Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)  (อ่าน 29445 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #90 เมื่อ17-04-2019 01:04:28 »

สงสารนท คือตั้งแต่อ่านมาร้องไห้สงสารนทตลอด อินมาก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #91 เมื่อ17-04-2019 01:35:29 »

 :z6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #92 เมื่อ17-04-2019 02:07:30 »

สงสารนทจังเลย

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #93 เมื่อ17-04-2019 03:09:06 »

สงสารนท เมื่อไหร่จะได้หย่า
นทจะได้หลุดพ้นซะที
ทั้งคำพูดการกระทำของพี่ภพ มันทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว
ไม่มีอะไรจะด่าพี่ภพ ทำอะไรไว้ก็ของให้รับผลแบบนั้นแล้วกัน
 :hao5:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #94 เมื่อ17-04-2019 03:19:04 »

 :beat: พระเอกทำตัวหน้้าหมั่นไส้มาก

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #95 เมื่อ17-04-2019 03:44:11 »

เมื่อไรจะหย่ากันสักที สงสารนทแล้ว

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #96 เมื่อ17-04-2019 07:12:08 »

ถ้าวันที่ต้องหย่าขาดจากกันมาถึงจริงๆก็ขอให้คุณภพทุกข์ทรมาณกับการสูญเสียคนที่ตัวเองรักอย่างนทให้หนักๆใจร้ายใจดำกับน้องมาหลายตอนก็ขอให้เจอความทุกข์หลายๆตอนเหมือนกัน หยิ่งนักทำร้ายจิตใจคนอื่นเก่งนักก็ขอให้ได้รับความทุกข์กลับไปอย่างเท่าเทียมกัน

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #97 เมื่อ17-04-2019 08:36:17 »

สงสารน้อง :m15:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #98 เมื่อ17-04-2019 08:44:57 »

 :katai2-1:


รอวันเอาคืน

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #99 เมื่อ17-04-2019 13:54:35 »

สงสารน้องนท ได้แต่หวังว่าอิคนพี่ (งอน ไม่อยากเอ่ยชื่อ) จะไม่ใจร้ายไปมากกว่านี้นะ  :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
« ตอบ #99 เมื่อ: 17-04-2019 13:54:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #100 เมื่อ24-04-2019 07:23:44 »

หมั่นไส้พี่ภพมากค่ะ รอวันหย่า แล้วเห็นพีาภพซมซานกลับมาหาน้องเหมือนหมาเลยนะคะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #101 เมื่อ24-04-2019 17:14:59 »

บทที่ ๑๐



เมื่อจบฉากถ่ายรูปอันแสนหวานที่หลายๆคนต่างแปลกใจกับการกระทำของทั้งภวินท์และนทีรินเพราะไม่คิดว่าสองสามีภรรยาจะสวีทหวานกันได้ขนาดนี้ ถึงแม้ทั้งหมดจะทราบว่าภวินท์และนทีรินเพิ่งจะกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากห่างกันไปตั้งแปดปีแต่เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ดูรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นนั้นทุกคนก็เกิดความสบายใจแล้วว่าภวินท์และนทีรินอาจจะปรับความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วไม่เช่นนั้นคงไม่โชว์หวานต่อหน้าทุกคนได้แบบนี้

 

ภานินและเหมือนชนกต่างกรูกันเข้ามาแซ็วเพื่อนรักกันยกใหญ่เฉกเช่นเดียวกับหนุ่มๆที่เหลือก็ต่างโห่แซ็วภวินท์อย่างสนุกสนานโดยที่ไม่มีใครคิดเลยว่านั่นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่ภวินท์และนทีรินต่างสร้างมันขึ้นมาเท่านั้นเอง นทีรินไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มบางๆส่งให้ไป ไม่มีใครรับรู้เลยว่าเขาเหนื่อยหัวใจมากเพียงใดที่ต้องโดนคนเป็นสามีกลั่นแกล้งเช่นนี้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมและเพราะอะไรภวินท์ถึงต้องมาทำแบบนี้กับเขาด้วย ทำไมถึงต้องจูบเขาและต้องทำให้เขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้ นทีรินไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรกับสามีแล้ว มันสับสนไปหมดและเขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมภวินท์ถึงต้องทำตัวรุ่มร่ามกับเขานัก สิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกนั้นมันคือการแสดงตนเป็นเจ้าของเขาหรือเปล่า นทีรินไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเช่นนั้นหรอกเพราะเขาคงไม่คิดว่าภวินท์จะมารู้สึกอะไรกับตัวเองเด็ดขาด เขาเป็นภรรยาของภวินท์ที่มีผลแค่ทางกฎหมายแต่ถ้าทางใจเขาคงจะไม่มีผลอะไรกับชีวิตของอีกฝ่ายเลย

 

ร่างบางถอนหายใจยาวออกมาด้วยความกังวลไม่น้อยเมื่อนึกไปถึงบทสนทนาของตัวเองกับภาณินเมื่อไม่นานนี้

 

“นท… คือเรื่องที่นทขอไปอ่ะ เราถามพนักงานแล้วนะแต่ว่า…”ภาณินทำหน้าอึกอักเมื่อทำตามที่เพื่อนรักร้องขอไม่ได้

 

“ไม่ได้เหรอนิน…”

 

“เราขอโทษนะนท พนักงานบอกว่าห้องที่มีเตียงเดี่ยวสองเตียงถูกจองไว้หมดเลย พอดีช่วงนี้มันช่วงไฮซีซั่นน่ะลูกค้าเลยจองเต็มหมดก็เลยย้ายเตียงมาไว้ที่นี่ไม่ได้ แง…”

 

ภาณินทำหน้าจะร้องไห้เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเพื่อนที่แสดงออกอย่างชัดเจน และไม่มีความสงสัยอีกต่อไปว่าทำไมนทีรินถึงไม่อยากนอนร่วมเตียงกับภวินท์ เพราะต่อให้ทั้งคู่จะแต่งงานกันมาร่วมแปดปีแต่ไม่ได้มีความลึกซึ้งอย่างสามีภรรยาคู่อื่นที่พึงกระทำต่อกันเลย

 

“อ่า.. ไม่เป็นไรหรอกนิน นทเข้าใจ”นทีรินยิ้มบางให้เพื่อนเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

 

เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะมากเรื่องและพลอยทำให้ทริปที่เพื่อนรักอุตส่าห์จัดขึ้นมานั้นต้องหมดสนุกเพราะความมากเรื่องของเขาหรอก ยิ่งเห็นว่าเพื่อนทำหน้าจะร้องไห้ลำบากใจนทีรินก็ยิ่งอดรู้สึกผิดไม่ได้

 

“ถ้านทไม่โอเค เดี๋ยวเราไปนอนกับนท แล้วให้พี่ปรินซ์ไปนอนกับพี่ภพดีไหม”

 

ภาณินเสนอเพราะไม่อยากให้นทีรินอึดอัด เขาเองก็ห่วงความรู้สึกของเพื่อนไม่น้อยเลย เมื่อได้ยินเช่นนั้นนทีรินก็รีบท้วงขึ้นทันที

 

“เฮ้ย ไม่เอาๆ ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ทริปนี้พี่ปรินซ์เขาอยากอยู่กับนินมากๆนะ… ไม่เป็นไรหรอก นทนอนเตียงเดียวกับคุณภพได้จริงๆ”

 

“นทโอเคจริงๆใช่ไหม เราเป็นห่วงจริงๆนะ”ภาณินถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

 

“โอเคสิ นินไม่ต้องคิดมากนะ นทโอเคจริงๆ”

 

นทีรินยิ้มกว้างไปให้เพื่อนเป็นเชิงว่าเขาไม่เป็นไรและโอเคมากๆที่ต้องร่วมเตียงกับสามี ภาณินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างตอบมา

 

คำว่าโอเคที่นทีรินเอ่ยบอกเพื่อนๆไปนั้นมันชักจะไม่โอเคกับเขาสักเท่าไรเมื่อต้องมาอยู่ในห้องเดียวกับสามีในตอนนี้แล้ว ห้องนอนในพลูวิลล่าเรซิเดนส์แห่งนี้มีห้องน้ำในตัวทุกห้องและแต่ละห้องมีระเบียงซีวิวให้มองเห็นทะเลทุกห้อง บรรยากาศคล้ายกับห้องพักของคู่รักที่มาฮันนีมูนไม่มีผิด นทีรินรู้สึกขัดๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องมาอยู่ในห้องกับสามีตามลำพังซึ่งตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาสองคนไม่เคยได้ร่วมห้องแบบนี้ตามลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

ดวงตาหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าหันไปมองด้านข้างของตัวเองที่มีร่างหนาของสามีที่ท่อนบนนั้นใส่เสื้อฮาวายสีสันสดใสเหมาะสำหรับใส่มาเที่ยวทะเลตามคอนเซ็ปต์แต่เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยหากว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่ติดกระดุมเสื้อมันเลยสักเม็ดจนเผยให้เห็นร่างท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเช่นนี้ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสู้แรงของอีกฝ่ายไม่เคยได้เลย

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มดังขึ้นพอให้นทีรินสะดุ้งเล็กน้อยจนหันหน้ากลับแทบไม่ทัน

 

“ค.. ครับ?”

 

“ถามว่าเป็นอะไรทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น”

 

ภวินท์เอ่ยถามภรรยาที่นั่งตัวลีบติดริมโซฟาอีกฟากกับที่เขานั่งอยู่ด้วยแววตาขบขันไม่น้อย ใบหน้าหวานที่แสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเช่นนั้นเขาก็พอจะรู้นั่นแหละว่าอีกฝ่ายกำลังคิดมากที่ต้องมานอนร่วมเตียงกับเขาแต่เขาก็อดที่จะแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้

 

“เปล่านี่ครับ”

 

นทีรินแสร้งตีหน้านิ่งเพื่อกลบเกลื่อนความกังวลที่ภวินท์ดูอย่างไรก็ปกปิดไม่มิด และยิ่งนทีรินอวดเก่งกับเขามากเพียงใดมันก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น

 

“ถ้าไม่อยากมาเที่ยว ทำไมถึงไม่บอกพวกเพื่อนๆตั้งแต่แรก”

 

เสียงทุ้มเอ่ยดังขึ้นตามที่ใจคิด หากอีกฝ่ายอึดอัดและไม่ได้อยากจะมาก็ควรปฏิเสธไปเสียแต่ทีแรกจะได้ไม่ต้องมาคอยระแวดระวังเขาอยู่เช่นนี้

 

“ผมไม่ได้ไม่อยากมาเที่ยวสักหน่อย”

 

คนที่นั่งข้างๆเอ่ยขึ้นเสียงขมุบขมิบ ใบหน้าหวานยู่ขึ้นขัดใจเพราะว่าเขาไม่ได้ไม่อยากมาเที่ยวอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหาแต่เขาเพียงแค่กำลังกังวลเมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับอีกฝ่ายแบบนี้ต่างหาก

 

“หรือเป็นเพราะต้องมานอนร่วมเตียงผม?” ใบหน้าหล่อคมหันมองพลางเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างรู้ทันด้วยความเจ้าเล่ห์จนนทีรินรู้สึกหวั่นใจ

 

“…”

 

ร่างบางไม่ตอบอะไรนอกจากหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาคมของอีกฝ่าย และเมื่อคนถามเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะในลำคอขึ้นมาเป็นเชิงล้อเลียนและเย้ยหยันให้นทีรินรู้สึกเจ็บใจ

 

“หึหึ เงียบแบบนี้แสดงว่าใช่สินะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรบอกคนอื่นสิว่าไม่อยากมาเพราะอึดอัดที่จะต้องนอนกับสามีตัวเอง”

 

“ผมก็อยากจะบอกแบบนั้นนะครับ แต่เผอิญว่าผมเป็นคนมีมารยาทและมีความเกรงใจมากพอ”

 

สิ้นคำพูดของคนเป็นสามีนทีรินก็สวนขึ้นทันทีด้วยเสียงเด็ดเดี่ยวพลางต่อว่าอีกฝ่ายในใจ ภวินท์พูดราวกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาไปโพนทะนาบอกคนอื่น ต่อให้เขาอึดอัดที่จะอยู่กับสามีของตัวเองเขาก็จะเก็บความอึดอัดมันไว้ในใจนี่แหละถึงแม้จะเก็บไม่ค่อยมิดก็ตามที

 

“คุณนี่เกรงใจคนอื่นจนตัวเองอึดอัดตามเคยสินะ ถ้าอึดอัดจนมาเที่ยวไม่สนุกแบบนี้ก็ไม่น่าตกปากรับคำกับเพื่อนๆตั้งแต่แรก”

 

เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเป็นเหมือนคำต่อว่าทำให้นทีรินยิ่งรู้สึกเดือดดาล หากวันไหนที่อีกฝ่ายไม่ได้ต่อว่าเขานี่ท่าจะนอนไม่หลับเสียกระมัง

 

“ผมไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรโดยไม่คิดแบบคุณนะครับ -- ทริปนี้นินกับพี่ปรินซ์ตั้งใจชวนเรามาถ้าไม่มามันก็น่าเกลียดสิครับ”

 

จะมาโทษเขาฝ่ายเดียวได้อย่างไร แล้วเพราะใครกันล่ะที่ทำให้เขาอึดอัดอยู่ตลอดแบบนี้ นทีรินเหนื่อยใจที่จะพูดกับภวินท์เสียแล้ว เพราะยิ่งพูดอีกฝ่ายก็หาเรื่องต่อว่าเขาไม่เลิก

 

“เอาเถอะๆ คุณจะคิดยังไงก็ตามใจ แต่ผมคงไม่เสียสละไปนอนโซฟาแบบพระเอกในหนังอะไรแบบนั้นคุณคงรู้นะ”

 

เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเสียจนนทีรินขมวดคิ้วมุ่นเพื่อแสดงความไม่พอใจออกไป แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะคนเป็นสามีคงไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรกับความไม่พอใจของเขาหรอกนอกจากจะรู้สึกพึงใจเสียด้วยซ้ำที่สามารถกลั่นแกล้งเขาให้อารมณ์เสียได้ เขาน่ะจนใจจะแสดงอาการอะไรออกไปแล้ว

 

“ผมก็ไม่ได้หวังให้คุณทำแบบนั้นหรอกครับ แล้วผมก็ไม่คิดที่จะไปนอนโซฟาเหมือนกัน”

นทีรินตอกกลับอย่างไม่หวั่นเกรง

 

เรื่องอะไรเขาต้องลำบากไปนอนโซฟาแข็งๆให้ปวดหลังในขณะที่อีกฝ่ายได้นอนบนเตียงคิงไซส์สบายๆเช่นนี้กันล่ะ ต่อให้เขาจะกังวลที่ต้องนอนกับอีกฝ่ายแต่เขาก็ไม่อยากทนนอนลำบากๆให้ร่างกายเขาเจ็บปวดจนไม่สบายตัวหรอกนะ

 

“เก่งดีนี่ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

 

ภวินท์ยิ้มมุมปากกับท่าทีเย่อหยิ่งอวดเก่งของภรรยาก่อนจะขยับตัวเข้ามาชิดกับร่างบางของภรรยาทันทีจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวและขยับหนีไม่ได้นอกจากเอนตัวหลบเลี่ยงใบหน้าหล่อคมที่โน้มมาแทบจะชิดกับหน้าเขาอยู่แล้ว หัวใจดวงน้อยของนทีรินเต้นรัวเมื่อตาประสานกับดวงตาคม

 

“ค.. คุณภพ จะทำอะไรครับ?”

 

เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยินแต่ก็ไม่ได้ทำอีกฝ่ายนั้นผละออกหรือออกห่างเลยแม้แต่น้อย กลับกันร่างหนาเข้ามาชิดมากกว่าเดิม

 

“อย่ากลัวไปก่อนล่ะ เพราะคนที่มีแอลกอฮอลล์ในร่างกายมากๆบางที…”

 

ทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนนทีรินได้กลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆผสมกับกลิ่นกายของสามี ลมหายใจที่รินรดใบหน้าของเขามันทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงพาดจนร้อนที่หน้าไปหมด ยิ่งใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้จนจมูกคมที่ปัดผ่านแก้มนวลของเขานั้นมันยิ่งทำให้ร่างบางตัวแข็งทื่อ

 

“ก็เผลอทำอะไรไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน”

 

เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเบาๆด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มและเจ้าเล่ห์ไม่น้อยทำให้คนฟังหน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิมและภายในใจก็เกิดความหวั่นไหวมากขึ้นกว่าเดิมอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจที่เต้นเสียงระรัวดังขึ้นราวกับว่ามันจะหลุดออกจากอกเสียให้ได้เป็นเครื่องเตือนใจว่าการที่นทีรินอยู่ใกล้ภวินท์นั้นมันเริ่มอันตรายสำหรับร่างบางเสียแล้ว เพราะการที่เขารู้สึกหวั่นไหวไปกับการกระทำของสามีนั่นแหละคือสิ่งที่อันตรายกับหัวใจของนทีรินมากที่สุดเลย

 

สีหน้าตื่นตระหนกปนเขินอายของภรรยาราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นกระต่ายน้อยตัวเล็กๆที่กำลังตื่นกลัวกับคำขู่ของราชสีห์อย่างภวินท์นั้นยิ่งทำให้เขานึกสนุกที่ได้แกล้งอีกฝ่ายให้เขินอายได้ ร่างสูงหลุดขำเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ออกห่างจากตัวภรรยาเลยสักนิด จมูกคมปัดป่ายผ่านที่พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆไปมาเป็นเชิงหยอกล้อจนนทีรินขยับหน้าหนี

 

“ย..หยุดแกล้งผมนะครับคุณภพ”

 

“กลัวแล้วเหรอ? ไม่เห็นเก่งเหมือนเมื่อกี้เลยนี่” ภวินท์เอ่ยถามเสียงกลั้วหัวเราะพอใจที่ปราบพยศภรรยาได้สำเร็จ

 

“ผ.. ผมจะไปนอนโซฟาเองก็ได้ครับ เชิญคุณนอนบนเตียงไปเถอะ”

 

ว่าจบร่างบางก็รีบลุกผึงขึ้นจากโซฟาหลังใหญ่ที่เขาคาดว่าจะเป็นที่พักพิงของตัวเองในคืนนี้แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเลยโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของสามีที่ไล่หลังมาเลย

 

นทีรินขอกลับคำเรื่องที่ห่วงสุขภาพตัวเองไปก่อนเลย หากว่าเขาต้องร่วมเตียงกับภวินท์จริงๆล่ะก็ เขาต้องระแวงอีกฝ่ายจนไม่ได้นอนแน่ๆเลย พลันนึกไปถึงใบหน้าหล่อคมและเสียงทุ้มของสามียังคงก้องดังในโสตประสาทของนทีรินไปมาราวย้ำเตือน หัวใจดวงน้อยก็เต้นระรัวราวคนรัวกลองที่ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเลย

 

บ้าที่สุด! แล้วคืนนี้เราจะกล้านอนได้ยังไง

 

นทีรินต่อว่าอีกฝ่ายในใจอย่างเดือดดาลและหวั่นใจพลางคิดไปว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี หากไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้เลยเพราะเพื่อนรักทั้งสองคนตอนนี้ก็กำลังใช้เวลาส่วนตัวกับคนรักอยู่ เมื่อไม่มีทางเลือกใดๆแล้วนทีรินจึงต้องจำใจจำยอมนอนร่วมห้องกับคนเป็นสามีอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

มาถึงขั้นนี้แล้ว ยอมนอนโซฟาสักวันก็ได้

 

นทีรินสะบัดหัวพยายามไล่ความคิดต่างๆออกไปจากหัวให้หมด ร่างบางพยายามตั้งสติกับตัวเองให้มั่นและก็คิดเสียว่าคืนนี้เขานอนคนเดียว เขาจะทำเป็นว่าไม่มีภวินท์อยู่ในห้องด้วยมันอาจจะดีขึ้น เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วร่างบางก็ยิ้มให้กำลังใจตัวเองก่อนจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย น้ำอุ่นในอุณหภูมิพอเหมาะทำให้นทีรินผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว

 

ร่างบางในชุดนอนสีขาวเข้าชุดกันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ออกมาเมื่อไม่พบร่างของสามีที่นั่งอยู่โซฟาที่จะเป็นเตียงนอนของเขาในคืนนี้นทีรินก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งใจ ดวงตาหวานกวาดมองไปทั่วเพื่อหาว่าอีกฝ่ายไปไหนแล้วคำตอบก็ปรากฏเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของสามียืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงด้านนอก นทีรินหันหน้ากลับมาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่ อย่างที่ใจคิดเขาจะคิดเสียว่าไม่มีภวินท์อยู่ในห้องเขาจะได้นอนหลับได้สบายเสียทีเพราะวันนี้เขาทั้งเหนื่อยทั้งเพลียมามากแล้ว

 

ร่างบางเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มผืนเล็กในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาจัดแจงบนโซฟาหลังใหญ่ที่เขาใช้เป็นที่พักผ่อนก่อนจะล้มตัวลงนอนแม้มันจะไม่ได้สบายเท่าเตียงคิงไซส์หลังใหญ่นั้นแต่นทีรินก็ยอมนอนในที่ๆตัวเองสบายใจดีกว่า อย่างที่เขาบอกนั่นแหละคับที่อยู่ได้คับใจให้อยู่อย่างไรก็อยู่ยากกว่า ความเพลียและความเหนื่อยล้าสะสมที่ผ่านๆมาทำให้นทีรินผล็อยหลับไปได้ง่ายเลยทีเดียว

 

ภวินท์เดินเข้ามาภายในห้องหลังจากที่วางสายจากหุ้นส่วนบริษัทซูเปอร์คาร์นำเข้าของเขาแล้ว แม้แต่วันที่เขาลาพักร้อนก็ยังมีงานและปัญหามาให้ปวดหัวได้ทุกวัน การเป็นผู้บริหารใครบอกว่าสบายภวินท์ขอเถียงขาดใจเลยล่ะ

 

ร่างสูงมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ได้ถูกแง้มไว้เล็กน้อยมันแสดงให้รู้ว่าภรรยาได้ออกมาจากห้องน้ำแล้ว ร่างสูงจึงเดินเข้าไปใช้ต่อ เมื่อเดินเข้าไปจมูกคมได้กลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวของภรรยาอย่างคุ้นเคยกลิ่นหอมหวานที่ไม่มีความเลี่ยนเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เครียดจากปัญหาเรื่องงานเมื่อครู่กลิ่นหอมของภรรยากลับทำให้เขาผ่อนคลายและอารมณืดีขึ้นอย่างประหลาด

 

ภวินท์จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงสมส่วนในกางเกงนอนขายาวสีเทาผ้าเนื้อดีโดยท่อนบนปราศจากอาภรณ์ติดกายเนื่องจากเขาเป็นคนขี้ร้อน

เขาเดินมาหยุดที่โซฟาหลังใหญ่ก็พบว่ามีร่างบางของภรรยานอนหลับอยู่ตามที่อีกฝ่ายได้ลั่นประกาศิตไว้ ร่างสูงอมยิ้มขำเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ สีหน้าตื่นตระหนกราวกับลูกกระต่ายกำลังตื่นกลัวนั้นทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาได้ไม่ยากทั้งๆที่ที่ผ่านมามีแต่คนบอกว่าเขาน่ะคือเสือยิ้มยาก

 

“นท…”

 

“…”

 

“นท.. หลับแล้วเหรอ”

 

เสียงทุ้มเอ่ยเรียกร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มไม่รู้สึกตัวใดๆลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้ภวินท์รู้ว่าภรรยาได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาพูดคุยหรือถกเถียงเขาแล้ว มือบางดึงผ้าห่มผืนเล็กนั้นมากอดไว้แน่นราวกับหาความอบอุ่นที่แทบจะไม่ได้จากมันเลย อุณหภูมิต่ำถึงสิบแปดองศาจากแอร์คอนดิชันเนอร์นั้นทำให้ร่างบางรู้สึกหนาวได้

 

ภวินท์จ้องไปที่ดวงหน้าหวานของอีกฝ่ายก็อดส่ายหัวยิ้มๆกับความดื้อรั้นของอีกฝ่ายไม่ได้ ร่างสูงตัดสินใจช้อนตัวร่างบางขึ้นแนบอกแล้วเดินไปที่เตียงคิงไซส์หลังใหญ่ก่อนจะวางร่างบางของภรรยาลงบนเตียงอย่างเบามือเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นมาและได้เปิดศึกกันอีก เพราะความดื้อรั้นของภรรยาของเขานั้นมีน้อยเสียเมื่อไรกัน ร่างสูงเดินไปอีกฟากของเตียงแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมทั้งร่างของเขาและภรรยาไว้ก่อนจะดึงผ้าห่มเพื่อจัดแจงให้คลุมตัวอีกฝ่ายให้อบอุ่นขึ้นแต่ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อมือบางเอื้อมมาจับมือเขาไว้แน่น

 

“อือ.. อย่าดึงผ้าห่ม.. นทหนาว”

 

ร่างบางขยับตัวหันตะแคงข้างมาทางเขาเสียงหวานเอ่ยดังขึ้นพลางมือบางก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้จนชิดปลายคาง ภวินท์ยิ้มขำเพราะรู้ว่าการที่อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นแบบนั้นทำให้ภวินท์รู้เลยว่าภรรยานั้นหลับจนละเมอใส่เขาเสียแล้ว

 

“หึหึ ขี้เซาตามเคยสินะ”

 

ภวินท์นอนหันตะแคงข้างใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานเพื่อจ้องหน้าอีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่ ดวงตาคมไล่พิจารณาใบหน้าของภรรยาตั้งแต่ดวงตาหวานซึ้งที่ถูกปิดสนิทมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่ชอบยู่ใส่เขาในบางคราไล่เรียงมาจนถึงริมฝีปากอิ่มแดงที่เขาได้เคยสัมผัสมาแล้ว การได้นอนร่วมเตียงกับนทีรินในคืนนี้นั้นเป็นความรู้สึกที่ภวินท์ก็อธิบายไม่ถูก ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานอนกับอีกฝ่ายก็ตามที ในครั้งที่เขาและนทีรินยังเด็กๆกันอยู่นั้นก็นอนร่วมเตียงด้วยกันอยู่บ่อยครั้งเมื่ออีกฝ่ายมาเล่นที่บ้านเขาจนดึกดื่นและได้นอนค้างคืนด้วยกันและก็มีบางครั้งที่เขาได้ไปนอนที่บ้านของอีกฝ่ายบ้าง ในตอนนั้นมันคือความรู้สึกของพี่ชายและน้องชายนอนด้วยกัน แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันกลับต่างออกไปเพราะครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขานอนกับอีกฝ่ายในฐานะสามีภรรยา ความรู้สึกผ่อนคลายจนหัวใจพองโตบังเกิดขึ้นกับภวินท์อย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน กลิ่นหอมหวานจากกายบางที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบนั้นเรียกร้องให้เขาทำในสิ่งที่หัวใจสั่งมากกว่าสมองนั่นก็คือการประทับจูบไปที่หน้าผากมนของภรรยาแผ่วเบาและนุ่มนวล

 



“ฝันดีนะนท”

 

 

***

ต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๙ (17-4-62)
«ตอบ #102 เมื่อ24-04-2019 17:16:42 »

เช้าวันที่สองของทริปเกาะหลีเป๊ะเมื่อทุกคนตื่นนอนและจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็พากันออกมานั่งทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ที่ถูกตระเตรียมโดยเชฟของทางโรงแรม และมีบัตเลอร์คอยอำนวยความสะดวกให้ตั้งแต่เช้าตรู่ บนโต๊ะอาหารถูกจัดวางไปด้วยอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาสต์ อาหารไทยและอาหารจีนกวางตุ้งร่วมสมัยเรียงรายอยู่เต็มไปหมด

 

ในเช้านี้นทีรินเลือกทานเป็นข้าวต้มปลาเต๋าเต้ยพร้อมกับชาเอิร์ลเกรย์ร้อนแบบเบาๆเนื่องจากว่าในช่วงเช้านั้นเขาไม่ค่อยเจริญอาหารสักเท่าไรและในวันนี้จะต้องไปล่องเรือเที่ยวอีกด้วยเขาจึงไม่อยากทานอะไรให้หนักท้องมากเกินไปจนเกิดความไม่สบายตัวขึ้น

 

“นท เมื่อคืน…”

 

ภาณินที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่เคียงข้างเอ่ยขึ้นพลางละคำพูดบางอย่างไว้ให้แสดงออกทางสีหน้าเผยออกไปเพียงอย่างเดียว นทีรินเห็นเช่นนั้นก็ทำหน้าอึกอักเพราะรู้ดีว่าเพื่อนจะถามถึงเรื่องอะไร

 

“อ.. อะไรเหรอนิน”

 

“เมื่อคืนนทเป็นยังไงบ้าง”

 

ภาณินเอ่ยถามออกไปด้วยความใคร่รู้ กอปรกับเหมือนชนกเองก็นั่งฟังอย่างตั้งใจเช่นกันเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าการที่ภวินท์และนทีรินอยู่ร่วมห้องกันเมื่อคืนนั้นเกิดอะไรกับเพื่อนรักของเขาบ้างไหมและสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันจะเป็นข่าวดีกับตัวเพื่อนของเขาบ้างไหม

 

“อ่า.. นทโอเคดี ไม่มีอะไร” นทีรินเอ่ยบอกเพื่อนรักทั้งสองพลางส่งยิ้มบางๆไปให้เพื่อให้เพื่อนคลายกังวล

 

“แล้วพี่ภพไม่ได้… ใช่ไหม” เหมือนชนกเอ่ยถามขึ้นด้วยความใคร่รู้พลางยิ้มล้อไปให้จนนทีรินเขินจนวางหน้าวางตัวไม่ถูก

 

“ม.. ไม่นะ ไม่ได้ทำอะไร”

 

“นทหน้าแดงเลยอ่ะ นี่ไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม”

 

ภาณินเอ่ยขึ้นเนื่องจากแก้มขาวนวลของเพื่อนรักตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆเรียบร้อยแล้ว คำคาดคั้นพร้อมสายตาที่ล้อเลียนจากเพื่อนๆทำให้นทีรินย่นจมูกใส่งอนๆพลางเอ่ยบอกเสียงกระเง้ากระงอด

 

“นทเปล่าสักหน่อย เชื่อนทเถอะมันไม่มีอะไรอย่างที่เหมือนกับนินคิดเลย”

 

มันไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้งภาณินและเหมือนชนกคิดหรอกแต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ได้มีเรื่องอะไรมาทำให้เขาเขินอายได้ถึงเพียงนี้นี่นา นทีรินลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เขาพบเจอ

 

 

“คุณภพ..”

 

 นทีรินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบหน้าบุคคลที่นอนเคียงข้างเขาทั้งคืนแถมยังมีแขนแกร่งพาดลงมาบนเอวบางของเขาอีกด้วยซึ่งนั่นก็แปลได้ว่าเขาถูกภวินท์นอนกอดทั้งคืน ใบหน้านวลขึ้นเห่อร้อนเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นร่างกำยำอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นทีรินหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูกพลางกำลังจะขยับตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู

 

“ตื่นแล้วเหรอ”

 

“ค.. ครับ”

 

 เสียงทุ้มนุ่มนั้นทำให้นทีรินไม่กล้าลุก ภวินท์เอ่ยถามทั้งๆที่ยังหลับตาแต่กลับไม่ขยับตัวเพื่อปล่อยร่างเขาให้เป็นอิสระเสียที ร่างบางได้แต่นึกแปลกใจว่าเขามานอนที่เตียงนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาเลือกที่จะนอนโซฟาเมื่อคืนนี้แล้ว

 

“ทำไมตื่นเช้า” ดวงตาคมลืมขึ้นพลางเอ่ยถาม นทีรินอึกอักเล็กน้อยแต่ก็ตอบออกไป

 

“ก็มันชินแล้วนี่ครับ”

 

“นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะมาพักผ่อนไม่ใช่หรือไง”

 

เมื่อฟังคำตอบจากภรรยาจบแล้วภวินท์ก็เอ่ยบอกก่อนจะหลับตาลงอีกคราพลางกักกอดร่างบางให้มาแนบชิดโดยไม่สนใจเสียงโวยวายเล็กๆจากภรรยาเลย

 

“ปล่อยนะครับคุณภพ.. ผมจะไปโทรฯหาอากง”

 

นทีรินเอ่ยบอกคนฉวยโอกาสพลางดันอกของอีกฝ่ายออกแต่ไม่เป็นผลเมื่อคราวนี้ภวินท์เล่นใช้มือสองข้างคว้าตัวเขาเข้าไปกอดไว้แนบชิดกว่าเดิมจนตัวเขาแทบจะเกยไปบนร่างกายของอีกฝ่ายแล้ว

 

“โทรฯไปรบกวนอะไรอากงแต่เช้าหืม”

 

เสียงทุ้มถามขึ้นจนนทีรินใจกระตุกวูบ มันไม่ใช่เสียงติดดุไม่ใช่เสียงที่เย้ยหยันถากถางอย่างที่อีกฝ่ายชอบพูดกับเขาแต่กลับเป็นน้ำเสียงนุ่มนวลและอบอุ่นอย่างที่ภวินท์เคยพูดกับเขาในตอนที่อีกฝ่ายเป็นพี่ชายที่แสนดี

 

“ก.. ก็ผมเป็นห่วงท่านนี่ คุณน่ะหัดห่วงท่านบ้างสิครับ”

 

นทีรินพยายามกดกลั้นความเขินอายโดยการแสร้งต่อว่าอีกฝ่ายออกไป ภวินท์หัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเห็นใบหน้ายุ่งๆของภรรยาแต่ทว่าแก้มนวลนั้นขึ้นสีแดงจางๆให้เห็นได้ชัด

 

“ห่วงอยู่ทุกวัน”

 

เสียงทุ้มเอ่ยออกไปตามความจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ดูแลอากงอย่างใกล้ชิดอย่างที่นทีรินทำแต่ไม่ใช่ว่าเขาละเลยการเป็นหลานที่ดีของอากงไป เขายังขึ้นไปเยี่ยมอากงทุกครั้งก่อนไปทำงานและกลับมาพูดคุยกับอากงในตอนกลับมาที่บ้านทุกครั้ง เพียงแต่สิ่งที่เขาทำนั้นไม่มีใครมามองเห็นหรือพบเจอเท่านั้นเองและภวินท์ก็ไม่ได้สนใจว่าจะมีใครมองเห็นความดีที่เขาทำต่ออากงหรือไม่เพราะสิ่งที่เขากระทำเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังทำอะไรอยู่

 

“ห่วงแต่ก็ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าห่วงเลยสักนิด”นทีรินสบตาคมพลางต่อว่าอีกฝ่ายด้วยเสียงประชดประชันจนภวินท์ยิ้มขำใส่

 

“นี่กำลังน้อยใจแทนอากง?” เสียงทุ้มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะจนนทีรินจิ๊ปากและยู่หน้าใส่อย่างลืมตัว

 

“ผมเปล่าสักหน่อย.. ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่นา ถ้าคุณห่วงท่านก็ใช้เวลากับท่านเยอะๆสิครับ อากงมีคุณเป็นหลานคนเดียวท่านย่อมรักและอยากใช้เวลาที่เหลือกับคุณให้มากที่สุดอยู่แล้ว ส่วนคุณก็ต้องทำตัวเป็นหลานที่ดีของท่านเพื่อชดเชยเวลาที่ผ่านมาที่คุณไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับท่านเลย..”

 

เสียงหวานเอ่ยบอกยาวเหยียดจนภวินท์ลอบยิ้มว่าขณะที่นทีรินกำลังสั่งสอนเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่อีกฝ่ายคงลืมไปแล้วว่ากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาและใบหน้าของเขาและอีกฝ่ายก็ห่างกันไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ ภวินท์จับจ้องไปที่ดวงหน้าหวานและปากอิ่มที่กำลังเอ่ยเจื้อยแจ้วไปมาอย่างเพลินๆ

 

“ย.. ยิ้มอะไรล่ะครับ… ที่ผมพูดนี่คุณได้ฟังบ้างหรือเปล่า”

 

“อืม.. พูดต่อสิ”

 

นทีรินเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปที่ใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนหน้า ใบหน้าคมที่ห่างเขาไม่ถึงคืบทำให้นทีรินขยับหน้าออกห่างทันทีพลันนึกเอ็ดตัวเองว่าไม่น่าลืมตัวขนาดนี้เลย แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องมาโดนอีกฝ่ายหัวเราะเยาะอีกแน่นอนเลย

 

“ไม่พูดแล้วครับ ถ้าคุณฟังจริงๆก็กรุณาทำด้วยนะครับ”

 

“ครับ เข้าใจแล้วครับคุณภรรยา”

 

เสียงทุ้มนุ่มรับคำอย่างว่าง่ายทำให้นทีรินหัวใจพองโตและนึกแปลกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาหวานจับจ้องเข้าไปในดวงตาคมอย่างมีความหมายเพราะเขาหวังว่าสิ่งที่อีกฝ่ายตกปากรับคำนั้นไม่ใช่เพียงคำพูดพล่อยๆที่ต้องการพูดเพื่อแกล้งแหย่เขาแต่เขาอยากให้ภวินท์ทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้จนจมูกคมชนกับจมูกของนทีรินเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดกันและกันทำให้นทีรินรู้สึกตัวและพยายามขยับออกห่าง

 

“ก.. ก็ดีแล้วครับ -- ปล่อยผมได้หรือยังล่ะครับ ผมจะได้ไปโทรฯหาอากงสักที”

 

นทีรินขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งที่กักกันเขาไม่ให้ออกไปได้แต่ไม่เป็นผลเพราะภวินท์ไม่มีทีท่าจะยอมปล่อยตัวเขาเลย นทีรินถอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับคนขี้แกล้ง

 

“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ผมทำตัวเป็นหลานที่ดีของอากง เพราะงั้นผมจะโทรฯหาอากงเอง ส่วนคุณ.. ก็มีหน้าที่อื่นที่จะต้องทำ” เสียงทุ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยบอกจนนทีรินทำหน้าฉงนใส่กลับไปอย่างไม่เข้าใจ

 

“หน้าที่อะไรครับ”

 

“คุณรู้ว่าหลานที่ดีต้องปฏิบัติตัวกับอากงยังไง แล้วคุณรู้หรือยังว่าภรรยาที่ดีต้องปฏิบัติตัวกับสามียังไง..”

 

นทีรินสะดุ้งตื่นตระหนกเมื่อร่างหนาลุกขึ้นมาคร่อมทับตัวเขาไว้ คำพูดเจ้าเล่ห์และแววตากรุ้มกริ่มที่ไล่สายตาไปทั่วร่างบางของนทีรินแบบนั้นมันยิ่งแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกลั่นแกล้งคนไม่มีทางสู้อย่างเขาอีกแล้ว

 

“คุณภพ! หยุดเลยนะครับ! หยุดแกล้งผมแบบนี้เสียที”

 

นทีรินโวยวายเสียงดังก่อนจะผลักร่างของสามีสุดแรงที่มีจนหลุดออกจากพันธนาการของอีกฝ่ายได้ ร่างบางหอบหายใจแฮกเพราะว่าการที่ต้องใข้แรงร่วมกับคนที่ตัวใหญ่กว่ามันทำให้เขาเสียพลังงานไปพอสมควรเลย 

 

“ก็ดูเหมือนคุณจะไม่รู้วิธีการเป็นภรรยาที่ดีผมก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง”

 

ภวินท์เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะอย่างพึงใจที่สามารถกลั่นแกล้งเขาได้ นทีรินกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจและขัดใจที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย ซ้ำยังถูกอีกฝ่ายหัวเราะเยาะอีกต่างหาก

 

“คุณเองก็ไม่รู้วิธีการเป็นสามีที่ดีเหมือนกันนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นโปรดอย่ามาเรียกร้องการเป็นภรรยาที่ดีจากผมเลย!” ร่างบางตอกกลับคนเป็นสามีด้วยความโมโห

 

ภวินท์เป็นคนขี้แกล้งที่น่าโมโหที่สุดเท่าที่ชีวิตเขาเคยเจอมาเลยจนร่างบางเหลือที่จะอดทนกับอีกฝ่ายแล้ว


                                                                                                 

 

บทสนทนาจบลงอยู่เพียงเท่านั้นนทีรินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีโดยไม่ได้ฟังคำพูดใดๆจากสามีอีกเลย ร่างบางย่นจมูกก่อนจะถอนหายใจหนักๆอย่างขัดใจเมื่อนึกไปถึงคำพูดถากถางแววตาล้อเลียนของอีกฝ่าย การกระทำที่ดูเหมือนหยอกล้อของภวินท์โดยที่เจ้าตัวคงไม่ตระหนักถึงจิตใจของเขาเลยว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นเขาเองที่อดเอ็ดตัวเองในใจไม่ได้ที่เผลอไผลไปกับการกระทำของสามี

 

 


แล้วเขาต้องห้ามใจอย่างไรไม่ให้รู้สึกหวั่นไหวกับภวินท์มากไปกว่านี้…

 

 
To be continue

_____________________________________________________________________________________________


TALK WITH WRITER :: ช่วยด้วยค่าาาา มีคนใจร้ายลวนลามน้อง แง้ T^T แต่งเองก็อยากจะทุบพี่ภพแรงๆเลย คนอะไรใจร้ายขนาดนี้ยังมาทำน้องหวั่นไหวได้อีกแหน่ะ ฝากรีดเดอร์ทุบพี่ภพให้ด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2019 21:23:20 โดย yokindy »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #103 เมื่อ24-04-2019 21:08:47 »

พี่ภพน่าทุบมากกกก

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #104 เมื่อ24-04-2019 21:09:53 »

ทำไมพระเอกขี้แกล้งอย่างงี้ ไม่รักก็ปล่อยน้องไปเลย แมนๆหน่อยสิ :katai1:

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #105 เมื่อ24-04-2019 21:12:55 »

น้องนท โดนแกล้ง  :mew2:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #106 เมื่อ24-04-2019 22:51:33 »

ไปจัดการทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเองก่อนเถอะอิพี่ภพ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #107 เมื่อ24-04-2019 23:53:41 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #108 เมื่อ25-04-2019 00:06:15 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #109 เมื่อ25-04-2019 00:25:35 »

รอวันที่พี่ภพถุกเอาคืนอย่างสาสม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
« ตอบ #109 เมื่อ: 25-04-2019 00:25:35 »





ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๐ (24-4-62)
«ตอบ #110 เมื่อ25-04-2019 02:00:28 »

 o18 เหมือนพี่ภพจะเริ่มหลงรักน้องโดยไม่รู้ตัว
รอหัวเราะพวกปากแข็ง หัวดื้อ :laugh:

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #111 เมื่อ02-05-2019 21:34:50 »

บทที่ ๑๑



 
หลังจากกลับมาจากทริปเที่ยวจากเกาะหลีเป๊ะแล้วทุกอย่างก็กลับสู่เหตุการณ์ปกติก็คือนทีรินมีหน้าที่กลับมาดูแลและจัดการทุกอย่างภายในบ้านกิจจานนท์เช่นเคยซึ่งรวมไปถึงการดูแลเจ้าสัวพีระด้วยส่วนภวินท์ก็มีหน้าที่กลับไปทำงานที่เดอะแกรนด์ฯดังเดิม

 

ทุกอย่างในชีวิตดำเนินไปตามปกติแต่สิ่งที่ไม่ปกติสำหรับนทีรินในตอนนี้นั้นก็คงจะเป็นหัวใจของเขาเองที่มันเริ่มจะทรยศตัวเขาโดยการเผลอไปหวั่นไหวกับการกระทำของภวินท์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง จากที่เคยเมินเฉยต่อกันบัดนี้กลับใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยที่นทีรินแทบจะตั้งตัวไม่ทัน สายตาคมของอีกฝ่ายที่เคยมองเขาอย่างเย้ยหยันบัดนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนละมุนขึ้นจนเขาต้องหลบสายตาคู่นั้นไปเสียทุกครั้งเพราะมันมีผลต่อการเต้นของหัวใจเสียเหลือเกิน

 

นทีรินกำลังพยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับสามีตัวเองแต่ทำไมมันถึงทำได้ยากนัก ภวินท์เป็นคนที่มีผลต่อหัวใจของเขามาตลอดไม่ว่าจะเป็นในอดีตที่เขาสองคนยังดีๆกันอยู่หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่หัวใจของเขามันร่ำร้องตลอดว่าใครที่อยู่ในใจอย่างที่นทีรินไม่อยากจะยอมรับมันสักเท่าไร แต่อย่างที่เขาพูดกันคนเราคิดจะโกหกใครก็ย่อมได้แต่ไม่สามารถโกหกหัวใจตัวเองได้

 

นทีรินลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของคนที่ทำให้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ร่ำไป อาการวิตกกังวลแปลกๆของหลานสะใภ้นั้นสร้างความแปลกใจให้เจ้าสัวพีระไม่น้อยเลย

 

“นท ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง”

 

ชายชราที่ถูกจัดท่าทางให้นั่งชันหัวเตียงอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์หลังใหญ่เอ่ยถามหลานสะใภ้ด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าหลังจากกลับจากเที่ยวหลานสะใภ้ไปพาเรื่องไม่สบายใจอะไรกลับมาด้วยหรือเปล่า

 

สิ้นคำถามและสีหน้าที่ดูเป็นกังวลของเจ้าสัวพีระนั้นทำให้นทีรินรีบเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างเพื่อไม่ให้ชายชราต้องเป็นกังวลตามตัวเอง

 

“สนุกดีครับอากง อากงหายไวๆนะครับนทจะได้พาไปเที่ยวบ้าง”

 

นทีรินคิดถึงเมื่อครั้งยังเด็กที่เจ้าสัวพีระพาเขา ภวินท์และคุณทิวาไปเที่ยวด้วยกัน ในตอนนั้นมันช่างมีความสุขจนแทบจะบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เพราะมันสุขจนล้นหัวใจจริงๆ ถ้าเลือกได้นทีรินก็อยากจะมีชีวิตที่มีความสุขเช่นเมื่อครั้งในอดีตพาผู้มีพระคุณของเขาคนนี้ไปเที่ยวบ้างแต่เหมือนมันจะสายเกินไปแล้ว

 

“อั๊วขอโทษนะที่ผ่านมาอั๊วเป็นภาระให้ลื้อมากเลย”

 

แววตาของชายชราหม่นแสงลงเล็กน้อย เขารู้ดีว่าการที่เขาให้นทีรินกับภวินท์แต่งงานกันมันก็เป็นการตัดสิทธิ์ของหลานทั้งสองคนโดยปริยาย เขาทำให้นทีรินหมดโอกาสในการใช้ชีวิตตามวิถีปกติของวัยรุ่นเพราะเมื่อนทีรินได้เข้ามาใช้นามสกุลกิจจานนท์ก็เท่ากับว่าจะต้องแบกภาระรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขามีความเชื่อว่าสักวันหนึ่งสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปทั้งหมดมันจะต้องเป็นผลดีต่อหลานทั้งสองคนแน่นอน

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับอากง อากงไม่เคยเป็นภาระของนทเลยนะ อากงคือคนสำคัญที่สุดของนทนะครับ”

 

นทีรินกุมมือเหี่ยวย่นของชายชราไว้แน่นดวงตาหวานซึ้งมีน้ำตาคลอหน่วยรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เขาไม่เคยคิดและไม่แม้แต่จะคิดว่าเจ้าสัวพีระคือภาระของตัวเอง กลับกันชายชราคนนี้คือผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตใหม่กับเขาในวันที่เขาแทบไม่เหลือใครในชีวิต เจ้าสัวพีระรักและดูแลเขาเปรียบเสมือนหลานแท้ๆถ้าสิ่งใดที่ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขนทีรินก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง

 

“ขอบคุณนะนท.. ขอบคุณลื้อมากๆ ขอบคุณที่ทำให้อั๊วรู้ว่าการที่อั๊วรักทิวามันไม่ใช่เรื่องผิด ขอบคุณที่ลื้อเป็นหลานที่ดีที่สุดของทิวา ขอบคุณที่ลื้อทำหน้าที่หลานสะใภ้ของกิจจานนท์ได้ดีที่สุด ลื้อจำไว้นะนท ลื้อไม่ใช่แค่หลานสะใภ้ของอั๊วแต่ลื้อคือครอบครัวของอั๊ว”

 

ชายชราเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มบางๆในความรู้สึกซาบซึ้งใจ นทีรินเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยมองว่าความรักของเขาและทิวาเป็นเรื่องผิดธรรมชาติอย่างที่คนอื่นมอง นทีรินในสายตาของเจ้าสัวพีระคือเด็กตัวเล็กๆที่ดูเหมือนจะอ่อนแอแต่ที่จริงแล้วจิตใจของเด็กคนนี้ช่างยิ่งใหญ่และเข้มแข็งนัก นทีรินไม่เคยย่อท้อและยอมแพ้ให้เขาเห็นเลยสักครั้งเดียวไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาคิดไม่ผิดเลยที่ให้นทีรินเข้ามาเป็นคนในครอบครัวของเขา

 

“นททำทุกอย่างเพื่ออากงครับ อะไรที่ทำให้อากงมีความสุขนทยอมทุกอย่างครับ”

 

หลานสะใภ้เอ่ยบอกด้วยเสียงหนักแน่นที่ออกมาจากใจจริงๆ การกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั้นคือสิ่งที่นทีรินถูกสั่งสอนให้ยึดถือมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากสิ่งใดที่เจ้าสัวพีระมีความสุขเขายอมทำตามทุกอย่างไม่ใช่แค่เพราะเขากตัญญูต่ออีกฝ่ายเท่านั้นแต่มันเป็นเพราะเขารักและเคารพเจ้าสัวพีระเหมือนคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขา

 

สิ้นเสียงคำพูดของนทีรินนั้นก็ไม่ได้คลายความกังวลของเจ้าสัวพีระเท่าใดนัก อาจเพราะสีหน้าของหลานสะใภ้มันหม่นหมองเหมือนคนไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดถึงเพียงนี้

 

“อยากให้อั๊วมีความสุขแล้วทำไมลื้อถึงดูไม่ค่อยมีความสุขเลยล่ะ”

 

“นท..” คำพูดของเจ้าสัวพีระทำนทีรินชะงักไปไม่น้อยเลย แต่ไม่ทันได้ตอบอะไรชายชราก็ถามขึ้นมาก่อน

 

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

 

เจ้าสัวพีระทราบดีว่าการที่นทีรินและภวินท์ได้กลับมาพบกันอีกครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของหลานทั้งสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อาจเพราะเหตุผลและทิฐิหลายๆอย่างที่ทั้งสองคนมี อีกทั้งยังรวมไปถึงสิ่งที่เขาร้องขอจากหลานทั้งสองอีก เขารู้ว่ามันทำให้หลานๆอึดอัดแต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้นทีรินไม่มีความสุขถึงเพียงนี้

 

“เปล่าครับอากง นทสบายดีครับ.. จริงๆนะครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกเสียงหนักแน่นพร้อมย้ำแน่ชัดเพื่อให้เจ้าสัวพีระคลายความกังวล เขาอดเอ็ดตัวเองในใจไม่ได้ที่เผลอแสดงความทุกข์ใจที่มีออกมาให้เจ้าสัวพีระได้พลอยกังวลไปด้วย

 

“ถ้าลื้อว่าอย่างนั้นอั๊วก็เชื่อลื้อ”

 

เจ้าสัวพีระยิ้มบางตอบแต่ภายในใจเขารู้ว่าหลานสะใภ้กำลังโกหกเขาเพื่อให้เขาสบายใจขึ้น

เพราะเสียงย้ำหนักแน่นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแบบที่เจ้าตัวแสดงต่อเขาเป็นประจำไม่ได้ทำให้เจ้าสัวพีระคลายกังวลตามแต่อย่างใดแต่ก็เลือกที่จะเชื่อคำโกหกของหลานสะใภ้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดที่ทำให้เขาไม่สบายใจไปด้วย

 

“เดี๋ยวนทอ่านหนังสือให้ฟังนะครับ”

 

นทีรินอ่านหนังสือธรรมะให้เจ้าสัวพีระฟังอย่างที่ทำเป็นกิจวัตร ชายชราชอบให้หลานสะใภ้อ่านหนังสือให้ฟังเพราะมันทำให้เขารู้สึกสงบจิตใจมากขึ้น และก็หวังว่าสักวันหนึ่งหากเขาหมดลมหายใจไปแล้วนั้นเขาจะได้จากไปแบบสงบๆและไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

 

ชายชรานอนฟังเสียงใสของหลานสะใภ้อ่านไปเรื่อยๆจนเกือบจะเคลิ้มหลับหากไม่ได้ยินเสียงใครสักคนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเสียก่อน

 

“สวัสดีครับอากง” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยพร้อมร่างปรากฏของหลานชายนั้นทำให้เจ้าสัวพีระพนักหน้ายิ้มรับเบาๆ

 

“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วได้ล่ะ บริษัทงานไม่ยุ่งเหรอภพ”

 

“ไม่ค่อยยุ่งครับ มีพวกน้องๆช่วยก็เบาแรงได้บ้างครับ” ภวินท์เอ่ยตอบอากงพร้อมรอยยิ้มส่งไปให้ชายชรา

 อย่างที่รู้กันเดอะแกรนด์ฯเป็นเหมือนระบบกงสีของทุกคนในตระกูลกิจจานนท์ซึ่งบัดนี้ได้ถูกถ่ายทอดให้แก่รุ่นหลานซึ่งเป็นรุ่นที่สามของตระกูลแล้ว ภวินท์และลูกพี่ลูกน้องก็ต่างกันช่วยจัดการบริหารในส่วนต่างๆตามหน้าที่และภาระรับผิดชอบของแต่ละคน แต่ภวินท์จะหนักกว่าคนอื่นหน่อยเพราะถือหุ้นในจำนวนที่มากกว่าผู้อื่นในตระกูล

 

“อืม ช่วยๆกันแบบนี้ก็ดีแล้ว”

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลานชายเอ่ยบอกแล้วเจ้าสัวพีระก็ยิ้มรับด้วยความโล่งใจที่ลูกหลานของเขาสามารถจัดหารและบริหารเดอะแกรนด์ฯให้เป็นไปในความเรียบร้อย เขาเชื่อมั่นในตัวของภวินท์ว่าหลานชายที่เขารักมากที่สุดจะไม่มีทำให้สิ่งที่เขาสร้างมาทั้งหมดต้องพังพินาศลงไป

 

“อากงหิวหรือยังครับ วันนี้ผมซื้อข้าวต้มปลาเจ้าที่อากงชอบมาฝากด้วยนะครับ”

 

ภวินท์นั่งลงข้างเตียงฝั่งเดียวกับนทีรินพลางเอ่ยบอกอากงพร้อมรอยยิ้ม เขาจำได้ว่าข้าวต้มปลาเจ้าดังเจ้านี้เป็นเจ้าที่อากงชอบทานมากๆและในสมัยที่เขายังเด็กอากงมักจะพาไปทานด้วยกันประจำ

 

หลังจากที่กลับมาจากทริปเที่ยวนั้นภวินท์ตระหนักถึงคำพูดของภรรยาอยู่ตลอดว่าเขาจะกระทำตัวเป็นหลานที่ดีของอากงในช่วงเวลาที่ท่านยังเหลือเวลาในชีวิตอยู่ เขาอยากจะใช้เวลาร่วมกับอากงให้ได้มากที่สุดก่อนที่ท่านจะหมดลมหายใจ

 

“ขอบใจมาก.. แต่วันหลังให้นททำให้อั๊วกินก็ได้ นทต้มข้าวต้มปลาไม่คาวดีน่ะ”

 

“จริงเหรอครับ สงสัยวันหลังผมต้องลองชิมบ้างนะครับว่าไม่คาวจริงหรือเปล่า” ภวินท์เอ่ยตอบอากงแต่สายตากลับมองตรงมาที่ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยแววตาล้อเลียน

 

“จริงสิ.. นทน่ะเขาทำอาหารดีๆให้อั๊วกินตั้งหลายอย่างแล้วนะ”

 

“ผมต้องช่วยสแกนก่อนสิครับ เกิดมีใครแถวนี้ทำอาหารให้อากงทานแล้วท้องเสียขึ้นมาผมจะได้รู้ตัวคนร้ายไงล่ะครับ”

 

ภวินท์เอ่ยบอกเสียงขันอย่างไม่จริงจังซึ่งนทีรินก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายคงจงใจพูดจากวนประสาทกลั่นแกล้งเขาอีกแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเจ็บใจไม่น้อยจนต้องแหวขึ้นมา

 

“นี่คุณกำลังกล่าวหาว่าผมทำอาหารไม่ดีให้อากงทานเหรอครับ”

 

“ผมยังไม่ได้พูดชื่อคุณเลยนะ ร้อนตัวเหรอ”

 

ภวินท์หัวเราะอย่างพึงใจที่กลั่นแกล้งภรรยาได้สำเร็จ แววตากรุ้มกริ่มปนล้อเลียนนั้นทำให้นทีรินยิ่งรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม ใบหน้าหวานยู่ขึ้นอย่างไม่พอใจที่คนปากเสียมากล่าวหาว่าเขาจะทำอาหารไม่ดีให้อากง

 

“อากงครับ…” เสียงหวานของนทีรินเอ่ยเรียกเป็นการฟ้องชายชราให้ช่วยเขาจากคนปากเสีย เจ้าสัวพีระหัวเราะหน่อยๆก่อนจะเอ่ยปรามหลานชายจอมขี้แกล้ง

 

“ภพ.. แกล้งน้องทำไมล่ะ”

 

ภวินท์มองหน้าภรรยาจอมขี้ฟ้องด้วยความขำขันปนเอ็นดู ตั้งแต่เมื่อไรภวินท์ก็ตอบตัวเองไม่ได้ที่เขาเลือกที่จะมองภรรยาด้วยสายตาเช่นนี้ จะเป็นเพราะอีกฝ่ายชอบทำตัวน่ารักแบบนี้กระมังสายตาของเขาที่มองอีกฝ่ายมันถึงได้เริ่มเปลี่ยนไป

 

สายตาคมจับจ้องไปที่ดวงหน้าของภรรยาอย่างไม่วางตาโดยที่อีกฝ่ายมองค้อนเขากลับอย่างงอนๆที่เขาไปกล่าวหาอีกฝ่าย

 

“เพราะน้องน่ารักมั้งครับ ผมเลยอยากแกล้ง” เอ่ยบอกโดยที่สายตาคมก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าหวานของภรรยาเลย

 

เสียงทุ้มนั้นทำให้นทีรินชะงักไปก่อนที่ใบหน้าหวานใสจะมีสีแดงพาดริ้วที่แก้มนวลทั้งสองข้างและมันก็ทำให้คนพูดพึงใจเป็นอย่างมากจนละสายตาจากความน่ารักของภรรยาไม่ได้เลย

 

เสียงหัวเราะของและการกระทำของภวินท์นั้นทำให้ชายชราแปลกใจไม่น้อยเลย แต่ความแปลกใจนั้นกลับสร้างความสุขและความสบายใจให้แก่ชายชราไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขารู้สึกว่าบรรยากาศของหลานชายและหลานสะใภ้นั้นมันเริ่มจะดีขึ้นอย่างที่เขาได้หวังไว้หรือเปล่า

 

“อากงหิวหรือยังครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามชายชราด้วยสายตาเลิ่กลั่กๆทำตัวไม่ถูกหลังจากได้ยินคำพูดแปลกๆจากสามี ร่างบางพยายาเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียการควบคุมจากการกระทำของสามีไปมากกว่านี้

 

“อืม ไปบอกเด็กยกข้าวขึ้นมาให้อั๊วกินเลยก็ได้” ชายชราเอ่ยตอบก่อนจะลอบยิ้มกับความเขินอายแสนน่ารักของหลานสะใภ้

 

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวนทไปบอกพี่นวลก่อนนะครับอากง”

 

นทีรินเอ่ยบอกพลางลุกขึ้นจะเดินไปข้างล่างโดยพยายามไม่มองคนข้างๆที่ส่งยิ้มล้อเลียนพร้อมสายตากรุ้มกริ่มล้อเขาอยู่ตลอด ภวินท์ลอบยิ้มก่อนจะคว้ามือบางของภรรยาไว้จนอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยจนต้องบิดมือออกจากมือใหญ่

 

“ไม่ต้องหรอกคุณ ผมบอกในครัวให้แล้ว คุณมานั่งเถอะจะได้ทานข้าวพร้อมอากงเลย”

 

สิ้นเสียงของสามีนทีรินก็เลิกคิ้วฉงนเล็กน้อยเพราะกำลังไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องเริ่มเข้าใจเมื่อเด็กรับใช้ได้ยกอาหารที่ภวินท์ซื้อมาจัดเรียงบนโต๊ะอาหารล้อเลื่อนสำหรับผู้ป่วย บนโต๊ะมีชามที่บรรจุข้าวต้มปลาเต๋าเต้ยที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายพร้อมกับข้าวที่เป็นเครื่องเคียง 2-3 อย่างวางเรียงมาด้วย นอกจากสำรับของเจ้าสัวพีระแล้วก็ยังมีสำรับสำหรับเขาและภวินท์ด้วย นทีรินนั่งลงข้างภวินท์ที่โต๊ะรับแขกภายในห้องของเจ้าสัวพีระที่บัดนี้ได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นโต๊ะกินข้าวไปเรียบร้อยแล้ว

 

นทีรินยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพที่ภวินท์ป้อนข้าวและดูแลอากงอย่างใกล้ชิด เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของอากงกับหลานชายที่ดังขึ้นมันทำให้นทีรินรู้สึกหัวใจพองโตไปด้วยความซาบซึ้งใจ ภาพที่เขาอยากจะเห็นมาตลอดระยะเวลาแปดปีบัดนี้มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และเขาก็ได้แต่หวังว่าทิฐิภายในใจของภวินท์ที่มีต่อเจ้าสัวพีระและเขามันจะลดลงจนหมดไปในวันใดวันหนึ่งเสียที

 

“อากงครับ ต่อไปนี้ผมกับนทจะมาทานข้าวพร้อมอากงทุกวันเลยนะครับ”

 

ภวินท์มองหน้าภรรยาที่นั่งอยู่เคียงข้างก่อนจะเอ่ยบอกชายชราพร้อมรอยยิ้มกว้างโดยที่มีรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายตอบกลับมาเช่นเดียวกัน

 

บรรยากาศแห่งความสุขได้อบอวลไปทั่วห้องของชายชรา รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าอันเหี่ยวย่นของชายชรา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขและเขาก็หวังอย่างยิ่งว่าหลานทั้งสองของเขาจะต้องมีความสุขแบบนี้ตลอดไปแม้แต่ในวันที่เขาได้จากไปแล้วก็ตาม

 

 
***

 ต่อข้างล่างค่ะ

 

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62) {ต่อ}
«ตอบ #112 เมื่อ02-05-2019 21:37:29 »

หลังจากวันนั้นภาพที่ภวินท์และนทีรินนั่งทานข้าวพร้อมเจ้าสัวพีระก็เป็นภาพที่ทุกคนในบ้านเห็นจนชินตาเสียแล้ว ความสนิทสนมและความใกล้ชิดที่เคยมีให้กันพร้อมกับความรู้สึกของภวินท์และนทีรินที่มีต่อกันและกันได้เริ่มแปรเปลี่ยนจนทั้งคู่แทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ บรรยากาศในบ้านกิจจานนท์ดูสดใสมากขึ้นไม่อึมครึมเหมือนครั้งที่ภวินท์กลับมาช่วงแรกๆ

 

แต่ต่อให้ตอนนี้ภวินท์จะไม่ร้ายกาจเหมือนเดิมแล้วแต่ความเจ้าเล่ห์และขี้แกล้งของเจ้าตัวก็ยังมีมากเหมือนเดิมจนนทีรินอ่อนใจจะต่อกรด้วย ภวินท์คงไม่รู้เลยว่าได้ทำให้นทีรินหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะมากเพียงใด ความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกทีโดยที่เขาต้านทานไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกัน

นทีรินนั่งถอนหายใจยาวกับความคิดที่หมุนวนภายในใจขณะที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาเล็กๆที่ตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ของบ้านกิจจานนท์ ลมเย็นอ่อนๆพัดโชยมารับกับกลิ่นดอกไม้ในสวนก็ไม่ได้ทำให้นทีรินผ่อนคลายเท่าที่เคยเป็น ซึ่งอาการแปลกๆของนทีรินไม่ได้รอดพ้นสายตาของพี่นวลไปได้ พี่เลี้ยงคนสนิทเดินตรงเข้ามาพร้อมถาดอาหารว่างที่ตั้งใจเตรียมมาให้คุณหนูอย่างที่ทำประจำ

 

“คุณหนูคะ..” พี่นวลเอ่ยเรียกคุณหนูที่ดูเหม่อใจลอยด้วยน้ำเสียงห่วงใยไม่น้อย

 

“ครับพี่นวล” นทีรินรับคำพี่เลี้ยงคนสนิท มือบางไปรับน้ำผลไม้ที่พี่นวลส่งมาให้พอดี

 

“กำลังดูอะไรอยู่คะ”

 

พี่นวลเอ่ยถามอย่างสนใจเมื่อเห็นนิตยสารออกแบบภายในของร้านอาหารวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะนอกจากนี้ยังมีแท็บเล็ตที่หน้าจอแสดงรูปภาพร้านอาหารอยู่มากมายที่นทีรินเสิร์ชค้างทิ้งไว้

 

“อ๋อ นทกำลังดูพวกดีไซน์ร้านอาหารอยู่น่ะครับ -- พี่นวลคิดว่าถ้านทจะตกแต่งร้านเป็นสไตล์ Casual Dining แบบประมาณนี้ดีไหมครับ” นทีรินหยิบแท็บเล็ตชูขึ้นให้พี่เลี้ยงดูพลางถามความคิดเห็นอีกฝ่าย

 

เพราะนทีรินตั้งใจไว้แล้วถ้าหากวันใดที่เขาต้องออกจากบ้านกิจจานนท์ไป สิ่งที่เขาจะทำเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองนั้นก็คือการเปิดร้านอาหารตามที่เขาใฝ่ฝันไว้มาตั้งแต่เด็ก

 

“สวยมากค่ะคุณหนู ดูเรียบๆแต่หรูหราดีนะคะ”

 

พี่นวลรับมาดูใกล้ๆและเอ่ยชมเปราะเพราะแบบที่นทีรินให้ดูนั้นเป็นสิ่งที่เข้ากับอีกฝ่ายมากๆ นทีรินเป็นคนเรียบง่ายแต่ทว่าก็ดูดีมากเช่นเดียวกัน

 

“ใช่ครับ นทชอบสไตล์เรียบง่ายแต่ก็ดูหรูหราในคราวเดียวกัน ส่วนอาหารนทก็อยากให้เป็นอาหารไทยแต่จะตกแต่งให้เป็นสไตล์ฟิวชั่นน่ะครับจะได้น่าสนใจมากขึ้น”

 

“คุณทิวาเคยสอนพี่ด้วยนะคะว่า การที่คนเราทานอาหารดีๆที่มีการจัดตกแต่งที่สวยงามท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีและสบายตาจะทำให้เราเจริญอาหารยิ่งขึ้น”

 

พี่นวลเอ่ยบอกตามที่คุณทิวาเคยสอนตัวเองในครั้งที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ คุณทิวามักจะพร่ำสอนเขาเสมอเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายในบ้านรวมไปถึงการข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิตอีกด้วย

เมื่อนทีรินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบางๆส่งไปให้พี่เลี้ยงคนสนิท

 

“คิดถึงคุณปู่จังเลยนะครับพี่นวล ถ้าท่านยังอยู่ก็น่าจะดี”

 

“คุณทิวายังอยู่ในใจของพวกเราทุกคนเสมอนะคะคุณหนู”

 

“ครับพี่นวล นทก็เชื่อแบบนั้น”

 

 

พี่นวลลูบไปที่ไหล่บอบบางของคุณหนูเบาๆเป็นการปลอบโยน เพราะพี่นวลเชื่อว่าต่อให้ตอนนี้คุณทิวาจะจากไปแล้วแต่ท่านก็ยังอยู่ในใจของทุกคนอยู่เพราะเจ้านายของเขาเป็นคนดีทุกคนก็ย่อมรักท่านเป็นธรรมดา

 

นทีรินยิ้มกว้างก่อนจะชวนพี่นวลดูแบบของร้านอาหารต่อ ทั้งสองพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่สักพักหนึ่งก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อพบร่างคุ้นเคยปรากฏต่อหน้าที่มาพร้อมเสียงที่ดังลั่น

 

“ทำอะไรกันอยู่ครับ!”

 

“ว้ายแม่ร่วง!” พี่นวลอุทานดังอย่างตกใจ มือป้อมจับที่หัวใจอย่างโล่งใจเมื่อพบว่าคนที่มาแกล้งเธอและคุณหนูเป็นใคร

 

“ฮ่ะๆ สวัสดีครับพี่นวล” มือหนากระพุ่มไหว้พี่นวลอย่างนอบน้อมพร้อมกลั้วหัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งให้ทุกคนตกใจได้

 

“พี่เมฆอ่ะ!”

 

นทีรินแหวใส่คนขี้แกล้งเสียงดังจนนภทีป์หัวเราะขึ้นมาอีกระลอก นทีรินส่ายหัวให้กับความขี้แกล้งของรุ่นพี่คนนี้ที่มักจะแกล้งเขาเป็นเด็กๆอยู่เรื่อย

 

“ทำไมไม่โทรฯบอกนทล่ะครับว่าจะมา นทจะได้ทำขนมที่พี่เมฆอยากทานไว้รอ” นทีรินเอ่ยบอกรุ่นพี่จอมขี้แกล้งของตัวเอง เพราะเขายังติดคำสัญญาว่าจะทำขนมให้รุ่นพี่คนนี้ทานอยู่

 

“อยากเซอร์ไพร์สไงครับ” นภทีป์เอ่ยบอกรุ่นน้องอย่างอารมณ์ดี

 

“คุณเมฆนี่ขี้แกล้งเหมือนเดิมเลยนะคะ” พี่นวลเอ็ดอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะหัวเราะเบาๆ

 

“ฮ่ะๆ ผมไม่ได้ขี้แกล้งนะครับแค่ชอบทำให้คนอื่นตื่นเต้นเท่านั้นเองครับพี่นวล”

 

นภทีป์เอ่ยบอกพี่เลี้ยงของรุ่นน้องด้วยความสนิทสนม เพราะนภทีป์เป็นรุ่นพี่ของนทีรินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในคณะและสาขาเดียวกัน และก็ได้มีโอกาสมาเที่ยวเล่นที่บ้านนี้อยู่บ่อยครั้งจึงไม่แปลกเลยที่จะสนิทกับพี่นวล

 

“นี่ครับของฝากจากเกาหลี -- มีของพี่นวลด้วยนะครับ” นภทีป์ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในบรรจุไปด้วยของฝากจากประเทศเกาหลีใต้ที่เขาไปได้ทำธุรกิจอยู่ที่นั่นอยู่เป็นเดือนๆ

 

“ขอบคุณมากนะคะ มีของมาฝากตลอดเลยแต่คราวหลังไม่ต้องลำบากนะคะคุณเมฆ”

 

ความใจดีของนภทีป์ทำให้ทั้งพี่นวลและนทีรินนั้นเกรงใจไม่น้อยเลย เพราะแต่ไหนแต่ไรเวลานภทีป์มาเยี่ยมที่บ้านก็มักจะมีของฝากเล็กๆน้อยๆมาให้เป็นประจำ

 

“ลำบากอะไรกันครับพี่นวล แค่ของฝากเล็กๆน้อยๆพวกนี้สบายมากครับ” นภทีป์เอ่ยบอกด้วยความเต็มใจ

 

“เพิ่งมาถึง ขึ้นไปไหว้อากงก่อนไหมครับพี่เมฆ”

 

“ไปสิครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูพาคุณเมฆไปไหว้ท่านเจ้าสัวก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่จะไปเตรียมของว่างกับเครื่องดื่มไว้ให้ค่ะ”

 

พี่นวลเอ่ยบอกก่อนจะเดินแยกไปในครัวเพื่อเตรียมของว่าง นทีรินกับนภทีป์ก็แยกไปในบ้านเพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องของเจ้าสัวพีระ นภทีป์ไม่ได้มาที่นี่เสียนานตั้งแต่เรียนจบจนกระทั่งเจ้าสัวพีระล้มป่วย ได้กลับมาอีกครั้งเขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลย

 

นทีรินพานภทีป์เข้ามาภายในห้องนอนส่วนตัวของประมุขของบ้าน นภทีป์มีสีหน้าที่สลดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นชายชรานอนหลับลมหายใจแผ่วๆนิ่งเงียบสนิท เขามีความสนิทสนมกับเจ้าสัวพีระอยู่ในระดับหนึ่งเพราะว่าชอบไปงานประมูลของเก่าหายากด้วยกัน ในตอนนั้นเจ้าสัวพีระยังเป็นชายชราที่แข็งแรงอยู่มาก แต่มาวันนี้เขาต้องพบอีกฝ่ายในวันที่นอนป่วยอยู่แบบนี้นภทีป์ก็รู้สึกหดหู่ไม่น้อยเลย

 

“อากงครับ พี่เมฆมาเยี่ยมครับ”

 

นทีรินกระซิบข้างหูของชายชราด้วยเสียงที่เบาแต่ชัดเจน เจ้าสัวพีระค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆส่งไปให้เมื่อพบหน้าผู้มาเยี่ยม

 

“สวัสดีครับอากง” นภทีป์ยกมือกระพุ่มไหว้ด้วยความนอบน้อมก่อนจะทรุดลงนั่งข้างเตียงของชายชรา

 

“หายไปนานเลยนะเมฆ งานยุ่งเหรอ” เจ้าสัวพีระเอ่ยถามรุ่นพี่ของหลานสะใภ้อย่างสนิทสนมเพราะเขาเองก็ได้พบและพูดคุยกับนภทีป์อยู่บ่อยครั้ง

 

“ครับ ช่วงนี้กำลังขยายสินค้าส่งออกไปต่างประเทศครับก็เลยยุ่งมากไม่มีเวลามาเยี่ยมอากงเลยครับ”

 

“ไม่เป็นไรหรอก งานกำลังไปได้สวยก็ไปสนใจงานก่อนนั่นแหละถูกแล้ว”

 

เจ้าสัวพีระยิ้มเมื่อเห็นถึงความประสบความสำเร็จของนภทีป์ที่ฉายแววให้เห็นมานานแล้ว เขาเป็นนักธุรกิจที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากมายจึงไม่แปลกเลยที่จะมองเห็นแววของคนที่จะประสบความสำเร็จเฉกเช่นกับตัวเอง

 

“ครับ แล้วอากงเป็นยังไงบ้างครับ” นภทีป์เอ่ยถามด้วยความห่วงใย

 

“ก็เจ็บออดๆแอดๆตามประสานั่นแหละ ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง”

 

คำตอบที่เจ้าสัวพีระตอบออกมาไม่ได้มีความเศร้าเจือปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียวกลับกันกลับมีความขำขันอยู่เสียมากกว่าราวกับว่าไม่ได้กลัวความตายเลยสักนิด นภทีป์และนทีรินได้ยินก็ยิ่งรู้สึกสลดใจเพราะไม่ได้อยากสูญเสียเจ้าสัวพีระไป

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ อากงยังแข็งแรงอยู่ต้องหายไวแน่นอนครับ ถ้าอากงหายแล้วเราจะได้ไปงานประมูลด้วยกันอีกไงครับ” นภทีป์ให้กำลังใจเพราะเขาเองก็ยังอยากไปงานประมูลกับเจ้าสัวพีระเหมือนที่ผ่านมา

 

“อืม” เจ้าสัวพีระพยักหน้าให้ยิ้มๆ

 

“พี่เมฆรอไปงานประมูลกับอากงอยู่นะ อากงต้องหายไวๆนะครับ” นทีรินให้กำลังใจอีกแรงอย่างมีความหวังว่าในสักวันเจ้าสัวพีระจะหายดีแม้ความหวังมันน้อยนิดก็ตาม

 

“แล้วอากงชอบแจกันน้ำเต้าที่ผมประมูลมาให้ไหมครับ”

 

“ชอบมาก.. แต่คงแพงน่าดูเลยสิ วันหลังไม่เอาแล้วนะ นทมาฟ้องอั๊วอยู่ว่าโดนลื้อแกล้งประมูลตัดหน้าไปด้วยนะ” เจ้าสัวพีระเอ่ยบอกพลางกลั้วหัวเราะ

 

“ก็มันน่าฟ้องไหมล่ะครับอากง นทประมูลของนทอยู่ดีๆก็มาประมูลโก่งราคาซะสูงเชียวแล้วนทจะไปสู้ไหวได้ยังไงครับ” คนโดนแกล้งยู่ปากใส่งอนๆจนนภทีป์หัวเราะชอบใจที่แกล้งรุ่นน้องได้สำเร็จ

 

“ฮ่ะๆ งั้นงานประมูลคราวหน้า พี่จะต่อให้นทประมูลของให้เสร็จก่อนแล้วพี่ค่อยประมูลดีไหมครับจะได้หายเคืองพี่สักที”

 

“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วครับ ฮ่ะๆ”

 

เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเสียงหัวเราะผสมโรงกันดังขึ้นทั่วห้องชายชราทำให้ผู้มาใหม่ที่ยืนฟังอยู่สักพักนั้นรู้สึกอารมณ์เริ่มขุ่นมัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงถอนหายใจหนักๆก่อนจะขบกรามแน่นพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นไว้

 

สายตาคมจับจ้องไปยังภรรยาของตัวเองที่ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับชายอีกคนที่เขาเคยลั่นประกาศิตกับอีกฝ่ายไปว่าให้เลิกยุ่งกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธตอบมาต่อให้เขาไม่รู้ว่าคนทั้งคู่มีอะไรมากไปกว่าที่เห็นหรือไม่แต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดีที่นทีรินพาชายอื่นมาเหยียบจมูกเขาถึงที่แบบนี้และมันก็เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้

 

“ภพ กลับมาแล้วเหรอ” เสียงเจ้าสัวพีระเอ่ยดังขึ้นเมื่อร่างหลานชายปรากฏขึ้นต่อหน้าพร้อมกับที่ทุกคนหันมองภวินท์พอดี

 

“ขอโทษครับ ผมไม่ทราบว่าอากงมีแขกมาเยี่ยม” ภวินท์เอ่ยบอกอากงเสียงเรียบนิ่ง สายตาคมหันมองคนมาเยี่ยมก่อนจะหันกลับมาด้วยความนิ่งขรึมจนภายในห้องที่มีเสียงหัวเราะต่างนิ่งเงียบกันไปหมด

 

“ไม่เป็นไรๆ แล้วทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วนักล่ะ มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยไม่ใช่เหรอ”

 

“ปวดหัวนิดหน่อยครับอากง ก็เลยกลับมาพัก”

 

ภวินท์เอ่ยตอบตามความจริง วันนี้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรด้วยงานที่เครียดและค่อนข้างกดดันสะสมกันมาเป็นเวลาหลายวันมันก็ทำให้ร่างกายเขาอ่อนล้าได้ง่ายๆ

 

เจ้าสัวพีระพยักหน้ารับหลานชาย ภายในห้องเงียบสงัดจนนทีรินแอบรู้สึกอึดอัดจึงตัดสินใจพูดขึ้นมา

 

“เอ่อ.. นทขออนุญาติแนะนำนะครับ.. คุณภพ.. นี่คุณนภทีป์ครับเป็นรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยของผม -- ส่วนนี่คุณภวินท์ครับพี่เมฆเป็นหลานชายคนเดียวของอากงแล้วก็เป็น.. สามีของนทครับ”

 

นทีรินพยายามบังคับเสียงให้เป็นไปตามปกติเพื่อแนะนำสามีและรุ่นพี่ให้รู้จักกัน สายตาคมดุของภวินท์ที่มองมามันทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างไรชอบกล เพราะเขาทราบว่าภวินท์เอ่ยลั่นวาจาให้เขาเลิดคบหากับนภทีป์มาก่อนแต่ด้วยความที่เขาตระหนักเสมอว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำนั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดเขาก็ไม่รู้ว่าเขาต้องกลัวไปทำไม

 

“สวัสดีครับคุณภวินท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

 

นภทีป์ทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตามประสาคนอารมณ์ดีพร้อมยื่นมือออกไปค้างรอ ภวินท์จับมืออีกฝ่ายตอบก่อนตจะทักทายกลับด้วยเสียงที่เรียบนิ่งพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ติดทำเป็นประจำ

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนภทีป์ เรียกผมว่าภพก็ได้”

 

“ผมเคยซื้อซูเปอร์คาร์ที่บริษัทของคุณภพด้วยนะครับ รถที่บริษัทคุณภพนำเข้ามามีแต่รุ่นเจ๋งๆแล้วก็สวยทุกคันเลยนะครับ” นภทีป์ชวนคุยตามประสาคนที่มีนิสัยเป็นมิตรทั่วไป

 

“ถึงว่าทำไมผมถึงคุ้นๆรถของคุณ ที่แท้ก็เป็นลูกค้าของผมนี่เอง ถ้าผมรู้สักนิดว่าคุณเมฆเป็นรุ่นพี่ของนท ผมก็คงจะบริการคุณเมฆให้ดีกว่านี้” ภวินท์เอ่ยบอกพลางยิ้มรับ เขาคิดอยู่ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยซูเปอร์คาร์ยี่ห้อดังที่จอดอยู่ด้านล่างเหลือเกิน

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณภพอัพเดทผมเรื่องซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆก็เพียงพอแล้วครับ ผมยังมือใหม่อยู่น่ะครับสงสัยต้องรบกวนให้โปรเฟสชันแนลแบบคุณภพแนะนำให้บ้างแล้วครับ”

 

“ครับ ได้อยู่แล้ว.. ผมชอบนะครับเป็นมือใหม่แต่ก็ขวนขวายที่อยากจะเรียนรู้ เพราะลูกค้าบางคนที่ซื้อไปก็สักแต่ว่าจะขับให้ดูเท่ไปวันๆ”

 

ภวินท์เอ่ยบอกตามใจคิดเพราะมีไม่กี่คนหรอกที่ขับซูเปอร์คาร์เพราะความชอบและมีแพชชั่นในสิ่งนี้ บางคนก็ขับเพราะมีเงินซื้อแต่ไม่ใส่ใจจะดูแล

 

นภทีป์พยักหน้าเห็นด้วยและก็ได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นคนขอคำแนะนำจากภวินท์เรียบร้อย ภวินท์เองก็เต็มใจที่จะให้คำแนะนำเพราะต่อให้เขาไม่พอใจในตัวของนภทีป์เพราะเหตุผลบางอย่างที่ติดอยู่ในใจแต่เขาก็เป็นคนมีเหตุผลพอที่จะไม่เอามันมาปนกัน

 

การที่สามีและรุ่นพี่คุยกันได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆทำให้นทีรินโล่งใจไม่น้อยเพราะอย่างน้อยเขาก็สบายใจที่ภวินท์ไม่ได้แสดงท่าทีร้ายกาจใส่นภทีป์อย่างที่เขาเคยคิด

 

“วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะเมฆ” เจ้าสัวพีระเอ่ยชวนนภทีป์อย่างที่ทำประจำเวลาอีกฝ่ายมาเยี่ยมเยียน

 

“ผมก็กะว่าจะมาอาศัยฝากท้องที่นี่อยู่แล้วครับอากง คิดถึงกับข้าวฝีมือนทกับพี่นวลจะแย่อยู่แล้วครับ ฮ่ะๆ” นภทีป์เอ่ยบอกเสียงกลั้วหัวเราะ

 

“ถ้าอย่างนั้นพี่เมฆอยากทานอะไร รีเควสต์มาได้เลยนะครับ” นทีรินเอ่ยบอกรุ่นพี่พร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

“อะไรก็ได้ครับที่นททำพี่กินได้หมดทุกอย่าง” นภทีป์พูดเอาใจรุ่นน้องอย่างที่ทำประจำ

 

ทั้งนทีรินและนภทีป์พูดคุยกันเป็นไปตามธรรมชาติอย่างเช่นเคยรอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ทำให้มีอีกคนในห้องเริ่มจะไม่พอใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาหวานเป็นประกายเมื่อได้พูดคุยกับใครอีกคนที่ไม่ใช่เขา น้ำเสียงทุ้มหวานที่ถูกใช้กับใครที่ไม่ใช่เขา มันทำให้ภวินท์รู้สึกว่าเขากำลังหึงหวงอีกฝ่าย

 

ใช่ เขาหึงนทีรินและก็หึงมากๆแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้มันเลยเพราะอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ

 

“ผมขอตัวก่อนนะครับอากง ผมอยากนอนพัก” ภวินท์เอ่ยบอกเจ้าสัวพีระด้วยเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะสาวเท้าเตรียมเดินออกไป

 

“ไม่รอกินข้าวด้วยกันก่อนล่ะภพ แล้วค่อยไปนอนพัก” เสียงชายชราขัดขึ้นมาก่อนที่หลานชายจะเดินพ้นไปยังประตู

 

“ไม่เป็นไรครับอากง เดี๋ยวผมให้โต๋จัดอาหารไปให้ที่ห้อง” ภวินท์เอ่ยบอกโดยไม่หันมามองผู้ใดในห้องเลย

 

สิ้นคำพูดนั้นร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเลยว่ามีดวงตาหวานคู่หนึ่งมองตามไปอย่างห่วงใยเพียงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่สบาย

 

 
To be continue

___________________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: โอ๊ะโอ... มีใครบางคนกำลังหึงน้องอยู่น้าาาา สงสารดีไหมน้าาา 55555555555 พาพี่เมฆมาให้หายคิดถึงแล้วนะคะ บอกแล้วว่าเรื่องนี้พระเอกคือตัวร้าย ส่วนพระรองก็คือพระเอกที่แท้ทรู 5555555555


เจอกันตอนหน้านะคะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2019 21:58:31 โดย yokindy »

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #113 เมื่อ02-05-2019 21:57:14 »

เพราะทำนิสัยไม่ดีกับน้องไว้ตั้งแต่ต้น เลยไม่สงสารค่ะ  555555555

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #114 เมื่อ02-05-2019 22:00:37 »

หึงไปเลย สมน้ำหน้าา
เล่นหายไปดีนัก นทจะไปซี้หรือมีพี่คนใหม่ก็ไม่แปลก
รีบๆททำคะแนนคืนหล่ะ มัวแต่ทิฐิระวังเสียนทไปนะพี่ภพ
เตือนแล้วนะ!!!  :laugh:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #115 เมื่อ02-05-2019 22:18:59 »

สมน้ำหน้าอีภพ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #116 เมื่อ02-05-2019 22:21:33 »

 :pig4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #117 เมื่อ02-05-2019 22:47:10 »

พี่ภพก็ดีแต่ทำไรแบบนี้คะแนนไม่เคยจะมีแล้วยังจะมางอนอีก

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #118 เมื่อ02-05-2019 23:19:09 »

สมน้ำหน้าคุณภพ หมาหัวเน่าไปเลยย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #119 เมื่อ03-05-2019 00:08:14 »

ว้าวๆๆๆคนป่วยงอน  แต่จนมีคนสนใจไม๋นะ :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด