ภายในร้านเหลือเพียงเสียงจากจอโปรเจคเตอร์ที่ชวินคอยควบคุม ข้างๆ ที่ควบคุมมีโต๊ะของเหล่าเพื่อนรักและครอบครัว สิงหานั่งที่โต๊ะยาวร่วมกับบรรดาแฟนคลับ ทุกคนกำลังตั้งใจฟังการเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของผู้ชายคนนี้ผ่านทางรายการ แม้แต่คนที่ได้ไปชมตอนอัดรายการก็ตั้งใจฟังและหัวเราะไปกับการเล่าวีรกรรมสมัยเด็ก สงสารและซาบซึ้งกับความรักของครอบครัว
“มาถึงคำถามที่คุณบอกว่าไม่อยากพูดเลย แต่วันนี้จะยอมพูดนิดหน่อย ทำไมถึงไม่ชอบพูดเรื่องความรักครับ” พิธีกรเอ่ยถาม
“คือผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมากๆ ไม่อยากให้เขาได้รับผลกระทบจากการที่คบกับผม”
“แต่มันมีข่าวเก่าๆ ที่ถูกพูดถึงกันเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังพูดกันอยู่ หลายคนก็สงสัยมันเป็นยังไงกันแน่เพราะคุณเองไม่เคยพูดชัดๆ เลย แล้วเนื้อหามันก็เปลี่ยนไปเรื่อยจนผมงงเหมือนกัน เรื่องนี้พอจะพูดได้ไหม มันเรื่องเก่าแล้ว” เขาถามด้วยความสงสัยและเห็นใจกับข่าวที่รุ่นน้องในวงการประสบมา เริ่มตั้งแต่ว่าเป็นแฟนกับนางเอกดัง จากนั้นก็นอกใจ ทำร้ายร่างกายแฟน ต่อมาดันมีข่าวว่าเป็นเกย์ แย่งแฟนนางเอกดัง เรื่องนี้คนที่มีสติดีเดาเรื่องจริงไม่ยากว่าใครโกหกใครพูดจริง แต่ปัญหาคือแขกรับเชิญคนนี้ไม่เคยพูดออกมา
“เอาเป็นว่าทั้งชีวิตผมมีแฟนแค่สองคน เป็นคนนอกวงการทั้งคู่ครับ”
“ไม่ใช่คนที่มีข่าว”
“ถ้าคนที่เป็นคนในวงการก็ไม่ใช่ครับ” เขาไม่พาดพิงถึงใคร แค่พูดเรื่องตัวเองเท่านั้น พูดในสิ่งที่ควรพูดเพื่อปกป้องคนที่รัก
“คนแรกคบนานไหม ได้ข่าวว่าคบตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ”
“คบนานครับ คบตั้งแต่เรียนมหาฯลัยจนเรียนจบทำงาน หกเจ็ดปีได้”
“นานเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าผมไม่ถามแล้วกันว่าทำไมเลิกกัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป แต่เท่าที่ได้ข้อมูลคือ เลิกกับคนแรกแล้วก็ไปอยู่เมืองนอกเลย”
“ฮ่าๆๆ ฟังดูเหมือนอกหักแล้วหนีไปนอกเลย ก็...ประมาณนั้นครับ มันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่อกหักจากแฟนอย่างเดียว”
“ก็คือช่วงที่มีข่าวเยอะๆ ตอนนั้นเลย” พิธีกรถามย้ำ เขามองออกว่าสิงหาไม่อยากโยงไปถึง แต่เขาต้องการให้คนอื่นที่เคยปรามาสผู้ชายคนนี้นึกถึงเหตุการณ์นั้น ให้รู้ว่าหลายๆ คนเคยทำร้ายคนคนนี้อย่างไรบ้าง
“ก็...ครับ แต่เรื่องอกหักมันก็ส่วนหนึ่งนะ คบมานานก็มีเป๋บ้าง แต่เรื่องข่าวและเรื่องพ่อทำให้ผมตัดสินใจไปมากกว่า” สิงหายิ้มขอบคุณ แต่ก็ตอบผ่านๆ แบบจนใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากไปโยงถึงคนอื่น
“ยังไงครับ เกี่ยวกับคุณพ่อด้วยเหรอ”
“ครับ คือคุณพ่อผมป่วยก่อนหน้านั้นสักระยะ คุณแม่ก็ไปดูแลคุณพ่อที่โน่น”
“ถามได้ไหมว่าคุณพ่อป่วยเป็นอะไร”
“เป็นโรคซึมเศร้าครับ แต่ว่ารู้ตัวเร็วแล้วก็รีบรักษา มันเป็นโรคละเอียดอ่อนมากเลยนะครับ คุณแม่ก็เครียดผมก็เครียด แล้วประจวบกับผมมีข่าวอีก มันมีแต่ความรู้สึกแง่ลบเข้ามาในชีวิต ตอนนั้นเรื่องแฟนบอกตรงๆ ว่าไม่ได้เสียใจขนาดที่รู้สึกว่า...ไปดีกว่า แต่เป็นเพราะข่าวแย่ๆ ช่วงนั้น
ผมเคยเห็นดาราคนอื่นเวลาโดนรุมสัมภาษณ์ก็รู้สึกสงสารนะเขานะ พอเจอกับตัวเองมัน...เสียใจครับ ยอมรับว่าเสียใจมาก รู้สึกไม่ดีเลย...ไม่ชอบเลย” สิงหาเริ่มขรึมลงเมื่อนึกย้อนกลับไป ไม่ว่าเมื่อไรเรื่องนี้ก็ทำให้รอยยิ้มเขาจางลงได้เสมอ มันยังคงเหลือรอยแผลเล็กๆ ให้มองเห็นอยู่ แต่สักวันมันจะจางหายไป
“เพราะนักข่าวเหรอครับ”
“เพราะหลายๆ คนเลยครับ บางคนบอกว่ารู้จักผมมานานแต่ตอนนั้นด่าผมแรงที่สุดเลย นักข่าวบางคนเคยเรียกพี่เรียกน้องแต่ใช้ไมโครโฟนเป็นอาวุธไปแล้ว คำพูดทุกคนมันมีผล ผมได้แต่คิดว่าทำไมเขาคิดกับผมแบบนี้ ทำไมเขาทำแบบนั้น ผมไม่เคยทำอะไรเขาเลยนะ คนอื่นก็ต้องเดือดร้อนเพราะผม ไปไหนก็ต้องขอโทษเขาเพราะผมทำให้เขาเดือดร้อน พอดีกว่า เหนื่อย ไม่มีความสุขเลย ไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า ผมก็เลยไป” วันที่บินจากไปเขาไม่ได้ไปอย่างนกปีกหัก แต่เป็นนกที่ถูกถอดขนจนเลือดซิบ ความเชื่อมั่นในตัวเองถูกสั่นคลอน ความไว้ใจไม่มีเหลือ ความโกรธความผิดหวังบดบังความช่วยเหลือและกำลังใจจากคนที่หวังดี
“ตอนนั้นกะว่าจะไม่กลับมาเลยหรือแค่ไปพักใจ”
“กะว่าจะไม่กลับมาเลยครับ เพราะแม่ก็จะย้ายไปอยู่กับพ่อถาวรอยู่แล้ว พอผมเลิกงานในวงการก็ไม่มีอะไรที่นี่อีก แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ดีนะครับ อย่างที่บอกว่าผมกับพ่อไม่เคยใช้เวลาร่วมกันนานๆ เลย พอไปอยู่ด้วยกันตอนที่หัวใจเราไม่แข็งแรง เราเหมือนเด็กหัดเรียนรู้กันทั้งครอบครัวเลย
ช่วงปีแรกๆ พวกเราไปเที่ยวกันหลายประเทศมาก นอนกลางป่า ขึ้นเขา ตกปลาในทะเลสาบน้ำแข็ง ทำหมดทุกอย่างที่อยากทำ พอเบื่อเที่ยวก็กลับมาอยู่บ้าน พ่อเขาชอบงานช่าง ชอบซื้อบ้านมารีโนเวตแล้วขายต่อ ผมก็เลยเอาบ้าง ซื้อมาซ่อม ซ่อมเสร็จขาย เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ก็ซ่อมขายบ้างเก็บบ้าง ผ่านไปสามสี่ปีพ่อก็หายป่วยเฉยเลย” สิงหาเล่าเองยังขำเอง อยู่ดีๆ พ่อก็เดินมาบอกว่าลืมกินยามาเป็นเดือนแล้ว ความคิดแง่ลบมันหายไปหมด คิดแต่ว่าพรุ่งนี้ทำอะไรดี เดี๋ยวชวนแม่ชวนเขาไปทำอะไรดี มีแต่คิดถึงพวกเขาสองคนแม่ลูกตลอดเวลา
“เรียกว่าทำกิจกรรมเยอะจนลืมป่วยใช่ไหมครับ”
“ต้องชมที่คุณพ่อเป็นคนเข้มแข็งด้วย ตอนไปหาพ่อสภาพผมก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมไปแบบหมดอาลัย พ่อเขารู้สึกว่าตัวเองป่วยไม่ได้แล้วนะ ต้องดูแลลูก ตอนเด็กไม่มีโอกาสเลย ตอนนี้แหละโอกาสมาแล้ว เขาก็พยายามรักษาตัวเองเพราะพ่อรักผมมาก อยากอยู่กับผมไปนานๆ”
“ผมเชื่อคุณพ่อรักคุณมากและคุณก็รักคุณพ่อมากจริงๆ ดูจากรอยยิ้มเวลาคุณพูดถึงพ่อแล้วมันชื่นใจแทน แล้วต่อจากนั้นทำไมตัดสินใจกลับมา” พิธีกรอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ทุกครั้งที่นักแสดงหนุ่มคนนี้พูดถึงครอบครัวจะต้องหันไปมองพ่อแม่ของตัวเอง พูดให้สองคนตรงนั้นฟัง มากกว่าการมองกล้องหรือมองพิธีกรอย่างเขา
“ก็เรื่องอาการป่วยนี่แหละครับ ที่นั่นอากาศมันจะชื้นๆ พ่อแม่ป่วยบ่อยมาก ทั้งคู่เลย แต่พ่อจะหนักหน่อย ก็เลยคุยกันว่ากลับมาอยู่ไทยดีกว่า อากาศดีกว่า ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องฝุ่นน่ะนะ แต่พอมาแล้วพ่อก็โอเคนะครับ ยังไม่ป่วยอะไรเลย” ยกเว้นอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยเวลาไปตระเวนกินร้านดังเป็นเพื่อนแม่กับคนรักของเขา
“มีสิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินเสมอเมื่อคุณกลับมา ไม่ว่าจะพาดหัวข่าวหรืออะไรก็ตาม เขาใช้คำว่า ‘อดีตพระเอกชื่อดัง’ มันทำให้คุณรู้สึกลังเลหรืออะไรไหม ความโด่งดังสมัยก่อนหายไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก จำไม่ได้”
“ถามว่ามีผลไหมก็มีนะครับ แต่ไม่มาก ไม่ได้ทำให้ลังเลที่จะกลับมารับงาน ก่อนอื่นเลยต้องยอมรับว่าผมดังขึ้นมาในยุคที่คนกำลังชอบดาราลูกครึ่งฝรั่ง โอกาสเข้ามาเพราะรูปร่างหน้าตา แต่เมื่อมันผ่านไป ความนิยมของคนเปลี่ยน เราก็ต้องยอมรับให้ได้ ผมคงไม่ไปหาทางลดอายุตัวเอง หรือทำหน้าใหม่ให้เข้ากับความชอบ มันเป็นการฝืนตัวเอง แค่เปิดใจแล้วยอมรับมัน แล้วทำงานให้มันออกมาดี คนบอกว่าผมไม่ดังแล้วไม่เป็นไร แต่คุณชอบผลงานผมไหม ถ้าชอบก็ขอบคุณ ถ้าไม่ชอบช่วยวิจารณ์มาผมจะได้ไปปรับปรุงตัว”
“พออายุมากขึ้นความดังมันไม่ได้สำคัญเท่ากับความดีและความสามารถ แนวคิดนี้นำไปใช้ได้กับทุกอาชีพเลยนะครับ ทีนี้ขอย้อนกลับไปเมื่อครู่ คุณบอกว่ามีแฟนสองคน แล้วอีกคนนี่คือคนปัจจุบันนี้ใช่ไหม ผมเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”
“ครับ เพิ่งคบได้ไม่นาน แต่ก็ดีครับ...ดีมาก” สิงหาฉีกยิ้มกว้าง และยิ่งกว้างขึ้นเมื่อหันไปมองคนที่พยายามนั่งตัวลีบข้างพี่ชาย เพื่อนๆ อมยิ้มแซวแต่ไม่กล้าแสดงอะไรมากให้ถูกสงสัย
ก่อนจะมารายการนี้สิงหาได้คุยกับหลายๆ คน ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ ทั้งเพื่อนสนิทอย่างนักรบ การชอบผู้ชายด้วยกันไม่ผิด การเปิดเผยก็ไม่ผิด และถ้าจะโดนกีดกันในเรื่องของงานแสดงในอนาคตก็ไม่ผิด ไม่มีใครผิด เพราะเวทีนี้ต้องใช้ความสามารถในการแสดงทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราคือคนคนนั้นในเรื่อง คนดูเขามีความคาดหวังในตัวพระเอกนางเอก ถ้าภาพพจน์เรามันไม่ใช่อย่างที่เขาหวัง เขาก็ไม่ผิดที่จะไม่สนับสนุน ผู้ใหญ่ที่ไม่ป้อนงาน ไม่เสนอบทดีๆ ให้ก็ไม่ผิดเพราะทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายไปและมันต้องคุ้มค่า
...โลกใบนี้ยังไม่พร้อม วงการนี้ยังไม่พร้อม ผู้ชมยังไม่พร้อม ไม่มีใครผิด...แค่ไม่พร้อม...
“ท่าทางจะดีจริงๆ ถึงยิ้มกว้างแบบนี้ คนนี้ก็นอกวงการเหมือนกัน”
“ใช่ครับ” สิงหาพยักหน้ายืนยัน รักครั้งนี้ดีกว่าที่คาดฝันไว้ น่านนทีพร้อมที่จะรับฟังและทำความเข้าใจเขาเสมอ สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือการบอกกับเขาตรงๆ ว่าอย่าเปิดเผยเรื่องของเราให้คนนอกรู้ ไม่ต้องเลือกระหว่างคนรัก...หรืองานที่รัก ความรักเป็นเรื่องส่วนตัว ขอแค่เขายังเหมือนเดิมเสมอ ยังรักษาสัญญาก็พอ
“เอาล่ะ ผมจะไม่ถามเรื่องหัวใจเยอะนะครับ มาเรื่องนี้ทีไรตอบสั้นเหลือเกิน แต่ยิ้มกว้างขนาดนี้ก็เชื่อแล้วว่ากำลังอินเลิฟจริงๆ มาพูดเรื่องงานกันดีกว่า กลับมาก็มีถ่ายหนังเลย คือจะกลับคืนวงการแน่นอนใช่ไหมครับ”
“ครับ งานแรกที่รับเพราะผมสนิทกับผู้กำกับ เคยสัญญาว่าจะเล่นหนังให้แล้วก็หายไปนาน ก็เลยรับเล่น แต่พอได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้ง ความรู้สึกทุกอย่างมันกลับมา ผมรักที่ยืนหน้ากล้อง ชอบเวลาต้องนั่งท่องบท คิดว่าถ้าเป็นตัวละครตัวนี้นิสัยแบบนี้ต้องทำหน้ายังไง แสดงท่าทางยังไง มัน...มีความสุขมากครับ”
“แต่ก็ยังมีข่าวแง่ลบออกมา จะไม่ท้อใจแบบเมื่อก่อนแน่นะ” พิธีกรถามกึ่งแซว ดาราในวงการนี้เข้าๆ ออกๆ กันเยอะ แต่นักแสดงมากฝีมือเริ่มน้อยลงไปทุกวัน
“คราวนี้ผมเลือกวางตัวเองในจุดที่ตัวเองต้องการจริงๆ แล้วครับ”
“ยังไงครับ”
“เมื่อก่อนผมจะรับหมดทุกงาน หนัง ละคร ออกรายการเกมโชว์ วาไรตี้ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ถนัดเลย ผมชอบงานแสดง ชอบที่จะเป็นนักแสดง ไม่ต้องรู้จักก็ได้ว่าผมเป็นใคร ชื่ออะไร ชีวิตส่วนตัวเป็นยังไง รู้จักผมผ่านเรื่องที่คุณดู บทที่ผมเล่น ชื่นชอบผมจากสิ่งที่ผมรักก็พอ”
“ผมในฐานะคนรุ่นเก่าคนหนึ่งต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณจะตัดสินเขาง่ายๆ เขาอาจจะไม่ได้พูดอะไรที่ไหนมากมาย มันไม่ได้แปลว่าเขายอมรับในสิ่งที่คนอื่นพูด เขาแค่รู้ตัวเองดีว่าเขาเป็นใคร และต้องการทำอะไร นักแสดงมากฝีมือของเรา...สิงหา”
เสียงปรบมือดังในห้องส่ง หน้าจอโปรเจคเตอร์ดับลงหลังจบรายการ แต่เสียงปรบมือภายในร้านยังดังก้องอย่างยาวนาน สิงหาลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับพ่อแม่ที่บอกรักผ่านสายตา ยิ้มขอบคุณเพื่อนสนิทที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ยิ้มให้กับครอบครัวเล็กๆ ที่ต้อนรับเขาเสมอ ยิ้ม...ให้กับคนรัก...ที่ทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำสิ่งที่รัก คอยรับฟังและให้กำลังใจ...เป็นความสุขของเขา
“ก่อนอื่นที่อยากบอกทุกคนก็คือคำขอโทษ ขอโทษที่วันนั้นหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้ล่ำลา ขอโทษที่เคยโกหก เคยทำให้ผิดหวัง และก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่ตรงนี้เสมอ ขอบคุณคอยสนับสนุนแม้จะหายไปหลายปี ไม่มีผลงานอะไรก็ยังคิดถึงกันอยู่ ขอบคุณที่ให้การต้อนรับ ให้กำลังใจ ไม่รู้ว่าวันหน้ามันจะเป็นยังไง
แต่อยากบอกทุกคนว่า...ขอบคุณมาก
...ขอบคุณ...”
......... จบ .........
Fanpage : Gwa.Novel Twitter : Gwa_Novel
จบแล้ววววว รู้สึกใจหาย เราอยู่กันมานานถึงครึ่งปีกันเลย ดีใจที่ตัวเองแต่งได้จบตามจำนวนตอนและระยะเวลาคิดไว้ ไม่ดองไม่หายด้วยจ้า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบ แม้มันจะไม่มี nc เลย ไม่มีแม้แต่คำบอกรักของคู่รัก แต่ทุกคนก็รับรู้ว่าพวกเขารักกัน ความรักมันสามารถแสดงออกทางการกระทำได้ชัดเจนกว่า
เรื่องที่อยากบอก อยากแบ่งปัน ถ่ายทอด ก็ได้บอกเล่าผ่านตัวหนังสือไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็อยากจะบอกตรงๆ อีกครั้ง
ขอโทษทุกคนที่เคยติดตามจีมานานมากๆ แล้ว ขอโทษที่ดองเรื่องเพียงใจและยังแต่งไม่จบสักที ขอโทษที่ผิดสัญญา ปล่อยให้หลายคนรอมาห้าหกปี และก็ยังต้องรอต่อไป
ขอบคุณคนเก่าๆ ที่ให้กำลังใจเสมอ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน เป็นห่วงกัน และต้อนรับการกลับมาหลังจากหายไปนานมาก ขอบคุณคนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็เปิดโอกาสให้ได้รู้จักกันผ่านนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เป็นเป็นหนึ่งในแรงผลักดันและคอยช่วยเหลือ ทั้งตรวจคำผิด วิจารณ์เนื้อหาหรือจุดบกพร่อง
ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ
G_wa
ปล. ตอนพิเศษยังไม่แน่ใจว่าจะอัปให้อ่านเมื่อไรนะคะ แต่มีมาให้อ่านแน่ๆ อาจจะ 1-2 ตอน
ปลล. สำหรับคนที่สนใจหนังสือรบกวนทำแบบสำรวจจำนวนให้หน่อยนะคะ
คลิก รายละเอียดอื่นๆ ติดตามข่าวได้ทางทวิตเตอร์/เฟซบุ๊ก