Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)  (อ่าน 29456 ครั้ง)

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62) [ต่อ]
«ตอบ #30 เมื่อ19-03-2019 21:51:06 »

“อ้าวคุณหนู… อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เสียงพี่นวลเอ่ยทักทายเมื่อเห็นร่างบางของคุณหนูเดินลงมาข้างล่างด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจนเธอเองอดเป็นห่วงไม่ได้

 

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่นวล… ขอโทษนะครับนทตื่นสายไปหน่อย” นทีรินยิ้มบางๆให้พี่เลี้ยงคนสนิทก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่เขาต้องนั่งทานอาหารที่นี่ทุกวัน

 

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ… ที่จริงจะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นี่คะเมื่อคืนกว่าจะกลับจากงานเลี้ยงก็ดึกมากแล้ว อีกอย่างวันนี้คุณหนูก็ไม่ต้องเข้าประชุมกับบอร์ดไม่ใช่เหรอคะ” พี่นวลเอ่ยบอกพลางยกกาต้มกาแฟรินใส่ถ้วยกาแฟให้คุณหนูอย่างที่ทำเป็นประจำ

 

“ครับ วันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัท… แต่นทยังทำรายงานรายจ่ายในบ้านกับเงินเดือนของพนักงานยังไม่เสร็จเลยครับก็เลยรีบตื่นมาทำ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันน่ะครับ” นทีรินเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มบางๆจนพี่นวลรู้สึกสงสารขึ้นจับใจ

 

เพราะนอกจากงานที่บริษัทแล้วคุณหนูของเธอก็มีหน้าที่ในบ้านที่ต้องจัดการอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำรายจ่ายต่างๆภายในบ้าน รายงานเงินเดือนของพนักงานทุกคนในบ้านกิจจานนท์และสารพัดการจัดการภายในบ้านทุกอย่างที่คุณหนูของเธอต้องรับผิดชอบ ต้องยอมรับเลยว่าหากบ้านกิจจานนท์ขาดนทีรินไปแม้แต่คนเดียวบ้านก็คงไม่เรียบร้อยมาจนถึงทุกวันนี้แน่นอน

 

“โถ เหนื่อยแย่เลยคุณหนูของพี่… ถ้าอย่างนั้นมาทานข้าวเช้าก่อนนะคะค่อยไปทำงาน -- วันนี้พี่ทำโจ๊กเป๋าฮื้อให้ทานด้วยนะคะ” พี่นวลยิ้มเป็นกำลังใจให้คุณหนูอย่างที่ทำเป็นประจำ แม้เธอจะมีความรู้น้อยและไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนทีรินได้มากนักแต่เธอเองก็อยากจะช่วยคุณหนูให้กินดีอยู่ดีมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น และยิ่งเห็นใบหน้าของคุณหนูแสดงความดีใจเหมือนเด็กๆที่เธอทำอาหารโปรดไว้ให้พี่นวลก็ยิ่งรู้สึกสุขใจตามไปด้วย

 

“ว้าว… มีปาท่องโก๋ด้วยไหมครับพี่นวล”

 

“มีสิคะ พี่จัดการให้คุณหนูเรียบร้อยแล้วค่ะพร้อมทานเลย”

 

“น่ารักที่สุดเลยครับ แบบนี้นทมีแรงทำงานทั้งวันเลย”

 

นทีรินยิ้มกว้างกับความเอาใจใส่ของพี่เลี้ยงคนสนิทที่ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องอะไรแย่ๆและหนักหน่วงมามากเพียงใดแต่เขาก็ยังมีพี่นวลอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เขาจึงไม่เคยคิดว่าพี่นวลเป็นเพียงพี่เลี้ยงเลยเพราะนอกจากครอบครัวของเขาเองแล้วก็เจ้าสัวพีระ พี่นวลก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขาอีกคนเช่นกัน

 

“ทานเยอะๆนะคะ ช่วงนี้คุณหนูซูบลงไปเยอะนะคะ”

 

พี่นวลเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงพลางวางชามโจ๊กเป๋าฮื้อที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายลงตรงหน้าคุณหนู และเธอสังเกตุได้ว่าตั้งแต่ที่คุณหนูต้องเข้าไปทำงานรับหน้าที่แทนเจ้าสัวพีระนั้นคุณหนูของเธอดูซูบผอมลงไปเยอะ อาจจะเป็นเพราะงานบริหารที่มีทั้งความเครียดและกดดันมากเกินที่คนๆนึงจะรับได้ไหวและตอนนี้คุณหนูก็ยังต้องมารับมือกับปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับภวินท์อีกเหตุผลพวกนี้คงทำให้นทีรินเกิดภาวะความเครียดจนส่งผลต่อการทานอาหารได้ง่าย

 

“ได้เลยครับ วันนี้นทจะทานโจ๊กของพี่นวลสองชามเลย” นทีรินสูดดมกลิ่นเย้ายวนเข้าเต็มปอดก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเพราะรู้สึกดีใจที่ได้ทานอาหารโปรด มือบางหยิบช้อนตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยจนพี่นวลรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูทานข้าวได้เยอะ

 

“แล้วงานเลี้ยงเมื่อคืนราบรื่นดีใช่ไหมคะ เอ่อ… พี่เห็นข่าวของคุณหนูกับคุณภพเต็มโซเชียลไปหมดเลยค่ะ”

 

พี่นวลถามเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องนี้ออกไปหรือไม่ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะรู้ความเป็นไปของคุณหนู เพราะในข่าวที่เธออ่านพร้อมรูปถ่ายที่เห็นนั้นมันทำให้เธอแปลกใจไม่น้อยเลย

 

“ข่าวไวจังเลยนะครับ” นทีรินถอนหายใจเบาๆอย่างปลงๆ

 

“ค่ะ มีลงทั้งในโซเชียลมีเดียแล้วก็เว็ปสำนักข่าวต่างๆด้วยนะคะ… พี่เพิ่งรู้ว่าผู้คนภายนอกเขาสนใจชีวิตคุณหนูของพี่เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ”

 

แม้ภวินท์และนทีรินจะไม่ใช่ดาราดังแต่ด้วยความที่เป็นไฮโซฯตระกูลดังทั้งคู่ก็เลยทำให้ผู้คนภายนอกนั้นอยากติดตามข่าวเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรกับใครผู้คนก็ต่างจับจ้องมาตลอด ตอนแรกนทีรินก็รู้สึกอึดอัดและประหม่าไปบ้างแต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มชินเสียแล้ว

 

“นทชินแล้วล่ะครับ เดี๋ยวสักพักข่าวก็ซาๆไปเองแหละครับคนเดี๋ยวนี้ลืมเร็วจะตายครับพี่นวล” นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงอย่างปลงๆเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้พี่นวลมาเครียดหรือเก็บเอาข่าวพวกนี้ไปคิดมาก

 

“เอ่อ… คุณหนูคะ พี่ว่าคุณภพดู…” เสียงเว้นวรรคอย่างตะกุกตะกักถูกเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมสีหน้าของพี่นวลที่ดูเป็นกังวลนั้นทำให้นทีรินถามขึ้น

 

“ทำไมเหรอครับ”

 

“แปลกๆไปนะคะ… ปกติคุณภพไม่มายุ่งหรือวุ่นวายอะไรกับคุณหนูเลยนี่คะแต่ภาพในข่าวที่พี่เห็นมัน…”

 

พี่นวลพูดเสียงอ้อมแอ้มพลางหลุบตาลงไม่กล้าสบตากับคุณหนูเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะถามอะไรให้มากความจนคุณหนูเกิดความไม่พอใจเพียงแต่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของคุณหนูเท่านั้นเอง เพราะภาพข่าวที่เธอเห็นนั้นมันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของภวินท์ไม่น้อยเลย

 

นทีรินรับรู้ถึงความห่วงใยผ่านสายตาของพี่นวลได้เป็นอย่างดีและเขาเองก็ซาบซึ้งกับมันอย่างมาก การที่มีคนเป็นห่วงเรามันรู้สึกดีจริงๆ

 

แต่หากถ้าเขาจะนึกไปถึงงานเมื่อคืนมันก็ราบรื่นดีไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้นั้นมันก็เป็นแค่เพียงละครฉากหนึ่งที่เขาและภวินท์แสดงออกไปเท่านั้น

 

“พี่นวลไม่ต้องคิดอะไรหรอกนะครับ มันก็แค่ละคนฉากหนึ่งเท่านั้นแหละครับพี่นวลก็ทราบดีนี่ครับว่าอะไรเป็นอะไร ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะอยากหาเรื่องแกล้งนทเท่านั้นแหละครับ -- แล้วนทก็ทำอะไรไม่ได้เพราะต่อหน้าคนอื่นนทไม่อยากแสดงอะไรที่ไม่ดีออกไปทั้งๆที่ความจริงนทอยากจะว่าเขาแรงๆจะแย่อยู่แล้ว”

 

นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นเมื่อนึกไปถึงใบหน้าหล่อคมที่มีแต่ความกวนประสาทประดับอยู่ รอยยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจแบบนั้นทำให้นทีรินพ่นลมหายใจออกจมูกแรงๆด้วยความกรุ่นโกรธ แล้วไหนจะสิ่งที่ร่างสูงทำกับเขาบนรถอีกยิ่งคิดก็ยิ่งนึกเอ็ดตัวเองที่เคลิบเคลิ้มไปตามภวินท์ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์บนรถและเหตุการณ์ตอนที่อยู่ต่อหน้านักข่าว สายตาคู่คมนั้นมองมาที่เขาอย่างอ่อนละมุนแบบนั้นมันทำให้เขาอดนึกไปถึงภวินท์พี่ชายที่แสนดีของเขาไม่ได้เพราะภวินท์มักจะใช้สายตาแบบนี้มองมาที่เขาเสมอๆ

 

“ไม่เอาค่ะ... ไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะคะ ยิ่งพูดเดี๋ยวจะยิ่งอารมณ์ไม่ดีค่ะ -- ทานข้าวต่อดีกว่านะคะเดี๋ยวพี่ไปตักมาทานเป็นเพื่อน”

 

พี่นวลตัดบทขึ้นเพราะไม่อยากให้คุณหนูรู้สึกอารมณ์ไม่ดีพลางนึกเอ็ดตัวเองในใจว่าเธอไม่ควรถามถึงภวินท์ให้คุณหนูรู้สึกเจ็บใจเลย พี่นวลกำลังจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อตัดข้าวต้มมานั่งทานเป็นเพื่อนนทีรินแต่ต้องชะงักเท้าเสียก่อนเมื่อได้ยินใครสักคนเรียกชื่อตัวเอง

 

“พี่นวล พี่นวลครับ!” มองไปก็พบว่าเป็นโต๋นั่นเองที่ทั้งวิ่งตึงตังและเรียกเสียงดังมาแต่ไกลเหมือนเด็กๆจนพี่นวลอดเอ็ดขึ้นมากับความโตแต่ตัวของโต๋ไม่ได้

 

“มีอะไรเจ้าโต๋… เสียงดังลั่นบ้านเชียว กลัวคนข้างบ้านไม่ได้ยินหรือไงกัน”

 

“อ้าวคุณนทก็อยู่เหรอครับ งั้นดีเลยครับ” โต๋เอ่ยบอกเมื่อเห็นนทีรินกำลังนั่งทานข้าวอยู่พอดี

 

“มีอะไรเหรอครับพี่โต๋” นทีรินเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

 

“อ่า… ผมว่าคุณนทไปดูเองข้างนอกดีกว่าครับ”

 

โต๋ไม่ได้บอกอะไรนอกจากชี้ไปทางหน้าบ้านซึ่งมันก็ทำให้นทีรินถอนหายใจเบาๆพลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายกับท่าทีแปลกประหลาดของโต๋ที่ดูปิดบังและทว่าแฝงใบหน้าซ่อนความดีใจไว้ด้วย

 

นทีรินไม่รอฟังอะไรนอกจากสาวเท้าออกไปตามที่โต๋บอก เมื่อไปถึงบริเวณเทอร์เรสหน้าบ้านก็พบว่ามีรถสปอร์ตสีขาวคันหรูติดยี่ห้อ Aston Martin จอดอยู่ข้างๆมีใครสักคนยืนเช็คความเรียบร้อยอยู่บริเวณรถอย่างจดจ่อก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบเขาแล้วยกมือไหว้ทักทาย

 

“สวัสดีครับคุณนทีริน… เดี๋ยวรบกวนช่วยเซ็นต์รับตรงนี้ด้วยครับ” ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบกว่าๆยื่นใบเซ็นต์รับมาให้ นทีรินรับมาด้วยความงงงวย

 

“เซ็นต์อะไรกันครับ… แล้วนี่รถของใครกัน” นทีรินเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่ออ่านรายละเอียดในใบเซ็นต์รับคร่าวๆแล้ว

 

ข้อมูลในนั้นระบุเกี่ยวกับข้อมูลรถยนต์ต่างๆอย่างละเอียดและด้านล่างมีที่เว้นว่างไว้เพื่อรอให้เขาเซ็นต์ชื่อลงไป นทีรินอ่านรายละเอียดภายในกระดาษแผ่นนั้นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะมองไปบนหัวกระดาษที่ระบุชื่อบริษัทที่นทีรินรู้จักดีเพราะเป็นบริษัทของสามีเขาเอง

 

“ของคุณนทีรินนั่นแหละครับ… เจ้านายสั่งซื้อและให้เอามาให้ครับ” พนักงานคนนั้นเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม

 

“ของผม? -- คุณภพเป็นคนซื้อมาเหรอครับ” นทีรินถามซ้ำอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าภวินท์จะซื้อรถคันนี้มาให้เขาทำไมกัน

 

“ใช่ครับ”

 

“ขอบคุณนะครับ แต่ผมไม่รับ… แล้วก็จะไปคุยกับเจ้านายของคุณเองครับ -- คุณเอารถกลับไปได้เลย ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลา”

 

นทีรินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะยื่นใบเซ็นต์รับคืนไป พนักงานคนนั้นรับคืนไปด้วยสีหน้างงงวยที่ภรรยาของเจ้านายไม่ยอมรับรถไป แต่ก่อนจะได้พูดอะไรออกไปเสียงทุ้มคุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อน

 

“มาส่งแล้วเหรอ” ภวินท์ที่กำลังจะออกไปทำงานเดินเข้ามาถามพอดี

 

นทีรินมองหน้าคนเป็นสามีนิ่งเพราะไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำและวันนี้เขาต้องคุยกับภวินท์ให้รู้เรื่อง

 

“สวัสดีครับเจ้านาย” พนักงานคนนั้นยกมือไหว้เจ้านายอย่างนอบน้อม ภวินท์รับไหว้ก่อนจะเดินมาที่รถคันหรูเพื่อเช็คความเรียบร้อยต่างๆ

 

“อืม ทุกอย่างเรียบร้อยไหม”

 

“อ่า… ครับ -- แต่ว่าคุณนทีรินไม่เซ็นต์รับครับเจ้านาย”

 

พนักงานคนนั้นตอบเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยท่าทีเกรงใจ สิ้นเสียงของพนักงานภวินท์ก็หันมาถามคนเป็นภรรยาที่ยืนมองมาที่เขานิ่งๆ

 

“ทำไม… ไม่ถูกใจตรงไหนหรือเปล่า”

 

เสียงทุ้มของสามีที่ถามออกมาด้วยท่าทีปกติยิ่งทำให้นทีรินไม่เข้าใจไปกันใหญ่ ร่างบางพรูลมหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเยียบเย็นอยู่ภายใน

 

“คุณภพ ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมครับ”

 

 



 

“คุณภพซื้อรถให้ผมทำไมครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามทันทีที่เขาและภวินท์เดินเข้ามาคุยกันเพียงลำพังในห้องรับแขกใหญ่ของบ้าน ภวินท์ทรุดนั่งที่โซฟาหลังใหญ่แขนแกร่งพาดไปที่พนักพิงด้วยท่าทีสบายๆในขณะที่นทีรินยืนประชันหน้าเขาอยู่ไม่ห่าง

 

“ก็อยากได้ไม่ใช่เหรอ” เอ่ยบอกพลางไหวไหล่ขึ้นเล็กน้อย

 

สิ้นสุดคำพูดนั้นนทีรินก็คิดได้ว่าที่งานเลี้ยงเมื่อวานนี้เขาแกล้งพูดเล่นกับญาติๆของภวินท์ว่าเขาอยากได้รถคันนี้ เพราะเป็นแบบนั้นภวินท์ก็เลยซื้อมาให้เขาอย่างนั้นเหรอ

 

“ผมไม่ได้อยากได้ครับ… ที่ผมพูดเมื่อวานเพราะแค่อยากแหย่พวกพี่ๆเขาเล่น แล้วอีกอย่างผมเองก็มีรถส่วนตัวอยู่แล้วด้วยครับ”

 

นทีรินปฏิเสธออกไปทันที และเขาก็รู้ว่าภวินท์รู้ว่าเขาพูดเล่นแต่ทำไมอีกฝ่ายถึงยังซื้อรถคันนี้มาให้เขาอีก เขาไม่ได้อยากได้เสียหน่อยแล้วอีกอย่างเขาเองก็มีรถส่วนตัวอยู่แล้วและมันก็ยังใช้การได้ดีอยู่ด้วย

 

“คันนั้นมันเก่าแล้วนี่ ใช้มาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนๆไปเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกนิ่งๆพลางเลื่อนดูอะไรสักอย่างในแท็ปเล็ตเครื่องหรูไปด้วย

 

นทีรินกลอกตาบนขึ้นอย่างอ่อนใจที่อีกฝ่ายไม่สนใจอะไรที่เขาพูดเลยหนำซ้ำยังมาตัดสินใจอะไรแทนเขาอีก ถึงแม้รถของเขาจะใช้มาหลายปีแล้วแต่เขามันก็ไม่ได้เก่าขนาดที่จะต้องเปลี่ยนเลยนี่

 

“ถึงมันจะเก่าจะหลายปีแต่สภาพของมันยังดีและใช้งานได้อยู่ครับและอีกอย่างรถคันนั้นอากงเป็นคนซื้อให้ผม เพราะฉะนั้นผมจะไม่เปลี่ยนครับ” น้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นทว่าแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่ภายในดังขึ้นจนคนฟังต้องเงยหน้าจากแท็ปเล็ตเครื่องหรู

 

“ก็ซื้อมาแล้ว แค่รับไปมันคงไม่ยากอะไรหรอกนะ คุณจะเอาไปขับสลับกับคันเก่าก็ได้นี่”

 

ภวินท์ไม่สนใจก่อนจะหาทางออกให้นทีรินรับของที่เขาซื้อมาไปให้ได้ซึ่งนทีรินก็ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่าภวินท์ทำแบบนี้เพราะอะไรทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้อยากได้รถคันนี้จริงๆเสียหน่อย

 

“ผมไม่เข้าใจคุณเลยสักนิด คุณก็รู้ว่าผมพูดเล่นกับพวกพี่ๆเค้าแต่ทำไมคุณถึงยังต้องซื้อมาครับ -- ผมทราบนะครับว่าคุณภพมีเงินมากมายที่จะซื้อรถราคาเป็นร้อยล้านพันล้านได้ง่ายๆ แต่อย่าเอาเงินของคุณมาซื้ออะไรที่สิ้นเปลืองให้ผมเลยครับเพราะผมไม่ได้อยากได้อะไรจากคุณเลย”

 

นทีรินร่ายยาวตามที่ใจคิดเพราะยิ่งคุยกันเขาก็ยิ่งไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของภวินท์ว่าทำแบบนี้ทำไมหรืออีกฝ่ายแค่อยากจะแกล้งเขาเล่นอีก

 

“ผมก็ไม่ได้ซื้อให้คุณฟรีๆนี่ ก็ถือซะว่าผมซื้อให้คุณเป็นของขวัญตอบแทนที่คุณดูแลอากงมาตลอด” เสียงทุ้มเอ่ยบอกตามความรู้สึก

 

เพราะว่าเขาซื้อรถคันนี้มาเพียงเพราะนทีรินพูดว่าอยากได้มันก็เท่านั้น และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่านทีรินจะเครียดไปทำไมกับแค่รถคันเดียวที่เขาเป็นคนซื้อให้

 

หลังจากสิ้นเสียงเหตุผลของการซื้อรถคันนี้ของสามีทางนิตินัยแล้วนทีรินก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกมา เพราะเหตุผลนี้มันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด หน้าที่ที่ดูแลเจ้าสัวพีระมันเป็นสิ่งที่เขาเต็มใจทำอยู่แล้วเพราะท่านคือผู้มีพระคุณของเขา

 

“เรื่องดูแลอากงผมทำด้วยความเต็มใจและไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจากคุณทั้งนั้นครับ -- แต่ถ้าคุณอยากตอบแทนจริงๆก็ช่วยทำหน้าที่เป็นหลานที่ดีของอากงก็พอครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกด้วยเสียงนิ่งเรียบและไม่พอใจ แต่เขาเหนื่อยที่จะคุยกับภวินท์แล้วเพราะยิ่งคุยภวินท์ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกโมโห เขากลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวกับความกวนประสาทของอีกฝ่ายไปเสียก่อน ร่างบางกำลังจะเดินออกไปจากห้องรับแขกใหญ่แต่เสียงทุ้มกวนประสาทดังขึ้นก่อน

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ถือเสียว่าผมซื้อมาแลกกับจูบของคุณเมื่อวานเป็นไง…”

 

นทีรินหันหน้ากลับมาเผชิญกับสามีที่ยิ้มมุมปากเย้ยหยันและแฝงไปด้วยความกวนประสาทมาที่เขาอยู่แล้ว นทีรินขบกรามแน่นเพื่อหวังว่ามันจะช่วยระงับความกรุ่นโกรธได้ ประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นแสนสั้นแต่ทำให้เขาเจ็บใจได้ไม่น้อยเลย



ซื้อรถมาแลกกับจูบอย่างนั้นเหรอ… น่าเกลียดที่สุด!

 

“ว่าไง… จะรับไปได้หรือยัง”

 

ภวินท์ยกคิ้วข้างนึงพลางถามด้วยท่าทีเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความกวนประสาทไม่น้อย ดวงตาคมจับจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างจาบจ้วงจนนทีรินคิดว่านั่นเป็นการกระทำที่หยาบคายที่สุด

 

“ถ้าอย่างนั้นผมยิ่งรับไม่ได้ใหญ่เลยครับเพราะผมไม่ได้ยินยอมและต้องการมัน -- กรุณาเอารถของคุณคืนไปด้วยครับ” นทีรินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เพราะเขาไม่ได้ยินยอมทั้งรถและทั้งจูบที่ภวินท์ฉวยโอกาสกับเขาเมื่อคืน

 

“หึ! รถของผมมันคงไม่มีค่าเท่าแจกันใบละหลายสิบล้านสินะ… ถึงได้อิดออดไม่อยากจะรับ”

 

เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระทบกระเทียบ ใบหน้าหล่อนั้นนิ่งเฉยแต่สายตาคมนั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจที่ภรรยาทางนิตินัยมีท่าทีอิดออดและไม่พึงใจกับสิ่งที่เขาซื้อมาให้ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

 

นทีรินได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มกับคำพูดประชดประชันของภวินท์ ในเมื่อภวินท์จะอยากเข้าใจอย่างไรเขาก็ไม่สนใจและจะไม่มีคำอธิบายใดๆออกจากปากเขาแม้แต่นิดเดียว เพราะเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคนที่พูดจาร้ายกาจใส่เขาอยู่ตลอดเวลาแบบภวินท์เลยสักนิด

 

“ครับ รถของคุณมันก็ไม่มีค่าพอๆกับจูบของคุณนั่นแหละครับ”

 

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นกระแทกอารมณ์ที่คุกรุ่นของภวินท์ได้อย่างดี ร่างสูงหัวเราะในลำคอแต่สายตาคมแข็งกร้าวขึ้นแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขุ่นมัวได้ดีแต่นทีรินไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร

 

“ไม่มีค่าอะไรสำหรับผมเลยแม้แต่นิดเดียว”

 

ร่างบางเอ่ยทิ้งท้ายประโยคหนักแน่นก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกใหญ่ไปด้วยความโมโหทิ้งให้ภวินท์มองท่าทีเมินเฉยนั่นด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่เริ่มปะทุแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่เขาไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าไม่พอใจ มือหนาหยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาจุดสูบเพื่อคลายอารมณ์เพราะเขาไม่อยากจะไปทำงานด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวจนไม่เป็นอันทำงาน แต่หากนึกไปถึงคำพูดของภรรยาเมื่อครู่และใบหน้านวลแฝงไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธใบหน้าหล่อคมก็กระตุกยิ้มเย็น

 



ไม่มีค่าอย่างนั้นเหรอ หึ!

 

 
To be continue


_____________________________________________________________________________________________


TALK WITH WRITER :: ล่าสุดซื้อรถมาแลกกับจูบน้องแล้วจ้า ร้ายที่สุด! ร้ายแบบนี้แล้วมีใครจะอยู่ทีมพี่ภพกันไหมเนี่ย รีดเดอร์รอสาปส่งนางไปทุกตอนเลยนะคะ 55555555555 เจอกันตอนหน้าค่ะ :)


ชาดาร์จีลิง = เป็นชาที่ที่ถูกผลิตในเมืองดาร์จีลิงอยู่ทางรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย สีของชาจะเป็นสีทองสว่างจึงทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น "แชมเปญแห่งชา"

คานาเป้ = เป็นอาหารชิ้นเล็กๆที่สามารถถือได้ด้วยนิ้วและมักรับประทานได้ในคำเดียว คานาเป้มักจะถูกนำมาใช้จัดงานเลี้ยงแบบค็อกเทล


Aston Martin = ชื่อบริษัทผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูซึ่งมีฐานการผลิตที่เมือง Geydon ประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งชื่อยี่ห้อนั้นตั้งตามชื่อนามสกุลของ ลีโอเนล มาร์ตินซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2019 09:49:44 โดย yokindy »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #31 เมื่อ19-03-2019 22:42:20 »

หน้าชาแตกยับเลยไหมล่ะภวินท์

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #32 เมื่อ19-03-2019 22:49:03 »

จ้าา หมั่นไส้อิพี่จริงๆจ้าา
มั่นหน้ามั่นโหนกให้ได้ตลอดนะยะ รอวันซ้ำค่าา

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #33 เมื่อ20-03-2019 03:43:04 »

สมนำ้หน้าคุณภพ เป็นคนทีอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่นเลยอะ
ตั้งแต่ทิ้งอากงไปตั้ง8ปีแล้วล่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #34 เมื่อ20-03-2019 04:13:04 »

มารักทำไมตอนนี้~

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #35 เมื่อ20-03-2019 15:52:41 »

รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมากๆ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #36 เมื่อ20-03-2019 16:54:11 »

ยากที่จะกลับมาดีกัน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๔ (19-3-62)
«ตอบ #37 เมื่อ20-03-2019 22:51:59 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-9-62)
«ตอบ #38 เมื่อ26-03-2019 15:38:58 »

บทที่ ๕



“กลิ่นหอมฟุ้งออกไปข้างนอกเลยค่ะคุณหนู… ทำอะไรทานคะ?”

พี่นวลเดินเข้ามาในครัวขนาดใหญ่พร้อมสูดกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยฟุ้งออกไปด้านนอก เพียงฟังเสียงผัดในกระทะและกลิ่นหอมอันยั่วน้ำลายแล้วก็รู้ได้เลยว่าอาหารมื้อนี้ต้องรสเลิศแน่นอน

 
“ผัดไทยกุ้งสดครับพี่นวล พอดีนทได้เส้นจันท์เจ้าอร่อยที่อากงชอบมาน่ะครับเลยเอามาทำให้ท่านทาน”

 
นทีรินในชุดผ้ากันเปื้อนสำหรับในครัวกำลังยืนทำผัดไทยกุ้งสดสูตรคลีนที่เขาคิดขึ้นมาเองเพื่อที่จะได้ให้เจ้าสัวพีระรับประทานได้ เพราะผัดไทยเส้นจันท์ก็เป็นอาหารอีกจานหนึ่งที่เจ้าสัวพีระชอบเขาจึงตั้งใจทำอาหารจานนี้เป็นพิเศษตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ นทีรินเลือกใช้เส้นจันท์เจ้าประจำที่เจ้าสัวพีระโปรดปราน น้ำมันที่ใช้ผัดเป็นน้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืชชนิดอื่น ส่วนกุ้งสดเขาเลือกกุ้งลายเสือตัวใหญ่เนื้อแน่นที่ทำการแกะเปลือกและผ่าหลังมาผัด

 
“หืม… น่าทานจังเลยค่ะคุณหนู” พี่นวลเดินเข้ามาใกล้พลางสูดดมความหอมยั่วน้ำลายก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคุณหนู

 
นทีรินทำอาหารเก่งมากเพราะเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าช่วงหลังๆมานี้นทีรินจะห่างหายจากการทำอาหารไปนานเพราะต้องเข้าไปทำงานแทนเจ้าสัวพีระ แต่สิ่งใดที่นทีรินตั้งใจทำแล้วมันจะออกมาดีหมดทุกอย่างจริงๆ ยิ่งเวลาที่เห็นคุณหนูทำอาหารแบบนี้ยิ่งทำให้พี่นวลอดคิดถึงคุณท่านที่จากไปไม่ได้เพราะคุณทิวาเองก็ทำอาหารอร่อยไม่แพ้กันเลย

 

นทีรินยิ้มกว้างภูมิใจกับผลงานของตัวเองขณะที่หยิบถั่วงอกดิบและผักกุยช่ายสดโรยลงไปในกระทะเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วผัดให้เข้ากันเพียงเท่านั้นผัดไทยกุ้งสดหน้าตาน่ารับประทานก็เสร็จเรียบร้อย

 

“ใช่ไหมล่ะครับ… นทวานพี่นวลตักในกระทะนี้ขึ้นไปเสิร์ฟให้อากงด้วยนะครับ -- ส่วนอีกกระทะก็แบ่งไว้ให้ทุกคนทานด้วยนะครับนททำเผื่อทุกคนเลย” นทีรินเอ่ยวานพี่เลี้ยงคนสนิทขณะที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว

 

“ได้ค่ะ… แล้วคุณหนูจะให้พเจ้าโต๋ไปเรียนคุณภพให้มาทานอาหารกลางวันเลยไหมคะ” พี่นวลรับคำก่อนจะเอ่ยถามต่อจนนทีรินชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของสามีทางนิตินัย

 

“คุณภพอยู่บ้านเหรอครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามพี่เลี้ยงคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ในใจกลับคิดไปถึงหน้าของคนเป็นสามีที่ไม่เจอกันมาร่วมอาทิตย์แล้ว นทีรินไม่เจอหน้าคนเป็นสามีเลยตั้งแต่วันที่เขาและภวินท์ทะเลาะกันเรื่องรถยนต์ที่ภวินท์ซื้อมา แต่ที่นทีรินรับรู้ตลอดก็คือภวินท์ได้เข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้วเขาจึงหมดหน้าที่ในการไปเป็นตัวแทนของเจ้าสัวพีระไปโดยปริยายและนอกจากนั้นภวินท์ยังกลับมานอนที่บ้านทุกวันและยังขึ้นไปเยี่ยมอากงทุกวันอีกด้วย ซึ่งการกระทำเหล่านั้นทำให้นทีรินแปลกใจไม่น้อยเลย

 

“อยู่ค่ะ เห็นว่าทำงานอยู่ที่ห้องทำงานใหญ่ -- พี่เพิ่งให้เด็กยกกาแฟกับของว่างขึ้นไปให้เมื่อครู่นี้เองค่ะ”

 

พี่นวลตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าภวินท์และนทีรินทะเลาะด้วยเหตุผลใดเพราะนทีรินไม่ได้เล่าให้เธอฟังและเธอเองก็ไม่ได้ซักไซ้ไถ่ถามอะไรเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะไปซักไซ้ไล่เลียงให้คุณหนูของเธอรู้สึกแย่กว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ตามพี่นวลก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยทั้งคุณหนูและภวินท์อยู่เสมอมา

 

เมื่อได้ยินคำตอบจากพี่เลี้ยงคนสนิทนทีรินก็เงียบนิ่งไปจนพี่นวลรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างบางถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินไปเตรียมกระทะใบใหม่มาตั้งบนเตา

 

“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนครับ… เดี๋ยวนทผัดให้เขาใหม่”

 

“อ้าว ทำไมล่ะคะ” พี่นวลเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“คุณภพแพ้กุ้งน่ะครับ นทจะใส่ปลาหมึกให้เขาแทน”

 

นทีรินเอ่ยตอบพี่เลี้ยงเสียงราบเรียบก่อนจะเดินไปเตรียมปลาหมึกกล้วยตัวใหญ่มาหั่นเป็นแว่นๆเพื่อเตรียมผัดไว้ให้คนเป็นสามีได้ทาน ต่อให้เขาจะยังโกรธอีกฝ่ายอยู่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความใส่ใจที่เขามีต่อภวินท์นั้นจะต้องลดลงตาม

 

แต่กระนั้นก็ตามนทีรินก็ยังคงเลี่ยงที่จะเจอคนเป็นสามีอยู่ดี ยิ่งนึกไปถึงวันนั้นนทีรินก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองและเจ็บใจกับคำพูดและการกระทำของคนเป็นสามีไม่หาย รถยนต์ยี่ห้อหรูคันนั้นยังคงจอดแน่นิ่งอยู่ที่โรงจอดรถเคียงข้างกับรถยนต์ส่วนตัวของเขา จนนทีรินรู้สึกรำคาญใจทุกครั้งที่ต้องเห็นรถคันนั้นคันที่สามีทางนิตินัยของเขาซื้อมาให้เพื่อแลกกับจูบของเขาเอง

 

 “เดี๋ยวนทวานพี่โต๋ยกขึ้นไปเสิร์ฟคุณภพที่ห้องทำงานด้วยนะครับ ทำงานอยู่แบบนั้นคงไม่อยากลงมาทานข้างล่าง”

 

เมื่อจัดการทำผัดไทยให้คนเป็นสามีเสร็จแล้ว นทีรินก็ไหว้วานให้โต๋ซึ่งเป็นคนสนิทของภวินท์ยกถาดอาหารที่ประกอบไปด้วยผัดไทยใส่ปลาหมึกกล้วยและน้ำเก๊กฮวยเย็นชื่นใจที่นทีรินต้มเองขึ้นไปเสิร์ฟให้กับภวินท์ที่ทำงานอยู่ห้องด้านบนแทนที่จะให้ไปเรียกลงมาทานข้างล่าง เพราะนทีรินรู้ดีว่าหากภวินท์กำลังตั้งใจทำอะไรอยู่นั้นก็จะทำจนเสร็จก่อนจึงจะทำอย่างอื่นต่อได้

 

 

 

เมื่อจัดการทำอาหารให้ทุกคนในบ้านได้รับประทานกันหมดแล้ว พี่นวลจึงตักมาให้นทีรินได้ทานบ้าง นทีรินยิ้มกว้างพลางชวนพี่นวลนั่งทานด้วยกัน เพราะหลังๆมานี้ตั้งแต่ที่เจ้าสัวพีระป่วยเขาก็นั่งทานอาหารคนเดียวจนเขาทานอาหารไม่ค่อยอร่อยราวกับเป็นโรคเบื่ออาหารไปเสียแล้ว ก็มีแต่พี่นวลนี่แหละที่มานั่งทานอาหารเป็นเพื่อนเขาพูดคุยกับเขาจนเขาเจริญอาหารขึ้นบ้าง

 

“คุณนทครับ” เสียงเรียกของโต๋ดังขึ้นขณะที่นทีรินทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่กำลังคุยเล่นอยู่กับพี่นวล

 

“ครับพี่โต๋” นทีรินขานรับ

 

“คุณภพเรียนว่าให้ไปหาที่ห้องทำงานครับ”

 

โต๋เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างแต่นทีรินนี่แหละที่ยิ้มไม่ออกเพราะเขาไม่อยากไปเจอหน้าภวินท์ ร่างบางเม้มปากแน่นก่อนจะใช้ความคิดว่าจะพูดหลีกเลี่ยงการไปเจอหน้าคนเป็นสามีอย่างไรดี

 

“เอ่อ… แล้วคุณภพบอกไหมครับว่าเรียกหานททำไม”

 

“ท่านบอกว่าอยากจะถามเรื่องงานที่บริษัทครับ” สิ้นคำตอบของโต๋นทีรินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้าให้โต๋อย่างจำใจ

 

ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาคงพอหลีกเลี่ยงได้บ้างแต่หากเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็เขาก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะเขาถือว่าเป็นคนจัดการดูแลงานทุกอย่างก่อนหน้านี้หากไม่ขึ้นไปพบแล้วภวินท์ก็ต้องหาว่าเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น คนร้ายกาจแบบนั้นน่ะหาเรื่องมาต่อว่าเขาได้ตลอดนั่นแหละแต่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายมาต่อว่าเขาไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องงานที่บริษัทฯ

 

ร่างบางย่างเท้าขึ้นไปที่ห้องทำงานด้านบนซึ่งเคยเป็นห้องทำงานเก่าของเจ้าสัวพีระที่ท่านเอาไว้ทำงานเมื่อกลับมาที่บ้าน แต่ตอนนี้ภวินท์คงจะเทคโอเวอร์ห้องนี้ไปเป็นของตัวเองแล้วสินะ เมื่อเท้าไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูมือบางก็ยกขึ้นมาเคาะประตูด้วยความสั่นเทาเพราะนทีรินเองก็ไม่ได้พร้อมที่พบหน้าของภวินท์เลย

 

“เข้ามาได้”

 

เสียงทุ้มเข้มจากคนภายในห้องขานตอบเป็นการอนุญาตดังขึ้น นทีรินจึงเปิดประตูออกก่อนจะเดินเข้าไปด้วยท่าทีเรียบนิ่งแต่ทว่าใจนั้นเต้นระรัวจนนทีรินอดเอ็ดตัวเองไม่ได้

 

ภวินท์ในชุดลำลองสบายๆกำลังตรวจเอกสารกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าหล่อคมที่ถูกประดับไว้ด้วยแว่นกรองแสงเมื่อเวลาที่ทำงานทำให้ร่างสูงดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีกจนนทีรินรู้สึกหวั่นๆ เวลาที่ต้องพบเจอกับภวินท์มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกทุกครั้ง แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่ายด้วยก็ไม่รู้ทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายโดนภวินท์ทำตัวร้ายใส่แท้ๆ

 

“คุณภพเรียกหาผมเหรอครับ”

 

นทีรินเดินไปหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่พลางเอ่ยถามคนเป็นสามีที่ไม่แม้แต่มองหน้าเขาเลยสักนิดเพราะมัวแต่ตรวจเอกสารในมืออย่างด้วยท่าทีเคร่งเครียด

 

“อืม นั่งสิ”

 

ภวินท์เงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนจะผายมือเชิญภรรยานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขานทีรินทรุดนั่งที่เก้าอี้โดยไม่พูดอะไรเพราะรอให้ภวินท์ตรวจเอกสารในมือเสร็จก่อน คนที่นั่งรอไม่รู้จะวางตัวอย่างไรจึงทำได้เพียงสอดสายตาไปรอบๆห้องก่อนจะหยุดไปที่โต๊ะขนาดเล็กที่มีถาดอาหารวางอยู่นทีรินจึงรู้ได้ว่าภวินท์นั้นทานผัดไทยที่เขาทำขึ้นมาให้จนหมดแล้วแถมหมดเกลี้ยงจานเสียด้วย น้ำเก๊กฮวยก็ถูกดื่มจนหมดแก้วเหลือเพียงน้ำแข็งติดก้นแก้วเท่านั้น

 

นทีรินรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาเมื่อเห็นว่าภวินท์ทานอาหารที่เขาทำจนหมด เขาไม่อยากหลอกตัวเองเลยว่าดีใจแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันรู้สึกแบบนั้นอย่างห้ามไม่ได้จริงๆ

 

“ทำไมแบรนด์ห้องเสื้อนาวิยาถึงได้มาขอขยายสาขาทั้งๆที่ขาดทุนล่ะ” ภวินท์เป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน สายตาคมจดจ้องมาที่ดวงหน้าหวานใสของภรรยานิ่งๆเพื่อฟังคำตอบ

 

“ทางแบรนด์คิดที่จะทำเสื้อผ้าที่ Casual ขึ้นกว่าเดิมน่ะครับเพราะปกติแล้วทางแบรนด์วางขายที่เดอะแกรนด์ลักซ์ฯนั้นมีภาพลักษณ์เสื้อผ้าเป็นสไตล์ Formal ซะส่วนใหญ่น่ะครับก็เลยตีตลาดได้แค่ลูกค้าระดับไฮเอนด์ ส่วนลูกค้าที่ระดับรองลงมาไม่ค่อยสนใจและมีกำลังซื้อที่ไม่มากพอครับ ทางแบรนด์เลยเข้ามาขอขยายสาขาเพิ่มโดยใช้ชื่อว่านาวี่บายนาวิยาที่จะเปิดตัวเสื้อผ้าที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลงครับ” นทีรินชี้แจงในส่วนที่ภวินท์ไม่เข้าใจให้ฟังเพราะว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบในงานส่วนนี้ด้วยตัวเอง

 

“แล้วทางแบรนด์แน่ใจได้ยังไงว่าจะขายได้ ในเมื่อคุณบอกเองว่าเดอะแกรนด์ลักซ์ฯมีแต่ร้านค้าไฮเอนด์ซะส่วนใหญ่และลูกค้าก็มี purchasing power* ไม่มากพอ” ภวินท์ถามต่อเพราะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่นทีรินชี้แจงมากนัก

 

“จริงอยู่ที่เดอะแกรนด์ลักซ์ฯจัดวางขายแต่แบรนด์ไฮเอนด์แต่ลูกค้าที่มาเดินเที่ยวที่นี่ก็มีหลายระดับครับ ทางแบรนด์ก็เลยอยากจะเปิดแบรนด์ลูกออกมาคู่กับแบรนด์แม่เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับแบรนด์ที่เดอะแกรนด์ลักซ์ฯก่อนครับ จากนั้นหากยอดขายเพิ่มขึ้นจึงจะขอขยายสาขาไปที่เดอะแกรนด์ฯสาขาอื่นครับ” เสียงอธิบายเพิ่มเติมของนทีรินทำให้ภวินท์นิ่งเพื่อใช้ความคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ

 

“อืม คุณเป็นคนคุยกับทางนาวิยาโดยตรงเลยหรือเปล่า”

 

“ครับ ผมคุยเอง… คุณภพมีข้อข้องใจตรงไหนไหมครับผมจะได้อธิบายให้ฟัง” นทีรินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

สายตาคมนิ่งของภวินท์ที่มองมาราวกับไม่เชื่อใจในสิ่งที่เขาทำลงไป แต่สำหรับนทีรินแล้วเขาคิดว่าเรื่องนี้เขาตัดสินใจไม่ผิดแน่นอน 

 

“ก็แค่คิดว่าทำไมคุณถึงแน่ใจนักว่าเขาจะไม่ขาดทุน เพราะแบรนด์นี้ขาดทุนมาสองปีติดต่อกันแล้วนะ” ภวินท์ไหวไหล่ขึ้นเล็กน้อยก่อนจะนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆเพื่อคลายความตึงเครียด

 

“นาวิยาถึงจะเป็นแบรนด์ไทยแต่การตัดเย็บและดีไซน์นั้นมีความละเอียดเทียบห้องเสื้อดังๆได้มากทีเดียวครับ ราคาและคุณภาพก็เป็นที่ยอมรับได้แต่ในสองปีที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพราะทางแบรนด์เพิ่งจะเปลี่ยนดีไซเนอร์ใหม่และรูปแบบของเสื้อผ้าใหม่ที่ยังไม่ลงตัวมากนักเลยทำให้ทางแบรนด์ขาดทุนครับ ทางแบรนด์แจ้งว่าเขาคิดและวางแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ลูกเพื่อทำการ Rebranding*ครับ ผมก็เลยให้โอกาสเขาดูและที่สำคัญนาวิยาเป็นลูกค้าของเดอะแกรนด์ลักซ์ฯมาตั้งแต่เริ่มเปิดห้างฯครับ เพราะฉะนั้นการที่เราให้โอกาสลูกค้าที่ Loyalty กับเรามาตลอดก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรใช่ไหมครับ”

 

นทีรินชี้แจงพร้อมอธิบายให้ภวินท์เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรและนทีรินก็เชื่อว่าต่อให้ภวินท์ไม่เห็นด้วยอย่างไรแต่สำหรับเขาแล้วการที่เขาทำแบบนี้มันก็เป็นการบริหารในรูปแบบของเขาเอง แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายเดอะแกรนด์ฯก็ไม่ได้ขาดทุนแต่กลับยังได้กำไรเป็นความไว้วางใจและความภักดีจากลูกค้าอีกต่างหาก

 

“อืม… ก็ลองดู” ร่างสูงเอ่ยบอกภรรยาด้วยเสียงเรียบพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม

 

ท่าทีและน้ำเสียงที่จริงจังในการอธิบายของภรรยาไม่ได้ทำให้ภวินท์ทึ่งแต่อย่างใด เพราะเขารู้ดีว่านทีรินนั้นเรียนจบด้านบริหารมาแบบเขาเพียงแต่ว่ากลยุทธ์ที่อีกฝ่ายใช้จัดการและต่อรองกับลูกค้าอาจจะคนละแบบกับเขาเท่านั้นเอง เพียงแต่สิ่งที่เขาทึ่งก็ในตัวภรรยาก็คือนทีรินกล้าที่จะออกความคิดเห็นต่างๆและยังกล้าได้กล้าเสียโดยไม่มีท่าทีหวั่นเกรงใดๆเลย ซึ่งในส่วนนี้เขาชอบกับวิธีแก้ปัญหาของอีกฝ่ายเพราะมันทำให้เขารู้ว่านทีรินนั้นมีความคิดที่โตขึ้นกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

 

“คุณภพมีคำถามอะไรอีกไหมครับผมจะได้อธิบายทีเดียว” เมื่อคนเป็นสามีเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำแล้วนทีรินจึงถามออกไปต่อเผื่อว่าภวินท์มีงานส่วนอื่นที่ไม่เข้าใจอีก

 

“มี” คำตอบห้วนสั้นแต่สายตาคมที่มองเขาไม่ได้เรียบนิ่งอย่างตอนต้นแต่กลับเริ่มฉายแววกวนประสาทเข้ามาแทนที่

 

“เรื่องอะไรครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามเสียงราบเรียบและพยายามที่จะไม่หลบสายตาคมที่จับจ้องมาโดยที่เขาก็เดาไม่ได้ว่าภวินท์กำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงไม่เอ่ยอะไรนอกจากใช้สายตาคมที่ฉายแววยั่วแหย่จับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตาจนนทีรินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนกวนอารมณ์ ภวินท์หัวเราะในลำคออย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของภรรยา

 

“สรุปว่าเรื่องอะไรครับ” เอ่ยถามเสียงแข็งเพื่อสื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเริ่มจะไม่พอใจที่โดนแกล้งแล้ว

 

“คุณหลบหน้าผมทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยถามโดยที่สายตาคมก็ยังจับจ้องไปที่ดวงหน้าหวานไม่วางตา

 

นทีรินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งเฉยตามเดิม เพราะเขาไม่คิดว่าภวินท์จะถามอะไรแบบนี้ออกมาตรงๆทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ทราบดีว่าเขาหลบหน้าทำไม

 

“ไม่ได้หลบครับ… ผมก็อยู่ของผมแบบปกติ”

 

“งั้นเหรอ” เสียงทุ้มทวนซ้ำด้วยเสียงเรียบนิ่งทว่ายั่วแหย่อย่างกวนประสาท

 

“ครับ ถ้าคุณภพไม่ได้ใส่ใจหรือมองหาผม คุณภพจะรู้ครับว่าผมไม่ได้หลบหน้าคุณเลย เพราะมันไม่ได้มีความจำเป็นที่ผมจะต้องทำจริงไหมครับ”

 

นทีรินจ้องหน้าคนเป็นสามีนิ่งเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้หลบหน้าอีกฝ่ายเลยทั้งที่ความจริงถึงแม้เขาจะทำแบบนั้นแต่ใครจะอยากให้ภวินท์รู้ล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้ายกาจของอีกฝ่ายน่ะสิ เขาไม่ยอมหรอก

 

“ยังโกรธอยู่?”

 

“อย่าเรียกว่าโกรธเลยครับ อย่างที่ผมเคยบอกมันเลยความรู้สึกโกรธไปนานแล้วครับ”

 

“หึหึ”

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” นทีรินลุกจากเก้าอี้เตรียมเดินออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนยั่วโมโหแต่ต้องชะงักเท้าไว้เมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นอีก

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

“…” นทีรินหันกลับมามองด้วยสายตาเอือมระอา เพราะเขาเบื่อที่ภวินท์เอาแต่แกล้งกวนประสาทเขาไม่เลิก

 

“ผัดไทยอร่อยดี… ไม่คิดว่าจะจำได้ว่าแพ้กุ้ง”

 

ภวินท์เอ่ยบอกพลางยกยิ้มมุมปากน้อยๆสายตาคมที่เคยมีแต่ความเย้ยหยันบัดนี้กลับมีความอ่อนละมุนเข้ามาแทนที่จนหัวใจดวงน้อยของนทีรินกระตุกวูบอย่างไม่เป็นจังหวะ นทีรินหลบตาคมนั่นทันทีด้วยท่าทีเลิ่กลั่กใบหน้านวลขึ้นสีแดงที่แก้มอ่อนๆร่างบางรีบหันตัวกลับไปเพื่อหลบซ่อนความขัดเขินที่ปรากฏบนใบหน้านวล

 

“ผมไม่ได้จำได้ครับ”

 

เมื่อเอ่ยทิ้งท้ายจบนทีรินก็รีบเดินออกจากห้องทำงานใหญ่ไปทันทีจนไม่ทันเห็นใบหน้าคมของภวินท์ที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากที่แสดงถึงความพึงพอใจ

 

นทีรินกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมาพร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มือบางกุมที่หน้าอกข้างซ้ายที่เต้นรัวของตัวเองพลางนึกเอ็ดตัวเองในใจว่าทำไมต้องแคร์ในสิ่งที่ภวินท์เป็นอีกแล้ว ที่จริงเขาน่าจะทำเป็นจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายแพ้กุ้ง ทำไมเขาถึงยังต้องสนใจภวินท์ด้วยทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เคยสนใจหรือใส่ใจเขาเลยยิ่งคิดนทีรินก็ยิ่งเจ็บแปลบขึ้นภายในใจ

 

เพราะเขาต้องยอมรับความจริงว่า

 

ทุกเรื่องของภวินท์เขาไม่ได้จำได้

 

แต่เขาไม่เคยลืมต่างหาก…

 

 

***********

 
ต่อข้างล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2019 15:50:00 โดย yokindy »

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62) [ต่อ]
«ตอบ #39 เมื่อ26-03-2019 15:42:52 »

“วันนี้ว่างมาเจอเพื่อนๆได้แล้วเหรอครับคุณนทีริน” ภาณินเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะจนนทีรินย่นจมูกใส่กับคำแซ็วจากเพื่อนๆ

 

“ช่วงนี้ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้วน่ะ ต่อไปนี้นทจะว่างมาเจอนินกับเหมือนจนเบื่อหน้ากันไปข้างนึงเลยนะ” นทีรินเอ่ยบอกเพื่อนรักทั้งสองด้วยเสียงสดใสเพราะเขาดีใจที่อย่างน้อยต่อไปนี้เวลาที่เขาไม่มีอะไรทำเขาจะได้มาหาเพื่อนๆได้ตลอดเวลา

 

ตอนนี้นทีริน ภาณินและเหมือนชนกนั่งพูดคุยกันอยู่ในร้านไดอามอนด์พาราไดซ์ซึ่งเป็นธุรกิจร้านขายเครื่องประดับของภาณินที่มีสาขาอยู่ในห้างฯเดอะแกรนด์ฯเกือบทุกสาขา

 

นทีรินก็เลยตัดสินใจนัดเพื่อนๆมาพบเจอกันที่ร้านของภาณินเพราะช่วงที่ผ่านมาเขาต้องเข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯนั้นเขายุ่งจนไม่ค่อยมีเวลามาเจอเพื่อนๆเลยแต่ตอนนี้เขาไม่ต้องเข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้วเพราะภวินท์ได้เข้าไปดำรงตำแหน่งแทนเจ้าสัวพีระอย่างเป็นทางการแล้วตอนนี้เขาจึงมีหน้าที่แค่ดูแลและจัดการทุกอย่างในบ้านกิจจานนท์เท่านั้น เมื่อเขาจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วเขาก็เลยมาที่ห้างเดอะแกรนด์ฯในวันนี้แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้บริหารแต่มาในฐานะลูกค้าต่างหาก

 

“อ้าว งั้นแสดงว่าพี่ภพก็เข้าไปบริหารที่เดอะแกรนด์ฯแล้วใช่ไหม” ภาณินเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะนทีรินยังไม่ได้บอกพวกเขาเลยว่าไม่ได้เข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้ว

 

“อืม ใช่แล้ว”

 

“ดีสิ นทของพวกเราจะได้หายเหนื่อยสักที เหนื่อยมานานมากแล้ว” เหมือนชนกเดินเข้ามากอดแขนนทีรินปลอบใจเพราะรู้ดีว่าที่ผ่านมาเพื่อนรักเหนื่อยมามากเพียงใด

 

นทีรินยิ้มก่อนจะกอดเพื่อนตอบ ในใจพลางคิดไปถึงเจ้าสัวพีระเพราะว่าที่เขายอมอดทนทำงานที่เดอะแกรนด์ฯนั้นก็เพื่อเจ้าสัวพีระคนเดียวแม้ว่าเหนื่อยเพียงใดเขาก็ยอม

 

“นททำทุกอย่างเพื่ออากง แค่นี้สบายมากเลย -- อีกหน่อยถ้าอากงไม่อยู่แล้วนทก็จะหย่ากับคุณภพ นทจะได้เริ่มชีวิตใหม่ของตัวเองเสียที”

 

นทีรินถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆเพราะรู้ดีว่าเขาและภวินท์นั้นไม่มีทางเหมือนเดิมและสุดท้ายก็ต้องจบกันด้วยการหย่าในสักวันหนึ่ง

 

“นทจะหย่ากับพี่ภพจริงๆเหรอ แต่งงานมาแปดปีแล้วทำไมไม่ลองคุยกันใหม่ดูล่ะ บางที…”

 

ฃภาณินกำลังรู้สึกเสียดายในความสัมพันธ์ของเพื่อนรักและภวินท์เพราะรู้ดีว่าทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้ว่าตอนนี้ภวินท์จะใจร้ายกับเพื่อนเขามากเพียงใดแต่ด้วยระยะเวลากับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานนั้นทำให้เขาคิดว่าไม่อยากให้ทั้งคู่จบกันแบบนี้เลย

 

“นินก็รู้ว่านทไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งเรื่องแต่งงานแล้วก็เรื่องหย่านทก็ไม่ได้เป็นคนเลือก คุณภพต่างหากล่ะที่เป็นคนเลือกมาตั้งแต่ต้นและตอนนี้นทเองก็ต้องการเป็นอิสระจากการแต่งงานและการเป็นภรรยาของคุณภพเสียที… นทเหนื่อยมามากแล้ว แล้วนทก็เชื่อว่าคุณภพเองก็อยากรีบหย่ากับนทจะแย่อยู่แล้ว”

 

นทีรินก็ไม่ได้อยากให้มันจบแบบนี้แต่เขาจะไปทำอะไรได้ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างภวินท์เป็นคนเลือกมาตั้งแต่ต้น การแต่งงานนั้นที่จริงเขาก็ไม่เห็นด้วยแต่หลังจากวันที่ภวินท์และเจ้าสัวพีระทะเลาะกันอย่างรุนแรงเขาก็ไม่ได้พบหน้าอีกฝ่ายอีกเลยจนกระทั่งมาเจอกันอีกทีคือวันหมั้นภวินท์ก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็นใดๆเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงยอมแต่งงานกับเขา ทางผู้ใหญ่ก็จัดงานแต่งนั้นขึ้นมาโดยไม่ได้ผ่านความคิดเห็นใดๆจากเขาราวกับเป็นการบังคับทางอ้อมแต่เขาก็ทราบดีว่าที่เจ้าสัวพีระทำไปเพราะหวังดีกับเขาและครอบครัว

 

สีหน้าเหนื่อยอ่อนและแววตาที่หม่นแสงของนทีรินทำให้ภาณินและเหมือนชนกรู้สึกสงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ ถึงแม้จะไม่อยากให้ชีวิตคู่ของเพื่อนนั้นพังทลายมากเพียงใดแต่ความสบายใจของเพื่อนต้องมาเป็นอันดับแรกมากกว่า


“แล้วนทคิดไว้แล้วเหรอว่าหลังจากหย่ากับพี่ภพแล้วนทจะทำยังไงต่อ”

เหมือนชนกเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วงแม้จะรู้ว่านทีรินไม่ได้ลำบากใดๆหากต้องหย่ากับภวินท์แต่เขาเองก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

 

“นทก็คงย้ายออกไปอยู่เพ้นท์เฮ้าส์ที่เคยซื้อเก็บไว้น่ะแหละ ส่วนเรื่องงานก็คิดๆอยู่ว่าอยากจะลองเปิดร้านอาหารไทยดูน่ะ”

 

นทีรินตอบเพื่อนพลางยิ้มบางๆ เขาวางแผนเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองไว้เสมอหากเมื่อใดที่ถึงวันที่ต้องหย่าขาดจากภวินท์แล้วเขาจะได้มีได้มีอิสระในการใช้ชีวิตและการทำงานที่ตัวเองฝันไว้มาตลอดสักที

 

“ถ้านทคิดดีแล้วพวกเราก็โอเค ยังไงพวกเราก็จะอยู่ข้างๆนทนะ” ภาณินโอบไหล่บางของนทีรินไว้แน่นเป็นการให้กำลังใจกอปรกับเหมือนชนกที่เข้ามาโอบไหล่เขาอีกด้วยเหมือนกัน

 

“ใช่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้นทรู้ว่ายังมีเรากับนินอยู่เคียงข้างเสมอนะ”

 

นทีรินยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งที่มีเพื่อนดีๆอย่างสองคนนี้อยู่เคียงข้างทำให้เขารู้ว่าอย่างน้อยชีวิตของเขาก็ยังมีใครอีกหลายคนคอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ

 

“ขอบใจมากนะทุกคน… แต่เราเลิกพูดเรื่องเครียดๆกันเถอะ ที่นทนัดทุกคนมาวันนี้นทอยากให้เหมือนกับนินช่วยเลือกของขวัญให้พี่เมฆหน่อยน่ะ”

 

นทีรินเอ่ยบอกจุดประสงค์อีกหนึ่งอย่างที่เขามาในวันนี้ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการมาพบปะเพื่อนฝูงอย่างเดียวแต่เขาต้องการมาเลือกซื้อของขวัญตอบแทนให้กับนภทีป์อีกด้วย

 

“ได้สิ เอาเป็นอะไรดี -- ตอนนี้คอลเล็คชั่นใหม่มีนาฬิกา สร้อยข้อมือ กระดุมติดสูท เข็มกลัดติดเน็กไท”

 

ภาณินเอ่ยแนะนำเพื่อนอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหยิบถาดเครื่องประดับขนาดใหญ่ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่เพิ่งจะวางขายออกมาให้เพื่อนได้เลือกดู ธุรกิจของภาณินได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าเกือบทุกระดับเพราะไม่ได้มีอัญมณีที่แพงมากอย่างเพชรอย่างเดียวแต่ยังมีอัญมณีอื่นๆที่อยู่ในระดับราคาที่ทุกคนรับได้อีกด้วย

 

“อืม… เดี๋ยวนทขอดูก่อนนะ”

 

นทีรินไล่สายตาดูไปทั่วทั้งถาด

ดวงตาหวานไปสะดุดกับสร้อยข้อมือสำหรับผู้ชายเรียบๆเส้นนึงที่ประดับไปด้วยเพชรทั่วทั้งเส้น มือบางหยิบสร้อยขึ้นมาพิจารณาดูอย่างสนใจ

 

“นทจะซื้อสร้อยข้อมือให้พี่เมฆเหรอ” เหมือนชนกเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาดู

 

“ใช่แล้ว… นินกับเหมือนว่าเส้นนี้เป็นไงบ้าง” นทีรินชูสร้อยข้อมือเพชรให้เพื่อนๆดูเพื่อแสดงความคิดเห็น แต่สำหรับตัวเขาเองคิดว่าสร้อยเส้นนี้ดูเรียบๆแต่หรูเหมาะกับนภทีป์ดี

 

“สวยดีนะ ดูเรียบๆแต่หรูดีนะ” ภาณินพยักหน้าออกความเห็น ส่วนเหมือนชนกยังคงสอดสายตาไปทั่วถาดเครื่องประดับอยู่

 

“อ๊ะ… เส้นนี้ก็สวยนะนท -- ดูสิ ลายของมันเหมือนคลื่นเมฆเลย เข้ากับชื่อของพี่เมฆพอดีเลย”

 

เหมือนชนกหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นขึ้นมาให้นทีรินดู ซึ่งลายของมันมีลักษณะเป็นเกลียวคลื่นราวกับคลื่นก้อนเมฆที่มีเพชรเม็ดเล็กฝังอยู่ไปทั่วทั้งเส้นทำให้สร้อยข้อมือเส้นนี้ดูโดดเด่นแต่ก็เรียบหรูในคราวเดียวกัน

 

“จริงด้วยแฮะ… เส้นก็ไม่ใหญ่มากด้วย เหมือนนี่ตาดีจริงๆเลย -- ถ้าอย่างนั้นนทเอาเส้นนี้เลยนะนิน”

 

นทีรินรู้สึกถูกใจเส้นที่เหมือนชนกเลือกให้มากกว่ามือบางหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาพิจารณาก่อนจะยื่นมันให้ภาณินเอาไปจัดการให้

 

“ได้เลย ตอนนี้ที่ร้านมีบริการสลักชื่อด้วยนะนท จะสลักชื่อพี่เมฆไว้ที่หลังสร้อยด้วยไหม”

 

“อืม ก็ดีนะ”

 

“โอเค เดี๋ยวนินจัดการให้แล้วเดี๋ยวห่อของขวัญให้ด้วยเลย” ภาณินเอ่ยบอกก่อนจะหันไปสั่งให้พนักงานนำสร้อยข้อมือไปห่อของขวัญเพื่อให้ของขวัญชิ้นนี้สมบูรณ์แบบที่สุด

 

นทีรินยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่ของขวัญที่เขาตั้งใจเลือกให้นภทีป์พลางคิดไปว่าอีกฝ่ายจะชอบของขวัญที่เขาเลือกให้หรือไม่ แต่อีกใจก็นึกขันเพราะคนอย่างนภทีป์น่ะจะต้องเอ็ดเขาแน่นอนเลยที่มาซื้อของขวัญราคาแพงแบบนี้ให้

 

ในขณะที่นทีรินกำลังชื่นชมกับของขวัญในมืออยู่โดยที่ไม่สังเกตุเลยว่ามีสายตาคู่คมคู่หนึ่งกำลังมองเขาจากทางด้านนอกร้าน สายตาคมแสดงท่าทีว่างเปล่าแฝงความไม่พอใจอยู่ภายในเมื่อเห็นภรรยาของตัวเองยิ้มแย้มแสดงท่าทีเหมือนกำลังพึงใจอะไรสักอย่างหนึ่งกับกล่องของขวัญที่ดูจากขนาดก็รู้ว่าด้านในเป็นอะไรและที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นไปอีกเพราะเขารู้ดีว่าของขวัญชิ้นนั้นมันไม่ได้เป็นของเขาอย่างแน่นอน

 
To be continue

_______________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: ตอนนี้อยู่ทีมไหนกันดีคะ? มีใครอยากอยู่ทีม #พี่ภพคนใจร้าย2019 บ้างไหมคะ 5555555555 บอกเลยว่าคนใจร้ายก็ยังจะเป็นคนใจร้ายอยู่วันยังค่ำเพราะงั้นฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้น้องนทดีกว่าค่ะ ^^ เจอกันตอนหน้าค่า :)

Purchasing Power = กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าที่ตรงความต้องการมากที่สุดโดยไม่เกินกำลังซื้อที่มีอยู่
Rebranding = การปรับภาพลักษณ์องค์กรซึ่งวิธีนี้เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งทางการตลาดเพื่อให้มีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62) [ต่อ]
« ตอบ #39 เมื่อ: 26-03-2019 15:42:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #40 เมื่อ26-03-2019 16:25:35 »

 :hao7: ว้ายๆๆๆ มีคนอิจฉาตาร้อน

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #41 เมื่อ26-03-2019 21:17:28 »

อิจฉาจนหึง :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #42 เมื่อ26-03-2019 21:31:24 »

อย่างอีพีภพต้องเป็นรองเท้าถึงจะดี

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #43 เมื่อ26-03-2019 21:36:43 »

อย่าอิจฉาค่าาาาา พี่ภพ  :hao3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #44 เมื่อ27-03-2019 01:15:37 »

พบคนขี้หึงขี้อิจฉาหนึ่งอัตราค่าา

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #45 เมื่อ27-03-2019 02:50:37 »

สมน้ำหน้าเขาไม่ซื้อให้เธอหรอกอีคุณภพ
 :pig4: ทีมนทจ้าาาา

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #46 เมื่อ27-03-2019 17:32:49 »

พี่ภพคือรู้ดีมากว่าไม่ใช่ของตัวเอง5555  ทีมน้องนทค่าา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #47 เมื่อ27-03-2019 18:05:35 »

 o13
 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๕ (26-3-62)
«ตอบ #48 เมื่อ27-03-2019 22:31:57 »

โกรธอ่ะดิ๊!!!

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #49 เมื่อ28-03-2019 18:18:03 »

บทที่ ๖


“นินครับ”

 

เสียงเรียกคุ้นเคยทำให้ภาณินและทุกคนหันไปมองตามเสียง ภาณินยิ้มกว้างเมื่อพบว่าเป็นปริญญ์คนรักของตัวเองกำลังเดินเข้ามาหา

 

“พี่ปรินซ์… มาได้ไงครับ วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอ” เอ่ยถามคนรักด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้เป็นเวลาแค่ประมาณบ่ายสามโมงเท่านั้นและก็ยังไม่ใช่เวลาที่อีกฝ่ายเลิกงานด้วย

 

“วันนี้งานเสร็จเร็วน่ะครับพวกพี่ก็เลยมาหาอะไรทานกันที่นี่ พี่ก็เลยจะแวะมาชวนนินไปทานอาหารด้วยกันไงครับ”

 

ปริญญ์เอ่ยตอบคนรักเสียงนุ่มมือหนายกขึ้นมาลูบหัวคนรักเบาๆด้วยความรักใคร่ ภาณินยิ้มเขินก่อนจะเอ็ดคนรักเบาๆเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองคนทำสายตาล้อเลียนใส่ อาการขัดเขินของภาณินทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

 

“ไงครับเด็กๆมาซื้ออะไรกันเหรอ” ปริญญ์เอ่ยทักทายเพื่อนของคนรักอย่างสนิทสนมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

เมื่อได้ยินคำทักทายจากคนรักของเพื่อนนทีรินและเหมือนชนกจึงยกมือไหว้คนรักของเพื่อนด้วยความนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

“สวัสดีครับพี่ปรินซ์ นทมาซื้อของขวัญให้รุ่นพี่น่ะครับก็เลยให้นินกับเหมือนมาช่วยเลือก”

 

นทีรินเอ่ยบอกญาติผู้น้องของสามีที่พ่วงตำแหน่งคนรักของเพื่อนด้วย ปริญญ์พยักหน้ารับก่อนจะมองถุงกระดาษในมือของนทีรินที่มีตราสัญลักษณ์ร้านของคนรัก

 

“เออนี่เฮียภพก็มานะครับนท… พวกพี่กำลังจะไปทานอาหารเย็นด้วยกันไปทานด้วยกันสิครับหลายๆคนสนุกดีนะ”

 

ปริญญ์เอ่ยชวนคนรักและเพื่อนๆเพราะไหนๆตอนนี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยกันครบแล้วเขาคิดว่าถ้าไปทานอาหารด้วยกันหลายๆคนน่าจะดีกว่ามีแค่เขาและญาติๆ

 

นทีรินยิ้มบางๆเมื่อได้ยินชื่อของสามีและไม่ได้ตอบรับอะไรออกไปเพราะเขาแล้วแต่เพื่อนๆ หากเพื่อนๆอยากไปทานอาหารกับปริญญ์เขาก็จะไปด้วยเพราะเขาไม่อยากทำให้เพื่อนๆรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจไปด้วย และที่สำคัญเขาไม่อยากให้เพื่อนๆรู้สึกแย่กับภวินท์ถึงแม้ว่าเขากับภวินท์จะมีเรื่องผิดใจกันก็ตาม

 

“แล้วพี่ภพอยู่ที่ไหนล่ะครับ” ภาณินเอ่ยถามคนรักอย่างสงสัยเพราะไม่เห็นภวินท์เดินเข้ามาในร้านด้วย

 

ปริญญ์หันซ้ายหันขวาหาญาติผู้พี่แถวๆหน้าร้านของคนรักแต่กลับไม่พบ

 

“อ้าว เมื่อกี้ยังอยู่แถวๆหน้าร้านของนินอยู่เลยนี่ -- สงสัยจะเดินไปร้านอาหารแล้วล่ะมั้งครับ”

 

“นี่พวกเราก็กะว่าซื้อเสร็จของแล้วจะไปทานอาหารพอดีเลยครับพี่ปรินซ์ -- นทกับเหมือนไปทานข้าวกับพี่ปรินซ์ด้วยกันนะ”

 

ภาณินหันมาถามเพื่อนรักทั้งสองแต่เน้นสายตาไปยังนทีรินมากกว่า เพราะเขาเองก็เกรงว่านทีรินอาจจะไม่อยากไปหากมีภวินท์ร่วมโตีะด้วย เหมือนชนกเองก็ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้เพราะเกรงว่านทีรินจะอึดอัด

 

“ไปสิ นทโอเค” 

 

นทีรินตอบเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้มหวานเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขาไม่เป็นไรเพราะเขาอยากให้ภาณินได้ทานข้าวกับปริญญ์และเขาก็จะไม่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดกับเรื่องของเขาและภวินท์เด็ดขาด

 

“งั้นดีเลยครับ เดี๋ยวพี่โทรฯจองโต๊ะเพิ่มให้เอง” ปริญญ์หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมากดเพื่อจองโต๊ะเพิ่มที่ร้านอาหารหลังจากได้ยินคำตอบจากทุกๆคนแล้ว

 

 



 

หลังจากที่ปริญญ์โทรฯจองโต๊ะที่ร้านอาหารแล้ว เขาก็พาคนรักและเพื่อนของคนรักมาที่ร้านอาหารตะวันตกสไตล์ฟิวชั่นร้านหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดมีลักษณะเป็นรูฟท็อปของห้างฯเดอะแกรนด์ลักซ์ฯบรรยากาศของร้านมีการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นสวยงามและสามารถมองเห็นวิวใจกลางเมืองได้ 360 องศา

 

“อ้าวน้องนท น้องเหมือน มาด้วยเหรอครับ”

 

ตรีทศเอ่ยทักทายทันทีที่ทั้งหมดเดินเข้ามาในร้านเพราะตอนแรกเขาคิดว่าจะมีแค่ภาณินคนรักของปริญญ์มาเพียงคนเดียว

 

เมื่อได้ยินคำทักทายนทีรินและเหมือนชนกยกมือเป็นพุ่มไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม นทีรินยิ้มกว้างให้กับทุกคนและเมื่อสายตาหวานสบกับสายตาคมของภวินท์ที่นั่งติดริมระเบียงในมือหนายกแก้วแชมเปญขึ้นดื่มนทีรินก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะสายตาที่มองมานั้นเหมือนกำลังคาดโทษและไม่พอใจอะไรเขาสักอย่างซึ่งเขาเองก็พยายามจะไม่สนใจเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด

 

มองเราแบบนั้นทำไมกัน อย่างกับเราทำอะไรผิด…

 

“เอ้าไอ้นาย หลบให้น้องนทนั่งข้างสามีเขาสิวะ”

 

“เออกูรู้ กูก็กำลังจะลุกอยู่นี่ไง”

 

นทีรินหลุดจากความคิดทันทีที่ได้ยินเสียงของตรีทศกับศดิศกำลังเถียงกันเรื่องที่นั่งอยู่ ศดิศลุกจากที่นั่งที่นั่งข้างภวินท์ทันทีก่อนจะเชิญให้เขาไปนั่งตรงนั้นแทน

 

“ไม่เป็นไรครับพี่ๆ นั่งตามสบายเลยครับ นทนั่งตรงไหนก็ได้”

นทีรินเอ่ยบอกอย่างเกรงใจก่อนจะสบสายตาของสามีที่จ้องเขาไม่เลิก

 

ร่างสูงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อได้ยินภรรยาพูดราวกับว่ารังเกียจจนไม่อยากมานั่งข้างเขามือหนายกขวดแชมเปญติดยี่ห้อดังอย่าง Moet et Chandon* เทใส่แก้วตัวเองก่อนจะยกดื่มรวดเดียวจนทุกคนบนโต๊ะเห็นถึงบรรยากาศที่เหมือนกำลังจะมาคุอย่างไรอย่างนั้น

 

“อ่า… ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวเฮียจะด่าพี่ว่าไม่ยอมหลบให้ภรรยามานั่งข้างๆ แฮะๆ”

 

ศดิศหัวเราะแห้งๆเมื่อเห็นท่าทีของญาติผู้พี่ที่ดูเหมือนอารมณ์กำลังคุกรุ่นอย่างไรอย่างนั้น เขาจึงรีบลุกไปนั่งข้างตรีทศทันที

 

“ขอบคุณครับพี่นาย”

 

นทีรินเอ่ยขอบคุณก่อนจะทรุดนั่งที่เก้าอี้เคียงข้างคนเป็นสามีที่ดูเหมือนจะไปกินรังแตนที่ไหนมาซึ่งเขาก็ไม่อาจรู้ได้ เขาจึงได้แต่นั่งเงียบๆ

 

“ทุกคนครับ ไหนๆวันนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วนะครับ ผมกับนินมีทริปเที่ยวมานำเสนอครับ”

 

เมื่อปริญญ์เห็นว่าบรรยากาศกำลังอึมครึมเขาจึงเปิดเรื่องคุยเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กลับมาครึกครื้นเหมือนเดิม

 

“ใช่ครับๆ พอดีนินได้ Gift Voucher โรงแรมห้าดาวที่เกาะหลีเป๊ะมาครับ… พวกเราไปเที่ยวด้วยกันไหมครับ”

 

ภาณินเอ่ยเสริมคนรักขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง โชคดีที่เขามีเรื่องมาคุยกับทุกคนพอดีเลยทำให้บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติ

 

“ไปครับ!”

 

ตรีทศยกมือขึ้นคนแรกราวกับเด็กที่ดีใจที่จะได้ไปเที่ยว ท่าทางแบบนั้นของหนุ่มจอมทะเล้นทำให้ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก

 

“เฮ้ยๆ ไอ้ซาน นี่ตอบแบบไม่คิดเลยเหรอมึง” ศดิศเอ่ยแซ็วเสียงกลั้วหัวเราะ

 

“เรื่องเที่ยวอ่ะเฮียซานปฏิเสธไม่เป็นหรอกครับเฮียนาย ฮ่ะๆ” ปริญญ์หัวเราะชอบใจพลอยทำให้คนอื่นหัวเราะผสมโรงไปด้วยกันทำให้บรรยากาศที่เคยอึมครึมเริ่มกลับมาสนุกอีกครั้ง

 

“อ้าวไอ้ปรินซ์ คนทำงานมาเหนื่อยๆก็อยากไปชาร์จแบตฯบ้างสิวะ… แค่คิดถึงสาวๆใส่บิกินี่แบตฯกูก็เต็มแม็กแล้ว ฮ่ะๆ”

 

“แล้วเฮียภพกับน้องนทล่ะครับว่าไง”

 

ปริญญ์เอ่ยถามสองสามีภรรยาที่ไม่ยอมออกความคิดเห็นใดๆเลย บางทีเขาก็กลัวว่าจะทำให้ทั้งคู่อึดอัดแต่เขาอยากให้ทุกคนไปเที่ยวด้วยกันจริงๆ แต่ไม่ทันที่ภวินท์และนทีรินจะเอ่ยอะไรตรีทศก็แทรกขึ้นมาก่อน

 

“ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ นานๆทีเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนะ”

 

“นานๆทีอะไร เรากับเฮียภพเจอกันแทบทุกวัน” ศดิศเอ่ยตัดบทตรีทศด้วยเสียงขำๆจนตรีทศโวยออกมา

 

“ก็กูหมายถึงไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ใช่เที่ยวย่ำราตรีแบบนั้นไงเว้ย -- ไปเถอะนะเฮีย ไปเถอะนะครับน้องนท”

 

หนุ่มจอมทะเล้นกำลังอ้อนสองสามีภรรยาด้วยท่าทางน่ารักพลางกระพริบตาปริบๆออดอ้อนราวกับเด็กเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาอยากให้ไปเที่ยวด้วยกันจริงๆท่าทางแบบนั้นทำนทีรินกับภวินท์อดที่จะยิ้มขำไม่ได้

 

“อ่า… นทยังไงก็ได้ครับ แล้วแต่คุณภพ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพลางส่งยิ้มบางๆไปให้ญาติของสามีเมื่อคนข้างๆได้ยินภรรยาโยนมาให้เขาตัดสินใจภวินท์ก็พูดสวนขึ้นมาทันที

 

“ผมก็แล้วแต่คุณ อยากไปหรือเปล่าล่ะ?” สายตาคมหันมองดวงหน้าภรรยากอรปกับที่นทีรินหันมามองเขาด้วยสายตาเลิ่กลั่กๆราวกับว่าไม่อยากตัดสินใจ

 

“มัวแต่แล้วแต่กันไปมาแบบนี้ตัดสินใจไม่ได้สักทีหรอกครับ -- เอาเป็นว่าทุกคนไปครับน้องนินเพราะทริปนี้พี่บังคับ”

 

เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาเอาแต่เกี่ยงกันไปมาจนตรีทศตัดบทขึ้นมาเป็นการสรุปให้เรียบร้อย เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้คัดค้านอะไรนอกจากหัวเราะใส่คนหนุ่มจอมทะเล้นที่ตื่นเต้นกับการไปเที่ยวมากกว่าใคร

 

“สรุปว่าทุกคนไปใช่ไหมครับ นินจะได้จัดการทุกอย่างให้”

 

ภาณินถามย้ำเพราะเขาจะได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่พักให้กับทุกคนได้ เพราะงานนี้เขากับปริญญ์ก็เปรียบเสมือนพ่องานของทริปนี้

 

“ตามนั้นครับ… แต่พี่ว่าก่อนที่เราจะตกลงอะไรกันสั่งอาหารกันก่อนดีไหมครับพี่หิวจนไส้จะร่วงไปกองกับพื้นแล้ว”

 

ตรีทศบ่นพร้อมใบหน้ายุ่งๆเพราะเขารู้สึกหิวมากก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับบริกรที่ยืนรอให้บริการอยู่ข้างๆ

เมื่อตรีทศเริ่มสั่งอาหารคนอื่นๆก็เปิดเมนูดูอาหารที่ตัวเองอยากทาน

 

“Lobster Thermidor* ที่นึง” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งบริกรเสียงเรียบแต่ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารแปลกใจไม่น้อย ภวินท์เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลกๆแบบนั้นทำไม

 

“เฮียแพ้กุ้งไม่ใช่เหรอครับ” ศดิศเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเขารู้ว่าญาติผู้พี่นั้นแพ้กุ้ง

 

“อืม… แต่คนข้างๆไม่แพ้”

 

ภวินท์ตอบสีหน้านิ่งๆก่อนจะได้ยินเสียงโห่แซ็วจากทุกคนบนโต๊ะ สายตาคมจับจ้องไปที่ดวงหน้าของภรรยาด้วยสายตาที่นทีรินคาดเดาไม่ได้ ความรู้สึกเก่าๆเริ่มกลับเข้ามาหัวใจก็เต้นผิดจังหวะตลอดเมื่อเจอสายตาแบบนี้

 

ทำไมช่วงนี้ถึงชอบมองเราแบบนี้นักนะ

 

“แหมๆ เอาใจเมียเก่งนะเฮีย” ตรีทศได้ทีแซ็วญาติผู้พี่ใหญ่ ก่อนจะหัวเราะชอบใจเพราะทั้งๆที่เขาแซ็วภวินท์แท้ๆแต่คนที่หน้าแดงกลับเป็นคนข้างๆภวินท์ไปเสียอย่างนั้น

 

“จะเอาอะไรอีกไหม”

 

ภวินท์หาได้สนใจเสียงโห่แซ็วนั้นไม่แต่กลับถามคนข้างๆต่อหลังจากที่เขาสั่งเมนูพิเศษของทางร้านมาให้แล้ว นทีรินไม่ได้ตอบอะไรเขาแต่หันไปสั่งบริกรแทน

 

“เอา Roasted Lamb Rack* หนึ่งที่ครับ”

 

สิ้นเสียงหวานของภรรยาภวินท์ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นหน่อยๆอย่างพึงพอใจเพราะอาหารจานที่คนข้างๆเพิ่งสั่งไปมันเป็นเมนูที่เขาโปรดปรานน่ะสิ

 

“ปกตินทไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ใช่เหรอ” เหมือนชนกเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเมนูที่เพื่อนสั่งไปนั้นเป็นอาหารที่ทำมาจากสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อแกะ

 

“อืม… แต่มีคนทานได้อยู่แล้วล่ะ”

 

นทีรินพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเอ่ยตอบเพื่อนเสียงราบเรียบด้วยท่าทีนิ่งๆโดยไม่สังเกตุเลยว่าคนที่นั่งเคียงข้างนั้นแอบลอบยิ้มกับการเอาใจใส่ของเขา

 

ทุกคนบนโต๊ะก็ไม่ต่างกันสายตาล้อเลียนกับริมฝีปากที่กลั้นยิ้มนั้นทำนทีรินรู้สึกประหม่าได้ง่ายดายแต่ก็ได้แต่ยิ้มบางๆส่งไปเท่านั้น และนทีรินก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะนั้นรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังดูสามีภรรยาจีบกันอย่างไรอย่างนั้น

 


*****************

ต่อข้างล่างค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
« ตอบ #49 เมื่อ: 28-03-2019 18:18:03 »





ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62) [ต่อ]
«ตอบ #50 เมื่อ28-03-2019 18:22:21 »

นทีรินกำลังยืนอยู่หน้าประตูไม้สักบานใหญ่ตรงห้องนอนส่วนตัวของภวินท์ที่ถัดจากห้องนอนของเขาเพียงไม่กี่เมตร ซึ่งหากเขาไม่มีธุระเรื่องงานที่จะคุยกับภวินท์นั้นก็จะไม่มีวันเห็นเขามายืนหน้าห้องของอีกฝ่ายแบบนี้เด็ดขาด ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างให้กำลังใจตัวเอง แม้ต่อหน้าของภวินท์เขาจะดูเหมือนกับไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายในใจของเขานั้นมันรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ได้พบหน้าของสามี

 

ยิ่งเรื่องเมื่อวานก็ยิ่งทำให้เขาแปลกใจมากเพราะตลอดการทานอาหารนั้นภวินท์คอยตักนู่นนี่ให้เขาอยู่ตลอดราวกับว่าอยากจะเอาใจแต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือตอนที่มือหนาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับมุมปากเล็กๆของเขานี่แหละซึ่งการกระทำเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้นทีรินได้แต่สงสัยว่าทำไมภวินท์ต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย

 

แต่ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้นทีรินก็สะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้งไปเพราะนึกได้ว่าทั้งหมดนั้นก็อาจจะเป็นละครฉากหนึ่งของภวินท์ก็เป็นได้ มือบางยกขึ้นเคาะประตูหนาอีกคราเมื่อไม่ได้ยินเสียงเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตสักที

 

เมื่อจนใจที่จะเคาะประตูแล้วมือบางจึงตัดสินใจคว้าที่จับประตูยกขึ้นเพื่อเปิดเข้าไป เมื่อพบว่าไม่ได้ล็อกร่างบางจึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปภายในห้องนอนขนาดใหญ่แต่ก็ไม่พบร่างสูงของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย

 

“ไปไหนของเขานะ”

 

นทีรินพึมพำเบาๆกับตัวเองก่อนจะสอดสายตาไปทั่วๆก่อนที่สายตาหวานจะเบิกขึ้นกว้างเมื่อพบเจ้าของห้องที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่างเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไว้หมิ่นแหม่ออกมาจากทางเข้าห้องน้ำ

 

“เอ่อ… ผมขอโทษครับคุณภพ ผมเคาะประตูเรียกหลายทีแล้วแต่…”

 

ร่างบางหันหลังกลับทันทีพลางเอ่ยบอกเสียงตะกุกตะกัก เท้าเล็กค่อยๆขยับเพื่อที่จะเดินออกห่างรัศมีของคนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย

 

“เพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยไม่ได้ยิน” ภวินท์เอ่ยบอกภรรยาที่กำลังหันหลังคุยกับเขาก่อนจะก้มสำรวจตัวเองแล้วยิ้มขำกับท่าทางหวาดหวั่นของนทีริน

 

“ค..ครับ ถ้างั้นคุณภพจัดการตัวเองให้เสร็จก่อนก็ได้ครับ… เดี๋ยวผมไปรอข้างล่าง”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนทีรินก็รีบเดินไปที่ประตูบานใหญ่เพื่อจะรีบออกไปทันที คนตัวเล็กเอ็ดตัวเองในใจว่าไม่น่าเข้ามาในห้องของสามีตอนนี้เลย

 

“เดี๋ยว… แล้วมีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า” ภวินท์เอ่ยถามเสียงติดขำๆเล็กน้อย แต่ก็คิดได้ว่าหากไม่มีเรื่องด่วนที่จะคุยกับเขาอีกฝ่ายไม่กล้าเข้ามาในห้องเขาแบบนี้หรอก

 

“คือผมจะมาบอกคุณภพว่าทางแบรนด์นาวิยาเขาส่งรายงานเกี่ยวกับแบรนด์ลูกเขามาให้คุณภพพิจารณาดูอีกครั้งน่ะครับ” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกักพลางยื่นแฟ้มรายงานให้เขาทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่ มือใหญ่ไม่ได้รับแฟ้มนั่นมาแต่เอ่ยถามต่อ

 

“แล้วทำไมเขาถึงได้ฝากคุณมาได้”

 

“เมื่อวานผมเจอคุณนาวิยาเจ้าของแบรนด์ที่เดอะแกรนด์ลักซ์ฯน่ะครับเขาก็เลยเข้ามาทักทายแล้วก็ฝากรายงานนี้มาให้คุณภพครับ แต่ผมเห็นว่ามันดึกแล้วคุณภพก็ดูเหนื่อยๆก็เลยเอามาให้ตอนเช้าแทนครับ”

 

ที่จริงทางลูกค้านั้นมีความสนิทสนมกับนทีรินมากทีเดียว เนื่องจากเป็นลูกค้าวี.ไอ.พี.ที่ทางแบรนด์ชอบส่งเสื้อผ้ามาให้เขาเป็นหุ่นให้เพื่อโปรโมตสินค้าของทางแบรนด์ นทีรินก็มีหน้าที่เพียงถ่ายรูปและนำลงโซเชียลมีเดียต่างๆ

 

“อืม… เอาวางไว้ที่โต๊ะตรงนั้นก่อน” ภวินท์เอ่ยบอกเสียงเรียบพลางชี้ไปที่โต๊ะกระจกกลางระหว่างโซฟาหลังใหญ่

 

นทีรินหยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆลากเท้าไปยังจุดหมายโดยที่ไม่กล้าหันมองเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย มือบางวางแฟ้มเอกสารไว้ก่อนจะรีบสาวเท้าเพื่อออกจากห้องไป

 

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

“เดี๋ยว…” เสียงทุ้มดังขึ้นจนอีกฝ่ายชะงักเท้าหยุดอยู่กับที่

 

“ค.. ครับ?”

 

 “รอผูกเน็กไทให้ก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆขณะที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่มีเสื้อเชิ้ตเรียงรายเป็นระเบียบ

 

“แล้วทุกทีใครผูกให้คุณภพครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะเขาเห็นว่าปกติภวินท์ไม่ผูกเน็กไทเลยแค่สวมสูทดำทับเสื้อเชิ้ตก็เท่านั้นและตอนนี้ภวินท์ก็กำลังทำให้เขาแปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายอีกแล้ว

 

“ทุกทีไม่ผูกแต่วันนี้อยากผูก -- ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยติดกวนจนนทีรินได้แต่ยู่ปากใส่อย่างหมั่นไส้

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมยืนรอก็ได้”

 

นทีรินยืนนิ่งอยู่กับที่แต่สายตานั้นสอดส่องไปทั่วห้องนอนใหญ่ของสามีที่เขาไม่ได้เข้ามาเหยียบที่นี่นานมากแล้วตั้งแต่ที่ภวินท์จากไปครั้งนั้น

 

“ไปเลือกเน็กไทให้หน่อย… รู้ใช่ไหมว่าอยู่ตรงไหน”

 

เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้นทีรินหลุดจากภวังค์ ร่างบางพยักหน้าแกนๆเพราะเริ่มหมั่นไส้คนช่างสั่งพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีลิ้นชักขนาดใหญ่ซึ่งภายในนั้นมีเน็กไทหลายแบบหลายสีวางเรียงรายกันเต็มไปหมดข้างๆกันก็เป็นกล่องเข็มกลัดติดเน็กไทยแบรนด์ดังหลายกล่องเรียงเรียบร้อย

 

“คุณภพเอาเส้นไหนดีครับ”

 

ด้วยความที่เลือกไม่ถูกเพราะมันมากมายเหลือเกินจึงหันไปถามคนที่ต้องการจะสวมใส่แต่แทนที่จะได้รับคำตอบที่ดีกลับกลายเป็นคำพูดกระแนะกระแหนจากอีกฝ่ายกลับมาแทน

 

“เลือกมาสักเส้นเถอะ ปกติก็เลือกของให้คนอื่นเก่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แค่เลือกเน็กไทแค่นี้คงไม่เกินความสามารถใช่ไหม”

 

นทีรินได้แต่กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายคำพูดร้ายกาจของภวินท์นั้นไม่เคยทำให้เขาชินได้เลย จนเขาอยากจะรู้เสียจริงว่าอีกฝ่ายนั้นทานอาหารที่ทำให้ปากเน่าปากเสียทุกวันเลยหรือไงถึงได้พูดจาร้ายใส่เขาไม่เลิก

 

เมื่อเลือกเส้นที่ต้องการได้แล้วนทีรินก็รีบสาวเท้าเข้ามาหาคนเป็นสามีที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ตรงปลายเตียงด้วยท่าทีสบายๆ ภวินท์ลุกขึ้นเต็มความสูงเพื่อให้ภรรยาผูกเน็กไทให้อย่างถนัดถนี่

 

“ขออนุญาตครับ…” เสียงหวานเอ่ยเบาๆก่อนจะค่อยๆเอาเน็กไทลายทางยี่ห้อดังคล้องคอของสามี

 

“ทำไมถึงเลือกเส้นนี้”

 

“เพราะอากงเป็นคนซื้อมาให้คุณครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกถึงความสำคัญขอเน็กไทเส้นที่เขาเลือกมาผูกให้ร่างสูงในวันนี้ เจ้าสัวพีระซื้อเน็กไทเส้นนี้ให้หลานชายคนโปรดหลังที่ภวินท์เรียนจบระดับชั้นอุดมศึกษานทีรินจึงคิดว่าภวินท์ควรจะผูกมันบ้างอากงจะได้ดีใจ

 

“จำได้ด้วย?”

 

“ผมจำเรื่องของอากงได้ทุกอย่างครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกโดยไม่มองหน้าของคนเป็นสามีเลยลมหายใจที่รินรดใบหน้าของเขาที่ห่างกันไม่กี่คืบมือบางสั่นเทาขณะพยายามพันเส้นเน็กไทให้เป็นทรงอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขาและภวินท์อยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว

 

“ใส่ใจเก่งแบบนี้สินะ อากงถึงได้รัก” น้ำเสียงติดเย้ยหยันนั้นทำให้นทีรินรู้สึกระอาแต่ก็ตอกกลับประชดประชันอย่างไม่กลัวเกรง

 

“ไม่เกี่ยวหรอกครับ ขนาดคนไม่ค่อยใส่ใจอากงยังรักเลย”

 

“หึหึ หมายถึงใครเหรอ” เสียงทุ้มติดกวนประสาทถามขึ้นทั้งๆที่รู้ว่านทีรินเอ่ยกระทบกระเทียบตัวเอง

 

“ไม่รู้สิครับ คุณภพคิดว่าเป็นใครก็คนนั้นแหละครับ” ใบหน้านวลยียวนกลับอย่างไม่ยอม

 

“เดี๋ยวนี้ยียวนเก่งเชียวนะ”

 

“ไม่เก่งเท่าคุณภพหรอกครับ”

 

นทีรินพูดเรื่องจริงหากเขายียวนเก่ง ภวินท์ก็กวนประสาทเก่งมากกว่าเขาเสียอีกยิ่งเวลาคำพูดพล่อยๆออกมาจากปากของอีกฝ่ายเมื่อไรเขายิ่งรู้สึกกรุ่นโกรธและเจ็บใจเสียทุกครั้ง

 

 “ไม่ได้เก่งแค่เรื่องนี้นะ…” เมื่อเห็นว่าภรรยากล้าต่อปากต่อคำเขาอย่างไม่กลัวยิ่งทำให้ภวินท์นึกสนุก มือหนารวบเอวบางคอดเข้ามาปะทะอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

 

“อ๊ะ…” นทีรินตกใจเล็กน้อยมือบางดันอกแกร่งให้ออกห่างแต่ไม่เป็นผลเมื่อใบหน้าหล่อคมก้มมาชิดกับหน้าเขาเสียแล้ว

 

“อยากรู้ไหมว่าเก่งเรื่องอะไรบ้าง”

 

เสียงทุ้มเอ่ยชิดข้างแก้มเขาจนใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ มือบางพยายามดันอีกฝ่ายให้ออกห่างด้วยแรงที่มีน้อยนิดหากเทียบกับภวินท์

 

“หยุดแกล้งผมเดี๋ยวนี้นะครับคุณภพ! ทำไมเดี๋ยวนี้คุณถึงชอบทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวผมนัก”

 

นทีรินแหวออกมาเสียงดังเมื่อคิดว่าภวินท์แกล้งเขาแรงเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่ชอบให้อีผฝ่ายมาทำอะไรรุ่มร่ามกับเขาด้วย

 

“ไม่รู้เหรอ… ก็เห็นเก่งไปซะทุกเรื่อง เรื่องนี้ก็น่าจะเดาได้มั้ง” แต่คนขี้แกล้งก็ได้หาสนใจคำโวยวายไม่นอกจากพูดจายียวนกวนโมโหเขาอย่างต่อเนื่องไม่เว้นวาง

 

“เดาว่าคุณต้องการจะแกล้งผมไงครับ… แล้วผมก็ไม่ชอบที่คุณมาทำแบบนี้” นทีรินเอ่ยบอกเสียงแข็งเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจ

 

“แบบไหนเหรอ”

 

“ก็ทำตัวรุ่มร่ามกับผมไงครับ”

 

“เรียกว่ารุ่มร่ามคงไม่ได้เพราะคุณเป็นภรรยาของผม” ภวินท์เอ่ยออกไปพร้อมใบหน้ากวนๆและเขาก็กำลังสนุกที่ยั่วโมโหอีกฝ่ายได้

 

นทีรินใจกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพักหลังๆนี้ภวินท์ถึงได้ย้ำสถานะของเขาบ่อยขนาดนี้ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมายุ่มย่ามอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อยและที่สำคัญเขาไม่คิดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายมีอาการหึงหวงเขาเด็ดขาดเพราะเขาเชื่อว่าภวินท์ไม่มีทางรู้สึกแบบนั้นกับเขาเลยสักนิดเดียว

 

“ผมเป็นภรรยาของคุณเพียงในนามครับ”

 

เมื่อคิดได้แบบนั้นนทีรินจึงตอบออกไปเสียงเรียบๆพลางสบตาอีกฝ่ายนิ่งๆ ภวินท์ไม่ตอบอะไรนอกจากกระตุกยิ้มมุมปากอย่างที่ทำใส่เขาเป็นประจำราวกับพอใจที่แกล้งเขาได้

 

“หึหึ”

 

“ผมผูกเน็กไทให้เสร็จแล้ว… ปล่อยผมได้แล้วครับ”

 

มือบางทั้งสองข้างแกะแขนแกร่งให้ออกจากตัวด้วยท่าทีกรุ่นโกรธภวินท์จึงยอมปล่อยอีกฝ่ายแต่โดยดีก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างพึงใจ นทีรินรีบสาวเท้าออกจากห้องนอนของสามีทันทีที่เขาเป็นอิสระแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงกวนประสาทของเจ้าของห้องตามมาทำให้เขาเจ็บใจเล่นอีกระลอก

 

“ผูกสวยดีนี่… หลังจากนี้ก็ผูกให้ทุกวันเลยแล้วกันนะคุณภรรยา”

 

เสียงทุ้มที่เน้นย้ำคำว่าคุณภรรยาอย่างกวนๆนั้นยิ่งทำให้นทีรินโมโหจนอยากจะระเบิดใส่อีกฝ่ายเสียให้ได้และที่เขาเจ็บใจมากไปกว่านั้นคือเขาต่อกรอะไรกับภวินท์ไม่ได้เลยนอกจากค่อนขอดอีกฝ่ายในใจ

 



ฮึ! ฝันไปเถอะ!





_____________________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: น้องนทโดนพี่ภพแกล้งอีกแล้วแง้ พระเอกเราปากร้าย ใจร้าย ขี้แกล้ง เอาแต่ใจ ฟอร์มเยอะด้วย (ไม่มีอะไรดีเล้ย T^T) เข้าข่ายพระเอกที่ไม่ใช่พระเอก ส่วนพี่เมฆก็คือจะเป็นพระรองที่พระเอ๊กพระเอก 55555555555555 ฝากเอาใจช่วยน้องนทด้วยนะคะ ติดตามความร้ายของพี่ภพตอนหน้าค่ะ :)


Moet et Chandon (โมเอ้ เต ชองดง) = ชื่อผู้ผลิตแชมเปญที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดมีฐานการผลิตในแคว้น Champagne ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1743 โดย Claude Moet


Lobster Thermidor (ล็อบสเตอร์แตร์มีดอร์) = เป็นอาหารฝรั่งเศสที่มีการปรุงเนื้อล็อบสเตอร์กับซอสข้นๆให้สุกจากนั้นโรยหน้าด้วยชีสแล้วอบจนชีสเยิ้ม ซึ่งอาหารจานนี้ได้คิดค้นขึ้นมาในภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งซึ่งตั้งใกล้โรงละครที่กำลังฉายหนังที่ชื่อว่า Thermidor

 
Rosted Lamb Rack = ซี่โครงแกะย่างซึ่งมีกรรมวิธีการประกอบที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเชฟผู้คิดสูตร



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2019 20:38:55 โดย yokindy »

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #51 เมื่อ28-03-2019 20:24:52 »

จะมาไม้ไหนเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #52 เมื่อ28-03-2019 21:20:29 »

 :pig4:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #53 เมื่อ28-03-2019 21:28:20 »

ปากบอกไม่รักไม่ชอบแต่การกระทำมันตรงข้ามสุดๆเลยนะคุณภพ :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #54 เมื่อ28-03-2019 22:37:18 »

เริ่มรักเขาแล้วอ่ะดิ5555

ออฟไลน์ dorabarin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #55 เมื่อ28-03-2019 22:44:09 »

 :mc4: มาติดตามค่า สนุกมากเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๖ (28-3-62)
«ตอบ #56 เมื่อ29-03-2019 00:49:58 »

 :ruready คุณสามีขี้อ่อย

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #57 เมื่อ03-04-2019 22:00:09 »

บทที่ ๗

 

หลังจากวันนั้นนทีรินก็ต้องเข้าไปผูกเน็กไทให้กับภวินท์อยู่ทุกวันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนักซึ่งตัวเขาเองก็พยายามหลีกเลี่ยงจากอีกฝ่ายแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะหากว่าเขาไม่ไปปรากฏตัวที่ห้องของสามีในตอนเช้าทุกวันภวินท์ก็จะเป็นฝ่ายมาตามเขาที่ห้องเองซึ่งแน่นอนว่านทีรินต้องเลือกที่จะไปที่ห้องของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะการมีสามีมาปรากฏอยู่ที่หน้าห้องของเขาทุกวันไม่ใช่เรื่องที่เขาทำใจคุ้นชินได้เลย การกระทำของภวินท์เริ่มเปลี่ยนไปจนเขาเองก็แปลกใจไม่น้อยเพราะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกระทำนั้นต้องการอะไรจากเขากันแน่

 

ยิ่งคิดนทีรินก็ยิ่งเหนื่อยใจร่างบางถอนหายใจออกมาหนักๆในมือบางถือฟ็อกกี้ฉีดน้ำใส่ต้นกล้วยไม้ที่เขาตั้งใจสร้างโรงเพาะและปลูกขึ้นมาเพื่อคุณปู่ของเขาเพราะคุณทิวาชื่นชอบดอกกล้วยไม้เป็นพิเศษ นทีรินยิ้มบางๆกับดอกกล้วยไม้พันธุ์หายากเพราะมันทำให้เขานึกถึงคุณปู่ผู้ล่วงลับของตัวเอง นทีรินคิดในใจหากว่าคุณปู่ยังอยู่ในตอนนี้อะไรๆมันคงจะดีกว่าที่เป็นในตอนนี้ก็ได้ เขายังจำวันที่คุณปู่สิ้นลมหายใจได้ดีเพราะวันนั้นเขาร้องไห้หนักเสียจนแทบไม่มีน้ำตาเหลืออยู่เลย

 

“คุณปู่ ฮึก... คุณปู่อย่าทิ้งนทไปได้ไหมครับ”

 

นทีรินจับมือเหี่ยวย่นของคุณปู่แน่น ใบหน้าหวานมีน้ำตาไหลอาบแก้มนวลเปรอะเต็มดวงหน้า

 

“ถ้าปู่ไม่อยู่แล้ว นทต้องเป็นเด็กดีของทุกๆคนนะครับ ไม่ดื้อไม่ซนแล้วก็ตั้งใจเรียน ความดีและความรู้ที่นทมีจะทำให้นทอยู่ในสังคมได้โดยไม่ลำบากนะลูก... เชื่อปู่นะ”

 

คุณทิวายิ้มบางๆให้กับหลานชายพลางเอ่ยคำสั่งสอนครั้งสุดท้ายที่เขาจะสอนให้ได้ คุณทิวารู้ตัวเองดีมาตลอดว่าเวลาในชีวิตของเขาเหลือน้อยเต็มที แต่กระนั้นเขาเองก็ยังเป็นห่วงนทีรินอยู่ตลอดว่าหลานคนนี้จะอยู่ได้อย่างไรแต่เมื่อเขาหันไปมองเจ้าสัวพีระเขาก็รู้สึกโล่งใจและวางใจที่คนๆนี้จะดูแลหลานชายของเขาได้เป็นอย่างดี

 

“ครับ นทจะเชื่อคุณปู่ทุกอย่างครับ” นทีรินกลั้นก้อนสะอึกไว้เพราะไม่อยากให้คุณปู่เป็นกังวลกับตัวเองนัก คุณทิวาเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้หลานชายเป็นการชื่นชม

 

“เฮียพีครับ... ผมฝากนทด้วยนะ”

 

คุณทิวาฝากฝังหลานชายให้กับชายคนรักที่เขารักมาตลอดเพราะเขารู้ว่าหากนทีรินอยู่กับเจ้าสัวพีระ นทีรินจะต้องมีชีวิตที่ดีและสุขสบายอย่างที่เขาดูแลหลานคนนี้มาตลอด

 

“ไม่ต้องห่วงนะทิวา เฮียสัญญาจะดูแลนทให้ดีที่สุด”

 

เจ้าสัวพีระให้คำสัญญาแก่คนรักพร้อมรอยยิ้มเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาจะดูแลหลานชายของคนรักให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้และเขาก็ทำตามคำสัญญามาตลอดเพื่อไม่ให้คนรักที่ล่วงลับไปแล้วต้องเป็นกังวลใดๆอีก


 

 

“คุณหนูขา… คุณหมอการุณมาตรวจอาการท่านเจ้าสัวค่ะ”

 

เสียงของพี่นวลดังขึ้นทำให้นทีรินหยุดฉีดน้ำและหลุดจากห้วงภวังค์ความคิด มือบางวางฟ็อกกี้ไว้ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายคนที่พี่นวลพามาด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

“สวัสดีครับคุณลุงหมอ สบายดีไหมครับ” นทีรินยกมือเป็นพุ่มไหว้คุณหมอการุณซึ่งเป็นหมอประจำตัวของเจ้าสัวพีระด้วยความนอบน้อม

 

“สวัสดีครับคุณนท ลุงสบายดีครับ” หมอการุณรับไหว้หลานสะใภ้ของท่าเจ้าสัวพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน

 

นทีรินมีความสนิทสนมกับคุณหมอการุณในระดับหนึ่งเพราะคุณหมอการุณเป็นรุ่นน้องของคุณปู่ของเขาเมื่อสมัยเรียนแพทย์มาด้วยกัน ถ้าในอดีตเจ้าสัวพีระจะมีคุณทิวาเป็นแพทย์ประจำตัวแต่ตั้งแต่คนรักเสียไปคุณหมอการุณจึงเข้ามาทำหน้าที่นี้แทน จึงทำให้นทีรินรู้จักและสนิทสนมกับคุรหมอการุณมาตั้งแต่เด็กๆ

 

“คุณหนูจะให้พี่ไปเรียนคุณภพให้มาดูท่านเจ้าสัวไหมคะ”

 

พี่นวลเอ่ยถามคุณหนูเพราะเธอเองก็อยากให้ภวินท์มาฟังอาการของท่านเจ้าสัวจากปากของหมอการุณเช่นเดียวกัน ภวินท์จะได้ช่วยคุณหนูของเธอดูแลเจ้าสัวด้วยอีกแรง

 

“ครับพี่นวล นทฝากด้วยนะครับ”

 

นทีรินตอบรับพี่เลี้ยงของตัวเองเพราะเขาเองก็อยากให้ภวินท์มาฟังอาการของอากงเช่นเดียวกันจะได้ช่วยกันดูแลท่านได้ถูกต้องเพื่อไม่ให้อาการที่เป็นอยู่กำเริบได้ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากหย่ากับภวินท์มากเพียงใดแต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เจ้าสัวพีระรีบด่วนจากเขาไปเสียหน่อยเพราะทั้งชีวิตของเขาเจ้าสัวพีระคือคนที่สำคัญที่สุด

 

“คุณภพกลับมาแบบนี้แล้วท่านเจ้าสัวคงจะดีใจมากๆเลยใช่ไหมครับคุณนท”

 

คุณหมอการุณเอ่ยถามขณะที่นทีรินกำลังพาเขาขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของเจ้าสัวพีระเพราะเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ทราบเรื่องของเจ้าสัวพีระและภวินท์เป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นหมอประจำตัวของคนทุกคนในบ้านสนิทสนมกับตระกูลกิจจานนท์มานานจนเจ้าสัวพีระไว้เนื้อเชื่อใจ

 

“ครับ คุณลุงหมอก็ทราบดีใช่ไหมครับว่าทั้งชีวิตของอากงก็รอแต่คุณภพกลับมาอย่างเดียว”

 

ตั้งแต่ป่วยเจ้าสัวพีระรอเพียงภวินท์อยู่เสมอต่อให้ยังไม่ป่วยก็รอเพราะท่านมักจะให้คนสนิทสืบความเกี่ยวกับหลานชายอยู่ให้เสมอๆซึ่งนทีรินก็รับรู้มาตลอดว่าเจ้าสัวเป็นห่วงภวินท์มากเพียงใด

 

“ท่านเคยบอกลุงด้วยนะครับว่าให้ช่วยท่านให้มีชีวิตอยู่ก่อนเพราะท่านอยากจะรอคุณภพ… คุณภพเป็นคนสำคัญของท่านจริงๆ”

 

คุณหมอการุณเอ่ยบอกอย่างที่เจ้าสัวพีระเคยบอกเขาและเขาก็คิดหาทางทุกทางเพื่อให้เจ้าสัวมีชีวิตต่อตามที่ท่านหวังถึงแม้ว่าความหวังในตอนนั้นมันจะริบหรี่มากเหลือเกินก็ตาม แต่ในตอนนี้เขาทราบข่าวว่าภวินท์กลับมาแล้วเขาก็ได้แต่หวังว่าคนไข้พิเศษของเขาจะอาการดีขึ้นบ้าง

 

“สวัสดีครับคุณลุงการุณ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายพร้อมมือที่ยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม 

 

คุณหมอการุณหันไปตามเสียงก็พบร่างสูงสมส่วนและดูสง่าน่าเกรงขามของคนทั่วไป ภวินท์ในวันที่คุณหมอการุณเจอครั้งล่าสุดนั้นก็เมื่อหลายสิบปีที่แล้วนั้นภวินท์ยังดูเด็กมากอยู่เลย และพอมาเจอในวันนี้เขาก็อดที่จะชื่นชมหลานชายของเจ้าสัวไม่ได้เพราะภวินท์นั้นดูดีและน่าเกรงขามเหมาะสมที่จะเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลกิจจานนท์จริงๆ

 

“ไม่ได้เจอกันเสียนาน คุณภพหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ”

 

คุณหมอเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะกับภวินท์อย่างสนิทสนมตามประสาคนอารมณ์ดี ภวินท์ยิ้มรับก่อนจะเอ่ยบอก

 

“ขอบคุณครับ… เข้าไปหาอากงกันเถอะครับผมเองก็อยากทราบอาการของท่านแล้ว”

 

เมื่อภวินท์เอ่ยจบทั้งหมดก็เข้าไปในห้องของเจ้าสัวพีระทันทีเพราะอยากทราบอาการของเจ้าสัวพีระแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง

 

ร่างของชายชราที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจแผ่วเบาทำให้นทีรินและภวินท์อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่ภวินท์กลับมานั้นเจ้าสัวพีระจะสามารถทานอาหารได้เยอะกว่าที่เคยเป็นแต่กระนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

 

ทั้งสองคนปล่อยให้คุณหมอการุณทำการตรวจอาการตามขั้นตอนทางการแพทย์อย่างที่ต้องตรวจทุกเดือน คุณหมอการุณยิ้มกว้างพร้อมความโล่งที่เกิดขึ้นภายในใจเพราะว่าคนไข้พิเศษของเขาถึงแม้อาการจะไม่ได้ดีขึ้นหรือหายขาดแต่ก็ไม่ได้แย่ลงจนน่าเป็นห่วงเท่าใดนัก

 

“อาการของเจ้าสัวตอนนี้ดีขึ้นมากนะครับ… ความดันก็ปกติดีไม่มีปัญหาอะไร -- เดี๋ยวลุงจะจัดยาให้ท่านตามเดิม ยังไงรบกวนคุณนทดูแลและจัดการให้เจ้าสัวทานยาให้ตรงตามเวลาด้วยนะครับ”

 

คุณหมอการุณเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้ คำวินิจฉัยของหมอทำให้นทีรินและภวินท์รู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลย เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้เป็นข่าวร้ายสำหรับพวกเขา

 

“ได้ครับคุณลุงหมอ… อากงดีขึ้นแบบนี้หมายความว่าอากงจะอยู่กับนทได้อีกนานๆใช่ไหมครับคุณลุงหมอ”

 

นทีรินเอ่ยถามพร้อมใบหน้าที่มีความหวังขึ้นมาเพราะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเจ้าสัวพีระยังอยู่กับเขาได้อีกนาน และเขายังไม่อยากสูญเสียชายชราคนนี้ไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว ท่าทางดีใจและมีความหวังราวกับเด็กน้อยนั้นทำให้คุณหมอการุณถอนหายใจยิ้มๆก่อนจะเอ่ยบอก

 

“คุณนทครับ… โรคชราเมื่อเป็นแล้วลุงก็ตอบไม่ได้หรอกนะครับว่าคนไข้จะเหลือเวลาในชีวิตเท่าไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่มีเรื่องของจิตใจด้วย ลุงอยากให้คุณภพกับคุณนททำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆนะครับ”

 

คุณหมอการุณเอ่ยบอกตามความเป็นจริงเพราะโรคชราที่เจ้าสัวพีระเป็นนั้นมันไม่มีทางหายขาดเมื่อเป็นแล้วก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีเวลาอยู่ได้ถึงเมื่อไร เขาไม่อยากพูดเพื่อให้ความหวังกับนทีรินเพราะเขารู้ว่าอาการที่เจ้าสัวเป็นนั้นมีสิทธิ์ที่จะจากไปได้ตลอด เขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากให้คำแนะนำแก่ญาติของคนไข้ที่ควรพึงกระทำเพื่อไม่ให้อาการทรุดลงมากกว่าเดิม

 

“สิ่งสำคัญที่ทั้งคุณนทและคุณภพต้องทำตอนนี้ก็คือต้องช่วยกันดูแลท่านเจ้าสัวให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจครับ ที่ท่านอาการดีขึ้นก็เพราะว่ามีหลานอย่างคุณสองคนคอยเป็นกำลังใจให้ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของท่านนะครับไม่อย่างนั้นอาการของท่านอาจจะทรุดลงได้”

 

สิ้นคำแนะนำของคุณหมอการุณดวงตาหวานของนทีรินก็หม่นแสงลงราวกับตอนนี้ความหวังของเขามันช่างริบหรี่เหลือเกินแต่ถึงอย่างไรเขาก็จะพยายามดูแลให้เจ้าสัวพีระอยู่กับเขาไปได้นานๆเขาจะอดทนเหมือนตอนที่คุณทิวาสอนเขาให้อดทนเข้มแข็ง

 

“ขอบคุณมากนะครับคุณลุงหมอ”

 

ภวินท์และนทีรินยกมือไหว้ขอบคุณหมอการุณด้วยความนอบน้อม คุณหมอรับไหว้พร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

 

“พี่นวลครับ นทฝากส่งคุณลุงหมอด้วยนะครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงให้ไปส่งคุณหมอการุณแทนเพราะว่าเขาอยากจะคุยกับเจ้าสัวพีระ ร่างบางเดินไปนั่งข้างเตียงหลังใหญ่คนละฝั่งกับภวินท์ที่นั่งคุยกับเจ้าสัวอยู่ก่อนแล้ว

 

“อากงครับ… เป็นยังไงบ้าง”

 

เสียงทุ้มเอ่ยถามคนเป็นปู่ด้วยน้ำเสียงห่วงใยมือหนาจับมือเหี่ยวย่นไว้แน่นเป็นการให้กำลังใจ เจ้าสัวพีระยกยิ้มนิดๆให้หลานชายก่อนจะเอ่ยบอกด้วยเสียงแหบพร่า

 

“เหมือนเดิมนั่นแหละ เจ็บออดๆแอดๆตามประสาคนแก่… ลื้อนั่นแหละเป็นยังไงบ้างภพ”

 

เสียงแหบพร่าของเจ้าสัวเอ่ยถามหลานชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ต่อให้เขาจะป่วยเจียนตายเพียงใดแต่ความห่วงใยที่มีต่อลูกหลานนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งไม่ได้ดูแลและทำงานด้วยตัวเองเขาก็ยิ่งเป็นห่วงแต่ที่ผ่านมาก็ต้องวางใจไปหน่อยเพราะนทีรินนั้นช่วยเขาและเดอะแกรนด์ได้มากจริงๆ

 

“ผมเข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้วนะครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี… อากงไม่ต้องห่วงนะครับ”

 

ภวินท์รู้ดีว่าสิ่งที่อากงห่วงมากที่สุดก็คือเดอะแกรนด์อ็อฟสยามเพราะที่นี่ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของตระกูล บรรพบุรุษได้สร้างสิ่งนี้ไว้ให้ลูกหลานดำรงเลี้ยงชีพเพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องลำบากจึงไม่แปลกเลยที่อากงจะเป็นกังวล

 

คำพูดของหลานชายเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชราได้เป็นอย่างดี ชีวิตของเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากรับรู้ว่าหลานชายที่เป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลได้เข้าไปบริหารงานแทนเขาแล้ว ภวินท์คือหลานชายคนแรกของตระกูลเพราะฉะนั้นภวินท์จึงเป็นความหวังทั้งหมดของเขาที่จะนำพากิจการของตระกูลให้รุ่งเรืองสืบไป

 

“อั๊วดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะ เดอะแกรนด์ฯเป็นสิ่งที่อั๊วและครอบครัวสร้างมาทั้งชีวิต… ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของรุ่นหลานๆอย่างพวกลื้อที่จะช่วยกันสานต่อให้รุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป”

 

“ผมและพวกน้องๆจะทำให้ดีที่สุดครับอากง”

 

ภวินท์รับปากพร้อมรอยยิ้มมุ่งมั่นเพื่อแสดงให้เจ้าสัวพีระเห็นว่าเขาเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลที่จะไม่มีวันทำให้สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างมานั้นต้องล่มสลายไปแน่นอน เจ้าสัวพีระรับรู้ถึงสายตามุ่งมั่นของหลานชายที่เขารักมากที่สุดก่อนจะเอ่ยบอก

 

“ขอบใจมาก -- แล้วนทล่ะเป็นไงบ้าง ได้เข้าไปช่วยภพทำงานหรือเปล่า”

 

ชายชราหันหน้าไปอีกทางที่มีหลานสะใภ้ส่งยิ้มมาให้เขาอยู่แล้วก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใยเช่นเดียวกัน

 

“อ่า... คือว่านท…”

 

นทีรินมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยเพราะตั้งแต่ที่ภวินท์เข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯเขาก็คิดเพียงแต่ว่าตัวเองหมดหน้าที่ไปโดยปริยายและไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามอะไรในเดอะแกรนด์ฯอีกเลย

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับอากง… ให้นทเขาดูแลทุกอย่างในบ้านของเราก็พอแล้วครับ”

 

เมื่อเห็นว่าภรรยาตะกุกตะกักตอบอะไรไม่ถูกภวินท์จึงเอ่ยสวนขึ้นมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร และอีกอย่างเขาก็คิดว่าเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้โดยที่ไม่ต้องมีนทีรินช่วยเหลือ เพราะเขารับรู้ว่าที่ผ่านมานั้นอีกฝ่ายต้องดูแลทั้งเดอะแกรนด์ฯและทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้และเขาก็คิดว่ามันคงเพียงพอแล้วที่จะให้อีกฝ่ายดูแลทุกอย่างในบ้านกิจจานนท์เพียงอย่างเดียว

 

เมื่อได้ยินคำพูดจากสามีความน้อยใจก็ตีขึ้นมาภายในใจของนทีรินอย่างห้ามไม่ได้ พลางคิดว่าภวินท์คงไม่อยากจะให้เขาไปยุ่มย่ามอะไรในเดอะแกรนด์ฯเพราะกลัวว่าเขาจะคิดไม่ซื่อกับสมบัติของตัวเองสินะ ใบหน้าหวานสลดลงแต่พยายามเก็บอาการเพราะเขาไม่อยากให้เจ้าสัวพีระเป็นกังวลไปกับเขา

 

“ลื้อไม่อยากให้น้องไปช่วยงานหรือไง นททำงานเก่งนะดูแลอะไรหลายๆอย่างแทนอั๊วได้ดีเชียวล่ะ”

 

เจ้าสัวพีระเอ่ยบอกหลานชายเพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เขาป่วยก็มีแต่นทีรินที่ทำหน้าที่แทนเขาได้เป็นอย่างดีจนแทบไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อยเพราะนทีรินนั้นมีความละเอียดและใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ

 

“ผมทราบครับว่าน้องเก่งแต่หน้าที่ของภรรยาที่ดีก็คือต้องดูแลสามีและดูแลบ้านไม่ใช่เหรอครับอากง ส่วนผมที่เป็นสามีก็มีหน้าที่ไปทำงานข้างนอกหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวไงครับ”

 

ภวินท์เอ่ยบอกอากงพร้อมรอยยิ้มก่อนที่ดวงตาคมจะจับจ้องมาที่ดวงหน้าของภรรยาอย่างไม่วางตา สายตาที่ดูเรียบนิ่งทว่ากลับวาววับกรุ้มกริ่มในความรู้สึกของนทีริน หัวใจดวงน้อยเริ่มสั่นรัวจนเขาต้องเป็นฝ่ายหลบดวงตาคมนั่นเอง

 

“ถ้าลื้อคิดแบบนั้น อั๊วก็แล้วแต่ลื้อ”

 

เจ้าสัวพีระเอ่ยบอกพลางกลั้วหัวเราะชอบใจกับคำพูดของหลานชายเพราะอย่างน้อยเขาก็รับรู้ได้ว่าภวินท์คงจะกลับมารู้สึกดีกับนทีรินแล้ว เพราะเจ้าสัวพีระยังคงเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าภวินท์ไม่มีทางหมดรักคนแบบนทีรินไปได้เฉกเช่นเขาที่ไม่เคยหมดรักทิวาได้เลย

 

เมื่อเห็นเจ้าสัวพีระหัวเราะชอบใจกับคำพูดของภวินท์แบบนั้นใบหน้านวลของนทีรินก็ขึ้นสีแดงพาดอย่างต้านทานไม่ได้ ร่างบางทั้งรู้สึกประหม่าและขัดเขินไปเสียหมดยิ่งหันไปเจอสายตาคมของภวินท์เขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก

 

“เอ่อ… อากงครับ วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับนทจะได้ทำให้ทาน”

 

นทีรินพยายามตัดบทเปลี่ยนเรื่องที่ทำให้เขาเลิกประหม่าเสียที ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ภวินท์แอบยิ้มขำอย่างอารมณ์ดีที่แกล้งให้อีกฝ่ายเขินอายได้

 

“อะไรก็ได้ ลื้อทำอะไรอั๊วกินได้หมดนั่นแหละ”

 

สิ้นเสียงคำตอบของชายชราก็ทำให้นทีรินหน้ามุ่ยเพราะว่าเขาคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรให้เจ้าสัวพีระรับประทานในวันนี้ดี

 

“ก็นทคิดไม่ออกนี่ครับ… นทอยากให้อากงทานของที่อยากทานจริงๆนะ”

 

เสียงกระเง้ากระงอดปนออดอ้อนอย่างน่ารักของหลานสะใภ้ทำให้เจ้าสัวพีระส่ายหัวยิ้มๆ

 

“เฮ้อ… เจ้าเด็กคนนี้นี่วุ่นวายจริงๆเลยเชียว แล้วถามแต่อั๊วไม่ถามภพบ้างล่ะว่าอยากกินอะไร”

 

“นทอยากทำอาหารให้อากงทานก็ต้องถามอากงสิครับ จะให้ถามคนอื่นได้ยังไงกัน”

 

นทีรินเอ่ยบอกเจ้าสัวพีระเสียงงอนๆพลางเน้นเสียงคำว่าคนอื่นหนักๆก่อนจะหันไปพบใบหน้าคมของภวินท์ยิ้มด้วยสายตาล้อเลียนอยู่ร่างบางจึงขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจ

 

“ภพอยากกินอะไรไหม ช่วยอั๊วคิดหน่อยเถอะไม่งั้นวันนี้อั๊วไม่ได้กินข้าวฝีมือเจ้าเด็กตัวยุ่งแน่นอน”

 

ภวินท์หลุดขำกับคำว่าเจ้าเด็กตัวยุ่งของอากง ก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กตัวยุ่งที่มองเขาตาเขียวปั๊ดแสดงความไม่พอใจที่โดนเขาหัวเราะล้อเลียนอยู่

 

“ราดหน้าหมูหมักดีไหมครับอากง ผมนึกอยากทานมาหลายวันแล้ว”

 

เสียงทุ้มเอ่ยตอบอากงแต่สายตาไม่ได้ละไปจากดวงหน้าหวานของภรรยาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าคมยักคิ้วกวนๆส่งไปให้นั่นยิ่งทำให้นทีรินแอบเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ เพราะว่าเขารู้ดีว่าราดหน้าหมูหมักนั้นเป็นเมนูที่ภวินท์ชอบ

 

“อืม ไม่ได้กินมานานแล้ว ทำเลยนะนทจะได้กินด้วยกัน”

 

สิ้นเสียงของเจ้าสัวพีระนั้นนทีรินก็ได้แต่พยักหน้ารับคำด้วยความจำใจก่อนจะเข่นเขี้ยวในใจเพราะเขาอยากทำอาหารให้อากงทานไม่ใช่ภวินท์เสียหน่อย

 



***

ต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62) [ต่อ]
«ตอบ #58 เมื่อ03-04-2019 22:02:53 »

ในเวลาบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์แม้ว่าคนอื่นจะมีวันหยุดกันแต่สำหรับภวินท์แล้วเขาไม่มีวันจะหยุดจากงานได้เลย เพราะนอกจากที่เขาต้องเข้าไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯแล้วเขาก็ยังต้องจัดการบริหารบริษัทรถยนต์ซูเปอร์คาร์นำเข้าของตัวเองด้วย ยังดีที่บริษัทของเขามีเพื่อนของเขาเป็นหุ้นส่วนฯอยู่เยอะก็เลยไม่ต้องจัดการอะไรมากมาย มือหนาเปิดแฟ้มเอกสารตรวจดูข้อมูลไปมาอย่างเคร่งเครียดเพราะเขาต้องตรวจเอกสารทุกอย่างอย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในบริษัทได้

 

มือหนาคลึงหัวตาของตัวเองไปมาด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากคนภายนอกดังเข้ามา และเมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นแม่บ้านคนหนึ่งถือถาดขนาดกลางเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของเขาก่อนจะวางถ้วยชาเขียวร้อนที่ส่งกลิ่นหอมพร้อมกับสโคนหน้าบลูเบอร์รี่วางอยู่ในจานใบเล็กข้างๆกัน

 

“ชาเขียวร้อนกับของว่างค่ะคุณภพ”

 

“ผมไม่อยากดื่มชา เปลี่ยนเป็นกาแฟให้ที”

 

ภวินท์เอ่ยบอกเสียงเรียบๆก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเพราะเวลาที่เขาทำงานเครียดๆแบบนี้เขาต้องการดื่มแค่กาแฟดำเท่านั้น สิ้นเสียงคำสั่งนั้นแม่บ้านคนนั้นก็ทำท่าอึกอักลำบากใจไม่ยอมทำตามคำสั่งจนภวินท์เงยหน้ามองพลางเลิกคิ้วสงสัย

 

“อ่า… แต่ว่าคุณนทให้เอาชาเขียวร้อนมาให้คุณภพดื่มแทนกาแฟน่ะค่ะ”

 

เสียงตะกุกตะกักอย่างหวั่นเกรงของแม่บ้านคนนั้นทำให้ภวินท์รู้สึกหัวใจพองโตได้ง่ายเพียงได้ยินแค่ชื่อของภรรยา ภวินท์มองถ้วยชาเขียวกับจานของว่างก่อนจะลอบยิ้มกับการเอาใจใส่ของนทีรินที่แม้ว่าเขาจะกวนประสาทใส่อีกฝ่ายแค่ไหนแต่นทีรินก็ไม่เคยปล่อยปละละเลยสำหรับการเอาใจใส่ดูแลเขาเลย

 

“ถ้างั้นก็เอาวางไว้”

 

ภวินท์พยักเพยิดให้แม่บ้านคนนั้นด้วยอารมณ์ผ่อนคลายขึ้นเพียงรู้ว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่นทีรินให้นำมาให้เขา ภวินท์ยกถ้วยชาเขียวขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยถามแม่บ้าน

 

“แล้วตอนนี้คุณนทอยู่ไหน”

 

“คุณนทนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ”

 

สิ้นเสียงแม่บ้านตอบภวินท์ก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างอารมณ์ที่ดีขึ้นจนแม่บ้านคนนั้นแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้ภวินท์ยังดูเคร่งเครียดและอารมณ์ไม่ดีกับการทำงานอยู่เลย

 

 

 

 

“ได้รับของแล้วใช่ไหมครับคุณหมายเลข 9”

 

เสียงหวานเอ่ยถามปลายสายอย่างขำขันเพราะเขานึกหน้าอีกฝ่ายออกว่าจะต้องทำหน้าแบบไหนใส่เขา

 

“(โถ่นท… จะลำบากซื้อของแบบนี้ให้พี่ทำไมกันครับ)”

 

ปลายสายเอ่ยบอกอย่างเกรงใจเมื่อเขาได้รับของขวัญที่นทีรินส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายซื้อให้เขานั้นมันมีมูลค่าไม่น้อยเลย

 

“ลำบากอะไรกันครับ สร้อยข้อมือเส้นนี้น่ะแค่หลักแสนเองนะครับ นทได้กำไรจากแจกันจีนใบนั้นตั้งอีกหลายสิบล้านแหน่ะ ฮ่ะๆ”

 

นทีรินหัวเราะชอบใจที่เอาคืนนภทีป์ได้เพราะการที่เขาซื้อของขวัญชิ้นนี้ให้อีกฝ่ายเพราะคิดว่านภทีป์สมควรที่จะได้รับมันแล้ว เขาปรึกษากับเจ้าสัวพีระเรียบร้อยแล้วว่ายังไงก็ต้องซื้อของขวัญตอบแทนให้กับนภทีป์ให้ได้เพราะไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เขาจะรับของจากอีกฝ่ายมาเพียงฝ่ายเดียว

 

“(แต่มันไม่เหมือนกันนี่ แจกันใบนั้นพี่ตั้งใจประมูลมาให้นทกับอากงนะครับ)”

 

นภทีป์เอ่ยบอกด้วยความเกรงใจอีกคราเพราะเขาตั้งใจที่จะประมูลแจกันจีนใบนั้นเป็นของขวัญเพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าสัวพีระจริงๆโดยที่เขาไม่คิดหวังอะไรตอบแทนทั้งสิ้น

 

“งั้นสร้อยข้อมือเส้นนี้นทกับอากงก็ตั้งใจซื้อมาตอบแทนพี่เมฆเหมือนกัน ห้ามปฏิเสธนะครับไม่งั้นนทจะส่งแจกันจีนใบนี้คืนไปแน่นอน”

 

นทีรินขู่ด้วยเสียงหนักแน่นและจริงจังจนปลายสายถอนหายใจยาวก่อนจะยินยอมรับของขวัญชิ้นนี้แต่โดยดีเพราะเขารู้ว่าหากเขาไม่รับนั้นนทีรินจะต้องส่งแจกันจีนใบนั้นคืนมาให้เขาเช่นเดียวกัน

 

“(เฮ้อ… รับก็ได้ครับ แต่คราวหลังไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อของแบบนี้มาให้พี่แล้วนะครับ พี่ขอแค่ขนมหม้อแกงไม่ก็ข้าวเหนียวสังขยาอร่อยๆหนึ่งถาดก็พอแล้ว)”

 

“ฮ่ะๆ ได้เลยครับ วันหลังนทจะทำทั้งขนมหม้อแกงและสารพัดขนมให้หลายๆถาดเลยครับ พี่เมฆอย่าเพิ่งเบื่อรสชาติขนมของนทไปก่อนละกันครับ”

 

นทีรินหลุดขำกับความมักน้อยของรุ่นพี่คนสนิทเพราะสิ่งที่นภทีป์ขอจากเขานั้นมันเล็กน้อยมากจริงๆ

 

“(ฮ่ะๆ นททำอร่อยขนาดนั้นไม่เบื่อแน่นอนครับ)”

 

นภทีป์หัวเราะก่อนจะเอ่ยเยินยอรุ่นน้องด้วยความขำขัน เขารู้ดีว่านทีรินมีฝีมือในการทำอาหารและขนมมากขนาดไหนและเขาก็เคยชิมทั้งอาหารและขนมฝีมือของอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง

 

“แล้วไปดูงานที่เกาหลีเป็นยังไงบ้างครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามรุ่นพี่เพราะรู้ว่านภทีป์เพิ่งกลับมาจากดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาเพิ่งจะส่งของขวัญชิ้นนี้ให้นภทีป์เพราะอยากให้นภทีป์ได้รับทันทีที่ถึงประเทศไทยจริงๆ

 

“(โอเคดีครับ… นี่พี่ซื้อชาผสมโสมเกาหลีมาฝากอากงด้วยนะครับแล้วก็มีของฝากเล็กๆน้อยๆให้นทกับพี่นวลด้วย ไว้ว่างๆเดี๋ยวพี่เอาเข้าไปให้นะครับ)

 

“ซื้อของมาฝากอีกแล้ว นทเกรงใจนะครับพี่เมฆ”

 

นทีรินย่นจมูกเล็กน้อยเพราะเขาเกรงใจที่รุ่นพี่คนนี้ชอบซื้อของมาฝากเขาทุกทีเลยส่วนเขาเองก็ไม่ค่อยได้ให้อะไรอีกฝ่ายเลย

 

 “(ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ พี่อยากซื้อฝากเพราะพี่อยากเข้าไปเยี่ยมอากงด้วย ตั้งแต่งานยุ่งๆก็ไม่ได้เจอท่านนานแล้ว)”

 

นภทีป์เอ่ยบอกตามที่ใจคิดเพราะเขาอยากจะเข้าไปเยี่ยมเจ้าสัวพีระตั้งนานแล้วแต่ด้วยความที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไรเพราะเขาเพิ่งจะทำการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้ไม่นานงานของเขาจึงยุ่งพอสมควรเลย

 

“อากงก็พูดถึงพี่เมฆอยู่เหมือนกันครับว่าอยากไปงานประมูลด้วยกันอีก”

นทีรินเอ่ยบอกเพราะเจ้าสัวพีระเองก็มีความสนิทสนมกับรุ่นพี่คนนี้ของเขาเช่นกันจนบางครั้งก็ถามถึงและชวนให้มาทานอาหารด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง

 

“(ถ้าอย่างนั้นฝากบอกท่านด้วยนะครับว่าพี่จะหาเวลาเข้าไปเยี่ยมเร็วๆนี้)”

 

“ได้เลยครับ ขอบคุณมากนะครับพี่เมฆ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่ทั้งคู่จะคุยเรื่องสัพเพเหระได้สักพักนภทีป์ก็ต้องขอตัววางสายไปเสียก่อนเพราะมีงานค้างที่ต้องทำต่อ นทีรินกดวางสายก่อนจะส่ายหัวยิ้มๆให้กับรุ่นพี่คนสนิทพลางคิดในใจว่าเขาจะเริ่มทำขนมที่นภทีป์อยากทานส่งไปให้เมื่อไรดีแต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากจากที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่นทีรินก็ต้องหุบยิ้มเมื่อร่างสูงคุ้นเคยนั้นปรากฏต่อสายตาพร้อมคำพูดประชดประชันถากถางเช่นเคย

 





“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนี่ คงจะมีความสุขมากสินะที่ได้คุยกับ… ผู้ชายคนอื่น



To be continue


___________________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: เอาแล้วไง คุณพี่เค้าเตรียมหาเรื่องน้องอีกแล้วค่ะ แง้ TT พี่ภพจะปากร้ายแค่ไหนติดตามตอนหน้านะคะ แฮร่ :) 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2019 16:15:12 โดย yokindy »

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๗ (3-4-62)
«ตอบ #59 เมื่อ04-04-2019 02:57:30 »

อย่าช้านะพี่ภพ เลิกอคติได้แล้ว
นทก็มีความอดทนนะ
ตอนนี้นทยังรัก ถ้าปากหมา ทำตัวแย่ๆใส่อีก
ถ้านทไปรักคนอื่นจะสมน้ำหน้าให้นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด