:: ๑๗ ::
อาบน้ำ
เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้เป็นแม่ด้วยความร่าเริง เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึงเป็นที่สุด เจ้าตัวน้อยนั่งนับวันรอเพื่อให้วันนี้มาถึงเสียที
“อันดาคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” เอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วขณะสวมกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น
“พ่อก็คิดถึงหนูมาก” ผู้เป็นพ่อหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันเลยนับตั้งแต่ฟื้นจากอาการเจ้าชายนิทรา
“นี่คุณพ่อจำหนูได้แล้วเหรอคะ” เด็กหญิงตัวน้อยถามด้วยความดีใจ และมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ยะ...ยังหรอกค่ะพ่อยังจำอะไรไม่ได้เลย” ต๋องพยายามแสดงสีหน้าเหมือนคนที่ยังสับสนทางความคิดอยู่เพื่อไม่ให้ไอร์สงสัย
“ว้าแย่จัง! น้องอันดาอุตส่าห์ดีใจ แต่ไม่เป็นไรนะคะ วันนี้น้องอันดาจะมาอยู่กับคุณพ่อทั้งวันเลย”
“จริงดิ พ่อดีใจที่สุดเลยรู้ไหมคะ” มือหนาทั้งสองข้างหยิกเบาๆ ที่แก้มนุ่มของลูกสาวอย่างหมั่นเขี้ยว
ไอร์มองท่าทีของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย รู้สึกได้ถึงความเป็นต๋องคนเดิมที่เคยหยอกล้อเล่นกับลูกสาวก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเขาคิดไปเอง เจ้าตัวส่ายศีรษะไปมาเพราะยิ่งคิดยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่
“น้องอันดาก็ดีใจที่สุดเลยค่ะ”
“วันนี้นอนค้างกับพ่อที่นี่นะ”
“ไม่ได้! อันดาต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนยายที่บ้าน” ไอร์รีบเอ่ยแทรกเข้าไปทันที เขาไม่มีทางให้อันดานอนที่นี่แน่นอน นั่นเพราะรู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าเสียจริงๆ พอลูกสาวมาทำเป็นกระดี๊กระด๊าซะเหลือเกิน แต่พอเห็นเขาเอาแต่ก่นด่าสารพัด
“ทำไมวะนี่ลูกสาวกู ทำไมจะให้นอนที่นี่ไม่ได้ ส่วนมึงเสร็จแล้วก็กลับไปหาแม่ซะ”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ไงวะ พูดไม่รู้เรื่อง” ทำหน้าดุใส่อีกคน
“ไหนมึงบอกจะตามใจกูไงล่ะ” ขุดเอาเรื่องเดิมที่เคยสัญญามาอ้าง
“ยกเว้นเรื่องนี้” เอ่ยอย่างไม่แคร์
“มึงไม่อยากให้ความทรงจำกูกลับมาเหมือนเดิมรึไงล่ะ ถ้ากูอยู่กับลูกมันอาจจะดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะเว้ย”
“โอเคๆ ก็ได้ แต่กูจะค้างด้วย” ต้องยอมอย่างจำใจ นี่ถ้าไม่ป่วยอยู่จะจัดการซะให้เข็ดหลาบเลยทีเดียว
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พูดแล้วก็ยักคิ้วและยิ้มกวนใส่อย่างเป็นต่อ
“เย้ๆ วันนี้เราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันสามคนเลย” เด็กหญิงอันดาดีใจยกใหญ่
“เดี๋ยววันนี้เราจะมาหัดเดินกันอีกนะ”
“เริ่มตอนนี้เลยไหมล่ะ กูมีกำลังใจแล้ววันนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวานแน่” พูดอย่างมั่นอกมั่นใจพร้อมกับมองหน้าลูกสาวตัวน้อย
“ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน และอย่าบ่นต่อหน้าลูกล่ะ”
“แน่นอน” เอ่ยแล้วหันไปหาลูกสาว “วันนี้น้องอันดาเป็นกำลังใจให้พ่อด้วยนะลูก”
“ค่ะคุณพ่อ น้องอันดาจะนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ เลย”
“สัญญาแล้วนะ” ต๋องชูนิ้วก้อยรอ
“สัญญาค่ะ” อันดายกนิ้วไปเกี่ยวก้อยกับผู้เป็นพ่อทันที
หลังจากนั้นไอร์ก็พยุงคนป่วยมาที่ลานห้องโถงเพื่อทำกายภาพบำบัด เป็นอีกครั้งที่เริ่มหัดเดินโดยไม่ใช้ราว วันนี้ดูเจ้าตัวตั้งใจขึ้นมากและไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเหมือนเมื่อวาน นั่นอาจเป็นเพราะได้กำลังใจจากลูกสาวตัวน้อยที่ส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ห่าง ทำให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง
“คุณพ่อสู้ๆ คุณพ่อสู้ๆ” เด็กหญิงตัวน้อยส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆ
ไอร์ยืนยิ้มรออยู่ตรงหน้าในระยะหลายเมตร นั่นเป็นเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้ในวันนี้ ต๋องมองหน้าคนรักแล้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดเพื่อเรียกพลังทั้งหมด วันนี้ล่ะเขาจะต้องทำให้ได้ หากเดินไปถึงคนๆ นั้นได้จะกอดไม่ยอมปล่อยเลยคอยดู
“กูจะรอมึงอยู่ตรงนี้ มึงเดินมาหากูนะ” เอ่ยกับคนที่ยืนนิ่งพร้อมจะเดินหน้ามาหา
“คุณพ่อต้องทำได้แน่นอนค่ะ” เสียงเชียร์จากลูกสาวยังคงดังแว่วมาอยู่ตลอดเวลา
ต๋องค่อยๆ ก้าวขาเดินไปด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ ขาที่เคยก้าวอย่างไม่มั่นคง ตอนนี้กลับเริ่มนิ่งและเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ทีละก้าว และในที่สุดก็มายืนตรงหน้าคนรักได้สำเร็จก่อนจะยิ้มให้
“เย้!!!” ลูกสาวตัวน้อยที่นั่งเชียร์อยู่นั้นตะโกนลั่นด้วยความดีใจ
“มึงทำได้แล้ว” ไอร์ยิ้มให้คนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“แต่ตอนนี้กูเมื่อยขาแล้ว” เอ่ยแค่นั้นแล้วโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น เพื่อผ่อนคลายความเมื่อล้า
“นี่แผนมึงป่ะ มาแต๊ะอั๋งกูเนี่ย” แม้จะพูดออกมาอย่างนั้นแต่ก็ยอมยืนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายกอดไว้
“เปล่ากูเมื่อยขาจริงๆ พากูไปนั่งหน่อยสิ” ผละจากอ้อมกอดแล้วเปลี่ยนเป็นกอดคอเอาไว้แทน
“เดินระวังๆ ล่ะเดี๋ยวจะล้มเอา” เอ่ยขณะพยุงอีกฝ่ายเดินมานั่งที่โซฟา
เด็กหญิงตัวน้อยมองพ่อกับแม่แล้วยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะเดินตามหลังไปนั่งข้างผู้เป็นพ่อ
“คุณพ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ”
“เพราะได้กำลังใจจากหนูไง”
“ไม่ใช่แค่น้องอันดาซะหน่อย แต่เพราะคุณแม่ด้วย อันดารู้หรอกน่าว่าคุณพ่อแกล้งไปกอดคุณแม่” เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างรู้ทัน
“พ่อจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะ แม่ของลูกน่ากอดซะที่ไหนกัน”
“ต่อไปมึงก็ห้ามมากอดกูอีกถ้าปากจะหมาอย่างนี้” คำพูดแต่ละคำทำเอาเจ้าตัวถึงกับปรี๊ดแตก คนอะไรยิ่งนานวันยิ่งปากหมาเข้าไปใหญ่
“มึงนั่นล่ะห้ามมาอ่อยกูเด็ดขาด มึงก็รู้ว่าตอนนี้กูสนใจมึงซะที่ไหนกัน” พูดแล้วยกยิ้มใส่
“ว่าแต่กูหลงตัวเอง มึงเองก็เหมือนกันล่ะวะ” เบ้หน้าใส่ทันทีหลังจากพูดจบ
“หยุดทะเลาะกันได้แล้วค่ะ น้องอันดาหิวแล้ว”
“ลืมไปเลยว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ไปอุ่นกับข้าวที่ยายทำมาให้ก่อน ลูกอยู่ดูแลคุณพ่อนะ”
“ค่ะคุณแม่”
“มึงดูแลลูกด้วยล่ะ”
“เออๆ ไปเถอะกูเองก็เริ่มหิวแล้ว”
ไอร์เดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงให้กับคนทั้งสอง ส่วนต๋องและลูกสาวก็นั่งดูทีวีรอ
“น้องอันดาคะ” ต๋องเอ่ยกับลูกสาวขณะเจ้าตัวเล็กกำลังสนใจมองหน้าจอทีวีอยู่ตรงหน้า
“คะคุณพ่อ” เจ้าตัวเล็กหันหน้ามามองทันที
“คุณพ่อมีความลับจะบอก”
“ความลับอะไรคะบอกมาเร็วๆ น้องอันดาอยากรู้จะแย่แล้ว” เจ้าตัวเล็กดูท่าทางตื่นเต้น
“พ่อจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว พ่อจำเรื่องราวเกี่ยวกับน้องอันดาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ” ต๋องบอกกับลูกสาวตัวน้อย
“คุณพ่อไม่ได้โกหกใช่ไหมคะ เย้!!!” เด็กหญิงอันดาลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ ทำให้ต๋องยิ้มตามอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไป
“อันดาจะไปไหนลูก!”
“น้องอันดาจะไปบอกคุณแม่ค่ะ” เอ่ยหน้าตาใสซื่อ
“กลับมานี่ก่อนเร็ว” กวักมือเรียกลูกสาว
อันดาทำหน้างงเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย
“เรื่องนี้น้องอันดาสัญญาว่าจะไม่บอกคุณแม่ได้ไหม”
“ทำไมล่ะคะคุณพ่อ ถ้าคุณแม่รู้คงจะดีใจที่สุดเลย”
“พ่อจะเป็นคนบอกกับแม่เอง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อันดาเข้าใจใช่ไหมลูก” ต๋องพยายามพูดให้ลูกสาวเข้าใจในสิ่งที่ต้องการ
“เข้าใจค่ะคุณพ่อ”
“ถ้างั้นเราต้องช่วยพ่อนะ”
“ช่วยยังไงคะ”
“อันดาต้องอ้อนคุณแม่มาค้างกับพ่อบ่อยๆ เข้าใจไหมลูก”
“เข้าใจค่ะคุณพ่อ น้องอันดาจะช่วยคุณพ่อเอง” เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มแก้มป่องด้วยความเข้าใจ
“ดีมากลูกรักถ้างั้นเรารอคุณแม่อยู่ที่นี่ล่ะ สักพักก็คงมาแล้ว” ว่าแล้วก็อุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งข้างๆ กอดเอาไว้ รอให้ไอร์มาเรียกไปทานข้าวอีกที
ไม่นานหลังจากนั้นคุณหมอสุดหล่อก็เดินออกมาจากครัว เมื่อเห็นสองพ่อลูกนั่งกอดกันดูทีวีอย่างมีความสุขก็อดยิ้มไม่ได้
“มาทานข้าวกันได้แล้วสองพ่อลูก” เดิมยิ้มเข้ามาหา
“อย่าเสียงดังดิ” ต๋องจุ๊ปากเพราะกลัวว่าลูกสาวจะตื่น นั่งดูทีวีไปได้สักพักปรากฏว่าเจ้าตัวน้อยก็เผลอหลับไป
“ทำไมหลับเร็วจังลูกสาวคนนี้” ไอร์เดินเข้าไปหาแล้วมองหน้าลูกสาวก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
“ถ้างั้นเดี๋ยวกูจะยกมาให้มึงกินที่นี่ละกัน จะได้ดูอันดาไปด้วย”
“ขอบใจนะ”
“พูดคำนี้ก็เป็นเหรอวะ” ตั้งแต่มาช่วยดูแลนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้จากปากอีกฝ่าย
“กูไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้นสักหน่อย”
“เหรออ! ถ้างั้นก็หายงอนกูแล้วกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันสักทีสิวะ กูเหนื่อยจะตามใจมึงแล้วเนี่ย”
“ปากก็บอกว่ารักกูดูท่าจะไม่ใช่ซะแล้วมั้ง มาดูแลยังไม่ถึงเดือนก็ท้อซะแล้ว เฮ้อ..” พูดอย่างปลงๆ พร้อมกับส่ายหน้า
“มึงก็รีบจำอะไรให้ได้เร็วๆ สิวะ กูจะได้ไม่ต้องท้อ”
“จะยืนพูดอีกนานไหมเนี่ยกูหิวจะแย่แล้ว” พูดแล้วก็ลูบที่ท้องตัวเองปอยๆ สื่อว่าตอนนี้กำลังหิวเป็นที่สุด
“เออๆ รอแป๊บนึงละกันคุณชาย” เดินหน้าบึ้งไปในครัวทันที
ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุนั้นกลับยิ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย อีกไม่นานหรอกไอร์มึงจะได้รู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน
*-*-*-*-*-*-*
เมื่อถึงช่วงเย็นไอร์ก็พาลูกสาวตัวน้อยขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอนแล้วลงมาข้างล่าง ก็เห็นเจ้าของบ้านนั่งดูทีวีสบายใจเฉิบอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ฉิบหาย
“วันนี้พ่อกับแม่มึงไม่กลับบ้านหรอกเหรอ” ตั้งแต่เช้าแล้วที่ไม่เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ไอร์จึงถามด้วยความสงสัย
“วันนี้ท่านไม่มาค้างที่นี่เพราะรู้ว่ามึงจะคอยอยู่ดูแลกูทั้งคืนไงล่ะ”
“เรื่องทั้งหมดดูบังเอิญจังเลยเนาะ” เมื่อเหตุการณ์มันบังเอิญจนเกินไปเจ้าตัวจึงพูดออกไปขำๆ
“อย่ามโนสิวะ” ว่าให้อีกฝ่ายก่อนจะหันไปเอ่ยกับลูกสาวสุดที่รัก “อันดามาหาพ่อสิลูก”
เจ้าตัวน้อยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย ต๋องกอดลูกสาวเอาไว้แน่นแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างสลับไปมา
ฟอดด!!!
“ตัวหอมจังเลย”
“คุณแม่ทาแป้งให้น้องอันดาค่ะ ถ้าคุณพ่ออยากตัวหอมก็ให้คุณแม่ทาแป้งให้สิคะ”
“คุณพ่อไม่ใช่เด็กซะหน่อย คุณแม่คงไม่ทำอย่างนั้นให้แน่นอน” พูดแล้วปรายตามองอีกคน
“ใช่แล้วลูกคุณพ่อโตเป็นควะ...เอ่อ เป็นผู้ใหญ่แล้วทำเองได้ค่ะ” ไอร์บอกกับลูกสาว เกือบจะพลั้งปากด่าอีกฝ่ายต่อหน้าลูกเสียแล้ว
“ถ้างั้นคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำสิคะจะได้ไปนอนกัน”
“พ่อไปไม่ไหวน่ะสิลูกต้องมีคนช่วยพยุง” พูดกับลูกสาวแต่เหมือนตั้งใจให้อีกคนได้ยินและเห็นใจ
“ให้คุณแม่ช่วยสิคะ คุณแม่ช่วยพาคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำหน่อยสิคะ” อันดาส่งยิ้มให้พ่ออย่างรู้กัน แล้วหันไปบอกกับผู้เป็นแม่
“ได้ทีใช้แม่ใหญ่เลยนะเรา” ไอร์พูดขำๆ กับลูกสาว แล้วเดินไปพยุงตัวคนรักเดินขึ้นข้างบน
“ก็อันดาอยากให้คุณแม่ช่วยคุณพ่อนี่นา”
“ถ้ามึงไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวกูให้เด็กรับใช้มาช่วยก็ได้”
“อย่ามาทำเป็นเกรงใจรีบๆ ขึ้นไปเดี๋ยวจะได้นอนกัน”
“ยังไม่อาบน้ำจะชวนนอนแล้วเหรอวะ กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่าห้ามมานอนใกล้กู” พูดไปอย่างนั้นล่ะแต่ในใจกลับตรงกันข้าม
“เออกูรู้แล้วว่ามึงเกลียดและขยะแขยงกูแค่ไหน กูจะนอนให้ห่างๆ มึงเลย”
ไอร์พยุงคนป่วยขึ้นไปบนห้องนอนโดยมีลูกสาวถือตุ๊กตาตัวโปรดเดินตามหลังไป
เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้วต๋องก็พยายามเดินด้วยตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ ไอร์จ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาเพราะกลัวจะลื่นหกล้ม ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะหายช้าเข้าไปอีก
“อันดานั่งดูทีวีอยู่นี่ก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ไปดูคุณพ่อก่อน”
“ค่ะคุณแม่” ในที่สุดเจ้าตัวก็ทนไม่ไหว จึงบอกกับลูกสาวแล้วเดินไปหน้าห้องน้ำ
ต๋องรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงจึงไม่ได้ล็อกประตูห้องน้ำ ก่อนจะทำเป็นร้องโอดโอยเหมือนกับว่าเกิดอุบัติเหตุในนั้น
“โอ๊ย!”
“ต๋องมึงเป็นอะไรวะ!” ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เมื่อลองเปิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป
“โอยยย” แกล้งส่งเสียงร้องโอดโอยนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำในขณะเปลือยกายล่อนจ้อน
“มึงเป็นอะไรไหมวะ” แม้ว่าน้ำจากฝักบัวจะไหลลงมาเป็นสายแต่ไอร์ก็เดินตรงปรี่เข้าไปหา ก่อนจะพยายามพยุงตัวอีกคนขึ้น
“อย่าเพิ่งกูปวดขอนั่งก่อน” แกล้งทำเป็นบีบที่ต้นขาตัวเอง
พอตั้งสติได้ไอร์เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเปลือยกายอยู่ จากใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาทันที พร้อมกับเบนหน้าหนีไปอีกทาง
“แค่นี้ทนดูไม่ได้หรือไง” คนพูดยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ หากตอนนี้ไม่แกล้งความจำเสื่อมอยู่ล่ะก็จะจับกดให้หนำใจเลยทีเดียว
“กูไม่ชินอ่ะที่เห็นคนอื่นล่อนจ้อนอย่างนี้ มึงหายปวดรึยังก็จะได้ออกไปสักที”
“โอ๊ยย ยังเลยว่ะมันปวดหนึบๆ ตรงนี้อ่ะช่วยนวดให้หน่อย” ต๋องจับที่ต้นขาตัวเองเอาไว้พร้อมกับจับมืออีกฝ่ายมาช่วยนวด
ไอร์กล้าๆ กลัวๆ เพราะบริเวณนั้นมันอยู่ใกล้น้องชายซะเหลือเกิน ทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์บ้าๆ อย่างนี้ด้วยนะ รู้หรือเปล่าว่ามันน่าอายมากแค่ไหน
“เดี๋ยวกูนวดให้ละกัน” ว่าแล้วก็ออกแรงบีบเบาๆ แต่กลับเบนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะทนดูไอ้เจ้าน้อยชายของอีกฝ่ายที่มันกำลังพองตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ หากว่าต๋องไม่ได้ความจำเสื่อมอยู่ล่ะก็คงคิดว่านี่คือแผนของอีกฝ่ายแน่นอน
“อือออ ตรงนั่นล่ะดีขึ้นมากเลยว่ะ อาส์!!!” เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของอีกฝ่ายก็หันขวับมามองทันที เสียงนี่มันเริ่มไม่ใช่ล่ะ พอเห็นอย่างนั้นคนที่วางแผนร้ายก็เปลี่ยนเสียงทันที
“โอ๊ยย! ปวดว่ะแต่ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว”
“กูว่าออกไปข้างนอกก่อนดีไหม จะได้เอายามานวดให้”
“ไม่ๆ อยู่ในนี้ล่ะนวดอีกแป๊บก็น่าจะหายแล้ว อีกอย่างกูยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย” ใครจะยอมให้ออกไปล่ะกำลังได้ที่พอดีเลย
“ถ้างั้นเดี๋ยวกูอาบต่อให้เองจะได้ออกไปพร้อมกัน กูเองก็เปียกไปกับมึงแล้วเนี่ย” เพื่อตัดรำคาญไอร์จึงอาสาช่วยเพื่อจะได้ออกไปจากตรงนี้เสียที ใจมันเต้นแรงไม่ยอมหยุดเมื่อเห็นไอ้น้องชายของอีกฝ่าย มันไม่ยอมหดตัวลงเสียที
“โอเคๆ ก็ได้”
พูดเหมือนไม่ได้เต็มใจแต่จริงๆ แล้วข้างในกลับรู้สึกเต็มอิ่มมากเหลือเกิน