❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]  (อ่าน 45714 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตื้อเข้าไปต๋อง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๑ ::
ขอโอกาส


เกือบสัปดาห์แล้วที่ต๋องเทียวมารับส่งลูกสาวไปกลับโรงเรียนทุกวัน ทำให้ตอนนี้อันดาติดพ่อแจมากกว่าใครๆ หลายครั้งที่เจ้าตัวเล็กอยากให้ผู้เป็นพ่อค้างที่บ้านด้วย แต่ไอร์ไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งทำอย่างนั้นต๋องยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ แค่อันดาปันใจไปให้มันก็รู้สึกหงุดหงิดมากพอแล้ว

“คุณหมอคะมีคนมารอพบข้างนอกค่ะ” พยาบาลสาวเดินเข้ามาในห้องตรวจ ขณะเจ้าตัวกำลังนั่งรอคนไข้คิวต่อไป

“ผมไม่ได้นัดใครไว้นะนอกจากคนไข้” ไอร์ทำหน้าสงสัยแล้วพยายามนึกว่าได้นัดใครไว้หรือเปล่า

“น่าจะเป็นญาติคุณหมอนะคะ เพราะมาพร้อมกับน้องอันดา”

ได้ยินอย่างนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร ปกติแล้วทั้งสองจะไปรอรับลูกสาวที่หน้าโรงเรียนพร้อมกัน แต่วันนี้ต๋องกลับไปก่อนเวลาแล้วรับตัวอันดามาก่อน หลังจากนั้นก็พาลูกสาวมาหาที่โรงพยาบาล

“ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ”

“อยู่ตรงหน้าประชาสัมพันธ์ค่ะ”

“เดี๋ยวผมออกไปละกัน” ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เหลือคนไข้อีกหนึ่งคิวก็จะจบวัน

ไอร์ตรวจคนไข้เสร็จแล้วก็เก็บของเดินออกมาจากห้องตรวจ รีบเดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์ก็เห็นสองพ่อลูกกำลังนั่งรออยู่ จึงเดินดุ่มๆ ไปหมายว่าจะด่าคนที่ไม่เคารพกฎกติกา

“คุณแม่มาแล้ววว” อันดารีบวิ่งเข้ามากอด

“ทำไมวันนี้ไม่รอแม่อยู่ที่โรงเรียนล่ะ” เสียงหวานเอ่ยกับลูกสาว

“วันนี้คุณพ่อพาน้องอันดามาเซอร์ไพรซ์คุณแม่ค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยบอก

“วันหลังรอแม่ที่โรงเรียนนะคะ ใครไปรับก็ไม่ต้องมา” พูดกับลูกแต่หันไปทำตาดุให้อีกคน

“ได้ไงนี่พ่อนะครับไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย”

“ไม่รู้ล่ะ...ไปลูกกลับบ้านกัน” ไอร์จูงมือลูกสาวไปที่ลานจอดรถทันที ต๋องเองก็ได้แต่เดินตามหลังแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี

เดินมาถึงไอร์ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของล้อรถที่มันยุบตัวลงกว่าเมื่อเช้า ไม่น่าเชื่อว่ารถที่จอดอยู่เฉยๆ จะยางรั่วได้ขนาดนี้ เจ้าตัวนั่งลงมองดูล้อรถทั้งสี่อย่างไม่สบอารมณ์

“คุณแม่คะรถเป็นอะไร” อันดายืนสะพายกระเป๋านักเรียนมองดูอยู่ข้างๆ

“รถยางรั่วน่ะลูก”

“แล้วเราจะกลับกันยังไงคะคุณแม่”

“เดี๋ยวแม่โทรเรียกช่างซ่อมก่อนนะลูกไปรอในรถก่อน”

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ต๋องเดินมาหาแล้วยืนมองดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ใช่แล้วนั่นมันเป็นฝีมือเจ้าตัวเอง

“ไม่มี! ไปไกลๆ เลย”

“กลับรถกูก็ได้พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมาซ่อม” ต๋องแนะนำ

“ไม่มีทาง...มึงกลับไปเลย”

“โอเค้ถ้ามึงไม่ต้องการความช่วยเหลือกูไปก็ได้” พูดเหมือนยอมง่ายๆ แต่เจ้าตัวกลับไปอุ้มลูกสาวออกมาจากรถ หลังจากนั้นก็กระซิบที่หูลูกสาวก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะตะโกนออกมา

“คุณแม่ตามมานะคะ” อันดาโบกมือให้ขณะกอดคอผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น

“อันดากลับมาหาแม่เดี๋ยวนี้นะ” ไอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเท้าสะเอวด้วยความโมโห เอาลูกมาเป็นข้อต่อรองอีกแล้วหรือนี่มันน่าโมโหนัก ไอร์จำใจเดินตามไปเพราะเป็นห่วงลูกสาว กลัวว่าไอ้พ่อตัวดีจะพาไปที่อื่นแทนที่จะกลับบ้าน

ต๋องพาลูกขึ้นไปนั่งข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ ส่วนไอร์นั่งอยู่เบาะหลังทำหน้าตาบึ้งตึ้งผิดจากลูกสาวที่รู้สึกจะร่าเริงเกินเหตุ หลังจากผู้เป็นพ่อบอกว่าจะพาไปเที่ยวแทนที่จะกลับบ้าน

“นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่” ไอร์เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเมื่อคนขับรถเริ่มขับออกนอกเส้นทาง

“ก็ไม่ใช่ไง” เจ้าตัวยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี

“เลี้ยวกลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้” ไอร์เริ่มทำเสียงเข้มขึ้นมา

“น้องอันดาอยากไปเที่ยวใช่ไหมคะ” ต๋องไม่สนใจแต่หันไปถามลูกสาวแทน เพื่อให้คำตอบของอันดาเป็นคำตัดสินของความไม่ลงรอยนี้

“ใช่ค่ะน้องอันดาอยากไปเที่ยว”

“เดี๋ยวพ่อจะพาไปนะคะ” พูดแล้วก็หันมายักคิ้วให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจกหน้ารถ

“เย้! แปะๆ ๆ” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงด้วยความดีใจพร้อมกับปรบมือเสียงดัง

“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะกูไม่ชอบ”

“กูก็อยากจะทำอย่างนั้นนะแต่ลูกชอบน่ะสิก็เลยขัดไม่ได้...มึงเข้าใจกูนะ” ต๋องเอาเรื่องลูกมาอ้างอีกเช่นเคย และนั่นก็ทำให้ไอร์ต้องยอมแทบทุกครั้ง

“เอาลูกมาอ้างตลอด” เจ้าตัวทำหน้างอก่อนจะหันออกไปนอกรถ

ต๋องยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางนั่น มันทำให้รู้สึกอยากเข้าไปกอดเอาใจซะเหลือเกิน หากไม่มีลูกอยู่บนรถด้วยเขาคงจะทำอย่างนั้นไปแล้ว

เมื่อถึงที่หมายแล้วต๋องก็วนรถหาที่จอดรถ แล้วอุ้มลูกสาวเดินมาที่ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อรู้ว่าต๋องพามาที่นี่ไอร์ก็นึกถึงความหลังขึ้นมาทันที เขาจำได้แล้วว่าวันนี้คือวันที่เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะพาไอ้เพื่อนรักมาทุกๆ ปี

“ถึงแล้วววชอบไหมครับอันดา” ต๋องอุ้มลูกสาวยืนดูทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงแดดสีส้มตกกระทบบนผืนน้ำตลอดทั้งสายดูแล้วช่างสวยงามและรู้สึกผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน

“ชอบค่ะคุณพ่อ”

“เดี๋ยววันหลังพ่อพามาอีกนะคะ”

“จริงๆ นะคะ”

“พ่อสัญญาค่ะ...ไม่เหมือนกับคุณแม่ที่เคยสัญญาว่าจะพาพ่อมาที่นี่ทุกปีแต่ก็ผิดสัญญา” ต๋องพูดกับลูกสาว แต่สายตากลับหันไปมองอีกคนที่กำลังยืนจับราวมองวิวฝั่งตรงข้าม

“คุณแม่ทำไมผิดสัญญาล่ะคะ” อันดาเอ่ยถามผู้เป็นแม่ทันทีที่ได้ยิน

ไอร์หันหน้ามามองลูกสาวพร้อมกับยิ้มกริ่มให้

“แม่ได้ผิดสัญญาซะหน่อยอันดาจำไม่ได้เหรอแม่พาอันดามาที่นี่ทุกปีเลยนะ” เขาทำตามสัญญาทุกปีเพราะถือว่าลูกคือตัวแทนต๋อง แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้มาตรงตามวันที่เคยได้สัญญาเอาไว้ นั่นเพราะกลัวว่าอาจจะเจออีกฝ่ายนั่นเอง

“น้องอันดาจำไม่ได้ค่ะ”

“เห็นไหมว่าแม่ไม่เคยผิดสัญญากับใครเลยนะ

“คุณแม่สัญญากับคุณพ่อไม่ใช่อันดาซะหน่อย” เด็กหญิงทำหน้าสงสัย

“ขี้สงสัยจริงๆ เจ้าตัวเล็ก...มาหาแม่มา” ไอร์อ้าแขนรอรับลูกสาวส่วนต๋องก็ยอมให้อันดาไปแต่โดยดี

ต๋องพอจะเข้าใจว่าทำไมไอร์ถึงได้บอกว่าไม่เคยผิดสัญญา เพราะอันดาเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเขานั่นเอง ได้ยินอย่างนี้ยิ่งทำให้เจ้าตัวประทับใจในตัวไอร์มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าลูกสาวคนนี้จะเกิดมาจากความไม่ได้ตั้งใจ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องขอบคุณไอร์ที่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กได้เกิดขึ้นมาเป็นพยานรัก อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้สึกว่ากำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์รออยู่ข้างหน้านี้แล้ว

ไอร์อุ้มลูกสาวตัวน้อยชมความงดงามของวิวทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามอย่างเพลินตา ส่วนต๋องยืนจ้องมองภาพนั้นด้วยความสุขใจที่เห็นเมียกับลูกอยู่ตรงหน้า มันอาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสที่เขาได้เจอและรู้จักกับไอร์ ใครจะคาดคิดว่าคนๆ นี้จะมีสถานะเป็นทั้งเพื่อน เมียและแม่ของลูกในเวลาเดียวกัน เขาไม่มีทางปล่อยให้ไอร์จากไปไหนอีกเป็นอันขาด หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน

“มึงอย่าไล่กูไปไหนอีกเลยนะ กูอยากอยู่กับมึงอย่างนี้นานๆ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยข้างใบหู ตอนแรกเจ้าตัวก็ว่าจะกระทุ้งศอกให้อีกฝ่ายคลายอ้อมกอด แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจ และน้ำเสียงนั่นก็ทำให้นึกถึงวันนั้นในอดีตที่เคยมาด้วยกัน...



*-*-*-*-*-*-*-*



อยู่ที่ริ่มฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณครึ่งชั่วโมงต๋องก็พาทั้งสองคนกลับมาที่บ้าน

“คุณย่าคะน้องอันดากลับมาแล้วว” เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นยายทันทีที่ลงจากรถ ส่วนพ่อและแม่ก็เดินตามหลังมาติดๆ

“คุณพ่อพาไปไหนมาเนี่ย” ปิ่นแก้วถามหลานสาว

“พาไปดูแม่น้ำมาค่ะ น้องอันดาชอบมากสวยที่สุดเลย” อันดาโม้ให้ยายฟัง

“อยากไปอีกไหมล่ะ”

“อยากสิคะ”

“ถ้างั้นน้องอันดาต้องเป็นเด็กดีนะคะ”

“ได้เล้ยย น้องอันดาจะเป็นเด็กดีทุกวันเลยค้า”

“เอากระเป๋าไปเก็บก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าว ยายทำของโปรดน้องอันดาไว้เยอะเลย”

“เย้! คุณพ่อกินข้าวกับอันดาด้วยนะคะ” เด็กหญิงหันไปหาผู้เป็นพ่อ

ต๋องหันไปมองหน้าไอร์ทันทีเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบใจเอา วันนี้ยิ่งขัดใจเจ้าตัวมาหลายเรื่องแล้ว

“ก็แล้วแต่” พูดแล้วก็พาลูกสาวไปเปลี่ยนชุดด้านบน

ต๋องยิ้มกว้างเมื่อได้รับอนุญาตเป็นนัยๆ

ปิ่นแก้วเองก็พอจะดูออกว่าตอนนี้ลูกชายเริ่มจะใจอ่อนลงบ้างแล้ว เธอก็หวังว่าอีกไม่นานคงจะได้มีลูกเขยอย่างเป็นทางการกับเขาเสียที

ต๋องช่วยว่าที่แม่ยายจัดโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นไม่นานแม่กับลูกก็เดินลงมาพร้อมกันในชุดไปรเวทใส่สบายๆ

“เชิญเลยคร้าบบบ” ต๋องเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับลูกสาวแล้วตามด้วยคนรัก แต่เจ้าตัวจับที่เก้าอี้ไว้ไม่ยอมรับความหวังดีจากอีกฝ่าย

“ทำอย่างกับอยู่บ้านตัวเองงั้นล่ะ” พูดแล้วก็เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แต่วันหน้าก็ไม่แน่นะคร้าบบบ”

“อย่าหวังซะให้ยาก”

“เอาล่ะๆ กินข้าวกันเถอะ” ปิ่นแก้วส่ายหน้าให้กับความพ่อแง่แม่งอนของทั้งสองคน

ทุกคนลงมือทานข้าวเย็นมื้อพิเศษพร้อมกับแขกที่ไม่ค่อยอยากจะรับเชิญของไอร์ เด็กหญิงอันดาแลดูจะมีความสุขกับทุกๆ วันหลังจากที่ได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ แล้ว อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังเป็นกาวใจเชื่อมความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

“น้องอันดาทานเยอะๆ นะคะจะได้โตเร็วๆ” ต๋องว่าพลางตักกับข้าวให้ลูกสาว

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ ตักให้คุณแม่บ้างสิคะ”

ต๋องมองหน้าอีกคนทันทีเพราะกลัวจะโดนปฏิเสธเหมือนก่อนหน้านี้

“แม่ไม่ใช่เด็กๆ เหมือนอันดาซะหน่อย แม่ตักเองได้ค่ะ” ไอร์บอกกับลูกสาว

“แต่คุณแม่ก็เป็นเมียคุณพ่อไม่ใช่เหรอคะ” เด็กหญิงพูดตาแป๋ว

ต๋องและปิ่นแก้วได้ยินก็ถึงกับขำออกมาพร้อมกัน แต่ไอร์กลับหน้าแดงก่ำซะอย่างนั้น

“ใครบอกให้พูดอย่างนี้ห๊ะอันดา ทีหลังห้ามพูดอีกนะคะเข้าใจไหม”

“เพื่อนๆ ที่โรงเรียนเขาก็พูดกันอย่างนี้ ถ้าไม่มีคุณพ่อน้องอันดาก็ไม่ได้เกิดมาใช่ไหมคะ” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุอันดากลับเริ่มยิงคำถามที่ทำให้ผู้เป็นแม่หน้าแดงมากยิ่งขึ้น นั่นช่างถูกใจพ่อที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ ซะเหลือเกิน

“ย้ายโรงเรียนซะเลยดีไหมเนี่ย เด็กขนาดนี้มาพูดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“ไม่เอานะคะน้องอันดาไม่ย้ายโรงเรียนนะ” เจ้าตัวรีบพูดโต้กลับทันควัน

“ถ้าไม่อยากย้ายก็ห้ามพูดเรื่องอย่างนี้อีกนะ”

“ค่ะคุณแม่”

“ทำไมชอบดุลูกอยู่เรื่อยเลย อันดาพูดถูกแล้วเราเป็นผัวเมียกัน จะอายทำไมเนี่ยดีซะอีกลูกเราฉลาดขนาดนี้...ใช่ไหมคะอันดา” ต๋องพูดเอาใจลูกสาว

“ก็กูไม่ยอมรับมึงเป็น....เอ่อ...” เมื่อถึงคำท้ายประโยคเจ้าตัวกลับอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา

“แต่กูยอมรับมึง...ให้มาเป็นทุกอย่างในชีวิตกูนะ” แม้จะอยู่บนโต๊ะทานข้าวแต่ต๋องก็ไม่อายที่จะกุมมือคนรักเอาไว้แน่น ไอร์พยายามดึงมือกลับแต่ต๋องไม่ยอม

ปิ่นแก้วและอันดาหันไปยิ้มให้กันอย่างพอใจ

“อือ หึ้ม” ปิ่นแก้วกระแอมไอเมื่อเห็นทั้งสองคนนิ่งเงียบ

“เอ่อ...ขอโทษนะครับแม่ที่เสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร”

“ไม่เป็นไรจ๊ะแม่ไม่ถือ” ปิ่นแก้วยิ้มให้

“แม่อ่ะแทนที่จะหวงลูกตัวเอง” ไอร์มองค้อนใส่ผู้เป็นแม่

“ทำไมแม่จะไม่หวงล่ะไอร์ แต่ต๋องก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลซะหน่อย”

“สำหรับแม่อาจจะไม่ใช่ แต่สำหรับผมใช่” เจ้าตัวส่งสายตาพิฆาตไปให้ทันที

“ต๋องสู้ๆ นะลูกอย่าเพิ่งท้อล่ะ” ปิ่นแก้วพูดให้กำลังใจว่าที่ลูกเขย

“คุณแม่!” ยิ่งได้ยินอย่างนั้นไอร์ยิ่งงอนแม่หนักเข้าไปใหญ่

“แม่ไม่ได้เข้าข้างใครนะ แต่แม่กลัวต๋องจะท้อไปซะก่อน เพราะดูท่าทางลูกแม่จะใจแข็งซะเหลือเกิน”

“ขอบคุณแม่มากๆ นะครับผมจะสู้ไม่มีถอยเลยครับ”

“สู้ๆ นะคะคุณพ่อ”

“โอ๊ยทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย!” ไอร์รู้สึกหงุดหงิดที่โดนแย่งพรรคพวกไปหมด จึงลุกขึ้นเดินออกไปหน้าบ้านทันที

“ตามไปสิคะคุณพ่อ” เหมือนกับว่าทั้งลูกสาวและว่าที่แม่ยายต่างก็เอาใจช่วยเต็มที่

ต๋องยิ้มให้แล้วเดินตามออกไปทันที เมื่อมาถึงก็พบเจ้าตัวยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่หน้าบ้าน ต๋องเดินย่องเข้าไปคว้าหมับเข้าที่เอวก่อนจะสวมกอดเอาไว้แน่น

“เหี้ย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ” กำปั้นน้อยๆ พยายามทุบเข้าที่แขนรัวๆ

“ไม่ปล่อย!” เสียงเข้มเอ่ยที่ข้างใบหูจนคนที่โดนกอดอยู่ขนลุกชัน

“ถ้าไม่ปล่อยกูจะร้องให้แม่ได้ยิน”

“ร้องเล้ยย ก็แม่นั่นล่ะบอกให้กูตามมึงมา”

“แม่นะแม่” ไอร์บ่นอุบอิบเสียงเบา ไม่นึกเลยว่าจะเข้าข้างคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง ลูกสาวก็อีกคนตั้งแต่มีพ่อเข้ามาในชีวิต เขาก็ดูเหมือนจะมีบทบาทน้อยลงไปเรื่อยๆ

“อย่าโทษแม่เลย โทษกูเถอะที่รักมึงมากเกินไป”

“กูจะอ้วกอย่าพูดให้ได้ยินอีกเด็ดขาดเลย”

“ทำไมเหรอกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ไง”

ฟอดด!!!!

พูดแล้วก็หอมแก้มฟอดใหญ่จนคนที่อยู่ในอ้อมกอดหน้าแดงขึ้นมาทันที

“ไอ้คนฉวยโอกาส”

“ยังน้อยกว่าที่มึงทำกับกูซะอีก”

“กูทำอะไรลืมไปหมดแล้วเว้ย”

“ถ้าจำไม่ได้กูจะเตือนความจำให้มึงเอง” ต๋องจับมือเรียวเข้ามาล้วงในกางเกงของตัวเองทันที

“อี๋!! ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้นะ” ไอร์ทำหน้ารังเกียจขยะแขยงซะเต็มประดา

“ทีตอนนั้นกูปั่นจักรยานมึงยังมาล้วงไข่กูเล่นเลย มึงจำไม่ได้เหรอ ฮึ”

“นั่นมันสมัยเด็กๆ เว้ยตอนนี้โตจนมีลูกกันแล้วยังจะมาเล่นแบบนี้อีก” เจ้าตัวโวยวาย

“ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้มึงกูเป็นไอ้ไอร์ของกูเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเว้ย” ต๋องเอ่ยข้างใบหูเสียงเบาก่อนจะปล่อยมือข้างที่ถูกล้วงให้เป็นอิสระ

“.............” ไอร์นิ่งไม่ยอมพูดอะไร ในใจก็คิดว่าทำไมเขาต้องกีดกันต๋องออกจากชีวิตขนาดนี้ด้วยนะ ในเมื่อตอนนี้ใจมันก็เรียกร้องให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอยู่ทุกๆ วัน

“ขอโอกาสให้กูดูแลมึงกับลูกเถอะนะ พ่อกับแม่กูท่านก็เร่งให้กูพามึงกับลูกไปกราบท่านที่บ้านให้ได้”

“ตอนนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกูแล้ว.....”

“หมายความว่าไงวะ” ต๋องทำหน้าสงสัย

“ขึ้นอยู่กับมึงว่าจะมีความพยายามมากแค่ไหนต่างหาก” คนที่อยู่ในอ้อมกอดอมยิ้มเมื่อพูดจบประโยค

“หมายความว่ากูยังมีโอกาสใช่ไหมวะ มึงให้โอหาสกูใช่ไหมไอร์!” เจ้าตัวพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ก็แล้วแต่จะคิด...ถ้ากูไม่เห็นหน้ามึงทุกวันโอกาสมันก็จะริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ”

ต๋องยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าความพยายามเริ่มได้ผลบ้างแล้ว ยิ่งรู้อย่างนั้นยิ่งกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น ใบหน้าก็คลอเคลียที่ต้นคอขาวอย่างซุกซน

“พอได้แล้วกูจะเข้าไปละ ป่านนี้แม่กับอันดาคงกินข้าวเสร็จแล้ว” ไอร์พยายามแกะมือออก

“ก็ได้ครับ ผมยอมตามใจเมียทุกอย่างเลย”

ไอร์ที่กำลังยืนหันหลังให้อมยิ้มแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในบ้าน โดยมีชายหนุ่มรูปร่างกำยำเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามหลังไปติดๆ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ใจอ่อนแล้วว  :-[ :-[

เอ๊ะ หรือไม่เคยใจแข็งมาตั้งแต่แรกนะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใจอ่อน หรือ อ่อนใจ  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใจอ่อนเป็นเรื่องปกติ  เล่นตัวนิด ๆ จะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นของตาย

ป.ล. เวลาพูดต่อหน้าหนูอันดาเนี่ย  อยากให้ปรับคำพูดสมัยพ่อขุนรามออกไปจัง  มันจะเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อเด็กนะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น่ารักอ่านไปอมยิ้มไป

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ใจอ่อนแล้วหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๒ ::
แหวนเพชร


วันหยุดนี้ต๋องตั้งใจจะมาอยู่กับลูกสาวทั้งวัน โดยไม่ลืมที่จะถือดอกกุหลาบช่องามติดมือมาเหมือนเช่นเคย เมื่อมาถึงก็แปลกตาตรงที่ร้านขายข้าวแกงของปิ่นแก้วปิดทำการ เจ้าตัวจึงเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับความสงสัย ปกติแล้วไม่เคยเห็นร้านปิดแม้แต่วันเดียว แถมตอนนี้บ้านยังเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่อีกด้วย

“แม่ครับ!” แขกผู้มาเยือนตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีใครขานรับแม้แต่คนเดียว “ไปไหนกันหมดเนี่ย” เอ่ยพร้อมกับมองหาเจ้าของบ้าน

“คุณพ่อค่ะ” อันดาเดินลงมาจากบันไดเพียงลำพัง ต๋องเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาลูกสาว

“คุณยายกับคุณแม่ไปไหนกันหมดคะอันดา”

“อยู่ข้างบนค่ะคุณพ่อ”

“อ้าว! ไปทำอะไรกันอยู่ข้างบน”

“คณแม่ไม่สบายค่ะคุณยายเฝ้าอยู่”

“จริงดิ! คุณแม่เป็นอะไรมากไหมคะ” ต๋องได้ยินก็รู้สึกใจคอไม่ดี

“คุณพ่อขึ้นมาดูเองเลยค่ะ” อันดาจูงมือพ่อขึ้นไปทันที

เมื่อขึ้นมาชั้นบนของตัวบ้านอันดาก็พาเข้าไปในห้องนอน ต๋องรีบเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับจ้องมองคนรักด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นแก้วก็นั่งดูแลลูกชายอยู่ข้างๆ พร้อมกับเช็ดตัวให้

“สวัสดีครับแม่”

“สวัสดีจ๊ะโทษทีแม่ไม่ได้ลงไปรับข้างล่าง ได้ยินเสียงเรียกเลยให้อันดาลงไปแทน”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ว่าแต่ไอร์เป็นอะไรมากไหมครับแล้วนี่ไปหาหมอมารึยัง” เจ้าตัวถามด้วยความเป็นห่วง สายตาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าขาวที่ดูซีดเซียวกว่าทุกครั้ง

“ก่อนจะหลับเจ้าตัวบอกทานยาแล้วนอนพักก็หายจ๊ะ”

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอเฝ้าไอร์เองนะครับแม่”

“ต๋องไม่มีธุระที่ไหนเหรอจ๊ะ”

“ไม่มีครับแม่วันนี้ผมตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่ทั้งวันเลย”

“ถ้างั้นก็ตามใจจ๊ะ แม่ฝากไอร์ด้วยนะ เดี๋ยวแม่จะลงไปทำงานบ้านก่อนละกัน” ปิ่นแก้วยิ้มให้

“ครับแม่”

“แล้วอันดาล่ะลูกจะไปกับยายหรือจะอยู่กับพ่อ”

“น้องอันดาจะอยู่กับคุณพ่อค่ะ”

“ถ้างั้นก็อย่าดื้อนะเดี๋ยวยายลงไปล่ะนะ”

เมื่อปิ่นแก้วเดินลงไปแล้วต๋องก็วางช่อดอกกุหลาบไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เตียงแล้วจับมือคนที่นอนป่วยเอาไว้พร้อมกับจ้องมองใบหน้าเรียว

“คุณพ่อคะคุณแม่จะหายเป็นไข้ไหม” เด็กหญิงอันดาเดินเข้ามานั่งข้างๆ

“หายสิคะ คุณแม่ไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยวก็หาย” พูดพร้อมกับเอื้อมมือหนาไปจับที่กลางกระหม่อมลูกสาวเบาๆ

“คุณพ่ออยู่เฝ้าคุณแม่ตลอดไปได้ไหมคะ”

“ได้สิลูก พ่อจะเฝ้าคุณแม่ตลอดชีวิตเลยดีไหม”

“ดีค่ะคุณพ่ออันดาจะอยู่เฝ้าคุณแม่ด้วยคน”

“งั้นเรามานั่งเฝ้าคุณแม่กันนะ”

“ได้เล้ยย” อันด้าชูกำปั้นน้อยๆ ขึ้นอย่างอารมณ์ดี

ต๋องนั่งหยอกล้อเล่นกับลูกสาวอยู่นานจนเจ้าตัวเล็กหลับไป เขาอุ้มลูกสาวไปนอนที่ฟูกข้างๆ เตียงแล้วห่มผ้าให้ มองหน้าเจ้าตัวเล็กพร้อมกับยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

ผละจากลูกสาวตัวน้อยก็หันมาสนใจคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง เขาใช้หลังมือแตะที่ต้นแขนและลำคอก็พบว่าตัวยังรุมๆ อยู่จึงนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้อีกครั้ง แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นใช้แขนเท้าบนเตียงเอาไว้มองหน้าคนรักอย่างไม่วางตา ยิ่งมองก็ยิ่งเคลิ้มริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นมาตลอดเวลา เวลาที่สิ้นฤทธิ์อย่างนี้เขาแทบอยากจะจับกดเสียให้ได้ คนบ้าอะไรแม้กระทั่งเวลาหลับก็ยังสามารถยั่วยวนเขาได้ นั่งมองอยู่นานเปลือกตาก็ค่อยๆ ปรือลงไปเรื่อยๆ จนเจ้าตัวหลับไปในที่สุด กลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ ที่ดังเบาๆ อย่างสม่ำเสมอกล่อมทุกคนอยู่ภายในห้องเท่านั้น

หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงคนป่วยก็เริ่มรู้สึกตัว ไข้ลดลงไปแล้วตอนนี้ก็มีเพียงอาการอ่อนเพลียจากการนอนซมอยู่เท่านั้น เจ้าตัวจะยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากเพื่อเช็คไข้แต่ก็รู้สึกหน่วงๆ ยกไม่ขึ้น จึงหันมามองก็พบว่ามือเรียวถูกกุมเอาไว้จากคนที่นอนคล่ำหน้าอยู่ข้างเตียง มืออีกข้างก็ถือผ้าเอาไว้

เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา แล้วใช้มืออีกข้างมาเกลี่ยไรผมที่ปรกหน้าชายหนุ่มออก เผยให้เห็นใบหน้าคมที่กำลังนอนหลับเป็นตายเหมือนลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ช่วงระยะเวลาที่ต๋องเคยให้สัญญาไว้ไม่เคยทำให้ไอร์ผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว มันน่าจะถึงเวลาแล้วที่อันดาควรจะมีทั้งพ่อและแม่อยู่อย่างพร้อมหน้ากันเสียที

คนที่นอนหลับอยู่เริ่มรู้สึกตัวแล้วงัวเงียเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่าคนป่วยรู้สึกตัวแล้วต๋องก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ

“ไอร์มึงเป็นยังไงบ้างวะ รู้สึกเวียนหัวหรือไม่สบายตัวรึเปล่า!” ต๋องเอ่ยออกมาอย่างลนลานด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย

“กูหิวน้ำ” คนป่วยพูดเสียงเบาพร้มกับมองด้วยสายตาเป็นมิตร ไม่มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด

“ได้ๆ รอแป๊บเดี๋ยวกูลงไปเอามาให้” พูดแล้วก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำดื่มมาให้ทันที

หลังจากคนรักเดินลงไปแล้ว ไอร์ก็มองดูลูกสาวที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนฟูก เจ้าตัวก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาที่เห็นต๋องดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี ไม่นานนักเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่เดินมาพร้อมกับแก้วน้ำดื่ม

“มาแล้วคร้าบบบ” เจ้าตัววางแก้วน้ำบนโต๊ะข้างๆ เตียงก่อนจะมาช่วยพยุงตัวคนป่วยให้เอนหลัง หลังจากนั้นก็ยกแก้วน้ำดื่มมาป้อน

“กูจับเองได้” ไอร์ไม่ยอมดื่มพร้อมกับจะจับแก้วไว้เอง

“อย่าดื้อสิวะเร็วๆ” ต๋องจับแก้วเอาไว้แน่น ยังไงซะเขาจะต้องเป็นคนป้อนให้ได้

เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นนั้นไอร์ก็ยอมดื่มแต่โดยดี

“ดีขึ้นยัง” คนที่ถามจ้องหน้ารอคำตอบอย่างตั้งใจ

“อื้ม” ไอร์ตอบสั้นๆ

“ดีแล้วกูจะได้หายห่วง”

“นี่มึงห่วงกูจริงๆ เหรอ” แกล้งปรายตามองอย่างไม่เชื่อ

“ถ้าไม่ห่วงกูจะมานั่งเฝ้ามึงอย่างนี้เหรอวะ” เจ้าตัวทำหน้าจริงจัง

“มึงจะจริงจังเกินไปป่ะกูถามแค่นี้เอง”

“ก็กูกลัวมึงจะไม่เชื่อไง...วันนี้กูจะมาอยู่กับมึงและลูกทั้งวันเลยนะ”

“ใครอนุญาต”

“แม่” เจ้าตัวเอาแม่มาอ้างอีกตามเคย

ไอร์ถึงกับอมยิ้มเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าใช้มุขเดิมๆ อีกแล้ว

“มึงยิ้มแล้ว” เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่นก็ทำให้หัวใจเริ่มพองโตขึ้นมาทันที

“ใครยิ้ม...” ทำหน้าเหรอหราแล้วก็หุบยิ้มทันที

“คนอะไรจะโกหกได้หน้าตายอย่างนี้ ถ้าไม่ป่วยอยู่นะจะจับทำโทษซะให้เข็ด”

“มึงกล้าเหรอ?” คนป่วยเริ่มทำเสียงโหดขึ้นมาทันที

“พูดไปงั้นล่ะคร้าบ ผมไม่กล้าหรอก” เจ้าตัวทำเสียงอ่อยยังไงซะก็ยอมต้องแพ้วันยังค่ำ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบช่อดอกกุหลาบมายื่นให้ “ดอกไม้สวยๆ สำหรับคุณครับ” นั่งคุกเข่าพร้อมยื่นช่อดอกกุหลาบให้ราวกับเป็นการขอแต่งงานซะอย่างนั้น

“เอากองไว้ตรงนั้นล่ะ”

“โด่ววว...ใจร้ายจัง รับไว้หน่อยเถอะไม่งั้นผมคงจะอกแตกตายแน่” เจ้าตัวทำสีหน้าออดอ้อนน่าสงสาร แทนที่ไอร์จะรู้สึกสงสารแต่กลับตลกเสียมากกว่า

“.........” เมินหน้าเล่นตัว

“นะๆ ๆ ๆ” ยังคงพยายามออดอ้อน

“ก็ได้ถือว่าตอบแทนที่มึงเอาน้ำมาให้กูละกัน” รับช่อดอกกุหลาบนั้นมาถือไว้

“ดอกกุหลาบหอมมากเลยนะลองดมดูสิ”

“ไม่! ได้คืบจะเอาศอก”

“ก็ได้ๆ ...ขาดอย่างเดียวจริงๆ” ต๋องพูดเปรยๆ ออกมา

“ขาดอะไร” คนที่นอนอยู่บนเตียงถามด้วยความสงสัย

“ก็ขาดแหวนไงก็จะเหมือนการขอแต่งงานแล้ว”

“มึงยังจะคิดถึงเรื่องอย่างนั้นอีกเหรอวะ”

“ก็คิดสิวะ ถึงมันจะข้ามขั้นไปแล้วแต่กูก็อยากจะทำให้มันถูกต้อง เอาไว้วันหลังก็จะมาขอมึงใหม่ละกัน”

“เพ้อไปคนเดียวเถอะ”

“อื้อ...” ระหว่างนั้นอันดาก็เริ่มรู้สึกตัว ส่งเสียงอ้อแอ้ทำให้ผู้เป็นพ่อหันขวับไปมองลูกสาวทันที

“อันดาตื่นแล้วเหรอลูก” ต๋องรีบเดินไปหาลูกสาวแล้วพยุงตัวขึ้นมา

ไอร์ใช้โอกาสนี้ก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมของดอกกุหลาบทันทีก่อนจะวางลงข้างๆ ตัว ถ้าขืนทำต่อหน้ามีหวังเขาได้เขินจนตัวบิดแน่นอน

“อันดามาหาแม่เร็วลูก” ไอร์เอ่ยกับลูกสาวขณะนั่งอยู่บนเตียง

“คุณแม่!” เมื่อเห็นว่าแม่รู้สึกตัวแล้วเด็กหญิงตัวน้อยก็รีบวิ่งมากอดทันที

“ทำยังกับแม่จะหายตัวไปซะอย่างนั้น”

“น้องอันดากลัวคุณแม่จะไม่ตื่น”

“แม่ไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกค่ะ อย่าลืมนะว่าแม่เป็นหมอ” พูดแล้วก็หอมที่กลางกระหม่อมลูกสาว

“คุณพ่อเป็นห่วงคุณแม่มากๆ เลยนะคะ อันดาเห็นคุณพ่อจุ๊บที่หน้าผากคุณแม่ด้วย”

ไอร์หันขวับไปมองหน้าทันที คนที่ถูกกล่าวหาทำหน้าเหรอหรา เอาแล้วไงลูกสาวตัวดีเริ่มหางานให้เขาแล้ว

“โทษทีมันห้ามตัวเองไม่ได้” เจ้าตัวยิ้มแหยๆ ให้ ยอมรับแต่โดยดี

เด็กหญิงอันดายิ้มกริ่มขณะอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นแม่

ขณะนั้นเองปิ่นแก้วก็เดินเข้ามาในห้อง

“เป็นไงบ้างลูกดีขึ้นรึยัง”

“ดีขึ้นแล้วครับแม่”

“นี่ก็เที่ยงพอดีลงไปทานข้าวกันเถอะแม่เตรียมสำรับไว้รอข้างล่างแล้ว”

“ครับแม่”

“น้องอันดามากับยายเร็วลูกไปล้างหน้ากัน” อันดารีบเดินไปหาผู้เป็นยายทันที “เดี๋ยวตามลงไปละกันนะ” เธอบอกกับทั้งสองคนแล้วพาหลานสาวลงไปข้างล่าง

เมื่ออยู่ในห้องเพียงแค่สองคน ต๋องก็รีบไปพยุงตัวคนรักขึ้นจากเตียง

“ลุกเองได้น่า” คนที่เพิ่งจะหายป่วยเริ่มอวดเก่งขึ้นมา

“อย่าอวดเก่งเดี๋ยวก็ได้ล้มกันพอดี” พูดแล้วก็รวบเอวเอาไว้แน่น

“ปล่อยเถอะน่ากูเดินเองได้” เมื่อลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียงแล้วไอร์ก็พยายามอยู่นิ่งๆ ก่อนจะแกะมืออีกคนออก

“เออๆ กูอยากจะรู้นักว่ามึงจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ” ต๋องจ้องมองคนที่ยืนโคลนเคลนอยู่อย่างขัดใจ เดินได้เพียงสองสามก้าวก็เกือบจะล้มลง ยังดีที่ต๋องอยู่ไม่ห่างเลยพยุงตัวเอาไว้ได้ทัน

“อวดเก่งเข้าไปจะตายโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว” พูดแล้วก็อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวทันที

“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!” กำปั้นที่แทบจะไม่มีเรี่ยงแรงทุบเบาๆ ที่อกแกร่ง มืออีกข้างก็คล้องคอเอาไว้เพราะกลัวจะหล่นลงที่พื้น

“อวดเก่งดีนักอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ”

ฟอดดด!

ใบหน้าคมก้มลงมาสูดความหอมจากแก้มนุ่มแช่ไว้อยู่นานก่อนจะผละออกมาแล้วยิ้มกวนๆ ให้

“มึงฉวยโอกาสกูอีกแล้ว” ใบหน้าที่เคยซีดเซียวกลับมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที

“กูไม่ได้ฉวยโอกาสนะเว้ย แต่มึงยั่วกูเองต่างหาก”

“กูยั่วมึงตรงไหน” ทำหน้าบึ้งใส่

“ก็...คอเสื้อมึงอ่ะมันกว๊างกว้าง” สายตาคมจ้องมองที่เนินอกขาวๆ

เมื่อเห็นอย่างนั้นไอร์ก็รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาทันที

“ไอ้คนลามก มึงอ่านกินแม้กระทั่งคนป่วย ไอ้โรคจิต”

“ทำเป็นหวงตัวมากกว่านี้ก็เคยมาแล้วป่ะวะ” เจ้าตัวยิ้มกริ่มให้

“พอเลยๆ ถ้าไม่รีบลงไปก็ปล่อยกูลง”

“ไปแล้วคร้าบบบ”

พูดแล้วก็รีบอุ้มคนรักลงไปข้างล่างทันที วันนี้ต๋องอยู่กับลูกเมียทั้งวันอย่างที่พูดไว้ และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเริ่มจะกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว มันทำให้ไอร์ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เสียที



*-*-*-*-*-*



หลายวันต่อมาต๋องรีบออกจากบริษัทมารับลูกสาวเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้เจ้าตัวมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นเพราะตั้งใจจะมาขอคนรักแต่งงาน ก่อนมาโรงเรียนก็แวะไปรับกล่องกำมะหยี่สีแดงที่มีแหวนเพชรเม็ดโตอยู่ข้างในที่ร้านเพชรชื่อดังแห่งหนึ่ง

ยืนรออยู่ข้างรถได้ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกเรียนของลูกสาว เด็กๆ เริ่มทยอยออกมาจากโรงเรียน โดยมีผู้ปกครองมารอรับกันอย่างพลุกพล่าน เด็กหญิงอันดาเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกวัน ต๋องเห็นลูกสาวก็ยิ้มออกมาทันที เด็กหญิงอันดายกมือไหว้คุณครูที่มายืนส่งอยู่หน้าประตูรั้ว หลังจากนั้นก็รีบวิ่งมาหาผู้เป็นพ่อ ขณะเดียวกันต๋องก็จะเดินไปรับลูกสาวแต่ระหว่างนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

“อันดาระวังลูก!”

รถเก๋งสีขาวยี่ห้อดังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว อันดาที่ยืนอยู่กลางถนนมองด้วยความตกใจ ต๋องรีบวิ่งเข้าไปผลักตัวลูกสาวออก ทำให้ร่างกำยำกระแทกเข้ากับหน้ารถอย่างจังจนกระเด็นออกไป

ตุบ!

กรี๊ดดดด!!!!

“ไอ้ต๋องงงงง!!” ไอร์เดินลงมาจากรถและเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งเข้ามาในจุดเกิดเหตุ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ ร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่แล้วร้องไห้ด้วยความตกใจ

“ต๋องมึงอย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆ ๆ ช่วยด้วยครับ เรียกรถพยาบาลให้ผมที” ไอร์ตะโกนเสียงดังอย่างกับคนไร้สติ

ร่างที่นอนอยู่บนพื้นยังพอมีสติขณะเลือดที่ศีรษะเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ไอร์รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาห้ามเลือดเอาไว้

“อะ..ไอร์” คนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นยิ้มน้อยๆ ออกมาก่อนจะพยายามล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ต๋องมึงจะต้องไม่เป็นอะไร...อย่าหลับนะมึงกูอยู่ตรงนี้แล้ว ฮือๆ” พูดพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง

“กูดีใจ.....” เจ้าตัวพยายามจะพูดต่อแต่เปลือกตากลับค่อยๆ ปิดตัวลง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สีแดงกำลังจะยื่นให้ก็เป็นอันต้องหล่นลงที่พื้นพร้อมกับสติที่หมดลงไป

“ต๋องงงงง!! ฮือๆ ๆ”

ไอร์ร้องไห้ราวจะขาดใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงแล้วเปิดดู เมื่อรู้ว่ามันคือแหวนเพชร ก็ทำให้นึกถึงคำพูดที่เคยบอกว่าจะขอแต่งงาน ยิ่งทำให้เจ้าตัวร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่

มึงจะต้องไม่เป็นอะไรนะ มึงต้องอยู่กับกูและลูกนะต๋อง....กูรักมึง...ได้ยินไหมว่ากูรักมึง...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าเป็นอะไรนะ

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ้าวเห้ย.. ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่าาา...  :katai1:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
อุบัติเหตุครั้งนี้ คงจะทำให้รักกันมากขึ้น

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ขอให้ต๋องปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ดึงดราม่าไปอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :katai1: :katai1:
ต๋องอย่าเป็นอะไรนะะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณหมอไอร์ตกใจเสียสติ  จนลืมความเป็นหมอในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเลยเหรอครัช?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครฟ่ะขับรถโคตรเลวววววว ว่าแต่ว่า มันยังอยู่ในเขตโรงเรียนป่ะเนี่ย  :beat: :z6:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
เอ้าซะงั้น ต๋องอย่าเป็นอะไรนะ โอ้ยๆๆๆ รออ่านต่อค้าบ

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๑๓ ::
ไร้ความรู้สึก


ตึก! ตึก! ตึก!

ครืนนน! .......

“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ”

“ช่วยเพื่อนผมด้วยนะครับหมอ ฮึก..”

ไอร์ยืนปล่อยโฮมองตามรถเข็นที่กำลังพาร่างไร้สติ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานอย่างหมดอาลัยตายอยาก ภาพที่ต๋องโดนรถชนต่อหน้าต่อตายังคงฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ยิ่งคิดยิ่งทำให้รู้สึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป มือเรียวที่สั่นเทาจับมือน้อยๆ ของลูกสาวเอาไว้แน่นไม่ให้ห่างกาย

“คุณพ่อจะตายไหมคะ ฮือๆ ๆ” เจ้าตัวเล็กร้องไห้เสียงดังเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นพ่อก่อนหน้านี้

“ไม่หรอกลูก คุณพ่อจะต้องปลอดภัยเรามาส่งกำลังใจให้คุณพ่อกันนะ” คนเป็นแม่นั่งลงตรงหน้าลูกสาวแล้วประครองใบหน้าน้อยๆ เอาไว้อย่างอ่อนโยน เจ้าตัวน้อยจ้องตาผู้เป็นแม่แล้วฟังด้วยความตั้งใจ

“น้องอันดาจะเป็นกำลังให้คุณพ่อค่ะ”

“ดีแล้วลูกแต่ตอนนี้แม่จะพาน้องอันดาไปทำแผลก่อนนะ แล้วเราค่อยมานั่งเฝ้าคุณพ่อกัน” ไอร์จำเป็นต้องพาลูกสาวไปทำแผลถลอกที่หัวเข่าจากการล้มกระแทกพื้นเสียก่อน แม้ตอนนี้แทบไม่อยากออกห่างหน้าห้องฉุกเฉินแม้แต่น้อย

หลังจากพาลูกสาวไปทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอร์ก็อุ้มเจ้าตัวเล็กมานั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดออกมาจากห้อง เจ้าตัวนั่งจ้องมองประตูด้วยความกังวลใจ กลัวว่ามันจะสายเกินกว่าจะได้บอกว่ารักเขาคนนั้นมากแค่ไหน

สักพักประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกมา พร้อมการปรากฏตัวของคุณหมอหน้าตี๋ที่สวมแว่นตาหนาเตอะ ดูท่าทางอิดโรยจากการช่วยชีวิตผู้ป่วยมานานนับชั่วโมง

“คุณหมอครับเพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง” คนที่กำลังนั่งเครียดลุกขึ้นหน้าตาตื่นรีบเดินเข้าไปหาคุณหมอ

“ตอนนี้คนไข้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเพราะได้รับการกระทบกระเทือนในหลายจุดโดยเฉพาะที่สมอง หมอต้องให้อยู่ในห้องไอซียูรอดูอาการไปเรื่อยๆ ก่อนครับ”

“คุณหมอต้องช่วยเพื่อนผมให้ได้นะครับผมขอร้องล่ะ ฮึก..” เจ้าตัวยกมือไหว้รัวๆ ในใจก็รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งรู้ว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนนั่นมันไม่ดีแน่นอน

“หมอจะพยายามให้เต็มที่ครับ”

“แล้วผมจะเข้าไปเยี่ยมได้รึยังครับ”

“เดี๋ยวรออีกสักชั่วมึงนะครับ ผมจะให้พยาบาลมาแจ้งอีกที ตอนนี้คุณควรไปพักผ่อนบ้างนะครับดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย”

“ครับคุณหมอ”

“ถ้างั้นผมขอตัวไปดูคนไข้รายอื่นก่อนละกัน อย่าคิดมากนะครับ”

“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” พูดแล้วก็ยกมือไหว้อีกครั้ง คุณหมอเองก็รับไหว้แล้วเดินออกไป

ไอร์มองที่ประตูห้องฉุกเฉินด้วยสายตาที่เวิ้งว้าง หวังว่าปาฏิหาริย์คงจะมีจริง ความดีและบุญกุศลที่เคยทำมาตลอดชีวิต จงดลบันดาลให้เพื่อนรักปลอดภัยด้วยเถิด เจ้าตัวได้แต่ภาวนาในใจ

หลังจากนั้นก็โทรไปแจ้งข่าวที่บ้านต๋อง และโทรหาผู้เป็นแม่ให้มารับตัวอันดากลับบ้าน ส่วนตัวเขาเองก็นั่งรอเวลาที่จะได้เข้าไปเยี่ยม

หลังจากโทรไปแจ้งข่าวได้ไม่นาน กานดาและวีระพลก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาล

“หนูไอร์ต๋องเป็นยังไงบ้างลูก”

เมื่อเห็นคนทั้งสองเจ้าตัวก็ยกมือไหว้ทันที

“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”

“สวัสดีจ๊ะ”

“ตอนนี้รอให้พยาบาลเรียกเข้าไปครับ หมอบอกยังไม่พ้นขีดอันตรายต้องให้อยู่ในห้องไอซียูสักระยะเพื่อสังเกตอาการ” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเริ่มจะร้องไห้อีกครั้ง

“โธ่ ต๋องลูกแม่ ฮือๆ” กานดานั่งทรุดตัวลงที่เก้าอี้ก้มหน้าร้องไห้เสียงดังราวจะขาดใจ หล่อนกลัวว่าลูกชายจะเป็นอะไรไปเสียก่อนจะได้มีความสุขอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ เมื่อคืนยังโทรมาปรึกษาเรื่องจะขอไอร์แต่งงานอยู่เลย ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นกะทันหันอย่างนี้ ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับชีวิตลูกชายหล่อนด้วยนะ

ทรงพลเดินเข้ามาโอบกอดปลอบใจภรรยา

“ทำใจดีๆ เอาไว้คุณลูกเราต้องไม่เป็นอะไร”

“ลูกเราจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคุณ”

“ใช่ลูกเราจะต้องปลอดภัย”

ไอร์มองดูคนทั้งสองแล้วก็ปลื้มใจแทนเพื่อนรัก ครอบครัวที่ต๋องเคยบอกเสมอว่าไม่มีความอบอุ่น เป็นครอบครัวที่แตกแยก แต่วันนี้เขาได้รู้แล้วว่ายังไงซะคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เคยทอดทิ้งเราไปไหน แม้ต๋องจะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างใส่ใจมากนัก แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็รักลูกไม่แพ้พ่อแม่คนอื่นๆ

ไม่นานนักพยาบาลสาวก็เดินออกมาจากห้อง

“เชิญญาติคนไข้เข้าไปเยี่ยมด้านในได้เลยค่ะ ตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มด้วยความดีใจที่จะได้เจอหน้าคนที่พวกเขารัก แต่คนที่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดนั่นคือไอร์ เขากลัวจะทำใจไม่ได้ กลัวจะจิตตกกับภาพที่เห็นต่อจากนี้ไป

หลังจากเปลี่ยนชุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อแล้ว ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยไอซียู มองผ่านกระจกเข้าไปก็แทบใจสลาย คนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงมีผ้ากลอสสีขาวพันไว้รอบศีรษะมีรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สายยางเล็กๆ ห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด มีเครื่องช่วยหายใจที่ครอบเอาไว้บริเวณปากและจมูก ที่ขาข้างซ้ายก็ใส่เฝือกเอาไว้ สภาพตอนนี้ไม่เหลือเค้าโครงของต๋องคนเดิมเลยแม้แต่น้อย

“ฮือๆ ๆ ต๋องลูกแม่” กานดาแทบทรุดลงกับพื้นแต่สามีช่วยพยุงเอาไว้ได้ก่อน

ไอร์มองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด มือเรียวที่สั่นเทาค่อยๆ เอื้อมไปสัมผัสที่กระจกอย่างช้าๆ เหมือนต้องการสื่อให้คนที่นอนอยู่บนเตียง รู้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ น้ำตาแห่งความโศกเศร้าไหลลงมาเป็นทางไม่ยอมหยุด

“เมื่อคืนนี้ต๋องโทรมาปรึกษาแม่ ฮึก” กานดาเอ่ยขึ้นแม้กำลังสะอื้นไห้อยู่ก็ตาม “ว่าจะขอไอร์แต่งงานดีไหม แม่ไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเสียก่อน ฮือๆ”

“ขอแค่มันฟื้นขึ้นมาผมจะยอมมันทุกอย่าง ถ้ามันอยากแต่งงานผมก็จะแต่ง ฮึก.. แหวนวงนี้มันพยายามยื่นให้ผมก่อนจะหมดสติไป มึงต้องฟื้นขึ้นมาขอกูแต่งงานนะต๋อง...กูจะรอมึง” พูดพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้มไปด้วย แต่ถึงกระนั้นไอร์ก็ไม่สามารถห้ามให้มันไหลลงมาอีกได้

“ลูกต้องหายนะต๋อง ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่เคยบอกรัก แต่พ่อก็รักลูกมากที่สุด ฟื้นขึ้นมาหาพวกเรานะลูก” วีระพลมองลูกชายตาละห้อยด้วยความเป็นห่วง ในใจก็รู้สึกผิดที่ต้องมาบอกรักลูกในวันที่เจ้าตัวนอนเจ็บปางตายอย่างนี้

ทั้งสามคนยืนจ้องมองผ่านกระจกด้วยความหวังว่าคนที่นอนอยู่ในนั้นจะปลอดภัย และฟื้นขึ้นมาหาพวกเขาอีกครั้ง



*-*-*-*-*-*-*



สองเดือนต่อมา

ตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ต๋องสามารถหายใจได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจ สามารถลืมตาและหลับตาได้เป็นปกติ แต่ไม่สามารถพูดคุยได้ ไม่รับรู้และไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญไม่สามารถขยับตัวได้เลย นั่นเป็นอาการของภาวะสภาพผักหรืออาการของเจ้าชายนิทรา เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หากครบหนึ่งปีแล้วยังอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็คงไม่มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาได้เป็นปกติอีกแล้ว

“คุณหมอครับ...ขอบคุณที่อนุญาตให้ผมพาแฟนกลับไปดูแลที่บ้านนะครับ” ตอนนี้เจ้าตัวพูดได้เต็มปากแล้วกับคำว่า ‘แฟน’ ที่อีกฝ่ายคงอยากได้ยินมาตลอด แม้ไม่รู้ว่ามันจะสายไปหรือเปล่าแต่เขาก็ยังจะทำทุกอย่างให้คนรักเท่าที่จะทำได้

“ยินดีครับ...ช่วงบ่ายก็ทำเรื่องออกได้เลย คุณเองก็เป็นหมอเหมือนกัน ผมคงไม่ห่วงเรื่องการดูแลผู้ป่วยแน่นอน” คุณหมอเจ้าของไข้กล่าวด้วยความเป็นกันเอง เพราะช่วงสองเดือนที่ผ่านมาไอร์เข้าออกโรงพยาบาลแทบทุกวัน จนเจ้าหน้าที่ทุกคนจำหน้าได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณที่วางใจผมนะครับ เดี๋ยวถ้ามีอะไรสงสัยผมอาจจะมาปรึกษาคุณหมอบ้าง” ไอร์ยังคงถ่อมตัวเพราะถึงจะเป็นหมอแต่ก็ต้องยอมรับว่านายแพทย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีความเชี่ยวชาญกว่าเขาเยอะ

“ยินดีครับคุณหมอ...เดี๋ยวผมขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อนะครับ”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม หลังจากนั้นคุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินออกไปพร้อมกับพยาบาลสาวสวย

เรื่องที่จะพาต๋องไปรักษาตัวที่บ้าน ไอร์ได้ปรึกษากับพ่อและแม่ของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว กานดาและวีระพลตอบตกลงโดยไม่ต้องติด เพราะมั่นใจว่าไอร์จะช่วยดูแลลูกชายได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญการได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกและเมียอาจจะทำให้ลูกชายฟื้นตัวในเร็ววันก็เป็นได้

“กูจะดูแลมึงเองนะต๋อง มึงต้องหายเป็นปกตินะเว้ย มึงต้องลุกขึ้นมาขอกูแต่งงานให้ได้นะ” แม้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงจะลืมตาได้เหมือนคนปกติ แต่เจ้าตัวก็ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไอร์ยืนกุมมือหนาเอาไว้พร้อมกับมองหน้าคนป่วยด้วยความหวัง ตอนนี้สภาพร่างกายแทบจะปกติแล้ว จะมีก็เพียงแผลเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่หายดีนัก และขาที่ยังใส่เฝือกเอาไว้เท่านั้นเอง

หลังจากนั้นไม่นานกานดาและวีระพลก็เดินเข้ามาในห้อง เพราะรู้ว่าวันนี้จะต้องย้ายตัวลูกชายไปรักษาตัวต่อที่บ้านของไอร์

“ไอร์มาแต่เช้าเลยนะลูก”

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” เจ้าตัวยกมือไหว้

“คุณหมอว่ายังไงบ้าง” พูดพลางลูบศีรษะของลูกชายอย่างเบามือ

“คุณหมอตรวจเสร็จแล้วไม่มีปัญหาอะไรครับ เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะทำเรื่องให้รถโรงพยาบาลไปส่งที่บ้าน”

“ถ้าไม่มีไอร์แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ขอบใจนะลูกที่ช่วยดูแลต๋องมาตลอด” กานดายิ้มให้อย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรครับแม่ไอ้ต๋องมันก็เพื่อนผมเหมือนกัน”

“จนป่านนี้แล้วยังจะเรียกว่าเพื่อนอยู่อีกเหรอจ๊ะ แม่ว่าต๋องคงอยากได้ยินคำอื่นมากกว่ามั้ง” กานดาแซวอีกฝ่าย

“จริงๆ แล้วผมเองก็อยากจะใช้คำว่าแฟน แต่พอดีมันชินกับคำว่าเพื่อนไปหน่อย” เจ้าตัวยิ้มแหยๆ

“ต่อไปนี้ไอร์ถือว่าเป็นลูกสะใภ้ของแม่แล้วนะ ถึงจะยังไม่ได้แต่งงานกันก็เถอะ”

“ครับแม่” เจ้าตัวยิ้มรับแต่โดยดี

“แล้วคลินิกเสร็จรึยังล่ะ”

“ใกล้แล้วครับเหลือตกแต่งภายในนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

เมื่อรู้ว่าคนรักเป็นเจ้าชายนิทรา ไอร์ก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นหมอในโรงพยาบาลมาเปิดคลีนิกที่บ้าน เพราะจะได้มีเวลาดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา ส่วนร้านขายข้าวแกงของปิ่นแก้วยังคงเปิดอยู่ข้างๆ กัน

“มีอะไรให้พ่อกับแม่ช่วยก็บอกนะ” วีระพลเอ่ยกับลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาดีใจที่ได้ไอร์มาช่วยดูแลลูกชาย หากเป็นคนอื่นก็คงไม่วางใจได้เท่านี้ เพราะเด็กสองคนนี้ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะแยะมากมาย จนคิดว่าคงไม่สามารถแยกจากกันไปได้ และเชื่อว่าต๋องเองต้องหายเป็นปกติด้วยเพราะความรักความห่วงใยที่ไอร์มอบให้ไม่เคยห่าง

“ขอบคุณครับพ่อ”

“วันนี้พ่อกับแม่เคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว จะไปส่งต๋องที่บ้านพร้อมกัน”

“ดีเลยครับผมจะได้โทรไปบอกคุณแม่ทำกับข้าวไว้เผื่อ”

“ถ้างั้นพ่อกับแม่ไม่เกรงใจนะ...ฝากท้องด้วยละกัน” กานดาจับมือลูกสะใภ้เอาไว้แน่น

“ยินดีเลยครับแม่”

ทั้งสามคนยิ้มให้กันก่อนจะนั่งเฝ้าคนป่วยที่นอนไร้ความรู้สึกอยู่บนเตียง รอเวลาที่จะพากลับไปรักษาตัวที่บ้าน



*-*-*-*-*-*-*



ตอนนี้รถพยาบาลมาจอดที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกผู้ป่วยมานั่งรถเข็นแล้วเข็นเข้าไปในห้องที่ไอร์ได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ มีเตียงและเครื่องมือดูแลผู้ป่วยไม่ผิดเพี้ยนจากโรงพยาบาล มีประตูเชื่อมต่อกับคลินิก เพื่อให้เจ้าตัวสามารรถทำงานไปด้วยและเข้าไปดูแลได้ตลอดเวลา

กานดาและวีระพลกลับไปหลังจากทานมือเย็นเรียบร้อยแล้ว ไอร์ก็พาลูกสาวขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนจะหอบที่นอนลงมาปูที่ข้างเตียงผู้ป่วย เขาและลูกสาวตั้งใจจะลงมานอนที่นี่จนกว่าต๋องจะหายเป็นปกติ แต่หากโชคร้ายไม่เป็นเช่นนั้น แม้ต้องใช้เวลาตลอดชีวิตเขาก็จะยอมอยู่อย่างนี้ไม่จากไปไหน หากอีกคนยังไม่สิ้นลมหายใจเขาก็ยังมีความหวังเสมอ

“ไม่ให้แม่มานอนด้วยจริงๆ นะลูก” ปิ่นแก้วเอ่ยขณะช่วยลูกชายจัดเตรียมที่นอน

“ครับแม่ แม่นอนในห้องเถอะผมกับอันดาจะนอนที่นี่เอง”

“ถ้ามีอะไรเรียกแม่ได้ตลอดเลยนะ”

“ครับแม่”

“แล้วนี่อันดาไปไหนซะล่ะ” พูดแล้วก็ชะเง้อมองหาหลานสาว

“อยู่ข้างบนครับสงสัยกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่”

ไม่นานนักเจ้าตัวเล็กก็วิ่งแจ้นเข้ามาในห้องพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวโปรด รวมถึงกระเป๋านักเรียนที่ตั้งใจจะมาทำการบ้านอีกด้วย

“น้องอันดามาแล้วค้า” พูดแล้วก็กระโดดขึ้นกอดคอผู้เป็นยาย

“ทาแป้งซะหอมเชียวไหนมาให้ยายจุ๊บแก้มหน่อยสิ” ปิ่นแก้วจับตัวหลานสาวเข้ามากอดไว้แล้วหอมแก้มซ้ายขวาสลับกันอย่างชื่นใจ

“ให้น้องอันดาจุ๊บคุณยายบ้างสิ” ว่าแล้วก็หอมแก้มผู้เป็นยายคืน

“เดี๋ยวยายขึ้นข้างบนก่อน ช่วยแม่ดูแลพ่อดีๆ ล่ะ” ปิ่นแก้วบอกกับหลานสาว

“ค่ะคุณยาย”

หลังจากปิ่นแก้วออกไปจากห้องแล้ว ไอร์กับลูกสาวก็ช่วยกันเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่บนเตียง ไอร์จุ่มผ้าผืนเล็กๆ ลงในถังน้ำก่อนจะบิดจนหมาดแล้วส่งให้ลูกสาว

“น้องอันดาเช็ดแขนให้คุณพ่อนะคะ”

“ค่ะคุณแม่”

เด็กหญิงตัวน้อยรับผ้ามาแล้วบรรจงเช็ดบริเวณฝ่ามือของผู้เป็นพ่ออย่างตั้งใจ ส่วนไอร์เองก็จัดการเช็ดบริเวณใบหน้าและลำคอ เมื่อมองใบหน้าคมที่กำลังจ้องมองเพดานอยู่อย่างไร้ความรู้สึก เจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมออกมา ไอ้คนหน้าทะเล้นที่ชอบกวนตีนเขาในวันนั้นหายไปไหนแล้ว...

“ช่วยกลับมาเป็นคนเดิมของกูได้ไหมต๋อง”



กูจะไม่ทิ้งมึงไปไหน....กูจะอยู่กับมึงจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้าย




ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โหยกำลังไปได้สวย ดันมาเกิดอุบัติเหตุก่อน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด