Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)  (อ่าน 29514 ครั้ง)

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #60 เมื่อ04-04-2019 04:02:27 »

แซะเก่งง นอกจากงานบริหารแล้วยังขายขนมครกปะคะเนี่ยคุณภวินท์

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #61 เมื่อ04-04-2019 07:55:32 »

 :z3: ผู้ชายปากร้าย มันน่า.... :z6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #62 เมื่อ04-04-2019 10:58:49 »

หึงเหรอจ๊ะ5555

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #63 เมื่อ04-04-2019 11:35:47 »

ตอบแทนได้ม่ะ โครตมีความสุขเลย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #64 เมื่อ04-04-2019 13:00:35 »

ตกลงก็ชอบเค้า แต่ขยันเห่าใส่



เป็นเด็กประถมเรอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #65 เมื่อ04-04-2019 13:42:45 »

พูดแต่ละอย่างไม่เคยมองตัวเองเลย

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #66 เมื่อ08-04-2019 00:11:23 »

บทที่ ๘



“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนี่ คงจะมีความสุขมากสินะที่ได้คุยกับ… ผู้ชายคนอื่น”


สิ้นเสียงทุ้มเย้ยหยันนั้นนทีรินก็ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคนพูดอย่างไม่เกรงกลัว สิ่งที่ภวินท์เอ่ยออกมาคำว่า ‘ผู้ชายคนอื่น’ เน้นย้ำหนักแน่นราวกับว่าเขากำลังนอกใจอีกฝ่ายทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นอย่างที่โดนกล่าวหาเลยแม้แต่น้อย

 

“ที่คุณภพพูดแบบนี้ต้องการจะสื่อถึงอะไรครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามเสียงราบเรียบทว่าเย็นเยียบเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความไม่พอใจ ซึ่งดูจากคำต่อว่าของอีกฝ่ายที่จงใจกระแนะกระแหนมาที่เขาแล้ว นทีรินก็รู้ได้เลยว่าภวินท์จงใจจะหาเรื่องเขาทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้เรื่องใดๆที่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ผมว่าคุณคงฉลาดพอที่จะเข้าใจนะว่าผมสื่อถึงอะไร”

 

ใบหน้าหล่อคมแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจเช่นนั้นไม่ได้ทำให้นทีรินรู้สึกโมโหไปมากกว่าคำพูดของอีกฝ่ายที่จงใจด่าทอต่อว่าเขา แต่เขาก็พยายามเก็บความรู้สึกโมโหนั้นไว้เพราะเขารู้ดีว่าคนแบบภวินท์ก็ดีแต่ยั่วโมโหเขาเพื่อเอาชนะเท่านั้น

 

“ผมไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะผมไม่ได้มีความคิดที่ลงสู่ที่ต่ำแบบใครบางคน” นทีรินตอกกลับนิ่งๆอย่างไม่ยอมแพ้เพราะเขาจะไม่ยอมให้ภวินท์มาว่าเขาฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว

 

สิ้นคำต่อว่าของภรรยานั้นทำเอาภวินท์หัวเราะในลำคออย่างพึงใจที่อย่างน้อยครั้งนี้นทีรินก็กล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเขา ใบหน้าหวานที่เรียบนิ่งแต่ทว่าแววตานั้นมีแต่ความกรุ่นโกรธมันยิ่งทำให้ภวินท์รู้ว่าอย่างน้อยภรรยาของเขาไม่ได้มีท่าทีเมินเฉยหรือเฉยชาใส่เขาได้อีกต่อไป

 

“อย่างนั้นเหรอ… ไม่ยักรู้ว่าภรรยาของผมรวยขนาดที่สามารถซื้อสร้อยข้อมือราคาหลายแสนให้คนอื่นได้ง่ายๆ” ภวินท์จึงไม่หยุดที่จะยั่วโมโหอีกฝ่ายต่อ

 

ที่ผ่านมาต่อให้เขาเมินเฉยใส่ภรรยาทางนิตินัยของตัวเองมากแค่ไหนแต่ภวินท์ก็ไม่เคยหยุดตามข่าวและความเป็นไปของภรรยาเลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกันเพียงแต่ครั้งนี้ต่างกันเพียงเขารับรู้และเห็นด้วยตาของตัวเองว่านทีรินตั้งใจซื้อของขวัญให้กับผู้ชายคนอื่นซึ่งการกระทำของภรรยาแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกโมโหอย่างห้ามไม่ได้ เพราะมันเหมือนกับว่านทีรินหยามบทบาทการเป็นสามีของเขาเกินไป

 

“คนที่มีความคิดต่ำๆก็มักจะคิดอะไรได้ต่ำๆเสมอนั่นแหละครับ… ผมเข้าใจดี” นทีรินเอ่ยพร้อมยิ้มมุมปากไม่หวั่นเกรงซึ่งมันยั่วอารมณ์ที่เริ่มจะคุกรุ่นของภวินท์ได้เป็นอย่างดี

 

“หึ! ทำอะไรก็อย่าให้รีบร้อนเกินไปเลย ในเมื่อเรายังไม่ได้หย่าขาดกันผมก็ยังไม่อยากถูกใครๆตราหน้าว่าโดนเมียสวมเขา”

 

สิ้นคำพูดที่แสนร้ายกาจนั้นนทีรินก็สวนขึ้นมาทันทีอย่างไม่เกรงกลัว

 

“งั้นคุณก็ลองโดนซะบ้างสิครับ คุณคงไม่เคยโดนสังคมติฉินนินทาซึ่งต่างจากผมที่โดนตราหน้ามาตลอดว่าถูกสามีสวมเขา ผมต้องอดทนกับคำติฉินนินทาจากคนภายนอกขนาดไหนคุณไม่มีทางรู้หรอกครับเพราะคนอย่างคุณมันเห็นแก่ตัว”

 

คำว่าโดนสวมเขาเปรียบเสมือนหนามยอกอกของนทีรินที่เขาไม่มีวันที่จะหายเจ็บจากมันได้ ภวินท์จะรับรู้บ้างไหมว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมานั้นมันคือสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับเขามาตลอด คำนินทาจากบุคคลภายนอกที่เขาได้ยินมาตลอดระยะเวลาแปดปีว่าถูกสามีสวมเขามันทำให้เขาเจ็บช้ำมาเพียงไหนไม่มีใครรับรู้ได้ ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยของเขาจะมีใครรู้บ้างไหมว่าในใจของเขามันเจ็บช้ำเพียงใด

 

“คนแบบผมนี่แหละที่เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ เพราะฉะนั้นคุณคงรู้นะว่าสิ่งที่ภรรยาอย่างคุณต้องทำก็คือ… หยุดความสัมพันธ์กับชายอื่น

 

เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นเน้นคำพูดสุดท้ายไว้ราวกับนี่คือประกาศิตจากเขาที่นทีรินต้องทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ ต่อให้เขาและนทีรินกำลังจะหย่าขาดจากกันแต่ถ้าทุกอย่างยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งเขาและนทีรินยังคงบทบาทเป็นสามีภรรยากันนั้น ไม่ว่าอย่างไรภวินท์จะไม่ยอมโดนหยามเกียรติการเป็นสามีจากอีกฝ่ายเด็ดขาด

 

คำพูดของภวินท์ทำให้นทีรินรู้สึกโมโหจนอยากจะระเบิดให้ได้ ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้าที่จะออกคำสั่งให้เขาหยุดคบหาคนนั้นคนนี้ทั้งๆที่สิ่งที่ภวินท์กำลังต่อว่าเขานั้นมันไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายคิดแม้แต่นิดเดียว

 

“ถึงคุณจะเป็นสามีของผมตามกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาออกคำสั่งอะไรกับผมก็ได้ เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณ”

 

นทีรินเอ่ยบอกเสียงนิ่งทว่าหนักแน่นเช่นเดียวกัน ท่าทีเย่อหยิ่งและดื้อรั้นในคราวเดียวกันนั้นทำให้อารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของภวินท์ขาดสะบั้น

 

“อย่ามาอวดดีกับผม! ไม่อย่างนั้นคุณจะมาหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ”

 

ดวงตาคมฉายความกรุ่นโกรธออกมาชัดเจนแต่นั่นไม่ได้ทำให้นทีรินรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรที่เสื่อมเสียเกียรติของการเป็นภรรยาของภวินท์เลยแม้แต่ครั้งเดียว นทีรินตระหนักในใจเสมอว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในบทบาทอะไรและเขาก็วางตัวดีมาตลอด เพราะฉะนั้นต่อให้ภวินท์จะออกคำสั่งห้ามให้เขาคบใครเขาก็ไม่จำเป็นต้องกระทำตาม

 

“ผมบริสุทธิ์ใจที่จะคบกับใครคุยกับใครก็ได้เพราะมันเป็นสิทธิ์ของผม ทำไมคุณต้องเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของผมทั้งๆที่ผมไม่เคยไปยุ่งเรื่องอะไรของคุณด้วยซ้ำ คุณอยากจะคบใครอยากจะควงใครออกหน้าออกตาไม่แคร์สื่อฯมันก็เรื่องของคุณผมไม่สนใจ แล้วคุณเองก็ไม่ควรมาสนใจเรื่องของผมเหมือนกัน”

 

นทีรินกำลังเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ตัวเองเพราะการที่เขาคบหากับนภทีป์นั้นเขารู้ตัวดีว่าเป็นความสัมพันธ์แบบไหนและที่สำคัญเขาไม่เคยคิดเกินเลยกับรุ่นพี่คนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งการเขาถูกภวินท์ต่อว่าด่าทอมันจึงเป็นสิ่งที่นทีรินยอมไม่ได้

 

“อ๋อ ที่พูดแบบนี้หมายความว่าอยากจะควงกันไม่แคร์สื่อฯบ้างอย่างนั้นใช่ไหม! อย่ามายั่วให้ผมโมโหมากไปกว่านี้เลยจะดีกว่าเพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นคุณกับชู้ของคุณจะแย่เอาได้”

 

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวใบหน้าหล่อคมที่บ่งบอกว่าสิ่งที่เอ่ยออกมาไม่ใช่เพียงคำขู่นั้นทำเอานทีรินแอบหวั่นเพราะกลัวว่านภทีป์จะโดนหางเลขจากอารมณ์โมโหของสามีทางนิตินัยของเขาได้

 

“คุณมันจิตใจสกปรกคิดแต่เรื่องต่ำทรามทั้งๆที่ตัวคุณเองนั่นแหละที่ทำแบบนั้นกับผมมาตลอด! คุณด่าทอต่อว่าผมแล้วตัวคุณเองนี่ดีมากสินะที่เที่ยวควงใครต่อใครเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างเปิดเผย ทีตัวเองยังทำได้แล้วพอคนอื่นทำบ้างคุณจะเดือดร้อนทำไมครับ”

 

“หึ! ยอมรับแล้วสินะว่ากำลังเล่นชู้”

 

เสียงหัวเราะในลำคอพร้อมคำพูดกระแทกกระทั้นนั้นทำเอานทีรินโมโหจนตัวสั่นพร้อมกัดฟันแน่นเป็นการกดกลั้นอารมณ์ มือบางกำแน่นจนเจ็บไปหมดแต่ก็ไม่เทียบไม่ได้กับภายในใจของเขาที่มันปวดร้าวไปทั้งใจเพียงเพราะคำพูดถากถางของอีกฝ่าย

 

“คุณจะคิดยังไงก็ช่างผมไม่แคร์เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมกำลังทำอะไรและคนอย่างผมก็ไม่เคยทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเหมือนที่คุณทำ”

 

นทีรินพยายามกลืนก้อนสะอื้นของตัวเองให้ลงคอไปเพราะเขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ภวินท์เห็นและให้อีกฝ่ายมาดูถูกสมเพชเขา เพราะต่อให้เขาจะอธิบายความจริงอะไรออกไปคนใจร้ายก็ไม่คิดจะฟังมันหรอก เพราะฉะนั้นจะไม่มีคำอธิบายใดๆหลุดจากปากของเขาสักคำเดียว

 

“เล่นชู้ถ้าไม่เรียกว่าเสื่อมเสียแล้วควรเรียกว่าอะไรเหรอ”

 

ภวินท์ย่างสามขุมเข้ามาประชิดตัวร่างบางทันทีพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจนความอดทนของนทีรินขาดสะบั้น

 

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ต่างคนต่างอยู่ ทำไมคุณถึงไม่ทำเมินใส่ผมอย่างที่ทำมาตลอด คุณไม่เคยเห็นผมเป็นภรรยาของคุณอยู่แล้วนี่! แล้วตอนนี้คุณมีสิทธิ์อะไรมากะเกณฑ์ชีวิตของผม!”

 

เสียงของนทีรินแผดดังออกมาเพราะเขาทนกับคำพูดที่แสนร้ายกาจของภวินท์ไม่ได้อีกแล้ว นทีรินไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับชีวิตของภวินท์เลยสักครั้งเดียวต่อให้อีกฝ่ายจะใจร้ายกับเขาขนาดไหนเขาก็ได้แต่เก็บกลั้นมันเอาไว้ภายในใจคนเดียว ที่ผ่านมาเขาอยู่ในที่ของเขามาตลอดและไม่เคยคิดจะไปยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายแล้วทำไมวันนี้กลับกลายเป็นเขาที่ต้องโดนอีกฝ่ายด่าทอต่อว่าทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด

 

“สิทธิ์ของการเป็นสามีคุณไง… ตราบใดที่คุณยังใช้นามสกุลกิจจานนท์ในฐานะภรรยาของผมอยู่ผมก็มีสิทธิ์ในตัวคุณ…”

มือหนาคว้าเอวบางของภรรยามาปะทะอกแกร่งพร้อมสายตาคมไล่กวาดเรือนร่างของนทีรินอย่างจาบจ้วงราวกับว่าทุกอย่างในตัวของนทีรินมันเป็นของเขาทั้งหมด

 

…ทุกอย่าง

 

นทีรินเกลียดสายตาของภวินท์ สายตาที่ดูหมิ่นเขา สายตาที่พร้อมจะเอาชนะเขา สายตาที่อีกฝ่ายมองเขาราวกับว่าเขาเป็นเพียงของเล่นให้อีกฝ่ายเล่นสนุกไปวันๆ

 

นทีรินเกลียดมันเหลือเกิน…

 

“คุณภพ! ปล่อยผมนะครับ”

 

มือบางพยายามผลักอกแกร่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีทว่ามือหนากลับกอดรัดเขาแน่นกว่าเดิมจนนทีรินแทบจะขยับตัวไม่ได้ ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกว่ารังเกียจมันยิ่งทำให้ภวินท์รู้สึกคับแค้นในใจ

 

“หึ! ทีกับผัวนี่ทำหวงเนื้อหวงตัว… กับชู้คงจะปล่อยตัวให้กับมันเลยสิท่า!”

 

จบคำพูดแสนเหยียดหยามนั้นหัวใจของนทีรินก็เจ็บปวดราวกับใกล้แตกสลาย เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องมารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแสนร้ายกาจของภวินท์แบบนี้ด้วย ความรู้สึกที่ปวดร้าวตีขึ้นอกจนน้ำใสๆคลอหน่วยตา ดวงตาหวานจับจ้องไปที่ดวงตาคมอย่างตัดพ้อเพราะเขาไม่คิดว่าภวินท์จะพูดจาหยาบคายและสกปรกใส่เขาได้ขนาดนี้

 

“กรุณาหยุดการกระทำและคำพูดที่มันสกปรกๆของคุณด้วยนะครับ เพราะผมไม่ใช่คุณที่คิดแต่เรื่องต่ำทรามและผมก็ไม่อยากได้ยินอะไรที่มันออกมาจากปากสกปรกๆของคุณอีก!”

 

นทีรินอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวก่อนที่มือบางจะผลักร่างหนาของภวินท์ออกจากตัวและพร้อมจะพาร่างของตัวเองไปให้ไกลจากตรงนี้เสียทีเพราะเขาทนฟังคำพูดแย่ๆของอีกฝ่ายต่อไป แต่มือหนาของภวินท์กลับคว้าตัวเขาเข้ามาประชิดตัวอีกครา

 

“ปากสกปรกงั้นเหรอ! งั้นคุณก็ลิ้มลองความสกปรกนี้หน่อยเป็นไง!”

 

เอ่ยจบปากหนาก็ประกบเข้าที่ปากบางของภรรยาทันทีด้วยความโมโห สัมผัสของภวินท์มันทั้งรุนแรงและหยาบโลนจนนทีรินรู้สึกเจ็บไปทั้งกายและใจ ปากหนาตะโบมจูบจนปากบางบวมเจ่อลิ้นร้อนไล่เล็มไปทั่วริมฝีปากบางและพยายามรุกล้ำเข้าไปภายในโพรงปากนุ่มจนสำเร็จ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กที่พยายามต่อต้านเขาอย่างไม่ประสาแต่มือหนายึดคางมนไว้แน่นเพื่อไม่ให้ต่อต้านริมฝีปากเขาได้ มือบางทุบที่อกแกร่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกใดๆ

 

“อื้อ… อึก…”

 

นทีรินหลุดเสียงครางอื้ออึงออกมาเมื่อเริ่มหายใจไม่ทันและภวินท์ก็ไม่ยอมถอดถอนริมฝีปากออกเสียทีแต่กลับจู่โจมรุกล้ำแนบแน่นกว่าเดิมราวกับต้องการสั่งสอนความอวดดีที่นทีรินแสดงออกต่อเขา เมื่อต่อต้านจนเหนื่อยและจนใจจะผลักไสร่างบางจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำเขาจนพอใจ น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่หวานราวปลดปล่อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดแรงต่อต้านแล้วริมฝีปากหนาจึงจูบซับน้ำตาจากดวงตาหวานก่อนจะเลื่อนมาประกบปากบางอีกคราแล้ววาดจูบที่นุ่มนวลและอ่อนโยนขึ้นจนทั้งคู่ใจเต้นแรงขึ้นอย่างต้านทานไม่ได้ราวกับทั้งคู่ต่างโหยหาซึ่งกันและกัน

 

นทีรินหลับตารับสัมผัสอันอ่อนไหวอย่างห้ามไม่ได้ เขาโกรธตัวเองอีกแล้วที่ต้องรู้สึกแบบนี้กับภวินท์อย่างไม่รู้จบ จนเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปเขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมคราบน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่หวาน

 

“ผมเกลียดคุณ…”

 

นทีรินเอ่ยเสียงหนักแน่นดวงตาหวานฉายความกรุ่นโกรธออกมาพร้อมมีน้ำใสคลอหน่วยอย่างกลัดกลั้นไม่ได้ เขารู้สึกโกรธภวินท์ที่ทำแบบนี้และเขาก็โกรธตัวเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของอีกฝ่ายโดยที่ปฏิเสธไม่ได้เลย

 

คำว่าเกลียดของภรรยาทำเอาอารมณ์ของภวินท์คุกรุ่นขึ้นมาอีกครา เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรแต่เขาเกลียดคำว่าเกลียดของอีกฝ่ายที่เอ่ยใส่เขา ดวงตาหวานแข็งกร้าวและเย็นชาเช่นนั้นมันแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

“เกลียดก็ดีแล้ว… แต่ผมจะบอกคุณเอาไว้ว่าต่อให้คุณเกลียดผมแค่ไหน…” ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหวานก่อนจะเอ่ยประโยคแสดงความเป็นเจ้าของขึ้นมา

 

“คุณก็เป็นเมียผมอยู่ดี… จำเอาไว้นทีริน” เมื่อเอ่ยจบมือหนาก็ปล่อยจากร่างบางก่อนจะสาวเท้าออกไปจากห้องทันที

 

เมื่อพ้นร่างของสามีแล้วนทีรินก็ทรุดนั่งลงที่โซฟาหลังใหญ่อย่างหมดแรง น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาหวานอีกครา มือบางปัดมันออกจากตาลวกๆเพราะไม่อยากให้ใครมาเจอว่าตอนนี้เขาอ่อนแอเพียงใด อ่อนแอเพียงเพราะคำพูดและการกระทำที่มาจากสามีที่ไม่เคยยอมรับเขาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของเจ้าสัวพีระนั้นเขาอยากจะรีบหย่าขาดจากคนใจร้ายแบบภวินท์ให้เร็วที่สุดเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะอดทนกับความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายกระทำต่อเขาไปได้อีกนานเพียงใด

 
 

***

ต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62) [ต่อ]
«ตอบ #67 เมื่อ08-04-2019 00:15:52 »

หลังจากทะเลาะกับภรรยามาอย่างหนักหน่วง ภวินท์ก็รู้สึกว่าเขาทำงานไม่รู้เรื่องเลยทั้งวันมันทั้งหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมดยิ่งเมื่อนึกไปถึงคำว่าเกลียดที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมานั้นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดจนไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติดทั้งนั้น เขาพยายามจัดการอารมณ์ของตัวเองให้เย็นขึ้นแล้วด้วยการสูบบุหรี่อย่างที่เคยทำแต่มันก็ช่วยเขาไม่ได้เหมือนเดิม เมื่อไม่เป็นอันทำงานแล้วภวินท์จึงเลือกที่มาปลดปล่อยอารมณ์ที่ไนท์คลับที่เขามีหุ้นส่วนอยู่เกินครึ่ง มือหนายกแก้วที่บรรจุแอลกอฮอลล์สีเหลืองอำพันเพียวๆขึ้นดื่มถี่ๆจนจวนจะหมดขวด

 

“โอ้โหเฮีย จัดหนักแต่หัววันเลยนะครับ” ตรีทศเอ่ยแซ็วญาติผู้พี่ทันทีที่เขาและคนอื่นๆมาถึง

 

“นั่นสิครับ เครียดอะไรหรือเปล่าเฮีย”

ปริญญ์เอ่ยเสริมขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นญาติผู้พี่ของตัวเองกระดกแก้วเหล้าเพียวๆขึ้นดื่มอักๆอย่างกับไปเครียดอะไรมาทั้งๆที่ปกติแล้วภวินท์ไม่ค่อยดื่มเหล้าเพียวสักเท่าไร

 

“อืม มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ภวินท์เอ่ยตอบนิ่งๆพลางเทเหล้าใส่แก้วจนหมดขวด

 

“เรื่องงานก็ไม่น่ามีอะไรเครียดนี่ครับเพราะตั้งแต่เฮียเข้ามาบริหารที่เดอะแกรนด์ฯทุกอย่างก็เรียบร้อยราบรื่นดีไปหมดจนพวกผมแทบไม่ต้องจัดการอะไรเลย”

 

ศดิศเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจเช่นกันเพราะเขารู้ดีว่าเรื่องงานไม่มีทางทำให้ภวินท์เครียดได้ขนาดนี้แน่นอนเพราะภวินท์เป็นคนเก่งและมีระบบการจัดการที่ดีทำให้การทำงานของญาติผู้พี่ไม่ค่อยมีความบกพร่อง

 

“หรือว่าเฮียทะเลาะกับน้องนทมาครับ” ศดิศเอ่ยถามอย่างที่ใจคิดและเขาก็เชื่อว่ายังไงก็ต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน

 

“เงียบ? แสดงว่าใช่เลย เฮียทะเลาะอะไรกับน้องครับ”

 

ตรีทศเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้เพราะการที่นทีรินและภวินท์ทะเลาะกันจนภวินท์เครียดถึงขั้นมาดื่มนี่มันต้องรุนแรงและหนักหน่วงพอสมควรแน่ๆ

 

“เฮียซาน อย่าเพิ่งไปซักไซ้เฮียภพสิ” ปริญญ์ปรามตรีทศเพราะไม่อยากให้ภวินท์รู้สึกอึดอัดไปมากกว่าเดิม

 

“ก็กูเป็นห่วงเฮียนี่หว่า เผื่อเฮียอยากระบายอะไร”

 

ตรีทศเอ่ยบอกพลางหันไปจ้องที่ภวินท์อย่างไม่วางตาราวกับรอให้ภวินท์เล่าหรือระบายอะไรออกมาบ้างแต่เขาก็ต้องรู้สึกเซ็งเป็นอย่างมากเพราะญาติผู้พี่ไม่เปิดเผยคำพูดใดๆออกมาแม้แต่คำเดียว

 

“สั่งเหล้ามาให้กูอีกขวดสิ” ภวินท์เอ่ยบอกตรีทศเสียงเรียบนิ่งเมื่อวิสกี้หมดไปแล้วขวดนึงโดยที่มีเขาดื่มอยู่เพียงคนเดียว

 

“โหเฮีย เบาๆก่อนก็ได้ครับ นี่เฮียกินคนเดียวไปขวดนึงแล้วนะ” ตรีทศเอ่ยปรามญาติผู้พี่ด้วยความเป็นห่วง

 

“สั่งมาเถอะ มึงจะเรียกเด็กของมึงมานั่งด้วยก็ได้นะ วันนี้กูเลี้ยงเอง”

 

“ถ้าเฮียพูดขนาดนี้แล้ว ตรีทศจัดให้ครับผม ฮ่ะๆ” สิ้นเสียงของญาติผู้พี่นั้นตรีทศก็ยิ้มร่าก่อนจะหันไปเรียกบริกรให้เดินมารับออเดอร์อย่างอารมณ์ดี

 

“เปลี่ยนสีไวโคตรเลยเฮียซาน ฮ่ะๆ” ปริญญ์เอ่ยแซ็วตรีทศก่อนจะหัวเราะผสมโรงกันสองคนด้วยความขบขันโดยลืมที่จะซักไซ้ภวินท์อีกต่อไป

 

“เฮียครับ… ไม่ว่าเฮียจะทะเลาะกับน้องเรื่องอะไรมา ผมอยากให้เฮียใจเย็นๆไว้ก่อนนะครับ ค่อยๆคุยกันดีกว่าถ้าเกิดทะเลาะกันจนอากงรู้เรื่องท่านจะเครียดแล้วอาการจะแย่ลงนะครับ”

 

ศดิศเอ่ยเตือนญาติผู้พี่อีกคราด้วยความห่วงใยเพราะเขารู้ว่าตอนนี้เจ้าสัวพีระยังอยู่ในอาการที่ต้องไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจได้มิฉะนั้นอาการอาจจะทรุดลงได้

 

“อืม กูรู้แล้ว” ภวินท์พยักหน้าแกนๆให้ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม

 

ศดิศได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาอย่างปลงๆเพราะเขารู้ว่าต่อให้ภวินท์กับนทีรินจะมีเรื่องบาดหมางกันมากเพียงใดแต่ทั้งคู่ก็ไม่คิดที่จะทำให้เจ้าสัวพีระเป็นกังวลจนอาการทรุดลงแน่นอน

 

 “เครียดๆแบบนี้ เอาเด็กสักคนหน่อยไหมเฮียเดี๋ยวผมจัดการให้”

 

ตรีทศเอ่ยถามญาติผู้พี่พร้อมใบหน้ากรุ้มกริ่มตามประสาหนุ่มขี้เล่นและเขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำตอบของญาติผู้พี่

 

“ไม่ต้อง… กูไม่มีอารมณ์” เอ่ยบอกก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มรวดเดียว

 

ศดิศหันหน้าไปพยักหน้าให้กับปริญญ์และตรีทศอย่างรู้กันว่าไม่ควรจะซักไซ้ไล่เรียงอะไรภวินท์ไปมากกว่านี้เพราะนั่นอาจจะยิ่งทำให้ภวินท์อารมณ์เสียได้ง่าย พวกเขาจึงเลือกที่จะคุยเล่นเรื่องอื่นเพื่อให้ญาติผู้พี่ผ่อนคลายมากกว่าเดิม และเมื่อเวลาผ่านไปยิ่งแอลกอฮอลล์อยู่ในกายมากเพียงใดภวินท์ก็รู้สึกว่าเขาเริ่มผ่อนคลายได้บ้าง

 

 

 

ภวินท์และญาติๆดื่มและพูดคุยกันไปจนเวลาใกล้ตีสองเต็มที ทั้งหมดจึงทำการแยกย้ายกลับที่ของใครของมันทันทีอย่างรู้กัน ซึ่งภวินท์เองก็เลือกที่จะไม่ไปต่อที่ไหนทั้งนั้นนอกจากตรงกลับบ้านที่มีคนที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านทั้งวันอยู่ที่นั่น เมื่อซูเปอร์คาร์ยี่ห้อดังคันหรูทะยานมาจอดที่คฤหาสน์ของกิจจานนท์แล้วร่างสูงก็พาตัวเองเดินมาทรุดนั่งอยู่ที่โซฟาหลังใหญ่ด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ปนกับความเครียดที่มีทำให้ภวินท์ผล็อยหลับไปได้ง่ายๆ

 

โต๋เดินมาเจอเจ้านายที่นอนเมามายอยู่ที่โซฟาด้วยสภาพที่เละเทะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็รู้สึกแปลกใจก่อนจะเดินออกไปเพื่อจะตามคนมาช่วยเขาแบกเจ้านายขึ้นไปด้านบน เมื่อเดินออกมาก็พบนทีรินเดินกำลังจะขึ้นด้านบนอยู่จึงเอ่ยทักทันที

 

“คุณนทยังไม่นอนเหรอครับ”

 

“นทลงมาดื่มนมน่ะครับพี่โต๋ กำลังจะขึ้นไปนอนแล้ว” นทีรินหันไปมองคนทักก่อนจะเอ่ยตอบ

 

“วันนี้คุณนทนอนดึกจังเลยครับ”

 

“นิดหน่อยครับ นทเพิ่งทำงานเสร็จ”

 

นทีรินเอ่ยตอบคนขับรถคนสนิทของสามีด้วยรอยยิ้มบางๆ วันนี้นทีรินทำรายงานค่าใช้จ่ายภายในบ้านจนดึกดื่นกว่าจะได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองก็ปาไปเกือบตีหนึ่งแล้ว

 

“อ่า… รบกวนคุณนทช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ”

 

โต๋เอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกเกรงใจภรรยาของเจ้านายเหลือเกินแต่หากจะไปตามคนอื่นมาช่วยก็คงจะนอนหลับกันไปหมดแล้ว

 

นทีรินเลิกคิ้วสงสัยเล็กน้อยเพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่โต๋ต้องการให้ช่วย แต่เมื่อเดินมาที่ห้องรับแขกใหญ่ที่เขาและภวินท์เพิ่งจะทะเลาะกันไปนั้นก็พบร่างของสามีนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาหลังใหญ่ซึ่งดูจากท่าทางแล้วอีกฝ่ายน่าจะเมามาก

 

“คุณภพเมาเหรอครับพี่โต๋”

 

“ใช่ครับ แปลกมากเลยนะครับปกติคุณภพไม่เคยดื่มหนักจนเมาเลย สงสัยวันนี้งานคงเครียดมากแน่ๆเลยครับ”

 

โต๋เอ่ยบอกพร้อมสีหน้างุนงงเพราะตั้งแต่เขารับใช้ภวินท์มาตั้งแต่เด็กๆจนถึงตอนนี้เจ้านายของเขาไม่เคยดื่มหนักถึงขั้นเมามายหลับคอพับไม่รู้เรื่องแบบนี้เลยสักครั้ง

 

“อ่า… งั้นเหรอครับ”

 

นทีรินตอบรับเสียงเบาก่อนจะจับจ้องไปที่ใบหน้าคมของสามีที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง นทีรินละสายตาออกจากอีกฝ่ายทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองยังคงโกรธภวินท์อยู่

 

“แล้วไปดื่มหนักขนาดนี้ขับรถกลับมาเองได้ยังไงก็ไม่รู้นะครับ ผมจะไปรับก็ไม่ยอม ผมนี่เป็นห่วงแทบตายเลยครับ”

 

โต๋เอ่ยบอกอีกคราก่อนจะยกมือไหว้ขึ้นท่วมหัวราวกับขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองไม่ให้เจ้านายของเขาเป็นอะไรหลังจากที่ภวินท์เมาหนักขนาดนี้แต่กลับขับรถกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยได้

 

นทีรินยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของโต๋ก่อนจะหันไปจับจ้องคนเมาอีกคราก่อนจะค่อนขอดในใจ

 

คนแบบนี้ไม่ตายง่ายๆหรอก หึ!

 

“คุณนทช่วยผมพยุงคุณภพขึ้นไปด้านบนได้ไหมครับ”

 

คำขอร้องที่นทีรินไม่อยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้ แต่ด้วยใบหน้าซื่อๆของโต๋ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเจ้านายแล้วนั้นก็ทำให้นทีรินปฏิเสธที่จะช่วยเหลือไม่ได้

 

“อ่า… ได้ครับ”

 

นทีรินเข้าไปพยุงร่างหนาของสามีอีกฝั่งเมื่อโต๋พยุงขึ้นได้แล้ว ทั้งคู่พยายามพยุงคนเมาขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลเพราะตัวของภวินท์นั้นไม่ใช่เบาๆเลย ขนาดโต๋ที่ตัวสูงใหญ่พอสมควรนั้นเมื่อเทียบกับภวินท์ก็ยังเทียบไม่ติดเลยแล้วไม่ต้องพูดถึงตัวของนทีรินเลย ห่างกับภวินท์ไปหลายเบอร์เลยทีเดียว

 

“ขอบคุณคุณนทมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณนทผมแย่แน่ๆเลย” โต๋เอ่ยบอกเมื่อเขาและนทีรินแบกร่างของภวินท์ขึ้นมายังห้องนอนเรียบร้อยแล้ว

 

“ไม่เป็นไรครับพี่โต๋ งั้นนทขอตัว…” นทีรินกำลังจะขอตัวกลับห้องเพราะคิดว่าคงไม่ต้องช่วยอะไรไปมากกว่านี้แล้วแต่โต๋ก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

 

“เฮ้ย! ผมลืมเก็บรถ ถ้างั้นผมฝากคุณภพไว้กับคุณนทก่อนนะครับเดี๋ยวผมมา”

 

ว่าจบแล้วโต๋ก็รีบวิ่งปรู๊ดออกจากห้องของเจ้านายไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้นทีรินยืนงงทำตัวไม่ถูกอยู่ตามลำพัง

 

“เดี๋ยวสิครับพี่โต๋! -- อ้าว… พี่โต๋นะพี่โต๋ทิ้งเราไว้แบบนี้เลยเหรอ”

 

นทีรินจิ๊ปากอย่างขัดใจพลางหันไปมองร่างหนาของสามีที่เมาหลับไม่รู้เรื่องด้วยสภาพที่ไม่น่าดูเท่าใดนัก นทีรินเดินเข้าไปใกล้ๆร่างหนาก่อนจะค่อยๆจัดร่างของสามีให้นอนตามความยาวของเตียงดีๆ ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำสุดหรูที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องหินอ่อนและกระจกโมเสกสวยงาม มือบางหยิบกะละมังใส่น้ำอุ่นก่อนจะหยิบผ้าชุบน้ำบิดหมาดและเดินกลับมาหยุดอยู่ที่เตียงหลังใหญ่เช่นเดิม

 

“ก็ไม่ได้อยากทำให้นักหรอกนะแต่เห็นสภาพแล้วทนไม่ได้”

 

ว่าจบร่างบางก็นั่งลงที่เตียงใหญ่ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดซับไปตามใบหน้าหล่อคมและลำคอของสามีอย่างเบามือดวงตาหวานจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อคมก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เพราะเวลาที่ภวินท์หลับนั้นดูไร้พิษสงไปทันที ยามที่เจ้าตัวไม่ได้พ่นคำพูดร้ายกาจออกมานั้นก็ทำให้นทีรินอดนึกไปถึงพี่ภพพี่ชายที่แสนดีของเขาไม่ได้ ใบหน้าหวานหม่นลงพร้อมรอยยิ้มที่จางหายไปเมื่อนึกไปถึงตอนที่เขาและภวินท์ทะเลาะกันอย่างรุนแรง นทีรินอดเอ็ดตัวเองไม่ได้ว่าให้เลิกคิดถึงพี่ภพพี่ชายที่แสนดีคนนั้นได้แล้ว

 

เพราะไม่มีพี่ภพคนนั้นของเขาอีกแล้ว

 

“อืม…” เสียงทุ้มครางลึกในลำคอพร้อมมือหนาที่จับมาที่มือของเขาทำให้นทีรินสะดุ้งเล็กน้อย

 

“คุณภพ อยู่นิ่งๆได้ไหมครับ ผมเช็ดไม่ถนัด…”

 

นทีรินพยายามบิดมือออกจากมือหนาที่จับเขาแน่นเพราะว่าเขาเช็ดตัวให้อีกฝ่ายไม่ได้แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมือหนาไม่ยอมปล่อยมือของเขาแล้วจากนั้นคนเมาก็ลืมตาขึ้นมองเขาด้วยสายตานิ่งๆทว่าเยิ้มหวานซึ่งอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮออลล์

 

“ยังไม่นอนเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่มือก็ยังไม่ปล่อยจากมือบาง

 

“กำลังจะไปนอนแล้วครับ แต่ต้องมาดูแลคนเมาแทนพี่โต๋เสียก่อน” นทีรินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งติดไปทางเมินเฉยด้วยซ้ำ

 

“แล้วโต๋ไปไหน” เสียงทุ้มถามขึ้นอีก

 

“เอารถไปเก็บครับ -- ถ้าคุณภพโอเคแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

เอ่ยตอบคำถามก่อนจะบิดมือให้หลุดจากพันธนาการก่อนจะลุกเตรียมออกจากห้องนี้ไปแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อมือหนาคว้ามือเขาไว้แล้วจับแน่น

 

“ไหนๆก็เช็ดให้แล้วก็ทำให้มันเสร็จไปเลยสิ เป็นคนชอบทำอะไรครึ่งๆกลางๆตั้งแต่เมื่อไร”

 

สิ้นเสียงประชดประชันนั้นนทีรินก็กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายและขัดใจแต่ก็ยอมมาเช็ดตัวให้อีกฝ่ายเพื่อให้เสร็จๆไปเขาจะได้กลับไปนอนเสียที

 

ภวินท์ยิ้มมุมปากพอใจเมื่อภรรยาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดซับไปตามแขนของเขาโดยไม่สนใจและไม่มองหน้าเขาเลยสักนิดและนั่นก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งอีกฝ่ายขึ้นมา

 

“ถอดเสื้อแล้วเช็ดข้างในให้หน่อยสิ มันอึดอัด”

 

นทีรินเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้นและเมื่อสบสายตาคมที่ฉายแววท้าทายมาแล้วเขาจึงต้องจำใจเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวยี่ห้อดังของอีกฝ่ายอย่างห้ามไม่ได้ มือบางแหวกเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นกล้ามท้องเป็นลอนสวยของอีกฝ่ายนทีรินเอาผ้าซับๆไปมาโดยไม่มองร่างกายของอีกฝ่ายใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจางๆซึ่งท่าทีเช่นนั้นทำเอาภวินท์ลอบยิ้มอย่างพึงใจ

 

“ถ้าจะดื่มจนเมาแล้วต้องลำบากคนอื่นแบบนี้วันหลังก็เพลาๆเสียบ้างนะครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นนิ่งๆทว่าเหน็บแนมอยู่ภายในขณะที่นำผ้าเช็ดซับไปทั่วเรือนร่างของสามีทางนิตินัย

 

“เป็นห่วง?”

 

ร่างหนาลุกผึงขึ้นทันทีด้วยท่อนบนที่เปลือยเปล่า นทีรินขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะใบหน้าคมขยับใกล้เขาเกินไปแล้ว

 

“เป็นห่วงคนอื่นที่จะต้องลำบากมาดูแลคุณต่างหากครับ” นทีรินเถียงขึ้นทันทีเพราะเขาไม่อยากให้คนหลงตัวเองได้ใจไปมากกว่านี้เพราะเขาไม่มีทางเป็นห่วงอีกฝ่ายเด็ดขาด

 

“ไม่ลำบากคนอื่นหรอกเพราะผมมีเมียดูแล” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมดวงตาคมฉายแววกรุ้มกริ่มทีเล่นทีจริงอย่างคาดเดาไม่ได้

 

“งั้นเหรอ… แล้วเมียคนไหนล่ะครับ” เสียงหวานตอกกลับพลางแสยะยิ้มใส่

 

“ผมมีเมียคนเดียว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกหนักแน่นก่อนจะคว้าเอวบางของภรรยามาแนบชิดจนแทบจะเกยบนตักแกร่ง

 

“อ๊ะ… ปล่อยนะครับ! -- ถ้าคุณเมามากก็นอนได้แล้วครับ”

 

นทีรินโวยวายออกมาทันทีก่อนจะนึกโกรธตัวเองในใจหากว่าเขาเลือกที่จะกลับห้องนอนและไม่มาเสียเวลาเช็ดตัวให้อีกฝ่ายเขาก็คงไม่โดนอีกฝ่ายรังแกอีกแบบนี้ นทีรินดิ้นพลางสะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงตาคู่หว่านตวัดมองอย่างไม่พอใจแต่คนขี้แกล้งก็ได้หาใส่ใจไม่


“นท”

 

เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อเล่นของร่างบางในอ้อมแขนเบาๆทว่าก็ดังจนนทีรินใจกระตุกวูบ ดวงตาคมจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหวานเนิ่นนานซึ่งนั่นทำให้หัวใจดวงน้อยของนทีรินเต้นรัวราวกับโดนมนตร์สะกด

 

“ป… ปล่อยผมนะครับ ผมจะเอาผ้าไปเก็บ” เมื่อรู้สึกตัวนทีรินก็เอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงกระเง้ากระงอด

 

“อยากจูบ”

 

เสียงทุ้มเอ่ยเจ้าเล่ห์ก่อนที่ดวงตาคมจะจับจ้องไปที่ริมฝีปากแดงอิ่มนั้นอย่างจาบจ้วงซึ่งนั่นทำให้นทีรินหลุดแหวออกมาด้วยความกรุ่นโกรธปนขัดเขินเพราะจะมีใครบ้างที่หน้าด้านหน้าทนเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาอย่างไม่อายปากเลยสักนิด แต่เมื่อคิดไปอีกทีก็นึกได้ว่านี่คงจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮออลล์แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้นภวินท์คงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเขาแน่

 

“คุณภพ! ถ้าเมาก็นอนไปเลยครับจะได้เลิกพูดจาเพ้อเจ้อสักที”

 

นทีรินพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากแขนแกร่งอีกคราแต่ก็ต้องตกใจสะดุ้งขึ้นมาเมื่อปากหนาประทับจูบมาที่ปลายจมูกรั้นของเขาเบาๆ

 

“อ๊ะ… นี่คุณ!”

 

เสียงหวานเตรียมจะแหวใส่คนเมาที่ชอบฉวยโอกาสใส่เขาอย่างเต็มที่แต่มือหนาปล่อยให้เขาหลุดจากพันธนาการเสียก่อน นทีรินรีบลุกออกจากเตียงหลังใหญ่ทันทีพลางถอยห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุด ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะพลางล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจที่แกล้งเขาได้

 

“หึหึ… ปิดไฟให้ด้วยนะ”

 

ท่าทางอารมณ์ดีของภวินท์ทำให้นทีรินรู้สึกเจ็บใจและเข่นเขี้ยวอยู่ในใจเป็นอย่างมาก เพราะท่าทีของอีกฝ่ายนั้นไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิดเพราะมันดูปกติเกินเสียจนเขาคิดว่าภวินท์แกล้งเมาเพื่อที่จะแกล้งเขาหรือเปล่า

 

“อ้าวไม่ไปเหรอ หรือว่าจะนอนที่นี่?” คนขี้แกล้งหันหน้ามาถามเขาพลางยักคิ้วใส่เขาอย่างกวนๆจนนทีรินโมโหยิ่งกว่าเดิม

 

“ฮึ่ย!”

 

เมื่อทำอะไรไม่ได้ต่อกรก็ไม่ได้นทีรินเลยได้แต่เดินปึงปังเตรียมออกจากห้องนอนของสามีไปด้วยความเดือดดาลแต่ก่อนจะออกไปกลับได้ยินเสียงกวนประสาทตามมาอีกครา

 

“ฝันดีนะคุณภรรยา”

 

 



ฝันดีอย่างนั้นเหรอ… น่ากลัวจะฝันร้ายสิไม่ว่า!

 

To be continue

 
_____________________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: ทำใจหน่อยนะคะพระเอกเรื่องนี้เป็นไบโพลาร์ค่ะ555555555555 นอกจากปากไม่ดีแล้วนิสัยก็ไม่ดีด้วยค่ะ น่าหมั่นไส้เนอะ >< แต่ยังไงก็ฝากติดตามความร้ายกาจของพี่เค้าไปเรื่อยๆเลยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2019 08:57:56 โดย yokindy »

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #68 เมื่อ08-04-2019 01:51:38 »

 :3125:  :3125: :3125: โมโหแทนนท

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #69 เมื่อ08-04-2019 02:06:23 »

เป็นบุคคลที่น่าด่าทุกตอน  :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
« ตอบ #69 เมื่อ: 08-04-2019 02:06:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #70 เมื่อ08-04-2019 03:08:27 »

ว่านทแต่ละอย่างเข้าตัวเองทั้งนั้น :katai1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #71 เมื่อ08-04-2019 08:35:31 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #72 เมื่อ08-04-2019 11:31:21 »

หมั่นไส้จริงๆรักน้องแต่ก็หาเรื่องว่าน้องตลอด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #73 เมื่อ08-04-2019 11:34:35 »

5555 จ้าพ่อคนปากแข็ง

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #74 เมื่อ08-04-2019 16:40:44 »

โอ๊ย!!!! ขอน้องนทมาไว้บ้านเราได้มั๊ย ไม่ให้อีตาไบโพล่านี่แล้ว ชอบว่าน้อง  :mew2:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #75 เมื่อ08-04-2019 17:41:59 »

แปดปีเลยนะ ที่ไม่มาสนใจเลย มาเจอกันอีกทีก็ปากหมา
ที่ผ่านมา ควงคนอื่นออกหน้าออกตา ยังมีหน้ามาด่านทอีกหรอ
แล้วที่เฮียซานจะเสนอเด็กมานั่งด้วยให้คืออะไร ก็รุ้จักนทหนิ ทำแบบนี้ได้หรอ สงสารนท อยากให้หย่า นทไม่ควรรักคนแบบนี้เลย  :z3:

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #76 เมื่อ08-04-2019 23:51:41 »

นทสู้ๆน้าาา

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #77 เมื่อ09-04-2019 01:44:49 »

คุณ​พระเอก​ รักเมียออกขนาดนี้นะหึงใหญ่​เลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #78 เมื่อ09-04-2019 02:00:09 »

 :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #79 เมื่อ09-04-2019 17:47:27 »

หึงก็บอกหึงสิคะคุณภพ เครียดเรื่องของน้องขนาดนี้ต้องรู้แล้วป้ะว่ารักน้องมากๆ :-[ ระวังโดนแย่งนะคะ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
« ตอบ #79 เมื่อ: 09-04-2019 17:47:27 »





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #80 เมื่อ12-04-2019 02:55:33 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #81 เมื่อ12-04-2019 16:12:06 »

คนนึงปากร้าย คนนึงปากหนัก


ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #82 เมื่อ13-04-2019 01:19:43 »

ว่าแต่เขา​ อิเหนา​เป็น​เอง​ เกลียด​คนประเภท​นี้​ที่​สุด​ 8ปีที่ไม่เคยสนใจใยดี 8ปีที่ควงคนอื่นไม่ซ้ำหน้า​ หลับนอนกับใครมาบ้างก็ไม่รู้​ ยังจะมีหน้ามาว่าเมียตัวเองอีก​ ทั้งที่​ทุก​เรื่อง​ที่​พูด​มา​คือ​ตัวเอง​ทำมาหมดแล้ว

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #83 เมื่อ13-04-2019 15:43:11 »

 :pig4:s

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #84 เมื่อ14-04-2019 01:05:10 »

ทำร้ายจิตใจน้องเก่งจริงๆเล้ยยยยย  :ruready

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #85 เมื่อ14-04-2019 08:30:57 »

แนะนำให้หย่าครับ ดูแลอากงในฐานะอื่นได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเป็นหลานสะใภ้ก็ได้มั้ง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #86 เมื่อ14-04-2019 08:51:08 »

 :3123:
เพราะรักเลยหึงชิมิล่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๘ (8-4-62)
«ตอบ #87 เมื่อ14-04-2019 19:37:48 »

บางทีพี่ภพอาจกำลังพยายามอยู่ พี่ภพสู้ๆ ฮึบๆ  :m1:

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #88 เมื่อ17-04-2019 00:34:28 »

บทที่ ๙

 

หลายวันต่อมาเมื่อถึงกำหนดที่ทุกคนนัดกันไปเที่ยวทะเลด้วยกันโดยมีปริญญ์และภาณินเป็นเจ้าคนจัดการทุกอย่างให้รวมไปถึงตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบินรวมไปถึงบัตเลอร์*เพื่อคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ทุกคนด้วย จุดหมายปลายทางของทุกคนคือเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ซึ่งในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยเป็นช่วงที่ผู้คนต้องการหนีจากอากาศร้อนๆไปเที่ยวทะเลกันเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างไปเที่ยวกันล้นหลาม ที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจึงคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ และเนื่องจากค่าครองชีพของเกาะหลีเป๊ะนั้นสูงอยู่พอตัวแต่เมื่อคิดไปถึงความสวยงามของเกาะแล้วนั้นก็ถือเป็นความคุ้มค่าที่ควรค่าแก่การไปท่องเที่ยว

 

โรงแรมพลูวิลล่าระดับห้าดาวตั้งอยู่ใจกลางเกาะซึ่งบ้านพักแต่ละหลังจะเป็นแบบซีวิวที่สามารถมองเห็นชายทะเลได้สุดหูสุดตา และที่พักที่ภาณินได้สิทธิพิเศษมานั้นเป็นบ้านพักในรูปแบบของไพรเวทพลูเรซิเดนส์ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับแขกได้ 8-10 คน สิ่งอำนวยความสะดวกจะมีสระว่ายน้ำอยู่ในตัวและมีสถานที่สำหรับใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ได้อย่างสบายโดยไม่ต้องออกไปทานอาหารข้างนอก และภายในพลูเรซิเดนส์หลังนี้จะประกอบไปด้วยห้องนอนทั้งหมด 4 ห้องโดยทุกห้องมีห้องน้ำส่วนตัวและอ่างจากุซซี่ทุกห้องโดยวิวในห้องน้ำจะเป็นกระจกใสโปร่งสามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาได้อย่างชัดเจน

 

และเมื่อทุกคนมามาถึงที่พักและจัดของกันเข้าที่กันเรียบร้อยแล้วก็มารวมตัวกันบริเวณระเบียงหน้าบ้านพักที่ข้างๆกันมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ทุกคนจึงใช้สถานที่ตรงนี้เป็นที่สำหรับจัดสังสรรค์กันโดยมีบัตเลอร์คอยอำนวยความสะดวกเรื่องอาหารและเครื่องดื่มให้

 

นทีรินแยกตัวออกมาจากคนอื่นๆที่กำลังพูดคุยกันสนุกสนานด้วยจิตใจที่ร้อนรนและเป็นกังวลอย่างห้ามไม่ได้ มือบางหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตัวเองออกมากดต่อสายทันที

 

“พี่นวล อากงเป็นยังไงบ้างครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามปลายสายด้วยเสียงเป็นกังวล เพราะตั้งแต่ที่เจ้าสัวพีระป่วยนั้นนทีรินไม่เคยห่างท่านไปไหนเลยแม้กระทั่งต่างจังหวัดก็ตามถึงแม้จะรู้ว่ามีพยาบาลพิเศษและพี่นวลช่วยดูแลอยู่แต่นทีรินก็ไม่อาจวางใจได้สนิท

 

“(เจ้าสัวนอนหลับไปแล้วค่ะ พี่ป้อนข้าวและให้ทานยาเรียบร้อยแล้วค่ะ)”

 

สิ่งที่ปลายสายเอ่ยบอกทำให้นทีรินรู้สึกโล่งใจไปได้บ้าง และเขาก็รู้ดีว่าพี่นวลเป็นคนเดียวที่จะดูแลเจ้าสัวพีระแทนเขาได้ดีกว่าคนอื่นๆ

 

“ขอบคุณที่ดูแลอากงเป็นอย่างดีนะครับพี่นวล ไว้นทจะซื้อของฝากไปฝากนะครับ” นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงคนสนิทพร้อมรอยยิ้มอย่างสบายใจ

 

“(ค่ะคุณหนู เที่ยวให้สนุกนะคะ ไม่ต้องห่วงท่านเจ้าสัวพี่จะดูแลท่านให้ดีที่สุดค่ะ)”

 

พี่นวลรับคำพลางเอ่ยบอกให้คุณหนูสบายใจและหายห่วงจากสิ่งที่กำลังกังวลเพราะเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากให้คุณหนูมีความสุขและได้พักผ่อนอย่างสบายใจด้วยเพราะหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆในชีวิตนั้นมีมากเหลือเกิน

ทำให้ที่ผ่านมานทีรินแทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นเลย

 

นทีรินคุยเรื่องสัพเพเหระกับพี่เลี้ยงคนสนิทไปได้สักพักด้วยเรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเล่าถึงที่พักและความสวยงามของทะเลให้ฟังเมื่อคุยเล่นกันไปได้สักพักพี่นวลก็ขอตัววางสายเพื่อไปดูแลและจัดการงานที่ทำต่อ

 

“นท วางสายจากพี่นวลแล้วเหรอ” เหมือนชนกเดินเข้ามาหาพลางเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักวางสายโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว

 

“ใช่ๆ เหมือนมีอะไรหรือเปล่า” นทีรินรับคำพลางถามขึ้น

 

“เราว่าจะชวนนทไปเดินเล่นชายหาดหน่อยน่ะ” เหมือนชนกเอ่ยชวนเพราะเห็นชายหาดที่สวยขาวสะอาดตาที่รับกับน้ำทะเลสีฟ้าใสเป็นที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้มาก

 

“แล้วพี่ภาคย์ล่ะ”

 

นทีรินเอ่ยถามไปยังภาคย์ซึ่งเป็นคนรักของเหมือนชนก ทั้งคู่ได้คบกันมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ซึ่งนทีรินเองก็พบเจอและเห็นความสัมพันธ์ที่ดีของเหมือนชนกและภาคย์มาตลอด

 

“โอ๊ย… รายนั้นน่ะพอเริ่มสนิทกับพวกพี่ซานก็ไปตั้งวงก๊งเหล้ากันแล้ว” เหมือนชนกเอ่ยบอกพลางยู่หน้าเง้างอนคนรักจนนทีรินหัวเราะออกมากับความน่ารักของเพื่อน

 

“ฮ่ะๆ พี่ภาคย์เฟรนด์ลี่ขนาดนั้นต้องเข้ากับพวกพี่ซานได้อยู่แล้ว”

 

“ใช่ไง เราก็เลยมาชวนนทไปเดินเล่นถ่ายรูปที่ชายหาดแก้เบื่อกันดีกว่า”

 

ว่าจบเหมือนชนกก็เดินเข้ามาลากแขนเพื่อนรักออกไปชายหาดเหมือนเด็กเล็กๆนทีรินยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปตามเพื่อน

 

“โอเค ไปๆ แล้วนินดื่มอยู่กับพวกพี่ๆเหรอ” นทีรินเอ่ยถามไปยังเพื่อนสนิทอีกคนเพราะไม่เห็นเดินมาด้วยกัน

 

“นั่งคุยเล่นอยู่กับพี่ปรินซ์น่ะ เราเลยไม่อยากกวนเวลาคนสวีทกัน”

 

เหมือนชนกเอ่ยบอกด้วยเสียงติดขำปนหมั่นไส้เพื่อนรักอีกคนจนนทีรินหัวเราะออกมาและเอ่ยแซ็วกลับไป

 

“แหม ถ้าพี่ภาคย์ว่างเมื่อไรเหมือนก็เตรียมไปสวีทกับพี่เขาได้เต็มที่เลยนะ”

 

คำพูดและสายตาล้อเลียนเช่นนั้นทำเอาเหมือนชนกหน้าแดงขึ้นมาอย่างง่ายดายและท่าทีเช่นนั้นก็ทำนทีรินหัวเราะชอบใจออกมาได้ไม่ยากเลย

 

“นทอ่า… ต่อหน้าพี่ภาคย์ห้ามแซ็วเรานะ”



เหมือนชนกเอ่ยบอกเสียงเง้างอดเพราะต่อให้เขาจะคบกับภาคย์มานานเพียงใดแต่ก็ไม่เคยชินกับคำแซ็วของคนอื่นทุกทีเพราะมันทำให้เขาเขินจนทำตัวไม่ถูกทุกครั้งไปและที่ทำให้เขินยิ่งไปกว่านั้นก็คือภาคย์ที่พร้อมจะล้อเลียนเขาอยู่ทุกเมื่อนั่นแหละ

 

“ฮ่ะๆ นทไม่รับปากนะ” นทีรินหัวเราะชอบใจก่อนจะได้รับท่าทางเง้างอนของเพื่อนรักตอบมา

 

นทีรินและเหมือนชนกเดินถ่ายรูปวิวทะเลสวยงามไปเรื่อยๆบ้างก็ผลัดกันถ่ายรูปให้กันและกันไปมาจนกว่าจะได้รูปที่ดูดีและโอเคจริงๆเพื่อที่จะสามารถอัพลงโซเชียลมีเดียได้ ถ่ายไปถ่ายมาเรื่อยๆทั้งคู่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเหมือนชนกพบเจอสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงหน้า

 

“นท ดูนั่นสิ…”

 

นทีรินหันไปตามที่เพื่อนรักชี้นิ้วบอกก็พบว่าเป็นภวินท์และศดิศกำลังขี่เจ็ทสกีตรงมาจากฝั่งทะเลที่ไกลพอสมควร ร่างสูงของสามีที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นสบายๆด้านบนปราศจากอาภรณ์ใดๆเผยให้เห็นแผ่นอกเปลือยเปล่าและกล้ามท้องที่เป็นลอนแน่นอย่างคนที่ดูแลตัวเองทั่วไป

 

“โห… พี่ภพกับพี่นายขี่เจ็ทฯเก่งจังเนอะ” เหมือนชนกเอ่ยชื่นชม

 

นทีรินละสายตาออกจากตรงนั้นราวกับว่าไม่สนใจก่อนจะหยิบกล้องมิลเลอร์เลสยกขึ้นถ่ายรูปเพื่อนรักที่กำลังให้ความสนใจแต่คนขี่เจ็ทสกีอยู่ด้วยสายตาที่ชื่นชม

 

“แน่ล่ะ ก็พวกเขาเรียนมาตั้งแต่เด็กๆนี่นา” นทีรินเอ่ยบอกเพื่อนรักที่ดูจะไม่สนใจเรื่องถ่ายรูปอีกต่อไป

 

สายตาหวานหันไปมองยังทะเลอีกคราก็พบว่าสามีกำลังขี่เจ็ทสกีตรงมาเทียบยังชายฝั่งเรียบร้อยแล้ว ภวินท์ดับเครื่องยนต์ก่อนจะลงมาจากเจ็ทสกีคันใหญ่โดยมีผู้ช่วยที่คอยดูแลช่วยเหลืออยู่แถวนั้นอยู่แล้ว ยิ่งเห็นสามีขี่เจ็ทสกีก็ยิ่งทำให้นทีรินอดคิดไปถึงเรื่องในอดีตไม่ได้

 

สายตาคมหันมาสบตากับภรรยาที่มองมาด้วยสายตาที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ และเขาก็มั่นใจว่าตัวเองและภรรยาต่างคิดไปถึงเรื่องเดียวกันแน่นอน

 

เหตุการณ์วันนั้นคล้ายคลึงกับวันนี้เลยทีเดียวแต่ต่างกันตรงที่ในวันนั้นเขาอายุ 17 ปีในขณะที่ภรรยานั้นมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ในตอนนั้นเจ้าสัวพีระได้พาพวกเขามาเที่ยวทะเล

 

 

“ตัวเล็กครับ หายโกรธพี่ภพเถอะนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นพลางเดินตามง้อเด็กขี้งอนอยู่ไม่ห่าง

 

“ไม่ต้องมาพูดเลย! ไหนพี่ภพสัญญาว่าถ้ามาถึงทะเลจะสอนนทขี่เจ็ตสกีไงครับ”

 

เด็กขี้งอนเอ่ยบอกเสียงกระเง้ากระงอดพลางยู่ปากใส่งอนๆกับคนที่ผิดสัญญาว่าเมื่อมาถึงทะเลจะสอนเขาขี่เจ็ทสกี แต่อีกฝ่ายกลับมัวแต่แข่งขี่เจ็ทสกีอย่างสนุกสนานกับญาติๆจนลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเขาไปเลย

 

“พี่ภพขอโทษนะครับที่มัวแต่ห่วงแข่งกับพวกไอ้นายจนลืมสอนตัวเล็ก แต่วันนี้พี่ภพพร้อมสอนตัวเล็กทั้งวันเลยนะครับ”

 

ภาพผู้ชายตัวโตกำลังวิ่งตามง้องอนน้องเป็นความน่ารักสำหรับคนที่เดินผ่านไปมา นทีรินแอบอมยิ้มเมื่อมีนิ้วก้อยใหญ่ๆยื่นมาขอคืนดีอยู่ไม่ห่างแต่เขาก็ต้องแสร้งทำขรึมไว้ก่อน

 

“ชิส์ นทไม่อยากเรียนกับคนผิดสัญญาหรอก นทจะไปให้พี่นายสอนดีกว่า” น้องตัวเล็กเอ่ยบอกอย่างไม่สนใจก่อนจะเดินหนีต่อไป

 

“ไม่ได้นะครับ! ห้ามให้ใครสอนนอกจากพี่ภพคนเดียว”

 

ภวินท์เอ่ยบอกคนตัวเล็กพลางเอาแขนแกร่งกั้นขวางไม่ให้อีกคนเดินไปไหนอีกด้วย อารมณ์ที่ดีๆกลับเริ่มขุ่นมัวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะไปให้คนอื่นสอนซึ่งเขาไม่มีทางยอม

 

“พี่ภพถอยไปนะ! นทจะไปให้พี่นายสอน”

 

นทีรินแอบยิ้มกริ่มในใจที่ยั่วโมโหของพี่ชายคนนี้ได้ เขาไม่ได้จะให้ศดิศสอนจริงๆหรอกเขาก็แค่อยากแกล้งพี่ชายคนนี้ดูบ้างเท่านั้นเองเพราะถ้าไม่ใช่ภวินท์สอนเขาก็ไม่ได้สนใจที่อยากจะเรียนเหมือนกัน

 

“ไม่ให้ไปครับ ตัวเล็กต้องเรียนกับพี่ภพคนเดียวเท่านั้น”

 

พี่ชายตัวโตยังคงรั้งน้องตัวเล็กไว้ด้วยใบหน้ายุ่งๆเพราะกลัวว่าน้องจะไปให้คนอื่นสอนที่ไม่ใช่เขา ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอย่างไม่รู้สาเหตุนักว่าเพราะอะไรถึงยอมให้น้องไปเรียนกับคนอื่นไม่ได้

 

ร่างเล็กกำลังจะเดินหนีไปอีกแต่มือหนาคว้าตัวน้องไว้จนเสียหลักล้มลงไปทั้งคู่โดยที่กายแกร่งของพี่ชายตัวโตมีร่างบอบบางของน้องคร่อมทับอยู่ด้านบนริมฝีปากบางแตะสัมผัสที่ปากหนาแผ่วเบา

 

“อ๊ะ…”

 

นทีรินเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็วร่างบางดิ้นขยับเพื่อจะลุกขึ้นจากร่างหนาของพี่ชายแต่ไม่เป็นผลเมื่อมือหนาของภวินท์กอดเขาไว้แน่น

 

“ตัวเล็ก… ห้ามไปเรียนกับคนอื่นนะครับ พี่ภพหวง”

 

เสียงทุ้มนุ่มออดอ้อนจนคนฟังหน้าขึ้นสีแดงพาดริ้วที่แก้มนวลทั้งสองข้างซึ่งนั่นสร้างความพึงพอใจให้ภวินท์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่านทีรินจะยิ้มหรือจะทำหน้าโมโหหรือหน้างอนเป็นแบบไหนอีกน้องก็ดูน่ารักเสมอในสายตาของภวินท์

 

“พ… พี่ภพ! ปล่อยนะ ปล่อยนท”

 

นทีรินตีไปที่อกแกร่งของพี่ชายเพื่อหวังให้อีกฝ่ายปล่อยเขาแต่กลับไม่เป็นผลเพราะภวินท์แกล้งกอดรัดเขาแน่นมากกว่าเดิมอีกแถมยังแกล้งร้องโอดโอยโอเวอร์เสียจนเขาหมั่นไส้อีกต่างหาก

 

“โอ๊ยๆ พี่ภพเจ็บนะครับตัวเล็ก… เด็กอะไรมือหนักชะมัด”

 

“ปล่อยนทนะ!” เอ่ยเสียงเขียวไม่พอใจคนขี้แกล้งที่แสร้งว่าเจ็บปวดแต่ใบหน้ากลับยิ้มระรื่นล้อเลียนเขาไม่เลิก

 

“พี่ปล่อยตัวเล็กนานแล้วนะ เรานั่นแหละที่ไม่ลุกออกไป”

 

มือหนาชูขึ้นให้ดูเป็นเชิงว่าตัวเองนั้นปล่อยจากตัวของอีกฝ่ายนานแล้ว ใบหน้าหล่อคมประดับไปด้วยรอยยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนั้นเขินอายเขามากเพียงใด

 

“ฮึ่ย!”

 

นทีรินรีบลุกออกจากกายแกร่งของพี่ชายขี้แกล้งทันที หัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนเขาตกใจ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าหัวใจเต้นจนแทบหลุดออกจากอกมันเป็นแบบนี้นี่เอง ใบหน้าหวานกุมแก้มตัวเองแน่นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่แก้มทั้งสองข้าง

 

“ตัวเล็กครับ…”

 

เสียงทุ้มติดขำเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าน้องตัวเล็กเขินอายไม่เลิก ใบหน้าหล่อคมแฝงไปด้วยความล้อเลียนนั้นทำให้คนตัวเล็กแหวออกมา

 

“อ… อะไรอีกเล่า!”

 

“จูบแรกเหรอ…”

 

เสียงทุ้มล้อเลียนพร้อมใบหน้าหล่อที่ยื่นเข้ามาแทบจะชิดกับใบหน้านวลทำเอานทีรินอายม้วนจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เขาพยายามจะเลิกคิดถึงมันแล้วแต่อีกฝ่ายกลับมาล้อเลียนเพื่อตอกย้ำเขาไปอีก

 

“พ… พี่ภพบ้า นทไม่คุยด้วยแล้ว!”

 

คนตัวเล็กเอ่ยจบก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีพี่ชายจอมขี้แกล้งออกไปให้ไกลที่สุดเพราะเขาไม่สามารถทนกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวนั้นได้อีกต่อไปแต่กระนั้นก็กลับได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงใจของคนขี้แกล้งตามมาไม่ห่างจนในวันนั้นนทีรินก็ไม่ยอมให้ภวินท์หรือใครก็ตามสอนขี่เจ็ทสกีอีกเลย


 

 

“นท!” เสียงเรียกชื่อดังขึ้นจนนทีรินสะดุ้งเฮือกและกลุดจากภวังค์ความคิดพลางหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิท

 

“หะ? ม.. เมื่อกี้ว่าอะไรนะเหมือน”

 

เอ่ยถามซ้ำเนื่องจากเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนรักได้พูดอะไรออกมาบ้างเพราะมัวแต่นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาไม่มีวันที่จะลืมมันลงได้เลย

 

“เราถามว่าไปถ่ายรูปตรงนั้นกันไหม นี่เหม่ออะไรเนี่ย” เหมือนชนกเอ่ยบอกอีกครั้งด้วยใบหน้าที่งุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังเหม่อถึงอะไร

 

“เปล่าๆ ไปสิ”

 

นทีรินปฏิเสธแกนๆพลางเดินนำออกไปแต่ก็ไม่วายแอบหันมองไปทางชายทะเลอีกคราก็พบว่ายังมีสายตาคมจับจ้องมาไม่เลิกเช่นกัน นทีรินรีบหันกลับมาแทบไม่ทันแล้วทำเป็นเสมองไปทางอื่นดูนั่นนี่ไปเรื่อย ร่างเล็กเอ็ดตัวเองในใจว่าไม่น่านึกไปถึงเหตุการณ์นั้นเลยแต่เขาก็ไม่คิดว่าภวินท์จะคิดไปถึงเหตุการณ์เดียวกันหรอกเพราะเขาไม่เชื่อว่าภวินท์จะสนใจที่จะจดจำมันเฉกเช่นเขา

 

“นท… เราถามจริงๆนะ นททะเลาะอะไรกับพี่ภพหรือเปล่า”

 

เหมือนชนกเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้เพราะเขาแอบสังเกตุเพื่อนรักและสามีของเพื่อนแล้วก็พบว่าทั้งคู่ดูอึดอัดต่อกันอย่างไรอย่างนั้น

 

“ทำไมเหมือนถามนทแบบนั้นล่ะ”

 

นทีรินเลือกที่จะไม่ตอบแต่ถามกลับแทน เขากำลังเอ็ดตัวเองที่ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดไปกับตัวเองเพราะเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย เขาไม่อยากให้คนอื่นมารู้สึกถึงความอึดอัดกับเรื่องของเขาและภวินท์

 

“ก็นทดูไม่ค่อยมีความสุขเลย นทอึดอัดหรือเปล่าที่ต้องมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้”

 

เหมือนชนกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ไม่รู้ว่าตอนนี้ภวินท์และนทีรินมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกันอย่างไรเพราะเขาไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนแต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

 

“ไม่มีอะไรหรอกเหมือน นทแค่เป็นห่วงอากงน่ะ ตั้งแต่อากงป่วยเหมือนก็รู้ว่านทไม่เคยห่างจากอากงมาหลายวันเลย”

 

นทีรินเลี่ยงที่จะบอกเพื่อนสนิทถึงสิ่งที่เขาแลภวินท์ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเพราะไม่อยากให้เพื่อนมารับรู้และกังวลกับเขา เขาจึงอ้างเรื่องความกังวลถึงเจ้าสัวพีระออกไป

 

“แต่ว่าไม่ได้ทะเลาะกับพี่ภพจริงๆใช่ไหม” เหมือนชนกยังคงถามย้ำด้วยความห่วงใยเช่นเคย

 

“เปล่า ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณภพเลย… เหมือนไม่ต้องเป็นห่วงนะ นทโอเคมากๆ”

 

นทีรินก็ยิ้มกว้างออกมากับความเป็นห่วงที่เพื่อนมีมาให้เขาเสมอ เขาก็จะไม่ทำให้เพื่อนเป็นห่วงไปมากกว่านี้แล้วเพราะเขาไม่อยากทำให้การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้คนอื่นพลอยไม่สนุกกับเรื่องของเขาไปด้วย

 

เมื่อเหมือนชนกได้ยินเพื่อนบอกเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างตอบไปก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจเช่นเคย ทั้งคู่ผลัดกันถ่ายรูปจากมุมนั้นมุมนี้ไปเพลินๆจนนทีรินลืมเรื่องที่กังวลไปได้บ้าง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกจากภาณินที่ตะโกนเรียกเสียงดังมาจากทางบ้านพักของพวกเขาให้กลับขึ้นไปรวมตัวกันเมื่อทั้งภวินท์และศดิศขึ้นมาจากน้ำและกลับขึ้นบนบ้านพักเรียบร้อยแล้ว

 

 

***

ต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62) [ต่อ]
«ตอบ #89 เมื่อ17-04-2019 00:38:44 »

เมื่อนทีรินและเหมือนชนกขึ้นไปรวมตัวกับทุกคนแล้วก็พบว่าภาณินสั่งอาหารทะเลมามากมายจนล้นโต๊ะโดยอาหารทั้งหมดนั้นได้ถูกปรุงและทำให้สุกโดยบัตเลอร์และเชฟผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะที่มาดูแลพวกเขาเป็นพิเศษซึ่งสะดวกสบายเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาไม่ต้องทำอะไรเองเลยนอกจากมีหน้าที่เพียงแค่รับประทานเท่านั้น

 

“น้องนท น้องเหมือนดื่มอะไรดี เอาเบียร์คนละกระป๋องไหมครับ”

 

ตรีทศเอ่ยถามใบหน้าหล่อที่ดวงตาเริ่มเยิ้มเล็กน้อยเนื่องจากตรีทศดื่มแอลกอฮอลล์ตั้งแต่มาถึงในช่วงบ่ายจนตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว

 

เหมือนชนกกำลังจะตอบรับว่าเอาแต่กลับต้องชะงักไปเมื่อมีเสียงคนรักแทรกตอบขึ้นมาก่อน

 

“พี่ซานครับ ของน้องเหมือนเอาเป็นน้ำอัดลมก็พอครับ” ภาคย์เอ่ยบอกตรีทศก่อนจะทำสายตาคาดโทษคนรักยิ้มๆ

 

“อะไรอ่า… ทำไมตัวมาตัดสินใจแทนเค้าแบบนี้ล่ะ” เหมือนชนกทำเสียงเง้างอดใส่คนรักที่ห้ามไม่ให้เขาดื่มแอลกอฮอลล์

 

“พี่ไม่อนุญาตให้ดื่มของมึนเมานะครับบี๋ ดื่มน้ำอัดลมนี่แหละครับ”

 

ภาคย์เอ่ยบอกติดดุเล็กน้อยเพราะเขารู้ว่าเหมือนชนกนั้นแพ้แอลกอฮอลล์ถ้าหากดื่มเข้าไปมากๆอาจมีผื่นแดงขึ้นที่ตัวและอาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายตัวจนเที่ยวไม่สนุกเอาได้

 

“แหมๆ สวีทกันจริง พี่อยากสวีทบ้างอ่ะแต่ไม่มีคู่” ตรีทศเห็นทั้งสองคนกำลังสวีทงุ้งงิ้งกันก็อดที่จะเอ่ยแซ็วออกมาไม่ได้จนคนโดนแซ็วหน้าแดงกันไปตามระเบียบ

 

“อ้าว แล้วเมียเทศกาลมึงล่ะไปไหนหมด ไม่ควงมาด้วยสักคนสองคน”

 

ศดิศที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมาได้ยินญาติกำลังแซ็วคนอื่นพอดีเขาเลยแซ็วอีกฝ่ายกลับคืนบ้างจนตรีทศที่กำลังกระดกเบียร์ดื่มนั้นสำลักออกมาแทบไม่ทัน

 

“แค่กๆ… ไอ้นาย! อย่าพูดเยอะ กูอายน้องๆเค้า”

 

คำว่าเมียเทศกาลนั้นทำให้เจ้าตัวอดรู้สึกเขินอายขึ้นมาไม่ได้และท่าทางแบบนั้นก็สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนบนโต๊ะได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

“น้องนทเอาเบียร์ไหมครับ ร้อนๆแบบนี้ดื่มเบียร์แล้วชื่นใจดีนะครับ” ศดิศเอ่ยถามนทีรินขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้เครื่องดื่มมือหนาเตรียมเปิดเบียร์ขวดเล็กให้แต่เสียงปริญญ์แทรกขึ้นมาก่อน

 

“เฮียนายไม่กลัวเฮียภพว่าบ้างเหรอไปชวนเมียเขาดื่มของมึนเมา”

 

“อ่า… จริงด้วยว่ะ”

 

ศดิศทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะลืมนึกไปจนทุกคนบนโต๊ะต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กตาม ซึ่งเจตนาของปริญญ์นั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำให้งานกร่อยหรืออึดอัดเพียงแต่เขาคิดแค่ว่าภวินท์อาจจะมีความคิดเป็นห่วงนทีรินเฉกเช่นเดียวกับภาคย์ที่เป็นห่วงเหมือนชนกก็ได้ ความเงียบถูกทลายลงด้วยเสียงทุ้มของภวินท์ที่ดังขึ้น

 

“ไม่เป็นไร กูไม่ว่าหรอกเพราะเรื่องนี้กูให้อิสระเมียกูเต็มที่ แต่เรื่องอื่น… ไม่แน่”



สายตาคมนิ่งทว่าแฝงไปด้วยความร้ายกาจภายในหันไปจับจ้องไปที่ภรรยาอย่างไม่วางตาและพยายามสื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเรื่องอื่นที่เขาหมายถึงนั้นหมายความถึงอะไรซึ่งนทีรินก็รับรู้มันได้อย่างแน่ชัดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปนอกจากตีหน้านิ่งๆใส่คนเป็นสามีอย่างไม่สนใจก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ศดิศ

 

“ไม่เป็นไรครับพี่นาย นทขอแค่น้ำอัดลมก็พอครับ”

 

เมื่อสถานการณ์อึดอัดเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้วทุกคนบนโต๊ะก็เริ่มกลับมาพูดคุยเรื่องต่างๆอย่างสนุกสนานโดยมีตรีทศและภาคย์ซึ่งเป็นคนที่มีมุกตลกประจำตัวนั้นเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้ตลอดการสนทนา

 

“ทุกคนครับ! ยิ้มหน่อยเร็ว ชีสสสสสส”

 

เมื่อทานอาหารกันไปได้สักพักภาณินก็หยิบกล้องมิลเลอร์เลสยี่ห้อดังที่ราคาเหยียบแสนยกขึ้นมากดถ่ายภาพหมู่ของทุกคนที่กำลังสนุกอยู่ ภาณินหัวเราะเมื่อย้อนดูภาพที่ทุกคนกำลังเผลอนั้นเป็นภาพที่น่ารักและเป็นธรรมชาติมากๆ

 

นทีรินและเหมือนชนกออกไปยืนดูรูปที่ภาณินถ่ายด้วยกันก่อนที่ทั้งสามเพื่อนรักจะเซลฟี่ด้วยกันหลายๆรูปพลางหัวเราะคิกคักกันอยู่สามคนก่อนที่ปริญญ์และตรีทศจะรีบวิ่งมาเข้าเฟรมของทั้งสามคนเป็นการป่วนไปด้วย

 

“เฮียนายครับ ถ่ายรูปคู่ผมกับนินให้หน่อยครับ”

 

ปริญญ์เอ่ยไหว้วานญาติผู้พี่เพราะรู้ดีว่าศดิศในสมัยเรียนนั้นอยู่ชมรมถ่ายภาพและญาติของเขาคนนี้ก็ถ่ายรูปสวยมากๆ ศดิศรับคำก่อนจะออกมาเป็นตากล้องให้น้องๆโดยที่มีปริญญ์และภาณินเป็นแบบให้ถ่ายเป็นคู่แรก

 

“น้องเหมือนกับคุณภาคย์จะเอารูปคู่ด้วยไหมครับ” ศดิศเอ่ยถามคู่รักอีกคู่หนึ่งก่อนจะได้รับเสียงตอบรับกลับมา

 

“เอาครับๆ ไปตรงโน้นกันครับบี๋ เห็นวิวทะเลสวยดี”

 

ภาคย์และเหมือนชนกเดินไปอีกฟากของบ้านพักซึ่งเป็นบริเวณระเบียงรับลมที่สามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาอย่างสวยงามทั้งคู่ผลัดกันแอ็คท่าคู่กันไปมาอย่างน่ารัก

 

นทีรินมองภาพของเพื่อนและคนรักของเพื่อนด้วยสายตาที่ชื่นชมและยินดีที่เพื่อนได้พบเจอกับคนรักที่ดีและเพื่อนก็มีชีวิตที่มีความสุขซึ่งต่างจากเขาที่ในชีวิตแทบจะหาความสุขจากคนรักแทบไม่ได้ ชีวิตคู่ของเขาและภวินท์เป็นเหมือนละครหนึ่งเรื่องที่พวกเขาต้องร่วมกันแสดงไปให้จนกว่าจะถึงวันที่อวสานเพียงแต่บทละครของเขามันไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งอย่างของคนอื่นๆก็เท่านั้น

 

“เฮียภพ น้องนท มาถ่ายรูปคู่ครับ” เสียงเรียกจากตากล้องจำเป็นดังขึ้นทำให้นทีรินหลุดจากภวังค์

 

สายตาหวานหันไปมองคนเป็นสามีที่มองเขามาอยู่แล้วภวินท์ยิ้มมุมปากก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปหยุดยืนแทนที่ที่ภาคย์และเหมือนชนกยืนอยู่เมื่อครู่นทีรินถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินตามไปยืนข้างร่างสูงของสามีอย่างจำใจ

 

ภวินท์และนทีรินยืนชิดกันมือหนาถือวิสาสะโอบเอวบางของภรรยาไว้หลวมๆพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่เฉกเช่นกับวันที่ทั้งคู่ไปออกงานคู่กันแล้วมีนักข่าวรอเก็บภาพทั้งคู่อยู่

 

“โห สวยมากครับ… แต่ขอเปลี่ยนท่าหน่อยนะครับ แบ็กกราวด์ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลยครับ”

 

ตากล้องจำเป็นเอ่ยบอกพลางแนะนำว่าให้จัดแจงท่าใหม่เพราะตอนนี้เบื้องหลังของทั้งคู่เป็นภาพที่สวยงามมากและควรค่าแก่การถ่ายเก็บไว้เป็นอย่างมาก

 

เมื่อได้ยินญาติผู้น้องเอ่ยบอกเช่นนั้นภวินท์ก็ใช้มือสองข้างโอบเข้าที่เอวบางของภรรยาไว้แน่นโดยที่เขาไปยืนซ้อนหลังของอีกฝ่ายและเอาคางเกยที่ไหล่บอบบางของร่างบางไว้ นทีรินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเริ่มทำตัวรุ่มร่ามกับเขาเกินควรอีกแล้ว แต่ก็ต้องแสร้งตีหน้านิ่งไว้เพราะไม่อยากให้คนอื่นๆสงสัย

 

“ยิ้มกว้างๆให้คนอื่นเขาเห็นว่าเราเป็นสามีภรรยาที่น่าอิจฉาหน่อยสิ”

 

เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินแค่สองคนทว่าชัดเจนในโสตประสาทของนทีริน ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองหน้าของอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มมาที่เขาซึ่งดูก็รู้ว่านี่คือการแสดงละครของอีกฝ่ายอีกฉากหนึ่งแล้ว

 

“อยู่กับคนสนิทๆแบบนี้คุณยังต้องแสดงละครอีกเหรอครับ” นทีรินพูดลอดไรฟันเสียงเบาขณะที่แสร้งยิ้มไปให้กล้องเหมือนกัน

 

เขาเหนื่อยที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วแต่ถ้าไม่ทำมันก็ยิ่งแสดงให้คนอื่นรับรู้ถึงความสัมพันธ์อันย่ำแย่ของเขาและภวินท์ขึ้นไปอีกซึ่งเขาไม่ได้อยากให้คนอื่นต้องมารับรู้ปัญหาของเขาและสามีทางนิตินัยทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่เขาและอีกฝ่ายต้องหย่าขาดกันเมื่อไรเมื่อนั้นทุกๆคนรอบข้างเขาก็จะรับรู้มันได้เอง

 

“ละครของเราสองคนมันจะจบก็ต่อเมื่อ… เราหย่าขาดกันเท่านั้น”

 

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการตอกย้ำให้นทีรินรู้ว่าหากระหว่างเขาและอีกฝ่ายยังไม่มีการหย่าขาดต่อกันก็จะต้องแสดงละครบทนี้ต่อหน้าผู้คนไปเรื่อยๆแบบนี้นี่แหละ ท่าทางอวดดีและเย่อหยิ่งของภรรยาทำให้ภวินท์ต้องการปราบพยศให้ได้อยู่หมัด

 

“นี่คุณ!”

 

นทีรินสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นกัดฟันกรอดเมื่ออีกฝ่ายรวบตัวเขาหันหน้าเข้าหากันเพื่อปะทะอกแกร่ง มือหนากอดเอวบางของเขาไว้แน่น สายตาคมมองมาที่เขาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะยักคิ้วข้างหนึ่งกวนๆมาให้อีกด้วยซึ่งนั่นทำให้เขาแทบอยากจะผลักร่างอีกฝ่ายออกแต่เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆเขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากเข่นเขี้ยวในใจ

 

“ท่านี้พอได้ไหมวะไอ้นาย” ภวินท์หันไปถามญาติผู้น้องที่ทำหน้าตะลึงงันอยู่ซึ่งไม่ต่างจากคนอื่นๆที่เริ่มหันมามองทางเขาและภรรยาอย่างสนใจ

 

“ม… มันดีมากครับเฮีย ขออีกรูปนึงนะครับ เฮียสวีทเต็มที่เลยครับ” ศดิศเอ่ยบอกก่อนจะยกกล้องขึ้นเก็บภาพต่อไป

 

“เต็มที่เลยใช่ไหม… ได้”

 

เสียงทุ้มเอ่ยตอบญาติผู้น้องแต่สายตาคมกลับจับจ้องมาที่ดวงหน้าหวานของภรรยาไม่วางตา ใบหน้าหล่อคมโน้มลงมาจนอวัยวะบนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน นทีรินกระพริบตาเลิ่กลั่กไปมาภายในใจเต้นรัวราวกับเสียงรัวกลอง และนทีรินก็ต้องรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวมันหยุดเคลื่อนไหวเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับมาบนปากบางของเขาอย่างแผ่วเบาทว่าแนบแน่น นทีรินหลับตาแน่นขณะที่ริมฝีปากหนาวาดลวดลายไปบนปากของเขาไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนจนเขาแทบไม่รับรู้อะไรรอบข้างเลยว่าคนรอบข้างนั้นพูดว่าอะไรกันบ้าง

 

ในความคิดของนทีรินในตอนนี้กลับนึกไปยังวันนั้นวันที่ภวินท์ได้จูบแรกของเขาไปโดยไม่ตั้งใจหัวใจของเขาพองโตขึ้นอย่างประหลาด ใบหน้าหล่อคมของพี่ภพในวันนั้นยังคงตราตรึงในใจเขาไม่เลือนหายคำถามที่ล้อเลียนเขาในวันนั้นกลับดังชัดขึ้นจนไม่อาจลืมเลือนได้

 

“จูบแรกเหรอ…”

 

ใช่ ภวินท์คือจูบแรกของเขา

 

คำตอบที่เขาไม่เคยบอกให้ใครได้รับรู้แม้แต่เจ้าตัวแต่เขาก็รู้ว่าภวินท์รับรู้ได้ ในวันนั้นเขารู้สึกมีความสุขที่ได้มอบจูบแรกที่มีค่าของเขาให้กับภวินท์ไปเพราะเขารักอีกฝ่ายมากเหลือเกินและเขาก็อยากจะเก็บเหตุการณ์และคำพูดของเขาและพี่ภพในวันนั้นไว้ทุกวินาทีแห่งความทรงจำไปตลอดกาล

 



แต่ถ้ากับภวินท์ที่เป็นสามีของเขาในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจูบที่เท่าไรเขาก็ไม่อยากจะจำมันเลยสักครั้งเดียว…

 

To be continue


________________________________________________________________________________________________


 TALK WITH WRITER :: สุขสันต์วันสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว 2 วันค่า 555555555555 ใครไปเที่ยวสงกรานต์กลับมาก็อย่าลืมมาอ่านพี่ภพน้องนทนะคะ ซึ่งนอกจากแกล้งเมียแล้วพี่เค้าก็ไม่เก่งอะไรอีกเลยค่า ล่าสุดขโมยจูบน้องอีกแล้ว แง้... ด่าพี่เค้าได้แต่อย่าแรงนะคะ ยังไงพี่เค้าก็เป็นพี่พระเอกของเราน้า 5555555555555 เจอกันตอนหน้าค่ะ :)


บัตเลอร์ (Butler) = เป็นอาชีพที่มีเกียรติอย่างหนึ่งมีรากฐานมาจากประเทศอังกฤษซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริการซึ่งรับจ้างรับใช้เจ้านายภายในบ้านซึ่งมีอันจะกินของประเทศอังกฤษและความหมายของบัตเลอร์ต่างจากคนรับใช้เนื่องจากคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นบัตเลอร์ต้องมีความรู้สูงรอบด้านที่สามารถจะดูแลและจัดการครอบครัวของเจ้านายได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งบัตเลอร์สำหรับประเทศไทยในที่นี้อาจจะหมายถึงผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกแก่แขกพิเศษในระดับสูง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด