Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563  (อ่าน 60952 ครั้ง)

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
สนุกดีค่ะ..ตามๆ  o13

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักตอนสุดท้ายอ่ะ :-[ แล้วก็ตอนกุมมือด้วยน่ารักเต็มไปหมดเลย :-[ อ่านตอนนี้ให้ความรู้ใหม่ๆเราเยอะเลย ชอบตรงที่เอาเรื่องการศึกษามาขยี้ค่ะ รอๆตอนต่อไปนะ :กอด1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 7.1

ลุยงานหรือลุย.............ปู๊ดดดดดดด



เช้าวันต่อมา


   ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่รู้สึกปวดท้องหนัก ผมรู้สึกถึงไส้มันบิดไปเพื่อบีบให้อึออกมา เหมือนตอนที่ผมเคยกินยาถ่ายในช่วงที่ผมอึไม่ออก แต่ตอนนี้ผมไม่ได้กินแล้วทำไมไอ้อาการนี้มันถึงกลับมาเหมือนครั้งนั้น


พรึบ


   ผมลุกขึ้นทันทีก่อนจะตรงไปที่ห้องน้ำโดยที่มีทั้งสองอุดก้นเอาไว้ไม่ให้อะไรๆมันไหลออกมาก่อน เมื่อผมเห็นทางสว่างอยู่ด้านหน้า ไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปอึอย่างเร็วพลัน


แหมะ ปู๊ดดด


   สิ่งที่ออกมาทั้งของแข็งและของเหลวในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งทันที ผมเอื้อมมือไปหยิบสายยางมาฉีดเพื่อทำความสะอาด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกใส่กางเกงออกไปด้านนอก ผมก็รู้สึกปวดอีกครั้งจนผมต้องนั่งต่อเพื่อระบายออกมาให้หมดไส้หมดพุง


ปึงๆๆ


   “ ใครอยู่ในนั้น!!” เสียงของพี่เทพเคาะประตูห้องน้ำแรงๆจนอึที่กำลังจะออกถึงกับหดหายเข้าไปเลยทีเดียว


   “ ผมพี่ ผมอึอยู่ๆ” ผมตะโกนบอกไอ้พี่เทพออกไป


   “ กูจะแตกแล้ว!!”


   “ ห้องน้ำข้างล่างละพี่”


   “ ไอ้กรมกับไอ้วินยึดหมด! มึงอย่าพูดมากรีบออกมา” พี่เทพก็ยังไม่ลดละความพยายามโดยการเคาะประตูห้องน้ำแถมยังแหกปากไปด้วย ก็คือคนมันก็ปวดอันนี้ผมเข้าใจแต่จะให้ทำอย่างไงละครับผมก็ปวดเหมือนกัน


   “ พี...กูจะไม่ไหวแล้ว.....” เสียงของพี่เทพดูขาดๆหายๆไป จังหวะนั้นผมรีบเร่งตัวเองด้วยการแบ่งจนเส้นเลือดในสมองเกือบจะแตก


โครกกกกก


   ผมกดชักโครกเป็นอันว่าธุระของผมเสร็จแล้ว


   “ ไปต่อได้พี่” ผมเปิดประตูออกมาเจอพี่เทพนั่งกุมท้องของตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าซีดเซียว


   “ พยุงกูที...” ผมก้มลงไปพยุงไอ้พี่เทพให้ลุกขึ้นพาพี่มันเดินเข้าไปในห้องน้พ


   “ ให้ช่วยถอดกางเกงไหม”


   “ ถอดตีนกูหนิ ออกไปเลยมึง” ผมเดินหัวเราะชอบใจออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ถึงสิบก้าว ไอ้อาการปวดท้องของผมก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง!


ปึง!!!


   “ พี่เทพพี่ผมปวดท้อง!!” ถึงคราวที่ผมต้องไปเคาะประตูห้องน้ำพี่เทพคืนเพราะตอนนี้ข้าศึกบุกประชิดประตูหลังพร้อมโจมตีก้นผมเต็มที่แล้ว


   “ ถ้าพี่ไม่ออกตอนนี้ผมจะขี้หน้าห้องละนะ!!”


   “ เออ!!!!”


   ไอ้ฉิบหายเอ้ย!! ทำไงดีวะ ยิ่งจะออกขนก็ยิ่งลุกหนาวๆสั้นๆไปทั้งตัว รู้สึกเลยว่าครั้งนี้ผมไม่น่าจะรอดถ้าพี่เทพไม่ออกมาใน

เวลา
สาม
สอง
หนึ่ง


ปู๊ดดดดดดด


   จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบครับผม ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วนั่งจมกองขี้ของผมเฝ้าหน้าประตูไอ้พี่เทพไป พี่มันจะออกตอนไหนผมไม่สนเพราะผมจะนั่งขี้ตรงนี้! ที่นี่! ตลอด......ปู๊ดดดด!!!




   ทั้งผมพี่กรมพี่เทพและพี่วินตอนนี้เราสี่คนมานั่งให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลหลังจากที่อาการของผมไม่ไหว ไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นทั้งหมดที่ไม่ไหว พี่กรมที่มีแรงเหลือเยอะสุดโทรไปหาพี่คินให้มารับพาพวกผมมาโรงพยาบาล สภาพของทุกคนตอนนี้คือนอนหน้าซีดให้น้ำเกลือเรียงเป็นแถวโดยที่มีพี่คินนั่งเฝ้าอยู่


   “ หมอครับต้องให้อีกเท่าไหร่” ผมได้ยินเสียงหมอคุยกับพี่คินดังเข้ามาในโสตประสาททำให้ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงผู้ป่วย ภาพที่ผมเห็นคือพี่กรมพี่เทพพี่วินนอนเรียงเป็นแถวหน้ากระดานถัดจากผมไป


   “ ปวดขี้อีกแล้วหรอ?” พี่คินเดินมาถามผมนิ่งๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าให้พี่มันแทนคำตอบ


   “ พวกมึงเล่นอะไรกันวะ”


   “ ม่ายรู้ค้าบบ” เสียงที่ผมตอบคือแหบและแห้งที่สุดเท่าที่ผมจะเคยเป็น ไม่ได้เกี่ยวกับที่ผมท้องเสียแต่น่าจะเป็นตอนที่ผมตะโกนเถียงกับพี่เทพมันมากกว่า


   “ ไอ้เทพหนักสุด หมอบอกอาจจะต้องนอนโรงพยาบาล”


   “ สาเหตุมาจากอารายอ่าค้าบ”


   “ อาหารเป็นพิษครับ”


หวับ!!


   ทันทีที่หมอตอบพี่ๆที่อยู่เตียงข้างๆต่างหันหน้ามาทางผมเป็นตาเดียว ด้วยสายตาที่บ่งบอกเหมือนกันว่าถ้าหายเมื่อไหร่ผมชะตาขาดแน่ๆ


   “ อาหารที่พวกคุณทานไป หมอตรวจจากอุจาระพบว่าเป็นยาถ่ายที่ใช้กับสัตว์” ยาถ่ายที่ใช้กับสัตว์? What the fuc*!! ผมสาบานผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้ผสมอะไรทั้งนั้น


   “ ผี อย่าบอกนะว่ากล่องนั้น...คือกล่องอกไก่ที่มีฝาปิดสีฟ้า?” พี่กรมพยายามลุกขึ้นมาถามผมที่นั่งหน้าเอ๋ออยู่บนเตียงเช่นเดียวกับพวกพี่ๆที่เหลือ


   “ เอ่อ..ครับ”


   “ สัดเอ้ย!” เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ยินพี่กรมสบถออกมาเสียงดังและหยาบที่สุด “ มันเป็นของเฉลิม กูให้กินวันละชิ้นเพื่อให้มันระบายอึออก เฉลิมชอบไม่อึ ไอ้ผี! มึงไม่ถามก่อนวะ”


   “ ขอโทษค้าบ ผมไม่รู้” พี่กรมส่ายหัวทันที ผมเอาอาหารของเฉลิมมาทำให้ทุกคนกินอย่างนั้นหรอวะ? ยาถ่ายของสัตว์ตามที่หมอบอกจริงๆด้วย ฮื่ออออ น้องพีผิดไปแล้ว


   “ ถ้ายังปวดท้องอยู่บอกหมอเลยนะครับ”


   “ ดีที่กูไม่มา” พี่คินยิ้มออกมาเมื่อพี่มันมองสภาพพวกผมทั้งสี่คน


   “ สองร้อยกูก็จ่าย ไอ้พีมึง” ผมได้ยินเสียงพี่วินที่แอบด่าผมเบาๆ แต่คนที่หนักที่สุดอย่างพี่เทพไม่พูดอะไรออกมาเพราะพี่เขาหลับไปด้วยความเพลีย


   “ ไอ้พีทำเป็นเล่นถึงตายเลยนะมึง” พี่กรมยังไม่วายบ่นผมอีกรอบ


   “ ผมไม่ได้ตั้งใจ จังหวะนั้นผมหิวหยิบอะไรได้ก็กินหมดอะพี่” ผมยกมือไหว้ขอโทษพี่กรมอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าผมรู้ว่าไอ้อกไก่นั้นมันเป็นอกไก่ของเฉลิมผมก็จะไม่หยิบออกมาทำอาหารให้พี่มันกินแน่นอน


   “ ช่างมัน”


   ผมนอนให้น้ำเกลืออยู่อีกหลายนาทีกว่าจะหมดถุงที่หมอเตรียมเอาไว้ ตอนนี้พี่ๆทุกคนให้น้ำเกลือกันเสร็จหมดแล้วส่วนอาการพี่เทพดีขึ้นมากจนไม่ต้องนอนโรงพยาบาลเหมือนที่หมอบอก ทำให้ตอนนี้พวกเรานั่งอัดกันอยู่บนรถของพี่คินมุ่งหน้ากลับบ้านพี่กรม


   “ ไอ้เทพ นอนพักบ้านกูก่อนค่อยขับกลับ” พี่กรมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่เทพฟุบหน้าหลับลงบนไหล่ของพี่วินที่นั่งอยู่ข้างๆ


   “ อื้ม” ผมก็พึ่งเคยเห็นพี่เทพสิ้นฤทธิ์ก็คราวนี้แหละครับ


   “ เดี๋ยวกูทำที่เหลือต่อเอง” พี่คินที่ไม่เป็นอะไรอยู่คนเดียวพูดขึ้นขณะที่สองมือของเขาขับรถอยู่


   “ ผมช่วยด้วย” ด้วยความที่ผมรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมยื่นมือเข้าไปช่วยพี่คิน เพราะจากที่ผมคาดเดาสถานการณ์จากตัวเองแล้วนั้น ผมว่าผมไหว! ผมจะเป็นกำลังสำคัญในการไถ่บาปครั้งนี้




   เมื่อมาถึงบ้านของพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย พี่วินพี่เทพพากันขึ้นไปนอนด้านบนห้องที่พี่กรมเตรียมไว้ให้ ส่วนผมพี่กรมพี่คินลงมือคิดนโยบายขึ้นมา โดยใช้ประเด็นการศึกษาที่ผมเสนอมาเป็นนโยบายหลักจากนโยบายพวกผมคิดไปคิดมาจนจะกลายเป็นการปฏิรูปทั้งระบบใหม่ โดยอิงจากการเปรียบเทียบในประเทศฟินแลนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีติดอันดับการศึกษาดีที่สุดในโลก


   “ แต่ประเทศฟินแลนด์ที่ผมศึกษามานะพี่ตอนแรกการศึกษาก็ต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ แต่ผู้นำเขากล้าที่จะเสี่ยงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง” หลังจากที่ผมนั่งดูภาพยนตร์สาระคดีเรื่อง Where to Invade Next? ที่พี่กรมเปิดให้ผมดู อันนี้ผมแนะนำเลยนะครับ ถ้าใครอยากลองเปิดมุมมองใหม่ดูประเทศที่เขามีการพัฒนาผมว่ามันน่าจะดีมากๆสำหรับการเอามาอะแดปใช้กับประเทศของเรา


   “ เราจะจับจุดตรงไหน?” พี่คินถามผมที่กำลังนั่งเขียนโครงร่างอยู่


   “ ถ้าผมจะเริ่มที่การรับบรรจุข้าราชการครูให้เข้มขึ้นกว่าเดิมเพื่อลดปัญหาการที่เรารับครูที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาสอนนักเรียน”


   “ คิดว่าจะทำได้ไหม?” พี่กรมถามผมด้วยสายตาจริงจัง ตอนนี้พี่กรมตื่นขึ้นมาหลังจากที่พี่มันได้นอนพักอยู่สักพัก ทำให้ตอนนี้มีผมพี่คินและพี่กรมที่ยังสามารถทำงานไหวอยู่


   “ ครับพี่ ผมทำได้”


   “ แต่กูว่านะเราแก้ที่เรื่องรับบรรจุมันยากไป มันน่าจะกระทบแล้วน่าจะไม่ยอมถ้าเรามองจากหลักความเป็นจริง มันต้องเริ่มจากอะไรที่เบาๆก่อนอย่าพึ่งวู่วาม หาอะไรที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงเล็กๆก่อน ดูเหมือนอย่างรัชกาลที่ 5 ดิกว่าที่ท่านจะปฎิรูปได้ใช้เวลากี่สิบปีต้องรื้อระบบใหม่จากอำนาจที่ขุนนางยึดถือมาเนินนานมาเป็นการรวมศูนย์อำนาจที่อยู่ส่วนกลาง” ผมนั่งฟังที่กรมอธิบาย ก็จริงถ้าผมเริ่มที่ครูก่อนมันน่าจะเกิดเป็นข้อขัดแย้งแน่ๆ ยิ่งข้าราชการครูเป็นข้าราชการอัตราส่วนเมื่อเทียบกับสายงานอื่นก็ถือว่าเป็นอันดับที่เยอะมาก ดังนั้นอย่าพึ่งเล่นประเด็นนี้เอาเป็นเรื่องเบาๆก่อนแล้วกัน


   “ ครับพี่ครับ” ผมจดข้อเสนอของพี่มันลงในกระดาษว่าผมควรหาข้อมูลหรือหาทางออกอะไรเพิ่มอีก


   “ งั้นร่างมาให้ดูก่อนนะ เดี๋ยวกูคิดกับไอ้คินอีกนโยบายเพื่อเอาไว้ฉุกเฉิน” หลังจากที่พี่กรมแบ่งหน้าที่ให้ผม ผมแยกตัวออกมาทำคนเดียวทั้งหาข้อมูล ทั้งร่างแผนต่างๆ มันยากนะครับเพราะผมไม่มีประสบการณ์และความรู้ด้านนี้เลย ถ้าผมติดหรือขัดอะไรผมจะเดินไปถามพี่กรมให้ช่วยอธิบาย ส่วนไหนที่มันยังไม่เข้าที่พี่กรมก็จะเกลาให้ใหม่และให้ผมใส่ไอเดียของตัวเอง พี่กรมไม่ได้บรีฟงานจนผมอึดอัด แต่เขาให้อิสระแก่ผมในการคิดทุกอย่าง นั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมตั้งใจกับงานชิ้นนี้เอามากๆ ผมจะพยายามสะท้อนถึงปัญหาและแนวทางในการแก้ไขออกมาให้มากที่สุดเท่าที้เด็กคนหนึ่งจะทำได้ จนเวลาผ่านไปในช่วงค่ำของคืนนี้


   “ อ่ะ กินก่อน” พี่กรมยกขนมมาวางให้ผมตรงหน้าในคืนที่สองที่ผมจะต้องนอนบ้านพี่กรม พรุ่งนี้เหลืออีกหนึ่งวันสำหรับการร่างโครงการนโยบาย


   “ ขอบคุณครับพี่” พี่กรมนั่งลงที่พื้นข้างๆผม พร้อมกับเอื้อมมือมาหยิบกระดาษที่ผมร่างเอาไว้ขึ้นมาดู


 “ ตรงนี้กูว่าแก้ดีไหม เปลี่ยนจากการให้งบอุดหนุนในจำนวนที่เยอะเป็นลดลงมาครึ่งหนึ่งและให้จัดเป็นโครงการย่อยคือต่อยอดนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ดีกว่าไหม? ให้เป็นโควตาในทุกระดับชั้นตามจำนวนขนาดของโรงเรียน เช่น ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กให้โควต้าสำหรับทุนเรียนจนจบมหาวิทยาลัยหนึ่งคนต่อหนึ่งระดับชั้น เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนรู้สึกแอคทีฟมากกว่าการที่เราแจกเงิน มันทำให้เด็กไม่รู้คุณค่าของเงินที่ได้มา” ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบคุกกี้ขึ้นมากินพี่กรมก็จัดคอมเม้นต์ชุดใหญ่จนผมต้องละจากขนมมาหยิบดินสอเพื่อจดในสิ่งที่พี่กรมแนะนำมา “ เน้นการแข่งขันให้ดูกดดันและเข้มข้นเผื่อว่าเด็กจะเห็นคุณค่าว่าทุกสิ่งไม่ได้ให้มาฟรี บ้านเราอยู่กับของฟรีมากไปมันก็ทำให้คนทำอะไรไม่เป็นเลย เห็นอย่างนโยบายแจกเงินให้กับชาวบ้านที่มีรายได้น้อยไหม มึงคิดว่าอย่างไง”


   “ ก็....ไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยครับ ผมว่านะมันค่อนข้างที่ดูจะใช้เงินแก้ปัญหาแล้วอีกอย่างเงินพวกนี้มันก็ไปกระจุกตัวอยู่ที่ผู้ประกอบการ”


   “ คุ้นๆไหม เขาเรียกว่าอะไร”


   “ ประชานิยม...ใช่ไหมพี่” พี่กรมไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้ผมเท่านั้น “ เลิกพูดเนอะพี่เดี๋ยวจะเกินเลยไปมากกว่านี้”


   “ มึงทำงานไป ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามนะ” พี่กรมวางกระดาษที่ผมร่างลงบนโต๊ะ ทำให้ผมเปลี่ยนโหมดมาโฟกัสที่เรื่องที่ผมจะทำอยู่ตอนนี้


   “ โอเคเลยพี่ ผมเคยเห็นโครงการนี้อยู่นะ แต่บางโรงเรียนไม่มี บางโรงเรียนมี ผมว่าเราควรจะจริงจังไปเลย มีแบบแผนส่งไปที่โรงเรียนต่างๆออกเป็นกฎกระทรวงเลยก็ยิ่งดี”


   “ ความคิดยิ่งใหญ่แต่ทำไม่ได้ก็ตกม้าตายนะครับ อย่าลืมว่าอยู่กับหลักความเป็นจริง” พี่กรมรีบพูดดักขึ้นมาก่อน วันนี้ผมยังไม่ได้เกรียนใส่ใครเลย เหงาปากโคตร!


   “ แล้วที่ร่างคร่าวๆผมขาดอะไรบ้างครับ” ผมยื่นกระดาษอีกแผ่นให้พี่กรมดู


   “ เกือบทุกอย่าง”


   ไอ้ฉิบหาย! ผมร้องอุทานขึ้นมาในใจเมื่อพี่กรมมันบอกผมแบบนั้น ที่ผมทำมาทั้งหมดมันคืออะไร!!!


   “ แล้วมันมีอันที่ผมใช้ได้ไหมพี่?” ถามอย่างมีความหวังสุดๆ


   “ ก็มี Fact ที่ใช้ได้อยู่ การบ้านคือไปคิดชื่อนโยบาย วัตถุประสงค์ ข้อสมมติฐานพื้นฐาน และก็วิธีการมา หลักๆก็มีเท่านี้” ผมก้มมองในเศษกระดาษเพื่อหาดูว่าสิ่งที่พี่กรมพูดมามันมีอยู่ในนั้นไหม ปรากฏว่าไม่มีครับ ไม่มีอะไรเลย


   “ ผมเหนื่อยแล้วววว” ผมเหยียดตัวลงบนโต๊ะเมื่อเห็นว่างานที่ตั้งใจทำมันยังไม่ไปไหนแม้แต่ครึ่งเดียว ท้อครับยอมรับเลย


   “ สู้ดิ เดี๋ยวก็เสร็จ” พี่กรมมันเอามือมาวางไว้บนศีรษะของผมพร้อมกับลูบเบาๆเหมือนว่าพี่มันต้องการจะให้กำลังใจ “ เชื่อว่าน้องผีทำได้” ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่กรมที่พูดออกมาแบบนั้น


   “ พี่ครับ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยนะพี่”


   “ แต่กูเชื่อในตัวมึงนะ”


   “ พี่....” ไม่รู้ซิครับ ผมดีใจที่มีคนมาพูดว่าเชื่อใจผม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสักคนเลยที่พูดว่าเชื่อใจในตัวของผม พวกเขามองว่าผมเป็นแค่เด็กเกรียนๆๆไม่เอาไหนสักอย่าง แม้กระทั่งแม่ของผม....


   ‘ พี แม่ว่าลูกเรียนที่มหาวิยาลัยใกล้บ้านเถอะ’ ผมยังจำได้ดีในวันที่ผมสอบติดมหาวิทยาลัยใกล้บ้านได้ในรอบโควต้า ตอนนั้นผมดีใจที่ผมสอบได้ แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ผมต้องการ


   ‘ ผมไม่อยากเรียนที่นั้น ผมอยากเรียนที่...... แม่อย่าห้ามผมเลย’


   ‘ ถ้าพีสอบไม่ติดละ....’ เพราะวันที่รายงานตัวเป็นวันเดียวกับวันที่ผมต้องมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมต้องการ

มหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าเข้ายาก มหาลัยที่เป็นอันดับต้นๆของสายที่ผมอยากจะเรียน ผมรู้ตัวเองว่าผมไม่เก่ง ผมรู้ตัวเองว่าผมทำอะไรได้มีดีสักอย่าง แต่เรื่องนี้ผมตั้งใจ ผมอดหลับอดนอนอ่านหนังสือรัฐศาสตร์ ผมอดหลับอดนอนหาความรู้เพิ่มเติมใหม่ๆ ผมเปิดมุมมองด้วยการเอาตัวเองเข้ามาอยู่ท่ามกลางข่าวบ้านเมืองทั้งในและต่างประเทศ ผมทิ้งเวลาส่วนตัวทั้งหมดทุ่มเทไปกับมันทุกอย่าง ความพยายามที่ผมทุ่มไปผมขอใช้แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม...


   ‘ ผมจะลอง’



   ‘ พี แต่แม่ว่าเอาที่นี่เถอะนะ แม่ว่าอย่างไงลูกก็ไม่ติด’ คำพูดที่หลุดปากของแม่มันเหมือนเป็นคำสบประมาทที่ทำให้ผมผลักดันตัวเองมากกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่การให้กำลังใจ สายตา คำพูดที่ดูถูก มันทำให้ผมสู้ สู้จนผมทำตามความฝันของผมสำเร็จในวันที่ประกาศว่าผมมีชื่ออยู่บนหน้าเว็บ วันนั้นทำให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าทำผมตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้


   “ พี...”


   “ .....”


   “ พี! ร้องไห้ทำไม”


   “ ห้ะ..” ผมได้สติก็ตอนที่พี่กรมมันกุมหน้าของผมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ผมเตะที่ใบหน้าของตัวเองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน


   “ ถ้าไม่ไหวก็พักก่อน อย่าฝืน” ผมพยักหน้าให้พี่กรมที่ตอนนี้เขาค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยที่น้ำตาของผมเบาๆ “ ร้องไห้ทำไม หื้มม”


   “ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ” ผมค่อยๆเอาหน้าออกมาจากมือของพี่กรมพร้อมกับยกแขนเสื้อมาปาดเช็ดน้ำตาบ้านี่ลวกๆ อารมณ์ดราม่ากูมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! แค่คิดถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมันก็ไหลออกมาทุกทีเลยแหละครับ


   “ ไอ้เด็กผีเอ้ย เช็ดแบบนั้นมันก็เจ็บดิวะ!” พี่กรมมันปัดมือของผมออกกก่อนที่จะยื่นมือของเขามาเช็ดให้แทนจนผมสะบัดและพลักตัวเองให้ออกห่างจากพี่กรม


   “ พี่ผมอะไม่เจ็บหรอกครับ ผมอ่ะเข้มแข็งพอ”



   “ โถ่ ไอ้ลูกหมา เมื่อกี้มึงยังร้องไห้อยู่เลย” ไอ้พี่กรมมันส่ายหน้าให้ผมทันที


   “ อารมณ์มันดราม่าก็งี้แหละพี่” ผมเฉไฉมาหยิบกระดาษที่ร่างเอาไว้ อย่างไงผมก็ต้องทำให้เสร็จครับ เหลือเวลาอีกหนึ่งวันผมต้องสู้ พี่กรมมันเป็นใครไม่รู้ยังมาเชื่อใจผม แล้วผมจะไม่เชื่อใจตัวเองได้ไงว่าผมทำไม่ได้ ผมต้องทำได้เท่านั้น นั่นคือคำตอบของผม!!!


   “ ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ”


   “ พี่ไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวผมตามไปขอแก้ตรงนี้ก่อน”


   “ เออ อย่าดึกมากก็แล้วกัน” พี่กรมลุกออกจากที่ผมกลับไปนั่งที่เดิมของเขา จนกระทั่งเวลาผ่านไปผมคิดวัตถุประสงค์ของนโยบายได้แล้ว ผมเลยตัดสินใจพอแค่นี้ก่อนพรุ่งนี้ผมค่อยกลับมาลุยใหม่ ถ้าผมโหมทำถึงเช้าผมว่ามันจะให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ สุดท้ายผมก็ต้องมาแก้ใหม่อีกอยู่ดี เอาเป็นว่าผมขอไปพักก่อนก็แล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ









PS. ไอ้น้องแสบอีกแล้ววววววววววววว ฉันชอบพี่กรมสอนมาก อบอุ่นสุดดด

PS. ส่วนใครที่ส่งสัยในเรื่องรัฐศาสตร์ถามได้น้า ถ้าตอบได้เดี๋ยวไรท์มาตอบจ้าาาา

#เม้นต์ให้น้องด้วยน้าาาาา พลีสสสสสสสสส
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:59:02 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณไก่ทอดมาต่อเร็วมากกก ขอบคุณมากๆนะคะ :pig4: :L1: เปิดมาก็ทั้งสงสารทั้งขำ รู้สึกเข้าออกโรงบาลบ่อยมาก555 รู้สึกว่าน้องผีสุดยอดมาก สู้เพื่อความฝัน อ่านแล้วทำให้เรามีแรงฮึดเพื่อความฝันขอเราด้วย ตอนพี่กรมบอกเชื่อใจน้องกับเช็ดน้ำตาให้น้องคือฟินมาก :-[  ละมุนมาก เป็นกลจให้ทั้งน้องผีและคุณไก่ทอด น้องผีสู้ๆ คุณไก่ทอดสู้ๆ สนุกมากๆเลย เรารออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากสารภาพกับคุณไก่ทอดว่าเรามีเรือผี เราชอบเทพพีมาก รู้สึกอยู่ด้วยกันแล้วกวนๆกันไปมาน่ารักดี แต่ของกรมพีให้ความรู้สึกเหมือนพ่อลูก คุณพ่อสายเปย์ไรงี้ เราจะรอดูพัฒนาการของทั้งสองคนน้า มาต่อเร็วๆน้า :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่นะคะ คิดถึงน้องผี :m7:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
รออยู่นะคะ คิดถึงน้องผี :m7:

มาแย้ววววว เค้าขอโทษ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 7.2

ลุยงานหรือลุย........อ่าง





ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปนอนที่ไหน จะไปถามพี่กรมก็ไม่อยากไปเพราะความง่วงเข้าครอบงำตอนนี้ผมขอนอนหลับตรงนี้ก่อนก็แล้วกันครับ


   พระอินทร์จ๋า พีกำลังไป......


   “ อ่าว ไอ้พีตายไปแล้ว” คินที่กลับมาจากการไปหาหนังสือมาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเห็นว่าน้องเล็กอย่างพีฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ส่วนกรมที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมไปนอนหละสายตามามองพีพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย


   “ มันพึ่งร้องไห้ไป”


   “ ห้ะ? ร้องไรวะ” คินถามเพื่อนของเขาด้วยความไม่เข้าใจ เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับพีมาเขาเห็นแต่พีในด้านเกรียนๆจึงรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆพีก็ร้องไห้


   “ ไม่รู้วะ ไม่รู้ว่ากูไปจี้อะไร” เขาก็พอจะรู้ว่าหลังจากที่เขาให้กำลังใจพีไป พีก็นิ่งและร้องไห้ออกมา ลึกๆแล้วเจ้ากรมคิดว่าพีน่าจะมีความหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ บางทีการที่เขาให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวมันอาจจะทำให้พีรู้สึกดีขึ้นและมั่นใจในตัวเองมายิ่งขึ้น


   “ แล้วจะปล่อยให้น้องมันนอนตรงนี้หรอวะ?”


   “เดี๋ยวกูเก็บของก่อน ค่อยช่วยกับแบกมันไป” เจ้ากรมเก็บของในส่วนของตัวเองเสร็จเดินมาที่พีก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไประหว่างแขนของพี ส่วนคินเองก็ค่อยๆยกบริเวณเท้าของพี ทั้งคู่มองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณเมื่อได้ที่แล้วทั้งคู่จึงยกตัวของพีขึ้นตรงไปที่ห้องของเจ้ากรม เพราะห้องที่เตรียมเอาไว้ให้เทพกับวินนอนพักอยู่เขาไม่อยากเอาพีเข้าไปกวนทั้งคู่


ตุบ


   “ นอนนี่ไปก็แล้วกันมึง ส่วนมึงไอ้คินก็นอนด้วยกันนี่แหละ เตียงกูใหญ่” เจ้ากรมจัดแจงที่นอนให้ทั้งเพื่อนและน้องเล็กอย่างพี


   “ เออ กูไม่ไหวแล้ว” คินเองก็รู้สึกง่วงและเพลียจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน “ ฝันดีมึง” คินล้มตัวลงนอนข้างๆขวาของพี ทำให้ด้านซ้ายตกเป็นที่ของเจ้ากรมอย่างเลี่ยงไม่ได้


   “ ฝันดีมึง”


พรึบ


   เจ้ากรมเดินไปปิดไฟทำให้ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เจ้ากรมค่อยๆล้มตัวลงนอนเพราะไม่อยากรบกวนคนที่หลับอยู่ในตอนนี้


   “ พี่ครับ ขอบคุณที่เชื่อใจผม..น้า” ยังไม่ทันที่เจ้ากรมจะหลับตาอยู่ๆคนที่นอนอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา ทำให้เจ้ากรมลุกขึ้นมาดูว่าพีเป็นอะไร เมื่อเขาแน่ใจว่าสิ่งที่พีพูดออกมาเป็นเพียงแค่การละเมอเพราะตาทั้งสองข้างของพียังคงหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม เขาเองก็ไม่รู้ว่าแค่คำพูดของเด็กที่ละเมอมันจะทำให้เขายิ้มได้ขนาดนี้


   “ ไอ้น้องผีเอ้ย” ด้วยความหมั่นเขี้ยวปนหมันไส้ทำให้เจ้ากรมยื่นมือไปทำท่าจะหยิกแก้ม แต่ต้องชะงักมือที่กำลังจะถึงเอาไว้...


   “ หยิกแก้มมันสาวไป นอนๆ” เขาเถียงกับความคิดของตัวเองก่อนที่จะผลิกตัวหันหลังให้พี และค่อยๆหลับตาลงท่ามกลางความมืดและเสียลมหายใจของทั้งสามคนภายในห้องแห่งนี้....



เช้าวันต่อมา


   “ ........”


   “ ........”


   “ .......”


   “ อื้อออ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายๆคู่กำลังจับจ้องผมอยู่กันนะ.... แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมยังง่วงอยู่ ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาเลยจริงๆ ขอนอนต่อดีกว่า


   “ ไอ้พี”


   “ พ่อ! พีขอนอนก่อน” พ่อนี่ชอบก่อกวนผมจริงๆ วันหยุดของผมนะครับ ไม่ใช่ว่าผมต้องตื่นไปเรียนหรือผมไปทำงานอะไรสักหน่อย เดี๋ยวนะ!! ผมต้องทำงานอะไรบางอย่างนั้นหรอกหรอครับ


พรึบ


   “ ตื่นแล้วเว้ย!!” ผมเด้งตัวตื่นขึ้นมาทันทีที่ผมคิดได้ และจังหวะนั้นเองที่ทำให้ผมเห็นว่าสายตาของใครหลายๆคนที่จ้องผมอยู่ก็คือพี่ๆทั้งสี่ที่ยืนกอดอกมองผมอยู่รอบเตียง


   “ กูคิดว่ามึงตาย” พี่เทพนี่ฟื้นขึ้นมาก็กัดผมเลยนะครับ รู้งี้นะผมขอแช่งให้พี่มันขี้แตกเหมือนเดิมดีกว่า


   “ แล้วพี่มายืนมุงผมทำไมกันอะ”


   “ นี่จะเที่ยงละยังไม่ตื่น กูเลยมายืนกดดัน”


   “ พี่ก็ปลุกผมก็ได้หนิหว่า” ไอ้ผมนี่งงเลยครับหลังจากได้ยินที่พี่กรมมันพูดขึ้นมา


   “ ลุกไปอาบน้ำไป มึงมีงานต้องทำต่อ” ผมรีบลุกไปอาบน้ำทันที เอาจริงนะผมอยากจะถามพวกพี่ๆเขาว่าว่างกันขนาดที่มายืนกดดันให้ผมตื่นอย่างนั้นเลย


   ผมใช้เวลาอาบน้ำประมาณเกือบๆยี่สิบนาทีก่อนจะออกมาหาอะไรกินเล็กน้อย ผมกินข้าวคนเดียวครับ พวกพี่ๆเขาลงโทษที่ผมตื่นสาย เมื่อผมกินข้าวเสร็จก็รีบตามไปสมทบที่ห้องนั่งเล่นชั้นสองที่เป็นที่กลบดาลของพวกผมในการทำงานคิดนโยบายครั้งนี้


    “ไปถึงไหนแล้ว” พี่กรมเงยหน้าละสายตาจากหนังสือที่อ่านถามผมที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับขนมที่ผมเดินออกไปซื้อหลังจากที่กินข้าวเสร็จ


   “ ใจเย็นครับลูกพี่” ผมวางขนมลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบกระดาษที่ผมเขียนไว้เมื่อคืนมาให้พี่กรมดู “ อันนี้ผมคิดแค่วัตถุประสงค์ก่อนนะ”


   “ อันนี้ตัด ถ้าจะเขียนว่าเพื่อศึกษาก็อย่าเขียน การเขียนวัตถุประสงค์คือควรบอกเป้าหมายที่ชัดเจนไปเลย ไม่ใช่มาศึกษาบ้าบอ นี่นโยบายนะไม่ใช่รายงานส่งอาจารย์”


   “ พี่กรมใจเย็นนะ พี่เล่นใส่ผมยับขนาดนี้ ผมไปไม่เป็นเลย” ผมแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่พี่กรมพูดออกมาแบบนี้ แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าสิ่งที่ผมทำมันอาจจะยังไม่ถูกใจ


   “ ก็แค่ไปแก้มาใหม่ เท่านั้นครับ ไม่ยาก” ผมรับกระดาษกลับมานั่งคอตกจ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ผมไม่มีอารมณ์ทำมันแล้วอะครับเอาจริง พี่กรมมันจะพูดกับผมดีๆไม่ได้เลยใช่ไหม ทั้งๆที่เมื่อคืนพี่แม่งยังให้กำลังใจผมอยู่เลย แต่พอมาวันนี้กลับเปลี่ยนไปคนละคน คิดแล้วก็ได้แต่แอบน้อยใจอยู่คนเดียวเงียบๆครับ


   “ เฮ้อออ” เหมือนเอาผมมาทรมาน


   “ น้องผีมานี่ดิ้” ผมเงยหน้าไปมองพี่กรมที่ใช้ปากกาชี้มาที่ผมแล้วกระดิกเข้ามาที่ตัวเขาเป็นเชิงว่าให้ผมเดินไปหาพี่มัน ทั้งๆที่ผมพึ่งเดินกลับมา


   “ ไรพี่”

   
   “ พูดดีๆ”


   “ ครับพี่ครับ” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆเพื่อให้พี่มันได้ยินว่าผมไม่พอใจ ก่อนจะลุกเดินไปหาอย่างเลี่ยงไม่ได้


   “ ไม่พอใจที่พูดแบบนั้น?”


   “ ครับ ก็ผมบอกไปว่าผมไม่รู้ ผมไม่เคยเรียนมาก่อน ผมพยายามที่สุดแล้ว แต่พี่พูดออกมาแบบนั้นมันทำให้ผมหมดกำลังใจ อันนี้ผมพูดตรงๆกับพี่เลยนะ”


   “ ก็ดีที่พูดออกมาตรงๆ” พี่กรมกัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิด “ ปกติกูก็พูดแบบนี้เวลาทำงาน แต่ลืมไปว่ามึงคงจะยังไม่ชิน อย่างไงก็ขอโทษนะครับ”


   อยู่ๆก็เหมือนว่ามีลมกันโฉกแรงพัดมาใส่หน้าผมหลังจากที่พี่มันพูดกับผมว่า ‘ขอโทษนะครับ’ ผมไม่คิดว่าคนอย่างพี่กรมจะขอโทษเด็กอย่างผม แต่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา คำพูดและการกระทำของพี่กรมมันทำให้ผมรู้ว่าคนอย่างพี่กรมเขาทรีททุกคนจริงๆ แม้กระทั่งเด็กธรรมดาที่พึ่งรู้จักพี่เขาไม่นานอย่างผม แค่คำพูดธรรมดาก็สามารถซื้อใจผมได้ เขาเหมาะที่สุดกับการเป็นหัวหน้าและผู้นำคนจริงๆ


   “ ครับ ผมจะไปแก้มาใหม่” ผมรับกระดาษกลับคืนมาพร้อมกับแรงสู้อีกครั้ง วิธีการ การวัดผล และสิ่งต่างๆที่ผมขาดผมจะสู้!! ผมจะทำให้ได้


   เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ผมผ่านไปได้หลายอย่างแล้วครับ เมื่อผมเขียนเสร็จพี่กรมก็สั่งให้พี่เทพพิมพ์ให้ผมแทนการหาข้อมูลมาซับพอร์ทแทน ตอนนี้ผมพอจะมีเวลาพักบ้าง


   “ ไอ้น้องผีรู้ไหมว่า Streams and windows หรือตัวแบบกระแส-หน้าต่างนโยบายคืออะไร” เมื่อเห็นว่าผมนั่งว่างไอ้พี่กรมรีบยัดข้อมูลหรือชุดความรู้ต่างๆให้ผมทันที


   “ หยุดก่อนอานนท์ อาตมาไม่ไหวแล้ว จะอ้วกออกมาเป็นนโยบายแล้วนะขอรับ” ผมรีบยกมือขึ้นเบรคไอ้พี่กรมทันที


   “ จะได้สอน”


   “ ครับ พี่เก่งมากครับ แต่ผมขออนุญาตพักก่อนได้ไหม?” ผมขอร้องพี่มันออกไปตรงๆ เอาจริงๆอยากออกไปสูดอากาศด้านนอกมากๆเลย


   “ ไปเดินเล่นไหมละ?” เหมือนพี่กรมมันรู้ความคิดว่าผมกำลังอยากจะออกไปเดินเล่น ผมรีบลุกขึ้นทันทีที่พี่กรมพูดออกมา


   “ ไปๆๆๆๆ”


   “ ไปรอหน้าบ้าน เดี๋ยวตามไป ใครเอาไรไหมพวก” พี่กรมถามพี่คนอื่นๆที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานในส่วนของตัวเองอยู่


   “ จะซื้ออะไรก็ซื้อมา แดกได้หมด” พี่เทพพูดขณะมือและสายตาของเขาจ้องอยู่ที่คอม


   “ กูขออะไรเย็นๆมากระแทกปากก็พอ” พี่คินสั่ง


   “ กูเอาอาหารเสริม”


   “ .....” เอ่อพี่วินครับ...ก็รู้ว่าพี่ทานของมีประโยชน์แต่ไอ้อาหารเสริมนี่ก็เกินไปหน่อยนะครับ ผมหันไปมองหน้าพี่กรมเพื่อถามความคิดเห็นแต่พี่กรมไม่ได้มองผมกลับเลย เอาแต่พยักหน้าให้กับเพื่อนๆของเขา


   “ โอเค เดี๋ยวมาจะเอาอะไรก็โทรมาแล้วกัน” พี่กรมหยิบกระเป๋าเงินบนโต๊ะก่อนจะเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับผมที่เกาะติดพี่มันมาด้วย


   “ พี่กรม ผมถามหน่อยดิว่าทำไมไอ้กวงมันชอบหาเรื่องพี่” นี่คือโอกาสที่ผมจะได้ล่วงข้อมูลของพี่มันมากขึ้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผมมันกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายกันไปอย่างยาวนาน


   “ ชอบกูมั้ง”


   “ เอาดีๆดิพี่”


   “ ถ้าบอกไปจะทำให้น้องผีมีรอยหยักในสมองเพิ่มขึ้นไหม”


   “ ซูดดดดดดด แรงเอาเรื่อง ฮ่าๆ” ทั้งผมทั้งพี่กรมต่างหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่ ถ้าคนนอกได้ยินอาจจะคิดว่าพี่มันด่าผมแรง แต่ผมชินแล้วครับกับอิแค่สิ่งที่พี่กรมพูดมันไม่ทำให้ผมรู้สึกระแคะระคายเคืองเลยแม้แต่น้อย ผมด้านแล้วด้านมาตั้งนานแล้ว อันนี้ผมรู้ตัวดี


   “ มึงนี่ตลกจังเลยนะน้องผี” พี่กรมใช้แขนของเขาพาดมาที่ไหล่ของผมขณะที่เราสองกำลังเดินไปหาซื้อขนมมาเพิ่ม เพราะขนมที่ผมซื้อไปหมดแล้วครับ เจอพี่ๆจอมตระกละปล้นไปหมด และอีกอย่างก็เหมือนที่ทุกคนรู้ว่าผมอยากออกมาสูดอากาศด้านนอกบ้างหลังจากที่ผมเอาแต่คลุกอยู่กับงานมาทั้งวัน


   “ พี่ พี่รู้ตัวปะว่าพี่โคตรอารมณ์แปรปรวนอะ บางทีผมก็เดาไม่ถูก อย่างเมื่อคืนพี่ปลุกใจให้ผมฮึดมาทำงานต่อ แต่พอมาตอนเช้าพี่แหกงานผม”

 
   “ ธรรมดาฝึกไว้ โลกแห่งความจริงมันยิ่งกว่านี้อีกนะน้องผี”


   “ แต่นี่ก็โลกแห่งความจริงนะพี่ ไม่ใช่โลกแห่งความฝัน”


   “ อันนี้มันกวนตีน?”


   “ จะพูดอย่างนั้นก็ว่าได้นะขอรับ”


   “ เออ เรื่องของมึงเลย” ผมเดินคุยกับพี่กรมมาจนถึงร้านสะดวกซื้อ พี่กรมมันบอกให้ผมซื้ออะไรก็ได้ตามแต่ใจผมต้องการเพราะพี่มันเลี้ยงปลอบใจที่พี่มันพูดไม่ดีกับผม


   ผมมาหยุดที่ชั้นขนมยี่ห่อโปรดใจจริงๆอยากจะหยิบมาให้ผมดทั้งชั้นตามที่ผมต้องการเพราะอย่างไงพี่มันก็อนุญาต แต่แล้วอยู่ๆภาพของก๋วยเตี๋ยวไก่มันก็ย้อนกลับมาทำให้ผมหวนคิดว่าถ้าผมเอาไปเยอะผมจะโดนแบบนั้นอีก ขนมที่ผมชอบกินจะกลายเป็นคนที่ผมไม่กล้าเตะมันอีกอย่างก๋วยเตี๋ยวไก่ ประสบการณ์มันสอนให้เรารู้จักเรียนรู้ครับ และสอนว่าอย่าริอาจทำมันอีก เพราะคนอย่างพี่กรมมันทำได้ทุกอย่าง ผมจึงหยิบมาแค่สองถุงพอไม่เยอะไปและก็ไม่น้อยไป ก่อนจะเดินเลือกขนมน้ำมาเรื่อยๆจนหยุดเข้ากลับสิ่งของบางอย่างที่ทำให้ผมชะงักทันที


   “ อยากได้จัง....” ผมไม่รู้ว่าผมจะหยิบไปดีไหมเพราะนี่ไม่ใช่ขนมหรือของกินเพราะนี่คือ....นิตยสารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสำหรับผู้ชาย เดือนนี้นางแบบที่ขึ้นปกเป็นนางแบบที่ผมค่อนข้างชอบเลยทีเดียวครับเพราะว่าเธอมีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น ไม่ใช่เธอมีหัวนมสามหัวนะครับ แต่เป็นเพราะว่าหน้าอกหน้าใจของเธอสวยได้รูปและเป็นธรรมชาติเอามากๆ จมูกนิด ปากหน่อย โอโห้ววว ผมนี่ยืนตรงไม่ได้เลยครับ ขนาดเห็นแค่รูปนะเนี่ย


   “ ยืนบิดอะไรวะน้องผี” พี่กรมที่เดินผ่านมาทางผมถามด้วยสายตาแปลกๆ


   “ เปล่าพี่ อย่าสนใจผมเลย” ตลอดสองวันที่ผ่านมาผมมัวแต่สนใจแต่งานจนไม่ได้สนใจปลดปล่อยตัวเอง อย่าหาว่าผมทะลึ่งเลยนะครับ เพราะผมก็ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความต้องการแบบนั้นเหมือนกัน


   “ ไปไหมละพาไป”


   “ ไปไหนพี่?”


   “ ลงอ่าง”


   “ อ่าส์” ยิ้มหวานเลยครับ ผมไม่จำเป็นต้องตอบพี่กรมก็น่าจะรู้คำตอบของผมดีผ่านสายตาและรอยยิ้มที่ฉีกจนปากจะฉีกถึงรูหู


   “ เลี้ยงผมไหม?” คำถามนี้จะชี้ชะตาว่าผมจะได้เปิดประสบการณ์ไหม


   “ ไม่เกิดสามพัน ถ้าเกินที่เหลือก็ออกเอง โอเค้?”


   “ เอา! เอ้ย เยสเซอร์!!!!” ผมอยากจะกระโดดเข้าไปกอดพี่มันเลยครับแต่ติดที่ว่าไอ้นั่นของผมมันเคารพธงชาติอยู่ทำให้ผมได้แต่ยิ้มให้พี่มันแทนอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของผมก็แล้วกัน





PS. อย่าพึ่งเบื่อไรท์หนาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 12:06:28 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่เคยเบื่อนักเขียนเลยนะ นิยายสนุกทุกตอนเลย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว น้องจะได้ลงอ่างจริงหรอ พี่กรมต้องหวงน้องสิ :katai1: มาต่อเร็วๆนะอยากรู้จะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
 


บทที่ 8.1

พาน้องไปลงอ่าง



        ขนมอะไรผมไม่สนใจแล้วเพราะตอนนี้ผมสนใจสิ่งอื่นมากกว่านั่นก็คือ.....ไปลงอ่างกันครับ! ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนออกนอกหน้าสุดๆไปเลย เป็นอันไม่ได้ทำงานแล้วครับผม!!


        “ ไอ้กรมมึงไปใส่ยาอะไรไอ้เด็กนี่วะ ดีดฉิบหาย” พี่เทพพูดแขวะผมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยิ้มให้กับโทรศัพท์


        “ พี่กรมจะพาผมไปลงอ่าง”


        “ อ่างไรของมึงวะ” พี่วินที่เงียบอยู่นานถามเพื่อนของเขาที่กระดิกเท้านั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางชิวหลังจากที่ตอนนี้เราเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ


        “ เด็กมันอยากก็พามันไปหน่อย” ไอ้พี่กรมพูดพร้อมกับยักคิ้วให้พี่วิน “ มึงจะไปไหมละ?”


   “ ไม่เอากูจะไปทำงาน อีกอย่างกูต้องไม่นอนดึก มีเคสโฆษณาหน้ากูต้องดูแล นอนดึกมาหลายวันทั้งโดนอาหารไอ้พีทำขี้แตก คืนนี้กูต้องกลับไปมาร์คหน้ามาร์คตัวชุดใหญ่” ผมนี่อ้าปากค้างเลยครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่หลายเรื่องเกี่ยวกับตัวของพี่วิน เอาไว้ผมจะค่อยๆสืบต่อไปก็แล้วกันหลังจากที่ผมกลับมาจากการลงอ่าง


        “ ไอ้คินไปไหม?”


   “ ไม่ไปจะกลับไปหาน้อง” น้อง? น้องนี่น้องไหนครับ เอ๋ เรื่องของพี่คินก็น่ารู้ไปหมด


        “ ไอ้เทพ?”


        “ ไม่ไปจะกลับไปหาแม่ คิดถึงแม่” สรุปว่าวันนี้ผมกับพี่กรมไปกันแค่สองคนอย่างนั้นหรอครับ? แต่ก็ดีเหมือนกันครับไปกับพี่กรมสองคนก็สนุกดี


        “ พี่จะพาผมไปที่อโคจรกันสองคนใช่ไหมครับ”


   “ ไอ้พีมึงพูดซะกูเสียเลยนะครับ ที่อโคจรแต่ตัวมึงนี่ดีใจจนออกนอกหน้าสุดๆ” พูดอีกก็ถูกอีก ผมไม่อยากจะเถียงอะไรเอาเป็นว่าลอยหน้าลอยตาตอบรับพี่มันอย่างภาคภูมิใจไปก่อนก็แล้วกัน


        “ คิดดีแล้วหรอไอ้กรมที่พามันไป” พี่เทพถามย้ำ


        “ พาไปรีแลคแก้เครียดสักหน่อย”


        “ งั้นพวกกูกลับละนะ เจอกันพรุ่งนี้เพื่อน” พี่เทพพี่วินและพี่คินเก็บของเดินออกจากบ้านของพี่กรมไป ส่วนผมก็นั่งคุยกับพี่กรมอยู่ที่ห้องเหมือนเดิม ผมอยากจะให้เวลาผ่านไปเร็วๆจังอยากไปจะแย่แล้วครับผม


        “ พี่กรมผมขอยืมชุดหล่อๆพี่ได้ไหมอะครับ ผมมีแต่ขาสั้นเสื้อยืด ผมว่ามันเชย” ผมถามพี่กรมที่นั่งดูหนังอยู่ที่โซฟาข้างๆ


        “ นี่มึงจริงจังขนาดนั้นเลยหรอน้องผี?” พี่กรมหันหน้ามาถามผม


         “ ครับพี่ ผมขอยืมได้ไหมพี่กรมพี่กรมคนหล่อ”


        “ เออ ไป กูจะอาบน้ำด้วย” พี่กรมกดปิดโทรทัศน์ภายในห้องและเดินนำผมไปที่ห้องนอนของเขาที่เข้าไปข้างในจะเป็นโซนของห้องเสื้อผ้า ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่แยกประเภทเอาไว้อย่างชัดเจน รองเท้า เข็มขัด นาฬิกา แม่งเอ้ย! อย่างกับในละครที่บ้านพระเอกจะดูรวยๆ ถ้าพี่กรมเป็นพระเอกอย่าบอกนะว่า...ผมจะต้องเป็นนางเอก ไม่เอาอะ นางเอกไม่เท่ไม่คูลเลย


        “ จะเอาอะไรก็เลือกครับ” พี่มันถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกโดยที่ไม่สนว่าผมยังคงอยู่ในห้องกับพี่มันอยู่ จนกระทั่งพี่มันหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันรอบเอว


        “ พี่ไม่อายผม?”


         “ มีของดีทำไมต้องอาย มีแต่พวกกากๆที่อายทั้งนั้น” ทำไมผมฟังแล้วรู้สึกว่าพี่มันกำลังดูถูกผมอยู่วะ หยามอะไรก็หยามได้แต่ถ้าหยามน้องพีน้อยผมไม่ยอมเด็ดขลาดอะ


พรึบ


   “ ......!!” ถอดกางเกงแม่งเลยครับ ไม่อายด้วย ผมหน้าด้าน


   “ ของดีไหมละพี่!” ผมเท้าเอวยืนแอ่นแกนกลางลำตัวไปให้พี่กรมที่ยืนช็อกอยู่ด้านหน้าไปเป็นที่เรียบร้อย ผมว่าพี่มันต้องตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการของพีน้อยแน่ๆ


   “ ไอ้น้องผี....เล็กแค่นี้ยังจะมาโชว์ กากสัด” พี่มันสะบัดศีรษะของตัวเองพร้อมกับใช้ทั้งสองมือขยี้ตาตัวเองแรงๆ “ มึงใส่กางเกงเถอะนะ กูขอร้อง” ถ้าพี่มันยกมือขึ้นไหว้ผมได้ ผมว่าพี่มันไหว้ผมไปแล้วอะครับ


   “ ก็พี่บอกเองว่าถ้ามีของดีก็ต้องโชว์”


   “ แต่มึงมันไม่ใช่ไง มันไม่ได้หน้ามอง” พี่กรมหันหน้าไปอีกทางก่อนที่จะโยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้ผม “ ใส่เถอะน้องผี กูจะอ้วกจริงๆแล้ว”


   “ ครับๆ ไม่ใช่อิจฉาผมนะ” ผมรับผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวของผมเอาไว้ก่อนจะเลือกเสื้อที่แขวนโชว์อยู่ในตู้กระจกใสๆ


   “ เชรดดด Balenciaga หว่ะ เชื่อแล้วว่ารวยจริง ไม่รวยอย่างเดียวนะต้อง.........”


   “ ต้องไร” สายตาอันคมเฉียบของพี่มันมองมาทางผมทันที


   “ ต้องหล่อด้วยงายยย ถ้าไม่หล่อจริงถึงจะแพงก็ใส่ไม่ได้นะพี่”


   “ เหอะ” เหมือนพี่มันจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของผมสักเท่าไหร่ เอาจริงๆนะเสื้อผ้ายี่ห่อนี้แม่งแพงหูฉีกอะครับแค่เสื้อยืดโง่ๆธรรมดาราคาก็ห้าพันเหยียบหมื่น ชาตินี้ผมไม่น่าจะมีปัญญาใส่แน่ๆ


   “ จะใส่ก็หยิบออกมา ไม่ได้หวง” เหมือนพี่มันยังคงเห็นว่าผมมองเสื้อผ้าของพี่มันอยู่ตาละห้อย เอาจริงๆถึงผมจะคิดว่ามันแพงไป แต่ผมก็อยากที่จะลองใส่สักครั้ง


   “ แต่มันแพงมากเลยนะพี่...”


   “ แล้วไงวะ ของทุกชิ้นมีคุณค่าถ้ามึงตีราคามันว่าแพงแสดงว่ามึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าของมัน ถ้ามึงชอบก็แค่ซื้อ ไม่ต้องคิดมาก แต่ในความหมายที่มึงมีเงินพอและไม่เดือดร้อนใครนะ แล้วมึงก็อย่าไปดูถูกคุณค่าของคนอื่น คุณค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”


   “ ก็จริงอย่างที่พี่มันพูดนั่นแหละครับ เอาเป็นว่าผมขอยืมแค่เสื้อคุมเท่ๆตัวนี้ก็พอ” ผมค่อยๆหยิบเสื้อที่ผมเล็งเอาไว้ออกมาจากตู้ด้วยความเบามือ


   “ ถ้ามันยับก็ไปส่งให้แม่บ้านรีด”


   “ ใส่ได้พี่ๆ” แค่เห็นเสื้อ Balenciaga ไม่ว่ามันจะยับแค่ไหนผมก็จะใส่ครับ “ ถ้าไม่มีพี่ผมว่าผมก็คงจะไม่ได้รับโอกาสดีๆอย่างนี้ ขอบคุณครับยกมือพนมแนบอก” ผมพูดออกไปแบบนั้นก็จริงแต่ผมไม่ได้ยกมือไปพนมแนบอกพี่กรมมันจริงๆหรอกนะครับ แม่งเดี๋ยวจะแปลกกันไปมากกว่านี้


   “ ไอ้พีมึงไม่อาบน้ำ?” พี่กรมที่ตอนนี้เช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดครีมบำรุงอะไรต่างๆนานาบนใบหน้าของเขาออกเรียบร้อยแล้วหันมาถามผมที่กำลังสวมเสื้อที่พี่อนุญาตให้ผมใส่อยู่


   “ ไม่อะ เดี๋ยวไปลงอ่างก็ได้อาบ”


   “ สกปรกจริง” พี่มันส่ายหัวก่อนที่พี่มันจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลยได้โอกาสไปสำรวจโต๊ะเครื่องบำรุงของพี่มันที่ถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ


   “ เซรั่มอะไรเยอะขนาดนั้น วิตามงวิตามินบำรุงผิวอีก กันแดด รองพื้น? พี่แม่งดูแลตัวเองจริงๆว่ะ” ฉีกทุกกฎที่ผมรู้ เอาจริงๆนะมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะหันมาดูแลตัวเอง แต่ผมแค่แปลกว่าผู้ชายอย่างพี่กรมที่ลุยๆแมนๆจะดูแลตัวเองดีขนาดนี้ ผมเลยหยิบครีมบางอย่างขึ้นมาดม


   “ หอมดีวะ” ไอ้ผมที่ไม่ได้อ่านฉลงฉลากอะไรทั้งสิ้นหยิบครีมขึ้นมาละเลงบนใบหน้าเพราะเพียงแค่กลิ่นที่หอมจนถูกจริตของผม แต่ทาไปมันก็แอบเย็นดีนะ สดชื่น เอาไว้จะถามพี่มันก็แล้วกันว่าครีมอะไร ถ้าไม่แพงผมจะไปซื้อมาใช้บ้าง ผมทาครีมจนทั่ว เป็นจังหวะที่พี่กรมเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี


   “ พี่ ครีมนี้ซื้อที่ไหนอะ โคตรหอม โคตรเย็น”


   “ ครีมไรมึงวะ” พี่กรมหยุดเช็ดผมตัวเองก่อนจะเดินมาทางที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของเขา


   “ นี่อะ” ผมชูกระปุกครีมให้พี่มันดู ที่ตอนนี้พี่กรมยืนซ้อนด้านหลังของผมอยู่....ในสภาพที่พันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว และผมก็ผันด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยเช่นกัน


   “ มึงทาตรงไหน?” พี่กรมอ่านกระปุกครีมแล้วก้มมองหน้าผมด้วยสายตาแปลกๆ


   “ ทาหน้าดิ ก็ครีมทาหน้าหนิพี่ หรือว่า.........”


   “ ฮ่าๆๆๆ” อยู่ๆพี่มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนว่ากำลังขำที่ผมเอาครีมไปทาหน้า ไอ้ฉิบหายแล้วไง! มันไม่ใช่ครีมทาหน้าหรอกหรอวะ??


   “ พี่! ครีมไรอะ” ผมรีบเขย่าแขนพี่กรมให้หยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามของผมมา

 
   “ ฟังนะ Footcare Cream is extremely effective in the control of dry skin and cracked heels. Its contains urea, the moisturiser found naturally in the human body, to help keep the skin soft and supple. It is lanolin free and hypo-allergenic” พี่กรมอ่านฉลากด้านข้างของครีมให้ฟัง ผมก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่มันสะดุดและสะกิดใจตรงคำแรก Footcare


   “ พี่ มันครีมทาส้นตีนหนิ!!”


   “ ฮ่าๆๆๆ” พี่กรมหลุดระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่ผมพูดขึ้น ไอ้เชี่ยเอ้ย! ไม่มีใครโง่เท่าผมแล้วแหละครับ ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป เลยทำการเอาหน้าที่เปื้อนครีมไปถูกับผ้าเช็ดตัวของพี่มันแรงๆหวังจะให้ครีมหลุดออกไปจากหน้าก่อนที่มันจะทำปฏิกิริยาให้หน้าของผมถูกกัดกร่อนไปมากกว่านี้


   “ ใจเย็นเดี๋ยวผ้ากู......”


พรึบ!


   “ หลุด.......” พี่กรมยังพูดไม่ทันขาดคำผ้าที่พันอยู่รอบเอวของเขาก็หลุดออกมาแล้วหน้าของผมมันก็ไปซุกเข้ากับเอ่อ...อะไรบางอย่าง แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะพี่มันมีสติดึงผ้าขึ้นมาพันเอาไว้เหมือนเดิมและผลักออกจากตัวผมทันที


   “ พี่ครับผม....”


   “ มึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” พี่กรมมันเดินกลับหลังหันออกไปก่อนจะเอาเสื้อผ้าที่พี่มันเตรียมเอาไว้เข้าไปใส่ด้านในห้องน้ำ มันจะอายอะไรกันครับ อย่างไงเราก็เห็นของกันและกันแล้ว


   เวลาผ่านไปได้สักพักพี่กรมเดินออกมาพร้อมกับชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก ผมเห็นว่าหางตาของพี่มันเหลือบมองผมเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สงสัยจะช็อกมั้งครับ เป็นผมผมก็ช็อกก็ไอ้ผมเล่นเอาหน้าไปซุกของพี่มันขนาดนั้นถึงมันจะแค่เสี่ยววินาทีก็เถอะ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่มันค้างเอาไว้อย่างนั้นผมจะทำอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆขนาดยังไม่ตื่นนะครับยังเต็มหน้าผมขนาดนั้น


   ไอ้พี! ไอ้เด็กทะลึ่ง นั่นพี่มึงนะครับ (ความคิดฝั่งดีพุ่งขึ้นมาตบหัวผมแรงๆ) ทำให้ผมละความสนใจจากพี่กรมมาสนใจไอ้ตัวผมที่กำลังหาอะไรใส่หน้าให้หล่อเหล่า ผู้ชายแต่งหน้าให้หล่อก็ได้ครับแต่ผมว่ายิ่งผมแต่ง..หน้าผมยิ่งผิดสี จนสุดท้ายแล้วผมต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่กรม


   “ พี่กรม หน้าผมลอยไหม?” ผมเลื่อนเก้าอี้หันไปทางพี่กรมให้พี่มันได้พิจารณาใบหน้าของผม


   “ น้องครับเทากว่าแบงค์พันก็หน้ามึงแล้วครับ” พี่กรมติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จเดินตรงมาทางผมที่นั่งอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อสักครู่นี้ เพียงแค่ตอนนี้พี่มันสวมเสื้อสวมกางเกงเรียบร้อย


   “ แล้วมันต้องทาอย่างไงอะพี่ เหนียวหน้าฉิบหาย”


   “ ไอ้น้องผีมึงใช้ส้นตีนทาหน้าหรอวะ? รองพื้นที่มึงใช้กรุณาดูหน้ามึงด้วยว่าสีเท่าหน้ากูไหม?” ไอ้พี่กรมหยิบสำลีชุบน้ำยาอะไรบางอย่างมาเช็ดที่หน้าของผมแรงๆจนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเบี่ยงหน้าหนีมือพี่มันเพราะไอ้พี่กรมใช้มือข้างเดียวของเขาล็อคคางผมเอาไว้ ยิ่งผมขยับพี่มันก็ยิ่งกดให้ผมเจ็บมากกว่าเดิมทางที่ดีกูควรอยู่เฉยๆมากกว่า
“ พี่จะบอกว่าหน้าผมดำกว่าพี่อย่างนั้นดิ?”


“ แล้วส่วนไหนที่มึงขาวกว่ากูกันวะ” ไอ้กี่กรมเลิกคิ้วถามทันที


“ ผมว่าไอ้นั่นผมขาวกว่าพี่นะเว้ย ของพี่นี่โคตรรกจนทิ่มหน้าผมอะ”


   ฝ่ามือพิฆาตของพี่กรมฟาดลงมาบนกระบานผมเต็มๆ


   “ มึงลองนั่งเงียบๆ นิ่งๆ สักนาทีสองนาทีดิ้ กูจะหมดความอดทนกับมึงละพี” เวลาที่พี่มันเรียกชื่อผมตรงๆแสดงว่าตอนนั้นพี่มันต้องจริงจังหรือไม่ก็กำลังจะโมโหจริงๆ ทำให้ผมเลือกที่จะเงียบและสงบปากสงบคำนั่งนิ่งตามที่พี่มันบอกจนกระทั่งพี่กรมหยิบครีมอะไรบางอย่างออกมา


   “ มึงจะหดคอหาอะไร”


   “ พี่จะเอาครีมไรทาหน้าผมอีก” ด้วยความหวาดระแวงทำให้คอของผมหดกลับมาที่เดิมโดยอัตโนมัติ


   “ ครีมบำรุงธรรมดา กูไม่ได้โง่เหมือนมึงนะครับ” พี่ดึงหน้าผมให้เข้ามาหาตัวพี่มันเหมือนเดิม ก่อนที่จะป้ายครีมที่ออกไปทางเซรั่มบำรุงผิวมากกว่าลงมาบนใบหน้าหล่อๆของผม


   “ ไม่ทารองพื้นหรอพี่”


   “ อย่าเวอร์ครับ เย็นจนค่ำมึงจะทาไปให้ใครดูหนักหนา” ไอ้ผมก็อยากจะเถียงออกไปนะ แต่เอาเป็นว่าผมไม่เถียงอะไรออกมาดีกว่า เลือกที่จะเงียบอีกครั้งจนพี่มันทาครีมให้ผมเสร็จ


   “ เสร็จแล้ว”


   “ ขอบคุณครับ” ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่มีคนมาทาครีมให้ผมนอกจากพ่อกับแม่ที่ทาให้ตอนที่ผมยังคงเป็นเบบี๋ ตอนแรกที่พี่มันเช็ดผมยอมรับเลยว่าแม่งโคตรเจ็บแต่พอตอนที่พี่มันทาครีมลงบนหน้าผมแล้วเกลี่ยให้เบาๆผมรู้สึกเลยว่าระดับการกดหรือการทาดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่มากๆ ผมส่องกระจกเพื่อสำรวจหน้าของตัวเองก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ เพราะพี่มันแค่ทาครีมธรรมดาไม่ได้แต่งหน้าให้ผม













#หน้าจุ่มกระจู๋

PS. ตัวเองเรามาชดเชยละเด้ออออออออออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 12:12:43 โดย KJH177 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะได้ลงอ่างทีดีดเชียวน้องผี เอาครีมทาเท้ามาทาหน้า5555 เขินมากตอนน้องเช็ดหน้า :pighaun: ตอนที่พี่กรมทาครีมให้น้องผี น้องผีหวั่นไหวกับพี่กรมใช่ป้ะ :katai2-1: :hao7: อยากอ่านพาทย์พี่กรมบ้างอยากรู้พี่กรมจะคิดไงกับน้อง มาต่อเร็วๆนะ อยากอ่านตอนน้องลงอ่าง แต่ใจหนึ่งก็น้องจะลงอ่าง :katai1: พี่กรมต้องหวงน้องสิโว้ย :katai4: เป็นกลจให้คุณไก่ทอดจ้า :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ตอนที่ 8.2

พาน้องไปลงอ่าง



        “ ขอบคุณครับ” ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่มีคนมาทาครีมให้ผมนอกจากพ่อกับแม่ที่ทาให้ตอนที่ผมยังคงเป็นเบบี๋ ตอนแรกที่พี่มันเช็ดผมยอมรับเลยว่าแม่งโคตรเจ็บแต่พอตอนที่พี่มันทาครีมลงบนหน้าผมแล้วเกลี่ยให้เบาๆผมรู้สึกเลยว่าระดับการกดหรือการทาดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่มากๆ ผมส่องกระจกเพื่อสำรวจหน้าของตัวเองก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ เพราะพี่มันแค่ทาครีมธรรมดาไม่ได้แต่งหน้าให้ผม


   “ กินอะไรก่อนไหม?” พี่กรมถามขึ้นขณะที่เราสองคนเดินลงมาจากชั้นสองในเวลาเกือบๆสามทุ่ม


   “ ไข่ลวกไหมละพี่ สักสองฟองจะได้มีแรง”


   “ เด็กอย่างมึงนี่นะ” ไอ้พี่กรมมันส่ายหัวให้ผมเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วครับสำหรับวันนี้ ผมอยากรู้ว่าผมพูดอะไรผิดไปก็แค่ผมจะฟิตร่างกายเพื่อเตรียมไปออกรบกับสาวๆ


   “ งั้นกินอะไรก็ได้พี่ ยกเว้นอ้วกหมาเหมือนคราวที่แล้วนะ ผมโคตรไม่โอเคเลย” ผมรีบพูดดักทางพี่มันก่อนที่พี่มันจะให้กินไอ้อาหารบ้าๆนั่นอีก


       “ เตี๋ยวไก่”


        “ อ้วก! อย่าพูดคอแข็งแล้ว” มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ตอบสนองทันทีที่มีคนพูดถึงก๋วยเตี๋ยวไก่ขึ้นมา ผมว่าตลอดชีวิตนี้ผมไม่สามารถกินมันได้อีกแล้วครับ ถึงผมจะเคยชอบมันมาก่อนก็เถอะ


        พี่กรมกับผมเราหาอะไรกินรองท้องกันไปก่อนโดยที่แวะหาร้านข้างทางที่หน้าปากซอยเข้าหมู่บ้านของพี่มัน ที่ยามค่ำคืนจะมีร้านรถเข็นมาขายทั้งข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า เอาจริงนะผมไม่รู้ว่าพี่มันกวนตีนผมหรือเปล่าเพราะพี่มันดันสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่มากิน ทำให้ผมยอมแพ้แยกโต๊ะนั่งกับพี่มัน เราต่างคนต่างกินจนกระทั่งเรากินเสร็จกันทั้งคู่ ผมก็ขออนุญาตพี่มันเข้าไปซื้อถุงยางมาเพื่อเตรียมเอาไว้ แค่คิดก็ตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปเลยครับ หลังจากนั้นพี่มันก็พาผมขึ้นแท็กซี่ก็เพราะว่าพี่มันขับรถไม่เป็น อีกอย่างก็ไม่อยากรบกวนคนขับรถที่บ้านของพี่มันเพราะนี่ก็ดึกแล้ว พี่มันก็บอกว่าคนขับรถชอบเอาเรื่องพี่กรมไปฟ้องพ่อ ด้วยการตัดปัญหาแท็กซี่คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางในค่ำคืนนี้


        “ ไอ้น้องผีอายุเท่าไหร่”


        “ ปีนี้สิบเก้าพอดีครับพี่” ผมยื่นบัตรประชาชนให้พี่มันดู


        “ ปกติอายุยี่สิบมันถึงจะเข้าได้ งั้นเอาเป็นว่าไปร้านนี้ก็แล้วกัน” ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้พี่มันพาผมมาที่ย่านอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้านร้านเหล้า ร้านคาราโอเกะและร้านอาหาร บรรยากาศมันก็เป็นแค่ร้านธรรมดาดูไม่เห็นเหมือนว่าจะร้านอย่างว่า จนกระทั่งพี่มันพาผมขึ้นมาที่ชั้นสองของร้านอะไรสักอย่างที่ยิ่งเดินขึ้นมาผมก็ยิ่งรู้สึกหอม หอมนารี หอมกลิ่นราคะบางอย่างที่รอผมอยู่


        “ เป็นอะไร” พี่กรมหันมาถามผมที่เดินอยู่ข้างๆพี่มัน


   “ ครั้งแรกของผม ผมตื่นเต้น ทำไงดีวะพี่ ผมกลัวทำไม่เป็น” ไอ้ผมก็พอจะศึกษาพอจะดูมาเยอะนะครับ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมกลัวจะทำให้เธอไม่ประทับใจในท่วงลีลาของผม


   “ มึงก็ให้เขาเริ่ม” พี่กรมเดินมาที่เคาท์เตอร์เล็กที่อยู่ด้านในห้องที่มีกระจกสีทึบกั้นเอาไว้อยู่


   “ สวัสดีค่ะ” พนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหน้า เอาจริงๆนะแค่พนักงานต้อนรับก็สวยแล้วอะครับยิ่งเธอยิ้มให้ผมกับพี่กรมนะ โคตรละลายเลย ผมนี่ละสายตาออกจากนม เอ้ย! หน้าเธอไม่ได้จริงๆ “ กี่ท่านคะ”


   “ หนึ่งครับ” พี่กรมเป็นฝ่ายตอบแทน ทำให้ผมเงยหน้าไปมองพี่มันทันที


   “ พี่ไม่เอาด้วยหรอ?”


   “ ไม่ กูเหนื่อย เดี๋ยวนั่งกินอะไรรอด้านหน้าละกัน” เพราะโซนด้านหน้าของร้านก็เป็นเหมือนร้านเหล้าปกติ มีดนตรีสดมีนักท่องเที่ยวเหมือนตามปกติ


   “ ตอนนี้มีโปรโมชั่นสองท่านต่อหนึ่งห้อง ได้อารมณ์สุดๆไปเลยค่ะ” พนักงานสาวสวยก็ยังคงเชียร์ให้พี่กรมซื้อด้วย แต่ผมว่ามันแปลกๆนะครับ สองคนต่อหนึ่งห้อง อย่าบอกนะว่าหนึ่งห้องคือผมกับพี่กรมทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็กๆอย่างนั้นหรอวะ?


   “ ไม่เป็นไรครับ ผมรวย” พี่กรมมันหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา “ มีเลทราคาเท่าไหร่บ้าง น้องผมมันยังไม่เคยช่วยหารุ่นใหญ่เลยนะครับ”


   “ พี่!” ผมรีบสะกิดพี่มันทันทีที่พูดอย่างนั้นออกมาทำให้พนักงานสาวยิ้มล้อผมทันที “ พี่จะบอกเธอไปทำไมว่าผมไม่เคย” ผมเขย่งเท้าขึ้นมากระซิบให้พี่กรมกับผมได้ยินกันแค่สองคน ก็คือผมอายอะครับยิ่งเธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้นแล้วก็นะ พ่อจะสำแดงฤทธิ์ให้ดู!!


   “ เอ้า กูหวังดีนะเนี่ย” ไอ้ความหวังดีของพี่มันนี่เล่นเอาผมอายเลยแหละครับ พี่กรมคุยกับพนักงานอยู่สักพักจนกระทั่งเธอบอกให้ผมเข้าไปรอที่ห้องที่เตรียมเอาไว้ให้ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปทำให้ผมเดินออกมาหาพี่กรมที่นั่งไขว่ห้างเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่


   “ พี่...” ผมไปยืนหยุดที่หน้าของพี่กรม


   “ ว่า?”


   “ ไปส่งหน่อยดิ ไม่กล้า”


   “ ไอ้พี แค่นี้มึงยังไม่กล้า? จะเอากับผู้หญิงละให้กูไปส่งอีก ไปเอานะเว้ยไม่ใช่ไปส่งมึงที่โรงเรียน” พี่กรมละสายตาจากการเล่นโทรศัพท์พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยืนตัวงออยู่หน้าพี่มัน


        “ น้าๆๆ นะพี่นะ” ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพี่มันก่อนจะเขย่าแขนพี่กรมเพื่อให้พี่มันเห็นใจ “ พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคย แต่แบบ พี่น้า พี่ไปส่งผมจะอุ่นใจมากกว่านี้อะครับ”


        “ พากูก็พามาแล้ว จ่ายกูก็จ่ายให้ ยังจะให้กูไปส่งมึงที่ห้องอีกไอ้พี ไม่ให้กูไปเอาข้างในกับมึงด้วยเลยหละ” พี่มันพูดประชดออกมา แต่เอ๊ะ! ความคิดพี่แม่งโคตรดีเลยครับ


        " อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมแบ่ง”


ผั๊วะ!! 


   รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมโดนพี่กรมมันตบเข้ากลางหัว แต่ไม่เป็นไรผมจะตื้อจนกว่าพี่มันจะพาผมไปส่ง ไม่งั้นผมก็จะนั่งรออยู่มันอย่างนี้อะ


   “ เออ! มึงนี่นะ” พี่กรมยอมที่จะทำตามที่ผมขอโดยการที่พี่มันเดินนำผมไปที่ห้องจนกระทั่งหยุดที่หน้าห้องที่ผมต้องเข้าไป
“ ให้กูเข้าไปส่งด้านในด้วยไหม?”


        “ แค่นี้ก็พอแล้วครับ”


        “ เออ เสร็จละก็ออกมา” พี่มันพูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไปเลย ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านในห้องนั้นอย่างไม่รู้ชะตากรรม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ! น้องพีเลือกและตัดสินใจแล้ว แต่ทำไมสายตาของผมมันยังจ้องไปที่หลังของพี่กรมที่ค่อยๆเดินห่างออกไป แค่คิดใจผมมันก็โหว่งๆแปลกๆ แต่เวลานี้ผมไม่ควรมารู้สึกอย่างนี้ครับ ผมกำลังไปเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่....ที่ไม่ใช่กับพี่มันแค่นั้นเอง ไอ้พี! นารีอยู่ตรงหน้ามึงยังจะมีหน้ากล้าไปนึกถึงผู้ชาย!! ผมเรียกสติตัวเองอยู่สักพักก่อนจะผลักประตูเข้าไป


        ผมเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวภายในห้องสีม่วงที่เปิดไฟสลัวๆเอาไว้ บรรยากาศค่อนข้างที่จะอิโรติกเอามากๆ กลิ่นเทียนหอมที่ส่งกลิ่นยั่วยวนจนผมอดใจไม่ไหวทั้งๆที่ยังไม่เห็นผู้หญิงคนไหนออกมา หรือว่าเธอจะโพล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ถ้าออกมาแบบนั้นแล้วผมตกใจผมเผลอเตะไม่รู้ด้วยนะครับ แต่ใครจะบ้าโพล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ผมก็คิดเยอะจนเกินไป ผมมาหยุดนั่งที่เตียงนอนขนาดใหญ่เพื่อรอเวลาจนกระทั่งผมได้ยินเสียงเปิดประตูที่ดังออกมาจากทางด้านหลัง ภาพที่ผมเห็นคือ ผู้หญิงผมยาว หน้าตาสะสวย จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางกระจับ และหุ่นที่โคตรจะหน้ากิน ไม่ว่าจะมองไปที่ส่วนไหนผมก็อยากที่จะลิ้มลองดูสักตั้ง


        “ ใจเย็นลูก ค่อยออกมาเนอะ” ผมพยายามลูบลูกชายตัวเองที่กำลังตื่นตัวเพียงแค่เห็นเธอเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบตัวเอาไว้หมิ่นๆที่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่


        “ น้องพีนะคะ พี่ชื่อไอซ์นะ” เธอเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ก่อนจะใช้นิ้วมือยาวๆของเธอกรีดมาที่ลำตัวของผมอย่างช้าๆ สายตาที่ยั่วยวนของเธอมองมาที่ผมทุกๆส่วน “ ครั้งแรกใช่ไหมเอ่ย”


        “ เอ่อ...ครับผม”


        “ เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องลืมไม่ลงเลยหละค่ะ” เธอค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างๆผมพร้อมกับนิ้วมือของเธอที่เลื่อนมาลูบบริเวณหน้าขาของผมช้าๆ


       “ ถอดเลยไหมครับ”


       “ ฮ่าๆ ใจเย็นอย่าพึ่งรีบค่ะ” ผมที่กำลังจะถอดเสื้อตัวเองออก ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถอด มือของพี่ไอซ์ก็เลื่อนมาจับมือที่กำลังจับชายเสื้อเพื่อถอดออก


        “ ผมรีบครับ ยิ่งเห็นพี่ ผมก็ยิ่งคึก!” ไอ้พีเอ้ย ใครให้แสดงความหื่นออกไปแบบนั้นหวะ ดีนะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่ไอซ์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมีหวังผมโดนตบไปแล้วแน่ๆ


        “ พี่สั่งเครื่องดื่มมาให้เรา จะได้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่านี้” พี่ไอซ์ลุกขึ้นจากที่นอนเดินตรงไปที่ตู้เย็นเล็กๆก่อนที่เธอจะเดินถือ ขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมารินและยื่นให้ผม


        “ เอ่อ....” จะปฏิเสธอย่างไงดีวะกู ถ้ากินละเมาผมสาวกว่าพี่ไอซ์อีกนะ แต่แค่แก้วเดียวไม่เมาหรอกครับ


        “ นะคะ เชื่อพี่มันจะฟินสุดๆไปเลย” ผมค่อยๆกระดกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ผมกลืนหมดภายในอึกเดียวนั้นทำให้ผมค่อนข้างที่จะแสบคอเพราะความแรงของเหล้า  “ ว้าว เก่งค่ะ เอาอีกเนอะ” พี่ไอซ์ปรบมือดีใจที่ผมกินเหล้าที่พี่รินให้จนหมดแก้ว ไม่รอช้าเธอรินให้ผมต่ออีกแล้ว


        “ พี่หลอกขายเหล้าผมรึเปล่าครับเนี่ย” ด้วยปากไวทำให้ผมถามพี่ไอซ์ออกไปตรงๆ “ ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่นะครับ”


        “ น้องพีคิดมาก พี่ก็อยากให้น้องพีตื่นตัว ถ้าร้อนบอกพี่เลยนะคะเดี๋ยวพี่จะถอดเสื้อให้” พี่ไอซ์ใช้มือของเธอล่วงเข้ามาด้านในเสื้อของผมเพื่อสัมผัสกับกล้าเนื้อที่มีอยู่น้อยนิด ส่วนมากจะเป็นพุงสะมากกว่า


        “ ถ้าพี่จับไปล่างกว่านี้พี่จะเจอความยิ่งใหญ่ ถ้าไม่เชื่อลองดูก็ได้นะครับ” ด้วยความทะลึ่งกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เริ่มออกทำให้ผมกล้าที่จะแอ่นเป้าไปใส่พี่ไอซ์ที่นั่งอยู่ “ ถอดเหอะพี่ ผมไม่ไหวละ”


พรึบ


        ผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนที่จะผลักให้พี่ไอซ์ล้มลงไปนอนบนเตียง ไม่รอช้าผมคลานขึ้นมาคร่อมบนตัวของพี่ไอซ์ที่ยิ้มให้ผมและส่งสายตาเชิญชวน


        “ ไหนว่าครั้งแรก ทำไมดูเซียนขนาดนี้”


        ขอขอบพระคุณ Porn hub XNXX และอีกมากมายที่สอนให้ผมจดจำท่วงท่าของพระเอกมาอย่างดี ผลักแล้วไงต่อวะ ทำไมผมจำไม่ได้ หรือว่าจะใส่เข้าไปเลย เอ๊? หรือว่าต้องเล้าอารมณ์ก่อน ฉิบหายละกู ทำไมมาลืมตอนนี้ ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะเต้น ไม่ได้ไอ้พีมึงจะมาอยากเต้นตอนนี้ไม่ได้!!


        พี่ไอซ์เธอค่อยๆเลื่อนริมฝีปากของเธอเข้ามาใกล้ริมฝีปากของผมเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่าลมหายใจของเราทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น ผมก็อยากจะดึงตัวเธอให้เข้ามาจูบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยบังอาจมาทำหน้าตายั่วผม ไม่ต้องยั่วผมก็จะจัดให้ขอรับ!!


        “ เอิ้กกกกกกก”


        ไอ้ฉิบหาย! จังหวะที่ผมจะอ้าปากไปจูบพี่ไอซ์ ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรทั้งความตื่นเต้น ความกังวล ทำให้ผมเรอใส่หน้าพี่ไอซ์ในจังหวะที่ผมกำลังจะจูบเธอ








PS. ไอ้น้องงงงงงงงงงงงง ทำแบบนี้ไม่ได้นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 14:16:47 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องพี..หนูจะเรอใา่เขาไม่ได้นะลูกกกก

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
55555โอ้ยน้องพี แกจะมาเกรียนตอนนี้ไม่ได้นะ55555 :m20: ตลกอ่ะสงสารพี่ผญมาก ถึงพี่เขาจะเชียวชาญแต่คงไม่เคยเจอแบบน้องพีแน่นอน5555 ตลกตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวไก่ เป็นฉากที่อ่านทีไรฮาตลอด รู้สึกค้างมากอยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อครั้งแรกของน้องพีจะเกิดขึ้นหรือไม่ :m20: พี่ผญคงไม่ถึงขั้นสลบหรอกเนาะ555  มาต่อเร็วๆนะชอบความเกรียนของน้องผีมาก :pig4: :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ตอนที่ 8.3

พาน้องไปลงอ่าง (ของจริง)


        “ เอ่อ.....” ทำไงดีวะ ดูหน้าพี่ไอซ์ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับผมสักเท่าไหร่ งั้นเปลี่ยนแผนก็แล้วกัน แพลน A ล่ม มาต่อ แพลน B เลยครับ


พรึบ!


   ด้วยความอายที่ผมเรอใส่พี่ไอซ์ไป และก่อนที่ผมจะอยากเต้นไปมากกว่านี้ ทำให้ผมกระตุกผ้าเช็ดตัวของพี่ไอซ์ให้หลุดพ้นสายตาของผม ไอ้ผมก็หวังว่าจะเห็นของดีแต่เปล่าครับ พี่ไอซ์แม่งเอาอะไรมาแปะที่นมก็ไม่รู้ หงุดหงิด!!


   “ พี่เอาอะไรมาแปะนมวะ รำคาญ!!” ด้วยความโมโหทำให้ผมดึงไอ้แผ่นบ้านั้นออก ไม่รู้ว่าดึงแรงไปหรือเปล่าเพราะทันทีที่ผมดึงออกมา พี่ไอซ์ก็ร้องจนดังลั่นห้องก่อนที่เธอจะผลักผมออก


   “ อร้ายยย!!!”


ผลัก!


   “ น้องพีรุนแรงไป...” เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าอกทั้งสองข้างเอาไว้นั่นทำให้ผมยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม ผม ขว้าขวดเหล้าขึ้นมากระดกจนเหล้าไหลออกจากปากของผมเปื้อนไปทั้งที่นอน


   “ มานี่!!” ผมกระชากแขนพี่ไอซ์ให้นอนลงบนเตียงอีกครั้งและนั่นทำให้ผมรู้สึกจริงๆว่าผมอยากจะเต้นกับพี่ไอซ์มากกว่าที่ผมจะเข้าไปในตัวของเธอ


   “ พี่ เรามาเต้นแข่งกันพี่ พี่รินเหล้ามาดิ้!” ผมชี้ไปที่ขวดเหล้าข้างเตียงก่อนที่ผมจะลุกขึ้นยืนบนที่นอนพร้อมกับกระโดดไปมาเมื่อรู้สึกว่าเตียงนี้เด้งดีเหมือนกัน


   “ เหล้าค่ะ” พี่ไอซ์เธอค่อยๆยื่นแก้วเหล้ามาให้ผมอย่างกล้าๆกลัว


   “ ครับ! เอิ้ก!” ผมรับแก้วมากระดกดื่มก่อนที่ผมจะโยนมันลงบนเตียง “ พี่ขึ้นมา!” ผมชี้ให้พี่ไอซ์ขึ้นมาบนเตียงกับผม เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะตอนนี้เธอขึ้นมายืนบนเตียงข้างๆผม


   “ จะให้พี่เต้นอะไรคะ”


   “ ยั่วค้า แบบยั่วๆ บดๆ เอาเอวหวานๆค้า” ผมจัดแจงท่าทางให้เธอโดยที่ให้มือทั้งสองข้างของพี่ไอซ์แตะไว้ที่ศีรษะของตัวเอง ก่อนจะแอ่นเอวให้ยื่นออกมา “ แล้วก็ส่ายค้า แบบนี้ๆ” ผมจัดการเต้นส่ายและบดเอวให้พี่ไอซ์ดู จนเธอค่อยๆทำตาม ตอนแรกก็ไม่กล้าแต่พอสักพักเหมือนผมละลายพฤติกรรมเธอให้สามารถเข้ากับผมได้ จากที่เขินอายตอนนี้ส่ายหนักกว่ากูอีกครับ


   “ พอได้ไหมน้องพี” เธอถามผมขณะที่เอวของเธอยังคงส่ายอยู่


   “ ขอแรงกว่านี้ค้า” ผมบิ้วอารมณ์ให้เธอเต้นหนักกว่าเดิม “ ร้องออกมาค้า อ่าส์ อร้ายยย ร้องออกมาค้า ยิ่งร้องดังยิ่งมันค้า”

 
   “ อ่าส์ อื้ออออ อร้ายยย” พี่ไอซ์ร้องครางออกมาอย่างมีความสุข


   “ อุ๊ย อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย , อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย , อุ๊ยอุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย  โอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ว , โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะ , โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ย..
อิ๊  อิ๊อิ๊ อิ๊ อิ๊ , อิ๊ อิ อิ๊ อิ๊ , อิ๊ อิ อิ๊ อิ๊..  อ้าย อ้ายอ้าย อ้าย อร๊าย.. ,อ้ายอ้าย อ้ายอ้าย , อ้าย อ้าย อ้ายจ๋า..” ด้วยความที่ทั้งผมและพี่ไอซ์ต่างเต้นโดยที่ไม่มีทำนอง ทำให้ผมคิดถึงเพลงหนึ่งขึ้นมา ก่อนที่ผมจะตัดสินใจร้องเพื่อให้ทั้งตัวผมและพี่ไอซ์ได้เต้นไปพร้อมกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไป........



Jaokom’s talk


   หลังจากที่ผมเดินไปส่งไอ้น้องผีเสร็จ ผมก็กลับมานั่งชิวที่เดิมสั่งแค่เครื่องดื่มเบาๆมาจิบแก้เวลา เพราะถ้าผมเมาหนักเกรงว่าไอ้พีไม่น่าจะแบกผมไปได้แน่ๆ ที่สำคัญผมต้องแบกมันกลับไม่รู้ว่าครั้งแรกของมันจะเป็นอย่างไร แต่ผมว่าอย่างไอ้พี ผมนี่สงสารผู้หญิงคนนั้นจริงๆว่าเธอจะต้องเจอกับคนบ้าอย่างมัน แค่หน้าไอ้พีก็ลอยมา ถ้าเป็นผมนะเห็นหน้ามันก็หมดอารมณ์แล้วหละครับ สำหรับค่าเสียหายในคืนนี้ที่ผมจ่ายไปเกือบๆห้าพันก็ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป รวมทุกอย่างทั้งค่าห้อง ค่าบริการ และค่าเหล้าที่คาดว่าน่าจะรวมไปกับเงินที่ผมจ่าย แต่ทำไมลึกๆแล้วผมยังไม่อยากให้ผมลองอะไรแบบนี้ แต่มันคงไม่ทันแล้วแหละครับถ้าผมจะกลับเข้าไปแล้วลากมันออกมา


        ด้วยความที่ผมไม่รู้จะทำอะไรเพื่อรอเวลาให้ไอ้พีออกมา ทำให้ผมตัดสินใจเดินมานั่งที่ชั้นล่างของร้านที่เป็นเพียงแค่ร้านนั่งชิวธรรมดา มีเหล้า เบียร์ขาย และที่สำคัญคือดนตรีสดที่บรรเลงให้ทุกคนได้ฟังทั้งเพลง เศร้า เพลงสนุก และเพลงที่ทุกคนขอ


        “ ผู้หญิงโต๊ะนั้นฝากมาให้ครับ” พนักงานเสิร์ฟเดินถือแก้วเหล้ามาวางไว้ข้างหน้าผมก่อนที่จะชี้ไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่แถวๆนั้น ทันทีที่ผมมองไปเธอก็กวักมือและส่งจูบให้กับผม


        “ ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวและยิ้มให้เธอเล็กน้อย ผมไม่ได้กินนะ เอาจริงๆผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นในที่อโคจรแบบนี้ อีกอย่างเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าเธอใส่อะไรเข้ามาในแก้วแล้วผมกินเข้าไปใครจะรับผิดชอบ จะหาว่าผมมองโลกในแง่ร้ายก็ได้นะครับ แต่อย่างว่าถ้าเราไม่เซฟตัวเองแล้วใครจะเซฟเรา อยู่ๆผมก็คิดถึงไอ้พีขึ้นมาว่าป่านนี้มันจะเป็นอย่างไงบ้าง หวังว่าคงจะไม่ตายไปก่อน


        “ ขอโทษนะคะใช่พี่ของคุณพีรึเปล่า” อยู่ๆพนักงานด้านบนคนเดิมเธอวิ่งมาทางผมด้วยท่าทางแตกตื่น


        “ ครับ” ผมตอบรับออกไป หวังว่าไอ้พีมันจะไม่สร้างเรื่องอะไรอีกนะครับ


        “ คือว่าห้องของคุณพีเสียงดังมาก เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดค่ะ ทางเราเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อพนักงานของเรา”


        “ เสียงดัง?” ผมทวนคำพูดของเธออีกรอบ เสียงดัง? ไอ้พีมันจะทำอะไรเสียงดัง ทำให้ตอนนี้ผมเดินตามเธอขึ้นไปติดๆมุ่งหน้าไปยังห้องที่ผมเคยมาส่งมันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา


       “ แอร๊ยยย อ่าส์” ผมมั่นใจว่าเสียงที่ผมได้ยินไม่ใช่เสียงครางของผู้หญิงแน่นอน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ความรู้สึกบางอย่างของผมมันก็บอกว่าไอ้พีน่าจะทำอะไรแปลกๆอยู่แน่ๆ


        “ ยั่วค้า ใส่อีกค้า เอวหวานที่สุดดดดดด” ผมพอจะรู้แล้วครับว่าด้านในมันเกิดอะไรขึ้น พนักงานสาวที่เดินนำหน้าผมมาค่อยๆหยิบกุญแจสำรองออกจากกระเป๋าเสื้อของเธอก่อนที่จะไขไปที่ประตูเพื่อเปิดออก


แกรก


   “ อร้ายยย ผู้ชายมาค้า เต้นเรวววววว” ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่ผมเห็นคือไอ้พีที่ตอนนี้เปลือยด้านบนกำลังเด้งอยู่ที่พื้นห้อง ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ตอนนี้สภาพของเธอคือเปลือยไปสะทุกส่วนกำลังแอ่นเอวเต้นอย่างไม่รู้เรื่อง ยิ่งผมเดินเข้าไปด้านในห้อง ไอ้พีก็ยิ่งเต้นแรงกว่าเดิมจนผมคิดว่าถ้าแรงกว่าพื้นห้องได้ทะลุแน่ๆ


   “ พี่ไอซ์พอเถอะพี่” พนักงานที่มากับผมเธอเดินเอาผ้าไปคลุมที่ตัวของผู้หญิงคนนั้น


   “ ไอ้พี กลับ” ผมก้มลงไปดึงมือมันให้ลุกขึ้น แต่ไอ้พีกลับยิ้มให้ผมจนเห็นฟันพร้อมใช้มือทั้งสองข้างของมันแตะที่ไหล่ของผมเบาๆก่อนที่มันจะเต้นรูดผมลงมา........


   “ ฟินไหมค้าพี่ชายยยยยยย คริๆ”


ผั๊วะ!


   “ กลับเลยไอ้เวร” ผมตบหัวมันไปหนึ่งที่ก่อนจะก้มหยิบเสื้อที่มันยืมผมมาใส่ที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากผ้าขี้ริ้ว ลาก่อนนะ Balenciaga ของพ่อ และสวมให้ไอ้คนที่ไม่รู้เรื่องอยู่ตรงหน้า


   “ ใส่ทำไมคะ ไม่อยากดูนมน้องพีหรอ”


   “ พี พี่ไหว้แหละ พอก่อนนะ” ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงให้ไอ้พีเงียบและหยุดเต้นสักที ทั้งพูดดีๆก็แล้ว ทั้งด่าก็แล้ว ทั้งตบหัวมันก็แล้ว แต่นั้นไม่มีทีท่าว่าไอ้พีจะรู้สึกตัว ไอ้คำโบราณที่ว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา มันคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะผมว่าไปเท่าไหร่ ไอ้พีก็ไม่รู้อะไรกับคำพูดของผมเลย แต่ลึกๆแล้วในใจของผมมันกลับโล่งอกแปลกๆที่ไอ้พีไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป ผมก็แปลกคนนะครับเป็นอาสาพามันมาแต่ก็ยังไม่อยากให้มันทำ.... ผมว่าผมแม่งแปลกหวะ แต่ไม่รู้ไอ้อาการแปลกๆนี่มันเรียกว่าอะไร


   “ ขอโทษนะครับ” ผมหิ้วปีกไอ้พีออกมาจากร้าน ตลอดทั้งทางมือไอ้พีก็ปัดป่ายไปทั่ว ไปโดนคนนี้บ้างคนโน้นบ้างตามภาษาคนเมา ทำให้ผมต้องก้มหน้าขอโทษไปตลอดทั้งทางจนกระทั่งแบกไอ้พีขึ้นมาบนรถแท็กซี่ได้ ดีนะที่ผมไม่เมาไปอีกคน ถ้าผมเมาไปด้วยไม่รู้ว่าชะตากรรมของพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป


   “ ไม่เต้นแล้วววว ง่วงงงงง” ไอ้พีที่ตอนนี้หมดฤทธิ์ไปเรียบร้อยซบหน้าของมันลงบนไหล่ของผมก่อนที่จะหลับตาไปอย่างไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าตื่นมาจะจำวีรกรรมของตัวเองได้ไหม แต่ที่แน่ๆเจตนารมณ์ของมันคืออยากลงอ่าง ผมก็จะพาไปลงที่บ้าน ตามที่มันต้องการ...แต่ลงกับผมนะครับผมจะพามันไปลงเอง


   ผมลากไอ้พีลงจากรถแท็กซี่ในเวลาเกือบๆตีสาม ซึ่งพรุ่งนี้ผมมีเรียนและไปนำเสนองานตอนบ่าย ไม่รู้ว่าไอ้เด็กผีจะตื่นไปไหวไหมเพราะครั้งนี้น่าจะหนักพอๆกับครั้งที่แล้ว อีกอย่างผมก็อยากให้มันไปนำเสนองานที่มันเป็นคนคิดและทุ่มเทมากับมือของมันเองทั้งๆที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมว่าไอ้พีมันมีพรสวรรค์นะครับแต่แค่มันยังไม่รู้ตัว ผมก็อยากจะชมที่มันทำงานออกมาดีเรียบร้อยเป็นระเบียบ แต่ผมก็ไม่อยากพูดออกไปให้มันเหลิงเก็บเอาไว้ให้แค่ผมรู้คนเดียวก็พอ


   “ นอนนี่ไปมึง” ผมพามันมานอนในอ่างอาบน้ำตามที่มันอยากจะลง หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมามันจะจำความทุกอย่าง และวีรกรรมที่สร้างเอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยไปซื้อบริการและชวนสาวๆมาเต้นแทนที่จะทำกิจกรรมอย่างว่า รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้นแน่ๆไอ้น้องผีเอ้ย แต่จังหวะที่ผมกำลังจะเดินหันหลังออกจากห้องน้ำไป อยู่ๆไอ้พีมันดึงมือของผมเอาไว้ ทำให้ผมย่อตัวลงไปหามันที่ยังคงนอนหลับแต่ยังคงเคี้ยวปากตัวเองอยู่


   “ อะไรของมึง หื้ม” ผมเห็นว่าใบหน้าของมันเปื้อนคราบอะไรบางอย่างติดอยู่บนหน้าของมัน ผมค่อยๆยื่นมือไปหยิบออกจากหน้าไอ้พีเบาๆ


   “ ขอจูบได้ไหม?” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ไอ้พีพูดออกมาแบบนี้ทั้งๆที่ตาของมันยังหลับอยู่ มือของมันที่จับแขนผมในตอนแรกกลับปล่อยออก ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ไปไหนเพื่อรอว่ามันจะพูดอะไรออกมาอีก


   “ ......”


   “ นะครับ แปบเดียว แค่ปากแตะกันเองงงงงง” เสียงยานของคนเมาที่นอนดิ้นอยู่ในอ่างมันทำให้ผมหัวเราะออกมา มันเหมือนจะอึดอัดเพราะตัวของมันก็ไม่ได้เล็กๆ


   “ .....กูไม่ใช่ผู้หญิงของมึงนะ” ผมลูบหน้ามันเบาๆ


   “ ผมเป็นผู้ชายของพี่น้า”


   “ หึ” อยากรู้จริงๆครับว่ามันฝันอะไรอยู่ ผมส่ายหัวให้มันเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่เหมือนว่าไอ้พีมันจะไม่ยอมให้ผมไปไหน เพราะครั้งนี้มันลุกขึ้นมาจากอ่างและดึงตัวของผมเข้าไปหามัน


   “ จุ๊บบบบ น้องงง”


   “ ไอ้พี กูพี่มึงนะ”


   “ แล้วงายย พี่กันมันดีอ๊อก!”


   “ มันจะมองหน้ากันไม่ติด”


   “  ติด แบบนี้...” ไอ้พีดึงใบหน้าของผมให้เข้าไปหามัน ก่อนที่มันจะเอาหน้าผากของตัวเองมาแตะที่หน้าผากของผมค้างไว้แบบนั้น ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลก “ แล้วก็ปากติดกันแบบนี้......” ผมหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าปากของผมกับมันแนบชิดติดกัน ผมรอดูว่ามันจะทำอะไรต่อ แต่เปล่าครับมันแค่เอาปากแตะปากผมเฉยๆก่อนจะผลักออกและกลับลงไปนอนในอ่างเหมือนเดิม


   “ มึงจะรู้ไหมว่าทำแบบนี้...ใจกูคิดไม่ดีเลยหวะ” ผมอยากจะดึงมันให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้มันเอาปากแตะแค่ปากผมอย่างเดียว ผมจะสอนมันให้รู้จักการใช้ปากทำอย่างอื่น ครั้งนี้จะปล่อยเด็กมันไป แต่ถ้ามีอีกผมไม่รับรองว่าผมจะหยุดง่ายๆแบบครั้งนี้ไหม ก่อนที่ผมจะคิดฟุ้งไปมากกว่านี้ ผมว่าผมควรออกห่างมันก่อนที่ไฟของผมมันจะลุกโชนขึ้นมา


   “ แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ”


พรึบ


   ปิดไฟให้น้องนอนในห้องน้ำ ส่วนตัวผมก็ได้เวลาไปนอนบ้างแล้วหลังจากที่ลากไอ้น้องผีกลับมาถึงบ้านได้ ผมยังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าแค่การเอาปากแตะกันมันจะทำให้ผมรู้สึกมากขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าผมไม่ได้ปลดปล่อยนานจนสับสน.....



Pee’s talk


เช้าวันต่อมา


   “ อื้ออออ” ทำไมผมบิดตัวไปทางไหนไม่ได้เลยวะ รู้สึกว่าที่นอนผมมันจะแคบไปมากกว่าเดิม... อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมตายไปแล้วถูกฝังลงในดิน ไม่ดิ! ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยขุดผมออกไปที


   “ ช่วยด้วย!!” เสียงร้องที่ดังลั่นทำให้เจ้ากรมที่กำลังแต่งตัวอยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาในห้องน้ำทันที เพราะคิดว่าไอ้พีจะหัวฟาดพื้น แต่เปล่าเลย เพราะภาพที่เจ้ากรมเห็นก็คือพีนอนแหกปากร้องอยู่ในอ่างทั้งสองมือปัดป่ายไปทั่วเหมือนว่าตัวเองติดอยู่ที่ไหนสักที่ เมื่อเขาเห็นดังนั้น ด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดูทำให้เจ้ากรมเปิดน้ำใส่อ่างที่พีนอนแช่อยู่ในนั้น


   “ เห้ย! น้ำท่วม” พีรีบลุกขึ้นมาทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองเปียก ลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆห้อง ก่อนที่สายตาจะไปปะทะเข้ากับ......


   “ พี่ทำอะไรของพี่วะ” ผมนี่หัวร้อนเลยครับ พี่กรมแม่งเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เอาน้ำปล่อยใส่นาน้อง เอ้ย! ปล่อยใส่อ่างน้อง นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมนอนในนี้


   “ หงุดหงิดอะไรใส่กู ก็มึงอยากลงอ่างกูก็สนองให้นี่แล้วนี่ไง” พี่กรมพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกวนๆทำให้ผมถึงกับหงุดหงิด


   “ ถ้าผมตายอะพี่ พี่เล่นอะไรไม่รู้เรื่องอะ”


   “ ไอ้พีมึงฟังกูนะ” พี่กรมมันขยับมาจับไหล่ของผมเอาไว้ พร้อมกับสายตาของเขาที่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่จริงจัง “ กูไม่ปล่อยให้มึงตายหรอก ถ้ากูจะปล่อยกูไม่พามึงกลับมาให้กูลำบากหรอกนะ”


   “ แล้วพี่.....ปล่อยผมนอนในนี้ทำไม” จากที่น้ำเสียงผมหงุดหงิดในตอนแรก ตอนนี้มันค่อยๆอ่อนลงเพราะสายตาและน้ำเสียงของพี่มัน


   “ กูก็แค่แกล้ง เห็นว่ามึงน่าเอ็นดู”


   “ ห้ะ???” ผมนี่นะน่าเอ็นดู เกิดมาพึ่งเคยได้ยินครั้งแรก  “ ผมนี่นะน่าเอ็นดู พี่พูดผิดเปล่า ถ้าหน้าดูเอ็นก็พูดไปอย่าง” ผมนี่มันลากเข้าเรื่องใต้สะดื้อได้ทุกเมื่อเลยครับ


   “ มา กูจะเปิดให้มึงดูเลย” ไอ้พี่กรมทำท่าจะถอดกางเกงของพี่มันออก ผมนี่แทบจะจับมือพี่มันไม่ทันเลยครับ


   “ ผมยังอยากกินข้าวเช้าอยู่นะพี่” ตั้งแต่ที่พี่มันเข้ามาในห้องน้ำทำไมผมรู้สึกว่าพี่มันหลบตาผมแปลกๆหวะ แต่ไม่อยากถามออกไป ผมกลัวคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมทำอะไรลงไปบ้าง แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ


   “ เออ ทำเป็นพูดดีไป ถ้าถึงเวลาอย่ามาขอให้กูเปิดดูใหม่ก็แล้วกัน” เมื่อพี่มันพูดจบก็เดินหันหลังออกไปจากห้องน้ำทันที ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่กับที่พร้อมคำพูดแปลกๆที่พี่มันทิ้งท้ายเอาไว้ ถึงเวลา..ถึงเวลาอะไร น้องพีไม่เข้าใจ จะหาว่าผมโง่ก็ได้นะ ก็ผมโง่จริงๆ เอาเป็นว่าผมเลิกสนใจคำพูดของพี่มันก่อน ตอนนี้ผมต้องจัดการกับตัวเองที่มีสภาพน่าสมเพชสุดๆ หน้ามันๆ ผมฟู มีคาบน้ำลายไหลอยู่ทั่วหน้า กูยอมแล้วครับ ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าหน้าของผมตอนตื่นนอนแล้วหล่ะ













PS. น้องงงงงงง น้องทำอัลไลลลลลลลลลลล

PS. ขออโหสิกรรมที่เข้ามาอ่านค่ะ 5555555

 

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 14:25:43 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบอกเป็นรอบที่สองว่าน้องผีไม่ควรเมา5555 อาการแปลกๆที่พี่กรมขอเดาว่ามันคืออาการตกหลุมรัก ชอบน้องผีแล้วใช่ป้ะ :hao7: เอ็นดูน้องอีกถ้าบอกไม่ชอบก็ไม่เนียนอ่ะพี่กรม น้องผีก็คือลงอ่างแบบแท้ทรู5555

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 9.1

 นำเสนองาน ผ่านไหมครับอาจารย์


           ในช่วงเช้าของวันนี้ กว่าที่ผมจะได้ออกจากบ้านพี่กรมก็เล่นเอาช้าอยู่เหมือนกันครับ เพราะผมเองที่สติยังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ดี ต้องมานั่งอ่านงานที่ผมทำเพื่อนำเสนอในครั้งนี้ ปกติแล้วที่มหาลัยของผมจะสวมแค่ชุดไปรเวทสุภาพไปเรียน ส่วนชุดนักศึกษาจะใส่แค่ตอนสอบและตอนที่พรีเซ้นต์งาน และครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยเพราะตอนแรกผมไม่รู้ว่าพี่มันให้ผมเก็บเสื้อผ้ามาทำไม ไอ้ครั้งที่จะกลับไปเปลี่ยนที่หอก็กลัวจะเสียเวลามาไม่ทันตอนที่อาจารย์ให้นำเสนอ เลยขอยืมชุดพี่กรมมันใส่ไปก่อน สภาพตอนนี้ของผมก็คือเหมือนเด็กที่พ่อแม่ซื้อชุดมาให้ใส่เผื่อโต เพราะขนาดไซส์ของผมกับพี่กรมไม่เท่ากัน หมายถึงขนาดตัวนะครับ อิอิ


   “ เอกสารอ่ะเตรียมมายัง” พี่เทพถามเช็คผมอีกรอบหลังจากที่ตอนนี้เรามานั่งกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร


   “ อยู่ในห้องอย่างดีครับ เรียบร้อยสุดๆ” เพราะผมเป็นคนเตรียมและปริ้นเองกับมือ แต่เอ๊ะ เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่าง “ พี่ ผมลืมไฟล์จะเป็นอะไรไหม?”


   “ ไม่น่าจะนะ วันนี้แค่นำเสนอคร่าวๆ ไม่มีในไดร์ฟเลยหรอวะ” พี่วินที่นั่งอยู่ข้างๆพี่เทพถามขึ้น


   “ มีแต่ไม่สมบูรณ์อะพี่ ผมเบลอๆหวะเมื่อเช้า”


   “ สมควรเบลอ กูจะเล่าอะไรให้ฟังนะ น้องชายของพวกมึงที่ไปลงอ่างอะกลับพาสาวแก้ผ้าเต้น ยั่วๆเหมือนวันนั้นที่พวกเราเห็น เด้าพื้นซะแบบกูกลัวพื้นจะเป็นรูจนกูต้องชดใช้ค่าเสียหายให้มันอีก แค่ห้าพันกับครั้งนี้โคตรไม่คุ้มเลย ไม่ได้จิ้มด้วยมั้ง” ผมกำลังจะกระโจนไปปิดปากพี่กรมมันเอาไว้ แต่พี่คินที่นั่งอยู่ข้างๆกลับดึงตัวผมไม่ให้เข้าไปใกล้เพื่อนของเขา เพราะรอฟังในสิ่งที่พี่กรมเล่า นี่ทำงานเป็นทีมเลยหนิหว่า ไอ้ผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็นั่งคอตกไปซิครับ


   “ ไอ้กรมมึงน่าจะถ่ายคลิปมันมาขู่เอาเงินสะให้เข็ด ชอบไถ่พวกกูดีนะ” พี่วินใช้ตะเกียบชี้หน้าผม


   “ โถ่พี่วิน อย่าโกรธน้องเลยครับ” ผมยกมือไหว้พี่มันทันที “ ฝังใจผูกใจเจ็บมาก ไม่ดีนะพี่ มันจะเป็นทุกข์เอา”


   “ ทำเป็นพูดดี เดี๋ยวกูโบกคว่ำ”


   “ พอละจ้า กลัวละจ้า”


   “ น้องผีรีบกินไป เดี๋ยวไปเตรียมตัว เตรียมตอบคำถามให้ดี” พี่กรมที่อยู่ๆก็เข้าโหมดจริงจังทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นเองแท้ๆ


   “ ครับๆ” ผมรับคำพี่มันก่อนจะรีบกินข้าวเพื่อกลับไปที่ห้องเดิมที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับนำเสนอใน proposal แรก พี่กรมบอกว่ามีคะแนนสิบคะแนนในครั้งนี้ที่เป็นการนำเสนอและรายงานความคืบหน้าครั้งแรก ส่วนตัวและแผนนโยบายจริงๆเราจะเก็บไว้นำเสนอในครั้งสุดท้ายแทน


   เมื่อมาถึงห้อง ผมเดินมาที่กระเป๋าที่ผมจองที่เอาไว้เป็นโต๊ะแถวหน้าสุด แต่เอ๊ะ ทำไมกระดาษที่ผมเตรียมมานำเสนอถึงออกมาวางอยู่นอกแฟ้ม ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมเอาไว้ในแฟ้มแท้ๆ


   “ พี่เอาออกมาดูหรอ?” ผมยื่นกระดาษไปถามพวกพี่ๆที่เดินตามหลังเข้ามา


   “ กูเปล่า” พี่เทพพูด


   “ ทำไม มีอะไร” พี่กรมเดินตรงเข้ามาหาผมทันที เมื่อเห็นว่าผมยืนงงอยู่กับไอ้กระดาษแผ่นนี้ที่อยู่ๆมันก็ดันออกมาจากแฟ้มสะได้


   “ เปล่าครับพี่ ผมแค่สงสัย” แต่ผมอาจจะคิดมากไป มันคงไม่มีอะไรหรอก จนกระทั่งเวลาที่ผมตื่นเต้นที่สุดก็มาถึงเวลาที่อาจารย์ประจำแต่ละสาขาเข้ามาในห้องแห่งนี้ แอร์ที่ว่าเย็นยังไม่สู้มือของผมที่เย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็งแล้วเลยครับ แม่งโคตรตื่นเต้นเลย


   “ หนาวหรอ?” พี่กรมที่มันคงจะเห็นว่าผมสั่นเลยเลิกคิ้วถามเสียงเบา


   “ ตื่นเต้นครับ” ผมสะบัดมือของตัวเองเพื่อให้มันคายความหนาวและลดความตื่นเต้นนี้ “ ไม่หายหวะพี่” ยิ่งสะบัดก็ยิ่งเจ็บมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย


หมับ


   “ หายใจเข้าลึกๆ เข้า-ออก” พี่กรมมันจับมือของผมที่สะบัดอยู่เอาไว้ ก่อนที่พี่มันจะค่อยๆสั่งให้ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมสติ “ เดี๋ยวนวดให้ เผื่อว่ามันจะผ่อนคลายมากขึ้น” นิ้วมือของพี่กรมค่อยๆกดลงบนมือทั้งสองข้างของผม สายตาที่มองมาที่มือเวลาที่พี่เขานวดให้มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาแปลกๆ แปลกและแปลกมาก พี่กรมเป็นคนแรกๆที่ทำอะไรแบบนี้ให้ผมในหลายๆเรื่อง ผมว่านะผมแพ้ความอ่อนโยนของพี่มันเข้าให้แล้วแหละครับ


   “ เอ่อ...ดีขึ้นแล้วพี่” ก่อนที่ผมจะรู้สึกแปลกไปมากกว่านี้ ทำให้ผมค่อยๆดึงมือของตัวเองกลับมา “ ขอบคุณครับ”


   “ อืม กูทำทาน”


   พี่กรมก็คือพี่กรมครับทุกคน! ไอ้ความรู้สึกแปลกและดีเมื่อสักครู่นี้มันหายไปหมดแล้ว


   “ เดี๋ยวผมจะสุ่มขึ้นมากลุ่มแรกนะครับ เพื่อความยุติธรรม” เมื่อถึงเวลาอาจารย์ก็พูดขึ้นพร้อมกับจับฉลากที่อยู่ในขวดโหล่ด้านหน้า ภาวนาว่าอย่าเป็นกลุ่มผมเลยครับ


   “ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มอภิรักษณ์ครับ”


แปะๆ


   ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันทีที่กลุ่มแรกไม่ใช่ผม ผมตั้งใจฟังเนื้อหาที่กลุ่มแรกนำเสนอ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของพี่ๆปีสามและปีสอง เสนอนโยบายเกี่ยวกับด้านสาธารณะสุข ผมว่าค่อนข้างที่จะเข้าท่าเลยครับ ยิ่งผมฟังผมก็ยิ่งรู้สึกว่านโยบายของตัวเองที่คิดมามันอยู่ด้อยไปเมื่อเทียบกับกลุ่มของพี่เขา


   “ เป็นอะไรอีก” ผมก้มก้มลงมากระซิบถามหลังจากที่พี่มันสังเกตเห็นว่าใบหน้าของผมเริ่มเครียด


   “ ฟังดูแล้วนโยบายของเรานี่เทียบไม่ติดเลยพี่”


   “ คิดไรเยอะแยะวะ” พี่มันเอาปากกามาเคาะหัวผมแรงๆหนึ่งที “ ทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ก็พอ”


   “ แต่ว่า........”


   “ นี่คือคำสั่ง” ผมเลยได้แต่เงียบตามที่พี่มันสั่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ามีทั้งกลุ่มที่เสนอนโยบายว้าวๆขึ้นมาจนผมเองก็งงว่าพวกพี่เขาคิดได้ไง จนกระทั่งเหลืออีกแค่สองกลุ่มที่ยังไม่ได้นำเสนอ ก็คือกลุ่มของผมกับกลุ่มของไอ้กวงที่นั่งอยู่ด้านหลัง ผมเห็นมันมองหน้าผมอยู่เมื่อผมหันไปดูรอบๆ อยากจะเอาเท้าแนบหน้ามันสักสองสามทีจะได้เลิกมองผมแบบนั้น


   “ กลุ่มกษิดิชครับ” ผลปรากฎว่ากลุ่มของผมเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้นำเสนอในวันนี้ เอาจริงๆก็มีข้อดีคือไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยมีคนสนใจฟังเหมือนกัน


   “ สวัสดีท่านอาจารย์และเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ ผมกษิดิชตัวแทนของกลุ่ม วันนี้ผมมีนโยบายมานำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคน และทุกคนน่าจะคลุกคลีเป็นอย่างดี” ทำไมผมรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ขึ้นมาแปลกๆเหมือนกับว่าไอ้กวงมันจะเล่นอะไรไม่ดีดูจากสายตาที่แม่งดูอย่างไงก็จงใจมองมาทางผม


   “ นั่นก็คือนโยบายเกี่ยวกับการศึกษานั่นเองครับ ผมมีแผ่นพับมาแจกให้กับทุกคนดูคร่าวๆนะครับ” เพื่อนในกลุ่มของไอ้กวงเดินแจกแผ่นพับตามโต๊ะ


   ผมหยิบมาดูทันทีที่พี่ในกลุ่มเดินมาแจกให้ผม และนั่นเองทำให้ผมรู้ว่าลางสังหรณ์แปลกๆของผมคืออะไร....


   “ .......!!!” ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่เมื่อเห็นว่ากระดาษที่แจกมันคืองานที่ผมนั่งทำมาตลอดสองสามวัน!!!


   “ ไอ้พี” พี่กรมพยายามจะจับไหล่ของผมให้นั่งลงเหมือนเดิม แต่ในเวลานี้ผมไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองได้จริงๆ


   “ มีอะไรสงสัยหรอครับน้องปฐพี ^^” ไอ้กวงมันยิ้มให้ผมเมื่อเห็นว่าผมยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่ไม่สามารถออกไปทำอะไรมันได้เพื่อระบายความอึดอัดนี้


   “ พีนั่งลงเถอะ เชื่อพี่” พี่กรมลุกยืนขึ้นเป็นเพื่อนผมก่อนที่พี่มันจะโน้มหน้าลงมากระซิบผมเบาๆให้ผมนั่งลง แต่ผมโกรธ โกรธจนทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ๆก็มาถูกขโมยงานขึ้นมาดื้อๆ งานที่ผมตั้งใจทำมาตลอดหลายวัน..


   “ ปฐพีคุณสงสัยอะไรครับ” ท่านอาจารย์ที่ยังเห็นว่าผมยืนตัวสั่นอยู่ถามออกไมค์ ทำให้ผมหันไปมองท่านอาจารย์หลายๆท่านที่มองมาทางผมด้วยความสงสัย


   “ พี” ผมยอมนั่งลงตามแรงที่พี่กรมมันดันตัวให้ผมนั่ง


   “ มันเกิดอะไรขึ้นวะ!” พี่เทพถามออกมาเสียงดังไม่แพ้กัน เพราะพี่เทพคือคนที่พิมพ์งานและตรวจสอบรอบสุดท้ายก่อนที่จะปริ้นออกมา


   “ ใจเย็นมึง” พี่คินและพี่วินเองก็ดึงตัวพี่เทพเอาไว้เหมือนกัน


   ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว เหมือนว่าทุกอย่างที่ผมตั้งใจ มันพังไปตรงหน้า ช่วงเวลาที่ผมอดหลับอดนอน ช่วงเวลาที่ผมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เรียน ผมยอมโดนพี่กรมมันด่าและให้กลับไปแก้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ตั้งใจจนงานมันออกมาดีที่สุดเท่าที่เด็กปีหนึ่งอย่างผมจะทำได้ แล้วผลออกมาเป็นอย่างไง เมื่องานที่ผมตั้งใจถูกไอ้แมวขโมยอย่างไอ้กวงขโมยไปหน้าตาเฉย ผม.....ผมเสียใจ เสียใจที่ทำอะไรไม่ได้...


หมับ


   “ พี มองหน้าพี่” พี่กรมมันจับหน้าของผมให้หันไปมองหน้าพี่มัน “ มันมีทางออกเสมอ”


   “ แต่...งานผม....ผมตั้งใจ...ทำออกมาให้ดีที่สุด พี่.......” ผมไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆน้ำตาของผมมันไหลออกมาอย่างนั้น ด้วยความเสียใจ ความโกรธ และความกดดัน ผมไม่สามารถทำอะไรได้ แม้อยากจะลุกไปต่อยหน้ามันแรงๆสักทีผมก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ผมได้ในตอนนี้คือปล่อยให้ความอ่อนแอที่ผมพยายามจะเก็บมันเอาไว้ออกมาผ่านน้ำตา


   “ ไอ้พี” มือของพี่เทพเอื้อมมาจับที่บ่าของผมที่สั่นไหวอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกทุกคนปล่อยให้ผมอยู่กับตัวเอง


   ผมรู้ว่าถ้าพวกพี่มันปลอบผมมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งร้องไห้ออกมามากเท่านั้น อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้ใครในห้องมาสนใจว่าผมกำลังเป็นอะไร


   “ ขอบคุณครับ” เสียงของไอ้กวงกล่าวขอบคุณทันทีที่มันพูดนโยบายเสร็จ ผมไม่ได้มีกระจิตกระใจฟังอะไรในสิ่งที่มันพูด เพราะในสมองผมตอนนี้มันคิดว่าจะทำอย่างไรกับคนเหี้ยๆอย่างไอ้กวง


   “ นโยบายคุณน่าสนใจมากครับ” ท่านอาจารย์กล่าวชมออกมา และนั่นมันเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ผมเป็นคนทำแต่คนที่ได้รับคำชมคือมัน ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้นไปต่อยหน้ามันหน้าห้อง พี่กรมก็จับมือผมเอาไว้ไม่ให้ผมลุกไปตามที่ใจผมหวัง


   “ กลุ่มสุดท้ายครับ กรมรินทร์”


แปะๆ


   “ ไอ้เทพไอ้คินไอ้วินพวกมึงอยู่กับไอ้พีไป เดี๋ยวกูไปเอง”


   “ แล้วมึงมีนโยบายมารึไง อันอื่นที่คิดก็ไปซ้ำกับกลุ่มอื่น” พี่วินถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่ว่าพวกผมไม่คิดนโยบายสำรองเอาไว้ แต่นโยบายที่คิดก็ไม่ต่างจากกลุ่มอื่นๆ และอีกอย่างมันก็ไม่น่าสนใจถ้าไปเทียบกับกลุ่มอื่นๆที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้


   พี่กรมไม่ได้ตอบอะไรออกมา ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางความสนใจของทุกคน รวมทั้งพวกผมที่นั่งอยู่ด้านล่าง


   “ สวัสดีครับ^^” พี่กรมกล่าวทักทายทุกคนภายในห้องด้วยรอยยิ้ม “ กลุ่มสุดท้ายแล้วอย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ”


   “ นโยบายอะไรน้า” ผมได้ยินเสียงไอ้กวงที่พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ผมหันไปมองมันอย่างเอาเรื่องแต่พี่เทพกับพี่คินดันหัวของผมให้กลับไปมองที่พี่กรมไม่ให้หันไปมองไอ้กวง


   “ ก่อนที่ผมจะพูดถึงตัวนโยบายนะครับ ผมอยากให้ทุกคนได้รู้ที่มาของนโยบายของผมก่อน เป็นที่ทราบดีว่านโยบายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายๆปัจจัย ดังนั้นผมจะนำเสนอในรูปแบบของปัญหา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า ตัวปัญหา นะครับ” ทำไมผมรู้สึกว่าตัวปัญหาที่พี่กรมพูดมันดูเน้นเสียงและสายตามองไปทางด้านหลัง


   “ ผมจะนำเสนอในรูปของตัวแบบกระแส หน้าต่างนโยบายหรือที่เรียกว่า Streams and window คือนำสามกระแสมุ่งสู่หน้าต่างนโยบาย คือ กระแสปัญหา กระแสนโยบาย และกระแสการเมือง เป็นที่ราบดีว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด ผมมองว่าปัญหาและกระแสที่ต้องเจอในอนาคตคือการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ และนั่นคือกระแสปัญหาที่เกิดขึ้น ต่อมาผมมองว่านโยบายอะไรที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุจริงๆนั่นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้นอกจากเบี้ย 600 บาทต่อเดือนมันพอไหมครับ? แล้วเงินเพียงแค่หกร้อยมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีเลย” ผมมองไปที่พี่กรมเพราะอยู่ๆพี่กรมดันพูดเรื่องผู้สูงอายุและตัวแบบกระแสออกมา ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้ และพี่กรมก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมา อาจจะพูดเพียงแค่หลักการของ Streams and window เท่านั้น แต่ผมดันเบรคพี่มันเอาไว้ก่อน


   “ พี่เทพ...” ผมหันไปถามพี่เทพ แต่พี่มันก็ยักไหล่ขึ้นทำหน้าว่าพี่มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันจนกระทั่งพี่คินเป็นคนเฉลย


   “ ไอ้กรมมันคิดเอาไว้แต่ไม่ได้บอก เพราะมันอยากให้มึงโชว์ฝีมือ อีกอย่างสิ่งที่มึงเสนอมันก็ดันไปถูกใจไอ้กรมเข้า” อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่ผมเห็นพี่มันหาข้อมูลจากหนังสือหรือจากข่าวอะไรก็ตามนั่น คือพี่มันคิดเผื่อเอาไว้อย่างนั้นหรอกหรอ ทำไมผมรู้สึกว่านโยบายที่ผมคิดมันอ่อนและง่อยกว่าสิ่งที่พี่กรมกำลังอธิบาย ตอนนี้ในหัวของผมมีคำถามมากมายเต็มไปหมด


   “ สิ่งที่ผมจะผลักดันไปเป็นนโยบายคือการสร้าง Day care ในแต่ละหมู่บ้าน สิ่งนี้ผมร่วมมือกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกๆพื้นที่ และ รพสต.ร่วมถึงเครือข่ายอสม.และอาสาสมัครต่างๆ เป็นการร่วมมือและบูรณาการจากหลายๆฝ่ายครับ นอกจากการจัดทำ Day care แล้วนั้น ผมมองว่าการดูแลผู้สูงอายุในระยะติดเตียงและติดบ้านก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นผมจะสร้างเครือข่ายขึ้นมากับกระทรวงพัฒนาสังคมฯให้มีการจัดอบรมบุคคลผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อเดินไปตามบ้านของผู้สูงอายุทุกหลังเพื่อให้บริการเป็นรายกรณีไปครับ รวมถึงการดูแลในระยะยาว นอกจากเราจะดูแลผู้สูงอายุแล้ว คนที่ดูแลผู้สูงอายุก็สำคัญดังนั้นผมจะซัพพอร์ททุกฝ่ายไม่ทอดทิ้งฝ่ายไหนแน่นอนครับ นี่เป็นสิ่งคร่าวๆที่ผมอยากนำเสนอในวันนี้ครับ ที่เหลือรอไว้ฟังวันจริงเลยนะครับ” พี่กรมโค้งให้กับทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่พี่มันจะมองทางผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมมั่นใจว่าพี่มันยิ้มให้ผมคนเดียว...


   “ นโยบายคุณสุดยอดมากครับ ผมอยากจะฟังต่อเลย” ท่านอาจารย์เองก็ออกปากชมพี่กรมออกมาเหมือนกัน แต่มันติดอยู่อย่างเดียวก็คือเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่ไม่พอใจสถานการณ์ที่พี่กรมมันแก้เอาไว้ได้ ก็คือตัวการอย่างไอ้เหี้ย กวง


   “ ผมขอถามครับ” และแล้วเสียงของมารพจญอย่างไอ้กวงก็ยกมือขึ้น


   “ เชิญครับ” อาจารย์ผายมือเป็นเชิงอนุญาตให้มันได้ถามออกมา


   “ ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดคุณคิดเองหรือให้คนในพรรคพ่อคุณช่วยครับ ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ยุติธรรมสำหรับกลุ่มอื่นๆนะครับที่คิดกันเองทั้งนั้น” ผมหันไปมองหน้ามันทันทีที่มันพูด อย่าทำตัวเหมือนว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆทั้งที่ตัวเองก็ก็อปเอาผลงานของคนอื่นมา มึงไม่มีสิทธิ์พูดออกมาตั้งแต่แรก!


   “ สบายใจได้เลยครับว่าทุกอย่างที่ผมพูดมันผ่านการกลั่นกรองจากสมองของผมและคนในกลุ่ม ไม่มีใครอยากจะเอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกครับ การให้คนอื่นทำให้มันก็ไม่ต่างจากการก็อปความคิด ผมว่ามันทุเรศเกินไป อีกอย่างนะครับถึงพ่อผมจะเป็นนักการเมือง แต่ก็ไม่เห็นว่าพ่อผมจะไปหนักหัว เอ้ย! ขอโทษครับ เดือนร้อนใครตรงไหน ผมพูดถูกไหมครับกษิดิช?”


   “ ......”


   “ และผมเองก็เก่งในระดับที่คิดเองโดยที่ไม่ได้เอาพ่อหรือคนในพรรคของพ่อมาเกี่ยว ถ้าไม่มั่นใจตรวจสอบได้นะครับ ผมโอเพ่นอยู่แล้ว” พี่กรมยักไหล่ก่อนจะยิ้มด้วยท่าทางที่เหนือกว่าออกมา


   “ กลุ่มไหนที่อยากจะตรวจสอบก็มาที่บ้านผมได้ครับ^^” ทำไมประโยคหลังของไอ้พี่กรมมันฟังดูขี้หลีอย่างนี้วะ สายตาและคำพูดของพี่มันนี่ส่งไปหาสาวๆทั้งนั้น


   “ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ อย่าลืมว่าผมโอเพ่นถ้าอยากตรวจสอบผมก็ยินดี” พี่กรมโค้งอีกครั้งก่อนจะเดินลงเวทีมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม ส่วนอาจารย์ท่านก็อธิบายและรายละเอียดต่างๆต่อ พร้อมกับนัดหมายอีกครั้งก่อนวันงานในช่วงเดือนกันยา ทำให้พอจะมีเวลาลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล


   “ ทำไมพี่ไม่บอกว่าพี่คิดนโยบายมา” ผมถามพี่มันออกไปหลังจากที่อาจารย์ปล่อย พี่คินรีบกลับบ้านไปดูน้องอะไรสักอย่าง ส่วนพี่วินรีบไปส่งของให้ลูกค้า พี่เทพก็กลับบ้านไปหาแม่ของเขาอีกตามเคย ทำให้ตอนนี้ผมอยู่กับพี่กรมสองคน


   “ นโยบายมึงก็ดีแล้วไง”


   “ แต่มันโดนขโมย” ยิ่งผมคิด ผมก็ยิ่งแค้น แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโมโห! ถ้ามันเดินผ่านมาแถวนี้รับรองว่าผมไม่พลาดโอกาสที่จะไม่ต่อยมันแน่ๆ


   “ มึงทำดีที่สุดแล้ว”


   “ แต่ผม..”   


   “ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างปล่อยให้กูจัดการเอง ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ” พี่มันขยี้ผมของผมอีกครั้ง ผมไม่รู้นะว่าทำไมช่วงนี้พี่มันขยี้ผมแบบนี้อยู่เรื่อย แทนที่ผมจะรำคาญแต่เปล่าครับผมกลับชอบขึ้นมาแปลกๆ “ วันนี้เก่งมากที่รู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ พีทำถูกแล้วครับ” อะ...ไอ้เชี่ยเอ้ย!!! น้ำเสียงและท่าทางที่อบอุ่นแบบนี้แม่งทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กลงไปเลย ใครว่าพี่กรมอ่อนโยนไม่เป็นผมขอเถียง ไม่ซิ! พี่มันก็อ่อนโยนกับผมมานานแล้วแต่ผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ครั้งนี้แม่ง เกินไปจริงๆครับ จากหัวร้อนในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นหัวเย็นประหนึ่งว่าเอาหัวไปจุ่มขั้วโลกเหนือเลยครับ แล้วไอ้หัวใจที่ชุ่มชื่นของผมนี่มันหมายความว่าไงหวะ? แค่คำพูดของพี่มันเองมึงจะชุ่มชื่นและตื่นเต้นไปไหน ไอ้พี! สติค่ะสติ หยุดหน้าร้อนเหมือนว่าเขิน เขาคิดกับมึงแค่น้องชาย อย่าลืมปฐพี!


เพี๊ยะ!!


   ผมตบหน้าตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติก่อนจะหันไปตอบรับในสิ่งที่พี่กรมพูด


   “ ครับพี่” ผมจะพยายามไม่คิดอะไรถ้าผมไม่เห็นหน้ามัน เอาเป็นว่าผมจะปล่อยทุกอย่างให้พี่กรมจัดการ คิดสะว่างานนั้นผมทำทานให้หมาไปก็แล้วกันครับ








Ps. พี่กรมเอาใจไรท์ไปเลย เอาไปเล้ยยยยย ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2019 10:50:11 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ง้อววว :hao7: ทั้งพี่กรมทั้งน้องผีคือน่ารักมาก นโยบายคือดีมาก o13 กวงคือประสาทแดกมาก :m31: กัดไม่ปล่อย ว่าคนอื่นแต่ไม่ดูตัวเองอ่ะก๊อปงานคนอื่นแบบหน้าด้านๆ โกรธมาก :angry2: เหนื่อยกับคนแบบนี้ รอตอนต่อไปนะคะ อยากเห็นตอนเป็นนโยบายแบบจัดเต็ม เป็นกลจให้คุณไก่ทอดน้า :L1: :3123: :pig4:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

ตอนที่ 9.2

นำเสนองานผ่านไหมครับอาจารย์

(จัดการ)


Jaokom’s talk
   ผมเดินมาส่งไอ้พีถึงหอหลังจากที่วันนี้ผ่านเรื่องวุ่นๆมาเยอะ เอาจริงๆนะตอนนั้นผมก็โมโหไม่ต่างจากไอ้พีเลย แต่ถ้าผมร้อนไปอีกคนทุกอย่างพังแน่ ยิ่งต่อหน้าอาจารย์การควบคุมอารมณ์และการมีสติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมเองก็รู้สึกดีที่ไอ้พีรวมถึงเพื่อนคนอื่นๆของผมควบคุมอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ไว้หน้าใครอีกแล้ว ผมจะพาทุกคนเข้ามาดูโลกอีกโลกหนึ่งของผม


 หลังจากที่ผมเดินมาส่งไอ้พีผมก็มุ่งไปยังสถานที่บางแห่งที่ผมต้องไปจัดการกับคนบางคนที่พูดไม่รู้ฟัง ผมว่าผมเตือนมันแล้วนะแต่มันก็ดันเล่นของมันเอง เมื่อพูดดีๆไม่ได้มันก็ต้องใช้กำลังในการแก้ปัญหา


   ผมเดินเข้ามาที่ร้านสนุ๊กหลังมหาลัยที่ถือว่าเป็นแหล่งรวบรวมอบายมุขเลยก็ว่าได้ ภายใต้ร้านบอร์ดเกมส์ธรรมดาแต่ใครจะรู้ว่าด้านในจะเต็มไปด้วยการพนัน ทุกคนแถวนี้ก็รู้กันหมดแต่ก็นะครับ ไม่เส้นใหญ่พอก็เปิดไม่ได้แน่ๆ ทำให้คนแถวนี้หลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่มีใครอยากมีปัญหากับเจ้าของร้าน


   “ ไม่เจอกันนานนะมึง” พี่สิพี่เจ้าของร้านเรียนจบนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ แต่ดันบ้าเลือดไม่ทำงานตรงกับสายแต่เลือกที่จะทำงานเส้นทางนี้


   “ ยุ่งๆหวะพี่” ผมขว้างกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่ม ผมดื่มได้ตอนนี้เพราะว่าอยู่ในห้องด้านในที่เป็นห้องส่วนตัวของพี่สิ มันคงจะไม่น่ามีใครเห็น ผมเป็นลูกใครไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นมันอยู่ที่ตอนนี้ผมสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือใครแม่งก็น่าเกลียดอะครับ


   “ แล้วที่มานี่คือ?” ไอ้พี่สินั่งเอาขาพาดโต๊ะกระจกด้านหน้าพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วยเลิกคิ้วถามผมขึ้น


   “ ต่อยคน”


   “ ไอ้กวง?”


   “ ครับ” อีกด้านที่ทุกคนไม่รู้ของผมก็คือด้านที่ผมเป็นผู้ชายปกติทั่วไป มีหัวร้อน มีชกต่อย มีบ้าเลือด แต่นั่นมันก็นานๆครั้งไม่ได้บ่อยเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งคนจำผมได้เยอะผมยิ่งต้องระวัง ทำให้ผมเอาด้านนี้หลบไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดันโชคร้ายที่วันนี้ผมต้องเอามันออกมาใช้


   “ ไอ้ลูกนักการเมือง ก็ระวังตัวนะมึง” พี่มันหันไปสนใจงานของมันต่อ ที่ผมต้องทำตอนนี้คือรอเวลาให้ไอ้กวงมันตายใจเล่นเกมของมันไปก่อน แล้วผมค่อยขึ้นไปจัดการมัน รับรองว่าเลือดไม่ไหลมาโดนตีนผม ผมไม่เลิก! สิ่งที่มันทำวันนี้มันเกินไปจริงๆ ผมยอมไม่ได้ ยิ่งเห็นน้ำตาของไอ้พีผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ควรจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งๆที่มันตั้งใจทำงานและทุ่มเทมากขนาดไหน มันดูถูกความพยายามของไอ้พี แน่นอนว่าผมไม่ยอม การใช้กำลังเป็นเรื่องที่ไม่ดีครับ แต่ถ้ามันที่สุดแล้วมันอาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้


   “ ไปก่อนนะพี่” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปตบไหล่ไอ้พี่สิ เมื่อก้มมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองว่าถึงเวลาสมควรที่ผมจะต้องขึ้นไปจัดการกับมันแล้ว


   “ เออ อย่าให้เปื้อนร้านกูมากละกัน” พี่มันตอบปัดๆเหมือนไม่ได้สนใจ


   ผมเดินขึ้นมาบนชั้นสองที่เป็นแหล่งรวมอบายมุข เด็กมหาลัยคนไหนที่อยากทำพาร์ทไทม์ได้เงินดีและชอบความตื่นเต้นผมเนะนำที่ร้านไอ้พี่สิเลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง แต่อาจจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง ถ้าไม่ถือ
   “ มึงเมาก็กลับบ้านไปดิวะ” เสียงของใครบางคนเอะอะโวยวายขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง และนั่นทำให้ผมเห็นเป้าหมายที่กำลังเดินโซเซมือถือขวดเหล้าเอาไว้อยู่แต่ปากของมันก็ด่าคนอื่นเขาไปทั่ว ท่าทางแบบนี้ไม่สนุกเลยครับ มันเมา ผมอยากต่อยมันตอนที่มันมีสติมากกว่านี้ แต่เอาเถอะแค่ได้ต่อยมันผมก็โอเคแล้ว


   “ เสือก!!” ปากไอ้กวงด่ากราดคนอื่นเขาไปทั่วอย่างไม่เจียมกะลาหัวว่าตัวมันเมาอยู่


ผมตรงไปที่ไอ้กวงก่อนจะยืนขวางทางมันเอาไว้ ทำให้มันเดินเข้ามาชนผมตรงๆ


ตุบ!


   “ ขวางทางหาพ่อมึงหรอ?!!” ไอ้กวงมันล้มไปทันทีที่ผมขวางทางมันเอาไว้ด้วยตัวของผม เมื่อมันลุกขึ้นยืนผมก็จัดการลากคอเสื้อมันให้ตามผมมาคลานตามแรงลากของผมมา


   “ อย่าหาว่ากูทำร้ายคนเมาเลยนะ แต่มึงทำตัวของมึงเอง” ผมพาไอ้กวงมันเข้ามาในห้องน้ำเมื่อถึงที่หมายผมจัดการผลักมันล้มลงไปที่พื้นห้องน้ำทันที


   “ โอ๊ย! ใครผลักกู!!” ไอ้กวงทำท่าจะลุกขึ้นมาแต่ผมใช้เท้าถีบอกมันเอาไว้ให้นอนลงไปเหมือนเดิม ส่วนผมก้มลงไปเสมอกับมัน


   “ กูเอง” ผมกระซิบเบาๆไปที่หูของไอ้กวง


   “ ใคร? ไอ้เวรกรมหรอวะ?” ผมกระตุกยิ้มทันทีที่มันยังจำผมได้แม้ว่ามันจะเมา ผมว่านะมันต้องฝังใจอะไรบางอย่างกับผมแน่ๆ มันถึงตามจองล้างจองผานผมแบบนี้ไม่ยอมเลิกลา


   “ กูเอง กรม”


   “ ปล่อยกู!” ผมกระชากคอเสื้อมันให้ขึ้นมาเพื่อฟังในสิ่งที่ผมพูดชัดๆ


   “ ฟังกูนะ มึงจะหาว่ากูเป็นหมารอบกัดก็ได้ แต่เป็นเพราะตัวมึงเองที่ทำให้กูเป็นแบบนี้!” สิ้นเสียงผมปล่อยหมัดเข้าหน้าไอ้กวงเต็มๆจนหน้ามันหันไปตามแรงที่ผมปล่อย


ผั๊วะ!


   “ สำหรับวันนั้นที่มึงลวนลามไอ้พี”


ผั๊วะ!!


   “ สำหรับวันนี้ที่มึงขโมยงาน”


ผั๊วะ!!!


   “ สำหรับอนาคตที่มึงจะกำลังทำ!” ผมปล่อยหมัดไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนละลุกออกจากตัวของไอ้กรมที่ตอนนี้หน้ามันเต็มไปด้วยเลือด


   “ เห้ย!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากหน้าห้องน้ำทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าไอ้พวกนั้นเป็นเพื่อนของไอ้กวงที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี


   “ อะ...ไอ้กรม”


   “ กูเอง ฝากเตือนเพื่อนเหี้ยๆของมึงด้วยว่าอย่ามายุ่งกับพวกกู ไม่ว่าจะใครก็ตาม อันนี้กูแค่เตือน” ผมมองหน้าพวกมันทีละคนก่อนจะก้มลงไปมองไอ้กวงที่นอนไม่รู้เรื่อง น่าสมเพชสัดๆ


   “ ส่วนมึงถ้ายังไม่หยุด กูเอามึงมากกว่านี้แน่ จะไปฟ้องพ่อมึงก็เชิญว่ากู กรมรินทร์เป็นคนทำ”


   ผมก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไปจากห้องน้ำ มือของไอ้กวงจับขาของผมเอาไว้ก่อนนั่นทำให้ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันไปมองมันอีกครั้ง


ผลัก!


   “ อย่ามาจับกู!” ผมสะบัดเท้าออกจากการเกาะกุมของมัน “ ค่ารักษาเพื่อนมึง” ผมควักเงินออกมาจำนวนหนึ่งยื่นให้เพื่อนของไอ้กวงที่ยืนหัวหดอยู่หน้าห้องน้ำโดยที่ไม่มีใครสักคนเดินเข้ามาห้ามหรือกระทืบผมกลับเลยสักคน


   “ โชคดี” ผมหันไปมองมันครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินหล่อๆออกมาจากห้องน้ำ ผมทำแล้วผมรับผิดชอบครับ เงินที่ผมจ่ายไปก็น่าจะพาไอ้กวงไปหาหมอได้ ถ้ามันจะแจ้งความผมก็ยินดี แค่ 500 แลกกับความสะใจ มันโคตรจะคุ้ม แต่ผมว่าไอ้กวงมันไม่น่าจะโง่พอที่จะไปแจ้ง เพราะนั่นมันก็ไม่ต่างจากการทำร้ายตัวมันเองทางอ้อมเหมือนกัน



   “ ลงมาหากูหน่อยได้ไหม?” หลังจากที่ผมจัดการไอ้กวงเสร็จผมก็ตรงไปที่หอของไอ้พีอีกครั้ง และตอนนี้ผมอยู่ที่หอมันแล้ว


   ( พี่ยังไม่กลับบ้านหรอ) น้ำเสียงกวนๆของมันถามออกมาด้วยท่าทางโง่ๆเหมือนที่มันชอบทำ แต่ก็แปลกดีครับที่ผมดันชอบน้ำเสียงแบบนั้นของมัน


   “ เออ”


   ( รอก่อนนะ เดี๋ยวน้องลงไป) ไอ้พีกดวางสายทันที ส่วนผมก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยจนกระทั่งไอ้พีวิ่งหน้าตาตื่นลงมาด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ลายสก็อตขาสั้นรองเท้าหูหนีบช้างดาวเสื้อกล้ามเก่าๆสีขาว ส่วนในมือมีขนมปังที่มันน่าจะกินคาเอาไว้อยู่ เมื่อมันเห็นว่าผมนั่งรออยู่ด้านหน้าของหอ ไอ้พีก็ยิ้มให้ผมและรีบวิ่งมาจนมันไม่ทันได้ระวัง และแน่นอนครับจบที่มัน...


ตุบ!


   “ ไอ้ฉิบหาย ล้มจนได้” มันสะดุดขาตัวเองล้มลงตรงเท้าผมพอดี “ พี่” ไอ้พีมันยังคงกองอยู่ที่พื้นเหมือนเดิมก่อนที่มันจะเงยหน้ามามองผม ผมเลยเลิกคิ้วถามมันว่าเรียกผมทำไม


   “ .....?”


   “ คือแบบ ยื่นมือมาให้ผมจับก็ได้ปะหวะ”


   “ แล้วใครจะไปรู้ ล้มเองก็ต้องลุกเองไอ้พี” ผมไม่ได้ยื่นมือขึ้นให้มันจับ ไอ้พีชักสีหน้าทันทีก่อนที่จะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม


   “ แค่ให้ช่วย จำเป็นต้องคมไหมอะพี่”


   “ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”


   “ ผมกินไปแล้วนะ”


   “ ไม่ได้หรอหวะ?” ผมมองหน้าไอ้พีด้วยสายตาที่ขอร้องและอ้อนวอน ถ้าผมมองไม่ผิดแววตาของไอ้พีดูชะงักไปนิดนึง


   “ เออๆ ละ..เลี้ยงผมด้วย” ก็พึ่งรู้นะครับว่าเวลามันเขินมันจะติดอ่าง ก็น่ารักดี..หึ


   ผมยื่นมือไปตรงหน้ามัน


   “ อะไรอะ” ไอ้พีถามเสียงซื่อ ส่วนผมไม่ได้ตอบแต่กลับเปลี่ยนทิศทางของมือผมที่ยื่นออกไปตรงหน้าไปจับมือของไอ้พีก่อนที่จะยืนขึ้น


   “ ก็แค่ให้ช่วยดึงไง นั่งนานลุกไม่ไหว” ผมยิ้มให้ไอ้เด็กพีที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผมต้องออกแรงลากมันให้เดินตามมา


   “ เดินไปได้ไหม” ผมถามไอ้พี เพราะตอนนี้ถ้าจะออกไปกินข้าวข้างนอกมหาลัยก็ต้องใช้ระยะเวลานาน อีกอย่างตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วไม่ค่อยจะมีรถสักเท่าไหร่


   “ ได้ดิ ปกติผมก็เดินตลอด”


   “ เรียนขับรถดีไหม?” ผมหยุดเดินทำให้ไอ้คนข้างๆหยุดเดินไปด้วย มันเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนว่ามันกำลังสงสัยและอยากจะถามอะไรบางอย่าง


   “ ทำไมอะพี่”


   “ เวลาไปกินข้าวมึงจะได้ไม่ต้องเดินไง” ผมจ้องไปที่ไอ้พีเพื่อดูว่ามันมีปฏิกิริยาอย่างไร เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ครับไอ้เด็กเกรียนอย่างไอ้พีมันหลบตาผมก่อนจะหันหน้าหนีอย่างชัดเจน ฮ่าๆ ตลกดีครับยิ่งเห็นมันเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง นานๆทีคนอย่างไอ้พีจะเสียศูนย์


   ยิ่งมันหลบตาผมก็ยิ่งแกล้งโดยใช้มือของผมช้อนหน้ามันก่อนจะบังคับให้มันหันกลับมามองหน้าผมตรงๆ


   “ หลบตาทำไม? เขิน?”


   “ พี่! เขินไรวะ! มีไรต้องเขิน!! ผะ..โว้ย ลิ้นเป็นเหี้ยไรเนี่ยพูดไม่รู้เรื่องแล้ว!!” ไอ้พีมันกลบเกลื่อนด้วยการจับมือของผมให้ออกจากหน้ามัน แล้วไอ้การที่พูดเสียงดังๆอย่างนี้โคตรตลกเลย


   “ หิว”


   “ เออ พี่หิวก็เดินดิมัวแต่แกล้งผมอยู่นั้น”


   “ กูพูดจริงนะพี กูไปเรียนขับรถดีไหม?” ผมเดินตามมันจนกระทั่งเดินมาตีเสมอมันได้ และถามมันด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เรื่องนี้ผมจริงจังนะ


   “ พี่ ฟังนะ ถ้าพี่ทำเพื่อแค่เพราะผมอย่าทำเลย เป็นแบบนี้ของพี่แหละดีแล้ว แต่ถ้าพี่ทำเพื่อตัวเองพี่อยากขับไปไหนมาไหนก็ได้ผมว่ามันสะดวกดี มารับผมไปกินข้าวก็อาจจะเป็นปัจจัยรองแบบนี้ผมโอเค ถ้าอะไรมันฝืนมันจะไม่มีความสุข ถ้าพี่อยากเรียนขับพี่ก็ต้องเรียนนานแล้ว ผมพูดถูกไหม?” ผมยิ้มให้กับท่าทีที่จริงจังของไอ้พี แต่ก็อดขำไม่ได้น้ำเสียงสีหน้าที่จริงจัง แต่พอตัดมามองที่การแต่งตัวของมัน หมดความน่าเชื่อถือเลยครับ


   “ แล้วมึงไม่คิดว่ามึงอาจเป็นปัจจัยหลักที่กูอยากทำบ้างหรอหวะ ไม่ได้ฝืน แค่พอใจอยากจะทำ”


   “ พี่ ผม...ว่านะตอนนี้ผมเริ่มที่จะกลับมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ได้อีกครั้งละพี่ เมื่อวันก่อนผมอะลองผ่านหน้าร้านที่โรงอาหารแล้วกลิ่นมันยั่วผมสุดๆไปเลย เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่เองวันนี้ผม...ผม ผมเลี้ยงล่วงหน้าเนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลกก็แล้วกัน” ไอ้พีมันไม่ได้ตอบอะไรผมต่อ แต่มันกลับเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉยและเดินนำผมไป


   “ อย่าไปเป็นแบบนี้กับใครเลยมึงเป็นกับกูแค่คนเดียวพอ...กูสงสารเขา” ผมไม่ได้พูดออกมาให้ไอ้พีมันได้ยินหรอกนะ เดี๋ยวแม่งจะเป็นบ้าไปมากกว่านี้


หมับ


   “ พี่จับมือผมทำไมว่ะ?” ไอ้พียกมือของตัวเองที่ถูกผมจับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสี ขนาดว่าตอนนี้เริ่มมืดแต่สีหน้าของมันก็ยังคงเด่นชัดในสายตาผม


   “ กูสายตาไม่ค่อยดี มันมืดแล้วเดี๋ยวสะดุดล้ม”


   “ ข้ออ้างฉิบหาย แต่จะทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกันนะพี่”


   และผมกับมันก็ออกมาหาอะไรกิน ถึงปากจะบอกว่ากินแล้วแต่มันก็ยังคงกินเยอะเหมือนเดิม...สังเกตจากแก้มของมันที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกที อย่างนี้ใครมันจะไปทนไหวหละครับ หึ

















PS. อิพี่ใจน้องบ่ดีเลย เกินไป ครั้งนี้พี่กรมแม่งเกินไปจริงๆ     

PS. ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้มาอัพทุกวันละนะ ไรท์มรสอบมิดเทอมงับบบบ แงงงงงง ยากมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2019 10:57:16 โดย KJH177 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จับมงจับมือ :-[ รู้สึกถึงความพัฒนา :hao7: พี่ชายกับน้องชายเขาดูแลกันถึงขนาดนี้เลยหรอ :hao3: ชอบตอนที่แทนตัวว่าพี่กับน้องมากเลยน่ารัก :man1: พี่กรมตอนหัวร้อนคือใจไม่ดีเลยพี่กรมเท่มากแบดมาดตอนอัดกวง อยากให้จักหนักกับกวงกว่านี้ จะรอนะคะ ขอให้การสอบผ่านไปด้วยดี สู้ๆนะคะ :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เล่นทำท่ากรุ้มกริ่ม เอาซะอิน้องเกรียนไม่ออกเลย   :laugh:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านแล้วทั้งฮา  :laugh: ทั้งได้ความรู้ ไรท์ สุดยอด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องการศึกษานี่จริงอย่างที่ไรท์ว่าจริงๆ
ครูอยากก้าวหน้าต้องทำผลงาน กลายเป็นครูก้าวหน้าแต่เด็กมีผลการเรียนย่ำแย่

พี ทำพี่ๆขี้แตก อาหารเป็นพิษซะ.....ทั้งแย่งห้องน้ำ แล้วต้องไปนอนที่รพ.เลย
พี เกรียนมากๆ ฉากที่ทาครีมทาเท้า แต่ไปทาที่หน้านี่ ฮามาก
แถมไปเช็ดหน้าที่ผ้าเช็ดตัวพี่กรม ผ้าหลุดเลยเช็ดที่........ซะเลย  :m20: :laugh: :pigha2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
นั่งขุกอยู่กับพี่กรม  ------  ขลุก
นั่งสัพงก ------ สัปหงก
งั้นล่างมาให้ดูก่อนนะ  ----- ร่าง
เอาแต่คลุกอยู่กับงานมาทั้งวัน -------  ขลุก
มันไมได้หน้ามอง  ------  น่า
ผมขอยืมแค่เสื้อคุมเท่ๆตัวนี้ ------- คลุม

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องพีตัวแสบ แต่ก็มีความน่ารักจนพี่กรมอดใจไม่ไหว

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงน้องผี คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ :3123:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 10.1

สิงห์สัมพันธ์


        สวัสดีครับ! นี่ก็ผ่านมาได้เกือบๆสองเดือนมาแล้วที่ผมเข้ามาเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวๆ...ขออนุญาตสงวนชื่อเอาไว้ดีกว่าครับ ผมรู้สึกดีอย่างหนึ่งที่ว่าผมตัดสินใจถูกที่มาเรียนในคณะและมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มันทำให้ผมได้รู้จักสังคมที่โตขึ้น และการเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองที่ไม่มีพ่อกับแม่มาคอยกำกับทางเดินให้เหมือนเมื่อก่อน ส่วนเรื่องราวที่ผ่านมามันก็คือประสบการณ์ที่ทำให้ผมโตขึ้นมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าผมจะเจ็บตัวไปมากก็ตาม


   “ พีเพื่อนรักครับ” ผมเข้ามาในห้องเรียนยามเช้าหวังว่าจะมาที่ห้องคนแรกเพื่ออัดสตอรี่ถ่ายโชว์เพื่อนๆ แต่สุดท้ายผมก็มาสายอยู่ดีเมื่อผมเห็นว่าไอ้บิวนั่งเสนอหน้าอยู่ในห้องก่อนผม


   “ เรียกทำไม! ไม่อยากคุยกับมึงเลย”


   “ โถ่เพื่อนแค่กูมาคนแรกเองนะเว้ย” บิวรีบเข้ามาโอ๋เพื่อนของตนอย่างพีที่แกล้งทำหน้างอเพื่อเรียกร้องความสนใจ
   “ เลี้ยงข้าวกูดิ เดี๋ยวหายงอนเลย”


   “ กินส้นตีนกูแทนข้าวหนิ” ไอ้บิวมันผลักหัวผมแรงๆ “ คือกูจะถามว่ามึงจะไปสิงห์สัมพันธ์ไหม คล้ายๆค่ายรับน้องไรพวกนี้” ผมก็พอจะได้ยินการ PR ค่ายรับน้องที่คณะมาบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปไหม


   “ ไอ้เจ๋งไปปะ แล้วมึงไปไหม”


   “ กูอยากไปไอ้เจ๋งก็อยากไปเหมือนกัน”


   “ เดี๋ยวกูถามพี่กรมก่อน”


   “ มึงจะไปถามพี่เขาทำไม ? เขาเป็นพ่อมึงหรอวะ” นั่นดิพี่กรมมันเป็นพ่อผมหรอ ทำไมผมต้องถามพี่มันตลอดด้วย ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดส่งข้อความไปทางไลน์หาพี่มันทันที


น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : พี่กรมผมไปสิงห์สัมพันธ์ดีไหมครับ?


   ยังไม่ทันที่ผมจะกดออกจากแชท ก็ขึ้นว่าพี่กรมกดเข้ามาอ่านแล้ว


Jaokom : ถามกูเพื่อ?

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : ก็คิดว่าจะสนิทกันแล้ว ก็เลยถามแต่ไม่เป็นไรครับพี่ ผมตัดสินใจเอง

Jaokom : มึงจะดึงดราม่าทำไม

Jaokom : อยากไปก็ไป เอาที่มึงตัดสินใจ

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : แล้วพี่ไปไหม

Jaokom : กูไม่ได้เป็นกนศร.(คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์) แต่ไอ้เทพเป็น ไม่รู้มันจะดึงไปรึเปล่า

น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง! : ผมก็คงไป ไปกับไอ้เจ๋งไอ้บิว

Jaokom : เออ เอาที่มึงอยากไปจริงๆ


   เอาจริงผมก็ไม่ได้ดึงดราม่าหรอกแค่แกล้งพี่มันเล่น ผมรู้ครับว่าพี่มันเป็นคนขี้สงสาร เออ ผมลืมเล่าเรื่องไอ้กวงเลย ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เห็นมายุ่งกับผมอีกเห็นแค่ผ่านๆแต่ไม่ได้เข้ามาหาเรื่องเหมือนครั้งก่อน มีข่าวลือที่ว่ามันโดนกระทืบ ก็สมควรครับปากหมาขนาดนั้น แต่นี่ถือเป็นข่าวลือแรกเลยก็ว่าได้ที่คนอย่างผมไม่สนใจและตามสืบ เพราะผมเกลียดมัน เกลียดเข้ากระดูกดำเลยครับ เอ๋ว่าแต่ว่า ปกติกระดูกคนเราสีอะไรอะครับ??


   “ ถ้าพวกมึงไป กูก็ไป” ผมตอบไอ้บิวหลังจากที่ปรึกษากับพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย


   “ ไอ้พีถามจริงนะ มึงกับพี่กรมนี่เป็นอะไรกันวะ??” ไอ้ฉิบหายยิงคำถามอะไรมาไม่ปรึกษากูสักคำ


   “ คิดไงถามว้า” ผมพยายามไม่ส่อพิรุธให้ดูลอกแล่กจนเกินไป แต่สายตาของผมนี่คือกลิ้งจนจะออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว


   “ ก็กูเห็นมึงสนิทกับพี่เขา อีกอย่างข่าวลือบอกว่าที่ไอ้พี่กวงโดนกระทืบก็เป็นฝีมือพี่กรม” แล้วมันเกี่ยวกับผมอย่างไงวะ อันนี้ยังหาความเชื่อมโยงไม่ได้จริงๆ


   “ มันเกี่ยวกับกูตรงไหนวะ”


   “ สมองหมาจริงๆเพื่อนกู กูรู้มึงรู้อย่ามาแอ๊บใส เดี๋ยวตบคว่ำ” โอ๊ะ! คำด่าแอบรุนแรงแต่ไม่เป็นไรครับ ผมชิน จะว่าไปถ้าเป็นฝีมือพี่กรมจริงๆทำไมไอ้กวงมันยังอยู่เฉยหรือว่าที่อยู่เฉยอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้ เอาไว้ผมเจอพี่กรมมันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปถามพี่มันอีกที อยากรู้ต้องได้รู้เพราะไอ้บิวมันปูทางให้ผมมาขนาดนี้



   แต่ไอ้เรื่องความรู้สึกผมก็ยังเหมือนเดิมนะครับ พี่กรมเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับผมเสมอ ผมไม่อยากคิดอะไรไปไกลกว่านั้นเพราะพี่มันก็เป็นผู้ชายเหมือนผมแม้ว่าเดี๋ยวนี้เปิดกว้างเรื่องเพศแล้วก็ตาม ผมไม่อยากรีบตัดสินหรือค้นความรู้สึกตัวเองตอนนี้ เพราะแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ผมมีเรื่องสงสัยอยู่ว่าในเมื่อผมคิดกับพี่มันแค่พี่ชาย ทำไมผมต้องรู้สึกแปลกๆเวลาที่พี่มันถูกเนื้อต้องตัวผม หรือเวลาที่พี่มันพูดอะไรแปลกๆออกมาในทำนองที่หยอดผมก็จะรู้สึกเสียอาการทั้งๆที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน


   พี่ชาย....ผมรู้สึกกับพี่มันแค่พี่ชายจริงๆหรอว่ะ??



   หลังเลิกเรียนวันนี้พวกผมมาเตะบอลอย่าเรียกว่าเตะบอลเลยครับให้เรียกว่าเก็บบอลดีกว่า หลังจากที่ห่างหายไปนานวันนี้ผมก็ได้ฤกษ์มาสนามสักที ไอ้บิวกับไอ้เจ๋งตอนนี้พวกมันวิ่งวอร์มร่างกายอยู่ส่วนผมก็นั่งชิวข้างสนาม เด็กเก็บบอลไม่ต้องอุ่นเครื่องหรอกมั้งครับ


   “ โทษนะคะตรงนี้มีใครนั่งไหม” ถ้าเป็นผู้ชายผมจะตอบออกไปว่า มีตามึงก็แหกดูซิครับ แต่พอดีว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วบังเอิญว่าสวยซะด้วย ทำให้ผมพูดว่า.......


   “ ไม่มีครับ ถ้าอยากนั่งสบายๆก็มานั่งในใจผมนะ” พร้อมกับวิ้งค์คึให้เธอไปหนึ่งที


   “ เราว่าเราไปนั่งตรงนั้นดีกว่าค่ะ...แฮะ” อยู่ๆเธอก็เดินเลี่ยงไปอีกทางเลยครับ อยากเอาลูกฟุตบอลทุ่มใส่ฉิบหายผู้หญิงอะไรเล่นตัวโคตรๆ คนหล่ออย่างผมพูดด้วยก็ถือว่าเป็นบุญแล้วนะเอาจริง! แล้วผมมาเกรี้ยวกราดหาอะไรวะแค่ผู้หญิงไม่เล่นด้วย


หมับ!


   อยู่ๆก็มีมือหนามาจับที่บ่าของผมเอาทำให้ผมเงยหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่กรมที่สวมชุดบอลเต็มชุด พร้อมกับวางกระเป๋ากีฬาไว้ข้างๆ


   “ ไงพี่” ผมพยายามแสแสร้งแกล้งยิ้มให้ดูน่ารักที่สุดเมื่อเห็นว่าพี่กรมเดินลงมานั่งข้างๆผม


   “ ไงส้นตีนไรมึง” เหมือนว่าผมจะเล่นผิดอารมณ์ “ ยังเก็บบอลอยู่?” หลังจากที่ด่าผมเสร็จพี่มันก็หยิบครีมบางอย่างขึ้นมาทาตามแขนและขา


   “ พี่เห็นว่าเก็บมะม่วงหรอครับ”


   “ ไอ้น้องผี” พี่กรมเปรยสายตาดุๆมองมาที่ผมทันที


   “ อ่า ซอรี่ครับพี่ครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่มันทันทีหลังจากที่เห็นว่าพี่มันง้างมือขึ้นเตรียมจะฟาดใส่ผม แต่เปล่าครับมือของพี่กรมกลับทิ้งลงมาบนหัวของผมเบาๆ


   “ ทำไมเดี๋ยวนี้ทำตัวน่าเอ็นดูวะ” อีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว ไอ้เอ็นดูมาอีกแล้วครับท่านผู้ชม!


   “ อันนี้ชมหรือด่า?” ไอ้ผมก็ชักไม่แน่ใจ พี่กรมมันทำตัวกับผมแปลกมากกว่าเดิมไปทุกที วันนั้นก็เนียนมาจับมือแล้ววันนี้พี่แม่งก็ยังมาบอกว่าผมน่าเอ็นดู WTF อะไรว่ะเนี่ย


   “ เวลาที่มึงชมผู้หญิงว่าเอ็นดูมึงหมายความว่าไงวะ” ผมนั่งคิดตามที่พี่มันพูดก่อนที่จะตอบออกมาเมื่อผมคิดได้


   “ ก็อยากจะชวนไปดูเอ็นที่ห้อง อยากโดน อยากกระทำชำเรา”


   “ กูจะกระทำชำเรามึงตอนนี้นี่แหละครับ”  ยังไม่ทันที่ผมจะได้หนีไปไหนไอ้พี่กรมสุดหล่อก็ฝาดเท้าของพี่มันลงมาที่ผมแรงๆจนผมต้องวิ่งหนีพี่มันอยู่รอบๆสนาม อารมณ์แบบว่ากำลังวิ่งเล่นไล่จับ ทุกคนว่ามันใช่เรื่องไหมละครับที่ผมต้องมาเล่นกับพี่มันแบบนี้


ตุบ!


   “ ผมขี้เกียจละว่ะ จะเตะก็เตะมาเลย” ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่อยู่ข้างๆสนามฟุตบอล เมื่อพี่มันเห็นว่าผมนอนลงไปอย่างหมดแรง พี่กรมก็นั่งลงข้างๆผมที่นอนอยู่


   “ เล่นกับมึงไม่สนุกเลยว่ะ” พี่มันบ่นออกมา


   “ แล้วเล่นอะไรถึงจะสนุกอะพี่” ผมหันหน้าไปถามพี่มันที่นั่งเอาหน้าหล่อๆปะทะกับสายลมเบาๆจนผมพี่มันปลิวสไวอยู่อย่างนั้น


   “ นั่งเฉยๆ กูว่าก็น่าจะดีเหมือนกัน” พี่มันตัดความรำคาญด้วยการหันหน้าหนีผมไปทางอื่น ผมก็ไม่ได้กวนอะไรต่อจนกระทั่งผมหลับตาเพื่อปล่อยให้สายลมและความอบอุ่นนี้พัดพาให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจากการเรียนและเรื่องต่างๆที่ผมเจอ


   “ ไปวัดไหม”


   “ หื้มม” ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาหลังจากได้ยินพี่มันชวนผมไปวัด นี่ผมไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม “ คิดไงจะพาผมไปวัด”


   “ ตั้งแต่รู้จักกับมึงว่า มึงก็เจอแต่เรื่องซวยๆตลอด” เอาจริงๆนะ ผมก็อยากจะบอกว่าซวยเพราะรู้จักพี่มันนั่นแหละ แต่เอาเป็นว่าผมไม่พูดออกไปดีกว่า เดี๋ยวพี่มันจะรู้สึกไม่ดี อีกอย่างนะครับผมก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าการที่ผมรู้จักกับพี่กรมมันจะทำให้ผมรู้สึกแย่ มันกลับกลายเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ผมได้รู้จักกับพี่มัน


   “ ผมเข้าวัดแล้วจะร้อนครับ”


   “ กูก็ลืมไปว่ามึงเป็นผี ฮ่าๆ” ยิ่งผมมองรอยยิ้มที่พี่มันยิ้มหรือหัวเราะออกมานั่นก็ทำให้ผมพลอยรู้สึกดีไปด้วย อย่างนี้เข้าเรียกว่าพี่ชายมีความสุขน้องอย่างผมมีความสุขไปด้วยอย่างนั้นหรอครับ??


   ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เอาเป็นว่าผมจะไม่คิดอะไรก็แล้ว ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็พอ แค่ทุกวันนี้ผมก็มีความสุขอยู่แล้วครับ


   แต่ยิ่งใกล้ชิดสมองของผมมันก็สั่งให้ผมเลิกหลอกตัวเอง เลิกหลอกความรู้สึกตัวเอง


   “ มองหน้ากูแล้วเคลิ้มเลยดิ?” เมื่อเห็นว่าผมจ้องพี่มันอยู่นานพี่กรมก็หันหน้ามาปะทะเข้ากับสายตาของผมที่มองพี่มันอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม


   “ ก็....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา มือของพี่กรมเลื่อนมาจับอะไรบางอย่างที่หน้าของผมออก


   “ เศษใบไม้ติด ซนจริงๆ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจับไปที่มือของพี่กรมที่อยู่บนหน้าของผมเบาๆ และนั่นทำให้พี่กรมขมวดคิ้วสงสัย


   “ ทำไมใจดีกับผมจัง”


   “ อยากรู้คำตอบ???”


   “ ครับ”


   “ กูไม่บอก”


   “ พี่!” ผมลุกขึ้นนั่นทันที พี่แม่งมาเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของผมได้ไงกันหวะ?? “ ผมซีเรียสนะเว้ย”


   “ สาบานว่านี่ซีเรียสแล้ว” เหมือนพี่มันยังคงไม่รู้ว่าผมจริงจังกับคำถามแค่ไหน เพราะเหมือนว่าผมยิ่งแสดงอาการออกไป พี่กรมก็หยิ่งแหย่ให้ผมหงุดหงิด


   “ ถ้าพี่ไม่ตอบ ผมจะไม่คุยกับพี่นะเว้ย ผมจะสั่งคว่ำบาตร”


   “ โอโห้ คำโบราณฉิบหาย” พี่กรมดูจะไม่สนใจผมจริงๆอะครับ และนั่นทำให้ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่บอกก็ไม่บอกกูก็ไม่อยากรู้แล้วก็ได้ครับ ไอ้ฉิบหาย!


   “ น้องผี” ผมหันไปตามที่พี่กรมที่เรียก และจังหวะนั้นเองที่ทำให้จมูกของผมชนเข้ากับจมูกของพี่มัน เพราะผมไม่ทันได้สังเกตว่าพี่กรมมันยื่นหน้าตามผมมาด้วย


   “ อัลไล” ผมกลบเกลื่อนด้วยการยื่นหน้าของตัวเองให้ออกห่าง พร้อมกับทำสีหน้าและน้ำเสียงหงุดหงิดใส่พี่กรมมันไป


   “ ไม่รู้ว่าทำไมต้องใจดีกับมึง รู้ตัวอีกทีก็ใจดีไปแล้ว” พี่กรมวางมือของเขาลงบนศีรษะของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่มันโยกศีรษะของผมเล่นเบาๆ “ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นแบบนี้ไม่นาน”


   “ พี่หมายความว่าไง?”


   “ จริงๆกูดุนะพี แค่มึงยังไม่เคยเจอก็แค่นั้น ถ้าไม่อยากให้ดุก็อย่าทำอะไรที่ขัดใจ โดยเฉพาะ....” พี่มันเว้นวางเอาไว้ก่อนที่จะโน้มหน้ามาใกล้ๆกับใบหน้าของผมอีกครั้ง


   “ .....?”


   “ กูไม่บอก!” พูดจบพี่มันก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ซักถามอะไรอีกเลย เพราะพี่มันวิ่งเข้าสนามไปเล่นกับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย...


   “ แฟนน้องน่ารักดีนะครับ” ผมหันไปมองตามเสียงทันที คือกูยังงงกับพี่กรมไม่หายอยู่ๆก็มีใครที่ไหนไม่รู้มานั่งข้างๆผมแทนที่พี่กรมที่พึ่งวิ่งไป


   “ แฟน?”


   “ ก็เมื่อกี้ พี่ก็มารอแฟนเตะบอลเหมือนกัน”


   “ ห้ะ????”   


   “ เปิดกว้างครับ เดี๋ยวนี้อะไรก็เปิดกว้างกว่าเดิม”


   “ โทษนะครับ พี่พูดถึงอะไร?” ผมนั่งงงเข้าไปใหญ่กับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูด ดูจากท่าทางที่สะอาดๆและภาพลักษณ์ที่ดูอย่างไงก็น่าจะไม่ใช่เด็กคณะผมแน่ๆ


   “ เปล่าครับ เดี๋ยวน้องก็น่าจะรู้ตัวเองอีกไม่นาน ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน มันไม่ขึ้นอยู่กับเพศ”


   “ อ่า...ครับ” ผมว่านะ...ผมได้กลิ่นอะไรแปลกๆ


   “ ไอ้พี!!!”


   “ ค้าบบบ!” ผมรีบขานรับพี่กรมที่มันตะโกนออกมาทันทีจากด้านในสนาม ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นว่าสีหน้าพี่มันดูเหมือนหงุดหงิดอะไรบางอย่าง


   “ ไปเก็บบอล! ไม่เห็นรึไงว่าบอลมันออกนอกสนาม!!”


   “ ครับพี่!” เอาจริงๆนะผมงง งง กับทุกอย่างในตอนนี้ ช่วยด้วยครับ ปฐพีควรทำอย่างไรดี!!


   “ เร็ว!!!”


   “ ค้าบบบ!!!” ตอนนี้ผมว่าผมควรเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และควรไปเก็บบอลให้ไอ้พี่กรมที่ทำหน้ายักษ์เท้าเอวอยู่ในสนาม ถ้าผมไปช้ากว่านี้รับรองว่าผมน่าจะเจอพี่มันเวอร์ชั่นดุแน่ๆ ผมไปเก็บบอลก่อนนะครับทุกคน


   “ ไอ้พีโว้ยยยยยยยยย”






PS. แอบมาอัพละครับ!!! ขอยาดไปอ่านหนังสือต่อนะจ๊ะ ใครอยากถามอะไรถามทิ้งไว้เลยเด้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2019 11:03:55 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีใจมากเลยตอนเห็นว่าอัพแล้ว คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ ตอนอ่านถึงประโยคพี่กรมคือพี่ชายที่แสนดี คือเบะปากอัตโนมัติ พี่น้องเสินเจิ้น ชอบตอนสุดท้ายมากหวงน้องก็บอกหวง ไม่ต้องเรียกชื่อน้องเสียงดังนะพี่กรม :-[ เป็นกลจให้คุณไก่ทอด อยากรู้ว่าจะมาอัพอีกตอนไหน เราเข้ามารอทุกวันเลยคิดถึงน้องผีทุกวัน :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ดีใจมากเลยตอนเห็นว่าอัพแล้ว คุณไก่ทอดสู้ๆนะคะ ตอนอ่านถึงประโยคพี่กรมคือพี่ชายที่แสนดี คือเบะปากอัตโนมัติ พี่น้องเสินเจิ้น ชอบตอนสุดท้ายมากหวงน้องก็บอกหวง ไม่ต้องเรียกชื่อน้องเสียงดังนะพี่กรม :-[ เป็นกลจให้คุณไก่ทอด อยากรู้ว่าจะมาอัพอีกตอนไหน เราเข้ามารอทุกวันเลยคิดถึงน้องผีทุกวัน :L1: :กอด1:
จะมาพรุ่งนี้อีกวันแล้วลากยาวไปถึงวันที่ 7 และกลับมายาวๆวันที่ 10 เลยค่ะคุณ nikpook เราขอบคุณมากๆเลยนะ เราขอบคุณจริงๆที่อยู่กับพี่กรมน้องพีมาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่คุณ nikpook ที่เข้ามารออ่านนะ เราก็เข้ามารอเช่นกันนนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด