Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Politics of love รักถะศาสตร์ #เจ้ากรมขย่มปฐพี เล่มออกละเด้อ พร้อมส่ง 10/6/2563  (อ่าน 60449 ครั้ง)

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กลับไปอ่านตอนหมอปลอมฉีดยาก็ทั้งขำทั้งสงสารน้องผี ดีนะที่ฉีดเข้าไปเป็นยาชา เจอแบบนี้คงจะไม่อยากเข้าโรงบาล+เมาไปอีกนาน5555 แล้วมีการมาเถียงว่าเมาแล้วนักเลง นักเลงหลบในใช่มั้ย5555คลิปบดๆยั่วๆคือโพสต์เองเรียกคนมาดูเองด้วยนะนักเลงมากลูก5555 :m20: น้องผีคือเข้าทางพ่อจริงๆนะเนี่ย เรื่องเงินก็เรื่องใหญ่แต่ทำไมโอนให้พี่กรมง่ายจังเห็นอนาคตคนกลัวผัวมาแต่ไกลเลยอ่ะแซวๆ :z1: แล้วตอนท้ายๆมีความเนียนพ่อเราด้วย :hao7: แล้วก็เห็นพี่กรมยิ้มแล้วมีความสุข แหม่น้องผีน้องชายจะเป็นน้องชายถามพี่กรมยังอยากได้น้องมั้ย ในความรู้สึกเราคือพี่กรมจะชอบน้องผีมั้ยแบบรู้สึกว่าพี่กรมก็คงชอบแหละแต่ยังไม่ถึงแฟนอ่านแล้วรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องแบบเรียลมากๆน้องผีก็เหมือนกันรู้สึกว่าน้องใช้ชีวิตเกรียนๆไปเรื่อยๆแต่มปรเราจะชงไว้ก่อน5555 คือนึกไม่ออกว่าจะเป็นแฟนกันยังไง แต่รวมแล้วก็คือสนุกมากๆๆๆ อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณที่มาต่อเร็วมากๆเลย ก็รอตอนต่อไปอยู่นะเป็นกลจให้นักเขียนเสมอ :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 4.1
หาเสียง


   ตอนนี้ผมกับพวกพี่ๆได้มาอยู่ที่จุดนัดหมายของการหาเสียงในวันนี้คือเขตบางกะปิ ซึ่งมีตัวแทนของพรรคที่สมัครในเขตพร้อมกับผู้แทนเขตอื่นๆมาร่วมกันหาเสียงด้วย ในฐานะที่พ่อของพี่กรมเป็นหัวหน้าพรรคเป็นธรรมดาที่จะต้องช่วยลูกน้องออกหาเสียง


   “ รู้สึกแปลกๆหว่ะ” อยู่ๆพี่เทพก็พูดขึ้น ก็แปลกอย่างที่พี่เทพพูดจริงๆเพราะพร็อปที่พวกผมมีคือพวงมาลัยดอกดาวเรืองใหญ่ๆ ป้ายที่มีหน้าของผู้แทน และป้ายที่มีหน้าของท่านอัศวินถืออยู่เต็มสองมือ


   “ สมน้ำหน้าพวกมึง” พี่กรมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถือพร็อปเหมือนพวกผม แค่พี่มันยอมมาด้วยท่านอัศวินก็ยิ้มหน้านบานจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วครับ


   ตอนนี้รถเครื่องเสียงขนาดใหญ่หลายสิบคันเคลื่อนตัวมาบริเวณที่พวกผมยืนอยู่


   “ แยกกันไปสองคนต่อหนึ่งคันนะลูก” น้ำเสียงของท่านอัศวินอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะรอบๆตัวของเราตอนนี้เต็มไปด้วยนักข่าวที่รอเก็บภาพบรรยากาศการหาเสียงวันแรกเพื่อไปทำข่าว


   “ ผมไปกับพี่นะ” ผมเดินไปหาพี่กรมที่ยืนใช้พัดลมใส่ถ่ายสีชมพูจี้หน้าของตัวเองอยู่ ทำท่าทางเหมือนว่าตรงนั้นร้อนมากๆแต่จริงๆแล้วไม่ร้อนเลยครับอากาศออกจะเย็นสะบายมากกว่า เพราะยังอยู่ในช่วงเช้าค่อนไปทางสายของวัน


   “ เออ” พี่กรมตอบปัดๆเหมือนว่าไม่ได้สนใจอะไรผมมาก จนกระทั่งถึงเวลาที่พวกผมต้องไปขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวออกหาเสียง


   ผมกับพี่กรมขึ้นมาบนรถคันแรกซึ่งเป็นคันที่มีผู้แทนประจำเขตและหัวหน้าพรรคอย่างคุณอัศวินที่ยืนโบกไม้โบกมือยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับชาวบ้านที่ออกมาต้อนรับกันอย่างหนาแน่น เพราะว่าพี่กรมเป็นถึงลูกชายหัวหน้าพรรคทำให้เขาต้องมายืนประดับบารมีของผู้เป็นพ่อแม้ว่าสีหน้าของพี่กรมจะดูไม่ค่อยเต็มใจในตอนแรก แต่ตอนนี้ใบหน้าของพี่กรมยิ้มออกมาราวกับว่าถูดเซ็ตไว้ให้ยิ้มเมื่อเจอผู้คนที่ออกมาต้อนรับรวมถึงนักข่าว


ผมนี่เป็นตางงเลยครับ พี่กรมนี่ปรับสภาพเก่งมากๆ เหมือนกับอะไรสักอย่าง...อะไรดีนะ อ่อ! จิ้งจกครับ


   “ น้องผี ยิ้มให้เห็นฟันเข้าไว้” พี่กรมที่ยืนอยู่ข้างๆก้มลงมากระซิบบอกผมที่ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์นี้อยู่ “ แบบนี้” ไอ้พี่กรมใช้นิ้วมือของเขามาจิ้มที่มุมปากทั้งสองของผมก่อนที่พี่มันจะแหกขึ้นให้ผมยิ้มออกมาตามที่นิ้วของเขาเซ็ตเอารอยยิ้มของผมเอาไว้


   “ ครับ ยิ้มครับ” ผมก็ยิ้มตามที่พี่กรมจัดแจงให้ ตลอดเส้นทางการหาเสียงมีทั้งเสียงต้อนรับและขับไล่ซึ่งเป็นธรรมดาของนักการเมืองที่จะต้องรับมือ ผมว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอยู่เหมือนกันที่ผมได้มีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกในชีวิต มันก็ไม่แย่เหมือนกันนะครับ


   “ สวัสดีครับผมอัศวินคนดีคนเดิมของทุกท่าน จะเรียกว่าเป็นลูกๆหลานๆที่เกิดในเขตนี้เลยก็ว่าได้นะครับ” เมื่อมาถึงจุดที่ท่านอัศวินต้องกล่าวทักทายปราศัยกับชาวบ้าน ผมรวมถึงคนอื่นๆที่อยู่บนรถต้องลงมายืนด้านล่างแทน และทำหน้าที่เป็นผู้เริ่มการปรบมือและโห่ร้องออกมาอย่างชื่นชม ถ้าให้เรียกในภาษาง่ายๆก็น่าจะเป็น หน้าม้าให้ท่านอัศวินแหละครับ


   “ วันนี้ผมมีสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนของเขตนี้มาฝากฝังให้กับพี่ๆน้องๆทุกท่านได้รู้จัก.................” ผมไม่ได้สนใจในสิ่งที่ท่านอัศวินพูดสักเท่าไหร่เพราะตอนนี้สิ่งที่มาดึงดูดความสนใจของผมคือเหล่านักข่าวที่วิ่งกรูเข้ามาทางที่ผมกับพี่กรมยืนอยู่


   “ ขอสัมภาษณ์น้องเจ้ากรมหน่อยนะครับ” ผมที่อยู่ๆก็ถูกรุมล้อมมาอยู่ตรงกลางวงอย่างงงๆก็ได้แต่ส่งยิ้มโบกมือให้กับกล้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนคนที่อยู่ข้างๆผมอย่างพี่กรมถึงกับต้องจับมือผมให้หยุดโบกเล่นพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้เป็นสัญญาณว่าผมควรนิ่งและวางมาดให้ดูดีกว่านี้


   “ ได้ครับผม” เมื่อกล้องและไมค์จากสถานีโทรทัศน์ต่างๆสาดมาที่พี่กรมผมที่เป็นทางผ่านก็ถูกไมค์เล่านั้นยื่นข้ามหัวผม บางช่องก็ใช้ไมค์กดหัวและวางบนหัวผมให้ไปใกล้พี่กรมได้มากที่สุด ตอนนี้ผมหลุดเฟรมไปแล้วครับ...


   “ น้องเจ้ากรมในอนาคตจะผันตัวมาเล่นการเมืองเต็มตัวอย่างคุณพ่อไหมคะ”


   “ ผมยังตอบไม่ได้นะครับว่าจะเล่นเต็มตัวไหม ก็มีมองๆอยู่บ้าง ถ้าคุณพ่อท่านเห็นแววของผมท่านก็น่าจะเป็นฝ่ายทาบทามผมเอง ผมยังออกตัวแรงตอนนี้ไม่ได้ครับ” พี่กรมตอบอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่รอยยิ้มของเขาสะกดทุกสายตาของนักข่าวได้อยู่หมัด


   “ แล้วที่มาหาเสียงกับท่านอัศวินวันนี้จะมาตามกระแสลูกนักการเมืองท่านอื่นๆหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณพ่อได้จ้างให้ออกมาหาเสียงหรือเปล่า ปกติน้องเจ้ากรมไม่ค่อยออกงานเลยครับ” คำถามนี้ถ้าพี่กรมตอบผิดหรือตอบหลุดไปนิดเดียวมันมีผลต่อการเลือกตั้งและการดำเนินคดีทางกฎหมายแน่ๆ เพราะคำถามที่ว่าถูกจ้างมาหาเสียงไหมนั่นเป็นการถามคำถามตรงๆ ถ้าพี่กรมหลุดออกไปว่าใช่ครับ ถูกจ้างมา นั่นหมดสิทธิ์ในการลงสมัครครั้งนี้ ซึ่งถูกระบุไว้ในพ.ร.บ.การหาเสียงเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้


   “ คำถามทุกคนนี่เล่นเอาผมเหงื่อออกเลยนะครับ ฮ่าๆ” พี่กรมตอบทีเล่นที่จริงก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเอง “ จะบอกว่าตามกระแสไหม ผมก็ว่าไม่นะครับที่ผมออกมาวันนี้ผมก็เต็มใจออกมาเอง อะไรที่เราสามารถช่วยพ่อแม่ของเราได้ในฐานะที่ผมเป็นลูก ผมก็ควรที่จะทำใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตามแต่บังเอิญว่าพ่อของผมท่านเป็นนักการเมือง มันก็เลยอาจจะมีการจับตามองเป็นพิเศษ” ผมถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่พีกรมตอบออกมาแบบนั้นค่อนข้างที่จะมืออาชีพเลยทีเดียว ท่าทางของพี่กรมในตอนแรกได้หายไปอย่างสิ้นเชิงตอนนี้มีแต่พี่กรมในลุคลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมือง


   “ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านอัศวินได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกของตัวแทนพรรคนี่จริงไหมครับ”


   “ เอ่อ ผมก็ไม่รู้ลายละเอียดอะไรมากนะครับผมยังตอบอะไรไม่ได้จริงๆ ไว้รอฟังแถลงการณ์จากพรรคเพื่อความชัวร์ดีกว่านะครับ”


   “ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างท่านอัศวินกับคุณหญิงราณีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ จะมีอะไรส่งผลต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้หรือเปล่าเอ่ย?” ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ของพี่กรมอย่างนั้นหรอ? ผมว่ามันไม่ควรที่จะถามออกมานะ เท่าที่สังเกตพี่กรมดูเงียบลงกว่าเดิมหลังจากที่มีคำถามนี้โพล่ขึ้นมากลางวงสัมภาษณ์


   “ ก็ดีนะครับ ดีมากเลย” พี่กรมดูเสียศูนย์ไปเล็กน้อย “แต่มันจะส่งผลกระทบไหมผมว่าไม่นะครับ เพราะแม่ของผมท่านไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องของการเมือง ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกัน” แต่พี่กรมก็ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว


หมับ!


   “ ไอ้หนุ่มเอาทิชชู่เช็ดให้เจ้ากรมหน่อย” ไม่รู้ว่าใครมากระแทกหลังผมก่อนที่จะยัดทิชชู่มาในมือทำให้ผมค่อยๆเอื้อมเอาทิชชู่ไปแปะที่หน้าของพี่กรมเพื่อซับเหงื่อให้อย่างยากลำบาก


   “ แล้วที่มีข่าวว่าท่านอัศวินเตรียมเงินเพื่อซื้อเสียงซื้อหัวคะแนนเก่าที่ภาคเหนือจริงไหมครับ” ยิ่งสัมภาษณ์นานเท่าไหร่คำถามยิ่งดูรุนแรงและดูเสี่ยงมากยิ่งขึ้น


   “ ข่าวที่ว่านี่พี่เอามาจากไหนหรอครับ? แหล่งไหนที่บอกผมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ เขารู้ดีกว่าผมที่เป็นลูกแท้ๆอีกนะครับ ฝากบอกแหล่งข่าวด้วยนะครับว่าถ้ารู้ขนาดนี้ก็เอาหลักฐานมาเล่นงานพ่อผมเลยดีกว่านะ จะได้รู้ว่าความลือนี่เป็นจริงหรือกรุขึ้นมา” น้ำเสียงของพี่กรมดูนิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมอยากจะเข้าไปตอบแทนพี่กรมนะแต่อยู่ๆใครก็ไม่รู้มาเบียดผมจะออกจากวงสัมภาษณ์ทำให้ผมหลุดออกมานอกวงอย่างงงๆ


   “ ไอ้กรมดูรุมหรอวะ” ไอ้พี่เทพเดินมาเกาะไหล่ผมมองดูพี่กรมที่กำลังต่อสู้อยู่กับนักข่าว


   “ ครับพี่ ผมโคตรสงสาร”


   “ ไอ้กรมมันรับมือได้ กูฝากอันนี้ให้มันด้วยเดี๋ยวกูไปทางนู้นกับพี่ๆก่อน” พี่เทพชี้ไปที่ขบวนหาเสียงที่เดินล่วงหน้าไปก่อนที่พี่มันจะยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ผมเพื่อเอาไปให้พี่กรม


   “ ไอ้หนุ่มเอ็งไปลากเจ้ากรมออกมาเร็วเดี๋ยวจะแย่ไปมากกว่านี้” ไหล่ของผมถูกใครบางคนสะกิดอีกครั้ง ผมค่อยๆหันไปมองก่อนที่จะเห็นเป็นคนที่ใส่เสื้อเหมือนผมท่าทางมีภูมิฐานน่าจะเป็นคนในพรรคแน่ๆ


   “ ครับๆ” ผมก้มศีรษะโค้งให้ท่านเล็กน้อยก่อนจะฝ่าวงล้อมพร้อมกับพูดขอทางเพื่อเข้าไปที่ตัวพี่กรมจนกระทั่งผมถึงที่หมาย


   “ ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ” ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องพูดว่าอะไรเพื่อจบบทสนทนาแต่อยู่ๆในหัวของผมก็สั่งให้พูดออกมาแบบนี้ ก่อนที่ผมจะคว้ามือพี่กรมและลากพี่กรมออกมาจากวงสัมภาษณ์ เมื่อเดินเลี่ยงออกมาได้สักพักผมก็ปล่อยมือไอ้พี่กรมให้เป็นอิสระก่อนจะยื่นน้ำให้พี่กรมที่มีท่าทางเหนื่อยล้า


   “ พี่เทพฝากมาให้พี่”


   “ เออ เหนื่อยฉิบหาย” พี่กรมย่อเขาลงก่อนที่จะเปิดขวดน้ำเทใส่หน้าของตัวเองนั่นทำให้น้ำไหลเปื้อนเสื้อลงมาจนถึงกางเกงของเขา.......OMG


   “ พี่ ไม่สกปรกหรอวะ”


   “ กูร้อน” เชื่อแล้วว่าร้อนจริงแล้วใครเอาพัดลมถ่านหมุนของพี่กรมไปไหน ผมเห็นตอนแรกพี่กรมยังพกมาด้วยอยู่เลย


   “ พี่เราจะไปไหนกันต่อ”


   “ ไปสมทบกับพวกข้างหน้า รับดอกไม้จากขาวบ้าน ยกมือไหว้ ฉีกยิ้มกว้างๆให้ดูจริงใจ ใครจะพูดด่าอะไรก็อย่าไปสนใจ ยิ้มอย่างเดียว”


   “ แสดงว่าพี่มาบ่อยอะดิ” ผมเดินคู่กับพี่กรมเพื่อเข้าไปสบทบกับขบวนด้านหน้า ตอนนี้คนเริ่มคึกคักมากกว่าเดิมเพราะดูเหมือนว่ามีพรรคอื่นๆมาหาเสียงที่ตลาดบริเวณนี้ด้วย


   “ ก็บ่อย แต่มันนานหลายปี ก่อนที่การเมืองและนักการเมืองจะถูกแช่แข็ง” พี่กรมหันมาพูดกับผม “ ตั้งแต่เด็ก / สวัสดีครับ” พี่กรมพูดกับผมทีหันไปยกมือไหว้คนนู้นคนนี้ทีมีป้าๆใจดีวิ่งเอาพวงมาลัยดอกไม้มาให้ทั้งผมและพี่กรมเพื่อเป็นกำลังใจ


ฟอด!


   “ ชื่นใจจังพ่อหนุ่ม” ตอนนี้พี่กรมถูกป้าที่ไหนไม่รู้ดึงไปหอมแก้มแรงๆหนึ่งที่โดยที่พี่กรมไม่สามารถปฏิเสธได้ ส่วนผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พี่มัน


   “ ครับ ฝากพรรคพ่อผมด้วยนะครับ”


   “ ไม่บอกป้าก็จะเลือก หล่อทั้งพ่อทั้งลูกเลย หล่อวะ!!” ป้าตบอกตัวเองแรงๆด้วยสีหน้าของคนพริ้มสุขหลังจากที่ได้หอมแก้มของพี่กรมไป ถ้าผมทำอย่างนั้นกับสาวๆบ้างแบบที่ป้าทำผมจะโดนตบไหมวะเนี่ย เก็บไว้คิดก็แล้วกัน


   “ พี่กรมๆ” ผมเดินตามหลังพี่กรมไปได้สักพักเมื่อผมสังเกตเห็นว่าแถวนี้ไม่มีชาวบ้านหรือเหล่าแม่ค้าพ่อค้าสักเท่าไหร่ ผมก็ได้โอกาสไปสะกิดพี่มันอีกครั้ง


   “ อะไร” ดูซิครับ ไอ้ผมก็เรียกดีๆนะ ทำไมคนหล่อต้องทำท่าหงุดหงิดใส่ผมด้วย


   “ จะถามว่าพี่สาวคนนั้นเป็นใครกัน สวยดี” ผมชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแอบมองเธอมานานพอสมควรในช่วงที่ผมเดินตามถนนหาเสียง


   “ มึงชอบรึไงน้องผี” ไอ้พี่กรมเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนๆ


   “ ครับ โคตรสวย สเปคผมเลยพี่” ผู้หญิงอะไรเวลายิ้มนี่ผมอยากจะแฝงตัวไปเป็นขี้ฟันหรือหินปูนที่เกาะกับฟันสวยๆของเธอจัง


   “ กูจะบอกไรให้นะ” พี่กรมหยุดเดินก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างๆหูผมเบาๆ “ เขามีผัวแล้ว” เมื่อพี่มันกระซิบเสียงดังเสร็จก็เดินลอยหน้าลอยตาไปทันที


   “ พี่!” ผมกระโดดเกาะไหบ่ไอ้พี่กรมที่ตัวสูงก่อนที่ผมจะเขย่งไปกระซิบหูของพี่กรม “ มีผัวแล้วไงเลิกได้ ผมจะแย่ง!” เท่านั้นแหละครับฝ่ามือใหญ่ๆฝาดลงมากลางหัวของผมเต็มๆ


เพี๊ยะ


   “ แก่แดดนะมึง”



PS.ชอบเวลาที่พี่กรมจริงจังจังค่ะ นักเขียนฟินนนนนนนนนนนนนนน
PS. น้องพีรออ่านคอมเม้นต์นะครับ ไม่งั้นจะเอาไม้ฟาดหัวนะครับผมมม 555555555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 10:43:27 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่กรมคือมืออาชีพตอบคำถามดีมาก ขำตอนโดนหอมแก้มอยากไปหอมบ้าง :-[ อิน้องก็แก่แดดจริงๆนั้นแหละ :laugh: สนุกมากๆรอตอนต่อไปอยู่นะ :3123: :pig4:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 4.2
หาเสียง (ได้เลือด)

        “ แก่แดดนะมึง”


   “ วันนี้พี่ติดผมหลายพันละนะ” ผมวิ่งไปดักหน้าพี่กรมทันทีพร้อมกับอ้าแขนกลางเอาไว้ไม่ให้พี่กรมเดินหนี


   “ กูไปติดหนี้มึงตั้งแต่เมื่อไหร่”


   “ ค่าที่ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าพี่หนึ่งพันบาท ค่าที่ผมไปเอาพี่ออกจากวงนักข่าวอันนี้คิดแค่ห้าร้อย ค่าที่ผมเอาน้ำให้พี่ผมคิดสองร้อย ค่าที่ผมโดนตบหัวเมื่อกี้สามร้อย ทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อย นี่ลดให้ละนะ ราคาเต็มมากว่านี้”


   “ มึงคิดว่ากูโง่?”


   “ นะพี่หล่อ พี่ติดหนี้ผมจริงๆ”


   “ ดูปากพี่หล่อนะครับ” พี่กรมชี้ที่ปากของตัวเอง “ กู - ไม่ – ให้!” พี่กรมพูดย้ำที่ละคำชัดๆช้าๆและเน้นๆให้ผมดูที่ละคำ


   “ ดูปากผมนะครับ” ผมชี้มาที่ปากของตัวเองเลียนแบบพี่กรมที่ทำไปเมื่อก่อนหน้า “ ผม - จะ – เอา!”


   “ น้องผีอย่ากวนตีนกูนะ ยิ่งร้อนๆอยู่” พี่กรมพูดขึ้นพร้อมกับชักสีหน้าเพื่อบ่งบอกว่าตอนนี้เขาไม่พอใจอย่างสุดฤทธิ์ พร้อมกับสายตาที่บอกว่าถ้าผมพูดขึ้นมาอีกคำผมโดนต่อยคาที่แน่


   “ ไม่เอาก็ได้ครับพี่ครับ” ผมยิ้มให้ไอ้กรมทันทีหลังจากที่ผมคิดอะไรได้บางอย่างในเมื่อพี่มันไม่ให้ดีๆผมก็พอจะมีวิธีจัดการขัดเด็ดขาดจนพี่มันต้องไม่กล้าปฏิเสธผมได้อีกแน่นอน


   “ ไปง่ายนะมึง” เสียงของพี่กรมที่บ่นตามหลังผมมาขณะที่ตอนนี้ผมเดินไปสมทบกับพี่ๆคนอื่นๆ พร้อมกับรับดอกไม้จากชาวบ้านตามลายทาง ผมจะจินตนาการว่าตอนนี้ผมคือนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่มีคนแห่แหนมารับและทักทายอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหนทุกคนต้องโห่ร้องด้วยความดีใจ


เพี๊ยะ!


   ผมต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงว่าผมโดนใครที่ไหนไม่รู้ตบหัวผมแรงๆเพื่อเรียกผมจากความฝัน ใครวะ!มันกล้าตบหัวผม มันต้องโดนประหาร!!!


   “ ไอ้หนุ่มหลับตาเดินทำไมวะ” ผมหันไปมองทางด้านหลังว่าใครเป็นผู้ลงมือกับการกระทำครั้งนี้ที่บังอาจมาตบหัวผมกลางตลาด และสิ่งที่ผมเจอคือป้าแก่ๆคนหนึ่งยืนเท้าเอวชี้หน้าผมอย่างหาเรื่อง


   “ ผมพักสายตาครับ”


   “ เพ้อเจ้อ!” เอ้า กูโดนด่าฟรีไปเลยอะ ทำไมอ่ะ ทำไมน้องต้องโดนด่าฟรีแบบไม่มีเรื่องราวแบบนี้ด้วย น้องพีงงนะขอรับ



Jaokom’s talk


   หลังจากที่ผมไม่สามารถเลี่ยงเหตุการณ์ต่างๆได้แล้วนั้นวันนี้ผมก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ผมในเรื่องของพ่ออีกเช่นเคย ตั้งแต่ผมจำความได้หลังจากที่พ่อเลือกเส้นทางนี้ผมจะถูกพูดถึงในฐานะลูกชายนักการเมืองหนุ่มไฟแรงเมื่อหลายสิบปีก่อน จนถึงตอนนี้ผมก็เป็นที่พูดถึงและถูกตามติดชีวิตเกือบทุกๆการกระทำ ดังนั้นถ้าผมจะทำอะไรในที่สาธารณะผมต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะมีคนเห็นไหมเพราะการกระทำของผมจะส่งผลกระทบต่อฐานเสียงและชื่อเสียงของพ่อทุกอย่าง เหตุการณ์ที่ทำให้ผมไม่ลืมคือวันที่ผมสอบติดคณะรัฐศาสตร์ ผมต้องเจอกับการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งแรกในชีวิต มีคนตั้งกระทู้มากมาย สำนักข่าวเล่นข่าวของผมอย่างนึกสนุก ในหัวข้อที่ว่า ‘ลูกชายนักการเมืองใช้เส้นเข้าคณะดัง’ เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมคิดว่าผมไม่น่าเกิดมามีพ่อเป็นนักการเมือง แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อพ่อของผมออกมาปกป้องและนั่นยิ่งทำให้กระแสที่ว่ากลับร้อนแรงมากกว่าเดิม หาว่าพ่อของผมที่ออกมาพูดครั้งนั้นเป็นการแก้ตัว.... พ่อทำทุกอย่างให้ผมเอาชื่อเสียงมาแลกกับการเบี่ยงเบนความสนใจของนักข่าว ทำให้ผมคิดได้ว่าใครอยากจะวิจารณ์อะไรผมก็ช่างอยากจะด่าอะไรผมก็ด่าเพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่ต้องมาเดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น


   “ สวัสดีครับ” ผมยิ้มทักทายให้กับชาวบ้านอีกเช่นเคย รอยยิ้มของผมมันถูกเซ็ตไว้อัตโนมัติเมื่อผมต้องเจอกับผู้คนในที่สาธารณะ


   “ ทำดีเพื่อชาติเพื่อประเทศนะลูกนะ” ผมก้มลงไปรับพวงมาลัยจากคุณยายที่นั่งขายขนมไทยอยู่ริมฟุตบาทท่ามกลางอากาศร้อนๆ


   “ ยายไม่ร้อนหรอครับ?”


   “ ร้อนสิพ่อหนุ่ม แต่เงินก็ต้องหา มันต้องทนเอา” ยายตอบพร้อมกับเช็ดเหงื่อไปด้วย ในความคิดของผมคุณยายท่านก็น่าจะอายุมากแล้วไม่ควรออกมาทำงานหนักแบบนี้ ควรอยู่บ้านใช้ชีวิตให้มีความสุขกับบั้นปลายชีวิตไม่ใช่หรอครับ? ลูกๆหลานๆของยายไปไหนทำไมปล่อยให้ยายออกมาทำงานแบบนี้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ เกิดคำถามขึ้นมากมายในหัวของผมเต็มไปหมด


   “ แล้วเงินคนแก่ก็มีไม่ใช่หรอครับ”


   “ โอ้ย เดือนละห้าหกร้อยจะไปพอกินทั้งเดือนได้ไง” ยิ่งผมฟังอย่างนั้นผมก็รู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องจริงที่สังคมไทยต้องเจอ


   “ งั้นผมเอาหมดนี่เลยครับ” ผมหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพื่อเตรียมจ่ายเงินให้คุณยาย ก่อนที่ผมจะมองเข้าไปนัยน์ตาคุณยายตรงๆ “ ที่ผมซื้อไม่ได้เพราะต้องการจะทำคะแนนเพื่อช่วยพรรคพ่อของผมนะครับ แต่ที่ผมซื้อเพราะผมอยากช่วย อีกอย่างขนมของคุณยายก็หาทานที่ไหนไม่ได้ ผมไม่ได้ทานนานแล้วถือซะว่าผมเหมาก็แล้วกันนะครับ”


   “ พ่อหนุ่ม...ขอบใจเอ็งจริงๆนะ” บางทีความสุขของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความสุขของผมคือการทำสิ่งเล็กๆที่ทำให้สองฝ่ายมีความสุข คุณยายได้กลับบ้านไปพักไม่ต้องมาเจอกับอาการร้อนๆ ผมได้ทานขนมหายากที่คาดว่าน่าจะอร่อย วินวินกันทั้งคู่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ผมทำจะมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์เพียงแค่ฝ่ายเดียว...


   แต่ใครจะหารู้ไม่ว่าภาพที่เจ้ากรมก้มลงจ่ายเงินให้คุณยายขายขนมนั้นจะถูกเก็บเอาไว้พอดี ถ้าเขาปล่อยลงใน Social media รับรองได้ว่าพรรคการเมื่องนี้ถูกสอบสวนแน่นอน บก.ต้องขึ้นโบนัดสิ้นปีสำหรับข่าวใหญ่ในวันนี้ในหัวข้อที่ว่า ‘ ลูกชายนักการเมืองพรรคดัง ช่วยพ่อซื้อเสียงกลางตลาด’



Pee’s talk


   ผมยืนมองการกระทำของพี่กรมอย่างชื่นชมผู้ชายอะไรจะดูใจดีขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะปากหมาและกวนตีนไปบ้าง แต่พอลับหลังทุกคนแล้วพี่กรมก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ตอนนี้ผมยืนห่างกับพี่กรมพอสมควรและดูเหมือนว่าตรงนี้จะไม่มีใครอยู่เลยแม้กระทั่งนักข่าว


   “ ได้ข่าวเด็ดแล้วกู” ผมหันไปมองคนข้างๆที่ยืนยิ้มให้กับกล้องถ่ายรูปในมือ ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าเขายิ้มให้กับอะไรในกล้อง ความอยากรู้นั้นทำให้ผมพยายามใช้สายตามองเข้าไปในกล้องที่พี่เขาถืออยู่ แต่มุมที่ผมมองมันไม่ถนัดเลยครับ ทำให้ผมค่อยๆขยับไปทางด้านหลังของพี่คนนั้นก่อนจะชะเง้อมองเข้าไปอีกครั้งอย่างไม่ลดละความพยายาม ตามสุภาษิตที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นและผมก็มองเห็นจริงๆครับ ภาพนั้นเป็นภาพที่พี่กรมกำลังยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ยาย....... มันเป็นภาพด้านเดียวที่ใครมองแว๊บแรกก็รู้ว่าคนในภาพกำลังทำอะไร


   “ พี่!” ผมแกล้งผลักไหล่ของพี่ที่ถือกล้องเบาๆจนพี่มันหันมามองหน้าผม


   “ วะ...ว่าไงน้อง” ไอ้พี่คนนั้นรีบเก็บกล้องทันทีที่เห็นผม ผมว่าพี่มันน่าจะเห็นเสื้อที่ผมใส่แน่ๆเพราะเป็นเสื้อเดียวกับพี่กรมและคนอื่นๆในพรรคใส่


   “ รูปโคตรสวยเลย ผมว่าถ้าพี่ปล่อยไปอะนะดังแน่นอน” ผมมองหน้าพี่เขาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอัดวีดีโอถ่ายไปที่หน้าของพี่เขาเต็มๆ


   “ ผมเจอพี่นักข่าวคนนี้นะครับไม่รู้ว่าสำนักข่าวไหน ถ้าเขาปล่อยภาพบางอย่างไป ผมอยากให้รู้เลยว่าความจริงมันเป็นอย่างไง” ผมแพลนกล้องไปที่พี่กรมที่กำลังช่วยยายเอาขนมใส่ถุงพร้อมมกับรอยยิ้มและเสียงพูดคุยที่ผมเองก็ไม่ได้ยินว่าพี่กับยายเขาพูดว่าอะไร ก่อนจะแพลนกล้องมาที่หน้าของพี่นักข่าวอีกรอบ


   “ คนที่ทำดีโดยที่ไม่มีใครเห็นต้องมาโดนแอบถ่ายภาพบางภาพที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้นะครับ” ผมกดหยุดอัดวีดีโอทันทีก่อนจะเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์


   “ พี่น่าจะรู้นะครับว่าถ้าพี่ปล่อยมันจะเป็นอย่างไง” ผมไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริงทุกอย่างมันฟ้องด้วยภาพและวีโอที่ผมถ่าย ถ้าพี่นักข่าวคนนนี้ปล่อยภาพออกไปผมก็จะปล่อยวีดีโอที่ผมถ่ายตามออกไปเหมือนกันพร้อมกับแจ้งความข้อหามีเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียหาย


   “ .....” พี่นักข่าวไม่ได้ตอบอะไรผมแต่เขากลับเดินเลี่ยงออกไปอีกทางจนเดินหายลับตาไป ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาไอ้พี่กรมมันนะปล่อยให้พี่มันนั่งคุยกับยายขายขนมไป ผมนั่งลงข้างๆต้นไม้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คเล่นๆจนกระทั่งผมเจอกับข้อความบางอย่างที่ทำให้ผมจุกไปในทันที....


   ‘พี...เราท้อง’


   ผมขยี้ตาแรงๆทันทีที่เห็นข้อความนั้น มันเป็นข้อความที่ส่งมาทาง SMS ขึ้นเพียงแค่เบอร์โทรเฉยๆไม่ระบุชื่อหรือข้อมูลอื่นที่ทำให้ผมรู้ตัวตนว่าใครคือคนที่ส่งมา...ผมนั่งทบทวนอยู่กับตัวเองสักพักว่าผมเคยไปมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนบ้างแต่เท่าที่ผมจำได้ผมไม่เลยมีอะไรกับใครเลย แล้วกูจะไปทำใครท้องได้ไงวะ


   “ เชี่ยไรวะเนี่ย” ผมกระชากผมของตัวเอแรงๆอย่างใช้ความคิด กูเครียดนะครับ เครียดมากที่อยู่ๆก็มีใครมาส่งข้อความแบบนี้มาที่ผมแถมยังรู้ด้วยว่าผมชื่อพี กูพึ่งจะขึ้นปีหนึ่งไม่ถึงเทอมกูจะต้องออกไปเลี้ยงลูกแล้วหรอวะ? ไม่ดิไอ้พีมึงยังไม่เคยใช้พีน้องไปจิ้มเข้าถ้ำใครเลยนะเว้ย!!!  แล้วมาท้องได้ไง ถ้าเกิดว่าการท้องผ่านการดูคลิปดูรูปสวยๆบางอย่างนั้นได้ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ผมจะทำคนอื่นท้อง


   “ ไอ้พีมึงเป็นไร” อยู่ๆพี่คินพี่เทพและพี่วินก็เดินเข้ามาทางที่ผมนั่งเครียดอยู่


   “ เอ่อ..เปล่าพี่” ผมคงจะบอกใครไม่ได้จนกว่าผมจะแน่ใจ ถึงเวลาที่ผมต้องมายุ่งเรื่องของตัวเองแล้วแหละครับ


   “ หน้ามึงเหมือนมีอะไร บอกกูได้นะเว้ย” พี่วินตบไหล่ผมเบาๆ


   “ ขอบคุณพี่ แต่ไม่มีอะไรครับ” ผมยืนขึ้นยิ้มให้พวกพี่ๆที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจนผมรู้สึกแปลกๆ เพราะเอาจริงๆผมพึ่งจะมาคุยกับพวกพี่ๆเขาแค่ไม่กี่วันเอง แต่ทำไมผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนผมได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ


   “ ไปแดกข้าว” ไอ้พี่คินเดินมากอดคอผมพาไปตรงจุดที่เป็นรถขบวนเหมือนเดิม ถ้าให้ผมเดาตอนนี้น่าจะกำลังกลับกันแล้วแน่ๆ ทำงานไม่เหนื่อยได้เงินมาหมื่นถือว่าคุ้มครับ พีแฮปปี้ ส่วนเรื่องลูกค่อยเอาไปสืบทีหลังก็แล้วกัน


   “ น้องครับคุณกรมเรียกให้น้องไปหาด้านหลัง” อยู่ๆก็มีพี่คนหนึ่งสะกิดไหล่ผมเบาๆพร้อมกับชี้ไปทางด้านหลังตลาดและบอกว่าพี่กรมเรียก


   “ ครับ” ถึงจะงงๆอยู่บ้างก็ตามที่พี่กรมให้ใครก็ไม่รู้มาตามผม แต่ผมก็เดินไปที่หลังตลาดเพื่อไปหาพี่กรมตามที่พี่ชายคนนั้นบอก เมื่อผมไปถึงข้างหลังตลาดแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเลยสักคนทั้งพี่กรมหรือคนอื่นๆ


   “ พี่กรม!” ผมตะโกนเรียกพี่กรมอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ บางทีพี่กรมอาจจะเดินกลับไปที่รถแล้วก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ค่อยๆหมุนตัวเพื่อหันหลังกลับยังที่เดิมที่ผมเดินมา


หมับ!


   “ มึงจะไปไหน!” อยู่ๆก็มีมือใหญ่มากระชากไหล่ของผมเอาไว้ก่อนที่จะผลักผมแรงๆจนล้มกองไปอยู่ที่พื้น


   “ พี่?” ไอ้คนที่ผลักผมก็คือไอ้พี่นักข่าวคนนั้นที่ผมอัดคลิปไป


   “ มึงลบวีดีโอที่อัด อย่าหาว่ากูไม่เตือน” พี่นักข่าวชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง


   “ พี่ก็ลบรูปดิ” ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืน


   “ กูสั่งมึง ไม่ใช่สั่งให้มึงมาสั่งกูกลับแบบนี้” เหมือนว่าครั้งนี้ไอ้พี่นักข่าวนั้นจะโมโหหนักกว่าเดิมที่ผมไม่ทำตามคำสั่งของเขา


   “ แล้วพี่เป็นพ่อผมหรอครับ? ทำไมผมต้องมาทำตามด้วย” สายตาผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ถูกซ้อนเอาไว้ แต่มันก็ไม่รอดสายตาผม พี่จะเอาแบบนี้ผมก็จะจัดให้เจ็บตัวนิดหน่อยแต่ผมว่า..ผมน่าจะคุ้มอยู่นะครับ


   “ ปากดีนะมึง!” พี่นักข่าวเริ่มฉุนควบคุมตัวเองไม่อยู่ง้างมือขึ้นพุ่งมาที่หน้าของผมหวังที่จะต่อยเข้ามาเต็ม แต่เหมือนว่าเขาคิดอะไรได้บางอย่างกำปั้นนั้นจึงอยู่และสะบัดออกทันที


   “ แล้วพี่มาหาเรื่องก่อนทำไมอ่ะครับ ที่พี่ถ่ายรูปแล้วทำเหมือนว่ารูปนั้นเป็นรูปซื้อเสียง! ทั้งๆที่รูปนั้นเป็นรูปธรรมดา ผมมีคลิปมีหลักฐานทุกอย่าง ปล่อยซิครับ ปล่อยเลย แน่จริงพี่ปล่อยดิ เอาดิพี่ เอาดิ เอาดิ เอาเลย” ช่วงประโยคหลังๆผมพยายามกวนตีนพี่มันเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินเพียงแค่ผมกับไอ้พี่นักข่าว แต่ประโยคแรกผมตะโกนและเน้นเสียงเกือบจะทุกคำ


   “ กูจะหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ” พี่นักข่าวกัดฟันพูดออกมาเสียงเบา


   “ นักข่าวไร้จรรยาบันแบบพี่ ถ้าหลุดออกไป ปลิวแน่อ่ะครับ” ผมมองหน้าไอ้พี่นักข่าวพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด “ ถ้าพี่จะทำข่าวการเมือง อย่ามาทำอะไรสกปรกเลยพี่ อย่าหาว่าผมสอนเลยนะ แต่ผมก็สอนพี่แหละ พี่แม่งคิดไม่เป็น คิดแต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ภูมิใจป่ะถามจริง” ครั้งนี้ผมว่าไม่พลาดแน่ๆ และเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆเมื่อพี่นักข่าวพุ่งตัวมากระชากคอเสื้อของผมแรงๆและปล่อยหมัดมาที่หน้าผมอย่างไม่ยั้งมือ


ผั๊วะ!!


   “ ปากดีนะมึง มึงตายคามือ คาตีนกูแน่!!!”


ผั๊วะ!!


   ผมไม่รู้ว่าพี่มันปล่อยหมัดมาใส่หน้าผมเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมไม่ได้ต่อยพี่เขากลับเลยแม้แต่หมัดเดียว....



อีกด้านหนึ่งของตลาด


   “ ไอ้พีมันไปไหนวะ” ตอนนี้ทั้งรถเหลือเพียงแค่พีคนเดียวที่อยู่ๆห็หายออกไป ทั้งกรมเทพคินและวินพยายามโทรหาพีแต่ไม่มีคนรับสายเพราะพวกเขาโทรชนกัน แฮร่! ไม่ใช่


   “ ดีนะที่พี่ๆคนอื่นกลับไปก่อน” เพราะหลังจากนี้ก็จะเป็นการไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆที่พ่อของเจ้ากรมเลือกเอาไว้เลี้ยงลูกน้องและสมาชิกในพรรคหลังจากการหาเสียง และพ่อของเจ้ากรมทิ้งรถตู้เอาไว้เพื่อให้ลูกและเพื่อนของลูกได้ไปพร้อมกัน ส่วนตัวเขาออกหน้านำไปรอที่ร้านก่อน


   “ เห้ยมึง! มึงดู” อยู่ๆคินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้ทุกคนที่ยืนรอพีอยู่ดู สิ่งที่คินยื่นให้ทุกคนดูคือภาพถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊คของสำนักข่าวการเมืองแห่งหนึ่งที่ตอนนี้กำลังถ่ายภาพบางอย่างมีผู้เข้าชมเกือบๆแสนคน แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เพราะสิ่งที่สนใจคือภาพของคนที่พวกเขากำลังรอถูกทำร้ายโดยนักข่าวของสำนักข่าวดังกล่าวที่สวมเสื้อบ่งบอกชัดเจนว่าเขาอยู่สำนักข่าวเดียวกับที่ถ่ายถอดสดอย่างเห็นได้ชัด แต่คนของเขาตอนนี้กลับนอนนิ่งไม่ต่อสู้กลับแม้แต่น้อยนั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่รอช้าวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ


   “ เห้ย! ออก” พี่กรมวิ่งไปกระชากตัวของนักข่าวคนนั้นให้ออกจากตัวของรุ่นน้องที่ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่ที่พื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาเต็มหน้า


   “ แจ้งตำรวจ!” เจ้ากรมตะโกนบอกเพื่อนของเขาที่เข้าไปดูอาการพี


   “ ปล่อยกู!” นักข่าวคนนั้นพยายามที่จะสะบัดตัวออกจาการเกาะกุมของเจ้ากรม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเจ้ากรมยิ่งบีบแน่นมากขึ้นจนนักข่าวร้อนออกมาด้วยความเจ็บ


   “ ไอ้พี มึงรู้สึกตัวไหมวะ?” เทพบุตรถามออกมาพร้อมกับตบหน้าพีเบาๆเพื่อเรียกสติไม่ให้คนที่โดนต่อยหมดสติไป


   “ รู้..รู้พี่รู้” พีพยายามลืมตาขึ้นมาพูดกับทุกคนที่นั่งล้อมเขาอยู่


   “ มึงไม่สู้วะ” คินถามออกมาขณะที่รอวินไปตามรถตู้หน้าตลาดเข้ามารับพีเพื่อพาไปโรงพยาบาล


   “ ผมสู้ไม่ได้ ผมใส่เสื้อของพรรคอยู่” พีชี้ที่ตำแหน่งสัญลักษณ์พรรคนั่นทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น


   “ มึงไม่น่ามาเจ็บตัวเพราะอะไรแบบนี้เลยวะไอ้พี” เป็นเสียงของเจ้ากรมที่ดังแทรกทุกคนขึ้นมา ทำให้พีเหลือบไปมองเจ้ากรมพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนเลือด


   “ ผมเต็มใจพี่ ผมแบกหน้ารับเอาไว้ตามที่ผมสัญญากับพี่แล้วนะ.....” และพีก็ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป เพราะกว่าที่คินจะเห็นไลฟ์ก็ผ่านมาหลายนาทีพอสมควรที่พีโดนต่อย






PS.สงสารน้อง  ไม่รู้ว่าจะเจ็บฟรีหรือเปล่า
PS.คนเม้นต์เริ่มหายไปแต่ขอบคุณ คุณ nikpook มากๆเลยค้าาา อยู่กับน้องพีไปนานๆนะคะทุกคน ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 10:50:26 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
น้องผีกล้ามาก
แต่คนแบบนักข่าวในเรื่องก็คงมีจริง ทำทุกอย่างเพื่อเงิน

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำอิน้องผีตอนนี้ก็ยังไม่เข็ดครั้งที่แล้วไปหาโพไซดอนกับโดนหมอปลอมจับฉีดยาก็เพราะก๋วยเตี๋ยว20ห่อที่ไปเกรียนกับพี่เขาแท้ๆตอนนี้ก็ยังเกรียนไม่เลิก อยากเห็นว่าน้องจะโดนตบเกรียนด้วยอะไร :m20: แล้วใครเป็นเมียน้องผีแถมมีลูกด้วยไม่ได้นะ :katai1: เราอุส่าห์ชงกรมพีมานาน ถึงบางครั้งจะคิดว่าพี่กรมอาจจะไม่ใช่พระเอก :mew2: แต่ตอนนี้พี่กรมพระเอกมากหล่อมากด้วยแบบว่าหล่อทั้งกายทั้งใจเลยอ่ะ พูดดีมากๆเลยตอนคุยกับยาย :-[ ถ้าพี่กรมไม่ใช่พระเอกหน้าเราก็จะประมาณนี้ :a5: ความรู้สึกก็จะแบบนี้ :z6: พี่กรมก็คือพระเอกนั้นแหละแต่ทำไมบางครั้งไม่มองพี่แกเป็นพระเอกก็ไม่รู้ น้องผีตอนนี้ก็เท่มากน้องมีไหวพริบดีอ่ะชอบ ยอมความอดทนที่ให้เขาให้ต่อย ชอบเหตุผลที่น้องไม่สู้อ่ะ :z3: หลัวมากเจาคนนี้หาได้จากไหน ยิ่งตอนสุดท้ายที่พูดอ่ะเอาใจเราไปเลยจ้า :-[ เราเข้ามารอนิยายของนักเขียนทุกวันเลย ดีใจมากๆที่นักเขียนก็มาอัพทุกวันเหมือนกัน ขอบคุณมากๆนะคะ :L1: เลิฟๆนักเขียน เราเป็นกลจให้นะสู้ๆ นิยายสนุกมากๆมาต่อเร็วๆนะ :กอด1: :L1: :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอๆไๆๆ พี่หล่อน้องผีค่ะ รีบมาอัพนะคะ
น้องปกป้องพี่แล้วนะ
สงสารพี่กรม

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


coming soon


“ ยังไม่ตายห่าอีก”
.
.
.
“ ที่โดนทำร้ายนี่จัดฉากหรือเปล่าครับ?”
.
.
.
“ ไม่ใช่ความผิดมึง”



Welcome Jaota ^^
Jaota is coming soon

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 5.1
บาดแผลจากการเลือกตั้ง


หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไลฟ์ของเพจสำนักข่าวดังกล่าวกลายเป็นกระแสและถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทุกคนต่างพูดถึงวีรกรรมของนักข่าวที่ไร้จรรยาบัน และอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเด็กที่ถูกทำร้ายในคลิปดังกล่าวที่กล้าเสี่ยงชีวิต


   น้องเขามีสติมากที่ไม่ตอบโต้


   ไม่อยากจะคิดว่าถ้าน้องเขาตอบโต้ไป กระแสจะย้อนกลับจะเข้าพรรคไหม แต่อย่างไงก็ชื่นชมค่ะ


   ขอให้น้องปลอดภัย


   นักข่าวคนนั้นไม่ควรมีที่ยืนในสังคม


   โหดร้าย


   จัดฉากเพื่อสร้างกระแสหรือเปล่า จะทำอะไรเพื่อเรียกคะแนนลงทุนขนาดนี้เลย??


   ชื่นชมน้องในคลิปค่ะ

 
   พรรคนี้ได้ใจไปเต็มๆ นโยบายที่ว่าเยี่ยม แต่มาเจอเหตุการณ์นี้ไม่ผิดหวังที่จะลงคะแนนเลยค่ะ


   เอาคนผิดมาลงโทษ


   สร้างกระแส สร้างกระแส สร้างกระแส สร้างกระแส!!!!


   และอีกหลายๆคอมเม้นต์หลายกระแสที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในตอนนี้ ตำรวจไม่สามารถสอบปากคำได้หมดเพราะอีกฝ่ายยังคงรักษาตัวอยู่ ทำให้ได้ข้อมูลมาแค่ฝ่ายเดียวแม้ว่าจะมีคลิปที่เป็นหลักฐานชั้นดีในการดำเนินคดีแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรต้องมีการสอบสวนเพื่อหาข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลังจากที่เด็กที่ถูกทำร้ายรับการรักษาเสร็จ



Jaokom’s talk


   ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์มันเป็นมาอย่างไง แต่สิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้คือการคุยกับพ่ออย่างจริงจังว่าเลิกดึงผมและเพื่อนๆของผมมาเกี่ยวข้องกับการเมืองและการเลือกตั้งครั้งนี้อีก ผมเบื่อที่เจอกับเรื่องแบบนี้อีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญเหตุการณ์นี้มันก็รุนแรงมากเหลือเกิน เกินกว่าที่เด็กปีหนึ่งอย่างไอ้พีต้องมารับเคราะห์กรรมครั้งนี้ ผมเป็นห่วงความรู้สึกของมันหลังจากนี้จริงๆว่ามันจะรับได้ไหมกับกระแสสังคมที่ออกมาเป็นสองเสียง มีทั้งชื่นชมและวิจารณ์อย่างรุนแรง ผมหวังว่าน้องมันจะไม่เป็นอะไร...


หมับ


   “ เจ้ากรมลูกแม่” ผมไม่รู้ว่ากระแสข่าวมันดึงไปไกลแค่ไหนแต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือหน้าของแม่ที่ไม่ได้เจอกันห้าปีวิ่งมากอดผมแน่จนผมทำตัวไม่ถูกเพราะผมไม่ได้กอดแม่มานาน... นานตั้งแต่แม่เดินจากบ้านของเราไปพร้อมกับ ‘เจ้าท่า’ พี่ชายฝาแฝดของผม


   “ ผมไม่ได้เป็นอะไรครับแม่” ผมผละออกจากอ้อมกอดของแม่เบาๆ ด้วยความไม่ชิน


   “ แม่จะไปบอกพ่อของลูกว่าแม่จะเอาลูกไปอยู่ด้วย” เมื่อก่อนผมก็คิดนะว่าผมอยากไปอยู่กับแม่ แต่ถ้าผมไปแล้วพ่อจะอยู่กับใคร ถ้าพ่อไม่บังคับผมเรื่องให้ผมออกไปหาเสียงไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองผมก็อยู่กับพ่อได้ ขอแค่อย่าบังคับผมอีกก็เท่านั้น แต่ถ้าผมต้องไปอยู่กับแม่จริงๆผมว่าผมทำไม่ได้


   “ ไม่เป็นไรครับ”


   “ ไม่รู้แหละ แม่จะจัดการ” แม่เดินหายออกไปอีกทางคาดว่าน่าจะไปหาพ่อ ผมไม่รู้ว่าที่แม่ทำแบบนี้คือต้องการเอาชนะพ่อหรือเป็นห่วงผมจริงๆ หลังจากที่แม่ออกแล้วทำให้ผมเห็นคนที่มาใหม่อีกคนที่ผมไม่ได้เจอมานานมากเหมือนกัน ผู้ชายที่หน้าเหมือนผมทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า


   “ ไง” มันทักผมแค่นั้น


   “ ไงไรของมึง” แน่นอนว่าผมไม่ถูกกับมันจะเรียกว่าไม่ถูกก็ไม่ได้ให้เรียกว่าชอบทะเลาะกันมากกว่า ไม่เจอหน้ากันมาห้าปีหน้ามันยังหล่อเหมือนเดิมเลยครับ จะไม่หล่อได้ไงก็ในเมื่อมันหน้าเหมือนผมขนาดนั้น


   “ ยังไม่ตายห่าอีก” มันพูดพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆผม


   “ กูอายุยืนกว่ามึงเยอะไอ้ท่า”


   “ เลิกได้ละอะไรเสี่ยงๆแบบนี้” ถึงน้ำเสียงมันจะดูห้วนแต่แววตาของมันก็บ่งบอกว่ามันก็เป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย แต่ผู้ชายด้วยกันมันจะแสดงออกอย่างไงไม่ให้มันแปลกๆวะ ถึงจะเป็นพี่น้องกันก็เถอะ บอกตรงๆนะครับผมไม่ชินไม่ใช่ว่าขนลุกหรือรังเกียจมันเป็นเพียงแค่ความไม่เคยชินก็เท่านั้นตลอดเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เคยเจอกัน และไม่ได้ติดต่อกันทั้งๆที่เราก็อยู่กรุงเทพเหมือนกันนั่นคือช่องว่างทั้งของผมและก็ของไอ้ท่าด้วย


   “ เออๆ กูก็แค่อยากจะช่วยพ่อ” ผมเลือกที่จะตอบปัดๆมันออกไปแทนที่จะตอบตามความคิดและความรู้สึกที่ผมอยากจะขอบคุณมันจริงๆที่ยังเป็นห่วงผมอยู่


   “ พระเอกนะมึง จะเอาตัวไม่รอด” ไอ้ท่าพูดทิ้งไว้แค่นั้นมันก็เดินตามแม่ออกไป ส่วนผมก็นั่งรออยู่ที่เดิม ที่ผมเป็นห่วงคือไอ้พีมันหัวแตกมาเมื่อคืนพึ่งเย็บไปหยกๆ พอมาวันนี้มันต้องมาเย็บอีก ไม่อยากจะเห็นภาพมันเลยครับ


แอ๊ดดด


   มนุษย์หมอและบุรุษพยาบาลเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับไอ้พีที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่หน้ามันเต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากมายเรียกว่าแทบจะทุกส่วนบนใบหน้าของมันเลยก็ว่าได้ ผมเดินเข้าไปหามันทันที เมื่อไอ้พีเห็นว่าผมเดินไปหามันก็ยิ้มให้ผมทั้งๆที่หน้ามันมีแผลอยู่


   “ มึงจะยิ้มทำไมวะ” ผมส่ายหัวให้ไอ้พีที่ยังมีหน้ามายิ้มให้ผมทั้งๆที่ตัวมันยังเจ็บ ด้วยความหมันไส้หรืออะไรทำให้ผมผลักหัวมันไปหนึ่งที


   “ พี่ ผมเจ็บอยู่” มันพูดขึ้นหลังจากที่ผมผลักมัน


        “ เดี๋ยวผมเข็นเองครับ”  ผมเดินเข้าไปเข็นรถให้ไอ้พีแทนบุรุษพยาบาล


   “ หมอเย็บไปหลายแผลอยู่นะครับ ดีที่ว่าน้องเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ว่าต้องไปให้ปากคำกับตำรวจที่รออยู่” หมอหันมาพูดกับผมที่ตอนนี้เรากำลังเดินมุ่งหน้าไปห้องพักที่มีตำรวจรอสอบปากคำพีที่เป็นพยานและผู้ที่ถูกทำร้ายในเหตุการณ์ครั้งนี้


พรึบ!


   ยังไม่ทันที่ผมจะเข็นไอ้พีเข้าไปในห้องอยู่ๆนักข่าวจากไหนก็ไม่รู้แห่เข้ามารุมทางผมกับพีจนไม่สามารถที่จะขยับหรือเข็นพีหนีไปทางไหนได้


   “ ไม่ทราบว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรคะ”


   “ ที่โดนทำร้ายนี่จัดฉากหรือเปล่าครับ?”


   “ ตอนที่มีหลายกระแสมากเลยนะครับ คิดเห็นอย่างไร”


   หลากหลายคำถามพุ่งตรงมาที่ผมกับไอ้พีอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือนิ่งและปล่อยให้ทุกคนถามออกมา เอาจริงๆใจผมตอนนี้เริ่มจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว ผมอยากจะผลักคนพวกนั้นให้ออกไปให้พ้นทางเดินของผม อยากจะกระชากมาต่อยให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมก็ทำไม่ได้.....


   สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือการนิ่งเพื่อรักษาหน้าของพ่อผม.....



Pee’s talk


   ความวุ่นวายตรงหน้าเล่นเอาผมถึงกับไปไม่เป็นเลยครับ จากที่ผมพึ่งได้สติหลังจากที่ผมสลบไปเมื่อตอนที่โดนต่อย ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มมึนอีกแล้ว ทั้งแสงไฟ แสงแฟรชที่สาดเข้ามาจนผมถึงกับต้องหยี่ตาเพื่อหลบแสงพวกนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมมึนขั้นสุดก็คือคำถามของเหล่านักข่าวที่ถามออกมาจนผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าใครถามอะไร เพราะเสียงของทุกคนตีกันไปหมด


   “ ขอโทษนะครับ ผมจะไม่ตอบอะไรจนกว่าที่ตำรวจจะสรุปสำนวนคดีนะครับ ผมขอตัว” ผมได้ยินเสียงพี่กรมถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะดันผมออกท่ามกลางกองทัพนักข่าว แต่ยังไม่ทันที่พี่กรมจะเข็นผมไปได้ไกลนักข่าวก็วิ่งมารุมล้อมหน้าล้อมหลังผมอีกรอบ ทำให้พี่กรมหยุดมือเข็นรถทันที


   “ ทุกคนครับผมรู้ว่าทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง แต่ตอนนี้สงสารคนเจ็บหน่อยนะครับ น้องต้องการพักผ่อนจริงๆ” ถึงแม้ว่าคำพูดของพี่กรมจะเอ่ยออกมาด้วยความสุภาพ แต่ถ้าฟังดีๆแล้วน้ำเสียงของพี่กรมเริ่มนิ่งจนนักข่าวทุกคนต้องแหวกทางให้พี่กรมมีพื้นที่เข็นผมออกไปได้


   “ ขอบคุณนะครับ” พี่กรมหันหลังมาโค้งให้สื่อมวลชนต่างๆก่อนจะเข็นผมเข้าไปในห้องพักที่ตอนนี้มีคนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อพี่กรม ตำรวจพี่เทพ พี่วินและพี่คิน


ปึง!


   พ้นสายตาของนักข่าวพี่กรมกระชากประตูแรงๆก่อนจะตะโกนถามทุกคนออกไปด้วยความโมโหที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นพี่กรมมันเป็นแบบนี้มาก่อน


   “ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยให้นักข่าวเข้ามาวุ่นวายขนาดนี้ ทั้งๆที่ผมต้องพาพีมาที่ห้อง คนก็ตั้งเยอะไม่จัดกำลังมาคุมตรงนี้หน่อยหรอครับ?!” พี่กรมตรงเข้าไปพูดกับพ่อของพี่กรมแต่น้ำเสียงของพี่กรมดังจนทำให้คนที่อยู่ในห้องได้ยินกันถ้วนหน้า จากเสียงพูดคุยในตอนแรกค่อยๆเงียบลงทันที


   “ พ่อก็วุ่นๆอยู่กับตำรวจ” ท่านอัศวินตอบลูกชายของเขา ผมดูจากท่าทางของท่านอัศวินตอนนี้ท่านเองก็น่าจะวุ่นหลายอย่างทั้งเตรียมให้สำภาษณ์และเรื่องของคดีวันนี้ “ เดี๋ยวต้องสัมภาษณ์อีกตอนบ่ายสามหลังจากที่ตำรวจสรุปข้อกล่าวหา”


   “ มันจะต้องสัมภาษณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่? สิ่งที่ควรโฟกัสมันไม่ใช่คนเจ็บหรอกหรอครับ?! ”


   “ กรม ตอนนี้มันใหญ่ไปแล้วลูก” ท่านอัศวินยื่นมือมาตบไหล่พี่กรมเบาๆด้วยความใจเย็นทั้งๆที่ตอนนี้พี่กรมอารมณ์โคตรร้อน แต่ท่านอัศวินเองก็พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบลูกชายของตัวเองด้วยคำพูดและเหตุผล “ เอาไว้ไปคุยที่บ้าน”


   “ ครับ ตามนั้น เอาที่พ่อต้องการเลย” และผมก็ไม่เห็นพี่กรมอีกเลยหลังจากที่เขาคุยกับท่านอัศวินเสร็จ



   ผมให้ข้อมูลและหลักฐานที่ผมถ่ายให้กับตำรวจทั้งหมด ดูก็รู้ว่าใครจะชนะและใครที่จะต้องถูกดำเนินคดี ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอยู่แล้ว ที่ผมทำไปทุกอย่างก็เพื่อปกป้องพี่กรมที่เปรียบเสมือนพี่ชายของผม ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่พี่กรมที่โดนผมก็ยังคงจะยืนยันว่าผมก็จะทำแบบที่ผมทำ


   “ ตามที่ทุกคนเห็น ผมได้พูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็ขึ้นอยู่ที่การพิจารณาและดุลยพินิจของทุกคนครับ” และนี่คือประโยคสุดท้ายที่ผมพูดออกไปก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ หลังจากที่ผมนั่งตอบคำถามและเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างต่อหน้าสื่อมวลชน


   หลังจากนั้นผมก็ถูกพี่ๆนักข่าวถามอีกสองสามคำถามแต่ผมไม่ได้ตอบออกไป เพราะก่อนหน้าที่จะขึ้นมาสัมภาษณ์พี่กรมเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ผมตอบนอกเหนือที่สัมภาษณ์ ให้พูดแค่สิ่งที่เตรียมเอาไว้และพูดในสิ่งที่มันอยู่ในขอบเขตของผม


   ‘ มึงพูดแค่เรื่องที่มึงต้องการให้เขารู้ อย่าพูดอะไรที่จะทำให้กระแสตีกลับไปหามึง ถ้านักข่าวจี้มึงมากก็ให้เงียบ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี’ พี่กรมบอกผมแค่นั้นก่อนที่เราจะขึ้นไปทำหน้าที่ของตน ผมนั่งห่างออกมาจากพี่มันโดยที่ท่านอัศวินนั่งตรงกลางระหว่างผมกับพี่กรมโดยที่มีพวกพี่เทพยืนให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง ผมจะดีใจกว่านี้ถ้าเกิดว่าผมมาแถลงข่าวเรื่องอื่น


   ผมเข้าใจในสิ่งที่พี่มันพูดกับผมก่อนหน้านี้แล้วจริงๆว่าพี่มันต้องเจอกับความวุ่นวายและความอึดอัดมากแค่ไหน ขนาดผมพึ่งมาเจอกับตัวแค่วันนี้ผมรู้เลยว่ามันไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต่อไปนี้ผมจะไม่ลากพี่กรมมันมาทำอะไรในสิ่งที่ไม่ชอบแบบนี้อีกแล้ว


   “ ไอ้หนุ่มลุงขอโทษเอ็งด้วยนะ ที่พามาเจ็บตัว ลุงโทรบอกกับพ่อเอ็งแล้ว” ท่านอัศวินเดินตรงมาหาผมที่นั่งรอรถของไอ้พี่เทพที่หน้าโรงพยาบาลกับพวกพี่กรมพี่วินและพี่คินหลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ


   “ ครับ ไม่เป็นไรครับท่านผมเต็มใจ” ผมยิ้มให้ท่านอัศวินเพื่อให้ท่านเห็นว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่ทำไมตอนนี้ผมรับรู้ถึงสายตาแปลกๆของพี่กรมกับท่านอัศวิน มันทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดขึ้นมาทันที ผมว่าผมจะต้องสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานกว่านี้


   “ เอ่อท่านครับ พอดีว่าเงินวันนี้โอนมาที่บัญชีผมเลยนะครับ” ไอ้ปากเวร! ผมว่าผมจะมาสร้างบรรยากาศแต่ที่ไหนดันสร้างบรรยากาศให้ดูแย่เข้าไปมากกว่าเดิมมากกว่า ผมนี่รีบเอามือปิดปากแทบจะไม่ทันเพราะสายตาดุๆของพี่กรมที่ส่งมาให้ผม


   “ มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหมพี ก็รู้ว่ามึงงกแต่ช่วยดูสถานการณ์ด้วย” พี่กรมดุขึ้นมาหลังจากที่ผมพลาดท่าไปหาเรื่องใส่ตัวเองด้วยการพูดเรื่องเงิน


   “ อย่าไปว่าน้องมันเลย” ท่านอัศวินพูดบอกลูกชายของตนที่ตอนนี้หันหน้าหนีไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับยื่นซองบางอย่างมาให้ผม


   “ อะไรครับท่าน?”


   “ ค่าทำขวัญ รับไปเถอะลุงรู้สึกผิดกับเอ็งนะไอ้หนู” ผมก็เกรงใจระดับหนึ่งแหละครับ แต่พ่อกับแม่สอนผมเอาไว้ว่าถ้ามีผู้ใหญ่ให้ของเราก็ต้องรับเอาไว้ ดังนั้นผมจึงรับซองที่ท่านอัศวินยื่นมาให้ทันทีด้วยความเต็มใจ


   “ จริงๆเลยมึง” จังหวะนั้นพี่เทพขับรถเข้ามาพอดีหลังจากที่เกิดเรื่องไอ้พี่เทพก็กลับไปเอารถที่บ้านของท่านอัศวินโดยให้เหตุผลว่าจะได้กลับกันเลยไม่ต้องย้อนไปย้อนมา


   “ พวกมึงกลับกันเลย ฝากไปส่งไอ้เด็กนี่ด้วย เดี๋ยวกูกลับกับพ่อ” พี่กรมเข็นผมมาส่งที่รถของพี่เทพพร้อมกับเพื่อนๆของเขา ดูจากหน้าพี่กรมก็รู้ว่าวันนี้เขาเหนื่อยแค่ไหน


   “ พี่กรม ผมขอโทษนะพี่” ผมยกมือไหว้พี่มันก่อนที่จะปิดประตูรถทางเบาะด้านหลังที่พี่มันมาส่ง


   “ ไม่ใช่ความผิดมึง” พี่กรมวางมือลงบนศีรษะของผมเบาๆ “ กลับไปพักผ่อน หลังจากนี้ชีวิตมึงจะวุ่นวายอีกเยอะ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษที่ต้องพามึงมาเจออะไรแบบนี้นะน้องผี” สายตาที่เหมือนว่าจะเป็นห่วงผม มันหมายความว่าอะไรกัน พี่มันเป็นห่วงผมอย่างนั้นหรอกหรอ?


ปึง!


   ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามพี่กรมในสิ่งที่พี่มันพูด เพราะพี่กรมดันประตูรถปิดใส่ผมขึ้นมาดื้อๆ และเดินกลับไปหาพ่อของเขาเหมือนเดิม ผมมองพี่กรมก่อนจะลับสายตาหลังจากที่พี่เทพขับรถออกจากโรงพยาบาล


   “ มันไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อกู” พี่เทพที่เขาคงจะเห็นว่าผมยังมองตามพี่กรมจนต้องเอี้ยวตัวกลับไปดูครั้งแล้วครั้งเล่า พูดขึ้นผ่านสายตาที่ส่งมาผมผ่านทางกระจก


   “ ชีวิตพี่เขาน่าจะวุ่นวายจริงๆแหละครับ”


   “ มันเจออะไรมาเยอะกว่าที่มึงรู้ เส้นทางที่ไม่มีโอกาสได้เลือกเอง เจ็บกว่าการที่เลือกเองแล้วเดินผิดพลาดอีกนะ ผิดก็ยังกลับมาเดินใหม่ แต่ถ้าไม่ได้เลือกเองจะกลับมาเดินใหม่อีกกี่รอบก็ไม่ได้” ผมก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่เทพพูดอยู่ดี แต่ผมแค่รู้สึกว่าพี่กรมมันต้องผ่านอะไรมาเยอะแบกรับความกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่างแน่นอน


   “ อึดอัดน่าดูนะพี่”



   “ อือ มันอยู่ใต้เงาพ่อมันมาตลอด” อยู่ใต้เงาพ่อมาตลอด? ผมเข้าใจนิยามของคำนี้ดีผ่านการกระทำของพี่กรมและท่านอัศวิน เพียงแค่ผมได้เข้ามาคลุกคลีกับชีวิตพี่กรมถึงมันจะเป็นเวลาเพียงเล็กน้อย แต่ผมว่าผมก็พอจะจับใจความอะไรได้บางอย่าง อย่างนี้ไงครับที่พี่กรมไม่ค่อยชอบสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ที่สังคมจดจำเขาได้เพราะพ่อของเขา


   “ แล้วพี่กรมออกไม่ได้หรอกหรอครับ?”


   “ มึงเข้าไจไหมว่าไอ้กรมมันออกไม่ได้ มันไม่มีลูกคนไหนที่จะทิ้งพ่อแม่ ยิ่งเหลืออยู่สองคน” ผมก็พอจะรู้ว่าพี่กรมอยู่กับพ่อสองคน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังผมยังไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่


   “ มึงคอยดูไป แล้วมึงก็จะรู้เองไอ้พี” ผมก็หวังว่าผมจะได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของพี่มันจริงๆ อยากจะรับรู้และแบ่งเบาความรู้สึกแย่ๆของพี่มันด้วยความเกรียนของผม.....


   “ You’ll never be alone”


   “ ......”



   PS.ความสัมพันธ์นักเขียนอยากให้มันดูเรียลความสัมพันธ์ค่อยๆขยับทีละเล็กทีละน้อยแต่รับรองว่ายิ่งติดตามจะยิ่งเห็นโมเม้นต์ค่ะ รอกันหน่อยเด้อออออ
PS. วันนี้พี่กรมบอกว่าจะมารออ่านคอมเม้นต์ค่ะ เม้นต์ให้พี่เขาด้วยละเดี๋ยวจะงอนเอา คริๆ


Twitter : @Kaitodpendekdee
FB : Kaitodmalewja
แค่จิ้มก็ไปพูดคุยและติดตามกันได้เด้อ ไว้ดูว่านักเขียนอัพนิยายตอนไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 10:57:34 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่กรมสู้ๆ พี่ต้องผ่านมันไปได้ :กอด1: อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดมากๆสังคมรอบตัวแบบไม่โอเค ฝากความหวังไว้กับความเกรียนของน้องผี :hao7: เริ่มสงสารน้องผีนิดๆเข้าโรงพยาบาลไม่หยุดกันเลยทีเดียว ขำตอนน้องรับเงินเรื่องเงินเรื่องใหญ่5555  รู้สึกโมเม้นต์ตอนนี้เยอะมาก :-[  ดีย์งาม แต่แม่กับฝาแฝดพี้กรมมาดีใช่มั้ย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว มาต่อเร็วๆนะสนุกมากกก :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
น้องผี งกทุกเม็ดจริงๆ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
Valentine’s Day with Jaokom & Pee


Kaitod : สวัสดีค่ะ ไรท์ไก่เองค่ะ วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์น้องๆทั้งสองกันนะคะในหัวข้อวันวาเลนไทน์ ก่อนอื่นเลยแนะนำตัวสั้นๆให้ทุกคนรู้จักหน่อยค่ะ


Pee : พี


Kaitod : เอ่อ..........


Jaokom : ไอ้น้องผีกูว่าสั้นไป


Pee : พีครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


Jaokom : อันนี้มึงกวนตีน


Pee : อะล้อเล่งขำๆ / เนียนเอาหน้าไปซบไหล่คนพี่ที่นั่งทำหน้าเอือม


Jaokom : ผมเจ้ากรมครับ เรียกผมว่าพี่กรมเหมือนไอ้เด็กผีนี่ก็ได้ครับ


Kaitod : วันนี้มีคำถามเยอะเลยค่ะ ^^


Pee : ผมคิดเงินนะเอาจริง ค่าตัวไม่ใช่เล่นๆ


Kaitod : เอ่อ....ติดไว้ก่อนค่ะ


Jaokom : ผมรีบครับ คุณไก่


Kaitod : อ่าๆ เข้าเรื่องเลยค่ะ ทางคนอ่านที่น่ารักอยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่พวกน้องทั้งสองจะได้กันสักทีคะ ช้ามาก


Pee : ดูปากน้องพีนะครับ ผม พึ่ง มา ห้า ตอน เอง นะ อย่ารีบเลยครับผมยังไม่อยากโดนพี่มันข่มขืน


Jaokom : ถามกูยังว่าอยากจะข่มขืนมึงไหม?


Pee : มันก็ต้องมีอยากกันบ้างแหละ ผมน่ากินขนาดนี้ อดใจไหวหรอจ๊ะ / ยื่นมือไปแหย่คางของเจ้ากรมเล่น ทำให้เจ้าปัดออก


Jaokom : ผมพูดคำหยาบได้ไหมครับ?


Kaitod : น้องพูดไปแล้ว ไม่ต้องขอก็ได้นะ ไรท์ไม่ถือจ้ะ


Jaokom : ขอโทษล่วงหน้าไว้เลยครับ ไอ้เด็กข้างๆนี่มันชอบกวนตีน


Pee : แหม มาว่าน้องกวนตีน ขาดน้องไปเดี๋ยวจะรู้สึก


Jaokom : รู้สึกดี?


Kaitod : ทานโทษนะคะ ไรท์ยังอยู่ตรงนี้


Pee : แล้วใครว่าพี่ไม่อยู่อะครับ / ยักคิ้วสองข้างสลับกันไปมา


Jaokom : มีอะไรจะถามอีกไหมครับคุณไก่


Kaitod : เร่งจังคะ มาๆเข้าเรื่อง วันนี้ก็วันวาเลนไทน์อยากรู้ว่าทั้งคู่คิดอย่างไงกับวันนี้


Pee : วันที่ผมจะต้องเสียตัวครับ / ป๊าบ โดนฝ่ามือพิฆาตฝาดลงมากลางกระหม่อม


Jaokom : จริงจังหน่อย อย่าทำเป็นเล่น


Pee :  ทำไมพี่ต้องดุผมด้วยวะ


Jaokom : แล้วมึงวะกับใครไอ้พี?


Pee : กับมึงอะพี่


Jaokom : เดี๋ยวกลับบ้านมึงเจอ ปากดี ดีนักนะมึง / ดึงหัวน้องมันมากอดอย่างเนียนๆ


Kaitod : ตอบค่ะ!!


Pee :  ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี วันวาเลนไทน์มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประเทศเหล่านั้นก็ตาม "วันนักบุญวาเลนไทน์" แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกหนึ่งหรือสองคนชื่อวาเลนตินัส ความหมายโรแมนติกโดยนัยสมัยใหม่นั้นกวีเพิ่มเติมในอีกหลายศตวรรษต่อมาทั้งสิ้น มีการกำหนดวันวาเลนไทน์ขึ้นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 จะให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป ในปี ค.ศ. 1969 วันวาเลนไทน์มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ เมื่อประเพณีรักเทิดทูน เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนา มาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กันโดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกัน


Jaokom : ผมขอโทษแทนน้องมันด้วยนะครับ เมื่อคืนมันไปเปิดจำจากวิกิพีเดียมา


Kaitod : เอ่อ...ค่ะ ไรท์เข้าใจ


Pee : ผมตอบไม่ดีหรอกหรอครับคุณไรท์


Kaitod : ค่ะ ดีมากๆเลย ต่อไปน้องกรมค่ะ


Jaokom : ผมไม่รู้ดิครับ ก็คงเป็นวันปกติ แต่อาจจะพิเศษตรงที่เราอาจจะมีโอกาสเซอร์ไพร์หรือทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้เขาวันนี้ ให้เขาได้รู้สึกดี


Pee : ผมอ่อ


Jaokom : คำถามต่อไปเลยครับ


Pee : ผู้ร้ายปากแข็ง ถึงตอนนี้จะยังไม่รัก แต่....อุ๊บ อิดอากอมอำไอ (ปิดปากผมทำไม)


Jaokom : ต้องขอปิดปากมันก่อนนะครับ น้องผีมันชอบสปอย เอาไว้ไปอ่านกันเองนะครับ


Kaitod : สุดท้ายค่ะ อยากจะบอกอะไรกับกันและกันบ้าง


Pee : เอาจริงๆนะพี่แม่งเปลี่ยนไปวะ / ทำหน้าจริงจัง


Jaokom : เปลี่ยนไปอะไรของมึง?


Pee : เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวใจ รักเพียงแต่เธอ ขอเพียงให้เธอได้รู้


Kaitod : ไม่มีอีกแล้วเพื่อนที่เธอไว้ใจ.......


Pee : ทานโทษนะครับ ของผม -___-


Kaitod : ขอโทษค่ะ แฮะๆ ไรท์ค่อนข้างอิน


Pee : เอาดีๆเลยนะ ก็อยากจะขอบคุณในทุกๆเรื่องที่ผ่านมา จะพยายามไม่ดื้อ ไม่กวน ไม่เถียง จะเป็นเด็กดี


Jaokom : มึงอย่าพูดเพื่อสร้างภาพ กูขอจริงๆ


Pee : รู้ดีนะเราอะ ก็จะบอกพี่ว่าผมก็จะเป็นของผมแบบนี้ ไม่เปลี่ยน จะเกรียนจะกวนแบบนี้ตลอดไป และที่สำคัญนะ ผมอยากจะขอบคุณพี่จริงๆสำหรับที่ผ่านมา


Jaokom : /กลั้นยิ้มสุดยอด


Pee : มาหอมหัวผมที


Jaokom : ให้มากกว่านี้เลย


Pee : เงิน?


Jaokom : ส้นตีนพี่เองครับ


Kaitod : ฮัลโหล ไรท์ยังอยู่ค่ะ


Jaokom : ครับๆ ผมก็ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับมันครับ ผมเบื่อไอ้เด็กนี่เต็มทน เอาเป็นว่าผมบอกทุกคนดีกว่านะครับ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ รักใครก็อยากลืมบอกรักกันนะครับ


Pee : รัก


Kaitod : บอกใครคะ?


Pee : พ่อผมมั้งครับไรท์


Kaitod : ไรท์ว่าเราจบบทสนทนาเพียงแค่นี้ก่อนนะคะ ฝากติดตามผลงานไรท์ด้วยน้า


Jaokom : รักผมก็ต้องติดตามผมนะครับ


Pee : สุดท้ายนะครับ ผมจะฝากคำคมไว้ให้ทุกคนได้คิด “ ข่มขืนไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นการกระทำที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า” เห้ยพี่! ไม่ได้ให้สาธิตตรงนี้ อายเขาเว้ย!!!!!



#เดี๋ยวตอนที่ 5.2 ไรท์มาอัพตอนกลางคืนนะคะ ฝากเม้นให้กำลังใจน้องทั้งคู่ด้วยส่วนใครที่อยากจะถามอะไรน้องพีและเจ้ากรมให้ ใส่ แฮชแท็ก #ถามเจ้ากรมขย่มปฐพี แล้วถามมาได้เลย ไว้ไรท์จะไปเรียกทั้งคู่มาตอบกันอีกจ้า สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะจ๊ะ











ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 5.2

บาดแผลจากการเลือกตั้ง 2



มหาวิทยาลัย


   ชีวิตของผมหลังจากเหตุการณ์นั้นเรียกว่าเปลี่ยนไปเลยก็ได้ครับ วุ่นวายอย่างที่พี่กรมมันบอกจริงๆ ทั้งเพื่อนๆที่เข้าหาผมมากขึ้นกว่าเดิม เข้ามาถามว่าเหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้นและอยากที่จะเป็นเพื่อนกับผมทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครสนใจเด็กในหลืบคณะอย่างผมซักเท่าไหร่ คอมเม้นต์ทางโซเชียลก็เสียงแตกออกเป็นสองฝั่งอีกฝั่งชื่นชมผม ส่วนอีกฝั่งก็ด่าผมว่าอยากมีซีนอยากจะเกาะกระแสพรรคดัง และอะไรอีกมากมาย โชคดีที่ผมไม่ใช่คนซีเรียสและเก็บเรื่องพวกนี้มาก ถ้าคิดมากไปก็ทำให้ผมนั่นแหละครับที่ต้องปวดหัว ผมยังไม่อยากใช้สมองของผมไปปวดหัวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะสมองของผมมีไว้คิดสำหรับเรื่องคนอื่นเท่านั้นครับ


       “ พี กูโคตรรำคาญเพื่อนใหม่มึงเลย ออเซาะฉิบหายดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ” ตอนนี้ผมเดินมากับไอ้เจ๋งในช่วงพักกลางวันหลังจากที่ผมเรียนวิชาในช่วงเช้าเสร็จ


   “ จะบอกว่ามึงจริงใจอย่างนั้นดิ?” ผมแกล้งหันไปถามไอ้เจ๋งที่เดินอยู่ข้างๆ


   “ เออ! ไม่มีใครจริงใจเท่าพวกกูสองคนแล้วที่กล้าคบเด็กบ้านนอกอย่างมึง” ดูมันพูดดิครับหน้าตบหัวฉิบหายพูดมาได้ว่าผมเด็กบ้านนอก มันก็ไม่ต่างจากผมแค่บ้านมันอยู่ใกล้กรุงเทพกว่าผมนิดเดียวเองทำมาข่มว่าตัวเองในเมือง


   “ กูรู้นะเพื่อนเจ๋งว่ามึงหึงกู” ผมมองหน้าไอ้เจ๋งด้วยด้วยสายตายั่วยวนกวนบาทา ผมชอบแหย่ให้มันหัวร้อนเล่นครับ เวลาที่หัวร้อนไอ้เจ๋งมันโคตรจะตลกเลย


   “ หึง! หึงจะแย่เลยครับเพื่อนพี” ผมเดินคุยเล่นมากับไอ้เจ๋งจนกระทั่งถึงโรงอาหาร ผมลืมบอกไปครับว่าวันนี้ไอ้บิวเพื่อนรักของพวกเรามันไม่ได้มาเรียนเพราะกลับไปไหว้ตรุษจีนที่บ้านอะไรสักอย่างนี่แหละ ทั้งๆที่วันไหว้จริงๆมันตั้งอาทิตย์หน้าไม่รู้จะรีบหยุดไปช่วยแม่มันทำขนมเข็งขนมเทียนที่ไหน


   “ ไอ้เจ๋งเอาไร วันนี้พี่พีจะเลี้ยงเอง” ผมเดินหาโต๊ะนั่งในโรงอาหารอยู่นานสองนานกว่าที่จะได้นั่ง จนท้ายที่สุดแล้วผมต้องมาขอสาวๆที่มีที่ว่างให้ผมสองคนนั่ง เอาจริงๆเลยนะผมอยากนั่งข้างๆสาวๆมากกว่า และที่พูดว่าจะเลี้ยงผมก็พูดไปงั้น ค่อยเก็บเงินไอ้เจ๋งทีหลังตอนนี้แค่ผมได้พูดเอาหน้าสาวๆเฉยๆ


   “ เอาหน้านะมึง” เหมือนไอ้เจ๋งมันรู้ความคิดทำให้มันหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ผมไปซื้อแทนที่จะให้ผมได้เลี้ยงมันแบบหลอกๆ คนหล่ออย่างน้องพีเซ็งเป็ดไปเลยครับ


   ผมเดินผ่านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ อยู่ๆคอผมมันก็แข็งอยากจะอ้วกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่เกลียดก๋วยเตี๋ยวไก่ไปแล้วหลังจากวันนั้นที่ผมกินไปเกือบสิบชาม


   “ ไอ้หนุ่มเตี๋ยวไก่ไหม ลุงให้ฟรี” เหมือนว่าลุงคนขายจะจำผมได้เขาเลยกวักมือเรียกผมเอาไว้ ถึงปกติผมจะชอบของฟรีก็เถอะ แต่ครั้งนี้ผมไม่สามารถมองก๋วยเตี๋ยวไก่เหมือนเดิมได้อีกต่อไป


   “ ไม่เป็นไรครับลุง ผมอิ่มแล้ว” ผมยกมือไหว้ลุงก่อนที่ผมจะเดินเลี่ยงออกไปซื้อข้าวราดแกงแถวๆนั้นโดยที่เลือกซื้อกับข้าวเหมือนกันกับไอ้เจ๋ง


   ผมเดินถือข้าวสองจานอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าผมไปอารมณ์ดีมาจากไหนเพราะตลอดทางผมร้องเพลงมาตลอดทำให้คนแถวๆนั้นมองผมเหมือนคนบ้า จนกระทั่งมาถึงโต๊ะที่ไอ้เจ๋งนั่งเฝ้าอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้....ไอ้เจ๋งไม่ได้นั่งกับสาวๆเหมือนตอนที่ผมไปซื้อข้าวเพราะสาวๆในตอนแรกได้กลายเป็นสองหนุ่มที่ผมโคตรจะคุ้นเคยนั่งมองผมอยู่ ไม่ซิ! เรียกว่าจ้องผมอยู่เลยก็ว่าได้


   “ สวัสดีครับพี่ๆ” ผมวางจานข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือไหว้พี่ๆ “ ว่าแต่พี่มีธุระไรกันอ่ะ” เพราะสีหน้าของแต่ละคนดูไม่เล่นหรือสดใสกันเลย ตั้งแต่ครั้งที่ผมแยกย้ายกับพวกพี่กรมพี่เทพผมก็ไม่ได้เจอพี่เขานี่ก็เกือบๆอาทิตย์พึ่งได้มาเจอก็วันนี้หลังจากเหตุการณ์


   “ กูต้องมีธุระถึงมากินข้าวได้รึไงน้องผี?” ไอ้พี่กรมพูดออกมาด้วยสีหน้ากวนๆ


   “ พี่ไม่ได้มาหาผมหรอ?”


   “ สำคัญตัวเองผิดสัดๆเลยครับ” พี่เทพที่นั่งถัดจากพี่กรมไปพูดออกมา


   “ สำคัญตัวถูกได้ไหมครับ อยากจะสำคัญตัวถูกจังเลย” ผมลอยหน้าลอยตาพูดออกไปแม้ว่าสิ่งที่ผมพูดจะไม่มีความหมายหรือสาระอะไรก็ตาม เพราะผมอยากพูดผมก็แค่พูดออกมาเท่านั้น ผมไม่อยากเงียบปากครับกลัวน้ำลายบูด


   “ อมเหรียญไหม? จะได้เงียบปาก?” พี่กรมมันยื่นเหรียญบาทมาตรงหน้าผม


   “ โน โนจ้ะ น้องไม่รับเหรียญ น้องรับแบงค์” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาสะบัดไปซ้ายทีขวาทีด้วยจริตนางงามพร้อมกับจิกตาใส่พี่มันไปหนึ่งที


   “ มารับตีนกูด้วยหนิมา” พี่เทพบุตรไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่พี่มันยกเท้าขึ้นมาใกล้หน้าผมจนผมต้องเป็นฝ่ายดันเท้าพี่มันให้วางลงเหมือนเดิม


   “ ตีนกระตุกง่ายจังนะพี่นะ” ผมแกล้งแซวพี่มันครั้งสุดท้ายก่อนจะเลื่อนจานข้าวที่ซื้อมาตรงหน้าตัวเองเพื่อเตรียมจะกินอีก ส่วนไอ้เจ๋งเพื่อนรักมันตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนสี่สนแปดอะไรแม้กระทั่งสิ่งรอบข้าง


หมับ


   “ พี่?” ผมนั่งงงทันทีที่พี่กรมมันดึงจานข้าวของผมไปกินหน้าตาเฉย


   “ ไปซื้อใหม่ไป กูหิว” พี่กรมไม่ได้หันมามองหน้าผมตอนที่พี่มันพูดเพราะตอนนี้พี่มันสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่า “ อร่อยวะ ไอ้เทพลอง” พี่กรมผู้ใจดีมีเมตตาตักหมูแดงชิ้นโตป้อนเพื่อนรักของเขาอย่างพี่เทพ


   “ พี่ครับ ของผมครับ ผมหิวมากครับ” ผมยังคงวอแวกับพี่กรมที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวในจานของผมประหนึ่งว่าพี่มันเป็นคนไปซื้อมาเอง


   “ ไอ้เจ๋งแบ่งเพื่อนมึงดิ้” พี่เทพเงยหน้ามาบอกไอ้เจ๋ง


   “ ไม่พี่ มันแดกเยอะ ผมไม่อิ่ม” ขอบคุณครับเพื่อนเจ๋งที่ตอบแบบนั้นออกมา ผมโคตรจะซึ้งใจเลยจริงๆ ด้วยความที่ไม่ยอมแพ้ทำให้ผมใช้จังหวะที่พี่เทพกับพี่กรมคุยกันนั้นดึงจากข้าวของตัวเองกลับมาพร้อมกับขว้าช้อนตักกินคำใหญ่


ผั๊วะ!


   “ นิสัยมึง” พี่กรมที่นั่งอยู่ข้างๆตบหัวผมแรงๆจนผมสำลักข้าวออกมาทันที


   “ พี่! ผมติดคอ” ผมพยายามกลืนข้าวให้หมดหลังจากที่พี่มันตบหัวผม “ ถ้ามันติดคอผมตายนะพี่”


   “ มึงก็ตายไงน้องผี” --> พี่กรม


   “ กูเป็นเจ้าภาพเลย” --> พี่เทพ


   “ กูจะรอเก็บทานตอนมึงแห่สามรอบขึ้นเมรุ” --> เจ๋ง


   “ เจริญ!!” ให้ตายซิครับไม่มีใครเข้าข้างผมซักคน กูไม่กินแม่งก็ได้วะ ผมเลื่อนจานข้าวออกไปจากตรงหน้าก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น เพราะตอนนี้ผมไม่ได้กินข้าวดังนั้นเล่นโทรศัพท์ได้


   “ ไอ้พี”


   “ น้องผี”


   “ ไอ้เวรเพื่อนพี”


   ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น พีจะงอน พีจะหยิ่ง พีจะไม่สนใจใครทั้งนั้น ทำให้ตอนนี้ผมสนใจแค่เกมในโทรศัพท์เท่านั้น เกมที่ผมเล่นมาได้เกือบเดือนจนกิจการที่ผมสร้างงอกเงยขึ้น นั่นก็คือเกม...Town ship ครับ ระดับพีเล่นมาเกือบเดือนเวลอัพเป็นยี่สิบแล้ว ตอนนี้ต้องเร่งผลิตนมวัวออกมาเพราะถือว่านมวัวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้แปรรูปกับสินค้าอื่นๆ


   “ เชี่ยเอ้ย! เครื่องบินหนีกู” ผมสบถออกมาเสียงดังหลังจากที่ผมเร่งผลิตคุกกี้ตามออร์เดอร์ไม่ทันทำให้เครื่องบิน บินไปก่อน อดได้อัญมณีเลยครับ


   ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะชวนไอ้เจ๋งมันกลับหอเพราะวันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า แต่ปรากฏว่าผมเงยหน้าขึ้นมาไม่เจอใครเลยสักคน อย่าบอกนะว่าพวกนั้นไปกันหมดแล้ว! โอโห่!!! บังอาจมาทิ้งน้องพีได้ อย่างนี้มันต้องเจอกันสักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบเก็บของวิ่งออกจากโรงอาหารโดยที่ไม่ทันได้มองทาง ทำให้ผมชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจังจนตัวของผมเซไปด้านหลังเกือบล้ม


   “ ไม่มีตารึไงวะ!” เสียงเข้มตะหวาดใส่ผมเสียงดังลั่นโรงอาหาร


   “ มีครับ มีสองตาเลย” ผมพยายามทรงตัวให้ยืนตรงหลังจากที่ผมเซจนเกือบจะล้มไปทางด้านหลัง ชี้มาที่ดวงตาของผมทั้งสองข้างให้คนตัวสูงที่ตะหวาดผมได้เห็นพร้อมกับเคาะนิ้วสองทีเพื่อความกวน


   “ มึงไม่ขอโทษ...เอ๊ะ? ไอ้เด็กนั่นนี่หว่า” ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ตรงหน้ามันเป็นใครแต่ทำไมพี่มันยิ้มขึ้นมาแปลกๆเหมือนว่าเขารู้จักผม


   “ เด็กไหนครับพี่”


   “ เด็กไอ้กรม” ผมเอียงคอชี้นิ้วมาที่ตัวเองทันทีที่ไอ้คนตรงหน้าบอกว่าผมเป็นเด็กพี่กรม “ ยอมโดนกระทืบขนาดนั้น ไปถึงขั้นไหนกันแล้วละ” สายตาของพี่มันโคตรดูถูกเลยครับ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้ามองผมขนาดนี้ผมแนะนำเลยว่าเอาผมกลับไปมองพี่บ้านก็ได้


   “ ขั้นไหนนี่หมายความว่าอย่างไงอะครับ”


   “ อย่าทำเป็นซื่อ”


   “ เอ๋ พี่ก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมมองจากสายตาที่พี่มันมองผมแล้ว ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาดีแน่ๆ


   “ มึงด่ากูเสือก?”


    “ ถ้าพี่ตีความได้แบบนั้น ผมก็หมายความตามนั้นมั้งครับ”


   “ ไอ้เด็กนี่วอนฉิบหาย!” พี่มันตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มให้ความสนใจ


   “ วอนเป็นสกุลเงินของเกาหลี บอกพี่ไว้ เพื่อพี่ไม่รู้ครับ”


   “ มึงอย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะ” ผมสังเกตเห็นว่าคิ้วของพี่มันกระตุกขึ้นนิดๆ สงสัยจะอารมณ์ไม่ค่อยดี


   “ ยังไม่ได้เล่นเลยนะพี่ ลิ้นก็อยู่ในปากผมอยู่หนิ อะๆๆ ดูซิ” ผมแลบลิ้นออกมาจนสุดให้พี่มันดู คือผมก็รู้นะว่าผมโคตรจะกวนตีนแล้วก็ยั่วโมโหพี่มันสุดๆ ก็ใครใช้ให้แม่งมากวนตีนมาเหยียดผมละครับ


   “ ให้มันรู้สะบ้างว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง”


   “ พี่ครับคอนเซปของมหาลัยคือทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดนะ ถ้าผมจำไม่ผิดพี่จะมาเรียกหาสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นพี่มันก็ไม่ใช่ไหมอ่ะ แค่ผมให้เกียรติเรียกพี่ว่าพี่มันยังไม่ดีอีกหรอครับ?”


   “ มึงชักจะกวนตีนกูมากไปละนะไอ้สัด!”


   “ อ่อ สัตว์เหมือนกันคุยกันรู้เรื่อง” เหมือนว่าประโยคนี้ของผมจะทำให้ความอดทนของพี่มันหมดลง...


   “ ไอ้เด็กเวร!” ไอ้พี่ตัวสูงตรงหน้าเตรียมง้างมือขึ้นต่อยปากผมแรงๆจนผมหลับตาเพื่อรอรับกำปั้นนั้นเลยครับ หมับ!
   ผมรอรับหมัดอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะโดนกระแทกปากสักทีจนผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละข้างทำให้ผมเห็นว่ามือของไอ้คนตรงหน้าถูกพี่กรมจับเอาไว้ก่อนที่มันจะมากระแทกปากผม...


   เชี่ย! อย่างกับในนิยายเลย น้องพีรู้สึกตัวเล็กขึ้นมาทันที


   “ ปล่อยมือกูไอ้กรม”


   “ กูก็ไม่อยากจะจับถ้ามึงไม่ไปหาเรื่องเด็กไปทั่วไอ้กวง” พี่กรมปล่อยมือออกจากพี่กวง(เรียกตามพี่กรมครับ)ก่อนที่พี่มันจะเดินมายืนข้างๆผม


   “ เด็กไปทั่วหรือเด็กมึง?” ไอ้พี่กวงยังคงลอยหน้าลอยตาถามพี่กรมออกมาด้วยสายตาดูถูกเหมือนที่พี่มันใช้มองผมในตอนแรก


   “ แล้วมันเรื่องของมึง?”


   “ ก็ไม่...ก็แค่อยากจะรู้ว่าเพื่อนกรมมีรสนิยมแปลกๆ ชอบเข้าข้างหลังแล้วก็ไม่บอก” ยิ่งพี่มันมองพี่กรมแบบนั้นผมก็รู้สึกไม่พอใจแทนพี่กรมขึ้นมา ผมว่ามันไม่ใช่หาเรื่องแต่ผมว่าตอนนี้มันดูเหยียดพวกเรามากกว่า ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเพศที่สาม แต่ว่าสายตาของไอ้พี่กวงมันเกินจะเยียวยาจริงๆ ยิ่งสายตาที่พี่มันมองมาทางผม


ผลัก!


   “ เห้ยพี่ เกินไปป่าววะ มองกันขนาดนี้อ่ะ” ผมเดินไปพลักไหล่พี่มันแรงๆจนพี่กวงมันเซไปทางด้านหลัง


   “ กูแค่มอง มึงอย่าร้อนตัว ถ้ามึงไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่ามึงจะเป็นละครับ....ปิ๊บ!” จังหวะนั้นไอ้พี่กวงมันเดินอ้อมมาบีบก้นของผมแรงๆ  “ ชอบใช่ไหม กูรู้ คงจะโดนไอ้กรมไปหลายรอบละดิ”


   “ เห้ย! ไอ้เหี้ยนี่อย่างไงวะ” ผมเริ่มเข้าสู่โหมดโมโหขึ้นมา โหมดนี้ผมไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่ แต่ถ้าผมได้ใช้รับรองว่ามันไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆแน่


   “ สัด! กูเป็นพี่มึงนะ”


   “ คราวนี้มึงมาอ้างเป็นพี่ แต่การกระทำของมึงกูไม่นับถือแค่เกิดก่อนกูไม่กี่ปีอย่างมาอ้างความเป็นพี่หน่อยเลยวะถ้าทำตัวไม่น่าเคารพ”


   “ พี พอ” พี่กรมเดินมาจับแขนของผมเอาไว้หลังจากที่พี่มันคงเห็นว่าผมเริ่มหัวร้อน แต่ขอโทษนะครับพี่ห้ามผมไม่ได้หรอกคราวนี้


   ผมสะบัดมือพี่กรมออกพร้อมกับตรงไปหาไอ้กวงที่ยืนยิ้มเยาะให้ผมอยู่ ผมจับไปที่คอเสื้อของไอ้กวงก่อนจะฉากตัวมันเข้ามาใกล้ผม แต่สีหน้าของไอ้กวงกลับยิ้มออกมาเหมือนว่าถูกใจที่ผมกระชากคอเสื้อมันแบบนั้น


   “ มึงดูดิ ใช่คนที่โดนต่อยในคลิปป่าววะ เก๋าฉิบหาย”


   “ หรือว่าในคลิปนั้นมันจะแสดงละครเพื่อเรียกกระแสเหมือนที่ในข่าวบอกวะ เปรี้ยวตีนว่ะ”


   “ แบคมันใหญ่ขนาดในมหาลัยยังกล้าขนาดนี้เลย”


   เหล่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพูดเสียงดังเพื่อให้ผมได้ยิน พร้อมกับมองการกระทำของผมที่ดูโจ่งแจ้งจนเกินไป และแล้วเวลานั้นก็ทำให้ผมได้สติกลับมาว่าตอนนี้ผมอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ควรแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ออกไป ยิ่งตอนนี้ผมยิ่งมีข่าวอยู่ด้วย นั่นทำให้ผมไม่ควรเข้าไปใหญ่ ผมก็พึ่งรู้ว่าผมถูกไอ้กวงปั่นหัวไปเต็มๆ


ผลัก


   ผมพลักไอ้กวงออกก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง ตอนนี้ผมต้องการสถานที่โล่งๆลมเย็นๆเพื่อบรรเทาอาการหัวร้อนของผมให้หายออกไปจากตอนนี้


   “ อ่ะ”


   “ โอ๊ย!”


   ผมที่นั่งเหม่ออยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าไอ้พี่กรมมันเดินตามมาด้วยจนกระทั่งพี่มันเอากระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆมาแนบที่แก้มผมก่อนที่พี่มันจะนั่งลงข้างๆ


   “ กินซะ เผื่อจะได้ใจเย็น” พี่กรมเปิดฝากระป๋องของตัวเองก่อนจะยกขึ้นกระดกดื่ม

 
   “ ขอบคุณครับ” ผมรับมากินบ้างเผื่อว่าน้ำเย็นๆซ่าๆจะทำให้ผมหายอารมณ์หงุดหงิดและหัวร้อนของตัวเอง “ พี่ ผมโคตรโมโหเลย ผมโคตรเกลียดสายตามัน”


   “ ไอ้กวงมันก็ชอบปั่นหัวคนอื่นไปเรื่อย กูก็โดนจนชิน”


   “ แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม?” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่กรมด้วยความสงสัยถ้าพี่มันบอกหรือเตือนว่าอย่าไปยุ่งผมก็จะทำตาม แต่นี่พี่มันแค่มาห้ามไม่ให้ไอ้กวงมันต่อยแต่กลับไม่พูดอะไรออกมาได้แต่ยืนนิ่งๆให้ไอ้กวงมันด่ามันว่าอย่างนั้น


   “ ฟังนะถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูดเราจะเดือดร้อนทำไม? และอีกอย่างคือถ้ากูบอกมึงก็จะรู้แค่ในสิ่งที่กูพูด แต่ถ้ามึงเจอเองมึงก็จะได้จำว่าทีหลังอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลืออย่างไอ้กวง คนอย่างมันไม่มีอะไรดีที่เราต้องไปแก้ตัว” ผมนั่งฟังในสิ่งที่พี่มันพูด มันก็จริง ถ้าพี่กรมห้ามผมก็จะไม่รู้ว่าไอ้กวงมันนิสัยเป็นอย่างไรและผมก็จะรับมือกับมันไม่ได้ในครั้งหน้า แต่ถ้าผมรู้ด้วยตัวเองครั้งหน้าผมจะได้ไม่พลาดให้มันปั่นหัวผมเหมือนวันนี้


   “ ผมขอโทษนะพี่”


   “ มึงจะขอโทษทำไม มึงไม่ผิด” พี่กรมกระดกน้ำอัดลมอึกสุดท้ายพร้อมกับปากระป๋องลงถังขยะแถวนั้น “ แค่ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้ คนอื่นจะมองมึงไม่ดี”


   “ ครับ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก แล้วพี่จะมองผมเป็นเด็กไม่ดีด้วยไหม”


   “โถ่น้องผี” ไอ้พี่กรมมันเอามือมาวางบนหัวของผมอีกแล้วหลังจากที่ผมถามพี่มันออกไปแบบนั้น ก็ผมไม่อยากให้พี่มันมองผมเป็นเด็กไม่ดีที่แสดงกิริยาแบบนั้นออกไป ทั้งๆที่ปกติผมก็แค่เกรียนแต่ไม่ก้าวร้าว “ กูไม่เคยมองมึงเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ฮ่าๆ”


   “ พี่.......” ไอ้ผมก็ถามดีๆ แต่ดูพี่มันตอบซิครับ น้ำตาแทบล่วง


        “ คิดมาก แล้วมึงมีเรียนต่อไหม”


   “ ไม่ครับ”


   “ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับที่หอใน เตรียมเสื้อผ้าไว้ด้วยสักสองสามชุด”


   “ ทำไม....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรไอ้พี่กรมก็เดินหนีไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างไม่รู้ว่าทำไมพี่มันต้องสั่งให้ผมเก็บเสื้อผ้าด้วย แต่ด้วยความที่ผมเชื่อคนง่ายใครให้ไปไหนก็ไปผมจึงกลับไปเก็บเสื้อผ้าหลังจากที่ดื่มน้ำอัดลมเสร็จ




 



PS. น้องโคตรกวน แต่ก็แอบสงสาร

Twitter : @Kaitodpendekdee
FB : Kaitodmalewja
แค่จิ้มก็ไปพูดคุยและติดตามกันได้เด้อ ไว้ดูว่านักเขียนอัพนิยายตอนไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:04:59 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนวันวาเลนไทน์น้องก็กวนเหมือนเดิม พึ่งรู้ว่ามี5ตอนรู้สึกอ่านเยอะมากกก ตอนที่น้องยักคิ้วสลับกันรู้สึกน้องเท่มาก ใจไม่ดีเลย แล้วตอนสุดท้ายสาธิตอะไรกันอ่ะ :hao6: อยากรู้ด้วยจัง5555 แล้วบอกรักพ่อ ใช่พ่อกรมป่าวค้าบ :-[ #ถามเจ้ากรมขย่มปฐพี พี่กรมจะมาเล่นการเมืองเหมือนคุณพ่อมั้ยคะ แฮร่ล้อเล่นจ้า จะถามว่าตั้งแต่รู้กันรู้สึกประทับใจอะไรในตัวอีกฝ่ายมากที่สุด และก็รู้สึกยังไงหลังจากรู้จักกัน ตลกตอนน้องงอลแล้วทุกคนคือไม่ง้ออ่ะ5555 วงวานน้อง กวงคือนิสัยเลวมาก แต่ทำให้เราชอบพี่กรมมากไปอีก ชอบตอนพี่กรมสอนน้องมากๆเลย :man1: แล้วทำไมให้น้องเก็บเสื้อผ้า อิน้องก็เก็บตาม5555 ถ้าหลอกไปขายก็คือได้เงินเร็วมากเพราะน้องไม่ขัดขืน5555 แล้วสรุปเก็บไปทำไมอยากรู้ มาต่อเร็วๆน้าสนุกมากๆทั้งสองตอนเลย เป็นกลจให้นักเขียน :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 5.3

The last chapter


Jaokom’s talk


   ผมเดินกลับมาที่ห้องเรียนหลังจากที่ผมไปดูอาการเด็กหัวร้อนมา จริงๆแล้วที่ผมให้ไอ้พีเตรียมเก็บเสื้อผ้าก็เพราะว่าคืนนี้พวกเราจะเริ่มคิดนโยบายกันครับว่าเราจะเอานโยบายและเล่นประเด็นอะไร ถึงเวลาจะมีเยอะก็เถอะกว่าจะแข่งแต่ผมก็อยากที่จะรีบทำให้เสร็จไม่อยากเร่งตอนใกล้ส่ง อีกอย่างนะครับวันจันทร์ก็เป็นรอบเก็บคะแนนย่อยสิบคะแนนเพื่อรายงานความคืบหน้า อันนี้เป็นคะแนนพิเศษกลุ่มไหนจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ แต่ผมคิดว่าผมจะเข้าดังนั้นผมมีเวลาสองวันในการร่างโครงว่าจะทำเรื่องอะไร


   “ เหม็นเกย์วะ” ผมเดินเข้ามาในห้องผ่านกลุ่มของไอ้กวงที่นั่งอยู่ด้านหลัง


   “ ใครเกย์วะ” เพื่อนของไอ้กวนที่นั่งอยู่ข้างๆถามไอ้กวงขึ้นหลังจากที่มันพูดลอยๆขึ้นมาหลังจากที่ผมเดินผ่านมันไป


   “ ลูกอัศวินเป็นเกย์”


   “ ใครบอกมึง?” ไอ้เทพหันไปถามไอ้กวงทันทีที่มันพูดออกมาแบบนั้น


   “ ก็เพื่อนมึงไง กูรู้หรอกว่ากิ๊กกับไอ้เด็กปีหนึ่งนั่น”

 
   “ รู้ดีนะมึง เอาเวลาที่รู้เรื่องของกูไปอ่านหนังสือประดับสมองมึงเหอะว่ะ” ผมว่าผมจะไม่พูดแล้วนะ แต่ไอ้เวรนั่นมันทำให้ผมอดไม่ได้จริงๆ


   “ โอ๊ะ! พี่กรมสอนกูว่ะมึง”


   ผมเดินตรงไปที่ไอ้กวงนั่งอยู่พร้อมกับนั่งลงตรงด้านหน้าของมัน


   “ มึงจะด่าอะไรกูก็ด่ามา แต่ที่มึงไปจับน้องมันวันนี้กูว่าไม่โอเคว่ะ”


   “ มึงหึงรึไง?”


   “ เปล่า กูแค่คิดว่าการที่มึงทำแบบนั้นมันเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น มึงไม่รู้จักน้องแต่มึงไปทำกับน้องแบบนั้นใครก็มองว่ามันไม่โอเค ครั้งนี้กูพูดกับมึงด้วยเหตุผลมึงจะฟังหรือไม่ฟังก็แล้วแต่ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปกูจะไม่พูดอย่างเดียว”


   “ มึงขู่กู?”


   “  กูไม่ได้แค่ขู่นะไอ้กวง กูทำจริง” ผมพูดกับมันแค่นั้นหวังว่ามันจะรู้ว่าผมไม่ได้แค่ขู่อย่างที่ผมบอกไป ไอ้พีก็เหมือนน้องชายผมคนหนึ่ง แน่นอนว่าถ้ามีคนมาทำกับน้องพวกคุณแบบนั้นในฐานะที่เป็นพี่ผมไม่ยอม ถ้ามีครั้งต่อไปผมไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นทั้งพ่อผมและพ่อมัน


   “ เอ๊ กูก็อยากจะรู้แล้วซิวะว่ามึงจะทำอะไรกู”


   “ อยากรู้มึงก็ลอง” ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง “ กูถามอะไรมึงหน่อยดิวะ”


   “ อะไรครับกรมรินทร์” ไอ้การที่มันเรียกชื่อผมแบบนี้ที่บ้านเรียกว่ากวนส้นตีนดีๆนี่เอง ยิ่งหน้ามันที่ยื่นเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆผมยิ่งอยากจะยกตีนมาแนบหน้ามันสักทีสองทีพร้อมขยี้ให้แม่งแหลกไปกับพื้นดิน


   “ มึงชอบกู?”


   “ ใช้ส้นตีนคิดหรอวะ? กูเนี่ยนะชอบมึง กูไม่เกย์เว้ย! และไม่เข้าข้างหลังหรือให้ใครเข้าข้างหลังแน่นอน” มันทำท่าทีรังเกลียดซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน


   “ เห็นชอบยุ่งเรื่องของกู ก็คิดว่าชอบ” ผมกระตุกยิ้มให้ไปหนึ่งที


   “ กูขยะแขยงพวกเกย์ พวกกระเทย ! มึงรับรู้ไว้ด้วย” ไอ้กวงพูดออกมาเสียงดังจนเพื่อนๆที่อยู่ในห้องหันมามองพวกผมอย่างสนใจ “ กู เกลียด เกย์!!!!”


   “ กูก็พึ่งรู้นะว่ามึงมีความคิดแคบๆ เดี๋ยวนี้เขาเปิดกว้างเรื่องเพศ มันเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนว่าที่มึงกำลังพูดกำลังแสดงออกมา มันคือการดูถูกและการเหยียด กูเข้าใจถูกไหม?” ในเมื่อมันใช้วาทะในการทำให้ไอ้เด็กผีของผมโมโห ผมก็ใช้และวาทะหลอกล่อให้มันพูดในสิ่งที่มันคิดและรู้สึกออกมา เพื่อดูปฏิกิริยารอบข้างที่แสดงกับคนเหี้ยๆอย่างมัน ผมแค่แหย่แต่มันเองที่แพ้เผลอพูดในสิ่งที่ทำร้ายตัวเองออกมา


   “ เห้ย กูก็ไม่ได้เป็นเกย์นะ แต่ฟังที่มึงพูดกูว่าแม่งไม่โอเควะ”


   “ ยุคนี้มันยุค 2000 กว่าแล้วนะเว้ย ไอ้ความคิดแบบนี้ไม่ควรจะมีแล้ว”


   “ กะละแลนด์”


   “ แล้วไอ้ที่มึงพูดก็ไม่ได้สร้างสรรค์”


   “ ถึงมึงจะมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น แต่กูว่าความคิดแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมา”


   “ เราเคยคิดว่ากวงน่าจะเป็นคนดีกว่านี้....”


   ผมยิ้มอย่างพอใจเมื่อสิ่งที่ผมทำมันสำเร็จ เพราะตอนนี้เพื่อนๆในห้องต่างแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์ในสิ่งที่ไอ้กวงมันพูดออกมา มันทำตัวของมันเองครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย...จริงๆนะ ไม่เชื่อผมหรอกหรอครับ ? ^^


   “ ไอ้เหี้ยกรม! ฝากไว้ก่อนนะมึง” เหมือนขี้แพ้ชวนตีอะครับ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็แค่ลุกขึ้นชี้หน้าพูดกับผมเสียงดังก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องท่ามกลางเสียงที่ยังคงวิพากษ์วิจารณ์มันอยู่


   “ ฝากแล้วก็มาเอานะครับกษิดิช กรมรินทร์รออยู่” ผมพูดไล่หลังมันออกไปก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง


   “ เพื่อนกูฉลาดว่ะ หล่ออย่างเดียวไม่พอต้องมีสมองด้วยนะครับเนี่ย” ไอ้เทพได้ทีเอ่ยปากชมผมสะยกใหญ่ เล่นเอาซะผมเกือบจะตัวลอยติดพนังไปเลยครับ


   “ มีพร้อมเพย์ไหมจะโอนให้สักพัน พูดถูกใจ”

 
   “ เอาไปเลยเพื่อนเบอร์นี้” ไอ้เทพนี่ก็ไวเหมือนกันนะครับยื่นโทรศัพท์มันมาให้ผมแทบไม่ทัน


   หวังว่าไอ้กวงมันจะไม่กล้าไปยุ่งกับน้องผีอีกก็พอ....ถ้ามีอีกผมไม่ปล่อยให้มันได้พูดอีกแน่ๆ



อ่อ! ผมลืมบอกถึงเหตุการณ์ที่ไอ้พีโดยนักข่าวต่อย คดีความคืบหน้าไปกเยอะเลยครับ เอาจริงๆผมก็ต้องขอบคุณพ่อของผมด้วยที่ท่านจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด ผมไม่ได้ให้ไอ้พีมารับฟังเกี่ยวกับเรื่องคดีนั้นอีกผมอยากให้น้องมันสบายใจ ผมจะบอกมันอีกทีก็ต่อเมื่อเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไอ้คนที่มันทำน้องของผมเจ็บมันก็จะต้องเจ็บไม่ต่างจากน้องผมไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ถึงผมจะดูนิ่งเหมือนไม่สนใจอะไรแต่รับรองได้ครับว่าผมไม่ปล่อยให้มันเจ็บตัวฟรีๆแน่




ผ่านมาสามชั่วโมงผมเลิกเรียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย อาจารย์เน้นย้ำให้พวกผมคิดนโยบายคร่าวๆขึ้นมาก่อนและเอามาให้อาจารย์พิจารณาว่าผ่านไหมโดยมีคะแนนพิเศษสิบคะแนนเป็นตัวล่อ แต่ถ้ากลุ่มไหนมั่นใจก็ไม่ต้องมาก็ได้ ผมบอกไอ้คินกับไอ้วินไปเป็นที่เรียบร้อยว่าผมดึงพวกมันเข้ามาในทีม ตอนแรกพวกมันก็ด่าว่าทำอะไรไม่ปรึกษา แต่ในเมื่อส่งชื่อไปเป็นที่เรียบร้อย มันก็ได้แต่จำยอม จะติดก็แค่ไอ้เด็กผีที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ไว้วันนี้ผมค่อยบอกมันก็แล้วกัน


   “ หอในใช่ไหม” ไอ้เทพขับรถพาผมมารับไอ้พีที่หอของไอ้พี มันเคยบอกผมว่ามันอยู่หอในก็สุ่มๆไปแล้วกันครับว่าหอไหน ผมเดาว่าไอ้พีน่าจะเก็บของเสร็จในเวลาสามชั่วโมง


   “ ไอ้น้องผีอยู่หอไหน?” เมื่อรถของไอ้เทพเลี้ยวเข้ามาในหอผมต่อสายตรงหาไอ้พีทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมรอสายอยู่ไม่นานทางปลายสายกดรับทันที


   ( ขอรับท่านกรมรินทร์) ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้พีมันอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่แน่ๆมันเรียกชื่อผมสะเต็มยศขนาดนี้น่าจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อตอนกลางวัน


   “ มึงอยู่หอไหน ตอนนี้เลี้ยวเข้าหอในมาแล้ว”


   ( พี่มาตรงเซเว่นกลางนะ ผมรออยู่นั่นแล้ว พี่เอาอะไรไหม?) ผมหันไปมองไอ้เทพเป็นเชิงถามว่ามันต้องการอะไรไหมจะได้ฝากไอ้พีซื้อทีเดียว ไอ้เทพส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ต้องการอะไรส่วนผมที่หิวก็สั่งให้ไอ้พีซื้อไส้กรอกมาให้ เมื่อมาถึงเซเว่นก็เห็นว่าไอ้พียืนยิ้มแฉ่งรออยู่พร้อมกับกระเป้ใบใหญ่


   “ สวัสดีครับท่านเทพบุตร” ไอ้พีเปิดประตูหลังขึ้นมาพร้อมน้ำเสียงกวนเหมือนปกติของมัน ทั้งๆที่ตอนกลางวันแทบจะเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้


   “ ได้ข่าวว่าหัวร้อน” ไอ้เทพถามไอ้พีผ่านกระจก


   “ ครับพี่ โคตรอยากต่อยหน้าไอ้กวงเลย ไอ้ห่ามาจับตูดผม” ไอ้พีทำหน้าหงุดหงิดทันทีที่พูดถึงไอ้กวง “ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะจะล่อให้จ่ายเงินค่าทำขวัญเป็นแสนเลย”


   “ ขนาดนั้นเลยดิน้องผี? เอาก็ไม่ได้เอาแค่จับตูดมึงจะคิดอะไรเป็นแสนเลยวะ” ผมแกล้งแหย่ไอ้เด็กขี้งกที่นั่งหน้างอเป็นปลาทูแม่กลองอยู่เบาะด้านหลัง


   “ ก็มันไม่พอใจและไม่ยินยอมนี่หว่า แต่ถ้าผมสมยอมผมให้ฟรีเลยพี่” ดูมันพูดดิครับโคตรกวนตีนฉิบหายเลย แต่ก็เป็นสีสันดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมมองว่าไอ้เด็กนี่ก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่ต่างจากเพื่อนในกลุ่มผมคนอื่นๆ แต่ที่แตกต่างก็คือผมจะหมดเงินไปกับมันโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างไส้กรอกที่ผมฝากมันซื้อราคาปกติมันแค่สี่สิบสองบาท มันคิดผมสองร้อยค่าจ้างห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ ที่ผมให้ที่ผมยอมก็เพราะให้ค่าความคิดของมันก็แล้วกันครับ ถือว่าทำบุญให้ไอ้เด็กนี่ไปก็แล้วกัน แลกกับความสบายใจ


   “ มึงก็ยังจะกล้าเล่นอีกเนอะ” ผมส่ายหัวเมื่อเห็นว่าไอ้พีทำเป็นเรื่องเล่น “ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน แต่การที่ให้คนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัวมันก็ไม่ใช่ไหม? มึงชอบหรอที่ให้คนอื่นมาดูถูกมึง”


   “ มาชุดใหญ่เลยครับ ผมก็ไม่อยากจะเครียดหรือคิดมากเพราะเรื่องมันผ่านมาแล้ว” ไอ้พีหยิบขนมเข้าปากพร้อมกับพูดกับผมไปด้วย “ ที่ผมโกรธก็เพราะมันดูถูกพี่มากกว่า”


   “ มึงควรจะโกรธที่มันจับตูดมึงไม่ใช่มาโกรธที่มันมาดูกู”


   “ พี่ ก็ผมเป็นห่วงพี่”


   “ แล้วคิดว่ากูไม่เป็นห่วงมึงหรือไง..........น้องชาย” ผม.......พูดอะไรไปครับ


   “ หึ” อยู่ๆไอ้เทพมันก็หัวเราะออกมา


   “ พี่เป็นห่วงผมด้วยหรอ?” ไอ้พีชะเง้อหน้าจากด้านหลังมาหาผมที่นั่งอยู่เบาะหน้าจนผมต้องดันหัวน้องมันให้กลับไปนั่งที่เดิม เดี๋ยวไอ้เทพมันเบรกขึ้นมาแล้วหน้ามันจะทิ่มไปข้างหน้าเอา เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีก


   “ ห่วงหมา”


   “ ผมยอมเป็นหมาเลยถ้าพี่กรมจะเป็นห่วงผมอะครับ ^^”


   “ ไอ้เด็กน้องผี” ดูมันทำซิครับจะไม่ให้ผมเป็นห่วงมันได้ไง มีน้องชายน่ารักน่าเอ็นดูแต่เกรียนแตกไปหน่อย ก็ถือว่าโอเคครับ เพิ่มสีสันให้ชีวิตน่าเบื่อๆของผม






PS. ห่วงในฐานะน้องชายจ้าาาาา จ้าาาาา จ้าาาาา

ติดตามไรท์ได้ในทวิตและในเฟซนะจ๊ะ

Twitter : @Kidtopendekdee

Facebook : @Kaitodmalewja

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:21:39 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องชายย :hao7: ชอบชื่อจริงแต่ล่ะคนมาก มีแต่ชื่อเพราะๆ อิพี่กรมรู้สึกร้ายลึกมาก กวงและผองเพื่อนก็คือนิสัยเลวทั้งกลุ่มเลย อิน้องผีก็งกได้ทุกตอนจริงๆ5555  มาต่อเร็วๆน้าสนุกมากๆเลยจ้า :กอด1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 6.1

สุมหัวพากัน (?)


Pee’s talk


   ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆหนึ่งทุ่ม ผมใช้เวลาเดินทางจากมหาวิทยาลัยมาบ้านพี่กรมเกือบๆสองชั่วโมงเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แน่นอนว่าการจราจรโคตรติดขัดเลยครับ ขยับได้นิดเดียวก็ต้องหยุดจนไอ้พี่เทพถึงกับหงุดหงิดที่ต้องติดแหงกอยู่บนรถให้เสียเวลาชีวิตเล่นๆ


   “ พ่อพี่ไม่อยู่หรอครับ” ผมเดินแบกกระเป๋าตามพี่กรมเข้ามาในบ้านของพี่มันเป็นครั้งที่สอง ผมสอดส่องสายตามองหาท่านอัศวินคนโปรดปรานของผมทั่วบ้านตั้งแต่มาถึง แต่ก็ไม่พบ


   “ ไปหาเสียงที่โคราช” พี่กรมหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนที่มันจะยื่นให้ผมมาถือเอาไว้ ผมก้มลงมองก่อนจะเห็นว่าเป็นตัวอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมแทบกรี๊ด


   “ หยุด! มึงอย่าโยนลูกกู” จังหวะที่ผมกำลังจะขว้างมันลงพื้นไอ้พี่กรมชี้หน้าผมเอาไว้เพื่อหยุดการกระทำของผม ก็ไอ้พี่กรมอยู่ๆมันก็เอางูเหลือมตัวเท่าควายมาวางไว้ที่มือของผมให้ไอ้งูเหลือมนั่นมันเลื่อยขึ้นมาพันคอ เป็นใครจะไม่ตกใจละครับ งูนะเว้ยไม่ใช่แมวใช่หมา


   “ พี่ก็จับเองดิ” ผมยื่นแขนที่งูมันพันอยู่ให้ไอ้พี่กรม


   “ ไม่ เดี๋ยวมันกัดกู”


   “ เห้ยพี่! ไม่ตลกเลย” หน้าผมเสียทันทีที่ไอ้พี่กรมมันพูดออกมาแบบนั้น พี่แม่งเป็นเจ้าของแต่กลัวมันกัดแล้วผมเป็นใครที่ไหนไม่รู้มันจะไม่กัดผมเอาหรอวะ?


   “ กูล้อเล่นมาทำหน้าจริงจัง มาไอ้หนูมาหาพ่อมาลูก” พี่กรมค่อยๆจับไอ้งูเหลือมด้วยท่าทางทะนุถนอมประหนึ่งว่าตัวของมันเล็กและบอบบางมาก


   “ ทำไมคราวที่แล้วผมไม่เห็นอะพี่” ผมถามออกมาด้วยความแปลกใจเพราะครั้งก่อนที่ผมมาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของไอ้งูยักษ์นี่


   “ มึงเมาอย่างหมามึงจะมาเห็นลูกกูได้ไง เนาะๆเฉลิม” พี่กรมก้มลงจูบที่ตัวของงูพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสองที่ผมเองก็พึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน “ ลองจูบไหม?”


   “ โนจ้ะพี่จ๋าน้องกลัว” ผมขยับออกให้ห่างเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของพี่กรมทันที เผลอๆถ้าอยู่ใกล้กว่านี้มีหวังไอ้เจ้างูเหลือมได้เข้ามาเขมือบหัวผมแน่ๆ


   “ เดี๋ยวมึงไปรอที่ห้องเหมือนเดิม เดี๋ยวมา” พี่กรมเดินคุยกับลูกรักของเขาก่อนที่จะหายไปจากตรงนั้นทำให้ผมเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกระหว่างรอพี่เทพกับพี่กรม เอาจริงๆนะตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าพี่มันให้ผมเอาเสื้อมาทำไมอย่าบอกนะว่าจะพาผมไปเที่ยวไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมยอมเลียพื้นหน้าบ้านพี่กรมเลย


   “ อะไรนะไอ้วิน อีกแล้วหรอมึง” เสียงของพี่เทพดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆก่อนจะเห็นพี่เทพเดินหัวเสียเข้ามาในห้องรับแขก “ กูไม่เอาละนะ กูไม่เอา” ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่เทพมันปฏิเสธอะไร และนั่นเองที่ทำให้ต่อมยากรู้อยากเห็นของผมเริ่มทำงาน ผมเดินเข้าไปเนียนนั่งใกล้พี่เทพพร้อมกับค่อยๆเอาหูไปแนบที่โทรศัพท์ของพี่มันเพื่อฟังว่าเสียงปลายสายคือใคร


   ( ช่วยกูหน่อยเถอะนะเพื่อน ตอนนี้กูต้องรีบใช้เงินจริงๆ) ถ้าผมฟังไม่ผิดเสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงของพี่วินแน่ๆ


   “ แต่กูกับไอ้กรมนัดมึงมาทำงานนะเว้ย” งาน? งานอะไรไม่ใช่จะพาผมไปเที่ยวกันหรอกหรอ


   ( แค่แป๊บเดียวแล้วก็จะทำงาน) พี่คินยังคงต่อรอง


   “ เออๆ อย่าให้มีอีกละกัน”


   ( ขอบคุณครับเพื่อนเทพบุตร)


   “ เนียน”


   “.....” เอ๋ ทำไมผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลยละ หรือว่าต้องใกล้มากกว่านี้อีกสักนิด


   “ เนียน”


   “ .....” ก็ยังไม่ได้ยินหรือว่าผมต้องขยับไปใกล้อีกสักนิดมากกว่าเดิม


เพี๊ยะ!


   “ ยังไม่หยุดนะมึง” ผมสะดุ้งทันทีที่ไอ้พี่เทพตบลงมาบนหัวของผมจนเกิดเสียงดังลั่นบ้าน โอ๊ย!โคตรเจ็บเลยครับ เจ็บไม่เท่าไหร่ แต่คันมากกว่า “ อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง”


   “ อันนี้ชม?”


   “ ด่า”


   “ เฉียบ!” ผมนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยคุยกับพี่เทพไปหลายต่อหลายเรื่องกว่าพี่กรมจะเข้ามา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพี่กรมเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้อยของเขาที่พันอยู่รอบคอ


   “ หวัดดีเฉลิม” พี่เทพยื่นมือไปลูบงูเฉลิมเบาๆด้วยท่าทางเอ็นดู ทำไมกูไม่เอ็นดูเหมือนที่พี่ๆเอ็นดูไอ้เฉลิมนี่วะ ยิ่งเห็นมันเลื่อยขึ้นไปที่คอพี่กรมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขนลุกมากขึ้นเท่านั้น


   “ พาเฉลิมไปกินข้าวมา” พี่กรมนั่งลงข้างๆผม


   “ กินไรอ่ะพี่”


   “ กินไก่ แต่ช่วงนี้ลูกกูอ้วนไปเลยให้กินอกไก่แทน” สายตาที่พี่มันมองงู ทำให้ผมรู้อีกอย่างเลยว่าพี่กรมมันรักของมันจริงๆ “ อดทนก่อนนะเฉลิม ถ้าหนูลดสักสองสามโลพ่อจะพาไปกินข้าวมันไก่โรงแรมมณเฑียร” เลี้ยงดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว งูบ้าอะไรกินข้าวมันไก่ ประหลาดไปหมด ประหลาดทั้งคนทั้งสัตว์เลย


   “ ไอ้วินมันโทรมา บอกว่ามีเรื่องให้ช่วย”


   “ ช่วยไรวะ”


   “ ขายเสื้อ”


   “ อีกแล้ว?” ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่พี่เทพกับพี่กรมพูดมันคือเรื่องอะไร แต่ผมก็พอจะจับใจความได้คร่าวๆว่าพี่วินน่าจะเอาอะไรมาขายแน่ๆ “ มันทำงานเหมือนบ้านมันเป็นหนี้”


   “ กูก็ว่างั้น หาเงินเก่งต้องยกนิ้วให้ไอ้วินเลย” พี่เทพพี่กรมนั่งเมาท์เรื่องของพี่วินได้สักพักเจ้าตัวก็เดินเข้ามาพร้อมแบกถุงขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่บ้าง


   “ ล็อตนี้ล็อตสุดท้ายจากเกาหลี กูต้องลงขายวันนี้เพราะจะไม่มีเวลาแล้ว พวกมึงเลยที่ทำให้กูต้องมาเร่งขาย เอาชื่อกูไปทำอะไรไปทั่ว” พี่วินบ่นออกมาพร้อมกับค่อยๆเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมาวางกองไว้ที่พื้น “ คืนนี้ต้องหมดไม่งั้นกูไม่ทำงาน”


   “ งานอะไรอ่ะพี่” ผมก็ว่าผมจะถามตั้งนานแล้วแต่ผมลืม ดีที่พี่วินพูดขึ้นมาทำให้ผมนึกออกแล้วถามพี่กรมออกไปให้หายสงสัย “ ที่ให้ผมเอาเสื้อผ้าไม่ใช่จะพาไปเที่ยวหรอกหรอ”


   “ ฝันละครับน้องผี ก็คือว่าพวกพี่ใส่ชื่อน้องไปในการแข่งขันดังนั้นน้องต้องมาทำงานกับพี่ครับ” ผมนี่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเลยครับหลังจากที่พี่มันอธิบายลายละเอียดออกมา


   “ เดี๋ยวมึงก็รู้” อันพี่เทพพูดเสริม


   “ แต่ตอนนี้มึงช่วยกูก่อนนะครับ” พี่วินที่กำลังจัดแจงแยกเสื้อผ้าอยู่ลุกขึ้นมาพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของเขา


   “ ขายในไหนอ่ะพี่”


   “ ไลฟ์ในเฟซบุ๊คครับ แฟนเพจ Chawin Korean style ไปกดไลค์นะตอนนี้กำลังมีโปรโมชั่นอยู่” พี่วินมันยื่นหน้าเพจมาให้ผมดูชื่อเพื่อตามไปกดไลค์อย่างที่พี่วินได้บอก


   “ ผมไม่คิดว่าพี่จะไลฟ์ขายนะครับเนี่ย”


   “ ครั้งแรกเลยถ้าไม่เร่งแบบนี้” พี่วินยืนเซ็ตฉากอยู่นาน “ ไอ้กรมบ้านมึงมีไฟไหม แบบที่มันส่องแล้วกูจะหล่ออะ” ผมอยากจะบอกพี่วินไปนะครับว่าพี่มันหล่ออยู่แล้ว หล่อไม่ต่างจากชาอึนอูเลยแหละครับ ผมละเบื่อพวกที่หล่อแต่พูดเหมือนว่าตัวเองไม่หล่อ โคตรจะน่าหมั่นเลย


   “ แค่นี้ก็สว่างจ้าละครับเพื่อนครับ” พี่กรมไม่ได้ไปหาไฟมาให้พี่วินเหมือนที่พี่วินพูด แต่เขากลับไม่สนใจใครเอาแต่เล่นกับเฉลิมลูกรักอยู่บนโซฟา


   “ ไอ้เทพมาขายกับกู ไอ้พีเดี๋ยวมึงคอยจดชื่อนะเวลามีคนมา CF”


   “ CF คืออะไรอ่ะพี่” ในฐานะที่ผมไม่เคยซื้อเสื้อผ้าในไลฟ์เลยไม่ค่อยรู้ศัพท์พวกนี้สักเท่าไหร่


   “ Confirm  ไงไอ้ควาย” เรื่องด่าผมไว้ใจพี่เทพเลยครับ ผมแค่ถามดีๆไอ้พี่นี่ก็ด่าผมจังเลย


   “ นี่กระดาษปากกา มึงมานั่งตรงนี้” พี่วินลากผมมานั่งที่พื้นข้างหลังพี่มันพร้อมกับยื่นกระดาษปากกามาให้ผมเพื่อเตรียมตัวจด ส่วนพี่เทพหยิบลิปสติกขึ้นมาทาที่ริมฝีปากเขาพร้อมกับเม้มปากสองสามที


   “ มองกูทำไม” ดูซิครับแค่ผมมองพี่มันก็ถามซะน้ำเสียงหาเรื่องโคตรๆ


   “ ไม่มองละครับผม” ผมเลิกสนใจไอ้พี่เทพที่แต่งหล่ออยู่ เมื่อพี่วินจัดแจงทุกอย่างเสร็จก็ได้ฤกษ์ไลฟ์สักที ผมนั่งมองพี่วินที่ยืนพูดด้วยท่าทางคล่องเคลวเหมือนว่าเป็นพ่อค้ามืออาชีพมาขายเองก็ไม่ปราน


   “ กูให้เวลาถึงเที่ยงคืน ถ้าไม่เสร็จกูจะปิดไวไฟ” พี่กรมที่ไม่ได้ช่วยอะไรพูดขึ้นท่ามกลางไลฟ์ขายเสื้อผ้าที่ตอนนี้มีลูกค้าทยอยเข้ามาดูเรื่อยๆ ส่วนมากคอมเม้นต์จะเป็นพวกเต๊าะพ่อค้ามากกว่า ประมาณว่าพ่อค้าขายไหมคะ อยากได้พ่อค้าจังค่ะ CF พ่อค้า อะไรประมาณนี้


   “ ผมจะเริ่มที่ตัวแรกเลยนะครับ ตัวนี้เป็นเสื้อคุมสำหรับคุณผู้ชายใส่ไปเที่ยวได้ไปเรียนได้ไม่เสียหายครับ ราคาตัวนี้อยู่ที่ 550 บาท” พี่วินหยิบเสื้อคุมสีเทาขึ้นมาโชว์หน้าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่


   “ ใส่ให้ดูหน่อยค่ะ” ผมที่ปากว่างก็ทำหน้าที่อ่านเม้นต์ให้พี่วิน


   “ ไอ้เทพมาใส่ดิ” พี่เทพที่ยืนเกะกะอยู่ข้างๆพี่วินถึงกับเหวอออกมาเมื่อพี่วินสั่งให้พี่เทพเป็นแบบลองเสื้อที่เขากำลังขาย “ ถอดเสื้อเลยมึง”


   “ ต้องถอดด้วย?”


   “ เออดิ ไม่งั้นไม่สมจริง” พี่วินเร่งให้พี่เทพถอดเสื้อออก ส่วนพี่เทพก็บ้าจี้ตามพี่วินถอดเสื้อออกทำตามที่พี่วินสั่งก่อนจะรับเสื้อมาลองสวม


   “ หัวนมโคตรดำไอ้เทพ” พี่กรมพูดขึ้นมา


   “ ปากดีไอ้กรม ไม่ช่วยก็อย่าพูดมากครับ”


   “ กูปิดไวไฟ” พี่กรมพูดขู่ขึ้นมา นั่นทำให้พี่วินที่เป็นเจ้าของไลฟ์หันมาดุพี่เทพแทนที่จะดุพี่กรมที่เป็นเจ้าของบ้านและที่สำคัญเป็นเจ้าของไวไฟ


   “ ไอ้เทพมึงก็ยืนๆไป เอ๊ะๆ ใครซีเอฟครับ ไอ้พีจดเร็ว” ผมมองชื่อในไลฟ์ที่คอมเม้นต์ซีเอฟเสื้อมา “ ตัวนี้มีห้าตัวนะครับเป็น Over size”


   “ คุณแป๊บไข่เขย่า คุณเก้าวัดดอน คุณจอนวัดราช คุณมาตรวัดโพธิ์ ได้ไปนะครับผม” ผมอ่านรายชื่อที่ตัวเองจด “ พี่กรมมาช่วยหน่อยอ่านไม่ทัน”


   “ น้องที่อ่านชื่อเสียงหล่อจังค่ะ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปในไลฟ์ทันทีเมื่อพี่เทพมันอ่านคอมเม้นต์ก่อนจะยิ้มและโบกมือทักทายลูกค้าของพี่วิน


   “ ชื่อพีครับ โสด” ได้โอกาสโปรโหมดแม่งเลยครับ


    “ เดี๋ยวตัวนี้ถ้าทุกคน CF เยอะผมจะให้น้องมันใส่โชว์ครับ” พี่วินพูดออกมาเมื่อพี่มันเห็นว่าผมเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากกว่าพี่เทพที่เป็นหุ่นในตอนแรก


   “ เดี๋ยวกูจดให้ละกัน” พี่เทพแย่งปากกาและกระดาษในมือของผม  และตอนนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนตำแหน่งที่สำคัญเพราะผมจะเป็นนายแบบออกมาเฉิดฉายในไลฟ์นี้ครับ


   “ ถอดเสื้อมึงออก ละใส่ตัวนี้” ผมที่กำลังจะถอดเสื้อนอกออกเหลือบตาไปเห็นพี่กรมทำมือให้ผมออกไปจากเฟรมของไลฟ์


   “ ออกไปเปลี่ยนข้างนอก กูสงสารคนที่จะต้องเห็นนมมึงนะครับน้องผี” ผมพยักหน้าให้พี่มันก่อนจะถอดเสื้อออกก่อนจะโยนออกไปด้วยท่าที่ผมมั่นใจว่าค่อนข้างเท่ และรับเสื้อจากพี่วินมาใส่ ซึ่งเป็นเสื้อโค้ชผู้ชายสีครีมหนาๆที่จริงแล้วมันไม่ต้องถอดเสื้อด้านในออกก็ได้ แต่พี่มันให้ผมถอด สภาพตอนนี้คือหัวนมผมออกมาสวัสดีทุกคนในไลฟ์


   “ หัวนมสวยจังค่ะ สีชมพูน่ารับประทานมาก” ผมก้มไปอ่านคอมเม้นต์ที่สาวๆเม้นต์มาให้ผม ยิ่งชมผมก็ยิ่งได้ใจครับถอดเสื้อพี่มันแม่งออกเลยทำให้ตอนนี้ผมมีแต่อกเปลือยเปล่าโชว์ให้สาวๆใจสั่นกันเล่นๆ


พรึบ


   “ ไอ้พี! มึงหยุดเลยสัด” เป็นครั้งแรกมั้งครับที่ผมโดนพี่กรมมันด่าแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าพี่มันด่าผมทำไม แค่ผมถอดเสื้อ ไม่สนครับผมจะโชว์ใครจะทำไม “ ไอ้พีถ้ามึงไม่หยุด มึงจะโดน”


   “ พี่จะอะไรอะครับ นมก็นมผม ผมจะโชว์ ดูดิมีคน CF มาเต็มเลย” ผมชี้ไปที่คอมเม้นต์ที่ตอนนี้กำลัง CF มากันอย่างถล่มถลาย


   “ ไอ้วินกูจะปิดไวไฟ” เมื่อพี่กรมมันทำอะไรผมไม่ได้ก็หันเล่นงานพี่วินแทน


   “ เออๆ ไอ้พีไปนั่งจดเหมือนเดิมไป ไอ้เทพมึงกลับมานี่” พี่วินมันดันหลังผมเข้าไปด้านใน ส่วนพี่เทพก็วางมือจากปากกาที่จดและลุกออกมาหาพี่วินอย่างว่าง่าย


   “ ห้ามนู้นห้ามนี่นะพี่” ผมหันไปบ่นไอ้พี่กรมที่นั่งทำหน้าพอใจเมื่อพี่มันเอาชนะผมได้


   “ กูจะอ้วก ไม่อยากเห็นหัวนมมึงครับ”


   “ หรอครับ สีสวยนะพี่” ยิ่งพี่มันพูดออกมาแบบนี้ผมก็ยิ่งหมั่นไส้พี่มัน ทำให้ผมลุกยืนขึ้นเอาหัวนมของตัวเองแอ่นและส่ายไปมาอยู่หน้าพี่กรม


   “ ไอ้น้องผี ถ้าไม่หยุดกูจะให้เฉลิมแดกหัวนมมึง” พี่มันพูดขู่ออกมาทำให้ผมต้องยอมแพ้ไปเก็บเสื้อมาใส่ก่อนจะนั่งทำ
หน้าที่เหมือนเดิมคือการจดชื่อคนที่มา CF จนผมจดและอ่านไม่ไหวเพราะลูกค้าเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่กรมที่นั่งเล่นกับลูกของเขาอยู่เพื่อขอความช่วยเหลือ


   “ พี่ครับ ช่วยผมหน่อยดิพี่”


   “ ช่วยไร”


   “ พี่อ่านชื่อนะ เดี๋ยวผมจะจด ผมมองไม่ทันอะ”





PS.  ฉีกทุกกฎของนิยายวายค่ะ !!!

PS. ขอยาดเกลียดลูกรักของพี่กรมค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:28:16 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวงน้องชาย :hao7: แค่น้องชายทำไมหวงจังเลยอ่ะพี่กรม ตลกน้องผีใส่ใจเก่ง5555 ขนลุกกับลูกพี่กรม แต่ตอนนี้ก็ยังค้างในใจอยู่ว่าใครเป็นเมียน้องผี  :z3: มาต่อเร็วๆนะรออยู่จ้า :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 6.2

สุมหัวพากัน(?)

(เผลอ)

        “ เออๆ ลำบากกูจังนะมึง” พี่กรมเลิกสนใจลูกของเขาและหันกลับมาสนใจในสิ่งที่ผมขอร้องให้พี่มันช่วยแทน ส่วนพี่เทพกับพี่วินก็เป็นฝ่ายขาย พวกเราทำงานอย่างเป็นระบบแบ่งงานกันทำเพื่อความรวดเร็วจนกระทั่งพี่วินขายเสร็จเป็นตัวสุดท้ายของวันนี้ เล่นเอาโคตรเหนื่อยเลยครับ โดยเฉพาะพี่วินที่เสียงของเขาตอนนี้แหบไปเลยหลังจากที่พูดขายอยู่นานหลายชั่วโมง


   “ พี่กรมผมหิว” ผมเดินมาพี่กรมที่ตอนนี้พี่มันเดินเอาลูกชายมานอนในกรมที่ประดับประดาเหมือนว่าเป็นป่าอเมซอนขนาดย่อม


   “ เรื่องของมึงดิน้องผี”


   “ พี่....” ผมจับชายเสื้อของพี่กรมเขย่าไปมาอย่างนั้นเมื่อเห็นว่าพี่กรมไม่ได้มีท่าทีสนใจผมสักนิดเลย ผมเลยกระทืบเท้าเบาๆเพื่อเรียกความสนใจจากพี่กรม


   “ ไม่ได้ดูน่ารักน่าอ้อนเลยมึง” พี่กรมมันส่ายหัวให้กับท่าทางของผม จนผมปล่อยมือออกอย่างยอมแพ้


   “ ตั้งแต่เย็นก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะพี่”


   “ นั่นมันก็เรื่องของมึงอีก”


   “ โคตรใจร้าย ปกติมาบ้านใครเจ้าบ้านที่ดีต้องต้นรับนะครับพี่”


   “ แต่ไม่ใช่บ้านกู” ผมว่าถ้าผมเถียงพี่มันอีกมีหวังตอนนี้ผมก็ไม่ได้กินข้าวแน่ๆ จะโทรสั่งก็ไม่ได้เพราะตอนนี้เกือบๆจะตีหนึ่งแล้ว


   “ งั้นผมขออนุญาตไปหาอะไรกินในห้องครัวนะพี่ ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวจะมาทะเลาะด้วยใหม่” ผมไม่รู้ว่าพี่มันจะอนุญาตหรือเปล่า แต่ด้วยความหิวระดับสิบนี้ทำให้ผมเข้ามาในห้องครัวของพี่กรมที่โคตรกว้างใหญ่ เปิดตูเย็นออกดูก็มีของสดแช่อยู่เต็มไปหมดแต่ไม่มีอะไรที่ผมจะเอาออกมากินได้เร็วๆเลย อย่าบอกว่าผมต้องทำเอง จะได้กินก็เช้าแล้วมั้ง ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้ ทำให้ผมตัดสินใจสำรวจดูว่ามีอะไรง่ายๆที่พอจะให้ผมได้ทำกินบ้าง จนสายตาผมเหลือบเข้าไปเจอกับอกไก่ที่แช่อยู่ในกล่อง งั้นผมทำผัดไก่น้ำมันหอยก็แล้วกันง่ายดี


   ผมเตรียมอกไก่ออกมาหันเป็นชิ้นพอดีคำเพื่อเตรียมผัด ดีที่ว่าในห้องครัวมีข้าวที่หุงไว้เหลืออยู่สำหรับสี่คนพอดี เพราะวันนี้พี่คินไม่ได้มาด้วยทำให้ผมกะประมาณอาหารสำหรับสี่คน


   “ ทำไรวะน้องผี” ผมหันไปมองพี่กรมที่ตอนนี้พี่มันอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนอนลงมา


   “ ไก่ผัดน้ำมันหอยพี่ ผมทำเผื่อพี่ด้วยนะ”


   “ เออ ขอบใจ” พี่กรมเปิดตู้เย็นรินน้ำออกมาดื่มก่อนที่จะลากเก้าอี้มานั่งดูผมทำอาหาร “ มึงทำเป็นด้วยหรอวะน้องผี”


   “ พอได้ครับ ตอนมัธยมทำกินเองบ่อยๆ” ผมตั้งหน้าตั้งตาหั่นไก่และตอบพี่กรมมันไปด้วย


   “ กูนะทำอะไรไม่เป็นเลย สั่งเอาง่ายกว่า”


   “ ก็พี่มีเงินพี่จะสั่งจะซื้ออะไรก็ได้”


   “ พูดอีกก็ถูกอีก คนรวยแถมหล่อมันดีอย่างนี้แหละวะ” ผมไม่หน้าเปิดประเด็นให้พี่มันชมตัวเองเลยครับ “ เออ ว่าแต่แผลหายดีรึยัง”


   “ ก็ดีพี่ ไม่เจ็บอะไรแล้ว” แผลที่พี่มันว่าน่าจะเป็นแผลที่ผมโดนไอ้นักข่าวไร้จรรยาบรรณนั้นต่อยแน่ๆ พอพูดถึงเรื่องนี้พ่อผมโทรมาว่าผมใหญ่เลยครับว่าทำอะไรให้ตัวเองเจ็บ ไม่คิดหน้าคิดหลัง เอาจริงๆผมอยากบอกพ่อไปนะว่าผมคิดแล้ว แต่มันคิดได้แค่นั้นจริงๆ


   “ กูคุยกับพ่อแล้ว” ผมหยุดมือที่กำลังหั่นไก่อยู่ออก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองพี่กรมที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมที่มีโต๊ะขั้นกลางเอาไว้อยู่


   “ .....” ผมเงียบเพื่อรอฟังพี่กรมพูด


   “ กูพูดกับพ่อตรงๆว่าไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเงาของพ่ออีก แค่กูคนเดียวกูโอเคเพราะกูชิน แต่กลับมึงหรือเพื่อนกูคนอื่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้ กูก็เลยไม่อยากเอาพวกมึงมาเสี่ยง ที่มึงโดนต่อยกูก็โคตรรู้สึกผิดกับมึงเลย กูไม่สามารถปกป้องอะไรมึงได้”


   “ แต่ผมปกป้องพี่ได้นะเว้ย อย่าคิดมากดิ ผมยังไม่คิดมากเลย” ผมพยายามพูดติดตลกออกมาเพื่อให้พี่กรมมันเลิกคิดมาก


   “ ปกป้องกู? แต่มึงเจ็บตัวทีหลังก็อย่าเลยวะ มันไม่คุ้ม” ผมสังเกตได้ว่าน้ำเสียงของพี่มันค่อนข้างที่จะจริงจัง


   “ พี่ก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่งนะเว้ย”


   “ มึงก็เหมือนน้องกู ไม่มีพี่คนไหนที่อยากจะเห็นน้องเจ็บเพราะตัวเองเป็นสาเหตุไหมวะ” แล้วทำไมทั้งผมทั้งพี่กรมมันต้องมาเน้นว่าเป็นพี่เป็นน้องกันด้วยวะ??? มันเหมือนว่าเราสองคนไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่! ไอ้พีมึงคิดเหี้ยอะไรของมึง โมโหตัวเองครับ


   “ พี่...” ผมเลื่อนมือไปกุมมือพี่กรมที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายอะไรบางอย่าง หลังจากที่ผมทะเลาะกับความคิดของตัวเอง “ ผมโอเคจริงๆ”


   “ ไอ้พี....” ทั้งผมและพี่กรมตอนนี้เราสองคนมองสบตากันและกันเป็นเวลาเนินนาน รู้ตัวอีกทีหน้าของผมก็ขยับเข้ามาใกล้หน้าของพี่กรมเรื่อยๆแม้ว่าจะมีโต๊ะคั้นกลางระหว่างเราก็ตาม...


   “ ไอ้พี...”


   “ ครับ...”


   “ มึงว่าตอนนี้มันแปลกๆไหม” พี่กรมถามขึ้นขณะที่จมูกของเราทั้งคู่เกือบจะชนกัน และนั่นทำให้ผมได้สติกลับคืนมา


   “ เอ่อ... ผมก็ว่าแปลกพี่” ผมปล่อยมือไอ้พี่กรมออกพร้อมกับเอาหน้าที่ยื่นไปหาพี่กรมในตอนแรกกลับมาที่เดิม นี่กูจะไปจูบพี่มันหรอวะ? ไอ้ห่าเอ้ย ผมสะบัดหัวตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติ


   “ กูว่าของกูขาดช่วงนี้ ถ้าเผลอพูดอะไรทำอะไรแปลกๆก็อย่าถือสา” ไอ้พี่กรมยกมือขึ้นมาเกาคอตัวเองแปลกๆ ผมเองก็แปลกเหมือนกันครับกับไอ้เหตุการณ์เมื่อสักครู่


   “ วันหลังเราไปหาที่ระบายกันพี่”


   “ ระบายอะไรของมึง” น้ำเสียงของพี่มันบ่งบอกว่าเริ่มงุดหงิดเมื่อผมชักชวนพี่มันไปหาที่ระบาย


   “ ระบายความใคร่ ผมได้ยินเพื่อนคุยกันว่าที่รัชดามีอยู่” ผมเคยได้ยินไอ้บิวมันโม้ว่าตอนที่มันเรียนอยู่มัธยมมันไปบ่อย ไปเปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่นั้นมันบอกว่าฟินสุดยอดถ้าอยากได้สวยๆเด็ดๆต้องกระเป๋าหนักหน่อย ผมว่าระดับกระเป๋าแห้งผมไปแถวสนามหลวงดีกว่าน่าจะไม่เกินพัน


   “ มึงยังไม่ยี่สิบนะครับน้องผี” พี่กรมเท้าคางมองหน้าผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ภาพนั้นพี่มันแม่งหล่อฉิบหายเลยครับ ทำไงดีผมไม่สามารถที่จะสบตาพี่มันได้นานกว่านี้เดี๋ยวจะเผลอไปรั้งคอพี่มันเข้ามาจูบจริงๆ ทำหน้าอ้อนกูดีนักนะคุณพรี่กรมรินทร์ของนุ้ง


   “ แต่หน้าผมเกินไปแล้ว”


   “ เออ กูไม่เถียง”


   “ พี่!”


   “ เอ้า หงุดหงิดใส่กูเฉย มึงพูดเองนะน้อง” ก็ที่ผมพูดก็อยากจะให้พี่มันแก้ให้ครับว่า เออ ผมยังหน้าเด็กหน้าละอ่อนอยู่ แต่พี่มันแม่งตอบรับกูเฉยไม่เล่นมุขกับกูเลย อุตส่าห์ชงสวยๆไปให้แท้ๆ ไอ้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่หงุดหงิดอยู่นี่เป็นเพราะอะไร


   ผมเลิกสนใจพี่กรมหลังจากที่หั่นเนื้อไก่เสร็จ ตอนนี้เตรียมผัด ถ้าผัดเสร็จก็พร้อมกับประทาน


   “ พี่กรมครับ ตักข้าวใส่จานให้ผมหน่อย ผมจะราดข้าวเลย”


   “ ครับ น้อง” ครั้งนี้พี่มันว่าง่ายไม่ต่อปากต่อคำอะไรให้มากกว่าความ ก็ดีเหมือนกันเพราะผมเองก็เมื่อยปากแล้ว มาอยู่กับพวกพี่ น้ำลายผมไม่มีทางเหม็นบูดเลยครับ


   “ หอมว่ะ” มันจะมีบุคคลประเภทที่ว่าตอนทำงานไม่โผล่หัวมา แต่พอทำงานเสร็จกลับโผล่หัวมาอย่างน่าประหลาด ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ พี่เทพกับพี่วินเดินตัวหอมเพราะไปอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนผมที่หิวเกินก็มุ่งมาที่ห้องครัวมากกว่าจะมุ่งไปห้องน้ำเหมือนพวกพี่ๆ ทั้งพี่เทพและพี่วินเดินเข้ามาในครัวก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆพี่กรม


   “ จานละสองร้อย” ผมตักไก่ราดบนข้าวพร้อมเสิร์ฟ แต่อยู่ๆผมก็มีความคิดอะไรบางอย่างออกมาทำให้ผมเล่นแง่ไม่ยอมให้ข้าวพวกพี่เขา


   “ ของก็ของบ้านกูนะไอ้ผี” เหมือนสีหน้าพี่กรมจะเริ่มหงุดหงิด สงสัยจะหิวจริง


   “ ของพี่กรมจ่ายผมมาห้าสิบพอ ส่วนพี่สองคนคนละสองร้อย ไม่งั้นห้ามกิน” ผมเท้าเอวมองหน้าพี่เทพกับพี่วินเพื่อกดดัน


   “ เออ ที่ยอมก็เพราะกูหิวหรอกนะ” พี่วินยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ ใส่พร้อมเพย์เลขมึงมา” ผมรับโทรศัพท์ของพี่วินขึ้นมาก่อนจะกดตัวเลขลงไปทีละตัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาจะไหล เงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง


   “ พี่เทพอย่าลีลาพี่” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่วินหลังจากที่ใส่จำนวนเงินค่าอาหารเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับกระดิกนิ้วไปตรงหน้าพี่มัน


   “ มึงจำไว้นะพี มึงเล่นแบบนี้เอง” ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ไม่เป็นไรผมมีแบค ผมไม่กลัวหรอก พี่เทพยื่นโทรศัพท์มาให้ผมเช่นเดียวกับพี่วิน


   “ ท่านให้อร่อยครับ” ผมเลื่อนจานข้าวไปตรงหน้าพี่ทั้งสาม ทันทีที่ข้าวมาอยู่ตรงหน้าทั้งสามคนไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ ต่างก้มหน้าก้มตากินจนหมดด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็กินเสร็จไล่ๆกับพี่ทั้งสามคน


   “ อร่อยไหมพี่กรม”


   “ ดีกว่ากินเยี่ยวแมว” ผมก้มหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากให้พี่กรมหลังจากที่พี่มันกินเสร็จ “ เช็ดปากกูทำไม?”


   “ บริการหลังการขายครับ มาๆพี่เทพพี่วิน” ผมกำลังจะเอื้อมมือไปเช็ดปากให้พี่ๆทั้งสองคนที่เหลือ แต่พี่ที่เหลือนั้นดันเอาหน้าหนีทำให้ผมเช็ดได้เพียงแค่พี่กรม


   “ ร้านไหนของมึงมีบริการเช็ดปากวะ” ไอ้พี่เทพถามขึ้นอย่างสงสัย ก่อนที่พี่มันจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากตัวเอง


   “ ร้านปฐพีครับพี่ ต้องบริการให้คุ้มเงินที่พี่จ่าย” ผมยิ้มหน้าบานให้พวกพี่มัน “ ว่าแต่รสชาติเป็นไงครับผม” ต้องมีการประเมินผลกันหน่อยว่าฝีมือของผมมันอยู่ในระดับไหน ถ้าอร่อยผมจะลาออกแล้วไปเปิดร้านแข่งกับร้านป้าที่โรงอาหารมหาวิทยาลัย          

                  
   “ รสชาติไม่แย่ แต่คนทำกูไม่ชอบ ก็ถือว่าไม่อร่อย” แบบนี้ก็ได้ครับพี่เทพครับ เชื่อแล้วว่าแค้นผมจริงที่ผมหลอกเอาเงินพี่มันมาได้ ไม่ซิ จะเรียกว่าหลอกไม่ได้เพราะผมทำมาหากินของผมอย่างสุจริต ถึงจะเบียดเบียนคนอื่นก็เถอะ ผมจะทำเป็นไม่เห็น


   “ ไปทำงาน เอาจานแช่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวแม่บ้านมาล้างตอนเช้า” พี่กรมเป็นฝ่ายลุกขึ้นคนแรก เอาจริงผมอิ่มแล้วผมโคตรง่วงเลย ไม่มีอารมณ์อยากจะทำอะไรทั้งนั้นแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป เดี๋ยวโดนด่าอีก ทำให้ผมเดินตามหลังพี่มันไปเงียบๆ







PS. ขอยาดเกลียดคำว่าพี่น้องของคู่นี้ค่ะ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว!!!!!!

PS. ตอนหน้าเตรียมเจอกับความปั่นป่วนของน้องค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:37:41 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มีการหยุดดึงสตินะ

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สรุปว่างานก็ยังไม่ได้ทำสักที55555 ชอบตอนพี่ชายขิงว่าคนรวยแถมหล่อ จ้าพ่อคนหล่อ อิน้องชายก็ชมเก่ง หาเงินเก่งด้วย หาเงินโดยสุจริตแต่เบียดเบียนผู้อื่นชอบ
 ชอบประโยคนี้มาก5555 ขออนุญาตเรียกพี่กรมว่าพี่ชาย น้องผีว่าน้องชาย พี่น้องเสินเจิ้น5555 สนุกมากๆ รออ่านความปั่นป่วนของน้อง มาต่อเร็วๆนะคุณไก่ทอด เราเป็นกลจให้ :กอด1:

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 6.3

สุมหัวพากัน (?)
ทำงาน



พี่กรมนำพวกเราเดินมาที่ห้องชั้นสองของบ้านที่มีลักษณะคล้ายๆห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่างแต่พื้นที่เล็กกว่าเล็กน้อย ในห้องตกแต่งเป็นแนวมินิมอลไม่มีของตกแต่งอะไรมากเน้นเรียบๆแต่สวยและดูแพง ผมเดินเข้ามานั่งที่พื้น ที่ผมเลือกพื้นก็เพราะว่าถ้าผมจะวาปผมก็จะวาปหายไปเลย


   “ จะอธิบายให้ฟังนะ คือเราต้องแข่งคิดนโยบายเพื่อใช้หาเสียง บทบาทสมมติคือนักการเมือง สิ่งที่กูลิสมาคือปัญหาที่มันเกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ๆในสังคม” พี่กรมยื่นกระดาษมาตรงหน้าผม


   “ ผมคิดไม่เป็นนะพี่ ผมไม่ได้เรียนมา” อันนี้ยอมรับเลยว่าผมไม่รู้เรื่อง ก็เพราะกูพึ่งปีหนึ่งไงครับยังไม่ได้เรียนตัวคณะตัวเนื้อหาอะไรเลย ได้เรียนแต่ตัวพื้นฐานสำหรับเด็กปีหนึ่งอยู่ ส่วนพวกพี่เขาน่าจะผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว ผมช่วยได้นะช่วยนั่งดูอะถนัดเลย


   “ การคิดนโยบายหลักง่ายๆก็มีไม่กี่อย่างอยู่ที่ว่าเราจะเล่นประเด็นอะไร เช่น ใช้ปัญหาที่มีอยู่มาทำเป็นนโยบายเพื่อแก้ไข ใช้นโยบายเก่ามาปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดศักยภาพขึ้นมาใหม่ หรือมึงจะเลือกเอาสิ่งที่ถนัดมาเสริมสร้างช่องว่างก็ได้ มันมีแค่ไม่กี่กระบวนการหรอก” ผมนั่งฟังในสิ่งที่พี่กรมพูดอย่างตั้งใจ ส่วนพี่วินกับพี่เทพที่รู้เรื่องอยู่แล้วทำในส่วนหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหาประเด็นที่สนใจ ทำให้ตอนนี้ผมมานั่งขุกอยู่กับพี่กรม


        “ พอจะเก็ทแต่แกล้งไม่เก็ทเพราะไม่อยากทำงาน”


เพี๊ยะ!


   “ ไม่เก็ทบ้านมึงดิ” ผมโดนตบหัวครับ แรงด้วยครับ เจ็บครับ จบข่าว!!


   “ พี่ พี่มีกรอบไหม ขอบเขตอะ”


   “ เป็นคำถามที่ดีตั้งแต่กูรู้จักมึงมา”


   “ พี่ก็พูดเกินไป” ผมนี่มองบนเลยครับ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนด่าทางอ้อมอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนว่าที่ผ่านมาผมเอาแต่พูดไร้สาระ คงไม่จริงมั้งผมว่าผมมีสาระอยู่ในระดับหนึ่งถึงว่าระดับมันจะแอบต่ำไปนิดไปหน่อยก็ตาม


   “ ขอบเขตคือความสมจริง อยากได้ที่มันสามารถเอาไปเป็นนโยบายที่ใช้ได้จริง” เจ้ากรมเองก็เคยเห็นพ่อของเขาทำและหาข้อมูลในช่วงที่พ่อของเขายังไม่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคจึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อ การที่จะคิดนโยบายหนึ่งขึ้นมาได้มันต้องสะท้อนหลายๆมิติ ไม่ใช่ว่าจะสะท้อนแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือตั้งเอามันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นนโยบายอาจจะกลายเป็นแค่การขายฝันก็ได้ เรื่องนี้หลายพรรครู้ดี และที่สำคัญทีมเวิร์คก็เป็นหน่วยสนับสนุนที่ดีของการวางแผน “ รู้จักวงจรของนโยบายไหม?”


   “ ไม่ครับ” คือผมจะรู้ได้ไงวะก็ในเมื่อผมยังไม่ได้เรียน


   “ คร่าวๆนะถ้าเราเลือกจากปัญหามันต้องหาทางแก้ไข มีทั้งหมดห้าขั้นตอนคือ การรับรู้ปัญหา ข้อเสนอในการแก้ไขปัญหา ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา การนำวิธีแก้ไขปัญหาไปปฏิบัติ และสุดท้ายคือการติดตามผลลัพธ์ มันต้องวัดผลได้” ผมไม่อยากจะคิดถึงขั้นตอนที่เหลือเลยครับว่ามันจะมาพร้อมทฤษฎีอีกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมจะคิดว่าเป็นการเตรียมตัวก่อนเพื่อนคนอื่นก็แล้วกันนะครับ “ เข้าใจไหม?”


   “ อ่า พอจะจับจุดได้อยู่พี่”


   “ เกมนี้กูจะไม่แพ้” แววตาที่มุ่งมั่นของพี่กรมมันทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นเวลาที่คนรอบข้างตั้งใจทำอะไรสักอย่าง นั้นเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะเป็นแบบพวกเขาบ้าง ถึงผมจะดูเกรียนดูกวนในสายตาของใครหลายๆคน แต่ถ้าผมได้ลงมือแล้ว ไม่มีทางที่คนอย่างผมจะทำไม่ได้


หมับ


   “ เราจะสู้ไปด้วยกันนะครับ” ด้วยความฮึกเหิมเมื่อสักครู่ที่ผมได้รับการส่งมอบมาจากพี่กรม นั่นทำให้ผมถือวิสาสะเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือพี่กรมมากุมเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาที่มุ่งมั่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


   “ ครับผม ^^” เป็นโชคดีที่ผมไม่โดนพี่มันตบหัวผมอีก เพราะครั้งนี้ไอ้พี่กรมมันส่งยิ้มมาให้ผมแทน รอดไปนะกะหม่อมน้อยๆของพ่อ


   “ โทษนะครับ ผมจะอ้วก!” และเสียงของพี่เทพดังขึ้นทำให้ผมเลื่อนมือออกจากมือของพี่กรมทันที ขออนุญาตเกาหัวแก้เก้อไปก็แล้วกันครับ


   เวลานี้ผมพยายามถ่างตาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมรู้สึกง่วงที่สุดในชีวิตแต่พี่ๆทั้งสามยังคงนั่งหาข้อมูลด้วยท่าทางชิวๆราวกับว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาตีสามที่เกือบๆจะตีสี่


   “ ไอ้กรม กูสนใจเรื่องนี้วะสาธารณะสุขโคตรน่าเล่น” พี่เทพยื่นไอแพดให้พี่กรมที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างอยู่ พี่กรมรับมาเลื่อนดูก่อนจะคืนให้พี่เทพไป พร้อมกับคำพูดนิ่งๆ


   “ กูว่ามันยังธรรมดา ไปหามาใหม่”


   “ ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักนะ กูตบหัวไปละ” พี่เทพบ่นออกมาแต่เขาก็กลับมานั่งหาข้อมูลต่อ


   “ ไอ้กรมประเด็นค้ามนุษย์ที่ภาคเหนือ” คราวนี้เป็นพี่วินที่เสนอหัวข้อมาให้พี่กรมพิจารณาอีกครั้งหลังจากที่พี่เทพพึ่งโดนตีกลับ


   “ มันเป็นเรื่องของตำรวจ อีกอย่างมันเฉพาะกลุ่มเกินไป ยังทำนโยบายไม่ได้” เอาจริงๆนะ ที่พี่กรมบอกว่าพ่อบังคับให้เรียนด้านนี้ จริงๆแล้วผมว่าท่านอัศวินน่าจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวพี่กรมแน่ๆท่านถึงบังคับให้พี่กรมมาเรียน ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกครับที่ไม่อยากเห็นลูกไม่มีความสุข แต่เท่าที่ผมดูผมยังไม่เห็นว่าพี่กรมจะดูทุกข์ขนาดที่ต่อต้าน แสดงว่าพี่มันก็น่าจะชอบอยู่บ้าง


   “ ครับ เดี๋ยวไปหาใหม่ครับ” ผมรีบหลบตาพี่กรมทันทีที่พี่มันมองมาทางผม ที่หลบนี่ไม่ได้กลัวนะแต่กูยังหาข้อมูลไม่ได้สักเรื่องเลย ต่างจากพี่เทพกับพี่วินที่หาและโดนตีกลับอยู่หลายต่อหลายครั้ง


   “ ไม่ต้องมาหลบ ได้สักเรื่องหรือยัง” ผมรีบกดปิดพันทิปทันทีเลยครับเพราะพี่กรมละมือออกจากหนังสือก่อนที่พี่มันจะต้องมาหาผมที่นั่งอ่านพันทิปแกะลอยตัวย่อที่เขาทิ้งไว้ในกระทู้


   “ กำลังพี่”


   “ ไหนมาดู” พี่กรมแย่งไอแพดที่พี่มันให้ผมยืมหาข้อมูลไปดู “ ไอ้พี กูอยากจะบ้าตาย มึงยังมีเวลามานั่งอ่านกระทู้ไร้สาระนะ”


   “ กระทู้ไรวะ” คำพูดของพี่กรมทำให้พี่ทั้งสองพุ่งความสนใจมาที่ผม


   “ พระเอกแถวหน้าอักษรย่อ ก. แอบสุ่มพาแฟนสาวนอกวงการไปฝากท้องแถวๆชานเมือง? ไอ้พี เอาจริงดิ มึงยังไม่เริ่มเลยนะ”


   “ แฮะ” ผมส่งยิ้มแห้งให้พี่กรมไป “ ผมง่วงอะ มันต้องหาอะไรตื่นเต้นมาอ่าน ไม่งั้นจะหลับ”


   “ มาหาที่ตีนกูมา” ไอ้พี่เทพเสริมขึ้นส่วนพี่วินก็ได้แต่ส่ายหัวให้ผมก่อนที่พี่มันจะก้มหน้ากลับไปหาข้อมูลของตัวเองต่อ


   “ กูให้เวลามึงมาเสนอเรื่องกับกูก่อนเช้า เดี๋ยวกูจะไปห้องหนังสือข้างๆ เสร็จแล้วก็ลุกไปหากู” พี่กรมโยนไอ้แพดลงบนตักของผม ส่วนพี่มันก็เดินออกไปจากห้อง ผมค่อยขยับตัวไปนั่งใกล้ๆพี่เทพก่อนที่สะกิดขาพี่มันเพื่อเรียกร้องความสนใจ


   “ พี่เทพบุตร ช่วยน้องหน่อย”


   “ ไม่! สองร้อยกู” พี่เทพพูดด้วยแววตาเครียดแค้นยังคงฝังใจกับเงินสองร้อยบาทที่ผมได้มาจากการทำอาหาร


   “ พี่เทพค้าบบบ”


   “ ออกไป เดี๋ยวกูเตะคว่ำ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่วิน แต่ผมได้รับความว่างเปล่ากลับมาเมื่อพี่วินไม่แม้แต่จะสนใจผมเลยสักนิด


   ผมลองตั้งใจหาข้อมูลจริงๆจังสักครั้ง ก่อนจะเปิดไปที่กระทู้ข่าวที่น่าสนใจอยู่ในตอนนี้ ทำให้ผมรีบลุกขึ้นไปหาพี่กรมที่พี่มันบอกว่าให้ผมเอาเรื่องไปเสนอที่ห้องหนังสือข้างๆ


   ผมเดินมาที่ห้องหนังสือตามที่พี่กรมบอก ห้องหนังสือใหญ่พอๆกับร้านหนังสือในห้างเลยครับ หนังสือส่วนมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับความรู้ทางการเมืองมากกว่า จะมีอ่านเล่นบ้างแต่แทบจะนับเล่มได้ ผมมองหาพี่กรมว่าตอนนี้พี่มันอยู่ตรงไหน ก่อนที่ผมจะเห็นว่าพี่กรมนั่งย่อตัวหาหนังสืออะไรบางอย่าง ทำให้ผมตรงเข้าไปหาพี่กรมทันที


   “ ได้ละหรอ” พี่กรมลุกขึ้นยืนหลังจากที่พี่มันรู้สึกตัวว่าผมเดินเข้าไปหา “ ไหนมาเล่าให้ฟัง” พี่กรมเดินมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมเดินมานั่งตรงข้ามพี่มันก่อนจะเริ่มเล่าลายละเอียด


   “ ผมสนใจด้านการศึกษาถึงแม้ว่ามันจะดูเฉยนะ แต่ที่ผมอยากให้เล่นคือเด็กบ้านนอกจริงๆ แก้ไขปัญหาครูอะที่สนใจแต่ทำผลงานมากกว่าสนใจเด็ก ยิ่งเด็กแถวๆโรงเรียนบ้านนอกนะ พี่ลองคิดดูดิว่าครูที่ซีสูงๆสอบเลื่อนเงินเดือนได้ ส่วนมากจบอย่างต่ำก็ปริญญาโทอะ แต่ผลการศึกษาของเด็กวัดจากคะแนนสอบส่วนกลางได้เฉลี่ยน้อยมากเลยนะพี่ แล้วไอ้งบที่ได้ก็กระจุกตัวอยู่ที่บำรุงสถานที่ทั้งนั้น และที่น่าสนใจที่สุดก็คืองบการศึกษาได้มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศผมอยากจะรู้ว่ามันไปกระจุกตัวอยู่ตรงไหน” พี่กรมพยักหน้าให้กับสิ่งที่ผมเล่าให้พี่มันฟัง


   “ รู้ไหมว่าการจัดงบประมาณมันเป็นอย่างไง”


   “ ไม่ครับ”


   “ ปีงบประมาณมันอยู่ที่ เดือน ตุลาคมถึงกันยายนของปีถัดไป แต่สำนักงบจะเริ่มจัดงบปีต่อไปล่วงหน้าเกือบๆสิบเดือดดังนั้น กระทรวงกรมต่างๆต้องส่งเรื่องที่จะเบิกงบโดยอ้างจากปีฐานที่พวกเขามีแต่อาจจะบวกลบตามความเหมาะสม แต่เอาเข้าจริงไม่มีลดมีแต่เพิ่ม ส่วนการพิจารณาจะมาจากการพิจารณาจากสส.ขั้นสุดท้ายจะเป็นสว.แต่อย่างในปีนี้คนที่ตัดสินและพิจารณาสูงสุดก็คือสนช.ที่ทำหน้าที่แทนสส.สว. ก่อนจะส่งไปลงพระปรมาภิไธยเพื่ออนุมัติงบ อันนี้กูพูดคร่าวๆนะ แต่ถ้ามองในมุมของกระทรวงการศึกษากูก็ไม่รู้ว่าเขากระจายงบไปที่ส่วนไหนเป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่เห็นก็น่าจะเป็นการให้เงินอุดหนุนมากกว่า” ผมตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่กรมอธิบายออกมา การที่พี่กรมตั้งใจอธิบายให้ผมฟังอย่างตั้งใจนั่นทำให้ผมคิดตามในสิ่งที่พี่กรมพูด “ เข้าใจไหม ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้”


   “ ผมพอจะจับจุดได้ ถ้าสมมติเราเล่นเรื่องการศึกษานอกจากนโยบายก่อนหน้านี้ของรัฐบาลที่ผ่านมาพวกเรียนฟรี เราจะทำอะไรได้อีกอ่ะพี่ ผมอยากได้อะไรแปลกๆ”


   “ น่าสนใจ” พี่กรมหยิบText book เล่มหนึ่งออกมา “ รู้จัก Comparative Administration ไหม?” ผมนั่งคิดคำแปลคำศัพท์ที่พี่กรมพูดออกมา


   “ การบริหารรัฐกิจเปรียบเทียบ?”


   “ ใช่ครับ เอาไปอ่านดูไหมมัน Case study หลายประเทศเลยเพื่อมีไอเดียมาเสนออีก” ผมก้มลงมา textbook เล่มหนา ไอ้ผมก็อยากอ่านนะแต่แม่งดันเป็นภาษาอังกฤษไงครับถ้าผมเริ่มอ่านตอนนี้จบอีกทีสามเดือนข้างหน้าแน่นอน


   “ ไม่เอาอ่ะ ผมไปหาข้อมูลต่อดีกว่า” ผมกำลังจะลุกเพื่อกลับไปหาข้อมูลกับพวกพี่เทพพี่วินต่อแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกไอ้พี่กรมก็รั้งผมเอาไว้ก่อน


   “ อยู่เป็นเพื่อนก่อนดิน้องผี” ผมก็ได้แต่นั่งลงที่เดิมตามที่พี่กรมมันบอก ผมหาข้อมูลในส่วนของผมต่อไปส่วนพี่กรมก็นั่งอ่านเท็คในมืออย่างตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าตัวเองหาได้เยอะแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็หลับไปแล้ว พระอินทร์จ๋าน้องพีกำลังจะไปหารอก่อน พระอาทิตย์อย่าพึ่งขึ้นนะ เดี๋ยวตอนเหาะขึ้นไปน้องพีจะร้อน....


ตุบ


   เจ้ากรมที่นั่งมองเด็กที่นั่งสัพงกอยู่สักพักเอนซ้ายทีขวาทีตามจังหวะโยก ตาทั้งสองข้างหลับแต่มือยังคงเขี่ยไอแพดอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเป็นฝ่ายดึงไอแพดออกจากมือของพี เมื่อเห็นว่าหัวของพีกำลังจะล้มลงกระแทกกับโต๊ะเจ้ากรมจึงยื่นมือออกไปรองหัวของพีเอาไว้ได้ทัน ทำให้หัวไม่เขกโดนลงโต๊ะแต่อยู่บนหน้ามือของเจ้ากรมแทน


   “ ฝันดี” เจ้ากรมปล่อยให้พีนอนโดยใช้มือของเขาหนุนแทนหมอนส่วนเขาตั้งใจว่าจะอ่านอีกสักพัก และรู้ตัวอีกทีเขาก็หลับไปพร้อมกับคนข้างๆอย่างไม่รู้ตัว













PS. ตอนนี้จะจริงจังหน่อยนะทุกคนนนนนนนนน น้องไม่ค่อยกล้าเกรียนเท่าไหร่

PS. รออ่านคอมเม้นต์ เม้นต์ให้คุณไก่ทีค่ะ อยากอ่านฟีดแบคเหลือเกินน ฮื่ออออออออออ

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 11:53:18 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้เลย แอบสงสัยว่านโยบายที่ภาครัฐออกถึงแบบไปออกเกี่ยวกับกรมตำรวจไม่ได้อ่ะคะ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้เลย แอบสงสัยว่านโยบายที่ภาครัฐออกถึงแบบไปออกเกี่ยวกับกรมตำรวจไม่ได้อ่ะคะ

ก็คือว่า ตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาตินะคะ ทีนี้คืออยู่ภายใต้สังกัดนายกรัฐมนตรีเลย ต้องดูว่าขอบเขตของหน้าที่ตำรวจมีอะไรบาง ในอย่างที่ยกตัวอย่างมาคือเรื่องการค้ามนุษย์ซึ่งมันเรื่องเกี่ยวกับคดีความมากกว่า ทำนโยบายได้ค่ะแต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ๆและคนทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาหรือว่าช่วยส่งเสริมคนทั้งประเทศนะ มันต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนเลยค่ะ เข้าใจไหมเอ่ยย ถามได้อีกนะ ยินดีตอบจ้าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด