Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)  (อ่าน 29414 ครั้ง)

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
« เมื่อ27-02-2019 22:52:13 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*************



Husband-in-law {yaoi}
มีผลทางกฎหมาย แต่ไม่มีผลทางใจ...



บทนำ

“ฮึบ… โง้ย ไม่ถึง ฮึบ”

เด็กตัวเล็กวัย 7 ขวบในชุดเอี๊ยมสีเหลืองอ่อนกำลังพยายามเขย่งเท้าสุดตัว มือน้อยๆชูป่ายไปมาใต้ต้นไม้ใหญ่ เหตุเกิดจากการทำลูกโป่งสวรรค์สีแดงหลุดมือลอยมาเกี่ยวกับต้นไม้หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง

แต่ไม่ว่าจะเขย่งเท้าให้สูงแค่ไหนมือก็ยังเอื้อมไม่ถึงอยู่ดี แต่จะให้ปีนต้นไม้ขาสั้นๆก็ปีนไม่ถึงเหมือนกัน เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มวัย 12 ปีที่แอบมองอยู่สักพักแล้วอดเดินเข้าไปช่วยไม่ได้

“อ๊ะ…” น้องตัวเล็กร้องอย่างตกใจเมื่อมีใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอุ้มเขาขึ้น มองลงไปก็เห็นเป็นพี่ชายหน้าตาดูใจดียิ้มมาให้

“เขย่งจนสุดปลายเท้าก็ไม่ถึงหรอกน่าตัวเล็ก อ่ะหยิบสิ” พี่ชายตัวสูงบอกน้องพร้อมรอยยิ้ม เขากระชับอุ้มน้องให้สูงขึ้นจนน้องเอื้อมมือไปคว้าเอาลูกโป่งเจ้าปัญหานี่ได้

“ข… ขอบคุณครับ” น้องตัวเล็กที่สูงเลยเอวพี่ชายตัวสูงมาไม่กี่เซนฯเอ่ยขอบคุณอย่างน่ารักเมื่อพี่ชายปล่อยให้เขาลงมายืนแล้ว

พี่ชายตัวสูงลูบหัวเล็กไปมาด้วยความเอ็นดู เขาคว้าไปหยิบเจ้าลูกโป่งของน้องมาผูกที่ข้อมือเล็กไว้หลวมๆเพราะกลัวว่าเจ้าลูกโป่งเจ้าปัญหานี่จะลอยหนีน้องตัวเล็กไปอีก

“บ้านอยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวพี่ภพเดินไปส่ง” เขาถามน้องพลางคว้ามือเล็กๆมาจับไว้ พี่ชายตัวโตที่แทนตัวเองว่าพี่ภพหรือภวินท์ กิจจานนท์เดินจูงมือน้อยของน้องตัวเล็กไว้หลวมๆพลางเดินตามถนนฟุตบาธไปเรื่อยๆ

“หลังนี้ครับ” น้องชี้นิ้วไปที่คฤหาสน์หลังโตที่ตั้งอยู่ข้างๆบ้านของเขา

หือ? น้องอยู่บ้านข้างๆนี่เอง ไม่ยักจะเคยเห็น

“อ๋อ เราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่นา เพิ่งย้ายมาอยู่เหรอครับ พี่ภพไม่เคยเห็นหน้าตัวเล็กเลย” 

“บ้านคุณปู่ของนทเองครับ นทมาเที่ยวตอนปิดเทอม” น้องตัวเล็กที่แทนตัวเองว่านทหรือนทีริน พงศ์เรืองรองเอ่ยบอกพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่น่ารักจนพี่ตัวสูงกว่าอดหยิกแก้มขาวเบาๆเพราะอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้

น่ารัก

เด็กอะไรก็ไม่รู้เหมือนเด็กผู้หญิงเลย ตัวก็ขาวนุ่มนิ่มไปหมด แก้มก็ป่องมีสีแดงพาดริ้วจนน่าฟัด


ภาพหลานชายของเจ้าสัวพีระ กิจจานนท์และหลานชายของอาจารย์แพทย์ทิวา พงศ์เรืองรองจูงมือกันไปคุยกันไปเป็นภาพที่น่ารักมากสำหรับคนที่เดินผ่านไปมา พี่ชายตัวสูงในชุดกีฬาจูงมือน้องตัวเล็กหยอกล้อกันตลอดทางราวกับว่าสนิทกันมานาน ทั้งที่จริงแล้วเพิ่งจะรู้จักกันวันนี้

“ถึงแล้วครับ”
เสียงใสของน้องเอ่ยบอกพี่ชายตัวสูงเมื่อเดินเข้ารั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ไม่แพ้กับคฤหาสน์ของเขาเลย

ร่างสูงจับจูงมือน้องตัวเล็กเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตสไตล์โคโลเนียลซึ่งต่างจากบ้านของเขาที่เป็นสไตล์วิกตอเรีย แต่ต้องยอมรับเลยว่าบ้านพงศ์เรืองรองมีการตกแต่งสวยไม่แพ้บ้านกิจจานนท์ของเขาเลย ยิ่งมาตั้งข้างกันมีรั้วติดกันแล้วยิ่งทำให้บ้านทั้งสองหลังดูโอ่อ่าหรูหราและดูมีอำนาจมากกว่าบ้านหลังอื่นๆที่อยู่บริเวณเดียวกัน

ภวินท์รู้ดีว่าคุณหมอทิวาตระกูลพงศ์เรืองรองนั้นเป็นเพื่อนกับอากงของเขามานาน แต่พอหมดรุ่นของอากงแล้วรุ่นลูกหลานก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันสักเท่าไร จึงทำให้เขาไม่เคยเจอและรู้จักกับน้องตัวเล็กคนนี้อย่างไรล่ะ วันนี้เป็นวันดีเสียจริงที่ได้รู้จักน้องตัวเล็กแล้ว ใบหน้าหล่อยิ้มพรายเมื่อมองไปที่ดวงหน้าหวานของน้อง

อยากมีน้องน่ารักๆแบบนี้ไปนอนกอดที่บ้านเสียจริง

ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ก็มีหญิงสาววัยรุ่นอายุประมาณ 20 ต้นๆคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาทางเขาและน้องตัวเล็กด้วยท่าทางที่ดูร้อนใจไม่น้อย

“คุณหนูขา… ไปไหนมาคะเนี่ย พี่นวลเป็นห่วงแทบแย่” หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าพี่นวลเดินเข้ามาหาคุณหนูของเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“นทไปเล่นแถวหน้าบ้านเองนะครับพี่นวล ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย” น้องตัวเล็กบอกพี่นวลพร้อมรอยยิ้มกว้างซึ่งภวินท์คิดในใจว่าเป็นยิ้มที่น่ารักที่สุดเลย

เขาชอบเวลาน้องยิ้มมากเลย มันเหมือนว่าโลกทั้งใบมันสดใสไปหมด แววตากลมโตดูเป็นประกายสดใสราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้า

“คราวหลังต้องบอกพี่นวลก่อนจะออกไปเล่นข้างนอกนะคะ พี่หาคุณหนูไม่เจอ หัวใจพี่แทบวาย” พี่นวลเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร ก็เธอมีคุณหนูคนเดียวนี่นา

“คิก พี่นวลเว่อร์จัง” น้องหัวเราะเบาๆกับความห่วงโอเวอร์แอคติ้งของพี่เลี้ยงสุดสวยที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ พี่นวลทำหน้างอนหน่อยๆแต่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“เอ… แล้วหนุ่มหล่อคนนี้นี่ใครกันคะเนี่ย” พี่เลี้ยงร่างอวบถามขึ้นทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มที่ยืนหล่ออยู่ข้างหลังคุณหนูของตน

“พี่ภพใจดี เขาช่วยนทเก็บลูกโป่งครับ” น้องตัวเล็กบอกพลางหันไปยิ้มกว้างให้พี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

“สวัสดีครับพี่นวล ผมภพนะครับ อยู่บ้านข้างๆนี่เองครับ” ภวินท์ยกมือไหว้พี่นวลอย่างนอบน้อมจนพี่เลี้ยงร่างอวบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

“อ๋อ คุณภพหลานชายของเจ้าสัวพีระนี่เอง พี่ก็นึกว่าหนุ่มหล่อที่ไหน” พี่เลี้ยงร่างอวบเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้ม พลางนึกไปถึงตอนที่ไปซื้อของในตลาด แล้วได้ยินแม่ค้าขาเม้าท์ลือกันให้แซ่ดว่าหลานชายของเจ้าสัวพีระเจ้าของตลาดนั้นรูปงามนามเพราะกันทุกคน

สงสัยเรื่องที่แม่ค้าในตลาดพูดกันว่าหลานชายของตระกูลกิจจานนท์หน้าตาดีนี่จะจริง เพราะขนาดคุณภพอายุแค่ไม่เท่าไร ยังดูหล่อแล้วก็สูงสมวัย ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่คงจะหล่อไม่เบาแน่เลย

“พี่ภพจะเข้าบ้านไปทานขนมกับนทก่อนไหมครับ” น้องตัวเล็กเดินมาเขย่ามือเขาเบาๆพลางเอ่ยชวนอย่างน่ารัก

ภวินท์คิดในใจว่าเขานี่ท่าจะบ้าไปแล้ว เพราะเริ่มหลงเด็กตัวเล็กนี่แล้วล่ะสิ ทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด
หรือเพราะเขาไม่มีพี่น้องกันนะ จะมีก็แต่ลูกพี่ลูกน้องที่วัยใกล้เคียงกันหมด แถมญาติๆของเขาก็ไม่ได้น่ารักตาโตแก้มป่องแบบน้องตัวเล็กเลยสักคน

“พี่ภพก็อยากทานขนมกับตัวเล็กนะครับ แต่วันนี้พี่ภพมีนัดกับคุณครูไปเรียนขี่สกีแล้วน่ะสิครับ”

“ว้า… เสียดายจังเลย” น้องน้อยยู่ปากเสียดาย

“งั้นเอาไว้วันหลังนะครับตัวเล็กเดี๋ยวพี่ภพมาเล่นด้วยนะ”

พี่ชายตัวสูงย่อเข่าลงให้หน้าอยู่ในระดับกับน้องพร้อมลูบหัวเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปหอมแก้มกลมของน้องตัวเล็กฟอดใหญ่อย่างชื่นใจ

ฟอด

“อ๊ะ…” น้องร้องตกใจก่อนจะเอามือกุมแก้มกลมของตัวเองไว้ แก้มป่องๆขึ้นสีแดงอย่างกับซอสมะเขือเทศหกใส่ พี่ชายตัวสูงเห็นน้องเขินหน้าแดงก็หัวเราะชอบใจ

“ว้าย! คุณหนูของพี่นวล โดนพี่ภพขโมยหอมแก้มซะแล้ว” แม่บ้านตัวกลมเอ่ยแซ็วก่อนจะหัวเราะเบาๆทำให้เด็กโดนแซ็วหน้าแดงแจ๋ราวกับลูกตำลึง ยิ่งโดนแซ็วโดนล้อคุณหนูของพี่นวลก็ยิ่งเขินอายม้วนไปใหญ่

“งื้อ… พี่นวลอ่า… อย่าแซ็วนทสิ” น้องตัวเล็กทำหน้ามุ่ยที่โดนแซ็ว ก่อนจะหันมายู่ปากใส่พี่ชายอย่างงอนๆที่แอบมาขโมยหอมแก้มเขาเฉยเลย

ทำไมพี่ภพไม่ขอดีๆ มาขโมยหอมแบบนี้ นทตั้งตัวไม่ทันเลย

“ฮ่ะๆ บ๊ายบายนะครับตัวเล็ก” พี่ชายหัวเราะชอบใจที่น้องยู่ปากงอนใส่ ก่อนจะโบกมือลาน้องตัวเล็กที่ยู่หน้ายู่ปากใส่ไม่เลิก

งอนน่ารักแบบนี้ พี่ภพยอมให้งอนทั้งวันเลยครับ

“พี่ภพคนบ้า!” น้องตัวเล็กไม่โบกมือลาตอบแต่แลบลิ้นใส่พี่ชายแทนก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไปพร้อมความเขินและใจเต้นแรงจนคับอก ก็นอกจากคุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็คุณปู่แล้ว น้องนทตัวเล็กไม่เคยโดนใครหอมแก้มอีกเลยนี่นา

การพบกันของหลานชายทั้งสองตระกูลในวันนั้นเกิดเป็นความผูกพันและการเชื่อมไมตรีได้อย่างเหนียวแน่นจนในภายภาคหน้าไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่อึดอัดจนเจ็บปวด


เมื่อคนนึงเก็บความรู้สึกทุกช่วงความทรงจำเอาไว้จนล้นหัวใจส่วนอีกคนกลับปล่อยทุกอย่างและมองข้ามไปอย่างไม่ใยดี…


To be continue

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2019 21:19:45 โดย yokindy »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #1 เมื่อ27-02-2019 23:22:12 »

ติดตามค่ะ
ประโยคสุดท้ายมาพร้อมดราม่าเลย

 :pig4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #2 เมื่อ28-02-2019 01:15:38 »

 :L2: รอจ้า

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑
«ตอบ #3 เมื่อ28-02-2019 10:27:57 »

บทที่ ๑



คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจที่มีการออกแบบให้เป็นสไตล์วิกตอเรียผสมผสานกับการตกแต่งแบบจีนประยุกต์เนื่องจากเจ้าของบ้านมีเชื้อสายจีน เจ้าสัวพีระ กิจจานนท์ประมุขของบ้านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนโดยบรรพบุรุษสืบเชื้อมาจากประเทศฮ่องกงและได้มาแต่งงานกับคนไทยจึงได้ย้ายมาตั้งรกรากกันที่ประเทศไทยตั้งแต่นั้นมา ตระกูลกิจจานนท์ได้ก่อตั้งธุรกิจในประเทศไทยจากร้านขายของชำเล็กๆจนเติบโตกลายเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อว่าเดอะแกรนด์อ็อฟสยามที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เจ้าสัวพีระและพี่น้องร่วมสายเลือดต่างช่วยกันบริหารจัดการจนเดอะแกรนด์ฯประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เจ้าสัวพีระได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวฮ่องกงที่บิดาและมารดาเป็นผู้เลือกให้และได้กำเนิดทายาทเป็นลูกชายคนหนึ่งต่อมาลูกชายและลูกสะใภ้ได้ให้กำเนิดหลานชายคนแรกและคนเดียวของเจ้าสัวนั่นก็คือ ภวินท์ กิจจานนท์ ในครั้งที่ภวินท์ยังเด็กมากพ่อและแม่ของภวินท์จำเป็นต้องย้ายรากฐานกลับไปอยู่ที่ฮ่องกงจึงได้ฝากให้เจ้าสัวพีระดูแลภวินท์ให้ จึงไม่แปลกเลยที่เจ้าสัวจะรักหลานชายคนนี้มาก

 

แต่บางทีการที่รักมากเกินไปอาจจะยิ่งทำให้เจ็บช้ำมากได้เช่นกัน

 

 

 

นักธุรกิจหนุ่มหลานชายเจ้าสัวตระกูลดังเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เปลี่ยนคู่ควงอีกแล้ว คราวนี้เป็นนักแสดงหนุ่มชื่อดังจากซีรี่ย์วัยรุ่นที่กำลังดังมากในขณะนี้ ควงกันเที่ยวญี่ปุ่นไม่แคร์สื่อฯ กดอ่านต่อ…

 

 

“คุณภพนะคุณภพ กลับมาจากอเมริกาแล้วแทนที่จะกลับบ้านนะคะ ดั๊นไปเที่ยวกับดาราที่ไหนอีกก็ไม่รู้ คุณหนูดูสิคะ แบบนี้มันทำเกินไปแล้วนะคะ” พี่นวลชูแท็บเล็ตให้เจ้านายดูพลางบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเจ็บใจแทนเจ้านาย ในขณะที่เจ้านายของเธอก็ได้หาใส่ใจไม่ ไม่หันมามองสิ่งที่เธอให้ดูแม้แต่น้อยเพราะมัวแต่ทำง่วนทำขนมอย่างตั้งใจ

 

“ช่างเขาเถอะครับพี่นวล เขาจะไปไหนกับใคร จะกลับบ้านหรือไม่กลับก็ช่างเขาเถอะ” นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงคนสนิทอย่างไม่ยี่หร่ะ

 

“แต่ว่าคุณหนูคะ คุณหนูเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณภพนะคะ คุณหนูจะปล่อยไปแบบนี้จริงๆเหรอคะ” นทีรินหันหน้ามาดูภาพในแท็บเล็ตเจ้าปัญหาของพี่นวลอีกครา พบว่าในนั้นพาดหัวข่าวตัวโตพร้อมรูปถ่ายที่มีปาปารัสซี่ตามถ่ายนั้นเป็นภาพถ่ายที่เห็นแต่ด้านหลังของชายร่างสูงสมส่วนคนหนึ่ง แต่เพียงด้านหลังนทีรินก็รู้ดีนั่นแหละว่าเป็นสามีทางนิตินัยของเขาจริงๆและข้างๆสามีนั้นก็เป็นชายหนุ่มร่างเพรียวบางคนหนึ่งซึ่งนทีรินก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยว่าเป็นใคร

 

เพราะนี่ไม่ใช่คนแรกและครั้งแรก

 

และเขาก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อยครั้งจนชินเสียแล้ว

 

“นทก็ปล่อยแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ครับ จะให้นทไปทำอะไรล่ะครับหืม” คุณหนูของพี่นวลยิ้มบาง

 

สายตากลมโตหม่นลงจนพี่นวลรับรู้ได้ คุณหนูของเธอน่ะทำได้เพียงหน้าชื่นแต่อกตรมเพียงใดใครเล่าจะรู้ เพราะคุณภวินท์นั่นแหละที่เห็นแก่ตัวแล้วก็ไม่เคยนึกถึงใจของคุณหนูของเธอเลยสักนิด แบบนี้จะไม่ให้เธอเจ็บใจได้อย่างไร

 

“โถน่าสงสารจริง คุณหนูของพี่” พี่เลี้ยงคนขี้แยน้ำตาไหลพรากด้วยความสงสารคุณหนูของตน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีนทีรินก็จะมีพี่นวลที่ทั้งเป็นห่วงและดูแลอย่างนี้เสมอมาไม่เคยเปลี่ยน

 

“ฮ่ะๆ พี่นวลนี่ขี้แยตลอดเลยนะ… หยุดร้องไห้แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นเลยครับ มาชิมแกงบวดฟักทองสูตรคลีนของนทดีกว่าว่าโอเคหรือยัง นทจะได้ตักไปให้อากงทาน” คุณหนูเอ่ยบอกพี่เลี้ยงที่ยังนั่งเอามือเช็ดน้ำตาป้อยๆ

 

พี่นวลเป็นคนเจ้าน้ำตามาแต่ไหนแต่ไรแล้วเขารู้ดี ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะก็ พี่นวลยิ่งน้ำตาตกได้ง่ายเพราะนอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณปู่แล้ว ชีวิตของเขาก็มีแต่ผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่คอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ดูแลกันมาจนถึงตอนนี้ไม่เปลี่ยนไปไหน

 

พี่นวลใช้ช้อนตักชิมฟักทองแกงบวดสูตรคลีนของคุณหนูที่ยืนทำหน้าลุ้นอยู่ข้างๆ เคี้ยวละเลียดขนมหวานที่ก่อนจะยิ้มเต็มแก้มเพราะว่ามันอร่อยมาก เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นนทีรินยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะตักขนมใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบอย่างดี ใบหน้าหวานยิ้มพอใจกับผลงานของตัวเอง พลางคิดไปว่าคนที่เขาตั้งใจทำฟักทองแกงบวดให้จะชอบหรือเปล่า เพราะว่าเขาคิดค้นสูตรนี้อยู่นานโขกว่าจะทำออกมาได้อร่อยขนาดนี้ เขาตั้งใจหาข้อมูลโภชนาการต่างๆและส่วนผสมทดแทนความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาลก็เพื่อคนสำคัญของเขาแค่คนเดียว

 

อากง…

 

อากงชอบทานฟักทองแกงบวดมากแต่ทานไม่ได้เพราะหมอสั่งห้ามไม่ให้ทาน แต่กระนั้นเขานี่แหละก็จะดื้อด้านคิดค้นสูตรมาทำให้อากงทานจนได้เพราะเขาอยากเห็นอากงมีความสุขที่ได้ทานของโปรด แปลกดีจริงที่อากงเป็นคนจีนแท้ๆแต่กลับชอบขนมหวานของไทยมากโดยเฉพาะฟักทองแกงบวดที่สามารถทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณปู่ของเขาชอบทำแต่ฟักทองแกงบวดนี่มาให้อากงทานล่ะมั้ง อากงถึงได้ไม่ชอบทานขนมหวานอย่างอื่นเลย

 

แล้วก็แปลกเหมือนกันคนรอบข้างตัวเขา คนบางคนเคยเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นตลอดเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนคนบางคนก็เปลี่ยนไปราวกับไม่เคยรู้จักกัน

 

 “พี่ภพ…” เสียงใสเอ่ยเรียกบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ภวินท์มองดวงหน้าหวานด้วยสายตาว่างเปล่าและเย็นเยียบก่อนจะเอ่ยประโยคที่คนฟังน้ำตาคลอหน่วย

 

“ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกันอีก” สิ้นประโยคนั้นขายาวของชายร่างสูงกว่า 185 เซนติเมตรก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่หันมองใครอีกเลย

 

“ฮึก… พี่ภพ” นทีรินพยายามก้าวขาตามไปแต่ก้าวไม่ออกเลยแม่แต่น้อย ประโยคแสนเจ็บปวดนั่นทำเขาหมดแรงเสียดื้อๆ มันเจ็บไปหมด เจ็บไปทั้งใจจนแทบไม่มีแรง

 

“คุณหนูคะ” พี่นวลเดินเข้ามาประคองร่างของคุณหนูได้ทันท่วงที

 

ร่างอวบกอดนทีรินไว้แนบอกมือป้อมลูบหัวลูบหลังปลอบประโลมคุณหนูของเธอที่ร้องไห้ราวกับจะขาดใจด้วยความสงสารจับใจจนตัวเธอเองก็ร้องไห้ตาม

 

“ฮึก… พี่นวลครับ พี่ภพเกลียดนทแล้ว พี่ภพไม่อยากยุ่งกับนท ฮือ…”


 

 

 

“อากงครับ… นทมาแล้ว… วันนี้นททำฟักทองแกงบวดมาให้ด้วยนะครับ”

 

มือบางวางถาดของหวานสุดโปรดของชายชราประมุขของบ้านกิจจานนท์ไว้ที่โต๊ะเลื่อนได้สำหรับวางอาหารให้ผู้ป่วย ก่อนจะลากเลื่อนมาเพื่อให้คนป่วยได้ทานอย่างถนัดถนี่ นทีรินยิ้มให้ชายชราที่ใครต่อใครก็ต่างเกรงขามในอำนาจของท่าน แต่สำหรับนทีรินแล้วคุณพีระเป็นชายชราที่ใจดีที่สุดในโลกเลย

 

“นท… ภพ… ภพกลับมาหรือยัง” เสียงแหบพร่าของชายชราที่ป่วยด้วยโรคชราตามอายุเอ่ยถามขึ้นขณะที่ทานของหวานสุดโปรดที่หลานสะใภ้ทำมาให้หมดเรียบร้อยแล้ว

 

ได้ยินคำถามที่แสนจะตอบยากเช่นนั้นคนฟังก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบด้วยใบหน้าติดยิ้มบางๆ

 

“คือว่า… พี่ภพยังไม่กลับมาเลยครับ สงสัยงานยุ่งน่ะครับอากง”

 

“ไม่จริงหรอก มันทิ้งอั๊วกับลื้อไปตั้งหลายปี ไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้า จนอั๊วป่วยขนาดนี้มันก็ไม่เคยมาเยี่ยม สงสัยมันจะยังโกรธอั๊วไม่หาย” ใบหน้าของชายชราหม่นแสงลงราวกับความหวังทั้งหมดพังทลายที่หลานชายคนเดียวของตระกูลไม่ยอมกลับมาเยี่ยมและดูใจเขาเป็นครั้งสุดท้าย คุณพีระกลัวเหลือเกินว่าเขาจะอยู่ไม่ทันที่หลานชายคนโปรดจะกลับมา

 

นทีรินเห็นใบหน้าเศร้าหมองของคุณพีระเขาก็ได้แต่เศร้าตาม พลางค่อนขอดต่อว่าคนเป็นสามีทางนิตินัยในใจ

 

ทำไมภวินท์ถึงใจร้ายขนาดนี้ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้อากงไม่สบาย ทำไมถึงไม่กลับมาเยี่ยมอากงบ้าง ต่อให้จะโกรธอากงเรื่องการแต่งงานกับเขามากเพียงใดแต่ก็ควรจะแยกแยะได้นี่ว่าเรื่องแต่งงานกับเรื่องที่อากงป่วยมันคนละส่วนกัน

 

ภวินท์จากไปตั้งแต่ครั้งนั้นวันที่พวกเขาสองคนแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งในตอนนั้นภวินท์มีอายุเพียง 22 ปีและนทีรินมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นสามีทางนิตินัยหมาดๆของเขาก็เดินทางไปอเมริกาทันทีโดยไม่สนใจคนรอบข้างเลยว่าจะเป็นอย่างไรและรู้สึกเช่นไรบ้าง นี่มันก็เป็นเวลาแปดปีแล้วสินะที่เขาจากไปและไม่เคยกลับมาเลย

 

คนใจร้าย

 

“พี่ภพเขาไม่คิดแบบนั้นหรอกครับ เขารักอากงนะ” ถึงแม้ในใจจะต่อว่าเพียงใดแต่กระนั้นนทีรินก็ยังเชื่อว่าภวินท์รักอากงมาก หากไม่รักมากก็คงไม่มีทิฐิมากเพียงนี้หรอก

 

“ลื้อก็เป็นแบบนี้ทุกที แก้ตัวแทนมันตลอด” อากงเอ่ยว่าไม่จริงจัง นทีรินยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของชายชรา

 

“นทพูดจริงๆนะครับ ถ้าเรารักใครมากๆเวลาโกรธกันก็จะโกรธมากแบบนี้แหละครับ”

 

“แต่อั๊วก็ไม่เห็นว่าลื๊อจะโกรธได้มันสักทีทั้งๆที่มันทำกับลื๊อขนาดนี้”

 

คำพูดจี้ใจดำเช่นนั้นทำให้นทีรินนิ่งไป มันก็จริงอย่างที่เจ้าสัวพีระว่า เพราะเขาไม่เคยโกรธภวินท์ได้เลยสักครั้งแม้จะอยากโกรธมากเพียงใดก็ตาม

 

“นท”

 

“ครับ”

 

“ลื๊อเคยโกรธอั๊วไหม ที่ให้แต่งงานกับภพ” ชายชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“นทไม่เคยโกรธอากงนะครับ นทรู้ว่าอากงหวังดีกับนทและครอบครัวของนทมาตลอด”

 

หากว่าไม่ได้เจ้าสัวพีระป่านนี้ครอบครัวของเขาอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนี้ก็ได้ อากงหวังดีกับนทีรินและครอบครัวพงศ์เรืองรองมาตลอด และนทีรินก็รับรู้มาตลอดว่าเจ้าสัวพีระและคุณปู่ทิวาของเขารักกันมากเพียงใด นทีรินเข้าใจและซาบซึ้งในความรักของทั้งคู่ ที่แม้จะรักกันมากเพียงใดแต่ก็ยอมเสียสละเพื่อกันและกันไปทำหน้าที่ที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ครอบครัวถูกประณามและติฉินนินทาจากบุคคลอื่น

 

“ลื๊อนี่เหมือนทิวาปู่ของลื๊อมากเลยรู้ไหม… อั๊วคิดถึงปู่ของลื๊อนะ”

 

ความน่ารักใจดีและเข้าใจในบุคคลอื่นนั้นนทีรินมีเหมือนกับทิวาอย่างกับถอดแบบ เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรล่ะเจ้าสัวพีระถึงได้รักทั้งสองคนมาก

 

“นทก็คิดถึงคุณปู่เหมือนกันครับ” นทีรินยิ้มบางเมื่อนึกไปถึงคุณปู่ของเขาที่ตอนนี้ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว

 

“นท ลื๊อติดต่อภพให้อั๊วได้ไหม อั๊วไม่รู้จริงๆว่าตัวเองจะมีชีวิตไปอีกนานแค่ไหน อั๊วอยากเจอภพเป็นครั้งสุดท้าย” ชายชราเอ่ยร้องขอมือเหี่ยวย่นจับที่มือบางของหลานสะใภ้แน่นราวกับฝากความหวัง นทีรินกุมมือเหี่ยวย่นนั้นแน่นราวปลอบประโลม

 

“อากงไม่พูดแบบนั้นสิครับ อากงยังแข็งแรง อากงต้องอยู่กับนทไปนานๆนะ”

 

นทีรินไม่อยากได้ยินแบบนี้ การสูญเสียคนที่เรารักมันทำใจลำบากจริงๆ เจ้าสัวพีระเป็นเหมือนครอบครัวที่เหลืออยู่ของเขา เพราะตั้งแต่ที่ปู่ทิวาเสียชีวิตไปด้วยโรคร้ายตอนนทีรินอายุได้เพียง 15 ปี ต่อมาไม่นานพ่อและแม่ของนทีรินก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่อีก ตั้งแต่นั้นมาเจ้าสัวพีระก็ได้รับอุปการะดูแลเขามาตลอด นทีรินไม่อยากคิดเลยถ้าหากต้องเสียเจ้าสัวพีระไปอีกคน แล้วชีวิตของเขาจะเหลือใครอีก

 

“นท ลื๊อต้องยอมรับความจริงนะ อั๊วอยู่กับพวกลื๊อได้อีกไม่นาน ติดต่อภพให้อั๊วนะ ทำเพื่ออั๊วอีกสักครั้งนะ”

 

คำร้องขอครั้งสุดท้ายของชายชราผู้มีพระคุณทำให้นทีรินปฏิเสธไม่ได้ เขาพยักหน้ารับปากและจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภวินท์กลับมาหาอากงให้ได้

 

“ครับ นทจะติดต่อพี่ภพให้มาหาอากงให้ได้ครับ อากงไม่ต้องกังวลนะครับ”

 

“ขอบคุณลื๊อมากนะ” เจ้าสัวพีระยิ้มบางๆอย่างมีความหวัง

 

ถึงแม้ว่าความหวังมันจะแทบไม่มีเลยก็ตาม…

 

 

*********


 

“นท”

 

“…”

 

“นท”

 

“…”

 

“คุณนทีริน!”

 

“หะ! เออว่าไงนิน” นทีรินสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังข้างหู

 

ตอนนี้นทีรินออกมาทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูแห่งหนึ่งกับเพื่อนสนิทของเขาที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยม

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเครียดๆนะ” ภาณินหรือนิน เพื่อนสนิทคนหนึ่งของนทีรินเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย เนื่องจากเห็นว่านทีรินนั่งเหม่อมาเป็นเวลาสักพักแล้ว

 

“คิดเรื่องอากงน่ะ” นทีรินเท้าคางพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ คำขอร้องของอากงที่นทีรินปฏิเสธไม่ได้ยังดังก้องในโสตประสาทซ้ำไปซ้ำมาราวตอกย้ำ

 

“มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ระบายให้นินกับเหมือนฟังได้นะ” ภาณินเอ่ยบอก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับ เหมือนชนกหรือเหมือน เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของนทีริน

 

“อากงให้เราติดต่อหาพี่ภพ ท่านกลัวว่าท่านจะไม่ทันได้เจอหน้าพี่ภพ… เราจะทำยังไงดีทุกคน” นทีรินเอ่ยบอกเพื่อนรักทั้งสองเพื่อหารือ 

 

ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดจะติดต่อสามีทางนิตินัยเลย ตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆแล้วภวินท์ต้องเดินทางไปอเมริกาเขาก็พยายามจะติดต่อเจ้าตัวเพราะอยากจะไปส่งอีกฝ่ายให้เดินทางปลอดภัยแต่ภวินท์กลับเมินเฉยต่อการติดต่อของเขาและทำเช่นนั้นมาตลอดทุกครั้งที่เขาพยายามจะติดต่อหา

เขาเสียใจแต่กลับไม่โกรธอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะเขารักอีกฝ่ายมากเกินไปอย่างที่เจ้าสัวพีระเคยกล่าวไว้นั่นแหละ

 

“ก็โทรฯหาพี่ภพเลยสินท” เหมือนชนกออกความเห็น

 

“เราไม่อยากโทรฯ” นทีรินก้มหน้างุดบอกเพื่อนขมุบขมิบ

นทีรินกำลังกลัว กลัวว่าภวินท์จะไม่ตอบรับอย่างที่ผ่านมา

 

“อ้าว งั้นส่งข้อความแทนดีไหมล่ะ”

 

“ไม่รู้สิ ถ้าเขาเห็นว่าเป็นข้อความของเรา เขาอาจจะลบทิ้งก็ได้นะ” เอ่ยบอกพลางถอดถอนใจเบาๆ

 

“พี่ภพใจร้ายขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย” ภาณินเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นมือไปจับมือเล็กของนทีรินไว้ราวกับปลอบใจ

 

“นั่นสิ นี่ขนาดนทเป็นภรรยาของเขาแท้ๆนะ ใจร้ายจริง” เหมือนชนกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่รู้ว่าที่ผ่านมานทีรินเพื่อนรักของพวกเขาต้องเจอะเจอและอดทนกับการเป็นภรรยาของภวินท์ กิจจานนท์มากเพียงใด รู้ว่าภวินท์ใจร้ายกับนทีรินมากเพียงใดเขาทั้งคู่ก็รับรู้มาตลอดแต่ก็ไม่เคยได้พูดอะไรออกไปเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะพูด

 

“เฮ้อ…” นทีรินถอนหายใจไม่รู้กี่พันกี่ร้อยรอบแล้ว เพราะเขาหนักใจจริงๆ

 

ใจหนึ่งก็อยากทำให้อากงสมหวัง แต่อีกใจก็ไม่อยากจะติดต่อหาคนใจร้ายคนนั้นเลย

 

“เรานึกออกแล้ว ลองฝากพี่ปรินซ์ไปบอกไหม พี่ปรินซ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ภพไง เขาคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆนั่นแหละ” ภาณินเสนอความเห็นด้วยหน้าตาชื่นบาน

 

พี่ปรินซ์ที่เขาพูดถึงก็คือ ปริญญ์ กิจจานนท์ หลานชายของเจ้าสัวพายุน้องชายของเจ้าสัวพีระนั่นเอง ซึ่งก็ถือได้ว่าปริญญ์และภวินท์ต่างก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และที่สำคัญตอนนี้ภาณินกับปริญญ์ก็เป็นแฟนกันอีกด้วยจึงติดต่อกันได้ไม่ยาก

 

“งั้นเรารบกวนนินฝากพี่ปรินซ์ไปบอกเขาได้ไหม” เมื่อได้ยินเช่นนั้นนทีรินก็เริ่มมีความหวังขึ้นมา

 

“ได้สิ ไม่รบกวนหรอก เดี๋ยวเราคุยกับพี่ปรินซ์ให้ ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะนท” ภาณินรับปากยิ้มกว้างและนั่นก็ทำให้นทีรินสบายใจมากขึ้นที่อย่างน้อยก็ยังพอมีหนทางให้ภวินท์กลับมาหาอากงได้บ้าง

 

“ขอบคุณมากนะนิน”

 

“ไม่เป็นไรเลย รีบกินข้าวกันดีกว่า คุณแซลมอนของนทจะบูดเหมือนหน้านทแล้วนะ” ภาณินเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าของนทีรินจากเครียดๆกลับกลายเป็นหน้ามุ่ยงอนๆแทน

 

“ฮื่อ… หน้านทไม่บูดสักหน่อย”

 

ทั้งภาณินและเหมือนชนกต่างก็หัวเราะเฮฮาไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดนั่นก็ทำให้นทีรินรู้สึกสบายใจมากขึ้นและรู้สึกดีมากที่อย่างน้อยชีวิตของเขาก็มีแต่เพื่อนที่ดีเข้ามา

 

 

*********

 

 

“คุณนท ดื่มน้ำผลไม้ก่อนนะครับ” อินหรืออินทนิล เลขาฯคนสนิทของนทีรินยื่นแก้วน้ำผลไม้ส่งให้เจ้านายอย่างที่ทำเป็นประจำ

 

“ขอบคุณนะครับพี่อิน” นทีรินหยิบแก้วมาดื่มจนหมดด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่เขาออกจากที่ประชุมอันแสนกดดันและเคร่งเครียด

 

“เหนื่อยไหมครับ เข้าประชุมกับบอร์ดฯทีไร คุณนทดูเหนื่อยทุกครั้งเลย วันนี้คงไม่มีอะไรแย่ๆใช่ไหมครับ” อินทนิลถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีเสมอว่าเจ้านายของเขาต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งอยู่เพียงผู้เดียวนับตั้งแต่ที่เจ้าสัวพีระล้มป่วย

 

“ทางบอร์ดฯอยากให้คุณภพกลับมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการแทนอากงน่ะครับ เพราะคุณภพเป็นทายาทอันดับหนึ่งโดยชอบธรรมของอากง แต่พี่อินก็รู้ใช่ไหมครับว่าตอนนี้คุณภพเองก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว เขาอาจจะไม่อยากกลับมาบริหารบริษัทของตระกูล”

 

ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่นทีรินก็ยังคงติดตามข่าวของสามีทางนิตินัยอยู่เสมอๆ ข่าวที่ภวินท์เพิ่งจะเปิดตัวธุรกิจนำเข้าอะไหล่รถยนต์ซูเปอร์คาร์ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ธุรกิจนั้นกำลังจะไปได้สวยเลยทีเดียว นทีรินจะทำอย่างไรดีเพื่อให้ภวินท์กลับมาบริหารธุรกิจของตระกูล งานนี้คงจะยาก เพียงแค่คิดนทีรินก็รู้สึกเหนื่อยเพิ่มแล้ว

 

“ทำไมคุณนทคิดแบบนั้นล่ะครับ ยังคิดว่าคุณภพโกรธเรื่องการแต่งงานอยู่เหรอครับ” อินทนิลเอ่ยถามเพราะเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ทราบว่าการแต่งงานของภวินท์และนทีรินนั้นเป็นการคลุมถุงชน

 

“ครับ ก็มีแค่เรื่องนี้แหละครับ” หากไม่ใช่เรื่องนี้แล้วมันจะเรื่องอะไรกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ภวินท์จะรับรู้บ้างไหมว่าเขาต้องแบกรับภาระอะไรของกิจจานนท์ไว้บ้าง

 

หน้าที่ของนทีรินตอนนี้คือต้องดูแลจัดการทุกอย่างภายในบ้านกิจจานนท์ในฐานะภรรยาของทายาทเพียงคนเดียวของกิจจานนท์ นอกจากนี้เขายังต้องเป็นตัวแทนประชุมให้กับอากงและบริหารจัดการในฐานะหุ้นส่วนรายใหญ่ของห้างสรรพสินค้าเดอะแกรนด์อ็อฟสยามอีกด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนรู้งานบริหารมาตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงของกิจจานนท์อยู่ดี ถ้าหากภวินท์จะไม่กลับมาบริหารแล้วจริงๆ นทีรินก็อาจจะต้องขออนุญาตขายหุ้นให้กับทายาทคนอื่นๆที่มีหุ้นส่วนรองลงมาและพร้อมที่จะบริหารมากกว่า ส่วนตัวเขาขอเป็นแค่หุ้นส่วนธรรมดาๆก็พอ การแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้เพียงคนเดียวมันทำให้นทีรินรู้สึกท้อมากขึ้นทุกที แต่ถึงกระนั้นความท้อแท้เรื่องงานหรืออะไรก็ตามนั้นมันก็ยังเทียบเท่าความท้อแท้ที่มาจากการถูกทอดทิ้งและเมินเฉยจากสามีทางนิตินัยอย่างภวินท์ไม่ได้เลย

 

“คุณนทอย่าเพิ่งเครียดนะครับ ผมเชื่อว่ายังไงคุณภพก็ต้องกลับมาแน่นอนครับ”

เสียงทุ้มนุ่มของอินทนิลเอ่ยปลอบประโลมเจ้านายพร้อมรอยยิ้ม นทีรินถอนหายใจยาวก่อนจะยิ้มตอบเลขาฯคนสนิทบางๆ

 

“นทก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะครับพี่อิน”

 

นทีรินตระหนักไว้เสมอว่าเมื่อไรที่ภวินท์กลับมาและเมื่ออากงไม่อยู่แล้ว การแต่งงานของเขากับภวินท์ก็อาจจะต้องถึงเวลาสิ้นสุดสักที

 

เขาไม่เคยคิดจะรั้งภวินท์ไว้ เพราะเขารู้แก่ใจดีว่าพี่ภพ พี่ชายที่แสนดีของเขาคนนั้นไม่มีอีกแล้ว

 

ไม่มีวันที่มันจะเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อภวินท์มันจะเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปก็ตาม เขายังคิดถึงพี่ภพที่แสนใจดีและน่ารักกับเขาเสมอแต่ทว่ายิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจ็บ

 

 

เพราะว่าพี่ภพที่แสนดีคนนั้นไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว…


To be continue

______________________________________________________________________________________




TALK WITH WRITER :: สวัสดีค่าตอนแรกมาแล้วววววว แง้ มีใครสงสารน้องนทบ้าง พระเอกเรื่องนี้ปากร้ายแล้วก็ใจร้ายด้วยค่ะ แต่อย่าเพิ่งเกลียดพี่ภพของพี่เจ๊น้า 55555555555 ฝากพี่ภพกับน้องนทไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2019 22:03:24 โดย yokindy »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #4 เมื่อ28-02-2019 11:01:40 »

 :pig2: :pig2: :pig2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #5 เมื่อ28-02-2019 13:50:46 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๒ (8-3-62)
«ตอบ #6 เมื่อ08-03-2019 20:54:25 »

บทที่ ๒



“ถึงแล้วครับผมบ้านแสนสุขของคุณภพ ไม่ได้กลับมาซะนาน ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ เผลอๆสวยกว่าเดิม น่าอยู่กว่าเดิมด้วย” เสียงของโต๋ คนขับรถประจำตำแหน่งพ่วงด้วยเพื่อนเล่นสมัยเด็กของภวินท์เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น โต๋เดินทางไปกับภวินท์ทุกที่ตั้งแต่ภวินท์เดินทางไปอเมริกาเขาก็ต้องไปด้วยในฐานะคนรับใช้คนสนิทและคนขับรถ


“มึงจะหยุดเว่อร์ได้หรือยังไอ้โต๋ ไปขนของลงไป” เสียงทุ้มเข้มอันทรงพลังของหลานชายเจ้าสัวพีระดังขึ้น ร่างสูงในชุดสูททันสมัยดูน่าเกรงขามและเป็นที่จับตามองของทุกคนในบ้านกิจจานนท์

 

“ครับๆ แหม ก็มันน่าอยู่จริงๆนี่ครับ… หู้ว! แปลงดอกไม้ตรงนั้นส้วยสวย สงสัยคุณนทจะเป็นคนจัดการทั้งหมดแน่ๆเลย” คนขับรถคนสนิทของภวินท์เอ่ยขึ้นก่อนจะชี้ไปทางสวนดอกไม้ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงามดูประณีต ซึ่งดูก็รู้ว่าการตกแต่งที่ดีนั้นย่อมมาจากคนที่มีรสนิยมที่ดีแบบนทีรินภรรยาของภวินท์แน่นอน


“มึงรู้ได้ยังไงว่านทีรินเป็นคนทำ” ภวินท์เอ่ยถามทั้งที่ในใจก็รับรู้ได้ว่าเป็นฝีมือของภรรยาของเขาแน่นอน

 
“แหมคุณภพก็… พูดอย่างกับไม่รู้จักคุณนทนะครับ คุณนทน่ะชอบปลูกต้นไม้จะตายไปครับ จำตอนที่คุณนทเด็กๆไม่ได้เหรอครับ คุณนทน่ะชอบปลูกดอก… เอ… ดอกฟออะไรวะ ดอกฟอ…”


“ฟอร์เก็ตมีน็อต” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำเบาๆจนแทบไม่ได้ยินแต่กลับดังขึ้นในโสตประสาทของเขาเสียจนห้ามไม่ได้ว่าฟอร์เก็ตมีน็อตคือดอกไม้ที่นทีรินและเขาชอบจริงๆ

 

 
“ตัวเล็ก!”เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของนทีรินที่กำลังปลูกต้นไม้อย่างตั้งใจต้องตกใจจนสะดุ้ง

 
“อ๊ะ… พี่ภพ! ตกใจหมดเลยตัวใหญ่บ้า!”

 
“ฮ่ะๆ ทำอะไรอยู่ครับ”ภวินท์หัวเราะร่าที่แกล้งเด็กตัวเล็กได้


“กำลังกินข้าวอยู่ครับ”เด็กตัวเล็กตอบพร้อมรอยยิ้มกวนๆจนคนฟังหมั่นเขี้ยว มือใหญ่ขยี้กลุ่มผมนิ่มไปมาเบาๆจนคนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก

 
“กวนแล้วนะตัวเล็ก เดี๋ยวจะโดน”

 
“คิกๆ พี่ภพก็เห็นนี่นาว่านทกำลังจะปลูกต้นไม้น่ะ”

 
“ปลูกคนเดียวหมดนี่น่ะเหรอ”ภวินท์มองรอบข้างของเด็กตัวเล็กที่ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดรวมๆกันแล้วน่าจะยี่สิบกว่าต้นได้

 
“ใช่แล้ว”

 

“โห เหนื่อยแย่เลย ให้พี่ภพช่วยดีกว่า”ภวินท์เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหยิบพลั่วพรวนดินขึ้นมาถือไว้อย่างแข็งขัน

 

“อ้าว แล้ววันนี้ไม่ได้มีนัดเตะบอลกับพวกพี่นาย พี่ซานแล้วก็พี่ปรินซ์เหรอครับ” นทีรินเอ่ยถามขณะที่มือเล็กก็หยิบต้นไม้ฝังลงไปในดินไปด้วย เพราะปกติแล้วภวินท์จะไปเตะบอลกับญาติๆตามประสาเด็กหนุ่มทั่วไป ซึ่งต่างจากเขาที่ไม่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้งแต่กลับชอบที่จะทำกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับธรรมชาติมากกว่า

 

“ไม่มีครับ วันนี้ว่างก็เลยมาเล่นกับตัวเล็กไง” ว่าไม่พอมือใหญ่ยังยื่นมาหยิกแก้มใสของนทีรินเบาๆเป็นการหยอกล้อจนเจ้าของแก้มกลมร้องโอดโอยออกมา

 

“โอ๊ยๆ หยิกแก้มอีกแล้ว มันเจ็บนะ!”

 

“อยากน่ามันเขี้ยวเองช่วยไม่ได้”

 

“ฮึ่ย! มาช่วยนทขุดดินเลย”

 

“ฮ่ะๆ รับทราบคำบัญชาครับ” หัวเราะร่าก่อนจะตะเบ๊ะท่าใส่รับคำคนตัวเล็กก่อนจะใช้พลั่วพรวนดินให้อย่างตั้งใจ

 

นทีรินยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางตั้งใจของภวินท์ และก็รู้สึกดีที่ภวินท์พี่ชายที่แสนดีคนนี้ไม่เคยเบื่อกับสิ่งที่เขาชอบทำเลยแม้แต่น้อยกลับกันภวินท์ดูสนใจในสิ่งที่เขาชอบทำอีกต่างหาก นทีรินทราบดีว่าตัวเองนั้นเป็นเด็กที่ไม่ชอบเล่นกีฬาผาดโผนหรือกิจกรรมการละเล่นใดๆที่เด็กผู้ชายคนอื่นชอบทำกัน แต่เขากลับชอบงานประดิษฐ์ประดอย ทำอาหารและขนม หรือไม่ก็ปลูกต้นไม้อย่างสงบๆมากกว่าออกไปตะลอนเที่ยวเล่นข้างนอก

 

“ตัวเล็กครับ”เสียงเรียกของผู้ช่วยจำเป็นดังขึ้นนทีรินจึงหลุดจากความคิดต่างๆ

 

“หืม?”

 

“นี่เขาเรียกว่าดอกอะไรเหรอ สีสวยดี”มือหนาลูบไปที่ต้นไม้ดอกต้นหนึ่งที่ดอกของมันเป็นสีฟ้าอมม่วงสวยงาม

 

“ฟอร์เก็ตมีน็อตครับ นทชอบดอกนี้มากเลย สวยแล้วความหมายก็ดีด้วยนะพี่ภพ”นทีรินเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ดวงตาหวานเป็นประกายเมื่อพูดถึงดอกไม้ที่ตนโปรดปราน

 

“ฟอร์เก็ตมีน็อต… อย่าลืมฉัน?”ภวินท์ทวนคำก่อนจะยิ้มกว้างไปให้

 

“ใช่ครับ อย่าลืมฉัน”

 

“ไม่ลืมแน่นอนครับ”

 

เมื่อเอ่ยจบนทีรินก็หน้าแดงระเรื่อพร้อมรอยยิ้มหวานที่ตอบรอยยิ้มกว้างของคนพูดอยู่แล้ว คำว่าไม่ลืมของภวินท์มันติดตรึงในใจของนทีรินไปตลอดทั้งวันและจะเป็นเช่นนั้นตลอดมา

 

 

“คุณภพคะ…”

 

ภวินท์หลุดจากห้วงภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองพร้อมร่างปรากฎของพี่เลี้ยงคนสนิทของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา

 

“สวัสดีครับพี่นวล” มือหนายกขึ้นเป็นกระพุ่มไหว้พี่เลี้ยงคนสนิทของภรรยาด้วยความนอบน้อม

 

“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ” พี่นวลยกมือรับไหว้ก่อนจะเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าภายในใจจะโกรธเคืองภวินท์เพียงใดแต่อย่างไรภวินท์ก็คือสามีที่ถูกต้องของคุณหนูของเธอที่เธอต้องเคารพเทียบเท่าคุณหนูของเธอ

 

“ขอบคุณครับ อากงล่ะครับ”

 

“เจ้าสัวอยู่ข้างบนค่ะ”

 

“ครับ ผมขอขึ้นไปหาท่านหน่อยนะครับ” ร่างสูงแสนสง่ากำลังจะเดินขึ้นข้างบนเพื่อไปเยี่ยมบุคคลที่มีพระคุณที่สุดในชีวิต แต่กลับต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นก่อน

 

“ใครมาครับพี่นวล…  พ… พี่ เอ่อ… คุณภพ”

 

ใบหน้าหวานดูจะตกใจไม่ใช่น้อยกับการกลับมาของเขา ภวินท์มองใบหน้าหวานของภรรยาตามกฎหมายด้วยสีหน้าราบเรียบและไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาแม้แต่การทักทาย นทีรินสบตากับสามีก่อนจะสังเกตุได้ว่าร่างสูงสมส่วนของภวินท์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนที่จากไปเมื่อแปดปีที่แล้วใบหน้าหล่อคมคายที่ไม่เปลี่ยนไปเลยต่างจากเดิมหน่อยก็คือท่าทีนิ่งขรึมและเย็นชา แต่กระนั้นภวินท์ก็ยังทำให้หัวใจดวงน้อยของนทีรินเต้นแรงจนเจ้าตัวอยากปรามให้มันหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนี้

 

“สวัสดีครับคุณภพ” มือบางยกขึ้นเป็นพุ่มไหว้สามีอย่างนอบน้อมด้วยใบหน้าราบเรียบปนหวั่นเกรงเล็กน้อย แต่ท่าทีแสนประหม่าที่ปกปิดไม่มิดนั้นทำให้ภวินท์ยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆก่อนจะเอ่ยบอก

 

“อืม ผมอยากขึ้นไปหาอากง พาไปหน่อยสิ”

 

“ครับ เดี๋ยวผมให้พี่อินพาขึ้นไปนะครับ” นทีรินเอ่ยบอกคนเป็นสามีก่อนจะหันไปไหว้วานเลขาฯคนสนิทอย่างอินทนิลที่ยืนอยู่เคียงข้าง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเท่าไรเสียงเข้มของภวินท์ก็ดังขึ้นก่อน

 

“ตอนจะติดต่อผมก็ต้องให้คนอื่นติดต่อแทน พอตอนนี้จะให้พาไปหาอากงก็ยังต้องให้คนอื่นพาขึ้นไปแทนอีก นี่คุณไม่คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างเหรอนทีริน ไม่เจอกันไม่เท่าไรไม่ยักรู้ว่าคุณขี้ขลาดขึ้นเยอะ”

 

น้ำเสียงราบเรียบแต่ถ้อยคำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำดูถูกและต่อว่านั้นทำให้นทีรินกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ

 

นทีรินยอมรับว่ายังไม่อยากเข้าหน้าภวินท์ตอนนี้เนื่องจากตั้งรับไม่ทันกับการกลับมาอย่างกะทันหันของภวินท์ แต่เมื่อมีถ้อยคำแสนต่อว่าดูถูกนั่นออกมานทีรินจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเชิดหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยบอกด้วยเสียงที่หนักแน่นและต้องการสื่อให้รู้ว่าเขาไม่เคยขี้ขลาด

 

“ครับ ผมจะพาคุณขึ้นไปหาอากงเอง”

 

 

 

“ทำไมไม่ให้อากงนอนห้องนอนข้างล่าง อยู่ด้านบนมันขึ้นลงลำบาก” ภวินท์เอ่ยถามร่างบอบบางที่เดินเคียงข้างขณะที่ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดมาพร้อมกัน

 

“นท… เอ่อ ผมบอกให้อากงย้ายลงมาแล้วครับ แต่อากงไม่อยากไปนอนห้องอื่นนอกจากห้องของตัวเอง” นทีรินเอ่ยตอบพลางนึกเอ็ดตัวเองในใจที่เกือบจะหลุดแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับภวินท์ เกือบลืมไปแล้วเชียวว่าตอนนี้เขากับภวินท์นั้นไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

 

“แล้วคุณก็ยอมอากงน่ะเหรอ”

 

เสียงทุ้มพร้อมใบหน้าที่ดูอย่างไรก็คือการตั้งใจที่จะยั่วโมโหเขาชัดๆนั้นทำให้นทีรินแทบจะสะกดอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ ที่ภวินท์พูดแบบนี้นั้นคือการหาว่าเขารับมือกับอากงไม่ได้ชัดๆ ทั้งๆที่ตลอดแปดปีที่ผ่านมาก็มีแต่เขาที่ดูแลและอยู่กับอากงมาตลอด

 

ว่าแต่เรา แล้วตัวเองล่ะมัวแต่ไปอยู่ที่ไหนมา เพิ่งจะกลับมาเอาป่านนี้ นทีรินค่อนแคะในใจอย่างเดือดดาล 

 

“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงครับ ในเมื่อย้ายลงมาข้างล่างแล้วอากงนอนไม่หลับแล้วอาการก็ทรุดลง คุณคิดว่าผมอยากเห็นอากงอาการทรุดลงเหรอครับ”

 

“หึ! คุณนี่ก็ยั่วโมโหขึ้นง่ายจริงเลยนะ” เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มมุมปากท้าทาย นทีรินพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหไว้ภายในเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงให้เกิดโมโหมากไปกว่านี้ ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยตัดบท

 

“คุณรอตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะเข้าไปบอกอากงว่าคุณกลับมาแล้ว”

 

“ทำไมต้องรอ เข้าไปพร้อมกันนี่แหละ เห็นหน้าผมอากงก็ไม่น่าจะดีใจจนช็อกหรอกท่านแข็งแรงจะตาย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกติดตลกแต่นทีรินกลับไม่ขำ เขาไม่ชอบที่ภวินท์พูดเอาความเป็นความตายของอากงมาพูดล้อเล่น

 

คนอะไรปากเสียที่สุด!

 

นทีรินต่อว่าคนเป็นสามีในใจแต่ภวินท์รับรู้ได้ผ่านสายตากลมโตของภรรยาจึงกระตุกยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องของเจ้าสัวพีระทันที นทีรินจึงเดินตามเข้าไปด้วยอารมณ์เดือดดาลและเจ็บใจที่ต่อว่าภวินท์ตรงๆไม่ได้

 

ภวินท์เดินเข้าไปภายในห้องนอนใหญ่ที่คุ้นเคยเพราะเขาชอบมานอนที่ห้องนี้กับอากงตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว ภาพชายชราที่เคยแข็งแรงและอุ้มเขาขี่คอบ่อยๆแต่บัดนี้กลับนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงไปไหน ภวินท์รู้สึกผิดที่ทิฐิของเขามันมากเกินจนเกือบกลับมาไม่ทันดูใจอากง บุคคลที่เขารักและเคารพเทียบเท่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ทั้งชีวิตของภวินท์มีอากงอยู่ในทุกช่วงเวลามาตลอด แต่เมื่อแปดปีที่แล้วมันมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายจนเขาในวัยนั้นรับไม่ทันและในเวลานั้นเขายอมรับว่าเขาโกรธอากงจริงๆแต่บัดนี้เมื่อเขาได้มาเจออากงแล้วความรู้สึกเหล่านั้นมันก็มลายหายไปจนหมดสิ้น

 

“อากงครับ… คุณภพกลับมาหาอากงแล้วนะ” นทีรินเห็นว่าภวินท์เอาแต่ยืนแน่นิ่งอยู่กับที่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปที่เตียงหลังใหญ่แล้วเอ่ยปลุกชายชราที่นอนหลับอยู่บนเตียง

 

“ภพ… มาแล้วเหรอ… อั๊วขอโทษ…” เสียงแหบพร่าของเจ้าสัวพีระดังขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตาเมื่อได้ยินชื่อของหลานชาย

 

“อากงครับ ผมอยู่นี่ครับ” ภวินท์ทรุดนั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของเจ้าสัวพีระขึ้นมากุมไว้ เจ้าสัวพีระลืมตาขึ้นมองก่อนจะน้ำตาไหลเมื่อพบหน้าของหลานชายที่เขาอยากพบมาตลอด

 

“อั๊วขอโทษ… อั๊วขอโทษ”

 

เจ้าสัวพีระเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาราวกับเพ้อแต่ยังรู้สึกตัวดีอยู่ทุกอย่าง ในใจของชายชราเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อนึกไปเมื่อแปดปีที่แล้ววันที่เขาทะเลาะกับหลานชายอย่างรุนแรง

 

 

“ผมไม่แต่ง!”

 

“ลื้อต้องแต่ง!”

 

เสียงทุ้มหนักแน่นของทั้งผู้เป็นปู่และหลานเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครดังลั่นบ้านกิจจานนท์ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งสองทะเลาะกันหนักหน่วงจนคนในบ้านต่างเกรงกลัววกันไปเสียหมด ภวินท์และเจ้าสัวพีระเป็นคู่ปู่หลานที่สนิทกันมาก เมื่อยามรักกันดีในบ้านก็ดูร่มเย็นเป็นสุขแต่เมื่อยามได้ทะเลาะหรือผิดใจกันขึ้นมาราวกับมีไฟมาสุมภายในบ้านอย่างไรอย่างนั้น

 

“อากงจะให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักเหรอครับ” ภวินท์ในวัย 22 ปีเอ่ยถามคนเป็นปู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ารั้นอยู่ภายใน

 

“อั๊วไม่เข้าใจ เมื่อก่อนลื้อก็ยังรักยังเอ็นดูน้อง ทำไมตอนนี้ลื้อถึงไม่อยากแต่งงานกับน้อง”เจ้าสัวถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เมื่อก่อนภวินท์ตัวติดกับนทีรินอย่างกับอะไร

 

“ก็เพราะผมไม่ได้รักนทไงครับ”

 

“ลื้อรักน้องนท”

 

“ผมไม่ได้รัก” ค้านเสียงหนักแน่นราวกับจะเอาชนะให้ได้

 

“ลื้อรักแต่ลื้อปฏิเสธหัวใจตัวเองเพราะลื้ออยากเอาชนะอั๊ว”เจ้าสัวเองก็เถียงขึ้นค้านเสียงดังเช่นกัน

 

รู้ทั้งรู้ว่าทั้งภวินท์และตนนิสัยรั้นเหมือนกันมากแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็ไม่หยุดที่จะเถียงกันเพื่อเอาชนะ ภวินท์รักนทีรินมาตลอดและก็รักแบบคนรักด้วย เจ้าสัวพีระรู้ดี เพราะเขาและภวินท์มีนิสัยเหมือนกันมากและ นทีรินเองก็เหมือนกับทิวาคนรักของเขานั่นแหละ

 

ใช่ เขากับทิวาปู่ของนทีรินรักกัน แต่หากสมัยก่อนความรักเพศเดียวกันนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับเจ้าสัวและทิวาจึงไม่ได้สมหวังในรักเพราะต่างต้องไปใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง แต่ถึงกระนั้นสุดท้ายแล้วชีวิตคู่ของทั้งเขาและทิวาก็ต่างไปไม่รอดเพราะหัวใจที่เขาทั้งคู่รักกันมันมากเกินกว่าที่จะไปเผื่อใจให้คนอื่น

 

“ผมไม่ได้รักนท ยังไงก็ไม่รัก ผมไม่มีทางรักหลานของคนรักอากงเด็ดขาด!”ภวินท์ขึ้นเสียงใส่ด้วยความเจ็บใจ

 

ทุกอย่างในความรู้สึกของภวินท์มันเปลี่ยนไปเมื่อเขารู้ความจริงว่าอากงของเขาและทิวาปู่ของนทีรินนั้นรู้สึกอย่างไรต่อกัน ภวินท์จึงรู้สึกเหมือนโดนหักหลังจากคนที่เขารักมาก เพราะที่ครอบครัวของเขาต้องย้ายกลับไปอยู่ฮ่องกงก็เพราะว่าอาม่าของเขาต้องหย่าขาดกับอากง ครอบครัวของเขาต้องแตกแยกเพียงเพราะว่าอากงรักผู้ชายคนนั้น เขาทำใจไม่ได้จริงๆ

 

“ลื้อแน่ใจนะว่าไม่ได้รักน้อง”

 

“ผมแน่ใจ ผมไม่เคยรักนทแบบคนรักแล้วก็ไม่เคยคิดจะรัก”

 

“หึ! อั๊วจะคอยดู แล้วสักวันลื้อจะรู้ว่าทิฐิที่ลื้อมีในวันนี้มันจะย้อนกลับมาทำร้ายลื้อในวันข้างหน้า!”

 

ตอนนี้ทิฐิที่ภวินท์มีต่อเขายังมากนัก แต่หากวันหนึ่งที่ภวินท์รับรู้ถึงความหวังดีของเขาและเลิกโกหกใจตัวเองเมื่อไรนั่นแหละ ภวินท์จะรู้ว่านทีรินนั้นสำคัญมากเพียงใด

 

“หึ! ที่อากงบังคับให้ผมแต่งงานกับนท เพราะอากงมีปมที่รักกับคุณปู่ของนทไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ ตัวเองรักกันไม่ได้ก็เลยต้องบังคับให้หลานมารักกันแทน อากงคิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะลดปมในใจของตัวเองได้งั้นเหรอครับ”ภวินท์เอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ที่เดือดดาลจนเจ้าสัวพีระเดือดตามเช่นกันที่หลานชายพูดกระแทกใจ

 

“ลื้อหุบปากเดี๋ยวนี้ กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับอั๊ว!”

 

“หรือว่ามันไม่จริงล่ะครับ”

 

“จะจริงหรือไม่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของลื้อ! เรื่องของลื้อก็คือต้องแต่งงานกับน้องนทอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่งั้นลื้อกับอั๊วได้เห็นดีกันแน่อาภพ!”

 

เสียงทุ้มของเจ้าสัวพีระยื่นคำขาดเสียงดังชัดเจน ใบหน้าคมมีแต่ความขึงขังจนน่ากลัว ภวินท์นิ่งเงียบไปสักพักหนึ่งใบหน้าหล่อคมมีแต่สายตาที่ว่างเปล่ามองไปที่เจ้าสัวพีระเท่านั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

“แล้วอากงจะเสียใจที่บังคับผมในวันนี้”

 

เมื่อเอ่ยจบร่างของหลานชายก็เดินออกไปทันที แต่กลับได้ยินสิ่งที่อากงเอ่ยทิ้งท้ายตอบมาชัดเจน

 

“แล้วลื้อจะเสียใจที่ไม่ฟังอั๊วในวันนี้เหมือนกัน”

 

 

 

“อากงครับ ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้กลับมาหาเลย ขอโทษที่เคยก้าวร้าวใส่อากง ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยทำแย่ๆใส่อากงนะครับ อากงยกโทษให้หลานคนนี้นะครับ”

 

ภวินท์ยกมือขึ้นแล้วก้มกราบเจ้าสัวพีระเป็นการขอโทษและขอขมาที่เขาเคยพูดจาและแสดงกิริยาที่ล่วงเกินผู้มีพระคุณของตัวเอง เจ้าสัวพีระกุมมือหลานชายไว้แน่นก่อนจะเอ่ย

 

“อั๊วไม่โกรธแล้ว… อั๊วดีใจที่ได้เห็นหน้าลื้อก่อนที่อั๊วจะตาย” ใบหน้าของชายชราที่เคยหม่นหมองบัดนี้กลับมีแต่รอยยิ้มพรายเต็มใบหน้าน้ำตาแห่งความดีใจยังคงไหลไม่ขาดสาย

 

“อากงอย่าพูดแบบนั้นสิครับ อากงยังแข็งแรงยังอยู่กับผมและทุกคนได้อีกนาน” ภวินท์เอ่ยให้กำลังใจถึงแม้ในใจจะรู้ดีว่าอากงของเขาเริ่มจะไม่ไหวแล้วก็ตาม

 

“อั๊วรู้ดีว่าอั๊วเหลือเวลาไม่มากแล้ว หลังจากนี้อั๊วขออะไรลื้ออย่างนึงได้ไหมอาภพ”

 

“อะไรเหรอครับ”

 

“อย่าเพิ่งหย่ากับนทได้ไหม รอให้อั๊วตายไปก่อนแล้วหลังจากนั้นลื้อจะหย่ากับน้องก็แล้วแต่ลื้อเลย” เจ้าสัวพีระเอ่ยบอกขณะที่สายตากลับมองไปที่นทีรินอย่างไม่วางตา เขาเป็นห่วงหลานสะใภ้คนนี้มาก เพราะเขารับปากทิวาคนรักของเขาไว้ว่าจะดูแลนทีรินให้ดีที่สุด

 

“อากง…”

 

คำขอร้องครั้งสุดท้ายของชายชราทำให้ภวินท์ทำใจยากที่จะปฏิเสธ ใบหน้าของอากงเต็มไปด้วยความหวังที่จะให้เขาดูแลนทีรินแทนนั้นมันชัดเจนเสียจนเขาไม่อยากปฏิเสธเพื่อทำลายความหวังนั้นลง

 

“แต่ต่อให้ลื้อหย่ากันไป ฝากดูแลน้องในฐานะน้องชายเหมือนเดิมด้วยนะ…” อากงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางก่อนจะหันไปกวักมือเรียกให้หลานสะใภ้เข้ามานั่งข้างๆภวินท์

 

“นท”

 

“ครับอากง” นทีรินทรุดนั่งข้างภวินท์แล้วจับมือเหี่ยวย่นของชายชราไว้แน่น

 

“ถ้าอั๊วตายไปแล้วลื้อไม่มีใคร ให้ลื้อคิดซะว่าที่นี่ก็ยังเป็นบ้านของลื้อนะ อั๊วทำหน้าที่ของอั๊วแทนทิวาโดยการดูแลลื้ออย่างดีที่สุดและสุดความสามารถแล้ว เพียงเท่านี้อั๊วก็นอนตายตาหลับแล้วล่ะ” เมื่อคำพูดในใจของชายชราผู้มีพระคุณจบลง น้ำตาแห่งความตื้นตันและเสียใจก็ไหลออกจากดวงตาคู่สวยของนทีรินไม่ขาดสาย

 

“อากงไม่พูดแบบนั้นสิครับ นท ฮึก… ไม่ยอมให้อากงตายหรอกนะ ถ้าอากงไม่อยู่ใครจะชิมขนมหวานของนทกันล่ะ ฮึก…” นทีรินสะอื้นฮักด้วยความเสียใจ เพราะเขาไม่ชอบการสูญเสียเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทราบอาการของเจ้าสัวพีระดีว่าอาการหนักเพียงใดแต่เขาก็ทำใจไม่ได้เลยสักวันที่จะต้องสูญเสียชายชราคนนี้ไป

 

“ร้องไห้อีกแล้วเจ้าเด็กคนนี้… เพราะลื้อเป็นแบบนี้ไงอั๊วถึงห่วง…” เจ้าสัวลูบกลุ่มผมนิ่มของนทีรินด้วยความเอ็นดู นทีรินที่เขารู้จักเมื่อพูดถึงความตายทีไร เด็กคนนี้ก็มักจะบ่อน้ำตาแตกขึ้นมาทันทีเชียวล่ะ

 

“ภพ… ฝากน้องด้วยนะ อั๊วขอล่ะ” เมื่อละสายตาจากนทีรินไปสบตาภวินท์แทนเจ้าสัวก็เอ่ยขอร้องหลานชายอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่ภวินท์ก็ยังจะดูแลนทีรินแทนเขาเป็นอย่างดีไม่ว่าสองคนนี้จะอยู่ในสถานะใดก็ตาม

 

“ครับ ผมจะทำตามที่อากงขอ อากงพักผ่อนเยอะๆแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะครับ ผมจะดูแลนทแล้วก็ทุกๆคนในบ้านของเราเอง” ภวินท์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการการันตีกับชายชราว่าเขาจะทำทุกอย่างตามที่ขอแน่นอน เมื่อได้ยินแบบนั้นเจ้าสัวพีระก็ยิ้มบางก่อนจะพรูลมหายใจด้วยความโล่งใจก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

“ขอบใจมากนะภพ… ลื้อรู้ไหมว่าลื้อพูดถูก เรื่องที่อั๊วมีปมที่รักกับทิวาไม่ได้จนต้องบังคับให้ลื้อมาแต่งงานกับนทแทน แต่อั๊วอยากให้ลื้อรู้ไว้นะว่าอั๊วหวังดีกับลื้อจริงๆ”

 

“…” ทั้งภวินท์และนทีรินนิ่งเงียบและแอบลอบมองกันก่อนที่จะหันหน้าหนีไปทั้งคู่เมื่อได้ฟังความในใจของเจ้าสัวพีระ

 

“อั๊วรู้ว่าอั๊วฝืนใจลื้อแต่อั๊วหวังดีกับพวกลื้อจริงๆ… จากนี้ไปลื้อสองคนก็จะเป็นอิสระจากอากงแก่ๆอย่างอั๊วแล้วนะ” เจ้าสัวพีระเอ่ยบอกติดขำเล็กน้อยแต่กลับไม่มีใครสักคนรู้สึกตลกเลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีความรู้สึกตื้นตันกับความหวังดีของชายชราผู้นี้เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกนี้ตีขึ้นมาภายในใจของทั้งภวินท์และนทีรินจนประโยคสุดท้ายของเจ้าสัวพีระก่อนที่ชายชราจะหลับไปนั่นแหละ

 

“ถ้าพวกลื้อมีคนรักเมื่อไร อย่าลืมพาพวกเขาไปไหว้หลุมศพของอั๊วด้วยนะ อั๊วจะได้รู้ว่าหลานรักทั้งสองของอั๊วมีความสุขดีแล้ว”

 

 



“ผมให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องนอนของคุณแล้วนะครับ” นทีรินเอ่ยบอกเมื่อเขาทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องเจ้าสัวพีระเพื่อให้ชายชราพักผ่อนแล้ว เพราะก่อนที่เขาจะพาภวินท์ขึ้นมาเขาบอกให้เด็กขึ้นมาทำความสะอาดห้องของภวินท์รออยู่แล้ว

 

“ขอบใจ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงเรียบขณะที่จะเดินแยกไปที่ห้องนอนของตัวเอง

 

“สักหกโมงเย็นผมจะให้แม่บ้านมาตามไปทานข้าวนะครับ” เอ่ยบอกอีกครั้งก่อนจะได้รับเสียงตอบเบาๆในลำคอกลับมา

 

“อืม”

 

“หรือว่าคุณมีธุระจะออกไปทานข้าวข้างนอกหรือเปล่าครับ” นทีรินเอ่ยถามจนคนฟังเลิกคิ้วสงสัย

 

“ไม่นี่ ทำไมถึงถามอย่างนั้น”

 

“ไม่มีอะไรครับ ถ้าเกิดว่าคุณจะออกไปข้างนอกผมจะได้ให้คนรถเตรียมรถไว้ให้น่ะครับ” นทีรินตอบเลี่ยงๆ

 

ทั้งๆที่จริงแล้วเขาอยากจะถามออกไปว่าวันนี้ไม่ไปทานข้าวข้างนอกกับดาราหนุ่มคนนั้นเหรอต่างหาก แต่นทีรินไม่ทำเพราะเขารู้สึกว่ามันงี่เง่าเกินไปและเขาไม่มีทางที่จะถามคำถามอะไรงี่เง่าๆแบบนั้นออกไปให้ภวินท์พูดจาถากถางเขากลับมาหรอก

 

“ไม่เป็นไร ไม่ได้จะออกไปไหน” ภวินท์ตอบด้วยใบหน้าเรียบๆแต่สายตาเหมือนจะรู้ทัน นทีรินเห็นเช่นนั้นจึงรีบขอตัว

 

“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ”

 

“เดี๋ยว…” ยังไม่ทันจะได้ก้าวแยกออกไปเสียงทุ้มก็ทำให้เท้าชะงักไปเสียก่อน

 

“ครับ?”

 

“คิดยังไงกับเรื่องที่อากงพูดวันนี้น่ะ…” ภวินท์กอดอกถามความคิดเห็นของภรรยาด้วยเสียงนิ่งๆ

 

“ถ้าเป็นเรื่องหย่าผมคิดว่าเราควรทำตามคำขอของอากง ส่วนเรื่องที่อากงให้คุณดูแลผมคุณภพไม่ต้องเก็บมันมาคิดหรือใส่ใจหรอกนะครับ ต่อไปถ้าอากงไม่อยู่แล้วผมจะย้ายออกจากบ้านกิจจานนท์ทันที คุณภพไม่ต้องกังวลนะครับ” นทีรินเอ่ยตอบตามที่ใจคิด เพราะเขาคิดแผนไว้ตลอดว่าหากสิ้นเจ้าสัวพีระแล้วเขาจะจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างไรต่อไป

 

“แล้วจะไปอยู่ที่ไหน บ้านของคุณก็ขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ภวินท์เอ่ยถามเพราะเขาจำได้ว่าหลังจากที่ครอบครัวของนทีรินนั้นจากไปจนหมดทุกคนแล้ว นทีรินก็จัดการขายบ้านหลังนั้นไปแล้วย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเขาตามคำขอของเจ้าสัวพีระ

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังมีเพนท์เฮ้าส์ซื้อเก็บไว้อยู่ ผมจะย้ายไปอยู่ที่นั่นครับ”

 

นทีรินเป็นทายาทคนเดียวของพงศ์เรืองรอง เพราะฉะนั้นสมบัติของตระกูลพงศ์เรืองรองที่คุณปู่และพ่อแม่ของเขาสร้างไว้ให้จึงตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว นทีรินจึงไม่ห่วงหากว่าเขาจะต้องออกจากบ้านกิจจานนท์ไปอย่างไรเขาก็ยังมีสมบัติของเขาอยู่ และมันก็มากพอที่จะทำให้เขาสร้างธุรกิจเล็กๆน้อยๆขึ้นมาได้ไม่ยากเลย เพราะเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าหากเขาหย่ากับภวินท์ไปแล้วเขาจะไม่เอาอะไรจากกิจจานนท์ไปแม้แต่ชิ้นเดียว

 

“ถ้ามันจะลำบากก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรที่จะปล่อยให้อดีตภรรยาไปตกระกำลำบากที่อื่น”

 

เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงเรียบทว่าคนฟังคิดว่ามันคือคำดูถูกที่แสนเจ็บปวด นี่ภวินท์คงจะคิดน่ะสินะว่าเขาน่ะต้องไปไหนไม่รอดและต้องอยู่เป็นหนามยอกอกของอีกฝ่ายไม่ยอมไปไหน เมื่อวันที่หย่ามาถึงเมื่อไรเขานี่แหละจะทำให้รู้เลยว่าภวินท์ กิจจานนท์จะไม่มีสิทธิ์มามีบทบาทในชีวิตของเขาอีกต่อไป

 

“ผมไม่ลำบากหรอกครับ ขอบคุณที่กรุณาแต่ผมขออนุญาตไม่รับไว้” นทีรินตอบกลับไปอย่างไม่หวั่นเกรงอีกต่อไป

 

เขาเคยคิดหากว่าภวินท์จะพูดดีๆกับเขาสักนิดเขาจะไม่มีทางทำท่าทางจองหองเย่อหยิ่งแบบนี้ใส่อีกฝ่ายแน่นอน แต่สิ่งที่ร่างสูงทำตั้งแต่มาถึงก็คือการดูถูกและถากถางเขาไม่เลิก ให้ตายเขาก็ไม่มีทางยอม เพราะนทีรินถือคติใครดีมาก็ดีตอบมาเสมอ

 

“หึ! ไม่เจอกันแค่แปดปีแต่คุณรั้นขึ้นเยอะนะ” ใบหน้าหล่อแสนร้ายกาจยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดตามที่ใจคิด

 

เด็กคนนี้อวดดีกับเขามากขึ้นทั้งที่เมื่อแปดปีก่อนไม่เคยเป็น แต่นั่นมันก็ทำให้ภวินท์รู้ว่าภรรยาของเขานั้นไม่เปลี่ยนไปเลยแต่ถ้าจะเปลี่ยนก็อาจจะเพราะอีกฝ่ายนั้นโตขึ้นมากก็เลยทำให้ความดื้อรั้นโตตามกระมัง

 

“จริงๆผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่คุณภพอาจจะจำไม่ได้เท่านั้นเองแหละครับ ขอบคุณสำหรับความหวังดีทุกอย่างนะครับ…” นทีรินหยุดคำพูดไว้ขณะที่กำลังจะเดินลงบันไดไปก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่หันมามองหน้าอีกฝ่าย

 

“แต่เคยปฏิบัติกับผมยังไงก็ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละครับดีแล้ว”

 

สิ้นคำพูดนั้นภวินท์ก็ยิ้มพรายเขารู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นใบหน้าอวดดีนั่นกรุ่นโกรธมันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกำลังกดกลั้นอารมณ์ที่โดนยั่วโดยเขา

 

“เดี๋ยว…” เสียงทุ้มรั้งเท้านทีรินไว้

 

“…” อะไรอีก!

 

“จัดอาหารเผื่อด้วยนะ วันนี้จะกินข้าวด้วย”

 

นทีรินไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าก่อนจะรีบสาวเท้าออกไปให้ห่างคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีให้เร็วที่สุด เพราะถ้าหากเขาต้องพูดคุยกับคนกวนโมโหแบบภวินท์นานๆเขาต้องได้ระเบิดอารมณ์ออกมาแน่นอนซึ่งนทีรินไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เขาไม่ต้องการให้ภวินท์เห็นว่าเขาต้องเสียการควบคุมเพียงใดและที่สำคัญเขาไม่ต้องการให้ภวินท์รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆของเขาทั้งสิ้นเพราะว่าถ้าเขารู้สึกมันก็แปลว่าเขาใส่ใจความรู้สึกของภวินท์น่ะสิ

 

จัดอาหารเผื่องั้นเหรอ?

 

เหอะ! เสียดายของชะมัด…

 

 

 

*********************************




ต่อข้างล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2019 22:02:57 โดย yokindy »

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! ตอนที่ ๒ (8-3-62) [ต่อ]
«ตอบ #7 เมื่อ08-03-2019 20:55:33 »

“ของประมูลชิ้นต่อไปได้แก่ แจกันจีนโบราณทรงน้ำเต้าในสมัยราชวงศ์ชิงครับ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25 ล้านบาทครับ”

 
เสียงพิธีกรงานประมูลของเก่าจากสมาคมชอบของเก่าของเหล่าผู้ดีและบรรดาไฮโซฯดังขึ้นท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ที่ชอบสะสมของเก่ารวมไปถึงนทีรินด้วย เขาชอบสะสมของเก่าสมัยต่างๆมาก เพราะนอกจากที่จะนำมาประดับบ้านแล้ว ของบางชิ้นยังทำให้ผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมรับรู้ถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าบ้านได้เป็นอย่างดี นทีรินและเจ้าสัวพีระจึงชอบมาประมูลของเก่าด้วยกันบ่อยๆเมื่อครั้งที่เจ้าสัวยังมีพละกำลังที่แข็งแรงอยู่

 
“หมายเลข 5 คุณนทีริน กิจจานนท์ให้ราคาไปที่ 27 ล้านบาทครับ” นทีรินยกป้ายที่มีหมายเลขประจำตัวของตัวเองขึ้นอย่างมั่นใจ อย่างไรวันนี้เขาก็ต้องได้แจกันใบนี้กลับบ้านไปฝากเจ้าสัวพีระให้จงได้

 
“หมายเลข 7 คุณเมธาวิน เกียรติโชติให้ราคาไปที่ 29 ล้านบาทครับ” เสียงพิธีกรประกาศถึงคนที่ยกป้ายขึ้นสู้เขา นทีรินไม่ยอมยกป้ายขึ้นเรื่อยๆและก็มีคนประมูลสู้เขาเรื่อยๆจนราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

 

“หมายเลข 5 คุณนทีริน กิจจานนท์ให้ราคาไปที่ 41 ล้านบาทแล้วครับ” นทีรินยกป้ายขึ้นในราคาที่สูงที่สุดจนคนในห้องประมูลมีเสียงฮือฮา นทีรินยิ้มรับอย่างหมายมั่น อีกนิดเดียวแจกันใบนี้ก็จะเป็นของเขาแล้ว

 

“41 ล้านบาทครั้งที่หนึ่ง… 41 ล้านบาทครั้งที่สอง…”

 

“50 ล้านบาทครับ” เสียงทุ้มก้องไปทั่วห้องดังขึ้นพร้อมยกป้ายประมูลหมายเลขอันคุ้นเคย

 

“หมายเลข 9 คุณนภทีป์ เศรษฐากรณ์ให้ราคาสูงถึง 50 ล้านบาทครับ!”

 

พิธีกรประกาศชื่อคนประมูล ชื่อแสนคุ้นเคยนั้นทำให้นทีรินหันไปมองด้วยสายตากรุ่นโกรธ แต่คนที่มองมากลับไม่กลัวสายตาเขาเลยแม้แต่น้อยกลับกันใบหน้าหล่อนั้นกลับยิ้มกว้างพลางยักคิ้วล้อเลียนเขาอีกต่างหาก

 

“50 ล้านบาทครั้งที่หนึ่ง… 50 ล้านบาทครั้งที่สอง…”

 

“และ 50 ล้านบาทครั้งที่สามครับ… ขอปิดประมูลการขายให้แก่คุณนภทีป์ เศรษฐากรณ์ที่มูลค่า 50 ล้านบาทครับ ยินดีด้วยครับ”

 

ทันทีที่พิธีกรประกาศจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราวพร้อมร่างสูงที่ยืนขึ้นเต็มความสูงของเจ้าของที่ประมูลของได้ในราคาที่สูงที่สุด ใบหน้าหล่อหันมายิ้มกวนๆให้กับนทีรินเป็นเชิงหยอกล้ออีกคราจนเจ้าตัวเบ้ปากและย่นจมูกใส่คนขี้แกล้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องประมูลไปยังห้องจัดเลี้ยงข้างๆกันทันที

 

 

 

“สวัสดีครับคุณหมายเลข 5”

 

เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของนทีรินขณะที่เจ้าตัวกำลังหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบริกร ไม่ต้องบอกก็เดาออกว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนขี้แกล้งที่มาประมูลของตัดหน้าเขาไปเมื่อสักครู่นี่เอง

 

“รู้จักกันด้วยเหรอครับคุณหมายเลข 9” นทีรินทักตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบใบหน้าหวานยู่ขึ้นเล็กน้อยจนคนทักหัวเราะชอบใจ

 

คุณหมายเลข 9 หรือที่ใครๆต่างก็รู้จักในชื่อนภทีป์ เศรษฐากรณ์หรือเมฆนักธุรกิจเครื่องดื่มส่งออกชื่อดัง แท้จริงแล้วนภทีป์เป็นรุ่นพี่ของนทีรินทั้งคู่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เดียวกัน

 

“ฮ่ะๆ โกรธพี่หรือเปล่าครับ”

 

“โกรธมาก… มีอย่างที่ไหนมาประมูลตัดหน้าคนอื่นแถมให้ราคาสูงเกินไปอีก แค่แจกันจีนโบราณใบนิดเดียวก็ให้กันไม่ได้ พี่เมฆใจร้ายชะมัด” นทีรินย่นจมูกใส่งอนๆจนคนโดนว่าหัวเราะชอบใจที่แกล้งรุ่นน้องได้สำเร็จ

 

“ฮ่ะๆ ว่าพี่เป็นชุดเลยนะ งั้นงานประมูลครั้งต่อไปพี่ก็ประมูลแกล้งนทไม่ได้แล้วล่ะสิ” เสียงทุ้มแกล้งเย้ารุ่นน้อง

 

 “ชิส์! นทจะไม่มางานประมูลแล้ว โดนตัดหน้าไปแบบนี้ไม่สนุกเลย” นทีรินเอ่ยบอกงอนๆก่อนจะยกแก้วพั้นซ์ขึ้นดื่มแก้กระหาย

 

“ฮ่ะๆ ถ้างั้นพี่ขออนุญาตเลี้ยงข้าวคุณหมายเลข 5 เป็นการไถ่โทษได้ไหมครับ”

 

“คิดว่าเอาของกินมาล่อแล้วนทจะหายเคืองหรือไงครับ”

 

“แล้วถ้าเป็นฟัวกราส์ชั้นดีกับคาเวียร์ชั้นเลิศแถมไวน์ของ Château d'Yquem* ที่ห้องอาหารเลอนอร์มังดี จะพอทำให้คุณหมายเลข 5 หายเคืองหมายเลข 9 อย่างพี่ได้หรือเปล่าครับ” นภทีป์เอ่ยถามพร้อมเปย์รุ่นน้องอย่างรู้ใจพร้อมรอยยิ้มกว้างใจดีที่ส่งไปให้

 

นทีรินไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มหวานตอบกลับมา เพราะนภทีป์รู้ดีว่าห้องอาหารเลอนอร์มังดีเป็นร้านอาหารสุดโปรดของเขาน่ะสิ แล้วแบบนี้จะปฏิเสธได้อย่างไรกัน…

 

 

 

“ได้ยินว่าตอนนี้นทเข้าไปบริหารงานแทนเจ้าสัวพีระเหรอครับ” นภทีป์เอ่ยถามขณะที่ในมือกำลังใช้มีดและส้อมหั่นชิ้นสเต็กเนื้อวากิวชั้นดีไปด้วย

 

ตอนนี้ทั้งนภทีป์และนทีรินอยู่ในห้องอาหารของโรงแรมชื่อดังอย่างเลอนอร์มังดีที่เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสโดยเชฟชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ร้านนี้เป็นร้านที่นทีรินโปรดปรานมากเนื่องจากเจ้าสัวพีระและคุณปู่ทิวาของเขาก็โปรดปรานร้านนี้เขาจึงชอบตามและทุกคนรอบข้างตัวเขาก็รู้ดีว่าเขาโปรดร้านนี้มากเพียงใดเพราะนอกจากจะเสิร์ฟอาหารที่อร่อยแล้วบรรยากาศในร้านก็ยังดีอีกด้วย

 

“ครับ อากงป่วยเข้าไปบริหารไม่ไหวนทเลยไปในฐานะตัวแทนของท่านน่ะครับ” นทีรินเอ่ยตอบก่อนจะตัก Crab Consomme* ขึ้นซดเบาๆ

 

“อ๋อ แล้วคุณภวินท์หลานชายเจ้าสัวเขายังไม่กลับมาเลยเหรอครับ” นภทีป์เอ่ยถามรุ่นน้องด้วยความใคร่รู้

 

ที่จริงนภทีป์ทราบดีว่านทีรินได้แต่งงานกับภวินท์ตั้งแต่หลายปีมาแล้ว เพียงแต่รุ่นน้องคนนี้ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้เขาฟัง แล้วตัวเขาเองก็ไม่คิดจะถามไถ่หรือตอแยอะไรเพราะหากนทีรินอยากจะเล่าก็คงเล่าให้ฟังเอง

 

“เพิ่งกลับมาได้สองสามวันนี้แหละครับ” นทีรินบอกไปตามที่ทราบ ทั้งๆที่จริงแล้วภวินท์กลับมาประเทศไทยได้หลายเดือนแล้วล่ะแต่ไม่ยอมกลับบ้านสักที

 

“ได้ข่าวว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจซูเปอร์คาร์นำเข้าด้วยนี่ครับ กำลังบูมมากเลยนะตอนนี้” นภทีป์เอ่ยบอกก่อนจะหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ

 

“นี่พี่เมฆตามข่าวของเขาด้วยเหรอครับ” นทีรินเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่รุ่นพี่คนสนิทของเขารู้เรื่องสามีของเขาด้วย

 

“ไม่ได้ตามอะไรเท่าไรหรอกครับ… ที่จริงพี่เป็นลูกค้าของเขาน่ะครับ เคยสั่งซื้อซูเปอร์คาร์ของบริษัทเขาแค่สองสามคันเอง”

 

“แค่สองสามคัน แต่ก็คันละเกือบร้อยล้านใช่ไหมครับคุณนภทีป์” นทีรินเอ่ยเย้าแหย่อย่างรู้ทัน

 

“ฮ่ะๆ ก็ตามนั้นแหละครับ” นภทีป์เกาท้ายทอยแก้เขินพลางหัวเราะออกมา

 

ทั้งคู่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่ชอบมาแชร์ให้กันฟังและหัวเราะผสมโรงกันอย่างสนุกสนาน ท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ต่างอยู่ในสายตาของคนรอบข้างที่มองมาอย่างไม่วางตา รวมไปถึงสายตาของนักข่าวคนหนึ่งอีกด้วย

 

 

 

- ข่าวด่วนไฮโซกอสซิปจ้า! นักธุรกิจหน้าใหม่มาแรงอย่างคุณนภทีป์ เศรษฐากรณ์และคุณนทีริน กิจจานนท์สะใภ้ไฮโซตระกูลดังไปนั่งทานอาหารกลางวันกันที่ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสสุดหรูแถวสาธร จากที่ดูๆแล้วทั้งคู่สนิทสนมกันมากกว่าปกติ เอ… แบบนี้เป็นการเอาคืนสามีหรือเปล่าคะคุณนทีริน -

 

 
To be continue


______________________________________________________________________________________________

 



TALK WITH WRITER :: พี่ภพน้องนทมาแล้วค่า เป็นยังไงบ้างคะรู้ถึงความร้ายกาจของคุณภวินท์ของพี่เจ๊กันหรือยัง 55555555555 อย่าเพิ่งเกลียดพระเอกนะคะ เพราะพี่ภพยังมีเรื่องให้ทุกคนหมั่นไส้นางอีกเยอะค่ะ ฝากติดตามความร้ายของพี่ภพและเอาใจช่วยน้องนทด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้านะคะ :)


Château d'Yquem = ชื่อยี่ห้อไวน์ที่มีชื่อเสียงมาจากเขต Sauternes Gironde ทางตอนใต้ของแคว้น Bordeaux ซึ่งเป็นแคว้นทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส


Crab Consomme = ซุปใสที่ทำจากน้ำสต็อคและกรองมาจากเนื้อปู ส่วนใหญ่จะเสิร์ฟเป็น appetizer ก่อนที่ทาน course อื่นๆใน French food course

 

 

 

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #8 เมื่อ08-03-2019 21:21:15 »

น้องนทสู้ๆอย่าพี่ยอมพี่ภพนะ :katai4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #9 เมื่อ08-03-2019 21:24:20 »

 :hao7: จะมีใครโมโหหึงไม่น้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi}
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-03-2019 21:24:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #10 เมื่อ08-03-2019 21:47:13 »

แหมๆ คุณภพ ถึงเวลาแล้วอย่าให้เห็นว่าอิดออดไม่ยอมเซ็นใบหย่านะคะ
ชูป้ายไฟเชียร์พี่เมฆ  :impress2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #11 เมื่อ08-03-2019 21:48:09 »

เดี๋ยวอาการแอบหวงหึงจะตามมา

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #12 เมื่อ09-03-2019 12:38:35 »

ติดตามเลยค่า  :hao7:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #13 เมื่อ10-03-2019 00:58:11 »

งานนี้จะมีคนหึงไหมนะ
เวลาอัพตอนใหม่เปลี่ยนหัวเรื่องว่ามาอัพด้วยได้ไหมคะ จะได้รีบเข้ามาอ่าน อิอิ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #14 เมื่อ10-03-2019 02:01:40 »

เข้ามาติดตามครับ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #15 เมื่อ10-03-2019 03:52:20 »

คนใจร้ายน่าจะไม่รู้ตัว

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: Husband-in-law {yaoi}
«ตอบ #16 เมื่อ11-03-2019 17:29:34 »

 o13 :really2:

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #17 เมื่อ13-03-2019 23:39:09 »

บทที่ ๓

 

“คุณหนูขา” พี่นวลเอ่ยเรียกคุณหนูด้วยเสียงที่ร้อนรนในมือป้อมๆนั้นถือสมาร์ทโฟนของตัวเองเดินมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักจนนทีรินสงสัย

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่นวล สีหน้าไม่ดีเลย”

 

“คุณหนูเห็นข่าวนี่หรือยังคะ” พี่นวลเอ่ยถามพลางยกสมาร์ทโฟนให้ดู

 

นทีรินส่ายหน้าเบาๆเพราะเขายังไม่ได้อ่านข่าวหรือสนใจข่าวอะไรเท่าไรนัก เพราะมัวแต่ยุ่งๆกับการทำงานที่ต้องรับผิดชอบ

 

“ข่าวอะไรเหรอครับ”

 

มือบางหยิบสมาร์ทโฟนของพี่นวลมาดูก็พบว่าหัวข้อข่าวนั้นพาดพิงถึงเขาและนภทีป์พร้อมรูปถ่ายตอนที่เขาและนภทีป์นั่งทานอาหารด้วยกันที่ห้องอาหารเลอนอร์มังดี

 

ในเนื้อหาข่าวกล่าวว่าเขาและนภทีป์สนิทสนมกันเกินเหตุที่ควรจะเป็นและนอกจากนี้ในเนื้อหายังกล่าวว่าเขาเอาคืนสามีอย่างภวินท์ด้วยทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขากับนภทีป์แค่ไปทานอาหารด้วยกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องกันก็เท่านั้นเอง

 

นทีรินยื่นสมาร์ทโฟนคืนให้กับเจ้าของพลางถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างปลงๆ

 

“นักข่าวนี่ก็ช่างเขียนให้คนอื่นดูแย่เสียจริง แบบนี้มันน่าจะฟ้องร้องให้สำนักข่าวเจ๊งไปซะเลยนะคะ” พี่นวลเอ่ยต่อว่าคนเขียนข่าวด้วยความโมโหและเจ็บใจแทนเจ้านาย

 

“ช่างเขาเถอะครับพี่นวล พวกคนภายนอกเขาไม่ได้มารู้อะไรเกี่ยวกับตัวของนทกับพี่เมฆเสียหน่อย อยากจะเขียนอะไรก็ช่างเถอะครับ… นทไม่แคร์หรอก” นทีรินไหวไหล่เบาๆอย่างไม่ยี่หระ เพราะเขาคิดว่านักข่าวก็คือนักข่าวเขาจะเขียนใส่สีตีไข่อะไรอย่างไรก็ได้เพราะเขาไม่ได้มาล่วงรู้ความเป็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร

 

“แต่ว่าเราน่าจะเอาเรื่องคนพวกนี้บ้างนะคะคุณหนู มาหาว่าคุณหนูเอาคืนสามีแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณหนูของพี่ไม่เคยทำอะไรเสื่อมเสียแบบนั้นซะหน่อย” พี่นวลเอ่ยด้วยความเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้านาย

 

เพราะคนภายนอกไม่ได้มาล่วงรู้เลยว่าคุณหนูของเธอนั้นปฏิบัติตัวดีมาตลอดและไม่เคยทำให้เกียรติของการเป็นสะใภ้ของกิจจานนท์เสื่อมเสียเลยแม้แต่นิดเดียว

 

เมื่อเห็นท่าทีเป็นห่วงของพี่นวลนทีรินก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะโผเข้ากอดร่างอวบของพี่เลี้ยงคนสนิทแน่นๆ

 

“อย่าไปแคร์คนอื่นเลยครับ แค่พี่นวลและคนรอบตัวนทรับรู้ว่านทเป็นยังไงเท่านี้ก็พอครับ ส่วนคนอื่นน่ะช่างเขาเถอะ ถ้าเราต้องไปแคร์คำพูดของคนทุกคนบนโลกนี้เราก็เหนื่อยแย่น่ะสิครับ”

 

เสียงหวานเอ่ยบอกด้วยเสียงร่าเริงเมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่เลี้ยงทำหน้ามุ่ยไม่เลิก นทีรินไม่ต้องการให้คนรอบข้างตัวเขามาเครียดกับอะไรที่มันไร้สาระและมันก็ไม่ใช่ความจริง เพียงแค่นทีรินมีคนที่พร้อมจะเข้าใจอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจข่าวอะไรทั้งนั้น

เมื่อได้ฟังเช่นนั้นพี่นวลก็ยิ้มตอบคุณหนูก่อนจะกอดร่างเล็กของคุณหนูตอบแน่นๆเป็นการให้กำลังใจและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่นวลก็ยังจะอยู่เคียงข้างคุณหนูของเธอตลอดไป

 

หลังจากกอดปลอบใจกันและกันได้สักพัก ทั้งคุณหนูและพี่เลี้ยงก็ต้องผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยดังขึ้น

 

“สวัสดีครับคุณนท… สวัสดีครับพี่นวล” อินทนิลยกมือไหว้เจ้านายและพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้านายด้วยความนอบน้อม

 

“อ้าวพี่อิน ทานอะไรมาหรือยังครับ… มาทานของว่างกับนทไหมครับ วันนี้นททำข้าวเหนียวหน้ากุ้งกับข้าวเหนียวหน้าปลาด้วยครับ” นทีรินเอ่ยชวนเลขาฯคนสนิทด้วยความร่าเริง

 

วันนี้นทีรินทำอาหารว่างไว้ทานเยอะแยะและแบ่งให้ทุกคนในบ้านได้ทานกันทุกคน ความใจดีและใส่ใจคนอื่นของนทีรินทำให้ทุกคนรอบตัวรักเขามากๆ

 

“ครับ ขอบคุณครับคุณนท” อินทนิลยิ้มรับก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับนทีรินเป็นจังหวะเดียวที่พี่นวลวางจานอาหารว่างที่บรรจุไปด้วยข้าวเหนียวหน้ากุ้งและข้าวเหนียวหน้าปลาที่ถูกจัดเรียงสวยงามยื่นให้อินทนิลพอดี อินทนิลยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณพี่นวล

 

“นี่เป็นของขวัญที่คุณนภทีป์ส่งมาให้คุณนทครับ” อินทนิลเอ่ยบอกก่อนจะยื่นกล่องพัสดุขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากยื่นให้เจ้านาย

 

“หือ? จากพี่เมฆเหรอครับ” นทีรินรับของมาด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนจะแกะกล่องเปิดดู ใบหน้าหวานยิ้มขำเมื่อเห็นว่าข้างในเป็นอะไร

 

“ว้าว… แจกันสวยจังค่ะ ท่าทางจะแพงน่าดูเลยนะคะคุณหนู” พี่นวลทำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นของขวัญที่ถูกส่งมาโดยรุ่นพี่คนสนิทของคุณหนูซึ่งเธอเองก็รู้จักเป็นอย่างดี

 

แพงไม่แพงก็ 50 ล้านนั่นแหละครับพี่นวล

 

นทีรินคิดในใจขำๆก่อนจะมองเข้าไปในกล่องของขวัญที่มีการ์ดหนึ่งใบเสียบมาด้วย มือบางหยิบการ์ดใบเล็กขึ้นมาอ่าน

 

 

‘ได้รับของเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับคุณหมายเลข 5 ของขวัญชิ้นนี้พี่ฝากให้เจ้าสัวพีระด้วยนะครับ และฝากบอกท่านด้วยว่าขอให้ท่านหายป่วยไวๆจะได้ไปงานประมูลด้วยกันอีก ขอฝากของขวัญชิ้นนี้เป็นกำลังใจให้ท่านด้วยนะครับ จาก คุณหมายเลข 9’

 

 

ฮึ่ย! แกล้งกันตลอดเลยนะคุณหมายเลข 9 น่าโมโหจริงเชียว

 

ใบหน้าหวานยู่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงรุ่นพี่จอมขี้แกล้งของตนเอง นภทีป์ชอบแกล้งเขาอยู่เป็นประจำตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาและนภทีป์เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่นทีรินก็ไม่ปฏิเสธว่าถึงแม้นภทีป์จะขี้แกล้งเพียงใดแต่ที่จริงแล้วนภทีป์เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีมากจริงๆ

 

“คุณเมฆส่งของขวัญมาเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะคุณหนู”

 

“ที่จริงไม่ได้ส่งมาให้นทหรอก พี่เมฆส่งมาให้อากงน่ะครับ” นทีรินตอบพี่นวลยิ้มๆ

 

มือบางหยิบแจกันจีนใบงามที่เขาตั้งใจไปประมูลวันนั้นขึ้นมาดูรอบๆ นทีรินคิดในใจว่าหากเจ้าสัวพีระได้เห็นแจกันใบนี้แล้วจะต้องดีใจมากแน่ๆ เพราะเจ้าสัวพีระชอบสะสมของโบราณต่างๆอยู่แล้ว

 

“น่ารักจริงเชียว ตัวไม่มาแต่ฝากของมาให้เจ้าสัวตลอดเลยนะคะ” พี่นวลเอ่ยบอกอย่างเอ็นดู

 

ด้วยความที่นภทีป์สนิทกับนทีรินพอสมควรและในตอนที่ทั้งคู่ยังเรียนหนังสือด้วยกัน นภทีป์ก็มักจะมีของฝากมาฝากเจ้าสัวพีระและเธออยู่เสมอๆทำให้เจ้าสัวพีระและตัวเธอเองนั้นเอ็นดูกับความน่ารักของรุ่นพี่ของนทีรินได้ไม่ยากเลย

 

“ครับ น่ารักน่ะใช่แต่เรื่องขี้แกล้งนี่ก็ยังไม่เบาเหมือนเดิมนะครับพี่นวล”

 

“ฮ่ะๆ คุณเมฆก็หาเรื่องแกล้งคุณหนูมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนี่คะ” พี่นวลหัวเราะชอบใจ

 

“เดี๋ยวนทขอตัวเอาแจกันของพี่เมฆไปให้อากงก่อนนะครับ อากงต้องดีใจมากๆแน่เลย”

 

นทีรินเอ่ยบอกพี่นวลและอินทนิลพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบเดินเตรียมขึ้นไปหาเจ้าสัวพีระพร้อมกับของขวัญชิ้นพิเศษชิ้นนี้ก่อนที่นทีรินจะคิดในใจว่าเขาอยากจะหาของขวัญตอบแทนให้กับนภทีป์บ้าง เพราะของขวัญชิ้นนี้ราคาสูงเอาเรื่องเลยและเขาก็เกรงใจรุ่นพี่คนนี้มากๆเลย แต่เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยทำให้เขาไม่ทันระวัง

 

“อ๊ะ…”

 

นทีรินร้องออกมาเบาๆเมื่อร่างของเขาปะทะกับร่างสูงใหญ่ของใครสักคน และร่างของเขาก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของร่างสูงนั้นอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นคนที่นทีรินไม่อยากจะเจอมากที่สุด

 

“มัวแต่เหม่อดีใจจนไม่มองทางเลยเหรอคุณภรรยา”

 

เสียงทุ้มเอ่ยถามเสียงนิ่งเรียบแต่ค่อนไปทางกระแนะกระแหนหน่อยๆใบหน้าหล่อที่ติดนิ่งขรึมฉายแววกวนประสาทจนนทีรินขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นทันที

 

“ขอโทษครับผมไม่ทันมอง ไม่ได้ตั้งใจจะชนคุณภพ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพลางกระชับถือกล่องแจกันจีนไว้แน่นเพราะกลัวมันจะตกไปจนเกิดความเสียหาย ร่างบางกำลังจะเดินเลี่ยงเพื่อขึ้นบันไดไปยังห้องของเจ้าสัวพีระแต่ต้องชะงักเพราะคำพูดที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา…

 

“อย่าออกนอกหน้าให้มันมากนักนะนทีริน อย่าลืมว่าตอนนี้คุณยังใช้นามสกุลกิจจานนท์ในฐานะภรรยาของผมอยู่”

 

สิ้นคำพูดนั้นนทีรินก็กัดฟันและกำมือแน่นร่างบางหันหน้ากลับมาเผชิญกับคนที่เอ่ยคำพูดแสนร้ายกาจนั้นทันที

 

“ที่คุณภพพูดหมายความว่ายังไงครับ”

 

น้ำเสียงที่ติดราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธอยู่ภายในทำให้ภวินท์รู้สึกสนุกแต่ในความสนุกนั้นกลับมีความไม่พอใจเกิดขึ้นภายในตัวของภวินท์ซึ่งเขาไม่คิดที่จะเสียเวลาไตร่ตรองหรอกว่าสาเหตุมาจากอะไร

 

“ผมรู้น่าว่าคุณเข้าใจ ทำอะไรไว้ก็รู้นี่… คุณเก่งอยู่แล้ว”

 

ร่างสูงไหวไหล่บอกพร้อมใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจจนคนโดนกล่าวหาขมวดคิ้วมุ่นแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจกับคำกล่าวหานั่น

 

ฟังจากที่สามีทางนิตินัยพูดแล้วนทีรินก็ได้แต่หายใจเข้าลึกๆพลางพรูลมหายใจออกมาเบาๆเพื่อระงับอารมณ์ที่เริ่มจะคุกรุ่นในใจ นี่ภวินท์คงจะเห็นข่าวของเขากับนภทีป์แล้วสินะถึงได้มากระแนะกระแหนเขาได้ถึงเพียงนี้ ต่อให้ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แต่นทีรินก็รู้ดีว่าไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวหรอกที่ติดตามข่าวสารของสามี ภวินท์เองก็ติดตามข่าวของเขาเช่นเดียวกัน แต่นทีรินก็ไม่เคยใส่ใจข่าวที่ถูกเขียนใส่สีตีความอย่างครึกโครมอะไรนั่นเพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตเป็นภรรยาของภวินท์ กิจจานนท์มานั้นชีวิตของเขาก็เหมือนกับถูกตีกรอบมาเสมอ และเขาเองก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรที่มันนอกกรอบอย่างที่อีกฝ่ายทำกับเขาหรอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานของตัวเอง แต่ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับมันและทำทุกอย่างให้เหมาะสมและถูกต้องที่สุดและเขาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เคยคิดจะทำเรื่องอะไรที่ทำให้เสียเกียรติของตัวเองเด็ดขาด

 

“ครับ ผมทำอะไรลงไปทุกอย่างผมรู้ตัวและเปิดเผยในทางที่ถูกต้องเสมอ ไม่เหมือนใครบางคนหรอกนะครับที่ทำอะไรลงไปแล้วก็ไม่เคยนึกถึงใจของคนอื่น”

 

คำพูดที่หนักแน่นและคำที่อีกฝ่ายต่อว่าด้วยเสียงประชดประชันทำให้ภวินท์ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เพราะเขารู้สึกสนุกที่แกล้งให้ภรรยาทางนิตินัยรู้สึกโมโหและเลิกวางท่าเมินเฉยใส่เขาได้แล้ว

 

“เดี๋ยวนี้รู้จักต่อปากต่อคำด้วย… เก่งขึ้นนี่”

 

“ครับ แต่คงไม่เทียบเท่าคุณ”

 

ใบหน้าหวานเชิดขึ้นคอตรงด้วยท่าทางแสนเย่อหยิ่งเช่นนั้นมันยิ่งทำให้ภวินท์อยากจะเอาชนะคนตรงหน้าเป็นอย่างมากและไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามเขาต้องชนะคนตรงหน้าเท่านั้น

 

“ถ้าเก่งแบบนี้ ก็ต้องรู้แล้วสิว่าคืนนี้เราต้องไปออกงานคู่กันในฐานะสามีภรรยา”

 

เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยประโยคดังกล่าวที่ท้ายเสียงเน้นคำว่าสามีภรรยาด้วยความหนักแน่นเพื่อเป็นการตอกย้ำให้นทีรินทราบว่าเขายังคงเป็นภรรยาของภวินท์ กิจจานนท์อยู่ นทีรินฟังโดยไม่ทันได้ตอบอะไรคนปากไม่ดีก็เดินจากไปเสียแล้วทิ้งให้ภรรยาทางนิตินัยยืนขมวดคิ้วเข่นเขี้ยวอยู่เพียงลำพัง

 

 

***

 

 ต่อข้างล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2019 22:08:58 โดย yokindy »

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! ตอนที่ ๓ (13-3-62) [ต่อ]
«ตอบ #18 เมื่อ13-03-2019 23:40:20 »

“คุณหนูขา ชุดสูทจากเอ็กโซติคอนมาแล้วค่ะ”

 

เสียงพี่นวลเอ่ยบอกคุณหนูในมือของเธอถือถุงคลุมชุดสูทสุดหรูที่เธอตั้งใจเตรียมไว้ให้คุณหนูใส่ไปงานเลี้ยงวันนี้ และยิ่งทราบว่าคุณหนูจะต้องไปออกงานคู่กับภวินท์นั้นพี่นวลก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นปนหวั่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้ไปงานเลี้ยงด้วยกัน เพราะฉะนั้นวันนี้คุณหนูของเธอต้องดูดีที่สุดให้สมกับที่เป็นสะใภ้ของกิจจานนท์

 

“ขอบคุณมากครับพี่นวล เลือกสีได้รู้ใจนทเหมือนเดิมเลยนะครับ” นทีรินเอ่ยชมพี่เลี้ยงที่แสนจะรู้ใจเขาพลางหยิบชุดสูททันสมัยสีครีมแบรนด์ดังที่ตัดเย็บโดยคนไทยขึ้นมาดูความเรียบร้อยก่อนจะส่งมันคืนให้พี่นวลเพื่อเอาไปวางไว้ในห้องแต่งตัวให้

 

“เดี๋ยวพี่เอาไปวางไว้ให้ในห้องแต่งตัวให้เหมือนเดิมนะคะ”

 

“โอเคครับ เดี๋ยวนททาสกินแคร์เสร็จแล้วจะเข้าไปใส่นะครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพลางหยิบสกินแคร์ยี่ห้อดังขึ้นมาชโลมลงบนใบหน้า นทีรินเป็นคนที่ดูแลและใส่ใจตัวเองมากๆเพราะเขาถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าต้องดูแลร่างกายและผิวพรรณของตัวเองให้ดีอยู่ตลอดเวลาเพื่อความดูดีของตนเองและเพื่อให้ผู้คนรอบข้างมองมาแล้วรู้สึกชื่นชมและไม่ให้เป็นที่ถูกตำหนิได้

 

“เครื่องประดับกับนาฬิกาพี่จะเลือกและวางไว้ให้เหมือนเดิมนะคะ”

 

“ครับ ขอบคุณมากครับพี่นวล”

 

นทีรินทาสกินแคร์ต่อไปได้สักพักก็ต้องหยุดเมื่อเห็นพี่เลี้ยงคนสนิทยืนเก้ๆกังๆทำท่าอ้ำอึ้งอยู่ไม่ห่าง

 

“เอ่อ… คุณหนูขา”

 

“ยังไม่หมดอีกเหรอครับพี่นวล วันนี้นทต้องแต่งองค์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

 

นทีรินเอ่ยถามพี่เลี้ยงด้วยสีหน้าขำขันเพราะเขาคิดว่าพี่นวลคงจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับเขากระมัง เพราะเวลาที่เขาต้องไปงานเลี้ยงพี่นวลจะเป็นคนจัดการเลือกชุดและพวกเครื่องประดับให้เขาตลอด

 

“เปล่าค่ะ… คือพี่จะบอกว่าอย่าลืมสวมแหวนแต่งงานด้วยนะคะ”

 

สิ้นเสียงของพี่นวลใบหน้าหวานที่ติดรอยยิ้มเมื่อสักครู่ก็หุบลงและท่าทางอารมณ์ดีก็แปรเปลี่ยนเป็นคุกรุ่นทันทีเมื่อนึกไปถึงคนที่พูดจาร้ายกาจใส่เขาเมื่อช่วงบ่าย

 

“อย่าออกนอกหน้าให้มันมากนักนะนทีริน อย่าลืมว่าตอนนี้คุณยังใช้นามสกุลกิจจานนท์ในฐานะภรรยาของผมอยู่”


คำพูดแสนร้ายกาจคำนั้นยังคงติดอยู่ในโสตประสาทของนทีรินจนเขารู้สึกรำคาญใจ ยอมรับว่ารู้สึกแย่กับคำพูดเหล่านั้นแต่เขาไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยคิดที่จะออกนอกลู่นอกทางและไม่เคยทำให้เกียรติของการเป็นภรรยาของภวินท์ต้องเสื่อมเสียเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อีกฝ่ายกลับมากล่าวหาต่อว่าและพูดจากระทบกระเทียบเขาอย่างกับว่าเขาทำตัวไม่ดีอย่างการนอกใจสามีอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่พฤติกรรมดังกล่าวมันเป็นของคนที่ต่อว่าเขาเองนั่นแหละที่เรียกว่านอกใจได้อย่างแท้จริง ทั้งควงกันออกหน้าออกตาไม่แคร์สื่อฯ ทั้งไปเที่ยวด้วยกันและอีกสารพัดที่นทีรินจะบรรยายได้  ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยไปต่อว่าและวุ่นวายก้าวก่ายอะไรกับชีวิตภวินท์เลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ที่แต่งงานกันมา เขาเพียงแต่นิ่งเฉยและต้องทนต่อคำติฉินนินทามาตลอดระยะเวลาแปดปี มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดกับคนที่มีข่าวฉาวมาตลอดอย่างภวินท์และกับตัวเขาที่เพิ่งจะมีข่าวแต่กลับต้องเป็นคนที่โดนต่อว่าและเหยียดหยามเช่นนี้

 

ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

 

“ถ้าเป็นเรื่องนี้พี่นวลไม่ต้องเป็นห่วงนทหรอกครับ ไปห่วงอีกคนนึงเถอะว่าวันนี้เขาจะกล้าใส่แหวนแต่งงานออกงานคู่กับนทหรือเปล่า”

 

นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงคนสนิทด้วยใบหน้าราบเรียบทว่าน้ำเสียงนั้นติดประชดประชันเสียจนพี่นวลรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เพราะเธอเองก็เดาใจไม่ได้ว่าภวินท์จะปฏิบัติตัวให้สมกับเป็นสามีของคุณหนูของเธอหรือเปล่า…

 

นทีรินทาสกินแคร์จนเสร็จก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่พี่นวลได้วางเครื่องประดับไว้ให้ มือบางหยิบกล่องแหวนโบราณหรูหราออกมาจากลิ้นชักตู้เก็บเครื่องประดับขนาดใหญ่ ดวงตาคู่สวยที่ใครๆก็บอกว่าหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าหม่นแสงลงเมื่อมองไปที่แหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดโต นทีรินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบมันออกมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายที่เขามักจะสวมใส่ในวันที่ไปออกงานเพียงคนเดียวตลอดระยะเวลาแปด ปีเพื่อเป็นการตอกย้ำและแสดงตนให้คนภายนอกทราบว่าเขายังคงเป็นสะใภ้ของกิจจานนท์อยู่

 

 

 

 

“ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”

 

นทีรินในชุดสูทสีครีมตัดเย็บประณีตอย่างทันสมัยเดินตรงเข้ามายังห้องรับแขกขนาดใหญ่ของบ้านกิจจานนท์ที่มีร่างสูงสมส่วนของคนเป็นสามีในชุดสูทสีดำจากห้องเสื้อชื่อดังระดับโลกนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่ไฟฟ้ารออยู่บนโซฟาหลังใหญ่ ควันขาวโขมงพร้อมกลิ่นหอมของเมนทอลลอยคละคลุ้งทั่วห้องรับแขกใหญ่ นทีรินย่นจมูกและก้าวเท้าออกมาให้ห่างจากห้องรับแขกเล็กน้อย เพราะเขาไม่ต้องการให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ใดๆมาติดที่เสื้อผ้าของเขา ต่อให้กลิ่นของมันจะหอมสดชื่นเพียงใดแต่มันก็มีสารนิโคตินที่แสนอันตรายอยู่ดี ก็เหมือนเฉกเช่นกับคนสูบนั่นแหละที่ภายนอกดูดีแต่ภายในกลับร้ายกาจอย่างที่สุด

 

“ไม่เป็นไรหรอก… รีบไปก็ต้องไปปั้นหน้านานเสียเปล่าๆ รอคุณแต่งตัวและไปช้าๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันว่าไหมล่ะ”

 

ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนประชดต่อว่าที่เขาแต่งตัวช้าและลงมาช้า ซึ่งนทีรินไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วและเขาอยากให้ภวินท์รับรู้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะไปออกงานคู่กับร่างสูงเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นก็ตามนทีรินแอบเบนสายตามองไปยังมือหนาที่จับบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบและจับจ้องไปเฉพาะที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างพิจารณาก็พบว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายนั้นมีแหวนทองคำขาวเรียบๆฝังเพชรประดับอยู่ นทีรินยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจไม่น้อย แต่กระนั้นก็อดที่จะค่อนขอดในใจไม่ได้

 
ใส่เป็นแล้วเหรอแหวนแต่งงานน่ะ ชิส์!

 

“คงงั้นแหละครับ” เอ่ยบอกพลางยิ้มบางๆส่งไปให้อย่างประชดประชันเช่นกัน

 

เอาสิ… ถ้าภวินท์ประชดมาเขาก็จะประชดกลับ ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวคนตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว

 

ทั้งภวินท์และนทีรินเดินเคียงคู่กันมายัง Rolls-Royce* เปิดประทุนคันหรูโดยที่มีบอดี้การ์ดของภวินท์ยืนรอเปิดประตูให้อยู่แล้ว ภวินท์ขยับตัวหลบให้นทีรินเข้าไปนั่งก่อนจากนั้นเขาจึงเข้าไปนั่งตาม

 

“วันนี้อาจจะต้องใส่หน้ากากเล่นละครกันพอสมควรเลยทีเดียว คุณพร้อมหรือเปล่า”

 

เสียงทุ้มของคนข้างๆถามขึ้นขณะที่ทั้งคู่นั่งเคียงข้างกันในรถคันหรูแล้ว นทีรินหันหน้าหนีพลางย่นจมูกเมื่อร่างสูงหยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบไม่เลิกแม้แต่ในรถยังไม่เลิกสูบ จนร่างบางต่อว่าอีกฝ่ายในใจ

 

จะสูบอะไรนักหนา! มีเรื่องให้เครียดมากนักหรือไง!

 

“อย่าเรียกว่าพร้อมเลยครับ เรียกว่าเตรียมตัวดีทุกครั้งที่ต้องออกงานคนเดียวดีกว่าครับ คุณภพไปอยู่เมืองนอกหลายปีอาจจะยังไม่ชิน แต่ผมชินแล้วล่ะครับ” ร่างบางนั่งหลังตรงก่อนจะเขยิบตัวให้ติดประตูรถอีกข้างเพราะเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ภวินท์เลยแม้แต่น้อย

 

“หึ! คุณจะบอกว่าผมลอยแพคุณอย่างนั้นสินะ” หัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ยบอกด้วยสีหน้ากวนประสาทปนขบขันที่เห็นอีกฝ่ายนั่งชิดประตูราวกับรังเกียจเขาเสียเต็มประดา ก่อนจะมองมือตัวเองที่ถือบุหรี่ไฟฟ้าควันโขมงอยู่ภวินท์จึงนึกได้ว่านทีรินไม่ชอบกลิ่นของมันสินะถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น

 

“ผมไม่จำเป็นต้องพูดเองหรอกครับ… เพราะคุณภพเก่งอยู่แล้ว” นทีรินหันหน้ามาบอกพลางยิ้มมุมปากให้อย่างประชดประชันก่อนจะหันกลับไปอย่างไม่สนใจ

 

ก็รู้ตัวดีนี่ว่าชอบลอยแพคนอื่นให้เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆอยู่คนเดียว คนเห็นแก่ตัว!

 

“หึ! ถ้างั้นวันนี้เรามาดูกันว่าใครจะเก่งกว่ากัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างท้าทายก่อนจะดับบุหรี่ไฟฟ้าในมือลง

 

“เรื่องอื่นผมอาจจะสู้คุณไม่ได้ แต่จากที่ต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้มาเป็นเวลาแปดปีด้วยตัวคนเดียว ผมว่าผมก็เก่งพอตัวเหมือนกัน” นทีรินเอ่ยบอกพลางยิ้มสู้อย่างไม่เกรงกลัว

 

เขาต้องเผชิญปัญหาหรือสิ่งต่างๆในชีวิตมามากมายเพียงใดตลอดระยะเวลาแปดปี ภวินท์ไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งกับเรื่องนี้มากเพียงใด

 

“มั่นใจแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาซ้อมบทละครกันสักนิดไหมล่ะ เวลาที่ต้องไปแสดงให้คนอื่นดูจะได้ไม่เคอะเขิน” ร่างสูงคว้าเอวบางให้มาแนบชิดกับกายแกร่ง

 

ด้วยความที่ร่างกายมีขนาดที่ต่างกันพอสมควรร่างบอบบางของนทีรินจึงตกมาอยู่ในอ้อมกอดของภวินท์ได้ไม่ยาก

 

“น… นี่คุณ!”

 

นทีรินพยายามขืนตัวและขยับให้ออกห่างแต่ด้วยแรงที่มีนั้นมันน้อยนิดนักเมื่อต้องอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่าย ภวินท์กอดกระชับเอวบางไว้แน่นพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นท่าทีของภรรยาที่ดูจะเกรงกลัวเขาเสียเหลือเกินแต่ก็ทำเป็นเชิดหน้าคอตรงแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง ยิ่งนทีรินแสดงท่าทีแบบนี้ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งให้อีกฝ่ายหลุดมาดให้ได้

 

“กลัวอะไรเหรอ… ไหนบอกว่าคุณเก่งไง แค่บทละครเบสิกๆของคู่สามีภรรยาแค่นี้คุณแสดงได้สบายอยู่แล้ว ตอนเรียนมัธยมคุณก็เคยแสดงละครไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าคมเอ่ยชิดใบหูเล็กจมูกคมปัดเฉียดแก้มนวลไปมา นทีรินยังคงแสดงอาการนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกใดๆทั้งที่ในใจนั้นเต้นระรัวราวกับว่ามันจะหลุดออกจากอกก็ไม่ปาน

 

ท่าทีนิ่งเฉยแสนเย่อหยิ่งทำให้ภวินท์ต้องการเอาชนะให้ได้ ไม่รอช้ามือหนาเชยคางมนขึ้นดวงตาคมประสานกับดวงตาหวานที่ภายในตาแสดงให้เห็นถึงความกรุ่นโกรธ แต่ภวินท์หาได้สนใจความกรุ่นโกรธนั้นไม่ ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่สามารถแกล้งอีกฝ่ายให้เลิกเมินเฉยใส่เขาได้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบแปดปีที่เจอกันแล้วทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้

 

ใบหน้าคมขยับมาชิดจนจมูกคมชิดกับจมูกรั้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปยังกลีบปากบางแนบแน่นนทีรินพยายามจะขยับออกแต่ไม่เป็นผลเมื่อมือหนาจับคางมนของเขาไว้แน่น ยิ่งเห็นภรรยาแสดงอาการพยศภวินท์ก็ต้องการปราบพยศโดยการบดขยี้ริมฝีปากบางที่เคยต่อปากต่อคำกับเขาอย่างดื้อรั้น นทีรินปล่อยให้อีกคนปล้ำจูบตนเองไปเรื่อยๆเพราะรู้ว่าอย่างไรเขาก็สู้แรงไม่ได้เมื่อจูบจนพอใจภวินท์ก็ผละออกพร้อมคำพูดแสนร้ายกาจที่ทำให้นทีรินโกรธจนตัวซีดตัวสั่นและเจ็บใจที่เขาสู้อะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

 

“หึ! อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ช่วยเปลี่ยนจากแยกเขี้ยวเป็นยิ้มหวานด้วยนะคุณภรรยา… เพราะเดี๋ยวมันจะไม่เนียน”

 

นทีรินเกลียดภวินท์ที่สุด เกลียดสายตาคมคู่นั้นที่แฝงไปด้วยการล้อเลียนและเอาชนะ เกลียดคำพูดถากถางเหน็บแนมให้เขาเจ็บใจ เกลียดรอยยิ้มมุมปากที่แสนร้ายกาจ เกลียดทุกอย่างแม้กระทั่ง…

 

หัวใจของตัวเองที่เต้นรัวเมื่อภวินท์ประทับจูบมาที่ปากของเขา

 

เกลียดจริงๆ…

 

 

หลังจากที่ทั้งคู่ได้เล่นสงครามประสาทในรถกันได้ไม่นาน Rolls-Royce Phantom คันหรูก็ทะยานมาถึงโรงแรมที่จัดงานซึ่งวันนี้เป็นงานเปิดตัวรถยนต์ยุโรปที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นที่มีในโลกเพียงไม่กี่คันเท่านั้นซึ่งงานนี้ภวินท์ได้รับเกียรติให้มาเป็นแขกวี.ไอ.พี.เพราะตัวเขาเองก็เป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับรถยนต์เช่นเดียวกัน ภวินท์ยื่นแขนให้คนเป็นภรรยาคล้องเมื่อทั้งคู่ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว นทีรินวางมือไปคล้องที่แขนแข็งแกร่งด้วยความไม่เต็มใจนักเพราะยังเคืองเรื่องที่ร่างสูงทำกับเขาเมื่อสักครู่อยู่ และนทีรินก็เกลียดสายตาของภวินท์เหลือเกินเพราะมันเหมือนกับว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองเย้ยหยันมาที่เขาอยู่ตลอดราวกับว่าเอาชนะเขาได้แล้ว

 

“คุณภวินท์ คุณนทีรินมองกล้องนี้หน่อยครับ”

 

“กล้องนี้ด้วยครับ”

 

เสียงนักข่าวเอ่ยบอกพร้อมแสงแฟลชที่สาดมาที่ภวินท์และนทีรินอย่างไม่ขาดสายเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาภายในงานแล้ว นักข่าวเกือบทุกสำนักต่างพากันกรูเข้าหาทั้งคู่ด้วยความสนใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มาออกงานคู่กัน ทั้งภวินท์และนทีรินต่างปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกว้างแสดงถึงความชื่นมื่นตบตาคนภายนอกทั้งๆที่ภายในใจนั้นไม่เป็นแบบนั้นเลย

 

“คุณภวินท์โอบเอวคุณนทีรินด้วยได้ไหมครับ” นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยบอกพลางยกกล้องรอ

 

“ได้สิครับ… ได้อยู่แล้ว” ภวินท์ยิ้มกว้างก่อนจะโอบเอวบางของนทีรินให้มาแนบชิด นทีรินเองก็ให้ความร่วมมือโดยขยับเข้าหาร่างแกร่งของสามีมือบางวางลงไปบนอกแกร่งเบาๆใบหน้านวลประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานเพื่อให้นักข่าวเก็บภาพ

 

 

“เป็นการออกงานคู่กันครั้งแรก คุณทั้งสองคนรู้สึกอย่างไรบ้างครับ” นักข่าวหลายคนยื่นไมค์จ่อไปที่ทั้งคู่ด้วยความสนใจ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ใช่ดาราดังแต่ความที่เป็นเซเลบริตี้ทั้งคู่เลยได้รับความสนใจและการจับตามองเป็นอย่างมาก

 

“ไม่รู้สึกอย่างไรนี่ครับ นอกจาก… รู้สึกดีที่ได้ออกงานคู่กับภรรยาของผม” เสียงทุ้มเอ่ยตอบนักข่าวกพลางหันมองหน้าคนในอ้อมแขนด้วยสายตาละมุนหวานหยดเสียจนคนถูกมองคิดในใจว่าภวินท์นั้นเล่นละครเก่งชะมัด

 

“แล้วคุณนทีรินล่ะครับรู้สึกอย่างไรบ้าง”

 

“ครับ รู้สึกดีมากครับที่ผมกับคุณภพได้รับเกียรติให้มาเป็นแขกในงานวันนี้ครับ” นทีรินเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร

 

“เวลาแปดปีที่ทั้งคู่แต่งงานกันมานี่ ทางเราได้ข่าวว่าหลังจากแต่งงานคุณภวินท์ก็ย้ายไปอยู่ที่อเมริกาทันทีเลยใช่ไหมครับ”

 

“ใช่ครับ ผมไปเรียนต่อโทฯที่อเมริกาแล้วก็ได้มีโอกาสและหนทางทำธุรกิจของตัวเองน่ะครับเลยได้อยู่นาน ก็เลยไม่ได้มีเวลามาออกงานคู่ภรรยาเลย… นทคงไม่น้อยใจพี่ภพใช่ไหมครับ” ภวินท์เอ่ยตอบนักข่าวก่อนจะหันมาถามภรรยาในอ้อมแขนด้วยเสียงนุ่มทุ้มพร้อมรอยยิ้ม นทีรินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มหวานให้ก่อนจะตอบ

 

“ไม่น้อยใจหรอกครับ ผมเข้าใจคุณภพมาตลอดนั่นแหละครับว่าธุรกิจใหม่ของคุณภพยุ่งมาก”

 

เอาสิ เอาให้รู้ไปเลยว่าไม่ใช่แค่ภวินท์แสดงละครเก่งคนเดียว เพราะเขาเองก็แสดงได้เก่งเหมือนกัน

 

“คุณภวินท์มีธุรกิจของตัวเองแบบนี้แล้วจะยังกลับมาบริหารธุรกิจเดอะแกรนด์ฯอยู่หรือเปล่าครับ” นักข่าวเริ่มวกประเด็นเข้าเรื่องของธุรกิจอาจจะเพราะทุกคนรับรู้ว่าภวินท์นั้นมีกิจการเป็นของตัวเองแล้ว แถมกิจการที่ทำขึ้นมาก็กำลังไปได้สวยเสียด้วยหลายๆคนจึงเกิดคำถามว่าเขาจะยังอยากกลับมาบริหารกิจการของตระกูลอยู่หรือไม่

 

“กลับมาสิครับ ธุรกิจนี้เป็นของครอบครัวของผมนะครับผมต้องกลับมาบริหารอยู่แล้ว”

 

ภวินท์เอ่ยตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็คือกิจจานนท์ เขาก็ต้องสานต่อธุรกิจของตระกูลให้รุ่งเรืองและยิ่งใหญ่กว่าเดิมอยู่แล้ว

 

“แล้วข่าวที่ว่าคุณภวินท์ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับน้องเปปเปอร์ดาราวัยรุ่นชื่อดังนี่เรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

 

“จริงครับ” เสียงทุ้มตอบหนักแน่นด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับคำตอบ

 

นทีรินเริ่มนิ่งไปเมื่อฟังคำตอบของอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบในใจเช่นนี้ นทีรินไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลยมันเหมือนกับว่าเขาไม่อยากจะรับรู้เรื่องของอีกฝ่ายเลย

 

“งั้นข่าวที่ว่าคุณทั้งคู่กำลังขาเตียงร้าวนี่เรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

 

ยิ่งได้ฟังนักข่าวตอกย้ำนทีรินก็ยิ่งอยากจะบอกให้ทุกคนรู้กันไปเลยว่าขาเตียงไม่ได้แค่ร้าวแต่มันแตกหักกันไปนานแล้วต่างหาก หากแต่ก็ต้องหลุดจากความคิดทั้งหมดทั้งมวลเมื่อคนข้างกายยังคงตอบนักข่าวด้วยท่าทีสบายๆราวกับไม่รู้สึกอะไรเลย

 

“ไม่จริงหรอกครับ พอดีผมไปดูงานที่ญี่ปุ่น แล้วบังเอิญไปเจอน้องเปปเปอร์ที่เป็นรุ่นน้องไปเที่ยวที่นั่นพอดีก็เลยได้ไปเที่ยวด้วยกัน มันก็เท่านั้นล่ะครับ”

 

“ไปกันสองต่อสองแบบนั้นคุณนทีรินไม่น้อยใจแย่เหรอครับ” นทีรินวางท่าทีเรียบเฉยเมื่อถูกนักข่าวพาดพิง เขาไม่ตอบอะไรออกไปปล่อยให้ภวินท์แก้ข่าวของตัวเองไปเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ที่เขาจะต้องตอบ

 

“แล้วใครบอกคุณเหรอครับว่าผมกับน้องเขาไปกันสองต่อสอง… ถ้าการที่คุณเขียนข่าวและถ่ายรูปผมกับน้องเขาเพียงสองคนแล้วบอกว่าไปสองต่อสองก็อยากให้คิดเสียใหม่ด้วยนะครับ” เสียงทุ้มที่เคยเอ่ยด้วยท่าทีสบายเริ่มแข็งขึ้นสายตาคมดุจ้องมองจนนักข่าวที่ถามเริ่มหวั่นๆ

 

“มาที่ข่าวของคุณนทีรินบ้างนะครับ ได้ข่าวว่าช่วงนี้คุณสนิทสนมกับคุณนภทีป์ เศรษฐากรณ์เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มส่งออกเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ” นักข่าวเปลี่ยนเรื่องมาที่ข่าวของนทีรินบ้างซึ่งนทีรินก็ตอบออกไปตามความจริงพร้อมรอยยิ้มเพื่อไม่ให้การสัมภาษณ์ตึงเครียดเกินไป

 

“คุณนภทีป์เป็นรุ่นพี่ของผมตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยครับ”

 

“สนิทกันขนาดไหนครับ เพราะจากในข่าวเห็นว่าคุณสองคนไปทานอาหารด้วยกันบ่อยครั้ง”

 

“ก็สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้วล่ะครับ เพราะคุณนภทีป์เป็นรุ่นพี่ที่ดีและคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาผมมาตลอดครับ ไม่แปลกหรอกใช่ไหมครับที่รุ่นพี่กับรุ่นน้องจะสนิทกันและไปทานอาหารด้วยกัน”

 

การตอบคำถามที่เป็นไปด้วยความเป็นธรรมชาติและแววตาที่ดูจริงใจถึงแม้ว่านทีรินจะไม่พอใจกับข่าวแต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงกิริยาออกไปเพราะความมีสติจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นมากกว่าการวีนหรือเหวี่ยงใส่นักข่าว เพราะหากเป็นเช่นนั้นภาพลักษณ์ของเขาก็จะดูแย่ในสายตาคนภายนอกซึ่งนทีรินไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

 

“แบบนี้ก็แสดงว่าคุณภวินท์กับคุณนทีรินไม่ได้มีปัญหากันอย่างที่ข่าวลือกันใช่ไหมครับ” นักข่าวถามย้ำมาที่ทั้งคู่ภวินท์จึงเป็นคนตอบออกไปแทน

 

“ถ้าผมมีปัญหากันแล้วผมจะมาออกงานคู่กันทำไมล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงจะอึดอัดแย่น่ะสิครับ แต่นี่ผมกับนทเราก็ยังสวีทกันได้ปกติ จริงไหมครับนท…” หันมาถามภรรยาด้วยรอยยิ้มก่อนจะฝังจมูกคมลงไปบนแก้มนวลของภรรยาฟอดใหญ่

 

นทีรินสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าภวินท์จะกล้าทำรุ่มร่ามกับเขาต่อหน้านักข่าว ใบหน้านวลหันไปมองภวินท์ด้วยสายตาอึ้งๆสบสายตาคมที่มองมาที่เขาอยู่แล้ว สายตาคมอ่อนแสงและดูละมุนขึ้นจนหัวใจดวงน้อยของนทีรินเต้นไม่เป็นส่ำ ภวินท์ยิ้มน้อยๆก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนนทีรินหลับตาปี๋แต่ก็ต้องสะดุ้งหน่อยๆเมื่อริมฝีปากหนาประทับไปที่หน้าผากของเขาอย่างนุ่มนวล แสงแฟลชยังคงสาดส่องมาที่พวกเขาทั้งคู่ไม่ขาดตอนพร้อมสติของนทีรินที่หลุดลอยไปแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่ร่างสูงผละออกไปแล้วพร้อมหันไปบอกนักข่าวด้วยท่าทีสบายๆเหมือนเดิม

 

“เห็นแบบนี้แล้วพวกคุณยังจะเรียกว่าขาเตียงร้าวได้อีกเหรอครับ…”

 

ใบหน้าคมหันมาจ้องเขาพร้อมรอยยิ้มมุมปากเย้ยหยันเช่นที่เคยทำใส่เขา เพียงเท่านั้นแหละนทีรินจึงตั้งสติและคิดได้ว่าสิ่งที่ภวินท์ทำนั้น

 

มันก็แค่ละครฉากนึงเพื่อตบตาคนภายนอกเท่านั้นเอง…

 

 
To be continue


*************************************************************************




TALK WITH WRITER :: หึงไม่หึงก็จูบน้องไปแล้วจ้า คนอะไรร้ายจริงๆ มีใครอยู่ทีมพี่ภพไหมคะ 5555555555 ด่าพี่ภพได้แต่อย่าแรงนะคะ พี่เขาขี้เก๊กฟอร์มเยอะค่ะ ฝากติดตามความร้ายของพี่ภพและเป็นกำลังใจให้น้องนทด้วยนะคะ น้องโดนรังแกเรื่อยเลย แง้ T^T เจอกันตอนหน้านะคะ :)


Rolls-Royce = ยี่ห้อรถยนต์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ รูปแบบรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีลักษณะรถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ ปัจจุบัน BMW เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าของ Rolls-Royce

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2019 17:20:36 โดย yokindy »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #19 เมื่อ14-03-2019 01:28:49 »

อิพี่ภพมันร้ายค่ะ ขอสาปส่งนางไปทุกตอน หมั่นไส้
สงสารน้องนทของแม่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
« ตอบ #19 เมื่อ: 14-03-2019 01:28:49 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #20 เมื่อ14-03-2019 02:05:37 »

ร้ายกาจมากกกกก

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #21 เมื่อ16-03-2019 09:12:24 »

รอต่อค่ะ กำลังสนุก

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #22 เมื่อ16-03-2019 12:22:34 »

มาต่อไวๆนะครับกำลังสนุก

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #23 เมื่อ16-03-2019 13:55:10 »

ให้พี่ภพ   :beat:

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #24 เมื่อ16-03-2019 16:46:12 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #25 เมื่อ16-03-2019 18:57:00 »

รอตอนหย่านะคะ อยากเห็นคนดิ้น 555555555555

ปล.เรื่องนี้มีแท็กมั้ยคะ จะไปช่วยหวีด เอ้ย ช่วยโปรโมทค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #26 เมื่อ16-03-2019 23:45:14 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #27 เมื่อ17-03-2019 00:56:17 »

ทำกับน้องไว้เยอะแบบนี้
ระวังเถอะ น้องหมดรักเมื่อไหร่จะสมน้ำหน้า
ถ้าปู่ตายก็ลาขาดเลยนะนท เอาแบบตามตัวไม่เจอยิ่งดี
สงสารนทจริงๆเลย  :sad4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๓ (13-3-62)
«ตอบ #28 เมื่อ17-03-2019 12:00:09 »

พระเอกนิสัยไม่ดี ควรโดนสั่งสอนนนน :beat: :beat:

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #29 เมื่อ19-03-2019 21:46:39 »

บทที่ ๔


หลังจากแสดงละครฉากหนึ่งต่อหน้านักข่าวจบภวินท์ก็พานทีรินเดินแยกออกมาเพื่อที่จะมาทักทายเจ้าภาพของงานเลี้ยง ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างดูเป็นธรรมชาติใบหน้าที่มีรอยยิ้มพรายอยู่เต็มดวงหน้าของทั้งคู่ทำให้ผู้คนภายนอกเชื่อได้ไม่ยากว่าข่าวลือต่างๆที่ออกมานั้นไม่เป็นความจริงเลยทั้งสิ้น เพราะทั้งภวินท์และนทีรินก็ยังมีท่าทีที่ดูรักใคร่กลมเกลียวกันมากถึงเพียงนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งที่ทั้งคู่แสดงออกมาอย่างแนบเนียนเสียจนผู้คนภายนอกหมดความสงสัยในตัวของทั้งคู่ไปโดยปริยาย

 

“วันนี้คุณแสดงได้ดีนะ… อย่างน้อยคุณก็ไม่แยกเขี้ยวใส่ผมเหมือนตอนที่เราซ้อมกันบนรถ”

 

เสียงทุ้มของคนเป็นสามีดังขึ้นขณะที่ทั้งคู่แยกออกมาจากบุคคลภายนอกแล้ว น้ำเสียงเย้ยหยันและใบหน้าหล่อคมที่มีความล้อเลียนอยู่ภายในทำให้นทีรินอยากจะกลอกตาบนใส่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ด้วยความที่ไม่อยากแสดงภาพลักษณ์เสียๆออกไปเขาจึงได้แต่ตีหน้านิ่งใส่เพื่อแสดงความไม่พอใจออกไป

 

“คุณเองก็แสดงได้ดีเกินความจำเป็นไปนะครับ”

 

“หึหึ ทำไมล่ะ… ก็ผมอยากให้นักข่าวและคนอื่นๆเขาเชื่อนี่ว่าเราไม่ได้มีปัญหากัน”

 

น้ำเสียงไม่พอใจและสีหน้านิ่งเมินเฉยอย่างที่ภรรยาทำใส่เขาเป็นประจำทำให้ภวินท์หัวเราะในลำคอเพราะรู้สึกพึงใจที่อย่างน้อยนทีรินก็มีท่าทีไม่พอใจเขาอยู่ก็ถือว่าการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายนั้นสำเร็จตามที่เขาหวังไว้

 

“มีหลายวิธีมากครับที่ทำให้เขาเชื่อ… แต่คุณเลือกที่จะไม่ทำแล้วคุณก็เลือกวิธีที่ฉวยโอกาสกับผม” น้ำเสียงราบเรียบทว่าเย็นเยียบอยู่ภายในแสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

นทีรินมองหน้าคนเป็นสามีด้วยสายตาขุ่นเพื่อสื่อว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำเมื่อครู่ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ชอบที่ภวินท์มาตัวรุ่มร่ามกับเขาต่อหน้านักข่าวและคนอื่นๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำไปเพื่อแก้ข่าวต่างๆแต่มันก็ยังมีอีกตั้งหลายวิธีที่จะสื่อให้คนอื่นรู้แต่ภวินท์เลือกที่จะไม่ทำแต่กลับใช้วิธีแบบนี้เพื่อกลั่นแกล้งและยั่วโมโหให้เขาเจ็บใจ

 

“เป็นสามีภรรยากัน เรียกว่าฉวยโอกาสคงไม่ได้ล่ะมั้ง” ร่างสูงไหวไหล่ยิ้มมุมปากอย่างไม่ยี่หร่ะ ท่าทีกวนประสาทนั้นทำให้นทีรินเจ็บใจเป็นอย่างมากแต่เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงอารมณ์กรุ่นโกรธออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเป็นอันขาด

 

เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็แพ้ภวินท์น่ะสิ เขาน่ะจะไม่ยอมอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว

 

“คุณภพก็รู้ดีนี่ครับว่าเราเป็นสามีภรรยากันเพียงในนาม เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่ควรจะทำแบบนี้กับผมโดยที่ผมไม่ยินยอม”

 

“โกรธ?”

 

ภวินท์ถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่สำนึกจนนทีรินเบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา นี่อีกฝ่ายจะแกล้งเขาไปถึงไหนกัน นทีรินไม่เข้าใจเลยสักนิด แปดปีที่ผ่านมาภวินท์แสดงท่าทีเมินเฉยและเย็นชาใส่เขามาตลอดแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้กวนประสาทและยั่วโมโหเขาได้ขนาดนี้

 

“หึ! ไม่หรอกครับ ถ้าผมโกรธมันก็แปลว่าผมแคร์น่ะสิครับแล้วอีกอย่างใช้คำว่าโกรธก็คงไม่ถูก เพราะมันเลยความรู้สึกนั้นไปนานแล้วครับ” นทีรินตีหน้าเรียบนิ่งเพราะเขาจะไม่แสดงอาการกรุ่นโกรธออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นและหัวเราะเยาะเขาเด็ดขาด

 

ภวินท์เห็นท่าทีของภรรยาคนเก่งก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมือหนาคว้าเอวภรรยามาประชิดร่างแกร่งของตัวเองก่อนจะเอ่ยประโยคแสนประชดออกไป

 

“ภรรยาของผมนี่เก่งดีจริง -- งั้นก็ช่วยเก่งให้ตลอดเลยแล้วกันนะ” เสียงทุ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยชิดริมฝีปากบางอย่างยั่วแหย่

 

นทีรินตกใจเล็กน้อยแต่คราวนี้เขาเลือกที่จะไม่ขยับออก เพราะเขาไม่อยากรู้สึกว่าเขาแพ้ให้กับความร้ายกาจของภวินท์ ใบหน้าคมอยู่ห่างใบหน้านวลไม่ถึงเซนฯดวงตาคมเจ้าเล่ห์จ้องเข้าไปในดวงตาหวานจนนทีรินใจเต้นแรงอย่างต้านทานไม่ได้เพราะสายตาที่ภวินท์มองมาที่เขามันเป็นสายตาที่คาดเดาไม่ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครรู้ความคิดของอีกฝ่ายจนกระทั่งเสียงบุคคลที่สามอันคุ้นเคยดังขึ้นทำให้ภวินท์และนทีรินหลุดจากความคิดและผละออกจากกัน

 

“เฮียภพ… น้องนท… ว้าวๆ มาโชว์สวีทอะไรกันแถวนี้ครับเนี่ย”

 

ทั้งคู่หันไปมองก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ชายหนุ่มรูปหล่อสามคนที่นทีรินคุ้นเคยเป็นอย่างดี ศดิศ ตั้งวัฒนากุลหรือนาย ตรีทศ กิจจานนท์หรือซานและปริญญ์ กิจจานนท์หรือปรินซ์ ทั้งสามคนเป็นหลานชายของเจ้าพายุน้องชายเจ้าสัวพีระ ซึ่งถ้านับตามศักดิ์ทั้งสามคนก็คือญาติผู้น้องของภวินท์นั่นเอง

 

“นั่นสิครับ… เมื่อกี้นี้ยังไม่พอเหรอครับ พรุ่งนี้เตรียมขึ้นข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับได้เลยนะเนี่ย ทอล์คอ็อฟเดอะทาวน์สุดๆไปเลย ฮ่ะๆ”

 

เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเจ้าสำราญอย่างตรีทศดังขึ้นอย่างล้อเลียนจนนทีรินหน้าแดงพาดที่แก้มนวลอย่างห้ามไม่ได้ นทีรินจึงพยายามเบี่ยงประเด็นที่ถูกล้อโดยการทักทายทั้งสามคนแทน

 

“สวัสดีครับพี่ซาน พี่นาย พี่ปรินซ์” มือบางยกเป็นกระพุ่มไหว้ญาติของสามีอย่างนอบน้อม เพราะต่อให้เขาจะมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของทั้งสามคนนี้แต่อย่างไรเขาก็อายุน้อยกว่าจึงต้องเคารพผู้ที่อายุมากกว่าอยู่แล้ว

 

ทั้งสามคนรับไหว้นทีรินผู้มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้พร้อมรอยยิ้มกว้าง ที่จริงทั้งสามคนรู้จักและสนิทกับนทีรินมากพอสมควรเพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ถึงอย่างไรก็สนิทเทียบเท่าภวินท์ไม่ได้

 

“เป็นยังไงบ้างครับนท สบายดีใช่ไหม” ศดิศเอ่ยถามเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม

 

“สบายดีมากครับ -- วันนี้พี่ๆแต่งตัวหล่อกันทั้งสามคนเลยนะครับ” นทีรินเอ่ยแซ็วก่อนจะยิ้มขำ เพราะนานๆทีเขาจะเห็นพี่ชายทั้งสามคนแต่งตัวหล่อเป็นทางการขนาดนี้

 

“อะไรกันน้องนท แปลว่าธรรมดาแล้วพวกพี่ไม่หล่องั้นเหรอครับ” ตรีทศเอ่ยเย้าแหย่ด้วยเสียงขำขันตามแบบหนุ่มขี้เล่น

 

“ในสายตาน้องนทคนที่หล่อคงจะมีแค่เฮียภพคนเดียวใช่ไหมครับ” เสียงปริญญ์เสริมขึ้นอีกคนก่อนที่ทั้งสามจะยิ้มล้อเลียนมาให้ทั้งนทีรินและภวินท์ นทีรินเบนสายตาไปยังภวินท์ที่มองยิ้มๆมาที่เขาอยู่แล้ว

 

ตกลงมีเขาแค่คนเดียวใช่ไหมที่โดนแกล้งน่ะเพราะภวินท์ไม่ได้มีท่าทีรู้ร้อนรู้หนาวกับเสียงแซ็วอะไรเลยนอกจากยกแชมเปญขึ้นดื่มและสายตาคมนั้นก็ไม่ได้ละจากเขาไปเลย

 

“ใครว่าล่ะครับ นทว่าพี่ๆสามคนหล่อที่สุดในงานเลยนะ” นทีรินพยายามเบี่ยงประเด็นโดยการแซ็วกลับก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“โห ชมแบบนี้อยากได้รถกี่คัน พี่จะซื้อให้น้องนททุกคันที่โชว์เลย” ตรีทศโชว์ป๋าอย่างไม่จริงจังแต่โดนศดิศและปริญญ์ปรามความทะเล้นนั้นไว้ก่อน

 

“เดี๋ยวนะ นี่มึงมีเงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอไอ้ซาน”

 

“ก็เงินของเราสามคนรวมกันซื้อให้น้องนทไง ฮ่ะๆ"

คนโชว์ป๋าหัวเราะชอบใจจนนทีรินหัวเราะผสมโรงตามกับความขี้เล่นของพี่ชายทั้งสามคนที่ไม่เปลี่ยนจากตอนที่พวกเขาเด็กๆเลย

 

“ฮ่ะๆ นทชมนี่ไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกนะครับ -- แต่ถ้าพวกพี่ๆจะซื้อ Aston Martin* ให้นทสักคัน นทก็โอเคนะครับ”

 

นทีรินเย้ากลับก่อนจะหัวเราะร่าชอบใจกับสีหน้าเหวอๆของพี่ชายทั้งสาม เพราะว่ารถแต่ละคันในงานวันนี้น่ะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านแทบจะทุกคันเลย

 

“เอาแล้วไง… น้องนทเล่นพวกพี่ซะแล้ว” ปริญญ์หัวเราะกับการแกล้งคืนของนทีริน

 

“เงินของพวกพี่สามคนยังไม่เยอะเท่าเงินเฮียภพคนเดียวเลยนะครับน้องนท… ให้เฮียภพซื้อให้เถอะนะครับ ฮ่ะๆ” ตรีทศกลับคำอย่างรวดเร็วก่อนจะพยักเพยิดไปทางภวินท์ที่ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มมุมปากอย่างเดียว

 

“อยากได้กี่คันน้องนทก็บอกเฮียภพเลยครับ รายนั้นน่ะเขาไม่ได้มีแค่รถนะแต่เขามีเป็นโชว์รูมเลย” ศดิศเย้าแหย่เชียร์ให้นทีรินไปขอกับภวินท์

 

ใบหน้านวลจากที่ยิ้มกว้างๆก็ต้องหุบลงเหลือเพียงยิ้มบางๆเพราะที่จริงเขาไม่ได้อยากได้รถหรูอะไรนั่นหรอก ที่เขาพูดแบบนั้นก็เป็นแค่การแซ็วและแกล้งพี่ชายทั้งสามคนเล่นๆอย่างไม่จริงจังแต่ก็ไม่คิดว่าพวกพี่ๆจะโยนให้เขาไปขอให้ภวินท์ซื้อให้ ท่าทีล้อเล่นอย่างสนิทสนมเหล่านั้นไม่ได้หลุดไปจากสายตาของภวินท์ที่เอาแต่จ้องมองแต่ภรรยาเลย ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะยกแก้วแชมเปญในมือขึ้นดื่ม

 

“หึหึ”

 

“ขำอะไรเฮียภพ ซื้อรถให้เมียสักคันสิ -- นทอยากได้คันไหนนะครับ… คันนั้นใช่ไหม”

 

ตรีทศเอ่ยแซ็วพี่ชายก่อนจะหันมาถามพี่สะใภ้พลางชี้ไปที่รถสปอร์ตคันหรูยี่ห้อดังที่นทีรินแกล้งให้พวกเขาสามคนซื้อให้ เมื่อเห็นว่าโดนพี่ชายทั้งสามแกล้งคืนนทีรินจึงหัวเราะแห้งๆก่อนจะตอบ

 

“แฮะๆ นทล้อพวกพี่ๆเล่นครับ… นทไม่อยากได้หรอก -- เดี๋ยวนทขอตัวไปหยิบเครื่องดื่มก่อนนะครับ”

 

ว่าจบร่างบางก็เตรียมเดินแยกไปทางซุ้มอาหารที่ถูกจัดเรียงไว้สวยงามเพื่อรับรองแขกที่มาร่วมงาน แต่ก็ต้องชะงักเพราะข้อมือบางของเขาโดนใครสักคนคว้าไว้ก่อน

 

“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” เสียงทุ้มของสามีดังขึ้นเบาๆแต่ก็ดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยินได้

 

นทีรินมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจที่ภวินท์มาทำดีกับเขาแปลกๆทั้งๆที่ผ่านมาก็ไม่เคยจะสนใจอะไรเขาสักนิด กลับกันยิ่งชอบแกล้งให้เขาเจ็บใจอีกต่างหาก

 

แต่เมื่อคิดอีกทีก็นึกได้ว่าตอนนี้เขาทั้งคู่อยู่ในงานเลี้ยงที่มีคนรอบข้างจับจ้องมาตลอด สงสัยว่าฉากละครของภวินท์จะยังไม่จบกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนั้นนทีรินก็รู้สึกวาบโหวงในใจขึ้นมาราวกับผิดหวังกับสิ่งที่ภวินท์ทำไปโดยไม่รู้สึกอะไร ไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่เขาต้องรู้สึกอะไรแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ควรจะรู้สึกอะไรกับภวินท์ไปมากกว่านี้แล้ว

 

“ไม่เป็นไรครับ คุณภพอยู่คุยกับพวกพี่ๆเถอะครับ -- เดี๋ยวผมหยิบแชมเปญมาให้”

มือบางบิดออกจากมือใหญ่อย่างง่ายดายเพราะภวินท์ไม่ได้จับแน่น เมื่อหลุดจากพันธนาการร่างบางก็รีบเดินไปที่ซุ้มอาหารทันที

 

ภวินท์มองตามภรรยาอย่างนึกขัน ท่าทีประหม่าของอีกฝ่ายเมื่อสักครู่มันทำให้เขารู้สึกพึงใจชอบกล ปฏิเสธไม่ได้สักนิดว่าต่อให้นทีรินจะทำท่าทีเมินเฉยใส่เขามากเพียงใดแต่สีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายนั้นกลับตรงกันข้ามจนเขารู้สึกได้ว่าที่จริงแล้วอีกฝ่ายนั้นกำลังประหม่าและเคอะเขินกับการกระทำของเขาเมื่อครู่ต่างหาก

 

“จ้องหน้ากูกันทำไม” ภวินท์เอ่ยถามญาติๆทั้งสามที่จ้องมองมาที่เขาอย่างล้อเลียน

 

“ก็จ้องคนสวีทกันไงเฮีย… ให้ไปเป็นเพื่อนไหม จุ๊บๆ” ตรีทศเอ่ยเลียนแบบเขาแต่ที่เพิ่มเสียงจุ๊บแสนทะเล้นนั่นมาทำให้เขารู้สึกอยากจะเตะเข้าให้สักป้าบ

 

“ฮ่ะๆ นั่นสิ สวีทเชียวนะ -- ถ้าพวกผมไม่สนิทกับเฮียก็คงคิดว่าเฮียกับน้องเป็นคู่สามีภรรยาที่โคตรหวานเลยอ่ะ” ปริญญ์เสริมขึ้นมาอีกคนพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

“เฮียทำตัวเหมือนไม่ได้กำลังจะหย่ากับน้องเลยนะครับ -- ดีกันแล้วเหรอ” ศดิศเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้เพราะท่าทีของทั้งคู่ไม่ได้เหมือนคนที่กำลังจะหย่ากันแม้แต่น้อย

 

ศดิศ ตรีทศและปริญญ์รู้มาตลอดว่าภวินท์และนทีรินแต่งงานกันอย่างไม่เต็มใจและรับรู้จากภวินท์มาตลอดว่าถึงอย่างไรทั้งคู่ก็ต้องหย่าขาดกันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่มาวันนี้พวกเขาก็แปลกใจไม่น้อยที่เห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ที่ดูเหมือนคู่รักแสนหวานมากกว่าคนที่กำลังจะหย่าขาดจากกัน

 

“เปล่า… ก็แค่แสดงละครต่อหน้าคนภายนอก” ภวินท์เอ่ยตอบเสียงราบเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉย

 

“แสดงได้โคตรเนียนเลยนะเฮีย… ผมนี่แทบไม่เชื่ออ่ะว่าเฮียจะหย่ากับน้อง” ตรีทศเอ่ยบอกพลางปรบมือให้กับบทละครของพี่ชายที่แนบเนียนเสียจนเขาเองก็ไม่อยากเชื่อ

 

“ผมถามจริงๆเถอะ เฮียไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับน้องบ้างเหรอ” ศดิศเอ่ยถามด้วยเสียงจริงจัง

 

เพราะที่จริงแล้วเขาก็อยากให้ทั้งภวินท์และนทีรินกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันแม้จะรู้ว่าภวินท์มีทิฐิกับน้องมากเพียงใดแต่อดีตมันก็คืออดีตที่ควรจะปล่อยวางมากกว่ามานั่งเข่นเขี้ยวใส่กันและเล่นละครตบตาคนอื่น

 

“ทิฐิมากไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะเฮีย ที่พวกผมพูดแบบนี้ก็เพราะอยากเห็นเฮียกับน้องมีความสุขนะครับ”

 

ศดิศเอ่ยเตือนสติพี่ชายด้วยความหวังดีเพราะไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่อยากเห็นภวินท์กับนทีรินแตกหักกันหรอก เพราะทั้งคู่รู้จักและรู้ใจกันมามากกว่าค่อนชีวิตและนอกจากนี้ทั้งคู่ยังมีความเหมาะสมกันในทุกๆด้านอีกด้วย

 

“ไม่ต้องมาห่วงกูหรอกน่า” ภวินท์ตัดบทไปดื้อๆจนญาติผู้น้องเดาไม่ได้ว่าพี่ชายกำลังคิดอะไรอยู่

 

ภวินท์เก็บคำพูดของลูกพี่ลูกน้องมาคิดก่อนจะมองไปที่ร่างบางของภรรยาที่กำลังเดินตรงมาหาเขาอย่างไตร่ตรอง ในมือบางไม่ได้มีแก้วแชมเปญอย่างที่ร่างบางเอ่ยบอกแต่กลับเป็นถ้วยชาดาร์จีลิง*ร้อนๆส่งมาให้เขาแทน อีกมือหนึ่งยื่นจานอาหารว่างใบเล็กที่บรรจุพวกคานาเป้*รูปแบบต่างๆที่เรียงรายไว้ให้ทานคู่กับชาร้อนโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากของร่างบาง นอกจากดวงตาหวานที่มองหน้าเขาสลับกับจานอาหารราวกับจะสื่อว่าเขาควรทานอาหารจานนี้รองท้องกับชาร้อนมากกว่ากระดกแค่แชมเปญ ภวินท์มองดวงหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจแต่ก็รับจานอาหารมาถือไว้ก่อนจะยิ้มมุมปากหน่อยๆพลางคิดไตร่ตรองไปถึงคำพูดของลูกพี่ลูกน้องเมื่อครู่นี้

 

 
ความสุขงั้นเหรอ? เขาไม่ได้มีความสุขมานานเท่าไรแล้ว…

 

 
***

ต่อข้างล่างค่ะ

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด