ลานกว้างที่ใช้ทำพิธียังมีกลุ่มคนจับกลุ่มนั่งพูดคุยกันเบาๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ปลอดโปร่งโล่งใจมากกว่า น้อยฟื้นขึ้นมาหลังจบพิธีนั่งร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวดทั่วร่าง และจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ลุงโชคกับทวีเดินไปขอบคุณเจ้าของสถานที่ที่มาร่วมพิธีด้วย กล่าวขอโทษขอโพยกันกับปัญหาที่อีกฝ่ายต้องประสบตั้งแต่ซื้อที่ตรงนี้มา จากนั้นก็พาคนงานทั้งสามคนไปหาหมอทำแผลให้เรียบร้อย
อาวุฒิเผาเศษไม้บางส่วนทิ้ง และขอไม้ที่ยังพอใช้งานได้ไปใช้ต่อ มันอาจกลายเป็นโต๊ะเรียนสำหรับเณรน้อยที่มาบวชเรียน หรือตู้รับบริจาคในวัด หากวิญญาณสองพ่อลูกยังคงมีส่วนหนึ่งยึดติดกับสิ่งนี้อยู่ก็จะได้รับผลบุญต่อเนื่องไป
กฤษณะขอบคุณเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองคนที่มาช่วยแก้ปัญหาให้เด็กๆ เขาขอตัวกลับไปก่อนพร้อมชวินที่มีอาการเซื่องซึมจากความเครียดตลอดคืน รอยยิ้มก่อนจากที่ส่งให้เพื่อนๆ แม้จะฝืนอยู่บ้างแต่ก็มีความโล่งใจปะปนอยู่ อาป้องส่งสร้อยพระของตัวเองให้ชวินคล้องคอเอาไว้ ร่างกายไม่มีบาดแผลเหมือนคนอื่น แต่ความผูกพันทางใจกับวิญญาณดวงหนึ่งที่ยึดติดเขามานานมีผลกระทบไม่น้อย หากชวินไม่ดีขึ้นเขาแนะนำให้ไปถือศีลที่วัดสักระยะ คนจิตอ่อนและอ่อนไหวง่ายแบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัย ยิ่งเคยสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติมาแล้วครั้งหนึ่ง ใครจะบอกได้ว่ามันจะไม่มีครั้งต่อๆ ไป
โจยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีจนได้รับคำชมเชยจากเจ้าของคอนโดฯ อย่างกฤษณะที่บังเอิญเจอกันที่นี่ เขาใช้เวลาว่างก่อนเริ่มพิธีโทรไปบอกน้าสิทธิ์ให้หาลูกน้องขับรถตู้มาที่นี่ เพราะตอนกลับคาดว่าจะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ ชวินและพ่อกลับไปแล้ว โบ้ขับรถตัวเองมาจึงแยกตัวกลับไปได้เลย สิงหา พ่อและแม่ เต้ อาวุฒิ อาป้อง คือความรับผิดชอบของโจที่ต้องพาไปส่งให้ถึงปลายทาง
ดวงตากลมโตยิ่งโตขึ้นทุกขณะที่ฟังคำบอกเล่าจากคนรัก พ่อแม่สิงหานั่งฟังไปด้วยอมยิ้มขำไปด้วยเมื่อมองท่าทางแฟนลูกชายที่ดูจะตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ฟังนิทานก่อนนอน แต่พอสิงหาเล่าถึงตอนที่น่ากลัว หรือใช้คำว่าผี เสียงใสๆ ก็จะรีบตะโกนอย่างเช่นตอนนี้
“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเป็นผีลุงโพนอย่างเดียวนะ กลัวเป็นผีที่อื่นโดนเรียกมาด้วย”
“ไม่เอาๆ ใช้คำอื่น เรียกพ่อเออีซีเหมือนเดิมก็ได้” น่านนทีแทบยกมือตีปากคนเล่าที่นั่งหัวเราะชอบใจ นี่ไม่ใช่การเล่าครั้งแรก แต่เป็นการเล่าแบบละเอียดนาทีต่อนาทีครั้งแรก สิงหาปวดหัวกับแฟนตัวเอง คนอะไรกลัวผีที่สุดแต่ชอบฟังเรื่องผี ฟังไปก็กลัวไป กลัวขนาดที่ว่าวันต่อมาหลังทำพิธีโจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้น่านนทีฟัง แม้โจจะมาร่วมตอนท้ายและบอกลูกน้องแค่ว่าตามพวกสิงหาไปทำพิธีมา เล่าเพียงแค่นี้น่านนทีถึงกับต่อสายตรงถึงสิงหากลางดึกให้ขับรถไปส่งที่บ้านหลังเลิกงาน แล้วก็พยายามเลี่ยงการฟังเวอร์ชันเต็มแต่ร้องขอสปอยล์เป็นช่วงๆ จนกระทั่งวันนี้ที่ออกมาทำธุระกับครอบครัวเขา
“ยาวไปไหม”
“นะๆๆ เล่าต่อ แล้วไง พอเขาโยนๆ ของใส่แล้วยังไงต่อ”
“ก็หลบกันวุ่นเลย เงยหน้ามาอีกทีโผล่มาประชิดตัวละ ดีที่มีไม้ดันอยู่”
“โอยยย น่ากลัวจังเลยนะครับคุณแม่ แล้วไงต่อ” คนขี้อ้อนกอดตัวเองทำท่าทางสั่นกลัวให้พ่อแม่สิงหาได้หัวเราะกันอีกรอบ
“ก็สู้ๆ กัน ตอนแรกไม่อยากทำหรอก แต่แรงเขาเยอะมาก ตัวก็ไม่ใหญ่นะแต่แรงเยอะ หกเจ็ดคนยังสู้แรงไม่ไหว ต่อยผิดต่อยถูก ผมว่าที่ปากแตกนี่น่าจะเป็นศอกเต้นะ เหมือนเห็นแวบๆ รู้ตัวอีกทีลงไปนอนกองบนพื้นแล้ว กว่าจะจับได้แทบหมดแรง”
“พี่โจนี่ก็ใจกล้าจริงๆ แถมยังดวงดีอีก บอกว่าไปเจอพ่อพี่ชวินด้วย คุณสิงรู้ไหมว่าพ่อพี่ชวินโทรมาชมกับผู้จัดการคอนโดฯ ด้วยนะ ได้หน้าไปเลย” น่านนทีแอบอิจฉาหัวหน้าตัวเองนิดหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถทำหน้าที่ดูแลลูกบ้านได้ดีขนาดนั้น ต่อให้รักหน้าที่นี้แค่ไหนก็ไม่ขอยุ่งด้วย ขนาดรู้ว่ามันอันตรายเขายังแอบเห็นแก่ตัวทิ้งให้สิงหาไปเผชิญชะตากรรมกับคนอื่นเลย ความว่ารู้สึกผิดไหม คำตอบคือไม่ แค่แอบอายนิดหน่อย
“ผมไม่รู้ว่าปิงอยากได้หน้า ไม่งั้นก็ชวนมาด้วยกันแล้ว”
“หึ ไม่เอา ปิงกลัว เนอะคุณพ่อเนอะ”
“ตอนแรกพ่อนึกว่าจะเหมือนในหนังเสียอีก ที่มีด้ายมาล้อมแล้วก็มีผีโผล่มา แต่ที่ทำกันเหมือนพิธีทำบุญที่แม่เคยทำเวลาเราซื้อบ้านเก่ามาเลย” ลีโอพูดถึงพิธีไหว้เจ้าที่ที่ภรรยาเขามักจะทำทุกครั้งที่ซื้อบ้านเก่ามารีโนเวต เธอบอกว่าเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเจ้าของเก่าว่าเราจะทำอะไร เวลาขายจะได้ขายได้เร็วๆ และราคาดี ไม่รู้ว่ามันได้ผลหรือไม่ แต่บ้านที่ขายทุกครั้งก็ไม่เคยขาดทุน บางหลังได้กำลังเกินเท่าตัว
“อาๆ ที่มาทำพิธีให้เขาบอกว่าพิธีไล่ผีในหลักคำสอนมันไม่มี ถ้ามีก็คือศาสตร์อื่น ไม่ใช่พุทธแท้ ที่เขาทำก็คือพิธีทำบุญนี่แหละครับ บทสวดก็ทั่วๆ ไป ที่ทำให้พิธีสำเร็จเป็นเรื่องของพลังใจที่มุ่งมั่นตรงกัน ไม่มีอะไรยืนยันว่ามันสำเร็จ แต่ที่เราได้คือความสบายใจ”
“แต่เหมือนพี่ชวินไม่ค่อยสบายเท่าไรเลย”
“นั่นสิ แม่ว่าเขาใจอ่อนไปนะ หวั่นไหวง่ายแบบนี้ไม่ดีเลย ได้ยินคุณป้องเขาเตือนๆ ก็ไม่คิดว่าจะหนักถึงขั้นนี้” แม่สิงหาถอนหายใจสงสารเพื่อนสนิทลูกชายที่ไปถือศีลกินเจอยู่ที่วัด
“พวกผมคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ตั้งแต่แรก ชวินมันเป็นคนใจอ่อน ยิ่งมันรู้สึกผิดที่จำน้องไม่ได้ทั้งที่เคยสนิทกันมันก็ยิ่งเสียใจ แล้วเด็กก็เหมือนจะติดชวินมันด้วย อาวุฒิบอกว่าการติดต่อของชวินอาจเป็นการสื่อสารผ่านจิตสัมผัส ประมาณสัมผัสที่หก พอน้องเขาไปแล้ว ตรงที่เคยเชื่อมต่อมันโดนตัดขาด ความรู้สึกมันก็เลยยังไม่คงที่ ถ้าเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเวลาผู้หญิงตั้งอุ้มท้องเก้าเดือนพอคลอดแล้วจะมีช่วงที่ฮอร์โมนไม่ปกติ ก็ต้องดูแลรักษาดีๆ
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นเยอะเลยครับ พ่อมันไปด่าเตือนสติทุกวันเดี๋ยวก็หาย”
“เมื่อไรจะกลับมาเหรอคุณสิง ไปอยู่วัดหลายวันแล้วนะ”
“มะรืนก็กลับ โทรไปหาก็บอกสบายใจดีแล้ว แต่ขอทำบุญให้สองพ่อลูกอีกนิด” สิงหานึกไปถึงวันนั้น หลังกลับจากทำพิธีทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านพักผ่อน แต่ชวินเป็นคนเดียวที่นอนไม่หลับและเริ่มมีอาการไข้ รู้สึกใจสั่น หวิวๆ ในอก สุดท้ายเลยโดนพ่อตัวเองหิ้วไปทิ้งไว้ที่วัดให้ถือศีลกับอาป้อง จนตอนนี้ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว
“กลับวันไหนบอกปิงบ้างนะ จะไปช่วยพี่ชวินล้างห้องน้ำวัด”
“ว่างวันไหนไปเลยก็ได้ เผื่อวันกลับปิงทำงาน” ช่วงนี้สิงหาค่อนข้างว่างจากงานแสดง เหลือเพียงงานถ่ายแบบที่เพิ่งเซ็นสัญญาไป เวลาว่างส่วนใหญ่เลยทุ่มเทให้กับครอบครัวที่กำลังเห่อลูกชายคนใหม่ ออกจากบ้านทีไรก็หนีบออกมาด้วย พากันชวนไปกินนั่นกินนี่ตามใจไกด์แก้มป่องตลอด
“ไม่ได้สิ เขาต้องล้างวันสุดท้ายก่อนกลับ คุณสิงไม่เคยไปถือศีลที่วัดใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่เคยครับ แต่เคยบวชนะ ต้องล้างห้องน้ำเหมือนกัน ถือศีลก็ต้องทำเหรอ” สิงหามีสีหน้าเหลอหลาให้น่านนทีเห็นเป็นครั้งแรก คนฟังอย่างน่านนทีและแม่สิงหาหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“ต้องทำเหมือนกัน ไปอาศัยกินนอนที่วัด เข้าห้องน้ำไปตั้งกี่ครั้ง ของของเราทั้งนั้น นั่นล่ะ พี่ชวินกลับวันไหนบอกปิงด้วย ห้ามลืม”
“รับทราบครับที่รัก”
“แล้วพ่อกับแม่ต้องไปไหนต่อครับ” น่านนทีตีเนียนเปลี่ยนเรื่องพูด คบกันมานานแต่ก็ไม่ชินสักที แถมแก้มกลมๆ ก็ชอบแดงฟ้องอาการแทบทุกครั้งที่ได้ยินคำหวานจากอีกฝ่าย
“ไปเปิดบัญชีธนาคารก็เสร็จแล้วลูก แต่แม่ว่าจะเปิดสักสองธนาคารนะ ของแม่กับลีโอ คงไม่ต้องรอคิวนานอีกนะ” ช่วงเช้าหมดเวลากับการย้ายชื่อของลีโอเข้าไปในทะเบียนบ้านในฐานะคู่สมรสที่มีการจดทะเบียน กว่าจะเสร็จเดินเรื่องเอกสารเรียบร้อยก็หมดเวลาไปครึ่งวัน รถคันใหม่ที่สั่งจองไว้จะได้เดือนหน้า ส่วนรถสิงหานั่งได้เพียงสี่คน วันนี้สิงหาจึงทำหน้าที่คนขับรถพาครอบครัวไปทำธุระเอง
“ไม่นานหรอกครับ ปกติที่นานคือเคาน์เตอร์ฝากถอนกับจ่ายบิล ยิ่งวันธรรมดาแบบนี้คนยิ่งน้อย” น่านนทีเอ่ยบอก เขาเป็นคนเลือกให้สิงหาขับมาที่ห้างฯ นี้เพื่อกินมื้อเที่ยงและทำธุรกรรมต่อเอง ที่นี่ใกล้คอนโดฯ ในวันธรรมดาแบบนี้คนใช้บริการมีไม่เยอะมากนัก สิงหาเองก็ได้รับความเป็นส่วนตัวด้วย
“งั้นเราไปกันเลยไหม ปิงอิ่มหรือยัง” สิงหาถามคนรักที่ใช้ช้อนคนถ้วยของหวานไปมา ไม่แน่ใจว่าคนเล่นๆ หรือยังอยากกินอีก
“อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวปิงไปซื้อชานมแล้วตามไปที่ธนาคารได้ไหม ร้านชาอยู่ข้างหน้านี่เอง แต่คิวมันยาว”
“งั้นผมพาพ่อแม่ไปก่อนนะ ปิงรีบตามไปนะ” สิงหาลูบแก้มกลมเบาๆ ไม่อยากล้อเลยว่ายังไม่อิ่มอีกเหรอ อาหารใต้รสจัดที่แม่เขาอยากกินเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ น่านนทีแนะนำเมนูเด็ดอย่างเชี่ยวชาญ เริ่มที่ใบเหลียงผัดไข่ เมนูง่ายๆ แต่อร่อยจนต้องสั่งกลับบ้าน แกงเหลืองปลากะพงรสชาติจัดจ้านสมกับเป็นพริกแกงใต้ หมูสามชั้นคั่วเกลือกรอบๆ เค็มๆ ดับความเผ็ดร้อน และยังมีอีกหลายรายการที่ร่ายยาวจนสั่งมาเต็มโต๊ะ แต่ทุกอย่างก็หมดเกลี้ยงด้วยฝีมือการเก็บกวาดของคนอยากกินทั้งสอง สิงหาสบตากับพ่อตลอดมื้ออาหาร โดยเฉพาะตอนที่ทั้งคู่สั่งสาคูแคนตาลูปมาล้างปากกันสองคน
ครบกำหนดเจ็ดวันชวินที่จิตใจกลับมาสู่ภาวะปกติก็กลับมาใช้ชีวิตปกติที่บ้าน เพราะผู้ปกครองยังไม่อยากให้อยู่คนเดียวที่คอนโดฯ วันที่ล่ำลาพระอาจารย์และอาป้อง เพื่อนสนิททุกคนรวมถึงน่านนทีไปช่วยกับล้างห้องน้ำ ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ถวายวัดเพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้สองพ่อลูกในภพอื่น ผลบุญที่ได้ทำเห็นผลเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สิงหาสบตาคนรักและเพื่อนๆ ที่ล้อมวงกันดูรายการบันเทิงที่มีการสัมภาษณ์นางเอกชื่อดังเกี่ยวกับข่าวลือในช่วงนี้ สิงหาถอนหายใจอย่างโล่งอก ทุกสิ่งที่รอมานานในที่สุดก็ถึงเวลาเสียที
วันนี้สิงหาขับรถพาครอบครัวและน่านนทีมาที่โรงพัก ทนายความและฝ้ายมารออยู่ก่อนแล้ว ระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาเขามัวแต่ยุ่งกับการพาครอบครัวไปทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการเคลียร์ห้องที่เกิดเหตุ เขาจ้างลุงโชคให้มาทำห้องทำงานใหม่ อาป้องบอกไว้แล้วว่าตำแหน่งห้องนี้ทำห้องทำงานหรือพระก็ได้ เขาจึงเลือกทำห้องทำงานเหมือนเดิม แต่ให้ออกแบบตู้ใหม่สำหรับเป็นหิ้งพระที่ชั้นบนสุดด้วย
ช่วงที่เขาไม่ใส่ใจโลกโซเชียล ใช่ว่าโซเชียลจะไม่สนใจเขา เมื่อมีข่าวลือของครอบครัวสิงหาให้เล่น ประเด็นจากรูปถ่ายแค่ใบเดียวถูกขุดคุ้ยกันอย่างกว้างขวาง ข่าวลือทุกอย่างถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง และมีข่าวลือใหม่ที่ระบุว่าเขาเป็นเกย์และเคยใช้มีนาบังหน้า แต่ความจริงแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองอย่างพีท พอเธอคบกับพีท สิงหาเลยไม่พอใจจนเกิดเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน หลังกลับมาจากต่างประเทศก็มาวุ่นวายกับพีท ทำให้เธอกับคู่หมั้นต้องเลิกกัน มีรูปถ่ายวันเปิดร้านที่ตัดภาพคนอื่นเหลือเพียงเขากับพีทมาเป็นหลักฐาน
แน่นอนว่าเมื่อมีประเด็นอื่นเข้ามา นักข่าวบันเทิงจึงเริ่มทำงาน มีการติดต่อมาทางฝ้ายแต่เขาให้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ออกไปก่อน เขาอยากรอดูท่าทีของมีนา แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเธอไปออกงานแล้วมีนักข่าวมารุมล้อม คำถามตรงประเด็นที่ว่าจริงหรือไม่ที่เขาคบเธอบังหน้า เขาเป็นเกย์ เขาทำให้เธอกับคู่หมั้นเลิกกัน ถามแม้แต่เรื่องครอบครัวของเขา คำตอบของเธอมาพร้อมสีหน้าอัดอั้นตันใจ น้ำตาคลอระหว่างให้สัมภาษณ์ เธอไม่ขอตอบเรื่องคนอื่น ขอพูดแต่ในส่วนของตัวเองว่าเธอเพิ่งเลิกรากับคู่หมั้นหนุ่มจริงๆ พีทเป็นแฟนคนแรกของเธอ เคยวางแผนแต่งงานกัน ตอนนี้เธอเสียใจมาก และขอโทษแฟนคลับทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอแม้เธอจะเคยโกหกด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง แต่บางเรื่องเธอไม่สะดวกจะพูด....ไม่มีการกล่าวชื่อเขา แต่ทำให้ทุกคนนึกถึงเขา วาทศิลป์ของมีนาก้าวหน้าขึ้นทุกวัน
“น่าเสียดายจัง น่าจะฟ้องหมิ่นประมาทเธอได้” น่านนทีบ่นตั้งแต่ออกจากโรงพักมาถึงร้านอาหาร เขามาเป็นกำลังใจให้สิงหาลงบันทึกประจำวันและแจ้งความการหมิ่นประมาทคนในโซเชียล ส่วนมีนานั้นทนายบอกว่ายังไม่จำเป็น ต่อให้ฟ้องไปก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี การแจ้งความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคนที่ปล่อยข่าวจะได้ผลมากกว่า เพราะสิงหาได้หลักฐานการซื้อขายรูปของเขากับน่านนทีที่โรงพยาบาลมาจากพีท มีทั้งข้อความในไลน์ที่อดีตผู้จัดการเขาส่งไปเสนอขายพร้อมแนบรูปตัวอย่างไปด้วย รวมถึงบันทึกการสนทนาที่พีทแอบบันทึกไว้ตอนโทรไปถามว่าขายรูปไปให้ใคร
ส่วนมือดีที่คอยปล่อยข่าวลือในโซเชียล พีทก็ช่วยค้นมาให้ว่าเป็นพวกของมีนา มีทั้งกลุ่มผู้จัดการส่วนตัวกับผองเพื่อน และกลุ่มแฟนคลับมีนา คนแรกที่เริ่มกล่าวร้ายคือกลุ่มผู้จัดการ พีทได้ข้อความจากไลน์กลุ่มพวกนั้นว่ามีนาเป็นคนสั่งให้ทำ มีการโอนเงินค่ารูปถ่ายวันเปิดร้านให้แหล่งข่าวของมีนาที่ไปวันนั้น ค่าจ้างปั่นข่าวลือตามสื่อต่างๆ แม้กระทั่งค่าจ้างให้นักข่าวบันเทิงช่องหนึ่งในการตั้งคำถามแทบทุกงานที่เธอไปปรากฏตัว
ทนายความช่วยวางขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการลงบันทึกประจำวัน แจ้งความ ปล่อยข่าวนี้ในโซเชียลว่าสิงหาจะทำเดินคดีกับคนผิด รอให้กระแสแรงขึ้นมาแล้วค่อยดำเนินการฟ้องร้องโดยระบุชื่อผู้กระทำผิดพร้อมขบวนการ ถึงขั้นตอนนั้นค่อยระบุมีนาในฐานะจำเลยที่ถูกฟ้องร้อง ไม่ว่าในชีวิตจริงหรือโลกโซเชียล คนทำผิดก็คือคนทำผิด ไม่มีใครสามารถอ้างได้ว่านั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเท่ากัน แต่ไม่มีสิทธิหมิ่นประมาทหรือล่วงละเมิดผู้อื่น ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
“อยากฝากฟ้องอีกสักคนจังเลย” น่านนทีบ่นเบาๆ ตัวเขาก็มีคู่กรณีเหมือนกัน เป็นคู่เวรคู่กรรมที่โผล่มาทุกครั้งเวลาสิงหามีข่าวไม่ดี เป็นพวกโรคจิตที่ไม่ชอบเห็นเขาสนิทสนมกับดาราที่ตัวเองชอบ เลยพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองว่าสิงหาน่ะไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่คู่ควรที่พวกเธอจะชื่นชอบ แต่เหมาะสมแล้วกับคนไม่ดีแบบเขา สารพัดคำพูดจิกกัด ทั้งที่จริงๆ ก็แค่อิจฉานั่นแหละ
“ใครครับ ถ้าเกี่ยวกับคดีนี้ก็ฟ้องรวมได้เลย”
“คนที่ทำงานน่ะครับ ชอบเดินมาเหน็บ หาว่าปิงขายตัวให้คุณสิงหิ้วขึ้นห้อง แบบนี้ฟ้องรวมได้ไหมครับ”
“ฟ้องได้ครับ แต่ฟ้องแยกดีกว่า เพราะเป็นการหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ส่วนคุณสิงหาผิดพรบ. คอมพิวเตอร์กับหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา สองข้อหาครับ แยกฟ้องรับค่าเสียหายเป็นของตัวเองดีกว่านะครับ สนใจไหม” ทนายความส่วนตัวของสิงหาให้คำแนะนำเต็มที่
“แต่ปิงไม่เคยเก็บหลักฐานไว้เลยนะ”
“ถ้ามีพยานก็ทำได้ครับ”
“โห...ยากเลย มีเรื่องทีไรตัวต่อตัวตลอด เอาไว้คราวหน้าปิงจะเตรียมเก็บหลักฐานบ้าง” น่านนทีรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เขาบอกสิงหาเสมอว่าการปกป้องตัวเองเรื่องที่ถูกต้อง เพราะงั้นเขาก็ต้องทำด้วย ไม่เกี่ยวกับเงินค่าปรับหลักแสนที่จะได้มาเลยสักนิด
“มีรายการหนึ่งติดต่อเข้ามานะคะ ฝ้ายเป็นแฟนรายการนี้มาหลายปี มันไม่ใช่รายการในกระแสเท่าไรแต่แขกรับเชิญทุกคนมีชีวิตที่น่าสนใจทั้งนั้น คุณสิงน่าจะลองไปนะ” ฝ้ายเห็นแววตาน้องชายคนสนิทก็รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มคิดฟุ้งซ่านจึงเลิกสนใจ หันมาคุยเรื่องงานกับเจ้านายของเธอต่อ
“สมัยเข้าวงการใหม่ๆ อยากไปออกมากเลย ผมชอบพิธีกร สมัยก่อนมีสองคนนะ ผมชอบทั้งคู่เลย”
“ตกลงรับนะคะ”
“รับครับ...พ่อแม่โอเคนะ ปกติรายการนี้เขาจะถามประวัติส่วนตัว แนวคิด มุมมองของแขกรับเชิญ บางเรื่องก็เจาะลึกหน่อย ผมไม่เคยสัมภาษณ์หมดเปลือกแบบนี้เท่าไร จะได้พูดเรื่องพ่อกับแม่เพื่อแก้ข่าวไปด้วยเลย”
“แม่โอเค แก่ๆ กันแล้ว เราทำอะไรเป็นอะไร ใจเราตัวเรารู้ดีที่สุด” เธอบีบมือลูกชายให้กำลังใจ สิงหาไม่เคยให้เปิดเผยเรื่องครอบครัวมาก่อน ไม่แปลกที่จะมีคนไม่รู้และเข้าใจผิด สำหรับข่าวลือพวกนั้นเธอไม่รู้สึกอะไรกับมัน สมัยก่อนแค่มีควงกับฝรั่งก็ถูกเพื่อนบ้านดูถูกว่าเป็นเมียเก็บบ้าง เมียเช่าบ้าง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มีอะไรกันเลยนะ มันเป็นเรื่องปกติในกลุ่มคนที่ด้อยการศึกษาและยังไม่เจริญทางความคิด ยิ่งตอนเธออุ้มท้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง คำครหาต่างๆ เธอได้ฟังจนเบื่อ แค่ตัวหนังสือไม่กี่ตัวบนจอจากคนที่ไม่กล้ามาพูดต่อหน้า ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรกับมันได้เลย
“แล้วแต่สิงกับแม่เลย แต่พ่อจะดีใจมากถ้าได้ไปดูลูกให้สัมภาษณ์ด้วย” ลีโอโอบไหล่ภรรยาให้เอนมาพิงอกเขา แค่สิงหาตัดสินใจใช้กฎหมายแก้ปัญหาเขาก็พอใจแล้ว ครอบครัวเขาผ่านอุปสรรคหลายอย่างมาด้วยกันเยอะมาก มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจและเรียนรู้ ทุกคนเคยทำผิดพลาด เคยล้มเหลว แต่ความสัมพันธ์ของเขาและคู่ชีวิตไม่ใช่เรื่องผิดพลาด สิงหาไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด เขาอยากให้สิงหาเล่าให้ทุกคนได้ฟัง ให้ทุกคนได้รู้ว่าลูกชายของเขาเกิดจากความรักของพ่อและแม่ เป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตเขา
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
Fanpage : Gwa.Novel Twitter : Gwa_Novel
ตอนหน้าตอนจบนะคะ