✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019  (อ่าน 119881 ครั้ง)

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ขออนุญาตหมั่นไส้ ชิชิ  :ruready

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
สงสารใครดีครับเนี่ย :monkeysad: :sad11:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อ้าวววว แรกๆก็หวานมดขึ้นตอนหลังเกมส์พลิกซะงั้น รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่ม.....อิพี่เต็มไม่ยอมฟังให้จบ

อิที่น้องมันพูดหน่ะแค่อินโทรเว้ย 

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เศร้าเลย
ถ้าเราเป็นพี่ก็คงเศร้า น้องรักเราเหมือนเป็นไอดอล รักแต่จับต้องไม่ได้ การที่เขาไม่คิดจะมีเราในอนาคตมันเศร้ามากนะ แม้มันจะมาจากความปารถนาดี
ความเป็นน้อง ความไม่มั่นใจ ก็กระทบกับความสัมพันธ์อย่างแรง ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม
รอการคลีคลาย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ไหงเป็นงั้นหล่ะคนเก่ง พี่เต็มโกรธเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทำไมไม่ฟังน้องก่อน!!!!
ก่อนจะมาคบกันน้องก็เป็นคนคิดมากแล้วก็ไม่ค่อยหวังอะไรอยู่แล้วอ่ะ
ที่น้องพูดมันอาจจะดูใจร้ายแต่ฟังให้จบก่อนได้มั้ย  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
แกล้งน้องป่ะเนี่ยย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทีมพี่นะตอนนี้​ ที่คนเก่งพูดดูใจร้ายและดูถูกความรู้สึกคนพี่ไปหน่อย​ จริงอยู่​ว่า​เมื่อก่อรมันคือแอบรักแต่ตอนนี้ได้รักนั้นมาแล้วอะ​ ไม่คิดจะถนอมดูแลกันไปเรื่อยๆหรอ เราว่าคนพี่พยายามแสดงออกถึงความจริงใจเต็มที่​แล้วนะ​ คนน้องควรจะมั่นใจในตัวเองได้แล้ว​

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 26


ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม ผมลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาภายในห้องและพยายามตั้งสติตัวเองให้หยุดร้องไห้ ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมลังเลใจว่าจะโทรหาพี่เติมเต็มหรือจะไลน์ไปก่อนดี ...

ผมตัดสินใจกดมือถือโทรหาพี่เติมเต็ม สัญญาณดังอยู่นานจนสายตัดไป ผมลองกดโทรออกอีกครั้ง คราวนี้สัญญาณดังแค่สองครั้งก็เงียบไป พี่เติมเต็มคงจะกดตัดสายแน่ๆ ผมเปลี่ยนจากโทรเป็นส่งข้อความไปทางไลน์แทน


konkengg : พี่เต็มครับ
konkengg : ผมขอโทษ
konkengg : ผมอยากคุยกับพี่เต็มนะ
konkengg : เราไม่เป็นแบบนี้ได้มั้ย


พี่เติมเต็มไม่อ่านไลน์เลยครับ ผมนั่งคิดไปคิดมาสักพัก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ตอนแรกผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะนึกว่าเป็นพี่เติมเต็มแต่ปรากฏว่าคนที่เข้ามาคือม๊าของพี่เติมเต็ม

"โถ ลูก ร้องไห้เลยเหรอเนี่ย ไหนม๊าดูสิ ตาช้ำหมดแล้ว" ม๊าของพี่เติมเต็มนั่งลงข้างผมพร้อมทั้งพิจารณาใบหน้าผมไปด้วย ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะรู้สึกว่าถ้าพูดผมอาจจะร้องไห้ออกมาอีก

ม๊าของพี่เติมเต็มใช้มือมาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งพูดว่า

"เอาไว้ให้พี่เขาใจเย็นลงกว่านี้ก่อนค่อยคุยกันดีกว่านะคนเก่ง คุยกันตอนนี้ม๊าว่ามันจะมีแต่ทะเลาะกัน เชื่อม๊านะ"

ผมนิ่งคิดสิ่งที่ม๊าของพี่เติมเต็มพูด จากที่คิดว่าจะนั่งรอพี่เติมเต็ม ผมก็เลยเปลี่ยนใจคิดว่ากลับบ้านตัวเองก่อนดีกว่า ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมาลำบากใจไปกับผมด้วย

"ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณป้า ผมขอโทษนะครับที่ทำให้บรรยากาศดีๆมันแย่แบบนี้" ผมเอ่ยปากขอตัวกลับและขอโทษม๊าของพี่เติมเต็มด้วย

"ไม่ต้องขอโทษ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ถ้าหนูจะกลับเดี๋ยวม๊าให้คนขับรถไปส่ง"

"ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมกลับเองดีกว่าครับ ผมอยากเดินเล่นด้วย"

"แต่ช่วงบ่ายแบบนี้แดดมันร้อนมากนะลูก"

"ผมเดินได้ครับ ... ถ้าอย่างนั้นผมขอลากลับเลยนะครับ" ผมยกมือไหว้ลาม๊าของพี่เติมเต็มอีกครั้ง เมื่อท่านเห็นว่าขัดผมไม่ได้แล้ว ท่านก็เลยเดินออกมาจากห้องพร้อมผม ตอนที่เดินออกจากห้องมาแล้วผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมยังไม่ได้ลาป๊าของพี่เติมเต็มเลย

"ผมยังไม่ได้สวัสดีคุณลุงเลยครับ" ผมบอกกับม๊าพี่เติมเต็ม

"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ป๊าคุยกับพี่เขาอยู่ข้างบนน่ะ"


... กำลังคุยเรื่องผมกันอยู่หรือเปล่านะ


ผมกล่าวลาม๊าของพี่เติมเต็มอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ผมใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีในการเดินกว่าจะถึงบ้าน ผมเจอแม่กับป้านั่งอยู่ที่ศาลาเล็กตรงสนามหน้าบ้าน

"อ้าว คนเก่ง ทำไมแม่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยล่ะ"

"นั่นสิ ไหนว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านโน้น"

พอได้ยินแม่กับป้าถาม ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมเข้าไปกอดแม่และปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา

"แม่ครับ เก่ง ฮือ ... ฮึก ... เก่งว่า เก่งคงทำมันพังหมดแล้ว"


.
.
.


หลังจากที่ผมเล่าทุกอย่างให้แม่และป้าฟัง สิ่งที่แม่ผมพูดกับผมก็คือ

"เรื่องนี้แม่ไม่เข้าข้างคนเก่งหรอกนะ เพราะถ้าแม่เป็นพี่เต็ม แม่ก็ต้องเสียใจที่แฟนเราพูดกับเราแบบนี้ มันเหมือนเขาไม่ได้รักเรา แม่รู้ว่าคนเก่งรู้สึกยังไงแต่คนที่ต้องเป็นคนเลือกว่าจะให้ชีวิตเป็นแบบไหนคือพี่เขาไม่ใช่เรา เราจะไปกำหนดหรือวางแผนไม่ได้หรอกว่าพี่เขาจะรักจะใช้ชีวิตอยู่กับใคร และตอนนี้คนที่พี่เขาเลือกที่จะอยู่ด้วยก็คือลูกของแม่ ถึงแม้ว่าแม่อาจจะไม่ได้ใกล้ชิดหรือรู้จักกับพี่เต็มเขา แต่ถ้าพี่เขาไม่คิดจะจริงจังเรื่องของลูก เมื่อวานพี่เขาคงไม่เข้ามาคุยเรื่องของลูกกับแม่ เพราะลูกก็บอกเองว่าลูกไม่รู้ว่าพี่เขาจะทำแบบนี้ นั่นแสดงว่าพี่เขาคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าพี่เขาควรทำยังไง"

ยิ่งฟังแม่พูดผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คบกันผมยอมรับว่าผมคิดมาก เพราะพี่เติมเต็มเป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์ดีมาตลอด พี่เขาไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียเลย แต่พอพี่เขาออกตัวชัดเจนว่าเป็นแฟนกับผม มีหลายคนที่บอกว่าเสียดายที่พี่เขาเป็นเกย์ บางคนก็บอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนึกว่าแมนเต็มร้อย ผมไม่อยากให้ใครมองว่าพี่เขาไม่ดี ในตอนนั้นผมก็เลยคิดแค่ว่าขอแค่มีเวลาช่วงนี้ก็ได้ที่ผมจะมีความสุขกับพี่เขา

ผมเคยคุยกับพี่เติมเต็มนะ กับเรื่องที่ได้ยินมา พี่เขาเองก็ได้ยินไม่ต่างกัน แต่พี่เขาบอกว่าไม่เห็นต้องสนใจเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเราและคนอื่นไม่ได้รู้จักเราดี และพี่เติมเต็มก็บอกว่าคนอื่นก็คือคนอื่น ถ้าคนใกล้ตัวคนในครอบครัวเข้าใจก็พอแล้วสำหรับพี่เขา

พี่เติมเต็มดูไม่สนใจอะไรจริงๆครับพี่เขาค่อนข้างเฉยๆกับสิ่งที่ได้ยิน และพูดกับผมอยู่เสมอว่าไม่ต้องไปสนใจ

เฮ้อออออ ... แต่ผมมันก็เลิกคิดมากไม่ได้จริงๆ


ผมมองดูเวลาบนหน้าจอมือถือ ตอนนี้เกือบห้าทุ่มแล้ว ตั้งแต่ผมกลับมาหลังจากคุยกับแม่และป้าเสร็จ ผมก็พยายามโทรหาพี่เติมเต็มตลอดเลยแต่ไม่มีสักครั้งที่พี่เขาจะรับสาย ผมส่งข้อความไปหาทางไลน์เยอะมากแต่พี่เขาไม่แม้แต่จะอ่าน ผมใจคอไม่ดีเลยครับ ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาไม่เคยเลยที่พี่เขาจะปล่อยให้ผมรอนานขนาดนี้ อย่างมากก็ไม่ครึ่งชั่วโมงพี่เขาจะต้องอ่านไลน์ผม แต่ตอนนี้ผ่านมาเกินครึ่งวันแล้วไลน์ผมยังไม่ได้เปิดอ่านเลย

ผมลองเข้าไปดูในไอจีและเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มแต่มันไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย

ผมเปิดดูรูปภาพในโทรศัพท์มือถือดูรูปคู่ที่ถ่ายด้วยกัน ยิ่งทำให้ผมคิดถึงพี่เขามากขึ้น เปิดดูคลิปที่ผมเคยแอบถ่ายพี่เขาเก็บไว้ ยิ่งทำให้ผมอยากจะร้องไห้


konkengg : ผมคิดถึงพี่เต็มมากนะครับ

ข้อความสุดท้ายในคืนนั้นที่ผมส่งไปถึงทางไลน์ของพี่เติมเต็ม ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เขาจะเปิดอ่านตอนไหนแต่ก็อยากให้พี่เขารู้ว่าผมคิดถึงมากๆ

คืนนั้นผมนอนหลับไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความคิดถึง ไม่รู้พี่เติมเต็มจะยังคิดถึงผมอยู่เหมือนเดิมมั้ย




วันต่อมา
ผมตื่นมาช่วงสายๆ เพราะเมื่อคืนกว่าผมจะหลับได้ก็เกือบสว่าง สิ่งแรกที่ผมทำคือผมรีบควานหาโทรศัพท์มือถือเพราะผมอยากรู้ว่าพี่เติมเต็มอ่านและตอบไลน์ผมบ้างหรือยัง แต่ผมก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะทุกอย่างยังว่างเปล่า พี่เติมเต็มยังไม่เปิดอ่านข้อความของผมเลย

วันนี้ตามที่นัดกันตอนแรกคือช่วงบ่ายเราจะต้องกลับมหาวิทยาลัย ผมไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะมารับผมเหมือนทุกทีมั้ย บางทีผมอาจจะต้องนั่งรถตู้กลับเองก็ได้

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาข้างล่าง เจอแม่กับป้าคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก

"ตื่นสายเลยนะลูก" แม่ผมทักผม

"ทำไมแม่ไม่ปลุกเก่งล่ะครับ เก่งเลยตื่นสายเลย"

"แม่รู้ว่าเมื่อคืนกว่าลูกจะนอนหลับก็คงดึกมาก"

"แล้วหิวมั้ย วันนี้แม่เขาทำขนมจีนน้ำยาไว้แหนะ" ป้าบอกผม

"ของโปรดเลย" ผมยิ้มด้วยความดีใจ

"แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะไปง้อพี่เขายังไง" ป้าถามผม

เมื่อคืนนี้แม่กับป้าก็สรุปใจความสำคัญออกมากันเลยครับว่า ผมต้องเป็นคนง้อพี่เติมเต็ม ซึ่งผมเองก็คิดแบบนั้นอยู่แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าผมต้องง้อยังไงดี

ตอนที่ผมนั่งทานขนมจีนอยู่ในครัว ผมเห็นแม่เดินเข้ามาและเห็นแม่เปิดตู้เก็บของที่อยู่ข้างตู้เย็น ผมเห็นแม่หยิบกล่องพลาสติกที่เอาไว้ใส่อาหารออกมาหลายใบ และเห็นแม่ใช้ที่คีบขนมจีนคีบขนมจีนใส่ในกล่องอาหารจนเต็มกล่อง ต่อมาก็แม่ก็ตักน้ำยาขนมจีนใส่ในกล่องอีกกล่องหนึ่ง และกล่องสุดท้ายแม่ก็ใส่ผักต้มผักสดที่เป็นเครื่องเคียงใส่ลงไป

"แม่จะเอาไปฝากใครเหรอครับ"

"ไม่ใช่แม่จ้ะ แต่เป็นลูก เอาไปฝากบ้านพี่เต็มเขานะจ้ะ"

ผมที่ทานขนมจีนเสร็จพอดี ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่แม่บอก

"พี่เต็มยังไม่รับสาย ยังไม่อ่านไลน์เก่งเลยนะแม่"

หลังจากตื่นมาผมก็ส่งไลน์ไปหา แม้ว่าข้อความที่ส่งไปก่อนหน้านั้นพี่เขาจะยังไม่เปิดอ่านก็ตาม

"ก็นี่ไง เป็นโอกาสดีที่เราจะไปง้อพี่เขา"

ผมนั่งคิดตามที่แม่แนะนำ และเห็นด้วยกับแม่ครับ หลังจากล้างจานเรียบร้อยผมก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อเขียนการ์ดให้พี่เติมเต็มอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแฟนกับพี่เติมเต็มแล้วแต่ผมก็ยังคงเขียนการ์ดให้พี่เขาอยู่เหมือนเดิมครับ


To ... พี่เติมเต็ม


         หายโกรธน๊า ^__^

                                รัก ❤️
                              คนเก่ง
                        12/xx/20xx


หลังจากเขียนการ์ดเสร็จ ผมก็เอาใส่กระเป๋าเป้พร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินและเดินลงไปข้างล่าง

"จะปั่นจักรยานไปเหรอ" ป้าถามผมตอนที่เห็นผมใส่หมวกและเดินไปจูงจักรยานออกมา

"ใช่ครับ ทำไมเหรอครับป้า"

"ขับรถยนต์ไปก็ได้ ใกล้เที่ยงแบบนี้แดดมันร้อน"

"ใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวกแล้วครับ" ผมบอก

"ไปเถอะลูก ปั่นดีๆล่ะ" แม่ผมบอก

ผมปั่นจักรยานออกมาจากบ้านก่อนที่จะแวะซื้อลูกอมห่อเล็กๆหนึ่งห่อที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย ก่อนจะปั่นมาอีกสักพักก็ถึงซอยทางเข้าบ้านพี่เติมเต็ม ยิ่งปั่นใกล้จะถึงบ้านพี่เติมเต็มมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้น ใจผมเต้นระรัวจนผมรู้สึกเจ็บหน้าอก

ผมจอดรถจักรยานชิดกับกำแพงบ้านของพี่เติมเต็มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ




(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อค่ะ)



ติ๊งต่อง

ผมกดกริ่งที่หน้าบ้านพี่เติมเต็มหนึ่งครั้ง รอไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้น้าพงษ์คนขับรถของคุณลุงคุณป้าที่เป็นคนเปิดประตูให้ผม น้าพงษ์อยู่บ้านแสดงว่าป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มก็น่าจะอยู่บ้าน

"อ้าว คนเก่ง"

"คุณป้าอยู่มั้ยครับน้าพงษ์" ผมถาม

"อยู่ครับ เข้ามาก่อนๆ" น้าพงษ์เปิดประตูกว้างขึ้นเพื่อให้ผมเข้าไปในบ้าน

"แล้ว ... พี่เต็มอยู่มั้ยครับ"

"คุณเต็มไม่อยู่ครับ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว" น้าพงษ์บอก ผมอดใจแป้วไม่ได้ พี่เติมเต็มออกไปไหนก็ไม่รู้ นึกว่าจะเจอซะอีก

ผมเดินตามน้าพงษ์เข้ามาในบ้าน น้าพงษ์พาผมเดินมาถึงทางเข้าบ้านก็เจอกับน้านวลที่เดินสวนออกมา

"สวัสดีครับน้านวล" ผมยกมือไหว้น้านวล

"สวัสดีจ้ะ ถืออะไรมาเยอะแยะเลย"

"แม่ทำขนมจีนน้ำยาครับ แม่ก็เลยให้เอามาให้ทุกคนทานกันด้วย"

"งั้นเดี๋ยวน้าเอาไว้ในครัวให้นะ" น้านวลรับถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารจากผมไป ผมเดินตามน้านวลเข้ามาในบ้าน ผมนั่งรอที่ห้องรับแขก สักพักน้านวลก็เดินเข้ามาและบอกว่าจะไปเรียนคุณป้าว่าผมมา

ตอนแรกผมก็ลังเลใจว่าจะกลับเลยดีมั้ยเพราะพี่เติมเต็มไม่อยู่ แต่ว่าคิดอีกทีก็ควรจะอยู่เจอคุณป้าสักหน่อยก็น่าจะเหมาะกว่า

นั่งรอไม่นานคุณป้าก็เดินลงมาพร้อมกับติวเตอร์ น้องชายของพี่เติมเต็ม

"สวัสดีครับคุณป้า" ผมยกมือไหว้

"พี่สะใภ้ สวัสดีครับ" เสียงของติวเตอร์กล่าวทักทายผม ผมรู้สึกเขินนิดๆเหมือนกันที่ถูกเรียกแบบนี้

"เห็นนวลบอกว่าคุณแม่ทำขนมจีนน้ำยามาให้ทานเหรอจ้ะ" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผม

"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณป้าจะชอบทานหรือเปล่า"

"ชอบสิลูก บ้านนี้ชอบกันทุกคนแหละ"

ผมไม่รู้จะพูดหรือคุยอะไรต่อดี

"พี่สะใภ้ไม่ได้กลับมหาลัยพร้อมพี่เต็มเหรอครับ เหมือนว่าพี่เต็มเขากลับไปตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ" ติวเตอร์ถามผมขึ้นมา

ผมตกใจที่ได้ยินติวเตอร์พูดแบบนั้น หมายความว่าพี่เติมเต็มกลับไปแล้วเหรอ

"ติวเตอร์" เสียงม๊าของพี่เติมเต็มเรียกชื่อติวเตอร์เสียงเข้มเลยครับ

"เอ่อ .. งั้นผมไปทานขนมจีนดีกว่าเนอะ" ติวเตอร์พูดเสร็จก็ลุกเดินออกไปจากห้องรับแขก

"มาหาพี่เขาด้วยใช่มั้ย" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"... ครับ แต่เหมือนพี่เต็มจะไม่อยู่"

"พี่เขาออกไปรับเพื่อนน่ะ เห็นว่าจะกลับมหาลัยเหมือนกัน"

"อ๋อ ครับ" ผมค่อยโล่งใจหน่อยที่รู้ว่าพี่เติมเต็มยังไม่กลับ

"แล้วได้คุยกันหรือยัง หลังจากเมื่อวาน"

ผมเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดไปตามความจริงดีมั้ย

"ยังไม่ได้คุยเลยครับ ดูเหมือนพี่เต็มจะไม่อยากคุยกับผมสักเท่าไหร่" ผมเลือกที่จะพูดตามความจริง

ม๊าของพี่เติมเต็มมองผมด้วยความเห็นใจ

ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้านและผมจำได้ว่าเป็นเสียงรถของพี่เติมเต็ม

"นั่นไง พี่เขามาพอดี" ม๊าของพี่เติมเต็มบอกผม

ไม่นานพี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาในบ้านแต่พี่เขาไม่ได้มาคนเดียว

"สวัสดีค่ะคุณป้า อ้าว คนเก่งก็อยู่นี่เหรอ"

... พี่อิงค์มากับพี่เติมเต็มครับ

ผมยกมือไหว้พี่อิงค์และมองเลยไปที่พี่เติมเต็มแต่พี่เขาไม่ได้มองมาที่ผมเลย

"ที่บอกว่าออกไปรับเพื่อนนี่คือหมายถึงอิงค์เหรอ" ม๊าของพี่เติมเต็มถาม

"ใช่ครับ อิงค์มาทำธุระให้ที่บ้านแต่ตอนมาไม่ได้ขับรถมาเอง ตอนกลับเลยเดือดร้อนคนอื่น โทรมารบกวนคนอื่น" พี่เติมเต็มพูดขึ้นมา พร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม ผมมองหน้าพี่เติมเต็มและพี่เขาก็เป็นเหมือนเดิมคือไม่มองหน้าผมเลย

"แหม นานๆทีให้รบกวนบ้างเถอะ เมื่อก่อนยังรบกวนประจำ" พี่อิงค์ตอบกลับไป ก่อนจะหันมาหาผม

"คนเก่งก็กลับมหาลัยด้วยกันใช่มั้ย ดีเลยจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างทาง" พี่อิงค์พูด ผมมองหน้าพี่เติมเต็มอีกครั้งเพราะตอนนี้ผมเองก็ชักไม่แน่ใจว่าพี่เติมเต็มจะให้ผมกลับด้วยหรือเปล่า

"จริงสิ อิงค์ ป้ามีอะไรจะให้หนูดูสักหน่อย ตามป้ามาเร็ว" ม๊าของพี่เติมเต็มเอ่ยชวนพี่อิงค์ให้เดินออกไปจากห้องรับแขก ถ้าผมเดาไม่ผิดม๊าของพี่เติมเต็มคงอยากให้ผมได้คุยกับพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ" ผมเรียกพี่เติมเต็มที่ทำท่าทางเหมือนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป

พี่เติมเต็มไม่ตอบรับผมแต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม

"ผมไลน์หา โทรหาตั้งหลายครั้ง แต่พี่เต็มไม่รับสาย ไม่อ่านไลน์ผมเลย"

ผมรู้ครับว่าพี่เติมเต็มตั้งใจที่จะไม่รับสายผม เพราะเมื่อกี้พี่เติมเต็มบอกว่าพี่อิงค์โทรหาให้ออกไปรับ แสดงว่าพี่เขาเลือกไม่รับแต่บางสายซึ่งนั่นก็คือสายของผม

"บอกแล้วไงว่ายังไม่อยากคุย" เสียงพี่เติมเต็มตอบกลับมาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ

"แล้วเมื่อไหร่เราจะได้คุยกันครับ ผมอยากคุยกับพี่นะ" ผมถามแบะพี่เติมเต็มก็เงียบไม่พูดอะไรออกมา

"แล้ววันนี้พี่เต็มจะกลับมหาลัยกี่โมงครับ" ผมลองเปลี่ยนเรื่องคุย

พี่เติมเต็มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนจะตอบออกมา

"ประมาณบ่ายสาม"

ผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่เติมเต็มต่อดี มันดูเกร็งไปหมด ผมนึกได้ว่าผมมีการ์ดมาให้พี่เติมเต็ม ผมเปิดกระเป๋าเป้และหยิบถุงที่ใส่การ์ดกับลูกอมที่ผมแวะซื้อก่อนเข้ามาบ้านพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ" ผมยื่นถุงสีขาวลายดาวให้พี่เติมเต็ม ตอนแรกเหมือนพี่เขาจะยื่นมือมารับและแว่บหนึ่งเหมือนผมเห็นแววตาที่แสดงความดีใจ แต่ผมว่าผมคงคิดไปเอง

"พี่ไม่แน่ใจว่าควรจะรับของแบบนี้ต่อไปอีกมั้ย เพราะคนให้ดูเหมือนจะทำไปงั้นๆแหละไม่ได้จริงจังอะไร"

ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวตอนได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้

"ผมไม่เคยสักครั้งที่จะไม่จริงจังเรื่องของพี่เต็ม"

ผมพูดและผมกำลังจะเอาถุงเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิม แต่พี่เติมเต็มจับข้อมือของผมไว้และดีงถุงไปจากมือผม พี่เขาเปิดดูของในถุงและหยิบการ์ดออกมาอ่าน พี่เติมเต็มไม่ได้อ่านออกเสียงออกมา หลังจากอ่านเสร็จพี่เขาก็เก็บการ์ดไว้ในถุงตามเดิม

ทั้งผมทั้งพี่เติมเต็มต่างก็นั่งเงียบทั้งคู่ ผมคิดว่ายังไงพี่เติมเต็มก็ดูจะยังไม่อยากคุยกับผม และผมคิดว่าวันนี้พี่เขาคงจะไม่อยากให้ผมนั่งรถกลับด้วยแน่ๆ ผมก็เลยคิดว่าผมน่าจะกลับบ้านดีกว่าเพราะต้องออกมารอรถตู้อีก ผมไม่อยากกลับถึงหอพักมืดมากเกินไป

"ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ผมนึกอะไรบางอย่างได้ผมก็เลยพูดกับพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ ถึงแม้ตอนนี้พี่ยังไม่อยากคุยกับผม แต่พี่ตอบไลน์ผมบ้างได้มั้ย จะไม่รับสายผมก็ได้แต่ตอบไลน์ผมหน่อยนะ"

พี่เติมเต็มยังคงไม่ตอบอะไรผม ผมยกมือไหว้พี่เติมเต็มและเดินออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ก่อนจะปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน


"ไม่สำเร็จเหรอลูก" แม่ถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน คงจะเดาได้จากสีหน้าของผม

"ประมาณนั้นครับ" ผมรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะเล่าให้แม่กับป้าฟังว่าผมกับพี่เติมเต็มคุยอะไรกันบ้าง

แม่กับป้ากอดปลอบใจผม

"แต่ผมไม่ท้อหรอกครับเพราะผมยังไม่ได้เริ่มต้นง้อเลย" ผมบอกแม่กับป้า

ก่อนที่ผมจะขอตัวขึ้นมาเก็บของบนห้อง ผมอาบน้ำแต่งตัวอีกรอบก่อนที่จะลงมาข้างล่าง

"แม่ครับ ป้าครับ รบกวนขับรถไปส่งเก่งที่ท่ารถตู้หน่อยนะครับ" ผมบอกแม่กับป้าทันทีที่ลงมาข้างล่าง

"จะกลับเองเหรอลูก" แม่ถามผม

"ครับ"

ทั้งแม่และป้าไม่ได้ซักไซร้ถามอะไรผมอีก ป้าเป็นคนขับรถมาส่งผมที่ท่ารถตู้

"เดินทางปลอดภัยนะลูก" ป้าบอกผม

"ถ้าถึงแล้วหนูจะโทรหานะครับ" ผมร่ำลาป้าเล็กน้อยก่อนที่ป้าจะขับรถออกไป

ผมเดินไปซื้อตั๋วคนขายตั๋วบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงรถจะออก

ผมเดินมานั่งรอที่นั่งของคนที่รอขึ้นรถ ผมหยิบมือถือขึ้นมาและกดเข้าไปที่ห้องแชทของผมกับพี่เติมเต็ม ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าพี่เติมเต็มอ่านข้อความของผมแล้ว

แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

ผมนั่งเล่นมือถือไปสักพัก เหลือเวลาอีกสิบนาทีจะได้เวลารถออก คนขายตั๋วก็ตะโกนบอกให้ขึ้นรถตู้ได้แล้ว แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถตู้ก็มีคนมาดึงแขนผมให้เดินตามเขาไป ผมหันไปมองด้วยความตกใจ

"พี่เต็ม!!"

ผมเรียกชื่อพี่เขาด้วยความตกใจ คนแถวนั้นก็มองมาที่ผมด้วยความสนใจ พี่เติมเต็มดึงแขนผมมาจนถึงที่รถของพี่เติมเต็มที่จอดอยู่ไม่ไกลจากท่ารถตู้เท่าไหร่นัก และพี่เขาก็เปิดประตูทางด้านหลังและจับผมเข้าไปนั่ง พี่อิงค์ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับหันมามองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วง

พี่เติมเต็มขึ้นมานั่งประจำที่นั่งคนขับและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

"เบาๆ เต็ม" พี่อิงค์พูดขึ้นมา พี่เติมเต็มไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกลับมา


ขับมาได้สักพักใหญ่รถก็มาติดไฟแดงตรงเส้นรอบเมือง

"ใครเป็นคนบอกให้กลับเอง" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดออกมา และผมก็รู้ว่าพี่เขาพูดกับผม

"ก็ ... ผมคิดว่าพี่เต็มอาจจะไม่อยากให้ผมกลับด้วย"

"คิดว่า คิดว่า คิดว่าตลอด ทำไมชอบคิดเองเออเอง"

" ...... "

"คิดได้ไง!"

" ... ก็พี่เต็มโกรธผมอยู่"

"เราถามว่าจะกลับกี่โมง พี่ก็บอกว่าบ่ายสาม แต่พอไปรับ แม่บอกว่าออกมาขึ้นรถตู้ มันคืออะไรคนเก่ง"

ผมไม่รู้จะพูดหรือตอบอะไรออกไปดี ผมผิดอีกแล้วครับ คิดเองเออเองอย่างที่พี่เติมเต็มบอก ผมคิดไปเองว่าพี่เขาคงไม่อยากให้ผมนั่งรถมาด้วย โดยที่ผมไม่ได้ถาม

"ใจเย็นๆ" พี่อิงค์พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบ

"อย่าว่าเรายุ่งเลยนะ สรุปคือกำลังทะเลาะกับน้องเหรอ" พี่อิงค์ถามพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบ พี่เติมเต็มขับรถออกไปเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

"โอเค ชัวร์ ทะเลาะชัวร์" พี่อิงค์พูดออกมา

หลังจากนั้นตลอดระยะเวลาชั่วโมงกว่าๆที่อยู่บนรถก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พี่เติมเต็มขับรถมาส่งพี่อิงค์ที่คอนโดของพี่อิงค์ที่อยู่ในซอยข้างมหาวิทยาลัย

"คนเก่ง ย้ายมานั่งหน้า"

พี่เติมเต็มบอกผมหลังจากที่ส่งพี่อิงค์เรียบร้อยแล้ว ผมรีบย้ายไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับทันทีเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะยิ่งโกรธมากกว่าเดิม

พี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หอพัก เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากจะให้พี่เติมเต็มพาผมไปที่คอนโดพี่เติมเต็มมากกว่า

"พี่เต็มครับ .... " ผมกำลังจะถามพี่เติมเต็มว่าจะให้ผมนอนที่หอใช่มั้ย แต่พี่เติมเต็มพูดแทรกขึ้นมาก่อน

"รู้ตัวใช่มั้ยว่าทำให้พี่โกรธ เมื่อวานพี่อาจจะเสียใจและน้อยใจในสิ่งที่เราพูดแต่พี่ไม่ได้โกรธแต่สิ่งที่เราทำวันนี้มันทำให้พี่โกรธ มีอะไรทำไมไม่ถามคิดเองเออเองตลอด คิดทุกอย่างแทนพี่ แม้แต่เรื่องในอนาคตยังคิดแทนพี่เลย"

"ผมขอโทษครับ" ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆนอกจากคำว่าขอโทษ

"บางที ... เราอาจจะต้องคิดทบทวนอย่างจริงจังแล้วล่ะมั้งว่าเราจะยังคบกันต่อไปดีมั้ย"

"พี่เต็ม ... หมายถึงจะเลิกกับผมเหรอ" ผมห้ามเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้เลย

"พี่ว่าคนเก่งถามตัวเองดีกว่าว่าคนเก่งอยากเลิกกับพี่มั้ย ถ้าคนเก่งยังคิดว่าจะคบกับพี่แค่ช่วงสั้นๆ รอเวลาให้พี่มีผู้หญิงดีๆเข้ามาอย่างที่เราพูด เราก็ไม่ต้องคบกันต่อไปแล้วก็ได้เพราะไม่ว่ายังไงคนเก่งก็จะเลิกกับพี่อยู่ดี"

"ผมไม่ได้อยากเลิกนะ ผมไม่เลิก" ผมรีบบอกออกไปทันที

"ไปคิดดูให้ดีก่อนพูดออกมา"

"เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใข้เวลาคิดผมก็รู้ .... ว่าผมไม่อยากเลิก"

"ขึ้นห้องได้แล้ว"

พี่เติมเต็มปลดล็อคประตูรถและบอกให้ผมขึ้นหอพัก ผมมองพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มเบือนหน้าหนีผม ผมเปิดประตูรถและลงมายืนที่ข้างรถ แล้วพี่เติมเต็มก็ขับรถออกไปทันที

ผมขึ้นมาถึงห้อง พอประตูห้องปิดลงผมก็ทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ในทันที

ผมเพิ่งรู้ว่าคำว่า ... เลิก ... มันสร้างความเจ็บปวดได้มากขนาดนี้
.

.
.

วันต่อมา

สถานการณ์ระหว่างผมกับพี่เติมเต็มยังอึมครึมเหมือนเดิม ตอนเช้าพี่เติมเต็มมารับผมที่หอพักเพื่อไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันตามปกติ แต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่คุยกับผมเหมือนเดิม อันที่จริงก็ไม่ถึงขนาดว่าไม่คุย ... คุยเท่าที่จำเป็นน่ะครับ

ช่วงเช้าหลังจากที่ผมเรียนเสร็จ ผมก็ไลน์หาพี่เติมเต็มเหมือนที่เคยทำ ผมพยายามที่จะทำทุกอย่างให้เหมือนที่เคยทำตอนที่เรายังไม่ทะเลาะกัน


konkengg : วันนี้ทานข้าวที่ไหนดีครับ


ผมทักไปถามเหมือนที่เคยถามทุกวัน ข้อความขึ้นมาว่า 'อ่านแล้ว' ผมก็นั่งรอลุ้นว่าพี่เติมเต็มจะตอบมาว่ายังไงแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่ตอบกลับมา


"เป็นไรว่ะมึง" ฟูจิถามผม ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะที่หน้าคณะครับ

"นั่นสิ วันนี้คนเก่งดูไม่สดชื่นเลย" ส้มส้มถามผมอีกคน

"เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับอะ" ผมตอบ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟูจิฟัง แต่ผมคิดว่ามันก็น่าจะพอรู้ว่าผมมีปัญหาเพียงแต่มันยังไม่ถามผม

"แล้ววันนี้ทานข้าวที่ไหนกัน" ส้มส้มถามทั้งผมและฟูจิ

"เดี๋ยวพี่วินมารับ" ฟูจิบอก แล้วส้มส้มก็ส่งสายตามาถามผมประมาณว่า 'แล้วผมล่ะ'

"เดี๋ยวพี่เต็มมารับเหมือนกัน" ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เพื่อนถามอะไรอีก

"อิจฉาจังเพื่อนมีหนุ่มหล่อวิศวะเป็นแฟนทั้งสองคนเลย" ส้มส้มพูดแซวพวกผม

"แต่เราได้ยินมาว่าหนุ่มคณะบริหารก็หล่อไม่แพ้หนุ่มวิศวะนะ" ฟูจิพูดแซวส้มส้มขึ้นมาบ้าง เพราะช่วงนี้ดูเหมือนเพื่อนสนิทผู้หญิงหนึ่งเดียวของผมกำลังอินเลิฟกับรุ่นพี่คณะบริหารอยู่

"นั่นไง พูดถึงก็มาเลย" ฟูจิพูดออกมาอีกตอนที่เห็นรุ่นพี่คณะบริหารเดินเข้ามาใกล้

ตอนนี้ส้มส้มหน้าแดงมากๆเลยครับ ผมอดที่ยิ้มไม่ได้ รุ่นพี่คนนั้นทักทายกับพวกผมเล็กน้อยก่อนจะพาส้มส้มไปทานข้าว


"มีเรื่องอะไร" ฟูจิถามผมทันทีที่อยู่กันสองคน

"ไว้ค่อยคุยก็ได้ .. พี่วินมาโน่นแล้ว" ผมบอกฟูจิเพราะเห็นพี่ธาวินกำลังเดินเข้ามาทางด้านหลังฟูจิ

ผมยกมือไหว้พี่ธาวินทันทีที่พี่เขาเดินมาถึงที่โต๊ะ

"พี่นึกว่าคนเก่งออกไปทานข้าวข้างนอกกับไอ้เต็มซะอีก" พี่ธาวินพูดขึ้น

"ทานข้าวข้างนอกเหรอครับ" ผมถามพี่ธาวินกลับไป

"ใช่ เมื่อกี้ก่อนตอนเดินออกมาจากคณะ เจอกลุ่มเพื่อนมันแต่ไม่เห็นไอ้เต็มพี่ก็เลยถามหามัน เพื่อนมันบอกว่ามันออกไปทานข้าวข้างนอก" ผมนั่งเงียบหลังจากที่ได้ยิน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เผื่อพี่เติมเต็มจะตอบอะไรมาหาผมบ้างแต่ก็ไม่มีเลย

ผมเห็นฟูจิจับแขนพี่ธาวินเอาไว้

"พี่วินไปทานข้าวกับเพื่อนก่อนได้มั้ย ผมมีเรื่องจะคุยกับคนเก่งมัน" ฟูจิบอกพี่ธาวิน

พี่ธาวินไม่ยอมครับ ฟูจิมันก็ไม่ยอมเหมือนกันแต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหากับแฟน

"ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวค่อยคุยดีกว่า"

"แต่กูจะคุยตอนนี้เพราะกูไม่แน่ใจว่ามึงจะเล่าให้กูฟังมั้ย"

ฟูจิมันเสียงแข็งใส่ผม ก่อนที่มันจะหันไปบอกพี่ธาวินอีกรอบว่าให้กลับไปก่อน ผมเห็นหน้าหงอยๆของพี่ธาวินแล้วก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ เหมือนทำให้เพื่อนมีปัญหา

"ถ้างั้นไปทานข้าวแล้วก็นั่งคุยกันก็ได้ พี่วินจะได้ไปด้วยกันไง" ผมบอกและสีหน้าของพี่ธาวินก็ดูเหมือนจะดีขึ้น

"มึงแน่ใจนะ" ฟูจิถามผม

"ถ้ากูเล่าให้มึงฟัง มึงจะไปเล่าให้พี่วินฟังมั้ย" ผมถามกลับไป ฟูจิเงียบไปก่อนจะตอบออกมา

"ก็คงเล่า"

"เพราะฉะนั้นไปด้วยกันเนี่ยแหละยังไงพี่วินก็ต้องรู้อยู่ดี" ผมบอก

หลังจากที่ตกลงกันได้ผมก็เดินตามพี่ธาวินและฟูจิไปขึ้นรถ ตอนที่อยู่บนรถผมก็ไลน์หาพี่เติมเต็ม


konkengg : มาทานข้าวกับผมมั้ยครับ


ผ่านไปสองสามนาทีแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่อ่านข้อความ ผมตัดสินใจโทรหาแต่ผมติดต่อไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าปิดเครื่องหรือแบตหมด

ผมอยากจะทักไปถามพี่ธรณ์แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทักไปถามดีมั้ย

"มึงไม่ถามพี่ธรณ์ดูล่ะ" ฟูจิที่นั่งหน้าคู่กับพี่ธาวินพูดขึ้น หลังจากที่มันรู้ว่าผมติดต่อพี่เติมเต็มไม่ได้

"กูก็คิดอยู่"

"ไม่ต้องคิดแล้ว ถามเลย ถ้ามึงไม่ถามเดี๋ยวกูถามเอง" ฟูจิมันบอก

"เออๆจะถามตอนนี้แหละ" ผมบอก


konkengg : สวัสดีครับพี่ธรณ์


ไม่นานพี่ธรณ์ก็ตอบกลับมา


thorn_ : ว่าไงเพื่อนสะใภ้

konkengg : ผมติดต่อพี่เต็มไม่ได้เลยครับ
konkengg : พี่เต็มอยู่กับพี่มั้ย

ข้อความขึ้นมาว่าอ่านแล้วแต่พี่ธรณ์ไม่ตอบผมมาในทันที ผ่านไปสักพักใหญ่ๆเลยกว่าพี่ธรณ์จะพิมพ์ตอบกลับมา

thorn_ : มันบอกแค่ว่าจะออกไปข้างนอก
thorn_ : พวกกูก็เลยเข้าใจว่า
thorn_ : มันพามึงออกไปทานข้าวข้างนอก
thorn_ : พยายามติดต่อมันอยู่
thorn_ : แต่ยังติดต่อไม่ได้
thorn_ : โทรไม่ติด

konkengg : ครับ


ผมคุยต่ออีกสักพัก พี่ธรณ์บอกว่าถ้าติดต่อได้จะรีบบอกและพี่ธรณ์ก็บอกว่ายังไงช่วงบ่ายพี่เติมเต็มก็ต้องเข้ามาทำโปรเจคกับเพื่อนอยู่แล้ว

"ยังไงมึง" ฟูจิถามผมทันทีที่เห็นว่าผมวางโทรศัพท์ลง ผมก็เล่าตามที่พี่ธรณ์บอก

"อย่าเพิ่งคิดมากมึง แบตพี่เต็มอาจจะหมด" ฟูจิพูด ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องทะเลาะกันผมก็จะคิดว่าแค่แบตหมดแต่เพราะเรื่องที่ไม่เข้าใจกันทำให้ความคิดผมมันตีกันมั่วไปหมด

พี่ธาวินขับรถมาจอดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากเท่าไหร่ ฟูจิมันบอกพี่ธาวินว่ามันอยากทานสุกี้ พี่ธาวินก็ตามใจมัน ส่วนผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

หลังจากที่ฟูจิกับพี่ธาวินจัดการเรื่องสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ฟูจิก็พูดกับผมทันที

"เล่ามาได้แล้ว"

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ผมไปคุยกับป๊าพี่เติมเต็มจนถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า รวมทั้งที่ไลน์ไปแล้วพี่เติมเต็มไม่อ่าน

"พี่วิน คิดยังไง" ฟูจิถามพี่ธาวินหลังจากที่ผมเล่าจบ

"พี่ไม่ได้เข้าข้างไอ้เต็มนะแต่พี่เข้าใจความรู้สึกมัน เพราะถ้าฟูจิพูดกับพี่แบบนี้ พี่ก็คงเสียใจ" พี่ธาวินไม่ได้ตอบฟูจิ แต่หันมาคุยกับผม

"ครับ" ผมตอบรับ

"แล้วมึงจะทำยังไงต่อ" ฟูจิถามผม

"กูก็จะพยายามง้อแหละ แต่กูก็ไม่รู้ว่าต้องยังไง และอีกอย่างกูก็กลัวว่าพี่เต็มเขาอาจจะไม่เหมือนเดิมกับกู เขาอาจจะเลิกรักกูแล้วก็ได้เพราะกูทำตัวน่ารำคาญ"

"คิดไปใหญ่แล้วคนเก่ง คนเราไม่ได้เลิกรักกันได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้ไอ้เต็มมันแค่น้อยใจเท่านั้นแหละ" พี่ธาวินพูด

"ใช่มึง พี่เต็มรักมึงจะตาย ใครๆก็ดูออกแต่เพราะเขารักมึงมากเนี่ยแหละ เขาถึงเสียใจมาก"



หลังจากนั้นของสดที่สั่งก็มาเสิร์ฟพอดี พี่ธาวินกับฟูจิช่วยกันเอาของสดลงหม้อสุกี้ ผมเองก็หยิบมือถือขึ้นมากดหาพี่เติมเต็มอีกครั้งแต่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิมติดต่อไม่ได้ ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านเหมือนเดิม



เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง มื้อกลางวันก็จบลงในขณะที่กำลังนั่งรอพนักงานมาคิดเงิน ผมก็สังเกตเห็นฟูจิมันทำท่ายุกยิกๆอยู่กับพี่ธาวิน และสายตาของทั้งคู่ก็มองออกไปด้านนอกร้านที่เป็นกระจก โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ติดกระจกครับ ผมมองตามสายตาของฟูจิและพี่ธาวิน


... พี่เติมเต็มครับ


ผมเห็นพี่เติมเต็มกำลังลงบันไดเลื่อนโดยข้างๆพี่เติมเต็มมีผู้หญิงหน้าตาสวยยืนอยู่ด้วย เท่าที่ผมเห็นทั้งสองคนดูจะพูดคุยด้วยความสนิทสนม


ผมไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน คิดว่าน่าจะไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเราเพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา

พี่เติมเต็มคงจะออกมาทานข้าวกับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้ไม่ตอบไลน์และปิดเครื่อง ผมไม่อยากคิดไปเองแบบนี้หรอกครับ แต่พอมาเจอแบบนี้มันก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้


'มีอะไรทำไมไม่ถาม คิดเองเออเองตลอด'


แต่คำพูดของพี่เติมเต็มที่พูดกับผมเมื่อวานนี้ดังก้องมาในหัวผม

ใช่ ... ผมต้องถามพี่เติมเต็มก่อน



"คนเก่ง" ฟูจิมันเรียกผม ตอนที่ผมกำลังนั่งเหม่ออยู่ ผมหันไปมองมัน

"มึง ... โอเคมั้ยวะ" ฟูจิถามผม

"โอเคๆ คิดเงินแล้วใช่มั้ยจะได้กลับไปเรียน ใกล้เวลาแล้วด้วย" ผมตอบกลับฟูจิมันไป ก่อนจะเป็นคนที่เดินนำออกมาจากร้าน

"มึงไม่ตามพี่เต็มไปเหรอวะ" ฟูจิถามผมตอนที่เดินออกจากร้านมาแล้วผมเดินนำไปทางลานจอดรถซึ่งมันเป็นคนละฝั่งจากบันไดเลื่อนที่เจอพี่เติมเต็ม

"ไม่อะ เดี๋ยวค่อยไปหาพี่เต็มที่คณะก็ได้ เราก็กลับไปเรียนกันดีกว่า" ผมบอกกับฟูจิ ผมเห็นฟูจิสบตากับพี่ธาวินและเห็นพี่ธาวินพยักหน้าให้กับฟูจิ

ถามว่าในใจผมหวั่นไหวมั้ย
แน่นอนคำตอบคือใช่
สมองผมมันคิดไปไกลมาก

แต่ผมจะต้องถามพี่เติมเต็มก่อน ผมไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้

หวังว่ามันจะยังทันเวลาอยู่นะ





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
◕ อาจจะสนุกบ้างไม่สนุกบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
◕ ❤️



ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 27


[เติมเต็ม part]



จากเหตุการณ์เมื่อวันก่อน


ตอนที่คนเก่งกอดผมและขอให้ผมอยู่คุยกับน้องก่อน ผมเกือบจะใจอ่อนแล้วแต่ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจมันมีมากกว่า

ความรู้สึกแรกของผมตอนที่ได้ยินคนเก่งพูดกับป๊า คือผมอึ้งเพราะไม่คิดว่าน้องจะพูดแบบนี้ออกมา และความรู้สึกหลากหลายต่างๆก็ประเดประดังเข้ามา ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ทั้งไม่เข้าใจ

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนมันกำลังดีมากๆ แต่ทำไมคนเก่งคิดแบบนั้น หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราคบกันสำหรับผม ผมว่าน้องคือคนที่ใช่มากสำหรับผม ยิ่งคบกันมันก็ยิ่งใช่ ... และยิ่งคบกันผมก็ยิ่งรักคนเก่ง

สิ่งที่คนเก่งพูดมันกลับทำให้ผมไม่มั่นใจว่าตอนนี้น้องคิดเหมือนผมมั้ย จากคำพูดของน้อง มันเหมือนน้องคิดไว้แล้วว่าอนาคตของน้องจะไม่มีผม

ผมรู้ว่าคนเก่งรักผม รักผมมากจนไม่อยากเห็นแก่ตัวเอง มีหลายครั้งที่เราเดินไปไหนด้วยกันในมหาวิทยาลัย ผมซึ่งมีคนรู้จักอยู่ประมาณหนึ่ง จากปกติเดินคนเดียวก็มีคนมองอยู่แล้ว ยิ่งมากับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนแถมยังเป็นผู้ชายด้วยอีก แน่นอนต้องมีคนมองมากขึ้นอยู่แล้ว

ทุกครั้งคนเก่งก็มักจะกังวลและมักจะพูดเรื่องที่มีคนพูดว่าผมเป็นเกย์บ่อยๆ ว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้คนอื่นนินทาผม ทำให้ผมดูแย่ และผมก็พูดตลอดว่าไม่ต้องคิดมากเพราะผมไม่ได้คิดอะไร ผมมีความสุขดีและไม่ได้คิดมากกับสิ่งที่ใครๆพูดกัน ผมพยายามที่จะพูดให้คนเก่งรู้สึกดีรู้สึกมั่นใจแต่น้องก็ยังคงเป็นแบบนี้

พอมาเจอเหตุการณ์วันนี้มันยิ่งรู้สึกแย่ เหมือนคนเก่งไม่เคยมั่นใจในความรักของผมเลยเพราะถ้ามั่นใจคงไม่คิดที่จะให้ผมไปแต่งงานมีครอบครัวกับคนอื่น ที่ผ่านมาคือแค่คบกันไปวันๆรอวันเลิกอย่างนั้นเหรอ

ทำไมถึงได้คิดแบบนี้ ผมรู้ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผม คนเก่งดูจะคิดมากไปซะทุกอย่าง

ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมอยากจะขอ ผมอยากขอให้น้องมีความมั่นใจมากกว่านี้จะได้มั้ย มั่นใจในตัวเองและมั่นใจในตัวผม



ตอนที่ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ป๊าเดินตามขึ้นมาคุยกับผม

"ตอนแรกป๊าก็ลังเลไม่แน่ใจว่าผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปกันรอดเหรอ ถึงป๊าไม่ขัดขวางแต่จะให้ยอมรับร้อยเปอร์เซ็นต์มันก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เพราะม๊าเราก็การันตีว่าคนเก่งเป็นเด็กดีและรักแกมากป๊าก็เลยอยากเจอคนเก่งดูสักครั้งและสิ่งที่ป๊าได้ยินคนเก่งพูดทำให้ป๊ารู้ว่าเด็กคนนี้รักแกมากนะเต็ม รักแกมากกว่าตัวเอง ยอมทิ้งความสุขของตัวเองเพื่อให้แกมีอนาคตที่ดี อืม...ถ้าอนาคตที่ดีหมายถึงการมีลูกมีเมียตามปกติอะนะ ป๊าคงจะไม่พูดอะไรมากเพราะแกต้องรู้จักคนเก่งดีกว่าป๊าอยู่แล้ว"

ผมเข้าใจสิ่งที่ป๊าบอกผม แต่ผมไม่เข้าใจคนเก่งทำไมต้องทิ้งความสุขของตัวเองทั้งๆที่ความสุขมันอยู่ในมืออยู่แล้ว

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด!!


ผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมเริ่มรู้สึกหิวเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลย ตั้งใจว่าพาคนเก่งมาคุยกับป๊าม๊าเสร็จจะออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกแต่ที่วางแผนไว้มันพังไม่เป็นท่า

ผมมองดูหน้าจอมือถือ ผมเห็นข้อความที่คนเก่งส่งมาหาผมทางไลน์แต่ผมเลือกที่จะไม่กดเข้าไปอ่าน คนเก่งโทรมาผมก็เลือกที่จะไม่รับ อย่าเพิ่งว่าผมใจร้ายเลย อารมณ์ผมตอนนี้ทั้งโกรธทั้งเสียใจ


ผมเดินลงมาข้างล่าง คิดในใจอยู่ว่าถ้าเจอคนเก่งผมก็จะยังไม่คุย ผมเดินลงมาเจอติวเตอร์ น้องชายของผมนั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ที่ห้องรับแขก

"ไม่ออกไปไหนเหรอ" ผมถามน้องชาย สายตาผมมองไปรอบๆบริเวณนั้นไม่เจอใครอื่นอีก นอกจากติวเตอร์

"เพิ่งกลับมาสักพักเอง แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนกับพี่สะใภ้เหรอ ตอนจะเข้าบ้านผมเห็นพี่สะใภ้เดินอยู่แถวปากซอย แต่ไม่ได้ทักเพราะผมมารถเพื่อน" ติวเตอร์มันพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือ

งั้นแสดงว่าคนเก่งกลับไปแล้ว แต่ ... เดินกลับงั้นเหรอ


"ว่าไง เจ้าลูกชายตัวดี" ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้องชายผม เสียงผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในบ้านผมก็ดังขึ้นด้านหลัง

"ป๊ากับม๊าจะไปไหนเหรอครับ" ผมถามเพราะเห็นป๊ากับม๊าแต่งตัวค่อนข้างจะเป็นทางการ

แต่สิ่งที่ม๊าตอบผมมาก็คือ ...

"รู้มั้ยว่าคนเก่งร้องไห้จนตาบวมตาช้ำไปหมด แล้วน้องก็เดินกลับบ้านไม่ยอมให้ไปส่ง"

ผมไม่ได้พูดหรือตอบอะไรออกไป ผมแค่ตอบรับและเลี่ยงเดินเข้าไปในครัวแทน ตอนแรกม๊าทำท่าเหมือนจะเดินตามผมเข้ามาแต่ป๊าเรียกม๊าเอาไว้

ผมนึกขอบคุณป๊าในใจเพราะผมไม่มีอะไรจะพูดหรืออธิบายกับม๊าตอนนี้


คืนนั้นผมเห็นทุกข้อความทางไลน์ของคนเก่งที่ส่งเข้ามาแต่ผมไม่กดเข้าไปอ่าน และไม่รับสายด้วยเช่นกัน


ข้อความสุดท้ายที่คนเก่งส่งมาผมในคืนนั้นคือ คิดถึง ...


ตอนที่เห็นข้อความนั้น ในหัวผมมันตีกันไปหมด มันไม่ใช่แค่คนเก่งคนเดียวที่คิดถึงผมแต่ผมเองก็คิดถึงน้องเหมือนกัน แต่ความน้อยใจและความเสียใจของผมมันมีมากกว่าทำให้ผมเลือกที่จะไม่กดเข้าไปอ่านข้อความของน้องเหมือนเดิม


คืนนั้นเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่ผมนอนไม่หลับเลย

.
.
.

เช้าวันต่อมา
อิงค์โทรมาหาผมเพราะรู้ว่าผมกลับมาที่บ้าน อิงค์อยากจะขอติดรถกลับไปมหาวิทยาลัยด้วยเพราะมาธุระกับที่บ้านกระทันหันแล้วไม่ได้ขับรถมาเอง

ช่วงสายๆผมก็เลยออกไปรับอิงค์ ตอนที่ขับรถกลับมาถึงหน้าบ้านตัวเองผมเห็นรถจักรยานของคนเก่งจอดอยู่ ผมรู้เลยว่าน้องมาหาผม ในใจตอนนั้นผมรู้สึกดีใจนะที่น้องมา แต่ผมก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่าแสดงท่าทางอะไรออกไป

ตอนที่ผมเดินเข้ามาในบ้านเห็นคนเก่งนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกับม๊า ผมรู้ว่าสายตาของน้องพยายามที่จะมองผมแต่ผมก็เลือกที่จะไม่มองกลับไป

ตอนที่คนเก่งส่งถุงสีขาวลายดาวมาให้ผม ผมดีใจนะที่ถึงแม้ว่าเราจะมีปัญหากันแต่น้องก็ยังเขียนการ์ดมาให้ผม อันที่จริงแล้วตั้งแต่เป็นแฟนกันน้องก็ยังทำเหมือนเดิมครับยังเขียนการ์ดให้ผมสม่ำเสมอตลอด ตอนแรกผมคิดว่าพอเป็นแฟนกันผมคงไม่ได้การ์ดแล้วล่ะแต่ผมคิดผิด ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

แล้วตอนที่น้องบอกว่าขอร้องให้ผมอ่านไลน์น้องบ้างได้ไหม ตอนนั้นน้ำเสียงของคนเก่งน่าสงสารมากเลยครับ ผมเกือบจะใจอ่อนแล้ว ผมก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปเพราะถ้าพูดผมต้องใจอ่อนกับน้องแน่

จนกระทั่งตอนเกือบบ่ายสามโมง ผมขับรถไปรับคนเก่งที่บ้าน แต่ผมไม่เจอน้อง ผมเจอแค่แม่ของน้องและแม่ของน้องก็บอกผมว่าน้องไปขึ้นรถตู้เพื่อจะกลับหอ แล้วพอผมรู้ว่าคนเก่งเพิ่งออกไปได้สักพักผมก็รีบตามออกไป ความรู้สึกของผมตอนนั้นจากที่เสียใจจากที่น้อยใจมันเพิ่มความโมโหเข้ามา เพราะตอนที่เจอกันที่บ้านผม น้องก็ถามผมเองว่าจะกลับกี่โมง ผมก็บอกน้องไปแล้วว่าบ่ายสามโมง ผมก็เข้าใจว่าน้องก็ต้องไปรอผมที่บ้านเพราะทุกครั้งมันก็เป็นแบบนั้น แต่ทำไมครั้งนี้คนเก่งถึงได้เลือกที่จะกลับเอง

ตอนที่ไปเจอคนเก่ง น้องกำลังจะขึ้นรถตู้พอดีครับ ผมรีบเดินไปดึงแขนน้องมาที่รถและจับน้องไปนั่งที่เบาะด้านหลังคนขับ เพราะด้านหน้าอิงค์นั่งอยู่ แล้วพอถามถึงเหตุผลที่จะกลับเอง คนเก่งก็ให้เหตุผลที่ทำให้ผมโกรธมาก

คนเก่งคิดว่าเพราะเรากำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วผมก็คงไม่อยากให้กลับด้วยกัน ทั้งๆที่ผมบอกไปแล้วว่าจะกลับกี่โมงแต่คนเก่งก็ยังคิดแบบนี้ ผมโกรธที่เวลามีอะไรแล้วไม่ถามคิดไปเองคนเดียวว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้

เมื่อวานตอนมาส่งคนเก่งที่หอพัก ผมรู้ว่าผมพูดแรงเพราะมันผสมกับความเสียใจและความโกรธแต่ผมก็อยากให้คนเก่งเอาไปคิดและคิดตามสิ่งที่ผมพูดออกไปด้วย


เมื่อเช้าผมมารับคนเก่งที่หอพักตามปกติที่เคยทำ ตอนที่ตื่นมาตอนเช้าผมก็คิดนะว่าคนเก่งจะไปเรียนเองหรือจะรอผม จนตอนที่ผมขับรถออกมาจากคอนโด คนเก่งก็ไลน์มาบอกผมว่ารออยู่ข้างล่างหอพักแล้ว ทำให้ผมยิ้มออกมาที่คนเก่งรู้ว่ายังไงผมก็ต้องมารับ

ตอนที่คนเก่งขึ้นรถมา ผมไม่ได้คุยอะไรกับน้องเลย แต่น้องก็พยายามที่จะชวนผมคุย ผมสังเกตดูตาของคนเก่งมีรอยช้ำอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าเมื่อคืนอาจจะนอนร้องไห้ ผมอดที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องไม่ได้ตอนที่ผมทำแบบนั้นคนเก่งชะงักนิดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ตอนกลางวันผมเรียนเสร็จก่อนคนเก่งประมาณครึ่งชั่วโมง ตั้งใจว่าจะพาคนเก่งออกไปทานข้าวข้างนอก ทุกคนอาจจะงงว่าผมโกรธ ผมไม่คุยด้วยแต่ทำไมผมยังไปทานข้าวไปรับไปส่งคนเก่งเหมือนเดิม เรื่องโกรธมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมก็อยากเจอหน้าแฟนอยู่ดี มันดูย้อนแย้งคุณว่ามั้ย แล้วที่สำคัญผมก็อยากให้คนเก่งง้อผมด้วย เวลาเห็นคนเก่งพยายามที่จะง้อผม ผมว่ามันน่ารักดี

หลังจากที่ผมเรียนเสร็จผมก็บอกเพื่อนๆว่าวันนี้จะออกไปทานข้าวข้างนอก จะเข้ามาช่วงบ่ายๆตอนนัดทำโปรเจคกัน ตอนที่เดินมาใกล้ถึงลานจอดรถ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะดูว่าคนเก่งไลน์หาผมบ้างมั้ย ตอนแรกยังไม่มีครับ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ข้อความของคนเก่งก็เข้ามาถามผมว่าวันนี้จะทานข้าวที่ไหน ผมกดเข้าไปอ่านแต่ไม่ได้ตอบครับเพราะจะขับรถไปรับคนเก่งที่คณะเลย ตอนนี้คนเก่งน่าจะนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำเพื่อรอผม

แต่ตอนที่ผมกำลังจะเดินข้ามถนนเพื่อไปยังลานจอดรถ มีนักศึกษาผู้หญิงสองสามคนวิ่งหยอกล้อกันมาแล้วมาชนผม มือถือที่อยู่ในมือผมก็เลยหลุดออกจากมือไป และกระเด็นไปหล่นอยู่ที่กลางถนนและมันไม่พอแค่นั้นมีรถยนต์ขับมาและล้อก็เหยียบมือถือผมไปแบบเต็มๆ

สถานการณ์ตอนนั้นผมหูอื้อไปหมดเลยครับ ผมได้ยินเหมือนเสียงนักศึกษาผู้หญิงที่ชนผมกล่าวขอโทษผมอยู่ไกลๆ ผมรีบวิ่งไปหยิบซากมือถือของผมขึ้นมา และคนขับรถยนต์คันที่เหยียบมือถือของผมที่เขาจอดอยู่ไม่ไกลมากก็วิ่งมาดู พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผมพร้อมทั้งบอกว่าเบรคไม่ทันจริงๆเพราะมันกระชั้นชิดมาก

ตอนนั้นผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยครับ ผมรู้แค่ผมต้องเอามือถือไปที่ศูนย์ซ่อมด่วนที่สุด

พอขับรถออกมาจนใกล้จะถึงห้างสรรพสินค้า ผมก็มานึกได้ว่าคนเก่งต้องนั่งรอผมแน่นอนเลย แต่ตอนนี้ผมก็ติดต่อใครไม่ได้

เฮ้อ ... เดี๋ยวค่อยไปอธิบายก็แล้วกัน



(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อค่ะ)




ตอนที่ผมจอดรถที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดข้างผมซึ่งผมคุ้นตามาก พอผมลงมาจากรถผมก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่จริงๆ

"พี่ต่อ" รถของพี่ชายผมเองครับ

"อ้าว เต็ม" พี่ต่อภพทักผม ก่อนจะเห็นพี่ขวัญ พี่สะใภ้ผมเดินลงมาจากรถ ผมยกมือไหว้พี่สะใภ้

"สวัสดีจ้ะน้องเต็ม มาทำอะไร"

"เอามือถือมาซ่อมน่ะครับ โดนรถเหยียบ" ผมบอก พี่ชายผมหัวเราะผมว่าไปทำยังไงให้รถเหยียบมือถือ ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของผมจะเดินไปที่ศูนย์ซ่อมมือถือพร้อมกับผม

แต่ผมคิดว่ามือถือผมน่าจะต้องได้ซื้อใหม่อย่างแน่นอนเพราะสภาพมันแย่มากแต่สิ่งที่ผมอยากให้ศูนย์ซ่อมช่วยดูให้ผมคือเมมโมรี่การ์ดยังใช้ได้อยู่มั้ย ถ้าเสียหายกู้ข้อมูลให้ผมได้มั้ยเพราะในเมมโมรี่การ์ดมีรูปมีคลิปที่ผมถ่ายกับคนเก่งไว้เยอะมาก

หลังจากเอามือถือไปให้ที่ศูนย์ดูเรียบร้อยแล้วทางศูนย์บอกว่าอีกสักประมาณหนึ่งชั่วโมงให้กลับมาอีกที พี่ชายและพี่สะใภ้ผมก็เลยชวนผมทานข้าวด้วยกัน

พอทานข้าวเสร็จ ผมก็เดินกลับมาที่ศูนย์ซ่อมพร้อมกับพี่ขวัญพี่สะใภ้เพราะพี่ชายผมนัดเอาเอกสารมาให้ลูกค้าที่ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ชั้นหนึ่ง

ผลก็อย่างที่คิดครับผมต้องซื้อมือถือเครื่องใหม่ แต่โชคดีที่เมมโมรี่การ์ดและซิมไม่ได้รับความเสียหาย จากตอนแรกที่ผมจะซื้อมือถือเครื่องใหม่เอง แต่พี่ชายผมเป็นคนจัดการให้ครับ นับว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี

ก่อนจะแยกย้ายกันกลับพี่ชายผมถามถึงคนเก่ง พอผมเล่าคร่าวๆว่ามีปัญหากันนิดหน่อย พี่ชายผมบอกจะเอามือถือคืนเพราะผมทำให้คนเก่งเสียใจ

"พี่ต่อ ใครกันแน่ที่ทำให้เสียใจ น้องมันพูดเหมือนไม่รักผมเลยนะ จะไล่ให้ผมไปแต่งงานกับคนอื่น"

"ก็เพราะว่าเขารักเขาถึงได้พูดแบบนั้นยอมทิ้งความสุขของตัวเอง" พี่ชายผมพูด

"เพียงแต่เขาลืมคิดไปว่าความสุขของเราต้องมีเขาอยู่ด้วย ... จริงมั้ย" พี่สะใภ้ผมพูดเสริมขึ้นมา

"ไปเถอะขวัญ ที่จริงมันไม่มีอะไรมากหรอก มันแค่งอนเมียเท่านั้นแหละ ท่ามากอยากให้เมียง้อไง แต่พอเขาง้อก็เล่นตัว ถ้าเขาไม่ง้อจะรู้สึก" พี่ชายผมพูด

ผมได้แต่เถียงพี่ชายในใจว่า ไม่มีทางที่คนเก่งจะไม่ง้อผม เพราะคนเก่งรักผมมาก

"เอาไว้พามาเจอมาทานข้าวด้วยกันบ้างนะ เคยได้ยินแต่ม๊าเล่าให้ฟังแต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที" พี่สะใภ้ผมพูดก่อนที่จะขึ้นรถ และผมก็รับปากไป

หลังจากนั้นผมกับพี่ชายและพี่สะใภ้ก็แยกย้ายกันกลับ



ผมกลับมาที่คณะและเดินตรงไปที่นัดหมายกันทำโปรเจค ระหว่างทางที่เดินไปผมเจอกับไอ้ธาวินที่เดินสวนมา ตอนแรกผมก็แค่ทักทายมันธรรมดา แต่เพราะประโยคที่มันพูดขึ้นมาทำให้ผมต้องหยุดคุยกับมัน

"ตอนกลางวันกูพาแฟนมึงออกไปกินข้าวที่ห้าง xxx มา น่าสงสารคนเก่งนะที่โดนแฟนทิ้ง"

"มึงพูดเหี้ยอะไรของมึง กูไม่เคยทิ้งแฟนกู" ผมย้อนมัน

"เหรอ แล้วที่กูเห็นมึงเดินอยู่กับผู้หญิงสวยๆที่ห้างนี่คืออะไรวะ ไม่ใช่แค่กูนะที่เห็นคนเก่งก็เห็น"

ผมชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ธาวินมันพูด คนเก่งก็ต้องเห็นผมอยู่กับพี่ขวัญ น่าจะเป็นตอนที่ผมเดินกลับไปที่ศูนย์ซ่อมมือถือกับพี่ขวัญแค่สองคน คนเก่งเองก็ยังไม่เคยเจอพี่ขวัญ ยิ่งเป็นคนที่คิดมากอยู่แล้ว ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้คนเก่งคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้เคลียร์ มีเรื่องใหม่มาอีกแล้ว

"ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องมาอธิบายให้มึงฟัง กูจะคุยกับแฟนกูเอง" ผมบอกมันและเดินออกมาไม่คุยกับมันต่อ

ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่รู้ว่าคนเก่งไปทานข้าวกับมันแต่ผมรู้ว่าต้องมีฟูจิไปด้วยอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากนัก อาจจะเป็นเพราะมันเคยบอกว่าจะจีบคนเก่งแล้วช่วงนั้นมันก็มักจะกวนประสาทผมบ่อยๆเรื่องคนเก่ง


ผมเดินมาถึงตรงที่นัดหมายกับเพื่อนที่ทำโปรเจคกัน

"ไอ้เต็มมึงไปไหนมาวะ ติดต่อก็ไม่ได้" เสียงของไอ้ธรณ์มันโวยวายใส่ผมทันทีที่เจอหน้า

"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยวะ มือถือกูพัง เพิ่งซื้อเครื่องใหม่มาเนี่ย" ผมบอกก่อนจะหยิบกล่องใส่มือถือออกมา จัดการเปิดเครื่องและหาปลั๊กไฟเพื่อเสียบชาร์จแบต

ผมเห็นพวกเพื่อนสนิทผมสามคนมองหน้ากันไปมา ก่อนที่ไอ้ธรณ์จะเป็นคนเดินมานั่งข้างผมที่กำลังจัดการมือถือเครื่องใหม่อยู่

"อีเมล์ที่เคยลงทะเบียนไลน์ไว้คืออะไรวะ" ผมบ่นกับตัวเอง และพยายามนึกว่าผมเคยใช้เมล์อะไรลงทะเบียนไว้เพราะผมอยากได้ข้อมูลทุกอย่างในไลน์ผมกลับมา ผมไม่อยากต้องลงทะเบียนใหม่

"คนเก่ง ไลน์มาถามกูว่ามึงอยู่ที่ไหน น้องมันติดต่อมึงไม่ได้" ผมนิ่งไปตอนที่ไอ้ธรณ์มันพูด

"ถามมึงตอนไหน" ผมถาม ไอ้ธรณ์มันหยิบมือถือมันขึ้นมาและเปิดไลน์ของคนเก่งให้ดู ผมดูจากเวลาที่คนเก่งส่งข้อความหาไอ้ธรณ์เป็นเวลาที่คนเก่งเลิกเรียนไม่นาน

"กูนึกว่ามึงออกไปกับน้องมันกูเลยพูดไปแบบนั้น"

ไอ้ธรณ์มันคงเห็นที่ผมอ่านข้อความที่มันคุยกับคนเก่ง

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ"
ไอ้ธรณ์มันถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมถอนหายใจ ก่อนจะเล่าให้มันฟัง

"กูจะสงสารใครดีวะ แต่กูว่าตอนนี้มึงติดต่อหาน้องมันก่อนดีมั้ย ป่านนี้คิดมากแล้ว"

"กูโทรหาแล้วแต่ไม่ติดว่ะ แบตน่าจะหมด" ผมลองโทรหาคนเก่งแล้วครับแต่ติดต่อไม่ได้

ผมพยายามนึกอีเมล์ก็นึกไม่ออก คงต้องเดินย้อนกลับไปที่รถเพราะผมจะมีสมุดโน๊ตที่จดบันทึกอะไรที่สำคัญไว้ในนั้น ปกติผมพกติดกระเป๋าเป้เป็นประจำครับแต่เมื่อเช้าหลังจากที่ส่งคนเก่งที่คณะ ผมหยิบออกมาดูกำหนดการส่งโปรเจค หลังจากดูเสร็จผมก็วางไว้ที่เบาะที่นั่งข้างคนขับ แล้วก็ลืมที่จะเอามาใส่กระเป๋าเป้ไว้เหมือนเดิม

"ไอ้เต็มมาทำงานก่อนมึง" ไอ้ทัตพลเรียกผม ดูเหมือนทุกคนจะรอผมอยู่ ผมเลยต้องตัดใจมานั่งทำงานก่อน

"เป็นไรมึง หน้าตาไม่ค่อยดี" ไอ้คิวถามผม

"กูว่าเมียไม่ให้เอา" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นมา แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน

"เดี๋ยวกูถีบเลย ห้ามเอาแฟนกูมาล้อทำงานๆ" ผมบอกพวกมัน


เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง งานก็ก้าวหน้าไปเยอะแล้วครับ จนไอ้กอล์ฟมันบอกให้พวกเรานั่งพักกันก่อน ก่อนที่พวกมันเริ่มคิดหาของมาทานกันเพราะใช้พลังงานกันไปพอสมควร


"มึงๆ เมียมึงมา" ไอ้ชินท์เดินมาสะกิดผม ที่กำลังนั่งวุ่นวายกับมือถือเครื่องใหม่อยู่ ผมรีบหันไปมองเห็นคนเก่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆพวกผม ผมรีบลุกเดินเข้าไปหาเพราะเห็นคนเก่งถือถุงอะไรมาเยอะแยะไปหมด

พอผมเดินเข้ามาใกล้ถึงเห็นว่าในมือน้องมีถุงของกินและเครื่องดื่มทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลม

"ผมซื้อของกินกับน้ำมาให้ครับ" คนเก่งบอก และไอ้ชินท์ที่เดินตามผมมามันก็บอกว่า

"คนเก่งเป็นนางฟ้ามาโปรดพวกพี่เลย พวกพี่กำลังหิวมาก"

ผมรับถุงในมือคนเก่งและส่งต่อให้ไอ้ชินท์ ผมเห็นมือน้องแดงไปหมดเพราะหิ้วถุงมาเยอะและน่าจะหนักด้วย แถมหน้าก็มีแต่เหงื่อเต็มไปหมด ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงมาเช็ดหน้าให้

คนเก่งหน้าแดงมากขึ้นและทำตาโตมองผมด้วยความตกใจ แต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่เช็ดหน้าให้เท่านั้น ตอนที่ผมเช็ดเสร็จกำลังจะเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้เหมือนเดิม คนเก่งกลับจับมือผมไว้แล้วบอกว่า

"เดี๋ยวผมเอาไปซักให้ครับ มันสกปรกแล้ว"

ผมอยากจะแย้งไปว่าไม่เห็นสกปรกตรงไหน แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและปล่อยให้น้องดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือผม ผมเดินนำคนเก่งเข้ามานั่งข้างใน ผมเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อน ส่วนคนเก่งก็นั่งที่เก้าอี้ที่ห่างออกไปเล็กน้อย

"เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำแข็งก่อน" ผมได้ยินไอ้คิวมันพูด

"ผมขอโทษครับ ผมลืมซื้อมา" คนเก่งเอ่ยขึ้น

"ไปขอโทษมันทำไม" ผมพูดขึ้นมา

"ไม่ต้องขอโทษครับน้องคนเก่ง หิ้วมาได้ขนาดนี้ก็เก่งมาแล้ว ทั้งน้ำอัดลมทั้งน้ำเปล่าตั้งหลายขวด" ไอ้คิวมันบอก

ผมเหลือบมองดูที่มือของคนเก่งอีกครั้ง

หลังจากนั้นไอ้คิวก็เดินออกไปซื้อน้ำแข็งตรงซุ้มน้ำข้างตึกคณะ ส่วนพวกที่เหลือก็ลงมือหาของกินเข้าปาก ผมมองดูเห็นมีลูกชิ้นทอด หมูปิ้งพร้อมข้าวเหนียว หมูสะเต๊ะ พวกผมมีกันเจ็ดคนแต่เห็นปริมาณของกินแล้ว ผมว่าเหลือเฟือเลยครับ เพราะดูแต่ละอย่างแล้วอย่างน้อยๆก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบไม้

"พี่เต็มไม่ทานเหรอครับ" คนเก่งขยับมานั่งใกล้ผมและถามผมขึ้นมา

"ไม่ล่ะ" ผมตอบและคนเก่งก็หน้าหงอยลงทันทีจนรู้สึกได้

"เดี๋ยวทานมื้อเย็นไม่ได้" ผมเว้นคำพูดที่ว่า 'เดี๋ยวไปทานมื้อเย็นกับเราไม่ได้' ไว้



ไม่นานไอ้คิวมันก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำแข็งและแก้วพลาสติกที่คงจะเอามาจากซุ้มขายน้ำ มันเทน้ำอัดลมมาให้คนเก่งและผมคนละแก้ว ก่อนจะไปร่วมวงของกินกับคนอื่น

สักพักไอ้คิวมันก็เดินมาถามคนเก่งเรื่องค่าของกินที่ซื้อมา พวกมันจะเอาเงินให้น้อง แต่คนเก่งบอกว่าไม่เอา

"ไม่เอาได้ไงซื้อมาขนาดนี้หมดอย่างน้อยๆก็เจ็ดแปดร้อย" ผมพูดก่อนจะควักเงินตัวเองให้น้องไปพันหนึ่ง

"ก็ผมบอกไม่เอา พี่เต็มก็เลี้ยงข้าวผมตลอดอยู่แล้ว"

"ที่เลี้ยงเพราะเป็นแฟน แต่ไอ้พวกเนี่ยมันไม่ได้เป็นอะไรด้วยไม่ต้องไปเลี้ยงมัน เอาเงินพี่ไป ส่วนพวกมึงหารกันมาคืนกู"  ผมพูดพร้อมกับเอาเงินใส่มือคนเก่ง น้องหน้ามุ่ยเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับเงินจากผมและเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไว้

ผมนั่งเก็บรายละเอียดงานอีกเล็กน้อย ส่วนคนเก่งก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมและเห็นหยิบสมุดที่น่าจะเป็นสมุดเล็คเชอร์ขึ้นมาดู สักพักผมเห็นคนเก่งหยิบมือถือขึ้นมา และมองซ้ายมองขวารอบๆห้อง สักพักเห็นเดินไปเสียบที่ชาร์จแบตมือถือที่ปลั๊กที่อยู่ตรงมุมห้อง แสดงว่าตอนที่ผมโทรหาแล้วไม่ติดแบตมือถือคงจะหมดจริงๆ ผมเห็นคนเก่งกดเปิดมือถือและกดโทรออกหาใครสักคน

"ฮัลโหล ฟูจิ"

"กูเพิ่งเปิดสมุดดูเมื่อกี้นี้เอง กูลืมจริงๆว่ะ"

"ทันๆกูหาข้อมูลไว้เกือบครบแล้ว เหลือแค่พิมพ์"

"ไม่ต้องๆเอาไว้ไม่ทันจริงๆค่อยว่ากัน"

"แต้งกิ้วนะมึง"

คนเก่งวางสายก่อนจะสไลด์หน้าจอมือถือไปมา พร้อมทั้งนั่งเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดจดที่วางอยู่บนตัก

ผมสังเกตดูสักพักก็เห็นว่าเหมือนกำลังหาข้อมูลอะไรสักอย่างอยู่

"เดี๋ยวกูมานะ ไปเอาของที่รถ" ผมบอกพวกเพื่อนผมที่ยังนั่งกินกันอยู่ พวกมันแค่พยักหน้าเออออรับรู้ ส่วนคนเก่งก็เงยหน้ามองผม

"รออยู่นี่แหละ" ผมบอก

"ครับ"



ประมาณสิบนาทีผมก็เดินกลับมาพร้อมกับสมุดบันทึกและแล็ปท็อปที่ผมเอาไว้ในรถ

ตอนผมเดินกลับมาเห็นไอ้ธรณ์กำลังนั่งคุยกับคนเก่ง แต่พอผมเดินมาใกล้ไอ้ธรณ์มันก็ลุกเดินหนีไป ผมเดินไปหยิบมือถือเครื่องใหม่ของผมที่แบตน่าจะเต็มแล้ว และกลับมานั่งที่เดิม ก่อนจะเรียกคนเก่งที่นั่งอยู่มุมห้องให้มานั่งใกล้ๆผม

"คนเก่งมานั่งนี่ ไม่ต้องเอามือถือมา มาใช้แล็ปท็อปแทน" ผมบอก

คนเก่งวางมือถือลงและเดินถือสมุดจดพร้อมกระเป๋าเป้มานั่งใกล้ๆผมที่มีโต๊ะและเก้าอี้พร้อม คนเก่งไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่นั่งทำงานของตัวเองไปเงียบๆ พวกเพื่อนผมก็กลับมาสนใจทำโปรเจคกันต่อ จนฟ้าเริ่มมืดลง ผมมองดูเวลาตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว เพื่อนผมมันก็เลยสรุปกันว่ากลับไปอาบน้ำและทานข้าวกันก่อนค่อยมาทำต่อดีกว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วย หลังจากนัดหมายเวลากันเสร็จก็แยกย้ายกัน

คนเก่งเซฟงานที่พิมพ์เอาไว้ในเครื่องก่อนจะปิดแล็ปท็อปและเดินไปหยิบมือถือพร้อมสายชาร์จ พอผมเห็นว่าคนเก่งเก็บของเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกเดินนำไปก่อน


"พี่เต็มจะทานอะไรครับ ไปร้าน xxx มั้ย" คนเก่งถามผมทันทีที่ขึ้นรถ

ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ขับรถกลับมาที่คอนโด คนเก่งมองผมด้วยความแปลกใจตอนที่ผมจอดรถตรงที่จอดรถในคอนโด

"ไปดูว่าของในตู้เย็นพอจะทำอะไรได้บ้าง" ผมพูดแค่นั้นก็เห็นรอยยิ้มของคนเก่งที่ปรากฏขึ้น เด็กโง่เอ๋ย ไม่ใช่กำลังคิดว่าผมไม่อยากทานฝีมือของตัวเองแล้วหรอกนะ


พอขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่คนเก่งวางข้าวของของตัวเองไว้ที่โซฟาในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว คนเก่งก็เดินเข้าไปในห้องครัวทันที ผมมองตามไปสักพักก็เดินเข้ามาอาบน้ำ ตอนที่เห็นคนเก่งอยู่ในห้องเดินไปเดินมาแบบนี้มันโคตรรู้สึกดี ผมรู้สึกมันอุ่นๆในหัวใจ เหมือนมันมีอะไรมาเติมเต็ม หลังจากที่มันขาดหายไปในช่วงสองสามวันนี้

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมหยิบมือถือเครื่องใหม่ที่ผมจัดการดึงข้อมูลจากไลน์เดิมมาเรียบร้อยแล้ว ผมกดเข้าไปดูเห็นข้อความของคนเก่งที่ส่งมาหาผมค้างอยู่เยอะเลย ระหว่างนั้นก็มีข้อความของไอ้ธรณ์มันแจ้งเตือนขึ้นมา

thorn_ : อย่าเล่นตัวมาก
thorn_ : คุยกับน้องมันได้แล้ว
thorn_ : สงสารมัน
thorn_ : รอมึงมาตั้งห้าปี

ผมอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ผมเดินออกมาที่ห้องครัว มีกับข้าวสองอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร และคนเก่งเดินถือชามต้มจืดสาหร่ายเต้าหู้มาวางเพิ่ม

"พี่เต็มทานเลยมั้ยครับ" คนเก่งถามผม ผมไม่ได้ตอบแต่นั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร คนเก่งก็เลยเดินไปตักข้าวสวยในหม้อหุงข้าวมาให้ผม และตักในส่วนของตัวเองมานั่งทานด้วย

เราสองคนนั่งทานกันไปเงียบๆ โดยไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมสังเกตท่าทางของคนเก่งเหมือนอยากจะคุยกับผมเพราะเห็นมองมาที่ผมบ่อยครั้งแต่น้องก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จคนเก่งก็จัดการเก็บล้างทำความสะอาดในครัว ส่วนผมเดินออกไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกและเปิดหนังดูรอเวลาที่จะออกไปทำโปรเจคต่อ

ผ่านไปสักพักคนเก่งเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมแต่นั่งค่อนข้างห่าง

"พี่เต็มครับ ผมยืมแล็ปท็อปก่อนได้มั้ยครับพอดีผมเซฟงานที่พิมพ์ไว้ในนี้"

ผมแค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ผมกำลังนั่งลุ้นว่าคนเก่งจะถามผมในเรื่องที่ตัวเองสงสัยหรือเปล่า


"วันนี้เห็นพี่ธรณ์บอกว่ามือถือของพี่เต็มหล่นแล้วโดนรถยนต์ขับมาเหยียบเหรอครับ" คนเก่งถามผม และผมก็นึกหงุดหงิดไอ้ธรณ์ขึ้นมาที่มันเป็นคนบอกน้องก่อนผม

"ใช่ เลยต้องซื้อเครื่องใหม่เลย" ผมบอก

"แล้วเบอร์ ... "

"ใช้เบอร์เดิม ไลน์เดิม" ผมบอกและเห็นคนเก่งรีบหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาและเห็นกดๆจิ้มๆอะไรอยู่สักพัก มือถือเครื่องใหม่ของผมที่วางอยู่ที่โต๊ะกระจกมันก็สั่นขึ้นมองดูหน้าจอเห็นเป็นชื่อของคนเก่งที่ผมบันทึกไว้

คนเก่งกดวางและยิ้มด้วยความดีใจ

"วันนี้ที่พี่เต็มออกไปข้างนอกก็เพราะไปจัดการเรื่องมือถือเหรอครับ"

"ใช่ เละ พัง แตกกระจายจนซ่อมไม่ได้"

"แล้ว ... วันนี้พี่เต็มไปกับใครเหรอครับ"

นี่แหละคำถามนี้ที่ผมรอ

"ไปคนเดียว" ผมตอบและคนเก่งก็ทำหน้าหงอยๆ

ถามต่อสิคนเก่ง ... ถามเร็วเข้า



ติ๊งต่อง


แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงกริ่งที่หน้าห้องผมก็ดังขึ้น ผมมองดูเวลาไม่น่าจะมีใครมาหาผมในช่วงเวลานี้นะ


ผมเดินไปส่องที่ตาแมวหน้าประตู ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะผมเห็นพี่ขวัญพี่สะใภ้ผมยืนอยู่หน้าประตูห้อง ผมหันไปมองคนเก่งนิดหนึ่งก่อนจะเปิดประตูให้พี่สะใภ้ พอเปิดประตูเสร็จพี่สะใภ้ผมก็เดินเข้ามาในห้องและบอกว่าขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำเลย ซึ่งผมก็ยืนงงอยู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


ผมปิดประตูห้องและหันกลับมาเห็นคนเก่งกำลังเก็บของและหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและกอดแล็ปท็อปไว้ที่หน้าอก

"พี่เต็มมีแขก งั้นผมกลับก่อนนะครับ" คนเก่งพูดโดยไม่สบตาผม

"ไม่นอนนี่ล่ะ" ผมถามทันทีเพราะผมตั้งใจที่จะให้น้องนอนที่นี่อยู่แล้ว เมื่อคืนไม่มีคนเก่งนอนด้วยผมนอนไม่หลับเลย


คนเก่งเม้มปากเหมือนกำลังตัดสินใจที่จะพูดอะไรบางอย่าง


"พี่เต็มบอกผมว่าวันนี้พี่เต็มไปห้าง xxx คนเดียว แต่ผมเห็นพี่เต็มเดินอยู่กับพี่ผู้หญิง ... คนเมื่อกี้ ทำไมต้องโกหกผมด้วย"


พอคนเก่งพูดว่าผมโกหก ผมก็รู้สึกว่าผมหัวร้อนขึ้นมาทันที และทำให้ผมพูดในสิ่งที่ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม


"ก็ใครล่ะที่เป็นคนบอกว่าอยากให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงดีๆและมีครอบครัวที่อบอุ่น พี่ก็กำลังทำอยู่นี่ไง"


คนเก่งยืนเงียบและนิ่งไปหลังจากที่ผมพูดจบ แววตาแสดงถึงความเสียใจ ผมหันหลังให้คนเก่งเพราะไม่อยากมองหน้าน้องตอนนี้


"ผมกลับก่อนนะครับ" คนเก่งพูดแค่นั้นและรีบเดินออกจากห้องผมไป


หลังจากบานประตูถูกปิดลง สิ่งที่ผมคิดในหัวตอนนี้คือ


ชิบหายแล้วกู



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 28

[เติมเต็ม part]




ผมยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะเปิดประตูห้องและคิดว่าจะตามไปคุยกับคนเก่ง แต่พอเปิดประตูห้องออกไป ผมกลับเจอพี่ต่อภพพี่ชายผมที่กำลังเดินมา

"เมื่อกี้ตอนออกจากลิฟท์มาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินสวนเข้าไป ใช่คนเก่งหรือเปล่า เห็นหน้าไม่ชัดเพราะน้องมันเดินก้มหน้า"

ผมถอนหายใจออกมา

"ถ้ามองไม่ผิดเหมือนน้องมันร้องไห้" พี่ชายผมพูดต่อ ผมไม่ตอบอะไร

"เดี๋ยวผมตามไปดูคนเก่งก่อน" ผมบอกแต่พี่ชายผมกลับบอกว่า

"มาคุยกับพี่ก่อน ดูหน้าก็รู้ว่าแกกำลังอารมณ์ไม่ดี ไปคุยกันตอนนี้จะทะเลาะกันมากขึ้นเปล่าๆ"

"ไม่ทันแล้วล่ะพี่ต่อ" ผมพูดแต่ก็ยอมเดินตามพี่ชายผมเข้ามาในห้อง

"ไม่ทันอะไรว่ะ" พี่ชายผมย้อนถามผม

"จากที่มันแย่อยู่แล้วมันก็แย่ยิ่งกว่าเดิมนะสิ" ผมบอก

พี่ต่อภพนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ส่วนผมก็นั่งลงที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ พี่สะใภ้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

"ขอโทษนะเต็มที่พี่มารบกวนกะทันหัน พอดีพี่ชายเรานะสิทำน้ำหกใส่ชุดพี่ ดีนะมีชุดใหม่ติดรถเอาไว้" พี่สะใภ้ผมบอกพร้อมกับนั่งลงข้างพี่ชายผม

พี่ต่อภพบอกว่ากำลังจะไปสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียน ช่วงที่ขับรถใกล้จะถึงคอนโดผมซึ่งเป็นทางผ่าน ตอนนั้นรถติดไฟแดงอยู่พี่ต่อภพหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มแล้วตอนที่ดื่มเสร็จไฟเขียวพอดี เลยยื่นขวดน้ำให้พี่ขวัญเพื่อให้พี่ขวัญปิดฝาขวดให้ แต่พี่ขวัญยังจับขวดน้ำไม่แน่นพี่ชายผมก็ปล่อยขวดน้ำออกจากมือตัวเองก่อน ผลคือพี่ขวัญน้ำในขวดหกรดพี่ขวัญจนเปียกไปหมด จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก็ไม่อยากย้อนกลับไป ก็เลยตัดสินใจแวะที่คอนโดผมเพราะมีเสื้อผ้าติดรถไว้อยู่แล้ว

"พี่ต่อไม่โทรมาหาผมก่อน ถ้าผมยังไม่กลับหรือไม่อยู่จะทำไงครับ" ผมถามพี่ชาย

"พี่ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ข้างล่างแล้วนะสิ เขาบอกแกกลับมาแล้ว"  พี่ชายผมบอกพร้อมมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือไปด้วย

"ยังพอมีเวลาอยู่ มาคุยเรื่องแกกับแฟนแกดีกว่า" พี่ชายผมพูดขึ้น


ผมถอนหายใจ และมองหน้าพี่ขวัญนิดๆก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษพี่ขวัญและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่คนเก่งเห็นผมเดินกับพี่ขวัญ รวมทั้งที่ผมพูดประชดคนเก่งก่อนที่น้องจะเดินออกจากห้องไป

"ตายแล้ว ทำไมเต็มทำแบบนี้ล่ะ พี่น่ะไม่อะไรหรอกนะแต่แฟนเต็มล่ะ แฟนเต็มเขาไม่รู้ มันก็ไม่ผิดที่เขาอาจจะเข้าใจผิดหรือคิดไปไกล" พี่สะใภ้ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ส่วนพี่ชายผมมองผมด้วยสายตาที่เหมือนผมทำอะไรผิดมากๆ

"ทำไมแกไม่บอกน้องไปว่า ใช่ แกไปห้างคนเดียวแต่แกบังเอิญไปเจอกับพี่ชายพี่สะใภ้วะ แกจะรอให้น้องมันถามทำไม" พี่ชายผมพูดขึ้น

"คือผมคิดว่าในเมื่อคนเก่งก็เห็นว่าผมเดินกับผู้หญิง ผมก็อยากให้น้องเป็นคนถามผมเองว่าผมไปเดินกับใคร ผมก็ไม่รู้ว่าน้องจะถามหรือไม่ถามเพราะตอนที่กำลังคุยกัน พี่ขวัญก็มาพอดี" ผมบอก

"แต่แกก็ไม่พูด ไม่อธิบายอีก" พี่ชายผมพูด

"พอได้ยินน้องพูดว่าผมโกหก ผมก็เลยหัวร้อน ก็เลยพูดประชดออกไปแบบนั้น" ผมตอบได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะผมผิดจริงๆที่พูดประชดน้องออกไป

"เต็มรู้มั้ยว่าเวลาที่ทะเลาะกันแล้วพูดประชดใส่กันมันมีแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ลง พี่กับพี่ต่อก็เคยเป็น พี่ชอบประชด ทะเลาะกันทีไรพี่จะประชดตลอด จนเราเกือบจะไปกันไม่รอด อาจจะเป็นช่วงปรับตัวเข้าหากันด้วยมั้ง ตอนนั้นพี่ต่อแทบจะทนพี่ไม่ไหว เคยจะเลิกกันตั้งหลายครั้งเพราะนิสัยชอบประชดของพี่ ด้วยนิสัยที่ใจร้อนเหมือนกันด้วยล่ะมั้ง กว่าจะปรับให้เข้ากันได้ เต็มกับแฟนก็เหมือนกันคบกันมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่มันก็ต้องมีการปรับตัวเพราะมันก็ยังถือว่าเป็นช่วงแรกที่คบกัน"

"ผมไม่ชอบเลยครับเวลาที่ทะเลาะกัน ตั้งแต่คบกันมาเรายังไม่เคยทะเลาะกันเลย" ผมพูด

"แต่พี่ว่าเป็นแฟนกันแล้วทะเลาะกันบ้างมันดีนะ เพราะเวลาที่ทะเลาะกันเราก็จะได้เรียนรู้นิสัย ความคิด ของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย หลายครั้งที่คนเราจะแสดงนิสัยแย่ๆของตัวเองออกมาตอนที่ทะเลาะกัน ที่นี้มันก็จะเป็นโอกาสของเราที่จะต้องถามตัวเองว่าเรารับนิสัยแย่ๆแบบนั้นของเขาได้มั้ย ถ้าเรารับได้ก็ไปต่อแต่ถ้าเรารับไม่ได้ เราก็มาดูกันอีกทีว่าความสัมพันธ์มันจะเป็นยังไงต่อไป"

"เป็นไงล่ะ พี่สะใภ้แก นึกว่าพี่อ้อยพี่ฉอดมาเอง" พี่ชายผมแซวพี่สะใภ้ครับ

"แต่ก่อนอื่นต้องไปง้อและอธิบายให้แฟนเต็มเข้าใจก่อนนะ เต็มบอกว่าเต็มเสียใจตอนที่แฟนพูดว่าอนาคตอยากให้เต็มแต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคน แต่นั้นคือเรื่องที่มันยังไม่เกิดเป็นแค่เรื่องที่แฟนเต็มคิดเอาไว้แค่นั้น ในขณะที่เต็มบอกกับแฟนว่าผู้หญิงที่เดินด้วยกันวันนี้ ผู้หญิงที่ขึ้นมาหาเต็มที่ห้องอาจจะเป็นผู้หญิงดีๆสักคนที่เต็มจะแต่งงานด้วย เต็มคิดว่าคนที่เป็นแฟนกับเราอยู่ แล้วเขาได้ยินได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเสียใจมากแค่ไหน ขนาดเต็มยังเสียใจมากกับเรื่องที่มันยังไม่เห็นภาพเลย"

ผมว่าพี่สะใภ้ผมไม่ต้องบิ้วให้ผมรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ก็ได้แค่นี้ผมก็รู้สึกโคตรแย่แล้ว


สักพักพี่ชายและพี่สะใภ้ผมก็ขอตัวเพราะเพื่อนเริ่มโทรมาตามแล้ว หลังจากที่ทั้งสองคนกลับไป ผมก็กดมือถือหาคนเก่ง แต่คนเก่งไม่ยอมรับสายผมเลย ไลน์ไปน้องก็ไม่อ่าน ส่วนพวกเพื่อนผมก็ไลน์มาตามผมให้ออกมาทำงานต่อ ผมตัดสินใจโทรหาไอ้ธรณ์เพราะอยากจะขอตัวที่จะไม่ไป


(ว่าไงมึง เมื่อไหร่จะมา) ประโยคแรกของไอ้ธรณ์

"กำลังจะไป กูแค่จะโทรมาถามว่าจะเอาอะไร จะกินอะไรกันมั้ย"

จากตอนแรกที่คิดว่าจะไม่ไปเพราะอยากจะไปคุยกับคนเก่งให้รู้เรื่องก่อน แต่พอคิดอีกทีมันเป็นโปรเจคสำคัญและเป็นงานกลุ่ม ผมก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวเอาเรื่องส่วนตัวมาเอาเปรียบเพื่อน ผมรู้ถ้าผมบอกพวกเพื่อนผมมันก็ต้องให้ผมไปหาน้อง แต่ผมก็ไม่อยากเอาเปรียบพวกมัน

(เอาน้ำเปล่ามาก็ได้มึง) ไอ้ธรณ์มันถามทุกคนก่อนจะได้ข้อสรุป ผมวางสายไอ้ธรณ์ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำเปล่าหลายขวดในตู้เย็น


ตลอดคืนที่นั่งทำงานผมกดมือถือหาคนเก่งแทบจะทุกๆสิบนาที แต่ไม่มีการตอบรับใดๆจากคนเก่ง ไลน์ไปหาน้องก็ไม่อ่าน ซึ่งถือว่าผิดวิสัยของคนเก่งมาก แต่ผมก็พยายามที่จะทำใจให้เย็นมากที่สุด พรุ่งนี้ผมจะต้องได้คุยกับน้อง พรุ่งนี้เราจะได้เคลียร์กัน ผมบอกตัวเองอยู่แบบนี้

.
.
.



เข้าวันต่อมา
ผมขับรถมารอรับคนเก่งที่หน้าหอพักตามปกติแต่ที่มันไม่ปกติคือคนเก่งยังไม่รับสายผมสักครั้ง ผมนั่งรออยู่ในรถ มองนักศึกษาที่เดินลงมาก็ไม่มีคนเก่งที่เดินลงมา ผมนั่งรอจนใกล้เวลาที่จะต้องเข้าเรียน ผมก็เลยจำเป็นต้องมาเรียนก่อน บางทีคนเก่งอาจจะออกไปเรียนก่อนที่ผมจะมารับล่ะมั้ง


ตลอดเวลาที่ผมเข้าเรียนผมก็กดมือถือหาคนเก่งตลอด แต่ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมไม่มีการตอบรับจากคนเก่ง น้องไม่รับสายผม ผมทั้งส่งไลน์ไปเป็นร้อยๆข้อความแต่ไม่มีการเปิดอ่าน ผมส่งแม้กระทั่งเอสเอ็มเอสไป ทั้งแชทในเฟซบุ๊ก ทั้งดีเอ็มในไอจี ส่งไปทุกช่องทางเพื่อจะติดต่อแต่ไม่มีการตอบรับใดๆเลย

หลังจากที่เรียนเสร็จผมรีบบึ่งไปที่คณะศิลปศาสตร์ทันที เจอฟูจิและส้มส้มนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำกันสองคน

"ฟูจิ คนเก่งล่ะ" ผมถามหาคนเก่งพร้อมกับมองไปบริเวณรอบๆเผื่อจะเจอน้อง

"วันนี้ยังไม่เจอกันเลยครับ ผมคิดว่าคนเก่งทำรายงานอยู่ที่ห้องพี่ซะอีกเพราะวันนี้อาจารย์งดคลาส" ฟูจิบอก

"มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมสีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย" ฟูจิถามผมต่อ

"เมื่อคืนมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ คนเก่งกลับไปที่หอแล้วพี่ก็โทรติดต่อไม่ได้เลย ไม่ยอมรับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่าน" ผมบอก

"งั้นเดี๋ยวส้มลองโทรหาคนเก่งดูนะคะ" ส้มส้มบอกและกดมือถือหาคนเก่งหลายครั้ง

"ไม่รับสายเลยค่ะ เดี๋ยวลองไลน์หาดูนะคะ"

เวลาผ่านไปสักพักทั้งฟูจิและส้มส้มพยายามช่วยกันโทรติดต่อคนเก่ง แต่เหมือนเดิมไม่มีการตอบรับใดๆ

"ผมว่ามันไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ปกติมันไม่เคยจะไม่รับสายหรือไม่อ่านไลน์" ฟูจิพูดออกมาในสิ่งที่ผมคิดแต่ผมไม่อยากพูดออกไป

"พี่จะไปดูที่หอ" ผมพูดและเดินออกมาก่อนที่ฟูจิและส้มส้มจะวิ่งตามผมมาและขอไปด้วย


ตอนที่รถจอดที่หน้าหอพักคนเก่ง ผมก็เปิดช่องเก็บของหน้ารถ หยิบถุงผ้าหูรูดใบเล็กๆออกมา ข้างในมีคีย์การ์ดสำรองที่น้องให้ผมไว้เพราะปกติจะได้ห้องละสองอันและกุญแจห้องของคนเก่งที่ผมให้น้องทำให้ผมชุดหนึ่ง

ผมกับฟูจิขึ้นมาหาคนเก่งแค่สองคนเพราะเป็นหอพักชายทำให้ส้มส้มขึ้นมาด้วยไม่ได้ พอมาถึงหน้าห้องผมเลือกที่จะเคาะประตูก่อนยังไม่ไขกุญแจเข้าไปทันที ที่ประตูน้องไม่ได้ใส่กุญแจตัวใหญ่ไว้ แสดงว่าน้องน่าจะอยู่ในห้อง

หลังจากใช้เวลาเคาะและเรียกอยู่ไม่นานมาก ผมเลยตัดสินใจที่จะไขประตูเข้าไป แต่ตอนที่เสียบลูกกุญแจเข้าไปก็ทำให้รู้ว่าห้องไม่ได้ล็อค

"ห้องไม่ได้ล็อค" ผมหันไปบอกฟูจิ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป

ในห้องว่างเปล่าครับไม่เจอคนเก่ง ฟูจิเดินไปดูที่ห้องน้ำที่ระเบียงก็ไม่มี ไฟในห้องถูกเปิดทิ้งเอาไว้และที่สำคัญบนเตียงของคนเก่งมีแล็ปท็อปของผมและโทรศัพท์มือถือของคนเก่งวางอยู่ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อความแน่ใจ เป็นมือถือของคนเก่งจริงๆมีสายที่ไม่ได้รับจากผมเป็นร้อยๆสาย

ผมนั่งลงบนเตียงและพยายามคิดว่าน้องไปไหน

"ฟูจิพอจะรู้มั้ยว่าคนเก่งจะไปที่ไหนได้บ้าง" ผมถามฟูจิที่ตอนนี้สีหน้ามีแววกังวลมากขึ้น

"ปกติเมื่อก่อนเวลาที่พวกผมมีเรื่องไม่สบายใจจะชอบไปนั่งที่สวนสมุนไพรตรงคณะเกษตรครับ" พอฟูจิบอกผมเลยชวนฟูจิให้ไปที่สวนสมุนไพรที่ว่า โดยผมหยิบมือถือของคนเก่งและเอาแล็ปท็อปลงมาด้วย ก่อนที่จะจัดการปิดไฟและล็อคห้องให้เรียบร้อย

"เป็นไงๆ" ส้มส้มถามฟูจิทันทีที่ลงมาถึงข้างล่าง

"ไม่เจอ เดี๋ยวไปดูที่สวนสมุนไพรก่อน" ฟูจิบอก หลังจากนั้นผมก็ขับรถไปที่สวนที่ฟูจิบอก ผมและน้องๆเดินหาในสวนจนทั่วก็ไม่เจอ ผมเดินกลับมาที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นรถไอ้ธาวินมาจอดต่อท้ายรถผม ฟูจิเดินไปหาไอ้ธาวินก่อนที่ไอ้ธาวินจะเดินมาหาผม

"ไงมึง ติดต่อน้องมันไม่ได้ตั้งแต่ตอนไหน" ไอ้ธาวินมันถามผม

"เมื่อคืนกูกับน้องกินข้าวอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แล้วน้องก็ออกจากห้องกูประมาณเกือบสองทุ่ม หลังจากนั้นกูก็ติดต่อน้องไม่ได้ น้องไม่รับสาย" ผมบอกพร้อมกับพยายามคิดว่าน้องไปไหน

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าว่ะ" ไอ้ธาวินมันถาม

"มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย" ผมบอก

"เรื่องผู้หญิงที่มึงเดินด้วยน่ะเหรอ"

ผมถอนหายใจยาวๆออกมา

"ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สะใภ้กู และกูไม่ได้มากับเขาแค่สองคน พี่ชายกูก็มาด้วย ... แต่กูยังไม่ได้บอกคนเก่งเขาเลยยังเข้าใจกูผิดอยู่" ผมเว้นเรื่องที่ผมพูดประชดคนเก่งเอาไว้

ทุกคนเงียบหลังจากที่ผมพูดจบ

"แล้วเราจะไปตามหาคนเก่งที่ไหนดีคะ" ส้มส้มถามขึ้นมาทำลายความเงียบ ก่อนที่จะได้ยินเสียงมือถือของส้มส้มดังขึ้น ส้มส้มเลยแยกตัวออกไปรับสาย

"กูคิดว่าคนเก่งน่าจะออกจากห้องไปตั้งแต่เมื่อคืนนะเพราะเมื่อกี้ที่เข้าไปในห้องคือไฟในห้องเปิดอยู่ กูจะลองขับรถวนๆดูรอบๆมหาลัยและในตัวเมืองดูดีกว่า" ผมบอกก่อนจะเดินมาขึ้นรถ แต่ผมยังไม่ทันได้ขับรถออกไป




(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2019 20:04:14 โดย ninewara »

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อนะคะ)





ก๊อกๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะกระจกรถหลายครั้งติดกันทำให้ผมต้องรีบเลื่อนกระจกลงมา

"พี่เต็มคะ คนเก่งน่าจะกลับบ้านนะคะ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเขาบอกว่าเมื่อคืนนี้ประมาณสามทุ่ม พี่เขาเจอคนเก่งแถวๆวินรถตู้ค่ะ" ส้มส้มเป็นคนที่มาบอกผม

พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบที่จะขับรถไปหาคนเก่งที่บ้านแต่ไอ้ธาวินมันเดินมาเคาะกระจกผมอีกคน

"อะไรว่ะ" ผมถาม

"กูขับให้ดีกว่า ดูใจมึงแล้วกูกลัวจะไปไม่ถึงน้องมันว่ะ ไม่ใช่ขับไปชนเขาดะนะมึง" ไอ้ธาวินมันพูด ผมลังเลใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้มันขับให้เพราะใจหนึ่งผมก็กลัวอย่างที่มันพูดเหมือนกัน

"ไปเจอกันหน้าคอนโดกู กูขอเอารถไปจอดที่คอนโดก่อน ขากลับเดี๋ยวกูให้ที่บ้านมาส่งได้" ไอ้ธาวินมันบอก

ก่อนที่ผมจะขับรถมารอไอ้ธาวินที่หน้าคอนโด มันแวะไปส่งส้มส้มที่หอก่อน มันเลยมาช้ากว่าผม ระหว่างที่นั่งรอไอ้ธาวิน ผมหยิบมือถือของคนเก่งขึ้นมาดูและกดเข้าไปดูที่ประวัติการโทรเข้าและออก ประวัติการโทรออกล่าสุดเป็นหมายเลขของผม ส่วนประวัติการโทรเข้าและมีการรับสายล่าสุดเป็นหมายเลขที่บันทึกไว้ว่า  'แม่'  แสดงว่าคนเก่งต้องคุยกับแม่ก่อนที่จะออกจากห้องไป

ไม่นานไอ้ธาวินก็มาถึง ผมก็เปลี่ยนมานั่งข้างคนขับแทนและไอ้ธาวินก็มานั่งประจำที่นั่งคนขับแทนผม แล้วฟูจิก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลังคนขับ หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกันทันที

ระหว่างทางผมตัดสินใจโทรศัพท์หาม๊า ยอมให้โดนดุดีกว่าที่จะไม่สบายใจอยู่แบบนี้ และเป็นไปตามที่คาดพอผมบอกม๊าว่าคนเก่งหายไป ผมโดนม๊าต่อว่าเยอะมาก

"ผมทราบครับม๊าว่าผมผิดจริงๆแต่ผมอยากจะรบกวนให้ติวเตอร์ไปดูที่บ้านคนเก่งให้ผมหน่อยได้มั้ยว่าน้องอยู่หรือเปล่า ผมร้อนใจอยู่นะครับม๊า" ผมดูเวลาตอนนี้ติวเตอร์น่าจะเลิกเรียนและกลับถึงบ้านแล้ว หลังจากม๊าบ่นอยู่สักพัก ม๊าก็บอกว่าให้ติวเตอร์ออกไปดูให้แล้ว

เวลาผ่านไปเกือบๆยี่สิบนาที ติวเตอร์ก็โทรมาบอกผมว่าไม่มีใครอยู่บ้านและน้านวลก็ยังบอกอีกว่าวันนี้ไปตลาดไม่เจอแม่และป้าของคนเก่งมาขายของ

หายไปไหนกันนะ




ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไอ้ธาวินก็ขับรถมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของมันและเปลี่ยนให้ผมขับต่อไปที่บ้านของคนเก่ง

"ถ้าเจอคนเก่งแล้วบอกให้มันโทรหาผมด้วยนะครับ" ฟูจิบอกผมก่อนที่ผมจะรับปากและขับรถออกมา



ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านคนเก่ง ตอนนี้ประมาณหนึ่งทุ่ม บ้านปิดไฟมืดสนิทเลยครับ ปกติแล้วที่บ้านคนเก่งมักจะเปิดไฟตรงรั้วและสวนไว้ตลอดแต่วันนี้กลับมืดสนิท ผมดับเครื่องรถและเปิดลดกระจกลง ผมลังเลใจอยู่สักพักก่อนที่จะกดมือถือไปที่หมายเลขที่เป็นของแม่คนเก่ง

แต่ผมก็ต้องผิดหวังเพราะติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ปิดเครื่องหรือแบตหมด ผมเลื่อนหาหมายเลขของป้าคนเก่งแทน พอเจอผมก็ลองโทรหาดู คราวนี้ติดครับ เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สักพัก ก็มีคนกดรับสาย

(สวัสดีค่ะ)
เป็นเสียงป้าของคนเก่งครับ

"สวัสดีครับคุณน้า ผมเต็มนะครับ"

(อ้าว เต็มว่าไงจ้ะ)

"ผมมาหาคนเก่งที่บ้านแต่ไม่เจอครับ ก็เลยลองโทรหาคุณน้าดู"

(ตอนนี้น้าอยู่ที่โรงพยาบาล คนเก่งก็อยู่กับน้านี่แหละแต่ตอนนี้ลงไปทานข้าว ต้องบังคับไม่งั้นไม่ยอมไป)

"คุณน้าเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมถึงต้องเข้าโรงพยาบาล" ผมถามด้วยความตกใจ

(เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุนะจ้ะ น้าไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่แม่ของคนเก่งอาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่)


หลังจากนั้นผมก็สอบถามถึงโรงพยาบาลและห้องที่นอนพักรักษาตัวอยู่ พอผมรู้ผมก็รีบขับรถออกไปทันที พอผมไปถึงโรงพยาบาล ผมก็รีบขึ้นไปที่ห้องที่ป้าของคนเก่งบอกทันที ผมเคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไป เห็นป้าของคนเก่งอยู่แค่คนเดียวในห้อง

"สวัสดีครับคุณน้า เป็นยังไงบ้างครับ" ผมยกมือไหว้ และถามถึงอาการ เท่าที่เห็นภายนอกคือขาและแขนซ้ายใส่เฝือกอย่างอ่อนไว้

"ก็อย่างที่เห็นจ้ะ มีปวดเมื่อยฟกช้ำตามตัวบ้าง"

"แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" ผมถาม ก็เลยทราบว่ามีรถกระบะขับมาอย่างเร็วพุ่งชนที่ด้านหลังรถ แล้วรถของคุณน้าก็ไปชนเข้ากับรถยนต์อีกคันหนึ่ง

"แต่แม่คนเก่ง ยังไม่ฟื้นเลยตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล"

ผมคิดถึงคนเก่งขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

"แล้วคนเก่งยังไม่ขึ้นมาจากทานข้าวเหรอครับ"

"หายไปนานแบบนี้ น้าคิดว่าน่าจะนั่งอยู่ตรงสวนที่อยู่ชั้นหกนะ เพราะเมื่อเช้าก็บอกน้าว่าไปนั่งเล่นตรงนั้นมา"

"ถ้างั้นผมขออนุญาตไปหาน้องนะครับ"

"จ้ะ ไปเถอะ"


ผมเดินลงบันไดมาสองชั้นก็มาถึงชั้นหก ก่อนจะมองเห็นลูกศรที่ชี้นำทางไป 'สวนพักใจ' ผมเดินตามลูกศรมาสักพักจนมาถึงสวนที่ว่า แต่ผมยังไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไป ผมก็เห็นคนที่ตามหาเดินออกมา


คนเก่งยืนนิ่งอยู่กับที่ คงจะตกใจที่เจอผม ผมกางแขนออกมาทั้งสองข้าง พร้อมกับพยักหน้าให้น้อง คนเก่งเดินมาข้างหน้าสองสามก้าวก่อนที่จะวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของผม คนเก่งกอดผมแน่นมากและผมก็กอดผมแน่นมากเช่นกัน


"ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว" ตอนนี้คนเก่งร้องไห้อย่างหนักในอ้อมกอดของผม

"ชู่ว์ ไม่ร้องนะ" ผมกอดน้องพร้อมโยกตัวปลอบโยนน้องไปมา

ผ่านไปหลายนาทีที่คนเก่งเสียงเริ่มเงียบและอาการสะอื้นก็หายไป ผมดึงตัวคนเก่งออกมาดู ยังมีคราบน้ำตาอยู่ผมใช้มือผมค่อยๆเช็ดน้ำตาให้

"วันนี้พี่ไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้า พี่ต้องขอโทษนะที่ใช้มือ" ผมบอกคนเก่งพร้อมกับลูบผมและจัดทรงผมให้น้องไปด้วย

"ผมขอโทษครับ" คนเก่งพูด ซึ่งผมไม่รู้ว่าน้องขอโทษผมเรื่องอะไรและปล่อยมือที่กอดผมไว้แต่ผมไม่ยอมผมจับมือน้องให้กอดผมไว้เหมือนเดิม ผมมองรอบข้างตอนนี้ไม่มีใครเลย ผมก็เลยหอมแก้มน้องทั้งสองข้างแบบเร็วๆ คนเก่งทำหน้าตกใจและมองซ้ายมองขวา

"พี่มองดูแล้วว่าไม่มีใคร" ผมขยี้ผมคนเก่งเบาๆ

"ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย" ผมบอกคนเก่ง น้องชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพาผมมานั่งในสวน

"พี่ขึ้นไปเจอป้าของคนเก่งมาแล้วนะ ท่านเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้ว แล้วตอนนี้แม่อาการเป็นยังไงบ้าง" ผมเอ่ยถามคนเก่งทันทีที่นั่งลงที่ม้านั่งในบริเวณสวนพักใจ โดยที่ผมจับมือของคนเก่งอยู่ตลอด

"แม่ยังอยู่ห้องไอซียูครับ หมอบอกว่าอาการโดยรวมไม่มีอะไรมากครับเพียงแต่แม่ยังไม่ฟื้นเท่านั้นเอง" คนเก่งไม่ได้ร้องไห้ครับแต่น้ำเสียงน้องเศร้ามาก

"แล้วคนที่ขับชนล่ะ"

"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ได้ยินว่าบาดเจ็บแต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก"

"คนเก่งมาตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ"

"ครับ ตอนที่กลับไปถึงห้องมีสายเรียกเข้ามาเห็นเป็นเบอร์ของแม่ก็เลยกดรับสาย แต่คนที่โทรมาเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยครับ ผมก็เลยรีบมาเลย พอมาถึงถึงได้รู้ว่าลืมมือถือไว้ที่ห้อง"

"ทำไมไม่โทรหาพี่ พี่จะได้พามาและจะได้อยู่เป็นเพื่อน"

"ผม ... เกรงใจน่ะครับ" คนเก่งมีน้ำเสียงที่อึกอัก

"ทำไมต้องเกรงใจ เราเป็นแฟนกันนะ"

คนเก่งเงียบไปนานหลังจากที่ผมพูดจบ

"ไว้เราคุยกันเรื่องนี้อีกทีดีกว่านะครับ ผมขึ้นไปดูป้าก่อนนะ" คนเก่งพูดและเดินออกไป ผมเองก็รีบเดินตามคนเก่งไป ระหว่างทางจนถึงห้องพักฟื้นของป้าคนเก่ง เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลย จนกระทั่งเข้ามาในห้อง



"ป้าทำไมยังไม่นอนล่ะครับ ต้องพักผ่อนเยอะๆนะรู้มั้ย" คนเก่งพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้อง

"ป้าเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีหลานชายขี้บ่น"

"ก็หนูเป็นห่วงป้านี่นา อยากให้ป้าหายไวไว"

ผมชอบเวลาที่คนเก่งแทนตัวเองว่าหนูมากเลยครับ มันน่ารักดี

"แล้วทางคู่กรณีเขาได้มาแสดงความรับผิดชอบอะไรมั้ยครับคุณน้า" ผมถาม

"ยังเลยจ้ะ รถอีกคันที่รถน้าไปชนกับเขา เขาก็เจ็บเหมือนกัน นอนรักษาตัวอยู่อีกโรงพยาบาล"

ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขออนุญาตขึ้นมา

"คุณน้าครับ ผมขออนุญาตพาคนเก่งไปนอนค้างที่บ้านคืนนี้นะครับ ผมแจ้งทางป๊ากับม๊าผมไว้แล้วด้วยว่าจะพาน้องไป" ผมเอ่ยขออนุญาต และผมรู้ว่าคนเก่งเป็นเด็กที่ไม่พูดแทรกขึ้นมาอยู่แล้ว

ผมเห็นป้าของคนเก่งหันไปมองหลานชายตัวเองอยู่สักพัก ส่วนคนเก่งเองก็ส่งสายตาบอกป้าของตัวเองประมาณว่าไม่อยากไป

"ได้สิจ้ะ เมื่อคืนก็ไม่กลับไปนอนบ้าน คืนนี้ไปนอนสบายๆที่บ้านเต็มก็ดีจ้ะ แต่เล่นบอกว่าแจ้งป๊าม๊าไว้แล้ว แบบนี้น้าก็ปฏิเสธไม่ได้นะสิน่ะ" ป้าของคนเก่งพูดออกมายิ้มๆ

ผมได้แต่ยิ้มรับไป ส่วนคนเก่งมีสีหน้าที่ไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด

"แต่หนูอยากอยู่ดูแลป้า" คนเก่งพูดขึ้นมา

"ป้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนะคนเก่ง อีกอย่างพยาบาลก็มี ส่วนแม่เราก็เยี่ยมยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นไปค้างกับพี่เขาเถอะ มีเรื่องต้องคุยกันใช่มั้ย" ประโยคสุดท้ายป้าของคนเก่งหันมาคุยกับผม

"ใช่ครับ" ผมตอบรับ

"ไม่ต้องทำหน้างง แค่ป้าเห็นหนูกลับมาคนเดียวป้าก็รู้แล้วว่าต้องทะเลาะอะไรกันมาแน่ๆ" ป้าของคนเก่งหันไปคุยกับเจ้าตัวที่ทำหน้างงๆอยู่

"ถ้างั้นผมขออนุญาตพาน้องไปเลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาน้องมาแต่เช้าครับ" ผมเอ่ยขออนุญาตอีกครั้งและยกมือไหว้ลาป้าของคนเก่ง ท่านเพียงแค่พยักหน้าให้ผมเท่านั้น

ผมเดินไปจูงมือคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง น้องดูแล้วอยากจะขัดขืนครับแต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าป้าของตัวเองเลยไม่ทำ



ผมจับมือคนเก่งเดินจนมาถึงที่รถ พอคนเก่งขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย ผมก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวให้ ก่อนที่จะขับรถออกมาจากโรงพยาบาล

"เอ๊ะ มือถือของผมนี่ ทำไมมาอยู่กับพี่เต็มล่ะครับ"

"ก็พี่ติดต่อคนเก่งไม่ได้ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่รับ พี่เลยตัดสินใจไปหาเราที่หอนะสิ พอไปก็เลยเห็นว่าห้องก็ไม่ได้ล็อค ไฟก็เปิดทิ้งไว้ มือถือก็วางทิ้งไว้บนเตียงอีก ตอนนั้นพี่ใจคอไม่ดีเลยรู้มั้ย" ผมเล่าให้ฟัง

ผมหันไปมองคนเก่งที่กำลังกดหน้าจอมือถือ

"พี่เต็มพยายามติดต่อผมขนาดนี้เลยเหรอ จนแบตจะหมดเลยอะ" คนเก่งพูดออกมาเสียงไม่ดังมากนัก

"พูดเหมือนแปลกใจที่พี่พยายามติดต่อเราอย่างนั้นแหละ ทำไมคิดว่าพี่จะไม่พยายามติดต่อล่ะ" ผมถามแต่คนเก่งไม่ตอบอะไรผม ผมเอื้อมมือไปจับมือของคนเก่งขึ้นมาและจูบเบาๆที่ฝ่ามือ คนเก่งดูจะตกใจที่ผมทำแบบนั้น ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู

"จริงสิ ฟูจิบอกว่าให้คนเก่งโทรหาด้วยนะ" ผมบอกน้อง และคนเก่งก็กดมือถือโทรหาฟูจิทันที คนเก่งใช้เวลาพูดคุยไม่นานมากนัก แต่เท่าที่จับใจความได้คือพรุ่งนี้ฟูจิจะมาเยี่ยมแม่และป้าของคนเก่งที่โรงพยาบาล

สักพักมีสายของม๊าผมโทรเข้ามา

"ครับม๊า"

(พาน้องกลับมาหรือยัง)

"กำลังขับรถกลับแล้วครับ"

แล้วม๊าผมก็วางสายไป ตอนที่ผมรู้ว่าคนเก่งอยู่ที่โรงพยาบาล ผมก็รีบโทรไปบอกที่บ้านทันทีว่าผมเจอน้องแล้ว ม๊าก็เลยบอกผมว่าให้พาน้องมาที่บ้านด้วย ม๊าบอกไม่ได้บังคับครับแต่เป็นคำสั่ง

"ม๊าโทรมาเร่งน่ะ สงสัยเป็นห่วงคนเก่งมาก ตอนที่รู้ว่าติดต่อเราไม่ได้พี่โดนม๊าจัดชุดใหญ่เลยแหละ" ผมพูดแต่น้องไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร

"เดี๋ยวแวะเอาเสื้อผ้าที่บ้านผมก่อนได้มั้ยครับ" คนเก่งเอ่ยขึ้นมาตอนที่ขับรถใกล้จะถึงทางแยกเข้าบ้าน

"ได้อยู่แล้วครับ"



หลังจากพาคนเก่งไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่บ้านมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพาคนเก่งตรงกลับมาที่บ้านผมเลย หลังจากลงจากรถมาผมก็คว้ากระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่คนเก่งกอดอยู่มาถือให้ และจับมือน้องเดินเข้ามาในบ้าน

ตอนนี้ที่ห้องรับแขกอยู่กันพร้อมหน้าครับ ทั้งป๊า ม๊า พี่ต่อภพ และติวเตอร์ พอคนเก่งเห็นทุกคนนั่งอยู่กันครบดูออกเลยว่าน้องค่อนข้างเกร็ง ผมพาน้องนั่งลงตรงโซฟาที่ว่างอยู่ ก่อนที่น้องจะยกมือไหว้สวัสดีทุกคน

"เป็นยังไงบ้างคนเก่ง คุณแม่กับคุณป้าเป็นยังไงบ้าง ตอนที่พี่เต็มเล่าให้ม๊าฟัง ม๊าตกใจมากเลย" ม๊าลุกจากที่นั่งตัวเองมานั่งข้างคนเก่งและกอดปลอบใจน้อง

"ป้าอาการดีขึ้นแล้วครับไม่เป็นอะไรมาก แต่แม่ยังไม่ฟื้นเลยครับ หมอบอกว่าโดยรวมไม่น่าจะมีอะไร รอแค่ฟื้นเท่านั้น" คนเก่งตอบและม๊าผมก็กอดคนเก่งไม่ปล่อย

"ม๊าครับ ผมว่าพอได้แล้วล่ะมั้งครับ" ผมบอกม๊า

"พออะไรลูก" ม๊าถามผม

"ก็ที่กอดแฟนผมอยู่เนี่ย พอได้แล้วล่ะมั้งครับ" ผมบอกเพราะเริ่มรู้สึกหวงคนเก่งขึ้นมาจริงๆ

"อย่าเพิ่งมาทำพูดดีจ้ะลูกชาย มีเรื่องที่ต้องสะสางกันอยู่นะ" ม๊าผมพูดและกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้น้องและโอบเอวน้องเอาไว้ ผมรู้ว่าต่อหน้าผู้ใหญ่น้องคงไม่ขยับตัวออกจากผมแน่

"ขวัญล่ะต่อ" ม๊าผมหันไปถามพี่ชายผม

"อาบน้ำอยู่ครับเดี๋ยวก็ลงมา" พี่ชายผมพูด

"คนเก่งเคยเจอพี่ต่อแล้วใช่มั้ย" ผมถามคนเก่ง

"ครับ แต่เคยเจอหลายปีแล้ว" คนเก่งตอบและยิ้มบางๆให้พี่ชายผม

"ไม่เจอกันหลายปี หน้าตาหล่อขึ้นนะเรา หรือจะบอกว่าน่ารักขึ้นดี" พี่ชายผมพูด

"หน้าที่ชมเป็นหน้าที่ผม พี่ไม่ต้องชมแทนได้มั้ย" ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ที่ได้ยินพี่ชายผมชมคนเก่ง พี่ชายผมไม่พูดอะไรแต่ส่ายหน้าเหมือนระอาใจผมมาก


"อ้าว ขวัญมาพอดี" พี่ชายผมเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นพี่ขวัญพี่สะใภ้ที่เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก

ผมรู้สึกว่าร่างกายของคนเก่งมันเกร็งขึ้นและสั่นด้วยพอน้องเห็นพี่ขวัญเดินเข้ามา คนเก่งเงยหน้ามามองผมแว่บหนึ่ง สายตาที่ส่งมามีความเจ็บปวด

"ใจเย็นและฟังก่อนนะ" ผมพูดเบาๆที่ข้างหูน้องและลูบเอวน้องไปมาเบาๆ

"เดี๋ยวม๊าจะแนะนำให้รู้จักกันนะ คนเก่ง นี่พี่ขวัญเป็นภรรยาของพี่ต่อ ส่วนนี่คนเก่งเป็นว่าที่ภรรยาของเต็ม"

"ภรรยาเลยก็ได้ม๊า ทำไมต้องว่าที่" ผมถามม๊า

"หลังแต่งงานก่อนจ้ะ ม๊าถึงจะให้เป็นภรรยา" ม๊าผมพูด

"ยินดีที่ได้รู้จักนะคนเก่ง พี่ได้ยินชื่อมานานแล้ว ได้เจอตัวจริงสักที" พี่สะใภ้ผมเอ่ยทักทายด้วยความเป็นกันเอง แต่คนเก่งน่ะสินั่งนิ่งไปเลย

"ภรรยาพี่ต่อ ... แต่พี่เต็มบอกว่า ... อาจจะแต่งงานกับพี่คนนี้" คนเก่งพูดออกมาเหมือนรำพึงกับตัวเอง แต่ทุกคนในห้องคือได้ยินกันหมด

ตอนนี้ทุกคนในห้องมองมาที่ผมกันหมด ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป ถึงแม้ทุกคนจะทราบกันแล้วว่าผมพูดอะไรกับคนเก่งไปบ้างแต่พอน้องมาพูดเองแบบนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

"ว่าไงเจ้าเต็ม นี่แกคิดจะตีท้ายครัวพี่ชายแกเหรอ" ป๊าผมเป็นคนที่พูดขึ้นมา เหมือนอยากให้ผมเป็นคนอธิบายให้คนเก่งฟัง

ผมจับตัวคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม คนเก่งมองผมและทุกคนด้วยสายตาที่สับสน

"เมื่อวานนี้พี่ตั้งใจว่าจะพาคนเก่งออกมาทานข้าวข้างนอกตอนที่คนเก่งไลน์มาหาพี่ว่าจะทานข้าวที่ไหน พี่กำลังจะตอบคนเก่ง แต่มีผู้หญิงสองคนเขาวิ่งหยอกกันมาแล้วมาชนพี่ที่กำลังจะข้ามถนนไปที่ลานจอดรถ มือถือก็เลยหล่นแล้วมีรถยนต์ขับมาเหยียบจนมันพัง พี่ก็เลยต้องรีบเอาไปให้ศูนย์เขาซ่อมให้ แล้ว .... "

"โอ๊ย ลูกชายฉัน เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องจ้ะ" ม๊าผมพูดขัดขึ้นมา ผมเลยต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่

"เอาไปศูนย์ซ่อม แล้วยังไงต่อครับ" คนเก่งเป็นคนพูดขึ้นมาเพื่อให้ผมเล่าต่อ

"พอไปถึงที่ห้างก็ไปเจอพี่ต่อกับพี่ขวัญที่จอดรถอยู่ติดกันพอดี ก็เลยเดินไปที่ศูนย์ซ่อมด้วยกัน ที่ศูนย์บอกว่าให้รอประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกพี่ก็เลยไปทานข้าวกันก่อน ตอนที่ทานข้าวเสร็จระหว่างที่เดินกลับไปที่ศูนย์มือถือ ลูกค้าที่พี่ต่อนัดไว้โทรมา บอกว่ามาถึงแล้วนั่งรออยู่ที่สตาร์บัคส์ชั้นหนึ่ง พี่ต่อก็เลยแยกไปพบลูกค้าแค่คนเดียว ส่วนพี่กับพี่ขวัญก็เดินไปที่ศูนย์มือถือด้วยกัน ประมาณครึ่งชั่วโมงพี่ต่อก็ตามมาและจัดการเรื่องซื้อมือถือเครื่องใหม่ให้ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ"

"ครับ" คนเก่งตอบรับเบาๆ

หลังจากนั้นผมก็เล่าเหตุผลที่ทำไมพี่ขวัญถึงมาที่ห้องผมกะทันหันให้คนเก่งฟัง

"เมื่อคืนพี่ขอโทษนะที่พี่พูดไปแบบนั้นเพราะพี่ไม่ชอบที่คนเก่งบอกว่าพี่โกหก มันก็เลยทำให้พี่โมโห มันบวกกับที่พี่น้อยใจเรื่องที่เราทะเลาะกันก่อนหน้านี้ด้วย พี่ก็เลยพูดประชดออกไป"

"ครับ เข้าใจแล้วครับ" คนเก่งตอบด้วยเสียงนิ่งๆ

"เต็ม แต่การที่น้องพูดว่าลูกโกหกมันก็เข้าใจได้นะ เพราะเต็มก็ไม่ได้บอกความจริงให้น้องรับรู้ตั้งแต่แรก การที่น้องจะเข้าใจว่าลูกโกหกน้องก็ไม่ผิดนะ" ม๊าผมพูดขึ้นมา

"ครับม๊า ผมเป็นคนผิดเอง" ผมยอมรับผิดครับ

"คนเก่งมีอะไรค้างคาใจอีกมั้ยจ้ะ" ม๊าหันมาถามคนเก่ง

"ไม่มีแล้วครับ" คนเก่งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษทุกคน ซึ่งตอนแรกนั้นทุกคนทำสีหน้าประหลาดใจกันหมดที่คนเก่งเอ่ยขอโทษ

"ผมขอโทษด้วยนะครับที่เหมือนเรื่องของผมทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด จริงๆเรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดเหมือนกันครับเพราะผมเองก็ไม่ถามพี่เต็มไปตรงๆทั้งๆที่ผมเห็นว่าพี่เต็มเดินกับผู้หญิงที่ห้าง ถ้าผมถามออกไปเลยว่าผู้หญิงที่เดินกับพี่เต็มคือใคร เรื่องมันอาจจะไม่วุ่นวายขนาดนี้ก็ได้ ผมขอโทษทุกคนอีกครั้งนะครับ"

ผมว่าตอนนี้ความรู้สึกของผมมันจุกล้นอยู่ในอก ทั้งๆที่ผมเป็นคนผิดเต็มๆและน้องจะโยนความผิดทุกอย่างให้ผมเลยก็ได้ แต่น้องกับเลือกที่จะแบ่งความผิดนั้นกับผม

อะไรก็ตามที่ผ่านมาผมจะไม่เก็บเอามาคิดมาใส่ใจอีก ถึงน้องจะบอกว่าอนาคตอยากให้ผมแต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวกับผู้หญิง ผมก็จะไม่สนใจเพราะผมเป็นคนเลือกที่จะสร้างอนาคตของผมเองและอนาคตของผมจะต้องมีคนเก่งเป็นคู่ชีวิตผมเท่านั้น

"คนเก่ง น่ารักจังเลยค่ะ เสียดายที่ไม่เจอน้องก่อนหน้านี้" พี่สะใภ้ผมพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชมจนพี่ชายผมส่งสายตาดุๆไปให้

"เสียดายคนเก่งนะม๊า มาหลงรักเจ้าลูกชายเราได้ยังไงก็ไม่รู้" ป๊าผมพูดขึ้นมาครับ

"คนเก่งตาถึงไงครับป๊า" ผมพูดยิ้มๆด้วยความภูมิใจ

"พี่สะใภ้รองครับ พี่ไม่คิดจะชอบเด็กมอปลายบ้างเหรอครับ" ติวเตอร์ที่มันนั่งเงียบตลอดการสนทนาพูดขึ้นมาบ้าง

"ลามปามๆติวเตอร์" ผมพูดหยอกน้องชาย


ผมเห็นคนเก่งยิ้มออกมาผมก็ค่อยโล่งใจและสบายใจขึ้นมาพอสมควร ผมใช้มือที่ตอนแรกโอบเอวน้องมาขยี้ผมน้องที่บริเวณท้ายทอยเบาๆ น้องหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย


หลังจากนั้น ทุกคนในบ้านผมก็ถามถึงเรื่องที่แม่และป้าของคนเก่งถูกรถชน พอทุกคนทราบว่าทางคู่กรณียังเงียบอยู่ ป๊าผมเลยบอกว่าพรุ่งนี้ป๊าจะเข้าไปสอบถามความคืบหน้าของคดีที่สถานีตำรวจ และหลังจากที่ทุกคนพูดคุยและนัดแนะเรื่องที่พรุ่งนี้จะเข้าไปเยี่ยมแม่และป้าของคนเก่งที่โรงพยาบาลเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายขึ้นห้องนอนกัน


ผมเดินถือกระเป๋าของคนเก่งพร้อมทั้งเดินจับมือของคนเก่งเดินขึ้นมาบนห้อง

"คนเก่ง อาบน้ำก่อนเลยมั้ย" ผมถามน้องเมื่อเดินเข้ามาในห้อง

"ครับ" น้องเดินมาเปิดกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ที่ผมวางไว้ที่โซฟาในห้องนอน

"พี่เต็มมองอะไรครับ" ผมสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่น้องพูดเพราะคนเก่งไม่ได้เงยหน้ามามองผมด้วยซ้ำ แต่ทำไมรู้ว่าผมมอง

"รู้ได้ไงว่าพี่กำลังมอง" ผมถามคนเก่งที่ตอนนี้ถือเสื้อผ้าเอาไว้ในมือเตรียมจะไปอาบน้ำ

"เวลามีคนมองเราก็ต้องรู้เป็นธรรมดานะครับ" คนเก่งบอกก่อนที่น้องจะเดินไปที่หน้าห้องน้ำ ผมรีบเดินมากอดน้องที่ด้านหลัง และใช้จมูกซุกไซร้สูดดมที่แถวๆท้ายทอยและซอกคอของคนเก่ง


"หอมจัง" ผมชอบกลิ่นของคนเก่งครับ น้องมักจะมีกลิ่นที่เหมือนผิวเด็กอยู่ตลอดเวลา

"พี่เต็ม ปล่อยก่อนครับ ผมจะอาบน้ำ" คนเก่งพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดผมแต่ผมกลับยิ่งกอดรัดน้องมากยิ่งขึ้น

"อาบด้วยกันนะ" ผมบอกคนเก่ง ผมบอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ผมอยาก 'กอด' น้องมาก ยิ่งได้กลิ่นหอมจากตัวคนเก่งผมยิ่งระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหว

"ไม่เอา ต่างคนต่างอาบดีแล้ว" คนเก่งแย้งผมเสียงแผ่วเบา แต่ ณ นาทีนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมดันตัวน้องจนเข้ามาในห้องน้ำด้วยกันก่อนที่จะจัดการล็อคประตูห้องน้ำ ผมดึงเสื้อผ้าที่อยู่ในมือน้องไปวางไว้บนตู้ที่วางพวกผ้าเช็ดตัวเพื่อไม่ให้มันเปียก ก่อนที่ผมจะจับคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม และดันตัวน้องไปยืนพิงผนังห้องน้ำ และเริ่มระดมจูบไปทั่วใบหน้าของน้อง

ส่วนมือผมก็ถอดเสื้อช็อปของตัวเองที่ใส่มาพร้อมกับเสื้อยืดที่ใส่อยู่ด้านใน หลังจากจัดการตัวเองเสร็จผมก็มาจัดการถอดเสื้อให้คนเก่งบ้าง ผมถอดเสื้อยืดแขนสั้นคอวีออกจากตัวของคนเก่งได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงไปจัดการที่ตุ่มไตสีชมพูที่อยู่ตรงหน้า

" ... พี่เต็ม .. ครับ เดี๋ยวคนที่ ... บ้าน ... "

ผมรู้ว่าน้องกังวลอะไร

"แต่ละห้องอยู่ห่างกันและห้องพี่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากคอนโด เก็บเสียงได้ดีเหมือนกัน" ผมบอกให้คนเก่งสบายใจ

"แต่ว่า ... " ผมอดที่จะขำคนเก่งไม่ได้ เปลือยเกือบจะทั้งตัวอยู่แล้ว แต่น้องก็ยังพยายามที่จะผลักไสผมออกจากตัว

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บเสียงไว้ครางให้พี่ฟังก็พอ" ผมพูดก่อนที่ปิดปากน้องด้วยริมฝีปากของผม


คืนนั้นถ้าห้องผมไม่เก็บเสียง ผมว่าทุกคนในบ้านผมคงแตกตื่นและไม่ได้นอน




TBC
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ เติมเต็มรักใกล้จะจบแล้ว
◕ ตอนแรกตั้งใจจะให้น้องเจอดราม่าอีกแบบหนึ่งที่หนักกว่านี้และให้พี่ใจร้ายกว่านี้แต่คนเขียนมาเปลี่ยนใจภายหลังเพราะอ่านไปแล้วรู้สึกสงสารน้องค่ะ
◕ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แค่นี้ก็สงสารน้องเยอะแล้ว :sad11:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

สวสารเราด้วยยย :sad11:
อีพี่ไม่ได้เลว พี่แค่กาก อย่าแกล้งน้องงงงงง

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเองเออเองกันทั้งคู่ 

ส่วนเติมเต็มก็เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่  เฮ้อ

ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้ำตาคลอแทนคนเก่งเลยตอนที่ทะเลาะกับพี่เต็ม  ดีแล้วที่ทะเลาะกันไม่นานแล้วยังปรับความเข้าใจกันได้เร็ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
กลัวน้องแอบไปคิดมากต่อ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โล่งใจซะที  รู้​อย่างคือทั้งคู่​รักกันมากอยากให้อีกคนพบเจอแต่สิ่งดีๆ​ ​โชคดีที่ทั้งสองครอบครัว​เป็นหลักให้ยึดในวันที่ต่างพากันอ่อนไหว​ จากนี้​คงได้เรียน​รู้​กันมากขึ้น​ เอาใจช่วย​นะ​

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สงสารน้องคนเก่ง ไปหลงรักคนกาก 5555

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
สงสารน้องคนเก่งนะครับ ส่วนพี่เติมเต็มก็ตามนั้นแหละ ใช้อารมณ์ไปนิด

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: :m16: :m16: คนนึงก็คิดไปเอง อีกคนก็ชอบประชดจั๊ง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีที่ดราม่าแค่นี้สงสารน้องค่ะ ยังต้องปรับเข้าหากันอีกเยอะ :กอด1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากเลยครับ,,,

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอ NC พลีส!!!!!
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอติดตามอยู่นะ  o13

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 29



ผมนอนลืมตาอยู่บนเตียงในห้องนอนที่บ้านของพี่เติมเต็ม ผมมองดูเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง เพิ่งจะตีห้านิดๆครับ ผมหันไปมองผู้ชายคนที่นอนอยู่ข้างๆผม ผู้ชายที่เมื่อคืนเอาแต่ใจอย่างที่สุด แต่ผมก็ตามใจเขาอย่างเต็มที่เหมือนกัน

เมื่อคืนหลังจากที่ ... เอ่อ ... นั่นแหละครับ ผมกับพี่เติมเต็มเราก็มานอนคุยกันและเคลียร์กันในทุกๆเรื่องที่เราไม่เข้าใจกัน สิ่งที่พี่เติมเต็มขอจากผมคือขอให้ผมมั่นใจในตัวเองว่าผมทำให้พี่เขารักได้และขอให้มั่นใจในความรักที่พี่เขามีให้ผม ไม่ต้องไปสนใจคำพูดใคร ถ้าพี่เขาไม่โอเคก็คงไม่คบและไม่เปิดเผยกับใครต่อใครแบบนี้

เมื่อคืนมีข้อตกลงหลายๆอย่างระหว่างเราทั้งคู่เยอะเหมือนกัน และมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่อะไรเลย เพราะเราคิดแค่ว่ามันจะช่วยให้เราดูแลความรักของเราให้ดีขึ้น

ผมนอนมองพี่เติมเต็มที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าแต่หันหน้ามาทางผมและแขนข้างหนึ่งที่กำลังพาดที่ตัวของผมเอาไว้หลวมๆ ผมใช้มือไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกที่หน้าผาก ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่หล่อขนาดนี้จะมารักมาชอบผมได้ พี่เติมเต็มมีผู้หญิงที่ผ่านมาในชีวิตมากมายทั้งในอดีต และผมเชื่อว่ารวมทั้งในอนาคตด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ในที่สุดพี่เติมเต็มก็เป็นแฟนกับผม เมื่อก่อนผมอาจจะรักพี่เติมเต็มแค่ข้างเดียวแต่ตอนนี้คือ ... เรารักกัน

ขณะที่ผมกำลังใช้มือไปแตะที่แก้มของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็คว้ามือของผมไปจับและจูบลงไปที่ฝ่ามือ

"ตื่นเช้าจัง" พี่เติมเต็มพูดกับผมแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา

"มันตื่นเองครับ อีกอย่างนอนไม่ค่อยหลับด้วย" พอผมพูดแบบนั้นออกไปพี่เติมเต็มลืมตาขึ้นมาทันทีครับ

"เจ็บจนนอนไม่ได้หรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่เป็นห่วงผมมาก เอาจริงนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เขินไม่อาย แต่เพราะคำถามของพี่เติมเต็มมันดูจริงจังและเป็นห่วงผมมาก จนผมแทบจะลืมความอายไปเลย

"เจ็บครับ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่นอนไม่ค่อยหลับ ผมแค่ ... รู้สึก อืมมมม .. จะใช้คำว่าอะไรดี มันเหมือนตื่นเต้นตลอด หัวใจเต้นแรง ผมรู้สึกเหมือนเรา ... รักกันมากขึ้นหลังจากเรื่องเมื่อคืน" ผมตอบตามที่คิดและรู้สึก

"หลังจากที่เรามีเซ็กซ์น่ะเหรอ" พี่เติมเต็มพูดออกมายิ้มๆ และหัวเราะตอนที่ผมทำหน้ามุ่ย ก่อนที่พี่เติมเต็มจะเปลี่ยนมานอนหงายและดึงผมเข้าไปกอด

"พี่ขอโทษนะที่เมื่อคืนพี่เอาแต่ใจมากเลยอ่ะ คนเก่งต้องเจ็บมากแน่ๆเพราะไม่มีอุปกรณ์ตัวช่วยอะไรมาเลย ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ไงก็เลยไม่ได้เอาติดกระเป๋ามา พี่ว่า .. ต่อไปพี่ต้องเตรียมของไว้ในกระเป๋าหรือในรถเอาไว้ตลอดแล้วล่ะ ดีมั้ย"

"ก็ตามใจพี่เต็มสิครับ" ผมตอบออกไป พี่เติมเต็มกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะพูดออกมาว่า

"พูดแล้วนะ ถ้าพี่อยากกอดตอนไหนก็ต้องให้พี่กอด"

ผมไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มพูดจริงหรือพูดเล่น ผมเม้มปากนิดๆก่อนจะพูดออกไป

"ครับ ผมอยากทำให้พี่มีความสุข"

หลังจากที่ผมพูดจบประโยคนั้น มือที่พี่เติมเต็มกำลังลูบหัวของผมอยู่ก็ชะงักทันที

"รู้ตัวใช่มั้ยเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมา ผมรู้สึกว่าหัวใจของพี่เติมเต็มที่หัวของผมกำลังซุกอยู่มันเต้นแรงมากขึ้น

"เจ็บตัวก็ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้พี่เต็มมีความสุขกับร่างกายของผม ... ผมรักพี่เต็มนะครับ"

ผมได้ยินเสียงเหมือนพี่เติมเต็มกำลังสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้ง ผมกำลังจะถามว่าพี่เติมเต็มเป็นอะไร แต่พี่เติมเต็มพลิกตัวผมให้นอนหงายลงบนเตียง และพี่เติมเต็มก็มาคร่อมทับบนตัวผม แค่นั้นยังไม่พอ มือขวาของพี่เติมเต็มตอนนี้ล้วงเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ของผม และกำลังลูบคลำส่วนนั้นของผมอยู่

" ... พี่เต็ม "

"ต่อรอบเช้ากันอีกสักรอบก็แล้วกันนะ ... ที่รัก"

เมื่อคืนพี่เติมเต็มก็เรียกผมแบบนี้ เรียกผมว่าที่รัก และบอกรักผมตลอดทั้งคืน

ว่าแต่ ... ผมยังไม่หายเจ็บและยังไม่หายเมื่อยตัวเลยนะเนี่ย


.
.
.


"คนเก่ง ตื่นได้แล้วครับ" ผมได้ยินเสียงพี่เติมเต็มเรียกผม ผมลืมตาขึ้นมาเห็นพี่เติมเต็มนั่งอยู่ที่ขอบเตียงข้างๆผม พี่เติมเต็มลูบหัวเบาๆ ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง พี่เติมเต็มรีบช่วยพยุงให้ผมนั่ง

"ตื่นสายเลยอ่ะ" ผมบ่นออกมา พี่เติมเต็มยิ้มให้ผมพร้อมใช้มือจัดผมให้ผมไปด้วย

"โอเคมั้ย ลุกไปอาบน้ำไหวหรือเปล่า"

"ไหวครับ" ผมบอก แต่พี่เติมเต็มก็ไม่ปล่อยให้ผมต้องเดินเอง พี่เติมเต็มอุ้มผมและพาผมมาส่งถึงในห้องน้ำ

"อาบไหวมั้ย" ผมอดขำพี่เติมเต็มไม่ได้ เพราะพี่เขาพูดอยู่แค่ไม่กี่คำ

"อาบได้ครับ พี่เต็มออกไปเถอะ" ผมบอก พี่เติมเต็มก็พยักหน้าและเดินออกไป

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากเพราะตอนนี้สายมากแล้ว อีกอย่างคือเมื่อคืนนี้นัดหมายกับทุกคนเอาไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมแม่และป้าที่โรงพยาบาล หลังจากที่ออกมาแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อย พี่เติมเต็มก็พาผมเดินลงมาข้างล่าง แต่ไม่เจอใครเลยครับ

"ไม่ต้องมองหาหรอก ไม่มีใครอยู่ ทุกคนไปโรงพยาบาลกันหมดแล้ว" พี่เติมเต็มบอกผม แย่เลยแบบนี้ทุกคนจะตำหนิผมหรือเปล่าที่นอนตื่นสาย

"คิดอะไรอยู่ ป๊ากับม๊าเป็นคนบอกพี่เองว่าจะออกไปก่อนเพราะจะไปสถานีตำรวจด้วยจะไปคุยกับร้อยเวรที่ทำคดีน่ะ ที่สำคัญ ... พี่รู้สึกว่าทุกคนจะรู้นะว่าทำไมคนเก่งตื่นสาย เพราะพี่ต่อเป็นคนบอกว่าปล่อยให้คนเก่งนอนให้เต็มที่เถอะ เพราะคนเก่งน่าจะตื่นไม่ไหว"

ความร้อนมารวมกันที่หน้าของผมทันทีที่พี่เติมเต็มพูดแบบนั้นออกมา ผมมองไปรอบๆบ้าน ก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า

"ไหนพี่เต็มบอกห้องเก็บเสียงไง"

พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆไปมา และยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ที่พี่ต่อรู้ไม่ใช่เพราะเสียงมันดังออกมาอะไรหรอกนะ แต่ความเป็นพี่น้องกันมันเลยทำให้พี่ต่อรู้ว่าพี่คงไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองนอนเฉยๆอยู่ในห้องหรอก"

ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเพราะนึกไม่ออกว่าต้องทำหน้าแบบไหน ได้ยินเสียงพี่เติมเต็มหัวเราะก่อนจะกอดผมเอาไว้

"ไปทานข้าวกันดีกว่า เช้านี้น้านวลทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้ ทานเสร็จจะได้รีบไปโรงพยาบาลกัน"

พี่เติมเต็มพาผมเดินไปที่โต๊ะทานข้าวแต่ก่อนที่ผมจะนั่งลงที่เก้าอี้พี่เติมเต็มก็บอกให้ผมรออย่าเพิ่งนั่ง สักพักพี่เติมเต็มก็เอาเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างจะหนามากๆมาวางรองที่เก้าอี้

"นั่งได้แล้วครับผม" ผมรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้ที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้ ถึงแม้พี่เขาจะไม่ได้พูดออกมาว่าทำไมต้องเอาเบาะมารองให้ผมนั่ง แต่ผมก็รู้เหตุผลดีว่าเพราะอะไร

"โอเคมั้ย" หลังจากนั่งทานข้าวต้มกุ้งไปสักพักพี่เติมเต็มก็ถามผมขึ้นมา

"โอเคครับ อร่อยมากเลย" ผมตอบเพราะคิดว่าพี่เติมเต็มถามถึงข้าวต้มกุ้ง

พี่เติมเต็มหัวเราะออกมาเบาๆ

"พี่หมายถึงนั่งสบายมั้ย โอเคหรือเปล่า เบาะช่วยให้ไม่เจ็บมากใช่มั้ย"

มือที่กำลังตักข้าวต้มกุ้งคำสุดท้ายเข้าปากชะงักไปทันทีครับเพราะไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะถามออกมา แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบครับ พี่เติมเต็มทานเสร็จพอดีผมกำลังจะลุกเอาชามไปล้างแต่พี่เติมเต็มดึงชามไปจากมือผม

"เดี๋ยวพี่ล้างเอง นั่งรออยู่เฉยๆ" ผมก็แค่ยิ้มรับแค่นั้น พี่เติมเต็มใช้เวลาล้างชามแค่แป๊บเดียวเท่านั้นครับ

ตอนที่เดินมาขึ้นรถผมเห็นพี่เติมเต็มเอาเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างหนาพอๆกับอันที่ผมเพิ่งใช้รองนั่งที่เก้าอี้ในครัวไปวางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ

"พี่เต็มครับ ... ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ" ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มเพราะรู้สึกอายนิดๆ

"ต้องสิ คนเก่งเจ็บตัวเพราะพี่ พี่ก็ต้องดูแล..จริงมั้ย"

"แต่นั่งแบบไม่มีเบาะรองก็ได้นี่ครับ"

"เอาน่า เพื่อความสบายใจของพี่" พอพี่เติมเต็มพูดแบบนั้นผมก็เลยต้องยอมตามใจ

.
.
.

หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ขับรถพาผมไปที่โรงพยาบาล ตอนที่มาถึงโรงพยาบาล พอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักฟื้นที่ป้าผมอยู่ ผมเจอป๊าม๊า พี่ชายและพี่สะใภ้ของพี่เติมเต็มยังนั่งอยู่ภายในห้องครับ

"นั่นไงมากันแล้ว กำลังบ่นถึงอยู่เลย" ม๊าของพี่เติมเต็มพูดขึ้น พี่เติมเต็มที่ยืนข้างผมยกมือไหว้สวัสดีป้าผม ส่วนผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาก็เลยยกมือไหว้และขอโทษทุกคนแทน

"ขอโทษนะครับที่มาช้า"

"ไม่ต้องขอโทษๆ พี่รู้ว่าคงจะปรับความเข้าใจกันดึก" พี่ชายของพี่เติมเต็มพูดครับ ตอนนี้หน้าผมร้อนไปหมดแล้วครับ เพราะดูเหมือนทุกสายตาจะมองมาที่ผม

"พี่ต่อ ไม่แซวน้องสิ" พี่สะใภ้ของพี่เติมเต็มพูดขึ้นมาและเห็นพี่เขาหยิกที่แขนแฟนของตัวเองด้วย

"ป้าเป็นยังไงบ้างครับ" ผมก็เลยเลี่ยงเดินมาหาป้าที่เตียงแทน ป้าใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาลูบหัวผมเบาๆ

"ป้ามีข่าวดีจะบอกหนูด้วยนะ" ป้าบอกผมด้วยรอยยิ้ม

"อะไรเหรอครับ"

"แม่ของหนูฟื้นแล้วนะลูก"

"จริงเหรอครับ! แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหนครับ!" ผมพูดออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ ผมสัมผัสได้ว่ามีมือมาแตะที่ไหล่ผมพอเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นพี่เติมเต็มครับ

"ใจเย็น หมอกำลังตรวจร่างกายอยู่ หลังจากเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะย้ายคุณน้าไปพักฟื้นที่ห้องเดียวกัน"

"พี่เต็มรู้แล้วเหรอครับว่าแม่ผมฟื้นแล้ว"

"รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว"

"แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ ฮีก ... ฮือ" ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตามันไหลออกมา มันเหมือนมันโล่งและรู้สึกน้อยใจไปพร้อมๆกัน

พี่เติมเติมที่ยืนอยู่ดึงผมที่นั่งอยู่เข้าไปกอด ตอนนี้หน้าผมก็เลยซบอยู่ที่ท้องของพี่เติมเต็ม

"ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง พี่ขอโทษ" พี่เติมเต็มพูดพลางลูบหัวลูบหลังผมไปด้วย

"โธ่เอ๊ย คนเก่ง ป้าเป็นคนบอกพี่เขาเองว่าอย่าเพิ่งบอกหนู ป้าจะเป็นคนบอกเอง" พอได้ยินป้าพูดแบบนั้นผมก็เลยนิ่งไป และหันมามองป้า

"ถ้าหนูรู้หนูก็ต้องรีบมาใช่มั้ย คือป้าได้ยินว่าเมื่อคืนหนู ... นอนดึกป้าก็เลยยังไม่ให้บอกหนู อยากให้หนูพักผ่อนก่อน" ป้าผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะพูดดีมั้ย แต่ผมเริ่มหน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว ผมเงยหน้ามองพี่เติมเต็มที่ยืนอยู่ข้างๆผม

"คือเมื่อเช้าตอนป๊ากับม๊ามาถึงไม่นาน พยาบาลก็เข้ามาแจ้งว่าแม่ของคนเก่งฟื้นแล้ว ม๊าก็เลยโทรบอกพี่"

"ป้าก็เลยฝากบอกเต็มไปว่าอย่าเพิ่งบอกหนู ให้หนูมาถึงโรงพยาบาลก่อนเดี๋ยวป้าจะบอกหนูเอง" ป้าพูดเสริมออกมาอีกหลังจากพี่เติมเต็มพูดจบ



หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็พาผมลงมาหาแม่ที่ชั้นสี่ซึ่งตอนที่ลงมาถึงหมอตรวจร่างกายของแม่ผมเสร็จพอดี หลังจากที่จัดการเรื่องห้องพักฟื้นให้แม่ผมเรียบร้อยแล้ว พี่เติมเต็มก็ไปแจ้งเรื่องที่ขอย้ายป้าผมให้มาพักฟื้นอยู่ห้องเดียวกันกับแม่

"คนเก่งอยู่กับแม่นะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปจัดการข้างบนก่อน" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาแม่ในห้อง ผมเห็นพยาบาลกำลังเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้แม่อยู่ ผมก็เลยเดินไปนั่งรอที่โซฟา ผมนั่งรอไม่นานพยาบาลก็เดินออกไป ผมรีบเดินไปหาแม่ที่เตียง

"แม่ครับ .. " พอเห็นแม่แล้วผมอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้ แม่มีรอยฟกช้ำตามตัว ที่หัวของแม่มีผ้าพันแผลพันไว้

"คนเก่ง" แม่เรียกผม

"แม่ ... แม่ไม่เป็นอะไรแล้วนะ .." ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะร้องไห้ ผมอยากจะกอดแม่ แต่ผมก็กลัวว่าแม่จะเจ็บ

"ไม่เป็นอะไรแล้วลูก" แม่ผมยิ้มให้ผม ผมจับมือแม่ข้างหนึ่งไว้

"แม่รู้มั้ยว่าเก่งกลัว ... กลัวว่า .. แม่ .. จะไม่อยู่ ... กับเก่งแล้ว" ผมพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา

"แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้องแล้วลูก" ยิ่งแม่ห้ามไม่ให้ผมร้องผมกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ผมรู้สึกกลัวมากจริงๆครับ กลัวว่าจะต้องสูญเสียแม่ไปอีกคน ตอนที่พ่อเสียช่วงนั้นชีวิตผมเคว้งมาก ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนชีวิตไร้ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ต้องย้ายโรงเรียนกะทันหัน โชคดีที่ตอนที่ย้ายมาเรียนที่นี่ได้เจอกับฟูจิที่คอยดูแลผม รวมทั้งการได้รู้จักกับพี่เติมเต็มรุ่นพี่สุดหล่อในโรงเรียนทำให้ชีวิตในโรงเรียนใหม่ของผมไม่ได้แย่เลยสักนิด

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลก็พาป้ามาอยู่ที่เตียงข้างๆ ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่มีเตียงสองเตียงครับ ครอบครัวของพี่เติมเต็มก็เดินตามลงมาด้วย พี่เติมเต็มเดินมาข้างเตียงแม่ผมและยกมือไหว้ พอพี่เติมเต็มมองหน้าผมก็ยกมือมาลูบหัวผมไปมา

"ร้องไห้อีกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

"ไม่ร้องแล้วครับ" ผมตอบ ผมเห็นแม่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและแม่ก็บอกว่า

"แม่บอกให้หยุดร้องไม่ยอมหยุด แต่พอแฟนบอก ทำไมหยุดเร็วจัง" ผมรู้สึกอายนิดๆเพราะโดนแม่ล้อ แต่การที่แม่พูดหยอกล้อผมแบบนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกดีว่าแม่อาการดีขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นทางผู้ใหญ่ก็คุยกันเรื่องคดีความซึ่งผมก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ จนถึงช่วงใกล้เที่ยงพยาบาลก็เอาอาหารกลางวันมาให้แม่กับป้าผม ตอนนั้นทางบ้านของพี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับ พี่เติมเต็มก็เลยเดินลงไปส่งป๊าม๊าพี่ชายและพี่สะใภ้ข้างล่าง

"หนูไปป้อนข้าวแม่เขาเลยลูก ป้าทานเองได้" ป้าบอกผมตอนที่ผมกำลังลังเลใจว่าจะป้อนข้าวใครก่อนดี ผมทราบครับว่าป้าทานข้าวเองได้แต่ผมก็กลัวป้าจะน้อยใจ

ระหว่างที่ผมนั่งป้อนข้าวแม่ไปได้สักพัก แม่ก็ถามผมขึ้นมาว่า

"เข้าใจกับพี่เขาแล้วใช่มั้ย"

ผมยิ้มให้แม่ก่อนที่จะตอบรับไป

"ครับแม่ เมื่อคืนผมกับพี่เต็มเคลียร์กันทุกเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันแล้วครับ" พอพูดออกไปก็อดที่จะเขินไม่ได้

"พูดแค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย ดูหลานชายพี่สิพี่รุ้ง หน้าแดงใหญ่เลย" แม่ผมพูดครับ

"ที่หน้าแดงเพราะมันมีเหตุให้หน้าแดงนะสิ" ป้าผมพูดพร้อมทั้งหัวเราะขำผมไปด้วย

"้เดี๋ยวเปิดทีวีดูข่าวกันดีกว่านะครับ" ผมพูดพร้อมกับเดินไปหยิบรีโมทมากดเพื่อจะเลี่ยงที่จะพูดเรื่องที่มันเข้าตัวผม แม่กับป้าผมก็ไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะผมเท่านั้น

จนผมป้อนข้าวแม่เสร็จและป้าทานข้าวเรียบร้อย ผมก็ดูแลให้ท่านทั้งสองทานยาหลังอาหารตามที่พยาบาลได้เตรียมไว้ให้

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นก่อนจะมีเสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นพี่เติมเติมครับ และมีฟูจิกับพี่ธาวินเดินตามมาด้วย

"สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับป้า" ฟูจิยกมือไหว้สวัสดีแม่กับป้าผม และแนะนำพี่ธาวินให้รู้จัก ส่วนพี่เติมเต็มเดินมานั่งข้างผมที่โซฟา

"พี่วิน นี่คือแม่กับป้าของคนเก่งครับ แล้วก็นี่พี่วินครับ" ฟูจิพูดออกมาแต่ไม่ได้ระบุสถานะของพี่ธาวิน พี่ธาวินเองก็ยกมือไหว้แม่กับป้าของผม

"ไหว้พระเถอะลูก  เป็นยังไงบ้างฟูจิไม่เจอนานเลย" ป้าผมเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน

"สบายดีครับ แล้วแม่กับป้าเป็นยังไงกันบ้างครับ ตอนคนเก่งโทรหาผม ผมตกใจมากเลย"

"ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ แล้ว.. ชื่ออะไรนะ วินใช่มั้ย" แม่ผมพูดขึ้นมาบ้าง

"ใช่ครับ ผมมีผลไม้มาเยี่ยมด้วยนะครับ" พี่ธาวินวางกระเช้าผลไม้ไว้บนโต๊ะข้างตู้เย็น

"แค่มาเยี่ยมก็พอจ้ะ จริงๆไม่ต้องมีของมาก็ได้นะลูก แต่แม่ก็ขอบใจนะ" แม่ผมบอกอย่างใจดี

"วินนี่ใช่ลูกชายร้านกรภพวัสดุภัณฑ์ที่อยู่ตรงวงเวียนหรือเปล่า" ป้าถามขึ้นมาหลังจากที่เหมือนพิจารณาพี่ธาวินอยู่สักพัก

"ใช่ครับ" พี่ธาวินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม

"ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ลูกชายคนดังในจังหวัดเรานี่เอง" ป้าผมเอ่ยแซวพี่ธาวิน พี่ธาวินก็ยิ้มรับกลับไปก่อนจะพูดขึ้นมา

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังเทียบลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหาและโรงแรมไม่ได้หรอกครับ" พี่ธาวินหันมาแซวพี่เติมเต็ม

"เอาล่ะๆ ป้าก็แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง เต็มพาคนเก่งไปทานข้าวด้วยนะ จะบ่ายโมงแล้ว" ป้าหันมาบอกกับพี่เติมเต็ม

"นั่นสิ คนเก่งให้พี่เขาพาไปทานข้าวนะลูก แม่กับป้าก็จะนอนพักสักหน่อย" แม่ผมเอ่ยขึ้นมาอีกคน

"ครับ ผมตั้งใจจะมาพาน้องไปทานข้าวอยู่พอดีครับ" พี่เติมเต็มบอกพร้อมทั้งหันไปชวนพี่ธาวินกับฟูจิด้วย



หลังจากนั้นพวกเราสี่คนก็ออกมาหาอะไรทานกันข้างนอก โดยพี่ธาวินเป็นคนเลือกร้าน

"แบบนี้มึงก็ต้องอยู่ดูแลแม่กับป้าก่อนใช่มั้ย" ฟูจิถามผมหลังจากที่นั่งทานข้าวกันไปสักพัก

"อืม ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ" ผมบอก

"แล้วรายงานมึงทำใกล้เสร็จหรือยัง เดี๋ยวกูช่วย"

"ใกล้แล้วเหลือแค่พิมพ์อีกนิดหน่อยแล้วก็เอาไปปริ้นท์เข้าเล่ม" ผมพูด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมพิมพ์รายงานไว้ในแล็ปท็อปของพี่เติมเต็ม

"แต่ว่า ... " ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆผม

"ครับ?" พี่เติมเต็มมองผมด้วยความสงสัย

"ผมพิมพ์รายงานไว้ในแล็ปท็อปของพี่เต็ม แล้วมันอยู่ที่หออ่ะครับ" ผมพูด

"พี่เอามาให้แล้ว เอาออกมาพร้อมกับมือถือนั่นแหละ อยู่ในรถน่ะ" ผมยิ้มออกมาทันทีที่พี่เติมเต็มบอก

"รักพี่เต็มจัง"

พอหลุดปากพูดออกไปก็ตกใจตัวเองเลยครับ เพราะอันที่จริงผมคิดคำพูดนี้อยู่ในใจแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดมันออกมา พี่เติมเต็มก็น่าจะเขินเหมือนกันนะผมว่าเพราะตอนนี้พี่เขาหูแดงมากเลย พี่เติมเต็มใช้มือมาขยี้ที่ผมของผมเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ผมและพูดว่า

"รักเหมือนกันครับ"

"เมื่อคืนปรับความเข้าใจกันยังไงอ่ะ วันนี้หวานใส่กันขนาดนี้" พี่ธาวินถามครับ พี่เติมเต็มยักไหล่ให้พี่ธาวินแล้วก็ทานข้าวต่อ

"ฟูจิ เอาแบบคนเก่งบ้างดิ" พี่ธาวินพูดขึ้นมาอีก ดูหน้าพี่ธาวินก็รู้ว่าอยากแกล้งฟูจิ

"ผมรักพี่วินนะครับ" และเกินความคาดหมายเพราะฟูจิมันบอกรักพี่ธาวินจริงๆ กลายเป็นพี่ธาวินทำหน้าเหวอแทน ดูแล้วพี่ธาวินก็คงจะเขินไม่แพ้พี่เติมเต็มเพราะหูแดงพอๆกันเลย ส่วนฟูจิถึงมันพูดเหมือนไม่มีอะไรแต่หน้ามันก็แดงมากเลยครับ

"มึงนี่นะ" พี่ธาวินใช้มือไปขยี้ผมของฟูจิแรงๆสองสามครั้ง แต่สายตาของพี่ธาวินที่มองฟูจิมีแต่ความอ่อนโยน

"ก็พี่บอกให้ผมพูดอ่ะ" ฟูจิท้วงเบาๆ

"ก็ใช่ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะพูดจริงๆ มึงมาบอกรักกูตอนนี้ กูจับมึงฟัดไม่ได้เข้าใจมั้ย" พี่ธาวินพูดเสียงไม่ดังมากแต่เพราะเรานั่งอยู่ใกล้กันทุกคนบนโต๊ะก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว


เเคว้ง!

ช้อนในมือผมมันหลุดมือหล่นลงที่พื้นครับ

"ขอโทษครับ" ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสียบรรยากาศนะครับ ผมคงจะตกใจมากไปหน่อย พี่เติมเต็มมองหาพนักงานและขอช้อนคันใหม่ให้ผม

"ไอ้วินมึงนี่พูดอะไรดูรอบข้างด้วย แฟนกูตกใจหมด" พี่เติมเต็มพูดครับ ผมมองไปที่ฟูจิ ฟูจิเองก็หน้าแดงมากกว่าเดิมอีก

พี่ธาวินหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะพูดออกมา

"ว่าแต่กู มึงดูสิ่งที่มึงทำกับแฟนมึงก่อนเหอะ"

พี่ธาวินพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาแถวๆหน้าอกผม ผมกำลังจะก้มลงมองแต่พี่เติมเต็มจับผมหันหน้าไปหาพี่่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็ติดกระดุมเสื้อให้ผมจนครบทุกเม็ด

"ห้ามมอง" พี่เติมเต็มดูไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก่อนที่พี่เติมเต็มจะพูดอะไรต่อ เสียงมือถือของพี่เติมเต็มก็ดังขึ้นมาก่อน

"ว่าไง" พี่เติมเต็มกดรับสาย

"ฟื้นแล้ว หมอบอกรอดูอาการสักสี่ห้าวัน" ผมหันไปมองพี่เติมเต็ม คงจะคุยเรื่องอาการของแม่ผมอยู่ พี่เติมเต็มหันมาสบตากับผม

"เดี๋ยวกูบอกอีกที  ... อืม ... ได้ ... เออๆแค่นี้" พี่เติมเต็มกดวางสายก่อนจะหันมาบอกผม

"ไอ้ธรณ์น่ะ มันโทรมาถามอาการของคุณน้า" ผมพยักหน้ารับรู้เพราะเมื่อคืนตอนที่กลับจากโรงพยาบาลระหว่างที่พี่เติมเต็มขับรถกลับบ้านพี่ธรณ์ก็โทรมาหาพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มก็เลยเล่าให้พี่ธรณ์ฟัง


หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ พี่ธาวินกับฟูจิก็ขอตัวกลับ โดยฟูจิบอกว่าจะกลับมหาวิทยาลัยเลย ผมยืนคุยกับฟูจิสักพักก็ร่ำลากัน

"ไว้โทรหา" ฟูจิบอกผมก่อนที่จะขึ้นรถไป


(มีต่อนะคะ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด