันนี้พรุ่งนี้หรือไง"

ผมคงไม่สามารถอธิบายให้ปั้นเข้าใจไปมากกว่านั้นได้ ก็เลยทำได้แค่พยักหน้ารับ ทำเหมือนกับว่าเราแค่เพียงสนทนาปรัชญาชีวิตจบไปก็พอ 

"มึงจะเอาอะไรมากกับชีวิต เราเพิ่งอายุสิบแปดเอง"

"กูยี่สิบละ"

"เออ มึงแก่กว่ากูตั้งสองปี จริงๆ ต้องเรียกพี่ปะเนี่ย"

"ได้ก็ดี"

"พี่พลีส อย่างเนี้ยเหรอ"

"ทำได้ไหมล่ะ"

"ยากตรงไหน พี่พลีส"

เราทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนผมจะยกมือขยี้หัวไอ้ปั้นและบอกกับมันด้วยคำที่มักจะพูดอยู่เสมอ

"มึงก็ใช้ชีวิตให้ดี"

"..."

"มีความสุขมากๆ นะข้าวปั้น"

ตอนที่ผมอายุเท่ากับปั้นก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องของความตาย คิดว่ายังมีเวลาอีกตั้งมากมายจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะใช้ชีวิต อายุขัยไม่ใช่เรื่องราวที่จะหยั่งรู้ได้ ความตายก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว อาจมีบางคนที่กำลังดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อและมีอีกคนที่กำลังเลือกจะจบชีวิตลงอย่างไม่เสียดาย สุดท้ายความตายก็พลัดพรากใครบางคนจากไปอยู่เสมอ...และผมก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นที่ต้องจากไป 

 

...

 

"พี่ต่อ"
"สบายดีไหมครับ"


 

ผมก้าวเท้าเดินไปตามถนนพลางมองมือถือที่เพิ่งจะส่งข้อความหาพี่ต่อแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับหรือกระทั่งเปิดอ่าน ตั้งแต่วันที่พี่ต่อกลับมาจำเรื่องราวของผมได้ เขาก็หายเงียบไปไม่ติดต่อมาเลย อาจยังมีความเสียใจหลงเหลืออยู่ในความรู้สึกจนทำให้พี่ต่อไม่พร้อมคิดถึงเรื่องอื่นกระทั่งไม่คิดถึงพลีสด้วย ผมกำลังสมมติว่าตัวเองเป็นพลีสและพยายามคิดว่าควรทำอย่างไรกับการเงียบหายไปเฉยๆ ของพี่ต่อ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเอาความรู้สึกของตัวเองมาตัดสินอยู่ดีว่าพี่ไม่ควรหายไปแบบนี้สิ...พลีสไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

ผมถอนหายใจยาวก่อนเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเงยหน้าขึ้นมองถนน สองขากำลังพาผมเดินไปยังหอพักของตาม แต่ไม่รู้ว่าตามจะอยากเจอหน้าผมไหม จะใจเย็นลงหรือยัง ก็เลยลังเลว่าจะหันหลังกลับตอนนี้หรือจะไปต่อให้ถึงดี เป็นสถานการณ์ที่ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจไม่สิ้นสุด 

"เฮ้อ" 

 

"ฟิ้ว!"

 

"หืม?"

ผมหันขวับมองใครบางคนที่วิ่งฉิวผ่านหน้าผมไปด้วยความเร็วที่ทำเอางงว่านั่นคนหรือผี เห็นหลังไวๆ เกือบคิดว่าเป็นตามแล้วด้วยสรีระรูปร่างที่คล้ายกันแถมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มนั่นยังเหมือนชุดที่ตามชอบใส่ไม่มีผิด แต่คิดขึ้นมาได้ว่าตามไม่มีทางวิ่งเร็วขนาดนั้นแค่ขึ้นบันไดเจ็ดแปดขั้นยังหอบเป็นหมา 

"จับมันไว้!" 

"โอ๊ย!"

"อยู่เฉยๆ ไอ้หัวขโมย!"

เสียงเอะอะจากที่ดังมาจากอีกมุมถนนดึงความสนใจทั้งหมดของผมไป ก่อนรีบก้าวเท้าไปยังตรงนั้น ภาพที่เห็นคือตามกำลังโดนผู้ชายตัวใหญ่จับแขนไขว้หลังแล้วกดลงกับพื้น ผู้หญิงรูปร่างท้วมวัยกลางคนอีกคนก็ตรงเข้ามาร่วมด้วย

"อะไรเนี่ย! โอ๊ย! เจ็บนะ!"

"เอาเงินกูคืนมานะ!"   

ใช้เวลาชั่ววินาทีผมก็เข้าใจสถานการณ์นั้นได้จึงรีบเข้าไปช่วยตาม     

"เข้าใจผิดแล้วครับ! จับผิดคนแล้ว!"     

"มันนี่แหละขโมย กูเผลอหน่อย กวาดเงินในร้านมาเกลี้ยง!"

"ผมเปล่านะ!" ตามออกปากเถียงก่อนโดนชายคนนั้นคว้าคอแล้วกระแทกลงไปกับพื้น แรงจนตามร้องเสียงหลง การกระทำนั้นทำเอาผมไม่อาจอยู่เฉย ตรงเข้าไปผลักตาลุงนั่นออกจากตาม 

"ปล่อยเลยลุง เข้าใจผิดแล้ว" 

"ไอ้หนูอย่ามายุ่ง!"

ผมถูกผลักไหล่ให้ออกมาจากตรงนั้น ก่อนป้าจะก้มลงไปล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของตาม ควักออกมาเป็นแบงก์ยี่สิบสามสี่ใบกับเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง หาเงินที่ว่าไม่เจอก็คว้าคอเสื้อแล้วดึงตามขึ้นมา ทั้งทุบทั้งด่าด้วยถ้อยคำหยาบ

"เอาเงินกูคืนมา! ไหน! มึงเอาไปซ่อนไว้ไหน!"

"ไม่ใช่ผม!"

"อย่านะป้า" ผมพยายามคว้ามือป้าที่เอาแต่ทุบตามโดยไม่ฟังความอะไรเลย แต่พลีสตัวเล็กเกินไป เจอป้าสะบัดทีเดียวเล่นเอาเซ

"ดูสภาพก็รู้แล้วว่ามึงติดยา นี่จะขโมยเงินกูไปซื้อยาใช่ไหม ไอ้เด็กเปรต! ขยะสังคม! เอาเงินกูคืนมา!" ตามได้แต่ยกแขนป้องตัวเองตอนถูกตี ร้องโอดโอยไม่เป็นคำพูด เสียงร้องของตามทำเอาผมคำรามลั่นด้วยความโกรธสุดขีด

"พอได้แล้ว!"   

"มึงไม่เกี่ยว! หลบไป๊!"

"นี่แฟนผม!"

มือของป้าค้างกึกกลางอากาศ ก่อนผมจะดึงตามให้ถอยออกมาแล้วก้าวเท้าไปเผชิญหน้ากับป้าร่างท้วมด้วยความโมโห

"ผมบอกแล้วไงว่าเข้าใจผิด ขโมยมันวิ่งหนีไปเป็นชาติ ป่านนี้เอาเงินไปใช้หมดแล้ว เพราะมัวแต่จับคนผิดเนี่ย!"

"แต่กูจำมันได้!"

"ป้าจำผิด!"

"กูจำได้!" 

"ไปตัดแว่น!"   

เสียงตะโกนที่ดังกว่าของผมทำเอาป้าเงียบ ก่อนพูดอึกอัก เถียงได้ไม่เต็มปาก 

"กู...กูจำมันได้จริงๆ"   

"ป้าน่าจะจำผิดจริงๆ นั่นแหละ น้องคนนี้เขามาซื้อข้าวร้านหนู ยืนรออยู่ตั้งนานเพิ่งจะได้ข้าวไปเนี่ย" เสียงจากพี่เจ้าของร้านข้าวช่วยเข้ามาเป็นพยาน ตามพยักหน้าหงึกๆ พลางหันมองข้าวกล่องที่หล่นเละเทะอยู่ข้างๆ แอบเห็นนะว่าทำหน้าเสียดายกะเพราปลาหมึก ก่อนหันขวับกลับไปมองตาขวางใส่ลุงกับป้าที่ยืนหน้าจ๋อย     

"ขอโทษจ้ะ ขอตัวไปจับขโมยก่อนนะ"

"อ้าว เฮ้ย!" ผมโวยตอนที่ลุงกับป้าจับมือกันวิ่งออกไปจากตรงนี้หน้าตาเฉย ไทยมุงสลายตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่เจ้าของร้านข้าวก็ใจดีเก็บกล่องข้าวนั่นไปทิ้งให้ ตามยังมองกล่องข้าวตาละห้อยด้วยความอาลัยยิ่ง ใจผมก็ยังเดือดพล่าน โมโหไม่หยุด

"อะไรของเขาวะ มากล่าวหาคนอื่นแบบนี้ได้ไง" 

"นั่นดิ!" ผมหันมองตามที่โพล่งขึ้นมา ดูเหมือนว่าผมจะไปจุดชนวนความโมโหให้เขาอีกคน หรือไม่ก็เพิ่งนึกได้ว่าต้องโวยวายจึงพ่นคำพูดออกมาเสียงดังลั่น

"หาว่าเราเป็นขโมยแถมบอกสภาพเราเหมือนคนติดยา หน้าเราเหมือนคนติดยาเหรอ เหมือนเหรอ!" 

"นิด...นิดนึงมั้ง"

"ติดยาเนี่ยนะ! ข้าวกล่องละสี่สิบบาทยังไม่มีตังค์ซื้อเลย จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อยา! ด่าเราเป็นขยะสังคม เกิดมายังไม่เคยโดนด่าแรงขนาดนั้นเลย ขยะสังคมเนี่ยนะ!"   

"ใจเย็นๆ" กลับกลายเป็นผมที่ต้องพูดปลอบพลางลูบหลังเบาๆ

"เขาทำร้ายร่างกายเราด้วย แทบจะหักแขนเราเลย จับเรากระแทกพื้นด้วย ป้านั่นก็ทุบเราไม่หยุด เจ็บไปทั้งตัวเลยเนี่ย" ตามทำเสียงไม่พอใจ ใบหน้าบูดบึ้ง ผมเองก็โมโหจนมองข้ามบาดแผลที่ตามได้มาตอนถูกหน้ากระแทกพื้น รอยถลอกทำเลือดไหลซิบ ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว ในตอนที่ตามกำลังงอแงบ่นเจ็บตรงนั้นตรงนี้ ผมจึงยกสองมือกางออกเป็นเชิงโอ๋ ก่อนตามจะโน้มตัวลงมาซบ   

"เจ็บไปหมดเลย เจ็บแขนด้วย พรุ่งนี้ต้องช้ำไปทั้งตัวแน่ๆ เลย"

"ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย" ผมพูดปลอบใจพลางใช้จังหวะนั้นเช็ดเลือดออกจากหน้าตามก่อนที่อีกคนจะรู้ตัว ในตอนที่ผมก้มมองให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดตรงไหนแล้ว ตามก็เหลือบตาขึ้นมองผม สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ตามจะรีบผละตัวออกไปจากผม ปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยแล้วพูดเสียงแข็ง

"อ้าว พลีส"

ผมขมวดคิ้วมองหน้าตาม

"โทษทีพี่เข้าใจผิดคิดว่าพลีสเป็นคนอื่น ที่แท้ก็พลีสนี่เอง นี่มันพลีสชัดๆ"

"กวนตีน"

"เมื่อกี้พลีสบอกว่าเป็นแฟนพี่เหรอ มาเป็นแฟนพี่ตอนไหน แฟนพี่ตายแล้ว"

"นี่"

"พี่ไปก่อนนะพลีส"

"จะไปไหน"

"ถามทำไม เราไม่ได้สนิทกันนะพลีส พลีสกลับบ้านพลีสไปเถอะ" ตามทิ้งความกวนตีนเอาไว้ก่อนสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง ก้าวไปได้สักระยะหนึ่งก็หันหลังกลับมา เห็นว่าผมยังยืนอยู่ที่เดิมก็สะบัดหน้าใส่อีกที เพราะหมั่นไส้ความกวนประสาทนั้น ผมจึงก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปหาแล้วยกฝ่ามือขึ้นตบกบาลไปหนึ่งทีเน้นๆ 

 

"ป้าบ!"

 

ตามยืนนิ่งอยู่กับที่ เงยหน้ามองพลางกระพริบตาปริบๆ ผมยักไหล่หน่อยๆ แล้วเดินออกมาก่อนเอ่ยปากเรียก

"ไปกินข้าวกัน"

"ไม่ไปโว้ย!"

"เดี๋ยวเลี้ยง"

ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมอง ก่อนได้ยินเสียงเท้าเดินตามมา ช่วงขายาวๆ ของตามไม่กี่ก้าวก็เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ ผม แสร้งหันมองไปทางอื่น แต่ปากบอกกับผม

"อยากกินสเต็ก"

"..."

"สเต็กร้านนั้นอะ"

"..."

"พลีสคงไม่รู้จักหรอกมั้ง"

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 21-- 17/08/19
«ตอบ #296 เมื่อ17-08-2019 21:35:42 »

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนคว้ามือตามเดินข้ามถนนเพื่อตรงไปยังร้านสเต็กที่พูดถึง เป็นร้านสเต็กที่นิยมมากๆ ในหมู่นักศึกษา ร้านถูกตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอลนิดๆ มีมุมสวยๆ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป บางวันลูกเจ้าของร้านก็มานั่งเล่นกีตาร์อะคูสติกร้องเพลงให้ฟัง ที่สำคัญราคาอาหารไม่แพงแต่ได้เยอะจุใจ เนื้อชิ้นใหญ่ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงที่เลือกเองได้ว่าจะเอาข้าวสวย สปาเก็ตตี้ ไส้กรอก ไข่ดาว หรือมันฝรั่งอบ อยากกินไปหมดทุกอย่างแต่สั่งแค่สเต็กก็เพียงพอ เพราะความสามารถในการกินอาหารของผมมันลดลงตอนที่อยู่ในร่างพลีส คิดว่ากระเพาะของเขาคงเล็กนิดเดียว แต่สำหรับตามที่กินจุยิ่งกว่าพายุถล่มก็สั่งทุกอย่างรวมกันมาในจานขนาดเกือบเท่ายูเอฟโอ 

"หูว!" น้ำเสียงน่ารักๆ เปล่งออกมาผ่านใบหน้าที่กำลังมองอาหารตาวาว ผมได้แต่มองแล้วอมยิ้ม ก่อนหันไปรับส้อมและมีดจากพนักงานเสิร์ฟ แต่ในจังหวะนั้นมันเกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างกับร่างกายผม หัวใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ มือที่ถือมีดอยู่ก็พลันสั่นระริก อาจเป็นเพราะปลายมีดแหลมคมนั่นทำให้ผมหวาดกลัว   

 

เคร้ง!


 

ทั้งมีดทั้งส้อมหล่นกระทบจาน เสียงดังของมันเรียกสติผมกลับคืนมา ตามมองหน้าผมสลับกับมีดในจานก็เข้าใจได้ทันที จึงรีบเอื้อมมือมาคว้ามีดไปให้พ้นสายตาผม ผมสั่นหน้าเรียกสติอีกครั้ง ก่อนยิ้มกว้างให้ตามเพื่อบอกกับเขาว่าผมไม่เป็นอะไร ตามอมยิ้มนิดๆ ก่อนรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ ทำหน้านิ่งแต่ยื่นมือมาหยิบจานสเต็กของผมไป

"หันหน้าไป"

"เราไม่เป็นอะไร"

"หันไป"

ไม่อยากขัด ผมจึงแสร้งหันไปอีกทาง แต่รู้ว่าตามกำลังใช้มีดหั่นสเต็กในจานให้ผมอยู่ ปากก็พูดพึมพำแต่ดังพอจะได้ยิน

"เวลาที่เธอสั่งให้เราหันหน้าหนีเลือด ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เอง"

"ชอบใจเหรอ"

"หันไป!"

"ครับๆ"

ตามใช้เวลาไม่นานก่อนเรียกผมให้หันกลับไป สเต็กทั้งสองจานถูกหั่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนมีดทั้งสองเล่มก็ถูกซ่อนเอาไว้หลังกล่องทิชชูเพื่อไม่ให้ผมเห็น หลุดยิ้มกับความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่ยังเก๊กหน้านิ่งอยู่

"อย่ามายิ้ม เราโกรธเธออยู่"

"ไม่โกรธได้ไหม เราเสียใจนะ"

"หึ!"

"ตาม"

"..."

"ที่รัก"

"ถ้ารักก็อย่าไปไหนสิ" ตามพูดแค่นั้นแล้วจิ้มเนื้อสเต็กเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาอีกเลย ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบใช้ส้อมเขี่ยชิ้นเนื้อไปมา

"ถ้าเราเลือกได้"

"..."

"เราก็ไม่อยากไปไหนเหมือนกัน"

ตามก้มหน้าหนีสายตาของผม จิ้มเนื้อยัดเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า

"ถ้าเป็นไปได้"

"..."

"เราก็อยากแก่ตายไปพร้อมเธอ"

 

เคร้ง!

 

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ตามจงใจทิ้งช้อนในมือลงบนจาน เงยหน้ามองผม ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ ผมคงหลุดขำกับใบหน้าของตามที่แก้มป่องได้ที่เพราะถูกยัดเข้าไปด้วยอาหารแต่กลับตลกไม่ออกเพราะแววตาสองข้างของอีกคนกำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตาพร้อมจะไหล ตามกำลังกดกลั้นมันเอาไว้ด้วยการกัดริมฝีปากสั่นของตัวเองพลางขบกรามแน่น ดูเหมือนตามจะสงบใจลงได้ หันหน้ามองไปทางอื่นแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แต่วินาทีเดียวก็หันขวับกลับมามองผมแล้วถามน้ำเสียงหงุดหงิด

"เราร้องไห้ได้ไหม"

"..."

"เราทนไม่ได้ว่ะ"

กลายเป็นผมที่ชิงน้ำตาไหลไปก่อนตาม ขณะที่อีกคนก็หลับตาลงช้าๆ ให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ตั้งแต่ที่ผมกลับมา เราพูดคุยกันด้วยน้ำตาบ่อยกว่าบทสนทนาเสียอีก ทั้งที่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยแต่เราก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อความเสียใจโดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ   

"เราไม่รู้จะทำยังไงแล้วแสง"

"..."

"เรารักเธอมาก"

"..."

"เราไม่อยากให้เธอจากไปไหน"

"..."

"แต่เราไม่รู้วิธีที่จะรักษาเธอเอาไว้ให้นานที่สุด"

ผมได้รับความรักจากตามมามากมายในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้รู้ว่ามันคือรักแท้ในวันที่ผมได้ตายจากไป เขายังทำให้ผมรู้สึกเสมอว่าผมคือคนที่โชคดีที่สุดในโลก ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสักกี่ครั้งก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคนที่รักผมได้เท่ากับตามไหม ผมไม่เคยลืมสัญญาที่บอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แม้ร่างกายถูกเผามอดไหม้ วิญญาณต้องสูญสลายไปแต่ความรักของผมยังอยู่ มันจะไม่มีวันหายไปไหนและนั่นคือคำว่าตลอดไปที่ผมให้ตามได้

"แสง"

ผมเงยหน้ามองตามในตอนที่เรียกผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"เธอน่าจะบอกให้เราเคี้ยวก่อนพูด"

"ฮะ?"

"หมูเกือบติดคอ"

ผมหลุดขำพรืด ไม่ทันตั้งตัวกับมุกตลก ไม่แน่ใจว่าขำได้ไหมเลยพยายามจะกลั้น แต่ก็หัวเราะออกมาอีกจนได้ตอนที่ตามเองก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเคี้ยวชิ้นเนื้อที่ยัดแน่นอยู่ในปาก เคี้ยวหมดปากก็เรียกผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"แสง"

"..."

"เวลาที่เหลืออยู่"

"..."

"มาใช้มันให้คุ้มกันเถอะ"

ผมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดแล้วตามก็เป็นคนที่เข้มแข็งอยู่เสมอ เราต่างเสียใจจนพอเพื่อที่จะยอมรับความเป็นจริง หลังจากนี้ไปผมจะใช้ทุกวินาทีอย่างดีที่สุด...   

"สั่งเพิ่มได้ป่ะ อยากกินไส้กรอกอีก"

"ได้สิ"

"เธอจ่ายนะ"

"ยืมเงินพลีสก่อนไง เดี๋ยวเธอใช้คืน"

"แง้! ไม่มีตังค์!"

และเมื่อถึงวินาทีที่ไม่มีผมแล้ว ขอให้ตามอย่าได้เจ็บปวดหรือร้องไห้อีกเลย...ขอแค่นั้นจริงๆ

 

...

 

"เออ แล้วพี่ต่อเป็นยังไงบ้าง"

ตามหันมองผมที่ถามถึงพี่ต่อขึ้นมาในระหว่างทางที่กำลังเดินกลับไปส่งตามที่หอ

"คุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่เขาก็ยังเสียใจอยู่ คงต้องใช้เวลาสักหน่อย นี่ยังไม่ยอมไปทำงานเลย"

"ถึงว่าล่ะ ไม่ยอมติดต่อมาเลย"

"ทำไมพี่ต่อต้องติดต่อกับเธอด้วยไม่ทราบ!"

"ก็ผมคือพลีสนี่ครับ"

"อ๋อ...เออ"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ขณะที่ตามแสดงสีหน้าจ๋อยๆ ก่อนพูดความรู้สึกตัวเองออกมา

"ถ้าเธอไปแล้ว เราไม่รู้จะมองหน้าพลีสยังไงเลย"

"ทำไมอะ"

"เราเคยจูบพลีสด้วยนะ ถ้าพี่ต่อรู้ไม่เอาเราตายเหรอ"

"เธอจูบเราต่างหาก"

"แต่นั่นมันปากพลีสนะ"

"..."

"โคตรนิ่มเลยแหละ"

"นี่!" ผมยกมือฟาดแขนตามไปทีหนึ่งเพราะความทะเล้นนั้น ก่อนอีกคนจะคว้ามือนั้นเอาไปจับไว้ แล้วเดินต่อไปด้วยกัน ก่อนที่เราจะพากันหยุดเพราะมองไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนล้อมเป็นวงอยู่ที่มุมถนน แสงไฟกระพริบจากรถกู้ภัยบ่งบอกว่านั่นคงจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตามจึงรีบดึงมือผมไปอีกทาง

"ไปเหอะ น่ากลัว"

"อื้อ"

ผมตอบรับเพราะเห็นด้วย แต่ในจังหวะนั้น มีหนึ่งคนที่ยืนอยู่ถอยหลบ สายตาผมจึงหันไปเห็นคนเจ็บที่นั่งอยู่กับพื้น ขาผมหยุดชะงัก ปล่อยมือออกจากตามแล้วรีบก้าวเท้าเข้าไปตรงนั้น

"สายป่าน"

ผมฝ่าวงล้อมของผู้คนเข้าไปหาสายป่านที่นั่งอยู่กับพื้นถนน ผมไล่สายตาสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยถลอกและแผลลึกที่มีเลือดไหล เลื่อนสายตาไปยังคนเจ็บอีกคนที่ดูจะอาการหนักกว่าซึ่งกำลังถูกหน่วยกู้ภัยรุมช่วยเหลือ รอยเลือดเลอะถนนทำเอาผมต้องหันขวับกลับไปมองคนที่มาด้วย ตามยืนนิ่งวางสายตาอยู่ที่สายป่านแต่ความกลัวทำให้ไม่กล้าเดินเข้ามา ผมจึงต้องบอกให้เขายืนอยู่ตรงนั้น เพราะเดี๋ยวจะต้องลำบากหน่วยกู้ภัยเก็บไปอีกศพ

"สายป่าน"

สายป่านเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียก ทันทีที่เห็นผมบอน้ำตาก็แตกทะลัก

"พี่พลีส!"

ผมคุกเข่าลงกับพื้นก่อนสายป่านยกสองแขนโผเข้ากอดผมทันที

"พี่พลีส เพื่อนหนู นั่นเพื่อนหนู"

ผมเลื่อนสายตามองเด็กนักเรียนอีกคน ไม่อาจคาดเดาอาการบาดเจ็บของเด็กคนนั้นแต่ก็ทำได้เพียงปลอบใจสายป่านที่กำลังฟูมฟาย

"ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่แล้ว"

"หนูกลัว"

"ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรนะอ้วน"

"พี่..."

"แล้วหนูเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

ใบหน้าเลอะน้ำตาเงยขึ้นจ้องหน้าผมแต่ไม่ยอมตอบ มองนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผมต้องยกแขนเขย่าร่างพลางถามเสียงดัง

"อ้วน! เจ็บตรงไหน! บอกพี่สิ!"

"เจ็บขา หนูเจ็บขา"

จบคำสายป่าน คนจากหน่วยกู้ภัยก็ตรงเข้ามาช่วยเหลือ ผมถูกกันให้ออกมาจากตรงนั้นแต่สายป่านไม่ยอมปล่อยมือผม

"ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่"

ได้แต่ปลอบใจเพียงเท่านั้น ปล่อยให้คนตรงนั้นช่วยปฐมพยาบาลให้สายป่าน ผมได้ยินว่าน้องอาจจะขาหักก่อนทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สายป่านถูกนำตัวขึ้นรถกู้ชีพเพื่อพาไปยังโรงพยาบาล

ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ตามเข้ามาดึงมือพาขึ้นแท็กซี่แล้วรีบตามไปที่โรงพยาบาล ความห่วงกังวลทำจิตใจไม่เป็นสุข แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรวบสติให้อยู่กับที่ หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์แม่ที่จำได้ดีเพื่อโทรบอกให้รีบมา ไม่ลืมที่จะให้ความสนใจอาการของเด็กนักเรียนอีกคนที่ได้ยินว่าปลอดภัยดีเพื่อที่จะได้บอกกับสายป่านให้สบายใจ ความร้อนรนของใจลดลงช้าๆ ในตอนที่สถานการณ์สงบลงจึงคลายกังวล ผมหายใจได้ทั่วท้องแล้วหันมองคนข้างๆ ที่ยืนอยู่ด้วย 

"ตาม"

"ฮึ?"

"ไหวป่ะ

"อือ" ตามตอบรับอยู่ในลำคอ ผ่านใบหน้าซีด เหงื่อผุดเป็นเม็ด ผมจึงรีบดึงมือตามมานั่งที่เก้าอี้ก่อนหน้ามืดเป็นลมไป ปกติตามจะมีอาการแบบนี้เฉพาะเวลาที่มองเห็นเลือด ถ้าเลือดพ้นสายไป ครู่เดียวก็หาย แต่นี่พักใหญ่ๆ แล้วยังไม่ทุเลาซ้ำยังดูเหมือนจะอาการหนักกว่าเมื่อครู่อีก

"ไม่เป็นไรนะ ตรงนี้ไม่มีเลือดแล้ว"

ตามฝืนยิ้ม หันหน้าหนีไปอีกทางแล้วยกนิ้วชี้มาที่ตัวผม เมื่อก้มลงมองก็สบถคำหยาบลั่น ดีดตัวออกมาจากตามด้วยความเร็วแสง

"เชี่ย!"

เสื้อนักเรียนที่สวมอยู่เลอะไปด้วยเลือด คงเปรอะเปื้อนตอนที่กอดสายป่าน

"แล้วทำไมไม่บอก!"

"ก็เราอยากอยู่ข้างๆ เธอนี่"

ความหวังดีทำผมเถียงอะไรไม่ออก ได้แต่ถอยห่างออกมาก่อนเพื่อความปลอดภัยของตาม ตามยังเงยหน้ามอง ทำปากเบะยื่นมือข้างหนึ่งมาหาผม

"อยากอยู่ใกล้ๆ"

"ไม่ต้องเลย อยู่ตรงนั้นแหละ"

ตามก้มหน้าหงอย ไม่ฝืนร่างกายที่กำลังแย่ และในตอนนั้นก็มีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกหาญาติของสายป่าน ผมลืมตัวจึงตอบรับแล้วเดินตามเข้าไปหาสายป่านที่เตียงคนไข้ สายป่านยิ้มได้ตอนที่รู้ว่าเพื่อนปลอดภัย ส่วนตัวเองขาหักแน่นอนและกำลังรอย้ายไปยังห้องเอ็กซเรย์

"เจ็บไหม"

"มันชาๆ ค่ะ ขาหนูใหญ่กว่าเดิมอีก ดูสิ"

"อ้วนเอ๊ย"

สายป่านยิ้มจนตาหยี ก่อนยกแขนมองคล้ายกำลังสำรวจรอยแผลที่ได้มา

"พี่โทรหาพ่อแม่ให้แล้ว พ่อแม่กำลังมานะ"

สายป่านเงยหน้ามองผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ

"พี่รู้เบอร์พ่อแม่หนูได้ไง โทรศัพท์หนูพังยับเลย"

ในหัวกลวงไม่มีคำพูดเหมือนทักษะการแก้ตัวเลือนหายไปชั่วขณะ ก่อนสายป่านจ้องหน้ารอเอาคำตอบ ผมจึงพูดไปอย่างข้างๆ คูๆ

"พี่โทรเข้าไปที่ร้านน่ะ หาเบอร์จากอินเตอร์เน็ตก็เลยเจอในเพจเฟซบุ๊ก"

"ไม่มี"

"ฮะ?"

"ร้านแม่ไม่มีเพจเฟซบุ๊ก"

จริงด้วย...

"พี่เอาแต่เรียกหนูว่าอ้วน"

"..."

"พี่กอดหนู"

"..."

"พี่เป็นห่วงหนู"

"..."

"เหมือนพี่เป็น..."

"สายป่าน!" คำพูดของสายป่านถูกแทรกด้วยเสียงของพ่อที่รีบร้อนเดินเข้ามาพร้อมกับแม่ ได้จังหวะที่ผมจะเอาตัวรอดก็เลยรีบบอกลา

"พ่อกับแม่สายป่านมาแล้ว พี่ไปก่อนนะ" พูดอย่างไวก่อนก้าวเท้าออกมาให้ไวกว่า แต่เสียงของสายป่านที่เอ่ยเรียกผมเอาไว้มันทำให้สัญชาตญาณตอบสนองด้วยการหันหลังกลับไปในทันทีเพราะน้องกำลังเรียกผม...หมายถึงเรียกชื่อที่แท้จริงของผม...

 

"พี่แสง"


 

To be continued.

 

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 21-- 17/08/19
«ตอบ #297 เมื่อ17-08-2019 22:17:24 »

 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 21-- 17/08/19
«ตอบ #298 เมื่อ17-08-2019 22:35:39 »

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 21-- 17/08/19
«ตอบ #299 เมื่อ17-08-2019 22:51:07 »

จะจากกันยากขึ้นไปอีก เศร้านะแต่เราก้หนีความเป้นจริงไม่พ้น สุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดีจะช้าจะเร็ว  :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด