❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]  (อ่าน 45548 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


สวัสดีครับ มาเปิดเรื่องใหม่(ที่เขียนจบแล้ว) ฝากติดตามกันด้วยน้า
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2019 11:57:58 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทนำ



‘ไอร์’ กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูลูกสาววัยสี่ขวบตักไอศกรีมเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองอยู่ในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร วันนี้เขามีนัดกับ ‘ต๋อง’ เพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานสี่ปีหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย

ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนถึงวันนี้ ไม่นานหลังจากนั้นคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันเสียนานก็เดินยิ้มมาแต่ไกล

“โทษทีว่ะพอดีติดรถมันติด” เมื่อเดินมาถึงเสียงเข้มก็เอ่ยขอโทษเพื่อนที่มาช้ากว่ายี่สิบนาที ช่วงเวลาสี่ปีที่ห่างกันทำให้ความสนิทสนมและคุ้นเคยในอดีตมันไม่แน่นแฟ้นเหมือนแต่ก่อน ทั้งสองยังอายๆ ไม่กล้าสบตากันดีนักได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้กัน

“ไม่เป็นไรทำอย่างกับกูไม่เคยรอมึงงั้นล่ะ” ไอร์ยิ้มเหมือนที่เคยยิ้มให้ก่อนจะหันไปหาลูกสาว “น้องอันดาไหว้ลุงต๋องสิคะ” เขาบอกกับลูกสาวตัวเล็กที่กำลังสนใจไอศกรีมในถ้วยอยู่

“สวัสดีค่ะลุงต๋อง” เจ้าตัวเล็กยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สมกับที่ถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี

“สวัสดีครับคนสวย หนูกี่ขวบแล้วครับ”

“น้องอันดาสี่ขวบแล้วค่ะ”

“น่ารักน่าชังเชียว” ต๋องมองลูกสาวของเพื่อนรักด้วยความเอ็นดู พลางนึกสงสัยในใจว่าเพื่อนแต่งงานตั้งแต่ตอนไหนทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และที่สำคัญมันไม่น่าเป็นไปได้ที่เพื่อนจะ...แต่งงานกับผู้หญิง “นี่มึงแต่งงานตอนไหนวะกูไม่เห็นรู้เรื่อง” เมื่อได้ยินคำถามเจ้าตัวถึงกับหน้าชาขึ้นมาทันที เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีพิรุธจนอีกคนสงสัย

“อย่าถามถึงเรื่องนี้เลยกูไม่อยากพูดถึงมันอีก รู้แค่ว่ากูมีลูกสาวที่น่ารักคนนี้ก็พอแล้ว” เขายิ้มให้เพื่อนก่อนจะถามต่อ “แล้วมึงล่ะแต่งงานมีลูกรึยัง” เขาไม่อยากถามคำถามนี้เลยเพราะกลัวคำตอบที่ได้ยินมันจะทำให้เจ็บปวด แค่ห่างกันมาสี่ปีเขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว

“นี่ล่ะที่กูนัดมึงมาวันนี้ กูจะเอาการ์ดงานแต่งมาให้มึง” แม้จะเป็นการแจ้งข่าวที่น่ายินดีให้กับเพื่อน แต่สายตาคมกลับไม่กล้ามองใบหน้าที่คุ้นเคยนั่น เพราะกลัวจะเห็นความเจ็บปวดของอีกคน เขาไม่แน่ใจว่าไอร์ยังคิดกับเขาแบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่า แต่แต่งงานทั้งทีเขาก็อยากให้เพื่อนคนนี้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย เขาหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เพื่อน

ไอร์พยายามบังคับมือไม่ให้สั่นแต่มันก็ทำไม่ได้อยู่ดี เขาเอื้อมมือที่สั่นเทาไปรับการ์ดสีชมพูใบนั้นมา ส่วนใบหน้าสวยก็ยิ้มแห้งๆ ให้อย่างฝืนทน

“ยินดีด้วยนะเพื่อน ในที่สุดมึงก็เจอคนที่ใช่ซะที แล้วผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครกันวะ” เขาพยายามฝืนถามออกไปแม้ข้างในจะร้องไห้โฮอยู่ก็ตาม

“เป็นรุ่นน้องที่ทำงานว่ะ” ต๋องตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียง

ระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอยู่นั้น ลูกสาวตัวเล็กของไอร์ก็เอ่ยขึ้นมา...

“คุณแม่คะน้องอันดาหิวน้ำ”

ต๋องหันขวับไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยความสงสัย เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหมที่เด็กคนนั้นเรียกเขาว่าแม่

“ทำไมลูกถึงเรียกมึงว่าแม่...บอกกูมา!” เขาจ้องหน้ารอคำตอบอย่างไม่วางสายตา หวังว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ใช่ลูกของเขาเหรอกนะ แค่ครั้งเดียวในคืนนั้นมันจะเป็นไปได้ไหมนะ...ต๋องคิดในใจ

“เอ่อ....คือว่า”



8 ปีก่อนหน้านี้..........

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตัดแบบใจร้ายไปหน่อยไหมคะ  :laugh:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ย้อนไปตั้ง 8 ปีเชียวนะเรื่องนี้  :hao3:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตัดจบแบบนี้มันน่านัก  :a5: :z6:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ชอบแนวนั้มากกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑ ::
เพื่อนรัก


โรงเรียนเซนท์วิมส์ฟอร์ด โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่หก ค่าเล่าเรียนที่นี่ค่อนข้างสูงทำให้เด็กนักเรียนส่วนมากเป็นลูกผู้มีอันจะกินทั้งนั้น สำหรับเด็กที่มีฐานะยากจนแต่เรียนดีโรงเรียนก็เปิดโอกาสให้สอบชิงทุนเรียนฟรีจนจบหลักสูตร แต่ต้องรักษาคุณภาพให้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่อย่างนั้นจะต้องจ่ายค่าเทอมคืนมาทั้งหมด

ออดดดด!!!!

เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเลิกเรียน นักเรียนชายหัวเกรียนนับพันต่างก็เก็บกระเป๋าแล้วเดินขวักไขว่ออกมาจากห้องเรียนเพื่อขึ้นรถกลับบ้าน ไม่ต่างจาก ‘ไอร์’ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ผู้มีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งของชั้นและได้รับทุนเรียนฟรีจนจบหลักสูตร เขากำลังเดินจูงจักรยานออกมาจากข้างโรงอาหารซึ่งเป็นที่จอดประจำทุกวัน

เมื่อจูงรถจักยานออกมาถึงถนนคอนกรีต ก็มีกลุ่มนักเรียนชายสามคนกำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร เขาจำได้ดีว่านั่นคือแก๊งสามออ ซึ่งมีไอ้ออฟ ไอ้อ้น และไอ้อิท กลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไหร่ นั่นเพราะหมั่นไส้ที่เจ้าตัวเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง แต่กลับมีผลการเรียนที่โดดเด่นกว่าจนขึ้นแซงเป็นอันดับหนึ่งของห้อง

“พวกมึงมีปัญหาอะไร” ไม่ใช่เก่งแค่เรียนแต่เขาก็เก่งเรื่องต่อยตีเหมือนกัน

“ปากดีนักนะไอ้ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง” ‘ออฟ’ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

“พวกมึงมีปัญหาอะไรก็ว่ามากูจะรีบกลับบ้าน” คนที่กำลังจูงจักรยานอยู่นั้นมองหน้าทั้งสามคนอย่างไม่เกรงกลัว สมัยเด็กๆ เขาเองยอมใครซะที่ไหนท้าต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว

“อยากรู้เหรอวะ...พวกมึงจับมันไว้” สิ้นเสียงคำสั่งของลูกพี่ อิทกับอ้นก็เดินตรงไปหาคู่อริทันที

เมื่อรู้ว่ากำลังจะโดนเล่นงานไอร์ก็ทิ้งจักรยานจนล้มลงแล้วตั้งการ์ดรอ

“มึงลองเข้ามาสิกูสู้ไม่ถอยแน่”

“มึงจะกลัวอะไรวะเข้าไปสิ” ออฟเห็นลูกน้องทั้งสองกล้าๆ กลัวๆ ก็ส่งเสียงตะโกนสั่งย้ำอีกที

ผัวะ!

พลั่ก!

คนแรกที่เข้ามาถูกหมัดของคนตัวเล็กกว่าซัดเข้าให้จนล้มลงกับพื้น ส่วนอีกคนไอร์จัดการด้วยการถีบไปที่หน้าท้องจนล้มกองทับกัน แต่คนที่มันเป็นมวยนั้นคือไอ้หัวหน้าแก๊ง ออฟรอจังหวะเผลอเข้าไปล็อคคอคนที่ตัวเล็กกว่าส่วนอีกมือก็รวบแขนทั้งสองข้างเอาไว้

“เก่งนักนะมึง ไอ้ลูกแม่ค้าวันนี้กูจะจัดมึงให้หนักเลย” เสียงเข้มพูดข้างใบหูจนเจ้าตัวนั้นขนลุกชัน

“มึงจะทำอะไรกู ปล่อยนะเว้ย” ไอร์พยายามขัดขืนแต่สู้แรงของออฟไม่ได้ ไอ้คนนั้นมันเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แถมยังฝึกเทควันโดจนได้สายดำอีกต่างหาก

“เดี๋ยวก็รู้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นข้างใบหูอีกครั้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับลูกน้องทั้งสองคน “พวกมึงมาจับมันไว้เร็ว คราวนี้อย่าให้พลาดนะเว้ย” เจ้าสองตัวนั้นรีบลุกขึ้นมาจับตัวคู่อริไว้โดยเร็ว

ออฟยืนจ้องหน้าไอ้เด็กหัวเกรียนที่เรียนได้อันดับหนึ่งของห้องแทนที่เขา ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง

ผัวะ!

“มึงเก่งนักใช่ไหม กูขอเตือนมึงเอาไว้เลย เทอมนี้ถ้ามึงยังสอบได้ที่หนึ่งอีกกูจะไม่ทำแค่นี้แน่” มือหนาจับที่ศีรษะไอร์เอาไว้แล้วตบเบาๆ ที่แก้มขาว ใบหน้าที่หล่อเหลาตอนนี้เริ่มแดงช้ำขึ้นมาชัดเจนแล้ว

“ทำไมกูต้องทำอย่างนั้นด้วยวะ ถ้ามึงแน่จริงก็สอบให้ได้ที่หนึ่งสิ อย่างนี้มันไอ้ขี้แพ้นี่หว่า” แม้หน้าตาจะบวมช้ำแต่ไอร์ก็ยังไม่หมดฤทธิ์ เขายังคงแสยะยิ้มให้กับเพื่อนร่วมชั้น

“กูสอบได้ที่หนึ่งมาตลอดแต่พอมึงเข้ามากูกลับร่วงไปที่สอง มึงรู้ไหมเพื่อนคนอื่นมันหัวเราะเยาะกูก็เพราะมึง” เจ้าตัวบอกสาเหตุที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าให้รับรู้

“แล้วมันเป็นความผิดของกูตรงไหนวะ” ไอร์ทำหน้างง

“ถ้าไม่มีมึงสักคนกูก็จะเป็นที่หนึ่งไงล่ะ” มือหนาจับที่คางแล้วบีบเต็มแรงจนไอร์เริ่มเจ็บขึ้นมา เขาต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้

“ปล่อยเพื่อนกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้ออฟ!” ในที่สุดฮีโร่ของไอร์ก็มาสักที ‘ต๋อง’ เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของเขาที่กำลังเดินเข้ามาอย่างนักเลง

“กูไม่ปล่อย!”

“ไม่ปล่อยใช่ไหมด้ายยยย!!!!” เจ้าตัววิ่งเข้าไปแล้วกระโดดถีบจนทั้งสี่คนล้มระเนระนาดก่อนจะดึงคอเสื้อออฟเข้ามาสวนหมัดใส่ไม่ยั้ง

เมื่อไอร์เป็นอิสระก็จัดการกับไอ้สองคนนั้นทันที หลังจากนั้นทั้งหมดก็ตะลุมบอนผลัดกันสวนหมัดไปมา ไม่นานไอ้นักเลงทั้งสามคนก็นอนกองรวมกันอยู่ที่พื้น โดยมีต๋องและไอร์ยืนมองอย่างผู้มีชัย

“ถ้ามึงยังเป็นลูกผู้ชาย มึงต้องเอาชนะกูด้วยผลการเรียนไม่ใช่มาขู่กูอย่างนี้ กูบอกไว้เลยถึงมึงจะฆ่ากูให้ตายกูก็ไม่ยอมแพ้มึงเรื่องเรียนหรอกโว้ย” ไอร์ตะโกนใส่หน้าออฟ

“ต่อไปห้ามมายุ่งกับเพื่อนกูอีก...จำไว้” ต๋องชี้หน้าเรียงตัวราวกับเป็นมาเฟียซะอย่างนั้น

เจ้าสามคนที่นั่งกองอยู่พื้นไม่พูดตอบโต้แม้แต่คำเดียว เพราะมัวแต่ร้องโอดโอยกับใบหน้าที่ปวดระบม



หลังจากจัดการไอ้พวกนั้นเรียบร้อยแล้ว ต๋องก็ปั่นจักรยานไปส่งเพื่อนรักที่บ้าน บ้านของไอร์อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณหนึ่งกิโลเมตร การปั่นจักรยานจึงเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด

“แล้วมึงจะกลับบ้านยังไงวะไอ้ต๋อง” คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่เอ่ยถามขึ้นมา

“กูให้คนขับรถไปรอที่บ้านมึงแล้ว” เจ้าตัวยิ้มแป้นขาก็ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ

ต๋องเป็นลูกเศรษฐีที่บ้านมีฐานะร่ำรวยเพราะครอบครัวมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ แต่เจ้าตัวกลับชอบใช้ชีวิตติดดินมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาได้เป็นเพื่อนสนิทกับไอร์

“กูแนะนำให้มึงบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องให้คนมารับหรอก กูสงสารคนขับรถที่จะต้องมาตามใจคนอย่างมึง”

“จริงๆ กูอยากได้บิ๊กไบค์สักคันแต่ม๊ากูไม่ยอมน่ะสิ เพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ” ต๋องทำหน้ามุ่ยเมื่อนึกถึงวันที่เข้าไปขอให้แม่ซื้อบิ๊กไบค์ให้ แต่โดนปฏิเสธหน้าหงายกลับมา

“เป็นกูก็ไม่ซื้อให้ขนยังไม่ขึ้นเลยริอาจอยากจะมีบิ๊กไบค์” ไอร์ว่าให้เพื่อนพร้อมกับขำออกมา

“มึงรู้ได้ไงว่าขนกูยังไม่ขึ้นไอ้ไอร์เอามือมึงมานี่เลยยยย” เมื่อโดนหยามทำให้เจ้าตัวถึงกับอดไม่ได้ที่จะจับมือเพื่อนล้วงเข้าไปในกางเกงนักเรียน

“ไอ้เหี้ยต๋องมึงทำบ้าอะไรเนี่ย..อี๋” คนที่โดนจับมือไปล้วงในกางเกงถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความขยะแขยง แก้มที่เคยขาวใสแต่ตอนนี้กลับแดงเป็นลูกตำลึงไปซะแล้ว

“ฮ่าๆ ๆ ๆ สะใจโว้ย” เมื่อแกล้งเพื่อนได้สำเร็จเจ้าตัวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ไม่ทันไรก็ต้องร้องเสียงหลงออกมา “โอ๊ยๆ ๆ กูยอมแล้วๆ เดี๋ยวรถแม่งล้มไอ้ไอร์!” มีหรือที่ไอร์จะยอมให้เพื่อนแกล้งได้เพียงฝ่ายเดียว อยากให้ล้วงดีนักใช่ไหมไอร์คว้าหมับเข้าที่เป้าแล้วบีบที่พวงไข่จนเจ้าตัวจุกไม่น้อย

“ถ้ามึงยังทะลึ่งกับกูอีกกูจะบีบให้มึงมีลูกไม่ได้เลยคอยดู” ถึงจะนั่งซ้อนท้ายแต่เจ้าตัวก็ชี้หน้าขู่อีกฝ่าย

“โอเคๆ กูยอมมึงก็ได้แต่วันเดียวนะเว้ย” ตอนนี้มาถึงบ้านของไอร์เรียบร้อยแล้ว ต๋องจอดรถแล้วรีบทิ้งรถลงไปไหว้แม่ของเพื่อนทันที ปล่อยให้คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่นั้นแทบจะจับจักรยานไว้ไม่ทันเพราะคนขับทิ้งไปกลางคัน

“สวัสดีครับแม่” เขามาที่นี่จนเหมือนเป็นลูกชายของบ้านนี้ไปอีกคนแล้ว

“สวัสดีจ๊ะต๋อง อ้าว! ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ยหน้าช้ำมาเชียว” ปิ่นแก้วมองใบหน้าทั้งสองคนสลับไปมา

“เอ่อ...คือ” เมื่อโดนถามเจ้าตัวก็ก้มหน้าแล้วหันไปมองเพื่อนทันที

“พอดีผมมีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียนครับแม่ ไอ้ต๋องเลยเข้ามาช่วย เลยเป็นอย่างที่เห็น” เขาตอบไปตามความจริงเพราะไม่เคยมีความลับกับผู้เป็นแม่

“พาเพื่อนเข้าไปทายาข้างในก่อนเร็ว” เธอบอกกับลูกชายขณะเก็บร้าน

“ครับแม่...เดี๋ยวผมรีบออกมาช่วยเก็บนะ”

“จ้ารีบๆ ไปเดี๋ยวจะบวมกว่านี้” เธอไม่ถามว่าเพราะอะไรลูกชายถึงไปมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น เพราะมั่นใจว่าลูกคนนี้ไม่มีทางเกเรไปทำร้ายคนอื่นก่อนแน่ เธอจะสอนให้ลูกเอาตัวรอดเป็นหากไม่มีเรื่องเป็นดีที่สุด แต่หากยอมมากเกินไปเราก็จะเป็นฝ่ายโดนกระทำเพียงฝ่ายเดียวไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้นหากจะสู้ก็ต้องสู้อย่างมีสติ

เดินเข้ามาในบ้านแล้วไอร์ก็หยิบยานวดมาจากตู้ยาประจำบ้านก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งจ้องหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะตลกกับใบหน้าที่บวมเป่งของแต่ละคน

“เดี๋ยวกูทาให้มึงก่อนละกัน ยื่นหน้ามาใกล้ๆ เร็ว” ต๋องรีบยื่นหน้าเข้ามาโดยเร็วแล้วทำแก้มป่องใส่ ตอนแรกก็นวดเบาๆ แต่ด้วยความหมั่นไส้ไอร์จึงลงน้ำหนักที่มุมปากจนเพื่อนต้องร้องเสียงหลงออกมา

“โอ๊ย! เบาๆ สิวะกูเจ็บนะเว้ย”

“ก็กูหมั่นไส้หนังหน้ามึงไง เสร็จแล้วเอาหน้าเน่าๆ ของมึงกลับไป”

“ไอ้ตาถั่วอย่างกูนี่หน้าเน่า สาวๆ คอนแวนต์หลงกูกันเกือบทั้งโรงเรียน อย่างนี้ไม่เรียกว่าเน่าโว้ย” คนพูดหลงตัวเองซะเต็มประดา

“ก็สำหรับกูมึงหน้าเน่าโคตรๆ กูไม่ใช่สาวๆ ของมึงนะเว้ยที่จะมองว่ามึงหล่อโคตรๆ หล่อสัดๆ หล่อเหี้ยๆ” พูดจบก็ขำออกมา

“นี่มึงหลอกด่ากูเหรอวะ” เจ้าตัวชี้หน้าเพื่อนทันที

“ก็เออสิวะ กูไปช่วยแม่เก็บร้านดีกว่า” ไอร์รีบวิ่งไปก่อนจะโดนเพื่อนรักสวนกลับ

“แล้วมึงไม่ทายาเหรอวะ” ต๋องตะโกนตามหลังแต่ไม่ทันเสียแล้ว เขาตั้งใจจะเอาคืนสักหน่อย ไอ้เพื่อนตัวดีนี่มันฉลาดล้ำกว่าใครจริงๆ

ต๋องเก็บยานวดไว้ในตู้ยาประจำบ้านแล้วเดินตามออกมา เขามาที่นี่บ่อยจนเข้านอกออกในได้เหมือนกับคนในบ้าน

“ผมกลับก่อนนะครับแม่” เจ้าตัวยกมือไหว้หลังจากเดินออกมาหน้าบ้าน

“ไว้วันหลังมาทานข้าวเย็นกับแม่นะต๋อง” ปิ่นแก้วยิ้มให้เพื่อนลูกชาย

“ครับแม่” เขายิ้มให้ก่อนจะหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนแล้วชี้หน้าคาดโทษ

“เจอกันพรุ่งนี้เว้ยไอ้ต๋อง” ขณะเพื่อนกำลังเปิดประตูรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน เจ้าตัวก็ตะโกนไปต๋องไม่ตอบเพียงแต่เอานิ้วชี้เฉือนที่คอหอยตัวเองเหมือนบอกเป็นนัยว่า ‘มึงตายแน่’ ประมาณนั้น มีหรือที่ไอร์จะยอมกลับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

สวัสดีคร้าบทุกคน วันนี้ลงให้ตอนแรกแล้วน้า ไรท์จะลงวันเว้นวันนะ ฝากคอมเม้นต์กันด้วยน้าจะได้มีกำลังใจลง หากมีคนติดตามเยอะก็อาจจะลงวันต่อวันไปเลยก็ได้(555 แอบขำ) จุ๊บๆๆ




ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียน

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อยากอ่านมาก ดราม่าเยอะมั๊ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ถ้าเป็นลูกของต๋องจริงๆจะทำไงอ่ะ กำลังจะแต่งงานอยู่แล้วด้วย :ling3:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว ถ้าเป็นลูกของต๋องจริงๆ แล้วจะจัดการเรื่องนี้ยังไงอ่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทกันนิ ต่อไปจะมีอะไรทำให้เกิดผิดใจกันนะ  :hao4:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อยากรู้ว่าเป็นยังไงต่อไปอีกกกกก



ติดตามต่อไปค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๒ ::
ความฝัน

ถึงแม้ต๋องและไอร์จะมีความชอบเหมือนกันในหลายๆ อย่างแต่สิ่งที่แตกต่างกันนั่นคือกีฬา ต๋องเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนไอร์ไม่ชอบเล่นกีฬาแม้แต่ชนิดเดียว วันไหนที่เพื่อนไปเล่นฟุตบอลในช่วงเที่ยงที่โรงยิม ไอร์ก็จะนั่งทบทวนตำราเรียนรอในห้องอยู่คนเดียวเป็นประจำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไอร์จึงมีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งของห้อง

“ทำไมผู้ชายถึงท้องไม่ได้เหมือนผู้หญิงนะ” ตอนนี้ไอร์กำลังนั่งอ่านวิชาชีววิทยาเรื่องระบบสืบพันธ์ุ นั่งอ่านได้สักพักก็เกิดความสงสัยว่าทำไม ผู้ชายถึงไม่สามารถตั้งท้องได้เหมือนผู้หญิง ทั้งๆ ที่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน “มดลูกกับรังไข่งั้นเหรอ ถ้าผู้ชายมีก็สามารถตั้งท้องได้สินะ” เจ้าตัวทำท่าคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว นั่นคือความคิดของเด็กชั้นมอปลาย ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ถูกสร้างขึ้นมาจากธรรมชาติ

“เหี้ย!” อยู่ๆ เจ้าตัวก็ต้องร้องเสียงหลงออกมา เมื่อมีมือปริศนามากอดรัดที่เอวคอดเอาไว้ ตอนนี้ต๋องแทรกตัวเข้ามานั่งซ้อนหลังบนเก้าอี้ โดยใส่กางเกงนักเรียนเพียงตัวเดียวส่วนเสื้อพาดที่บ่าเอาไว้ รูปร่างกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ขึ้นรูปชัดเจนบวกกับเนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สัมผัสที่หลังของไอร์อย่างแนบแน่น

“ทำไมตัวมึงห๊อมหอมวะ” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาสูดกลิ่นที่ซอกคอของไอร์อย่างถือวิสาสะ เจ้าตัวไม่รอช้ารีบฟาดไปที่กลางศีรษะเพื่อนเต็มแรง

“เพราะตัวมึงเหม็นไอ่สาดออกไป๊”

“ไอ้ไอร์นี่มึงกล้าเล่นหัวกูเหรอวะ เดี๋ยวมึงโดนกูแน่” ไม่พูดพล่ำทำเพลงต๋องก็เอานิ้วมือไปจี้ที่เอวเพื่อนทันที ไอร์อยู่ไม่สุขเริ่มดิ้นพล่านจนเก้าอี้โคลนเคลน

“ฮ่าๆ ๆ ไอ้ต๋องกูจั๊กจี้หยุดสิวะ ฮ่าๆ”

“ไม่จนกว่ามึงจะขอโทษกูก่อนที่มึงบังอาจมาตบหัวกู” เจ้าตัวไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนเป็นอิสระได้แม้แต่น้อย มือหนึ่งก็กอดที่เอวไว้ส่วนอีกมือก็จี้เอวไปเรื่อยๆ

“มึงเป็นเพื่อนกูจะต้องขอโทษทำไมวะ ทีมึงทำกูไว้เยอะกว่านี้กูยังไม่บังคับให้มึงมาขอโทษกูเลย”

“แต่มึงเป็นเพื่อนที่อยู่ในโอวาทกูไงวะ กูสั่งอะไรมึงต้องทำ”

“ไม่โว้ย ปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูเหม็นเหงื่อมึงจะแย่แล้วเนี่ย” เหงื่อเกือบทุกเม็ดของต๋องถูกซับไปด้วยเสื้อนักเรียนของไอร์จนเกือบหมดแล้ว

“เหม็นเหรอ ได้! งั้นกูจะให้มึงเหม็นกว่านี้อีก” ต๋องรีบดันศีรษะเพื่อนเข้ามาดมที่รักแร้ของตัวเองทันที

“อี๋!!! ไอ้เหี้ยต๋อง” ไอร์พยายามกลั้นหายใจเอาไว้ พร้อมกับหลับตาปี๋ ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็หัวเราะชอบใจอย่างอารมณ์ดี

ถุย!

เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้วไอร์ก็ถ่มน้ำลายใส่รักแร้เพื่อนทันที มีหรือที่ต๋องจะไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

“ฮ่าๆ ๆ เป็นไงล่ะอยากแกล้งกูดีนัก” ไอร์รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนหัวเราะเยาะเพื่อนเสียงดังท่วมห้อง

“อี๋...ไอ้สกปรก มึงกล้าถ่มน้ำลายใส่จั๊กแร้กูได้ไงวะ” ต๋องง้างแขนไว้ไม่กล้าหุบลงมา สีหน้าบิดเบี้ยวรังเกียจน้ำลายที่เปื้อนอยู่ที่ง่ามแขนซะเต็มประดา

“หายกันกับที่มึงมาทำให้เสื้อนักเรียนกูเหม็นเหงื่อมึงไปด้วย รีบๆ ไปล้างตัวเร็วเดี๋ยวอาจารย์ก็เข้ามาสอนแล้วเนี่ย” ไอร์ปัดมือไล่เพื่อนขณะที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มไม่ยอมหยุด

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ต๋องชี้หน้าเพื่อนก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกไปล้างตัวที่ห้องน้ำ

“รีบกลับมาเอาคืนนะโว้ย” ไอร์ตะโกนตามหลังเพื่อนไป ก่อนจะอมยิ้มอยู่คนเดียว

ทำไมเวลามึงถึงเนื้อถึงตัวกูหัวใจมันต้องสั่นแปลกๆ ด้วยวะ....



*-*-*-*-*-*-*-*



เวลา 15.30 น.

“รีบเก็บกระเป๋าเร็วเดี๋ยววันนี้กูพาไปเที่ยว” ต๋องยืนยิ้มแฉ่งรอเพื่อนอยู่ก่อนแล้ว

“กูไปไม่ได้วันนี้ก็ต้องไปช่วยแม่ขายของ” เจ้าตัวรีบปฏิเสธไป

“ไม่ต้องห่วงก็โทรขออนุญาตแม่มึงตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว” ต๋องยักคิ้วให้เพื่อน

“ไอ้เพื่อนเลวทำอะไรไม่ไปรึกษากูเลย ถึงยังไงกูก็ไม่ไปอยู่ดีโว้ย” เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จแล้วไอร์ก็รีบลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าทันที

“อย่าดื้อได้ไหมวะ วันนี้กูตั้งใจจะพามึงไปเปิดหูเปิดตาซะหน่อย ไปกับกูเถอะนะขอร้องล่ะ” ต๋องทำท่าทางงอแงอย่างกับเด็กซะเต็มประดา

“ถ้ากูยังยืนยันจะไม่ไปล่ะ” ไอร์เหลือบตามองเพื่อนเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ

“ถ้ามึงไม่ไปกับกู...” ต๋องพูดเสียงเข้มก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหา “ก็จะจับมึงทำเมียตรงนี้ล่ะ หึๆ”

“มะ...มึงไม่กล้าหรอกอย่ามาขู่กูซะให้ยาก” ไอร์มั่นใจว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่ เขายืนยิ้มระรื่นเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร

“มึงคิดว่าคนอย่างกูจะไม่กล้าจับมึงกดอย่างนั้นเหรอวะ ยิ่งตัวเล็กๆ อยู่ด้วยอย่างนี้ถนัดมือนักล่ะ” ต๋องแสยะยิ้มจนไอร์เริ่มกลัวขึ้นมาแต่เจ้าตัวก็ยังทำใจดีสู้เสือต่อไป

“เอาซี้มึงจะได้รู้ว่ากูก็ไม่ใช่เล่นๆ”

“อย่างนั้นเหรอวะ” พูดจบก็กอดตัวเพื่อนแล้วปล้ำลงที่พื้น

“ไอ้เหี้ยต๋องมึงบ้าไปแล้วเหรอวะ เสื้อกูเลอะไปหมดแล้วเนี่ย” ไอร์เริ่มโวยวายเสียงดัง แต่หลังจากนั้นก็ต้องเงียบปากเอาไว้เพราะตอนนี้ใบหน้าคม โน้มลงมาอยู่ใกล้แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

“กูจะให้โอกาสมึงอีกครั้ง มึงจะยอมไปกับกูไหม?” เจ้าตัวเริ่มพูดเสียงต่ำเหมือนพยายามต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม

“ถ้ากูตอบว่าไม่ล่ะ มึงก็รู้ว่าแม่กูไม่มีคนช่วยขายของ”

“ก็แค่วันเดียวเองกูขอแม่มึงให้แล้วด้วย อย่าให้กูต้องจับมึงกดจริงๆ นะไอ้ไอร์ ตามใจกูสักวันเถอะน่า”

“มึงไม่กล้าหรอกโว้ยกูเป็นผู้ชายอกสามศอกเหมือนมึงทุกอย่าง มีจู๋แถมใหญ่กว่ามึงด้วย มึงจะกล้าเอากูได้ลงคอก็ให้มันรู้ไป” เจ้าตัวยิ้มเยาะเพราะคิดว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีทางทำเรื่องอย่างว่าแน่นอน

“ไอ้อ่อนมึงรู้จักกูน้อยไปซะแล้ว ไหนว่าใหญ่กว่ากูขอดูหน่อยสิ” ต๋องรีบถอดเข็มขัดเพื่อนอย่างรวดเร็ว จนมือน้อยๆ นั่นรีบมาจับตะขอกางเกงเอาไว้ด้วยความหวงแหน

“พอแล้วๆ กูยอมไปกับมึงแล้ว” ในที่สุดไอร์ก็ยอมความร้ายกาจของเพื่อนไม่ไหว

“ก็แค่นั้นทำเป็นเล่นตัวอย่างกับผู้หญิงไอ้ห่า” ต๋องรีบลุกขึ้นแล้วปัดมือไล่ฝุ่นทันที ก่อนจะยืนมือมาให้คนที่นั่งอยู่จับเพื่อดึงให้ลุกขึ้นตาม

“มึงนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ”

“กูนึกว่ามึงรู้ตั้งนานแล้วซะอีก” ต๋องยิ้มให้เพื่อนแล้วกอดคอเดินลงไปข้างล่าง



เมื่อนั่งรถมาถึงที่หมายแล้วทั้งสองก็เดินตรงมาที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทันที บรรยากาศช่วงเย็นๆ มีผู้คนจำนวนมากที่มานั่งรับลมกันอย่างหนาตา ม้านั่งริมตลิ่งแทบไม่มีที่ว่าง ทั้งสองจึงยืนพิงราวกั้นแล้วชมทิวทัศน์สวยๆ ของวัดพระแก้วและวัดโพธิ์ฝั่งตรงข้าม

“ทำไมมึงพากูมาที่นี่วะ” ไอร์หันไปมองหน้าเพื่อนที่ยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่างสบายใจ

“มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดในฃีวิต กูถึงกล้าบอกกับมึงได้ทุกเรื่อง รู้รึเปล่าวันนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว ป๊ากับม๊าพาเคยกูมานั่งเล่นที่นี่วันนั้นกูมีความสุขมากที่สุดในชีวิต โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่พวกกูจะได้มาเที่ยวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน มึงยังคงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วป๊ากับม๊ากูมีครอบครัวใหม่ตั้งนานแล้ว แต่ที่อยู่ด้วยกันก็เพราะหน้าตาทางสังคมและเพื่อตัวกูด้วย” เจ้าของเสียงมีใบหน้าเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงครอบครัวที่แตกแยก บางครั้งเขารู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงในชีวิตของพ่อกับแม่ เพราะหากไม่มีเขาสักคนทั้งสองคนก็คงใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ได้อย่างเต็มที่

“อย่าทำหน้าเศร้าสิวะ มึงยังมีกูอยู่ข้างๆ ยิ้มสิวะยิ้มๆ” ไอร์เอื้อมมือไปจับที่มุมปากของเพื่อนยกขึ้น แล้วก็ยิ้มตาม

“ถ้าชีวิตกูไม่มีมึงอยู่ข้างๆ กูจะอยู่ได้รึเปล่าวะ” ต๋องหันมาถามเพื่อน

“อยู่ได้สิวะเพราะมันจะไม่มีวันนั้น ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

“ในอนาคตพวกเราก็ต้องมีชีวิตของใครของมัน มึงจะอยู่กับกูได้ตลอดไปจริงๆ เหรอวะ” ต๋องถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ เขารู้สึกว่าไอร์คือส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว มันเกินคำว่าเพื่อนแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่าขาดไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ไม่ได้

“กูไม่มีทางออกไปจากชีวิตมึง ยกเว้นว่ามึงจะเป็นคนบอกกูไปจากชีวิตมึงเอง” ไอร์ให้สัญญากับเพื่อน

“กูจะทำอย่างนั้นทำไมวะในเมื่อชีวิตกูขาดมึงไม่ได้ขนาดนี้ไอ้ไอร์”

“ถ้าถึงขนาดนั้นมึงมาเป็นเมียกูเลยไหมวะ ฮ่าๆ ๆ” ไอร์พยายามสร้างบรรยากาศให้ดูสนุกสนานขึ้นมา

“มึงนั่นล่ะที่ต้องมาเป็นเมียกู ตัวแค่นี้กูจับกดได้สบายๆ อย่าทำเป็นเก่งๆ” ต๋องชี้หน้าเพื่อน

“อย่าทำเป็นเก่งไปไอ้ต๋องมึงเคยได้ยินจิ๋วแต่แจ๋วไหมวะ”

“เคยได้ยินแต่มันใช้ไม่ได้สำหรับมึงโว้ย” ต๋องยื่นหน้าหล่อเข้ามาใกล้ๆ จนทั้งสองเผลอจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ต๋องค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่ไอร์กลับตั้งสติได้ทันก่อนจะผละหน้าออกไปมองที่แม่น้ำเจ้าพระยาแทน

“วันนี้วิวฝั่งโน้นสวยจังเลยนะมึงว่าไหม”

“อืม..สวยมากเอาไว้วันหลังกูจะพามึงมาอีกดีไหมวะ” ต๋องเอ่ย

“ไม่เอา...กูต้องเป็นคนพามึงมาสิวะ วันนี้ในทุกๆ ปีเดี๋ยวพ่อจะพาลูกมาเองนะครับคนดี” ไอร์ตบที่ท้ายทอยของเพื่อนเบาๆ

“ได้ครับพ่อ ถุ๊ย! มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะไอ้ไอร์” ต๋องเบิ๊ดกะโหลกเพื่อนคืนซะเต็มแรง จนศีรษะโน้มไปข้างหน้าตามแรงมือ

“เป็นลูกมาตบหัวพ่อได้ไงวะ ไอ้ลูกทรพี” ไอร์ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ

“เดี๋ยวกูจะเป็นลูกคนแรกในโลกที่เอาพ่อทำเมียลองไหมล่ะ” พูดจบก็เดินเข้ามาประชิดจนใบหน้าหล่อทั้งสองห่างกันแค่เพียงนิดเดียว

ไอร์ทำท่าอึกอักเพราะรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

ไอ้เพื่อนเลวทำไมมึงชอบทำให้หัวใจกูสั่นอยู่เรื่อยเลยวะ...

“ทำไมมึงถึงชอบพูดว่าจะจับกูทำเมียบ่อยจังวะ กูยั่วสวาทมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้ต๋อง” ไอร์ถามออกไปตรงๆ

“ก็มึงยั่วเยกูไง”

“ตรงไหนวะ” เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้ไอ้เพื่อนตัวดีพิศวาสตอนไหน

“ทุกตรง! เวลากูพูดอย่างนี้แล้วหน้ามึงตลกอ่ะ ฮ่าๆ ๆ”

“ตลกพ่องมึงดิ” ปากไวเท่าความคิด ไอร์รีบด่าเพื่อนกลับทันที

“เอ๊ะ! ไอ้นี่ด่าพ่อกูอีกแล้ว มึงโดนดีแน่” พูดแล้วก็เอานิ้วชี้ไปจิ้มที่เอวเพื่อน เพราะรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้มันบ้าจี้มากขนาดไหน

“ฮ่าๆ ๆ โอ๊ยๆ กูยอมแล้วๆ ๆ ขอโทษครับคุณชายต๋อง” หลังจากโดนรุกหนักไม่เลิก ไอร์ก็ยกมือไหว้เพื่อนปรกๆ หากไม่ยอมศิโรราบมีหวังได้ขาดใจตายตรงนี้แน่นอน

“ถ้าขืนมึงยังปากดีอยู่อีกคราวนี้กูจัดมึงจริงๆ แน่” ต๋องชี้หน้าเพื่อนทีเล่นทีจริง

“คร้าบๆ ๆ ผมจะไม่ทำผิดซ้ำสองแล้วครับเจ้านาย” ไอร์ก้มหัวให้รัวๆ

“ดีมาก เชื่อป๋าแล้วทุกอย่างจะดีเอง มายืนใกล้ๆ ป๋าดิ๊” เจ้าตัวกวักมือเรียก ไอร์เห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปเอาใจเพื่อนโดยการยืนข้างๆ จนทั้งสองร่างแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน

“มีอะไรครับป๋า” ไอร์เอียงศีรษะไปซบไหล่เพื่อนพยายามอ้อนเต็มที่

“อนาคตมึงอยากเป็นอะไรวะ” อยู่ๆ ต๋องก็ถามถึงอนาคตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ไอร์ผงกศีรษะขึ้นแล้วมองหน้าเพื่อนทันที

“อนาคตหรอ...กูอยากเป็นหมอกูจะได้ดูแลแม่กูได้”

“เก่งๆ อย่างมึงจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แล้วมึงล่ะอยากเป็นอะไร” ไอร์ถามกลับ

“ป๊าม๊าอยากให้เรียนบริหารแล้วมาช่วยกิจการที่บ้าน แต่กูคงไม่เอาด้วยเพราะกูอยากเป็นวิศวกร จะสาขาไหนก็ได้กูชอบ แต่ไม่รู้จะสอบติดรึเปล่าน่ะสิกูเรียนไม่เก่งเหมือนมึงนี่นา”

“เหลือเวลาอีกตั้งหลายปีกูจะช่วยติวให้มึงเอง ขอแค่มึงตั้งใจซะอย่างความสำเร็จจะไปไหนเสียไอ้เพื่อนรัก” มือน้อยๆ ยกขึ้นไปกอดคอเพื่อนรักเอาไว้อย่างเก้ๆ กังๆ เพราะสวนสูงที่ต่างกันมาก

“กูขอบใจมึงมากนะเว้ย แต่มึงช่วยเอามือลงจากคอกูได้ป่ะ” ต๋องหันมายิ้มให้เพื่อน

“ทำไมวะ” ไอร์มองหน้าเพื่อนแล้วกะพริบตาปริบๆ

“กูรำคาญน่ะสิ ตัวก็เตี้ยเสือกกระแดะอยากมากอดคอกู” ต๋องยกมือเพื่อนลงมาไว้ที่ข้างลำตัว ก่อนจะเอื้อมมือหนาไปกอดคอเพื่อนแทน “ต่อไปนี้กูจะเป็นคนกอดคอมึงเอง...เข้าใจ๊”

“คร้าบบคุณชายต๋อง”

“กลับกันเถอะเดี๋ยวแม่มึงจะรอนานจริงๆ แล้วกูไม่ได้โทรขออนุญาตท่านไว้หรอก ฮ่าๆ ๆ” เมื่อหลอกเพื่อนออกมาได้แล้วต๋องก็บอกความจริงออกไป

“ไอ้เหี้ยต๋องมึงทำอย่างนี้ได้ไงวะ ไอ้เพื่อนเลวกูจะไม่เชื่ออะไรมึงอีกแล้ว” เมื่อรู้ว่าเพื่อนโกหกไอร์ก็หน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกมาจากตรงนั้นเพื่อขึ้นรถ

“โอ๋ๆ ๆ อย่างอนนะครับคนดีของป๋า เดี๋ยวป๋าไปช่วยนะครับวันนี้”

“ป๋าแม่มึงดิกูอุตส่าห์ไว้ใจ” เจ้าตัวไม่ยอมอ่อนลง

“เค้าขอโทษน้า อย่าโกรธเค้าเลย ฮ่าๆ ๆ ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวแม่ก็ด่าเอาหรอก” ต๋องหยุดขำไม่ได้ก่อนจะดันตัวเพื่อนขึ้นรถไป

บางครั้งคำว่าเพื่อนมันอาจจะน้อยเกินไป หากในอนาคตใจของใครคนหนึ่งมันเปลี่ยนแปลง




ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อะไรจะทำให้สองคนนี้ในวัยเด็กแตกหักกันหน๋อ? :sad11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ติดตามจ้าาาาาาาาา

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไรท์รีบมาต่อนะคะ.. รออยู่ๆๆๆ..  :hao5:  :katai4:  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ก็รักกันดีนิ  :hao4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 อะไรคือจุดเปลี่ยนของสองเพื่อนรักกันนะ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๓ ::
ความในใจ


ในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง ครั้งนี้ไอร์เป็นคนมาหาต๋องถึงที่ นั่นเพราะถูกเพื่อนตัวดีรบเร้าให้มาติวหนังสือให้ที่บ้าน เจ้าตัวยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็เห็นจะได้ นั่นเพราะบ้านหลังนี้ใหญ่โตและหรูหรากว่าบ้านทั่วๆ ไป มือเรียวกดที่กริ่งหน้าบ้านไม่นานนักก็มียามเฝ้าประตูเดินมาหา

“ผมมาหาต๋องครับลุง” ไอร์ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย

“อ้าวเพื่อนคุณต๋องนี่เอง เชิญครับๆ” เมื่อรู้ว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายเจ้าของบ้าน ลุงยามก็เปิดประตูให้ทันที

“ขอบคุณครับลุง” เจ้าตัวยิ้มให้แล้วเดินสะพายกระเป๋าผ้าเข้าไปด้านใน

ไอร์มาบ้านหลังนี้หลายต่อหลายครั้งจนทุกคนจำหน้าได้ โชคดีที่พ่อกับแม่ของต๋องไม่รังเกียจที่เขาเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง ท่านทั้งสองเอ็นดูเขาไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้านก็พบไอ้เพื่อนตัวดีกำลังยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ก่อนแล้ว ต๋องโบกไม้โบกมือให้ด้วยความดีใจ

“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะที่เห็นกูมา...ทำตัวอย่างกับหมาเห็นเจ้านายซะอย่างนั้น” พูดแล้วไอร์ก็อดขำไม่ได้

“อ่าวๆ ๆ มาถึงก็ปากหมาซะแล้วเดี๋ยวกูจับขังไว้ที่นี่ซะเลย” คนพูดทำหน้ายุ่งใส่ทันที

“ลองขังกูดูดิรับรองมึงไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ มึงก็รู้ว่าป๊ากับม๊ามึงเชื่อกูมากกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก”

“อย่าเอาพ่อแม่ก็มาอ้างกูไม่กลัวหรอก รีบเข้ามาเร็วๆ กูอยากติวจะแย่แล้วเนี่ย”

“คร้าบบไอ้คนขยัน”

ไอร์เดินตามเพื่อนเข้าไปข้างใน สงครามน้ำลายยังไม่จบแค่นี้แน่ เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้จะได้ติวสมใจอยากคุณชายต๋องรึเปล่า เกรงว่าจะต่อปากต่อคำกันจนไม่มีเวลาติวซะมากกว่า

เมื่อเดินขึ้นมาถึงห้องนอนของต๋องแล้วไอร์ก็วางกระเป๋าผ้าลงบนโซฟา ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงในท่าทีสบายๆ ส่วนเพื่อนรักก็ไปหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นมาให้

“อ่ะดื่มน้ำเย็นๆ จะได้สดจื้นนนนน” คนที่ยื่นน้ำให้ลากเสียงยาวพร้อมกับทำหน้าตลกๆ แต่ทว่าเพื่อนรักกลับมองหน้านิ่งไม่ได้ตลกตามเลยแม้แต่น้อย “ไม่ขำเหรอวะ?”

“ขำบ้าขำบอมึงสิ มุขจืดๆ” ไอร์เบ้ปากใส่เพื่อน

“แล้วทำยังไงมึงถึงจะขำอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าต๋องรีบเดินเข้ามานั่งข้างๆ เพื่อนทันที

“ไม่รู้โว้ยรีบๆ ติวดีกว่ากูจะได้รีบกลับบ้าน เอาหนังสือมึงมา” ไอร์รีบตัดบทก่อนที่เพื่อนจะเล่นพิเรนทร์อีก

“ก่อนติวกูจะทำให้มึงขำให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีการติวเกิดขึ้น” เจ้าของห้องไม่ยอมแพ้

“โอ้ยย ไอ้ต๋องกูปวดกบาลกับมึงจริงๆ จะติวไม่ติว” ไอร์ตบเข้าที่หน้าผากตัวเองสองสามครั้ง เพราะปวดหัวกับความดื้อรั้นของเพื่อน หากไม่ติดว่าเคยสัญญาไว้เขาไม่มีทางยอมมาที่นี่แน่นอน มาหาที่บ้านทีไรต๋องก็อ้อนเอาแต่ใจอย่างกับเด็กทุกครั้งไป

“ติวสิวะแต่กูขอทำให้มึงอารมณ์ดีขึ้นมาก่อนไง” ต๋องมาหน้าเพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์ สองมือก็จับหมับเข้าที่เอวของเพื่อนแล้วเอานิ้วจิ้มทันที

“ฮ่าๆ ๆ ไอ้เหี้ยต๋องปล่อยกูดิวะ มันจั๊กจี้ ฮ่าๆ ๆ”

“ขำยากมากนักใช่ไหม นี่แหนะๆ”

ต๋องยังคงจี้ที่เอวของเพื่อนไม่ยอมหยุด จนไอร์ต้องดิ้นพล่านเพื่อหาทางให้หลุดพ้นจากมือหนานั่น ไม่นานนักเจ้าตัวก็ต้องนอนราบลงบนโซฟาโดยมีเพื่อนรักคร่อมตัวเอาไว้ ส่วนมือก็ไม่ยอมห่างจากเอวเลยแม้แต่น้อย พอรู้ตัวอีกทีใบหน้าทั้งสองก็เกือบจะสัมผัสกัน เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และเป็นอีกครั้งที่หัวใจของไอร์มันเต้นแรงมากกว่าปกติ

“พะ..พอแล้ว รีบติวเถอะเสียเวลานานแล้ว” ไอร์หลบตาแล้วรีบลุกขึ้นนั่งในท่าปกติก่อนที่ใจมันจะเต้นแรงมากกว่านี้

ส่วนต๋องก็ยอมฟังเพื่อนโดยง่าย อาจเป็นเพราะการจ้องตากันเมื่อสักครู่ ทำให้ความเขินอายมันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“วันนี้มึงจะติววิชาอะไรให้กูวะ”

“เอาเคมีละกัน รีบๆ ไปหยิบหนังสือมาเลยให้ว่องๆ”

“เออๆ รอแป๊บมึงนี่เวลาดุยิ่งกว่าหมาอีกนะ”

“ถ้าไม่ดุแล้วจะเอามึงอยู่ได้ไงไอ้เพื่อนเลว”

“ถึงเค้าจะเลวแต่เค้าก็รักตัวเองนะ” ต๋องยื่นมือมาบิดที่แก้มเพื่อนจนแดงไปหมด

“กูเจ็บนะเว้ย” ไอร์ปัดมือหนาของเพื่อนออกโดยเร็ว

ต๋องไปหยิบหนังสือวิชาเคมีมานั่งลงข้างๆ หลังจากนั้นไอร์ก็เริ่มติวให้เพื่อนทันที

“วันนี้กูจะติวเรื่องพันธะเคมีให้ละกัน เห็นตอนเรียนในห้องมึงนั่งทำหน้างง”

“มึงนี่ช่างสังเกตกูจริงๆ ไม่ใช่ตอนเรียนแอบมองกูทั้งคาบเลยนะเว้ย”

“ใครจะบ้าไปแอบมองมึง หน้าตาก็ไม่ดี แถมยังปากหมาอีก”

“เหรอออ!! ถ้างั้นมึงก็ไม่ต่างจากกูหรอกถึงคบกับกูได้..ใช่ป่ะ?” ต๋องยักคิ้วให้เพื่อนทันที

“แล้วแต่มึงจะคิดละกันกูขี้เกียจคุยกับพวกหลงตัวเองแล้ว เปิดหนังสือขึ้นมาเร็ว!” หากไม่มีสติมากพอวันนี้คงไม่ได้ติวเป็นแน่ ต๋องคงจะชวนคุยนอกเรื่องอยู่เรื่อยๆ

“พันธะเคมีประกอบไปด้วยพันธะหลักๆ อยู่สามพันธะนั่นคือ พันธะโลหะ พันธะไออนิกและพันธะโควาเลนซ์ ซึ่งเกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม มึงเข้าใจป่ะ” ไอร์มองหน้าเพื่อนหลังจากพูดจบ

“เข้าใจสิวะระดับนี้แล้ว ต่อๆ ๆ” ต๋องยักคิ้วให้เพื่อน

“ให้มันจริง ไม่ใช่ว่าวันสอบนี่งงเป็นไก่ตาแตกนะเว้ย ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามเคป่ะ”

“เคๆ”

เจ้าตัวนั่งค้ำคางมองหน้าเพื่อนรักอธิบายไปเรื่อยๆ อย่างเพลินตา บางจังหวะก็แทรกคำถามกวนๆ เพื่อให้คนที่ติวนั้นดุให้ มันรู้สึกสนุกมากที่เห็นเพื่อนทำหน้างองุ้มใส่



ในที่สุดการติวครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงไปอย่างทุกลักทุเล ไอร์ปิดหนังสือลงก่อนจะเก็บเข้าไปในกระเป๋าผ้าของตัวเอง แล้วหันไปเอ่ยกับเพื่อนทันที

“ถ้ามึงมีอะไรไม่เข้าใจก็เขียนเอาไว้ไปถามกูที่โรงเรียนละกัน วันนี้พอแค่นี้กูจะกลับบ้านละ”

“เฮ้ยกินข้าวกับกูก่อนวันนี้ป๊ากับม๊าไม่อยู่บ้านกูไม่มีเพื่อน” เจ้าของบ้านก้มหน้าเศร้า เป็นมุกเดิมๆ ที่เคยใช้แต่ไอร์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่ครั้งเดียว

“เฮ้อ..มุกเดิมๆ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” ไอร์ปรายตามองเพื่อนอย่างไม่สนใจ

ต๋องเงยหน้าขึ้นมามองดูว่าเพื่อนจะใจอ่อนเหมือนทุกครั้งหรือเปล่า

“มึงไม่สงสารกูบ้างเหรอวะ” อีกครั้งกับเสียงอ่อยๆ ที่ดังขึ้น ไอร์ถึงกับขำในใจ

ไอ้เพื่อนบ้าเล่นซะกูไปไม่เป็นเลยเนี่ย

“โอเคๆ กูจะกินข้าวกับมึงก่อนกลับก็ได้”

“เย้!!! ป่ะลงไปข้างล่างกัน” ต๋องชูกำปั้นขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะกอดคอเพื่อนเดินลงไปข้างล่างทันที



บนโต๊ะอาหาร

“กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ” ต๋องใช้ช้อนกลางตักผัดผักใส่จานให้เพื่อนรัก

“ถึงตัวกูจะยังไม่โตเทามึงแต่สมองกูนำมึงไปหลายโยชน์แล้วเพื่อน”

“ได้ทีข่มกูเลยนะมึง อย่าให้กูสอบได้ที่หนึ่งแซงมึงละกัน กูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย”

“คงไม่มีวันนั้นว่ะไอ้ต๋องเพราะกูจะเอาที่หนึ่งจนจบมอหก”

“เออไอ้คนเก่งทำให้ได้ละกัน กูจะคอยเป็นกำลังใจให้มึง” เจ้าตัวยิ้มให้

“เป็นกำลังใจให้ตัวเองเหอะ เอาให้ได้อ่ะวิศวะอย่าให้เสียถึงคนติวอย่างกู”

“ถ้างั้นมึงก็ต้องมาติวให้กูบ่อยๆ นะ” พูดจบก็หม่ำข้าวคำใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่เว้ยเอาตามที่กูพอมีเวลา ไม่ใช่ตามใจมึงรู้ไว้ด้วย”

“คร้าบบตามใจเพื่อน”

“เคียวข้าวให้หมดก่อนค่อยพูด เดี๋ยวได้กระเด็นใส่กูหรอก” ไอร์ดุให้เพื่อน

ต๋องกำลังจะตอบกลับแต่โดนเพื่อนรักชี้หน้าห้ามไว้ก่อน จึงพยายามเคี้ยวข้าวในปากให้หมดแล้วดื่มน้ำกลั้วคอลงจนหมด

“หมดแล้วพูดได้ป่ะ”

“กูเอามือปิดปากมึงไว้เหรอ”

“ไอ้ห่ามึงนี่กวนตีนกูขึ้นทุกวันเลยนะ ที่กูจะบอกนี่คือซอสติดปากเมิงงง คนอุตส่าหวังดี”

“ออกหมดยัง” ไอร์พยายามเลียรอบๆ ริมฝีปาก

“ยังไม่หมด มานี่เดี๋ยวกูเช็ดออกให้” ต๋องหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะไปเช็ดซอสพริกออกจากปากให้เพื่อนอย่างใส่ใจ

ทำไมมึงชอบทำให้ใจกูสั่นอยู่เรื่อยเลยวะไอ้ต๋อง...

“หมดยัง”

“หมดแล้วคร้าบบ ทำไมมึงหน้าแดงเขินกูเหรอ” ต๋องทำหน้าล้อเลียนเพื่อนเมื่อเห็นแก้มที่เคยขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

“กะ...กูหน้าแดงเหรอวะไม่เห็นรู้สึกเลย” ไอร์พยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด ทั้งที่ภายในใจมันสั่นแปลกๆ

“ไอ้สัสเวลามึงเขินก็น่ารักนะเนี่ย ดูเหมาะมือเหมาะตีนจริงๆ”

“สรุปมึงจะชมหรือด่ากูวะเนี่ย กูอิ่มแล้วจะกลับล่ะ” ไอร์ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วสะพายกระเป๋าทันที

“เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้าน”

“ไม่เป็นไรกูกลับได้ ขืนมึงไปด้วยไม่มีทางกลับมาง่ายแน่ๆ”

“กูสัญญาว่าจะไปส่งแล้วก็กลับมาเลย ไม่อยู่รบกวนมึงกับแม่หรอกน่า” ต๋องพยักหน้าหงึกๆ เพื่อให้เพื่อนตอบรับ

“โนเวย์มึงมันเจ้าเล่ห์ กูไม่มีทางไว้ใจมึง”

“กูไปล่ะ” ไอร์โบกมือให้แล้วเดินออกไปที่ประตูหน้าบ้าน

“เดี๋ยวๆ ๆ กูไม่ไปส่งก็ได้แต่ให้คนขับรถไปส่งมึงนะ มึงมาติวให้กูทั้งทีจะให้นั่งรถเมล์กลับเองมันก็ไม่ใช่ป่ะวะ” ต๋องยื่นข้อเสนอใหม่ให้ อย่างน้อยให้คนขับรถไปส่งเพื่อนที่บ้านเขาก็ยังพออุ่นใจ

“ถ้างั้นก็โอเค”

“แล้วเจอกัน” ต๋องเอ่ย

“เคกูไปล่ะ”



*-*-*-*-*-*-*



เมื่อคนขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ไอร์ก็เอ่ยขอบคุณแล้วเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ทันที วันนี้เป็นวันหยุดลูกค้าในร้านค่อนข้างจะเยอะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องรีบเร่งกลับมาที่บ้าน

“ติวหนังสือให้ต๋องเสร็จแล้วเหรอลูก”

“ครับแม่ ติวเสร็จก็รีบกลับมาช่วยแม่ทันทีเลย”

“ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกแค่นี้สบายมาก” ปิ่นแก้วยิ้มให้ลูกชาย

“ถ้าไม่ห่วงแม่แล้วจะให้ห่วงใครล่ะครับ ก็เรามีกันแค่นี้นี่นา” พูดแล้วก็เข้าไปกอดผู้เป็นแม่แล้วหอมแก้มทันที

“จะไม่ให้รักได้ไงลูกคนนี้ขี้อ้อนซะเหลือเกิน” ปิ่นแล้วยิ้มให้ลูกชายแล้วลูบที่เรือนผมอย่างเบามือ

“ผมจะตั้งใจเรียนในอนาคตแม่จะได้ไม่ลำบากครับ”

“อย่ากดดันตัวเองมากนะลูก ไม่ว่าในอนาคตลูกจะเป็นยังไงก็ช่างขอแค่อยู่ข้างๆ แม่อย่างนี้ แม่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว”

“ครับแม่ ช่วงที่ลูกค้ายังไม่มาเดี๋ยวผมไปล้างจานก่อนนะครับ”

“จ้าลูกรัก”

ไอร์ผละจากผู้เป็นแม่แล้วยกกาละมังที่เต็มไปด้วยจานที่ลูกค้าทานไว้ไปล้างในครัว หลังจากนั้นก็ออกมาช่วยแม่ขายข้าวแกงจนหมดแล้วช่วยเก็บร้านจนเสร็จไปอีกวัน



ช่วงค่ำหลังจากทานข้าวเย็นและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอร์ก็นั่งทบทวนตำราเรียนอยู่บนเตียงนอนเหมือนเช่นทุกวัน แต่แปลกที่วันนี้ภาพของเพื่อนรักลอยมาในหัวอยู่เรื่อยๆ จนไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย สักพักเจ้าตัวก็ลุกขึ้นจากเตียง แล้วก้มลงไปหยิบกล่องไม้ใบขนาดกลางๆ ขึ้นมาวางไว้บนเตียง

ไอร์นั่งทอดสายตาจ้องมองไปยังกล่องที่วางอยู่ข้างหน้า เขาเก็บของพวกนี้เข้าไปในกล่องโดยไม่รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไรกันแน่ แต่รู้เพียงแค่ว่ามันคือของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ที่ไม่ควรให้ใครมาเห็นโดยเฉพาะเพื่อนรักที่ชื่อต๋อง

กล่องถูกเปิดออกมาอย่างช้าๆ ในนั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายของเพื่อนรักทั้งภาพเดี๋ยวและภาพคู่ รวมถึงภาพที่แอบถ่ายเวลาที่ต๋องเผลอ ไม่เว้นแม้กระทั่งตั๋วหนังที่เคยไปดูด้วยกันมาทุกรอบ กุหลาบที่เคยได้มาในวันวาเลนไทน์ แม้ว่ามันจะแห้งกรอบจนไม่เหลือสภาพความสวยงามแต่เขาก็เก็บมันห่อใส่ถุงอย่างดี

ไอร์พยายามถามตัวเองมาตลอดว่าเก็บของพวกนี้ไว้ทำไม ช่วงแรกๆ เขาก็ยังงงกับความรู้สึกเช่นนี้ แต่นานวันเข้าทุกอย่างมันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่ไอ้เพื่อนตัวดีเข้ามาใกล้ชิดจนตัวแทบจะติดกัน ใจที่มันสั่นไหวและเต้นรัว ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีมาตลอดมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้แล้วว่ามันคือออะไร ความรู้สึกทั้งหมดมันคือ ‘ความรัก’ นั่นเอง เขาแอบหลงรักเพื่อนคนนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันอาจจะไม่สมหวัง แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าและใกล้ชิดกัน...ได้แค่นี้มันก็ดีแล้ว

ต๋องกูรักมึงเข้าให้แล้ว...ไอ้เพื่อนรัก






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รักเพื่อนเข้าแล้ว เพื่อนรู้ตัวปะเนี่ย  :hao4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด