❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️:::::เพื่อนที่ไม่น่าสงสาร[Mpreg]:::::❤️ EP.20 อวสาน [Up.31-03-2019]  (อ่าน 45728 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ทำไมไอร์ถึงอยากมีลูกมาากขนาดนั้น?

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไอร์ใจเด็ดมากกกกกกกกกก :z3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ยังไงเนี้ยยยย... หรือว่าต้องทำวิจัยเรื่องตั้งท้อง หืมมมม..  :katai1:

ออฟไลน์ m_ilk_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1:
ตามอ่าน6ตอนรวด
วงวารน้องไอร์ จะต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งหลายปี
แต่ว่าตอนหน้าขอ NC แซ่บๆนะคะ กิกิ :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตามนั้นอ่าน้อ ตามเป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๗ ::
ร้องไห้ครั้งสุดท้าย



“อื้อ ซี๊ดส์!”

“อ๊ะๆ ๆ”

ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองคนกำลังกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนุ่มด้วยความร้อนแรง ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์ทำให้ต๋องใช้เพื่อนเป็นที่ระบายความใคร่อย่างจัดหนักจัดเต็ม แม้จะรู้ว่าคนที่กำลังถูกสอดใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นจะเป็นเพื่อนรักก็ตาม แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถหยุดการกระทำนั้นได้

“กะ..กูไม่ไหวแล้ว อ๊ากกกส์!!!”

น้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเข้าไปในช่องทางจนไหลเยิ้มออกมา ช่องทางบวมเป่งบ่งบอกว่าผ่านการถูกใช้งานมาอย่างหนักหน่วง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เพื่อนรักยัดเยียดมันเข้ามาในตัวเขา

แฮ่กๆ ๆ

เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของทั้งสองคนดังขึ้นประสานกัน ร่างกำยำทับทาบอยู่บนร่างเล็กอย่างหมดแรง ก่อนที่ทั้งสองจะนอนหลับไหลไปด้วยความเมื่อยล้าในเวลาต่อมา



เช้าวันใหม่ทั้งสองยังคงนอนกอดก่ายกันในสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่ปกคลุมส่วนล่างเอาไว้ ไอร์รู้สึกตัวมาได้สักพักแล้วตอนนี้เจ้าตัวกำลังจ้องมองใบหน้าคมที่กำลังนอนหลับไหลอยู่ข้างๆ เขาจะจ้องมองใบหน้าคมนี้ให้นานที่สุด เพราะหากเพื่อนรักลืมตาขึ้นมานั่นหมายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จะเปลี่ยนไปไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

ช่วงเวลาแห่งความสุขของไอร์ได้หมดลงเมื่อต๋องเริ่มรู้สึกตัวแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะผลักร่างเล็กของเพื่อนให้ออกห่างจากตัว

“เชี่ยย!!”

“มึงรังเกียจกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอร์ทำหน้าเศร้าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

“คือ...กูไม่ได้รังเกียจมึงนะเว้ย แต่กูรับตัวเองไม่ได้ที่ต้องมามีอะไรกับเพื่อน ขอโทษนะไอร์ กูขอโทษจริงๆ ที่ทำกับมึงแบบนี้” ต๋องพูดออกมาจากใจจริงใบหน้าที่เศร้านั้นน้ำตาแทบจะไหลลงมาอยู่แล้ว

“แต่กูดีใจที่ได้มีอะไรกับมึง ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้นเพราะกูไม่ได้เสียใจเลย” ไอร์ยิ้มให้เพื่อนก่อนจะลุกออกจากเตียงไปนอกห้อง แล้วเดินกลับเข้ามาพร้อมกับบางอย่างในมือ

“นี่มึงไม่รู้สึกเสียใจบ้างเลยเหรอที่มีอะไรกับกู กูทำร้ายมึงนะเว้ย”

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษมึง”

“มึงพูดอะไรกูงงไปหมดแล้ว มึงบอกกูมาสิวะไอ้ไอร์ว่ามันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกันแน่!” ต๋องตวาดใส่เสียงดัง

“นี่ไงสิ่งที่ทำให้มึงควบคุมสติไม่ได้ กูเอาไอ้ยานี้ใส่เหล้าให้มึงกินเองล่ะ” ไอร์ชูขวดยาปลุกเซ็กส์ให้เพื่อนดูแล้วโยนไปที่เตียง ต๋องหยิบมาดูแล้วก็เลือดขึ้นหน้าพร้อมกับขบฟันแน่นด้วยความโมโห นี่เขาโดนเพื่อนรักที่ไว้ใจมาตลอดวางยางั้นเหรอ มันทำไปเพื่ออะไรหรือว่ามันจะ...

เพล้ง!

ต๋องขว้างขวดยาปลุกเซ็กส์ไปที่ผนังห้องจนแตกกระจุย คนที่ยืนใส่ผ้าขนหนูอยู่นั้นกลับยืนยิ้มพร้อมทั้งน้ำตาที่เพื่อนแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมา เขาตั้งใจที่จะทำให้ต๋องโกรธเกลียดเพื่อที่จะได้เดินออกจากชีวิตเพื่อนได้โดยง่าย

“ไอ้เหี้ยไอร์มึงแบบแบบนี้ทำไมวะ!”

“กูชอบมึงมาตั้งนานแล้วไอ้เหี้ยต๋อง กูขอโทษแต่มึงไม่ต้องห่วงว่ากูจะไปบอกเรื่องนี้กับใคร กูจะไปตามทางของกู มึงก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติของมึงต่อไป จากนี้ไปถือซะว่าไม่เคยรู้จักคนอย่างกูละกัน”

“กูไม่นึกเลยว่ามึงจะกล้าทำขนาดนี้ ถ้ามึงจะไปกูก็คงไม่ห้ามเพราะถ้าขืนอยู่ต่อกูคงไม่ไว้ใจคนอย่างมึงแล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้นออกไปแต่ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย เขายอมรับว่ารักไอ้เพื่อนคนนี้มากแต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ที่ผ่านมามันอาจจะเป็นความผิดของตัวเองด้วย ที่ทำตัวสนิทสนมเกินเลยคำว่าเพื่อนไปหลายครั้ง

“ลาก่อนนะเว้ย ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” ไอร์ยิ้มให้เพื่อนอย่างเนือยๆ พร้อมกับน้ำตา แล้วเดินออกไปจากห้อง

“มึงไม่น่าทำอย่างนี้เลยไอร์ ฮึก ฮือๆ” ในที่สุดต๋องก็ห้ามน้ำตาตัวเองไว้ไม่ได้มันไหลลงมาอย่างหนักหน่วง นี่เป็นการร้องไห้ที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตตั่งแต่เกิดมาก็ว่าได้



หลังจากช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านไปแล้ว ตอนนี้ไอร์เดินถือกระเป๋าออกมาจากห้องนอน ของใช้และเสื้อผ้าถูกเก็บออกมาจนหมด เขาเห็นเพื่อนรักนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาก็จ้องมองจากด้านหลัง กำลังคิดว่าจะเอ่ยประโยคไหนเพื่อล่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายดี หรือว่าควรจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ เมื่อหาคำตอบได้แล้วก็เลือกที่จะเดินถือกระเป๋าออกไปโดยไม่เอ่ยคำลาแม้แต่คำเดียว

“นี่มึงไม่คิดจะลากูเลยเหรอ” คนที่ทนไม่ไหวนั่นคือต๋อง เจ้าตัวนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้าจอทีวีแต่ไม่ยอมหันไปมองหน้าเพื่อนแม้แต่เสี้ยวเดียว

“กูไปก่อนนะ” ไอร์พูดสั้นๆ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน แม้ว่ามันจะไม่ยอมหันมามองก็ตาม

“อืม” พูดแค่นั้นแม้ในใจอยากจะพูดว่า ‘ให้กูไปส่งมึงนะ’ ก็ตาม



ไอร์นั่งแท็กซี่มาที่หอพักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคณะแพทย์มากนัก เมื่อถึงที่หมายเจ้าตัวก็จ่ายเงินแล้วขนของลงมาจากรถ หลังจากนั้นก็เดินไปที่สำนักงานหอพักเพื่อติดต่อขอรับกุญแจ หลายวันก่อนเจ้าตัวได้มาติดต่อจองห้องพักและชำระค่ามัดจำไว้เรียบร้อยแล้ว

ห้องพักอยู่ชั้นสองซึ่งสามารถเดินขึ้นลงได้สะดวก มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยภายในห้องมีเพียงเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น ไอร์รีบทำความสะอาดห้องและจัดของเข้าตู้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะนั่งพักบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่อดหลับอดนอนมาจากเมื่อคืน และแน่นอนเจ้าตัวอดที่จะคิดถึงเจ้าเพื่อนรักไม่ได้ ป่านนี้จะทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใครกันนะ คิดแล้วก็อดห่วงไม่ได้

Rrrrr….

เสียงเรียกเข้าทำให้เจ้าตัวหลุดจากภวังค์แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอนั่นคือเพื่อนรักนั่นเอง ไอร์นั่งมองอย่างชั่งใจว่าจะรับสายดีหรือไม่ หากรับสายแล้วมันจะทำให้เจ็บปวดอีกก็ควรที่จะตัดขาดทุกอย่างให้จริงจัง ไอร์เลือกที่จะตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่องทันที

“ต่อไปนี้มึงจะเป็นแค่ความทรงจำดีๆ ของกูเท่านั้น”



*-*-*-*-*-*-*



สองเดือนผ่านไป

ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ไอร์พยายามลุ้นว่าเจ้าตัวเล็กจะมาตอนไหน พยายามทานอาหารที่มีประโยน์และรักษาสภาพจิตใจไม่ไห้เครียด และวันนี้ก็ได้รับข่าวดีเพราะตื่นเช้ามาก็รู้สึกเวียนศีรษะและอาเจียนอยู่ตลอดเวลา เขารู้ดีว่ามันเป็นสัญญาณบ่งบอกอาการของคนท้อง และการที่จะรู้ผลแน่ชัดที่สุดคือการมาตรวจที่โรงพยาบาล

“อาจารย์หมอครับผลเป็นยังไงบ้าง” ตอนนี้เจ้าตัวนั่งลุ้นตัวโก่งจนนั่งเก้าอี้แทบไม่ติด ขณะอยู่ในห้องตรวจกับอาจารย์หมอสมิธในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย

“ยินดีด้วยนะไอร์ เธอกำลังตั้งท้องสามสัปดาห์แล้ว” เมื่อได้ยินเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจจนน้ำตาซึม ไม่ต่างจากอาจารย์หมอที่รู้สึกปลื้มปริ่มกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย

“เธอโชคดีมากเพราะในอาสาสมัครยี่สิบคน ตั้งท้องเพียงแค่สามคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ต้องเข้าสู่กระบวนการกำจัดมดลูกและรังไข่ทิ้งเพราะไม่สามารถเข้ากับเนื้อเยื่อร่างกายได้”

“ต้องขอบคุณอาจารย์หมอมากๆ นะครับ” ไอร์ยกมือไหว้อีกครั้ง

“แล้วจะบอกพ่อของเด็กรึเปล่าล่ะ”

“คือผมกับเพื่อนตอนนี้เราไม่ได้คุยกันแล้วครับ และคงจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต” เจ้าตัวพูดแล้วก็ทำหน้าเศร้า

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอไอร์ แล้วจะบอกลูกว่ายังไงล่ะเรื่องพ่อ”

“ผมคิดว่าลูกคงเข้าใจแน่นอน ผมจะสอนแกให้เป็นคนดีและไม่ขาดความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย”

“ถ้าไอร์คิดดีแล้วอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าลูกโตแล้วควรจะให้เขารู้ว่าพ่อของแกเป็นใครนะ” อาจารย์หมอแนะนำ

“เรื่องนั้นเอาไว้ให้ถึงเวลาก่อนละกันครับ”

“เดี๋ยวไปรับยาแล้วก็กลับบ้านได้นะ ส่วนเรื่องเรียนไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอาจารย์จะเป็นคนรับรองให้เอง”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับอาจารย์”

ไอร์ยกมือไหว้แล้วออกไปรับยาที่ห้องจ่ายยา ก่อนจะกลับห้องไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านไปบอกข่าวดีกับผู้เป็นแม่ เขาหวังว่าแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ทำมาทั้งหมด แม้ลึกๆ ในใจจะรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรกก็ตาม



*-*-*-*-*-*-*-*



หลังจากนั่งวินมาถึงหน้าบ้านแล้วไอร์ก็น้ำตาร่วงทันที เขาเห็นแม่กำลังยืนยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดทันที ปิ่นแก้วเองก็ตกใจที่ลูกชายมาแปลกกว่าทุกครั้ง

“ฮือๆ ๆ”

“ไอร์เป็นอะไรไปลูกไม่ร้องนะ” เธอกอดลูกชายเอาไว้แน่นมือเรียวก็ลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“ถ้าผมทำอะไรผิดไปแม่จะอภัยให้ผมได้ไหมครับ...ฮึก” ไอร์เงยหน้าขึ้นไปมองผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก

“เรามีกันแค่สองคนนะลูก แม่ไม่มีวันโกรธลูกชายของแม่เด็ดขาด ตั้งแต่เกิดมาไอร์ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยสักครั้ง หากลูกตัดสินใจทำไปแล้วแม่ก็คิดว่าลูกคงคิดดีแล้วแน่นอน” เธอยิ้มให้ลูกชาย

“คือ...ตอนนี้ผมกำลังท้องได้สามสัปดาห์แล้วครับแม่” เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย

“ท้อง! เป็นไปได้ยังไงลูก” แม้จะรับในสิ่งที่ลูกชายพูดมาได้ แต่เธอก็ยังสงสัยอยู่ดีเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ

“ผมเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครงานวิจัยกับอาจารย์หมอครับ เลยทำให้ผมสามารถตั้งท้องได้” ไอร์อธิบายให้ผู้เป็นแม่ฟัง

“แล้วพ่อของเด็กล่ะลูก”

“ไอ้ต๋องครับแม่”

“ต๋องเนี่ยนะ!” เมื่อได้ยินลูกชายบอกปิ่นแก้วถึงกับตกใจอีกครั้ง

“จริงๆ แล้วผมแอบรักไอ้ต๋องมันมานานแล้วครับแม่ แต่ไม่กล้าบอกมันเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบังมันแล้ว ผมเลวเองครับแม่ผมวางยาเพื่อมีอะไรกับมัน เพราะผมอยากมีลูกกับมัน ฮือๆ” ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลลงมาไม่ขาดสาย บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึดผิดกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน

“แล้วแบบนี้ต๋องไม่โกรธแย่เลยเหรอไอร์ แล้วตอนนี้ต๋องรู้รึเปล่าลูกกำลังท้อง” ปิ่นแก้วถาม

“ตอนนี้ผมย้ายออกมาจากคอนโดมันแล้วครับแม่ ผมก็ไม่มีทางให้มันรู้เรื่องลูกเด็ดขาด ตอนนี้มันมีแฟนแล้วผมอยากให้มันมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป”

“ไม่เป็นไรนะลูก หลานคนเดียวแม่เลี้ยงได้ ดีซะอีกแม่จะได้ไม่เหงา” ปิ่นแก้วยิ้มให้ลูกชาย

“ขอบคุณครับแม่ที่เข้าใจผม ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก”

“แม่ไม่เคยเสียใจสิ่งที่ไอร์ทำเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่หากลูกตัดสินใจแล้วแม่ก็ยอมรับการตัดสินใจของลูก เราจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กไปด้วยกันนะ” เธอกอดลูกชายเอาไว้

“ครับแม่” ในที่สุดเจ้าตัวก็ยิ้มได้

ระหว่างนั้นไอร์ก็เห็นรถหรูกำลังขับมาแต่ไกล เขาจำได้ดีว่ามันคือรถของเพื่อนรัก

“แม่ไอ้ต๋องมันกำลังมาครับ” ปิ่นแก้วมองไปยังถนนก็เห็นรถหรูที่คุ้นตากำลังวิ่งเข้ามา

“ลูกอยากเจอเพื่อนไหมล่ะ”

“ไม่ครับแม่ บอกว่าผมไม่อยู่นะครับ แล้วก็บอกมันด้วยว่าอย่ามาที่บ้านเราอีก ผมขอร้องนะครับแม่”

“ได้เดี๋ยวแม่จัดการให้ลูกไปหลบก่อนเร็ว”

ไอร์รีบวิ่งเข้าไปหลบหลังตู้แล้วแอบมองผ่านช่องเล็กๆ

ต๋องขับรถมาด้วยความเร็วก่อนจะเบรคกะทันหันจนล้อเสียดสีกับพื้นถนนเกิดเสียงดัง หลังจากนั้นก็เดินลงมาจากรถในชุดนักศึกษา ใบหน้าคมที่เคยสดใสตอนนี้กลับดูหม่นหมองและเต็มไปด้วยหนวดเครา

“สวัสดีครับแม่” ต๋องยกมือไหว้

“สวัสดีจ๊ะต๋องมีอะไรรึเปล่าถึงได้มาหาแม่ที่นี่” ปิ่นแก้วพยายามพูดเหมือนกับว่าไอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย

“ผมมาหาไอร์ครับแม่ ผมมีเรื่องจะพูดกับมัน”

“ไอร์ไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้วลูก นี่ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกเหรอ”

“แม่ไม่ได้โกหกผมนะครับ” เขามั่นใจว่าเห็นเพื่อนรักวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนหน้านี้และตาไม่ฝาดแน่นอน

“มะ...แม่ไม่ได้โกหกจริงๆ ลูก ไอร์โทรมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังแล้วนะ”

“ผมขอโทษที่ทำร้ายไอร์นะครับแม่” เจ้าตัวก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด และรู้ว่าเพื่อนคงไม่อยากจะเจอหน้า จริงๆ เขาควรจะโกรธแต่ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากเมื่อไม่มีไอร์อยู่ในห้อง เขาอยากให้ทุกอย่างมันกลับมาเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะให้เลิกกับแฟนคนปัจจุบันก็ยอม

“ต๋องไม่ต้องขอโทษแม่หรอกลูก เพราะไอร์เองก็ใช่ว่าจะไม่มีความผิดเอาเป็นว่าต่อจากนี้ไป....” ปิ่นแก้วถอนหายใจเสียงดังเพราะไม่อยากจะพูดประโยคนี้เลย เพราะหล่อนเองก็รักต๋องเหมือนลูกชายคนหนึ่ง “ต๋องไม่ต้องมาที่บ้านหลังนี้อีกแล้วถือว่าแม่ขอนะ”

“จะให้ผมทำอย่างนั้นได้ไงครับแม่ในเมื่อผมกับมันยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลย”

“เรื่องบางเรื่องถึงจะพูดไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอกนะลูก บางครั้งการจากกันไปแบบนี้มันอาจจะมีผลดีกับเราทั้งสองคนก็ได้นะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมฝากบอกมันด้วยนะครับ” ต๋องรู้ว่าเพื่อนรักจะต้องแอบฟังอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน เจ้าตัวจึงพูดเสียงดังเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินถนัด “มันเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดในชีวิตและจะไม่มีใครแทนที่มันได้ ถึงแม้จะมีเรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น แต่ผมก็พร้อมที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมยังรอมันเสมอ ถ้าไม่มีคนที่ชื่อไอร์อยู่ข้างๆ ชีวิตผมก็ไม่มีความหมายอะไรเลย แค่นี้ล่ะครับที่ผมอยากจะบอกมัน” ต๋องพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมาต่อหน้าแม่ของเพื่อน

“ถ้ามันไม่ไหวก็ร้องออกมาเถอะลูก เดี๋ยวแม่จะบอกไอร์ให้ก็แล้วกันนะ” เธอเห็นอย่างนั้นก็เจ็บปวดแทนทั้งสองคนไม่น้อย

“ขอบคุณครับแม่ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้แล้วเดินคอตกปาดน้ำตากลับไปที่รถ ก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว

พอรถขับออกจากหน้าบ้านไปแล้วปิ่นแก้วก็หันกลับไปมองลูกชาย ที่กำลังเดินร้องไห้ออกมาหล่อนจึงรีบเดินเข้าไปสวมกอดทันที

“ฮึก ฮือๆ ๆ แม่ครับผมเสียใจจริงๆ”

“ร้องออกมาเลยลูกแล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง”

“วันนี้จะเป็นวันที่ผมร้องไห้วันสุดท้าย พรุ่งนี้ผมจะสู้เพื่อลูกครับแม่”

“ดีแล้วลูกถ้าตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้ เมื่อครู่เห็นสภาพต๋องแล้วใช่ไหม”

“ครับ...เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วมันจะได้ไปมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป อีกไม่นานมันเองก็คงจะลืมผมได้เหมือนกัน”

“คนเรารักกันทำไมจะต้องลืมกันด้วยล่ะ เราเองก็เหมือนกันควรจะจดจำสิ่งดีๆ ที่เคยทำร่วมกันมา ในอนาคตเมื่อเจอกันอีกครั้งไอร์เองก็จะรู้ว่าความรู้สึกดีๆ มันไม่เคยจางหายไปจากชีวิตเราแน่นอน” เธอบอกกับลูกชาย

“ผมจะจำคำแม่เอาไว้ครับ”

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอร์เสียน้ำตาให้กับเพื่อนรักเหมือนอย่างที่เคยพูดไว้จริงๆ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เรื่องราวจะเป็นยังงต่อนะ ติดตามมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตัดสินใจแบบนี้แล้วก็สู้ๆนะไอร์

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ง่ะ ทำไมแม่ไม่สอนอะไรไอร์หน่อยอ่า
แถมยังยอมไล่ต๋องไปจากชีวิตไอร์อีก  :ling1: :ling1:
ยังไงก็ขอให้ทางที่ไอร์เลือกเป็นทางที่ดีแล้วกันนะ  :ruready

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบเรื่องในอดีต เข้าสู่ปัจจุบันแล้วซินะ  :hao3:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ต๋องดูชัดเจนว่าไม่ชอบไอย์เกินเพื่อนเลยอ่ะ :z3:

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
:: ๘ ::
ความลับไม่มีในโลก


สี่ปีต่อมา

ไอร์ขับรถไปรับลูกสาวที่จากโรงเรียนก่อนจะมุ่งหน้ากลับมาที่บ้าน ‘อันดา’ เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยสี่ขวบ เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กดีและฉลาดสมกับที่ไอร์เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างดี

หลังจากเรียนจบและได้เป็นนายแพทย์สมใจ ไอร์ก็เก็บเงินสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับแม่อย่างที่เคยตั้งใจไว้ โดยไม่ลืมที่จะทำร้านขายข้าวแกงไว้หน้าบ้านให้แม่เหมือนเดิม

ไม่นานหลังจากนั้นสองแม่ลูกก็มาถึงบ้าน

“อันดาคิดถึงคุณยายจังเลยค่ะ” เมื่อลงจากรถแล้วอันดารีบวิ่งเข้าไปกอดก็ผู้เป็นยายที่กำลังยืนยิ้มรออยู่หน้าบ้าน

“ปากหวานจริงๆ หลานสาวคนนี้ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง” เธอหยิกแก้มหลานสาวเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว

“น้องอันดาไม่ได้ปากหวานซะหน่อย” เด็กหญิงพูดขณะถูกผู้เป็นยายอุ้มไว้

“เข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนลูกแล้วค่อยออกมาหาคุณยาย” ไอร์พูดกับลูกสาว

“ค่ะคุณแม่” ปิ่นแล้ววางหลานสาวลงที่พื้นแล้วเจ้าตัวเล็กก็วิ่งขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบน

“วันนี้ลูกค้าเยอะไหมครับแม่”

“วันนี้มาหนาตาเลยล่ะ” ปิ่นแก้วบอกกับลูกชาย

“ผมว่าจะหาคนมาช่วยแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ใจจริงไอร์อยากให้แม่เลิกขายเสียมากกว่า แต่ก็พอจะเข้าใจว่าท่านคงไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ เพราะเคยทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ไม่ต้องหรอกลูกแม่ยังไหว เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ ถ้าวันไหนแม่เหนื่อยมากก็แค่ไม่ขายเท่านั้นล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เธอยิ้มให้กับลูกชาย

“ถ้าแม่เหนื่อยอย่าฝืนนะครับ ผมไม่อยากให้แม่ลำบากแล้ว”

“ได้จ๊ะลูก”

“เดี๋ยวผมขึ้นไปดูอันดาก่อนนะครับ” พูดแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน

“ไอร์!” เธอทำท่าอึกอักเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“มีอะไรครับแม่”

“คือวันนี้...ต๋องมาหาแม่ที่บ้านน่ะลูก” ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาสี่ปีแล้ว หากเป็นไปได้หล่อนก็อยากให้ทั้งสองได้กลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิม

“อ้าวเหรอครับ...แล้วมันมาทำอะไรครับแม่” เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้งก็ทำให้ไอร์ถึงกับชะงักทันที นานแล้วสินะที่เขาไม่ได้ยินชื่อนี้

“ต๋องฝากเบอร์โทรเอาไว้ให้ลูก บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแต่อยู่ไม่นานก็กลับ” ปิ่นแก้วยื่นนามบัตรที่ต๋องฝากเอาไว้ให้ลูกชาย ไอร์รับมาแล้วก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกงทันที

“เดี๋ยวยังไงผมจะโทรหามันก็แล้วกันครับแม่”

“ลูกโอเคใช่ไหม?”

“ครับแม่ผมทำใจได้นานแล้วแม่ไม่ต้องห่วง” เจ้าตัวยิ้มให้

“ได้ยินอย่างนี้แม่ก็อุ่นใจ...แล้วเรื่องอันดาล่ะ”

“เรื่องอันดาผมคงไม่มีทางให้มันรู้หรอกครับ มันจะเป็นความลับตลอดไป”

“แต่ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะลูก”

“รอให้ถึงวันนั้นก่อนละกันครับ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่มีวันนั้นแน่นอน” เจ้าตัวพูดด้วยความมั่นใจ

“แม่ว่าอันดาควรจะได้รู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใครนะ หรือไม่ก็ได้เห็นหน้าสักครั้งก็ยังดี”

“ผมว่าไม่จำเป็นหรอกขอตัวนะครับแม่” ไอร์เดินออกมาด้วยความรู้สึกสับสน ยิ่งคนใกล้ตัวแนะนำเรื่องนี้ยิ่งทำให้ความมั่นอกมั่นใจลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เขาจะรั้งตัวอันดาไว้ในอ้อมอกคนเดียวได้นานแค่ไหนนะ คิดแล้วก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อย



เย็นวันนั้นหลังจากลูกสาวตัวน้อยนอนหลับไปแล้ว เจ้าตัวก็เดินออกมาที่ระเบียงก่อนจะมองไปที่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยความผ่อนคลาย ในมือทั้งสองข้างก็กำโทรศัพท์มือถือและนามบัตรใบนั้นเอาไว้ ไม่นานก็ยกมันขึ้นมาอ่านและก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ต๋องมาช่วยงานที่บริษัทในตำแหน่งรองประธาน มือเรียวตัดสินใจกดเบอร์ที่อยู่ในนามบัตรก่อนจะโทรออก

“ฮัลโล...” ทำไมหัวใจมันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ เจ้าตัวได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อไล่ความตื่นเต้นออกไป

[“สวัสดีครับนั่นใครพูด”] เสียงที่คุ้นเคยตอบกลับมา อยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาโดยอัตโนมัติ เสียงทุ้มนั่นยังคงเหมือนเดิมเขาจำได้เป็นอย่างดี

“นี่กูเอง” พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น

[“ไอร์! นี่มึงจริงๆ ใช่ไหม”] น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจนั่นทำให้ไอร์ถึงกับยิ้ม

“อื้ม กูเองมึงมีอะไรรึเปล่า”

[“มึงไม่คิดจะถามสารทุกข์สุขดิบกูบ้างเลยเหรอวะ”] เจ้าตัวพูดเหมือนน้อยใจ

“โทษทีว่ะมึงสบายดีไหม”

[“กูสบายดีแล้วมึงล่ะ”]

“กูสบายดี...รีบพูดธุระของมึงมาเถอะกูง่วงแล้ว”

[“พรุ่งนี้มึงว่างไหมกูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”]

“กี่โมงล่ะพรุ่งนี้กูต้องไปตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาล”

[“อ้าวหมอไม่ได้หยุดเหรอวะพรุ่งนี้วันเสาร์นะเว้ย”]

“เป็นหมอต้องทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเห็นคนไข้ที่ไหนก็ต้องรักษาโว้ย” ตอนนี้ความสนิทและคุ้นเคยเริ่มหวนคืนกลับมาทีละน้อย

[“กูดีใจแทนคนไข้ที่มีหมอดีๆ อย่างมึง เอาเป็นว่ามึงว่างตอนไหนล่ะ”]

“ช่วงบ่ายพอได้ มึงว่างรึเปล่าล่ะ”

[“กูว่างทั้งวันอยู่แล้ว”]

“ถ้างั้นเจอกันที่ร้าน XXX ละกัน”

[“กูไม่ยักรู้ว่ามึงชอบกินไอติมด้วย”]

“บางทีกูอาจจะชอบกินตั้งแต่แรกแล้วก็ได้เพียงแต่มึงอาจจะไม่รู้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วกูจะวางละนะ”

[“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะเว้ย มึงอย่าเบี้ยวนัดกูล่ะ”]

“เออกูไม่ลืมหรอก...บาย”

[“บาย”]

ต๋องวางสายแล้วก็ยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ ในที่สุดก็จะได้เจอกับเพื่อนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตอีกครั้ง

ไอร์ยืนมองพระจันทร์บนท้องฟ้าสักพักก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดลูกสาวตัวเล็กบนเตียง พรุ่งนี้เขาจะพาอันดาไปด้วย อย่างน้อยถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน แต่ได้เห็นหน้าแค่นี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว



วันรุ่งขึ้นไอร์ปลุกลูกสาวมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าเพราะจะพาไปที่โรงพยาบาลด้วย ตกช่วงบ่ายก็จะให้เจ้าตัวเล็กได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งแรกอีกด้วย

“ลูกมั่นใจนะว่าจะให้เจอกันตอนนี้”

“ครับแม่...ผมนึกถึงคำพูดของแม่แล้วก็เห็นด้วย อย่างน้อยให้พ่อกับลูกเจอหน้ากันก็ยังดี แต่ผมคงไม่บอกหรอกว่านี่คือลูกของมัน”

“ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะลูก”

“ขอบคุณครับแม่”

“มาแล้วค้า” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล ขณะที่เจ้าตัวเล็กกำลังเดินลงมาจากบันได

“อย่าวิ่งอย่างนั้นสิเดี๋ยวก็ได้ล้มเอาหรอก” เมื่อได้ยินผู้เป็นแม่บอกอย่างนั้นอันดาก็หยุดวิ่งแล้วเดินมาปกติ

“อันดาไปก่อนนะคะคุณยาย” อันดายกมือไหว้

“อย่าดื้ออย่าซนล่ะเจ้าตัวเล็ก”

“ค่ะน้องอันดาจะเชื่อฟังคุณแม่” ปิ่นแก้วนั่งลงแล้วหอมแก้มหลานสาวทั้งสองข้างสลับกัน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพาไปที่รถ

“ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่” ไอร์เองก็ยกมือไหว้ผู้เป็นแม่เช่นกัน เจ้าตัวทำแต่เรื่องดีๆ เป็นตัวอย่างให้ลูกสาวดู เพราะเด็กมักจะเลียนแบบจากผู้ใหญ่และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว



*-*-*-*-*-*-*



ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุดช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับทั้งสองคนก็มาถึง ไอร์กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูลูกสาวตักไอศกรีมเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองอยู่ในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร ไม่นานหลังจากนั้นคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันเสียนานก็เดินยิ้มมาแต่ไกล

“โทษทีว่ะพอดีติดรถมันติด” เมื่อเดินมาถึงเสียงเข้มก็เอ่ยขอโทษเพื่อนที่มาช้ากว่ายี่สิบนาที ช่วงเวลาสี่ปีที่ห่างกันทำให้ความสนิทสนมและคุ้นเคยในอดีตมันไม่แน่นแฟ้นเหมือนแต่ก่อน ทั้งสองยังอายๆ ไม่กล้าสบตากันดีนักได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้กัน

“ไม่เป็นไรทำอย่างกับกูไม่เคยรอมึงอย่างงั้นล่ะ” ไอร์ยิ้มเหมือนที่เคยยิ้มให้ก่อนจะหันไปหาลูกสาว “น้องอันดาไหว้ลุงต๋องสิคะ” เขาบอกกับลูกสาวตัวเล็กที่กำลังสนใจไอศกรีมในถ้วยอยู่

“สวัสดีค่ะลุงต๋อง” เจ้าตัวเล็กยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สมกับที่ถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี

“สวัสดีครับคนสวย หนูกี่ขวบแล้วครับ”

“น้องอันดาสี่ขวบแล้วค่ะ”

“น่ารักน่าชังเชียว” ต๋องมองลูกสาวของเพื่อนรักด้วยความเอ็นดู ทว่ากลับนึกสงสัยในใจว่าเพื่อนแต่งงานตั้งแต่ตอนไหนทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และที่สำคัญมันไม่น่าเป็นไปได้ที่เพื่อนจะ...แต่งงานกับผู้หญิง “นี่มึงแต่งงานตอนไหนวะกูไม่เห็นรู้เรื่อง” เมื่อได้ยินคำถามเจ้าตัวถึงกับหน้าชาขึ้นมาทันที เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีพิรุธจนอีกคนสงสัย

“อย่าถามถึงเรื่องนี้เลยกูไม่อยากพูดถึงมันอีก รู้แค่ว่ากูมีลูกสาวที่น่ารักคนนี้ก็พอแล้ว” เขายิ้มให้เพื่อนก่อนจะถามต่อ “แล้วมึงล่ะแต่งงานมีลูกรึยัง” ไอร์มองหน้าเพื่อนเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บปวดแต่อย่างใด

“นี่ล่ะที่กูนัดมึงมาวันนี้ กูจะเอาการ์ดงานแต่งมาให้มึง” แม้จะเป็นการแจ้งข่าวที่น่ายินดีให้กับเพื่อน แต่สายตาคมกลับไม่กล้ามองใบหน้าที่คุ้นเคยนั่น เพราะกลัวจะเห็นความเจ็บปวดของอีกคน เขาไม่แน่ใจว่าไอร์ยังคิดกับเขาแบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่า แต่แต่งงานทั้งทีเขาก็อยากให้เพื่อนคนนี้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย เขาหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เพื่อน

ไอร์พยายามบังคับมือไม่ให้สั่นแต่มันก็ทำไม่ได้อยู่ดี เขาเอื้อมมือที่สั่นเทาไปรับการ์ดสีชมพูใบนั้นมา ส่วนใบหน้าคมก็ยิ้มแห้งๆ ให้อย่างฝืนทน

“ยินดีด้วยนะเพื่อน ในที่สุดมึงก็เจอคนที่ใช่ซะที แล้วผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครกันวะ” เขาพยายามฝืนถามออกไปแม้ข้างในจะร้องไห้โฮอยู่ก็ตาม

“เป็นรุ่นน้องที่ทำงานว่ะ” ต๋องตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียง

ระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอยู่นั้น ลูกสาวตัวเล็กของไอร์ก็เอ่ยขึ้นมา...

“คุณแม่คะน้องอันดาหิวน้ำ”

ต๋องหันขวับไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยความสงสัย เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหมที่เด็กคนนั้นเรียกไอร์ว่าแม่

“ทำไมลูกถึงเรียกมึงว่าแม่...บอกกูมา!” เขาจ้องหน้ารอคำตอบอย่างไม่วางสายตา หวังว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ใช่ลูกของเขาเหรอกนะ แค่ครั้งเดียวในคืนนั้นมันจะเป็นไปได้เหรอ...ต๋องคิดในใจ แต่อายุของอันดากับช่วงเวลาการมีอะไรกันในครั้งนั้นมันก็ช่างน่าคิดเสียจริงๆ

“เอ่อ....คือกูบอกให้ลูกเรียกเองล่ะ เพราะอันดาชอบบ่นถึงแม่ตลอดลูกจะได้ไม่รู้สึกคิดถึงแม่” ไอร์หลบตาและพยายามหาข้ออ้าง

“แล้วแม่ของเด็กเป็นใคร”

“มึงไม่รู้จักหรอกเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะกูต้องขอตัวกลับก่อน” ไอร์เก็บการ์ดเชิญเข้ากระเป๋าก่อนจะหันไปหาลูกสาว “น้องอันดาเรารีบกลับไปหาคุณยายกันเถอะค่ะ”

“ค่ะคุณแม่” ไอร์พยายามไม่มองหน้าเพื่อนเพราะกลัวอีกฝ่ายจับผิดได้

“มึงรู้ไหมว่ากำลังมีพิรุธ” ต๋องสังเกตท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่ามีเรื่องที่ปิดบังอยู่ในใจ

“กูเปล่า!” เจ้าตัวทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนก่อนจะหันไปหาลูกสาวอีกครั้ง “อันดาลุกขึ้นเร็วลูก” ไอร์จูงมือลูกสาวจะเดินออกจากร้าน

“กูรู้แล้วนะว่างานวิจัยที่มึงทำตอนปีสี่คืออะไร” ได้ยินอย่างนั้นไอร์ก็ชะงักทันที ต๋องรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันเพราะมันเป็นความลับที่มีคนรู้แค่เพียงไม่กี่คน

“มะ...มึงรู้ได้ไงใครบอก”

“มึงไม่ต้องรู้หรอกว่าใครเป็นคนบอก รู้แค่ว่ากูรู้เรื่องที่มึงทำทั้งหมดแล้ว”

“กูไม่มีทางเชื่อมึงหรอกถ้ามึงไม่บอกว่ารู้จากใครกูก็ถือว่ามึงคิดเองเออเอง”

“อาจารย์หมอสมิธเป็นคนบอกกูเอง” ในที่สุดต๋องก็จำใจเอ่ยชื่ออาจารย์หมอออกมา หลายวันก่อนเขาได้เจอกับอาจารย์หมอสมิธโดยบังเอิญขณะพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล และเพิ่งได้รู้ว่าอาจารย์หมอเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพ่อของตัวเองซะงั้น จริงๆ แล้วอาจารย์หมอไม่เคยเห็นหน้าต๋องเลยสักครั้ง แต่ต๋องเคยเห็นหน้าอาจารย์หมอบ่อยๆ ตอนไปรับไปส่งไอร์ที่คณะแพทย์ จึงทักทายพร้อมกับถามข่าวคราวของไอร์ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อาจารย์หมอต้องยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเพราะรู้สึกสงสาร

“มึงรู้จักอาจารย์หมอได้ไงกูไม่เคยแนะนำให้มึงรู้จักสักครั้ง” เมื่อได้ยินชื่ออาจารย์หมอก็ทำให้ไอร์ถึงกับใบหน้าซีดเซียว ไม่นึกเลยว่าความลับที่ปิดมาตลอดสี่ปีจะต้องถูกเปิดเผยในวันนี้

“อาจารย์หมอเป็นเพื่อนพ่อกูเอง ท่านเล่าเรื่องมึงให้กูฟังแต่....ท่านไม่ได้บอกว่ามึงมีลูก”

อันดามองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนสลับไปมาด้วยความสงสัย ต๋องเองก็มองไปที่เด็กหญิงอย่างไม่วางตาก่อนที่ไอร์จะจับตัวลูกสาวไปซ่อนไว้ข้างหลัง

“กูไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว ต่อไปนี้มึงกับกูไม่ต้องมาเจอกันอีก เดี๋ยวซองกูจะให้คนไปส่งที่บ้านให้ละกัน” พูดจบก็หันหลังเดินออกไปหน้าร้าน แต่ต๋องไม่ยอมแน่นอนวันนี้เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าอันดาเป็นลูกของตัวเองรึเปล่า เจ้าตัวเดินตามหลังไปแล้วจับที่ข้อมือเพื่อนเอาไว้

“มึงบอกกูมาก่อนว่าอันดาเป็นลูกกูรึเปล่า”

“มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้” ไอร์ชี้หน้าทันทีเพราะกลัวลูกสาวจะสับสน อันดาเป็นเด็กฉลาดต้องมีคำถามแน่นอนเมื่อกลับถึงบ้าน

“ไม่! กูต้องรู้ให้ได้ว่าอันดาเป็นลูกกูรึเปล่า” ต๋องรีบคว้าตัวลูกสาวมาอุ้มไว้ทันที ด้วยความตกใจทำให้อันดาร้องไห้เสียงดัง ส่วนไอร์เองก็ตกใจไม่น้อยแล้วพยายามแย่งตัวลูกสาวกลับคืนมา

“ไอ้ต๋องเอาลูกกูคืนมาดี๋ยวนี้นะ” เขาไม่น่าเอาลูกสาวมาด้วยเลย มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต

“คุณแม่ช่วยอันดาด้วย แงๆ” เด็กหญิงตัวน้อยพยายามดิ้นเพื่อมาหาแม่

“ถ้ามึงยังไม่ปริปากกูจะพาอันดากลับบ้านด้วย”

“เออ! อันดาเป็นลูกมึง แล้วไงวะมึงจะแต่งงานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับกูและลูกด้วยวะ ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ฮือๆ” เมื่อโดนกดดันอย่างหนักไอร์ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างไม่มีกั๊ก

“กูยอมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อมึงกับลูก!”



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เริ่มจะไม่น่าสงสารแล้ว ต๋อง  :z6:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
จะเป็นยังไงต่อนะ ลุ้นนนนนนน
น้องอันดาน่ารัก

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อีต๋องมันใช่เหรอที่จะมาทำต่อหน้าลูกเนี่ย ไปเคลียร์กันดีๆไป๊

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วจะทิ้งเจ้าสาวมาได้ไง

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เรื่องเริ่มยุ่งแล้วว สงสารน้องอันดา  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
เอ้าเครียดเลยแบบนี้ เรื่องยุ่งตามมาแน่ๆๆ รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะทะเลาะอะไรกันก็นึกถึงจิตใจเด็กบ้าง จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด