★… ◤ ห้องลับ ห้องรัก ◥ …★ —— เปิดโอนเงินวันนี้ - 25 ธันวา 62 // ตอนพิเศษ 100%
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★… ◤ ห้องลับ ห้องรัก ◥ …★ —— เปิดโอนเงินวันนี้ - 25 ธันวา 62 // ตอนพิเศษ 100%  (อ่าน 196280 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุ้นระทึกมากในช่วงของน้องพยูกับพ่อ ผ่านไปด้วยดีแล้ว ส่วนพวกโซเชียลนั่นก็โดนฟาดแน่ :hao7: ตอนหน้าเดินทางถึงตอนจบแล้วเหรอเนี่ย :hao5:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ใจหายมากก ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้ว :mew4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนพ่อลูกเค้าเจอกัน แล้วพยูบอกขอบคุณพี่ชาย เรานี่น้ำตาซึมเลย รอตอนจบค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องพยูตอนนั่งตักชวินแกว่งขาไปโดนคนขับน่ารักมากเลย น้องง แต่พี่ชวิตคงไม่มีฟีลคิดอะไรแบบนี้ 5555
เชียร์คุณสิงห์ให้ฟ้องให้หมด แล้วก็พูดความจริงไปเลยในรายการตั้งแต่เรื่องพีท คนอย่างมีนาเห็นเขาเงียบหน่อยทำตัวเหมือนคุมได้ทุกอย่าง

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อื้อหือ รุนแรงมากค่ะ ดีนะมาอ่านตอนเช้า
แต่ขนาดตอนเช้า ก็ยังขนลุกซู่ซ่ามาก

ในที่สุดพ่อโพนพยู ก็ได้เจอกันแล้วนะ ไปสู่สุขคตินะคะ

สงสารชวิน ความผูกพันอะเนาะ แถมพยูยังไว้ใจชวินมากด้วยนะ
แต่แอบขำ ตอนจะลงรถ ถามไปได้ว่า ลงได้เลยหรอ ก็น้องนั่งตักไง
ชอบความพ่อของพ่อชวิน ถึงจะมีบ่นมีแหย่บ้าง ก็ทั้งรักทั้งห่วงลูก

ตลกโจ ขึ้นรถตามเค้าไปทำไมคะ แต่ไม่เป็นไรเนาะ ได้คำชม

ปิงเอ้ย ทำพี่เอ็นดูไปเท่าไหร่แล้ว ยังไปขโมยพ่อแม่พี่เค้าอีก
น่าจับบีบแก้มจังเลยคนเรา อยากรู้ก็อยาก กลัวก็กลัว
สิงหาบรรยายอาการซะเห็นภาพความตาโตของปิง

พ่อแม่สิงหาเข้มแข็งมากค่ะ ผ่านเรื่องหนักมากันมากแล้ว
เจอเรื่องนี้อีกสักเรื่องจะเป็นไรไปเนาะ

คนไม่ดี ก็ต้องได้รับบทเรียนนะคะ ไม่เลิกไม่ราจริงเลย ต้องเจอ

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฉากลุงโพนระทึกมากจ้า
แล้วก็เอ็นดูพี่ชวินมาก จิตใจอ่อนโยนเหลือเกิน

ออฟไลน์ janehsih

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดเรื่องผีๆ ก็จบอย่างแฮปปี้
นี่อยากเห็นมีนาโดนฟ้องมาก อยากสมน้ำหน้านาง นิสัยเลวมาก

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ฮืออออ วิญญาณลุงโพนดุและเฮี้ยนจริงๆ
แต่เรื่องราวก็เศร้ามากๆ
คุณจีจะแต่งเรื่องชวินแยกออกมาไหมคะ
จากเหตุการณ์นี้ชวินก็กลายเป็นหนุ่มจิตอ่อน เจอผีบ่อยๆ จนเจอหนุ่มจิตแข็ง ผีไม่กล้าเข้าใกล้ ชวินเลยต้องอยู่ใกล้ผช.คนนี้ ผีจะได้ไม่มากวน 555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ได้อรรถรสมาก นิยายของคุณ G_WA ทำให้เราประทับใจได้เสมอ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารอจ้า​ อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
จบเรื่องผี  :เฮ้อ:
มาต่อเรื่องคนที่ชอบว่าร้าย เอาให้สุดไปเลย :z1:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ น้องจี  :L2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณจี

มาหรือยัง

มารอน้องปิง

กับพี่สิง

อยู่ที่นี่จ้ะ

ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/



22. ขอบคุณ



ช่วงเย็นวันนี้เป็นการกินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัวอีกครั้ง ความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปที่จอโทรทัศน์ รายการข่าวบันเทิงช่วงค่ำ พิธีกรหญิงชายรับส่งบทสนทนาอย่างลื่นไหล กล่าวถึงประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจเพราะมีการแจ้งความเกิดขึ้น แน่นอนว่านั่นคือข่าวของสิงหา หลังจากแจ้งความครั้งแรกไปก็มีครั้งที่สองตามมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน นักข่าวที่เคยพลาดการสัมภาษณ์ที่หน้าโรงพักรีบมารวมตัวกันทันทีในวันนี้

“คุณสิงหาคะ วันนี้มาตามเรื่องคดีที่แจ้งความไว้ครั้งก่อนหรือเปล่าคะ”

“เปิดเผยรายชื่อคู่กรณีได้ไหมคะ”

“วันนี้มาแจ้งความใหม่ใช่ไหมครับ เกี่ยวกับข่าวลือในเพจดังหรือเปล่าครับ” เสียงบรรดานักข่าวตะโกนถาม แย่งกันยื่นไมโครโฟนไปให้ใกล้ที่สุด ผู้จัดการส่วนตัว ทนายความยืนประกบด้านข้างไม่ให้เกิดการเหนี่ยวรั้ง สิงหาหยุดยืนก่อนเดินถึงรถไม่กี่ก้าว เขาส่งยิ้มให้นักข่าวที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตา

“ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่ให้ความสนใจนะครับ เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการส่งฟ้อง ผมไม่สะดวกจะเปิดเผยรายละเอียด ขอพูดแค่บางเรื่องที่คุณทนายอนุญาตสั้นๆ นะครับ วันนี้ผมและทนายมาแจ้งความเพิ่มครับ คู่กรณีเป็นคนกลุ่มใหม่ ไม่ใช่กลุ่มเดียวกับรอบแรก แต่คดียังเป็นคดีหมิ่นประมาทเหมือนเดิมครับ”

“สรุปไม่ใช่แค่แจ้งความแต่มีการฟ้องร้องใช่ไหมคะ”

“ฟ้องใครบ้างคะ คนในโซเชียลหรือทางเพจที่เอารูปมาลงคะ”

“แล้วเรื่องครอบครัวตกลงยังไงคะ จะเปิดเผยเรื่องนี้เมื่อไร”

“วันนี้ผมขอพูดแค่เรื่องคดีนะครับ ส่วนเรื่องอื่นผมไม่เคยปิดบังอะไร อย่าใช้คำว่าเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยเลย ถ้าผมตั้งใจปิดจริงคงไม่มีรูปให้คนเอามาปล่อยเต็มไปหมดแบบนี้ แต่ก็ต้องขอความเป็นส่วนตัวให้ครอบครัวของผมด้วย ขอบคุณครับ ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะครับ” สิงหายกมือไหว้แล้วรีบเดินไปขึ้นรถที่จอดรอไว้

ภาพตัดไปที่พิธีกรในห้องส่งก่อนจะเข้าสู่ช่วงพักโฆษณา สายตาสามคู่ย้ายจากหน้าจอโทรทัศน์มาที่แหล่งข่าวชั้นดีซึ่งกำลังดูดหัวกุ้งอย่างเอร็ดอร่อย

“อะอาย” เสียงจากปากที่เต็มไปด้วยข้าวคลุกมันกุ้งราดน้ำจิ้มซีฟู้ดดังอู้อี้

“รู้เรื่องกับเขาไหมเนี่ย” พี่ชายถามน้องชายคนเล็กที่ยังไม่หยุดกินสักที

“อู๊”

“กินให้เสร็จๆ สิ ซกมกจริงๆ” แม่เริ่มบ่นเพราะฟังไม่รู้เรื่อง

น่านนทีกลืนข้าวในปากลงคอคำใหญ่ ซดน้ำต้มยำให้โล่งคอก่อนตอบ “....ก็บอกว่ารู้ไง”

“ไอ้ครั้งแรกน่ะรู้ แต่นี่เขาแจ้งความอีกครั้ง เราน่ะรู้กับเขาไหม” แม่ถามย้ำ เรื่องแจ้งความครั้งแรกลูกชายเธอไปเป็นพยานที่สถานีตำรวจด้วย แต่ครั้งที่สองมาไม่เห็นเล่าให้ฟัง

“หึ อันนี้ไม่รู้เลย กินข้าวเสร็จค่อยโทรไปถาม”

“ตะกละจริงๆ รู้ไหมว่าเหนียงห้อยแล้ว” สมุทรแกล้งเอานิ้วจิ้มเนื้อนิ่มใต้คาง เจ้าของเนื้อนิ่มหันขวับทำตาแข็งเสียงแข็งใส่

“พี่หมุด!!”

“เอ๊า ก็พูดจริง ยังๆ ยังจะหยิบก้ามปูไปอีก”

“ปิงรู้หรอกว่าพูดเพราะอยากได้ชิ้นนี้ ฝันนนนน” น่านนทีชูก้ามปูชิ้นใหญ่ล่อหน้าพี่ชายอย่างสนุก แม่ทำปูผัดผงกะหรี่สองตัว มีก้ามสี่อัน คนละหนึ่งพอดี

“ก็ปิงกินไปแล้วข้างนึง ชิ้นนี้ของพี่”

“เรื่องดิ อยู่ในมือใครก็ของคนนั้นนะจ๊ะ” ใช่ เขากินแล้ว เนื้อแน่นหวานมาก...อยากกินอีก

“จำไว้นะๆ คราวหน้าไม่มีกินอย่ามาบ่น จะไม่ซื้ออะไรมาฝากอีกเลย”

“โอ๋ๆๆ แค่นี้งอน น้องหยอกเล่น หยอกๆ อะ คืน”

“คืนก็ปล่อย” สมุทรส่ายหน้าเอือมน้องชายที่ยังใช้นิ้วจิกเนื้อปูเข้าปากตัวเอง เอาเปรียบพี่ชายได้ก็หัวเราะชอบใจ

“มันติดมืออะ ฮ่าๆ”

“สงสารเขานะ ตั้งแต่กลับมาแสดงหนังมีแต่ข่าวแย่ๆ เสียดายฝีมือนะ พ่อว่าเขาแสดงเก่ง” พ่อเลิกสนใจสงครามบนโต๊ะอาหาร เอ่ยพูดถึงคนคุ้นเคยอย่างสิงหา

“เขาก็บอกว่าชินนะพ่อ แต่ปิงว่าลึกๆ ก็ต้องเสียใจแหละ แค่มีคนเปิดประเด็นอะไรเข้าหน่อยก็หันมาโจมตีเขา เออออตามๆ กัน ไม่ได้รู้จริงสักนิด เวลาออกไปข้างนอกก็ต้องคอยยิ้ม มีคนมาขัดจังหวะกินข้าวก็ต้องยิ้ม นึกสภาพสมัยดังๆ ไม่ออกเลยว่าจะขนาดไหน” สิงหาเคยเล่าวีรกรรมช่วงดังมากๆ สมัยก่อนไม่ค่อยมีอีเวนต์โชว์ตัวตามห้างฯ มากเหมือนสมัยนี้ นานๆ จะมีสักครั้ง

ส่วนใหญ่คือเดินสายโปรโมตหนังหรือละครตามต่างจังหวัด มีรายการวาไรตี้ไปนั่งคุยนั่งพูดค่อนข้างเยอะ เวลาอยากดูหนังต้องแอบไปดูรอบดึก เลือกโรงที่คนไม่เยอะ เดินเล่นในห้างฯ นี่แทบไม่เคยเลย เพราะจะโดนรุมตลอด ของใช้ส่วนตัวมีผู้จัดการกับคุณแม่คอยซื้อให้ ตอนที่กลับมาแล้วออกไปซื้อของที่ห้างฯ ครั้งแรกตื่นเต้นมาก แต่ก็วัดใจกันไปว่าคนน่าจะลืมแล้ว แล้วก็จริง เดินเล่นอย่างสบายตัวมากจนแอบเศร้าใจที่คนอื่นลืมเขาเร็วกว่าที่คิด

“งานแบบนั้นมันก็ต้องแลกความเป็นส่วนตัวไป แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตามใจแฟนคลับตลอดเวลา ดาราก็อาชีพหนึ่งเหมือนกัน คนอื่นควรจะมีสามัญสำนึกและมารยาทบ้าง ไม่ใช่ร้องปาวๆ ว่าเป็นคนของประชาชน ต้องยิ้มแย้มเป็นผีบ้าพร้อมคุยตลอดเวลา นั่นคนบ้า ดาราบางคนเขาก็ขายความสามารถ ไม่ใช่หน้าตาอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่จะเอาหน้าตาเบิกทางก็เถอะ”

“โหหหหห พูดดีอะ สุดยอดเลย น้ำตาคลอเลยอะพี่หมุดดูดิ แม่ปลื้มไหม พี่ชายปิงโคตรเท่เลย”

“ไปแซวพี่เขาเดี๋ยวก็โดน” แม่เตือนอย่างหวังดี คนพี่ก็ชอบหยอก คนน้องก็ชอบเอาคืน แต่พอพี่เขาเล่นแรงๆ ด้วยก็โมโห

“ใช่แม่ มันสมควรจะอดของฝากเดือนหน้า”

“โอ๋ๆ น้องพูดเล่น น้องก็ชมไง กินนะๆ อะ แบ่งกุ้งให้เลยน้า” น่านนทีตักกุ้งนึ่งตัวโตๆ ใส่จานพี่ชายอย่างเอาใจ

“แล้วหัวมันไปไหน แดกแต่มันกุ้งมิน่าถึงอ้วน”

“พี่หมุด!”

“พอๆ แหย่กันไปแหย่กันมาเดี๋ยวก็ทะเลาะกันจนได้ ปิงก็กินให้มันดีๆ หมุดก็อย่าแหย่น้อง” พ่อต้องเบรกสองพี่น้องอีกครั้ง ช่วงนี้ลูกชายคนเล็กอ่อนไหวกับน้ำหนักตัวเองเป็นพิเศษ

“อืม พ่อแม่ ปีหน้าหมุดย้ายขึ้นฝั่งแล้วนะ ไม่ต้องไปอยู่แท่นแล้ว” สมุทรพูดเรื่องสำคัญที่เขาตั้งใจนำมาบอกที่บ้านวันนี้

“ทำไมล่ะ” พ่อถาม

“ได้เลื่อนตำแหน่ง เขาจะให้เข้าโรงงานที่ระยองแทน ก็ดีนะพ่อ จะได้กลับบ้านบ่อยขึ้น”

“จะกลับบ่อยจริงเหรอออ เดี๋ยวก็อ้างขี้เกียจขับรถ” น่านนทีแอบดีใจลึกๆ ที่จะได้เจอพี่ชายบ่อยขึ้น แต่ไม่อยากแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็น

“ตามที่คุยกับหัวหน้าไว้น่าจะอยู่โรงงานสักสามปีห้าปีแล้วย้ายเข้าสำนักงานใหญ่ที่นี่ หมุดเลยว่าจะซื้อบ้านสักหลัง เวลากลับมาจอดรถนอกบ้าน พ่อแม่ก็จะได้ไม่ต้องระแวงกลัวรถหายทุกคืน ดีไหมแม่ พ่อ”

“แล้วแต่ลูกเถอะ พ่อแม่แก่แล้ว มันติดบ้าน เพื่อนบ้าน ลูกค้าอยู่ตรงนี้หมด” แม่ถอนหายใจ เรื่องบ้านไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกๆ พูดขึ้นมา แต่เธอกับสามีไม่อยากย้ายไปไหนจริงๆ

“เนี่ย คุยเรื่องย้ายบ้านทีไรก็พูดงี้ตลอด น้องมันก็อยากย้าย พี่ธารเขาก็อยากซื้อให้แต่พ่อแม่ไม่เคยยอมเลย พวกผมโตกันหมดแล้ว พี่ธารก็แต่งงานฐานะมั่นคง การงานผมก็ดี ไอ้ปิงก็ดี พวกเราไม่อยากให้พ่อกับแม่เหนื่อย ตื่นเช้าทำกับข้าวงกๆ บางวันร้อนๆ ก็เวียนหัวเวียนหน้า อายุเยอะแล้วนะ หมุดว่าเลิกขายดีไหม”

“....เฮ้อ พ่อแม่แก่แล้ว อยู่ว่างๆ มันก็เหงานะลูก ได้ทำอะไรงานนิดๆ หน่อยๆ ได้คุยกับคนเก่าๆ มันชินแล้ว เอาแม่ไปไว้ในบ้าน วันๆ กินกับนอนมันจะป่วยเอาน่ะสิ”

“คนแก่ก็อย่างนี้ล่ะลูก ติดที่ ถ้าอยากมีบ้านก็ซื้อแล้วไปอยู่กันสองคนพี่น้อง วันหยุดพ่อแม่ไปค้างด้วยดีไหมล่ะ” พ่อเสนอความคิด อยากให้อยู่บ้านสวยๆ สบายๆ เหมือนกัน

“ไม่เอา...ไม่อยากให้พ่อแม่อยู่กันสองคน” น่านนทีเอ่ยค้านเสียงเบา

“โตแล้วลูกเอ๊ย พ่อแม่อยู่กันได้ ไม่เหงาหรอก” พ่อลูบหัวลูกชายคนเล็กที่ก้มหน้าก้มตา ยกมือปาดน้ำตาข้างแก้มตัวเองออก

“น้องมันยังไม่โตเลย เนี่ย พูดแค่นี้ยังร้องไห้เลย เอาไว้หมุดจะหาบ้านใกล้ๆ ที่นี่แล้วกัน เราก็ไปอยู่รวมกันนี่แหละ ถ้ายังอยากขายของก็ทำที่บ้านแล้วขนใส่รถมาตักขายที่นี่ก็ได้ บ้านนี้ก็ไม่ต้องขาย พ่อแม่มาขายของนั่งเล่นที่นี่ พอตอนเย็นก็กลับไปนอนบ้าน เอางั้นนะ”

“ลำบากไปหมุดเอ๊ย พ่อแม่อยู่กันเองได้ แข็งแรงดีไม่ได้เจ็บไข้มีโรคประจำตัวที่ไหน แค่แวะมาเยี่ยมมานอนค้างบ้างให้หายคิดถึงก็พอ”

“ฮือออ ไม่เอาอะ ไม่ให้อยู่กันสองคน”

“เนี่ย น้องมันโตที่ไหนล่ะพ่อ มันติดพ่อกับแม่จะตาย เดี๋ยวให้ปิงมันหัดขับรถ มันอยากซื้อรถตั้งนานก็ไม่กล้าซื้อเพราะบ้านไม่มีที่จอด เดี๋ยวว่างๆ เราค่อยขับๆ หาบ้านแถวนี้ดู เวลาพ่อแม่มาขายของก็ให้ปิงมันขับมาส่ง หรือไม่พ่อก็ขับมาเอง เดี๋ยวหมุดว่าจะซื้อคันใหม่ คันนี้ก็เอาไว้ใช้ที่บ้าน”

“เงินเยอะเหลือเกินนะ เก็บๆ ไว้บ้างลูก” แม่ปรามเมื่อฟังแผนการใช้เงินของลูกชาย

“ยังไม่ซื้อตอนนี้หรอกแม่ รอโบนัสออกก่อน แต่บ้านน่ะซื้อแน่ๆ พ่อแม่เตรียมใจไว้เลยนะ ระหว่างตัวเองเหงากันสองคน กับทนเห็นปิงมันร้องไห้เนี่ย จะทนอะไรได้มากกว่ากัน”

“เฮ้อ....มันหลายตังค์สิลูก เช็ดๆ มือหน่อยปิง หน้าเลอะเทอะหมด เดี๋ยวก็แสบตา” พ่อส่งกล่องทิชชูให้ ทั้งแก้มทั้งปากเลอะเทอะไปหมด

“ก็พ่ออะ พูดทำไมว่าจะอยู่กันสองคน”

“พอๆ หยุดร้อง ร้องยังไงปากไม่หยุดแดกเลย” สมุทรผลักหัวน้อง สงสารเด็กติดพ่อแม่ก็สงสาร แต่ก็ขำปากที่ยังไม่หยุดกินสักที ทั้งน้ำลายน้ำตา ไอ้อ้วนเอ๊ย





ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/



เมื่อข่าวการแจ้งความครั้งที่สองและการฟ้องร้องของสิงหาเปิดเผยออกมา กระแสข่าวลือด้านลบเริ่มมีมาอีกระลอก หลายคนเดาว่าสิงหาน่าจะแจ้งความและฟ้องร้องพวกที่โพสต์กล่าวหาในแง่ลบ บางคนแสดงความสะใจที่เห็นคนที่ชอบโพสต์ข้อความแรงๆ ตามคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รู้จริงโดนจัดการบ้าง บางคนใช้ข้ออ้างว่าดาราคือคนสาธารณะ ต้องรับคำวิจารณ์ได้ ไม่ควรฟ้องร้อง คนอื่นก็โดนไม่เห็นมีใครทำให้เป็นเรื่องใหญ่

คนบางคนก็ยังไม่เข้าใจคำว่าหมิ่นประมาท หรือสิทธิเสรีภาพ การพูดถึงนักแสดงว่าเล่นแข็งเป็นหุ่นยนต์ หน้าซีดเป็นศพ แต่งตัวเหมือนคนบ้า นี่เรียกว่าวิจารณ์และใช้คำเปรียบเปรยที่ค่อนข้างแรงซึ่งไม่ควรเท่าไร ส่วนการบอกว่าผอมโทรมเพราะติดโรคจากคู่ขา หรือการกล่าวหาว่าผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเมียน้อยเมียเก็บคนอื่น นี่คือการดูหมิ่นคนอื่น ถือเป็นการหมิ่นประมาทซึ่งผิดกฎหมาย

“มันจะไม่เกิดผลเสียกับคุณสิงเหรอครับแบบนี้” น่านนทีถามด้วยความเป็นห่วง เรื่องคดีหมิ่นประมาทเขาเข้าใจว่าจะฟ้องร้องเฉพาะกลุ่มของมีนาที่มีการจ้างวาน

“ก็อาจจะมีคนไม่เข้าใจ แต่พวกคนที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มมีนาผมคงแจ้งความเฉยๆ แค่ให้มีการขอโทษยอมรับผิดก็พอ” สิงหามองคนนั่งกินขนมครกใบเตยสีเขียวสดที่เขาซื้อมาฝากจากข้างสตูดิโอถ่ายแบบ วันนี้เขาออกไปถ่ายงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ พอเลิกงานเลยแวะรับคนรักมาทำงานกะดึกที่คอนโดฯ

“ดีแล้วครับ ไม่ใช่ว่าปิงสงสารพวกนั้นหรอกนะ นักเลงคีย์บอร์ดแบบนั้นควรโดนจัดการซะบ้าง แต่ปิงไม่อยากให้วุ่นวายเดี๋ยวจะได้ฉายาแรงๆ ติดตัวมาเปล่าๆ” เขาไม่อยากเห็นสิงหามีข่าวฉาวเท่าไร ภาพลักษณ์มันสร้างยากแต่ทำลายง่ายมาก ขนาดปกป้องชื่อเสียงตัวเองและครอบครัว ยังโดนหาว่าหน้าตัวเมียรังแกผู้หญิงบ้างล่ะ เป็นพระเอกติสม์แตกโลกส่วนตัวสูงบ้างล่ะ ทุกวันนี้เขาแทบไม่ดูรายการบันเทิงของไทยแล้ว นั่งดูละครหรือซีรีส์ต่างประเทศสบายใจกว่า

“ไม่ต้องคิดมากนะ ผมรับได้ เมื่อก่อนปลายปากกาของนักข่าวมีผลต่อเรา สมัยนี้ก็เปลี่ยนจากนักข่าวเป็นมือคีย์บอร์ด วงการนี้ก็แบบนี้”

“อย่าว่าแต่วงการบันเทิงเลย พวกนักเลงคีย์บอร์ดมีอยู่ทุกที่ ลองใครโพสต์อะไรสร้างประเด็นขึ้นมาคนก็ไปรุมกันแล้ว อย่างวันก่อนเห็นข่าวที่ผู้หญิงออกมาโพสต์คลิปว่าแฟนนอกใจไปติดเด็กร้านเหล้าไหม คนพากันหาตัวเด็กเสิร์ฟในคลิปกันใหญ่ พากันไปรุมด่าเขาในเฟซบุ๊ก ผู้ชายก็ออกมายอมรับว่านอกใจจริงแล้วก็ขอเลิกกับแฟนจริง แต่พวกในเน็ตก็ไม่ยอมจบ ยังไปขุดประวัติทั้งคู่มาด่า เรื่องของคนอื่นแท้ๆ แถมผู้ชายก็ยอมรับผิดแล้วด้วย กลายเป็นประเด็นให้นักข่าวเอามาออกข่าวได้ไง ปิงล่ะงง”

“ผมว่าเดี๋ยวนี้คนให้ความสำคัญกับเรื่องรอบตัวมากไป บางอย่างเราควรสนใจจริง แต่การไปพิมพ์ด่าคนอื่นไม่ใช่การแก้ปัญหา ทุกปัญหามีวิธีการจัดการของมัน บางเรื่องอาจแก้ตอนนี้ไม่ได้ก็ต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วมันจะมีทางออกเสมอ การใช้ความรุนแรงไม่ว่าทางคำพูดหรือการกระทำ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น บางทียิ่งด่ายิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมอีก”

“ใช่ เหมือนแม่ปิงไง ดูละครแล้วชอบอิน ด่าแม่พระเอกลั่นบ้านเลยช่วงนี้ ใครเบรกไม่ได้ด้วยนะ มองตาขวางเลย ช่วงนี้เลยไปเมาท์กับเพื่อนบ้านบ่อยๆ ไง คอละคร”

“นั่นแหละ บางครั้งคนก็มองว่าผมใจเย็นเกินไป แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก มันมีหงุดหงิดมีโมโหบ้าง แต่เลือกจะไม่ตอบโต้เพราะไม่อยากเสียเวลามากกว่า แต่บางเรื่องก็ไม่ควรทนบ่อยๆ ผมไม่ชอบให้คนมายุ่งเรื่องครอบครัว บางทีผมก็อยากถามมีนานะว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ทำไมทุกครั้งที่จะเลิกจะคบกับใครชอบสร้างข่าวแล้วดึงผมไปเอี่ยวตลอด”

“ปิงว่าเขาคงคิดว่าคุณสิงจะไม่เอาเรื่องไง อย่างที่อ้างว่าคุณสิงนอกใจครั้งนั้นก็คงคิดว่าคุณไม่กล้าตอบโต้แน่นอน อย่างน้อยก็ไม่กล้าออกไปบอกว่าไม่ได้คบกับเธอแต่มีแฟนเป็นผู้ชาย ยิ่งคุณนิ่งตลอดเธอก็ยิ่งได้ใจทำเรื่อยๆ จนชิน คนแบบนี้มีจริงๆ นะ ตอนเด็กๆ ในซอยมีป้าอยู่คนชอบด่าเด็กนักศึกษาที่เช่าห้องอยู่กับแฟนลอยๆ เวลาเขาลงจากหอก็บ่นลอยๆ ว่าสงสารพ่อแม่ส่งมาเรียนดันมามีผัวบ้างล่ะ จนวันหนึ่งผู้ชายทนรำคาญไม่ไหวไปตบแก เรื่องใหญ่เลย ออกข่าวด้วย”

“ปิงคิดว่าแบบนี้ควรสงสารป้าหรือป้าสมควรโดนแล้ว” สิงหาคุ้นๆ ว่าเคยได้ยินข่าวทำนองนี้บ่อยมาก

“มันพูดยากนะ คือปิงได้ยินแกด่าไปเรื่อยทุกวัน บางทีก็เคยด่าปิงแรงๆ ก็คิดว่าวันหนึ่งคงต้องโดนแน่ๆ พอโดนจริงก็แบบ นั่นไง นึกแล้ว เจอคนจริงก็โดนแบบนี้ แต่มันก็สงสารนะ แกแก่แล้ว"

"ถ้าไม่ใช้ความรุนแรงทุกอย่างอาจจะจบง่ายมาก เวลามีปัญหาผมชอบกลับมามองตัวเองก่อน ถ้ารำคาญมากอาจแค่เดินไปด่าสักยกสองยก หรือด่าแรงมากก็แจ้งความ ถ้ามันแก้ไม่ได้อีกหรือวุ่นวายเกินไปก็ย้ายหอหนี ไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ว่าไปเพราะกลัวเขา ไม่ผิดทำไมต้องหนีที่หลายคนชอบพูด บางทีก็แค่ไปเพื่อตัดปัญหา เพื่อความสบายใจของตัวเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปกับคนพาล ทางออกมันมีเยอะถ้าเราใช้เวลาใช้สติกับมันมากพอ”

“นี่ไงถึงบอกว่าคุณสิงใจเย็น”

“เวลาปิงมีเรื่องกับพวกนิติฯ ก็ไม่เคยใช้กำลังเหมือนกันนี่ครับ”

“เอาตรงๆ บางทีก็อยากผลักให้ล้มเป็นโดมิโนเหมือนกัน แต่กลัวโดนไล่ออก” น่านนทีพยักหน้าอย่างขึงขัง เวลาเห็นสาวนิติฯ มาลอยหน้าลอยตาใส่บางทีก็อยากเอานิ้วจิ้มตา แค่คิดก็ยิ้มได้เลยไม่ได้ทำจริงสักที

“ใช่ แบบนั้นล่ะ ถ้าเรานึกถึงสิ่งอื่นที่มันสำคัญมากกว่า เราจะไม่ทำอะไรให้มีปัญหาตามมาหรอก แต่จุดความพอดีมันก็มี ถ้าเขายังระรานปิงไม่หยุดก็ต้องแจ้งผู้จัดการนะ การสอดส่องว่าลูกบ้านคนไหนเข้าออกตอนไหนกับใคร แถมยังแอบถ่ายรูปอีก ผมในฐานะลูกบ้านคอนโดฯ ก็ไม่พอใจเหมือนกัน”

“โหหหห ดุนะเดี๋ยวนี้ ไปร้องเรียนให้ปิงหน่อยสิ นะๆ” คนช่างอ้อนแกล้งเขย่าแขนแถมท้ายด้วยการซบไหล่

“เอาไว้คราวหน้าจะช่วยละกัน ว่าแต่เมื่อวานร้องไห้ทำไมยังไม่เล่าเลย” สิงหาถามคนขี้แยที่แอบร้องไห้ตอนคุยกันเมื่อคืนนี้ น้ำเสียงแหบติดสะอื้น พอถามก็บอกว่ายังไม่อยากพูด เดี๋ยวร้องไม่หยุด ปล่อยเขานอนเป็นห่วงทั้งคืน

“พี่หมุดคุยเรื่องซื้อบ้านใหม่แต่พ่อแม่ก็เหมือนเดิม ไม่อยากย้าย อยากขายของ กลัวไปแปลกที่จะเหงา ไม่มีเพื่อน เป็นอย่างนี้ตลอดเวลาคุยกันเรื่องบ้าน” มือเล็กหยิบขนมใส่ปากตัวเองสลับป้อนคนซื้อมาบ้าง นึกถึงเรื่องบ้านทีไรก็อยากร้องไห้เพราะคำพูดของพ่อกับแม่

“แล้วทำไมถึงคุยเรื่องนี้กันอีกล่ะครับ”

“พี่หมุดมันได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ต้องไปประจำที่แท่นเดือนเว้นเดือนแล้ว ก็จะได้กลับบ้านบ่อยขึ้น แต่คุณก็เห็นว่าหน้าบ้านปิงมันจอดรถยาก เวลาพี่หมุดกลับบ้านทีไรพ่อแม่นอนหลับไม่สนิททุกทีล่ะ กลัวรถหาย จริงๆ ปิงก็อยากมีบ้านสวยๆ ปลูกต้นไม้อะไรแบบนี้นะ แต่พ่อแม่อะดื้อ คราวนี้ถึงกับไล่ให้ปิงไปอยู่กับพี่หมุด พ่อแม่จะอยู่บ้านกันเองสองคน คุณสิงคิดดูดิ อยู่ดีๆ ก็ไล่ปิงออกจากบ้านอะ น้ำตาแตกเลย เดี๋ยวพอไม่อยู่ด้วยก็นั่งเหงากันสองคน ปิงรู้หรอก”

“คนแก่อย่างนี้ล่ะครับ ค่อยๆ หากิจกรรมเสริมให้เขาทำ บางทีถ้าเขาชอบมากๆ อาจจะลดเวลาทำงานน้อยลง แต่ยังไงก็ต้องมีกิจกรรมให้ทำนะ ไม่งั้นเดี๋ยวป่วยแบบพ่อผม พอว่างแล้วคิดมาก เขากลัวตัวเองไม่มีคุณค่ากับลูกหลาน กลัวเป็นภาระ”

“พ่อคุณสิงก็เป็นเหรอ”

“ทั้งพ่อทั้งแม่เลย เมื่อก่อนแม่ผมก็ชอบทำงาน แม่เป็นเคยพนักงานบัญชีในโรงงาน แล้วก็ตัดเสื้อผ้าขายด้วย ตอนหลังก็เปิดร้านอาหารเหนือกับเพื่อน ทำหลายอย่างมาก ขนาดผมให้เงินเดือนใช้ก็ยังขยันทำขนมฝากขายตามร้านบ้างอะไรบ้าง จนพ่อป่วยแม่ถึงไปดูแลพ่อที่อังกฤษ ก็ถือเป็นหน้าที่ใหม่ วุ่นทั้งวัน ของชอบเขาเลย”

“ปิงถามได้ไหมว่าพ่อคุณสิงหายดีหรือยัง”

“ก็งดยามาสองปีกว่าได้ ตอนนั้นพ่อเป็นโรคซึมเศร้า พ่อเขาแอบเก็บเรื่องผมกับแม่ไปคิดมากนานแล้ว เราอยู่กันทางนี้ไม่เคยรู้มาก่อนจนเขาเริ่มป่วย อืม...พรุ่งนี้ต้องไปอัดรายการแล้ว ในสคริปต์ต้องพูดเรื่องครอบครัวเยอะเหมือนกัน แต่ผมอยากเล่าให้ปิงฟังก่อน เพราะในรายการผมไม่สามารถพูดได้หมดทุกเรื่องแน่นอน” สิงหาเลี้ยวจอดที่ช่องจอดรถส่วนตัว เปิดไฟในรถเพื่อมองหน้าคนขี้อ้อนที่ซบไหล่มาตลอดทาง

“ไปนั่งข้างหลังดีกว่า ผมอยากกอดปิง” สิงหาเปิดประตูลงไปนั่งเบาะหลัง น่านนทีอาศัยความรวดเร็วปนขี้เกียจปีนข้ามมาอย่างทุลักทุเล แล้วก็นั่งอยู่ในอ้อมกอดพร้อมขนมในมืออย่างว่าง่าย

“แม่ผมมีเพื่อนสนิทชื่อน้าฉลวย เมื่อก่อนเขาไปอยู่เมืองนอก มีสามีฝรั่งอายุมากกว่า ไปอยู่ไม่นานหรอกก็กลับมาอยู่ที่นี่ สามีเขาก็พาลูกหลานมาเที่ยว พ่อผมเป็นเพื่อนกับลูกเขา มาเจอแม่ก็ปิ๊งกัน ก็แอบกิ๊กกัน พอพ่อกลับไปก็ส่งจดหมายคุยกันหลายเดือน แล้วพ่อก็มาหาแม่ จนแม่ท้อง ก็ท้องก่อนแต่งนั่นแหละ ยายกับญาติๆ โกรธมาก อายชาวบ้าน พ่อก็ขอแม่แต่งงาน ชวนไปอยู่เมืองนอกด้วยกันสองคน ให้ปิงทายว่าแม่ตอบว่าไง”

“ไม่ไปแน่ๆ เลย”

“ผิด แม่ไป แม่บอกขอลองไปดูก่อน แต่ไปแล้วสังคมมันไม่เหมือนที่นี่ ภาษาอังกฤษแม่ได้แบบงูๆ ปลาๆ ปกติมีน้าฉลวยคอยเป็นล่ามให้ ไปอยู่โน่นไม่มีเพื่อนไม่มีญาติ ตอนนั้นพ่อสมัครเป็นทหารที่อเมริกาแล้ว ถ้าพ่อไปทำงานแม่ก็ต้องอยู่คนเดียว แม่ทนเกือบสองเดือนก็ขอกลับ ต้องรีบกลับถ้าท้องแก่กลัวขึ้นเครื่องไม่ได้ พ่อเลยพาแม่บินไปอังกฤษก่อน ไปหาปู่กับย่า จัดงานแต่งเล็กๆ จดทะเบียนกัน แล้วก็กลับมาจดทะเบียนที่นี่ด้วย แต่พวกเขาเลือกจะไม่อยู่ด้วยกัน”

“อ้าว”

“ผมใช้ชีวิตตอนเด็กแบบงงๆ นึกว่าพ่อแม่หย่ากันแล้วมาตลอด จำได้ว่าตอนประถมต้องกรอกอะไรสักอย่างเกี่ยวกับครอบครัว ก็กรอกชื่อพ่อแม่ไปแล้วติ๊กช่องหย่า แม่เห็นเลยเรียกมาคุย บอกว่าไม่ได้เลิกกับพ่อนะ แค่แยกกันอยู่ ไม่ได้หย่า”

“แล้วคุณพ่อไม่ได้มาหาคุณสิงเลยเหรอ”

“มาสิ มาตลอด จดหมายส่งมาหาแม่ตลอด บางครั้งก็โทรมา หรือมาหาอย่างน้อยก็ปีละครั้ง แต่ผมคิดว่าเขามาเพราะเป็นพ่อเฉยๆ เวลาโดนคนอื่นล้อเรื่องพ่อแม่ผมจะโกรธมาก ไม่เข้าใจว่าสถานะของพวกเขาคืออะไร ญาติผมเคยพูดว่าพ่อทำประกันให้ พ่อเป็นทหาร ถ้าตายผมกับแม่ก็ได้เงิน มันเจ็บนะ เคยได้ยินพ่อแม่ก็ทะเลาะกันทางโทรศัพท์แต่ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก

จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งพ่อหายไปเลยสองสามปี ผมคิดว่า เอาละ เลิกกันชัวร์ แต่ก็ไม่ใช่ มันเป็นครอบครัวที่ไม่ได้อบอุ่นเลย มีแต่ความไม่แน่ใจ สับสน ทำไมบ้านเราไม่เหมือนบ้านอื่น ช่วงมอต้นที่พ่อหายไปผมก็เริ่มกลับบ้านดึก กินเหล้าสูบบุหรี่กับเพื่อน แล้วอยู่ดีๆ พ่อก็มา มาคุยกัน” สิงหานึกถึงวันแรกที่ได้พูดกับลีโอเป็นภาษาไทย แม้จะแค่ไม่กี่ประโยคแต่เขาจำสำเนียงเพี้ยนๆ นั่นได้ชัดเจน

“พ่อบอกว่า...พ่อรักผมมาก รักแม่มาก แต่ทุกคนมีความฝัน มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน พ่อแม่อาจจะเห็นแก่ตัวที่ไม่นึกถึงคนกลางอย่างลูก แต่เลือกจะเดินตามทางที่ตัวเองต้องการ มันไม่เป็นอะไรถ้าผมจะเกลียดพ่อ แต่อย่าทำให้แม่เสียใจอีก หน้าที่ของลูกชายนอกจากต้องเป็นเด็กดีแล้ว ต้องเป็นสุภาพบุรุษ...ดูแลแม่แทนพ่อด้วย” สิงหาอมยิ้มน้ำตาคลอขณะเล่า นึกภาพฝรั่งร่างใหญ่ผิวกร้านแดดนั่งหลังตรงจับมือเขาเบาๆ อย่างทะนุถนอม พูดภาษาไทยถูกๆ ผิดๆ บอกเขาว่า...ขอโทษ...ที่ไม่ได้อยู่ด้วย ร้องไห้...แล้วบอกว่ารักลูกมากที่สุดในโลก

“ฟังดูทั้งคู่ก็รักกันนี่ครับ ทำไม...ไม่หาทางอยู่ด้วยกันให้ได้”

“ที่เขาไม่อยู่ด้วยกันเพราะแม่ไม่ชอบเมืองนอก ไม่อยากพึ่งพ่อคนเดียว แม่แคร์ปากชาวบ้านที่ว่าจะไปเกาะผัวฝรั่งกิน เดี๋ยวก็โดนทิ้งเหมือนน้าฉลวย แม่แคร์คำพูดญาติและสุดท้ายคือสงสารยาย ยายผมอายุมากแล้ว ถ้าแม่ไปก็ไม่มีคนดูแลเพราะยายมีลูกคนเดียว แม่อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเลี้ยงลูกคนเดียวได้ และจะเลี้ยงให้ดีด้วย

ส่วนพ่อ...ลีโอสารภาพกับผมว่าตอนเดทกับแม่เขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมที่นี่เท่าไร แล้วก็ได้ยินความเชื่อผิดๆ จากเพื่อนเขาเหมือนกันว่าสาวไทยชอบหลอกเอาเงินไปให้ญาติๆ ใช้ ต่างคนต่างลังเล แต่พอแม่ท้องเขาดีใจมากนะ อยากให้แม่ไปอยู่ด้วย อยากช่วยเลี้ยง อยากเห็นผมเกิด ตอนแม่บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นั่นพ่อก็เสียใจเหมือนกัน แม่บอกให้พ่อทำหน้าที่ของตัวเอง แม่ก็จะทำหน้าที่ของแม่ จริงๆ คือขอเลิกอ้อมๆ นั่นแหละ พ่อกลัวแม่ทิ้งเลยจับแต่งงานซะ

แต่ความรักทางไกลมันไม่ง่าย มันมีช่วงที่ทะเลาะกัน อยากเลิก อยากหยุด บางครั้งก็เลยหายหน้าไป บางครั้งแม่ก็ไม่รับโทรศัพท์ จนผมเริ่มทำตัวมีปัญหาเขาถึงได้รู้ตัวว่าผมทนไม่ไหวแล้ว ตอนยายเสียพ่อก็ชวนไปอยู่ด้วย ตอนนั้นพ่อปลดประจำการกลับไปอยู่บ้านเป็นครูสอนภาษาที่อังกฤษแล้ว แต่ผมกำลังดังเลยช่วงนั้น แม่ก็เลิกทำงานละ ปกติแม่จะทำงานหาเงินเอง เงินที่พ่อส่งให้แม่จะใช้แค่ส่วนของผม ของตัวเองก็หาใช้เอง คำด่าคนอื่นมันฝังใจ แต่อยู่ดีๆ ก็เลิกคิดมาก โทรไปบอกพ่อว่าจะเอาเงินที่พ่อส่งให้ไปเปิดร้านอาหารกับน้าฉลวย พ่อดีใจมาก ส่งเงินมาให้อีกก้อน มันเหมือนเป็นสัญญาณน่ะว่าแม่ไม่คิดมากแล้วนะ

จากนั้นอาการป่วยของพ่อก็เริ่มแสดงออก เขารู้สึกมาตลอดว่าเสียใจที่ไม่มาอยู่กับครอบครัว คิดไปเองว่าผมกับแม่สบายแล้ว ไม่ต้องการเขาแล้ว เขาหมดคุณค่า แต่พ่อลืมคิดไปว่าตอนนั้นแม่ก็ผิดเหมือนกันที่มีทิฐิ ปากแข็งด้วย ไม่ยอมชวนพ่อมาอยู่ด้วยแต่ดันบอกพ่อว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียว แม่ก็รักพ่อมาตลอดนั่นแหละ พอรู้ว่าพ่อป่วยก็รีบไปดูแล พอผมอกหักก็หนีไปให้พ่อดูแลอีกทอดหนึ่ง พ่อไม่อยากเห็นผมเศร้าเลยไม่กล้าป่วยเลย”

“ตั้งแต่เด็กพ่อแม่คุณสิงไม่เคยอยู่ด้วยกันเลยเหรอ” น่านนทีเงยหน้าถามด้วยความไม่เข้าใจ ผู้ชายที่ใจดีและอบอุ่นขนาดนี้ โตมาในครอบครัวที่...ไม่ค่อยสมบูรณ์ได้อย่างไร

“นานๆ ครั้ง ถ้าพ่อมาก็จะนอนโรงแรม แม่ก็พาผมไปเจอไปกินข้าว แต่ไม่ได้เข้าบ้านเพราะยายไม่ชอบ บางปีแม่ก็บินไปหา ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยยอมไปเลย แม่ไปคนเดียวตลอด จนใกล้เข้ามหาฯลัยถึงไปกับแม่บ้างถ้ามีเวลา”

“....ฟังแล้วปิงบอกอารมณ์ไม่ถูกเลย มันเศร้าแต่ก็ฟังออกว่าพ่อแม่รักกันมาก ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยแต่รอกันมานานขนาดนี้...คุณสิงไม่โกรธคุณพ่อแล้วใช่ไหม”

“ไม่แล้ว จริงๆ ไม่เคยโกรธเลย มีแต่ความไม่เข้าใจมากกว่า พ่อบอกว่าเขาเคยอยากเปิดโอกาสให้แม่มีคนใหม่นะ เขารักผมกับแม่มากๆ จนกลัว ตอนไปสงครามพ่อจะหายไปเลยนานๆ ไม่อยากให้แม่คิดถึง ไม่อยากให้ผมจำพ่อได้ อยากให้เกลียดไปเลย เขาไม่อยากพูดออกมาเองว่าให้แม่มีคนอื่น ถ้าเกิดโชคร้ายตายในสงครามจริงๆ แม่จะได้ไม่เสียใจ ผมก็จะได้ไม่เสียใจ จริงๆ อาการของโรคซึมเศร้ามันเริ่มฝังตัวไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แต่เราไม่รู้”

“ดีจังที่หายแล้ว แถมเป็นซูเปอร์คุณพ่อที่หล่อสุดๆ ปิงว่าคุณสิงได้ความใจเย็นมาจากพ่อ ส่วนความเข้มแข็งอดทนมาจากแม่แน่ๆ ถ้าใครนินทาแม่ปิงแบบนั้นนะ แม่เอาแกงไปสาดทั้งหม้อแน่นอน”

“แม่ปิงเป็นสายลุยไง บางทีผมก็เสียดายนะ อยากมีพี่น้องแบบปิงบ้าง แต่พ่อแม่เอาแต่รักกันไกลๆ ไม่ได้ปั๊มน้องให้เลย”

“มีคุณสิงคนเดียวก็พอแล้ว” คนพูดเอาใจเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ ได้รับการตอบแทนเป็นจูบหวานๆ แผ่วเบา

“ปากหวานนะวันนี้...ขอบคุณนะครับที่ตั้งใจฟัง ผมอยากพูดเรื่องพวกนี้ให้ใครสักคนฟังมานานแล้ว” สิงหากอดรัดคนในอ้อมแขนแรงๆ เขาชอบอยู่กับน่านนทีมากๆ ชอบความสบายใจแบบนี้ ความสุขแบบนี้

“คุณไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยเหรอ อย่างพวกเพื่อนๆ”

“พวกนั้นเห็นด้วยตัวเองมันก็ไม่ถามแล้ว มันก็รู้แค่ว่าพ่อแม่แยกกันอยู่แต่ไม่ได้หย่าแค่นั้น”

“พี่ชวินเป็นไงบ้าง ไม่กลับมาคอนโดฯ เลย” น่านนทีถามถึงพี่ชายคนใหม่ที่หายหน้าหายตาไปเลย

“แม่มันกลัวเลยกักไว้ที่บ้าน ห้ามกลับบ้านเกินสี่ทุ่ม ห้องที่นี่อาจจะปล่อยไว้ให้แขกพ่อแม่มาพัก คงไม่ได้มาอยู่อีกแล้ว” ช่วงนี้แหล่งรวมตัวของกลุ่มย้ายจากห้องชวินเป็นบ้านชวินแทน ล่าสุดที่ไปเจอกันก็ปกติดีแล้ว

“เสียดายจัง ห้องคุณชวินหรูสุดเลย”

“ห้องผมก็ว่าจะปล่อยขายนะ ตอนนี้กำลังขอซื้อห้องที่เช่าอยู่ กำลังเจรจากันว่าจะขายห้องโน้นให้แทน ราคาแพงกว่าก็จ่ายเฉพาะส่วนต่างมา” เรื่องนี้เขาพูดกับครอบครัวแล้วเห็นตรงกัน ห้องที่เคยเกิดเรื่องราวแบบนั้นไม่ควรกลับไปอยู่อีก ถึงมันจะปลอดภัยแล้วแต่พ่อแม่ก็เป็นห่วง

“ปิงเห็นให้ช่างมาทำห้องใหม่ นึกว่าคุณสิงจะกลับไปอยู่ เฮ้อออ โล่งอก” น่านนทีดันตัวเองมาจ้องหน้าคนพูดให้แน่ใจว่าพูดจริงหรือเปล่า เขากังวลเรื่องนี้มากๆ กำลังหาโอกาสพูดอยู่พอดี

“ทำไมครับ กลัวมากเลยเหรอ” สิงหาแกล้งล้อคนขี้กลัว และอีกฝ่ายก็ยอมรับโดยดี

“ก็กะว่าถ้ากลับไปอยู่ปิงจะไม่ไปหาที่ห้องเด็ดขาด มันจำฝังใจเกินไป”

“เอาน่ะ อย่าไปคิดมาก ต่างคนต่างอยู่กันไป ตกลงพรุ่งนี้ให้ผมไปรับไหม” สิงหามองดูเวลา ใกล้เวลาทำงานของน่านนทีแล้ว เขาเดินนำลงจากรถ ถือปิ่นโตกับข้าวที่คนรักเอามาให้ลงมาด้วย

“ไม่ต้องแล้วครับ พี่หมุดอาสาไปส่ง จริงๆ คืออยากไปดูด้วยนั่นแหละ” พี่ชายเขาเป็นแฟนคลับรายการนี้มาหลายปี โอกาสดีแบบนี้ไม่พลาดแน่นอน

“ชวนพ่อแม่มาด้วยก็ได้นะ พวกชวินก็มาเหมือนกัน”

“เดี๋ยวจะลองชวนนะ แม่คงอยากไป” น่านนทีส่งยิ้มให้คนรักก่อนเดินแยกไปทำงาน ปล่อยสิงหากลับไปหาครอบครัวที่รออยู่




ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/



บรรยากาศในห้องอัดรายการค่อนข้างเงียบ มีจังหวะให้หัวเราะ ปรบมือบ้างเล็กน้อยแต่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นจากผู้ชายซึ่งกำลังถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นได้ฟังครั้งแรก บริเวณแถวหน้ามีครอบครัวสิงหานั่งกันพร้อมหน้า กลุ่มเพื่อนสนิททั้งสามคนนั่งรวมกับครอบครัวน่านนทีที่ด้านข้างซึ่งเป็นมุมที่กล้องไม่จับภาพมา

“แม่คุณสิงเก่งมากเลยนะ เลี้ยงลูกได้ดี” สมุทรเอ่ยชม

“คุณฝรั่งเขาก็ดีนะ มั่นคงดี ปกติได้ยินแต่ว่าฝรั่งเจ้าชู้” พ่อชมเพื่อนใหม่อย่างไม่น้อยหน้า

“กว่าจะได้อยู่ด้วยกันต้องรอกันมาตั้งกี่ปี แหม ไอ้พวกมือบอนในเน็ตก็เลวจริง ไปด่าแม่เขาอย่างนั้นอย่างนี้ พ่อลูกเขาหน้าเหมือนกัน ท่าทางก็เหมือนกัน พูดกันไปเรื่อย” แม่บ่นเสียงไม่เบาแถมยังมีเสียงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ชมรายการแถวหลัง มีเพียงน่านนทีที่ยิ้มอย่างภูมิใจที่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดมาแล้ว ในรายการสิงหาไม่ได้พูดเรื่องระยะเวลาการคบกัน หรือการท้องก่อนแต่งของแม่ ไม่เรื่องที่พ่อเคยตั้งใจจะทิ้งครอบครัว หรือแม่ที่ตัดขาดการติดต่อกับพ่อ เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญสักนิด ระยะทางมันไกลและยาวนาน ไม่แปลกที่จะมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบชีวิตคน


“พอผ่านช่วงวัยรุ่น คุณเริ่มเข้าวงการได้ยังไง” พิธีเปิดคำถามใหม่เพื่อนำเข้าสู่หัวข้อเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน

“คนจะเริ่มรู้จักผมจากการเล่นมิวสิควิดีโอ แต่จริงๆ ผมเริ่มถ่ายแบบเสื้อผ้าเด็กตั้งแต่ช่วงสิบสามสิบสี่แล้ว มีถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยแต่ยังไม่ดังจนไปเป็นพระเอกมิวสิคตอนอายุประมาณสิบเจ็ด จากนั้นก็เริ่มมีงานละคร ภาพยนตร์ติดต่อมาเรื่อยๆ”

“ทำไมถึงเริ่มมารับงานแสดง คุณไม่ได้เรียนด้านนี้ไม่ได้คลุกคลีกับงานแสดงมาก่อนจริงไหม ผมว่ามันยากนะ”

“ยากมากครับ ปกติถ่ายแบบหรือโฆษณาเราไม่ต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่น แต่งานแสดงไม่ใช่เลย คนแรกที่ดึงผมมาคืออาตู่ ให้มารับบทน้องพระเอกก่อน อาส่งผมไปเรียนการแสดง เวลาเข้าฉากก็แอบดูวิธีทำงานของคนอื่นเขา อาก็จะคอยเรียกมานั่งข้างๆ คอยสอนงานตลอด ต้องขอบพระคุณอามากๆ เลยครับที่ให้โอกาส แล้วก็ต้องขอบคุณพ่อผมด้วย” สิงหาหันไปทางกล้องเพื่อกล่าวขอบคุณผู้กำกับที่ปั้นเขาขึ้นมา และหันไปขอบคุณพ่อที่นั่งอยู่ไม่ไกล

“คุณพ่อมีส่วนช่วยด้วยเหรอครับ”

“พ่อเป็นคนชอบดูหนังฟังเพลงมากๆ ชอบส่งแผ่นหนังดีๆ มาให้ จริงๆ คืออยากให้ผมพูดภาษาอังกฤษให้เก่งนั่นแหละ แต่กลายเป็นว่าผมชอบดูหนังตามพ่อไปเลย”

“อันนี้ขอถามนอกเรื่องหน่อย ผมนั่งสังเกตตลอดเลย ไม่รู้ผู้ชมที่นี่เห็นหรือเปล่าว่าคุณลีโอนั่งฟังไปยิ้มไป นี่คือคุณพ่อฟังภาษาไทยออกใช่ไหมครับ” พิธีกรหันไปมองพ่อแม่สิงหาที่นั่งจับมือกันตลอดเวลา กล้องจับภาพทั้งคู่ชั่วขณะก่อนกลับมาที่สิงหา

“ฮ่าๆๆ ใช่ครับ พ่อพูดได้ฟังได้ พูดไทยกันตลอดเลยครับ ตอนเด็กๆ ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ไม่ขยันด้วย พ่อก็เลยส่งทั้งแผ่นหนังทั้งหนังสือการ์ตูนมาให้ แต่แรกๆ ผมก็ดูแบบไม่เข้าใจนั่นแหละ ซับไทยไม่มีนะครับ แต่มันก็สนุกดี พ่อเขาก็เลยไปแอบเรียนภาษาไทยเพราะอยากคุยแบบไม่ต้องมีแม่เป็นล่าม แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งก็มาพูดต่อหน้าผมเลย”

“เก่งมากๆ เลยนะครับ บอกได้ไหมว่าครั้งแรกคุณพ่อพูดว่าอะไร”

“พูดเยอะมาก ตอนนั้นผมกำลังเป็นวัยรุ่น ทำตัวเกเรมากๆ อยู่ดีๆ พ่อก็มาสอนแบบผู้ชายคุยกัน บอกว่า...อย่าทำให้แม่เสียใจ ให้เป็นสุภาพบุรุษ...ดูแลแม่ และ...รักผมที่สุดในโลก” สิงหาหันไปสบตาพ่อที่ฟังอย่างตั้งใจ เขาไม่เคยบอกพ่อว่าเขาจำคำพูดวันนั้นได้ทุกประโยค จำสีหน้าของพ่อได้ และมันทำให้เขามีความสุขมากแค่ไหนที่รู้ว่าพ่อรัก

“อ่า...ผมว่าคุณสิงหาเพิ่งทำคุณพ่อร้องไห้ล่ะ เชื่อแล้วว่าฟังรู้เรื่องทุกอย่างจริงๆ เราจะพักเบรกกันก่อน กลับมาช่วงหน้ากับคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้และเขาไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน...เรื่องหัวใจ” พิธีกรพูดตัดเพื่อพักเบรก สิงหาลุกจากที่นั่งเดินไปนั่งคุกเข่ากอดเอวฝรั่งตัวใหญ่ที่ยังร้องไห้เพราะรักเขามากไม่เปลี่ยนแปลง



ภายในบ้านทาวเฮ้าส์หลังเล็กเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยของคนวัยเดียวกันสี่คน ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาไม่นานที่ทั้งสองครอบครัวทำความรู้จักกัน พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายจะสนิทสนมจนถึงขั้นชวนกันจัดปาร์ตี้ที่บ้านสลับกันแล้วแต่ว่าใครจะเสนอเมนูเด็ดอะไร รอบนี้บ้านตึกแถวของน่านนทีได้ต้อนรับครอบครัวสิงหา

พ่อแม่ทั้งสี่คนช่วยกันลงมือทำอาหารมื้อใหญ่อยู่ในครัวชั้นล่าง ส่วนลูกๆ แยกกันพักผ่อนในห้องของตัวเอง น่านนทีเพิ่งเลิกงานกลับมาบ้านตัวเองพร้อมครอบครัวสิงหา พี่ชายอย่างสมุทรยังไม่ตื่น คนขับรถอย่างสิงหาทิ้งตัวลงนอนมองคนรักหลับตาพริ้ม แก้มกลมบี้บนหมอนจนปากอิ่มยู่เล็กน้อย นิ้วซนของคนแอบมองแตะเบาๆ ที่ปากล่างเจ้าของห้อง

“ฮืออออ อย่ากวน”

“มีขู่ด้วย” คนโดนขู่ไม่เกรงกลัว ยื่นหน้าแตะปากเบาๆ กวนคนง่วงนอนเล่น

“คุณสิงอะ อย่ากวนนะ ปิงง่วง” น่านขดตัวเป็นก้อนกลม ซุกหน้าผากในอ้อมอกคนขี้แกล้งให้อีกฝ่ายลูบผมกล่อมจนเคลิ้มจะหลับต่อ

“ไม่รอกินข้าวเช้าเหรอ พ่อแม่กำลังเร่งทำนะ” สิงหากระซิบถามเสียงเบา

“เดี๋ยวตื่นมากิน”

“เดี๋ยวกินเสร็จผมก็กลับแล้วนะ”

“อื้ออ ไม่เอา อยู่ก่อน” เขากอดเอวอีกคนแน่น ยกขาก่ายเหนี่ยวรั้งอีกทาง

“ต้องพาพ่อไปโกดัง”

“......อยู่กับปิงก่อน” เสียงพูดแผ่วเบาคำสุดท้ายก่อนจมอยู่ในห้วงฝัน คนโดนกอดนอนอมยิ้ม ก้มลงหอมหน้าผากเนียน แนบริมฝีปากทิ้งไออุ่นเอาไว้ ปล่อยให้เสียงหัวใจเต้นในจังหวะมั่นคงกล่อมอีกคนนอนหลับฝันดี



หลังนอนไปสามชั่วโมง น่านนทีตื่นอีกครั้งตอนเที่ยงกว่า เสียงภายนอกเงียบสนิท นอนนึกถึงช่วงเวลาก่อนหลับว่าสิงหาพูดอะไรบ้าง เหมือนว่าจะเอาของที่โกดัง...แล้วยังไงอีกนะ

“ตื่นรึยังครับ”

“อุ๊ย...ตกใจหมดเลย ปิงนึกว่าคุณสิงไปแล้ว” เจ้าของห้องนอนเหลียวไปมองคนพูดที่นั่งเปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกมมาพักใหญ่

“มีเด็กอ้อนเลยไปไหนไม่ได้เลย” สิงหากดเซฟเกม ไว้มาสร้างบ้านต่อวันหลัง

“อ้าว แล้วพ่อแม่คุณล่ะ”

“ให้พี่เก่งพาไป พ่อแม่ปิงกับสมุทรก็ไปนะ เหลือเราสองคนเฝ้าบ้าน”

“แล้วพ่อแม่ปิงไปทำไม”

“ไปดูของเก่าที่โกดัง พ่อผมอวดไว้เยอะ พี่ชายปิงก็คันไม้คันมืออยากลองวิชาเหมือนกัน” สิงหาดึงคนที่ยังนอนบิดขี้เกียจให้ลุกขึ้นนั่ง

“มีงี้ด้วย”

“หายง่วงยังครับ กวยจั๊บเสร็จแล้วนะ แต่ปิงต้องทำเอง ผมทำไม่เป็น”

“โอยยย ท้องร้องขึ้นมาเลยเนี่ย ไปๆ เดี๋ยวปิงล้างหน้าก่อน หิวๆๆๆ” น่านนทีรีบล้างหน้าล้างตา มุ่งตรงสู่ครัวทำมื้อเที่ยงให้ตัวเอง ส่วนสิงหาที่กินพร้อมครอบครัวแล้วนั่งดูโทรทัศน์รอที่ชั้นลอย พบข่าวเกี่ยวกับน่าสนใจเข้าพอดี

“สรุปคือน้องมีนาคือหนึ่งในจำเลยที่คุณสิงหาส่งฟ้องใช่ไหมคะ” พิธีการถามดาราสาวที่ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยส่วนตัวเธอเคยร่วมงานกับดาราสาวมาหลายครั้งจึงค่อนข้างสนิทสนม

“ใช่ค่ะ มีนาก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ไม่นาน”

“แต่ในรายชื่อจำเลยมีผู้จัดการส่วนตัวของคุณมีนาแล้วก็ผู้ช่วยคนใหม่ที่เป็นผู้จัดการเก่าคุณสิงหาด้วย อีกสองสามชื่อก็มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่าเป็นคนของคุณมีนานะคะ ก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่องมาก่อนจริงๆ เหรอคะ” พิธีกรอีกคนหนึ่งถามจี้ถึงรายชื่อทั้งหมดที่มีการส่งฟ้อง พบว่ามีแต่คนสนิทของดาราสาวทั้งหมด ความรู้สึกส่วนตัวของเธอไม่เหมือนกับพิธีกรคู่ เธอไม่สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษจึงพูดอย่างเป็นกลางที่สุด

“ไม่รู้เลยจริงๆ ค่ะ มีนาขอพูดแค่ในส่วนของตัวเองนะคะว่ามีนาไม่รู้เรื่องจริงๆ พอรู้ว่าตัวเองโดนฟ้องมีนาก็พยายามติดต่อไป ยังไงเราก็รู้จักกันมานาน มีนาไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย มีอะไรก็น่าจะคุยกันได้ แต่ยังติดต่อสิงหาไม่ได้เลยค่ะ ได้แต่คุยผ่านทนาย” เสียงหวานทอดเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร

“อย่างนี้คือคุณสิงหาไม่เจรจาด้วยถูกต้องไหมคะ”

“ก็ยังไม่ถึงขั้นขอเจรจานะคะ มีนาว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า มีนาก็แค่อยากเคลียร์ในส่วนของตัวเอง เพราะเราบริสุทธิ์ใจจริงๆ ส่วนคดีมีการยื่นฟ้องแล้วก็ต้องดำเนินขั้นตอนไปตามนั้นน่ะค่ะ”

“ค่ะ พี่เข้าใจนะคะ ทางรายการก็พยายามติดต่อคุณสิงหาเหมือนกันแต่คุณสิงหาไม่สะดวกพูดเกี่ยวกับคดี ขอบคุณน้องมีนามากเลยนะคะ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ทางเราก็ทำได้แค่เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ แฟนคลับก็อย่าเพิ่งทะเลาะกันนะคะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขา เราคนนอกก็ไม่ได้รู้อะไรมาก”

“ส่วนอีกกลุ่มที่ถูกแจ้งข้อหาที่โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทก็ได้ลงข้อความขอโทษคุณสิงหาและครอบครัวทางโซเชียลของตัวเองโดยเปิดให้เป็นสาธารณะ และมีการขอโทษต่อหน้าเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ไม่อยากจะนอกเรื่องนะคะแต่อดไม่ได้จริงๆ ดูคลิปที่เขาขอโทษกันแต่สายตาพี่โฟกัสที่พ่อคุณสิงหาอย่างเดียวเลย”

“หล่อมากนะคะ เหมือนดาราฮอลลีวูดเลย” สองพิธีกรสาวเริ่มเบี่ยงประเด็นก่อนนำเข้าสู่ข่าวบันเทิงหัวข้อต่อไป



“เธอขอเจรจาเหรอ” น่านนทีที่นั่งกินกวยจั๊บบนพื้นข้างๆ หันมาถามเจ้าของเรื่อง

“อืม แต่ตอนแรกโทรมาด่านะ เบอร์เก่าผมอยู่กับฝ้ายแล้วไง ฝ้ายรับพอดีเลยรีบกดบันทึกเสียงไว้ ข้อความก็มี ผมว่าเขาแปลกๆ ไปนะ ปกติไม่เคยด่ากราดแบบนี้” สิงหาเดาว่าทนายฝ่ายนั้นคงเตือนให้เจรจาเมื่อรู้ว่าเธอทำอะไรไปบ้าง

“คุณสิงไม่เห็นข่าวเหรอ ที่โดนแฉว่าเป็นเมียน้อยน่ะ”

“เห็นครับ แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียด” สิงหานึกถึงข่าวสองสามวันก่อนที่เต้ส่งมาให้อ่าน

“มีคนเขาไปถามเมียหลวงไงว่าเลิกกับสามีแล้วเหรอ เห็นมีนาออกงานกับสามีเขาบ่อยๆ เมียหลวงเขาเลยบอกว่ายังมีทะเบียนสมรสอยู่ แต่เรื่องอื่นไม่ตอบ เขาเลยจี้มีนาไงว่าตกลงมีความสัมพันธ์อะไร แต่ก็ไม่ได้ถามตรงๆ หรอก แต่ในเน็ตมีคนปล่อยรูปเวลาควงกันไปออกงานสังคมด้วยไง นั่งเชิดเป็นคุณนายเลย” น่านนทีเชิดคางขึ้นให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ก็ต้องรีบก้มลงเพราะไส้หมูในปากจะลื่นลงคอ

“ปากร้ายเหมือนกันนะเนี่ย”

“โห่ คุณสิงไม่ได้ตามข่าวแบบปิง น่าหมั่นไส้มาก แล้วพอข่าวโดนฟ้องออกมานักข่าวเลยมาจี้เรื่องนี้แทน คงไม่อยากยุ่งกับผู้มีอิทธิพลนั่นล่ะ หากินกับดาราง่ายกว่า”

“สงสารผมไหม โดนรังแกตลอดเลย”

“ไม่สงสารหรอก เพราะคุณสิงก็ชอบรังแกปิง” น่านนทีก้มหน้าบ่น แก้มเริ่มแดงระเรื่อเมื่อนึกถึง...ทำไมตัวเองถึงหลับลึกได้ขนาดนั้นเนี่ย

“รังแกเมื่อไรกัน ไม่เคยสักหน่อย”

“งั้นรอยที่คอปิงมาได้ยังไง ทะลึ่งอะ ชอบฉวยโอกาส” คนโดนรังแกดึงคอเสื้อโชว์รอยสีแดงระเรื่อใต้ร่มผ้าหลายรอยเป็นหลักฐาน

“ก็ปิงนอนน่ารักทำไมล่ะ” สิงหาหัวเราะ ไม่มีข้อแก้ตัว ตอนแรกก็แค่กอดๆ หอมๆ แต่เวลาคนขี้เซาส่งเสียงงึมงำมันรู้สึกน่ารักบอกไม่ถูก รู้ตัวอีกทีปากก็แนบสนิทใต้คอเสื้ออีกฝ่ายไปแล้ว

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย ตกลงคดีมันจะจบยังไงอะ” น่านนทีเห็นคนนั่งยิ้มสื่อความหมายให้ก็รีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน ไหนพ่อสอนให้เป็นสุภาพบุรุษไง โกหกชัดๆ

“ก็คงยืดเยื้อหน่อยแต่ไม่เป็นไร ผมว่าง”

“ไม่ดีเลยเนอะคนแบบนี้ สนุกกับความทุกข์ทั้งของตัวเองและของคนอื่น น่าจะตั้งใจทำงานไป หน้าตาดี แสดงก็ไม่แย่ มีโอกาสเยอะกว่าคนอื่นแต่ไม่ใช้ให้ดี” น่านนทีนึกถึงผู้หญิงคนนั้น เขาเคยได้ดูผลงานของเธอหลายเรื่อง แม่ก็เคยเป็นแฟนละคร ไม่น่าทำเรื่องพวกนี้ ไม่คุ้มเลย

“บางคนก็ไม่ได้ทำงานเพราะรักในงานที่ทำ แต่ชอบความโดดเด่นที่ได้จากงานมากกว่า คนแบบนี้มีทุกวงการ”

“พวกนักเลงคีย์บอร์ดก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน รู้ว่าด่าคนอื่นมันผิด แต่ชอบที่จะโดดเด่นออกมาเพื่อแสดงว่าฉันแตกต่าง” บางคอมเมนต์ก็พูดง่ายๆ ว่าแค่แสดงความเห็นส่วนตัว ถ้ามันส่วนตัวจริงก็น่าจะพูดในใจ ไม่น่าปล่อยให้คนอื่นอ่านเลย น่านนทีนึกถึงตอนเด็กที่เคยด่าพี่หยาบๆ เขาโดนพ่อตีปากร้องไห้เป็นชั่วโมง หลังจากนั้นก็ด่าในใจตลอดเวลาใครแกล้ง

“มันเป็นวิธีที่ผิด แต่เพราะมียอดไลก์หรือการติดต่องานเข้ามา บางคนถึงขนาดได้แสดงหนัง มันทำให้คนพวกนี้คิดผิดๆ ว่าที่ทำมันดี ถูกต้อง มีคนสนับสนุน ถูกต้องกับถูกใจมันต้องแยกกัน” ระยะหลังสิงหาติดตามข่าวในวงการพบว่าเดี๋ยวนี้การเข้าวงการเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ไม่อาศัยโมเดลลิ่ง ไม่ต้องเดินเตร็ดเตร่ตามห้าง แค่ทำตัวให้เด่นให้แปลก อัดคลิปให้คนอื่นดู เดี๋ยวก็ได้ออกรายการ มีคนตั้งฉายาว่าเป็นไอดอลทั้งที่ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ใคร แล้วก้าวมายืนในฐานะดารานักแสดง

“ใช่เลย มันปุ่มกด Like ไม่ใช่ Right ซะหน่อย”

“แต่คนนี้ทั้งถูกต้องและถูกใจเลยนะ” สิงหาจิ้มแก้มนิ่มเบาๆ แต่ได้รับสายตาไม่ไว้วางใจกลับมาแทน

“หยอดจังเลยอะ มีพิรุธนะเนี่ย”

“อยากให้กำลังใจไงครับ มะรืนจะได้ไม่เบี้ยวนัด”

“มะรืน...อ๊ากกกก งานมีตติ้ง ฮืออออ” น่านนทีร้องโวยวาย เขาแกล้งลืมจะได้ไม่ตื่นเต้นล่วงหน้าหลายวัน นี่เหลืออีกตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืนแน่ะ

“ทำเสียงร้องไห้อีกแล้ว”

“ก็ปิงกลัวนี่ ถ้าแฟนคลับคุณสิงไม่ชอบปิงล่ะ ฮือๆ รอเลยนะ” ปากสีแดงสดจากการปรุงรสจัดเบ้ลงเป็นท่าเตรียม เห็นข่าวแฟนคลับแอนตี้แฟนดาราแล้วเขากลัวมากเลย

“คัดมาดีแล้วน่า ส่วนใหญ่มีแต่คนเก่าๆ ที่ติดตามเพราะชอบตัวผมจริงๆ ชอบผลงาน ฝ้ายกับแอดมินเพจช่วยกันคัดมาอย่างดี อย่าเครียดนะ” สิงหาลูบหลังปลอบ พรุ่งนี้เขาต้องเข้าไปจัดสถานที่หลังปิดร้านกับเพื่อนๆ มีทีมงานของเต้มาช่วยด้วยอีกแรง

“เครียดอะ ขอไปตักเพิ่มอีกนิด ฮือออ อยากได้หมูกรอบปลอบใจ” คนขาดความมั่นใจพูดจริงทำจริง เดินถือชามเปล่าลงไปเติมเครื่องเติมเส้นที่ด้านล่าง กลับขึ้นมาวางชามใบเดิมลงบนโต๊ะญี่ปุ่น สิงหาชะโงกมองแล้วอมยิ้ม...เยอะกว่ารอบแรกอีก





ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/
เสียงตะโกนโหวกเหวกในร้านที่เคยเงียบสงบคงเป็นความแปลกตาของลูกค้าถ้าได้มาเห็น บรรยากาศในร้านทีไทม์ชั้นล่างถูกแปลงสภาพสำหรับจัดงานเลี้ยงมีตติ้งในวันพรุ่งนี้ โต๊ะกลมหลายตัวถูกยกขึ้นไปเก็บที่ห้องด้านบนแล้วเสริมโต๊ะสี่เหลี่ยมต่อกันเป็นแถวยาวที่กลางห้อง ที่เหลือก็มีโต๊ะกระจายรอบๆ มุมห้องด้านที่ใกล้โต๊ะอาหารจัดโต๊ะไว้สำหรับครอบครัวสิงหากับน่านนทีและกลุ่มเพื่อน

“กูกางจอตรงนี้นะ น่าจะเห็นทั่วถึง” ชวินขอความเห็นจากเพื่อน เขากำลังจะติดตั้งจอโปรเจคเตอร์สำหรับเปิดชมรายการที่จะออกอากาศในวันพรุ่งนี้

“เดี๋ยวกูลองนั่งหลังเสาก่อนว่าเห็นเปล่า” โบ้ลองเดินไปนั่งที่โต๊ะของพวกเขาเอง ขยับคอนิดหน่อยก็มองเห็นจอได้ไม่ลำบากเลยยกนิ้วโป้งให้เพื่อนทำต่อ แล้วเดินไปช่วยลูกน้องแพ็กของขวัญที่สิงหาเตรียมให้แฟนคลับทุกคนที่มาร่วมงาน

“ไอ้สิง! ทำไมไม่รับโทรศัพท์ พวกมึงด้วยไอ้ห่า ไม่มีใครรับสายปิงสักคนเลย”

“อ้าว ไม่เห็นได้ยิน โทรศัพท์กูอยู่ไหนวะ” สิงหาคลำกระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าวางบนโต๊ะบนชั้นสองตอนนั่งคุยงานกัน ชวินกับโบ้รีบมองหาโทรศัพท์ตัวเองแล้วเดินตามสิงหาขึ้นไป ทั้งกระเป๋า โทรศัพท์ โน้ตบุ๊กกองอยู่บนโต๊ะทุกอย่าง

“ปิงโทรหาผมเหรอ พอดีลืมโทรศัพท์ไว้ชั้นสองเลยไม่ได้ยิน”

“แม่เขาอยากรู้ว่าทำอาหารไปเพิ่มได้ไหม มันจะเยอะไปหรือเปล่า”

“แม่ใครครับ” เขาถามเพราะไม่แน่ใจ อาหารที่จัดเลี้ยงวันพรุ่งนี้เป็นอาหารนานาชาติ เสิร์ฟแบบโต๊ะจีนคือวางไว้ให้ที่โต๊ะเลย แต่ของหวานเครื่องดื่มต้องบริการตัวเอง ครอบครัวน่านนทีรับหน้าที่อาหารคาวเป็นหลัก และมีครอบครัวสิงหาเป็นทัพเสริมบางเมนูเช่น ฟิชแอนด์ชิป แต่หลักๆ จะทำขนมสัญชาติอังกฤษที่ไม่มีขายในร้าน และบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากร้านพี่สาวชวิน

“แม่ปิงเอง แม่อยากทำทอดมันเพิ่ม จริงๆ คือทำเรียบร้อยแล้วแค่โทรมาบอก ทางนั้นเป็นไงบ้าง ใกล้เสร็จรึยังครับ”

“เกินครึ่งแล้วครับ จัดโต๊ะตำแหน่งโต๊ะเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เอาจานอะไรมาวางเลย น่าจะอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง เอ้อ เหลือแพ็กของขวัญด้วย กลับไม่ทันเจอปิงแน่ๆ เลย”

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านเลยก็ได้ ไม่ต้องมารับนะ ให้พี่หมุดเอารถขนของไปอยู่แล้ว”

“ครับ งั้นแค่นี้นะ ผมจัดร้านต่อก่อน” สิงหาวางสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า มองรอบร้านว่ายังขาดเหลืออะไร โต๊ะยังไม่ได้ปูผ้า ต้องปูก่อนแล้วค่อยจัดจานจัดแจกัน ดอกไม้ค่อยจัดใส่ตอนเช้า

“โบ้มาช่วยกูจัดโต๊ะหน่อย ไอ้เต้ผ้าปูโต๊ะยาวที่มึงเอามาล่ะ”

“อยู่ในถุงใบใหญ่ๆ น่ะ โน่นๆ หน้าตู้เค้ก” เต้มองหาแล้วตะโกนบอกเพื่อน มือคอยหยิบของใส่กล่องส่งให้ลูกน้องผูกโบมือเป็นระวิง แขกไม่เยอะแต่งานละเอียดมากๆ งานนี้ เพื่อนๆ ทุกคนตั้งใจมาช่วยและอยากเห็นงานนี้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับสิงหาเป็นงานขอบคุณแฟนคลับ สำหรับเพื่อนๆ มันคืองานเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการ

ชายหนุ่มร่างชุ่มเหงื่อสี่คนนั่งเรียงกันที่บันไดหน้าร้าน รับลมยามค่ำคืนหลังเหน็ดเหนื่อยกันมาหลายชั่วโมง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย งานครั้งนี้ไม่มีคนนอก มีเพียงคนที่รักและปรารถนาดีต่อสิงหาเท่านั้น

“ขอบใจพวกมึงนะเว้ย” สิงหามองแสงไฟสลัวในสวน เอ่ยคำพูดที่อยู่ในใจออกมา

“สบายน่า งานหนักกว่านี้ก็ลุยกันมาแล้ว” เต้เหยียดขาตรง บีบนวดหัวเขาที่เมื่อยจากการนั่งคุกเข่าจัดของขวัญมานาน

“ไอ้เหี้ย พูดให้หลอนทำไมวะ” ชวินหันไปด่าคนพูด

“กูยังไม่ได้พูดเจาะจงอะไรเลย แค่พูดรวมๆ”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องวันนี้...ขอบใจว่ะ ทุกคนเลย” สิงหาเน้นย้ำคำสุดท้ายอีกครั้ง และเพื่อนทุกคนเข้าใจตรงกัน

“มึงรู้ใช่ไหมว่าพวกกูไม่เคยมั่นใจเลยว่ามึงจะไม่ไปไหนอีก มึงเป็นคนใจเย็นนะ แต่มึงก็ใจแข็งด้วย” เต้ถอนใจใส่นักแสดงผู้แสนดีของทุกคน แต่ในความใจดีก็มีความเด็ดขาดและเฉยชาซ่อนอยู่

“ที่พวกกูทำทุกอย่าง ทั้งแนะนำให้หาแฟน ทั้งร่วมหุ้นร้าน ทั้งหมดก็แค่อยากหาอะไรรั้งมึงไว้ที่นี่” ชวินสารภาพตามตรง การยุให้เพื่อนจีบน่านนทีตอนนั้นส่วนหนึ่งเพราะอยากให้มีอะไรสักอย่างรั้งสิงหาไว้ สิงหาคิดไปเองว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนความเป็นเพื่อนก็เหมือนเดิม นานๆ เจอกันที จัดทริปไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ แต่สำหรับพวกเขามันไม่ได้ พวกเขาอยากให้สิงหาอยู่ที่นี่ อยู่ร่วมกัน สานฝันของตัวเองไปพร้อมๆ กัน มองดูทุกข์สุขของกันและกัน

“คนอื่นอาจไม่รู้ว่ามึงรักอาชีพนี้แค่ไหน แต่พวกกูรู้ ที่นี่เหมาะกับมึง อาชีพนี้เหมาะกับมึง เวลามึงเล่าว่ารับงานใหม่ทีไรตามึงเป็นประกายเหมือนตกหลุมรักทุกที” โบ้นึกถึงใบหน้าภูมิใจทุกครั้งที่ได้รางวัลของเพื่อน แม้จะเคยได้มาแล้ว แม้เวทีนั้นจะเล็ก แต่สิงหาภาคภูมิใจกับมันเสมอ หลายครั้งที่แอบไปนั่งในโรงหนังคนเดียวเพื่อซึมซับบรรยากาศของคนดู ฟังคำวิจารณ์แล้วหาทางพัฒนาตัวเอง...คนที่ทุ่มเทเพื่องานที่รักขนาดนี้ ทำไมต้องไปทำอย่างอื่นอีก

“กูดีใจนะที่พ่อแม่มึงมาอยู่ด้วย มันเป็นหลักประกันให้พวกกูมั่นใจว่ามึงจะไม่ไปไหนอีก มึงอาจชอบพูดไปเรื่อยว่าคนอื่นรู้จักมึงไม่มากเลยคิดว่ามึงดี จริงๆ มึงไม่ได้ดีขนาดที่เขาพูดกัน แต่มันไม่จริงหรอกเว้ย มึงดีว่ะเพื่อน มึงเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคน ไม่เคยเอาเปรียบใคร ไม่เคยนิ่งเฉยเวลาเพื่อนทำผิด ไม่เข้าข้างใครเวลาพวกกูทะเลาะกัน มึงเป็นคนคอยเคลียร์ คอยดึงให้ทุกคนกลับมา ไม่มีมึงก็ไม่มีพวกกูอย่างทุกวันนี้” เต้ตั้งใจพูดเรื่องที่พวกเขาสามคนเคยคุยกันเอง และยอมรับกันเงียบๆ มานานแล้ว เมื่อก่อนสิงหาเป็นคนที่มีงานยุ่งมากที่สุด แต่เป็นคนที่ให้เวลากับเพื่อนมากที่สุดในกลุ่มเช่นกัน เวลามีปัญหาทุกคนจึงเลือกสิงหาก่อนเสมอ และเมื่อถึงคราวสิงหาบ้าง...พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย

“มึงสอนให้พวกกูเห็นว่าเป็นคนดีเขาทำยังไง เป็นลูกที่ดีต้องทำยังไง วันที่มึงจากไปพวกกูโกรธมาก ทำไมแม่งไม่ให้โอกาสพวกกูแสดงความเป็นเพื่อนบ้างวะ ทำไมไม่ให้พวกกูได้ปลอบมึงบ้าง กูรู้สึกว่าตัวเองยังทำดีกับมึงไม่พอ” ชวินทุบหลังสิงหาเบาๆ ระบายความโกรธ เขาผิด เขาทำเพื่อนผิดหวัง เขาอยากแก้ไข แก้ตัว แต่สิงหาไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่ของเพื่อนที่ดี

“คิดมากว่ะ พวกมึงดี ดีทุกคนเลย บางครั้งกูก็งี่เง่า ทำอะไรไม่ค่อยคิด โกรธบ้างพาลบ้าง แต่พวกมึงก็อดทนกับกู ไม่โกรธที่อยู่ๆ ก็หายไป...ขอบใจที่ทำทุกอย่างเพื่อกู...ทุกๆ อย่างเลย” สิงหายกแขนสองข้างกอดคอชวินและโบ้ เต้ที่อยู่ริมสุดยอมทำตัวตลก เดินมานั่งตักสิงหาแล้วกอดคอทุกคนรวมกันท่ามกลางเสียงหัวเราะ และโวยวายของคนโดนนั่งทับแต่ก็ไม่ผลักใครออกไป มิตรภาพไม่ได้หายไปตามกาลเวลาหรือระยะทางก็จริง แต่...อยู่ด้วยกันดีกว่า



บ้านหลังสีขาวท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ดูร่มรื่นสบายตา ดอกไม้จริงดอกไม้ปลอมปะปนกันให้ความรู้สึกสดชื่น หลังจากร้านทีไทม์เปิดอย่างเป็นทางการก็ได้รับความนิยมเกินความคาดหมาย ลูกค้าหลายคนแวะเวียนมาบ่อยจนกลายเป็นลูกค้าประจำ วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านปิดทำการเพื่อจัดงานมีตติ้งแฟนคลับหนึ่งในเจ้าของร้าน...สิงหา

ทุกโต๊ะในร้านมีผ้าปูสีสวยคลุมไว้ ช้อนส้อมจานชามแก้วน้ำวางเรียงรายพร้อมต้อนรับกลุ่มคนที่ทยอยกันมาถึง ดอกไม้บนแจกันบนโต๊ะสวยงามส่งกลิ่นหอมด้วยฝีมือการจัดของแม่สิงหา สิงหากับแม่ช่วยกันต้อนรับคนที่เดินเข้าร้านอย่างเป็นกันเอง

ครอบครัวน่านนทีตั้งครัวไทยด้านหลังร้านเพื่อเตรียมอาหารที่ต้องทำร้อนๆ เตาแก๊สสองหัวแข่งกันทำเวลา ด้านหนึ่งทอดฟิชแอนด์ชิปโดยฝรั่งร่างใหญ่ มีผู้ช่วยตัวเล็กกว่าคอยซับน้ำมันออกจากปลาแล้วจัดใส่จาน ช่วยไปชิมไปจนปากมัน อีกด้านมีทอดมันปลากรายส่งกลิ่นหอมของเครื่องแกง หอมขนาดที่ฝรั่งขอแบ่งใส่จานมายืนกินแบ่งกับแฟนลูกชาย

งานดำเนินไปอย่างครึกครื้น มีการเล่าเรื่องวีรกรรมของสิงหาสมัยแรกๆ ความไม่ประสาในวัยหนุ่ม วีรกรรมของแฟนคลับรุ่นบุกเบิกที่เคยนั่งตุ๊กตุ๊กตามรถกองถ่ายเกือบรอบเมือง

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในร้านสร้างความปลื้มใจให้กับคนเฝ้ามอง สิงหาเป็นผู้ชายที่เกือบเพอร์เฟ็ก ยกเว้นเรื่องร้องเพลง แฟนคลับหลายคนให้เขาลองร้องสักท่อนเพราะอยากสักของจริงว่าเพี้ยนแค่ไหน และสิงหาไม่เคยทำให้ผิดหวัง...เสียงเหินเป็นยังไงทุกคนได้รู้ซึ้งกับหูตัวเองอีกครั้ง

“อันนี้ก็อร่อยนะ เค้กเวลส์ คล้ายๆ คุกกี้นิ่มไส้ลูกเกด ปกติที่ร้านไม่ได้ทำขาย อันนี้แม่คุณสิงทำมาเฉพาะวันนี้เลย” หลังเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย คนชอบดูแลอย่างน่านนทีก็พาตัวเองมายืนบริการที่หน้าโต๊ะขนมและเครื่องดื่ม

“ขอบคุณค่ะพี่ อันนี้หวานมากไหมคะ อยากกินแต่กลัวเลี่ยนจังพี่” สาวน้อยวัยมัธยมปลายมองโถแก้วใบใหญ่ใส่ขนมที่ไม่คุ้นตา มีทั้งครีมทั้งผลไม้เต็มไปหมด

“มันเป็นครีมสดนะ ไม่หวานมาก ตรงชั้นๆ นี่เป็นเยลลี่ มีผลไม้เปรี้ยวๆ หวานๆ ตัดเลี่ยนด้วย อร่อย เชื่อพี่ พี่ชิมแล้ว” คนรู้จริงคะยั้นคะยอให้ลอง เมนูนี้พ่อคุณสิงเคยทำให้กินแล้วเขาชอบมาก ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลายให้รสหวานอมเปรี้ยว กินแล้วชื่นใจมาก

“น้องปิงมานั่งได้แล้วค่ะ รายการจะมาแล้วนะ” แม่สิงหาตะโกนเรียกคนที่ยังง่วงกับการบริการไม่หยุด เธอหันไปชมพ่อแม่ที่เลี้ยงเด็กขยันคนนี้มา ลูกชายคนกลางอย่างสมุทรก็เอาการเอางาน คุยถูกคอกับสามีเธอจนเกือบจะเป็นเพื่อนต่างวัยถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการเทียบรุ่นกับพ่อตัวเอง

“ครับๆ เดี๋ยวตักขนมให้น้องๆ อีกนิด ตกลงเอานะ สภาพมันไม่สวยแต่อร่อย เอาใส่แก้วไปแบบนี้ น้องล่ะเอาไหมครับ เอานะ เมนูไหนที่ร้านไม่มีขายน่ะต้องเอาไปกินให้คุ้ม จบงานมาห่อกลับได้นะ พวกพี่เตรียมกล่องใส่ให้แล้ว” เขาพูดไม่หยุด ลืมความกลัวความอายไปหมดเพราะสนุกกับบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัส ไม่ได้สนใจสายตาสองคู่ที่ลอบสบตาแล้วพยักหน้าให้กันอย่างมีความนัย

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่น่ารักจัง สายกินเหมือนหนูเลย”

“หนูเป็นเอฟซีพี่นะคะ ดูแลพี่สิงไปนานๆ นะคะ สู้ๆ ค่ะ” แฟนคลับรุ่นใหม่โบกมือบ๊ายบายก่อนกลับมานั่งรวมกับเพื่อนที่โต๊ะ เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เพิ่งติดตามสิงหาหลังจากชอบบทบาทคีตะของเขา ยิ่งค้นหายิ่งรักยิ่งอยากติดตามต่อไปเรื่อยๆ เป็นกลุ่มแฟนคลับรุ่นสองที่หนักแน่นมั่นคงไม่แพ้รุ่นบุกเบิก ที่พวกเธอติดตามคือผลงานของเขา ไม่ใช่ชีวิตส่วนตัวของเขา เพราะงั้นไม่ว่าครอบครัวเขาจะเป็นอย่างไร คนรักจะเป็นใคร พวกเธอไม่ก้าวก่าย ขอแค่คนๆ นั้นรักพี่สิงของทุกคนจริงๆ และดูแลผู้ชายคนนี้แทนพวกเธอให้ดีเท่านั้นก็พอ




ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/
ภายในร้านเหลือเพียงเสียงจากจอโปรเจคเตอร์ที่ชวินคอยควบคุม ข้างๆ ที่ควบคุมมีโต๊ะของเหล่าเพื่อนรักและครอบครัว สิงหานั่งที่โต๊ะยาวร่วมกับบรรดาแฟนคลับ ทุกคนกำลังตั้งใจฟังการเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของผู้ชายคนนี้ผ่านทางรายการ แม้แต่คนที่ได้ไปชมตอนอัดรายการก็ตั้งใจฟังและหัวเราะไปกับการเล่าวีรกรรมสมัยเด็ก สงสารและซาบซึ้งกับความรักของครอบครัว

“มาถึงคำถามที่คุณบอกว่าไม่อยากพูดเลย แต่วันนี้จะยอมพูดนิดหน่อย ทำไมถึงไม่ชอบพูดเรื่องความรักครับ” พิธีกรเอ่ยถาม

“คือผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมากๆ ไม่อยากให้เขาได้รับผลกระทบจากการที่คบกับผม”

“แต่มันมีข่าวเก่าๆ ที่ถูกพูดถึงกันเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังพูดกันอยู่ หลายคนก็สงสัยมันเป็นยังไงกันแน่เพราะคุณเองไม่เคยพูดชัดๆ เลย แล้วเนื้อหามันก็เปลี่ยนไปเรื่อยจนผมงงเหมือนกัน เรื่องนี้พอจะพูดได้ไหม มันเรื่องเก่าแล้ว” เขาถามด้วยความสงสัยและเห็นใจกับข่าวที่รุ่นน้องในวงการประสบมา เริ่มตั้งแต่ว่าเป็นแฟนกับนางเอกดัง จากนั้นก็นอกใจ ทำร้ายร่างกายแฟน ต่อมาดันมีข่าวว่าเป็นเกย์ แย่งแฟนนางเอกดัง เรื่องนี้คนที่มีสติดีเดาเรื่องจริงไม่ยากว่าใครโกหกใครพูดจริง แต่ปัญหาคือแขกรับเชิญคนนี้ไม่เคยพูดออกมา

“เอาเป็นว่าทั้งชีวิตผมมีแฟนแค่สองคน เป็นคนนอกวงการทั้งคู่ครับ”

“ไม่ใช่คนที่มีข่าว”

“ถ้าคนที่เป็นคนในวงการก็ไม่ใช่ครับ” เขาไม่พาดพิงถึงใคร แค่พูดเรื่องตัวเองเท่านั้น พูดในสิ่งที่ควรพูดเพื่อปกป้องคนที่รัก

“คนแรกคบนานไหม ได้ข่าวว่าคบตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ”

“คบนานครับ คบตั้งแต่เรียนมหาฯลัยจนเรียนจบทำงาน หกเจ็ดปีได้”

“นานเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าผมไม่ถามแล้วกันว่าทำไมเลิกกัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป แต่เท่าที่ได้ข้อมูลคือ เลิกกับคนแรกแล้วก็ไปอยู่เมืองนอกเลย”

“ฮ่าๆๆ ฟังดูเหมือนอกหักแล้วหนีไปนอกเลย ก็...ประมาณนั้นครับ มันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่อกหักจากแฟนอย่างเดียว”

“ก็คือช่วงที่มีข่าวเยอะๆ ตอนนั้นเลย” พิธีกรถามย้ำ เขามองออกว่าสิงหาไม่อยากโยงไปถึง แต่เขาต้องการให้คนอื่นที่เคยปรามาสผู้ชายคนนี้นึกถึงเหตุการณ์นั้น ให้รู้ว่าหลายๆ คนเคยทำร้ายคนคนนี้อย่างไรบ้าง

“ก็...ครับ แต่เรื่องอกหักมันก็ส่วนหนึ่งนะ คบมานานก็มีเป๋บ้าง แต่เรื่องข่าวและเรื่องพ่อทำให้ผมตัดสินใจไปมากกว่า” สิงหายิ้มขอบคุณ แต่ก็ตอบผ่านๆ แบบจนใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากไปโยงถึงคนอื่น

“ยังไงครับ เกี่ยวกับคุณพ่อด้วยเหรอ”

“ครับ คือคุณพ่อผมป่วยก่อนหน้านั้นสักระยะ คุณแม่ก็ไปดูแลคุณพ่อที่โน่น”

“ถามได้ไหมว่าคุณพ่อป่วยเป็นอะไร”

“เป็นโรคซึมเศร้าครับ แต่ว่ารู้ตัวเร็วแล้วก็รีบรักษา มันเป็นโรคละเอียดอ่อนมากเลยนะครับ คุณแม่ก็เครียดผมก็เครียด แล้วประจวบกับผมมีข่าวอีก มันมีแต่ความรู้สึกแง่ลบเข้ามาในชีวิต ตอนนั้นเรื่องแฟนบอกตรงๆ ว่าไม่ได้เสียใจขนาดที่รู้สึกว่า...ไปดีกว่า แต่เป็นเพราะข่าวแย่ๆ ช่วงนั้น

ผมเคยเห็นดาราคนอื่นเวลาโดนรุมสัมภาษณ์ก็รู้สึกสงสารนะเขานะ พอเจอกับตัวเองมัน...เสียใจครับ ยอมรับว่าเสียใจมาก รู้สึกไม่ดีเลย...ไม่ชอบเลย” สิงหาเริ่มขรึมลงเมื่อนึกย้อนกลับไป ไม่ว่าเมื่อไรเรื่องนี้ก็ทำให้รอยยิ้มเขาจางลงได้เสมอ มันยังคงเหลือรอยแผลเล็กๆ ให้มองเห็นอยู่ แต่สักวันมันจะจางหายไป

“เพราะนักข่าวเหรอครับ”
“เพราะหลายๆ คนเลยครับ บางคนบอกว่ารู้จักผมมานานแต่ตอนนั้นด่าผมแรงที่สุดเลย นักข่าวบางคนเคยเรียกพี่เรียกน้องแต่ใช้ไมโครโฟนเป็นอาวุธไปแล้ว คำพูดทุกคนมันมีผล ผมได้แต่คิดว่าทำไมเขาคิดกับผมแบบนี้ ทำไมเขาทำแบบนั้น ผมไม่เคยทำอะไรเขาเลยนะ คนอื่นก็ต้องเดือดร้อนเพราะผม ไปไหนก็ต้องขอโทษเขาเพราะผมทำให้เขาเดือดร้อน พอดีกว่า เหนื่อย ไม่มีความสุขเลย ไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า ผมก็เลยไป” วันที่บินจากไปเขาไม่ได้ไปอย่างนกปีกหัก แต่เป็นนกที่ถูกถอดขนจนเลือดซิบ ความเชื่อมั่นในตัวเองถูกสั่นคลอน ความไว้ใจไม่มีเหลือ ความโกรธความผิดหวังบดบังความช่วยเหลือและกำลังใจจากคนที่หวังดี

“ตอนนั้นกะว่าจะไม่กลับมาเลยหรือแค่ไปพักใจ”

“กะว่าจะไม่กลับมาเลยครับ เพราะแม่ก็จะย้ายไปอยู่กับพ่อถาวรอยู่แล้ว พอผมเลิกงานในวงการก็ไม่มีอะไรที่นี่อีก แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ดีนะครับ อย่างที่บอกว่าผมกับพ่อไม่เคยใช้เวลาร่วมกันนานๆ เลย พอไปอยู่ด้วยกันตอนที่หัวใจเราไม่แข็งแรง เราเหมือนเด็กหัดเรียนรู้กันทั้งครอบครัวเลย

ช่วงปีแรกๆ พวกเราไปเที่ยวกันหลายประเทศมาก นอนกลางป่า ขึ้นเขา ตกปลาในทะเลสาบน้ำแข็ง ทำหมดทุกอย่างที่อยากทำ พอเบื่อเที่ยวก็กลับมาอยู่บ้าน พ่อเขาชอบงานช่าง ชอบซื้อบ้านมารีโนเวตแล้วขายต่อ ผมก็เลยเอาบ้าง ซื้อมาซ่อม ซ่อมเสร็จขาย เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ก็ซ่อมขายบ้างเก็บบ้าง ผ่านไปสามสี่ปีพ่อก็หายป่วยเฉยเลย” สิงหาเล่าเองยังขำเอง อยู่ดีๆ พ่อก็เดินมาบอกว่าลืมกินยามาเป็นเดือนแล้ว ความคิดแง่ลบมันหายไปหมด คิดแต่ว่าพรุ่งนี้ทำอะไรดี เดี๋ยวชวนแม่ชวนเขาไปทำอะไรดี มีแต่คิดถึงพวกเขาสองคนแม่ลูกตลอดเวลา

“เรียกว่าทำกิจกรรมเยอะจนลืมป่วยใช่ไหมครับ”

“ต้องชมที่คุณพ่อเป็นคนเข้มแข็งด้วย ตอนไปหาพ่อสภาพผมก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมไปแบบหมดอาลัย พ่อเขารู้สึกว่าตัวเองป่วยไม่ได้แล้วนะ ต้องดูแลลูก ตอนเด็กไม่มีโอกาสเลย ตอนนี้แหละโอกาสมาแล้ว เขาก็พยายามรักษาตัวเองเพราะพ่อรักผมมาก อยากอยู่กับผมไปนานๆ”

“ผมเชื่อคุณพ่อรักคุณมากและคุณก็รักคุณพ่อมากจริงๆ ดูจากรอยยิ้มเวลาคุณพูดถึงพ่อแล้วมันชื่นใจแทน แล้วต่อจากนั้นทำไมตัดสินใจกลับมา” พิธีกรอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ทุกครั้งที่นักแสดงหนุ่มคนนี้พูดถึงครอบครัวจะต้องหันไปมองพ่อแม่ของตัวเอง พูดให้สองคนตรงนั้นฟัง มากกว่าการมองกล้องหรือมองพิธีกรอย่างเขา

“ก็เรื่องอาการป่วยนี่แหละครับ ที่นั่นอากาศมันจะชื้นๆ พ่อแม่ป่วยบ่อยมาก ทั้งคู่เลย แต่พ่อจะหนักหน่อย ก็เลยคุยกันว่ากลับมาอยู่ไทยดีกว่า อากาศดีกว่า ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องฝุ่นน่ะนะ แต่พอมาแล้วพ่อก็โอเคนะครับ ยังไม่ป่วยอะไรเลย” ยกเว้นอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยเวลาไปตระเวนกินร้านดังเป็นเพื่อนแม่กับคนรักของเขา

“มีสิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินเสมอเมื่อคุณกลับมา ไม่ว่าจะพาดหัวข่าวหรืออะไรก็ตาม เขาใช้คำว่า ‘อดีตพระเอกชื่อดัง’ มันทำให้คุณรู้สึกลังเลหรืออะไรไหม ความโด่งดังสมัยก่อนหายไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก จำไม่ได้”

“ถามว่ามีผลไหมก็มีนะครับ แต่ไม่มาก ไม่ได้ทำให้ลังเลที่จะกลับมารับงาน ก่อนอื่นเลยต้องยอมรับว่าผมดังขึ้นมาในยุคที่คนกำลังชอบดาราลูกครึ่งฝรั่ง โอกาสเข้ามาเพราะรูปร่างหน้าตา แต่เมื่อมันผ่านไป ความนิยมของคนเปลี่ยน เราก็ต้องยอมรับให้ได้ ผมคงไม่ไปหาทางลดอายุตัวเอง หรือทำหน้าใหม่ให้เข้ากับความชอบ มันเป็นการฝืนตัวเอง แค่เปิดใจแล้วยอมรับมัน แล้วทำงานให้มันออกมาดี คนบอกว่าผมไม่ดังแล้วไม่เป็นไร แต่คุณชอบผลงานผมไหม ถ้าชอบก็ขอบคุณ ถ้าไม่ชอบช่วยวิจารณ์มาผมจะได้ไปปรับปรุงตัว”

“พออายุมากขึ้นความดังมันไม่ได้สำคัญเท่ากับความดีและความสามารถ แนวคิดนี้นำไปใช้ได้กับทุกอาชีพเลยนะครับ ทีนี้ขอย้อนกลับไปเมื่อครู่ คุณบอกว่ามีแฟนสองคน แล้วอีกคนนี่คือคนปัจจุบันนี้ใช่ไหม ผมเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”

“ครับ เพิ่งคบได้ไม่นาน แต่ก็ดีครับ...ดีมาก” สิงหาฉีกยิ้มกว้าง และยิ่งกว้างขึ้นเมื่อหันไปมองคนที่พยายามนั่งตัวลีบข้างพี่ชาย เพื่อนๆ อมยิ้มแซวแต่ไม่กล้าแสดงอะไรมากให้ถูกสงสัย

ก่อนจะมารายการนี้สิงหาได้คุยกับหลายๆ คน ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ ทั้งเพื่อนสนิทอย่างนักรบ การชอบผู้ชายด้วยกันไม่ผิด การเปิดเผยก็ไม่ผิด และถ้าจะโดนกีดกันในเรื่องของงานแสดงในอนาคตก็ไม่ผิด ไม่มีใครผิด เพราะเวทีนี้ต้องใช้ความสามารถในการแสดงทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราคือคนคนนั้นในเรื่อง คนดูเขามีความคาดหวังในตัวพระเอกนางเอก ถ้าภาพพจน์เรามันไม่ใช่อย่างที่เขาหวัง เขาก็ไม่ผิดที่จะไม่สนับสนุน ผู้ใหญ่ที่ไม่ป้อนงาน ไม่เสนอบทดีๆ ให้ก็ไม่ผิดเพราะทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายไปและมันต้องคุ้มค่า

...โลกใบนี้ยังไม่พร้อม วงการนี้ยังไม่พร้อม ผู้ชมยังไม่พร้อม ไม่มีใครผิด...แค่ไม่พร้อม...

“ท่าทางจะดีจริงๆ ถึงยิ้มกว้างแบบนี้ คนนี้ก็นอกวงการเหมือนกัน”

“ใช่ครับ” สิงหาพยักหน้ายืนยัน รักครั้งนี้ดีกว่าที่คาดฝันไว้ น่านนทีพร้อมที่จะรับฟังและทำความเข้าใจเขาเสมอ สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือการบอกกับเขาตรงๆ ว่าอย่าเปิดเผยเรื่องของเราให้คนนอกรู้ ไม่ต้องเลือกระหว่างคนรัก...หรืองานที่รัก ความรักเป็นเรื่องส่วนตัว ขอแค่เขายังเหมือนเดิมเสมอ ยังรักษาสัญญาก็พอ

“เอาล่ะ ผมจะไม่ถามเรื่องหัวใจเยอะนะครับ มาเรื่องนี้ทีไรตอบสั้นเหลือเกิน แต่ยิ้มกว้างขนาดนี้ก็เชื่อแล้วว่ากำลังอินเลิฟจริงๆ มาพูดเรื่องงานกันดีกว่า กลับมาก็มีถ่ายหนังเลย คือจะกลับคืนวงการแน่นอนใช่ไหมครับ”

“ครับ งานแรกที่รับเพราะผมสนิทกับผู้กำกับ เคยสัญญาว่าจะเล่นหนังให้แล้วก็หายไปนาน ก็เลยรับเล่น แต่พอได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้ง ความรู้สึกทุกอย่างมันกลับมา ผมรักที่ยืนหน้ากล้อง ชอบเวลาต้องนั่งท่องบท คิดว่าถ้าเป็นตัวละครตัวนี้นิสัยแบบนี้ต้องทำหน้ายังไง แสดงท่าทางยังไง มัน...มีความสุขมากครับ”

“แต่ก็ยังมีข่าวแง่ลบออกมา จะไม่ท้อใจแบบเมื่อก่อนแน่นะ” พิธีกรถามกึ่งแซว ดาราในวงการนี้เข้าๆ ออกๆ กันเยอะ แต่นักแสดงมากฝีมือเริ่มน้อยลงไปทุกวัน

“คราวนี้ผมเลือกวางตัวเองในจุดที่ตัวเองต้องการจริงๆ แล้วครับ”

“ยังไงครับ”

“เมื่อก่อนผมจะรับหมดทุกงาน หนัง ละคร ออกรายการเกมโชว์ วาไรตี้ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ถนัดเลย ผมชอบงานแสดง ชอบที่จะเป็นนักแสดง ไม่ต้องรู้จักก็ได้ว่าผมเป็นใคร ชื่ออะไร ชีวิตส่วนตัวเป็นยังไง รู้จักผมผ่านเรื่องที่คุณดู บทที่ผมเล่น ชื่นชอบผมจากสิ่งที่ผมรักก็พอ”

“ผมในฐานะคนรุ่นเก่าคนหนึ่งต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณจะตัดสินเขาง่ายๆ เขาอาจจะไม่ได้พูดอะไรที่ไหนมากมาย มันไม่ได้แปลว่าเขายอมรับในสิ่งที่คนอื่นพูด เขาแค่รู้ตัวเองดีว่าเขาเป็นใคร และต้องการทำอะไร นักแสดงมากฝีมือของเรา...สิงหา”

เสียงปรบมือดังในห้องส่ง หน้าจอโปรเจคเตอร์ดับลงหลังจบรายการ แต่เสียงปรบมือภายในร้านยังดังก้องอย่างยาวนาน สิงหาลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับพ่อแม่ที่บอกรักผ่านสายตา ยิ้มขอบคุณเพื่อนสนิทที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ยิ้มให้กับครอบครัวเล็กๆ ที่ต้อนรับเขาเสมอ ยิ้ม...ให้กับคนรัก...ที่ทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำสิ่งที่รัก คอยรับฟังและให้กำลังใจ...เป็นความสุขของเขา

“ก่อนอื่นที่อยากบอกทุกคนก็คือคำขอโทษ ขอโทษที่วันนั้นหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้ล่ำลา ขอโทษที่เคยโกหก เคยทำให้ผิดหวัง และก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่ตรงนี้เสมอ ขอบคุณคอยสนับสนุนแม้จะหายไปหลายปี ไม่มีผลงานอะไรก็ยังคิดถึงกันอยู่ ขอบคุณที่ให้การต้อนรับ ให้กำลังใจ ไม่รู้ว่าวันหน้ามันจะเป็นยังไง

แต่อยากบอกทุกคนว่า...ขอบคุณมาก

...ขอบคุณ...”




......... จบ .........




Fanpage : Gwa.Novel        Twitter   : Gwa_Novel










จบแล้ววววว รู้สึกใจหาย เราอยู่กันมานานถึงครึ่งปีกันเลย ดีใจที่ตัวเองแต่งได้จบตามจำนวนตอนและระยะเวลาคิดไว้ ไม่ดองไม่หายด้วยจ้า

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบ แม้มันจะไม่มี nc เลย ไม่มีแม้แต่คำบอกรักของคู่รัก แต่ทุกคนก็รับรู้ว่าพวกเขารักกัน ความรักมันสามารถแสดงออกทางการกระทำได้ชัดเจนกว่า



เรื่องที่อยากบอก อยากแบ่งปัน ถ่ายทอด ก็ได้บอกเล่าผ่านตัวหนังสือไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็อยากจะบอกตรงๆ อีกครั้ง

ขอโทษทุกคนที่เคยติดตามจีมานานมากๆ แล้ว ขอโทษที่ดองเรื่องเพียงใจและยังแต่งไม่จบสักที ขอโทษที่ผิดสัญญา ปล่อยให้หลายคนรอมาห้าหกปี และก็ยังต้องรอต่อไป

ขอบคุณคนเก่าๆ ที่ให้กำลังใจเสมอ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน เป็นห่วงกัน และต้อนรับการกลับมาหลังจากหายไปนานมาก ขอบคุณคนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็เปิดโอกาสให้ได้รู้จักกันผ่านนิยายเรื่องนี้

ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เป็นเป็นหนึ่งในแรงผลักดันและคอยช่วยเหลือ ทั้งตรวจคำผิด วิจารณ์เนื้อหาหรือจุดบกพร่อง

ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ



G_wa


ปล. ตอนพิเศษยังไม่แน่ใจว่าจะอัปให้อ่านเมื่อไรนะคะ แต่มีมาให้อ่านแน่ๆ อาจจะ 1-2 ตอน
ปลล. สำหรับคนที่สนใจหนังสือรบกวนทำแบบสำรวจจำนวนให้หน่อยนะคะ คลิก รายละเอียดอื่นๆ ติดตามข่าวได้ทางทวิตเตอร์/เฟซบุ๊ก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2019 23:16:44 โดย G_wa »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ดีงามมาก

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขทุกที (แม้จะขนลุกร่วมด้วยบางที)

คุณ G_WA สำนวนดีขึ้นทุกเรื่องที่ได้อ่าน สิ่งที่เหมือนเดิมคือความน่าติดตามของเนื้อเรื่องที่ทำให้เราวางไม่ลง

ขอบคุณที่กลับมา ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ขอบคุณกับเรื่องสุดน่ารัก มีลุ้น มีลึกลับ ความรักความผูกพันทั้งครอบครัว คู่รัก มิตรภาพเพื่อนฝูง ครบเครื่องเลย สนุกมากๆเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
จบเรียบร้อย

ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5: จบแล้วทั้งปีใจละเสียใจ ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลายในทางที่ดีแต่เสียใจที่นิยายจบแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะไรท์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :ling1: :ling1: ไม่ยอม จบได้ไงอ่ะ ยังไม่ได้จัดการนังชะนีหน้าแหกที่ว่าปิงเลย กลับมาจัดการให้ก่อน ไม่ยอมมมมมม  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านไปร้องไห้ไปอีกแล้วค่ะ ทั้งสองครอบครัว(และคนรอบตัว) คือดีมากจริงๆ

เอ็นดูความร้องไห้ไปแต่ปากก็ยังกินอยู่ของปิง....น้องงงงงง 5555

ขอบคุณคุณจีนะคะ ชอบทุกเรื่องของคุณจีเลย (กอดดดดดดด)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชวนยิ้มได้เสมอยามนึกถึงค่ะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ดีงาม อาหารน่ากินทุกทุกอย่างเลยเรื่องนี้ 5555 (นี่มันนิยายอาหารชัดๆ) แม้ว่าส่วนใหญ่จะได้อ่านเรื่องนี้ตอนตี2 ตี3 ก็ตาม (เลือกเวลาเหมาะจริงๆ 5555) รวมหลายเรื่องราวหลายรสชาด หลอนบ้าง น้ำตาตกบ้าง ปลื้มใจบ้าง สะใจบ้าง และเราเชื่อว่าคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ก็คือ หิวววววว ล่อด้วยอาหารกันซะอย่างนั้น บรรยายตัวเอกของเรากินทุกอย่างได้น่าอร่อยจริงๆ หมูปิงน้อยๆ
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ  :pig4:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 o13  มันดีมากกนะคะ    เพิ่งรู้สึกฟีลกู๊ดจริงๆก็ตอนสุดท้ายมี่แหละค่าาาาาาา55555 รอตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอบคุณ คุณ G wa กับเรื่องราวที่สนุกหลายอารมณ์ รอติดตามผลงานต่อไปค่า :mew1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้ำตาไหลกับคำสัมภาษณ์พี่สิง กับการผ่านเรืองแย่ๆและเจ็บปวดมาได้ด้วยความรักและมือที่คอยประคองของครอบครัว ซึ้งมากก

มาน้ำตาซึมรอบสอง กับ Talk ของคุณจี งือออออ ดีใจเหมือนกันค่ะ ที่คุณจีกลับมา รอมาตลอดเลย หวังว่าจะได้อ่านเรื่องใหม่มาเรื่อยๆนะคะ love u ka  :man1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด