ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562  (อ่าน 75509 ครั้ง)

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
«ตอบ #90 เมื่อ05-07-2019 19:16:31 »

พี่ใหญ่ขวางทางมากๆ ระวังท่านอ๋องหาคู่ให้น้าาาาาา :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
«ตอบ #91 เมื่อ06-07-2019 19:49:02 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
10

เมื่อได้ดื่มยาและของบำรุงจากทั้งชินอ๋องและของที่พี่ใหญ่ไปหามาทำให้ผมอาการดีขึ้นถึงแม้อาการป่วยครั้งนี้จะทำให้การเดินทางล่าช้าไปแต่เมื่อย่างเข้าค่ำวันที่สามเราก็เดินทางมาถึงเมืองต้าซวง เมื่อถึงประตูเมืองเจ้าเมืองก็มาต้อนรับเหมือนเว่ย ผมแอบลอดมองผ้าม่านโดยที่ปล่อยให้ท่านอ๋อง บิดาและพี่ใหญ่เป็นผู้คุยกับเจ้าเมือง พวกเราเข้าพักยังจวนเจ้าเมืองเพียงคืนเดียว พรุ่งนี้เช้าตอนสายเราก็จะออกเดินทาง

หลังจากที่แยกย้ายทำธุระส่วนตัวแล้วไปรวมตัวทานมื้อเย็นที่ห้องโถงที่ท่านเจ้าเมืองเลี้ยงต้อนรับ ผมนั่งลงข้างพี่ใหญ่ตามลำดับ ท่านพ่อแนะนำผมกับท่านเจ้าเมือง

“นี่บุตรชายคนเล็กของข้า”

“โตขนาดนี้แล้วรึ ข้ายังจำครั้งแรกที่ได้เจออยู่เลยตัวเล็กเท่านี้เอง” ท่านเจ้าเมืองยกมือขึ้นกะว่าตัวผมขนาดเท่าไหน พี่ใหญ่กระซิบเล่าให้ฟังว่าท่านเจ้าเมืองเป็นสหายกับท่านพ่อ ผมเลยยกยิ้มกว้างให้ท่านลุงที่เล่าเรื่องราวสมัยวัยรุ่นของท่านพ่อให้ฟัง

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อ”

“เซียวจิงมาแล้วหรือ ท่านอ๋องนี่เซียวจิงบุตรชายของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” ผมหันไปมองเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาร่างกายสูงโปร่งท่วงท่าน่ามอง รวมทั้งรอยยิ้มที่มอบให้กับท่านอ๋อง แล้วทรุดนั่งลงข้างท่านเจ้าเมือง

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องโบกมือให้ลุกขึ้นก่อนที่ท่านเจ้าเมืองจะบอกให้ตั้งโต๊ะ

“เชิญท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทุกจานเป็นฝีมือของบุตรชายกระหม่อมที่ลงทำครัวเพื่อต้อนรับทุกท่าน” เมื่อท่านเจ้าเมืองเอ่อ เซียวจิงก็ยกยิ้มบางมอบให้ท่านอ๋องไม่กล่าวอะไรเพียงคีบอาหารเข้าปาก

“รสชาติดี” เท่านั้นใบหน้าหวานของเซียวจิงก็ขึ้นสีทั้งยังส่งยิ้มเอียงอายให้ท่านอ๋อง แหม ช่างเสน่ห์แรงจริงๆ ผมเลิกที่จะสนใจแล้วคีบอาหารให้กับพี่ใหญ่เป็น

“พี่คิดถึงอาหารที่เจ้าทำ” พี่ใหญ่แอบกระซิบ

“ไว้น้องจะทำให้ขอรับ” เท่านั้นที่ใหญ่ก็เป็นฝ่ายคีบอาหารให้ผมแทน

“จานนี้เป็นอาหารที่กระหม่อมคิดเอง ขอท่านอ๋องชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ” มือเรียวคีบเนื้อในจานใส่ชามให้ท่านอ๋อง ซึ่งทำให้ผมแปลกใจเพราะตามธรรมเนียมแล้วคงไม่มีผู้ใดกล้าทำเพราะตามลำดับขั้นแล้วนั้นเซียวจิงไม่ควรกระทำ นัยน์ตาอำพันนั้นดูเยือกเย็นกว่าที่เป็น จ้อมมองเนื้อในชามนิ่งก่อนที่จะวางชามลง

“เปิ่นหวางมีธุระต้องทำต่อ เสียมารยาทแล้ว” พูดจบท่านอ๋องก็วางตะเกียบลุกออกจากโต๊ะอาหารทันที นี่คงเป็นการให้เกียรติ์ฉบับท่านอ๋องแล้ว ทั้งโต๊ะเงียบ ใบหน้างามของเซียวจิงซีดเผือก ท่านพ่อเมื่เห็นว่าบรรยากาศคงไม่ดีแล้วก็ขอตัวทำให้ผมรีบลุกขึ้นตาม

“ซื่อจูเจ้าไปพักเถอะ” ซื่อจูที่กำลังจะเข้ามาช่วยผมเปลี่ยนชุดก็โค้งให้แล้วถอยออกจากห้องไป ปลดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อตัวในและกางเกงตัวใน เดินไปที่โต๊ะสูงที่ซื่อจูนำอ่างน้ำอุ่นมาวางไว้ ล้างหน้าล้างตาและเช็ดเนื้อตัวเสร็จผมก็กระโดดขึ้นเตียง อากาศยามค่ำตอนนี้ใกล้เข้าอากาศหนาวไปทุกที เมื่อถึงเมืองหยางคงจะหนาวยิ่งกว่านี้ ไม่นานผมก็หลับไป

สายลมหนาวเริ่มพัดโชยหากแต่คงไม่เหน็บหนาวเท่ากับภายในห้องพักของผู้สูงศักดิ์ ไป๋อวี้จิ้งรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกเมื่อสหายปล่อยปราณเย็น

“เจ้าช่วยลดปราณเย็นลงเสียเถอะ” แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นเดียวกันหากแต่ระดับปราณนั้นเขายังห่างชั้นจากสหายผู้นี้ยิ่ง ปราณน้ำเข็งสูงถึงระดับ 7 ยังมิรวมวิชายุทธ์ที่ฝึกปรีอกับปรมจารย์อีก

“หากจือเซียวไม่เป็นสหายกับบิดาเจ้า ข้าจะไม่หน้าเขาอย่างนี้” เหตุใดจะเดาไม่ออกว่าจือเซียวต้องการสิ่งใด ต่อให้เขาไม่พึงใจกระต่ายน้อย ก็ไม่มีทางที่จะชอบพอใคร

“น่าๆ เจ้าใจเย็นลงเสียเถิด พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางแล้วเจ้าจะอารมณ์เสียไปใย”

“หึ ข้าเพียงแค่หงุดหงิดเท่านั้น”

“ข้าว่าคงไม่เพียงแค่หงุดหงิดเสียล่ะ มีปัญหาอันใด” นัยน์ตาคมเพียงปลายมองสหาย จะให้บอกได้เยี่ยงไรว่าหงุดหงิดที่น้องชายของเจ้านั้นเมินเขาตั้งแต่หายป่วย หลิงเอ๋อร์ก็หลบหน้า ไม่ยอมพูดคุยด้วยแถมยังทำตัวติดกับสหายตลอดเวลา

“อีกสี่วันก็เดินทางถึงหยางแล้วเจ้าจะทำเยี่ยงไรต่อ” คำถามที่มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ อวี้จิ้งมองแผ่นหลังของสหายแล้วถอดถอนหายใจก่อนที่จะกลับไปยังเรือนพัก

.

ย่ำรุ่ง ขบวนเดินทางก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางชินอ๋องขึ้นหลังม้าที่ควบม้าเคียงข้างนั้นรองแม่ทัพอวี้จิ้ง ตามด้วยรถม้าสองคันและขบวนทัพม้า ท่านเจ้าเมืองมาส่งพร้อมกับบุตรชายหากแต่สายตาของชินอ๋องก็มองเพียงรถม้าคันที่สองเมื่อล่ำลาเสร็จทัพก็ออกเดินทางไม่แม้ที่จะหันหลังกลับ เดินทางจนถึงยามเที่ยงก็ตั้งค่ายพัก ฝ่ายชินอ๋องและอวี้จิ้งต่างนั่งพูดคุยด้วยความเคร่งเรียด ส่วนไป๋อิงหลานเพียงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ร่างโปร่งก้าวลงจากรถม้า เดินไปหยิบของแห้งมาเพราะเร่งเดินทางเลยไม่อยากเสียเวลาไปกับการหาอาหารสด

“ซื่อจูเจ้าพาทุกคนไปหาผักที่พอหาได้เถอะ ข้าจะทำข้าวไว้รอ” ซื่อจูรับคำแล้วรีบนำพวกไปอีกสามสี่คนเดินหายเข้าป่า ส่วนผมก็นำข้าวและกุนเชียงมาเตรียมไว้ ซาวข้าวจนได้ที่แล้วหั่นกุนเชียงใส่ลงไป ปิดฝารอข้าวสุกไม่นานซื่อจูกับพวกก็เก็บผักกลับมา

“ซื่อจูเจ้าเด็ดผักพวกนี้นะ ส่วนหน่อไม้ เจ้าช่วยหั่นให้ข้าด้วย” รีบสั่งงาน ผักที่ได้มาผมลวกแล้วคลุกกับน้ำมันงาปรุงรสเล็กน้อยเพื่อทานตัดเลี่ยนส่วนหน่อไม้ที่ได้ผมนำมาต้มลดความขมก่อนที่จะต้มใส่กับเนื้อหมูรมควันเป็นซุปเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อกับข้าวเสร็จก็พอดีกับข้าวที่ได้สุกได้ที่ ผมให้ซื่อจูไปเรียนเชิญทุกคนมาทานข้าว

อยากจะเปลี่ยนที่นั่งจังเลยเว้ยยยย

โดยปกติท่านพ่อจะนั่งอีกด้านของผมแต่วันนี้กลับไปนั่งข้างพี่ใหญ่ทำให้ผู้ที่ผมคอยหลบหน้านั้นนั่งอยู่ข้างๆ เมื่อแจกจ่ายข้าวหูงกุนเชียงให้ทุกคนทานคู่กับผัดผักและแกงจืดหน่อไม้

“เราคงต้องเร่งเดินทางเพราะหากเข้าฤดูหนาวจะเดินทางลำบาก” พี่ใหญ่พูดขึ้นผมและท่านพ่อพยักหน้ารับ ร่างกายผมก็เริ่มคุ้นชินกับการเดินทางแล้ว

“พ่อไม่มีปัญหาอันใด”

“น้องจะรับผิดชอบเรื่องอาหารเอง” พี่ใหญ่ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ส่วนผู้ที่นั่งข้างๆ นั้นผมได้เพียงชำเลืองมอง อ่า ทำไมถึงได้ทำหน้าบึ้งตีงอย่างนั้นเล่า อ่า หรือว่าจะโมโหที่ผมหลบหน้ากัน ทานข้าวด้วยความรู้สึกกังวล เมื่อทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางต่อ

“ซื่อจูเจ้าเก็บของให้ข้าที” ว่าจบผมก็รีบกระโจนตามร่างสูงที่เดินไปยังม้าสีดำตัวใหญ่น่ากลัว ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับดึงชายแขนเสื้อไว้

“แฮ่กพี่เว่ย”

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าหายใจเข้าลึกๆ” ผมที่วิ่งมาเต็มแรงเพราะร่างกายนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเพียงแค่วิ่งนิดเดียวก็หอบเสียแล้ว ผมเกาะท่อนแขนแกร่งไว้พยุงตัวจวบจนหายใจเป็นปกติถึงได้เงยหน้ามองผู้เป็นหลักยึด

“พี่เว่ยท่านโกรธอะไรข้ารึ”

“ข้าเปล่าเจ้ารีบกลับไปเถอะ”

“ท่านโกรธ ท่านโกรธข้า” ผมพูดเสียงเบา โกรธแล้วทำไมไม่ยอมรับเล่า ถ้ายังดื้อผมจะไม่ง้อแล้วจริงๆ นะ เอ๊ะแล้วทำไมผมต้องง้อด้วย

“เจ้าเมินข้า”

“ข้าเปล่านะ ข้าแค่.....” พอพูดไม่ออกผมก็วาดมือไปมา เพียงแค่สบกับนัยน์ตาคมคู่นั้นก็ทำให้ผมร้อนผ่าวไปทั้งตัว ก็เพราะสายตาที่มองมานั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ทั้งยังรอยยิ้มที่สะกดให้ละสายตาไม่ได้นั่นอีก

แปะ

“สีหน้าเจ้ายามนี้..ช่างน่ารักยิ่ง”

บึ้ม

ตอนนี้ไม่เพียงแค่ตัวร้อนแล้ว ผมระเบิดตัวเองไปเรียบร้อย เพียงแค่ฝ่ามือที่แนบแก้มแล้วคำพูดคำจานั่นอีก ผมได้สติแตกไปแล้ว

“แก้มเจ้าช่างนุ่มนัก ยิ่งแต้มสีชาดยิ่งชวนให้...”

“ข้าไม่อยู่แล้ว” จะชวนให้อะไรผมก็ไม่อยู่ฟังแล้ว เพราะถ้าขืนฟังยิ่งกว่านี้ผมได้ระเบิดตัวเองตายแน่ๆ

ทำไมดาเมจเยอะแบบนี้นะ
****************************

ลงก่อน 40 เปอร์นะเจ้าคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2019 19:14:00 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 8/7/2562
«ตอบ #93 เมื่อ08-07-2019 18:30:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
“ข้าเปล่านะ ข้าแค่.....”
จงเติมคำในช่องว่าาาาาาาาาง

เขิลลลลล ใช่ไหมเจ้าบอกเรามา :-[

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:

ช่ายยยย............ ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ถ้าจะขนาดนี้ ก็แต่งกันเถอะค่ะ

 :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ต่อค่ะ

ผมหนีกลับมาขึ้นรถม้ายกมือขึ้นจับหน้าอกรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นรัวเสียจนน่ากลัว เป็นหนึ่งแกเป็นผู้ชายแท้ๆ นะเว้ย แกจะมาเขินมาใจเต้นแรงแบบนี้ไม่ได้ สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง และใคร่ครวญถึงอาการแปลกๆ ของตัวเอง

“หึย เป็นเพราะท่านคนเดียวเลย” ต้นเหตุของอาการของเขา

.

คล้อยหลังกระต่ายตัวขาวที่กระโดดหนีไป ชินอ๋องยกยิ้มกว้างอย่างที่มิมีผู้ใดเคยเห็น ช่างเป็นกระต่ายน้อยที่น่าเอ็นดูยิ่ง ผิวแก้มนิ่มนั้นยังคงติดอยู่ในสัมผัส แววตากลมที่สบตาเขาอย่างไม่หวาดกลัวและซื่อตรงนั่นยิ่งตรงใจเขา กล่าวคือไม่มีทั้งบุรุษและสตรีกล้าสบตาเขาอย่างไม่หวั่นกลัว เจ้าตัวน้อยถึงขั้นมางอนง้อในใจยิ่งเกิดความรู้สึกเอ็นดู อารมณ์หงุดหงิดนั้นจางหายในพริบตา กระโดดขึ้นหลังม้าควบเยาะๆ ไปยังหัวขบวน

“เจ้าดูอารมณ์ดี”

“แล้วไม่ดีรึ” ผินหน้าไปมองสหายที่ควบม้ามาข้างๆ

“คงเป็นเพราะน้องข้าสินะ” เมื่อสหายพูดถึงกระต่าย มุมปากก็ยกยิ้มแต่มิไม่พูดตอบออกไปหากแต่เร่งควบม้านำเพื่อเป็นการตัดบท เมื่อเดินทางจนพลบค่ำก็ตั้งค่าย

“สลับเวรยามอย่าให้ขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อกำชับทหารเสร็จก็ทรงเดินไปยังกองไฟที่ตระกูลไป๋นั่งอยู่ก่อนแล้ว ก้าวไปนั่งข้างๆ กระต่ายที่สะดุ้งพร้อมกับก้มหน้าลบสายตาเขา

“มื้อนี้เจ้าทำอะไรรึ” เพียงแค่เอ่ยถามเจ้ากระต่ายก็สะดุ้งแล้วเอ่ยออกมาเสียงสั่นเบา

“อ่า ข้าทำข้าวต้มขอรับพี่เว่ย” อย่างน้อยหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ทั้งยังคีบอาหารเผือแผ่มายังเขา เมื่อกินมื้อเย็นเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปพักผ่อน อวี้จิ้งจะเป็นผู้เฝ้ายามวันนี้ ส่วนตัวเขานั้นเมื่อไม่มีผู้ขัดขวางแล้วก็ก้าวไปยังรถม้าที่อยู่ไม่ไกลกัน

ก๊อกๆ

“ใครนะ”

“ข้าเองหลิงเอ๋อร์”

“อ่าพี่เว่ยท่านมีอะไรหรือขอรับ” เสียงกุกกักข้างในพอให้รู้ว่าคนข้างในนั้นขยับตัว

“พรุ่งนี้เจ้าอยากจะขี่ม้าหรือไม่”

“อ๊ะ ได้หรือขอรับ” น้ำเสียงดีใจนั้นทำให้เขาคิดไม่ผิดที่เดินมาเอ่ยชวน หากเจ้าสหายยังอยู่คงไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาใกล้รถม้าเป็นแน่

“ได้สิ ข้าจะสอนเจ้าเอง”

“ขอบคุณนะขอรับ” และต่างฝ่ายต่างเงียบงันจนกระทั่งเสียงหวานลอดจากรถม้า “ฝันดีนะขอรับพี่เว่ย” แล้วทุกอย่างในรถม้าก็เงียบลงปล่อยให้เขาผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกเป็นฝ่ายนิ่งงันแทน อ่า ข้าอยากจับกระต่ายไปนอนกอดยามนอนเสียจริง

.

.

รุ่งเช้าร่างบางรีบตื่นนอนลุกไปทำธุระส่วนตัวแล้วค้นหาชุดที่ดูทะมัดทะแมงที่สุดในหีบโชคดีที่ยังมีชุดสีดำเมื่อแต่งตัวเสร็จผมก็ให้ซื่อจูช่วยรวบผมให้

“เหตุใดเจ้าแต่งตัวเยี่ยงนั้นเล่าน้องพี่”

“เอ่อ..คือว่าพี่เว่ยจะสอนข้าขี่ม้าขอรับ” มือเรียวกำแขนเสื้อแน่นเมื่อลงจากรถม้าก็เห็นพี่ใหญ่มายืนรออยู่แล้ว และเมื่อรู้ว่าน้องชายจะไปฝึกขี่ม้ากับผู้ใดคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปมแน่น เจ้าสหายน่าตายของเขาไปนัดแนะกับน้องรักเขาตั้งแต่เมื่อใด

“เอาเถอะ หากเจ้านัดกันแล้วพี่ก็คงห้ามไม่ได้”

“ขอบคุณพี่ใหญ่มากขอรับ ไว้ข้าจะทำของหวานอร่อยๆ ให้ทานนะครับ” เพียงได้ยินว่าน้องรักจะทำขนมอาการหวงก็ดูจะลดลงระดับหนึ่ง

“ข้ารักพี่ใหญ่ที่สุดเลย” กระโดดเข้าไปกอดแขนถูไถใบหน้ากับต้นแขนใหญ่อย่างออดอ้อนแล้วค่อยพากันไปร่วมวงทานข้าวเช้าผมให้ซื่อจูขึ้นไปนั่งรถม้าส่วนผมก็ยืนอยู่ข้างชินอ๋อง โดยไม่ไกลนั้นม้าสีดำตัวใหญ่ถูกผูกอยู่

“นี่คือเฮ่ย (สีดำ) ของข้า”

“มันตัวใหญ่จัง” ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งดูสูงใหญ่ ผมเปลี่ยนความคิดได้ไหมกลับไปนั่งรถม้าเหมือนเดิมได้รึเปล่า พอเข้าไปใกล้เจ้าเฮ่ยก็พ่นลมหายใจเสียงดังท่าทางฮึดฮัดเล่นเอาผมกระโดดหลบหลังกว้าง

“ไม่เป็นไร เจ้าเฮ่ยเพียงแค่ทักทายเจ้า” ทักทายได้น่ากลัวมากเลยขอบอก

“มันจะไม่กัดหัวข้านะขอรับ” เสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้เป็นกำบังนั้นทำให้แก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองนั้นพูดอะไรออกไป

“มาเถอะเจ้าไปทำความรู้จักกับมันกัน” มือใหญ่เลื่อนมากุมมือเล็กอย่างแผ่วเบาหากแต่หนักแน่นในความรู้สึกว่า หากมีมือคู่นี้คอยกอบกุมอันตรายใดๆ ก็ไม่สามารถแผ่วพานเขาได้

“ค่อยๆ สัมผัสมัน” ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แล้วชูมือให้เฮ่ยดมแม้แรกจะพ่นลมหายใจใส่ผมก็ตามไม่นานก็ดูมีท่าทีอ่อนลง ผมลูบด้านหน้ามันด้วยความตื่นเต้น

.

.

ท่าทางดีอกดีใจเมื่อม้าของเขายอมให้กระต่ายน้อยสัมผัส รอยยิ้มกว้างถูกมอบให้เขาเพียงผู้เดียวช่างเป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง

“มาเถอะพี่จะพาขึ้นม้า” ก่อนที่กระต่ายน้อยจะรู้ตัวมือใหญ่ก็จับเข้าที่เอวบางแล้วยกขึ้นทันที

“เหวออ”

พรึบ ร่างสูงเหยียบโกลนก่อนที่จะตวัดตัวขึ้นหลังม้าซ้อนหลังกระต่ายน้อยที่นั่งเกร็งตัวแข็งทื่อ

“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว”

“ท่านทำบ้าอะไรพี่เว่ย ข้าตกใจแทบแย่”

“พี่ขอโทษเจ้า จับดีๆ” แม้จะโดนบ่นหากแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มบาง กระต่ายน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ใกล้ชิดกันเพียงไหน กลิ่นหอมจางจากกลุ่มผมนิ่มนั้นชวนให้สูดดมมิรู้เบื่อ เอวบางคอดที่เพียงแขนข้างเดียวก็โอบรอบ ยิ่งถูกกักในอ้อมแขนยิ่งทำให้กระต่ายน้อยดูตัวเล็ก แต่ก็เพราะยังเด็กอยู่

“นี่เรียกว่าบังเหียนไว้คอยบังคับม้า ส่วนที่พี่เหยียบอยู่นั้นคือโกลน หากเจ้าจะให้ม้าเดินเพียงกระทุ้งเบาๆ” เขาว่าพร้อมกับแสดงให้ดู เฮ่ยค่อยเดินออกไป เขาบังคับม้าคู่ใจให้เดินเข้าร่วมขบวน ท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของเหล่าทหารหากแต่ไม่กล้ามองตรงๆ

“น้องข้าบอกว่าเจ้าจะสอนขี่ม้า นี่รึการขี่ม้าที่เจ้าสอน” บรรยากาศดีๆ นั้นถูตีกระเจิงเมื่อสหายเขาควบม้ามาใกล้

“ออกเดินทางได้” เลิกที่จะเมินเฉยต่อคำถามของสหายแต่สั่งการณ์ให้เคลื่อนพลทันที

“สูงจังเลยขอรับ”

“เดี๋ยวเจ้าก็ชิน อย่าเกร็งเยี่ยงนั้นมิเช่นนั้นเจ้าจะปวดเอวได้”

“ขอรับ”

ตุบ

แผ่นหลังเล็กเอนซบเขาทันที

“ดียิ่งขอรับ ข้าไม่ปวดหลังเลยขอรับ”

ไม่รู้ว่าการสอนขี่ม้าจะเป็นประโยชน์หรือการลงโทษตัวเองกันแน่

********************************************************

อยากจิแหมมมมยาวค่ะ คนเราก็หาเรื่องกินเต้าหู้กระต่ายไปเรื่อย

ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ ช่วงนี้เราวุ่นวายทั้งงานราชงานหลวงก็จะมาช้าหน่อย

แต่จะพยายามมาทุกอาทิตย์นะคะ

อ่านแล้วเป็นไงอย่าลืมบอกเรานะ กดถูกใจ คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:

ช่ายยยย............ ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เค้าก็อยากแต่งยาวๆแต่เวลาไม่เป็นใจเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หวานกันวันละนิด จิตแจ่มใส

 :-[ :-[

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จ้า หลอกกินเต้าหู้ไปเรื่อยเนอะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถ้า หลิงเอ๋อร์ เป็น กระต่ายน้อย ตาแป๋ว หนึ่งตัว ....... :o8:
แล้วพี่เว่ย เป็นอะไร เลือ ..... หรือหมาป่า ล่ะ  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เจ้าเล่ห์จริ๊งงงงงง ท่านอ๋องงงง

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
พี่เว่ยเจ้าเล่ห์นะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พึ่งตามอ่านค่า สนุกก ตอนแรกนึกว่าเฉียงอ๋องจะเป็นพระเอกซะแล้ว ดีที่เป็นชินอ๋อง55555
ตอนแรกๆแอบมีคำผิดเยอะอยู่นะคะ(เช่นคำว่า ตระก้า ค้องเป็น ตะกร้า ค่ะ) แล้วก็เหมือนจะมีคำตกหล่นทำให้งงๆเล็กน้อย แต่ตอนหลังๆไม่ค่อยมีแล้วค่ะ อ่านได้ลื่นไหลดี

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
พึ่งตามอ่านค่า สนุกก ตอนแรกนึกว่าเฉียงอ๋องจะเป็นพระเอกซะแล้ว ดีที่เป็นชินอ๋อง55555
ตอนแรกๆแอบมีคำผิดเยอะอยู่นะคะ(เช่นคำว่า ตระก้า ค้องเป็น ตะกร้า ค่ะ) แล้วก็เหมือนจะมีคำตกหล่นทำให้งงๆเล็กน้อย แต่ตอนหลังๆไม่ค่อยมีแล้วค่ะ อ่านได้ลื่นไหลดี
ขอบคุณนะคะ สำหรับคำผิดจะแก้ไขให้ดีขึ้น ตอนแรกๆพิมพ์เสร็จก็ลงเลยไม่ได้ตรวจ จะปรับปรุงให้อ่านได้ลื่นไหลนะคะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
10

“อ่า...ดีมากซื่อจู ขยับขึ้นมาอีกนิด”

“ตรงนี้หรือขอรับ”

“ใช่แล้ว อืม...”

หลังจากที่ไปฝึกขี่ม้าหรือไปให้ชินอ๋องหลอกกินเต้าหู้ก็ตามเถอะ เอาตรงๆ ใครเขาพากันสอนขี่ม้ากันแบบนั้นเล่าแต่ก็เอาเถอะถือว่าผมให้สิ่งตอบแทนที่ชวนผมออกไปขี่ม้า ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้ผมปวดเอวมากก็เถอะ ถึงได้ให้ซื่อจูมานวดให้หลังจากที่ตั้งค่ายตอนค่ำ

“พอเถอะเจ้าไปพักเถอะ” ผมลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยซื่อจูก็ออกจากรถม้าไป ผมหยิบสมุดบันทึกพร้อมกับดินสอที่ผมบอกให้บ่าวที่จวนไปตัดไม้ไผ่มาเหลาเป็นแท่งเล็กๆ แล้วสอดไส้แท่งถ่านเข้าไปเพราะการเขียนพู่กันนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับผมจริงๆ น่าแปลกที่ความสามารถของร่างกายนี้บางอย่างก็ไม่ได้มอบให้เขา ความทรงจำบางอย่างก็ชวนให้สับสน ความทรงจำที่มักมาในห้วงฝันบางครั้งเหมือนละครฉากหนึ่งแต่ก็ถูกตัดไป ต้องการบอกอะไรข้ารึเปล่านะอวี้หลิง ศีรษะเล็กสะบัดไปมาเสียจนเส้นไหมนั้นพันกันยุ่ง

แต่เอ๊ะ ผมจะคิดมาไปทำไมกันยังไงเสียความทรงจำนั่นก็เป็นของอวี้หลิง มือเล็กจดบันทึกประจำวันด้วยภาษาอีกภพจนเมื่อเสร็จก็ดับตะเกียง ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย รุ่งเช้าผมตื่นสายกว่าปกติเพราะร่างกายประท้วงว่าผมใช้งานหนักเกินไป คอยดูเถอะเมื่อถึงเมืองหยางเมื่อไหร่จะเปิดคอร์สฟิตเนส ฟิตหุ่นไม้เสียบผีนี่มีเนื้อมีหนังกว่านี้ อยากจะบอกว่าตอนแรกที่มาที่นี่ผมตกใจกับร่างของอวี้หลิงมากแต่ก็พอเข้าใจทั้งค่านิยมและร่างกายที่อ่อนแอของอวี้หลิงเลยทำให้ผอมแห้งแรงน้อย

“เจ้าพร้อมหรือไม่” อยากจะบอกว่าไม่พร้อมจะได้ไหมล่ะ

“น้องข้าพร้อมหรือไม่พร้อมก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า” ก่อนที่ผมจะตอบก็มีคนตอบให้เสียก่อน พี่ใหญ่ก็เป็นฝ่ายตอบให้แทนพร้อมกับรั้งให้ผมไปยืนอยู่ด้านหลัง

“หลิงเอ๋อร์จะเรียนขี่ม้ากับข้า”

“ข้าไม่เห็นเจ้าสอน แต่เจ้าหลอกกินเต้าหู้น้องข้า” ผมพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ อย่างเห็นด้วย ใช่หลอกกินเต้าหู้ผมชัด เมื่อเห็นท่าทางเห็นด้วยของผมคิ้วหนาก็ขมวดเป็นโบว์ทันที

“หลิงเอ๋อร์ให้พี่ใหญ่สอนเจ้าดีกว่าหรือไม่”

“อวี้จิ้ง” ผมมองทั้งสองคนสลับไปมา นี่ใช่เรื่องที่ต้องแย่งชิงกันสอนเลยรึ ผมส่ายหัวเบาๆ

“พี่ใหญ่มิใช่ท่านต้องนำทัพล่วงหน้าไปก่อนหรือขอรับ” ผมถามขึ้นเพราะรู้จากชินอ๋องเรื่องที่จะให้พี่ใหญ่นำทัพไปที่เมืองหยางก่อน ส่วนเรื่องธุระนั้นผมไม่สามารถรู้ได้ เอาเถอะก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องรู้อยู่แล้ว

เรียวแขนเล็กถูกดึงรั้งให้ไปยืนข้างชินอ๋อง พี่ใหญ่โวยวายหนักแต่ก็จนใจเมื่อมีนายกองมาเรียก พี่ใหญ่ร่ำราพร้อมกับกำชับหลายสิ่งจนผมเวียนหัวไปหมดแล้ว จนนายกองมาตามรอบที่สองถึงได้ยอมจากไปทิ้งผม

“ข้า..ขอไปหาบิดานะขอรับ” ผมรีบหาทางหนีทีไล่

“หึ เจ้ารู้รึที่พี่ทำ”

“คงไม่รู้หรอกขอรับ ชัดเจนเยี่ยงนั้น”

“เหตุใดถึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ” เพราะต่อให้เป็นชายหากแต่กระต่ายน้อยก็เป็นบุรุษที่ถูกวางให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายของเฉียงอ๋อง เช่นนั้นการเป็นอยู่ก็เฉกเช่นสตรีในห้องหอ นัยน์ตากลมสบตาเขาอย่างซื่อตรงและจริงใจ

“ท่านเป็นสหายกับพี่ชายข้าและข้าก็เป็นบุรุษจะเดือดเนื้อร้อนใจอันใด” ทำไมจะไม่เข้าใจที่ชินอ๋องจะสื่อ ถึงจะเข้าใจแต่ก็ผมก็ยังไม่พร้อมที่เปิดรับใครผมอยากใช้ชีวิตกับการเป็นบุตรชายคนเล็กของบิดา เป็นน้องน้อยของพี่ใหญ่และพี่รอง

“เจ้าไม่เข้าใจพี่จริงรึ”

“ข้ายังเด็กนักอีกอย่าง...ข้ายังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้” ผมตอบไปตามตรง นัยน์ตาดุนั้นเพียงแวบหนึ่งนั้นทอประกายเอ็นดู

“เช่นนั้นรึ” เส้นไหมดำขลับถูกสัมผัสจากมือใหญ่ ถ้อยคำที่เอ่ยอออกมาสื่อถึงความเข้าอกเข้าใจ “ขึ้นม้าเถอะ” เมื่อเห็นชินอ๋องเปลี่ยนเรื่องผมก็ไม่เอ่ยอะไรอีกปล่อยเบลอกับเรื่องที่คุย ท่านอ๋องอุ้มเขาขึ้นม้าหากแต่เป็นการนั่งที่แปลกไปเดี๋ยวนะข้าไม่ใช่สตรีเสียหน่อยถึงได้นั่นแบบนี้ ยังไม่ทันท้วงชินอ๋องควบม้าไปเทียมรถม้าของบิดา

“ท่านลุงไป๋”

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” บิดาเปิดม่านเพื่อสนทนากับท่านอ๋อง

“เปิ่นหวางจะขอพาหลิงเอ๋อร์ล่วงหน้าไปก่อน” ไป๋อิงหลานมองทั้งอดีตลูกศิษย์และบุตรชายตัวน้อย

“ท่านรู้ตัวรึไม่ว่ากระทำอันใดอยู่ “

“เปิ่นหวางรู้”

“ตามใจท่านเถอะ ดูแลหลิงเอ๋อร์ให้ดี”

“เปิ่นหวางรับปาก” ผมได้แต่มองทั้งสองคนพูดคุยกัน ก่อนที่แขนแกร่งรั้งเอวเล็กให้เข้ามาชิด ก่อนที่จะควบม้าทะยานออกไป

“ย่าห์”

ม้าศึกชั้นดีทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงฝุ่นควันไว้ด้านหลัง ยิ่งเจ้าเฮ่ยควบทะยานออกไปผมก็รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวทั้งความเร็วและการกลัวตกแขนเรียวกอดเอวสอบแน่นจนแทบจะผสานร่างซุกซบหน้าลงกับอกกว้างกลิ่นกายหอมเย็นช่วยให้คลายหวาดกลัวลงได้อย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าควบบึ่งมานานเท่าใดเมื่อรับรู้ได้ว่าเจ้าเฮ่ยอยู่นิ่งเขาก็ค่อยๆ ผละออก ดวงดากลมเบิกกว้างเมื่อมองเห็นทิวทัศน์เบื้องหน้า ทุ่งดอกไม้มากมายสีสันสุดลูกหูลูกตา

“ว้าว สวยจัง” ภาพเบื้องหน้าแทบทำให้ผมหยุดลมหายใจ ความอุ่นที่แนบชิดผละออกไปพร้อมกับมือใหญ่ที่อุ้มผมลงจากหลังม้า

“เจ้าชอบหรือไม่”

“ชอบมากขอรับ” ผมเดินไปนั่งท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นยิ่งทำให้ผมชอบกว่าเดิม หนึ่งในความชอบของผมคือดอกไม้แม้จะไม่เข้ากับร่างก่อนของผมก็เถอะ

“พี่ดีใจที่เจ้าชอบ.....และพี่ก็ชอบเจ้า”

ตึกตัก ตึกตัก

ไม่นะ ใจจ๋าอย่าเต้นแรงนักสิ แก้มขาวขึ้นสีแดงก่ำแววตากลมสั่นระริกไหว ความตั้งมั่นที่เอ่ยปากไว้เกิดสั่นคลอน เมื่อสบสายตาคมที่สื่อความรู้สึกอย่างซื่อตรง

“ข้า...ข้ารู้ความรู้สึกของท่านดี หากแต่ข้าก็บอกท่านไปแล้ว” พูดตอบไปพร้อมกับก้มหน้าเก็บดอกไม้แก้ขัดเขิน หากแต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกคนมานั่งลงข้างๆ

.

.

หยางเว่ยชินรู้ดีในเหตุผลของกระต่ายน้อยที่ปฏิเสธหากแต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยกระต่ายตัวนี้ไปได้ เส้นไหมนุ่มในมือถูกยกขึ้นมาจรดจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของดอกโม่ลี่ (มะลิ) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลิ่นกายของร่างเล็กไปเสียแล้ว เพียงแค่ 16หนาวยังดึงดูดสายตาเขาถึงเพียงนี้หากแต่เมื่อครบ18 หนาวแล้วเขาจะตัดใจห่างจากกระต่ายน้อยได้รึ อีกสองปีที่ห่างกันกระต่ายน้อยจะลืมเขาหรือไม่ รึเป็นเพราะความรักครั้งแรกของร่างบางนั้นเจ็บช้ำจนยังไม่เปิดใจให้เขา ไม่เป็นไรเขารอได้

“พี่มีเรื่องจะบอกแก่เจ้า” กระต่ายน้อยยอมที่จะเงยหน้ามามองเขาเพียงครู่ก็หันไปเก็บดอกไม้ต่อ “หากหลิงเอ๋องร์ยังมิเปิดใจให้พี่ ก็ให้เวลาเป็นการพิสูจน์”

“เวลาหรือขอรับ”

“ใช่ สองปี”

“ท่านจะไปที่ใด” เมื่อเขาบอกว่าสองปีกระต่ายน้อยดูเหมือนจะตกใจรีบหันมาถามทันที มุมปากระบายยิ้มบาง เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของร่างเล็ก แท้จริงแล้วการมาเมืองหยางนั้นมิใช่เพียงให้เขามาประจำที่ค่ายพยัคฆ์หากแต่ต้องเป็นตัวแทนเสด็จพี่ไปยังต่างเมืองและก็คงมิใครเหมาะสมเท่ากับเขา

“ต้องทางไปกับชาวโฝหลางจี” ดอกไม้ร่วงหล่นจากมือเล็กเมื่อรับรู้ว่าอีกคนจะต้องเดินทางไปไหน

“เหตุใดต้องไปถึงสองปี”

“นั่นเป็นเพียงกำหนดการณ์หากแต่คงไม่เกินสองปี” คิ้วเรียวขมวดแน่น เมื่อได้ยินว่าอีกคนจะจากไปทำไมถึงได้รู้สึกใจหายแบบนี้นะ “จะถือว่าเป็นการพิสูจน์ทั้งตัวพี่และตัวเจ้า”

*********************************

เอาไปก่อน 50 เปอร์นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เข้าสุภาษิตที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนซินะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฮี่ยยย........ ใยตัวหนังสือช่างมีน้อยจริงๆ  :z3:
ข้าอ่านได้แป๊บเดียวก็หมดซะและ......   o22 :เฮ้อ: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตั้ง 2 ปี
ท่านพี่พากระต่ายน้อยไปด้วยได้มั้ย

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
กระต่ายน้อยใจหายเลยท่านชินอ๋องหายไป 2 ปี  :กอด1: รักน้อง   :L2:  :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ต่อค่ะ

เพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไรออกไปผมก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตักสองปี ยิ่งห่างใจคนเราจะเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ

“กระต่ายน้อยของข้าเจ้าอย่าได้คิดมาก” เมื่อเห็นกระต่ายน้อยทำหน้าเคร่งเครียดใจเขาก็รู้สึกเอ็นดู

“ไม่ใช่กระต่ายเสียหน่อย ท่านจะเดินทางวันไหน” น้ำเสียงเหงาๆ นั่นทำให้เขานั่งลงข้างๆ แล้วล้มตัวนอนลงบนตักกระต่ายที่นุ่มกว่าที่คาดไว้สูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด

“ทะ.ท่านๆ” เหมือนกระต่ายน้อยจะตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว จับมือเล็กที่โบกไปมาไว้แน่นมืออีกข้างล้วงเข้าไปในสาบเสื้อหยิบกำไลหยกปะการังสีแดงออกมาค่อยๆ บรรจงสวมเข้าที่ข้อมือเล็ก ข้อมือขาวถูกตัดด้วยกำไลหยกสีแดง

“เหมาะกับเจ้าอย่างที่พี่คิดไว้” กำไลหยกปะการังสีแดงนั้นเป็นของหายากในราชวงศ์มีเพียงสองวงเท่านั้น เป็นสิ่งที่เสด็จแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะออกท่องเที่ยวกับเสด็จพ่อ วงหนึ่งมอบให้องค์ฮ่องเต้และอีกวงให้กับเขา ไว้เป็นของหมั้นหมายกับคนที่พึงใจ

“พี่เว่ย ข้ารับไว้ไม่ได้มันดูมีราคามาก”

“รับไว้เถิด ถือว่าเป็นของแทนใจพี่” ละสายตาจากข้อมือขาวเงยหน้าสบดวงหน้าแก้มนุ่มนั้นดั่งแต้มชาดแดงระเรื่อ “เจ้ารอพี่ได้หรือไม่”

“สองปี...กาลเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน ข้าไม่รับปากท่านหากเมื่อถึงวันนั้นเราสองยังคงเหมือนเดิมข้าก็จะรอ” ถ้อยคำที่กระต่ายน้อยพูดออกมา ทำให้เขาขบคิดร่างสูงลุกขึ้นจากตักนิ่มสองมือเลื่อนไปกุมมือเล็กทั้งสองข้าง สบตากับกระต่ายน้อยนิ่งก่อนที่จะกระทำการที่ทั้งตัวเขาเองและร่างบางต่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากหยักแนบชิดกับหน้าผากเนียน กดจูบเนินนานเพราะความรู้สึกที่พรั่งพรูภายใน

“พี่ขอมัดจำเจ้าไว้” แม้จะเสียดายผิวเนียนกลิ่นหอมที่ติดปลายจมูกแต่ก็ต้องจำใจผละออกมา ใบหน้าหวานแดงก่ำดวงตากลมเบิกกว้างดูท่าจะสิ้นสติไปเสียแล้ว

.

.

เมื่อกี้นี้

จูบ??

ไม่สิ จุ๊บ

งือผมโดนจุ๊บหน้าผาก ภาพเบื้องหน้ามีเพียงใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มกว้าง จะบอกว่าผมตกใจไหมที่ชินอ๋องออกเดินทาง คงต้องบอกว่าผมใจหายเสียมากกว่าเพราะตั้งแต่มาที่นี่ นอกจากครอบครัวก็มีเพียงชินอ๋องที่สนิทสนมด้วยแถมยังความรู้สึกวูบโหวงในอกนี่อีก

“ข้าอยากกลับไปหาท่านพ่อแล้ว” ผมรีบพูดแก้เก้อพร้อมกับก้มหน้าก้มตาหลบสายตาบุรุษตรงหน้าที่แม้ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกจ้องมองเขาเสียที ในอ้อมแขนนั้นประคองกอดช่อดอกไม้ที่เก็บไว้เอาไว้จะไปทำดอกไม้แห้งอบผ้า

“งั้นขึ้นม้าเถิด” มือใหญ่สอดรัดที่เอวแล้วยกผมขึ้นหลังม้าจนผมชินเสียแล้วกับการที่นั่งบนม้าแล้วมีชินอ๋องอยู่ซ้อนอยู่ด้านหลัง เพราะใกล้พลบค่ำอากาศจึงเย็นขึ้นหากแต่ลมหนาวกลับไม่โดนผิวเขาเลยสักนิดเพราะทันทีเมื่อท่านอ๋องควบม้าผ้าคลุมกันลมก็ถูกห่มเอวถูกรัดให้แนบชิด แม้ข้างนอกจะหนาวแต่ผมกลับถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น แถมยังอบอุ่นเสียงจนเคลิ้มหลับไป

รู้ตัวอีกทีม้าก็มาหยุดที่หน้าประตูจวนใหญ่ ป้ายจวนสลักอักษรไป๋ที่ดูแข็งแกร่งและสง่างาม อ่าคงเป็นจวนตระกูลผมสินะ ตอนนี้คงจะเลยเวลาทานมื้อเย็นเสียแล้ว แม้ท่านอ๋องจะเร่งควบม้าเพียงใดก็ยังมาถึงจวนก็ค่อนคืนแล้ว

“พี่คงส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้”

“ขอบคุณที่ท่านมากที่พาข้าไปยังทุ่งดอกไม้และกำไลล้ำค่านี้อีก”

“แค่เจ้าชอบก็พอแล้ว เจ้าเข้าจวนเถอะ” ผมเดินขึ้นไปยังประตูจวนไม่ต้องรอนานบ่าวก็เปิดประตูจวนให้ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าประตูจวนก็หันกลับไป

“เดินทางกลับดีๆ นะขอรับ” ว่าแล้วผมก็รีบกระโดดเข้าจวน จวนตระกูลไป๋ที่เมืองหยางนั้นขนาดไม่ใหญ่เท่าเมืองหลวงหากแต่ร่มรื่นและดูเรียบง่าย ผมเดินตามบ่าวไปยังห้องโถงกลาง สองมือประคองกอดช่อดอกไม้ในมืออย่างทะนุถนอม

“กลับมาแล้วหรือน้องรัก” ขาเรียวหยุดชะงักรอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มเลือนหายเมื่อเห็นใบหน้าพี่ชาย ด้านหลังคือบิดาที่นั่งจิบชาหากแต่แรงกดดันนี้คืออะไร

“พะ...พี่ใหญ่”

“ใช่ ข้าพี่ใหญ่ของเจ้า”

“พี่ใหญ่ใจเย็นๆ นะขอรับ”

“ข้าไม่ชอบใจที่เจ้าไปด้วยดันเพียงลำพังกับเว่ยชิน” อวี้จิ้งหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อขบวนเดินทางมาถึงจวนหากแต่มิเห็นน้องชายเมื่อสอบถามความกับบิดาก็รู้ว่าน้องรักเขาไปที่ใดกับใครก็รู้สึกโมโหขึ้นทันที

“แต่ท่านพ่อเป็นผู้อนุญาตนะขอรับพี่ใหญ่”

“ท่านพ่อ ข้ารู้นะขอรับ”

“พอเถอะอวี้จิ้ง” เมื่อเห็นว่าบิดาเป็นฝ่ายสนับสนุนผมก็รีบกระโดดไปนั่งข้างๆ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ดุข้า ข้าเก็บดอกไม้มาไว้ทำถุงหอมด้วยนะขอรับ” ส่งช่อดอกไม้ไปให้ซื่อจูที่มารอให้เอาไปเก็บ ระหว่างนั้นไป๋อิงหลานก็สังเกตเห็นที่ข้อมือของบุตรชายคนเล็ก

“หลิงเอ๋อร์เจ้าได้มาจากใคร” แม้จะคาดเดาได้ว่าเป็นของผู้ใดก็ตาม

“เอ่อ..พี่เว่ยเป็นผู้ให้ลูกมาขอรับ”

“งั้นรึ เจ้าต้องเก็บไว้ดีๆ”

“ขอรับ” เพราะน้องชายและบิดาเลือกที่จะพูดคุยโดยการเมินเขาที่ยืนปักหลักอยู่กลางห้องโถงอวี้จิ้งยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นกำไลสีแดงที่ข้อมือน้องชาย

“ช่างเถิดอีกไม่ถึงเดือนเจ้าก็จะไม่ได้เจอสหายน่าตายของพี่ใหญ่แล้ว” เมื่อคิดได้ว่าเว่ยชินจะต้องออกเดินทางรล่องเรือใจของบุรุษชาติพยัคฆ์ก็ดูจะดีขึ้น

“พี่เว่ยบอกน้องแล้ว พี่ใหญ่ท่านเลิกหวงข้าเสียทีเถอะขอรับ”

“พี่ใหญ่เจ้าจะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร เจ้าอายุเพียง 16หนาว ข้าไม่ยอมให้เจ้าออกเรือนหรอกนะ”

“ข้าก็ยังมิคิดจะออกเรือน อยู่ดูแลท่านพ่อและพี่ใหญ่ดีกว่าขอรับ” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนี้ทั้งบิดาและพี่ใหญ่ต่างยกยิ้ม ดีใจกันล่ะสิ ผมมีเวลาตั้งสองปี สองปีที่จะเติบโตและรอคอย สองปีทีจะพิสูจน์ความจริงใจและมั่นคงของบุรุษผู้หนึ่ง

วันแรกที่จวนตระกูลไป๋แห่งเมืองหยาง ผมตื่นขึ้นแต่เช้ามืดซื่อจูเข้ามาปรนนิบัติเรียบร้อยผมก็ให้ซื่อจูนำทางไปยังห้องครัววันนี้เป็นเช้าวันแรกผมอยากทำอาหารให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทาน

“คารวะคุณชายน้อยเจ้าค่ะ”

“ท่านป้า วันนี้ข้าจะลงครัวเองท่านป้ามีปลาหรือไม่” ในครัวเพิ่งจะก่อเตาอยากทำเข้าต้มปลากับเครื่องเคียงอีกสี่ห้าอย่าง

“มีเจ้าค่ะ” ท่านป้านำทางผมไปดูปลาที่อยู่ในอ่าง อืมปลาเป็นปลาเนื้ออ่อนพอดีเลยแต่ต้องทำให้ดีไม่เช่นนั้นจะมีกลิ่นคาว

“ท่านป้าท่านหั่นผักดองให้ข้าด้วยนะ ส่วนท่านลุงช่วยฆ่าปลาให้ข้า ส่วนเจ้าช่วยหุงข้าวให้ข้าที” เมื่อเสร็จสิ้นคำสั่งผมทุกคนก็แยกย้ายไปทำงานส่วนของตนทันที

“คุณชายขอรับปลาเสร็จแล้วขอรับ”

“ยกมานี่เลย” เมื่อได้ปลามาผมก็เอาไปถูด้วยเกลือล้างเลือดออกให้หมดเพื่อที่จะได้ไม่มีกลิ่นคาว ใช้มีดค่อยๆ แล่ให้เป็นชิ้นพอดีไม่หนาไม่บางจนเกินไปแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไว้ทำข้าวต้มปลาอีกส่วนจะทำลวกจิ้ม

“ผักกาดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

“มีผักดองอย่างอื่นหรือไม่หากมีช่วยเอามาหั่นใส่ชามไว้ด้วยนะ” และผมก็หันมาต้มน้ำซุบจากซี่โครงได้ใส่หัวไชเท้า และปรุงรสก่อนที่จะตั้งหม้อกรองน้ำซุปต้มเดือดชิมรสชาติแล้วก็หันมาลวกเนื้อปลา พักใส่ถ้วยไว้ และหันมาทำน้ำจิ้มสำหรับปลาผมสับพริกใส่ซอสถั่วเหลือง ส้มจี๊ดที่แอบไปเด็ดมาบีบใส่นิดหน่อย ตักข้าวใส่ในหม้อน้ำซุปใส่เนื้อปลาและผักที่หั่นไว้ แล้วสั่งให้คนตั้งโต๊ะเมื่อได้เวลา ผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สงสัยจะได้เย็บผ้ากันเปื้อนเสียหน่อย

“เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเลยหลิงเอ๋อร์”

“ข้าอยากทำให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทานขอรับไม่ลำบากเลย” เมื่อเห็นอาหารตั้งโต๊ะทั้งบิดาและพี่ใหญ่ต่างพากันชอบใจที่ได้ทานของอร่อยๆ ผมยิ้มดีใจที่มีคนชอบอาหารที่ตัวเองทำ หลังจากจบมื้อเช้าที่....ข้าวต้มหมดหม้อ หากพี่ใหญ่ยังทานมื้อล่ะสี่ชามแบบนี้ซิกแพ็คพี่ใหญ่ต้องหายไปแน่ๆ

“พี่ต้องไปรายงานตัวที่ค่าย คงกลับมาเย็น”

“น้องจะทำของอร่อยไว้คอยนะขอรับ”

“ดียิ่ง” พี่ใหญ่เดินออกจากจวนด้วยความเบิกบานไม่รู้ว่าจะไปขิงข่าตะไคร้ใส่พี่เว่ยขนาดไหนกันแค่ผมทำมื้อเช้าให้ทานพี่ใหญ่ก็สามารถไปอวดพี่เว่ยได้ทั้งวัน ช่างเป็นสหายที่รักกันเสียจริง
****************************************

พี่ใหญ่เรากีดี๊ด้าหน่อยๆ

สองปีเสี่ยวหลิงจะโตขึ้นมางามขนาดไหนหนอ

เจอกันพี่เว่ยเราจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

พี่ใหญ่จะมีคู่รึไม่

โปรดติดตาม

อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นต์ด้วยนะคะว่าชอบหรือไม่ชอบ อ่านแล้วเป็นยังไง

ขอบคุณที่ติดตาม 

รัก

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ข้าไม่อยากแต่ง…แต่…ข้าหมั้นไว้ก่อนก็ได้~
…หลิงเอ่อร์ให้ใจท่านอ๋องไปแล้ว รู้ตัวไหม…

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หลิงเอ๋อร์ก็หวั่นไหวนิด ๆ ใช่ไหม อีก 2 ปีเจอกันท่านอ๋องคงได้หลงมากกว่านี้แน่ ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวงน้องหรือหวงอาหารน้อง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอิ่มมม..........หมั้นกันแล้ว   :impress2:

ไม่ใช่แค่ท่านพ่อ กับพี่ใหญ่ ได้พุงออก.......
พวกข้ารับใช้ก็.....พุงหลามตามๆกัน เพราะฝีมือของหลิงเอ๋อร์แท้ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด