★… ◤ ห้องลับ ห้องรัก ◥ …★ —— เปิดโอนเงินวันนี้ - 25 ธันวา 62 // ตอนพิเศษ 100%
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★… ◤ ห้องลับ ห้องรัก ◥ …★ —— เปิดโอนเงินวันนี้ - 25 ธันวา 62 // ตอนพิเศษ 100%  (อ่าน 165595 ครั้ง)

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สงสารพ่อลูก TT.TT

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
สงสารพยูๆๆๆ
โถ่ๆๆๆๆๆ
พ่อก้ต้องหาลูกแน่เลยอะ
แง้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Cheese[C]ake

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มาเจิมเรื่องใหม่คุณจี :L2:

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
มาอ่านตอนกลางคืนแล้วอย่างหลอนเลยค่ะ
 :ling3:

ออฟไลน์ Cheese[C]ake

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
นิยายคุณจีถูกจริตเราจิงๆ​ ชอบมากๆ​

ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/

19. Miss You





บนชั้นสองของร้านทีไทม์กลายเป็นห้องประชุมชั่วคราวของสามหนุ่ม หลังจบภารกิจตามหาที่มาของตู้ เรื่องที่ได้รับรู้มากเกินกว่าจะปรับความรู้สึกได้ในเวลานี้ ตอนแรกที่ได้รับรู้เรื่องของลุงโพนกับพยู ทุกคนโดยเฉพาะชวินอยู่ในอาการเศร้าซึมด้วยความสงสารในชะตากรรมสองพ่อลูก แต่เมื่อฟังเรื่องราวต่อจากนั้นพวกเขาก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าความสงสารที่มีให้จะกลบความกลัวไปได้หรือเปล่า บางที...อาจกลัวมากขึ้นกว่าเดิม

“เฮ้อ...หนีผีลูกมาเจอผีพ่อ ทำไมยิ่งหายิ่งเจอยิ่งยุ่งวะ” เต้บ่นเปิดนำเพื่อนๆ ที่กำลังอึดอัดอยู่เช่นกัน

“ดีนะกูเจอแค่พยู ถ้าเจอลุงโพนมีหวังช็อกตายของจริง” ชวินรู้สึกดีใจแปลกๆ แต่รวมๆ ก็คือดีใจ พยูที่ห้องสิงหาอย่างมากก็โผล่ตรงนั้นตรงนี้ หนักสุดคือประชิดตัว แต่ลุงโพน...ทำเสียงดังปึงปัง ส่งเสียงร้องตะโกน บางครั้งก็ตะโกนว่าช่วยด้วย บางครั้งก็ตะโกนว่าตายซะๆ ที่หนักที่สุดคือลากขากับบีบคอ

ช่วงหลังเกิดไฟไหมลุงโชคพยายามรับงานมากขึ้นเพื่อหาเงินใช้หนี้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ บางคืนก็นอนค้างที่บริษัทกับคนงาน ตกดึกรู้สึกมีคนบีบคอแต่โชคดีที่ลูกน้องรีบปลุกให้ตื่น พนักงานที่นั่นหลายคนเคยโดนเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันจนเริ่มมีคนขอลาออก ครั้งที่หนักที่สุดจนทำให้ต้องย้ายมาเปิดโกดังที่บ้านเพราะทำงานในโกดังตอนดึกแล้วรู้สึกเหมือนมีคนดึงขาไว้จนหกล้มขาหัก ตอนนี้แผลหายดีหมดแล้วแต่ก็เดินไม่ปกติเหมือนเมื่อก่อน ทางแก้ของลุงโชคคือเรียกพระมาทำพิธีแล้วก็รื้อโกดังทั้งหมดทิ้ง ที่ตั้งบริษัทเดิมก็ขายให้คนอื่นเพื่อแก้ปัญหาการเงินและปัญหาลุงโพน....แต่ทุกวันนี้คนที่นั่นก็ยังคงได้ยินเสียงร้อง และเสียงทุบประตูโกดังที่ไม่มีแล้ว

“โบ้กลับมามะรืนใช่เปล่า เอาไว้มันมาค่อยนัดคุยกันอีกทีว่าจะทำไงต่อ” สิงหาเองก็มึนกับเรื่องนี้เช่นกัน ปมที่คิดว่าจะแก้กลับมีมากขึ้นมาอีกหนึ่ง ดีที่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ไปนอนที่ห้องตัวเองแล้ว ปัญหานี้จึงพักเอาไว้ก่อนได้ ตัวชวินเองก็กลับไปนอนค้างที่บ้าน มันถึงขนาดขอไปนอนห้องพ่อแม่เพราะกลัวจะโดนผีเข้าอีก



ทุกคนตกลงพักปัญหาเรื่องพยูเอาไว้ชั่วคราวแล้วหันมาเตรียมงานวันเปิดร้านกันต่อ เต้แนะนำให้สิงหากับชวินชวนผู้ใหญ่หรือคนในวงการมาร่วมงานสักหน่อย เอาเฉพาะคนที่สนิทๆ กันก็ได้ ขอแค่คนนั้นมีกลุ่มแฟนคลับตามมาด้วยก็พอ พวกเขาไม่ได้จัดงานยิ่งใหญ่อะไร ไม่มีการเชิญนักข่าว แค่แจ้งในทราบทางแฟนเพจของร้านเท่านั้น แต่ก็น่าจะมีนักข่าวมาร่วมงานบ้างเพราะสิงหากำลังเป็นที่จับตามองช่วงนี้ น่าเสียดายที่ครอบครัวสิงหามาไม่ทันวันงาน แต่พ่อแม่สิงหายินดีที่จะไม่ร่วมงานอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยมาแสดงความยินดีส่วนตัวกันภายหลังก็ได้ ทุกคนแบ่งการ์ดเชิญเพื่อนำไปเชิญแขกของตัวเอง การ์ดเชิญที่พิมพ์มามีสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ใหญ่ที่พวกเขานับถือ เช่นพ่อแม่ รุ่นพี่ที่สนิท อาจารย์สมัยเรียนที่ยังแวะเวียนไปหาเสมอ อีกกลุ่มคือกลุ่มเพื่อนของแต่ละคน ทั้งสี่คนทำงานไม่เหมือนกัน ฉะนั้นจึงมีเพื่อนที่สนิทสนมกันอีกกลุ่มที่พอจะคุ้นเคยกันบ้าง ส่วนกลุ่มแฟนคลับของสิงหานั้นจะมีการนัดมีตติ้งกันวันอื่น สิงหาเป็นคนให้ฝ้ายจัดการนัดหมายวันเวลากับกลุ่มแฟนคลับ ต้องเลือกวันหยุดที่ทุกคนสะดวกมามากที่สุด งานนี้ถือเป็นงานเลี้ยงขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่เขาเหล่านั้นมอบให้สิงหามาตลอดหลายปี



ชั้นล่างของบ้านถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับปาร์ตี้หมูกระทะอีกครั้งหนึ่ง แต่สมาชิกรอบนี้มีเพียงคนในครอบครัวของน่านนทีกับสิงหาเท่านั้น คนที่ตื่นเต้นดีใจ เอาอกเอาใจ เดี๋ยวคีบหมูให้ ตักวุ้นเส้นใส่ถ้วย เกือบจะป้อนข้าวผัดให้แล้วถ้าสามีไม่กระแอมเสียงดังขัดจังหวะก่อน ช้อนคันนั้นเลยเลี้ยวจากปากแดงอมชมพูของหนุ่มลูกครึ่งมาที่ปากสีคล้ำเหี่ยวๆ แห้งๆ ของคนข้างกายแทน

“อ้ำพ่ออ้ำ อร่อยใช่ไหมฝีมือแม่ เนี่ยแม่รู้ใจว่าพ่อชอบหมูหมักนุ่มๆ เอาอีกคำไหม”

“โหแม่ เนียนเลยน้า สับขาหลอกเก่งงงงง” น่านนทีเอ่ยแซวแม่ตัวเองที่เอาใจสิงหาจนพ่อแทบหึง

“เงียบๆ ไป นั่งข้างพี่สิงเขาก็ไม่รู้จักบริการเขาบ้าง ช่วงนี้เขากำลังเร่งเพิ่มน้ำหนัก ต้องกินเยอะๆ ใช่ไหมจ๊ะ” แม่มองค้อนให้ลูกชายคนเล็กก่อนหันมาเอาใจคนแก่ขี้งอนข้างตัว

“ครับแม่ มีคิวถ่ายหนังสั้น อ้วนอีกนิดน่าจะดีกว่า ผู้กำกับเขาบอกมา” สิงหาเล่าเรื่องหนังสั้นที่เขาไปฟิตติ้งชุดกับรับบทมาท่องแล้ว อาตู่ผู้กำกับขอให้น้ำหนักมากขึ้นกว่านี้อีกสักสองสามโล ช่วงนี้น่านนทีเลยขยันชวนเขากินตลอด อาหารปิ่นโตเริ่มกลับมาในรูปแบบเพิ่มน้ำหนัก ทั้งผัดกะเพราหมูกรอบ พะโล้คากิ แกงเทโพใส่หมูสามชั้น ส่วนวันนี้ก็หมูกระทะ หมูหมักนุ่มๆ หอมๆ ฝีมือแม่แฟน

“งั้นกินเยอะๆ เลย ชอบกินอะไรบอก หมูกับตับแม่หมักไว้ในตู้เย็นอีกเพียบ”

“ขอบคุณครับ แม่ก็กินเยอะๆ นะครับ” สิงหาคีบปลาลวกใส่ถ้วยให้ คนสูงอายุกินปลาดีกว่าเนื้อสัตว์อื่นเพราะย่อยง่าย แม่น่านนทียิ้มปลื้มกับเนื้อปลาชิ้นสวย ค่อยๆ ละเลียดกินจนสามีหมั่นไส้ สบตาส่ายหน้าให้กับลูกชายคนรองที่เริ่มหมั่นไส้คนโปรดของแม่ตัวเองเหมือนกัน

พ่อแม่นั่งกินหมูกระทะจนอิ่มก็แยกตัวไปนั่งดูโทรทัศน์ที่ชั้นบน ปล่อยเด็กๆ นั่งกินกันต่อข้างล่างพร้อมออฟชั่นเครื่องดื่มมึนเมาที่เสริมเข้ามา

“ปิงไปซื้อน้ำแข็งไป” สมุทรไล่น้องที่ความเร็วมือกับปากยังไม่ลดลง ส่วนเขากับแฟนน้องเริ่มเน้นเครื่องดื่มมากกว่าอาหารแล้ว

“ซื้อทำไม มีเต็มกระติกเลย นี่ไง” น่านนทีลากกระติกมาเปิดให้พี่ชายดู น้ำแข็งเหลือเกือบครึ่งกระติก ในตู้เย็นก็มีอีกถุง

“งั้นไปซื้อกับแกล้มมาหน่อยไป ปลาหมึกเผ็ดๆ ก็ได้ เข้ากับเบียร์ดี”

“กินนี่ก็แกล้มได้ หมูหมักเหลือตั้งเยอะ เสียดาย หรือจะเอาหมูมะนาว เดี๋ยวลวกๆ แล้วทำน้ำยำราดให้” น่านนทีตาวาว หมูมะนาวไม่ได้กินนานแล้ว หมูหมักนุ่มๆ นี่น่าจะเหมาะพอดี

“ไอ้อ้วน ไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้ พี่จะคุยกับพี่สิง โอเคไหม” สมุทรมองน้องชายที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังไล่ อยากไปฟ้องพ่อเหลือเกินว่าบ้านนี้มีกบฏ ทั้งลูกคนเล็กทั้งเมียพ่อ พากันปกป้องไอ้พระเอกนี่เกินไปแล้ว

“ก็คุยไปสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“อ้วน”

“เออๆ ไปก็ได้ ห้านาทีนะ คอยปิ้งหมูให้ด้วยเดี๋ยวกลับมากิน คุณสิงไม่ต้องกลัวนะ มีอะไรตะโกนเรียกแม่ได้เลย มีกองหนุนคอยช่วยอยู่แล้ว” น่านนทีพูดจบก็รีบลุกหนีฝ่ามือพี่ชายขึ้นไปนั่งรวมกับพ่อแม่ที่ชั้นลอยบนชั้นสอง พอพ่อรู้ว่าสมุทรขอคุยกับสิงหาตามลำพังก็ยิ้มปลื้มใจใหญ่



หลังจากน่านนทีลุกไป สิงหาก็วางแก้วในมือลงเช่นเดียวกับสมุทร บรรยากาศเริ่มจริงจังขึ้น สิงหาเคยฟังเรื่องแฟนเก่าของน่านนทีมาบ้างจึงรู้ว่าคนคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของสมุทร เขาคิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจสมุทรบ้าง เมื่อน้องชายต้องเสียใจเพราะเพื่อนตัวเอง ไม่มีพี่ชายคนไหนนิ่งเฉยได้หรอก และเมื่อน่านนทีมีความรักอีกครั้งกับเขา พี่ชายอย่างสมุทรจึงเป็นห่วงมากกว่าเดิม ขนาดคนใกล้ตัวที่รู้จักกันดียังทำให้เสียใจมาแล้ว เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่แปลกที่คนคนนี้จะกังวล

“ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ผมไม่รู้ว่าปิงมันเคยเล่าอะไรให้พี่ฟังแค่ไหนนะ แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นคนยังไงด้วย พ่อแม่อาจจะบอกว่าพี่ดี ปิงมันก็ว่าดี แต่คนดีๆ อาจไม่ใช่แฟนที่ดีก็ได้” สมุทรรินเครื่องดื่มเพิ่มให้อีกฝ่าย

“พี่เข้าใจ เราไม่เคยได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็ไม่แปลกที่จะห่วงน้อง แต่พี่กับปิงไม่ได้คบกันฉาบฉวย เราเรียนรู้กันจนมั่นใจแล้วถึงตกลงคบกันจริงจัง ถ้ากลัวว่าพี่จะมาหลอกปิงก็สบายใจได้”

“แต่งานพี่มันต้องเจอคนหน้าตาดีๆ กว่าปิงมันตั้งเยอะ ไหนจะข่าวอีก เห็นปิงมันเข้มแข็งแบบนี้แต่มันก็ร้องไห้เป็น” สมุทรรู้จักน้องชายมาทั้งชีวิต น้องของเขาเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ชอบอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง มีบางครั้งที่อยากทำตัวออกนอกลู่นอกทางแต่ก็ยังอยู่ในกรอบของคำว่าเด็กดีของพ่อแม่ เพื่อนสนิทอาจจะมีไม่เยอะแต่ก็ไม่เคยมีศัตรู นี่อาจเป็นครั้งแรกที่น้องชายของเขาโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายขนาดนี้ ตอนแรกที่รู้เรื่องเขายอมรับว่าบอกให้เลิกคบกันซะ เขาไม่ชอบที่อยู่ดีๆ น้องต้องโดนลากไปด่าทั่วอินเทอร์เน็ตแบบนั้น

“เรื่องข่าวพี่ต้องขอโทษด้วย ก่อนนี้พี่ขอโทษพ่อกับแม่ไปแล้ว พี่ก็ขอโทษสมุทรด้วยอีกคนที่ทำให้ปิงเดือดร้อน พี่ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่พี่จะจัดการปัญหานี้ถ้ามันลามมาถึงปิง ตอนนี้ก็รวบรวมหลักฐานส่งให้ทนายแล้ว ถ้าคนในเน็ตยังไม่หยุดโจมตีก็จะให้ทนายจัดการตามกฎหมาย ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้นิ่งเฉยหรือพูดแก้ข่าวให้ตัวเองแล้วจบแค่นั้น แต่ทุกอย่างมันมีขั้นตอน ปิงเองก็ไม่อยากให้เรื่องบานปลายใหญ่โตด้วย”

“จะทำอะไรก็ทำ ขอแค่อย่าให้ปิงมันโดนอะไรมากกว่านี้แล้วกัน”

“ไม่รู้ปิงได้เล่าเรื่องพี่ให้ฟังบ้างหรือเปล่า แต่พี่อยากบอกว่าทั้งชีวิตพี่มีแฟนแค่สองคน ปิงคือคนที่สอง พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้หรือคบกันใครเล่นๆ ไปวันๆ พี่จะไม่โกหกว่าไม่เคยเจอใครน่าสนใจมากกว่าปิง ทั้งในวงการนอกวงการหรือแม้แต่ที่อังกฤษที่ไปอยู่หลายปี มันก็มีคนที่ดูดี น่าคบหา น่าจะไปกันได้ดี แต่ก็ไม่เคยรู้สึกอยากก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ได้อยากเดินไปข้างๆ กัน แต่ปิงมีบางอย่างที่ทำให้อยากเข้าหา ยิ่งรู้จักก็ยิ่งสบายใจ พี่อายุสามสิบแล้ว ไม่ได้ต้องการความหวือหวาหรือหวังแค่เรื่องเซ็ก ทุกอย่างมันผ่านการคิดทบทวนและเตรียมพร้อมดีแล้ว พี่อยากให้ความรู้สึกของเราทั้งคู่หนักแน่น มั่นคง ถึงได้ค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกัน เมื่อเรามั่นใจกันและกันและความรู้สึกมันมั่นคงแล้ว อนาคตเราอาจทะเลาะกัน หรือมีปัญหาอื่นเข้ามาอีก แต่พี่เชื่อว่าเราทั้งคู่จะผ่านมันไปได้”

“....พี่รู้ไหม ถ้าพี่พูดต่ออีกนิดผมจะแย่งแฟนน้องแล้วนะ เท่เหี้ยๆ ช่วงนี้กำลังเปลี่ยวอยู่ด้วย หล่อ รวย ดีแบบนี้น่าสนเหมือนกันนะ”

“ไอ้พี่หมุด!! จีบแฟนน้องได้ไง!” น่านนทีลุกขึ้นยืนบนชั้นลอยของบ้าน มองตาเขียวใส่พี่ชายที่แอบหยอดคำหวานให้สิงหา

“โว้ย!! บอกให้ไปไกลๆ ไง มานั่งแอบฟังอยู่ได้ ไอ้เด็กเจ๋อ” สมุทรเงยหน้าตะโกนว่าน้องชายที่ชะโงกหน้ามองลงมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เด็กเจ๋อรีบผลุบหน้ากลับเข้ามาแล้วโบ้ยความผิดให้ผู้สมรู้ร่วมคิด

“พ่อแม่ก็ฟังเหอะ ปิดเสียงทีวีแล้วเนี่ยไม่รู้เหรอ”

“พ่อเปล่านะ พ่อง่วงแล้ว ไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะ” พ่อกดปิดโทรทัศน์แล้วลุกเดินเข้าห้องนอนก่อน กะว่าจะแอบฟังต่อสักหน่อย เจ้าตัวดีดันทำเสียเรื่องหมด

“แม่ไปด้วย กินเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วยนะ พี่สิงถ้าเมาค้างก็ได้นะจ๊ะ” แม่ตะโกนบอกสิงหาแล้วรีบเดินไปหาพ่อที่เปิดประตูห้องรออยู่ แต่ทำไมต้องทำหน้าดุใส่แม่ด้วย

“แม่...”

“อะไรล่ะพ่อ ก็ด่านมันเยอะเดี๋ยวโดนจับ ให้นอนกับเจ้าหมุดไงพ่อก็”

“ครับ ขอบคุณนะครับพ่อแม่ ฝันดีครับ” สิงหาตะโกนขอบคุณ อมยิ้มกับความน่ารักของครอบครัวนี้ น่านนทีเดินกลับมานั่งที่เดิม ส่งยิ้มหวานให้แบบเขินๆ แสดงว่าได้ยินหมดทุกประโยคแน่ๆ เลย

“มาให้ตบกะโหลกสักทีดิ๊” สมุทรลากแขนน้องแต่น้องชายเอนตัวหนี เขาเลยแกล้งล็อกท้ายทอยเขย่าให้มึนเล่นๆ

“อะไรเล่า ก็แม่เป็นคนหรี่เสียงอะ”

“ปิงได้ฟังก็ดีครับ ผมอาจไม่เคยพูดกับปิงแบบนี้แต่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้จริงๆ นะ” สิงหาพูดย้ำกับน่านนทีอีกครั้ง

“ปิงรู้ ขอบคุณนะครับ” น่านนทียิ้มรับ แตะมืออีกคนเบาๆ แทนคำขอบคุณในหลายๆ เรื่องที่พยายามคิดและทำเพื่อให้คบกันได้นานๆ โดยที่เขาไม่เคยรู้เลย เขาแค่รู้สึกว่ามันเป็นแบบนี้ก็ดีนะ เริ่มจากการพูดคุย ทำความรู้จักกัน ชั่งวัดน้ำหนักในใจตัวเองไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งก็ตอบตัวเองได้ว่ามันพอแล้วล่ะ ใช่แล้วล่ะ ต้องเป็นคนนี้เท่านั้นจริงๆ

“ถ้าวันข้างหน้าความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป ผมสัญญาว่าจะบอกปิงตรงๆ เหมือนวันที่เดินเข้ามาขอจีบปิง ปิงเองก็ต้องทำเหมือนกันนะ”

“ครับ เราจะไม่โกหกกัน สัญญาด้วยหมูหมักชิ้นนี้เลย แบ่งคนละครึ่งเลย”

“เกือบแล้วๆ เกือบโรแมนติกแล้ว” สมุทรพูดแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เห็นท่าทางมุ่งมั่นในการใช้ช้อนตัดแบ่งหมูชิ้นใหญ่เป็นสองส่วนแล้วป้อนให้สิงหาเขายิ่งอยากกุมขมับ ถ้ามันแบ่งครึ่งจริงๆ ก็คงดูดีขึ้นมาหน่อย แต่นี่แบ่งไม่เท่ากันแถมเลือกชิ้นเล็กว่าป้อนคนอื่นอีก

“อะไรเล่า ก็ถ้ากินไปมันจะไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไง หนักแน่นกว่าพูดลอยๆ หรือเอาของมาแลกกันอีก”

“เออๆ ตามใจวิถีคนอ้วนเลย”

“พี่หมุด!!”

“อะๆ ชิ้นนี้ยกให้ แหม ยิ่งมีความรักนี่แก้มยิ่งกลมเนอะ เริ่มไม่ค่อยห่วงอย่างอื่นนอกจากน้ำหนักละ” สมุทรคีบตับและหมูที่สุกได้ที่บนเตาใส่ถ้วยน้องชาย เอาใจอีกฝ่ายก่อนที่จะโดนโกรธจริงๆ

“.........” น่านนทีไม่ยอมคีบอะไรเข้าปาก จ้องตาพี่ชายเขม็ง ชอบล้ออยู่เรื่อย ล้อบ่อยๆ คนมันเสียความมั่นใจเหมือนกันนะ เขาไม่ได้อ้วนขนาดนั้นสักหน่อย

“ไม่อ้วนหรอกครับ กินไปก็ย่อย เดี๋ยวค่อยออกกำลังกายก็ได้” สิงหาเอ่ยปลอบคนขี้งอนที่จ้องตาพี่ชายแต่ก็ยังเหลือบมองหมูบนเตาเพราะกลัวจะไหม้

“อ้วนเอ๊ย ยังไม่รู้ตัวอีก เขาไล่ไปออกกำลังกายแล้วเนี่ย”

“ไปไกลๆ เลย”

“ไกลอะไรล่ะ ไหนบอกจะทำหมูมะนาวให้ ไปดิ๊ ลุกเดินซะมั่ง เอวเป็นชั้นหมดแล้ว” สมุทรแกล้งแซวน้องชายที่เดินหน้างอเข้าครัวไปทำหมูมะนาวให้ โดนแซวหนักๆ เข้าก็ทำท่าถือมีดขู่ให้กลัว สิงหามองสองพี่น้องแกล้งกันอย่างมีความสุข เขาเป็นลูกคนเดียวแถมญาติก็น้อย ไม่เคยมีบรรยากาศพี่น้องแบบนี้ พอน่านนทียกจานหมูมะนาวกลับมาวางแล้วนั่งข้างๆ เขาเลยถือโอกาสหันไปกระซิบให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรนะครับ ตัวนิ่มๆ ก็น่ารักดี ผมชอบ” สิงหายิ้มให้คนรักแต่อีกฝ่ายกลับทำตาโตอ้าปากค้าง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของสมุทรที่ดังกว่าเดิม...เขาพูดอะไรผิดเหรอ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2019 16:17:14 โดย G_wa »

ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/




หลังจากให้สัมภาษณ์วันนั้นกระแสข่าวต่างๆ ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีบางส่วนที่ยังกล่าวหาโจมตีเพราะเชื่อข่าวลือมากกว่าแต่ก็ไม่มีผลเสียอะไรในวงกว้าง สิ่งเดียวที่ยังมีผลต่อเนื่องคือการพยายามติดต่อกลับมาของพีท ถึงขนาดติดสอยห้อยตามเพื่อนกลุ่มอื่นของชวินมาร่วมงานเปิดร้านทีไทม์ในวันนี้ด้วย

“ทำไมมันกล้าเชิญตัวเองมาวะ กูล่ะงง” ชวินมองพีทนี่นั่งคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มของเขา คนกลุ่มนั้นเริ่มลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับเพราะงานใกล้เลิกแล้ว ผู้ใหญ่หลายท่านก็กลับไปเกือบหมดเช่นกัน

“เขาก็ห้อยตามเพื่อนมึงมาไง มาในนามเพื่อนมึงอะ” เต้หันไปมองก็รู้ว่ากลุ่มนั้นคือแขกของชวิน พวกลูกคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย เคยเจอกันบ้างตามงานแต่ไม่สนิทด้วย

“แต่กูไปแอบกระซิบถามแล้ว มันบอกไม่ได้ชวน ยังฝากกูมาขอโทษไอ้สิงเลยเนี่ย” ชวินเล่าเรื่องที่แอบไปสืบมาด้วยตัวเอง เรียกว่าพีทมีความพยายามบวกหน้าด้านขั้นสุดแล้ว

“ช่างเหอะ ไม่ต้องไปสนใจก็จบ” คนที่น่าจะเดือดร้อนที่สุดกลับนิ่งที่สุด ก้มหน้ากดส่งข้อความคุยกับคนรักไม่คิดจะสนใจคนอื่นเลย ขายชุดชาได้ก็ส่งข้อความไปอวดรอบหนึ่ง พอขายผ้าปูโต๊ะได้ก็อวดอีกรอบ สงสัยคงอยากให้น่านนทีปั๊มดาวความดีใส่หลังมือแบบเด็กอนุบาลล่ะมั้ง

“แล้วแต่มึงนะ มันเดินมาละ ไม่สนใจกูว่าไม่จบนะ” โบ้ยกแก้วเครื่องดื่มบังปากตัวเองขณะพูดถึงคนที่กำลังเดินตรงมา ทุกคนหันขวับไปมองตามสายตาโบ้อย่างไม่เก็บอาการ ยังไม่ทันตั้งตัวพีทก็เดินเข้ามายืนในกลุ่มอย่างแนบเนียน

“ยินดีด้วยนะ ทุกคนเลย เคยพูดว่าอยากหุ้นกันเปิดร้านเล็กๆ ตั้งแต่สมัยเรียน แต่ไม่คิดว่าจะเปิดร้านชานะเนี่ย ไอเดียนี้มาจากสิงแน่ๆ เลย ไปอยู่อังกฤษนานเลยติดวัฒนธรรมที่โน่นมาแล้วใช่ไหม” พีทเดินมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างชวิน

“ไอเดียทุกคนช่วยๆ กันมากกว่า ความจริงผมแค่จะเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์” สิงหาตอบกลับอย่างสงบไม่มีท่าทางอึดอัดเหมือนอีกสามคน  แค่เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเพราะน่านนทีขอตัวทำงานก่อน แอบบ่นว่าเขาเอาแต่ส่งข้อความมาอวดของกินอยู่ได้ วันนี้ไม่ได้แวะไปหาด้วย คงต้องเอาไปฝากวันหลัง

“สิง...พีทขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” พีทมองหน้าสิงหาอย่างขอร้อง เขาพยายามทำทุกทางแล้วแต่เข้าไม่ถึงตัวเลย ชวินก็ไม่ยอมคุยกับเขาด้วยเช่นกัน

“คุยตรงนี้ก็ได้ ยังไงผมก็ต้องเล่าให้พวกนี้ฟังอยู่ดี”

“.....ก็ได้ พีทแค่อยากขอโทษเรื่องรูปหลุดน่ะ” พีทถอนหายใจ รู้ว่าทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว และจริงอย่างที่สิงหาบอก ต่อให้คุยกันส่วนตัว สุดท้ายสิงหาก็เล่าให้เพื่อนฟังต่ออยู่ดี

“ฝีมือมึงเหรอ” ชวินถามสวนขึ้นมา เอากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

“เปล่าเว้ย ฝีมือพี่หยกกับมีนา” พีทรีบพูดเพราะไม่อยากถูกเข้าใจผิด

“พี่หยกเนี่ยนะ ไหนว่าทะเลาะกับมีนาทำไมไปร่วมมือกันได้” ชวินไม่ค่อยอยากเชื่อเพราะเท่าที่รู้ อดีตผู้จัดการสิงหากับมีนาทะเลาะแตกหักกันไปนานแล้ว

“เส้นสายพี่หยกเขาเยอะตั้งแต่ดูแลสิงแล้วไง ถึงตอนนี้จะไม่ได้ดูแลดาราเกรดเอแล้วแต่หูตายังมีอยู่ มีคนส่งรูปให้เขา เขาก็เลยมาบอกกู แต่กูไม่ได้สนใจเลยไม่ติดต่อกลับ รู้ตัวอีกทีก็เห็นรูปหลุดในเน็ตแล้ว พอโทรไปถามก็บอกมีนาซื้อไปห้าหมื่นแล้วตอนนี้ก็ไปทำงานกับมีนาเหมือนเดิมแล้วด้วย” พีทเล่าด้วยความหงุดหงิด นึกโกรธตัวเองในเรื่องนี้ สองคนนั้นเคยทะเลาะขึ้นขั้นตบตีกันมาแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจะไปแอบติดต่อกันได้อีก

“ผีเน่ากับโลงผุจริงๆ” เต้ฟังแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้ ลึกๆ ทุกคนก็คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือมีนามากกว่าพีท แต่ทุกคนลืมพี่หยกไปเสียสนิท

“ขอโทษจริงๆ นะสิง ถ้ารู้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่พีทคงซื้อเก็บไว้ให้”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบใจนะที่มาบอก” สิงหาส่งยิ้มให้ ปัญหานี้เขาแก้ไขไปแล้ว มันจบแล้ว ถ้ายังมีต่อก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย

“ขอโทษเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะ จริงๆ อยากเคลียร์มากเลย มันอึดอัด...ได้ไหม” พีทพยายามเอ่ยขอร้องอีกครั้ง

“ในงานมีนักข่าวอยู่ด้วยนะพีท ผมกลัวมีรูปหลุดอีก เดี๋ยวแฟนผมเข้าใจผิด เรื่องที่ผ่านๆ มาก็ลืมๆ ไปเถอะ ผมไม่คิดอะไรแล้ว”

“....ถ้าขอนัดเคลียร์วันหลังก็คงไม่ยอมอยู่ดีใช่ไหม”

“ครับ”

“....ไม่อยากพูดตรงนี้จริงๆ นะเนี่ย ดูไอ้พวกนี้ดิ หูกางแทบกระดิกอยู่แล้ว” พีทมองกลุ่มเพื่อนที่เคยสนิทอย่างแสนเสียดาย โดยเฉพาะชวินที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทที่สุด

“ด่ากูเป็นหมาเดี๋ยวมีสวนนะบอกเลย คนละกลุ่มกันแล้วตีกันได้ไม่ผิด” ชวินแกล้งกระดิกเท้ายั่ว พอหมดอีโก้ก็มาทำตัวน่าสงสาร คนที่เสียใจที่สุดคือเขาเนี่ยแหละ...เฮ้อ

“เออๆ...ตอนนั้นก็ขอโทษจริงๆ แล้วกันที่นอกใจ มันกดดันเรื่องที่บ้านด้วยแล้วก็อยากลองด้วยนั่นแหละ ตอนแรกมีนาก็ว่าเล่นๆ ไม่ต้องจริงจัง ไม่คิดว่าจะปล่อยท้องเหมือนกัน แต่พีทเคยมีอะไรกับมีนาแค่สองครั้งเองนะ ยังงงอยู่เลยว่าทำไมติดง่ายจัง” เขาถอนหายใจก่อนพูดออกมา มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หลังเรียนจบสิงหารับงานเต็มเวลา เวลาว่างที่เคยมีให้ก็หายไป ส่วนเขาตอนนั้นยังลังเลเรื่องเรียนต่อหรือออกมาทำงานเลยดี เริ่มเข้าไปเรียนรู้งาน ที่ชอบที่สุดคือถ่ายแฟชั่นลงนิตยสาร แล้วเขาก็เริ่มสนิทกับมีนาจากจุดนี้ ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะเขาทะเลาะกับสิงหาเรื่องเดิมๆ คืออีกฝ่ายเบี้ยวนัดไปเที่ยวต่างประเทศเพราะมีคิวถ่ายหนังงอกมาสามคิว อาจจะเป็นเพราะความเมา หรือความใจง่ายของเขากับมีนาที่ทำให้มีความสัมพันธ์กัน เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิงได้ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ในความรื่นรมย์มีความขยะแขยง มีความสะใจและ...สบายใจ ครั้งที่สองเป็นการเริ่มต้นจากเขาเอง เขาอยากรู้ว่าตัวเองทำได้จริงๆ ไหม เคยพยายามลองกับผู้หญิงคนอื่นแต่ก็ไม่ได้ แต่พอเป็นมีนา ทุกอย่างมันง่ายมาก เราเข้ากันได้ดี...ดีมากจริงๆ

“โดนหลอกหรือเปล่า” ชวินขัดจังหวะคนหวนนึกถึงความหลัง แค่มองเขายังรู้เลยว่าพีทรักมีนาจริงๆ ไม่ใช่คบกันบังหน้าแบบที่เคยปรามาสไว้ตอนแรก

“ไม่อะ ท้องจริง คงหวังจับจริงๆ นั่นแหละแต่โชคดีที่เด็กมีบุญไม่ได้มาเกิดกับแม่แบบนั้นก็เลยแท้งไป ตอนพ่อแม่รู้ว่าพีทมีลูก ทุกอย่างแม่งโคตรดี พ่อกลับบ้านแทบทุกวัน แม่ก็อารมณ์ดี แต่เขาก็ไม่อยากได้สะใภ้มีข่าวเสียๆ จับปลาหลายมือเลยช่วยมีนาใส่ร้ายสิง จะด่าว่าเลวก็ได้ ตอนที่รู้ว่ากำลังจะมีลูกมันดีใจจริงๆ นะเว้ย พวกมึงไม่เคยเป็นพ่อคนไม่เข้าใจหรอก มันตื่นเต้นด้วย กลัวด้วย ทั้งเรื่องลูก ทั้งเรื่องสิง พอต้องเลือกใครสักคนเลยเลือกลูก” พีทยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงลูกที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเฝ้ารอ แอบพากันไปฝากครรภ์ พอแท้งก็ปลอบใจมีนาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยมีใหม่ ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าลูกของเขาแท้งเพราะสุขภาพมีนาไม่ดีจริงๆ หรือ...เธอตั้งใจ

“แต่มีนาแท้งก่อนจะปล่อยคลิปที่ลานจอดรถไม่ใช่เหรอ เธอแท้งนานแล้ว แต่พีทก็ยังหมั้นกับมีนา ที่พีทเลือกไม่ใช่ลูก แต่คือมีนา” สิงหาแย้ง ถ้าอยากเคลียร์กันก็ต้องพูดความจริงออกมา

“...ขอโทษนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไปรักยัยบ้านั่นได้ ไม่ใช่ไม่รักสิงนะตอนนั้น แต่มันเริ่มน้อยลงทุกวันได้ยังไงไม่รู้ สิงก็น่าจะรู้สึกใช่ไหมว่าพีทเปลี่ยนไป แต่สิงไม่พูดอะไร มีนาอาจมีหลายๆ อย่างที่พีทต้องการให้สิงเป็น ชอบปาร์ตี้ ไปเที่ยวต่างประเทศ พูดหวานๆ ใส่ ชอบทำเซอร์ไพรส์...มีนาเป็นทุกอย่างที่พีทชอบ แต่พีทก็ไม่อยากเลิกกับสิง พีทสับสน เรื่องทุกอย่างมันเลยเกิดขึ้น”

“คนเราโตขึ้นอะไรๆ ก็เปลี่ยน แต่ไม่ใช่หัวใจ มันไม่ใช่ว่ามีนาเป็นอย่างที่พีทชอบหรอก พีทแค่ไม่รักผมแล้วเลยมองหาความสบายใจจากที่อื่น แต่อาจจะเพราะเราผูกพันกันมานานพีทก็เลยลังเลที่จะเดินจากไป ที่วันนั้นเราเลิกกันมันไม่ใช่ว่าใครเปลี่ยนหรือพีทชอบใครมากกว่าหรอก พีทแค่ไม่รักผม...แค่ไม่รัก แค่นั้น” สิงหามองสบตาพีท เขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองหรือประชดประชัน เขาพูดให้พีทยอมรับความจริง คนรักกัน...เลิกกันเพราะเหตุผลเดียว คือไม่รักแล้ว เมื่อไม่รัก ก็เลยไม่พยายามที่จะทำให้ความสัมพันธ์มันดีขึ้น เมื่อไม่รักก็เลยยอมแพ้ให้อะไรง่ายๆ แต่เพราะไม่อยากเป็นคนผิดถึงได้โทษอย่างอื่น

“....ฮึก....ขอโทษนะ พีทแม่งเลวว่ะ” พีทมองดวงตาคู่คมที่มีประกายอ่อนโยนและเข้มแข็ง มีความเด็ดเดี่ยวชวนให้คนหลงใหล ในดวงตาคู่นี้เคยมองมาที่เขาด้วยสายตาอีกแบบ แต่วันนี้ไม่เหลือแล้ว ยังดีที่ไม่มองเขาด้วยความเกลียดชัง สิงหาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาทั้งชีวิต เป็นเขาเองที่ไม่คู่ควร ตอนนี้แม้แต่การเป็นเพื่อนก็ไม่คู่ควร สิงหาพูดถูก...เขาไม่ได้รักสิงหาแล้ว เลิกรักไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เหมือนกัน การอยู่ด้วยกันกลายเป็นความอึดอัด มองหาตำหนิอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจตัวเองว่าไม่ได้เลือกผิด...สุดท้ายก็พังทุกอย่าง

“คนเราเลิกรักกันได้ ไม่มีใครผิด มันผิดที่พีทโกหกผมก็แค่นั้น แต่ไม่เป็นไร เพราะผมก็ไม่ได้รักพีทแล้วเหมือนกัน” สิงหายิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อพูดคำนี้ในวันที่หัวใจเขามีคนอื่นดูแล

“เหมือนจะเจ็บนิดๆ แฮะ”

“ได้ข่าวว่าพักนี้เปิดตัวตามงานถี่ พ่อแม่ไม่ว่าแล้วเหรอ” เต้ถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ถึงเขาจะไม่รู้สึกสนิทสนมกับเพื่อนคนนี้เหมือนเดิมแต่ก็ไม่ชอบเห็นใครนั่งร้องไห้

“เขาก็ปลงๆ นะ มีนาสร้างเรื่องไว้เยอะตอนหมั้นกัน พ่อกูไปแอบมีน้องชายให้กูด้วย อายุเกือบสิบขวบแล้ว ปิดมิดมาก แม่ช็อกไปเลย” พีทเล่าเรื่องครอบครัวที่พลิกผันอย่างเหลือเชื่อ แต่กลับเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

“เวรกรรม แล้วทำไงล่ะ หย่าเหรอ” ชวินอึ้ง เขาเคยได้ยินจากพ่อมาบ้างว่าพ่อของพีทแอบควงอดีตนางงาม แต่น่าจะควงกันไม่นานนี่นะ หรือมีมากกว่าสอง

“คนแบบพ่อแม่กูคิดว่าเขาจะหย่ากันให้เสียหน้าไหมล่ะ น้องกูอยู่สิงคโปร์กับแม่เขา แม่น้องไม่เอาพ่อกูด้วย ขอแค่ค่าเลี้ยงดู พ่อบินไปหาเป็นว่าเล่น แม่จับไม่ได้มาสิบกว่าปี โคตรเจ๋ง เดี๋ยวนี้น้องก็มาอยู่ที่บ้านบ้างช่วงปิดเทอม มัธยมคงย้ายมาเรียนที่นี่ถ้าแม่ทำใจได้น่ะนะ ช่วงนี้กูเลยสบายหน่อย พ่อมีลูกชายไว้สืบทอดละกูก็ไม่ต้องโดนกดดัน ส่วนแม่เครียดเรื่องเมียน้อยพ่อก็ปลงไปเยอะ ขอแค่กูไม่แต่งหญิงออกงาน พ่อแม่รับได้หมด” พีทพูดอย่างสบายใจ ช่วงนี้เขาก็ควงคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยยังไม่ได้จริงจัง ส่วนผู้หญิงคงไม่เอาอีกแล้ว เข็ดจริงๆ

“เดี๋ยวกูให้แม่ตามส่องพ่อบ้างดีกว่า ตีกอล์ฟบ่อยเหลือเกินช่วงนี้ แม่ก็ไม่ตามไปเลยสักสนาม ไม่ได้ๆ กูไม่อยากมีน้อง” ชวินแกล้งแซวถึงพ่อตัวเอง

“ห่า นินทาพ่อตัวเองเดี๋ยวกูจะฟ้อง” เต้ด่าเพื่อนขำๆ บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น แม้จะไม่เหมือนสมัยก่อน แต่เคลียร์กันให้จบไปชัดๆ ก็ดี อย่างน้อยเจอกันตามงานจะได้เข้าหน้ากันติด เคยสนิทกันมาหลายปี นอกจากเรื่องที่นอกใจสิงหา ส่วนอื่นๆ พีทก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ใช้ได้

“งั้นกูกลับก่อนนะ ขอให้ร้านดังๆ ฮิตๆ นะ ขอบคุณนะสิง แล้วก็ขอโทษอีกครั้งจริงๆ ขอโทษพวกมึงด้วยที่กูเป็นเพื่อนที่เหี้ยไปหน่อย ถ้าหายโกรธกูแล้วก็นัดเจอกันบ้างนะ คิดถึงพวกมึงว่ะ” พีทลุกขึ้นบอกลาเพื่อนเก่า บีบไหล่ชวินแทนคำขอโทษอีกครั้ง

“ไป เดี๋ยวกูไปส่งที่รถ ขอบใจที่มานะเว้ย” ชวินเดินกอดคอพาพีทเดินจากไป นอกจากสิงหา คนที่เสียใจและลำบากใจที่สุดก็คือชวินซึ่งเป็นคนกลางนี่แหละ สำหรับสิงหา พีทไม่เคยเป็นเพื่อน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปคุยกันเหมือนเพื่อน แต่ชวินไม่ใช่ สองคนนี้เป็นเพื่อนกันผ่านทางพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์แบบนั้นจะกลับมาเหมือนเดิมได้สักวันหนึ่ง



หลังจบงานเปิดร้านทุกคนก็กลับมาที่บ้านชวินตามนัดหมาย ภายในห้องดูหนังของบ้านไม่ได้ปิดไฟมืดเหมือนเช่นทุกครั้ง ไฟทุกดวงเปิดสว่างจนหมด แม้กระทั่งประตูห้องก็มีเก้าอี้ไปดันให้เปิดไว้ กฤษณะมองพฤติกรรมลูกชายและกลุ่มเพื่อนอย่างระอา ถ้าจะกลัวกันขนาดนี้จะเข้ามาในห้องนี้ทำไม ไปนั่งที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ได้ สว่างๆ โล่งๆ

“ตอนตั้งกล้องผมเซ็ตให้มันถ่ายรูปอย่างเดียวไม่มีคลิป เพราะงั้นทุกรูปที่เปิดดูคือรูปที่มีอะไรเคลื่อนไหวหน้ากล้องนะ เตรียมใจกันไว้ด้วย” เต้ซึ่งเป็นเจ้าของกล้องรับหน้าที่ดึงข้อมูลในเมมโมรี่กล้องทั้งหมดใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แล้วเชื่อมต่อกับจอโปรเจคเตอร์ คนอื่นอาจจะไม่สังเกตแต่ชวินมองเห็นว่ามือเพื่อนแอบสั่น

“เอาล่ะนะ” เต้ถอยกลับมานั่งรวมกับเพื่อนเมื่อทุกอย่างพร้อม ความสงสารที่มีให้พยูและพ่อไม่ได้ทำให้ความกลัวน้อยลงเลย

ภาพแรกที่เปิดขึ้นมากล้องบริเวณห้องครัว คืนนั้นมีเสียงเคาะประตูห้อง ถ้ากล้องจับความเคลื่อนไหวได้ก็ต้องถ่ายอะไรออกมาบ้าง และก็ไม่ผิดหวัง ภาพที่เปิดขึ้นเห็นโต๊ะกินข้าว ทุกคนแอบสะดุ้งเบาๆ แล้วพยายามมองหาสิ่งผิดปกติในภาพนี้

“อันนี้น่าจะกล้องที่ตั้งบนเคาน์เตอร์ตรงครัว” เต้เปิดภาพต่อไปเรื่อยๆ หลังแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นอะไร

ภาพหลายภาพคล้ายๆ กัน คือความว่างเปลี่ยน เป็นมุมโต๊ะกินข้าวบ้าง หน้าประตูห้องบ้าง มุมครัวบ้าง มีภาพห้าหนุ่มเดินเกาะกลุ่มกันผ่านหน้ากล้อง สร้างความเขินอายและเสียงหัวเราะให้ผ่อนคลายขึ้น วันนั้นมันน่ากลัวจริงๆ แต่พอเห็นภาพตัวเองแล้วตลกมากกว่า หน้าแต่ละคนดูไม่ได้เลย แม้แต่ภาพที่สิงหากอดเอวน่านนทีจนแทบจะกลายเป็นอุ้มก็ยังมี ส่วนชวินนั้นหน้าเหยเกทุกรูป

เต้ไล่เปิดไปเรื่อยๆ จนถึงภาพในห้องนั่งเล่น ช่วงที่ชวินเห็นเงาในกระจก ทุกคนพยายามมองเงาสะท้อนที่กระจกในภาพแต่ก็ไม่มีอะไรเลย ภาพเหตุการณ์แทบจะทำเป็นหนังสั้นได้แต่คงเป็นหนังตลกมากกว่าหนังผี เพราะแม้แต่กล้องในห้องทำงานก็ไม่สามารถถ่ายอะไรติดมาได้ มีภาพที่ตู้เปิดแต่ไม่เห็นตัวพยู เห็นเพียงพระพุทธรูปที่อยู่ข้างใน

“ภาพที่มันล้มๆ นี่คือวันที่เข้าไปเก็บกล้องใช่ไหมวะ” โบ้เอียงคอมองภาพกลับหัวและภาพมืดๆ น่าจะเป็นตอนที่กล้องอยู่ในถุงดำ

“วันที่ชวินโดนขังเดี่ยวไง รีบคว้าใส่ถุงไม่ได้กดปิดมันก็ถ่ายไปเรื่อยๆ” เต้เอ่ยตอบ พยายามแก้ไขภาพกลับหัวให้กลับมาอยู่แนวปกติก่อนเลื่อนไปภาพต่อไป

“ขนาดกล้องที่ชวินถือเข้าห้องน้ำไปด้วยยังถ่ายไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่โถส้วม” โบ้เสียดาย นึกว่ากล้องที่อยู่กับชวินจะถ่ายอะไรได้บ้าง ถ่ายพยูไม่ได้ก็น่าจะติดหน้าเหวอๆ ของชวินก็ยังดี

“แต่มันก็ยืนยันได้น่ะแหละว่าพยูเดินผ่านกล้องไปจริงๆ” สิงหาสรุปข้อมูลที่ได้จากภาพให้แบบง่ายๆ ถ่ายอะไรไม่ติด แต่เพราะมันถ่ายเนี่ยแหละถึงแสดงว่ามีอะไรผ่านกล้องจริงๆ และกล้องถ่ายผีได้จริงเพียงแค่มองไม่เห็นเท่านั้นเอง

“แล้วเอาไงต่อ พ่อว่าไงดี” ชวินกระแซะเบียดพ่อตัวเอง นึกถึงเหตุการณ์ในรูปแล้วขนลุกวาบๆ ยันท้ายทอย พยายามเอาความสงสารมากลบ ขนหายลุกไปได้สองสามเส้นเอง

“สิงแน่ใจเหรอว่าในห้องนั่นมีแค่ผีลูก” กฤษณะถามสิงหาและดึงแขนตัวเองจากมือลูกชายที่พยายามนั่งเบียด

“ถ้าฟังจากที่เขาเล่าเรื่องลุงโพนมา ผมคิดว่ามีแค่พยูนะครับ ห้องผมไม่ได้เฮี้ยนขนาดนั้น ไม่มีเสียงตะโกนเสียงทุบประตูอะไรด้วย”

“แต่เคยโดนลากขาไม่ใช่เหรอ เด็กไม่น่าจะลากไหวนะ”

“เออใช่ หรือว่าผีลุงโพนวะ” เต้นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนเคยโดนลาก เด็กไม่น่าจะลากได้

“แต่พยูก็ดันประตูขังพวกผมสามคนในห้องไหวนะครับ ตอนนั้นทำยังไงก็เปิดไม่ได้” สิงหาค้านตามความเชื่อของเขา เขายังจำความเย็นรอบๆ ข้อเท้าได้ ถ้าความเย็นตอนนั้นคือมือของผีที่จับเขา ก็น่าจะเป็นขนาดมือของเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

“บางทีผีก็อาจมีพลังมากกว่าคนนะครับพ่อ” โบ้เอ่ยสนับสนุนความคิดสิงหา

“แต่เด็กไม่น่าลากขาคนอื่นเล่นแบบนั้นนะพ่อว่า”

“ไม่แน่หรอกพ่อ เมื่อก่อนเคยเล่นซ่อนหากัน บางทีไปแอบตามซอกผมก็เคยลากเขาออกมาเหมือนกัน พยูมันแค่อยากเล่นด้วยน่ะ” ชวินช่วยสรุปให้จากความสนิทส่วนตัว

“ดูเข้าอกเข้าใจกันดีเนอะ จริงๆ สิงไม่ต้องทำอะไรก็ได้นะ ขายห้องให้ชวินซะ แค่นี้ก็หมดปัญหา”

“พ่อออออ หลายสิบล้านนะพ่อนะ ซื้อมาแต่อยู่ไม่ได้ไม่คุ้มนา”

“ก็ไหนว่าเด็กมันแค่อยากเล่นด้วย ก็ไปเล่นด้วยซะหน่อยจะเป็นไร น้องมันเหงา”

“โห่ พ่อไม่พูดเล่นดิ จริงจังนะเนี่ย จะทำให้ไงต่อบอกมา”

“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวลองถามๆ คนอื่นให้”

“ถามตอนนี้เลยนะพ่อ สงสารพยูมัน”

“นั่นไง ก็บอกให้ไปเล่นกับเด็กมันซะหน่อยจะได้เลิกสงสาร”

“โวะ! มันทำได้ที่ไหนเล่า สงสารอยากให้น้องมันไปเกิด ไม่ได้อยากให้มันหายเหงา” ชวินเกาหัวที่เถียงสู้พ่อไม่ได้ ชอบไหลไปเรื่อย เดี๋ยวก็ไปเป่าหูแม่เรื่องตีกอล์ฟจริงๆ ซะเลย

“บ่นๆ เดี๋ยวไม่ช่วยเลย ไปๆ ออกไปนั่งข้างนอกได้แล้ว อุตส่าห์เตรียมใจ ไม่เห็นมีอะไรเลย” กฤษณะลุกเดินนำหนุ่มๆ ออกจากห้อง แยกตัวไปกดโทรศัพท์หาความช่วยเหลือโดยมีสายตาของลูกชายมองส่งอย่างมีหวัง



ระหว่างที่รอพ่อของเพื่อนหาทางช่วย สิงหาใช้เวลาให้คุ้มค่าด้วยการโทรหาครอบครัว เล่าบรรยากาศวันเปิดร้านในวันนี้ให้ทั้งคู่ฟัง สโคนและแยมที่จ้างให้พี่สาวชวินทำโดยใช้สูตรจากแม่ของเขาก็ได้รับคำชมจากหลายๆ คน

“แต่รสมันหวานกว่าที่แม่ทำนิดหน่อย”

“ใช่ แม่ก็กลัวปัญหานี้อยู่เหมือนกัน แต่กลิ่นมันหอมกว่าใช่ไหม” แม่สิงหาขมวดคิ้วมุ่น นึกอยู่แล้วว่ารสชาติต้องเพี้ยนไปจากเดิม

“ใช่ครับ”

“ที่ไทยเป็นเมืองร้อน ผลไม้จะหอมหวานมากกว่า เดี๋ยวแม่กลับไปจะลองปรับสูตรเอง”

“สิงให้คนไปเอาของที่ส่งมาไปไว้บ้านเก่าแล้วนะ ยังไม่ได้ไปดูเลยว่าเป็นอะไร พ่อแม่ส่งอะไรมาเหรอครับ” สิงหาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากให้แม่คิดมาก เขาแค่แกล้งบ่นเพื่อให้แม่รีบกลับมาเร็วๆ

“พวกเสื้อผ้าของใช้ ไปเอามาจัดห้องรอได้เลยแม่จะได้ไม่ต้องแกะเอง” แม่ชิงตอบก่อนพ่อจะพูดแทรกแต่พ่อก็ไม่ยอม

“เอาไปไว้ที่ห้องก็พอสิง เดี๋ยวพ่อไปจัดการเอง ของมันเยอะ” ลีโอไม่อยากให้ลูกเหนื่อยเพิ่ม แค่ทำงานแต่ละวันก็ดูยุ่งจนไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว

“งั้นเดี๋ยวสิงเอาไปใส่ห้องไว้ก่อนแล้วกัน ว่างๆ ค่อยแกะดู พ่ออย่าลืมไปซื้อพวกชุดชากลับมาเยอะๆ นะ พวกผ้าปูโต๊ะด้วย มีคนชมเยอะเลยว่าสวย วันนี้ก็ขายไปหลายชุดเหมือนกัน”

“แม่เขาไปซื้อผ้ามาเยอะเลย บอกจะเอาไปตัดเอง ถูกกว่า ขนมก็จะทำ ผ้าปูโต๊ะผ้าม่านก็อีก สิงบ่นแม่หน่อยนะ ขยันเกินไปแล้ว” ลีโอบ่นให้ลูกชายฟัง แต่ละวันแทบไม่อยู่ติดบ้าน เดินหาของฝากของขายแทบทั้งวัน ขนาดบอกว่าถ้าหมดก็กลับมาซื้อไปใหม่ได้ก็ยังไม่ยอมหยุด

“พ่อพูดถูกนะครับ เย็บผ้าเองเดี๋ยวก็ปวดหลังปวดตา ไม่คุ้มเลย” แค่พ่อพูดถึงผ้าปูโต๊ะฝีมือแม่เขาก็รู้แล้ว ที่นั่นมีผ้าลายสวยๆ รวมถึงลูกไม้สวยๆ แต่ขั้นตอนการเย็บขอบจะยุ่งยาก เขาเคยเห็นแม่นั่งเย็บมือเป็นวันๆ จนปวดหลังมาแล้ว

“เอาน่า แม่ก็ทำเล่นๆ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวหาช่างเย็บให้เองแหละ อย่าบ่นมากทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

“แม่ก็อย่าทำอะไรเกินตัวสิครับ สิงกับพ่อเป็นห่วง”

“แม่รู้น่า ไม่ทำเยอะหรอก เห็นผ้าแล้วมันคันมือ ไม่ได้เย็บนาน ขอแม่ทำสักผืนสองผืนนะ นะคะที่รัก”

“สองผืนพอนะ ผืนเล็ก” ลีโอทำมือกะขนาดให้ดูว่าเผื่อเล็กขนาดไหน ภรรยามองค้อนใส่แต่ก็ต้องตกลงไปก่อน

“ผ้าปูโต๊ะเล็กๆ สองผืน สัญญาค่ะ”

“สิงจำไว้ด้วยนะว่าแม่สัญญาว่าไง”

“ครับ ผ้าปูโต๊ะเล็กๆ สองผืน ถ้ามากกว่านี้จะให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ให้ทำงานอะไร อยู่บ้านให้สิงกับพ่อเลี้ยงพอ เข้าใจไหมครับ” สิงหาย้ำคำสัญญาให้แม่ฟังชัดๆ

“ใช่ เข้าใจไหมครับ” ลีโอพูดตามลูกบ้าง

“ค่า เข้าใจแล้วค่ะ” เธอมองผู้ชายข้างกายสลับกับคนในจอเล็กๆ สีหน้าท่าทางถอดแบบกันมาจริงๆ แล้วอย่างนี้เธอจะกล้าขัดใจได้อย่างไร




ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/
บรรยากาศยามเช้าของวันนี้ค่อนข้างสดชื่นมากกว่าทุกวัน โดยเฉพาะชวินที่นั่งยิ้มรับมื้อเช้า อันที่จริงคือยิ้มไม่หุบตั้งแต่เมื่อวานตอนที่พ่อเดินมาบอกว่าพระอาจารย์จะส่งลูกศิษย์มาช่วยถึงบ้าน...ความช่วยเหลือกำลังจะมาแล้ววววว

“หาหมอไหมลูก พ่อว่าอาการหนักนะ” กฤษณะแซวลูกชายที่นั่งยิ้มเหมือนคนไร้สติ ไม่รู้ดีใจที่จะช่วยผีเด็กพยูได้หรือดีใจที่ตัวเองจะไม่ต้องโดนผีหลอกอีกกันแน่

“พ่อไม่เข้าใจจิตใจอันบอบบางของชวินหรอก พ่อไม่เคยรู้ว่าลูกชายคนนี้ผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะกลับมานั่งตรงหน้าพ่อได้อย่างนี้”

“พอๆ ไม่งั้นจับส่งโรงฯ บาลจริงๆ นะ”

“ส่งไปเลยพ่อ นับวันยิ่งเพี้ยน” เต้บ่นเพื่อนที่เล่นใหญ่เกินหน้านักแสดงตัวจริงที่นั่งใกล้ๆ ชวินกำลังจะเอ่ยเถียงแต่แม่บ้านเดินเข้ามาแจ้งพอดีว่าแขกที่ให้รถไปรับมาถึงแล้ว

ชายสูงวัยรูปร่างผอมสูงผิวคล้ำเดินตามแม่บ้านเข้ามาถึงห้องรับแขก เจ้าบ้านอย่างกฤษณะลุกขึ้นรับไหว้จากคนอายุอ่อนกว่าแล้วเรียกมานั่งข้างๆ

“เด็กๆ นี่อาวุฒิ เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ที่พ่อบอก วุฒิคนนี้ชวินลูกชายพี่ น่าจะคุ้นกันอยู่แล้วนะ ส่วนนี่สิงหา โบ้ เต้ เพื่อนลูกชายพี่เอง”

“สวัสดีครับๆ ไม่เจอกันนาน พี่สบายดีนะ”

“เรื่อยๆ ล่ะช่วงนี้ กำลังทำงานใหญ่เลยยุ่งๆ ไม่ค่อยได้ไปหา เราล่ะสบายดีนะ” กฤษณะถามไถ่ทุกข์สุขเพื่อนรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน ผู้ใหญ่คุยกันเหมือนลืมจุดประสงค์หลักวันนี้ไปแล้ว ชวินที่ใจร้อนกว่าเพื่อนเลยแอบสะกิดเอวพ่อเบาๆ

“มีสะกิดๆ ไอ้เด็กพวกนี้มันใจร้อน คงเบื่อฟังเราคุย เข้าเรื่องกันเลยแล้วกัน”

“ครับพี่ ผมยังไม่รู้อะไรเลยนะครับ อาจารย์บอกให้มาช่วยผมก็มา พี่ณะมีเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ไม่ใช่เรื่องพี่หรอก ปัญหาของเด็กๆ น่ะ พวกนี้ไปเจอผีมา ให้เขาเล่าเองแล้วกัน” กฤษณะเปิดโอกาสให้กลุ่มเด็กๆ เป็นคนเล่า ทุกคนผลัดกันเล่ารายละเอียดทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง มีเกินจริงบ้างนิดหน่อยจากคำพูดชวินแต่สิงหาก็ช่วยแก้ไข วุฒินั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีอาการแปลกใจหรือตกใจในเรื่องราวที่ได้ยิน สมัยก่อนเขาเคยบวชฝากตัวเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิพระอาจารย์อยู่สิบสี่พรรษา ก่อนจะสึกออกมาเพื่อดูแลบุพการี แต่ยังคงถือศีลเคร่งครัดสม่ำเสมอ งานบุญใดไม่เคยนิ่งเฉย งานบางอย่างที่พระอาจารย์ไม่สะดวกมาช่วยก็จะมีลูกศิษย์ช่วยๆ กันแบ่งเบาภาระ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“อืม...เท่าที่อาฟังแล้ววิญญาณเด็กน่าจะบริสุทธิ์มาก ตอนมีชีวิตเป็นเด็กดีไม่เกเรความชั่วมีน้อย บาปมีน้อย ตอนตายไม่มีความแค้น วนเวียนอยู่แต่ความทรงจำตัวเอง ทำเรื่องเดิมๆ ที่เคยทำ วิ่งเล่น แอบคนร้าย รอพ่อ ที่หนุ่มๆ คิดมาอาก็เห็นด้วย ส่วนคนพ่อนี่ก่อนตายเขารู้ตัว เขาสู้ มีความโกรธแค้น ความกลัว เป็นห่วงลูก จิตขณะตายเขายึดติดตรงนั้นก็วนเวียนแค่นั้น จิตก่อนตายเนี่ยสำคัญ ไม่ว่าจะพูดในแง่ธรรมะหรือวิทยาศาสตร์ก็คล้ายๆ กัน ถ้าหากไม่เชื่อเรื่องผีน่ะนะ”

“คล้ายกันยังไงเหรอครับ” โบ้ถามอย่างสนใจเพราะไม่เคยมีใครบรรยายเรื่องแบบนี้ให้ฟังมาก่อน

“อาไม่พูดถึงเรื่องตายนะ อันนี้ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าขับรถกลับบ้านดึกๆ ดื่มมานิดหน่อยมึนๆ ถนนนี่มืดเลย แล้วอยู่ดีๆ ปัง! สติเราวูบดับไป ตื่นมาอีกทีคิดว่าจะคิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”

“ในรถ” เต้ตอบคนแรก

“บ้าน” ตามด้วยชวิน

“โรงพยาบาล” โบ้และสุดท้ายคือสิงหา

“โรงฯ บาลเหมือนกันครับ”

“นี่ไงที่อาบอก จิตสุดท้ายขณะนั้นยึดติดกับอะไรก็จะวนเวียนไปกับสิ่งนั้น อาบอกแค่ว่า ปัง! อาจคิดไปว่ามีรถชน ไม่น่าจะหนักก็น่าจะตื่นมาอยู่ในรถเหมือนเดิม หรือรู้นั่นแหละว่ารถชนแน่ๆ คงวูบไปฟื้นที่โรงพยาบาลเลย ส่วนที่ตอบว่าบ้านอาจเคยทำ เมาแล้วขับกลับมาถึงบ้านได้ไงว้า”

“ฮ่าๆๆ” ชวินหัวเราะไม่สบตาพ่อเพราะเคยทำจริงๆ

“นั่นล่ะที่ลุงจะบอก พ่อลูกคู่นี้วนเวียนในสิ่งที่ยึดติดก่อนตาย คนหนึ่งอยู่ในตู้ คนหนึ่งอยู่ที่โกดัง”

“แล้วทำไมเขาไม่มาหากันล่ะครับ ในเมื่อก็คิดถึงกันอยู่” สิงหาถาม

“ในเรื่องพวกนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าวิญญาณมีการติดต่อสื่อสารกันหรือเปล่า แต่อาเชื่อเรื่องเวลา เวลาเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จิตหรือวิญญาณก็เช่นเดียวกัน เมื่อเขาวนเวียนในช่วงเวลาหรือในสถานที่ที่เขาคิดถึง นั่นคือห้วงเวลาของเขา ที่เล่าว่าไปเอาของในห้องตอนกลางวันก็ยังออกมาหลอก ความจริงในห้วงเวลาที่เขาวนเวียนอยู่มันอาจไม่มีกลางวันกลางคืนก็ได้ อาไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เขาออกมาแสดงตัวบ่อยขึ้น อาจเพราะจำชวินได้ หรือเพราะอย่างอื่น เราไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้ก็รู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กที่วนเวียนที่นั่นเพื่อรอพ่อมารับ ส่วนพ่อเขาก็กำลังโกรธแค้นและปกป้องลูกตัวเองอยู่เช่นกัน”

“หมายความว่าลุงโพนก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าตายแล้วงั้นเหรอครับ” ชวินถาม ถ้าพยูออกมาหาเขาบ่อยๆ เพราะไม่รู้ตัวว่าตาย ลุงโพนก็น่าจะเป็นเหมือนกัน

“ก็อาจจะ ที่เล่ามาคือเขาสู้ยิบตาเลยใช่ไหม เขาคงโดนทำร้ายหนัก อาจจะสลบไปก่อนที่จะโดนฆ่าก็ได้ เป็นแค่การคาดเดา แต่ที่ยืนยันได้คือเสียงตะโกน เขาตะโกนว่าอะไรนะ” วุฒิถามชี้นำให้ชายหนุ่มกลุ่มนี้คิดตาม ดูจากท่าทางการพูดจาน่าจะเป็นคนหนุ่มที่เปิดกว้างทางความคิด คนแบบนี้คุยด้วยง่ายและทำให้งานนี้ง่ายกว่าเดิม

“....ช่วยด้วย....คนที่นั่นได้ยินเสียงร้องว่าช่วยด้วย” ชวินเอ่ยตอบ

“ใช่...เขาร้องให้ช่วย ไม่ใช่ช่วยแค่เขา แต่ช่วยลูกเขาด้วย ลูกน้อยที่เขาเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อไม่ให้โจรเข้าไปในโกดัง” วุฒิมองลูกชายเพื่อนรุ่นพี่ที่มีสีหน้าสลดลง ความสนิทสนมกับสองพ่อลูกนี้ตอนมีชีวิตทำให้เกิดความสงสาร แต่สงสารมากไปก็ไม่ดี ทำให้จิตใจเป็นทุกข์เปล่าๆ คนเป็นคนตายอย่างไรก็อยู่คนละโลก การยึดติดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี

“ผมอยากช่วย อาแนะนำวิธีช่วยพ่อลูกคู่นี้ได้ไหมครับ”

“อาต้องบอกก่อนนะว่าอาไม่ใช่หมอผีคนทรงเจ้าอะไรแบบนั้น และที่วนเวียนอยู่นี่อาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นวิญญาณทั้งดวง หรือแค่เสี้ยวดวงจิตที่ยึดติดก่อนตาย”

“มันต่างกันเหรอวุฒิ” กฤษณะเอ่ยถามครั้งแรกเพราะเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน แต่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง

“ก็แทบไม่ต่าง อย่างของขลังบางอย่างหรือสถานที่บางแห่งที่ผู้คนนับถือ เรานับถือที่ความดีเขาใช่ไหมพี่ คนดีมีบุญมากตามความเชื่อตายแล้วต้องขึ้นสวรรค์หรือไปเกิด แต่ทำไมของยังขลังอยู่ ทำไมยังตั้งศาลกราบไหว้ขอนั่นนี่หรือกระทั่งมีคนเคยเห็น ตัวผมเองเชื่อว่านั่นเป็นแค่เสี้ยวดวงจิตที่ยังอยู่ นานวันเข้าก็จะเสื่อมสลายไป ของขลังบางอย่างนานๆ ไปก็ไม่ขลัง หรือพวกบ้านผีสิงที่ว่าเฮี้ยนๆ แต่คนรุ่นหลังไปลองของกันเป็นว่าเล่นบอกไม่เห็นเจออะไร มันอาจเคยมีแต่เสื่อมสลายไปแล้ว”

“นั่นหมายความว่าถ้าในห้องสิงเป็นแค่เสี้ยว เราก็ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวก็หายไปเอง” กฤษณะตีความตามคำพูดอย่างรวดเร็ว

“ห้องสิงนี่ผมไม่แน่ใจนะ เหมือนเขาจะเป็นดวงจิตทั้งดวงมากกว่า เพราะการกระทำเขาไม่ได้วนลูป แต่พ่อเขาที่โกดังผมว่าเป็นแค่เสี้ยวดวงจิตนะ ไม่งั้นคงไม่ทำอะไรซ้ำๆ เดิมตลอด ขนาดรื้อโกดังทิ้งก็ยังทุบอยู่เลย ของมันไม่มีแล้วเขาทุบอะไร ที่เขาทุบคือความทรงจำที่ยังยึดติดเอาไว้ในช่วงเวลาก่อนตาย หรือแม้แต่การที่เขาดึงขาคนโน้นคนนี้ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวหรือดวงวิญญาณ เพราะเราไม่เห็นเหตุการณ์ต่อสู้ของเขา มันพูดยากเหมือนกันนะพี่ แต่ให้เดาคิดว่าคนพ่อนี่น่าจะแค่เสี้ยว” วุฒิพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ เขาเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแม้จะเคยแก้ปัญหาแบบนี้ให้หลายคน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มานั่งเปิดตำราแล้วแก้ได้เลย ต้องลองเดาทางกันทั้งนั้น

“งั้นเราจะทำยังไงล่ะ ที่นึงอยู่ครบ อีกที่มีเสี้ยวเดียว” กฤษณะมองหน้าลูกชาย ลึกๆ เขาก็สงสารและไม่ต้องการให้ลูกต้องยุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้อีกแล้ว ต้องหาทางแก้ และแก้ให้เร็วที่สุด

“ต้องลองดูก่อน ถ้าเขาผูกพันกับลูกมาก แค่เสี้ยวเดียวก็มีผล” วุฒิพูดอย่างหนักแน่น สองพ่อลูกที่ต้องตายจากกันในสภาพนี้ชวนให้สงสารพอแล้ว ถ้าช่วยให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี แต่เขาสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย



เสียงริมฝีปากเป่าลมระบายความเผ็ดภายในปากดังสลับเสียงสูดเส้นเข้าปากคำใหญ่ ปากเล็กๆ อมเส้นขนมจีนน้ำยาป่าไว้เต็มปาก เคี้ยวจั๊บๆ เด็ดผักชีฝรั่งใส่ปากตามเข้าไป เคี้ยวไปกลืนไป หมดคำก็หยิบปีกไก่ทอดมาแทะต่อ

“คุณสิงอิ่มแล้วเหรอ ไก่ทอดอร่อยนะ เข้ากัน”

“ผมกินเร็วอิ่มเร็ว เดี๋ยวแทะไก่เป็นเพื่อน” สิงหาหยิบปีกไก่มานั่งแทะจริงๆ น่านนทียิ้มแป้นแก้มกลมดิกเพราะตักขนมจีนคำใหม่เข้าปากคำใหญ่ เส้นในจานหมดแล้ว เติมอีกสักครึ่งจับพอ ตักน้ำยาราดโชกๆ ลูกชิ้นปลากรายสองลูกเน้นๆ เด็ดผักใส่เยอะๆ ถั่วงอกเอย ผักดองเลย ขาดไม่ได้คือผักชีฝรั่งที่เข้ากันมากๆ ผักชักเยอะไปละ น้ำแห้งเลย เติมน้ำยาอีกนิด มองเส้นไม่เห็นเลย เติมเส้นหน่อยแล้วกัน

“ดูมันกินนะพี่สิง เติมไปเรื่อย” แม่น่านนทีอดแขวะลูกชายตัวเองไม่ได้ คนอื่นเขาอิ่มกันแล้วเจ้าตัวดีนี่ยังไม่หยุด วันนี้สิงหาพามาส่งหลังเลิกงานเพราะเธอย้ำกับลูกชายแล้วว่าให้ชวนมา จะทำขนมจีนน้ำยาหม้อใหญ่ อยากให้มาลอง แต่คนที่ถูกใจคือคนที่ทั้งมือทั้งปากเลอะไปหมดนี่ล่ะ

“ฮ่าๆๆ ของชอบเขาครับ บ่นตลอดว่าอยากกินๆ แต่แม่ทำอร่อยจริงๆ นะครับ ผมก็ไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน”

“ชอบก็เติมอีกนิด แข่งกับเจ้าปิงหน่อย เห็นลูกกินทีแม่ใจสลาย เหมือนแม่เลี้ยงให้อดๆ อยากๆ”

“แม่อะ ก็แม่ทำอร่อย แซ่บดี หอมกระชายด้วย ซื้อข้างนอกปลาก็น้อยแถมไม่หอมอีก แม่ต้องภูมิใจสิที่ลูกรักฝีมือแม่ขนาดนี้”

“จนคนอื่นเขาอิ่มหมดละ เรายังเติมไม่หยุดเลย”

“แม่อะ”

“ให้ลูกกินไปเถอะน่า แม่ขึ้นมาดูทีวีกับพ่อมา” พ่อตะโกนลงมาช่วยลูกรักจากชั้นสอง น่านนทีลอยหน้าลอยตาอวดแม่ที่มีคนเข้าข้าง”

“เหลือไก่ไว้ให้พี่เขาด้วยล่ะ ไม่ใช่กินเพลิน อิ่มก็พอ”

“กินไปเลยลูก หมดเดี๋ยวทอดใหม่ หมักไว้ตั้งเยอะ” พ่อยังคงตะโกนช่วยอีกครั้งจนแม่หมั่นไส้แกล้งบีบแก้มป่องๆ จนขนมจีนเกือบทะลักออกจากปาก

“แอ๊!!” น่านนทีดึงหน้าหนีแม่ตัวเองอย่างยากลำบากเพราะกลัวอาหารพุ่งออกมา แค่นี้สิงหาก็นั่งหัวเราะเขาจนอิ่มแล้ว

หลังผู้ใหญ่แยกตัวไป น่านนทีก็เริ่มถามความคืบหน้าของแก๊งปราบผี โดยกำชับให้สิงหาเลือกใช้คำที่ไม่น่ากลัว หรือข้ามอะไรที่น่ากลัวๆ ไปให้หมดเลยก็ได้ เล่าย่อๆ แบบไม่ต้องหลอนมาก สิงหาอมยิ้มก่อนเรียบเรียงคำพูดก่อนเล่าเรื่องพยูให้ฟัง แน่นอนว่าเรื่องของพยูกับพ่อไม่น่ากลัวแต่กลับน่าสงสารมากกว่า คนเตรียมตัวยกมือปิดหูก็ย้ายมาปาดน้ำตาตัวเองแทน เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง พ่อของพยูก็น่าสงสาร คงเป็นห่วงลูกมาก

“แล้วตกลงต้องทำอะไรบ้างถึงจะช่วยพ่อลูกคู่นี้ได้”

“ตอนนี้ก็ต้องหาวันก่อนว่าเขาเสียชีวิตวันไหน ถ้าทำพิธีวันครบรอบวันตายก็อาจจะได้ผลดีกว่า แต่ถ้าต้องรอนานมากก็ไม่จำเป็น แล้วก็ต้องไปติดต่อเจ้าของที่คนใหม่นั่นด้วยเพราะเราต้องไปทำพิธีที่นั่น พวกนี้ชวินกับเต้อาสาจัดการเอง”

“แล้วตู้คุณสิงล่ะ ต้องรื้อด้วยไหม”

“ต้องรื้อไปด้วย น่าจะต้องเผาทิ้งหรือไม่ก็เอาไปบริจาคให้วัดก็ได้ ต้องถามอาวุฒิอีกที” เรื่องตู้เขาเคยถามอาวุฒิแล้วว่าที่พยูออกมาอาละวาดหนักจะเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เอาไปใส่หรือเปล่า อาวุฒิไม่ได้ตอบอะไรแค่ถามให้คิดว่าคนดีต้องกลัวพระไหม...วิญญาณบริสุทธิ์ดวงหนึ่ง ทำไมต้องกลัวพระ

“เผาไม่ดีกว่าเหรอ ในเมื่อน้องติดอยู่ในตู้ เขาจะได้ไปเกิด”

“อาวุฒิบอกว่าเรื่องผีเนี่ยไม่เคยมีใครรู้จริงหรอก ส่วนมากลองผิดลองถูกทั้งนั้น อาศัยความเชื่อของตัวเองทดลองไปเรื่อย ตัวอาวุฒิเองเชื่อว่าพยูยึดติดกับคำพูดของพ่อมากกว่า ตอนเจอพวกโจรลุงโพนอาจบอกให้ลูกไปซ่อนตัว ส่วนตัวเองก็ปิดประตูโกดังอยู่ข้างนอกแล้วตะโกนหาคนมาช่วย ที่เด็กยึดติดจริงๆ อาจเป็นคำพูดของพ่อ ไม่ใช่ตู้ แต่นี่ก็แค่การเดาเอาเองล้วนๆ ถ้าทำพิธีแล้วเขาหายไป ตู้ก็เอาไปบริจาคตามวัดตามโรงเรียนจะเกิดประโยชน์กว่า ไม้แท้นะ แผ่นใหญ่เนื้อแข็ง ทำประโยชน์ได้มากกว่าเผาทิ้งเฉยๆ ถือว่าทำบุญให้สองพ่อลูกได้อีกทาง”

“ยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่เอากลับไปตั้งในห้องเหมือนเดิมก็พอ”

“ตกลงสงสารหรือกลัวเนี่ย ตาแดงหมดแล้ว” สิงหาดึงทิชชู่เช็ดมือตัวเองก่อนส่งอีกแผ่นให้คนรักซับน้ำตา แต่น่านนทีเอาไปเช็ดปากแล้วหยิบปีกไก่มาแทะต่อ

“ก็สงสาร แต่ไม่ต้องเจอกันได้ไหมเล่า เดี๋ยวพาไปหาพ่อ”

“พูดเหมือนจะไปทำพิธีด้วยเลย ว่าไงครับ สนใจไหม”

“ไม่เอาอะ ปิงกลัว” เขาส่ายหัวจนหน้าสั่น ขออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เหมือนเดิม

“ไม่อยากเห็นเหรอ ไหนๆ ก็เคยเจอเขาที่ห้อง ถือว่าไปอโหสิกรรมครั้งสุดท้าย” สิงหาแกล้งตื้อเอ่ยชวนอีกครั้ง

“ขออโหสิที่บ้านได้ไหม เดี๋ยวใส่บาตรให้ทุกวันเลย นะๆๆ ปิงไม่ไปนะ”

“ครับ ผมก็ล้อเล่น ไม่ต้องไปน่ะดีแล้ว เดี๋ยวผมพะวงเปล่าๆ แค่ชวินคนเดียวก็ห่วงจะแย่แล้ว กลัวมันโดนอะไรอีก ทั้งพยูทั้งลุงโพน มันดันรู้จักทั้งคู่เลย”

“พี่ชวินจะไปเหรอ เดี๋ยวก็ช็อกอีกหรอก” พูดถึงชวินเขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน พ่อบอกว่าคนจิตอ่อนโดนผีหลอกง่าย แล้วนี่จะไปพิธีไล่ผีด้วย ถ้าเกิดโดนสิงอีกรอบหรือเห็นอะไรจังๆ อีกจะทำไง

“มันร้องไห้เลยนะตอนรู้เรื่อง กลัวจะช็อกอีกเหมือนกัน แต่มันยืนยันว่าจะไปส่งน้องกับพ่อ”

“แล้วพ่อแม่คุณสิงตกลงจะมาเมื่อไร ปิงตื่นเต้น” น่านนทีเปลี่ยนเรื่อง เขารู้เท่าที่อยากรู้แล้ว เอาไว้จบเรื่องค่อยให้สิงหาเล่าให้ฟังอีกที

“วันจันทร์หน้าโน่นเลย ไม่ใช่จันทร์ที่จะถึงนี้นะ มาถึงเช้ามืดเลย สนใจไปรับพ่อแม่ผมด้วยกันไหม”

“ไม่เอา ปิงเขิน ขอรอต้อนรับที่คอนโดฯ แทนนะ”

“จองตัวไปดินเนอร์แล้วนะ ห้ามลืมห้ามเบี้ยว”

“ครับๆ ไม่เบี้ยวหรอกน่า”

“เฮ้ยๆๆๆ ทำอะไรกัน โห ไอ้อ้วน แทะกระดูกเป็นกองเลย เหลือให้พี่บ้างเปล่าเนี่ย” เสียงสมุทรดังลั่นบ้านเมื่อเดินเข้ามาแล้วเห็นน้องชายนั่งกับแฟนตามลำพัง ถึงบรรยากาศจะไม่ได้สวีตแต่คนโสดแบบเขาเห็นแล้วอิจฉา

“โอ๊ย! พูดมาก เหลือตั้งเยอะแยะ กองนี้มันของคนอื่นรวมๆ กันเหอะ ไม่ใช่ของปิงคนเดียวสักหน่อย”

“ไปเอาจานมาให้พี่ดิ๊ รถโคตรติด เมื่อยขาไปหมดแล้ว” สมุทรนั่งลงบนเก้าอี้ แย่งแก้วน้ำน้องมาดื่ม จะแย่งไก่ด้วยแต่มันรู้ตัวเอามือหลบทัน

“ไปเอาเองงงงง เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วเนี่ย”

“ก็ไปเอาให้หน่อย บริการพี่ชายหน่อยไม่ได้ไง”

“ฮึ่ยยยย เรื่องมาก กินเสร็จล้างเองด้วย” เขาบ่นแต่ก็ต้องลุกไปหยิบจานหยิบช้อนส้อมให้ ไม่งั้นก็โดนแกล้งไม่หยุดสักที

“ทำไม อิ่มแล้วเหรอ กินเป็นเพื่อนก่อน”

“อิ่มแล้ว....เดี๋ยวแทะไก่เป็นเพื่อนก็ได้ เอาอีกไหมอะ เดี๋ยวทอดใหม่ให้” น่านนทีตาปรอยมองปีกไก่สามปีกที่เหลือในจาน

“ฮ่าๆๆๆ โทษๆ มันหลุดนะ อย่างอนนะ” สิงหาหลุดหัวเราะเมื่อเห็นแววตาใสซื่อของแฟนตัวเอง อะไรคือกินเป็นเพื่อน นี่นั่งกินมาเกือบชั่วโมงยังไม่อิ่มอีกเหรอ ฟังเรื่องพยูไปกินไปเพลินใหญ่เลยนะ



การทำพิธีช่วยพยูและพ่อไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปัญหาของเวลาและสถานที่ ชวินกลับไปคุยกับลุงโชคอีกครั้งเพื่อสอบถามวันและเวลาตายของสองพ่อลูก ลุงโชคและลูกชายยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง วันครบรอบวันตายคือวันที่xxเดือนหน้า ส่วนเรื่องสถานที่นั้นลุงโชคยินดีจะไปคุยกับเจ้าของใหม่ให้ เพราะฝ่ายนั้นก็เจอปัญหาเหมือนกัน น่าจะอยากให้ทำพิธีมากพอๆ กัน อาวุฒิแนะนำว่าให้ทำพิธีในวันครบรอบวันตาย โดยเริ่มจากพิธีเรียกวิญญาณพยูที่ห้องสิงหา รื้อตู้แล้วย้ายมาประกอบใหม่ที่ที่ตั้งโกดังเก่า จากนั้นค่อยเรียกวิญญาณลุงโพน สุดท้ายคือพิธีสวดให้สองพ่อลูกได้หลุดพ้นจากโลกนี้



ช่วงนี้สิงหามีเทรนเนอร์ส่วนตัวรับหน้าที่ส่งปิ่นโตอาหารเพิ่มน้ำหนักให้ทุกวันจนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้กำกับต้องการก็เริ่มถ่ายทำหนังสั้นทันที เนื่องจากเป็นหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติซึ่งจะฉายในวันหยุดราชการตอนสิ้นปี บทพูดจึงค่อนข้างสำคัญโดยเฉพาะรายละเอียดสำคัญทางวิชาการ ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขาจะนั่งท่องบทอยู่เสมอ

กระทั่งตอนนี้ที่เขากำลังยืนรอที่จุดผู้โดยสารฝั่งขาเข้าก็ยืนอ่านบทที่จะถ่ายในวันพรุ่งนี้สลับกับเหลือบมองข้างหน้าตลอดเวลา ผู้คนรอบข้างมีบางส่วนที่เหลือบมองมาทางเขา แม้จะใส่แว่นสวมหมวกแต่ช่วงนี้มีข่าวบ่อย คนที่จำเขาได้ก็เลยมีอยู่บ้าง บางคนก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย บางคนก็ชมว่าหล่อกว่าในหนัง บางคนแสดงตัวว่าเป็นแฟนคลับตั้งแต่สมัยก่อน ดีใจที่เขาไม่ได้ผอมเหมือนในรูปแล้ว รอยยิ้มที่เขามีให้ทุกคนได้รับการตอบกลับมาอย่างดี หลายคนที่แอบมองอยู่ห่างๆ จึงเริ่มเข้ามาขอถ่ายรูปมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึง กว่าคนจะเริ่มบางตาลงจน ใบหน้าหวานๆ ของหญิงไทยสูงวัยคนหนึ่งก็มายืนอยู่ตรงหน้า ข้างกายมีฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ ลงพุงนิดๆ ใบหน้าคมเข้มแต่มีรอยยิ้มใจดี ทั้งคู่ยืนส่งยิ้มมาให้เขา เป็นรอยยิ้มแห่งความคิดถึง และ...ภาคภูมิใจ

“พ่อ แม่...คิดถึง...ที่สุดเลยครับ”




—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—


อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วววว ก็ใกล้จบแล้วน้า


เรื่องนี้จะทำหนังสือนะคะ ก่อนจบจะทำแบบสำรวจยอดจองนิดนึง ใครสนใจฝากติดตามด้วยน้า

Fanpage : Gwa.Novel
Twitter   : Gwa_Novel






ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สงสารพยูกับพ่อมากค่ะ ตอนนี้ไม่หลอน แต่เศร้า

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ตอนแรกว่ารอดจากผี. ตอนหลังนี้ไม่รอดจากของกินแฮะ. ไก่ทอดน่ากินมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สาธุ อ่านตอนนี้จบแล้วนึกถึงเลย เก็บรายละเอียดดีจังเลย คนเขียนเขียนเก่งมาก

ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พยูใกล้ได้ไปสู่สุคติแล้วให้เรื่องจบลงด้วยดีสำเร็จนะ. ส่วนพี่สิงกับนทีก็น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao6:อ่านตอนนี้แล้วหิวมากเลย

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอให้พิธีส่งดวงจิตพยูและพ่อพยูประสบความสำเร็จ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ทำพิธีให้พ่อลูกได้เจอกันจะได้ไปสู่สุคติเนอะ แต่ที่แน่ๆอยากกินขนมจีน แทะไก่บ้าง หิวเลย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ง่ะ จะจบแล้วพี่หมุดยังไม่เจอชวินเลย

เขาจิ้นหมุดชวินอ่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารพยูกับพ่อมากเลยค่ะ น้องน่าสงสารที่ยังรอพ่อในตู้ ส่วนพ่อก็โกรธแค้นกลัวลูกจะอันตราย ไม่น่าจะรู้รึเปล่าว่าตายแล้ว ส่วนชวินน่าเห็นใจตรงรู้จักทั้งคู่ คุณสิงกับปิงอยู่ในช่วงหวานชื่นจนพี่สมุทรอิจฉาอีก น่ารักน่าเอ็นดู ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่ารไปยิ้มไป  ปิงเอ้ยเพล่าๆเรื่องกินหน่อยอ้วนแล้วบดลำบากมากเลยนะเหมือนพี่นี้

ออฟไลน์ heaven13

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ลุ้นตลอดเรื่องผี
ชอบความรักของสิงหากับปิง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ขอให้ช่วยน้องพยูนสำเร็จ สงสารน้องกับพ่อ    แล้วก็ขอให้หนังพี่สิงทำเงินร้อยล้าน จะได้คัมแบ๊คแบบชื่นใจแฟนๆ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
หิวไก่

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew2:  ปีกไก่ทอดน่ากินมากกกกก          ขอเวลาและฉากสวีทให้พี่สิงห์กับน้องปิงเยอะๆหน่อยนะค้าาาาาา

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เอ็นดูปิง นางน่ารัก เอ็นจอยอีตติ้งมาก แฟนก็ไม่ห้ามเลย ใกล้จบแล้วเหรอคะ ยังสนุกอยู่เลย อยากให้ชวินกับพี่หมุดมีคู่บ้าง เอ๊ะ หรือว่าคู่กันเลยก็ดรนะ  :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อยากรู้ว่าเรื่องจะไม่ง่ายขนาดไหนแต่ก็กลัว ฮือออออออออ
คุณพ่อคุณแม่มาแล้วปิงพร้อมยังงงงง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ภาพประกอบที่เห็นเนี่ย คงจะเป็นสิ่งที่ให้พี่หมุดกินแน่ ๆ ถ้าเป็นของปิง ต้องเป็นภาพกระดูกไก่ กับจานเปล่า ๆ วางไว้รอให้พี่หมุดเอาไปล้าง  :laugh:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ในส่วนของผีน่าสงสารมากส่วนของปิงกับสิงก็น่ารักกันไป

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ปีกไก่ยั่วมากค่ะ อ่านตอนดึก  :hao5: หิวเลยยย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 ในความหลอน ก็มีปิงมาดับหลอนได้ตลอด
น่ารัก และน่าหยิกมากค่ะ จะไม่ให้ขำกันได้ไง
มองของกินตาปรอย ทักอ้วนหน่อยก็งอน
ไม่ให้กินก็ไม่ได้ บอกว่าฝีมือแม่อร่อย
ยิ่งฟังเพลินก็กินเพลินด้วยเลย น่าเอ็นดู น่าจิ้มแก้มมาก

โอยยย พอมีคนรู้วิธีมา กลายเป็นหลอนไปอีกแบบค่ะ
อยากช่วยก็อยาก กลัวก็กลัว แต่ประเด็นคือ ทำไมสังหรณ์ว่าไม่ง่าย
ตรงนี้แหละ ทำหลอน ตอนทำพิธีจะเป็นยังไงไม่รู้บ้าง
ยิ่งไม่อยากคิดถึงตอนรื้อตู้เลย ถ้าพยูคิดว่าเป็นที่ของเค้า
อยากให้พ่อโพนกับพยูเจอกัน แล้วจะได้หมดห่วงนะ

ร้านพรีแล้ว ตกแต่งสวยมากค่ะ ทีไทม์จริงๆ เลย
สวนอังกฤษมาก หุ้นส่วนก็ลงตัว พ่อแม่สิงหาก็โอเค

พ่อแม่สิงหาน่ารักดีค่ะ มีแหย่มีหยอก
ตลกพ่อปิง ทำไมแกล้งแม่แบบนั้น หรือเอ๊ะ เคืองจริง 5555
สมุทรก็ชอบแหย่น้อง ก็แหย่สนุกอะเนาะ มันเขี้ยว

พีทคะ เคลียร์แล้ว จบแล้วเนาะ มันยากที่จะกลับมา
แต่กับชวิน คงไม่นาน อาจจะต้องให้เวลาอีกนิด
พ่อชวินน่ารักดี ทั้งรักและเอ็นดูลูก ดูแหย่แต่ละอย่าง
แล้วอะไรคือหลอนพ่อไปตีกอล์ฟบ่อยคะ




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด