Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563  (อ่าน 60870 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เรื่องนี้เหมือนจะมีเงื่อนงำ.  :hao4:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นกำลังใจให้น้องผีกับพี่กรม น้องผีใจเย็นๆนะ เจ๋งคือนิสัยเลวมากสารเลวมาก ไม่เข้าใจว่าท่านทำแบบนี้ทำไม คนที่จ้างเจ๋งสารเลวคือท่านพ่อพี่กรมใช่มั้ย  รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกลจให้คุณไก่ทอดนะคะ :pig4: :L1: :3123:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พีก็ใจร้อนเกินไปนะ ทำไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง พอมาเสียใจที่หลังมันก็ไม่น่าสงสารอ่ะ

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่นะคะ :3123:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 18

สลับตัว




Jaota’s talk





              และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงวันที่ผมจะมาเป็นไอ้กรมบ้าง สวัสดีครับผมลืมแนะนำตัวไป ผมเจ้าท่า ฐานินทร์ เป็นพี่ชายของไอ้กรมรินทร์น้องรักครับ ที่ทุกคนรู้ดีว่าไอ้กรมมันเป็นน้องชายฝาแฝดของผมเรื่องความหล่ออย่าให้คุยเชียวว่าผมหล่อกว่ามันมากโข จากเหตุการณ์เมื่อวานผมก็ต้องเข้ามาเรียนที่มหาลัยของไอ้กรม ไกลจากที่ผมอยู่เลยทีเดียว แต่คุ้มครับผมว่าคุ้ม แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือ ผมจะต้องไปไหนต่อ





              “ ไอ้กรม??” ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเจอผู้ชายสามคนที่ผมคุ้นๆหน้าเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนของไอ้กรมมัน แต่ประเด็นผมดันจำชื่อมันไม่ได้ว่าพวกมันชื่อไรบ้าง





              “ ไง” ผมยกมือขึ้นทักทายพร้อมรอยยิ้มหล่อๆ





              “ ไงเหี้ยไร” เอ้า! ไอ้ฉิบหายแล้วปกติไอ้ท่ามันทักทายเพื่อนมันอย่างไงหวะ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน





 “ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นพนมแนบอกพร้อมเท้าชิดเปิดปลายเท้าแยกเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆโค้งให้พวกเพื่อนๆของไอ้กรม





“ ไอ้กรม??? มึงเป็นส้นตีนอะไร” ไอ้คนตัวสูงที่หน้าตาหาเรื่องเดินมาตบหัวผมแรงๆหนึ่งทีก่อนที่มันจะจับผมหมุนไปหมุนมาเหมือนจ้องจะจับผิดอะไรบางอย่าง ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยหรอหวะ? ผมว่าไม่นะผมเหมือนไอ้กรมจะตายไป





“ เอ่อ..ผม ผมปกติครับ”





“ มึงไม่ปกติ” ส่วนไอ้หน้าหล่อ อะ ยอมให้มันหล่อกว่าผมก็ได้เดินขมวดคิ้วเข้ามาสมทบกับเพื่อนที่ตบหัวผมไป





“ ไปตัดผมมาหรอหวะ ย้อมด้วย เจาะหูด้วย” ส่วนอีกคนที่หน้าตาแบดๆหน่อยตามสไตส์ที่สาวๆชอบเดินมาจับผมของผมและพิจารณา





“ อ่า เปลี่ยนสไตส์ครับเพื่อน” ผมออกห่างจากพวกมันเล็กน้อย เดี๋ยวแม่งจะจับได้ว่าผมไม่ใช่ไอ้กรม





“ มึงออกมาได้ไงวะ ไหนว่าต้องรอกว่าพ่อมึงจัดการเสร็จ หรือจัดการเสร็จแล้ว” ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบเพื่อนๆไอ้กรมว่าอย่างไรดี แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไอ้เด็กพีว่าที่แฟนของน้องชายผมวิ่งเข้ามาสวมกอดผมอย่างจังจนผมเองไม่ทันได้ตั้งตัว





“ คิดถึง!!” ไอ้พีซุกหน้าลงมาที่ไหล่ของผม เป็นครั้งที่สองที่มันกอดผม แต่อยู่ๆมันก็ชะงักไปทันที  อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนี่จับได้แล้วว่าผมไม่ใช่ไอ้ท่า อยู่ๆไอ้พีมันก็รีบผลักออกและมองหน้าผมอย่างพิจารณา





“ ผมว่าหละ” ผมส่ายหัวทันทีก่อนจะเดินไปรวมกับพวกเพื่อนๆของไอ้กรม





“ อะไรไอ้พี” เพื่อนคนหนึ่งของไอ้กรมพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของไอ้พี ผมพยายามทำสัญลกษณ์ว่าอย่าพูดอะไรออกไป แต่ไม่ทันครับ....ผมห้ามมันไม่ทัน





“ พี่เจ้าท่าพี่ชายฝาแฝดของพี่กรม”


 “ ห้ะ?????!!!”


เรียบร้อยไปตามระเบียบ ถูกจำได้เพราะไอ้พีคนเดียวเลยครับ...ลาก่อยบทบาทสมมติเป็นไอ้กรม





 

ตอนนี้ผมมานั่งที่โรงอาหารในคณะของไอ้กรมพร้อมกับเพื่อนๆและไอ้พี ทั้งหมดมันจ้องหน้าผมอย่างพิจารณา บางก็จับจมูก จับปาก จับหน้า บังคับให้ผมหันซ้ายทีขวาทีจนพวกแม่งมันพอใจถึงได้หยุด





              “ เหมือนเกินไป” ไอ้คนที่ถามมันแนะนำตัวว่ามันชื่อเทพบุตร แต่หน้าแม่งไม่เทพบุตรตามชื่อเลยครับ ทำไมผมมองว่าหน้าไอ้เทพมันแอบน่ารักกว่าชื่อมันอีกหวะ แต่ผมก็หยุดความคิดนั้นเพื่อตอบคำถามมัน





              “ ก็ฝาแฝดไง” ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมผมกับไอ้กรมมันถึงเหมือนขนาดนี้ ขนาดที่ว่าบางครั้งพ่อกับแม่ยังแยกไม่ออกเลยครับ





              “ แต่มันเหมือนเกินไปหวะ แต่ไอ้กรมมันออกไปทางลุคดูดี แต่มึงดูเลว”





              “ อยากได้คนเลวเป็นผัวไหมครับ” ผมยิ้มให้เทพบุตรด้วยรอยยิ้มที่ใครได้เห็นต้องพากันเป็นลมทุกที แต่ครั้งนี้ผมว่าไม่ใช่ว่ะครับ





              “ ผัวส้นตีนไรมึง” เทพบุตรไม่มีวี่แววหรือท่าทีเขินเลยครับ หรือว่าเวลามันเขินมันจะแกล้งด่ากลบเกลื่อนไปอย่างนั้น





              “ แล้วมึงมาทำไมหวะ?” คนที่ดูหล่อที่สุดที่มันแนะนำว่าชื่อ วิน หรือ ชวิน ถามขึ้นมา





              “ แค่อยากรู้ว่าสังคมของไอ้กรมมันเป็นอย่างไง แล้วก็อยากรู้ว่าใครคือคนที่มันชอบหาเรื่องไอ้กรม” นี่คือเจตนารมณ์ของผมเองครับที่มาวันนี้





              “ เออดี วันนี้มันมีควิซ” ไอ้ชวินอะไรนั้นพูดขึ้นผมนี่อึ้งเลยครับ คือผมกะมาแค่เล่นๆแต่ไม่คิดว่าจะต้องมาจริงจังอะไรขนาดที่จะควิซแทนไอ้น้องชายได้





              “ มึงเรียนคณะอะไร”





              “ เรียนรัฐศาสตร์เหมือนกัน แต่ว่า..คนละสาขานะ” ผมนั่งอธิบายให้พวกมันฟังว่าผมเรียนสาขาการระหว่างประเทศซึ่งเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของไอ้กรมมันก็เรียนอยู่สาขาเดียวกับผม ตอนแรกก็แค่กะจะมาเอาขำแต่แม่งไม่ขำแล้วครับเมื่อตอนนี้ผมต้องมานั่งควิซเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโลกซึ่งมีเนื้อหาที่ผมเคยเรียนไปแล้วบ้าง แต่ก็ดีที่ควิซวิชานี้เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมเรียนการระหว่างประเทศมันก็ค่อนข้างที่จะง่ายเลยทีเดียว เดี๋ยวผมจะอธิบายเกี่ยวกับควิซนี้ให้ฟังนะครับ





              จงอธิบายแนวคิดของ เคนส์ ในระบบเศรษฐกิจ และให้วิเคราะห์ว่าประเทศไทยสามารถใช้ลักษณะเศรษฐกิจแบบของเคนส์ได้ไหม แล้วถ้าได้จะใช้ในช่วงของยุคสมัยไหน





              ก่อนอื่นเลยนะครับ...ผมต้องเขียนคำตอบลงไปในกระดาษก่อน วิชานี้เป็นวิชาที่ไอ้เทพบุตรอะไรนั่นบอกว่าเป็นวิชาเรียนรวมหรือเรียกว่าเป็นวิชาแกนของคณะที่ทุกสาขาต้องเรียน และโชคดีไปอีกที่ว่าเพื่อนๆของไอ้กรมมันก็เรียนเซคเดียวกับผม ก็อุ่นใจครับดีกว่าผมต้องนั่งเรียนโง่ๆอยู่คนเดียว





              “ ถ้าเสร็จแล้วส่งเลยนะคะ” อาจารย์ผู้หญิงอายุน่าจะไม่เยอะพูดขึ้นท่ามกลางเสียงบ่นของนักศึกษา เพราะอาจารย์พึ่งแจกกระดาษไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เรียนเก็บแล้ว ดูท่าว่าน่าจะยังไม่มีใรเสร็จครับ ถึงเวลาที่พี่จะแสดงให้ทุกคนเห็น ไอ้กรมมึงต้องเฉิดฉายในวิชานี้





              ผมเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะเดินหยิบกระดาษที่ผมเขียนคำตอบเสร็จเดินหล่อๆไปส่งให้อาจารย์สาวที่นั่งรอรับกระดาษอยู่หน้าห้อง อาจารย์เธอรับกระดาษคำตอบของผมมามองที่คำตอบที่ผมเขียนเล็กน้อย จากรอยยิ้มที่มุมปากของอาจารย์ผมว่าอาจารย์น่าจะพอใจในคำตอบของผมระดับหนึ่งนะครับ     



   

              “ ดีมากกรมรินทร์”





              “ ครับอาจารย์” ผมยิ้มและโค้งให้อาจารย์เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับเข้ามาที่เดิม ผมเห็นว่าเพื่อนของไอ้กรมเองก็ตั้งใจทำกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะไอ้ข้างๆผมอย่างเทพบุตร





              “ ช่วยไหม?” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆผมที่กำลังขมวดคิ้วอยู่





              “ ไม่ต้องเสือก” รุนแรงดีครับ ผมชอบ ตอนนี้ผมว่างจะมาบรรยาลักษณะไอ้เทพบุตรให้ทุกฟังจินตนาการอย่างคร่าวๆนะครับ





              ไอ้เทพเป็นคนที่ไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่ม แต่ไม่ได้ตัวเล็กหรือเตี้ยล้ำเหมือนไอ้พี หน้าตาของมันก็ค่อนข้างที่ขาวเนียนแต่ติดที่หนวดที่มันไว้ทำให้บดบังใบหน้าเนียนๆของมัน มาที่ตากันบ้างครับไอ้เทพเป็นบุคคลที่ตาตี่เรียกได้ว่าตาชั้นเดียวแบบลูกคนจีน คิ้วไม่หนาไม่บางกำลังได้อยู่ครับ ลงมาที่จมูกจัดได้ว่าโด่งได้รูปเลยทีเดียวแต่โด่งน้อยกว่าผมนิดนึง ส่วนปาก...อื้อ ก็บางดีครับสีออกแดงคล้ำๆตามสไตส์ผู้ชายที่น่าจะสูบบุหรี่แต่ไม่จัดเท่าไหร่





              “ จ้องหน้ากูหาพ่อมึงหรอ?”  ไอ้เทพมันวางปากกาลงบนโต๊ะพร้อมกับสายตาที่ส่มาให้ผมอย่างไม่เป็นมิตร





              “ หาอย่างอื่นได้ไหมครับ”





              “ ส้นตีนกูอะได้ มาดิ” เทพบุตรไม่อ่อนโยนเลยแหละครับ ผมก็พึ่งรู้อีกเหมือนกันแหละว่าเพื่อนไอ้กรมก็น่ารักดี ไว้ผมจะมาเล่นกับเทพบุตรใหม่ถ้ามีโอกาส ไม่รู้นะว่าไอ้กรมมันจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะเต๊าะเพื่อนมันแบบนี้





              “ เสร็จแล้วหรอครับ” ผมเท้าคางยิ้มให้เทพที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ





              “ ไม่ยุ่งเรื่องของกูสักเรื่องมึงจะตายไหมวะไอ้ท่า มึงกับกูพึ่งเคยเจอกันนะ”





              “ ใครว่าหละ...” ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมแอบสืบเรื่องไอ้กรมก็บ่อย ก็พอจะรู้จักบ้างแต่....ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ





              “ K” เทพยกนิ้วกลางให้ผมพร้อมกับคำด่าที่รุนแรงก่อนที่มันจะเดินไปส่งควิซกับอาจารย์ และกลับมานั่งที่เดิมโดยที่ไม่สนใจผมอีกเลย ส่วนเพื่อนอีกสองคนของไอ้กรมก็หน้าตาดีนะครับหล่อเลย แต่ขอโทษ..พอดีผมไม่ค่อยอยากจะยุ่งเท่าไหร่







 

              ผมว่าภารกิจวันนี้ของผมน่าจะพอแล้ว แม้ว่าจะไม่เจอคู่อริของไอ้กรมก็ตาม ไว้ผมจะมาใหม่ก็แล้วกันนะครับ อ่อนโยนแก่จุดซ่อนเร้น เล่นกับจุดอ่อนไหว อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร กระซิบบอกเจ้าท่าได้ทุกนาที อะฮึ๋ย! สโลแกนผมแม่งโคตรเด็ด







 

ความยาวเกินต่อด้านล่างเด้ออ


PS. ความรักมาพร้อมอุปสรรค์

วันนี้มาชดเชยแบบไม่ตัดตอนไปเลยเด้อ ชดเชยเมื่อวาน เมื่อวานไรท์ติดนิยายจนลืมดูเวลาอ่านจบก็ดึกสุดๆไปเลย

อย่าโกรธไรท์นะทุกคนนนนนน

จะจบแล้วนะคะเรื่องพี่กรม ฝากเรื่องพี่คินไว้ในอ้อมใจด้วยเด้อ


ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

ต่อจ้าาาาาาาาาาาาา

Pee’s talk





              วันนี้ผมดีใจมากที่เห็นว่าพี่กรมมาเรียนแต่.....เหมือนดับฝันเมื่อรู้ว่านั้นไม่ใช่พี่กรมของผม แต่เอาเถอะก็แค่ได้เห็นหน้าที่คล้ายๆกันก็โอเค  พอให้หายคิดถึง..





              “ ไอ้บิวแดกข้าวไหมมึง” เมื่อเลิกเรียนเสร็จไอ้บิวถามผมขึ้น ปกติผมก็ไปกินข้าวกับพวกมันแหละครับไอ้เจ๋งด้วย แต่มันคงจะไม่มีอีกแล้ว ผมเห็นว่าเลิกเรียนแล้วไอ้เจ๋งรีบเก็บของออกจากห้องไปเลย ผมยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมอารมณ์ร้อนเกินไป แต่พอมาคิดได้..ทำไมผมถึงไม่ถามเหตุผลว่าทำไมมันถึงทำอย่างนั้นกับผม เอาไว้ผมมีสติมากกว่านี้ผมพจะเข้าไปถามมันก็แล้วกัน





              “ ที่ไหน”





              “ ห้างไหม อยากดูหนังด้วย” ผมพยักหน้าให้ไอ้บิวตามที่มันชวน ช่วงนี้ผมเองก็ไม่ได้ไปดูหนังเลยครับ ไปพักผ่อนสมองบ้างก็ดี





              ผมมีเรื่องกังวลอยู่อีกหนึ่งเรื่องก็คือ...ผมยังไม่ได้บอกพี่กรมว่าผมถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน ในข้อหาที่ผมไปต่อยไอ้เจ๋งวันนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผมบอกพี่กรมไปพี่กรมจะโกรธผมไหม เขาชอบย้ำกับผมว่าผมไม่ควรใช้กำลังในการตัดสินปัญหา แต่ผมทำไปแล้ว ตอนนั้นผมไม่มีสติจริงๆ ผมปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจนได้





              “ กินข้าวไหมมึง” ตอนนี้ผมกับไอ้บิวมาถึงที่ห้างหลังจากที่วนหาที่จอดรถอยู่นานจนกระทั่งได้ที่จอดก็ปาไปหลายนาทีเลยทีเดียวครับ





              “ เอาดิๆ” ผมเองก็ตอบรับคำชวนของไอ้บิวทันทีเพราะผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน





              “ แหลมเจริญไหม 888 อยากแดกปลาทอด”





              “ เอาๆๆ” ผมเดินตามไอ้บิวเข้าไปในร้านแหลมเจริญ ดีครับช่วงนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เลยไม่รอคิวนาน เมื่อเดินเข้ามานั่งไอ้บิวก็เป็นคนจัดแจงสั่งอาหาร เมื่อมีเวลาว่างผมเลยเล่นโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเพื่อว่าพี่กรมมันจะตอบผมบ้าง เมื่อกดเข้าไปในแอพลิเคชั่นประจำที่คุยก็ไม่ขึ้นว่าพี่มันตอบหรือแม้กระทั่งอ่านข้อความเลย





              “ หน้าบึ้งอะไรหวะ?” ไอ้บิวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมสไลด์โทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม





              “ มึงเคยคิดถึงใครมากๆไหม”





              “ อารมณ์ไหนของมึงหวะ” ไอ้บิวเองก็เลิกสนใจโทรศัพท์ของตัวเองทันทีเมื่อผมเอ่ยถาม “ คิดถึงพี่กรม?”



              “กูว่ากูรักเขาหวะ กูรู้สึกแล้ว” ผมยอมรับแบบแมนๆเลยครับว่าผม..รักพี่มัน มันไม่ใช่แค่ชอบแล้ว ผมเลิกหลอกตัวเอง เลิกหลอกความรู้สึกทุกอย่าง จริงๆมันก็ชัดเจนมานานแล้วแต่ว่าการที่เห็นไอ้เจ๋งมันโพสแบบนั้นที่ทำให้พี่กรมเสียหาย ผมแทบจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ซึ่งผมก็ต้องขอบคุณมันเหมือนกันที่ช่วยกระตุ้นให้ผมรู้ใจตัวเองและกล้าที่จะยอมรับมากขึ้น “ กูคิดถึงจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ กูอยากบุกไปหาพี่มันอีกแต่...กูทำไม่ได้ กูไม่รู้ว่ากูต้องทำอย่างไงอะบิว กูต้องทำอย่างไงให้พ่อพี่มันยอมรับ”


              “ ไอ้พีมึงอาการหนักจริงๆหวะ”





              “ กูไม่เคยจริงจังกับใครเท่านี้เลยนะมึง ความคิดถึงแม่งทรมานฉิบหาย” ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน โอเคอาจจะมีความรักแต่แม่งก็เป็นความรักเด็กๆไอ้ผมเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก จนกระทั่งมาเจอพี่กรมผมผ่านอะไรมากับพี่มันก็เยอะอยู่นะครับ และมันก็มากพอที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าพี่มันคือคนที่จะเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ผมขาดหาย   “ กูเข้าใจมึง” ส่วนไอ้บิวก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีของผมต่อไป ไม่ว่าผมจะเล่าหรือระบายอะไรให้มันฟังมันก็มีอารมณ์ร่วมตลอด ที่สำคัญคือมันไม่ขัดผมเลยครับ





              และแล้วอาหารที่รอคอยก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะทั้งหมดสี่อย่างตามที่บิวสั่ง ก่อนที่จะรับประทานไอ้บิวมันก็เตรียมจะจิ้มปลาทอดน้ำปลาที่มันหมาย แต่ผมตีมือมันก่อนเพราะว่าผมยังไม่ได้ถ่ายรูป





แชะ





น้องพีสุดหล่อจนพ่อต้องตะลึง : sent a photo





              ผมกดถ่ายรูปอาหารส่งไปให้พี่กรมในไลน์ ก็รู้นะว่าอย่างไงพี่มันก็ไม่อ่าน แต่ได้แค่ส่งผมก็รู้สึกดีแล้วแหละครับมันกลายเป็นกิจวัตรประจำทุกวันที่ผมต้องทำ





              หลังจากที่ถ่ายรูปส่งไปให้พี่กรม ผมก็กลับมานั่งกินอาหารกับไอ้บิวต่อ เราก็คุยกันไปเรื่อยครับจนกระทั่งผ่านไปไม่นานอาหารสี่อย่างก็ถูกผมและไอ้บิวจัดการไปหมดแล้วเรียบร้อย





              “ ไอ้พี!” อยู่ๆไอ้บิวก็รียกผมเสียงดังเหมือนว่ามันตกใจอะไรบางอย่าง “ อย่าหันไปมึง” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ๆไอ้บิวก็ทำท่าทีร้อนรนจนผมหันไปมองทางด้านหลังแต่มือไอ้บิวกลับจับหน้าผมเอาไว้ก่อน





               “อะไรมึงวะ?” ผมพยายามแกะมือมันออก ท่าทางไอ้บิวตอนนี้โคตรมีพิรุธเลยครับ “ อะไร บอกกูไอ้บิว”


              “ เอ่อ..ไม่มีอะไรมึง ไม่มีจริงๆ”


              “ ไอ้บิว นั่นคนเจ็ดหัวนี่หว่า” ผมชี้ไปทางด้านหลังของมันเพื่อให้ไอ้บิวหันไปสนใจ และใช้จังหวะนี้หันไปมองด้านหลังของตัวเอง และภาพที่ผมเห็นก็คือ...พี่กรมเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งในท่าที่ว่าผู้หญิงคนนั้นกอดแขนพี่กรมเอาไว้อย่างแนบแน่น และสีหน้าพี่กรมที่ดูยิ้มแย้มไม่มีท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย





              “ อืม” ผมว่าผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง และนั่นทำให้ผมไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้ เดินออกไปนอกร้านและตรงไปหาพี่กรมทันที





              “ พี่” ผมเดินออกไปขวางทางพี่กรมที่เดินไม่สนใจ เมื่อพี่มันได้ยินเสียงที่ผมเรียก พี่มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย





              “ ฉิบหาย” ไอ้บิวที่วิ่งออกมาจากด้านนอกของร้านร้องขึ้น เมื่อผมยืนเผชิญหน้ากับพี่กรมเต็มๆ





              “ ใครคะกรม” ผู้หญิงท่าทางดูมีภูมิฐานมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันไปถามพี่กรมที่ตอนนี้มองสบตาผมนิ่งๆ





              “ รุ่นน้องที่มหาลัยครับ”





              “ ครับ รุ่นน้องที่เคยเกือบจะได้กัน” ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ ทำให้ปากผมพูดออกมาแบบนั้นโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร





              “ พี”





              “ ไอ้พี!!” ไอ้บิวเข้ามาพาตัวของผมให้ออกห่างไปจากตรงนี้แต่ผมขืนตัวฝืนเอาไว้ ในเมื่อพี่มันกล้าพูดกับผมแบบนี้มันสองครั้งแล้วครับ สองครั้งที่พี่มันไม่อธิบายอะไรเลย





              “ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ เพื่อนผมมันเมา” ไอ้บิวมันโค้งตัวให้พี่กรมก่อนที่มันจะดึงตัวของผมให้ออกมา ถึงแม้ว่าผมจะยอมเดินตามแรงดึงของไอ้บิว แต่สายตาของผมยังคงมองพี่กรมอยู่





              “ มึงไม่น่าพูดแบบนั้นเลยไอ้พี” ทันทีที่มันพาผมออกมาจากบริเวณตรงนั้นมาหาที่นั่งเพื่อให้ผมได้สงบสติอารมณ์





              “ ทำไม กูพูดผิดตรงไหนวะ?”





              “ ไม่คือ...เออ กูไม่รู้จะพูดอย่างไง แต่มึง...มึงน่าจะคิดมากกว่านี้” ไอ้บิวมันพูดออกมาตรงๆและนั่นทำให้ผมรู้เลยว่าครั้งนี้ผมเอาชนะอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกตามเคย





            “ มาคุยกันหน่อย” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่คุ้นหู เห็นว่าเป็นพี่กรมที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าผม ไม่รู้ว่าพี่มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าทำไมผมไม่อยากจะไปคุยตามที่พี่มันบอกเลย





              “...”





              “ พี”





              “ ไอ้พี งั้นเดี๋ยวกูมา” เมื่อไอ้บิวเห็นว่าผมไม่มีทีท่าว่าจะยอมไปตามที่พี่กรมบอก มันก็เป็นเพื่อนที่ดีเป็นฝ่ายลุกขึ้นหนีไปเอง ทำให้ตอนนี้พี่กรมนั่งแทนที่ไอ้บิว





              “ พี คุยกันหน่อย”





              “ พี่จะคุยอะไร”





              “ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใช้อารมณ์”





              “ แล้วทำไมอะ ใช้อารมณ์แล้วมันเป็นอย่างไง” ผมหันไปมองหน้าพี่มันตรงๆ “ ผมทนไม่ได้ว่ะ พี่มันสองครั้งละนะ เออ ผมไม่มีสิทธิ์ก็จริง แต่พี่แม่ง เกินไปหวะ”





              “ พี แค่นี้มึงยังคิดไม่ได้”


              “ แล้วให้ผมคิดอะไร พี่เคยบอกอะไรผมสักอย่างไหม เหมือนผมพยายามอยู่คนเดียว” เมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น สีหน้าพี่กรมดูเข้มขึ้นทันที


              “ แล้วรู้ได้ไงว่ากูไม่พยายาม การพยายามมันต้องให้ใครรู้ด้วยหรอวะ”





              “ ก็ไม่ แต่พี่ก็ควรบอกให้ผมรู้ไหมอะพี่กรมว่าพี่กำลังทำอะไร”





              “ ถ้ากูบอกมึงได้ กูบอกไปแล้วพี่ ที่กูทำทุกอย่างตอนนี้ก็เพื่อมึงทั้งนั้น”


              “ ไปมีความสุขกับผู้หญิง นี่คือเพื่อผมอย่างนั้นดิพี่? ถ้าผมไปทำอย่างนั้นบ้างแล้วอ้างเหมือนพี่อย่างนั้นก็ได้ดิ”


              “ มึงไม่มีเหตุผล”





              “ ครับ ยอมรับ” พี่กรมพยายามระงับสติอารมณ์ให้มากที่สุด ก่อนที่พีจะลอบถอนหายใจออกมา “ กูพยายามอยู่ ถ้ามึงไม่รู้กูจะบอกเอาไว้”





              “ ครับ”





              “ อย่าเป็นแบบนี้” พี่กรมเอื้อมมือมาจับมือผมเบาๆ “ อย่าใช้อารมณ์เคยบอกไปกี่ครั้งแล้ว”





              “ ก็ผมทนไม่ได้”     





              “ พี กูบอกอะไรมึงไม่ได้จริงๆ” พี่กรมเหลือบไปมองทางด้านหลังของผมแต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองตาม จากมือที่จับอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆปล่อยออกมาจากมือของผมอย่างช้าๆ เหมือนว่าเขาจำเป็นต้องปล่อยออกก่อนในตอนนี้ “ แต่อยากให้รู้ไว้ว่าทุกอย่างกูพยายาม แต่มันจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมึงพยายามด้วย มันขึ้นอยู่ที่มึง จำคำพูดกูเอาไว้นะพีว่ามันขึ้นอยู่ที่เราสองคน” ผมนั่งคิดถึงคำพูดที่พี่กรมพูด ผมยอมรับเลยว่ามันโคตรไม่เข้าใจเลย การที่พี่กรมอธิบายแบบนี้มันทำให้ผมต้องคิดอีกชั้นให้ลึกไปกว่าเดิม ผมต้องพยายาม? แล้วผมต้องพยายามในเรื่องอะไร





              “ ผมไม่เข้าใจ”





              “ มึงทำพลาดไปแล้วหนึ่งเรื่อง แต่น่าจะพอมีโอกาสอยู่ อย่างไงกูก็จะพยายามให้มันดีที่สุดสำหรับเรา” ผมทำพลาด? ผมทำอะไรพลาดไป





              “ ผมทำอะไรพลาด”





              “ กูบอกอะไรไม่ได้ นอกจากอารมณ์ของมึง” อารมณ์ของผม...ผมนั่งทวนคำพูดของพี่กรมซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง





              “ พี่อย่าบอกนะว่า...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดออกมาพี่กรมใช้นิ้วชี้ของเขาแตะเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา   “ ขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรเลย แต่พูดได้แค่นี้จริงๆ” พี่กรมดูอ่อนไปจากตอนแรกที่เข้ามาหาผมและบอกว่าอยากคุยด้วย ท่าทีตอนนั้นคือพี่กรมมีสีหน้าที่จริงจังมาก มากกว่าตอนนี้





              “ พี่ผม...”





              “ มึงทำดีที่สุดแล้ว แต่กู...เชื่อว่าทำได้ดีมากกว่านี้นะ” เมื่อพี่มันพูดจบพี่กรมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งข้างๆผมทันที แต่ยังไม่ทันที่พี่มันจะได้ไปไหน ผมรั้งแขนพี่มันเอาไว้ก่อน ส่วนพี่กรมเองก้มลงมองที่มือของผมที่จับมือของพี่มันเอาไว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ละมุลส่งมาให้ผมที่นั่งอยู่





              “ เมื่อไหร่”





              “ อีกไม่นานเกินรอ” พี่กรมใช้มืออีกข้างวางบนศีรษะของผมเบาๆ “ จะบอกอะไรให้ฟัง” พี่กรมโน้มตัวลงมาใกล้ๆผม พร้อมกับกระซิบที่ข้างๆหู





              “ ......”





              “ กูรู้สึกกับใครไม่ได้อีกแล้ว”





              “ ผะ...ผม”





              ไอ้เชี่ย!!! ทำไม ทำไม ทำไม เกิดคำถามขึ้นมากมายอยู่เต็มไปหมด แต่แล้ว....ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ในเมื่อพี่กรมมันทิ้งระเบิดเอาไว้และเดินหายออกไปจากตรงที่ผมนั่ง





              ผมต้องทำให้ได้มากกว่านี้ มากกว่าที่พี่กรมกำลังพยายาม

 

Jaokom’s talk





              ผมเดินออกมาหลังจากที่พูดกับไอ้พีไป รอยยิ้มในตอนนั้นมันค่อยๆลบเลือนหายไปเมื่อผมเดินออกมา รอยยิ้มที่ผมพยายามทำให้ผมสบายใจว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น แต่จริงๆแล้วตัวของผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะดีอย่างที่ผมบอกกับพีไปไหม แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมต้องมาแก้ตัวชุดใหญ่กับระเบิดที่ไอ้พีมันปล่อยเอาไว้





              “ อย่างไงคะกรม มัทไม่เข้าใจ” ทันทีที่ผมเดินกลับเข้ามาในร้านอาหารที่ ‘มัทนา’ เป็นคนเลือก โดยที่ผมอ้างกับเธอว่าขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำในช่วงที่ผมไปหาพี





              “ อ่อ ก็รุ่นน้องไม่มีอะไรหนิครับ” ผมค่อยๆเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามกับเธอ “ มัทสั่งอะไรไปรึยังเอ่ย”





              “ กรมเปลี่ยนเรื่อง” ผมลอบถอนหายใจออกมาทันทีที่เธอยังคงจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่จับผิด “ มัทว่าเด็กคนนั้นเหมือนหึงกรมอย่างไงอย่างงั้นค่ะ” ไอ้พีหึงผม? อ่า ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหลังจากที่ผมต้องเครียดมาหลายวัน ว่าแต่ว่ามันแสดงออกชัดจนมัทสังเกตเห็นได้ก็ถือว่าน่าจะเอาเรื่องอยู่





              “ มัทคิดมากไป กรมบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร มัทไม่เชื่อกรมหรอครับ” เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี ไอ้ผมก็งัดไม้ตายทำสายตาออดอ้อนปนขอร้องตามที่ไอ้ท่ามันเคยสอนผมเมื่อนานมาแล้ว





              “ โถ่กรมคะ เชื่อก็ได้ค่ะ” ก็แค่ยิ้มทำสีหน้าสลดลงนิดหน่อย แต่ทำให้มัทยอมเชื่อได้ผมว่ามันก็คุ้มแล้วครับ









ต่อจ้าด้านล่างอีกจ้า

PS. ความรักมาพร้อมอุปสรรค์

วันนี้มาชดเชยแบบไม่ตัดตอนไปเลยเด้อ ชดเชยเมื่อวาน เมื่อวานไรท์ติดนิยายจนลืมดูเวลาอ่านจบก็ดึกสุดๆไปเลย

อย่าโกรธไรท์นะทุกคนนนนนน

จะจบแล้วนะคะเรื่องพี่กรม ฝากเรื่องพี่คินไว้ในอ้อมใจด้วยเด้อ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ต่อจ้าาาาาาาาาาา


              ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ของผมก่อน เพื่อให้หายส่งสัย จำได้ไหมครับวันที่ไอ้พีมันเดินไปบอกพ่อของผมว่าให้ผมคบกับมันได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ





              ‘พ่อรับไม่ได้จริงๆกรม’ ผมเองก็เข้าใจท่านนะครับว่าน่าจะรับไม่ได้ โดยเฉพาะกับผม สีหน้าของพ่อดูแย่และผิดหวังมาก มันเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด





            ‘ กูไม่คิดว่ามันจะมาบอกเร็วขนาดนี้ กูกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมา’ ไอ้ท่ามันทิ้งไว้แค่นั้นก่อนที่มันจะเดินออกจากบ้านไป ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับพ่อสองคน





              ‘ พ่อ’





              ‘ กรม...พ่อพยายามจะรับมันให้ได้นะ แต่พ่อก็ทำไม่ได้’


              ‘ ก็แค่ผมชอบเพศเดียวกัน ผมไม่ได้ฆ่าใครตายนะพ่อ’


              ‘ ก็รู้ แต่แกไม่เข้าใจฐานะบ้านเรารึไง’ ผมกรอกตาขึ้นทันทีที่พ่อใช้ข้ออ้างเรื่องฐานะน่าตาทางบ้านขึ้นมาใช้กับผมอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อครั้งแรกพ่ออ้างเรื่อนี้ตอนที่บังคับให้ผมสอบเข้าและเรียนคณะรัฐศาสตร์ โดยอ้างเหตุผลว่าบ้านของเราเป็นนักการเมืองควรเรียนและทำงานด้านนี้ ผมแม่งโคตรไม่เข้าใจ แต่ผมก็ยอมเพราะเห็นว่าเนื้อหาและหลักสูตรมันก็น่าจะไปทางอื่นได้โดยไม่ได้เข้าทางสายการเมืองเหมือนที่พ่อหวัง


              ‘ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นครับ’


              ‘ กรม แกไม่เคยดื้อกับพ่อ’


              ‘ พ่อครับ ผมขอแค่เรื่องนี้ พ่อบังคับผมมาเยอะแล้ว แค่เรื่องหัวใจให้ผมตัดสินเองไม่ได้หรอครับ?’         





              ‘ แล้วหัวใจมันกินได้ไหม มันเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแกได้ไหม’





              ‘ พ่อพูดแบบนี้หมายความว่าไง?’ ผมว่าคำพูดของพ่อมันแปลกๆ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด....





              ‘ พ่อหาคนที่คู่ควรให้แก่ได้แล้ว’ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด


              ‘ ผมไม่อยากจะพูดแรงๆกับพ่อนะ แต่พ่อพอเถอะครับเงินที่ได้มาที่มีมามันยังไม่พอใช้อีกหรอ? หรือต้องมันเยอะขนาดไหนพ่อถึงจะพอใจ ถามจริงๆนะพ่อ ที่พ่อทำอยู่เพื่อผมหรือเพื่อตัวเอง’ หลังจากที่ผมพูดจบสีหน้าของพ่อดูโกรธและไม่พอใจ แต่ท่านก็ไม่ได้แสดงท่าทางออกมา ส่วนหนึ่งผมคิดว่าที่ผมพูดมันเป็นเรื่องจริง


              ‘ ทุกอย่างก็เพื่อแก พ่อยืนยันคำเดิม’





              ‘ ถ้าเพื่อผมจริงก็อย่าบังคับ ผมโคตรอึดอัดเลย’





              ‘ กรม แต่คิดตื้นๆแบบนี้ไม่ได้’





              ‘ มันต้องลึกแค่ไหนครับพ่อ’ ถือว่าเป็นครั้งแรกๆเลยก็ว่าได้ที่ผมลุกขึ้นมาเถียงพ่อโดยไม่มีเหตุผลจริงๆจัง ผมแค่อยากประท้วงก็เท่านั้น





              ‘ แกรักไอ้เด็นนั้นจริงๆหรือแค่อยากประชดที่พ่อชอบบังคับ’





              ‘ ........’





‘ ลองคิดดีๆ แล้วค่อยมาคุยกับพ่อนะกรมมันไม่สาย’ อยู่ๆพ่อก็พูดออกมาแบบนั้นจนทำให้ผมเองก็อึ้งไปอยู่เหมือนกันว่าจริงๆแล้ว ความรู้สึกดีนี้มันคือการที่ผมหลอกตัวเองให้ชอบไอ้พีเพื่อจะได้หามาเป็นข้ออ้างในการต่อต้านการบังคับ หรือผมรู้สึกดีกับมันจริงๆและอยากดูแลมันในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง





              ‘ ผมชอบ ไม่ดิ มากกว่าชอบ’ ยังไม่ทันที่พ่อจะก้าวเดินออกจากห้อง ผมตอบคำถามที่พ่อทิ้งเอาไว้ ‘ไม่ต้องรอผมคิดได้ ผมรู้ว่าถ้าพ่อปล่อยให้ผมคิดนั่นเท่ากับว่าผมลังเล ดังนั้นไม่ต้องหลอกให้ผมคิด เพราะคำตอบของผมมีคำเดียวและจะไม่เปลี่ยนไปแน่นอน ผมชอบไอ้พีครับ’ การที่พ่อให้โอกาสผมกลับไปคิดนั่นก็เท่ากับว่าท่านได้คำตอบอยู่แล้วว่าผมไม่ได้ชอบมันจริงๆ เพราะถ้าผมชอบมันก็ไม่ควรที่จะกลับไปคิด พ่อเป็นแบบนี้....และเป็นแบบนี้มานานแล้ว





              ดังนั้นเรื่องที่ผมอยากจะบอกก็คือ..ผมชอบไอ้พีจริงๆครับ ไม่ได้ใช้มันเป็นเครื่องมือในการต่อต้านอย่างที่พ่อของผมคิด





              ‘หึ มันไม่ง่ายกรม’ พ่อไม่ได้ตอบอะไรและก้าวเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที และทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่นั้นคนเดียวก่อนที่ผมจะโดนลุงชัยคนสนิทของพ่อมาเก็บโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆของผมไปจนหมด และสั่งห้ามไม่ให้ผมได้ออกไปไหนและติดต่อกับใคร ลุงชัยบอกว่านี่คือคำสั่งของพ่อ และทำให้ผมรู้เลยว่าพ่อกำลังทดสอบอะไรบางอย่างอยู่ ที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จนกระทั่งวันที่ไอ้พีมันบุกมาและพ่อผมจับได้....และบอกผมเกี่ยวกับข่าวลือที่ท่านเป็นคนสร้างโดยจ้างเพื่อนสนิทของไอ้พี





              ‘ ฟังพ่อไว้นะกรมมันไม่มีใครที่เราจะไว้ใจได้จริงๆสักคน ครั้งนี้พ่อไม่ผิดที่ทำให้คนของลูกต้องเสียเพื่อน แต่มันเป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งตั้งแต่ต้นลม’ ผมนั่งฟังในสิ่งที่พ่อพูดด้วยความไม่เข้าใจว่าพ่อกำลังจะทำอะไร จนกระทั่งพ่ออธิบายว่าการที่ปล่อยข่าวลือนั้นไปและจ้างให้ไอ้เจ๋งเพื่อนสนิทไอ้พีมันทำคอยหาเรื่องใส่ร้ายผมต่างๆแต่มูลมันก็คือเรื่องจริง เพื่ออยากรู้ถึงความอดทนและการแก้ปัญหาของไอ้พีอย่างไร โดยท่านเล่นกับผมที่เป็นลูกแท้ๆ ในเมื่อผมต้องการและเลือกทางเดินนั้น ก็ต้องกล้าที่จะรับฟังกระแสวิจารณ์จากทุกๆคน โอเคผมรับได้มันก็แค่กลายเป็นเรื่องสนุกของใครหลายๆคนเป็นกระแสที่ถูกปั่นให้ทุกคนให้ความสนใจ ก็แล้วไง? ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ส่วนไอ้พีพ่อบอกกับผมว่า..มันสอบไม่ผ่านเพราะใช้กำลังตัดสิน แต่ให้ความเห็นใจที่มันยังกล้าบุกมาที่บ้านของผมวันนั้นหลังจากที่มีข่าวลือแรกออกมา แต่ถึงอย่างไงเรื่องอารมณ์ผมก็บอกมันไปเสมอแต่ไอ้พีมันเลือกที่จะไม่จำ...เองก็สมควรครับ





              เห้ย! ผมต้องเข้าข้างมันไม่ใช่หรอวะ? แต่ก็นะครับเด็กอย่างไอ้พี





              และบททดสอบที่สองของผมก็อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ครับ มัทนา ลูกสาวของบอร์ดใหญ่บริษัทเอกชนเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์ที่เป็นแหล่งเงินทุนให้พรรคของพ่อผมมาอย่างยาวนาน





              “ มัทอยากได้อะไรอีกไหมครับ” เมื่อเราทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ ผมก็พามัทมาเดิดูของตามร้านต่างๆ ส่วนมากเธอน่าจะเป็นคนพาผมเดินมากกว่า





              “ ไม่แล้วค่ะ บ้านมัทมีหมดทุกอย่างแล้ว” ครับ อันนี้ผมเองก็ไม่เถียงเหมือนกัน บ้านมัทเรียกได้ว่ารวยติดอันดับต้นๆของประเทศเลย ผมว่าผมได้เวลาอันเหมาะสมแล้วแหละครับ





              “ มัทครับ”





              “ คะ” เธอหันมามองทางผม “ มีอะไรหรอคะ”





              “ ผมว่าผมไม่คู่ควรกับมัทเลยสักอย่าง”





              “ กรม? หมายความว่าไงคะ มัทไม่เข้าใจ”เธอเองมีสีหน้าที่งุนงงอยู่เหมือนกัน “ กรมพูดเหมือนเราจะต้องแต่งงานกัน มัทคิดว่าวันนี้น่าจะแค่ออกเดตทำความรู้จัก”





              “ ก็ครับ อนาคตไม่แน่ แต่วันนี้ผมว่าผมไม่สามารถที่จะเป็นผู้ชายที่เดินเคียงข้างมัทได้ไปตลอดชีวิต” มัทเองเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่สวย แต่เธอเก่งและฉลาดทันคนมากๆ





              “ มัทคิดว่ามันหมดยุคที่ต้องมาจับคลุมถุงชน แล้วที่มัทมาวันนี้ คุณพ่อก็บอกแค่ว่ากรมสนใจมัท” ให้ผมเดาที่บ้านของเธอก็ไม่น่าจะบอกเรื่องที่เธอเป็นคู่หมั้น “ จะสานต่อหรือไม่สานก็อยู่ที่เรา มัทว่ากรมก็ดูโอเคนะ”





              “ อ่าครับ” ผมว่าผมเองก็หล่อนะ “ ขอโทษนะมัท กรม...”





              “ โอเคค่ะ มัทไม่สนใจกรม แค่นี้พอใช่ไหม?” เธอมองหน้าผมอย่างพิจารณาก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายพูดออกมา “ กรมฉลาดนะที่กดดันให้มัทเป็นฝ่ายพูด”





              “ ผมเป็นผู้ชายถ้าพูดแบบนั้นมัทจะเสียหาย”





“ แต่กรมได้ประโยชน์?”





“ ครับ ผมไม่เถียง” ข้อดีของการที่เลือกผู้หญิงฉลาดก็ดีเหมือนกันครับ เธอไม่น่าจะงี่เง่าและเอาแต่ใจเท่าไหร่ เพราะดูจากประวัติของมัท ผมว่าผมต้องพูดกับเธอแบบนี้มันน่าจะดีที่สุด เขาเรียกว่าทำการบ้านมาก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง ผมไม่อยากปฏิเสธให้มัทรู้สึกเสียความมั่นใจ แค่กดดันให้เธอพูดปฏิเสธผมออกมาก็น่าจะถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอครับ





‘ทำให้หนูมัทปฏิเสธแก’





และผมทำได้แล้ว..... ขอโทษนะพ่อ ลูกชายพ่อมันเก่งเกินไป ทีนี้ก็เหลือแค่คนเดียวเท่านั้นในภารกิจของผม ส่วนภาระกิจของไอ้พี ผมก็หวังว่ามันจะทำออกมาได้ดี





 

ผมถึงบ้านในช่วงค่ำของวันหลังจากที่มัทอาสามาส่งผม อย่างนี้แหละครับคนขับรถไม่เป็นก็ต้องลำบากเป็นธรรมดา ผมหวังว่าในอนาคตอันไม่ช้านี้ผมจะต้องไปเรียนขับรถอย่างจริงๆจังๆสักที





“ จนได้” ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้พ่อกำลังทำเขียนอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ผมจำต้องเดินเข้าไปทักทายท่านในห้อง





“ พ่อเป็นคนบอกผม ไม่ผิดกติกา”





“ พรุ่งนี้ค่ำอย่าลืมจะมีคนมารับแกไปงาน” และภารกิจสุดท้ายของผมคือการไปร่วมงานสังคมบางอย่างของคนในเครือที่มีประโยนช์ร่วมกับพ่อของผม





“ ครับ หวังว่าพ่อจะทำตามข้อตกลงของเรา”





“ คำไหนคำนั้นไอ้ลูกชาย” ผมก็หวังว่าคำไหนคำนั้นที่พ่อบอก พ่อจะทำมันได้ดีเช่นเดียวกับที่ผมทำ อุปสรรค์เยอะครับแต่ถ้าผ่านไปได้ผมว่าในอนาคตก็ไม่มีอะไรต้องกลัว







 

Pee’s talk





              ก็อกๆ





              ผมเดินมาเคาะประตูหน้าหอของไอ้เจ๋งหลังจากที่ไอ้บิวมาส่งผมที่หอใน แต่ผมก็ไม่ได้บอกไอ้บิวนะว่าผมจะมาหาไอ้เจ๋ง ไม่อย่างนั้นมันต้องห้ามผมแน่ๆ





              ก็อกๆ





              ผมตัดสินใจเคาะอีกรอบแต่ก็มีวี่แววว่ามันจะเปิดให้ ผมว่านะมันน่าจะไม่อยู่ห้องแน่ๆ ผมเลยเดินคอตกออกมาจากห้องของไอ้เจ๋ง แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับ ผมเดินสวมกับไอ้เจ๋งที่พึ่งออกมาจากลิฟท์พอดี ทันทีที่มันเห็นผมไอ้เจ๋งก็ชะงักไปเล็กน้อย





              “ คุยด้วยหน่อยดิ”





              “ อืม” ไอ้เจ๋งไม่ได้เดินหนีหรือปฏิเสธ แต่มันกลับเดินมุ่งหน้ามายังห้องของมันที่ผมพึ่งเดินออกมา ไอ้เจ๋งไขประตูและแดออกให้ผมได้เดินเข้าไป





              “ ทำแบบนั้นทำไมวะ” ผมไม่รอให้มันเก็บของเสร็จ ทันทีที่ก้าวมาในห้องผมก็ยิงคำถามใส่มันทันที ดูเหมือนว่าไอ้เจ็งเองก็น่าจะรู้ว่าผมมาหามันเพราะเรื่องนี้





              “ ก็มีคนจ้างก็ทำ” ไอ้เจ๋งตอบโดยที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย





              “ มึงเห็นกูเป็นเพื่อนไหมวะไอ้เจ๋ง”


              “ แล้วกูเอ่ยชื่อมึงไหมละ?” ไอ้เจ๋งหมุนตัวกลับมาถามผมที่ยืนอยู่กลางห้องมัน “ กูแค่ทำในเมื่อเขาจ้างกูมา อะไรที่เป็นเงินกูก็ทำ”


              “ อืม กูเข้าใจมึงแล้ว แต่ไอ้เงินที่มึงได้มันทำให้คนอื่นเดือดร้อน”





              “ มึงเป็นใครวะไอ้พี มาเดือดร้อนอะไรแทนคนอื่น”


              “ พี่กรมไม่ได้เป็นคนอื่นสำหรับกู”


              “ ขนาดพ่อเขาที่เป็นคนจ้างกูยังไม่ได้เดือดร้อนอะไร...” เหมือนไอ้เจ๋งเองเผลอพูดออกมา และนั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกแน่ชัดอะไรบางอย่างเหมือน คำที่พี่กรมพูดกับผมเมื่อเย็นนั้น...มันเป็นอย่างที่พี่กรมพูดจริงๆ





              “ อืม” ผมว่าผมได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้วแหละครับ แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม ในเมื่อเพื่อนตรงหน้ามันไม่ใช่เพื่อนของผมอีกต่อไปแล้ว..





              “ กูขอโทษ” ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องของไอ้เจ๋ง อยู่ๆมันก็พูดขึ้นทำให้ผมหันหน้าไปมองมันเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั้งผมออกมาจากหอของมัน...แล้วผมจะจบเรื่องทุกอย่างด้วยตัวของผมเอง..

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องผีห้ามใช้อารมณ์อีกนะ :katai1: จะรอดมั้ยเนี่ยพูดแบบนี้ทีไรคือพังมีเรื่องตลอด :serius2: สนุกมากๆเลยจะจบแล้วใจหายมากอยากอ่านไปเรื่อยๆ อยากอ่านเรื่องของพี่ท่ากับพี่เทพดูน่าจะตีกันทุกวัน มาต่อเร็วๆนะคะคุณไก่ทอดสู้ๆ :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องพีคุมสติให้ได้นะลูก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

พี่ต้องมีสตินะ

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 19.1

ขอรักสักครั้งจะได้ไหมครับ





              หลังจากที่ผมได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดผมว่าผมก็พอที่จะจับจุดได้อย่างจริงๆจัง ส่วนเรื่องข่าวลือคราวนั้นก็เริ่มเงียบเพราะเฟซบุ๊คปริศนาได้ถูกปิดตัวไป ผมกับไอ้เจ๋งก็ไม่ได้คุยกันอีกแต่ไอ้บิวมันก็ยังเหมือนเดิมครับคุยทั้งกับผมและไอ้เจ๋ง ผมเข้าใจมันนะว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมสองคน ถ้าจะให้ไอ้บิวมาไม่คุยด้วยผมว่ามันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ถือว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมากๆแล้ว





              “ กลับบ้านไหมมึง” วันนี้เป็นวันที่ผมสอบกลางภาคเสร็จเป็นตัวสุดท้ายไอ้บิวออกจากห้องสอบมาถามผมที่นั่งรอมันอยู่หน้าห้อง





              “ ไม่ กูต้องไปเคลียร์อะไรบางอย่าง” วันนี้ผมก็ถือโอกาสไปคุยกับพ่อของพี่กรมตรงๆในเรื่องราวทั้งหมด และเรื่องที่พี่กรมมันบอกว่าผมทำพลาด ผมยอมรับเองทุกอย่างเพราะตอนนั้นผมใจร้อนเกินไปเลยใช้กำลังตัดสินปัญหาทั้งหมด





              “ เออ เอางั้นก็ได้”





              “ แค่สี่ห้าวันเอง กลับไปพ่อก็ไม่ดีใจหรอก” เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากที่นี่ไปบ้านผมก็เกือบๆหกชั่วโมง ไปกลับก็สองวันครับ อีกอย่างพ่อก็ไม่อยากให้ผมกลับด้วย ผมกลับไปก็ไปผลาญเงินพ่อเปล่าๆ





              “ แล้วมึงจะไปไหน”





              “ ไม่บอก”





              “ เออ เวร” ผมและไอ้บิวก็ต่างมาหาข้าวกินก่อนจะแยกย้าย ส่วนผมเองก็ไปเก็บของบางอย่างและเขียนสคริปว่าจะพูดอะไรกับพ่อพี่กรมบ้าง ครั้งนี้ผมสู้ตายแค่ไปขอลูกชายจากพ่อของเขาเองก็เท่านั้น





              “ พี่กรม ถ้าพี่อยู่แถวๆนี้ โปรดรู้ไว้ว่าผมจริงจังกับเรื่องของพี่” ผมพูดขึ้นมาลอยๆขณะที่ผมอยู่ในห้องของตัวเอง นี่ผมว่าตัวเองอาการหนักเข้าไปทุกที่แล้วครับ โดยลืมไปว่าพี่กรมเป็นคนไม่ใช่เป็นผีหรือวิญญาณ





              “ แล้วเจอกันสักตั้งครับท่านอัศวิน”







Jaokom’s talk





              วันนี้ผมรู้ว่าไอ้พีมีสอบเป็นวันสุดท้ายซึ่งวันสอบของผมกับมันไม่ตรงกัน ผมสอบเสร็จมาได้เกือบๆสามสี่วันมาแล้ว หลังจากนี้ผมจะทำให้มันถูกทุกอย่าง และแสดงออกว่าผมนั้นจริงจังกับมันแค่ไหน เกิดมาเรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยก็ได้





              “ ไอ้กรมมึงแน่ใจ?” ผมให้ไอ้เทพมาส่งที่สถานีขนส่งหมอชิตเพราะวันนี้ผมมีภารกิจสุดท้าย คือการไปพบครอบครัวของไอ้พีที่ต่างจังหวัด อย่างที่บอกไปครับว่าผมขับรถไม่เป็นถึงตอนนี้กำลังจะเริ่มเรียนมาได้สักพักแต่ก็ไม่เก่งพอที่จะขับในระยะทางยาว ครั้นจะให้ไอ้เทพไปส่งผมก็เกรงใจงั้นผมไปรถทัวร์น่าจะดีที่สุดและไม่ลำบากใครดี





              “ เออ กูว่ากูน่าจะจริงจังไป รู้สึกเหมือนไปขอลูกชายเขาเลยหวะ” ผมพูดกับไอ้เทพติดตลก แต่เอาเข้าใจก็ไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่ ผมแอบเครียดด้วยซ้ำว่าผมต้องไปเจอพ่อไอ้พีแล้วจะพูดว่าอย่างไร





              “ มึงบอกน้องมันสักหน่อยก็ดีนะ” ไอ้เทพพูดขึ้น ตอนนี้ถึงผมจะได้โทรศัพท์กลับมาคืนแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้ติดต่อใครเลย





              “ เซอร์ไพร์ส” ผมตั้งใจว่าจะไปรอมันอยู่ที่บ้าน เพราะอย่างไงวันหยุดยาวๆแบบนี้ไอ้พีมันน่าจะกลับบ้านแน่ๆ ก็จบแบบแฮปปี้กันที่บ้านไอ้พีไปเลยครับ ผมวางแผนเอาไว้หมดทุกอย่างแล้ว แต่แค่อยากไปพบผู้ใหญ่ให้มันถูกต้องก็เท่านั้น





              “ เดี๋ยวมึงจะเจอเซอร์ไพร์สกว่าไอ้กรม” ตอนนี้ผมก็แค่รอเวลาขึ้นรถในรถช่วงดึก เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นรถทัวร์ไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้ เอาใจช่วยผมด้วยนะครับทุกคน







 

จังหวัดบ้านเกิดปฐพี





              ผมมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาเกือบๆตีสอง ดีที่ผมจองโรงแรมล่วงหน้าเอาไว้ก่อนที่ผมจะมา ไม่อย่างนั้นคงได้นอนที่บขส.แน่ๆ จังหวัดบ้านเกิดพีก็ถือได้ว่าเป็นจังหวัดเล็กๆที่สงบ และขึ้นชื่อในเรื่องการเกษตร ดีครับไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนในกรุงเทพ แต่บางทีมันก็สงบและเงียบจนก่อนไปก็เท่านั้น





              โฮ่ง!





              ขณะที่ผมกำลังเดินทางไปยังโรงแรมก็มีเสียงหมาเสียงแมวเห่าหอนอยู่ตามทาง ระหว่างที่ผมเดินมาเรียกได้ว่าไม่มีคนเดินตามถนนเลยครับ ก็อย่างว่านี่ก็ตีสองกว่าแล้วๆ ผมเช็คมาว่าโรงแรมอยู่ห่างจากบขส.ไม่มาก แต่ทำไมผมเดินมาไกลแล้วยังไม่เจอเลยหวะ





              “ เชี่ยเอ้ย” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดแผ่นที่ดู ก็ปรากฏว่าแบตเจ้ากรมมดันหมดไปเสียก่อน แล้วทีนี้ผมจะเอาอย่างไงต่อไปหวะเนี่ย ไอ้ฉิบหาย!!





              ผมมองซ้ายทีขวาทีก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากถนนโล่งๆ ทำให้ผมตัดสินใจเดินไปนั่งที่ศาลาริมทางเก่าๆ ไม่รู้ว่าจะผุพังเมื่อไหร่ ถ้าพ่อผมได้เป็นนายกในปีนี้จริงๆนะครับ ผมจะให้พ่อกระจายความเจริญมาสู่ต่างจังหวัดให้ได้ ไอ้เรื่องเมืองเล็กๆที่ไม่เคยได้รับการดูแลจากส่วนกลาง ผมจะให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น ไม่ไหวครับ แบบนี้ถ้าผมไม่มาเจอกับตัว ผมก็คงคิดว่าปล่อยผ่านไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา





              ทุกคนลองคิดดูนะครับ ศาลาเก่าๆแบบนี้มันสะท้อนให้เห็นได้หลายมิติ เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชนก็น่าจะเป็นไปได้ อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับผู้มาพักอาศัยเพราะเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม หรือเป็นที่ที่สามารถล่วงละเมิดทางเพศก็ได้ ถึงหน้าที่นี้อาจจะเป็นของท้องถิ่นแต่ถ้าท้องถิ่นไม่ใส่ใจ ส่วนกลางก็ควรเข้ามาครอบคลุมให้มากกว่านี้ แต่ก่อนที่ผมจะออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้ คือผมต้องนอนหลับครับถึงแม้ว่าจะในศาลาเก่าๆนี่ก็ตาม...

 





เช้าวันต่อมา





              ผมตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามายังนัยต์ตาของผม และก้มสำรวจดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้วและที่สำคัญ ผมไม่รู้ว่าผมจะเข้าไปบ้านไอ้พีอย่างไรในเมื่อโทรศัพท์ของผมไม่สามารถติดต่อใครได้เลย





              “ ไอ้หนุ่มไปไหน” ผมตัดสินใจเดินออกมาจากศาลา เจอเข้ากับคุณลุงคนหนึ่งที่เดินเท้าเปล่ามาพร้อมกับกระสอบที่เต็มไปด้วยขวดพลาสติก





              “ เอ่อ ไปตำบลนี้อะครับผมไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหน” ผมตัดสินใจเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคุณลุงคนนั้น





              “ เดี๋ยวมันจะมีรถเข้าไป แต่นานเลยแหละ ลุงว่านะเอ็งเหมารถสามล้อไปดีกว่า”





              “ มีแท็กซี่หรอครับลุง”





              “ หน้าตาก็ดีไม่น่าเลยนะไอ้หนุ่ม ที่นี่ต่างจังหวัดมันจะไปมีแท็กซี่ได้อย่างไงหละ” โดนลุงด่าเลยครับ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ผมตัดสินใจออกมาถามเพราะลุงแกชี้ไปทางที่ผมจะสามารถไปหาส่มล้อเพื่อเข้าไปในบ้านของไอ้พีได้





              “ ลุงครับ รับไว้นะ” ผมยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือของคุณลุงเอาไว้ ก่อนจะก้มหัวและเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ไปไหนไกล เสียงของลุงก็ดังขึ้นมาก่อน





              “ ขอบใจนะไอ้หนุ่ม! วันนี้จะได้กลับบ้านไปพักได้แต่หัววัน” ผมไม่รู้นะว่าเงินที่ผมให้ลุงไปมันจะสามารถทำอะไรให้ลุงได้บ้าง แต่อย่างน้อยๆก็มากพอที่จะทำให้ลุงกลับไปนอนพักที่บ้านโดยไม่ต้องออกมาหาขวดในวันนี้ สบายใจครับหล่อแล้วยังใจดีอีก ไม่มีที่ไหนนอกจากกรมรินทร์ละครับทุกคน





              ผมเดินมาตามทางที่ลุงบอกก่อนจะเจอเข้ากับสามล้อ ที่รูปร่างเป็นรถมอร์เตอร์ไซต์แต่มีที่นั่งเป็นหลังคาคล้ายๆกับสามล้อปั่นเหมือนสมัยก่อน เมื่อเห็นดังนั้นผมจะมัวช้าอยู่ใยรีบไปหาคนขับสามล้อเลยทันที





              “ ไปไหนครับ”





              “ บ้าน.....ครับ”





              ผมหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของผมก็แล้วกันนะครับ





Pee’s talk





              เช้าวันนี้ผมนั่งรถเมล์มาหยุดที่หน้าบ้านของพี่กรมหลังจากที่เมื่อคืนผมมัวแต่เครียนสคริปเพื่อพูดกับท่านอัศวินในวันนี้ และเป็นที่น่ายินดีของผมที่ผมจะได้เจอพี่กรมหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมาอย่างยาวนาน และแล้ววันนี้จะเป็นวันที่ผมจะจบทุกอย่างด้วยตัวของผมเอง





ติ๊งต่อง





              ผมยืนอยู่หน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าไปกดกริ่งเพื่อให้ผมได้เข้าไปด้านใน และรอไม่นานแม่บ้านของบ้านพี่กรมเธอเดินมาเปิดประตูเล็กให้ผมพร้อมกับสีหน้าสงสัย





              “ ไม่รับสมัครคนงานค่ะ” เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะพูดขึ้น คือผมสงสัยว่าหน้าผมเหมือนเด็กมาสมัครงานทำสวนอย่างนั้นหรอครับ





              “ เอ่อ..”




              “ ไม่รับค่ะ คนงานเต็ม” เธอทำท่าจะปิดประตูหนีเข้าไปในบ้าน แต่ผมใช้จังหวะนั้นแทรกตัวเข้ามาในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตู





              “ ว๊ายย ตายแล้ว” ผมรีบวิ่งเข้ามาในบ้านเมื่อได้โอกาสนั้น ส่วนแม่บ้านเธอก็รีบวิ่งตามผมมาเช่นกัน จนกระทั่งผมเข้ามาในบ้านของพี่กรมเป็นที่เรียบร้อย และตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่ผมคาดว่าท่านอัศวินน่าจะอยู่ ไม่รอช้าผมรีบวิ่งไปเข้าไปในห้องนั้น โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าท่านอัศวินมีแขกอยู่...ไม่ใช่แขกธรรมดานะ แขกที่นั่งอยู่บนตักของท่าน เมื่อเห็นว่าผมเข้ามาในห้อง ท่านก็รีบขยับออกทันที ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็รีบหลบหน้าผมพร้อมกับจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย





              “ เอ่อ..ขอโทษครับ” ผมรีบก้มศีรษะโค้งให้ท่านทันทีที่มาขัดจังหวะท่าน





              “ กลับไปก่อน” ท่านหันไปบอกผู้หญิงคนนั้น ส่วนเธอเองก็รีบเก็บกระเป๋าและวิ่งออกไป และตอนนี้ทำให้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่ผมกับท่านอัศวินสองคนเท่านั้น บรรยากาศมันดูคุๆอย่างไงก็ไม่รู้สิครับ





              “ มีอะไร” ท่านเอ่ยถามผมเสียงเข้ม ต่างจากครั้งแรกที่เจอกันโดยสิ้นเชิง





              “ ผมอยากมะ..มาคุย” ผมหันหน้าไปอีกทางก่อนจะตบปากตัวเองแรงๆเพื่อให้พูดออกมาชัดๆและเลิกติดอ่างสักที และพยายามนึกถึงสคริปที่ผมเตรียมเอาไว้ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือผมลืมว่าผมจะต้องพูดว่าอะไร





              “ พูดมา” เมื่อเห็นว่าผมยังคงอ้ำๆอึ้งๆอยู่ ท่านอัศวินก็พูดเสียงเข้ม พร้อมกับใบหน้าที่เข้มไปพร้อมกับเสียง “ ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็ออกจากบ้านไป”




              “ คือผมรักพี่กรมครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่กรม คือ ผมชอบพี่กรมมาก ชอบมา 3 ปีแล้ว ผมทำทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างก็เพื่อพี่ ผม.. ไปคัดเลือกนางรำ เล่นละครเวที ไปเป็นดรัมเมเยอร์ เรียนหนังสือให้เก่งก็เพื่อพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมควรจะทำมากที่สุดและน่าจะทำมาตั้งนานแล้ว คือ บอกกับพี่กรมตรงๆว่า...ผมชอบพี่กรม”





              ไอ้ฉิบหาย!! กูพูดอะไรออกไป ด้วยความกดดันและสถานการณ์ที่บีบบังคับทำให้ผมนึกถึงเรื่องสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ฉากที่น้ำสารภาพรักกับพี่โชน และสมองของผมในตอนนั้นสั่งให้ผมพูดออกไป..โดยไม่ทันได้คิดและไตร่ตรอง





              “ ถึงขั้นไปคัดเลือกนางรำเลยรึ” ผมเห็นว่าท่านอัศวินหน้ากระตุกเล็กน้อยเหมือนพยายามจะกลั้นขำในสิ่งที่ผมพูดออกไป แต่แล้วท่านก็กลับมาขรึมอีกครั้ง





              “ เอ่อ..ผมรักพี่กรมจริงๆครับ ท่านอาจจะคิดว่าผมพูดคำว่ารักออกมาง่ายๆ แต่จริงๆแล้ว...” แล้วไงต่อวะไอ้พี “ ก็ง่ายจริงๆแหละครับ แต่สัญญาว่าจะรักพี่กรมไปนานๆ ผมจริงจังมาก”





              “ เราจะสื่ออะไร” ท่านถามย้ำผมอีกรอบ





              “ สื่อว่ารักและอยากเป็นแฟนกับพี่กรมครับ ไม่อยากปิดท่านแต่อยากให้ท่านรับรู้ความผมตั้งใจ และครั้งนั้นเรื่องข่าวลือผมก็ทราบว่าท่านต้องการเห็นว่าผมจะแก้สถานการณ์อย่างไร แต่ผมก็ทำให้ท่านผิดหวังที่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหานั้น ผมยอมรับผิดเองทุกอย่าง” เมื่อผมพูดจบ ผมรอดูอาการของท่านว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อผมได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกมา





              “ เข้าใจไหมว่าฉันทำไปเพื่ออะไร” ท่านถามออกมาเสียงนิ่ง





              “ อยากให้ผม...แก้ไขสถานการณ์”




              “ ก็ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด” ท่านขยับเพื่อเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย “ มานั่งนี่” ท่านตบที่โซฟาข้างๆท่าน ทำให้ผมรีบเข้าไปนั่งทันที “ ที่ทำไปเพราะอยากรู้ว่าจะทนกับกระแสวิจารณ์ได้ไหม”





              “ ครับ”





              “ ถ้าทนไม่ได้ก็คิดว่าน่าจะไม่เหมาะสม เพราะถ้าเลือกทางนี้ก็ต้องรับให้ได้ ลุงเป็นพ่อไอ้กรมอย่างไงลุงก็รับได้ในทางที่ลูกลุงเลือก แต่..คนอื่นเขาไม่รู้และมันอาจจะเป็นเรื่องสนุกปากและใช้สิ่งนี้มาเป็นตัวล้อหรือดูถูกเหยียดหยาม เพราะสังคมไทยถึงจะบอกว่ารับได้แต่ท้ายที่สุดก็เอามาด่าอยู่ดี” ผมพยักหน้าเพื่อบอกให้ท่านอัศวินรับรู้ว่าผมเข้าใจ





              “ แล้วที่ท่านทำแบบนี้ ท่านไม่กลัวว่าพี่กรมจะรู้สึกไม่ดีหรอครับ”





              “ ก็แค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลี้ยงลูกก็ต้องให้ลูกได้เจอกับตัว ถ้าแค่พูดหรือบอกไปมันก็อาจจะไม่เชื่อ เลี้ยงลูกมันมีหลายวิธี แน่นอนว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน” ถ้าให้ผมตีความก็หมายความว่าท่านอัสวินเองก็ไม่ได้รับไม่ได้เลยทีเดียว แต่อาจจะแค่ตกใจเพราะพี่กรมไม่ได้มีท่าทางแบบนั้นออกมาตั้งแต่แรก และการที่ท่านสร้างสถานการณ์แบบนั้นขึ้นมาก็เพราะว่าอยากให้พี่กรมและผมทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นได้ อย่างไรผมก็ไม่สนใจพวกคำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือการเอาพี่กรมไปพูดในทางเสียๆหายๆแบบนั้น ผมว่ามันเกินไป อีกอย่างพวกผมเป็นผู้ชายที่รักกันก็ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ไม่ใช่หรอกหรอครับ





              “ ผมทนได้ครับ”





              “ แต่ไปต่อยเขา?”





              “ แล้วทำไมท่านต้องจ้างเพื่อนผมด้วย” และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ผมเองก็ค่อนข้างสงสัย





              “  ก็แค่สุ่มไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อน แต่ก็นะจะได้ช่วยให้เห็นว่าเพื่อนคนไหนควรคบหรือไม่ควรคบต่อ จริงไหม?” และเป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้าให้ท่านอัสวินว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด





              “ ผมคบกับพี่กรมได้หรือยังครับท่าน”





              “ ก็เอาสิ ไม่ได้ห้าม”





              “ เยส!!!”




หมับ!





              ด้วยความดีใจและลืมตัวเกินไปจนผมคว้าตัวท่านอัศวินมากอดมาหอมแก้มซ้ายแก้มขวาจนพอใจ และนั่นเองที่สติของผมพึ่งกลับมาว่านั่นไม่ใช่พี่กรม แต่นั่นคือท่านอัศวิน พ่อของพี่กรม





              “ เอ่อ ขอโทษครับ” ทันทีที่ผมผลักท่านออกมา ผมก็ยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษที่ได้ล่วงเกินท่านไป “ แล้วพี่กรมไปไหนหรอครับ ผมขอเจอได้ไหม”




              “ เหมือนกรมไปพิจิตร” ไปพิจิตร? จังหวัดนี้คุ้นๆครับ





              “ พิจิตร? ห้ะ!! นั่นมันบ้านผมมม” ผมนั่งไม่ติดทันทีที่ผมได้ยินว่าพี่กรมไปที่บ้านเกิดของผม ผมมองหน้าท่านอัศวินอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ผมจะได้คำตอบว่า





              “ ไปหาพ่อของเรานั่นแหละ”






              “ พ่อผม??” ตาย!!! ไอ้พีตายแน่ๆๆๆ เรื่องนี้ผมตายหนักกว่ามาบอกพ่อพี่กรมอีกครับ ไม่ใช่ว่าพ่อรับไม่ได้ แต่แค่อย่างไงดีหละ พ่อยังไม่อยากให้ผมมีแฟนตอนอยู่มหาลัย แล้วงานไส้ไหมเมื่อพี่กรมไปหาพ่อ ซวยแล้วครับ!!!!







PS.ตอนสุดท้ายแล้วเด้ออออออออ
ทุกคนนนน เล่มเราจะออกกลางๆปีเน้อออออ คริๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :m20:

เหมือนจะเห็นคนงานเข้า
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อุตส่าห์ผ่านด่านนึงมาได้ กลับต้องเจอกำแพงใหญ่   :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือผ่านด้านพ่อพี่กรมแล้ว เหลือด้านพ่อน้องผี5555 อ่านตอนสุดท้ายคือขำมากน้องผีคือยั่วๆบดๆกับพี่กรมมากแต่พ่อห้ามน้องมีแฟน :m20:  รอดูฉากพ่อตาจะยิงลูกเขยมั้ย สู้ๆนะคะคุณไก่ทอด เราจะเก็บเงินรอซื้อน้องผีกับพี่กรมนะคะ อยากให้คุณไก่ทอดเขียนเรื่องพี่ท่ากับพี่เทพจังชอบสองคนนี้มาก ถ้าเขียนอย่าลืมมาแจ้งข่าวนะคะ :pig4: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 19.2
ขอรักสักครั้งจะได้ไหม

Jaokom’s talk


   “ ผมรักลูกชายคุณพ่อครับ”


   “ ......”


   “ ......”


   “ .....”


   หลังจากที่ผมฝ่าฝันทุกอย่างมาได้ก็ถึงคราวที่ผมจะสารภาพและยอมรับความรู้สึกกับพ่อของไอ้พีตรงๆ ถึงแม้ว่าผมจะเดินดุ่มๆเข้ามาและถามว่าใครเป็นพ่อของไอ้พี ก็มีผู้ชายค่อนข้างสูงวัยยกมือขึ้น ผมไม่รอช้าเดินไปหาพ่อของพีและพูดออกมา


   “ เอ่อ..อย่างไงนะครับ” ท่านถามผมอีกรอบ ก่อนที่ท่านจะเดินพาผมแยกออกมาจากตัวบ้านที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ผมขาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนบ้าน


   “ ผมขอโทษครับที่ผมพูดออกไปโต่งๆแบบนั้น โดยที่ไม่ได้แนะนำอะไรกับท่านเลย ผมกรมรินทร์นะครับเป็นรุ่นพี่ที่คณะของพี ผมมีความรู้สึกดีๆกับลูกชายของท่าน ผมอยากทำให้มันถูกต้อง ขอโทษที่ผมมาบอกท่านอย่างกระทันแบบนี้ แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้เวลามันผ่านไปนานแล้วครับ” เมื่อได้โอกาสผมก็จัดการพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา สีหน้าของพ่อพีดูอึ้งๆไปเล็กน้อย แต่พยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติที่สุด


   “ พี นี่ปฐพีใช่ไหมครับ” ท่านถามย้ำอีกรอบเหมือนไม่อยากจะเชื่อ


   “ ครับ ปฐพี”


ผั๊วะ!!!


ตุบ


   “ โอ๊ย” อยู่ๆพ่อของไอ้พีก็ปล่อยหมัดใส่หน้าผมเข้าเต็มๆจนผมเองที่ไม่ทันได้ตั้งหลักและรู้ล่วงหน้าว่าพ่อมันจะต่อยผมแบบนี้ ทำให้ผมล้มไปกองอยู่กับพื้นทันที


   “ โอะ! ผมไม่ได้ฝันไป”


   อย่าบอกนะครับว่านี่คือการทดสอบว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปของพ่อไอ้พี! พ่อลูกทำไมเหมือนกันอย่างนี้หวะ เมื่อท่านรู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน ทำให้ท่านก้มลงมาพยุงผมให้ค่อยๆลุกขึ้นนั่งและหาน้ำหาท่าให้ผมกิน ส่วนไอ้ที่บวมๆบนหน้าผมก็ทำเป็นไม่สนใจหรือรู้สึกว่าท่านเป็นคนทำ ถ้าไม่ใช่พ่อไอ้พีนะครับมีดวนกันสักตั้งแน่นอน เย็นไว้กรมมึงจะมาขอลูกเขาก็ต้องทำตัวเป็นมิตรหน่อย
   “ อ่า มันเป็นมาอย่างไงไอ้หนุ่ม” เมื่อปล่อยให้เวลาผ่านไปได้สักพักพ่อท่านก็เอ่ยถามผมขึ้น


   “ ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อมาล่วงหน้านะครับ พอดีผมรีบไปหน่อย อีกอย่างผมกลัวว่าถ้าพ่อผมเปลี่ยนใจ แล้วมันจะไม่ทัน” เพราะเรื่องนี้ผมคุยกับพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองตามที่พ่อจัดหามาให้ ทั้งการห้ามติดต่อกับไอ้พีเพื่อดูว่าผมจะเปลี่ยนใจไหม ปล่อยข่าวลือ หรือแม้กระทั่งพาไปเจอกับคู่หมั้นไม่เป็นทางการอย่างมัท และผมเองก็พึ่งมารู้ว่าไอ้เรื่องคู่หมั้นพ่อก็เป็นคนกุเรื่องขึ้นมา ทั้งๆที่ฝ่ายของมัทไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย พ่อผมแม่งโคตรร้าย


   “ แล้วพ่อเอ็งไปใคร ทำงานอะไร”


   “ พ่อผมอัศวินครับ เป็นนักการเมือง”


   “ อ่อ อย่าบอกนะว่าคุณอัศวิน?! ที่คราวนั้นไอ้พีโดนต่อยนี่ใช่เรื่องเดียวกันไหม” เมื่อผมพูดชื่อพ่อและอาชีพของพ่อผมออกไป พ่อของไอ้พีก็มีทีท่าตกใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนจากน้ำเสียงและท่าทาง


   “ อ่า ครับ เรื่องเดียวกัน”


หมับ!


   อยู่ๆเหตุการณ์ที่ผมไม่ทันได้คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆพ่อของไอ้พีดึงผมเข้ามากอดแน่นอยู่นาน ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้เลยปล่อยให้พ่อของไอ้พีกอดไปอย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ


   “ น้ำตาจะไหล” พ่อของพีผลักผมออกก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเองที่ปริมๆออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เหมือนว่าท่านตื้นตันอะไรบางอย่าง


   “ ลุงปลื้มพ่อเรามานานมาก เคยคิดว่าอยากมีลูกสาวจะได้ไปอ่อยลูกของท่านอัศวิน อยากเป็นทองแผ่นเดียวกัน ไม่คิดว่า ฮื่ออออ ไอ้พีจะสานฝันให้ลุง” ภาพตอนนี้ของผมคืนนั่นอ้าปากค้างไปกับท่าทางของพ่อไอ้พี “ ขอกอดอีกทีนะพ่อหนุ่ม” และแล้วท่านก็กอดผมอีกครั้งจนได้


   “ อนุญาตใช่ไหมครับ?”


   “ เอาไปเลยครับ เอาไปเลย สินสอดทองหมั่นอะไรไม่ต้อง จะแต่งหรือไม่แต่งไม่ว่าขอแค่พาลุงไปพบพ่อของพ่อหนุ่มหน่อยนะลูก ลุงปลื้ม” จากท่าทางผมก็คิดได้ว่าน่าจะปลื้มพ่อผมมากๆ “ เรียกว่าพ่อก็ได้ลูก ไหนๆก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ไหนลองเรียกพ่อซิ”


   “ พ่อ?”


   “ น้ำตาไหลรอบสอง!!” แล้วความวุ่นวายก็มาเยือนผมอีกรอบ ผมไม่แปลกใจเลยว่าไอ้พีมีนิสัยแบบนี้มาจากใคร เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ อันนี้ผมยืนยัน


   “ ใครอะพ่อ” เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินมาพร้อมกับตระกร้าใส่ของมองผมกับพ่อของพีด้วยสายตางงงวยและไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมสามีของเธอถึงกับต้องร้องไห้ออกมาในขณะที่มือทั้งสองข้างจับมือของผมเอาไว้ “มันมาทวงหนี้หรอพ่อ?”


   “ ไม่ใช่แม่” พ่อรีบยกมือปฏิเสธ “ นี่ลูกเขย” และชี้มาทางผม ส่วนแม่ของไอ้พีก็หันมามองผมอย่างไม่เข้าใจเหมือนกัน


   “ ลูกเขย? เราไม่มีลูกสาวนะพ่อ”


   “ ก็นั่นแหละ ผัวไอ้พีมัน”


   “ ห้ะ??!! จะเป็นลม”


   “ แม่ครับ” ผมรับลุกขึ้นไปประคองแม่ของไอ้พีและพยุงเธอมานั่งที่เก้าอี้ไม้ข้างๆพ่อที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว โดยไม่ได้อธิบายอะไรให้ภรรยาของเขาฟัง และหน้าที่นั้นก็ต้องตกเป็นของผม


   “ คือ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ พอดีว่าผมชอบลูกชายของคุณแม่เลยอยากมาขออนุญาตให้ผ้ใหญ่รับรู้” เอาจริงๆนะครับผมก็เขินๆแหละที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้


   “ มันจะเป็นไปได้อย่างไง” เหมือนว่าสติของแม่หลุดออกไปแล้ว โดยที่เธอได้สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งผมเริ่มต้นอธิบายใหม่


   “ คือ...ผมชอบพีครับ ชอบแบบคนรักเลยอยากจะมาขออนุญาต...”


   “ เข้าใจๆ แต่ถามหน่อยนะลูก ไอ้พีมันมีดีอะไรขนาดที่ทำให้คนหล่อๆมีชาติตระกูลมาชอบมันได้” พีมีดีอะไรหรอครับ ผมขอคิดดูก่อน แต่เท่าที่ผมพยายามคิดแล้วนั้น


   “ ไม่มีครับ”


   “ อื้ม แม่พอจะเข้าใจ” ท่านเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับผม... ไอ้พี กูขอโทษ


   “ แล้วตกลงผมกับพีจะคบกันได้ไหมครับ?”


   “ ตามใจเลย แม่ไม่ห้าม ดูจากพ่อน่าจะอาการหนัก” เธอเหล่มองไปทางสามีของตัวเองที่นั่งเพ้ออยู่ข้างๆ เหมือนว่าพ่อท่าจะจินตนาการอะไรบางอย่าง เพราะเห็นมือยื่นออกมาจับอากาศเหมือนว่ากำลังน่าจะซ้อมจับมือพ่อของผมอยู่แน่ๆ


   “ แล้วพีอยู่ไหนหรอครับ?” เมื่อเห็นว่าทางผู้ใหญ่เปิดทางให้ผมหมดแล้ว ผมก็ถามหาไอ้ตัวการที่มันบังอาจมาขโมยหัวใจของผมไป


   “ อ่อ มันไม่กลับบ้าน มันบอกว่ากลับไม่กี่วันขี้เกียจนั่งรถ”


   “ ห้ะ???” ผมแทบจะไม่อยากเชื่อรูหูตัวเองเมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่พูด ไอ้พีไม่ได้กลับบ้าน? แล้วไอ้ฉากที่ผมจะขอมันเป็นแฟนที่กลางทุ่งนามีบรรยากาศสวยๆแบบธรรมชาติ มีควายเป็นสักขีพยานนี่...พังหมดแล้วครับ พังไปต่อนหน้าต่อตา..เมื่อรู้ว่าไอ้พีมันยังคงอยู่กรุงเทพฯ


ติ๊ดดดด


   และเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์ที่ผมชาร์ตอยู่แถวนั้นดังขึ้นและปรากฏเบอร์ของตัวต้นเหตุ


   ( พี่!!!!!!!! ไปทำไมบ้านผมมมม) ทันทีที่กดรับสายไอ้พีก็โวยวายออกมาเสียงดังลั่น จนผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหูทันที


   “ .....”


   ( พี่กรมมม ฮื่ออออออ)


   “ ไอ้พี ทำไมไม่กลับบ้าน?”


   ( ผมไม่รู้ พี่ ผมอยู่บ้านพี่)


   “ ไปทำอะไรบ้านกู?” ผมถามออกมาอย่างไม่เข้าใจว่ามันไปทำอะไรบ้านผม อย่าบอกนะว่าไอ้พีมันจะไปหาพ่อผมเหมือนที่ผมมาหาพ่อมันวันนี้


   ( ก็ไปขอพี่คบกับพ่อพี่อีกรอบ) ว่าแล้ว! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้หวะ


   “ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา” จะรอช้าอยู่ทำไมหละครับ ก็ในเมื่อมันอยู่นั้นผมก็เลือกที่จะไปหามันเองดีกว่า ผมไม่อยากให้มันเดินทางมาเดี๋ยวอันตรายเปล่าๆ


   ( พี่จะมากี่โมง)


   “ น่าจะ” ผมก้มมองนาฬิกาตัวเองไม่นานก่อนจะตอบมันไป “ เกือบๆเช้า นอนที่ห้องกูก็ได้ เดี๋ยวโทรบอกพ่อให้”


   ( อย่างนั้นก็ได้ครับพี่ รีบมานะ คิดถึง) ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำพูดที่ดูง่ายๆไม่มีอะไรมาก แต่อยากจะบอกเลยว่าคำพูดแบบนั้นมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนหรือไกลเท่าไหร่ ผมก็จะเดินทางไปหามัน รอก่อนนะครับไอ้น้องผี...ของผม


   “ ขออนุญาตลากลับก่อนนะครับ” เมื่อวางสายจากไอ้พีผมก็รีบขอตัวลาท่านทั้งสอง ไว้ผมจะมาหาท่านอีกรอบพร้อมไอ้พี แต่ครั้งนี้ผมต้องรีบกลับไปจัดการไอ้เด็กผีที่บังอาจทำให้ผมคิดว่ามันกลับบ้าน เอาจริงๆผมก็ผิดเองด้วยแหละครับที่มาโดยไม่ยอมบอก ก็ผมกะว่าจะเซอร์ไพร์สเป็นไงหละครับเจอเซอร์ไพร์สกลับสมใจ แต่ถือว่าคุ้มครับในการมาครั้งนี้ พ่อกับแม่ของพีก็ดูเป็นมิตร ตอนแรกผมคิดว่าจะโดนมากกว่านี้แต่ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีสำหรับผมวันหนึ่งเหมือนกัน


03.00 น.


   เจ้ากรมเดินทางกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน ตลอดทั้งทางเขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้สึกสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกที่บ่มเพาะมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน มาวันนี้เขาทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องแล้ว แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก...


   เจ้ากรมเดินเข้ามาในห้องที่ตอนนี้ตกอยู่ในความมืดและสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิเย็นๆของแอร์ บ่งบอกว่ามีคนนอนอยู่ในห้องเขา จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ไอ้เด็กผี เจ้ากรมเดินเข้ามานั่งที่ข้างๆเตียงก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของพีเบาๆให้หายคิดถึง ส่วนคนที่ถูกจูบก็ไม่รู้เรื่องอะไรปล่อยให้เจ้ากรมจูบแล้วจูบอีก จนกระทั่งเจ้ากรมตัดสินใจเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน ก่อนจะออกมาด้วยชุดนอนสบายๆ


ตุบ


   เจ้ากรมก้มลงนอนนาบข้างๆพี ก่อนจะดึงตัวของพีเข้ามากอดและซุกหน้าลงบนซอกคอขาวๆของพีด้วยความรู้สึกสุขใจและสบายใจ เมื่อครั้งนี้เขาสามารถที่จะกอดพีได้โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องต่างๆ เพราะเขาได้เคลียร์ทุกอย่างสำหรับรักครั้งนี้ วันแรกที่เจอเขายังจำได้ติดตาว่าไอ้เด็กแสบที่นอนอยู่มันทำให้เขาลืมไม่ลงกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน ถ้าถามว่าเขาชอบพีตรงไหน เขาก็คงตอบได้ว่าเขาชอบความแสบของพี ใครจะไปคิดว่าแค่เกรียนแตกไปวันๆมันทำให้เขาชอบได้อย่างไร เขาเองก็ตอบไม่ได้ และเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกใครเลยนั่นก็คือความตั้งใจของพี ที่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดและเคยเรียนรู้มาก่อน ถึงแม้ว่ากว่าจะทำก็ลีลาอยู่พอสมควร แต่ปลายทางที่สุดแล้วพีก็ทำมันออกมาได้ดี และสิ่งนั้นแหละมั้งคือสิ่งที่เขาชอบอีกอย่าง ถ้าจะให้บรรยายวันนี้ก็น่าจะไม่หมด ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่รู้ว่าสิ่งไหนในตัวพีที่เขาชอบ แต่เขาพอจะรู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของพีที่ทำให้เขาชอบ และหลงมันมากขนาดนี้ รอยยิ้มบางๆของเจ้ากรมปรากฎขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว เวลาที่เขาคิดถึงพีทีไรเขาก็จะยิ้มออกมาแบบนี้ทั้งๆที่เขาไม่อยากที่จะยิ้มมันคงเรียกว่ายิ้มจากภายในสาภายนอกหละมั้ง


   “ พีพี่รักพีนะครับ” เจ้ากรมไม่รู้ว่าการที่เขากระซิบที่ข้างๆหูของคนในอ้อมกอดจะได้ยินหรือรับรู้หรือไม่ แต่เขาเพียงแค่ต้องการที่อยากจะบอกให้รู้ เพราะความรู้สึกรักมันอัดแน่นเข้ามาในหัวใจของเขาจนต้องพูดมันออกมาอย่างไม่สามารถที่จะเก็บไว้ได้อีกต่อ


   “ ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มนะ” เจ้ากรมกระชับอ้อมแขนและดึงตัวของพีให้เข้ามากอดมายิ่งขึ้น


   “ พี่ครับ” และแล้วเจ้ากรมก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆพีพลิกตัวหันหน้าเข้ามาหาเจ้ากรมที่นอนตะแคงอยู่ที่เดิม ถึงแม้ว่าจะมือแต่รอยยิ้มของพีมันก็เด่นชัดอยู่เหมือนกันจนเขาเองก็เผลอยิ้มตามคนตรงหน้าออกมา


   “ แกล้งหลับ?”


   “ ก็พี่เสียงดัง ผมก็ตื่นดิพี่”


   “ หึ ตื่นนานยัง” เจ้ากรมถามหยั่งเชิงเพื่อรอดูว่าคนตรงหน้าจะตอบว่าอะไร


   “ นานพอที่จะได้ยินคำว่ารักครับ”


   “ แล้ว...รักพี่ไหมครับ” เจ้ากรมพูดสวนขึ้นมาทันที ทำให้คนตรงหน้าถึงกับเงียบอย่างทำอะไรไม่ถูก จนเจ้ากรมขยับตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “ไม่รักพี่หรอครับ?”


   “ พี่...” พีพูดตะกุกตะกักออกมาอย่างไม่เคยเป็น


   “ ว่าไง หื้ม” เจ้ากรมเอื้อมมือมาจับใบหน้าของพีเบาๆ


   “ ก็รักครับ” พีพูดออกมาเสียงเบา


   “ อะไรนะ”


   “ โว้ยยย พี่แม่ง ก็รู้ว่าผมเขินยังจะมาย้ำอีก” เมื่อทำอะไรไม่ได้สุดท้ายพี่ก็ต้องโวยวายกลบเกลื่อนออกมาจนเจ้ากรมหัวเราะออกมาน้อยๆ


   “ โวยวายนะมึง”


   “ อย่าพูดมึงดิพี่ ไม่โรแมนติกสเลย”


   “ โรแมนติกไม่มีเอส”


   “ จะพูด!” อารมณ์โรแมนติกในตอนแรกค่อยๆหายไปในพริบตา “ พี่กรมผมรักพี่ รักเชี่ยๆ รักฉิบหายเลย อยากโดนจะแย่ละเนี่ย”


   “ .....”


   “ ก็พูดซึ้งๆไม่ถนัด ก็เอาความจริงในหัวใจของผมไปก็แล้วกัน” เจ้ากรมเงียบไปในทันทีที่พีพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาติดใจคำหลังมากกว่า ว่าพีอยากโดน


   “ ว่าจะไม่ทำแล้วนะ พึ่งกลับมาเหนื่อยๆ แต่เด็กมันพูดแบบนี้พี่ก็ต้องจัด”


   “ พี่ หมายความว่าไง” พีพยายามไม่ทำเสียงให้ดูมีพิรุธแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งเจ้ากรมที่กำลังถอดเสื้อออกและโยนทิ้งลงบนพื้นห้องอย่างไม่ใยดี


   “ เป็นแฟนกับกูนะ”


   “ ห้ะ????” พี่รีบลุกขึ้นมานั่งทันทีที่เจ้ากรมพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาเองไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเจ้ากรมจะขอเขาเป็นแฟนในเวลาแบบนี้


   “ รีบตอบจะได้เสียตัวเลย”


   “ ห้ะ?? พี่บ้าปะเนี่ยพี่กรม”


   “ มีอะไรกับแฟนตัวเองไม่ผิดหนิ”


   “ แต่ผม...” ไอ้พีเองก็ไม่กล้าที่จะตอบว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวมา ถึงแม้จะพอศึกษามาบ้างว่าครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกันมันจะเป็นอย่างไร


   “ เป็นแฟนกับพี่นะครับ” เมื่อเห็นว่าพี่ยังคงไม่ตอบ เจ้ากรมจึงค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้และจับมือพีขึ้นมาแนบที่อกของเขาทันที “ นะครับ”


   “ เออ! เป็นก็เป็น ไอ้ฉิบหายมาเสียตัวอะไรวันเน้” เจ้ากรมไม่รอให้สิ้นเสียง เขาก้มหน้าลงประกบจูบพีทันทีอย่างหื่นกระหาย เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม


   “ เดี๋ยวพี่” พี่พยายามผลักเจ้ากรมให้ออกห่าง เพราะยังคงงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ เพราะตอนนี้เจ้ากรมทุ่มพี่ลงบนเตียงส่วนตัวของเขาไม่รอช้าขึ้นคร่อมพีทันที “ ใจเย็นๆนะ” พีจับมือของเจ้ากรมให้ออกห่าง


   “ เป็นแฟนพร้อมกับเป็นเมียก็ดีนะครับ”


   “ ม่ายยยยยยยยยยย”


PS. เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจริงๆแล้วใจหายเหมือนกันนะ ฮื่อออออ ไรท์ไม่อยากจบเลย แต่ตอนพิเศษขออนุญาตสงวนไว้ในเล่มนะคะทุกคน ส่วนกิจกรรมต่อไปอาจจะเป็นบทสัมภาษณ์และความเกรียนของของพีต่อ อย่าพึ่งอัลฟอลหรืออัลเฟบกันนะคะ เดี๋ยวมีของมาแจก
PS. สุดท้าย อยากจะบอกอะไรไรท์หรือกับพี่กรมและน้องพีไหมเอ่ยยยย บอกกันได้เลยนะคะ
PS. ส่วนเรื่องพี่คินติดตามได้เลยนะคะ "ผมรักพี่นะครับ" สนุกไม่แพ้กันนะ
สุดท้ายขอขอบคุณทุกคนจริงๆที่มาอยู่กับไรท์จนถึงวันนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนเอ็นดูและเกลียดอิพี่กรมขนาดนี้ ไรท์ขอขอบพระคุณจากใจจริง จริงๆนะคะ แล้วพบกันเรื่องใหม่เด้อออ





ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านจบแล้วฮือไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณคุณไก่ทอดที่เขียนนิยายดีๆมาให้เราอ่านนะคะชอบมากๆเลย :L1:  :pig4: ในที่สุดเขาก็เป็นแฟนกันสักที :katai2-1: ตลกพ่อน้องผีมากๆ5555 อยากเห็นตอนไปหาพ่อพี่กรมเลยอ่ะ55555 ชอบพี่กรมที่มีความหลงน้องมากๆเลย :-[  ชอบตรงที่บอกว่ากอดได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร รู้สึกดีใจด้วยมากๆได้เป็นแฟนกันแล้วก็รักกันนานๆนะดูแลกันดีๆ  รอบทสัมภาษณ์แห่งความเกรียนของน้องผี  :laugh: รอๆคุณไก่ทอดเราเป็นกลจให :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ยินดีกะทั้งคู่ ลงเอยกันได้ซะที  :katai2-1:
ขอบคุณคุณไก่ทอดด้วยจ้า.  :กอด1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้าจบง่ายๆงี้เลย ไม่มีอ่ะความซึ้ง ฮาล้วนๆ :pig4:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกดีค่าา น้องผรั่วมาก555555 ตอนแรกก็เดาไม่ถูกเลยว่าจะเป้นแนวไหน แต่คิดว่าคงจะบ้าๆหน่อย เพราะคาแรคเตอร์น้องผีชัดมาก

คำผิดเยอะอยู่นะคะ หลายๆคำยังมีสะกดผิดอยู่ รวมถึงที่พิมพ์เกินไปบ้าง ยังไงก็พยายามต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากกกก อ่านถึงตอนสุดท้ายปล้วก็ได้แต่ จบแล้วเหรอวะ แงงงงงงง อ่านเพลินมาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ สิงหา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :3123:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
«ตอบ #208 เมื่อ16-04-2019 15:40:06 »

.
.
.
#ว่าด้วยเรื่องการอยู่ด้วยกัน

เจ้ากรม : อยู่ล่างเป็นเมียกูไหมละ?

พี : position ไม่เกี่ยวปะพี่ ขนาดพี่อยู่ล่างแต่เล่นท่าออนท็อป ผมบย่มพี่ แต่พี่ยังผัวเป็นผมเลย

เจ้ากรม : ขอให้ได้เถียงตลอด ปากนี้มันเถียงเก่งจริงๆ // เจ้ากรมเอื้อมมือไปบีบปากพีเบาๆ

พี : เจ็บนะพี่ // ทำท่าสะดีดสะดิ้ง

เจ้ากรม : มันไม่เจ็บไอ้พี กูดูออก

.
.
.
มาเล็กๆให้หายคิดถึงกันเด้อออ จะมีบทสนทนาเล็กๆทำเป็นเล่ม มินินะตัวเองง เดี๋ยวไรท์เอามาสปอยเด้อ

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [END] #เจ้ากรมขย่มปฐพี ++ mini (16/04/62)+
«ตอบ #209 เมื่อ16-04-2019 21:06:40 »

 :z1:รวดเดียวจบ ...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด