❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]  (อ่าน 46241 ครั้ง)

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หืมมมม.. อยากแซ่บ เรย.. หมอไอร์.. 55+
ต๋อง ถึงกะไปไม่ถูก.. 55+

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คุณแม่ไอซ์จัดเต็มไปเลยจ้า

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๖ ::
แผนลับ


การทำกายภาพบำบัดผ่านไปเกือบสัปดาห์ ทำให้ต๋องสามารถลุกขึ้นยืนทรงตัวเองได้แล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็ดีขึ้นตามลำดับ ต๋องเริ่มจะใจอ่อนขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังมีอารมณ์โมโหร้ายในบางครั้ง แต่ไอร์ก็ยังพยายามเอาอกเอาใจอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ แม้อาจจะต้องเด็ดขาดบ้างในบางครั้ง ก็เพื่อให้การทำกายภาพบำบัดครั้งนี้ได้ผลเร็วขึ้น

วันนี้จะเป็นการฝึกหัดเดินนอกราว หลังจากหลายวันก่อนฝึกการทรงตัวในราวจนมีความมั่นคงดีแล้ว คนป่วยพยายามเดินทีละก้าวอย่างช้าๆ โดยมีคนรักยืนดูแลอยู่ตรงหน้าคอยลุ้นให้กำลังใจ และพร้อมจะยื่นมือรับหากอีกฝ่ายล้มลง

“ค่อยๆ เดิน...ดีอย่างนั้นล่ะ”

“เมื่อไหร่กูจะเดินได้คล่องซะทีวะรำคาญฉิบหาย” เจ้าตัวพยายามก้าวขาและทรงตัวอย่างระมัดระวัง แต่อารมณ์กลับเริ่มฉุนเฉียวเพราะโมโหที่เดินได้ตะกุกตะกักเช่นนี้

“มึงจะบ่นหาสวรรค์วิมานอะไรวะ ใจเย็นๆ ดิเดี๋ยวก็คล่อง” เอ่ยพร้อมกับจ้องมองคนรักไม่วางตา เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะช่วยได้ทันการณ์

“มึงหุบปากไปเลย ไม่ได้เป็นอย่างกูนี่”

“เออๆ กูจะยอมหุบปากแต่มึงต้องพยายามเดินต่อนะเว้ย” ไอร์เบ้ปากใส่คนรักแล้วยืนมองอย่างเงียบๆ

“กูมะ..ไม่ไหวแล้วว่ะ” คนที่กำลังเดินอยู่เริ่มรู้สึกปวดที่บริเวณกล้ามเนื้อขา ทำให้เจ้าตัวก้าวขาแทบไม่ออก

“อีกสองก้าวสู้ๆ สิวะ” ไอร์ยืนลุ้นอยู่ตรงหน้า

“เออๆ กูจะพยายาม” แม้ร่างกายจะไม่ค่อยไหวแล้วแต่ต๋องก็พยายามตั้งใจเดินมาให้ได้ เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เหลือเกิน เขาอยากจะเดินได้เต็มทนแล้ว

“อีกนิดนึงจะถึงแล้ว”

“กะ...กู”

โครม!!!

พูดไม่ทันขาดคำร่างสูงก็ล้มคะมำ ไอร์เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้าไปรับตัวเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวล้มลงที่พื้นรองรับน้ำหนักตัวของอีกฝ่าย ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่เพียงเสี้ยว ดวงตาคมจ้องมองคนที่นอนอยู่ใต้ร่างอย่างเป็นห่วงกลัวว่าจะบาดเจ็บ ลมหายใจเป่ารดแก้มของกันและกันทำให้อุณหภูมิใบหน้าเริ่มสูงขึ้น สายตาที่จ้องมองกันทำให้เกิดแรงดึงดูดที่มากล้น ต๋องจึงโน้มใบหน้าลงไปลิ้มรสชาติความหอมหวานของริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง

“อื้อ” คนที่นอนอยู่ใต้ร่างส่งเสียงครวญครางในลำคอ เมื่อรสสัมผัสจากอีกฝ่ายช่างปลุกอารมณ์ได้มากเหลือเกิน

แม้ช่วงขาจะอ่อนแรงแต่ความสันทัดเรื่องการจูบยังคงเหมือนเดิม คนที่อยู่ใต้ร่างแทบจะขาดใจเพราะร่างสูงได้ตักตวงลมหายใจทั้งหมดอย่างไม่ให้ขาดตอน

“ถือว่าหายกันแล้ว” ร่างสูงเอ่ยหลังจากถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย

“มึงทำมากกว่านี้ก็ได้นะกูยอม” ไอร์ยิ้มกริ่มให้พร้อมกับใช้ลิ้นสากเลียวนที่ริมฝีปากบางยั่วยวนอีกฝ่าย

“แรด” ทำหน้าเหรอหราแล้วพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกเขินอายมากแค่ไหน

“ก็แรดแต่กับมึงเท่านั้นล่ะ”

พูดแล้วก็ลุกขึ้นมาพยุงตัวคนรักยืนขึ้น แล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟา ด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยที่บริเวณต้นขา ต๋องนั่งจึงนวดขาตัวเองอยู่เนืองๆ

“มึงปวดมากเลยเหรอ” ไอร์นั่งมองอย่างขัดลูกหูลูกตา

“ปวดสิวะไม่งั้นกูไม่นวดอย่างนี้หรอก”

ไอร์เดินไปหยิบยานวดมาแล้วนั่งลงที่พื้น จับขาของอีกฝ่ายมาวางพาดที่บริเวณหน้าตักของตัวเอง

“เดี๋ยวกูนวดให้”

“ไม่ต้องกูทำเอง”

“อย่าดื้อสิวะเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก” บีบยานวดแล้วเริ่มทาบริเวณกล้ามเนื้อขาอย่างตั้งใจ “อีกไม่นานเดี๋ยวก็เดินได้เองล่ะ มึงอย่าเพิ่งท้อละกัน เพราะขนาดกูโดนมึงด่าไม่เว้นแต่ละวันยังอดทนได้เลย” เอ่ยขณะก้มหน้าใช้มือเรียวนวดอย่างขะมักเขม้น

ต๋องนั่งเงียบมองอีกฝ่ายแล้วก็เผลอยิ้มออกมา เขาเทใจให้ไอ้เพื่อนรักคนนี้ไปหมดแล้ว แต่ก็ตั้งแง่ไปอย่างนั้นเพื่อให้อีกฝ่ายเอาใจมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“มึงไม่เหนื่อยเหรอวะที่ต้องมาดูแลกู” อยู่ๆ เจ้าตัวก็ถามออกมา

“กูบอกแล้วไงเพื่อมึงกูทำได้ทุกอย่าง” เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

“กูด่ามึงสารพัดแถมยังโมโหร้ายใส่เนี่ยนะ”

“มึงไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นใส่กูหรอก กูรู้ว่ามึงน่ะรักกูมาก”

“เหอะ! หลงตัวเองว่ะ” แยกเขี้ยวใส่แล้วหันไปอีกทางก่อนจะอมยิ้ม

“จริงๆ แล้ว ตอนมึงมาง้อกูกับลูกกูก็ด่ามึงไปเยอะเหมือนกันล่ะ พูดไปมึงก็คงจำไม่ได้”

“กูนี่นะไปตามง้อมึง” ชี้หน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินมา

“ก็เออสิ มึงตามมาง้อกูที่บ้านทุกวัน มารับมาส่งลูกไปโรงเรียน แถมยังถือช่อกุหลาบมาบอกรักกูทุกวันอีกด้วย ตอนนั้นกูก็ใจแข็งเหมือนมึงนี่ล่ะ ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกูจะยอมใจอ่อนตั้งแต่ครั้งแรกเลย ดีไม่ดีเราอาจจะได้ลูกคนที่สองไปแล้วก็ได้” พูดแล้วก็อยากย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีต

“เหอะ! ไม่ใช่ล่ะ” เจ้าตัวเบะหน้าทันที

“กูรู้ว่าพูดไปมึงก็ไม่เชื่อเพราะมึงจำไม่ได้ไง ยังไงกูก็จะพยายามทำให้มึงยอมรับกูกับลูกให้ได้ พรุ่งนี้อันดาจะมากับกูด้วย กูขอมึงเรื่องนึงเวลาอยู่กับลูกอย่าอารมณ์เสียเลยนะ” นวดขาเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา

“ได้ไม่มีปัญหา ยังไงซะอันดาก็เป็นลูกกู”

“อ้าว! พอเป็นอันดาทำไมมึงถึงยอมรับง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ หรือว่ามึงจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบรับโดยง่ายก็ยิ้มออกมาทันที เพราะนึกว่าความทรงจำเริ่มกลับคืนมา

“เปล่ากูยังจำอะไรไม่ได้เลย” พูดหน้าตาเฉยยิ่งทำให้คนที่ได้ฟังสงสัยเข้าไปใหญ่

“แล้วอะไรทำให้มึงยอมรับลูกได้ล่ะถ้างั้น”

“ก็นี่ไง” ต๋องยกโทรศัพท์มือถือขึ้นให้ดู

“โทรศัพท์มือถือเนี่ยนะ!”

“กูเห็นรูปที่เคยถ่ายกับอันดาไงก็เลยคิดว่าเด็กคนนี้คงจะเป็นคนที่กูเคยรักมาก เพราะในมือถือกูมีแต่รูปเด็กคนนี้เต็มไปหมดเลย” ต๋องเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือให้ดู

“แล้วรูปกูล่ะไม่มีเลยเหรอวะ”

“ไม่มีเลยว่ะ”

ไอร์ลืมคิดไปเลยว่าช่วงเวลานั้นกีดกันต๋องไม่ให้เข้าหาตัวเอง จะมีเวลาไหนที่จะได้ถ่ายรูปด้วยกันล่ะ แต่ยังไงซะเขาก็เป็นแม่ของลูก รับลูกได้แต่รับแม่ไม่ได้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

“อันดาเป็นลูกกูกับมึง รับลูกได้ทำไมจะรับแม่ไม่ได้วะกูงงกับมึงจริงๆ”

“ก็มึงมันเป็นตัวต้นเหตุไง มึงต้องง้อกูอีกนานๆ กูอาจจะยอมญาติดีกับมึงก็ได้ น้ำที่กูเสียไปรู้ป่ะมันมีค่ามากแค่ไหน อยู่ๆ ก็มารีดน้ำเชื้อกูซะงั้นไอ้เพื่อนเลว” ต๋องพูดอย่างเป็นต่อ เพราะรู้ว่ายังไงซะอีกฝ่ายก็ต้องมาที่นี่ทุกวัน

“ก็กูรักมึงไง หรือมึงจะให้กูไปเอากับใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นพ่อของลูก มึงเองก็ควรภูมิใจที่ได้กูและมีลูกกับกูไอ้เพื่อนชั่ว” ไม่ยอมโดนด่าเพียงฝ่ายเดียวแน่ ถึงจะยังความจำเสื่อมอยู่ก็เถอะแต่ก็อดไม่ไหวจริงๆ

“กูไม่ภูมิใจอะไรในตัวมึงเลย แต่สำหรับอันดากูกลับรู้สึกภูมิใจเพราะดูๆ ไปแล้วหน้าเหมือนกูมาก”

“ไม่ยุติธรรมเลยว่ะ แต่ก็เอาเถอะยังไงซะกูก็ไม่มีทางยอมแพ้ สักวันมึงจะต้องยอมรับกูเป็นเมีย”

“ทำให้ได้อย่างที่พูดละกันกูจะคอยดู”

“มึงคอยดูละกัน สักวันมึงจะต้องหลงกูจนหัวปักหัวปำ”

“หลงตัวเองไปป่ะวะ ไอ้อ่อนเอ๊ย!”

“ก็นิดหน่อยคนมันหน้าตาดี แต่ถ้ากูทำเต็มที่แล้วมึงยังไม่ยอมหายโกรธกูสักที กูก็จะ....” พูดแล้วหยุดมองหน้าอีกฝ่าย

“ก็จะอะไร?”

“ก็จะหาพ่อใหม่ให้อันดาไงล่ะ ในเมื่อมึงไม่ต้องการกูก็จะไม่ง้อ ถ้าไม่ยอมรับกูเป็นเมียอย่าหวังว่ากูจะให้มึงเจอกับอันดาอีก” เจ้าตัวพูดออกไปเล่นๆ เพราะถึงยังไงซะคนที่นั่งอยู่ก็คงไม่รู้สึกอะไร ดีซะอีกจะได้ให้มันรู้ไปเลย ว่าอย่างอนเยอะไม่งั้นอาจจะเสียทั้งเมียและลูกไปพร้อมกัน

“ไม่ได้นะเว้ยลูกกูจะมีพ่อใหม่ไม่ได้” ต๋องรีบพูดโต้กลับเสียงดังอย่างลืมตัว

“กูน้อยใจนะเนี่ยหวงลูกแต่ไม่หวงเมีย” พูดแล้วก็ทำแก้มป่องงอนอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าคงไม่มีทางมาง้อแน่นอน

“ถ้ากูยังจำอะไรไม่ได้มึงก็ห้ามมีใครเด็ดขาดกู...สงสารอันดา”

“ไอ้คนเห็นแก่ตัวถ้ามึงจำอะไรไม่ได้ตลอดไป กูไม่ต้องแห้งเหี่ยวตายหรอกเหรอวะไอ้ต๋อง” พูดประชดประชันออกไป

“ไม่รู้ล่ะถ้ามึงยังรักลูกก็อย่าเพิ่งไปมีคนอื่น” พูดแล้วก็เอนหลังลงบนโซฟาแล้วหลับตาลงทันที

“เออๆ ก็ได้ กูเห็นแก่อันดานะเว้ยกูจะยังไม่มีแฟนใหม่”

คนที่นอนหลับตาอยู่ยกยิ้มมุมปากทันที ส่วนไอร์ก็มองคนรักอย่างเหนื่อยใจ ที่จริงแล้วไม่ได้ท้อใจหรืออยากมีใครใหม่ทั้งนั้น แต่เพราะอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกหึงหวงอะไรบ้างไหม ดูท่าทางแล้วคงไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ก็ยังดีที่ยังยอมรับลูกสาวได้แล้ว ถึงแม้จะยังจำอะไรไม่ได้ก็ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้น

*-*-*-*-*-*-*



เย็นวันนั้นต๋องนั่งดูรูปที่เคยถ่ายกับลูกสาวแล้วยิ้มอยู่คนเดียว จนกระทั่งกานดาเดินเข้ามาเห็นและได้เอ่ยแซวลูกชาย ปกติอารมณ์ดีอย่างนี้ซะที่ไหนกัน

“วันนี้ทำไมลูกชายแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวมีอะไรพิเศษรึเปล่าน้า” เจ้าหล่อนเดินมาถึงแล้วนั่งลงข้างลูกชาย

“ผมดูรูปที่เคยถ่ายกับอันดาน่ะครับแม่” หันไปยิ้มให้ผู้เป็นแม่

“แล้วจำอะไรเกี่ยวกับลูกได้บ้างรึเปล่า ดูแล้วยิ้มอย่างนี้แม่แอบดีใจนะว่าเราจะจำอะไรได้ขึ้นมาบ้าง” กานดาภาวนาให้มันเป็นอย่างที่คิด เพราะนับวันลูกชายยิ่งอาการดีขึ้นเรื่อยๆ อยากให้รวมถึงเรื่องความทรงจำนี้ด้วย

“จริงๆ ผมจำเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้หมดแล้วครับ ตั่งแต่วันที่ได้เห็นรูปพวกนี้” ต๋องเปิดภาพนี้ดูเมื่อหลายวันก่อน แวบแรกที่เห็นทำให้ภาพต่างๆ ในความทรงจำ ที่เคยไปรับไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนฉายขึ้นในหัว และวันต่อมาก็พยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ แม้จะนวนปวดศีรษะจนต้องทานยาพาราเซตามอลเข้าไปหลายเม็ด แต่มันก็ถือว่าคุ้มที่ตอนนี้ภาพความทรงจำเหล่านั้นได้กลับคืนมาแล้ว

“ต๋องไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมลูก แม่ดีใจที่สุดเลย” กานดายิ้มกว้างด้วยความดีใจ พลันสวมกอดลูกชายทันที น้ำตาแห่งความปิติตื้นตันก็ไหลรินลงมาเป็นทาง

“ผมก็ดีใจครับที่ความทรงจำดีๆ ระหว่างผมกับลูกกลับคืนมาแล้ว” เจ้าตัวก็ยิ้มกว้างไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นแม่

“แล้วลูกบอกเรื่องนี้กับไอร์หรือยังล่ะ” ผละจากลูกชายก็เอื้อนเอ่ยออกมา

“ยังครับ...ผมยังไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้ไอร์รู้”

“ทำไมล่ะลูก ถ้าไอร์รู้คงจะดีใจมาก”

“จะว่าผมเหมือนเด็กเอาแต่ใจก็ได้นะครับ แต่ผมอยากให้ไอร์มาง้อและมาดูแลผมอย่างนี้อีกสักพัก มันมีความสุขที่สุด” เป็นแผนที่เขาคิดเอาไว้เมื่อวันก่อน

“ไอ้ลูกชายคนนี้ร้ายจริงๆ ระวังหนูไอร์จะท้อใจแล้วไปหาพ่อใหม่ให้อันดาซะก่อนนะ” กานดาพูดขู่ลูกชายเอาไว้

“ผมเองก็กลัวๆ เหมือนกัน วันนี้มันยิ่งพูดถึงเรื่องนี้อยู่ด้วย มันพูดเหมือนแม่เลยว่าจะหาพ่อใหม่ให้อันดาถ้าผมยังงอนไม่เลิก” พูดแล้วก็เสียวสันหลังเพราะคนอย่างไอร์ ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ ขนาดอยากมีลูกกับเขาเจ้าตัวยังลงทุนวางแผนจนสำเร็จ

“เห็นไหมล่ะผิดจากที่แม่พูดซะที่ไหนกัน เล่นตัวนักระวังจะร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ แม่ไม่ช่วยแล้วนะ” ชี้หน้าคาดโทษลูกชาย

“ครับแม่...แต่ผมมีอะไรจะให้แม่ช่วยอีกเรื่อง”

“จะให้แม่ช่วยอะไรล่ะ” กานดามองหน้าลูกชายด้วยความสงสัย

“ช่วย……..” เจ้าตัวเล่าถึงแผนการที่คิดเอาไว้เพื่อจะเซอร์ไพรซ์คนรัก

“ทำไมถึงได้ร้ายกาจอย่างนี้ลูกชายแม่ โอเคจ๊ะแม่จะช่วยเต็มที่เลย” ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการเจ้าชายนิทรามาหยกๆ จะคิดอะไรเด็ดๆ อย่างนี้ได้

“ขอบคุณครับ ผมรักแม่ที่สุดเลย” ว่าแล้วก็โผกอดผู้เป็นแม่ทันที

“แม่ก็รักลูกจ๊ะ”

ต๋องอยากขอบคุณทุกปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต ทำให้เจ้าตัวได้รู้จักกับคำว่าครอบครัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อกับแม่ที่ในอดีตอาจจะไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก แต่ตอนนี้ท่านทั้งสองต่างก็หมั่นมาดูแลมากขึ้นและให้กำลังในทุกๆ เรื่อง รวมถึงครอบครัวของต๋องเองที่แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ในอีกไม่ช้ามันจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุดเลยก็ว่าได้


ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
คุยอะไรกัน ~_~

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หืมมม.. อิต๋อง ร้ายกาจ..

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แผนเซอร์ไพรซ์ขอแต่งงานหรือป่าวว :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ติดใจการดูแลจากเมียล่ะซิท่า ระวังความแตกนะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนสะใภ้อะไรหว่า?

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ต๋องแกร้ายกาจมาก จำได้แล้วแกล้งไอร์ จะมีแผนอะไรอีก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แผนนี้มันต้องเด็ดดวงแน่ๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะทำอะไรกัน  :hao3:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ต๋องอย่าใจร้ายกับไอร์มากน้าาาา.

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๗ ::
อาบน้ำ


เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้เป็นแม่ด้วยความร่าเริง เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึงเป็นที่สุด เจ้าตัวน้อยนั่งนับวันรอเพื่อให้วันนี้มาถึงเสียที

“อันดาคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” เอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วขณะสวมกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น

“พ่อก็คิดถึงหนูมาก” ผู้เป็นพ่อหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันเลยนับตั้งแต่ฟื้นจากอาการเจ้าชายนิทรา

“นี่คุณพ่อจำหนูได้แล้วเหรอคะ” เด็กหญิงตัวน้อยถามด้วยความดีใจ และมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ยะ...ยังหรอกค่ะพ่อยังจำอะไรไม่ได้เลย” ต๋องพยายามแสดงสีหน้าเหมือนคนที่ยังสับสนทางความคิดอยู่เพื่อไม่ให้ไอร์สงสัย

“ว้าแย่จัง! น้องอันดาอุตส่าห์ดีใจ แต่ไม่เป็นไรนะคะ วันนี้น้องอันดาจะมาอยู่กับคุณพ่อทั้งวันเลย”

“จริงดิ พ่อดีใจที่สุดเลยรู้ไหมคะ” มือหนาทั้งสองข้างหยิกเบาๆ ที่แก้มนุ่มของลูกสาวอย่างหมั่นเขี้ยว

ไอร์มองท่าทีของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย รู้สึกได้ถึงความเป็นต๋องคนเดิมที่เคยหยอกล้อเล่นกับลูกสาวก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเขาคิดไปเอง เจ้าตัวส่ายศีรษะไปมาเพราะยิ่งคิดยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่

“น้องอันดาก็ดีใจที่สุดเลยค่ะ”

“วันนี้นอนค้างกับพ่อที่นี่นะ”

“ไม่ได้! อันดาต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนยายที่บ้าน” ไอร์รีบเอ่ยแทรกเข้าไปทันที เขาไม่มีทางให้อันดานอนที่นี่แน่นอน นั่นเพราะรู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าเสียจริงๆ พอลูกสาวมาทำเป็นกระดี๊กระด๊าซะเหลือเกิน แต่พอเห็นเขาเอาแต่ก่นด่าสารพัด

“ทำไมวะนี่ลูกสาวกู ทำไมจะให้นอนที่นี่ไม่ได้ ส่วนมึงเสร็จแล้วก็กลับไปหาแม่ซะ”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ไงวะ พูดไม่รู้เรื่อง” ทำหน้าดุใส่อีกคน

“ไหนมึงบอกจะตามใจกูไงล่ะ” ขุดเอาเรื่องเดิมที่เคยสัญญามาอ้าง

“ยกเว้นเรื่องนี้” เอ่ยอย่างไม่แคร์

“มึงไม่อยากให้ความทรงจำกูกลับมาเหมือนเดิมรึไงล่ะ ถ้ากูอยู่กับลูกมันอาจจะดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะเว้ย”

“โอเคๆ ก็ได้ แต่กูจะค้างด้วย” ต้องยอมอย่างจำใจ นี่ถ้าไม่ป่วยอยู่จะจัดการซะให้เข็ดหลาบเลยทีเดียว

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พูดแล้วก็ยักคิ้วและยิ้มกวนใส่อย่างเป็นต่อ

“เย้ๆ วันนี้เราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันสามคนเลย” เด็กหญิงอันดาดีใจยกใหญ่

“เดี๋ยววันนี้เราจะมาหัดเดินกันอีกนะ”

“เริ่มตอนนี้เลยไหมล่ะ กูมีกำลังใจแล้ววันนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวานแน่” พูดอย่างมั่นอกมั่นใจพร้อมกับมองหน้าลูกสาวตัวน้อย

“ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน และอย่าบ่นต่อหน้าลูกล่ะ”

“แน่นอน” เอ่ยแล้วหันไปหาลูกสาว “วันนี้น้องอันดาเป็นกำลังใจให้พ่อด้วยนะลูก”

“ค่ะคุณพ่อ น้องอันดาจะนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ เลย”

“สัญญาแล้วนะ” ต๋องชูนิ้วก้อยรอ

“สัญญาค่ะ” อันดายกนิ้วไปเกี่ยวก้อยกับผู้เป็นพ่อทันที



หลังจากนั้นไอร์ก็พยุงคนป่วยมาที่ลานห้องโถงเพื่อทำกายภาพบำบัด เป็นอีกครั้งที่เริ่มหัดเดินโดยไม่ใช้ราว วันนี้ดูเจ้าตัวตั้งใจขึ้นมากและไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเหมือนเมื่อวาน นั่นอาจเป็นเพราะได้กำลังใจจากลูกสาวตัวน้อยที่ส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ห่าง ทำให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง

“คุณพ่อสู้ๆ คุณพ่อสู้ๆ” เด็กหญิงตัวน้อยส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆ

ไอร์ยืนยิ้มรออยู่ตรงหน้าในระยะหลายเมตร นั่นเป็นเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้ในวันนี้ ต๋องมองหน้าคนรักแล้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดเพื่อเรียกพลังทั้งหมด วันนี้ล่ะเขาจะต้องทำให้ได้ หากเดินไปถึงคนๆ นั้นได้จะกอดไม่ยอมปล่อยเลยคอยดู

“กูจะรอมึงอยู่ตรงนี้ มึงเดินมาหากูนะ” เอ่ยกับคนที่ยืนนิ่งพร้อมจะเดินหน้ามาหา

“คุณพ่อต้องทำได้แน่นอนค่ะ” เสียงเชียร์จากลูกสาวยังคงดังแว่วมาอยู่ตลอดเวลา

ต๋องค่อยๆ ก้าวขาเดินไปด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ ขาที่เคยก้าวอย่างไม่มั่นคง ตอนนี้กลับเริ่มนิ่งและเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ทีละก้าว และในที่สุดก็มายืนตรงหน้าคนรักได้สำเร็จก่อนจะยิ้มให้

“เย้!!!” ลูกสาวตัวน้อยที่นั่งเชียร์อยู่นั้นตะโกนลั่นด้วยความดีใจ

“มึงทำได้แล้ว” ไอร์ยิ้มให้คนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“แต่ตอนนี้กูเมื่อยขาแล้ว” เอ่ยแค่นั้นแล้วโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น เพื่อผ่อนคลายความเมื่อล้า

“นี่แผนมึงป่ะ มาแต๊ะอั๋งกูเนี่ย” แม้จะพูดออกมาอย่างนั้นแต่ก็ยอมยืนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายกอดไว้

“เปล่ากูเมื่อยขาจริงๆ พากูไปนั่งหน่อยสิ” ผละจากอ้อมกอดแล้วเปลี่ยนเป็นกอดคอเอาไว้แทน

“เดินระวังๆ ล่ะเดี๋ยวจะล้มเอา” เอ่ยขณะพยุงอีกฝ่ายเดินมานั่งที่โซฟา

เด็กหญิงตัวน้อยมองพ่อกับแม่แล้วยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะเดินตามหลังไปนั่งข้างผู้เป็นพ่อ

“คุณพ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ”

“เพราะได้กำลังใจจากหนูไง”

“ไม่ใช่แค่น้องอันดาซะหน่อย แต่เพราะคุณแม่ด้วย อันดารู้หรอกน่าว่าคุณพ่อแกล้งไปกอดคุณแม่” เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างรู้ทัน

“พ่อจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะ แม่ของลูกน่ากอดซะที่ไหนกัน”

“ต่อไปมึงก็ห้ามมากอดกูอีกถ้าปากจะหมาอย่างนี้” คำพูดแต่ละคำทำเอาเจ้าตัวถึงกับปรี๊ดแตก คนอะไรยิ่งนานวันยิ่งปากหมาเข้าไปใหญ่

“มึงนั่นล่ะห้ามมาอ่อยกูเด็ดขาด มึงก็รู้ว่าตอนนี้กูสนใจมึงซะที่ไหนกัน” พูดแล้วยกยิ้มใส่

“ว่าแต่กูหลงตัวเอง มึงเองก็เหมือนกันล่ะวะ” เบ้หน้าใส่ทันทีหลังจากพูดจบ

“หยุดทะเลาะกันได้แล้วค่ะ น้องอันดาหิวแล้ว”

“ลืมไปเลยว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ไปอุ่นกับข้าวที่ยายทำมาให้ก่อน ลูกอยู่ดูแลคุณพ่อนะ”

“ค่ะคุณแม่”

“มึงดูแลลูกด้วยล่ะ”

“เออๆ ไปเถอะกูเองก็เริ่มหิวแล้ว”

ไอร์เดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงให้กับคนทั้งสอง ส่วนต๋องและลูกสาวก็นั่งดูทีวีรอ

“น้องอันดาคะ” ต๋องเอ่ยกับลูกสาวขณะเจ้าตัวเล็กกำลังสนใจมองหน้าจอทีวีอยู่ตรงหน้า

“คะคุณพ่อ” เจ้าตัวเล็กหันหน้ามามองทันที

“คุณพ่อมีความลับจะบอก”

“ความลับอะไรคะบอกมาเร็วๆ น้องอันดาอยากรู้จะแย่แล้ว” เจ้าตัวเล็กดูท่าทางตื่นเต้น

“พ่อจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว พ่อจำเรื่องราวเกี่ยวกับน้องอันดาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ” ต๋องบอกกับลูกสาวตัวน้อย

“คุณพ่อไม่ได้โกหกใช่ไหมคะ เย้!!!” เด็กหญิงอันดาลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ ทำให้ต๋องยิ้มตามอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไป

“อันดาจะไปไหนลูก!”

“น้องอันดาจะไปบอกคุณแม่ค่ะ” เอ่ยหน้าตาใสซื่อ

“กลับมานี่ก่อนเร็ว” กวักมือเรียกลูกสาว

อันดาทำหน้างงเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย

“เรื่องนี้น้องอันดาสัญญาว่าจะไม่บอกคุณแม่ได้ไหม”

“ทำไมล่ะคะคุณพ่อ ถ้าคุณแม่รู้คงจะดีใจที่สุดเลย”

“พ่อจะเป็นคนบอกกับแม่เอง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อันดาเข้าใจใช่ไหมลูก” ต๋องพยายามพูดให้ลูกสาวเข้าใจในสิ่งที่ต้องการ

“เข้าใจค่ะคุณพ่อ”

“ถ้างั้นเราต้องช่วยพ่อนะ”

“ช่วยยังไงคะ”

“อันดาต้องอ้อนคุณแม่มาค้างกับพ่อบ่อยๆ เข้าใจไหมลูก”

“เข้าใจค่ะคุณพ่อ น้องอันดาจะช่วยคุณพ่อเอง” เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มแก้มป่องด้วยความเข้าใจ

“ดีมากลูกรักถ้างั้นเรารอคุณแม่อยู่ที่นี่ล่ะ สักพักก็คงมาแล้ว” ว่าแล้วก็อุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งข้างๆ กอดเอาไว้ รอให้ไอร์มาเรียกไปทานข้าวอีกที



ไม่นานหลังจากนั้นคุณหมอสุดหล่อก็เดินออกมาจากครัว เมื่อเห็นสองพ่อลูกนั่งกอดกันดูทีวีอย่างมีความสุขก็อดยิ้มไม่ได้

“มาทานข้าวกันได้แล้วสองพ่อลูก” เดิมยิ้มเข้ามาหา

“อย่าเสียงดังดิ” ต๋องจุ๊ปากเพราะกลัวว่าลูกสาวจะตื่น นั่งดูทีวีไปได้สักพักปรากฏว่าเจ้าตัวน้อยก็เผลอหลับไป

“ทำไมหลับเร็วจังลูกสาวคนนี้” ไอร์เดินเข้าไปหาแล้วมองหน้าลูกสาวก่อนจะยิ้มที่มุมปาก

“ถ้างั้นเดี๋ยวกูจะยกมาให้มึงกินที่นี่ละกัน จะได้ดูอันดาไปด้วย”

“ขอบใจนะ”

“พูดคำนี้ก็เป็นเหรอวะ” ตั้งแต่มาช่วยดูแลนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้จากปากอีกฝ่าย

“กูไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้นสักหน่อย”

“เหรออ! ถ้างั้นก็หายงอนกูแล้วกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันสักทีสิวะ กูเหนื่อยจะตามใจมึงแล้วเนี่ย”

“ปากก็บอกว่ารักกูดูท่าจะไม่ใช่ซะแล้วมั้ง มาดูแลยังไม่ถึงเดือนก็ท้อซะแล้ว เฮ้อ..” พูดอย่างปลงๆ พร้อมกับส่ายหน้า

“มึงก็รีบจำอะไรให้ได้เร็วๆ สิวะ กูจะได้ไม่ต้องท้อ”

“จะยืนพูดอีกนานไหมเนี่ยกูหิวจะแย่แล้ว” พูดแล้วก็ลูบที่ท้องตัวเองปอยๆ สื่อว่าตอนนี้กำลังหิวเป็นที่สุด

“เออๆ รอแป๊บนึงละกันคุณชาย” เดินหน้าบึ้งไปในครัวทันที

ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุนั้นกลับยิ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย อีกไม่นานหรอกไอร์มึงจะได้รู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน

*-*-*-*-*-*-*



เมื่อถึงช่วงเย็นไอร์ก็พาลูกสาวตัวน้อยขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอนแล้วลงมาข้างล่าง ก็เห็นเจ้าของบ้านนั่งดูทีวีสบายใจเฉิบอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ฉิบหาย

“วันนี้พ่อกับแม่มึงไม่กลับบ้านหรอกเหรอ” ตั้งแต่เช้าแล้วที่ไม่เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ไอร์จึงถามด้วยความสงสัย

“วันนี้ท่านไม่มาค้างที่นี่เพราะรู้ว่ามึงจะคอยอยู่ดูแลกูทั้งคืนไงล่ะ”

“เรื่องทั้งหมดดูบังเอิญจังเลยเนาะ” เมื่อเหตุการณ์มันบังเอิญจนเกินไปเจ้าตัวจึงพูดออกไปขำๆ

“อย่ามโนสิวะ” ว่าให้อีกฝ่ายก่อนจะหันไปเอ่ยกับลูกสาวสุดที่รัก “อันดามาหาพ่อสิลูก”

เจ้าตัวน้อยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย ต๋องกอดลูกสาวเอาไว้แน่นแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างสลับไปมา

ฟอดด!!!

“ตัวหอมจังเลย”

“คุณแม่ทาแป้งให้น้องอันดาค่ะ ถ้าคุณพ่ออยากตัวหอมก็ให้คุณแม่ทาแป้งให้สิคะ”

“คุณพ่อไม่ใช่เด็กซะหน่อย คุณแม่คงไม่ทำอย่างนั้นให้แน่นอน” พูดแล้วปรายตามองอีกคน

“ใช่แล้วลูกคุณพ่อโตเป็นควะ...เอ่อ เป็นผู้ใหญ่แล้วทำเองได้ค่ะ” ไอร์บอกกับลูกสาว เกือบจะพลั้งปากด่าอีกฝ่ายต่อหน้าลูกเสียแล้ว

“ถ้างั้นคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำสิคะจะได้ไปนอนกัน”

“พ่อไปไม่ไหวน่ะสิลูกต้องมีคนช่วยพยุง” พูดกับลูกสาวแต่เหมือนตั้งใจให้อีกคนได้ยินและเห็นใจ

“ให้คุณแม่ช่วยสิคะ คุณแม่ช่วยพาคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำหน่อยสิคะ” อันดาส่งยิ้มให้พ่ออย่างรู้กัน แล้วหันไปบอกกับผู้เป็นแม่

“ได้ทีใช้แม่ใหญ่เลยนะเรา” ไอร์พูดขำๆ กับลูกสาว แล้วเดินไปพยุงตัวคนรักเดินขึ้นข้างบน

“ก็อันดาอยากให้คุณแม่ช่วยคุณพ่อนี่นา”

“ถ้ามึงไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวกูให้เด็กรับใช้มาช่วยก็ได้”

“อย่ามาทำเป็นเกรงใจรีบๆ ขึ้นไปเดี๋ยวจะได้นอนกัน”

“ยังไม่อาบน้ำจะชวนนอนแล้วเหรอวะ กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่าห้ามมานอนใกล้กู” พูดไปอย่างนั้นล่ะแต่ในใจกลับตรงกันข้าม

“เออกูรู้แล้วว่ามึงเกลียดและขยะแขยงกูแค่ไหน กูจะนอนให้ห่างๆ มึงเลย”

ไอร์พยุงคนป่วยขึ้นไปบนห้องนอนโดยมีลูกสาวถือตุ๊กตาตัวโปรดเดินตามหลังไป



เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้วต๋องก็พยายามเดินด้วยตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ ไอร์จ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาเพราะกลัวจะลื่นหกล้ม ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะหายช้าเข้าไปอีก

“อันดานั่งดูทีวีอยู่นี่ก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ไปดูคุณพ่อก่อน”

“ค่ะคุณแม่” ในที่สุดเจ้าตัวก็ทนไม่ไหว จึงบอกกับลูกสาวแล้วเดินไปหน้าห้องน้ำ

ต๋องรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงจึงไม่ได้ล็อกประตูห้องน้ำ ก่อนจะทำเป็นร้องโอดโอยเหมือนกับว่าเกิดอุบัติเหตุในนั้น

“โอ๊ย!”

“ต๋องมึงเป็นอะไรวะ!” ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เมื่อลองเปิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป

“โอยยย” แกล้งส่งเสียงร้องโอดโอยนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำในขณะเปลือยกายล่อนจ้อน

“มึงเป็นอะไรไหมวะ” แม้ว่าน้ำจากฝักบัวจะไหลลงมาเป็นสายแต่ไอร์ก็เดินตรงปรี่เข้าไปหา ก่อนจะพยายามพยุงตัวอีกคนขึ้น

“อย่าเพิ่งกูปวดขอนั่งก่อน” แกล้งทำเป็นบีบที่ต้นขาตัวเอง

พอตั้งสติได้ไอร์เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเปลือยกายอยู่ จากใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาทันที พร้อมกับเบนหน้าหนีไปอีกทาง

“แค่นี้ทนดูไม่ได้หรือไง” คนพูดยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ หากตอนนี้ไม่แกล้งความจำเสื่อมอยู่ล่ะก็จะจับกดให้หนำใจเลยทีเดียว

“กูไม่ชินอ่ะที่เห็นคนอื่นล่อนจ้อนอย่างนี้ มึงหายปวดรึยังก็จะได้ออกไปสักที”

“โอ๊ยย ยังเลยว่ะมันปวดหนึบๆ ตรงนี้อ่ะช่วยนวดให้หน่อย” ต๋องจับที่ต้นขาตัวเองเอาไว้พร้อมกับจับมืออีกฝ่ายมาช่วยนวด

ไอร์กล้าๆ กลัวๆ เพราะบริเวณนั้นมันอยู่ใกล้น้องชายซะเหลือเกิน ทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์บ้าๆ อย่างนี้ด้วยนะ รู้หรือเปล่าว่ามันน่าอายมากแค่ไหน

“เดี๋ยวกูนวดให้ละกัน” ว่าแล้วก็ออกแรงบีบเบาๆ แต่กลับเบนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะทนดูไอ้เจ้าน้อยชายของอีกฝ่ายที่มันกำลังพองตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ หากว่าต๋องไม่ได้ความจำเสื่อมอยู่ล่ะก็คงคิดว่านี่คือแผนของอีกฝ่ายแน่นอน

“อือออ ตรงนั่นล่ะดีขึ้นมากเลยว่ะ อาส์!!!” เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของอีกฝ่ายก็หันขวับมามองทันที เสียงนี่มันเริ่มไม่ใช่ล่ะ พอเห็นอย่างนั้นคนที่วางแผนร้ายก็เปลี่ยนเสียงทันที

“โอ๊ยย! ปวดว่ะแต่ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว”

“กูว่าออกไปข้างนอกก่อนดีไหม จะได้เอายามานวดให้”

“ไม่ๆ อยู่ในนี้ล่ะนวดอีกแป๊บก็น่าจะหายแล้ว อีกอย่างกูยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย” ใครจะยอมให้ออกไปล่ะกำลังได้ที่พอดีเลย

“ถ้างั้นเดี๋ยวกูอาบต่อให้เองจะได้ออกไปพร้อมกัน กูเองก็เปียกไปกับมึงแล้วเนี่ย” เพื่อตัดรำคาญไอร์จึงอาสาช่วยเพื่อจะได้ออกไปจากตรงนี้เสียที ใจมันเต้นแรงไม่ยอมหยุดเมื่อเห็นไอ้น้องชายของอีกฝ่าย มันไม่ยอมหดตัวลงเสียที

“โอเคๆ ก็ได้”

พูดเหมือนไม่ได้เต็มใจแต่จริงๆ แล้วข้างในกลับรู้สึกเต็มอิ่มมากเหลือเกิน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
พ่อต๋องแข็งแรงแล้วเหรอคะ แหม่

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อิต๋อง อิเจ้าแผนการ.. ชิ..
เด่วเหอะ ถ้าไอร์รุความจริงนะ ให้งอนยาวเรยยย...

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เจ้าแผนการจริงๆ555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รออ่านตอนความลับแตก ต๋องตายแน่  :hao3:

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โห..ต๋องระวังด้วยย
ความลับไม่มีในโลกนะ  :hao7:

รอติดตามนะจ้ะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
นางตอแหลลลลล

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
นี่ขนาดยังไม่หายดียังหื่นขนาดนี้

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คนเจ้าแผนการ!!!
ระวังเมียรู้ความจริงแล้วได้นอนนอกห้องนะ
 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ร้ายๆๆๆๆๆๆ5555

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ร้ายๆๆๆๆๆๆ5555

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๘ ::
แต่งงานกันนะ



หนึ่งเดือนต่อมา

ในที่สุดความพยายามในการทำกายภาพบำบัดก็ได้ผลเป็นอย่างดี ตอนนี้ต๋องเดินได้เป็นปกติดีแล้ว ทำให้หน้าที่ของไอร์ก็หมดลงตามไปด้วย แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังมาเยี่ยมเยียนที่บ้านทุกวันพร้อมกับลูกสาวตัวน้อย โดยยังไม่รู้ว่าคนรักจำเรื่องราวได้หมดแล้ว

“สวัสดีครับแม่” วันนี้ไอร์และลูกสาวมาบ้านถึงแต่เช้า ก่อนจะเจอผู้เป็นนายหญิงของบ้านนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง เจ้าตัวกวาดสายตามองหาใครบางคนที่ทุกครั้งจะนั่งอยู่บริเวณนี้

“สวัสดีค่ะคุณย่า” เจ้าตัวน้อยยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีจ๊ะไอร์ อันดามาให้ย่ากอดหน่อยสิลูก” ทักทายลูกสะใภ้แล้วก็หันมาเอ่ยกับหลานสาวตัวน้อย อันดารีบวิ่งเข้าไปให้ผู้เป็นย่ากอด ส่วนไอร์ยังคงมองหาคนรักอยู่ตลอดเวลา

“แล้วนี่ต๋องไม่อยู่เหรอครับแม่” เมื่อไม่เห็นก็เอ่ยถามอีกฝ่ายทันที

“ทานข้าวเช้าแล้วก็ขึ้นไปข้างบนเลยจ๊ะ”

“ถ้างั้นผมขอขึ้นไปหามันข้างบนนะครับแม่...อันดาไปหาพ่อกันลูก” เอ่ยเรียกลูกสาวทันที

“เดี๋ยวก่อนจ๊ะหนูไอร์แม่มีเรื่องจะพูดด้วย”

ไอร์ชะงักนิดหน่อยแล้วหันหน้ามามอง

“มีอะไรครับแม่”

“เมื่อคืนต๋องคุยกับแม่ว่าอยากจะแต่งงานจ๊ะ” กานดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกเสียที

ได้ยินอย่างนั้นไอร์ก็ยกยิ้มขึ้นมา เพราะมั่นใจว่าคนที่ต๋องอยากจะแต่งงานด้วยคงเป็นตัวเองแน่นอน เพราะช่วงเวลาหลายเดือนมานี้ดูแลไม่เคยห่าง แม้ความจำจะยังไม่กลับมาเหมือนเดิม แต่เชื่อมั่นว่าต๋องคงเข้าใจในตัวเขามากขึ้น

“จริงๆ เหรอครับแม่ ในที่สุดมันก็เห็นความดีของผม” เจ้าตัวยิ้มกว้าง

“มันไม่ใช่อย่างนั้นลูกคือว่า....” กานดานิ่งเงียบชั่วขณะ ไม่อยากเอ่ยประโยคทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย เพราะรู้ว่านี่คือแผนของลูกชาย

“คืออะไรครับแม่” มองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของกานดาไม่ค่อยสู้ดีนัก

“คนที่ต๋องจะแต่งงานด้วยไม่ใช่ไอร์หรอกนะลูก แต่เป็นหนูเบลคนที่แม่กับพ่อเคยหาไว้ให้น่ะ”

“อะ...อะไรนะครับ มันไม่จริงใช่ไหมครับแม่ ทำไมอยู่ๆ มันถึงได้ตัดสินใจปุปปับอย่างนี้ มันจำผมไม่ได้แต่จำคนอื่นได้อย่างนั้นเหรอครับ...ฮึก ฮือๆ” ประโยคที่ได้ยินเปรียบเสมือนใบมีดคมที่กรีดลงกลางใจ มันเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรากลงมาเป็นสาย ช่วงเวลาที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม ทำไมต้องเป็นเขาที่ต้องเสียใจและผิดหวังมาตลอด

“คุณแม่อย่าร้องนะคะ” อันดาจับมือผู้เป็นแม่เอาไว้แน่นพยายามให้กำลังใจ

“แม่พยายามห้ามแล้วแต่ต๋องก็ยังไม่ฟัง แม่เองก็เพิ่งรู้ว่าทั้งสองคนแอบคุยโทรศัพท์กันทุกเย็น ความสัมพันธ์ถึงได้มาไกลขนาดนี้” เรื่องที่เธอเล่ามามันคือสคริปท์ที่ลูกชายบอกเอาไว้ทั้งสิ้น

“ทำไมมึงถึงทิ้งกูกับลูกได้ลงคอไอ้ต๋อง กูผิดหวังกับมึงจริงๆ ฮือๆ” นั่งทรุดตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้เสียงดังอย่างหมดหวัง ที่จะได้มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ เขาโง่เองที่ยังจงรักภักดิ์ดีกับอีกฝ่ายมาตลอด จากนี้ไปอย่าได้เจอกันอีกตลอดชีวิตเลย

“คุณแม่อย่าร้องสิคะ แงๆ” เด็กหญิงอันดาร้องไห้กอดแม่เอาไว้แน่น

“ไอร์อย่าร้องสิลูกแม่ใจไม่ดีเลย แม่ขอโทษแทนต๋องด้วยนะ ลูกแม่มันไม่รักดี” กานดานั่งลงข้างๆ แล้วกอดลูกสะใภ้เพื่อปลอบใจ

“แม่ไม่ต้องขอโทษแทนมันหรอกครับ ผมผิดเองที่คิดว่าจะเปลี่ยนใจมันได้แต่ไม่ใช่เลย ผมฝากบอกมันด้วยนะครับว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อย่ามาให้ผมกับลูกเห็นหน้าอีกเด็ดขาด” เมื่อตั้งสติได้แล้วก็ฝากความไปถึงอีกคน ที่ตอนนี้คงจะนอนคุยกับผู้หญิงของตัวเองอยู่ข้างบนอย่างสบายใจ

ไอร์ลุกขึ้นยืนจูงมือลูกสาวไม่ให้ห่างกาย ก่อนจะพรูลมออกจากปากเพื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมา

“แม่ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลยจริงๆ” กานดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“แม่อย่าคิดมากเลยครับ ผมขอตัวกลับก่อน อ้อ...ถ้าแม่อยากเจออันดาก็ไปหาที่บ้านได้ทุกเมื่อเลยนะครับ แต่ห้ามพาไอ้คนเลวคนนั้นไปด้วยเด็ดขาด”

“ขอบใจไอร์มากนะลูกที่ยังไม่กีดกันแม่กับหลานทั้งที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้แล้ว”

“แม่ไม่ได้ผิดครับผมมีเหตุผลพอ แล้วก็ฝากไอ้นี่คืนมันด้วยครับ” พูดจบก็ถอดแหวนเพชรที่ต๋องเคยให้ไว้ตอนเกิดอุบัติเหตุยื่นคืนให้

“ไอร์เก็บไว้เถอะลูก” กานดาไม่ยอมรับคืน

“ไม่ครับแม่ ผมกับมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

เห็นความเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่ายกานดาก็ยอมรับมาโดยดี ไอร์ยกมือไหว้แล้วพาลูกสาวกลับบ้าน

“แม่ครับ” เมื่อเห็นลูกกับเมียออกจากบ้านไปแล้ว ต๋องก็ลงมาหาผู้แป็นแม่

“ลงมาได้แล้วเหรอไอ้ลูกชายตัวดี ทำแม่เสียผู้ใหญ่จริงๆ เลย” เอ็ดให้ลูกชายแล้วยื่นแหวนให้

“อ่ะ เอาคืนไป”

“แม่ว่าไอร์มันจะยอมแต่งงานกับผมไหมครับ” ถามด้วยความกังวลใจ เพราะเมื่อครู่เห็นน้ำตาของอีกฝ่าย รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดมากเหลือเกิน

“ถ้าเป็นแม่ไม่ยอมแต่งแน่นอน ทำเขาเสียใจซะขนาดนี้”

“แม่อ่ะ...ไม่ให้กำลังใจลูกชายเลยผมยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย”

“ก็จริงไหมล่ะ...ยิ่งเห็นอย่างนี้ยิ่งต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้น แม่เชื่อว่าหากลูกทั้งสองคนรักกันมากพอไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ พรุ่งนี้เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดได้เลยแม่เอาใจช่วย” แม้จะเอ็ดลูกชายไปก่อนหน้า แต่กานดาเองก็พร้อมสนับสนุนลูกชายเต็มที่

“ขอบคุณคร้าบบ ว่าแต่แม่คุยกับทางโน้นเรียบร้อยรึยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วจ้า ทุกอย่างพร้อมแล้วตอนนี้ก็เหลือแต่ความพยายามของลูกว่าจะเอาชนะใจหนูไอร์ได้อีกครั้งหรือเปล่า”

“แน่นอนครับแม่ผมพร้อมแล้วที่จะไปขอลูกสะใภ้มาให้แม่” พูดด้วยความมั่นใจ พรุ่งนี้แล้วสินะสิ่งที่เขารอคอยมาตลอดก็จะเป็นจริง

กูจะพยายามเอาชนะใจมึงอีกครั้งให้ได้ไอร์



เมื่อมาถึงบ้านไอร์ก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปกอดผู้เป็นแม่แล้วร้องไห้เสียงดัง ปิ่นแก้วพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหล่อนก็รู้เห็นเป็นใจในแผนการครั้งนี้ หลังจากได้คุยสายกับกานดาเมื่อวันก่อน

“ฮือๆ ๆ แม่ครับมันจบแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นลูก!” หล่อนจะยอมอดทนเห็นความเศร้าของลูกชายเพียงคืนนี้คืนเดียว เพราะพรุ่งนี้เช้ามันจะเป็นวันที่ไอร์มีความสุขที่สุดในชีวิต หากเจ้าตัวไม่ใจแข็งจนเกินไป

“ไอ้ต๋องมันจะแต่งงานกับคนอื่นครับแม่ ฮือๆ ๆ มันทำร้ายจิตใจผมอีกแล้ว ผมเกลียดมัน”

“ร้องออกมาให้พอเลยลูก แม่อยู่ตรงนี้แล้วให้ถือซะว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว”

“ฮึก..ครับแม่ต่อไปนี้จะมีแค่เราเหมือนเดิมแล้วนะครับ อันดามันหาแม่ลูก” ไอร์สวมกอดผู้เป็นแม่และลูกสาวพร้อมๆ กัน นี่สินะครอบครัวที่แท้จริงที่ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาที่ไหน

หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไอร์ก็สังเกตภายในบ้านและเห็นถึงความผิดปกติ เพราะทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด โต๊ะที่เคยเกะกะหน้าบ้านก็ถูกยกออกไปจนโล่ง เมื่อมองไปที่ร้านขายข้าวแกงก็มีคนงานกำลังช่วยกันจัดโต๊ะใหม่มีผ้าคลุมเก้าอี้อีกด้วย ราวกับจะมีงานเลี้ยงเกิดขึ้นซะอย่างนั้น

“แม่ครับทำไมบ้านเราดูแปลกๆ ไป มีอะไรที่ผมไม่รู้รึเปล่า” มองหน้าผู้เป็นแม่แล้วถามออกมา

“พรุ่งนี้แม่ว่าจะทำบุญบ้านจ๊ะ โทษทีที่ไม่ได้บอกลูกเพราะช่วงนี้เห็นว่ายุ่งๆ เรื่องต๋อง” ถ้าจะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่โกหกลูกชายก็คงใช่

“ไม่เป็นไรครับแม่ ดีเหมือนกันจะได้ปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ออกจากบ้านเราซะที ถ้างั้นวันนี้ผมจะช่วยแม่เตรียมงานให้เต็มที่เลยนะครับ” มีอะไรให้ทำก็ดีจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องไอ้คนนั้นให้เสียน้ำตาอีก

“จ๊ะ...แล้วอันดาล่ะจะช่วยยายกับแม่ไหม”

“ช่วยสิคะคุณยาย” เจ้าตัวน้อยยิ้มหวานให้

“ถ้างั้นเราไปช่วยกันเตรียมงานดีกว่านะ”

หลังจากปลอบใจลูกชายจนรู้สึกดีขึ้นแล้วลูกชาย ปิ่นแก้วก็ไปดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน ส่วนไอร์และลูกสาวก็ช่วยงานอย่างขะมักเขม้น เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าให้รู้สึกแย่

*-*-*-*-*-*-*



วันรุ่งขึ้นปิ่นแก้วตื่นแต่เช้าลงมาดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นไปหาลูกชายที่ห้องนอนเพื่อนำชุดไปให้ เป็นชุดที่ต๋องจัดเตรียมไว้ให้และเพิ่งจะนำมาส่งในช่วงเช้าตรู่

“ไอร์แต่งตัวรึยังลูก” เมื่อเห็นชุดที่ผู้เป็นแม่ถือมาด้วยไอร์ก็มองด้วยความสงสัย

“ยังครับแม่ ว่าแต่ชุดที่แม่ถือมานั่นของใครครับ”

“ของไอร์ไงลูกแม่เตรียมไว้ให้เองล่ะ ส่วนนี่ก็ของอันดา” หล่อนยื่นให้

“ต้องขนาดนี้เลยเหรอครับแม่แค่ทำบุญบ้านเองนะ” แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดี เพราะมันคือความหวังดีของผู้เป็นแม่

“ทำบุญบ้านทั้งทีลูกแม่ก็ต้องหล่อที่สุด ส่วนหลานสาวก็ต้องน่ารักที่สุด”

“แล้วแม่ล่ะครับไม่เห็นเปลี่ยนชุดเลย”

“แม่จะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ล่ะ ไอร์อย่าเพิ่งลงไปข้างล่างจนกว่าแม่จะขึ้นมาตามนะ” ปิ่นแก้วบอกกับลูกชายไว้

“วันนี้แม่ดูแปลกๆ อีกแล้ว มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกผมอีกหรือเปล่าครับ” ไอร์รู้สึกแปลกใจที่แม่ของตัวเองดูแปลกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

“ไม่มีอะไรจริงๆ ลูก แม่แค่ตื่นเต้นไปหน่อย เพราะนานๆ ทีบ้านเราจะมีงานมงคล” ปิ่นแก้วหลบตาลูกชายแล้วรีบเดินลงไป

“คุณแม่คะเรามาเปลี่ยนชุดกันดีกว่า” อันดานำชุดมาทับทาบบนตัวด้วยท่าทางตื่นเต้น

“จ๊ะลูกมานี่เดียวแม่ใส่ให้”

ไอร์ใส่ชุดนางฟ้าให้ลูกสาวเสร็จแล้ว ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้าง ก่อนจะนั่งรออยู่ในห้องแม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด แต่ก็ยอมทำตามที่แม่บอกเอาไว้

“ถ้าคุณพ่อมาง้อ...คุณแม่จะยอมยกโทษให้ไหมคะ” อยู่ๆ อันดาก็ถามขึ้นมา จากที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ก็ทำให้ภาพต๋องลอยมาในหัวทันที

“ทำไมอันดาถามอย่างนี้ล่ะลูก คุณพ่อจะแต่งงานแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีแค่เราสองคนนะคะ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็รู้สึกสงสาร กว่าจะผ่านอะไรกันมาได้จนถึงป่านนี้ ไม่รู้อะไรดลใจให้ต๋องเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายอย่างนี้

“แต่อันดาอยากมีพ่อนี่คะ อันดาอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วยกัน” อันดาใช้ความใสซื่อโน้มน้าวผู้เป็นแม่ ก่อนที่ขบวนแห่ขันหมากจะมาถึงในอีกไม่ช้า หากถึงเวลานั้นแม่ของเจ้าตัวจะได้ใจอ่อนโดยง่าย

“มันเป็นไปไม่ได้แล้ว อันดาเข้าใจใช่ไหมลูก” มือเรียวสัมผัสที่เรือนผมแล้วลูบเบาๆ เพื่อให้ลูกสาวเข้าใจในสิ่งที่กล่าว

“โห่...ฮี้....โห๋....ฮี้...โห่........ฮี้......โห่ยยยยยย....”

“ฮิ้ววววว.....”

“โมงๆ โมงเท่งโมง......”

สิ้นเสียงโห่ก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้น ไอร์ละสายตาจากใบหน้าลูกสาวแล้วรีบหันไปมองตามเสียง

“แถวนี้มีงานแต่งด้วยเหรอ” พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วลุกออกไปดูที่ระเบียงหน้าบ้าน

อันดายิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าขบวนแห่ขันหมากมาถึงแล้ว เจ้าตัวเล็กรีบเดินไปยืนข้างผู้เป็นแม่ ส่วนไอร์ยืนมองขบวนแห่ขันหมากที่กำลังเคลื่อนมาหน้าบ้าน เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเจ้าบ่าวก็รู้สึกคุ้นตา ต๋องมาในชุดสูทสีครีมสวมแว่นกันแดดถือช่อดอกไม้เล็กๆ เดินนำหน้าขบวนมาพร้อมกับกานดาและวีระพล

เมื่อรู้ว่าเจ้าบ่าวเป็นใครเจ้าตัวก็น้ำตาไหลทันที และรู้ว่ากำลังโดนทุกคนหลอกเข้าให้แล้ว ต๋องเห็นเจ้าสาวยืนอยู่หน้าระเบียงก็ยิ้มแล้วโบกมือทักทาย ไอร์เอาแต่ร้องไห้ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง นั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เขาจะไม่มีทางลงไปข้างล่างเด็ดขาด!

“คุณพ่อไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่นแน่นอน เพราะคุณพ่อรักคุณแม่มากที่สุดในโลก” อันดานั่งลงข้างๆ แล้วกอดผู้เป็นแม่ไว้

“ฮือๆ แม่โง่เองที่โดนหลอก ไอ้คนบ้าทำไมต้องหลอกให้เสียใจขนาดนี้ด้วย” ตอนนี้เจ้าตัวสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็โกรธที่โดนหลอกอย่างแนบเนียน แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งที่ต๋องไม่ได้แต่งงานกับคนอื่น

“คุณแม่อย่าโกรธคุณพ่อเลยนะคะ ถ้าไม่มีคุณพ่อน้องอันดาคงจะเสียใจมาก” เมื่อคืนช่วงที่ไอร์กำลังอาบน้ำ ต๋องแอบโทรมาคุยกับลูกสาว พร้อมทั้งบอกให้เจ้าตัวเล็กช่วยหว่านล้อมผู้เป็นอีกด้วย

“ทุกคนคงจะรู้เรื่องหมดยกเว้นแม่สินะ” พูดพลางปาดน้ำตาออกจากแก้มขาว

ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“ไอร์เห็นขบวนแห่ขันหมากแล้วใช่ไหมลูก” ปิ่นแก้วเองก็รู้สึกเห็นใจลูกชาย เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่ทันตั้งตัว เมื่อวานโดนหักอก แต่วันนี้กลับมาขอแต่งงานซะอย่างนั้น

“แม่รู้เรื่องมาตลอดใช่ไหมครับ มิน่าล่ะถึงได้ดูแปลกๆ บอกพวกเขากลับไปซะผมไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันหน้าหนีไปอีกทาง

“แม่ขอโทษนะไอร์แต่...”

“แม่ไม่ต้องพูดแล้วครับผมอยากอยู่คนเดียว”

ปิ่นแก้วเห็นอย่างนั้นก็กวักมือเรียกหลานสาวให้มาหา ก่อนจะพาลงไปข้างล่าง ส่วนไอร์ก็นั่งชันเข่าก้มหน้าร้องไห้อยู่บนเตียง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่แม่แม้แต่ครั้งเดียว เป็นเพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวเลย

“ไอร์” เสียงเข้มที่คุ้นหูดังขึ้น ไอร์เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วหันหลังให้

“ออกไปจากห้องกูเลย ไอ้คนเจ้าเล่ห์”

“กูขอโทษที่ทำลงไปเพราะอยากจะเซอร์ไพรซ์มึงเท่านั้นเอง” เดินไปนั่งตรงหน้าคนรักแล้วจ้องตา

“เท่านั้นเองเหรอ มึงพูดได้ยังไงรู้หรือเปล่าว่ากูเสียใจแค่ไหน ถ้ากูฆ่าตัวตายขึ้นมาใครจะอยู่กับลูก มึงไม่คิดบ้างเลยเหรอวะ ฮือๆ” ยิ่งเห็นหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่ายยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ต๋องไม่รอช้ารีบเข้าไปโอบกอดคนรักไว้แต่โดนเจ้าตัวปฏิเสธ ผลักจนล้มลงกับพื้น

“ตบหัวแล้วมาลูบหลัง คนอื่นรู้เรื่องกันหมดไม่เว้นแม้กระทั่งอันดา มีกูที่โง่คนเดียวจิตใจมึงทำด้วยอะไรวะไอ้เหี้ยต๋อง! มึงก็รู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน ถ้ามึงไม่ออกไปกูจะเป็นคนออกไปเอง” ไอร์ลุกขึ้นแล้วจะเดินออกจากห้อง แต่แขกผู้มาเยือนรีบคว้าตัวมากอดจากด้านหลังไว้

“ไอร์กูขอโทษที่ทำอะไรโง่ๆ ลงไป กูสำนึกผิดแล้วยกโทษให้กูด้วยนะ ขอโอกาสให้กูได้ดูแลมึงกับลูกตลอดไปนะ กูรักมึงที่สุดในชีวิต กู..ฮึก...อยากให้มึงมีความสุข ‘แต่งงานกันนะ” คำนี้ที่กูอยากจะพูดกับมึงก่อนโดนรถชนในวันนั้น วันนี้กูได้พูดมันแล้ว แล้วมึงล่ะ..จะยอมยกโทษให้กูแล้วรับแหวนวงนี้ไว้อีกครั้งได้ไหม..ฮึก” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาไม่ขาดสาย ขณะสะอื้นไห้ต๋องก็หยิบแหวนในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ทั้งที่ยังกอดคนรักอยู่

ไอร์กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อได้ฟังคำแก้ตัวที่กินใจเขาเหลือเกิน เจ้าตัวยืนนิ่งๆ ปล่อยให้คนรักสวมแหวนให้อย่างบรรจง ก่อนจะหันมามองหน้าหล่อๆ ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา มือเรียวยกขึ้นไปปาดน้ำใสๆ เหล่านั้นออกให้อย่างเบามือแล้วยิ้มออกมา

“วันนี้มึงเป็นเจ้าบ่าวนะอย่าร้องไห้สิอายแขกกันพอดี” ต๋องยิ้มกว้างพร้อมกับปล่อยโฮเมื่อได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะคว้ามือทั้งสองข้างของคนรักขึ้นมาโอบคอไว้

“วันนี้มึงก็เป็นเจ้าสาวนะหยุดร้องได้แล้ว...นับจากนี้มึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไป แต่มึงคือ ‘เมีย’ ไอ้ต๋องคนนี้ เป็นเมียที่กูรักที่สุดและจะรักคนเดียวตลอดไป” เอ่ยพร้อมกับจ้องตาอย่างหวานซึ้งเป็นประกาย ทั้งสองค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหากันอย่างช้าๆ จนริมฝีปากสัมผัสกันในที่สุด






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แต่งงานกันแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด